OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54  (อ่าน 2191247 ครั้ง)

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
ยังคงความสนุก  o13

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ ishiya

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


Improbable 41 : บันทึกเหตุการณ์ ฉบับที่สอง

บันทึกเหตุการณ์ฉบับที่2-4/25XX
วันที่    18 มกราคม 25XX
เรื่อง การก่อจลาจลเพื่อหลบหนีของนักโทษ แดนสิบสอง เรือนจำXX จังหวัดXX
เรียน  (ข้อมูลปกปิด)
สำเนาถึง   (ข้อมูลปกปิด) อธิบดีกรมราชทัณฑ์


   เวลา 07.00 นาฬิกา  นักโทษที่รวมกลุ่มกันอยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างแดนสิบสองและแดนพิเศษมีประมาณมากขึ้น และพยายามจะฝ่าการป้องกันของเจ้าหน้าที่เพื่อไปยังแดนพิเศษ ซึ่งมีนักโทษในคดีสำคัญต่างๆอยู่ สืบทราบว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันนั้นถูกควบคุมตัวไว้ที่โรงอาหารของเรือนจำ

        สถานที่ เขตแดนสิบสองไปยังแดนพิเศษ เขตควบคุมพิเศษ

       ระดับความรุนแรง : ยังอยู่ในระดับ 3

        จำนวนนักโทษ : ประมาณสองร้อยคน

        * หมายเหตุ  : ยังไม่พบนักโทษที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มนักโทษที่กำลังก่อจลาจล เบื้องต้นได้เรียกรายชื่อของนักโทษที่มีอิทธิพลของแต่ละแดนถูกนำขึ้นไปตรวจสอบ เพื่อหาตัวการต่อไป


...........................


               ร่างของนักโทษนับร้อยที่ยืนเกาะกลุ่ม โห่ร้องตะโกนแสดงความไม่พอใจและบอกกล่าวถึงเจตจำนงค์ของตนเองท่ามกลางแสงแดดจ้าของยามเช้าสะท้อนอยู่ในดวงตาของคนมอง ร่างนั้นยืนกอดอกนิ่ง จ้องมองกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างครุ่นคิด  ฝ่ามือกำแน่นวางแนบข้างลำตัว เขายืนอยู่ในมุมหนึ่งในบริเวณใต้อาคาร ไม่ใช่เพราะอยากจะหลบแสงแดดที่ร้อนระอุหรือไม่อยากเข้าใกล้ฝูงชน ทว่าเขากำลังระแวดระวัง หลบหลีกให้พ้นจากสายตาของบรรดาผู้คุมรวมทั้งลำกล้องติดอาวุธปืนของหน่วยแม่นปืนที่ประจำอยู่บริเวณหอสังเกตการณ์เหนือกำแพงหนาที่ล้อมด้วยลวดหนาม


             ชีวิตเขาจากนี้ยังมีอยู่..ใครจะยอมตกเป็นเหยื่อ


               "เมื่อไหร่จะเสร็จ?" คำถามสั้นๆ ห้วนๆจากคนที่มันแอบอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ความหงุดหงิดพุ่งปรี๊ด นอกจากเขาจะยังเครียดขึงกับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว กันย์ยังหงุดหงิด..จะไม่ให้หงุดหงิดยังไงไหว ในเมื่อไอ้คนที่เซ้าซี้ถามมันเป็นคนที่เขาเกลียดมากที่สุด


               "มึงถามแบบนี้มากี่รอบแล้ว ไม่รำคาญตัวเองบ้างรึไง" กันย์เอ่ยปากยอกย้อนออกไปห้วนๆ "งานแบบนี้มันต้องรอเวลา จะเร่งให้เสียเรื่องไปทำไม ไอ้คมมันยืนปลุกระดมคนอยู่ตรงนั้น ไม่เห็นมันจะใจร้อน"


               "เลือกได้กูก็ไม่อยากถามมึงหรอก ห่า" วิทย์คำรามสวนไปอย่างหงุดหงิด  เขาจ้องมองภาพเบื้องหน้าพลางทุบเสาเบาๆด้วยความขัดใจ เลือกได้เขาก็ไม่อยากจะมาถามไอ้กันย์ให้เสียอารมณ์หรอก รู้ดีเสียด้วยว่ามันยังไม่ถึงเวลา แต่ตอนนี้จิตใจมันช่างร้อนรน พะว้าพะวงนึกไปถึงคนที่เขาฝากฝังให้มันไปอยู่กับไอ้เนม ไปจับตาเมียไอ้โตไว้


                     อดจะห่วงไม่ได้ว่ามันจะเป็นอะไรไหม ต่อให้ไอ้เนมมันดูไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร และคนใจอ่อนแบบมันคงไม่กล้าลงมือกับเมฆ แต่ใครจะรับประกันได้ คนเราถ้ามันอับจนหนทางขึ้นมาอาจจะทำอะไรที่คาดไม่ถึง ฝีมือไอ้เนมที่มันฟาดไม้กวาดใส่หน้าไอ้กันย์จนเลือดอาบเมื่อตอนนั้นวิทย์ก็ยังจำได้


                    แต่จะให้ปล่อยไปก็ไม่ได้อีก สำหรับคนที่จะออกไป ต่อให้ไอ้โตมันบอกว่าจะไม่ยุ่ง ต่อให้ไอ้โตมันบอกว่าจะจัดการแค่ป๋า แต่ยังไงวันแห่งการเผชิญหน้าก็ต้องมาถึง ตอนนี้ไอ้โตมันยังทำหน้าที่เป็นหัวโจก แต่ต่อจากนี้ไม่รู้มันจะทำตามแผนของตัวเองแบบไหน กับคนที่อยู่ในแผนของไอ้โตแน่ๆอย่างไอ้เนม ถ้าเกิดมันเอารายละเอียดไปบอกพัศดี ไปหาพวก ไปขายข่าวขายแผนการณ์หลบหนีให้ หรือบอกอะไรที่เป็นการขัดขวางขึ้นมา เกิดแผนการทั้งหมดล่ม อิสระที่วาดหวังไว้หายวับเหลือเพียงลูกกรงแข็งๆเช่นเดิม ใครมันจะยอมได้!


                   "มึงอย่าโผล่หัวออกไป อยากโดนเป่ารึไงไอ้โง่!" เสียงด่ากราดเกรี้ยวหัวเสียนั้นทำให้วิทย์ชะงัก ตวัดสายตาไปมองคนพูด ไอ้กันย์ยังคงมองเขาด้วยดวงตาขุ่นขวาง คำเตือนสำหรับคนที่แสดงออกว่าเกลียดขี้หน้ากันมาตลอดกลับไม่ได้ทำให้คนฟังนึกดีใจ วิทย์เพียงแค่ร้องหึนึกด่าตัวเองอุบอิบที่เผลอโผล่หน้าไปให้เป็นเป้า แต่กระนั้นปากเขาก็ยังอดเถียงไมได้


                    "จะมัวหดหัวอยู่ในกระดองทำไม ยังไงก็ต้องเสี่ยงไปเอาพวกป๋าออกมาอยู่แล้ว คิดเหรอว่าจะรออยู่ได้ตลอด ดูอย่างไอ้คมมันยังกล้าไปยืนประจัญหน้า" ริมฝีปากของคนพูดบิดขึ้นเป็นเชิงเยาะ


                   กันย์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความหงุดหงิดชัดเจน "ก็เชิญมึงถลาออกไปซิ ออกไปก่อนเลย กูไม่ห้ามถ้าอยากจะไปยืนเป็นเป้าล่อนัก"


                   "ไม่ต้องมาท้า กูไปแน่ "วิทย์คำรามรับอย่างรวดเร็ว "แต่ก่อนหน้านั้น กูต้องถีบมึงออกไปก่อน มึงอย่านึกนะ ว่ากูไม่รู้มึงกำลังคิดจะทำอะไร!"


                    "อะไรของมึง?" กันย์ฟังแล้วชะงัก ขมวดคิ้วแน่น


                    "หึ...คิดจะหมาลอบกัด อย่าเอาแต่หาพวก หัดลุยตรงๆซะมั่ง ถ้าอยากฆ่ากูนักก็ยกปืนใส่กันตรงๆ อย่ามากำไว้ลับหลัง ไอ้ขี้ขลาด" วิทย์ปรายตามองฝ่ามือของกันย์ที่ทิ้งแนบข้างลำตัวด้วยดวงตาวาววับ "ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าทำไมกูถึงได้มาทำงานกับมึง อย่ามาแสร้งทำเป็นห่วงงานเลยว่ะ ฟังแล้วกูจะอ้วก"


          ก็แค่ทำงานร่วมกัน ยังต้องมีตัวตนอยู่เพื่อใช้ประโยชน์ หมดงานแล้ว ไอ้คนเอ่ยปากเตือนเมื่อกี้ มันคงผลักหัวเขาออกไปให้สไนเปอร์ส่องทันทีด้วยซ้ำ


          ไม่จำเป็นต้องมาเสแสร้ง เป็นดี ทำเป็นห่วงใย  คนโง่ที่จะติดกับความใจดีนั่นมันตายไปแล้ว!


                   "ก็ดี..รู้ก็ดี" กันย์ฟังถ้อยคำนั้นด้วยความประหลาดใจไม่น้อย ..ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่เง่าแค่ไหน มันก็ยังรู้จักพัฒนาบ้างสินะ..


                  แต่...ยังไงมันก็ไร้ค่า "ฉลาดรู้ขึ้นมาบ้างก็ดี งั้นกูจะคอยดู ว่าอย่างมึงจะรักษาชีวิตได้ไปถึงไหน"


           เสียงตอบรับต่อความสงสัย คำพูดจาหาเรื่องหรือกระทั่งความจริงในแผนการที่สอดแทรกมากับ”คำสั่งขาด”ของเจ้านายถูกมองออกไม่ได้ทำให้กันย์นึกหวาดหวั่นขึ้นมาสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับยืดอกรับ แสยะยิ้มอย่างพึงใจที่”เป้าหมาย”ของเขารู้จักฉลาดและรู้ทันขึ้นมาเสียบ้าง


            ..ไม่ได้ดีใจที่มันรู้ทัน การรู้ทันไม่ได้หมายถึง”ชัยชนะ”เสียงหน่อย แต่อย่างน้อย กันย์ก็ยังพอใจ..แม้เพียงเล็กน้อยที่ไอ้คนตรงหน้าทำให้เขานึกสนุกขึ้นมาอีกนิด


            การเล่นงานที่คนที่รู้ดีว่ากำลังถูกหมายหัว สีหน้าหวาดระแวงระแวดระวังเต็มที่ พยายามรักษาตัวรอดสุดชีวิต แต่กระนั้นสุดท้ายมันก็ยังพ่ายแพ้ สีหน้าเจ็บใจเต็มไปด้วยความคั่งแค้นนั่น มันสาแก่ใจกว่าสีหน้าเหรอหราไม่รู้ตัวไม่ใช่รึไง?


            ได้เหยียบหัวมันที่ระวังตัวแทบตาย รับรองจะสนุกกว่ามันที่ไม่รู้ตัวว่าจะตายสักนิดแน่ๆ!


                   "มากัดกันทำเหี้ยอะไรตรงนี้ พวกมึงสองคน!" น้ำเสียงห้วนจัดดังขึ้นทำให้ทั้งสองหนุ่มชะงัก ร่างของขาใหญ่แดนสิบเดินมาพร้อมกับลากตรวนผูกขาอันใหญ่ น่าสงสัยไม่น้อยว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้เคลื่อนไหวรวดเร็วนักเดินปราดๆเข้ามาหา วิทย์มองเห็นแววตาวาววับของเจ้าตัว ขณะที่คมหอบเบาๆ


                  “ห่า..กำลังวุ่นวายกันอยู่แท้ๆ กัดกันหาอะไร” ชายหนุ่มสถบเบาๆด้วยท่าทีหงุดหงิด ขณะที่วิทย์หลบตาวูบ


                  “โทษทีว่ะ“ เอ่ยปากขอโทษไปอย่างแกนๆ ด้วยรู้สึกผิดไม่น้อย ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญไม่ควรมาวิวาทกันจริงๆซ้ำยังต้องลำบากไอ้คมที่เป็นถึงหนึ่งในผู้นำแผนการณ์ออกมาห้ามปรามอีก


                 “หึ..” คนฟังส่ายหน้าแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ นัยน์ตาสีเข้มมองไปยังเบื้องหลังที่นักโทษกลุ่มใหญ่ยังคงโห่ร้องโวยวายไม่หยุดด้วยสีหน้าเคร่ง "กูว่าถ้าจะรอพังวงล้อมของเจ้าหน้าที่ ไม่ทันการแน่ว่ะ"


                  "แล้วมึงจะเอาไง?" กันย์ถามกลับสั้นๆ


                  "ไอ้นั่นน่ะ มึงทำไว้ใช่ไหม?" คมถาม


                  "จะใช้เลยเหรอ?" กันย์มีท่าทีลังเลไม่น้อย เขามองไปยังร่างของหน่วยแม่นปืนซึ่งประจำอยู่บนหอคอย และกำลังเล็งปลายประบอกปืนมาทางกลุ่มพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ใช้ตอนนี้ พวกมันจะมีข้ออ้างว่าเรามีอาวุธหนัก อาจะหาเรื่องยิง มึงถ่วงเวลาให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ?"


                  "ถ่วงเวลาไปทำไมล่ะ ทำไงก็บุกเข้าไปไม่ได้" คมว่าพลางมองไปยังร่างของบรรดาผู้คุมที่กำลังประจำอยู่ด้านหน้าทางเข้าเรือนจำพิเศษ "ถ้าไม่อาศัย"นั่น"ให้มันชุลมุนล่ะก็ เดี๋ยวโดนจับได้แน่ ว่าเราอยากเข้าไปในนั้น"


                  “แต่ความเสี่ยง....” เปรยแล้วกันย์ก็ถอนใจเฮือก จนใจต่อสาเหตุที่อีกฝ่ายยกมาเช่นกันแต่เขาก็มีเหตุผลของตนว่าควรจะใช้”สิ่งนั้น” หรือควรจะรอก่อน


                 "งั้นกูว่าก่อนจะใช้ ก่อกองไฟก่อน" วิทย์เสนอขึ้นมา "มึงอยากให้มันชุลมุนใช่ไหม? ถ้าใช้ไอ้นั่นแต่มันเห็นว่าเราตั้งใจบุกไปแดนพิเศษ ต้องหาเรื่องเก็บแน่ กูว่าเราน่าจะก่อกองไฟแล้วเผายางรถ สุมให้ควันหนาๆจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครก่อนแล้วค่อยใช้ พวกมึงว่าไง"


                 “นั่นสินะ...อย่างน้อย ก็ทำให้มันสับสน” กันย์ขมวดคิ้วรับคำงึมงำ นั่นทำให้คมอดจะมองหน้าทั้งคู่ไม่ได้ เมื่อกี้ทะเลาะกันลั่นๆ แต่ตอนนี้พอมาสุมหัววางแผนกัน พวกมันก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาค้านข้อเสนออีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย แปลกดี..แต่ก็แสดงว่าพวกมันรู้จักแยกแยะและรู้คิดไม่น้อย


             น่าเสียดาย...ถ้าปล่อยให้คนแบบนี้ไปเป็นลูกน้องไอ้ป๋า

              ถ้าหาก...มีวิธีดึงมันสองคนมาเป็นพวกได้แล้วล่ะก็...


                "เอางั้นก็ดี เดี๋ยวกูจะสั่งให้พวกเด็กๆมันไปเอายางรถมา แล้วพอใช้ไอ้นั่น มึงสองคนก็รีบวิ่งไปเลย เข้าใจไหม?" นิ่งคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับตัวนักโทษสองรายเบื้องหน้าครู่หนึ่ง คมก็ออกปากสั่งการ ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดก่อนจะหันมามองเหมือนนึกอะไรได้ "แล้วก็..ก่อนจะกัดกัน ทำตามแผนให้สำเร็จก่อนนะ ไอ้สัด"


                 "รู้แล้ว...ตามมา" กันย์รับคำ ไม่ถือสาคำต่อว่านั้น นักโทษหนุ่มเดินดุ่มนำไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งบัดนี้ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใด ฝ่าเท้านั้นก้าวไปยังห้องน้ำที่อยู่รวมกัน ห้องน้ำสิบห้องเรียงรายเป็นแนวยาวฝ่าเท้าของชายกนุ่มก้าวไปยังห้องที่สามนับจากซ้ายมือ เปิดประตุก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน แล้วดึงถังสำหรับใส่น้ำออกห่าง ให้ปรากฏภาพของขวดแก้วขนาดกลางสิบกว่าขวดที่เรียงหรา ปากขวดถูกดึงออกและปิดทับมันด้วยกระดาษสีขาวรัดหนังยางไว้แน่น ด้านล่างของขวดใส เป็นสารหลายอย่างซึ่งถูกผสมกะสัดส่วนไว้อย่างดีด้วยฝีมือของเจ้าตัว คนทำซึ่งเป็นหมอผู้ประจำอยู่ห้องพยาบาลนั่นเอง


                  "ห้ามเขย่า เขวี้ยงเลย ถ้าเขย่าแล้วระเบิดคามือแน่ ระวังให้ดี"  กันย์หยิบ"ระเบิดขวด"อันหนึ่งขึ้นมาพลางเอ่ยปากบอก "ถ้าจะใช้ เข้ามาเอาในนี้ หยิบติดมือไปได้แต่ต้องระวัง อย่าให้มันตก อย่าถือแรงๆ ไม่งั้นกูไม่รับประกันความปลอดภัย"


                  "โอ้ย นี่แม่งเผลอเตะแล้วจะระเบิดไหม บอบบางซะจริง" วิทย์เอ่ยประชดประชันอย่างอดไม่ไหว แม้ดวงตาจะวาววับอย่างพึงใจกับของเบื้องหน้า


                  "ก็ลองดูสิ เผื่อจะได้ขาใหม่" กันย์แสยะยิ้มท้าทาย ทำเอาคนฟังคำรามใส่อย่างหงุดหงิด แต่ดีที่คมห้ามปรามเอาไว้ ก่อนจะสั่งการให้พวกเขาช่วยๆกันถือไปคนละอันสองอัน เพื่อรอท่าสำหรับการใช้และคอยระมัดระวังไปในตัว


                   "ให้คนอื่นถือ กูไม่มั่นใจ" คมบอกเหตุผลสั้นๆ พยักเพยิดไปทางนักโทษนับร้อยที่โห่ร้องโวยวายอยู่ไม่ไกล "พวกแม่ง ออกลายบ้ากันหมดแล้ว ที่คุมไม่ให้ดาหน้าเข้าไปหาเรื่องผู้คุมได้นี่ก็จะแย่ ถ้าให้พวกมันถือว่อนไปว่อนมา คงได้เขวี้ยงใส่แล้วโดนเป่ากันวุ่นวาย"


                   "เออๆจะเฝ้าให้" วิทย์รับคำ ก้มลงหยิบกระเบิดขวดไปไว้ในมุมใกล้ตัวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำอีกครั้งเพื่อปิดประตูห้องน้ำห้องนั้นและจัดการไม่ให้ใครรู้ว่าอาวุธระเบิดที่มีอยู่ที่ไหน


               กันย์ลากฝีเท้าตามไปอย่างใจเย็น กริยาเหมือนจะไปช่วยควบคุมทำให้คมหันหลังกลับไปอย่างไม่ใส่ใจอันใดอีก


              ร่างของขาใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าควบคุมแผนสำคัญผละออกไปอย่างไม่ใส่ใจทำให้กันย์ยิ้มมุมปาก นักโทษหนุ่มจ้องมองแผ่นหลังของเจ้าคนที่กำลังก้มๆเงยๆจัดการเก็บขวดระเบิดให้เข้าที่พร้อมทั้งวางถังน้ำปิดไว้ที่เดิมด้วยดวงตาวาววับ ฝ่ามือของเขาแตะลงบนกระเป๋ากางเกงที่มีอาวุธปืนอยู่ในนั้น พร้อมกับค่อยกำแน่น กระชับปลายนิ้วไม่ต่างกับการเตรียมสังหาร


                มัจจุราชมีชีวิตยืนตระหง่านเหนือร่างของเหยื่อผู้กำลังกุลีกุจอทำงานอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เสียงผู้คน เสียงควันไฟที่เริ่มส่งกลิ่น สรรพเสียงของความวุ่นวายเป็นข้อได้เปรียบชั้นดีสำหรับการปกปิดความเคลื่อนไหว ไม่ให้คนที่มันกำลังหันหลังอยู่ รู้ว่าความตายจะมาถึงตัว


                 ดึงวัตถุสีดำมะเมื่อมออกมาจากกระเป๋ากางเกง ดวงตาวาววับ และค่อยจรดประบอกปืนไปยังลำคอขาวที่เห็นชัดในระยะประชิด..


                       ริมฝีปากหนายกยิ้มพึงใจ เสียงเยาะเย้ย ถากถางและท้าทายด้วยความไม่กลัวตายเมื่อครู่ยังก้องอยู่ในโสตประสาท กันย์นึกขันกับคำพูดของไอ้คนที่อยู่ตรงหน้านัก ปากมันก็ท้าทาย บอกว่ารู้ แต่มันก็ยังไม่ระวังตัวและเปิดช่องให้โจมตีได้ง่ายๆ


        ก็อยากจะประจันหน้า มองเห็นสีหน้าเคียดแค้นหวาดกลัวของมันให้สาใจอยู่หรอกนะ แต่หากเทียบกับเงื่อนเวลาที่กระชั้นชิดแล้ว โอกาสที่มีอยู่ในมือจะละออกไปได้อย่างไร


             อีกอย่าง..ไอ้วิทย์มันพลาดเอง ใครบอกให้มันหันหลัง ใครบอกให้มันเปิดช่องว่าง เผยจุดอ่อนให้ถูกโจมตี ทั้งที่เห่าปาวๆว่าจะสู้ แต่ที่สุดก็พลาดโง่ๆอย่างเดิม


              ..คนแบบนี้เหรอจะมาดูแลเมฆ


                     นัยน์ตาสีเข้มวาววับ จ้องมองลำคอของชายหนุ่มผู้เป็นอริของเขาเบื้องหน้าอย่างหมายมาด กำลังจับจ้อง กำลังคาดคะเนว่าจะลั่นกระสุนไปที่ใด ให้มันไปตกอยู่ในส่วนไหน จะทะลุไปยังลำคอ หรือค้างไว้ในสมอง หรือจะสาดกระสุนใส่ไปให้ทุละจากหูซ้ายไปหูขวาให้สะใจเล่น...


                       กึก..


                 หากครู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองด้วยความพึงใจ  ดวงตาคู่นั้นกลับสะดุดกับร่องรอยบางอย่างที่แสนคุ้นตา สีขาวจางๆที่ปรากฏมาเพียงนิด จากปลายพลาสเตอร์ที่หลุดรุ่ยตามกาลเวลา ร่องรอยที่หลังหู เครื่องหมายที่เขารู้ดีวามันคืออะไร และใครเป็นคนทำมัน


                 ความทรงจำที่เคยผ่านผันเเล่นเข้ามาหา ภาพเลือนรางในสมองค่อยกระจ่างชัด ทั้งสีหน้าโง่ๆ ทั้งใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดยามได้รับรู้เรื่องทั้งหมด ใบหน้าที่นองน้ำตา หรือคำพูดที่คำรามคั่งแค้นและปากบอกว่าไม่มีวัน"รู้สึก"อะไรกับเขาเหมือนเดิม


                 มันบอกว่าเปลี่ยนไปแล้ว...


                 แล้วไง?


                  กันย์ไม่เคยเปลี่ยน ความคิดของเขาไม่เคยเปลี่ยน แล้วเขาจะสนไปทำไมว่าคนที่ตัวเองอยากฆ่าที่สุดจะเปลี่ยนไปแบบไหน เขาแค่อยากจะฆ่ามัน อยากจะทำลายมัน อยากจะทำร้ายมันให้สาสมกับที่มันมาแย่งชิงคนสำคัญ มาทำร้ายคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต


                 กริ๊ก...


                  กันย์ยังจำคำพูดของตัวเองได้ดี จะไม่มีวันยอมพลาดอีก จะไม่มีวันลังเลอีก

                  ครั้งที่หนึ่งผ่านไป ครั้งที่สองก็ผ่านไป แต่ครั้งนี้..ครั้งนี้เขาจะไม่มีวันลังเลอีกแล้ว

                  แต่...ทำไมฝ่ามือถึงได้เย็นชืดและสั่นระริกนัก


                   ทั้งที่หัวใจควรจะโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้หูอื้อ ฝ่ามือเกร็งสั่นเหมือนเป็นเหน็บชา และหัวใจที่เต้นระรัวนี้กลับระทึกด้วยความรู้สึกน่ารังเกียจบางอย่างซึ่งคอยรั้งไม่ให้เขาลั่นไก


                   ..ใส่กระสุนแล้ว สอดมือไปแล้ว ขึ้นไกไปแล้ว ตอนนี้ก็แค่เอาปลายนิ้วที่ห่างกับไกปืนแค่เสี้ยว กดมันลงไปให้ทุกอย่างจบลง


               มัวลังเลอะไรอยู่ มันรออะไรอยู่ เขาทนรอโอกาสนี้มาตลอดไม่ใช่หรือ จะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว จำคำของตัวเองไว้ก็ทำตามเสียซิ


               แค่แตะลงไป ..แค่แตะมือลงไป แค่ออกแรงอีกนิด แค่นั้นเอง เท่านั้นเอง..


                  ขวับ!


               "หึ...." กันย์มองเห็นบางอย่างเฉียดผ่านใบหน้าร่างของเขาผงะห่างตามสัญชาติญาณ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยืนนิ่งอึ้ง..


               "กูว่าแล้ว...คิดแล้วไม่มีผิด" วิทย์คำรามออกมาในลำคอด้วยน้ำเสียงคล้ายจะขบขัน ดวงตาของเขาวาววับ ยามสบมองนัยน์ตาสีเข้มที่ตอนนี้มันกำลังเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ก็แน่ล่ะ ใครจะไม่ตกใจ ในเมื่อเขากำลังถือ"ระเบิดขวด"ที่ตัวมันทำเองอยู่ในมือ


                "ไม่เสียแรงที่ทักมึงเลยนะ ไอ้กันย์ ไม่ว่าเมื่อไหร่ มึงก็ยังเป็นไอ้เหี้ยที่ชอบกัดกูลับหลังเหมือนเดิม ขนาดกูท้าให้มึงทำตรงๆยังไม่กล้า หรือลอบกัดมันสนุกกว่าถึงได้ติดใจนัก" วิทย์เอ่ยพลางหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ไม่ได้สั่นเพราะกำลังหัวเราะ แต่มันสั่นเพราะอะไรเขาก็ไม่แน่ใจ จะด้วยความขมปร่าในหัวใจหรือเปล่า ก็ไม่แน่..   


               รุ้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น ที่เดินออกมาก้มหน้าก้มตาเรียงระเบิดนี่ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้มันได้ลงมือ


                ..วิทย์ไม่ต้องการจะตาย แต่เขาอยากจะวัดใจ


                เขาไม่มีวันยอมตายอยู่แล้ว ไม่มีวันแน่ๆในเมื่อมีใครคนนั้นรออยู่ แต่ตอนนี้เขากำลังวัดใจ ที่จริง..ก็เพื่อจะดูว่ามันจะทำอย่างที่ปากว่าไหม จะลงมือรึเปล่า?ทำให้ตัวเองได้รู้เสียที ให้จำใส่กะโหลกหนาๆนี่เสียที ว่าไม่ว่ายังไง ไอ้กันย์มันก็ยังเหี้ย ยังเกลียดและอยากจะฆ่าเขาอยู่วันยังค่ำ


               ออกจะงี่เง่าที่มาตัดสินอะไรเอาตอนนี้ โง่ชะมัดที่มาหาเรื่องเสี่ยงตายในสถานการณ์คับขัน แต่สำหรับวิทย์แล้ว เขาคิดว่ามันดีที่สุด จากนี้เขาจะต้องร่วมมือกับไอ้กันย์ แต่เขาไว้ใจมันไม่ได้ ถ้าต้องยืนอยู่กับคนที่พร้อมจะเล็งปืนมาในทุกเวลาที่เราเผลอ จะรอเวลาไปก็เท่านั้น


                 ที่สำคัญที่สุด เขาอยากจะตัดใจอย่างเด็ดขาดเสียที


                  วิทย์บอกตัวเอง เขาเดิมพันกับตัวเองเงียบๆ ถ้าคราวนี้มันทำ ถ้ามันเล็งปืนมาที่ข้างหลังของเขา ถ้ามันทำลงไปแล้ว ทุกอย่างในใจของเขาก็ขอให้จบลงแต่เพียงเท่านี้


               ใครจะรักคนที่อยากฆ่าตัวเองลงก็ทำไปเถิด แต่วิทย์ทนมันมานานแล้วทนจนเหลือจะอด ที่สำคัญในวันที่เขาอยากจะออกไปเพื่อเริ่มชีวิตใหม่กับใครสักคน ก็ไม่ควรเหลือ"เงา"ของใครอื่นไว้ในใจอีก


                และทั้งหมดนี้ การกระทำของไอ้กันย์ ก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว ว่าเขาจะทำยังไง..


                  "ดีใจด้วยนะ ที่ต่อจากนี้ มึงจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตกูอีกแล้ว" วิทย์หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เสียงหัวเราะนั้นจะเเปรเป็นเสียงครางพร่าสั่น แต่กระนั้นเขาก็ยังพยายามเก็บกักความร้อนในดวงตาที่อยากจะรินไหลให้มันคืนกลับไปในอก
                  ทุกอย่าง ทุกการเดิมพัน หมดไปแล้ว เสียไปแล้ว เขาจะไม่มีวันเสียความรู้สึกใดๆกับผู้ชายตรงหน้าอีก!!


                  "ทำไมมึงไม่ยิงซะล่ะ รออะไรอยู่ หรือกำลังคิดว่าจะลั่นกระสุนใส่ตรงไหน ให้สะใจที่สุด เอาตรงไหนให้สมองไหล เอาตรงไหนดีให้เลือดทะลักเยอะ หรือตรงไหนที่ทำให้กูทรมารที่สุดดี !!" เสียงตะโกนของไอ้วิทย์ดังแทรกเข้ามาในประสาทหูที่ยังคงอึ้งอึง กันย์มองเห็นมันตะโกนใส่เขาด้วยนัยน์ตาที่แดงก่ำ มือกำระเบิดขวดไว้แน่นด้วยสีหน้าเจียนคลั่ง "เสียใจด้วยนะที่จากนี้จะทำอะไรไม่ได้ ถ้ามึงยิงก็ลองดูสิ กูกับมึงจะได้ตายห่าพร้อมกันนี่แหละ!"


                   "มะ.."


                    ตูม!!


               และก่อนที่บทสนทนาต่อไปจะถูกสานต่อเสียงระเบิดเบื้องหลังก็ถูกดึงความสนใจออกไป กันย์สถบพรวดแล้ววิ่งถลาออกไปจากห้องอาบน้ำ ไม่ต่างกับวิทย์ ที่เก็บขวดระเบิดนั้นลงกับพื้น กำมือแน่นแล้วปาดรอยน้ำตาให้พ้นจากใบหน้าด้วยดวงตาวาววับ


            เมื่อสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่มีอะไรอีก ก็ต้องไม่มีอะไรอีก เมื่อสาบานว่าจากนี้จะรักและซื่อสัตย์กับไอ้เมฆคนเดียว จากวินาทีนี้ไปเขาก็จะเป็นแบบนั้น!!


             และตอนนี้...สิ่งที่เขาต้องทำ คือเอามันออกไปจากนรกแห่งนี้ให้ได้ตามสัญญา!!


...............

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


          หอบแฮ่ก ฝีเท้าที่วิ่งฝ่าฝูงชนซึ่งกำลังโห่ร้องมีชัยเพื่อให้ไปถึงตัวไอ้เนมและไอ้พี่ทินตามคำพูดของคนรัก เมฆวิ่งจนหัวหมุ่น มึนงงและตาก็ยังต้องจับจ้องแผ่นหลังของคนที่เขาถูกสั่งให้ตามไว้ แม้สมองจะยังงวยงง ไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่พี่วิทย์มันทะเลาะกับไอ้เนม หรือเรื่องที่พวกมันคุยกัน รวมทั้งเรื่องที่พี่ทินแม่งเข้ามาเสือก


           "ไอ้เนมล่ะ?" มาถึงตัวไอ้พี่ทินที่ยืนอยู่แถวนั้นในที่สุด แต่ไม่เห็นเงาอีกคนเลยออกปากถาม เมฆกุมเข่าตัวเองแล้วก้มตัวหอบแรงๆเอาอากาศเข้าปอดเพราะความเหนื่อย


           "ไม่รู้ กูก็ไม่เห็น ตามหลังมันไม่ทัน" คำตอบนั้นฟังไม่ขึ้นเอามากๆ เมฆฟังแล้วมุ่นหัวคิ้วทันควัน


           "เมื่อกี้ยังเห็นพี่ลากแขนมันมาอยู่เลย" คำตอบนั้นบ่งชัดว่าไม่เชื่อถึงสิ่งที่บอก เมฆกวาดตามองโดยรอบอย่างสังเกตสังกา ที่ๆเขายืนอยู่คือบริเวณทางเชื่อมไปยังด้านหน้า ซึ่งเป็นที่ทำการของเรือนจำ นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้รู้สึกสังหรณ์ใจวาบ


             หรือว่า...ไอ้เนมมันจะ..!!


              "มันเข้าไปใช่ไหม? มันไปบอกไอ้พวกพัศดีใช่รึเปล่า!" น้ำเสียงถามขึงขังนั่นทำให้ทินถึงกับเครียด ฝ่ามือที่กำเศษกระเบื้องคมๆไว้เริ่มเกร็งสั่น มองเห็นไอ้เมฆมันมีท่าทีตดใจจนคาดไม่ถึง โวยวายลุกลี้ลุกลนอย่างที่ควรจะเป็นแล้วชักปวดหัวตุบ


             "มึงไปหาไอ้วิทย์ได้แล้ว!"ตะโกนใส่มัน ไม่ใช่เพราะกลัวที่ถูกรู้ทัน แต่เป็นเพราะเขากำลังเตือน..ทั้งเตือนมันและเตือนตัวเองว่าให้หยุดและจากกันไปเพียงเท่านี้


                ถ้าไอ้เมฆโวยวาย ถ้ามันจะไปบอกคนนั้นคนนี้ ทินก็ต้องกำจัดมันไม่ให้มันพูด เขาตวาดใส่มันเพื่อขู่ให้มันออกไป ไม่ให้มันมาสนใจหรืออยากเสือกเรื่องอะไรที่พวกตนกำลังทำอยู่ ก็เพราะไม่อยากจะฆ่าใครอีกแล้ว


               สาเหตุหนึ่งที่ยอม"เสี่ยง"กับลูกพี่ ก็เพราะเรื่องนี้ก็ด้วยไม่ใช่หรือ..ตราบาปที่เขาเคยทำกับไอ้นพนั้นคอยตามมาหลอกหลอนจนแทบไม่เป็นสุข ตัวมันยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ลงมือไปแล้วสุดท้ายก็ต้องจมอยู่กับฝันร้าย ถูกหลอกหลอนด้วยภาพของไอ้นพที่ทิ้งตัวลงไปในบ่อน้ำที่มืดทึบด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จ้องมองเขม็งราวกับจะสาปแช่ง


               แค่คิด ความรู้สึกพะอืดพะอมยังตามมาหลอกหลอน เพียงจินตนาการว่าจากนี้ไปจะต้องทำแบบนั้นไปซ้ำๆ มันแทบจะอยากสำรอกของกินออกมาให้หมดกระเพาะ แล้วพอลูกพี่บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งป๋าอีกแล้ว บอกว่าสามารถเป็นอิสระได้ถ้าเลือกจะ"เสี่ยง" ทินถึงได้ยอมทำยอมเข้าร่วมทั้งที่ไม่มีหวัง เพียงเพราะเขาเกลียดชังคนที่เป็นต้นตนของทุกอย่างเกลียดป๋าที่มันใช้ชีวิตพวกเขาเหมือนเป็นของเล่น


          ไอ้เรื่องเป็นคนดีทำเพื่ออุดมการณ์ เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในสมองของเขาหรอก ทำดีแล้วคนอื่นยกย่องสรรเสริญ เรื่องนั้นมันก็แค่ขี้ปากของคนที่ยกยอปอปั้นขึ้นมาเท่านั้น พอไร้ค่าแล้วก็ขับไล่ไล่ส่งเพราะไร้ประโยชน์ เรื่องความดีทั้งหลายก็เป็นแค่นิทานหลอกเด็กที่ต้องการให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเท่านั้น


               ไม่ต้องเอาเรื่องทำความดีมากรอกหูให้ทำตาม กับมันน่ะไม่มีผล ทินก็แค่อยากจะต่อต้านพวกมัน อยากจะเห็นสีหน้าคั่งแค้นของไอ้ป๋าเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อยากจำร้ายมันให้สาสม ให้มันรู้สึกถึงรสชาติของการถูกกดขี่ก็เท่านั้น       


              "ทำไม?" แค่เห็นท่าที เห็นคำพูดนั้นก็พอรู้แล้วว่าที่เขาสันนิษฐานมันคือความจริง เมฆคำรามถามออกไปอย่างเคืองแค้น ไม่เข้าใจและไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รุ้ ทำไม? เขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ได้ออกไป แต่ทำไมถึงไม่ยอมออก ทำไมถึงอยากจมปรักอยู่ที่นี่ ทำไมถึงได้อยากจะโดนขังนัก ทั้งไอ้เนม ทั้งไอ้พี่ทิน คนพวกนี้มันอะไรกันนักกันหนา!!


        “กูมีหน้าที่ของกู!!!” เสียงตวาดลั่นทำให้เมฆถึงกับสะดุ้ง “พี่โตสั่งให้กูมาเฝ้าตรงนี้ แล้วรีบไปรายงานทันทีที่มีพวกไอ้พัศดีมันเข้ามา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่มึงคิด”


               “พี่จะตอแหลไปถึงไหน?” เมฆแสยะยิ้ม เขาไม่ใช่คนโง่


               “ตามใจมึง แต่จำไว้ว่าอยู่นี่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” ทินคำรามกลับ เขาแสร้งทำท่ารำคาญทั้งที่ในใจกำลังร้อนรนแทบบ้า..


               “แล้วไอ้เนม...”


                “ไม่ได้ยินหรือไง ว่ามันก็ไปทำงานของมัน!” ทินสวนกลับห้วนๆ


                “งั้นกูจะรอ...”


                “ตามใจ” รับคำ หากสมองยิ่งเครียดขึง ทินมองหน้าไอ้เมฆที่มองเขาด้วยแววตาวาววับราวกับจับผิด การทำแบบนี้มันงี่เง่า ทินรู้ดี เขากำลังยืนกระต่ายขาเดียวแบบโง่ๆ ในเมื่อไอ้เมฆมันก็รุ้ดีแก่ใจแล้วว่าอะไรเกิดขึ้น


            แต่จะให้ทำยังไง? ยอมรับเหรอ? ตอบรับแล้วให้มันไปบอกผัวมันหรือ? จะให้แผนของลูกพี่มันล่มได้รึไง

       แล้วพอคิดจะฆ่า...ทินกลับไม่ใจแข็งพอใจเชือดมันทั้งๆที่มันไม่ได้ผิดอะไร

           ก็แค่ทางเดินของเราสวนทาง...จำเป็นหรือต้องทำร้ายกัน?

            ดังนั้น ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือการนิ่ง ยืนยันและรอกันท่า ไม่ให้ไอ้เมฆมันวิ่งโร่ออกไปบอกใคร และอีกทั้งรอ...รอให้ไอ้เนมมันกลับมาสักที

           ...เดิมพันตอนนี้ มีเพียงให้งานที่ไอ้เนมรับไปทำสำเร็จเท่านั้น


              “หึ...ตอนนี้มันคงนั่งกินน้ำเย็นในห้องพัศดี รายงานเรื่องราวสบายใจเฉิบ” เวลาคืบคลานไปนานเท่าไหร่ก็สุดจะรู้ แต่ทินก็ยังยืนพิงต้นมะม่วงรออยู่ตรงที่เดิม เช่นเดียวกับไอ้เมฆที่นั่งรออยู่ไม่ไกล จากท้องฟ้ามืดมิด จวบจนฟ้าสาง และตอนนี้แสงแดดแผดจ้า ก็ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้น


             ทินยังคงนิ่งเช่นเดียวกับเมฆที่นั่งรอ พวกเขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เสียงโห่ร้อง ควันไฟ การถูกจับตาและคนพลุกพล่าน ทั้งหลายนั้นถูกจดจำไว้ทั้งหมด


              นั่งเงียบมาเนิ่นนานก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป คิดจะเดินหนีไปหาพี่วิทย์เป็นร้อยๆครั้ง แต่ทุกครั้งคำสั่งของมันที่บอกให้เฝ้าไอ้เนมก็รั้งให้เขายังคงอยู่แม้จะเบื่อหน่ายแค่ไหน และที่สำคัญ เมฆรู้ดี..ตัวมันรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น หากไปบอกเรื่องนี้กับคนอื่นๆ พวกมันจะต้องถูกหมายหัว ไอ้พี่ทินไม่ยอมให้มันไปไหนแน่ๆ


          ตอนแรกมันถุกส่งมาให้เฝ้าไอ้เนมและไอ้พี่ทิน แต่ตอนนี้กลายเป็นพวกเขากำลังคุมเชิง เฝ้ามองอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน


      เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแผนการนี้ ต่อให้เมฆจะไม่ได้มีหน้าที่ทำงานอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า หากต้องทำ..เขาจะทำไม่ได้


         ไอ้เมฆก็เป็นนักโทษคนนึ่ง เคยเจอเรื่องเลวร้าย เคยถูกเหยียบ เคยเปื้อนเลือดเปื้อนโคลนเหมือนกับพวกมึง แล้วทำไมตอนนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้แผนการณ์ของเขาสำเร็จลุล่วงไม่ได้


         เพราะคิดแบบนั้นเขาจึงนิ่ง..ทั้งคุมเชิงระแวดระวังและพยายามเก็บข้อมูลต่างๆไปในตัว แต่คนเราก็ย่อมมีขีดจำกัด เมฆอดทนนั่งเฝ้ามาหลายชั่วโมง พอแสงอาทิตย์เริ่มร้อนแรง เขาจึงเอ่ยปากประชดประชันออกไปอย่างไม่พอใจ 


            เมื่อเอ่ยออกไปหนึ่งประโยค คำพูดต่อมาก็ยิ่งง่ายขึ้น "ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ว่ะ แม่ง ...พี่เข้าข้างไอ้เนมให้ไปเผาเพื่อนตัวเอง กูไม่เข้าใจ หรือพี่เห็นว่าไอ้ความคิดโลกสวยงี่เง่าของไอ้เนมมันจะทำให้พวกมึงรอดกัน? หรือนี่พวกมึงคิดจะทำตัวเป็นฮีโร่!" เมฆส่ายหัว เอ่ยปากประชดประชัน “คนคุกอยากเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลย ...ขยะมันก็ยังเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ”


           “..............” ทินเพียงแค่ปรายตามองคนพูดเงียบๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย


           “ คิดไม่ออกจริงๆว่าทำไมพวกมึงถึงแปรพักตร์ไปได้ ทั้งๆที่ป๋าน่ะ ออกจะ...” พลันดวงตาเขาก็เบิกกว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้  "แล้วนี่...เหี้ยพี่โตล่ะ อย่าบอกนะว่าพวกมึง..."


                  คนพวกนี้คิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?


                เรื่องไอ้เนมจะเอาเรื่องไปบอกพัศดีว่าน่าตกใจแล้ว แต่การที่พี่ทินมันยอมช่วย หมายความว่ายังไง? พี่โตมันรู้ไหมและถ้าพี่โตมันรู้ ..ตอนนี้ก็แสดงว่าพวกเขากำลังโดนมันขัดขวางงั้นเหรอ?


                เมฆมองหน้าทินอย่างตกตะลึง ความงวยงงยังผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายกับเรื่องที่เขาได้รู้


                 ทำไมล่ะ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ทั้งๆที่น่าจะออกไปจากกรงขังบ้าๆนี่  แต่ทำไมกัน ทำไม?


             "เงียบซะ" ปฏิกริยาที่ได้รับคือการปฏิเสธทั้งหมด ร่างที่เคยยืนเงียบมาหลายชั่วโมงเคลื่อนเข้าหาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเต็มไปด้วยท่าทีแห่งการคุกคามอย่างเต็มที่ เสียงคำรามจากลำคอของทินดังกว่าที่เคยทำให้เมฆนึกกลัวก็จริง แต่ความงวงยงง ความสงสัย ความไม่พอใจมันมีมากกว่านั้นนับสิบเท่า!


             "ก็ได้..งั้นกูจะไป " เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง เมื่อไม่มีคำตอบที่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร เมฆก็หมดความอดทนในการรอคอยนี้แล้ว ในเมื่อรอมานาน ร่างของไอ้เนมยังไม่ปรากฏ เขาก็จะทำอย่างที่ควรทำ นั่นคือเอาความจริงเหล่านี้ไปบอกทุกคน!


             ต่อให้มึงจะเป็นพี่...หรือว่าเพื่อนร่วมห้องขัง...


               ..กูก็ไม่มีวัน ยอมให้พวกมึงมาทำลายความหวัง ทำลายความตั้งใจของพวกกู!


             "มึงเตรียมตัวไว้แล้วกัน กูไม่มีวันยอมให้แผนของพวกมึงสำเร็จ!!"


             ผลั่วะ!


               "กล้าก็ลองดู!" เสียงตะโกนของมันสร้างความหงุดหงิดและเครียดขึ้งมากขึ้นเป็นเท่าทวี ฝ่ามือหนาจึงกระชากแขนมันให้เซเข้าหาซัดกำปั้นลงบนหน้าของไอ้เมฆด้วยเรี่ยวแรงไม่น้อย ทั้งยังปลดปล่อยความตึงเครียดเจียนคลั่งจากการรอคอย การเฝ้าดูท่าทีของอีกฝ่ายหลายอยู่ชั่วโมง ร่างของเมฆจึงทรุดฮวบ กองลงไปกับพื้นหญ้าโดยที่ฝ่ามือของทินกำคอเสื้อมันไว้แน่น


              "ไอ้ห่า เอาแต่พล่ามว่าจะออกไป กูจะทำตามฝันอย่างนั้นอย่างนี้ ฟังแล้วจะอ้วก!" ทินคำรามลั่น "มาเยาะเย้ยว่ากูอยากเป็นฮีโร่ แล้วสรรเสิญไอ้ป๋าอย่างโน้นอย่างนี้ ถุย!”


              “อย่ามาพล่ามเหมือนกูเป็นผู้ร้ายคอยขัดขวางมึง หรือเป็นพระเอกที่คอยทำความดี มึงอย่ามาเห่าหอนให้กูได้ยิน ที่กูไปเพราะกูเกลียดไอ้เหี้ยพวกนั้น กูเกลียดมัน กูแค้นมัน แต่น่าขำ...คนที่เคยถูกพวกมันเหยียบจนแทบไม่เหลือความเป็นคน คนที่สาบานว่าจะตามจองล้างจองผลาญพวกมัน วันนี้กลับมาสรรเสิญเยินยอขอตามรับใช้ชั่วชีวิต.. “


              “อึ่ก....” คำพุดนั้นทำให้คนฟังเบิกตากว้าง


               “กุ...กูวางความแค้นไว้ เพรากูอยากจะออกไป ไม่เหมือนมึงที่ยึดติดแต่ความโกรธ เอาแต่พุดว่าแค้น จนทำอะไรโง่ๆ!”เมฆสวนกลับอย่างเคืองใจไม่แพ้กัน


              “ถ้ามึงคิดว่าตัวเองฉลาด ก็เชิญ” ทินฟังแล้วนึกขำนัก  "แต่ถ้าสมอ’ยังมี ก็คิดเอาแล้วกัน ว่าจะออกไปมีชีวิตแสนสุขได้อย่างที่ปากว่าไหม.."


         “ทำเหมือนจำไม่ได้...ว่าพวกมันทำอะไรไว้ แต่ถ้ามึงคิดว่านั่นเป็น”ความรักใคร่เอ็นดู”ในฐานะคนโปรด กูก็ขอยินดีด้วยแล้วกัน”


             คำพุดนั้นทำให้ผู้ฟังเบิกตาค้าง..


              สมองกลับย้อนภาพอดีต ความทรงจำอันเลวร้ายที่ถูกขุดหลุมฝังอยู่ภายในใจ ครานี้กลับถูกประโยคด่าทอของทินขุดมันขึ้นมาอีกครั้ง..


            ..ทำไมจะจำไม่ได้


               จำได้สิ จำได้ดีว่ามันทำยังไงกับเขา จำได้ว่ามันเคยเอาเชือกล่าม เคยเอาโซ่รัดคอ เคยห้เลียฝุ่นบนพื้น เคยเอามีดมา กรีดผิวเนื้อ เคยทารุณเสียจนแทบหมดความเป็นคน เคยข่มเหงเขาเสียจนย่อยยับ..


              หลุมลึกของความเคืองแค้น อดีตอันดำมืดที่เคยพบเจอ ไม่เคยเอามันออกจากใจ บางค่ำคืนมันกลับมาหลอกหลอนซ้ำให้ต้องเบิกตาค้าง นอนตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว


           ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของเขาที่ต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวภายใต้เงื้อมเงาของคนพวกนั้น นอกจากรอยแผลจากร่างกาย ยังมีรอยแผลที่รักษายากกว่านักในหัวใจ


           ความแค้นเคือง ความเกลียดชังและความหวาดผวาลึกๆทำให้เมฆพุ่งเป้าทุกอย่างไปยังคนที่เขาถูกกรอกหูให้คิดมาตลอดว่ามันเป็นต้นเหตุ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อได้ความรักกลับมาอีกครั้งทำให้เมฆตักสินใจลบมันทิ้งไปจากใจเสีย เขาลืม..หรือย่างน้อยก็แกล้งทำเป็นลืม..ด้วยหากจดจำได้แล้วต้องเกลียดชังพี่วิทย์ที่เขารักก็ขอไม่จำเสียดีกว่า ทั้งความแค้น ทั้งความทรงจำอันเลวร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเมฆปัดทิ้งฝังกลบไว้ในหัวใจเพียงเพราะความรักที่เขามีต่อผู้ชายคนนั้น


          แต่บัดนี้..ความหลังกำลังถูกขุดค้น คำพูดของทินทำให้หัวใจสั่นไหว ความทรงจำเลวร้ายกลับมาหลอกหลอน เช่นเดียวกับคลื่นความหวาดกลัวที่ไหลวาบผ่านร่างมาเป็นระลอกๆ..


           เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขายังเชื่อ ว่าหากตัวเองออกไปได้ จะได้อยู่กับคนที่รัก จะได้ยืนมองท้องฟ้าสดใสด้วยกันอย่างอิสระ..


          แต่บัดนี้..เมื่อได้ทบทวนทุกสิ่งอีกครั้ง เพียงแค่คิด..คิดว่าหากออกไปเป็นลูกน้องคนพวกนั้น หากคนพวกนั้นมันทำแบบเดิม หากเขาต้องเจอแบบเดิมเล่า จะเป็นอย่างไร


          ถ้าออกไปแล้วจะต้องเจอแบบเดิม..แล้วเขาดิ้นรนไปทำไม?


              “เมฆ?” ทินเขย่าแขนชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆเมื่อเห็นมันนิ่งไป คนมองขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงอาการตัวสั่นระริก มองแล้วน่าขันแต่พอนึก..ว่ามันกำลังกลัวอะไรอยู่ ทินก็ขำไม่ออก


             ต่อให้ตอนนี้สถานการณ์จะเป็นใจ มีแนวโน้มว่าไอ้เมฆอาจจะอยู่ข้างเขา แต่พอคิดถึงสิ่งที่มันเคยพบเจอ ทินยังอดจะเวทนามันไม่ได้


             มันรู้ดีว่าเพราะอะไรพี่โตถึงได้รับไอ้เมฆมาอยู่ในกลุ่มอีกครั้ง ทั้งๆที่มันเคยทำร้ายเฮียวิทย์เพื่อนสนิทของขาใหญ่เสียสาหัส ไม่ใช่เพียงคำขอร้องของเฮียวิทย์ แต่ว่าส่วนหนึ่งนักโทษทุกคนที่รู้ถึงชะตากรรมของไอ้เมฆ ต่างก็นึกสงสารมันทั้งนั้น..


            ..แต่กระนั้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาย้อนความหลังหรือสงสารกันอีกแล้ว!


              “ลุก!” เสียงตวาดลั่นของทินทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งและหันหน้าไปมองทันควัน “นี่ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาคร่ำครวญหวนไห้ กูให้โอกาสมึง....นี่เป็นทางที่พี่โตให้มึงเลือก..ไอ้เมฆ มึงคิดเอา ว่าจะอยู่กับกูรึเปล่า ก่อนที่พรรคพวกของมึง คนที่มึงรักจะฉิบหายเพราะพวกมัน! มันไม่สนใจหรอกว่าไอ้สองคนนั้นจะเป็นหรือตาย!" ทินตะโกนลั่น “ถ้ามึงอยากแก้แค้นพวกมัน ก็เชื่อที่กูพูดซะ ไปห้ามไอ้วิทย์กับไอ้กันย์ ไอ้เวรสองคนนั่นมันแพ้มึงคนเดียว แค่มึงที่จะเปลี่ยนความคิดพวกมันได้!” ฝ่ามือกำแขนของเมฆแน่นพลางผลักอีกฝ่ายออกแรงๆเมื่อกล่าวคำพูดที่อยากจะพูดออกมาจนหมด ใบหน้าของชายผู้เอ่ยเครียดคล้ำด้วยความไม่พอใจ ทั้งหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน


       เขาพูดทั้งส่วนของตัวเอง และพูดแทนพี่โต ในส่วนที่เฮียเหี้ยๆมันสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว


           เมื่อคิดถึงลูกพี่คนนั้น ทินก็ยิ้มขัน..


           รู้ดีว่าลูกพี่เขามันคนฉลาด แต่ไม่นึก ว่ามันจะเฉลียวใจคิดเอาเรื่องนี้มาเปลี่ยนใจคนอื่นได้


             เรื่องการเอาไอ้เมฆมาเป็นลูกน้องทั้งที่ตัวเองโคตรจะเหม็นขี้หน้ามันน่ะ เหี้ยพี่โตมันไม่ได้รู้เรื่องนี้ล่วงหน้าแน่ๆ เรื่องนี้อาจจะเป็นผลพลอยได้พอมีเรื่องมาสุดท้ายเฮียโตมันเลยใช้ให้ไอ้เมฆเป็นประโยชน์ แล้วแบบนี้..ต่อให้ไอ้เฮียวิทย์มันไม่เอาด้วยเจอไอ้เมฆทำหน้าซีดใส่มันก็ต้องมีลังเลบ้างล่ะ แล้วไง..ที่สุดเฮียเหี้ยๆของเขาก็ยังหาทางลากเอามันมาเป็นพวกจนได้


         คิดแล้วอยากจะยกตำแหน่งนายใหญ่ของเรือนจำให้ไอ้เฮียโตเสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามันหลงเมียจนเกินไปล่ะก็นะ


        “แต่...กู...”เมฆมองหน้าคนพุดด้วยสีหน้าสับสน ใบหน้าของเขายังคงขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อนึกถึงความทรงจำอันไม่น่าอภิรมย์ ริมฝีปากของเขาเอ่ยทักท้วง แม้ใจจะเริ่มหวั่นไหวกับคำพูดนั้น แต่ก็ยังนึกหวั่น


          ได้ฉุกคิด ได้ระวังตัวว่าออกไปก็ไม่มีความสุขก็จริง แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะหวังอะไรได้อีกหรือ?


          แสงสว่างน้อยนิดสำหรับคนที่อยู่ในความมืด..ใครต่างก็คิดจะคว้ามันทั้งนั้น


                     ตูม!


          ฉับพลัน เสียงระเบิดที่ดังขึ้นอีกด้านของเรือนจำก็ทำให้ทั้งสองสะดุ้ง เมฆหันขวับ เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงคนที่บอกให้เขาจากมา ดูจากะเศษควันนั้นแล้วมันต้องเป็นที่ๆทั้งสองคนนั้นอยู่เป็นแน่


        มองหน้าไอ้ทิน ข้อความและคำพูดของมันก้องในสมอง ใคร่ครวญไตร่ตรองคำพูดนั้น ความลังเลใจ ความหวาดกลัวทำให้เขาเริ่มเอนเอียง แม้จะอยากออกไป แต่เสียงระเบิดบ่งชัดว่าในครานี้ทำให้นึกหวั่น..


        ถ้าพี่วิทย์มันเป็นอะไรไปจริงๆเล่า?


       เมฆเม้มปากแน่น เขาหันไปมองหน้าไอ้พี่ทินอย่างลังเล และที่สุด...ความห่วงหาที่เขามีต่อคนที่รักก็ชนะ แม้คำฝากฝัง คำสั่งกำชับของวิทย์จะยังก้องอยู่ในหัว แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่าถ้าคนพูดต้องมีอันตราย เมฆถอนใจกำมือแน่น สูดหายใจลึกเป็นฝ่ายยอมแพ้และวิ่งออกไปเพื่อตามหาวิทย์โดยเร็ว


          ทินนิ่งมองแผ่นหลังของเมฆแล้วถอนหายใจพรู เหลือบมองควันไฟที่โชนคลุ้งแล้วนึกขอบใจ เพราะหากไม่มีเสียงระเบิดนั้นแล้ว เขาคงต้องได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำอีก..


       ตอนนี้ไอ้เมฆมันเริ่มลังเล แต่กระนั้น เฮียโตมันก็สั่งแล้ว ถ้าไอ้เมฆมันยังยืนยันจะเอาเรื่องไปบอกคนอื่น ถ้าเชือดได้ก็เชือด
       ถือว่าโชคดี..โชคดีมากแล้ว ที่ยังคุยกันรู้เรื่อง โชคดี..ที่เฮียโตมันสามารถจับจุดอ่อนของไอ้เมฆ และโชคดีนัก..ที่มือนี้ไม่ต้องเปื้อนเลือดของเพื่อนร่วมห้องขังอีกครั้ง..


          คิดแบบนั้น แต่หางตากลับเห็นร่างของใครบางคนก้าวมาหา ทินหันขวับ และภาพนั้นทำให้เขาเบิกตากว้าง..


.........................
           
 ตอนนี้ฮอตมาก(หมายถึงคนเขียนร้อนมาก :try2:)

เขียนถึงความหลังของเมฆ ถึงจะบรรยายนิดเดียวแต่ก็สงสารเป็นบ้า  เสียขวัญแทนเมฆจริงๆ โอ๋ ขวัยเอ๊ยขวัญมานะเมฆนะ :กอด1:

ส่วนเฮียเหี้ยๆ นับวันยิ่งฉลาดเกิ๊น หมั่นไส้ว่ะ / :z6:

ปล. โปรโมททททท เฟสบุ๊ค แฟนเพจนิยายค่า ตรงนี้>> http://www.facebook.com/SilenceSerinStory เข้ามาคุยกันได้นะคะ  :z2:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2012 10:52:41 โดย Serin »

ออฟไลน์ Joobperman

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
จบตอนได้อย่างค้างคาจริงๆ ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า
เสียงระเบิดตูมเดียว ทำเอาชะงักไปหมด ทั้งด้านวิทย์-กันย์ , เมฆ-ทิน
ใครมานะ..หวังว่าทินไม่เป็นไรนะ 
ส่วนเมฆขอให้คิดดีๆแล้วกัน มองเห็นอนาคตแล้วสิ ถ้าได้ออกไปอ่ะนะ ว่าจะเป็นยังไง
อยากให้เกลี้ยกล่อมวิทย์และกันย์มองเห็นความจริงที่สุด 
ไม่อยากให้ 3 คนนี้เป็นอะไรเลย ขอบอก..เอาใจช่วยตลอดเวลา กลัวใจนักเขียนจริง จริ้งงงง   :laugh:

ออฟไลน์ chubby_bow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ม่ายยย  เสียงระเบิดน่ากลัว
จะมีใครเป็นอะไรไหมนะ โอย ลุ้นตัวโก่ง

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ตื่นเต้นๆๆ ลุ้นระทึกกันต่อไป   :serius2:

ออฟไลน์ carmel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงเรือนจำที่มีข่าวอยู่ตอนนี้
อำนาจเงินสารพัดทำให้คนเราถึงจะอยู่ในคุกแต่ก็
ยังไม่สำนึก ขอให้แผนการพี่โตสำเร็จด้วบเถอะ
เชื่อว่านักโทษแหกคุกไม่มีทางรอดซักคน
ขอบคุณนะคะ

runynam

  • บุคคลทั่วไป
โอ้วววววมายก๊อดดดดดดด :z3:
นายกันต์กับเฮียวิทย์นี่
ปากบอกเกลียดกัน ชิงชัง
แต่ลึกๆภายในใจก็ยังมีเยื่อใยบางๆ
แสนบางที่เชื่อมกันอยู่ รัดทนจริงๆๆ :z3:
แต่ที่น่าแค้นใจนัก
จบได้ค้างม้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2: :serius2:
แบบว่า ทินเจอใครฟระ....ทำหน้าตกใจด้วย อยากรู้สุดขีดอ่ะ จริงๆๆ
 :เฮ้อ:จะรอตอนต่อไปจ้า
รักคนแต่ง คนโพส :กอด1: :L2: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
โหพี่ทิน ยังแอบกัดพี่โต
ก็เรื่องจริงทั้งนั้น. พี่โตไม่หลงเมียก็ไม่รู้ว่าไงแล้ว
ส่วนพี่โตนี่ก็เก่งเวอร์ ฉลาดเวอร์มากกกกก
คาดการณ์ใด้หมด

ว่าแต่พี่ทินตาโตทำไม
อะไร. งานเข้าพี่ทินเหรอ
อย่าให้พี่ทินเป็นอะไรนะ

เมฆอ่านแค่นี้ยังสงสารเลย
โดนมาเยอะจริงๆ

วิทย์กับกันย์จบกันจริงซะทีนะแบบนี้
แต่กันย์แกจะลังเลเพื่อ???????
อย่าให้ลุ้นสิค่ะ
ว่า3pจะรีเทินร์

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ขำคำที่ทินเรียกเฮียโตอ่ะ "เฮียเหี้ยๆ" เออเหมาะดีเนอะ ฮ่า ฮ่า
จบค้างได้อีกนะ  :z3: :z3:

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
เมนท์ไม่ออก Orz
กลัว...กลัวไปหมดแล้วว่าจะไม่รอดกัน
ฮือ...ขอให้รอดกันหมดทุกคนเถอะนะ

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
ครือแบบว่า . . . มันลุ้นมากจนจะขาดใจ TvT
ใกล้จะไปได้สวย แต่จะมีเหตุอะไรอีกไหม แง้ว !

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
 :เฮ้อ: เฮ้อเครียด  อยู่ในช่วงลุ้นระทึก

ติดตามค่ะ

บวกเป็ด

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
ตับฉับได้ใจจริงๆ ค่ะคนเขียน  มาฆ่ากันเลยไม่ดีกว่าหรือ  :z3:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ LSK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ทินเห็นใครอ่ะ เนมหรือคนอื่น  ค้าง  :z3:  :z3:

ออฟไลน์ greensoda

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
เฮียวิทย์ ปากบอกจบจะจบได้จริงหรอ
เฮียกันย์ก็เหมือนกัน ปากบอกเกลียดแต่ก็ไม่กล้าฆ่า
ในเมื่อมีเยื่อใยต่อกันก็ยอมรับออกมาเถ๊อะ
ตอนนี้อ่านแล้วสงสารน้องเมฆ พวกอิป๋านี่เลวจริงงง
กลับไปให้เฮียๆปลอบนะ (ยังหวังในสามพี 5555)

เฮียโตฉลาดเวอร์ ขอยกนิ้วให้  o13
เอาใจช่วยน้องเนมให้ทำงานสำเร็จนะ
ส่วนพี่ทินเจอใครนั้น รอลุ้นตอนต่อไป

ป.ล. ตอนนี้ฮอตจริงๆค่ะคนเขียน (อากาศอ่ะเนอะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






aj_yj

  • บุคคลทั่วไป
พี่ทินเห็นใคร!?
ใครเดินเข้ามาหาพี่ทิน
โอ้ยยยยย สงสัยอย่างแรง ;0;

อ่านตอนนี้แล้วใจเต้นตุ๊มๆต่อม
ตื่นเต้นไปพวกพี่โตด้วย
นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลย >0<

ปล.แอบเชียร์ให้เรื่องนี้เป็นกันย์วิทย์ -..-

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
สามผีจะลงเอยยังไงเนี่ย ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น  แอบสงสัยอยา่กรู้จริงว่ากันย์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับวิทย์เลยเหรอ?

ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นตาม

แล้วทินหันไปเจอใครกัน??

ออฟไลน์ Bong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ค้างมากๆ..มาต่อไวๆนะอยากรู้ว่าพี่ทินเจอใคร

 :m16: :m16: :m16: :m16:

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
พี่โตฉลาดมาก  ...  แต่ฉลาดและเก่งสุด ต้องคนเขียน  o13

สนุก น่าติดตามมากครับ ... ลุ้น ไม่อยากให้ดราม่า   :3123:

ออฟไลน์ Homepage

  • 520 - 我爱你
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
แวะมาเป็นกำลังให้คนเขียน ., จบแบบค้างคาอีกแล้ว
มีลางสังหรณ์ว่าจะเป็น ทิน-เมฆแหะ 5555555555
มาต่อไว ๆ นะครับ ^ ^"

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
สงสัย,,,,,,,,,ตายหมดแหงๆ
 :z1: :z1: :z1:

benzbent

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้เฮียโตกับเนมหายไปเลยนะ คิดถึงๆ
เมฆ น่าสงสารมากอ่ะ พวกป๋าแม่งเลว
เฮียวิทย์จะเป็นไรไหมน้า
แล้วกันย์ทำไมต้องลังเล
ลุ้นไปหมด แต่สามผีนี่ อยากให้เหลือแค่วิทย์เมฆก็พอ เคืองกันย์  :m16:

ออฟไลน์ Nuclear

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เกิดอะไรขึ้น..ใครกำลังมา? แล้วจะเป็นยังไงต่อไป

ลุ้น...โอ้ยย เครียดอ่ะ อยากให้เรื่องราวจบลงด้วยดี

ทั้งพี่โตและเนม ขอให้แฮปปี้ทีเถ๊อะ!!! :serius2:


ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อร๊ายยยย ตื่นเต้นจังเลยค่ะ >___<
ระเบิดนั่นคืออะไร เกิดอะไรขึ้นรึป่าว
ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอ่ะ กดดันมากๆ ไม่อยากให้เศร้าน้าาาา
วงจรวิทย์ กัน เมฆนี่ช่างน่าปวดหัว
แต่ชอบสรรพนามแทนพี่โตจริงๆค่ะ XD เฮียเหี้ยๆเนี่ย ฮาๆๆ

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Improbable 42 : บันทึกเหตุการณ์ ฉบับที่สาม



บันทึกเหตุการณ์ฉบับที่3-4/25XX

วันที่    18 มกราคม 25XX

เรื่อง การก่อจลาจลเพื่อหลบหนีของนักโทษ แดนสิบสอง เรือนจำXX จังหวัดXX

เรียน  (ข้อมูลปกปิด)

สำเนาถึง   (ข้อมูลปกปิด) อธิบดีกรมราชทัณฑ์



     เวลาประมาณ 07.20 นาฬิกา  เกิดเสียงระเบิดขึ้นบริเวณแดนสิบสอง ติดกับทางเข้าบริเวณแดนพิเศษ มีคำสั่งให้ตรึงกำลังอย่างแน่นหนา แต่ยังไม่มีรายงานว่าอาวุธของผู้ต้องขังได้มาจากที่ใด  รวมทั้งมีนักโทษลอบเข้ามายังที่ทำการของเรือนจำ แต่ทางเจ้าหน้าสามารถควบคุมตัวไว้ได้* พัศดีปรมัตถ์และผู้คุม ได้นำตัวนักโทษรายนั้นไปสอบสวน และยังได้ให้นำทางหน่วยชุดปฏิบัติการจู่โจมของกรมตำรวจเข้าไปยังแดนสิบสอง พื้นที่ที่มีการก่อจลาจลหนักที่สุด


* นาย กันตธร จิรารักษ์ นักโทษแดนสิบสอง


**อนุญาตให้ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนปลอมผสมกระสุนจริงในการจัดการนักโทษที่ก่อเหตุ



........................



         เงาร่างของชายคนหนึ่งที่เดินตัดไปยังด้านหลัง ก้าวเท้าดุ่มๆเพื่อจะไปยังที่เกิดเหตุนั้นเป็นคนที่ทินมองแล้วรู้จักทั้ง
ยังไม่คิดว่าจะผิดตัวแน่ แต่ว่าภาพของไอ้เนมที่ถูกผู้พัศดีและผู้คุมอีกสี่ห้านายตามประกบทำเอาทินเบิกตากว้าง ด้วยความงวยงงทั้งยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


        เรื่องไอ้เนมไปทำงาน เหี้ยพี่โตมันบอกไว้แล้วว่าไปจัดการเรื่องกล้องกับหาตัวสายลับ จะได้เอามาต่อกรกับทั้งพวกพัศดีและพวกป๋า เรื่องมันพลาดถูกจับได้ ทินพอจะทำใจไว้แล้ว แต่ภาพที่มันถูกจับพร้อมกับถูกพาตัวมาแบบนี้หมายความว่ายังไง


       แล้วไอ้พัศดี มันคิดอะไรของมันกันแน่ มันบ้ารึเปล่า ถึงกล้าเดินดุ่มๆเข้ามาในเรือนจำที่นักโทษกำลังจลาจลกันอยู่แบบไม่ห่วงชีวิตตัวเองสักนิด!?


         ฉึบ..


            คิดแบบนั้น หากเงาดำบางอย่างที่ปรากฏขึ้นรางๆด้านหลังทำเอาทินเสียววาบ นักโทษหนุ่มหันหลังกลับไปมอง เพื่อจะได้เห็นภาพที่น่าตกใจ..เมื่อกองกำลังตำรวจในชุดหน่วยคอมมานโดสีดำสนิท กำลังพากันกรูเข้ามาบริเวณในเรือนจำ บ้างก็โรยตัวลงจากหลังคา ร่างสูงใหญ่ในชุดพรางพร้อมหมวกสีดำพรางหน้าตา หน้ากากกันแก๊สพิษ เสื้อกันกระสุน ต่างก็ถือปืนถือสไนเปอร์ไว้ในมืออย่างเต็มที่บ่งชัดว่าพร้อมปฏิบัติการ


        ทันทีที่เห็น ไวเท่าความคิดฝ่าเท้าก็เตรียมวิ่งหันหลัง ต่อพี่โตมันจะสั่งให้ดูแลเมียมัน แต่ภาพที่เห็น ความจริงที่ว่าต่อให้พยายามยังไงก็คงพาตัวไอ้เนมมาไม่ได้ทำให้ทินตักสินใจจะวิ่งไปบอกเฮียโตของเขาให้เร็วที่สุด


        สมองวิ่งเร็วจี๋ ถ้วยคำที่ได้รับจากคนเป็นลูกพี่ยังดังอยู่ในสมอง


    หนึ่งคือคำสั่งต่อตัวเขา ให้คอยช่วยไอ้เนม ทั้งปกป้องและคุ้มครอง กันท่าให้มันทำตามแผนจนสำเร็จ


   สองคือคำสั่งสำหรับสถานการณ์ที่มีคนอื่นตามประกบ ดีที่ไอ้เมฆมันยังคุยรู้เรื่องอยู่บ้าง แผนนี้จึงสำเร็จโดยง่าย


   กับคำสั่งสุดท้าย ถ้ามีอะไร ผิดปกติ รีบแจ้งลูกพี่ทันที


    และตอนนี้ เมื่อเลือกทำตามคำสั่งแรกไม่ไหว ก็ขอสู้ตายเพื่อไปบอกมันตามคำสั่งสุดท้ายแล้วกัน!


      กริ๊ก....



        เสียงขึ้นไกปืนดังขึ้นทำให้ร่างสั่นไหว...ฝีเท้าชะงักงัน


        ฝีเท้าว่าเร็วแล้ว ขยับตัวเร็วแล้ว เร็วเท่าความคิด ทว่าความคิดของเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความไวของลูกปืน


        ร่างสีดำร่างหนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เล็งปลายกระบอกปืนนั้นมายังหน้าผาก กระแสกดดันที่ไม่ต้องมีแม้กระทั่งคำพูด เพียงปลายกระบอกปืนสีดำสนิทก็ทำให้ทินยกมือขึ้นเหนือศรีษะอย่างจำยอม


        ...ช่องท้องโหวงเหวง หัวใจเสียววาบ


         กลืนน้ำลายที่แสนแห้งผากลงคอช้าๆ ริมฝีปากเม้มแน่น ทินรู้สึกถึงลมหายใจที่สั่นไหว จากหางตายังมองเห็นร่างสีดำยังกรูกันเข้าปฏิบัติการไม่ขาด ขนาดตัวเขาที่ไม่ได้ตกลงใจเป็นผู้ร่วมปฏิบัติการ ตัวเขาที่บัดนี้เข้าร่วมกับเหี้ยพี่โตเพื่อจะหยุดยั้งไม่ให้ป๋ามันออกไป เมื่อมองเห็นกลุ่มคนติดอาวุธท่าทีพร้อมรบเช่นนั้นแล้วยังหนาวสันหลัง จะนับประสาอะไรกับเหล่านักโทษที่บัดนี้กำลังก่อจลาจลกันอย่างบ้าคลั่งเล่า


     และยัง...เฮียโตที่ตอนนี้รับบทเป็นผู้นำ หรือไอ้เนมที่กำลังโดนหิ้วคอไป กระทั่งไอ้เฮียคมที่กำลังเย้วๆปลุกระดมคนอยู่


     คนพวกนั้น..มันจะเจออะไรกันบ้าง? และไอ้พัศดีปรมัตถ์ มันจะใจเย็นพอจะรับฟังเรื่องทั้งหมดไหม? หรือทุกคนจะถูกรวบตัวในฐานะผู้ก่อจลาจลกันเสียหมด?


     สำหรับทิน เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิด เมื่อนายตำรวจชุดปฏิบัติการจู่โจมนายนั้น เอ่ยคำสั่งห้วน สั้น เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามใส่เขา


       "ประสานมือไว้เหนือศรีษะ แล้วนอนราบลงกับพื้นเดี๋ยวนี้!!"



...........................



          นับแต่วินาทีที่หันหลังให้พี่ทิน วิ่งพรวดๆเข้าไปหลังประตูใหญ่นั้นแล้วความหวาดหวั่นก็ดีดตัวขึ้นสูง นัยน์ตาของผมมองฝ่าความมืด ลูกตาส่ายล่อกแล่กพยายามมองหาและคลำทางที่ตัวเองจะไปอย่างสุดความสามารถ นึกร้อนใจทั้งอยากให้ดวงอาทิตย์โผลขึ้นมาเร็วๆทั้งไม่อยากให้มันโผล่มา คิดแล้วรู้สึกเบื่อกับความสับสนของตัวเองชะมัด


        ก็มันช่วยไม่ได้นี่ เพราะตอนนี้ดวงตาผมมองฝ่าความมืดไปแทบจะไม่เห็นว่าตัวเองควรเดินทางไหน ได้แต่แอบหลบมุมตรงหลืบอาคาร โผล่หน้าไปเมียงมองเผื่อมาคนมา แล้วก็วิ่งฉิวไปหลบอยู่ในมุมมืดอีกที่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อจะไปถึงตัวอาคารที่ทำการเรือนจำและห้องทำงานใหญ่ของพัศดีให้เร็วที่สุด


         พี่โตและพี่ทินพูดถูกว่าผมควรจะงานนี้ เพราะผมเป็นคนที่มาที่นี่"บ่อย"กว่าชาวบ้านชาวช่องเขา รู้ดีว่าห้องพัศดีอยู่ที่ไหน และยังค่อนข้างชินกับการเดินเข้ามาในนี้ ดังนั้นเส้นทางจึงไม่น่ามีปัญหา นั่นมันก็จริง แต่เหมือนผมและทุกคนจะลืมไป ว่าเวลาที่ผมต้องลอบเข้ามาน่ะ...มันกลางคืน


         โอเค ไม่ใช่กลางคืนก็ได้ ต่อให้มันจะเป็นยามใกล้รุ่ง แต่เวลาตีห้านี่มันก็ยังไม่มีแสงตะวันสาดส่องให้เห็นทางอยู่ดี ต่อให้การพรางตัวมันจะง่ายเมื่อไม่มีแสงแดดจ้าๆสาดให้เห็นกันทั่ว แต่กับผมที่ต้องวิ่งไปด้วยซ่อนไปด้วยน่ะ อย่าหวังว่าจะมีโอกาสได้เดินไปตามทางปกติที่เคยมาท่ามกลางแสงไฟสว่างโร่อันนั้นน่ะฝันไปได้เลย ถ้าเดินเข้าออกแบบสง่าผ่าเผยได้ จะเรียกว่าลอบมาทำไมเล่า


         คิดพลางกวาดตามองตามทางเดินที่บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงของผู้คน ร่างของผู้คุมหลายนายวิ่งผ่านไปด้วยสีหน้าเร่งร้อน  บ้างก็พูดคุยอะไรกับวิทยุสื่อสารเสียงดัง ขณะที่หูผมก็แว่วเสียงโห่ร้องลั่นของบรรดานักโทษที่อยู่ในเรือนจำและจากที่นี่ ยังสามารถเห็นท้องฟ้าที่มีสีแดงของกองไฟได้อยู่เลย


       ฝ่ามือแตะลงบนกุญแจในกระเป๋า กำแน่นขณะที่ค่อยย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง นัยน์ตาผมมองโดยรอบอย่างสังเกตสังกาอีกครา ผู้คุมที่วิ่งวุ่นนั้นพากันออกไปกันหมดแล้ว โดยรอบตอนนี้ไร้สิ่งมีชีวิตใดมีเพียงแสงไฟเปิดสว่างโร่  นั่นจึงเป็นสัญญาณที่ดีให้ผมออกวิ่ง!


        หอบเบาๆ ยามมาถึงที่ซ่อนอีกแห่งที่เล็งตัวไว้ ไอ้เนมแนบตัวลงกับผนังในซอกตึกแคบๆ นิ่งพักให้อาการหอบลึกนั้นคลายตัวลง หัวใจที่เต้นโครมครามนั้นค่อยๆสงบ ขณะที่ดวงตาของผมจ้องเป๋ง มองไปยังอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล จากการคาดคะเนด้วยสายตาผม รวมทั้งจากประสบการณ์ที่เคยเข้าออกที่นี่และไปห้องนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน ระยะห่างจากที่ๆผมอยู่ หากวิ่งสปีดเต็มฝีเท้า แล้วพยายามเข้าไปในห้องนั้นได้ จะกินเวลาประมาณห้านาที..


          สิ่งที่ต้องทำคือการหาเวลาปลอดคน ปลอดสายตาสอดส่องแล้ววิ่งไปในห้องนั้นให้จงได้ การวิ่งไปถึงนั้นยังว่าง่าย แต่ทว่า การวิ่งไปให้ถึงกับการวิ่งไปแล้วพยายามเปิดประตูมันต่างกันนัก จากเมื่อครู่ที่ผมหลบซ่อน จนสามารถเคลื่อนตัวมาถึงบริเวณห้องทำงานของพัศดี ซึ่งถือเป็นส่วนกลางของที่ทำการเรือนจำก็ถือว่าใช้ได้อยู่หรอก แต่การวิ่งไปหน้าห้องพัศดีแล้วเข้าไปน่ะมันยากกว่ามาก คิดแล้วก็คลำๆดูกุญแจในกระเป๋าอย่างใจตุ้มๆต่อมๆ จะว่าไปเรื่องนี้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ของโคตรปาฏิหาริย์อีกเรื่อง ใครจะคิด ว่ากุญแจที่ผมได้มาจากไอ้เป้ จะเป็นกุญเเจที่ใช้ไขเปิดประตูใหญ่ในแดนต่างๆทั้งยังเป็นกุญแจสำหรับเข้ามาที่นี่ด้วย


          น่าสงสัยไม่น้อยว่าไอ้เป้มันได้กุญแจมาจากไหน แต่ก็ต้องเก็บไว้ก่อนเพราะมีเรื่องสำคัญกว่านั้นคิด ที่ผมรู้เรื่องนี้เพราะวันก่อนพี่โตแอบเอามาลองไขดู ปรากฏว่ามันทำได้ ผมจึงสามารถข้ามมาที่นี่ได้ง่ายๆ แต่การจะมีกุญแจห้องของพัศดีอยู่น่ะ..มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ทางที่ผมจะเข้าไปได้ทางเดียว คือรอให้พัศดีรีบออกจากห้องแล้วลืมล็อกประตู ไม่ก็หาเวลาที่ปลอดคนจริงๆ แงะลูกบิดเพื่อเข้าไปซะ!


         ปลายนิ้วของไอ้เนมแตะลงบนพวงกุญแจพวงใหญ่ จับเลื่อนๆไปถึงลวดเส้นเล็กที่คล้องรวมอยู่ด้วยพลางสูดหายใจลึก..


         อย่าแปลกใจเลยว่าผมเอาวิชาสะเดาะกุญแจมาจากไหน เอาตรงๆว่าที่นี่มันคุก ในนี้มีอาชญากรระดับต่างๆมากมาย นับแต่นักล้วงไปจนถึงนักฆ่า แล้วมันจะแปลกตรงไหน หากเทคนิกพวกงัดแงะหรือกลโกงเล็กๆน้อยๆจะถูกสอนกันมาในกลุ่มนักโทษ ผมถึงได้บอกไง ว่าไม่รู้นี่เป็นคุก ที่สำหรับดัดสันดาน หรือเป็นสถานเพาะเลี้ยงอาชญากรกันแน่


          คนที่พอสำนึกได้ กลับตัวได้ก็มี แต่พวกที่นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังใช้ชีวิตในนี้เพื่อฆ่าเวลา รอหมดโทษ ฝึกฝนกลโกงต่างๆใช้ยามออกไปข้างนอกก็มีอีกเช่นกัน


        จะเป็นคนดีที่นอนตาย หรือจะเป็นคนร้ายที่ยืนอยู่


         พี่โตได้พูดและสอนผมไว้แบบนั้น เพื่อให้ผมสามารถใช้ชีวิตในนี้ได้ ผมก็ต้อง"แกร่ง"ได้ไม่แพ้ใคร ต่อให้จะมีพี่โตคุ้มกะลาหัวอยู่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีน้ำยา อย่างที่เคยบอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร อยู่ในคุกผมก็ได้ร่ำเรียนกลวิธีแบบนี้มาเหมือนกัน แม้ส่วนตัวไม่ได้คิดจะเรียนเพื่อทำอาชีพทุจริต แต่ของแบบนี้ แทคติกพวกนี้ก็เป็นประโยชน์ได้ หากนำมาใช้ได้ถูกเวลา..อย่างเช่นตอนนี้


           นัยน์ตาของผมกวาดมอง สอดส่องจนแน่ใจแล้วว่าไร้เงาของสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ ไอ้เนมจึงตั้งท่าวิ่งอีกครั้ง ขณะที่มือก็กำพวงกุญแจพวงใหญ่ไว้แน่น และอีกเสี้ยวอึดใจผมก็ให้สัญญาณกับตัวเอง ฝ่าเท้าก้าวพรวด ดีดตัวถลาไปตามทางเดินที่ร้างไร้ผู้คนเพื่อไปให้ถึงประตูห้องของพัศดีปรมัตถ์


                แกร่กๆ   


                  เขย่าดูเบาๆก็รู้ได้ว่ามันถูกล็อคแน่แท้ ไอ้เนมจึงรีบหยิบลวดเส้นเล็กนั้นออกมา ก่อนจะค่อยๆสอดมันเข้าไปในรูลูกบิด สอดและขยับตามที่ถูกสอนมาอย่างช้าๆ หากเวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีทำให้ลมหายใจที่หอบจากการวิ่งสุดแรงยิ่งถี่จัด เหงื่อเริ่มซึมชื้นและหนาวสันหลังมากขึ้นเรื่อยๆ แทบไม่อยากจะจินตนาการว่าหากมีผู้ใดมาพบเห็นผมในสภาพแบบนี้ ไอ้เนมจะต้องเจอกับอะไร


            กริ๊ก!


               เสียงครางของประตูห้อง พร้อมกับลูกบิดที่ขยับตามแรงบิดทำให้ผมแทบจะร้องกรี้ด แต่ไอ้เนมฝืนเเข็งใจไว้รีบดันตัวเข้าไปในห้องของพัศดี ก่อนะรีบกดล็อคอีกครั้งอย่างเริงร่า


       ในที่สุด!!!


         ผมแทบจะดิ้นแล้วร้องเฮกับความสำเร็จขั้นหนึ่งของตัวเอง แต่ก่อนจะได้ทำอะไรไอ้เนมก็ทรุดนั่ง เอนตัวพิงประตูห้องอย่างหมดแรงข้าวต้ม ก็ทั้งเหนื่อยทั้งเกร็งมานาน ผมขอพักสักแป๊ปเถอะ


        บอกกับตัวเองแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง รูปของพัศดีปรมัตถ์บนโต๊ะทำงานจ้องตอบมาเป็นสิ่งแรกทำเอาสะดุ้งโหยง ไอ้เนมยิ้มอย่างขอลุแก่โทษให้ท่านพัศดีหน้าเคร่งในกรอบไม้สี่เหลี่ยม ริมฝีปากพ่นลมหายใจพรู ก่อนดวงตาจะกวาดมองรอบห้องพลางนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำไปพลางๆ


       กล้องวงจรปิด? อันนี้ตัดไปได้เลวเพราะในห้องไม่มีคอมพิวเตอร์หรืออะไรที่สามารถบอกว่าดูได้เลย ถ้าจะตัดสัญญาณจริง มันต้องอยู่ในห้องควบคุมไหนสักที่เป็นแน่


       เอกสาร...ส่งนี้ต่างหากที่ทำให้ผมต้องนิ่งคิด ทบทวนความทรงจำไปยามที่ตัวเองมาที่นี่ จำได้ว่าพัศดีปรมัตถ์มักจะใส่ข้อมูลชองนักโทษไว้ในแฟ้มห่วงสีดำ และเอาจัดเรียงไว้ในตู้ยาวๆในห้อง


            พอนึกออกก็หันไปมองทันควัน ตู้เอกสารสีเทาทำจากโลหะเป็นสิ่งแรกที่แตะตาและชวนให้คิดถึง หมายเลขเขียนว่าเป็นของราชพัสดุรายการที่หลายพันในรอบปีเด่นหราทำให้ผมเดินไปเมียงมอง ตามเดิมตู้นี่ดูท่าทางจะเป็นตู้ที่ถูกล็อคด้วยกุญแจก็จริง แต่ตอนนี้มันกลับเปิดออกได้ง่ายๆ ถือว่าเป็นโชคของผมนักที่ไม่ต้องสวมบทนักงัดแงะอีกรอบ อาจเพราะพัศดีล็อคห้องแล้ว คงไม่คิดว่าต้องล็อกของอย่างอื่นด้วยกระมัง


           เปิดตู้เองสารมาอย่างครุ่นคิด ไอ้เนมพยายามมองหาแฟ้มที่ตัวเองคุ้นตา แต่ก็ยิ่งตาลายเพราะมันเหมือนกันมากเหลือเกิน เคราะห์ดีนักที่ห้องทำงานของพัศดีเปิดไฟทิ้งไว้แม้ในเวลาเจ้าตัวไม่อยู่ ไม่งั้นผมคงได้งงหนักและมึนหนักกว่านี้แน่ๆ


             "$*_(*++(&&%^$%*(U}POP)*(^&TT^&%R^T&("


          เสียงพูดคุยแว่วมาตามทางทำให้ผมสะดุ้งโหยง ไอ้เนมจ้องมองประตูห้องด้วยความระทึกใจ หวังจะให้เสียงพูดคุยนั้นผ่านไปที่อื่น แต่เหมือนจะเป็นคำอธิษฐานที่ไร้ผล ผมคงใช้โชคดีของทั้งวันหมดไปแล้วเพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงพุดคุยนั้นก็ดังขึ้นตรงประตูห้องและก็มีเสียงครางกุกกักของประตู ก่อนจะเป็นเสียงลูกบิดที่คลายตัวดังกริ๊ก..


             ไม่ได้การแล้ว!!




              "เชิญครับ มาปรึกษากันก่อน" เสียงที่เอ่ยออกมาก่อนเป็นเสียงที่ผมเคยคุ้น พัศดีปรมัตถ์นั่นเอง


              "ขอบคุณครับ งั้นผมขอเอกสารกับ..เอ้อ..รายละเอียด" เสียงของใครไม่รู้ดังขึ้นเบื้องนอกพร้อมกับเสียงเก้าอี้ครูดกับพื้นเบาๆ นึกดีใจนักที่คนเข้ามาไม่ใช่เพียงพัศดีปรมัตถ์เพียงคนเดียว ไม่งั้นไม่รู้ว่าผมจะกลั้นเสียงหอบหายใจของตัวเองได้รึเปล่า  หรือจะถูกจับได้ในที่สุดว่าตัวเองมาซ่อนอยู่ในตู้ก็ไม่รู้


              ใช่แล้วครับ..เวลาฉุกเฉินขนาดนี้ผมก็ไม่อาจจะวิ่งทะลุกระจกออกไปจากห้องเหมือนในหนังได้แน่ๆ ที่ทำได้ก็เพียงซุกตัวลงในตู้ที่ผมเปิดไว้นั่นแหละ เคราะห์ยังดีที่เอกสารในตู้มีไม่มาก และมีช่องว่างหนึ่งช่องที่มีขนาดใหญ่พอควรทำให้ผมตัดสินใจซุกตัวลงไปแล้วงับประตูปิดลงอย่างรีบเร่ง


           แฟ้มเอกสารในอ้อมอกของผมยังมีหน้าที่เปิดค้างไว้เด่นหรา แสงไฟจากด้านนอกทะลุเข้ามาในหลืบของตู้เก็บเอกสารได้เพียงน้อยทำให้ผมได้แต่หรี่ตามอง เห็นหัวกระดาษเบลอๆเป็นชื่ออะไรสักอย่างที่มองไม่ชัด ขณะหูก็นิ่งฟังเสียงพูดคุยของพัศดีกับใครอีกหลายคนที่ทยอยกันเข้ามาเงียบๆ ฟังจากคำพูดเป็นทางการและบรรยากาศท่าทางเคร่งเครียดก็บอกได้แล้วว่าพวกเขาคงจะมาประชุมกันเพื่อจัดการเรื่องจลาจลในวันนี้ และท่าจะนานมากๆเสียด้วย       

         
            หอบหายใจเบาๆเอาอากาศเข้าปอดอย่างอึดอัด เริ่มนึกอยากด่าตัวเองที่เข้ามาซ่อนอยู่ในนี้ ก็ตู้เก็บเอกสารนี่นอกจากจะมีกลิ่นกระดาษกับกลิ่นฝุ่นแล้วยังไม่มีอะไรนอกจากนั้นให้ผ่อนคลายเลย ซ้ำรูระบายอากาศยังไม่มี แถมประตูก็ปิดหมด แบบนี้ผมจะเอาอากาศจากไหนหายใจกันเล่า


          อยากจะครางออกมาก็ยังไม่กล้า ไอ้เนมได้แต่เอามือกุมจมูกไว้อย่างเต็มที่  มันคงเป็นอะไรที่ไม่ขำนักถ้าผมเกิดจามขึ้นตอนนี้ อ่า..คิดแล้วได้แต่ขนลุก


          ก้มมองเอกสารในมืออีกครั้งด้วยความพยายามมากขึ้นด้วยไม่อยากให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ แต่แม้กระทั่งกอไก่สักตัวก็ยังเห็นได้ยาก ที่มองเห็นชัดที่สุดตอนนี้คงจะเป็น...หน้าคนที่ผมคิดว่าไม่อยากจะเห็นมากที่สุด...ไอ้เป้


         อดจะเบ้หน้าไม่ได้เมื่อคิดว่าแฟ้มที่เอามานี่คงเป็นแฟ้มประวัติหรือแฟ้มอะไรสักอย่างของไอ้เป้ที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับผม ก็จะเอาอะไรกับคนที่เป็นพวกป๋า ซ้ำยังทำตามคำสั่ง"ทุกทาง"กระทั่งบอกให้มาถวายตัวให้ผู้ชายด้วยกันก็ยังทำอย่างมัน เฮอะ!


         ว่าแต่...เมื่อไหร่จะประชุมเสร็จกันครับเนี่ย?

..............

....

..

.

.


         "ครับ..งั้นเราตกลงตามนี้ เตรียมปฏิบัติการได้เลย!" ข้อสรุปที่ได้มาหลังการประชุมคร่ำเคร่งกว่าสามชั่วโมงทำให้พัศดีหนุ่มลอบถอนหายใจโล่งอก เขามองไปยังร่างของผู้ชายซึ่งเป็นหัวหน้า"ชุดปฏิบัติการจู่โจม"ฝีมือดีของกรมตำรวจในชุดสีดำสนิท สีหน้าของทุกคนไม่ดีนัก ด้วยรู้ข้อตกลที่พุดคุยกันเมื่อครู่..อาจจะมีการต้องหลั่งเลือด หากเกิดเหตุการณ์เกินควบคุมขึ้นมา


        และที่ต้องใช้คนพวกนี้ไม่ใช่เพราะเหตุใด ไม่ใช่เพราะการก่อจลาจลนั้นรุนแรงเสียจนรับไม่ไหว มันรุนแรงก็จริงอยู่แต่มันยังอยู่ในระดับ"พอรับได้"หากเรือนจำนี้ไม่มีเขตที่เรียกว่า"เรือนจำพิเศษ" และบุคคลเหล่านั้น..


       ผู้ทรงอิทธิพล คนที่กว่าจะจับมาได้ก็ยากแสนยาก ผู้ร้ายข้ามแดน ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ต่างก็อยู่ที่นี่ทั้งนั้น


       นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาร่วมจัดการ เพราะหากปล่อยให้เหล่าอาชญากรตัวใหญ่เหล่านั้นฉวยโอกาสจากช่วงเวลานี้ เจ้าตัวสามารถหลุดออกไปได้ การตามตัวกลับมาท่าจะยากแน่แท้


       และนั่นมันหมายถึงชีวิตของอีกหลายๆคนที่ต้องยำแย่ และรวมถึงหน้าที่การงานของเขาที่ต้องมีปัญหาเช่นกัน !


        คิดพลางถอนหายใจเบาๆ ก้าวขาไปยังตู้เก็บเอกสาร ปรมัตถ์ไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ เขาพอรู้ว่าคนพวกนั้นจะชักใยให้นักโทษก่อจลาจลเพื่อตนจะได้ออกไป แต่ก็ไม่นึก ว่ามันจะเร็วถึงขนาดนี้..เร็วจนไม่ทันตั้งตัวและเตรียมใจใด และทำได้เพียงตัดสินใจจบปัญหาลงอย่างรวดเร็วที่สุด นี่ช่างถือเป็นความผิดพลาดของเขาโดยแท้..


          และยังข้อเรียกร้องของนักโทษนั่น ฟังแล้วความเชื่อมั่นที่เคยมีมาค่อยสั่นไหว ที่ผ่านมาปรมัตถ์คิดตลอดว่านักโทษเหล่านี้ อาชญากรเหล่านี้สมควรได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดไม่ปล่อยผ่าน แต่เมื่อวันนี้ การกระทำของตนถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เหล่านักโทษไม่พอใจจนถึงขั้นก่อจลาจล มันทำให้ความรู้สึกพลันสั่นไหวขึ้นมา


            ..หรือ..การใช้ความรุนแรงและกฏที่เคร่งครัดไม่ผ่อนปรน จะไม่สามารถควบคุมคนเหล่านี้ได้จริงๆ


            ตุบ...


             ละออกจากภวังค์ นัยน์ตาสีเข้มกระพริบปริบๆ พัศดีหนุ่มจ้องมองร่างของนักโทษรายหนึ่งที่เขาคุ้นตากลิ่งโค่โร่ลงมาแทบเท้าในสภาพหน้าซีดด้วยดวงตาเบิกกว้าง..


         นี่มันอะไรกัน!?


.........................     

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด