หอบแฮ่ก ฝีเท้าที่วิ่งฝ่าฝูงชนซึ่งกำลังโห่ร้องมีชัยเพื่อให้ไปถึงตัวไอ้เนมและไอ้พี่ทินตามคำพูดของคนรัก เมฆวิ่งจนหัวหมุ่น มึนงงและตาก็ยังต้องจับจ้องแผ่นหลังของคนที่เขาถูกสั่งให้ตามไว้ แม้สมองจะยังงวยงง ไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่พี่วิทย์มันทะเลาะกับไอ้เนม หรือเรื่องที่พวกมันคุยกัน รวมทั้งเรื่องที่พี่ทินแม่งเข้ามาเสือก
"ไอ้เนมล่ะ?" มาถึงตัวไอ้พี่ทินที่ยืนอยู่แถวนั้นในที่สุด แต่ไม่เห็นเงาอีกคนเลยออกปากถาม เมฆกุมเข่าตัวเองแล้วก้มตัวหอบแรงๆเอาอากาศเข้าปอดเพราะความเหนื่อย
"ไม่รู้ กูก็ไม่เห็น ตามหลังมันไม่ทัน" คำตอบนั้นฟังไม่ขึ้นเอามากๆ เมฆฟังแล้วมุ่นหัวคิ้วทันควัน
"เมื่อกี้ยังเห็นพี่ลากแขนมันมาอยู่เลย" คำตอบนั้นบ่งชัดว่าไม่เชื่อถึงสิ่งที่บอก เมฆกวาดตามองโดยรอบอย่างสังเกตสังกา ที่ๆเขายืนอยู่คือบริเวณทางเชื่อมไปยังด้านหน้า ซึ่งเป็นที่ทำการของเรือนจำ นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้รู้สึกสังหรณ์ใจวาบ
หรือว่า...ไอ้เนมมันจะ..!!
"มันเข้าไปใช่ไหม? มันไปบอกไอ้พวกพัศดีใช่รึเปล่า!" น้ำเสียงถามขึงขังนั่นทำให้ทินถึงกับเครียด ฝ่ามือที่กำเศษกระเบื้องคมๆไว้เริ่มเกร็งสั่น มองเห็นไอ้เมฆมันมีท่าทีตดใจจนคาดไม่ถึง โวยวายลุกลี้ลุกลนอย่างที่ควรจะเป็นแล้วชักปวดหัวตุบ
"มึงไปหาไอ้วิทย์ได้แล้ว!"ตะโกนใส่มัน ไม่ใช่เพราะกลัวที่ถูกรู้ทัน แต่เป็นเพราะเขากำลังเตือน..ทั้งเตือนมันและเตือนตัวเองว่าให้หยุดและจากกันไปเพียงเท่านี้
ถ้าไอ้เมฆโวยวาย ถ้ามันจะไปบอกคนนั้นคนนี้ ทินก็ต้องกำจัดมันไม่ให้มันพูด เขาตวาดใส่มันเพื่อขู่ให้มันออกไป ไม่ให้มันมาสนใจหรืออยากเสือกเรื่องอะไรที่พวกตนกำลังทำอยู่ ก็เพราะไม่อยากจะฆ่าใครอีกแล้ว
สาเหตุหนึ่งที่ยอม"เสี่ยง"กับลูกพี่ ก็เพราะเรื่องนี้ก็ด้วยไม่ใช่หรือ..ตราบาปที่เขาเคยทำกับไอ้นพนั้นคอยตามมาหลอกหลอนจนแทบไม่เป็นสุข ตัวมันยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ลงมือไปแล้วสุดท้ายก็ต้องจมอยู่กับฝันร้าย ถูกหลอกหลอนด้วยภาพของไอ้นพที่ทิ้งตัวลงไปในบ่อน้ำที่มืดทึบด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จ้องมองเขม็งราวกับจะสาปแช่ง
แค่คิด ความรู้สึกพะอืดพะอมยังตามมาหลอกหลอน เพียงจินตนาการว่าจากนี้ไปจะต้องทำแบบนั้นไปซ้ำๆ มันแทบจะอยากสำรอกของกินออกมาให้หมดกระเพาะ แล้วพอลูกพี่บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งป๋าอีกแล้ว บอกว่าสามารถเป็นอิสระได้ถ้าเลือกจะ"เสี่ยง" ทินถึงได้ยอมทำยอมเข้าร่วมทั้งที่ไม่มีหวัง เพียงเพราะเขาเกลียดชังคนที่เป็นต้นตนของทุกอย่างเกลียดป๋าที่มันใช้ชีวิตพวกเขาเหมือนเป็นของเล่น
ไอ้เรื่องเป็นคนดีทำเพื่ออุดมการณ์ เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในสมองของเขาหรอก ทำดีแล้วคนอื่นยกย่องสรรเสริญ เรื่องนั้นมันก็แค่ขี้ปากของคนที่ยกยอปอปั้นขึ้นมาเท่านั้น พอไร้ค่าแล้วก็ขับไล่ไล่ส่งเพราะไร้ประโยชน์ เรื่องความดีทั้งหลายก็เป็นแค่นิทานหลอกเด็กที่ต้องการให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเท่านั้น
ไม่ต้องเอาเรื่องทำความดีมากรอกหูให้ทำตาม กับมันน่ะไม่มีผล ทินก็แค่อยากจะต่อต้านพวกมัน อยากจะเห็นสีหน้าคั่งแค้นของไอ้ป๋าเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อยากจำร้ายมันให้สาสม ให้มันรู้สึกถึงรสชาติของการถูกกดขี่ก็เท่านั้น
"ทำไม?" แค่เห็นท่าที เห็นคำพูดนั้นก็พอรู้แล้วว่าที่เขาสันนิษฐานมันคือความจริง เมฆคำรามถามออกไปอย่างเคืองแค้น ไม่เข้าใจและไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รุ้ ทำไม? เขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ได้ออกไป แต่ทำไมถึงไม่ยอมออก ทำไมถึงอยากจมปรักอยู่ที่นี่ ทำไมถึงได้อยากจะโดนขังนัก ทั้งไอ้เนม ทั้งไอ้พี่ทิน คนพวกนี้มันอะไรกันนักกันหนา!!
“กูมีหน้าที่ของกู!!!” เสียงตวาดลั่นทำให้เมฆถึงกับสะดุ้ง “พี่โตสั่งให้กูมาเฝ้าตรงนี้ แล้วรีบไปรายงานทันทีที่มีพวกไอ้พัศดีมันเข้ามา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่มึงคิด”
“พี่จะตอแหลไปถึงไหน?” เมฆแสยะยิ้ม เขาไม่ใช่คนโง่
“ตามใจมึง แต่จำไว้ว่าอยู่นี่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” ทินคำรามกลับ เขาแสร้งทำท่ารำคาญทั้งที่ในใจกำลังร้อนรนแทบบ้า..
“แล้วไอ้เนม...”
“ไม่ได้ยินหรือไง ว่ามันก็ไปทำงานของมัน!” ทินสวนกลับห้วนๆ
“งั้นกูจะรอ...”
“ตามใจ” รับคำ หากสมองยิ่งเครียดขึง ทินมองหน้าไอ้เมฆที่มองเขาด้วยแววตาวาววับราวกับจับผิด การทำแบบนี้มันงี่เง่า ทินรู้ดี เขากำลังยืนกระต่ายขาเดียวแบบโง่ๆ ในเมื่อไอ้เมฆมันก็รุ้ดีแก่ใจแล้วว่าอะไรเกิดขึ้น
แต่จะให้ทำยังไง? ยอมรับเหรอ? ตอบรับแล้วให้มันไปบอกผัวมันหรือ? จะให้แผนของลูกพี่มันล่มได้รึไง
แล้วพอคิดจะฆ่า...ทินกลับไม่ใจแข็งพอใจเชือดมันทั้งๆที่มันไม่ได้ผิดอะไร
ก็แค่ทางเดินของเราสวนทาง...จำเป็นหรือต้องทำร้ายกัน?
ดังนั้น ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือการนิ่ง ยืนยันและรอกันท่า ไม่ให้ไอ้เมฆมันวิ่งโร่ออกไปบอกใคร และอีกทั้งรอ...รอให้ไอ้เนมมันกลับมาสักที
...เดิมพันตอนนี้ มีเพียงให้งานที่ไอ้เนมรับไปทำสำเร็จเท่านั้น
“หึ...ตอนนี้มันคงนั่งกินน้ำเย็นในห้องพัศดี รายงานเรื่องราวสบายใจเฉิบ” เวลาคืบคลานไปนานเท่าไหร่ก็สุดจะรู้ แต่ทินก็ยังยืนพิงต้นมะม่วงรออยู่ตรงที่เดิม เช่นเดียวกับไอ้เมฆที่นั่งรออยู่ไม่ไกล จากท้องฟ้ามืดมิด จวบจนฟ้าสาง และตอนนี้แสงแดดแผดจ้า ก็ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้น
ทินยังคงนิ่งเช่นเดียวกับเมฆที่นั่งรอ พวกเขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เสียงโห่ร้อง ควันไฟ การถูกจับตาและคนพลุกพล่าน ทั้งหลายนั้นถูกจดจำไว้ทั้งหมด
นั่งเงียบมาเนิ่นนานก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป คิดจะเดินหนีไปหาพี่วิทย์เป็นร้อยๆครั้ง แต่ทุกครั้งคำสั่งของมันที่บอกให้เฝ้าไอ้เนมก็รั้งให้เขายังคงอยู่แม้จะเบื่อหน่ายแค่ไหน และที่สำคัญ เมฆรู้ดี..ตัวมันรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น หากไปบอกเรื่องนี้กับคนอื่นๆ พวกมันจะต้องถูกหมายหัว ไอ้พี่ทินไม่ยอมให้มันไปไหนแน่ๆ
ตอนแรกมันถุกส่งมาให้เฝ้าไอ้เนมและไอ้พี่ทิน แต่ตอนนี้กลายเป็นพวกเขากำลังคุมเชิง เฝ้ามองอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน
เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแผนการนี้ ต่อให้เมฆจะไม่ได้มีหน้าที่ทำงานอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า หากต้องทำ..เขาจะทำไม่ได้
ไอ้เมฆก็เป็นนักโทษคนนึ่ง เคยเจอเรื่องเลวร้าย เคยถูกเหยียบ เคยเปื้อนเลือดเปื้อนโคลนเหมือนกับพวกมึง แล้วทำไมตอนนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้แผนการณ์ของเขาสำเร็จลุล่วงไม่ได้
เพราะคิดแบบนั้นเขาจึงนิ่ง..ทั้งคุมเชิงระแวดระวังและพยายามเก็บข้อมูลต่างๆไปในตัว แต่คนเราก็ย่อมมีขีดจำกัด เมฆอดทนนั่งเฝ้ามาหลายชั่วโมง พอแสงอาทิตย์เริ่มร้อนแรง เขาจึงเอ่ยปากประชดประชันออกไปอย่างไม่พอใจ
เมื่อเอ่ยออกไปหนึ่งประโยค คำพูดต่อมาก็ยิ่งง่ายขึ้น "ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ว่ะ แม่ง ...พี่เข้าข้างไอ้เนมให้ไปเผาเพื่อนตัวเอง กูไม่เข้าใจ หรือพี่เห็นว่าไอ้ความคิดโลกสวยงี่เง่าของไอ้เนมมันจะทำให้พวกมึงรอดกัน? หรือนี่พวกมึงคิดจะทำตัวเป็นฮีโร่!" เมฆส่ายหัว เอ่ยปากประชดประชัน “คนคุกอยากเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลย ...ขยะมันก็ยังเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ”
“..............” ทินเพียงแค่ปรายตามองคนพูดเงียบๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
“ คิดไม่ออกจริงๆว่าทำไมพวกมึงถึงแปรพักตร์ไปได้ ทั้งๆที่ป๋าน่ะ ออกจะ...” พลันดวงตาเขาก็เบิกกว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ "แล้วนี่...เหี้ยพี่โตล่ะ อย่าบอกนะว่าพวกมึง..."
คนพวกนี้คิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?
เรื่องไอ้เนมจะเอาเรื่องไปบอกพัศดีว่าน่าตกใจแล้ว แต่การที่พี่ทินมันยอมช่วย หมายความว่ายังไง? พี่โตมันรู้ไหมและถ้าพี่โตมันรู้ ..ตอนนี้ก็แสดงว่าพวกเขากำลังโดนมันขัดขวางงั้นเหรอ?
เมฆมองหน้าทินอย่างตกตะลึง ความงวยงงยังผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายกับเรื่องที่เขาได้รู้
ทำไมล่ะ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ทั้งๆที่น่าจะออกไปจากกรงขังบ้าๆนี่ แต่ทำไมกัน ทำไม?
"เงียบซะ" ปฏิกริยาที่ได้รับคือการปฏิเสธทั้งหมด ร่างที่เคยยืนเงียบมาหลายชั่วโมงเคลื่อนเข้าหาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเต็มไปด้วยท่าทีแห่งการคุกคามอย่างเต็มที่ เสียงคำรามจากลำคอของทินดังกว่าที่เคยทำให้เมฆนึกกลัวก็จริง แต่ความงวงยงง ความสงสัย ความไม่พอใจมันมีมากกว่านั้นนับสิบเท่า!
"ก็ได้..งั้นกูจะไป " เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง เมื่อไม่มีคำตอบที่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร เมฆก็หมดความอดทนในการรอคอยนี้แล้ว ในเมื่อรอมานาน ร่างของไอ้เนมยังไม่ปรากฏ เขาก็จะทำอย่างที่ควรทำ นั่นคือเอาความจริงเหล่านี้ไปบอกทุกคน!
ต่อให้มึงจะเป็นพี่...หรือว่าเพื่อนร่วมห้องขัง...
..กูก็ไม่มีวัน ยอมให้พวกมึงมาทำลายความหวัง ทำลายความตั้งใจของพวกกู!
"มึงเตรียมตัวไว้แล้วกัน กูไม่มีวันยอมให้แผนของพวกมึงสำเร็จ!!"
ผลั่วะ!
"กล้าก็ลองดู!" เสียงตะโกนของมันสร้างความหงุดหงิดและเครียดขึ้งมากขึ้นเป็นเท่าทวี ฝ่ามือหนาจึงกระชากแขนมันให้เซเข้าหาซัดกำปั้นลงบนหน้าของไอ้เมฆด้วยเรี่ยวแรงไม่น้อย ทั้งยังปลดปล่อยความตึงเครียดเจียนคลั่งจากการรอคอย การเฝ้าดูท่าทีของอีกฝ่ายหลายอยู่ชั่วโมง ร่างของเมฆจึงทรุดฮวบ กองลงไปกับพื้นหญ้าโดยที่ฝ่ามือของทินกำคอเสื้อมันไว้แน่น
"ไอ้ห่า เอาแต่พล่ามว่าจะออกไป กูจะทำตามฝันอย่างนั้นอย่างนี้ ฟังแล้วจะอ้วก!" ทินคำรามลั่น "มาเยาะเย้ยว่ากูอยากเป็นฮีโร่ แล้วสรรเสิญไอ้ป๋าอย่างโน้นอย่างนี้ ถุย!”
“อย่ามาพล่ามเหมือนกูเป็นผู้ร้ายคอยขัดขวางมึง หรือเป็นพระเอกที่คอยทำความดี มึงอย่ามาเห่าหอนให้กูได้ยิน ที่กูไปเพราะกูเกลียดไอ้เหี้ยพวกนั้น กูเกลียดมัน กูแค้นมัน แต่น่าขำ...คนที่เคยถูกพวกมันเหยียบจนแทบไม่เหลือความเป็นคน คนที่สาบานว่าจะตามจองล้างจองผลาญพวกมัน วันนี้กลับมาสรรเสิญเยินยอขอตามรับใช้ชั่วชีวิต.. “
“อึ่ก....” คำพุดนั้นทำให้คนฟังเบิกตากว้าง
“กุ...กูวางความแค้นไว้ เพรากูอยากจะออกไป ไม่เหมือนมึงที่ยึดติดแต่ความโกรธ เอาแต่พุดว่าแค้น จนทำอะไรโง่ๆ!”เมฆสวนกลับอย่างเคืองใจไม่แพ้กัน
“ถ้ามึงคิดว่าตัวเองฉลาด ก็เชิญ” ทินฟังแล้วนึกขำนัก "แต่ถ้าสมอ’ยังมี ก็คิดเอาแล้วกัน ว่าจะออกไปมีชีวิตแสนสุขได้อย่างที่ปากว่าไหม.."
“ทำเหมือนจำไม่ได้...ว่าพวกมันทำอะไรไว้ แต่ถ้ามึงคิดว่านั่นเป็น”ความรักใคร่เอ็นดู”ในฐานะคนโปรด กูก็ขอยินดีด้วยแล้วกัน”
คำพุดนั้นทำให้ผู้ฟังเบิกตาค้าง..
สมองกลับย้อนภาพอดีต ความทรงจำอันเลวร้ายที่ถูกขุดหลุมฝังอยู่ภายในใจ ครานี้กลับถูกประโยคด่าทอของทินขุดมันขึ้นมาอีกครั้ง..
..ทำไมจะจำไม่ได้
จำได้สิ จำได้ดีว่ามันทำยังไงกับเขา จำได้ว่ามันเคยเอาเชือกล่าม เคยเอาโซ่รัดคอ เคยห้เลียฝุ่นบนพื้น เคยเอามีดมา กรีดผิวเนื้อ เคยทารุณเสียจนแทบหมดความเป็นคน เคยข่มเหงเขาเสียจนย่อยยับ..
หลุมลึกของความเคืองแค้น อดีตอันดำมืดที่เคยพบเจอ ไม่เคยเอามันออกจากใจ บางค่ำคืนมันกลับมาหลอกหลอนซ้ำให้ต้องเบิกตาค้าง นอนตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของเขาที่ต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวภายใต้เงื้อมเงาของคนพวกนั้น นอกจากรอยแผลจากร่างกาย ยังมีรอยแผลที่รักษายากกว่านักในหัวใจ
ความแค้นเคือง ความเกลียดชังและความหวาดผวาลึกๆทำให้เมฆพุ่งเป้าทุกอย่างไปยังคนที่เขาถูกกรอกหูให้คิดมาตลอดว่ามันเป็นต้นเหตุ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อได้ความรักกลับมาอีกครั้งทำให้เมฆตักสินใจลบมันทิ้งไปจากใจเสีย เขาลืม..หรือย่างน้อยก็แกล้งทำเป็นลืม..ด้วยหากจดจำได้แล้วต้องเกลียดชังพี่วิทย์ที่เขารักก็ขอไม่จำเสียดีกว่า ทั้งความแค้น ทั้งความทรงจำอันเลวร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเมฆปัดทิ้งฝังกลบไว้ในหัวใจเพียงเพราะความรักที่เขามีต่อผู้ชายคนนั้น
แต่บัดนี้..ความหลังกำลังถูกขุดค้น คำพูดของทินทำให้หัวใจสั่นไหว ความทรงจำเลวร้ายกลับมาหลอกหลอน เช่นเดียวกับคลื่นความหวาดกลัวที่ไหลวาบผ่านร่างมาเป็นระลอกๆ..
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขายังเชื่อ ว่าหากตัวเองออกไปได้ จะได้อยู่กับคนที่รัก จะได้ยืนมองท้องฟ้าสดใสด้วยกันอย่างอิสระ..
แต่บัดนี้..เมื่อได้ทบทวนทุกสิ่งอีกครั้ง เพียงแค่คิด..คิดว่าหากออกไปเป็นลูกน้องคนพวกนั้น หากคนพวกนั้นมันทำแบบเดิม หากเขาต้องเจอแบบเดิมเล่า จะเป็นอย่างไร
ถ้าออกไปแล้วจะต้องเจอแบบเดิม..แล้วเขาดิ้นรนไปทำไม?
“เมฆ?” ทินเขย่าแขนชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆเมื่อเห็นมันนิ่งไป คนมองขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงอาการตัวสั่นระริก มองแล้วน่าขันแต่พอนึก..ว่ามันกำลังกลัวอะไรอยู่ ทินก็ขำไม่ออก
ต่อให้ตอนนี้สถานการณ์จะเป็นใจ มีแนวโน้มว่าไอ้เมฆอาจจะอยู่ข้างเขา แต่พอคิดถึงสิ่งที่มันเคยพบเจอ ทินยังอดจะเวทนามันไม่ได้
มันรู้ดีว่าเพราะอะไรพี่โตถึงได้รับไอ้เมฆมาอยู่ในกลุ่มอีกครั้ง ทั้งๆที่มันเคยทำร้ายเฮียวิทย์เพื่อนสนิทของขาใหญ่เสียสาหัส ไม่ใช่เพียงคำขอร้องของเฮียวิทย์ แต่ว่าส่วนหนึ่งนักโทษทุกคนที่รู้ถึงชะตากรรมของไอ้เมฆ ต่างก็นึกสงสารมันทั้งนั้น..
..แต่กระนั้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาย้อนความหลังหรือสงสารกันอีกแล้ว!
“ลุก!” เสียงตวาดลั่นของทินทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งและหันหน้าไปมองทันควัน “นี่ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาคร่ำครวญหวนไห้ กูให้โอกาสมึง....นี่เป็นทางที่พี่โตให้มึงเลือก..ไอ้เมฆ มึงคิดเอา ว่าจะอยู่กับกูรึเปล่า ก่อนที่พรรคพวกของมึง คนที่มึงรักจะฉิบหายเพราะพวกมัน! มันไม่สนใจหรอกว่าไอ้สองคนนั้นจะเป็นหรือตาย!" ทินตะโกนลั่น “ถ้ามึงอยากแก้แค้นพวกมัน ก็เชื่อที่กูพูดซะ ไปห้ามไอ้วิทย์กับไอ้กันย์ ไอ้เวรสองคนนั่นมันแพ้มึงคนเดียว แค่มึงที่จะเปลี่ยนความคิดพวกมันได้!” ฝ่ามือกำแขนของเมฆแน่นพลางผลักอีกฝ่ายออกแรงๆเมื่อกล่าวคำพูดที่อยากจะพูดออกมาจนหมด ใบหน้าของชายผู้เอ่ยเครียดคล้ำด้วยความไม่พอใจ ทั้งหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
เขาพูดทั้งส่วนของตัวเอง และพูดแทนพี่โต ในส่วนที่เฮียเหี้ยๆมันสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อคิดถึงลูกพี่คนนั้น ทินก็ยิ้มขัน..
รู้ดีว่าลูกพี่เขามันคนฉลาด แต่ไม่นึก ว่ามันจะเฉลียวใจคิดเอาเรื่องนี้มาเปลี่ยนใจคนอื่นได้
เรื่องการเอาไอ้เมฆมาเป็นลูกน้องทั้งที่ตัวเองโคตรจะเหม็นขี้หน้ามันน่ะ เหี้ยพี่โตมันไม่ได้รู้เรื่องนี้ล่วงหน้าแน่ๆ เรื่องนี้อาจจะเป็นผลพลอยได้พอมีเรื่องมาสุดท้ายเฮียโตมันเลยใช้ให้ไอ้เมฆเป็นประโยชน์ แล้วแบบนี้..ต่อให้ไอ้เฮียวิทย์มันไม่เอาด้วยเจอไอ้เมฆทำหน้าซีดใส่มันก็ต้องมีลังเลบ้างล่ะ แล้วไง..ที่สุดเฮียเหี้ยๆของเขาก็ยังหาทางลากเอามันมาเป็นพวกจนได้
คิดแล้วอยากจะยกตำแหน่งนายใหญ่ของเรือนจำให้ไอ้เฮียโตเสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามันหลงเมียจนเกินไปล่ะก็นะ
“แต่...กู...”เมฆมองหน้าคนพุดด้วยสีหน้าสับสน ใบหน้าของเขายังคงขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อนึกถึงความทรงจำอันไม่น่าอภิรมย์ ริมฝีปากของเขาเอ่ยทักท้วง แม้ใจจะเริ่มหวั่นไหวกับคำพูดนั้น แต่ก็ยังนึกหวั่น
ได้ฉุกคิด ได้ระวังตัวว่าออกไปก็ไม่มีความสุขก็จริง แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะหวังอะไรได้อีกหรือ?
แสงสว่างน้อยนิดสำหรับคนที่อยู่ในความมืด..ใครต่างก็คิดจะคว้ามันทั้งนั้น
ตูม!
ฉับพลัน เสียงระเบิดที่ดังขึ้นอีกด้านของเรือนจำก็ทำให้ทั้งสองสะดุ้ง เมฆหันขวับ เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงคนที่บอกให้เขาจากมา ดูจากะเศษควันนั้นแล้วมันต้องเป็นที่ๆทั้งสองคนนั้นอยู่เป็นแน่
มองหน้าไอ้ทิน ข้อความและคำพูดของมันก้องในสมอง ใคร่ครวญไตร่ตรองคำพูดนั้น ความลังเลใจ ความหวาดกลัวทำให้เขาเริ่มเอนเอียง แม้จะอยากออกไป แต่เสียงระเบิดบ่งชัดว่าในครานี้ทำให้นึกหวั่น..
ถ้าพี่วิทย์มันเป็นอะไรไปจริงๆเล่า?
เมฆเม้มปากแน่น เขาหันไปมองหน้าไอ้พี่ทินอย่างลังเล และที่สุด...ความห่วงหาที่เขามีต่อคนที่รักก็ชนะ แม้คำฝากฝัง คำสั่งกำชับของวิทย์จะยังก้องอยู่ในหัว แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่าถ้าคนพูดต้องมีอันตราย เมฆถอนใจกำมือแน่น สูดหายใจลึกเป็นฝ่ายยอมแพ้และวิ่งออกไปเพื่อตามหาวิทย์โดยเร็ว
ทินนิ่งมองแผ่นหลังของเมฆแล้วถอนหายใจพรู เหลือบมองควันไฟที่โชนคลุ้งแล้วนึกขอบใจ เพราะหากไม่มีเสียงระเบิดนั้นแล้ว เขาคงต้องได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำอีก..
ตอนนี้ไอ้เมฆมันเริ่มลังเล แต่กระนั้น เฮียโตมันก็สั่งแล้ว ถ้าไอ้เมฆมันยังยืนยันจะเอาเรื่องไปบอกคนอื่น ถ้าเชือดได้ก็เชือด
ถือว่าโชคดี..โชคดีมากแล้ว ที่ยังคุยกันรู้เรื่อง โชคดี..ที่เฮียโตมันสามารถจับจุดอ่อนของไอ้เมฆ และโชคดีนัก..ที่มือนี้ไม่ต้องเปื้อนเลือดของเพื่อนร่วมห้องขังอีกครั้ง..
คิดแบบนั้น แต่หางตากลับเห็นร่างของใครบางคนก้าวมาหา ทินหันขวับ และภาพนั้นทำให้เขาเบิกตากว้าง..
.........................
ตอนนี้ฮอตมาก(หมายถึงคนเขียนร้อนมาก

)
เขียนถึงความหลังของเมฆ ถึงจะบรรยายนิดเดียวแต่ก็สงสารเป็นบ้า เสียขวัญแทนเมฆจริงๆ โอ๋ ขวัยเอ๊ยขวัญมานะเมฆนะ

ส่วนเฮียเหี้ยๆ นับวันยิ่งฉลาดเกิ๊น หมั่นไส้ว่ะ /

ปล. โปรโมททททท เฟสบุ๊ค แฟนเพจนิยายค่า ตรงนี้>>
http://www.facebook.com/SilenceSerinStory เข้ามาคุยกันได้นะคะ