OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54  (อ่าน 2191230 ครั้ง)

kungjakrapols

  • บุคคลทั่วไป

donjai11

  • บุคคลทั่วไป

Gon P.S.

  • บุคคลทั่วไป
 :really2:ตามทันแล้วว........ :m15:
มาต่อเร็วๆๆนะครับ o13

ออฟไลน์ ♀♥♀DearigA♂♥♂

  • ♥kacha♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
รอเรื่องนี้

คิดถึงพี่โตน้องเนมแล้วววววววว

kungjakrapols

  • บุคคลทั่วไป
นานเกินไปละนะ

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
ดัน ดัน ดัน


เรื่อง เริ่ม ตรึงเครียด ขึ้นทุกขณะ



วิทย์จะเอาเช่นไร ,, จะอยู่ฝั่งใครกันนะ

BORA

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:


ดราม่าเยอะไปไหน...เป็นแฟนนิยายเรื่องนี้มานาน

ขอบอกว่า  เป็นนิยายที่คาดเดาไม่ได้จริงจัง 












มาต่อเถอะจ้า..จะขาดใจตายแล้ววว   :z3:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คิดถึงพี่โตกะน้องเนม

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


Improbable 36 : ประโยชน์ของคนโง่



        ไอ้เป้มันมาทำอะไรที่นี่?


   จ้องมองแผ่นหลังของนักโทษในชุดสีเดียวกันที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ มันเหลือบตามามองผมแล้วยักคิ้วให้ จากนั้นก็เขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษ  ผมยืนนิ่งมองคนสองคนตรงหน้าอย่างงวยงง กระทั่งพัศดีบอกให้ไอ้เป้ออกไปได้ แล้วมันหันมายักคิ้วให้ผมอีกรอบนั่นแหละ ไอ้เนมถึงจะกลับมาทำหน้างงใส่พัศดีได้อีกครั้ง


          "นั่งสิครับ" พัศดีว่าพลางชี้มือไปที่เก้าอี้พลาสติกสีแดงตรงหน้า  ผมก้าวลงไปนั่งจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงประตูปิดลง และทำให้ภายในห้องเหลือเพียงผมและพัศดีปรมัตถ์เท่านั้น


          "หน้าไปโดนอะไรมา?" คำถามแรกก็เล่นเอาผมพูดไม่ออกเสียแล้ว ไอ้เนมหรี่ตาลงจ้องสบแววตาพินิจพิเคราะห์ของพัศดีปรมัตถ์ ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆก่อนจะเอ่ยปาก


          "ก็..มันเป็นเรื่องปกติของนักโทษไม่ใช่เหรอครับ" เรื่องการชกต่อย มีเรื่องหรือทะเลาะวิวาทกัน ต่อให้ผู้คุมจะไม่รู้ ต่อให้ไม่เกิดรอยแผลให้เห็น ก็ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น


          "ถ้าเป็นคนอื่นผมคงเชื่อ แต่กับคุณน่ะไม่" พัศดีปรมัตถ์ส่ายหน้า ยิ้มมุมปากบางๆ "คุณเป็นแบบนี้"เขา"จะยอมได้รึไง"


          ไม่ต้องบอกว่าเป็น"เขา"ไหนผมก็พอรู้ ไอ้เนมยิ้มเหย หันไปสบตาพัศดีเงียบๆ "พี่โตไม่ได้อยู่กับผมตลอดเวลา"


          "งั้นเหรอ?..ผมก็ได้ข่าวว่าช่วงนี้ตัวติดกันเสียตลอดเวลานี่"  คำพูดของพัศดีนั้นทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ


          "คนเรามันก็ต้องมีเวลาเผลอเรอกันบ้าง พี่โตไม่ได้..."


          "พอได้แล้ว แผลนี้ได้มาตอนไปที่แดนพิเศษใช่ไหม" คำถามเจาะจงราวกับรู้ทันนั้นทำให้ผมสะดุ้ง สีหน้าจืดเจื่อนอย่างบ่งชัดว่าหวาดกลัวที่จะถูกรู้ทัน ขณะเดียวกันนั้นก็ขยับตัวหลุกหลิก


      นัยน์ตาคมปราบของพัศดีปรมัตถ์จ้องมมองตามกริยาของผมไม่กระพริบ..เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะพ่นลมหายใจแรง


           "รู้ไหมว่าตัวคุณน่ะโกหกได้ง่อยเสียยิ่งกว่าเด็กอายุสิบห้าเสียอีก" พัศดีปรมัตถ์ส่ายหน้า เขาใช้ดวงตาคู่นั้นจ้องผมเขม็ง " เลิกโกหกและบอกมาตามตรงได้แล้ว ใช่ว่าจะมีเวลาว่างมาคุยไร้สาระได้นาน"


            ".........." ผมเงียบ..จ้องมองนัยน์ตาของพัสดีปรมัตถ์  ดวงตาคู่นั้นจ้องตอบผมเขม็ง แต่ยิ่งมองเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งมีท่าทีอึกอักหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น ที่สุดเขาก็เขาก็ถอนหายใจ ส่ายหน้าแล้วลุกจากเก้าอี้ของตนเพื่อหยิบเอกสารบางอย่างที่ไอ้เป้เซ็นไว้ไปใส่ในแฟ้มเงียบๆ


        แต่ไม่ได้เร็วพอที่จะทำให้ผมไม่เห็น หัวกระดาษที่ขึ้นเป็น"รายชื่อการเลื่อนชั้นนักโทษ"


          ..สำหรับพวกเราเหล่านักโทษแล้ว การได้เป็นนักโทษชั้นดีถือว่าเป็นอภิสิทธิ์พิเศษอย่างหนึ่ง จะได้วันลดโทษ จะได้ออกจากเรือนจำเร็วขึ้น ทำอะไรก็จะมี"สิทธิพิเศษ"อยู่เช่นตัวพี่กันย์ที่สามารถจะพกพวกของมีคมร่อนไปไหนมาไหนได้โดยที่ไม่โดนตรวจ หรือพี่โตที่อู้งานได้แบบที่ผู้คุมไม่กล้าว่า ไม่ใช่แค่เพราะมีอิทธิพล แต่เพราะพวกเขาเป็นนักโทษ"ชั้นดี"


         สำหรับนักโทษที่เข้ามาใหม่แล้ว ทุกดคนจะถูกจัดอยู่ในชั้นกลาง เรื่องการได้เลื่อนชั้น จะต้องให้เวลาผ่านไปเป็นปี และสามารถทำได้ในช่วงเดือนมิถุนายนของแต่ละปีเท่านั้น ทั้งยังต้องพยายามทำงานอย่างดี ทำตัวให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ผ่านการอนุมัติเลื่อนขั้น เปรียบได้ดั่ง"รางวัล"สำหรับคนที่ทำตัวดีและไม่ก่อเรื่อง เป็นดั่งแรงจูงใจที่ผลักให้มีความหวัง


          เพราะความสำคัญของมันคือสิ่งเห่ลานี้ ดังนั้นเมื่อพัศดีประกาศจะลดขั้นนักโทษที่ทำผิดกฏของเรือนจำเพียงเล็กน้อย โทษทัณฑ์ที่รุนแรงทำให้พวกนักโทษเกิดการต่อต้านอย่างที่เคยผ่านมา ก็สิ่งนี้ไม่ได้มาง่ายๆ แต่เมื่อกี้..ผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นว่าไอ้เป้มันได้รับการอนุมัติ"เลื่อนชั้น"


           เลื่อนชั้นทั้งที่เพื่งมาอยู่ไม่นาน เลื่อนชั้นทั้งที่ยังไม่ถึงวันเวลาที่จะทำได้ ทั้งที่ตัวมันก็ไม่ได้มีความดีความชอบอะไร ความผิดปกติเหล่านั้น..มันหมายความว่าอย่างไร?


        จะบอกว่าเป็นเด้กป๋า..? พวกพี่โตไม่ได้ทำตัวดีขนาดจะได้เป็นนักโทษชั้นหนึ่ง ที่ได้มาส่วนหนึ่งเพราะอิทธิพลของป๋าก็จริง แต่พวกเขาก็ยังต้องรอถึงวันเวลาที่เหมาะสมไม่ใช่หรือ ไม่ได้มีใครเพิ่งเข้ามาแล้วได้เลื่อนพรวดพราดแบบนี้สักคน จะว่าเรื่องที่มันเคยเข้าคุกมาก่อนแล้วเอาความดีนั้นมานับก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ทำผิดครั้งที่สองความผิดมันยิ่งเพิ่มขึ้นไม่ใช่หรือ?


        ผมหรี่ตาลงช้าๆ จ้องมองพัศดีที่กำลังเรียงเเฟ้มใส่ชั้นวางด้วยสายตาครุ่นคิด พยายามนึกทบทวนและจดจำข้อความในบันทึกนั้นให้ได้มากที่สุด และไม่รู้ว่าเพราะจ้องมาไปหรือเปล่า ร่างของพัศดีจึงหันขวับ สบตาผมทันควัน


          "ว่าไง จะตอบได้หรือยัง" เสียงทักนั้นทำให้ผมสะดุ้งโหยง


          "ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก" ไอ้เนมเลี่ยงตอบพลางเสหลบตาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ


          "ไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วง แต่ถามว่าพวกมันพูดอะไรบ้าง!!" เสียงตวาดไม่เบานักทำให้ผมสะดุ้งเฮือก สบตาพัศดีอย่างตกใจไม่น้อย สีหน้าของชายในชุดสีกากีคนนั้นฉายความอยากรู้เต็มพิกัดแบบปิดไม่มิด ดวงตาของเขาวาววับ จ้องหน้าผมอย่างคาดคั้นเต็มที่


           "ผมไม่ได้เข้าไปด้วย..." ไอ้เนมบอกเสียงอ่อย "ผมแค่ถูกสั่งให้รออยู่ข้างนอก ให้อยู่เป็นเพื่อนผู้พันแค่นั้น"


            "ผู้พัน..?..อ้อ...ไอ้ตึ๋ง" พัศดีขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยพึมพัมเบาๆ ไอ้เนมฟังแล้วชัดสีหน้างงๆ คือ..อยู่มานานผมเพิ่งรู้ว่านั่นคือชื่อของผู้พัน ตกลงผู้พันไม่ได้ชื่อผู้พันหรอกเรอะ??


            "ไม่รู้จักล่ะสิ" พัศดีหรี่ตาลงช้าๆ มองสบตาผมแล้วถอนหายใจพรู "ไอ้ตึ๋ง..สมโพช ท้าวทอง ปัจจุบันอายุสี่สิบสี่ ชื่อในวงการเรียกกันว่าผู้พัน  มันเคยรับราชการทหาร แต่ที่เรียกไม่ใช่เพราะมันมียศผู้พันหรอกนะ ..แต่เพราะมันไปฆ่าทหารยศผู้พันคนนึงตายต่างหาก.."


                "............" ฟังประวัติแล้วผมได้แต่เงียบ..กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ


              "ไอ้ตึ๋งเคยเป็นทหารฝีมือดีของกองทัพ เส้นใหญ่ สมองดี แต่สันดานเหี้ย  มาพลาดท่าเอาก็ตอนที่มันไปฆ่าทหารคนนั้นตาย..เพราะต้องการปล้นอาวุธจากคลังสรรพวุธทหารที่จังหวัดXXX  ไปให้พรรคพวกของมันที่กำลังตั้งกลุ่มค้าอาวุธกันอยู่..สิบปีให้หลังมันถูกจับ โดนจับตอนอายุสามสิบ จำคุกมาสิบสี่ปี ที่จับได้เพราะมันเสือกไปฆ่าคนที่เส้นใหญ่กว่าตัวเอง มาอยู่ในนี้สงสัยจะแค้นจัด เลยสร้างอิทธิพลจนตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่ได้"


              "............" ผมไม่รู้จะพุดอะไร


             "ส่วนอีกคน.." พัศดีเปิดแฟ้มในมือมาพลิกดู ผมเหลือบเห็นรูปถ่ายหน้าตรงแปะอยุ่ด้วย คลับคล้ายว่ามันน่าจะเป็นแฟ้มประวัตินักโทษ ผมจำได้ดีว่าตัวเองก็เคยถ่ายเช่นกัน "ไอ้ปราชญ์..ปราชญ์  เกียรติเทพ ในนี้เรียกว่าอะไรนะ..ป๋าใช่ไหม?..รู้รึเปล่าว่าทำไมถึงเรียกแบบนี้..เพราะไอ้ปราชญ์มันค้าผู้หญิง เป็นนายใหญ่ เป็น"ป๋า"ของเด็กทุกคนในซ่องของมัน และมันก็ยังค้าเฮโรอีน มีโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านส่งผ่านชายแดนมาขายในประเทศตัวเอง โดนจับฐานฟอกเงิน..แต่ความผิดฐานฟอกเงินไม่มากเท่าค้ายาเสพติดและค้าประเวณี แต่ถึงตัวมันจะอยู่ในคุก พวกลูกน้อง เครือข่ายของมันก็ยังทำงานอยู่ โดยใช้เรือนจำนี้นี่แหละ เป็นที่สั่งการ ถ่ายทอดคำสั่งของตัวมันออกไปข้างนอก"


          "..........." อ่า... ช่างเป็นการจับคู่ที่แสนเพอร์เฟกต์ดีแท้..ไอ้เนมเหลือกตาขึ้นยามคิดถึงสิ่งที่เจ้านายของผมทั้งสองนั้นมีและทำ ผู้พันค้าอาวุธ ฆ่าคนเป็นว่าเล่น ส่วนป๋าค้ายา ค้าเนื้อสด ในคุกก็จับมือกันเป็นใหญ่ แล้วนอกคุกถ้าสองคนนี้ออกไป อิทธิพลและสิ่งที่มีในมือคงทำให้พวกเขาสามารถก้าวขึ้นเป็นเจ้าพ่อในวงการมืดได้อย่างง่ายดาย


         ..ครู่หนึ่งผมคิดถึงสิ่งที่พี่โตบอกว่าเป็นข้อเสนอ ป๋ากับผุ้พันบอกว่าถ้าออกไปได้ พี่โตจะได้เป็นลูกน้องและจะได้รับการคุ้มครองตลอดชีวิต..


       ..แต่พอคิดถึงเรื่องที่คนสองคนนั้นทำและสิ่งที่พวกเราจะได้เจอหลังจากพวกเขาออกไปได้จริงๆ การคลุกคลีอยู่กับเรื่องแบบนั้น น่ากลัวเสียยิ่งกว่าการอยู่ในคุกแบบนี้เสียอีก


         "ส่วนเรื่องไอ้ชาติ...." พัศดีพลิกกระดาษไปอีกหน้า อ้าปากจะบอกต่อ


         "เดี๋ยวๆ...พอเถอะครับ.." ไอ้เนมบอกอย่างหมดแรง ฟังพัศดีนั่งอ่านแล้วทั้งเครียดทั้งกลัว และยิ่งไม่เข้าใจว่าเขาจะมาเล่าให้ผมฟังเพื่ออะไร?


          "ทำไมล่ะ..กลัวหรือไง?" พัศดีเลิกคิ้วถาม เขาจ้องหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมหายใจช้าๆ "ที่จริงไอ้ชาติก็ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นเจ้าของซุ้มมือปืน เป็นเจ้าพ่อคุมบ่อนที่พลาดถูกจับก็เท่านั้น..ประวัติของพวกมันว่าทำอะไรมาบ้าง คงไม่สำคัญเท่ากับว่าเพราะอะไร พวกมันถึงอยากจะแหกคุก..รู้ไหมว่าทำไม?"


         "......" ผมส่ายหน้า..เหตุผลที่อยากออกไปมีเป็นร้อยเป็นพัน ว่ากันตามปกติ คนที่ติดคุกถูกกัดขัง ไม่มีอิสระภาพก็ย่อมอยากออกไปข้างนอกอยู่แล้ว


         "เคยบอกแล้วว่าพวกมันสามคนเส้นใหญ่..โดนความผิดหลายกระทง และบางเรื่องยังอยู่ในขั้นไต่สวนหาหลักฐาน พยายามอุทธรณ์หลายครั้งบ้าง พยายามจะแตะถ่วงเวลาให้คดีหมดอายุความบ้าง  แต่ละคนพยายามดิ้นรนเต็มที่.." พัศดีเอ่ย ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ  "แต่ล่าสุด..เมื่อสักครึ่งปีที่แล้ว...คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ ยืนยันตรงกันกับศาลชั้นต้นว่า จำเลยซึ่งก็คือ นายสมโภช นายปราชญ์และนายชาติชาย ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต"


           "..จำคุก..ตลอดชีวิต"


           "ใช่..." พัศดียักไหล่ "ที่จริงศาลชั้นต้นพิพากษาออกมาก่อนหน้าแล้ว ไอ้สมโพชจำคุกร้อยยี่สิบปี ไอ้ปราชญ์ร้อยห้าสิบปี ส่วนไอ้ชาติก็ร้อยเจ็ดสิบปี..พวกมันก็ขออุทธรณ์กัน แต่ศาลอุทธรณ์ก็ยืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น นั่นคือจำคุกตลอดชีวิต"


         ไอ้เนมกระพริบตาปริบๆเมื่อได้ฟังพัศดีเล่า ไม่เข้าใจหนึ่งคือเวลาติดคุกที่มัน..เอ่อ..ร้อยปีขึ้น? ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์ปกติไม่มีทางอายุยืนถึงขนาดนั้น แล้วพออุทธรณ์แล้วได้จำคุกตลอดชีวิต เหมือนจะดี..แต่ไปๆมาๆมันก็เท่าเดิมนี่..หมายความว่ายังไงก็ไม่ได้ออกไปอยู่ดีใช่ไหมล่ะ..


           ...นี่คือสาเหตุที่พวกเขาไม่พอใจ และต้องการออกไปงั้นหรือ? ไม่พอใจที่ต้องจำคุกตลอดชีวิต เลยคิดจะออกไปงั้นสินะ


            "แล้วทำไมถึงบอกผมล่ะครับ" ไอ้เนมเงยหน้าสบตาพัศดี..


            "ก็ในฐานะที่คุณยอมเป็นสาย เล่าให้ฟังแค่นี้จะเป็นไรไป นี่มันไม่ใช่ความลับอะไร.." พัศดีว่าเรียบๆ หากดวงตาของเขาวาววับ ไม่บอกก็รู้ว่าคำตอบนั้นไม่ได้เข้าทางความเป็นจริงสักนิด จริงที่ว่ามันไม่ใช่ความลับ แต่ก็ไม่ใชธุระอะไรที่จะบอกกับสายลับอย่างผม..ผมว่าที่เขาต้องการ คืออยากจะพูดวีรกรรมต่างๆของพวกป๋า ให้ผมนึกโกรธหรือเคืองขึ้นมาตามประสา"ผู้ผดุงความดี"เสียล่ะมากกว่า..


        ไม่รู้พัศดีกำลังคิดอะไร ในสายตาเขาผมอาจจะเป็นคนดีมาก โง่มาก ซื่อบื้อมากก็เป็นได้ ตัวเขาเองถึงได้ใช้วิธีนี้เพื่อให้ผมยอมคายความลับเรื่องที่ผมไปพบพวกป๋าให้ฟัง..


         ...เขากำลังคิดผิด..


           ผมไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่เสียหน่อย ฟังว่าใครเลวอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจะได้โกรธหรือแค้นจนต้องไปจัดการ ผมมันก็คนธรรมดา คนที่ไม่มีใครมารังแกหรือมาทำอันตรายผม ไอ้เนมก็จะไม่เข้าไปยุ่งหรือเข้าไปขวาง พูดง่ายๆว่าถ้าพวกป๋าไม่นึกสนุกอยากจะพนันกับ”ชีวิต”ผมขึ้นมา ไม่ให้พี่โตเข้ามาหาผมในวันแรกที่ผมเข้ามา แล้วปล่อยให้ผมเป็นนักโทษธรรมดาๆไป ก็คงไม่มีไอ้เนมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดขวางแผนการณ์ อย่างเอาเป็นเอาตายในวันนี้หรอก


       ผมสบตาคู่นั้น ไม่ผิดแน่ว่ามันกำลังพราวระยับด้วยความคาดหวัง พัศดีปรมัตถ์หมุนตัวหยิบแฟ้มเอกสารไปเก็บอีกครา เหมือนทุกครั้งที่เขามักจะเว้นช่องว่างไว้เพื่อกดดันและสังเกตผมเสมอ ก็ดีแล้วที่เขาหันหลังไป เพราะไม่อย่างนั้นผมคงเก็บรอยยิ้มไม่ได้ และคงจะเผลอเรอให้เขาได้เห็น..ช่วยไม่ได้ที่ผมจะอยากหัวเราะ ก็มันอดไม่ไหวที่พฤติกรรมของพัศดีนั้นตรงตามที่พี่โตคาดไปทุกอย่างเสียอย่างนี้...


        ....ใช่...ทุกอย่างเป็นแผนการณ์ และผมก็กำลังทำตามแผนของพี่โตอย่างใจเย็น


            คนอย่างผมมันโกหกได้แย่เป็นที่สุดอย่างที่พัศดีบอก แต่พี่โตนั่นแหละที่ให้ผมใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น แบบผมจะให้ไปนั่งพล่ามเรื่องที่ตัวเองรู้อยู่ว่าโกหกแบบ"เนียน"คงเป็นไปได้ยาก ในเมื่อมีแต่คนมองว่าผมมันซื่อจนโง่ ก็จงใช้ท่าทีนั้นของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องทำนิ่งหรือทำเฉย ขอแค่ให้แสดงตัวไปตามปรกติ หรือจะผิดปรกติมากว่าเดิมเพื่อให้ถูกสงสัยก็ไม่เป็นไร


          การแสดงอารมณ์และท่าทีทุกอย่างเป็นไปดั่งใจคิดทำให้ดูออกง่ายก็จริง แต่ถ้าหากสิ่งที่เราแสดงออกไป มันไม่ได้ตรงกับในจิตใจ คนท่าทางโง่ๆอย่างผมนี่แหละจะน่ากลัวที่สุด..


              "คนอย่างมึงเรียกว่าโกหกหน้าซื่อๆ" พี่โตพูดแบบนั้นแล้วบีบจมูกผม


            ..ใช้ประโยชน์จากความโง่และความพลั้งพลาดของตนเองให้พัศดีวางใจ  เขาไม่คิดจะไว้ใจหรือให้ผมเก็บความลับอยู่แล้ว แต่หากจะทำให้เขาคิดว่าผมมันเป็นแค่ตัวเบี้ยในมือน่ะไม่ใช่เรื่องยาก ในเมื่อผมเคย"พลาด"ต่อหน้าเขามาแล้ว คนเรามักจะไม่ระวังตัวกับคนที่ดูด้อยกว่าตัวเอง หรือต่อให้ระแวง  คนที่เคยพลาดท่าให้เห็นก็ย่อมน่าหวั่นน้อยกว่าพวกที่ทำท่าทีเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดแต่แรก ก็เหมือนคนชนะที่จะไม่หันกลับไปมองผู้แพ้ เพราะถือว่ามันได้"พ่ายแพ้"ตนเองไปแล้ว และจะเฝ้าสนใจเป้าหมายใหม่ของตัวเองแทน


            พี่โตบอกให้ผม"ชนะ"พัศดีด้วยวิธีนั้น แกล้งยอมแพ้ แกล้งพลาด ทำเป็นหวาดกลัวทำเป็นหลุดปากบอกข้อมูลให้เขาได้ใจ ทั้งที่ความจริงคำๆนั้นคือคำโกหกที่ผมพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก โกหกแบบไม่ถนัด หลบตาและพลาดเหมือนทุกที..แต่ท่าทีนั้นของผมกลับทำให้คนมองเชื่อว่ามันเป็นความจริง เพราะตัวพัศดีนั้นเคยชินกับชัยชนะของตัวเอง เพราะเขาย่ามใจว่าสามารถจับจุดอ่อนของผมได้ และเคยได้ข้อมูลจากผมมาด้วยวิธีนี้แล้ว..


            พอชนะก็เลยมองผ่าน..ฉะนั้นนี่แหละคือโอกาสของคนแพ้ที่ไม่ยอมตัดใจ!!


        "ว่าไง?" ร่างของพัศดีหันกายมาหา ทำเอาไอ้เนมสะดุ้ง ดีที่ผมเก็บรอยยิ้มของตนเองได้ทันจึงไม่เสียแผน และคงทำให้พัศดีได้ใจมากกว่าเดิมกับอาการสะดุ้งของผมเมื่อครู่


        "ผม...ขอถามอะไรอีกสักอย่างได้ไหม?" ไอ้เนมก้มหน้าก้มตา เอ่ยปากกุกกัก


         "อะไร..?"


         "เอ่อ...ไอ้เป้...มันเป็นพวกเดียวกับผมรึเปล่า" ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพัศดี มองเห็นดวงตาคู่นั้นวาววับ พัศดีปรมัตถ์เท้าคางสบตาผมครู่หนึ่งก็ฉีกยิ้ม


         "คิดว่าไงล่ะ"


         "แต่...หมอนั่นเป็นพวกป๋า" ผมเอ่ยท้วง ลอบสังเกตสีหน้าท่าทีของพัศดีอย่างครุ่นคิด


         "แล้วคุณล่ะ ไม่ใช่หรือไง? " คำถามยอกย้อนนั้นทำให้ผมชะงัก "ตอนนี้ไม่สำคัญว่าใครเป็นพวกใครหรอก..ในเมื่อคนเรามันเปลี่ยนกันได้ มีสายเยอะๆเสียอีกจะยิ่งดี เพราะจะได้เช็คข่าว ง่ายขึ้นไงล่ะ"


               คำตอบนั้นทำให้ผมเงียบ จ้องหน้าของพัศดีอีกครั้ง เขามองสบแววตาผมตอบ รอยยิ้มยกขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สากับแววตาที่ผมมองเขา...


        ..ได้คำตอบแล้วว่าทำไมพี่โตไม่อยากเข้าร่วมด้วย


         คนแบบนี้เป็นคนละประเภทกับพี่โต ต่อให้เขาจะฉลาด รู้จักใช้สมอง หรือเก่งไม่แพ้กันก็เถอะ...


         แต่พัศดีปรมัตถ์เป็นพวกที่"โลภ"เกินไป ทำอะไรแบบ"เร็ว"เกินไป และวู่วามเกินไป


         เพราะอยากเข้าถึงตัวพี่โตที่เป็นผู้ต้องสงสัยถึงได้บังคับให้ผมเข้าร่วม เพราะอยากจับตัวพวกที่จะรวมหัวกันก่อความไม่สงบแบบรวดเร็วก็เลยใช้วิธีรุนแรงและรวบรัด แต่ทำให้พวกนักโทษไม่พอใจ และมาตอนนี้ เพราะเขาอยากได้ข่าวเร็วๆอยากได้ข่าวสารมากๆ จึงได้รับคนโน้นคนนี้เข้ามาเป็นสายโดยที่ไม่ได้คัดกรอง..การกระทำของเขาบ่งบอกว่ากำลังใจร้อนและอยาก"เอาชนะ"


           ขนาด"คนโง่"อย่างผมยังรู้เลยว่า ข้อมูลน่ะ...ยิ่งมากแค่ไหนยิ่งหาความจริงได้ยากเท่านั้น


           มีข่าวเยอะก็จริง มีสายเยอะก็จริง มีประโยชน์เรื่องการ"เช็ค"ว่าข่าวไหนลวงข่าวไหนจริงก็ใช่ แต่ถ้ามันมีข่าวตรงกันหลายอันล่ะ เข้าจะทำยังไง?


           ข่าวลือไม่ได้มีแค่ข่าวเดียว และคนที่เชื่อข่าวนั้นก็ไม่ได้มีแค่คนเดียว สมมุติง่ายๆว่าหากเขามีสายสัดแปดคน มีคนปล่อยข่าวลือมาสี่ข่าว สายของพัศดีรายงานตรงกันมาสี่ข่าว ข่าวละสองคน แล้วแบบนี้เขาจะเบนเข็มไปทางไหน? ข้อนี้ถ้าป๋าหรือพี่โตรู้แกว ก็แกล้งให้คนของตัวเองปล่อยข่าวลวงๆไปเสียสี่ห้าข่าว แค่นั้นพัศดีก็ไปไม่เป็นแล้ว นี่ยังไม่นับว่า"สายข่าว"ของพัศดีเป็นคนแบบไหน เป็นพรรคพวกของใครบ้างด้วยนะ


            ต่อให้คิดจะจับโกหกด้วยวิธีการหว่านแหเอาคนเยอะเพื่อหาข่าวจริงก็เถอะ แต่คิดเหรอว่าพวกเก๋าเกมส์อย่างป๋ากับผู้พันจะไม่รู้ทัน  มีสายเยอะก็ดี แต่ถ้าเป็นแบบนี้ "ทางหลง"มันก็มีเยอะขึ้นด้วย  ต่างกับพี่โตที่กำลังพยายามหาพวกอย่างใจเย็นแบบนั้นลิบลับ..ตอนนี้ผมกำลังดีใจอยู่เงียบๆที่ตัวเองไม่ได้"พลาด"แบบเดียวกับพัศดี ก็ถ้าพี่โตจะมาเข้ากับพัศดีจริงๆ ผมว่าอนาคตของเรามันมืดแน่ๆ


                ..ตอนนี้การหวังพึ่งพัศดีหรือผู้คุมเป็นไปได้ยากแล้ว..ที่สุด"ตัวเอง"ก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายและหนึ่งเดียวเสมอ..


                  ไม่สิ..ตอนนี้คือผมกับพี่โต..เป็น"เรา"สองคน


           "เอาล่ะ..." เสียงของพัศดีปรมัตถ์ดังขึ้นเหนือศรีษะทำให้ผมละออกจากภวังค์ พลางสบมองดวงตาวาวับของเขา "คุยเรื่องไร้สาระกันมามากแล้ว เข้าเรื่องกันดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น"


            ผมมองหน้าพัศดี กลืนน้ำลายลงช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับ ปากพูดเรื่อง"โกหก"ที่ผู้พันกับป๋าแต่งให้ผมนำมาเล่าให้พัศดีฟังด้วยสีหน้าของคนโง่ที่เป็นมาอย่างคุ้นชิน ต่างก็แต่บัดนี้..ผมเป็นคนโง่ที่กำลังแทงมีดเข้าไปข้างหลังของพัศดีด้วยสีหน้าซื่อๆแบบที่เขาไม่อาจรู้ตัวได้เลย..


         ไม่ใช่ว่าผมไม่สงสาร..ยังไงเขาก็ทำงานเพื่อชาติ ยังไงเขาก็หวังดีและเป็นคนดี แม้ว่าการกระทำจะเป็นเช่นไร


          แต่ผมฝากชีวิตไว้กับเขาไม่ได้ รวมทั้งฝาก"ความหวัง"ของตัวเองให้คนอื่นถือไม่ได้อีกเช่นกัน



------------- O H  B A D  G U Y ------------

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


    ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นเพื่อนสนิท เป็นลูกพี่ เป็นลูกน้องหรือเป็นใคร ไม่ว่าใครจะถาม คำตอบที่วิทย์มีให้พวกมันก็มีเพียงหนึ่งเดียวอยู่วันยังค่ำ..


       เขาจะออกไป


    ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนที่เขารักด้วย เพื่อ”คำสัญญา” สัญญาที่เขาอยากจะรักษาสักครั้ง หลังจากที่ผิดพลาดทำให้มันร้องไห้มามากมาย..


     ต่อให้เพื่อนสนิทของเขาจะเอ่ยปากเตือนหรือพูดจาแบบไหน..ต่อให้โอกาศรอดมันน้อย และยังริบหรี่เหลือแสนเพียงไร ถ้าหากบอกว่าจะไปก็จะฝ่าฟันไป สัญญาไว้แล้วก็ต้องทำตามสัญญาให้ได้..จะไม่ยอมโกหก ทำให้มันผิดหวังและร้องไห้อีกแล้ว


      สัญญากับตัวเองแบบนั้น แต่ลางสังหรณ์บางอย่างกับคำพุดของไอ้โตกลับทำให้เขาขวดคิ้วเครียด เก็บงำความคิด


       “เมื่อกี้เหี้ยพี่โตมีอะไรเหรอ?” ไอ้เมฆเดินทำหน้างงๆมาหา มันเอ่ยถามพลางทำหน้าบูดไปด้วย วิทย์มองแล้วเลิกคิ้วอย่างนึกขำเล็กๆ ทั้งไอ้โตทั้งเมฆเป็นพวกฝังใจเหมือนกันจริงๆ ลองได้เกลียดขี้หน้ากันไปแล้วจะผ่านมากี่ปีก็ไม่หาย ขนาดไม่มีเรื่องวิวาทอะไรกันก็ยังทำหน้ามุ่ย ขู่ฟ่อดๆใส่อีกคนทันทีที่เข้าไปใกล้


        “ไร้สาระน่ะ มันไปหาป๋ามา มาบ่นไปตามเรื่อง” วิทยยักไหล่ ไม่บอกคำพูดของไอ้โตให้เมฆฟัง เพราะคนอื่นได้รู้แล้วอาจจะคิดไม่เหมือนเขา..ซึ่งนั่นก็หมายความว่าไอ้โตกับไอ้เนมมันอาจจะลำบากก็ได้ ต่อให้เขาไม่เอาด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดโปงหรือขัวขวาง..เขาจะไม่ขวางมันตราบใดที่มันไม่เข้ามาขวางทางเขา และถ้าพวกตนไม่มีเส้นทางใดพาดผ่านกันเลยก็คงจะดี


     ..อย่างหนึ่งที่วิทย์เริ่มจะเบาใจคือไอ้โตมันไม่ได้มีแผนจะขวางพวกที่อยากแหกคุก ที่มันคิดจะขวาง คือไอ้ป๋ากับผู้พันต่างหาก..


        “ทำหน้าแบบนั้น ไร้สารจริงรึเปล่าเถอะ” เมฆบ่นออกมาพลางทำสีหน้าหน่ายๆแบบรู้ทัน วิทย์มองแล้วหัวเราะหึๆ เอื้อมมือไปจิ้มขมับและบีบแก้มมันไม่เบานักอย่างหมั่นเขี้ยว


        “ทำเป็นรู้ดี” ว่าแล้วก็หัวเราะร่าพลางบีบๆขย้ำๆแก้มขาวๆนั่นอย่างมันส์มือ


         “โอ๊ย!เจ็บนะเว้ย” เมฆหน้ามุ่ย ออกปากบ่นพลางยกมือนวดขมับและจับแก้มตัวเองที่ถูกปลายนิ้วของคนรักทั้งทิ่มทั้งบีบเล่น กลั่นแกล้งกันจนเจ็บแปลบ


         “โถ..แค่นี้ก็เจ็บโอ๋ๆ พี่วิทย์ขอโทษ~ มามะมาให้จูบปลอบขวัญที..”วิทย์ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปใกล้ เอื้อมมือดึงฝ่ามือของเมฆออกจากขมับและแก้มของเจ้าตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วก็จูบขมับจูบแก้มขาวนั้นแรงๆให้สมกับสีหน้างอนๆแสนน่ารักนั่น


          “เพี๊ยง~..อ่ะ หายแล้ว ก็นะ..ทุกทีเห็นบอกแต่ให้ทำแรงอีกๆ เลยนึกวะ.. โอ้ยยย!!” พูดไม่ทันขาดคำ หน้าแข็งเป็นต้องโดนหวดด้วยฝ่าเท้าของเจ้าคนเขินจัดที่ซัดเข้าให้แบบไม่ออมแรง วิทย์ร้องลั่นชักขาขึ้นวิ่งกระแด่วเข้าไปนั่งใต้ม้าหินอ่อนพลางครางโอดโอยทำหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด


         “อ่ะ..พี่วิทย์..เจ็บมากไหม?” ตัวการเจ้าของฝ่าเท้าเดินมาหาสีหน้าอ่อยๆมองหน้าคนที่กำลังครางพลางลูบหน้าแข้งตัวเองอยู่งกๆ ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วคาดว่าจะเจ็บจริง


           “เจ็บมาก ก ก ก ก ก ก ก ก “ วิทย์ลากเสียงทันควันแสดงความรู้สึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หันมาทำตาหวานใส่คนมอง “ถ้าอยากให้หายมานั่งตักเฮียสิจ๊ะ~”         


           “เฮียไหนว่ะ แม่ง” เมฆส่ายหน้ากับคำพูดนั้น แต่ต่อให้เขาบ่นก็ยังอุตส่าห์ทรุดตัวลงนั่งบนตักของ”เฮีย”ที่ว่านั้นจนได้ ”มาอัพเกรดตัวเองเป็นเฮีย ตังค์ก็ไม่มี ถุยยย”


           “แหม หมั่นไส้คนรวยว่ะ” ฟังคำล้อเลียนประชดประชันนั้นแล้วนึกขำมากกว่าจะนึกโกรธ วิทย์เอื้อมมือไปรั้งคนที่นั่งตักอยู่ให้ซุกอกตัวเองแน่นขึ้นอีกนิดซึ่งเจ้าตัวก็ยอมโดยดี ยอมอยู่นิ่งๆขณะที่เจ้าของอ้อมแขนวางปลายคางลงกับขมับ


         “นี่...แล้วคนรวยแบบมึง ถ้าออกไปอยู่กับกู จะอยู่ได้ไหม?” คำถามที่ดังขึ้นทำให้คนฟังชะงัก เมฆขมวดคิ้วน้อยๆ ก็จริงอยู่ว่าครอบครัวของเขา..ทั้งครอบครัวที่แท้จริงและครอบครัวที่เขาไปอาศัยอยู่ด้วยนั้นร่ำรวยพอตัว ตัวเขาก็มีเงินและทรัพย์สินในชื่อตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นคำถามของคนที่กำลังกอดตัวเองอยุ่ก็ยังชวนให้ขบขัน..


         “กูอยู่ในคุกนี่ได้ พี่ยังคิดว่าไปอยู่ที่ไหนไม่ได้อีกเหรอว่ะ?” เขาเลิกคิ้ว มองสบตาคนถาม


         “มันต่างกัน...” วิทย์สบตาคู่นั้นแล้วถอนหายใจพรู “ในนี้อย่างน้อยก็มีข่าวกินทุกมื้อ แต่ว่า..ที่ๆเราจะออกไปไม่ได้เป็นแบบนี้ บางครั้งอาจจะต้องอด บางครั้งอาจจะต้องหนี อาจจะต้องเจอเรื่องไม่ดีอีกมาก แล้วมึง....”


          “กูอยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้าได้ไปกับพี่” เมฆเอื้อมมือปิดปากคนที่กำลังพูดไว้แค่นั้น เขาจ้องตาวิทย์แล้วเอ่ยความในใจออกมาอย่างหนักแน่น ไม่ใช่คำหวาน ไม่ใช่คำเยินยอหรือคำพูดเพ้อพร่ำ..แต่นี่คือความจริง เป็นความรู้สึกจากใจของเขาที่ไร้การปรุงแต่งใดๆ


          “ชีวิตนี้กูเจอเรื่องเหี้ยๆมาเยอะซะจนคิดว่าจะเป็นยังไงต่อไปก็ได้แล้ว..เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรอกว่ากูจะทนไม่ได้ ขออย่างเดียวแต่มีคนอยู่ข้างๆ มีใครก็ได้อยู่ด้วยกัน ใครก็ได้ที่จะคอยจับมือกูไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร...”


           “เข้าใจแล้ว” วิทย์เอื้อมมือเข้ากุมฝ่ามือที่สั่นระริกนั้นไว้ และบีบมันเงียบๆโดยไม่พูดอะไร แต่ความอบอุ่นและความคุ้นเคยที่ได้รับทำให้เมฆอมยิ้มพลางลอบมองเสี้ยวหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นอย่างรักใคร่ วิทย์ก็เป็นแบบนี้ ไอ้พี่วิทย์ของเขามันก็เป็นแบบนี้เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คนที่ไม่ถนัดในการเอ่ยคำปลอบประโลมหรือคำหวานให้กำลังใจ วาจาหรือก็ทั้งพาลพาโล ชอบโวยวายทั้งหยาบกระด้าง แต่คนๆนี้กลับมีอ้อมแขนที่อบอุ่น มีคำตอบ มีการรับปากแทนคำปลอบใจ ทำให้เขายิ้มได้ แทนที่จะมานั่งโอ๋กันเหมือนเด็กๆ..


         เพราะอยู่กับคนๆนี้ทำให้เขารู้สึกได้ว่าไม่ถูกผูกมัด ไม่ได้ถูกเงาดำของอดีตและความผิดร้ายแรงตามหลอกหลอน กระทั่งฝันร้ายในความทรงจำก็ยังเบาบางนักยามได้กุมมือกันผ่านวันคือที่มีแต่ความสบสนวุ่นวาย 


          “เมฆ..มึงชอบต้นไม้ไหม?” คำถามที่ดังขึ้นเงียบๆทำให้เมฆชะงัก..


          “ก็..ชอบอยู่” ไม่ได้รำคาญขี้เกียจดูแลแต่ก็ไม่ใช่ประเภทที่จะมานั่งประคบประหงมอะไรนักหนา


          “แล้วสวนล่ะ?”


          “หา...นี่ตกลงจะถามให้ได้อะไรว่ะเนี่ย..?” เมฆขมวดคิ้ว ร้องครางในลำคอด้วยความไม่เข้าใจ เบ้หน้าหันขวับไปสบตาคนที่พูดอะไรแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อครู่


           “เอ้อ..คือบ้านกูที่จันทบุรีน่ะเป็นสวนผลไม้ ปลูกหมดตั้งแต่ทุเรียน มังคุด เงาะ ยันกระยาสารทก็แค่ถามเผื่อจะลากใครบางคนไปปล้ำในสวนแค่นั้นเอ๊ง~” ไอ้ที่ว่าปลูกกระยาสารทน่ะตอแหลแน่ๆ แต่ไอ้ที่บอกจะปล้ำเขาในสวนนี่เมฆไม่แน่ใจว่ามันจะไม่ทำจริง!


           “อ๋อ นี่จะเอากูไปเป็นแรงงานไม่พอ ยังกะเอากูไปทำอนาจารกลางที่โล่งด้วย สันดานจริง” เมฆบ่นแล้วทำหน้าเบี้ยวใส่คนพูด แต่กระนั้น เขาก็ยังอมยิ้ม..


     ..เพราะคำพูดนั้นมันหมายถึงการได้ไปใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่เหรอ?


           “แล้วเอามั้ยล่ะ?” วิทย์เอ่ยถามกลับ ดวงตาพราวระยับ


           “ถ้าถางหญ้าดีๆจะลองคิดดู” เมฆตอบทีเล่นทีจริงอย่างร่าเริง


          “โหยย ใครจะมาลำบากถางหญ้าว่ะ กระท่อมก็มีหรอก!” วิทย์ว่าพลางหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ และทำให้เมฆหัวเราะตามไปด้วยได้ไม่อยาก ไอ้คำพูดที่ว่าจะลากเขาไปทำอะไรๆกลางสวนผลไม้น่ะช่างมันก่อนเถอะ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไม่เท่ากับ”ใจความสำคัญ”ที่บอกให้เขาได้รู้ว่ายังมี”บ้าน”ให้กลับไป


       บ้านของเขามันไม่ใช่ที่อยู่ของเขามานานแล้ว และที่นี่ก็ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเป็นที่นั่น ที่บ้านของวิทย์ จะสวนผลไม้สวนลองกอง กระยาสารท หรือไร่แห้วก็ช่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เขาก็จะไปทั้งนั้น ถ้ามีคนที่เขารักอยู่ด้วย ไม่ว่ายังไงก็จะตามไป   


  ..ตามไปหาความสุข



       แต่ไม่รู้เพราอะไร..ความสุขมักจะอยู่กับเขาไม่นาน..


          “ก่อนที่จะไปสวนผลไม้หรือทำอะไรๆช่วยลุกขึ้นและมาฟัง”เรื่อง”ที่จำเป็นต้องทำด้วย” เสียงที่คุ้นหูแม้ไม่อยากจะคุ้นทำให้เสียงหัวเราะของชายหนุ่มสองคนขาดหาย วิทย์ขมวดคิ้วฉับ เขาออกแรงกอดรัดคนบนตักแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัวยามที่หันไปสบมองดวงตาและใบหน้าที่เขาแสนคุ้น..ทั้งคุ้นทั้งเกลียดนั่น


      “อย่าคิดจะเดินหนีถ้ายังฟังไม่จบ” คำพุดดักทางราวกับรู้ทันทำให้ร่างของวิทย์และเมฆที่ลุกออกจากม้าหินอ่อน ทำท่าจะเดินหนีกันไปให้พ้นตาอย่างที่เคยทำมาตลอดต้องชะงัก


         “มีอะไร”


         “ได้ยินที่พูดแล้วนี่” กันย์จ้องสบตาวิทย์พลางเอ่ยตอบสั้นๆ เขาเผื่อแผ่สายตาห่วงหาไปให้คนอีกคนข้างกายมันด้วย แต่เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มแสนน่ามองเมื่อเมื่อครู่กลับหุบฉับ จ้องสบตาเขาด้วยท่าทีปึ่งชา..


       ..หัวใจปวดแปลบ ทันทีที่ได้มองเห็นอาการนั้น


         “ไอ้โตเป็นคนจัดการ” วิทย์เอ่ยปากสวนทันควัน แม้ว่าไอ้โตมันจะกำลังวางแผนต่อต้านป๋า แต่มันแค่กำลังวางแผนไม่ใช่เหรอ? มันคงไม่โง่ถึงขนาดจะโพล่งออกมาดื้อๆให้พวกป๋าจับได้หรอก


         “ตอนนี้ใครเป็น”ลูกพี่”คุณ” คำตอบที่ได้ยินจากปากเจ้าคนน่าชังนั้นทำให้กันย์หันไปสบตามันอีกครั้ง ร่อยรอยความไม่พอใจในสีหน้าและแววตาคู่นั้นแสนชัดเจน เพราะความหงุดหงิดและเกลียดชังจึงทำให้เขาเอ่ยคำๆนั้นออกมา


        “แทนที่จะมานั่งฝันเพ้อไร้สาระ รีบเตรียมตัวซะไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”   


         “............”


        “ป๋าเลือกให้คุณกับ ผมไปคุ้มกัน ระหว่างที่โตจัดการข้างหน้า” 


       วิทย์หรี่ตาลงช้าๆ เขาสบมองดวงตาคู่นั้น มันไม่ได้ฉายแววหลอกลวงหรือล้อเล่น นั่นทำให้ตนเองเป็นฝ่ายต้องหันไปบอกลาคนรักด้วยเรื่องของงาน ก่อนจะเดินตามหลังเจ้าคนเอ่ยเรียกไปเงียบๆ หากสมองกลับปั่นป่วนหนัก..


       เลือกให้ไปคุ้มกัน..คำพูดออกดี แต่ความหมายไม่ใช่


        ..มันหมายความว่ากำลังเลือกเขาไปเป็น”โล่”กันกระสุน..


      และโล่กันกระสุน..


     หมายความอีกอย่างว่าเขามีสิทธิจะ”ตาย”มากกว่าใครๆ


------------- O H  B A D  G U Y ------------


ไอ้ตึ๋งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :m27:


เหมือนเห็นไคลแมกซ์ของตอนนี้อยู่ที่ชื่อของไอ้ปราชญ์กับไอ้สมโพชนะ ฮ่าาาา //อิปุ้ยโดนลากไปถ่วงน้ำ

(อย่าถามว่าเราคิดอะไรตอนตั้งชื่อ คำตอบคือคิดไรไม่ออกเลย ฮ่าๆ)

ช่วงนี้ยุ่งมาก มากถึงมากที่สุด ด ด งานจะกองทับตัวตายยย   :เฮ้อ:

ปล. วิทย์เมฆน่ารัก แฮร่กๆ ชั่วโมงนี้รักคี่นี้มาก ก ก  :m1: (จำนวนคี่น่ะถูกแล้วนะ ฮ่า)
ปล.2 ตอนนี้ไม่ได้อธิบายศาลและชั้นศาล ใครสงสัยถามได้คะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2012 08:14:23 โดย Serin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มก๊อนนนนนน!!   :z13:
เดี๋ยวกลับมาอ่าน  ไปประชุมครึ่งวัน!

ฮึก! อยากอ่านตอนนี้อ๊าาาาา   :z3:


+++++++++++++++++++++++++++++++


มาแล้ววววววว  มาอ่านเต็บรูปแบบแล้ว!!
โอ้โห! นึกว่าจะเป็นถึงผู้พัน ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้ตึ๋ง!
ไหนจะป๋านั่นอีก พอได้รู้แบ็คกราวน์แล้วเซ็งจิตเลยอ่ะ

ตอนนี้วิทย์-เมฆหวานกันจริงๆ
แต่กลัว...กลัวว่าสองคนนั้น ไม่คนใดคนนึงจะตาย
ไม่เอานะคะ ไม่ตายได้มั๊ย ไม่อยากให้ตายอ่ะ
สงสารคนรักกัน วางแผนจะออกไปอยู่ด้วยกันทั้งที   :monkeysad:

จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2012 13:51:48 โดย iPongPaeng »

ออฟไลน์ SungJimun

  • ♥ 끝까지준홍 ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สรุปว่างานนี้พี่โตฉลาดสุดช่ายม๊ายยยยยยยย
ถึงได้อ่านเกมส์ของอีกฝ่ายได้ทะลุขนาดนี้
ไม่เสียแรงที่เป็นสามีของน้องเนมเลย 5555555  :laugh:

สาธุ ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆเข้ามาหา 2 คนนี้อีกเลยนะ  :call:

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
ที่เรียกผู้พันมาตลอดนึกว่ามียศผู้พัน ที่ไหนได้... ผู้พันกับป๋า >> เลวสุดๆ~
ตอนนี้คู่พี่วิทย์เมฆน่ารัก! :o8: อยากอ่านอีกๆ มาต่อเี็ร็วๆ นะ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
แต่ละคนก็มีทางของตัวเอง  อยากให้วิทย์เข้ารวมกับโตจังเลย

บวกเป็ด

ออฟไลน์ W-Rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ผู้พัน + ป๋า
เปนคู่ที่เลวววววววว สมกันสุดๆๆ :fire:

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
หนูเนย์จะเนียนซื่อได้นานขนาดไหนเนี่ย อย่าหลุดลับหลังบ่อยนะ ระวังกล้องด้วยเผื่ออิพัศดีจะติดไว้

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
กรี๊ดดดดด มาแล้ววววว รอมาหลายวัน

เฮ้อ..... อ่านแล้วก็แอบเครียด สรุปว่าพัศดีก็เป็นคนดี ออกแนว ฉลาดแกมโกง และวู่วามเกินไปอีก สรุปเรือ่งนี้ ก็ไม่มีใครดีเลยจริงๆ สินะ เฮ้อ....

ทั้งๆที่เข้าใจว่าเพราะรักเมฆวิทย์เลยอยากออกไปให้ได้  แต่ก็อยากให้ร่วมมือกับโตอยู่ดี
ตอนจบ ที่เริ่มรู้ตัวว่ามีสิทธิ์ตายก่อนนั่น ก็แอบคิดว่า กันย์มันก็คงคิดอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า?

แบบว่าถ้าวิทย์ตายตัวก็จะได้เมฆไปครองง อะไรแบบนั้น

แอบหวังว่า เมื่อคิดเรือ่งนี้ได้วิทย์จะเปลี่ยนใจไปเข้าร่สมกับโต อยู่อย่างมีความสุขในคุกจนกว่าจะถึงเวลา ดีกว่าไปตายเอาดาบหน้า

ที่จริงนิเองก็ชอบนะ คี่นี้อ่ะ ทั้งๆที่มันพลิกมาก เพราะคิดหวังไว้ว่าสุดท้ายแล้ววิทย์กับกันย์จะรักกัน แต่ไหงมันลงที่เมฆก็ยังงงงๆ อยู่

ยังหวังว่า จะได้ เป็น สามพี มิใช่ สามเศร้า.... (กลัวเหตุกการณ์แหกคุก จะหักหาญน้ำใจคนอ่านด้วยกันทำใครสักคนตายไปให้เหลือสองมากที่สุด)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รู้สึกห่วงทุกคนจังเลย
รอลุ้นๆๆๆๆ

คู่วิทย์กับเมฆ วันนี้น่ารักมากกก

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มาต่อแล้วจ๊ะ ทั้งเครียด ทั้งน่ารัก ดี ตอนนี้

เอาใจช่วยทุกคนในเรื่อง

ออฟไลน์ piengtavan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • UEDA_ARAMORD
ชื่อป๋า กะ ผู้พันออกแล้ว สุดยอด

ตั้งชื่อได้สมมาก

แต่ตอนนี้ห่วงวิทย์มากกว่าเหอะ จะรอดจากศึกคราได้หรือ สวนบ้านไร่จะได้กลับไปตามที่หวังไว้หรือไม่ โอ....

-*- แอบลิเก คงไม่ว่า

แต่ห่วงจริงน้า ทั้งวิทย์ ทั้งเมฆ และเจ้าเนมกะพี่โตด้วย โอร๊ยยยยยยยยส์

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ตอนนี้ได้รู้ที่มาของป๋ากับผู้พันด้วย  เลวทั้งคู่

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ลุ้นสุดตัว!!!!!
หวังว่าทุกคนคงอยู่รอดปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
พี่โตกับน้องเนม ฉลาดสุดแล้ว o13
วิทย์มาร่วมมือกับพี่โตเถอะ

ออฟไลน์ aishiteru.

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อ่านเรื่องนี้กี่ตอนๆ ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย เฮ้อออออ
ก็เป็นเพราะแบบนี้หล่ะ ทำให้ลุ้นตลอดเวลา สนุกมากกกกกกกก ฮ่าฮ่า
วิทย์กับเมฆ ตอนนี้ก็หวานๆกันอยู่สองคนน๊าาาา เวลามีความสุขก็เก็บเกี่ยวกันไว้เน๊อะ เฮ้ออ
เนื้อเรื่องจะดำเนินไปทางไหนต่อเนี่ย ลุ้นมากมาย
จะหวังว่าวิทย์จะยอมร่วมมือกับพี่โต (ถ้าวิทย์ร่วมมือเมฆก็ต้องร่วมด้วยอยู่แล้ว)
เนมกับพี่โต จะมีอุปสรรคอะไรอีกเนี่ย จะเดามันก็เดาได้หลายทางอยู่แต่ให้เดายังไงก็ไม่ถูก
รอคนแต่งมาเล่าต่อเฉลยต่อดีกว่าาา อ๊ากกกกกก ลุ้นต่อไปค่ะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ greensoda

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
วิทย์น่าสงสารร อย่าไปเป็นโล่เลยย
ไปกับพวกพี่โตเหอะนะ

แอบฝันว่าพี่กันย์จะดีกับวิทย์สักวันนึงง  :m15:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
นึกว่าเป็นผู้พันมาจากไหน ที่แท้ก็แค่ไอ้ตึ๋ง ตะลึงตึงโป๊ะ! (ยังจะฮา :z3:)
ขอให้เนมกับพี่โตรอดปลอดภัยด้วยเถอะ ขอให้ได้ออกไปอย่างสง่าผ่าเผยนะ
ส่วนวิทย์กับเมฆน่ารักจริงด้วย ดูมีอนาคตร่วมกัน ขอให้ได้ออกไปกับพี่โตและน้องเนมเน้อ :impress2:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คงจะมีคนรอดน้อย เมื่อคิดจะออก เฮ้อ

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
สวนกระยาสารท?
วิทย์ สร้างวิมานฝันหวานกล่อมเมฆแบบนี้ อย่าทำให้คนรักรอเก้อล่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด