ลมหายใจหอบสั่น...แผ่นอกหอบสะท้านไหวเฮือกจนรู้สึกได้..
....ไม่ใช่เพราะรอยกอดที่รัดรึงไม่หาย ไม่ใช่เพราะลมหายใจที่รินรดซอกคอ และปลายฟันที่ขบหยอกเย้าใบหู...ไม่ใช่เพราะจูบที่แสนอ่อนหวานรันจวญใจจากริมฝีปากของผู้เป็นพี่ชาย..
ไม่ใช่...ไม่ใช่เลย...
...แต่สาเหตุขอมันกลับเป็นเพราะปลายนิ้วที่แตะลงบนโลหะเย็นยะเยียบ...ปลายนิ้วที่สั่นไหวจนไม่อาจจะกำรอบ ปลายนิ้วที่เพียงแค่เเตะ...ก็เย็นเฉียบไปถึงหัวใจ...
เมฆครางในลำคอแผ่วเบา ม่านน้ำตาที่คลอเอ่อรินไหลอาบผิวแก้ม..ทั้งเจ็บ...ทั้งแค้น เร่าร้อนทรมารจนอยากตายไปให้พ้น....เจ็บปวดจนอยากจะกรีดร้องร่ำไห้ออกมาอย่างหมดอาย..
แต่ถึงกระนั่น เขาก็ยังไม่กล้าจะกำมีดเล้กๆนี้ให้แน่นขึ้น..เพื่อที่จะใช้มันทิ่มแทงลงบนร่างของคนตรงหน้าได้เลย
....คิด...เขาทำได้เพียงคิดและทำได้เพียงแต่สัมผัสอาวุธในมือตนเท่านั้น หากปลายนิ้วที่แตะกลับไร้แรงกระชับ...หากข้อมือที่ซอกซุกกลับไม่มีแม้แรงจะบีบกำมันไว้ในมือ...
ทั้งที่แค้น...ทั้งที่โกรธเกรี้ยวเสียใจนักหนา แต่ทำไม...ทำไม....
.....เขาได้ยินเสียงตัวเองสะอื้นแผ่วค่อยในลำคอ นัยน์ตาที่มัวพร่ามองเห็นเพียงแสงจ้าของดวงอาทิตย์ที่สอดลอดมาตามหน้าต่าง สวางเจิดจ้าเสียจนแสบตา สว่างจ้าเสียจนต้องพับเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า..
ทำไมถึงทำไม่ลง...
เมฆเฝ้าถามตัวเองอย่างเศร้าสร้อย...ทำไม...ทำไม....
ทำไมเขาถึงทำร้ายคนที่ร้ายกับเขานักหนาไม่ได้ ทำไมเขาจะลงมือกับคนที่หลอกลวง โกหกเขาหน้าตาเฉยไม่ไหว
...คนที่แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา....ทำไมถึงทำไม่ลง ทำไมถึงได้แต่ร้องไห้...ได้แต่ทำร้ายตัวเองให้ทรมารมากขึ้น...มากขึ้น เกินจะทนไหว...
แกร๊ก....
" พวกมึงทำอะไรกันอยู่? "เสียงประตูเปิดออกไม่ได้กระทบโสตประสาทมากไปกว่าเสียงที่เคยคุ้น....น้ำเสียงที่คุ้นหูดี....น้ำเสียงที่บัดนี้เรียบนิ่งหากสั่นไหวราวกับจะลอดออกมาไม่พ้นลำคอ
การเคลื่อนไหวทั้งหมดชะงักงัน ปลายนิ้วที่สอดเข้าไปในเสื้อกาวน์สีขาวผละออกและยันกายขึ้นจากเตียงนุ่ม...เมฆเบิกตาจ้องมองไปยังประตูห้องพยาบาลรวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น...ไม่เชื่อ....ว่าคนที่เขาไม่อยากให้อยู่ที่สุด กำลังยืนมองตนเองในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยกอดรัดกับผู้ชายอีกคนอยู่
"....นี่เหรอที่บอกว่าจะมาทำแผล.....เมฆ....." น้ำเสียงสั่นพร่าแทบไม่หลุดออกมาจากลำคอ...ใบหน้าที่ยิ้ม....หากรอยยิ้มที่ออกมานั้นบิดเบี้ยวสั่นไหว....ใบหน้าที่พยายามจะนิ่งขึงไม่หวั่นไหว ทำได้เพียงขึงตึงราวกับจะร่ำไห้ปนหัวเราะก็ไม่ปาน..
ท่าทีของคนตรงหน้ามันน่าขำ ...แต่เขามองแล้วขำไม่ออก...
อ้อมแขนที่รัดรึงให้ปวดแปลบ...เคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น ยังคงตวัดกอดรัดร่างของตนแนบแน่น...ลมหายใจร้อนรินรดซอกคอ เสียงพ่นลมออกจากจมูกเป็นทำนองเย้ยหยันยังดังชัด...
".....ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอ? " น้ำเสียงเรียบเฉย หากแววตาเย้ยหยันถูกส่งไปยังคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงขอบประตู...วิทย์เม้มปากแน่น...ร่างกายที่พิงขอบประตูไว้นั้นโซเซราวกับไร้เรี่ยวแรงจะยืนหยัดกาย...เขาเงยหน้าขึ้นมองกรอบประตู มองพื้นห้อง...มองผนังห้อง มองโต๊ะทำงานและม่านสีหม่น...มอง....มองอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ภาพของคนรักถูกผู้ชายที่เขารักโอบกอดแนบแน่น...
นัยน์ตาสีดำสนิทปิดลงช้าๆ....เขาส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ มันสะดุดไหวเพราะลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอ...บ้างก็สั่นเพราะก้อนสะอื้นที่เข้ามาจุกลำคอ..
.....สีหน้าบิดเบี้ยวของเขาคงน่าขันนัก วิทย์ถึงได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมากระทบโสต...เสียงหัวเราะของผู้ชนะ เสียงหัวเราะอันเปรมปรีดิ์ผิดกับเสียงหัวเราะสั่นพร่าคลอเสียงสะอื้นสั่นของเขาเหลือเกิน...
หัวใจที่บีบรัดกรีดร้องร่ำไห้เจ็บเสียจนอยากจะควักมันออกมา...อยากจะควักออกมาให้คนสองคนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั่นดู....อยากรู้นักว่ามันจะมีรอยแผลแค่ไหน อยากรู้นักว่าร่องรอยบอบช้ำของมันจะปรากฏชัด...เพียงใด
อยากรู้นัก....ว่ายามควักหัวใจออกมาให้พวกมันดู...จะมีใครนึกสงสาร จะมีใครนึกเสียใจบ้างไหม...
หรือจะสาใจ จะพอใจ สาสมใจที่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้...ยินดีที่ท้ายที่สุด เขาก็ยังคงเป็นแค่คนโง่ที่ไร้ความสำคัญกับใครอยู่เช่นเดิม..
"....เมฆ......."
ทำไม....
ลำคอที่สั่นไหวไม่อาจจะเปล่งเสียงออกมาจนจบประโยคได้...สติที่เบลอพร่าปวดปร่าด้วยความจริงที่ซัดสาดอย่างไม่ปราณีราวกับหอกแหลมทิ่มแทงร่างกาย ทำให้เขาทำได้เพียงเรียกชื่อของคนรักออกมาเท่านั้น..
.
วิทย์ทรุดกายลงนั่งบนพื้นห้องอย่างอดรนทนไม่ไหว...เเข้งขาไร้เรี่ยวแรงจะยืนหยัด..มือเท้าชาจนไม่อาจจะขยับกาย หากมีใครเดินมาฆ่าเขาเสียตรงนี้ก็คงไม่อาจจะขัดขืน
หากมีคนทำแบบนั้นจริงก็คงดี....วิทย์ได้แต่หัวเราะขื่นขม...มีคนเดินเอามีดมาปาดคอเขา มีคนเดินเอาหินมาทุบหัวเขาให้ตาย หรือมีคนเอามือมาควักหัวใจเขาให้หลุดออกจากขั้ว...ให้เขาตาย ให้ตายไปซะ..ตายไปยังจะดีกว่ามีชีวิตอยุ่แบบนี้
...มีชีวิตอยู่กับความรักที่ไม่เคยสมหวัง มีชีวิตอยู่กับการถูกคนรักทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นัยน์ตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาเพ่งมองร่างของคนรักบนเตียง เขามองเห็นมันนิ่งอึ้ง น้ำตาไหลพราก เสื้อผ้าหลุดรุ่ยไม่ติดกาย...
วิทย์มองเห็น"มัน"โอบกอดคนรักของตนอยู่ข้างกายด้วยสีหน้ายิ้มหยัน และอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนัก...
....อดีตที่เคยคิดว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกปรากฏขึ้นราวกับภาพทับซ้อน...ราวกับกงล้อของกรรมเวรขยับเข้าที่เดิม...ทับอยู่ในรอยเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
...ไม่ผิด ไม่ได้ต่างจากเคย ที่คนรักของเขาทำร้ายจิดใจ คนที่เขารักใคร่ทั้งคู่ต่างทรยศ...ต่างร่วมกันหักหลังทำร้ายจิตใจเขาเสียป่นปี้...
ความเจ็บปวดในยามนั้นไม่ต่างกับตอนนี้ หรือจะกล่าวได้ว่ายามนี้ช่างปวดร้าวมากนัก...มากกว่าครั้งใด เพราะเขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลย....
ไม่อาจจะเอื้อมมือไปหา ไม่อาจจะโวยวายด่าทอ..ไม่เลย
เพราะเขาได้ให้สิทธิในการเลือก...เลือกจะอยู่กับใคร เลือกจะครองคู่กับผู้ชายคนไหนให้คนที่เขารักที่สุดแล้ว
และตอนนี้ที่มันไม่ต้องการเขา....วิทย์ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้...นอกจากทุรดกายลงกับพื้น...แน่นิ่งอย่างคนที่เจ็บปวดแล้วพร้อมจะตาย...เท่านั้นเอง...
ยิ่งนานรอยยิ้มของเขายิ่งบิดเบี้ยว ยิ่งนานไปเสียงหัวเราะของเขาก็สั่นไหว...เนิ่นนานไปน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็หลั่งไหลออกมาอาบผิวแก้ม....
"..พี่....พี่วิทย์ ผมไม่ได้....." เสียงที่พยายามพูดพร่ำแก้ไขความเข้าใจนั้นช่างเบาลงไม่ต่างกับเสียงลม เบาผิดกับเสียงหัวเราะเยาะหยันของชายอีกคนที่ติดตรึงอยู่ในสมอง..กระทั่งปลายนิ้วที่ทาบลงบนไหล่ก็ไม่ต่างอะไรกับสัมผัสเย็นยะเยือกไร้ร่องรอยของวิญญาณ
"...กู....พยายามแล้ว...." น้ำเสียงกระซิบของเขาสั่นไหว...อ้อมแขนที่รัดรึงแผ่นหลัง และใบหน้าที่ทาบลงบนแผ่นหลังไม่ต่างจากเหล็กร้อนที่ทาบผิวกาย ยิ่งใกล้ ยิ่งมองเห็น ยิ่งสัมผัส ยิ่งเจ็บ..เจ็บและไม่เข้าใจ
" พยายามทุกอย่าง แต่ทำไมมึงถึงทำแบบนี้..."
ทำไมมึงถึงเลิกรักกู...ทำไมมึงถึงทรยศกู....
" ..พี่ มันไม่ใช่นะ มันไม่ใช่......" เสียงสั่นกลั้นสะอื้นของคนรักชวนให้ปวดใจนักหนา วิทย์เม้มปากแน่น เสี้ยวหนึ่งอยากจะเปิดใจรับฟัง อยากจะปิดตาทำเป็นไม่รุ้ไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วให้เมฆกลับมาอยู่ข้างกายตนอีกครั้ง
แต่...
"....พอแล้วเมฆ...." อ้อมกอดที่เคยกอดไว้แน่นราวกับกกลัวเขาจะหายไปผละห่าง มีเพียงน้ำเสียงเอ่ยไร้เยื่อไยปราณี และฝ่ามือที่ดึงเอาร่างเล็กนั้นไปอยู่ในอ้อมกอด
"...มึงไม่มีสิทธิจะกอดเมฆอีกแล้ว....ออกไป...."
วิทย์เงยหน้าขึ้นสบแววตาเจ้าของคำพูดนั้น...หัวใจที่ปวดแปลบยิ่งบีบรัด ทวีความเจ็บปวดรวดร้าวมากกว่าเดิมเสียจนน้ำตาหลั่งทะลักทะลายอีกครา...
เขามองดูร่างของคนรักในอ้อมกอดของมัน....มองดูสีหน้า มองดูแววตาของมัน...ดู..แล้วบอกให้ตัวเองจำ จำให้แม่นมั่น จำให้ฝังอยู่ในหัวใจ
.....จำไว้ว่ามันไม่ได้รัก...จำไว้ว่ามันเกลียด จำไว้ ว่ามันเคียดแค้นและอยากจะฆ่าเขาให้ตาย..
จำเอาไว้ให้ดี....
"....พี่วิทย์..ฟังผม....." มันยังจะพูด...วิทย์ขยับยิ้มทั้งที่ใบหน้าบิดเบี้ยว...พูด....พูดว่าให้ฟัง เพื่ออะไร พูดเพื่อจะให้เขาเจ็บ กว่าเดิมงั้นเหรอ?....
"....กูรักมึง...เมฆ....." เขาจ้องหน้าคนรักตัวเอง พร้อมกับขยับรอยยิ้มบิดเบี้ยว มันคงไม่น่าดูเท่ากับสีหน้าสาสมใจของไอ้กันย์ หรือแววตาเปี่ยมด้วยความรักที่พวกมึงสองคนมีให้กัน...แต่...กูก็ยังจะพูด ไอ้วิทย์คนนี้ก็ยังจะเสือกพูดไปทั้งที่มึงไม่ใช่ของกูอีกแล้ว...
ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเลิกรัก...
ไม่รู้ว่ามันไม่พอใจอะไร ไม่รู้ว่าดูเเลมันผิดพลาด ไม่รู้ว่าทำอะไรให้มันเคืองตอนไหน...
....ไม่รู้ว่าพยายามขนาดนี้แล้วทำไมมันถึงยังไม่พอใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันถึงยังหันไปรักคนอื่น...
คนอื่น...ที่เขาก็รัก....มันเช่นกัน...
"...กูรักมึง...แต่......" วิทย์ยกแขนขึ้นมาเช็ดนัยน์ตาแรงๆ หวังให้น้ำตาที่ทะลักทะลายออกมาหยุดเสียบ้าง...แต่นอกจากมันจะไม่หยุดแล้วมันยังคงไหลเอ่อมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยามได้สดับฟังเสียงร่ำไห้ของคนรักที่อยู่ในอ้อมกอดคนอื่น...
วิทย์ลุกขึ้นจากพื้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นมองร่างของชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้า..จำได้ดีว่าเคยสับสน ผิดหวัง ปวดร้าวทรมารกับเรื่องนี้มานักต่อนัก...จำได้ดีว่าการแย่งชิงทำร้ายเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการนั้นสร้างความรวดร้าวแค่ไหน..
เขาลดแขนลงข้างตัว นัยน์ตาที่มัวพร่าจ้องมองคนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีต และมองคนที่เขารัก...อีกคน ซึ่งมันไม่เคยมีแต่เศษเสี้ยวของความรักใคร่ห่วงหามอบให้เขาเลย..
ชั่วขณะหนึ่งวิทย์ขยับยิ้มหยัน ถามตัวเองว่าเพราะสาเหตุนี้ใช่ไหม ถามตัวเองว่าเพราะเขามันสองใจ รักคนสองคนภายในเวลาเดียวกันใช่หรือไม่...เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้...เขาถึงไม่เคยได้รับความรักจากคนทั้งคู่อย่างแท้จริง...
....คหนึ่งที่เขาแย่งชิงมา มันรักเขา เขาก็รักมัน ...แต่สุดท้ายแล้ว....สุดท้ายแล้วมันก็กลับไปหาเจ้าของที่แท้จริงของมัน กลับไปหาคนที่มันรักจริงๆ
....อีกคนที่เขารักทั้งที่มันไม่เคยมีใจ มันใช้จุดอ่อนนี้ย่ำยีหัวใจเขามากมากมายเกินจะคนานับ กระทั่งตอนนี้ ตอนที่เขายืนรองไห้น้ำตานองหน้าอย่างน่าสมเพช มันก็เพียงแต่ขยับยิ้มขยัน ..สาแก่ใจ....
..ความรักควรจะเป็นเรื่องของคนสองคน ถึงจะมีสามสุดท้ายก็คงกลายเป็นสอง ใช่ไหม?
สุดท้ายแล้วก็ต้องมีใครคนหนึ่งจากไปใช่รึเปล่า?
.....และคนๆนั้น...ก็คือไอ้วิทย์คนนี้
"....พี่วิทย์...พี่อย่าพูดนะ ผมรักพี่นะ...ผมรักพี่นะพี่วิทย์!!... " ฝ่ามือของเมฆจับหมับเข้าที่แขนแล้วเขย่าแรงๆ มองน้ำตาที่นองหน้าของมันแล้วนึกสงสาร...แต่หัวใจที่ชอกช้ำ....กลับไร้ซึ่งความยินดีต่อคำรักนั้นโดยสิ้นเชิง..
เจ็บครั้งแรกรวดร้าว ทรมารราวกับจะสิ้นใจ..
เจ็บครั้งต่อไปค่อยชินชา..ค่อยยอมรับความเจ็บนั้นจนชาเฉย...จนไม่อาจจะยอมรับคำรักนั้นมาได้อีกแล้ว...
"....มึงอย่าโกหกกูอีกเลย..." ฝ่ามือของเขาดึงมือของมันออกจากแขน แรงบีบรัดของมันแน่นเกร็งมือไม้จนเขาเจ็บ สีหน้าปวดร้าวทุรนทุราย..ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมให้หมดแรงหนี...
".....ไม่ปล่อย....ไม่เอานะ..พี่วิทย์...ผมรักพี่นะ...ฮึก!...กูรักมึง....กูก็รักมึงแล้วทำไมถึงไม่ฟัง...ฮือ......." เสียงร้องของมันสั่นไหว ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายที่รักของมัน...ที่ตอนนี้คงจะกลายเป็นคนรัก....กลายเป็นคนที่รักใคร่กันโดยไม่มีเขาแทรกอยู่อีกแล้ว...
. ....วิทย์ฟังคำตัดพ้อในเสียงสะอื้นนั้นอย่างอ่อนแรง...เขายิ้มเศร้า....รัก...มึงพูดออกมาว่ารัก...แต่ทำไมถึงทรยศ ทำไมถึงให้คนอื่นกอด...ทำไมถึงได้รักคนอื่น....
....รัก....แต่ถ้ากูรักมึงอยู่แบบนี้ สุดท้ายเราจะกลายเป็นเกลียดกัน สุดท้ายกูกับมึงจะไม่เหลือกระทั่งคำว่ารักให้กันเลย...
วิทย์หลับตาลงขยับเท้าก้าวถอยออกจากฝ่ามือและร่างที่ยังคงดึงดันถลันเข้าหา โดยมีร่างของกันย์กอดรัดอยู่เบื้องหลังออกแรงยื้ออย่างสุดกำลัง...
ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวเพราะน้ำตานองหน้า..เขามองใบหน้าของคนรักที่ปวดร้าวไม่ต่างกัน ส่วนหนึ่งในหัวใจพังครืน ไม่ต่างกับยามได้สบมองแวตาของกันย์ที่จ้องมาอย่างเฉยชา...
"......ดูแลมันให้ดีล่ะ...." วิทย์เอื้อมมือกำบานประตูห้องพยาบาลแน่น เขาฝืนยิ้มออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเหวี้ยงประตูปิดลงไปอย่างรวดเร็ว แทรกกายออกมาจากห้องนั้น โดยที่แววตาไร้ความรู้สึกใดของกันย์และแววตาเจ็บปวดรวดร้าวของเมฆยังเเจ่มชัด...ตราตรึงในหัวใจ...
ชายเสื้อถูกยกมาเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม ปลายจมูกชื้นแดงก่ำไม่ต่างจากดวงตา วิทย์รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มแปลกตา ทั้งเย้ยหยัน ทั้งแสดงถึงความเจ็บปวด...
......ก้าวเท้าออกไปจากอาคารพยาบาลที่ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นแว่วมา...ไม่อยากจะได้ยิน ไม่อยากจะฟัง...ไม่อยากจะรับรู้ให้เจ็บไปมากกว่านี้แล้ว...
นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองดวงตะวันที่ส่องแสงจ้า...เขากล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น...บอกตัวเองว่าดีแล้ว...เพราะถึงจะรักต่อไป ตอนจบคงไม่ต่างกัน
..รู้แบบนั้นแท้ๆ...เฝ้าบอกตัวเองให้เชื่อแบบนี้.....แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตาถึงไม่ยอมหยุดไหลเสียที...
ประตูปิดลงไปแล้ว แต่ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของเขายังไม่ยอมหยุด ยังพยายามโผนกายออกไปจากห้อง ยังพยายามจะคว้า...เอาสิ่งที่หลุดลอยไปแล้วกลับมา..
"...พี่วิทย์...พี่วิทย์......." เสียงร่ำไห้ของน้องรักยังคำดังไม่ขาดสาย พร่ำเพ้อหาแต่มันคนนั้น พร่ำหาแต่คนที่เขานึกรังเกียจคนนั้นไม่หยุด..
"...เมฆ...พอ...พอแล้ว....." กันย์ก้มลงกอดกระซิบให้เจ้าตัวหยุดเสียงสะอื้น หากคำตอบมีเพียงแรงสะบัดกายดิ้นหนีไม่ยอมรับฟัง..
กันย์จ้องมองเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน สมองเฝ้าถามอย่างสับสน...
ทำไมถึงได้รักมันขนาดนั้น...ทำไมถึงไม่มองเห็นความรักของเขาเสียบ้าง
ทำไมต้องสนใจไอ้คนแบบนั้น ทำไม ทำไมกัน !
ทำไมต้องหลงรักคนที่อ่อนแอ ทำไมต้องสนใจคนที่โลเลใจไม่มั่นคง ทำไมต้องเอาแต่พร่ำหาไอ้คนที่น่าชังคนนั้น...
"...เมฆ....พี่ก็รักเมฆ...ทำไมเมฆต้องร้องไห้ให้คนที่ทิ้งเราไปด้วย หา? " กันย์กำแขนเจ้าตัวน้อยแน่น จ้องมองดวงตาที่แดงก่ำนั้นเขม็ง "ร้องไห้เพราะเขาไม่ใช่เหรอ? เสียใจเพราะเขาไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมต้องรักมันอีก..ทำไมต้องไปเสียใจที่มันไป..."
"....ไม่....พี่วิทย์ไม่ได้ทิ้ง...ฮือ....พี่วิทย์...พี่....."
น้ำเสียงที่พร่ำพูดขาดหายเนื่องจากริมฝีปากของกันย์ทาบลงไปอย่างอนรนทนไม่ไหว ดวงตาลุกโชนด้วยความไม่พอใจ ทำไมต้องพูดแบบนั้น ทำไมต้องพร่ำหามันไม่หยุด...เขาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเขา ทำไมต้องไปคิดถึงตนอื่น ทำไมต้องไปรักคนอื่นด้วย...
ทั้งที่แย่งชิงมาได้แล้ว...ทั้งที่สามารถโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างเต็มภาคภูมิ แต่ทำไม...ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้...
ทำไมกอดแล้วถึงเจ็บ....ทำไมจูบแล้วยังทรมาร...ยังคิดถึงยามที่เมฆยิ้มและหัวเราะอยู่กับมัน....
ทำไมถึงไม่ได้น้องรักของเขามาครอบครองเสียที...
เพี๊ยะ!!!! "....กูเกลียดมึง !! " เสียงฝ่ามือกระทบผิวเนื้อไม่ได้ดังเท่าเสียงตะโกนปนเสียงสะอื้นไห้ของน้องรัก...กับ...ถ้อยคำที่ทำให้คนฟังเบิกตากว้าง...กันย์สบมองแววตาที่แดงก่ำด้วยแรงสะอื้นนั้นอย่างตกตะลึง....ผิวแก้มที่ร้อนวูบเตือนว่านี่ไม่ใช่ฝัน...บอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดไปเอง..
"...ทำไมกูต้องมาเจอคนอย่างมึงด้วย ทำไมมึงต้องแย่งคนที่กูรักไปจนหมด...ทำไม !! " น้ำเสียงตะโกนบ่นพร่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวดด้วยความไม่พอใจและความเคียดแค้น น้ำเสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในหู...ก้องอยู่ในสมองไม่หยุด...
กันย์นิ่งอึ้ง ใบหน้าซีดขาว..ฝ่ามือที่เคยกอดรัดร่างของเมฆไว้แน่นพลันไร้เรี่ยวแรง...
.....ทำไมถึงแย่งคนที่ผมรักไปหมด?
ทำไมถึงทำร้ายผม?
ทำไมพี่ต้องเฝ้าจองล้างจองผลาญ....ทำไมถึงเป็นแบบนี้...
น้ำเสียงนั้นเหมือนกับถ้อยคำของน้องรักในอดีตไม่ผิดเพี้ยน ราวกับเปิดเทปคาสเซตไปยังหน้าแรก...ไปยังจุดเริ่มต้นของอดีตที่ทำให้เขาและเมฆต้องเป็นแบบนี้...
...นัยน์ตาสีเข้มมองร่างที่ร่ำไห้อ่อนระโหย...กันย์จ้องมองมันอยู่แบบนั้น...หากสมองมึนชา...ความยินดีปรีดาที่เคยมีทั้งหมดหายไปในพริบตา...
....ไม่ได้ตั้งใจ...
กันย์มองร่างที่กำลังร้องไห้อยู่บนตัวอย่างรวดร้าว...อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้
ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย
ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งชิง
เพียงแค่เพราะรัก...ทำไปเพราะรัก...
ทำไมถึงไม่เข้าใจ...
....เมื่อไหร่ความรักของเขาจะเข้าไปถึงหัวใจของเมฆเสียที.....
.......................................TBC.
....เอิ่ม...ตอนนี้ก็นะ...

หลายคนคงอยากจะตะโกนว่าเอามีดมาเชือดกันเลยดีกว่ามั้ย แทงกูให้ตายเลยดีกว่า...

ก็ไม่รู้จะว่าไงแฮะ เขียนแล้วก็มึนๆ อึนๆ .......เฮ้ออออออออออออออ

แล้วเนมก็นะ...รนหาที่ ตอนหน้าเจอดีแน่..
ปล. อิชั้นโดนขโมยบิลค่าเน็ตค่ะ หายสาบสูญไปเลย ค้นตู้จดหมายหน้าหอกี่รอบก็ไม่เจอ...รู้สึกว่ามันเป็นการขโมยที่บ้าบอที่สุดในสามโลก คือมึงจะเอาของกูไปทำไมนิ?

ปล.2 หนังสือยังมีอยู่นะค้า สนใจสั่งได้เนื้อ...ที่นี่เลย
http://www.nana-narisshop.com/