OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54  (อ่าน 2190694 ครั้ง)

niph

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
...นอกจากจะเพราะไม่คิดอยากบังคับใจคนที่รักแล้ว...อีกหนึ่งเหตุผล คือเขาอยากให้วิทย์มันสบายใจและได้ทำอะไรตามใจมากที่สุดเมื่ออยู่กับเขา..อยากให้เมฆมันรู้สึกว่าที่ตรงนี้..คือที่ๆดีที่สุด..
จริง ๆ แล้วต้องเป็นเมฆไม่ใช่เหรอ  :m28:

ว่าแต่ เมฆจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ

ออฟไลน์ zerebrum

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ฟิกปวดตับประจำปี อ่านแล้วบีบคั้นเหลือเกินนนนนน  :m15:


สงสารน้องเมฆ ส่วนพี่กันย์ สมน้ำหน้า ทำอะไรไว้ รับผลกรรมไป
ลุ้นเรื่องราวสามคนนี้ยิ่งกว่าคู่หลักอีก โอยยยยย  :z10:

sweetiiez

  • บุคคลทั่วไป
ปมมันเยอะ ปวดตับค่ะ อ่านไปละมองทางออกไม่เจอเลย
ไม่รู้เมฆจะทำยังไง ไหนจะพี่โตกับเนมอีก ไอ้เป้อีกคน :เฮ้อ:

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 o22
ดุเด็ดเผ็ดร้อนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอ่านยิ่งบีบคั้นเกินจะทน...
อยากจะกรีดร้องดังๆ แทนพ่อ นช ทั้งหลายนี่เหลือเกิน  :serius2:

ment12835

  • บุคคลทั่วไป
รีบๆมาต่อเร็วๆนะครับ  สงสาร้เมฆมากเลย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยอย่าให้เมฆฆ่าพี่กันย์เลย 

 เมื่อไหร่พี่โตกับเนมจะออกน้า  รออ่านนะครับ   

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สรุปว่านายกันต์เป็นคนยังไงกันแน่นะ ดูไม่ออกเลยจริงๆ
จะฟันธงว่าเป็นพี่ชายที่แสนดี รักและเป็นห่วงน้องชายจริงๆ
ก็กลัวว่าจะโดนคนแต่งหักมุมเอาตอนท้าย

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
สงสารเมฆอ่ะ กันย์ก็ทำกะเค้าไว้เยอะอ่ะนะ


มันก็ช่วยไม่ได้

ออฟไลน์ ishiya

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
มานั่งรอน้องเนม... :call:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
^
รีบน วันนี้อัพจ้า
ประมาณสี่ห้าทุ่มนะค่ะ

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
^
^
วันนี้จะรอจ้า

สงสารน้องเมฆ เมื่อไรจะมีความสุขกับเค้าซะที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






REFICUL

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแล้วววว  :m15:

ตอนนี้สงสารเมฆนะ  :m15: รู้สึกเข้าใจเรื่องครอบครัำวไม่สนใจ....

พี่กันย์จะโดนดีมั้ย~~  :laugh:
วางแผนเยอะ จะให้แตกคอกันเอง กลายเป็นเมฆเข้่าใจกันไปอีกเรื่องเลย  :m20:
รักกันลำบากกอย่างนี้ชอบค่ะชอบ  :-[

รออ่านอย่างใจจดในจ่อ รอสามผีอยู่นะค่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Improbable 14 : จากลา


    แสงสีทองของดวงอาทิตย์สอดลอดเงาไม้ มายังร่างของชายกลุ่มหนึ่งในสถานกักกันนักโทษ..หรือเรือนจำในแดนสิบสอง แดนที่กล่าวว่าเป็นที่อยู่ของนักโทษที่มีความผิดร้ายแรง และป่าเถื่อนที่สุด..

    กลุ่มของชายในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาลหม่นก้าวเท้ามเข้ามาหาร่างของนักโทษอีกกลุ่มที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว  สีหน้าของทุกคนดูสงบนิ่ง หากแฝงแววเครียดเคร่งอยู่ในที...ผมลอบถอนหายใจเบาๆ พลางเพ่งมองไปยังกลุ่มของนักโทษต่างถิ่นที่เดินเข้ามาหาพี่โต พี่วิทย์ และไอ้เป้อย่างใจจดใจจ่อ...

     ไอ้เนมนั่งพิงผนังอาคารหลังเก่าสีหม่น ปูนที่ฉาบอยู่หลุดร่อนและมีรอยแตกร้าวเผยให้เห็นสีน้ำตาลของอิฐบล๊อกที่ใช้สำหรับก่อสร้างเด่นชัด...ผมมองมันเพียงครู่เดียว ก่อนจะมองไปยัง"กลุ่ม"บุคคลที่เดินเข้ามาหากันอีกครั้งอย่างสังเกตุสังกา...

นัยน์ตาผมจับจ้องไปที่ร่างของแต่ละคนอย่างพินิจพิจารณา นับแต่ไอ้เป้..ที่กำลังยิ้มบางๆด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา พี่วิทย์ที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าเล็กน้อย และพี่โต..ที่มีสีหน้านิ่ง หากแต่นิ่ง...เกินไปเสียจนได้กลิ่นอายของความอึดอัดชัดเจน

ผมมองเห็นร่างของนักโทษที่มาหาพี่โตได้ชัดพอดู แต่เมื่อเห็นแล้วไม่ได้ทำให้รู้จักใครมากขึ้น ก็บอกตัวเองได้อย่างเดียวแล้วว่านี่คือนักโทษในแดนอื่น..สิ่งที่พอจะยืนยันความคิดผมได้ คือร่างของพี่ทินซึ่งเดินมาพร้อมกับนักโทษกลุ่มนั้นด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงาน

    เพ่งมองใบหน้าของแต่ละคนผ่านแสงตะวันที่ส่องจ้าบาดตา ดวงตาหรี่มอง ทั้งสังเกตสังกาและระเเวดระวังไปในตัว เพราะอะไรเหรอครับ ก็ไอ้เนมแอบตามมาโดยไม่ได้รับอนุญาติน่ะสิถ้าไม่ระวังตัวแล้วถูกจับได้ มีสิทธิถึงฆาตได้แบบไม่รู้ตัว

    เอาจริงๆนะ ผมก็ไม่ชอบจะเสือกไสกบาลไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้านให้ปวดหัวหรอก แต่เรื่องนี้น่ะ มันเป็นเรื่องของพี่โตนะครับ ที่ไม่ใช่แค่พี่โต แต่เป็นเรื่องของผม ของทุกคนในแดนสิบสองและในแกงค์ด้วย  เห็นท่าทีหลายอย่างมันน่าสงสัยน่าประหลาดขนาดนี้แล้วเนี่ย คุณจะยอมนิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่สนใจได้กี่วันกัน ผมเคยพูดว่าจะฟัง โอเค...ผมบอกว่าจะฟัง แต่ขอเว้นไว้ให้เข้าใจนะครับ ว่าผมเชื่อฟังพี่โตที่บอกให้รอ  ผมเชื่อพี่โตที่บอกให้เชื่อมั่นว่าพี่โตจะเลือกทางที่ดีที่สุดให้เราทุกคนเดิน และจะคุ้มครองทุกคนในแกงค์ได้ แต่มันไม่ใช่การรอคอยอย่างไร้หวังแบบนี้ ไม่ใช่การรอคอยที่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ มีแต่เพียงคำตอบว่า"อย่ายุ่ง" และไม่ใช่เรื่องที่พี่โตต้องทำหน้าตาเครียดเคร่ง ไม่ใช่เรื่องที่พี่โตมีปัญหาขนาดนี้...

     ผมไม่ได้ยุ่งเพียงเพราะได้"ความอยากรู้"มาเป็นแรงผลักดันเพียงอย่างเดียว แต่ที่ผมยุ่งกับเรื่องนี้ ที่ผมต้องมาตามสืบเรื่องรนหาที่แบบนี้ มันเป็นเพราะนี่เป้นเรื่องที่เกี่ยวกับผม และที่สำคัญ...เพราะผมเป็นห่วงพี่โต

แค่คำว่าห่วง มันไม่ใช่อะไรที่ผมจะมาทำไม่ยอมรับอีกแล้วนะครับ ผมบอกว่าห่วงก็คือห่วง  ในฐานะคนที่อยู่เคียงข้างกันมาสามสี่ปี คำว่าความผูกพันและความห่วงหาที่เกิดขึ้นมันไม่เกินจริงไปหรอก...

และเพราะผมห่วง นั่นล่ะ ผมถึงได้อยากรู้ เพราะผมห่วงอีกเหมือนกัน ถึงได้ตามมาสืบหาให้รู้ว่าอะไรที่ทำให้พี่โตทุกข์ใจ...

       มองเห็นร่างของนักโทษตัวใหญ่ ผิวสีคล้ำเข้มท่อนแเขนมีรอยสักยันต์ลายพร้อยไม่ปรากฏรูปร่างแน่ชัดเนื่องจากความไกล แต่ขนาดผมอยู่ไกลพวกเขาพอสมควรนะ ยังเห็นเลยว่าขนาดใส้เสื้อแขนสั้นแล้ว รอยสักยังลุกลามมาถึงท่อนแขน ดูแล้วน่ากลัวบวกน่าเกรงขามนิดๆ และยังชวนให้อยากรู้ ว่าผิวเนื้อใต้ร่มผ้านั่นจะมีรอยสักปรากฏอยู่อีกเท่าไหร่

     ใบหน้าของชายคนนั้นถือได้ว่าหล่อเหลา ดูมาดเข้มไว้หนวดขึ้นเป็นไรบางๆตรงปลายคางดูรวมๆแล้วพอจะคาดได้ว่าน่าจะเป็นคนทางภาคใต้ของประเทศ อีกทั้งใบหน้าของเขาดูนิ่ง ดุ และขรึมกว่าพี่โตเสียอีก

     ชายคนที่สองตัวเตี้ยล่ำผิวขาวและใบหน้าออกแนวเจ้าชู้นิดๆ หากตอนนี้ดวงตาที่เคยพราวระยับกลับขรึมลงพร้อมกับจับจ้องไปยังพี่โตและพรรคพวก

    และคนสุดท้าย..ผู้ชายตัวสูงผิวสีทองแดงใบหน้าเรียบขรึม กำลังใช้ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทกวาดมองทั่วร่างของไอ้เป้อย่างพิจารณาพร้อมกับฝ่ามือที่วางบนไหล่พี่ทินอย่างสนิทสนม

....เอ่อ....หรือว่านั่นจะเป็น...

     สะบัดหน้าแรงๆคลายอาการฟุ้งซ่านเมื่อความสนใจชักจะเบนไปในทางที่ผิด เอาน่ะ...ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้แล้ว เวลาจะสนใจเรื่องของชาวบ้านมีอีกมากมาย ตอนนี้ที่ควรทำ คือลอบสืบดูให้รู้เรื่องว่าพ๊โตกำลังทำอะไร และกำลังเจอกับอะไรมากกว่า...ผมพยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพี่โตกับพวกที่มาหา แต่ว่าด้วยระยะห่างนี่มันไม่ใช่น้อยๆ จะขยับเข้าไปใกล้มากก็ไม่ได้ จึงได้แต่พยายามเพ่งมองท่าทีของคนที่มาและท่าทีของพี่โตไปพลางๆ

.....ไอ้เนมกลอกตามองคนในกลุ่มนั้นแล้วลอบถอนใจ นี่ถ้าหากมีใครรู้ว่าแอบดู โดนจับได้แล้วศพไม่สวยแหง...

       ....................


       ร่างสูงของขาใหญ่แห่งแดนสิบสองกวาดตามองพรรคพวกที่ถูกเรียกมาด้วยสายตาเรียบเฉย ใบหน้าไร้รอยยิ้มหากแต่ไม่ได้เคร่งขรึมมากนัก นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองไปยังลูกน้องของตนที่ยืนหน้าเคร่งนำอยู่หน้าสุด..มองหน้ามันก็รู้ว่าอามณ์ไม่ดีแค่ไหน

           " ว่าไงพวกมึง ไม่ได้เจอกันนาน " โตขยับปากทักทาย "...ไอ้กั้ง ไอ้นนท์ แล้วก็มึง....ไอ้ปื๊ด มึงปล่อยไอ้ทินมั่งก็ได้สัด มันไม่หนีไปไหนหรอก "

         ".........." แทนคำตอบลูกน้องคนสนิทส่งสายตาเหนื่อยหน่ายมาให้ ไอ้ทินมันพยายามปัดมือไอ้ปื้ดออกจากไหล่ แต่ไอ้คนจับก็ตีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ยอมละมือลงเสียที

         "...มีไรล่ะพี่ ให้คนไปเรียกมาถึงนี่.." คนที่ออกปากพูดรายแรกคือกั้ง..หนุ่มใต้หน้าตาออกดุดัน โตมองหน้ามันก่อนจะไหวไหล่

         "ก็รู้ๆกันอยู่ "

         " แล้วแน่ใจเหรอพี่ ที่จะพูดตรงนี้...กับไอ้พวกนี้..." นัยน์ตาของนนท์หนุ่มร่างล่ำกรอกแววตาขรึมของตนไปยังร่างของนักโทษหน้าใหม่ที่นั่งอยู่ร่วมวง

        "...มึงพูดอย่างกับไม่รู้ ว่ามันเป็นใคร " โตยักไหล่ แสยะยิ้มมองร่างของไอ้เด็กป๋าที่ยังคงตีสีหน้าไม่หยี่ระอย่างหงุดหงิดไม่น้อย "...ข้างบนเลือกมาแล้ว ...กูกับพวกมึงทั้งหลายจะไม่รับได้เหรอ ใช่ไหม? ไอ้เป้ "

        "...ก็ตามนั้น..." ไอ้เด็กใหม่มันยักไหล่สีหน้าเรียบเฉย..โตมองแล้วกัดฟันกรอดเ คยไม่พอใจท่าทีของมันแบบนี้มาแต่แรก ตอนนี้ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ไม่ว่ามันจะอยู่ในฐานะไหน ไม่ว่าใครจะไม่ให้มันแตะต้องได้ก็เถอะ

        "...แล้วมึงจะให้พวกกูทำอะไร โต...พูดมาอย่าลีลามาก พวกมึงก็เหมือนกัน เลิกถามเรื่องไม่เป็นเรื่องได้แล้ว เสียเวลา "น้ำเสียงห้วนจัดของปี๊ดดังขึ้นสอดแทรกบทสนทนาไร้สาระไว้เพียงเท่านั้น ดวงตาคนพูดหรี่ลงพร้อมกับบีบไหล่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแน่นขึ้น จนมันหันมามองหน้าอย่างไม่พอใจ

          "...ไอ้ปี้ด..คนของมึงแดนสิบมีประมาณเท่าไหร่ "โตเอ่ยถามเรียบๆ

          "....กูใช้ได้ทุกคน..แต่ถ้าจะเอาพวกที่ใช้ได้จริงๆก็สักห้าหกสิบคน.." ปี้ดออกปากตอบสั้นๆ นัยน์ตาหรี่เล็กมองคนพูดอย่างสนใจไม่น้อย

          " พวกมึงล่ะ "ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองออกปากถามบ้าง

          " สี่สิบกว่า " กั้งลูกพี่แดนเก้าตอบสั้นๆ

          "...ห้าสิบ.." นนท์ตอบ พลางเอนตัวพิงผนังปูนซีเมนต์แก้เมื่อยขบ...นัยน์ตามองไปยังพี่ใหญ่ของแดนสิบสอง และยังถือเป็น"หัวหน้า"ของบรรดาลูกน้องป๋าในแดนต่างๆด้วย...

         "....มึงว่าจะพอไหม?..โต " วิทย์อออกปากถามเพื่อนสีหน้าขรึม " แล้วพวกมึงแน่ใจนะ ไอ้ที่บอกว่าใช้ได้ ไม่ใช่แค่ใช้ได้เฉยๆ แต่ต้องได้เรื่องด้วยนะโว้ย ...พวกอ่อนๆแม่งอย่าลากมาให้มีปัญหาล่ะ "

        "........"ทั้งสามคนพยักหน้ายืนยันคำตอบ

        "...ของมึงล่ะวิทย์...." โตออกปากถามสั้นๆ..

         " ยี่สิบกว่าคนล่ะมั้ง...รวมกับกลุ่มของมึงกับไอ้กันย์อีกที.." วิทย์ตอบสั้นๆสีหน้าครุ่นคิด

         " แล้วที่กูให้มึงไปคุยกับไอ้กันย์ ได้เรื่องว่ายังไง ? "โตเอ่ยปากถามเพื่อนสนิท

         "...ไม่มีปัญหาอะไร..." น้ำเสียงตอบนั้นไม่ได้มีเค้าลังเลหรือลำบากใจ นั่นทำให้โตพยักหน้ารับ เพราะรู้ดีว่าพวกมันสองคนเป็นผู้ใหญ่พอจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมายุ่ง อีกทั้งเรื่องที่เขาให้พวกมันสองคนจัดการ ก็เป็นเรื่องเกี่ยกับความปลอดภัยของ"คนสำคัญ"ของพวกมันสองคนเช่นกัน

        "...เดี๋ยวเสร็จแล้วมึงไปตามมันมาหากูหน่อย "โตออกปากวาน ก่อนจะกวาดสายตามองผู้มาเยือนทั้งสามอย่างเคร่งขรึม..

         "...ที่ป๋ามันสั่งมา...พวกมึงจะตัดสินใจยังไง  "นัยน์ตาสีเข้มสบนัยน์ตาของเหล่าขาใหญ่ในแดนอื่นที่เป็นลูกน้องของป๋าเช่นเดียวกับตน และได้คำสั่งมาไม่ต่างกันนัก...ไม่มีทางเลือก มากกว่าเขาเช่นกัน

         " กูไม่บังคับถ้ามีใครไม่อยากทำ แต่ถ้าตกลงจะทำ กูก็ไม่รับปากว่าจะรอด และถึงรอด กูก็ไม่รับปากว่าพวกมึงจะปลอดภัยได้ตลอด..."โตถอนหายใจเบาๆ สีหน้าเคร่งขรึม "กูให้มึงเลือก.."

แทนกูที่เลือกไม่ได้แล้ว...

โตลอบถอนหายใจแผ่วเบา ขณะที่เพ่งบมองสีหน้าของเหล่าขาใหญ่ที่เขาเคยคุ้น...

....งานแบบนี้ต่างอะไรกับส่งพวกมันไปตาย

แต่งานแบบนี้เช่นกัน..ที่หากไม่ทำ ก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย...

..ไม่ได้ต่างกันเลย..

         "..............."

              ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองมีสีหน้าออกจะเครียดเคร่งเมื่อได้รับฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้ที่ได้รับเลือกให้ร่วมเป็นร่วมตายครั้งนี้กับตน โตทำได้เพียงพยักหน้ารับกับเส้นทางที่พวกมันเลือก เขาสบตาของคนพูดทีละรายอย่างเคร่งขรึม...นึกลสเพชตนเอง ที่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจมีใครฝ่าฝืนคำสั่ง...ไม่อาจจะมีใครจะนิ่งเฉยทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้....

ชายหนุ่มปรายสายตาไปมองไอเป้...เด็กของป๋าที่อยู่ข้างกายด้วยสีหน้าเครีดขึง...เขาหรี่ตาลงช้าๆ...มองสีหน้าของมันแล้วได้แต่ทอดถอนใจ..

           ....ไม่รู้ว่ามันจะไม่มีทางเลือกเหมือนกัน หรือว่ามัน"เลือห"ทางนี้ของมันเองกันแน่..

     แต่ดูยังไงก็สงสารหรือเห็นใจคนแบบนี้ไม่ลงจริงๆ...



       แกร๊ก.....

            เสียงของโลหะบางอย่างตกลงบนพื้น ดังออกมาไม่เบานัก ทำให้นัยน์ตาหลายคู่หันมามอง โตขมวดคิ้วมองหาที่มา หากแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นเสี้ยวหน้าที่คุ้นเคยดีสะท้อนแสงอาทิตย์จากซอกตึก....

เขากัดฟันกรอด รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันควัน ขณะที่เหล่าผู้ร่วมขบวนการณ์ต่างก็นิ่งงัน เพ่งมองร่างของนักโทษที่ต่างรู้กันดีว่ามันเป็นใคร วิทย์ตวัดสายตามองเพื่อนสนิทที่ขมวดคิ้วเคร่งด้วยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยปนหน่ายระอานัก...

     ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองกำลังนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจอย่างยากเย็น โตถอนหายใจเฮือกอย่างกลัดกลุ้ม

         " ไอ้เนม !!!เตรียมตัวไว้นะมึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" เสียงตะโกนดังลั่นในยามสายของวัน ส่อวนผู้ฟังที่เหลือได้แต่เงียบนิ่ง ถอนใจและปล่อยให้ขาใหญ่เขาจัดการเด็กของตัวเองอย่างที่ควรเป็น...

.....แต่งานนี้ต่อให้เป็นเด็กในสังกัด ก็ใช่จะรอดได้ง่ายๆ...

           ความคิดนี้เกิดขึ้นในสมองทุกคนอย่างกะทันหัน เมื่อมองเห็นสีหน้าของคนพูด ที่ครึ้มทะมึนชวนขนลุกนัก...


............


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8



ลมหายใจหอบสั่น...แผ่นอกหอบสะท้านไหวเฮือกจนรู้สึกได้..

    ....ไม่ใช่เพราะรอยกอดที่รัดรึงไม่หาย ไม่ใช่เพราะลมหายใจที่รินรดซอกคอ และปลายฟันที่ขบหยอกเย้าใบหู...ไม่ใช่เพราะจูบที่แสนอ่อนหวานรันจวญใจจากริมฝีปากของผู้เป็นพี่ชาย..

ไม่ใช่...ไม่ใช่เลย...

...แต่สาเหตุขอมันกลับเป็นเพราะปลายนิ้วที่แตะลงบนโลหะเย็นยะเยียบ...ปลายนิ้วที่สั่นไหวจนไม่อาจจะกำรอบ ปลายนิ้วที่เพียงแค่เเตะ...ก็เย็นเฉียบไปถึงหัวใจ...

เมฆครางในลำคอแผ่วเบา ม่านน้ำตาที่คลอเอ่อรินไหลอาบผิวแก้ม..ทั้งเจ็บ...ทั้งแค้น เร่าร้อนทรมารจนอยากตายไปให้พ้น....เจ็บปวดจนอยากจะกรีดร้องร่ำไห้ออกมาอย่างหมดอาย..

แต่ถึงกระนั่น เขาก็ยังไม่กล้าจะกำมีดเล้กๆนี้ให้แน่นขึ้น..เพื่อที่จะใช้มันทิ่มแทงลงบนร่างของคนตรงหน้าได้เลย

....คิด...เขาทำได้เพียงคิดและทำได้เพียงแต่สัมผัสอาวุธในมือตนเท่านั้น หากปลายนิ้วที่แตะกลับไร้แรงกระชับ...หากข้อมือที่ซอกซุกกลับไม่มีแม้แรงจะบีบกำมันไว้ในมือ...

ทั้งที่แค้น...ทั้งที่โกรธเกรี้ยวเสียใจนักหนา แต่ทำไม...ทำไม....

  .....เขาได้ยินเสียงตัวเองสะอื้นแผ่วค่อยในลำคอ นัยน์ตาที่มัวพร่ามองเห็นเพียงแสงจ้าของดวงอาทิตย์ที่สอดลอดมาตามหน้าต่าง สวางเจิดจ้าเสียจนแสบตา สว่างจ้าเสียจนต้องพับเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า..


ทำไมถึงทำไม่ลง...

   เมฆเฝ้าถามตัวเองอย่างเศร้าสร้อย...ทำไม...ทำไม....

ทำไมเขาถึงทำร้ายคนที่ร้ายกับเขานักหนาไม่ได้ ทำไมเขาจะลงมือกับคนที่หลอกลวง โกหกเขาหน้าตาเฉยไม่ไหว

...คนที่แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา....ทำไมถึงทำไม่ลง ทำไมถึงได้แต่ร้องไห้...ได้แต่ทำร้ายตัวเองให้ทรมารมากขึ้น...มากขึ้น เกินจะทนไหว...


           แกร๊ก....


      " พวกมึงทำอะไรกันอยู่? "เสียงประตูเปิดออกไม่ได้กระทบโสตประสาทมากไปกว่าเสียงที่เคยคุ้น....น้ำเสียงที่คุ้นหูดี....น้ำเสียงที่บัดนี้เรียบนิ่งหากสั่นไหวราวกับจะลอดออกมาไม่พ้นลำคอ

      การเคลื่อนไหวทั้งหมดชะงักงัน ปลายนิ้วที่สอดเข้าไปในเสื้อกาวน์สีขาวผละออกและยันกายขึ้นจากเตียงนุ่ม...เมฆเบิกตาจ้องมองไปยังประตูห้องพยาบาลรวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น...ไม่เชื่อ....ว่าคนที่เขาไม่อยากให้อยู่ที่สุด กำลังยืนมองตนเองในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยกอดรัดกับผู้ชายอีกคนอยู่

        "....นี่เหรอที่บอกว่าจะมาทำแผล.....เมฆ....." น้ำเสียงสั่นพร่าแทบไม่หลุดออกมาจากลำคอ...ใบหน้าที่ยิ้ม....หากรอยยิ้มที่ออกมานั้นบิดเบี้ยวสั่นไหว....ใบหน้าที่พยายามจะนิ่งขึงไม่หวั่นไหว ทำได้เพียงขึงตึงราวกับจะร่ำไห้ปนหัวเราะก็ไม่ปาน..

    ท่าทีของคนตรงหน้ามันน่าขำ ...แต่เขามองแล้วขำไม่ออก...

อ้อมแขนที่รัดรึงให้ปวดแปลบ...เคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น ยังคงตวัดกอดรัดร่างของตนแนบแน่น...ลมหายใจร้อนรินรดซอกคอ เสียงพ่นลมออกจากจมูกเป็นทำนองเย้ยหยันยังดังชัด...

         ".....ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอ? " น้ำเสียงเรียบเฉย หากแววตาเย้ยหยันถูกส่งไปยังคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงขอบประตู...วิทย์เม้มปากแน่น...ร่างกายที่พิงขอบประตูไว้นั้นโซเซราวกับไร้เรี่ยวแรงจะยืนหยัดกาย...เขาเงยหน้าขึ้นมองกรอบประตู มองพื้นห้อง...มองผนังห้อง มองโต๊ะทำงานและม่านสีหม่น...มอง....มองอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ภาพของคนรักถูกผู้ชายที่เขารักโอบกอดแนบแน่น...

     นัยน์ตาสีดำสนิทปิดลงช้าๆ....เขาส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ  มันสะดุดไหวเพราะลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอ...บ้างก็สั่นเพราะก้อนสะอื้นที่เข้ามาจุกลำคอ..

    .....สีหน้าบิดเบี้ยวของเขาคงน่าขันนัก วิทย์ถึงได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมากระทบโสต...เสียงหัวเราะของผู้ชนะ เสียงหัวเราะอันเปรมปรีดิ์ผิดกับเสียงหัวเราะสั่นพร่าคลอเสียงสะอื้นสั่นของเขาเหลือเกิน...

     หัวใจที่บีบรัดกรีดร้องร่ำไห้เจ็บเสียจนอยากจะควักมันออกมา...อยากจะควักออกมาให้คนสองคนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั่นดู....อยากรู้นักว่ามันจะมีรอยแผลแค่ไหน อยากรู้นักว่าร่องรอยบอบช้ำของมันจะปรากฏชัด...เพียงใด

อยากรู้นัก....ว่ายามควักหัวใจออกมาให้พวกมันดู...จะมีใครนึกสงสาร จะมีใครนึกเสียใจบ้างไหม...

หรือจะสาใจ จะพอใจ สาสมใจที่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้...ยินดีที่ท้ายที่สุด เขาก็ยังคงเป็นแค่คนโง่ที่ไร้ความสำคัญกับใครอยู่เช่นเดิม..


         "....เมฆ......."


 ทำไม....

          ลำคอที่สั่นไหวไม่อาจจะเปล่งเสียงออกมาจนจบประโยคได้...สติที่เบลอพร่าปวดปร่าด้วยความจริงที่ซัดสาดอย่างไม่ปราณีราวกับหอกแหลมทิ่มแทงร่างกาย ทำให้เขาทำได้เพียงเรียกชื่อของคนรักออกมาเท่านั้น..
.
    วิทย์ทรุดกายลงนั่งบนพื้นห้องอย่างอดรนทนไม่ไหว...เเข้งขาไร้เรี่ยวแรงจะยืนหยัด..มือเท้าชาจนไม่อาจจะขยับกาย หากมีใครเดินมาฆ่าเขาเสียตรงนี้ก็คงไม่อาจจะขัดขืน

หากมีคนทำแบบนั้นจริงก็คงดี....วิทย์ได้แต่หัวเราะขื่นขม...มีคนเดินเอามีดมาปาดคอเขา มีคนเดินเอาหินมาทุบหัวเขาให้ตาย หรือมีคนเอามือมาควักหัวใจเขาให้หลุดออกจากขั้ว...ให้เขาตาย ให้ตายไปซะ..ตายไปยังจะดีกว่ามีชีวิตอยุ่แบบนี้

...มีชีวิตอยู่กับความรักที่ไม่เคยสมหวัง มีชีวิตอยู่กับการถูกคนรักทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

      นัยน์ตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาเพ่งมองร่างของคนรักบนเตียง เขามองเห็นมันนิ่งอึ้ง น้ำตาไหลพราก เสื้อผ้าหลุดรุ่ยไม่ติดกาย...

วิทย์มองเห็น"มัน"โอบกอดคนรักของตนอยู่ข้างกายด้วยสีหน้ายิ้มหยัน และอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนัก...

      ....อดีตที่เคยคิดว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกปรากฏขึ้นราวกับภาพทับซ้อน...ราวกับกงล้อของกรรมเวรขยับเข้าที่เดิม...ทับอยู่ในรอยเดิมไม่มีผิดเพี้ยน

...ไม่ผิด ไม่ได้ต่างจากเคย ที่คนรักของเขาทำร้ายจิดใจ คนที่เขารักใคร่ทั้งคู่ต่างทรยศ...ต่างร่วมกันหักหลังทำร้ายจิตใจเขาเสียป่นปี้...

    ความเจ็บปวดในยามนั้นไม่ต่างกับตอนนี้ หรือจะกล่าวได้ว่ายามนี้ช่างปวดร้าวมากนัก...มากกว่าครั้งใด เพราะเขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลย....

   ไม่อาจจะเอื้อมมือไปหา ไม่อาจจะโวยวายด่าทอ..ไม่เลย

เพราะเขาได้ให้สิทธิในการเลือก...เลือกจะอยู่กับใคร เลือกจะครองคู่กับผู้ชายคนไหนให้คนที่เขารักที่สุดแล้ว

และตอนนี้ที่มันไม่ต้องการเขา....วิทย์ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้...นอกจากทุรดกายลงกับพื้น...แน่นิ่งอย่างคนที่เจ็บปวดแล้วพร้อมจะตาย...เท่านั้นเอง...

      ยิ่งนานรอยยิ้มของเขายิ่งบิดเบี้ยว ยิ่งนานไปเสียงหัวเราะของเขาก็สั่นไหว...เนิ่นนานไปน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็หลั่งไหลออกมาอาบผิวแก้ม....

          "..พี่....พี่วิทย์ ผมไม่ได้....." เสียงที่พยายามพูดพร่ำแก้ไขความเข้าใจนั้นช่างเบาลงไม่ต่างกับเสียงลม เบาผิดกับเสียงหัวเราะเยาะหยันของชายอีกคนที่ติดตรึงอยู่ในสมอง..กระทั่งปลายนิ้วที่ทาบลงบนไหล่ก็ไม่ต่างอะไรกับสัมผัสเย็นยะเยือกไร้ร่องรอยของวิญญาณ

         "...กู....พยายามแล้ว...." น้ำเสียงกระซิบของเขาสั่นไหว...อ้อมแขนที่รัดรึงแผ่นหลัง และใบหน้าที่ทาบลงบนแผ่นหลังไม่ต่างจากเหล็กร้อนที่ทาบผิวกาย ยิ่งใกล้ ยิ่งมองเห็น ยิ่งสัมผัส ยิ่งเจ็บ..เจ็บและไม่เข้าใจ

         " พยายามทุกอย่าง แต่ทำไมมึงถึงทำแบบนี้..."

ทำไมมึงถึงเลิกรักกู...ทำไมมึงถึงทรยศกู....

         " ..พี่ มันไม่ใช่นะ มันไม่ใช่......" เสียงสั่นกลั้นสะอื้นของคนรักชวนให้ปวดใจนักหนา วิทย์เม้มปากแน่น เสี้ยวหนึ่งอยากจะเปิดใจรับฟัง อยากจะปิดตาทำเป็นไม่รุ้ไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วให้เมฆกลับมาอยู่ข้างกายตนอีกครั้ง

แต่...

         "....พอแล้วเมฆ...." อ้อมกอดที่เคยกอดไว้แน่นราวกับกกลัวเขาจะหายไปผละห่าง มีเพียงน้ำเสียงเอ่ยไร้เยื่อไยปราณี และฝ่ามือที่ดึงเอาร่างเล็กนั้นไปอยู่ในอ้อมกอด



        "...มึงไม่มีสิทธิจะกอดเมฆอีกแล้ว....ออกไป...."



                 วิทย์เงยหน้าขึ้นสบแววตาเจ้าของคำพูดนั้น...หัวใจที่ปวดแปลบยิ่งบีบรัด ทวีความเจ็บปวดรวดร้าวมากกว่าเดิมเสียจนน้ำตาหลั่งทะลักทะลายอีกครา...

        เขามองดูร่างของคนรักในอ้อมกอดของมัน....มองดูสีหน้า มองดูแววตาของมัน...ดู..แล้วบอกให้ตัวเองจำ จำให้แม่นมั่น จำให้ฝังอยู่ในหัวใจ

.....จำไว้ว่ามันไม่ได้รัก...จำไว้ว่ามันเกลียด จำไว้ ว่ามันเคียดแค้นและอยากจะฆ่าเขาให้ตาย..

จำเอาไว้ให้ดี....

         "....พี่วิทย์..ฟังผม....." มันยังจะพูด...วิทย์ขยับยิ้มทั้งที่ใบหน้าบิดเบี้ยว...พูด....พูดว่าให้ฟัง เพื่ออะไร พูดเพื่อจะให้เขาเจ็บ กว่าเดิมงั้นเหรอ?....

         "....กูรักมึง...เมฆ....." เขาจ้องหน้าคนรักตัวเอง พร้อมกับขยับรอยยิ้มบิดเบี้ยว มันคงไม่น่าดูเท่ากับสีหน้าสาสมใจของไอ้กันย์ หรือแววตาเปี่ยมด้วยความรักที่พวกมึงสองคนมีให้กัน...แต่...กูก็ยังจะพูด ไอ้วิทย์คนนี้ก็ยังจะเสือกพูดไปทั้งที่มึงไม่ใช่ของกูอีกแล้ว...

           ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเลิกรัก...

ไม่รู้ว่ามันไม่พอใจอะไร ไม่รู้ว่าดูเเลมันผิดพลาด ไม่รู้ว่าทำอะไรให้มันเคืองตอนไหน...

   ....ไม่รู้ว่าพยายามขนาดนี้แล้วทำไมมันถึงยังไม่พอใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันถึงยังหันไปรักคนอื่น...

คนอื่น...ที่เขาก็รัก....มันเช่นกัน...

          "...กูรักมึง...แต่......" วิทย์ยกแขนขึ้นมาเช็ดนัยน์ตาแรงๆ หวังให้น้ำตาที่ทะลักทะลายออกมาหยุดเสียบ้าง...แต่นอกจากมันจะไม่หยุดแล้วมันยังคงไหลเอ่อมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยามได้สดับฟังเสียงร่ำไห้ของคนรักที่อยู่ในอ้อมกอดคนอื่น...

    วิทย์ลุกขึ้นจากพื้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นมองร่างของชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้า..จำได้ดีว่าเคยสับสน ผิดหวัง ปวดร้าวทรมารกับเรื่องนี้มานักต่อนัก...จำได้ดีว่าการแย่งชิงทำร้ายเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการนั้นสร้างความรวดร้าวแค่ไหน..

เขาลดแขนลงข้างตัว นัยน์ตาที่มัวพร่าจ้องมองคนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีต และมองคนที่เขารัก...อีกคน ซึ่งมันไม่เคยมีแต่เศษเสี้ยวของความรักใคร่ห่วงหามอบให้เขาเลย..

  ชั่วขณะหนึ่งวิทย์ขยับยิ้มหยัน ถามตัวเองว่าเพราะสาเหตุนี้ใช่ไหม ถามตัวเองว่าเพราะเขามันสองใจ รักคนสองคนภายในเวลาเดียวกันใช่หรือไม่...เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้...เขาถึงไม่เคยได้รับความรักจากคนทั้งคู่อย่างแท้จริง...

....คหนึ่งที่เขาแย่งชิงมา มันรักเขา เขาก็รักมัน ...แต่สุดท้ายแล้ว....สุดท้ายแล้วมันก็กลับไปหาเจ้าของที่แท้จริงของมัน กลับไปหาคนที่มันรักจริงๆ

....อีกคนที่เขารักทั้งที่มันไม่เคยมีใจ มันใช้จุดอ่อนนี้ย่ำยีหัวใจเขามากมากมายเกินจะคนานับ กระทั่งตอนนี้ ตอนที่เขายืนรองไห้น้ำตานองหน้าอย่างน่าสมเพช มันก็เพียงแต่ขยับยิ้มขยัน ..สาแก่ใจ....

        ..ความรักควรจะเป็นเรื่องของคนสองคน ถึงจะมีสามสุดท้ายก็คงกลายเป็นสอง ใช่ไหม?

      สุดท้ายแล้วก็ต้องมีใครคนหนึ่งจากไปใช่รึเปล่า?

.....และคนๆนั้น...ก็คือไอ้วิทย์คนนี้

           "....พี่วิทย์...พี่อย่าพูดนะ ผมรักพี่นะ...ผมรักพี่นะพี่วิทย์!!... " ฝ่ามือของเมฆจับหมับเข้าที่แขนแล้วเขย่าแรงๆ มองน้ำตาที่นองหน้าของมันแล้วนึกสงสาร...แต่หัวใจที่ชอกช้ำ....กลับไร้ซึ่งความยินดีต่อคำรักนั้นโดยสิ้นเชิง..

เจ็บครั้งแรกรวดร้าว ทรมารราวกับจะสิ้นใจ..

เจ็บครั้งต่อไปค่อยชินชา..ค่อยยอมรับความเจ็บนั้นจนชาเฉย...จนไม่อาจจะยอมรับคำรักนั้นมาได้อีกแล้ว...

          "....มึงอย่าโกหกกูอีกเลย..." ฝ่ามือของเขาดึงมือของมันออกจากแขน  แรงบีบรัดของมันแน่นเกร็งมือไม้จนเขาเจ็บ สีหน้าปวดร้าวทุรนทุราย..ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมให้หมดแรงหนี...

          ".....ไม่ปล่อย....ไม่เอานะ..พี่วิทย์...ผมรักพี่นะ...ฮึก!...กูรักมึง....กูก็รักมึงแล้วทำไมถึงไม่ฟัง...ฮือ......." เสียงร้องของมันสั่นไหว ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายที่รักของมัน...ที่ตอนนี้คงจะกลายเป็นคนรัก....กลายเป็นคนที่รักใคร่กันโดยไม่มีเขาแทรกอยู่อีกแล้ว...

.    ....วิทย์ฟังคำตัดพ้อในเสียงสะอื้นนั้นอย่างอ่อนแรง...เขายิ้มเศร้า....รัก...มึงพูดออกมาว่ารัก...แต่ทำไมถึงทรยศ ทำไมถึงให้คนอื่นกอด...ทำไมถึงได้รักคนอื่น....

....รัก....แต่ถ้ากูรักมึงอยู่แบบนี้ สุดท้ายเราจะกลายเป็นเกลียดกัน สุดท้ายกูกับมึงจะไม่เหลือกระทั่งคำว่ารักให้กันเลย...

       วิทย์หลับตาลงขยับเท้าก้าวถอยออกจากฝ่ามือและร่างที่ยังคงดึงดันถลันเข้าหา โดยมีร่างของกันย์กอดรัดอยู่เบื้องหลังออกแรงยื้ออย่างสุดกำลัง...

         ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวเพราะน้ำตานองหน้า..เขามองใบหน้าของคนรักที่ปวดร้าวไม่ต่างกัน ส่วนหนึ่งในหัวใจพังครืน ไม่ต่างกับยามได้สบมองแวตาของกันย์ที่จ้องมาอย่างเฉยชา...

         "......ดูแลมันให้ดีล่ะ...." วิทย์เอื้อมมือกำบานประตูห้องพยาบาลแน่น เขาฝืนยิ้มออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเหวี้ยงประตูปิดลงไปอย่างรวดเร็ว แทรกกายออกมาจากห้องนั้น โดยที่แววตาไร้ความรู้สึกใดของกันย์และแววตาเจ็บปวดรวดร้าวของเมฆยังเเจ่มชัด...ตราตรึงในหัวใจ...

        ชายเสื้อถูกยกมาเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม ปลายจมูกชื้นแดงก่ำไม่ต่างจากดวงตา วิทย์รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มแปลกตา ทั้งเย้ยหยัน ทั้งแสดงถึงความเจ็บปวด...

......ก้าวเท้าออกไปจากอาคารพยาบาลที่ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นแว่วมา...ไม่อยากจะได้ยิน ไม่อยากจะฟัง...ไม่อยากจะรับรู้ให้เจ็บไปมากกว่านี้แล้ว...

        นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองดวงตะวันที่ส่องแสงจ้า...เขากล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น...บอกตัวเองว่าดีแล้ว...เพราะถึงจะรักต่อไป ตอนจบคงไม่ต่างกัน

..รู้แบบนั้นแท้ๆ...เฝ้าบอกตัวเองให้เชื่อแบบนี้.....แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตาถึงไม่ยอมหยุดไหลเสียที...



     ประตูปิดลงไปแล้ว แต่ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของเขายังไม่ยอมหยุด ยังพยายามโผนกายออกไปจากห้อง ยังพยายามจะคว้า...เอาสิ่งที่หลุดลอยไปแล้วกลับมา..

        "...พี่วิทย์...พี่วิทย์......." เสียงร่ำไห้ของน้องรักยังคำดังไม่ขาดสาย พร่ำเพ้อหาแต่มันคนนั้น พร่ำหาแต่คนที่เขานึกรังเกียจคนนั้นไม่หยุด..

        "...เมฆ...พอ...พอแล้ว....." กันย์ก้มลงกอดกระซิบให้เจ้าตัวหยุดเสียงสะอื้น หากคำตอบมีเพียงแรงสะบัดกายดิ้นหนีไม่ยอมรับฟัง..

         กันย์จ้องมองเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน สมองเฝ้าถามอย่างสับสน...

   ทำไมถึงได้รักมันขนาดนั้น...ทำไมถึงไม่มองเห็นความรักของเขาเสียบ้าง

ทำไมต้องสนใจไอ้คนแบบนั้น ทำไม ทำไมกัน !

 ทำไมต้องหลงรักคนที่อ่อนแอ ทำไมต้องสนใจคนที่โลเลใจไม่มั่นคง ทำไมต้องเอาแต่พร่ำหาไอ้คนที่น่าชังคนนั้น...

         "...เมฆ....พี่ก็รักเมฆ...ทำไมเมฆต้องร้องไห้ให้คนที่ทิ้งเราไปด้วย หา? " กันย์กำแขนเจ้าตัวน้อยแน่น จ้องมองดวงตาที่แดงก่ำนั้นเขม็ง "ร้องไห้เพราะเขาไม่ใช่เหรอ? เสียใจเพราะเขาไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมต้องรักมันอีก..ทำไมต้องไปเสียใจที่มันไป..."

         "....ไม่....พี่วิทย์ไม่ได้ทิ้ง...ฮือ....พี่วิทย์...พี่....."

                 น้ำเสียงที่พร่ำพูดขาดหายเนื่องจากริมฝีปากของกันย์ทาบลงไปอย่างอนรนทนไม่ไหว ดวงตาลุกโชนด้วยความไม่พอใจ ทำไมต้องพูดแบบนั้น ทำไมต้องพร่ำหามันไม่หยุด...เขาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเขา ทำไมต้องไปคิดถึงตนอื่น ทำไมต้องไปรักคนอื่นด้วย...

   ทั้งที่แย่งชิงมาได้แล้ว...ทั้งที่สามารถโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างเต็มภาคภูมิ แต่ทำไม...ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้...

           ทำไมกอดแล้วถึงเจ็บ....ทำไมจูบแล้วยังทรมาร...ยังคิดถึงยามที่เมฆยิ้มและหัวเราะอยู่กับมัน....

        ทำไมถึงไม่ได้น้องรักของเขามาครอบครองเสียที...


                เพี๊ยะ!!!!

           "....กูเกลียดมึง !! " เสียงฝ่ามือกระทบผิวเนื้อไม่ได้ดังเท่าเสียงตะโกนปนเสียงสะอื้นไห้ของน้องรัก...กับ...ถ้อยคำที่ทำให้คนฟังเบิกตากว้าง...กันย์สบมองแววตาที่แดงก่ำด้วยแรงสะอื้นนั้นอย่างตกตะลึง....ผิวแก้มที่ร้อนวูบเตือนว่านี่ไม่ใช่ฝัน...บอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดไปเอง..

           "...ทำไมกูต้องมาเจอคนอย่างมึงด้วย ทำไมมึงต้องแย่งคนที่กูรักไปจนหมด...ทำไม !! " น้ำเสียงตะโกนบ่นพร่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวดด้วยความไม่พอใจและความเคียดแค้น น้ำเสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในหู...ก้องอยู่ในสมองไม่หยุด...

    กันย์นิ่งอึ้ง ใบหน้าซีดขาว..ฝ่ามือที่เคยกอดรัดร่างของเมฆไว้แน่นพลันไร้เรี่ยวแรง...

 .....ทำไมถึงแย่งคนที่ผมรักไปหมด?

 ทำไมถึงทำร้ายผม?

ทำไมพี่ต้องเฝ้าจองล้างจองผลาญ....ทำไมถึงเป็นแบบนี้...

       น้ำเสียงนั้นเหมือนกับถ้อยคำของน้องรักในอดีตไม่ผิดเพี้ยน ราวกับเปิดเทปคาสเซตไปยังหน้าแรก...ไปยังจุดเริ่มต้นของอดีตที่ทำให้เขาและเมฆต้องเป็นแบบนี้...

...นัยน์ตาสีเข้มมองร่างที่ร่ำไห้อ่อนระโหย...กันย์จ้องมองมันอยู่แบบนั้น...หากสมองมึนชา...ความยินดีปรีดาที่เคยมีทั้งหมดหายไปในพริบตา...

 ....ไม่ได้ตั้งใจ...

       กันย์มองร่างที่กำลังร้องไห้อยู่บนตัวอย่างรวดร้าว...อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้

ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย

ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งชิง

เพียงแค่เพราะรัก...ทำไปเพราะรัก...

ทำไมถึงไม่เข้าใจ...


       
....เมื่อไหร่ความรักของเขาจะเข้าไปถึงหัวใจของเมฆเสียที.....


.......................................TBC.


....เอิ่ม...ตอนนี้ก็นะ... :เฮ้อ: :เฮ้อ:
  หลายคนคงอยากจะตะโกนว่าเอามีดมาเชือดกันเลยดีกว่ามั้ย แทงกูให้ตายเลยดีกว่า... :serius2: :serius2:
ก็ไม่รู้จะว่าไงแฮะ เขียนแล้วก็มึนๆ อึนๆ .......เฮ้ออออออออออออออ :เฮ้อ:
 แล้วเนมก็นะ...รนหาที่ ตอนหน้าเจอดีแน่..
    ปล. อิชั้นโดนขโมยบิลค่าเน็ตค่ะ หายสาบสูญไปเลย ค้นตู้จดหมายหน้าหอกี่รอบก็ไม่เจอ...รู้สึกว่ามันเป็นการขโมยที่บ้าบอที่สุดในสามโลก คือมึงจะเอาของกูไปทำไมนิ?  :z3:
    ปล.2 หนังสือยังมีอยู่นะค้า สนใจสั่งได้เนื้อ...ที่นี่เลย http://www.nana-narisshop.com/

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2

ออฟไลน์ ammer

  • มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
อ๊ากกก ปั๊ดโธ่ๆๆๆๆๆ  :z3:
ตอนที่แล้วสงสารเมฆ พอมาตอนนี้แรกๆสงสารวิทย์ สักพักสงสารเมฆอีกละ เกลียดอิพี่กันย์มาก แต่ตอนสุดท้ายกลับมาสงสารอิพี่กันย์อีก เฮ้อๆ อะไรจะหลากหลายอารมณ์ในตอนเดียวขนาดนี้
 :monkeysad: :sad11: :m15: :angry2: :a5:
สรุป สามผีนี่ไม่มีใครสมหวังเลยสักคนใช่มั้ย :o12:

thisispom

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
สงสารทั้งสามคน
อยากรู้ว่าเนมจะโดนอะไรบ้าง
+ 1 นะคะ

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
ตูเครียดเนมนี่เอาจนได้โดนจับได้แล้วมั้งนะ
แต่นี่เครียดกว่าสงสารไอ้พี่วิทย์
สุดท้ายเมฆก็ไม่ได้เกลียดพี่วิทย์
แอบสมน้ำหน้าไอ้พี่กันต์วะงานนี้
อยากให้เขาเลิกกันดีนัก
ทำเพราะรักไม่ใช่เหตุผลเลยนี่ละเหตุผลของคนเห็นแก่ตัว
ถ้ารักเมฆจริงทำไมไม่ปล่อยให้เมฑมีความสุขกับคนที่รักละ
พี่วิทย์คงรู้ใจตัวเองสะทีนะ

ออฟไลน์ YunNie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
 :a5:

ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า.......................................................ทรมานใจ :o12:


ขอบคุณสำหรับความเจ็บปวดค่ะ
และเป็นกำลังใจให้สำหรับตอนต่อไปเสมอ  :กอด1:


ตอนหน้า..............................น้องเนม................................ :m15:

ออฟไลน์ Saffron

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เห้อออ ตอนนี้แอบเกลียดกันย์อ่ะ



- -* สงสารวิทททท


ปล.และยังหมั่นไส้ไอเป้เหมือนเดิมค่ะ
555555555555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
รอเนมถูกลงโทษ อิอิอิ

ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
 :monkeysad:
เมนท์ไม่ออกได้แต่ อึ้งๆๆๆ
สงสารทั้งสามคนเลย  :m15:

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
ปวดตับ ปวดไต ซะจริงจริง
จะเป็นยังไงต่อไปล่ะ
วิทย์จะยังยอมรับฟังเมฆรึเปล่า...

ถ้าได้อ่านตอนเนมโดนลงโทษ คงจะหายปวดไปได้เยอะ  :z1:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ตูล่ะเครียดกับอิสามคนนี้จริงๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ none_ny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
อยากจะกรีดร้องตามมมมมม กรี๊ดดดดดดดดด  :m15:

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกก อยากอ่านตอนต่อ
เมฆน่าสงสารที่สุด น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้แล้ว
เรื่องของเนมกลายเป็นจิ๊บๆ ไปทันที

ว่าแต่ว่า เจ้าเนม เห็นเงาหัว อยู่ไหวๆ เฮ้ออออ

Sornpattra

  • บุคคลทั่วไป
วิทย์ กันย์ เมฆ
รักก็เจ็บ เลิกก็เจ็บ แต่มันก็แค่เจ็บแบบไหนเท่านั้น

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
หลายคนคงอยากจะตะโกนว่าเอามีดมาเชือดกันเลยดีกว่ามั้ย แทงกูให้ตายเลยดีกว่า อืมก็นะเอาตามนั้นเลย :o12:
ไม่ว่าจะไปทางไหนมีแต่เจ็บกับเจ็บเราสามคนเนี่ยเจ็บมากเลย  :o12:
นอกจากสามคนผัวเมียไปเลย :laugh: (อะไรของอินี่คนอื่นเขายิ่งเครียดๆกันอยู่ :laugh:)

+1 ให้กับค่าของความดันที่ขึ้นสูงมาก :laugh:

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
วุ้ย..ปวดหัวกับพวกนี้จริงๆ แต่มันก็สมควรแก่เหตุและรับผลกันไป แม้จะเศร้า แต่ก็ทำตัวเองทั้งนั้น
ลุ้นคู่พี่โตน้องเนมดีกว่า น่ารักกว่าเยอะ อิอิ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
พี่วิทย์ออกมาอ่ะดีแล้ว เจ็บครั้งเดียวดีกว่าเจ็บนาน ไปหาหนุ่มใหม่ดีกว่า ส่วนเมฆ กันย์ไม่ได้ตั้งใจนิ เริ่มใหม่ด้วยกันมันไม่ยากเกินไปหรอก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด