..........ผมไม่โกรธเพื่อน..ๆหรอกครับ.....ผมกลับดีใจด้วยซ้ำที่ทีคนห่วงใยและให้คำแนะนำ....นี่ถ้าผมได้เจอเพื่อน..ๆ...เร็วกว่านี้ผมคงจะดี.........
ปล....เพลงเพราะมากครับ....
ตอน.....หัวใจที่ไร้บ่วง.....
................หลังจากที่ได้คุยกับพี่แก้วแล้วผมรู้สึกไม่สะบายใจยังไงชอบกล.....มันเหมือนมีอะไร
บางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ลึก..ๆ..ในใจผม.......ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกุ๊กถึงทำแบบนั้น....จะว่ากุ๊กอยากให้ผมกลับไป
เหรอ.....ถ้าต้องการอย่างนั้นจริง..ๆ..ทำไมกุ๊กถึงยังชอบใช้คำพูดทำร้ายความรู้สึกผมอยู่เรื่อย..ๆ....ตอนนั้นในความรู้สึก
ผมมันเหมือนกับว่าพอผมต้องการหยุดและหันหลังให้กับกุ๊ก.....กุ๊กก็จะวิ่งเข้ามาหาพยายามทำให้ผมหันกลับมาหา
กุ๊ก......แต่พอผมหันกลับมาหากุ๊กจริง..ๆ........กุ๊กก็จะเป็นฝ่ายออกวิ่งหนีผมเพื่อให้ผมวิ่งไล่ตามอีก.....เฮ้อ...ผมรู้สึก
เหนื่อยและท้อเหลือเกิน.....ทำไมนะ....ทำไมผมถึงตัดกุ๊กไม่ขาดสักที...........
............ช่วงนั้นผมหยุดการติดต่อกับกุ๊กไปพักใหญ่....ไม่คุยไม่ตอบเมลของกุ๊กเลย.....แต่กุ๊กก็ยังส่งเม
ลมาทุกวัน...เวลาที่ผมเข้าเอ็มแล้วกุ๊กมาทักผมก็จะปิดหนีหรือไม่ก็ไม่คุยด้วยเป็นอย่างนี้อยู่ตลอด.....แล้ววันนึงกุ๊กก็ส่ง
เมลอันนี้มาให้.......
"......ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ นึงตลอดเวลา
เค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้
และบางครั้ง ก็อาจมีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน
บางครั้ง การได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า
สิ่งที่เราคิดทั้งหมด มันคือความฝันของเราเองเพียงคนเดียว
ฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมกับความฝัน
มากกว่าการได้รับรู้ความจริง
การไม่ได้เป็นที่ 1 ในใจเค้า ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า...
เราอาจเป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าเป็นที่ 3 ที่ 4...
และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า...
ก็ขอให้คิดไว้ว่า ดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย
แต่โปรดจำไว้เถอะว่า
หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ
พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า...ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้ว
โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ชั้นจะอ่อนล้าไปกว่านี้...
ก็จงชอบต่อไปเถอะ
การรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม
"การตัดใจ"ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย
ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า
กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า
อันไหนมันหนักหนากว่ากัน
แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง
ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป
แต่ก็ยังได้พบ...
ยิ้มให้เค้า ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามาทั้งหมด
แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป...
ยิ้มให้กับโชคชะตา
ที่ยังทำให้เรา...ได้รู้จักกัน
คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่ง
คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว
คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...
คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มากมาย...
คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้า
ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น...ให้กลายเป็นวันที่สดใส
เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?
...นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ..."
..........พอผมอ่านข้อความนี้จบผมไม่รู้สึกถึงความรักอันจริงใจเหมือนกับที่กุ๊กเขียนเลย.........
อาจเป็นเพราะผมมีอคติกับกุ๊กมันเลยทำให้ผมกลับรู้สึกว่าบทความอันนี้แฝงไปด้วยความเห็นแก่ตัวอย่าง
ร้ายกาจ....เพราะในคำพูดที่สวยหรูมันกลับมีความหมายว่าให้เรายอมรับรับสภาพการเป็นรองไม่ว่าจะเป็นที่ท่าไรก็แล้ว
แต่...และมันยังมีความหมายให้เรายินยอมถ้าเขาคนนั้นจะมีใครอื่นอีก.......ผมเลยมีความรู้สึกว่าทำไมกุ๊กถึงได้ร้ายกาจ
ขนาดนี้......ทำไมนะ...ทำไมจะต้องเหนี่ยวรั้งกันไว้ด้วย.....ถ้าไม่รักก็เลิก..ๆ.กันไปซะก็จบ...........
............หลังจากนั้นกุ๊กก็ยังคงส่งเมลมาอีกเรื่อย..ๆ...แต่มีเมลอยู่ฉบับนึงมีไฟล์ที่แนบมาชื่อเป็ด
พันอ้อย.....ตอนที่ได้รับเมลอันนี้ผมไม่ได้คลิกเข้าไปดูว่ามันคืออะไรเห็นห้วข้อเป็ดพันอ้อยผมก็พาลนึกไปถึงเป็ดพะโล้
สูตรใหม่ ( น่าอายจัง..
) แต่หลังจากนั้น2-3 วันผมมานั่งไล่เช็คเมลก็เลยลองเข้าไปคลิกดูพอโหลดมาแล้วก็เจอ
กับชื่อเรื่อง...กูม่ายช่ายเกย์จะจีบทำมาย....พอลองอ่านดูก็รู้สึกสนุกดีเลยอ่านไปเรื่อย...ๆ..แต่พออ่านถึงตอนท้าย..ๆ..ผม
รู้สึกว่ามันเศร้าจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ประทับใจกับเรื่องราวของคุณเป็ดกับพระอ้อยมากครับ.....จำได้ว่าหลังจากอ่าน
จบผมซึมไปเป็นอาทิตย์ เวลาได้ยินเพลง When I feeling blue แล้วอยากร้องไห้เลยครับ.......เรื่องราวของคุณเป็ดก็
ทำให้ผมได้แง่คิดในอีกมุมมองนึงของความรัก........ผมนั่งถามตัวเองว่าแล้วระหว่างผมกับกุ๊กล่ะ.....มันใช่ความรักรึป่าว
นะ..........
..........แล้ววันนึงในขณะที่ผมนั่งดูละครไทยที่เพิ่งสั่งซื้อมาอยู่คนเดียวในห้อง......ผมก็ต้องสะดุด
กับคำพูดประโยคนึงของตัวละครในเรื่อง.......โดยตัวเอกของเรื่องพูดเตือนสติกับเพื่อนว่า..."......คนเราถ้าไม่ยอมปล่อย
ให้อดีตมันเป็นเพียงแค่อตีด.......และยังคอยเอาอดีตมาตอกย้ำตัวเองอยู่ซ้ำ..ๆ...แล้วเราจะมีความสุขกับปัจจุบันและ
อนาคตได้อย่างไร....." พอได้ฟังประโยคนี้มันเหมือนกับมีแสงสว่างส่องปิ๊งเข้ามาในหัวผม.....จริงด้วยซินะคนเราถ้ามัว
จมอยู่กับอตีดแล้วจะมีคำว่าปัจจุบันและอนาคตได้อย่างไร......ที่ผ่านมาที่ผมยังตัดกุ๊กไม่ขาดอาจเป็นเพราะผมยังคงยึด
ติดกับภาพความสุขเก่า..ๆ..ระหว่างเรา......มันอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ลึก..ๆ..ภายในใจ.....กลัว....ว่า
จะไม่ได้เจอความสุขแบบนั้นอีก.....กลัว...ว่าถ้าตัวเองตัดสินใจผิดอาจต้องเสียใจตลอดไป.....และอาจจะเป็นเพราะ
ความหวังอันน้อยนิดที่ซ่อนอยู่ในใจคิดว่าสักวันกุ๊กจะคบกันแบบจริงจัง....... ผมคงมัวแต่จมอยู่กับภาพความสุขที่สวย
งามในอดีตจนลืมนึกถึงความเจ็บปวดที่กุ๊กเคยทำไว้กับผม.........ในตอนนั้นผมเริ่มประมวลภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา
อีกครั้ง......แล้วผมก็ได้คำตอบในใจที่ชัดเจนขึ้น.....ผมบอกกับตัวเองว่า.....ถึงเวลาแล้วซินะ.....ถึงเวลาที่ผมจะปล่อย
หัวใจตัวเองออกจากบ่วงของกุ๊กจริง..ๆ.ซะที...................
[attachment deleted by admin]