เกมหัวใจ: เพื่อนรักหักเหลี่ยมรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกมหัวใจ: เพื่อนรักหักเหลี่ยมรัก  (อ่าน 138612 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ห้าวันแล้วที่ฉันรอเธออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

เจ้สอง  :bye2:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :sad4: รอด้วยคน หายไปซิ่งมอไซด์ที่ไหนเนี่ย

teenza

  • บุคคลทั่วไป
"ฉันไม่ชอบแทะกระดูด ฉันชอบเอ็น" เอ็นไรเหรอ  :-[

อ่านแล้วเชียร์ ให้พีวีซีคู่กับวรุฒ และก้อนอิฐคู่กับวิษณุ

อย่าขัดใจผมนะคุณนาย ขอร้องนะเนี่ย อิอิ o18

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ มาต่างจังหวัดครับ ตัดขาดจากโลกภายนอกไปชั่วขณะเพราะกล้ำกลืนฝืนทำวิดยานิพน แต่แอดไวเซอร์ให้รื้อทำใหม่อีกแล้ว แววจะเสร็จสมบูรณ์ในสิ้นเดือนนี้ไม่ค่อยจะแจ่มใสเท่าไหร่นัก
ว่าแล้วก็โพสนิยายซะเลย หายเซ็งไปอีกล่ะ
เพิ่งรู้ว่าใช้มือถือต่อเข้ากับคอมแล้วใช้เน็ตของมือถือผ่านคอมได้ด้วยล่ะ จีพีอาร์เอสทำแบบนี้ก็ได้


บทที่ 4 ต่อให้จบบทแล้วครับ

"แกไม่ถามนี่หว่า" อิศรายักไหล่ ตอบเสียงเบาแล้วรีบเดินนำหน้าเพื่อไปให้ถึงรถก่อน แต่เมื่อไปถึง วิษณุเปิดประตูด้านหลังแล้วเชิญอิศราขึ้นนั่งคู่กับตัวเอง ภีรวัสยิ้มชอบใจ ปรายตามองเพื่อนพร้อมส่งรอยยิ้มเยาะให้ ก่อนจะขึ้นนั่งคู่คนขับ ในใจก็คิดว่าคราวนี้อิศราคงลำบาก เพราะเขาสังเกตเห็นว่าวิษณุแสดงท่าทางว่าสนใจอิศราอย่างเปิดเผย เพราะฉะนั้นจึงดึงความสนใจของอิศราไม่ให้จีบวรุฒม์ได้สะดวก
"คุณอิศราเคยล่องแพยางหรือเปล่าครับ" วิษณุหันมาถามอิศราหลังจากที่วรุฒม์เล่าเรื่องน้ำตกให้ฟังว่าการไปเที่ยวชมน้ำตกครั้งนี้เป็นการ 'อุ่นเครื่อง' ในการไปเที่ยวน้ำตกอีกแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าและมีวิธีเดินทางเข้าไปถึงได้เพียงทางเดียวคือถ่อแพเข้าไป
"ไม่เคยครับ" อิศราตอบไปตามตรง "ภีร์ช่ำชองมากกว่า พายเรือเก่ง เขาชอบกีฬาทางน้ำ"
ภีรวัสที่นั่งสิ่งมาตลอดทางสะดุ้ง หันขวับไปมองเพื่อนเพราะโดนอิศราจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
...อิศราจะมาไม้ไหนกันนี่ ก็รู้อยู่ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น...
"เอ่อ ก็พอพายได้ครับ ไม่เก่งนักหรอก ถ้าน้ำเชี่ยวก็ไม่ไหวเหมือนกัน ผมไม่คุ้นกับแพยาง ถนัดแต่เรือแคนู" ภีรวัสออกตัว
"พายไม่ยากหรอกหรอก น้ำก็ไม่เชี่ยวจนน่ากลัว ที่สำคัญ มีคนเก่งอยู่ด้วยทั้งคน" วิษณุตอบยิ้มๆ แล้วชี้ไปยังวรุฒม์
"วิษณุก็เก่งครับ" วรุฒม์ตอบ
"วรุฒม์ผ่านการล่องแก่งระดับยากที่สุดของแม่น้ำหลายสายมาหลายประเทศ ปีนเขาก็เยี่ยม ไว้ว่างๆ ชวนกันไปปีนเขาก็ได้" วิษณุยังพยายามชวนไปเที่ยว
"ดีครับ น่าสนใจ" ภีรวัสรีบตอบ "ผมชอบปีนเขา อิศราก็ชอบเป็นชีวิตจิตใจ"
...ไอ้บ้า...อิศราทำปากขมุบขมิบใส่ภีรวัสเพราะฝ่ายนั้นรู้ดีว่าเขากลัวความสูง
"ดีเลยครับ" วิษณุหันมายิ้มให้อิศรา "ถ้ายังงั้นช่วงวันหยุดยาวสามวัน เราเข้าป่าไปแคมป์ปิ้งดีไหมครับ แล้วปิดท้ายด้วยการปีนเขา อ้อ โรยตัวลงไปชะง่อนผาดูพระอาทิตย์ตกดินด้วย ผมรู้จักที่หนึ่ง วิวสวยมาก ผมรับประกันว่าคุณอิศราจะต้องชอบ"
...ต้องช๊อคแน่ๆ สิไม่ว่า...
อิศรายิ้มแหยๆ ยังไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวเสียคะแนน วรุฒม์หันมายิ้มแล้วพูดว่าเห็นด้วย
"ชอบเที่ยวกันจังเลยนะครับ" อิศราพูดยิ้มๆ หันไปมองวรุฒม์กับวิษณุสลับไปมา แล้วแอบถลึงตาใส่ภีรวัสที่นั่งทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะพูดว่า "พอเที่ยวปีนเขาเสร็จ คราวถัดไป ไปล่องแก่งน้ำเชี่ยวๆ กันดีไหมครับ คราวนี้ได้ผจญภัยครบทุกรูปแบบ"
...อย่าหวังว่าภีรวัสจะหวั่นนะอิศรา รู้ว่าเพื่อนไม่ถูกกับน้ำ จะมาชวนให้ล่องแก่ง กะจะทำให้เราขายหน้าวรุฒม์ละสิ...
ภีรวัสสบตาอิศรา สื่อสารกันเงียบๆ แบบที่เขาทั้งสองคนเท่านั้นที่เข้าใจกันและกัน
...จ้างให้ก็ทำให้เขาปีนเขาไม่ได้หรอก หัวเด็ดตีนขาดอิศราก็ไม่ยอมขาสั่นแขนสั่นแล้วกลายเป็ฯอัมภาตต่อหน้าวรุฒม์เด็ดขาด เสียคะแนนหมด...
...แล้วทำไมสองคนนี้ชอบเล่นอะไรกันโลดโผนนักนะ เฮ้อ ชอบทหารมันต้องเสี่ยงแบบนี้หรือนี่...
"เอ๊ะ เป็นทหารนี่ได้โดดร่มหรือเปล่าครับ" ภีรวัสเปลี่ยนเรื่อง ตั้งใจล้ออิศราเล่นให้รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
"ภีร์" อิศราทำเสียงปรามเพื่อน
"แชมป์ดิ่งพสุธาตัวจริงอยู่นี่แล้วครับคุณภีรวัส" วิษณุตบไหล่วรุฒม์
"อยากโดดร่ม" ภีรวัสพูดเบาๆ แล้วหันไปมองอิศราช้าๆ "นะอิศนะ คิดถึงตอนที่เราไปเที่ยวนิวซีแลนด์แล้วคิดถึงตอนที่อิศชวนเราไปโดดบันจี้จัมพ์ โดดร่มคงสนุกกว่าบันจีจัมพ์แน่ๆ เลย"
อิศรายิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วตอบเพื่อนเบาๆ เช่นกัน "ใช่ ไว้ว่างๆ ชวนผู้พันไปโดดร่มกัน แล้วต่อด้วยไปดำน้ำลึกที่สิมิลัน นะภีร์นะ" อิศรากับภีรวัสพากันไปไกลเรื่อยๆ
วิษณุหัวเราะชอบใจที่ทั้งสองหนุ่มชอบการผจญภัยแบบเขากับเพื่อน วรุฒม์ไม่พูดอะไร เอาแต่อมยิ้ม แล้วหันไปสนใจกับการขับรถ แต่เขาแอบสังเกตเห็นแววตาของภีรวัสและอิศราที่มองกันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้
...สองคนนี้คุยกันแปลกๆ...
***chapter 4****

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 5

Heart Game Chapter 5

ภีรวัสและอิศราโบกมือให้นายทหารทั้งสอง รอจนรถของวรุฒม์ลับตาไปแล้วจึงหันมาเผชิญหน้ากัน
"แกจะเอายังไงวะภีร์ ก็รู้อยู่ว่าเพื่อนกลัวความสูง ยังจะไปปีนเขาอยู่ได้" อิศราโวยวายใส่ภีรวัส
"แกเริ่มก่อนนะไอ้ก้อนอิฐ รู้ทั้งรู้ว่าเราว่ายน้ำไม่เป็น นี่กะจะให้เพื่อนตกน้ำตะกุยตะกายแล้วผู้พันวรฒม์จะได้หัวเราะเยาะละสิท่า" ภีรวัสโต้ แล้วเดินขึ้นบันไดบ้าน โดยมีอิศราตามไปติดๆ
"แล้วนี่จะทำยังไงดี" อิศราโอดครวญ "ถ้าไปปีนเขา เราต้องตัวแข็งทื่อเป็นก้อนอิฐแน่ๆ เลย"
"ตอนพูดไม่รู้จักคิด ก็บอกไปสิว่ากลัวความสูง ผู้พันวรุฒม์คงเข้าใจ" ภีรวัสแนะนำ แกล้งทำหน้าห่วงใยก่อนจะตบท้ายว่า "เข้าใจว่าแกปวดเปียกไม่เหมาะจะเป็นแฟนทหาร คราวนี้เขาจะหันมามองภีรวัสผู้คล่องแคล่วเหมือนเลียงผา"
"รอให้ไปล่องแก่งก่อนเถอะ จะถีบให้ตกน้ำ"
"เมื่อไหร่ละคุณอิฐศาลา ที่แน่ๆ อีกไม่กี่อาทิตย์ เราจะไปปีนเขากัน แถมมีการโรยตัวลงไปนั่งกันที่ชะง่อนผา ดูทิวทัศน์เบื้องล่าง ลมตีขึ้นมาเย็นๆ ถอดร้องเท้า แล้วห้อยขาลงไปแกว่งเล่นที่ความสูงหนึ่งพันแปดร้อยฟุตเหนือระดับน้ำทะเล Dead Sea เดท ซีๆ ตาย เห็นๆ" ภีรวัสล้อเลียนอิศราแล้วหัวเราะชอบใจ เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ปล่อยให้อิศราทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ทำหน้าราวจะขาดใจตาย
"คอยดูนะ ฉันจะขอให้ผู้พันชวนเราไปล่องแก่งน้ำเชี่ยวเร็วๆ นี้ล่ะ จะคอยดูแกตกน้ำตะโกนโหวกเหวกตาเหลือกกระเสือกกระสนดิ้นทุรนทุรายตะกุยตะกายหาหลักยึด" อิศราพึมพำแล้วเงยหน้ามองเพื่อนรักเพื่อนแค้นด้วยสายตาอาฆาต
"สรุปแล้ว วันนี้ใครชนะ" ภีรวัสทำเป็นไม่ได้ยินที่เพื่อนขู่
"อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง" อิศราเสียงเข้ม ด้วยตระหนักดีกว่าวันนี้เป็นวันของภีรวัสที่ทำคะแนนได้มากกว่าเขา
"จะว่าไป ผู้พันวิษณะก็หล่อไม่น้อย เอายังงี้ไหมอิศ เรากลับมาแข่งกันรูปแบบเดิม ไหนๆ ก็มีหนุ่มตั้งสองคน ดูซิว่าผู้พันวรุฒม์กับผู้พันวิษณุ ใครจะเป็นคนบอกรักเราก่อนกัน" ภีรวัสเสนอ
"ยูคู่กับผู้พันวิษณะ ไอคู่กับผู้พันวรุฒม์" อิศรารีบตกลง
"ได้ไง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าผู้พันวิษณุเขาชอบนาย การออกไปเที่ยวด้วยกันสี่คนวันนี้ก็ออกจะชัดเจนว่าผู้พันวรุฒม์เอียงมาทางเรา เพราะฉะนั้น เราคู่ผู้พันวรุฒม์ นายคู่ผู้พันวิษณุนั่นดีแล้ว win win situation มีโอกาสชนะเท่าๆ กัน
"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย อยากฮุบผู้พันวรุฒม์ไว้คนเดียวละสิ ผู้พันวรุฒม์ยศสูงกว่า เราไม่ยอม เราจะเอาพันโท เราไม่เอาพันตรี"
ภีรวัสยักไหล่ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อิศราแล้วพูดว่า "ก็บอกแล้วไงว่าใครดีใครได้"
"ใช่" อิศราจ้องตาภีรวัสนิ่ง "เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาเบี่ยงเบนเป้าหมาย เอาแผนเดิม"
"น่าเสียดายผู้พันวิษณุ" ภีรวัสอมยิ้ม พูดทิ้งท้ายแล้วเดินเข้าห้องนอน ปล่อยให้อิศรานั่งนิ่ง แววตาครุ่นคิด
...ยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ไม่ได้หรอก นี่เพียงยกที่สองเอง...
...วิษณุจะโผล่มาทำไมก็ไม่รู้...
...ตัวเองเป็นคนอ่อยเขาทำไมเล่า จะมาบ่นทำไม...
...ก็ตอนนั้นคิดแต่เพียงว่าจะเก็บผู้พันวิษณุเอาไว้เป็นของเล่นแก้เหงาเวลารอโควต้า 'วันผลัดกันจีบ' นี่นา แต่ทำไมมันเริ่มจะยุ่งๆ ก็ไม่รู้...

วิษณุทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ตาเหม่อมองเพดาน ภาพใบหน้าของภีรวัสกับอิศราผัดเปลี่ยนกันลอยเข้ามาในห้วงความคิดของเขา
นายทหารหนุ่มยอมรับว่าตอนแรกที่เจอกับอิศรา เขารู้สึกชอบทันทีเพราะความสดใสร่าเริงมีชีวิตชีวาของชายหนุ่มร่างเล็ก แต่ครั้นเมื่อเจอกันภีรวัส เขาก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกชอบภีรวัสด้วย
...สองคนน่ารักสูสีกัน ถ้าจะให้เลือกก็เป็นอะไรที่ตัดสินใจได้ยาก เข้าทำนองรักพี่เสียดายน้อง...
...แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า สองคนนั้น ดูเหมือนจะไปชอบผู้ชายคนเดียวกัน...
...วรุฒม์...
...ปัญหาของเขาคือวรุฒม์ เขาต้องไปตกลงกับเพื่อน ไปพูดตรงๆ วรุฒม์เป็นคนรักเพื่อน เสียสละทุกอย่างให้เพื่อน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน...

วรุฒม์เดินออกมาหยุดยืนรอภีรวัสและอิศราที่หน้าร้านอาหาร ในใจอดคิดไม่ได้ว่าหลังจากการไปชมน้ำตกวันนั้นแล้ว สองหนุ่มยิ่งมีอะไรแปลกๆ มากกว่าเดิม แทนที่จะผลัดกันปลีกตัวออกไปเวลาเจอหน้าเขา แต่คราวนี้ดูเหมือนจะเกาะติดเขาพร้อมๆ กันทั้งสองคน ทำเหมือนจะแย่งกันเรียกร้องความสนใจ
เย็นนี้เขาตั้งใจจะชวนอิศราออกมาทานอาหารเย็นด้วยกัน เพราะรับปากวิษณุไว้แล้วว่าจะกันอิศราออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ทำความรู้จักกับภีรวัสแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
ขณะที่รอภีรวัสกับอิศราเข้าห้องน้ำ วรุฒม์ปล่อยใจให้นึกถึงการสนทนากับวิษณุเมื่อบ่ายวานซืน วิษณุเดินเข้ามาหาเขาในห้องทำงานและพูดถึงความต้องการของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
"เรานึกว่านายชอบคุณอิศราเสียอีก" วรุฒม์พูดขึ้นหลังจากที่ยืนฟังเพื่อนพูดจนจบ
 "ก็ด้วย" วิษณุยอมรับ
"วิษณุ" วรุฒม์อุทาน
"อย่ามองเราด้วยสายตาแบบนั้นสิวะ" วิษณุถอนหายใจ "รุฒม์ นายก็เห็นว่าเราทำงานที่โรงพยาบาลในค่ายทหาร วันๆ เจอแต่คนไข้เป็นทหารหัวเกรียนไม่มีชีวิตชีวา เมืองนี้มันเล็กนิดเดียว แล้วอยู่ๆ ก็มีคนน่ารักสองคนโผล่เข้ามา สเป็คเราทั้งสองคนเลยนะ"
"อยากฮุบเอาไว้ทั้งสองคนละสิ"
"เปล่า" วิษณุปฏิเสธเสียงเบา "เราอยากลองทำความรู้จักทั้งสองคน ดูซิว่า จะถูกใจใครมากกว่ากัน"
"แล้วคนที่นายไม่เลือก ค่อยให้เป็นของเรางั้นหรือ" วรุฒม์ตอบเสียงเข้ม
"แล้วนายชอบใคร" วิษณุถาม และเมื่อเห็นวรุฒม์ยังนิ่งไม่ตอบคำถามทันที เขาจึงพูดต่อว่า "เห็นไหมล่ะ นายก็ยังตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน"
วรุฒม์นิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนกอดอกมองไปนอกหน้าต่าง ตอบเพื่อนในใจว่า
...ความจริงเขาตัดสินใจแล้ว เพียงแต่ว่ามีอะไรบางอย่างที่เขายังอยากจะพิสูจน์ดูเสียก่อน สัญชาตญาณของเขาบอกว่ามีอะไร 'แปลกๆ' อยู่ในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น...
"นะ รุฒม์ เห็นแก่เพื่อนเถอะ นายแค่ย้ายมาอยู่นี่ไม่กี่เดือน อีกหน่อยก็กลับกรุงเทพฯ แล้ว โอกาสจะเจอใครในกรุงเทพฯ ก็เยอะ รูปร่างหน้าตาฐานะชาติตระกูลอย่างนาย ใครๆ ก็ไม่ปฏิเสธ" วิษณุเล่นบทขอร้องเพื่อน
"ตัวเองก็ไม่ต่างกัน" วรุฒม์เบ้ปาก หันไปมองเพื่อนที่ทำหน้าตาน่าสงสาร
"แต่เราทำงานในค่ายทหารนะ โอกาสจะเจอแบบนี้มีที่ไหน ขอให้ได้มีโอกาสกระชุ่มกระชวยหัวใจบ้างสิ"
"อีกไม่นานเขาก็กลับกรุงเทพฯ คิดจะคบกันแค่เดือนสองเดือนหรือยังไง" วรุฒม์ถาม
"เรื่องนั้นค่อยว่ากัน" วิษณุตอบ "แต่เรามีความรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่คนใดคนหนึ่งอาจจะยอมย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด หากว่าความรักเบ่งบานจนอยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน"
"ฝันเฟื่อง"
"หรือนายไม่เคยคิด" วิษณุหันไปมองวรุฒม์ที่ยืนกอดอกและไม่ตอบคำถามเขา
...วิษณุ เขาคิดมาได้ระยะหนึ่งแล้วว่าน่าจะถึงเวลาที่จะลองมีความสัมพันธ์จริงจังดูสักครั้ง ความจริงแล้ว ที่ผ่านมาเขาพบเจอใครหลายคน อย่างที่วิษณุพูด ผู้ชายในเครื่องแบบ รูปร่างหน้าตา ฐานะและชาติตระกูลอย่างเขา ดึงดูดใจคนรอบข้างได้ไม่ยาก ไม่ว่าหญิงหรือชาย แต่เขาต้องยอมรับว่า วันนั้น ที่ริมถนนเปลี่ยวกลางหุบเขา กามเทพแผงศรรักปักอกเขาไปเต็มๆ...
...นี่นะหรือที่เขาเรียกว่ารักแรกพบ...
วิษณุนิ่งเงียบเช่นกันเพราะรอฟังคำตอบจากวรุฒม์ นายแพทย์หนุ่มรู้จักวรุฒม์ดี เวลาสิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกัน วรุฒม์ยอมให้เพื่อนเสมอ และคราวนี้ เขาอยากจะ 'ขอ' วรุฒม์อีกครั้ง แม้ไม่กล้าเรียกว่าเป็นครั้งสุดท้าย แต่เขากล้าพูดว่าเป็นครั้งสำคัญ
วรุฒม์นิ่งเงียบไปนาน วิษณุมั่นใจว่าเพื่อนไม่ปฏิเสธ หากวรุฒม์นิ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ สองสามครั้ง แสดงว่าเป็นคำตอบตกลง

"คราวหน้าเราต้องเลี้ยงผู้พันแล้วนะภีร์ ตั้งแต่มาถึง ผู้พันเลี้ยงต้อนรับเราอย่างดี จนเรารู้สึกชักจะละอายใจแล้วนะเนี่ย" เสียงร่าเริงของอิศราดังขึ้นมาก่อนตัว ทำให้วรุฒม์เลิกคิดเรื่องของวิษณุ หันไปยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่มหน้าขาวที่แหงนหน้ามองเขาด้วยแววตาสดใส
อิศราเป็นคนคุยเก่ง สนุกสนาน ร่าเริง เปิดเผย ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย ค่อนข้างต่างจากภีรวัสที่เอาแต่ทำหน้ายิ้มๆ พูดอะไรเขาต้องคิดตามดีๆ
"น่าจะชวนหมอวิษณุมาด้วย" ภีรวัสพูดยิ้มๆ สบตาวรุฒม์แวบหนึ่งแล้วหันไปมองลูกค้าร้านอาหารที่เดินผ่านไปมา
"อ้าว ก็หมอโทรมาชวน ภีร์ปฏิเสธทำไมล่ะ" อิศราท้วง
"เราไม่ได้ปฏิเสธ" ภีรวัสหันไปพูดกับอิศราเสียงนุ่ม แต่นัยน์ตาลุกวาบ "แต่เรานึกว่าอิศอยากให้เรามาเป็นเพื่อน"
...มากับผู้พันวรุฒม์ ใครจะอยากให้แกมาเป็นเพื่อน...
อิศราถลึงตาใส่คู่หูคู่เถียง ทำปากขมุบขมิบ ในใจก็บอกตัวเองว่าหากไม่มีวรุฒม์ยืนอยู่ด้วย ป่านนี้เขากับภีรวัสคงออกงิ้วผสมลิเกไปแล้ว
"คืนนี้ผมพาคุณภีรวัสกับคุณอิศรามาแล้ว ไว้คราวหลังให้วิษณุเป็นเจ้ามือสิครับ รายนั้นรู้ที่กินที่เที่ยวดีๆ เยอะแยะ"
"เกรงใจจริงๆ" ภีรวัสพูดขึ้นมาเบาๆ "เลี้ยงทีต้องเลี้ยงสองคน"
"งั้นแยกกันเลี้ยง" อิศราเสนอ "ภีร์ไปทานข้าวกับหมอวิษณุ เราไปทานกับผู้พันวรุฒม์"
ภีรวัสหรี่ตามองอิศรา พยายามทำความเข้าใจความหมายแฝงที่คิดว่าเพื่อนกำลังพยายามสื่อว่า 'ให้จับคู่...ครู่ใครคู่มัน'
"เราไม่มีเงินเยอะ เวลาเลี้ยงตอบแทนจะได้ประหยัด เพราะผู้พันทานไม่เยอะ" อิศราหันมายิ้มกว้างให้วรุฒม์
"ใครบอก" วรุฒม์อมยิ้ม "พอดีวันนี้ผมยังไม่ค่อยหิวมาก เพราะตอนเที่ยงทานไปเยอะแล้ว เย็นนี้เลยทานได้นิดหน่อย".
"ผู้พันหมอวิษณุท่าทางไม่น่าเป็นคนทานจุ ตัวไม่ใหญ่เท่าผู้พัน ถ้าอิศอยากจะประหยัดเงิน ก็ต้องชวนหมอวิษณุไปล่ะ" ภีรวัสแสดงความเห็น
...คิดจะยัดเยียดผู้พันวิษณุให้เราดื้อๆ แบบนี้เลยหรืออิศรา แผนสูงนักนะ...
อิศราทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วยิ้มแพรวพราว ก่อนจะพูดออกมาว่า หากเป็นเช่นนั้น เขาจะยอมทุ่มทุน เลี้ยงอาหารเย็นทั้งวรุฒม์และวิษณุสองคนพร้อมกันเลยทีเดียว
"เพราะผู้พันดีกับเรามาก มาอยู่นี่ไม่กี่อาทิตย์ ต้อนรับดีจนผมไม่อยากกลับกรุงเทพฯ"
"ไม่คิดถึงแสงสีนีออนหรือไฟดิสโก้วูบวาบหรืออิศ" ภีรวัส 'เล่นแรง' ขึ้นด้วยการประชดหน้ายิ้มๆ
"เราชอบแสงดาวระยิบระยับมากว่า อยู่ไปชักหลงไหลธรรมชาติ" อิศราตอบแล้วหัวเราะร่าเริง
...กินอิศราไม่ลงหรอกเพื่อนเอ๋ย เรื่องดันทุรังหาทางออก อิศราไม่เป็นสองรองใคร...

ระหว่างทางกลับบ้าน อิศราชวนวรุฒม์กับภีรวัสคุยเสียงเจื้อยแจ้วแบบที่ภีรวัสเคยเหน็บแนมว่าคุยได้จนลิงหลับ วรุฒม์ตอบด้วยประโยคสั้นๆ แต่ส่วนมากมักจะหัวเราะขำที่สองหนุ่มคุยกันมากกว่า เขาพยายาม 'เก็บข้อมูล' ของอิศรากับภีรวัสให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อนำไป 'วิเคราะห์' และตอบคำถามข้อสงสัยที่เขามีอยู่ในใจเพราะเขารู้สึกว่า ชายหนุ่มทั้งสองกำลังเล่นเกมอะไรบางอย่าง เช่น แย่งกันจีบเขาหรืออะไรทำนองนั้น เพื่อพิสูจน์ว่าใครมีเสน่ห์มากกกว่ากัน สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันก็จริง แต่ก็ดูชอบเอาชนะกันอยู่ในที
...หรือว่าเขากำลังจะกลายเป็นของเล่นของคนน่ารักสองคนแล้วหรือนี่...
**5**

mecon

  • บุคคลทั่วไป
หวัดดีคุณนายยยยยยยยยยยยมาทันใช้ เอ้ยมาทันใจ :o8:

สองหนุ่มเส็ดแน่ๆ ถ้าคุณหมอวิษณุรุกเมื่อไหร่ ลูกแกะสองคนเนี่ย
แทนที่จะคุมเกมส์จะกลายเป็นแค่หมากสองตัวในเกมส์แน่ๆ
แล้วตอนนี้ผู้พันก้อนะฉลาดได้ถ้วยอีก หุหุวิเคราะมาถูกทาง
เพื่อนรักสองคนเหมือนจะรักกันมากแต่เรื่องแย่งซีนเนี่ย
ไม่มีใครเกินใคร อิอิ แล้วยิ่งมีคุณหมอมาเป็นตัวแทรกอีก
ขอผู้พันกันแบบซึ่งๆหน้า มีการเลือกไม่ถูกอีกนะคุณหมอ
นาทีนี่ถ้าได้ใครจริงๆก้อเอาไปเหอะคระๆ เด๋ซคุณหมอจะ
ไม่ได้บริหาเสน่ห์กันพอดี

+1 จัดให้คุณนายคะ คิดตึ๋ง

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ถ้าจับได้แบบนี้ วรุฒน์จะจัดการยังไงเนี่ย

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอดดดดดดด +1  o13

ทำไมแต่ละตัว ถึงได้มีบุคคลิกและเสน่ห์แตกต่างกันได้ลงตัวขนาดนี้น๊า
แค่ได้อ่านก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าถ้าเป็นคนนึงในเรื่อง แล้วจะเลือกใครดี ... ดึงดูดได้เท่าเทียมกันจริง ๆ
อ่านแล้วมันส์, สนุก, สะใจ, แรง, โดน ... โอ่ยยย จะหาคำไหนมาชมดีค่ะเนี่ย คิดไม่ออก เหอ ๆ

อ่านไปอ่านมา ... นึกอยากให้ภีรวัสกับอิศราเมามาย แล้วได้กันเองจังเล้ยยยย  :laugh:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เพื่อนๆ2คู่นี้รักกันมาจริงๆ  พอมาชุลมุนสลับคู่ไม่รู้ใครชอบใครแบบนี้น่าสนุกแฮะ :laugh:

patz

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อนรัก เพื่อนแรง จริงๆ คู่นี้

แต่ดูท่าเกมส์นี้ เริ่มจะยากจริงๆแล้วสิ เพราะผู้พันนี่ก็ใช่ย่อยอยู่ มองออกด้วยว่ามีอะไรแปลกๆ ไม่รู้ว่าผู้พันหมอจะรู้สึกเหมือนผู้พันรึเปล่า




อีกอย่างที่อยากรู้คือ คนที่อยู่ในใจผู้พันวรุฒม์ คือใครน้า...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :laugh:  สองคนนี่ทำยังเด็กเลย มาติดตามเรื่องใหม่ครับผมเป็นกำลังใจให้นะครับ

gboy

  • บุคคลทั่วไป
ร้ายไม่มีใครเกิน

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ใครจะเคี้ยวใคร เจอคนรู้ทัน ทีนี้เอ้ย...

+1 ให้พี่นาย แล้วรอตอนต่อไป 1126 แล้วนะพี่นาย ยังหา....ไม่เจออีกเหรอ :z2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

คร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จะยอมเป็นของเล่นอยู่ฝ่ายเดียว

คนนะ  ไม่ใช่ตุ๊กตา

เนอะว่ามะ?

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 6 ครับ
ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่าน มาคอมเมนท์ และกดคะแนนให้ครับ (แม้คะแนนได้เกิน 1000 มาพอประมาณแล้วก็ไม่มีวี่แววจะหาเมียได้ซักที สงสัยต้องไปดาวน์บ้านที่หมู่บ้าน Golden Beam ดีกว่า)

Chapter 6

โลกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 12,756 กิโลเมตร แต่ภีรวัสกลับเห็นว่าโลกกลมๆ ใบนี้ช่างเล็กนัก เขากำลังจะข้ามถนน แต่ทันทีที่เห็นชายหนุ่มร่างสูงก้าวลงจากรถวอลโว่โฟร์วีลด์สีเงินและจำได้ว่าเป็นใคร ก็ต้องรีบหันหน้าเข้าหาแม่ค้าขายเครื่องดื่มแล้วทำทีเป็นกำลังจะสั่งน้ำปั่น
ภีรวัสได้ยินเสียงปิดประตูรถ ในใจนับหนึ่งถึงสิบ รอเวลาว่าคนที่ก้าวลงจากรถที่จอดข้างฟุตบาธคงจะเดินไปพ้นรัศมีการมองเห็น ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเอง เมื่อครู่ที่กำลังจะข้ามถนน เขายกมือขึ้นป้องใบหน้าจากแสงแดด พันตรีหม่อมหลวงพล เจ้าของรถวอลโว่คงมองไม่เห็นเขา
"โลกกลมจังเลยนะครับดอกเตอร์ภีรวัส" เสียงห้าวดังขึ้นข้างหู "มาไกลถึงที่นี่ ผมก็โชคดีได้เจอคนที่อยากเจอที่สุด"
"ขอน้ำแตงโมปั่นหนึ่งแก้วครับ" ภีรวัสสั่งเครื่องดื่มเบาๆ ทำทีไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด
"ผมเกือบจะจ้างนักสืบตามหาคุณซะแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอตัวง่ายๆ แบบนี้"
"ไม่เอาหวานนะครับ" นักวิจัยหนุ่มทำเป็นหูทวนลม
"ภีรวัส บอกผมซิว่าทำไม" พลถามเสียงต่ำ "ผมทำอะไรผิด อยู่เฉยๆ คุณก็หายหน้าไป"
"ผมมีโปรเจ็คด่วนต้องไปทำ" ภีรวัสถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับ "โจทย์เก่า" ช้าๆ
"คุณจงใจหลบหน้าผม"
"เปล่า" ภีรวัตนปากแข็ง
"แล้วทำไมไม่บอกผมซักคำ"
"คุณไปราชการต่างจังหวัดไม่ใช่หรือ ตอนนั้นผม..."
"โทรศัพท์ก็มี" พลแทรก "จะโทรไปบอก จะฝากข้อความเอาไว้ หรือรับโทรศัพท์ของผม หรือโทรกลับผม แก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอก และที่สำคัญ คุณเปลี่ยนเบอร์โทร จงใจหนีหน้าผมชัดๆ"
"ไม่ได้แก้ตัว" ภีรวัสปฏิเสธ "ผมให้เหตุผล"
"ถ้ายังงั้น บอกเหตุผลจริงๆ ที่คุณหนีผมไปมาซิ บอกให้ผมได้ยินต่อหน้า บอกให้ผมได้ยินชัดๆ"
"จะมาบีบให้ผมพูดทำไมก็ไม่รู้ อะไรที่แล้วก็แล้วไปเถอะผู้พัน" ภีรวัสตัดบท หันไปรับเครื่องดื่มจากแม่ค้า แล้วก้าวเท้าเดินจะข้ามถนน
"เดี๋ยวสิภีร์" พลคว้าแขนชายหนุ่ม "บอกผมมาก่อน"
"ผู้พันพล อะไรที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไปเสียเถอะ อย่าให้ย้อนเวลากลับไปอีกเลย ผมไม่อยากพูดอะไรที่..."
"ให้ผมบอกเหตุผลไหมล่ะ ที่คุณหายไปเพราะคุณหมดสนุกแล้ว"
"อะไรนะ" ภีรวัสหันขวับมามองนายทหารหนุ่มที่ยืนจับแขนเขาไม่ยอมให้ข้ามถนน
"ผมตามหาคุณมาหลายเดือน เลยได้รู้อะไรดีๆ จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ผมไปรู้จักกับคนอีกสองสามคนที่รู้จักคุณกับ..."
ภีรวัสกลั้นหายใจรอฟังคำพูดของผู้พันหนุ่มที่จงใจทิ้งช่วง
"กับคู่หู"
"ใคร" ทั้งที่เข้าใจว่พลหมายถึงอิศรา แต่ภีรวัสก็แกล้งทำเป็นอยากรู้
"ผมไม่ยอมหรอกภีร์ อยู่ๆ จะมาทิ้งผมไม่ได้ ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่การกระทำที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ คุณก็รู้ว่าผมรักคุณ กว่าสามเดือนที่เราคบกัน มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดของผม ผมไม่เข้าใจจริงๆ กำลังไปกันได้ดี พอผมบอกรักคุณ คุณก็หายไป ผมไม่เข้าใจ คุณจะกลัวอะไร คุณเองก็ทำท่าว่าอยากมีความสัมพันธ์แบบคู่รัก แต่ทำไมพอผมจริงจัง คุณถึงได้ตัดเยื่อใยผมแบบนี้"
ภีรวัสกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เห็นแววตามั่นคงแฝงด้วยความเจ็บปวดของพลแล้วทำให้พูดอะไรไม่ออก พลเป็นคนที่สองที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว และเป็นคนที่สองที่จริงจังกับความสัมพันธ์มาก นับตั้งแต่พงศธร นักบินหนุ่มที่เขาทิ้งไปเมื่อปีที่แล้ว และจนป่านนี้ ฝ่ายนั้นก็ยังทำใจไม่ได้
...ชักจะยุ่งกันไปใหญ่แล้ว ทำยังไงดี...
"ผู้พันครับ ขอเวลาผมอีกซักหน่อย" ภีรวัสเปลี่ยนท่าที "จริงอย่างที่คุณพูด ผมคงกลัว คงสับสน ไม่มั่นใจ เพราะฉะนั้น ขอเวลาให้ผมอีกนิด ได้ไหมครับ"
"คุณต้องการขอเวลา หรือต้องการยื้อเวลา" พลเสียงเข้ม
"โธ่ อย่ามาว่ากันแบบนี้สิ ผมจะยื้อเวลาไปทำไม มันไม่มีเหตุผล"
"หรือคุณเจอคนใหม่" พลถามเสียงเรียบ ในใจอยากจะพูดว่า "เหยื่อรายใหม่" ด้วยซ้ำ
"เจอใครที่ไหนกัน ผมทำแต่งาน โครงการวิจัยที่กำลังทำอยู่กว่าจะได้ทุนมาก็เลือดตาแทบกระเด็น ผมไม่มีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นหรอก" ภีรวัสแก้ตัว ภาพใบหน้าคร้ามเข้มของพันตรีวรุตม์ฉายวาบขึ้นมาในหัว
...ตายล่ะ หากผู้พันพลมายุ่งกับเราตอนนี้ มีทางแพ้อิศราเห็นๆ ไม่ได้การ ต้องทำอะไรซักอย่าง...
"ผู้พันครับ ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่จากมา ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่อธิบายยาก แต่ผู้พันคงไม่รู้ว่าผมเจออะไรหนักเหมือนกัน มันมีอะไรในชีวิตหลายเรื่องที่ผมต้องรับมือ เห็นภายนอกผมดูมีความสุข สนุกสนานร่าเริง แต่ข้างใน..." ภีรวัสตีหน้าเศร้า
"ทำไมคุณไม่บอกผม ไม่คุยกับผม" เสียงของพลอ่อนลง
"ผมไม่อยากรั้งคุณไว้ คนดีๆ อย่างผู้พัน ไม่น่าจะต้องมาเสียเวลากับผม"
"อย่าพูดยังงั้นสิครับ"
"ผู้พันครับ ขอเวลาให้ผมจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ อย่าเพิ่งเร่งรัดอะไรเลย เรายังมีเวลากันอีกเยอะ ผมต้องทำงานวิจัยให้เสร็จเสียก่อน หากชิ้นนี้สำเร็จ ก็จะเป็นผลงานที่จะช่วยผมให้มีโอกาสได้ทุนอีกโครงการใหญ่ของยูเอ็น งานนี้สำคัญกับผมมาก ผมตั้งตารอมาเกือบห้าปี ผมไม่อยากพลาด ผมขอโทษ ผมอยากได้เวลาอีกซักนิด เผื่อเราจะได้เริ่มต้นกันใหม่"
พลมองใบหน้าคมเข้มของภีรวัสนิ่ง เขายอมรับว่าหลงไหลชายหนุ่มมาก ใบหน้าหล่อเหลาของภีรวัสตรึงใจเขาตั้งแต่แรกเจอ เรือนร่างหอมกรุ่น ผิวกายเนียนละเอียด สัมผัสทุกสัมผัสของภีรวัสฝังลึกในใจเขาจนยากจะลืมได้
"นะครับผู้พัน ผมคงต้องอยู่ที่นี่ซักพัก รอทำวิจัยเสร็จ กลับเข้ากรุงเทพฯ เราก็ค่อยสานสัมพันธ์กันต่อ เราสองคนยังมีเวลากัน รอผมอีกซักหน่อย ไม่เกินสองเดือนผมก็ทำวิจัยเสร็จ"
"ผมย้ายมาประจำที่นี่" พันตรีพลพูดเสียงเบา
...โอยตายแล้ว...
ภีรวัสอึ้ง ยิ้มให้พลบางๆ เพราะไม่รู้ว่าพูดอะไรดี แรกที่เจอพลแล้วเขาต้องตกใจนั้น ตอนนี้ตกใจมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายย้ายมาประจำการที่นี่ และเวลาสามเดือนที่เขาต้องทำงานวิจัยที่ภาคเหนือก็คงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาด
...ต้องเผด็จศึกผู้พันวรุตม์ให้ได้ภายในหนึ่งเดือน กลับไปตกลงกับอิศราใหม่ กำหนดเวลาให้สั้นลง เพราะหากปล่อยเวลาให้ผ่านไป เขามีทางแพ้มากกว่าชนะ...

ทันทีที่แยกกับพล หรือจะเรียกให้ถูก ทันที่พลปล่อยตัวเขา ภีรวัสก็รีบโทรศัพท์หาอิศรา แต่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ติดต่ออย่างไรก็ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงรีบตรงกลับบ้าน โดยหวังว่าอิศราคงนอนหลับอยู่บนเปลหน้าบ้านเช่นเคย
"ผู้พันวิษณุ" ภีรวัสพึมพำเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อน ทันทีที่เห็นเขา วิษณุก็ยิ้มกว้าง รีบเดินตรงเข้ามาหา แล้วบอกว่ามารอตั้งนานแล้ว ไม่มีใครอยู่บ้าน
"ผมไม่ทราบว่าอิศราไปไหนครับ วันนี้เราตกลงกันว่าต่างคนต่างแยกไปทำธุระส่วนตัว" ภีรวัสพูด ทันทีที่วิษณุเดินเข้ามาถึงตัว
"ผมไม่ได้มาหาคุณอิศรา" วิษณุยิ้มพราว "ผมมาชวนคุณภีรวัสไปทานข้าว"
"ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นเลย" ภีรวัสท้วง ยกข้อมือขึ้นดูเวลา ทำสีหน้าเป็นปกติ ไม่แสดงออกว่าตกใจ
"ไปเดินเล่นริมแม่น้ำกันก่อนก็ได้ครับ พอหิวแล้วก็ลงเรือ ออกไปทานอาหารกัน"
...ลงเรือหรือ ไปทานอาหารอะไรกันกลางน้ำ...
"ร้านนี้อร่อยมากครับ เป็นแพที่ลอยไปตามน้ำ นั่งทานกันบนแพเล็กๆ ของใครของมัน ล่องไปเรื่อยๆ บรรยากาศสดชื่น ในกรุงเทพฯ หาแบบนี้ไม่ได้เลยนะครับ"
...คงกินลงหรอก นั่งแพไปก็ตัวสั่นไป กลัวตกน้ำ...
"คือว่า..." ภีรวัสอึกอัก
"อย่าปฏิเสธเลยนะครับ ให้ผมได้เป็นเจ้าภาพพาคุณภีรวัสสัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์ซักครั้งเถอะ รายการนี้ผมภูมิใจนำเสนอ" วิษณุยิ้มไม่ยอมหุบ ท่าทางกระตือรือร้นจนภีรวัสไม่กล้าปฏิเสธ
...นึกว่าปิ๊งอิศราเสียอีก ทำไมมาเป็นแบบนี้ไปได้ ถ้าวิษณุมาจีบเรา ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อิศราได้ใช้เวลากับผู้พันวรุฒม์อย่างสะดวก ไหนจะพลที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาเป็นตัวแปรอีก ทำไมเกมการแข่งขันกับอิศราครั้งนี้ถึงมีแต่เราที่เจออุปสรรคกันนะ...
"กลับมาเหนื่อยๆ คุณภีรวัสไปอาบน้ำให้สดชื่น ผมจะรออยู่ข้างล่าง เสร็จแล้วจะได้ไปกันเลย อย่าปฏิเสธน้ำใจทหารบ้านป่าเลยนะครับ นานๆ ได้มีโอกาสทานอาหารมื้อพิเศษกับเขาซักที"
"ครับ" ภีรวัสพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปบนบ้านช้าๆ แม้จะยังรู้สึกมึนๆ กับสถานการณ์ที่เกิดพลิกผันขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่ก็ยังพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
"เอ่อ ผู้พันคุณหมอวิษณุครับ" ภีรวัสชะงัก หันไปหาคนที่ยืนมองเขาอยู่ที่เชิงบันได
"เรียกผมวิษณุเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้น" วิษณุยิ้มพราวเช่นเคย
"ผมอยากขอความช่วยเหลือผู้พัน พอดีเพื่อนเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เขาอยากเที่ยวชมธรรมชาติ แต่ว่าผมไม่มีเวลาว่างและก็ไม่ค่อยรู้ทางเท่าไหร่ ไม่ทราบว่าผู้พันพอจะมีเวลา..."
"พาเที่ยว" วิษณุแทรก "ได้สิครับ ผมรับรองเต็มที่ ว่าแต่ว่า คุณภีรวัสอย่ามัวแต่ทำงานจนไม่มีเหลือเวลาไปเที่ยวกับผมบ้าง"
"ไม่ต้องห่วง ผมจะใช้บริการวิษณุทัวร์ให้คุ้มค่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ผู้พันอย่าเพิ่งเบื่อก็แล้วกัน"
...ลองผลักพลให้วิษณุดูซักหน่อย แม้จะเป็นขั้วเดียวกัน แต่ก็น่าลอง เผื่อวิษณุจะเข้าใจผิด คิดว่าพลเป็นฝ่ายตรงข้าม ดูๆ ไปพลก็ไม่ได้ห้าวเข้มเหมือนวิษณุหรือวรุตม์ ไม่แน่ วิษณุอาจจะถูกใจพลก็ได้ อย่างน้อยก็เป็นการซื้อเวลาให้กับตัวเขาเอง แต่หากไม่ได้ผล ก็พยายามยัดเยียดให้อิศราเป็นการหันเหความสนใจ...
...แต่พลเคยเจออิศราแล้ว ไม่เห็นมีวี่แววจะชอบอิศราสักนิด และท่าทางอิศราจะมาดมั่นกับวรุฒม์มาก เรื่องนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด...
...ปวดหัวจริงๆ เลย ให้ตายสิ...

อิศรานั่งหัวสั่นหัวคลอนอยู่บนเบาะรถจี๊บทหารที่กำลังทะยานไต่ขึ้นไปบนเขา โชคดีด้านที่เขานั่งอยู่ติดกับภูเขา และเหวลึกอยู่ทางด้านฝั่งคนขับ ในใจอดด่าตัวเองไม่ได้ที่เกิดเผลอพูดขึ้นว่าอยากถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ พันตรีวรุตม์เลยเสนอตัวพาขึ้นมายังดอยที่เขาต้องบอกกับตัวเองว่า ยังไงก็ไม่ขึ้นมาอีกเด็ดขาด ถนนลูกรังแคบแสนแคบไต่ขึ้นมาบนเขาสูงลิบ มองออกไปนอกรถเห็นแต่ท้องฟ้ากว้างใหญ่สุดสายตา ขาขึ้นไม่เท่าไหร่เพราะเขานั่งฝั่งซ้าย แต่ขาลงนี่สิ ด้านที่เขานั่งเป็นเหวลึก ห่างจากขอบถนนไม่กี่เมตร แม้จะลงจากเขาตอนพลบค่ำ มองไม่เห็นหุบเหวเบื้องล่างชัดเจน ทว่า เขารู้ดีว่าตัวเองคงรู้สึกกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะยิ่งมองไม่เห็น แต่การขับรถลงเขาตอนมืดๆ ยิ่งทวีความหวาดเสียว เพราะประสาทรับรู้อยู่ว่า พ้นขอบถนนนั้นเป็นเหวลึก
"น่าเสียดายที่คุณภีรวัสไม่ได้มาด้วย" จู่ๆ วรุตม์ก็พูดโพล่งขึ้นมาหลังจากที่ขับรถเงียบๆ มาชั่วขณะ อิศราหันหน้าไปมองอย่างสงสัย ผู้พันหน้าคมจึงพูดต่อว่า "คุณอิศราจะได้มีเพื่อนคุย ผมคุยไม่เก่ง คุณอิศราจะได้ไม่ต้องนั่งเบื่อ"
...ไม่ได้นั่งเบื่อ นั่งเกร็งและกลัวต่างหาก...
อิศราตะโกนอธิบายอยู่ในใจ แล้วพูดออกมาว่า "ผมไม่ได้เบื่อ คือว่า เอ่อ กำลังชื่นชมธรรมชาติอยู่ครับ"
"พอถึงยอดดอย จะต้องตาค้าง วิวสวยมากเลยนะครับ แต่ว่าที่ที่เราจะไปแคมป์ปิ้งกันสวยกว่าที่นี่"
"ครับ อยากเห็นใจจะขาด" อิศรายิ้ม แล้วหันเกร็งมือจับข้างเบาะแน่นเพราะวรุตม์เข้าโค้งแรงๆ
"อีกหน่อยก็ถึงแล้วครับ"
...โอย ใจจะขาดอยู่แล้ว อย่าอาเจียนออกมานะอิศรา ห้ามทำอะไรขายหน้าเด็ดขาด...
"คุณอิศรากับคุณภีรวัสท่าทางสนิทกันมาก" วรุตม์เปลี่ยนเรื่อง
...จะมาชวนคุยอะไรตอนนี้ เขาอ้าปากแทบจะไม่ไหวแล้ว...
"ครับ" อิศราตอบรับสั้นๆ
"รู้จักกันมานานแล้วหรือครับ"
อิศราพยักหน้า พยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งใกล้ถึงยอดดอยตามที่วรุตม์บอก ถนนยิ่งแคบและชัน วรุตม์กลับเร่งความเร็วรถขึ้น ตอนนี้เขาหูอื้อ แทบไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายถาม
"ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยหรือครับ"
...โอย ทำไมจะมาอยากรู้ตอนนี้นะ นั่งเงียบมาตั้งนาน เกิดจะมาซักอะไรเขาตอนนี้...
"เปล่าครับ" อิศราตอบ รู้สึกว่าตัวเองเสียงสั่น
"นานกว่าเรียนมหาวิทยาลัยเลยหรือครับ นึกแล้วเชียว" วรุตน์หันมายิ้มให้บางๆ
...อย่าหันหน้ามาสิผู้พัน เดี๋ยวรถได้ตกเขากันพอดี ไม่กลัวบ้างหรือไงนะ...
"ผมก็รู้จักกับวิษณุมาตั้งแต่ก่อนเข้า จ.ป.ร. เหมือนกันครับ มาแยกกันตอนเรียนจบ แต่ท่าทางคุณอิศรากับคุณภีรวัสเป็นเพื่อนสนิทที่แทบไม่เคยแยกกันเลย ใช่ไหมครับ"
...ไม่ไหวแล้ว จะให้อ้าปากตอบผู้พันวรุตม์ เขาต้องอาเจียนแน่ๆ เลย...
"ชะ...ใช่...ครับ" อิศราเริ่มตะกุกตะกัก
"ถึงแล้วครับ" ทันที่ที่อิศราตอบคำถาม นายทหารหนุ่มก็จอดรถ อิศรายังนั่งนิ่ง ตอนนี้ไม่ได้ยินคำพูดของวรุตม์ต่อไปอีกแล้วเพราะเขารู้สึกกำลังหน้ามืดจะเป็นลม
"คุณอิศราครับ ถึงแล้วครับ" วรุตม์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพราะอีกฝ่ายไม่ไหวติง
...อิศรากลัวความสูง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนที่บอกว่าชอบปีนเขานั้นเป็นโรคกลัวความสูง...
...เอ ไม่ใช่สิ อิศราไม่ได้บอก ภีรวัสต่างหากเป็นคนพูด สองคนนี้ดูเหมือนจะแกล้งอะไรกันซักอย่าง มีอะไรกันนะ เขาต้องรู้ให้ได้ และหากว่าอิศรากลัวความสูง ถ้าเช่นนั้น ที่อิศราบอกว่าภีรวัสชอบล่องแก่ง ฝ่ายนั้นก็คงกลัวน้ำ หรือว่ายน้ำไม่เป็นละสิ...
...อืม ชักจะสนุกแล้วล่ะ...
วรุฒน์ลงจากรถ เดินอ้อมมาหยุดยืนอยู่ข้างประตูฝั่งอิศรา ชายหนุ่มหน้าซีด กำลังหายใจแรง ใบหน้ามองตรงไปข้างหน้า จนเขาเรียกชื่อเบาๆ อีกครั้ง จึงหันมามองเขาช้าๆ
"ถึงแล้วครับ ได้เวลาพอดี พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน" วรุตม์เปิดประตูรถ แล้วหลุบตาลงมองมือของชายหนุ่มที่กำขอบเบาะรถจนเกร็ง
"ผู้พัน" อิศราเสียงแผ่ว
"ลงก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมหยิบกล้องให้" วรุตม์แตะแขนอิศราให้ขยับตัว ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเท้าลงจากรถ แต่ครั้นเท้าแตะพื้นก็เข่าอ่อน ทำท่าจะทรุดฮวบ วรุตม์สอดแขนเขาโอบเอว รัดเอาร่างอ่อนปวกเปียกของอิศราเอาไว้ได้ก่อนที่ชายหนุ่มจะลงไปกองกับพื้น
...ขายหน้าจริงๆ เลยเรา แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว แขนขาไม่มีแรงเลย...
...แต่แขนของผู้พันวรุตม์ทำไมแข็งแรงจัง ทหารอะไรกลิ่นตัวหอมน่าดม ตัวก็อุ่น อยากจะซุกหน้าเข้ากับอกกว้างแล้วหลับซักงีบ...
"เป็นอะไรครับ ไม่สบายหรือเปล่า ไปนั่งพักตรงโน้นก่อนดีกว่า" วรุตม์พยุงอิศรา ฝ่ายนั้นเลยได้โอกาสโอบร่างแกร่งของนายทหารยึดไว้แน่น
"ผมไม่ไหวแล้ว" อิศราเริ่มรู้สึกดีขึ้นเพราะเมื่อรถจอด เท้าเหยียบพื้น อาการหวาดกลัวความสูงก็เริ่มหายไปโดยอัตโนมัติ แต่การได้แนบชิดกับวรุตม์เช่นนี้ทำให้เขาไม่อยากขยับตัว
"แข็งใจเดินหน่อยนะครับ ไปนั่งพักตรงโน้นให้ลมโกรก จะได้รู้สึกสบายขึ้น" วรุตม์พาอิศราเดินช้าๆ ครั้นอิศราเห็นจุดที่นายทหารจะพาไปนั่งก็เริ่มจะเข่าอ่อนอีกครั้ง หากกายท่อนบนกลับฝืนตัวเอาไว้
"เอ่อ ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วครับ ไปนั่งตรงโน้นก็ได้" อิศราบุ้ยปากไปอีกด้าน
"ตรงนั้นเห็นวิวชัดเจนที่สุดแล้วครับ จะได้ภาพสวยๆ คุณอิศรานั่งรอผมซักครู่ ผมจะไปเอากล้องมาให้" วรุตม์ทำไม่รู้ไม่ชี้ พาอิศราเดินไปจนถึงโขดหินใกล้หน้าผาจนได้
อิศราไม่อาจขัดขืน ทันที่ที่ถึงโขดหิน เขาก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หันหลังให้หน้าผา พิงโขคหินเหมือนจะให้เป็นที่กำบัง
...โอย ใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว ทำไมวรุตม์ไม่รู้สึกสงสารเขาบ้างเลยหรือ ทำหน้ายิ้มๆ อยู่ได้ ดูไม่ออกหรือยังไงว่าเขากลัวความสูง...
...อ้าว ไม่อยากให้วรุตม์รู้นี่น่า เขามองไม่ออกก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่หน้าแตก แล้วนี่จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายอาการที่กำลังเป็นอยู่นี่ล่ะ...
...ภีร์นะภีร์ ไม่น่าเลย คอยดูนะ จะยุให้ผู้พันวรุตม์ชวนไปล่องแก่ง ดูซิ จะมีสภาพเหมือนเราหรือเปล่า...
 :L1:

gboy

  • บุคคลทั่วไป
 :L1:
รักพี่นาย

มาup บ่อยๆนะครับ

morrian

  • บุคคลทั่วไป
มาสมัครเป็นแฟนนิยายด้วยคนค้าบผม :z2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ท่าทางงานนี้คนชอบเล่นเกมส์จะเจ็บหนักนะเนี่ยยยยยยยยยย

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
 o13ชักเข้มข้นแล้วสิครับ
ปล.ขยันๆนะครับพี่นายทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องนิยยาย :beat: :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: แต่ละคนบาปกรรมตามทันกันจริงๆ
รายคุณภีร์เนี่ย ซวยสองต่อ เหอะๆคิดแผนจนปวดประสาท
ผู้พันพลโหยมีเชื้อมีสายด้วยนะเนี่ย แต่พอเกมส์จบภีร์ก็เขี่ยถึง
ตอนนี้ถึงเวลามาเอาคืนแล้วสินะโลกโคตรกลมคราวนี้ล่ะ
จะยื้อเวลาหรือขอเวลาอะไรอีก อีกอย่างผู้พันพลดูท่าจะอ่านออกซะแล้วนะ
่ว่าตัวเองเนี่ยเป็นแค่เหยื่อนี่ถ้ารู้สักนิดว่า เหยื่อรายใหม่ของสองคู่หูนั่นคือใครนะ
เจอดัดหลังๆแน่ๆสองแสบ เล่นกับหัวใจคนอื่นเนี่ย บาปกรรมมันตามมาซะ
ส่วนหมอวิษณุ คนนี้ก็ออกแนวอยากเล่นเกมส์หัวใจของตัวเองด้วย
เดี๊ยะๆไม่รู้อะไรซะแล้วมาเล่นกับไฟ เพื่อนตัวช่วยแยกคุณอิศราส่วนตัวเองก้อเข้า
มาตีด่านคุณภีร์ งานนี้ท่าจะมันส์ ไปกินข้าวล่องแพ เอาให้สะจิตเลยนะคะ
แต่ละคนๆ ฮาๆกันทั้งนั้น

+1 ใ้ห้คุณนายคะรักษาสุขภาพด้วย  :กอด1:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
คนใหม่กับคนเก่าดันเป็นพี่น้องกัน  :jul3:

แล้วเรื่องที่จะทำกัน ฝ่ายตรงข้ามก็รู้หมดแล้ว ทำไงดี

เป็นกำลังใจให้นะครับ พี่นาย ถึงยังหาไม่ได้ ก็พยายามต่อไป 2000

อาจจะเจอ  :z2: ว่าแต่ยัง + ไม่ได้ ยังไม่ 24 ชม.เลย ติดไว้ก่อนนะครับ

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ไม่คิดว่าภีรวัสจะแหลเก่งขนาดนี้ 555 โจทก์เก่าดันรู้จักโจทก์ใหม่นี่สิ น่ากลัว หุหุ  :m20:

patz

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกว่าเกมครั้งนี้ จะอีรุงตุงนังเกินคาดเดาของภีร์ล่ะสินะ ไม่รู้ว่าจะมีใคร ที่ทั้งสองคนรู้จัก โผล่มาอีกไหมเนี่ย

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
+เป็นกำลังใจให้เสมอครับ+

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
o13ชักเข้มข้นแล้วสิครับ
ปล.ขยันๆนะครับพี่นายทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องนิยยาย :beat: :beat:

เรื่องเรียนกำลังจะตายแล้วครับ ตอนนี้ใกล้ถอดใจแล้ว คิดจะขอทำเรื่องดร๊อปหรือเปลี่ยนหัวข้อให้สิ้นเรื่อง แต่ติดอยู่ที่ว่าเทอมนี้มีเวลาเหลือแค่สี่สิบห้าวันที่จะลุยทำหัวข้อใหม่ จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใครพอจะกรุณาอ่านบทแปลให้ผมได้บ้างไหมครับ จำนวน 26 หน้า และผมอยากจะขอถามคำถามสามคำถามหลังจากที่คุณได้อ่านแล้ว ใครพอมีเวลาและช่วยได้ช่วยบอกหน่อยนะครับ จะส่งเมล์ไฟล์ไปให้ ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมพิมพ์ไปได้ไม่เท่าไหร่ บางทีอาจต้องชะงักรออ่านนิยายเรื่องนี้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
เวลาที่ทำงานเรื่องเรียนกระอักจนจุกคอหอยแล้วก็มาโพสนิยายนี่ล่ะ อย่างน้อยทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายขึ้น ได้ยิ้มมุมปากนิดๆ ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่านนะครับ

บทที่ 7

"อาหารไม่อร่อยหรือครับ" วิษณุเงยหน้าขึ้นถามภีรวัส เขาสังเกตเห็นชายหนุ่มนั่งนิ่งตั้งแต่ลงแพแล้ว
"อร่อยครับ" ภีรวัสตอบเสียงเบา หันไปมองรอบๆ แพอย่างระแวง
"ปล่อยซักวันเถอะครับ"
ภีรวัสเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่นายทหารหนุ่มพูด วิษณะจึงพูดต่อว่า "รูปร่างก็ดี ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหน ไม่ต้องลดน้ำหนักก็ได้ ผมว่าคุณภีรวัสน่าจะทานให้เยอะๆ ด้วยซ้ำ"
"ผมเปล่า"
"อ้าว ผมนึกว่าที่ทานน้อยๆ เพราะกำลังไดเอ็ท" วิษณุแปลกใจ
"เปล่า"
"บรรยาศดีไหมครับ แพเล็กๆ พอนั่งกันได้สองคน ล่องไปเรื่อยๆ ตามแม่น้ำช้าๆน้ำใสแจ๋ว อยากได้อะไรเพิ่ม แค่ชักธงขึ้น" วิษณุเอื้อมมือไปดึงเชือกที่ผูกอยู่กับเสาข้างๆ ออกแล้วชักธงสีแดงขั้นยอดเสา "พนักงานก็พายเรือมาจากแพใหญ่ มารับออเดอร์"
"ดีครับ" ภีรวัสตอบเสียงเบา
"คุณภีรวัสรู้ไหมครับ น้ำใสขนาดนี้ ที่จริงลึกเป็นสิบๆ เมตร ลึกมากพอที่จระเข้อเมซอนมาอาศัยอยู่ได้เลยทีเดียว" วิษณุยิ้มกว้าง ยื่นมือลงไปจุ่มน้ำ "สะอาดด้วย ไม่มีมลพิษ์เจือปนเหมือนคลองในกรุงเทพฯ"
"น่าเล่น" ภีรวัสฝืนยิ้ม แค่ได้ยินว่าลึก เขาก็อยากหาเสื้อชูชีพมาใส่เสียเดี๋ยวนี้
"ไว้มีโอกาส ผมจะพาไปพายเรือเล่น พอร้อนก็ลงเล่นน้ำให้เย็นสะบาย" วิษณุการท่องเที่ยวเสนอโปรแกรม
"ครับ ดีครับ"
...โอย จะไม่ไหวแล้ว ทำไมแพเป็นสั่นๆ แบบนี้ ที่แย่ก็คือ แพลำนี้พ่วงเป็นลำสุดท้าย หากเกิดเชือกที่ผูกอยู่ขาดขึ้นมาจะทำยังไงดี...
วิษณุชวนภีรวัสคุยตลอดทาง ทุกครั้งชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ เพราะมีสาเหตุจากอาการกลัวน้ำ วิษณุเป็นคนคุยเก่ง ภีรวัสยอมรับว่าหากเป็นสภานการณ์ปกติเขาต้องสนุกสนานกับการสนทนาเป็นอย่างมาก
ยิ่งพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ทัศนียภาพรอบด้านก็ยิ่งสวยงาม แสงสีทองส่องต้องผิวน้ำระยิบระยับเป็นประกาย ลมเย็นเอื่อยๆ นกกาบินกลับรังพร้อมส่งเสียงร้องไพเราะยิ่งนัก ภีรวัสอยากดื่มด่ำกับบรรยาศพิเศษสุดเช่นนี้ แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติง
โชคดีที่การรับประทานอาหารมื้อพิเศษสิ้นสุดลงเมื่อพระอาทิตย์ตกดินพอดี เมื่อแพเทียบท่า ภีรวัสรีบกระโดดขึ้นฝั่งแล้วรีบตรงลิ่วไปนั่งพักที่เก้าอี้ปีกไม้ตัวใหญ่หน้าร้านอาหาร โดยมีวิษณุเดินยิ้มกว้างตามมาติดๆ
"ที่จริง เขามีอีกเที่ยวนะครับ สำหรับคนที่อยากทานรอบค่ำ นั่งทานใต้แสงไฟสลัว ได้บรรยากาศไปอีกแบบ" วิษณุนั่งลงข้างๆ "ไว้คราวหน้า มาลองให้ครบทุกบรรยากาศ"
...บรรยากาศสยองละสิ ล่องแพไปกลางน้ำลึกตอนมืด น่ากลัวยิ่งกว่าตอนมีแสงสว่างเสียอีก...
"ดีครับ" ภีรวัสตอบเสียงเบา รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ขึ้นมาอยู่บนบก
"อยากกลับเลยไหมครับ หรืออยากไปเดินย่อยอาหาร" วิษณุถาม
"เป็นรายการปิดท้ายการนำเที่ยวเย็นนี้หรือเปล่าครับ"
"เปล่า" วิษณะยิ้มพราว "ผมจัดรายการเพิ่มได้อีกหลายอย่าง ถ้าคุณภีรวัสยังไม่อยากลับบ้าน บอกแล้วไงครับ ผมจะพาเที่ยว"
"กลางป่าแบบนี้มีที่เที่ยวด้วยหรือครับ" ภีรวัสสงสัย
" อย่าพูดเป็นเล่นไปนะครับ กลางป่าแบบนี้ล่ะมีผับด้วย บรรยากาศดีมากจนคุณภีรวัสอาจไม่อยากไปผับในกรุงเทพฯ อีกเลยก็ได้ ผับอยู่บนเนินเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขาสุดลูกหูลูกตา มองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็มีแต่ดาวเต็มไปหมด ลมเอื่อยๆ เย็นสบายกว่าห้องแอร์ ดนตรีคลอเบาๆ"
...ทหารอะไร โรแมนติกซะไม่มี...
...ไม่น่าเชื่อ ห้าวเข้มอย่างผู้พันวิษณุจะเป็นคนโรแมนติก...
"แค่นึกภาพตามก็สัมผัสบรรยากาศแล้วครับ"
"ไปเลยไหมครับ" วิษณุชวน
"ผมยังไม่ได้บอกเพื่อน กลัวอิศราเป็นห่วง อีกอย่าง พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เลยคิดว่าเอาไว้วันหลังจะดีกว่าไหมครับ" ภีรวัสจำใจปฏิเสธ
...วิษณุเป็นคนน่ารัก หากใกล้ชิดมากกว่านี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า...
...ไม่ได้ วิษณุจะมาทำให้เขวไม่ได้ หากวิษณุแทรกเข้ามาแบบนี้ เขาก็จะไม่มีเวลาสู้กับอิศราในการพิชิตผู้พันวรุฒม์ ไหนจะพลอีก เวลาที่มีอยู่ก็น้อยนิด...

ขณะที่กำลังกล่าวขอบคุณวิษณุสำหรับการพาไปทานอาหารเย็นมื้อพิเศษและกำลังจะกล่าวอำลา รถของวรุฒม์ก็เล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เห็นอิศรานั่งยิ้มแป้นมาแต่ไกล ภีรวัสก็รู้สึกหมั่นใส้เพื่อนยิ่งนัก
"นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มาพาคุณภีรวัสไปทานอาหารเย็น" พันตรีวรุฒม์หันไปยิ้มให้เพื่อนหลังจากทักทายกันสั้นๆ และรู้ว่าวิษณุพาภีรวัสไปล่องแพทานอาหาร
"ที่โปรดของวิษณุเลยล่ะครับ" วรุตม์หันไปบอกภีรวัส
"บรรยากาศยอมเยี่ยมมากเลยล่ะอิศ เสียดายที่อิศไม่ได้ไปด้วย" ภีรวัสบอกเพื่อน
"ไว้คราวหน้าให้วิษณุพาไปอีกสิครับ" วรุฒม์พูดยิ้มๆ กับวิษณุ สายตาที่มองกันมีเฉพาะตัวเองกับเพื่อนเท่านั้นที่เข้าใจ
"พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาบนดอยคงสวยมาก" ภีรวัสเปรย
"คราวหลังผมจะพาไปอีก ที่จริงวันนี้กะจะชวนคุณภีรวัสไปด้วยกัน แต่มาถึงบ้านกลับไม่เจอ ผมเลยไปกับคุณอิศราสองคน"
"สวยจนแทบลืมหายใจเลยล่ะภีร์" อิศราอวด "เรานั่งตะลึงตลอดทาง ภีร์ก็คงเหมือนกันใช่ไหม"
"คุณภีรวัสก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติจนนั่งนิ่งแทบไม่ได้แตะอาหาร" วิษณุเสริม
"ก็บรรยากาศดีนี่ครับ" ภีรวัสหัวเราะเสียงเบาแล้วหันไปสบตากับอิศรา เป็นที่เข้าใจกันเองว่า วันนี้รอดตัวไปได้อีกวัน คราวต่อไป คงต้องเลี่ยงที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเผยจุดอ่อน

ภีรวัสกับอิศรายืนมองรถของสองทหารหนุ่มที่ขับออกไปจนลับตาแล้วจึงหันหน้าเข้าหากัน ภีรวัสซึ่งเป็นฝ่ายที่ร้อนใจเริ่มก่อน
"อิศ เราขอเสนอให้เปลี่ยนกฏ"
"กฏอะไรอีก นี่เปลี่ยนมาสองรอบแล้วนะ กลัวแพ้หรือไง"
"เปล่า" ภีวัสยักไหล่ "แต่เพื่อความสนุก และเราก็ไม่มีเวลามาก ไอขอเสนอให้มีการกำหนดเวลาสำหรับการแข่งขัน"
"ชาตินึงหรือไง" อิศราแดกดัน
"หนึ่งเดือน"
"บ้าหรือ หนึ่งเดือน เร็วตายห่..." อิศราโวยวาย
"งั้นแกก็เอาผู้พันวิษณุไปทิ้งที่อื่นสิ อะไรวะ ตัวเองเป็นคนอ่อยหมอวิษณุมาเอง แล้วมาปล่อยให้มาเกาะแกะเราได้ยังไง" ภีรวัสขึ้นเสียง
"ดูๆ ไปหมอวิษณุก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้พันวรุฒม์เลยนะภีร์ เป็นเพื่อนกันเหมือนเราสองคนอีกด้วย ถ้าสมมุติว่ากลับมาใช้ฟอร์แมตเดิมล่ะ คือว่า ต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเอง ใช้เวลาหนึ่งเดือน ใครทำให้เป้าหมายรักได้ก่อน คนนั้นก็เป็นคนชนะ แทนที่จะมาแย่งคนๆ เดียวกันแล้วมีตัวแปรโผล่เข้ามาแทรกแซงการแข่งขัน" อิศราทำท่าครุ่นคิดก่อนจะสรุปว่า "ยูคู่กับหมอวิษณุ ไอคู่กับผู้พันวรุตม์"
"ไม่ได้นะ ยูคู่กับหมอวิษณุ" ภีรวัสแย้งขึ้นมาทันควัน
"ทำไมไม่ได้ ก็เห็นๆ ว่าหมอวิษณุเขาชอบยู เรารึอุตส่าห์ใจดี เสียสละให้ ทั้งๆ ที่เห็นว่าเพื่อนมีทางชนะมากกว่า เราก็ยังยอม" อิศราให้เหตุผล
"น้อยๆ หน่อยไอ้ก้อนอิฐ" ภีรวัสเสียงเข้ม "นายรู้จักกับหมอวิษณุมาก่อนโดยที่ไม่บอกเรา ไปรู้จักกันตอนไหนไม่รู้ ไม่เล่าให้ฟังแม้แต่นิด กะจะหาเบี้ยใบ้รายทางเก็บเอาไว้ตอนที่ตัวเองหง่าวไม่มีอะไรทำในวันที่เราได้โควต้าผู้พันวรุฒม์ใช่ไหมล่ะ รู้ทันหรอก"
"วันนี้แกเป็นคนเสนอเปลี่ยนแผน งั้นก็เอาฤกษ์ของวันนี้" อิศราไม่ยอม "และวันนี้แกก็ไปกับหมอวิษณุ ก็ให้ถือว่าเป็นไปตามสถานการณ์ของวันนี้"
"จะเอาผู้พันวรุฒม์ให้ได้ใช่ไหมอิศ" ภีรวัตม์เสียงแข็ง ยกมือขึ้นกอดอก
"ฮื่อ" อิศราพยักหน้า ทำตาหลุกหลิก มองซ้ายมองขวา บิดตัวไปมา
ภีรวัสหรี่ตาลงช้าๆ ลองอิศราได้แสดงท่าทางแบบที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าขณะนี้ ยังไงเพื่อนเขาก็ไม่ยอม อาการแบบนี้เขาคุ้นดีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย เขารู้ดีว่าอิศรากำลังสื่อว่า "ไม่สน ฉันจะเอา ฉันไม่ยอม"
"ได้" ภีรวัสยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "ภีรวัสไม่หวั่นหรอก"
"หนึ่งเดือน"
"กฏเดิม" ภีรวัสย้ำ
"ใครแพ้ เทรดมิลล์หนึ่งเครื่อง" อิศราตกลงเรื่องเดิมพัน
"ยี่ห้อตามแต่คนชนะจะเลือก"
"ได้"

วรุฒม์ชะเง้อมองหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงเรียก ครั้นเห็นว่าใครมายืนเกาะรั้วอยู่ก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจแล้วเปิดประตูออกไปก่อนจะพูดขึ้นว่า "มาทำไมไม่บอกวะ"
"เซอร์ไพรซ์" คนยืนเกาะรั้วอยู่ยิ้มกว้าง "เห็นนายบ่นว่าเมื่อไร่เราจะมาซะที คราวนี้จะได้เลิกบ่น"
วรุตม์ไม่ตอบ เดินไปเปิดประตูให้เพื่อนแล้วถามว่าพักที่ไหน
"คืนนี้ขอนอนบ้านนายก่อน พรุ่งนี้จะไปนอนบ้านคุณอา นี่สามทุ่มแล้ว ไม่อยากไปกดกริ่งเรียกบ้านโน้น แล้วนี่หายไปไหนมา แวะมาสองรอบแล้วก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่ติด วิษณุก็เหมือนกัน"
"ไปทานข้าวมา" วรุฒม์ตอบสั้นๆ
"เป็นอะไร ทำท่าเนือยๆ เรามาแล้ว นายก็ได้กลับกรุงเทพฯ เสียที เห็นบ่นว่าเบื่อเมืองเล็กๆ จะแย่"
"ทำไมรีบมา" วรุฒม์ถาม
"เอ้าไอ้นี่ ยังจะมาถาม แต่ก่อนเร่งยิกๆ พอมาแล้วกลับมาถาม"
"ไม่เห็นมีของ"
"เดี๋ยวตามมา ที่จริงเรามาดูที่ทาง ยังไงก็ต้องกลับกรุงเทพฯ ก่อน ปลายๆ อาทิตย์หน้าถึงจะได้ย้ายมาอย่างเป็นทางการ"
วรุฒม์ยืนนิ่ง คิดอะไรอยู่ชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นมาว่า "เดือนหน้าค่อยมาก็ได้ ไม่ต้องรีบ"
"นายนี่จริงๆ ปกติยิ่งเป็นคนเข้าใจยาก ยิ่งทำให้งงอีก"
"แค่เป็นห่วง ไม่อยากให้เร่งรีบ จะได้เคลียร์อะไรทางโน้นให้เสร็จเรียบร้อย" วรุฒม์ยักไหล่ เดินไปเปิดตู้เย็น แล้วมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเพื่อนพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้
"ก็ว่ายังงั้นล่ะ ถึงจะได้รีบกลับกรุงเทพฯ ไปเคลียร์ให้เสร็จ แล้วรีบย้ายมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้"
"เราต่างหากต้องงง" วรุตม์มองหน้าเพื่อนนิ่ง "นายเป็นคนช้าเอง ท่านั้นท่านี้อยู่เป็นนานสองนาน ไม่ย้ายซักที อยู่ดีๆ ก็จะรีบ"
"นายก็เหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็จะไม่รีบ" อีกฝ่ายตอบ
"ช่างเถอะ มาเมื่อไหร่ก็มา" วรุฒม์ตัดบท "แต่เราคงอยู่ต่ออีกหน่อย"
"เฮ้ย ไม่รีบกลับเข้าไปรายงานตัวหรือวะ"
"ลาพักร้อนซะเลย ทำงานมาหลายปีไม่เคยหยุด คราวนี้ขอหยุดยาวซักหน่อย"
"คงยาวมากไม่ได้หรอกรุตม์ เราได้ยินมาว่าพ่อกำลังจะดึงตัวนายไปกลาโหมฯ คราวนี้ท่าทางเอาจริง"
"ถ้าเราไม่ไป ใครจะมาบังคับได้" วรุตม์ยักไหล่ไม่สนใจ
"ผบ. ทบ. เลยนะเพื่อน ท่านยอมใครที่ไหน"
"เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน" วรุฒม์เสียงเข้ม ใบหน้าเรียบนิ่งเมื่อพูดถึงผู้เป็นบิดาของเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นลุง "พ่อนาย ไม่ใช่พ่อเรา"
"เอาล่ะ ยอมไม่ยอมก็ค่อยว่ากันอีกที ขอนอนพักเอาแรงซักหน่อย พรุ่งนี้มีศึกต้องสู้"
"ศึกอะไร" วรุตม์เงยหน้ามองเพื่อนที่ลุกขึ้นบิดเอวอย่างเหนื่อยล้า
"ศึกเก่า" อีกฝ่ายยักไหล่ "ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอคนที่ตามหามาตั้งหลายเดือน ทำกับเราแสบมาก คราวนี้เราจะสั่งสอนให้รู้สำนึก"
วรุตม์มองเพื่อนเงียบๆ ท่าทางเพื่อนไม่อยากจะเล่าต่อ เพราะพูดเสร็จก็ยืนนิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาจึงบอกให้ไปอาบน้ำพักผ่อน
"รุตม์ ขอบใจนะที่มาช่วยเรื่องงาน ไม่ได้นาย เราก็คงหัวหมุนน่าดู"
"ไม่เป็นไหรหรอก เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งญาติกัน ไม่ช่วยกันแล้วจะช่วยใคร" วรุตม์ยิ้ม "ว่าแต่นายเถอะ พล เรื่องอะไรก็ปล่อยๆ ไปซะบ้าง พักหลังดูเครียดๆ นะ หาแฟนซักคนเถอะ จะได้มีความสุข"
"จะสุขจะเศร้าเดี๋ยวก็รู้" พันตรีพลพึมพำ

ขณะที่รอภีรวัส อิศราก็เดินถ่ายภาพตามหมู่บ้านชาวเขาไปเรื่อย วันนี้เขากับเพื่อนขึ้นมาบนดอย โชคดีที่เป็นดอยไม่สูงมากนั้น ถนนลาดยางกว้าง มีรถสัญจรไปมาพอประมาณ ไม่ใช่ถนนลูกรังไต่เขาสูงชันเหมือนวันก่อนที่หลวมตัวไปกับพันตรีวรุตม์
เมื่อนึกถึงนายทหารหนุ่ม อิศราก็ต้องถอนหายใจ เขายอมรับว่าชอบพันตรีวรุตม์มาก เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ลึกๆ แล้วเขาไม่อยากเล่นเกม "หลอกให้รักแล้วหักอก" อย่างที่กำลังทำอยู่ ไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะ ท้ายที่สุดเขาทั้งสองคนก็ต้องเลิกกับ "เหยื่อ" ของเกมหัวใจครั้งนี้ และห้ามหวนกลับไปคบอีกเป็นเด็ดขาด
หากต้องจากกันเขาคงเสียดายวรุตม์มาก สัมผัสที่ได้รับจากนายทหารเมื่อประคองเขาเมื่อตอนที่อยู่บนภูเขาทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่อยากจะนึกเลยว่า หากมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว เขาจะตัดใจจากวรุตม์ได้หรือไม่ เพียงแค่โอบเอวไม่กี่นาทียังรู้สึกได้ถึงเพียงนี้
อิศรานั่งพักอยู่ที่เพิงขายของข้างถนนแล้วยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขายอมออกมาต่างจังหวัดกับภีรวัสนานเกินสองอาทิตย์ ภีรวัสต้องโน้มน้าวเขาอยู่นาน กว่าจะตกลงมาเป็นเพื่อนช่วยงานวิจัยที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนักว่าเพื่อนทำอะไร และแม้แต่อยู่บนเครื่องบินขณะที่เดินทางมาจังหวัดน่านเขาก็บ่นมาตลอดทางว่าภีรวัสพาเขามาลำบากลำบน แต่ครั้นพบกับวรุตม์และได้รับการต้อนรับแบบที่เขาไม่คาดคิดก็ให้รู้สึกขอบคุณโชคชะตายิ่งนัก ความหวาดหวั่นว่าจะมีแต่ความเบื่อหน่ายที่ต้องมาจมอยู่ในป่ากลับกลายเป็นความสนใสมีชีวิตชีวา
ทว่า...เขากลับมีความรู้สึกทุกข์ใจแทรกเข้ามาด้วย เมื่อนึกถึงว่า หากเวลาหนึ่งเดือนมาถึง เกมหัวใจเกมนี้จบลง เขาก็จะต้องจากคนที่เขามีความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก คนแรกที่เขาคิดว่าอาจจะพัฒนาเป็นอะไรที่ลึกซึ้งได้มากกว่านี้
...เกมนี้ชักจะไม่ค่อยสนุกเสียแล้ว...
...ทุกครั้ง เขาจะมุ่งมั่นเอาชนะภีรวัสให้ได้ หลายครั้งเขาพบกับคนที่เขาค่อนข้างชอบเป็นพิเศษแต่ในที่สุดเมื่อเกมจบเขาก็ตัดใจได้ แต่คราวนี้ ทำไมมีความรู้สึกว่าคงจะยากกว่าทุกครั้ง...
...ตอนนี้เขาไม่รู้สึกมุ่งเอาชนะเพื่อนเท่าใดนัก หากมุ่งเอาชนะตนเอง และที่สำคัญ เอาชนะใจของวรุตม์...

ขณะที่ใจล่องลอยถึงนายทหารหนุ่มรูปหล่อ อิศราก็ได้ยินเสียงรถ เมื่อหันไปมอง เขาต้องยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นรถจี๊บทหารสีเขียวกำลังวิ่งเข้ามาใกล้
...คิดถึงทหาร ทหารก็มา...
...ใครกันนะ ถ้าเป็นวรุตม์ เขาจะถือว่าเป็นฟ้าลิขิต...
"ผู้พันวิษณุ" อิศราพึมพำเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ในรถ แม้จะผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกมาจากเพิงขายของข้างถนนให้คนที่ขับรถมามองเห็น
แต่คนที่นั่งมากับวิษณุทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว เพราะชายหนุ่มคนนั้นดูคุ้นตามาก ใบหน้าขาวสะอาด คิ้วเข้ม ตาเรียวเล็ก จมูกโด่ง ปากแดง ไรหนวดครึ้ม
...ตายแล้ว อดีตของภีรวัส มาได้ยังไงเนี่ย...
พันตรีนายแพทย์วิษณุจอดรถตรงหน้าอิศราแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้ ก่อนจะลงจากรถเดินเข้ามาหาโดยมีชายหนุ่มหน้าขาวคนนั้นตามมาติดๆ
"เจอกันอีกแล้ว เห็นใกลๆ ผมยังนึกอยู่เลยว่าเด็กขายของฝากให้นักท่องเที่ยวทำไมน่ารักจัง " วิษณุส่งยิ้ม ทำตาวิบวับ "พอเข้ามาใกล้ถึงเห็นว่าเป็นคุณอิศรานี่เอง"
"ผมรู้ว่าเป็นผู้พันตั้งแต่ไกลๆ โน่นแล้วล่ะครับ พอเห็นรถเลี้ยวโค้งมาก็รู้เลยว่าใช่" อิศราพูดยิ้มๆ
"ตาดีขนาดนั้นเชียว" วิษณุเลิกคิ้ว ทำหน้าแปลกใจ
"เปล่าครับ หูดีต่างหาก ได้ยินเสียงรถเป็นทำนองเพลงเจ้าชู้ก็นึกหน้าผู้พันออกทันที"
"ว๊า ไหงคิดแบบนี้ล่ะครับ" วิษณุแกล้งทำหน้าไม่พอใจ "คุณอิศราเข้าใจผมผิด"
"หรือครับ น่าจะจริง ผมชอบมองคนผิดตลอด ต้องลองมองผู้พันใหม่ซะแล้ว" อิศราพยักหน้าเห็นด้วย
"อ้อ ลืมแนะนำเพื่อนให้รู้จัก" วิษณุหันไปหาคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ "เพื่อนผมมาจากกรุงเทพฯ ครับ พันตรีพล เดชาวุธ ลูกชายคนเล็กของท่านผู้บัญชาการทหารบก"
"สวัสดีครับคุณอิศรา ไม่ได้เจอกันนาน" พลทัก
...ใช่แล้ว พันตรีพลคนนี้นี่เอง ทหารคนแรกที่ภีรวัสมีความสัมพันธ์ด้วยจาก "เกมหัวใจชายในเครื่องแบบ" เมื่อต้นปี เขาหักอกตำรวจ ภีรวัสหักอกทหาร พอจบเกม ก็พากันไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ กลับมาเมืองไทย ภีรวัสต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพราะพลไม่ยอมโดนทิ้ง
"อ้าว รู้จักกันด้วยหรือครับ" วิษณุทำหน้าแปลกใจ
"คุณอิศราอาจจะจำเราไม่ได้" พลตอบเพื่อนเจือรอยยิ้มบางๆ แล้วหันหน้ามาทางอิศรา "แต่ผมจำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนสนิทคุณอิศรา"
"นายรู้จักคุณภีรวัสด้วยหรือ" วิษณุแปลกใจมากกว่าเดิม
"ภีร์ อยู่ที่สถานีตรวจอากาศครับ กำลังนั่งสมาธิ" อิศรารีบรายงาน จะว่าไป เขากับพลก็ "รู้จัก" กันในระดับหนึ่ง เพราะแรกเริ่มนั้น เขาจับคู่กับพล แต่อาทิตย์ต่อมา ก็เปลี่ยนกับภีรวัสเพื่อความเหมาะสมเพราะต่างคนต่างบ้านใกล้กัน ถือว่าสะดวกต่อการแข่งขัน
"ภีร์กับคุณอิศราแทบไม่เคยห่างกัน เป็นเพื่อนสนิทกันมาก และชอบทำอะไรด้วยกันเสมอ ช่วยเหลือกันทุกเรื่อง" พลพูดเสียงเรียบ
"อ๋อ เราพอมองออก" วิษณุพยักหน้า
"แหม จะมีเพื่อนไว้ทำไมใช่ไหมครับ" อิศรายิ้มกว้าง แต่แวบหนึ่งคิดว่าเห็นประกายตารู้ทันของพล
...ที่คิดไว้เมื่อครู่ว่าเกมนี้ชักจะไม่ค่อยสนุก คราวนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว โอกาศที่เขาจะชนะภีรวัสมีอยู่เห็นๆ หากพลเข้ามาแทรก เพื่อนเขาก็จะมีอุปสรรคในการ "ทำงาน" กับวิษณุ ผู้ที่ท่าทางจะรักใครได้ง่ายเหลือเกิน...
"งั้นเราแยกกับนายตรงนี้นะ ขอไปทักทายภีร์ซะก่อน นายจะกลับเมื่อไหร่ค่อยโทรบอก ขอตัวนะครับคุณอิศรา" พลก้มศรีษะให้แล้วแยกตัวไปทันที
"ไม่น่าเชื่อ" วิษณุมองตามหลังร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ทสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนส์ที่กำลังเดินดุ่มๆ ไปตามทางเดิน
"โลกกลมจริงๆ"
"เขารู้จักกันดีด้วยครับ" อิศราพูดขึ้นเบาๆ ทำให้วิษณุหันกลับมามอง ทำหน้าแปลกใจยิ่งกว่าเดิม
"ขนาดไหนครับ" วิษณุถาม
"อืม ผู้พันต้องไปถามเขาเอง เท่าที่ผมรู้ น่าจะลึกซึ้งพอสมควร" อิศราอมยิ้ม แล้วเปลี่ยนเรื่อง "ว่าแต่ว่า มาทำอะไรที่นี่กันครับ"
วิษณุตอบว่ามาหาเพื่อนที่เป็นแพทย์อาสา และจะชวนกันไปเลี้ยงต้อนรับพล คราวนี้คนที่แปลกใจคืออิศราเมื่อวิษณุบอกว่า พลจะย้ายมาประจำการที่ค่ายศรพิทักษ์แทนวรุตม์ที่มาช่วยราชการชั่วคราว
"หมายความว่าผู้พันวรุฒม์ก็จะต้องย้ายกลับไป..."
"กรุงเทพฯ" วิษณุตอบ "คุณอิศรายังไม่ทราบหรือครับว่าวรุฒม์ไม่ได้ประจำการที่นี่"
"พอดีไม่ได้ถาม" อิศราเสียงเบา รู้สึกว่าตัวเองพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
"พลจะย้ายมาอาทิตย์หน้าครับ" วิษณุพูดต่อ
"อาทิตย์หน้า" อิศราทวนคำพูด
"ครับ" วิษณุตอบสั้นๆ แล้วอดรู้สึกใจแปลบไม่ได้เมื่อเห็นแววตาผิดหวังของชายหนุ่มหน้าขาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
อิศราเงียบไปชั่วครู่ในใจคิดว่า 'ไม่ได้การ ต้องเรียกประชุมกับภีรวัสเป็นการด่วน'
"คุณอิศราคงผิดหวัง เพิ่งรู้จักกับวรุฒม์" วิษณุกล่าวเสียงเรียบ
"แต่ผู้พันวิษณุยังประจำการอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือครับ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีหมอรักษา" อิศราปรับสีหน้าให้ร่าเริง เมื่อครู่เขาคิดว่าเห็นแววตาน้อยใจของนายแพทย์ทหารที่ปกติยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจ ตอนนี้วิษณุทำหน้านิ่งเรียบ ทำราวกับว่ารู้สึกผิดหวังที่เห็นเขาทำหน้าเศร้าเมื่อรู้เรื่องของวรุฒม์กับพล
"แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ใช่ไหมครับ อีกไม่นาน คุณอิศรากับคุณภีรวัสก็จะกลับกรุงเทพฯ ผมกับพลเสียอีกต้องอยู่ที่นี่ต่อ"
อิศราบอกตัวเองว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะพูดเล่นสนุกๆ กับภีรวัสว่า สถานการณ์แบบนี้ ก็ต้องเปลี่ยนแผน แย่งกันจีบวรุตม์เช่นที่ตกลงกันไว้ตอนแรก ใครดีใครได้ พอ "เหยื่อ" บอกรักแล้วก็ทิ้งเช่นเคย
...แต่ตอนนี้ ชักไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น...
...ความจริง เขาต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ ก่อนภีรวัสเพราะทิ้งงานนานเกินเดือนไม่ได้ ภีรวัสเป็นนักวิจัย และวางแผนจะอยู่ที่นี่สองเดือนเป็นอย่างน้อย สมมุติว่า "เกมหลอกให้รักแล้วหักอก" ที่มีวรุตม์และวิษณุเป็นเป้าหมายจบลงภายในหนึ่งเดือนตามที่ตกลงกัน เมื่อวรุตม์ย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ เขาก็กลับกรุงเทพฯ พอดี และภีรวัสยังต้องทำวิจัยต่ออีกเดือนกว่าๆ นั่นก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะสานสัมพันธ์ต่อกับวรุตม์ และวิษณุเองก็สานสันพันธ์ต่อกับภีรวัสได้...
...แต่...
...แต่มีพลแทรกเข้ามาเป็นตัวแปร ภีรวัสจะทำอย่างไร...
...อ้อ เกือบลืมไป เมื่อพลจะย้ายมาแทนวรุตม์อาทิตย์หน้า ก็แสดงว่าเวลาหนึ่งเดือนที่ตกลงไว้กับภีรวัสก็ต้องเปลี่ยนไปอีกหรือนี่ จะบ้าหรือ เพิ่งรู้จักกันสองอาทิตย์ จะให้รีบเผด็จศึกวรุตม์ภายในอาทิตย์ที่จะถึงนี้ได้อย่างไร ท่าทางนิ่งๆ ขรึมๆ แบบนั้น เขายอมรับว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก มีเวลาสองสามเดือนอย่างเคยค่อยมั่นใจกว่า...
...โอยปวดหัว ตกลงเกมรักครั้งนี้จะสนุกเหมือนเคยหรือเปล่านี่...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2009 12:38:12 โดย katawoot »

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
^
^
โอ้ยยยยย ขอปวดหัวด้วยคนนะค่ะ ... อะไรมันจะอิรุงตุงนัง ขนาดนี้เนี้ยะ  o2
ยิ่งอ่าน ต้องยิ่งรีบนึกภาพตามให้ทัน

คุณนาย วางเรื่องได้รวบรัด รวดเร็วมากเลย ... แทบแยกประสาทไม่ทัน เหอะๆ
แต่ก็กลับสนุก เร้าใจ อึดอัด ไม่ขาดไม่เกิน ครบรส ลงตัว
โอ้ยยยย ๆ ๆ นับวันยิ่งสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ ... ปวดหัว ปวดตับกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซะด้วย
ไม่รู้ตอนหน้า ต้องกินยา ทัมใจ ก่อนอ่านรึป่าว

+1 ให้ค่ะ ..... เชียร์สุดตัว :interest:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
:mc4:  เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ตามอ่านทันแล้วค่า

สนุกมาก  เขียนดีมากๆค่า   o13  ชอบๆๆ ฮาสองเพื่อนรักจริงๆๆๆ กินกันไม่ลงจริงๆๆ  
ฮาทุกตอนเลย  โดยเฉพาะเห็นเวลาสองคนฮึ่มๆใส่กัน    :m20:


ดูท่าจะมีแววยุ่งเหยิงตามมา  5555  ตายแน่ๆๆเลย จะรอดมะเนี่ย  ภีร์กะก้อนอิฐ

ขอ เป็น FC อิศรา  เน้อชอบๆๆๆ สดใส ใสซื่อ(โง่)  เหมือนเด็กดี  :man1:

ส่วนวิษณุ  ตอนแรกน่ะแอบเชียร์ให้พิชิตใจอิศราได้  เหอๆๆ  แต่พ่อคุณมันดันเจ้าชู้ ว่าไม่รู้จะเลือกเอาคนไหนอีก ไปจีบภีรร์อีกคน

เชอะ สะบัดบ๊อบใส่เลย   :beat:

รอตอนต่อไปจ้า  เป็นกำลังใจนะคะ  ไว้จะตามมาเม้นท์บ่อยๆ

+1


------------------
ขอไปอ่านตอนเจ็ดก่อนค่า







E d i t   ตอน 7

โอ๊ยๆๆๆ  อิศราน่ารักกกกกกกกกกก :m3:  (อารมณ์ส่วนตัวมาก หุหุ)

จะเป็นยังไงเนี่ย  เรื่องราวดูพันอิรุงตุงนังมากๆๆ 

พลก็ดูจะไม่ปล่อยง่ายๆๆ ตายแน๋ๆๆ  ภีร์เอ๊ย!  :pigha2:

ส่วนวิษณุ  แหมๆๆ มีทำหน้าน้อยจวย ปวดตับ  คึคึ 






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2009 17:15:50 โดย Ak@tsuKII »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
555 ดูวุ่นวายยกกำลังสามกันไปเลย

ปล. ขอติงนิดนะคับ พันตรีหม่อมหลวงพล ณ นคร เนี่ย

สกุล ณ นคร ไม่ใช่สกุลที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์ แต่สืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองนคร

ดังนั้นคนในสกุลนี้ จะใช้คำนำหน้า ว่า ม.จ., ม.ร.ว. หรือม.ล. ไม่ได้ ต้องเป็น นาย นาง นางสาว และ

คนที่มีคำหน้านำหน้าว่า ม.จ., ม.ร.ว. หรือม.ล. ชื่อราชสกุลจะต้องไม่ลงท้ายด้วย ณ อยุธยา อีกด้วย 

และสำหรับคนที่มีชื่อราชสกุลลงท้ายด้วย ณ อยุธยา เนื่องมาจาก เค้าไม่มีคำนำหน้าเป็น ม.จ., ม.ร.ว. หรือม.ล.

เป็นเพียงแค่ นาย นาง นางสาว เพื่อแสดงว่าบุคคลนั้นสืบเชื้อสายราชสกุลนั้นๆมา เลยต้อง มีคำว่า ณ อยุธยา ต่อท้ายชื่อราชสกุล

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด