มาต่อแล้วคะ
ขอบคุณ คุณTHIP,Chatcha ,wan ,Huo_To, dahlia สำหรับคอมเมนท์นะคะ และ + ที่มีให้นะ เสียดายยัง + ให้ใครไม่ได้เอาอ้อมกอด :กอด1:ไปก่อนแล้วกันคะ
เนื่องจาก ใบปอ เขียนแต่ละตอนยาวมากๆ ขออนุญาตแบ่งนะคะ
..........................................
บทที่ 1.1
ราเชลวางภู่กันลงและลุกขึ้นบิดตัวอย่างเมื่อยขบเหลือบมองนาฬิกาด้วยความเคยชิน อีก15นาทีจะได้เวลาทานอาหาร เด็กชายรีบเข้าไปล้างมือล้างหน้าใหม่เพื่อลงไปร่วมโต๊ะ คุณย่าเกลียดคนไม่ตรงต่อเวลาและเขาก็ไม่อยากถูกตำหนิ เมื่อลงไปถึงห้องรับประทานอาหารราเชลก็ชะงักนิดหนึ่งอย่างแปลกใจเมื่อเห็น ‘คุณพ่อ’
ร่างท้วมขาวนั่งละเลียดไวน์เหมือนมีความสุข แต่ราเชลสังเกตเห็นความกระวนกระวายที่ซ่อนอยู่ได้เพราะ ‘คุณพ่อ’ เคาะนิ้วลงบนที่ท้าวแขนถี่ๆ ทันทีที่เหลือบมาเห็นเขาใบหน้าของคุณพ่อก็กลับเย็นชาไปทันที
“บอกคุณแม่ด้วยว่าฉันจะมาหาใหม่พรุ่งนี้”
“จะให้เรียนท่านผู้หญิงว่ากี่โมงคะ?”
“ตอนเวลาน้ำชาแล้วกัน”
“ค่ะท่าน”
คุณพ่อกลับไปโดยไม่เหลือบแลมาทางราเชลแม้แต่น้อย เด็กชายก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตา แม้คุณพ่อจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่พบกันแต่ราเชลก็อดเสียใจไม่ได้ เด็กน้อยรู้ดีว่าพ่อไม่รัก แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด นับแต่เล็กจนโตเขาไม่มีโอกาสเข้าใกล้คุณพ่อเลยสักครั้งเพราะท่านไม่ยอมแม้จะแตะต้องตัวเขา คุณย่าเองก็ไม่ชอบการแตะต้องสัมผัส คนที่เคยโอบอุ้มและปลอบประโลมยามหนูน้อยหวาดกลัวคือแม่นมที่ตอนนี้ก็แก่เกินกว่าจะดูแลราเชลได้แล้วจึงลาออกไปอยู่กับลูกสาวที่เมืองอื่น
ราเชลจึงรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะท่ามกลางพี่เลี้ยงมากมายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลเขาไม่มีใครให้ความรู้สึกอบอุ่นหรือความรักเหมือนกับแม่นม
“วันนี้มีสอบเปียนโนไม่ใช่เหรอ?”
“ครับคุณย่า อาจารย์บอกว่าผมเล่นแนวของโมซาสได้ดีครับ”
“ก็ดี” เรื่องพูดคุยระหว่างเขากับคุณย่ามีเท่านี้
ทันทีที่พ้นโต๊ะอาหาร ราเชลก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก เด็กชายรีบกลับเข้าห้องแล้วล็อคประตู อาจจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียวแต่ก็ดีกว่าต้องอยู่ในสายตาเย็นชาของคุณย่าและท่ามกลางสายตาคอยจับผิดของเหล่าคนรับใช้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรต้องเป็นไปตามตารางของคุณย่าเสมอ เพราะไม่อย่างนั้นจะมีแต่คนรีบไปฟ้องและเขาจะถูกตำหนิอย่างรุนแรง ชีวิตของราเชล จึงมีนาฬิกาเป็นตัวกำหนด
..................................
รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวปราดเข้ามาตามทางโล่งโปร่งของสนามฝึกขนาดใหญ่ สายตาหลายคู่เหลือบมองตามรถอย่างสนใจ แต่ร่างสูงที่ก้าวลงมาจากรถกลับดึงดูดสายตาได้มากกว่า ท่าเดินสง่ามั่นใจเรียกให้สายตาของผู้หญิงทุกคนในสโมสรมองจนเหลียวหลัง ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็รู้ดี มุมปากบางจึงปรากฏรอยยิ้มนิดๆอยู่ตลอดเวลา
ในสนามฝึกกว้างใหญ่วันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ม้าสี่ตัวกำลังควบเข้าหาเส้นชัยและมีสองตัวที่คู่คี่สูสีกัน ม้าสีขาวสะอาดเบียดกระแซะม้าสีดำปลอดดูเหมือนจะชะงัก แล้วม้าขาวก็พุ่งเข้าหาเส้นชัยได้ก่อนชั่วเสี้ยววินาที เสียงปรบมือจากผู้ชมที่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นนักแข่ง ทำให้จ๊อกกี้ทั้งสี่หันกลับมาโค้งให้ โดยเฉพาะเจ้าของม้าขาวที่พุ่งปราดเข้ามาหาร่างสูงทันทีที่สังเกตเห็น
มือใหญ่แต่เรียวสวยคว้าบังเหียนและเหนียวเอวคอดกิ่วปลิวลงจากหลังม้า ทันทีที่หมวกถูกปลดออก ปากอิ่มสีสดก็เบียดรับปากร้อนผ่าวอย่างดูดดื่ม โดยไม่แคร์สายตาของคนรอบข้าง
“อื้ม…หายไปนานนะจ๊ะ” ตาหวานหรี่ปรือด้วยอารมณ์ที่ปลุกจากจูบร้อนผ่าวเมื่อครู่
“ก็คุณอยากไม่ไปกับผม”เสียงออดอ้อนแทบละลายคนฟัง ม่ายสาวคนดังค้อนขวับ
“อย่ามาอ้าง ถ้าเธออยากให้ฉันไปด้วยจริงๆมีหรือที่ฉันจะปฏิเสธ แต่นี่เธอไม่ได้อยากให้ฉันไปสักหน่อย”
“โธ่…ทำไมถึงคิดว่าผมไม่อยากให้คุณไป”
“อย่ามาอ้อนซะให้ยาก ฉันไม่หลงกลเธอหรอกริช”
“ร้ายจริงๆเลย…ยินดีด้วยนะที่ชนะอีกตามเคย”
จมูกโด่งแหลมย่นนิดๆพองาม ตายาวเรียวตวัดค้อนอย่างมีจริต
“อย่ามาเยาะฉันเลย แข่งกับเด็กตัวนิดเดียวยังเกือบแพ้…ดีนะว่าแก้สถานการณ์ทันไม่งั้นขายหน้าตาเลย”
“ใครน้าที่ทำให้คลาร่าคนสวยยอมออกปากได้อย่างนี้”
“เด็กจ้ะ…อายุแค่13เท่านั้นเอง แต่เก่งทั้งคนทั้งม้า นี่ถ้าได้มีโอกาสลงสนามจริงอีกสัก4-5ครั้งฉันคงไม่ใช่คู่มือแน่ๆ”
“ขนาดนั้นเชียว ชักอยากเห็นแล้วสิ”
“ดูได้แต่ไม่ให้รู้จักหรอก”คลาร่าตวัดเสียงแง่งอน
“ทำไม?”
“ก็…น่ารักชะมัดเลยนะสิ เฮ้อ! นี่ถ้าโตกว่านี้สัก ปีสองปีนะ ฉันคงมีคู่แข่งที่น่ากลัว”
“งั้นเชียว”
“โน่นไง กำลังฝึกข้ามรั้วอยู่โน่น”
ริชเหลียวตามสายตาของคลาร่า ม้าสีดำเปรียวกำลังพุ่งข้ามรั้ว ท่าลอยพลิ้วกลางอากาศสวยงามและดูเบาราวกับไร้น้ำหนัก ทั้งคนและม้าแตะลงพื้นอย่างงดงามก่อนจะวนกว้างกลับไปหาครูฝึก ริชหันกลับมาพ่นลมจากปากเบาๆ
“ตัวนิดเดียวเอง อายุ 13 แน่เหรอ?”
“ไม่สนก็ดีแล้วละ ฉันขี้เกียจตามหึง” คลาร่ายักไหล่
ริชหัวเราะก๊ากก่อนจะคว้าคางแหลมดึงเข้าบดจูบแรงและรุกเร้าจนร่างอวบเผลอเบียดเข้าหา
“อืม…ขอเปลียนเสื้อผ้าเดี๋ยวนะจ๊ะ”เล็บเคลือบสีสดแตะที่ปลายคางสาก
“โอเค…ผมไปรอที่ลอบบี้นะ”
ริชเหลือบมองไปรอบๆอย่างสนใจ ดูเหมือนวันนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสาวๆมีหลายคนที่น่าสนใจ สายตาคมสะดุดเข้าร่างเล็กบางที่เพิ่งเข้ามา
วงหน้าขาวลออราวไข่มุก ปากแดงสดอิ่ม แก้มเนียนใสเป็นชมพูระเรื่อ ขนตายาวเป็นแผงหรุบลงบังดวงตาโต ผมสีทองเป็นประกายเลื่อมปลายสะบัดนิดๆด้วยเริ่มยาว ตาคมหรี่ลงนิดหนึ่งเมื่อร่างสูงโปร่งที่เดินเคียงข้างแตะไหล่บางให้เดินแยกออกไปจากกลุ่ม ถึงใบหน้าหมอนั่นนั้นจะดูขาวใสแต่ก็ดูออกว่าไม่ใช่เด็กหนุ่มแล้ว ริชก้าวตามออกมาที่ระเบียง ทันได้เห็นทั้งคู่นั่งเคียงกันออกไป
“ไหนว่าไม่สนไงล่ะ มองซะลับตาเลย” เสียงแซวติดแง่งอนนิดๆ
ริชยักไหล่แล้วหันกลับมาจุมพิตแก้มเนียนด้วยเครื่องสำอางเบาๆ
“เด็กน่ารักของคุณมีแฟนมาด้วยนี่นา”
“อ๋อ…คุณหมอซอเรน คิก…ไม่ใช่แฟนหรอกจ้ะ นั่นเป็นหมอประจำเขา นัยว่าเด็กคนนี้จะมีเชื้อสายขุนน้ำขุนนางเก่าอะไรนี่แหละ”
“ขุนนาง?”
“พวกผู้ดีเก่า มาจากอังกฤษตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดอะไรนี่แหละ”
“ทำไมรู้เยอะจัง”
คลาร่าค้อนขวับรู้ว่าโดนประชด
“ก็เขาน่ารัก ขี้อายแล้วก็ไม่ค่อยพูด แต่ที่สะดุดตานะ ตรงนี้”เล็บเคลือบสีสดชี้ที่ดวงตาคู่งามที่ตกแต่งไว้อย่างดี
“ตาแกใส๊ใส เห็นแล้วใจอ่อนยวบทุกที”
“โห…ชักเชื่อแล้วว่าคุณติดใจเด็กคนนี้จริงๆ ไม่เคยเห็นคุณชมผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนนะเนี่ย” ริชแชวขันๆ คลาร่าหยุดเดินเงยขึ้นมองเขาตาโต
“บ้าริช นั่นเด็กผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง”
“ล้อเล่นน่า” ริชทำหน้าไม่ถูก นึกภาพคนที่เพิ่งออกไปอย่างไม่เชื่อหู
“จริงๆ…คนนั้นเด็กผู้ชายจริงๆ”
“…..”
“ไงจ๊ะอึ้งไปเลย”ม่ายสาวยิ้มกว้างทำหน้าเยาะเย้ยและขบขัน นานครั้งหรอกน่าที่จะได้มีโอกาสอย่างนี้
“คุณว่านั่นผู้ชายเหรอ” ร่างสูงยังอึ้งต่อคำตอบ
“ย่ะ สวยจนไม่น่าเชื่อใช่ไหม?…มาใหม่ๆก็โดนรุมจีบทุกวันเลยนะ ขนาดรู้ว่าเป็นผู้ชายยังมีคนตามจีบไม่หยุด จนคุณหมอต้องมาคอยเป็นบอดี้การ์ดให้”
“รู้จักกับคุณหมอคนนี้ด้วยสิ” หางเสียงประชดทำให้คนฟังเนื้อเต้นด้วยความดีใจที่โดนหึง แสร้งทำตาลอยคว้างเหมือนกำลังฝันหวาน
“แหม…หล่อ โสด สุภาพ รวย ครบสูตรขนาดนี้ไม่รีบทำความรู้จักไว้ได้ไง”
“แล้วผมละ?”
“อย่าดีกว่าริช ขืนฉันปักใจกับเธอมีหวังอกหักตั่งแต่แรก”
“ผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อย่าให้ฉันบรรยายดีกว่า” สาวสังคมคนสวยตวัดตาค้อน ริชหัวเราะก้องโอบเอวคอดให้เดินไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาริษยาของหนุ่มสาวแถวนั้น
เพลงหวานกับแอร์เย็นฉ่ำดูเหมือนจะไม่ช่วยให้คนตรงหน้าเย็นลงได้ ริชลอบมองคิ้วเรียวโก่งที่ขมวดแล้วคลาย แล้วขมวดอยู่ตลอดเวลาอย่างสนใจ รอให้คลาล่าเป็นคนเอ่ยปากเอง
“ริช” คลาร่าเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว
“หืม”
“ฉันกำลังจะแต่งงาน”
“งั้นเหรอ?” คลาร่าขมวดคิ้วหนักขึ้นเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าคนตรงหน้าไม่แปรเปลี่ยน รอยยิ้มขันๆมุมปากทำให้เธอหนักใจมากขึ้น
“ริช…ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันกำลังจะแต่งงานจริงๆ” คลาร่าย้ำหนักแน่น รอยยิ้มขันจางหายไป ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมแต่ดวงตาเรียบไร้รอยอารมณ์
“เมื่อไหร่?”
“ปลายปีนี้…เอ่อ…ระหว่างเรา…คงต้องจบแล้ว…” เสียงหวานสั่นเบา ดวงตาคู่งามฉายแววเจ็บปวด ริชวางช้อนหันมองออกไปนอกหน้าต่าง…นิ่ง…นาน...
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย…คุณก็แต่งไปสิ ทำไมเราต้องเลิกกัน”
คลาร่าเอื้อมมือมายึดมือริชแน่น มือเย็น สั่น และชื้นเหงื่อทำให้ริชต้องก้มมองก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าเธอ
“ริช…ฉันรักเขา…แล้วฉันก็อยากจะซื่อสัตย์กับเขา” ใบหน้าขาวซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด แต่ดวงตาคู่งามแน่วแน่
ริชเม้มปาก ตาคมกล้าด้วยความโกรธ น้ำเสียงขุ่นปิดไม่มิด
“คบกันนานแล้ว?”
“ก็…เกือบปีแล้ว” คลาร่าหลุบตาด้วยความละอาย จึงไม่เห็นรอยยิ้มหยัน
“มิน่าล่ะ…ตั้งแต่คริสต์มาศ คุณเอาแต่เลี่ยงที่จะพบผม”
“ริช!อย่าโกรธเลยนะ…เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา”
ม่ายสาวระล่ำระลักด้วยความกังวล ให้อย่างไรเธอก็ตัดริชไม่ขาด แม้จะไม่อาจคงความสัมพันธ์ไว้ได้ แต่ก็ยังอยากให้มิตรภาพคงอยู่ต่อไป
“คงยาก…คุณจะบอกแฟนคุณว่าไง…เพื่อนอ่อนกว่ากันเป็นรอบงั้นเหรอ?” เสียงเย้ยหยันไม่ได้ทำให้คลาร่าโกรธ ดวงตาคู่งามค้อนขวับอย่างมีจริต หากแต่รอยยิ้มหวานปลาบปลื้มกระจ่างทั้งหน้า
“ไม่เอาน่า…คนดี…อย่าพาลนะ” เล็บเคลือบสีสวยกรีดไล้บนหลังมือคร้ามแผ่วเบา ริชปัดออกอย่างหงุดหงิด
“หยุดนะคลาร่า ผมเกลียดเวลาคุณทำเหมือนผมเป็นเด็ก”
“คิก…ก็เด็กจริงๆนี่นา…น่า แต่รับรองว่าใครสู้คุณไม่ได้สักคน”
“ผมกลับล่ะ” ร่างสูงผุดลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปดื้อๆ
คลาร่าอ้าปากค้างอย่างตกใจ พอขยับจะวิ่งตามก็เห็นรถสปอร์ตคันหรูพุ่งวาบออกไปแล้ว
“ริช…เดี๋ยวสิริช…เด็กบ้าเอาแต่ใจจริงๆ…ฉันสิบ้ากว่า...ที่ไปหลงรักเด็กอายุ 16“ หางเสียงเศร้าหยันลึกให้ตัวเอง คลาร่ายกไวน์สีสวยขึ้นจิบช้าๆ อย่างน้อยเส้นทางที่เลือกก็ยังมีคนที่รักเธอจริง หากเลือกริชก็คงไม่ต่างอะไรกับการคว้าเงา…ที่สุดท้ายเธอก็ต้องเจ็บอยู่คนเดียว
รถสปอร์ตคันหรูจอดลงหน้าคฤหาสน์หลังงาม กุญแจในมือถูกโยนให้บอร์ดี้การ์ดที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองเดินลงบันไดมายืนคอยที่หน้าประตู ริชเหลือบมองสีหน้าเครียดขึงคลายลงเล็กน้อย
“คุณท่านโทรหาเมื่อวานครับ ฝากบอกให้คุณไปหาที่แอลเอ”
“มีอะไร?” น้ำเสียงยังขุ่นห้วน
“งานเลี้ยงหุ้นส่วนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาครับ” น้ำเสียงเย็นเรียบเรื่อยด้วยชินกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของนายน้อยมาตั้งแต่เด็ก
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ริชหงุดหงิดกว่าเดิม
“แต่ท่านอยากให้คุณริชเรียนรู้งานไว้” ร่างสูงหนาเดินตามติด
ริชหันขวับมาเผชิญหน้า ดวงตาวาววับด้วยความโกรธ
“ไม่!…ฉันไม่มีเวลา นี่ก็ต้องย้ายโรงเรียนอีก” ริชตัดสินใจกะทันหัน
“คุณริชจะย้ายไปไหนครับ?” ไม่ได้ถามด้วยความแปลกใจแต่บอร์ดี้การ์ดหนุ่มใหญ่แค่ต้องการรายละเอียดเท่านั้น
“ไปเรียนกับกาย”
“ไหนคุณว่าโรงเรียนบ้านนอกระเบียบเยอะ”
“ก็กายยังอยู่ได้ ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้”
“แต่…”
“จัดการให้ด้วย”
“แล้วงานเลี้ยงละครับ?” ริชเดินลิ่วขึ้นชั้นบนแถมโบกมือไล่ เจฟฟรี่ได้แต่สายหน้าอย่างอ่อนใจ งานนี้ไม่รู้จะหาข้อแกตัวอะไรอ้างกับคุณท่านได้อีก
..................................
เสียงเก้าอี้ลั่นเอี๊ยดเพราะน้ำหนักของคนนั่ง ใบหน้าสวยขมวดขึงอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเงยขึ้นเห็นคนตรงข้ามก็ได้แต่เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ริช…มาได้ไง?”
“ตามนายมาสิ…คิดถึงจะแย่” เสียงหวานกับตาพราวระยับที่ทำให้ใครต่อใครแทบละลาย กลับใช้ไม่ได้ผลสำหรับคนตรงหน้า ตาโตเป็นประกายขบขัน
“อย่ามาใช้กับฉันดีกว่า”
“อะไร?”
“มุขหนุ่มปากหวานนี่ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก”
ริชเหลือบมองเพดาน พ่นลมจากปากพรูด้วยความอ่อนใจ
“กาย…เมื่อไหร่นายจะยอมคบกับฉัน”
ดวงตาโตทอดอ่อน หวานเชื่อม ริชใจฟูฟ่องด้วยความยินดี แต่ประโยคถัดมาทำให้ใจฟูฟุบแฟบทันควัน
“...ไม่มีวัน”
“โธ่กาย” ริชครางเสียงอ่อย ดวงตาของคนตรงหน้าจริงจังขึ้น
“นายก็รู้ว่าฉันรักเท็ด”
“หมอนั่นมีอะไรดี?” ริชทำหน้าขึงขัง
“ทุกอย่าง” คำตอบที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างทำให้คนฟังหน้างอ
“โอ๊ยเซ็ง…แล้วนั่นจะไปไหน?” ริชกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นคนตรงหน้าสาระวนเก็บหนังสือ พนักงานสาวที่เข้ามาเสริฟน้ำสะดุ้งเกือบทำน้ำหก กายรอจนพนักงานเสริฟคล้อยหลังจึงค่อยพูดต่อ
“เดี๋ยวเท็ดจะมารับ”
ไม่ทันขาดคำรถจิ๊ปกลางเก่ากลางใหม่ก็จอดลงตรงร้านหนังสือฝั่งตรงข้าม กายอมยิ้มยักคิ้วให้นิดหนึ่งก่อนจะรวบหนังสือบนโต๊ะแล้วรีบออกไป ร่างเล็กดูบอบบางมากขึ้นเมื่อยืนเคียงกับร่างสูงใหญ่ ท่าที่ก้มลงพูดคุยกับกายด้วยความอ่อนโยนนั้นจับตาจนน่าริษยา
ริชสลัดศีรษะอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าระหว่างคนที่คนเพียบพร้อมทุกอย่างแบบเขากับผู้ชาย ‘บ้านนอก’ ที่แสนธรรมดาทำไมกายถึงเลือกผู้ชายคนนั้น ริชมองตามแผ่นหลังบางๆไปจนลับตา…ก่อนจะถอนใจยาวด้วยความเสียดาย สายตากวาดไปรอบๆสะดุดกึกอย่างประหลาดใจ
ร่างโปร่งบางในเสื้อเชิ้ตขาวที่กำลังจะข้ามถนนคือเจ้าของใบหน้าหวานที่ติดอยู่ในใจมาหลายสัปดาห์ ถุงพิมพ์โลโก้ร้านหนังสือดังเต็มสองแขน
รอยยิ้มนิดๆที่มุมปากบางจางวาบเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งผ่าไฟแดงเฉียวร่างบางไปเพียงนิดเดียว ถึงจะไม่ล้มแต่ถุงหนังสือในมือก็หล่นกระจาย
ริชเปิดประตูพรวดออกไปจากร้าน แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมายแขนแข็งแรงคู่หนึ่งก็คว้าไหล่เขาไว้
“อะไรเจฟ?” ริชแทบตะคอกด้วยความโกรธ แต่แววตาเคร่งเครียดทำให้เด็กหนุ่มชะงัก เจฟฟรี่ยังตีหน้าเฉยเหนี่ยวไหล่เขาให้เดินไปด้วยกันเหมือนไม่มีอะไร แต่หางตากวาดมองรอบตัวอย่างรวดเร็วทำให้ริชจำต้องก้าวตาม
“พวกมันคนป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ ดูเหมือนจะเริ่มเยอะขึ้น”
“บ้าชิบ” ริชอดเหลียวไปมองไม่ได้ ผู้ชายสองสามคนแถวนั้นกำลังช่วยเก็บหนังสือให้ และดูเหมือนจะได้รับรอยยิ้มเก้อเขินตอบแทน ริชสบถด้วยความเสียดายที่คนได้รับรอยยิ้มนั้นไม่ใช่เขา
………………………..
รถโบราณสีดำเป็นมันจอลงช้าๆ คนขับอดไม่ได้ที่เหลียวมองรอบ
ตัวก่อนจะเปิดประตูให้’คุณหนู’ ลงจากรถ
“คุณหนูมาวาดรูปอะไรที่นี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรสวยเลย?”
“ช่างฉันเถอะน่า…รอที่รถแล้วกัน”
“แต่ว่าแถวนี้เปลี่ยวออกครับ”
“แหม!ก็ไร่มันร้าง มันก็ต้องเปลี่ยวเป็นธรรมดาใกล้บ้านแค่นี้กลัวอะไร?”
“ไม่ร้างแล้วนะครับคุณหนู ผมได้ข่าวมาว่ามีคนมาซื้อไร่แล้ว แถมยังซ่อมบ้านเสียหรูหราไปเลย”
“แต่เขาไม่ได้มาแถวนี้หรอกน่า เอาละฉันจะไปวาดรูปแล้ว”
“ผมช่วยขนของครับ”
“กระดานสเกตอันเดียวฉันถือได้น่าอย่าห่วงนักเลย…ไปละ”
คนขับรถยังชะเง้อตามอย่างเป็นห่วงแต่พอเห็นคุณหนูลงนั่งที่ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจนตะโกนไม่ได้ยินก็โล่งใจ จึงกลับไปแอบงีบในรถ
ราเชลวางกระดานสเกตลงแล้วชะเง้อมองคนขับรถ รอจนชายชรากลับไปที่รถจึงค่อยๆล้วงเอาบางอย่างออกจากกระเป๋า แฮมเบอร์เกอร์อันใหญ่สองอันที่เขาแอบจ้างเด็กไปซื้อถูกแกะอย่างบรรจง กลิ่นหอมของเนื้อและขนมปังทำให้ราเชลน้ำลายสอ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีแต่เขาที่ได้กลิ่นเมื่อจู่ๆหน้าดำที่มีขนยาวเป็นมันก็โผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้ ลิ้นยาวตวัดเลียปากจนน้ำลายกระเซ็น
โฮ่ง!...มันเห่าหนึ่งครั้งแล้วลงนั่งยกสองขาหน้าขึ้นไขว้ขอ ราเชลมองตาดำๆก่อนจะก้มมองขนมปังในมืออย่างเสียดาย
โฮ่ง!ๆๆๆ…งี๊ดๆๆ…ราเชลหน้าสลดเมื่อจำต้องยื่นขนมในมือให้ยังไม่ทันชักมือออกขนมปังก็ถูกกวาดหายวับเข้าไปในปากกว้างใหญ่ในพริบตา
ราเชลอ้าปากค้างมองท่าเคี้ยวตระกรูมตระกรามแล้วกลืนอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ ทันทีที่ปากว่างตาดำขลับก็เหลือบมองชิ้นใหม่แล้วเริ่มเห่าอีก แต่คราวนี้ราเชลคว้ามาถือไว้แน่น ไม่ว่าเจ้าตัวดีจะทำเสียงออดอ้อนอย่างไรหนุ่มน้อยก็เอาแต่สายหน้าแล้วเริ่มถอยหนีเมื่ออีกฝ่ายย่างสามขุมเข้าหา
ริชขมวดคิ้ว สงสัยตั้งแต่ได้ยินเจ้าพลูโตเห่าแล้ว เสียงย่ำช้าๆมาทางเขาทำให้เด็กหนุ่มเกร็งตัวระมัดระวัง ทันทีที่เงาวูบเข้ามาใกล้เท้าก็ยื่นออกไปเร็วอย่างที่คิด ร่างบางเซถลาหงายหลังเพราะถูกเตะรวบขา แม้จะไม่แรงแต่ก็ทำให้หงายลงไปทั้งตัว
ราเชลหลับตาปี๋แต่แทนที่จะกระแทกกับพื้น เขากลับล้มลงบนอะไรบางอย่าง ที่สำคัญมันตวัดรัดรอบตัวอย่างรวดเร็ว ราเชลลืมตาฉับพลัน สิ่งแรกที่เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่จ้องเขม็งเป็นประกายวาววับ จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบางเฉียบที่อยู่ใกล้แค่คืบ ราเชลรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆใกล้หน้าเข้ามาทุกทีแต่เด็กชายไม่ได้ขยับหนีด้วยยังงุนงงไม่หาย จนกระทั่งมีหน้าดำๆขนยาวโผล่พรวดเข้ามา
“ไม่นะ”ราเชลร้องเสียงหลงและพยายามถอยหนีเมื่อเจ้าหน้าดำพยายามยื่นเข้ามาแย่งแฮมเบอร์เกอร์ที่เขากอดไว้แน่น เสียงตวาดหนักทำให้มันชะงักแล้วถอยไปนั่งนิ่ง ราเชลมองสุนัขก่อนจะหันมาสบตาคนที่เขานอนทับอยู่ ตาวาวๆทำให้หน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย รีบตะกายลุกขึ้น เจ้าตัวตะกละขยับจะเข้ามาหา แต่คำสั่งหนักๆจากคนที่นั่งข้างๆทำให้มันชะงักแล้วนั่งอยู่ในท่าเดิม
“ขอโทษครับที่…ผมล้มทับคุณ…เอ่อ…หมานี่ของคุณเหรอ?”
“ใช่…มันทำร้ายเธอหรือเปล่า?”ริชเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอหลังจากตะลึงอยู่นาน เหมือนของขวัญจากพระเจ้าที่ประทานลงมาให้เขาถึงอก
“เปล่า…คือ…มันจะแย่งของผม” ราเชลตอบอึกอักด้วยความอาย หน้าแดงซ่านเมื่อเห็นสายตาตวัดมองสิ่งที่เขาถือ คิ้วเข้มเลิกเล็กน้อยเหมือนจะถามว่าใช่สิ่งที่ถืออยู่หรือเปล่า
“ก็…มันจะแย่งแฮมเบอร์เกอร์ผม”
“แฮมเบอร์เกอร์เนี่ยนะ” ชายคนนั้นทำหน้าพิลึกแล้วหัวเราะก๊าก
“ก็มันของผมแล้วหมาของคุณก็ไม่มีสิทธิ์แย่งด้วย” เสียงใสขุ่นห้วนขึ้น
สายตาเข้มเปลี่ยนจากขบขันเป็นมองอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ริชเลิกคิ้วอย่างขันๆ เรือนร่างบอบบางในเครื่องแต่งกายที่แม้จะดูเรียบๆ หากแต่เนื้อผ้าและการตัดเย็บอย่างประณีตบวกกับบุคลิกที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะอยู่อย่างอดๆอยากๆ ราเชลหน้าแดงนึกรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“อย่ามามองแบบนั้นนะ”
“ทำไมละ…ของแบบนี้มีขายออกเกลื่อน ไม่เห็นต้องหวงขนาดนั้นเลย?”
“ก็…ก็…ก็มันไม่…เคยกินนี่ อย่ามาหัวเราะนะ!” แก้มใสแดงจัดด้วยความอาย
ริชหัวเราะพรืดออกมาหลังจากพยายามกลั้นไว้เต็มที่แล้ว ยอมรับหรอก ว่าดูเรียบร้อยเหลือเกินแต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดไม่เคยกินแฮมเบอร์เกอร์ ริชเปิดตะกร้าที่เตรียมมาและโชว์ไก่ทอดหอมน่ากินให้ดู หน้าสวยสะบัดหนีแถมยังแอบย่นจมูกเสียอีก เจ้าตัวแสบเห่าดังลั่นเพื่อเรียกร้องความสนใจเมื่อได้กลิ่นอาหาร
ริชโยนไก่น่องหนึ่งลอยขึ้นไปบนอากาศ เจ้าตัวตะกละโดดขึ้นงับด้วยลีลาสวยงาม แถมยังมุดหายไปในพงหญ้ารกราวกับกลัวริชจะเอาคืน
ราเชลเหลียวมองสุนัขแล้วเหลือบมองเจ้าของมันอย่างขัดใจ อยากลุกกลับไปนั่งที่เดิมแต่ก็กลัวจะเจอเจ้าจอมตะกละกลางทาง เขาจะต้องถูกแย่งอีกแน่ๆ จู่ๆมือใหญ่ก็คว้าแฮมเบร์เกอร์ไปจากมือ เด็กชายมองตามตาค้าง
“ขะ…ของผม”ราเชลหน้าแดงพูดไม่ออกเมื่ออีกฝ่ายแกะกระดาษออกครึ่งหนึ่งแล้วยื่นให้ เด็กชายรับมาถือไว้แล้วจดๆจ้องๆอยู่ครู่หนึ่งจึงกิน เมื่อเห็นเขากินเจ้าของหมาตัวโตก็รื้อของในตะกร้าออกมากินบ้าง
ราเชลลิ้มรสชาติของแฮมเบอร์เกอร์อย่างเอร็ดอร่อย เป็นครั้งแรกที่ได้กินอาหารแบบนี้ ขนมปังอาจแข็งกว่าที่บ้านนิดหน่อย เนื้อก็ไม่นุ่มหวานเท่าแต่รสชาติแปลกใหม่ก็ทำให้เด็กชายลืมตัวไปว่าอยู่กับคนอื่น จนกระทั่งเงยขึ้นมาสบตาคมที่จับจ้องอยู่ก่อนแล้ว ราเชลลดแฮมเบอร์เกอร์ลงแล้วหลบตาด้วยความอาย
ริชจ้องมองซอสที่เลอะปากแดงอย่างสนใจ ท่าทางกินของคนตรงหน้าทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเบอร์เกอร์ที่นี่น่าจะอร่อยกว่าที่นิวยอร์ค นิ้วยาวเช็ดซอสจากปากแดงขึ้นเลียหน้าตาเฉย ราเชลตาค้างแล้วหน้าร้อนซู่ฉับพลัน เด็กชายผลุนผลันลุกจากที่นั่นจนเกือบลืมกระดานสเกตของตัวเอง กระดาษปลิวไปหลายใบ ราเชลเก็บเท่าที่เห็นแล้วรีบเดินหนี ยังได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา
“ฉันซื้อไร่นี้ไว้…ว่างๆมาเที่ยวอีกนะ” ริชหัวเราะหึๆเมื่อเห็นร่างเล็กวิ่งหนีลิ่วลงไปยังรถที่จอดรออยู่ข้างล่าง ชายชรารีบมาเปิดประตูให้ ริชมองตามรถโบราณไปจนลับตา เด็กหนุ่มผิวปากหวือใจยังเต้นตึกๆด้วยความตื่นเต้น ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้ เด็กหนุ่มหน้าสวยที่เขาเฝ้าตามหากลับเจอในที่ที่เขาคาดไม่ถึง
‘เพิ่งรู้แฮะว่าซอสเบอร์เกอร์ที่นี่หวานกว่าที่นิวยอร์ค’ ริชคิดอย่างครึ้มๆ
เสียงกรอบแกรบทำให้เขาผุดลุกขึ้นดู กระดาษใบหนึ่งปลิวตกอยู่ไม่ไกล ลายเส้นอ่อนพลิ้วกลับถ่ายทอดอารมณ์ของคนในภาพออกมาได้ดุดันเข้มงวดเสียจนเขาทึ่ง อดคิดไม่ได้ว่าคนในภาพมีอยู่จริงหรือไม่ เพราะคงเป็นยัยแก่ที่น่ากลัวพิลึก
……………………