.........
ราเชลอ้าปากค้างเมื่อเปิดประตูรถแล้วเจอริชนอนเอกเขนกอยู่ในรถของเขา
“คุณ! เข้ามาในรถผมได้ยังไง?”
“ก็เปิดเข้ามาสิ…ช้าจังฉันรอจนหิวแล้ว ไปกันเถอะ”
“นี่ลงไปนะ...ผมไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น บอกว่าให้ลงไป”
“ไม่ได้หรอกเด็กดี เพราะคุณพ่อเธอเชิญฉันไปทานมื้อค่ำที่บ้าน”
“ก็ไปรถคุณสิ ผมมีธุระต้องรีบไป”
“รีบขนาดไม่ไปรับคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลเชียวเหรอ?”
“คุณแฮมิลตัน ลงไปนะ”
“ไม่เอาน่า ให้ฉันไปด้วยคนนะ…น่า…เอถ้าคุณพ่อเธอรู้ว่าฉันโดนไล่ลงจากรถจะว่าไงน้า?”
“คุณนี่มัน…เจ้าเล่ห์แสนกลที่สุด!”
“ขอบคุณครับที่ชม…ออกรถได้แล้ว”
ราเชลทำอะไรไม่ได้นอกจากออกรถอย่างกระชากกระชั้น โดยมีคนตัวโตนั่งผิวปากอยู่ข้างๆอย่างสบายอารมณ์
ทั้งที่ควรจะสะใจที่ริชถูกคุณย่าเมินใส่ ความตึงเครียดทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับชาร์ลพังไม่เป็นท่า และเขาก็ประท้วงด้วยการไม่ยอมกินอาหาร ริช จึงขอตัวกลับไปก่อน ทุกคนแยกย้ายกลับห้องด้วยความรู้สึกต่างๆกันและราเชลก็นอนไม่หลับทั้งคืน
..................................
เลขาของชาร์ลหน้าตึงสนิทเมื่อพบว่าเอกสารยังไม่ได้รับการอนุมัติทั้งๆที่ต้องเร่งผลิตให้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นสินค้าก็จะจัดส่งไม่ครบตามโควต้า
“นี่เป็นเอกสารที่คุณต้องเซ็นครับ คุณราเชลกรุณาพิจารณาเร็วหน่อยนะครับ ทางฝ่ายผลิตเร่งเรามากเลย”
ราเชลกุมขมับ เขาแทบไม่เข้าใจสิ่งอ่านเลย เขาไม่มีความรู้ทางธุรกิจสักนิด จู่ๆจะมาให้ตัดสินใจกะทันหันเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เสียงเคาะประตูสองครั้งแล้วเปิดผัวะเข้ามาทันที ริชถือแฟ้มเล่มใหญ่เข้ามาด้วย
“อ่านซะแล้วเซ็นด้วย”
“ผมต้องรีบตัดสินใจเรื่องจัดซื้อของฝ่ายผลิตก่อน”
“น่า…อันนี้สำคัญกว่า อันนั้นเอามานี่”
“คุณ!”
ราเชลพูดไม่ออกเมื่องานถูกดึงไปดื้อๆแถมยังถูกยัดเยียดอีกแฟ้มให้แทน ราเชลอ่านเสร็จก็เซ็น แค่เอกสารการประชุมทำไมสำคัญจนริชต้องเอาเข้ามาให้เซ็นเอง ราเชลอ่านทวนอีกครั้งเผื่อมีอะไรที่เขามองข้ามแต่ก็ไม่เห็นจุดที่ว่า ทันทีที่เขาวางแฟ้มลง ริชก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ
“จะทำอะไร?” เด็กหนุ่มถามอย่างระแวง ใจเต้นระรัวเมื่อนึกถึงจูบเมื่อวันก่อน
“เอกสารพิมพ์ผิดละมั้ง ก็จะอธิบายงานฝ่ายผลิตให้ฟังนะสิ”
“แต่…”
“งานเร่งนะ เธอยังไม่ได้อ่านไม่ใช่เหรอ ฉันอ่านมาแล้วสรุปคร่าวๆเร็วกว่าอ่านเองน่า”
ปากว่าสรุปคร่าวๆแต่ริชกลับอธิบายเสียละเอียดตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานไปจนถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญในการตัดสินใจจะเพิ่มหรือลดส่วนใดที่จะจัดซื้อ
ราเชลแน่ใจว่าริชกำลังสอนงานเขา แม้จะเป็นความหวังดี แต่การที่ต้องทนนั่งชิดกับคนที่ทำให้หัวใจโลดแรงแทบไม่เป็นจังหวะอย่างนี้มันลำบาก ลมหาย- ใจร้อนๆรินรดแก้มบ่อยครั้งจนราเชลต้องเมินไปทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าร้อนผ่าว
“นี่ตั้งใจฟังหน่อยสิ”
“ก็พูดไปสิ”
“หันมาทางนี้สิ ไม่ดูแล้วจะเข้าใจไหมเนี่ย”
“ผมรู้เรื่องก็แล้วกันแหละ”
“จริงอะ…เขินฉันก็บอกเถอะน่า”
“ใครเขินคุณ”
ราเชลหันมาทำตาเขียว แต่ริชจ้องเขม็งจนต้องหลบ ริชฉวยโอกาสหอมแก้มนวลแรงๆ เด็กหนุ่มสะดุ้งพยายามถอยหนีแต่ติดพนักพิง ริชยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้แล้วจุมพิตที่หน้าผากแผ่วเบา ราเชลหน้าแดงซ่านด้วยความอายปนอุ่นๆในใจ แต่ต้องฝืนทำเป็นโมโหไม่อยากให้ริชได้ใจว่าเขายังมีใจให้อยู่
“อย่ามาทำรุ่มรามกับผมนะ…หลีกไป”
“ไม่…ยังอธิบายไม่จบจะไปได้ไง”
“ผมเรียกฝ่ายผลิตเข้ามาคุยก็ได้ คุณถอยไปได้แล้ว”
“คำก็ไล่สองคำก็ไล่…จะให้ไปมันต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ”
“อะไรอีกละ”
“จูบ 1ทีแล้วฉันจะถอย”
“ไม่”
“งั้น2ทีแล้วฉันจะออกไปเลย”
“ไม่!บอกว่าไม่ไง นี่ถอยไปนะ ริช…อย่านะ” ราเชลอุทานอย่างตกใจเมื่อใบหน้าคร้ามก้มมาใกล้อย่างรวดเร็ว ริชแกล้งปัดจมูกผ่านแก้มนวลเบาๆ เด็กหนุ่มสะดุ้งรีบดันอกกว้างไว้
“อย่านะ…ออกไปเดี๋ยวนี้ไม่งั้นผมเรียกยามมาลากคุณออกไปโยนข้างนอกแน่”
“โอ้ยน่ากลัวจัง…ก็ได้”ริชผละไปดื้อๆจนราเชลยังแปลกใจ เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อริชล็อคห้องแล้วหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
“อย่า…ริช…อือ…”ราเชลกระโดดหนีแต่ริชคว้าตัวไว้ได้ ชายหนุ่มประกบจูบอย่างรวดเร็ว ราเชลพยายามดิ้นแต่อ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ ริชหมุนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของราเชล มีร่างบางอยู่บนตัก ลิ้นร้อนกวาดไล้ไปทั่วโพลงปากนุ่มหอม ได้ยินเสียงประท้วงอู้อี้ แล้วกลายเป็นเสียงครางในที่สุด นิ้วยาวเกี่ยวชายเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นทีละนิดจนหลุดจากเข็มขัดโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว กระดุมถูกปลดอย่างว่องไว ราเชลสะดุ้งเมื่อฝ่ามือร้อนสอดเข้ามาลูบไล้ทั่วแผ่นหลัง และเลื่อนลงมาด้านหน้า เด็กหนุ่มผวาเมื่อยอดอกถูกสะกิดเบาๆก่อนจะบีบคลึงจนเสียวซ่าน
“อะ…อย่า…ริช…”ราเชลร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ
ริชไม่ยอมปล่อยโอกาส ชายหนุ่มละมือจากยอดอกตึงเลื่อนลงมาหาหน้าท้องเนียน ปลดเข็มขัดออกอย่างว่องไว
“ริช!” ราเชลอุทานเสียงหลง มือที่เตรียมผลักไสกำแขนเสื้อริชแน่นเมื่ออุ้งมือร้อนโอบประคองส่วนไวต่อความรู้สึกเอาไว้ ปากร้อนปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระแล้วเลื่อนลงมาครอบครองยอดสีสดไว้ในปาก ฟันคมดูดดึงนุ่มนวล พอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กหนุ่ม
ราเชลหูอื้อตาลายไปหมด สอดมือเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มหนากดให้แนบชิดยิ่งขึ้น สะโพกขยับยกตามจังหวะที่ริชนำพา ความเสียวซ่านแผ่ซ่านจากหน้าท้องลามไปยังทุกเส้นเลือด ยิ่งริชเร่งมากเท่าไหร่ ขดลวดในท้องก็ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
ริชดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเมื่อสะโพกกลมยกเกร็งขึ้น เสียงครางเรียกชื่อเขาหอบกระชั้น ชายหนุ่มรั้งใบหน้าเนียนลงมาหา ปากร้อนแนบประกบกับปากอิ่ม ทันทีที่ฉกลิ้นเข้าไปในปากนุ่มก็ได้รับการเสนอสนองตอบ ร่างบางกระตุกไปทั้งตัวได้ยินเสียงร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ ของเหลวอุ่นร้อนทะลักออกมาและถูกกอบเก็บไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าเพื่อไม่ให้ชุดทำงานของราเชลเปื้อน ลมหายใจหอบสะท้านค่อยๆผ่อนลง ริขประคองร่างบางไว้กับอก ได้ยินเสียงหัวใจของคนรักเต้นระรัว
ราเชลไม่กล้ามองหน้าริชอยู่หลายวัน เขาหลับจนไม่รู้ว่าริชออกไปเมื่อไหร่ มาตื่นเอาตอนที่เลขาเข้ามาเรียก ยังดีที่ริชแต่งตัวให้แล้วไม่อย่างนั้นเขาคงอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
..................................
ราเชลชะงักเมื่อลงจากรถแล้วพบว่ามีรถจิ๊ปคันหนึ่งจอดอยู่ในลานจอดของฝ่ายบริหาร สภาพที่โคลนเลอะถึงหลังคาไม่น่าจะผ่านด่านอันเข้มงวดของยามที่นี่เข้ามาได้ เด็กหนุ่มลงไปหยุดยืนมองอยู่นานจนยามคนหนึ่งผ่านมา
“มีอะไรครับท่าน?”
“รถใคร?”
“จากแฮมิลตันคอปฯครับผม”
ราเชลขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าจะมีผู้บริหารคนไหนของแฮมิลตันคอปฯที่จะขับรถแบบนี้มาทำงาน
ร่างที่ยืนเท้าเอวหันหลังให้ทำให้ห้องแคบไปถนัดใจด้วยความสูงและหนาของชายคนนั้น ทันที่ได้ยินเสียงเปิดประตูร่างนั้นก็หันขวับกลับมา ใบหน้ายาวกรามเหลียมค่อนข้างคล้ำแดด ดวงตาเรียวเป็นประกายแข็งดุและค่อนข้างกร้าว ปากบางเฉียบยิ้มหยันปนหมิ่นนิดๆทำราเชลรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความไม่พอใจ แต่เด็กหนุ่มก็กดความรู้สึกนั้นลงเป็นฝ่ายยิ้มและทักทายก่อน
“สวัสดีครับ ผมราเชล เวลบอร์น ฝ่ายบริหารครับ”
“…ผมเดนเซล แฮมิลตัน…ผมจะมาทำงานแทนริช 2-3 อาทิตย์”
ราเชลคิดว่าได้ฟังข่าวดี แต่บางส่วนในหัวใจกลับโหวงเหวงอย่างประหลาด
“ยินดีร่วมงานกับคุณครับ…เชิญคุณแฮมิลตันทางนี้เลยครับ…”
“เรียกเดนเซลดีกว่า ผมชอบเป็นตัวเองมากกว่าเป็นขี้ข้าแฮมิลตัน”
ราเชลกลั้นหัวเราะกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั้น เมื่อได้พูดคุยและทำงานร่วมกันราเชลจึงได้รู้ว่ายิ้มที่เหมือนหมิ่นแคลนนั้นเป็นท่าทางที่เคยชินของเจ้าตัวมากกว่าที่จะเยาะหยันเขา ดูเดนเซลจะยอมลงๆให้เขาเสียด้วยซ้ำเพราะเวลาทำงานชายหนุ่มค่อนข้างหัวแข็งจนแทบไม่ฟังใคร แต่เมื่อราเชลขอร้องให้ลองพิจารณาเรื่องใดใหม่ชายหนุ่มก็ยอมหยุดฟัง และยอมแก้ไขบางเรื่องหากมีเหตุผลที่ดีกว่าแต่แน่นอนว่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ผลประโยชน์ของแฮมิลตันคอปฯต้องไม่ขาดไปสักเซนเท่านั้น ขนาดฝ่ายบัญชีที่ว่าเคี่ยวๆยังร้องโอดโอยถึงความเค็มของตัวแทนคนใหม่
“โอย!ผมละคิดถึงคุณริช ยังไงก็เคี่ยวน้อยกว่าหมอนี่เยอะเลย…นี่ถ้าคุณริชปล่อยให้หมอนี่ทำงานแทนไปตลอดมีหวังบัญชีเราคงแทบปิดไม่ลงแน่เลย คนอะไรไม่ถอยสักก้าว แต่คุณราเชลเก่งนะครับที่พูดให้หมอนั่นยอมปล่อยเรื่องจัดซื้อมาให้ อย่างน้อยก็คงพอได้หายใจจากงานส่วนนี้บ้าง”
“คงเพราะเขาเห็นผมยังเด็กน่ะครับถึงยอมๆให้บ้าง”
“ไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ดีทั้งนั้นแหละครับ…เฮ้อ!นี่ถ้าเป็นคุณริชเราคงสบายกว่านี้หน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องระวังตัวแจอย่างนี้”
ราเชลได้แต่หัวเราะ แต่ในใจกลับคิดว่าการที่อีกฝ่ายตรงไปตรงมาแบบนี้เขากลับสบายใจมากกว่า หากคนที่มาแทนริชดูเหมือนยอมทุกอย่างแต่เล่นงานเอาภายหลังสินั่นแหละถึงจะเรียกว่าน่ากลัว ที่สำคัญการทำงานกับเดนเซลทำให้เขาได้เรียนรู้งานเต็มที่กว่าไม่ต้องคอยระแวงเหมือนเวลาทำงานกับริช บางครั้ง
ราเชลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเดนเซลเหมือนถูกส่งมาสอนงานมากกว่าจะมาคุมงานให้
แฮมิลตันคอปเปอร์เรชั่น
..................................
ราเชลรีรออยู่ครู่หนึ่งจึงตัดใจเดินเข้าไปในสวน สังหรณ์ใจบาง –
อย่างทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากเผชิญหน้ากับซอเรนเลย
ร่างสูงเพรียวเดินเรื่อยๆอยู่ที่ซุ้มกล้วยไม้ ใบหน้าขาวสะอาดค่อนข้างเผือดแต่ดวงตาที่มองตรงมากลับแน่วแน่จนราเชลเย็นวาบในใจ
“ขอโทษนะครับที่ให้รอ ผมอยู่ในห้องสมุด เด็กก็เลยไปบอกช้า”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้วนี่คุณหมอทานอาหารเช้ามาหรือยังครับ?”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่หิว”
“ไม่ได้ครับเดี๋ยวผมให้เด็กจัดมาให้ รอเดี๋ยวนะครับ”
“คุณราเชล…ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า”
“ครับก็คุยกันไงครับ แต่ควรทานอะไรสักนิด”
“อย่าบ่ายเบี่ยงผมนักได้ไหมครับ”
“คุณหมอ…”
“ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่าผมจะพูดอะไร…ผมแน่ใจว่าคุณจะตอบว่าอะไร…แต่ถึงยังไงผมก็ต้องพูด ผมปล่อยให้ทุกอย่างมันค้างคาอยู่อย่างนี้ไม่ไหวแล้ว…”
“เอ่อ…เราไปนั่งกันก่อนดีกว่า…”ราเชลเดินนำลิ่วไปทางสวน ร่างสูงกว่าเดินตามมาติดๆ
“ผมรักคุณนะครับราเชล…ให้โอกาสผมบ้างได้ไหม…ให้ผมได้ดูแลคุณ ได้อยู่ข้างๆคุณ” ซอเรนยึดแขนเรียวไว้แน่น ราเชลจำต้องหยุดเดินหันกลับมา
“ผม….เอ่อ…ผม…”
“ผมขอมากไปเหรอครับ?”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…คุณหมอก็รู้ว่าผม…เอ่อ…ผมไม่ดีพอที่หมอจะรักผมหรอกครับ ผมดีใจที่หมอให้ความรู้สึกที่ดีที่สุดกับผม แต่…ผม…”
“แต่คุณก็ยังลืมเขาไม่ได้…ผมรู้ว่าคุณยังรักเขาอยู่แต่จะไม่ให้โอกาสผมบ้างเลยเหรอครับราเชล?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…คือ…ตอนนี้คุณพ่อก็ป่วย คุณย่าก็ไม่มีใครนอก- จากผม ผมคิดว่าคุณย่าคงยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ”
“คนที่ยอมรับไม่ได้ไม่ใช่คุณท่าน แต่เป็นคุณเองต่างหากราเชล”
“คุณหมอไม่เข้าใจ…”
ราเชลเดินหนีไปในเรือนกล้วยไม้ ความอับอายที่ถูกจับความรู้สึกได้ปะปนกับความสงสารและอึดอัดทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากเผชิญหน้ากับดวงตาที่เหมือนจะอ่านทะลุเขาไปหมดทั้งใจ
ซอเรนเจ็บจี๊ดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่อัดแน่นมาตลอดหลายปีบวกกับความผิดหวังทำให้เขาขาดความควบคุม หมอหนุ่มตามไปคว้าไหล่บางไว้และเหนี่ยวกลับมาปะทะกับอก ดวงตาโตเป็นเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อถูกเขากอดรัดไว้แน่น
“คุณ…คุณหมอ!ปล่อยผมนะ…อย่า!” ราเชลร้องเสียงหลงพยายามหลบปากร้อนๆที่ระดมจูบไปทุกที่ที่จูบถึง เด็กหนุ่มขนลุกซู่ ช่องท้องบิดเกร็งด้วยความกลัว
“ทำไมล่ะราเชล…ทำไมเป็นผมไม่ได้…ทำไม…ผมรักคุณนะ ผมรักคุณมากขนาดนี้แต่คุณกลับเลือกหมอนั้น มันทำให้คุณเจ็บมากี่ครั้งแล้วทำไมคุณไม่รู้จักเข็ดไม่รู้จักจำ” ซอเรนตวาดก้อง มือขาวเรียวที่ไม่น่าจะแข็งแรงขนาดนั้นเขย่าบ่าบางๆจนหัวสั่นหัวคลอน
“ปล่อยนะครับ…หมออย่านะ หมอ!” ร่างบางถูกดันจนไปปะทะกับเสาไม้ที่ทำเป็นโครงไว้แขวนกล้วยไม้ โดยมีร่างสูงกว่าของชายหนุ่มตามมาทาบทับไว้แน่น ปากร้อนระดมจูบทั่วใบหน้าเนียน
“อย่านะหมอ…ไม่!”ราเชลสะบัดหน้าหนีแต่ซอเรนยึดปลายคางมนไว้แน่น ปากร้อนผ่าวแนบประกบลงมาอย่างรวดเร็ว ราเชลพยายามกัดฟันไว้แต่มือแข็งก็บีบที่กรามจนต้องเผยอปากออก ลิ้นเปียกร้อนสอดเขามาแต่เด็กหนุ่มพยายามดันออกไป เมื่อไม่สำเร็จราเชลก็ตัดสินใจกัด แม้ซอเรนจะรู้ตัวและถอนปากออกแต่ฟันคมๆของเด็กหนุ่มก็ยังกัดโดนปลายลิ้นจนเจ็บแปลบ
“โอ้ย!” แคว่ก!! เสียงเสื้อขาดพร้อมกับอาการแสบจี๊ดที่ไหล่ แต่ราเชลก็สะบัดหลุดออกจากอ้อมแขนแน่นหนานั้นได้สำเร็จ เลือดอุ่นๆเค็มคาวอยู่ในปากของหมอหนุ่มกระตุ้นให้ไฟโกรธโหมแรงมากขึ้น
“ผ..ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หมอเจ็บ…ปล่อยผมเถอะนะ”
“ผมเป็นคนนะราเชล…เป็นปุถุชนธรรมดา ผมไม่ใช่พ่อพระ เมื่อรักผมก็อยากได้คุณเป็นของผมคนเดียว ผมทนเห็นคุณกลับไปหาเขาอีกไม่ได้”
“แต่ผมไม่ได้รักหมอแบบคนรัก” เด็กหนุ่มถอยกรูด ใจหายเมื่อเห็นดวงตาที่เคยอ่อนโยนเป็นประกายกล้าและขุ่นมัว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแดงกล่ำ ปากบางเม้มแน่นเหมือนพยายามระงับอารมณ์ ในมือของซอเรนยังกำแขนเสื้อที่ถูกกระชากจนขาดติดมือไว้แน่น
“คุณไม่เคยลืมเขาทั้งที่เขาทำคุณเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่คนที่รักคุณคุณกลับไม่แยแส”
“ขอโทษครับหมอ…ผมขอโทษที่รักหมอไม่ได้สักที…เลือดออกมากนะครับ ไปทำแผลเถอะครับ”
“อย่า…ขอร้องล่ะราเชล ถ้าคุณรักผมไม่ได้ ก็อย่าทำดีกับผมนักเลย มันทำให้ผมเจ็บกว่าการทำเฉยๆไปเลย”
“หมอ…ผม…”
ซอเรนหันหลังให้และยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ ราเชลมองไหล่กว้างที่เกร็งขึงอยู่นาน ทุกสรรพเสียงในเรือนกล้วยไม้เงียบกริบ ความร่มครึ้มในสวนเหมือนความหม่นมัวในหัวใจของซอเรนเวลานี้
ราเชลขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจยาวลึก ร่างสูงเพรียวหมุนกลับมาหา ใบหน้าค่อนข้างซีดมีรอยเสียใจเมื่อสังเกตเห็นรอยถลอกช้ำเป็นแนวบริเวณหัวไหล่ขาว
“เจ็บไหม?…ผมขอโทษนะ” นิ้วยาวแตะไล้บนรอยแผลแผ่วเบา ก่อนที่จะก้มลงจุมพิตรอยถลอกนุ่มนวล ราเชลนิ่งงัน ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอจนพูดไม่ออก น้ำตาร้อนๆไหลเป็นทางโดยที่ไม่อาจบังคับไว้ได้
“อย่าร้องไห้…ผมขอโทษ…ผมเคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเสียใจแต่วันนี้ผมทำให้คุณทั้งเสียใจและเจ็บตัวด้วยซ้ำ”
“หมอ…ครับ…ผม…”
“ผมขอตัวกลับก่อนนะราเชล…ขอโทษด้วยที่ผมหยาบคายกับคุณ…เรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่หรือเปล่า?”
“ครับ…ได้ครับ”
“ขอบคุณที่ให้โอกาสผม…ขอผมตั้งหลักสักพัก ไม่นานหรอกราเชลแล้วผมจะกลับมาเป็นเพื่อน เป็นพี่คุณเหมือนเดิม” ซอเรนพยายามฝืนยิ้มแม้จะรู้ว่าดูบิดเบี้ยวเหยเกแค่ไหนก็ตาม วงหน้างามซีดเผือดและอาบด้วยน้ำตา สีหน้าสับสน ผิดหวังและละอายใจของราเชลทำให้ซอเรนรู้สึกแย่กว่าเดิม เขาเดินจากมาด้วยความรู้สึกโหวงเหวง ภายในกายของเขาว่างเปล่า ว่างจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลย
ราเชลมองตามไปจนร่างสูงโปร่งลับตา แข้งขาดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงเอาดื้อๆ ร่างโปร่งบางเซไปปะทะเสาข้างหลังแล้วทรุดลงนั่ง ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป
…คนที่แสนดี...คนที่เป็นหลักให้พักพิงยามเขาอ่อนล้า...คอยช่วยขจัดปัดเป่ายามทุกข์ใจ ไม่มีอีกต่อไป… ราเชลรู้สึกหนาววาบตลอดสันหลัง
..................................