พิมพ์หน้านี้ - ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: tianqin ที่ 15-08-2009 16:30:49

หัวข้อ: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 15-08-2009 16:30:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

…………………………………………………………………………….



เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ของ “ใบปอ” ซึ่งได้ทำการแต่งจนจบไว้นานแล้วนะคะ อาจจะมีผู้เคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้ว  แต่ก็อาจจะมีนักอ่านที่ยังไม่ได้อ่านอีก ข้าพเจ้าจึงได้ทำการขออนุญาต ใบปอ  นำมาโพสให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกครั้ง  และได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้วคะ


ข้าพเจ้า เทียนฉิน เป็นแต่เพียงผู้นำมารีโพสใหม่เท่านั้นนะคะ

ติดตามความสนุกกันได้เลยคะ

ปล. ขอเตือนไว้ก่อนนะ นวนิยายเรื่องนี้ ฉาก NC ค่อนข้างแรง (คามความเห็นของคนโพสคนเดียว นะคะ ท่านอื่นอาจจะว่าไม่แรงก็ได้เนอะ 555+)  

ปล.2 อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร เขียนติชมกันได้นะคะ จะได้นำความไปบอกเล่าเก้าสิบกับคุณ ใบปอ ให้ทราบ คะ


 :z2:


ปฐมบท

แดดยามบ่ายยังคงเริงแรง  แต่ร่างเล็กๆที่ซุกปิดตาใต้ต้นไม้ใหญ่ยังคงเล่นเพลิน
“.…แปด…เก้า…สิบ!”  หนูน้อยหันขวับเหลียวหาเพื่อนเล่น  แต่ไม่เห็นแม้เงา สวนกว้างใหญ่ร่มครึ้มกับไม้พุ่มค่อนข้างรกทำให้ยากแก่การค้นหา แม้จะได้รับการดูแลอยู่เสมอ แต่คนสวนเพียงคนเดียวกับพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ย่อมไม่อาจตัดแต่งได้ทัน หนูน้อยแหวกพุ่มไม้รกไปเรื่อยๆ  แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเพื่อนเล่น
“เอลล่า…เอลล่าอยู่ไหน?เอล…”เด็กน้อยสะดุ้งสุดตัวเมื่อหน้ามอมแมมชะโงกพรวดมาจากพุ่มไม้ข้างทาง  เด็กสาวร่างอวบตะครุบตัวหนูน้อยให้นั่งลง
“ชี่ชชชชช…..อย่าเสียงดังไปคุณหนู  คุณหนูได้ยินเสียงอะไรไหม?” เด็กสาวตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น  
 “เสียงอะไร?เอลล่าอย่ามาหลอกให้ผมกลัวเลย คราวนี้ผมจะฟ้องคุณย่าแน่ๆ”
 “ไม่ได้หลอก…นั่นไงคะได้ยินไหม?”เสียงร้องโหยหวนดังมาแว่วๆ ตาโตเบิกกว้างด้วยความกลัว        
“เสียงอะไรเอลล่าน่ากลัวจัง…เสียงผีเหรอ?”        
“ผีอะไรกันคะคุณหนูนี่มันกลางวันแสกๆ…ไปดูกันดีกว่า”        
“ไม่เอาน่ากลัวออก…เอลล่าจะไปไหน?” เด็กชายขืนตัวหนีไม่ยอมเดินตาม    เอลล่าเท้าสะเอวอย่างระอาปนรำคาญในความขี้กลัวของนายตัวน้อย          
“มาน่าคุณราเชล…กล้าๆหน่อยไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะ”        
“แต่คุณย่าไม่ให้ไปเล่นทางนั้นนะ”
เอลล่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ล้อเลียนราเชล        
“คุณย่าๆๆๆ…ไม่เห็นมีอะไรเลย…มาค่ะ” เอลล่าคว้าข้อมือเด็กชายไปด้วยจนได้  พอราเชลดิ้นหนีสาวน้อยจึงอุ้มเด็กชาววัย5ขวบขึ้นขี่หลัง  เอลล่าพาหนูน้อยลัดเลาะตามเสียงร้องโหยหวนที่ฟังไม่ออกว่าเสียงสัตว์หรือเสียงคน  ราเชลกอดคอพี่เลี้ยงแน่นด้วยความกลัว        
“เห็นไหมคะเสียงมาจากทางนั้น…ว้าว!บ้านใครสวยจัง” เอลล่าวางราเชล ลงหลังพุ่มไม้และแอบดูบ้านที่ซ่อนอยู่ในดงไม้รกครึ้มด้วยความตื่นเต้น        
“ไม่เห็นสวยเลย..เอลล่า!เสียงนั่น…มันมาจากบ้านนั้น” ราเชลตัวสั่นด้วยความกลัวแต่เอลล่านั้นตรงกันข้ามเพราะนิสัยกล้าไม่กลัวใครทำให้เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังเป็นนักสืบสาวที่ตามสืบคดีดังแบบในโทรทัศน์        
“ไปดูกันดีกว่าว่าเป็นเสียงอะไร”          
“อย่าเอลล่า…เอลล่า”
พี่เลี้ยงสาวไม่ฟังเสียงลัดเลาะไปที่บ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว   ราเชลไม่กล้าตามเข้าไปได้แต่ชะเง้อคอยอยู่ห่างๆ  เอลล่าไปถึงหน้าประตูก็หันมากวักมือเรียกแต่ราเชลส่ายหน้าและถอยไปยืนแอบหลังพุ่มไม้  เอลล่ายักไหล่แล้วผลักประตูเข้าไป
แอ๊ด….กึ้ง…กึ้ง…กึ้ง…เสียงฝีเท้าของตัวเองดังลั่นในความมืด  เด็กสาวเลียปากด้วยท่าทางตื่นเต้นดวงตาเป็นประกายสนุกกับเกมนักสืบที่เธอกำลังเล่น ภายในบ้านเงียบกริบและค่อนข้างมืดแต่สภาพที่เห็นไม่น่าจะมีคนอยู่          
“ขณะนั้นเองนักสืบสาวก็ค่อยๆเข้าไปโดยระวังไม่ทำลายร่องรอยที่คนร้ายอาจทิ้งไว้อุ๊บ!…อื้อๆ…”          
ราเชลเกาใบหูและตามตัวด้วยความคัน ใบหน้ากลมขาวแดงเป็นจ้ำๆเพราะถูกแมลงกัด ขนตายาวงอนเปียกชุ่มด้วยน้ำตา  หนูน้อยร้องไห้กระซิกด้วยความกลัว กลัวทั้งผีที่อยู่ในบ้านหลังนั้นและกลัวถูกคุณย่าดุ ราเชลรออยู่นานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่เลี้ยงสาวจะออกมา  ท้องร้องจ้อกๆด้วยความหิวเพราะบ่ายมากแล้ว
         “เอลล่า…เอลล่า…” เด็กชายกระซิบเรียกเบาๆแต่ไม่มีเสียงตอบ  หนูน้อยค่อยๆย่องไปชะโงกมองที่ประตู   ภายในบ้านค่อนข้างสลัวทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น  เด็กชายเหลียวหน้าเหลียวหลังพร้อมกับป้ายน้ำตาป้อยทั้งกลัวทั้งหิว แต่จะกลับไปคนเดียวก็กลัวเจ้าตัวที่ร้องโหยหวนอาจจะดักอยู่กลางทาง  เด็กชายแอบดูอยู่นานแต่ไม่เห็นใครจึงค่อยๆย่องเข้าไป  ราเชลกระพริบตาถี่ๆอยู่นานกว่าจะปรับสายตาให้มองเห็นในห้องสลัวได้  แสงไฟจากประตูที่แง้มอยู่กับเสียงสะอื้นแผ่วๆทำให้เด็กชายเกือบหันหลังวิ่งหากแต่ความคุ้นหูทำให้ต้องหยุดชะงัก          
‘เสียงเอลล่านี่…เอลล่าเป็นอะไรไป’ ราเชลค่อยๆย่องไปแอบดูที่ประตู  แสงไฟจากข้างล่างส่องให้เห็นบันไดที่เวียนเป็นวงกลมลงไป เสียงร้องไห้ของเอลล่า ดังกว่าเดิมเล็กน้อย        
‘หรือว่าเอลล่าจะตกบันได’เด็กชายใจหายวาบเมื่อคิดได้อย่างนั้นขาเล็กๆสั่นเทาค่อยๆย่องลงบันไดไปช้าๆ  แสงไฟแม้จะไม่สว่างนักแต่ก็ยังทำให้เห็นภาพในห้องได้ชัดเจน  ในห้องทึบทึมระเกะระกะไปด้วยกรอบรูปกระจัดกระจายไปทั่วยกเว้นตรงกลางห้องที่ตั้งเตียงสีขาวขนาดใหญ่  ราเชลเหลียวมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นใคร  แต่เสียงสะอื้นยังดังแผ่วอยู่ตลอดเวลา        
“เอลล่า…เอลล่าอยู่ไหน?”        
“ฮือ…คุ…หนู..”
เสียงแผ่วๆของเอลล่าทำให้เด็กชายดีใจสุดขีด  ราเชลถลาลงจากบันไดวิ่งไปหาต้นเสียง  ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปหนูน้อยก็ยืนตะลึงตัวแข็ง  ร่างเปลือยถูกมัดมือแขวนกับโซ่ที่ห้อยลงมาจากเพดาน  ผมยาวสีทองปกคลุมใบหน้า  ทั่วร่างของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยเลือดและน้ำเหลืองเหม็นตลบ          
“ผี!”ราเชลหันหลังจะวิ่งหนีแต่กลับชนกับอะไรบางอย่างและตัวเขาถูกยกลอยขึ้นจากพื้น  ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยรอยแผลเป็นรกเรื้อไปด้วยหนวดเคราชะโงกเข้ามาใกล้  หนูน้อยหวีดร้องด้วยความตกใจ        
“อย่า…ปล่อยผม…ผมกลัวแล้ว…ฮือ…เอลล่าช่วยด้วย!” ราเชลดิ้นรนด้วยความกลัว มือเล็กๆพยายามทุบและแกะมือที่หิ้วตัวเขาออก แต่ดวงตาขุ่นขวางกลับเป็นประกายตื่นเต้นยินดี        
“รีน่า…ที่รัก…”        
“อย่า!…”  เด็กชายร้องเสียงหลงก่อนจะหมดสติไปด้วยความกลัว
สิ่งแรกที่ราเชลเห็นคือผมสกปรกยาวสยายกับกลิ่นสาบสางเหม็นจนแทบอาเจียน  เด็กชายค่อยๆมองไล่ขึ้นไปหยุดที่ดวงตาสีฟ้าขุ่นขวางกำลังจ้องมองเขาเขม็ง ราเชลสั่นไปหมดทั้งตัวแต่ไม่กล้าส่งเสียงร้อง          
“กลัวพ่อเหรอลูก?…ไม่ต้องกลัวที่รักพ่อรักลูกนะ…พ่อจะปกป้องลูกไม่ให้ใครมาพรากเราได้อีกแล้ว เดี๋ยวนะเดี๋ยวพ่อจะพาแม่มาอยู่ด้วย  เราจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อ…แม่…ลูก”ปากเบี้ยวด้วยรอยแผลเป็นยาวใหญ่แสยะยิ้มจนน้ำลายไหลย้อยจากมุมปาก เด็กชายผงะหนี  แต่โดนยึดไว้แน่นจนแทบขยับไม่ได้        
“ผมอยากกลับบ้าน…ผมจะกลับบ้าน”        
“นี่ไงบ้านของเรา…ที่นี่คือบ้านของเราไงลูก”        
“ไม่ใช่…ฮือ…ที่นี่ไม่ใช่…ผมอยากกลับบ้าน…ฮือ…”        
“บอกว่าที่นี่ไง…ที่เป็นบ้านของเราไง…หยุด!อย่าร้องไห้…ฉันเกลียดเสียงร้องไห้  บอกว่าให้หยุด!”        
“โฮ!…คุณย่า!…ช่วยด้วย!…ฮือ…”        
“หุบปาก!…บอกว่าให้เงียบๆ   ไม่ฟังใช่ไหมเด็กดื้อ?…เด็กเลวแกต้องฟังคำสั่งฉัน…ฟังฉัน!”        
“โอ๊ย!…” มือหยาบฟาดไปบนใบหน้าและศีรษะเต็มแรงจนร่างเล็กๆล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ราเชลหวีดร้องด้วยความเจ็บและกลัว เข็มขัดหนังของเด็กชายถูกกระชากออกมาและฟาดเต็มแรง  หนูน้อยดิ้นพราดด้วยความเจ็บปวด  ยิ่งราเชลร้องไห้มากเท่าไหร่เข็มขัดก็ยิ่งฟาดลงมาแรงมากขึ้นจนร่างน้อยแน่นิ่งไป  ร่างผอมสูงหอบแฮ่กยกมือขึ้นปาดเหงื่อออก  ใบหน้าบิดเบี้ยวแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจที่ทำให้เด็กชายเงียบลงได้  มือมิดงอโยนเข็มขัดทิ้งและค่อยๆช้อนร่างน้อยไปวางบนเตียงอย่างทะนุถนอม  เสื้อสีขาวของเด็กชายบัดนี้ฉีกขาดและเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ซึมออกมาจากบาดแผล  ใบหน้าขาวซีดบิดเบี้ยวด้วยความรังเกียจ  มือที่ปูดโปนด้วยรอยแผลกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างน้อยจนหมดก่อนจะเดินเขยกไปเปิดตู้ขนาดใหญ่มุมห้อง  เสื้อผ้าชุดใหม่ถูกนำมาเปลี่ยนให้เด็กชายอย่างรวดเร็ว ปากเบี้ยวด้วยรอยแผลยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อร่างน้อยอยู่ในชุดกระโปรงขาวฟูฟ่อง  ที่ถูกถอดออกมาจากตุ๊กตาตัวใหญ่ขนาดเด็กโตๆ        
“สวยเหลือเกินลูกของเราช่างน่ารักเหลือเกินจ้ะรีน่า”
ราเชลลืมตาขึ้นช้าๆ น้ำเย็นเฉียบปลุกให้สติสัมปชัญญะกลับคืนมา  เด็กชายรู้สึกมึนงง  ร่างกายหนักอึ้งและขยับไม่ได้ด้วยพิษไข้  ลำคอแห้งผากจนไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา  แม้ใบหน้าซีดที่ชะโชกเข้ามาจะทำให้ตกใจเพียงใดแต่ร่างกายก็ไม่อาจขยับหนีได้  ปากบิดเบี้ยวยิ้มให้แต่กลับดูน่ากลัวมากขึ้น          
“ดูนี่สิ…พ่อมีอะไรจะให้ดู  ลูกรัก…อีนังหมอที่มันเอาแม่ของลูกไปซ่อนไง”
เอลล่าในสภาพเปลือยเปล่าถูกกระชากมายืนตรงหน้า เด็กสาวตัวสั่นตาเหลือกลานพยายามจะดิ้นรนแต่มือเท้าถูกมัดไว้แน่น  ปากที่ถูกเย็บติดกันหยาบๆนั้นมีเลือดไหลโชก  ราเชลน้ำตาไหลพรากแต่ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมา ผมสีน้ำตาลแห้งถูกกระชากจนหงายไปข้างหลัง  ชายอัปลักษณ์ผลุสวาทด้วยถ้อยคำด่าทอหยาบคายต่างๆนาๆ  ขณะที่ใช้มีดโกนผมออก  ราเชลหลับตาปี๋เมื่อเห็นเลือดทะลักออกมาจากศีรษะเพราะแรงกระชากทำให้ใบมีดบาดลึกเข้าไปในศีรษะ เด็กสาวกระตุกทั้งตัวแต่ไม่มีทางดิ้นพ้น          
“…อ….”  ราเชลพยายามห้ามแต่กลับไม่มีเสียงลอดออกมา          
“หันมานี่….แกต้องดู…แกจะได้รู้ ว่าพวกมันชั่วร้ายแค่ไหน มันแกล้งทำเป็นตายพอพ่อเผลอมันก็กลับมาจะขโมยลูกไป…พ่อจะลงโทษมันให้สาสม”
ราเชลไม่รู้ว่ามันคืออะไร  สิ่งที่เห็นคือเอลล่าที่นอนคว่ำอยู่ตรงหน้าโดยมีชายน่ากลัวคนนั้นกระแทกกระทั้นอยู่ข้างหลัง  ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองราเชลทั้งวิงวอน หวาดกลัวและเจ็บปวด  ราเชลพยายามจะช่วยแต่ไม่สามารถทำได้แม้แต่เปล่งเสียง  จู่ๆชายบ้าก็ร้องครางโหยหวนแล้วเปลี่ยนเป็นหอบฮัก  แล้วมันก็ลาก
เอลล่าออกไปโยนที่พื้นก่อนจะยกขาของเอลล่าขึ้นแล้วก็กระแทกกระทั้นเข้าหา  มีดโกนในมือตวัดไปมาบนร่างขาวจนอาบด้วยเลือด          
“อีแพศยา แกหลอกฉันเหรอ? แกเอาเมียฉันไปไว้ไหน? อีกนังหมอเลวแกเอารีน่าของฉันไปซ่อน แกเป็นพวกไอ้ชาร์ลใช่ไหม?บอกมารีน่าอยู่ไหนไม่งั้นฉันจะฆ่าแก”  ชายบ้าเขย่าร่างขาวไปมาแรงๆก่อนที่เอลล่าจะกระตุกขึ้นมาทั้งตัว  ชายบ้าหัวเราะก้องก่อนจะโยนบางอย่างมาทางราเชล  เด็กชายมองตามแล้วอาเจียนพรวดออกมาเมื่อรู้ว่าสิ่งที่กลิ้งอยู่ที่พื้นคือหน้าอกข้างหนึ่งที่อาบชุ่มด้วยเลือดสดๆ  หนูน้อยอาเจียนจนหน้ามืดไปด้วยความตกใจและอ่อนเพลียท่ามกลางเสียงหัวเราะแผดสนั่นของชายบ้าคนนั้น  
         ราเชลรู้สึกตัวอีกครั้งว่าอยู่บนเตียง ร่างกายยังเจ็บปวดเกินกว่าจะขยับได้ผ้าที่คลุมรอบเตียงพลิ้วไสว  เด็กชายเหลือบมองไปรอบๆแต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย  รอบตัวเขามีแต่ความเงียบ  ราเชลกัดฟันขยับมือช้าๆ  ค่อยๆเหยียดแขนออกไปคว้าผ้าคลุมรอบเตียงไว้เพื่อพยุงตัวลุกขึ้น  บริเวณที่เขาคว้าไว้ได้เป็นรอยแหวกของผ้าพอดีเมื่อมีน้ำหนักมาถ่วงมันจึงแหวกออกราเชลก็ได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเขาเหลือกลาน มีเลือดสีแดงปนดำไหลจากปากและจมูก ที่สำคัญคอของเอลล่าตั้งอยู่บนโต๊ะ!  ราเชลกรีดร้องสุดเสียงแล้วโลกก็มืดลง


.....................................


แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ :bye2:

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-08-2009 21:45:51
สยองจังเลย  :sad4: :sad4:  น่ากัววววว   :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 15-08-2009 21:48:14
มาจิ้มเรื่องใหม่จ้า

โอ้  แม่เจ้า
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 15-08-2009 22:07:14
ปฐมบท ก็สยองแล้ว 

ผูกปมไว้หลายข้อเชียว

เป็นกำลังใจให้ เทียนฉิน มาต่อเรื่องนี้บ่อย ๆ นะครับ +1 เป็นการฉลองเรื่องใหม่

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Huo_To ที่ 15-08-2009 22:51:30
  :sad4:   เง้ออ  ขนาดสูงวัยยังกลัวกันขนาดนี้  แล้วหนูราเชลจะเป็นไงเนี่ย    :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-08-2009 01:00:51
เป็นตอนแรกมาก็สนุกแล้ว  :m4:
มาต่อบ่อยๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ..บทที่ 1.1 (17/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 17-08-2009 20:09:52
มาต่อแล้วคะ
ขอบคุณ คุณTHIP,Chatcha ,wan ,Huo_To, dahlia สำหรับคอมเมนท์นะคะ และ + ที่มีให้นะ เสียดายยัง + ให้ใครไม่ได้เอาอ้อมกอด :กอด1:ไปก่อนแล้วกันคะ

เนื่องจาก ใบปอ เขียนแต่ละตอนยาวมากๆ ขออนุญาตแบ่งนะคะ

..........................................

บทที่ 1.1

ราเชลวางภู่กันลงและลุกขึ้นบิดตัวอย่างเมื่อยขบเหลือบมองนาฬิกาด้วยความเคยชิน อีก15นาทีจะได้เวลาทานอาหาร  เด็กชายรีบเข้าไปล้างมือล้างหน้าใหม่เพื่อลงไปร่วมโต๊ะ  คุณย่าเกลียดคนไม่ตรงต่อเวลาและเขาก็ไม่อยากถูกตำหนิ  เมื่อลงไปถึงห้องรับประทานอาหารราเชลก็ชะงักนิดหนึ่งอย่างแปลกใจเมื่อเห็น ‘คุณพ่อ’
ร่างท้วมขาวนั่งละเลียดไวน์เหมือนมีความสุข แต่ราเชลสังเกตเห็นความกระวนกระวายที่ซ่อนอยู่ได้เพราะ ‘คุณพ่อ’ เคาะนิ้วลงบนที่ท้าวแขนถี่ๆ  ทันทีที่เหลือบมาเห็นเขาใบหน้าของคุณพ่อก็กลับเย็นชาไปทันที
“บอกคุณแม่ด้วยว่าฉันจะมาหาใหม่พรุ่งนี้”
“จะให้เรียนท่านผู้หญิงว่ากี่โมงคะ?”         
“ตอนเวลาน้ำชาแล้วกัน”         
“ค่ะท่าน”
คุณพ่อกลับไปโดยไม่เหลือบแลมาทางราเชลแม้แต่น้อย  เด็กชายก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตา  แม้คุณพ่อจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่พบกันแต่ราเชลก็อดเสียใจไม่ได้  เด็กน้อยรู้ดีว่าพ่อไม่รัก แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด  นับแต่เล็กจนโตเขาไม่มีโอกาสเข้าใกล้คุณพ่อเลยสักครั้งเพราะท่านไม่ยอมแม้จะแตะต้องตัวเขา  คุณย่าเองก็ไม่ชอบการแตะต้องสัมผัส  คนที่เคยโอบอุ้มและปลอบประโลมยามหนูน้อยหวาดกลัวคือแม่นมที่ตอนนี้ก็แก่เกินกว่าจะดูแลราเชลได้แล้วจึงลาออกไปอยู่กับลูกสาวที่เมืองอื่น 
ราเชลจึงรู้สึกโดดเดี่ยว  เพราะท่ามกลางพี่เลี้ยงมากมายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลเขาไม่มีใครให้ความรู้สึกอบอุ่นหรือความรักเหมือนกับแม่นม 
“วันนี้มีสอบเปียนโนไม่ใช่เหรอ?”         
“ครับคุณย่า  อาจารย์บอกว่าผมเล่นแนวของโมซาสได้ดีครับ”         
“ก็ดี”  เรื่องพูดคุยระหว่างเขากับคุณย่ามีเท่านี้         
ทันทีที่พ้นโต๊ะอาหาร ราเชลก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก  เด็กชายรีบกลับเข้าห้องแล้วล็อคประตู อาจจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียวแต่ก็ดีกว่าต้องอยู่ในสายตาเย็นชาของคุณย่าและท่ามกลางสายตาคอยจับผิดของเหล่าคนรับใช้  ไม่ว่าเขาจะทำอะไรต้องเป็นไปตามตารางของคุณย่าเสมอ  เพราะไม่อย่างนั้นจะมีแต่คนรีบไปฟ้องและเขาจะถูกตำหนิอย่างรุนแรง ชีวิตของราเชล จึงมีนาฬิกาเป็นตัวกำหนด
         ..................................

รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวปราดเข้ามาตามทางโล่งโปร่งของสนามฝึกขนาดใหญ่  สายตาหลายคู่เหลือบมองตามรถอย่างสนใจ  แต่ร่างสูงที่ก้าวลงมาจากรถกลับดึงดูดสายตาได้มากกว่า ท่าเดินสง่ามั่นใจเรียกให้สายตาของผู้หญิงทุกคนในสโมสรมองจนเหลียวหลัง   ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็รู้ดี  มุมปากบางจึงปรากฏรอยยิ้มนิดๆอยู่ตลอดเวลา 
   ในสนามฝึกกว้างใหญ่วันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ  ม้าสี่ตัวกำลังควบเข้าหาเส้นชัยและมีสองตัวที่คู่คี่สูสีกัน  ม้าสีขาวสะอาดเบียดกระแซะม้าสีดำปลอดดูเหมือนจะชะงัก  แล้วม้าขาวก็พุ่งเข้าหาเส้นชัยได้ก่อนชั่วเสี้ยววินาที เสียงปรบมือจากผู้ชมที่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นนักแข่ง  ทำให้จ๊อกกี้ทั้งสี่หันกลับมาโค้งให้  โดยเฉพาะเจ้าของม้าขาวที่พุ่งปราดเข้ามาหาร่างสูงทันทีที่สังเกตเห็น
มือใหญ่แต่เรียวสวยคว้าบังเหียนและเหนียวเอวคอดกิ่วปลิวลงจากหลังม้า  ทันทีที่หมวกถูกปลดออก  ปากอิ่มสีสดก็เบียดรับปากร้อนผ่าวอย่างดูดดื่ม  โดยไม่แคร์สายตาของคนรอบข้าง       
“อื้ม…หายไปนานนะจ๊ะ” ตาหวานหรี่ปรือด้วยอารมณ์ที่ปลุกจากจูบร้อนผ่าวเมื่อครู่         
“ก็คุณอยากไม่ไปกับผม”เสียงออดอ้อนแทบละลายคนฟัง  ม่ายสาวคนดังค้อนขวับ         
“อย่ามาอ้าง  ถ้าเธออยากให้ฉันไปด้วยจริงๆมีหรือที่ฉันจะปฏิเสธ  แต่นี่เธอไม่ได้อยากให้ฉันไปสักหน่อย”         
“โธ่…ทำไมถึงคิดว่าผมไม่อยากให้คุณไป”         
“อย่ามาอ้อนซะให้ยาก  ฉันไม่หลงกลเธอหรอกริช”         
“ร้ายจริงๆเลย…ยินดีด้วยนะที่ชนะอีกตามเคย”
จมูกโด่งแหลมย่นนิดๆพองาม  ตายาวเรียวตวัดค้อนอย่างมีจริต         
“อย่ามาเยาะฉันเลย แข่งกับเด็กตัวนิดเดียวยังเกือบแพ้…ดีนะว่าแก้สถานการณ์ทันไม่งั้นขายหน้าตาเลย”         
“ใครน้าที่ทำให้คลาร่าคนสวยยอมออกปากได้อย่างนี้”         
“เด็กจ้ะ…อายุแค่13เท่านั้นเอง แต่เก่งทั้งคนทั้งม้า นี่ถ้าได้มีโอกาสลงสนามจริงอีกสัก4-5ครั้งฉันคงไม่ใช่คู่มือแน่ๆ”         
“ขนาดนั้นเชียว  ชักอยากเห็นแล้วสิ”         
“ดูได้แต่ไม่ให้รู้จักหรอก”คลาร่าตวัดเสียงแง่งอน         
“ทำไม?”         
“ก็…น่ารักชะมัดเลยนะสิ  เฮ้อ! นี่ถ้าโตกว่านี้สัก ปีสองปีนะ ฉันคงมีคู่แข่งที่น่ากลัว”         
“งั้นเชียว”         
“โน่นไง  กำลังฝึกข้ามรั้วอยู่โน่น”
ริชเหลียวตามสายตาของคลาร่า  ม้าสีดำเปรียวกำลังพุ่งข้ามรั้ว  ท่าลอยพลิ้วกลางอากาศสวยงามและดูเบาราวกับไร้น้ำหนัก  ทั้งคนและม้าแตะลงพื้นอย่างงดงามก่อนจะวนกว้างกลับไปหาครูฝึก  ริชหันกลับมาพ่นลมจากปากเบาๆ           
“ตัวนิดเดียวเอง  อายุ 13 แน่เหรอ?”         
“ไม่สนก็ดีแล้วละ  ฉันขี้เกียจตามหึง” คลาร่ายักไหล่
ริชหัวเราะก๊ากก่อนจะคว้าคางแหลมดึงเข้าบดจูบแรงและรุกเร้าจนร่างอวบเผลอเบียดเข้าหา           
“อืม…ขอเปลียนเสื้อผ้าเดี๋ยวนะจ๊ะ”เล็บเคลือบสีสดแตะที่ปลายคางสาก         
“โอเค…ผมไปรอที่ลอบบี้นะ”         
ริชเหลือบมองไปรอบๆอย่างสนใจ ดูเหมือนวันนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสาวๆมีหลายคนที่น่าสนใจ  สายตาคมสะดุดเข้าร่างเล็กบางที่เพิ่งเข้ามา 
วงหน้าขาวลออราวไข่มุก  ปากแดงสดอิ่ม  แก้มเนียนใสเป็นชมพูระเรื่อ  ขนตายาวเป็นแผงหรุบลงบังดวงตาโต ผมสีทองเป็นประกายเลื่อมปลายสะบัดนิดๆด้วยเริ่มยาว  ตาคมหรี่ลงนิดหนึ่งเมื่อร่างสูงโปร่งที่เดินเคียงข้างแตะไหล่บางให้เดินแยกออกไปจากกลุ่ม  ถึงใบหน้าหมอนั่นนั้นจะดูขาวใสแต่ก็ดูออกว่าไม่ใช่เด็กหนุ่มแล้ว  ริชก้าวตามออกมาที่ระเบียง  ทันได้เห็นทั้งคู่นั่งเคียงกันออกไป         
“ไหนว่าไม่สนไงล่ะ  มองซะลับตาเลย” เสียงแซวติดแง่งอนนิดๆ
ริชยักไหล่แล้วหันกลับมาจุมพิตแก้มเนียนด้วยเครื่องสำอางเบาๆ         
“เด็กน่ารักของคุณมีแฟนมาด้วยนี่นา”       
“อ๋อ…คุณหมอซอเรน  คิก…ไม่ใช่แฟนหรอกจ้ะ  นั่นเป็นหมอประจำเขา  นัยว่าเด็กคนนี้จะมีเชื้อสายขุนน้ำขุนนางเก่าอะไรนี่แหละ”         
“ขุนนาง?”         
“พวกผู้ดีเก่า   มาจากอังกฤษตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดอะไรนี่แหละ”         
“ทำไมรู้เยอะจัง”
คลาร่าค้อนขวับรู้ว่าโดนประชด         
“ก็เขาน่ารัก  ขี้อายแล้วก็ไม่ค่อยพูด  แต่ที่สะดุดตานะ ตรงนี้”เล็บเคลือบสีสดชี้ที่ดวงตาคู่งามที่ตกแต่งไว้อย่างดี         
“ตาแกใส๊ใส เห็นแล้วใจอ่อนยวบทุกที”         
“โห…ชักเชื่อแล้วว่าคุณติดใจเด็กคนนี้จริงๆ  ไม่เคยเห็นคุณชมผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนนะเนี่ย” ริชแชวขันๆ  คลาร่าหยุดเดินเงยขึ้นมองเขาตาโต         
“บ้าริช  นั่นเด็กผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง”         
“ล้อเล่นน่า” ริชทำหน้าไม่ถูก  นึกภาพคนที่เพิ่งออกไปอย่างไม่เชื่อหู         
“จริงๆ…คนนั้นเด็กผู้ชายจริงๆ”         
“…..”         
“ไงจ๊ะอึ้งไปเลย”ม่ายสาวยิ้มกว้างทำหน้าเยาะเย้ยและขบขัน นานครั้งหรอกน่าที่จะได้มีโอกาสอย่างนี้         
“คุณว่านั่นผู้ชายเหรอ” ร่างสูงยังอึ้งต่อคำตอบ           
“ย่ะ  สวยจนไม่น่าเชื่อใช่ไหม?…มาใหม่ๆก็โดนรุมจีบทุกวันเลยนะ  ขนาดรู้ว่าเป็นผู้ชายยังมีคนตามจีบไม่หยุด  จนคุณหมอต้องมาคอยเป็นบอดี้การ์ดให้”         
“รู้จักกับคุณหมอคนนี้ด้วยสิ” หางเสียงประชดทำให้คนฟังเนื้อเต้นด้วยความดีใจที่โดนหึง  แสร้งทำตาลอยคว้างเหมือนกำลังฝันหวาน         
“แหม…หล่อ โสด สุภาพ  รวย  ครบสูตรขนาดนี้ไม่รีบทำความรู้จักไว้ได้ไง”         
“แล้วผมละ?”         
“อย่าดีกว่าริช  ขืนฉันปักใจกับเธอมีหวังอกหักตั่งแต่แรก”         
“ผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”         
“อย่าให้ฉันบรรยายดีกว่า” สาวสังคมคนสวยตวัดตาค้อน ริชหัวเราะก้องโอบเอวคอดให้เดินไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาริษยาของหนุ่มสาวแถวนั้น

เพลงหวานกับแอร์เย็นฉ่ำดูเหมือนจะไม่ช่วยให้คนตรงหน้าเย็นลงได้ ริชลอบมองคิ้วเรียวโก่งที่ขมวดแล้วคลาย แล้วขมวดอยู่ตลอดเวลาอย่างสนใจ  รอให้คลาล่าเป็นคนเอ่ยปากเอง         
“ริช” คลาร่าเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว         
“หืม”         
“ฉันกำลังจะแต่งงาน”         
“งั้นเหรอ?” คลาร่าขมวดคิ้วหนักขึ้นเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าคนตรงหน้าไม่แปรเปลี่ยน  รอยยิ้มขันๆมุมปากทำให้เธอหนักใจมากขึ้น         
“ริช…ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ  ฉันกำลังจะแต่งงานจริงๆ” คลาร่าย้ำหนักแน่น รอยยิ้มขันจางหายไป  ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมแต่ดวงตาเรียบไร้รอยอารมณ์         
“เมื่อไหร่?”         
“ปลายปีนี้…เอ่อ…ระหว่างเรา…คงต้องจบแล้ว…” เสียงหวานสั่นเบา  ดวงตาคู่งามฉายแววเจ็บปวด  ริชวางช้อนหันมองออกไปนอกหน้าต่าง…นิ่ง…นาน...         
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย…คุณก็แต่งไปสิ  ทำไมเราต้องเลิกกัน”
คลาร่าเอื้อมมือมายึดมือริชแน่น  มือเย็น สั่น และชื้นเหงื่อทำให้ริชต้องก้มมองก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าเธอ         
“ริช…ฉันรักเขา…แล้วฉันก็อยากจะซื่อสัตย์กับเขา” ใบหน้าขาวซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด  แต่ดวงตาคู่งามแน่วแน่         
ริชเม้มปาก  ตาคมกล้าด้วยความโกรธ น้ำเสียงขุ่นปิดไม่มิด         
“คบกันนานแล้ว?”         
“ก็…เกือบปีแล้ว” คลาร่าหลุบตาด้วยความละอาย  จึงไม่เห็นรอยยิ้มหยัน         
“มิน่าล่ะ…ตั้งแต่คริสต์มาศ  คุณเอาแต่เลี่ยงที่จะพบผม”         
“ริช!อย่าโกรธเลยนะ…เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา”
ม่ายสาวระล่ำระลักด้วยความกังวล  ให้อย่างไรเธอก็ตัดริชไม่ขาด  แม้จะไม่อาจคงความสัมพันธ์ไว้ได้ แต่ก็ยังอยากให้มิตรภาพคงอยู่ต่อไป         
“คงยาก…คุณจะบอกแฟนคุณว่าไง…เพื่อนอ่อนกว่ากันเป็นรอบงั้นเหรอ?” เสียงเย้ยหยันไม่ได้ทำให้คลาร่าโกรธ  ดวงตาคู่งามค้อนขวับอย่างมีจริต  หากแต่รอยยิ้มหวานปลาบปลื้มกระจ่างทั้งหน้า         
“ไม่เอาน่า…คนดี…อย่าพาลนะ” เล็บเคลือบสีสวยกรีดไล้บนหลังมือคร้ามแผ่วเบา  ริชปัดออกอย่างหงุดหงิด         
“หยุดนะคลาร่า  ผมเกลียดเวลาคุณทำเหมือนผมเป็นเด็ก”         
“คิก…ก็เด็กจริงๆนี่นา…น่า แต่รับรองว่าใครสู้คุณไม่ได้สักคน”         
“ผมกลับล่ะ” ร่างสูงผุดลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปดื้อๆ 
คลาร่าอ้าปากค้างอย่างตกใจ  พอขยับจะวิ่งตามก็เห็นรถสปอร์ตคันหรูพุ่งวาบออกไปแล้ว         
“ริช…เดี๋ยวสิริช…เด็กบ้าเอาแต่ใจจริงๆ…ฉันสิบ้ากว่า...ที่ไปหลงรักเด็กอายุ 16“ หางเสียงเศร้าหยันลึกให้ตัวเอง  คลาร่ายกไวน์สีสวยขึ้นจิบช้าๆ  อย่างน้อยเส้นทางที่เลือกก็ยังมีคนที่รักเธอจริง  หากเลือกริชก็คงไม่ต่างอะไรกับการคว้าเงา…ที่สุดท้ายเธอก็ต้องเจ็บอยู่คนเดียว

รถสปอร์ตคันหรูจอดลงหน้าคฤหาสน์หลังงาม  กุญแจในมือถูกโยนให้บอร์ดี้การ์ดที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว  ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองเดินลงบันไดมายืนคอยที่หน้าประตู ริชเหลือบมองสีหน้าเครียดขึงคลายลงเล็กน้อย         
“คุณท่านโทรหาเมื่อวานครับ  ฝากบอกให้คุณไปหาที่แอลเอ”         
“มีอะไร?” น้ำเสียงยังขุ่นห้วน         
“งานเลี้ยงหุ้นส่วนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาครับ” น้ำเสียงเย็นเรียบเรื่อยด้วยชินกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของนายน้อยมาตั้งแต่เด็ก         
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ริชหงุดหงิดกว่าเดิม         
“แต่ท่านอยากให้คุณริชเรียนรู้งานไว้” ร่างสูงหนาเดินตามติด
ริชหันขวับมาเผชิญหน้า ดวงตาวาววับด้วยความโกรธ         
“ไม่!…ฉันไม่มีเวลา  นี่ก็ต้องย้ายโรงเรียนอีก” ริชตัดสินใจกะทันหัน         
“คุณริชจะย้ายไปไหนครับ?” ไม่ได้ถามด้วยความแปลกใจแต่บอร์ดี้การ์ดหนุ่มใหญ่แค่ต้องการรายละเอียดเท่านั้น         
“ไปเรียนกับกาย”         
“ไหนคุณว่าโรงเรียนบ้านนอกระเบียบเยอะ”         
“ก็กายยังอยู่ได้  ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้”         
“แต่…”         
“จัดการให้ด้วย”         
“แล้วงานเลี้ยงละครับ?” ริชเดินลิ่วขึ้นชั้นบนแถมโบกมือไล่  เจฟฟรี่ได้แต่สายหน้าอย่างอ่อนใจ  งานนี้ไม่รู้จะหาข้อแกตัวอะไรอ้างกับคุณท่านได้อีก
         ..................................

เสียงเก้าอี้ลั่นเอี๊ยดเพราะน้ำหนักของคนนั่ง  ใบหน้าสวยขมวดขึงอย่างไม่พอใจ  แต่เมื่อเงยขึ้นเห็นคนตรงข้ามก็ได้แต่เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ         
“ริช…มาได้ไง?”         
“ตามนายมาสิ…คิดถึงจะแย่” เสียงหวานกับตาพราวระยับที่ทำให้ใครต่อใครแทบละลาย กลับใช้ไม่ได้ผลสำหรับคนตรงหน้า  ตาโตเป็นประกายขบขัน         
“อย่ามาใช้กับฉันดีกว่า”         
“อะไร?”       
“มุขหนุ่มปากหวานนี่ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก”
ริชเหลือบมองเพดาน พ่นลมจากปากพรูด้วยความอ่อนใจ         
“กาย…เมื่อไหร่นายจะยอมคบกับฉัน”
ดวงตาโตทอดอ่อน  หวานเชื่อม  ริชใจฟูฟ่องด้วยความยินดี  แต่ประโยคถัดมาทำให้ใจฟูฟุบแฟบทันควัน         
“...ไม่มีวัน”         
“โธ่กาย” ริชครางเสียงอ่อย  ดวงตาของคนตรงหน้าจริงจังขึ้น         
“นายก็รู้ว่าฉันรักเท็ด”         
“หมอนั่นมีอะไรดี?” ริชทำหน้าขึงขัง         
“ทุกอย่าง” คำตอบที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างทำให้คนฟังหน้างอ         
“โอ๊ยเซ็ง…แล้วนั่นจะไปไหน?” ริชกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นคนตรงหน้าสาระวนเก็บหนังสือ พนักงานสาวที่เข้ามาเสริฟน้ำสะดุ้งเกือบทำน้ำหก  กายรอจนพนักงานเสริฟคล้อยหลังจึงค่อยพูดต่อ         
“เดี๋ยวเท็ดจะมารับ”
ไม่ทันขาดคำรถจิ๊ปกลางเก่ากลางใหม่ก็จอดลงตรงร้านหนังสือฝั่งตรงข้าม  กายอมยิ้มยักคิ้วให้นิดหนึ่งก่อนจะรวบหนังสือบนโต๊ะแล้วรีบออกไป  ร่างเล็กดูบอบบางมากขึ้นเมื่อยืนเคียงกับร่างสูงใหญ่ ท่าที่ก้มลงพูดคุยกับกายด้วยความอ่อนโยนนั้นจับตาจนน่าริษยา 
ริชสลัดศีรษะอย่างหงุดหงิด  ไม่เข้าใจว่าระหว่างคนที่คนเพียบพร้อมทุกอย่างแบบเขากับผู้ชาย ‘บ้านนอก’ ที่แสนธรรมดาทำไมกายถึงเลือกผู้ชายคนนั้น    ริชมองตามแผ่นหลังบางๆไปจนลับตา…ก่อนจะถอนใจยาวด้วยความเสียดาย  สายตากวาดไปรอบๆสะดุดกึกอย่างประหลาดใจ         
ร่างโปร่งบางในเสื้อเชิ้ตขาวที่กำลังจะข้ามถนนคือเจ้าของใบหน้าหวานที่ติดอยู่ในใจมาหลายสัปดาห์  ถุงพิมพ์โลโก้ร้านหนังสือดังเต็มสองแขน 
รอยยิ้มนิดๆที่มุมปากบางจางวาบเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งผ่าไฟแดงเฉียวร่างบางไปเพียงนิดเดียว ถึงจะไม่ล้มแต่ถุงหนังสือในมือก็หล่นกระจาย 
ริชเปิดประตูพรวดออกไปจากร้าน  แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมายแขนแข็งแรงคู่หนึ่งก็คว้าไหล่เขาไว้         
“อะไรเจฟ?” ริชแทบตะคอกด้วยความโกรธ  แต่แววตาเคร่งเครียดทำให้เด็กหนุ่มชะงัก  เจฟฟรี่ยังตีหน้าเฉยเหนี่ยวไหล่เขาให้เดินไปด้วยกันเหมือนไม่มีอะไร  แต่หางตากวาดมองรอบตัวอย่างรวดเร็วทำให้ริชจำต้องก้าวตาม         
“พวกมันคนป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้  ดูเหมือนจะเริ่มเยอะขึ้น”         
“บ้าชิบ” ริชอดเหลียวไปมองไม่ได้  ผู้ชายสองสามคนแถวนั้นกำลังช่วยเก็บหนังสือให้ และดูเหมือนจะได้รับรอยยิ้มเก้อเขินตอบแทน  ริชสบถด้วยความเสียดายที่คนได้รับรอยยิ้มนั้นไม่ใช่เขา
………………………..

รถโบราณสีดำเป็นมันจอลงช้าๆ คนขับอดไม่ได้ที่เหลียวมองรอบ
ตัวก่อนจะเปิดประตูให้’คุณหนู’ ลงจากรถ         
“คุณหนูมาวาดรูปอะไรที่นี่ครับ  ไม่เห็นมีอะไรสวยเลย?”         
“ช่างฉันเถอะน่า…รอที่รถแล้วกัน”         
“แต่ว่าแถวนี้เปลี่ยวออกครับ”         
“แหม!ก็ไร่มันร้าง มันก็ต้องเปลี่ยวเป็นธรรมดาใกล้บ้านแค่นี้กลัวอะไร?”         
“ไม่ร้างแล้วนะครับคุณหนู  ผมได้ข่าวมาว่ามีคนมาซื้อไร่แล้ว  แถมยังซ่อมบ้านเสียหรูหราไปเลย”         
“แต่เขาไม่ได้มาแถวนี้หรอกน่า  เอาละฉันจะไปวาดรูปแล้ว”         
“ผมช่วยขนของครับ”         
“กระดานสเกตอันเดียวฉันถือได้น่าอย่าห่วงนักเลย…ไปละ”
คนขับรถยังชะเง้อตามอย่างเป็นห่วงแต่พอเห็นคุณหนูลงนั่งที่ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจนตะโกนไม่ได้ยินก็โล่งใจ  จึงกลับไปแอบงีบในรถ         
ราเชลวางกระดานสเกตลงแล้วชะเง้อมองคนขับรถ  รอจนชายชรากลับไปที่รถจึงค่อยๆล้วงเอาบางอย่างออกจากกระเป๋า  แฮมเบอร์เกอร์อันใหญ่สองอันที่เขาแอบจ้างเด็กไปซื้อถูกแกะอย่างบรรจง กลิ่นหอมของเนื้อและขนมปังทำให้ราเชลน้ำลายสอ  แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีแต่เขาที่ได้กลิ่นเมื่อจู่ๆหน้าดำที่มีขนยาวเป็นมันก็โผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้  ลิ้นยาวตวัดเลียปากจนน้ำลายกระเซ็น 
โฮ่ง!...มันเห่าหนึ่งครั้งแล้วลงนั่งยกสองขาหน้าขึ้นไขว้ขอ ราเชลมองตาดำๆก่อนจะก้มมองขนมปังในมืออย่างเสียดาย
โฮ่ง!ๆๆๆ…งี๊ดๆๆ…ราเชลหน้าสลดเมื่อจำต้องยื่นขนมในมือให้ยังไม่ทันชักมือออกขนมปังก็ถูกกวาดหายวับเข้าไปในปากกว้างใหญ่ในพริบตา
ราเชลอ้าปากค้างมองท่าเคี้ยวตระกรูมตระกรามแล้วกลืนอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ  ทันทีที่ปากว่างตาดำขลับก็เหลือบมองชิ้นใหม่แล้วเริ่มเห่าอีก  แต่คราวนี้ราเชลคว้ามาถือไว้แน่น  ไม่ว่าเจ้าตัวดีจะทำเสียงออดอ้อนอย่างไรหนุ่มน้อยก็เอาแต่สายหน้าแล้วเริ่มถอยหนีเมื่ออีกฝ่ายย่างสามขุมเข้าหา
ริชขมวดคิ้ว สงสัยตั้งแต่ได้ยินเจ้าพลูโตเห่าแล้ว  เสียงย่ำช้าๆมาทางเขาทำให้เด็กหนุ่มเกร็งตัวระมัดระวัง  ทันทีที่เงาวูบเข้ามาใกล้เท้าก็ยื่นออกไปเร็วอย่างที่คิด ร่างบางเซถลาหงายหลังเพราะถูกเตะรวบขา  แม้จะไม่แรงแต่ก็ทำให้หงายลงไปทั้งตัว 
ราเชลหลับตาปี๋แต่แทนที่จะกระแทกกับพื้น เขากลับล้มลงบนอะไรบางอย่าง  ที่สำคัญมันตวัดรัดรอบตัวอย่างรวดเร็ว  ราเชลลืมตาฉับพลัน  สิ่งแรกที่เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่จ้องเขม็งเป็นประกายวาววับ  จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบางเฉียบที่อยู่ใกล้แค่คืบ  ราเชลรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆใกล้หน้าเข้ามาทุกทีแต่เด็กชายไม่ได้ขยับหนีด้วยยังงุนงงไม่หาย  จนกระทั่งมีหน้าดำๆขนยาวโผล่พรวดเข้ามา           
“ไม่นะ”ราเชลร้องเสียงหลงและพยายามถอยหนีเมื่อเจ้าหน้าดำพยายามยื่นเข้ามาแย่งแฮมเบอร์เกอร์ที่เขากอดไว้แน่น  เสียงตวาดหนักทำให้มันชะงักแล้วถอยไปนั่งนิ่ง  ราเชลมองสุนัขก่อนจะหันมาสบตาคนที่เขานอนทับอยู่ ตาวาวๆทำให้หน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย รีบตะกายลุกขึ้น เจ้าตัวตะกละขยับจะเข้ามาหา แต่คำสั่งหนักๆจากคนที่นั่งข้างๆทำให้มันชะงักแล้วนั่งอยู่ในท่าเดิม         
“ขอโทษครับที่…ผมล้มทับคุณ…เอ่อ…หมานี่ของคุณเหรอ?”         
“ใช่…มันทำร้ายเธอหรือเปล่า?”ริชเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอหลังจากตะลึงอยู่นาน เหมือนของขวัญจากพระเจ้าที่ประทานลงมาให้เขาถึงอก         
“เปล่า…คือ…มันจะแย่งของผม” ราเชลตอบอึกอักด้วยความอาย หน้าแดงซ่านเมื่อเห็นสายตาตวัดมองสิ่งที่เขาถือ  คิ้วเข้มเลิกเล็กน้อยเหมือนจะถามว่าใช่สิ่งที่ถืออยู่หรือเปล่า         
“ก็…มันจะแย่งแฮมเบอร์เกอร์ผม”         
“แฮมเบอร์เกอร์เนี่ยนะ” ชายคนนั้นทำหน้าพิลึกแล้วหัวเราะก๊าก            
“ก็มันของผมแล้วหมาของคุณก็ไม่มีสิทธิ์แย่งด้วย” เสียงใสขุ่นห้วนขึ้น
สายตาเข้มเปลี่ยนจากขบขันเป็นมองอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ริชเลิกคิ้วอย่างขันๆ  เรือนร่างบอบบางในเครื่องแต่งกายที่แม้จะดูเรียบๆ หากแต่เนื้อผ้าและการตัดเย็บอย่างประณีตบวกกับบุคลิกที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะอยู่อย่างอดๆอยากๆ  ราเชลหน้าแดงนึกรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร         
“อย่ามามองแบบนั้นนะ”         
“ทำไมละ…ของแบบนี้มีขายออกเกลื่อน ไม่เห็นต้องหวงขนาดนั้นเลย?”         
“ก็…ก็…ก็มันไม่…เคยกินนี่ อย่ามาหัวเราะนะ!” แก้มใสแดงจัดด้วยความอาย
ริชหัวเราะพรืดออกมาหลังจากพยายามกลั้นไว้เต็มที่แล้ว  ยอมรับหรอก ว่าดูเรียบร้อยเหลือเกินแต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดไม่เคยกินแฮมเบอร์เกอร์  ริชเปิดตะกร้าที่เตรียมมาและโชว์ไก่ทอดหอมน่ากินให้ดู  หน้าสวยสะบัดหนีแถมยังแอบย่นจมูกเสียอีก  เจ้าตัวแสบเห่าดังลั่นเพื่อเรียกร้องความสนใจเมื่อได้กลิ่นอาหาร 
ริชโยนไก่น่องหนึ่งลอยขึ้นไปบนอากาศ  เจ้าตัวตะกละโดดขึ้นงับด้วยลีลาสวยงาม  แถมยังมุดหายไปในพงหญ้ารกราวกับกลัวริชจะเอาคืน         
ราเชลเหลียวมองสุนัขแล้วเหลือบมองเจ้าของมันอย่างขัดใจ  อยากลุกกลับไปนั่งที่เดิมแต่ก็กลัวจะเจอเจ้าจอมตะกละกลางทาง  เขาจะต้องถูกแย่งอีกแน่ๆ   จู่ๆมือใหญ่ก็คว้าแฮมเบร์เกอร์ไปจากมือ  เด็กชายมองตามตาค้าง         
“ขะ…ของผม”ราเชลหน้าแดงพูดไม่ออกเมื่ออีกฝ่ายแกะกระดาษออกครึ่งหนึ่งแล้วยื่นให้ เด็กชายรับมาถือไว้แล้วจดๆจ้องๆอยู่ครู่หนึ่งจึงกิน  เมื่อเห็นเขากินเจ้าของหมาตัวโตก็รื้อของในตะกร้าออกมากินบ้าง 
ราเชลลิ้มรสชาติของแฮมเบอร์เกอร์อย่างเอร็ดอร่อย  เป็นครั้งแรกที่ได้กินอาหารแบบนี้ ขนมปังอาจแข็งกว่าที่บ้านนิดหน่อย  เนื้อก็ไม่นุ่มหวานเท่าแต่รสชาติแปลกใหม่ก็ทำให้เด็กชายลืมตัวไปว่าอยู่กับคนอื่น  จนกระทั่งเงยขึ้นมาสบตาคมที่จับจ้องอยู่ก่อนแล้ว  ราเชลลดแฮมเบอร์เกอร์ลงแล้วหลบตาด้วยความอาย 
ริชจ้องมองซอสที่เลอะปากแดงอย่างสนใจ  ท่าทางกินของคนตรงหน้าทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเบอร์เกอร์ที่นี่น่าจะอร่อยกว่าที่นิวยอร์ค  นิ้วยาวเช็ดซอสจากปากแดงขึ้นเลียหน้าตาเฉย  ราเชลตาค้างแล้วหน้าร้อนซู่ฉับพลัน  เด็กชายผลุนผลันลุกจากที่นั่นจนเกือบลืมกระดานสเกตของตัวเอง  กระดาษปลิวไปหลายใบ  ราเชลเก็บเท่าที่เห็นแล้วรีบเดินหนี ยังได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา         
“ฉันซื้อไร่นี้ไว้…ว่างๆมาเที่ยวอีกนะ” ริชหัวเราะหึๆเมื่อเห็นร่างเล็กวิ่งหนีลิ่วลงไปยังรถที่จอดรออยู่ข้างล่าง ชายชรารีบมาเปิดประตูให้ ริชมองตามรถโบราณไปจนลับตา  เด็กหนุ่มผิวปากหวือใจยังเต้นตึกๆด้วยความตื่นเต้น  ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้  เด็กหนุ่มหน้าสวยที่เขาเฝ้าตามหากลับเจอในที่ที่เขาคาดไม่ถึง         
‘เพิ่งรู้แฮะว่าซอสเบอร์เกอร์ที่นี่หวานกว่าที่นิวยอร์ค’  ริชคิดอย่างครึ้มๆ 
เสียงกรอบแกรบทำให้เขาผุดลุกขึ้นดู กระดาษใบหนึ่งปลิวตกอยู่ไม่ไกล ลายเส้นอ่อนพลิ้วกลับถ่ายทอดอารมณ์ของคนในภาพออกมาได้ดุดันเข้มงวดเสียจนเขาทึ่ง  อดคิดไม่ได้ว่าคนในภาพมีอยู่จริงหรือไม่  เพราะคงเป็นยัยแก่ที่น่ากลัวพิลึก
……………………


 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-08-2009 20:23:55
ตัดมาตอนโตเลยแฮะ  แบบนี้ยิ่งน่าสน มีปมลึกลับดี  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 18-08-2009 17:47:29
น่าสนุกจังค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-08-2009 22:26:21

น่ากลัวอะ

บรื้อออออออออออออออออออออออออออออส์
หยดหยอง :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-08-2009 23:45:58
ที่เข้ามาเพราะ ฉาก NC ค่อนข้างแรงงงงงงง  :haun4: แล้วจะติดตามนะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....ปฐมบท (15/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-08-2009 22:48:12
รออ่านอยู่นะค๊า   :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.2 (25/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 25-08-2009 15:53:49
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ เป็นกำลำงใจอย่างดีเลยคะ :3123:

ไปอ่านต่อกันเลยคะ

.....................

แสงแดดยามเช้าสว่างสดใสเสียจนต้องหรี่ตาหลบ  แม้จะรู้สึกมึน-หัวนิดๆแต่ราเชลก็พยายามทำตัวปกติ ในใจอดขุ่นขวางไปถึงต้นเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับไม่ได้ รถโบราณคลานไปจอดหน้าประตูรั้วคนละด้านกับประตูที่ติดกับรั้วโรงเรียนสตรีตามคำสั่งของคุณย่าที่ไม่ต้องการให้ราเชลสนิทกับเพื่อนหญิงก่อนวัยอันควร         
“ขอบใจมากสมิท”         
“เย็นนี้คุณราเชลจะกลับกี่โมงขอรับ?”         
“ก็สัก 5 โมงแล้วกัน เพราะเมื่อวันศุกร์ไม่สบายอาจจะมีงานค้างอยู่บ้าง”         
“ขอรับ”         
“ราเชล!” เด็กหนุ่มผมทองสองคนวิ่งถลาเข้ามาแทบลากหนุ่มน้อยลงจากรถด้วยความใจร้อน
“อ้าว!ทำไมวันนี้พวกนายสองคนมาเร็วได้ล่ะ…แปลกจัง?”         
“ก็มันมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่โรงเรียนเรานะสิ” ใบหน้าที่เหมือนกันจนแม้แต่กระก็แทบจะอยู่ตำแหน่งเดียวกันแดงซ่านด้วยความตื่นเต้น         
“เรื่องใหญ่?” ราเชลยืนอยู่ตรงกลางขณะที่ทั้งสองแยกกันขนาบสองข้าง         
“นายได้อ่านหนังสือพิมพ์เช้านี้หรือยัง?…โรงเรียนเราได้ลงหนังสือพิมพ์ด้วยนะ”         
“ใช่แล้ว…ทีนี้เราก็จะกลายเป็นที่สนใจของเด็กโรงเรียนอื่นซะที”
ราเชลยกมือขึ้นห้ามสองหนุ่มน้อยที่แข่งกันตะโกนกรอกหูเขาโดยที่ไม่สนใจเลยว่าเขาจะฟังเรื่องทั้งสองพูดไม่รู้เรื่องสักนิด         
“นายสองคนหยุดก่อนได้ไหม…ขอร้องล่ะช่วยเล่าที่มาที่ไปให้ละเอียดหน่อยได้หรือเปล่า?”         
“ไม่เอา”         
“ใช่…เราจะพานายไปดูเลยดีกว่า” ว่าแล้วทั้งคู่ก็คว้าข้อมือหมับ ราเชลถลาไปตามแรงลากอย่างไม่ทันตั้งตัว         
“นี่อย่าลากฉันอย่างนี้สิ”         
“มาเร็วเข้า”         
“เจอร์รี่ ลอว์ลี่ปล่อยก่อนฉันจะล้มแล้วนะ”
พูดไม่ทันขาดคำหนึ่งในสองหนุ่มก็ทำราเชลหลุดมือ  แต่แรงลากจากอีกด้านทำให้ร่างเล็กเซถลาไปด้านข้างและคงล้มไม่เป็นท่าหากไม่ได้มือแข็งแรงคู่หนึ่งคว้าตัวเขาไว้     
เจอร์รี่ตาค้างเผลอปล่อยมืออีกข้างทำให้ราเชลหลุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนนั้นทั้งตัว         
“ขอบคุณที่ช่วยครับ ขอโทษที่ผม…คุณ!” ราเชลใจหล่นวูบเมื่อเงยขึ้นสบตากับเจ้าของอ้อมแขนที่ประคอง  เลือดฉีดซ่านไปทั้งหน้าเมื่อเห็นดวงตาคมเป็นประกายระยับชวนให้นึกถึงพฤติกรรม ‘อุกอาจ’ ที่ท้ายไร่  ต้นเหตุที่ทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน         
“เจอกันทีไรเธอต้องล้มใส่ฉันทุกทีสิน่า…หึๆๆหรือว่าชอบให้ฉันกอด”รอยยิ้มกวนๆกับนัยน์ตายิบๆทำให้ราเชลหน้าร้อนวาบ         
“มะ…ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย….ผมไม่ใช่คนซุ่มซ่ามนะ”         
“ก็คงเป็นงั้น…คราวที่แล้วเป็นเพราะหมาฉัน…คราวนี้ก็เป็นเพราะ…คู่แฝด”   ตาคมตวัดมองไปยังสองหนุ่มน้อยที่ยืนเบิ่งตาค้างอยู่ข้างๆ     
“ฮะ…แฮมิลตัล!” สองหนุ่มคู่แฝดอุทานออกมาพร้อมกัน และทำหน้าพิลึก 
ราเชลเหลียวมองสองหนุ่มก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าคนที่ยังกอดเขาไว้ไม่ปล่อย  หนุ่มน้อยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเมื่อนึกขึ้นมาได้รีบผละออกจากอกกว้างแทบไม่ทัน  ได้ยินเสียงถอนหายใจเหมือนจะล้อเลียนของคนตรงหน้า         
“ขอบคุณมากครับที่ช่วยผมไว้…ขอตัวก่อนนะครับ”         
“อ้าว!เดี๋ยวสิ….” ราเชลไม่ฟังเสียงหันหลังได้ก็จ้ำพรวดๆหนี โดยมีสองแฝดวิ่งตามหน้าตาตื่น       
“ราเชลนายรู้จักแฮมิลตันด้วยเหรอ?” เจอร์รี่เบิกตาที่โตอยู่แล้วให้โตยิ่งขึ้น         
“แล้วนายก็สนิทกับเขามากละสิ...มิน่าเขาถึงว่านายชอบให้เขากอดเขา” ลอว์ลี่แซงขึ้นเดินแกมวิ่งขนาบอีกด้านด้วยท่าทางไม่พอใจ         
“หรือว่านายกับแฮมิลตัน!…ว้าว!”
ทั้งคู่พูดต่อกันแทบไม่เว้นช่องให้ราเชลปฏิเสธ         
“นี่นายสองคนหยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว!” ราเชลมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา         
“ก็บอกมาสิว่านายกับแฮมิลตันรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”ลอว์ลี่คาดคั้นจ้องราเชลเขม็ง         
“อย่างนี้บ้านนายก็มีสิทธิได้เข้าหุ้นกับตระกูลแฮมิลตันนะสิ…นี่ถ้าพ่อฉันรู้เขาจะต้องเนื้อเต้นแน่ๆ” ทั้งคู่ชะงักหันมามองกันทำตาโต         
“โทรไปบอกพ่อดีกว่า!”
ราเชลอ้าปากจะห้ามแต่ดูเหมือนคู่แฝดจะสรุปเรื่องราวทุกอย่างได้ด้วยตัวเองโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงอะไรสักนิดเดียว สองหนุ่มวิ่งแยกไปทันทีเพื่อกระจายข่าวที่น่าตื่นเต้นให้คนอื่นๆรู้ 
หนุ่มน้อยพูดไม่ออกเดาได้ไม่ยากว่าภายในวันนี้ทุกคนในโรงเรียนจะต้องพากันรู้ข่าวโคมลอยใบโตของทั้งคู่  ที่สำคัญหากเรื่องนี้หลุดไปถึงหูนายคนนั้นอะไรจะเกิดขึ้น?...แค่เขาล้มไปใส่สองครั้งยังโดนล้อขนาดนี้ แล้วถ้าข่าวบ้าๆนั่นกระจายออกไป?  ราเชลอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อนึกถึงเจ้าของอ้อมแขนร้อนผ่าวนั่น
‘บ้าใครจะไปอยากให้นายกอดกัน!’           
“ราเชล…เป็นไงบ้าง ดีขึ้นแล้วเหรอถึงมาโรงเรียนได้?”
ราเชลสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็มีเสียงทักขึ้นใกล้ๆ         
“ดีขึ้นแล้วปีเตอร์  ขอบใจมากนะสำหรับของเยี่ยม”         
“ได้รับด้วยเหรอ…ฉันลุ้นแทบแย่กลัวคุณย่านายจะไม่ให้เอาไปให้นาย”         
“คุณย่าท่านเข้มงวดมากก็จริง…แต่เรื่องของเยี่ยมไข้ท่านไม่เสียมารยาทหรอกนะ” สีหน้าเรียบเฉยของราเชลทำให้ปีเตอร์ตกใจ         
“เปล่านะ!ฉันไม่ได้ว่าคุณย่าของนายนะ”         
“ฉันเข้าใจ…คุณย่าท่านไม่ค่อยชอบให้ฉันคบเพื่อนที่ท่านไม่รู้จักนัก  แต่ช่วงนี้ดูจะลดความเข้มงวดลงบ้างแล้ว” ราเชลข่มความรู้สึกไม่พอใจไว้ได้อย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน         
“คงเพราะเห็นว่านายโตขึ้นมากแล้วก็ได้” ปีเตอร์โล่งใจที่ไม่ถูกโกรธ         
“วันนี้ไม่ซ้อมเหรอใกล้แข่งแล้วนี่  ปีนี้นายเป็นนักกีฬาตัวจริงด้วยนี่นา?”
ปีเตอร์หันมายิ้มกว้างอย่างปลาบปลื้มกับตำแหน่งตัวจริง  ใบหน้าเหลี่ยมที่มีแต่กระกับผมสีฟางแห้งทำให้ปีเตอร์ไม่เด่นสะดุดตาแม้จะสูงแต่ก็หนาจนดูเทอะทะ  แต่ยามอยู่บนสังเวียนร่างเทอะทะนี้กลับฟุตเวิร์คได้พลิ้วไหวอย่างไม่น่าเชื่อ         
“ซ้อมสิ  แต่คงเลื่อนเป็นช่วงเย็น”         
“ทำไมล่ะ?”         
“รุ่นพี่ไปหาทุนสนับสนุนอยู่น่ะ…ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน เมืองเราก็เล็กนิดเดียว”         
“ราเชล…หายแล้วเหรอ?” สาวน้อยหน้าหวานคมผิวคล้ำวิ่งผละจากกลุ่มเพื่อนมาเกาะรั้วด้วยความดีใจ  สายตาจับจ้องอยู่แต่ราเชลจึงไม่เห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆเก้อไปของปีเตอร์         
“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะมีนา…เป็นไงสบายดีหรือเปล่า?”         
“ไม่ดีหรอกก็ห่วงราเชลแทบแย่…เดี๋ยวตอนเย็นเราไปหาที่ชมรมนะ” ตาหวานทอดอ่อนเชื่อมสื่อความนัย  แต่ราเชลยิ้มตอบตาใสแล้วเดินจากมาเฉยๆ 
ปีเตอร์เดินไปส่งเพื่อนจนถึงห้อง         
“ใกล้เวลาเรียนแล้วเราไปก่อนนะ”         
“ขอบใจมากปีเตอร์”
…………………………

เสียงฮือฮาจากชั้นล่างเรียกให้สมาชิกในชมรมศิลปะวางพู่กันลงแล้วชะโงกลงไปดู  ผิวขาวผ่องกับรอยยิ้มสดใสดึงดูดให้สายตาทุกคู่มองตามกันเป็นแถวโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้มีร่างสูงสง่าตระหง่านเดินเคียงกันมา  ท่าที่ก้มลงฟังแล้วอมยิ้มน้อยๆนั้นเล่นเอาสาวๆจากโรงเรียนสตรีพากันตาลอยไปตามๆกัน           
“โอ้ย!…หัวใจสลาย  ทำไมคนงามของฉันถึงได้เดินกับแฮมิลตันได้ล่ะ” 
หนุ่มน้อยร่างสูงโย่งใบหน้าเต็มไปด้วยสิวเขลอะครวญครางราวกับจะขาดใจ  สร้างความหมั่นไส้ปนขบขันให้เพื่อนในชมรมกันถ้วนหน้า       
“ใครบอกของแก…เห็นๆกันอยู่ว่าแฮมิลตันน่ะย้ายตามพอลลิ่งมา  คุณหนูตระกูลดังยอมมาเรียนโรงเรียนเล็กๆ  แบบนี้สิเขาเรียกเจ้าของตัวจริง”         
“ไม่จริงโว้ย…ไงก็ไม่เชื่อ…ฮือ…กายของช้าน…”
ราเชลมองตามภาพนั้นด้วยความรู้สึกชื่นชมปนอิจฉานิดๆ แต่ก็พยายามปัดความรู้สึกนั้นออกไปหันมาตั้งสมาธิอยู่กับงานตรงหน้า         
“บ้า!พวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน…พอลลิ่งน่ะเป็นผู้ชายนะยะ” มีนากระแทกพู่กันในมืออย่างหงุดหงิด         
“ถึงจะเป็นผู้ชายก็สวยกว่าสาวๆขี้อิจฉาโรงเรียนสตรีก็แล้วกันแหละ”
เสียงใสที่สวนทันควันทำให้สาวน้อยหน้าแดงซ่านด้วยความโกรธ  นักเรียนชายในห้องก้มหน้าลงซ่อนยิ้มด้วยความขัน  ขณะที่นักเรียนหญิง3-4คนจากโรงเรียนสตรีพากันเหลียวไปมองคนพูดด้วยความไม่พอใจ         
“นายว่าใครขี้อิจฉาลอว์ลี่” มีนาผุดลุกขึ้นตาเขียวปัด  หนึ่งในสองแฝดเงยขึ้นมองยักไหล่นิดๆอย่างเจตนายั่วโมโห         
“ใครรู้ตัวว่าขี้อิจฉาก็รับไปสิ”         
“นายลอว์ลี่!” มีนาสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ  ราเชลพยายามห้ามแต่ทั้งคู่ต่างจ้องตากันอย่างเกลียดชัง  คนแก้สถานการณ์กลับเป็นเพื่อนๆของมีนาที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง         
“มีนา…มาอยู่นี่เอง  เร็วเข้าพวกเรารีบนะ”         
“รีบ…อะไรกัน?”       
“ตายแล้วอย่าบอกนะว่าเธอลืมไปแล้วเรื่องของขวัญ”         
“ตายละ…ฉันลืมจริงๆด้วย…ราเชลเราขอตัวก่อนนะ  ขืนอยู่คงได้มีเรื่องแน่”      ดวงตาโตตามเชื้อสายตวัดมองลอว์ลี่อย่างเกลียดชัง   
“เพื่อนรออยู่รีบไปเถอะครับ”         
“ไว้วันหลังเราไปหาที่บ้านนะจ๊ะ”
ราเชลพยักหน้าและยิ้มให้น้อยๆกับดวงตาหวานฉ่ำที่ส่งมาให้เขาก่อนจะถูกเพื่อนลากออกไป  ลอว์ลี่โบกมือไล่ตามหลังเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ 
ราเชลได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอากับนิสัยชอบเอาชนะของลอว์ลี่ 
ประตูห้องชมรมถูกเปิดเข้ามา  อาจารย์ที่ปรึกษาของชมรมเดินนำเข้ามาก่อน         
“ครูว่าจะส่งผลงานไปก่อน  หากมีใครเข้ารอบค่อยขอทุนจากทางโรงเรียนอีกที”
นักเรียนทั้งห้องแทบทำพู่กันหลุดมือเมื่อเห็นคนที่เดินตามเข้ามา         
“แต่ทางฝ่ายงบประมาณต้องการคำตอบจากอาจารย์เลยนะครับ…เพราะไม่อย่างนั้นทางเราจะคำนวณไม่ได้ว่าควรให้งบกับชมรมศิลปะเท่าไหร่?”
ใบหน้าเนียนสวยก้มต่ำจดจ่ออยู่กับรายการงบประมาณในมือ  ปากก็สนทนากับอาจารย์โดยไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนทั้งชมรม  แต่ร่างสูงที่เดินตามหลังมาหยุดยืนกอดอก  ตาคมกวาดไปรอบห้อง  เล่นเอาทุกคนหลบตาวูบ         
“เอ่อ…คือ…หรือว่าครูจะส่งเด็กไปรอบแรก…แต่…”อาจารย์ยืนเกาศีรษะอย่างงงๆ  ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง  หากเรื่องเขียนภาพละก็ป่านนี้อาจารย์คงโชว์ฝี -แปรงให้ตาค้างกันเล่นไปแล้ว  แต่พอเรื่องงบประมาณทีไรกลับช้าจนทำให้โดนตัดงบอยู่บ่อยๆ  ทำให้ไม่เป็นที่แปลกใจสักนิดหากชมรมศิลปะจะทรุดโทรมมากอย่างที่เห็น         
“เอ่อ…ประธานชมรมเธอมาคุยเรื่องงบประมาณเองดีกว่า”
อาจารย์โยนกลองดื้อๆ  ราเชลอึกอักไม่อยากเข้าไปเพราะตาวาวๆของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆอาจารย์  ยังไม่ทันขยับลอว์ลี่ก็ผุดลุกขึ้นออกไปแทน         
“ผมจัดการเองครับ…ลอว์ลี่ครับเป็นรองประธานและเหรัญญิก”         
“เรื่องของบประมาณยังไม่ได้ส่งนะครับ”         
“ครับ…ต้องขอโทษด้วย  พรุ่งนี้ชมรมศิลปะจะส่งเอกสารให้เรียบร้อยครับ รับรองไม่เกินเที่ยง” ลอว์ลี่ตอบยิ้มแย้มอย่างชื่นชม รุ่นพี่หน้าหวานคนนี้เป็นที่ปลาบปลื้มของนักเรียนทั้งโรงเรียนอยู่แล้ว การได้มีโอกาสคุยด้วยช่างเป็นเรื่องน่ายินดี 
กายยิ้มให้เล่นเอาลอว์ลี่ถึงกับหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น         
ระหว่างที่กายกำลังเจรจาอยู่นั้น ริชกลับมองนิ่งอยู่ที่ราเชลอย่างพึงใจ  ภาพเขียนที่เรียงรายกันอยู่ไม่ได้ดึงดูดใจเขาได้มากกว่าดวงตาโตที่สบกันก่อนจะหลบเขาวูบ  เท้ายาวก้าวเร็วตามความคิด  ริชหยุดยืนอยู่ข้างหลังเฟรมแล้วจ้องหน้าเนียนใสนิ่งราวกับงูสะกดเหยื่อ  ราเชลอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูกมือที่จับพู่กันเริ่มเกร็งจนสั่น….         
“สวัสดี…เจอกันอีกแล้ว”         
“…สวัสดีครับ…” ราเชลตอบรับเสียงแผ่วไม่กล้าเงยขึ้นสบตา  แต่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลของสายตานับสิบคู่จากเพื่อนๆในชมรม         
“หมู่นี้ไม่เห็นที่สโมสรเลย…ไม่ไปขี่ม้าแล้วเหรอ?”
ราเชลชะงักเงยขึ้นมองอย่างประหลาดใจที่มีคนรู้เรื่องเขาขี่ม้า  ที่สำคัญ
ริชพูดถึงที่สโมสรซึ่งเขามีโอกาสไปแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น       
“ว่าไง…ยังไม่ตอบเลยว่ายังขี่ม้าอยู่หรือเปล่า?” ตาวาววับนั้นทำให้ไม่อาจสบตา ได้  ราเชลรีบก้มหน้าเสทำเป็นเขียนภาพง่วน         
“ช่วงนี้ใกล้สอบครับ…ไม่มีเวลาไปซ้อม”         
“เสียดายนะ…ฝีมือก็ดีไม่คิดจะลงแข่งเหรอ?”         
“ผม…เอ่อ…”         
“ริชไปชมรมการละครต่อเลยนะ…ยังขาดอีกชมรมเดียว” กายเอ่ยชวนทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือ  ริชเหล่ตามองอย่างฉุนๆ  รู้ดีว่าโดนแกล้งขัดจังหวะ         
“หวังว่าคงได้เจอเธอที่สโมสรเร็วๆนะ” ราเชลก้มหน้างุดไม่ตอบ  นิ้วยาวเรียวคีบเสื้อริชให้ออกเดิน  ริชจำต้องตามออกไปแต่ก็ไม่วายหันมามองประธานชมรมคนงามอีกหน
         .................................

แสงไฟในห้องที่เริ่มมัวเล็กน้อยเพราะอายุการใช้งานทำให้ปวดตา  ราเชลกระพริบตาถี่ๆอยู่นานแต่อาการล้าก็ไม่หายไป  จึงจำต้องวางพู่กันลง  หนุ่มน้อยสะดุ้งเมื่อเหลือบมองนอกหน้าต่าง  ภายนอกมืดสนิททำให้เขาใจหายวาบรีบก้มลงดูเวลา         
‘แย่แล้วนี่เราอยู่จนป่านนี้เชียวเหรอ  คุณย่าต้องเล่นงานแน่ๆ’  ราเชลได้แต่คร่ำครวญกับตัวเอง  มือก็รีบคว้าอุปกรณ์เก็บแทบไม่ทัน  ในใจภาวนาให้วันนี้คุณย่าติดธุระที่ไหนจนไม่รู้ว่าเขากลับช้า  แม้จะรู้ว่าเป็นการภาวนาที่แทบเป็นไปไม่ได้
ราเชลรีบเดินจนแทบเป็นวิ่ง ตึกทุกตึกเงียบกริบนักเรียนส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้วนอกจาก….         
“อ้าว!ยังไม่กลับหรือจ๊ะคนสวย  หรือว่ารอพวกพี่”
นั่นไงคนที่ไม่อยากเจอก็เจอจนได้  ราเชลก้มหน้างุดพยายามเดินให้เร็วขึ้น  แต่ร่างหนาที่ถลาเข้ามาขวางทำให้หยุดแทบไม่ทัน         
“แล้วกันทักดีๆทำไมไม่ตอบล่ะ?”         
“…ขอ…ขอโทษครับ…ผมจะรีบกลับ”         
“ไม่เป็นไรพวกเราไปส่งให้ก็ได้”         
“นั่นสิ  บ้านก็อยู่ทางเดียวกัน ให้พวกเราไปส่งดีกว่าน่า”         
“มะ…ไม่เป็นไรครับ  ป่านนี้คนขับรถมารอแล้ว”         
“ว้าว!ลืมไปว่าพูดอยู่กับคุณหนูตระกูลหย่าย…ต้องมีคนมาคอยรับคอยส่ง  แหม!รถกระจอกของพวกเราคงไม่ได้คนสวยไปนั่งซะแล้ว” พวกเพื่อนๆโห่ฮากันเกรียวกราว  ร่างหนาขยับเข้ามาใกล้  ราเชลถอยกรูดมือใหญ่จึงยื่นเข้ามาหา           
“ราเชลทำไมยังกลับอีก  ตอนนี้ที่บ้านเธอเขาห่วงกันใหญ่แล้ว” ร่างผอมบางของอาจารย์ศิลปะก้าวเข้ามากลางวงล้อมอย่างไม่หวั่นเกรง  หนึ่งในนั้นสะกิดเพื่อนก่อนจะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว  มีเพียงเจ้าร่างยักษ์เท่านั้นที่ทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ  แต่สุดท้ายก็ยอมถอยไปเช่นกัน         
“ขอบคุณมากครับอาจารย์”         
“ทำไมกลับซะค่ำป่านนี้  ดีนะที่พอลลิ่งตาไวเหลือบเห็นเธอเข้า”
ราเชลเงยขึ้นมองบนตึกอำนวยการ  ร่างโปร่งบางยังมองลงมาจากหน้าต่าง  แต่แสงไฟจากด้านหลังทำให้มองหน้าไม่ชัดนัก           
“พรุ่งนี้ผมจะไปขอบคุณคุณพอลลิ่งครับอาจารย์”         
“ไปครูจะไปส่งที่รถ”  ราเชลเดินตามด้วยความโล่งอก  ขายังสั่นอยู่นิดๆ  นับว่าวันนี้ดวงเขายังดีที่กายเห็นเขาเสียก่อน  ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกพวกนั้นทำอะไรบ้างก็ยังไม่รู้
         .................................

ริชเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วชะงักกึก  เมื่อเห็นร่างเล็กนั่งพิงอยู่ข้างหน้าต่างจึงค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ชะโงกมองหน้าเนียนใสที่ซบหลับสนิท ปากบางยิ้มมาดหมาย ก้มลงไปหมายจะจูบปลุกเจ้าหญิงนิทรา แต่ก็ต้องเบรกกึกเมื่อมีดคมวาวจ่ออยู่ตรงหน้า         
“อยากเสียโฉมเหรอริช?”
ริชถอนใจเฮือกยืดตัวขึ้นอย่างหงุดหงิด ใช่ว่าจะกลัวมีดเล่มเล็กกระจิริด นั่นหรอก  แต่หากเขาหักหาญกายอาจจะโกรธจนไม่เหลือแม้ความเป็นเพื่อน           
“เมื่อไหร่นายจะยอมฉันบ้างล่ะกาย แค่จูบก็ยังดี?”
กายอมยิ้มตาพราวอย่างขบขัน         
“ก็ลองดูสิไม่ได้ห้าม”         
“โธ่!ไม่ได้ห้ามแล้วเอามีดมาจ่อกันทำไม?”
ริชเดินไปกระแทกตัวลงนั่ง ร่างสูงค่อนข้างหนาหนักทำให้เก้าอี้ลั่นเอี๊ยด กายเดินตามมานั่งบนโต๊ะตรงหน้ายิ้มหวาน         
“นายก็น่าลองนะ อยากจูบฉันจริงๆก็น่าจะยอมมีแผลสัก2-3แผล”
ริชสะบัดหน้าพรืด อย่างหงุดหงิด         
“เออไม่ได้ชื่อเท็ดบ้างก็แล้วไป ถามจริงๆเถอะกายหมอนั่นมีอะไรดีนักหนานายถึงหลงรักหัวปักหัวปำ ขนาดต้องใช้ฉันเล่นละครด้วย นี่นายคิดจะยั่วมัน..เอ๊ย!เขาหรือไงฮึ?” ริชประชดอย่างหมั่นไส้ ยิ่งเห็นท่าทีเหมือนจะยอมรับ  ริชยิ่งไม่เข้าใจ         
“ทำไม?…อย่างนาย..แค่กระดิกนิ้วก็มีคนพร้อมสยบอยู่แทบเท้าแล้ว?”         
“ก็ฉันไม่ได้รักพวกนั้น  ฉันรักเท็ด” ตาใสเต้นยิบๆอย่างอารมณ์ดี         
“ไม่เข้าใจอ่ะ หมอนั่นมีอะไรดีจะว่าหล่อฉันว่าฉันหล่อกว่า หุ่นก็...โอเคนะ จะว่าฉลาดก็แค่เรื่องเรียนละว้า ไม่งั้นจะถูกนายปั่นเอาขนาดนี้เหรอ...เฮ้ย!”
ริชอุทานพร้อมกับหงายตึงไปตามแรงยัน เพราะนั่งเก้าอี้บน2ขาหลังก็เลยหงายตึงเอาง่ายๆ         
“กาย...โอ๊ย!เจ็บชิบ...เล่นอะไรวะ?”         
“เคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดถึงเท็ดพล่อยๆ เท็ดน่ะไมโง่หรอกแต่เขารู้จักฉันในแบบที่ฉันอยากให้เขารู้เท่านั้น” ตาโตเหมือนแมววาววับด้วยความโกรธ         
ริชลุกขึ้นนั่งมือยังลูบหัวป้อย  นึกถึงละครฉากใหญ่ที่กายขอร้องให้เขาแกล้งไล่ปล้ำเพื่อยั่วให้ ’พี่ชาย’ หึง  ซึ่งได้ผลเกินคาดเพราะเขาเกือบถูกหมอนั่นต่อยเอา
“ตกลงนายเป็นแบบไหนกันแน่วะกาย เทพธิดาหรือปีศาจ...อะๆ..อย่านะ!..ขืนทำร้ายร่างกายอีกคราวนี้พ่อปล้ำจริงๆด้วย ก็ฉันพูดเรื่องจริงอ่ะ ใครๆก็รู้ว่านายน่ะปีศาจหน้าสวยชัดๆ เห็นยิ้มๆ ดันกรีดหน้าไอ้จอร์ชเฉยเลย ป่านนี้ไม่รู้มันหายบ้าหรือยัง” ริชเท้าความถึงสมัยที่กายอยู่นิวยอร์ค         
กายยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ ฉันเตือนมันแล้วว่าอย่ายุ่งกับฉันอยากหาเรื่องเองทำไมล่ะ...ความจริงก็ว่าจะเล่นแค่นิดเดียว แต่เผอิญมีคนเขาฝากให้ช่วยเอาคืนก็เลยต้องเล่นแรงหน่อย”         
“ไม่หน่อยล่ะหมอยังสยองตอนเห็นหน้ามัน”ริชห่อไหล่อย่างหวาดเสียว ภาพที่จอร์ช นอนร้องครวญครางยังติดตา ใบหน้าอาบไปด้วยเลือดแก้มสองข้างถูกกรีดเลาะหนังออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมกินเนื้อที่เกือบทั้งหน้าทำให้หมอและพยาบาลถึงกับผงะเมื่อเห็น         
“ฉันว่าฉันฝีมือดีพอนะ โรเจอร์ยังชมเลยว่าฉันกรีดได้ประณีตมาก”
ริช กลืนน้ำลายฝืดๆเมื่อนึกถึงโรเจอร์ผู้ชายร่างเล็กเจ้าของผับทิมเบอร์ที่นิวยอร์ค เขาเป็นพ่อทูนหัวของกายและกายก็ชอบไปขลุกอยู่ที่ผับของโรเจอร์เกือบทุกวัน ไม่รู้ว่าโรเจอร์สอนอะไรให้กายบ้าง แต่มันทำให้กายเปลี่ยนจากเด็กน้อยไร้เดียงสากลายเป็นเด็กแสบไปทุกเรื่อง แต่เสน่ห์ของกายก็ทำให้เขาต้องยอมย้ายตามมาโรงเรียนบ้านนอกอย่างนี้         
“กาย...ถามหน่อยเหอะ โรเจอร์สอนอะไรนาย?”         
“ศิลปะ”         
“ศิลป!...ศิลปะอะไร?ทำไมมันถึงได้...” ริชอึกอักไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย         
“…โหดแบบนั้น”
กายยิ้มนิดๆหน้านวลยังไร้เดียงสาแต่คำตอบเล่นเอาริชหนาว         
“ก็ศิลปะการฆ่าคนน่ะสิ แต่โรเจอร์แค่อยากให้ฉันมีไว้ป้องกันตัวเองเท่านั้นหรอกน่า ไม่ได้คิดจะฆ่าใครจริงๆสักหน่อย”
ริชถอนใจเฮือกอย่างอ่อนใจ         
“นี่ถ้าแม่นายรู้มีหวังหัวใจวาย” ริชได้แต่ปลงแทน แต่กายกลับพยักหน้า         “แม่รู้”         
“อะ..อะไรนะ!แม่นายรู้งั้นเหรอ?” ริชแทบอ้าปากค้าง         
“รู้…แม่รู้ทุกอย่างนั่นแหละ”         
“แล้วแม่นายก็ไม่ห้าม?”         
“ไม่...แม่บอกว่าขอแค่ฉันพอใจอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้นแหละ”         
“อย่าบอกนะว่าแม่นายรู้เรื่องเท็ดด้วย”         
“ฮื่อ” กายตอบหน้าตาเฉยไร้รอยกังวล         
“โอ้พระเจ้า!...ถ้าเป็นแม่ฉันมีหวังกรี๊ดบ้านแตก”         
“แม่ฉันรับได้  สำหรับแม่ขอแค่ฉันมีชีวิตอยู่แม่ก็พอใจแล้ว”         
“เออสุดยอดคุณแม่”
ริชประชด กายหัวเราะส่งกระดาษแผ่นเล็กๆให้         
“อะไรอีกล่ะ!อย่าบอกนะว่ามีบทอะไรให้ฉันเล่นอีก คราวที่แล้วเกือบถูกพี่
นายซัดหน้าเอา...เอ๊ะ?!”ริชอุทานเมื่อเห็นแผนที่กับเบอร์โทรศัพท์         
“รางวัลสำหรับคนเก่ง ถือว่าฉันปลอบใจที่นายเกือบถูกเท็ดต่อยแล้วกัน เบอร์โทรศัพท์ของราเชล นายเล็งเขาไว้ไม่ใช่เหรอ?”         
“โอ้!กายที่รัก นายนี่น่ารักจริงๆ ฮ้า!…มีแผนที่บ้านด้วยเหรอ?” 
ริชแทบตบหน้าผากตัวเองเมื่อเห็นที่ตั้งของบ้าน  บ้านของราเชลมีอาณาเขตติดกับไร่ที่เขาซื้อไว้ใหม่นี่เอง         
“เออ! เผื่อนายจะปีนหาจะได้ไม่ผิดหลัง ระวังหน่อยล่ะ บ้านนี้เขาดุใช้ได้เลย”         
“ถ้าเข้าถึงตัวราเชลได้ใครก็ขวางฉันไม่ได้หรอกน่า ขอบคุณนะคร๊าบ! ไว้คราวหน้าเรียกใช้บริการใหม่ได้ แต่มีข้อแม้อยู่ว่าถ้าฉันถูกต่อยจริงๆนายต้องยอมให้ฉันจูบ1ที” ริชรีบทวงบุญคุณ  หากได้จูบปากแดงๆนี่สักครั้งเขาอาจยอมให้เท็ดต่อยดูสักทีก็ได้         
“ไม่มีวัน!” กายหัวเราะคิก ท่าทางมั่นใจนั้นทำให้ริชเซ็ง         
เสียงโห่ฮาเกรียวกราวจากข้างล่างทำให้ริชอดชะโงกลงไปดูไม่ได้ ร่างเล็กบอบบางยืนอยู่ท่ามกลางรุ่นพี่ดูเหมือนกำลังตกใจ  ริชหน้าร้อนวาบด้วยความโกรธ สิ่งใดที่เป็นของเขา หรือเขาต้องการคนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะ ไม่ว่าไอ้หน้าไหนทั้งนั้น
         ..................................    

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.2 (25/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-08-2009 19:43:22
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13



รออ่าน ต่อ ครับบบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.2 (25/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-08-2009 20:38:43
โอ้ สนุกมากเลยยยยย   มาต่อบ่อยๆนะ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.2 (25/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-08-2009 21:19:52
^
^
^
เห็นด้วยกับ คุง THIp ทุกประการ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.2 (25/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mayoomay ที่ 26-08-2009 22:58:48
สนุกดีค่ะ   o13  จะคอยติดตามนะค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.2 (25/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kikipanda ที่ 27-08-2009 18:45:10
อ๊า~~ ไม่ไหวแล้วค่ะคุณเทียนฉิน เห็นชื่อเรื่อง" ถนนสายหัวใจ" นึกว่าจะหวานแวว วี๊ดวิ้ว :a5:

คุณใบปอบรรยายซะเห็นภาพมาก (โดยเฉพาะฉากที่พี่เลี้ยงราเชลถูกเย็บปาก กรี๊ดดดด สยองงงง o22)

ขอป้าไปทำใจใหม่อีกทีก่อนมาอ่านต่อนะค่ะ (ปฐมบทยังอ่านไม่จบเลย ฮือออ  :sad4:)


หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 29-08-2009 20:03:42
คุณ THIP /คุณ Dahlia / คุณ ♥=Tanuki=♥ : ขอบคุณมากคะ.
คุณ kikipanda : ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ  :really2: ลองติดตามอ่านดูนะ

•••ขอบคุณที่ติดตามทุกคนเลยคะ •••


..................................


ราเชลก้าวเร็วๆเมื่อต้องผ่านสนามของชมรมรักบี้ หากไม่จำเป็นจะไม่ยอมผ่านทางนี้เด็ดขาด  ทันทีที่เดินผ่าน รุ่นพี่ร่างหนาหน้าตาหน้ากลัวก็ปราดเข้ามาขวางและพยายามส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้         
“หวัดดี  ไปไหนเหรอจ๊ะคนสวยชมรมศิลป์”         
“ต้องการแบบนู๊ดบ้างไหม พวกเรายินดีนะ..ฮ่าๆ”
ราเชลก้มหน้าไม่อยากสบตากับใคร  พวกนี้ชอบเข้ามาแซวแบบนี้เป็นประจำแต่ทุกครั้งมักมีลอว์ลี่กับเจอร์รี่มาด้วยทำให้พวกนี้ไม่กล้าขนาดมารายล้อมแบบนี้  แต่วันนี้ลอว์ลี่กับเจอร์รี่ไม่รู้หายไปไหน ทำให้เขาต้องเดินผ่านทางนี้คนเดียว 
ราเชลพยายามจะหาทางหลุดออกจากกลุ่ม แต่พวกนั้นกลับบีบแคบเข้ามาอีกจนหมดทางออก  กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นเหม็นอับเสื้อผ้าชวนเวียนหัว  ราเชลเม้มปากแน่นเมื่อรุ่นพี่ที่ชื่อแม็กกี้ขยับมาใกล้แถมยังยื่นมือเข้ามาหา ก่อนที่มือนั้นจะถึงตัวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง       
“ราเชล…”
ชมรมรักบี้หันขวับไปตามเสียง  ร่างสูงเดินลิ่วลงมาจากตึกม.ต้น  เสียงใครคนหนึ่งอุทานเบาๆ         
“แฮมิลตัน…” สมาชิกชมรมรักบี้แตกกระจายทันที  รวมถึงแม็กกี้ก็ถูกลากออกมาด้วย  เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ปรึกษาชมรมเพิ่งประกาศหยกๆว่าได้รับเงิน
สนับสนุนจากบริษัทกีฬาในเครือแฮมิลตันคอปฯ หากวันนี้ใครมีเรื่องกับริชเห็นทีคงโดนไล่ออกจากชมรม  แคลวินลากแม็กกี้ออกมาไกลจนแน่ใจว่าเพื่อนๆไม่มีใครได้ยินสิ่งที่พูด         
“ไว้ค่อยเล่นมันหลังวันแข่งดีกว่า  ไม่งั้นกัปตันคัดออกจากตัวจริงแน่ๆ”         
“เออ…คอยดูนะหลังแข่งจะซัดมันให้น่วมเลย”         
“ไม่ต้องห่วงน่า  ไม่ได้มีแต่เราหรอกที่เกลียดมัน  เดี๋ยวคนอื่นก็จัดการเองแหละ”         
ราเชลมองชมรมรักบี้ที่กระเจิงไปอย่างแปลกใจแกมทึ่งในตัวริช  แต่เมื่อหันกลับมาสบตาคมกริบของคนข้างหลังก็อดหลบไม่ได้  ใบหน้าเนียนร้อนวาบ  เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่โดนริชจ้อง           
“ขอบคุณครับที่ช่วย”         
“ไม่เป็นไร…เดี๋ยวนี้ไม่ไปวาดรูปที่ไร่แล้วเหรอ?”         
“เอ่อ…ผมไม่ค่อยว่างครับ  ใกล้เวลาเรียนแล้วขอตัวก่อนนะครับ” ร่างเล็กเดินลิ่วไปทันที ริชมองตามอย่างเสียงดาย
         .................................

ราเชลไม่ชอบความรู้สึกนี้   ‘นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมต้องคอยมองตามแต่เขาทุกครั้ง’  ราเชลเหลือบมองสนามบาสอีกจนได้  ร่างสูงโดดขึ้นยัดลูกลงในห่วงพอดี  แสงแดดกระทบกับเหงื่อที่เปียกชุ่มทั้งอกเปลือยเป็นประกาย กล้าม - เนื้อทุกมัดขยับตามการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง  ริชหันตัวกลับและชูตลูกจากกลางสนามลงห่วงได้พอดี  ท่ามกลางเสียงกรี๊ดจากสาวๆรอบสนาม 
ริชหันขวับมาทางหน้าต่างห้องศิลปะแล้วผายมือออกกว้างพร้อมกับโค้งให้  คนทั้งสนามหันมองตามกันพรึบ ราเชลซุกตัวลงแอบด้วยความตกใจ  สองแก้มร้อนผ่าวได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระทึก  ทั้งอับอายและขัดเขินจนไม่รู้จะทำยังไง  ไม่อยากคิดเลยว่าพรุ่งนี้เขาจะเผชิญหน้ากับเพื่อนๆในห้องด้วยสีหน้าแบบไหนดี  แค่เสียงกรี๊ดคำรบสองที่ดูจะดังกว่าตอนที่ริชชูตบาสเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าพรุ่งนี้คงไม่แคล้วถูกซุบซิบนินทาอีกแน่ๆ
……………………

ราเชลกลับบ้านอย่างใจลอย แทบไม่รู้ตัวว่าเดินมาถึงลานจอดรถได้ยังไง   ในหัวมีแต่ภาพร่างสูงที่โดดชูตบาสแล้วหันมาโค้งให้  ใบหน้าเนียนแดงซ่านและอมยิ้มน้อยๆอย่างขัดเขินกับการล้อเลียนของเพื่อนๆในชมรม   
“กำลังคิดถึงใครอยู่  เดินไม่ดูทางรถจะชนเอานะ”
ราเชลสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหน้าคมชะโงกมาใกล้จนลมหายใจร้อนๆปะทะใบหน้า  กลิ่นน้ำหอมโชยกรุ่นกับไอตัวร้อนผ่าวทำให้หนุ่มน้อยหน้าแดงซ่านเพราะนึกถึงสิ่งที่ริชทำเมื่อตอนกลางวัน       
“คุณ...แฮมิลตัน”
ริชหรี่ตาแก้มเนียนใสตรงหน้าชวนให้สัมผัส และเขาก็ไม่ใช่คนชอบฝืนใจตัวเอง  ราเชลสะดุ้งสุดตัวเมื่อปลายนิ้วยาวยื่นไล้บนแก้ม  ยังไม่ทันตั้งหลักจมูกร้อนๆก็แนบลงสูดกลิ่นหอมจากแก้มเนียนอย่างรวดเร็ว  ราเชลกระโดดโหยงหน้าแดงซ่าน  และทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนกุมแก้มที่ถูกหอมอย่างตกใจ
ริชหัวเราะตาพราวก่อนจะเหลือบมองด้านหลังเขาแล้วผละไปยังรถสปอร์ตสีแดงที่จอดอยู่   ราเชลหันกลับไปมอง  ร่างโปร่งระหงเดินลิ่วมาและก้มอ่านกระดาษในมือง่วน         
“โทษทีที่ช้าริช…เดี๋ยวฉันต้องไปใช้คอมฯบ้านนายนะคอมฯที่บ้านเสีย…อ้าว!” กายชะงักเมื่อเงยขึ้นมาเห็นหนุ่มน้อยตรงหน้า
ราเชลหน้าจืดเจื่อนหลบตาเขาวุ่นวาย  ยังไม่ทันที่กายจะเอ่ยทักรถเก๋งรุ่นโบราณก็คลานเข้าจอดเทียบ  ราเชลขึ้นรถอย่างรวดเร็ว 
กายมองตามอย่างงงๆก่อนจะหันไปหาเจ้าของรถสีแดงที่นั่งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้  กายเปิดประตูขึ้นไปแล้วจ้องหน้าริชเขม็งจนเด็กหนุ่มอึดอัด         
“ความหล่อมันเข้าตาหรือไงกาย  หรือเปลี่ยนใจจะมารักฉันแล้ว?”         
“อย่ามาเฉไฉ  นายทำอะไรเด็กคนนั้น?”         
“เปล่า”         
“ริช…”         
“ไม่ได้ทำอะไร…จริงๆนะ! ให้ตายสินายหัดเชื่อใจฉันหน่อยไม่ได้หรือไง?”         
“ไม่มีวัน”         
“โธ่กาย…”         
“บอกมาว่านายทำอะไรเขา?” ลูกนัยน์ตายิบๆรู้ทันทำให้ริชอดหมั่นไส้ไม่ได้         
“ถ้านายถามเพราะนายหึงฉันละก็ฉันจะบอก” เด็กหนุ่มเฉไฉไปเรื่องอื่น         
“ถ้านายไม่บอก พรุ่งนี้ฉันกลับเอง” กายลอยหน้าแล้วหันไปทิ้งตัวกับพนักแรงๆ         
“ก็ได้!ฉันก็แค่…แอบจับแก้มเขา…ก็แค่นั้น”หางเสียงสะบัดอย่างหงุดหงิด กายหันขวับมาจ้องเขม็ง         
“บอกมาให้หมดว่าทำอะไร  อย่างนายนะเหรอจะแค่แอบจับแก้ม”         
“บ้า…แค่นั้นก็แค่นั้นสิ” ริชหันไปทางอื่น ปฏิเสธไม่เต็มเสียง         
“ริช…”กายตบไหล่หนาดังปึกและลากเสียงยานล้อเลียน         
“โอเค!…ฉันหอมเขาด้วย  แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเด็กนั่นก็กระโดดโหยง…ทำยังกับฉันจะปล้ำเขากลางถนน”         
“คนอย่างนายทำได้อยู่แล้ว”เด็กหนุ่มหน้าสวยพูดหน้าตาเฉย ริชได้แต่ครางเสียงระห้อยอย่างอ่อนใจ         
“กาย…นายเห็นฉันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”         
“นายไม่ได้เลวร้ายริช…แต่นายมันตัวร้าย เจ้าชู้สุดๆแถมยังกะล่อนไม่มีใครเกิน  ถ้าขืนไว้ใจมีหวังอกหักตาย” กายหันมาแซวปนหัวเราะ  ริชทำตากรุ้งกริ่งขึ้นมาทันที         
“แต่ถ้าเป็นนายฉันจะไม่มีวันทำให้อกหักเด็ดขาด”         
“มันแน่นอนอยู่แล้วริชเพราะฉันไม่มีวันรักใครนอกจากเท็ด”         
“เซ็งเลย…หยุดหายใจเข้าออกเป็นหมอนี่ไม่ได้เหรอกาย?”         
“ไม่ได้หรอก…เพราะฉันหลงรักเท็ดมาตั้งแต่เกิดแล้ว”
ริชทำหน้าเซ็งสุดขีดแล้วแกล้งขับรถแทบคลานเพื่อให้กายกลับไปเจอเท็ดช้าๆ แต่เจ้าตัวกลับอมยิ้มนั่งชมนกชมไม้สบายใจที่ได้แกล้งเพื่อน
      ..................................

สมิทเหลือบมองนายตัวน้อยอย่างสงสัย  ตลอดทางราเชลเอาแต่นั่งเงียบ  แม้ปกติราเชลจะเป็นคนพูดน้อย  แต่ก็มักทักทายและถามสาระทุกข์สุขดิบของเขาเสมอ  ไม่ใช่นั่งนิ่งเหมือนหุ่นอย่างนี้  ที่สำคัญตาของหนุ่มน้อยเศร้าเหลือเกิน
   “คุณหนูครับ...มีเรื่องไม่สบายใจหรือครับ?”
“เปล่า...”
“...เอ่อ...วันนี้คุณหนูเงียบจังครับ”
“...ฉันไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะที่ห่วง”
“ครับ” สมิทอยากจะถอนใจเฮือกใหญ่  ปากก็บอกว่าไม่เป็นอะไร  แต่คุณหนูนั่งตาลอยอีกแล้ว  นี่ถ้าหากคุณหนูเป็นลูกหรือหลานเขา เขาจะจับมานั่งคุยกันให้รู้เรื่อง  แต่คุณราเชลเป็นนาย  แค่ให้ความสนิทสนมคอยห่วงใยพวกคนรับใช้ก็โดนคุณท่านตำหนิอยู่แล้ว  และเขาก็ไม่กล้าเสนอหน้าไปทำรู้ดีสอนนายเช่นกัน
      ..................................

ยังไม่ทันลงนั่งกระดาษแผ่นหนึ่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะ
“ราเชล...หนังสือเวียนจากกรรมการนักเรียน”
“มีอะไร?”
“เขาเลื่อนการประชุมออกไป”
“ทำไมละ?”
“ในนี้แจ้งว่ามีปัญหาด้านเอกสาร  แต่พวกรุ่นพี่คุยกันว่าคุณพอลลิ่งป่วย”
“อ้าว! คุณพอลลิ่งเป็นรองประธานนี่  ประธานก็อยู่ไม่เห็นต้องเลื่อนประชุมเลย”
“แฮอะ! นายนี่ไม่รู้อะไรซะเลย  ประธานน่ะรู้อะไรเสียที่ไหน  ถึงจะเรียนเก่งจนเป็นนักเรียนทุนแต่ก็ต้องเรียนหนัก  จะมีเวลามาทำงานได้ไง  งานของฝ่ายกรรมการนักเรียนเยอะจะตาย  แถมยังยุ่งซะจนประธานคนที่แล้วต้องลาออกกลางคัน  อีตาประธานใหม่นี่แกฉลาดร้ายนักที่ดึงเอาคุณพอลลิ่งมาช่วยงานได้  เลยสบายไปเลย วันๆไม่ต้องทำอะไรนั่งพยักหน้าวางท่าประธานอย่างเดียว”
“จริงเหรอลอว์ลี่”
“เจอร์รี่บอกฉัน  เขาสนิทกับฝ่ายบริหารกรรมการนักเรียนตั้งหลายคน”
“คุณพอลลิ่งนี่เก่งนะ...”
“ทำไม วันนี้เกิดอยากจะปลื้มคุณพอลลิ่งขึ้นมาบ้างหรือไง  ทีเมื่อก่อนเห็นแซวฉันกับเจอร์รี่ว่าคลั่งดาราอยู่เลย”
ราเชลได้ยิ้ม  ตาดวงตาเศร้าลงโดยที่ลอว์ลี่ไม่ทันสังเกต
“วันนี้มีเรียนเคมีคาบแรกนี่  รีบไปดีกว่า”
“แล้วเจอร์รี่ละ?”
“ซ้อมละครปัญญาอ่อนอยู่”  ลอว์ลี่กระแทกเสียงหน้าบึ้งด้วยความโกรธ
“น่า...อย่าโกรธเลย  เจอร์รี่ก็ชอบสนุกไปอย่างนั้นแหละ  เดี๋ยวก็เบื่อ”
“เบื่ออะไร  นับวันเขาก็ห่างเหินไปทุกที  เอะอะอะไรก็ซ้อมละครๆ  นี่ไม่ได้ไปขี่ม้าด้วยกันมาตั้งหลายวันแล้ว  กลับจากโรงเรียนก็คุยแต่โทรศัพท์จนดึกดื่นทุกวัน”
“แล้วทำไมนายไม่หากิจกรรมอะไรทำบ้างละลอว์ลี่ จะได้ไม่เบื่อ”
“ก็ทุกครั้งเราทำอะไรก็ทำด้วยกัน  แต่เดี๋ยวนี้เจอร์รี่เขาไม่มีเวลาให้ฉันเลย”
ราเชลได้แต่นิ่งไป  ความจริงเขาอยากเตือนว่า ถึงจะเป็นคู่แฝด แต่เจอร์รี่ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือทำอะไรตามความต้องการของตัวเองไม่ใช่ว่าจะต้องคิดเหมือนกับ ลอว์ลี่เสมอไป
แต่ความที่ไม่เคยมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นใดๆเลยเพราะทุกอย่าง ราเชลต้องทำตามคำสั่งของคุณย่าเท่านั้น  หนุ่มน้อยจึงได้อ้ำอึ้งและก็ปล่อยให้ความคิดที่จะพูดกับลอว์ลี่ผ่านเลยไปอีกครั้ง
      ..................................

ลอว์ลี่ชะงักเมื่อโผล่เข้าไปในห้องศิลปะแล้วยังเห็นราเชล ลงสีอยู่-อย่างขะมักเขม้น  ทั้งๆที่ได้เวลาเรียนวิชาต่อไปแล้ว
“ไปรึยังราเชล”
“เดี๋ยวนะอีกนิดหนึ่ง”
“เดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก น่าตอนเย็นค่อยมาวาดต่อก็ได้”
“ก็ได้...ไปก็ไป”
“แล้วเจอร์รี่ละ?”
“ไม่รู้สิ หมู่นี้ไม่รู้มีอะไรนักหนา  เดี๋ยวก็แวบหายๆอยู่เรื่อยเลย”
“เจอร์รี่เขารับไปเล่นละครให้ชมรมการละครนี่”
“แต่นี่มันไม่ใช่เวลาซ้อมนี่”
“แต่ทางชมรมเขาอาจเรียกประชุมก็ได้นะ”
“คงงั้นมั้ง”
“ความจริงเขาติดต่อนายด้วยนี่”
“ไม่หละ  ตลกตายเลย…ทำเป็นเด็กประถมไปได้ สโนว์ไวท์กับฆาตกรทั้ง7 ยังมีหน้ามาชวนเราเป็นสโนว์ไวท์อีก  บ้ารึเปล่า”
   “แต่เจอร์รี่เขายอมเล่นนี่”
“นั่นก็แปลก..ปกติเห็นหัวเราะเยาะชมรมละครอยู่บ่อยๆ  ทำไมคราวนี้ยอมไปก็ไม่รู้...ไม่รู้มีแผนหรือเปล่า” ประโยคหลังลอว์ลี่พึมพำกับตัวเองเบาๆ ราเชล จึงได้ยินไม่ถนัด
“อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก  หมู่นี้พวกชมรมคนเถื่อนนั่นมายุ่งกับนายหรือเปล่า?”
“ก็อาศัยปีเตอร์กับพวกนายคอยไปไหนมาไหนด้วย  ก็เลยห่างๆไป ไม่ค่อยเข้ามาวุ่นวายเหมือนก่อน”
“ดีแล้วละ  เราจะคอยไปเป็นเพื่อนนายเอง” ลอว์ลี่ทำตามาดหมาย  เรื่องอะไรจะบอกให้ราเชลรู้ว่าที่พวกนั้นไม่กล้ามายุ่งเพราะมี ‘ผู้มีอิทธิพลบางคน’ ไปขู่อาจารย์ที่ปรึกษาไม่ให้คนในชมรมรักบี้มายุ่งกับราเชลไม่อย่างนั้นเงินสนับสนุนจะถูกยกเลิก  คำสั่งนี้ดูเหมือนจะครอบคลุมทุกชมรมด้วยซ้ำ  ทำให้บรรดามดแดงที่เคยทักเคยแซวราเชลหัวหดไปตามๆกัน 
เสียงกรี๊ดกร๊าดจากสนามบาส ดังมาก่อนที่จะเห็นตัว  ร่างสูงเคาะลูกบอลอยู่กลางสนาม โดยมีหนุ่มร่างบึกยืนอยู่ตรงข้าม  ทั้งสองประสานตากันนิ่งรอจังหวะ
แว่บเดียวเท่านั้นที่ริชเหลือบไปเห็นร่างบาง  ลูกบอลในมือก็ถูกตัดไป  แทนที่จะตามไปแย่งคืนริชกลับผละออกจากสนามมายังหนุ่มน้อยทั้งสอง
“ไฮ้...ไปไหนกัน”
“ไปเรียน  ไม่มีตาหรือไง?” ลอว์ลี่ตอบสวนทันควันขณะที่ราเชลก้มหน้างุด  แก้มเนียนใสแดงซ่านด้วยความอาย ทำให้ริชมีกำลังใจที่จะชวนคุยต่อ
“พรุ่งนี้ไปขี่ม้ากันไหม  ฉันไปรับก็ได้นะ”
“ไม่จำเป็นพรุ่งนี้ราเชลมีเรียนเปียโน” ลอว์ลี่ยังคงต่อปากต่อคำอย่างย่ามใจที่ราเชลเอาแต่เงียบ  จึงไม่ได้เห็นสีหน้าขัดเขินเก้อกระดากของราเชล
“ที่บ้านมีเปียโนหลังใหม่  เสียงมันเพี้ยนไปหน่อย  ตั้งให้หน่อยได้ไหม?”
“ธุระ! คนระดับแฮมิลตันไม่มีปัญญาจ้างคนมาตั้งเสียงเปียนโนให้เชียวเหรอ?...” ลอว์ลี่ชะงักหนาวสันหลังวูบกับสายตาเย็นเยือกของริช
“เราไปกันดีกว่าราเชล  เดี๋ยวจะเข้าเรียนไม่ทัน”
ราเชลเดินตามแรงลาก  แต่เมื่อคล้อยหลังก็หันกลับมาแอบมองริช   ครั้นเห็นว่าริชมองอยู่ก็หลบตาแก้มแดงซ่านยิ่งกว่าเดิมและรีบเดินตามลอว์ลี่ไป
      ..................................

ริชชะเง้อมองประตูทางเข้าโรงเรียนอย่างหงุดหงิด กายขาดเรียนมา3วันแล้ว ทางบ้านโทรมาแจ้งโรงเรียนว่าป่วย ทำให้ริชอดกังวลใจไม่ได้ แม้การผ่าตัดจะได้ผลดีแต่สภาพร่างกายของกายก็อาจจะยังไม่แข็งแรงนัก         
รถจิ๊ปกลางเก่ากลางใหม่คุ้นตาเลี้ยวเข้ามาจอด กายก้าวลงมาแล้วชะโงกเข้าไปคุยกับคนขับก่อนที่รถคันนั้นจะถอยออกไป ริชขมวดคิ้วแปลกใจที่เห็นกายยืนมองรถคันนั้นจนลับตาจึงเดินเข้ามา         
“กาย”         
“อ้าว!…ริช มายืนคอยใครล่ะวันนี้?” ริชขมวดคิ้ว มองหน้านวลที่ดูเปล่งปลั่งอย่างแปลกใจ ก็ไหนว่าป่วยแล้วทำไมดูสดชื่นขนาดนี้เลยล่ะ         
“มาคอยนายนั่นแหละ เห็นเพื่อนห้องนายบอกว่านายป่วย แล้ว…ดูนายก็สดชื่นดี?”         
“ก็หายแล้วนี่” ริชยังคงนิ่วหน้าจ้องกายราวกับจะจับพิรุธ กายอมยิ้มเดินนำเข้าไปที่ตึกเรียน
         .................................

ริชเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออยู่ตลอดเวลา  ทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณหมดเวลาเรียน ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว  อาจารย์ผู้สอนมองตามเหมือนจะค้อนด้วยความหมั่นไส้
“กาย…ตอนเย็นไปแม็คฯกัน” ริชโผล่เข้าไปในห้อง กายยังก้มหน้าก้มตาเขียนอยู่อย่างเดิม บนโต๊ะมีสมุดหลายเล่มเรียงกันเป็นระเบียบ         
“ทำอะไรน่ะ?”ริชท้าวลงบนโต๊ะก้มมองงานแล้วมองหน้าเนียนใสอย่างแปลกใจ         
“งานส่วนที่ขาดเรียนไป 3 วัน”         
“อ้าว! ก็เอาไปทำที่บ้านสิ”         
“ไม่ได้”         
“ทำไมล่ะ?” กายถอนใจเฮือกเงยหน้าขึ้นมองเหมือนจะรำคาญเขา         
“ก็ฉันอยากทำให้เสร็จตอนนี้เลย เลิกเรียนจะรีบกลับบ้าน”
ริชขมวดคิ้วนิดๆ  อดยกนาฬิกาดูซ้ำไม่ได้           
“แล้วนี่นายไม่ไปกินมื้อเที่ยงเหรอ?”         
“ไม่ล่ะฉันฝากเพื่อนซื้อขนมปังแล้ว”ริชทรุดลงนั่งข้างๆมองท่าทางรีบเร่งอย่างแปลกใจ         
“เอ้า!ถ้าว่างนักก็ช่วยทำหน่อยสิ” กายหันมาหยิบสมุดเล่มบนส่งให้ ริชขมวดคิ้ว เขาเคยอาสาช่วยหลายครั้งแต่กายก็ไม่เคยยอมให้ทำให้สักครั้ง แต่ก็รับสมุดมาช่วยทำเงียบๆ         
“เฮ้อ!เสร็จซะที ขอบใจนายมากริช นี่ถ้านายไม่ช่วยกว่าจะเสร็จคงกลับบ้านช้าแหงๆ” หน้าใสระรื่นผิดปกติ...มีบางอย่างที่แปลกไป แต่ริชนึกไม่ออก         
“ดูเหมือนนายอยากกลับบ้านเร็วเป็นพิเศษนะวันนี้?”ตาคมหรี่มองอย่างไตร่ตรอง         
“ไม่ใช่แค่วันนี้หรอกน่า ฉันก็รีบกลับเหมือนทุกวันแหละ” กายหัวเราะเสียงใส ดวงตาแพรวพราว ริชจับจ้องด้วยสังหรณ์ประหลาด นี่เขาคงไม่ได้คิดไปเองสินะที่รู้สึกเหมือนกายจะดู..สวยขึ้น…เซ็กส์ซี่มากขึ้น…หรือว่า!         
“กาย!นายเสร็จเท็ดแล้วเหรอ?”
กายสะดุ้งหันมามองเขาอย่างประหลาดใจ แต่แก้มแดงซ่านนั้นก็เป็นคำตอบได้ดีพอแล้ว  แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่ากายรักเท็ด แต่เมื่อรู้ว่ากายเป็นของคนอื่นในอกก็วาบลึกด้วยความเสียดาย           
“โธ่!…ฉันรึอุตสาห์เฝ้านายมาตั้งนาน ลงทุนย้ายตามนายมาอยู่โรงเรียนบ้านนอกขนาดนี้  แต่นายกลับมาเสร็จเท็ดงั้นเหรออุ๊บ!”
กายกระโดดปิดปากเขาแทบไม่ทันเป็นจังหวะที่ประตูเปิดเข้ามาพอดี หมอนั่นชะงักเมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมของคนทั้งสอง         
“เอ่อ!…กาย นี่ขนมปังที่ฝากซื้อ”         
“ขอบใจมากบิล”กายรีบปล่อยปากริชรีบไปรับขนม
ริชเหลือบมองเห็นสายตาแปลกใจและไม่มิตร เด็กหนุ่มมองเมิน รอยยิ้มหยันปรากฏที่มุมปาก  คนถูกมองหน้าแดงก่ำตาขุ่นด้วยความโกรธ ก้มลงกระซิบกระซาบบางอย่างกับกาย
กายพยักหน้ายิ้มหวานให้ คราวนี้หมอนั่นหน้าแดง ท่าทางเงอะงะขัดเขิน         
“เอ่อ!…เราไปนะ” กายยังส่งยิ้มหวานตามไป แม้เมื่อหันกลับสบตากันก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างเดิม           
“นายนี่หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยนะกาย!” อดที่จะต่อว่าไม่ได้ด้วยในใจยังขุ่นมัว         
“พูดยังกับนายหึงฉันงั้นแหละ” กายเดินมานั่งที่เดิมแกะขนมปังออกมาบิเป็น 2 ซีก  ส่งซีกหนึ่งให้เขา         
“กินไหม?”         
“ไม่เอา!”ริชผุดลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนมองนอกหน้าต่าง กายกินขนมปังอย่างสบายอารมณ์         
“นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่านายกับเท็ดน่ะ…?”         
“ใช่”         
“มิน่าละ  แสดงว่าที่นายขาดเรียนนี่เป็นเพราะหมอนั่นทำให้นายแย่ละสิ”กายอมยิ้มเฉย         
“ไม่น่าเชื่อแฮะ…ท่าทางก็ดูจืดๆ ไม่น่าจะร้อนแรงได้ขนาดนั้น” กายหน้าแดง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เฉยเสีย  ดวงตาโตมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์       
“นายอย่าทำตาอย่างนั้นได้ไหมกาย ฉันขนลุกว่ะ” ริชขนลุกซู่กับสายตาที่เหมือนจะบอกอะไร  แต่ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ กายหัวเราะคิก         
“นายล่ะ…เรื่องราเชลไปถึงไหนแล้ว?” ริชยักไหล่อย่างหงุดหงิดเมื่อถูกสะกิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาขุ่นมัวมาหลายวัน           
“เข้าถึงตัวที่ไหนล่ะ ตอนนี้ที่บ้านเขาส่งคนมารับมาส่งแทบทุกวัน ในโรงเรียนก็มีไอ้เด็กชมรมมวยคอยตาม แถมยังมีแฝดจอมจุ้นนั่นคอยประกบอีกเซ็งชะมัด”
กายอมยิ้มตาโตเป็นประกายยิบเหมือนกำลังสนุก         
“เย็นนี้มีประชุมหัวหน้าชมรมเกรด8-10ราเชลเขาเป็นตัวแทนชมรมศิลปะ ฉันคงได้คุยกับเขา”
ริชใจฟูด้วยความยินดี  หากกายช่วยโอกาสที่จะได้ใกล้ราเชลคงอยู่ไม่ไกล         
“พอดีวันนี้ฉันว่าง…ฉันมาคอยนายที่ชมรมนะ”         
“อ้าว! วันนี้นายมีซ้อมยูโดไม่ใช่เหรอ?” ตาโตเป็นประกายรู้ทันจนน่าหมั่นไส้         
“ไม่เป็นไรโดดได้…อ้าว!ใกล้เวลาเรียนแล้วฉันไปก่อนละ”
ริชทำท่าจะออกเดินแต่กลับหันไปคว้าเอวกายแล้วชะโงกหน้าเข้าหาอย่างรวดเร็ว มือเล็กยกขึ้นปิดปากเขาได้ทันก่อนจะสัมผัสแค่นิดเดียวแล้วดันตัวออกจากอ้อมแขนเขา         
“โธ่กาย!…ทำไมนายหวงตัวกับฉันนัก  แค่จูบเท่านั้นเอง?” ริชทำเสียงละห้อยอย่างอ่อนใจ  ตาโตมองนิ่งแต่ไม่มีวี่แววล้อเล่นอีกต่อไป
“เสียใจริช…ฉันไม่อยากให้ใครแตะฉันอีก….นายเข้าใจนะ”
ริชถอนใจเฮือก ก็เล่นทำตาแบบนี้จะไม่เข้าใจได้ไง เด็กหนุ่มยอมผละไปแต่โดยดี วิ่งตัดกลับที่ตึกเรียนฝั่งตรงข้าม
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 29-08-2009 20:09:14
ต่อคะ
..........


ราเชลรวบสมุดและบันทึกการประชุมลงกระเป๋า  ยังไม่ทันลุกขึ้นร่างเพรียวบางก็ปราดมายืนข้างโต๊ะ  รอยยิ้มเจิดจ้าบาดตาทำเอาหนุ่มน้อยตาลายไปวูบหนึ่ง         
“ราเชล…ผมมีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อยอยู่ก่อนได้ไหม?”         
“ครับ” ราเชลได้แต่รับคำ  ไม่รู้ว่ากายมีเรื่องสำคัญอะไรกับเขา         
“พวกเราอยู่เป็นเพื่อนราเชลได้ไหมครับ?” คู่แฝดปราดเข้ามาเสนอหน้า  สองหนุ่มนี่ปลื้มกาย ยังกับปลื้มดารา  ขอแค่ได้คุยก็ฟุ้งไปได้หลายวัน  กายหันไปยิ้มหวานเล่นเอา 2 หนุ่มหน้าแดงเขินแทบจะมุดไปอยู่ใต้โต๊ะ         
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาราเชลหลายเรื่องเลย พอเสร็จธุระแล้วจะโทรให้รถที่บ้านเขามารับนะครับ ไม่ต้องรอก็ได้”         
“ครับ”
ราเชลเหลือบมองเพื่อนอย่างประหลาดใจธรรมดาสองแฝดจะดำรงตนเป็นพี่เลี้ยงจู้จี้คอยบงการเขาไปเสียทุกเรื่อง  แต่วันนี้กลับว่าง่ายผิดปกติ
เมื่อนักเรียนออกจากห้องประชุมไปหมดกายก็หอบเอกสารการประชุมมาถือไว้แล้วหันมาหา         
“ไปที่ชมรมผมแล้วกันนะครับ”         
“ครับ” กายกับราเชลกำลังจะออกจากห้องประชุม  ก็เกือบชนกับปีเตอร์ที่พรวดพราดเข้ามา         
“ขอโทษครับคุณพอลลิ่ง เอ่อ…ผมคิดว่าราเชลอยู่คนเดียว”
รอยยิ้มหวานสะกดให้ปีเตอร์ยืนตะลึงจนราเชลนึกขัน  เพื่อนรักเขาหน้าแดงแจ๊ดและกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราว         
“วันนี้ผมขอยืมตัวราเชลสักวันนะครับ…มีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อยเกี่ยวกับงานนิทรรศการสัปดาห์หน้า ไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ?”         
“ครับได้ครับ เอ่อ…”
ราเชลเดินตามกายไปและอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองปีเตอร์ที่ดูเหมือนจะยังยืนตาลอยอยู่ที่เดิม         
“เชิญครับ”กายเดินนำเข้าไปข้างใน
ห้องกรรมการนักเรียนดูจะกว้างกว่าห้องศิลปะสักสามเท่า แต่กลับเงียบกริบด้วยเลยเวลาเลิกเรียนมานานแล้ว  เสียงฝีเท้าของกายจึงดังก้องห้อง 
ราเชลรู้สึกประหม่ายำเกรงทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดกับคนที่ดูมั่นใจในตัวเองเหมือน ‘กาย พอลลิ่ง’ กายดูมีเสน่ห์ น่าทึ่ง โดดเด่น ใครๆก็พากันหลงใหลจนราเชลรู้สึกอิจฉา กายเป็นคนเดียวที่ริช แฮมิลตัน ยอมลงให้ทุกอย่าง ข่าวลือหนาหูว่าริช ย้ายมาเรียนที่นี่เพราะตามกายมา         
“…ราเชล…แน่ะใจลอยเชียวครับ” ราเชลสะดุ้งหน้าแดง เขินที่มัวแต่คิดเพลินจนไม่ได้ยินที่กายพูด         
“เอ่อ…คุณพอลลิ่ง มีเรื่องอะไรจะคุยเหรอครับ?”         
“อย่าเรียกนามสกุลเลย เราก็ห่างกันแค่ปีเดียว เรียกกายเฉยๆแล้วกันครับ”         
“ครับ” ราเชลรับคำเขินๆ ดีใจที่คนแบบกายยอมสนิทกับคนน่าเบื่ออย่างเขา  กายเอาแผนผังการจัดซุ้มกับโปรแกรมจัดงานนิทัศการมาวางตรงหน้า  ราเชลได้แต่มองตามงงๆ         
“อีก3สัปดาห์จะถึงงานฉลองครบรอบ30ปีของโรงเรียน กรรมการที่จะมาช่วยงานฝ่ายกิจกรรมมีไม่พอ ทราบมาว่าชมรมศิลปะงดจัดกิจกรรมใช่ไหมครับ?”         
“ครับสมาชิกจริงๆปีนี้มีแค่7คน ตอนนี้ก็ป่วยไป2 ที่เหลือก็มีผลงานไม่มากนัก เลยไม่จัดกิจกรรมอะไรครับ”         
“ผมอยากขอให้ราเชลมาช่วยส่วนกลางจะได้ไหมครับ?”         
“ได้ครับ แต่ผมวาดรูปเป็นอย่างเดียวจะช่วยอะไรได้?”         
“นั่นแหละครับที่สำคัญ เรามีงานที่จะต้องใช้ป้าย ใช้ตัวหนังสือกับภาพประกอบเยอะเลย แต่หาคนช่วยไม่ค่อยได้ ราเชลพอจะช่วยส่วนนี้ได้รึเปล่าครับ?”         
“ครับถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ผมพอจะทำได้” แม้จะกังวลนิดๆแต่ราเชลก็อดดีใจไม่ได้ที่ได้ทำประโยชน์ให้โรงเรียนบ้าง         
“ขอบคุณมากครับ ผมจะเอารายชื่อคนที่จะมาช่วย…” ประตูห้องถูกเปิดพรวดเข้ามา         
“เฮ้!กาย…อ้าว!ยังคุยธุระอยู่เหรอ?” ร่างสูงเกือบเต็มประตูชะงัก ตาคมปลาบที่มองมาทำให้ราเชลหน้าร้อนวาบ รีบหลบตา         
“หวัดดีราเชล”         
“เอ่อ…สะ..สวัสดีครับ” ราเชลตอบรับตะกุกตะกักแต่ยังไม่กล้าพอจะเงยขึ้นสบตา  บรรยากาศในห้องเงียบจนชวนอึดอัดไปทันที 
“กายพอเสร็จธุระแล้วเราไปดูหนังกันนะ พอดีหนังเรื่องใหม่เข้าวันนี้ด้วยสิ…นะครับ” 
เสียงหวานออดอ้อนของริชทำให้ราเชลแปลบปลาบในอก  ท่าที่ก้มลงยิ้มกับกายอ่อนหวานจนคนมองใจสั่น ทำไมคนที่ริชมองอย่างนั้นจึงมีแต่กายเพียงคนเดียว  ราเชลหลบตาแทบไม่ทันเมื่อกายก็หันกลับมา เสียงโต๊ะที่ริชพิงลั่นเอี๊ยดเมื่อร่างสูงลุกขึ้นแล้วออกไป ไม่มีแม้หางตาที่ชำเลืองแลมา  ราเชลกัดปากแน่น  กระบอกตาและใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความน้อยใจที่พุ่งขึ้นมา
‘ก็แน่ละสิ  พอลลิ่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนเรามันก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว’         
“ถึงไหนแล้วอ้อ!รายชื่อ…ราเชล!เป็นอะไรไปครับ?”
เสียงกายอุทานอย่างตกใจทำให้ราเชลรู้ตัวจึงรีบเช็ดน้ำตาไม่อยากให้กายรู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่กายอยู่ใกล้มากขนาดนี้คงหลบไม่พ้น         
“ปะ..ปล่าวครับ…คือ ผมปวดหัวนิดหน่อย”         
“อ้าว!งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับรายละเอียดเดี๋ยวผมจะส่งไปให้ทีหลัง”
ราเชลรีบพยักหน้า  ตอนนี้เขาอยากกลับให้ถึงบ้านเร็วที่สุดเพราะใจมันวูบหายเหมือนจะขาด  ร่างสูงรออยู่หน้าห้องหันกลับมายิ้มหวานให้กาย  ราเชลได้แต่ก้มหน้าเสียไม่อยากเห็นสายตาท่าทางของทั้งคู่อีก         
“ริชไปส่งราเชลหน่อยนะเห็นว่าปวดหัว”
ราเชลสะดุ้งรีบเงยขึ้นมอง  ริชจ้องหน้าเขาด้วยสายตาประหลาด  แน่ล่ะ
ริชต้องไม่พอใจแน่ๆที่เขาเข้ามาทำให้ยุ่งยากถึงแม้นี่จะเป็นความมีน้ำใจของกายเองก็ตาม         
“ไม่ต้องครับ พวกคุณมี…เอ่อ..นัดกันไม่ใช่หรือครับ ผมกลับเองได้”
ราเชลกัดลิ้นไว้ได้ทันเกือบหลุดคำว่าเดทออกไปอยู่แล้ว  หาไม่ริชอาจไม่พอใจเขามากกว่านี้ก็ได้         
“แต่นี่ก็เย็นมากแล้ว ยังไม่ได้โทรบอกให้ที่บ้านมารับเลย ให้ริชไปส่งแหละดีแล้ว”           
“แต่ว่า..” ราเชลได้แต่อึกอักลำบากใจ  กายช่างมีน้ำใจเหลือเกิน แต่ริชเล่าอาจจะไม่พอใจเขามากก็ได้         
“กายอย่าไปบังคับเขาเลย เขาคงไม่อยากไปกับคนชื่อเสียงไม่ดีแบบฉันนักหรอก”         
“เปล่านะครับไม่ใช่อย่างนั้น”ราเชลใจหายวาบ รีบปฏิเสธจนปากคอสั่น         
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยครับ…แต่ผมเกรงใจ..คือ..” ราเชลพูดไม่ออก อยากจะร้องไห้เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของริช       
“ถ้างั้นให้ริชไปส่งนะครับ”         
“แล้วเรื่องนัด…”         
“ไม่เป็นไรครับ อ้าว!พี่ผมมารับพอดีไปนะครับราเชล…ไปนะริชพรุ่งนี้เจอกัน”
ราเชลมองตามร่างเปรียวที่วิ่งไปขึ้นรถด้วยความเกรงใจ และเกือบสะดุ้งเมื่อคนข้างตัวขยับเข้ามาใกล้           
“รังเกียจที่จะกลับกับฉันหรือเปล่า?”         
“เปล่าครับ”         
“งั้นก็ไปขึ้นรถ” ร่างสูงนำลิ่วไปก่อน  ราเชลได้แต่เดินตาม  สายตาค่อยๆไล่จากรองเท้าผ้าใบขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังกว้างใหญ่แต่ไม่กล้ามองสูงกว่านั้น 
ประตูรถสปอร์ตคันหรูเปิดกว้างและริชก็ผายมือให้เขาขึ้น  ราเชลเหลือบมองหน้า เห็นดวงตาคมเป็นประกายล้อเลียนก็อดยิ้มให้ไม่ได้  ความกังวล กลัดกลุ้มเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น  เบาะนุ่มหนายุบตัวลงเล็กน้อยเมื่อเขานั่ง  ริชปิดประตูให้แล้วอ้อมมาประจำที่คนขับ  ใบหน้าที่ชะโงกมาใกล้ก็ทำให้หัวใจของหนุ่มน้อยไหวระทึก  มือยาวเรียวเอื้อมมาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้แต่ยังคงก้มมองใกล้ ลมหายใจร้อนรินรดแก้มเนียนจนอุ่นซ่าน         
“รีบหรือเปล่า?”         
“เปล่าครับ”         
“งั้นแวะหาอะไรกินกันก่อนนะ”         
“ครับ” ราเชลไม่รู้ว่าตอบริชไปแบบนั้นได้ยังไง  ในเมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหากเขากลับบ้านช้าคุณย่าจะต้องเล่นงานเอา  แต่เขาไม่ได้มีโอกาสที่จะได้นั่งรถข้างริชแบบนี้บ่อยๆที่ไหน  ยอมถูกคุณย่าดุสักวันราเชลแน่ใจว่าช่างคุ้มแสนคุ้ม
      ..................................

ราเชลเงยขึ้นมองห้างสรรพสินค้าตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่นี่  เพราะตารางกิจกรรมทุกวันที่คุณย่าวางไว้ให้แน่นเอี๊ยด จนไม่แทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหน ยิ่งเป็นที่ ‘ไร้สาระ’ ของคุณย่าด้วยแล้วไม่ต้องหวัง
ริชเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอดด้านใน  ในลานจอดรถค่อนข้างสลัว แต่กลับเห็นตาคมเป็นประกายวับวามจ้องเขม็งจนราเชลทำอะไรไม่ถูก  ใบหน้าคร้ามก้มต่ำเข้ามาใกล้จนได้ไออุ่นร้อนจากลมหายใจ
“ไม่ลงเหรอ?”
ราเชลสะดุ้งควานหาที่เปิดแต่ไม่เจอ ยังไม่ทันอ้าปากไออุ่นผะผ่าวจากคนตัวโตที่โน้มเข้ามาแทบชิดก็ทำให้ราเชลได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ   เสียงประตูลั่นแกร๊ก
ราเชลผวาลงจากรถแต่กลับหงายกลับมาเมื่อติดเข็มขัดนิรภัยที่ยังไม่ได้ปลดออก  นิ้วยาวเลื่อนมาปลดให้ว่องไว แต่มือกลับวางแปะอยู่ที่เอวแทน  ไอร้อนผ่าวแทรกผ่านเสื้อผ้าเข้ามาเหมือนเนื้อจะละลาย           
“กลัวฉันเหรอ?”         
“ปะ…เปล่า…ครับ” ราเชลเสียงสั่น  หัวใจเต้นระรัวราวกับจะกระดอนออกมานอกปาก  ดวงตาวาววับทำให้หน้าร้อนซู่จนไม่กล้าสบตา         
“แล้วทำไมต้องรีบขนาดนั้น…ห้างที่นี่เปิดจนค่ำนั่นแหละ”         
“ครับ”         
“แล้วไง?” เสียงกระซิบใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผะผ่าว         
“อะ…อะไรครับ?”         
“ก็…จะรีบไปไหน…หืม?” ประโยคหลังกระซิบแผ่วเบาข้างหู  ราเชลขนลุกซู่เพราะจมูกโด่งเป็นสันปัดผ่านแก้มแผ่วเบา           
“คะ…คุณ…ริช…”         
“…ว่าไง…?” คางแหลมถูกดึงให้หันมาเผชิญหน้า  ราเชลหลบตาวูบ  ใบหน้าร้อนซู่ด้วยความเขินอาย  ปากร้อนเลื่อนมาสัมผัสแก้มเนียนแผ่วเบา  ราเชลสะดุ้งเบี่ยงหน้าหนีด้วยสัญชาติญาณ  ทำให้ปากบางพลาดจากปากสีสดเป็นแก้มเนียน  กับผมนุ่มหอม  มือสั่นๆยกขึ้นยันอกเขาไว้แน่น  หน้านวลแดงซ่านไปหมด 
ริชลอบถอนใจอย่างเสียดาย  ยังหรอก ยังไม่ถึงเวลา  หากเขาผลีผลามไปตอนนี้เกมก็คงไม่สนุกอย่างที่คิด  ริชยอมผละออกห่างแล้วลงไปจากรถ  ราเชลลอบถอนใจอย่างโล่ง อก แต่ใจลึกๆเขา‘เสียดาย’ หากแต่ไม่นานมือของเขาก็ถูกริชจับจูงโดยไม่แคร์สายตาใคร  ราเชลได้แต่เดินตามก้มหน้างุดด้วยความอายปนภาคภูมิ
      ..................................

         ราเชลก้าวเข้าไปในบ้านอย่างหวาดๆ  วันนี้เขากลับบ้านค่ำและไม่ได้ขออนุญาต  สาวใช้ต้นห้องของคุณย่ายืนหน้าเคร่งรออยู่แล้ว         
“คุณท่านรออยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ”         
“ขอบใจ”
ราเชลอยากให้ทางเดินทอดยาวไปกว่านี้อีกมากๆ  แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้เด็กชายก็จำต้องเคาะประตู         
“เชิญ”         
“กลับมาแล้วครับคุณย่า”         
“บอกเหตุผลที่กลับบ้านเอาป่านนี้มาหน่อย”         
“เอ่อ…ผม…ไปอ่านหนังสือบ้านเพื่อนมาครับ”         
“แล้วทำไมไม่บอกให้ย่ารู้ก่อน”         
“คือ…เพื่อนผมเขาขอร้องให้ช่วยติวให้แล้ว…ผมก็อ่านหนังสือกันเพลินจนลืมเวลาครับ”         
“เพื่อน…ใคร?”         
“คู่แฝดตระกูลมอล์เล่ย์ครับ”         
“งั้นเหรอ…ดีย่าจะโทรไปถาม”         
“แต่…”         
“ทำไมมีปัญหาอะไรเหรอ?”         
“ปะ…เปล่าครับ”
สาวใช้ต้นห้องคว้าโทรศัพท์มากดหมายเลขแล้วส่งให้คุณย่าอย่างรวดเร็ว  ราเชลใจสั่นระรัวด้วยความกลัว  อยากจะสารภาพว่าโกหกแต่ปากกลับแข็งค้างอ้าไม่ขึ้น         
“ขอสายคุณนายมอล์เล่ย์ค่ะ…ไม่อยู่เหรอคะ…แล้วคู่แฝดล่ะอยู่ไหม?…ย่าของราเชลนะจ๊ะ…ไม่ทราบว่าวันนี้ไปอ่านหนังสือวิชาอะไรกันเหรอจ๊ะ…งั้นเหรอ…เขากลับมาช้าก็เลยเป็นห่วงแต่ถ้าอยู่กับพวกเธอก็แล้วไป…อ๋อได้สิ….ราเชล เจอร์รี่จะคุยด้วย”         
“ขอบคุณครับคุณย่า”คุณหญิงเวลบอร์นกับต้นห้องลุกออกไป  ราเชลรีรอจนแน่ใจว่าท่านกลับห้องไปแน่แล้วจึงกล้าพูด         
“เจอร์รี่”         
“บอกมานะวันนี้นายไปกับใครมา?”         
“บ้าสิ…ไม่ได้ไปกับใครสักหน่อย”         
“อย่ามากโกหก…เด็กดีอย่างนายลงทุนโกหกคุณย่า ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ…บอกมาราเชลว่านายไปไหน…ไม่อย่างนั้นคราวหน้าฉันจะไม่ช่วยนายอีก”         
“ไม่มีคราวหน้าแน่  เพราะฉันจะไม่มีวันทำผิดซ้ำหรอก”         
“นายแน่ใจเหรอ…คนที่นายไปด้วยเขาอาจทำให้นายพลาดเวลาอีกก็ได้”         
“คนอย่างเขาคงไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก” ราเชลเผลอหลุดปากไปตามใจคิด         
“ใคร?…บอกมานะราเชล…บอกมาสิ…ไม่งั้นฉันโกรธนายแน่ เสียแรงที่เป็นเพื่อนกัน”         
“ไม่เอา…บอกนายก็เท่ากับบอกเพื่อนทั้งโรงเรียน  ไม่มีทาง”         
“ราเชล…จำไว้นะ  ฉันสืบเองก็ได้  นายโดนแน่”
ราเชลวางโทรศัพท์อย่างอ่อนใจ  เจอร์รี่ต้องหาทางรู้จนได้ ต่อไปนี้คงต้องระวังตัวแจ                     
‘แต่…จะระวังไปทำไม...ยังไงริชก็ไม่มีวันสนใจเราอีกแน่ๆวันนี้เขาแค่มาส่งตามมารยาท  แล้วที่พาเราไปห้างคงแค่อยากแหย่เราเล่นเท่านั้น  นายนี่ฝันเฟื่องจริงๆเลยราเชลที่คิดว่าคนดังอย่างแฮมิลตันจะสนใจ’
         .................................

ริชเหวี่ยงกุญแจไปบนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแรงๆ กลิ่นหอมอวลอ่อน ผิวเนื้อเนียนนุ่มยังประทับแน่นในอก  วงหน้างามที่สะทกสะเทิ้นเขินอายกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นทุกที  ‘อยากได้  อยากได้เหลือเกิน’
นับแต่ครั้งที่เห็นกาย  เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครอีกเลย  ดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าครั้งที่เขารู้สึกกับกาย  อาจเพราะกายวางเขาไว้ในฐานะเพื่อนตลอดมา  มิหนำซ้ำเขายังรู้ดีว่าในหัวใจกายมีใครอยู่แล้ว 
แต่ราเชลแตกต่าง  นับแต่เห็นครั้งแรกที่สโมสรฝึกม้า  ใบหน้าเนียนใสนั้นก็ติดตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดมา    บางครั้งเขาก็วุ่นๆกับคนอื่น แต่ลึกๆก็ยังอดมองหาไม่ได้  เสียงเห่าของพลูโตจุดรอยยิ้มกว้างขวางบนใบหน้าหล่อเหลา
แฮมเบอร์เกอร์ทำให้เขาได้เห็นราเชลอีกแง่มุมหนึ่ง...ช่างน่าสงสาร 
ริชขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าชีวิตที่มีแต่การเรียนกับกฎระเบียบเคร่งครัดนั้นจะทำให้
ราเชลเป็นสุขได้อย่างไร  ขนาดเขาแสนจะอิสระ ยังอดเบื่อหน่ายไม่ได้เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในกฎเกณฑ์ของโรงเรียน แต่ราเชลต้องอยู่แบบนั้นตลอดมา หากเขาดึงราเชล ออกมาได้ล่ะ?
ริชยิ้มมาดหมาย  เพียงแค่พาไปห้างเล็กๆประจำเมืองราเชลยังตื่นตาตื่นใจขนาดนี้  หากเขาได้พาไปท่องเที่ยวไกลๆอย่างนิวยอร์กหรือต่างประเทศ  ราเชลจะตื่นเต้นขนาดไหน  RRRRR….         
“ว่าไง”         
“คุณริชคะ  ของที่คุณริชสั่งไว้มาส่งแล้วค่ะ”         
“อืม…จะลงไปดู”
เจ้าหน้าที่จากบริษัทสามสี่คนกำลังทยอยขนเครื่องเสียงกับอุปกรณ์เข้าไปยังห้องนั่งเล่น  ริชเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ชุดรับแขก  ยินโทนิคเย็นเฉียบถูกวางลงตรงหน้าอย่างรู้งาน  พ่อบ้านเข้ามาวางจดหมายปึกใหญ่ตรงหน้า         
“อะไร?”         
“ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดเชิญท่านร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านครับ”         
“ใครบ้าง?”         
“หลายตระกูลครับ…มีทั้งของ…”         
“มีของตระกูลเวลบอร์นไหม?” ริชถามทะลุกลางปล้องดื้อๆ           
“มีครับ เพิ่งส่งมาวันนี้”         
“ไหน?”
ซองสีขาวดุนลายและประทับตราตระกูลหราเรียกรอยยิ้มหมิ่นที่มุมปาก         
“ขอบใจมากไคล์ม”         
“ครับท่าน”  พ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์โค้งให้ก่อนจะออกไป  ริชเปิดซองอย่างรวดเร็ว           
‘เชิญร่วมงานเลี้ยงน้ำชา…ช่างสมกับเป็นตระกูลขุนนางเก่าเหลือเกินนะ…แต่ก็ดี…เราคงได้เจอกันเร็วกว่าที่ฉันคิดนะราเชล’ ริชมองหมายกำหนดการอีกครั้งก่อนจะร่อนซองลงบนโต๊ะ
         ................................
ราเชลถอนใจอย่างโล่งอก  นึกดีใจที่มาแต่เช้าอย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับรองกัปตันชมรมรักบี้คนนั้นอีก  เพราะหมอนั่นไม่เคยมาทันเรียนคาบแรกอยู่แล้ว  ตึกยังคงเงียบสงบเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่มากัน ราเชลเปลี่ยนใจไปห้องศิลปะแทน  มือที่จะเลื่อนประตูปิดชะงักค้างเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างลอดออกมาจากห้องพักอาจารย์  เสียงครางและเสียงบางอย่างทำให้เด็กชายนึกกลัว  หรือว่าอาจารย์จะเป็นอะไร  ราเชลค่อยๆชะโงกไปยังประตูที่ปิดไม่สนิท  ภาพที่เห็นทำให้หนุ่มน้อยตกตะลึง 
ร่างผอมบางของอาจารย์เปลือยเปล่าและถูกกดทับอยู่ใต้ร่างหนาของกัปตันชมรมรักบี้  ร่างหนาเคลื่อนไหวเนิบนาบแล้วค่อยๆเร่งเร็วขึ้น  แขนผอมๆกอดรัดรอบลำคอหนาแน่นเสียงครางแผ่วๆเมื่อครู่หวีดดังขึ้นเรื่อยๆ  มือใหญ่รวบขาเรียวขึ้นพาดบ่า  แล้วจากนั้นก็กระแทกกระทั้นลงมาแรงจนโต๊ะลั่น  ราเชลตะลึงมองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  สีหน้าทรมานของทั้งคู่ทำให้หนุ่มน้อยอดพิศวงไม่ได้ว่าเมื่อเจ็บปวดขนาดนั้นทำไมยังทนอยู่อีก   แต่ดูเหมือนอาจารย์ของเขาจะหมดความอดทนก่อน         
“อ๊ะ…อ๊า…คีธ!”  ร่างผอมบางแอ่นเกร็งขึ้นทั้งตัวก่อนอ่อนพับลงแต่ร่างหนายังโหมแทรกเข้าหาไม่หยุด ตราบจนมีเสียงครางหนักๆแล้วร่างหนาก็เกร็งกระตุกไปทั้งตัวแล้วค่อยๆฟุบลงกอดรัดร่างผอมไว้
มือหยาบใหญ่ค่อยๆช้อนร่างบอบบางขึ้นอย่างทะนุถนอม  แขนเรียวเป็นฝ่ายโอบรัดรอบลำคอเหนี่ยวให้ใบหน้าของทั้งคู่แนบกันชิด         
“อีกไม่ได้เหรอ?”         
“บ้าน่า…อีกพักพวกเด็กๆก็มากันแล้ว…ปล่อยเถอะ…อื้อ…อย่าคีธ…อย่า…อ๊ะ..”         
“น่า…ไม่นานหรอก…อา…ร่างกายคุณ…มัน…อือ…”         
“อา…”  เสียงโต๊ะลั่นแล้วร่างหนาๆก็เริ่มเคลื่อนไหวอีก 
ราเชลถอยกรูดออกมาอย่างลืมตัว แล้วรีบวิ่งลงมายืนหอบอยู่ในสวน  หนุ่มน้อยหน้าแดงซ่าน  เสียงครวญครางของทั้งคู่ยังดังก้องอยู่ในหู  เขาไม่เคยรู้ว่าอาจารย์ของเขากับกัปตันชมรมรักบี้จะ…..
แต่ที่สำคัญทั้งคู่เป็นผู้ชาย  แล้วทำไม?…ราเชลขมวดคิ้วอย่างงงๆ  หรือว่าอาจารย์ของเขาจะเป็นผู้หญิง  แต่ทำไมไม่มีหน้าอกล่ะ  หนุ่มน้อยหน้าแดงเมื่อนึกถึงท่าทางของทั้งคู่  ได้แต่พิศวงว่าทำไมทั้งสองถึงร่วมรักกันได้เพราะต่างก็เป็นผู้ชาย 
ราเชลเก็บความสงสัยนี้ไว้ และเผลอครุ่นคิดจนแทบเรียนไม่รู้เรื่อง  แต่อาจารย์กลับเข้าใจว่าเขาป่วยเลยถูกบังคับให้ไปนอนที่ห้องพยาบาล         
ช่วงพักกลางวันแฝดจอมจุ้นมาเยี่ยมแต่แปลกที่คราวนี้สองหนุ่มไม่มองหน้ากัน         
“ลอว์ลี่…เจอร์รี่…พวกนายทะเลาะกันเหรอ?”         
“เปล่านะ…แต่ลอว์ลี่ไม่มีเหตุผล”         
“ใช่ฉันมันไม่มีเหตุผล  แต่ฉันไม่เคยทิ้งพี่น้องเหมือนนาย  นายมันใจดำ”
ลอว์ลี่สะบัดหน้าแล้ววิ่งหนีออกไป เจอร์รี่หน้าซีดทำท่าจะร้องไห้จนราเชลต้องดึงให้นั่งลง       
“เกิดอะไรขึ้น ลอร์ลี่โกรธอะไร?”         
“ฉันผิดเอง  แต่…แต่ฉันรักเขามากนะ  จะให้ฉันเลือกฉันก็เลือกไม่ได้  ฉันไม่รู้จะทำยังไง”         
“เจอร์รี่…นายเล่าให้ฉันรู้เรื่องหน่อยสิ”         
“นายต้องช่วยฉันนะราเชล”         
“ฉันช่วยนายไม่ได้แน่ถ้าฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”         
“คือ…คือฉันกับเขา…คือ..แบบว่าเรารักกันนะ…แล้วมันก็เลย…เกินเลยไป…แล้วลอร์ลี่ก็บังเอิญมาเห็น…แล้ว”         
“หยุด! เจอร์รี่ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดเลยสักประโยค  เอาใหม่ ฉันถามนายตอบดีไหม?”         
“ก็ได้”         
“นายกับลอว์ลี่ทะเลาะกันเรื่องอะไร?”         
“เรา…มีคนรัก”         
“อ้าว!นายคบกับใคร?”         
“แมท  แมททิวชมรมละคร”         
“แมท…พระเอกชมรมละครนั่นเหรอ?”         
“ฮื่อ…”         
“แล้วลอร์ลี่ว่าไง?”         
“ตอนแรกก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่พอเราอะไรๆกันลอว์ลี่มาเห็นเลยโกรธ”
ราเชลขมวดคิ้ว พยายามตีความคำพูดของเจอร์รี่แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี 
เจอร์รี่กัดปากแน่นก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่แล้วชะโงกมากระซิบข้างหู         
“ฉันนอนกับแมทแล้ว”         
“อะไรนะ!”         
“ฉันบอกว่าฉันกับแมทเราเป็นของกันและกันแล้ว”         
“แต่ว่า…นายเป็นผู้ชาย…แล้วแมททิวก็เป็นผู้ชาย…”         
“ทำไม...เป็นผู้ชายแล้วรักกันไม่ได้หรือไง? นายอย่ามาทำเป็นคร่ำครึ
หน่อยเลย”
เจอร์รี่หน้าบึ้งสะบัดหน้าหนีอย่างโกรธๆ ราเชลอึกอักด้วยความตกใจ       
“คือ…ไม่ใช่อย่างนั้น”         
“นายกำลังจะบอกใช่ไหมว่านายรังเกียจพวกรักร่วมเพศ…นายจะบอกว่านายรักเกียจฉันละสิ”         
“ไม่ใช่นะ…คือ…มัน..”         
“ก็ดีราเชล…ฉันจะได้รู้ว่านายรังเกียจ…เราเลิกเป็นเพื่อนกันก็ได้”         
“เดี๋ยวเจอร์รี่!ฉันไม่ได้รังเกียจแต่ฉันสงสัย”         
“สงสัยอะไร?”       
“คือ…ฉันไม่เข้าใจ…แบบว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันแล้ว…แล้ว…ทำแบบนั้นได้ไง?”         
“ทำแบบนั้น?…อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ว่าผู้ชายเขานอนด้วยกันยังไง?”         
“…ฮื่อ…”
เจอร์รี่อ้าปากค้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะก๊าก  ราเชลหน้าแดงซ่านด้วยความอายแต่ไม่รู้จะทำให้เจอร์รี่หยุดหัวเราะได้ยังไง  หลังจากหัวเราะจนเจ็บไปหมดทั้งท้อง เจอร์รี่จึงได้เริ่มอธิบายเพศศึกษาฉบับรักร่วมเพศให้ราเชลฟังละเอียดยิบสมกับที่มีประสบการณ์ตรงมาแล้ว  ตลอดเวลาราเชลได้แต่หน้าแดงแล้วก็แดงจนแทบเป็นมะเขือเทศ         
วันนี้เป็นวันแรกที่คู่แฝดแยกกันกลับ  ลอว์ลี่หนีกลับไปก่อนส่วนเจอร์รี่ก็กลับกับแมททิว เจอร์รี่หัวเราะคิกเมื่อแมททิวถามอย่างพิศวงว่าทำไมราเชลไม่มองหน้าเขาเลย         
“ผมเล่าเรื่องเด็ดๆให้ฟังราเชลเลยอายน่ะไม่มีอะไรหรอก”
      ..................................

.
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 29-08-2009 20:19:31
ต่ออีกนิดนะ
...............

ราเชลแต้มสีน้ำเงินเข้มลงบนเงาของกลีบดอกไม้  เสียงเจื้อยแจ้วของนกและเสียงแมลงในสวนเงียบลงกะทันหัน  ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำมาตามถนนโรยกรวดเบาๆ  ราเชลขมวดคิ้ว  ปกติจะไม่มีใครเข้ามาที่นี่  คนดูแลสวนก็จะมาเป็นเวลา  โดยเฉพาะเวลานี้ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ดีว่าเขาชอบเข้ามานั่งเขียนภาพที่นี่  ไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนแน่นอน นอกจาก…         
“คุณย่าให้มาเรียกหรือไง?” ไม่มีเสียงตอบแต่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา  ราเชลผุดลุกขึ้นและหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้บุกรุก         
“คุณ…ริช…”
เสียงครางหวิวเรียกรอยยิ้มนิดๆที่มุมปาก  ริชขยับเข้ามาแทบชิด  ใบหน้าคมคายก้มลงมาสบตา  ก่อนจะย่อตัวต่ำลงไป  ราเชลยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับได้รอจนร่างสูงยืดขึ้นมาจนใบหน้าเสมอกันอีกครั้ง           
“สวัสดีราเชล  ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” ใบหน้าที่จ้องใกล้เลื่อนสูงขึ้นไป         
“สะ…สวัสดีครับ…คุณริช” ราเชลแหงนขึ้นสบตาแล้วหลบวูบ   
ริชจับมือนุ่มขึ้นมาคลี่ออกและวางพู่กันลงไป           
“ของเธอหล่น…หรือว่าเลิกใช้แล้ว?”         
“ยะ…ยังใช้อยู่  ขอบคุณครับ เอ่อ…เชิญ…เชิญนั่งก่อนดีกว่าครับ” ราเชลกำพู่กันไว้แน่นด้วยสองมือ  รีบเชิญให้ริชนั่งเพราะขาสั่นจนทำท่าจะยืนไม่ไหว         
“วาดอะไรอยู่…สวยนี่ดอกนั้นเหรอ?”  ริชถือวิสาสะหยิบรูปไปดู         
“ยะ…อย่าเพิ่งดูเลยครับ มันยังไม่เสร็จ”           
“งั้นวาดให้เสร็จสิ  ฉันอยากเห็น”  ราเชลรับรูปกลับ  แต่สายตาคมกริบที่จับจ้องทุกอิริยาบถทำให้มือสั่นจนวาดไม่ได้  แตะสีถึงสามครั้งแต่ไม่กล้าแต้มลงไปบนภาพ  จนต้องยอมวางพู่กันลงเพราะรู้ว่าวาดไม่ได้แน่ๆ         
“อ้าว!หยุดแล้วเหรอ?”         
“ครับ…วาดมาตั้งแต่เช้าแล้ว ขอพักสักนิด เชิญคุณริชทานน้ำชากันนะครับ”         
“ที่ไหน?”         
“ก็ที่ห้องน้ำชาไงครับ”         
“ให้เขายกมาที่นี่ดีกว่า  ขี้เกียจเข้าไปนั่งข้างในมากพิธีเปล่าๆ  ฉันอยากนั่งตรงนี้มากกว่า  อากาศดีน่าสบายกว่าข้างในเป็นไหนๆ”         
“แต่คุณย่าท่านจะคอย…”         
“คุณย่าเธอคงไม่มีเวลามาจับตาดูเราหรอก  แขกออกเต็มบ้าน  แล้วฉันก็บอกท่านไปแล้วว่าจะมาหาเธอท่านเลยให้มาที่นี่”         
“ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่ครับ”  ราเชลโทรสั่งให้ยกของว่างและน้ำชาออกมา  ครู่เดียวทุกอย่างก็ถูกจัดวางเรียบร้อย  ริชโบกมือไล่คนรับใช้หน้าเคร่งออกไปแต่เจ้าหล่อนกลับเหลือบมองราเชล  ราเชลพยักหน้าจึงยอมถอยออกไป         
“สุดแสนจะภักดี”         
“คุณว่าอะไรฮะ” ราเชลหันมาถามงงๆ         
“เปล๊า…ไม่มีอะไร  ฉันก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ว่าแต่นี่มันอะไร”         
“ขนมจากร้านเก่าแก่ฮะ…คุณย่าท่านสั่งมาจากอังกฤษ”         
“งั้นเหรอ…สวยซะจนไม่กล้ากิน”  ราเชลยิ้มแหยรู้ดีว่าถูกประชด  เท่าที่พบกันมาสองสามครั้งก็พอจะรู้ว่าริชไม่ชอบพิธีรีตองมากมายแบบที่คุณย่าเป็น 
ราเชลเองแม้จะชินแล้วแต่บางครั้งก็อยากให้มันเรียบง่ายบ้างเหมือนกัน         
“นี่เธอเคยกินอาหารเวียดนามไหม?”         
“อาหารเวียดนาม?”         
“ใช่...อาหารจากทางเอเชีย ทั้งเวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ไทย...โอ๊ย!อีกหลายประเทศ  รสชาติแปลกแต่อร่อย  เคยไหม?”       
“ไม่เคยครับ…คุณย่าท่านไม่ชอบลองของแปลกๆ  ท่านว่ามันเป็นของพวกป่าเถื่อนที่ไม่มีจะกิน  พวกนี้ใช้สัตว์ประหลาดๆปรุงอาหาร”         
“สัตว์ประหลาดๆ!เธอรู้ไหมอาหารเวียดนามน่ะมีแต่ผักซะเป็นส่วนใหญ่  แล้วอาหารจีนก็แพงจนติดอันดับโลก  ยิ่งอาหารญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้มีร้านเปิดในยุโรปเยอะพอๆกับแม็คฯแล้วมั้ง  ส่วนอาหารไทยก็เพิ่งได้รางวัลชนะเลิศตอนงานเทศกาลอาหารนานาชาติไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง”         
“ผมก็เคยอยากลองดู  แต่กลัวจะสั่งไม่ถูกแล้วไปสั่งตัวอะไรแปลกๆเข้า”         
“ไม่เป็นไรฉันจะพาเธอไปลองเองแต่เธอต้องให้รูปนั้นเป็นรางวัลนะ”         
“ได้ครับถ้าวาดเสร็จแล้วผมจะเอาไปให้”         
“ไม่  ฉันอยากได้วันนี้  ฉันจะรอให้เธอวาดให้เสร็จ”         
“แต่…”         
“หรือว่าเธอไม่เต็มใจจะให้”         
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”         
“ดี ทานของว่างเสร็จวาดต่อนะ”
ราเชลแทบไม่อยากวางถ้วยชา  แต่ริชที่อิ่มก่อนไปนอนเอกเขนกรอที่เก้าอี้ยาวแล้ว  ราเชลจำต้องตามไปนั่งที่เดิมแล้วลงมือวาด  ความรู้สึกที่ถูกจ้องมองทำให้ใบหน้าร้อนวาบอยู่ตลอดเวลา  ราเชลรวบรวมสมาธิได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ยอมแพ้  เด็กชายลอบถอนใจ และหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ  แต่พอลืมตาขึ้นมาก็ต้องสะดุ้งเฮือก  เพราะใบหน้าคมคายชะโงกเข้ามาจนเกือบสัมผัสกันอยู่แล้ว 
ราเชลเผลอยกมือขึ้นกันลืมไปว่าถือพู่กันอยู่ในมือ  สีน้ำเงินตวัดที่แก้มสากเลอะมาจนถึงจอนผม  ราเชลตกใจคว้าผ้าขึ้นมาเช็ดแต่ปัดเอาจานสีปลิวหวือ 
ริชยกรูปชูขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ภาพไม่เปื้อน  แต่เสื้อและกางเกงของเขาถูกย้อมด้วยสีเลอะไปหมดทั้งตัว         
“ขอ…ของโทษครับ  โอ๊ย…แย่แล้ว”  ราเชลคว้าผ้าเช็ดภู่กันมาเช็ด  ทำให้เพิ่มสีกระดำกระด่างเพิ่มขึ้นมาอีก  ริชวางภาพลงและคว้าข้อมือของราเชลไว้ทั้งสองข้าง         
“นี่ใจคอจะให้ฉันซักไม่ออกเลยหรือไง?”         
“ขอโทษครับ…ผมไม่ได้ตั้งใจ…โธ่…ทำไงดี…ขึ้นไปล้างตัวบนห้องผมดีกว่าครับ”         
“ก็ได้แต่ก่อนไปขอเอาคืนก่อน  เอ้า!เปื้อนด้วยกัน”       
“คุณริช!  อย่าครับ  คุณริชอย่า!”
ริชไม่ฟังเสียงคว้าสีมาป้ายบนแก้มและทุกที่ที่ราเชลปัดป้องไม่ถึง  ราเชลโมโหหันไปคว้าสีมาป้ายคืนบ้างคราวนี้สีเลยเลอะกระจายไปถึงข้าวของที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ  สีทั้งกล่องถูกบีบออกมาป้ายใส่กันจนหมด  ต่างฝ่ายต่างยืนหอบตัวโยน  ริช ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อน  เพราะหน้านวลๆที่เคยเห็นตอนนี้มีแต่สีเลอะเต็มไปหมดรวมถึงผมสีทองอร่ามก็มีสีเขียวสีน้ำเงินเปื้อนทั้งศีรษะ  ราเชลเม้มปากแน่นแต่สภาพมอมแมมของคนตรงหน้าก็ทำให้อดหัวเราะไม่ได้           
“อายุเท่าไหร่แล้วราเชล  ทำไมยังเล่นพิเรนแบบนี้  แล้วนี่คุณแฮมิลตันเป็นแขกนะ”
แม้น้ำเสียงที่ตำหนิจะไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่ก็ทำให้ราเชลสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ         
“คุณย่า!…ขอโทษครับ…”         
“ผมเป็นคนเริ่มก่อนเองครับ  ต้องขอโทษท่านผู้หญิงด้วยครับที่ทำให้สวนของท่านเลอะเทอะ”         
“ไม่เป็นไรหรอกคุณแฮมิลตัน  ราเชลพาแขกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  แล้วเชิญไปที่ห้องอาหารด้วยนะ”         
“ครับคุณย่า”         
“ฉันทำให้เธอโดนดุ” ริชเอ่ยขึ้นเบาๆทันทีที่หญิงชราลับหลังไป         
“ก็สมควรแล้วครับ…ผมทำตัวแย่มาก คุณมาเป็นแขกแต่ผมดันทำคุณเลอะไปหมดทั้งตัวเลย  เชิญข้างบนครับ ขึ้นไปอาบน้ำก่อน  เสื้อผ้าผมจะให้คนจัดการให้ รับรองครับว่าซักออก” 
ริชยักไหล่หมุนตัวกลับไปหาภาพที่เขายกไปวางไว้ ไม่น่าเชื่อว่าเลอะเทอะกันขนาดนี้กลับไม่โดนภาพเลยสักนิด  ทั้งสองมองภาพแล้วมองหน้ากันอย่างประหลาดใจก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน…..         
“เชิญครับนี่ห้องผมเอง  ตามสบายนะครับ”         
“แล้วเธอจะไปอาบที่ไหน?”         
“ห้องข้างๆนี่เองครับ  ผ้าขนหนูกับเสื้อคลุมเขาเตรียมไว้ให้แล้ว  ผมขอตัวก่อน”
ราเชลอาบน้ำด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  แม้จะเป็นสีน้ำแต่เมื่อโดนป้ายถึงศีรษะก็ต้องสระผม  ราเชลนึกถึงดวงตาขี้โกงคู่นั้นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ 
‘นี่ถ้าสาวๆที่โรงเรียนได้มาเห็นคุณแฮมิลตัลผู้งามสง่า กลายเป็นเด็ก5ขวบคงกรี๊ดกันสลบหรือจะกลายเป็นน่าเอ็นดูไปก็ไม่รู้’ ราเชลเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เวลามื้อค่ำแล้ว จึงรีบแต่งตัวคว้าเสื้อสูทมาพาดแขน แล้วมายังห้องของตัวเองที่ยกให้ริชใช้           
“คุณริชครับ เชิญรับประทานอาหารครับ  คุณริช”  ราเชลเคาะประตูหลายครั้งแต่ไม่มีทีท่าว่าริชจะออกมา  จึงลองเปิดเข้าไป  เสื้อสูทยังถูกแขวนอยู่ที่เดิม แต่ริช กลับนอนอยู่บนเตียง แถมยังดูอะไรง่วนอยู่ด้วย  ราเชลเดินเข้าไปใกล้ ครั้นได้เห็นสิ่งที่ริชเปิดอยู่ก็ใจหายวาบ           
“อย่าดูนะครับ!”  ราเชลโผเข้าไปแย่งคืนแต่ริชโดดหนีไปยืนอีกฟากของเตียง           
“นี่ฉันดูดีขนาดนั้นเชียวเหรอ?”         
“อะ…เอาคืนมานะครับ”         
“อยากได้ก็แย่งคืนไปสิ..เอ๋?...มีภาพตอนฉันหลับด้วยเหรอเนี่ย  แล้วมีอีกหรือเปล่า?”         
“อย่าดูนะ…คุณไม่มีสิทธิ์นะ…เอาคืนมา” ราเชลพยายามยื้อแย่ง แต่ริชตัวสูงกว่ามากจึงแย่งไม่ถึง ราเชลกระโดดโหนแขน แต่ริชคว้าเอวบางไว้แถมยังยืนหน้าเข้ามาใกล้ หนุ่มน้อยสะดุ้งผงะไปข้างหลัง ริชทรงตัวไม่อยู่จึงล้มลงไปด้วยกัน พรมนุ่มทำให้ไม่เจ็บ แต่ใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่คืบ ทำให้ราเชลตกใจจนไม่ทันได้ถอยหนี เมื่อปากร้อนแนบประกบลงมา  ราเชลสะท้านเฮือก  ลิ้นร้อนสอดเข้ามากอดเกี่ยวจนสติกระเจิง  มือที่ยันไหล่กว้างเปลี่ยนเป็นเกาะกอด  เนื้อตัวสั่นระริกกับปากนุ่มหอมกระตุ้นให้ริชไม่อยากหยุด สมุดสเกตถูกวางทิ้งไม่ใยดี  ริชประคองหน้านวลให้แหงนเงยขึ้นรับจุมพิตให้ถนัดขึ้น  ผิวตึงนุ่มนวลดึงดูดให้สัมผัส จนริชอดสงสัยไม่ได้ว่า  ใต้เสื้อเชิ้ตเรียบกริบจะนุ่มเนียนมือกว่านี้หรือไม่  มือที่ไวเท่าความคิดปลดกระดุมออกและสอดเข้าไป  ราเชลร้อนวาบไปทั้งตัวไม่เหลือความตั้งใจที่จะห้ามปรามอีกต่อไป  ผิวหนังเห่อร้อนวูบวาบทุกที่ที่ถูกสัมผัส  มือที่อยู่บนไหล่กว้างกำเกร็งแน่นยิ่งขึ้นเมื่อยอดเม็ดเล็กถูกปลายนิ้วสะกิดจนตึงเขม็ง  ริชตวัดลิ้นกวาดคว้านในปากนุ่มขณะที่ปลายนิ้วก็บีบคลึงยอดยอดอกตึงเป็นจังหวะ  เสียงครางถูกดูดกลืนหายไปในรสจูบ  ก๊อกๆๆๆ…
”คุณราเชลคะได้เวลาแล้วค่ะ  แขกมากันหมดแล้วนะคะ”
ราเชลสะดุ้งสุดตัวผวาลุกขึ้นแต่ติดอกกว้างที่ทาบทับอยู่  ริชจ้องมองปากแดงที่เริ่มบวมเพราะฤทธิ์จูบ  แก้มนวลแดงซ่าน  ดวงตาหวานหลุบต่ำไม่กล้าสบตา  ริชผุดลุกขึ้นกระชับเสื้อคลุมลุกออกไปรับหน้าสาวใช้         
“ฝากขอโทษทุกคนด้วย  บอกว่าฉันปวดหัวคุณราเชลดูแลอยู่”         
“จะให้ตามคุณหมอไหมคะ?”         
“ไม่ต้อง  พักสักครู่ฉันกับคุณราเชลจะตามลงไป”           
“ค่ะ”
สาวใช้มองหน้า ‘คนป่วย’ งงๆแปลกใจที่เจ้าของห้องไม่ออกมาบอกเอง
ริชล็อคประตูและหันมาเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องที่ถลาเข้ามาเหมือนจะพยายามออกไป         
“จะไปไหน?”         
“ผมจะไปร่วมงานข้างล่าง  เชิญคุณริชแต่งตัวตามสบาย”         
“ใจคอจะไม่มองหน้ากันเลยเหรอราเชล”           
“เปิดประตูสิครับ”         
“ไม่  จนกว่าเธอจะมองฉัน” 
ราเชลถอยกรูดเมื่อริชย่างสามขุมเข้าหา  แต่ยังไม่ทันขยับก็ถูกคว้าเอวและล้มกลิ้งลงไปด้วยกันบนเตียง  ริชกดร่างน้อยไว้แน่น  หน้านวลที่แดงซ่านเบือนไปด้านข้างไม่ยอมสบตา  เนื้อตัวสั่นระริกทำให้ริชมันเขี้ยว  ริชก้มลงขบที่ใบหูนิ่มเบาๆ  ราเชลสะดุ้งเฮือกหันกลับมาจึงถูกปากร้อนฉกวูบเข้าหา  ลิ้นร้อนตวัดเข้าไปพัวพันกับลิ้นนุ่ม ทำให้สติที่เพิ่งรวบรวมได้ถูกพัดกระเจิดกระเจิงอีกครั้ง  ราเชลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรู้แต่ว่าหูอื้อตาลายไปหมด  เนื้อตัวร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้  หัวใจเต้นระรัวจนแทบกระดอนออกมาทางปาก  ผิวดูเหมือนจะรับสัมผัสของริชได้ทุกขุมขน  ทุกที่ที่ปลายนิ้วร้อนลากผ่านจะร้อนวาบเป็นทาง         
“ราเชล…”         
“ครับ”         
“เราคบกันไหม…แบบคนรัก?”       
“ผม…เอ่อ…”         
“ว่าไง?….”         
“เอ่อ…ผมว่าเราต้องลงไปร่วมงานแล้ว”         
“สักวันฉันจะทวงคำนี้  แต่ตอนนี้ฉันว่าเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ดีกว่า  เพราะตัวนี้มันยับหมดแล้ว” 
ราเชลหน้าแดงซ่าน  รีบผวาลุกขึ้นติดกระดุมเสื้อลวกๆแล้วรีบกลับไปห้องที่ใช้แต่งตัว  ใบหน้าที่สะท้อนในกระจกแดงก่ำ  ปากดูเหมือนจะบวม นิ้วเล็กไล้บนปากอย่างใจลอย  สัมผัสหวามวูบวาบยังตรึงแน่นในความรู้สึก           
“คุณราเชลคะ…คุณท่านให้มาตามค่ะ”         
“จะไปเดี๋ยวนี้”         
ราเชลรีบถอดเสื้อยับย่นออก  รอยแดงบนคอทำให้ชะงักค้าง เลือดวิ่งขึ้นหน้าจนร้อนไปหมดเมื่อนึกถึงที่มาของรอยนี้  แล้วนี่เขาจะลงไปร่วมงานได้ยังไง…
แต่ไม่ว่าจะอายแค่ไหนราเชลจำต้องลงไปจนได้ ทันที่เปิดประตูออกมาร่างสูงในชุดสูทสง่าก็ยืนรออยู่แล้ว  ราเชลก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา  ริชขยับเข้ามาจนชิด  นิ้วยาวเชยคางมนขึ้นมอง  ขนตางอนยาวเป็นแผงหลุบบังดวงตาคู่งามไว้  แก้มเนียนเป็นสีกุหลาบด้วยความอาย  หากไม่ได้ยินเสียงหยอกล้อคิกคักของสาวใช้ที่กำลังเดินใกล้เข้ามาริชคงอดใจไม่ไหวแน่   
         ..................................

ในคอกม้าค่อนข้างสลัวทำให้คนที่มาจากที่สว่างกว่าต้องปรับสาย ตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจะมองเห็น  สมิทพุ่งเป้าไปที่คอกลูกม้าและพบว่าราเชลอยู่ที่นั่นจริงๆ
“คุณหนูครับ  คุณท่านให้คุณหนูไปพบที่ห้องรับรองครับ”
“ขอบใจมากสมิท” ราเชลยังคงแปรงขนเจ้าลูกม้าตัวเล็กง่วนอยู่เหมือนเดิม  ทำให้คนมาตามร้อนใจ
“เอ่อ...คุณหนูครับ”
“หืม”
“ต้องไปเดี๋ยวนี้ครับ  มีแขกมารอพบ”
“อ้าว!งั้นฝากดูเจ้าตัวเล็กนี่ต่อด้วยนะ”
“ครับ”
แขกที่มาพบทำให้ราเชลถึงกับอึ้งไป  แม้จะควบคุมกิริยาให้สงบได้อย่างรวดเร็ว  แต่หัวใจกลับเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่
“มาพอดี  ราเชล คุณแฮมิลตันมีธุระกับหลานแนะ”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีราเชล”
“คุยกันตามสบายนะจ๊ะ  ย่าจะไปทำงานต่อ”
“ครับคุณย่า”
ทันทีที่ท่านผู้หญิงลุกขึ้น สาวใช้ประจำตัวก็รีบลุกตามราวกับเงา  เมื่อไม่มีบุคคลที่ 3 ในห้องก็เงียบกริบ  แม้เสียงเข็มตกก็คงดังกังวานในความเงียบแบบนี้
ราเชลขยับมือไปมาอย่างอึดอัดแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองริช  แก้มเนียนอุ่นซ่านด้วยความเขินอาย 
“ราเชล...กลัวฉันเหรอ?”
“ปะ...เปล่าครับ...ผม...เอ่อ...”
ริชอมยิ้มนั่งมองแก้มแดงซ่านเฉย แม้ในใจจะอยากรวบร่างบางมาจูบให้สมกับที่คิดถึง  แต่ยังหรอก...ถึงการอดทนไม่ทำตามใจจะทำให้ทรมาน  แต่ผลของการอดทนต้องหอมหวานและคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง
“วันนี้ฉันมีของฝากมาให้เธอด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นไปกันเถอะ” ริชผุดลุกขึ้นแล้วขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว 
“ไป...ไปไหนครับ?”
“ไปดูของฝากไง”
“เอ๋?”
ริชไม่ฟังเสียง  คว้าข้อมือเล็กกึ่งจูงกึ่งลากลงไปยังลานจอดรถข้างล่าง  ชายฉกรรจ์ 3-4คน กำลังต้อนสัตว์ขนาดใหญ่ลงจากรถบรรทุก
“อะไรกันครับเนี่ย?”
“ของฝาก”
“แต่ของมีค่าขนาดนี้ผม...ว้าว!...สวยจังครับ”
เมื่อได้เห็น’ของฝาก’เต็มตาราเชลก็ลืมตัวไปเช่นกัน  ม้าสีขาวเหมือนหิมะ รูปร่างงดงามสมส่วนและท่าทางปราดเปรียวแสดงถึงความเป็นม้าฝีเท้าจัดและแน่นอนว่ามันเป็นม้าอาหรับพันธุ์แท้
“ไปดูใกล้ๆกัน” ริชถือโอกาสโอบไหล่บางให้เข้าไปใกล้ม้าตัวงามยิ่งกว่าเดิม
“โอ้โฮ! มันสวยมากเลยครับ  ม้าของคุณเหรอครับ?”
“เปล่า...บอกแล้วไงว่าของฝาก  มันก็ต้องเป็นของเธอสิ”
“แต่...มันไม่ใช่ถูกๆนะครับ  ม้าพันธุ์ดีขนาดนี้...” ราเชลอึกอัก  ถึงจะตื่นเต้นและปลาบปลื้มกับของฝากแสนสวยตัวนี้  แต่มูลค่าของมันคงมหาศาลเกินกว่าที่จะรับไว้ได้
“มันเป็นของเธอแล้ว  ทักทายมันหน่อยสิ”
ราเชลเขยิบเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว  ดวงคู่งามวาวใสท่าทางเฉลียวฉลาด อาการซอยเท้ายิกๆอย่างร่าเริงทำให้ราเชลแทบลืมหายใจด้วยความหลงใหล  หนุ่มน้อยยื่นมือไปให้มันดมก่อนจะค่อยขยับเข้าไปลูบจมูกมันเบาๆเป็นการผูกมิตรและสร้างความคุ้นเคย  ราเชลล้วงน้ำตาลก้อนเล็กๆที่ติดกระเป๋าด้วยความเคยชินให้มัน
“มันชื่อเมฆขาว”
“สวัสดีเมฆขาว...ฉันชื่อราเชล  เรารู้จักกันแล้วนะ” ราเชลกระซิบกับมันเบาๆขณะที่ลูบเลยไปยังแผงคอและใต้คาง  เจ้าเมฆขาวถูหน้ากับไหล่บางเบาๆเหมือนจะตอบรับว่ามันก็รู้จักราเชลเช่นกัน
“ลองขี่มันดูหน่อยสิ”
“แต่...”
“น่า...ไปลองฝีเท้ากัน...ขอยืมม้าเธอให้ฉันสักตัวได้ไหม?”
“ได้สิครับ...สมิทขอเจ้าแบล็คให้คุณแฮมิลตันหน่อยนะ”
“ครับ”  สมิทกระวีกระวาดไปเอาเจ้าแบล็คมาให้ 
เพราะมายืนเมียงมองอยู่นานแล้ว ยิ่งรู้ว่าคุณแฮมิลตันเอาม้าตัวงามนี้มาให้ยิ่งรู้สึกถูกชะตากับเพื่อนคุณหนูคนนี้เป็นพิเศษ
เจ้าแบล็คแม้จะเป็นม้าลูกผสมไม่ใช่ม้าอาหรับพันธุ์แท้  แต่ก็สง่างามและปราดเปรียวไม่แพ้เจ้าเมฆขาว แต่ดูมันติดจะพยศอยู่สักหน่อย  ริชเข้าไปทำความคุ้นเคยกับมันขณะที่คนของเขาใส่อานให้เจ้าเมฆขาว
“ไปกันเถอะ  เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”
“ครับ”
ร่างบางตวัดตัวขึ้นบนหลังเจ้าเมฆขาวอย่างสง่างาม ตอนแรกราเชลก็ให้เจ้าเมฆขาววิ่งเหยาะๆเพื่อความคุ้นเคย  แต่ริชกระตุ้นเจ้าแบล็คมาใกล้แล้วหลิ่วตาให้ก่อนจะกระตุ้นให้เจ้าแบล็คควบแซงไปอย่างรวดเร็ว  ราเชลตาวาววับด้วยความตื่นเต้น  หนุ่มน้อยควบเจ้าเมฆขาวกวดขึ้นไปทันที  ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันแต่ราเชลกับเจ้าเมฆขาวกลับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างง่ายดาย  ไม่นานม้าขาวก็พาราเชลแซงร่างสูงไป  และยังทิ้งระยะห่างเรื่อยๆ 
“เฮ้ๆ...นี่...รอด้วยสิ...ราเชล”  ริชตะโกนตามแต่ดูเหมือนราเชลจะไม่ได้ยิน 
เพราะทั้งคนและม้าควบหายไปยังดงไม้ข้างหน้าอย่างไร้ร่องรอย  ริชตามไปจนถึงป่าสน  ก็เจอราเชลกับเจ้าเมฆขาวหยุดรออยู่ริมลำธาร ไม้เบญจพรรณที่ขึ้นแซมทำให้ป่าสนบริเวณนี้ร่มครึ้ม  ธารน้ำตื้นใสแจ๋วจนเห็นก้อนกรวดก้นลำธาร  มีปลาตัวเล็กๆแหวกว่ายผ่านไปเป็นฝูง
“ไม่รอกันบ้างเลยนะ...ใจร้ายจัง”
“ก็คุณอยากท้าผมแข่งก่อนนี่นา”
“แน่ใจนะว่าเธอกับเจ้าเมฆขาวเนี่ยเพิ่งเจอกัน  หรือว่าเคยแอบไปขี่เจ้านี่มาแล้วหืม?”
ราเชลหัวเราะเสียงใส  แก้มเนียนเป็นสีชมพูปลั่งด้วยความเหนื่อยและตื่นเต้น  ดวงตาคู่งามเป็นประกายรื่นรมย์เสียจนริชตะลึง  เขาเพิ่งเคยเห็นราเชล –
ร่าเริงขนาดนี้เป็นครั้งแรก ริชรู้สึกเหมือนเพิ่งเดินหลุดจากถ้ำมืดๆมาเจอแสงอาทิตย์ กะทันหัน 
ราเชลก้มลงวักน้ำล้างหน้าและต้นคอเพื่อคลายร้อน  จึงไม่ได้สังเกตว่าเพื่อนร่วมทางเงียบจนผิดปกติ เจ้าเมฆขาวและเจ้าแบล็คเดินเล็มหญ้าไปจนใกล้กัน  ดูเหมือนเจ้าเมฆขาวพร้อมจะเป็นมิตร ขณะที่เจ้าแบล็คยังรีรออย่างไว้เชิง
“เจ้าแบล็คนี่เก๊กจริงๆเลย ดูสิครับเจ้าเมฆขาวอุตส่าห์...เอ่อ...” ราเชลชะงักค้างเมื่อหันไปเจอกับดวงตาคมกริบที่จ้องอยู่ใกล้...ใกล้จนเกินไป...
“...คุณ...”
ปากร้อนผ่าวแนบลงปิดปากอิ่มอย่างรวดเร็ว  ร่างบางสะท้านจนสั่นแต่อ้อมแขนแข็งแรงกับโอบรัดแน่นหนายิ่งขึ้น  ลิ้นร้อนดูเหมือนจะกวาดสติของราเชลให้กระเจิงไปจนหมด  แม้จะรู้สึกว่ามืออุ่นจะลูบเลยเข้าไปในเสื้อ  แต่รสจูบอ่อนหวานก็โน้มน้าวให้หนุ่มน้อยเคลิบเคลิ้มสิ้นเรียวแรงต้านทาน
ริชปลดกระดุมเสื้อออกอย่างว่องไว  ผิวเนียนลออเหมือนจะเชิญชวนให้เขาสัมผัสมากขึ้น  มือร้อนผ่าวโลมลูบเนื้อนวลอย่างแผ่วเบาในทีแรกแล้วค่อยๆเน้นหนักขึ้น  ร่างบางผวาเหมือนจะห้ามปรามแต่เมื่อจูบอ่อนหวานกลับเรียกร้องดูดดื่มยิ่งกว่าเดิม  เสียงที่เล็ดลอดจากลำคอขาวจึงกลายเป็นเสียงคราง  ราเชลไม่รู้ตัวสักนิดว่าเลื่อนขึ้นไปนั่งอยู่บนตักริชตั้งแต่เมื่อไหร่  สติสัมปชัญญะ ดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับลิ้นร้อนๆที่กอดเกี่ยวอยู่ในปากว่าจะผ่อนปรนหรือฉุดกระชากให้ลอยลิ่วไปไกล
ริชถอนปากออกจากปากนุ่มอย่างเสียดาย แต่ผิวเนียนมือก็ดึงดูดความ - รู้สึกได้ไม่แพ้กัน  ปากบางไล้ผ่านตามลำคอขาวลงมายังทรวงอกโดยพยายามไม่ให้ทิ้งร่องรอยไว้  เนินอกขาวนูนตึงประดับด้วยยอดเล็กสีแดง  แม้จะไม่อวบอิ่มเหมือนผู้หญิงหากแต่กลับยวนยั่วไม่แพ้กัน  ริชไล้ปากผ่านแผ่วเบา เรียกเสียงอุทานแผ่วๆจากราเชล  ร่างบางผวาขึ้นทั้งตัวเมื่อลิ้นร้อนโลมลูบเสียดสีกับยอดเม็ดเล็ก 
ราเชลกำเสื้อบริเวณไหล่กว้างแน่น  ปากอิ่มเม้มแรงเมื่อฟันคมขบและดูดดึงยอดอกจนเสียวซ่านไปทั้งตัวจนแทบทนไม่ได้  ร่างบางแอ่นโค้งไปด้านหลัง เปิดโอกาสให้ริชได้เชยชมยอดทรวงจนพอใจ    ฝ่ามือร้อนเลื้อยผ่านจากแผ่นหลังบางลงสู่สะโพกเล็ก  เข็มขัดและซิบถูกเลื่อนออกอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ  นิ้วยาวสอดผ่านขอบกางเกงชั้นในสีขาวลงไปหาสะโพกกลมนุ่มแล้วบีบคลึงไม่แรงนัก
“...อย่า...”
ราเชลเบิกตากว้าง  สติที่ลอยลิบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ปะ...ปล่อยครับ...พอเถอะ...”
ดวงตาคู่งามคลอด้วยน้ำตาเพราะความอาย  ริชดึงคางมนให้เงยขึ้นรับจูบอ่อนหวาน นุ่มนวล  และเนิ่นนานเท่าที่ใจเขาปรารถนา  และเมื่อเขาถอนปากออกราเชลก็ซุกหน้ากับอกเขาแน่น  เห็นแต่ซีกแก้มกับใบหูแดงจัด  ปฏิกิริยาไร้เดียงสากระตุ้นเลือดให้ร้อนระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว  ริชแตะปากไปบนแก้มและไล้เลียใบหูนิ่มเบาๆ เพื่อปลุกเร้าให้หนุ่มน้อยโอนอ่อนผ่อนตามยิ่งขึ้น
แต่ทุกอย่างต้องสะดุดอยู่แค่นั้นเมื่อเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของม้าดังขึ้น  ราเชลผวาขึ้นนั่งขณะที่ริชก็หันไปดู  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เจ้าแบล็คควบปุเลงๆไปแล้ว 
“เจ้าแบล็ค...หยุด...แบล็ค!”
“ไม่เป็นไร  ฉันไปตามเอง  รอเดี๋ยว”
ริชโดดขึ้นหลังเจ้าเมฆขาวควบตามเจ้าแบล็คไป  ราเชลผุดลุกขึ้นยืนแต่ขอบกางเกงกลับร่นลงทำให้ต้องคว้าไว้ก่อนที่หลุดลงไปกองข้างล่าง  ใบหน้าเผือดด้วยความตกใจเมื่อครู่ซับสีเลือดแดงซ่านอีกครั้ง 
หากเจ้าแบล็คไม่ตกใจเสียก่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเลยเถิดไปขนาดไหน  เพราะราเชลรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองนั้น ไม่คิดจะห้ามปรามหรือขัดขวางริชจริงจังสักนิด
         ..................................
   
มีต่อีกนิด
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 29-08-2009 20:23:47

...
ราเชลลงจากรถแล้วกวาดตามองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าอย่างแปลกใจแกมทึ่ง  เขาเคยมาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน  ตอนนั้นคุณย่าพามาเยี่ยมเจ้าของบ้านคนเก่า  แต่ราเชลถูกสั่งให้รออยู่แต่ในห้องรับแขกขณะที่คุณย่าไปเยี่ยมคนป่วย
   แต่ภาพที่เห็นวันนี้แทบไม่เหลือเค้าของคฤหาสน์หลังเก่าทึมและดูเงียบเหงาสักนิด  คฤหาสน์ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และไม้เถาทุกช่องชั้นของหน้าต่าง  ดอกไม้ที่แข่งกันบานสล้างทำให้ทั้งตึกมองเหมือนภาพวาด
   ริชอมยิ้มปล่อยให้ราเชลได้สำรวจรอบๆตามสบาย  เขาวางแผนอยู่นานกว่าจะเอาตัวราเชลมาพักที่นี่ได้  ชาร์ลได้รับเชิญไปเป็นแขกในคาสิโนเปิดใหม่ ส่วนท่านผู้หญิงเวลบอร์นก็ได้รับเชิญไปเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ในการประกวดออกแบบจิวเวอร์รี่โลกที่อัมสเตอร์ดัม  ริชจึงมีข้ออ้างในการชวนราเชลมาพักที่บ้านชั่วคราวระหว่างที่ผู้ปกครองของหนุ่มน้อยไม่อยู่บ้าน
   “เราไปข้างในกันดีกว่า  ฉันจะพาเธอเดินเที่ยวรอบๆ”
   ริชโอบไหล่บางเข้าไปในตึก  และจ๊ะเอ๋เข้ากับชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่
   “อ้าว! จะรีบไปไหนเจฟ”
   “มีงานด่วนครับ  ผมจะไปนิวยอร์ค  อีกสองสามวันคงกลับ”
   “ราเชลเจฟเป็นบอร์ดี้การ์ดของผม”
   “สวัสดีครับ”
“ยินดีต้อนรับครับคุณราเชล  ขอโทษนะครับที่ไม่ได้อยู่รับใช้  ผมต้องไปทำธุระก่อน  แต่รับรองครับว่าไคล์มจะดูแลทุกอย่างได้เป็นอย่างดี” หนุ่มใหญ่ขยิบตาให้ 
ราเชลยิ้มเขินๆแล้วเดินตามริชขึ้นไปบนตึก  ร่างผอมสูงในชุดสีดำเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ายืนรออยู่แล้ว   
   “นี่ไคล์ม  พ่อบ้านที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
“สวัสดีครับ  ผมราเชล”
“สวัสดีครับท่าน  ยินดีรับใช้ครับ”
“ไคล์มจะพาเธอไปที่ห้อง  เธอจะได้พักผ่อน”
“แต่ผมยังไม่เหนื่อยนี่ครับ”
“งั้นก็...ขึ้นไปดูห้องแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้า”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า?...จะไปไหนครับ?”
“เราจะไปขี่ม้ากัน”
“ได้ครับ  รอแป๊ปเดียวนะครับ”  ราเชลยิ้มแป้นท่าทางข้อเสนอของริชจะถูกใจเป็นพิเศษ
   ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไป  แต่ทันทีที่เหยียบเข้าไปใน ‘ห้อง’ ราเชลก็ลืมความตั้งใจเดิม  ไม่ใช่ห้องใหญ่โตหรูหราแต่เย็นชาแบบที่คฤหาสน์เวลล์บอน  ห้องสีส้มอ่อนๆตกแต่งเรียบ  แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด  โดยเฉพาะเตาพิงมุมห้อง  เป็นเตาผิงโบราณแต่สถาปนิกก็ตกแต่งให้ดูงดงามกลมกลืนกันได้ 
   “เดี๋ยวจะให้คนเข้ามาจัดเสื้อผ้าให้นะครับ” ไคล์มยกกระเป๋าไปวางไว้ให้ที่หน้าประตูบานหนึ่ง
   “ขอบคุณครับ”
   “ยินดีรับใช้ครับ”พ่อบ้านร่างผอมบางโค้งให้ก่อนจะออกไปอย่างเงียบกริบ
   ราเชลเดินดูรอบๆห้องอย่างชื่นชม  กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ทำให้อดชะโงกไปดูไม่ได้ ดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแข่งกันบานสล้างในกล่องยาวใต้หน้าต่าง ราเชลแตะไล้กลีบขาวบางแผ่วเบา  สายตาเลื่อนลงไปสะดุดที่อาคารไม้ห่างจากตัวตึกประมาณ50เมตร  คนงานกำลังจูงม้าสองตัวออกมาใส่อาน 
   “ตายละ  ไปขี่ม้า”
   ราเชลวิ่งตื๋อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปสมทบกับริชข้างล่าง
         ..................................

   ไร่รกร้างเมื่อก่อนกลายเป็นสวนผลไม้ขนาดใหญ่  สปริงเกอร์พ่นน้ำเป็นฝอย ทำให้ไม้พุ่มขนาดประมาณ 80 เซนติเมตรใบดกดำเป็นมัน
   “ต้นอะไรครับ?”
   “ส้ม”
   “อยากเห็นจังว่าเวลามันออกลูกจะสวยแค่ไหน?”
   “เธอได้เห็นแน่...มาทางนี้ดีกว่าฉันมีอะไรจะให้ดู”
   ริชควบม้านำไปก่อน  ราเชลจึงต้องรีบตามไป  พ้นแนวลำธารขึ้นไปบนเนินสูงมีศาลาสีขาวหลังเล็กๆตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ครึ้ม  เห็นได้ชัดว่าศาลานี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ
   “ต้นไม้ต้นนี้ดูคุ้นๆนะครับ”
   “ลองดูรอบๆสิ”
“...เอ๊ะ!...ผมเคยมาวาดรูปที่นี่นี่ครับ?”
“ใช่แล้ว”
“ไม่น่าเชื่อนะครับ...ว่าคุณจะทำให้ที่นี่สวยได้ขนาดนี้”
“ก็มันเป็นสถานที่ที่เราได้คุยกันครั้งแรกนี่”
“นั่นสิครับ...เราพบกันครั้งแรกที่นี่...ผมดีใจที่คุณจำได้”
“ใครบอกว่าเราพบกันที่นี่เป็นครั้งแรก   ฉันเจอเธอครั้งแรกที่สโมสร -
ต่างหาก”
“สโมสร?”
“เธอเป็นจ๊อกกี้ที่ตัวเล็กที่สุด  แล้วก็เก่งที่สุดด้วย”
“ตอนนั้นเอง! คุณไปทำอะไรที่นั่นครับ?”
ริชอมยิ้ม  ขืนบอกว่าไปหาคู่ขาเก่าเห็นทีจะจบเห่
“ไม่บอก...เอาเป็นว่าฉันได้เห็นเธอครั้งแรกก็ตะลึงไปเลย...คิดว่า...คนอะไรน่ารักชะมัด...แล้วพระเจ้าก็ส่งเธอมาใส่ในอ้อมแขนของฉัน”
“มะ...ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย หมาของคุณมันพยายามจะแย่งแฮมเบอเกอร์ ของผมต่างหาก  ผมถึงได้วิ่งไปสะดุดคุณล้ม”
“ก็เจ้าพลูโตมันเป็นกามเทพแปลงร่างมาไง”
“มันชื่อพลูโตเหรอครับ  แล้วนี่มันไปไหนเสียละครับ?”
“มันติดแม่ฉันยังกับอะไร นี่ก็กระดี้กระด้าตามคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ แล้ว”
ตาโตหมองลงเล็กน้อยรอยยิ้มชื่นสลายไปเหมือนไอหมอก
   “น่าอิจฉาจัง...เจ้าพลูโตยังมีโอกาสได้เที่ยวต่างประเทศ...ผมไม่เคยไปไหนไกลจากเมืองนี้เลยสักครั้ง” 
   “อยากไปไหนล่ะ?...ฉันจะพาไป”
   “คงไม่ได้หรอกครับ  คุณย่าคงไม่ยอม  อีกอย่างผมก็ไม่อยากรบกวนคุณขนาดนั้น”
   “เราตกลงคบกันแล้วนี่  เกรงใจทำไมกัน?” ริชตีขลุมดื้อๆ และถือว่าอาการเขินอายของราเชลคือคำตอบตกลง
   “เอ่อ...ขอบ...ขอบคุณครับ”
   “เพื่อคนที่ฉันรัก...ฉันทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ...แล้วเธอล่ะราเชล?”
   ริชเอ่ยคำรักอย่างคะนองปาก แถมยังชะโงกไปเท้าคร่อมร่างบางไว้กับต้นไม้  ราเชลหน้าแดงระเรื่อ  ตาโตหลุบลงมองเพียงอกเสื้อของริชด้วยความขัดเขิน  แม้จะรำคาญตัวเองที่ขยันหน้าแดงเหลือเกินแต่คำพูดของริชแต่ละคำก็ทำให้หนุ่มน้อยทั้งปลื้มทั้งอายได้เสมอ ปากอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยดูยั่วยวนจนริชหมดความอดทน 
ราเชลสะดุ้งเมื่อถูกรวบไปกอดไว้แน่น  ยังไม่ทันตั้งหลักปากร้อนก็บดเคล้าลงมาอย่างนุ่มนวล  ราเชลสะเทิ้นด้วยความตระหนก  แต่ไม่ถอยหนี กลับยอมเปิดปากรับลิ้นอุ่นให้แทรกเข้าไปพัวพัน  เสียงครางเครือถูกกลืนหายไปอย่างตั้งใจ  จูบหวานๆเปลี่ยนเป็นดูดดื่มเรียกร้องจนราเชลเพริดตาม  มือใหญ่นวดเฟ้นต้นคอขาวแผ่วเบาแต่จูบกลับเน้นหนักขึ้นทุกที  จูบเนิ่นนานทำให้อากาศหมดปอดและราเชลต้องสูดลมหายใจจากปากร้อนแทน  ความรู้สึกเหมือนได้หายใจร่วมกันช่างอบอุ่นและแสนหวาน
เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับสัมผัสหวาม  จึงไม่มีใครสนใจบรรยากาศรอบกาย  กระทั่งฝนเม็ดโตๆพร่างพรูลงมา  ทั้งคู่จึงผละออกจากกันอย่างตกใจ
“ไปเร็ว”
ริชคว้าข้อมือราเชลวิ่งไปหลบในศาลา  ราเชลได้แต่ก้มหน้านิ่งแก้มแดงจัด ริชมองแก้มแดงระเรื่ออย่างเอ็นดู  ปรารถนาที่จะเห็นยามร่างบางนี้ซับสีแดงระเรื่อทั้งตัวว่าจะงดงามสักแค่ไหน
ตอนแรกก็แค่ฝนที่ตกหนัก  แต่ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงคำรามของกระแสไฟในอากาศ  ม้าสองตัวที่ถูกผูกอยู่ใต้ต้นไม้กระสับกระส่ายอย่างตื่นตระหนกและเริ่มร้องคำรามอย่างไม่ชอบใจ มันพยายามสะบัดเชือกเพื่อให้หลุดออก  ริชเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไปหา  ราเชลก็วิ่งตามไปเช่นกัน  ทั้งคู่เข้าไปกอดคอและพยายามปลอบให้มันอยู่นิ่งๆ  เมื่อเห็นว่ามันเริ่มสงบลงก็ปลดสายจูงพามันเข้าไปในศาลาด้วย
เมื่อมีม้าเข้ามาเพิ่มอีกสองตัว  ศาลาก็แคบจนไม่อาจคุ้มฝนได้อีกต่อไป  ริชกับราเชลเหลือบมองตากันแล้วหัวเราะ
“ผมว่าเราพามันกลับคอกดีกว่าครับ”
“นั่นสิ...ฝนยังหนักอยู่ก็จริง  แต่ฟ้าไม่แรงเหมือนเมื่อครู่แล้ว”
   กว่าจะกลับถึงบ้านฝนก็ซาและขาดเม็ดลงในที่สุด  คนงานวิ่งออกมารับสายจูงจากริชและราเชลด้วยท่าทางห่วงใย 
“ดูเหมือนเขาจะห่วงม้ามากกว่าคนอีกนะว่าไหม?”
ริชไหวไหล่แล้วหันมาถามหน้าตาย  ราเชลอมยิ้มเพราะสังเกตเห็นสีหน้าไม่ชอบใจของคนงานสองคนนั้นได้เช่นกัน
“นั่นสิครับ...ท่าทางจะรักม้ามาก  คุณโชคดีนะครับที่ได้คนแบบนี้มาดูแลม้าให้”
“คนของฉันที่ไหน...ของคุณแม่ต่างหาก  พอรู้ว่าฉันเอาม้ามาเลี้ยงก็ตามมาจัดการให้จนหมดทุกอย่างเลย”
ราเชลหัวเราะเสียงใส  แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงฟันกระทบกันเบาๆ 
“หนาวละสิ  รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ครับ...คุณก็เหมือนกันนะ”
“ดีใจจังที่เธอเป็นห่วง”
ราเชลหลบตาอย่างเขินอายแล้วรีบกลับขึ้นห้องไป
      ..................................

อาหารค่ำใต้แสงเทียนมีเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆตลอดเวลาราเชลรู้สึกตื้อและแทบไม่รู้รสอาหารจนริชก็สังเกตเห็น
“ไม่อร่อยเหรอ?”
“อร่อยครับ”
“ดูเธอไม่ค่อยทานเลยไม่ถูกปากก็บอกมาเถอะ  หรือถ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษ?”
“ไม่เกี่ยวกับรสชาติอาหารหรอกครับ  ผมรู้สึกมึนๆ”
“สงสัยจะไม่สบาย  งั้นไปพักดีกว่า” 
“แต่คุณยังไม่อิ่ม?”
“ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยลงมากินก็ได้”ริชซับปากแล้วผุดลุกขึ้นแต่ราเชลรีบห้ามไว้
“อย่าเลยครับ  ทานไปเถอะ  ผมขึ้นไปเองได้  ขอตัวนะครับ”
“ทานยาด้วยนะ  ไคล์มจัดยาให้คุณราเชลด้วย”
“ครับท่าน”
ราเชลรีบเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะรู้สึกมึนหัวและหนาวๆร้อนๆเหมือนจะเป็นไข้   หนุ่มน้อยผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลีย 
ในความมืดและร้อนรุ่มร่างกายของ เขากำลังถูกพันธนาการด้วยอะไรบางอย่าง  สัมผัสอุ่นซ่านแตะไล้บนริมฝีปากและใบหน้า  ราเชลขยับตัวอย่างอึดอัดในความรัดรึงรอบกาย กล้ามเนื้อตึงแข็งที่เบียดกระชับทำให้ราเชลผวาตื่นและพบว่าไม่ใช่ความฝัน ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายวาววามในแสงสลัวของเตาผิง
“ริช”
“ฮาย...เวลานอนเธอน่ารักเหมือนตุ๊กตาแก้วตัวเล็กๆเลย...บอบบาง...น่า-
ถนอม  แต่ว่า...เย้ายวน” ริชกระซิบคำสุดท้ายข้างใบหูนิ่ม  จมูกโด่งไล้ผ่านผิวนุ่มแผ่วเบา 
ราเชลสะท้าน เนื้อตัวสั่นขึ้นมาทันใด  แต่สัมผัสวาบหวามล่อหลอกให้เกิดความสงสัยใคร่รู้จึงปล่อยกายใจให้เพริดตาม  ริชเลาะเล็มกลีบปากอิ่มแผ่วๆแล้วเน้นหนักขึ้นจนสามารถเปิดปากนุ่มให้เผยอออก  ลิ้นร้อนตวัดรัดลิ้นนุ่มอย่างนุ่มนวล  ราเชลใจจดใจจ่ออยู่กับจุมพิตดูดดื่มเมื่อริชสอดมือเข้าไปในเสื้อนอนตัวหนา  จึงไม่มีการขัดขืนต่อต้านใดๆ
ผิวอ่อนนุ่มเหมือนผิวทารกทำให้ริชพึงใจ  เนื้อเนียนละมุนมือไหวระริกยามเขาลูบผ่าน  ริชลูบสูงถึงเนินอกนูนแน่น  ยอดเม็ดเล็กชูชันขึ้นรับปลายนิ้วยาวที่สะกิดผ่าน         
“….ริช…ริช…”  ราเชลหอบฮัก  เมื่อปากถูกปล่อยเป็นอิสระ  หนุ่มน้อยหลับตาพริ้มกอดรัดศีรษะของผู้ที่กำลังรุกรานสองแก้มนวลและไล่ลงไปหาซอกคอขาว  จูบเน้นหนักทำให้เจ็บแปลบและเสียววาบไปพร้อมๆกัน 
ริชดึงเสื้อนอนตัวหนาออกทางศีรษะ  เนินอกนูนตึงเขม็งเหมือนท้าทายและเชิญชวน  มือร้อนลูบไล้สำรวจไปทั่ว ยอดเม็ดเล็กสีแดงสดที่ตัดกับผิวเนียนลออชูชันเมื่อลิ้นร้อนปาดไล้ไปมา  ฟันคมขบเบาๆก่อนจะดูดดึงเป็นจังหวะ
“อ๊ะ…” ราเชลหลุดเสียงครางระรัวไม่ได้ศัพท์  แอ่นอกขึ้นหาโดยอัตโนมัติ    ริชดูดกลืนยอดอกตึงและบีบเคล้นอย่างเมามัน  ผิวเนียนซับสีเลือดจนเป็นสีชมพูจัด
เข็มขัดกับกางเกงถูกปลดออกไปตอนไหนนั้นราเชลไม่รู้  รู้แต่ว่ามือที่กอบกุมบีบเคล้นส่วนอ่อนไหวกำลังทำให้เขาหายใจไม่ออก           
“ริช…ไม่…อือ…”  ราเชลน้ำตาไหลพราก  ความเสียวสะท้านทำให้ทรมานจนเหมือนจะทนไม่ได้  ทั้งอยากผลักไสทั้งอยากให้ริชทำต่อไป  สะโพกกลมเกร็งและพยายามเบี่ยงหนี  มือเล็กจิกที่นอนแน่น  แต่ความทรมานในท้องไม่ลดลงมีแต่จะยิ่งเพิ่มขึ้นจนต้องเกร็งสะโพกตามจังหวะมือร้อนที่ลูบไล้และขยับแรง     
“ไม่เคยทำแบบนี้ให้ตัวเองเลยเหรอราเชล?”         
“มะ…ไม่…เคย…ริช…อ๊ะ…ฮื้อ..”  ราเชลถอนสะอื้น  ร่างกายปั่นป่วนจนควบคุมไม่ได้  ริชผุดลุกขึ้นนั่งช้อนร่างน้อยแนบกระชับ  ราเชลค่อยๆผ่อนลมหายใจแต่ยังสะอื้นไม่หยุด น่าจะโล่งใจที่ริชหยุดทรมานแบบนี้ แต่กลับทุรนทุรายอย่างประหลาด ริชอมยิ้มก้มกระซิบเบาๆข้างหู           
“คิดว่าจะหยุดแค่นี้เหรอ  ยังหรอกราเชลเธอยังไม่ถึงที่สุดเลย” 
มือใหญ่กดเอวบางให้แน่นกระชับกับหน้าท้องแข็งก่อนจะไถขึ้นลงเป็นจังหวะ  ราเชลอุทานลั่นผวาคว้าไหล่กว้างไว้แน่น  ส่วนไวต่อความรู้สึกถูกเสียดสีกับกล้ามเนื้อแน่นจนเสียววาบไปทั้งตัว  ริชได้ใจประคองสะโพกกลมไว้อีกมือกดแก่นกายนุ่มให้แนบกระชับกับหน้าท้องปลายนิ้วถูไถส่วนยอดเบาๆ   หยาดรักอุ่นหลั่งรินรดมือใหญ่และหน้าท้องขาวจนลื่น เสียงครางของราเชลดังขึ้นทุกทีรวมถึงลมหายใจก็กระชั้นจนแทบหอบ  ฟันคมไล่งับและดูดดื่มยอดอกแดงก่ำเร่งให้เสียวกระสันยิ่งขึ้น           
“ริช!”
ราเชลกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเกลียวที่เขม็งตึงอยู่ในกายขาดออก  ความรู้สึกเหมือนกำลังหล่นวาบลงมาจากที่สูง  เสียวสะท้านแผ่วาบไปทั้งกายจนต้องเกร็งค้างอยู่ชั่วขณะ อะไรบางอย่างในตัวทะลักทลายออกมา แม้จะพยายามกลั้นไว้แต่ไม่สำเร็จ เมื่อหลั่งรินทุกหยาดหยดแล้วร่างกายก็อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงจนต้องซุกซบอยู่กับอกกว้าง ลมหายใจกระชั้นค่อยๆผ่อนช้าลงแต่หัวใจยังเต้นแรงจนสะเทือนไปทั้งตัว
ราเชลหมดสติไปชั่ววูบจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนที่ปัดผ่านบางเบาบนหน้า ผาก  สิ่งแรกลืมตาขึ้นมาเห็นคือดวงตาแพรวพราวสีน้ำเงินเข้ม  หนุ่มน้อยตัวสั่นน้ำตาไหลพรากทั้งอับอายทั้งเป็นสุขปะปนกันวุ่นวาย 
ริชประคองหน้าแดงก่ำไว้และแนบจูบลงมาหนักบ้างเบาบ้างหลายต่อ -หลายครั้ง  ตาโตหลุบต่ำไม่กล้าสบตาแต่ปากนุ่มกลับเผยอรับทุกครั้งที่ริชแนบจุมพิตลงไปหา ลิ้นอุ่นไล้เลียบนปากนุ่มแล้วผลักดันให้เผยอออกรับ 
ราเชลสูดลมหายใจลึกเมื่อปลายลิ้นลื่นสอดเข้าไปกอดรัดและเสียดสีกับลิ้นนุ่มในปาก  ปุ่มประสาทมากมายทำงานพร้อมกันอย่างปรีดา  มือเล็กๆประคองใบหน้าระคายไว้ขณะที่ร่างหนาร้อนผ่าวเบียดลงแนบกระชับ
ทั้งที่หวาดกลัวเมื่อพบว่าร่างหนาร้อนและเปล่าเปลือยเช่นกัน แต่จุมพิตแผดเผาก็ทำให้ราเชลกระเจิดกระเจิงเกินกว่าจะต้านทานได้ 
 “...ริช...อื้อ...”
ราเชลหลับตาแน่น  ส่ายหน้าไปมาบนหมอนอย่างทรมานเมื่อลิ้นร้อนไล้เลียและดูดดุนยอดเม็ดสีแดงที่ยังเสียววูบวาบหนักๆ  ริชสูดลมหายใจลึก  ความร้อนในกายเร่งให้เขาละมือจากอกตึงมาหาสะโพกกลม  บีบคลึงก้นนุ่มแน่นเพื่อกระตุ้นให้ราเชลเพริดไปกับเขาอีกครั้ง  นิ้วยาวสะกิดผ่านร่องหยักสีแดงระเรื่อเบาๆ 
 “ไม่ริช…ไม่เอา…ผม…อื้อ…ผมกลัว!”
ราเชลผวาเฮือกยันไหล่กว้างไว้แน่นและพยายามดิ้นหนี  ปฏิกิริยาต่อต้านฉับพลันทำให้ริชชะงักทั้งงงและหงุดหงิด  แต่ท่าทางตื่นกลัวจนสั่นของราเชลก็ทำให้ต้องระงับความโกรธไว้   
“กลัวอะไรราเชล…ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวสักนิด?” 
ริชไล้แก้มเนียนเบาๆอย่างอ่อนโยนทั้งที่ปรารถนาจะกลืนกินร่างน้อยเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ       
“เอ่อ...ผม...”
“ว่าไง...กลัวอะไร?”
 “…เพื่อนผมเคยบอกว่า...มัน…เอ่อ…เจ็บมาก…” ประโยคหลังเบาแทบเป็นกระซิบ  ราเชลก้มหน้างุด แก้มแดงซ่านด้วยความอาย   
ริชถึงกับอึ้งไป ทั้งขำทั้งโมโหที่ต้องมาอธิบายในเวลาอย่างนี้  แต่ความไร้เดียงสาก็น่ารักจนเขาอดทนตะล่อมให้ราเชลโอนอ่อนและต้องการเขาเช่นกัน     
“ใครบอก...มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอกน่า...ฉันจะทำให้เธอรู้สึกดี  ฉันสัญญา”
ผิวแก้มใสแดงซ่านด้วยความขัดเขิน  ท่าทางราเชลยังลังเลริชจึงต้องเปลี่ยนวิธีล่อหลอกใหม่  ปากร้อนฉกวูบลงมาหา  แผงอกหนาเบียดเสียดสีกับอกนุ่มจนซ่านสยิว  ลมหายใจเหมือนถูกกลืนหายไปในปากร้อน  ราเชลรู้สึกเหมือนจมลงในบ่อโคลนร้อนที่รัดรึงไปทั้งตัวอีกครั้ง
ริชปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระเพื่อไล้จูบจากแผ่นอกบางลากลงมาหาหน้า -ท้องขาว  เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกยามเขาจุมพิตและกลืนกินร่างน้อยไว้ในปากฟังดูเย้ายวนและกระตุ้นให้เขาทำให้เสียงนั้นครวญครางดังยิ่งขึ้น
“รู้สึกดีใช่ไหมราเชล?”
“อื๋อ...อะ...อ๊า...”
ราเชลหลับตาปี๋ปากก็ครวญครางอย่างน่าอาย  ทั้งที่รู้แต่เขาหยุดตัวเองไม่ได้  ทุกครั้งที่ปากร้อนรูดรั้งเข้าออกอาการเสียวสะท้านก็เพิ่มขึ้นทุกทีจนทนไม่ไหว  สะโพกเล็กยกลอยและเกร็งแน่นทุกครั้งที่ลิ้นสากถูไถปลายปมประสาท 
ริชชะโลมเจลหล่อลื่นทั่วจีบพับซ้อนสีชมพูระเรื่อ นิ้วยาวลองหยั่งเข้าไปใน ทางแคบเล็กน้อย  เพียงปลายนิ้วก็โดนบีบรัดต่อต้านรุนแรง ราเชลเบี่ยงสะโพกหนีเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามเข้าไปในร่างกาย  แต่ปากร้อนทำให้ความหวาดกลัวเลือนรางไป  ริชรอจนแรงบีบรัดคลายจึงเริ่มแทรกนิ้วลึกเข้าไปอีก  เพียงแค่นิ้วเดียวกว่าจะสอดเข้าไปได้สุดร่างบางก็เหงื่อโทรม  ริชขยับนิ้วเข้าออกเบาๆ  ใบหน้านวลเหยเกเมื่อเขาปล่อยเนื้อเปียกชุ่มเป็นอิสระ         
“อย่า…ไม่…ริช....”   
ราเชลถอนสะอื้นอย่างทรมาน  เขากำลังจะถึงจุดสูงสุดแต่ริชกลับหยุด ทำให้ทรมานแทบขาดใจ  เมื่อไม่มีแรงจูงใจด้านหน้าทุกครั้งที่นิ้วยาวพยายามแทรกเข้าออกก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้     
“ชี่…เดี๋ยวก็หาย…ตรงนี้รู้สึกดีไหม?”         
“ไม่..อื้อ…ริช”
ราเชลสะท้านเฮือกเมื่อปลายนิ้วลื่นด้วยเจลเสียดสีไปสะกิดโดนบางอย่างภายในจนเสียววูบไปทั้งท้อง  ริชกระหยิ่มเมื่อหาจุดอ่อนไหวเจอ นิ้วยาวเลื่อนเข้าออกช้าๆอย่างใจเย็น  สะโพกกลมยกเกร็งขึ้นเมื่อช่องทางถูกเสียดสีจนร้อนวูบวาบขึ้นทุกที  ราเชลกัดปากแน่นรู้สึกเสียวเหมือนใจจะขาด  ดังนั้นเมื่อนิ้วที่สอง สามสอดตามเข้าไปจึงไม่มีเสียงห้ามปรามแม้จะรู้สึกตึงและแน่นกว่าเดิมก็ตาม 
ริชดูดดึงยอดอกตึงไปด้วยพร้อมๆกัน เขาต้องปลุกเร้าจนแน่ใจว่าราเชลพร้อมจะรับเขาไว้ ขาเรียวเกร็งและสั่นจิกปลายเท้าแน่นกับเตียงเพื่อยกสะโพกให้ขยับตามมือร้อน ลมหายใจหอบกระชั้นแต่มือเล็กกลับดึงรั้งไหล่กว้างเข้าหา  ริช ครางเบาๆอย่างพอใจเมื่อความพยายามของเขาบรรลุเป้าหมาย  เจลข้นลื่นถูกชโลมจนทั่วแก่นกายร้อน ขาเรียวถูกช้อนขึ้นพาดไหล่จัดให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด ค่อยๆสอดกายเข้าไปในทางแคบ   แต่เพียงส่วนปลายก็ฝ่าเข้าไปยากลำบากกว่าที่คิด 
ราเชลร้องอุทานอย่างเจ็บปวดพยายามดิ้นหนีแต่ริชตรึงไหล่บางไว้แน่น ปากร้อนประกบจูบปากนุ่มเร่าร้อน ก่อนจะดันตัวเข้าไป  ราเชลเกร็งไปทั้งตัวน้ำตาไหลเป็นทางด้วยความทรมาน แต่ความคับแน่นก็ยังแทรกลึกเข้ามาช้าๆ  เมื่อปากร้อนถอนออกเสียงครางอย่างเจ็บปวดก็ดังไม่หยุด         
“ริช…ไม่ไหว…ออกไป…ผมเจ็บ”
“ผ่อนคลายให้ฉันราเชล  อย่าเกร็ง...ถ้าไม่เกร็งจะไม่เจ็บเลย”       
ริชสั่งหอบๆ พยายามผ่านเข้าไปในทางแคบอย่างยากลำบาก  ยิ่งราเชลเกร็งแรงกดดันก็ยิ่งมหาศาล  ริชจำต้องหยุดแช่สะโพกนิ่ง ปากร้อนเบียดกระชับกับปากอิ่ม  มือใหญ่เลื้อยแทรกเข้าไประหว่างคนทั้งสอง  เสียงอุทานถูกกลืนหายไปในปากเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกปลุกเร้าจนตึงและร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมๆกับจังหวะฉกรัดของลิ้นอุ่นในปาก รอจนเสียงสะอื้นเปลี่ยนเสียงครางกระเส่าสะโพกหนาจึงขยับลึกเข้าไปอีกครั้ง 
“อีกนิดเดียวคนดี…อีกนิดเดียว” ริชกระซิบเสียงพร่าหนักจนเหมือนคำรามเพราะความกดดันบีบรัดรอบกาย  ราเชลกัดปากแน่น  แม้จะเจ็บเหมือนใจจะขาด แต่ความเสียววูบวาบเบื้องหน้ามีมากกว่าและกำลังพาเขาขึ้นสูงลิบอีกครั้ง         
“ริช…ริช…ฮื่อ..” ราเชลพร่ำเรียกเสียงกระเส่า  ริชถอนใจพรูเมื่อฝังกายเข้าไปในร่างบางได้แนบสนิท  แรงบีบรัดต่อต้านทำให้ต้องหยุดผ่อนลมหายใจยาว  เห็นหน้านวลเปรอะด้วยน้ำตาเพราะความทรมานก็อดสงสารไม่ได้  ริชจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน  ราเชลสอดแขนโอบรัดต้นคอหนา เช็ดน้ำตากับบ่ากว้าง ร่างกายเหมือนจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ท้องจุกแน่นด้วยความร้อนฉ่าที่แทรกเต็มตื้ออยู่ภายใน
ริชประคองสะโพกกลมไว้ก่อนจะถอนกายออกมาเล็กน้อยแล้วดันเข้าไปใหม่  ราเชลอุทานเบาๆเพราะความเจ็บ  แต่เมื่อริชขยับบ่อยครั้งเข้าความเจ็บปวดก็เปลี่ยนเป็นความชา  ภายในถูกเสียดสีจนเกิดอาการเสียววูบวาบขึ้นมาเป็นระรอก  ความเจ็บและความเสียวกระสันกดดันให้ต้องร้องครวญครางไม่เป็นภาษา ราเชลจิกเล็บบนไหล่กว้างยกสะโพกลอยขึ้นรับแรงสอดลึกที่กระชั้นขึ้นทุกที   
ริชเร่งจังหวะขึ้นตามอารมณ์  ปฏิกิริยาตอบสนองไร้เดียงสาทำให้ร่างกายร้อนฉ่าขึ้นอย่างรวดเร็ว  ได้ยินเสียงหวีดเบาๆจากร่างข้างใต้ กล้ามเนื้อที่โอบรัดรอบเขาบีบตัวรุนแรง  ร่างบางแอ่นเกร็งขึ้นก่อนจะปลดปล่อยไอร้อนให้พรั่งพรูออกมา 
ริชกัดกรามกรอดเพราะหมดความอดทนเช่นกัน ร่างหนาเร่งกายกระชั้นเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด  ราเชลหอบตัวโยนแต่ร่างกายกลับเคลื่อนไหวรับอย่างไม่รู้ตัว   ส่วนที่สอดประสานกันร้อนฉ่าจนแทบเกิดประกายไฟ ความเสียวกระสันพุ่งสูงสุดแล้วระเบิดออกเป็นชิ้นๆ เสียงครางประสานกันลั่นเมื่อต่างกอดเกี่ยวกันไปถึงแดนสุขาวดี ริชกดสะโพกเล็กแนบกระชับเพื่อหลั่งรินหยาดร้อนเข้าไปในหลืบแคบ มือเล็กเกาะกอดร่างสูงแน่น เสียงหวีดระรัวพร่าดังอยู่ข้างหูช่างเย้ายวนและน่าภาคภูมิ 
   ริชเฝ้าจูบเคล้าคลึงจนลมหายใจหอบกระเส่าค่อยบางเบาลง    ราเชลแทบหลับลงไปเดี๋ยวนั้นเพราะความอ่อนเพลียแต่ริชกลับซุกไซ้ซอกคอขาวเพื่อไม่ให้ราเชลหลับไปก่อน  ราเชลปรือตาขึ้นมองพอสบตากับริชก็ซุกหน้าหลบกับอกกว้าง  ไม่กล้ามองหน้าริช ด้วยไม่อาจสบตาวิบวับคู่นั้นได้อีก         
“ราเชล”         
“...ครับ…”         
“รู้สึกดีไหม?”       
“.......”         
“ว่าไง…หรือจะให้ทบทวนอีกสักเที่ยว”         
“มะ…ไม่ไหวแล้วครับ…”ราเชลปฏิเสธเสียงสั่น         
“อะไรกัน  นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะ  ฉันมีอะไรที่จะสอนเธออีกเยอะ”         
“…แค่นี้ก็แทบแย่...”  ราเชลบ่นงึมงำอยู่ในลำคอแต่ใกล้กันแค่นี้มีหรือริชจะไม่ได้ยิน เขาก้มลงจูบปากนุ่มหนักๆ แล้วค่อยสอดลิ้นเข้าไปหาความหอมหวานภายใน  เลือดระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว  มือร้อนลูบผ่านไปบนอกตึงแล้วไล้ลงไปหาหน้าท้องเนียนแน่น  ปลุกเร้าจนผิวนุ่มอุ่นซานขึ้นมาในมืออีกครั้ง        ร่างบางบิดเร่าด้วยความทรมานจากฤทธิ์พิศวาส  แขนขาเรียวโอบรัดไหล่หนาแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
……………………………….....................

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-08-2009 22:53:28
บทเริ่มออกแนวสยองขวัญ โตมาหน่อยเป็นแนวกุ๊กกิ๊ก ตบท้ายด้วยฉากหื่นนิดๆ  เรื่องนี้มันช่างสนุกจริงๆ  :z1: :z1:


รออ่านต่อนะจ๊ะ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-08-2009 14:41:46
สนุกสนาน อ่านเพลินมาก

เรื่องนี้เศร้าหรือเปล่าค่ะ

อิตาริชจะหลอกราเชลหรือเปล่า 

แอร๊ยยยยย อยากอ่านต่อ  :z3:

อย่าหายไปนานนะ รีบๆ มาต่อนะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 31-08-2009 21:24:07
จะเป็นลมตาย

เอิ๊กกกกก
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.3 (29/08/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-09-2009 20:37:41
รออ่านนะจ๊ะ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.4 (02/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 02-09-2009 20:56:53
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ มาค่อยๆลุ้นกันดีกว่าว่ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร :pig4:


มาอ่านต่อกันเลยคะ
............................
ราเชลชะงักเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีแดงเลี้ยวปราดมาดักหน้า แต่สมิทคงเห็นอยู่ก่อนแล้วจึงไม่มีทีท่าอะไร  ซ้ำยังจอดรถเข้าข้างทางอย่างนิ่มนวล
ริชวิ่งเหยาะๆมาเปิดประตูด้านหลังแล้วชะโงกเข้ามาดึงราเชลลงจากรถ
   “มีอะไรครับ...จะพาผมไปไหน”
“ไปหากาแฟดื่มแล้วค่อยกลับบ้านนะสมิท” ริชชะโงกไปตบไหล่สมิทแล้วปล่อยธนบัตรเขียวๆหล่นใส่กระเป๋าเสื้อหน้าตาเฉย
“ครับ”
“ไปกันเถอะราเชล”
ราเชลลงจากรถตามแรงดึง หัวใจเต้นระรัวด้วยความยินดีจนเผลอยิ้มน้อยๆเพราะเก็บอาการไม่อยู่  รถสปอร์ตก็ไม่ได้แคบนัก แต่ความที่คนขับไหล่กว้างราวกับกำแพงทำให้ไหล่ของทั้งคู่ชนกันบ่อยๆ  จนราเชลรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อนึกไปถึงสัมผัสร้อนระอุในคืนก่อน
ราเชลแทบถอนใจอย่างเสียดายเมื่อเห็นหลังคาโรงเรียน  ทำไมระยะทางระหว่างบ้านเขากับโรงเรียนถึงได้สั้นนัก  อยากให้ทางไกลกว่านี้อีกหลายๆเท่า  เพื่อที่ช่วงเวลาอันแสนสุขนี้จะได้ยาวออกไป
“ใจลอยอีกแล้ว...ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้  ใจลอยไปหาใครหืม?”
“เปล่าครับ”
“ไม่ให้ลง...บอกมาก่อนว่ากำลังคิดถึงใคร”
“ไม่ได้คิดถึงใครจริงๆนะครับ”
“ไม่เชื่อ”
“โธ่...ผมไม่ได้คิดถึงใครจริงๆครับ...ผมเพียงแต่รู้สึกว่ารถคันนี้เร็วกว่ารถที่บ้านเยอะเลย  เดี๋ยวก็มาถึงโรงเรียนแล้ว...ผมคิดแค่นี้จริงๆ”
“...แปลว่าเธออยากให้เราถึงโรงเรียนช้าใช่ไหม?”
“...มะ...ไม่ใช่สักหน่อย”
“ฮะๆๆ ราเชล  อย่าหัดโกหกเลย  เวลาโกหกหน้าตาเธอฟ้องออก”
“เปล่านะครับ”
“น่า...เราก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ   ฉันก็ไม่อยากให้ถึงโรงเรียนสักนิด...หรือว่าวันนี้เราจะโดดเรียนกันสักวัน”
“ไม่ได้นะครับ!...เอ่อ...ถ้าคุณย่ารู้ผมถูกดุตายเลย”
“แย่จัง...งั้นตอนเย็นกลับพร้อมกันนะ  ฉันจะมารอที่นี่ตอน 3โมง”
“แต่ว่าผม...ต้องวาดรูป...”
“ไม่ได้เหรอ...โธ่ราเชล  แค่เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงนี่ฉันก็จะแย่แล้วนะ  ใจคอเธอจะวาดรูปต่อโดยไม่สนใจฉันเลยเหรอ?”
“...เอ่อ...ผม....”
“ไม่เป็นไร  ถ้าเธออึดอัดใจก็ขอโทษด้วย”
“เปล่านะครับ  ผมไม่...ตกลงครับ  เลิกเรียนแล้วผมจะรีบมา”
“ถ้าเธอลำบากใจ...”
“ไม่ลำบากเลยครับ  ความจริงมันก็แค่งานอดิเรกเท่านั้น  ผมไม่ได้คิดจะวาดประกวดอะไร  ไว้ค่อยวาดต่อก็ได้ครับ”
“ไม่ลำบากใจแน่นะ”
“ครับ”
“งั้นเย็นนี้เจอกัน”
“ครับ”
ลอว์ลี่ยืนชะเง้อคอยอย่างกระวนกระวาย  พอเห็นราเชลก็ยิ้มออก
”ราเชล...ทำไมมาช้าจังวันนี้”
“พอดี...รถเสียนิดหน่อยน่ะ”
“เหรอ...นี่อาจารย์บอกให้นายไปพบแน่ะ  เห็นว่าจะส่งภาพของนายเข้าประกวดด้วยนะ”
“จริงเหรอ?”  ราเชลอุทานอย่างตกใจปนกังวล  เขาเพิ่งเขียนภาพไปได้ไม่ถึง50%  อีกไม่ถึงสองสัปดาห์ก็ถึงกำหนดส่งเข้าประกวดแล้ว
“ใช่...ทำไมละ ไม่ดีใจเหรอ?”
“ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว  จะเสร็จทันได้ยังไง”
“ก็เร่งมือเข้าหน่อยสิ  ระดับนายน่ะสบายมากน่า...เริ่มจากเย็นนี้เลยเป็นไง ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน”
“เอ่อ...เย็นนี้ฉันมีธุระ”
“อ้าว!  งั้นเหรอ  ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็ได้”
“อืมไว้พรุ่งนี้แล้วกัน”
“งั้นฉันจะขออนุญาตคุณพ่อกลับบ้านพร้อมนาย  พ่อจะได้ไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจนะลอว์ลี่”
“ไม่เป็นไร...แนะ ชวนคุยเสียนาน  นายต้องไปพบอาจารย์นี่”
“จริงสิ ไปกันเถอะ”
      ..................................

ทันทีที่เลิกเรียนราเชลก็เก็บกระเป๋าแล้วออกไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครทันสังเกต
ร่างสูงยืนพิงรถด้วยท่วงท่าสบายๆ  เมื่อราเชลเดินเข้าไปใกล้ก็เปิดประตูรถออกกว้างและแกล้งโค้งให้ราวกับเป็นพนักงานรับรถ
“เชิญครับท่าน”
“รอนานหรือเปล่าครับ?” 
ราเชลถามขณะสาระวนดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด  แต่มือใหญ่เอื้อมมาดึงไปคาดให้  แม้จะคาดเสร็จแล้วแต่ริชกลับไม่ยอมถอยออกไป  ซ้ำยังท้าวเขนคร่อมร่างบางไว้  และก้มมาใกล้จนได้ไอร้อนจากลมหายใจ
“นานมาก...แต่ก็คุ้มแสนคุ้ม  เมื่อ่ได้เห็นหน้าเธอ”
ราเชลหลบตาวูบ  สองแก้มร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน  มือไม้ดูเก้งก้างไม่มีที่วางเอาดื้อๆ
“เอ่อ...เราไปกันเถอะครับ”
“ตกลง”
แม้จะรู้สึกโล่งอกที่ริชยอมถอยกลับไป  แต่อีกใจกลับนึก...เสียดาย
      ..................................

ราเชลรีบเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินเร็วแทบเป็นวิ่ง  วันนี้เขารับปากริชว่าจะไปเที่ยวห้างที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วยกัน  ความรีบทำให้ราเชลไม่ได้ยินเสียงเรียกของปีเตอร์   เพราะใจเขามันดิ่งไปถึงลานจอดรถแล้ว  ที่นั่น ร่างสูงยืนคอยอยู่เหมือนเคย  แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มนิดๆที่มุมปากกับดวงตาแพรวพราวหัวอกหัวใจก็พร้อมใจกันเต้นกระหน่ำอย่างตื่นเต้นและเป็นสุข
ห้างที่เพิ่งเปิดใหม่อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองนัก  ทั้งสวยงาม หรูหราและดูเหมือนจะใหญ่กว่าห้างเก่าในเมืองจนเทียบกันไม่ได้  น่าแปลกที่ไม่มีรถจอกอยู่ให้เห็นแม้แต่คันเดียว
“ริชครับ...แน่ใจเหรอครับ  ว่าเปิดแล้ว”
“ยังหรอก”
“อ้าว!แล้วพาผมมาทำไมครับ...ริช นั่นคุณจะทำอะไร?”
“ก็เข้าไปไง”
“แต่ห้างยังไม่ได้เปิดนะครับ”
“เราจะบุกรุกไงราเชล”
“อะ...อะไรนะครับ!”
“เราจะเป็นหัวขโมยที่แอบเข้าห้างแล้วไปขโมยของกัน  ช่วยกันขนให้เต็มรถเลยนะ”
“อย่านะครับ!  ตำรวจจับเราแน่  ริช...อย่าเลยครับ...โธ่!”
“มาถึงนี้แล้ว  ฉันไม่มีวันถอยกลับเด็ดขาด”
“ริชครับ”
“เอาละลงกันเถอะ”
“แต่ว่า”
“น่า...มาเร็ว  ถ้าเธอไม่รีบมา  ฉันจะเลือกขโมยแต่ของแพงๆ  แล้วฉันก็จะทำลายข้าวของด้วย  ฮะๆ ทีนี้ละ  สนุกแน่”
“ริชครับ...กลับมาก่อน!”  ราเชลวิ่งตามเมื่อเห็นท่าจะห้ามริชไม่อยู่ 
“สวัสดีค่ะ...ยินดีต้อนรับค่ะ”
หนุ่มน้อยเกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหวานๆต้อนรับ  โชคดีที่มันเป็นเพียงเสียงจากคอมพิวเตอร์
“ไปด้านนี้กันดีกว่า”
ในห้างสว่างไสวและงดงามด้วยแสงไฟจากโคมระย้า  ร้านค้าทุกร้านอัดแน่นด้วยสินค้าหลากหลายรูปแบบทั้งจากแบรนด์ดังและจากต่างประเทศ  แต่ทั้งห้างกลับไม่มีคนเฝ้าเลยแม้แต่คนเดียว  ราเชลวิ่งไปตามแรงลากของริช  จากร้านหนึ่งไปยังร้านหนึ่ง  เวลาริชเจอของถูกใจก็จะเลือกมาชูให้ดู  พอเขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยริชก็จะหัวเราะชอบใจแล้วโยนคืนที่
ถึงจะกลัวถูกจับได้แต่ราเชลก็อดสนุกไปกับริชด้วยไม่ได้  หากริชไม่ลากเขาเข้าไปในร้านเพชร
“นี่ไง...ร้านเป้าหมาย  สวยๆทั้งนั้น  กวาดให้เรียบเลยดีไหมราเชล”
“อย่านะครับ  แค่เราแอบเข้ามานี่ก็แย่แล้ว  ถ้าขืนขโมยของ  เราติดคุกแน่เลย”
“เรายังเป็นเยาวชนน่า  ยังไงเขาก็ส่งเราเข้าคุกไม่ได้หรอก”
“ไม่เอาครับ  ไม่เด็ดขาด”
“น่า...สวยนะ  ดูสิ นาฬิกาเรือนนี้เหมาะกับเธอออก”
“ผมไม่อยากได้”
“สร้อยเส้นนี้ละ  เอาไปฝากคุณย่าไง”
“ไม่เอาครับ...คุณริชครับ  ผมขอร้อง  อย่าหยิบอะไรไปเลยนะครับ”
“ทำไมละ  มันสวยออกนา”
“แต่ผมไม่ชอบ”
“แล้วเธอชอบอะไร?”
“ไม่ชอบสักอย่าง”
“ไม่ได้  บอกมาสิว่าชอบอะไร  ไม่งั้นฉันจะกวาดของพวกนี้ให้หมดตู้เลย  แล้วจะทุบตู้พวกนี้ให้แตกให้หมด”
“อย่านะครับ!”  ราเชลแทบร้องไห้ด้วยความกลุ้มใจ
“งั้นก็บอกมาสิว่าชอบอะไร”
“ผม...ผมชอบพวกคริสตัลมากกว่าครับ”
“จริงอะ...โกหกหรือเปล่า?”
“จริงๆครับ  ผมสะสมตั้งแต่เด็กแล้วด้วยซ้ำ” 
“งั้นไปกันเถอะ”
ริชวางสร้อยคืนที่อย่างไม่สนใจอีกต่อไป  ราเชลลอบถอนใจอย่างโล่งอก   หากริชพาเขาไปที่ร้านเขาก็จะโวยวายขอเลือกคริสตัลจากเบลเยี่ยม  เพราะมั่นใจได้ว่าไม่มีขายแน่ๆ
“ร้านนี้ไง  คริสตัลชั้นดีจากทั่วโลก  รับรองว่าเป็นสินค้าเกรดเอจากแหล่งผลิตชั้นยอดทั้งนั้น”
“เอ่อ...เรากลับกันดีกว่าครับ  เย็นมากแล้ว”
“เลือกเอาราเชล  ว่าจะหยิบของที่นี่ไปเป็นที่ละลึกสักชิ้นสองชิ้น  หรือจะให้ฉันทุบมันทิ้งทั้งร้าน”
“อย่านะครับ”
“งั้นก็ไปเลือกเอา”
ราเชลจำต้องเดินเข้าไปดู  แสงที่ซ่อนไว้อย่างชาญฉลาดทำให้คริสตัลทุกชิ้นงดงามและเปล่งประกายล้อสายตาราวกับเพชร  ราเชลอดไล้นิ้วไปบนกลีบบางใสของคริสตัลกุหลาบไม่ได้  ความประณีตทำให้ดูราวกับเป็นกุหลาบจริงๆมากกว่าจะเป็นแก้ว
ราเชลสะดุดตาเข้ากับคริสตัลรูปเด็กถือแปรงสี  ท่าที่กำลังเล็งแปรงไปยังเบื้องหน้า ดูครุ่นคิดและเคร่งเครียดราวกับเจ้าตัวกำลังพยายามสร้างสรรค์ผลงานที่สำคัญ  ใบหน้ากลมป้อมดูมีชีวิตชีวา  แม้แต่รอยยับของเสื้อที่หนูน้อยใส่ก็ดูราวกับเป็นเสื้อจริงๆ 
“มันเป็นของเธอ  ไปดูชิ้นอื่นกันต่อดีกว่า” ริชหยิบตุ๊กตาตัวน้อยยัดใส่มือเขาหน้าตาเฉย  ราเชลสะดุ้งราวกับริชวางถ่านร้อนๆลงในมือ
“แต่ว่า...”
“งั้นเริ่มทุบเจ้ากุหลาบดอกโตนี่ก่อนแล้วกัน”
“อย่าครับ  ผมรับมาแล้วไง”
“ไปดูชิ้นอื่นกันอีก”
“คงไม่มีชิ้นไหนน่ารักเท่าชิ้นนี้แล้วละครับ....ริชครับ  ผมต้องกลับบ้านแล้ว  ถ้าผิดเวลานัก คุณย่าต้องโกรธแน่ๆ  ครั้งต่อไปผมคงไปเที่ยวอีกไม่ได้  พาผมไปส่งเถอะนะครับ  นะ...น้า...”
“ก็ได้ แต่มีข้อแม้”
“อะไรครับ?”
“รับปากก่อนแล้วจะบอกทีหลัง”
“เอ่อ...คงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือผิดศีลธรรมนะครับ?”
“แน่นอน  ฉันไม่มีวันทำให้เธอมัวหมองเด็ดขาด”
ราเชลอยากเถียงแทบแย่ว่าไอ้ที่ทำกันอยู่ตอนนี้มันยิ่งกว่ามัวหมองแล้ว  แต่มันกำลังจะกลายเป็นโจรกรรม  แต่ถ้าเขาโวยวาย ริชอาจไม่พอใจและอาจทำอะไรที่ร้ายๆกว่านี้ก็ได้
“ตกลงครับ”
“ดีงั้นกลับก็กลับ”
ราเชลวิ่งตามริชขาสั่น  กลัวเหลือเกินว่าจะถูกจับได้ว่าแอบเข้ามา แถมยังขโมยของอีกด้วย  หลักฐานก็อยู่ในมือเขานี่เอง
ตลอดระยะทางจากในห้างออกมาจนถึงลานจอดรถ  เงียบและปราศจากผู้คน  ราวกับที่นี่เป็นตึกร้างมากกว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่  แม้จะเข้ามาอยู่ในรถแล้วแต่ริชกลับนั่งเฉย  ราเชลเหลียวมองรอบๆอย่างกังวล  ‘ของกลาง’ถูกยัดไว้ในกระเป๋านักเรียนที่เบาะหลัง
“ไปกันเถอะครับ”
“ยังไปไม่ได้”
“ทำไมละครับ?”
“เธอยังไม่ได้ทำตามที่รับปากเอาไว้เลย”
“จะให้ทำอะไรละครับ?”
“ฉันอยากกอดเธอ...เดี๋ยวนี้เลย” ริชพึมพำเบาๆแต่อ้อมแขนที่ตวัดรัดร่างบางเข้าหาบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น  ราเชลรีบดันคางสากไว้ก่อนที่จะโดนจูบ
“อย่านะครับ”
“เธอรับปากแล้วนี่ว่าจะทำทุกอย่าง”
“แต่ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรม”
“คนรักจู๋จี๋กันจะผิดได้ยังไง?”
“ผิดสิครับ...นี่มันที่ห้างนะครับ  ไม่ใช่บ้าน”
“งั้นไปที่บ้านฉัน”
“...แต่ว่า”
“งั้นตรงนี้แหละ  ไม่ไปไหนแล้ว”
“อย่าครับ!ไปครับไป  ไปบ้านคุณก็ได้”
“เฮ้อ!น่าเสียดาย  ไม่เป็นไรฉันค่อยคิดดอกเบี้ยเพิ่มทีหลัง”
ริชขับรถออกมาจากห้างและพาราเชลกลับบ้านด้วยความเร็วสูงราวกับมีปีศาจไล่หลังมา  แต่แทนที่จะเลี้ยวเข้าบ้านเขากลับพาราเชลไปยังท้ายไร่  ทันทีที่รถจอดริชก็อุ้มร่างบางเดินลิ่วไปยังดงหญ้าสูงท่วมหัวที่เขาเจตนาปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ตกแต่งเหมือนที่อื่น
“จำที่ตรงนี้ได้ไหม...เธอล้มลงมาใส่อกฉัน  แล้วฉันก็อยากทำอย่างนี้ตั้งแต่แรก”  ริชประกบปิดปากอิ่มอย่างรวดเร็ว  จูบเร่าร้อนเรียกร้องจนราเชลอ่อนระทวยไปทั้งตัว  เสียงครวญครางและเสียงลมหายใจดังกลบเสียงนกและแมลง  กลิ่นหญ้าแหลกช้ำใต้ตัวเหมือนจะแรงขึ้นทุกครั้งที่ร่างสูงเคลื่อนกาย  ดวงตาโตปรือขึ้นมองฟ้าสว่างใสที่ค่อยๆพร่ามัวด้วยน้ำตายามที่ความเสียวกระสันถึงขีดสุด   พร้อมๆกับที่หญ้าแหลกช้ำก็ช่วยรองรับหยาดรักที่พร่างพรูลงจนเปียกชุ่ม
      ..................................

ตะวันลับฟ้าตั้งแต่ราเชลลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย  ริชยังคงแวะ -เวียนจูบอ้อยอิ่ง  รสรักหวานหอมทำให้ไม่อยากปล่อยร่างน้อยห่างกาย  กว่าราเชลจะอ้อนวอนให้ริชพามาถึงบ้านก็ได้เวลาอาหารค่ำพอดี
“เฮ้อ!ในที่สุดก็ถึงบ้านเธอจนได้  ทำไมทางมันใกล้นักนะ  หรือว่าเราจะขับวนรอบเมืองอีกที”
 “อย่าเลยครับ  แค่นี้ผมก็กลับบ้านผิดเวลามากแล้ว...ขอบคุณนะครับที่พาผมไปเที่ยว”
“ไว้วันหลังเราไป ‘เที่ยว’ กันอีกนะ”  ริชหลิ่วตาให้อย่างล้อๆ  ราเชลหน้าแดงแต่ทำเฉยเสียไม่อยากต่อความให้มากกว่านี้
“ครับ”
“งั้น...พรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับ  พรุ่งนี้เจอกัน”
“บายที่รัก”
“บายครับริช”
ราเชลยืนมองท้ายรถสปอร์ตไปจนลับตา แต่เมื่อหันกลับมามองบ้าน
ความรู้สึกรื่นรมย์อ่อนหวานก็หดหายไปเกือบหมด  หนุ่มน้อยแทบไม่อยากเข้าบ้านด้วยรู้ว่าป่านนี้คุณย่าคงรอเขาอยู่แล้วและคงโกรธมากที่เขาไปเที่ยวจนกลับผิดเวลาขนาดนี้
“คุณย่าครับ”
“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยไปที่โต๊ะอาหาร”
“...เอ่อ...ครับ”
“ไงสนุกไหม...ได้อะไรมาบ้างล่ะ?”
ราเชลกางผ้ารองตักค้างก่อนจะรีบวางลงเมื่อตั้งสติได้   
“...ไม่...ไม่ได้ซื้อครับ”
“งั้นเหรอ  เพิ่งเปิดใหม่คงยังมีสินค้าไม่มากสินะ?”
“ก็...ครับ...คุณย่าทราบเรื่องผมไปเที่ยว...”
“แฮมิลตันเขาโทรมาขออนุญาตแล้ว  ฉันก็เห็นว่าเธอไม่ค่อยได้ไปไหน   ก็เลยอนุญาต  ไม่สนุกหรือไงทำไมทำหน้าอย่างนั้น?”
“สนุกครับ...แต่ผมไม่สบายใจที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณย่าเอง”
“แฮมิลตันเขาบอกแล้วละว่าโทรศัพท์ที่โรงเรียนเสีย  เขาก็ต้องออกไปโทรข้างนอกนี่นะ  ไม่เป็นไร นานๆครั้งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” ดูเหมือนริชจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย  ทำให้ราเชลคลายความกังวลเรื่องตุ๊กตาคริสตัลไปบ้าง
“ขอบคุณมากครับคุณย่า”
“เห็นคบกับคนระดับเดียวกันอย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อย  ขืนไปคบกับพวกไม่มีสกุลฉันคงหนักใจแย่  เราน่ะเป็นตระกูลเก่า  ชื่อเสียงก็สั่งสมกันมาหลายชั่วคน  จะให้คนชั้นต่ำมาทำให้เสียชื่อไม่ได้หรอกนะ”
“ครับคุณย่า”
แอนนาปรายตามองหน้าเนียนใสเห็นอาการก้มหน้างุดก็นึกสงสาร  ถึงอย่างไรราเชลก็ยังเด็ก  เรื่องจะไม่ให้คบเพื่อนเลยคงยาก  แต่เธอก็ต้องปรามไว้บ้าง
“พูดคุยกันที่โรงเรียนก็พอได้อยู่หรอก  แต่ข้างนอกห้ามเด็ดขาดเข้าใจนะ
ราเชล  โดยเฉพาะนายคนที่เป็นนักมวยอะไรนั่นน่ะ  ได้ข่าวว่าอาศัยอยู่กับลุงที่อู่ต่อเรือใช่ไหม?”
“ครับ....แต่ปีเตอร์เขานิสัยดีนะครับ  แล้วก็เป็นนักกีฬา...”
“อย่าเอามาอ้าง  ถึงจะนิสัยดีแค่ไหนก็ไม่ควรสนิทสนมด้วย  บอกแล้วไงว่าที่โรงเรียนก็พอได้  แต่จะห้ามไปไหนๆกับคนแบบนั้นเด็ดขาด  เข้าใจหรือเปล่าราเชล”
“...เข้าใจครับ”
“ดีมาก”
หากไม่ใช่ริช  ราเชลคงเล่าพฤติกรรมร้ายๆวันนี้ให้ฟังจนหมด  นี่ถ้าปีเตอร์ทำแบบนี้แน่ใจได้เลยว่าคุณย่าคงประณามว่าเขาเป็นหัวขโมยหรือไม่ก็อาชญากรตัวร้าย  แต่ราเชลไม่แน่ใจว่าสำหรับริช  คุณย่าจะคิดเหมือนกันหรือไม่
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.4 (02/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 02-09-2009 21:01:17
..

วันนี้ราเชลแทบไม่อยากมาโรงเรียนเพราะกลัวว่าจะมีคนจับได้ -เรื่องที่ห้างเมื่อวาน   แต่ริชคงรู้แกวเลยมารับที่บ้านแต่เช้า  ดูเหมือนทุกคนในบ้านก็เต็มใจต้อนรับทายาทคนเดียวของแฮมิลตันเช่นกันเพราะริชมีถุงของฝากใบโตส่งให้สมิทไปแจกคนรับใช้ในบ้านทุกๆคนด้วย
“คุณขี้โกง”
“อะไรกัน  ยังไม่ทันทักทายก็โดนกล่าวหาเสียแล้ว...ฉันขี้โกงอะไรล่ะ”
“ก็ของฝากพวกนั้น  คนในบ้านผมคงปลื้มคุณกันแย่เลย”
“แน่นอน  ก็ฉันรักเจ้าของบ้านก็ต้องเอาใจใส่คนในบ้านเขาด้วยสิ”
ราเชลพูดไม่ออก  นั่งหน้าแดงปลั่งแล้วเมินมองออกไปนอกรถเขินๆ
ทันที่ที่เลี้ยวพ้นเขตบ้านขึ้นสู่ถนนใหญ่  รถตำรวจคันหนึ่งก็เปิดไซเรนแล้วไล่ตามมา  ราเชลตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว  แน่ใจว่าเรื่องที่เขากับริชแอบเข้าไปในห้างคงไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“...ริช...รถตำรวจนี่ครับ...”
“ไม่ต้องกลัวน่า  คงจับความเร็วน่ะ  เอ...วันนี้ก็ขับไม่เร็วนี่นา”
“...ขะ...เขาต้องรู้เรื่องเมื่อวานแน่เลย...จะทำยังไงดีครับริช...เราจะทำยังไงกันดี?”
“รู้เรื่องเมื่อวาน...เรื่องอะไร?...สวัสดีครับคุณตำรวจ  ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ริชลงไปจากรถแล้วปิดประตูทำให้ไม่ได้ยินเสียงภายนอก  ราเชลชะเง้อมองใจระทึก  เขาเห็นริชหน้าเครียดและควักโทรศัพท์ออกมาโทร  ตำรวจอีกคนเดินมาประกบตัวริชไว้  ราเชลน้ำตาคลอ นึกกลัวจนมือเท้าเย็นเฉียบ  แต่ความห่วงริชทำให้หนุ่มน้อยตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปอีกคน
“อย่าลงมาราเชล  อยู่บนรถดีแล้ว”
“แต่ว่า...”
“กลับขึ้นไปดีกว่าคุณหนู” ตำรวจหันมาสั่งเสียงเครียด  ราเชลจำต้องถอยกลับมาขึ้นรถ  ริชยังคงพูดโทรศัพท์ขณะที่ตำรวจยืนรอหน้าเครียด
ราเชลแทบร้องไห้ด้วยความโล่งอกเมื่อริชกลับมาขึ้นรถ   มือเล็กสั่นเอื้อมไปแตะท่อนแขนหนาเมื่อสังเกตเห็นริชหน้าเครียด
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อืม...มีปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องเมื่อวานใช่ไหมครับ?...ผมไม่ควรเอาตุ๊กตาตัวนั้นมาเลย”
“ตุ๊กตา?...อ๋อ...เอ่อ...ใช่...เรื่องนั้นแหละ”
“ทางห้างเขาเอาเรื่องใช่ไหมครับ?”
“อืม”
“เขา...จะจับผมไหมครับ?”
“ไม่หรอก...ก็ราเชลไม่ได้เข้าไปเองนี่  ฉันเป็นคนพาไปก็ต้องเป็นคนรับผิด - ชอบสิ”
“...แต่ผม...ผมหยิบตุ๊กตาตัวนั้นกลับมา  ทำให้คุณเดือดร้อน”
“เพื่อความสุขของเธอฉันทำให้ได้ทุกอย่างน่า  แค่ติดคุกเนี่ยเรื่องเล็ก”
“...ติดคุกเชียวเหรอครับ...โธ่...เราจะทำยังไงดี?” ตาโตคลอด้วยน้ำใสๆ  ใบหน้าเผือดสีจนริชนึกสงสาร
“ราเชล...ไหนๆฉันก็ต้องติดคุกแล้ว  คงไม่ได้เห็นหน้าราเชลหลายวันแน่เลย  ราเชลช่วยทำอะไรให้ฉันสักอย่างได้ไหม?”
“ได้สิครับ”
 “จูบฉันหน่อยได้ไหม...ถือว่าเป็นการปลอบใจ”
“...จะ...จูบ...เอ่อ...”
หน้าซีดๆแดงก่ำขึ้นทันตา  ราเชลอึ้งไปด้วยความเขินอาย  ริชหลับตาแล้วยื่นหน้ามาเสียใกล้  ราเชลได้แต่อีกอักด้วยความขัดเขิน
“นะ...ปลอบใจฉันหน่อยสิ  ไม่รู้ว่าจะต้องติดคุกนานเท่าไหร่  เธอไม่สงสารฉันเลยเหรอ?”
   ราเชลหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม  ตาโตเหลือบมองหน้าคร้ามนวลใกล้ๆด้วยความขัดเขิน  แต่เมื่อนึกว่าริชต้องถูกจับเพราะตุ๊กตาคริสตัลตัวนั้นก็อดใจหายไม่ได้  ปากอิ่มเลื่อนไปแตะแก้มสากเบาๆ  แล้วรีบถอยออก 
   “ได้ไง นี่มันจูบทักทายต่างหาก  ฉันสอนเธอจูบแล้วนี่นา”
“ผม...เอ่อ...”
“ไม่เป็นไร  จะทบทวนให้”
“ยะ...”  เสียงห้ามถูกกลืนหายไปในปากร้อน  ราเชลหลับตาแน่น  หัวหมุนคว้างไปหมด  เหมือนกระแสไฟแล่นปราดจากปลายลิ้น  แทรกซึมไปทั่วทั้งตัว  มือเท้าอ่อนเปลี้ยไม่มีแรง  แต่กลับ’รู้สึก’และสัมผัสได้ถึงความหวานหวามยามลิ้นต่อลิ้นเสียดสีกันในปาก 
ริชชักไม่อยากปล่อยราเชลไปเรียน  แต่วันนี้เขามีเรื่องสำคัญรออยู่  ยังไงก็ต้องกันราเชลออกให้ห่างเสียก่อน จึงต้องยอมปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระทั้งที่แสนเสียดาย
“วันนี้ฉันถือว่าเป็นการสอน  วันหน้าเธอต้องเป็นฝ่ายจูบฉันตามที่เราตกลงกันนะ”
“...ขี้โกง...” ราเชลบ่นอุบอิบอยู่ในลำคอทั้งๆที่ยังก้มหน้างุดด้วยความอาย
“ว่าอะไรนะ?”
“ปะ...เปล่าครับ  รีบไปเถอะเดี๋ยวสาย”
“เฮ้อ...จับไม่ได้ก็แล้วไป  ถ้ารู้ว่าแอบนินทานะ...ฮึ่ม!”
ราเชลรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าบทสนทนาชักจะเข้าเนื้อมากขึ้นทุกที
“...แล้วเรื่องเมื่อวานจะทำยังไงดีครับ?”
“เย็นนี้ฉันจะไปสถานีตำรวจ”
“ผมไปด้วย”
“ไม่กลัวโดนจับด้วยหรือไง?”
“ผมก็ทำผิดเหมือนกันนี่ครับ  จะปล่อยคุณเดือดร้อนคนเดียวได้ยังไง?”
“น่ารักจัง  ไม่ต้องห่วงหรอก  ยังไงทนายของฉันก็จัดการทุกอย่างได้”
“แต่ผมอยากไปด้วย”
“ตกลง...ไปก็ไป  ดีใจจังที่เธอห่วงฉันขนาดนี้”
ริชดึงมือนุ่มมาจูบแล้วกำไว้แน่น  ราเชลหน้าแดงซ่าน เสมองออกไปนอกรถ  ความกังวลหวาดหวั่นหายไปเกือบครึ่ง
ริชเลี้ยวรถเข้าจอดในลานจอดรถของโรงเรียน  คนอื่นๆอาจต้องหาที่จอดเอง แต่ริชมีที่จอดประจำด้วยอภิสิทธิ์ของแฮมิลตันคอปฯ  ผู้สนับสนุนงบประมาณแก่ทุกชมรม  จึงไม่มีใครโง่พอที่จะแย่งที่จอดรถกับคนให้ทุนชมรมตัวเอง
ริชไม่ได้แยกไปเหมือนเคย  แต่เดินมาส่งจนถึงห้องเรียน
“ตอนเย็นเจอกัน”
“ครับ”
ราเชลมองตามไหล่กว้างไปจนลับตาด้วยความห่วงใย  เมื่อหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาสนอกสนใจของเพื่อนร่วมชั้น
“ว้าว! ราเชลคบกับแฮมิลตันเหรอเนี่ย?”
“แล้วพอลลิ่งล่ะ  เลิกกับแฮมิลตันแล้วสิ  ใช่ไหม?”
“จริงเหรอเนี่ย” 
ทุกคนพูดกันแซดโดยที่ราเชลไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ  ปึ้ง!ๆๆๆ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อยๆเงียบลง  ต่างหันไปมองที่มาของเสียงดังสนั่นนั้น  ลอว์ลี่ยืนเม้มปากแน่น  หน้าบึ้งและแดงก่ำด้วยความโกรธจัด  หนังสือเล่มใหญ่ปกเยินด้วยแรงกระหน่ำตีไม่ยั้งเมื่อครู่
“อย่าพูดอะไรพล่อยๆนะ  ราเชลไม่ได้คิดอะไรกับนายเจ้าชู้นั่นสักหน่อย  ใช่ไหมราเชล บอกเพื่อนๆไปสิว่านายคนนั้นมาตามตื้อนายเอง”
“เอ่อ...คือคุณพ่อกำลังจะทำธุรกิจกับทางแฮมิลตันคอปฯน่ะ ก็เลยค่อนข้างสนิทกัน”
“นั่นไง...ราเชลยังยอมรับเลยว่าสนิทกัน...จริงไหมเจอร์รี่”
เจอร์รี่ทำหน้างงเพราะเพิ่งเข้ามาจึงไม่รู้เรื่องด้วย
“เรื่องอะไร?”
“นี่นายไปไหนมา ไม่รู้เหรอว่าเมื่อกี้แฮมิลตันมาส่งราเชลที่ห้องด้วย”
“จริงอ่ะ”
“จริงดิ  นี่เรายังคิดๆกันอยู่เลยว่าแฮมิลตันอาจจะมาจีบราเชล”
“ไร้สาระ ไปกันเถอะราเชลเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”ลอว์ลี่ลากแขนราเชลออกไปจากห้องโดยไม่ยอมมองหน้าคู่แฝดสักนิดเดียว
“สงสัยจะอิจฉาที่ราเชลมีหนุ่มหล่อมาจีบ”
“แหงเลย”
ราเชลเดินตามแรงลากของลอว์ลี่จนพ้นห้องจึงขืนตัวกลับทำให้ลอว์ลี่หันมามอง
“นายเป็นอะไรไปลอว์ลี่  สีหน้านายไม่ค่อยดีเลย?”
“ถามได้ไงราเชลว่าฉันเป็นอะไร  เมื่อวานนายสัญญาอะไรไว้จำได้หรือเปล่า?”
“เรื่องอะไร?”
“ฮึ...เรื่องวาดรูปกันไง  นายสัญญากับฉันว่าจะวาดรูป  ฉันก็เลยว่าจะอยู่เป็นเพื่อน  แล้วไง  นายไปไหนทำไมทิ้งให้ฉันรอเก้อ”
ราเชลใจหายวูบ  เขาลืมเรื่องวาดรูปไปเสียสนิท
“...ฉันขอโทษลอว์ลี่  ฉัน...เอ่อ...มีธุระก็เลยไม่ได้มา”
“นายลืมไปแล้วด้วยซ้ำ  ตกลงว่านายจะไม่ส่งรูปเข้าประกวดสินะ  ป่านนี้แล้วนายยังไม่ไปถึงไหนเลยนี่”
“ฉัน...เอ่อ...ขอโทษนะ”
“ทั้งนาย ทั้งเจอร์รี่...แย่ที่สุด”
“ลอว์ลี่!เดี๋ยวสิ...ลอว์ลี่” ลอว์ลี่วิ่งหนีไปดื้อๆ ราเชลได้แต่อึ้งด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด 
ตลอดทั้งวันลอว์ลี่ไม่ยอมพูดกับราเชลและเจอร์รี่อีกเลย  ราเชลเหลียวมองหน้าเจอร์รี่บ่อยๆ  แต่เจอร์รี่ยักไหล่แล้วก็แบมือเป็นเชิงไม่สน  ราเชลก็ทำอะไรไม่ได้
ด้วยความที่ไม่สบายใจเรื่องลอว์ลี่ราเชลจึงเก็บกระเป๋าช้ากว่าทุกวัน
“ราเชล  ไปเที่ยวห้างใหม่กันไหม?” เพื่อนๆต่างเข้ามารุมล้อมถาม  ราเชลได้มองหน้าทุกคนงงๆ ปกติเพื่อนกลุ่มนี้ไม่ค่อยสนิทกับเขานัก  แปลกที่วันนี้กลับชวนไปเที่ยว
“ห้างใหม่...เปิดแล้วเหรอ?”
“เปิดวันนี้เป็นวันแรก  คนต้องเยอะน่าดูเลย  เห็นว่าเชิญคนดังๆมาเพียบ”
“เอ่อ...คือ...”
ราเชลใจหาย  นึกไปถึงสิ่งที่ทำเมื่อวาน  ในห้างอาจจะมีกล้องวงจรปิด  แล้วถ้าเขาโผล่ไปคงโดนจับแน่  อีกอย่างวันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปเป็นเพื่อนริชที่สถานีตำรวจ
“จะไปห่วงทำไม  ราเชลเขาเป็นแฟนกับเจ้าของห้างนะ  ถ้าไปเขาก็ต้องไปแบบพวก วีไอพีต่างหาก” เพื่อนคนหนึ่งแหย่ยิ้มๆ  แต่ราเชลหัวใจกระตุกเมื่อได้ยิน
“อะไรนะ...นายว่าห้างของใครนะ?”
“เอ้า!นายไม่รู้เหรอว่าห้างนั้นของแฮมิลตัน?”
“ห้างนั้นของ...แฮมิลตันงั้นเหรอ?”
“ใช่...ถ้านายไม่ไปพวกเราไปก่อนนะ”
“ริช...หมายความว่าไงกันเนี่ย?”
“บ่นอะไรงึมงำอยู่คนเดียวราเชล  ยังไม่กลับอีกเหรอ?” เจอร์รี่แกว่งเป้ไปมาอย่างร่าเริง  ดูเหมือนกำลังความสุข
“กำลังจะกลับแล้ว”
“งั้นฉันไปก่อนนะ  แมทรออยู่”
“บาย”
ร่างสูงยืนคอยด้วยท่าทางกระวนกระวายเล็กน้อย  ราเชลเดินเข้าไปใกล้แล้วจ้องหน้าริชเขม็ง
“เป็นอะไรไป...หน้าเครียดมาเชียว?”
“คนกะล่อน”
“อ้าว!มาถึงก็ต่อว่ากันเลย  บอกที่มาที่ไปหน่อยสิว่าเรื่องอะไรกัน?”
“คุณเป็นเจ้าของห้าง  ร้านคริสตัลคงไม่กล้าแจ้งจับเจ้าของห้างแน่ๆ  คุณหลอกให้ผม...เอ่อ...ไม่รู้ละ  คุณกะล่อนที่สุดเลย”
“อ๋อเรื่องนั้นเอง  ฮะๆๆ ไม่เอาน่า  ซีเรียสไปได้”
“คุณใจร้ายมาก  หลอกให้ผมตกใจกลัวแทบตาย  ผมนอนไม่หลับทั้งคืนแล้วยังเรียนไม่รู้เรื่องด้วย  เพราะคุณคนเดียวเลย” 
ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของราเชลทำให้ริชหยุดยิ้ม  ดูท่าเขาเล่นแรงเกินไปแล้ว  ไม่คิดว่าแค่หลอกเล่นแค่นี้ราเชลจะคิดมากไปใหญ่โต
“เฮ้!ไม่เอาน่าคนดี  ฉันก็แค่ล้อเล่น  ตั้งใจว่าวันนี้จะพาไปงานเปิดตัวห้างด้วยกัน เธอก็จะได้รู้ความจริงเสียที  ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเสียใจสักนิด  หยุดร้องไห้เถอะ...ตาบวมแล้วนะ”
“คุณ...คุณ...ฮึก”
“เอางี้  ถ้าไม่หยุดร้องไห้จะโดนฉันจูบ  คนเยอะดีเสียด้วยสิ”
ริชทำหน้าเจ้าเล่ห์แถมถูมือไปมาอย่างเหี้ยนกระหือรือ   ราเชลมองไปรอบๆหน้าตาตื่น  กลัวว่าริชจะเอาจริง
“อย่านะ  ผมหยุดแล้ว”
“ไปงานเปิดตัวห้างกันดีกว่า”
“ไม่เอาหรอก  ผมมอมแมมขนาดนี้จะไปได้ยังไง?”
“ก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน  แล้วเราไปด้วยกัน”
“...เอ่อ...”
“น่า...นะ  คนดี๊คนดี  ไปกันเถอะ”
ราเชลยิ้มเขินๆแต่ก็ยอมขึ้นรถอย่างว่าง่าย ริชปิดประตูให้แล้วอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับ  ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก  ทำให้ราเชลกล้าชวนริชสนทนา
“ถ้าไม่ใช่เรื่องคริสตัลแล้วเมื่อเช้าตำรวจเรียกรถคุณทำไมครับ?”
“อ๋อ...คือเขาถามว่าระหว่างที่เราขับรถมาเจอคนน่าสงสัยไหมเท่านั้นเอง”
“มีคนร้ายอยู่แถวนี้เหรอกครับ?”
“เห็นเขาว่าเป็นพวกโรคจิตชอบลวนลามนักเรียนสาวๆ  เขาก็เลยตามจับกันน่ะ  แต่เห็นว่าจับได้แล้วละ”
“ค่อยยังชั่ว  โล่งใจไปที”
ริชมองหน้านวลยิ้มๆ  ความจริงตำรวจเมื่อเช้าตามมาอารักขาเขา  เพราะมีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้  เจฟฟรี่จึง ‘ขอ’ ให้ตำรวจช่วยตรวจตราและบอกให้ริชรู้ตัวแต่ไม่ต้องการให้ศัตรูไหวทัน  จึงไม่ให้คนของเขาเคลื่อนไหวใดๆ  เพื่อล่อให้พวกมันลงมือ  ซึ่งพวกมันก็ติดกับจริงๆ  เขาออกจากสถานีตำรวจก็ตรงมารับราเชลทันที  ส่วนเจฟฟรี่ยังอยู่ที่สถานีตำรวจ  เพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
      ..................................

         อากาศหม่นมัวด้วยลมและฝนตั้งแต่เช้า…ราเชลถอนใจยาวอย่างเสียดาย  วันนี้ริชสัญญาว่าจะมารับไปเที่ยวคงต้องยกเลิกเพราะอากาศที่ไม่เป็นใจ 
ก๊อกๆๆๆ…         
“เชิญ”         
“คุณท่านให้เชิญคุณราเชลที่ห้องนั่งเล่นค่ะ”         
“คุณย่ามีอะไร?”         
“ไม่ใช่ท่านผู้หญิงค่ะ…แต่เป็นคุณชาล์ลค่ะ”         
“อะไรนะ…คุณพ่ออยากพบฉันเหรอ…แน่ใจนะ?”         
“ค่ะ…ท่านให้เชิญคุณที่ห้องนั่งเล่นค่ะ”         
“ขอบใจ” 
ราเชลใจเต้นตึกตักด้วยความกังวล  นี่เป็นครั้งแรกที่บิดาเรียกพบ  ปกติแม้แต่หน้าเขาท่านยังไม่อยากมอง  อาจจะมีเรื่องอะไร…
   ห้องนั่งเล่นเงียบกริบจนเด็กชายไม่แน่ใจว่าบิดาจะอยู่ในนั้น  แต่เมื่อเข้าไปในห้องก็ได้เห็นบิดายืนรออยู่แล้ว         
“คุณพ่อเรียกผมเหรอครับ?”         
“นั่งสิ…แกสนิทกับลูกชายตระกูลแฮมิลตันเหรอ?”  ชาล์ลยิงคำถามเข้าใส่อย่างคนใจร้อน       
“ก็…เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนครับ”         
“ไม่ใช่รุ่นพี่เฉยๆสินะ…”
ราเชลเกือบสะดุ้งหากแต่ประโยคถัดมาทำให้เขาโล่งใจ         
“นี่ไง...เขาเชิญแกไปร่วมงานวันเกิดคุณนายแฮมิลตันที่นิวยอร์ค…นี่งานนี้นะมีแต่คนดังระดับโลกเท่านั้นนะถึงจะมีโอกาสได้ไป”         
“ผม…เพิ่งทราบ”         
“อะไร!นี่แปลว่าแกยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยงั้นเหรอ?…ไม่ได้เรื่องเลย…เอาเถอะพรุ่งนี้ฉันจะให้คนพาแกไปหาซื้อข้าวของ”         
“แต่พรุ่งนี้ผมมีสอบเปียโน”         
“ไร้สาระ!…เปียโนบ้าบออะไร…งานใหญ่ระดับนี้แกจะมาทำให้ฉันขายหน้าไม่ได้!”         
“ครับ”         
“ดีมาก…แค่นี้แหละ”
ราเชลมองตามอย่างงุนงง  อยากดีใจที่บิดาเอาใจใส่  แต่กลับไม่แน่ใจ
‘คุณพ่อครับ…คุณพ่อห่วงผมหรือห่วงหน้าตัวเองกันแน่ครับ’
      ..................................

         ลินดา แฮมิลตันเดินเข้ามาในตึกด้วยด้วยท่วงท่านางพญา  สิ่งแรกที่เธอมองหาคือร่างสูงๆของลูกชายสุดที่รัก แต่ไม่เห็นแม้เงา           
“คุณริชอยู่ไหน?”       
“อยู่ที่สระครับ”
ลินดาทำตาโตอย่างผิดคาดเมื่อพบว่าสระน้ำวันนี้โล่งและเงียบ มีเพียงเสียงแหวกว่ายของบุตรชายเพียงคนเดียว เธอกำลังคิดอยู่เชียวว่าจะหาทางแหวกสาวๆของริชเข้าไปให้ถึงตัวลูกได้อย่างไร แต่ดูเถอะวันนี้ริชกลับอยู่เพียงลำพังเสียนี่
ร่างที่อยู่ในสระดำดิ่งลงในข้างล่างและว่ายมาโผล่ที่ข้างเท้ามารดา         
“สวัสดีครับ  วันนี้แม่สวยจัง”         
“ไม่ต้องมายอ  บอกมาดีกว่าว่าแขกคนนี้พิเศษยังไง?”
ลินดาโบกกระดาษโน้ตในมือไปมาเบาๆ  ริชอาจมีผู้หญิงและเพื่อนฝูงมากมายแต่เขาไม่ค่อยพามาแนะนำให้เธอรู้จัก  ตั้งแต่เด็กนอกจากญาติๆรุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อนที่ริชเคยพามาแนะนำก็มีนับคนได้  อาจจะมีพิเศษอยู่คนก็คือเด็กชายตัวขาวซีดแต่หน้าตาหวานคมสวยราวกับนางแบบ  หากแต่คราวนี้เด็กหนุ่มกลับสั่งเพิ่มรายชื่อแขกในงานวันเกิดของเธอโดยไม่บอก แถมยังเขียนโน้ตไปแปะไว้ที่โต๊ะอีกว่าต้องการให้เธอเจอ         
“คนนี้คนพิเศษครับแม่”         
“พิเศษ…คราวนี้ดูเอาจริงนะเอาจังนะ…ลูกสาวตระกูลไหนล่ะ?”         
“ทายาทคนเดียวของตระกูลเวลล์บอนครับ”         
“คุ้นๆนะ  แต่นึกไม่ออก”         
“เป็นสายตระกูลขุนนางเก่า”         
“แล้วเราไปรู้จักเขาได้ยังไง?”         
“ก็…เรียนโรงเรียนเดียวกัน”         
“โรงเรียนไหน…ลูกย้ายโรงเรียนปีละตั้งกี่ครั้งแม่จะรู้ไหมจ๊ะว่าเจอที่ไหน”         
“ก็โรงเรียนล่าสุดที่ผมย้ายไป  แม่ครับผมซื้อบ้านที่นั่นไว้ ซ่อมแล้วก็…ใช้ได้”         
“แล้วไง?…เกี่ยวอะไรกับเรื่องเจ้าของชื่อในการ์ดนี่”         
“เขาอยู่บ้านติดกับบ้านหลังใหม่ของผม” ริชตอบยิ้มๆโหนตัวขึ้นจากสระ 
“อือฮึ” ลินดาเดินตามร่างสูงที่แทบต้องแหงนคอคุย         
 “แล้วเขาก็ชอบขี่ม้า…ผมก็เลยขอม้าที่คอกของแม่ไปไว้ที่บ้านใหม่4-5ตัว”
ริชทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ยาวริมสระ  คว้าผ้าขนหนูมาขยี้น้ำออกจากผม         
“แน่ใจนะว่าแค่นั้นจริงๆ?”         
“แน่สิครับ”         
“อยากรู้จังว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีนัก ลูกถึงต้องลงทุนด้วยม้าแทนดอกไม้”         
“ผมบอกแม่เหรอครับว่าเขาเป็นผู้หญิง?”         
“ต๊าย!อย่าบอกนะว่าลูกจีบผู้ชาย” ลินดาแกล้งอุทานเสียงแหลมล้อเลียนลูกชาย แต่ริชกลับยิ้มเจื่อนลงรอดูปฏิกิริยาของมารดา         
“ริช…นี่ลูก…เป็น…เกย์…” ลินดาหลุดเสียงครางเบาหวิว ในอกวูบหายด้วยความตกใจ  ไม่อยากจะเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง
ริชถอนใจพรูก้มมองมืออยู่นานก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าซีดๆของมารดา         
“เมื่อก่อนผมก็…ไม่ค่อยแน่ใจ  ตอนนั้นผมก็ว่ากายเขาน่ารักดี  แต่พอผมเจอราเชล...ผม…เริ่มรู้สึกว่าผมอยากได้เขา มันเหมือนกับเวลาที่ผมเจอผู้หญิงถูกใจแต่ความรู้สึกมันมากกว่านั้น  ผมอธิบายไม่ถูก”
ลินดาได้แต่กุมศีรษะ  เท่าที่ฟังดูลูกชายสุดที่รักคงไม่ถึงกับเป็นเกย์  แต่ก็อาจเป็นพวกชอบทั้งสองเพศ  ด้วยนิสัยดื้อรั้นของริช หากเธอโวยวายห้ามปรามเขาก็จะยิ่งทำให้รุนแรงมากขึ้น  งานนี้คงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน และทางที่ดีเธอควรขอคำแนะนำจากจิตแพทย์เก่งๆสักคนมากกว่า         
“แม่ครับ…แม่โกรธผมเหรอ?”         
“ไม่หรอก…เอาเถอะ แม่ไม่อยากตัดสินใครโดยที่ยังไม่รู้จักเขาดีพอ  หากลูกมั่นใจว่าลูกชอบเด็กคนนี้มากก็พาเขามาให้แม่รู้จักด้วยก็แล้วกัน”         
“ขอบคุณครับ แม่น่ารักที่สุดในโลกเลย”         
“ไม่ต้องมาประจบ  เอาละแม่ต้องไปธุระแล้ว เย็นนี้กินมื้อค่ำกับแม่หรือเปล่า?”         
“แน่นอนครับ“         
“งั้นเจอกันตอนเย็นนะจ๊ะ”         
“เจอกันตอนเย็นครับแม่”
         .................................

ลินดาหมุนตัวกลับมาเมื่อสามีบุ้ยใบ้ให้ดู  ร่างสูงเดินเคียงกันมากับร่างเล็กบางในชุดสูทสีครีม เมื่อริชนำ’เพื่อน’เข้ามาใกล้ลินดาก็ยอมรับว่าอดเห็นใจลูกชายไม่ได้
‘ก็น่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก สมควรอยู่หรอกที่ริชจะคลั่งไคล้’
ใบหน้าหวานสวยสะดุดตา แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือดวงตาคู่งามใสแจ๋ว ไร้เดียงสาราวกับตากวาง         
“ราเชล  เวลล์บอนครับคุณแม่ คุณพ่อ”         
“สุขสันต์วันเกิดครับ” ราเชลส่งของขวัญที่บิดาจัดการให้แก่ลินดา  เขาตื่นเต้นเสียจนเบลอไปหมด  แต่ก็รู้ว่าแม่ของคนรักงดงามแค่ไหน  แต่ดูเหมือนริชจะ คล้ายพ่อมากกว่า             
“ขอบใจจ๊ะเคยได้ยินริชพูดถึงบ่อยๆ ตามสบายนะจ้ะ”
ริชพาลูกแมวน้อยของเขาไปนั่งโต๊ะซึ่งอยู่ห่างกว่าโต๊ะอื่นๆ           
“ดื่มอะไรดี?”         
“เอ่อ…อะไรก็ได้ครับ” 
ราเชลตอบตะกุกตะกักด้วยยังไม่หายตื่นเต้น  ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้มางานหรูหราระดับนี้  คุณพ่อพูดถูกที่ว่าควรเตรียมตัวมาให้พร้อม  นี่หากไม่ได้รับการดูแลจากคนของคุณพ่อวันนี้เขาต้องหน้าแตกแน่นอน  แม้จะไม่รู้จักใครเลย แต่ราเชลกลับคุ้นหน้าแขกที่มาในงาน เพราะส่วนใหญ่จะเห็นคนเหล่านี้จากสื่ออยู่บ่อยๆ       
“งั้นมาร์ตินี” ริชแกล้งอำยิ้มๆ แต่กลับผิดคาดเมื่อราเชลพยักหน้า         
“ครับ”         
“แน่นะ?”         
“ก็แน่สิครับ”
ริชขมวดคิ้วแต่ก็เรียกบริกรให้เอามาร์ตินีมาให้ ราเชลรับมาดื่มแล้วสำลักจนหน้าแดงก่ำไปหมด  ริชช่วยลูบหลังด้วยความตกใจ         
“อะ…ค๊อก…นี่มันอะไรครับ?…แค็ก…โอยหัวหมุนเลย”         
“นี่เธอดื่มเหล้าไม่ได้แล้วดื่มเข้าไปทำไม?”         
“ผมไม่ทราบนี่ครับว่าเป็นเหล้า…แค็ก…”         
“ไปพักก่อนดีกว่าหน้าแดงไปหมดแล้ว”         
“ผมไม่เป็นไรครับ”         
“ไม่ไหวก็บอกนะ”         
“ครับ”
ตลอดเวลาริชตามประกบราเชลแจ และคอยเอาอกเอาใจจนออกนอกหน้า  ไม่สนใจว่าใครจะมองหรือซุบซิบนินทาอย่างไร 
ลินดาไม่รู้ว่าควรขำหรือร้องไห้ดีเมื่อได้ยินแขกที่มาร่วมงานนินทาว่าลูกชายสุดที่รักของเธอควง’ทอม’ มาออกงาน
      ..................................

ราฟวางแก้วน้ำกับยาแก้ไข้ลงข้างๆ แต่ลินดายังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม จู่ๆลินดาก็หันมาจ้องหน้าที่ยังหล่อเหลาแม้จะล่วงเข้าวัยกลางคนแล้วก็ตาม         
“ราฟ...เวลานอนกับผู้ชาย คุณรู้สึกต่างกับผู้หญิงไหม?”
ราฟสำลักกาแฟและเกือบพ่นออกทางจมูก         
“แค็ก…โอ้ย!…คิดยังไงถึงถามอะไรแบบนี้?”         
“ก็ฉันไม่รู้ฉันก็ต้องถามนะสิ”         
“ผมไม่เคยนอนกับผู้ชายแล้วผมจะตอบคุณได้ยังไงเล่า”         
“ถ้าอย่างนั้นลูกไปเอาไอ้รสนิยมแบบนั้นมาจากไหน ในเมื่อฉันก็ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงด้วยกันสักหน่อย”         
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ผมอาจจะเคยเจ้าชู้แต่ก็ไม่ถึงกับนอนกับผู้ชายหรอกนะ”         
“หรือว่าริชจะติดมาจากเจฟ....มิน่าอยู่มาจนปูนนี้ถึงไม่มีเมียสักที”         
“นี่คุณผู้หญิงครับ  คุณผู้หญิงพูดถึงหวัดหรือพูดถึงเกย์  ไอ้เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ติดกันได้เหมือนหวัดหรอกนะ  แล้วนี่ถ้าเจฟมาได้ยินอาจจะโกรธคุณจนตาลายไปเลยก็ได้”         
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง…อยู่ดีๆก็ต้องมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายเนี่ย  อย่างนี้ฉันก็ไม่มีโอกาสอุ้มหลานนะสิ”   
 “ลินดา…คุณเคยบอกผมไม่ใช่เหรอว่าความสุขของลูกสำคัญที่สุด  เราเคารพการตัดสินใจของกันและกันเสมอนี่นา  ทำไมวันนี้คุณจะลุกขึ้นมาแหกกฎนั้นเสียเองหละ”         
“ก็ฉันทำใจไม่ได้  ถึงเด็กคนนั้นจะน่าตาน่ารักกว่าผู้หญิงแต่ก็เป็นผู้ชายอยู่วันยังค่ำ  แล้วฉันจะทำใจได้ยังไง”         
“แล้วคุณจะเอายังไง...ให้ราเชลแปลงเพศไปเลยดีไหม? หน้าตาแบบนั้นแค่เสริมอกเสริมสะโพกก็สวยยิ่งกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว”
ลินดาหน้างอใส่สามี  แต่ราฟจับศีรษะทุยโยกอย่างเอ็นดู         
“จำได้ไหมว่าทำไมถึงเลือกรักผม ทั้งๆที่ตอนนั้นคุณมีคนดีๆเข้ามาในชีวิตตั้งมาก”         
“ก็คุณเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีที่ได้เกิดมา  แล้วฉันก็มีความสุขตลอดเวลาที่อยู่กับคุณ มัน…เหมือนจิ๊กซอว์ไงพอมีคุณภาพชีวิตฉันก็เสร็จสมบูรณ์”       
“ความรักมันเป็นอารมณ์ที่แปลกนะลินดา  เวลาที่มันเกิดมันไม่เลือกหรอกนะว่าจะที่ไหน...เมื่อไหร่...หรือกับใคร คนๆนั้นจะดีหรือจะชั่วร้ายเลวทรามแค่ไหน  ถ้ารักมันก็รัก เขียนแบบสร้างแปลนหรือวางแผนให้มันไม่ได้”         
“แต่เราจัดให้มันอยู่ในกรอบได้นี่ราฟ”         
“สิ่งที่เราจัดการมันคือสถานการณ์ต่างหากล่ะ…หัวใจมันจัดเข้ากรอบไม่ได้หรอกที่รัก”         
“หมายความว่าฉันต้องยอมรับว่าลูกเป็นเกย์งั้นเหรอ?”         
“คงเป็นไบมากกว่ามั้ง  เพราะเท่าที่รู้นอกจากราเชล ก็ยังไม่เคยมีข่าวว่าชอบเด็กผู้ชายที่ไหนอีกนี่”         
“ไม่รู้ไม่ได้แปลว่าไม่มีนี่นา”         
“นั่นสิ…แล้วคุณจะไปกลุ้มทำไม?”         
“คุณไม่เห็นแววตาที่ริชกับเด็กคนนั้นนี่  มัน...ทำให้ฉันกลัว”         
“กลัว…กลัวอะไร?”         
“มันไม่ใช่ความรักหรอกนะราฟ  ฉันว่าลูกกำลังหลงมากกว่า  หลงน่ะน่ากลัวกว่ารักนะ มันอาจจะทำให้ริชมีปัญหาภายหลังก็ได้”         
“เราไม่ใช่พระเจ้านะที่รัก  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  เราลิขิตให้ลูกไม่ได้แต่เราคอยดูแลเขาได้นี่  ริชโตแล้ว เขาควรเรียนรู้ที่จะสุขหรือทุกข์ด้วยตัวเองเสียที”
ลินดาถอนใจยาว   ไม่แน่ใจว่าเห็นด้วยกับสามีหรือไม่ แต่ที่แน่ๆเหตุผลของราฟก็ทำให้เธอโต้แย้งไม่ได้
      ..................................

แอนนาเวลบอร์นนิ่งขึงอย่างคาดไม่ถึง แม้จะรู้สึกว่าราเชลค่อนข้างติดริชมากแต่ก็ไม่นึกว่าเด็กสองคนจะมีความสัมพันธ์เลยเถิดไปถึงขนาดนั้น  หากเรื่องนี้มาจากปากคนอื่นคงถูกไล่ตะเพิดไปแล้ว แต่นี่มาจากปากเพื่อนสนิทของราเชล         
“เธอแน่ใจเหรอว่าราเชล….คบกับแฮมิลตันแบบนั้นจริงๆ?”         
“ผมแน่ใจครับ”         
“สมิท...เข้ามานี่ซิ”
   “ครับท่าน”
“ตอนนี้ราเชลอยู่ที่ไหน ไปเรียกมาพบฉันหน่อย”         
“คุณราเชลออกไปกับคุณแฮมิลตันตั้งแต่เช้าแล้วครับ”         
“ใครอนุญาต!”         
“รู้สึกว่าคุณชาล์ลจะเป็นคนสั่งครับ”         
“ชาล์ลสั่งงั้นเหรอ?”         
“ครับเห็นว่าเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจอะไรนี่แหละครับ”         
“ไปรับกลับมา”         
“ครับผม” สมิทรับคำงงๆแต่ก็รีบไปรับราเชลตามคำสั่ง
   สมิทมาเก้อเพราะราเชลไปเที่ยวกับริชตั้งแต่เช้าแล้ว ทันทีที่มาถึงบ้านสมิทก็รีบเข้าไปรายงานท่านผู้หญิงทันทีเพราะรู้สึกว่าท่านผู้หญิงจะอารมณ์ไม่ค่อยดี   
“ว่าไง?”         
“คุณราเชลไปพักผ่อนที่เกาะส่วนตัวกับคุณแฮมิลตันครับ  อีก3วันถึงจะกลับ”         
“ทำไมราเชลไปไหนไม่มาขออนุญาตฉัน?”         
“คุณชาล์ลเป็นคนอนุญาตนี่ครับ”         
“ชาร์ล อีกแล้วเหรอ  นี่เขาทำอย่างนี้ทำไม?”         
“รู้สึกว่าคุณชาล์ลจะสนใจแหล่งน้ำมันกับบ่อนคาสิโนที่กำลังจะเปิดตัวของตระกูลแฮมิลตันครับ  เห็นว่าหุ้นเปิดให้จองเฉพาะบุคคลภายในเท่านั้น”         
“ขอบใจมากสมิท  ไปพักได้แล้ว”         
“ครับท่าน”
แอนนารอจนคนขับรถชราออกไปจากห้อง จึงหันมาหา‘เพื่อนสนิท’ ของราเชล
“นี่มันมากไปแล้วนะครับคุณย่า”
“ฉันรู้...ขอบใจนะที่มาบอก”
“อย่าให้ราเชลรู้นะครับว่าผมบอกคุณย่า”
“แน่นอน  เธอกลับไปก่อนเถอะ  ราเชลกลับมาฉันจะจัดการเอง”
“ครับ”
“อ้อ! แล้วก็ปิดปากให้สนิทล่ะ  อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“ไม่ต้องห่วงครับ  ยังไงราเชลก็เพื่อนผม ผมไม่ยอมให้เขาเสียชื่อแน่ครับ”
“ขอบใจมาก”
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.4 (02/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 02-09-2009 21:05:28
...
สายลมปะทะใบหน้าจนแสบ  แต่ราเชลก็สนุกอย่างบอกไม่ถูก 
ริชขับพาลัดเลาะไปตามถนนเลียบหาด  ตาคมเหลือบมองแก้มเนียนที่แดงปลั่งด้วยไอแดดลมยิ้มๆ ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับด้วยความตื่นเต้นและสนุกสนาน ริชพารถสปอร์ตคันงามไปจอดยังจุดชมวิวบนแหลม  ชายหาดเบื้องล่างโล่งไกลสุดลูกตา ลมที่หอบเอาไอทะเลขึ้นมาเย็นฉ่ำ  อาทิตย์ดวงโตกำลังจะลับขอบฟ้า  สาดแสงสีแดงอมส้มทำให้ทุกสรรพสิ่งกลายเป็นสีทองงดงาม  รวมถึงแก้มเนียนใสที่เปล่งปลั่งชวนสัมผัสอยู่ไม่วาย  ริชผุดลุกขึ้นยืนเคียงร่างเล็ก         
“วู้!” ริชตะโกนก้อง หันกลับมาทำหน้าเชิญชวน  ราเชลทำตาโตลังเลอยู่ครู่เดียวก็หันไปตะโกนตามบ้าง         
“วู้!…วู้ๆๆๆๆ”  ราเชลหัวเราะเสียงใสเงยขึ้นมองริชด้วยดวงตาอ่อนเชื่อม 
ริชใจสั่นหวิวมือร้อนโอบประคองหน้านวลก้มลงจุมพิตแผ่วอย่างลืมตัว  ร่างบางสั่นสะท้าน แต่ก็ยอมให้ลิ้นร้อนรุกไล่ในปากนุ่มอย่างเต็มใจ  ริชเน้นจูบเร่าร้อน  รวบร่างเล็กเข้าหาอ้อมแขน พึงพอใจที่ราเชลไม่ต่อต้าน  ฝ่ามืออุ่นสอดเข้าไปในชายเสื้อกันหนาวตัวโคร่ง  ร่างบางผวาเมื่อมือร้อนโลมลูบผ่านยอดทรวงจนตึงเขม็ง  ริชเน้นมือหนักขึ้นจนร่างบางสั่นระริก  นิ้วยาวเลื่อนลงไปปลดเข็มขัดเส้นเล็กออกแล้วรูดซิปลงอย่างรวดเร็ว  ทันทีที่ฝ่ามือร้อนลูบผ่านเนื้อผ้า ราเชลก็สะดุ้งทั้งตัว  เสียงอุทานอู้อี้อยู่ในปากแล้วถูกกลืนหายเข้าไปในปากร้อน   ริชเลื่อนกางกางเนื้อนิ่มลงแต่ติดที่มือนุ่มยึดมือเขาไว้แน่น         
“อย่าครับ…”         
“ทำไม?”         
“ตรงนี้มัน…เอ่อ…”ราเชลอึกอักหน้าแดงก่ำ  ถึงจะใกล้ค่ำแล้ว แต่รถเปิดประทุนโล่งทั้งคันอย่างนี้เสี่ยงต่อการที่จะมีคนผ่านมาเห็น ริชอมยิ้มเหนี่ยวร่างเล็กให้นั่งลงบนตัก  ราเชลหลับตาพริ้มเมื่อปากร้อนแนบจูบเร่าร้อน  ลมหายใจเหมือนถูกกลืนหายไปในจูบหวานๆ  ริชเหนี่ยวเอวบางให้ยกสูบงขึ้นแล้วรูดกางเกงลงอย่างรวดเร็ว  ดวงตาโตเบิกกว้างแต่จูบร้อนๆก็ทำให้อาการขัดขืนอ่อนลงเรื่อยๆ  ริชประคองสะโพกตึงนุ่มเปล่าเปลือยให้เลื่อนไถลไปมาบนตัก  ผิวตึงๆนุ่มนวลจนอยากขยำขยี้ให้สะสาแก่ใจ           
“ราเชล…คุกเข่าสิ…” ริชกระซิบเบาๆที่หูนิ่ม  ราเชลหน้าแดงซ่านพยายามขืนตัวลงจากตัก แต่ริชรั้งร่างบางให้คุกเข่าขึ้นจนได้  หน้าท้องเนียนยกขึ้นเสียดสีกับอกกว้าง  ราเชลเกาะไหล่หนาแน่น ใบหน้าแดงก่ำเบือนหนีไปทางอื่นไม่อาจสบตาคมวาวได้
 ริชก้มลงลากลิ้นไปตามสะดือบุ๋ม  เลื่อนลงไปหาหน้าท้องแบนราบ  ร่างเล็กสั่นเทาเมื่อปากร้อนครอบครองแก่นกายนุ่มไว้และดูดกลืนนุ่มนวล  ต้นขาเปลือยสั่นระริก  หน้าท้องเกร็งจนปวดเมื่อจังหวะดูดกลืนหนักและเร็วขึ้นเรื่อยๆ       
“ริช…อือ…ริช…ไม่…ไม่ไหว…อ๊าา” ราเชลร้องเสียงหลง  ร่างกายแอ่นเกร็งปลดปล่อยหยาดร้อนออกมาจนหมด  ริชคายหยาดฉ่ำร้อนใส่มือแล้วส่งไปชโลมช่องทางแคบด้านหลัง ปากก็ดูดทึ้งยอดอกสีสดแรงๆ  ราเชลหอบฮัก กอดรัดศีรษะที่กำลังซุกไซ้ทรวงอกแน่น ปากอิ่มสั่นระริกทุกครั้งที่นิ้วยาวสอดลึกเข้าออก  ทั้งที่เจ็บแต่ก็ปนกับความเสียวซ่าน ริชดึงสะโพกกลมลงบนตักให้เสียดสีกับความร้อนผ่าวเบื้องล่าง  ดวงตาหรี่ปรือด้วยความอ่อนเพลียเบิกกว้าง           
“ริช…อย่า…เพิ่ง…อือ…”ปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อความร้อนผ่าวชำแรกลึกเข้าไปภายใน  หยาดรักที่ริชชะโลมไว้ช่วยให้ความกำยำแทรกลึกไม่ติดขัด  ราเชลซบหน้ากับอกหนา  ร่างกายเปิดรับความร้อนที่แทรกลึกเข้ามาจนหมด    เสียงครางแผ่วค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อริชขยับยกร่างบางให้เคลื่อนไหวขึ้นลงเสียงครางเรียกชื่อเขาก็ดังไม่หยุด  ราเชลหลับตาแน่น  รับสัมผัสร้อนที่ชำแรกลึกด้วยความเต็มใจ  ทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่านจนแทบแยกไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไหนมากกว่ากัน  ริชบีบเคล้นสะโพกกลมหนักๆ เรียกเสียงครางให้ดังยิ่งขึ้น  ดวงตาคมปลาบไล้ผ่านจากใบหน้าแดงซ่านที่เหยเกด้วยความทรมานระเรื่อยลงมาถึงทรวงอกตึงเขม็งแดงก่ำ หน้าท้องแบนราบที่เกร็งขยับตามจังหวะที่เขานำพา กับแก่นกายนุ่มที่ฉ่ำเยิ้มเมื่อความปรารถนา ถูกเคี่ยวจนข้น  เล็บสั้นๆจิกเกร็งที่ไหล่เขาจนแสบ  ร่างบางสั่นพลิ้วร่อนไปตามลีลาที่เขาชักนำสั่นเทิ้มเมื่อไปถึงฝั่งฝัน         
“ริช” ราเชลหวีดเรียกเขาระงม  ช่องทางลึกร้อนแสนหวานดูดรัดจนเขาทนไม่ไหวเช่นกัน  ริชกระชากสะโพกกลมลงมาหารุนแรงถี่รัวไม่สนใจหยาดอุ่นๆที่กระเซ็นกระส่ายเลอะเทอะหน้าท้องและอก  ทรวงอกบางสะท้อนลมหายใจหอบกระเส่า แต่ก็ยังถูกขยับยกขึ้นลงจนสะเทือนทั้งตัว แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์จับยอดอกเปียกชุ่มเป็นประกาย ฟันคมขบเม้มและดูดดึงอย่างเมามัน  แรงบีบรัดรอบกายเขาหนักและเร็ว ความเสียวกระสันแผ่ซ่านจากหน้าท้องกระจายไปทั่วร่าง  ริชขยับลึกเข้าไปในความร้อนอีกเมื่อเส้นลวดตึงเขม็งในกายเขาขาดออก  ความรู้สึกวูบลึกราวกับตกจากที่สูง  ริชปล่อยให้ความร้อนในกายทะลักผ่านความร้อนที่บีบรัดเขาเข้าไปจนหมดสิ้นทุกหยาดหยด  พร้อมๆกับที่ร่างเล็กก็ผวาเข้ามาซุกกับอกเขาแน่น         
กลิ่นแป้งผสมผสานกับกลิ่นเหงื่อหอมยวนใจ เสียงหัวใจของเขากับคนในอ้อมแขนดังประสานกันระรัว  ริชก้มลงซุกไซ้แก้มนวล สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาร้อนๆที่รินอาบแก้ม         
“เป็นอะไร…เจ็บมากเหรอ?”         
“…เปล่าครับ…”         
“แล้วเป็นอะไร?”
ราเชลหน้าแดงก่ำไม่กล้าบอกว่าที่ร้องไห้เพราะความสุขสมที่เอ่อท้นจนทนไม่ไหว           
“หรือว่า…ฉันเก่งจนเธอทนไม่ไหว” ริชกระซิบเสียงเจ้าเล่ห์  ราเชลหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม เด็กหนุ่มเบือนหน้าไปทางอื่นไม่อาจสบตาวาวระยับได้  ริชมองปฏิกิริยานั้นอย่างแปลกใจ เขาคิดว่าราเชลจะปฏิเสธแต่เมื่อหนุ่มน้อยเอาแต่เอียงอายก็สร้างความภาคภูมิให้เขาจนล้นปรี่  ราเชลดิ้นลงจากตักอุ่นระอุ  หยาดรักร้อนไหลออกจาก หลืบแคบ  จนเลอะเทอะไปหมด  ริชถอดเสื้อยืดออกมาเช็ดหน้าท้องเนียนให้แผ่วเบา           
“อย่าครับ…เสื้อคุณสกปรกหมดแล้ว”         
“ไม่เห็นเป็นไรแค่เสื้อตัวเดียว…ฉันไม่อยากให้เธออึดอัดเหนียวตัวนะ  สวมเสื้อซะก่อนดีกว่า” ริชหันไปหยิบกันหนาวตัวโคร่งที่เบาะหลังมาส่งให้  ราเชลรับมาสวมแต่ยังมองริชอย่างกังวล       
“มีอะไรหรือเปล่า?”         
“แล้วคุณละครับ ไม่มีเสื้อใส่ไม่ใช่เหรอ?”         
“ห่วงฉันเหรอเด็กดี…หืม…ฉันไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง...เธอต่างหากต้องสวมเสื้อผ้าให้อุ่นๆไว้ เดี๋ยวจะไม่สบายนะ”
ริชกระซิบแล้วจูบแก้มนวลเบาๆอย่างอดไม่อยู่  ราเชลน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง ไม่เคยมีใครห่วงใยใส่ใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตเขาสักครั้ง แต่ริชกลับทำให้เขาปลื้มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง 
ความยาวของเสื้อปิดลงมาถึงต้นขาอ่อนและมักจะเลิกสูงขึ้นทุกครั้งที่
ราเชลชะโงกไปตามซอกต่างๆของรถเพื่อหากางเกงชั้นใน  ริชอมยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นว่ามันตกอยู่ข้างเท้าเขานี่เอง  ชายหนุ่มหยิบมาใส่กระเป๋ากางเกงแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้  ราเชลยังก้มมองหาง่วนไม่รู้ตัวว่าสภาพของตนเองกำลังทำให้ริชร้อนขึ้นทุกที  ริชละมือหนึ่งจากพวงมาลัยมาลูบไล้ต้นขาขาวและลูบสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ราเชลคว้ามือร้อนไว้แน่น         
“อย่าครับ…อันตรายนะครับขับรถอยู่”         
“ไม่เอาน่า…ฉันควบคุมรถได้น่า” มือร้อนขืนขึ้นลูบต้นขาและซุกซนไปทั่ว 
ราเชลรีบดึงออกด้วยกลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง         
“อย่าครับ…ผมขอร้องนะครับ” ริชเหลือบมองหน้าแดงซ่านกับดวงตาเว้าวอนก็ใจอ่อน...ยอมละมือจากตักนุ่มอย่างเสียดาย  ราเชลตัดใจสวมแต่กางเกงตัวนอกแล้วเบียดตัวเข้ามาซบไหล่เขาอย่างประจบ  ริชอมยิ้มตั้งใจขับรถเพื่อพาคนรักไปยังบ้านพักที่เช่าไว้
      .................................

ร่างบางเดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำช้าๆ ดวงตาจับอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงอย่างแสนรัก  3วันแล้วที่ริชพามาพักที่นี่  บ้านพักตากอากาศหนึ่งในสมบัติส่วนตัวของริช หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลสีเข้มสวย มีบ้านไม่กี่หลังแต่ละหลังก็อยู่ห่างและมีอาณาบริเวณของตัวเอง  จึงไม่มีใครเข้ามารบกวนยามลงเล่นน้ำ     ราเชลกัดปากเขินๆเมื่อนึกถึงยามลงเล่นน้ำด้วยร่างเปลือยเปล่า  หากไม่เพราะริชบังคับเขาคงไม่มีวันกล้าทำเช่นนั้น   
หลังจากเล่นน้ำจนเหนื่อยริชก็จะมีอาหารทะเลหน้าตาแปลกๆมาให้เขาลิ้มลอง สัตว์หน้าตาประหลาดที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นอาหารได้แต่รสชาติดีเสียจนติดใจ และแน่นอนว่าสิ่งที่ริชเรียกร้องตอบแทนบริการที่แสนเยี่ยมนี้ก็คือเซ็กส์เร่าร้อนที่เขาไม่อาจปฏิเสธ  ราเชลต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าริชจะต้องการขึ้นมาตอนไหน  เพราะทุกที่สำหรับริชสามารถเป็นวิมานรักได้ทั้งนั้น  จนบางครั้งราเชลก็อดฉงนไม่ได้ว่าริชเอาเรียวแรงมหาศาลแบบนั้นมาจากไหน
เสียงพลิกตัวหนักๆทำให้ราเชลตื่นจากภวังค์  ดวงตาหวานระยับจ้องเขม็งจนหนุ่มน้อยเขิน  ริชตบที่นอนข้างตัวเบาๆ ร่างบางเดินไปทรุดนั่งตามคำชวน  ศีรษะยุ่งๆเลื่อนตัวขึ้นหนุนตักนุ่มอย่างสบายอารมณ์  ราเชลจ้องมองใบหน้าคมคายบนตักอย่างแสนรัก  อดไม่ได้ที่จะลูบผมหยักหนาบนตักเบาๆ  ริชหลับตาพริ้มแต่มือที่คล้องอยู่รอบเอวบางกลับสอดเข้าไปในรอยทบของเสื้อคลุม  ราเชลรีบยึดไว้ก่อนที่เลยเถิดไปกว่านั้น         
“อย่าครับ…วันนี้สัญญาว่าจะพาผมไปหัดขับเรือไม่ใช่เหรอ?”         
“น่า…แค่นิดเดียวเอง…นะ” ริชตวัดร่างเล็กล้มลงบนที่นอนแล้วขึ้นทาบทับอย่างรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันขัดขืน เสียงห้ามปรามกลายเป็นเสียงครางกระเส่าเมื่อปากร้อนครอบครองแก่นกายนุ่มไว้  ไม่นานสะโพกกลมก็ยกลอยและเกร็งค้าง หยาดรักร้อนถูกดื่มกลืนไปจนหมด  ริชเลื่อนตัวขึ้นจูบปากนุ่มดูดดื่มแล้วจึงยอมปล่อยร่างเล็กเป็นอิสระ         
“…ริช…ไม่…เอ่อ…” ราเชลถามตะกุกตะกัก  ริชจ้องหน้านวลด้วยดวงตาพราวระยับอย่างล้อเลียน         
“ก็อยากทำอยู่หรอก  แต่เมื่อคืนฉันทำให้เธอเจ็บมากไม่ใช่เหรอ?”
แก้มนวลแดงก่ำขึ้นมาทันที  จริงอยู่ว่ายังเจ็บอยู่มากแต่หากริชต้องการ
ราเชลก็ไม่คิดว่าเขาจะขัดขืนได้  ริชจูบปากอิ่มหนักๆเพื่อระบายความอัดอั้น ก่อนจะผุดลุกขึ้น         
“ไม่ต้องห่วงหรอก…ฉันเข้าห้องน้ำเอาก็ได้” ริชปลอบยิ้มๆ 
ราเชลขัดเขินกับสิ่งที่ได้ยิน  ความเอื้ออาทรของคนรักจับใจเสียจนน้ำตาคลอ  ความรู้สึกเงียบเหงาโดดเดียวที่เกาะกินจิตใจมาชั่วชีวิตสลายไปเมื่อมีริช
‘ความรักเป็นอย่างนี้เอง’ ราเชลถอนใจยาวอย่างแสนสุข  หนุ่มน้อยแน่ใจว่านับจากนี้ชีวิตเขาจะมีแต่ความสุขตลอดไป
      ..................................

แอนนาเม้มปากแน่นเมื่อได้เห็นหลานชายเดินเคลียคลอมากับริช   แม้จะแค่โอบไหล่กันแต่ในความรู้สึกของนางมันช่างน่าทุเรศและอัปยศที่สุด 
รอยยิ้มกระจ่างสลายวับเมื่อราเชลเห็นคนที่นั่งรออยู่       
“คุณย่า!”         
“กลับบ้านได้แล้วราเชล”         
“เอ่อ…คุณย่ามานานแล้วเหรอครับ?”       
“ย่าสั่งให้กลับบ้านไม่ใช่หน้าที่ที่เธอจะมาถามโน้นถามนี่”   
ท่าทางเกรี้ยวกราดของคุณย่าทำให้ราเชลได้ยืนตะลึงอย่างตกใจ  ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่     
“แต่คุณเวลบอร์นอนุญาตให้ราเชลพักผ่อนที่นี่อีก2-3วันนะครับ”
แอนนายิ้มหยันมองริชด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  จนคนถูกมองร้อนวูบทั้งตัวด้วยความโกรธ       
“ฉันแน่ใจว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัว  เธอไม่ควรก้าวก่าย”         
“ราเชลก็เป็นคนในครอบครัวผมเหมือนกัน” ริชสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้  นี่มันบ้านเขา  ยัยแก่นี่มีสิทธิ์อะไรมาทำกิริยาแบบนี้ใส่       
“งั้นเหรอ…แต่ฉันแน่ใจว่าไม่ใช่  กลับบ้านราเชล”         
“…ครับ...” ราเชลรับปากด้วยไม่อยากให้คนรักกับย่าขัดแย้งกัน  หนุ่มน้อยเหลือบมองหน้าริชด้วยสายตาวิงวอน...ขอโทษ  ทำให้ริชต้องข่มความโกรธไว้ไม่วิ่งเข้าไปกระชากราเชลกลับมาอย่างที่คิดจะทำแต่แรก
      ..................................

“เธอทำให้ฉันผิดหวังมากราเชล!”   
แอนนาเปิดฉากกราดเกรี้ยวเข้าใส่ทันทีที่ประตูห้องสมุดปิดลง  นางทนจนแทบทนไม่ได้กว่าจะกลับถึงบ้าน  ความรู้สึกผิดหวัง ชิงชัง และโกรธแค้นประดังกันขึ้นมาจนเนื้อตัวร้อนวูบราวกับอยู่กลางกองไฟ     
“ขอโทษครับที่ผมไปเที่ยวโดยไม่ได้บอกคุณย่า”
ราเชลขอโทษทั้งๆที่ไม่รู้สึกว่าทำอะไรผิด  ก็คุณพ่ออนุญาตเขาแล้วทำไมคุณย่าถึงต้องโกรธขนาดนี้         
“นอกจากเรื่องนี้แล้วเธอยังมีเรื่องอื่นที่ไม่ได้บอกฉันอีกไหม?”  แอนนาถามเสียงเย็นเยียบ หญิงชราเชิดหน้าขึ้นสูงเพื่อสะกดอารมณ์เอาไว้         
“ไม่มีครับ”         
“แน่ใจเหรอราเชล”         
“ครับ”         
“แล้วความสัมพันธ์ของเธอกับแฮมิลตันละ”         
“เราเป็นเพื่อนกันครับ” ราเชลยังตอบคล่องทั้งๆที่ใจหายวูบเมื่อสังเกตเห็นแววตารู้ทันของคุณย่า       
“เธอคิดว่าฉันโง่นักเหรอราเชล!  ที่ฉันไม่เคยถามเธอเพราะฉันมั่นใจว่าเธอควรรู้ว่าจะวางตัวแบบไหนยังไง  ฉันปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนกับแฮมิลตันก็เพราะเห็นว่าเธอโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว  แต่ไม่คิดว่าเธอจะวิปริตผิดเพศไปได้ขนาดนั้น!”         
“คุณย่า!”  ราเชลหน้าขาวซีดราวกับไม่มีเลือดอยู่ในร่างกาย  หัวใจหล่นวูบไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม       
“ตกใจเหรอที่ฉันรู้  ฉันไม่นึกเลยว่าตระกูลของฉันจะมีเรื่องบัดสีน่าทุเรศแบบนี้”   
คำเสียดสีรุนแรงเกรี้ยวกราดทำราเชลสะท้านทั้งตัวด้วยความเสียใจ  ไม่เคยสักครั้งที่คุณย่าจะดุด่ารุนแรงอย่างนี้  แม้จะเย็นชาไปบ้างแต่ราเชลก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นสายตารังเกียจเดียดฉันท์ราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรค
“คุณย่าครับ...เรารักกันนะครับ”       
“รักเหรอ  เธอเรียกสิ่งทุเรศวิปริตนั่นว่าความรักงั้นเหรอ  แต่คนโง่ๆอย่างเธอคงจะรักเขาจริงๆสินะ  แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าแฮมิลตันรักเธอ?”         
“ริชรักผม  เขาบอกผมว่าเขารักผมมาก เขาพาผมไปแนะนำกับครอบครัวเขาแล้วด้วย”         
“แล้วแนะนำในฐานะอะไรล่ะ  คนรักหรือเพื่อนสนิท….ฮึ ถ้าฉันทายไม่ผิดเขาต้องบอกครอบครัวเขาว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทสินะ  เนี่ยเหรอที่ทำให้เธอมั่นใจว่าเขารักเธอ”         
“ผมมั่นใจ…ริชรักผมจริงๆครับ”         
“แต่ฉันก็มั่นใจว่าเขาแค่เล่นสนุกกับเธอชั่วคราว  อีกไม่นานเขาก็จะเจอคนใหม่แล้วเขาก็จะทิ้งเธอเหมือนเศษขยะ”       
“…ไม่จริง!…เขารักผม…เรารักกันครับ”     
แอนนาตาลุกวาบด้วยความโกรธ  นี่เป็นครั้งแรกที่ราเชลกล้าขึ้นเสียงกับนาง  ความโกรธทำให้คำพูดที่หลุดจากปากหญิงชราล้วนแต่เหยียดหยามดูแคลนโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะเจ็บปวดแค่ไหน   
“อย่ามาคร่ำครวญร้องไห้เหมือนผู้หญิงนะ  มันน่าทุเรศ  แค่เรื่องวิปริตผิดเพศของเธอก็ทำให้ฉันอับอายจนไม่กล้ามองหน้าใครแล้ว  ต่อไปนี้ห้ามเธอติดต่อกับแฮมิลตันอีกเป็นอันขาด”         
“คุณย่า…ทำไมครับ?”         
“เพราะฉันไม่อยากให้คนทั้งเมืองเขารู้นะสิว่าลูกหลานตระกูลเวลบอร์นวิปริตผิดเพศ”         
“ไม่นะครับ”         
“เธอกล้าขัดคำสั่งฉันก็ลองดู”         
“คุณย่าครับ…คุณย่า ได้โปรดเถอะครับ  คุณย่า”
เสียงสะอื้นของราเชลไม่ได้ทำให้แอนนาลดความโกรธลงได้เลย  นางเดินลิ่วไปจากห้องนั้นด้วยความโกรธแค้น  ในสมองคิดเพียงหาวิธีแยกราเชลออกจากริชเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องมัวหมอง เพราะเรื่องวิปริตผิดเพศของหลานชายคนเดียวอีกต่อไป
      ..................................

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เอาใจช่วยราเชลนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.4 (02/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-09-2009 22:05:12
ในที่สุด แนวเรื่องแบบเข้มข้นที่รอคอยก็มาถึง  คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้สูงมาก ต้องสนุก และบีบหัวใจแน่  :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.4 (02/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-09-2009 10:51:32
อ้างถึง
“แต่ฉันก็มั่นใจว่าเขาแค่เล่นสนุกกับเธอชั่วคราว  อีกไม่นานเขาก็จะเจอคนใหม่แล้วเขาก็จะทิ้งเธอเหมือนเศษขยะ”

คงไม่ใช่แบบที่คุณย่าพูดนะ ไม่ค่อยไว้ใจ เจ้าริช เลย  :z3:

น่าสงสารราเชล คนที่มาบอกคุณย่า คือ ลอร์รี่ หรือเปล่า.....หรือเพื่อนอีกคนที่เป็นนักมวย  :m26:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.4 (02/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 03-09-2009 12:20:42
 :m25: แล้วคุณย่าขัดขวางทางรักแบบนี้ จะทำไงดีล่ะทีนี้
ไม่ทันสมัยเลยท่านย่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 04-09-2009 22:08:06
 :L1:
คุณTHIP: เรื่องราวจะเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆคะ ตามต่อนะคะ
 คุณdahlia : เดากันต่อไปนะ
คุณM@nfaNG : คุณย่านี่ไม่มีใจเป็นสาวYเลย
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ

มาตามต่อกันเลยคะ.
..........

“ย้ายโรงเรียน?”
“ใช่ ฉันจะให้ราเชลย้ายไปเรียนที่อังกฤษ”
“ทำไมละครับคุณแม่  หรือว่ามันก่อเรื่องอะไรจนโดนไล่ออก?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  แม่คิดว่าราเชลถนัดทางด้านศิลปะ  ที่โน้นมีมหาวิทยาลัยดีๆมาก แล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อย  น่าจะเหมาะกับราเชล”
“ผมไม่เห็นด้วย”
“ชาล์ล”
“คุณแม่ก็รู้ว่าการไปเรียนมหาวิทยาลัยดีๆค่าใช้จ่ายสูงแค่ไหน  ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมเงินทุนเพื่อทำธุรกิจ  จะต้องมาชะงักเพราะเรื่องส่งราเชลไปเรียนไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่ราเชลเพิ่งเกรด 9 เท่านั้นนะ  ค่าใช้จ่ายจะเท่าไหร่กันเชียว”
“คุณแม่พูดเองนะว่าแค่เกรด9 จะรีบร้อนไปเรียนอังกฤษทำไม  ผมว่าให้เรียนที่เดิมไปก่อนจนกว่าจะจบเกรด13แล้วค่อยมาว่ากัน”
“แต่ว่าชาล์ล ...ชาล์ล...นี่!แกจะทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างนี้ไม่ได้นะ...ชาล์ลนี่เรื่องของลูกแกนะ”
ชาล์ลหันขวับราวกับงูถูกตีขนดหาง  สีหน้าเบื่อระอาเมื่อครู่กลายเป็นเกรียวกราดฉับพลัน
“ อย่าพูดคำนั้นอีกนะครับ...คุณแม่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่” ชาล์ลเดินลิ่วออกไปและปิดประตูกระแทกกลับมาเต็มแรง
แอนนาได้แต่ส่ายหน้าและถอนใจยาวอย่างหงุดหงิด  ความหวังที่จะส่ง
ราเชลไปให้พ้นจากริชเป็นอันพับไป  แต่เธอจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด  ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องหาทางแยกราเชลออกจากริชให้ได้  ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม
      ..................................

สมิทเดินนำร่างเล็กบางเข้าไปในห้องสมุด  หลังจากเคาะประตูเพียงครั้งเดียวประตูก็เปิดรับโดยสาวใช้ประจำตัวของท่านผู้หญิง
“เชิญค่ะ  ท่านรอคุณอยู่แล้ว”
สมิทมองตามร่างที่ผลุบหายเข้าไปในห้อง  เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ  ตั้งแต่กลับมาจากบ้านแฮมิลตันคุณหนูของเขาก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลย  วันนี้เขาถูกสั่งให้ไปรับเพื่อนคุณหนูมาอีก  แปลว่าต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างกับคุณหนู  ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่เขาต้องหาทางช่วยคุณหนูให้ได้  และคนที่เขาคิดว่าควรจะช่วยคุณหนูของเขาได้ก็คือ คุณแฮมิลตัน!
      ..................................

เจฟฟรี่นิ่วหน้าแต่ก็ยอมให้สมิทเข้าไปพบริช  แต่กระนั้นเขาก็ยังให้คนคอยประกบตัวชายชราไว้  ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ หรือแม้แต่ผู้หญิงก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนของศัตรูได้ทั้งนั้น
สมิทผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย  พอเห็นหน้าริชเขาก็รีบละล่ำละลักขึ้นมาก่อนที่จะมีใครถาม
“ผมว่าคุณราเชลกำลังเดือดร้อน”
“เกิดอะไรขึ้น  ราเชลไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลยตั้งแต่วันนั้น”
“ครับ...คือคุณท่านขังคุณราเชลไว้  แล้วเธอก็เรียกเพื่อนคุณราเชลมาเมื่อเช้า”
“ใคร?”
“ลูกชายบ้านมอร์เล่ย์  ลอว์ลี่ มอร์เล่ย์”
“เขาถูกเรียกไปทำไม?”
“ผมไม่รู้  แต่ตอนที่คุณกับคุณราเชลไปเที่ยวด้วยกัน  เขาไปหาคุณท่าน  ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรกับคุณท่านก็ตาม  มันทำให้คุณท่านโกรธคุณราเชลมาก”
“อย่างนี้นี่เอง  ขอบใจมากสมิทที่มาบอก”
“ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณหนูเป็นทุกข์  ผมไม่ค่อยได้เห็นคุณหนูยิ้มบ่อยนัก  แต่พอพบกับคุณ  คุณหนูก็หัวเราะ  ผมไม่อยากให้คุณหนูกลับไปเศร้าเหมือนเดิมอีก”
“ฉันจะทำให้ราเชลมีความสุขทุกวัน”
“ผมถือว่านี่เป็นคำสัญญา  ผมขอตัวกลับก่อน...ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะมาบอก”
“ขอบใจอีกครั้งสมิท”
“ผมทำเพื่อคุณราเชล”  ชายชราคว้าหมวกมาสวมแล้วออกไปจากบ้าน
ริชมองยอดไม้นิ่ง  ตาคมกริบเป็นประกายเจ้าเล่ห์และอาฆาต 
      ..................................

สัมผัสร้อนผ่าวข้างแก้มทำให้ราเชลผวาสุดตัว  แต่แสงจากโคมไฟ-
หัวเตียงส่องใบหน้าผู้บุกรุกชัดเจนจนเสียงที่เกือบกรีดร้องชะงักค้าง         
“ริช…อื้อ…” ราเชลพูดไม่ออกอีกต่อไป  เมื่อปากร้อนแนบประกบลงมาอย่างรวดเร็ว  ทั้งๆที่กำลังตื่นเต้นยินดีที่ริชลอบเข้ามาหา  แต่จูบของริชแตกต่างกว่าทุกครั้ง  ราเชลสัมผัสได้ถึงอาการสั่นสะท้านของคนที่กอดเขาอยู่         
“ริชเกิดอะไรขึ้น  คุณเป็นอะไรไป?”       
“ราเชล…ไปกับฉันนะ  ฉันต้องการเธอไปกับฉัน” ริชช้อนร่างน้อยขึ้นอย่างรวดเร็ว  ราเชลสะดุ้งสุดตัวแต่ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกเหวี่ยงขึ้นบ่า  หนุ่มน้อยหลับตาปี๋เมื่อริชปีนออกจากหน้าต่างแล้วโดดลงมา  ความคิดของราเชลคือเขาและริชต้องตายแน่  แต่การที่ตกลงมาไม่เร็วนักทำให้ต้องแอบมองเป็นจังหวะที่ทั้งคู่ถึงพื้นพอดี   ข้างล่างมีคนอีกสองคนในชุดดำยืนรออยู่แล้ว ริชส่งเชือกที่ใช้โหนลงมาให้อีกคน
“ไปเลยครับผมทางนี้พวกผมจัดการเอง”         
“ขอบใจ”
ริชพาเขาออกวิ่งทั้งที่ยังแบกอยู่บนบ่า  ราเชลได้แต่งุนงงไม่เข้าใจว่าริชทำอย่างนี้ทำไม         
“ริช…” ริชวางร่างน้อยลงบนเบาะรถก่อนจะอ้อมไปด้านคนขับแล้วออกรถไปอย่างรวดเร็ว
ราเชลเหลือบมองริชเป็นระยะพยายามนึกหาเหตุผลที่ริชลักพาตัวเขามา 
แต่ไม่กล้าถามเพราะสีหน้าเครียดขมึงของริช  ท่าทางของริชน่ากลัวมาก แต่สิ่งที่
ราเชลสัมผัสได้นอกจากความตึงเครียดคือความเศร้าโศกและเจ็บปวดสิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้ราเชลอดทนรอให้ริชเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
แสงไฟจากหน้ารถส่องให้เห็นบ้านหลังหนึ่ง ริชดับเครื่องและเปิดประตูออกไป  เสียงที่ลอดเข้ามาทำให้ราเชลนิ่วหน้ายังไม่ทันขยับประตูด้านเขาก็เปิดออก  ริชชะโงกเข้ามาอุ้มเขาอย่างรวดเร็ว           
“ริช…ที่ไหน?”         
“เซฟเฮาส์ของฉันเอง”         
ริชอุ้มร่างน้อยเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว  ราเชลเหลียวมองไปรอบเมื่อถูกพาเข้าไปในห้อง  เตาผิงลุกเรืองให้ความอบอุ่นแก่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ บรรยากาศที่อบอุ่นทำให้ ราเชลเผลอชื่นชมจนลืมริชไปชั่วขณะ จนกระทั่งอ้อมแขนร้อนโอบรัด         
“อ๊ะ…อย่าเพิ่งครับริช  คุยกับผมก่อน…เดี๋ยวครับ…อื้อ…” 
ราเชลดิ้นขลุกขลัก แต่จูบเร่งเร้าดูดดื่มก็ทำวาบหวามจนแทบลืมสติ  อ้อมแขนที่กอดรัดแน่นหนาและร้อนผ่าว  อกกว้างแน่นด้วยกล้ามเนื้อของริชทำให้ราเชลนึกฉงนได้เสมอ  รูปร่างของริชดูแตกต่างจากเขามากเหลือเกิน  ริชช้อนร่างบอบบางไปที่เตียงสี่เสากลางห้อง         
“ราเชลฉันต้องการเธอ...อยู่กับฉันนะอย่าทิ้งฉันไป”ริชกระซิบเสียงสั่นเบา         
“ริชครับเดี๋ยวก่อนริช  เกิดอะไรขึ้นคุณบอกผมหน่อยสิว่าคุณเป็นอะไรไป?” อ้อมแขนที่รัดแน่นดูเหมือนจะแน่นกว่าเดิมแต่ริชเลิกรุกรานแล้ว  เขาซบหน้ากับบ่าบอบบางแน่นแล้วน้ำตาที่กดกลั้นไว้ตลอดก็ไหลริน         
“ริช!ร้องไห้ทำไมครับ?”         
“ราเชล…กายตายแล้ว…กายตายแล้วราเชล”         
“อะไรนะครับ!”         
“กายจากฉันไปแล้วราเชล…เธออย่าหายไปอีกคนนะราเชล…อย่าทิ้งฉัน”         
“ริชครับเกิดอะไรขึ้น…คุณกายเป็นอะไรไป?”         
“กายขับรถตกเหว…รถยังเอาขึ้นมาไม่ได้เลย…”เสียงริชแผ่วลงทุกที         
“แล้วมีคนเจอ...เอ่อ...คุณกายไหมครับ?”
ริชขยับตัวลุกขึ้นนั่งลูบหน้าอย่างอ่อนระโหย  ราเชลบีบมือใหญ่อย่างปลอบประโลม         
“ไม่…ยังไม่รู้ เราเอารถขึ้นมาไม่ได้”         
“ถ้าอย่างนั้นคุณกายอาจไม่เป็นอะไรก็ได้นะครับ”         
“ไม่มีใครรอดจากคลื่นแรงขนาดนั้นได้หรอกราเชล”         
“แต่…”         
“รับปากฉันนะราเชล…อย่าไปไหน…อย่าตายไปอีกคนนะราเชล”
ริชคว้าไหล่บอบบางมั่นทั้งสองมือ  ราเชลยิ้มอ่อนโยน         
“ครับ…ผมจะอยู่กับคุณ”
ริชซบหน้ากับตักนุ่ม  ราเชลลูบผมหนาด้วยความรู้สึกประหลาด  ความรู้สึกที่ได้เป็นคนสำคัญเป็นที่พึ่งพาได้ ทำให้ราเชลทั้งเป็นสุขและเต็มตื้นที่ได้รู้ว่าริชเลือกมาหาเขายามทุกข์  เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนบนตักทำราเชลอดยิ้มไม่ได้  หนุ่มน้อยไล้ผมลื่นเพลิดเพลินจนผล็อยหลับไปอีกคน
ริชออกจากบ้านทุกเช้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแต่มั่นอกมั่นใจ  แต่เมื่อกลับมาตอนเย็นเขาเหมือนแก่ลงสักสิบปี  ใบหน้าหมองมันเยิ้ม  เสื้อผ้ายับย่นและคิ้วที่ขมวดแทบชิดกัน  ทันทีที่เห็นราเชลริชจะโผเข้ากอดรัด  และซุกซบอยู่กับอกบางเป็นเวลาหลายชั่วโมง  ไม่มีคำพูดใดๆแต่เหมือนพลังแห่งรักจะถ่ายทอดถึงกันได้  และราเชลคือสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทำให้ริชผ่านคืนวันอันทรมานไปได้ไม่ยากนัก 
หลังจากวิ่งวุ่นเรื่องกายอยู่หลายวันทุกอย่างก็ยุติ  เมื่อตัดใจว่ากายตาย แทนที่ริชจะรู้สึกแย่กว่าเดิมเขากลับรู้สึกโล่ง  ดูเหมือนการรอคอยจะทรมานยิ่งกว่าการสูญเสีย เขาแน่ใจว่านั่นเป็นความรู้สึกของเขาและทุกคนยกเว้นเท็ด  พี่เลี้ยงและคนรักของกาย  ผู้ชายตัวโตที่แสนอ่อนโยนและรักกายยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก  แม้ทุกคนจะแน่ใจว่ากายตายแต่เท็ดไม่  ถึงเขาไม่พูดแต่ทุกคนก็เห็น  ในดวงตาของเท็ดที่จ้องมองทะเลยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความหวังว่าคนรักยังคงมีชีวิตอยู่และจะกลับมาหาเขาในที่สุด
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป   สิ่งแรกที่ริชได้เห็นคือวงหน้างามที่พร้อมจะต้อนรับเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ  เซ็กส์เร่าร้อนหรืออ่อนหวานทุกค่ำคืนเป็นยาคลายเครียดและแหล่งพลังให้เขามีแรงลุกขึ้นไปจัดการเรื่องต่างๆ  มันกลายเป็นความเสพติดที่มึนเมาและโหยหาจนไม่อาจหยุดเสพได้ 
      ..................................

เสียงเพลงกระซิบแผ่วปลุกให้ราเชลตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญ  ห้องดูหมุนโคลงไปหมดจนต้องหลับตาลงไปใหม่  ลายเถาไอวี่ของวอล์เปเปอร์ที่เริ่มคุ้นตาทำให้ราเชลนึกออกว่าอยู่ที่ไหน  ร่างกายที่ล้ากลับอิ่มเอมด้วยความสุข  จนนึกเกียจคร้านแม้แต่ขยับตัว
เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอน  บทรักเร่าร้อนและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยสัมผัสชวนให้ตระหนก  แต่กลับทำให้พุ่งขึ้นถึงขีดสุดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง     แขนเรียวเล็กพยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่อาการสั่นระริกของกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าทำให้ต้องทรุดลงนอนใหม่  ความง่วงงุนจู่โจมอีกครั้ง  ราเชลเคลิ้มจะหลับแต่ที่นอนข้างตัวยุบลงไปพร้อมกับไออุ่นจากคนตัวโตก็ทำให้ต้องปรือตาขึ้นมอง
“เป็นไงบ้าง?”
“หิวจังครับ”
“นั่นสิ...ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“...ผมลุกไม่ไหว”
“งั้นฉันจะไปซื้อมาให้  มีอาหารทะเลอยู่ร้านหนึ่งอร่อยมาก”
“ขอบคุณครับ...”
“เดี๋ยวมา” ริชก้มลงจูบผมนุ่มเบๆแล้วลุกออกไป
ริชหายไปนานจนผิดสังเกต  ราเชลลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวรอจนเริ่มกังวล  หนุ่มน้อยตัดสินใจลงไปตาม  ลอบบี้ด้านล่างของคอนโดโปร่งโล่งและไม่มีวี่แววของริช  ราเชลเหลียวมองไปรอบๆอย่างกังวล  แท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบด้านหน้าทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยขยับตัวพร้อมกันอย่างระแวง  เพราะปกติแท็กซี่ไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่  เพราะถ้าต้องการใช้รถ  ทางคอนโดก็มีรถและคนขับไว้บริการ
ราเชลมองผ่านอย่างไม่สนใจหากคนที่ลงมาไม่ใช่ร่างสูงใหญ่คุ้นตา  ที่สำคัญริชไม่ได้มาคนเดียว  สตรีสาวที่สวมชุดสีทับทิมส่งจูบให้ขณะที่ริชหันไปโบกมือแล้วหิ้วของเข้ามาพะรุงพะรัง
ราเชลหลบวูบอย่างไม่รู้ตัว  ริชกดลิฟต์และผิวปากเข้าไปอย่างสบายอารมณ์แต่ราเชลขาสั่น  เนื้อตัวร้อนวูบวาบด้วยความโกรธแล้วเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด  ไม่อยากเชื่อว่าริชจะทำอย่างนี้  ทั้งๆที่เมื่อคืนริชกอดเขาแต่วันนี้ริชไปหาผู้หญิงคนนั้น  นี่มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขากันแน่  ราเชลยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับรองเมื่อริชวิ่งออกมาจากลิฟต์หน้าตาตื่น  เขาถอนใจพรูอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคนรัก
“ตัวร้าย!เธอทำฉันใจหายหมด...ราเชล...นั่นจะไปไหน?”
“ผมจะกลับบ้าน”
“อะไรกัน...เฮ้!เดี๋ยวสิ  ราเชล...ราเชล...นี่มันเรื่องอะไร?”
“คุณทำอะไรรู้ดีอยู่แก่ใจ...ผมมันโง่เองที่คิดว่าคุณจะรักผมจริง...ผมมันโง่”
“นี่หยุดนะ...เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง...ราเชล!”
“ผมไม่คุย  ผมจะกลับบ้าน”
“ไม่ได้  บอกมาก่อนว่าเธอโกรธอะไรฉัน?”
“ถามตัวเองสิ”
“ถามว่ายังไงเล่า!...เอ่อ...นี่เราคุยกันดีๆไม่ได้หรือไง”
“ผมไม่มีเรื่องจะคุย  ผมจะกลับบ้าน”
“ตามใจ  อยากไปก็ไปเลย  อยากจะงอนบ้าบออะไรก็เชิญ”
ถึงปากจะบอกว่าอยากกลับแต่ราเชลไม่ได้คิดอย่างนั้น  หนุ่มน้อยอยากได้ยินคำขอโทษจากปากริชมากว่า  แต่ริชกกลับไล่เขา  ราเชลยืนตะลึงน้ำตาไหลพราก  ส่วนริชก็หันหลังเดินกลับไปทางคอนโด  หนุ่มน้อยผวาตามตั้งใจจะเรียกริชไว้  แต่ทิฐิทำให้ราเชลหยุดตัวเองไว้แค่นั้น  แท็กซี่คันหนึ่งโฉบเข้ามาราวกับรอท่าอยู่แล้ว ราเชลโบกแล้วขึ้นไปนั่งทั้งๆที่ไม่มีเงินติดตัวสักเซน
เสียงเบรกทำให้ริชหันไปมองอย่างระแวง  เขาใจหายวาบเมื่อเห็นราเชลก้าวเข้าไปและแท็กซี่คันนั้นก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว 
“หยุดนะ!บอกว่าให้หยุด...หยุด...ปัดโธ่โว้ย”  ริชวิ่งกวดตามจนเหนื่อย เขาสบถด้วยความโกรธเมื่อรถแท็กซี่คันนั้นลับตา
“เจฟ...ตามรถแท็กซี่ทะเบียนA000-000ให้หน่อย สงสัยราเชลจะกลับบ้าน”  ชายหนุ่มยังหอบไม่เลิก  ความเหนื่อยทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวลดลง  ริชเริ่มมีสติที่จะไตร่ตรองว่าเกิดอะไรขึ้นกับราเชล
“หรือว่า...บ้าจริง  ทำไมไม่ถามสักคำนะราเชล  ไม่เชื่อใจกันบ้างเลย” ริช คำรามอย่างหงุดหงิด  เมื่อนึกออกว่าราเชลคงลงมาเจอเขามากับแม่สาวชุดแดง  จริงๆแล้วเขาถูกสะกดรอย  เขาพยายามสลัดพวกมันและบังเอิญแท็กซี่คันนั้นมาติดไฟแดงอยู่ข้างๆเขาก็เลยเปิดประตูเข้าไปนั่งหน้าตาเฉย  ถึงแม้เขาจะจีบแม่สาวร่างอวบมาตลอดทางแต่เขาก็แค่เย้าหยอกเพื่อผลประโยชน์  ไม่ได้คิดจะนอกใจสักนิด  แต่ราเชลกลับเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้ต้องแกล้งให้เข็ด
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 04-09-2009 22:12:43
.......
ราเชลนั่งร้องไห้มาตลอดทาง จู่ๆแท็กซี่ก็ถูกรถตำรวจเรียกและตำรวจสองนายก็มาชะโงกดูหน้าเขา
“คุณเวลบอร์นใช่ไหมครับ”
“เอ่อ...ครับ...ผมทำอะไรผิดครับ?”
“ผู้ปกครองคุณแจ้งว่าคุณถูกลักพาตัว  ผมขอเชิญคุณที่สถานี  นายด้วย”
ประโยคหลังตำรวจหันไปหาคนขับแท็กซี่  หมอนั่นหน้าซีด  เหลียวมองเลิกลักอย่างตกใจ
“ผมไม่เกี่ยวนะ  เด็กคนนี้เรียกให้ผมมาส่งผมก็มา”
“เราแค่จะถามอะไรนายสองสามอย่างแล้วก็จะปล่อยไป  อย่าพยายามทำตัวให้ดูมีพิรุธดีกว่าน่า”
“ก็ได้ครับ”
ตำรวจคนหนึ่งเข้ามานั่งขนาบคนขับส่วนราเชลถูกแยกไปนั่งในรถตำรวจเพื่อพาตัวไปสถานี
ราเชลก้มหน้านิ่งเมื่อเห็นคุณย่า  แอนนาไม่มองหน้าราเชลแต่ตรงดิ่งเข้าไปขอบคุณสารวัตรแล้วพาราเชลกลับบ้าน
“คุณย่าครับ...ผม...เอ่อ...”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าย่า  ตราบใดที่เธอยังไม่เลิกกับนายแฮมิลตัน”
“คุณย่า!”
“เลือกเอาราเชลว่าเธอจะเลือกฉันหรือว่าจะเลือกนายนั่น”
“...” ราเชลพูดไม่ออก  ทั้งๆที่เมื่อเช้าเขาคิดว่าจะไม่ยอมคืนดีกับริชอีกแล้ว  แต่พอถูกบังคับให้เลิกเขากลับตัดใจไม่ได้
“ผมรักริช”
“ทุเรศ...ก็ได้  อยากลองดีกับฉันก็เอา  ฉันจะขังเธอไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย”
“คุณย่า!”
หน้าต่างห้องของราเชลติดเหล็กดัดแน่นหนา  ทันทีที่ราเชลเข้าไปประตูก็ถูกปิดล๊อคลั่นกุญแจ  หนุ่มน้อยทรุดลงร้องไห้อย่างทรมานใจ  ทั้งคุณย่าทั้งริชล้วนแต่สำคัญกับเขาทั้งสิ้น  แต่ทั้งสองคนก็ทำให้เขาเจ็บปวดใจได้ไม่แพ้กันเลย
ราเชลถูกตัดขาดจากโลกภายนอก  แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้  หนุ่มน้อยความทรมานด้วยความคิดถึงริช 
 “ทานข้าวเถอะค่ะคุณริช”
“คุณย่าละ?”
“คุณท่านไม่อยู่ค่ะ”
“ขอผมใช้โทรศัพท์หน่อยได้ไหม?”
“เอ่อ...คุณท่านสั่งห้ามคุณใช้โทรศัพท์และห้ามให้คุณรับสายด้วยค่ะ”
“อะไรนะ!”
สาวใช้วัยรุ่นเหลียวซ้ายเหลียวขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วจึงเขยิบเข้ามากระซิบ
“คุณแฮมิลตันโทรมาตั้งหลายครั้งค่ะ  แต่ท่านให้ทุกคนบอกว่าคุณราเชลไม่รับสาย”
“...บ้าจริง...ฉันจะทำไงดี?”
สาวใช้มองหน้าใสๆด้วยความสงสาร  เจ้าหล่อนออกจะชอบริชอยู่ไม่น้อยเพราะในบรรดาเพื่อนๆคุณราเชลที่มาไม่มีใครใจกว้างเหมือนริชสักคน  ริชมักมีของกำนัลติดไม้ติดมือมาเสมอ  ทำให้คนในบ้านส่วนใหญ่จะชอบริช  ทุกคนพากันสงสัยเมื่อจู่ๆท่านผู้หญิงก็สั่งห้ามแฮมิลตันเข้าบ้าน  และห้ามไม่ให้ราเชลรับสายทั้งๆที่เมื่อก่อนทั้งท่านผู้หญิงและคุณชาล์ลก็ออกจะชื่นชมริชกันทั้งนั้น  แต่ความเด็ดขาดของท่านผู้หญิงทำให้ไม่มีใครกล้าถาม  ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งเท่านั้น
ยิ่งได้รู้ว่าริชโทรมาแล้วทุกคนบอกว่าเขาไม่รับสาย  ราเชลทุรนทุรายกว่านี้อีกหลายเท่า  ใบหน้าใสเผือดซีดด้วยความกลัดกลุ้ม
“คุณราเชลคะ...ไปหาคุณแฮมิลตันเลยสิคะ”
“จะไปได้ยังไง...ขนาดโทรศัพท์ยังโทรไม่ได้เลย”
“ก็...ทำอย่างนี้สิคะ...”  สาวใช้กระซิบกระซาบบอกแผน  ราเชลได้แต่ตีหน้าปูเลี่ยนๆ จะตอบรับก็ไม่ใช่ จะปฏิเสธก็ไม่เชิง
กลางดึกของคืนนั้นราเชลก็มีอาการปวดท้องดิ้นทุรนทุรายจนคุณย่าพาไปส่งโรงพยาบาล  แต่เมื่อแอนนาออกมาจากห้องคุณหมอกลับไม่พบราเชลอยู่ในห้องผู้ป่วย
      ..................................
ราเชลจ่ายเงินให้แท็กซี่และเหลียวไปมองคฤหาสน์หลังงามด้วยความกังวล  แสงไฟสว่างไสวกับรถหลายคันที่จอดเรียงรายทำให้เขาไม่สบายใจ  นี่แปลว่าบ้านริชอาจกำลังมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง  แล้วสภาพเขาตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะร่วมงานแน่ๆ  ราเชลหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นบอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งของริชก็ออกมาเจอเข้า
“คุณราเชล  มาร่วมงานด้วยเหรอครับ?” บอร์ดี้การ์ดถามอย่างไม่แน่ใจเมื่อสังเกตเห็นชุดคนไข้ที่ราเชลสวมอยู่
“ปะ…เปล่าครับ  ผมจะมาพบริช แต่ไม่ทราบว่ามีงานเลี้ยง”
“เห็นว่าเพื่อนๆคุณริชมาจัดงานวันเกิดกันที่นี่นะครับ”
“เพื่อนที่โรงเรียนเหรอครับ?”
“อ๋อเปล่าครับเพื่อนที่นิวยอร์ค  พอรู้ว่าคุณริชเรียนที่นี่ก็แห่ตามมาเที่ยวกัน”
“ผมอยากพบริชครับ  แต่ผมไม่พร้อมที่จะเจอเพื่อนๆของเขาแน่เลย  ทำไงดีละครับ?”
“งั้นคุณราเชลเชิญทางนี้ดีกว่าครับ”บอร์ดี้การ์ดหนุ่มพาราเชลอ้อมไปด้านข้างซึ่งมีบันไดขึ้นไปสู่ห้องสมุดแต่ก็ห่างจากห้องนอนของริชคนละฝากตึก
“ผมไปเองได้แล้วครับ ขอบคุณมาก”
“ยินดีครับคุณราเชลอยากได้อะไรก็เรียกนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
ราเชลเข้าไปนั่งรออยู่ในห้องสมุดอยู่จนตี2 แต่ก็ไม่มีทีท่าว่างานเลี้ยงข้างล่างจะเลิก  จึงตัดสินใจไปหาริชที่ห้อง  ระหว่างห้องนอนของริชกับห้องสมุดถูกคั่นด้วยห้องรับรองแขกหลายห้อง  ตอนมาพักที่นี่แรกๆราเชลเคยเดินหลงมาแล้ว  แต่ตอนนี้หลับตาเดินยังไม่หลง ราเชลอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงความเปิ่นของตัวเองแต่แล้วรอยยิ้มก็จางหายเมื่อได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากห้องรับรองด้านขวา 
ราเชลหน้าแดงซ่านเมื่อนึกออกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไรจึงรีบเดินหนีเพราะกลัวคนในห้องนั้นออกมาเจออาจจะคิดว่าเขามาแอบดูก็ได้ 
ราเชลมาถึงห้องของริชพบว่าประตูห้องถูกแง้มอยู่จึงเปิดเข้าไป  ภาพที่เห็นทำเอาเขาตกใจ  ร่างเปลือยของผู้หญิงทาบทับอยู่บนชายคนหนึ่ง  ทั้งคู่หันมองเมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้อง         
“ราเชล!”         
“ริช…ไม่จริง…”  ราเชลเย็นวาบตลอดตัวราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นเฉียบเมื่อเห็นหน้าฝ่ายชายได้ถนัด  หนุ่มน้อยยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูกขณะที่ริชรีบลุกมาหา  แผงอกเปลือยเปล่ามีรอยลิปสติกเลอะเต็มไปหมด  แต่ท่อนล่างยังสวมยีนส์ไว้ 
ราเชลรู้สึกเหมือนเข่าอ่อน  ความรู้สึกชาหายไปแล้วความเจ็บปวดและหวงแหนแล่นขึ้นมาจนเจ็บแน่นไปหมดทั้งอก  ไม่อยากจะเชื่อว่าริชจะมีคนอื่นทั้งที่ริชบอกว่ารักเขานักหนาแต่ทำไมริชยังกล้ากอดคนอื่นนอกจากเขา  ริชเอื้อมมือมาคว้าแขนแต่โดนราเชลปัดทิ้ง  น้ำตาไหลพรูลงมาจากดวงตาคู่งาม คำพูดที่หลุดออกมากลายเป็นเสียงสะอึกสะอื้นจนฟังไม่รู้เรื่อง         
“อะไรกันริช  วันนี้คุณเรียกเด็กมาแจมด้วยเหรอเนี่ย?” สาวสวยบนเตียงโวยอย่างไม่ค่อยพอใจ         
“ออกไปก่อน” ริชบอกเสียงเรียบทั้งที่ร้อนใจกับปฏิกิริยาของราเชล         
“อะไรนะ?” สาวเจ้าหน้าบึงตึงขึ้นมาฉับพลัน         
“ฉันบอกให้เธอออกไปก่อน”         
“ไม่เอาได้ไงกันกว่าฉันจะแย่งคุณมาจากนังพวกนั้นได้น่ะลำบากจะแย่เรื่องอะไรจะให้นังคนนี้มาแย่งคุณไปล่ะ เอางี้สิฉันว่าสามคนก็ดีนะ น่าสนุกออกน่าตาน่ารักแบบนี้ฉันชอบนะ”         
“หุบปากแล้วออกไปซะ!” ริชหันไปตวาดอย่างเหลืออด           
“ริช!”         
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเธออย่ามาเรียกชื่อ  ออกไปได้แล้ว”         
“เจ้าค่ะคุณแฮมิลตัน  เชอะได้คนใหม่แล้วถีบหัวส่งเหรอ ฉันไปห้องอื่นก็ได้”
เจ้าหล่อนลุกจากเตียงแล้วออกไปจากห้องทั้งที่ไม่ได้สวมอะไรเลย ริชยึดข้อมือบางไว้แน่นเมื่อราเชลพยายามสะบัดให้หลุด         
“ราเชล…เอ่อ..ก็แค่ปาร์ตี้น่ะ…ราเชลอย่าเอาแต่ร้องไห้สิ”         
“คุณทำอย่างนี้ได้ไงริช  คุณนอกใจผม  คุณ…คุณมีคนอื่น…คุณทำให้ผมเจ็บ” ราเชลสะอื้นตัวโยน น้ำตาไหลพรูจนริชใจคอไม่ดี       
“ราเชลฟังฉันก่อน…”         
“ไม่!คนโกหก  คุณบอกว่ารักผม...แล้ว…แล้วทำไมคุณมีคนอื่นได้ล่ะ…คุณ…คุณ…ผมจะไม่เชื่อคุณอีกต่อไปแล้ว”         
“ราเชลนี่หยุดทีน่า…ก็แค่สนุกๆน่า…ฉันไม่ได้จริงจังอะไรกับพวกนี้หรอก”         
“แต่ผมรับไม่ได้…ทำไมละริชคุณนอนกับคนอื่นได้ยังไง…ไหนว่าคุณรักผมแล้วนี่มันอะไรกัน”         
“ก็แค่เล่นสนุก…ราเชลฉันไม่ได้รักเขานะ ฉันรักเธอ”         
“รักผมแล้วคุณนอนกับคนอื่นได้เหรอ?”         
“มันก็แค่เซ็กส์…อะไรกันนักกันหนา” ริชเสียงขุ่นด้วยเริ่มหงุดหงิด เขาไม่เคยต้องง้อใคร  ทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่ควรทำให้เขาโกรธไม่อย่างนั้นอาจถูกเขาสลัดทิ้งง่ายๆ แต่นี่เขาอุตสาห์ง้อแล้ว แต่ราเชลกลับทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่         
“คุณ…กับใครคุณก็นอนด้วยได้เหรอริช?”         
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า  น่าราเชลฉันแค่เผลอไปหน่อยเท่านั้นเอง”         
“ถ้าผมเผลอบ้างล่ะ…ถ้าผมมีคนอื่นบ้างก็ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”         
“นี่อย่ามาหาเรื่องกันนะราเชล” ริชตวาดเบาๆ  ราเชลกล้าดียังไงถึงคิดว่าจะมีคนอื่นนอกจากเขา ริชหันรีหันขวางอย่างอารมณ์เสีย         
“ผมถามคุณไงว่าถ้าผมจะเผลอกับใครบ้างก็ได้ใช่ไหม?” ราเชลถามทั้งน้ำตา เจ็บจนแทบยืนไม่อยู่แต่ทิฐิทำให้เขาไม่อาจทรุดลงร้องไห้เกลือกกลิ้งตรงนี้ได้           
“อย่าพูดจาไร้สาระราเชล...ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”
“ไม่ต้อง...ผมกลับเองได้  เชิญคุณสนุกกับปาร์ตี้ของคุณให้พอเถอะ  แล้วเราก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก”
“ราเชล!อย่าอวดดีมาท้าฉันนะ”         
“ผมไม่ได้ท้า...ผมพูดจริง...เราเลิกกันริช...เอาของๆคุณคืนไปด้วย”
พวงกุญแจคริสตัลรูปหัวใจที่ราเชลห้อยติดตัวไว้ตลอดเวลาถูกปาใส่อกริช  และตกลงแตกกระจายกับพื้น  ทั้งริชและราเชลต่างชะงักค้างจ้องมองเศษแก้วด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
ริชละสายตาจากคริสตัลมาจ้องหน้าราเชลด้วยความโกรธ  แต่สำหรับราเชลแก้วคริสตัลก็เหมือนหัวใจเขาเวลานี้  มันแหลกเป็นชิ้นจนประสานไม่ติดอีกแล้ว
ราเชลหันหลังกลับเดินลิ่วออกมาทั้งที่น้ำตานองหน้า  ยังได้ยินเสียงริชตะโกนตามหลังมาดังลั่น         
“ก็ได้...อยากเลิกก็เลิกไปเลย  ตามสบาย...แล้วอย่ามาร้องไห้อ้อนวอนฉันทีหลังก็แล้วกัน”
ราเชลร้องไห้ไปตลอดทางจนถึงบ้าน  ไฟเปิดสว่างไสวทั้งบ้านบอกให้รู้ว่าคืนนี้คงโกลาหลกันจนไม่มีใครได้นอนแน่
“คุณราเชลกลับมาแล้วค่ะ”
ทุกคนวิ่งพรูออกมาดูยังกับตัวประหลาด  ราเชลไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น  หนุ่มน้อยเดินแทบเป็นวิ่งผ่านคนรับใช้ขึ้นไปบนตึกก็เจอเข้ากับคุณย่าและคนสนิท
“คุณย่า...ผม...”
“ไม่ปวดท้องแล้วสินะ”
“ผม...ขอโทษ”
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็กลับขึ้นห้องไปได้แล้ว  ไปบอกทุกคนให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน” ประโยคหลังแอนนาหันไปสั่งสาวใช้  เจ้าหล่อนรีบออกไปทำตามคำสั่ง  ราเชลอึกอัก  ความเจ็บปวดที่ปรี่ล้นทำให้ตื้อไปหมด  ทั้งๆที่เตรียมตัวแล้วว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านจะต้องโดนดุด่ามากมายแต่คุณย่ากลับทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทำให้ราเชลยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
      ..................................

รถสปอร์ตสีแดงเพลิงเลี้ยวปราดเข้ามาในโรงเรียนโดยไม่ลดความ เร็วทำให้นักเรียนที่กำลังทยอยเดินเข้ามาในโรงเรียนกระโดดหลบกันเป็นแถว  กว่าจะเข้าถึงลานจอดเจ้าของรถ‘ซิ่ง’ก็ถูกเพื่อนนักเรียนด่าตามหลังเป็นแถว  ร่างสูงก้าวลงจากรถเคียงข้างด้วยสาวสวยผมบรอนด์ในชุดนักเรียนโรงเรียนสตรีที่มีรั้วติดกัน  ท่าทางอาลัยอาวรณ์เหมือนไม่อยากจากของเจ้าหล่อนเรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียนชมรมรักบี้ที่ยืนมองอยู่ตั้งแต่แรก       
“นั่นเด็กแกนี่หว่าแคลวิน”         
“เฮ้ย!ทำไมปล่อยให้ไปกับแฮมิลตันได้วะ”         
“ไหนแกว่าอยู่ในโอวาทแกแล้วไง…ฮะๆๆ ราคาคุยนี่หว่า”
เสียงแซวจากเพื่อนๆทำให้แคลวินกัดกรามกรอด ความพาลทำให้อยากหันไปไล่เตะคนแซวแต่ติดที่ประธานชมรมยืนอยู่ไม่ไกลนักจึงไม่กล้าอาระวาด ความโกรธทั้งหมดจึงพุ่งตรงไปหาร่างสูงที่เดินลอยชายขึ้นตึกไป
   นอกจากแคลวินยังมีอีก2คนที่เห็นเหตุการณ์  และมองตามด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน  ลอว์ลี่ยิ้มหยันอย่างหมิ่นแคลนและสะใจแต่เมื่อหันกลับมาก็เจอหน้าซีดๆของราเชลก็ชะงัก
   “ราเชล! เป็นอะไรไป?”
   “มะ...ไม่เป็นอะไร...แค่ปวดหัวนิดหน่อย เมื่อคืนเรานอนดึก”
   “งั้นไปห้องพยาบาลไหม?”
   “ไม่ต้องหรอก...ได้พักสักครู่คงดีขึ้น...ไปชมรมกันดีกว่า”
   “ก็ดีนะ...นี่ราเชลเห็นผู้หญิงคนเมื่อกี้ไหม คนนี้ไงเด็กใหม่ที่พวกโรงเรียนสตรีเขากรี๊ดกร๊าดกันว่ามาแย่งตำแหน่งดาวจากยัยมีนา...ไหนว่าหยิ่งสะบัดแล้วไงมาควงกับนายแฮมิลตันได้...แต่เขาก็สมกันดีนะ...จริงไหมราเชล?”
   “นายไปชมรมก่อนนะ...ฉันขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน...เดี๋ยวตามไป”
   “ราเชล...ราเชล...เดี๋ยวสิ...ฮึ!สักวันนายจะรู้ว่าไม่มีใครจริงใจกับนายเท่าฉันหรอก”
   ราเชลปิดประตูห้องน้ำแล้วเอนตัวพิงผนังอย่างอ่อนแรง  ดวงตาโตปริ่มน้ำตาก่อนจะหยดพรูลงมาด้วยความอัดอั้นตันใจ  2อาทิตย์ที่ทะเลาะกัน เขานึกว่าริชจะได้สำนึกรีบมาง้อ  แต่นี่...นับวันริชก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เคยแยแสเขาเลย 
ริชควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามาไม่รู้กี่คนแล้ว  ทั้งสาวๆจากโรงเรียนสตรีข้างๆดารา นางแบบ ก็มีคนเห็นริชควงไปไหนมาไหนด้วย
   “คุณไม่รักผมจริงเหมือนที่คุณย่าพูดงั้นเหรอริช...ทำไมคุณทำกับผมอย่างนี้?”
         .................................
         
ริชอมยิ้มฟังสาวๆชมรมเชียร์ที่มามุงเกาะรั้วอยู่ข้างๆตัวเขาอย่างขันๆ ผู้หญิงให้เป็นสาวไฮโซในเมืองหรือสาวน้อยบ้านนอกส่วนใหญ่ก็นิสัยคล้ายๆ กันหมดคือชอบคุยเรื่องไร้สาระ  เสื้อผ้าแฟชั่นหรือแม้กระทั่งทรงผม ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะอวดจะข่มกันได้ทุกสถานการณ์  สายตารื่นรมย์กวาดไปรอบๆด้วยนิสัยระมัดระวังที่เคยชินไปหยุดอยู่ที่ร่างบอบบางซึ่งกำลังหอบข้าวของพะรุงพะรัง เดินลัดจากตึกเรียนไปยังอาคารศิลปะ 
ริชเดินลิ่วไปหาทันทีโดยไม่ได้สนใจว่าสาวๆที่รายล้อมอยู่จะโวยวายด้วยความไม่พอใจแค่ไหน  ทันที่ร่างเล็กผ่านสนามอเมริกันฟุตบอล  ร่างหนาๆที่กำลังรอซ้อมอยู่ข้างสนามก็แถเข้าไปหา  ริชเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งด้วยความโกรธ         
“หวัดดีจ๊ะคนสวย”
ราเชลจำต้องหยุดเพราะไม่อยากเดินเข้าไปชน  ร่างหนา  ปากใหญ่กับฟันซี่โตๆของคนตรงหน้าทำให้นึกถึงสุนัขตัวโตๆ เพียงแต่คนตรงหน้าดูไม่น่ารักเหมือนพวกมันเท่านั้น         
“จะไปชมรมเหรอจ๊ะ…ให้ช่วยถือไหมจ๊ะ?...ท่าทางจะหนัก”
มือหยาบถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กดึงเข้าหาตัว  ราเชลพยายามขืนตัวหนีทำให้ของในมือหล่นกระจาย         
“ไม่ต้องครับปล่อยผม!”         
“น่า!อย่าปฏิเสธความหวังดีสิ เสียมารยาทแย่”         
“คนเสียมารยาทน่าจะเป็นนายมากกว่ามั้ง…ฉันว่าราเชลไม่ต้องการให้นายช่วยหรอก”
เสียงเยาะๆข้างหลังทำให้ร่างหนาหันขวับด้วยความโมโห  ริชยืนอิงไหล่กับรั้วกั้นระหว่างสนามกับทางเดินด้วยท่าทางราวกับเกียจคร้าน  ร่างหนามองปราดหัวจรดเท้าก่อนจะแสยะยิ้มอย่างที่คิดว่าเหี้ยมสุดแล้ว         
“อย่าสอดจมูกมาวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น  แถวนี้ไม่ต้องการสุภาพบุรุษ”         
“งั้นเหรอ…อืม!ท่าจะจริง  แถวนี้มีแต่ลูกแกะกับหมา…ป่า” ริชลากเสียงอย่างจงใจ  ใบหน้าเหลี่ยมแดงก่ำด้วยความเดือดดาล เอื้อมมือหมายจะกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย  แต่ริชปัดออกทันควันด้วยสีหน้ารังเกียจ  สร้างความโกรธแค้นให้อีกฝ่ายเป็นทับทวี กำปั้นขนาดหัวเด็กพุ่งเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลา  ทั้งๆที่คิดว่าน่าจะต่อยโดนแต่กลับชกอากาศดังวืด           
“เอ้าๆ…ทางนี้ สายตาไม่ค่อยดีนะเนี่ย” ริชหัวเราะเยาะอย่างเปิดเผย 
หน้าแดงแทบจะกลายเป็นสีเขียวด้วยความแค้น  มิกกี้บุกตะลุยเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง  ริชแทบไม่ตอบโต้เอาแต่สับเท้าหลบหลีก  จนฝ่ายบุกตะลุยเริ่มหอบฮัก  เท้าที่เต้นหลีกตวัดขึ้นสูงแทบเป็น 90 องศา ได้ยินเสียงดังพล็อก!
ร่างหนาสะบัดขึ้นทั้งตัวแล้วร่วงลงฟาดกับพื้นดังสนั่น  ราเชลอ้าปากค้าง ยังไม่ทันขยับร่างหนาๆอีกร่างก็พุ่งเข้ากระแทกริชอย่างรวดเร็ว 
ริชเห็นเงาวูบเข้ามาทางหางตา  เด็กหนุ่มกระโจนหลบและยกเข่าขึ้นรับตามสัญชาติญาณ ได้ยินเสียงทึบๆแน่นๆ แต่น้ำหนักของอีกฝ่ายก็ปะทะให้ล้มไปด้วยกัน  ริชรีบลุกขึ้นและเกือบกระทืบซ้ำหากไม่เห็นว่าอีกฝ่ายนอนนิ่งไม่ไหวติง 
เสียงคำรามด้วยความโกรธดังสนั่นสนาม  ร่างสูงใหญ่ในชุดกีฬาต่างพุ่งเข้าหาริช  หากแต่เสียงนกหวีดแหลมกลับแผดขึ้นเสียก่อน  แม้จะมีท่าทางฮึดฮัดแต่กลับไม่มีใครกล้าขยับได้แต่ยืนกัดฟันด้วยความโกรธแค้นที่เห็นเพื่อนถูกเล่นงานลงไปกลิ้งต่อหน้า 
ร่างสูงหนาของกัปตันชมรมรักบี้แหวกเพื่อนร่วมทีมเดินลิ่วมาหาริช  เด็กหนุ่มหรี่ตาเมื่อเห็นนกหวีดที่คอของอีกฝ่าย  คีธเดินเข้าไปใกล้ร่างเพรียวกว่า  แม้จะยืนเฉยด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความคุกคามของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง 
คีธก้มลงดูมิกกี้ก่อนด้วยความกังวล แม้จะเห็นเหตุการณ์ไม่ถนัดนักแต่เขาแน่ใจว่ามิกกี้อาการน่าเป็นห่วงกว่าแคลวินแน่  กัปตันทีมเรียกเพื่อนๆให้มาช่วยกันหามทั้งสองไปห้องพยาบาล  มีเสียงฮือฮาเหมือนไม่พอใจที่คีธไม่ทำอะไรริช  แต่เมื่อคีธเหลือบมองทุกคนก็จำต้องสงบปากสงบคำแล้วช่วยกันหามคนเจ็บทั้งสองแต่โดยดี 
คีธมองตามเพื่อนๆก่อนจะหันกลับมาก้มลงพูดกับราเชลด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน         
“ขอโทษนะที่เพื่อนผมทำให้ตกใจ  รับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกผมสัญญา” 
ราเชลได้แต่พยักหน้า  ยังแทบจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก  ร่างสูงหนาเหยียดตรงเมื่อหันกลับมามองหน้าริช  แม้ดวงตานั้นจะดูเข้มขึ้นแต่ก็ไม่มีแววอาฆาตแต่อย่างใด         
“หวังว่าคุณคงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร?”
ริชยักไหล่แต่ไม่คลายความระมัดระวัง  กัปตันชมรมรักบี้เดินจากไปเงียบๆ ร่างสูงหมุนตัวกลับมาหวังจะได้เห็นรอยยิ้มด้วยความปลาบปลื้มหรือชื่นชมที่เขามาช่วยแต่กลับเห็นเพียงหลังบางไวๆ  ริชก้าวเท้ายาวๆไปดักหน้า         
“เฮ้!นี่จะไม่ขอบคุณกันสักคำเหรอเนี่ย?”         
“ผมไม่ได้ขอให้คุณมาช่วย”         
“อ้าว!แล้วกัน  ทำดีกลับไม่ได้ดีเสียนี่”         
“พวกชอบใช้กำลังตัดสิน” ราเชลเดินหนีในอกร้อนวาบด้วยความรุ่มร้อนที่บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าโกรธจนแทบทนไม่ไหว  เมื่อครู่ตอนที่เห็นมิกกี้ไล่ต่อยริช เขาก็แทบร้องไห้ด้วยความกลัวแล้ว  แถมยังมีแคลวินเข้ามารุมอีก หัวใจเขาแทบหยุดเต้นตอนที่เห็นริชล้มลงไปโดยมีร่างหนาๆนั้นล้มทับ  แล้วยังท่าทางเหี้ยนกระหือรือของพวกชมรมรักบี้อีก  ต่อไปนี้พวกนั้นต้องหาทางทำร้ายริชอีกแน่ๆ  ราเชลหนาวเยือกด้วยความเป็นห่วง                 
‘ริชอาจถูกทำร้าย  เรื่องทั้งหมดเกิดเพราะเราคนเดียว’ ราเชลคร่ำครวญอยู่กับตัวเองอย่างกลัดกลุ้มไปตลอดทาง
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 04-09-2009 22:21:48
.
.......

แอนนามองตามร่างผอมบางที่เดินใจลอยอยู่ในสวนอย่างกังวล 
ราเชลซึมเศร้าลงทุกวันจนน่าเป็นห่วง  ถึงทำเย็นชาไม่สนใจแต่ลึกๆนางห่วงและเฝ้าสังเกตราเชลทุกย่างก้าว  สำหรับนาง...ราเชลไม่ใช่แค่หลาน  นางเลี้ยงและรักเหมือนลูก   เพราะตามใจและปล่อยปละละเลยมากเกินไปทำให้ชาร์ลเสียคน  นางจึงหันมาเข้มงวดและตีกรอบให้ราเชลทุกอย่าง  เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  ทุกอย่างกำลังไปได้สวย  ราเชลเติบโตมาอย่างสมบูรณ์งดงามเหมือนที่นางวาดภาพไว้  แต่แล้วริชก็ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่นางเพียรพยายามสร้างขึ้นมา  ความรักวิปริตผิดเพศที่ริชชักจูงให้ราเชลเห็นดีเห็นงามทำลายภาพฝันของนางให้พังทลายลงในพริบตา  เด็กโสโครกนั่นทำให้ราเชลแปดเปื้อน
   “ท่านคะ...คุณหมอซอเรนขอเรียนสายคุณราเชลค่ะ”
   “ต่อสายมาให้ฉัน...สวัสดีค่ะคุณหมอ  ขอโทษด้วยนะคะ  ราเชลแกไม่พร้อมจะรับสายใครเลยค่ะ...มีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อยค่ะ  ไม่ทราบว่าคุณหมอมีเวลาบ้างไหมคะดิฉันมีเรื่องจะปรึกษา...เกี่ยวกับราเชลค่ะ...ดีค่ะดิฉันจะรอ”
แอนนายิ้มเย็นในที่สุดเธอก็พอมองเห็นหนทางแก้ไขโรคน่ารังเกียจของราเชลแล้ว
         ..................................

   ซอเรนถอนใจยาวอย่างล้าๆ  นางเวลบอร์นเพิ่งกลับไปและทิ้งปัญหาหนักอึ้งไว้ให้เขา
   4เดือนที่เขาไปดูงานต่างประเทศทำให้ไม่มีโอกาสเจอราเชล  อะไรต่อมิ-อะไรดูจะเกิดขึ้นมากมาย  ที่สำคัญ ‘ราเชลมีคนรักแล้ว’ แค่นามสกุลก็รู้แล้วว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน  เขาไม่รู้ว่าเราเชลเจอหมอนั่นได้ยังไง  แต่คำพูดและสีหน้ารังเกียจของนางเวลบอร์นทำให้เขาสังหรณ์ใจอย่างประหลาด
ซอเรนตัดสินใจไปหาราเชล  เขาต้องรู้ให้ได้ว่าราเชลกับหมอนั่นลึกซึ้งกันขนาดไหน
เมื่อเขาแจ้งว่ามาพบราเชล  สาวใช้ประจำตัวของนางเวลบอร์นก็นำเขาไปยังโรงเรือนต้นไม้ด้านหลัง  ร่างผอมบางเหมือนจะปลิวไปตามลมยืนเหม่ออยู่กลางดงกล้วยไม้สีเหลืองทอง 
   “สวัสดีครับ”
   “...คุณหมอ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
   “หมายถึงเข้ามาที่นี่หรือกลับจากต่างประเทศละครับ  ถ้ามาที่นี่ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละครับ”
   “เชิญทางนี้ดีกว่าครับ...” ราเชลเดินนำไปยังเก้าอี้รับรอง  เฟรมบนขาตั้งว่างเปล่า  ไม่ใช่เพราะราเชลเพิ่งมาที่นี่แน่เพราะแก้วที่วางทิ้งไว้น้ำแข็งละลายจนไม่เหลือรอยหยดน้ำแล้วด้วยซ้ำ
“ผมเพิ่งทราบว่าคุณหมอไปต่างประเทศ”
   ซอเรนยิ้มทั้งที่เจ็บในอกแปลบ  ก่อนไปเขาแน่ใจว่าเขาบอกราเชลไปแล้ว  ดูเหมือนเขาจะไม่สำคัญพอให้ราเชลจดจำด้วยซ้ำ  ทั้งๆที่อยู่ในวัยเยาว์แต่ราเชลกลับดูซีดเซียวและผอมบางราวกับคนป่วยหนัก
   “ราเชล...ไม่สบายหรือเปล่า...สีหน้าดูไม่ดีเลย”
   “ผมไม่เป็นอะไรครับ”
   “ราเชล...เราไม่เคยมีความลับต่อกันนี่นา...พูดออกมาบ้างอาจจะทำให้สบายใจขึ้นนะ”
   “แต่มันไม่มีอะไรจริงๆนะครับ”
   “แล้วทำไมดูราเชลไม่ค่อยสบายใจเลย...ผมสัญญานะว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคน”
   “คุณหมอจะไม่ให้ผมกินยาอีกนะ”
   “ไม่ให้กินแน่นอน...เล่าหน่อยน่า...นะ”
   “ผมฝัน...ฝันดีมาก...มันวิเศษ...มันทำให้ผมมีความสุข...แล้วผมก็ต้องตื่นทุกที...หมอครับผมไม่อยากตื่น  ผมอยากฝันอยู่อย่างนั้นโดยไม่ตื่น...ผมไม่อยากตื่นเลย”
“จำได้ไหมว่าฝันเรื่องอะไร?”
“...ผม...ผมจำไม่ได้...ผมจำสิ่งที่ฝันไม่ได้  แต่ผมจำความรู้สึกได้  มันอิ่มเอม  มันสดชื่น...ผมมีความสุขที่สุด...แต่ผมก็ต้องตื่นอยู่ดี  ทำไมครับหมอ...ทำไมความสุขอยู่กับผมสั้นนัก”
ซอเรนยังคงยิ้มทั้งที่ความกลัวเกาะกุมหัวใจจนเย็นเยือก  ราเชลกำลังป่วย  หนูน้อยของเขากำลังบาดเจ็บทางใจอย่างรุนแรง  เจ็บจนไม่อาจอยู่ในโลกของความจริงได้  จิตใต้สำนึกจึงหาทางหนีด้วยการสร้างความฝันอันแสนสุขขึ้นทดแทน  หากปล่อยไว้เช่นนี้สักวันราเชลจะไม่ยอมกลับมาโลกของความเป็นจริงอีก
“ราเชล...ทำไมอยากฝันล่ะ  ความจริงราเชลก็มีความสุขแบบนั้นได้นะ”
“คุณหมอไม่เข้าใจ...มันเป็นไปไม่ได้เลย...ผมจะมีความสุขได้ยังไงในเมื่อไม่มี...เอ่อ...ไม่มีใครรักผมสักคน”
ดูเหมือนราเชลจะไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด  ระหว่างเขากับราเชลมีกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นอยู่  และเขาต้องผ่านเข้าไปให้ได้ก่อนที่อาการเจ็บป่วยของราเชลจะหนักหนากว่านี้ 
“มีสิทำไมจะไม่มี  ราเชลมีคุณย่า  มีคุณพ่อ  มีเพื่อนๆ และมีผมไง”
“คุณหมอไม่รู้หรอก...ช่างเถอะ...วันนี้คุณหมอมาหาผมหรือมาหาคุณย่าครับ”  ราเชลพยายามเปลี่ยนเรื่องแต่ซอเรนอยากคุยให้รู้เรื่องมากกว่า
“ราเชล หมอคิดว่า...”
“ถ้ามาหาคุณย่าตอนนี้ท่านคงอยู่ในห้องสมุด”
“ผมมาหาราเชล”
“เหรอครับ...ไปขี่ม้ากันไหมครับคุณหมอ?”
ซอเรนลอบถอนใจ  แต่ต้องยอมผ่อนผันไปก่อน  รุกมากไปอาจทำให้ราเชลระแวงจนอาจมองเขาเป็นศัตรู
“เอาสิ...แหมไม่ได้ขี่ม้ามาตั้งนาน  ยังไงก็ออมๆมือให้บ้างแล้วกัน”
“ได้เลยครับ”
ในคอกม้าดูเหมือนจะถูกขยายใหญ่กว่าเดิม  มีม้าลักษณะดีเพิ่มขึ้นหลายตัว  โดยเฉพาะเจ้าตัวสีขาวปลอดที่ขยับตัวไปมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นราเชล  แต่ -
ราเชลกลับเดินผ่านมันไปยังด้านในสุดแล้วสั่งให้คนงานจูงเจ้าม้าสีน้ำตาลตัวหนึ่งออกมาแทน
“เจ้านี่สวยจัง  เพิ่งได้มาใหม่เหรอ?”
“ครับ” ราเชลเหลือบมองแวบเดียวแล้วเมินไปทางอื่น
“ท่าทางจะฝีเท้าดี  ผมขอเจ้าตัวนี้แล้วกัน”
“ไม่ได้!...”
ซอเรนชะงักและถอยห่างจากม้าสีขาวทันที  ดูเหมือนราเชลจะหวงมากเสียจนตวาดเขาเสียงเขียว 
“เอ่อ...คือ มันยังไม่ได้ฝึก  ผมว่าเอาตัวอื่นดีกว่าครับ” ราเชลหน้าเจื่อนเมื่อรู้ว่าเผลอตวาดจนอีกฝ่ายตกใจ  แม้ซอเรนจะยิ้มให้แต่แววตาของหมอก็ดูจะจับจ้องเขามากกว่าเคย
คนงานจูงเจ้าแบล็คออกมาแต่พอราเชลหันไปเห็นก็ดุเสียงเกรี้ยวทันที
“เอาเจ้าแบล็คออกมาทำไม สั่งแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ใครขี่  ไปเอาตัวอื่นมา”
คนงานรีบลนลานดึงเจ้าแบล็คกลับไป  ดูเหมือนเจ้าแบล็คเองก็หงุดหงิดที่ไม่ได้ออกไปวิ่ง  มันคำรามอย่างโกรธๆและสะบัดเชือกไปมาแรงๆ  แม้จะโดนล่ามแล้วก็ยังไม่วายพ่นลมหายใจฟืดๆเข้าใส่
ซอเรนลอบสังเกตอากัปกิริยาของราเชลตลอดเวลา  ดูเหมือนราเชลจะหงุดหงิดอารมณ์เสียง่ายกว่าเคย  ทั้งๆที่ปกติการขี่ม้าเป็นเรื่องที่หนุ่มน้อยโปรดปราน  แต่ทำไมคราวนี้ดูเหมือนราเชลจะตั้งหน้าตั้งตาขี่นำเขาไปวนรอบไร่แล้วก็ควบนำกลับลิ่ว  จนแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย  พอคนงานเข้ามารับม้าไปราเชลก็แยกไปดื้อๆ  ท่าทางหมกมุ่นอยู่กับความคิดจนซอเรนต้องเรียกซ้ำอยู่หลายครั้งกว่าที่หนุ่มน้อยจะรู้ตัว
“ราเชล...จะรีบไปไหนครับ?”
“เอ่อ...ขอโทษทีครับ  ผมเหนื่อยก็เลยจะรีบไปอาบน้ำ  เชิญคุณหมอที่ห้องรับรองก่อนนะครับ  ขอผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่”
“ผมว่าจะกลับเลยเหมือนกันครับ”
“...คุณหมอไม่อยู่ทานมื้อค่ำด้วยกันเหรอครับ”
“ไว้วันหลังดีกว่า...วันนี้ผมก็เหงื่อท่วมเหมือนกัน  แหมนานๆขี่ที  เอวหลังชักแย่  คนแก่ก็อย่างนี้แหละครับ”
ซอเรนรู้สึกหน้าแตก  ดูเหมือนราเชลจะแทบไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดด้วยซ้ำ  หนุ่มน้อยดูเหมือนจะกลับไปหมกมุ่นกับความคิดอีกครั้ง
“ผมกลับละครับ”
“...ครับ...เอ่อ...งั้นผมไปส่งคุณหมอที่รถ”
“ไม่ต้องหรอกครับ  ราเชลขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
“แต่ว่า...”
“เราคนกันเองน่า...ฝากเรียนท่านผู้หญิงด้วยนะครับว่าผมขอกลับก่อน”
“ครับผมจะบอกคุณย่าให้”
“ไว้เจอกันครับ”
“ครับ”
ซอเรนโบกมือให้แล้วเดินแยกมา  แต่ไม่กี่ก้าวก็หยุดหันกลับไปมอง ราเชล เดินกลับไปยังคอกม้าด้านหลัง  หมอหนุ่มมองตามอย่างสงสัยและตัดสินใจตามไปดู
ราเชลเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าม้าตัวสีขาว  ลูบไล้แผงคอและใบหน้าของมันอย่างอ่อนโยน  เจ้าม้าตัวนั้นก้มลงมาถูหน้ากับไหล่ของราเชลเบาๆ  ราเชลชะโงกเข้าไปกอดคอม้าไว้และซบหน้าร้องไห้  อาการสะอื้นจนตัวโยนนั้นทำให้ซอเรนตัวชา  ทั้งสงสาร  เป็นห่วง และเจ็บปวด ที่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไร
ราเชลได้เลย  เพราะราเชลไม่ต้องการเขา  คนที่ราเชลต้องการคงเป็นหมอนั่น!

..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 04-09-2009 22:24:40
ราเชลเดินไปตามทางเดินที่ค่อนข้างมืด  เสียงอึกทึกจากงานข้างล่างลอดขึ้นมาเล็กน้อย  ไม่เข้าใจว่าเจอร์รี่เกิดนึกสนุกอะไรถึงนัดเขาขึ้นมาบนนี้   
ราเชลเคาะประตูห้องพยาบาลสามครั้งก่อนจะชะโงกเข้าไปมอง  อาจารย์ห้องพยาบาลหันมามองก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าราเชล         
“แหมมาเร็วจังครูเพิ่งจะจัดของเสร็จเองนะเนี่ย ราเชลนี่น่ารักจริงๆขอบใจมากนะจ๊ะ”         
“ขอบใจ…เรื่องอะไรครับ?”         
“ก็ขอบใจที่ราเชลอาสาเฝ้าห้องพยาบาลให้นะสิ  ตอนแรกครูก็นึกห่วงอยู่เหมือนกันที่จะฝากห้องกับแฝดทโมนนั่น  แต่พอเจอร์รี่บอกว่าราเชลอาสาครูเลยโล่งใจ  ตายจริง!ครูสายแล้วไปก่อนนะจ๊ะ  ไว้เจอกันวันจันทร์”         
“เอ่อ…ครับ…”ราเชลอึ้งปนงงแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธได้แต่ปล่อยให้ครูสาววิ่งตัวปลิวจากไป  นึกขึ้นมาได้ว่าป่านนี้ซอเรนอาจมาถึงแล้วและคงหาเขาไม่เจอเพราะเขาไม่ได้ไปรอที่จุดนัดก็เกิดความกังวล         
“อาจารย์ครับขอพลาสเตอร์หน่อย…อ้าว!ราเชลเป็นอะไร?”         
“ปีเตอร์! มาพอดีเลย”         
“นายไม่สบายเหรอราเชล?”         
“เปล่า”         
“อ้าว!แล้วทำไมมาอยู่ที่ห้องพยาบาลล่ะ  ทำไมไม่ลงไปร่วมงาน?”         
“ก็…ไม่มีอะไรหรอกแค่มาช่วยอาจารย์เฝ้าห้องพยาบาลน่ะ  แล้วนั่นนายเป็นอะไร”         
“โดนฝากระป๋องบาดเอาน่ะแต่ไม่ลึกหรอก  นี่นายอยู่คนเดียวเหรอ?”         
“อืม”         
“ว้า!ที่ชมรมฉันก็ยุ่งมากเลยด้วย  เอาไงดีล่ะไม่อยากทิ้งนายไว้นี่คนเดียวเลย”         
“ไม่เป็นไรปีเตอร์  นายไปเถอะทิ้งร้านของชมรมมาแบบนี้เดี๋ยวก็โดนรุ่นพี่เล่นงานเอาหรอก”         
“แต่ฉันเป็นห่วงนายนี่นา  ขืนปล่อยไว้คนเดียวเกิดพวกบ้าๆมาเจอก็แย่สิ”
‘พวกบ้าๆ’ ที่ปีเตอร์พูดถึงคือมิกกี้กับพรรคพวก  หลังจากที่มีเรื่องกับริชดูเหมือนจะมีการสอบสวนและมิกกี้กับโทมัสถูกสั่งพักการเรียน  และยังถูกปลดจากนักกีฬาตัวจริงไปเป็นตัวสำรอง  มีข่าวว่ามิกกี้พยายามจะเอาคืนแต่แล้วเรื่องก็กลับเงียบไปดื้อๆทำให้ปีเตอร์ยิ่งกังวล เขาไม่กล้าวางใจว่ามิกกี้จะยอมปล่อยราเชลง่ายๆ   
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า  เออจริงสิ!ฉันนัดหมอซอเรนไว้ที่ซุ้มน้ำข้างๆร้านนาย ถ้าหมอมานายให้ขึ้นมาหาฉันที่นี่แล้วกัน”         
“ได้ๆฉันเจอหมอจะให้รีบมาหานายทันที  ฉันไปก่อนละ...อยู่คนเดียวได้แน่นะ”         
“ได้!ไปเถอะน่า”  ราเชลหัวเราะตามหลัง  เมื่อเห็นปีเตอร์วิ่งๆแล้วก็หยุดหันมาทำหน้าคาดคั้นแต่พอเขาพยักหน้าก็วิ่งต่อแล้วก็หยุดอีกจนเกือบล้ม
ราเชลปิดประตูแล้วไปนั่งข้างหน้าต่าง  เสียงพลิกตัวจากเตียงในสุดทำเอาหนุ่มน้อยสะดุ้งเพราะไม่รู้ว่ามีคนอยู่           
“…อือ…ค๊อกๆๆ…” เสียงไอเบาๆจากเตียงในทำให้ราเชลกังวลเพราะไม่รู้ว่าอาการหนักแค่ไหน   ราเชลค่อยๆย่องเข้าไปใกล้  ม่านสีครีมค่อนข้างโปร่งทำให้มองเห็นคนบนเตียงได้ลางๆ  คนที่นอนหันหลังให้ตัวใหญ่มากเพราะเท้ายื่นพ้นที่นอนออกมาเล็กน้อย         
“คุณครับ…เป็นอะไรมากหรือเปล่า”         
“ผมเจ็บหัวใจจี๊ดๆสงสัยจะอกหัก”
ราเชลสะดุ้งตั้งแต่ได้ยินประโยคแรกแล้วแต่ยังไม่ทันขยับคนบนเตียงก็หันขวับมาคว้าแขนเขากระชากจนล้มลงไปบนอก  ม่านที่พันตัวเอาไว้ทำให้ราเชลเสียหลักและตั้งตัวลุกขึ้นไม่ทัน  จึงถูกรวบกอดไว้แน่น       
“ปล่อย…ปล่อยนะริช…ปล่อยสิ…บอกให้ปล่อย”         
“ทำไมต้องปล่อย…เธอมาหาฉันเองนะราเชล”         
“ผมไม่ได้มาหาคุณ  ผมมาดูแลคนป่วยเพราะมันหน้าที่ผม”         
“ดีงั้นช่วยดูแลฉันหน่อยสิ”         
“ไม่ ทำไมต้องดูแลคุณด้วย”         
“ก็เธอมีหน้าที่ดูแลคนป่วยแล้วตอนนี้ฉันก็ป่วย”         
“ไม่จริง…ไม่เห็นคุณจะเป็นอะไรเลย”         
“เป็นสินี่ไง” ริชคว้ามือราเชลไปวางบนอก  ราเชลเม้มปากเมินหน้าไปทางอื่นแต่มือยังวางอยู่บนอกกว้าง  เสียงหัวใจใต้ฝ่ามือเต้นแรงขึ้นพร้อมๆกับอุณหภูมิของกล้ามเนื้อตึงแข็งก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ราเชลหน้าแดงซ่านเพราะรู้ภาษากายของริชดี  ลมหายใจร้อนที่รินรดใบหน้าทำให้สติคืนมา  ราเชลรีบดันแก้มระคายไว้ก่อนที่จะถึงใบหน้าไม่ถึงคืบ         
“อะ…อย่านะริช…คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับผมนะ”         
“ฉันไม่มีแล้วใครมีหือราเชล?”         
“ฮึ!มีก็แล้วกันแหละ…ปล่อยผมสิ…ปล่อยนะ”         
“ไม่!”
ริชกดร่างน้อยแน่นและแนบปากลงมาประกบอย่างรวดเร็ว  ไม่มีแม้แต่อาการดิ้นรนขัดขืน  ราเชลเผยอปากรับปากร้อนอย่างเต็มใจ จูบดุดันด้วยความโกรธจึงแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานและเรียกร้องจนราเชลถึงกับสะท้าน  สองแขนโอบรัดรอบลำคอแข็งแรงแน่นปล่อยให้อารมณ์เพริดไปกับสัมผัสร้อนรุ่ม 
พริบตาเดียวเสื้อผ้าก็ถูกปลดออกไปจนหมด ร่างเปลือยร้อนผ่าวที่แนบลงมากระชับทำให้ราเชลตัวสั่นราวกับหวาดกลัว แต่ดวงตากลับหวานเยิ้มด้วยไฟปรารถนา  ปากแนบประกบกันอีกครั้งขณะที่มือของทั้งคู่ต่างก็ปลุกเร้ากันและกันอย่างคุ้นเคย  ริชดูดเม้มยอดสีแดงสดหนักๆขณะที่นิ้วหยั่งแหย่ไปยังช่องทางคับแคบสะกิดกระตุ้นจนสะโพกกลมกระตุก           
“ริช…อื้อ…” ราเชลนิ่วหน้าด้วยความทรมาน ไม่มีที่ใดในร่างกายที่ริชไม่รู้จัก  ทุกครั้งที่นิ้วยาวขยับจึงสร้างความเสียวซ่านให้แล่นแปลบปลาบไปทั่วท้อง
ริชชะโลมเจลที่เตรียมมาจนชุ่มนิ้วแล้วจึงสอดกลับเข้าไปใหม่  ทุกครั้งที่ราเชลหลุดเสียงครางจำนวนนิ้วก็เพิ่มขึ้นทุกที  ราเชลเม้มปากแน่นแต่สะโพกกลับขยับรับจังหวะนิ้วของริชไม่หยุดและถึงกับสะอื้นเมื่อนิ้วยาวถูกถอนออก         
“อย่า…อย่าเอาออก…”         
“ที่เธอต้องการน่ะมันตัวฉันต่างหากราเชล”         
“ริช…ริช…เร็ว” ราเชลสะอื้นเมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งร้อนผ่าวที่ชำแรกเข้ามา  ขาเรียวเปิดกว้างเพื่อรองรับริชให้เคลื่อนไหวได้สะดวก  ราเชลกัดปากแน่นทำให้เสียงครางอื้ออึงอยู่ในลำคอเมื่อริชแทรกลึกเข้ามาในคราวเดียว  ทั้งเจ็บและอึดอัดจนต้องจิกครูดบ่าแข็งด้วยความทรมาน  แต่ความปรารถนาที่เขม็งเกลียวอยู่ในท้องกลับกระตุ้นให้ราเชลผ่อนคลายตัวเองเพื่อให้ริชเข้ามาให้หมด  ริชเองก็ถึงกับหอบฮักเมื่อแทรกเข้าไปได้สุดตัว  เด็กหนุ่มก้มลงจูบหน้าแดงซ่านของคนข้างใต้เพื่อปลอบประโลมและเพื่อหยุดตัวเองไม่ให้รีบจนเกินไป  ขนตางอนยาวเป็นแผงเปียกชุ่มด้วยน้ำตา  แต่ดวงตาที่ลืมขึ้นมองเขากลับหวานระยับ  ปากแดงสั่นระริกเผยอขึ้นเชิญชวนและริชก็ไม่ปฏิเสธ ลิ้นที่เบียดรัดกันพัลวันในปากกับเนื้อที่สอดประสานกันไว้ทำให้ทั้งคู่เหมือนหลอมรวมเป็นร่างเดียว  ริชช้อนขาเรียวขึ้นพาดไหล่ก่อนจะถอนกายออกช้าๆแล้วแทรกกับเข้าไปใหม่ระวังไม่ปากแยกจากกัน  เสียงครางของราเชลจึงถูกดูดกลืนหายไปในปากเขา
ราเชลไข่วคว้าเอวหนาไว้แทนเพราะขายังพาดอยู่บนไหล่ริชทำให้กอดที่บ่าไม่สะดวก   ริชยังไม่ยอมถอนปากออกทั้งที่สะโพกก็ขยับลึกและแรงขึ้นทุกที 
ยอดอกที่ถูกละเลยกำลังเรียกร้อง ราเชลปล่อยมือจากเอวหนามาบีบคลึงที่อกตัวเองแทน  แต่ริชกลับดึงมือของเด็กชายออกและแทนที่ด้วยปากของเขา  ฟันคมที่ดูดดึงเป็นจังหวะทำให้ราเชลถึงกับสะอื้นด้วยความทรมานแต่หลังก็แอ่นขึ้นรับสัมผัสอย่างเต็มใจ           
“ริช…ไม่ไหว…แล้ว…ริช…ช่วยผม…ช่วย…อือ…”
ริชสอดแขนขึ้นไปล็อคไหล่เล็กไว้  อีกมือเลื่อนมากอบกุมแก่นกายร้อนของราเชลแล้วขยับเป็นจังหวะขณะที่สะโพกก็โหมกระหน่ำเข้าหาสะโพกเล็กอย่างรุนแรง  ราเชลหวีดลั่นร่างกายขยับรับแรงกระแทกตามจังหวะที่ริชกำหนดอย่างรู้ทาง สองร่างปะทะ เข้าหากันเร่งเร้า  เสียงครางและเสียงเตียงลั่นถี่ยิบก่อนที่ราเชลจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงและกระตุกไปทั้งตัว หยาดรักฉีดซ่านออกมาเลอะทั้งตัวเองและริช  ริชขยับมืออีกสองสามครั้งเพื่อให้ราเชลปลดปล่อยออกมาให้หมดแล้วจึงปล่อยแก่นกายนุ่มเป็นอิสระ สะโพกหนาเร่งจังหวะแรงขึ้นเพื่อไปให้ถึงจุดหมายเช่นกัน  แรงเสียดสีเสียวซ่านทำให้ราเชลต้องกัดปากแน่นร่างกายที่เพิ่งปลดปล่อยไปร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง  ราเชลเหนี่ยวบ่ากว้างไว้ขณะที่ริชก็กระแทกกระทั้นแรงขึ้นเรื่อยๆ  แรงเสียดสีทำให้ราเชลเผลอเกร็งและรัดริชเป็นจังหวะ  ริชถึงกับครางลั่นและขยับตัวระรัว  ความเสียวซ่านที่แล่นวาบลึกไปทั้งตัวทำให้ราเชลหูอื้อก่อนจะกระตุกเมื่อมีแรงปะทะอุ่นซ่านฉีดพล่านเข้ามาข้างในและราเชลเองก็ถึงขีดสุดเช่นกัน
สองร่างซบกันหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน  ราเชลหลับตาพริ้มเมื่อรู้สึกถึงปากร้อนที่แนบจุมพิตมาบนหน้าผากเปลือกตาและแก้มก่อนจะมาหยุดที่ปาก  จุมพิตอ่อนหวานเรียกร้องให้ต้องจูบตอบ         
“หายโกรธแล้วใช่ไหม?”
เสียงออดอ้อนข้างหูทำให้ราเชลต้องลืมตาขึ้นมอง  ดวงตาวาวระยับปนเจ้าเล่ห์ทำให้ราเชลถึงกับหน้าร้อนผ่าวจนต้องหลบตา           
“ราเชล…มองฉันสิ…ที่รัก…ใจคอจะไม่มองหน้ากันเลยเหรอ…หืม?”
ราเชลเบือนหน้าหนีแต่ก็ถูกดึงปลายคางกลับมา  แต่ดวงตาคมปลาบนั้นร้อนแรงเสียจนทนมองไม่ไหวราเชลจึงหลับตา  ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ  ก่อนที่ปากจมูกร้อนๆจะซุกไซ้ซอกคอแรงๆ  ราเชลอุทานด้วยความตกใจ เพราะทุกครั้งที่ริชทำแบบนี้มักจะทิ้งร่องรอยไว้ให้ได้อายบ่อยๆ         
“อย่า…ริชอย่า…อื้อ…ริช” 
ราเชลสะดุ้งเมื่อความกำยำที่แทรกลึกอยู่ในร่างกลับขยับอีกครั้ง  ริชช้อนหน้าแดงซ่านขึ้นสบตา แล้วสะโพกแข็งก็ขยับถอนออกห่างแล้วกระแทกเข้าหาอีกครั้ง  ความอายทำให้ราเชลอยากหลบตาแต่ดวงตาที่แปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของริชทำให้ราเชลไม่อยากละสายตา  ตาคมปลาบแพรวพราวเปลี่ยนเป็นหม่นมัวด้วยความปรารถนา ริชละมือข้างหนึ่งจากหน้านวลมาช้อนสะโพกกลมขึ้นรับแรงกระแทก  ราเชลโอบบ่ากว้างไว้แต่ยังไม่ละสายตาจากใบหน้าริช  สีหน้าที่แสดงถึงความปรารถนาในตัวเขาอย่างรุนแรงที่ราเชลไม่เคยเห็น เพราะทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กันเขาจะอายจนแทบไม่กล้ามองริชด้วยซ้ำ  แต่ครั้งนี้ราเชลได้เห็นแล้วแม้บางขณะตาจะมัวด้วยน้ำตาเพราะความเสียวสะท้านที่พลุ่งพล่านขึ้นทุกขณะก็ตาม  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของริชเร่งให้ราเชลไปถึงจุดสูงสุดเร็วกว่าทุกครั้งจนริชเองยังแปลกใจ  ราเชลนั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างจากริชเลยมิหนำซ้ำยังเผลอยั่วยวนริชโดยไม่รู้ตัว  ความทรมานจากการที่ต้องห่างเหินกันไปนานทำให้ริชเรียกร้องกับราเชลไม่หยุด  ราเชลเองก็ตอบสนองอย่างเต็มอกเต็มใจ  ความเจ็บปวดที่ริชมีคนอื่นเลือนหายไปหมด  ตอนนี้ราเชลขอแค่ให้ได้ริชกลับมาทุกอย่างก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป  ราเชลยอมกระทั่งให้ริชทำในห้องน้ำของห้องพยาบาลหรือแม้แต่ใช้ปากให้ริช  ทั้งคู่ต่างเรียกร้องกันและกันจนลืมไปว่าอยู่ที่ไหน...เหมือนโลกหยุดหมุนอยู่แค่นั้น  กระทั่งเสียงพลุปิดงานตอนเที่ยงคืนดังขึ้น ปลุกให้ราเชลสะดุ้งตื่นขึ้นมาและริชก็จูบปลอบให้หายตกใจ         
“ริชนี่กี่โมงแล้วครับ?”         
“เที่ยงคืนแล้ว…ได้ยินเสียงพลุไหม?”         
“ตายจริง…นี่ดึกมากแล้วผมต้องกลับแล้วละ แย่จังผมไม่ได้ขออนุญาตคุณย่าไว้ด้วยว่าจะกลับดึกอย่างนี้”                             
“ใครบอกล่ะว่าจะกลับดึก  เธอจะกลับพรุ่งนี้ต่างหากราเชล”         
“อะไรนะครับ…ไม่ได้นะริชคุณย่าเอาตายแน่ถ้าผมเหลวไหลแบบนั้น”         
“ไม่น่า…คุณย่าเธอรู้แล้วว่าคืนนี้เธอจะไปงานเลี้ยงแล้วเราจะฉลอง
คริสมาสต์ด้วยกัน”         
“คุณย่ารู้แล้ว?…รู้ได้ยังไงครับ  แต่ถึงรู้คุณย่าก็ไม่มีทางยอมหรอก…หรือว่า?…นี่เป็นแผนคุณทั้งหมดเลยเหรอริช  คนบ้านี่แผนคุณใช่ไหม?”         
“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ฉันจะได้เธอคืนมาเหรอราเชล”         
“บ้าๆๆๆ…คุณมันบ๊องที่สุดเลย นี่แสดงว่าเจอร์รี่ร่วมมือกับคุณด้วยใช่ไหม?”         
“ต้องขอบคุณเจอร์รี่ที่ช่วยให้เราดีกันได้  ไม่เอาน่าราเชลใครๆก็อยากให้เราดีกันทั้งนั้น….หรือว่าเธอไม่รู้สึกอะไรที่เราต้องมาผิดใจกัน”         
“ใครว่าไม่รู้สึก…ผมเจ็บแทบตาย…ผมคิดว่าคุณจะเลิกรักผมแล้วเสียอีก  ริช…อย่าทิ้งผมนะ  ผมจะไม่เซ้าซี้คุณแล้ว  ถ้าคุณอยาก….เอ่อ…มีคนอื่นผมก็จะไม่ห้ามแล้ว…อย่าทิ้งผมนะริช…ผมรักคุณ..ฮึก…”         
“อ้าว!ขี้แยอีกแล้ว….ไม่เอาน่าฉันไม่มีคนอื่นหรอก  อย่าร้องไห้เลยเดี๋ยวตาบวมแล้วไม่สวยนะ”         
“ผมไม่ได้อยากสวยเสียหน่อย…ถ้าผมไม่สวยคุณคงไม่มองผมใช่ไหมล่ะ?”         
“ตอนแรกก็งั้น…น่าอย่าเพิ่งร้องไห้ฟังให้จบก่อน  ตอนแรกฉันสนใจเพราะเธอสวย น่ารักเหลือเกิน  เหมือนตุ๊กตาแก้ว บอบบางน่าถนอม แล้วพอฉันได้กอดเธอฉันก็ตั้งใจไว้ว่าฉันจะไม่ปล่อยเธอไปชั่วชีวิต  ห้ามเธอมีคนอื่นนอกฉันนะรู้ไหม?”         
“ผมจะมีคนอื่นได้ไงก็ผมรักริชคนเดียว”         
“ดีมาก…เราไปบ้านกันดีกว่า  ที่นี่นอนไม่สบายเหมือนเตียงเราหรอกน่า”         
“ริชบ้า…คิดแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรือไง?”         
“แล้วเธอไม่คิดเหรอ…อ้าว!ยืนไม่ไหวละสิ”         
“เพราะใครล่ะ…เจ็บไปหมดเลย…นี่ถ้าไม่มีเจลผมตายแน่”         
“จะไม่มีได้ไงฉันเตรียมมาพร้อมน่า”         
“ริชน่ะ” ราเชลหน้าแดงซ่านแต่ก็ยอมให้ริชประคองออกไปจากห้อง
เงาดำวูบเข้าหาแต่ริชเบนหลบด้วยสัญชาติญาณและการฝึกฝน ราเชลถูกดันไปอยู่ด้านหลังทำให้ไม่เห็นผู้จู่โจม  ริชซัดหมัดออกไปโดนอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธส่งผลให้คนถูกต่อยถลาลงไปกองอยู่กับพื้น โหนกแก้มเลือดไหลโกรกราวกับถูกบาดด้วยมีด           
“อย่า! ริชอย่า! นั่นจิตแพทย์ที่ดูแลผม”  ราเชลร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ที่พื้นถนัด  เท้าที่ยกขึ้นจะกระทืบของริชชะงักค้างแล้วลดลง  ริชหรี่ตามองหมอหนุ่มใหญ่อย่างแปลกใจปนขุ่นเคือง         
“เปลี่ยนจากหมอโรคจิตมาเป็นหมอหมาหรือไงหมอ  ถึงได้มาลอบกัดกันอย่างนี้”
ซอเรนไม่ตอบโต้แต่สายตาที่มองริชนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ  แต่เมื่อเลื่อนมามองราเชล สายตานั้นทั้งเจ็บช้ำและขมขื่น  ราเชลใจหายวาบเขาลืมเสียสนิทว่านัดให้ซอเรนมาหาจนได้เจอหน้าซอเรนจึงนึกได้
“หมอมานานแล้วเหรอครับ?”  ราเชลเสียงแผ่วด้วยความสำนึกผิด 
ซอเรนยันตัวลุกขึ้นช้าๆ  เลือดจากแก้มไหลทะลักแต่เขาไม่สนใจจะเช็ด  เพราะแผลที่ใบหน้ามันเจ็บไม่ได้ครึ่งของที่หัวใจ  ทั้งเจ็บทั้งอายที่โดนเด็กหลอก         
“ผมมาตามที่คุณนัดไง…ลืมไปแล้วสินะ เพราะผมมานั่งรอตั้งแต่5โมงเย็น แล้วที่เรียกผมมานี่ต้องการจะบอกอะไรผมเหรอราเชล หรือว่าต้องการคนดู”
ราเชลปากสั่นด้วยความรู้สึกผิด ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ซอเรนเจ็บปวดเลยสักนิด         
“ปากเสีย!”
ริชกระชากคอเสื้อซอเรนจนลอยขึ้นมา  แต่ราเชลโผเข้าไปยึดมือไว้แน่น         
“อย่าริช!อย่าทำคุณหมอ  อย่า…ปล่อยคุณหมอนะครับผมขอร้อง”         
“ทำไมราเชลปกป้องมันทำไม?”         
“ผมผิดเองริช  ผมขอโทษครับคุณหมอ...ขอโทษ  ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เลย…ผมขอโทษ”         
“ขอโทษเหรอ…หมายความว่าการที่เขามาแอบดูเรานี่เราผิดงั้นเหรอ บ้าแล้วเห็นๆอยู่ว่าไอ้หมอบ้านี่มันโรคจิต เป็นพวกถ้ำมองเหรอหมอถึงมาดูชาวบ้านเขานอนกัน”         
“พอทีริช พอ ผมขอร้อง…ผมขอโทษครับหมอ  ผมไม่ได้นัดหมอให้มาเจอเรื่องแบบนี้…ผมขอโทษ”         
“อ๋อ!เธอไม่ได้นัดไอ้หมอนี่มาดูเรา  แต่เธอนัดมาทำอย่างอื่นงั้นสิราเชล”         
“ริช”         
“แปลว่าถ้าฉันไม่ได้อยู่ในห้องนี้  คนที่เธอจะนอนด้วยคือหมอนี่สินะ” 
ฉาด!  ริชตาเป็นประกายวาบด้วยความโกรธ  ราเชลเองก็ตกใจไม่คิดว่าจะตบริชแต่ที่ทำไปเพราะความโกรธ         
“ริช…ผม…ผมไม่ได้…”         
“ดีนี่…เมื่อกี้เธอยังครวญครางให้ฉันรักอยู่เลย  ตอนนี้พอเจอคนใหม่กล้าลุกขึ้นมาตบฉันเลยนะ เก่งมากราเชลเก่งมาก เอาเลยอยากนักก็นอนทีเดียวสามคนเลยเป็นไง  ฉันนึกว่าเธอจะชอบให้ฉันทะนุถนอม เพิ่งรู้นะว่าชอบเซ็กหมู่”         
“หยุดนะริชไอ้เด็กปากเสีย  นายทำราเชลเจ็บมาตั้งกี่ครั้งแล้วยังมีหน้ามาพูดอย่างนี้กับราเชลอีกเหรอ?”         
“โธ่ไอ้หน้าโง่เอ๊ย  จะบอกอะไรให้นะ ราเชลเป็นของฉันเมื่อกี้นายก็เห็นนี่
ราเชลน่ะเวลาอยู่กับฉันเขามีความสุขแค่ไหน  แกต่างหากที่ต้องไสหัวไปให้พ้น  ไปจากชีวิตราเชลเลยยิ่งดี  ไอ้หมอโรคจิตเอ๊ยแกล้งทำเป็นห่วงคนไข้ที่แท้ก็โลลิคอนชอบเด็ก จำใส่หัวไว้เลยนะว่าราเชลมีฉันแล้วไม่จำเป็นต้องมีนาย”         
“หมายความว่านายเจตนาให้ฉันเห็นนายกับราเชลงั้นสิ”  ซอเรนถามเหมือนสงสัย  และริชก็รับสมอ้างไปด้วยเจตนาจะเยาะอีกฝ่ายให้สะใจ       
“น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วนะ  ใครมันจะบ้าทำโดยไม่ล็อคประตูวะนอกจากเจตนา  ได้ยินชัดแล้วไม่ใช่เหรอไปให้พ้นได้แล้วไอ้หมอโรคจิต”         
“ริช…คุณจงใจงั้นเหรอ?…คุณ…คุณเห็นผมเป็นอะไร…คุณทำได้ยังไงริช?”         
“อย่าบ้าน่าราเชล  เธอจะให้ฉันทนดูเธอควงกับไอ้หมอนี่เย้ยฉันอีกต่อไปหรือไง  อย่าลืมสิว่าเธอเป็นของฉัน  อย่าให้ไอ้หน้าไหนมาแตะเธออีกฉันไม่ชอบ”         
“แล้วทีคุณละริช…ทีคุณมีคนอื่นล่ะ  ไม่เห็นคุณจะแคร์ผมเลย  ใช่สิผมมันบ้า  บ้าที่ไปหลงรักคนใจร้ายแบบคุณ  คุณไม่เคยแคร์ผมเลย  คุณไม่ได้รักผมคุณแค่เห็นผมเป็นตุ๊กตาสินะ  ผมมันโง่เองที่คิดว่าคุณรักผมเหมือนที่ผมรักคุณ  ผมมันโง่เอง”         
“บ้าอะไรอีกล่ะราเชล”         
“ใช่ผมมันบ้า…ผมเป็นคนบ้าคุณไม่รู้เหรอ…ผมเป็นบ้าจนต้องมีหมอตามดูแลอยู่นี่ไง รู้หรือยังริชว่าคุณนอนกับคนบ้า”         
“ราเชล!”         
“เราเลิกกันริช…ต่อไปนี้ผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก  เราขาดกันแค่นี้ เชิญคุณไปหาคนที่ดีพอสำหรับคุณแล้วกันคุณมันไม่เคยพออยู่แล้วนี่”         
“ก็ดี ฉันก็รำคาญที่จะต้องมาตามง้อเด็กแสนงอนเต็มทีแล้ว  สาวๆสวยๆรอฉันอยู่อีกเพียบ ทนคบคนเดียวมาตั้งนานเซ็งจะตาย”         
“ริช!”         
“ฉันน่ะสบายมาก  ว่าแต่เธอเถอะหวังว่าไอ้หมอน่าจืดนี่คงจะสนองเธอได้สมใจนะ”       
“แก!”  ซอเรนคำรามและกระโจนเข้าใส่  แต่ริชหลบแล้วกระชากร่างผอมบางกว่ากระแทกเข้ากับผนังและกดเอาไว้จนซอเรนขยับไม่ได้  เขาเสียรู้ให้หมอนี่หลอกใช้ให้ราเชลเข้าใจผิดมาแล้วเห็นทีจะต้องเอาคืนให้สาสม         
“คราวนี้ฉันหักคอแกแน่  อยากรู้นักว่าหมอเนี่ยเลือดมันสีอะไร?”
ริชคำรามตาวาววับ  ราเชลพยายามจะดึงไหล่หนาแต่ไร้ประโยชน์       
“หยุดนะ!…มีอะไรกัน” เสียงตวาดจากหน้าห้องพยาบาลทำริชชะงักหมัดค้าง       
“แฮมิลตันหยุดนะนั่นจะทำอะไร?”           
“โชคดีจริงนะหมอ…ถ้าฉันเจอแกคราวหน้าแกโดนกระทืบแน่”  ริชคำรามชิดหน้าซอเรน ดวงตาวาววับเยือกเย็นอย่างอาฆาต  ก่อนจะเหวี่ยงซอเรนลงกับพื้นและเหนี่ยวคอราเชลมาจูบแรงๆ  แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้  ราเชลมองริชด้วยสายตาเย็นชาขณะที่สายตาของริชเกรี้ยวกราดและหวั่นไหว
“อย่าโวยวายน่าอาจารย์  พรุ่งนี้ผมจะไปรายงานตัวที่ห้อง” ริชปล่อย
ราเชลและเดินจากไปท่ามกลางอาการตะลึงอ้าปากค้างของอาจารย์เวร         
ซอเรนพยายามยันตัวลุก แต่มือเล็กๆก็ช่วยพยุงเขาขึ้น  หมอหนุ่มมองหน้าราเชลด้วยความเป็นห่วง ได้เห็นดวงตาเจ็บช้ำคลอด้วยน้ำใสๆ         
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า  ต้องขอโทษด้วยนะครับปกตินายแฮมิลตันเขาไม่เคยอันธพาลขนาดนี้เลยครับ  พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้”         
“อย่าเลยครับอาจารย์เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ”         
“อ้าว!”         
“คือผมมาตามราเชลเห็นว่ามาดูแลห้องพยาบาลแต่เห็นเขาเลยเข้าใจผิด  ทางเขาก็คงคิดว่าผมจะทำร้ายเลยป้องกันตัวน่ะครับ  ไม่มีอะไรจริงๆแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย”         
“แต่…เอ่อ…ก็แล้วแต่คุณนะครับ…เธอล่ะราเชลเป็นอะไรหรือเปล่า?”         
“ไม่เป็นอะไรครับ”
อาจารย์เวรทำหน้างงๆแต่ก็เดินแยกไป  ซอเรนเดินตามร่างเล็กบางที่ดูเหมือนจะเล็กกระจ้อยร่อยลงไปอีก  ไหล่บางลู่ค้อมราวกับคนแก่ ท่าเดินลากเท้าเหมือนกับไร้เรี่ยวแรงยิ่งทำให้ซอเรนไม่สบายใจ   
“ราเชล...เอ่อ...ผม...”     
“ขอโทษครับที่ทำให้หมอเจ็บตัว…ผมไม่ควรให้หมอมางานโรงเรียนเลย”         
“ผมไม่เป็นไรหรอกราเชล…แต่ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ ผมว่าราเชลไปคุยกับเขาเถอะผมไม่เป็นไรแล้ว”         
“ไม่ครับ…เราจบกันแล้ว…ผมกับริชจบกันแล้วครับหมอ” 
ซอเรนหนักอึ้งในอก  เขาน่าจะดีใจที่รู้ว่าราเชลเลิกกับแฮมิลตันได้  แต่ท่าทางเหมือนใจจะขาดของราเชลต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกผิด
................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 04-09-2009 22:29:01
....
ซอเรนจอรถเทียบหน้าตึกช้าๆ  แสงไฟที่เหลือเพียงไม่กี่ดวงบอกให้รู้ว่าคนในบ้านหลับไปเกือบหมดแล้ว       
“ขอบคุณครับหมอ” ราเชลลงจากรถเขาไปอย่างรวดเร็ว  ตั้งแต่โรงเรียนจนมาถึงบ้านราเชลไม่พูดอะไรกับเขาเลย เอาแต่นั่งก้มหน้าคางจรดอกตลอดเวลา  เขาเองก็ได้แต่เงียบทั้งที่โดยวิชาชีพเขาน่าจะเป็นคนที่ช่วยให้ราเชลรู้สึกดีได้ แต่เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาก็มีส่วนผิดอยู่ไม่น้อยมันทำให้เขาพูดไม่ออก
คืนนั้นซอเรนนอนไม่หลับทั้งคืน  ตอนเช้าหากไม่ติดว่านัดคนไข้ไว้เขาคงแล่นไปหาราเชลแต่เช้า  บ่าย3โมงพอดีเมื่อเขาไปถึงคฤหาสน์เวลบอร์น และราเชลก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว
………………………

อากาศที่มาปะทะตัวร้อนผ่าวตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบแผ่นดินนี้ 
ราเชลเดินตามผู้โดยสารอื่นๆไปขึ้นรถเข้าสู่อาคารสนามบินฮาวาย  ทันทีที่เข็นรถออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าราเชลก็อดยิ้มไม่ได้  คุณหมอโฮสผู้แสนดียังคงต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม  แต่คนที่มีรอยยิ้มกว้างขวางเป็นพิเศษคือทีน่าภรรยาคุณหมอ         
“ราเชล…หนูน้อย…คิดถึงเหลือเกิน ไม่เจอกันหลายปีเธอยังสวยน่ารักเหมือนเดิม” ภรรยาคุณหมอดูเหมือนจะตัวใหญ่กว่าครั้งสุดท้ายที่ราเชลเห็นเกือบสองเท่า  แขนกลมป้อมกอดราเชลไปซุกกับอกมหึมาจนแทบจุก           
“ทีน่าทำอย่างนี้ราเชลหายใจไม่ออกกันพอดี”         
“ก็จะทำไมล่ะ ฉันคิดถึงหนูน้อยของฉันจะแย่”         
“ผมก็ดีใจครับที่ได้เจอคุณทีน่ากับคุณหมออีก”         
“ไม่เอาตอนนี้ต้องเรียกคุณลุงกับคุณป้าสิจ๊ะ”         
“ครับคุณลุงโฮสคุณป้าทีน่า”         
“น่ารักจริงๆ ไปเร็วที่รัก ตอนนี้ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้เจอหนุ่มน้อยแสนสวยของป้า”
ราเชลถึงกับพูดไม่ออกเมื่อต้องเจอกับครอบครัวของหมอโฮส ทุกคนทำราวกับราเชลเป็นของแปลกใหม่  ต่างเข้ามารุมซักโน่นถามนี่จนราเชลหัวหมุนไปหมดไม่รู้จะตอบคำถามใครก่อน  หลังจากที่ทักทายกันจนเวียนหัวราเชลก็ถูกพาหรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือถูกลากมายังห้องพัก  ห้องเล็กๆที่ทาสีครีมอ่อนๆทั้งห้องมีเตียงและตู้เสื้อผ้าอยู่มุมห้องกับหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับลมอุ่นสบายม่านปลิวไสวด้วยแรงลม           
 “เสียดายที่ราเชลเป็นผู้ชายเลยต้องนอนคนเดียว พวกเราน่ะนอนกันห้องละสองคนนะ”         
“อะไรกันจ๊ะสาวๆ  ออกไปได้แล้วราเชลจะได้พัก” คุณหมอโฮสตามมาเรียกทั้งสี่สาวจึงยอมออกไปจากห้อง  ราเชลเหลือบมองคุณหมออย่างอึดอัดใจ         
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะราเชล?”         
“ผมรู้สึกเหมือนมาเป็นภาระให้คุณหมอ”         
“ทำไม…แม่พวกสาวๆเขาพูดอะไรให้ไม่สบายใจหรือเปล่า?”         
“เปล่าครับ  ไม่มีอะไร”         
“อย่ามาปิดเลยน่า  ว่าไงมีอะไรหรือเปล่า?”       
“คือพวกพี่ๆเขาต้องนอนกันห้องละสองคน...แล้ว...ผมกลับได้นอนคนเดียว…คือ…”         
“ฮะๆๆนี่คิดว่าลุงจนซะจนไม่มีเงินสร้างห้องนอนให้ลูกๆเหรอราเชล”         
“เปล่านะครับผมไม่ได้คิดอย่างนั้น…เอ่อ…ผมขอโทษครับที่พูดจาเหมือนดูถูก…ผม..”         
“ราเชล…หนูน้อยของลุงมานี่มา”  หมอโฮสโอบไหล่ราเชลให้ออกไปนั่งที่ระเบียงด้วยกัน  มืออุ่นๆที่ลูบผมไปมาทำให้ราเชลน้ำตารื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว  มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้แต่ที่แน่ๆคือมันอบอุ่นเหลือเกิน         
“ลุงน่ะปลูกบ้านแยกให้เขาแล้วด้วยซ้ำแต่เขาไม่ยอมไปอยู่ กลับชอบมาแออัดอยู่ด้วยกันที่นี่  เขาว่าอยู่คนเดียวมันเหงา  แล้วตอนแรกลุงก็ตกลงกับป้าทีน่าเขาไว้ว่าจะให้ราเชลพักที่บ้านริมหาด แม่พวกนี้ก็โวยวายกันยกใหญ่ว่าทำเหมือนรังเกียจ ราเชลบ้างละ  เห็นราเชลเป็นคนอื่นบ้างล่ะ  ลุงก็เลยรอให้ราเชลมาถึงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเอาเองว่าจะอยู่ด้วยกันในบ้านนี้ หรืออยากอยู่สงบๆที่บ้านเล็ก ที่นี่น่ะอึกทึกวุ่นวาย ถ้าราเชลไม่ชอบก็ไปอยู่ที่บ้านริมทะเลได้นะ”         
”ผม…ผมอยากอยู่ที่นี่ครับ” ราเชลเช็ดน้ำตาและเงยขึ้นยิ้ม         
“ก็ลองดู ทนรำคาญไม่ไหวก็ย้ายหนีไปนอนที่บ้านโน้นได้นะ  ขนาดลุงเป็นพ่อยังต้องย้ายบ้านหนีกันบ่อยๆ แต่แม่พวกนี้ก็ตามไปนอนด้วยทุกทีเลยต้องเลิกหนีเพราะขี้เกียจไปนอนหลังอื่น  วันดีคืนดีก็หอบผ้าห่มมานอนห้องเดียวกันหมดลุงละเบื่อ  แต่ป้าทีน่าเขาชอบ” 
ราเชลอมยิ้มเมื่อนึกภาพตาม ลูกสาวหมอโฮสแต่ละคนตัวเล็กกว่าป้าทีน่า นิดหน่อย หากต้องไปนอนอัดอยู่ในห้องเดียวกันคงอึดอัดน่าดู           
บรรยากาศในโต๊ะอาหารทำเอาราเชลอ้าปากค้างบ่อยๆ ที่นี่มีอาหารตั้งโต๊ะมากพอๆกับที่บ้านราเชลเวลามีงานเลี้ยง แต่ไม่มีจานไหนเหลือเลย  ถึงแม้
ราเชลจะยอมรับว่าทีน่าทำอาหารได้อร่อย แต่ใครจะคิดว่าอาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้จะถูกจัดการได้ด้วยคน7คน  จะว่าไปต้องหมายถึง ทีน่ากับสี่สาวมากกว่าเพราะ
ราเชลกับคุณหมอทานรวมกันยังไม่ถึงครึ่งของสาวคนใดคนหนึ่งด้วยซ้ำ มันทำให้
ราเชลนึกถึงคุณย่า...นี่ถ้าคุณย่ามาทานอาหารด้วย  สี่สาวคงถูกอบรมขนาดหนัก       
เกือบเที่ยงคืนราเชลถึงได้เข้าห้องอีกครั้ง  เพราะพวกสาวๆลากเขาไปเล่นเกมสารพัดรวมไปถึงการเต้นรำ ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวโตๆจะเต้นได้พริ้วสวยเหลือเกิน         
แม้วันนี้จะมีแต่เรื่องแปลกใหม่ให้วุ่นวายตื่นเต้น  แต่ราเชลก็ข่มตาให้หลับไม่ลง  ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะเขามักจะสะดุ้งเสมอ เพราะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงห้าวทุ้มๆร่วมหัวเราะอยู่ด้วย  น้ำตาที่คิดว่าคงแห้งเหือดไปแล้วกลับรินไหลมาอีก  ราเชลถอนสะอื้น  ในอกเหมือนมีหนามตำจนเจ็บแปลบ         
‘ริช…ตอนนี้คุณคงอยู่กับผู้หญิงคนใหม่อีกแล้วสินะ…คุณคงไม่คิดถึงผมอีกแล้ว…ริช…ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน…’
ราเชลขดตัวแน่นและดึงหมอนมาอุดปากไว้ไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกไป  ภาพความหลังที่เคยอยู่กับริชไหลกลับเป็นฉากสลับกับภาพผู้หญิงคนแล้วคนเล่าของริช นาน…ช้า กว่าที่ความอ่อนล้าจะดึงสติสัมปชัญญะจากไป
      ..................................

ริชเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วด้วยความคลั่งแค้น เกือบ2 สัปดาห์ที่เขาติดต่อราเชลไม่ได้  ไม่มีใครรู้ว่าราเชลหายไปไหน  เขาเฝ้าแต่ค้นหาทุกที่ที่คิดว่าราเชลจะไปแต่ก็ไม่มีวี่แวว  RRRRRRR….
โทรศัพท์ที่ถูกเหวี่ยงอยู่ที่พื้นส่งเสียงขึ้นมา  ริชวิ่งไปคว้าขึ้นมาทันที         
“ฮัลโหล”         
“ริช ผมมีข่าวจะบอก” เสียงเจอร์รี่ระล่ำระลักมาตามสาย         
“อะไร?”         
“ราเชลย้ายโรงเรียนไปแล้ว”         
“อะไรนะ?”         
“วันนี้คุณพ่อไปประชุมคณะกรรมการโรงเรียน  ทราบจากท่านอธิการว่า
ราเชลย้ายโรงเรียนไปแล้ว”         
“ย้าย…ย้ายไปไหน?”         
“ไม่รู้  ท่านอธิการไม่ยอมบอก…ทำไงดีริช  ผมติดต่อราเชลไม่ได้เลย”         
“ฉันจัดการเอง”
ริชวางสายจากเจอร์รี่โทรหาคนสนิท       
“เจฟ…เช็คข่าวให้ที  ราเชลย้ายไปไหน…หาให้ได้วันนี้เลยนะ?” 
ประมาณชั่วโมงกว่าๆเจฟฟรี่ก็ติดต่อกลับมา       
“ว่าไง…อะไรนะ…บ้าที่สุดทำงานภาษาอะไร…ไม่ได้เรื่อง…”
ริชขว้างโทรศัพท์ไปบนเตียงอย่างฉุนเฉียว  เจฟฟรี่ยืนยันว่าตรวจสอบไม่ได้  ไม่มีข้อมูลจากโรงเรียนไหนในอเมริการับนักเรียนใหม่กลางคันสักที่เดียว         
‘จริงสิ…พ่อราเชลน่าจะรู้’         
“สวัสดีครับคุณเวลบอร์น”         
“สวัสดีคุณแฮมิลตันมีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ…หรือว่าคุณพ่อเธอจะเปิดประมูลหุ้นแล้ว?”         
“หากคุณพ่อเปิดประมูลผมสัญญาเลยครับว่าคุณจะทราบเป็นคนแรก” ริช ยิ้มหยันที่มุมปาก ‘คนแรกของผู้ที่ไม่มีโอกาสร่วมเข้าหุ้น’         
“งั้นเหรอ…แล้วมีธุระอะไรล่ะ?” น้ำเสียงผิดหวังปิดไม่มิด         
“ผมได้ข่าวว่าราเชลจะย้ายโรงเรียน  ไม่ทราบว่าจะไปเรียนที่ไหนครับ”         
“เอ๊ะ…ย้ายเหรอ…เอ่อ…ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเขาเท่าไหร่…คือ…ราเชลเขาอยู่ในความดูแลของคุณย่าเขาน่ะ  ฉันมัวแต่ยุ่งๆธุรกิจไม่ค่อยมีเวลาดูแล คุณย่าเขาเลยดูแลให้”
ริชแทบเขวี้ยงกระบอกโทรศัพท์ด้วยความเดือดดาล  พูดออกมาได้ว่ายุ่งกับธุรกิจ  ยุ่งแต่การพนันกับผู้หญิงสิไม่ว่า         
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รบกวนแล้วนะครับ สวัสดี”         
“เดี๋ยวสิ…”
ริชวางสายแต่ก็มีสายเข้าทันที  เด็กหนุ่มถอนใจเฮือกแล้วดึงปลักออกด้วยความรำคาญ  คนที่ควรจะรู้เรื่องของราเชลดีเหลือแค่คนเดียวคือย่าของราเชล  หญิงแก่ที่แสนทระนงคนนั้น  นับตั้งแต่วันที่เธอมาตามราเชลที่นี่ เขาและเธอก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย  จะให้เขาไปงอนง้อขอโทษงั้นเหรอ  ไม่มีวัน
ริชยิ้มหยัน มั่นใจว่า  อีกไม่นานราเชลก็จะเป็นฝ่ายทนไม่ได้  และสุดท้ายราเชลก็จะกลับมาหาเขาเอง         
‘ราเชล…คิดจะหนีหัวใจตัวเองเหรอที่รัก…ไม่มีวันหรอก…คราวนี้จะแกล้งให้ร้องไห้ให้เข็ดเลย…ทีหลังจะได้ไม่ขี้งอนอย่างนี้อีก’
      ..................................

จบบทที่ 1คะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะจะพยายามมาลงบ่อยๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 04-09-2009 22:37:23
ไม่ชอบริชแล้ว :angry2:
หาพระเอกคนใหม่ดีกว่า :serius2: หมอซอเรนก็น่าสนนะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-09-2009 22:57:19
จบบทที่ 1  :a5: อ่านมาตั้งนาน เพิ่งจบบทที่ 1 นี่นะ  o22 o22

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนวนเวียน หวานกัน ทะเลาะกันโกรธกัน  :z3: :z3: 

อีตาริชนี่น่าหมั่นไส้มาก ถ้ายังไม่ปรับตัวนะ จะเลิกเชียร์ละ  :beat: :beat: :beat: ตบส่งท้าย  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-09-2009 23:18:26
ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยไว้ใจ เจ้าริช อยากจะ  :beat:  :beat:
แต่ลึกๆ ก็อดเชียร์ไม่ได้อยู่ดี เฮ้อออออ ช้านไม่ได้เชียร์คนผิดใช่มะ

เป็นนิยายอีกเรื่องที่ชอบและรออ่านมาก แวะมาต่อบ่อยๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-09-2009 21:11:24
รออ่านอยู่นะค้า   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....บทที่ 1.5 (04/09/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-09-2009 17:16:00
แวะมารอด้วยอีกคนนะ 
มาต่อเร็วๆๆๆๆ  :call:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 07/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 07-09-2009 19:45:23
M@nfaNG  : เกลียดริชไปก่อนได้คะ เดี๋ยวค่อยกลับมาชอบก็ยังไม่สายนะ
THIP         :  นั่นนะซิคะ ทำไมบทที่ 1 ยาวจัง ดูไปๆมีแค่ 3 บทกับอีก 1 ตอนพิเศษเอง หรือคนโพสจะเข้าใจอะไรผิด
Dahlia      : เชียร์ริชไปเถอะคะ รับรองไม่ผิดหวัง

มาต่อแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามคะ

.................................

ภายในห้องค่อนข้างสลัวมีกลิ่นแอลกอฮอล์โชยฟุ้ง  เจฟฟรี่ก้าวข้ามขวดเหล้าที่กลิ้งระเกะระกะเข้าไปยืนชิดเตียง  สามร่างเปลือยเปล่าบนเตียงยังไม่มีใครรู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเขาเข้ามา         
“คุณริชครับ…คุณริช”
เจฟฟรี่เขย่าร่างที่นอนริมสุดเบาๆแต่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น           
“คุณริชครับตื่นเถอะครับ”         
“อื้อ…อย่ายุ่งน่าจานอน”         
“ไม่ได้ครับพรุ่งนี้คุณต้องไปร่วมงานที่แอลเอ  วันนี้ยังไงก็ต้องเดินทางแล้ว…คุณริชครับ”         
“ฮื้อ…เจฟ…อย่าคาหย่าว…ฉันง่วง”         
“ไม่ได้ครับคุณต้องลุกขึ้น  เราต้องเดินทางแล้ว”         
“ปายหนาย”         
“ไปงานพรุ่งนี้ไงครับ”         
“ก็ได้…ปวดหัว”         
“ผมเอายามาให้แล้ว”
เจฟฟรี่ประคองร่างสูงที่ซูบลงอย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปเข้าห้องน้ำ  ทันที่แต่งตัวเสร็จริชก็ออกจากห้องนั้นไปโดยไม่ได้เหลือบแลไปยังร่างเปลือยบนเตียงสักนิด
กว่าสองสาวจะรู้สึกตัวก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง  ไม่มีร่างสูงบนเตียงแต่หัวเตียงมีเช็คเงินสดสองใบ  ตัวเลขในเช็คช่วยให้อารมณ์ขุ่นมัวที่ถูกทิ้งดีขึ้นทันตา ดังนั้นเมื่อมีคนถามถึงริช  สองสาวจึงช่วยกันใส่สีตีไข่กันสนุกปาก         
“ริชน่ะหวงตัวจะตาย  ตอนมีอารมณ์นะก็แทบจะขยี้เราเป็นชิ้นๆ แต่พอเสร็จแล้วกลับไม่ยอมให้เรากอดด้วยซ้ำ”           
“ใช่บ้าที่สุดเอะอะอะไรก็ร้อน เอะอะก็รำคาญ”         
“ฉันว่าคงจะโดนสาวไหนทิ้งมาแน่ๆเลย”         
“ทำไมล่ะ?”           
“อ้าวก็วันก่อนนะยัยเวนดี้บอกชั้นว่าเขาดึงเธอไปกอดตอนที่เขาไม่รู้ตัว แต่พอรู้สึกนะถึงกับอารมณ์เสียลุกย้ายห้องนอนเฉยเลย”           
“ต๊าย!เย็นชาชะมัด”           
“ใช่แต่ลีลาดีจะตายไม่น่าเชื่อเลยว่าอายุแค่16-17”           
“อะไรนะแฮมิลตันนะอายุ17”           
“ย่ะ!หล่อนไปอยู่ไหนมาไม่รู้เหรอยะ”       
“ต๊าย!ฉันเห็นออกจะเชี่ยวนึกว่ายี่สิบกว่าแล้วด้วยซ้ำ”           
“คิกๆๆของแบบนี้มันอยู่ที่ประสบการณ์ย่ะไม่ใช่อายุ…ดูนี่คู่ควงล่าสุดของริชย่ะ” หนังสือถูกร่อนลงกลางวง  สาวๆต่างชะโงกเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้นแกมประหลาดใจ  ริชหันด้านข้างให้กล้อง แต่นางแบบสาวกลับหันมายิ้มร่า         
“ต๊าย!ไฮโซเลิศหรูขนาดนั้นทำไมชอบเด็กยะ”           
“นี่หล่อนไม่รู้อะไรแม่พวกนี้น่ะไก่แก่แม่ปลาช่อนชอบเคี้ยวหญ้าอ่อนสิยะ”           
“มิน่าละริชถึงได้เชี่ยวนักเพราะมีเทรนเนอร์ดีอย่างนี้นี่เอง”      
ทุกคืนริชจะไปปาร์ตี้ เมาจนสะใจและจบลงบนเตียงกับผู้หญิงที่ออกมาด้วยกัน  หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ แม้วันถัดมาจะเดินสวนกันบนถนนริชก็ไม่เคยจำได้ด้วยซ้ำว่าเขาเคยนอนกับพวกหล่อนหรือเปล่า  ถึงกิตติศัพท์ในด้านลบจะดังกระฉ่อนแค่ไหน  แต่ริชก็มีผู้หญิงแนบข้างไม่เคยขาด  ทั้งที่เข้ามาเพื่อเงินทองและชื่อเสียง 
ใช่ริชจะไม่รู้…แต่ผู้หญิงเหล่านี้ก็ช่วยให้ทุกค่ำคืนผ่านไปโดยไม่’ทรมาน’มากนัก  เจฟฟรี่เฝ้ามองนายน้อยด้วยหัวใจที่หดหู่  ก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์
      ..................................

ริชปรือตาขึ้นช้าๆ ปวดหัวเหมือนจะแตก แขนเขายังควานไปข้างตัวเหมือนทุกครั้งที่ตื่น เตียงเย็นเฉียบว่างเปล่าทำให้เขานึกขึ้นได้  เด็กหนุ่มสบถออกมาเมื่อปวดหัวจี๊ดจนแทบทนไม่ไหว         
“เอ…เจฟ…เจฟ!…”
ริชครางออกมาเบาๆรู้สึกเหมือนหัวเขาโตจนยกไม่ขึ้น  เสียงก็ฟังเหมือนคนที่ปากบวมจนพูดไม่ชัด ลำคอแสบและปวดร้าวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มติดต่อ- กันมาหลายวัน 
ประตูถูกเปิดเข้ามาอย่างเงียบกริบ  ฝ่ามือเย็นและหยาบค่อยๆช้อนตัวเขาพลิกขึ้นเบาๆ  แต่กระนั้นแค่แรงสะเทือนเล็กๆก็ปวดหัวจนต้องครางออกมา  ของเหลวอุ่นข้นถูกกรอกเข้าปาก  ริชจำต้องกลืนลงไปทั้งที่อยากบ้วนแต่เขาก็รู้ดีว่าหากอยากหายจากอาการปวดหัวแทบตายนี่ยังไงก็ต้องขืนกิน         
“ให้ตายเถอะ…ยาของนายนี่…ขมเป็นบ้า!” เสียงที่แหบแห้งค่อยชัดขึ้นกว่าเดิม  เจฟฟรี่ประคองนายน้อยขึ้นนั่งพิงหัวเตียงจนได้         
“ขอบใจเจฟ…เมื่อคืนฉันถึงบ้านได้ไง?”  ริชกดคลึงหัวคิ้วเบาๆเพื่อคลายความตึง         
“แฟร้งค์พามาครับ”         
“อ้าว!กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”         
“เกือบเดือนแล้วครับ  เขาเป็นคนขับรถพาคุณไปทุกคืน”
ริชพิงศีรษะลงอย่างเซ็งๆ  นี่เขาไม่ได้สังเกตขนาดนี้เชียวหรือว่าคนที่พาเขาไปโน้นมานี่อยู่ทุกคืนคือแฟร้งค์  ริชเหลียวมองรอบห้องอย่างประหลาดใจนิดๆ         
“แล้วผู้หญิงที่ฉันพามาล่ะ?”         
“คุณไล่กลับไปหมดแล้วนี่ครับ  แฟร้งค์พาไปส่งหมดแล้ว”         
“มีใครจัดการเรื่องเงินให้หรือเปล่า?”         
“ครับพีทจัดการแล้ว”         
“ฝากขอบใจทุกคนด้วยเจฟ…ฉันอยากนอนแล้ว…ขอบรั่นดีอีกแก้วนะ”         
“คุณท่านมารออยู่ตั้งแต่เมื่อคืนครับ”         
“หา!” ริชทะลึ่งพรวดขึ้นจากที่นอน  แล้วกลับงอตัวลงกุมหัวอีกครั้ง         
“ให้ตายเถอะ!  เจฟ…นายว่าใครมานะ?”         
“คุณท่านครับ”         
“พ่อมาทำไม?”         
“ไม่ทราบครับ…แต่บอกว่าถ้าคุณสร่างเมาแล้วให้ไปพบท่านหน่อย”         
“โอ้ย!…อยากเมาอีกรอบ…”         
“คุณเท็ดก็มารอตั้งแต่เช้าแล้วครับ”         
“อะไรนะ!…เท็ด…เท็ดไหน? อย่าบอกนะว่า…”         
“ก็นามสกุลพอลลิ่งไงริช  ใจคอนายจะให้ฉันกินมื้อค่ำอีกมื้อรอนายหรือไง?” คนตอบกลับเป็นเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่บังประตูแทบมิด  เสียงที่เจตนาให้ดังก้องเล่นเอาริชกัดกรามกรอดด้วยความปวดหัว         
“ไอ้บ้าเท็ด…หุบปากไปเลย…บ้านนายเขาไม่สอนหรือไงว่าอย่ามาตะโกนกรอกหูคนเมาค้างน่ะหา” ริชไม่ได้ตวาดอย่างที่อยากจะทำ  เพราะแค่พูดก็สะเทือนไปทั้งหัวแล้ว         
“อาจจสอนแต่ฉันจำไม่ได้…ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”         
“เท็ด…ไอ้บ้า…นายจะลากฉันไปไหน?”         
“อาบน้ำสิน้องรัก”         
“ใครเป็นน้องนาย…เฮ้ย!” ริชร้องเสียงหลงเมื่อถูกหิ้วไปโยนลงไปในอ่างน้ำเย็นเฉียบ  แทบสร่างเมาเดี๋ยวนั้น         
“เจฟ!หิ้วไอ้บ้านี่ไปตื่บที”         
“เสียใจด้วยน้องรัก  ป๊ะป๋านายเป็นคนสั่งมา”นอกจากไม่กลัวแล้วเท็ดยังยืนกอด อกมองผลงานตัวเองอย่างภูมิใจเสียด้วยซ้ำ         
“เออ…รวมหัวกันแกล้งดีนัก…เดี๋ยวเจอ...รอเดี๋ยว”คนที่หนาวจนปากเขียวเริ่มตาเขียวด้วยความโมโห           
“ดี…จะลงไปรอดูนายข้างล่างนะ  ไปล่ะ” เท็ดยักไหล่อย่างยียวนก่อนจะลอยชายออกจากห้องไป  ริชตบน้ำแรงๆด้วยความโมโห  เมื่อทำอะไรใครไม่ได้ก็ได้แต่เลยตามเลย ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว
   กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยมาต้อนรับตั้งแต่เข้าประตูมา  ห้องอาหารหรูจัดที่เพียงโต๊ะกลมขนาดกลาง บิดาของเขาถูกขนาบด้วยเท็ดและเจฟฟรี่  ท่าทางสนุก -สนานของทุกคนดูขวางหูขวางตาริชจนอดหมั่นไส้ไม่ได้         
“มีความสุขกันจริงนะ?”         
“ก็คงมีแต่นายที่เป็นทุกข์” เท็ดตอกกลับแรง หน้าตาเฉย  ริชหน้าบึ้งตาขุ่น         
“ใคร…ใครทุกข์  พูดบ้าๆ”         
“ถ้าไม่ทุกข์ทำไมไม่ไปเรียน”เสียงเรียบเย็นจากราชันย์ตลาดโลกระงับความขุ่นเคืองของเด็กหนุ่มได้ชะงัด           
“โธ่พ่อ!…ก็แค่อยากเที่ยวอีกสักพัก  ผมเพิ่งมานิวยอร์คได้ไม่กี่วันเองนะ  แค่ทักทายเพื่อนเก่าๆเท่านั้นเอง”         
“อ้อ!จะทักกันอีกนานเท่าไหร่  ปีหรือสองปี ถ้ารวมวันนี้แกมานิวยอร์ค เกือบสามเดือนแล้ว  ยังทักเพื่อนไม่ทั่วอีกเหรอ?”แม้น้ำเสียงของบิดาจะไม่รอยโกรธขึ้งแต่ริชกลับรู้สึกได้ว่าบิดา ‘เอาจริง’         
“ก็คนมันเพื่อนเยอะ  พอคนโน้นมา คนนี้ก็มาด้วย  ถ้าไม่ไปกับมัน มันก็เสียใจแย่สิครับ”         
“งั้นแกก็ไม่ไปเรียน?” มือที่จิ้มผลไม้เข้าปากชะงักค้าง  คิ้วเข้มเลิกนิดๆแต่สีหน้ายังคงเรียบกริบ         
“ไปสิครับ…แต่คงเป็นเทอมหน้า” ริชเสียงอ่อยลงทุกที เหลือบมองพี่เลี้ยงหวังจะให้ช่วยแต่ดูเหมือนเจฟฟรี่จะสนใจดินฟ้าอากาศข้างนอก  ส่วนเท็ดก็ตั้งหน้าตั้งตากินราวกับอดอยากมาแรมเดือน         
“ไม่จำเป็น…เท็ดฝากด้วยนะ  ทำตามที่เธอเห็นสมควร”         
“ครับ”         
“ทำอะไรกันครับ..พ่อ!  พ่อ!  เดี๋ยวสิครับพ่อ…อะไรของเขา…มีอะไรกันเท็ด...เจฟพ่อฝากฉันกับเท็ดทำไม?” ริชมองตามหลังบิดาอย่างงงๆ  เท็ดกับเจฟฟรี่เหลียวมองหน้ากัน และคนตอบคำถามก็คือเจฟฟรี่         
“ทานอาหารเสร็จคุณต้องไปอยู่กับคุณเท็ดครับ  ผมให้คนจัดกระเป๋าไว้ให้แล้ว”         
“บ้าสิ…ทำไมฉันต้องไปอยู่กับเท็ด  นี่มันเรื่องอะไรกัน?”         
“เป็นคำขอร้องหรือจะพูดให้ตรงต้องบอกว่าเป็นคำสั่งของพ่อนาย” เท็ดตอบเรื่อยๆ และยังตักอาหารเข้าปากช้าๆ  ขณะที่ริชหยุดกินไปเลยทันที       
“อะไร?  นายพูดถึงอะไร?”         
“เดี๋ยวนายก็รู้”         
“ฉันไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น บ่ายนี้ฉันมีนัดกับสาวๆ  แฟร้งค์! เอารถออกด้วย”         
“…..”
ทุกคนพากันเงียบ  ริชทานอาหารเสร็จก็ลงมาหน้าตึกเพื่อขึ้นรถ  แต่กลับมีเพียงจิ๊ปคันเก่าของเท็ดเท่านั้นที่จอดรออยู่  กระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมของเขาถูกยกมาขึ้นรถ  ริชเหลียวมองทุกคนอย่างงงๆ  แต่เจฟฟรี่ส่งโทรศัพท์เครื่องพ่วงให้  ริช รับมาฟังอย่างไม่เข้าใจ         
“ไปกับเท็ด  นี่เป็นคำสั่ง!” ราฟสั่งเสียงเรียบแล้ววางหูทันทีโดยที่ริชไม่มีโอกาสตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น         
“พ่อ! พ่อครับ!  เดี๋ยวสิครับ…ปัดโธ่โว้ย!”
         .................................

เพราะทิฐิแท้ๆทำให้ริชทนนั่งหน้าบึ้งมาตลอดทางโดยไม่ถามสักคำว่าเท็ดจะพาเขาไปไหน  รถออกนอกเมืองมานาน  ห่างหมู่บ้าน  และเริ่มห่างจากทุ่งเลี้ยงสัตว์มาไกล  ริชหลับแล้วหลับอีกจนเมื่อยแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึง  เท็ดจอดรถเพียงสองครั้งเท่านั้น  ครั้งแรกจอดเพื่อเติมน้ำมัน  อีกครั้งจอดที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งเพื่อเอาของสองสามกระสอบใส่รถ  ตลอดเวลาริชได้แต่นั่งรอ  ไม่แม้จะลงไปช่วยยก  ก็ในเมื่อเท็ดรับอาสาพ่อเขามาก็ต้องทำเอาเอง  เขาจะไม่มีวันญาติดีกับเท็ดอีกแล้ว  เสียแรงที่อุตสาห์คิดว่าเป็นเพื่อน
ความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมอย่างรวดเร็ว  นอกจากแสงไฟจากรถที่นานๆจะสวนมาสักครั้ง  ก็ไม่มีแสงสว่างใดๆอีกเลย  อาศัยแสงจากไฟหน้ารถนำทางเข้าสู่เส้นทางที่กันดารมากขึ้นทุกที  จากทุ่งเลี้ยงสัตว์เริ่มเข้าสู่ป่าโปร่งและค่อยๆหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ  ริชขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเท็ดลงไปเติมน้ำมันรถ  แสงไฟหน้ารถสองให้เห็นรอบตัวได้ไม่ไกลนัก  ไม่ว่าจะมองทางไหนก็มีแต่ต้นไม้หนาทึบ  ริชมองรอบๆอย่างระมัดระวัง และเตรียมพร้อมหากจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าคนซื่อๆอย่างเท็ดจะพกอาวุธ  จนเมื่อเท็ดพารถเคลื่อนต่อไปนั่นแหละริชจึงแกล้งหลับต่อไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาคงหลับจริงเพราะกว่าเขาจะรู้ตัวก็เมื่อได้ยินเสียงประตูปิด
ริชผุดลุกขึ้นมองไปรอบๆ  แสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นบ้านหลังเล็กๆเป็นเงาดำๆอยู่ท่ามกลางต้นไม้ร่มครึ้มและเท็ดกำลังขนของจากรถลงไปกองที่หน้าบ้าน  เท็ดเปิดประตูบ้านแล้วหายไปครู่ใหญ่จึงค่อยมีแสงไฟลอดออกมาทางหน้าต่าง
ริชเปิดประตูลงมากอดอกมองบ้านหลังนั้นอยู่นานโดยไม่คิดจะช่วยเท็ดขนข้าวของ         
“บ้านใคร?”         
“ของฉันเอง”         
“ของนาย…ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ริชเดินสำรวจรอบๆอย่างสนใจ แต่ความมืดทำให้มองอะไรไม่ค่อยเห็น นอกจากเห็นว่ามีบึงน้ำกว้างๆอยู่ไม่ห่างจากบ้านนัก         
“ก็…สักสองเดือนเห็นจะได้”         
“เราจะค้างคืนที่นี่เหรอ?”         
“เปล่า” เท็ดตอบคำถามไปก็ขนข้าวของลงจากรถไปเรื่อยๆไม่หยุดมือ         
“อ้าว!”         
“แต่เราจะอยู่ที่นี่แบบไม่มีกำหนด”         
“อะไรนะ!”         
“ฉันว่านายหูไม่ตึงนะ”         
“บ้าสิ  ฉันอยู่ไม่ได้หรอก  แล้วฉันต้องไปเรียนด้วย”         
“อันนั้นฉันไม่รู้  พ่อนายแค่บอกให้นายอยู่กับฉัน  เรื่องอื่นนายคงต้องถามพ่อนายเอาเอง” เท็ดหันมาตอบก่อนจะหันไปดึงกระเป๋าลงจากรถ           
“ให้ตายสิ! ตกลงฉันจะถามพ่อเอง”  ริชเดินลิ่วเข้าไปในบ้าน 
กระท่อมปีกไม้หลังเล็กค่อนข้างโล่งโปร่ง  นอกจากชุดรับแขกกับเครื่องเสียง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใดอีกเลย  ริชเดินไปกระชากประตูบานแรกที่เห็นเปิดออกภายในเป็นห้องนอนเล็กๆที่แคบมากเพราะแค่เตียงเดียวก็เต็มห้องแล้วเหลือพื้นที่เล็กน้อยพอให้วางโต๊ะเขียนหนังสือที่ปลายเตียง กับเดินเข้าห้องน้ำเท่านั้น
ริชหันกลับมาเปิดประตูอีกห้อง  ดูเหมือนห้องนี้จะกว้างกว่าห้องเดิมนิดหน่อยเพราะเตียงมีขนาดใหญ่กว่าและมีตู้หนังสือตู้ใหญ่  นอกนั้นแล้วไม่ต่างกับห้องแรกสักนิด         
“เท็ด  โทรศัพท์นายอยู่ไหน?”         
“ฉันไม่ได้เอามา”         
“ฉันหมายถึงโทรศัพท์บ้าน”         
“ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า  นายคิดว่าจะมีโทรศัพท์หรือไง?”         
“บ้าแล้ว! ไม่มีโทรศัพท์แล้วจะติดต่อกับภายนอกได้ยังไง?  อย่าบอกนะว่าให้ขับรถออกไปเพราะจากหมู่บ้านมานี่มันไม่ใช่ใกล้ๆ”         
“นายก็ต้องเลือกเอาว่าจะขับรถหรือจะเดินไป”         
“โธ่โว้ย!นี่มันเรื่องบ้าบออะไร ทำไมฉันต้องมาติดอยู่ที่นี่?”         
“ลืมไปแล้วเหรอว่านี่เป็นคำสั่งของพ่อนาย”         
“เอะอะอะไรก็คำสั่ง  ถามจริงเหอะเท็ด  พ่อฉันจ่ายให้นายเท่าไหร่  เอาเป็นว่าฉันให้อีกเท่าเลย แล้วพาฉันกลับ”       
“เสียใจริช ฉันทำแบบนั้นไม่ได้  ถ้านายอยากรู้วันที่เราจะกลับฉันจะบอก  แต่ตอนนี้นายไปขนของของนายมาดีกว่า”         
“ทำไมนายไม่ขนมาให้ฉัน  นายรับค่าจ้างดูแลฉันก็ต้องทำให้คุ้มสิ” ริช แดกดันด้วยเสียงเยาะๆ  เท็ดเพียงแต่เหลือบมองด้วยสายตาเรียบเฉย         
“ไปสิขนของฉันมา  ฉันจะอาบน้ำ  อ้อ!แล้วจัดเสื้อผ้าไว้ให้ฉันด้วยล่ะ”สั่งเสร็จริชก็เดินลิ่วเข้าห้องน้ำไปอย่างสะใจ
ริชออกจากห้องน้ำด้วยอาการหนาวสั่น  น้ำเย็นราวกับอาบน้ำแข็ง ขนาดคนชอบอากาศเย็นจัดๆแบบเขายังสั่น  เด็กหนุ่มออกมายืนหันรีหันขวางด้วยความงุนงง  นอกจากผ้าขนหนูที่เอว  เขาไม่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าหรือข้าวของของเขาแม้แต่ชิ้นเดียว  ริชสบถลั่นเมื่อต้องวิ่งฝ่าอากาศหนาวออกไปที่รถแต่ต้องวิ่งกลับมาเพราะเท็ดล็อครถแล้ว  เด็กหนุ่มพยายามกระชากประตูห้องอีกฝ่ายให้เปิดแต่ไม่สำเร็จจึงได้แต่ทุบโครมๆด้วยความโมโห
ประตูห้องเปิดออกช้าๆ  เท็ดอยู่ในสภาพที่พร้อมจะนอนแล้ว  ใบหน้าคมคายยังคงเรียบเฉยแต่ริชทันได้เห็นแววขบขันในดวงตาแว่บหนึ่ง         
“ทำไม…นาย…ไม่ขนของมาให้ฉัน?”ริชกัดฟันถามแทบจะเน้นทีละคำ       
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นล่ะริช”         
“นายรับค่าจ้างมาดูแลฉันแล้วทำไมไม่ทำ?”         
“ฉันไม่ได้บอกสักคำว่าจะดูแลนาย  แค่พ่อนายฝากให้นายมาอาศัยอยู่กับฉันชั่วคราวต่างหาก”
ริชถึงกับสะอึกกับคำว่าอาศัยที่เท็ดเจตนาเน้นให้เขารู้  เด็กหนุ่มกัดกรามกรอด ไม่รู้จะชกหน้าอีกฝ่ายดีหรือว่าจะไปเสียให้พ้น  แต่เท็ดตัดสินใจให้โดยการชี้ไปที่กุญแจบนโต๊ะรับแขก         
“ช่วยตัวเองนะคุณหนู  ราตรีสวัสดิ์”
ริชคว้ากุญแจออกมาที่รถด้วยความแค้น  ทันทีที่สวมเสื้อผ้าเสร็จเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจจะไปจากที่นี่และตั้งใจจะทิ้งเท็ดไว้  แต่ไม่ว่าจะสตาร์ทเท่าไหร่เจ้ารถกระป๋องคันเก่าก็ไม่ยอมติด  ริชโดดลงจากรถด้วยความโมโห  ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร         
“ลืมบอกไปว่ารถไม่มีน้ำมัน  อีกสองวันคนที่หมู่บ้านคงเอามาเติมให้  นายจะเดินไปก็ได้นะ”
ริชหันไปแยกเขี้ยวและชูหมัดร่อนขณะที่เท็ดปิดหน้าต่างแต่ยังมีเสียงหัวเราะลอดออกมาให้คนข้างนอกเจ็บใจเล่น
ริชได้แต่สบถอย่างหัวเสีย  เมื่อทำอะไรไม่ได้ทางเลือกสุดท้ายคือขนข้าวของทั้งหมดเข้าบ้านและทิ้งตัวลงบนเตียงไม้แข็งแร็งด้วยความคับแค้น       
“คอยดูนะเท็ด  งานนี้ฉันเอาคืนแน่  คอยดู”
………………..

เสียงสนทนากันแว่วๆทำให้ร่างสูงนอนอยู่บนเตียงผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  ริชเกือบโผออกจากห้องไปหาเมื่อจำได้ว่าเสียงที่สนทนากับเท็ดคือเจฟฟรี่ หากไม่ได้ยินเจฟฟรี่เอ่ยถึงเขาเสียก่อน         
“ผมห่วงว่าคุณริชจะเรียนไม่จบ”         
“จบสิครับ ถ้าเอาจริงทำไมจะไม่จบ”         
“แต่มีเรื่องคราวนี้คุณริชดู..…ผมไม่รู้จะช่วยยังไง” เสียงเจฟฟรี่ถอนใจยาวอย่างกังวล         
“ปล่อยให้ริชได้มีเวลาคิดสักพักเถอะเจฟ  ผมเชื่อนะว่าริชมีความคิดพอ  ที่ผ่านมาเขาไม่มีเวลาคิดมากกว่า  ให้เขาได้หยุดสักพัก  ผมแน่ใจว่าเขาต้องหาทางออกให้ตัวเองได้”         
“ครับ  คุณท่านก็หวังอย่างนั้น  คุณเท็ดเลยต้องเหนื่อยหน่อย  นี่คงโดนอาระวาดไว้เยอะเลยสิครับ”         
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ  หึๆๆ...แค่โกรธเพราะเสียความรู้สึกว่าโดนผมหักหลัง  รับจ้างกักตัวเขาไว้ที่นี่เท่านั้น”       
 “ทำไมไม่บอกไปละครับว่าจริงๆแล้วคุณอยากช่วย ไม่ได้มีสินจ้างรางวัลอะไร”         
“ไม่เห็นจำเป็น  คนอย่างริช พอหายโมโหเขาก็จะคิดได้เอง  ตอนนี้แค่โกรธว่าถูกรุมเท่านั้น”
ริชหน้าร้อนผ่าวด้วยความละอาย  เขาด่าเท็ดไว้มากมายโดยที่คนโดนด่าไม่ได้ตอบโต้  ทั้งๆที่เท็ดปรารถนาดีต่อเขาแท้ๆ  ริชกลับไปทิ้งตัวลงที่เตียง  ตั้งใจไว้แน่วแน่ว่าไม่ว่าเท็ดจะทำยังไงต่อไปนี้เขาจะอดทนและไม่อาระวาดกับเท็ดอีก
‘จะพยายามนะเท็ด’
         ..................................   
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 07-09-2009 19:51:51
.........
เท็ดโยนฟืนชิ้นสุดท้ายเข้ากอง ขณะที่ริชเองก็ทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน  แปลกที่การทำงานหนักๆอย่างนี้กลับทำให้สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกบางเบาลงอย่างประหลาด  หลังจากอาบน้ำจนสบายตัวแล้วริชก็ออกมานั่งตากลมอยู่ที่ระเบียง           
“ห้ามนั่ง วันนี้ตานายทำอาหาร” เท็ดเดินออกมาส่งผ้ากันเปื้อนให้         
“อะไรวะนี่นายใช้งานฉันจนอานแล้วยังจะให้ฉันทำอาหารอีกเหรอ?”         
“แน่นอน  เราแบ่งงานกันแล้วนี่  ถึงเวรนายแล้วไป!ลุก”         
“เออ!ออกมากินไม่ได้อย่ามาโทษฉันนะ”         
“ไม่เป็นไรเรากินด้วยกันอยู่แล้ว” เท็ดหัวเราะเบาๆแล้วเดินออกไปในสวน
ริชยืนหันรีหันขวางอยู่ในครัว ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก่อน  ตำราอาหารของเท็ดวางอยู่บนชั้น  ริชหยิบมาเปิดด้วยความดีใจ         
”ฮะฮ้า มื้อนี่แหละเท็ดเอ๋ยนายจะต้องตะลึงอ้าปากค้าง”         
ลมเย็นพัดละอองหิมะบางๆปลิวฟุ้ง แม้จะอยู่ในช่วงหน้าหนาวแต่ที่นี่อากาศค่อนข้าง อบอุ่นกว่าทางตอนเหนือ  เท็ดเดินทอดน่องไปเรื่อยๆให้ห่างจากตัวบ้าน  ต้องทำใจแข็งปล่อยให้ริชหัดทำอะไรด้วยตัวเองดูบ้าง  เท็ดอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าตาอาหารฝีมือริช  แน่ใจได้ว่ามื้อนี้คงต้องทำเองทีหลังแน่
‘กาย…พี่จะช่วยริชให้ถึงที่สุด  พี่จะทำให้ริชมีความสุขให้ได้…พี่สัญญา’
“เท็ด…เท็ดดดด….เท็ดๆๆๆๆๆ” 
เท็ดอมยิ้มยืนหลบอยู่หลังต้นไม้เฉย  เสียงริชตะโกนโหวกเหวกอยู่ครู่หนึ่งก็เงียบไป
ริชสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นอาหารที่ทำ ไม่เข้าใจว่าทำไมเนื้ออบของเขาถึงไหม้ข้างนอกแต่ข้างในยังเป็นน้ำแข็งอยู่  แล้วซุปก็รสห่วยจนต้องเททิ้งแถมก้นหม้อก็ไหม้ดำปี๋
เสียงฝีเท้าย่ำเรื่อยๆเข้ามาในครัว  ริชเทเนื้อทั้งหมดลงถังขยะ         
“เสร็จหรือยังฉันหิวแล้วนะ?”         
“นายไปไหนมา  ดูสิครัวเละไปหมดแล้ว”  ริชโวยวายราวกับเท็ดเป็นคนทำเลอะ         
“หึๆ…ไปเดินเล่นแถวนี้นะสิ  แล้วไงอาหารเสร็จแล้วเหรอ?”         
“เสร็จแล้ว!ฉันเททิ้งหมดแล้วด้วย” ริชตวาดหน้าคว่ำ         
“อ้าว!”         
“ไม่ต้องมาอ้าว  นายแกล้งฉันชัดๆ ตำราอะไรห่วยชะมัด  ไม่ได้เรื่องเลย”         
“นายทำอะไรบ้างล่ะ?”         
“ช่างฉันปะไร...จะทำอะไรก็ทิ้งหมดแล้วแหละ”         
“เอ้า!บอกมาสิเผื่อฉันจะลองทำตามดูบ้าง”         
“ก็…เนี่ย” ริชเปิดหนังสือแล้วร่อนมาให้  เท็ดคว้าไว้มองหนังสือแล้วมองหน้าริช         
“มื้อนี้ฉันทำแทนก็ได้แต่ต้องมีค่าตอบแทน”
 ริชหน้าชื่นขึ้นมาทันที         
“ได้เลยฉันจ่ายไม่อั้น”         
“น่าฉันไม่เรียกจนนายหมดตัวหรอก…อ้อ!แล้วอย่าเพิ่งไปไหน  อยู่ช่วยฉันก่อนจะได้เสร็จเร็วๆ”
ริชทำหน้าเมื่อยแต่ก็ยอมช่วย  เด็กหนุ่มอึ้งๆไปเพราะเพิ่งรู้ว่าเนื้อเมื่อออกจากช่องแช่แข็งต้องเอามาละลายก่อนแถมยังต้องหมักต้องคลุกกับอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะก่อนจะใส่เข้าเตาอบ  ส่วนซุปก็ต้องคอยคนให้สม่ำเสมอถึงจะไม่ไหม้  เสียงเตาอบดังเตือนขึ้นก่อนที่ไฟจะดับ  ทันทีที่เท็ดเปิดฝาตู้ออก  กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นก็เรียกเสียงท้องของริชให้ลั่นโครกขึ้นมา
เท็ดไม่พูดอะไรแต่เลิกคิ้วนิดๆ  ริชหน้าบึ้งแต่คว้าผ้าไปช่วยยกถาดเนื้อออกมา         
“นี่ถ้ามีมันฝรั่งทอดก็ดีสิ”ริชอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเนื้อตรงหน้า         
“เอาสิทอดเดี๋ยวเดียว” 
เร็วจริงอย่างที่เท็ดว่า ครู่เดียวมันฝรั่งทอดกับซุปก็ถูกจัดลงจานอย่างว่องไวแถมเท็ดยังตกแต่งเสียสวยราวกับสั่งจากภัตตาคาร ริชได้แต่มองตามอย่างทึ่งๆ         
“อื้อหือ!อร่อยเป็นบ้า…นายนี่เจ๋งแฮะน่าจะเปิดร้านอาหารมากกว่าเพาะม้าขายนะ”         
“ก็ฉันช่วยพ่อกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ”         
“ซุปอร่อยจัง”         
“ฮื่อ…กายชอบ”
ริชชะงักช้อนค้างเงยขึ้นมองคนตรงหน้า สีหน้าของเท็ดหม่นหมองดวงตาจับอยู่ที่ถ้วยซุปนิ่งเหมือนกำลังลำลึกถึงคนที่จากไป         
“เท็ด…นายไม่…ไม่คิดจะมีคนอื่นเหรอ?”         
“ไม่  ฉันมีกายอยู่ทั้งคน”         
“แต่กาย…หายไปเกือบปีแล้วนะ” ริชกลืนคำว่าตายลงไปทันก่อนจะหลุดปาก         
“ไม่หรอก  อีกไม่นานกายจะกลับมา”         
“แล้ว…ถ้ากายไม่กลับมาตลอดไปล่ะเท็ด”         
“ฉันก็จะรอจนกว่ากายจะกลับ…รอไปชั่วชีวิต”         
“ไม่มีใครอีก?”         
“ไม่”
แววตาของเท็ดเป็นประกายเด็ดเดี่ยวจนริชใจแห้งหายด้วยความสงสาร         
“ทำไมล่ะเท็ด…นายจะมีคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรหรอก  กายตะ…เอ่อหายไปตั้งนานแล้ว การที่นายจะมีใครก็ไม่เห็นผิด  นายไม่ได้นอกใจสักหน่อย”         
“ฉันไม่อยากทำร้ายคนอื่น…ฉันรักกาย…รักจนไม่เหลือใจให้ใครอีกแล้ว…ฉันไม่อยากดึงใครมาเจ็บด้วย ถ้าฉันอยู่กับใครทั้งๆที่รักเขาไม่ได้...สู้ฉันอยู่คนเดียวเสียดีกว่า”
ริชอึ้งไปกับคำตอบของเท็ดใจพลอยประหวัดไปถึงใครอีกคน         
“ถ้าฉันเป็นแบบนายฉันคงไม่เสีย…” ริชหยุดทันทีที่รู้สึกตัวว่าหลุดปากอะไรไป เท็ดมองหน้าริชด้วยสายตาสงบนิ่งแต่กลับทำให้ริชอึดอัดจนกลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น         
“เอ่อ…ฉันอิ่มแล้ว มื้อนี้อร่อยเป็นบ้าเลยว่ะเท็ด”       
“นายก็ทำได้  ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ”         
“นายหมายถึงอะไร?…” ริชหันมาตวาดเสียงห้วน  เท็ดเลิกคิ้วแล้วผายมือไปที่อาหารตรงหน้า           
”ก็อาหารแบบนี้ไง  ถ้านายตั้งใจทำ นายก็ทำได้…แล้วนายคิดว่าฉันหมายถึงอะไรล่ะริช?”
ริชหน้าเจื่อน  ผุดลุกขึ้นเดินหนี         
“เดี๋ยว...จะไปไหน?” เท็ดท้วงยิ้มๆ           
“ก็ไปนอน”  ริชชะงักหันกลับมามองงงๆ
เท็ดอมยิ้มแล้วชี้ไปที่จานตรงหน้า  ริชขมวดคิ้ว         
“อ๋อ!ค่าทำอาหารเหรอ  เอาสิเท่าไหร่ล่ะ?”
เท็ดยักคิ้วแล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับวนนิ้วไปรอบๆกองจาน ริชมองตามงงๆก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเข้าใจ         
“หา!นายจะใช้ฉันล้างจานเหรอ  เฮ้ย!ได้ไงขี้โกงนี่หว่า ก็ฉันทำอาหารแล้วนายก็ต้องเป็นคนล้างสิ”         
“เสียใจอาหารมื้อนี้ฉันเป็นคนทำถูกไหมริช  เพราะงั้นตานายล้าง”         
“แต่ว่า…”         
“ไม่มีแต่ ส่วนค่าจ้างทำอาหารฉันจะขอเก็บพรุ่งนี้…ฮ้าว!ฉันง่วงแล้วไปนอนก่อนนะริช”       
“เฮ้ยเท็ด!อะไรวะ…เท็ด…โธ่โว้ย!…ก็ได้วะ”
ริชบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมไปล้างจานแต่โดยดี  เท็ดเดินออกมาข้างนอกเพราะโทรศัพท์มือถือสั่นขึ้นมาพอดี         
“ครับ”         
“คุณริชเป็นไงบ้างครับ?” เสียงเจฟฟรี่ชัดแจ๋วราวกับนั่งอยู่ใกล้ๆ                   
“สบายดีครับ…ตอนนี้ล้างจานอยู่ในครัว”         
“หา!คุณริชล้างจาน ฮะๆๆไม่อาระวาดจนจานแตกหมดเหรอครับ?”       
“ถ้าแตกหมดก็ดีครับ มื้อต่อไปจะได้กินด้วยถาด”         
“แล้วคุณริชดื่มอีกหรือเปล่าครับ?”         
“ผมเก็บหมดแล้ว คุณสบายใจได้...ท่าทางริชดีขึ้นมากแล้ว…ทางโน้นละครับเป็นไงบ้าง?”         
“ทางนี้ดูแปลกๆครับ”         
“หมายความว่าไง?”         
“คุณราเชลหายไปแต่ทางบ้านกลับไม่มีใครรู้เรื่อง”         
“งั้นเหรอครับ…แต่ราเชลรู้จักคนไม่มากนี่”         
“ครับ...ผมกำลังติดตามดูอยู่  แต่ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย”         
“ริชออกมาแล้วผมวางสายก่อนนะครับ”         
“ครับฝากนายน้อยผมด้วยนะครับคุณเท็ด”         
“ครับ”         
“นายออกไปยืนทำไมตรงนั้นเท็ด  ไหนว่าจะนอนไง?”       
“ก็กำลังจะนอน  แต่ออกมาดูดาวก่อน”         
“ดูดาว…ฟ้าปิดแบบนี้มีดาวให้นายดูด้วยเหรอ…หนาวจนเพี้ยนหรือไง?”         
“ไม่มีดาวแต่บรรยากาศก็ดีนะ”         
“โอ๊ย!โรแมนติกเหลือเกินนะ โรแมนติกไปคนเดียวแล้วกัน...ฉันไปนอนแล้ว”
เท็ดมองตามริชไปเงียบๆ คืนนี้ริชคงหลับได้โดยไม่ต้องพึงเหล้าอีกแล้ว เพราะงานหนักทั้งวันคงทำให้ริชสลบตั้งแต่หัวถึงหมอนแน่          ..................................

เสียงเครื่องดูดฝุ่นดังสนั่นปลุกริชให้สะดุ้งตื่น เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างงงๆแต่เมื่อจำสถานที่ได้ก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างเซ็งๆ  มือที่ควานไปข้างๆด้วยความเคยชินชะงักค้าง เพิ่งสังเกตว่าเขานอนอยู่ที่เตียงซีกขวาอีกแล้ว  ริชเม้มปากแน่นสลัดผ้าห่มออกจากตัวเพราะรู้ว่าเขาเผลอเว้นเตียงซีกซ้ายไว้ให้ใคร……..                 
“ทำอะไรแต่เช้าเท็ด?”         
“ดูดฝุ่นเสียหน่อย”         
“อือ…ฉันหิวแล้วเช้านี้มีอะไรกินบ้าง?”       
“ขนมปังอยู่ในตู้ซ้ายมือ  เบคอนอยู่ช่องแช่แข็ง  แล้วไข่ก็อยู่ในตู้เย็น”         
“หา! นายให้ฉันทำอาหารเช้าเหรอ?”         
“ก็เมื่อวานฉันทำมื้อเช้า  วันนี้ก็ต้องตานายสิ”         
“ก็ได้วะ”
ริชย่ำโครมๆเข้าไปในครัว บทเรียนเมื่อคืนสอนให้ริชละลายน้ำแข็งจากเบคอนก่อน  แม้เบคอนจะดูกระดำกระด่าง บางชิ้นก็หนาเตอะ บางชิ้นก็แหว่งๆเว้าๆแต่ก็ดูว่าน่าจะกินได้  ริชตักไข่ดาวที่น่าตาเหมือนไข่คนเพราะไข่แดงแตกออกมาหมดทุกลูก  กับขนมปังที่ดูดีที่สุดแล้วในบรรดาอาหารทั้งหมดลงในจานอย่างบรรจง  เท็ดตามมานั่งที่โต๊ะอาหารและลงมือกินเงียบๆโดยไม่บ่นอะไรสักคำ         
“ไม่น่าเชื่อแฮะว่าฉันก็ทำได้” ริชโอ่ด้วยความภูมิใจ  เท็ดหันมายักคิ้วให้         
“เห็นไหมถ้านายอยากทำ นายก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ  อยู่ที่นายกล้าพอจะลองทำหรือเปล่าเท่านั้น”
ริชเหล่มองเท็ดเพื่อดูสีหน้าว่าที่เท็ดพูดนั้นแฝงนัยอะไรอื่นไว้ด้วยหรือเปล่า  แต่สีหน้ายิ้มๆของเท็ดไม่ได้บอกว่าชมหรือติติง  ริชจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารฝีมือตัวเองมื้อแรกในชีวิต…
         .................................

ริชใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านริมทะเลสาบเป็นวันที่4แล้ว  แปลกที่ความเงียบไม่ได้ทำให้เขาบ้าตายอย่างที่คิด  เขาทำอาหารได้ ช่วยผ่าฟืน ก่อเตาผิง  หรือแม้แต่หาปลา ถึงจะทำได้ไม่ดีเท่าเท็ดแต่เขาก็พยายามทำทุกอย่างอย่างตั้งใจ 
ความที่อยู่เงียบๆทำให้ริชต้องหันไปคุยกับเท็ดแทน  สารพัดตั้งแต่เรื่องในวัยเด็กไปจนกระทั่งธุรกิจที่กำลังไปได้สวย  ริชสนใจมากเมื่อเท็ดเล่าว่าอยากขยายกิจการเนื่องจากได้รับยอดสั่งสินค้าจำนวนมาก  แต่ติดที่กำลังการผลิต  พ่อ แม่พันธุ์ที่มีราคาสูงและทีมนักวิจัย  ซึ่งต้องใช้เงินก้อนโต และเท็ดก็ขอกู้เต็มวงเงินแล้ว  ริชออกปากขอหุ้นด้วย เนื่องจากเขามั่นใจในความสามารถของเท็ดว่าจะต้องทำกำไรได้อย่างมหาศาลแน่หากมีโอกาส
ริชเดินเอื่อยๆกลับจากทะเลสาบจะเข้าบ้าน จู่ๆก็มีเสียงสุนัขเห่ากระโชกขึ้นใกล้ๆ  เด็กหนุ่มชะงักกึกเมื่อหันไปเจอเจ้าพุดเดิ้ลตัวกลมๆ2ตัว ตั้งหน้าตั้งตาเห่าใส่เขาและทำท่าดุร้ายราวกับจะกระโจนเข้าใส่หากเขาเข้าไปใกล้กว่านี้         
“สโนว์ สกาย เห่าอะไรนักหนาหา...เอ๋?....” เด็กชายผิวดำตัวเล็กชะงักกึกเมื่อเห็นริช         
“นี่หมาของเธอเหรอ?”         
“ครับ...ขอโทษนะครับที่มันเสียมารยาท”         
“ไม่เป็นไรน่า  ฉันเป็นคนแปลกหน้ามันก็ต้องเห่าเป็นธรรมดา”         
“คุณคงเป็นเพื่อนคุณเท็ด”         
“อืม”         
“สวัสดีครับ ผมโทมัส เกรสัน ครับ ผมอยู่ทีหมู่บ้านข้างล่างนี่เอง  ผมเอาน้ำมันมาส่งให้คุณเท็ด”         
“เหรอ...แล้วมากันยังไง  ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย?”         
“ผมเดินขึ้นมาครับ”         
“เดิน....จากไหน?”         
“ก็จากหมู่บ้านไงครับ”         
“อ้าว...ไหนว่ามีแต่หมู่บ้านเล็กๆที่ปั้มไง  แสดงว่าเท็ดหลอกฉันละซิ”         
“ไม่ได้หลอกหรอกครับ  แถวนี้มีหมู่บ้านที่เดียวเท่านั้น”         
“อะไรนะ  อย่าบอกนะว่าเธอเดินจากหมู่บ้านเล็กๆนั่นมาจนถึงนี่น่ะ”         
“ครับ”         
“บ้าแล้ว!ผู้ปกครองเธอเป็นบ้าหรือไงถึงให้เดินฝ่าหิมะมาแบบนี้...มันอันตรายมากเลยนะ”         
“คุณอย่ามาว่าปู่ผมนะ ท่านไม่ได้เป็นบ้า  แต่ปู่ผมท่านไม่สบาย ท่านก็เลยมาส่งน้ำมันให้คุณเท็ดไม่ได้  ผมกลัวคุณเท็ดจะไปไหนลำบากก็เลยเอาน้ำมันขึ้นมาให้เอง”         
“แล้วไม่มีผู้ใหญ่คนอื่นแล้วหรือไงเธอถึงต้องเดินมาเอง?”         
“ไม่มี...พวกเราอยู่กันลำพัง  แล้วงานแค่นี้ผมทำได้สบายมาก  ผมไม่ใช่เด็กจนถึงกับทำงานไม่ได้หรอกนะ”         
“งั้นเหรอ  แล้วพ่อนักเลงโต เธออายุเท่าไหร่มิทราบ?”         
“10ขวบ!  ผมอายุ10ขวบแล้ว  และผมก็ทำงานได้มากมายเหมือนผู้ใหญ่แล้วด้วย  เผลอๆอาจจะมากกว่าคุณด้วยซ้ำ”         
“อย่าโม้นักเลยไอ้หนู”  ริชจับศีรษะที่มีผมหยิกขอดนิ่มๆเขย่าไปมาอย่างหมั่นไส้ระคนเอ็นดู       
“อย่ามาแตะหัวผมนะ”         
“แค่นี้ทำเป็นหวงตัวไปได้”       
“ปล่อยเซ่! อยากตายเหรอ?”         
“มีอะไรริช” เท็ดชะโงกออกมาดูก่อนที่จะมีการวางมวยเกิดขึ้น         
“ไม่มีอะไร แค่ฉันเผลอไปแหย่พ่อนักเลงโตเข้า  เลยเกือบวางมวยกันเท่านั้น”         
“อ้าวโทมัส...มาได้ยังไงเนี่ย  แล้วคุณปู่ละ?”         
“ปู่ไม่สบายครับ ผมเลยเอาน้ำมันมาส่งให้”         
“ขอบใจมาก  ทีหลังอย่ามาเองนะ  ถ้าฉันจะไปธุระฉันลงไปเอาเองได้”         
“ผมเต็มใจบริการครับ”         
“เก่งจริง  อ้อ...มานี่สิ  ฉันมีของที่เธอฝากซื้อมาด้วยนะ”
โทมัสตามเท็ดเข้าไปในบ้าน  ครู่เดียวก็หอบถุงใบใหญ่ออกมาด้วยใบหน้าสดใส  ดวงตาเป็นประกายแวววาวอย่างตื่นเต้น  ดูท่าของที่เท็ดให้คงถูกใจพ่อหนูไม่น้อย เพราะโทมัสวิ่งหน้าตั้งไปโดยไม่สนใจริชสักนิดเดียว         
“ฝากซื้ออะไรล่ะ  ดีใจจนหน้าบานแฉ่งขนาดนั้น”         
“รองเท้า”         
“รองเท้า?”         
“ใช่...แต่ไม่ใช่ของโทมัสหรอก  ของคุณปู่เขา  โทมัสเก็บเงินค่าขนมกับค่าทำงานพิเศษทั้งหมดมาฝากฉันซื้อรองเท้าให้ปู่เพราะคู่เก่ามันขาดจนพื้นทะลุ  โทมัสเขากลัวโรคไขข้อของคุณเกรสันจะกำเริบอีกก็เลยพยายามเก็บเงินซื้อรองเท้าให้ปู่”         
“แล้วพ่อแม่เด็กไปไหน?”         
“พ่อกับแม่โทมัสเลิกกัน  โทมัสกับน้องมาอยู่กับพ่อกับปู่  แต่พ่อเขาดื่มหนัก  เลยขับรถตกเขาตายไปหลายปีแล้ว  คุณเกรสันก็เลยต้องทำงานหนักเพราะต้องดูแลหลานเล็กๆถึง2คน ทอมมี่ก็เพิ่ง5ขวบเท่านั้น…แปลกนะที่โทมัสทะเลาะกับนาย  ปกติเขาไม่ใช่เด็กก้าวร้าวอะไรนี่นา”         
“เอ่อ...ฉันปากเสียเองแหละ  เห็นเด็กเล็กๆเดินเท้าจากหมู่บ้านมาถึงนี่เลยตกใจ  หลุดปากว่าผู้ปกครองเขาไป”         
“มิน่า...โทมัสบูชาปู่เขามากเลย  เพราะคุณเกรสันน่ะเก่งมาก  ทำงานได้สารพัด  ตั้งแต่งานช่างไปจนถึงทำอาหาร  ถ้านายได้ชิมฝีมืคุณเกรสันนายจะติดใจ…เอ...สงสัยต้องไปเยี่ยมคุณเกรสันเสียหน่อย  ลองว่าโทมัสออกมาทำงานแทนแสดงว่าต้องไม่สบายมาก”
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 07-09-2009 19:55:15
...
แสดงว่าต้องไม่สบายมาก”
      ..................................

กระท่อมหลังน้อย  แม้จะเล็กและเก่า แต่ความที่เจ้าของเข้าใจตกแต่งทำให้บ้านดูน่ารักน่าอยู่มาก  เด็กผู้ชายตัวเล็กๆมอมแมมไปทั้งตัวหิ้วถังใส่นมที่ดูจะใหญ่กว่าคนหิ้วเซแซดๆมาตามทางเดินลื่นปราด  ริชวิ่งไปคว้าพ่อหนูไว้ทันก่อนที่จะถลาล้ม  กำลังจะอ้าปากดุก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรมาจากด้านหลังเสียก่อน         
“ทอมมี่!นั่นนายทำนมหกหรือเปล่า  พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่จะหิ้วเอง...เอ่อ...คุณเท็ด” ทั้งๆที่เห็นริชด้วยแต่โทมัสกลับทำเมินไม่ทัก ด้วยยังเคืองที่ริชว่าปู่ของตนอยู่ไม่หาย       
“ขยันจังโทมัส  หวัดดีทอมมี่” เท็ดก้มลงลูบผมหยิกเป็นขอดของทอมมี่เบาๆ         
“หวัดดีครับ...คุณเท็ดมาหาปู่เหรอ  ปู่ไม่สบาย  ลุกไม่ไหว  ผมเลยมาช่วยโทมัสรีดนมล่ะ”         
“เก่งจริงๆเลย  ว่าแต่ช่วยพาฉันไปหาปู่หน่อยได้ไหมเอ่ย”         
“ได้ครับ  ตามมาเลย”  ทอมมี่เดินนำอาดๆเข้าบ้าน ขณะที่โทมัสผลุบหายกลับไปในโรงเรือนหลังเล็กอีกครั้ง เสียงไอดังมาต้อนรับทันทีที่ปิดประตูเข้าไปในบ้าน         
“ทอมมี่...แค็กๆ...ทอมมี่  อยู่ไหนลูก  ปู่บอกว่าอย่าออกไปข้างนอกไง...ทอมมี่”         
“ครับ...ปู่คุณเท็ดมาหา  สงสัยมาเอาน้ำมัน”         
“สวัสดีครับคุณเกรสัน”         
“สวัสดีครับ...แค็กๆ...คุณเท็ด...ต้อง...ขอโทษนะครับเรื่อง...แค็กๆๆ ...น้ำมัน...”         
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ  โทมัสคนเก่งจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”         
“เอาอีกแล้วเหรอ...แค็กๆ...ดื้อจริงๆเด็กคนนี้...ผมบอก..แค็กๆ...บอกแล้วว่าไม่ให้เขาไป  ไม่ฟัง...กันบ้างเลย”         
“เขาอยากช่วย  แล้วเขาก็มั่นใจว่าเขาทำได้  คุณเกรสันละครับเป็นไงบ้าง  ไปหาหมอแล้วหรือยัง?”         
“...ก็...ว่าจะไปอยู่เหมือนกันครับ”         
“ไปหาหมอเถอะครับ  เด็กๆเขาห่วงคุณมากนะครับ  เดี๋ยวไปกับผมเลยแล้วกัน”         
“แต่...แค็กๆๆๆ...”         
“ไปเถอะครับ  ปล่อยไว้จะยิ่งเป็นมาก  ริช ฝากดูเด็กๆด้วยนะ”         
“เอ่อ...ได้...”         
“ไปครับคุณเกรสัน” เท็ดช่วยประคองชายชราไปขึ้นรถ  ขณะที่ทอมมี่ตามมายืนมองตาละห้อย
ริชคุกเข่าลงตรงหน้าหนูน้อย  ดวงตาที่มองเขาใสแป๋วละม้ายใครบางคนเหลือเกิน         
“หวัดดี...ฉันชื่อริช”         
“ผมชื่อทอมมี่ฮะ”         
“หวัดดีทอมมี่  เธอรีดนมวัวเป็นด้วยเหรอ?”         
“ผมรีดนมแพะต่างหาก”         
“งั้นเหรอ...เก่งจังนะ  เธออายุเท่าไหร่เนี่ย?”         
“5ขวบ”         
“เป็นเด็ก5ขวบที่เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมานะ”
ทอมมี่ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันหลอข้างหน้า           
“แต่โทมัสเก่งกว่าผมอีก  โทมัสขี่ม้าได้  รีดนมได้ หาปลาก็ได้ด้วยล่ะ...แล้วโทมัสนะก็เล่านิทานได้ด้วย  ถึงจะไม่สนุกเท่าที่ปู่เล่า  แต่นิทานโทมัสมีพระเอกที่ยิงปืนเก่งๆด้วยนะ”         
“งั้นเหรอ  แล้วนี่โทมัสไปไหน ทำไมไม่เข้ามาในบ้าน?”         
“โทมัสบอกว่าต้องฝ่าฟืนให้เสร็จ ไม่งั้นคืนนี้เราจะหนาวตายกันหมด”
ริชพูดไม่ออกด้วยลำคอมีก้อนแข็งๆมากจุกจนปวดร้าว  เด็ก10ขวบที่พยายามหาเงินเพื่อซื้อรองเท้าให้ปู่...ทำงานสารพัดแทนเมื่อปู่ป่วย  ตอนเขาอายุ10ขวบเขาทำอะไรอยู่นะ?...แต่ที่แน่ๆคงไม่มีปัญญาแม้แต่จะลุกขึ้นไปโรงเรียนเอง  ต้องให้พี่เลี้ยงคอยปลุกอยู่ทุกเช้า
ทอมมี่จูงมือริชเดินนำไปยังโรงเรือนหลังเล็กที่ริชเห็นเมื่อครู่  ร่างผอมดำ-
แกร็น ของโทมัสกำลังก้มหน้าก้มตาผ่าฟืน  ทั้งที่อากาศหนาวจัด แต่โทมัสกลับสวมเพียงเสื้อบางๆ  มือเล็กๆยกขวานที่ดูเหมือนจะใหญ่เกินตัวเหวี่ยงพลาดอยู่หลายครั้งกว่าจะผ่าฟืนได้สักที  ริชทนดูไม่ไหวตรงเข้าไปยึดไหล่ผอมบางไว้แล้วดึงขวานมาจากมือเด็กชาย       
“คุณ!...นั่นจะทำอะไร?”         
“ฉันจะช่วยผ่า”         
“ไม่จำเป็น นี่มันงานของผม”         
“เสียใจ ถ้าเธอจะอุทธรณ์ต้องไปบอกกับปู่เธอเพราะปูเธอฝากเธอไว้กับฉัน”         
“ฝาก?...ปู่ไปไหน?” โทมัสหน้าซีดด้วยความตกใจเพราะคิดว่าปู่เป็นอะไรมาก         
“เท็ดพาไปหาหมอ...ไม่ต้องตกใจหรอก  เท็ดเห็นว่าปู่เธอไม่สบายก็เลยรีบพาไปหาหมอก่อนที่จะเป็นมาก”         
“งั้นเหรอ...แล้ว...ทำไมคุณต้องมาช่วยผม?”         
“ก็บอกแล้วไงว่าปู่เธอฝากไว้”         
“ไม่ต้องหรอก ผมทำเองได้”         
“ฉันรู้ว่าเธอทำได้   แต่นี่มันบ่ายมากแล้ว  เธอแน่ใจเหรอว่าผ่าทันไว้ใช้คืนนี้ได้ก่อนจะค่ำ”         
“เอ่อ...ผม...” เด็กชายอึกอัก แม้ผิวคล้ำๆจะทำให้มองไม่เห็นว่าหน้าแดง แต่อาการขัดเขินก็ปิดไม่มิดอยู่ดี       
“เอาเป็นว่าฉันช่วยให้มันเร็วขึ้นแล้วกัน  ฉันก็ไม่ได้เก่งเท่าไหร่หรอกนะ  แต่ตัวฉันโตกว่า คงพอช่วยเธอได้นะ”         
“...ขอบคุณ...ครับ”         
“เปลี่ยนเป็นเลี้ยงมื้อค่ำฉันสักมื้อแล้วกัน”         
“ได้เลยครับ”
ริชรู้สึกดีที่เห็นแววตาของโทมัสเป็นมิตรมากขึ้น

เท็ดหายไปโดยไม่ส่งข่าว  โทมัสมีท่าทางกระวนกระวายแต่ทอมมี่เล่นเพลินเพราะยังเด็กเกินกว่าจะรู้เรื่อง  ริชมองท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างสงสารจึงพยายามหาเรื่องเบนความสนใจจากเด็กชาย         
“เอ...ฉันชักหิวแล้วสิ….ใครหิวบ้างเอ่ย?”         
“อ้า...ครับ  เชิญครับ  ทอมมี่ไปทานอาหารกัน”
บนโต๊ะมีเพียงมันฝรั่งบดกับไข่คน  โทมัสทำท่าอึกอักขณะเชิญริช  ชายหนุ่มจัดการกับอาหารบนโต๊ะหน้าตาเฉยทำให้สีหน้าโทมัสดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย         
ทอมมี่มองอาหารแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตักไข่คนเข้าปากไป2-3คำแล้วก็วาง   
“โทมัส...ไม่มีเบคอนเหรอ?”       
“มันหมดน่ะ”         
“แต่ฉันอยากกินเบคอน”         
“เอ่อ...ไว้อาทิตย์หน้านะทอมมี่”         
“เดือนที่แล้วนายก็พูดแบบนี้  เมื่อไหร่ฉันจะได้กินล่ะ”         
“อาทิตย์หน้าจริงๆ”         
“นายเอาตังค์ไปซื้อรองเท้าหมดแล้ว  แล้วจะเอาที่ไหนมาซื้อเบคอนให้ฉัน”         
“หยุดพูดแล้วกินไปเงียบๆได้ไหมทอมมี่”
ทอมมี่หน้ามุ่ยแต่ก็ยอมตักมันบดเข้าปากเบื่อๆ  ริชแทบกลืนอาหารมื้อนั้นไม่ลง  ไม่ใช่เพราะรสชาติ  แต่เป็นความรู้สึกขมขื่นและปวดร้าวกับสิ่งที่เห็น
      .................................. 

เท็ดเหลือบมองริชไปตลอดทาง  เขารู้สึกทึ่งตั้งแต่เห็นเด็กๆนอนซุกหลับอยู่บนอกริชแล้ว  ท่าทางที่ริชอุ้มเด็กๆไปนอนดูอ่อนโยน  แต่สีหน้าริชกลับหม่นหมองจนเขาแปลกใจ  ตั้งแต่บ้านเกรสันจนมาถึงบ้านริมทะเลสาบริชไม่ยอมพูดอะไรเลย  นั่งกอดอกมองออกไปข้างนอก  แต่กัดกรามแน่น  กำมือแล้วคลายแล้วกำสลับกันมาตลอดทาง         
“เป็นอะไรหรือเปล่าริช?”         
“...พรุ่งนี้ฉันจะบอก...อ้อ  พรุ่งนี้ขอยืมรถหน่อยนะ”         
“เอาสิ”         
“ขอบใจ”
      ..................................

ริชขับรถไปรับโทมัสกับทอมมี่ตั้งแต่เช้า  ทอมมี่ดูตื่นเต้นดีใจที่จะได้นั่งรถ  แต่โทมัสกลับมีสีหน้ากังวล         
“เป็นอะไรหรือเปล่าโทมัส”         
“...ผมห่วงปู่  งานบ้านก็ยังไม่ได้ทำ  ไม่รู้ว่าปู่จะลุกขึ้นมาทำเองอีกหรือเปล่า?”         
“เราออกมาเดี๋ยวเดียว  ซื้อของเสร็จเราก็กลับแล้ว”         
“...ครับ...”
ริชพาทอมมี่และโทมัสไปซื้อของสดของแห้งหลายอย่างจนเต็มรถเข็นถึงสองคัน  ตลอดเวลาโทมัสไม่ได้พูดอะไรเลย  แต่สีหน้าของเด็กชายดูสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด  ทอมมี่ตื่นเต้นจนอยู่นิ่งๆไม่ได้  หนูน้อยกระโดดหยองๆอยู่ตลอดเวลา  และยิ่งเมื่อริชพาไปที่แผนกของเล่น  ทอมมี่ก็กรีดเสียงวี๊ดๆ  วิ่งวนไปทางโน้นทางนี้อย่างตื่นเต้นจัด 
ริชซื้อชุดประกอบโมเดลรถไฟชุดใหญ่ให้โทมัส  และซื้อตุ๊กตาทหารกับชุดรถถังให้ทอมมี่  ตอนแรกโทมัสทำท่าไม่อยากรับ แต่สุดท้ายความเป็นเด็กก็ทำให้หนูน้อยรับของเล่นไว้จนได้
เมื่อมาถึงบ้านริชก็ช่วยโทมัสหอบข้าวของเข้าบ้าน  ทอมมี่ตะโกนร้องเพลงลั่นแล้วอุ้มของเล่นหายไปในห้องปู่  ไม่นานก็วิ่งหน้าเริดออกมาหาริช         
“ปู่อยากคุยกับคุณริช”         
“ได้เลย...เอ้า เอานี่ไปให้โทมัสในครัวทีนะ”         
“ครับ” ทอมมี่หิ้วถุงผักตัวเอียงเข้าไปในครัว
ริชมองตามหนูน้อยยิ้มๆ  ด้วยความชื่นใจที่ได้เห็นสองหนูน้อยมีความสุข  ไม่น่าเชื่อว่าแค่เศษเงินไม่กี่ร้อยเหรียญจะสร้างความสุขให้เด็กๆได้มากมายขนาดนี้       
“คุณเกรสัน”         
“เชิญคุณริช  ขอโทษด้วยที่ต้องให้คุณเข้ามาคุยในห้องนี้”         
“ไม่เป็นไรครับ  ว่าแต่อาการคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”         
“คิดว่าอีกสัก3-4วันคงลุกขึ้นทำงานไหว”         
“ผมว่าพักต่ออีกหน่อยดีกว่านะครับ  อย่างเพิ่งรีบหักโหมตอนนี้เดี๋ยวจะเป็นมากภายหลัง”         
“ผมต้องรีบหาเงินมาคืนคุณ”         
“อะไรนะครับ?”         
“ผมบอกว่าผมต้องรีบหาย  เพื่อหาเงินมาคืนคุณ”         
“คืนผม...ค่าอะไร?”         
“ค่าอาหารกับของเล่นที่คุณซื้อให้เด็กๆในวันนี้”         
“ไม่ต้องหรอกครับเรื่องแค่นี้เอง”         
“สำหรับคุณอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่  แต่สำหรับผมเรื่องนี้มันใหญ่มาก  ผมจะปล่อยให้คุณมาช่วยสงเคราะห์แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”         
“ทำไมคิดอย่างนั้น  ผมแค่อยากช่วย  แล้วผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย”         
“แต่พวกเราเดือดร้อน”         
“ผมไม่เข้าใจ  ทำไมคุณต้องทิฐินัก” ริชพูดอย่างฉุนๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่เงินเล็กน้อยเกรสันกลับทำให้เหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้       
“ผมไม่ได้ทิฐิคุณริช  แต่ผมไม่อยากให้โทมัสและทอมมี่เสียคน”         
“เสียคน?”         
“ใช่...วันนี้เขาได้รับการช่วยเหลือจากคุณก็จริง แต่วันหน้า...หากเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกละ  คุณคิดว่าใครจะช่วยเรา”         
“ก็ให้โทมัสโทรหาผมก็ได้”         
“ไม่ได้หรอกคุณริช  คุณจะมาช่วยเราไปทุกครั้งไม่ได้แน่  ผมไม่อยากให้เขาอ่อนแอหากเกิดปัญหาแล้วโทมัสกับทอมมี่ไม่รู้จักแก้  ไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเอง  คอยแต่รับความช่วยเหลือจากคุณอยู่ร่ำไป  วันหน้าเขาจะไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้  ผมไม่อยากให้เขางอมืองอเท้ารอพึ่งแต่คนอื่นเพราะไม่มีใครช่วยเขาได้ไปตลอดชีวิต  ผมรู้...ว่าคุณหวังดี  แต่บางครั้งคุณก็ต้องรู้ขอบเขตของการช่วยเหลือว่ามันมากเกินไปหรือเปล่า”         
“แล้วจะให้ผมทำยังไง?” ริชหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ  ความรู้สึกดีๆหายวับเมื่อพบว่าความหวังดีของเขากลายเป็นสิ่งผิดไปเสียนี่         
“ไม่ต้องทำยังไง  เมื่อหายป่วยผมทำงานเอาเงินไปคืนให้คุณ  แน่นอนว่าโทมัสกับทอมมี่ก็ต้องมีส่วนช่วยผมหาเงินด้วย  เพื่อให้เขารู้ว่าถ้าอยากยืนอยู่ในโลกนี้  เขาต้องอดทนและเข้มแข็ง  ที่สำคัญเขาต้องยืนอยู่บนขาตัวเองให้ได้...ผมแก่แล้วคุณริช  หากผมเป็นอะไรไป  ผมต้องแน่ใจว่าหลานผมต้องไม่อดตาย  เขาต้องเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงด้วย” เกรสันพยายามอธิบายอย่างใจเย็นด้วยรู้ดีว่าการที่เขาปฏิเสธความช่วยเหลือทำให้ริชไม่พอใจ  แต่เขาก็ต้องการให้ริชได้รู้ว่าการช่วยเหลือแบบที่ริชทำอยู่นี้มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องที่สุดสำหรับครอบครัวเขา
ริชกลับมานอนคิดถึงคำพูดของเกรสันตลอดคืน  ครั้งแรกที่ได้ยินคำปฏิเสธของเกรสันเขาทั้งโกรธและหมั่นไส้ตาแก่จอมโอหังคนนี้ที่สุด  แต่กระนั้นเขาก็ไม่อาจโต้แย้งเหตุผลของนายเกรสันได้เลย  ยิ่งเมื่อได้คิดทบทวนโดยพยายามลดอคติลงเขายิ่งพบว่าคำพูดของเกรสันได้ให้แง่คิดอะไรกับเขาหลายอย่าง  ไม่ใช่แค่เตือนไม่ให้เขาก้าวก่ายกับชีวิตคนอื่นจนเกินพอดีเท่านั้น  แต่ยังสะท้อนให้เขาเห็นตัวเองอีกด้วย สิ่งที่เขาคิดว่าดี ว่าถูก อาจเป็นความรู้สึกของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งนั้นอาจไม่ถูกต้องในความรู้สึกของผู้อื่น  ที่สำคัญนายเกรสันก็ต้องการให้เด็กๆได้รู้จักการพึงพาตัวเองมากกว่าจะรอรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น 
‘พึ่งพาตัวเองงั้นเหรอ...นั่นสินะ  เราเคยพึ่งตัวเองจริงๆบ้างไหมนะ?’ 
ริชครุ่นคิดหาคำตอบให้ตัวเองเงียบๆ  ตั้งแต่ลืมตาดูโลกเขาก็มีทรัพย์สินส่วนตัวที่เป็นมรดกตกทอดสำหรับลูกหลานในตระกูลแฮมิลตันมากมายจนไม่เคยรู้ว่าจักคำว่าไม่มี  ทุกอย่างที่เขาต้องการเขาต้องได้  จนเป็นความเคยชินและมักคิดว่าคนอื่นๆก็คงเป็นเหมือนๆกับเขา  กระทั่งเข้าโรงเรียนเขาถึงเริ่มรู้จักความแตกต่างของคน  แต่กระนั้นก็ยังไม่มากนักเพราะคนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกับเขาก็คือคนที่มาจากกลุ่มชนชั้นเดียวกัน เขาเริ่มรู้จักคนอีกในระดับฐานะที่แตกต่างออกไปมากๆเมื่อตอนเริ่มเรียนมัธยม  แต่การได้เห็นคนในอีกระดับหนึ่งไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารเห็นใจอะไรมากนัก  กลับทำให้เขาได้รู้ว่าเขายิ่งใหญ่แค่ไหนที่เป็นแฮมิลตัน 
จนกระทั่ง...เขาเสียราเชลไป  เขาเพิ่งรู้...ว่าความเป็นแฮมิลตันไม่อาจยึดหัวใจของคนตัวเล็กๆคนหนึ่งเอาไว้ได้  และวันนี้เขาก็ได้เรียนรู้อะไรอีกหลายอย่างจนรู้สึกเหมือนตนเองก้าวกระโดดจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ในชั่วข้ามคืน      
.................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 07-09-2009 19:58:47
ราฟ แฮมิลตันเหลียวมองร่างสูงที่เดินเข้ามาทรุดลงนั่งไม่ห่างนัก  นานแค่ไหนหนอที่เขาแทบไม่ได้เจอหน้าลูกชาย ตั้งแต่กลับจากบ้านริมทะเลสาบ ริชก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เขาเลือกเรียนมหาวิทยาลัยทางอินเตอร์เนตแทนการไปเรียนภาคปกติ  เพราะต้องการทำงานไปด้วยมากกว่าจะเรียนเพียงอย่างเดียว
 ริชดูแปลกตาไปจนรู้สึกได้  ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาหากแต่รวมถึงบุคลิก  ดวงตาที่เคยฉายแววแพรวพราวอย่างคนขี้เล่นหายไป กลับมีแววจริงจังและคมกล้ากว่าเดิม  ราฟมองหน้าลูกชายนิ่งเพื่อให้เด็กหนุ่มเอ่ยปากขึ้นก่อน           
“พ่อครับ”         
“ว่าไง?”         
“ผมอยากขอยืมเงินพ่อ”         
“วันนี้มาแปลก  ทำไมเครดิตการ์ดมีปัญหาเหรอ?” ราฟเอ่ยยิ้มๆ ด้วยรู้ดีว่าลูกชายใช้เงินเก่งแค่ไหน         
“เปล่าครับ…แต่ผมอยากทำธุรกิจ”
สีหน้ามุ่งมั่นบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้พูดเล่น  ราฟวางมือจากเอกสารกองโตด้วยความประหลาดใจ         
“อยากทำอะไร?…ธุรกิจเราก็มีทุกอย่างนี่”         
“ไม่ครับพ่อผมอยากทำที่เป็นของผมเอง”ริชย้ำเมื่อเห็นท่าทางของบิดา
ราฟจ้องตาคมกล้านิ่งๆอยู่นาน แปลกใจที่ริชสนใจธุรกิจ  เขากับลินดาเคยโน้มน้าวด้วยวิธีการต่างๆนาๆเพื่อให้ลูกชายสนใจในกิจการของตระกูลบ้าง แต่ริชก็คอยหลบ ทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไปวันๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจงานของเขาสักนิด         
“อะไร?”         
“ผมอยากเข้าหุ้นกับเท็ด เขาจะขยายบริษัท”
แม้จะรู้ว่าเด็กสองคนนี้ค่อนข้างสนิทกัน แต่ด้วยลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันสุดขั้วทำให้ราฟสงสัยในความเอาจริงเอาจังของริช  ตอนที่ขอให้เท็ดช่วยริชเขายังกังวลว่าจะไม่สำเร็จ แต่ไม่อยากเชื่อว่าเท็ดจะช่วยให้ริชเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้         
“ก็ให้พีทเบิกมาให้สิ”         
“แต่ผมไม่อยากใช้เงินพ่อ  ผมอยากใช้เงินของตัวเอง”         
“แล้วไง?”         
“ผมจะขอกู้แล้วให้พ่อหักเงินเดือนชดใช้...พ่อเคยบ่นอยู่ไม่ใช่เหรอครับว่าอยากหาคนที่ไว้ใจได้ไปทำงานแทน ที่แหล่งน้ำมันใหม่”         
“อย่าบอกนะว่าแกจะไป?”         
“ครับ”         
“แต่นั่นมันงานใหญ่นะ?”           
“พ่อมีคนเก่งๆเยอะไม่ใช่เหรอครับ  ส่งผมไปฝึกงานกับเขาก็หมดเรื่อง”         
“แต่มันหนักนะริช”         
“ผมอยากทำ  พ่อคิดว่าเลือดพ่อในตัวผมมันจะจางเหรอครับ?”         
“ฮะๆๆ…เอา…ลงทุนพูดขนาดนี้แล้ว พ่อจะไม่ตกลงได้ไง  แกพร้อมไปฝึกงานเมื่อไหร่ก็มาบอกแล้วกัน”         
“ผมขอเตรียมตัว 1 สัปดาห์ครับ”         
“แค่นั้นจะพอล่ำลาบรรดาสาวๆของแกทันเหรอ?”
ริชเพียงแต่ยิ้มนิดๆแต่ไม่ตอบคำถาม  ราฟพยักหน้าก่อนจะโบกมือไล่  ใบหน้าละไมด้วยความพอใจ
      ..................................

เจฟฟรี่วางรายงานลง ขยี้เบาๆที่หัวคิ้วเพื่อให้คลายความอ่อนล้า  รายงานฉบับนั้นไม่ได้มากมายอะไรเลย  แต่รายละเอียดในนั้นต่างหากที่ทำให้เขาต้องเช็คข่าวอย่างละเอียด  เสียงโทรศัพท์มือถือปลุกหนุ่มใหญ่จากห้วงคำนึง           
“ครับท่าน”         
“ริชเป็นไง?”น้ำเสียงของราฟราบเรียบ แต่เจฟฟรี่ทราบถึงความห่วงใยของเขาที่มีต่อบุตรชายคนเดียวได้ดี    เกือบ2ปีที่ริชทุ่มตัวเองให้กับการฝึกงานตามแหล่งน้ำมันและปีกว่ากับบ่อน้ำมันแห่งใหม่นี้  จนกระทั่งกลายเป็นมือขวาที่ขาดไม่ได้ของราฟไปเสียแล้ว     
“ดีเกินกว่าที่คาดไว้มากครับ”         
“ซารีฟว่าไง?” หางเสียงเริ่มรื่นรมย์เมื่อรู้ว่าลูกชายไม่ได้เหลวไหลอย่างที่กลัว         
“ท่านชีคถูกใจมากครับ…ตอนนี้คุณริชสามารถเข้านอกออกในวังยังกับบ้านตัวเอง”         
“อย่างนี้ริชก็แทบไม่เป็นอันทำงานสิ เพราะของสะสมของซารีฟน่ะคัดมาระดับโลกทั้งนั้น”         
“บอกแล้วไงครับว่าดีกว่าที่คาดไว้มากโดยเฉพาะเรื่องนี้ คุณริชแทบไม่ออกจากแท่นไปไหนเลยครับ  ท่านชีคให้คนมาตามหลายครั้งกว่าจะยอมไปทานอาหารที่วัง”         
“ไม่น่าเชื่อ!”ราฟอุทานอย่างประหลาดใจ เจฟฟรี่อยากถอนใจยาวๆให้สมกับความหนักหน่วงในอก         
“เชื่อเถอะครับ...ตอนนี้คุณริชกลายเป็นคนที่ผมเองยังกลัวใจไม่รู้คิดอะไร
บ้าง?”         
“ทำไมหงุดหงิดมากเหรอ?”         
“ตรงข้ามเลยครับ  อารมณ์ดีจนน่าขนลุก”           
“ยังไง?”         
“ผมก็อธิบายไม่ถูกรู้แต่ว่าคุณริชมีกำแพงบางๆกันตัวเองไว้จากทุกคน”         
“แม้แต่นายเหรอเจฟ?”         
“ครับ  แต่ยกเว้นอยู่คนเดียวคือคุณเท็ด  เวลาคุณเท็ดมาเยี่ยมเหมือนได้เห็นคุณริชคนเดิมอีกครั้ง”
ราฟ แฮมิลตัลนิ่งไปด้วยความสงสารบุตรชาย  ทำไมจะไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุให้ริชเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนเช่นนี้         
“เด็กคนนั้นเก่ง  เขาทำให้ริชเปิดใจได้อย่างน่าแปลก”         
“นั่นสิครับ ตอนคุณกายตายผมก็ว่าเขาสนิทกันดี  แต่พอกลับมาจากทะเลสาบคราวนั้นดูเหมือนคุณริชจะยอมรับในตัวคุณเท็ดมากกว่าเพื่อน เหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่า” เสียงถอดถอนใจยาวลอดมาตามสาย         
“เอาเถอะ ถึงยังไงนี่ก็เป็นเรื่องดีๆที่ฉันคาดไม่ถึงนะ”         
“ครับ”         
“แล้วเด็กคนนั้นเป็นไงบ้าง เจอตัวหรือยัง?”         
“เราได้เบาะแสแล้วครับ”         
“ดี…เจอเมื่อไหร่บอกฉันด้วย  แต่อย่าเพิ่งบอกไอ้ตัวแสบล่ะ”         
“อ้าว!ทำไมครับ?” เจฟฟรี่งง  ราฟสั่งสื่บเรื่องราเชลก็เพื่อริช  แต่กลับไม่ยอมให้บอกเจ้าตัว       
“ฉันอยากให้มันเปลี่ยนนิสัยจริงๆค่อยให้มันเจอ  มันทำกับเขาไว้เยอะ  บอกตรงๆว่าฉันสงสารเด็กคนนั้น  ถ้าริชไม่แก้ไขตัวเองก็ไม่อยากให้ดึงเขากลับมาเจ็บอีก”         
“ครับท่าน”         
“ฝากด้วยนะเจฟ  อนาคตของแฮมิลตันกรุ๊ปจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับริชนะ”         
“ครับท่าน”เจฟวางโทรศัพท์ลงช้าๆ  อะไรๆก็ราบลื่นไปหมดแต่เขากลับไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่  ริชร่าเริงเกินไปและชอบไปขลุกอยู่กับพวกคนงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน บางครั้งก็ไปทำงานกับฝ่ายเทคนิคแทบจะไม่กลับบ้านพักถ้าไม่มีคำสั่งจากบิดาหรือชีคชารีฟ ความผิดปกตินี้แม้แต่ท่านชีคยังออกปากอย่างกังวล  เสียงเฮฮาดังมาจากลานจอดรถ เจฟฟรี่ชะโงกออกไปมองเห็นนายน้อยของเขาเดินรวมกลุ่มมากับคนงาน หากไม่ติดที่ร่างสูงใหญ่แผกกว่าคนงานท้องถิ่น คงแทบแยกไม่ออกเพราะตอนนี้ริชคล้ำเกรียมจนแทบกลืนหายไปกับคนงานเหล่านั้นแล้ว
เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง ริชเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มร่าโบกมือให้ เจฟฟรี่โบกมือตอบก่อนจะถอยเข้าไปเตรียมจัดอาหารให้…….         
“นี่เจฟมีข่าวดีนะคนของเรารายงานว่าพบแร่บางอย่างที่บริเวณแท่นขุดเจาะแห่งใหม่…ฉันว่าจะไปดูเสียหน่อย…ไปด้วยกันไหม?”ริชชวนพี่เลี้ยงคุยทั้งที่ตาอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ มือก็ยังส่งอาหารค่ำเข้าปากไปเรื่อยๆ         
“ครับ…วันนี้คุณท่านโทรมาครับ”เจฟฟรี่รายงานเรียบๆ  ริชหันขวับมาทันที         
“บ่นอะไรอีกละสิ”         
“เปล่าครับ แค่โทรมาถามว่าคุณสบายดีหรือเปล่า?”         
“พ่อเนี่ยนะโทรมาถามเรื่องแค่นั้น…นายแน่ใจเหรอว่าพ่อไม่ได้มีแผนอะไรอีก?”คิ้วเข้มขมวดจนหน้าผากย่น  รามือจากอาหาร         
“แผนอะไรครับ?”         
“ก็คราวที่แล้วส่งเราไปดูเหมืองเพชรที่อัฟริกาแล้วไง…จู่ๆก็มีลูกสาวหุ้นส่วนมาไล่กวดจนเผ่นกันแทบไม่ทัน”         
“อ้าว!ผมนึกว่าคุณริชสนใจเขาเสียอีก เห็นเอาอกเอาใจซะขนาดนั้น”         
“นั่นมันเรื่องของผลประโยชน์หรอก…เอจะว่าไปถ้าเจ้าหล่อนขาวกว่านี้สักหน่อยก็ไม่แน่นา…”         
“มิน่าละครับคราวนี้คุณท่านถามถึงท่านชีคด้วย  คงจะเล็งๆลูกสาวท่านชีคไว้บ้างกระมังครับ”
         “หา!มิน่าท่านชีคถึงให้คนตามฉันไปงานเลี้ยงอะไรก็ไม่รู้ที่วัง…ตายโหง!เอาไงดีเจฟ?”         
“ก็หนีสิครับ”         
“ได้ไงล่ะ…น่าเกลียดตาย…อีกอย่างท่านก็เป็นเหมือนญาติสนิทของบ้านเรา จะทำอะไรก็ต้องไว้หน้าท่านบ้าง”         
“งั้นก็ไปร่วมงานเลี้ยง ถ้าว่าที่เจ้าสาวไม่ถูกใจก็เผ่น…อ้างว่ายุ่งต้องไปสำรวจเหมืองใหม่ก็หมดเรื่อง”         
“ให้ได้อย่างนี้สิน่า  มิเสียแรงที่ปรึกษา…เจ๋ง!ไม้นี้เข้าท่ากว่าหนีดื้อๆเยอะเลย”
ริชยังคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างร่าเริง แต่ในบางครั้งชายหนุ่มก็เผลอเหม่อไปนาน พอรู้สึกตัวก็วกกลับมาคุยเรื่องที่พูดค้างกันใหม่ เจฟฟรี่ได้แต่สังเกตอาการของนายน้อยเงียบๆ ตราบใดที่ริชยังละทิฐิไม่ได้ก็คงต้องอยู่ด้วยการหลอกตัวเองแบบนี้ไปอีกนาน         
      ..................................

ริชถอดเสื้อสูทออกพาดไว้ที่เก้าอี้…งานเลี้ยงคืนนี้ไม่ได้แตกต่างจากทุกทีที่ไป บทสนทนาที่แพรวพราวด้วยเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ ผู้หญิงสวยที่พร้อมจะ‘คุย’ถ้ารู้ว่าเขาน่าสนใจพอ…แต่ที่กระทบใจเขาคือเด็กหนุ่มร่างบางที่มากับชีคยัสฟาหัวใจเขาแทบหยุดเมื่อเห็นเด็กหนุ่มแว่บแรก แต่เมื่อได้เห็นหน้าชัดๆอาการใจเต้นระรัวก็ค่อยๆหายไป  กลับรู้สึกหดหูแกมเศร้าอย่างประหลาด 
ชีคยัสฟาคงคิดว่าเจอจุดอ่อนของเขาจึงพยายามเสนอเด็กคนนั้นให้  เพื่อกรุยทางธุรกิจในอนาคตถึงกับยอมตัดใจยกของเล่นที่ดูท่าจะยังหวงอยู่มากมาให้เขา  เห็นได้ชัดว่าตอนเขาปฏิเสธชีคยัสฟาทั้งไม่พอใจปนโล่งใจอยู่ไม่น้อย…หากเด็กคนนั้นมีแววของความหวาดกลัวหรือไม่เต็มใจสักนิดเขาคงพร้อมที่จะช่วยให้เป็นอิสระ  แต่ท่าทางเชิญชวนจนออกนอกหน้านั้นก็บอกให้รู้อยู่แล้วว่ายิ่งกว่าเต็มใจ         
ริชทิ้งตัวลงบนเตียงโชคดีที่ท่านชีคซารีฟไม่ได้เสนอลูกสาวหลานสาวคนใดมาให้  แต่พรุ่งนี้เขาคงต้องเผ่นไปแท่นแต่เช้าเพราะแน่ใจได้ว่าชีคยัสฟาต้องหาทางมาเยือนเขาอีกแน่…..
         ..................................

ในสวนค่อนข้างกว้างนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้เมืองร้อน  แข่งกันชูช่อบานสล้าง ท่านชีคซารีฟไม่ได้อยู่ตามลำพังแต่มีร่างท้วมของชีคยัสฟาอยู่ด้วย…เสียงกลองดังอึกทึกจนทุกคนไม่ได้สังเกตว่าเขามาถึง สายตาทุกคู่จับอยู่ที่ร่างบอบบางในชุดค่อนข้างโปร่งที่กำลังเต้นหมุนเป็นวงกลม  ริชเหลือบมองอย่างเซ็งๆ แต่แล้วร่างนั้นก็กลับหมุนตัวมาหยุดตรงหน้าเขา  ผ้าคลุมเบาบางถูกปลดปลิวไป ชายหนุ่มตะลึงตัวชาเมื่อเห็นใบหน้านั้นถนัด         
“ราเชล!”
เสียงดีดนิ้วเผาะแล้วร่างบางก็ถลาจากเขาไปอยู่ในวงแขนของชีคยัสฟา  ริชสั่นไปหมดทั้งตัวด้วยความโกรธเมื่อเห็นชีคยัสฟากอดจูบร่างน้อยนั้น         
“อยากได้ไหม…เสียใจนะเด็กนี่ของฉัน”         
“ไม่!!” ชายหนุ่มทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง  เหงื่อเหนียวท่วมทั้งตัวเพราะก่อนนอนเขาไม่ได้เปิดแอร์  ริชยกมือสั่นๆขึ้นลูบหน้า…ไม่อยากเชื่อว่าเพียงแค่เห็นเด็กที่มากับชีคยัสฟา เขาจะคิดถึงราเชลจนเก็บเอาไปฝันเสียใหญ่โต         
ชายหนุ่มเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำหวังว่าความเย็นจะช่วยให้หลับสบาย  แต่กลับตาสว่างเสียแล้ว  ให้ไกลแสนไกลแค่ไหน เงาของราเชลก็ยังตามหลอนใจเขาไม่เลิก  นับวันริชก็ยิ่งตระหนักถึงอิทธิพลของราเชลที่มีต่อใจเขา         
“นี่เธอจะไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระจริงๆเหรอราเชล?”
         .................................


เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปนะคอยลุ้นต่อไปนะคะ :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-09-2009 22:03:54
มีทั้งหมด 3 บทหรือค่ะ แสดงว่าความยาวขนาดนี้ไม่ผิดปกติแน่นอน    :z2: :z2: 

ตอนนี้บทราเชลหายไปเลยวุ้ย คิดถึงอ่ะ  :man1:  แบบว่าน้องเค้าช่างรันทดได้ใจจริงๆ 

ปล. ยังแอบหวังเรื่องที่เกิดในบทเริ่มว่าจะมีอิทธิพลอะไรสืบต่อมาบ้างเนอะ  :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-09-2009 10:58:46
เป็น 3 บทที่ยาวมากเลย อ่านเจอตอนจบแบบนี้ แล้วอยากอ่านต่อทันที ลุ้นตามเจ้าริชจะแย่แล้ว :o8:
เมื่อไร เจ้าริช มันจะตามหา ราเชล เจอซะทีชอบบทหวานๆ เวลาคู่นี้อยู่ด้วยกัน
ว่าแต่ กาย ตายไปแล้วจริงเหรอ ไม่น่าตายนะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 08-09-2009 20:45:02
ตามติด ๆ ๆ ๆ ๆ

หนุกดีๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ....มาต่อแล้วคะ Up วันที่ 7/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 08-09-2009 22:01:16
ลงยาวสะใจจริงๆ  o13
ริชเริ่มกลับตัวกลับใจแล้ว .....แต่ก็ต้องดูกันยาวๆนะ
แล้วราเชลหายไปตั้งหลายปี ป่านนี้ไม่ตกระกำลำบากเหรอ
แล้วมิแค้นริชสุดๆเลยเหรอ
รออ่านกันต่อไปค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 10-09-2009 17:02:42
THIP : ต้องตามต่อนะคะเรื่องตอนต้นมีอิทธิพลแน่นอนคะ
dahlia : เรื่องกายต้องติดตามคะ ถ้าอยากรู้เรื่องของกายอย่างละเอียดจะมีอยู่ในอีกเรื่องที่กายรับบทเป็นนายเอกคะ
zandwizz :  ขอบคุณที่ติดตามคะ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ผู้แต่ง คือใบปอ แต่งได้สนุกจริงๆ
M@nfaNG : คิดถึงราเชล ราเชลมาแล้วคะ

มาอ่านกันต่อเลยนะคะ
.............

เสียงนกดังจู๋จี๋อยู่บนกิ่งไม้ข้างหน้าต่าง ปลุกให้ราเชลตื่นขึ้นมาจากความฝันเหน็ดเหนื่อยและเจ็บปวด
‘ริช...ป่านนี้คุณตื่นหรือยังนะ...คุณคงลืมผมไปแล้วใช่ไหม?...’
ราเชลดึงหมอนมาปิดหน้าและมุดเข้าไปในผ้าห่ม  ทำไมเขายังต้องคิดต้องฝันถึงคนๆนั้นอยู่อีก  เวลาเกือบ4ปีไม่ได้ช่วยให้เขาลืมความเจ็บปวดได้เลย 
ราเชลสลัดผ้าห่มออกจากตัว  ความจริงเขาควรตื่นเต้นกับการเตรียมตัวเป็นนักศึกษาใหม่มากกว่าจะมามัวสนใจเรื่องไร้สาระ  เด็กหนุ่มลุกขึ้นออกกำลังกายเพื่อให้ได้เหงื่อความเหนื่อยจะทำให้เขาเลิกคิดเรื่องไร้สาระ
“ราเชล…ตื่นเช้าจัง”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์จ้า...อาซอเรนมาหาแน่ะ”         
“ขอบคุณครับ” ราเชลเลิกออกกำลังกาย  รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ราเชลเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างสูงเพรียวกำลังชะโงกออกไปทักทายเพื่อนบ้านที่เดินผ่านไป  หมอหนุ่มใหญ่หันมายิ้มกว้างเมื่อเห็นเด็กหนุ่ม         
“ราเชล…สบายดีใช่ไหมครับ?…อา…ไม่น่าถาม ดูสดใสออกขนาดนี้…ดำไปนะครับเนี่ย สงสัยจะโดนพี่สะใภ้ผมใช้แรงงานหนักแน่ๆ”
ทีน่าหัวเราะจนตัวกระเพื่อมต่อคำเย้าแหย่ของน้องสามี หันไปตะโกนเรียกลูกสาวให้เอาผลไม้ขึ้นมาให้ซอเรน         
“ใครบอกละครับ…ผมเสนอตัวให้ใช้แท้ๆแต่ไม่มีใครยอมให้ผมช่วยเลย” ราเชลบ่นเสียงอ่อยๆ ซอเรนผละจากหน้าต่างมานั่งตรงข้าม         
“อ้าว!เป็นงั้นไป…แล้วทำไมผิวคล้ำเชียวครับ…หรือเล่นน้ำมากไป?”         
“ครับ…ที่นี่อากาศดี  ผู้คนก็เป็นมิตรน่ารัก...ปิดเทอมทีไรผมก็อดมาอยู่ที่นี่ไม่ได้”         
“ฮั่นแน่! หลงเสน่ห์ที่นี่เข้าอีกคนละสิ…ผมก็ชอบที่นี่ครับ ว่างเป็นต้องมาเที่ยวเสมอเลย…ขอบใจจ๊ะคนสวย”
ซอเรนหันไปแซวแล้วรับถาดผลไม้จากหลานสาว         
“ผมอยากชวนคุณย่ามาพักผ่อนที่นี่บ้าง อากาศดีๆแบบนี้น่าจะช่วยให้สุขภาพของท่านดีขึ้น”         
“ถ้าอย่างนั้นลองชวนท่านมาสิครับ  ผมยังเหลือวันลาหลายวัน  จะได้มาพักร้อนที่นี่ซะเลย”
ซอเรนพูดอย่างกระตือรือร้น  ดวงตาอ่อนโยนเป็นประกายแวววาวจนเด็กหนุ่มต้องหลบ  เขายังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับใคร  บาดแผลที่ริชฝากไว้ยังเจ็บจนไม่กล้าแตะ  ซอเรนสังเกตเห็นแต่ชายหนุ่มยังพูดคุยแจ่มใสแต่ดวงตาหมองลง         
ทีน่าเฝ้ามองอากัปกิริยาของเด็กหนุ่มเงียบๆ ราเชลยังปิดกั้นตัวเองแน่นหนาเกินกว่าที่น้องสามีของเธอจะฝ่าเข้าไปได้ แต่ทีน่าก็อดหวังไม่ได้ว่า สักวันราเชล จะยอมเปิดใจให้คนแสนดีอย่างซอเรนบ้าง 
                                         …………………. 

   ซอเรนย่องเข้ามาจนใกล้แต่ไม่จำเป็นต้องย่องสักนิด  เพราะขนาดเขาเข้ามายืนจนแทบชิดเด็กหนุ่มก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย  ภาพดอกไม้ที่ตกอยู่บนถนนและมีคนเดินผ่านไปมาเหยียบย่ำจนแหลกลาญ  ภาพเด็กชายผิวดำพยายามป้องเทียนใกล้ดับนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่กำลังตกหนัก  ด้านหลังเป็นผู้คนที่กำลังฉลอง- คริสต์มาศอย่างสนุกสนาน  ใบหน้าของเด็กน้อยดูหม่นหมองและเจ็บปวด 
ภาพเขียนเหล่านี้แตกต่างจากภาพเขียนในอดีตของราเชลอย่างสิ้นเชิง  แม้ซอเรนจะไม่ได้เรียนศิลปะ  แต่เขาก็พอดูออกว่าภาพเขียนกำลังสะท้อนหัวใจของเด็กหนุ่ม  ความเจ็บปวด...สิ้นหวัง...และโหยหาความรัก...
   “คุณหมอมาเมื่อไหร่ครับ?” ราเชลเกือบสะดุ้งเมื่อหันไปเจอซอเรน
“มาสักครู่แล้วครับ...เห็นราเชลกำลังทำงานเพลินไม่อยากกวน”
“ผมก็วาดไปเรื่อยๆ  ส่วนใหญ่ก็เขียนเก็บไว้ดูเล่นทั้งนั้น”
“ไม่คิดจะแสดงผลงานบ้างเหรอครับ?”
“งานผมส่วนใหญ่เขียนตามอารมณ์ แล้วก็สะสมมาตั้งแต่เด็กๆ  อารมณ์มันก็เลยไม่ค่อยต่อเนื่องกัน  เอามาจัดแสดงคงไมมีคนดูหรอกครับ”
“แต่ผมว่าดีนะครับ  มันดูมีพัฒนาการดีออก  ภาพสมัยก่อนของราเชลส่วนใหญ่จะดูเบาๆ  หวานๆ  แต่หลังๆมานี่ค่อนข้างเป็นภาพออกแนวนามธรรมซะส่วนใหญ่”
“เหรอครับ”
“จริงไหมครับที่เขาว่าภาพสะท้อนใจของคนเขียน?”
“...งั้นใจผมตอนนี้คงหดหู่อยู่สินะครับ”
“หรือไม่ก็กำลัง...เหงา...”
ราเชลนิ่งขึงไปครู่หนึ่ง  คำพูดอ่อนโยนปลอบประโลมกลับตอกย้ำบาดแผลในหัวใจ
“อ้าว!ไม่วาดแล้วเหรอครับ”
“ก็...นั่งนานแล้วขอพักบ้างครับ”
“ราเชล  เราเปิดใจคุยกันบ้างไม่ได้เหรอ?”
“ผม...”
“ราเชล...รู้ใช่ไหมว่าผมคิดกับคุณยังไง?”
“ผมจะไปยกของว่างมาให้นะครับ” ราเชลลุกขึ้นเดินหนีดื้อๆแต่ซอเรนคว้าข้อมือบางไว้แน่น
“ราเชล…ให้โอกาสผมบ้างได้ไหม...ให้ผมอยู่ข้างๆคุณเวลาคุณมีความทุกข์  ให้ผมได้ดูแลคุณ  เปิดใจรับผมบ้าง”
“หมอครับ...มันเป็นไปไม่ได้หรอก...ผม...ผมไม่คู่ควรกับหมอ…”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธผมราเชล  ผมไม่ได้ขอให้คุณรับรักผม...แต่ผมขอแค่ได้อยู่ข้างๆคุณ จนกว่าคุณจะไม่ต้องการผมอีก คุณให้โอกาสผมบ้างเถอะ...”
“ขอโทษครับ...ผมทำไม่ได้”
“แม้จะในฐานะพี่ชายหรือเพื่อนก็ไม่ได้หรือราเชล” 
 “แต่...”
“ผมไม่อยากให้ราเชลเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว  ระบายออกมาเสียบ้าง  คุณจะได้สบายใจ”
“ขอบคุณในความหวังดีครับหมอ  ผมจะจำไว้ว่าผมยังมีพี่ชายอยู่ตรงนี้อีกคน”
ซอเรนยิ้มทั้งที่ในใจวูบหาย  สำหรับราเชลเขาเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น  แต่คนอย่างเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ  เขาเชื่อในความรักมั่นคงของเขา  สักวันราเชลคงยอมรับเขาได้  และเขาจะดูแลทะนุถนอมไม่ให้ราเชลต้องเจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
      ..................................
                         
ราเชลสูดลมหายใจลึกยาวก่อนจะเปิดประตูเข้าไป  แม้จะไม่อยากมาพบด้วยรู้ว่าพ่อจะคุยเรื่องอะไร  แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเจออยู่ดี           
“คุณพ่อต้องการพบผมเหรอครับ?”         
“ใช่…ฉันมีข่าวดีมากจะบอกแก” ชาล์ลโบกการ์ดในมือไปมาอย่างอวดๆ         
“อะไรครับ?” ราเชลถามหลังจากข่มความน้อยใจลงไป  เขาไม่กลับมาบ้านเกือบ 4ปี  นี่เพิ่งกลับมาครั้งแรก  พ่อไม่ถามสักคำว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง         
“ตระกูลแฮมิลตันเชิญแกไปร่วมงานวันเกิดราฟ แฮมิตัน…แกนี่มันเสน่ห์ดีนะ…ฉันนึกว่าแฮมิลตันเลิกสนใจแกไปตั้งนานแล้วซะอีก เห็นตั้งแต่งานวันเกิดแม่เขาแล้วแกก็ไม่ได้บัตรเชิญไปงานอื่นเลย…แต่นี่เขาเชิญไปงานพ่อเขาอีก…แสดงว่าตระกูลนี้เขาให้ความสำคัญกับแกมาก” น้ำเสียงริษยาจนปิดไม่มิด 
ราเชลเบือนหน้าหนีด้วยความน้อยใจในตัวบิดา         
“ผมไม่ไปครับ”         
“อะไรนะ!”ชาล์ลตาค้างแล้วเป็นขุ่นเขียวด้วยความโกรธ         
“ผมไม่ไปงานนี้ครับ”         
“ไม่ได้! ฉันลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไหร่…เขายังไม่ค่อยจะเห็นหัวฉัน  แต่แกได้รับเชิญแล้วยังจะมาทำหยิ่งอีก” นายเวลบอร์นตวาดเสียงเขียว  แต่ราเชลยังคงใจเย็น       
“แต่ผมไปไม่ได้”         
“ทำไม?”         
“ผม…มีเหตุผลของผมครับ”         
“แต่แกต้องไป!ฉันจะไม่ยอมพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง คราวที่แล้วแกไปนอนกับมันฟรีๆอยู่ตั้งนาน  คราวนี้ฉันจะไม่ยอมอีกแล้ว...ฉันต้องได้อะไรจากมันบ้าง”         
“คุณพ่อ!”         
“ตกใจละสิ…คิดเหรอว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้…ตอนแกย้ายโรงเรียน ไอ้แฮมิลตันมันวิ่งพล่านยังกับหมาถูกน้ำร้อนเพื่อตามแก ฉันถึงได้ให้คนไปสืบ...ไม่นึกเลยว่าแกกับมันจะไปกันถึงขั้นนั้น…แล้วแกก็ยังโง่ปล่อยให้มันหลุดมือไป  คราวนี้ละฉันจะไม่ยอมให้แกทำอะไรโง่ๆอย่างนั้นอีกเด็ดขาด”         
“คุณพ่อ!…ทำไมครับ…ทำไม?” ราเชลพูดไม่ออกทั้งที่มีเรื่องอยากถามมากมาย       
“ทำไมอะไรของแก?”         
“คุณพ่อไม่เคยรักผมเลยใช่ไหมครับ?”         
“อย่ามาอ้างเรื่องรัก…ฉันเป็นพ่อแก…ฉันสั่งแกต้องไป”         
“แต่ผม..”         
“ถ้าไม่ไปอย่ามาเรียกฉันว่าพ่ออีก…ฉันกับแกขาดกัน”         
“คุณพ่อ!”         
“เลิกเรียกฉันซ้ำๆได้แล้ว…ว่าไง จะไปไหม?”         
“ผม…ครับ…ผมไป”         
“ดี…ไปเตรียมตัว  ช่างตัดเสื้อจะมาตอนเย็น  อย่าไถลล่ะ”         
“ครับ…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมขอตัว”
ชาร์ลโบกมือไล่อย่างไม่สนใจ  ใบหน้าอูมแดงอิ่มเอิบด้วยความยินดี  แววตาเต้นระริกด้วยหวังถึงผลประโยชน์ที่จะได้ในอนาคต
ราเชลทิ้งตัวลงบนเตียง  กระบอกตาแห้งผากแต่ข้างในเขากลับท่วมท้นไปด้วยน้ำตา  ทำไมเขาถึงหนีริชไม่พ้น  กี่ปี่แล้วที่เขาเฝ้าคร่ำครวญหา  ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหนแต่หัวใจก็ยังคงวนเวียนอยู่ข้างริชเสมอ  หูเขาคอยฟังแต่ข่าวคาวๆที่มีลงหนังสือและสื่อต่างๆไม่ได้หยุดหย่อน  ริชไม่เคยหยุดตัวเองลงที่ใคร  ไม่มีผู้หญิงคนไหนยึดริชไว้ได้  แม้จะเจ็บช้ำหากลึกๆก็อดดีใจไม่ได้ที่บัดนี้ข้างกายริชยังไม่มีใครเป็นเจ้าของถาวร
ราเชลซุกหน้าลงกับหมอน  พยายามหาเหตุผลที่ตระกูลแฮมิลตันเชิญเขาร่วมงาน  แต่นึกอะไรไม่ออกนอกจาก…ริชอยากให้เขาไป…ราเชลสะบัดหน้า  แต่หัวใจกลับฟูฟ่องอย่างประหลาด         
“เอาเถอะ ถึงยังไงฉันก็ต้องไป  นี่เป็นเพราะคำสั่งของพ่อหรอกนะ  ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีวันไปเหยียบบ้านนายอีกเด็ดขาด”
      ..................................

ราเชลมือเย็นเมื่อรถเลี้ยวเข้างาน  คฤหาสน์ตระกูลแฮมิลตันสว่างไสวด้วยแสงไฟพร่างพราว  ทันทีที่รถจอดเทียบประตูก็ถูกเปิดออก  ราเชลหันไปจะขอบคุณแต่ก็ต้องชะงักอย่างประหลาดใจ         
“เจฟ…สวัสดีครับ”         
“สวัสดีครับคุณราเชล…เชิญทางนี้เลยครับ”เจฟฟรี่ผายมือให้แล้วเดินตามเยื้องไปด้านหลังเด็กหนุ่มเล็กน้อย 
ราเชลเห็นสายตาหลายคู่จ้องมองมาอย่างประหลาดใจ  น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเจฟฟรี่  ด้วยเป็นสนิทของตระกูลแฮมิลตันจนนับได้ว่าเป็นคนในครอบครัว  ดังนั้นการที่เจฟฟรี่ออกมารับ ‘แขก’ คนนี้ด้วยตัวเองย่อมไม่ใช่แขกธรรมดาแน่         
ราเชลใจเต้นระรัวเมื่อเข้าไปไปในห้อง  ห้องกว้างใหญ่จุคนได้นับร้อย  แต่ราฟ  แฮมิลตันก็ยังโดดเด่นเหนือใครเสมอ  ทันทีที่หันมาเห็นเขารอยยิ้มสว่างไสวก็ถูกส่งมาทักทาย  ราฟกางแขนออกกว้างแล้วโอบกอดร่างบอบบางแนบแน่น         
“สวัสดีครับท่าน”         
“ยินดีต้อนรับลูกแมวน้อยของฉัน  ดีใจมากนะที่เธอมาได้”         
“ผมต่างหากครับที่ต้องขอบคุณที่ท่านให้เกียรติ  คุณพ่อฝากอวยพรท่าน  ขอให้ท่านมีสุขภาพที่ดีตลอดไปนะครับ”ราเชลส่งของขวัญของบิดาให้
ราฟรับแล้วหันไปส่งให้เลขาแยกไว้ต่างหาก         
“ฝากบอกคุณเวลบอร์นด้วยว่าขอบใจมาก  เจฟดูแลคุณราเชลด้วย”           
“ครับท่าน”         
“เดี๋ยวคุยกันนะ”         
“ครับ” ราฟตบไหล่บางเบาแล้วหันไปทักทายแขกอื่นๆ         
“เชิญคุณราเชลทางนี้ครับ”เจฟเดินนำเด็กหนุ่มมายังโต๊ะ         
“คุณเจฟสบายดีเหรอครับ?” ราเชลถามขณะทรุดลงนั่ง เจฟฟรี่ยิ้มกว้างจนเห็นรอยพับที่หางตา         
“ก็ต้องตระเวนไปตามแหล่งน้ำมันต่างๆ  ก็ไม่ค่อยน่าสนุกนักหรอกครับ  ไม่เหมือนคุณริชกำลังไฟแรง เล่นลุยไม่หยุดสงสัยจะลืมไปว่าผมแก่แล้ว”           
ราเชลหลุบตาต่ำแล้วค่อยๆเมินมองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่เจฟฟรี่เล่า  แต่เจฟฟรี่ก็แน่ใจว่าเด็กหนุ่มก็หูผึ่งกับข่าวของริชแน่นอน         
เสียงฮือฮาจากแขกที่มาร่วมงานทำให้ราเชลอดหันไปมองไม่ได้ เด็กหนุ่มตัวชา หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น  ร่างสูงตระหง่านในชุดสูทสีเทาโดดเด่นเคียงข้างด้วยสตรีสาวในชุดสีขาวลออ ตาคมกวาดไปรอบๆแล้วเป็นประกายกล้าเมื่อสบตากับเด็กหนุ่ม  ราเชลรีบหันกลับอย่างรวดเร็ว         
“คุณราเชลจะทานอะไรดีครับผมจะไปตักมาให้”         
“อะไรก็ได้ครับ แต่อย่าหนักนักแล้วกัน”         
“เครื่องดื่มละครับ?”         
“ยินโทนิค”ราเชลตอบหน้าตาเฉย เจฟฟรี่ชะงักชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจแต่ก็ไปสั่งให้ ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาจะทำให้ราเชลเปลี่ยนไปได้เพียงนี้         
“สวัสดี…สบายดีเหรอราเชล?”
ราเชลสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันไปเผชิญหน้า  ดวงตาคมยังคงเป็นประกายจ้า  จากหนุ่มน้อยรูปหล่อขี้เล่นกลายมาเป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่ดูคมเข้มผิวค่อนข้างคล้ำกับไหล่กว้างหนาส่งเสริมให้ริชดูโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ราวกับมีสปอร์ตไลท์ส่องตามชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลาทีเดียว         
“สวัสดีครับคุณแฮมิลตัน”
ริชขยับเข้ามาใกล้อีกนิดและคงใกล้มากกว่านี้หากไม่ติดที่คนยืนข้างๆรั้งไว้         
“นี่ฟลอเรน น้องสาวของเจฟฟรี่” ริชแนะนำสาวตาคมหวานที่เคียงข้าง         
“สวัสดีครับคุณฟลอเรน”         
“สวัสดีค่ะ  ริชฟลอเรนหิวแล้วละ”         
“แล้วจะทานอะไรล่ะ?”       
“อะไรก็ได้ ยังไงริชก็รู้อยู่แล้วนี่คะว่าฟลอเรนชอบหรือไม่ชอบอะไร”         
“ครับคุณผู้หญิงกรุณารอสักครู่” ริชประชดนิดๆอย่างหมั่นไส้ปนเอ็นดูแต่ไม่ลุกไปกลับจ้องราเชลนิ่ง         
“แล้วเธอล่ะ  จะดื่มอะไรดี?”         
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” ราเชลพยายามรักษาน้ำเสียงไม่ให้ห้วน         
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ  ริชเขาชอบบริการคนสวยๆ” สาวสวยที่ยืนเบียดอยู่ข้างๆพูดยิ้มๆแต่กลับตวัดตาค้อนริช  ชายหนุ่มยิ้มกว้างแต่เพียงวูบเดียวรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆจางไป  ตาคมเป็นประกายขุ่นจ้องเขม็งไปข้างหลัง  ราเชลเหลียวมองตามสายตานั้น  ร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีอ่อน เดินแหวกฝูงชนตรงรี่เข้ามาหา         
“อ้อ!คุณคงมีเพื่อนแล้ว  เราไปกันเถอะฟลอเรน”
หญิงสาวทำท่างงๆแต่ก็ยอมผละไปโดยดี  ราเชลมองตามหลังกว้างด้วยความปวดร้าว  ซอเรนมองตามสายตาเด็กหนุ่ม แม้จะเจ็บแปลบในอกแต่เรื่องเฉพาะหน้าสำคัญกว่า         
“ราเชล”         
“ครับคุณหมอ”
ราเชลหันกลับมาสีหน้าปกติมีแต่ดวงตาเท่านั้นที่หม่นแสงลง         
“คุณท่านให้ผมมารับราเชล”         
“มีอะไรครับ?” สีหน้าของหมอเหมือนจะบอกอะไร จนเด็กหนุ่มสังหรณ์ใจ         
“คุณเวลบอร์นล้มในห้องน้ำ”         
“อะไรนะฮะ!” ราเชลเย็นเยือกทั้งร่างเหมือนโดนราดด้วยน้ำแข็ง         
“ตอนนี้ท่านอยู่ห้องฉุกเฉิน”         
“พ่อ…พ่อจะเป็นอะไรมากไหมครับ?”         
“ทำใจดีๆไว้  ตอนนี้รีบไปดูอาการท่านก่อนดีกว่าครับ”       
“ครับ…รีบไปเถอะครับ”         
“ไปลาเจ้าของงานก่อนดีกว่านะ?”         
“ไม่…ไม่ไหวแล้วครับ…ผม…” ขาดูเหมือนจะหมดแรงดื้อๆเด็กหนุ่มทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง         
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ…รอตรงนี้นะผมจะไปลาเจ้าของงานให้”         
“ขอบคุณครับหมอ”         
ริชหรี่ตามองเมื่อเห็นซอเรนเข้าไปหาบิดา  ราเชลนั่งรออยู่ที่โต๊ะเมื่อซอเรนกลับมาหาทั้งคู่ก็ออกไปด้วยกัน  ชายหนุ่มวางแก้วเหล้าแล้วตามออกไปทันที ในอกเดือดพล่านด้วยความโกรธ 
ฟลอเรนมองตามงงๆเมื่อเห็นร่างสูงออกไปทางประตูข้าง  ยังไม่ทันขยับตามเจฟฟรี่ก็ปราดเข้ามายึดแขนไว้         
“ฟลอเรนมากับพี่หน่อย…ช่วยไปคอยดูแลมิสซิสทอมสันทีนะ”         
“เดี๋ยวค่ะฟลอเรนจะไปตามริชก่อน”         
“ไม่ได้  เร็วอย่าให้ผู้ใหญ่รอไม่ดี”         
“แต่ว่า…”         
“ไหนสัญญากับพี่ว่ามาคราวนี้จะมาช่วยงานคุณริชไง?”         
“ก็ได้ค่ะ”เด็กสาวกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด แต่ก็จำต้องเดินตามพี่ชายไปคอยดูแลแขกคนสำคัญ         
ราเชลเดินแกมวิ่งอย่างรวดเร็วจนเกือบยั้งไว้ไม่ทันเมื่อเลี้ยวมุมตึกแล้วพบว่ามีคนขวางอยู่           
“จะกลับแล้วเหรอ?”         
“ริช!” ริชสื่บเท้าเข้าใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านมา  ดวงตาที่สบกันในระยะใกล้ทำให้ราเชลแทบลืมว่าไม่ได้มาคนเดียว         
“คุณแฮมิลตัน…สวัสดีครับ” ซอเรนเอ่ยทักเรียบๆ         
“สวัสดีครับคุณหมอ  ว่าไงราเชลทำไมรีบกลับจัง?” ริชหันไปพยักหน้าให้แล้วหันกลับมาสบตากับเด็กหนุ่ม         
“ผม…มีธุระด่วน  ขอตัวนะครับ” ราเชลกระพริบตาเพิ่งสำนึกได้ถึงเรื่องสำคัญ       
“รีบขนาดนั้นเชียว…?” ริชคว้าศอกอดีตคนรักไว้และดึงเข้ามาจนชิด         
“พอเขามาอย่างอื่นก็ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม?”
ชายหนุ่มก้มกระซิบเสียงหยันข้างหู  ราเชลผงะใบหน้าเผือดซีดด้วยความโกรธและน้อยใจ   คำอธิบายถูกกลืนกลับลงไป  ดวงตากลมเป็นประกายวาววับด้วยแรงอารมณ์       
“ความจริงคุณก็รู้ดีนี่  อย่าทำให้’เรา’เสียเวลาไปมากกว่านี้เลยนะ”
ราเชลกระซิบตอบ  มือที่จับอยู่ที่ต้นแขนบีบแน่นเข้ามาจนเจ็บ  เด็กหนุ่มนิ่วหน้าแต่ไม่ปริปาก ตาโตเป็นประกายเย้ยหยันสบตาชายหนุ่มไม่ลดละ  คางเล็กเชิดขึ้นขณะที่ปากอิ่มเม้มแน่น  ริชกัดกรามกรอดความหวงแหนพลุ่งวาบ  อยากขยี้ร่างเล็กๆนี้ให้แหลกคามือเขานัก         
ซอเรนมองทั้งคู่ด้วยความเจ็บปวด เขาค่อยๆแทรกเข้าไปแล้วดึงไหล่
ราเชลออกมา  ริชตาลุกวาบแต่กลับยอมปล่อยเด็กหนุ่มแต่โดยดี         
“เรามีเรื่องด่วนจริงๆครับ  คือ…”       
 “เราไปกันเถอะครับคุณหมอ”   ราเชลชิงพูดขึ้นก่อน  แถมยังลากข้อมือซอเรนเดินหนี  ในอกร้อนวาบด้วยความโกรธในเมื่อริชอยากเข้าใจอย่างนั้นก็ไม่ต้องจำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก         
จิตแพทย์หนุ่มใหญ่เฝ้ามองคนนั่งข้างๆด้วยความเจ็บปวด  แค่นี้ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่าราเชลยังรักและอาลัยในตัวริชมากแค่ไหน  ไม่ว่าเมื่อไหร่หัวใจของเด็กหนุ่มก็ไม่เคยมีเขา           
“…คุณราเชล” เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาทำหน้าเจื่อนๆ         
“อะ…ครับ คุณหมอว่าอะไรนะครับ?”         
“มีอะไรเหรอครับ คุณดูเครียดจัง”
น้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนทำให้เดาไม่ออกว่าหมอคิดอะไรอยู่  ราเชลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบความในใจเพียงครึ่งเดียว         
“…ผมห่วงพ่อน่ะครับ”         
“ทำใจดีๆไว้นะครับ ท่านอยู่ในความดูแลของหมอแล้ว”
ราเชลพยักหน้าแล้วหันกลับไปพิงกระจกเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง  ซอเรนลดความเร็วรถลงอีกนิด  ความรู้สึกอ่อนล้าและหนักอึ้งในอกทับทวีขึ้นทุกขณะ  ถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากอยู่ข้างๆราเชลจนกว่าจะถึงวันที่ราเชลไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
      ..................................         
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 10-09-2009 17:08:09
ราเชลแนบหน้ากับกระจกหน้าประตูห้อง ร่างบนเตียงที่มีสาย -
ระโยงระยางห้อยเต็มไปหมดนี่หรือคือคุณพ่อ  กระบอกตาร้อนผ่าวจนแสบแต่กลับไม่มีน้ำตา  มืออุ่นแตะบนหลังมือเขาแผ่วเบา  ราเชลยึดมือนั้นไว้เหมือนจะช่วยเติมพลังใจให้ตัวเอง  ไม่ว่าเมื่อไหร่หมอซอเรนก็อยู่ข้างๆเขาเสมอ         
“ราเชล” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นข้างหลังราเชลหันกลับไปหา         
“…คุณย่า” ราเชลประคองผู้เฒ่าให้นั่งลงด้วยกัน  คุณหมอเจ้าของไข้ก็ตามมายืนอยู่ไม่ห่างนัก         
“คุณย่าครับ…ทำไมคุณพ่อเป็นแบบนี้?” สตรีผู้แข็งแกร่งของตระกูล
เวลบอร์นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน         
“หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองแตก กระดูกเชิงกรานหัก อาจจะเดินไม่ได้อีก” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบ แต่ซอเรนสังเกตเห็นละอองน้ำวาบหนึ่งในดวงตาสีฟ้าเข้ม         
“อะไรนะครับ…พ่อจะเดินไม่ได้…” ราเชลหน้าเผือดลง ถึงพ่อจะไม่เคยใกล้ชิดแต่เด็กหนุ่มก็ยังรักพ่อสุดหัวใจ         
“ทำใจดีๆไว้นะครับท่าน ตอนนี้วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก  อาจจะช่วยคุณเวลบอร์นได้  อาการของท่านอาจไม่ร้ายแรงอย่างที่เราคิด” คุณหมอผู้ผ่าตัดกลับเป็นฝ่ายนึกทึ่งในความใจแข็งของมารดาคนป่วย         
“ไม่เป็นไรคุณหมอ…ฉันทำใจได้แล้ว…เขาไม่เคยรักตัวเองเลย  รักสนุกเสียจนสุขภาพย่ำแย่ พอมาล้มเข้าอีกก็…ไม่ไหว ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  หมอทำดีที่สุดแล้วฉันรู้…ขอบคุณมากค่ะหมอ”         
“ขอบคุณครับหมอ” ราเชลหันไปขอบคุณเบาๆ หมอหนุ่มยิ้มให้อย่างอ่อนโยน         
“ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว…ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ อีกสักครู่ผมต้องเข้าห้องผ่าตัด”         
“เชิญค่ะ”         
“ราเชล…พ่อเขาป่วยอย่างนี้คงต้องกลับมาอยู่บ้านสักระยะนะ” ผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง         
“ครับ”         
“แล้วเรื่องเรียนล่ะจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”         
“ไม่เป็นไรครับ…ดรอปไว้ก่อนได้  อีกอย่างมหาวิทยาลัยทางนี้ก็มีสาขาที่ผมเรียน  โอนมาทางนี้ได้ครับ”         
“แต่ที่นี่ไม่มีชื่อเสียงเหมือนมหาวิทยาลัยทางโน้นนะ”         
“ไม่สำคัญหรอกครับ  ที่ไหนก็เหมือนกัน  ถึงอย่างไรผมก็ยังได้เรียนในสิ่งที่ผมรัก  แล้วผมก็จะได้ดูแลคุณพ่อด้วย”         
“ก็ตามใจแล้วกัน”         
“คุณย่ากับไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ  ผมจะเฝ้าคุณพ่อจนหมดเวลาเยี่ยมเองครับ”         
“นี่ก็จวนหมดเวลาเยี่ยมแล้ว  กลับพร้อมกันเลยก็ได้”       
“ผมไปส่งให้นะครับ”ซอเรนเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก สตรีเหล็กแห่งตระกูล
เวลบอร์นหันไปยิ้มให้         
“ขอบใจมากนะหมอ”         
“เชิญครับท่าน”           
ราเชลเดินตามร่างผอมบางที่ยังคงกระฉับเฉงคล่องแคล่วอยู่ตลอดเวลาด้วยความอุ่นใจ  แต่ซอเรนเห็นความอ่อนล้าในแววตาของหญิงชราที่เหลือบมองห้องบุตรชายแวบหนึ่งก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถ
                                               …….……………..

ทันทีที่รถจอดแม่บ้านก็ปราดเข้ามาเปิดประตูและประคองคุณย่าลงจากรถ         
“ขอบคุณนะหมอที่ช่วยเป็นธุระให้ทุกอย่าง”         
“ไม่เป็นไรครับคุณท่าน”         
“ย่าเข้าไปก่อนนะราเชล ส่งคุณหมอด้วย”         
“ครับ”  ราเชลมองตามร่างผอมบางไปจนลับตาจึงหันมาหาคนข้างหลัง         
“ขอบคุณครับหมอ…ขอบคุณที่หมออยู่กับผมวันนี้”           
“ลืมแล้วหรือราเชลว่าผมสัญญาไว้อย่างไร  ผมจะอยู่กับคุณตลอดไปจนกว่าคุณจะไม่ต้องการผม”         
“ขอบคุณครับ…คุณหมอช่วยผมไว้ทุกเรื่องจนผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว”         
“ก็ไม่ต้องตอบแทนอะไร  แค่คิดถึงผมเวลาที่คุณต้องการใครสักคนก็พอ”         
“คุณหมอ…”
นิ้วยาวสวยไล้บนแก้มเนียนเบาๆ  ราเชลหลบตาวูบ  ซอเรนละมือจากแก้มเนียน  เจ็บแปลบเมื่อเห็นกริยาของคนตรงหน้า  ให้อย่างไรราเชลก็ปฏิเสธเขาเสมอแม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม         
“ผมกลับล่ะ…พักผ่อนนะ เก็บแรงไว้เพราะพรุ่งนี้ คุณยังต้องเจออะไรอีกเยอะ…ราตรีสวัสดิ์ราเชล”         
“ราตรีสวัสดิ์ครับหมอ” เด็กหนุ่มมองตามท้ายรถไปจนลับตา  ในอกสะท้อนด้วยความสงสาร  ทำไมจะไม่รู้ว่าหมอต้องเจ็บปวดแค่ไหน  ซอเรนดีกับเขาเหลือเกินแต่ใจเขามันไม่เหลืออีกแล้ว           
‘ขอโทษครับหมอ…ผมไม่คู่ควรกับคุณสักนิด…ผมไม่มีค่าอีกแล้ว’  ราเชลสูดลมหายใจยาวลึกแล้วตัดใจกลับเข้าบ้าน  สิ่งเดียวที่เขาต้องคิดเวลานี้คือร่างที่นอนห้อยสายระโยงระยางอยู่ที่โรงพยาบาลกับคุณย่า…ไม่ใช่คนอื่น
          …………………….

ราเชลออกมาจากห้องทำงานของบิดาเพื่อพัก หลังจากนั่งอ่านเอกสารเป็นตั้งๆมาตั้งแต่เช้า  ยังไม่ทันลงไปถึงสวนเจอเข้ากับสาวใช้         
“คุณลอว์ลี่มาหาค่ะตอนนี้อยู่ที่สวน”         
“ขอบใจมาก”
ร่างโปร่งค่อนผอมกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอมาก เสื้อผ้าสีดำทั้งชุดทำให้ลอว์ลี่ดูแปลกตาไปกว่าที่เคย         
“ลอว์ลี่”         
“ราเชล”
สองเพื่อนรักโผเข้ากอดกัน  ลอว์ลี่จ้องราเชลตาเขม็งอยู่นาน         
“นายหายไปไหนมาตั้งหลายปี ไม่ยอมส่งข่าวให้รู้เลย  นี่ถ้าไม่ได้ข่าวคุณพ่อนายป่วยก็คงไม่รู้ว่านายกลับมาแล้ว”         
“ฉันไปเรียนอยู่อังกฤษ ปิดเทอมก็ไปอยู่กับคุณหมอโฮสกับครอบครัวที่ฮาวาย  ก็เพิ่งกลับบ้านนี่แหละ”         
“น่าอิจฉางั้นนายก็ได้เที่ยวทะเลทั้งปีเลยสิ  แต่ดูนายไม่ดำเท่าไหร่เลย”         
“ที่นั้นเป็นเกาะก็จริงแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะอยู่ติดทะเลนี่นา ฉันไปอยู่ที่สวนผลไม้ของคุณลุงหมอ  ได้ช่วยทำสวนด้วยนะ”       
“น่าสนุก  แล้วทำไมไม่ส่งข่าวให้พวกเรารู้เลยล่ะว่านายอยู่ไหน”         
“เกรงใจคุณหมอกับครอบครัวน่ะ  อีกอย่างทางนั้นก็ค่อนข้างไกล”
สาวใช้นำของว่างกับเครื่องดื่มมาเสริฟ ลอว์ลี่กับราเชลจึงย้ายไปนั่งคุยกันที่เก้าอี้แทน         
“นายล่ะตอนนี้เรียนที่ไหน?”         
“นิวยอร์ค…มหาลัยที่นั่นค่อนข้างมีชื่อเสียงแล้วก็น่าอยู่”         
“นายไปพักที่นั่นเลยเหรอ?”         
“ฮื่อ”         
“เจอรี่ล่ะ” ลอว์ลี่ไหวไหล่แสยะปากแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดื้อๆ         
“นายเจอริชแล้วหรือยัง?”         
“ก็เจอที่งานเลี้ยงแล้ว”         
“งานไหนอย่าบอกนะว่างานวันเกิดพ่อเขา”     
“ใช่”         
“เสียดายจังคืนนั้นฉันไม่ค่อยสบาย  เลยไม่ได้ไป  เนี่ยริชคงหงุดหงิดใหญ่ที่ฉันไม่…”ลอว์ลี่ชะงักยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ราเชลใจหายวูบสีหน้าตื่นตกใจของเพื่อนรักเหมือนจะบอกอะไรเป็นนัยๆ       
 “นายกับริช…เอ่อ…”         
“แย่จังเรานี่พูดอะไรเลอะเทอะ…ราเชล…เอ่อนายเลิกกับริชไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอหรือว่านายยังชอบเขาอยู่?”         
“เปล่า…เราเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาไปนานแล้ว”         
“เราก็เอ่อ…ได้ข่าวมาแบบนั้น”         
“นายคบกับริชเหรอลอว์ลี่”         
“เปล่า…แค่เคยเจอกันที่นิวยอร์คแล้วเขาจำได้ว่าเราเป็นเพื่อนนายแค่นั้นแหละ…จริงๆนะราเชล” ลอว์ลี่อธิบายละล่ำละลักอย่างมีพิรุธ       
“ถึงมีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่…ตอนนี้เราก็คบคนอื่นแล้ว”         
“ใครเหรอ?” คราวนี้ลอว์ลี่หน้าซีดลงอย่างฉับพลัน         
“เขาน่ารักมากเลย…เป็นลูกสาวของเจ้าบ้านที่ฮาวาย”         
“นาย...มีคนรักเป็นผู้หญิงเหรอ?” ลอว์ลี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ซึ่งราเชลคิดว่าคงเป็นเพราะความสงสารเขา       
“ฮื่อ…ทำไมแปลกเหรอ?”         
“ก็แบบว่าฉันเคยเห็นคุณหมอรูปหล่อที่ตามนายต้อยๆอยู่คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”         
“ไม่ใช่เหรอก  นั่นเป็นคุณหมอประจำบ้านน่ะ  สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก”         
“เหรอ…แล้วแฟนนายชื่ออะไร?”         
“มาริสา…ฉันมีรูปเขานะเดี๋ยวจะเอาให้ดู”
ราเชลเรียกเด็กให้ไปหยิบภาพเขียนที่ห้องทำงานให้  ลอว์ลี่รับภาพครึ่งตัวขนาดเกือบเท่าคนจริงมาดูแล้วนั่งนิ่งขึง  แม้จะยอมรับว่าสาวน้อยน่าตาคมขำในภาพสวยมากก็ตามแต่ไม่อยากจะเชื่อว่าราเชลจะกลับไปรักกับผู้หญิงได้ เพื่อนรักทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งลอว์ลี่ก็ลากลับไป  ราเชลยังนั่งอยู่ในสวนอีกนาน  ความรู้สึกเจ็บปวดอ่อนล้าประดังขึ้นมาจนแทบไม่อยากลุกขึ้น         
‘ขอโทษนะมาริสาที่ต้องเอาชื่อเธอมาอ้างอย่างนี้’ ราเชลนั่งอยู่ในสวนจนเย็น
                                            …………………

เพล้ง!!…แก้วคริสตันราคาสูงลิ่วกระจายเป็นชิ้นเมื่อถูกขว้างไปกระทบผนัง  ราฟ แฮมิลตันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหน้าตาเฉย ริชเหลือบมองคนที่เข้ามาด้วยสายตาขุ่นขวาง         
“มีอะไรอีกละคร้าบ…นี่มันเวลาพักผ่อนของผมแล้วนะ จะใช้งานอะไรอีก?”
ราฟเดินไปนั่งไขว่ห้างบนเตียง ตาสีเทามองอย่างพินิจพิจารณาจนริชอึดอัด         
“มีอะไรครับพ่อ?”         
“เปล่า”         
“แล้วพ่อเข้ามาทำไม?”         
“ทำไมล่ะ  ฉันเป็นพ่อแก  เข้าห้องแกไม่ได้หรือไง?”         
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น  พ่อมีธุระอะไรก็รีบๆพูดเถอะครับ พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางแต่เช้า”         
“จะรีบหนี…เอ้ย!…จะรีบไปไหนล่ะ?”       
“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นนะ  ผมไม่ได้หนีอะไร  แค่ต้องกลับไปทำงานเสียที  เดี๋ยวใครๆเขาจะว่าเอาได้ว่าทำงานไม่คุ้มกับเงินเดือน  อีกอย่างดอกเบี้ยเงินกู้ก็อาจจะทบขึ้นมาอีกก็ได้ถ้าผมจ่ายช้า”
ราฟยิ้มขันวาจาประชดประชันของลูกชาย ให้อย่างไรริชก็ยังชอบประชดเขาอยู่เหมือนเดิม  อยากรู้นักว่าถ้ารู้ว่าเขามาด้วยเรื่องอะไรจะยังประชดเขาออกหรือไม่         
“แกคงต้องเลื่อนกำหนดกลับเพราะพ่อมีธุระสำคัญจะใช้แก”         
“นั่นไงผมนึกแล้ว…ลองพ่อมาหาผมแบบนี้ไม่แคล้วใช้งานผมอีกแหงๆ  แล้วจะให้ผมรับใช้อะไรมิทราบครับท่าน”
ราฟเกือบจะอธิบายแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ  นึกอยากแกล้งลูกชายตัวแสบเล่น         
“หุ้นส่วนคนหนึ่งของพ่อเข้าโรงพยาบาล  แกช่วยไปเยี่ยมหน่อย”         
“สำคัญมากเลยเหรอครับถึงต้องให้ผมไป?”         
“มาก…ว่าไงแค่นี้คงไม่หนักเกินไปนะ?”         
“ได้ครับ  ผมแปลกใจมากกว่าที่พ่อใช้งานผมแค่นี้  แน่ใจหรือครับว่าต้องการให้ผมเยี่ยมเขาเฉยๆไม่ได้มีเรื่องงานอะไรด้วย?”         
“ก็มีนิดหน่อย  คืออยากให้บอกเขาว่าพ่อจะให้เขาร่วมทุนด้วย…อย่าทำหน้าอย่างนั้นเพราะนี่เป็นความต้องการของเขาเอง  พ่อแน่ใจว่าเขาอาจจะหายป่วยด้วยซ้ำถ้ารู้ข่าวนี้”         
“ครับ…แล้วเขาอยู่โรงพยาบาลไหนละครับ?”         
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้คนของพ่อจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่าง  แกแค่ไปเป็นตัวแทนพ่อก็พอ”         
“จะใช้ผมแค่นี้จริงๆเหรอครับ?” ริชหรี่ตามองบิดาอย่างไม่ค่อยไว้ใจ         
“จริง…เอาละพักผ่อนเถอะพ่อไปแล้ว”
ราฟตบไหล่ลูกชายเบาๆ  แล้วออกจากห้องไป  ริชยังนั่งมองขวดเหล้าบนโต๊ะอยู่นาน  กว่าจะถอนใจยาวแล้วลุกขึ้นเก็บเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่มุมห้อง  เพราะมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องอื่น แก้วคมบางเฉียบจึงบาดมือเอาจนได้  ริชทำแผลเองลวกๆ  ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่แล้วค่อยไปทำให้เรียบร้อยอีกที
      ..................................

ริชก้าวเข้าไปในโรงพยาบาลใหญ่อย่างแปลกใจนิดๆ  ดูเหมือนหุ้นส่วนรายนี้จะเป็นคนที่เขารู้จักเพราะพ่อไม่ยอมให้รายละเอียดใดๆนอกจากบอกว่าเขาเจอก็รู้เอง  ริชพยายามนึกหน้าหุ้นส่วนของพ่อที่เขาเคยรู้จักแต่ก็คิดไม่ตกว่าควรจะเป็นใคร
คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อเห็นป้ายชื่อคนไข้ที่หน้าห้อง  ชายหนุ่มเคาะประตูตามมารยาทแล้วจึงเปิดเข้าไป
ร่างที่นอนอยู่บนเตียงยังมีสายห้อยระโยงระยางอยู่หลายเส้น  ทั้งสายน้ำเกลือและเลือด  ดวงหน้าที่หันมาทางเขาซูบเซียวอย่างไม่น่าเชื่อ         
“สวัสดีครับคุณเวลบอร์น  คุณพ่อให้ผมเป็นตัวแทนมาเยี่ยมครับ”         
“…คุณแฮมิลตัน  เชิญครับเชิญนั่ง  แหม!ต้องขอบคุณคุณพ่อของคุณมากเลยที่อุตสาห์มีน้ำใจ” ท่าทางคนป่วยจะตื่นเต้นจนแทบลุกมาต้อนรับหากลุกได้         
“ครับแล้วคุณพ่อยังฝากมาบอกด้วยว่า ท่านยินดีให้คุณร่วมทุนด้วยตามที่คุณต้องการ” ริชมองตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นของนายเวลบอร์นอย่างสมเพช         
“หมายความว่าจะขายหุ้นให้ผมทั้งห้าเปอร์เซนเลยเหรอ?”         
“บอกแล้วไงครับว่าตามที่คุณต้องการ”         
“โอ้!ขอบคุณมากๆ  แหมช่างน่ายินดีเสียจริง…อ้าว!ราเชลมาพอดี”
ราเชลชะงักเมื่อเห็นร่างสูงๆยืนหันหลังให้อยู่หน้าเตียงบิดา         
“ขอโทษครับไม่ทราบว่าคุณพ่อมีแขก”         
“โอ๊ย!ไม่ใช่คนอื่นที่ไหน  แฮมิลตันน่ะลูก”
ริชหันกลับไปช้าๆ ทันได้เห็นใบหน้าซีดเผือดของเด็กหนุ่ม  ราเชลเม้มปากนิดหนึ่งแล้วค่อยคลายออก           
“สวัสดีครับคุณแฮมิลตัน”         
“สวัสดีราเชล”         
“ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมคุณพ่อ”         
“ฉันเป็นตัวแทนของคุณพ่อเหมือนกัน”
ตาโตไหววูบ สีหน้าสลดไปเล็กน้อยแล้วกลับเย็นชาดังเดิม 
ริชจับตาดูทุกอริยาบทของเด็กหนุ่มอย่างตั้งใจ  นับวันราเชลก็ยิ่งงดงามมากขึ้น  จากเด็กชายไร้เดียงสาน่ารัก มาเป็นเด็กหนุ่มบอบบาง สง่างามและยวนใจอย่างบอกไม่ถูก  ท่าทางเหมือนไม่แยแสของเด็กหนุ่มทำให้เขานึกสนุกปนหมั่นไส้  เขารู้จักราเชลดียิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก มีหรือจะดูไม่ออกว่าเด็กหนุ่มตื่นเต้นแค่ไหนที่เจอเขา     
ราเชลยืนนิ่งอย่างอึดอัด  ทำอะไรไม่ถูก มือไม้เก้งก้างไปหมดเพราะสายตาที่จับจ้องทุกฝีก้าว         
“เอ่อ…คุณพ่อทานยาแล้วใช่ไหมครับ?”         
“เรียบร้อยแล้ว”         
“งั้นผม…ขอตัวไปหาอะไรทานก่อนนะครับ”         
“แต่คุณแฮมิลตัน…”         
“แหม!พอดีเลยครับ  ผมก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน ขอไปทานด้วยคนนะครับราเชล”         
“ผม…”         
“ดีจริงราเชลช่วยดูแลคุณแฮมิลตันด้วยนะ  อีกหน่อยเราก็จะเป็นหุ้นส่วนกันแล้วฝากแขกของพ่อด้วยล่ะ”
ราเชลตาขุ่น ‘ทำเป็นขออนุญาตทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าต้องได้ไป’         
“…ครับ…เชิญครับคุณแฮมิลตัน” 
ราเชลจ้ำพรวดๆด้วยความโกรธ  ไม่ว่ากี่ปีริชก็เจ้าเล่ห์แสนกลเสมอ  เขาได้ในสิ่งที่ต้องการตลอดเวลาจนน่าหมั่นไส้         
“เดี๋ยวสิราเชล”
ราเชลปัดมือที่ยึดแขนเขาเต็มแรง เขาไม่ใช่ตุ๊กตาของริชอีกแล้ว         
“อย่ามาแตะต้อง…คุณ!…เป็นอะไร!”เด็กหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ 
ริชนิ่วหน้ากุมมืออีกข้างแน่นเลือดไหลปรี่และหยดลงที่พื้น  ราเชลหน้าซีดด้วยความตกใจ ปราดเข้าไปคว้ามือชายหนุ่มขึ้นดู  ผ้าที่พันไว้หยาบๆเปียกชุ่มด้วยเลือดสดๆแดงฉานจนน่ากลัว         
“ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจ…” เด็กหนุ่มใจหวิวเมื่อเห็นเลือด ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำให้ริชเจ็บขนาดนี้         
“ไม่…ไม่เป็นไร…แผลมันคงเปิดน่ะ” ริชกุมมือสั่นระริกแน่น ราเชลพยายามกดแผลเพื่อห้ามเลือดแต่ริชนิ่วหน้าท่าทางเจ็บมาก         
“คุณไปโดนอะไรมาครับเนี่ย?”         
“โดน…โดนมีดนิดหน่อย” ริชอึกอักเหมือนไม่อยากบอก         
“อะไรนะครับ?” ราเชลอุทานด้วยความตกใจ         
“อย่าเอะอะไป…ฉันโดนลอบทำร้ายเมื่อคืน  แต่ยังไม่มีใครรู้เลยพันแผลไว้เองกะว่าหลังจากเยี่ยมคุณพ่อเธอแล้วจะให้หมอดูให้”
ริชแต่งเรื่องทันควัน สมใจกับหน้าซีดเซียวด้วยความห่วงใยของเด็กหนุ่ม         
“โธ่…แล้วทำไมไม่ทำแผลก่อน  มานี่เลยนะ!…มาทำแผล”
ราเชลรีบลากแขนชายหนุ่มไปหาหมอ ด้วยรู้ดีว่าริชกลัวเข็มแค่ไหน หากไม่บังคับก็คงไม่ยอมทำแผลแน่ๆ         
“แต่เธอหิวไม่ใช่เหรอ?” ริชยื้อไว้ทำท่าอิดออด         
“ไม่ต้องมาพูดมาก มาเร็วเข้าเดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัวหรอก” 
ราเชลลากคนตัวโตด้วยความร้อนใจไม่รู้เลยว่าคนข้างหลังลอบยิ้มอย่างสมใจ  ถ้ารู้ว่าเจ็บแล้วจะทำให้ราเชลห่วงได้ขนาดนี้เขากรีดตัวเองให้แผลกว้างๆกว่านี้แล้ว แต่ไม่เป็นไรเมื่อครู่เลือดที่เขาอุตสาห์เค้นก็ไหลเยอะพอควร 
ราเชลเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องอย่างกังวล  ริชเข้าไปนานแล้วยังไม่ออกมาสักที  ประตูห้องตรวจเปิดออก  คุณหมอที่เคยผ่าตัดบิดาเดินนำออกมาก่อนตามด้วยร่างสูง  มือที่พันผ้าไว้เรียบร้อยแล้วถูกคล้องไว้กับคอ  ราเชลหน้าเสียด้วยความตกใจ         
“เรียบร้อยแล้วครับ อีกไม่กี่…เอ่อ ไม่นานก็คงดีขึ้น” คุณหมอหนุ่มเกือบน้ำตาเล็ดเพราะร้องเท้าผ้าใบคู่แพงที่เหยียบเอา         
“แผลลึกมากเลยเหรอครับ?”ราเชลมองมืออดีตคนรักอย่างกังวล         
“ครับลึก…ดีนะครับที่ไม่ติดเชื้อไม่อย่างนั้นคงได้ตัดมือทิ้ง”หางเสียงเน้นๆของคุณหมอเรียกเสียงไอขลุกขลักในลำคอของคนตัวสูง         
“แค็กๆ…แฮ่ม!…เอ่อ  เราไปหาอะไรทานกันดีกว่าราเชล”         
“เดี๋ยวสิครับ…ไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะครับคุณหมอ?”เด็กหนุ่มยังไม่วายกังวล         
“อ๋อ!…ครับ…แต่ถ้ามีอาการแทรกซ้อนอะไรก็รีบพามานะครับ”         
“ขอบคุณครับหมอ  ไปกันเถอะราเชล” 
ราเชลกล่าวคำอำลาเบาๆ  ใบหน้าเผือดลงด้วยความไม่สบายใจ  ริชถือโอกาสโอบไหล่บางให้เดินไปด้วยกัน ชายหนุ่มเหลียวกลับมามองคนข้างหลัง 
หมอหนุ่มแยกเขี้ยวเข้าใส่อย่างหมั่นไส้  ริชยักคิ้วให้แล้วรีบพาราเชลออกไปก่อนที่เด็กหนุ่มจะเห็นกิริยาของคนทั้งสอง         
“ไอ้กะล่อนเอ๊ย! แผลเท่าแมวข่วนเสือกให้โกหก  มันน่ากรีดให้ลึกๆเลยจะได้ สมจริงสมจัง” 
พยาบาลสาวที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะคิก  เพิ่งรู้ว่าทำไมคนไข้ที่แทบไม่ยอมให้ล้างแผลถึงบอกให้เธอพันแผลให้โตๆ  มิหนำซ้ำยังเอาแขนคล้องคอเสียอีก  ที่แท้ก็อยากอ้อนคนที่รออยู่ข้างนอกนี่เอง
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 10-09-2009 17:11:35
ราเชลเบือนหน้าไปทางอื่น…ไม่ควรเลย...เพราะเมื่อเช้าเขาเผลอไปแสดงความห่วงใยริชเลยได้โอกาสตามเขาเป็นเงา  แต่จะโทษริชคนเดียวคงไม่ได้ต้องโทษตัวเขาเองด้วยที่ใจไม่แข็งพอจะไล่ชายหนุ่มไปให้พ้น         
“เมื่อไหร่คุณจะกลับเสียที  ผมจะได้ทำงานบ้าง?” ราเชลมองคนตัวโตที่เดินสำรวจไปรอบห้องเขาอย่างเหลือทน  แล้วก็อดใจหายไม่ได้เมื่อชายหนุ่มหยุดกึก  สีหน้าเรียบเฉยก็จริง  แต่ดวงตาที่มองเขาตัดพ้ออย่างน้อยใจ         
“ขอโทษด้วยที่รบกวน  ฉันกลับละ” ริชจ่ำพรวดๆออกจากห้องไป         
“ดะ…เดี๋ยว…” ราเชลใจหายวาบเมื่อห้ามไม่ทัน         
‘ริชคงโกรธเรามากแน่ๆ…บ้าจริง!จะไปแคร์เขาทำไมกัน…’
เด็กหนุ่มสลัดศีรษะพยายามปัดความไม่สบายใจออกไป หันไปคว้างานที่คั่งค้างมาทำ  แต่อ่านถึง3 รอบเขาก็ยังไม่เข้าใจจึงยอมแพ้  เด็กหนุ่มโยนปากกาลงบนโต๊ะและก้าวไปหยุดยืนมองที่นอกหน้าต่าง  อดไม่ได้ที่จะมองหาคนที่เพิ่งลงไป  ร่างสูงโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน 
ราเชลเผลอนิ่วหน้าอย่างตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มลงไปเรียกแท็กซี่แต่กลับถูกชายคนหนึ่งกระแทกจนเกือบล้มแล้วแทรกขึ้นรถไปก่อน  รถแท็กซี่คันต่อไปเข้ามาจอดแต่หญิงร่างอ้วนก็ปราดเข้ามาแทรกขึ้นไปอีก  พอถูกแทรกหลายคนเข้าริชก็ถอยออกมาจากขอบถนน  คนยืนดูแทบผวาเมื่อเห็นร่างสูงเซเหมือนจะล้มแต่ก็คว้าเสาต้นหนึ่งไว้ได้  เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาวิ่งลงไปเร็วขนาดไหน  ร่างสูงยืนพิงเสาโงนเงนไปมา   ราเชลปราดเข้าไปประคองเอาไว้         
“คุณเป็นไงบ้าง?”         
“ไม่…ไม่เป็นไร…จู่ๆก็เกิดปวดแผล  แล้วมันหน้ามืดเท่านั้น” ริชพยายามฝืนยิ้มแต่มือที่มีแผลสั่นระริก         
“ไปหาหมอดีกว่า  อาการคุณไม่ดีเลย”         
“ไม่หรอก…ฉันยังทนได้…เธอกลับไปทำงานเถอะ”หางเสียงขึ้นจมูกกับอาการเมินไปทางอื่นบอกให้รู้ว่ากำลังน้อยใจ ราเชลมองกิริยานั้นอย่างอ่อนใจปนสงสาร         
“อย่ามาทำอวดเก่งหน่อยเลย  มา...ผมจะพาคุณไปหาหมอ” 
ราเชลกึ่งประคองกึ่งลากชายหนุ่มมาจนได้  ร่างสูงทั้งหนาและหนักกว่าจะมาถึงลานจอดรถก็เล่นเอาคนประคองเหนื่อย ราเชลเปิดประตูแล้วพยายามผ่อนร่างหนาหนักลง  แต่ริชทิ้งตัวลงบนเบาะแรงจนรั้งคนประคองให้เซตามลงไป 
แม้จะเสียหลักแต่เมื่อเห็นว่ากำลังจะล้มทับมือข้างเจ็บของชายหนุ่ม ราเชลก็เบี่ยงตัวหนีทำให้ล้มลงไปบนอกริชทั้งตัว แขนแน่นเหมือนปลอกเหล็กรัดร่างน้อยแนบอก         
“จำได้ว่าตอนเจอกันครั้งแรก เธอก็ล้มลงบนอกฉันแบบนี้”
ริชกระซิบเสียงแผ่วตาหวานระยับ  ราเชลตะลึง ลมหาย ใจร้อนผ่าวรินรดข้างแก้ม  ปากร้อนๆเลื่อนลงมาที่ปากอิ่ม  ทันทีที่สัมผัสกันก็เหมือนกับมีกระแสไฟวิ่งผ่านจนชาไปหมดทั้งตัว  ราเชลเผยอปากรับลิ้นร้อนอย่างไม่ตั้งใจ  ไฟที่เขาเคยคิดว่าดับมอดกระพือโหมจนลุกโพลง  ร่างบอบบางถูกรัดขึ้นไปเบียดแน่นบนอกกว้าง  มือร้อนลูบไล้จากแผ่นหลังขึ้นมาตรึงศีรษะเล็กทุยให้แนบชิดยิ่งขึ้น 
ริชจูบอย่างที่อยากจูบ  เรียกร้องอย่างที่เขาเคยต้องการ  ไฟริษยา หึงหวงที่เผาผลาญเขามาตลอดสัปดาห์ค่อยๆมอดลง เพียงแค่จูบเดียวก็ดับความโกรธแค้นได้ในพริบตา           
“ราเชล…ราเชล…ที่รัก…ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน” เสียงกระซิบข้างหูดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว  ราเชลผวาออกอย่างตกใจ  นี่เขาทำอะไรลงไป  ใบหน้าคมคายที่ห่างเพียงหนึ่งคืบกำลังแนบกลับเข้ามาอีกครั้ง  ราเชลดันคางสากออกห่างแล้วรีบผละออกไปยืนขาสั่นอยู่ข้างรถ ริชขมวดคิ้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหาแต่ราเชลปัดออก         
“ทำไม…เกิดอะไรขึ้น…ราเชล?”       
“ผมจะให้คนพาคุณไปส่ง”
ราเชลดีใจที่เสียงตัวเองไม่สั่นอย่างร่างกาย เด็กหนุ่มเดินกลับไปที่ตึกแล้วเรียกให้พนักงานขับรถไปส่งริช
      ..................................     
   
ราเชลมาบริษัทแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนด้วยมัวแต่นึกถึงสัมผัสหวานวาบหวามในรถ เด็กหนุ่มแปลกใจที่วันนี้ยามมองเขาแปลกๆ แต่เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานก็ได้คำตอบ 
ทันทีที่เปิดประตูกลิ่นดอกไม้ก็หอมอวลต้อนรับ  ทุกมุมของห้องจะมีดอกไม้จัดไว้อย่างสวยงาม แม้จะเยอะแต่ก็ไม่รกด้วยความสามารถของคนจัด  หากแต่บนโต๊ะเขากลับมีดอกลิลลี่สีขาววางอยู่ดอกเดียว ทับการ์ดสีครีมที่เขียนข้อความไว้สั้นๆ         
‘ขอบคุณสำหรับความห่วงใย’
ไม่มีชื่อคนส่งแต่นิสัยแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร  ราเชลเม้มปาก อยากโยนดอกไม้ทั้งหมดออกนอกห้อง แต่มุมหนึ่งของใจกลับปลาบปลื้มและอบอุ่น         
‘คุณเป็นแบบนี้เสมอเลยนะริช…เวลาหวานคุณก็ทำให้หัวใจแทบละลายแต่คุณก็โหดร้ายอย่างไม่มีใครเทียบเหมือนกัน’
ทุกวันจะมีดอกไม้ส่งมาในรูปแบบต่างๆ บางครั้งก็จัดใส่รถจนเต็มและนำมาจอดไว้ข้างที่จอดรถของเด็กหนุ่ม  บางวันก็จัดไว้ตั้งแต่หน้าลิฟต์จนถึงทางเดินหน้าห้องหรือแม้แต่ห้องน้ำ  ราเชลได้แต่อ่อนใจแต่ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะดูทุกคนในบริษัทจะชอบใจเขาถึงไม่เคยรู้ว่าดอกไม้ถูกส่งมาจากที่ไหน         
เช้าวันนี้ดูแปลกไปกว่าทุกที…ราเชลอดมองหาไม่ได้แต่กลับไม่พบดอกไม้เลยสักดอก         
‘เลิกยุ่งซะทีก็ดี…คงรู้ตัวละสิว่าน่ารำคาญแค่ไหน’ แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่วันนี้เขากลับหงุดหงิดและไม่มีสมาธิในการทำงานเลย RRRRRRR…..
เสียงโทรศัพท์ทำเอาเขาสะดุ้งเพราะกำลังใจลอย  ราเชลรีบกดรับ       
“ครับ”         
“คุณราเชลครับวันนี้มีประชุม 10 โมงนะครับ” เลขาของบิดากลายมาเป็นเลขาให้เขาโทรมาเตือนตามหน้าที่         
“ตายจริงผมลืมซะสนิทเลย…ขอบคุณครับที่เตือน”
ราเชลเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะ  อีก15นาทีจะได้เวลาประชุม  เด็กหนุ่มตรวจงานอีกครั้งแล้วแทบถอนใจเมื่อสังเกตว่าเขาตรวจผลประกอบการของ 2เดือนที่แล้วไม่ใช่เดือนนี้ เด็กหนุ่มปิดแฟ้มขยี้ที่หัวคิ้วอย่างหงุดหงิด  เขาแทบไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจของบิดาเลย เมื่อต้องมาบริหารแทนเขาจึงต้องมานั่งอ่านรายงานเป็นตั้งๆเพื่อศึกษาให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ราเชลก็คว้าเสื้อคลุมตัวนอกมาสวมแล้วลุกไปห้องประชุม         
วันนี้ห้องประชุดดูแปลกตาไปกว่าทุกทีเพราะจัดเป็นรูปวงกลม  ส่วนที่ควรจะเป็นที่นั่งของเขามีเก้าอี้ตั้งเคียงกันสองตัว  พนักงานของเขาส่วนใหญ่เข้ามานั่งแล้วแต่ยังเหลือเก้าอี้อีกสามตัวที่ว่างอยู่…รวมทั้งเก้าอี้ที่ถูกยกมาเสริมข้างเขา           
ราเชลหันไปมองหน้าเลขาของบิดา ยังไม่ทันที่จะถามประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะและเปิดเข้ามา  มีฝ่ายบริหารคนหนึ่งเดินนำชายแปลกหน้าสามคนเข้ามาและ…ริช  แฮมิลตัน!         
“นี่มันอะไรกันครับ?…แฮมิลตันมาทำอะไรที่นี่?” ราเชลกระซิบถามเลขาบิดาอย่างร้อนรน         
“ก็วันนี้เรานัดประชุมนัดแรกกับแฮมิลตันคอปเปอร์เรชั่นก่อนการเซ็นสัญญาร่วมทุนไงครับ”       
“สัญญาร่วมทุน?”         
“คุณราเชลยังไม่ได้อ่านเอกสารที่ผมส่งไปให้เหรอครับเหรอครับ?” เลขาบิดาอุทานอย่างตกใจ
ราเชลหน้าร้อนวาบด้วยความอาย  พนักงานทั้งบริษัทรู้ว่าแฮมิลตันคอป-เปอร์เรชั่นจะมาร่วมทุนกับบริษัทแต่ผู้บริหารกลับไม่รู้อะไรเลย         
พนักงานของริชเข้าประจำที่แล้ว แต่ริชยังรออยู่ข้างๆไม่นั่งก่อน  ราเชลข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้เข้าไปประจำที่พร้อมๆกับริช แล้วการประชุมก็เริ่มขึ้น         
ผู้จัดการฝ่ายต่างๆลุกขึ้นชี้แจงผลงานและสรุปผลประกอบการในรอบปี คนของริชซักถามอย่างละเอียด  ราเชลได้แต่ฟังเงียบๆเพราะเขารู้รายละเอียดน้อยมาก ริชเองก็นั่งฟังนิ่งๆแต่เด็กหนุ่มแน่ใจว่าไม่ได้มีสาเหตุเดียวกับเขาแน่
แม้จะรู้เรื่องธุรกิจของบิดาไม่มากนัก แต่สีหน้าของพนักงานจากแฮมิลตันคอปเปอร์เรชั่นก็บอกได้ว่าบริษัทของบิดาเขายังมีศักยภาพไม่พอที่จะเข้าร่วมทุนกับบริษัทย่อยในของเครือแฮมิลตันด้วยซ้ำ ทุกคนหันมาจ้องริชเป็นตาเดียวเพื่อรอการตัดสินใจ  ริชมองรายงานในมือนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเหลือบมองหน้าเขา  ดวงตาคมที่เป็นประกายเจิดจ้าจนเด็กหนุ่มต้องหลบตา         
“สัปดาห์หน้าเราจะเซ็นสัญญากัน”
เสียงปรบมือกราวจากพนักงานของบิดาทำให้ราเชลอดเหลือบมองคนของริชไม่ได้  แม้จะปรบมือแต่ก็ดูรู้ว่าเป็นไปตามมารยาทเท่านั้น เลขาของบิดาก็มีท่าทางไม่ค่อยสบายใจนัก  แต่ก็ยังคงยิ้มแย้มเข้าไปพูดคุยกับคนของริชและเชิญร่วมรับประทานอาหารกลางวัน  ราเชลออกจากห้องประชุมโดยมีริชเดินตามมาติดๆ         
“คุยกันหน่อยดีไหม?”       
“ทำไมคุณถึง…”ราเชลหมุนตัวกลับตั้งใจจะต่อว่าแต่กลายเป็นยืนชิดอกกว้างจนได้ไอตัวร้อนผ่าว         
“ไปคุยกันที่ห้องทำงานเธอดีกว่า”
ริชถือวิสาสะคว้าต้นแขนเด็กหนุ่มดึงเข้าไปในห้องทำงาน  ราเชลพยายามปลดมืออุ่นๆนั้นออกแต่ริชไม่ยอมปล่อย กลับดึงร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากัน
ราเชลเบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตา  หัวใจเต้นรัวเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจร้อนๆที่รินรดหน้าผาก         
“ราเชล…คิดถึงกันบ้างไหม…หรือว่าลืมฉันไปแล้ว?”
เสียงกระซิบแผ่วๆข้างหูนั้นทำเอาเด็กหนุ่มแทบเข่าอ่อน  มือที่ยึดไหล่บางเลื่อนไปโอบรัดจนร่างของทั้งสองแนบกันสนิท เด็กหนุ่มสะดุ้งพยายามถอยหนีแต่วงแขนแน่นหนากลับโอบกระชับยิ่งขึ้น         
“ปะ…ปล่อย…คุณแฮมิลตันกรุณาปล่อยผม” ราเชลเสียงสั่น         
“ไม่มีทาง…ทำไมต้องหนีล่ะ…เก่งจริงก็สบตากันหน่อยสิราเชล”
ราเชลเงยขวับเมื่อถูกสบประมาท  แต่ไม่อาจมองตาวาววับนั้นได้นานต้องเสมองไปที่อื่น ริชก้มลงมองวงหน้าแดงซ่านในอ้อมแขนด้วยความทะยานใจ  เกือบสัปดาห์ที่เขาไม่ได้เห็นราเชล  มันทรมานและทุรนทุรายจนแทบทนไม่ไหว หากไม่เตรียมแผนการให้ราเชลประหลาดใจวันนี้ เขาคงแล่นมาหาเสียตั้งแต่วันแรกนั่นแล้ว  ปากสีสดสั่นระริกเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้อง  ริชก้มลงไปหาช้าๆ  เด็กหนุ่มพยายามเอนตัวหนีแต่ไม่พ้น         
“คุณ..อยะ…อือ…”
เสียงห้ามปรามถูกกลืนหายเมื่อปากร้อนแนบประกบ  จูบอ่อนหวานนุ่มนวลหยุดการต่อต้านของราเชลได้ราบคาบ  แขนขาของดูเหมือนจะไร้เรียวแรงดื้อๆ 
ริชค่อยๆถอนปากอย่างเสียดายเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู  หากไม่เกรงว่าจะทำให้ราเชลถูกมองในทางไม่ดีเขาคงไม่มีวันปล่อย ชายหนุ่มวางร่างอ่อนระทวยนั้นลงบนเก้าอี้และหมุนเข้าหาผนังกระจก แล้วจึงกลับไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะราเชลเป็นจังหวะเดียวกับที่เลขาของชาร์ลเปิดประตูเข้ามา 
ราเชลสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจายให้เข้าที่  เขาไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูด้วยซ้ำ  หากริชไม่ปล่อยแน่นอนว่าเลขาของบิดาคงได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับริชและเขาคงไม่มีหน้าทำงานอยู่ที่นี่อีกต่อไป         
“ผมร่างสัญญาคราวๆมาให้ครับ…ไม่ทราบว่าคุณแฮมิลตันจะตรวจไหมครับ?”         
“ขอบคุณ…ทางเราก็เตรียมสัญญาไว้เช่นกัน แต่ยังไงขอดูของทางนี้ก่อนก็ดี”
เลขาเอาสัญญาเข้ามาวางให้ริชตรวจ  ตลอดเวลาราเชลได้แต่มองออกไปข้างนอกไม่กล้าหันกลับมาเผชิญหน้ากับริชด้วยเกรงจะเห็นสายตาหมิ่นแคลนในความ‘ง่าย’และ‘อ่อนแอ’ของเขา         
“ส่วนใหญ่ก็ตรงกันแต่มีรายละเอียดบางแห่งที่ต่างกัน  เอาเป็นว่าทางเราจะส่งคนมาคุยรายละเอียดเรื่องนี้อีกทีแล้วกัน”         
“ครับท่าน” เลขาของชาร์ลเหลือบมองนายน้อย แต่เห็นเพียงพนักสูงๆของเก้าอี้เท่านั้น  ท่าทางทั้งคู่คงกำลังคุยอะไรที่สำคัญกันอยู่  ทางที่ดีเขาควรหลบออกไปโดยเร็วจะดีกว่า         
ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิดราเชลก็รีบลุกขึ้นเพื่อออกไปบ้างแต่ริชปราดเข้ามาขวางอย่างรู้ทัน         
“ใจคอเราจะไม่พูดกันเลยเหรอ?”         
“ผมไม่ทราบจะคุยอะไรกับคุณ” ราเชลเมินไปทางอื่น หน้ายังร้อนเกินกว่าจะสบตาด้วย         
“ก็เรื่องธุรกิจของเราไง”         
“ธุรกิจนี่เป็นของพ่อไม่ใช่ของผม”         
“งั้นก็คุยเรื่องของเราสองคน”         
“เรื่องของคุณกับผมมันจบไปหลายปีแล้วและผมแน่ใจว่าไม่มีอะไรควรพูดถึง”         
“อย่างนั้นเหรอราเชล…งั้นเธอกล้ามองตาฉันไหม?”         
“ไม่จำเป็น…ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วกรุณาหลีกผมจะออกไปข้างนอก”         
“เอ…คงไม่ได้หรอก”         
“คุณ!”         
“นี่มันเที่ยงกว่าแล้ว…ใจคอเธอจะปล่อยให้ว่าที่หุ้นส่วนหิวตายหรือไง…น่าเลี้ยงรับรองฉันหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง?”         
“ผมจะให้เลขาคุณพ่อพาคุณไป”         
“ขี้ขลาด” ริชกระซิบยิ้มๆชิดหน้าผากมน           
“คุณว่าใคร?” ราเชลตาขุ่นด้วยความโกรธแต่กลับไม่กล้าสบตาริช         
“เธอ”         
“คุณไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ผม”         
“เธอหนีใจตัวเองไม่พ้นหรอกราเชล”         
“ผมไม่ได้หนี”         
“แต่การกระทำของเธอเนี่ย เขาเรียกว่าหนี”         
“ผมไม่ได้หนี!”         
“ดี…งั้นไปทานมื้อเที่ยงกัน”         
“นี่คุณ…ปล่อยผมนะ”
ริชอมยิ้มลากข้อมือเล็กให้เดินตามมา  ราเชลจำต้องรีบจ้ำตามด้วยไม่ต้องการให้เป็นที่สังเกตของพนักงานในบริษัท  โชคยังดีที่เวลานี้พนักงานส่วนใหญ่ออกไปรับประทานอาหารกันหมดแล้ว เหลืออยู่บ้างก็กำลังยุ่งจนไม่มีเวลามาสนใจเขากับริช
ราเชลเม้มปากแน่นเมื่อจำร้านที่ริชพามาได้  ร้านนี้เขาเคยมากับริชบ่อยๆด้วยความประทับใจในบรรยากาศน่ารักๆของร้าน  ริชเดินนำเข้าไปยังโต๊ะประจำ ทันทีที่นั่งลงเครื่องดื่มก็ถูกนำมาเสริฟทันที  ราเชลได้แต่นั่งหน้าบึ้งมองอาหารที่ถูกลำเลียงมาด้วยความขุ่นเคืองในความเอาแต่ใจของริช  แต่ลึกๆก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่ริชจำยังอาหารที่เขาชอบได้ทุกอย่าง  แต่ราเชลไม่ได้แสดงออกหนำซ้ำยังทำเมินหน้าหนี  ทำให้ริชนิ่งไปด้วยความผิดหวัง         
“ทานน้อยจัง…มิน่าถึงผอมนัก”         
“ผมไม่ทานก็เพราะไม่ชอบ”         
“แต่นี่เป็นของชอบของเธอทั้งนั้นนะ”         
“แหม…คุณแฮมิลตันครับ…ผ่านไปตั้งนานแล้วความชอบของคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้นะครับ” ราเชลตอบเยาะๆ ทั้งสีหน้าและแววตาเป็นประกายเย้ยหยัน         
“แปลว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนไปชอบอย่างอื่นแล้วสิ” ริชเสียดสีกลับ           
“ครับ” ราเชลรู้นัยคำพูดของชายหนุ่มดี  แต่เด็กหนุ่มกลับตอบรับหน้าตาเฉย สะใจที่ได้เห็นหน้าคมเผือดลง         
“งั้นเหรอ…แปลกนะที่ฉันแทบไม่รู้สึกว่าเธอเปลี่ยน”         
“บางครั้งสิ่งที่เราเชื่อกับความจริงก็ต่างกันนะครับ”
ตาคมหรี่ลงอย่างมาดหมาย         
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องพิสูจน์ให้ได้…จริงไหมราเชล?”
ราเชลไหวไหล่และเมินมองไปทางอื่น  แต่เย็นวาบไปทั้งตัว แน่ใจได้เลยว่านับจากวันนี้ริชต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ว่าเขายัง‘รู้สึก’กับชายหนุ่มเหมือนเดิม
แม้จะหวั่นไหวเพียงใดแต่ราเชลก็แน่ใจว่าเขาต้องทำให้ริชรู้ว่าชายหนุ่มไม่มีอิทธิพลใดๆต่อหัวใจของเขาอีกแล้ว…และเขาต้องทำทุกทางไม่ให้ตัวเองกลับไปเจ็บอีกครั้ง  เกราะกำบังที่ดีที่สุดก็คือความเจ็บปวดที่ริชเคยทำไว้กับเขานั่นเอง
      ..................................

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 10-09-2009 17:17:34
.........
ราเชลอ้าปากค้างเมื่อเปิดประตูรถแล้วเจอริชนอนเอกเขนกอยู่ในรถของเขา           
“คุณ! เข้ามาในรถผมได้ยังไง?”         
“ก็เปิดเข้ามาสิ…ช้าจังฉันรอจนหิวแล้ว ไปกันเถอะ”         
“นี่ลงไปนะ...ผมไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น บอกว่าให้ลงไป”         
“ไม่ได้หรอกเด็กดี  เพราะคุณพ่อเธอเชิญฉันไปทานมื้อค่ำที่บ้าน”         
“ก็ไปรถคุณสิ ผมมีธุระต้องรีบไป”         
“รีบขนาดไม่ไปรับคุณพ่อออกจากโรงพยาบาลเชียวเหรอ?”         
“คุณแฮมิลตัน ลงไปนะ”         
“ไม่เอาน่า ให้ฉันไปด้วยคนนะ…น่า…เอถ้าคุณพ่อเธอรู้ว่าฉันโดนไล่ลงจากรถจะว่าไงน้า?”         
“คุณนี่มัน…เจ้าเล่ห์แสนกลที่สุด!”         
“ขอบคุณครับที่ชม…ออกรถได้แล้ว”
ราเชลทำอะไรไม่ได้นอกจากออกรถอย่างกระชากกระชั้น โดยมีคนตัวโตนั่งผิวปากอยู่ข้างๆอย่างสบายอารมณ์
ทั้งที่ควรจะสะใจที่ริชถูกคุณย่าเมินใส่  ความตึงเครียดทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับชาร์ลพังไม่เป็นท่า และเขาก็ประท้วงด้วยการไม่ยอมกินอาหาร ริช จึงขอตัวกลับไปก่อน  ทุกคนแยกย้ายกลับห้องด้วยความรู้สึกต่างๆกันและราเชลก็นอนไม่หลับทั้งคืน
      ..................................

เลขาของชาร์ลหน้าตึงสนิทเมื่อพบว่าเอกสารยังไม่ได้รับการอนุมัติทั้งๆที่ต้องเร่งผลิตให้ทันเวลา  ไม่อย่างนั้นสินค้าก็จะจัดส่งไม่ครบตามโควต้า       
“นี่เป็นเอกสารที่คุณต้องเซ็นครับ คุณราเชลกรุณาพิจารณาเร็วหน่อยนะครับ  ทางฝ่ายผลิตเร่งเรามากเลย”
ราเชลกุมขมับ เขาแทบไม่เข้าใจสิ่งอ่านเลย  เขาไม่มีความรู้ทางธุรกิจสักนิด จู่ๆจะมาให้ตัดสินใจกะทันหันเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง  เสียงเคาะประตูสองครั้งแล้วเปิดผัวะเข้ามาทันที  ริชถือแฟ้มเล่มใหญ่เข้ามาด้วย         
“อ่านซะแล้วเซ็นด้วย”         
“ผมต้องรีบตัดสินใจเรื่องจัดซื้อของฝ่ายผลิตก่อน”         
“น่า…อันนี้สำคัญกว่า  อันนั้นเอามานี่”         
“คุณ!”
ราเชลพูดไม่ออกเมื่องานถูกดึงไปดื้อๆแถมยังถูกยัดเยียดอีกแฟ้มให้แทน  ราเชลอ่านเสร็จก็เซ็น  แค่เอกสารการประชุมทำไมสำคัญจนริชต้องเอาเข้ามาให้เซ็นเอง  ราเชลอ่านทวนอีกครั้งเผื่อมีอะไรที่เขามองข้ามแต่ก็ไม่เห็นจุดที่ว่า  ทันทีที่เขาวางแฟ้มลง ริชก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ         
“จะทำอะไร?” เด็กหนุ่มถามอย่างระแวง  ใจเต้นระรัวเมื่อนึกถึงจูบเมื่อวันก่อน       
“เอกสารพิมพ์ผิดละมั้ง  ก็จะอธิบายงานฝ่ายผลิตให้ฟังนะสิ”         
“แต่…”         
“งานเร่งนะ  เธอยังไม่ได้อ่านไม่ใช่เหรอ  ฉันอ่านมาแล้วสรุปคร่าวๆเร็วกว่าอ่านเองน่า”
ปากว่าสรุปคร่าวๆแต่ริชกลับอธิบายเสียละเอียดตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานไปจนถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญในการตัดสินใจจะเพิ่มหรือลดส่วนใดที่จะจัดซื้อ
ราเชลแน่ใจว่าริชกำลังสอนงานเขา  แม้จะเป็นความหวังดี แต่การที่ต้องทนนั่งชิดกับคนที่ทำให้หัวใจโลดแรงแทบไม่เป็นจังหวะอย่างนี้มันลำบาก ลมหาย- ใจร้อนๆรินรดแก้มบ่อยครั้งจนราเชลต้องเมินไปทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าร้อนผ่าว           
“นี่ตั้งใจฟังหน่อยสิ”       
 “ก็พูดไปสิ”         
“หันมาทางนี้สิ  ไม่ดูแล้วจะเข้าใจไหมเนี่ย”         
“ผมรู้เรื่องก็แล้วกันแหละ”         
“จริงอะ…เขินฉันก็บอกเถอะน่า”         
“ใครเขินคุณ”
ราเชลหันมาทำตาเขียว  แต่ริชจ้องเขม็งจนต้องหลบ  ริชฉวยโอกาสหอมแก้มนวลแรงๆ เด็กหนุ่มสะดุ้งพยายามถอยหนีแต่ติดพนักพิง  ริชยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้แล้วจุมพิตที่หน้าผากแผ่วเบา  ราเชลหน้าแดงซ่านด้วยความอายปนอุ่นๆในใจ  แต่ต้องฝืนทำเป็นโมโหไม่อยากให้ริชได้ใจว่าเขายังมีใจให้อยู่         
“อย่ามาทำรุ่มรามกับผมนะ…หลีกไป”         
“ไม่…ยังอธิบายไม่จบจะไปได้ไง”         
“ผมเรียกฝ่ายผลิตเข้ามาคุยก็ได้  คุณถอยไปได้แล้ว”         
“คำก็ไล่สองคำก็ไล่…จะให้ไปมันต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ”         
“อะไรอีกละ”         
“จูบ 1ทีแล้วฉันจะถอย”         
“ไม่”         
“งั้น2ทีแล้วฉันจะออกไปเลย”         
“ไม่!บอกว่าไม่ไง  นี่ถอยไปนะ  ริช…อย่านะ” ราเชลอุทานอย่างตกใจเมื่อใบหน้าคร้ามก้มมาใกล้อย่างรวดเร็ว  ริชแกล้งปัดจมูกผ่านแก้มนวลเบาๆ เด็กหนุ่มสะดุ้งรีบดันอกกว้างไว้           
“อย่านะ…ออกไปเดี๋ยวนี้ไม่งั้นผมเรียกยามมาลากคุณออกไปโยนข้างนอกแน่”         
“โอ้ยน่ากลัวจัง…ก็ได้”ริชผละไปดื้อๆจนราเชลยังแปลกใจ  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อริชล็อคห้องแล้วหันกลับมาอย่างรวดเร็ว         
“อย่า…ริช…อือ…”ราเชลกระโดดหนีแต่ริชคว้าตัวไว้ได้  ชายหนุ่มประกบจูบอย่างรวดเร็ว  ราเชลพยายามดิ้นแต่อ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นจนแทบกระดิกตัวไม่ได้  ริชหมุนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของราเชล  มีร่างบางอยู่บนตัก  ลิ้นร้อนกวาดไล้ไปทั่วโพลงปากนุ่มหอม  ได้ยินเสียงประท้วงอู้อี้ แล้วกลายเป็นเสียงครางในที่สุด  นิ้วยาวเกี่ยวชายเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นทีละนิดจนหลุดจากเข็มขัดโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว  กระดุมถูกปลดอย่างว่องไว  ราเชลสะดุ้งเมื่อฝ่ามือร้อนสอดเข้ามาลูบไล้ทั่วแผ่นหลัง และเลื่อนลงมาด้านหน้า  เด็กหนุ่มผวาเมื่อยอดอกถูกสะกิดเบาๆก่อนจะบีบคลึงจนเสียวซ่าน         
“อะ…อย่า…ริช…”ราเชลร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ 
ริชไม่ยอมปล่อยโอกาส  ชายหนุ่มละมือจากยอดอกตึงเลื่อนลงมาหาหน้าท้องเนียน  ปลดเข็มขัดออกอย่างว่องไว         
“ริช!” ราเชลอุทานเสียงหลง  มือที่เตรียมผลักไสกำแขนเสื้อริชแน่นเมื่ออุ้งมือร้อนโอบประคองส่วนไวต่อความรู้สึกเอาไว้  ปากร้อนปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระแล้วเลื่อนลงมาครอบครองยอดสีสดไว้ในปาก  ฟันคมดูดดึงนุ่มนวล  พอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กหนุ่ม         
ราเชลหูอื้อตาลายไปหมด  สอดมือเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มหนากดให้แนบชิดยิ่งขึ้น สะโพกขยับยกตามจังหวะที่ริชนำพา ความเสียวซ่านแผ่ซ่านจากหน้าท้องลามไปยังทุกเส้นเลือด  ยิ่งริชเร่งมากเท่าไหร่ ขดลวดในท้องก็ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
ริชดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเมื่อสะโพกกลมยกเกร็งขึ้น  เสียงครางเรียกชื่อเขาหอบกระชั้น ชายหนุ่มรั้งใบหน้าเนียนลงมาหา  ปากร้อนแนบประกบกับปากอิ่ม ทันทีที่ฉกลิ้นเข้าไปในปากนุ่มก็ได้รับการเสนอสนองตอบ  ร่างบางกระตุกไปทั้งตัวได้ยินเสียงร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ  ของเหลวอุ่นร้อนทะลักออกมาและถูกกอบเก็บไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าเพื่อไม่ให้ชุดทำงานของราเชลเปื้อน  ลมหายใจหอบสะท้านค่อยๆผ่อนลง  ริขประคองร่างบางไว้กับอก  ได้ยินเสียงหัวใจของคนรักเต้นระรัว
 ราเชลไม่กล้ามองหน้าริชอยู่หลายวัน  เขาหลับจนไม่รู้ว่าริชออกไปเมื่อไหร่  มาตื่นเอาตอนที่เลขาเข้ามาเรียก  ยังดีที่ริชแต่งตัวให้แล้วไม่อย่างนั้นเขาคงอายแทบแทรกแผ่นดินหนี 
      ..................................

         ราเชลชะงักเมื่อลงจากรถแล้วพบว่ามีรถจิ๊ปคันหนึ่งจอดอยู่ในลานจอดของฝ่ายบริหาร  สภาพที่โคลนเลอะถึงหลังคาไม่น่าจะผ่านด่านอันเข้มงวดของยามที่นี่เข้ามาได้  เด็กหนุ่มลงไปหยุดยืนมองอยู่นานจนยามคนหนึ่งผ่านมา         
“มีอะไรครับท่าน?”         
“รถใคร?”         
“จากแฮมิลตันคอปฯครับผม”
ราเชลขมวดคิ้ว  นึกไม่ออกว่าจะมีผู้บริหารคนไหนของแฮมิลตันคอปฯที่จะขับรถแบบนี้มาทำงาน           
ร่างที่ยืนเท้าเอวหันหลังให้ทำให้ห้องแคบไปถนัดใจด้วยความสูงและหนาของชายคนนั้น ทันที่ได้ยินเสียงเปิดประตูร่างนั้นก็หันขวับกลับมา  ใบหน้ายาวกรามเหลียมค่อนข้างคล้ำแดด  ดวงตาเรียวเป็นประกายแข็งดุและค่อนข้างกร้าว  ปากบางเฉียบยิ้มหยันปนหมิ่นนิดๆทำราเชลรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความไม่พอใจ  แต่เด็กหนุ่มก็กดความรู้สึกนั้นลงเป็นฝ่ายยิ้มและทักทายก่อน         
“สวัสดีครับ ผมราเชล เวลบอร์น ฝ่ายบริหารครับ”         
“…ผมเดนเซล  แฮมิลตัน…ผมจะมาทำงานแทนริช 2-3 อาทิตย์”
ราเชลคิดว่าได้ฟังข่าวดี แต่บางส่วนในหัวใจกลับโหวงเหวงอย่างประหลาด         
“ยินดีร่วมงานกับคุณครับ…เชิญคุณแฮมิลตันทางนี้เลยครับ…”         
“เรียกเดนเซลดีกว่า  ผมชอบเป็นตัวเองมากกว่าเป็นขี้ข้าแฮมิลตัน”
ราเชลกลั้นหัวเราะกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั้น  เมื่อได้พูดคุยและทำงานร่วมกันราเชลจึงได้รู้ว่ายิ้มที่เหมือนหมิ่นแคลนนั้นเป็นท่าทางที่เคยชินของเจ้าตัวมากกว่าที่จะเยาะหยันเขา  ดูเดนเซลจะยอมลงๆให้เขาเสียด้วยซ้ำเพราะเวลาทำงานชายหนุ่มค่อนข้างหัวแข็งจนแทบไม่ฟังใคร  แต่เมื่อราเชลขอร้องให้ลองพิจารณาเรื่องใดใหม่ชายหนุ่มก็ยอมหยุดฟัง และยอมแก้ไขบางเรื่องหากมีเหตุผลที่ดีกว่าแต่แน่นอนว่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ผลประโยชน์ของแฮมิลตันคอปฯต้องไม่ขาดไปสักเซนเท่านั้น ขนาดฝ่ายบัญชีที่ว่าเคี่ยวๆยังร้องโอดโอยถึงความเค็มของตัวแทนคนใหม่         
“โอย!ผมละคิดถึงคุณริช  ยังไงก็เคี่ยวน้อยกว่าหมอนี่เยอะเลย…นี่ถ้าคุณริชปล่อยให้หมอนี่ทำงานแทนไปตลอดมีหวังบัญชีเราคงแทบปิดไม่ลงแน่เลย  คนอะไรไม่ถอยสักก้าว  แต่คุณราเชลเก่งนะครับที่พูดให้หมอนั่นยอมปล่อยเรื่องจัดซื้อมาให้  อย่างน้อยก็คงพอได้หายใจจากงานส่วนนี้บ้าง”         
“คงเพราะเขาเห็นผมยังเด็กน่ะครับถึงยอมๆให้บ้าง”         
“ไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ดีทั้งนั้นแหละครับ…เฮ้อ!นี่ถ้าเป็นคุณริชเราคงสบายกว่านี้หน่อย  อย่างน้อยก็ไม่ต้องระวังตัวแจอย่างนี้”         
ราเชลได้แต่หัวเราะ แต่ในใจกลับคิดว่าการที่อีกฝ่ายตรงไปตรงมาแบบนี้เขากลับสบายใจมากกว่า  หากคนที่มาแทนริชดูเหมือนยอมทุกอย่างแต่เล่นงานเอาภายหลังสินั่นแหละถึงจะเรียกว่าน่ากลัว  ที่สำคัญการทำงานกับเดนเซลทำให้เขาได้เรียนรู้งานเต็มที่กว่าไม่ต้องคอยระแวงเหมือนเวลาทำงานกับริช  บางครั้ง
ราเชลอดรู้สึกไม่ได้ว่าเดนเซลเหมือนถูกส่งมาสอนงานมากกว่าจะมาคุมงานให้
แฮมิลตันคอปเปอร์เรชั่น
         ..................................

ราเชลรีรออยู่ครู่หนึ่งจึงตัดใจเดินเข้าไปในสวน  สังหรณ์ใจบาง –
อย่างทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากเผชิญหน้ากับซอเรนเลย
ร่างสูงเพรียวเดินเรื่อยๆอยู่ที่ซุ้มกล้วยไม้  ใบหน้าขาวสะอาดค่อนข้างเผือดแต่ดวงตาที่มองตรงมากลับแน่วแน่จนราเชลเย็นวาบในใจ         
“ขอโทษนะครับที่ให้รอ  ผมอยู่ในห้องสมุด  เด็กก็เลยไปบอกช้า”         
“ไม่เป็นไรครับ”         
“แล้วนี่คุณหมอทานอาหารเช้ามาหรือยังครับ?”         
“ไม่เป็นไรครับผมไม่หิว”         
“ไม่ได้ครับเดี๋ยวผมให้เด็กจัดมาให้  รอเดี๋ยวนะครับ”         
“คุณราเชล…ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า”         
“ครับก็คุยกันไงครับ แต่ควรทานอะไรสักนิด”       
“อย่าบ่ายเบี่ยงผมนักได้ไหมครับ”         
“คุณหมอ…”         
“ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่าผมจะพูดอะไร…ผมแน่ใจว่าคุณจะตอบว่าอะไร…แต่ถึงยังไงผมก็ต้องพูด  ผมปล่อยให้ทุกอย่างมันค้างคาอยู่อย่างนี้ไม่ไหวแล้ว…”         
“เอ่อ…เราไปนั่งกันก่อนดีกว่า…”ราเชลเดินนำลิ่วไปทางสวน ร่างสูงกว่าเดินตามมาติดๆ         
“ผมรักคุณนะครับราเชล…ให้โอกาสผมบ้างได้ไหม…ให้ผมได้ดูแลคุณ  ได้อยู่ข้างๆคุณ” ซอเรนยึดแขนเรียวไว้แน่น ราเชลจำต้องหยุดเดินหันกลับมา         
“ผม….เอ่อ…ผม…”         
“ผมขอมากไปเหรอครับ?”         
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…คุณหมอก็รู้ว่าผม…เอ่อ…ผมไม่ดีพอที่หมอจะรักผมหรอกครับ  ผมดีใจที่หมอให้ความรู้สึกที่ดีที่สุดกับผม  แต่…ผม…”         
“แต่คุณก็ยังลืมเขาไม่ได้…ผมรู้ว่าคุณยังรักเขาอยู่แต่จะไม่ให้โอกาสผมบ้างเลยเหรอครับราเชล?”         
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…คือ…ตอนนี้คุณพ่อก็ป่วย  คุณย่าก็ไม่มีใครนอก- จากผม  ผมคิดว่าคุณย่าคงยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ”         
“คนที่ยอมรับไม่ได้ไม่ใช่คุณท่าน  แต่เป็นคุณเองต่างหากราเชล”         
“คุณหมอไม่เข้าใจ…”
ราเชลเดินหนีไปในเรือนกล้วยไม้  ความอับอายที่ถูกจับความรู้สึกได้ปะปนกับความสงสารและอึดอัดทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากเผชิญหน้ากับดวงตาที่เหมือนจะอ่านทะลุเขาไปหมดทั้งใจ 
ซอเรนเจ็บจี๊ดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก  ความรู้สึกที่อัดแน่นมาตลอดหลายปีบวกกับความผิดหวังทำให้เขาขาดความควบคุม  หมอหนุ่มตามไปคว้าไหล่บางไว้และเหนี่ยวกลับมาปะทะกับอก  ดวงตาโตเป็นเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อถูกเขากอดรัดไว้แน่น         
“คุณ…คุณหมอ!ปล่อยผมนะ…อย่า!” ราเชลร้องเสียงหลงพยายามหลบปากร้อนๆที่ระดมจูบไปทุกที่ที่จูบถึง  เด็กหนุ่มขนลุกซู่  ช่องท้องบิดเกร็งด้วยความกลัว           
“ทำไมล่ะราเชล…ทำไมเป็นผมไม่ได้…ทำไม…ผมรักคุณนะ  ผมรักคุณมากขนาดนี้แต่คุณกลับเลือกหมอนั้น  มันทำให้คุณเจ็บมากี่ครั้งแล้วทำไมคุณไม่รู้จักเข็ดไม่รู้จักจำ” ซอเรนตวาดก้อง  มือขาวเรียวที่ไม่น่าจะแข็งแรงขนาดนั้นเขย่าบ่าบางๆจนหัวสั่นหัวคลอน           
“ปล่อยนะครับ…หมออย่านะ  หมอ!” ร่างบางถูกดันจนไปปะทะกับเสาไม้ที่ทำเป็นโครงไว้แขวนกล้วยไม้  โดยมีร่างสูงกว่าของชายหนุ่มตามมาทาบทับไว้แน่น ปากร้อนระดมจูบทั่วใบหน้าเนียน           
“อย่านะหมอ…ไม่!”ราเชลสะบัดหน้าหนีแต่ซอเรนยึดปลายคางมนไว้แน่น  ปากร้อนผ่าวแนบประกบลงมาอย่างรวดเร็ว  ราเชลพยายามกัดฟันไว้แต่มือแข็งก็บีบที่กรามจนต้องเผยอปากออก  ลิ้นเปียกร้อนสอดเขามาแต่เด็กหนุ่มพยายามดันออกไป  เมื่อไม่สำเร็จราเชลก็ตัดสินใจกัด  แม้ซอเรนจะรู้ตัวและถอนปากออกแต่ฟันคมๆของเด็กหนุ่มก็ยังกัดโดนปลายลิ้นจนเจ็บแปลบ           
“โอ้ย!”  แคว่ก!! เสียงเสื้อขาดพร้อมกับอาการแสบจี๊ดที่ไหล่  แต่ราเชลก็สะบัดหลุดออกจากอ้อมแขนแน่นหนานั้นได้สำเร็จ  เลือดอุ่นๆเค็มคาวอยู่ในปากของหมอหนุ่มกระตุ้นให้ไฟโกรธโหมแรงมากขึ้น         
“ผ..ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หมอเจ็บ…ปล่อยผมเถอะนะ”         
“ผมเป็นคนนะราเชล…เป็นปุถุชนธรรมดา ผมไม่ใช่พ่อพระ เมื่อรักผมก็อยากได้คุณเป็นของผมคนเดียว  ผมทนเห็นคุณกลับไปหาเขาอีกไม่ได้”                   
“แต่ผมไม่ได้รักหมอแบบคนรัก” เด็กหนุ่มถอยกรูด ใจหายเมื่อเห็นดวงตาที่เคยอ่อนโยนเป็นประกายกล้าและขุ่นมัว  ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแดงกล่ำ ปากบางเม้มแน่นเหมือนพยายามระงับอารมณ์  ในมือของซอเรนยังกำแขนเสื้อที่ถูกกระชากจนขาดติดมือไว้แน่น         
“คุณไม่เคยลืมเขาทั้งที่เขาทำคุณเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้ง  แต่คนที่รักคุณคุณกลับไม่แยแส”         
“ขอโทษครับหมอ…ผมขอโทษที่รักหมอไม่ได้สักที…เลือดออกมากนะครับ  ไปทำแผลเถอะครับ”         
“อย่า…ขอร้องล่ะราเชล  ถ้าคุณรักผมไม่ได้ ก็อย่าทำดีกับผมนักเลย  มันทำให้ผมเจ็บกว่าการทำเฉยๆไปเลย”         
“หมอ…ผม…”
ซอเรนหันหลังให้และยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ  ราเชลมองไหล่กว้างที่เกร็งขึงอยู่นาน  ทุกสรรพเสียงในเรือนกล้วยไม้เงียบกริบ  ความร่มครึ้มในสวนเหมือนความหม่นมัวในหัวใจของซอเรนเวลานี้
ราเชลขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจยาวลึก  ร่างสูงเพรียวหมุนกลับมาหา  ใบหน้าค่อนข้างซีดมีรอยเสียใจเมื่อสังเกตเห็นรอยถลอกช้ำเป็นแนวบริเวณหัวไหล่ขาว         
“เจ็บไหม?…ผมขอโทษนะ” นิ้วยาวแตะไล้บนรอยแผลแผ่วเบา  ก่อนที่จะก้มลงจุมพิตรอยถลอกนุ่มนวล  ราเชลนิ่งงัน ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอจนพูดไม่ออก น้ำตาร้อนๆไหลเป็นทางโดยที่ไม่อาจบังคับไว้ได้           
“อย่าร้องไห้…ผมขอโทษ…ผมเคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเสียใจแต่วันนี้ผมทำให้คุณทั้งเสียใจและเจ็บตัวด้วยซ้ำ”         
“หมอ…ครับ…ผม…”         
“ผมขอตัวกลับก่อนนะราเชล…ขอโทษด้วยที่ผมหยาบคายกับคุณ…เรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่หรือเปล่า?”         
“ครับ…ได้ครับ”       
“ขอบคุณที่ให้โอกาสผม…ขอผมตั้งหลักสักพัก  ไม่นานหรอกราเชลแล้วผมจะกลับมาเป็นเพื่อน เป็นพี่คุณเหมือนเดิม” ซอเรนพยายามฝืนยิ้มแม้จะรู้ว่าดูบิดเบี้ยวเหยเกแค่ไหนก็ตาม  วงหน้างามซีดเผือดและอาบด้วยน้ำตา สีหน้าสับสน ผิดหวังและละอายใจของราเชลทำให้ซอเรนรู้สึกแย่กว่าเดิม  เขาเดินจากมาด้วยความรู้สึกโหวงเหวง  ภายในกายของเขาว่างเปล่า ว่างจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลย         
ราเชลมองตามไปจนร่างสูงโปร่งลับตา  แข้งขาดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงเอาดื้อๆ ร่างโปร่งบางเซไปปะทะเสาข้างหลังแล้วทรุดลงนั่ง  ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป
…คนที่แสนดี...คนที่เป็นหลักให้พักพิงยามเขาอ่อนล้า...คอยช่วยขจัดปัดเป่ายามทุกข์ใจ  ไม่มีอีกต่อไป…  ราเชลรู้สึกหนาววาบตลอดสันหลัง
         ..................................         
 :z3: :z3:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 10-09-2009 19:03:29
แล้วมันจะจบยังไงกันละเนี่ย

ตามติดต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-09-2009 19:11:43
กลับมาเจอกันแล้ว แต่แอบกลัวหมอซอเรนอ่ะ  ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-09-2009 11:07:07
รีบๆมาง้อขอคืนดีเร็วๆ เข้า หมอเริ่มบ้าแล้ว


อ้างถึง
เรื่องกายต้องติดตามคะ ถ้าอยากรู้เรื่องของกายอย่างละเอียดจะมีอยู่ในอีกเรื่องที่กายรับบทเป็นนายเอกคะ
เรื่องอะไรเหรอค่ะ แล้วจะมีโอกาสได้อ่านมั้ยเอ่ย ชักติดใจการแต่งของคุณใบปอแล้ว   :o8:

ขอบคุณค่ะ
 
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-09-2009 09:30:19
ดันๆๆๆๆ   :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 10/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-09-2009 10:47:55
สางสารหมอ แล้วก็ไม่ไว้ใจริช ต้องดูกันยาวๆนะราเชลอย่าใจอ่อนล่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" Up วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 13-09-2009 11:12:32
Zandwizz : เรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆคะอย่ากระพริบตา
THIP        :  หุหุ :z13:
Dahlia        :  เรื่องของกายอยู่ใน "เลห์รัก"คะ เทียนฉินชอบเรื่องเลห์รักมากกว่าเรื่องนี้อีก ตอนแรกจะขอเรื่องเลห์รักลงก่อนแต่คุณ ใบปอ บอกว่าเรื่องเลห์รักลงหลายครั้งแล้วเลยนำเรื่องนี้มาลงก่อน เมื่อเรื่องนี้จบจะนำมาลงให้คะ
M@nfaNG  : สงสารเหมือนกันคะ

มาต่อกันเลยคะ
..............
เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าสาวใช้ที่หน้าประตูทำให้เด็กหนุ่มรำคาญ  นี่พวกหล่อนคงไม่รู้ว่าเขานั่งทำงานอยู่ในห้องสมุดแทนที่จะอยู่ห้องทำงานของบิดา  เด็กหนุ่มตั้งใจจะลุกออกไปไล่แต่กลับได้ยินข้อความที่พวกหล่อนสนทนาลอดเข้ามาแว่วๆ         
“…นี่เขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”         
“ก็ถ้าตายแล้วจะมาด่าแว๊ดๆอยู่อย่างนั้นได้ยังไง”         
“ต๊าย!แล้วทำไมคุณท่านไม่สั่งให้ใครไล่ออกไป?”         
“จะไปรู้เหรอยะเห็นท่านเงียบกริบ…ว๊าย!หรือท่านตกใจจนช๊อคไปแล้ว”         
“หล่อนเข้าดูเร็วสิ!”         
“บ้า!ท่านไม่ได้สั่งใครจะกล้าเข้าไป”
ราเชลถลาพรวดออกไป สาวใช้ตะลึงอ้าปากค้างเมื่อเห็นเด็กหนุ่ม แต่
ราเชลไม่สนใจ ใจเขาห่วงแต่คุณย่าเท่านั้น
หน้าห้องรับแขกมีเพียงแม่บ้านยืนอยู่คนเดียว ท่าทางกระวนกระวายผิดวิสัยของนางอย่างมาก         
“ใครมาหาคุณย่า”         
“เอ่อ…เพื่อนเก่าของท่านน่ะค่ะ”         
“เพื่อนเก่า?”         
“ค่ะ…ดิฉันว่าคุณราเชลกลับห้องไปดีกว่านะคะ”         
“ทำไมล่ะ…ฉันมีเรื่องจะปรึกษาคุณย่าเกี่ยวกับธุรกิจของคุณพ่อนิดหน่อย”         
“เอาไว้เวลาอื่นเถอะค่ะ  ตอนนี้ดิฉันว่าคุณรีบไปดีกว่า  หากท่านออกมาเจอคุณท่านอาจจะไม่พอใจ”         
“ทำไมท่านต้องไม่พอใจด้วยล่ะ”         
“คุณกลับห้องเถอะค่ะดิฉันขอร้อง”     
ราเชลมองหน้าคนสนิทของคุณย่าอย่างงุนงงยังไม่ทันตัดสินใจอะไร  ประตูห้องรับแขกก็เปิดพรวดออกมา ร่างที่ถลาออกมาเกือบชนเข้ากับเขา แต่เด็กหนุ่มยื่นแขนออกไปรับไว้ทัน         
“ปล่อยฉันนะ!…แกมันไอ้พวกหมาหมู่”         
“คุณราเชล!”เสียงอุทานของทนายความที่วิ่งตามหลังร่างอ้วนมาติดๆ ทำให้เสียงผลุสวาทหยุดลงทันควัน  ร่างอ้วนกลมหันขวับกลับมา  วงหน้าบวมฉุมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์โชยฟุ้งจ้องค้างมาที่เด็กหนุ่ม         
“ราเชล…คุณหนูราเชลงั้นเหรอ…ฮะๆๆช่างสวยงามเหมือนแม่ไม่มีผิดบอบบางเน่งน้อยอย่างนี้นี่เอง ทั้งย่าทั้งทนายรวมทั้งไอ้อีขี้ข้าในบ้านถึงได้ช่วยกันปกป้องให้วุ่น”         
“หุบปากได้แล้วเบล ราเชลกลับไปห้อง”         
“คุณย่า!”         
“โอ๊ย!จะรีบไปไหนกันเล่าคุณหนูของเบล  เป็นไงคะจากกันไม่ถึงยี่สิบปีจะลืมแม่นมคนนี้แล้วเหรอ?”         
“เบล…เบลงั้นเหรอ?”         
“ราเชลกลับห้อง!”         
“แต่คุณย่าครับ”         
“ย่าสั่งให้กลับไปได้แล้ว  ได้ยินไหม?”         
“ครับ” ราเชลจำต้องหันกลับแต่ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก
“จะรีบไปไหนเล่าคุณราเชล  เชื่อฟังคนเลวๆที่ฆ่าแม่ตัวเองเหลือเกินนะ  นี่ถ้าคุณรีน่ารู้คงเสียใจที่มีลูกอกตัญญู!”
ราเชลหันขวับชาวาบไปทั้งตัว         
“อะไรนะ!”         
“ไปห้องเดี๋ยวนี้ราเชลไม่ต้องไปสนใจคนบ้าพูด ไปสิ!ย่าสั่งให้เธอกลับห้องเดี๋ยวนี้”         
“ไม่ได้นะ  ถ้าไปคุณจะไม่รู้ความจริงเลยชั่วชีวิต   คุณรู้ไหมว่าทำไมแม่คุณถึงตาย  แล้วคุณรู้ไหมทำไมคุณถึงฝันร้ายจนต้องมีหมอมาคอยดูแลใกล้ชิด”         
“หุบปากนะเบล”         
“ไม่มีวัน  ฉันหมดความอดทนแล้ว ลูกฉัน…ลูกฉันทั้งคนที่ต้องมาตายไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย  เพราะใคร?...ถ้าไม่เพราะคนใจคอโหดเหี้ยมแบบลูก- หลานคุณกับคนใจดำแบบคุณ”         
“ตกลงเบลฉันจะให้แกตามที่แกขอ  แต่แกต้องหุบปากเดี๋ยวนี้”
เบลชะงักปล่อยแขนราเชลแล้วถลากลับไปที่คุณย่า  คุณย่าเดินลิ่วกลับเข้าห้องไปโดยมีทนายกับเบลตามไปติดๆ ทนายปิดประตูห้องก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้ตามไป         
“นี่มันอะไรกัน?”         
“ดิฉันว่าคุณราเชลควรกลับห้องตามคำสั่งของท่านได้แล้วค่ะ”         
“ไม่!จนกว่าฉันจะรู้ว่าที่ผู้หญิงคนนั้นพูดหมายความว่าอย่างไร?”         
“ดิฉันขอยืนยันให้คุณกลับห้องค่ะ ถ้าไม่อยากให้ท่านโกรธ”         
“ไม่!”
ประตูห้องเปิดอีกครั้ง  คราวนี้เบลเดินลิ่วๆออกไป  เด็กหนุ่มพยายามเรียกและวิ่งตามแต่ดูเหมือนหญิงอ้วนจะวิ่งหนีได้เร็วกว่าเขา  ยังไม่ทันพ้นประตูราเชลก็ถูกคนสวนขวางไว้         
“คุณท่านให้เชิญคุณราเชลที่ห้องสมุดครับ”         
“แต่…”         
“ท่านบอกว่าเดี๋ยวนี้ครับ…และทุกเรื่องที่คุณราเชลอยากรู้ท่านจะบอกเอง”
ราเชลจำต้องไปพบคุณย่าที่ห้องสมุด  ร่างผอมบางนั่งตรงแหน่วอยู่ที่เก้าอี้ใหญ่  แสงสว่างจากโคมระย้าจับใบหน้าชราให้ดูดุดันกว่าปกติ         
“นั่งสิราเชล”         
“คุณย่าครับผู้หญิงคนนั้น?”         
“เงียบแล้วฟัง…ผู้หญิงคนนั้นชื่อเบล เคยทำงานอยู่ที่นี่สองสามเดือน  ลูกสาวเขามีแฟนแล้วลอบมุดรั้วออกไปพบกันบ่อยๆต่อมาเขาถูกฆ่าข่มขืน  ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือคนจรจัดหรือไม่ก็คู่รักเขาเพราะหมอนั่นหายไป  ตั้งแต่ลูกตายเบลก็กลายเป็นคนบ้าๆบอๆ  ติดเหล้าจนพูดจาไม่รู้เรื่อง  พยายามปั้นเรื่องบอกใครๆว่าบ้านนี้ใจร้ายใจดำทำให้ลูกเขาตาย  หนักเข้าก็เลยถูกส่งโรงพยาบาลบ้า  แล้วนี่คงหนีออกมาได้ เรื่องก็มีแค่นี้แหละ”         
“แต่…เขารู้จักคุณแม่”         
“เขาเคยเห็นแต่ในภาพเท่านั้นแล้วก็เอาไปปะติปะต่อเอาเอง  ที่พูดทุกอย่างก็เพราะอยากได้เงินเท่านั้น พูดสิบครั้งก็ไม่เคยซ้ำกันสักเรื่อง…เอาเป็นว่าเลิกสนใจได้แล้ว”         
“ครับคุณย่า”         
“แล้วงานที่บริษัทล่ะเป็นไงบ้าง?”         
“ทางแฮมิลตัลกรุ๊ปยืนยันมาแล้วครับว่าจะใช้ระบบบริหารร่วมต่อไป”         
“ใครเป็นตัวแทนบริหารฝ่ายโน้นละ?”         
“เอ่อ…คุณเดนเซลครับ”         
“งั้นเหรอ…ก็จัดการไปแล้วกัน  มีอะไรอีกไหม?”         
“ผมจะไปเยี่ยมคุณพ่อ  คุณย่าจะไปพร้อมผมไหมครับ?”         
“ไม่ละ  ย่าขอหาหนังสือตามลำพังสักครู่”         
“ครับ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาล
เอี๊ยด!!! ราเชลกระทืบเบรคตัวโก่งเมื่อจู่ๆก็มีคนกระโดดมาขวางหน้ารถ  โชคยังดีที่เขาขับช้าจึงเบรคได้ทัน  ร่างอ้วนกลมถลาเข้ามาทุบกระจกรถเขาแรงๆ         
“เบล…”         
“คุณราเชลฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”         
“แต่คุณได้เงินจากย่าไปแล้วนี่”         
“ฉันจำเป็นต้องรับ  เพราะฉันยังไม่อยากตาย  แต่ฉันต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้คุณฟัง”         
“แต่…”ราเชลลังเล  เพราะสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าดูขุ่นขวางก็จริงแต่ก็ไม่ถึงกับเหมือนคนวิกลจริตอย่างที่คุณย่าบอก เด็กหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูให้เบลขึ้นมาบนรถ         
“ไปคุยกันที่สวนสาธารณะข้างหน้าก็ได้ที่นั้นเงียบดี”
ราเชลยอมไปที่สวนสาธารณะตามความต้องการของอดีตคนรับใช้ในบ้าน  ทันที่ลงจากรถเบลก็ลากเขาไปนั่งที่เก้าอี้ริมน้ำที่ค่อนข้างห่างจากผู้คน         
“คุณอยากรู้ไหมคุณราเชลว่าแม่คุณตายยังไง?”         
“คุณแม่รถคว่ำ”         
“แล้วทำไมรถถึงคว่ำรู้ไหม?”         
“ก็มันเป็นอุบัติเหตุ”         
“ไม่จริงเลยถ้ามันเป็นอุบัติเหตุทำไมถึงมีแต่คุณที่รอดมาได้  คุณรีน่าตายส่วนคุณชาลีบาดเจ็บสาหัส”         
“ใครคือชาลี?”         
“ก็คุณลุงของคุณยังไงล่ะ”         
“อะไรนะ…ลุงอย่างนั้นเหรอ?”         
“ใช่…ลูกของย่าใหญ่ ลูกพี่ลูกน้องกับคุณชาร์ล พ่อของคุณ”         
“ไม่จริง…ทำไมไม่เคยมีใครพูดถึง”         
“เฮอะ…ใครมันจะพูด  ก็คนที่รู้เรื่องนี้โดนให้ออกจากงานไปหมด  เหลือแต่พวกแก่ๆที่ไม่มีที่ไป  แล้วใคร๊มันจะกล้าเปิดปาก”         
“ไม่จริง”         
“จริง…รู้ไหมคุณราเชลว่าที่คุณพ่อคุณไม่ค่อยรักคุณเพราะคุณชาร์ลระแวงว่าคุณไม่ใช่ลูก”         
“ไม่จริง!”         
“ก่อนที่คุณรีน่าจะแต่งงานกับคุณชาร์ลเคยเป็นคนรักของคุณชาลีมาก่อน  คุณชาลีไปเรียนถ่ายภาพหรือวาดภาพอะไรนี่แหละที่อิตาลี่  ทางนี้คุณชาร์ลก็ให้คุณย่าคุณไปสู่ขอคุณรีน่า  พ่อคุณรีน่ายกให้เพราะเป็นหนี้คุณย่าคุณเยอะ  เรียกว่ายกลูกสาวกลบหนี้นั่นแหละ  ฮะๆๆน้ำเน่าดีไหมล่ะ…พอคุณชาลีกลับมาบ้านก็แทบแตก  พี่น้องทะเลาะกันจนคุณชาลีหนีไปอยู่บ้านท้ายสวน  แต่ก็แอบเป็นชู้กับแม่คุณ”         
“โกหก!”         
“เรื่องจริงแท้แน่นอน  ฉันแอบเห็นสองคนนั้นมองตากันเป็นประจำ บางทีก็แอบลงมาเจอกันที่สวนตอนดึกๆ พอคุณเกิดมาคุณชาร์ลไม่ไปรับที่โรงพยาบาลแถมยังไม่ยอมอุ้มคุณด้วยซ้ำแต่คุณชาลีดีใจแทบตาย”         
“ไม่…ฉันไม่เชื่อ…”         
“ตามใจคุณสิ…รู้ไหมวันเกิดคุณรีน่า…คุณรีน่ากับคุณชาลีออกไปฉลองกันสองคนแล้วขากลับอยู่ๆรถก็เบรคแตกพุ่งลงเหว…ใครๆก็รู้ว่าอู่ที่คุณชาลีซ่อมรถเป็นเพื่อนกับคุณชาร์ล”         
“…” ราเชลนั่งนิ่งขึงช็อคกับเรื่องที่ได้ยิน เบลยังคงพล่ามต่อไปด้วยสีหน้าแววตาดุดันสะใจ         
“พอตำรวจโทรมาบอกว่ารถแม่คุณตกเหว  คุณชาร์ลถามคำเดียวว่าใครตายบ้าง…แล้วหลังงานศพแม่คุณคนรับใช้ส่วนใหญ่ก็ถูกให้ออก  เหลืออยู่ไม่กี่คนเท่านั้น”         
“แล้วคุณลุง…”         
“คุณชาลีบาดเจ็บหนัก  แต่ย่าคุณไม่ยอมส่งโรงพยาบาลกลับเอามาขังไว้จนเป็นบ้า…บ้าจนมันฆ่าหมอ...ฆ่าลูกฉัน…”
ราเชลผวาทั้งตัวเมื่อจู่ๆเบลก็หวีดร้องโหยหวน  มือทั้งสองของหญิงอ้วนจิกแขนเด็กหนุ่มไว้แน่นจนเจ็บ ดวงตาหลุกหลิกมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง  สรรพนามที่ใช้เรียกชาลีก็กลายเป็นด่าว่าหยาบคาย         
“แต่คุณย่าบอกว่าลูกสาวคุณถูกคนรักทำร้ายนะ”         
“ไม่จริง…เอลล่ายังเด็กตัวนิดเดียว  เพิ่งจะ14 จะไปมีแฟนได้ยังไง  มันไปเที่ยวเล่นซ่อนหากับคุณนั่นแหละ  แล้วมันก็ไปเจอกระท่อมนั่นกับคุณ  ใครๆก็ว่ามันหาเรื่องเองที่แส่ไปที่นั่น  แต่จริงๆแล้วอาจเป็นคุณก็ได้ที่ไปเล่นซุกซนแถวนั้นจนลูกฉันต้องพลอยรับเคราะห์  เอลล่าของแม่…ลูกรัก…ชู้รักของแม่คุณฆ่าลูกฉัน…มันฆ่าตัดคอลูกฉัน…ทำไม…ทำไมคุณไม่ช่วย” เบลตวาดแหว ดวงตาทีมองราเชลดุดันและเกลียดชัง           
“ผมไม่รู้เรื่อง”         
“ไม่จริง…คุณอยู่ที่นั่น…คุณอยู่กับมันทั้งวันทั้งคืนแต่คุณไม่ช่วยมัน…คุณมันใจร้ายใจดำเหมือนย่าคุณนั่นแหละ”         
“ไม่…ผมไม่รู้…ผมจำไม่ได้…”         
“ทำไมจะจำไม่ได้…ตอนนั้นคุณเกือบ5ขวบแล้วจะจำไม่ได้ได้ยังไง…อ้อ!จริงสิ  คุณเองก็โดนมันเล่นงานเอาเหมือนกันนี่  ย่าคุณถึงต้องจ้างจิตแพทย์มาสะกดจิตคุณให้ลืม  ฮะๆๆๆ…หรือว่าจริงๆแล้วคนที่โดนข่มขืนไม่ได้มีแต่เอลล่า แต่คุณก็โดนด้วย”         
“ไม่จริง!” ราเชลทะลึ่งพรวดลุกขึ้น ตกใจสุดขีดกับเรื่องที่ได้ยิน 
เบลพยายามติดตามไขว่คว้าแต่เด็กหนุ่มปัดป้องและหนี  จนร่างอ้วนกลมล้มลุกคลุกคลาน       
“มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ…มิน่าละคุณถึงต้องมีหมอคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา…ที่แท้คุณก็โดนชู้รักของแม่ เอ…หรือจะเป็นพ่อแท้ๆของตัวเองข่มขืนเอานี่เอง…ฮะๆๆๆ...แกถูกพ่อตัวเองข่มขื่น...สมน้ำหน้า...ฮะๆๆๆ” เบลหัวเราะลั่น ดวงตาขุ่นขวาง น้ำลายไหลย้อยสองมุมปากและพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น         
“ไม่…ไม่…เธอมันบ้า” ราเชลวิ่งหนีออกมาขึ้นรถ หญิงอ้วนยังวิ่งตามมาแต่เด็กหนุ่มขับรถหนีออกมาเสียก่อน         
“นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว…” เด็กหนุ่มหวาดผวากับเรื่องที่ได้ยิน  แม้จะยอมรับไม่ได้ว่าเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูดจะจริง แต่อะไรหลายๆอย่างก็สะดุดความรู้สึกอย่างจัง
เขาเคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมถึงไม่มีใครเอ่ยถึงมารดาเลย บิดาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้าเขานัก ไม่เคยกอดไม่เคยเล่นกับเขาสักครั้ง คุณย่าก็เย็นชาและเข้มงวด  ที่สำคัญเขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเขาต้องมีคุณหมอมาตรวจเป็นประจำ  คอยถามโน่นถามนี่เอาแบบทดสอบหลายอย่างมาให้เขาทำแล้วก็เข้าไปคุยกับคุณย่า  เขาเพิ่งได้คำตอบวันนี้เอง         
ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่เย็นตกซู่ลงมาดื้อๆ  ราเชลขับรถไปด้วยสัญชาติญาณมากกว่าจะรู้ตัว จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าเขาจอดรถอยู่ห่างจากรั้วด้านหลังคฤหาสน์ของริชเพียงไม่กี่เมตร
พายุฝนดูเหมือนจะแรงกว่าเดิมต้นไม้พับลู่ไปตามแรงลม แต่แสงไฟในบ้านยังสว่างไสว ราเชลนั่งมองอยู่นาน…ความเจ็บปวดอ่อนล้าที่ประดังเข้ามาทำให้เด็กหนุ่มละทิฐิตัดสินใจเข้าไปคนที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไม่ทันถึงฟ้าก็ผ่าลงมาไม่ไกลนักทำให้ไฟดับวูบทั้งบ้านแต่ครู่เดียวก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง  ราเชลชะงักแม้จะหนาวจนสั่นแต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าไปหรือไม่   จู่ๆกิ่งไม้กิ่งหนึ่งก็หักและปลิวมากระแทกด้านหลัง  ราเชลเจ็บแปลบแล้วสติก็ดับวูบไป….
………………..


หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 13-09-2009 11:15:22

น้ำฝนเย็นเฉียบปลุกให้สติของเด็กหนุ่มกลับมาอีกครั้ง  ไม่รู้ว่าเขาหมดสติไปนานเท่าไหร่ แต่เจ็บไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะที่หัวที่ดูเหมือนจะหนักอึ้งและปวดแทบระเบิด  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นไปยังคฤหาสน์ที่ดับไฟมืดเห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ข้างหน้า
สายฝนยังตกกระหน่ำไม่หยุดมาตั้งแต่หัวค่ำ  เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นก่อนที่ไฟทั้งบ้านจะดับวูบ   แต่ไม่ถึง 5 นาทีทั้งห้องก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้งด้วยการทำงานของเครื่องปั่นไฟ  ริชมองสายฝนอย่างหงุดหงิด  ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรแต่เขารู้สึกกระวนกระวายอย่างนี้มาตั้งแต่เย็นแล้ว  สังหรณ์ใจแปลกๆทำให้เขานั่งไม่ติด  เสียงคำรามและเสียงเห่าของเจ้าพลูโตแว่วขึ้นมา  แต่ไม่นานก็เงียบไป 
ริชวางแก้วเหล้าลงแล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้าต่าง  ฝนที่ตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตากับต้นไม้ที่ไหวลู่ไปตามแรงลมบอกถึงความรุนแรงของพายุ  ริชเกือบถอยกลับไปนั่งอยู่แล้วหากไม่เห็นเงาวูบวาบในสวน  ชายหนุ่มชะงักและเพ่งมองอยู่นาน…นานจนไม่แน่ใจว่าเขาตาฝาดหรือไม่  แต่แล้วเงานั้นก็ขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง           
“เจฟ…ดับไฟ”
ไม่ต้องให้สั่งซ้ำ  ไฟในห้องดับวูบทันที  เมื่อในห้องมืด  ภายนอกย่อมสว่างกว่า  ริชหรี่ตามองแล้วเผ่นผึงออกจากห้อง  เจฟฟรี่วิ่งตาม มือแตะปราดที่อาวุธเพื่อความมั่นใจ  ลูกน้องที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างเลื่อนตัวเข้าหาที่บังอย่างเงียบกริบ  แต่ริชไม่หยุดอยู่แค่นั้น...หนุ่มเลือดร้อนพุ่งผ่านประตูด้านข้างออกไปอย่างรวดเร็ว  เจฟฟรี่สบถเบาๆขณะกวดตามไปติดๆ 
สายฝนและลมปะทะจนเจ็บหน้าไปหมด  ริชหลบเข้าหาพุ่มไม้ใหญ่เมื่อเงาที่เขาเห็นกำลังเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา  มือที่เลื่อนไปหามีดที่ข้อเท้าชะงักกึกเมื่อเงาตะคุ่มนั้นซวนเซไปมาแล้วถลาล้มลง ฟ้าแลบวาบ…แสงสว่างชั่ววูบส่องให้เห็นว่าเงานั้นค่อนข้างเล็กบาง  เจฟฟรี่หรี่ตาลงอย่างแปลกใจและเคลือบแคลง  ท่ามกลางอากาศแบบนี้ไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนมาเดินอยู่แบบนี้แน่  แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไรนายผู้เลือดร้อนของเขาก็พุ่งเข้าหาร่างนั้นแล้ว
ฟ้าแลบสว่างวาบขึ้นเมื่อริชกระชากร่างนั้นจนถลาล้มลงและกดลงกับไปกับพื้น มือที่ถือมีดเลื่อนไปแตะลำคอของคนข้างใต้  ริชตะลึงเมื่อเห็นใบหน้านั้นได้ถนัด         
“ราเชล!” ชายหนุ่มช้อนร่างอ่อนพับไว้กับอก เจฟฟรี่ปราดเข้ามาช่วยแต่
ริชอุ้มร่างบางปลิวเข้าบ้าน  ราเชลเปียกโชกไปหมดทั้งตัวใบหน้าขาวซีดปากเขียวคล้ำ  บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งส่งผ้าขนหนูเนื้อนุ่มผืนใหญ่ให้ทันใจ  ริชห่อร่างเล็กไว้แล้วพาขึ้นชั้นบน 
เสื้อผ้าเปียกชื้นถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว  ร่างเปลือยขาวซีดเพราะความหนาวถูกเช็ดแรงๆเพื่อให้เลือดไหลเวียน  รอยเขียวช้ำที่แขนเรียวทำให้ริชชะงัก  ชายหนุ่มสำรวจด้านหน้าจนทั่วก่อนจะพลิกร่างเปลือยให้นอนคว่ำลง  รอยช้ำสีม่วงปนแดงปื้นใหญ่บนหลังขาวกับรอยบวมปูดบริเวณศีรษะทำให้ชายหนุ่มถึงกับครางออกมาด้วยความสงสาร         
“ราเชล…ราเชล…ฟื้นสิ…ฟื้น…ราเชล…ได้ยินฉันไหม?”         
“คุณริชครับผมเข้าไปนะครับ” เจฟฟรี่เข้ามาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล  เฝ้ามองนายหนุ่มสำรวจตามศีรษะและแขนขาเรียวอย่างรวดเร็ว  โชคดีที่ไม่มีกระดูกที่ใดแตกหัก  แต่การที่เด็กหนุ่มนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกแบบนี้ก็น่าวิตกไม่แพ้กัน
แม่บ้านเข้ามาพร้อมกะละมังน้ำอุ่นจัด ริชยอมถอยออกมาเพื่อเปิดทางให้คนชำนาญกว่าเขาเข้าไปปฐมพยาบาลราเชลแทน  สีผิวซีดขาวค่อยๆกลายเป็นสีชมพูระเรื่ออีกครั้ง         
“อุ๊ย…ฟื้นแล้วค่ะคุณริช” ริชโจนผึงเดียวถึงเตียง เปลือกตากว้างขยับ ขะยุกขะยิกและค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ  ดวงตาโตมองเหม่อเลื่อนลอย           
“ราเชล…ราเชล…ได้ยินฉันไหม?…ราเชล”         
“ริช…”         
“ใช่ฉันเอง…ดีจังนะที่ยังอุตสาห์จำกันได้”ชายหนุ่มอดเสียดสีไม่ได้ตามเคย         
“ริช…ช่วยด้วย…ริช” ตาลอยๆหรี่แล้วปิดลงอีก  ริชหน้าซีดด้วยความกลัว         
“ราเชล!ไม่นะ…ราเชล..ตื่นสิ…ราเชล!” ชายหนุ่มเขย่าร่างเล็กอย่างลืมตัวแต่เจฟฟรี่เข้ามายึดแขนเขาไว้         
“คุณริชอย่าครับ…คนของเราไปรับหมอแล้ว  อีกครู่คงมา”         
“เมื่อไหร่จะมาล่ะ…รอให้ราเชลตายก่อนหรือไง…ราเชล…ราเชลตื่นสิ” ริช กดจูบกับหน้าผากร้อนจัดและลูบไล้ใบหน้าขาวซีดเบาๆไปทั่ว  ก่อนจะกอดไว้แน่น         
“คุณริชครับใจเย็นๆ”         
“เจฟ…ราเชลจะ…จะเป็นอะไรไหม?”เจฟฟรี่มองหน้าซีดขาวของนายหนุ่มอย่างเข้าใจ  ทิฐิที่เคยมีหายไปหมดเพราะห่วงใยอาการของเด็กหนุ่ม  วงหน้าซีดขาวเมื่อครู่กลายเป็นสีแดงเข้มด้วยพิษไข้ที่กำลังรุมเร้า  อาการหายใจขัดและทุรนทุรายทำให้ริชนั่งไม่ติด         
“เจฟ…เมื่อไหร่หมอจะมา…เจฟ…เร็วหน่อย”         
“หมอมาแน่ครับ…คุณริชออกไปข้างนอกก่อนดีกว่าครับ”
ริชออกมาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวาย  เสียงรถแล่นเข้ามา ไม่นานนักหมอวัยกลางคนก็วิ่งขึ้นบันไดมาโดยมีคนของเขาหิ้วกระเป๋าตามมาติดๆ         
“หมอเร็วราเชลจะแย่อยู่แล้ว”         
“ครับๆ” หมอรับคำหอบๆก่อนจะเข้าไปในห้อง  ริชจำต้องถอยเมื่อแม่บ้านส่ายหน้าไม่ให้เข้าแล้วปิดล๊อคประตู
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับริชมันนานแสนนาน  ร้อนรนราวกับนั่งอยู่กลางกองเพลิง  หมอเปิดประตูออกมา  แม่บ้านของเขายังอยู่ข้างใน         
“ราเชลเป็นไงบ้างครับหมอ?”         
“ไข้สูงมาก…ปอดชื้น…คงต้องรอดูอาการคืนนี้  ต้องคอยระวังว่าจะเป็นปอดบวมด้วยหรือเปล่า” หมอสรุปรวดรัดด้วยรู้ความใจร้อนของคนฟังดี แต่ริชยังขมวดคิ้วหน้าขึง         
“หัวเขาบวมปูด หลังก็มีรอยช้ำใหญ่มาก” ริชเอ่ยลอยๆ ยังจำได้ดีถึงรอยเขียวช้ำน่ากลัวนั้น         
“ครับ…แต่ไม่มีอวัยวะใดแตกหัก…แต่พรุ่งนี้คงต้องส่งไปตรวจอย่างละเอียดอีกที”ประโยคหลังหมอหันไปบอกเจฟฟรี่         
“ได้ครับหมอ…คุณริช  เป็นอะไรไปครับ?” เจฟฟรี่ปราดเข้าคว้าแขนเมื่อเห็นริชเซคล้ายกับจะล้ม  ริชส่ายหน้าและโบกมือปฏิเสธความช่วยเหลือ  ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนจะจ้องหน้าหมอเขม็ง  แต่น้ำเสียงแผ่วอ่อน         
“หมอ…ราเชลปลอดภัยใช่ไหมครับ?”         
“ครับ…ผมรับรอง”
ริชถอนใจพรูอย่างโล่งอก  ลมหายใจที่เหมือนตีบแน่นมานานผ่อนโล่งอีกครั้ง         
“ผมจะเข้าไปดู”         
“อย่าดีกว่าครับ…เราจะเสี่ยงให้คุณราเชลรับเชื้ออะไรไม่ได้เด็ดขาด…คืนนี้ให้คุณแม่บ้านเธอดูแลไปก่อนนะครับ”         
“แต่…” ริชพยายามค้าน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟัง         
“เชื่อคุณหมอเถอะครับคุณริช”         
“ก็ได้…เจฟให้ใครเลื่อนโซฟามาที่นี่หน่อย”         
“เลื่อนมาทำไมครับ?”         
“ฉันจะรอดูอาการราเชล  เผื่อมีอะไร  คืนนี้หมอค้างที่นี่นะครับ”         
“ก็…ครับตกลง”         
“เจฟจัดที่พักด้วยนะ”         
“ครับผม”         
      ..................................

แสงอบอุ่นสีส้มอ่อนๆทำให้ไม่แสบตานัก  แม้จะรู้สึกว่ารอบๆตัวยังโคลงเคลงไปมา  แต่อาการปวดหัวเหมือนจะแตกกับความเจ็บปวดในหน้าอกดูจะน้อยลง  แขนขายังหนักอึ้งและไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะขยับ  ในคอขมและแห้งผาก         
“ราเชล…เป็นไงบ้าง?”
ใบหน้าที่ก้มเข้ามาใกล้ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวด้วยความยินดี         
“ริช…”         
“ปวดหัวไหม…หิวน้ำหรือเปล่า?”
ราเชลมองตามมือที่แตะวัดอุณหภูมิที่หน้าและเลื่อนลงลูบไล้ไปทั้วใบหน้าอย่างตื้นตัน         
“ผมหิวน้ำ”         
“ได้สิ…เป็นไงบ้าง?” ริษประคองร่างบอบบางขึ้นนั่งพิงอก           
“นี่…ที่ไหน?” ราเชลเหลียวมองรอบตัวอย่างงุนงง         
“บ้านฉันไง…นี่เธอรู้ตัวดีแล้วสิ?” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นเต็มหน้าคมคาย         
“รู้สึกสิ…รู้สึกแย่จัง” ราเชลตอบเสียงแผ่วเบา  ระคายคอจนต้องไอออกมาแต่ก็เจ็บในอกแปลบจนน้ำตาคลอ         
“ก็เธอไม่สบาย…เกิดอะไรขึ้นราเชลทำไมถึงตากฝนมาอย่างนี้  มันอันตรายมากเลยนะ  ไม่ได้ดูข่าวหรือว่าวันนี้มีพายุ”         
“ผมไม่มีเวลาดู…แค็กๆ…ขอผมพักหน่อย เหนื่อยจัง” ราเชลหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ทั้งร่างกายและจิตใจ 
ริชวางศีรษะทุยลงบนหมอน  ดึงผ้ามาห่มให้จนถึงคอ  ไม่นานนักเสียงลมหายใจของคนป่วยก็แผ่วเบาสม่ำเสมอ  ชายหนุ่มจ้องมองวงหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้อย่างครุ่นคิด  ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นราเชลคงไม่มีวันมาหาเขาก่อน  เสียงเคาะประตูเบาๆ ชายหนุ่มรีบลุกไปเปิดไม่อยากให้เสียงรบกวนคนป่วย       
“มีอะไรเจฟ?”         
“เมื่อเช้าคนของเราเจอรถคุณกระจกแตก ก็เลยเอาไปซ่อมให้  ขากลับมีผู้หญิงจรจัดคนหนึ่งพยายามจะหยุดรถ เพราะเข้าใจว่าเป็นคุณราเชล”         
“หืม…แล้วรู้ไหมว่าเขาต้องการอะไรจากราเชล”         
“ครับ…ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นแม่ครัวของบ้านเวลล์บอนเมื่อสิบกว่าปีก่อน  เธอทำงานได้ไม่นานก็ถูกส่งโรงพยาบาลเพราะอาการทางจิต  สาเหตุมาจากลูกสาวถูกฆาตกรรม”         
“แล้วเกี่ยวอะไรกับราเชล”         
“คุณราเชลอยู่กับลูกสาวเธอวันที่เด็กนั่นถูกฆ่า”         
“อะไรนะ?”         
“คุณราเชลเห็นการฆาตกรรมแน่นอน  ผมว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุที่คุณ
ราเชลต้องมีจิตแพทย์คอยดูแลอยู่ตลอด”
ริชยกมือขึ้นลูบท้ายทอย  ใจแห้งหายด้วยความสงสาร  ตอนนั้นราเชลคงยังเด็กมากการต้องเห็นภาพสยดสยองขนาดนั้นคงทำให้กลัวแทบขาดใจ         
“เช็คเรื่องนี้ให้ละเอียดนะ ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับราเชลบ้าง”         
“ครับ”
      ..................................

เพดานห้องลายแปลกตาทำให้คนเพิ่งตื่นจ้องมองอยู่นานกว่าจะ
นึกออกว่านอนอยู่ที่ไหน  ราเชลเหลียวไปรอบๆห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องนอนของเขากับริช  มีร่องรอยของการตกแต่งใหม่ให้ดูเรียบหรูขึ้น  แต่ของตกแต่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นของเดิม  แม้แต่ตุ๊กตาคริสตัลตัวเล็กๆที่เขาสะสมไว้ก็ถูกนำมาจัดเรียงไว้ในตู้ข้างเตียง 
ราเชลลุกขึ้นช้าๆ  แม้แขนขาจะยังอ่อนแรงอยู่บ้างแต่ก็พอประคองตัวเองไหว  เด็กหนุ่มลงจากเตียงไปนั่งหน้าตู้  เพิ่งสังเกตว่านอกจากที่เขาสะสมไว้ ก็มีของใหม่เพิ่มขึ้นมา สาวน้อยในชุดกระโปรงสเปนมีหนุ่มชุดสเปนมายืนเคียงข้าง  หงส์แม่ลูกมีคู่เพิ่มขึ้นมาอีกตัว 
ราเชลหยิบของสะสมขึ้นมาดูทีละชิ้น  นึกถึงที่มาแต่ละที่ก็อดยิ้มไม่ได้  จนกระทั่งถึงคริสตัลรูปหัวใจที่แตกละเอียด  วันนั้นเขาขว้างมันใส่ริช ความรู้สึกที่เห็นมันแตกกระจายเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนั้นไม่มีผิด  คริสตัลราคาแพงลิ่วกลายเป็นเศษแก้วไร้ค่าชั่วพริบตา  ริชใส่เศษแก้วแตกๆไว้ในกล่องแก้วใส 
ราเชลยกขึ้นพิจารณาใกล้ๆจึงเห็นว่ามีสีแดงคล้ำๆติดอยู่หลายที่         
“ลุกไหวแล้วเหรอ?” เสียงถามจากด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง  คงเพราะมัวคิดอะไรเพลินจึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู  ราเชลสอดซองพลาสติกลงในกระเป๋าเสื้อคลุมค่อยๆยันตัวลุกขึ้น  ริชก้าวยาวๆเข้ามาประคองไปที่เตียง         
“เป็นไงบ้าง  ยังปวดหัวอยู่ไหม…ตัวยังร้อนอยู่เลย” ราเชลหน้าร้อนผ่าวเมื่อริชแตะหลังมือไปทั่วหน้าและซอกคอ           
“เห็นพยาบาลบอกว่าเธอทานอาหารไปนิดเดียว…ระวังจะเป็นลมไปอีกนะ”         
“มันตื้อๆครับ…ไม่ค่อยอยากกินอะไร”         
“แต่ก็ต้องฝืนกินเข้าไปหน่อย  จะได้มีแรง”         
“วันนี้คุณไม่ไปทำงานเหรอ?”         
“ไม่ไป…ฉันมีประชุมทางไกล  ส่วนที่บริษัทก็ไม่ต้องห่วงนะ  ฉันโทรไปบอกเดนเซลกับเลขาเธอให้แล้ว”         
“ขอบคุณครับ…”
“แล้วนั่นจะไปไหน?”
“ผม...จะไปห้องน้ำ”
“มาฉันพาไปเอง”
“ไม่ต้องครับ  ผมเดินไหว”
“ไม่ได้เดี๋ยวล้มไปจะยิ่งแย่”
ริชประคองร่างผอมบางเข้าไปส่งในห้องน้ำแล้วปิดประตูให้แต่ไม่ยอมให้ล็อค  ครู่ใหญ่ประตูห้องน้ำก็เปิดออก  ริชหันไปมองและขมวดคิ้วเมื่อเห็นราเชลเปลี่ยนไปสวมชุดที่ใส่มาคืนฝนตก
“ทำไมแต่งตัวแบบนั้น”
“ผมจะกลับบ้านครับ  รบกวนคุณมามากแล้ว”
“เป็นอะไรไป…หรือว่าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีก?”
“เปล่าครับ  ขอบคุณมากที่ช่วยผมไว้”
“ไม่ราเชล…พูดกันให้รู้เรื่องก่อน ทำไมเธอต้องหนีฉันด้วย?”
“ผมไม่ได้หนี  แต่ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้วก็เลยอยากกลับบ้าน  ป่านนี้คุณย่าท่านคงห่วงที่ผมหายมาหลายวัน”
“ไม่จริง…เธอต้องการหลบหน้าฉัน  กลับไปเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองอีกแล้วเหรอราเชล”
“คุณริช!”
“ฉันไม่ให้เธอกลับ”
“ปล่อย…นี่ผมเจ็บนะ ปล่อยผม”
“ไม่…ยังไงวันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  ฉันไม่อยากเล่นเกมซ่อนหากับเธออีกแล้ว”
“ผมไม่เคยเล่นเกมกับคุณนะ”
“งั้นก็หันมาคุยกันจริงๆเสียที…ถามจริงๆเถอะราเชลเมื่อไหร่เธอจะยอมรับเสียทีว่ายังรักฉันอยู่”
“ผมเคยรักคุณริช…แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้ว”
“ไม่จริง ตาเธอมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่ายังรู้สึกกับฉันเหมือนเดิม  เธอยังหึงเวลาที่เห็นฉันควงกับคนอื่น”
“ผมไม่เคยหึง…คุณเข้าข้างตัวเองมากไปแล้ว”
“มองตาฉันแล้วบอกฉันชัดๆสิราเชลว่าเธอไม่รักฉันแล้ว…พูดสิ!”
ราเชลกัดปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่นไม่กล้าสบตาริชจนแล้วจนรอด  ใบหน้าเครียดขึงค่อยๆคลายลงแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มร่า  ริชหัวเราะก้องรวบร่างบางมากอดแน่น
“ปล่อย…นี่ปล่อยผมนะ…ริช!”
“มาพิสูจน์กันราเชลว่าเธอไม่รักฉันแล้ว”
“พิสูจน์ยังไง…เอ๊ะ…อย่านะริช” ราเชลสะดุ้งพยายามเบี่ยงหน้าหนีเมื่อปากร้อนๆซุกไซ้ไปทั่วแก้ม คอและริมฝีปาก
“เธอจะพูดยังไงก็ได้  แต่ร่างกายเธอมันซื่อสัตย์กว่าเสมอราเชล…”
“ไม่…อื้อ…” ราเชลดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนที่รัดแน่น 
ริชกดร่างน้อยลงกับเตียง  แก้มเนียนใสแดงก่ำด้วยพิษไข้และแรงอารมณ์ ราเชลเบี่ยงหน้าหนี ปากร้อนจึงพลาดจากปากนุ่มไถลลงหาซอกคอขาว  ฟันคมขบเน้นแรงๆจนเด็กหนุ่มสะดุ้ง  ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมแขนแน่นหนาได้ 
 ริชผุดลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อราเชลออกอย่างรวดเร็ว  ราเชลพยายามปัดป้องแต่ครู่เดียวแผ่นอกขาวตึงก็เปลือยเปล่า  ริชก้มลงจุมพิตแผ่วๆไปทั่ว  ไม่สนใจกำปั้นเล็กๆที่ทุบตีอยู่บนหลัง  ชายหนุ่มจูบเน้นซอกคอขาวอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงมาที่ไหล่ขาว  คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อเห็นรอยถลอกเป็นแนวยาวสองสามแนวบนผิวนวล
“นี่มันรอยอะไร?”
“ปล่อยผมนะ…จะรอยอะไรก็ช่าง  บอกว่าให้ปล่อย”
“ใครเป็นคนทำรอยนี้ราเชล บอกมา!”
ราเชลสะดุ้งเมื่อโดนตะคอก  ตาคมดุดันจนไม่กล้าสบตา ริชกระชากเสื้อออกจากร่างบางอย่างรวดเร็ว  นอกจากรอยที่ไหล่ยังมีรอยนิ้วเขียวช้ำที่ท่อนแขนเรียว  คืนที่ราเชลป่วยเขาเห็นรอยเหล่านี้แล้วแต่มันแค่เป็นปื้นแดงๆไม่ชัดนัก  แสดงว่าราเชลมีรอยนี้ติดตัวก่อนหน้าที่จะมาหาเขา
“บอกมาว่าใครทำ!”
“มันเรื่องของผม  ปล่อยนะ…คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผมนะ ปล่อย!”
“ไอ้หมอโรคจิตนั่นใช่ไหม?…ฉันจะฆ่ามัน”
“อย่านะ…คุณหมอไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้น  หยุดนะริช”
“แล้วไอ้รอยบนตัวเธอนี่ล่ะจะว่าไง?”
“ผมทะเลาะกับเขา  แล้วเขากระชากแขนผมแค่นั้น”
“แค่นั้นเหรอ”
“ใช่แค่นั้นจริงๆ  นี่อย่าไปทำอะไรเขานะ คุณหมอเขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายผมสักหน่อย”
“ปกป้องมันจริงนะ  ถามจริงๆเถอะราเชล…เริ่มจะชอบมันหรือยังไง?”
“ใครบอกว่าเริ่มชอบ  ผมหลงรักคุณหมอเขาเลยหละ”
“ฮะๆๆๆ…ทีหลังเวลาโกหกหัดส่องกระจกบ้างนะ…หน้าเธอมันมีพิรุธรู้ไหม?”
“ผมไม่ได้โกหก ผมรักคุณหมอจริงๆ  ผมไม่ได้รักคุณแล้ว…ปล่อยผมนะ…บอกว่าให้ปล่อยไง…หูแตกเหรอริชผมรักคนอื่นไม่ได้รักคุณแล้ว”
“ฉันกำลังพิสูจน์ราเชล”
“ไม่…ริช!…อื้อ…”
ปากร้อนบดขยี้บนปากนุ่มรุนแรง  ราเชลพยายามดิ้นแต่โดนตรึงไว้ด้วยร่างหนาหนักจนแทบหายใจไม่ออก  ริชบดจูบรุนแรงขณะที่มือก็ฟอนเฟ้นทั่วร่างบางหนักๆ  กลิ่นหอมของเนื้อนวลกระตุ้นให้เลือดระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว  แม้จะห่างเหินกันไปหลายปีแต่เขากลับจำจุดอ่อนไหวทุกที่ในร่างเล็กได้แม่นยำ  ชายหนุ่มปล่อยปากนุ่มบวมเป็นอิสระ  เลื่อนลงมาดูดเม้มที่ซอกคอขาวแทน  ราเชลสะดุ้งผิวหนังเห่อร้อนและเสียววาบเพียงแค่ลมหายใจร้อนๆเป่าผ่านยอดอก  มือเล็กๆพยายามผลักไหล่หนาแต่ไม่ขยับ  ปากร้อนค่อยๆแต่เล็มเนื้ออ่อนบนทรวงอกแผ่วเบา
เด็กหนุ่มผวาเมื่อริชดึงเขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง  ร่างหนาแทรกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างและโน้มเข้ามาจนหน้าผากแตะกัน  ท่อนขาเรียวถูกยกขึ้นพาดไหล่ มือใหญ่ลูบผ่านจากข้อเท้าลงมาหาข้อพับใต้เข่า ลงไปยังต้นขา
ราเชลเม้มปากแน่นกลั้นเสียงครางสุดความสามารถ  แม้จะเป็นสัมผัสผ่านเนื้อผ้าแต่ก็รู้สึกวูบวาบ
ริชเลาะเล็มกลีบปากนุ่มเบาๆ บางครั้งก็งับดึงลิ้นนุ่มเล่นจนได้ยินเสียงครางแผ่ว  ชายหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปควานในปากหอม ตวัดรัดลิ้นนุ่มไว้แน่นขณะที่มือก็ปลดเข็มขัดหนังเส้นเล็กอย่างว่องไว
ราเชลลืมตาขึ้นเมื่อปากเป็นอิสระ  ริชนั่งตัวตรงดวงตาวาววามกวาดไล้ไปทั่วตัวเขา ราเชลใจหายวาบเมื่อสังเกตเห็นความเปลือยเปล่าของตนเองและร่างหนา  ที่น่าอายคือขาของเขาพาดอยู่บนไหล่กว้างขณะที่ส่วนล่างเปล่าเปลือยสัมผัสถึงความร้อนระอุที่เสียดสีไปมาอยู่ด้านหลัง
สายตาของริชจ้องตาเขานิ่งขณะที่ใบหน้าลดต่ำลงช้าๆ  ราเชลคิดว่าเขาควรทำอะไรสักอย่างแต่กลับจ้องมองการกระทำนั้นเขม็งแทบจะเป็นรอคอยด้วยซ้ำ
ปากบางแตะจุมพิตแผ่วเบา ร่างกายเขากลับตอบสนองราวกับเป็นอีกชีวิตที่แยกจากกาย  ริชลากจูบไล้ลงต่ำแล้ววนกลับขึ้นมา  หน้าท้องเนียนเกร็งแน่นอย่างทรมาน เมื่อปากบางครอบลงมาเสียงครางแผ่วโหยก็หลุดออกมา  ราเชลกำผ้าปูที่นอนแน่น  ทุกปลายประสาทตื่นเพริดยินดีปรีดากับสัมผัสร้อนผ่าวที่โอบล้อมอยู่รอบกาย  รู้สึกได้ถึงฟันคมที่แตะครูดไปมาเบาๆ  ปากร้อนครอบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเลื่อนขึ้นปล่อยเขาเป็นอิสระ รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมากะทันหัน         
“ริช…” ราเชลได้ยินเสียงเว้าวอนของตัวเอง  ร่างกายกับจิตใจเขาเหมือนแยกจากกันสิ้นเชิง ใจพยายามห้ามแต่กายกลับเสนอสนองอย่างยินดี 
ริชยิ้มก้มลงครอบครองเด็กหนุ่มไว้ในปาก  มือเล็กประคองหน้าเขาไว้และเปลี่ยนเป็นเหนี่ยวรั้งเมื่อริชขยับรูดปากเข้าออกช้าๆ         
“ริช…อา…ริช…”เสียงครางกระเส่าของราเชลกระตุ้นให้เลือดในกายร้อนฉ่า  ริชเริ่มสำรวจช่องทางแคบด้วยนิ้วยาว  เพียงแค่ปลายนิ้วที่สอดเข้าไปก็ได้รับการบีบรัดเป็นจังหวะ  ทางแคบคับแน่นกว่าที่คิด แม้เพียงแค่นิ้วเดียวยังผ่านเข้าออกแสนยาก  ริชไม่ละความพยายาม ปาดไล้ความฉ่ำเยิ้มด้านหน้าชะโลมนิ้วแล้วสอดกลับเข้าไปใหม่  เมื่อมีสิ่งช่วยหล่อลื่นไม่นานนักนิ้วที่สองสามก็ตามเข้าไปได้ 
ราเชลกัดปากแน่นเมื่อปลายนิ้วซนสอดลึกและสะกิดกระตุ้นจุดอ่อนไหวภายใน  ด้านหน้าที่ถูกเล้าโลมจนเสียวซ่านผสานกับจังหวะสอดแทรกด้านหลังผลักดันความร้อนให้ถึงขีดสุด           
“ริช” ร่างบางเกร็งกระตุก  ไอรักร้อนฉีดซ่าน และถูกรองรับไว้  ริชชะโลมหยาดรักของเด็กหนุ่มจนทั่วความร้อนผ่าวของตัวเอง  ชายหนุ่มเบียดแทรกเข้าไปในทางแคบช้าๆ
เสียงราเชลอุทานเบาๆ ร่างเล็กเกร็งขืนไว้แต่แล้วก็กลับผ่อนคลายยอมให้เขาเข้าไป
แต่สัมผัสที่ห่างเหินหลายปีทำให้การเดินทางของริชยากลำบาก เหงื่อหยาดเป็นสายกว่าที่จะผ่านเข้าไปได้หมด  ชายหนุ่มกอดร่างนุ่มไว้กระชับครู่หนึ่งจึงค่อยขยับเลื่อนกายแผ่วเบา แต่แรงบีบรัดกระตุ้นให้ความเสียวซ่านทวีขึ้นจนเจียนจะระเบิด  ริชโหมกายเข้าออกหนักขึ้น ได้ยินเสียงครางกระเส่า  ร่างบางแอ่นหยัดขึ้นรับทุกสัมผัส  แม้จะห่างเหินไปนานแต่ราเชลก็ยังเป็นนักเรียนที่ดีเสมอ  ริชยิ้มกระหยิ่มอย่างพอใจ 
ราเชลเหนี่ยวลำคอหนาลงไปหา  และเป็นฝ่ายรุกไล่ลิ้นนุ่มเข้ามา ซึ่งริชก็เสนอสนองอย่างปรีดา  แรงเสียดทานรุ่มร้อนพลุ่งขึ้นถึงขีดสุด เสียงครางกับเสียงเนื้อปะทะกันผสานกันระงม  ต่างกอดรัดและขยับรับเข้าหากันเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด    เสียงครางสะท้อนทั้งห้องก่อนที่ไอรักร้อนจะพรั่งพรมรินรดกันและกัน  เปียกชุ่ม อิ่มเอม และสุขสมจนเนื้อตัวสั่นเทา  ริชกอดรัดร่างบอบบางแน่นและหลับใหลไปด้วยกันอย่างอ่อนเพลีย
         ..................................

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 13-09-2009 11:20:18

เสียงโทรศัพท์แผดสนั่นขึ้นทำให้ร่างที่ซุกซบกันอยู่สะดุ้งตื่น  ริช ควานมือไปรับสายก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะปลุกคนในอ้อมแขนให้ตื่นขึ้นมาด้วย
“ฮัลโหล...”
“ริช...ตกลงนายจะมางานได้หรือเปล่า?”
“งานเลี้ยงอะไร?”
“งานวันเกิดฉันไงฉันไง”
“หา!เออจริงสิ...ไปสิ...นี่กี่โมงแล้ว”
“หกโมงกว่า  เรารอนายอยู่คนเดียวนะ”
“โทษที  ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้...เอ่อ...พาใครบางคนไปด้วยได้ไหม?”
“ได้สิรีบมานะ”
“เดี๋ยวเจอกัน”
ริชก้มลงมองร่างในอ้อมแขนที่ยังหลับตาพริ้มแต่เขารู้ว่าเด็กหนุ่มตื่นแล้ว  ริชก้มลงไซร้จมูกไปตามซอกคอขาว  ราเชลหดตัวหนีด้วยความลืมตัว
“ฮายย...ตื่นแล้วนี่  ลุกไหวไหม  ถ้าลุกไหวไปเที่ยวกันดีกว่า”
“ไป...ไปไหนครับ?”
“ไปงานเลี้ยงบ้านเท็ดกัน  เท็ดจัดงานวันเกิด  เขาอยากให้เธอไปด้วยนะ”
“ผมเหรอครับ  ทำไมคุณเท็ดรู้ละว่า...เอ่อ...ผมอยู่นี่”
“เขาต้องรู้สิ  ว่าฉันควรอยู่กับใครเวลานี้”
“หมายความว่าไง?”
“อย่าอารมณ์เสียน่า  เท็ดเขารู้เรื่องที่เธอป่วยอยู่ที่นี่เท่านั้นแหละ”
“...ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร” ราเชลตอบอุบอิบทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเดือดโมโหที่คิดว่าริชโอ่เรื่องที่นอนกับเขา  แต่พอรู้ว่าเข้าใจผิดก็นึกอายที่มองริชในแง่ร้าย ทั้งๆที่ริชช่วยดูแลเขามาตลอดเวลาที่เขาป่วย
“แล้วตกลงว่าจะไปงานวันเกิดเท็ดไหม?”
“ไปครับ...แต่ผมไม่มีเสื้อผ้า”
“ไม่ต้องห่วง  ฉันให้เขาจัดไว้ให้แล้ว  ไม่ใช่จัดไว้สำหรับไปงานอะไรหรอก แค่เสื้อลำลองเฉยๆน่ะ”
“ขอบคุณครับ”
งานเลี้ยงในครอบครัวพอลลิ่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ริชพยายามชวน
ราเชลออกไปที่สวนแต่ราเชลเขินสายตาของบิดามารดาเท็ดจึงไม่ยอมออกไปด้วยและแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับเท็ดแทน  ริชหน้างอแล้วลุกออกไปคนเดียว 
ราเชลรีรออยู่ครู่หนึ่งจึงลุกตามออกไป
“ริช…เอ่อ…โกรธผมเหรอ?”
“ก็มันน่าโกรธไหมล่ะ…เราเป็นคนรักกันนะราเชล แล้วทำไมต้องทำท่ารังเกียจฉันขนาดนั้นด้วย”
“ผมไม่อยากให้ครอบครัวคุณเท็ดเขามองเราไม่ดี”
“เธอเอาแต่หนีฉันตลอด แต่ทีกับเท็ดเธอยิ้มหวานเชียว อย่าบอกนะว่าสนใจเขา  เท็ดน่ะเขาไม่สนใจคนอื่นหรอกนอกจากกาย”
ชื่อกายทำให้หัวใจชุ่มชื่นฟุบแฟบลง ราเชลนิ่งไปนานกว่าจะรวบรวมกำลังใจถามริชเบาๆ
“จนป่านนี้แล้ว…แต่ดูใครๆก็ยังคิดถึงคุณกายกันอยู่นะครับ”
“แน่ล่ะ…กายน่ะน่ารัก แสนดี  แล้วก็ไม่ขี้งอนไร้เหตุผลเหมือนเธอหรอก”
ริชตอบห้วนๆ ความเงียบเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ริชเหลือบมองหน้านวลที่บัดนี้ซีดขาวอย่างตกใจ  เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายความรู้สึกของราเชล แต่เพราะอารมณ์หึงหวงทำให้เขาพลั้งปากประชดไป         
“ราเชล…เอ่อ..”         
“ผมจะเข้าไปข้างในก่อนนะครับ” ราเชลผลุนผลันกลับเข้าไป ริชขยับจะตามแต่ทิฐิทำให้เขาหยุดยืนเฉย           
“แสนงอนดีนัก ดีปล่อยให้งอนเสียให้เข็ด” ชายหนุ่มวิ่งออกไปก็ทันทีเมื่อได้ยินเสียงรถ ทันได้เห็นท้ายรถของเด็กหนุ่มอยู่ลิบๆ         
“เกิดอะไรขึ้นริช…ทำไมจู่ๆราเชลก็กลับไปดื้อๆอย่างนั้น?”         
“ช่างปะไร…อยากงอนก็งอนไปเลย  ยิ่งง้อยิ่งทำฤทธิ์ ปล่อยให้ร้องไห้ให้เข็ดเสียบ้างก็ดี” ริชประชดแต่ก็หน้าขับรถออกไปอีกคน
      ..................................

อารมณ์โมโหแกมน้อยใจทำให้เผลอขับรถเร็ว ราเชลจึงถูกรถสายตรวจเรียกจอด  เด็กหนุ่มใจหายเพราะเกิดมาเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
“คุณขับรถเร็วนะครับ…ถนนแถวนี้ค่อนข้างพลุกพล่าน ขับเร็วขนาดนี้จะเกิดอันตรายได้”
“ขอโทษครับ…ผม…ผมรีบไปหน่อย”
“ขอใบขับขี่ด้วยครับ”
“ครับ” ราเชลส่งใบขับขี่ให้  นายตำรวจทั้งสองเรียกเด็กหนุ่มออกมา ให้เป่าตัวตรวจจับแอลกอฮอล์ แต่ไม่พบอะไร จึงให้ใบสั่งเรื่องขับรถเร็ว
ราเชลไปนั่งใจระทึกบนสถานี  คราวที่แล้วเขามาสถานีตำรวจเพราะหนีริชมา  คราวนี้ก็เพราะหนีริชมาอีกแหละ  คนที่ถูกจับมากมายจนเขาแปลกใจ  จนได้ยินตำรวจบ่นกันถึงแก็งค์ซิ่งรถที่ถูกจับเด็กหนุ่มถึงเข้าใจ 
ราเชลนั่งตัวลีบเมื่อมีนักซิ่งร่างยักษ์สองสามคนปราดเข้ามาใกล้เขา  ดีที่ตำรวจนายหนึ่งกันออกไป 
“มีอะไรกัน?”
“  ขับรถเร็วครับสารวัตร กำลังจะเสียค่าปรับ”
“งั้นเหรอ…เอ…เธอนี่หน้าคุ้นๆนะ…เราเคยเจอกันหรือเปล่าเนี่ย?”
“ไม่เคยครับ”
“แหมสารวัตรเห็นคนสวยหน่อยละไม่ได้เชียวนะ”
“เฮ้ย!ฉันคุ้นหน้าเจ้าหนูนี่จริงๆนะ”
“ผู้หญิงไม่ใช่หรือครับ?”ร้อยเวรทำหน้าเหมือนกับตำรวจคนที่จับความเร็วเขาตอนเห็นใบขับขี่
“ผมเป็นผู้ชายครับ” ราเชลเสียงแข็ง หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ไหนขอดูหน่อยสิ…ราเชล เวลล์บอน …ฮ้า!เด็กคนนั้นนี่เอง”
“คนไหนครับ?”
“เรื่องมันตั้งนานแล้วตั้งแต่ฉันย้ายมาประจำที่นี่ใหม่ๆ  ไงหนูน้อยคุณย่าเธอสบายดีหรือเปล่า”
“ครับ..เอ่อ..ผมเคยเจอคุณด้วยเหรอครับ…ทำไมผมจำไม่ได้?”
“ฮะๆๆ…จะไปจำได้ได้ยังไง  ตอนนั้นเธอเพิ่ง 4-5ขวบเท่านั้นเอง  แถมยังถูกทำร้ายจนปางตาย  ตอนที่ฉันไปอุ้มออกมาเธอนอนตาลอยคว้างจนฉันใจหายหมด”
“ผม…ผมเคยถูก…ทำร้ายเหรอครับ” ราเชลใจหายวูบ เกือบหลุดคำว่าโดนข่มขืนออกไปถ้าไม่เห็นสายตาที่มองมาอย่างสนใจของตำรวจคนอื่นๆ
“ใช่…แต่ตอนนี้สบายดีแล้วใช่ไหม…ฝากบอกคุณย่าเธอด้วยว่าว่างๆฉันจะไปเยี่ยมนะ…อ้าว!นั่นจะรีบไปไหน…ว้า!ไปซะแล้ว” 
      ..................................
       
เสียงเปิดประตูโครมพร้อมกับร่างบางที่วิ่งถลาเข้ามาอย่างไร้-มารยาททำให้ท่านผู้หญิงแห่งตระกูลเวลบอร์นมองหลานชายด้วยดวงตาตำหนิ         
“คุณย่า…บอกผมหน่อยว่าแม่ผมตายยังไง?”         
“เป็นบ้าไปแล้วหรือราเชล เข้าห้องก็ไม่รู้จักเคาะประตู แล้วนี่ยังจะมาถามเรื่องไร้สาระอีก”
“ไม่!บอกผมสิคุณย่าว่าแม่ตายยังไง?”
“แม่เธอรถคว่ำ รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม?”
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหมคุณย่า…พ่อ…พ่อเจตนาฆ่าแม่กับชู้”
“ราเชล…หยุดพูดจาไร้สติได้แล้ว  ไปเอาเรื่องบ้าบอแบบนี้มาจากไหน?”
“เบลบอกผมว่าแม่ตาย  ส่วนชู้รักของแม่เป็นบ้า  ย่าขังเขาไว้แล้วเขาก็ข่มขืนเอลล่า…มันจริงไหมครับย่า”
“เชื่ออะไรกับคนบ้า...ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องบ้าๆกับเธอแล้ว”
ใบหน้าเหี่ยวย่นซีดขาวขึ้นมาทันที นางเวลบอร์นผุดลุกขึ้นเดินหนี  ราเชล วิ่งตามไปคว้าแขนเธอไว้แน่น
“บอกผมหน่อยคุณย่า…ว่าสิ่งที่ผมรู้มันไม่จริง  บอกผมหน่อยคุณย่า…ฮึก…บอกผม”
“นี่จะมาถามให้มันได้อะไร?”
“ก็แสดงว่าจริงสินะ…แสดงว่าจริงใช่ไหม?…ผู้ชายคนนั้นเป็นลุงผม  ลุงชาลีเป็นชู้รักของแม่จริงๆเหรอครับ”
“แล้วมันก็เป็นพ่อแกด้วยไง”
เสียงตวาดจากเบื้องหลังทำให้ราเชลชาวาบทั้งตัว  เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาเรียกว่าพ่อมาตลอด 18 ปี
“หมายความว่า…ผม…ไม่ใช่…ลูก..”
“แกไม่ใช่ลูกฉัน…ไม่เคยใช่….”ชาร์ลตวาดสวนทันควัน ใบหน้าอูมแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์  ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลเขาก็ดื่มหนักเพราะความกดดันที่เดินไม่ได้
“หยุดนะชาล์ล แกพูดอะไรบ้าๆ  ราเชลเป็นลูกแกนะ”
“คุณแม่จะโกหกไปถึงไหน  คุณแม่ก็รู้ดีว่ามันเป็นลูกไอ้ชาลี มันไม่ใช่ลูกผม”
“…ไม่จริง…” ราเชลครางเสียงแผ่วด้วยความตกใจมากกว่าจะคิดปฏิเสธ
“จริงสิ…แล้วรู้ไหมทำไมแกต้องมีหมอมาตามดูตลอดก็เพราะแกเกือบต้องตายเพราะพ่อแกนั่นแหละ…ฮะๆๆ พ่อที่เป็นบ้ามันเกือบฆ่าแกนะรู้ไว้ซะ” ชาร์ลไสรถเข็นเข้ามาประจันหน้ากับแอนนาและราเชลด้วยสีหน้าสะใจ
“ชาร์ลถ้าแกเมาก็ไปนอนซะ  แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“คุณแม่จะปกป้องมันทำไมนักหนา  ก็แค่ลูกกาฝากจะเลี้ยงมันไปถึงเมื่อไหร่?”
ราเชลเย็นวาบทั้งตัวราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น  หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าออกจากบ้านมาได้อย่างไร  เด็กหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อตำรวจสายตรวจมาเคาะกระจกรถ  เขาไม่รู้ว่าตัวเองจอดรถและฟุบหน้าร้องไห้อยู่นานแค่ไหนแล้ว
“คุณครับ…เมาหรือเปล่าครับ?”
“…เปล่าครับ…ผม…ไม่ได้ทานเหล้า…”
“แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า  มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ไม่…ไม่เป็นอะไรครับ…ผมปวดศีรษะก็เลยหยุดพักครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“ถ้าคุณไม่เป็นผมขอตัวก่อน” นายตำรวจคนนั้นถอยออกไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพอดี  ราเชลมองเบอร์ที่โชว์อย่างประหลาดใจ
“ครับ...ราเชลพูด”
“คุณรีบมาที่บ้านนะครับ  คุณริชเกิดเรื่องแล้ว”
“เรื่องอะไร  ริชเป็นอะไร?”
“....”
ยังไม่ทันรู้เรื่องว่ามีอะไรฝ่ายนั้นก็วางสายไปทันที เสียงอู้อี้ฟังดูแปลกๆ  แต่ราเชลห่วงริชเกินกว่าจะสนใจ
บอร์ดี้การ์ดต่างหันมองราเชลอย่างประหลาดใจที่เห็นเด็กหนุ่มลงจากรถด้วยท่าทางร้อนรน
“มีอะไรครับคุณราเชล?”
“เกิดอะไรขึ้นกับริช  ริชเป็นอะไร  ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“เกิดอะไร...เอ่อ...ผมก็ไม่ทราบครับ...คือ....”
“โธ่เอ๊ย! ริชอยู่ที่ไหนรู้ไหม?”
“อยู่ห้องทำงานครับ...พอดีมี...ไปซะแล้ว...อะไรกันหว่า...” 
ราเชลวิ่งตัวปลิวไปก่อนที่จะทันฟังให้จบ  เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมคนของริชเหมือนไม่รู้ว่าริชกำลังเดือดร้อน
ยังไม่ทันถึงห้องทำงานเสียงริชหัวเราะก็ดังลอดออกมาเพราะประตูห้องถูกแง้มอยู่  ราเชลชะงักตัดสินใจแอบดูแทนที่จะเข้าไปทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปหรือไม่  ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มเย็นวาบทั้งตัว 
ร่างบางอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าโถมเข้ากอดรัดร่างหนา  ราเชลรู้สึกเหมือนโลกตีกลับขึ้นหน้าเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของร่างเปลือยเปล่าชัดเจน 
 “…ลอว์ลี่…ทำไม...”
เสียงครางของราเชลไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  น้ำตากลบตาจนมองอะไรแทบไม่เห็น   ราเชลหันกลับร่างกายสั่นเทิ้มจนแทบเดินไม่ไหว ในหัวว่างเปล่าโหวงเหวง 
‘คนรัก...เพื่อนรัก...ไม่มีอีกแล้ว...เราไม่เหลือใครอีกแล้ว’
      ..................................

ราเชลนอนเหม่อตาลอยคว้าง...เขาไม่มีที่ให้ไปอีกแล้วนอกจากที่นี่คอนโดที่ซื้อเพื่อพักระหว่างที่มาทำงานแทนบิดา เด็กหนุ่มพลิกตัวไปมาอย่างทุรนทุราย  ยานอนหลับ3เม็ดที่เขากินเข้าไปไม่ได้ช่วยให้เขาหลับได้เลย  ตายังแข็งค้าง ภาพของริชกับลอว์ลี่ยังติดตาไม่หาย  ความเจ็บปวดที่รุมเร้าทำให้เด็กหนุ่มต้องคู้ตัวขดแน่น  ในสมองอึงอลด้วยเรื่องเลวร้ายที่ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เบลเล่าจะเป็นความจริง แต่ถ้อยคำหยาบหยามของบิดายังดังก้องอยู่ในหู  ขนาดบิดาแท้ๆยังทำร้ายเขาได้  ไม่แปลกเลยที่โลกนี้จะไม่มีใครรักเขาจริงแม้แต่คนเดียว         
‘เรามันสกปรก…เราถูกพ่อตัวเองข่มขืนตั้งแต่เด็ก…มิน่าถึงไม่มีใครรักเราเลย…ในโลกนี้ไม่มีใครรักเราเลยเหรอนี่…แล้วเราเกิดมาเพื่ออะไร?…พระเจ้าครับ…ท่านให้ผมเกิดมาทำไม?’
ราเชลเกลือกกลิ้งไปบนที่นอนด้วยความทรมาน ในอกเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ RRRRRRRRRRR…..
เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์  อาจจะเป็นคุณย่า …อาจจะเป็นริช…หรืออาจจะเป็นหมอที่เป็นห่วงเขา         
“ฮัลโหล”         
“ราเชลนี่ผมเองนะ…เกิดอะไรขึ้นจู่ๆก็รีบร้อนกลับไป  ผมโทรเข้ามือถือแต่คุณปิดเครื่อง  โทรมาที่คอนโดก็ไม่มีคนรับสาย  นี่ผมเกือบถอดใจแล้วนะ  โชคดีจริงๆที่เจอคุณพอดี”         
“ใคร…นั่นใครพูดน่ะ…ไม่ใช่ริชนี่?”         
“ผมเอง…เท็ดไง…จำเสียงผมได้ไม่ได้เหรอ?”         
“เท็ด…เท็ด…ช่วยผมด้วย”         
“ราเชลเป็นอะไรไป!” เสียงร้องไห้ที่ดังลอดเข้ามาพลอยให้เท็ดร้อนใจไปด้วย       
“เท็ดอยู่ที่ไหน…ผมจะไปหา”         
“ผมไปหาคุณดีกว่าราเชล  รออยู่ที่ห้องนั่นแหละ”         
“ไม่!ผมจะไม่อยู่ที่นี่…ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว…เท็ดอยู่ที่ไหน…บอกผมที ผมจะไปหา…ผมเจ็บจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว…เท็ดช่วยผมที”         
“เอาอย่างนี้ราเชล  ลงมารอผมที่ห้องรับรองก็ได้ ผมจะไปหา อย่าขับรถดีกว่านะมันอันตราย  รออยู่ที่คอนโดนั่นแหละ”         
“ผมจะรอนะ…เท็ดต้องมาหาผมนะ…อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว”         
“ผมไปแน่ราเชล  ผมสัญญา…เดี๋ยวเจอกัน”
ราเชลทิ้งโทรศัพท์ลงวิ่งออกไปทั้งที่ไม่ได้สวมรองเท้า  ยังไม่ทันถึงลิฟต์ร่างสูงๆก็เดินสวนมาเสียก่อน  ราเชลชะงักกึกด้วยความตกใจ
‘ไม่ๆ…เรายังไม่พร้อม…เราทนให้ริชบอกเรื่องเขากับลอว์ลี่ตอนนี้ไม่ไหวแน่…’
ราเชลหันกลับวิ่งหนีไปทางบันไดหนีไฟแต่ริชตามไปกระชากตัวกลับมาเสียก่อน         
“จะไปไหนราเชล เจอหน้าก็วิ่งหนีดื้อๆเลยนะ?”         
“ปล่อยผม…ผมจะไปธุระ”         
“รู้สึกว่าธุระของเธอมันจะร้อนเหลือเกินนะ…”
ตาคมกวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  แสงทางเดินค่อนข้างสลัวแต่ก็พอสังเกตเห็นว่าราเชลไม่ได้สวมรองเท้า  แถมกระดุมเสื้อก็หลุดลุย
“รีบเสียจนไม่มีเวลาติดกระดุมเสื้อด้วยซ้ำ…อย่างนี้คงไม่มีเวลาคุยกับฉันสินะ?”         
“ไม่ๆ…ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้น”         
“ต้องคุย!”         
“ไม่…ปล่อยผม…ผมจะรีบไป…ป่านนี้เขารอผมแย่แล้ว”         
“อ้อ!มีนัด”         
“ใช่ผมมีนัด…ผมขอตัว”         
“ทำไมหื๋อราเชล?...ฉันคนเดียวสนองให้เธอไม่ถึงใจหรือไง  ถึงต้องแล่น
ออกไปหาคนอื่นกลางดึกขนาดนี้…หรือว่าชอบแบบหมู่ก็ได้นะฉันจะเรียกบอร์ดี้-การ์ดมาให้ รับรองว่าดุเด็ดเผ็ดมันสมใจเธอแน่”
คำพูดของริชเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลาหลังหัก  ราเชลหมุนตัวกลับไปและเหวี่ยงมือและเท้าเข้าใส่สุดแรง
“นี่ราเชล...หยุดนะ...บอกว่าให้หยุด!” 
ริชเบี่ยงตัวหลบและคอยปัดป้องแต่ไม่ตอบโต้  รอจนพายุหมัดเบาลงจึงรวบแขนเรียวไว้ได้  ชายหนุ่มดันร่างที่กำลังดิ้นรนกดกับผนังและใช้ท่อนขาตรึงร่างกายส่วนล่างของเด็กหนุ่มไม่ให้ขยับ
“หยุดเสียที  อย่าให้ฉันโมโหมากไปกว่านี้นะ!” ริชเขย่าไหล่บางแรงๆหวังให้ราเชลหยุดอาระวาด
 ราเชลไม่ได้ร้องไห้แต่คำรามอยู่ในลำคอ  ดวงตาโตลุกโพลงด้วยความคั่งแค้นและเจ็บช้ำ  ใบหน้าซีดจนแทบเขียว  ฟันขาวกัดปากแน่นจนเลือดค่อยๆไหลซึมลงมา  ริชรีบคว้าคางมนบีบให้คลายออก           
“หยุดนะราเชล! อย่าทำแบบนี้  เธอจะทำร้ายตัวเองทำไม?”
ราเชลไม่ได้ตอบโต้ หูของเขาอื้อด้วยเสียงเสียดสีที่ดังสะท้อนไปมา  ความคับแค้นขมขื่นจากการได้รับรู้อดีตที่น่าอับอายน่าขยะแขยงของตัวเอง บวกกับความเสียใจที่ถูกคนรักและเพื่อนสนิททรยศบีบคั้นมาหลายชั่วโมง ทำให้บางอย่างในตัวเขาขาดผึงออก 
ราเชลได้ยินเสียงตัวเองกรีดร้อง ดัง...และโหยหวน แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้  รู้สึกเหมือนในตัวเขาแยกออกมาจากกัน  ร่างกายเขากรีดร้องดิ้นรนและพยายามทำร้ายคนตรงหน้า  แต่จิตใตเขากลับขาวโพลนและค่อยๆว่างเปล่า  สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและเจ็บปวดของริช
         .................................
 :serius2: :o12:




แล้วเจอใหม่คะ :pig4:



หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-09-2009 11:43:42
 :serius2: อยากจะบ้าตามราเชล
ก็บอกแล้วว่าอีตาริชไม่น่าไว้ใจ :angry2:
กรรมเวร มิเป็นบ้าเป็นบอไปแล้วเหรอเนี่ย :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-09-2009 12:47:55
ไหนคุณ tianqin บอกว่า เชียร์ ริช แล้วไม่ผิดหวังไงค่ะ
แล้วดูเจ้าริชมันทำ  :fire:
ราเชลลุกขึ้นมา  :beat: :beat: มันเลย แอร๊ยยย โมโหมาก

ปล. ขอบคุณมากนะคะที่จะเอาเรื่องเล่ห์รักมาลงต่อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 13-09-2009 19:01:11
จะกรีดร้องตามแระ

เฮ้อ จะอารายกันนักหนาเนี่ยยยยย!!!!!

ปล. เอาเรื่องเล่ห์รักมาลงด่วนค๊าบบบบบ อ่านเรื่องนี้แล้วเคียดดดดดด

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-09-2009 19:54:57
 :beat: :beat: นิสัยไม่ดีไม่เคยเปลี่ยน  :beat: :beat:

ว่าแต่ ลงตอนต่อไปเลยได้ป่าว อยากอ่านแล้ว กำลังลุ้น  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: Jellio ที่ 13-09-2009 22:00:24
ชอบเรึ่องนี้มากค่ะ เรี่องน่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-09-2009 15:34:37
วันนี้จะมาต่อหรือเปล่าค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 15-09-2009 17:33:40
อ่านแล้วเครียดอ่ะ  :z3:

พ่อข่มขืนลูก......


พระเอกก็เป็นอย่างงี้อีก
 o13

ปล. สงสัยฉากนึงเกี่ยวกับคุณหมอ ตอนที่เห็นราเชลลูบขนม้า แล้วพูดหมอนั่น  แหะๆๆไม่รู้อ่านผ่านตาหรือไร  ใครบอกหมอคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-09-2009 18:57:32
วันนี้มาป่าว  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ตอนใหม่มาแล้วคะ วันที่ 13/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 15-09-2009 22:19:42
ขอบคุณทุกๆข้อความที่คอมเมนท์นะคะ มาติดตามต่อกันเลยคะ

..........
เสียงโทรศัพท์ที่แผดขึ้นกลางดึกทำให้ซอเรนถอนใจยาวอย่างล้าๆ  เขาได้นอนไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพราะเพิ่งกลับมาจากบ้านของคนไข้รายหนึ่งที่พยายามฆ่าตัวตาย  เขาต้องปลอบโยนอยู่เกือบสามชั่วโมงกว่าคนไข้จะสงบลงและยอมเข้ารับการบำบัดอีกครั้ง         
“ซอเรนครับ”         
“ซอเรนนายมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะ” เสียงอายุรแพทย์คู่หูเครียดจนเขาประหลาดใจ         
“แต่คืนนี้มีหมอเวรนี่”         
“แต่คนไข้รายนี้เป็นคนไข้ส่วนตัวของนาย”         
“ใคร?”         
“ราเชล  เวลบอร์น”         
“อะไรนะ!...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ซอเรนขับรถเร็วขนาดนี้  โชคดีที่เวลานี้ดึกจนถนนแทบไม่มีรถแต่สำหรับซอเรนใจเขาพุ่งไปถึงโรงพยาบาลแล้ว
ร่างที่นั่งหลังค้อมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินทำให้เขาชะงัก  เดาได้ทันทีว่าการป่วยของราเชลครั้งนี้ริชต้องเป็นสาเหตุหนึ่งแน่ ซอเรนชะงักเมื่อมือเย็นเฉียบคว้าแขนเขาไว้         
“ช่วยราเชลด้วย…ได้โปรด” 
ซอเรนหันกลับไปมอง  ใบหน้าที่เคยเกลื่อนด้วยรอยยิ้มหยามหยัน  บัดนี้ซีดขาว ดวงตาแห้งผากและแฝงด้วยความกลัว  ซอเรนพยักหน้าและตบบนหลังมือริชเบาๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
หมอและพยาบาลที่รายล้อมอยู่รอบเตียงถอยออกเมื่อเห็นเขา  สภาพของคนบนเตียงทำให้ซอเรนหัวใจกระตุกวาบด้วยความกลัว  กลัวเหลือเกินว่าเขาจะมาช้าเกินไป  แขนขาเรียวเล็กถูกมัดตรึงไว้กับเตียง  ใบหน้าซีดขาวมีรอยช้ำเป็นจ้ำหลายแห่ง         
“ต้องถึงกับมัดเลยเหรอครับ?”         
“ตอนมาถึงคนไข้อาระวาดหนักมาก  ทำร้ายคนพามาจนบาดเจ็บหลายแห่ง  รอยฟกช้ำดำเขียวนั่นก็เกิดจากดิ้นจนไปกระแทกเอากับที่กั้นระหว่างที่ช่วยกันมัด  นี่เพิ่งสงบเพราะฉีดยาให้”         
“แล้วนอกจากอาการ...เพ้อล่ะ?”         
”ม่านตาขยายกว้างกว่าปกติ  กระวนกระวาย  อ่อนเพลีย ไม่มีสติรับรู้เขาจำใครไม่ได้เลย...เราให้haloperido....” ชาร์ทถูกส่งมาประกอบคำอธิบาย 
ซอเรนรับมาอ่านด้วยหัวใจที่หนักอึ้งก่อนจะลอบถอนใจแล้วเงยขึ้นยิ้มให้ทุกคนอย่างแกนๆ         
“ขอบคุณทุกคนมากครับ  ขอผมอยู่กับคนไข้ตามลำพังแล้วกันครับ”
คู่หูเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆก่อนจะเดินตามคนอื่นๆออกไป  ซอเรนก้าวเข้าไปยืนจนชิดจ้องมองคนบนเตียงอย่างปวดร้าว  แม้ยามไม่มีสติสัมปชัญญะความทุกข์ทรมานก็ปรากฏบนใบหน้าซีดขาว         
“ผมต้องช่วยคุณให้ได้ราเชล…ผมสัญญา”
      ..................................

   ซอเรนเหวียงเอกสารในมือจนกระจายไปทั้งห้อง  ทุกข้อมูลทุกทฤษฎีที่เขาคิดว่าจะช่วยราเชลได้  เขาได้ทำจนหมดแล้ว  แต่เกือบสัปดาห์แล้วที่ไม่มีอะไรดีขึ้น  ราเชลยังคงอยู่ในโลกของความหลับใหล  ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในทุกสิ่ง
ซอเรนเดินวนเวียนดูผลสแกนสมองของราเชลนับครั้งไม่ถ้วน  ไม่มีสิ่งผิดปกติ  ไม่มีความบกพร่องใดๆ  ผลการสรุปจากแพทย์ทุกฝ่ายคือร่างกายปกติแต่สิ่งที่ทำให้คนไข้กลายเป็นเจ้าชายนิทราคือจิตใจ         
‘ต้องมีสิ  ต้องมีอะไรที่ช่วยกระตุ้นให้ราเชลตื่นขึ้นมาได้’
      ..................................       
       
“คุณหมอซอเรนครับ”
ซอเรนเกือบเดินผ่านไปอยู่แล้วหากอีกฝ่ายไม่เรียกเขาเสียก่อน 
“ผมเท็ด พอลลิ่งครับ  ผมเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของราเชล” 
ร่างสูงใหญ่ดูเหมือนจะไล่เลี่ยกับริชแต่ตัวหนากว่าเล็กน้อย  ใบคล้ำมีแววกังวลและห่วงใย  แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆนี่สิ...ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่สองอาทิตย์ได้เปลี่ยนคนหนุ่มอย่างริช  แฮมิลตันให้ดูทรุดโทรมและแก่ลงชั่วพริบตา  ใบหน้าคมหม่นหมองและเจ็บปวดแต่ท่าทางยังคงหยิ่งยโสไม่เปลี่ยน 
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณพอลลิ่ง”         
“ราเชลเป็นไงบ้างครับ  ผมมาทุกวันแต่ไม่ได้เจอกับคุณหมอสักที”         
“ครับผมทราบจากพยาบาลว่าพวกคุณมาทุกวัน”         
“แล้วอาการราเชล…เขา…ดีขึ้นบ้างไหมครับ?”         
“ยังหลับเหมือนเดิมครับ  แต่อย่างน้อยก็ไม่ทรุดลงไป”         
“ทำไมละครับ  เขาเจ็บป่วยที่ไหน  ทำไมถึงไม่ฟื้นเสียที หรือว่าเขากระทบเทือนที่สมอง”         
“ผลการตรวจสมองปกติครับ”         
“แล้วทำไมเขาไม่ฟื้นละครับ?”         
“ราเชลบาดเจ็บครับ…เจ็บมาก…แต่เป็นการเจ็บป่วยทางจิตใจ  ร่างกายมนุษย์มีกลไกพิเศษนะครับ  เวลาที่จิตใจต้องพบกับความเจ็บปวดมากๆจนทนไม่ไหว  จะเกิดปฏิกิริยาตอบโต้  บางคนจะลืมช่วงเวลาที่เจ็บปวดไปเลย”         
“หมายความว่าราเชลจะความจำเสื่อม  จะจำอะไรไม่ได้งั้นเหรอครับ?”         
“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะครับ  บางคนจะลืมแค่เหตุการณ์ที่ทำให้เจ็บปวด  แต่ยังจำเรื่องราวในชีวิตประจำวันได้ปกติ  แต่บางคนก็ลืมเหตุการณ์ช่วงนั้นไปทั้งสัปดาห์หรือทั้งเดือนเลยก็มี”         
“แล้วราเชลเป็นแบบไหนครับ?”         
“กรณีของราเชลร่างกายเขาเลือกที่จะหลับ เขาจะอยู่แต่ในความฝัน  เพราะในความฝันเขาจะไม่เจ็บปวด...ไม่กลัว...ไม่ทุกข์ทรมาน  เขาถึงเลือกที่หลับอยู่อย่างนี้”         
“คุณหมอพูดยังกับเคยเห็นความฝันราเชลเลยนะครับ” ริชถามด้วยน้ำเสียงยียวน  เท็ดกระทุ้งศอกที่สีข้างเบาๆ         
“ผมรักษาคุณราเชลมาหลายปีแล้วนะครับ  เวลาที่มีปัญหาคุณราเชลมักมีความฝันที่แสนสุข  ยิ่งสภาพแวดล้อมบีบคั้นความฝันก็ยังบรรเจิดมากขึ้นทุกที  จนเขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเพราะกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด”         
“เอาความลับคนไข้มาเปิดเผยไม่ผิดจรรยาบรรณหรือหมอ”         
“ต่อให้โดนไล่ออกหรือถอนใบอนุญาตผมก็จะทำถ้ามันช่วยให้คุณราเชลฟื้นขึ้นมาได้” ซอเรนสวนกลับทันควันด้วยเขาเองก็เริ่มโมโหเช่นกัน         
“โอ้!ช่างประเสริฐอะไรเช่นนี้”         
“ริช!พอได้แล้ว”  เท็ดหันไปปรามเสียงหนัก  ริชหน้าบึ้งแต่ก็ยอมเงียบแต่โดยดี  เท็ดหันกลับมาที่ซอเรนอีกครั้ง 
“ถ้าฟื้นขึ้นมาราเชลจะกลับมาเป็นปกติเลยใช่ไหมครับ?”
“เรายังคาดเดาอะไรไม่ได้หรอกครับ  แต่อันดับแรกต้องทำให้ราเชลยอมตื่นขึ้นมาเสียก่อน  จากนั้นก็...รักษาไปตามสภาพอาการ       
“แล้วมีอะไรที่จะช่วยให้ราเชลตื่นได้บ้างครับ?”         
“เรากำลังพยายามกันอยู่ครับ  ตอนนี้ผมขอให้คนในครอบครัวทุกคนช่วย  อาจมีใคร...หรืออะไร...กระตุ้นให้คุณราเชลอยากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”         
“ผมละครับได้ไหม?”         
“ต้องลองครับ  ถ้าวันนี้คุณพอลลิ่งว่างผมอยากให้ลองดู”         
“ยินดีครับ”         
“งั้นสักครู่ผมจะให้พยาบาลเขามาพาไปเตรียมตัวนะครับ”         
“ครับ” 
ซอเรนยิ้มให้เท็ดนิดหนึ่งแต่ดูเหมือนริชจะเมินไปทางอื่นเขาจึงผละจากมา  จิตแพทย์หนุ่มสั่งงานพยาบาลเรียบร้อยจึงเข้าไปที่ห้องของราเชล  มือเรียวลูบไล้แก้มซูบขาวแผ่วเบา  ในอกวาบลึกด้วยความเจ็บปวด               
“ผมจะช่วยคุณยังไงครับราเชล คุณถึงจะหลุดพ้นจากความทรมานนี้เสียที”
                                       ……………………..

   เท็ดขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ  ริชนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โซฟาแต่ไฟในห้องนั่งเล่นปิดมืดเห็นแต่แสงแดงวาบยามเจ้าตัวอัดควันเข้าปอดแบบ ‘พวกปัญญาอ่อนชอบเผาตัวเอง’ ที่ริชชอบค่อนขอดเวลาเห็นใครสูบบุหรี่         
“นายนั่งทำอะไรมืดๆ?”         
“อย่าเปิดไฟ”         
“ทำไม?”       
“ฉันอยากถามอะไรนายหน่อย”         
“อะไร?”         
“นาย…สนิทกับราเชลมากเลยเหรอ?”         
“ไม่มากเท่าที่ฉันสนิทกับนายหรอก”         
“อย่ามาโกหก!”         
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันโกหกริช?”         
“เพราะนายทำให้ราเชลฟื้นได้นะสิ  ย่าเขา…พ่อเขา…แม่นมที่เคยเลี้ยงเขามา…เพื่อนสนิทสมัยเรียน…คุณหมอกับครอบครัว…ไม่มี…ไม่มีใครทำให้ราเชล ยอมตื่น  แต่นาย…แค่นายเข้าไปไม่ถึงชั่วโมงราเชลขยับนิ้ว…พอวันที่สองราเชลก็ตื่น…ฮึ!คนที่ราเชลผูกพันด้วยที่สุดคือนายแล้วนายยังจะกล้าพูดอีกเหรอว่านายไม่สนิทกับเขามากกว่าฉัน”         
“ริช”         
“ฉันเป็นคนรักของเขานะ…เขาเป็นสมบัติของฉันแต่เขา…เขาเลือกที่จะตื่นเพราะนาย…ทำไมละเท็ด!…ทำไม?”         
“นายเมาด้วยเหรอ?”         
“ตอบคำถามฉันมาดีกว่า”         
“ได้…ถ้านายจะฟังคำตอบ ฉันต้องแน่ใจว่านายมีสติมากพอ”
เท็ดเดินไปเปิดไฟ  แสงสว่างจ้ากะทันหันทำให้ริชตาพร่า  เท็ดมองร่างที่อยู่บนโซฟาอย่างสมเพช  ใบหน้ารกเรื้อด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาหลายวันมันเยิ้ม กลิ่นแอลกอฮอล์ โชยฟุ้ง             
“ที่ราเชลเลือกจะตื่นเพราะฉันไม่ใช่ว่าเขาไม่รักนาย  เขารักนายที่สุด...แต่นายทำให้เขาเจ็บที่สุดด้วยเช่นกัน  คนเดียวที่เป็นคนนอกก็คือฉัน...คืนที่ราเชลเข้าโรงพยาบาลฉันกำลังจะไปหาเขา”         
“อะไรนะ!”         
“วันนั้นเห็นเขาออกมาจากงานเลี้ยงกะทันหัน สีหน้าก็ไม่ค่อยดี ฉันโทรหาเขาทั้งวันแต่กว่าจะเจอเกือบเที่ยงคืนแล้ว  น้ำเสียงเขาแปลกๆคล้ายกับจะร้องไห้  เขาบอกว่าเขาเจ็บจนทนไม่ไหว  ฉันจะไปหาเขาที่ห้องแต่เขาไม่ยอม  เขาบอกว่าไม่อยากอยู่ในห้อง  ฉันก็เลยให้เขาลงมารอที่ห้องรับรองข้างล่าง  แต่พอไปถึงคอนโดพนักงานที่นั่นก็บอกว่านายพาเขาไปโรงพยาบาลแล้ว”         
“คืนนั้น…คนที่ราเชลจะไปหาคือนาย...”ริชครางเสียงแผ่ว หน้าซีดลงทุกที         
“ใช่”         
“พระเจ้า…นี่ฉันทำอะไรลงไป?” ริชผุดลุกขึ้นเดินวนเวียนไปมา จู่ๆก็หยุดกึกหันไปชกข้างฝาโครม         
“ริช…ทำอะไรน่ะ” เท็ดโดดคว้าแขนไว้ทันควัน ริชทรุดลงกองกับพื้น หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ         
“เท็ด…ฉัน…เป็นคนทำให้ราเชล…เป็นแบบนั้น…ฉันเอง…ฉันเป็นคนทำ”
เท็ดลากร่างอ่อนปวกเปียกกลับไปยังโซฟา  หลังมือริชแตกมีแต่เลือดแดงฉานแต่เจ้าตัวไม่สนใจ  ริชยกมือขึ้นกุมหัวซุกหน้าลงกับเข่า  เส้นเลือดบริเวณลำคอปูดโปนด้วยความเครียด         
“นายทำอะไรราเชล?”         
“ฉัน…ฉันไปหาเขาเพราะการ์ดที่บ้านบอกว่าตอนเย็นเขาไปหาฉัน  แต่ฉันไม่เจอเขา...สงสัยว่าจะเป็นแผนของลอว์ลี่  ฉันกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด  พยายามจะอธิบายแต่เขาก็ไม่ยอมฟังอะไรเลย  แถมยังรีบร้อนจะไปบอกว่ามีนัด…ฉันก็เลย…”
เท็ดตบไหล่หนาเบาๆเมื่อเห็นริชสะอึกอึ้งพูดต่อไม่ออก  ริชนิ่งไปนานกว่าจะรวบรวมคำพูดได้อีกครั้ง         
“ฉันพูดอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้แล้ว…รู้แต่ว่ามันโมโหจนหน้ามืดที่เขาหลบฉัน แถมยังมีนัดกับคนอื่นดึกๆอย่างนั้น…ฉันไม่รู้เท็ด…ฉันไม่รู้ว่าราเชลจะไปหานาย”         
“อย่าคิดอะไรมากเลยริช  เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่นายต้องคิดต้องทำก็คือจะช่วยราเชลยังไงมากกว่า  ถึงราเชลจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่นายก็เห็นว่าเขาแทบจะกลายเป็นตุ๊กตา  นั่งนิ่งๆตาลอยๆ ไม่พูดไม่ขยับ อาหารก็ต้องให้ทางสายยางอยู่อย่างนี้”       
“เท็ด…ฉันอยากดูแลราเชลเอง…นายช่วยคิดหน่อยสิว่าทำยังไงครอบครัวเขาจะยอมให้ฉันดูแลเขา”         
“นายต้องไปคุยกับคุณย่าของราเชล”         
“นายก็รู้ว่าย่าราเชลเกลียดฉันแค่ไหน…ตั้งแต่ราเชลฟื้นฉันยังไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ราเชลเลย…ยังหมอโรคจิตนั่นอีก หมอนั้นขวางสุดตัวแน่” ริชเสยผมแรงๆอย่างหงุดหงิด
เท็ดมองกิริยานั้นนิ่ง  ริชในตอนนี้คำปลอบประโลมเห็นทีจะไม่ได้ผล คงต้องใช้คำพูดตรงๆแรงๆอาจจะทำให้รู้สึกตัวได้บ้าง         
“นายจะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองเลยอย่างนั้นเหรอ  ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ  ฉันคิดว่านายรักราเชลมาตลอดเลยนะ  เพิ่งรู้ว่านายแค่รู้สึกผิดที่ทำให้เขาป่วยก็เลยหาทางแก้ตัวเท่านั้นเอง”         
“ฉันรักราเชล! ถ้าไม่รักฉันกลุ้มใจแทบบ้าอย่างนี้เหรอ?”
ริชลุกขึ้นกระชากคอเสื้อเท็ดด้วยความโกรธ เท็ดไม่สะทกสะท้านยิ้มเย็นมองตาริชนิ่ง         
“ไม่รู้สิริช  ฉันเห็นนายเอาแต่อาระวาด ว่าคนโน้น โวยคนนี้  พอทำอะไรใครไม่ได้ก็เอาแต่กินเหล้า  ฉันไม่เห็นนายจะลุกขึ้นมาทำอะไรที่แสดงให้เห็นว่านายรัก
ราเชลเลยสักอย่าง ถ้านายรักเขาก็พิสูจน์สิริช กลัวอะไรกับอุปสรรค  ถ้าอยากดูแลเขานายก็ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านายต้องการทำเพื่อราเชลจริงๆ จะมีอุปสรรคแค่ไหนนายก็ต้องฝ่าฟันให้ได้  ไม่มีพ่อแม่หรือย่ายายคนไหนหรอกริชที่จะนิ่งเฉยอยู่ได้ถ้ารู้ว่ามีหนทางที่จะทำให้ลูกหลานเขาหายป่วย  หากนายพิสูจน์ให้ย่าราเชลเห็นถึงความรักที่นายมีต่อราเชลได้ ฉันเชื่อว่าเขาต้องยอมให้นายดูแลราเชล”
ริชอึ้งไปนาน มือที่ยึดคอเสื้อเท็ดค่อยๆคลายออก คำพูดแรงๆของเท็ดทำให้สติที่ถูกน้ำเมาบั่นทอนค่อยๆกลับคืนมาอีกครั้ง  ริชลูบหน้าแรงๆก่อนจะยื่นมือให้เท็ดจับ         
“ขอบใจ…ที่เตือนสติ  ฉันจะทำทุกอย่างให้ย่าราเชลยอมรับ ยอมให้ฉันได้ดูแลราเชล…ฉันจะทำทุกอย่างให้ราเชลกลับมาเป็นคนเดิม”         
“ให้มันได้อย่างนี้สิน่า  นี่สิริช แฮมิลตันตัวจริง” เท็ดยิ้มกว้าง
ริชพ่นลมจากปากแล้วแยกเขี้ยวตอบ  สิ่งหนักอึ้งในใจค่อยบรรเทาลง
      ..................................         

ท่านผู้หญิงเวลบอร์นจำต้องออกมาพบคนที่เกลียดที่สุดจนได้  ริช มาขอพบทุกวันมาเกือบอาทิตย์แล้ว หากท่านไม่ออกไปพบดูท่าเด็กยโสนั่นคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
ร่างสูงลุกขึ้นทันที่เธอเปิดประตูเข้าไป  ท่านผู้หญิงมองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาและเหยียดหยามที่สุดซึ่งมันเคยได้ผลทุกครั้ง  แต่คราวนี้ริชกลับมองตอบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ         
“สวัสดีครับ”         
“ฉันบอกไปหลายครั้งแล้วนี่ว่าไม่ต้องการพบเธอ”         
“คนของท่านบอกผมแล้ว”         
“แล้วยังจะมาอีกทำไม?”
“ผมต้องการคุยกับท่านเรื่องราเชล”
“แต่ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับเธอ  เรื่องเธอกับราเชลมันจบไปตั้งแต่เธอทำให้หลานฉันกลายเป็นผักแล้ว”
“ผมแน่ใจว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่ทำให้ราเชลเป็นแบบนั้น”
“เธอ!”
“ผมรักราเชล…ผมไม่สนหรอกว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ราเชลเป็นแบบนั้น  สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือทำให้ราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“จะบอกว่าเธอทำได้งั้นสิ?”
“ครับ…ผมมั่นใจว่าทำได้”
“น่าขัน…เธอคิดว่าแค่คำพูดพล่อยๆไม่กี่คำของเธอจะทำให้ฉันยอมให้เธอมายุ่งกับหลานฉันงั้นเหรอ  ไม่มีวัน!...กลับไปซะดีกว่า แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับเธอ”
“เสียใจครับที่ผมต้องปฏิเสธ  คุณชาร์ลเชิญผมเป็นแขกประจำที่นี่”
“แฮมิลตัน!เธอคิดว่าจะชนะฉันได้งั้นเหรอ?”
“ผมไม่ได้อยากเอาชนะ  แต่ผมแค่ต้องการให้ราเชลหายป่วยเท่านั้น  ผมรักราเชล...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรผมยอม ขอแค่ให้ผมได้มีโอกาสดูแลเขาเท่านั้น”
“หึ…งั้นเชียว? ไหนลองคุกเข่าลงอ้อนวอนหน่อยสิ เผื่อฉันจะใจอ่อนก็ได้นะ” 
แอนนายิ้มหยันเตรียมจะเดินขึ้นข้างบน  ริชเดินมาดักหน้า  ใบหน้าคมคายเรียบเฉยไร้แววเกรี้ยวกราดขุ่นเคืองอย่างที่เธอคิด และยิ่งไม่คาดฝันเมื่อริช คุกเข่าลงตรงหน้า
“ผมขอร้อง…ผมรักราเชลจริงๆ อนุญาตให้ผมดูแลราเชลได้ไหมครับ  ผมสัญญาว่าจะทำให้เขากลับมาเป็นราเชลคนเดิมให้ได้ นะครับได้โปรด”
สตรีเหล็กแห่งเวลบอร์นยืนนิ่งขึง  เมินมองออกไปข้างนอกก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนเงียบๆ ริชถอนใจยาวอย่างอ่อนใจ  ดวงตาคมเป็นประกายกล้าขึ้นเมื่อนึกถึงร่างผอมบางในโรงพยาบาล ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินออกไปขึ้นรถและขับไปที่โรงพยาบาล  แม้จะรู้ว่าไม่มีโอกาสได้เยี่ยมราเชลเพราะย่าของเด็กหนุ่มสั่งห้ามเขาเยี่ยม แต่ริชก็มาทุกวัน เขาหวังว่าสักวันหญิงชราจะใจอ่อนยอมให้เขาได้เยี่ยม
ราเชลโดยที่เขาไม่ต้องใช้อิทธิพลของแฮมิลตัน         
พยาบาลสาวที่อยู่หน้าเคาเตอร์สะกิดกันเมื่อร่างสูงปรากฏกายที่หน้าประตู  หัวหน้าแผนกต้อนรับรีบออกมารับหน้า         
“สวัสดีค่ะ…ฝากดอกไม้เยี่ยมคุณเวลบอร์นไว้ที่ดิฉันได้เลยค่ะ”         
“ขอบคุณครับ…เขาดีขึ้นบ้างไหมครับ?”         
“ยังเหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณหมอท่านดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว”         
“ครับ…ผมขอไปดูเขานิดหนึ่งได้ไหมครับ  สัญญาครับว่าจะไม่รบกวนเขาเด็ดขาด”         
“ดิฉันก็อยากให้คุณไปเยี่ยมนะคะ  แต่ญาติของผู้ป่วยสั่งห้ามเด็ดขาด  ต้องขออภัยด้วยค่ะ”         
“ขอดูแค่หน้าห้องก็ได้ครับ”
ใบหน้ากลมแป้นส่ายไปมา ดวงตาที่มองชายหนุ่มเป็นประกายอ่อนโยนสงสาร  ริชพยักหน้าอย่างยอมจำนน ก่อนจะเดินคอตกกลับไป         
ริชทำให้พยาบาลทั้งตึกเห็นใจ  ที่ชายหนุ่มเพียรพยายามมาเยี่ยมราเชลทุกวันนับตั้งแต่เด็กหนุ่มเข้าโรงพยาบาลจนถึงวันนี้  แม้จะมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมเพียงครั้งเดียว แต่ชายหนุ่มก็ยังมาทุกวัน 
พยาบาลสาวนางหนึ่งวิ่งตามมาทันทีที่แน่ใจว่าหัวหน้ากลับขึ้นตึกไปแล้ว         
“คุณคะ…คุณ…”         
“ครับ…เรียกผมเหรอครับ?”         
“ค่ะ…คุณอยากเห็นคุณเวลบอร์นใช่ไหมคะ”         
“ครับ คุณมีทางให้ผมได้เยี่ยมเขาเหรอครับ?”         
“เข้าไปเยี่ยมน่ะคงไม่ได้หรอกค่ะ…แต่ถ้าแค่ไปแอบดูน่ะพอได้”         
“แค่ดูก็ได้ครับ”         
“งั้นตามมาทางนี้ค่ะ”
ริชขมวดคิ้วเมื่อพยาบาลสาวพาเขาเดินไปอีกตึกแทนที่จะให้ขึ้นไปดูราเชล ที่ห้อง  ชายหนุ่มแทบโดดด้วยความยินดีเมื่อถูกพามายังชั้น3ของตึกด้านหลัง  และจุดที่เขายืนสามารถมองเห็นภายในห้องคนป่วยได้ชัดเจน  เพราะผนังด้านหลังเป็นกระจกใสสามารถเปิดออกมายังระเบียงที่ประดับด้วยไม้ดอกหลากหลายสี  ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสดชื่นขึ้นนั่นเอง  ริชหันไปยิ้มกว้างกับพยาบาลสาว  อยากจะหอมแก้มเธอสักฟอดที่ช่วยให้เขาสมหวัง  แต่ก็เกรงจะทำให้เธอขุ่นเคืองหรือแปรเจตนาเขาในทางไม่ดี         
“ขอบคุณมากๆเลยครับ  ขอบคุณในความกรุณาครั้งนี้มาก”         
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  พวกเรา…ดิฉันหมายถึงพยาบาลที่ตึกนี้ ทุกคนก็อยากให้คุณได้เยี่ยมคุณเวลบอร์นกันทุกคน  แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของญาติผู้ป่วยเราก็ไม่มีสิทธิ์ให้คุณเข้าไป  แต่ตรงนี้ไม่เกี่ยวนี่คะ  คุณสามารถขึ้นมาดูคุณเวลบอร์นได้ทุกวันแหละค่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”         
“ค่ะ…ดิฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ หายมานานเดี๋ยวหัวหน้าจะสงสัย”         “เดี๋ยวครับ…เอ่อ…ผมอยากตอบแทนความกรุณาของคุณกับเพื่อนๆ  ถ้า
มีอะไรให้ผมรับใช้ละก็ผมยินดีอย่างยิ่งเลยครับ”
พยาบาลสาวหัวเราะจนตาปิดก่อนจะส่ายหน้า         
“ไม่มีหรอกค่ะ…พวกเราแค่อยากให้คุณได้เห็นคุณเวลบอร์นเท่านั้น…แต่ถ้าคุณอยากตอบแทน...ขอเป็นขนมอร่อยๆสักกล่องก็พอค่ะ”         
“ได้ครับ  ขนมนะครับ”       
“ค่ะ…ดิฉันขอตัวนะคะ”         
“ครับ”
 ริชเฝ้ามองความเคลื่อนไหวในห้องผู้ป่วยอย่างใจจดใจจ่อ  ประมาณครึ่งชั่วโมงจะมีหมอและพยาบาลเวียนกันเข้าไปดูแลร่างที่นอนนิ่งๆบนเตียง ริชหลบวูบเมื่อร่างผอมบางของหญิงชราปรากฏขึ้น  พยาบาล2คนเข้ามาช่วยประคองราเชลนั่งรถ และเข็นออกมารับลมที่ระเบียง 
ริชมองคนรักด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ  แม้จะไกลขนาดนี้ยังเห็นความผ่ายผอมของเด็กหนุ่มได้ชัดเจน  ศีรษะที่พับอ่อนพิงไปด้านข้าง  หญิงชรานั่งเก้าอี้ข้างๆหลานชายและพยายามชี้ชวนให้ดูดอกไม้และทิวทัศน์รอบๆ  แต่ไม่มีทีท่าว่าร่างบนรถเข็นจะขยับ  ริชได้เห็นคนรักเพียงครึ่งชั่วโมงพยาบาลก็มาพาเด็กหนุ่มกลับไปนอน  และไม่นานนักนางเวลบอร์นก็กลับไป  แต่ริชยังจ้องมองคนบนเตียงผ่านกระจกใสอยู่จนใกล้ค่ำ  เจ้าหน้าที่คนหนึ่งผ่านมาเจอเขาและแจ้งให้ทราบว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว  ชายหนุ่มจึงต้องกลับบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 15-09-2009 22:26:08
.........
พยาบาลทั้งแผนกจิตเวชพากันตื่นเต้นเมื่อขนมนาๆชนิดจากร้านดังทั่วโลกถูกลำเลียงเข้ามาในตึกจนหอมกลิ่นขนมฟุ้งไปหมด  ไม่มีใครทราบที่มาของขนมเหล่านั้น  ต่างพากันวิตกว่าจะถูกตำหนิ แต่เมื่อผู้อำนวยการมาถึงกลับไม่ได้ว่าอะไรซ้ำยังออกปากขอชิมสักจานเล่นเอาพยาบาลทั้งตึกพากันงงงัน  ยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะเดาที่มาของขนมนั้นได้  เธอเริ่มสงสัยว่าคนที่เธอพาไปหาที่แอบดูคนป่วยเห็นทีจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว         
นางเวลบอร์นขมวดคิ้วเมื่อประตูอัตโนมัติของโรงพยาบาลเปิดออกแล้วมีกลิ่นหอมหวานของขนมลอยกรุ่นต้อนรับ  แต่ความกังวลในอาการของหลานชายมีมากกว่าที่เธอจะสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
ในห้องของราเชลมีลิลลี่ขาวสดใหม่จัดใส่แจกันไว้เหมือนทุกวัน  มือขาว ที่ย่นด้วยริ้วรอยแห่งวัยหยิบการ์ดจากโต๊ะจะร่อนลงถังขยะเหมือนเคย แต่กลับชะงักค้าง ดวงตาคมดุอ่อนแสงลงตัดใจหย่อนการ์ดลงลิ้นชักตู้แทนถังขยะ  ก่อนจะเดินไปทรุดลงนั่งข้างเตียง 
หมอบอกให้เธอช่วยราเชลด้วยการพูดคุยหรือทำกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันซึ่งจะช่วยให้ราเชลมีโอกาสกลับมามีสติเหมือนเดิม นางเวลบอร์นรู้สึกเศร้าและอดสู  เธอไม่อาจทำตามที่หมอบอกได้เพราะเธอไม่เคยมีกิจกรรมร่วมกับเด็กหนุ่มเลย 
ตั้งแต่เล็กจนโตราเชลมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น  กิจกรรมร่วมกันระหว่างเธอกับหลานชายมีเพียงการรับประทานอาหารเย็นหรือเรื่องรายงานผลการเรียน  หมอซอเรนกับอดีตแม่นมของราเชลเสียอีกยังมีกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันกับหลานชายของเธอ 
นางเวลบอร์นพิงศีรษะอย่างอ่อนล้า  นิ้วย่นขาวไล้แก้มเรียวซีดอย่างอ่อนโยน
“ราเชล…ที่หลานต้องกลายเป็นแบบนี้เพราะย่าใช่ไหม…นั่นสินะ  ย่าคงโยนความผิดนี้ให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น  หากย่าพยายามแสดงให้หลานรู้สักนิดว่าย่ารัก หลานคงไม่เป็นอย่างนี้…ราเชล…ย่าขอโทษนะลูก…” น้ำตาที่เธอเคยคิดว่าแห้งเหือดนับแต่วันที่สูญเสียสามีไหลเป็นทางอีกครั้งโดยที่เธอไม่คิดจะกลั้นไว้อีกต่อไป   
แอนนา เวลบอร์น ปล่อยใจให้จมอยู่กับอดีตแสนเศร้าเนิ่นนาน  กว่าจะสังเกตเห็นเงาวูบวาบจากตึกด้านหลัง  ครั้งแรกที่เธอหันไปดูก็ไม่เห็นอะไร  แต่เมื่อลอบชำเลืองมองอยู่ครู่หนึ่งก็แน่ใจว่าต้องมีคนแอบดูอยู่แน่ๆ  นางเวลบอร์นทำทีเป็นเข้าห้องน้ำแต่แง้มประตูไว้  ไม่นานนักร่างสูงก็ค่อยๆลุกขึ้นชะเง้อชะแง้มองมาจากตึกด้านหลัง  วูบแรกเธอคิดจะออกไปไล่แต่สายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาคริสตัลตัวน้อยทำให้เธอชะงัก  ราเชลรักตุ๊กตาตัวนี้เหลือเกินเพราะมันเป็นของที่ริช แฮมิลตันซื้อให้  แม้แต่ตอนนี้...ราเชลจำใครไม่ได้เลยแต่กลับมีสีหน้าสดใสยามได้เห็นตุ๊กตาตัวนี้  เธอจึงเก็บมันไว้เพื่อใช้ปลอบหลานรัก         
นางเวลบอร์นออกมายืนมองร่างซูบผอมบนเตียงอยู่นาน  ทิฐิและความชิงชังค่อยๆบรรเทาลง
“ราเชล…ย่ารักหลานมากนะ…หากจะมีใครทำให้หลานกลับมาเป็นคนเดิมได้...ย่าก็จะยอม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตย่า ย่าก็ยินดี…ย่าจะไม่ขวางเขาอีกแล้ว...ย่ายอมทุกอย่างแล้ว…กลับมาหาย่าเถอะนะคนดี” ปากซีดย่นจุมพิตบนหน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบา  ก่อนจะโทรศัพท์ออกไปที่เคาเตอร์ข้างนอก         
“ดิฉันแอนนา  เวลบอร์น ฉันขอให้คุณช่วยตามผู้ชายที่อยู่ตึกด้านหลังมาให้ดิฉันด้วย…ขอบคุณมากค่ะ”         
ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดๆเขาแน่ใจว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นคนรัก
“มาได้ทุกวันนะ  ไม่เบื่อบ้างหรือไง?”
“ผมจะมาจนกว่าท่านจะยอมให้ผมได้ดูแลราเชล”
“หมายความว่าถ้าฉันยอมให้เธอเยี่ยมราเชล  เธอจะยอมไปจากชีวิตหลานฉันสินะ”
“ผมบอกแล้วว่าผมต้องการดูแลราเชลไม่ใช่แค่เยี่ยม  ผมอยากพาเขาไปรักษา  ผมแน่ใจว่าจะทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิมได้”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว…เธอเป็นหมอหรือว่าพ่อมดล่ะถึงได้แน่ใจว่าจะรักษาราเชลได้”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น นอกจากเป็นคนที่รักราเชลที่สุด  และผมก็แน่ใจว่าราเชลก็รักผมที่สุดด้วย…ผมเชื่อว่าความรักจะช่วยให้ราเชลหายได้”
“เธอคิดว่าแค่ความรักก็สร้างปาฏิหาริย์ได้งั้นสิ”
“ผมมั่นใจ…หมอก็บอกนี่ครับว่าให้พยายามกระตุ้นให้ราเชลนึกถึงกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ผมกับราเชลเราเคยมีเรื่องสนุกๆมีสิ่งดีๆที่ทำด้วยกันมากมาย”
“อะไรล่ะเรื่องสนุกที่เธอว่า…เซ็กส์หรือผับบาร์”
“ผมเคยพาราเชลไปเที่ยวผับแค่ครั้งเดียว  ที่พาไปก็เพราะไม่อยากให้
ราเชลไปกับคนอื่นอาจจะอันตราย  แล้วระหว่างเราก็ไม่ได้มีแต่เซ็กส์หรอกนะครับ  ผมไม่รู้จะอธิบายให้ท่านฟังยังไง  แต่ผมอยากขอร้องให้ท่านให้โอกาสผม  ให้ผมได้ดูแลราเชลเถอะครับ”
นางเวลบอร์นจ้องชายหนุ่มเขม็ง และริชก็สบตาไม่หลบ  เขาต้องพิสูจน์ให้หญิงชราเห็นว่าเขามั่นคงและจริงจังแค่ไหน         
“ตกลง...ฉันจะยกเลิกคำสั่งห้ามเยี่ยม และเธอมีสิทธิ์ที่จะดูแลราเชลได้เต็มที่  แต่…ฉันจะให้เวลาเธอ2เดือน  ถ้าราเชลมีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่านี้เราค่อยมาตกลงกันอีกที แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนหรือราเชลเกิดอาการทรุดลง เธอจะต้องออกไปจากชีวิตหลานฉันตลอดไป”         
“...ขอบคุณมากครับ!…ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้  ผมสัญญา”
ริชหลุดปากระล่ำระลักหลังจากยืนตะลึงอยู่นาน  ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เกลียดแสนเกลียดเขาจะยอมให้โอกาสเข้าง่ายๆ
นางเวลบอร์นยิ้มเย็นก่อนจะลุกออกไปจากห้อง  ริชผวาเข้าไปหาร่างผอมบางบนเตียง ก้มลงจุมพิตแก้มซูบด้วยหัวใจเต็มตื้น         
“ที่รัก…คิดถึงเธอที่สุดเลย…ในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างเราแล้ว  ราเชลต่อไปนี้ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุด  ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหน  และจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีก ฉันสัญญา” ริชยกมือที่เสียบสายน้ำเกลือขึ้นจูบเบาๆแล้วค่อยๆวางลง            
ชีวิตของริชเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  เขาย้ายมาเช่าห้องเล็กๆที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง  ทุกวันชายหนุ่มจะมีดอกไม้และขนม ที่ราเชลชอบติดมือมาตลอดทั้งๆที่รู้ว่าราเชลกินไม่ได้ก็ตาม  บางวันก็ขนหนังสือมาอ่านให้ฟัง อ่าน...กระทั่งบทกลอนของกวีคนโปรดหรือแม้แต่แผ่นเสียงของนักร้องที่เด็กหนุ่มชอบก็จะสลับกันเปิดไม่ได้ขาด
ริชจะมาแต่เช้าและกลับก็ต่อเมื่อหมดเวลาเยี่ยม  และเมื่อกลับถึงห้องชายหนุ่มก็ไม่ได้พัก เขาจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านตำราหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชจนกว่าจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย         
เช้านี้ริชมาก่อนเวลาเยี่ยมเล็กน้อย ชายหนุ่มหอบกล่องกระดาษใบโตมาด้วย  พยาบาลสาวที่แผนกประชาสัมพันธ์ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ มาแต่เช้าเหมือนเดิมนะคะ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“แล้วนั่นหอบอะไรมาคะ?”
“ต้นไม้น่ะครับ”
“เอามาทำไมคะนั่น”
“ความลับครับบอกไม่ได้…ผมเข้าไปเยี่ยมราเชลได้หรือยังครับเนี่ย”
“อ่า…ค่ะ เข้าไปได้แล้ว” พยาบาลสาวยิ้มกว้างเมื่อเหลือบมองนาฬิกา แล้วจึงยอมเปิดให้ริชเข้าไปด้านใน
พยาบาลประจำห้องพิเศษเพิ่งจะเช็ดตัวเด็กหนุ่มเสร็จและกำลังผูกเชือกที่เสื้อ  ริชเคาะประตูเบาๆพอเป็นพิธีก่อนจะเข้าไป
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ  ตื่นอยู่พอดีเลย…ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลสาวยิ้มให้ก่อนจะออกไป  ริชก้าวเข้าไปหยุดข้างเตียงอย่างตื่นเต้นเพราะน้อยครั้งมากที่เขาจะได้เห็นตอนราเชลตื่น ส่วนใหญ่เด็กหนุ่มจะหลับเสียมากกว่า
“อรุณสวัสดิ์ที่รัก…คิดถึงเธอจังเลย”
ดวงตากลมโตลอยไกลไม่จับที่สิ่งใด  ริชหลับตาอย่างปวดร้าวก่อนจะหันไปยกกระถางสีขาวมาชูตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“เห็นไหมนี่อะไร…กระถางสีขาว...สวยใช่ไหม…วันนี้เราจะมาเพ้นท์ -
กระถางกันนะ  ลายสตอร์เบอรี่ที่เธอชอบไง ดีไหม?” ริชชวนคุยพร้อมกับปรับเตียงให้ยกตั้งขึ้น  ปูผ้ารองบนตักของเด็กหนุ่มแล้วขนอุปกรณ์มาเรียงในถาด 
ริชจับมือผอมบางเพ้นลายผลสตอร์เบอรี่ที่ละใบจนรอบกระถาง  ก่อนจะค่อยๆย้ายต้นไม้จากถุงลงปลูกในกระถางที่ช่วยกันเพ้นท์         
“ชอบไหมราเชล…เธอเคยชวนฉันทำอยู่บ่อยๆแต่ฉันก็ไม่เคยว่างสักครั้ง  จริงๆแล้วฉันแกล้งทำเป็นยุ่งไปอย่างนั้นแหละ ที่ฉันไม่ยอมทำก็เพราะฉันวาดรูปไม่ค่อยเก่งน่ะ แต่วันนี้ฉันวาดสตอร์เบอรี่ได้สวยที่สุดเลย  เป็นเพราะมีเธอช่วยนี่เอง”
ริชเขี่ยแก้มซีดเบาๆ  เด็กหนุ่มกระพริบตาแล้วเหม่อไกล  ริชเปิดแผ่นเสียงแผ่นใหม่พร้อมกับอุ้มร่างเล็กใส่รถ  เข็นออกไปที่ระเบียง 
หากชายหนุ่มไม่มัวพะวงกับสายน้ำเกลือเขาคงได้เห็นภาพที่น่ายินดี ดวงตาที่ลอยคว้างไกลเป็นประกายวูบวาบ และรอยยิ้มบางๆก็แต้มที่มุมปากซีด แต่วูบเดียวใบหน้าเรียวซูบก็กลับไปนิ่งเฉยเหมือนเดิม
      ..................................         

ซอเรนมองร่างสูงที่ค่อยๆเข็นรถไปตามทางเดินในสวนอย่าง –
ปวดร้าว  ในที่สุดริชก็ทำให้ท่านผู้หญิงเวลบอร์นยอมแพ้จนได้  แต่ในความเจ็บปวดเขายอมรับว่าดีใจมาก...เพราะจากรายงานพบว่า ราเชลมีพัฒนาการขึ้นอย่างรวด -เร็ว  เด็กหนุ่มตื่นนานขึ้น  ร่างกายมีปฏิกิริยากับสิ่งเร้ามากขึ้น สีหน้าแววตาสดใสมากขึ้นกว่าเดิมจนสังเกตเห็นได้ชัด  ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไปหมดยกเว้นเรื่องเดียว
ริชยื่นเรื่องขอรับตัวราเชลออกไปรักษาที่เซฟเฮ้าท์  และเมื่อเขารายงานเรื่องนี้ถึงท่านผู้หญิงเวลบอร์น กลับได้รับอนุญาต  คนสุดท้ายในโลกที่เขาคิดว่าจะคัดค้านกลับใช้เวลาเพียง5นาทีหลังอ่านรายงาน  เซ็นอนุญาตให้ริชพาราเชลไปรักษาได้           
‘เราต่างก็เพียรพยายามกันมานาน แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น  แต่เมื่อเขามาดูแลราเชลแค่เดือนเดียวราเชลก็ดีวันดีคืน…ฉันยอมแพ้แล้วหมอ…หากปาฏิหาริย์ของความรักจะทำให้ราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันก็พร้อมที่เชื่อใจเขา  แฮมิลตันเคยทำให้ราเชลเจ็บมามาก นี่อาจจะเป็นการชดใช้ที่พระเจ้ากำหนดไว้ก็ได้’ 
ซอเรนมองใบอนุญาตในมืออยู่นานกว่าจะตัดใจได้         
“ผมก็หวังอย่างนั้นครับท่าน…ผมภาวนาให้ปาฏิหาริย์มีจริง  ราเชลคนเดิมจะได้กลับมาเสียที” 
หมอหนุ่มใหญ่เดินลิ่วไปยังตึกอำนวยการเพื่อดำเนินการให้ราเชลได้ออกไปรักษาตัวที่เซฟเฮาท์ตามคำขอของริช  แฮมิลตัน
         ..................................

หมอกยามเช้ายังลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือแผ่นน้ำกว้างใหญ่  อากาศค่อนข้างเย็นทำให้ริชอดก้มลงมองคนบนรถเข็นด้วยความห่วงไม่ได้  ใบหน้าค่อนข้างซีดเป็นสีชมพูระเรื่อจากความเย็น ดวงตาคู่งามยังลอยไกลไม่สะทกสะท้านต่ออากาศโดยรอบ ริชคุกเข่าลงข้างรถเข็น ค่อยๆประคองหน้าเนียนให้หันกลับมามอง  ดวงตาลอยไกลราวกับมองทะลุเขาไปทำให้ชายหนุ่มเจ็บแปลบในอก         
“หนาวไหม…แต่เดี๋ยวพอพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้จะสวยมากเลย  คอยดูให้ดีนะ” ริชกระซิบบอกคนบนรถเข็นอย่างอ่อนหวาน ชี้ชวนให้เด็กหนุ่มดูราวกับเขารับรู้สิ่งสวยงามเหล่านั้น
“ไว้อากาศดีกว่านี้หน่อยเราค่อยไปพายเรือเล่นกัน…เคยพายแข่งกับเท็ดแต่ไม่เคยชนะหมอนั่นสักที…คราวนี้จะลองซ้อมให้คล่องเลยรับรองคราวหน้าชนะแน่…ไว้เราไปช่วยกันซ้อมนะคนดี…อา…นั่นไง…พระอาทิตย์กำลังจะพ้นมุมเขาแล้ว  สวยไหมที่รัก” ริชหันกลับมาจ้องหน้านวล  ดวงตาที่ลอยไกลยังคงว่างเปล่า…ริชก้มลงกอดร่างผอมบนรถเข็นด้วยความทะนุถนอม ชายหนุ่มฮัมเพลงในลำคอเบาๆเห่กล่อมด้วยบทเพลงรักที่เคยเป็นเพลงโปรดของราเชล         
ในม่านหมอกที่มืดมิด  แสงสว่างจากประตูค่อยๆลอดเข้ามา  ราเชลเฝ้ามองอย่างสนใจ  ไออบอุ่นนั้นเจือความเศร้าอย่างประหลาด  เด็กหนุ่มเกือบถอยหนีหากเสียงเพลงแผ่วหวานไม่แทรกเข้ามาเสียก่อน  เสียงที่ค่อนข้างเบาบางครั้งก็สะดุดราวกับคนร้องกำลังสะอื้นทำให้เขาสงสารจนอยากออกไปปลอบ…แต่เขาไม่กล้า…ข้างนอกนั่นมีเรื่องน่ากลัวรอเขาอยู่           
“ราเชล…ขอโทษนะที่รัก…หากไม่เพราะฉันเธอคงไม่อยู่ในสภาพนี้…ฉันขอโทษ”
เสียงเว้าวอนนั้นเรียกร้องจนราเชลทนไม่ไหว เด็กหนุ่มข่มความกลัวค่อยๆแง้มประตูด้วยมือสั่นเทา...แสงสว่างเรืองรองภายนอกส่องลอดรอยแง้มเข้ามา
ราเชลแอบมองผ่านรอยแง้มเล็กๆนั้นออกไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้           
 ‘ริชนี่…ริชร้องไห้ทำไม…คุณเสียใจอะไร?’ราเชลพยายามพูดด้วย แต่ก็เหมือนเคย ริชไม่ได้ยินเขาเหมือนกับทุกคนมันทำให้ราเชลยิ่งเสียใจ…           
‘ริชน่าสงสาร…แต่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย’ เด็กหนุ่มปิดประตูแล้ววิ่งกลับไปซุกอยู่มุมห้องเหมือนเดิม…ข้างนอกนั่นเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย…เพราะฉะนั้นเขาก็ควรอยู่ในนี้เงียบๆ         
ริชเกือบสะดุ้งเมื่อสังเกตเห็นดวงตาลอยๆไหววูบ…วูบเดียวเท่านั้นแล้วก็กลับไปเหมือนเดิม  มันเร็วจนชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า         
“ราเชล…ที่รัก…ได้ยินฉันไหม…ราเชล…ได้ยินหรือเปล่า…กลับมาหาฉันเถอะนะคนดี”
ราเชลผุดลุกขึ้น  เขาได้ยินเสียงเรียกนั้น  แม้จะแผ่วเบาแต่ก็สะเทือนไปทั้งหัวใจ         
‘ริชเรียกเรา…ริชครับ…คุณอยากเจอผมใช่ไหม?’         
“ราเชล…ฉันอยู่ตรงนี้…กลับมาหาฉันนะ…ได้โปรด…จำได้ไหมคนดี…เราเคยสัญญากันว่าสักวัน…เราจะบินไปรอบโลกด้วยกัน…ฉันจะพาเธอไปดูศิลปะสวยๆที่อิตาลี…แล้วเราจะไปมัลดีฟด้วยกันไปนอนดูดาวกันที่นั่น…ความฝันของเรายังไม่เป็นจริงเลย…ราเชล…ที่รัก”
ราเชลเดินวนเวียนไปรอบๆห้องอย่างกระวนกระวาย…อยากออกไป…แต่ก็กลัว…ข้างนอกนั่นมีบางอย่างน่ากลัวรออยู่…แต่ริชล่ะ...ริชก็รออยู่เหมือนกัน…
         ‘ริช…เรียกผมเหรอ…ผมอยู่ตรงนี้…เปิดประตูให้ผมหน่อย’
เด็กหนุ่มร้องไห้  เขาอยากออกไปแต่ไม่กล้าเปิดประตู…เสียงเรียกหายไปทำให้ความกล้าพลอยหายไปอีกครั้ง  ราเชลถอยกลับไปแอบอยู่ที่มุมห้องตามเดิม     
      ..................................
   
ริชเข็นรถพาราเชลกลับบ้านก็เจอเข้ากับรถจิ๊ปคันเก่าของเท็ดจอดอยู่หน้าบ้านกลิ่นอาหารลอยมาต้อนรับทันทีที่เปิดประตูเข้าไป     เท็ดวางผักในมือลง  ปราดเข้ามาคุกเข่าข้างรถเข็น 
“วันนี้มีเมนูเด็ด…ฉันไปขอสูตรมาจากร้านที่เคยไปกินคราวที่แล้วจำได้ไหม…ไงราเชล…สบายดีไหมคนเก่ง…โอ!หน้าตาสดใสแบบนี้แปลว่าดีละสิ” เท็ดทักทายเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มสดใส  ก่อนจะเงยขึ้นมองคนเข็นอย่างเห็นใจ 
ริชยังทำใจได้ไม่เท่าเท็ด…แม้จะพยายามแค่ไหนแต่เขาก็เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นดวงตาลอยไกลของคนรัก…ความรู้สึกผิดทับทวีขึ้นทุกทีจนแทบแบกรับไว้ไม่ไหว       
“นายมานานแล้วเหรอ?”         
“เกือบชั่วโมงแล้ว…ราเชลดูดีขึ้นนะ”         
“จริงเหรอ…นายก็รู้สึกใช่ไหม?”         
“รู้สึกสิ…เขาต่างจากตอนอยู่โรงพยาบาลมากเลย…หน้าตาสดใสมากขึ้นจนแทบไม่รู้เลยว่าป่วย”
ริชหน้าชื่นขึ้น  เริ่มมีความหวังที่เขาไม่ได้รู้สึกอยู่คนเดียวว่าราเชลดีขึ้น         
“วันนี้จะงดทำกายภาพ…ว่าจะพาไปนั่งเรือ…นายว่างหรือเปล่า?”         
“ว่าง…ไงราเชลดีใจไหม…วันนี้เราจะแข่งเรือกันดูซิว่าผมกับแฟนคุณใคร
เจ๋งกว่า”         
“คอยดูนะที่รักวันนี้เราชนะแน่…คนเดียวจะมาสู้สองคนได้ยังไง”
เสียงหัวเราะกับความเย็นฉ่ำทำให้ราเชลแง้มประตูดูภายนอก…เสียงเรียกเขาดังสลับไปมาจากคนสองคน  ข้างนอกโคลงเคลงไปมาจนเขากลัว…แต่อ้อมแขนอบอุ่นที่โอบเขาไว้ทำให้เด็กหนุ่มคลายความกลัวลง
สายลมเย็นฉ่ำปะทะใบหน้า…ไกลออกไปราเชลเห็นน้ำกว้างๆ…และริชก้มลงมายิ้มให้เขา         
“ริช…เริ่มเลยนะ…หนึ่ง…สอง…สาม..ไป!”
ทิวทัศน์ข้างนอกวิ่งผ่านไปเร็วจี๋ แต่ราเชลไม่นึกกลัว…เขาอยากออกไป…อยากไปพายเรือด้วยแต่ข้างนอกน่ากลัวเกินไป         
‘ริช…ริชพายเรือเร็วจี๋เลย…ริชคงชนะ…แน่ะใช่ด้วยเขาหันมายิ้มกับเรา’
ราเชลยิ้มให้อายๆแต่ไม่ได้ปิดประตูหนีเหมือนทุกครั้ง         
ริชหันมายิ้มกว้างเมื่อพบว่าเขาหยิบธงมาได้ก่อน  แต่แล้วชายหนุ่มก็สะดุ้งเมื่อเห็นรอยยิ้มตอบจากเด็กหนุ่ม    แต่แล้วรอยยิ้มของราเชลจางหายราวกับน้ำค้างกระทบแดด  ดวงตาคู่งามลอยไกลไร้จุดหมายเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น         
“ราเชล…ราเชลได้ยินฉันไหม…ราเชล…โธ่อย่าเป็นแบบนี้สิ…”
ริชเขย่าร่างในอ้อมแขนอย่างลืมตัว  เท็ดพายเรือเข้ามาเทียบแล้วคว้าไหล่เขาไว้         
“ริชอย่า…อย่าทำให้เขาตกใจสิ...ยิ่งทำอย่างนี้ราเชลอาจจะแย่นะ”
 “บ้าจริง…เมื่อครู่นี้ราเชลเหมือนรู้ตัวแล้ว…แต่ฉันทำพังอีกแล้วสิเนี่ย…ที่รัก…ฉันขอโทษ…”
ราเชลได้ยินทุกถ้อยคำของริช…เขาเองก็เสียใจที่ด่วนหนีมา…ไว้คราวหน้าเขาจะพยายามไม่หนีอีก   
      ..................................     
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 15-09-2009 22:32:29
..................................     

ริชเข็นรถของราเชลนำเท็ดไปเรื่อยๆ  พอเจอของที่ต้องการก็หยุดเลือกและชี้ชวนให้คนบนรถเข็นดูแล้วจึงหย่อนใส่รถที่เท็ดเข็นตามมา เท็ดเองก็ทำเหมือนริช ทั้งคู่ไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนที่เดินสวนไปมา 
จากในซุปเปอร์มาเก็ตเรื่อยมาจนถึงแผนกเสื้อผ้า ริชเลือกและลองเสื้อให้
ราเชลมากมาย และเช่นเคยคนที่ต้องช่วยหอบหิ้วตามก็คือเท็ด  พนักงานขายนำสลิปและบัตรเครดิตมายื่นให้  ริชเซ็นแล้วส่งคืนก่อนจะก้มลงผูกหูรองเท้าให้คนบนรถเข็นจึงไม่เห็นรอยยิ้มหวานที่ค่อยๆเก้อไปของพนักงานสาว  เท็ดอมยิ้มเสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เธอหน้าแตกไปมากกว่านี้ 
ทั้งคู่ช่วยกันลำเลียงของทั้งหมดลงท้ายรถ  โดยมีรถเข็นของราเชลอยู่ข้างๆ  รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นผ่านไปด้วยความเร็วแต่แล้วก็ชะลอลง  คนบนรถขยับวูบวาบ  ริชเหลือบมองหน้าเท็ด  ทั้งสองปราดเข้าประคองราเชลขึ้นรถ  ริชนั่งกับราเชลข้างหลังทิ้งให้เท็ดขับรถตามลำพัง  ปืนเลือนปราดเข้ามาอยู่ในมือ ชายหนุ่มกระชากเลื่อนตรวจดูกระสุนเพื่อความรอบคอบ…เท็ดแม้จะขับรถแต่บนตักก็ปรากฏวัตถุสีดำมะเมื่อมเช่นกัน 
ริชปรับที่นั่งราเชลให้เอนลงนอนเพื่อความปลอดภัย  จู่ๆเด็กหนุ่มก็ตัวสั่น  ริชเหลียวมองอย่างตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดีเพราะการที่ราเชลรู้สึกกลัวก็หมาย -ความว่าราเชลยังรับรู้ความรู้สึกของคนรอบข้างได้
“ราเชล” ชายหนุ่มกุมมือนิ่มชื้นไว้อย่างอ่อนโยน  อาการสั่นของเด็กหนุ่มค่อยๆลดลง
รถแล่นปราดออกจากลานจอดไปตามถนน  ดูเหมือนแท็กซี่คันนั้นจะตามอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกเท็ดสลัดหลุด  แต่ทั้งคู่ก็ไม่ประมาท เท็ดเข้าซอยโน้นออกซอยนี้อยู่นานจนแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยตีรถย้อนกลับบ้าน
ริชจ้องมองกิริยาของราเชลตลอดเวลา  ทันทีที่บรรยากาศเคร่งเครียดในรถจางลง  อาการเกร็งตัวและสั่นเทาของเด็กหนุ่มก็ค่อยๆหายไปจนกลับเป็นปกติ  แต่ราเชลหลับเร็วกว่าทุกครั้งและหลับนาน จนมาถึงบ้านก็ยังไม่ตื่น
ริชเล่าสิ่งที่เห็นให้เท็ดฟัง  เท็ดตัดสินใจให้โทรหาซอเรน  แม้จะไม่เต็มใจนักแต่ความห่วงในตัวคนรักมีมากกว่าริชจำต้องโทรหาคู่ปรับตัวฉกาจ  เป็นไปตามที่คาดซอเรนตื่นเต้นดีใจจนแทบจะแล่นมาหาเดี๋ยวนั้นแต่ติดที่ต้องดูแลผู้ป่วยรายหนึ่งที่อาการทางจิตค่อนข้างรุนแรง       
ตามปกติหากเท็ดมาค้างด้วยริชจะย้ายไปนอนที่ข้างเตียงราเชล  แต่คืนนี้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ  อาการของราเชลวันนี้ทำให้เขาอยากลองดูปฏิกิริยาบางอย่างของเด็กหนุ่ม  หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จริชก็สอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ 
ร่างบอบบางดูเหมือนจะผอมกว่าเดิมมาก  แต่ก็ยังดูดีกว่าตอนอยู่โรงพยาบาล ริชถอดเสื้อผ้าออกจนร่างผอมบางเปล่าเปลือยเช่นเดียวกับเขา  ชายหนุ่มโอบประคองร่างน้อยไว้ในอ้อมแขนและจับตาดูทุกอิริยาบถของเด็กหนุ่ม  แรกๆนั้นราเชลยังคงหลับอยู่แต่เมื่อเขาเริ่มลูบไล้และจุมพิตเบาๆไปเรื่อยๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่น 
ริชประคองหน้านวลให้จ้องหน้าเขา  ดวงตาคู่งามใสแจ๋วแต่ว่างเปล่า  ชายหนุ่มค่อยๆเบียดจุมพิตอ่อนโยนแผ่วเบาแล้วเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ  ปฏิกิริยาไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ร่างเล็กเริ่มขยับเคลื่อนไหว  มือเล็กเกาะกอดตอบเขา  ริชดีใจแทบบ้า ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้ไปทั่วร่างบาง  ก่อให้เกิดอาการสั่นไหวเบาๆในลำคอของเด็กหนุ่ม         
ในความมืดราเชลรู้สึกร้อนวาบๆในท้อง  ร่างกายของเขาเกิดอาการแปลกๆ  เด็กหนุ่มบิดตัวไปมาอย่างทรมาน  หัวใจเต้นเร็วขึ้นและรู้สึกสั่นหวิวไปหมด เขาอยากได้สัมผัสมากกว่านี้  อยากรู้สึกมากกว่านี้….         
แม้ดวงตาคู่งามจะยังลอยไร้ไกล  หากแต่ความปรารถนากลับเต้นระริกให้เห็น  ริชฟอนเฟ้นทั่วร่างขาวด้วยเจตนาปลุกเร้า  ฟันคมขบเม้มและดูดดื่มยอดเม็ดสีสดเป็นจังหวะ  ตลอดเวลาชายหนุ่มเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาคนรักเพื่อให้แน่ใจว่าราเชลตอบสนองเขาแค่ไหน…ร่างขาวซีดค่อยซับสีระเรื่อขึ้นจนแทบเป็นสีชมพูทั้งตัว ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเขาลากจุมพิตร้อนลงไปที่หน้าท้องแบนราบ  ริชขบไล้เลียไปตามซอกขาและผิวเนื้ออ่อนด้านในแต่ไม่แตะต้องส่วนสำคัญที่ขยับระริกอย่างรอคอย  ชายหนุ่มเลื่อนตัวขึ้นแนบหูกับทรวงอกนูนบางได้ยินเสียงหัวใจเต้นถี่ขึ้นทุกที มือใหญ่กอบกุมส่วนร้อนผ่าวของคนรักไว้และลูบไล้เป็นจังหวะ ร่างที่เคยนอนนิ่งแทบไม่เคลื่อนไหวกลับบิดไปมาเบาๆ  วงหน้างามแดงก่ำและเหยเกเมื่อเขาเร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้น  ริชจูบปากอิ่มดูดดื่ม  แม้จะไม่ได้รับจูบตอบ แต่ลมหายใจกระชั้นก็ทำให้เขารู้สึก…จนแทบทนไม่ไหว  ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงไปแนบกับหน้าท้องขาว  จุมพิตผิวตึงเนียนอย่างนุ่มนวลก่อนจะครอบครองคนรักไว้ในปาก  หน้าท้องแบนเกร็งยกขึ้นจนสะโพกลอย  เมื่อลองหยั่งแหย่ช่องทางแคบก็ได้รับการบีบรัดตอบสนอง         
“ที่รัก…ราเชล…โอ…ที่รัก…”
ริชแทบคลั่งด้วยความทรมาน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้แตะต้องเด็กหนุ่มเลย  และดูเหมือนเสียงริชจะมีอิทธิพลต่อราเชลเช่นกัน  ทางแคบบีบรัดแน่นทุกครั้งที่ริชเรียกชื่อ ชายหนุ่มเร่งจังหวะทั้งมือและปากไม่นานนักร่างเล็กก็ผวาเกร็ง ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาเปรอะเปื้อนชายหนุ่ม แต่ริชไม่สนใจ
เขาเฝ้าจุมพิตปลอบโยนเหมือนที่เคยทำทุกครั้งจนอาการสั่นระรัวค่อยๆบรรเทาลงและกลับสู่สภาวะปกติในที่สุด  ราเชลผล็อยหลับไปแทบจะทันที  ริชทำ
ความสะอาดร่างเล็กอย่างถนอม  ก่อนจะกลับไปอาบน้ำเย็นๆเพื่อบรรเทาความรุ่มร้อนให้ตัว  ชายหนุ่มกลับมานอนร่วมเตียงอีกครั้ง ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอกเขาอบอุ่นอย่างประหลาด มันทำให้เขาหลับได้อย่างเป็นสุขเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ราเชลล้มป่วยมา….         
      ..................................
เท็ดเคาะประตูเพียงครั้งเดียวก็เปิดเข้าไปเหมือนทุกที แต่คราวนี้ชายหนุ่มได้แต่ชะงักค้าง  คาดไม่ถึงว่าจะเจอริชนอนร่วมเตียงกับราเชล ที่สำคัญเขาแน่ใจว่าทั้งคู่เปลือย!  เท็ดปิดประตูแล้วเดินออกมาข้างนอกอย่างกังวล…เกิดอะไรขึ้นกับริช ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่าริชควบคุมตัวเองได้มาตลอดแต่ภาพเมื่อครู่ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าริชหยุดตัวเองได้แค่ไหน  ถึงหมอจะไม่ได้สั่งห้ามเรื่องนี้แต่ริชก็ไม่น่าทำอะไรแบบนี้
เสียงประตูลั่นเบาๆ  ร่างสูงในสภาพเพิ่งตื่นเดินมายืนประจันหน้ากับเท็ด         
“ฉันไม่ได้ร่วมรักกับราเชล”         
“เมื่อคืนนายไม่ได้ดื่มนี่…ใช่ไหม?”         
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ร่วมรักกับเขา…ฉันก็แค่…ทดสอบปฏิกิริยาเขาเรื่องนั้นว่าเขาตอบสนองหรือเปล่า”
เท็ดเลิกคิ้วสูง แล้วมองนิ่ง  ริชหลบตาเสยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ       
 “เขามีปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย…เอ่อ…คล้ายๆตอนไม่ป่วย…ก็…แค่นั้น”       
 “นายควรเล่าให้หมอซอเรนฟังนะ”         
“บ้าสิเท็ด…ทำไมฉันต้องไปบรรยายเรื่องบนเตียงของตัวเองให้คู่แข่งฟังด้วย”         
“ถ้าเป็นเวลาอื่นอาจฟังดูบ้า…แต่ตอนนี้ราเชลต้องพึ่งหมอ…เราต้องช่วยกันทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอริช”       
 “ก็…ก็ใช่…แต่…โว้ย!” ประโยคหลังชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ  หากไม่ห่วงว่าจะเป็นการถ่วงให้การรักษาราเชลล่าช้า ไม่มีวันเสียหรอกที่เขาจะยอมทำตามที่เท็ดบอก  เท็ดตบบ่ากว้างอย่างเห็นใจก่อนจะเป็นคนต่อโทรศัพท์หาซอเรน
เท็ดเล่าสิ่งที่ริชบอกคร่าวๆ  ซอเรนเงียบไปอึดใจก่อนจะขอสายริช         
“คุณพอลลิ่งบอกผมว่าราเชลตอบสนองต่อ…สัมผัสของคุณคล้ายๆกับตอนปกติ…ที่ว่าคล้ายมันยังไง?”       
“ก็แค่ไม่ได้พูดคุยกันเท่านั้น”         
“หมายความว่าราเชลพร้อม…เอ่อ…จะตอบรับคุณ”         
“ก็ใช่”         
“ถ้าคนสัมผัสเป็นคนอื่นละ?”         
“ซอเรน!”         
“ผมไม่ได้จะหาเรื่องอะไรนะ…แต่ผมอยากให้คุณลองทดสอบเรื่องอื่นๆดู…ผมต้องการอาการที่ชี้ชัดลงไปว่าเขามีปฏิกิริยาตอบสนองตามความเคยชินหรือเกิดจากปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายเท่านั้น…มันจำเป็นกับการรักษาเขานะครับ”
“จะให้ทดสอบยังไง?”       
“พามาหาผมดีกว่านะครับ”         
“ไม่มีทาง”       
“แต่ผมควรได้ตรวจอย่างละเอียด  และควรได้เห็นอาการของเขาตอนทดสอบ”         
“ไม่…ฉันจะไม่พาราเชลไปไหนทั้งนั้น!”
ริชกระแทกหูโทรศัพท์โครม…เท็ดมองการกระทำของชายหนุ่มเงียบๆ         
“ไปอาบล้างหน้าล้างตาก่อนไป…อาหารเช้าพร้อมแล้ว”
ริชเดินลิ่วออกมาจากห้องยังไม่ทันขึ้นบันไดก็ได้ยินเสียงเท็ดคุยกับซอเรนแว่วๆ  ชายหนุ่มสบถเบาๆอย่างหงุดหงิด รู้ดีว่าเท็ดต้องจัดการพาราเชลไปให้ซอเรนตรวจแน่ๆ เขาเองก็อยากให้ราเชลหายแต่ไม่อยากให้คนรักษาราเชลเป็นซอเรนเท่านั้น         

ราเชลเดินวนเวียนในความมืดอย่างกระวนกระวาย  ริชหายไป…หายไปไหน…มีคนหลายคนเข้ามาหา…แต่ไม่มีเสียงที่คุ้นเคย…คนเหล่านั้นเรียกเขาพูดอะไรก็ไม่รู้แซดไปหมด…บางครั้งก็เอาเข็มมาแทงเขาจนเจ็บไปหมด…หนาว…เด็กหนุ่มขดตัวนอนอย่างทรมาน…หนาวเหลือเกิน…ทำไมริชทิ้งเขาไว้คนเดียว...ไม่มีใครอยู่ด้วยเลย…ราเชลเริ่มร้องไห้ด้วยความกลัว…         
‘ผมไม่อยากอยู่คนเดียว…ไม่เอาแล้ว…ริช…ช่วยด้วย’
ซอเรนขยับผ้าห่มให้กระชับเมื่อสังเกตเห็นอาการขดตัวของคนบนเตียง…เสียงสะอื้นแผ่วๆทำให้เขาชะงักหันขวับไปมอง…ร่างเล็กบนเตียงมีอาการกระสับ –
 กระส่ายเหงื่อซึมทั้งที่ตัวเย็นเฉียบ…ปากบางซีดขมุบขมิบพูดบางอย่าง….ซอเรนแนบหูฟังจนชิดจึงได้ยินสิ่งที่ราเชลพูด…
“ริช…ช่วย…ด้วย…”
      ..................................

                  ริชปราดเข้าไปกอดคนบนเตียงทันทีที่มาถึง…เขาถูกตามตัวกลางดึกเพราะอาการของราเชลแย่ลง  หลังจากที่ถูกแยกจากกันเกือบ 48 ชั่วโมงเขาก็ได้คนรักกลับคืนมาอีกครั้ง 
“ราเชล…ที่รัก…เป็นไงบ้าง…ผมมาแล้ว…ผมอยู่ข้างๆคุณแล้ว”
ชายหนุ่มลูบหน้าผากเย็นๆอย่างอ่อนโยน  อาการกระสับกระส่ายของคนบนเตียงทำให้เขากังวล แม้ก่อนเข้ามาหมอจะยืนยันแล้วว่าไม่มีอาการเจ็บป่วยทางกายก็ตาม         
“ริช…”
ริชสะดุ้งเมื่อจู่ๆคนบนเตียงก็เรียกหาเขา  แต่เมื่อพิจารณาก็พบว่าราเชล เพียงแค่ละเมอเท่านั้น  ถึงกระนั้นเขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ราเชลเรียกหา  หลังจากริชมาอยู่ด้วย  ราเชลก็ไม่มีอาการทุรนทุรายอีก  มิหนำซ้ำดวงตาที่เคยลอยไกลเริ่มมีจุดหมาย  ถึงจะแค่ชั่วครู่แต่ก็ตาม       
ซอเรนออกจากห้องตรวจอย่างตื่นเต้น  ผลการทดสอบดีจนเขาแทบตะโกนด้วยความยินดี  ริชทำได้จริงๆ เขากำลังดึงราเชลกลับมา ซอเรนแน่ใจว่าอีกไม่นาน เด็กหนุ่มจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง         
 “เป็นไงครับหมอ?”         
“ยินดีด้วยครับ…ผลการทดสอบน่าพอใจมาก…ผมแน่ใจว่าอีกไม่นานเขาคงกลับมาเหมือนเดิม”         
“จริงเหรอหมอ?”         
“ครับ…คุณเก่งนะริช…คุณทำให้เขากลับมาได้จริงๆ”         
“ผมทำได้เพราะ…เรารักกัน” ริชตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  ไม่ได้เยาะหรือแดกดันแต่อย่างใด  ซอเรนหน้าเผือดลงแต่กลับพยักหน้ารับอย่างจริงใจ
เท็ดมองหมอหนุ่มใหญ่อย่างสงสาร ขณะเดียวกันก็อดชื่นชมไม่ได้  ซอเรนทำให้เขาได้เห็นรักแท้อีกแบบ…รักที่ไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากเห็นคนที่รักเป็นสุข…หากซอเรนเห็นแก่ตัวกว่านี้สักนิด เขาเชื่อว่าคนอ่อนโยนคนนี้คงทำให้ราเชลรักได้ในที่สุด         
      ..................................

การตอบสนองของราเชลเพิ่มขึ้นทีละน้อย…ดวงตาคู่งามค่อยๆมีแววจำได้ในบางครั้ง…และจำได้มากขึ้นเรื่อยๆ…เขาเริ่มยิ้มและมีท่าทางตอบสนองต่อคนที่คุ้นเคยมากขึ้น  ซอเรนแนะนำให้ริชพาเดิน ซึ่งระยะแรกๆแทบไม่มีผล แต่ไม่นานราเชลก็ยอมเดิน แม้จะแค่ระยะสั้นๆแต่ริชก็โห่ร้องด้วยความยินดี
สัปดาห์ที่สี่ราเชลก็กินอาหารได้ปกติ ไม่ต้องป้อน หลังจากนั้นก็เริ่มพูดคุยและจดจำคนรอบข้างอย่างริช  เท็ด หรือหมอซอเรนได้ จำเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันได้ 
ริชตัดสินใจย้ายออกไปนอนนอกห้องเมื่อราเชลเริ่มจำอะไรได้มากขึ้น  แต่กลับทำให้อาการของราเชลแย่ลง  เด็กหนุ่มร้องไห้และหวาดกลัวที่ถูกทอดทิ้ง ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าราเชลจดจำริชต่างจากคนอื่นๆ  เขาจำว่าริชคือคนรักและพึงพอใจกับการใกล้ชิดริชตลอดเวลา 
      ..................................

รถสปอร์ตเลี้ยวเข้ามาด้วยความเร็วสูงจนแทบจะเกยฟุตบาต   ยามผิวดำเกือบสบถอยู่แล้วหากไม่เห็นว่าคนลงมาเป็นใคร  ร่างสูงใหญ่โดดข้ามประตูรถออกมาแล้วส่งกุญแจพรวดให้พร้อมกับดอลล่าห์เขียวๆ  ก่อนจะวิ่งเข้าไปในคอนโดอย่างรวดเร็ว  ยามร่างใหญ่ผิวปากอย่างอารมณ์ดีก่อนจะค่อยๆเคลื่อนรถสปอร์ตคันงามไปเก็บในลานจอด
ริชยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูสลับกับเหลือบมองไฟกระพริบบอกชั้นด้วยความร้อนใจ  เขากลับช้ากว่าปกติมาก  และไม่มีเวลาโทรหาราเชลเลย  แม้เมื่อเช้าเขาจะบอกราเชลไว้แล้วว่าวันนี้มีประชุมแต่ก็ไม่รู้ว่าราเชลจะยอมเข้าใจสักแค่ไหน
ในห้องเงียบกริบผิดกว่าทุกทีที่มักจะมีเสียงเพลงเปิดไว้เสมอ 
“ราเชล...ราเชล...ที่รักเธออยู่ไหนน่ะ   ราเชล  ฉันกลับมาแล้ว”  ริชโยนเสื้อนอกพาดไว้กับโซฟาก่อนจะรูดเนคไทออกพลางเดินหาราเชลไปทั่วห้องแต่ไม่มีวี่แววของคนรัก  ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นสระว่ายน้ำกับสวนหย่อมบนยอดตึก
ราเชลเกาะกระจกมองลงไปข้างล่าง  คงกำลังดูอะไรเพลินถึงไม่ได้ยินเขาเรียก
“ราเชล”
“ไปไหนมา?”
“อ้าว!เมื่อเช้าก็บอกแล้วนี่ว่าวันนี้ฉันมีประชุม”
ราเชลหมุนตัวมาเผชิญหน้า  ใบหน้าขาวซีด ดวงตาบวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มายาวนาน  ริชขยับเข้าไปใกล้และพยายามจะโอบไหล่บางแต่เด็กหนุ่มปัดมือออก 
“เอ๊ะ! นั่นอะไร?”
ริชอุทานอย่างตกใจเมื่อสังเกตเห็นผ้าสีขาวที่มีรอยเลือดเป็นด่างเป็นดวงพันอยู่รอบข้อมือบาง
“อย่ามายุ่ง”
“ราเชล...เธอบาดเจ็บเหรอ...เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณจะสนใจทำไม...คุณจะทิ้งผมอยู่แล้วนี่...ไปเลยสิกลับมาอีกทำไม?”
“ทิ้ง?…เธอเข้าใจผิดแล้วละ พอเลิกงานฉันก็กลับมาหาเธอทันทีเลยนะ”
 “คนโกหก!ผมเช็คแล้วว่าคุณเลิกงานเกือบชั่วโมงแล้ว”
“ราเชล…จากออฟฟิศมานี่มันไม่ใช่ใกล้ๆนะ  อีกอย่างช่วงเวลานี้รถก็ติด นี่ฉันรีบจนเกือบโดนใบสั่งแล้ว”
“อย่ามาแก้ตัว คุณไปหาใครมามากกว่า”
“ไปหาใคร? ฉันไม่เคยมีใครอีกเลยนะตั้งแต่มีเธอ...ใครเอาความคิดบ้าๆนี่มาใส่หัวเธอหืม?”
 “อ๋อใช่สิผมมันบ้า เอาผมไปส่งโรงพยาบาลเลยสิ อย่ามาเสียเวลากับผม  แล้วคุณจะได้ไปหาคนอื่นให้สะใจไปเลยไม่ต้องมีผมเกะกะ…ฮือ”
ริชพยายามรวบร่างบางเข้ามากอดแต่ราเชลสะบัดหนี  ซ้ำยังพยายามทำร้ายเขา  ทำให้ผ้าที่พันไว้ลวกๆหลุดออกมาเผยให้เห็นรอยกรีดเป็นริ้วเต็มข้อมือและแผลก็มีแต่เลือดแห้งกรัง
“ราเชล...โอ...นี่...นี่มันอะไรกัน...ทำไม...ทำไมทำร้ายตัวเองอย่างนี้...”
“ตายไปเสียเลยก็ดี  คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับผม  อยากไปหาใครจะไปให้สะใจไปเลย  ผม...ผมมันตัวเกะกะ...ผมมันตัวถ่วงคุณอยู่แล้วนี่...ฮือ...”
“ที่รัก...อย่าทำแบบนี้อีกนะ...ฉันทนเห็นเธอเจ็บไม่ได้...เธอรู้ไหมว่าเวลาเธอเจ็บฉันเจ็บยิ่งกว่าเธออีก  อย่าทำตัวเองอย่างนี้อีกนะ”
“โกหก...คนโกหก  คุณเห็นผมน่าโง่นักใช่ไหม  ใจจริงคุณทั้งรังเกียจทั้งรำคาญผมจะแย่อยู่แล้วยังจะมาพูดหวานๆหลอกผมอีก...คนโกหก”
“ราเชล...” ริชได้แต่อุทานอย่างอ่อนใจ ดวงตาคมจ้องมองหน้านวลที่เปรอะด้วยน้ำตาอย่างงุนงง  ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  สาเหตุแค่เขากลับช้าไม่น่าทำให้
ราเชลเสียใจถึงขนาดทำร้ายตัวเองได้ขนาดนี้  แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าอะไรเป็นสาเหตุ
“ราเชล ชี่ชชชชช….ใจเย็นๆที่รัก  ฉันขอโทษที่กลับมาช้า ทำให้เธอหงุดหงิด  อย่าโมโหเลยนะ...ใจเย็นๆ...หายใจลึกๆ...นั่นแหละ...ดี...ดีมาก  ฟังฉันนะ...ฉันไม่ได้ไปไหนจริงๆ  พอเลิกงานก็รีบกลับมาหาเธอเลย  เชื่อฉันเถอะนะได้โปรด”
ริชพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ทั้งๆที่วันนี้เขาต้องเผชิญกับปัญหามากมายในที่ทำงาน  รวมถึงต้องคอยระวังตัวแจเพราะศัตรูของเขาก็พยายามส่งคนมาทำร้ายเขาไม่ได้หยุด  แต่เขากลับต้องมาเจอราเชลในสภาพนี้อีก  แต่ความรักเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาอดทนกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณหลอกผมอีกแล้ว...คุณโกหกผมอีกแล้วใช่ไหม...แล้วผมก็เชื่อคุณอีกนั่นแหละ ก็ผมรักคุณนี่ แต่คุณ...คุณรักผมบ้างหรือเปล่าริช...รักผมบ้างหรือเปล่า?...”
ราเชลสะอื้นตัวโยนอย่างน่าสงสาร  ริชประคองข้อมื้อเล็กที่เต็มไปด้วยรอยกรีดขึ้นมาจูบเบาๆ  ลำคอเขาตีบตันด้วยความสงสาร 
“ฉันรักเธอยิ่งกว่าตัวฉันเสียอีกราเชล  แล้วฉันก็เจ็บมากนะที่เธอระแวงความรักของฉัน...ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันไม่ได้ทำให้เธอเชื่อใจฉันบ้างเลยเหรอ?”
ราเชลร้องไห้โฮโผเข้ากอดริช แน่น
“ผม…ผม…ฮึก…ขอโทษริช…ผมไม่ได้อยากระแวงคุณ  แต่คุณกลับช้า แล้วผมก็กลัวมาก...ผมก็เลย...คิดว่าคุณจะไม่กลับมาหาผมแล้ว”
“ฉันไม่ไปไหนหรอกราเชล  ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปฉันสัญญา  คงมีอย่างเดียวแหละที่จะทำให้ฉันไปจากเธอได้…”
“ใคร  คุณหมายถึงใครริช”
“ไม่ใช่ใครราเชล  ฉันหมายถึงว่าฉันตายจาก…”
“อย่าพูด!อย่าตายไม่เอา  ถ้าริชตายผมจะตายด้วย  ผมไม่ยอมให้คุณทิ้งไว้คนเดียวเด็ดขาด”
“ใจเย็นๆที่รัก ฉันยังไม่ตายตอนนี้หรอก  แล้วฉันก็กลับมาหาเธอแล้วไง...มาเถอะฉันจะทำแผลให้”
ริชอุ้มร่างที่ยังสะอื้นตัวโยนกลับลงมาที่ห้องนั่งเล่น  แล้วลุกไปรินน้ำเย็นมาให้  เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของราเชลทำให้เขาชะงักเพราะมันเบามาก  ริชเหลียวหาไปรอบๆห้องแต่ไม่เห็น  ชายหนุ่มก้มลงมองไปตามพื้นจึงพบว่ามันตกอยู่ที่มุมห้อง  ชายหนุ่มเดินไปหยิบมารับสาย
“ไงจ๊ะรูปสวยไหม...แล้วจะส่งไปให้อีกนะ”เสียงที่ดัดให้แหลมสูงสวนมาก่อนที่ริชจะพูด
“นั่นใครพูด?”
“......” ปลายสายเงียบกริบไปทันทีอย่างมีพิรุธ
“ถามว่าใคร?”
ตึดๆๆๆๆๆ ปลายสายวางไปก่อนที่เขาจะรู้ว่าคนพูดเป็นใคร  แม้เจ้าตัวจะดัดเสียงแต่ริชก็รู้สึกคุ้นๆหู  ชายหนุ่มเอะใจจึงลองเปิดไฟล์เมล์ภาพออกดู
“บัดซบ!”  ริชคำรามด้วยความโกรธเมื่อเห็นภาพที่ถูกส่งมาในโทรศัพท์ของราเชล  มิน่าราเชลถึงได้เสียใจจนทำร้ายตัวเองแบบนี้
………………

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 15-09-2009 22:38:19
......
นี่เป็นภาพตอนงานเลี้ยงรับรองแขกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  และสตรีที่ชะเง้อขึ้นจูบเขาเป็นบุตรสาวของหุ้นส่วนคนหนึ่งสนใจเขาจนออกนอกหน้า  แต่ริชก็ไม่เคยติด ต่อเธออีก  แม้ว่าเจ้าหล่อนจะพยายามส่งการ์ดมาเชิญเขาไปงานที่บ้านหล่อนอีกหลายครั้งก็ตาม
ใครก็ตามที่ส่งภาพนี้มาต้องเป็นคนที่ไปร่วมงานเลี้ยงรับรองด้วย  และเจตนาถ่ายภาพนี้ส่งมาให้ราเชล  ริชกัดกรามกรอดด้วยความแค้น  เบอร์โทรศัพท์ของราเชลตกไปอยู่ในมือของศัตรูได้อย่างไร  ที่สำคัญเสียงที่คุ้นหูนั่นต้องเป็นคนใกล้ชิดเขาเอง  ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเลี้ยงงูพิษเอาไว้ใกล้ตัวขนาดนี้
ริชสูดลมหายใจลึกพยายามปรับสีหน้าให้ดูสดชื่น  ชายหนุ่มหันไปคว้าแก้วน้ำกลับไปหาราเชล
“ดื่มน้ำก่อนนะ” ริชประคองคนรักขึ้นพิงอก  ราเชลดื่มน้ำอย่างกระหาย  ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง  ริชบรรจงทำแผลที่ข้อมือให้อย่างเบามือ  แต่ดูเหมือนราเชลจะไม่ได้สนใจบาดแผลของตัวเอง  เด็กหนุ่มเอาแต่จ้องมองริชเขม็ง
เลือดที่ไหลออกมาใหม่ทำให้บาดแผลยิ่งดูน่ากลัวมากกว่าเดิม  ริชเหลือบมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ราเชลใช้กรีดข้อมือ  แน่นอนว่าไม่ใช่มีดเพราะเขาเก็บซ่อนไปหมดแล้ว  ซอเรนยังแนะนำให้เขาเก็บวัตถุทุกอย่างที่น่าจะทำให้เกิดอันตรายกับคนรักได้  แม้แต่จานชามเขาก็ต้องหันมาใช้เมลามีลชนิดพิเศษแทนจานแก้ว  แต่ราเชลใช้อะไรกันเล่า...สายตาพลันไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง
มันเป็นเศษแก้วพลาสติกเนื้อหนาที่เขาเอามาให้ราเชลใช้แทนแก้วกระเบื้อง  ไม่น่าเชื่อว่าพลาสติกเนื้อหนาเมื่อทุบให้แตกก็มีคมได้  แม้จะไม่คมมากพอที่จะตัดเส้นเอ็นจนขาด  แต่มันก็ฝากรอยแผลไว้บนข้อมือราเชลไม่น้อย  รอยแผลขรุขระกับรอยเขียวช้ำบอกให้รู้ว่าราเชลต้องเจ็บปวดใจแค่ไหนถึงใช้พลาสติกทื่อๆกรีดไปบนข้อมือตัวเอง
ริชดึงร่างบางขึ้นมากอดไว้แน่น  ราเชลซุกซบอยู่กับอกของคนรักและหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ริชนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืดจมอยู่กับความทุกข์ที่ไม่อาจปกป้องคนรักไว้จากความทุกข์ได้
....................................

ร่างสูงสะดุดตาที่เดินตรงดิ่งมาแผนกประชาสัมพันธ์ดึงดูดให้ทุกคนเหลียวมามอง  ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มหวานที่สุดในชีวิตและแอบภาวนาให้เขายังโสด
   “สวัสดีค่ะ...มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ผมมาขอพบคุณหมอโจนาธานครับ”
“คุณหมอติดผ่าตัดค่ะ  คงต้องรอสักครู่”
“ขอบคุณครับ”
ริชถอยไปนั่งรอเงียบๆ  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงร่างผอมบางในชุดกราวน์ก็เดินลิ่วมาหา 
“ว่าไงไอ้ตัวแสบ  ทำไมมาหาฉันได้ละ”
“ฉันมีเรื่องจะให้นายช่วยว่ะ”
โจนาธานไหวไหล่และพยักหน้าให้ริชตามไปที่ห้องพักแพทย์เวร
“ก็นึกอยู่แล้ว  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหน้า  พอโผล่มาก็เอาเรื่องมาให้ปวดหัวทุกที  คราวนี้อะไรอีกละ  คงไม่ใช่แกล้งบาดเจ็บเพราะแผลแก้วบาดอีกหรอกนะ”
“ฉันอยากได้พยาบาลที่เก่งมากๆ  อ่อนโยน แล้วก็ใจเย็นพอที่จะดูแลคนป่วยทางจิต  ที่สำคัญ ถ้าเธอรักศิลปะด้วยจะดีมาก”
“หาพยาบาลหรือหาเมียวะ  เลือกซะขนาดนี้  จะเอาไปดูแลใคร?”
“คนรักของฉัน”
“หา...คนรัก...ใครวะ นางแบบหรือดารา?”
“จำคนที่ฉันให้แกหลอกว่าเขาว่าฉันโดนแทงได้ไหม?”
โจนาธานอ้าปากค้างไปครู่หนึ่งกว่าจะหลุดเสียงครางเบาๆ
“...ผู้ชายนะ...”
“เออ...ราเชล เวลบอร์น”
“นามสกุลคุ้นๆว่ะ”
“นายชาล์ล เวลบอร์น ที่ล้มฟาดในห้องน้ำจนเกือบเป็นอัมพาตไง”
“เออใช่...อะไรวะ  นี่แกรักแรกพบในห้องคนป่วยหรือไง?”
“เปล่า...รักแรกตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลต่างหาก”
“โม้ป่าววะ...หน้าอย่างแกเนี่ยนะจะรักใครได้นานขนาดนั้น”
“ก็ไม่รู้สิ...จนป่านนี้ฉันยังรักใครไม่ได้อย่างที่รักเขาสักคน”
“...เอ่อ...เออ...เอาวะ  จะหาให้  ว่าแต่เขาป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่  ครั้งก่อนก็เห็นปกติดีนี่”
“ฉันทำร้ายจิตใจเขา...ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ” ริชไหวไหล่  แต่ใบหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม
“เขาเสียใจหลายๆเรื่องอยู่แล้ว  ฉันก็ดันไปทำให้เขาเจ็บมากขึ้น  เขาก็เลย...ช๊อค  หลับยาว  พอฟื้นก็...ไม่เหลือความทรงจำ  เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด  ฉันถึงต้องเลือกคนที่จะดูแลเขาเป็นพิเศษ  ฉันไม่อยากพลาดซ้ำสอง”
“พระเจ้า...ที่นายหายหน้าไปเป็นปีนี่ก็เป็นเพราะ...”
“ฮื่อ...ฉันดูแลเขามาตลอด  ถึงจะมีหมอคอยให้คำแนะนำใกล้ชิดแต่ฉันไม่ใช่มืออาชีพ  ตอนนี้เขาก็ช่วยตัวเองได้มากแล้ว  ฉันถึงอยากได้คนเก่งๆไปช่วยฉันอีกแรง...อีกอย่างฉันทิ้งงานมานานเกินไปแล้วด้วย  บริษัทของฉันไม่เท่าไหร่  แต่ส่วนของเขาไม่มีคนดูแลที่ไว้ใจได้เลย  ถ้าทำงานไปด้วยฉันกลัวจะดูแลเขาไม่ดีพอ”
“ไม่ต้องห่วง  ฉันเลือกคนที่ดีที่สุดให้แกแน่”
“ขอบใจว่ะหมอ  กลับก่อนนะ ไว้วันหลังค่อยไปเลี้ยงข้าว”
โจนาธานมองตามไหล่กว้างงงๆ  ไม่อยากจะเชื่อว่า ริชจะกลายเป็นเกย์  แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ  ริชในวันนี้แทบไม่เหลือเค้าริชจอมกะล่อนเจ้าชู้ในวัยเยาว์อีกเลย
      ..................................

ราเชลชะโงกดูทิวทัศน์ข้างล่างอย่างตื่นเต้น  แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่
ริชพามาที่รีสอร์ทบนเกาะ  แต่เด็กหนุ่มก็อดตื่นเต้นไม่ได้  เพราะที่นี่นอกจากจะสวยมากแล้ว ยังเป็นเหมือนสถานที่ฮันนีมูนที่ราเชลโปรดปรานเป็นที่สองรองจากบ้านริมบึงเลยที่เดียว           
“ริชใกล้ถึงแล้วใช่ไหม…หมอครับดูสิครับ  เกาะแถบนี้มีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่ด้วยนะครับ  ผมเคยได้ไปเที่ยวบ้านชาวเลที่นั่นด้วย  นั่นไงครับหมอเกาะที่เรากำลังจะไปกัน”           
ซอเรนยิ้มแย้มดูตามที่ราเชลชี้ชวน  นึกสะใจที่เห็นคนขับเครื่องหน้าเรียบอย่างกับรีดไว้           
‘ท่าทางจะอารมณ์ไม่ดีแฮะ…สงสัยโมโหที่เราตามมาขัดคอ’         
ริชหงุดหงิดที่มีซอเรนตามมาด้วยจนแทบยิ้มไม่ออก แต่สมองเจ้าเล่ห์ก็คิดวิธีแกล้งคนขัดคอออกทันควัน ซอเรนสังหรณ์แปลกๆเมื่อเห็นท่าทางรื่นรมย์ของอีกฝ่าย  เมื่อครู่ยังหงุดหงิดอยู่ปุบปัปจะมาอารมณ์ดีมันต้องมีอะไรแน่ หมอหนุ่มใหญ่ระวังตัวแจแต่กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรจนเครื่องลงจอดเรียบร้อย         
พนักงานจากรีสอร์ทเข้ามาต้อนรับราวกับเป็นแขกบ้านแขกเมือง  ซอเรนถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นหมู่อาคารและบ้านพัก  แม้จะเคยเห็นโรงแรมมามากทั้งในและต่างประเทศแต่ก็ต้องยอมรับว่าที่นี่ช่างงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าฝีมือมนุษย์จะสร้างได้ถึงเพียงนี้ 
ริชให้คนจัดบ้านพักให้ซอเรนไม่ห่างกันนัก แต่ก็ค่อนข้างเป็นสัดส่วนด้วยปราการธรรมชาติคือธารน้ำที่ไหลกั้นกลาง  บ้านพักของซอเรนมีสองห้องนอนด้านหนึ่งมองเห็นทะเล  อีกด้านมองเห็นธารน้ำและเห็นระเบียงบ้านของริชกับราเชล
ยังไม่ทันจัดข้าวของเข้าตู้โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดังเสียก่อน       
“หมอครับไปเล่นน้ำทะเลกันไหม?”
ซอเรนเกือบปฏิเสธหากไม่ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบลอดเข้ามาในสาย         
“ตกลงครับ”
      ..................................
       
เก้าอี้ชายหาดถูกจัดเรียงไว้ตามร่มไม้  วัสดุอย่างดีหากแต่มีสีสันกลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบๆผิดจากบรรยากาศชายหาดทั่วไป ราเชลวิ่งนำชายหนุ่มทั้งสองอย่างร่าเริง  วงหน้างามเป็นสีชมพูปลั่งด้วยเลือดสูบฉีดเพราะวิ่งมาไกลพอสมควร         
“ว่ายน้ำแข่งกันดีกว่าราเชล” ริชพูดพร้อมกับถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแน่นตึงน่าอิจฉา  ราเชลทำตาโตถอยกรูด         
“ไม่เอานะริช ไม่ลงนะ ริชปล่อย” ราเชลโก่งตัวหนีเหมือนแมวเมื่อชายหนุ่มคว้าข้อมือ  ริชไม่ฟังเสียงช้อนร่างบางวิ่งลงทะเล         
“ริชอย่า! ไม่เอานะริช…คิก…ปล่อย…ริ้ช!”
ราเชลร้องและดิ้นแต่ไม่ได้ห้ามจริงจัง  ริชทิ้งตัวลงในน้ำจนเด็กหนุ่มสำลัก  แต่ราเชลก็แก้คืนทันควัน เด็กหนุ่มกอบทรายเต็มกำมือแล้วโปะไปบนศีรษะของริช 
ริชแยกเขี้ยวพุ่งตัวไปคว้าร่างบางไว้  ราเชลร้องเสียงหลงแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกพยายามดิ้นหนีอ้อมแขนแน่นหนา  ดวงตาพราวระยับยั่วยวน  ริชตรึงร่างเล็กไว้แน่น  ลิ้นสีชมพูตวัดเลียริมฝีปากด้วยเจตนายั่ว  ชายหนุ่มก้มลงมาหาจนปากเกือบจรดกันอยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มกกลับยกมือขึ้นปิดปากบางไว้ทัน           
“อย่า…หมอมองเราอยู่นะ” ราเชลห้ามแต่ตาวาววับ         
“ช่างหัวหมอปะไร” ริชคำรามชิดมือนิ่มแล้วเบียดซุกไซ้จนควานหาปากอิ่มเจอ  ราเชลดันลิ้นที่สอดเข้ามาออกแต่ริชกลับกอดเกี่ยวเอาไว้แน่น  เด็กหนุ่มร้องครางอยู่ในลำคอ ร่างระทวยลงด้วยพิษจูบดุดัน  ลืมอาย ลืมหมดว่าใครจะมองมา  ในสมองมีเพียงคนที่จูบเร่งร้อนอยู่เท่านั้น         
ซอเรนเบือนหน้าหนีภาพบาดตา  สมน้ำหน้าตัวเองที่แส่ตามมาหาเรื่องให้เจ็บเล่นถึงที่  แต่การได้เห็นราเชลลุกขึ้นมาวิ่ง มาหัวเราะ มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ช่างแสนคุ้มค่ากว่าอาการเจ็บจี๊ดๆในอก  หนังสือที่เขาคว้าติดมือมาด้วยความเคยชินดูช่างมีประโยชน์ในการปิดภาพบาดตาได้ดีอย่างยิ่ง  ซอเรนอ่านหนังสือแต่หูคอยตะแคงฟังเสียงหัวร่อต่อกระซิกไม่รู้ตัว  พอรู้สึกตัวก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ที่ทำตัวราวกับพวกโรคจิตคอยถ้ำมองคนอื่นเหมือนที่ริชเคยแดกดันเอาบ่อยๆ 
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้เขาต้องเหลียวไปมอง  ดูเหมือนจะเป็นเครื่องของริช  เท่าที่เขารู้เบอร์นี้มีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ซอเรนเหลียวมองคู่รักที่กำลังหยอกล้ออย่างลำบากใจ  เขาไม่กล้าเรียกด้วยเกรงจะเป็นการขัดขวางช่วงเวลาแสนสุขของราเชล  แต่โทรศัพท์ก็เรียกเข้ามาไม่หยุดซอเรนได้แต่มองแล้วก็มองคนในทะเลสลับกันไปมา         
ริชปรายหางตามองคนบนฝั่งอย่างสะใจ ด้วยสังเกตเห็นท่าทางกระสับกระส่ายของอีกฝ่าย  ซอเรนได้โอกาสรีบชี้ไปที่โทรศัพท์  ริชมองตามอย่างระมัดระวังไม่รู้จะเป็นแผนของหมอหรือเปล่า แต่เบอร์นี้เป็นเบอร์ฉุกเฉิน  มีคนรู้ไม่กี่คนเท่านั้นชายหนุ่มตัดสินใจดึงร่างบางวิ่งขึ้นไปบนหาด         
ราเชลทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน  แต่ดวงตาเต้นระริกอย่างสนุกสนาน         
“หมอดูสิครับ…สวยไหม?”เด็กหนุ่มส่งเปลือกหอยที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ให้ซอเรนดู  หมอหนุ่มใหญ่รับมาดูยิ้มๆ         
ริชขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาถึง15ครั้ง ชายหนุ่มเดินแยกออกมาห่างจากราเชลและซอเรนด้วยแน่ใจว่าเจฟฟรี่คงมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแน่           
“มีอะไรเจฟ?”         
“คุณริช!พระเจ้าเจอคุณเสียที…เหมืองเพชรที่อัฟริกาถล่ม มีคนงานติดอยู่ข้างในหลายคนครับ”         
“อะไรนะ…แล้ว…หน่วยกู้ภัยของเราล่ะ?”         
“เข้าไปไม่ได้ครับเพราะยังถล่มเป็นระยะๆ  นี่เพิ่งหยุดไปสักพักแต่ยังไม่มั่นใจว่าจะถล่มลงมาอีกหรือเปล่า  ผมกำลังจะขึ้นเครื่องโชคดีที่โทรติด”         
“งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย  บอกพีทให้จองตั๋วเครื่องบินไฟท์ค่ำให้ฉันด้วย”
“อย่ามาดีกว่าครับ”
“ทำไม?”
“ผมไม่แน่ใจว่าเหมืองถลมครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุหรือมีคนเจตนา”
“หมายความว่า?”
“บอกแล้วไงครับว่าผมไม่แน่ใจ...แต่ผมว่าคุณริชดูเหตุการณ์อยู่ทางโน้นก่อนดีกว่า”
“ไม่ได้! ยังไงฉันก็ต้องไป  สถานการณ์ของเรากับหุ้นส่วนที่อัฟริกากำลังตึงเครียดอยู่แล้ว  ถ้าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วฉันทำเฉยก็เข้าทางพวกมันเท่านั้นสิ”
“แต่ผมว่า...”
“ไม่ต้องห่วงฉันจะระวังตัวให้มาก  ให้พีทจองตั๋วไว้ได้เลย”
“ครับผม”
ริชปิดโทรศัพท์แล้วยืนนิ่ง  แต่สมองแล่นปราด  ดูท่าศัตรูของเขาคงเตรียมต้อนรับเขาไว้แล้วแน่  งานนี้ไปหรือไม่ไปผลที่ออกมาก็หนักพอๆกัน  การไปแม้จะเสี่ยงแต่โอกาสที่เขาจะพลิกสถานการณ์ก็มีมากกว่าการอยู่เฉยๆแน่
ริชหมุนตัวกลับมาเจอเข้ากับสายตาสนใจใคร่รู้สองคู่   โดยเฉพาะดวงตาโตนั้นทั้งสนใจและระแวงระคนกัน         
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”         
“ราเชลฉันต้องไปอัฟริกาคืนนี้  เหมืองที่นั่นถล่มมีคนงานติดอยู่ในนั้นหลายคน”         
“ผมไปด้วย”         
“ไม่ได้ราเชล สถานการณ์ที่นั่นไม่ปลอดภัยนัก”         
“ไม่ผมจะไป…อย่ามาอ้างท่านั้นท่านี้ดีกว่า จริงๆแล้วเป็นชู้รักคนไหนโทรมาละสิถึงกลัวว่าผมจะไปนัก”         
“ราเชล…นี่มันเรื่องใหญ่นะ…ถ้าไม่เชื่อคุยกับเจฟก็ได้  เจฟไม่มีทางโกหกแน่ๆ”         
“ผมไม่เชื่อ…แล้วก็ไม่คุยกับใครทั้งนั้น เจฟเป็นคนสนิทของคุณนี่จะให้พูดว่าอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว”         
“ราเชลอย่างอแงเป็นเด็กได้ไหม?”       
“ไม่ๆๆๆๆ…ร้อยไม่พันไม่…ถ้าไปผมต้องไปด้วย”         
“ราเชลผมว่านี่มันเรื่องใหญ่นะ  คุณต้องใช้เหตุผลบ้างสิ”  ซอเรนช่วยพูดด้วยเห็นว่าราเชลไม่ยอมฟังเหตุผลของริช               
“อ๋อ!นี่หมอก็กลายเป็นพวกเขาไปอีกคนใช่ไหม…แน่ละสิ…ใครจะมาฟังคนบ้าอย่างผม…ทุกคนนั่นแหละ…คงคิดละสิว่าผมมันทุเรศ…ผมมันน่ารำคาญมากเลยใช่ไหม…ฮือ” ราเชลสะอื้น  เนื้อตัวสั่นขึ้นมาทันที  ริชเอื้อมมือไปหาเพื่อปลอบแต่เด็กหนุ่มปัดทิ้ง           
“ราเชลใจเย็นๆนะฟังฉันก่อน”         
“ไม่ฟัง…ไปนะไปเลยจะไปไหนก็ไป…อยากไปจากผมนักละก็ไม่ต้องห่วงหรอก…ผม…ผมจะไปเอง…ผมสมควรเป็นคนไปเอง” ราเชลแผดเสียง ดวงตาขุ่นขวางเกรี้ยวกราดด้วยความโกรธ  เด็กหนุ่มหันรีหันขวางแล้วออกวิ่งหนี  แต่ริชวิ่งตามมาคว้าตัวไว้  ราเชลหันกลับมาเตะถีบอย่างรุนแรง  ปากก็ตะโกนต่อว่าสลับกับร้องไห้  ริชหลบหลีกแล้วพยายามรวบร่างบางมากอด แต่ก็โดนราเชลตบฉาดใหญ่  รอยนิ้วขึ้นเป็นแนวแดงทั้งแก้มแต่ชายหนุ่มก็ยังกอดราเชลเอาไว้อย่างอ่อนโยน           
“ราเชลหยุดเถอะนะ…ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว…ฉันไม่ไปไหนโดยไม่มีเธออีก…ฉันสัญญา…หยุดนะที่รัก…ทำแบบนี้เธอจะเจ็บนะ”   
อาการดิ้นสะบัดและแผดเสียงร้องค่อยๆลดลง  ไหล่และหลังแข็งเกร็งค่อยๆผ่อนคลายแต่เด็กหนุ่มยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เป็นระยะๆ 
ริชลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก  โชคดีที่ครั้งนี้ราเชลควบคุมอารมณ์ได้เร็วทำให้คนเจ็บตัวมีเพียงเขาคนเดียว   
“จริงๆนะ…ไม่ไปแล้วจริงๆนะ?” ราเชลถามทั้งน้ำตา  ท่าทางเศร้าสร้อยน่าสงสารราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่         
“จริงสิ…ฉันสัญญากับเธอแล้วนี่”         
“ดีจัง…โถริชเจ็บมากไหม?…ผมขอโทษ ดูสิหน้าคุณแดงหมดเลย…ผมขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจ…ผมนี่เลวที่สุดเลย…ริชจ๋าอย่าโกรธผมนะ…ทีหลังผมจะไม่ทำตัวเลวๆอย่างนี้อีก…ผมขอโทษ”  ราเชลลูบแก้มที่เป็นรอยนิ้วชัดเจนด้วยมือสั่นระริก  ดวงตาคู่งามยังคงคลอครองด้วยน้ำใสๆ         
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง  เดี๋ยวทายาก็หายแล้ว” ริชเช็ดน้ำตาจากแก้มเนียนเบามือและยิ้มให้อย่างอ่อนโยนทำให้ราเชลยิ้มออก
“งั้นผมไปเอายามาทาให้นะรอเดี๋ยว” ราเชลวิ่งตัวปลิวจากไป 
ซอเรนมองหน้าคร้ามที่ขรึมลงอย่างเห็นใจ  แม้จะเคยเห็นราเชลอาระวาดมาบ้างแต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้  ราเชลเคยเป็นเคนสุภาพอ่อนโยน และเก็บกดความเจ็บปวด ความทุกข์เอาไว้มายาวนาน เมื่อขาดการควบคุมจึงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง   แต่ดูท่าทางริชไม่ตกใจเลยสักนิด แสดงว่าราเชลเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา  ที่ผ่านมานับว่าริชอดทนได้ดีอย่างเหลือเชื่อ         
“เหนื่อยหน่อยนะ”         
“ผมจัดการได้…อย่าสอดมือเข้ามาก็แล้วกันหมอ”         
“ผมไม่มีวันทำร้ายคนที่ผมรักหรอกริช…ผมรู้ว่าราเชลให้ผมได้แค่ไหน”         
“ก็ขอให้หมอพอใจแค่นั้นแล้วกัน  อย่าได้โลภมากคิดจะก้าวข้ามเส้นมา  บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้ขู่ แต่ผมฆ่าหมอแน่” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตาม
ราเชลไปที่บ้านพัก  ซอเรนผ่อนลมหายใจยาวลุกตามไปอีกคน
         ..................................

งานนี้จะสมน้ำหน้าริชหรือสงสารดีหนอ :z2:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-09-2009 23:29:43
 :เฮ้อ: เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ราเชลที่น่ารักกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้  :เฮ้อ:

เพราะนายคนเดียว  :z6:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 16-09-2009 09:37:56
สมน้ำหน้าซิ ให้ดูแลไปตลอดชีวิตเลยท่าจะดี
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-09-2009 11:28:31
น่าสงสารจังเลยอะ ....................... แต่เป็น ราเชล นะ  
ส่วน เจ้าริช ดี....แบบนี้แหละ ผลของการทำอะไรไม่รู้จักคิด ผิดเต็มประตู :a14:

แต่ ลอร์รี่ นี่ชักทะแม่งๆ หละ

ผิดมั้ยถ้าบอกว่า อยากอ่านต่อ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-09-2009 12:28:40
^
^

เห็นด้วย อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ติดตามต่อเลยคะ Up วันที่ 15/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-09-2009 18:48:22
รอดูกันต่อไป

หายไว ๆ นะ

ราเชล

เอิ๊กกกก


หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" 1^__________^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 17-09-2009 21:49:25
สมน้ำหน้าเจ้าริช มีแต่คนเกลียด  :angry2:

มาอ่านต่อกันเลยคะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยคะ :L1:

...............

ริชยืนมองทะเลเหมือนกำลังชื่นชมทัศนียภาพที่เห็น  แต่ในหัวใจกลับร้อนรนด้วยความกังวล  ป่านนี้ที่เหมืองคงกำลังวุ่นวาย  แม้จะรู้ว่าเจฟฟรี่สามารถทำงานแทนเขาได้ แต่ก็ไม่เหมือนกับไปดูด้วยตัวเอง เสียงเพลงดังหงุงหงิงอย่างอารมณ์ดีของคนในห้องน้ำช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง แม้จะเจือด้วยความหนักใจแต่สภาพจิตของราเชลในวันนี้ก็นับว่าดีขึ้นมากแล้ว
โทรศัพท์ในมือสั่นเตือน แต่ไม่มีเสียงเพราะริชปิดเสียงไว้เพื่อไม่ให้ราเชลระแวงจนเกิดเรื่องขึ้นอีก  
“ริช!ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”เสียงร้อนรนตามสายกลับเป็นเท็ด          
“อยู่ที่เกาะ”        
“เฮ้ย!ไปเอ้อระเหยอะไรอยู่ที่นั่น…หรือว่ายังไม่ได้ข่าวที่เหมือง?”เสียงโวยวายตามสายทำให้ชายหนุ่มถอนใจยาวอย่างหนักใจ        
“รู้แล้ว…แต่ไปไม่ได้ ราเชลไม่ยอม...เมื่อเย็นก็อาระวาดใหญ่  ยังดีที่คราวนี้ไม่เจ็บตัวเหมือนคราวที่แล้ว”        
“แต่นายเจ็บอีกละสิ”เสียงเรียบๆเจือแว่วเห็นใจด้วยรู้สภาพจิตใจของราเชล ดี        
“นิดหน่อยเท่านั้น…ห่วงแต่ราเชล  เขายังปรับตัวได้ไม่มากเท่าไหร่  ยังดีที่ตอนนี้ซอเรนอยู่ด้วย  เขาก็เลยมีกิจกรรมให้คิดให้ทำเยอะกว่าอยู่กับฉันตามลำพัง”
“อ้าวญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”
“ก็ไม่ได้อยากจะดีด้วยนักหรอก  แต่ฉันห่วงราเชล  ไม่อยากให้ห่างหมอนานนัก  อีกอย่างเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ  แล้วราเชลก็ค่อนข้างจะเชื่อฟังเขาพอสมควร”
“อย่างนี้ถ้านายไปอัฟริกาก็ฝากราเชลไว้กับหมอซอเรนได้นี่”
“ก็ได้หรอก  แต่ราเชลไม่ยอมให้ฉันไปนี่”        
“ไม่เป็นไรเรื่องราเชลฉันจัดการเอง…นายปิดมือถือแล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
เท็ดเอ่ยเรียบๆหลังจากนิ่งไปนาน  ริชปิดเครื่อง…ความกังวลคลายลง เท็ดมักมีวิธีแก้ปัญหาได้นุ่มนวลเสมอ
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือดังกรุ๋งกริ๋ง ราเชลวิ่งมารับอย่างร่าเริง        
“สวัสดีครับเท็ด”        
“ริชอยู่ด้วยหรือเปล่าราเชล?”        
“อยู่ครับ…อยู่ตรงโน้น”        
“นี่มันเป็นบ้าอะไร  ผมโทรมาตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมรับสาย  นี่ดันปิดมือถือเสียอีก”        
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” ราเชลหน้าเสีย ไม่สบายใจกับน้ำเสียงร้อนรนแกมโมโหของเท็ด  ปกติเท็ดจะใจเย็นแต่วันนี้กับสบถมาให้ได้ยิน        
“ก็เหมืองที่อัฟริกาถล่ม…มีคนตายไม่รู้เท่าไหร่ แถมเจฟก็เข้าไปกับหน่วย- กู้ภัยป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้”
ราเชลเย็นวาบราวกับถูกราดด้วยน้ำแข็ง  ใจร้อนราวกับไฟขึ้นมาทันที        
“อะไรนะครับ!เจฟเป็นอะไร?”        
“เจฟเข้าไปช่วยคนงานกับหน่วยกู้ภัยแล้วขาดการติดต่อมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายจนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง  แล้วตอนนี้หุ้นส่วนก็มารวมอยู่ที่นี่กันหมด  ท่าทางทุกคนจะไม่พอใจที่ริชไม่ยอมมาดูแล…อาจรวมตัวกันบีบให้ริชถอนหุ้นก็ได้  ราเชลบอกช่วยบอกริชด้วยนะว่าถ้ายังทำเฉยต่อไปอย่ามาเสียใจก็แล้วกันหากต้องเสียเจฟไป”        
“ผมจะให้ริชไปเดี๋ยวนี้เลย ขอบคุณมากครับเท็ด”
เด็กหนุ่มวางโทรศัพท์ด้วยมือสั่นเทา  เปิดประตูระเบียงออกไปอย่างร้อนรน  ริชหันมายิ้มชี้ให้ดูทะเลที่กำลังเรืองแสงด้วยมีแพลงตอนบางชนิดกำลังลอยตัวไปขึ้นมาบนผิวน้ำเนื่องจากน้ำขึ้น          
“ริช…ไปแต่งตัวเถอะ  ผมจะช่วยเก็บเสื้อผ้า…”
ราเชลกอดเอวหนาและซุกหน้ากับอกกว้างแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเพราะความรู้สึกผิดเอาไว้        
“เป็นอะไรไปราเชล”        
“เท็ดโทรมาบอกว่าเจฟไปกับหน่วยกู้ภัยป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้…ริช…เพราะผมใช่ไหม…ถ้าผมปล่อยให้ริชไป เจฟก็คงไม่รีบเข้าไปช่วยคนงานจนติดอยู่ในเหมือง…ผมขอโทษที่เอาแต่ใจจนทุกคนต้องเดือดร้อนกันไปหมด”
ราเชลร้องไห้โฮ  ริชลอบถอนใจโล่งอกที่ราเชลยอมให้เขาไปแต่โดยดี  แต่งานนี้ไม่รู้จะขอบใจหรือไล่เตะเท็ดดี  แม้แผนนี้จะได้ผลแต่ก็ทำให้ราเชลเสียขวัญจนร้องไห้          
“ที่รักไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ  ไม่ว่าฉันจะไปหรือไม่ไป เจฟก็ต้องเข้าไปช่วยคนงานจนได้แหละ”
ราเชลผละไปช่วยจัดเสื้อผ้าด้วยอาการมือไม้สั่นจนริชสงสาร  ชายหนุ่มรวบมือบางมาจุมพิตเบาๆ        
“ฉันจะส่งข่าวทุกระยะ….ถ้าทางโน้นปลอดภัยจะให้เท็ดมารับ”        
“รีบไปเถอะครับ…หากเจฟเป็นอะไรไปคงเป็นความผิดของผมคนเดียว”        
“อย่าคิดอย่างนั้น…เหมืองที่นั่นแข็งแรงมากพอ  อีกอย่างเรามีระบบป้องกันไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินแล้ว  การขาดการติดต่อไม่ได้แปลว่าได้รับบาดเจ็บ  อาจจะแค่ไม่มีสัญญาณติดต่อเท่านั้น…อย่ากลุ้มใจไปเลยคนดี”        
“เจอเจฟแล้วรีบโทรมาหาผมนะครับ…ผมจะรอฟังข่าว”        
“ตกลง” ริชก้มลงจุมพิตหน้าผากนูนงามเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าลงมาขึ้นรถโดยมีร่างเล็กคลอเคลียตามไปส่งจนถึงเฮลิคอปเตอร์  แม้แต่หมอซอเรนก็ออกมาส่งริชด้วย
“ฝากราเชลด้วยนะหมอ  ผมจะรีบไปรีบกลับ”
“ไม่ต้องห่วง  ผมรับรองว่าราเชลต้องปลอดภัยแน่”
“โทรมาหาผมบ่อยๆนะริช”
“แน่นอนที่รัก  ดูแลตัวเองดีๆนะ”
“ริชก็เหมือนกันนะครับ”
“ครับผม...ทันทีที่ไปถึงฉันจะโทรหาเธอ”
ราเชลยิ้มทั้งน้ำตา ริชจุมพิตบางอิ่มเบาๆก่อนจะวิ่งไปขึ้นเครื่องที่รออยู่  
ราเชลมองตามเฮลิคอปเตอร์ที่ค่อยๆลอยขึ้นฟ้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
      ..................................

ราเชลเดินพล่านไปทั้งบ้าน   ความเครียดความกังวลเพิ่มขึ้นทุกทีทั้งที่ริชห่างไปไม่ถึง3วัน แต่สำหรับเด็กหนุ่มมันนานเหมือนชั่วกัปกัลป์  ขณะเดียวกันความหวาดกลัวว่าริชอาจจะทิ้งไปทำให้เด็กหนุ่มทุรนทุรายมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
“ราเชล...ลงไปเดินเล่นกันไหม?”
“ไม่ดีกว่าครับ  ผมจะรอริช”
“เราไม่ได้ไปไหนไกลหรอกนะ  แค่เดินเล่นอยู่แถวๆนี้”
“ผมบอกว่าผมจะรอโทรศัพท์ริช  หมออย่ายุ่งได้ไหม!”
ซอเรนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย   ปรกติงานของเขามักเจอคนไข้แบบนี้บ่อยๆ  แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากราเชลทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน
“ผมเพียงแต่อยากให้ราเชลผ่อนคลายลงบ้างเท่านั้น”
“ขอโทษครับหมอ...ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ผมทราบ  ราเชล...การที่ราเชลมานั่งกลุ้มใจอย่างนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นมาได้หรอกนะ  ผมว่าราเชลควรทำใจให้สบาย  เมื่อจัดการธุระเสร็จริชเขาก็ต้องรีบกลับมาอยู่แล้ว”
“ครับ...ครับ...นั่นสินะ...ผมก็ว่างั้น...อืม...” ราเชลรับคำไปก็เดินพล่านไปด้วย  ซอเรนเหลือบมองนาฬิกา  ได้เวลาที่ราเชลต้องทานยาแล้ว  ไม่อย่างนั้นราเชลจะสงบลงได้ยาก
“ผมหิวจัง...ราเชลไม่หิวเหรอ?”
“ไม่หิว  ผมจะรอริช”
“แหมแต่ราเชลจะไม่เป็นเจ้าบ้านเลี้ยงผมหน่อยเหรอ?”
ราเชลชะงักหันกลับมามองซอเรนงงๆ  ก่อนจะเริ่มได้คิด  เด็กหนุ่มจึงเลิกเดินวนเวียน และยอมรับประทานอาหารเพื่อรักษาความเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้ริชภูมิใจ
หลังรับประทานอาหารเย็นไม่ถึงชั่วโมงริชก็โทรมาบอกว่ากำลังเดินทางกลับ  เพราะสถานการณ์ทางนี้เรียบร้อยหมดแล้ว
ราเชลคอยจนผล็อยหลับด้วยฤทธิ์ยา  เมื่อริชมาถึงจึงเจอแต่ซอเรนรออยู่หน้าบ้าน
“เป็นไงบ้างคุณ?”
“เรียบร้อยแล้ว...เท็ดกับเจฟจัดการต่อให้  เสร็จปุ๊บผมก็รีบกลับทันที...
ราเชลเป็นไงบ้าง?”
“เครียด  วิตก  กลัว  อาการเพิ่มขึ้นตลอด3วัน ดูแล้วยังใช้ชีวิตปรกติไม่ค่อยได้  เขาติดคุณคนเดียวอย่างนี้ลำบากหน่อย”
“ทำไงได้...ผมไม่อยากให้เขาคิดมากอีก”
“ผมว่าคุณต้องหามืออาชีพมาช่วยแล้วละ”
“หมายถึงใคร...คุณหรือไง?”
“ผมหมายถึงพยาบาลส่วนตัวต่างหาก  คุณควรจ้างคนที่เก่งๆมาคอยดูแลระหว่างที่คุณทำงาน  เขาจะได้ปรับตัวให้รับคนอื่นเข้ามาบ้างและคุณเองก็จะได้มีเวลาทำงาน  มีเวลาพักผ่อนบ้าง  ไม่อย่างนั้นคุณเครียดตายแน่”
“ผมติดต่อไว้แล้ว  เขาจะมาถึงนี่พรุ่งนี้...ขอบคุณนะหมอที่ช่วยดูแลราเชลระหว่างที่ผมไม่อยู่”
“ไม่เป็นไร  ผมก็เหมือนคุณ  ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วเพื่อ...ราเชล”
“ผมขอตัวก่อน  คุณหมอก็ควรไปพักผ่อนได้แล้ว”
ริชกับซอเรนแยกกันไปคนละทาง  ทันที่ขึ้นไปชั้นบนก็เห็นราเชลหลับพับอยู่บนเก้าอี้รับรอง   ริชส่ายหน้าอย่างเอ็นดูก่อนจะค่อยๆช้อนร่างบางอุ้มเข้าห้องนอน
“ริช” ราเชลลืมตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย
“จ้ะที่รัก...หลับเสียคนดี  ฉันกลับมาแล้ว”
ริชกระซิบบอกและก้มลงจูบแก้มเนียนใสเบาๆ  ราเชลยิ้มหวานทั้งๆที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่น  เด็กหนุ่มซุกตัวเข้ามาในอ้อมอกอุ่นแล้วถอนใจยาวอย่างเป็นสุข
         .................................
ไออุ่นๆที่แตะไล้ไปตามแก้มและริมฝีปากอย่างฉาบฉวยปลุกให้
ราเชลลืมตาตื่นอย่างง่วงงุน  ใบหน้าที่ลอยเด่นอยู่ใกล้เกลี้ยงเกลาด้วยเพิ่งโกนหนวดมาใหม่ๆ
“อรุณสวัสดิ์คนดี”
“อรุณสวัสดิ์ครับ…ริชกลับมาเมื่อไหร่?”
“กลับมาถึงดึกแล้ว  เห็นเธอกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก”
“เจฟเป็นไงบ้างครับ?”
“ปลอดภัยดี  ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว”
“ดีจัง...ริชอยู่กับผมได้แล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน...หมอซอเรนกลับไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วนะ...เขาฝากขอโทษราเชลด้วยที่อยู่รอบอกเองไม่ได้”
“อ้าว!ทำไมละครับ”
“เห็นว่ามีคนไข้ด่วน …แล้ววันนี้เรามีนัด...กับใครนะ?”
“พยาบาลที่จะมาดูแลผม”
“ใช่แล้ว ไปเร็วไปอาบน้ำกันดีกว่า”
ราเชลโน้มคอริชลงมาจูบแก้มก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำไป  ริชอมยิ้มหันกลับมาจัดเตียงให้เรียบร้อยแล้วลงไปคุยพยาบาลที่จะมาดูแลราเชล
ราเชลรู้สึกถูกชะตาทันทีที่ได้สบตากับสาวใหญ่หน้าตาใจดี  โดยเฉพาะดวงตาคมกล้าสดใสและติดจะขี้เล่นนิดๆด้วยซ้ำ
“ราเชลนี่คุณริวาน่า...คนนี้ไงครับที่จะให้คุณช่วยดูแลระหว่างที่ผมทำงาน”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” ราเชลยังมีท่าทางเก้อกระดาก ไม่ค่อยสนิทใจ  ริชจึงปล่อยให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันตามลำพังโดยอ้างว่าจะเข้าไปทำงานสักครู่  
เกือบเที่ยงเมื่อเขาออกมาก็ไม่พบราเชลกับพยาบาลสาวใหญ่แล้ว  ริชเดินตามหาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก  แต่แล้วก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นทั้งคู่หัวเราะต่อกระซิกกันมาจากชายหาด
“ไงครับ...ไปเที่ยวไหนกันมา  ไม่รอผมบ้างเลย?”
“ผมพาคุณรีน่าไปดูรอบๆนี้มาครับ” ราเชลตอบหน้าบาน
ริชขมวดคิ้วเมื่อได้ยินราเชลเรียกพยาบาลอย่างนั้น  ชายหนุ่มเหลือบไปมองหน้าแต่ริวาน่าขยิบตาให้  เขาจึงนิ่งเสีย
“ไปทานมือเที่ยงกันดีกว่า  ผมมีอาหารอร่อยจะแนะนำครับ”
“ใช่ครับ  แล้วที่โรงแรมนะครับแต่งร้านน่ารักมาก  คุณรีน่าต้องชอบแน่เลย”
“แหมอยากไปจังค่ะ  ขอไปล้างหน้าล้างตานิดหนึ่งนะคะ  ขอสวยหน่อยค่ะ”
ประโยคหลังริวาน่าหันมาทำเสียงกระซิบกับราเชล  เด็กหนุ่มหัวเราะคิก  พยักเพยิดให้  ริวาน่าจึงแยกไปห้องพัก
“ผ่านไหม?”
“อะไรครับ?”
“ก็พยาบาลส่วนตัวคนนี้ไง”
“ครับ...เธอน่ารัก  แล้วก็ใจดีมากเลย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็สบายใจ  เธอจะได้ไม่เหงาเวลาฉันทำงาน”
“แต่ผมอยากอยู่กับริชมากกว่า”
“ฉันก็ไม่ได้ไปไหน  เพียงแต่ต้องทำงานมากขึ้น อาจจะมีเวลาดูแลราเชลน้อยลง  เข้าใจใช่ไหม...โกรธเหรอ?”
“เปล่าครับ...ผมแค่รู้สึกไม่ดีเมื่อคิดว่าจะต้องอยู่ห่างคุณนานๆ”
“ไม่หรอกที่รัก...เราก็ยังอยู่ด้วยกัน  เพียงแต่ฉันต้องทำงานเยอะ  ออกไปประชุมบ้างในบางวัน”
“ผมไม่ให้ไป!”
“แต่ฉันจะพาเธอไปด้วยนะ”
“...แน่นะครับ”
“แน่สิ”
ราเชลยิ้มออก  เด็กหนุ่มชะโงกเข้าไปจูบแก้มสากเบาๆ  ตาหวานเป็นประกายอย่างพึงพอใจ  
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^__________^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 17-09-2009 21:51:04
...
ริวาน่ามองคนไข้ของเธออย่างสนใจ ราเชลถอนหายใจเฮือกๆอย่างนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว  และดูเหมือนต้นเหตุที่ทำให้ราเชลถอนใจอยู่นี่คือคนที่อยู่ในห้องทำงาน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ่า...ครับ...คุณรีน่าว่าอะไรนะครับ?”
“เห็นคุณถอนใจ  ท่าทางจะมีเรื่องให้คิดหนัก”
“ผม...เปล่าครับ...แต่...”ราเชลอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก็ไหวไหล่อย่างจนคำพูด  
ริวาน่าชักสงสัยว่าเด็กหนุ่มคงเลียนแบบท่านี้มาจากริชแน่  เพราะเคยเห็นชายหนุ่มทำอยู่บ่อยๆ
   “ผมแค่เหงา...”
   “คุณริชทำงานนี่คะ”
   “ผมรู้ๆๆๆ...แต่ผมยังไม่ชินนี่  ปกติริชจะอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา  ได้พูดได้คุยกันบ้างก็ยังดี  นี่เอาแต่เข้าห้องทำงานเงียบ...สงสัยคงรำคาญผมเต็มที”
   ประโยคหลังสั่นเครือ  น้ำตาเริ่มคลอปริ่มจะหยดไม่หยดแหล่  ริวาน่าวางหนังสือลงและลุกมานั่งใกล้ๆ
   “ฮายย...เด็กดี  อย่าร้องไห้สิคะ  คุณริชรักคุณออก  ไม่มีทางรำคาญคุณแน่ๆ  เชื่อดิฉันเถอะค่ะ”
   “ผมไม่ใช่เด็ก...ผมโตแล้ว  ทำไมทั้งคุณทั้งริชทำเหมือนผมเป็นเด็ก3-4ขวบ"
จากกำลังเศร้าสร้อยราเชลก็กลับโกรธเกรี้ยวได้ในพริบตา  แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ป่วยทางจิตที่อารมณ์จะปรวนแปรง่าย  ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ดีแล้ว  แต่ก่อนหน้านี้ต่างหาก  อาการของราเชลต้องรุนแรงกว่านี้มาก  และน่าทึ่งที่ริชรับมือได้ตามลำพัง
   “เปล่านะจ๊ะ  เพียงแต่เห็นว่าเธอน่ารัก  ก็เลยเรียกอย่างนั้น  ถ้าเธอไม่ชอบฉันจะไม่เรียกอีก”
   “ผมไม่ได้โกรธคุณนะครับรีน่าผมแค่อยากให้ริชเข้าใจว่าผมเป็นผู้ใหญ่เหมือนๆกับเขา”
   “บอกเขาสิจ๊ะ  รู้สึกยังไงก็พูดไปตรงๆเลย”
“ได้เหรอครับ...ผมกลัวริชจะว่าผม...”
“ไม่หรอกจ้ะ  บางเรื่องถ้าไม่พูดไม่บอก  ก็เข้าใจไม่ตรงกันนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับรีน่า...ผมจะลองดู”
ราเชลยิ้มมาดหมายตาเป็นประกาย  แก้มใสซับสีระเรื่อด้วยความเขินอายกับสิ่งที่คิด  ริวาน่ามองยิ้มๆ  พรุ่งนี้เธออาจจะหาเรื่องหยุด...ถ้าสิ่งที่เธอสงสัยถูกต้อง  ริชคงเต็มใจที่จะดูแลราเชลเองในวันพรุ่งนี้...........
      ..................................

ริชถอนใจยาวอย่างล้าๆ  งานกองท่วมหัวกว่าเขาจะได้สะสาง  ลำพังในส่วนของเขาไม่เท่าไหร่ เพราะวางงานไว้แล้วและคนของเขาก็ไว้ใจได้  แต่งานที่บริษัทเวลบอร์นนี่สิ  ยังง่อนแง่นคลอนแคลนพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อหากไม่พยุงไว้ให้ดี  และเขาต้องรับผิดชอบเพื่อทดแทนที่ราเชลดูแลเองไม่ได้
ไฟในห้องปิดมืดไม่สว่างไสวเหมือนเคย  ริชพยายามไม่ให้เกิดเสียงขณะเข้าไปในห้องเพราะคิดว่าราเชลหลับแล้ว  แต่เมื่อเขาแทรกขึ้นไปบนเตียงร่างบางก็พลิกตัวเข้ามาในอ้อมแขน
“ยังไม่หลับเหรอเด็กดี...นอนดึกนะคืนนี้”
“ก็คุณอยากทำงานอยู่จนดึกนี่ผมก็ต้องอยู่ดึกตาม”
“คราวหลังอย่านอนดึกอีกนะ  มันไม่ดีกับสุขภาพ”
“ผมรอริช”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“คุณรักผมบ้างหรือเปล่าริช...หรือแค่รู้สึกผิด แล้วเวทนาผม..”
“ราเชล...ทำไมถึงถามอะไรอย่างนี้...ทุกอย่างที่ทำฉันทำเพราะรักเธอไม่ใช่ความเวทนาสงสารอะไรเลย”
“คุณ...ไม่แตะต้องผมเลย...ทั้งๆที่คุณพร่ำบอกว่ารักผม  แต่คุณไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าจูบ”
“ราเชล...เธอหมายถึง...”
“ใช่...ผมหมายถึงเรื่องนั้นแหละ  คุณไม่อยากยุ่งกับคนบ้าใช่ไหมริช  คุณทำใจมีอะไรๆกับคนบ้าไม่ได้...คุณแสร้งทำเป็นเอ็นดูเหมือนเห็นผมเป็นเด็กๆแต่ความจริงคุณไม่ต้องการผมอีกแล้ว  ผมพูดถูกใช่ไหมริช”
“ไม่จริงเลยสักนิด  ฉันรักเธอ  รักและต้องการอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำ  แต่เธอยังไม่ค่อยแข็งแรง  ฉันไม่อยากเสี่ยง...ถ้าฉันทำอะไรไปแล้วเกิดเธอ...ไม่ตื่นอีกละ...ฉันจะทำยังไง...ฉันทนเสียเธอไปไม่ได้หรอกราเชล...ถ้าต้องเลือก  ฉันยอมไม่มีเซ็กไปตลอดชีวิตดีกว่าให้ฉันเสียเธอไป   เธอเข้าใจไหมราเชล...เข้าใจไหมที่รัก”
“ผม...ผมขอโทษ...ผมคิดว่าริชไม่ต้องการผมเสียอีก”
“ไม่มีทางที่รัก...ฉันรักเธอที่สุด...ต้องการที่สุดด้วย  แต่มันเสี่ยงเกินไป”
“ทำไม...ตอนผมหลับคุณยังทำได้เลย”
“อะไรนะ...เธอว่าอะไรนะราเชล...” ริชผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
“ก็...ก็ตอนผมหลับ...ริช...ก็ทำ...เอ่อ...” ราเชลหน้าแดงซ่าน  ทั้งๆที่แสงไฟจากทางเดินข้างนอกไม่สว่างมากนัก  แต่ก็พอมองเห็นรอยเก้อกระดากของทั้งคู่
“เธอรู้เหรอว่า...เธอจำได้เหรอนี่?” ริชครางเบาๆอย่างตื่นเต้น  ไม่น่าเชื่อว่า ราเชลจะมีความทรงจำระหว่างที่อยู่ในช่วงหลับใหล
“ครับ...ผมจำบางเรื่องระหว่างที่หลับได้  มันคล้ายๆความฝัน...แต่มันชัดเจนกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่กลัวฉันใช่ไหม?”
ริชถามเหมือนละเมอ  อ้อมแขนโอบรัดเอวคอดแน่นกระชับขึ้น  ราเชลซุกหน้ากับอกอุ่นอย่างเขินอาย  แต่เมื่อปากร้อนซุกไซ้ผ่าน  ปากอิ่มก็เผยอรับอย่างเต็มใจ   จุ่มพิตอ่อนเรียกร้องไม่วายเจือความนิ่มนวลอ่อนโยน  ริชถอนริมฝีปากออก  กวาดตาไปทั่ววงหน้างาม มืออุ่นประคองแก้มเนียนและลูบไล้ด้วยข้อนิ้วจนทั่ว  ราเชลปรือตาขึ้นมอง  แล้วงับปลายนิ้วที่ลากผ่านบนริมฝีปากเบาๆอย่างหยอกเอิน  
ริชเพิ่งสังเกตว่าราเชลเปลี่ยนไป  ผิวเนียนใสดูเปล่งปลั่งราวกับมะเขือเทศอวบน้ำ  ดวงตาไร้เดียงสากลับยั่วยวนเสียจนเลือดระอุเพียงแค่เห็น  ไม่ว่าราเชลจะขยับทำอะไรเหมือนกับเจตนายั่วเขาไปหมดทั้งๆที่ริชก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าราเชลไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น  แต่ตอนนี้เลือดในตัวเขามันร้อนฉ่าไปหมด  และเขากำลังต้องการราเชลอย่างรุนแรง ความคิดที่จะทะนุถนอมอ่อนโยนกลายเป็นร้อนรนด้วยความปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานาน  ดวงตาคมที่จับจ้องเด็กหนุ่มวาวระยับราวกับจะกลื่นกินราเชลลงไปเดี๋ยวนั้น  
ราเชลยิ้มหวานอย่างพึงใจที่ทำให้ริชคลั่งได้ง่ายๆ   เสื้อนอนตัวใหม่ที่ริชเพิ่งซื้อมาให้ถูกดึงจนกระดุมขาดเพราะถอดไม่ทันใจ  เด็กหนุ่มไม่ได้ถอยหนี กลับทอดร่างเปลือยเปล่าลงบนเตียงช้าๆอย่างยั่วยวน  ริชถอดเสื้อผ้าออกจากตัวอย่างเร่งร้อน  ทันทีที่ร่างเปลือยเปล่าเขาก็เบียดตัวเข้าหาร่างบาง  กอดจูบทั่วเนื้อเนียนอย่างกระหายหิว  ทุกที่ที่ปากร้อนลากผ่านจึงทิ้งรอยแดงเป็นทาง  ยอดสีแดงสดชูชันท้าทายให้ลิ้มลอง
“ริช!...อ๊า”  
ราเชลกรีดร้องน้ำตาคลอเมื่อฟันคมกัดทึ้งยอดอกแรงๆ พอราเชลร้องริชก็เปลี่ยนจากกัดมาดูดและไล้เลียอย่างอ่อนโยน  ราเชลสะอื้น  อกแอ่นขึ้นรับด้วยความเสียวซ่าน  เสียงร้องและเสียงครางดังสลับกันไม่หยุดเมือริชเปลี่ยนเป้าหมายลงไปหาแก่นกายนุ่มเบื้องล่าง  ริชดูดกลืนเนื้อนุ่มอย่างรุนแรงและเร่งจนราเชลไปถึงจุดสูงสุดอย่างไม่ทันตั้งตัว  ทันทีที่ราเชลปลดปล่อยริชก็พลิกร่างบางคว่ำลง  ไล้เลียกลีบดอกไม้จีบแน่นสีชมพูสดไปทั่ว  ราเชลครางระงมขณะที่ปล่อยหยาดรักให้หลั่งออกมา  ช่องทางด้านหลังก็บีบรัดตอบรับลิ้นสากที่เสียดสีไปด้วย
ริชเชยชมเนื้อแน่นตึงจนบริเวณนั้นเปียกชุ่มโชก  แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น  นิ้วยาวสอดเข้าไปแล้วขยับเข้าออกจนลื่นจึงสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มเพื่อแหวกทางให้กว้างขึ้น  ปลายลิ้นสากสอดลึกเข้าไป  ได้ยินเสียงราเชลอุทานลั่น  แต่ริชไม่สนใจ  เขาหลงใหลแรงบีบรัดต่อต้านรอบนิ้วและลิ้นของเขาเหลือเกิน  
ริชสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มเพื่อแหวกทางให้กว้างกว่าเดิม  เขาดันลิ้นให้ลึกเข้าไปอีกอย่างตั้งใจ  เสียงราเชลครางระงมดังยิ่งกว่าเดิม  และถี่ขึ้นทุกครั้งที่ริชสอดลิ้นเข้าออก  สะโพกกลมส่ายวนอย่างทรมาน  และริชก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ  เขาเร่งจังหวะของลิ้นและถูไถหัวแม่มือไปตามป้านแดงด้านนอก  สะโพกบางโยกรับทุกแรงสอดลึกระรัวแล้วราเชลก็กรีดร้องจนเสียงแหบก่อนจะปล่อยไอร้อนลงชุ่มพรม
ริชไม่ได้รอให้ราเชลพัก  เขาชโลมทางแคบด้วยเจลเย็นลื่นก่อนจะสอดกายเข้าหาช้าๆ  ช่องทางแคบดูเหมือนจะยังไม่พร้อม  แต่น้ำลายกับเจลก็ทำให้เขามุดเข้าไปในช่องแคบได้ไม่ยาก  ริชกดดันไม่กี่ครั้งเขาก็แทรกเข้าไปอยู่ในตัวราเชลได้สนิท
ริชยึดเอวบางไว้ขณะโยกสะโพกเข้าออกช้าๆ  เมื่อความเสียวซ่านทวีขึ้นมือใหญ่ก็ช้อนร่างบางขึ้นนั่งพิงอก  ฝ่ามืออุ่นกอบกุมแก่นกายนุ่มไว้มือ  อีกมือบีบเคล้นยอดอกตึงหนักๆขณะที่สะโพกก็ดันสะโพกบางให้ลอยโลดขึ้นและกระแทกกายสวนขึ้นรับ  เสียงราเชลอุทานเรียกชื่อเขากระเส่า  มือเล็กที่ไขว่คว้าเปะปะในตอนแรกเลื่อนมาโหนต้นคอเขาไว้  ผมนิ่มหอมไถลไปตามซอกคอและอกของเขาตามจังหวะที่เขาพุ่งทะยานเข้าหา  
เมื่อความฉ่ำเยิ้มของราเชลใกล้ถึงที่สุดริชก็ละมือจากทุกอย่างมาประคองสะโพกเล็กกระชากลงมาหาถี่ยิบ  ราเชลเรียกชื่อเขาจนเสียงแหบแห้งให้ความรู้สึกภาคภูมิและฮึกเหิม  แรงเสียดสีบีบรัดปลายประสาทจนเสียววาบทั้งตัว  แล้วสิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในก็ทะลักทลายเข้าใส่โพรงแคบลึกจนหมดทุกหยดหยาด  ริชทิ้งตัวลงนอนหงายผลึ่งโดยมีร่างบางนอนอยู่บนอก  
ทั้งเหงื่อและคราบไคลของความรักเปรอะเปื้อนเต็มเนื้อตัว   แต่เขายังฝังอยู่ในซอกร้อนผ่าว  แรงบีบรัดรอบๆทำให้เขาเริ่มตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  ริชถอนตัวออกช้าๆ  แรงเสียดสีทำให้เสียวท้องน้อย  และเขาก็ยังต้องการอยู่  แต่ดูเหมือนราเชลคงยังไม่พร้อม ร่างบนอกเขายังหอบหายใจแรง
“ราเชล...เป็นไงบ้าง...” ริชพลิกเด็กหนุ่มลงข้างล่าง  จูบซับเหงื่อให้อย่างเอาใจ  แต่สะโพกกลับเลื่อนถอยแทบสุดแล้วแทรกเข้าไปช้าๆ  พอฝังสุดตัวก็หยุดจูบปากอิ่มจนราเชลต้องเปิดรับลิ้นซุกซน  ลมหายใจของราเชลสะดุดเป็นห้วงทุกครั้งทีสะโพกแข็งเสียดสีเข้าออก  ถึงจะเนิบช้า แต่การกดเน้นอย่างเจตนาด้วยรู้จุดกระสันก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องครางฮืออย่างทรมาน  ริชรั้งขาเรียวให้โอบรอบเอว  ขณะที่ขยับสะโพกเร่งเร้าขึ้น  ปลายลิ้นร้อนฉกลึกเข้าไปในโพลงปากหอมเป็นจังหวะเดียวกับที่สะโพกโจนจ้วง  ทำให้ราเชลรู้สึกเหมือนกำลังถูกจู่โจมจากสองทางพร้อมกัน  ลิ้นนุ่มบีบรัดรับปลายลิ้นร้อนทุกครั้งเช่นเดียวกับช่องทางแคบที่เกร็งแน่นถี่ขึ้นทุกที  ริชเหนี่ยวไหล่บางแล้วกระแทกตัวระรัว   ทั้งในปากและช่องทางเบื้องล่างกำลังเกิดสงคราม  ต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันดุเดือด  และจบลงที่เสียงกรีดร้องสุขสมพร้อมๆกับทำนบที่พังทลายหลั่งไหลความสุขจนชุ่มโชก  ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีกลับยาวนานและอิ่มเอมจนแทบขาดใจ
      ..................................


งานไดมอนเวิลด์ คราวนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายฝ่าย
ร้านเพชรดังจากทั่วโลกต่างพยายามโชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ เพื่อหวังให้แฮมิล-ตันคอปเปอร์เรชั่นร่วมลงทุนด้วย งานนี้เจ้าภาพเจตนาจัดให้แตกต่างจากการโชว์เพชรทั่วไป แต่ทำราวกับเป็นเวทีประกาศรางวัลออสก้าร์ ลีมูซีนคันแล้วคันเล่าทยอยเข้ามาจอเพื่อให้นางแบบดังที่สวมเพชรของแต่ละห้องเสื้อเดินโชว์เข้ามาในงาน เรียกได้ว่าโชว์กันตั้งแต่ประตูทางเข้าเลยทีเดียว   เมื่อทั้งแขกที่มาร่วมงานและนางแบบต่างก็เข้างานด้วยวิธีเดียวกัน แขกที่มาแต่ละคนจึงแต่งเครื่องเพชรกันแพรวพราวไม่น้อยหน้านางแบบ บางคนออกจะล้นๆไปด้วยซ้ำ
ราเชลมือเย็นเมื่อรถเลี้ยวเข้างานแล้วเห็นนักข่าวกับผู้คนมากมายหน้าประตู  เด็กหนุ่มกังวลจนคนนั่งเคียงข้างสังเกตเห็น        
“เป็นอะไรไปที่รัก?”        
“ริช…เราไปเข้าทางอื่นได้ไหม?”        
“ทำไมล่ะ?”        
“ผม…ไม่ชอบ…คนเยอะๆแบบนี้”        
“ได้สิ…แฟรงค์จอดรถ”        
“...ดีใจใช่ไหมที่ผมทำอย่างนี้?”        
“อะไรนะ…” ริชชะงักหันมามองคนข้างๆอย่างงุนงง ปากอิ่มเม้มแน่น ตาเป็นประกายด้วยความโกรธ          
“คุณอายใช่ไหม…กลัวละสิว่าใครๆจะรู้เรื่องของเรา…คุณกลัวใช่ไหมริช?”        
“ราเชล…ทำไมถึงคิดแบบนั้น  เธอก็รู้ว่าไม่จริง”        
“อย่ามาแก้ตัวดีกว่า…ผมแค่ลองเชิงหน่อยเดียวคุณก็รีบฉวยโอกาสอย่างนี้ยังจะมาพูดอีกว่าไม่คิดแบบนั้น”        
“ฉันไม่เคยกลัวคนอื่นรู้เรื่องของเรา…ฉันรักเธอ…รักมากที่สุด และไม่คิดจะยุ่งกับใครอีก  ที่จะพาเข้าประตูอื่นเพราะเห็นว่าเธอกังวล  กลัวเธอจะไม่สบายใจ  แต่ถ้าเธอไม่กลัวที่จะปรากฏตัวต่อหน้าคนเยอะๆด้วยกัน ฉันจะดีใจที่สุด  เชื่อฉันเถอะ ราเชลว่าฉันรักเธอจนอยากประกาศให้คนรู้ทั้งโลกด้วยซ้ำไป”
ราเชลเบือนหน้าหนี ในใจยังสับสนว้าวุ่นไม่รู้ว่าสิ่งที่ริชพูดจะแค่ลมปาก หวานหูที่จะทำร้ายเขาอีกหรือไม่  รถค่อยๆเลื่อนจนจอดเทียบที่พรมด้านหน้า  ราเชลมือเย็นอีกครั้ง เมื่อประตูเปิดออกริชก็ลงไปก่อนแล้วก้มลงมามองเขา        
“มาเถอะ”
ราเชลกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  แสงแฟลสวูบวาบจนตาพร่าเมื่อเขาลงมายืนเคียงข้าง  ริชโอบเอวบางให้เดินไปด้วยกัน  คนทั้งงานมองตรงมาที่ทั้งคู่เป็นจุดเดียว  ริชก้มมองหน้าเผือดสีของเด็กหนุ่มอย่างกังวล  ราเชลกำลังต่อสู้กับความกลัว  มันเป็นบทเรียนที่ค่อนข้างโหด  แต่ถ้าผ่านวันนี้ไปได้ โอกาสที่ราเชลจะหายเป็นปกติก็จะมีมากขึ้น          
“โอ…ยินดีต้อนรับริช”        
“สวัสดีครับคุณอา”        
“อาดีใจที่เธอยอมมางาน  แล้วนี่…”        
“ราเชล  เวลบอร์น ครับ คนพิเศษของผม”
สีหน้าคนฟังดูตกใจ แต่วูบเดียวก็กลับเป็นยิ้มแย้มปกติ มืออูมคว้ามือเล็กเรียวมาเขย่าอย่างยินดี          
“ยินดีที่ได้รู้จัก  อืมตระกูลเวลบอร์นนี่รู้สึกคุ้นหูจังนะริช”        
“ครับ คุณชาร์ล เวลบอน เป็นหุ้นส่วนธุรกิจในเครือแฮมิลตันคอปฯ สาขา -
อัมสเตอร์ดัมไงครับ”        
“โอ้…ที่แท้ก็ลูกของคุณชาร์ลนี่เอง”        
“ยินดีที่ได้พบท่านครับ”        
“เพื่อนๆอาดีใจกันใหญ่ที่รู้ว่าทายาทแฮมิลตันให้เกียรติมางานด้วยตัวเอง”        
“แฮมิลตันต่างหากละครับที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญ”        
“ฮะๆๆ…เข้าใจพูดนะเราน่ะ”  
แม้จะเป็นแค่มารยาทสังคม แต่เจ้าของงานก็หน้าบานแฉ่งที่ได้แสดงให้คนอื่นๆเห็นว่าตนเอง ‘สนิทสนม’ กับตระกูลแฮมิลตันขนาดไหน
ริชกับราเชลถูกจัดให้นั่งในโต๊ะเดียวกับเจ้าภาพ  นางแบบนายแบบทั้งหมดจะต้องเดินวนมาหยุดโชว์เครื่องเพชรที่นั่นก่อนจะเดินต่อไปจนครบทุกจุด
“สวยไหมราเชล?”
“สวยครับ  สงสัยจะเป็นลูกครึ่ง”
“ฉันหมายถึงนาฬิกาที่นายแบบคนนั้นใส่อยู่ต่างหาก”
“อ้าว!ไหนครับ ผมดูไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพอเลิกโชว์เราค่อยไปดูก็ได้  เขาจัดเข้าตู้ไว้เป็นคอลเลคชั่นเลย”
“ทุกชิ้นเลยเหรอครับ”
“ทุกชิ้น”
หลังจากโชว์จบ  เจ้าภาพก็เชิญแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายไปชมเครื่องเพชรทั้งหมดอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง  และไม่ว่าริชจะพาราเชลไปเดินผ่านไปทางไหน  เจ้าของร้านก็จะปรี่เข้ามาต้อนรับอย่างยินดี  ริชพาราเชลเดินดูอยู่ครู่หนึ่งจึงออกมาด้านหน้าเพื่อกลับไปที่รถ  เจ้าภาพถูกรั้งไปอีกทางจึงไม่ได้มาคอยส่ง  
“ริช!...พระเจ้าคุณจริงๆด้วย”
ริชและราเชลหันกลับไปตามเสียงเรียก  ยังไม่ทันตั้งตัว  ร่างโปร่งระหงก็โถมเข้ากอดและจูบริชอย่างดูดดื่ม ริชสะดุ้งรีบดันนางแบบสาวออกแล้ว  หันขวับมาทางราเชล เด็กหนุ่มยืนนิ่งขึงใบหน้าซีดเผือด  กำมือแน่นจนข้อนิ้วเกร็งขาว  
“ตอนเพื่อนๆบอกว่าเห็นคุณฉันยังไม่เชื่อ ดีใจที่สุดเลยที่คุณมางานของเรา”
“ปล่อยผมก่อนแคทเทอลีน”
“ทำไมคะ  ดูทำหน้าเข้าสิ”
“ผมมากับคนรัก...ที่รักจ๊ะนี่คุณแคทเทอลีน  เธอก็เป็นเจ้าภาพงานนี้”
“...ยินดี...ที่ได้รู้จักครับ…”
“คนรัก...คุณล้อเล่นใช่ไหมริช?” ใบหน้าที่พอกเครื่องสำอางไว้เต็มที่ขาวซีดเหมือนกระดาษ
“เปล่า...ผมพูดจริง”
“แต่ว่านี่มัน...เขา...”
“ใช่ คนรักผมเป็นผู้ชาย  ทำไมเหรอ?”
“คุณ...คุณเป็นเกย์เหรอเนี่ย”
“เอ่อ...ผมจะไปรอที่รถ” ราเชลหน้าชาเมื่อเห็นสายตาหมิ่นแคลนของคนตรงหน้า  ไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมองริชด้วยกลัวจะเห็นสีหน้าอับอายของชายหนุ่ม
“ไม่ราเชล  เราจะออกไปด้วยกัน  ผมขอตัวกลับก่อนนะแคทเทอลีน”
ริชยิ้มให้หญิงสาวที่ยังยืนตาค้างด้วยความตกใจก่อนจะจูงมือราเชล ออกมาขึ้นรถ
แคทเทอลีนยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นกระทั่งบิดามาเจอเข้า
“แคที่...เกิดอะไรขึ้น?”
“พ่อคะ...คนรักของริช...เขาเป็นเกย์...ริชเป็นเกย์นะพ่อ”
“พ่อก็เพิ่งรู้  ทุเรศจริงๆ  ออกจะร่ำรวยมีชื่อเสียง  ดันเป็นเกย์เสียนี่”
แม้จะมีแสงแฟลสสว่างวูบวาบไม่ต่างจากตอนมาถึง แต่ดูเหมือนราเชลจะจมอยู่กับความคิดตัวเองจนไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัว  จนรถออกจากงานมาได้ครู่หนึ่งเด็กหนุ่มถึงได้เปิดปากพูด
“ผู้หญิงคนนั้น?”
“คนเดียวกับในภาพที่มีคนส่งไปให้เธอ”
“คุณรู้!”
“วันนั้นฉันรับโทรศัพท์ให้เธอ มีคนโทรมาเยาะเย้ยเรื่องรูป  ฉันก็เลยเปิดดู...เธอก็เห็นว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขา  มันเป็นนิสัยของเขาที่ชอบทักทายแบบนั้นเอง  คนที่ส่งเขาเจตนาให้เธอเข้าใจผิด”
“...ริช...มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เลย...ที่...ที่คุณเที่ยวแนะนำผมกับใครต่อใครแบบนั้น”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย   ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่”
“แต่...จะดีเหรอครับ  ผม...ไม่รู้สิ  ผมไม่แน่ใจ”
“เธอไม่แน่ใจในตัวฉัน หรือไม่แน่ใจว่าควรยอมรับกับใครๆว่าเป็นเราเป็นคนรักกัน”
“...ผมไม่รู้...ไม่รู้ว่าควรเปิดเผยเรื่องของเราไหม...ไม่รู้ว่าพ่อกับย่าจะว่าอย่างไรบ้าง...”
“ถ้าเธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเราฉันจะสั่งเก็บภาพเราทั้งหมด”
“คุณจะทำได้ยังไง?”
“อิทธิพลของตระกูลแฮมิลตันมีมากกว่าที่เธอจะนึกถึงนะที่รัก”
“แต่ถึงเก็บภาพมาได้ก็ใช่จะปิดเรื่องเราได้ คนเขาต้องเอาไปพูดกันอยู่แล้ว”
“พูดก็พูดไป  ไม่มีภาพยืนยันเสียอย่าง”
“...ช่างเถอะครับ...”
“ทำไมละ  ฉันทำได้จริงๆนะ”
“ผมรู้...แต่ถ้าคุณไม่แคร์ผมก็ไม่แคร์” ราเชลขยับเข้าไปซุกหน้ากับอกอุ่นอย่างประจบ  ริชอมยิ้มโอบประคองร่างบางให้เลื่อนขึ้นมานั่งซ้อนบนตักและกอดไว้ด้วยความอ่อนโยน  กระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารถูกกดปิดให้อย่างรู้ใจ  
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^__________^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 17-09-2009 21:53:31
.........
แอนนาเม้มปากแน่นเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกชายกำลังจะออกไปเที่ยวอีกแล้ว  ทั้งที่ยังเดินไม่ค่อยคล่องนักแต่ชาร์ลก็ยังไปขลุกอยู่ที่บ่อนไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าเงินจะหมด  
“นั่นแกจะไปไหนชาร์ล”        
“ไปแถวๆนี้…คุณแม่มีอะไร?” ชาร์ลตอบรับเสียงห้วน  ขุ่นใจที่มารดาทำเหมือนเขาเป็นเด็ก  ต้องคอยรายงานเวลาไปไหนๆ      
“ริชส่งช่าวมาบอกว่าราเชลดีขึ้นมากแล้ว  เริ่มจำอะไรได้มากขึ้น”        
“แล้วไงครับ คุณแม่บอกผมทำไม?”        
“นี่ใจคอแกจะไม่ไปเยี่ยมลูกแกบ้างหรือไง?”        
“มันไม่ใช่ลูกผม!”        
“ราเชลเป็นลูกแก”        
“คุณแม่! จะหลอกตัวเองไปถึงไหน  มันตั้ง 17-18ปีมาแล้ว คุณแม่ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ?” ชาร์ลทำเสียงเย้ย  เย้ยทั้งมารดาและตัวเอง  มันเป็นความขมขื่นและคั่งแค้นที่เก็บกดอยู่ในใจมาตลอดชีวิต        
“ราเชลเป็นลูกของแกกับรีน่า  ไม่ได้เป็นลูกชาลีอย่างที่แกเข้าใจ”        
“ไม่จริง มันเป็นชู้กัน แล้วมันก็ท้องตอน…ตอนผมไม่อยู่”        
“รีน่าท้องกับแก  เขาตั้งท้องก่อนที่แกจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแม่นางแบบนั่น เขาท้องก่อนที่ชาลีจะกลับมา”        
“โกหก…ใครมันเอาเรื่องบ้าบอมาหลอกคุณแม่”        
“ฉันรู้ก่อนที่รีน่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำ  ฉันสังเกตเห็นอาการของรีน่าตั้งแต่เช้าวันที่แกไปสนามบิน  วันนั้นรีน่าเริ่มแพ้ท้องแล้ว  และก็แพ้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่มีอาการอยู่แค่เดือนเดียวก็หาย ก่อนที่ชาลีจะกลับมาเสียอีก”        
“ไม่จริง…” ชาร์ลไม่ได้คิดจะเถียงมารดาแต่ปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง        
“แล้วแกรู้ไหม  ทำไมชาลีถึงยอมหลีกทางให้แกกับรีน่าง่ายดายนัก  เพราะชาลีเขารู้ว่าในตัวเขามีเลือดบ้า เขารักรีน่ามากจนไม่อยากให้รีน่าต้องเจ็บปวดในอนาคต”        
“อะไรนะ...?”        
“แกคิดว่าคนอย่างป้าแกจะฆ่าตัวตายได้งั้นเหรอ  เปล่าเลย...ชาลีเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด  คนที่ฆ่าแม่ตัวเองคือพ่อ  พ่อเกิดคุ้มคลั่งจับแม่โยนลงมาจากดาดฟ้าคอหักตาย  ตอนนั้นชาลีอายุ10ขวบแล้ว เขาจำทุกอย่างได้  แต่ไม่กล้าบอกตำรวจว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ  พอโตขึ้นเขาถึงแน่ใจว่าสายเลือดของพ่อเขาต้องถ่ายทอดมาถึงเขาแน่ๆ  พอเห็นรีน่าไปหลงรักแก เขาถึงได้ยอมหลีกทาง หนีไปเรียนที่อิตาลียังไงล่ะ”        
“ทำไม…ผมไม่รู้เรื่องนี้?”        
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะต้องผิดคำพูดกับชาลี  เขาขอร้องให้ฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ  แต่ฉันไม่นึกว่าแกจะคิดบ้าๆแบบนี้”        
“พระเจ้า..นี่ฉันทำอะไรลงไป…โอพระเจ้า…รีน่า…พี่ชาลี…ผมขอโทษ”        
“ชาร์ล…แกเป็นอะไรไป?”        
“คุณแม่ครับ  ผมเป็นคนสั่งฆ่าพี่ชาลีกับรีน่า  คุณแม่เรียกตำรวจมาจับผมเถอะ  ผมมันเลวจริงๆ”        
“รีน่ากับชาลีรถคว่ำเพราะอุบัติเหตุ”        
“ไม่ใช่หรอกครับ  ผมเอง…ผมจ้างเพื่อนที่อู่ตัดสายเบรครถรีน่า…ผมอยากให้ไอ้ชายโฉดหญิงชั่วมันตาย...ผมไม่รู้ว่าผมบ้าไปเอง”        
“แต่มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ…ก่อนที่รีน่าจะรถคว่ำ  เพื่อนแกโทรมาหาแก แต่แม่รับ  เขาคิดว่าเป็นแก  ก็เลยขอโทษขอโพยใหญ่  เขาบอกว่าถึงเป็นเพื่อนรักกันก็จริง แต่จะให้เขาฆ่าคนเพื่อแกเขาทำไม่ได้  ตำรวจเองก็สงสัยเรื่องนี้แต่เขาตรวจอย่างละเอียดแล้ว  เบรคไม่ได้มีปัญหาแต่รีน่าเมาและขับรถเองถึงได้เกิดอุบัติเหตุ”        
“หมายความว่า…ผมไม่ได้เป็นต้นเหตุให้พวกเขาตาย”        
“ไม่เลย  ที่ผ่านมาแม่คิดว่าแกรู้เรื่องนี้มาตลอด  แต่ที่แกเย็นชากับราเชลแม่คิดว่าแกเจ็บปวดเพราะทนเห็นหน้าราเชลไม่ได้  แม่พยายามเลี้ยงราเชลไม่ให้เขาเหมือนรีน่า  แต่ไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่แม่ทำจะกลายเป็นการกดดันให้ราเชลกลายเป็นเด็กเก็บกด คิดว่าไม่มีใครรัก  หนำซ้ำยังเข้าใจผิด คิดไปว่าโดนชาลีข่มขืนตอนเป็นเด็กๆอีก  สุดท้ายอะไรๆที่มันเขม็งเกลียวก็ขาดผึง  สติสะตังถึงได้ไม่เหลือ”        
“ราเชล…โธ่ลูก พ่อขอโทษ  ที่แกต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อ  เพราะพ่อเอง…เพราะพ่อ”        
“ชาล์ล…ร้องไห้คร่ำครวญไปก็เปล่าประโยชน์  แกควรทำปัจจุบันให้ดีมากกว่า”        
“ผมจะทำอะไรได้ครับแม่  ป่านนี้ราเชลคงฝังใจไปแล้วว่าผมไม่ใช่พ่อ  ลูกคงเกลียดผม”        
“หมอซอเรนบอกแม่แล้ว  ราเชลตอนนี้เหมือนทารก  เขาเลือกที่จะลืมทุกอย่างที่ทำให้เขาเจ็บปวด ริชกับซอเรนพยายามใส่สิ่งดีๆให้เขาอยู่  เขาก็เหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์  ใส่สิ่งดีก็รับแต่สิ่งดี  เขาจำไม่ได้หรอกว่าเคยเจอเรื่องร้ายๆอะไรมาบ้าง…แต่ต่อไปเขาอาจจะเริ่มจำอดีตได้  ถ้าแกปล่อยเวลามันผ่านไปโดยไม่แก้ไข  ราเชลก็จะไม่มีความทรงจำดีๆกับแกเลย”        
“หมายความว่าลูกจะยอมรับผมถ้าผมแสดงว่าผมรักเขางั้นเหรอครับ?”         “ใช่จ้ะ”        
“งั้นเราไปหาราเชลกันเถอะครับแม่”        
“ใจเย็นๆ  พรุ่งนี้เราค่อยเดินทางกัน”        
“ราเชลอยู่ที่ไหนครับ?”        
“อยู่ที่เกาะส่วนตัวของริช  พรุ่งนี้เราจะไปขึ้นเครื่องกันแต่เช้า  แกจัดเสื้อผ้า
ไปหลายๆชุดแล้วกัน เผื่อจะอยู่ค้างกับลูกนานๆ”        
“เราไม่รับราเชลกลับมาเลยเหรอครับ”        
“ราเชลคงไม่ยอมหรอก เพราะเขาติดริชมาก”        
“แต่ผมเป็นพ่อ  คุณแม่เองก็เป็นย่า  ยังไงก็มีสิทธิ์กว่าแฮมิลตัน”
พอรู้ว่าราเชลเป็นลูกสัญชาติญาณหวงลูกก็มาเยือน  ชาร์ลลืมไปแล้วด้วย -ซ้ำว่าครั้งหนึ่งเขาเคยวางแผนที่จะใช้ราเชลในการหาผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างไร  ตอนนี้เขานึกหวงลูกขึ้นมาจนแทบทนไม่ได้  ลูกที่เขาไม่เคยกอดสักครั้งแต่ต้องถูกคนอื่นแย่งไป        
“แม่ว่าแกอย่าทำตัวเป็นพ่อตาขี้หวงไปหน่อยเลยน่า”        
“คุณแม่! นี่คุณแม่ยอมรับความสัมพันธ์แปลกๆแบบนั้นได้เหรอครับ?”        
“แม่ก็เคยรับไม่ได้มานาน  จนกระทั่งแม่เกือบต้องเสียราเชลไป  แม่ถึงได้คิด  ...ชีวิตคนเรามันสั้นนิดเดียว...แค่เสี้ยววินาทีเราอาจต้องเสียคนที่เรารักไปต่อหน้าต่อตาก็ได้  แม่ถึงได้พยายามทำใจ...หากสิ่งใดที่เป็นความสุขของราเชลแม่ก็จะไม่ขัดขวางอีกแล้ว”        
“…ผมเกือบทำผิดต่อลูกอีกแล้วสินะครับ…” ชาร์ลคอตก  เกือบไปแล้ว เขาเกือบทำร้ายจิตใจลูกเพราะความเจ้าอารมณ์ของตัวเองอีกแล้ว        
“ไม่หรอก  ดีแล้วล่ะที่แกนึกรักนึกหวงลูก  แม่ถือว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดี ยิ่งถ้าแกรู้จักคิดถึงจิตใจลูกก่อนแบบนี้ ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีเข้าไปใหญ่  แม่ไม่อยากให้แกพลาดเหมือนแม่  ทั้งที่แม่รู้ว่าราเชลขาดแคลนความรัก  แต่แม่กลับไม่เคยแสดงให้เขารู้ว่าแม่รัก  แถมยังพยายามพรากเขาจากคนที่เขารักเสียอีก”        
“ผมเพิ่งเคยได้ยินคุณแม่พูดอะไรยาวๆแบบนี้เป็นครั้งแรก”        
“แม่น่ะมารู้ตัวเอาเมื่อเกือบสาย  ยังดีที่พระเจ้าได้ให้โอกาสแก่เรา  เราต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า ทำให้ราเชลมีความสุขให้มากที่สุด ตกลงไหมชาร์ล”        
“ครับคุณแม่”        
      ..................................

ชาร์ลชะเง้อมองบ้านพักหลังเล็กที่งดงามแทบลืมหายใจนั้นอย่าง –
ตื่นเต้น  ความงามและบรรยากาศรอบตัวไม่ได้อยู่ในความสนใจเพราะหัวใจเขามุ่งตรงไปหา ‘ลูกชาย’ ที่เขาเพิ่งรู้ว่าเป็นลูกอย่างใจจดใจจ่อ
 “นั่นคุณจะทำอะไร?” เสียงเข้มงวดจากด้านหลังทำให้ชาร์ลเหลียวกลับมามอง  สตรีสาวใหญ่ในชุดวอร์มมองเขาอย่างตำหนิราวกับครูเจ้าระเบียบ        
“ผมจะเข้าไปข้างในนะสิ”        
“ไม่ได้  ตรงนี้เป็นเขตบ้านพักของคุณแฮมิลตัน  หากคุณต้องการพบท่านก็เชิญที่ออฟฟิศด้านหน้า”        
“ผมไม่ได้มาหาแฮมิลตัน ผมมาหาลูกผม”        
“ลูกคุณ?”        
“ใช่ ผมมาหาราเชล”        
“คุณเนี่ยนะพ่อคุณราเชล”        
“ก็ใช่น่ะสิ”
ริวาน่ามองชาร์ลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาเยาะหยัน  ปรกติเธอไม่ใช่คนเสียมารยาทแบบนี้ แต่กับคนที่เธอรู้สึกว่าเป็นภัยสังคมแบบหมอนี่ก็จำเป็นที่ต้องรีบกำจัดออกไป        
“ตลก!ฉันดูแลคุณราเชลมาเกือบปีจู่ๆเพิ่งมีพ่อมาเยี่ยม  หาอย่างอื่นที่มันฟังเข้าท่ากว่านี้มาอ้างดีกว่ามั้ง”        
“จะบ้าเหรอ ฉันนี่เแหละพ่อราเชล”        
“ถ้านายเป็นพ่อคุณราเชลฉันก็เป็นแม่เขาน่ะสิ  ในฐานะแม่นะขอสั่งให้แกไสหัวไปก่อนที่ฉันจะเรียกยาม”        
“เอ๊ะ!เธอนี่”        
“จะไปดีๆหรือต้องเจ็บตัวก่อน  เอาสิ  แม่หวดไม่เลี้ยงแน่  เข้ามาสิ” ริวาน่าวิ่งไปคว้าก้อนหินก้อนเขื่องมาขู่  ชาร์ลโกรธจนควันออกหู  เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนก้าวร้าวขนาดนี้มาก่อนเลย        
“เธอ!…แล้วเธอจะเสียใจที่ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปพบลูก” ชาร์ลคำรามลั่นก่อนจะเดินโขยกเขยกจากไป  ริวาน่าแสยะปากตามหลังอย่างรังเกียจ    
“อยากเสียใจจังเลย  ไปหาลูกเอาข้างหน้าเถอะไปไอ้เฒ่าหัวงูเอ้ย!…หนอยมาอ้างว่าเป็นพ่อ”        
“มีอะไรครับคุณริวาน่า?” ริชที่เพิ่งกลับมาจากออฟฟิศกลางทักอย่างแปลกใจที่เห็นพยาบาลคนเก่งยืนสบถอยู่คนเดียว        
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  แค่แขกหัวงูของคุณหลุดมาแถวนี้ คงจะเคยเห็นคุณ
ราเชลน่ะค่ะ ก็เลยแอบตามมา”        
“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมจะให้เขาจัดเวรยามมาเพิ่มทางนี้อีกหน่อย ราเชลเป็นไงบ้างครับ?”        
“วันนี้ดีค่ะ  ไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่  ยอมรับได้ว่าคุณงานยุ่ง แต่ถ้ารู้ว่าคุณมาคงแจ้นออกมารับแล้ว…นั่นไงคะไม่ทันขาดคำ” พยาบาลสาวใหญ่หัวเราะขันๆเมื่อร่างบางวิ่งตัวปลิวออกมากระโดดกอดคอ  ริชอุ้มร่างน้อยขึ้นจูบเบาๆอย่างอ่อนโยน        
“เป็นเด็กดีหรือเปล่าวันนี้?”        
“เป็นเด็กดีสิ…ริชทำงานนานจัง  ผมเหงา”        
“ขอโทษนะ  ไปด้วยกันดีกว่าวันนี้ฉันมีอะไรบางอย่างให้ดู”        
“อย่าเพิ่งสิ  ผมก็มีของอยากให้คุณดูเหมือนกันนะ”        
“อะไร?”        
“มานี่ดิ…นี่ไงแต่นแต้น”   เด็กหนุ่มผายมือไปยังภาพเขียนที่เพิ่งเสร็จ
ภาพริชบนขาหยั่งดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวาเสียจนแทบลุกเดินออกมา    
“นี่เธอวาดเหรอราเชล?”        
“ครับ…สวยไหม..มันว่างๆ  พอนึกคุณมือมันก็ไปเอง”        
“สวยสิ…สวยมาก  ขอบคุณที่รัก  เธอนี่อัจฉริยะจริงๆ”        
“ผมดีใจที่คุณชอบ”        
“สวยขนาดนี้จะไม่ชอบได้ไง  แถมดูหล่อกว่าตัวจริงด้วยซ้ำ  ใช่ไหมครับคุณริวาน่า?”        
“แหม…จะว่าไงได้ละคะ  นอกจากบอกว่าจริงที่สุดเลย  คุณราเชลน่าจะวาดเยอะๆ แล้วจัดเป็นนิทรรศการเลยนะคะ”        
“ผมทำได้เหรอครับ?”        
“ได้สิคะ  ฝีมือระดับนี้น่ะไม่ใช่หาง่ายๆนะคะ  ถึงดิฉันจะเป็นพยาบาลแต่ก็สนใจงานด้านศิลปะมากเลยนะคะ  เคยได้มีโอกาสไปชมผลงานดีๆมาตั้งหลายประเทศ  งานอดิเรกน่ะสะสมภาพเขียนด้วยนะคะ”        
“โห…ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย..มิน่าคุณหมอถึงเจาะจงให้คุณเป็นคนมาดูแลราเชล”        
“ฉันก็ดีใจค่ะที่ได้มาดูแลคุณราเชล  แล้ววันนี้ยิ่งรู้สึกขอบคุณคุณหมอม๊ากมากที่ให้ดิฉันมาทำให้ดิฉันได้ชมงานศิลปะสวยๆโดยไม่ต้องเสียเงินไปถึงต่างประเทศ”        
“ยอซะผมลอยแล้ว”        
“แหมพูดจริงๆค่ะ  เอ…ว่าแต่คุณริชจะพาคุณราเชลไปไหนคะ?”        
“ไปที่โรงแรมครับ  คุณก็ไปด้วยกันนะครับ พอดีย่าราเชลมาเยี่ยมผมเลยจะพาไปแนะนำให้รู้จักไว้ก่อน”        
“ขอตามไปทีหลังนะคะ  เพิ่งไปออกกำลังมาขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”        
“ได้ครับ…ไปหาคุณย่ากันนะราชล”        
“คุณย่า?…อ๋อครับ…ดีจังคุณย่ามา”  เด็กหนุ่มรับคำอย่างงงๆในทีแรกก่อนประกายตาจะไหววาบด้วยความยินดีเมื่อจำได้      
“คุณย่าไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะ…มีคนพิเศษอีกคนมาด้วย”        
“ใครครับ?”      
“ไม่บอกไปดูเองดีกว่า”  ริชพาราเชลขับรถไฟฟ้าไปยังโรงแรมด้านหน้า  ทันทีที่ไปถึงราเชลก็วิ่งนำไปยังห้องรับรองก่อนอย่างตื่นเต้น    
“คุณย่า!” ราเชลอุทานเสียงใส   แอนนาอ้าแขนรอรับอย่างยินดี  
“ราเชล….หน้าตาสดใสเชียว มาให้ย่ากอดหน่อย…คิดถึงจัง”
ราเชลชุกตัวลงในอ้อมกอดของหญิงชราอย่างคุ้นเคย  แต่เมื่อผู้เป็นบิดาอ้าแขน เด็กหนุ่มกลับลังเลแล้วหนีไปแอบหลังริชดื้อๆ        
“อ้าว!ทำไมไม่ให้คุณพ่อกอดล่ะราเชล”        
“ผม…ผมกลัว”        
“ทำอย่างนี้พ่อเขาก็เสียใจแย่สิราเชล”        
“แต่…แต่ผมกลัวนี่ครับ”        
“กลัวอะไร   ไม่เอาแล้วอย่าเกเร  ไปให้พ่อกอดเถอะ”
ราเชลยอมให้บิดากอดนิดเดียวก็ดิ้นหนีไปซุกอยู่หลังริชเหมือนเดิม แต่ก็อดชะโงกมามองไม่ได้
ชาร์ลถอนใจยาว  ความรู้สึกที่ได้กอดลูกมันอบอุ่นและเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก ถึงใจหายบ้างที่ลูกทำเหมือนกลัวเขา แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเขาไม่เคยกอดลูกเลยตั้งแต่เกิด  ต่อให้ราเชลจำทุกอย่างได้ปรกติก็ใช่ว่าราเชลจะยอมรับเขาได้ง่ายๆ        
“ได้ข่าวว่าเล่นดนตรีได้แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ  ไหนเล่นให้ย่าฟังบ้างสิลูก”        
“ได้ครับ”ราเชลรับคำกระตือรือร้น  แอนนามองตามด้วยความปลาบปลื้ม เมื่อก่อนราเชลจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกมากนัก  คงเป็นเพราะเธอเองที่กักเก็บและบังคับให้หลานทำตามคำสั่ง ทำให้ราเชลไม่เคยตัดสินใจอะไรเอง  แต่พอมาอยู่กับริช ราเชลได้เป็นตัวของตัวเองมากกว่า เขาถึงแสดงความรู้สึกได้เต็มที่
แอนนานิ่งไปเมื่อได้ยินเพลงที่ราเชลเล่น แม้จะไม่ใช่เพลงคลาสสิคแบบที่เธอคุ้นหู แต่จังหวะสนุกสนานกับสีหน้าสดใสของคนเล่นทำให้หญิงชราเฝ้ามองอย่างแปลกใจ  ริชลุกไปยืนเกาะเก้าอี้แถมช่วยร้องเบาๆ  ราเชลเงยขึ้นยิ้มหวานก่อนร่วมประสานเสียงอย่างสนุก  ชาร์ลหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ ไม่อยากยอมรับว่าลูกชายคนเดียวจะกลายเป็น…แต่นั่นแหละหากราเชลกลับบ้าน เขาอาจทำให้ลูกกลับมาเป็นผู้ชายปรกติได้        
ท่านผู้หญิงเวลบอร์นน้ำตาคลอ  ตื้นตันใจที่ได้เห็นความสดชื่นแจ่มใสของหลานรัก  แม้จะขัดหูขัดตากับท่าทางของทั้งคู่  แต่หากมองข้ามภาพลักษณะภายนอก  สิ่งที่เธอเห็นคือความรักความผูกพันของคนที่รักกันมากคู่หนึ่ง
แปะๆๆๆ…ริชและราเชลหันไปโค้งให้สตรีสาวใหญ่ในชุดเดินชายหาด  ใบหน้าอ่อนโยนมีรอยยิ้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา        
“ได้เวลาทานยาแล้วนะคะ”        
“ว้า…เจอกันทีไรให้ผมกินยาทุกที”        
“แหมก็มันหน้าที่นี่จ๊ะ  ถ้าไม่ใช่หน้าที่ฉันจะได้มาดูแลคนน่ารักๆอย่างเธอเหรอ  เอ๊ะ…” ริวาน่าสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก  และลางสังหรณ์ของเธอก็แม่นมากเมื่อเจอ  ‘ตาเฒ่าหัวงู’ นั่งอยู่กับหญิงชรารูปร่างผอมบาง  ริวาน่าเหลียวไปสบตาริช        
“เชิญครับคุณริวาน่า  ผมจะแนะนำให้รู้จักกับครอบครัวของราเชล  คุณย่าครับ คุณเวลบอร์น  นี่ริวาน่าเป็นพยาบาลส่วนตัวของราเชลครับ”        
“รีน่าเป็นแม่ทูนหัวให้ผมด้วย”ราเชลแทรกยิ้มๆ  แต่คนฟังสะดุ้งที่ราเชลเรียกริวาน่าว่ารีน่า!
 “สวัสดีค่ะท่าน”        
“ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ” แอนนายิ้มให้พยาบาลสาวใหญ่พร้อมกับพิจารณาเธออย่างละเอียด  ริวาน่าไม่ใช่ผู้หญิงสวยสะดุดตาเหมือนรีน่า  แต่เธองามพิศและมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่ชวนหลงใหล        
“ผมบอกแล้วว่าผมเป็นพ่อราเชล”  ชาร์ลชักสีหน้าเข้าใส่ทันที      
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทกับคุณ”        
“ทีหลังก็หัดฟังคนอื่นบ้างสิ”        
“เอ๊ะนี่เคยเจอกันมาก่อนเหรอครับ?”     ริชถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าเดือดดาลของชาร์ลและท่าทางอึดอัดของริวาน่า    
“…ค่ะ…เมื่อเช้าคุณเวลบอร์นไปหาราเชลที่บ้านพัก…”        
“แล้วก็โดนพยาบาลคนนี้ไล่ หาว่าฉันเป็นพวกโรคจิต” ชาร์ลต่อฉุนๆ  
ริวาน่าเม้มปากแน่นพยายามสะกดอารมณ์ เนื่องจากเธอเป็นคนผิดที่ไปไล่เขาก่อนที่จะถามให้รู้เรื่อง        
“ช่างเถอะชาร์ลเรื่องเล็กน้อยแค่นี้”        
“แต่คุณแม่ครับ”        
“หยุดเถอะ!ทำตัวเป็นเด็กไปได้  ความจริงแกต้องดีใจต่างหากที่มีแต่คนเอาใจใส่ดูแลราเชลอย่างดี  นี่หากใครมาอ้างว่าเป็นญาติแล้วคุณริวาน่าก็ปล่อยให้เข้าไปหาราเชลหมดทุกคนสิค่อยไม่พอใจ  ขอโทษด้วยนะคะที่ชาร์ลเขาเสียมารยาท  ต้องขอบคุณคุณมากเลยค่ะที่เอาใจใส่ราเชลอย่างดี”        
“เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วค่ะ”        
“ไม่หรอกค่ะ คนเราทำเพราะหน้าที่กับทำด้วยหัวใจมันต่างกัน  ฉันดีใจที่
ราเชลโชคดีมีแต่คนดีๆอยู่รอบตัว”        
“แปลว่าผมไม่ดีอยู่คนเดียวสิ” ชาร์ลกระแทกเสียงหน้าบูดบึ้งอย่างหงุดหงิด      
“พูดอะไรยังกับเด็กเล็กๆ  แกน่ะจะเข้าวัยชราแล้วหัดทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อยชาล์ล ไม่อายลูกบ้างหรือไง?”  
ชาร์ลหน้าแดงก่ำด้วยความอายปนโกรธที่โดนมารดาดุเอาราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ        
“ผมว่าเราไปทานอาหารเที่ยงกันดีกว่านะครับ  มีอะไรค่อยคุยกันที่โต๊ะอาหารดีกว่า  เชิญทางนี้ครับ”  ริชรีบแก้สถานการณ์ก่อนที่บรรยากาศอบอุ่นของครอบครัวจะลุกเป็นไฟเสียก่อน    
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^__________^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 17-09-2009 21:56:22
.........
ริวาน่าตรงเข้าหาอย่างไม่ลังเลเมื่อตามเจอชาร์ลที่สวนด้านหลังบ้านพัก
“คุณเวลบอร์น  ดิฉันต้องขอโทษจริงๆกับเรื่องเข้าใจผิดเมื่อเช้า”        
“ช่างเถอะ เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมทำตัวเป็นเด็กเหมือนคุณแม่อีกคน”        
“ดิฉันว่าคุณไม่เหมือนเด็กหรอกค่ะ  เหมือนวัยรุ่นมากกว่า”        
“อะไรนะ?”        
“ฉันว่าคุณเหมือนพวกวัยรุ่น  ใจร้อน ขี้โมโห แล้วก็ขี้ใจน้อย  รู้สึกเหมือนคนรอบข้างไม่ให้ความสำคัญ”        
“คุณ!นี่คุณจะมาขอโทษหรือจะมาด่าผมกันแน่” ชาร์ลหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห        
“ฉันว่าฉันคุยกับคุณแบบตรงไปตรงมามากกว่านะคะ”        
“ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว  คุณนี่เหมือนแม่ผมเป๊ะเลย ชอบมองคนอื่นเป็นเด็กอยู่เรื่อย”        
“เหมือนที่ไหนคะ  ฉันว่าคุณเหมือนวัยรุ่นต่างหาก”        
“…”
ชาล์ลไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ฮึดฮัดด้วยความโกรธก่อนจะเดินหนีไป        
“แสนงอนพอกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
ชาร์ลมักจะมาขลุกอยู่กับราเชล ทำให้ได้ใกล้ชิดกับริวาน่าไปด้วย  ความใจเย็นและอารมณ์ขันทำให้ชาร์ลยอมลงให้เธอง่ายๆโดยไม่รู้ตัว  ริวาน่าจะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำกายภาพช่วยให้ชาร์ลเคลื่อนไหวได้ดีและไม่ค่อยเจ็บปวดเวลาออกกำลังกาย ความจริงหากชาร์ลลดทิฐิแล้วทำตามที่นักกายภาพแนะนำเขาคงหายเป็นปรกติแล้ว  แต่เมื่อเขาเชื่อฟังริวาน่าอาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับความสนิทสนมของพ่อลูกก็งอกงามขึ้นเป็นลำดับ  ราเชลยอมรับและเริ่มจะผูกพันก็ได้เวลาที่ชาร์ลจะต้องกลับไปทำงาน ริวาน่าเองก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกันเธอต้องกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลตามเดิม
ราเชล ส่งย่า พ่อ และแม่ทูนหัวด้วยท่าทางหงอยเหงา  แต่ริชให้สัญญาว่าเสร็จงานแล้วเขาจะรีบพาราเชลไปหาทุกๆคน  ทำให้เด็กหนุ่มมีสีหน้าดีขึ้น        
         .................................

   แสงแฟลสสว่างวูบวาบอยู่ตลอดเวลาจนตาพร่า  ราเชลยิ้มจนเมื่อยแก้ม แล้วแต่ก็ยังไม่ได้พักสักที  ดูเหมือนริชก็สังเกตเห็นจึงพยายามแยกตัวพาราเชล ออกมานั่งที่โต๊ะ  กระนั้นก็ยังมีนักข่าวโฉบมาขอถ่ายภาพเป็นระยะๆ
   “เหนื่อยหน่อยนะ  แต่งานนี้เราเซ็นสัญญาร่วมทุน  งานใหญ่ระดับนี้ก็โดนรุมทึ้งเป็นธรรมดา”
   “ความจริงพ่อไม่น่าจะให้ผมมาเลย  ใช่ว่าผมจะมีหัวทางธุรกิจสักหน่อย”
“แล้วฉันจะออกงานกับใครล่ะ  เอาน่าถือซะว่ามาเป็นเพื่อนฉันแล้วกัน”
“ริชเก่งออกนี่ครับ  เอาผมมาเกะกะมากกว่า”
“ใครบอก  เธอเป็นกำลังใจชั้นยอดต่างหาก”
ราเชลสบตาแพรวพราวแล้วยิ้มเขินๆ  ระยะแรกๆที่ต้องออกงานคู่กันเด็ก-หนุ่มก็กลัวไปสารพัด  แน่นอนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเขากับริชคงเป็นข่าวใหญ่ประจำปีเลยที่เดียว  แต่ครอบครัวริชกลับออกหน้าปกป้องและแสดงตัวเต็มที่ว่ายอมรับเขา  ทำให้เสียงวิจารณ์เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว  หรือถ้ามีก็คงเบาจนไม่มีคนสนใจ
“ริช!”
เสียงทักใสๆดังขึ้นข้างๆ  ริชกับราเชลหันไปมองพร้อมกัน  สาวสวยร่างอวบอิ่ม  แต่งดงามราวกับดาราภาพยนตร์ส่งยิ้มหวานก่อนจะโผเข้ากอดริชแน่น
“คิดถึงจังเลย...คิดถึงๆๆๆ”
“มาได้ยังไงเนี่ย  เธอทำวิทยานิพนธ์อยู่ไม่ใช่เหรอ?” ความแปลกใจทำให้ริชลืมตัวกอดตอบ  
“ก็คิดถึงริชนี่นา  อีกอย่างวิทยานิพนธ์ของฟลอเรนก็ต้องให้ริชช่วย  ถึงต้องรีบมาไงคะ”
“เธอทำวิทยานิพนธ์เรื่องธุรกิจส่งออกนี่  แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันละ?”
“ใครบอก  ฟลอเรนเปลี่ยนหัวข้อเป็นธุรกิจน้ำมันระหว่างประเทศต่างหาก”
“เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างนี้เมื่อไหร่จะจบ...จริงสิมานี่ดีกว่า  ราเชลคนรักของฉันเอง  ที่รัก...น้องสาวเจฟฟรี่ไง  จำได้ไหม?” ริชรีบแนะนำเพราะสังเกตเห็นหน้าซีดๆของคนรัก
“ครับ...ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ”
“ยินดีค่ะ  หายแล้วเหรอคะ  เห็นพี่บอกว่าคุณเข้าโรงพยาบาล”
ฟลอเรนแกล้งถามหน้าตาเฉย สะใจกับสีหน้าซีดเหมือนกระดาษของอีกฝ่าย  แต่ริชก็หันมาจ้องเธอตาแทบลุกเป็นไฟ
“...ครับ...”
“ราเชลหายดีแล้ว  แล้วนี่เธอมางานนี้ได้ยังไง?”
แม้น้ำเสียงริชจะราบเรียบแต่ฟลอเรนก็รู้ว่าควรระวังคำพูดเสียแล้ว
“แหมไม่เห็นต้องดุเลย  ฟลอเรนมากับเพื่อนค่ะ  นั่งอยู่ตรงโน้น  กำลังว่าจะไปเซอร์ไพรท์ริชที่ห้องอยู่เลย”
 “บอกแล้วไงว่านั่นห้องส่วนตัว  ยังไงก็ห้ามไปวุ่นวาย  อีกอย่างตอนนี้ฉันกับราเชลอยู่ที่นั่น”
“แล้วไงละคะ  ฟลอเรนไปไม่ได้แล้วเหรอ?
ฟลอเรนยังยั่วต่ออย่างสะใจ  แต่ริชกลับยิ้มเย็น  ดวงตาคมกริบมองนิ่งอย่างรู้ทัน
“อย่าใช้คำนี้แม่ตัวแสบ  ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอไป  และเธอก็ไม่เคยมีสิทธิ์ไปที่นั่นอยู่แล้ว  เสียใจด้วยนะ แผนแกล้งให้ราเชลงอนฉันน่ะไม่สำเร็จหรอก”
ฟลอเรนเบ้ปากอย่างแสนงอน  ส่วนราเชลหน้าร้อนวาบด้วยความอายเมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนปลอบประโลมของริช  เอาอีกแล้ว...แค่คำพูดไม่กี่คำของฟลอเรนเขาก็พร้อมจะเข้าใจริชผิดอีกแล้ว  โชคดีที่ริชใส่ใจแม้กับความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของเขา  ถึงได้พยายามแก้ข้อข้องใจเสียต่อหน้าฟลอเรน
ราเชลสูดลมหายใจลึก  พยายามตั้งสติ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องไม่ระแวงริชอีก
“ริชไปเต้นรำกัน” ฟลอเรนหันมาชวนดื้อๆ ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอีกแล้ว
“ไม่ได้  ฉันมากับแฟนจะไปเต้นกับเธอได้ยังไง?”
“แล้วผู้ชายสองคนออกไปเต้นด้วยกันมันไม่พิลึกหรือไง?”
“ฟลอเรน...อย่าล้ำเส้น  ถึงเป็นน้องก็ห้ามล้ำเส้น  เข้าใจหรือเปล่า?”
“บ้า! ตามใจอยากให้ชาวบ้านเขาหัวเราะเยาะก็ตามสบาย  ฟลอเรนจะไม่ช่วยริชอีกแล้ว”  หญิงสาวสะบัดหน้าหนี  เดินลิ่วไปยังกลุ่มเพื่อนที่อยู่ห่างออกไป  ริช กุมมือเย็นชืดของราเชลไว้แน่น
“อย่าโกรธนะคนดี...ฟลอเรนเขาเหมือนเด็กติดพี่  ฉันกับเจฟตามใจเขามาตลอด  พอฉันมีเธอเขาคงรู้สึกเหมือนถูกแย่งพี่ไป  เมื่อก่อนก็เคยตามไปอาระวาดสาวๆของเจฟมาแล้ว  แต่พอเห็นว่าเจฟไม่ได้จริงจังกับใครเขาก็เลยเลิกไปเอง”
“ขอบคุณครับริชที่เข้าใจผม  ผมจะไม่ระแวงคุณให้คุณเสียความรู้สึกอีก  ผมสัญญา”
สายตาดื่มด่ำลึกซึ้งที่จ้องมาทำให้ริชอุ่นระอุในอก  ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นกะทันหันจนราเชลงง
“เรากลับกันดีกว่า”
“ครับ?...แต่เราต้องรอเซ็นสัญญา”
“ไม่ใช่เรา  แต่เป็นคุณพ่อเธอกับผู้บริหารที่อัมสเตอร์ดัมต่างหาก”
“ก็ใช่ครับ”
“ไปกันเถอะ  เธอเล่นมองด้วยสายตาน่ารักขนาดนี้แล้ว  ฉันคงนั่งรอจนงานเลิกไม่ไหว  เรากลับไปรักกันดีกว่า”
“บ้า...ทำไมคุณทะลึ่งอย่างนี้นะริช”
“แน่นอน  ผู้ชายนะจ๊ะที่รัก  ในหัวคิดได้ไม่กี่อย่างหรอก”
“ไม่เอาริช  คนหันมามองแล้ว...ผมอายเขา”
“ก็อย่าทำหน้าทะลึ่งสิ  หน้าเธอมันฟ้องใหญ่แล้วว่าเรากำลังคุยอะไรกันอยู่”
“หยุดนะริช...คุณทำให้ผมขายหน้า”
ราเชลอุทานเบาๆขณะที่เดินตามแรงลากของริชออกไปนอกงาน  เดนเซลยืนอยู่อีกฟากของงานหันมาโบกมือให้และริชก็โบกตอบก่อนจะรั้งตัวราเชลออกมาขึ้นรถลีมูซีนจนได้  ราเชลยังขืนตัวหนีและประท้วงเสียงเบาอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งถูกลากขึ้นไปเกยอยู่บนตักและถูกปากอุ่นปิดปากไว้  เสียงบ่นจึงหายเงียบไป
      ..................................

   เสียงกริ่งดังสนั่นแต่เช้าปลุกให้ร่างที่กกกอดกันอยู่บนเตียงขยับตัวอย่างรำคาญ  ริชจูบขมับนุ่มหอมเบาๆขณะลุกออกไปดู
“เซอร์ไพรท์!  เพิ่งตื่นเหรอคะ  ฟลอเรนมาสายแล้วนะเนี่ย  ยังกังวลอยู่เลยว่าริชจะไปทำงานเสียก่อน…อุ๊ย...เจ็บนะ” ฟลอเรนร้องเสียงหลงเมื่อถูกลากเข้าไปในห้องทำงานแถมริชยังปิดล็อคแน่นหนา
“มาทำไม?”
“แหมอย่าตัดรอนกันนักสิคะ  ก็เมื่อคืนฟลอเรนก็บอกแล้วว่าจะตามริชไปที่แท่นขุดเจาะน้ำมันด้วย  ฟลอเรนจะไปเก็บข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ไงคะ”
“ไม่ใช่เรื่อง! ที่นั่นไม่ใช่ที่ๆผู้หญิงควรเข้าไป  อยากได้อะไรให้เจฟไปจัดการให้  อย่าเข้าไปวุ่นวายเด็ดขาด”
“ได้ไงคะ  ไม่เห็นของจริงฟลอเรนจะทำรายงานได้ยังไง  วิทยานิพนธ์ของฟลอเรนน่ะต้องสมบูรณ์แบบนะคะ  ถ้าให้คนอื่นทำแทนแบบนั้นฟลอเรนไปจ้างเขาเขียนเอาก็ได้”
“ก็ไปจ้างเขียน  ฉันไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายที่นั่น”
“แต่ว่า...”
“ฉันพูดครั้งเดียวฟลอเรน  แล้วมีอะไรอีก?”
“จะมีอะไรได้ละคะ  ขนาดเรื่องเรียนยังโดนกีดกันขนาดนี้เลยนี่”
“ดี...งั้นกลับไปได้แล้ว  แล้วที่หลังอย่ามาที่นี่อีก  ถ้าฉันไม่อนุญาตใครก็เข้ามาไม่ได้”
“ริช...ทำไมคะ ทำไมต้องดุฟลอเรนขนาดนั้นด้วย”
“ราเชลเปราะบางแล้วก็ไร้เดียงสาเกินกว่าจะทันเธอนะสิ  อย่ามาเล่นพิเรนทร์ที่นี่  ฉันไม่ใจดีเหมือนเจฟนะฟลอเรน  อะไรที่ฉันห้ามเธอต้องฟัง  ไม่อย่างนั้นโดนดีแน่”
“ฟลอเรนยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เมื่อคืนเธอเสียดสีราเชลเรื่องเข้าโรงพยาบาล  แล้วยังท่าทางสนิทสนมเกินเหตุนั่นอีก...อย่านะฟลอเรน  ห้ามแตะราเชลเด็ดขาด  ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันร้ายไม่ได้นะ”
“ยัยกระเทยนั่นมีอะไรดีนักหนาริชถึงเห็นมันดีกว่าฟลอเรน”
คำพูดของฟลอเรนจุดไฟในดวงตาคมให้ลุกเรืองจนหญิงสาวผงะถอยหลังอย่างตกใจ  ริชสูดลมหายใจลึก  กัดกรามแน่นเพื่อรับอารมณ์
“...ถ้าเธอไม่ใช่น้องเจฟ  ไม่ใช่น้องที่ฉันรักมาก  เธอจะได้บทเรียนที่จำไปจนตายแน่”
“ริชหลงมัน...เอ่อ...เขามากขนาดนี้เลยเหรอ  ถึงได้พูดจาร้ายกาจขนาดนี้กับฟลอเรน”
“ฉันรักราเชล...มันไม่ใช่แค่รักอย่างเดียว  เราผ่านอะไรด้วยกันมามาก  มากเสียจนเราก้าวข้ามคำว่ารักไปแล้ว”
“ริช...ฟลอเรนคิดยังไงริชไม่เคยรับรู้เลยใช่ไหม?” น้ำเสียงละห้อยหาเหมือนครั้งที่เป็นน้องน้อยไม่ใช่เด็กสาวช่างเยาะช่างยั่วทำให้ริชใจอ่อนยวบ
“รู้ก็ไม่มีประโยชน์ฟลอเรน  ฉันขาดราเชลไม่ได้  ถ้าไม่มีเขาฉันก็ตาย...เธอเข้าใจไหม?”
“...ริช”
“ฟลอเรน...ขอโทษที่รับความรู้สึกดีๆที่เธอให้ไม่ได้  แต่ฉันจะเป็นพี่ชายที่ดีสำหรับเธอตลอดไป”
“แต่ฟลอเรนไม่ต้องการ  ริชจำไว้นะ...ถ้าฟลอเรนไม่มีความสุข  คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข   ฟลอเรนเกลียดมัน...ฟลอเรนจะทำทุกอย่างให้มันเป็นทุกข์  แล้วถ้าริชคิดจะหยุดฟลอเรนก็ฆ่าฟลอเรนซะ...ไม่อย่างนั้นฟลอเรนไม่ปล่อยมันไว้แน่  คอยดูนะริช”
ฟลอเรนไม่ได้ตะโกน  ไม่ได้กรีดเสียงใส่เขาเหมือนอย่างผู้หญิงคนอื่น  เธอพูดทุกอย่างด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นและน้ำตานองหน้า   แต่แววตาแข็งกร้าวนั่นต่างหากที่ริชรู้ว่าเธอเอาจริง
“อย่าทำให้เรากลายเป็นศัตรูกันฟลอเรน”
“ริชประกาศสงครามกับฟลอเรนเองนะ  และตอนนี้ฟลอเรนรับคำท้า  เขาต้องเจ็บยิ่งกว่าที่ฟลอเรนเจ็บเป็น100เท่า  ต่อให้ฟลอเรนรู้ว่าทำแล้วจะต้องถูกริชฆ่าฟลอเรนก็จะทำ”
   “ฟลอเรน!”
ฟลอเรนเดินลิ่วออกไปจากห้องทำงาน  จ๊ะเอ๋เข้ากับเด็กหนุ่มหน้าสวยที่ห้องรับแขก  ราเชลยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าแขกที่มาหาริชไม่ใช่เจฟฟรี่
   “ฉันกลับมาทวงของๆฉันคืน  ฉันจะไม่ยอมให้คนวิปริตแบบแกแย่งคนรักของฉันไป  จำใส่หัวแกไว้  เขาต้องกลับไปเป็นของฉัน”  ฟลอเรนกระซิบใส่หูราเชลแล้วเดินตัวปลิวจากไป  ทิ้งคำพูดที่ทำลายความมั่นใจของราเชลให้คลอนแคลนอีกครั้ง
      ..................................

 :beat: อันนี้สำหรับ“ฟลอเรน จากคนโพส

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-09-2009 22:07:40
 :beat: :beat: นี่แนะ คนเค้ากำลังไปได้สวย โผล่มาให้เสียสถาบันชะนีหมด  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 17-09-2009 22:14:40
อยากจะต่อยริชอยู่ดีนั่นแหละ ถึงจะมีคนอื่นมาแย่งซีนก็เหอะ


ริชเอ้ย ปกป้องราเชลนะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-09-2009 12:15:57
ใครเชิญหล่อนคนนี้ออกมา  :angry2:  จับโยนลงทะเลไปซะ
ถ้า ราเชล เป็นไรไปนะ............แก เจ้าริช  :beat:

ปล. เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนอ่านนิสัยไม่ดีอย่างไงก็ไม่รู้  .......... เพราะว่า พออ่านจบก็อยากอ่านต่ออีกแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 18-09-2009 20:12:43
ตามอ่านเรื่องนี้ทันแล้ว
เข้าใจแล้วว่าเรื่องตอนแรกมันเป็นมายังไง
พออ่านถึงตอนนี้ก็คิดว่า ทำไมแอนนาไม่พูดความจริงต่างๆให้เร็วกว่านี้
และน่าจะอ่อนโยนกับราเชลมากกว่านี้ซะหน่อย

ที่แน่ๆ นังฟลอเรนจะโผล่มาทำไมเนี่ย กลับไปซะหล่อน  :beat:

บวก 1 แต้มให้คนโพสและคนแต่งนะคะ ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากๆ

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 19-09-2009 12:54:22
หืม ฟลอเรน

มันน่านัก

 :m16:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-09-2009 23:14:20
 :m22:  วันนี้มามั้ยค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ^______^ Up วันที่ 17/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-09-2009 06:25:06
 :m7: :m7: เข้ามาซุ่มรอ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 20-09-2009 18:35:12
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และคอมเมนท์นะคะ :L1:

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาอ่านกันต่อคะ
.........

ติ๊งๆๆๆ  ราเชลชะงักยิ้มกว้างด้วยความดีใจ  รีบปิดเตาแก๊ส  และวิ่งออกมาเปิดประตู  รอยยิ้มสดใสจางวาบเมื่อเห็นผู้ที่อยู่หน้าประตู         
“คุณ!…มีธุระอะไร?”         
“ฉันมาหาริช”         
“ริชยังไม่กลับ”         
“ไม่เป็นไรฉันรอได้”         
“แต่ผมกำลังยุ่ง  คงไม่มีเวลาดูแลคุณ”         
“ไม่จำเป็นย่ะ  หลีกไป”   
ฟลอเรนแทรกเข้าไปและจงใจกระแทกไหล่ราเชลจนเซ  ราเชลหันตามไปด้วยความโกรธ  แต่ด้วยมารยาทของเจ้าของบ้าน  เด็กหนุ่มจำต้องเข้าไปหยิบน้ำมารับรองฟลอเรนและกลับเข้าไปสงบสติอารมณ์อยู่ในครัว           
“ห้องสวยดีนี่”
ราเชลสะดุ้งวิ่งออกไปแต่ไม่เห็นฟลอเรนอยู่ในห้องรับรอง  ชายเสื้อสีฟ้าไหวๆอยู่ในห้องนอน  ราเชลพรวดเข้าไปและคว้าข้อมือฟลอเรนไว้แน่น         
“คุณจะทำอะไร?”         
“อะไรแค่นี้ทำเป็นหวง  กะอีแค่ตุ๊กตาตัวนิดเดียว  ราคาจะเท่าไหร่กัน”         
“นี่คุณ!ของบางอย่างมันก็มีค่ามากกว่าราคานะ”         
“งั้นเหรอคืนก็ได้เอาไปสิ  อุ๊ย! “ ฟลอเรนปาตุ๊กตาในมือไปกระแทกกับฝาผนัง  ราเชลตะลึงตัวชา  ตุ๊กตาคริสตัลตัวน้อยตกลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ตายจริงฉันไม่ได้ตั้งใจ  คิก…เอาน่าฉันจะซื้อให้ใหม่”
ฟลอเรนหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่ได้แกล้ง  ราเชลหน้ามืดด้วยความโกรธ  แม้จะมีรูปร่างบอบบางแต่ราเชลก็เป็นผู้ชาย และอยู่ในอารมณ์โกรธ เรียวแรงจึงมาก กว่าฟลอเรนหลายเท่า เด็กหนุ่มดันร่างอวบกระแทกเข้ากับฝาผนัง ฟลอเรนตะลึงด้วยความตกใจ สายตาของราเชลที่มองมานั่นเย็นเฉียบและดุดันจนหญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ยังไม่ทันขยับ มือเรียวขาวก็กดที่คอแน่นจนเธอตาเหลือกลานเพราะความอึดอัดและเจ็บปวด                 
“อะ…อ่า…ฆะ…อ๊อก…”
เสียงกระท่อนกระแท่นที่หลุดออกมาทำให้ราเชลได้สติ  เด็กหนุ่มใจหายวาบเมื่อรู้สึกตัว  เขารีบปล่อยมือออก  ฟลอเรนทรุดลงไอโขลกและร้องไห้โฮ         
“ไอ้บ้า!…แกจะฆ่าฉันหรือไง…โอ๊ย!…ฉันจะฟ้องริช…ไอ้บ้า…โฮ….”
ราเชลยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกขณะที่หญิงสาวคลานหนีไปซุกอยู่มุมห้องและกรีดเสียงร้องลั่นทุกครั้งที่ราเชลขยับเข้าไปใกล้ 
ราเชลหันรีหันขวางก่อนวิ่งออกมาจากห้อง  เด็กหนุ่มลงลิฟต์มาชั้นล่างและวิ่งออกไปโดยไม่รู้ทิศทางจนเหนื่อยอ่อน  จึงค่อยๆลดความเร็วลงและทรุดลงนั่งที่พื้นหญ้า  ราเชลกอดเข่าและซุกหน้าลงร้องไห้ด้วยความตกใจและเสียใจ  เขาเกือบฆ่าคนตายด้วยความโกรธ  แสดงว่าเขายังไม่หาย  เขาอาจจะยังเป็นบ้า  ถ้าริชรู้ว่าเขาทำร้ายฟลอเรน ริชต้องไม่ยกโทษให้เขาแน่ ริชอาจจะขอเลิกหรืออาจส่งเขากลับไปรักษา ราเชลยกมือขึ้นกุมอกเมื่อคิดว่าจะต้องจากริชไปหัวใจก็เจ็บแปลบจนทนแทบไม่ไหว
ราเชลนั่งเหม่อยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทั่งสะดุ้งเฮือกเพราะโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเรียกขึ้นมา  เด็กหนุ่มล้วงโทรศัพท์กดรับ         
“ราเชล…ผมเองนะ  เย็นนี้ผมต้องไปหาพ่อแม่  คงไปหาร่วมงานไม่ได้”         
“ไม่…ฮึก…เป็น…ไร  ไม่เป็นไรครับเท็ด”         
“ราเชล เป็นอะไรทำไมเสียงเป็นงั้นล่ะ…ราเชลเกิดอะไรขึ้น?”         
“เท็ด…ฮึก…เท็ดครับ…”         
“ราเชล…ราเชล  ตอนนี้อยู่ที่ไหน  ผมจะไปหา…ราเชล”         
“ผม…อยู่ที่สวนสาธารณะหน้าคอนโดครับ”         
“รออยู่นั่นเดี๋ยวผมไป  อย่าไปไหนเด็ดขาด สัญญานะราเชล”         
“ครับ..”
หลังจากเท็ดวางสายราเชลก็ตัดสินใจปิดเครื่องด้วยเกรงว่าฟลอเรนจะโทรไปฟ้องแล้วริชอาจจะโทรมาต่อว่าเขา  เด็กหนุ่มนั่งคอตกปล่อยน้ำตาให้ไหลพรากไม่สนใจว่าใครจะมอง  นานแสนนานในความรู้สึกของราเชลกว่าจะเห็นร่างสูงใหญ่วิ่งวนหาเขา           
“ราเชล…เป็นอะไรไป?”
ราเชลร้องไห้โฮโผเข้ากอดชายหนุ่มแน่น เท็ดลูบหลังให้เบาๆอย่างอ่อนโยน         
“เท็ดครับ  เมื่อครู่ผมเกือบฆ่าคน”         
“อะไรนะ!”         
“เมื่อครู่นี้…ผมเกือบฆ่าฟลอเรนไปแล้ว  ผมเป็นบ้าอีกแล้วใช่ไหมครับเท็ด  ผมจะทำยังไงกับตัวเองดี  ผมไม่กล้ากลับไปที่นั่นอีกแล้ว  ผมเป็นคนบ้า  ผมต้องถูกจับส่งโรงพยาบาล  ริชก็จะเกลียดผม เจฟฟรี่ต้องเกลียดผมด้วยที่ผมทำร้ายน้องเขา  แล้ว…แล้ว…เท็ด…เท็ดจะเกลียดผมไหม?”
“ราเชล!หยุด  หยุดเดี๋ยวนี้…ฟังนะ  หายใจลึกๆ ดีมาก  เอาละฟังให้ดีๆ 
ราเชลต้องตั้งสติแล้วค่อยๆเล่าใหม่  เล่าตั้งแต่ต้นนะ…ช้าๆไม่ต้องรีบ”
ราเชลสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง  เท็ดถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเรื่องราวไม่ได้บานปลายอย่างที่คิด  ชายหนุ่มดึงร่างบอบบางเข้าโอบไว้  ราเชลใช้อกกว้างเป็นที่ระบายความเจ็บช้ำและน้ำตา 
แม้จะไม่มีคำพูดปลอบประโลมแต่เท็ดก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นจนช่วยให้ทุกสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจถูกระบายออกมาจนหมด  เรื่องบางเรื่องที่ราเชลไม่คิดว่าจะเล่าให้ใครฟังได้กลับถูกเปิดเผยอย่างง่ายดาย  เล่าแม้กระทั่งความสัมพันธ์บนเตียงของเขากับริช  เท็ดแอบอมยิ้มนึกขำ  หากริชรู้ว่าราเชลเล่าหมดเปลือกอย่างนี้มีหวังแทบจับเขาไปล้างสมองแน่  ถึงจะพอรู้ว่าริชน่ะค่อนข้างจะร้อนแรง  แต่ถ้าทำทุกวันอย่างนี้ก็สมควรอยู่หรอกที่ราเชลจะระแวงเวลาริชไปไหนไกลๆ  ราเชลพูด พูด และพูด จนไม่รู้จะเล่าอะไรอีกต่อไปจึงได้แต่ถอนใจยาวแล้วนั่งเงียบ 
เท็ดจูงมือราเชลให้เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ  เพื่อให้ราเชลผ่อนคลายและลดความเครียดลง  แสงแดดยามบ่ายค่อยๆลดความแรงลงจนกลายเป็นอบอุ่นเมื่อถึงเวลาเย็น  ราเชลเหลือบมองหน้าเท็ดเป็นระยะ  สลับกับการเหม่อมองสระน้ำกว้างและผู้คนที่เริ่มหนาตามากขึ้น 
แสงแดดอ่อนจับผิวน้ำเป็นประกายทำให้ราเชลหวนนึกถึงทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเกือบปี  ที่ที่มีเพียงเขากับริชสองคน…         
”…เชล…ราเชล”
ราเชลสะดุ้งเพิ่งรู้ตัวว่าเท็ดเรียก 
“อะ…อะไรครับ เท็ดว่าอะไรผมไม่ทันฟัง”         
“ราเชลทานอะไรแล้วหรือยัง  นี่เย็นแล้วนะหิวไหม?”         
“ไม่ครับ  มันตื้อๆ  ผม…อยากไปไหนไกลๆ  ความจริงผมอยากไป…ที่นั่นอีกสักครั้ง”         
“ที่ไหน?”       
“ที่บ้านริมทะเลสาบไงฮะ”         
“อ๋อ!…บอกริชสิ  รับรองว่าริชต้องพาไปแน่”         
“คงไม่ได้ครับ  ช่วงนี้ริชงานยุ่งผมไม่อยากรบกวน...อีกอย่างเขาก็มีฟลอเรนอยู่แล้ว ผมคงไม่มีความหมายสำหรับริชแล้วล่ะ”         
“สำหรับคนที่เรารักไม่มีคำว่ารบกวนหรอกราเชล  ริชอาจจะดีใจที่ราเชลเข้าใจเขาเรื่องงานแต่เขาคงเจ็บปวดถ้ารู้ว่าราเชลระแวงเขา  ริชรักราเชลมากนะ  อย่าประเมินค่าความรักของเขาต่ำนักสิ...หรือราเชลเห็นเขาเป็นคนมักงายที่ใกล้ใครก็คว้าคนนั้น”         
“เปล่านะครับไม่ใช่อย่างนั้นเพียงแต่…เอ่อ…”         
“เพียงแต่ราเชลน้อยใจ  เพียงแต่ราเชลระแวงว่าริชจะสนใจฟลอเรน  หรือเพียงแต่ราเชลยังไม่มั่นใจในตัวริช  เพียงแต่ข้อไหนล่ะราเชล?”         
“ผม…ผมก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าผมกลัวทุกครั้งที่มีคนอื่นเข้ามาใกล้ริช  เท็ดก็รู้ว่าริชเจ้าชู้แค่ไหน เมื่อก่อนเขาทำให้ผมเจ็บมาก  เจ็บซะจนบางครั้งผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าทำไมยังมีชีวิตอยู่  ทำไมไม่ตายๆไปเสียจะได้พ้นจากความทรมานนี้ซะที”         
“แต่นั่นมันตอนที่ริชยังเป็นวัยรุ่น  แล้วมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนะ?”         
“แต่ทุกวันนี้ริชก็ยังมีคนมาสนใจไม่หยุด  ทั้งดาราทั้งนายแบบนางแบบอะไรนั่น  แล้วยังลูกหลานของหุ้นส่วนอีก”
   “เป็นความผิดของริชสินะที่เขามีคนมาสนใจ”
“ผม...ผมไม่รู้”         
“ราเชลรู้ไหม…ผมวิงวอนต่อพระเจ้าทุกวัน  ขอให้พระองค์ให้โอกาสผมขอให้ผมได้เจอกายอีกครั้ง  ไม่ว่าวันนั้นต้องเจอกับอะไรผมก็ยินดีรับมัน ผมอยากให้ราเชลเข้าใจริช และถนอมช่วงเวลานี้ให้ดีๆ  ไม่ว่ามันจะยาวนานหรือสั้นแค่ไหน  มันก็คุ้มค่าถ้าคุณสองคนมีความสุขทุกวัน”           
 “ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ แต่ผมจะพยายาม”         
“ดีมาก  เอาละเย็นมากแล้วเรากลับกันดีกว่า”         
“ตายจริงผมทำอาหารยังไม่เสร็จเลย  ป่านนี้ริชคงใกล้กลับมาแล้วรีบไปกันดีกว่าครับ”         
“ไปสิเอ๊ะ!”         
“นั่น...ควันอะไรครับเท็ด?”         
“ไฟไหม้คอนโด ราเชลไปเร็ว”
ราเชลกับเท็ดรีบวิ่งกลับไปยังห้องพัก  กลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกจากตึก  ราเชลอุทานด้วยความตกใจและทำท่าจะวิ่งเข้าไปเมื่อสังเกตเห็นว่ากลุ่มควันมาจากห้องของตนเอง  แต่เท็ดรีบคว้าตัวไว้         
“เท็ด!ข้างในมีของริช  มีงานริชที่ทิ้งไว้ด้วยผมจะไปเอา”         
“ไม่ได้  มันอันตรายเกินไป  ของแค่นั้นช่างมันชีวิตเธอสำคัญกว่า”         
“แต่ว่า…เอ๊ะ! เท็ดนั่นฟลอเรน!…” ราเชลอุทานออกมาเมื่อเห็นเงาคนที่หน้าต่างห้อง 
ฟลอเรนยืนโอนเอนไปมาแล้วผลุบหายไปข้างใน  เท็ดกระโจนเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว  ราเชลวิ่งตามแต่ถูกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคว้าตัวไว้ทัน           
“ปล่อยผม!ปล่อยสิเพื่อนผมติดอยู่ข้างในนั้นนะ  ปล่อย!”         
“บ้าเหรอ! เพื่อนเธอเดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขาช่วยเหลือเอง  ถ้าเธอเข้าไปมีหวังตายอยู่ในนั้นแน่”         
“แต่เพื่อนผม….”         
“ไม่มีแต่ถอยไป!  ถอยไปสิ!  ถ้าอยากช่วยเพื่อนก็อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”         
“ราเชล!” 
ราเชลหันขวับแต่ช้ากว่า  อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดเด็กหนุ่มเข้าไปกอดไว้แน่น  ราเชลได้ยินหัวใจริชเต้นระรัว           
“เกิดอะไรขึ้นราเชล  ฉันรีบแทบตายกลัวเธอติดอยู่ในนั้น”         
“ริชช่วยด้วย!ฟลอเรนติดอยู่ในนั้น”         
“อะไรนะ!”         
“ฟลอเรน  ผมเห็นเขา…เท็ดเข้าไปช่วย”         
“เท็ดเข้าไป?”         
“ริช  ริชช่วยเท็ดกับฟรอเรนด้วย”         
“ได้ๆ…เดี๋ยวนะ”  ริชผละไปหาเจ้าหน้าและพูดคุยกันเคร่งเครียด  ชายหนุ่มโทรศัพท์หาใครบางคนและพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง  ตลอดเวลาริชคอยเหลียวมามองราเชลเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง
         .................................

เจฟฟรี่เกาะกระจกมองน้องสาวด้วยความห่วงใยปนเจ็บปวด ในใจยังเสียวแปลบเมื่อคิดว่าเขาเกือบต้องสูญเสียเธอ  ใครบางคนแตะที่แขนเขาเบาๆ
เจฟฟรี่หันไปยิ้มให้ ดวงตาโตดูเศร้าด้วยความเป็นห่วง           
“ขอบคุณมากครับคุณราเชล“         
“ผมไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อย…เท็ดต่างหากที่เข้าไปช่วย”         
“แต่ถ้าคุณไม่เห็นฟลอเรน  คุณเท็ดก็คงเข้าไปช่วยไม่ทันอยู่ดี  ขอบคุณมากนะครับสำหรับความมีน้ำใจ  ผมรู้ว่าน้องผมทำร้ายจิตใจคุณมากแค่ไหน  แต่คุณนอกจากจะไม่เคยเอาเรื่องเขาแล้วครั้งยังช่วยชีวิตเขาไว้อีก  ขอบคุณมากครับ”         
“อย่าขอบคุณเลยครับเจฟ  ผมเองก็ไม่ใช่จะดีอะไร  แอบอาระวาดกับริชก็หลายครั้ง  แต่ผมสัญญานะว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ทำตัวโง่ๆแบบนั้นอีกแล้ว”         
“ผมก็สัญญาครับว่าจะไม่ให้น้องเข้าไปทำความเดือดร้อนให้คุณกับคุณ
ริชอีก”         
“ริชกับหมอมาแล้วครับ”         
“เจฟ!มาถึงเมื่อไหร่?”         
“เพิ่งมาถึงครับ  พอพีทโทรไปบอกก็รีบดิ่งมานี่เลย…แล้วคุณเท็ดเป็นไงบ้างครับ?”         
“ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน…หมอบอกว่าโดนกระแทกอย่างแรงจนซี่โครงหัก  แต่หมอนั่นยังขืนอุ้มฟลอเรนลงมาจนถึงข้างล่างได้”         
“…ผม…ไปเยี่ยมคุณเท็ดได้หรือยังครับ?”         
“อย่าเพิ่งดีกว่า  หมอเพิ่งให้ยาไป ไว้ตอนค่ำๆค่อยไปเยี่ยมก็ได้”
เจฟฟรี่พยักหน้า แต่ดวงตาหมองลงด้วยความเป็นห่วง  หากครั้งนี้เท็ดต้องเป็นอะไรไปคงเป็นความผิดของเขาเองที่ดูแลน้องไม่ดี  สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งริช ราเชลและทำให้เท็ดเกือบตาย  แพทย์ที่เข้าไปตรวจฟลอเรนเปิดประตูออกมา เจฟฟรี่  ริชและราเชลต่างเข้าไปรุมล้อม         
“ฟลอเรนเป็นไงบ้างครับ?”         
“อาการดีขึ้นมาแล้วครับ  นอกจากขาหักแล้วก็มีรอยไฟลวกนิดหน่อย  รอให้คนไข้ฟื้นก่อนแล้วค่อยย้ายไปห้องพิเศษ”         
“ขอบคุณมากครับหมอ”         
“งั้นหมอขอตัวนะครับ”
………………………..

ราเชลเหลือบมองริชบ่อยๆ สีหน้าของริชดูเครียดเขม็งทั้งๆที่หมอก็ยืนยันแล้วว่าฟลอเรนและเท็ดปลอดภัย  ริชพาเขามาพักที่โรงแรมในเครือของแฮ- มิลตันชั่วคราวจนกว่าบ้านหลังใหม่จะเสร็จซึ่งความจริงก็สร้างมานานจนใกล้จะเสร็จแล้ว  เพียงแต่ไม่คิดว่าจะต้องย้ายกระทันหันเอาตอนนี้
พนักงานในโรงแรมรีบออกมาต้อนรับแทบจะทั้งโรงแรมก็ว่าได้แต่ริชกลับโบกมือไล่ดื้อๆเป็นสิ่งที่ไม่เห็นริชทำมานานนับแต่เปลี่ยนนิสัยจากหนุ่มน้อยเจ้าอารมณ์มาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวอย่างทุกวันนี้
ราเชลเดินตามหลังริชเงียบๆจนเข้าสู่ห้องพักจึงถอดเสื้อคลุมออกแขวน         
“หิวหรือเปล่าครับ  เดี๋ยวสั่ง…ริช!เป็นอะไรไป?”
อ้อมแขนที่ตวัดโอบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ตัวคนกอดสั่นระริกทำให้ราเชลตระหนก ได้แต่ลูบหลังไหล่กว้างไปมาเพื่อปลอบโยน           
“ราเชล…ราเชล…ให้ตายเถอะ…ฉันรู้สึกเหมือนจะคลั่งตอนที่รู้ว่าไฟไหม้แล้วมีคนติดอยู่ในห้องเรา  ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับฟลอเรน  ถ้าเธอไม่ออกไปข้างนอก  ถ้า…ถ้าคนที่บาดเจ็บเป็นเธอ…ฉันจะทำยังไง…ฉันต้องทนไม่ได้แน่ๆ...ราเชล…โอพระเจ้า!…” ริชซบหน้ากับผมนุ่มหอมแน่น
“ริช…อื้อ…ริชครับ…เดี๋ยว!”  เด็กหนุ่มพูดไม่ออกเพราะอ้อมแขนริชรัดแน่นไม่คลาย ราเชลรู้สึกตื้นในอกด้วยความปลาบปลื้มที่ได้เป็นคนสำคัญของริช  แต่ไม่เคยคิดว่าจะมากมายจนทำให้ริชถึงกับสั่นไปหมดทั้งตัวอย่างนี้  ริชช้อนหน้านวลขึ้นมาจูบไปทั่ว ปากก็พร่ำเรียกแต่ชื่อของเด็กหนุ่ม  ราเชลจูบตอบและลูบไล้ใบหน้าหมองคล้ำของริชอย่างอ่อนโยนเพื่อถ่ายทอดการปลอบประโลมด้วยสัมผัส  ริชถอนจุมพิตและจ้องมองราเชลเขม็ง  ดวงตาแดงซ่านด้วยความกดดันที่อัดแน่นอยู่ในอก         
“ราเชล…ที่รัก…ฉันนึกว่าจะเสียเธอไปแล้ว…ตอนนั้นหัวใจเหมือนจะหยุดเต้น…คิดอะไรไม่ออก รู้แต่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด…ฉัน…ฉันคิดไม่ออกว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปยังไงถ้าไม่มีเธอ” มือที่ประคองแก้มสั่นจนเด็กหนุ่มรู้สึกได้  ราเชลยิ้มตอบด้วยความซาบซึ้งหมดใจ         
“ผมก็เหมือนกัน…ถ้าไม่มีริชก็อยู่ต่อไปไม่ได้”
ริชรัดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก  ความทุกข์ที่ได้เจอในวันนี้ตอกย้ำถึงความโหดร้ายที่เขาเคยทำไว้กับราเชลเมื่อครั้งยังวัยรุ่น  ริชหลับตาลงอย่างเจ็บปวด  เท็ดช่างเข้มแข็งเหลือเกินที่ผ่านคืนวันอันโหดร้ายตอนสูญเสียกายมาได้  เพราะหากวันนี้เขาเสียราเชลไป  ไม่รู้ว่าเขาจะครองสติไว้ได้หรือไม่  ชายหนุ่มเพิ่งซาบซึ้งกับสิ่งที่เท็ดเคยบอก           
‘สำหรับฉันนะริช  กายไม่ใช่แค่คนรัก  กายเป็นหัวใจ  เป็นอากาศ เป็นอนาคต เป็นทุกอย่างในชีวิตฉัน  ไม่มีกายฉันก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว’         
ถ้าวันนี้เขาต้องเสียราเชลไป  เขาคงไม่เหลืออากาศหายใจเหมือนกัน  ริช ช้อนร่างบอบบางเข้าไปวางบนเตียง  ค่อยๆปลดอาภรณ์ออกจนหมด และจูบไล้แผ่วเบาไปจนทั่วร่างขาวนวลด้วยความหวงแหนจับหัวใจ  ราเชลหลับตาปล่อยกายและใจให้เพริดไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่แม้จะนุ่มนวลปานใดแต่ก็ปลุกให้เลือดร้อนฉ่าขึ้นมาจนได้  ร่างหนาแน่นด้วยกล้ามเนื้อเบียดกระชับลงบนร่างนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอม  ให้สัมผัสช่วยถ่ายทอดความรักแทนคำพูด
         ..................................

เพดานสีขาวพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่งกว่าที่สายตาจะปรับจนชัดเจนได้  ใบหน้ากร้านเกรียมด้วยวัยและความทุกข์ใจทำให้ฟลอเรนน้ำตาคลอ
   “เป็นไงบ้าง?”
“เจฟ...ฟลอเรนคิดว่าจะไม่ได้เห็นพี่แล้ว”
“เด็กดื้อ...เธอเกือบฆ่าพี่ทั้งเป็นแล้วนะ  คิดบ้างไหมว่าถ้าไม่มีเธอพี่จะอยู่ยังไง”
“ก็ฟลอเรนเกลียดมัน  ฟลอเรนอยากทำลายทุกอย่างที่มันรักให้สิ้นซาก”
“เธอก็เลยจุดไฟเผางานเขียนของคุณราเชล”
“ใช่...แต่...แต่ฟลอเรนไม่คิดว่าไฟมันจะลุกแรงขนาดนั้น”
“คุณราเชลเขียนภาพสีน้ำมันไว้มากมาย  วัสดุในนั้นหลายอย่างเป็นวัตถุไวไฟ  พอมีเชื้อก็...บึ้ม!  เธอคงตายไปแล้ว  ถ้าคุณราเชลไม่กลับมาแล้วเห็นเธอ  ไม่มีใครอยู่ที่ชั้นพิเศษนั่น  ถ้าคุณราเชลไม่เห็น เธอถูกไฟคลอกตายอยู่ในนั้นแน่”
ฟลอเรนหันหน้าหนี  ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  เธอพยายามทำลายทุกอย่างที่เด็กนั่นรัก  แต่กลับกลายเป็นเธอที่บาดเจ็บ  เด็กนั่นปลอดภัยและยังกลายเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้เสียอีก
“เธอรักคุณริชขนาดตายเพื่อเขาได้เชียวเหรอ?”
“ใช่”
“แน่ใจเหรอฟลอเรน  วินาทีที่เธอคิดว่าต้องตายแน่แล้ว  เธอคิดถึงแต่คุณ
ริชสินะ”
“หยุดๆๆๆ...พอได้แล้ว...ทำไมพี่ต้องมาตอกย้ำ  พี่ก็รู้ว่าฉันไม่อยากเสียริชไป  ใช่!ตอนที่จะตายฉันไม่ได้คิดถึงเขาเลย  ฉันคิดถึงพี่  คิดถึงเพื่อนที่มหาวิทยาลัย  คิดแต่ว่าฉันอยากออกไป  ถ้าฉันรอดฉันจะกลับมากอดพี่  มาขอโทษพี่...แล้วทำไม...ฉันไม่มีสิทธิ์หรือไง  ฉันโตมากับริช  แล้วริชก็รักฉันคนเดียวมาตลอด  ทำไมตอนนี้ฉันต้องเสียพี่ เสียริชให้ไอ้กระเทยนั่น  ฉันไม่ยอม”
“ถ้าเธอไม่เจ็บอยู่พี่จะตบหน้าเธอ  สิ่งที่เธอคิด เธอทำมันผิด  และคนที่ผิดยิ่งกว่าเธอก็คือพี่  พี่ใจอ่อนมากเกินไป  รักเธอมากเกินไป  รู้เห็นว่าเธอทำอะไรก็ไม่กล้าขัดขวาง  กลัวเธอเสียใจ  มองข้ามไปว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ  ฟลอเรน...เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลเราจะกลับไปอยู่บ้านเก่าด้วยกัน  พี่จะลาออกแล้วไปดูแลเธอไม่ให้เธอออกมาเพ่นพ่านทำร้ายใครอีก”
“ฉันไมใช่สัตว์เลี้ยงของพี่นะ”
“เพราะเธอเป็นน้องต่างหากฟลอเรน  ถ้าเธอเป็นแค่สัตว์เลี้ยงแล้วแว้งกัดผู้มีพระคุณ พี่ก็แค่ยิงเธอทิ้ง  แต่นี่เธอเป็นน้องพี่  พี่ถึงต้องเก็บตัวเธอไว้ไม่ให้เธอทำร้ายใครได้อีก”
“เจฟ!”
“พี่พูดจริง...พี่ทำแน่  เพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายอย่างนี้มันเกิดขึ้นอีก  เธอทำให้พี่ไม่มีทางเลือก”
“ทำไมละเจฟ  ทำไมพี่ต้องปกป้องเด็กนั่นนัก  ทำไมใครๆต้องปกป้องมันนัก  แค่คนบ้าคนเดียว”
“เธอไม่รู้หรอกว่าระหว่างคุณริชกับคุณราเชล  มันมีอะไรมากมายกว่าความรัก”
“ริชก็พูดแบบพี่  แต่ฉันนึกไม่ออกว่าจะมีอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้”
เจฟฟรี่เล่าเรื่องของริชกับราเชลให้ฟลอเรนฟังรวมถึงเรื่องที่ราเชลต้องเข้าโรงพยาบาล  และความพยายามที่จะรักษาจนราเชลกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ทำไมกัน...ทำไมริชต้องทุ่มเทขนาดนั้นด้วย?”
“เพราะรักไง...เพราะว่ารักคุณริชถึงทำได้ทุกอย่าง  และเพราะความรักคุณ
ราเชลถึงกลับมาเป็นปรกติได้อีกครั้ง  เธอยังคิดอีกไหมว่าจะแยกเขาออกจากกันได้”
ฟลอเรนหลับตานิ่ง  น้ำตาไหลพราก  แต่สีหน้าดูสงบลงกว่าเดิม  เจฟฟรี่ได้แต่ภาวนา  ให้ฟลอเรนคิดได้และเปิดใจยอมรับราเชลได้เร็วๆ  ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องทำอย่างที่พูดไว้
         ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 20-09-2009 18:37:27
.....
เสียงเคาะประตูเบาๆดึงความสนใจของพยาบาลสาวให้ละจาก –
หนังสือ  เจ้าหล่อนลุกออกไปเปิดประตูให้  ขณะที่คนไข้เบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยรู้ว่ายังไงคงไม่พ้นพี่ชายหรือไม่ก็ริชที่จะต้องมาคาดคั้นให้เธอยอมรับเรื่องรักวิปริตของริชกับ กระเทยหน้าสวยคนนั้น
   “คุณเวลบอร์นมาเยี่ยมค่ะ  ดิฉันจะออกไปรอข้างนอกนะคะ”
ฟลอเรนหันขวับมาทันที  ราเชลหอบคัทลียาสีขาวช่อใหญ่เข้ามาเยี่ยม ร่างบอบบางไม่สูงมากนัก  ใบหน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กทั้งที่อ่อนกว่าฟลอเรนแค่ปีเดียว  ดวงตาที่มองมายังเธอดูหวั่นกลัวและขาดความมั่นใจ 
   “มาทำไม?”
   “ผมมาเยี่ยมครับ...นี่ครับดอกไม้”
   “เอากลับไป!ฉันไม่ต้องการ  แล้วจะบอกให้นะว่าคนอย่างฉันน่ะหัวแข็ง  ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก  หึ..คิดว่าช่วยฉันแล้วฉันจะมองนายดีขึ้นหรือไง  ไม่มีทาง  ฉันจะเอาริชคืนมาให้ได้”
“ผมไม่ให้”
ฟลอเรนอ้าปากค้างเมื่ออีกฝ่ายสวนกลับมาทันควัน  ทั้งที่ใบหน้าซีดจนแทบเป็นกระดาษ  มือที่ถือดอกไม้ก็สั่นระริก  แต่ดวงตาของราเชลกลับดูเข้มข้นและเด็ดเดี่ยวเสียจนฟลอเรนงง
“...อะไรนะ...”
“ผมไม่ให้  คุณเอาริชไปไม่ได้  ผมไม่ยอม”
ฟลอเรนอึ้งไปพักหนึ่งกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ  ตลอดชีวิตของเธอนอกจากริชกับเจฟไม่มีใครกล้าขึ้นเสียงเถียงเธอสักครั้ง
“นะ...นายไม่มีสิทธ์มายอมหรือไม่ยอม  ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์ ฉัน...”
“สิทธิ์ของอะไร  น้องสาวคนสนิทเหรอ  ผมเป็นคนรักของริช  และผมก็ไม่มีวันยอมเสียเขาไป” ราเชลสวนกลับทันควันก่อนที่ฟลอเรนจะพูดจบ  คำพูดเหมือนท้าทายทำให้คนเจ็บหน้าแดงจัด เนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธ
“นายกล้าท้าฉันเหรอ?”
“ผมไม่ได้ท้า  แต่ผมไม่ให้”
“แล้วนายจะได้เห็นว่านรกมันเป็นยังไง”
ดวงคมดุเกรี้ยวกราดสบกับตาโตที่ดูสงบแต่เด็ดเดี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผมไม่กลัว  ให้ผมตายเสียดีกว่าต้องเสียริชไป”
“นาย...แก...”
“ผมขอโทษที่มาขึ้นเสียงใส่คุณ  ผมตั้งใจจะมาเยี่ยมไม่ได้อยากมาทะเลาะกับคุณ...ผมจะเอาดอกไม้ไปใส่แจกันให้”
“ฉันไม่เอา  เอาออกไปนะ” ฟลอเรนกรี๊ดใส่หลุดมาดนางพญามาเป็นเด็ก
เจ้าอารมณ์
“คุณก็ลุกมาเอาไปทิ้งเองแล้วกัน”  ราเชลบอกหน้าตาเฉยก่อนจะหายไปห้องเก็บของด้านในเพื่อหาแจกันมาใส่ดอกไม้
ประตูห้องเปิดผลัวะเข้ามาโดยไม่มีเสียงเคาะ  สีหน้าของเจฟฟรี่เหมือนถูกผีหลอก  แต่พอเห็นฟลอเรนก็ชะงัก
“อะไรเจฟ  เกิดอะไรขึ้น?”
“บ้าฉิบ...ติดกับมันแล้ว” เจฟสบถลั่นคว้าโทรศัพท์มาโทรหาลูกน้องสั่งให้ตามริชไปด่วนที่สุด  และให้ขอกำลังจากตำรวจท้องที่
“อะไรล่ะพี่! บอกมานะ “
ฟลอเรนโวยลั่นเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของพี่ชาย  เพราะโตมากับริช
สัญชาติญาณระแวงภัยของเธอจึงทำงานฉับพลัน
“มีคนอ้างว่าเป็นพยาบาลพิเศษของเธอโทรไปบอกว่าการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องถูกทำร้าย  มีผู้ชายสองคนเข้าไปในห้องเธอ   พี่เลยรีบมา ปล่อยให้คุณริชกับพีทไปงานกันแค่สองคน”
“อะไรนะ บ้าแล้วพี่  ปล่อยไปได้ยังไง”
“พี่จะรีบไป...” เสียงโทรศัพท์มือถือของเจฟดังขึ้นเสียก่อน
“ว่าไงแฟร้งค์...อะไรนะ...อยู่ที่ไหน...ไอ้พวกหมาลอบกัดเอ๊ย! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เจฟสบถลั่น  ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วทำท่าจะออกไปแต่ฟลอเรนเรียกไว้เสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นกับริช”
“ถูกลอบยิงนะสิ  แฟร้งค์โดนเข้าที่ไหล่”
“แล้วริชละ”
“แฟร้งค์ไม่เห็น คุณริชอยู่กับพีท  พวกมันรุมยิงรถพีทเละทั้งคันเลย”
เพล้ง!!! เจฟฟรี่และฟลอเรนหันขวับไปทางต้นเสียง  ราเชลยืนหน้าขาวเหมือนกระดาษ  แก้วทรงสูงที่ใส่ดอกไม้แทนแจกันแตกละเอียดคามือ  เลือดสดๆไหลทะลักออกมาเต็มมือและหยดลงบนพื้น
“คุณราเชล!...ฟลอเรนเรียกหมอเร็ว!” เจฟฟรี่กระโจนทีเดียวถึงตัวเด็กหนุ่มและรีบแกะเอาเศษแก้วออกจากมือ 
ฟลอเรนหันไปคว้าเนิสคอร์มากดถี่ยิบ  หากไม่ติดว่าขาหักเธอคงกระโดดลงมาด้วยความตกใจเช่นกัน
“ริช...ริช...ไม่ๆ...เจฟปล่อยผม...ปล่อยผมเร็ว...” ราเชลพยายามกระชากแขนออกและผลักไส แต่เจฟยึดมือเลือดโชกไว้แน่น
“คุณราเชลครับ  อย่ากำมือครับ  ผมจะเอาเศษแก้วออกให้”
“ช่างมัน  ช่างหัวมันสิ  ไปเร็วเจฟ  ไปช่วยริชก่อน  ไปสิเจฟ  ช่วยริชที...ช่วยริชด้วย” มือเปื้อนเลือดพยายามผลักไสเจฟฟรี่ออกจากห้อง  เป็นจังหวะเดียวกับที่หมอและพยาบาลกรูกันเข้ามา
“คุณฟลอเรนเป็นอะไรครับ?”
“โน่นคนเจ็บอยู่โน่นต่างหาก  เร็วสิหมอยืนทื่ออยู่ได้” ฟลอเรนตวาดแหว  ตกใจที่เห็นราเชลโวยวายเหมือนกับขาดสติอย่างนั้น
“ใจเย็นๆครับ  คุณราเชลครับ  ขอหมอดูมือคุณก่อน” โจนาธานชะงัก  แค่แผลที่มือน่ะไม่น่ากลัวเท่ากับอารมณ์ของเด็กหนุ่มแน่  ดวงตาโตเบิกค้างจนน่ากลัว  ใบหน้าขาวซีดจนแทบเขียว  ท่าทางทุรนทุรายนั้นชวนให้กังวลว่าราเชลจะขาดผึงไปอีกครั้งมากกว่า
“ไม่...ไม่ต้อง  หมอครับ เจฟช่วยริชก่อน  ไปสิเจฟช่วยริชก่อน” ราเชลร้องไห้โฮอย่างขวัญเสีย  หมอแอบถอนใจ  ถ้าแสดงอารมณ์ออกมาอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย  ขืนช็อกตาค้างแบบเมื่อกี้เขาคงทำอะไรไม่ถูก  หมอหันไปขยิบตาให้เจฟฟรี่  หนุ่มใหญ่รีบบอกลาละล่ำละลัก
“ครับๆผมจะไปเดี๋ยวนี้”
“หมอด้วย  หมอไปช่วยริชด้วยเร็วๆสิ  ริชถูกยิงนะ  ริชถูกยิง” ราเชลหันมาเขย่าแขนหมอ  เลือดเปื้อนแขนเสื้อกราว์นจนชุ่ม
“อะไรนะ จริงเหรอครับคุณเจฟ” โจนาธานหันไปถามหน้าตาตื่นเช่นกัน เจฟกำลังจะออกจากห้องอยู่แล้วต้องชะงักหันกลับมาตอบ
“ผมยังไม่รู้รายละเอียด”
“งั้นผมไปด้วย   ผมกำลังจะออกเวรพอดี” หมอวิ่งตามเจฟฟรี่ออกมาติดๆ  เจฟเหลียวมองราเชลอย่างเป็นห่วง  เห็นพยาบาลเข้าไปมะรุ่มมะตุมกันโดยมีน้องสาวเขาบงการแหวๆยังกับเป็นหมอเสียเอง
“แล้วทางนี้ละครับ?”
“ผมจะให้เขาตามหมอส่วนตัวคุณราเชลมาให้”
 “งั้นมาทางนี้ครับหมอ...รถจอดอยู่ทางนี้”
      ..................................

ฟลอเรนเหลือบมองร่างบางที่นั่งนิ่งเหมือนหุ่นเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้ว  ตั้งแต่เจฟฟรี่ออกไปราเชลก็ไม่พูดอะไรอีกเลย  ดวงตาโตจ้องเขม็งที่ประตูราวกับจะมองให้ทะลุ  ไม่ว่าพยาบาลจะทำแผลหรือฉีดยาเด็กหนุ่มก็นั่งเฉย  หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ  อารมณ์ของเด็กหนุ่มดูเปราะบางจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากมีอะไรมากระทบสักนิด
พยาบาลที่เข้ามาเฝ้าทีเดียวสองคนหันมองกันหน้าแหยๆ  ต่างบุ้ยใบ้เกี่ยงกันไปมาจนฟลอเรนหันไปมองเป็นเชิงถาม
“เราอยากให้นอนหลับสักครู่น่ะคะ  แต่คุณเวลบอร์นไม่ยอมนอน”
พยาบาลทั้งสองขยับเข้ามากระซิบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน  พลอยให้
ฟลอเรนต้องกระซิบตามไปด้วย
“ก็ฉีดยานอนหลับสิ”
“ฉีดแล้วค่ะ  แต่ทำไมไม่หลับก็ไม่รู้”
“แล้วจะเอายังไง?”
“เรารอหมอส่วนตัวของคุณราเชลอยู่ค่ะ...มาพอดีเลย”
ทั้งพยาบาลและฟลอเรนแทบถอนใจเมื่อร่างสูงโปร่งโผล่เข้ามาในห้อง
ซอเรนก้มศีรษะทักทายฟลอเรนนิดหนึ่งก่อนจะขยับเข้าไปใกล้คนบนเตียงเสริม  ที่เสริมกันฉุกละหุกเมื่อครู่นี้เอง
“คุณราเชลครับ”
“........” ราเชลนั่งเฉย  ไม่หันกลับมามองซอเรนด้วยซ้ำ  พยาบาลคนหนึ่งเอาชาร์ทไปส่งให้  ซอเรนรับมาดูแล้วพยักหน้า
ซอเรนเข้าไปประคองราเชลลงนอน  ตอนแรกเด็กหนุ่มขืนตัวไว้  แต่ไม่นานก็ยอมนอนแต่โดยดี  ซอเรนดึงผ้ามาห่มให้ และปัดปอยผมยุ่งๆออกจากใบหน้าชื้นเหงื่อ  ฟลอเรนจับตาดูท่าทางทะนุถนอมของซอเรนอย่างสงสัย  ดูท่าจะไม่ใช่แค่หมอกับคนไข้เฉยๆเสียแล้ว 
ราเชลหลับไปเพราะฤทธิ์ยาฉีด   แต่ไม่นานก็เริ่มกระสับกระส่ายและตื่นขึ้นมาอีก 
“ริชละ...ริชกลับมาหรือยัง...ริชเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณเจฟไปช่วยแล้วครับ  อีกสักครู่คงโทรมาบอก” ซอเรนอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพื่อให้เด็กหนุ่มสงบลง  เขาเองก็เพิ่งรู้รายละเอียดจากการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเมื่อครู่นี้ 
เด็กหนุ่มฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง  แต่เนื่องจากยังไม่หมดฤทธิ์ยาทำให้มีอาการ คลื่นไส้อาเจียนอยู่เป็นระยะ จนหมดแรง
“ถ้าเจฟโทรมาบอกผมนะ...บอกผม” ราเชลพึมพำเบาๆก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าซีดขาวของเด็กหนุ่มทำให้ซอเรนสะท้อนใจด้วยความเจ็บปวด
ราเชลหลับยาวนานกว่าครั้งแรกมาก  เมื่อลืมตาตื่นจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มมองมาอย่างอ่อนโยนแกมห่วงใย
“ริช...ริช...ฮือ...ริช...” ราเชลร้องไห้สะอึกสะอื้น  ทั้งดีใจ โล่งใจจนทำอะไรไม่ถูก  ริชช้อนร่างน้อยขึ้นกอดแน่น  เสียงสะอื้นของราเชลทำให้ตื้นในลำคอด้วยความปวดร้าว  ความทุกข์ทรมานของราเชลเกิดเพราะเขาทุกที  จนเขาไม่รู้จะไถ่โทษอย่างไรแล้ว
“คนดี...ที่รัก...ชูววว...ไม่เอา...อย่าร้องไห้น่า  ฉันกลับมาแล้วไง”
“ผม...ผมนึกว่าริช...เจ็บ...ผม...ผมได้ยินว่าริชถูกยิงด้วย”
“มันยิงรถน่ะ  คนปลอดภัยดีทุกคน  อ้อ!มีแฟร้งค์โดนเข้าที่แขน  แต่ก็แค่ถากๆไป  นี่ไงเห็นไหม...ฉันไม่มีแผลเลย”
ริชผละออกกางแขนอวด  ราเชลลูบไล้ไปทั่วใบหน้าและลำตัวของชายหนุ่มก่อนจะโผเข้าไปกอดแน่น  ริชกอดตอบและโยกตัวไปมาเบาๆ  เสียงสะอื้นแผ่วลดลงเรื่อยๆและไม่นานก็มีแต่เสียงหายใจเบาๆเข้ามาแทน
ทุกคนในห้องแอบถอนใจพรู  แต่เมื่อทำพร้อมๆกันเสียงถอนใจก็เลยดังจนทุกคนเหลียวมามองกันแล้วต่างอมยิ้ม  คนนั่งกันเต็มห้องแต่ดูเหมือนราเชลจะมองไม่เห็นใครนอกจากริช  ซอเรนลุกขึ้นเตรียมจะกลับ  ตอนนี้ราเชลไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแล้ว  แต่ริชหันกลับมาเรียกไว้เสียก่อน
“หมอ...ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ  มันเป็นหน้าที่ผม  ลาละครับ”
ซอเรนก้มศีรษะให้แล้วออกไป  ตอนแรกริชตั้งใจจะชวนซอเรนไปทานอาหารค่ำด้วยกันเพื่อเป็นการขอบคุณ  แต่แววตารวดร้าวของซอเรนบอกให้รู้ว่าเขาคงอยากอยู่ตามลำพังมากกว่า
ฟลอเรนมองร่างผอมบางในอ้อมแขนริชนิ่งงัน  ไม่มีความเกลียดชังหรือริษยา มีแต่ความเวทนา  เพิ่งเข้าใจในสิ่งที่ริชและเจฟฟรี่พยายามอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับอาการของราเชล  อารมณ์ที่เปราะบางและพร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆหากถูกกระทบกระเทือนรุนแรงสักครั้ง  นี่เองริชถึงออกโรงปกป้องจนแทบฆ่าเธอ 
ถึงจะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ  แต่ฟลอเรนก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ  เธอถูกเลี้ยงมาให้แข็งแกร่งเหมือนไม้ใหญ่  เพื่อเป็นหลักและปกป้องคนใต้บังคับบัญชาในฐานะทายาทคนหนึ่งในตระกูลแฮมิลตัน  แม้จะเป็นพียงลูกบุญธรรมก็ตาม
แต่ราเชลไม่ใช่  เด็กหนุ่มเป็นเพียงไม้เลื้อย  อ่อนแอ เปราะบางและจะตายทันทีหากไม่มีไม้ใหญ่อย่างริชให้เกี่ยวพัน  ราเชลไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากริชได้  ฟลอเรนเพิ่งซาบซึ้งกับสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดกับเธอเมื่อเช้า
“ฟลอเรน...พี่ว่า...”
“ฟลอเรนรู้เจฟ  อย่าพูดอะไรอีกเลย  ถึงรู้ดีฟลอเรนก็ขอเวลาทำใจหน่อยเถอะ...ฟลอเรนไม่ใช่นางเอกในหนังนี่  จะได้เป็นฮีโร่จอมเสียสละ...”
“แค่เธอยอมเข้าใจพี่ก็ดีใจแล้ว...พี่ภูมิใจในตัวเธอมากนะ”
“อย่ามาประชดเลย  ปวดหัวแทบตายละไม่ว่า  ฟลอเรนรู้หรอกว่าพี่เหนื่อยกับฟลอเรนแค่ไหน...ขอโทษนะเจฟ ที่ฟลอเรนเอาแต่ใจ”
“ไม่เลยที่รัก  พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ  ถ้าพี่ใจแข็ง เข้มงวดกับเธออีกนิด  ตามใจเธอให้น้อยลงอีกหน่อยเธอคงไม่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้”
ฟลอเรนหันไปเหล่มองพี่ชายตาขุ่นๆ
“ตกลงจะชมหรือด่าเอาให้แน่เจฟ”
“หึๆๆ...พี่รักเธอนะ”
“ฟลอเรนก็รักเจฟ  รักริชด้วย...แต่แฟนริชยังรักไม่ลง...ถึงจะไม่เกลียดแล้วก็เถอะ”
“ขอบใจ” ริชหันมาขอบใจเบาๆ  ก่อนจะค่อยๆช้อนอุ้มร่างบางขึ้นจากเตียง
“นั่นจะไปไหนริช?”
“จะพาราเชลกลับบ้าน  ขอบใจอีกครั้งนะที่ดูแลราเชลให้”
“ฮื่อ...ดูแผลด้วยล่ะ  เห็นพยาบาลเย็บไปตั้งหลายเข็ม” ฟลอเรนเผลอเตือนด้วยนิสัยจู้จี้อันเคยชิน
“ขอบใจมากน้องรัก”
“เชอะ...เรามันเป็นได้แค่น้องนี่นะ”
ฟลอเรนแบะปากสะบัดหน้าหนีอย่างแสนงอน  ขณะที่ริชกับเจฟสบตากันอย่างอ่อนใจ  เจฟฟรี่ตบศีรษะน้องสาวเบาๆก่อนจะตามริชออกไป
ฟลอเรนทิ้งตัวลงนอน  ทั้งที่ควรจะเจ็บปวดเสียใจที่ต้องสูญเสียริช  แต่เธอกลับรู้สึกโล่ง
“เฮ้อ! เรานี่ช่างเป็นนางเอกเสียจริงๆ” ฟลอเรนพึมพำกับตัวเองเบาๆ  แต่เสียที่แทรกเข้ามาทำเอาเธอสะดุ้ง
“สวัสดีครับนางเอก  ขอดูข้อเท้าหน่อยนะครับ” โจนาธานโผล่เข้ามายิ้มเผล่
“เสียมารยาท  แอบฟังคนไข้ได้ยังไงหมอ”
“คุณพูดออกลั่น  ผมไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน”
“...ออกไปเลยไป  เข้ามาทำไมเนี่ย”
“อ้าว!ผมก็ต้องมาตรวจคุณตามหน้าที่สิครับ  ผมเป็นเจ้าของไข้คุณนี่”
“ไม่ต้อง...ฉันจะขอเปลี่ยนหมอ”
“เสียใจด้วย  ผมเป็นศัลย์แพทย์ที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลนี้  และคุณเจฟ -
ฟรี่ก็เจาะจงเลือกผมดูแลคุณ”
“ฉันให้ริชเปลี่ยนหมอให้”
“ผมเป็นเพื่อนซี้กับริชสมัยเรียนประถม...โจนาธาน แว่นหนาไงครับ  ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะจ๊ะ  ฟลอเรนจอมเฮี้ยว”
ฟลอเรนอ้าปากค้าง  เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร วีรกรรมสมัยเด็กที่เคยแกล้งนายแว่นเพื่อนริชจนหัวร้างข้างแตกนั้นแทบเป็นตำนานในโรงเรียนด้วยซ้ำ  หญิงสาวหนาวหลังเยือก  สังหรณ์ใจว่าเธอต้องถูกแกล้งคืนแน่ๆ
“เจฟ! ริช!นี่ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาเดี๋ยวนี้นะ  นี่...ได้ยินไหม!”
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 20-09-2009 18:40:04
........

ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลฟลอเรนกลับตามราเชลแจ  เพื่อยึดเป็นเกราะกำบังจากหมอโจนาธาน  ดูเหมือนทั้งริชและเจฟฟรี่จะสนับสนุนหมอเต็มที่ให้ตามจีบฟลอเรน  แต่ฟลอเรนรู้สึกเหมือนกำลังโดนรวมหัวแกล้งมากกว่าโดนขอความรัก  แต่ไม่ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครก็โดนเมินเฉยไปหมด  มีแต่ราเชลเท่านั้นที่ดูจะให้ความช่วยเหลือ  ทั้งหาที่ซ่อนให้ในบางครั้งและให้คำแนะนำที่ฟังเหมือนจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้  แต่บางครั้งคำพูดของราเชลก็กลับจี้ใจดำอย่างประหลาด
‘คุณฟลอเรนครับ...คุณอย่าหนีอีกเลยนะครับ  ถ้าคุณไม่ชอบคุณหมอก็บอกไปตรงๆสิครับ  พูดกันด้วยเหตุด้วยผลคุณหมอคงเข้าใจ’
‘ก็ทั้งพี่ทั้งริชให้ท้ายอย่างนั้น อีตาบ้านั่นคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ’
‘งั้นก็ให้คนจัดการสั่งสอนคุณหมอให้เข็ดไปเลยเอาไหมครับ?’
‘บ้า!ทำงั้นได้ไง...นี่...หัวเราะอะไรราเชล?’
‘ผมว่า...คุณกลับไปถามตัวเองให้แน่อีกทีดีไหมครับ  ว่าคิดยังไงกับหมอกันแน่  อย่าบอกนะครับว่าเกลียด  เพราะถึงตอนเด็กๆคุณจะเคยแกล้งคุณหมอจนหัวแตก  แต่คุณก็เป็นคนตามผู้ใหญ่มาช่วยคุณหมอนี่’
‘ก็มันตกใจนี่’
‘ตกใจจนร้องไห้ข้ามวันข้ามคืนนี่ไม่สมกับเป็นคุณเลยนา’
‘นี่ตกลงจะช่วยฉันหรือช่วยหมอกันแน่หา’
‘ผมว่า...ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ’
ฟลอเรนอึกอักหน้าแดงก่ำแล้วสะบัดหน้ากลับไปดื้อๆ  ราเชลได้แต่มองตามยิ้มๆ  ชักแน่ใจว่าอีกไม่นานเขาอาจได้ฟังข่าวดีแน่ๆ
      ..................................

ราเชลรีบคว้าผ้ามาคลุมรูปไว้เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู  ในใจยังนึกฉงนที่ฟลอเรนมาเร็วกว่าที่นัดไว้หลายชั่วโมง           
“ทำไมวันนี้มาเร็วจังฟลอเรน ไหนว่าเราจะไปกันตอน4ทุ่มไม่ใช่เหรอ?”
ราเชลพลางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำรับแขก  เงาดำวูบเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้ราเชลคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ เขาเกือบทุ่มอยู่แล้วหากไม่ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟเคยคุ้นเสียก่อน           
“ริช!ทำไมมาเร็วจังครับ” ราเชลอุทานอย่างประหลาดใจและยินดี  ริชไปประชุมต่างประเทศและมีกำหนดอยู่ที่นั่นถึง 2สัปดาห์  แต่จู่ๆก็กลับมาก่อนกำหนดเสียนี่       
“มือไวจังที่รักเกือบทุ่มฉันลงไปกองแล้วนะนี่…ไม่เสียแรงที่หัดอย่างนี้ต้องให้รางวัลกันหน่อย”         
“อื้อ…” ราเชลพูดไม่ออกเมื่อถูกประกบจูบแนบแน่น จูบทั้งหวานทั้งเรียกร้องจนแทบละลาย ยังไม่ทันตั้งตัวริชก็เหนี่ยวขาเรียวให้โอบรอบเอวแล้วอุ้มเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว         
“อือ..เดี๋ยว..อะ…ริช”  ราเชลร้องไม่ออกเพราะปากร้อนๆกำลังโลมลูบยอดอกผ่านเนื้อผ้าบางๆของเชิตที่สวมอยู่จนยอดเล็กตึงเขม็งขึ้นรับ ได้ยินเสียงซิปรูดลงไปพร้อมๆกับนิ้วยาวก็แทรกผ่านขอบกางเกงชั้นในลงไปกอบกุมส่วนที่อ่อนไหวของเด็กหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว  ราเชลกัดปากกลั้นเสียงครางไว้ สองมือพยายามถอดเสื้อของริชออก  แต่ดูเหมือนไม่ทันใจอีกฝ่ายริชผุดลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วแล้วแนบร่างเปล่าๆกลับเข้ามาใหม่  ราเชลหลับตาพริ้มสองมือสางไล้และคอยกดต้นคอที่ซุกไซ้อยู่ที่ทรวงอกเป็นระยะ  นิ้วยาวเปลี่ยนเป้าหมายจากแก่นกายของเด็กหนุ่มไปเป็นซอกหลืบร้อนผ่าวด้านหลัง  สะโพกกลมยกลอยเมื่อนิ้วยาวสอดเข้าไปสะกิดจุดเร้าภายในจนเสียวซ่าน  ริชเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการตอบรับเป็นจังหวะ  ราเชลบิดกายเร่าเมื่อทนไม่ไหว                 
“ริช…อะ…อือ…”           
“ที่รัก…พร้อมนะ…”  ราเชลไม่ตอบแต่ปลายเท้าแยกออกกว้างขึ้น  ริชค่อยๆกดตัวเองเข้าไปในซอกหลืบแคบร้อนช้าๆ….RRRRRR         
ราเชลผวาทั้งตัวขณะที่ริชสบถลั่นด้วยความโมโห  เสียงโทรศัพท์ยังดังไม่หยุด ริชซบหน้าลงกับซอกคอขาวหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด  เด็กหนุ่มลูบไล้แผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม         
“ริช…รับเถอะ เบอร์นี้มีแต่คนในเท่านั้นที่รู้นะ  อาจเป็นเรื่องสำคัญก็ได้”         
“ใครจะเป็นจะตายตอนนี้หรือไง  คอยดูถ้าไม่สำคัญมีเรื่องแน่” ริชกัดกรามกรอดถอนตัวออกไปแล้วกลิ้งตัวไปอีกฟากของเตียงเพื่อรับโทรศัพท์           
“ฮัลโหล!” ริชเสียงดังจนแทบกลายเป็นตะคอก ราเชลขยับลุกขึ้นมานั่งฟังใกล้ๆ           
“ทำไมนะเท็ด  นายเลือกเวลาโทรได้…เอาเถอะมีอะไรว่ามา”
ริชหันมาคว้าคอราเชลเข้าไปจูบเบาๆที่ศีรษะ  ราเชลหน้าแดงแม้จะรู้ว่าเท็ดไม่เห็นแต่ก็อดเขินไม่ได้  เสียงเท็ดลอดออกมาเบาจนจับใจความไม่ได้           
“อือแล้วไง…หา!เจอกาย  เท็ดนายอยู่ที่ไหนฉันจะไปหา”
ริชผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ  ราเชลใจระรัวด้วยความตกใจตั้งแต่ได้ยินชื่อกาย  เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเท็ดพูดอะไรบ้างแต่สีหน้าของริชเปลี่ยนแปลงไปหลากหลายจากวิตกกังวลกลายเป็นปิติยินดี           
“พระเจ้า!เท็ดนายไม่ได้อำฉันเล่นใช่ไหม…ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?...ทำไมกายเป็นอะไร?” ริชลุกขึ้นไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมแล้วบุ้ยใบ้ให้ราเชลแต่งตัว         
“ฉันกับราเชลจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ริชวางโทรศัพท์แล้วหันมาคว้าตัวราเชลเข้ามากอดและจูบแรงๆ         
“เกิดอะไรขึ้นครับ ผมได้ยินพูดถึงกาย  กายไหนครับ?”         
“ราเชล เท็ดเจอกายแล้ว  กายยังไม่ตายนะราเชล…พระเจ้า!ไม่อยากจะเชื่อเลย ปาฏิหาริย์มีจริงเหรอเนี่ยกายยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”         
“คุณกายยังมีชีวิตอยู่  โอพระเจ้า...คุณกายอยู่ที่ไหนแล้วเขาหายไปไหนมาตั้งหลายปี?”         
“เท็ดยังไม่ได้บอกรายละเอียดแต่ตอนนี้กายอยู่ที่โรงพยาบาล”         
“อ้าว!ทำไมละครับ?”         
“ได้ยินว่าถูกทำร้าย…แต่ยังไม่รู้ว่าอาการเป็นยังไง?”         
“เราไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ” ริชพยักหน้าแล้ววางราเชลลงเพื่อให้แต่งตัวไปเยี่ยมกายด้วยกัน
      ..................................
ริชเดินนำลิ่วจนราเชลต้องวิ่งตาม
“เท็ดกายเป็นไงบ้าง?”
ร่างสูงหนาผุดลุกขึ้นพร้อมๆกับสาวน้อยที่หน้าตาเหมือนคนเอเซีย เจ้าหล่อนจ้องราเชลไม่วางตา  ราเชลจึงส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร         
“ริช  ราเชล…กายอยู่ข้างในหมอยังไม่ออกมาเลย”
ใบหน้ากลัดกลุ้มของเท็ดทำให้ราเชลพลอยเครียดไปด้วย  ริชถอนใจเฮือกแล้วเสยผมแรงๆอย่างหงุดหงิด แต่พอสังเกตเห็นคนที่ยืนข้างเท็ดก็ชะงัก           
“แล้วนั่น…?”
 “นี่ซูหลินเป็นเพื่อนกาย  ครอบครัวเธอช่วยชีวิตกายไว้” เท็ดก้มลงยิ้มกับ
สาวน้อยคนนั้นอย่างอ่อนโยน         
“ขอบคุณมากครับ  ผมราเชลนี่ริชเราเป็นเพื่อนคุณกายครับ”
ราเชลยื่นมือไปจับกับเจ้าหล่อนนึกขันปนประหลาดใจกับท่าอ้าปากค้างแล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มจนตาปิด           
“สวัสดีค่ะ…ฉันซูหลินเป็นเพื่อนซันเหมือนกันค่ะ”         
“ซัน?…” ราเชลเหลียวมองเท็ดอย่างงงๆไม่เข้าใจว่าซูหลินหมายถึงใคร         
“ชื่อของกายตอนอยู่ที่เกาะน่ะ…กายความจำเสื่อมเพราะอุบัติเหตุ”         
“เขาจำอะไรไม่ได้ เราเลยเรียกเขาว่า‘ซัน’…ชื่อนี้ฉันเป็นคนตั้งเองแหละค่ะ” ซูหลินอธิบายท่าทางภูมิใจนิดๆนั้นน่าเอ็นดู 
ก่อนที่จะได้พูดคุยกันมากกว่านั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก  นายแพทย์สูงวัยก้าวออกมา เท็ดปราดเข้าไปหาก่อนใคร         
“หมอครับ  น้องผมเป็นไงบ้าง?”         
“ก็บอบช้ำมากเหมือนกัน  แต่ก็ไม่มีกระดูกแตกหัก อวัยวะภายในไม่เป็นอะไรมาก  แต่ที่หนักเห็นจะเป็นที่สะโพกคงเพราะโดนกระแทกที่รอยแผลเก่า”         
“แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้างครับ?”         
“เขาปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องให้อยู่ดูอาการสักคืนถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้สายๆก็กลับบ้านได้แล้ว”         
“ผมเข้าไปเยี่ยมได้ไหมครับ?”         
“เชิญครับ”         
“หมอครับ…” ริชเข้าไปคุยกับหมอ ขณะที่เท็ดเข้าไปในห้องฉุกเฉิน 
ราเชลเดินตามริชไปเงียบๆ  ริชไม่มีทีท่าร้อนรนเหมือนเท็ดก็จริง  แต่สีหน้าและแววตาก็ดูวิตกกังวลมาก  หมอยืนยันว่ากายปลอดภัยแล้วแต่ต้องขอเช็คให้ละเอียดอีกครั้ง ริชจึงขอย้ายกายไปห้องพิเศษซึ่งก็ได้รับอนุญาต  ริชเดินนำ
ราเชลเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ร่างสูงคุกเข่าอยู่ข้างเตียงและคงอยู่ในท่านี้นานแล้ว  บุรุษพยาบาลที่จะเข้ามาเข็นเตียงจึงกระแอมให้เสียง           
“เท็ดเราจะย้ายกายไปห้องพิเศษนะ” ริชเข้าไปพูดกับเท็ดเบาๆเพราะไม่อยากให้รบกวนผู้ป่วยคนอื่นๆ         
“ขอบใจริช” เท็ดหันกลับมาขอบใจแต่สีหน้าของเขาดูเศร้าเหลือเกิน 
ราเชลรู้สึกตื้นในอกเมื่อเห็นสภาพของคนบนเตียง กายในวันนี้ต่างจากกายในอดีตที่เขาเคยเห็น  ใบหน้าที่เคยเนียนใสแตกช้ำ รอยแผลเป็นขนาดใหญ่พาดผ่านจากขมับลงมาจนถึงโหนกแก้มนูนเด่น  แม้จะมีผ้าห่มคลุมอยู่แต่สภาพผ่ายผอมก็ยังเห็นได้ชัดเจน
ริชเม้มปากแน่นในอกคลั่งแค้นและเจ็บปวด ใครก็ตามที่ทำให้กายมีสภาพอย่างนี้เขาจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่         
กายย้ายจากห้องรวมในห้องฉุกเฉินมาอยู่ห้องพิเศษ ทันทีที่บุรุษพยาบาลออกไปเท็ดก็เข้าไปนั่งกุมมือกายอยู่ข้างเตียง  ริชกับราเชลมองหน้ากันอย่างอ่อนใจก่อนจะหันมามองเพื่อนใหม่ที่จ้องมองเท็ดกับกายนิ่งงัน ราเชลขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำบนใบหน้ากับรอยถลอกบนหลังมือของซูหลินได้ถนัด         
“เอ๊ะ! คุณซูหลินได้รับบาดเจ็บด้วยหรือครับ?” เสียงอุทานของราเชลทำให้ริชกับเท็ดเหลียวมามองซูหลินพร้อมกัน  เท็ดอึ้งไปอย่างเสียใจที่เขามัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนละเลยซูหลิน           
“ผมขอโทษนะซูหลิน  มัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอกายเลยไม่ได้ดูแลเธอเลย”         
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ โธ่!อย่าทำหน้าตกอกตกใจกันอย่างนั้นสิ ฉันน่ะแข็งแรงจะตาย  แค่นี้สบายมากค่ะ” ซูหลินทำท่าเบ่งกล้ามอวด         
“แต่ผมว่าคุณซูหลินให้หมอตรวจสักหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขทัน”         
“โอ๊ย!ไม่เอาเด็ดขาด ขืนตรวจหมอก็ต้องหาเรื่องฉีดยาฉันแน่ๆไม่ตรวจเด็ดขาด  ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ”         
‘ซูหลินคนเก่งกลัวเข็ม’ ราเชลกับเท็ดสบตากันก่อนจะเหลือบมองริช  นี่ก็อีกคนที่กลัวเข็ม  ริชพยักหน้าหงึกท่าทางเข้าอกเข้าใจกันดี         
“ถ้าเธอว่าไม่เป็นไรก็ไม่ต้องตรวจหรอก  เดี๋ยวไปให้พยาบาลเข้าทำแผลให้ก็ได้  รับรองเขาไม่ฉีดยาแน่”         
“แล้วกัน! แทนที่จะได้ให้หมอตรวจคุณซูหลินดันมาสนับสนุนไม่ให้ตรวจซะอีก  พอเลยริช  ขืนพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกผมจะหมอฉีดยาคุณแทนคุณซูหลิน”
ริชหน้าเจื่อน ปล่อยให้ราเชลพาซูหลินออกไปให้หมอตรวจ  ชายหนุ่มเข้าไปตบไหล่เท็ดเบาๆ           
“แล้วจะโทรบอกพ่อกับแม่นายเมื่อไหร่?”         
“พรุ่งนี้เช้า…คงต้องดูอาการกายก่อน  รอให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาค่อยบอก  ขืนพ่อรู้ตอนนี้อาจจะ ช็อกไปง่ายๆ”         
“นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม?”         
“ไม่ล่ะฉันอยากอยู่กับกายอยากรู้ว่าเขาจะจำฉันได้ไหม เขาอาจจำฉันได้นะริช”
ริชแอบถอนใจ  หากกายจำได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแต่ถ้ากายจำเท็ดไม่ได้ เท็ดจะเจ็บปวดขนาดไหน เวลาเกือบ7ปีที่เท็ดทุกข์ทรมานอยู่กับอดีตเฝ้าแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองนั้นใช่ว่าคนรอบข้างจะไม่รู้ แต่เมื่อเท็ดไม่พูดก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงต้องปล่อยให้เท็ดใช้ชีวิตขมขื่นตลอดมาเพราะเท็ดไม่เคยเปิดใจยอมรับใครเข้ามาอีกเลย       
“ริช…ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง  ร้านไหนยังเปิดอยู่บ้างเนี่ย?”  จู่ๆเท็ดก็ถามขึ้นมาเล่นเอาริชงง       
“อะไรนะ…ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงเหรอ…นายจะทำอะไร?”         
“ซูหลินเขาเสื้อขาดหมด  นี่ให้ใส่เสื้อฉันอยู่  ว่าจะหาเสื้อผ้าให้เขาใหม่”         
“เสื้อขาด…มิน่าถึงดูแปลกๆนี่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย นายเล่ารายละเอียด มาดีกว่า”         
เท็ดเล่าเรื่องที่กายกับซุหลินถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายให้ฟัง  พอดีราเชลกับ
ซูหลินกลับเข้ามาได้ยินเข้าซูหลินจึงเล่ารายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ริชหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธ    ทุกคนเหลียวไปมองคนบนเตียงด้วยความสงสารและห่วงใย  เท็ดดึงมือเรียวขึ้นมาจูบทีละนิ้ว  สีหน้าเหมือนใจจะขาดของเท็ดทำริชโมโหมากขึ้น           
“นายจำทะเบียนรถได้ใช่ไหม?”
ทันทีที่ได้ทะเบียนรถริชก็ผลุ่นผลันออกไปจากห้อง ราเชลเหลือบมองตามแม้จะพอรู้ว่าริชต้องเล่นงานคนพวกนั้นแน่แต่คราวนี้ราเชลไม่คิดจะห้าม เพราะสภาพของกาย ไม่ว่าใครที่เห็นก็คงทนไม่ได้กันทั้งนั้น         
“เจฟ…ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยจัดการหน่อย  ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนี้…ได้ที่อยู่เมื่อไหร่โทรมาบอกด้วย”         
“จะให้ผมจัดการให้ไหมครับ?”         
“ไม่ฉันจัดการเอง”         
“ครับผม” ริชยิ้มเหี้ยม แน่ใจได้ว่าเจฟฟรี่ต้องจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย
ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้อง  เท็ดยังนั่งกุมมือกายแน่น ส่วนราเชลก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จึงเข้าไปโอบไหล่ออกมาให้ห่างเตียงเพื่อไม่ให้ราเชลต้องสะเทือนใจไปมากกว่านี้         
“ที่รักหิวหรือเปล่า?” ริชเกี่ยวปอยผมนิ่มเหน็บข้างหูให้  ราเชลเงยขึ้นหน้าหมอง         
“ไม่ครับ…ริชต่างหากหิวหรือเปล่า?”         
“หิวเหมือนกัน  ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่าแล้วจะได้หาเสื้อผ้าใหม่ให้
ซูหลินด้วย”                 
“ตกลงครับ”         
“เท็ดเดี๋ยวฉันกับราเชลจะพาซูหลินออกไปซื้อเสื้อแล้วจะหาอะไรกินด้วย นายเอาอะไรบ้าง?”         
“ไม่ล่ะไปเถอะ ฝากซูหลินด้วยแล้วกัน  ขอโทษนะซูหลินที่ไม่ได้ดูแลเธอเลย”         
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ฉันไม่อยากไปเลยกลัวซันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอฉันเขาจะตกใจ”         
“คืนนี้กายนอนยาวแน่ครับ หมอฉีดยาให้เขาได้พักเต็มที่คิดว่ากว่าจะตื่นก็คงเป็นพรุ่ง นี้เช้า”         
“แต่…” ซูหลินยังมีท่าทางลังเล ราเชลเลยต้องเกลี้ยกล่อมเอง         
“ไปเถอะครับคุณซูหลิน  ผมว่าคุณก็ควรได้พักสักหน่อย  คืนนี้จะเปลี่ยนกันเฝ้าคุณกายไงครับ”  ราเชลหันมาคะยั้นคะยอจนซูหลินใจอ่อนยอมไปด้วย 
ริชอมยิ้มไม่พูดอะไรเลย  ลองราเชลอ้อนอย่างนี้มีหรือจะไม่สำเร็จ  ขนาดเขายังไม่เคยขัดได้สักครั้ง         
“เดี๋ยวมา”         
“ฮื่อ…ขอบใจริช”
ริชตบไหล่เท็ดเบาๆก่อนจะออกจากห้อง
         ..................................

ราเชลเหลือบมองคนข้างๆเป็นระยะๆ  ตลอดเวลาที่ริชสั่งงานคนของเขาเด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว  หูและตาคอยจับเพียงอากัปกิริยาของคนข้างๆเท่านั่น  ให้อย่างไรความหวั่นไหวกังวลก็ไม่จางหายไป 
กายกลับมาแล้ว....แม้จะอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมปานใด  แต่กายก็เป็นรักแรกของริช  มีหรือที่ริชจะตัดใจได้ง่ายๆ  ขนาดเขาเองโดนริชทำร้ายเสียจนแทบเป็นบ้ากว่าจะฟื้นตัวจนกลับมาเป็นปรกติได้ก็กินเวลาเกือบ4ปี กระนั้นเขาก็ยังให้อภัยและยังรักริชไม่เสื่อมคลาย แต่กายกับริชจากกันทั้งที่ยังผูกพันกันมากมายแล้วริชจะตัดใจได้อย่างไร....
ราเชลเดินไปหยุดยืนมองทัศนียภาพของนิวยอร์คยามค่ำอย่างเลื่อนลอย  หูคอยฟังแต่เสียงของคนข้างหลัง  กระจกโปร่งใสที่กว้างยาวตลอดแนวผนังห้องด้านนี้สะท้อนภาพของริชกระจ่าง  คิ้วเข้มยังขมวดเป็นระยะ  ปากบางเม้มแน่นบางครั้งก็บิดเยาะหยันอย่างพึงพอใจ  มือข้างหนึ่งยังถือโทรศัพท์แนบหูแต่อีกข้างก็เหวี่ยงเสื้อนอกลงบนเตียง  แล้วรูดเนคไทออก   ราเชลหยิบหูฟังไปส่งให้เมื่อเห็นชายหนุ่มวางสายแล้วเริ่มกดเบอร์ใหม่  ริชชะงักเงยขึ้นมองอย่างงุนงงนิดๆ         
“ใช้หูฟังดีกว่าครับ  จะได้ไม่ปวดหูอีก”         
“ประชดเหรอที่รัก?”         
“เปล่าครับ  แต่เห็นคุณใช้โทรศัพท์นานๆทีไรบ่นปวดหูทุกทีนี่ครับ”         
“ล้อเล่นน่า…มานี่มา…อืมวันนี้เหนื่อยจัง” ริชปิดมือถือแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียง  ราเชลตามมานั่งข้างๆ         
“ไม่โทรแล้วเหรอครับ?”         
“ไม่โทรดีกว่า”         
“อ้าว!เรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอครับ?”         
“ว่าจะโทรถามอาการของกายน่ะ เห็นว่าวันนี้กลับบ้านได้แล้วเลยว่าจะโทรหาเสียหน่อย  แต่นึกอีกที...ไม่ดีกว่า”         
“ทำไมครับ?”         
“ก็…อยากให้เท็ดมีเวลาส่วนตัวบ้าง  อีกอย่างเราก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วพักหน่อยดีกว่า…วันนี้ดูเครียดจัง  มีอะไรเหรอ?”         
“ทำไมถึงคิดว่าผมเครียดละครับ”         
“ก็คิ้วจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว  ไม่รู้ตัวเลยเหรอ?…โกรธหรือเปล่าที่ฉันทำแต่งานแทบไม่มีเวลาให้เลย”         
“ผมไม่ใช่เด็กๆนะครับจะได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น”         
“แล้วกังวลอะไร  หรือที่บ้านมีอะไร?”         
“เปล่าครับที่บ้านปกติดี”  ริชผุดลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเด็กหนุ่มเขม็ง  ราเชลหลบตาวูบแต่ชายหนุ่มเชยคางมนไว้ไม่ให้เบี่ยงหนี         
“เกิดอะไรขึ้นราเชล  ฉันแน่ใจว่าต้องมีอะไรสักอย่าง?”         
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ”
ริชหรี่ตาแต่กลับยอมปล่อยเด็กหนุ่มแต่โดยดี         
“ถ้าแน่ใจว่าไม่มีอะไรก็ตามใจ” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนโดยเหนี่ยวร่างบางให้ล้มลงบนอก  ราเชลลูบไล้แผ่นอกกว้างแผ่วเบา  ในใจยังหนักอึ้งเกินกว่าจะหลับได้ลง  แม้จะได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของชายหนุ่มแล้วก็ตาม  เด็กหนุ่มเลื่อนตัวลุกขึ้นท้าวคล่อมร่างหนาไว้  ใบหน้าคมสันยามหลับเหมือนจะถอยวัยกลับไปเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนคนเก่า 
ราเชลแตะนิ้วบนแก้มสากแผ่วเบา...ให้รักแสนรัก...ให้ริชดีแสนดีอย่างไร  ในใจก็ยังยอกแสยงไม่จาง  ความเจ็บปวดแต่หนหลังยังฝังแน่นอยู่ข้างใน...เป็นแผลเป็นแตะโดนคราใดก็ยังเจ็บปวดไม่หาย  หากการกลับมาของกายครั้งนี้จะทำให้ริชเปลี่ยนใจอีกเล่า...เขาจะเป็นอย่างไร? 
ราเชลกลั้นเสียงไว้ได้แต่น้ำตาร้อนๆไหลพรูลงอาบหน้า  เด็กหนุ่มรีบลุกไปร้องไห้ในห้องน้ำด้วยเกรงจะทำให้ชายหนุ่มรู้ตัว
ริชลืมตาขึ้นทันทีที่ประตูห้องน้ำปิด  ดวงตาคู่คมไร้รอยงัวเงียหากแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและครุ่นคิด  ให้อย่างไรราเชลก็ยังระแวงเขาไม่หาย 
นานเท่าไหร่ที่เขาจะรักษาบาดแผลในหัวใจของคนรักได้ คนที่เขารักที่สุดและเคยทำร้ายให้เจ็บช้ำที่สุด  ซอเรนเคยบอกว่าเวลาเท่านั้นที่จะช่วยรักษาบาดแผลในใจของราเชล  แต่อีกนานเท่าไหร่ที่หัวใจดวงน้อยนี้ลืมความทุกข์ทนเสียที
         ..................................

   ราเชลเหลือบมองนาฬิกาเป็นครั้งที่สาม  เกือบบ่ายโมงแล้วแต่ริชยังไม่โทรมา และไม่มีวี่แววว่าจะมารับเขาไปกินมือเที่ยงด้วยกันเหมือนเคย  ราเชลตัดสินใจโทรหาเสียเอง
   “ขอสายริชครับ”
“คุณริชไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“ไปโรงพยาบาล?...ริชเป็นอะไรครับ?”
“อ๋อเปล่าครับ  เจ้านายสบายดี  แต่เห็นว่าคุณกายเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว”
“...งั้นเหรอครับ...ขอบคุณมากครับพีท”
“ยินดีที่ได้รับใช้ครับคุณราเชล”
ราเชลวางโทรศัพท์ลงช้าๆ  คล้ายกับว่าถ้ามีแรงสะเทือนสักนิดร่างกายเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ  เจ็บ...จนชาไปหมดทั้งใจ  ทั้งๆที่พยายามบอกตัวเองว่าต้องเชื่อมั่นในตัวริช  แต่คราวนี้เขาไม่แน่ใจอีกแล้ว  กายแตกต่างจากผู้หญิงของริช  ต่างกับน้องสาวอย่างฟลอเรน  เพราะรักครั้งแรกนั้น  ไม่สามารถตัดใจได้ง่ายๆแน่
ราเชลจมอยู่กับห้วงทุกข์จนไม่ได้ยินเสียงประตูเปิด  ริชขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจที่เห็นราเชลยืนพิงกระจกเหม่อออกไปข้างนอก
“คิดอะไรอยู่...นี่ร้องไห้นี่  เกิดอะไรขึ้นราเชล  ร้องไห้ทำไม?”
“อะ...ริช...ผม...ตกใจหมด”  ราเชลฝืนยิ้มพยายามเช็ดน้ำตาวุ่นวาย  แต่ริช กลับยึดข้อมือเล็กไว้แน่น
“มีอะไรที่ทำให้เธอทุกข์ขนาดนี้เหรอที่รัก?”
“เปล่าครับ”
“ราเชล”
“ริชครับ...อย่าเพิ่งคาดคั้นผมเลย...ผมเหนื่อย...ขอผมตั้งสติหน่อยนะครับ...แล้วผมจะบอกทุกอย่างที่คุณอยากรู้”
ริชอึ้งไปกับคำตอบ  ท่าทางท้อแท้หมดหวังของราเชลทำให้เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจของคนรักมากไปกว่านี้  แต่หากปล่อยไว้ราเชลก็อาจกลับไปป่วยอีกก็ได้
“ราเชลสอบเสร็จแล้วใช่ไหม?”
“ครับ...รอฟังผลเท่านั้น”เพราะป่วยราเชลจึงต้องหันมาเรียนทางอินเตอร์ –
เนต เหมือนกับริช
“งั้นไปเที่ยวกันดีกว่า”
“ครับ” ราเชลรับคำลอยๆ  ไม่ว่าริชอยากพาไปไหนเขาก็ไปทั้งนั้น    อนาคตเขาอาจจะต้องเสียริชไปฉะนั้นตอนนี้ต้องตักตวงช่วงเวลาที่มีริชอยู่ให้มากที่สุด
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 20-09-2009 18:43:55
....
ราเชลยิ้มออกเมื่อเห็นสถานที่ที่ริชพามา  บ้านริมทะเลสาบที่แสนคิดถึงนั่นเอง
“ทำไมไม่บอกละครับว่าจะพามาที่นี่  ผมจะได้เตรียมของสดมาทำอาหารกันด้วย”
“ไม่ต้องห่วง เจฟเตรียมไว้ให้เราหมดแล้วละ”
แสงสีส้มยามเย็นสาดส่องทั่วบริเวณและสะท้อนพรายน้ำเป็นประกายสีทองระยับ  ต้นไม้ใบไม้รอบๆกลายเป็นสีส้มและแดงเพราะกำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
“ที่นี่สวยทุกฤดูจริงๆนะครับ  ตอนหน้าหนาวก็สวยไปอีกแบบ”
“แน่นอน  ให้รางวัลก่อนเร็ว”
“รางวัล?”
“ก็...เลือกสถานที่ได้ถูกใจขนาดนี้ไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอ?”
“แหม...ครับ” ราเชลชะโงกไปจูบแก้ม  แต่ริชหันปากมารับ  เด็กหนุ่มชะงักเพียงนิดเดียวก็ยอมเคล้าเคลียปากอุ่นแต่โดยดี  ลิ้นสีชมพูกวาดไล้ริมฝีปากล่างของริชเบาๆ  ก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่น  ทันทีที่ลิ้นกระทบกัน  ก็เกาะเกี่ยวดูดดื่มความหวานจากกันและกันหนักหน่วง  ราเชลโหนลำคอแข็งแรงพยุงตัวไว้ขณะทีริช ช่วยช้อนสะโพกกลมขึ้นจนใบหน้าของทั้งคู่เสมอกัน  จูบเร่าร้อนเชียวชาญกว่าเดิมของราเชลทำเอาริชเคลิ้มไปเหมือนกัน  ความตั้งใจเพียงจะออดอ้อนกลายเป็นไฟลุกพรึบขึ้นอย่างรวดเร็ว  และต่างก็รู้ว่าควรดับไฟนั้นอย่างไร
ริชช้อนร่างบางเข้าไปในบ้าน แต่หยุดอยู่ที่ห้องโถงกลาง ราเชลไม่ได้ห้ามเมื่อชายเสื้อถูกดึงออกจากขอบกางเกง แต่กลับช่วยปลดกระดุมออกจากอกกว้าง  และลูบเลยเข้าไปสำรวจกล้ามเนื้อแข็งแน่นภายใน
ริชขบไล้ใบหูนิ่มเบาๆ  ขณะที่ดันเสื้อเชิ้ตขาวออกจากไหล่บาง  ปากเลื่อนมาผนึกกันอีกครั้ง  ราเชลโอบแขนรอบลำคอแข็งแรงทำให้อกเปลือยเบียดกันกระชับ  มืออุ่นลูบไล้แผ่นหลังขาวแผ่วเบาแล้วระลงไปปลดเข็มขัดและกางเกงลง  เสียงใสครางเบาๆเมื่อสะโพกถูกยกขึ้นไถลไปตามกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งๆ 
“อะ...ริช...ตรงนี้มัน...อืม…” ราเชลอุทานเสียงแผ่ว  เมื่อหลังสัมผัสพรมหนาหน้าเตาผิง  ริชเงยขึ้นสบตา  มืออุ่นลูบไล้ต้นขาขาวและเลยมายังหน้าท้องเรียบเนียน  ดวงตาโตหรี่ปรือเมื่อฝ่ามืออุ่นสอดเข้าไปในขอบกางเกงชั้นใน 
“อะ...อา...” ราเชลอ้าปากหอบหายใจเมื่อแก่นกายถูกกอบกุมและขยับเลื่อนขึ้นลงหนักๆ  มือที่วางอยู่บนอกแข็งรวบยอดอกสีเข้มและจึกทึ้งเบาๆเพื่อระบายอารมณ์  ขณะที่อีกมือเลื่อนลงไปวางทาบบนมืออุ่น  ทุกครั้งที่ริชขยับมือ ปลายนิ้วเรียวก็จะกดเน้นบนหลังมืออุ่นหนักขึ้น  หน้าท้องแบนราบยกเกร็งกระชั้นขึ้นพร้อมๆกับลมหายใจ  เมื่อแรงบีบคั้นในท้องชักมากจนเจียนจะหมดความอดทน  ราเชลก็หยุดมือใหญ่หยาบไว้  พร้อมกับเหนียวไหล่หนาพยุงตัวขึ้น  ปากอิ่มจูบไซ้ไปบนแผงอกกว้าง  และไล้เลียกัดทึ้งยอดอกสีเข้มหนักๆ  ริชคำรามในลำคอเบาๆ  พึงพอใจกับความเสียวซ่านและปฏิกิริยาตอบสนองของคนรัก  เด็กหนุ่มเน้นมือและปากปลุกเร้าเหมือนที่ริชเคยทำให้  ปากนุ่มๆยามลากไล้ไปบนกล้ามเนื้อแข็งให้ความรู้สึกดีเสียจนริชต้องหอบหายใจเบาๆ  ราเชลกัดเม้มกล้ามเนื้อแข็งเป็นลอนบนหน้าท้องแข็งหนักๆ  ขณะปลดเปลื้องกางกางและเข็มขัดออกไป  จุมพิตแผ่วเบาผ่านเนื้อผ้ากลับได้รับ ปฏิกิริยาตอบสนองกลับเด่นชัดเสียจนกางเกงชั้นในแทบปริออก  เสียงหัวเราะใสแผ่วๆกับลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่บนแก่นกายทำให้ริชขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่  แทบเป็นความทรมานกับการรอคอยให้ราเชลปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ 
ราเชลกลั้นหายใจเล็กน้อยเมื่อความกำยำผงาดขึ้นท้าทายทันทีที่ปล่อยเป็นอิสระ  ปากนุ่มครอบลงบนเนื้อร้อนผ่าวอย่างขัดเขิน  แม้จะคับแน่นไปทั้งปาก แต่เสียงครางแผ่วๆของริชก็ชวนให้ลิ้มลองมากขึ้น  เด็กหนุ่มกลืนเนื้อร้อนเต้นตุบๆเข้าไปเรื่อยๆ  บางครั้งก็คายออกและไล้เลียไปรอบๆ  ผิวแห้งและร้อนระอุค่อยๆลื่นและหยาดเยิ้มด้วยน้ำลายและน้ำรักจนชุ่มฉ่ำ  ราเชลกอบกำผิวหยาบแต่นุ่มนิ่มไว้เต็มสองมือขณะครอบปากเข้าออกเป็นจังหวะ 
ริชสูดลมหายใจลึก  ทั้งเคลิบเคลิ้มและมัวมัวกับความหรรษาที่ราเชลมอบให้  และปรารถนาจะตอบแทนให้สาสมเช่นกัน  ชายหนุ่มจูบไซ้จากแผ่นหลังขาวไล่ลงไปหาสะโพกกลมแน่น  ขบฟันลงบนเนื้อนุ่มหนักๆ  ก่อนจะแลบเลียผิวแห้งในซอกแคบ  นิ้วยาวแหวกก้อนเนื้อนุ่มให้แยกออกเพื่อปาดลิ้นไปบนรอยจีบพับแรงๆ  เสียงราเชลครางอู้อี้ด้วยยังมีเขาอยู่เต็มปากสร้างความหฤหรรษ์มากขึ้น  ยิ่งริชถูกไถลิ้นแรงเท่าไหร่จีบซ้อนพับก็ยิ่งบีบแน่นมากขึ้นเท่านั้น  เสียงราเชลหอบหายใจแรงขึ้นแต่ปากก็ยังกลืนกินเขาไม่หยุด  ริชเลื่อนมือไปกอบกุมและขยับเนื้อร้อนผ่าวด้านหน้า  ขณะเดียวกันก็พยายามสอดนิ้วเข้าไปในจีบซ้อนแน่นด้วย 
พอถูกเล้าโลมจากด้านหน้าช่องทางแคบก็เกร็งตัวและคลายออกเป็นจังหวะทำให้ริชสามารถสอดนิ้วเข้าไปจนได้  แม้จะฝืดและแน่นในระยะแรก    แต่ริชก็ช่วยขบเม้มและโลมเลียด้านนอกอยู่ตลอดเวลา  ไม่นานนิ้วก็ลื่นพอจะสอดเข้าไปจนสุดโคนและชักเข้าออกอย่างถูกที่เรียกเสียงครวญครางจากราเชลไม่ขาดปาก 
ราเชลปล่อยเนื้อร้อนผ่าวในปากอย่างยอมจำนน  แรงเสียดสีภายในกับการขยับกระชั้นด้านหน้าเร่งความเสียวกระสันให้ทับทวีจนเจียนใจขาด  เด็กหนุ่มยอมให้ริชช้อนสะโพกขึ้น  นิ้วยาวยังรุกคืบเข้าออกไม่หยุด  แต่ปากก็ครอบครองแก่นกายร้อนโชนของเด็กหนุ่มไว้จนสุด  แรงบีบรัดถี่ๆรอบนิ้วทำให้ริชรู้ว่าอีกไม่นานราเชลจะสิ้นสุดความอดทน  จังหวะของนิ้วและปากจึงเร่งกระชั้น
“ริช...ริช...อ๊า...” ราเชลครวญครางไม่หยุด  สะโพกยกโยกขึ้นหาปากร้อน  มือก็กดศีรษะของริชให้กลืนกินมากขึ้นไปอีก   ในที่สุดแรงบีบคั้นในกายก็ขาดออก  ราเชลกรีดร้องและปลดปล่อยตัวเองเข้าไปในปากร้อนจนหมด 
ริชปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนหอบหายใจรวยรินส่วนเขารีบเข้าไปหยิบหลอดเจลในห้องนอนอย่างรีบเร่ง 
แม้จะยังหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ทันทีที่เจลเย็นๆถูกลูบไล้ภายนอก  ราเชลก็แยกปลายเท้าออกกว้างและพยายามผ่อนคลายยามนิ้วยาวสอดลึกเข้าไปภายใน  ริชเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มหนักๆ  ต่างแลกลิ้นกันไม่มีใครยอมแพ้  นิ้วยาวที่ชโลมเจลไว้จนเยิ้มสอดลึกเข้าออกและเพิ่มจำนวนขึ้นทุกที  ราเชลลูบมือไปตามสะโพกแข็งแกร่งและเกาะกุมเนื้อร้อนๆด้านหน้าเพื่อตอบสนองให้ทัดเทียมกัน  เปลือกตาพริ้มปิดสนิทแต่ทุกประสาทกลับตื่นโพลงรับสัมผัส 
ริชท้าวศอกข้างหนึ่งลงข้างตัวเด็กหนุ่มและปล่อยปากช้ำเป็นอิสระเพื่อรุกรานยอด อกสีแดงแทน  แผ่นหลังบางเดาะขึ้นรับเมื่อปากและลิ้นกัดทึ้งและดูดกินยอดทรวงนุ่มจนตึงเขม็ง  ชายหนุ่มถอนมือจากช่องทางแคบเพื่อยกสะโพกกลมให้ลอยขึ้น  ความกำยำแทรกลึกเข้าไปในทางแคบทีละน้อย  ราเชลครางเสียงสั่น...ไม่ว่าจะตื่นตระหนกหรือพึงพอใจแต่ริชก็ลืมไปหมดแล้วเพราะใจจดจ่ออยู่กับความแน่นกระชับรอบกาย  กล้ามเนื้อนับร้อยที่แย่งกันบีบรัดรอบๆเหมือนเชิญชวนและต่อต้านอยู่ในที 
ริชกัดฟันแน่นยามดิ่งกายลึกเข้าไปช้าๆตราบจนแทรกกายได้สุด  ชายหนุ่มถอนหายใจพรู  สะโพกแข็งกดนิ่งเพื่อซึมซับความปรีเปรมยามที่ได้ฝังตัวอยู่ในกล้าม- เนื้อแน่นที่พอดีเสียจนหายใจแรงยังเสียววาบ  ราเชลขยับตัวอย่างทรมาน  การมีริชแทรกเต็มอยู่ภายในโดยไม่ยอมเคลื่อนไหวสร้างความอึดอัดให้ไม่น้อย  และเด็กหนุ่มก็ต้องการให้ริชมอบความสุขให้  สะโพกเล็กส่ายวนไปมาเบาๆอย่างยั่วยวน  ริชคำรามเบาๆ  มือกดตรึงสะโพกกลมไว้ขณะที่ปากก็กัดทึ้งและดูดดึงยอดอกตึงจนสั่นระริก
“ริช...อา...ผมต้องการคุณ...ที่รัก...อือ...ได้โปรด...” ราเชลวิงวอนเสียงกระเส่าและริชก็สนองให้  สะโพกหนาถอดถอนออกแทบสุดแล้วโถมกลับเข้าไป  แรงเสียดสีเสียววาบตลอดหน้าท้อง  ราเชลอุทานเสียงหลงและร้องร่ำไม่หยุด  ทุกครั้งที่
ริชถอนกายออกห่าง เล็บสั้นๆก็จะจิกรั้งสะโพกแข็งให้กลับมา  แรงบีบรัดจนเสียวเสียดไปทั้งท้องทำให้ริชไม่สนรอยข่วนครูดบนสะโพก    ราเชลเกี่ยวปลายเท้าไว้บนลำตัวแข็ง  ขณะที่สองมือก็ไขว่คว้าสะโพกหนาดึงให้โถมเข้าหา  สะโพกบางยกร่อนรับไม่หยุด  ลืมความเจ็บ...ลืมโลก  ปรารถนาเพียงความสุขสมที่กำลังเอ่อทนขึ้นทุกที  เสียงเนื้อกระทบกันกระชั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างโถมตัวเข้าหากันระรัว 
“ริช!” ราเชลกรีดเสียงลั่น  เมื่อพุ่งผ่านขีดสุดขึ้นไป  ร่างกายเบาหวิวแล้วดิ่งวูบราวกับตกจากหน้าผา  สะโพกแอ่นขึ้นรับแรงกระแทกและเกร็งค้างไว้  เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยแรงกระทั้นและความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ 
ริชจ้วงกายลึกแรงยิ่งขึ้นเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย  แรงบีบรัดกระชั้นถี่กับเสียงครางสะท้านของราเชลเร่งให้เขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเช่นกัน  ชายหนุ่มครางกระเส่าขณะปลดปล่อยเข้าไปในช่องคับแคบเฉพาะตัว  ปรารถนาที่เอ่อท้นทะลักลงเปียกชุ่มทั้งเนื้อตัวและพรมจนโชก ต่างกอดรัดกันแน่นเพื่อซึมซับความสุขสมนี้ไว้ให้นานเท่านาน
แสงสีส้มจากเตาผิงเต้นระริกกระทบแก้มเนียนให้นวลตา   ริชท้าวศอก คร่อมร่างบางไว้  แต่แก่นกายยังฝังลึกอยู่ภายใน  จมูกโด่งเป็นสันสูดดมผมนุ่มหอม และหน้าผากชื้นเหงื่อ จนแตะลงมาบนแก้มตึงก็ชะงักค้างเมื่อสะดุดที่น้ำตาร้อนชื้น
“ร้องไห้ทำไมคนดี...หรือปลื้มที่ฉันเก่ง”  ริชยิ้มค้างเมื่อปฏิกิริยาที่ได้รับผิดกว่าที่คาด  เขาคิดว่าราเชลควรจะเขินอายหรือปฏิเสธ  แต่เด็กหนุ่มกลับร้องไห้หนักขึ้น
ริชค่อยๆถอนตัวออกช้าๆ  แต่ราเชลกลับผวาเข้ากอดเขาแน่นเนื้อตัวสั่นเทาราวกับขวัญเสีย 
“ราเชล...เกิดอะไรขึ้นที่รัก...บอกฉันบ้างได้ไหม  ฉันกลุ้มนะที่เธอเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้”
“ผมไม่อยากเสียริชไป  ผมไม่อยากเสียริช” ราเชลร้องไห้โฮ  ยิ่งสุขสมอิ่มเอมในรสรัก  ก็ยิ่งแหนหวงและหวาดกลัวต่อการสูญเสีย
“เธอไม่มีวันเสียฉันไปราเชล  บอกแล้วไงว่าความตายเท่านั้นที่จะแยกฉันจากเธอได้  แล้วกายก็เป็นแค่เพื่อน  เขาไม่เคยเป็นมากกว่านั้น”
“คุณรู้!”
“รู้สิที่รัก  ตั้งแต่กายกลับมาเธอก็เศร้าซึมลงทุกวัน  ราเชล...ฉันไม่อยากให้เธอเก็บเอาเรื่องในอดีตมาคิดมากอีก  ฉันอาจจะเคยชอบกาย  แต่ฉันไม่เคยรักเขาแบบที่รักเธอ  เชื่อไหม...ถ้าจะบอกว่าเธอเป็นรักแรกของฉัน  เป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันทุรนทุรายและฝันร้ายทุกครั้งที่คิดว่าจะเสียเธอไป  ”
“ผมก็รักริช  รักมากแล้วก็เจ็บมากทุกทีที่รู้ว่าริชมีคนอื่น”
“ฉันอาจจะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้  แต่ฉันสัญญานะราเชล  ว่าฉันจะไม่ทำตัวเลวๆแบบตอนนั้นอีก...ไม่ว่าจะไปทางไหน  ถนนที่ไม่มีเธอเดินด้วย มันเงียบเหงาแล้วก็ว้าเหว่มากเลย  ถ้าต้องเสียเธอไปตอนนี้ฉันคงอยู่ไม่ได้”
“ผมก็เหมือนกัน  ถ้าต้องเสียริชไปให้ผมตายเสียดีกว่า”
“งั้นเราจะอยู่เพื่อกันและกัน  จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ตกลงไหม?”
“ครับ...ครับ...ผมสัญญา” 
ราเชลสะอื้นตัวโยนแต่น้ำตาที่ไหลเป็นน้ำตาแห่งความสุข  ริชกอดร่างน้อยแน่นกว่าเดิม  นึกขันที่เขาบอกรักแล้วมานอนกอดกันกลมอยู่หน้าเตาผิงนี่เอง
      ..................................
 
ราเชลเดินออกมานอกอาคารด้วยความสดชื่น  การที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ  หลังจากหนีไปฮันนีมูนอยู่ที่กระท่อมริมทะเลสาบเสีย2 สัปดาห์ ริชก็ถูกตามตัวกลับมาประชุมด่วน
ส่วนราเชลได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้อีกวัน จึงตั้งใจจะไปหาซื้อของขวัญวันเกิดให้ฟลอเรน เด็กหนุ่มหันไปยิ้มให้บอร์ดี้การ์ด 2คนที่ยืนอยู่ที่รถ  แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆเลือนไปเมื่อรู้สึกไม่คุ้นหน้ากับสองคนนี่เลย         
“ไปห้างนะ  ผมจะซื้อของ”
 ราเชลนั่งนิ่งๆมองเหม่ออกไปข้างนอกหลังจากบอกจุดหมายปลายทางแล้ว  เด็กหนุ่มขนลุกเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของสองบอร์ดี้การ์ดที่มองเขม็งอยู่ตลอด เวลา  แต่ก็ยังคงทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไร  จนถึงห้างสรรพสินค้า 
ราเชลเดินไปเรื่อยๆโดยมีทั้งสองคนเดินตามตลอดเวลา  แม้จะไม่ผิดสังเกตแต่การอยู่กับริชมานานก็พอจะซึมซับได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยอันตราย  เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินไปร้านหนังสือ  เข้าไปเลือกเล่มโน้นเล่มนี้อยู่นาน  แรกๆสองบอร์ดี้การ์ดก็ตามประกบติดๆ  แต่เมื่อนานเข้าก็ค่อยๆทิ้งระยะห่าง 
ราเชลเปิดหนังสือดูไปทีละเล่ม รอจนบอร์ดี้การ์ดเผลอจึงลองกดโทรศัพท์หาเจอร์รี่  จู่ๆหนึ่งในสองก็พรวดพราดเข้ามายืนจนติด  แม้จะรู้สึกกลัวแต่ราเชลก็ทำเพียงหันไปมองนิดหน่อยก่อนจะชวนเจอร์รี่คุยถึงหนังสือเล่มที่ออกใหม่ และคุยสัพเพเหระไปเรื่องเสื้อผ้าเรื่องแฟชั่นหน้าตาเฉย  ดูเหมือนเจอร์รี่เองก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ   เพราะมันไม่ใช่วิสัยของราเชลที่จะชวนคุยเรื่องไร้สาระหรือสนใจแฟชั่น     
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเหรอราเชล?”         
“อ๋อ!อยู่ที่ห้างข้างๆบริษัทริชนี่เอง…นี่ว่าจะหาหนังสือดีๆสักหน่อย แล้วค่อยไปหารองเท้าสักคู่  อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานวันเกิดฟลอเรนแล้ว พรุ่งนี้ว่าจะแวะไปตัดเสื้อผ้าใหม่ด้วย…นี่วันนี้ไม่ว่างเลยเหรอ  ได้มาดูหนังด้วยกันหน่อย” นี่ก็อีกที่ผิดปรกติเพราะราเชลไม่เคยดูภาพยนตร์ตามห้าง         
“นายอยู่ในอันตรายใช่ไหม?”
“ไม่แน่ใจ...แต่เขาว่าเรื่องนี้สนุกมากนะ...ตกลงนายมาใช่ไหม  ฉันจะได้มีเพื่อนดู...ริชเขาติดธุระมาดูกับฉันไม่ได้”
ราเชลพยายามส่งสัญญาณหวังว่าเจอร์รี่จะเข้าใจว่าเขาไม่ต้องการให้ริชมา 
“ฉันจะบอกริชให้ว่านายไม่อยากให้ไป   ตกลงไปรอที่โรงหนังนะ…รอบไหนล่ะ?”       
“บ่ายแล้วกัน”         
“โอเค”
พอราเชลปิดโทรศัพท์  บอร์ดี้การ์ดหน้าใหม่ก็ค่อยๆถอยไปยืนห่างๆอีกครั้ง  ราเชลเลือกหนังสืออย่างใจเย็น  พยายามยืนอยู่ในจุดที่คนพลุกพล่าน  คอยลอบสังเกตบอร์ดี้การ์ดทั้งสองขณะเดียวกันก็แอบชำเลืองดูนอกร้านไปด้วย
เด็กหนุ่มใจหายวาบเมื่อเห็นริช  ชายหนุ่มเดินมากับบอร์ดี้การ์ด2คนเหมือนเคย ราเชลกระวนกระวาย สมองหมุนจี๋หาทางบอกให้ริชรู้ตัว  แต่ดูเหมือนริชจะไม่ได้รู้สึกถึงอันตราย  ชายหนุ่มยิ้มกว้างและคว้าร่างบางเข้าไปจูบแก้มแรงๆ         
“ไหนซื้ออะไรได้บ้าง?”       
 “ริช…”         
“โอ้โห!นี่จะเหมาร้านหนังสือเลยหรือไง  ใจคอจะอ่านหมดนี่เลยเหรอจ๊ะที่รัก”   ริชแซวยิ้มๆเพราะราเชลเลือกหนังสือมาวางไว้กองโต     
“ผม..”         
“ล้อเล่นน่า…ไปหาอะไรทานกันดีกว่า”
ราเชลจำต้องออกเดินตามแรงดึง  ทันที่ออกมานอกร้านเด็กหนุ่มก็แทบสะดุ้งเมื่อมือที่โอบเอวเขาบีบกระชับแล้วคลายออกเป็นจังหวะ  และเมื่อมืออุ่นเลื่อนมาจับมือเขา  วัตถุเย็นเยือกขนาดปากกาก็ถูกสอดประกบไว้ในมือ  นั่นแปลว่าริชรู้ตัวแล้ว
ราเชลได้แต่ปล่อยตัวให้ดูสบายๆเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ทันที่ถึงห้อง อาหารกัปตันก็ปราดเข้ามาต้อนรับ
“จองไว้หรือเปล่าครับ?”
“ครับ…ริช…”
“สักครู่ครับ…เชิญทางนี้เลยครับ”
ชื่อที่จองดูเหมือนธรรมดาเกินไป แต่เมื่อเจอตัวคนจองโต๊ะก็ถูกเปลี่ยนแบบปัจจุบันทันด่วน  สังเกตได้จากการที่บริกรทำหน้างงๆเมื่อกัปตันนำริชไปยังอีกด้านของห้องอาหาร  โต๊ะฝั่งนี้ค่อนข้างห่างและเป็นส่วนตัวมาก  การประดับตกแต่งก็หรูหราเต็มที่  บอร์ดี้การ์ดทั้ง 4 ถอยออกไปยืนด้านข้างแต่ไม่ไกลเกินกว่าจะได้ยินคำสนทนาของริชและราเชล         
วันนี้ริชเลือกรายการอาหารค่อนข้างพิถีพิถัน  ที่สำคัญเขายื่นเมนูมาชี้ให้
ราเชลดูหลายรายการ  เด็กหนุ่มจ้องมองปลายนี้ยาวที่เคาะไปตามตัวอักษรบนเมนู ‘ห้องน้ำ’
เมื่อริชเลือกไวน์ราเชลจึงขอตัวไปห้องน้ำ  ตอนแรกบอร์ดี้การ์ดจะลุกตามเขาไปทั้งสองคน  แต่เมื่อริชรับโทรศัพท์หนึ่งในสองก็หยุดอยู่ที่เดิม  ราเชลเลี้ยวเข้าประตูห้องน้ำไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำห้องแรกเปิดออก  ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินสวนกับบอร์ดี้การ์ดออกไป
ปึ้ก!! บอร์ดดี้การ์ดร่างใหญ่ทรุดลงกองในทันที  ราเชลหันกลับมาหาคนข้างหลังอย่างยินดี

“เท็ด!”
“ไงเด็กดี…หัวไวเหมือนกันนี่เรา”
“ริชครับ…มีอีก3คนประกบริชอยู่”
“อืม…ไม่เป็นไร  ทางโน้นริชจัดการได้  เราไปกันเถอะ”
“แต่ผมห่วงริช”
“เชื่อมือริชเถอะน่า…ถ้าเราอยู่ริชจะห่วงหน้าพะวงหลัง  เจฟเขาดูแลริชได้น่า”
ชื่อเจฟฟรี่ทำให้ราเชลยิ้มออก ยอมวิ่งตามอาการกึ่งจูงกึ่งลากของหนุ่มร่างใหญ่ไปแต่โดยดี  เท็ดพาราเชลเดินผ่านเข้าไปในครัวหน้าตาเฉย  ทุกคนเหลียวมามองอย่างตกใจ แต่เชพร่างใหญ่กลับเดินสวนไปสั่งงานราวกับคนทั้งสองเป็นอากาศ-ธาตุ ทำให้คนอื่นๆได้แต่มองตามแล้วหันไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ         
ราเชลรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเท็ดพาเขาข้ามถนนไปพร้อมๆกับผู้คนจำนวนมาก  ขบวนพาเหรดที่ใกล้เข้ามาทำให้ผู้คนริมถนนหนาแน่นมากขึ้น  แม้เท็ดจะบอกว่าทางริชไม่มีปัญหาแต่เด็กหนุ่มก็อดหันไปดูไม่ได้ 
ริชกำลังออกมาจากร้านอาหารพร้อมๆกับชายร่างท้วมชุดขาว มีคนใส่สูทสีดำประกบติดมา5-6คน  ที่สำคัญ!หนึ่งในนั้นมีทั้งคนที่ตามเขามาจากบริษัทและคนที่เท็ดซัดหมอบที่ห้องน้ำ!     
“เท็ด!ไอ้หมอนั่นมันตามริชมา  กลับไปช่วยริชเร็ว!”     
“ไม่ได้ราเชล…วิ่ง!” ราเชลถูกกระชากจนเกือบล้ม เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อหันไปเห็นชายในชุดดำ2คนกำลังแหวกฝูงชนตรงมาที่เขา  เท็ดดันเขาเข้าไปกับฝูงชนและมีมือคู่หนึ่งปราดเข้ามาล็อคตัวเขาให้เดินไปท่ามกลางคนมากมาย
ราเชลเย็นวาบตลอดตัว เดาได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เด็กหนุ่มพยายามดิ้นแต่เจ้าของมือทั้งสองกลับล็อคตัวเขาไว้แน่น         
“ไม่!ปล่อยผม…ผมจะไปช่วยริช…ปล่อยผมสิ…ปล่อย!” ไม่ว่าเขาจะตะโกนดังแค่ไหนแต่เสียงดนตรีจากขบวนพาเหรดก็กลบหมด  ราเชลทั้งดิ้นทั้งสะบัดแต่ไม่มีทีท่าว่ามือที่ล็อคตัวเขาไว้จะคลายง่ายๆ
นานแสนนานในความรู้สึกของเด็กหนุ่มกว่าที่ทั้งสามจะพ้นจากฝูงชนออก- มาได้  ราเชลถูกลากออกมาหยุดที่ร่มไม้ในสวนสาธารณะ ไม่ห่างจากถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากนักแต่เสียงดนตรีก็เบากว่าอยู่ในขบวนมาก  นักท่องเที่ยวตัวเล็กคนตัวใหญ่คนถอดหมวดถอดแว่นออก  ราเชลถึงกับอึ้งเมื่อเห็นหน้าคนทั้งสอง
“เจอร์รี่!ปีเตอร์! พวกนายมาได้ยังไง” เจอร์รี่หันไปมองปีเตอร์ก่อนจะยักไหล่นิดๆ  แต่ไม่มีแววทะเล้นเหมือนเคย  ปีเตอร์หน้าเจื่อนก่อนจะผละไปดื้อๆ
“เจอร์รี่…ทำไมนายลากฉันมา…นายรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
“เรามีหน้าที่พานายออกมาให้พ้น   ส่วนริชเขาจะจัดการที่เหลือเอง”
“แล้วเจฟล่ะ…ไม่…โอ…พระเจ้า…ริช…” ราเชลเย็นวาบตลอดไขสันหลัง  เมื่อสำนึกได้ว่าเท็ดโกหกเขา  ไม่มีเจฟ  ไม่มีใครทั้งนั้น คนทั้งหมดที่อยู่กับริชเป็นคน ของศัตรูทั้งสิ้น  เท็ดมีหน้าที่กันเขาออกมาให้พ้น  และเท็ดคงย้อนกลับไปช่วยริช
“ไม่…ปล่อยฉันนะเจอร์รี่…ฉันจะไปช่วยริช…ปล่อย…บอกให้ปล่อยไง”
“เร็วปีเตอร์” ปีเตอร์วิ่งกลับมายึดราเชลไว้อีกคน  รถสปอร์ตสีดำปิดประทุนวิ่งปราดเข้ามาเทียบ  ราเชลถูกดันขึ้นไปโดยมีเจอร์รี่ประกบไว้ส่วนปีเตอร์นั่งหน้าคู่คนขับ
ราเชลทั้งร้องทั้งอาระวาดแต่ไม่มีใครสนใจ  ทุกคนทำเฉยขณะที่คนขับเปิดวิทยุจนสุดแล้วเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก 

…………..
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 20-09-2009 18:45:44
....
ราเชลทั้งดิ้นทั้งร้องจนหมดแรง  มือทั้งสองข้างเจ็บระบมจากการที่ทุบเบาะเพื่อขอให้จอด เด็กหนุ่มพิงศีรษะกับเบาะ  จ้องมองออกไปนอกรถด้วยหัวใจที่รุ่มร้อนได้เต่สวดภาวะนาให้ริชปลอดภัย เด็กหนุ่มจมอยู่ในความคิดสับสนทุรนทุรายจนไม่ได้สังเกตสิ่งใด นาน…ช้า…กว่าที่เขาจะสังเกตว่ารถแล่นออกจากตัวเมืองเข้าสู่เขตชนบท  สองข้างทางเป็นไร่นาและสวนเป็นระยะ 
“พวกนายจะพาฉันไปไหน?”
“เดี๋ยวก็รู้น่า…พักก่อนเถอะนายเครียดมากนี่…ใจเย็นๆเพื่อน  พวกเราเป็นเพื่อนนายนะ ยังไงความปลอดภัยของนายก็สำคัญที่สุด” เจอร์รี่ปลอบเบาๆ
“ถ้านายเป็นเพื่อนเรานายต้องปล่อยให้เราไปช่วยริช…ชีวิตเรามันไม่สำคัญเลยถ้าเทียบกับความปลอดภัยของริช…นายเข้าใจไหม?”
“เราเข้าใจ…นายต่างหากที่ไม่เข้าใจ”
“เราไม่เข้าใจอะไร?”
“นายไม่เข้าใจเหรอว่าริชก็คิดเหมือนนายเขาถึงได้พยายามกันนายออกมา  หากเรื่องราวมันเกินควบคุมเขาก็ยังอุ่นใจว่านายปลอดภัย  ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังนะ”
“แล้วนายจะปล่อยให้ริชกำลังตกอยู่ในอันตรายตามลำพังงั้นเหรอ?”
“เท็ดก็อยู่…เขาไม่ปล่อยให้ริชเป็นอะไรหรอกน่า”
“แต่แค่สองคน…พวกมันตั้งกี่คน…เรากลับไปช่วยริชกันเถอะนะเจอร์รี่…นะปีเตอร์…ได้โปรด…”
“ใครบอกว่าแค่ริชกับเท็ดสองคน  ตอนนี้เจฟฟรี่รู้เรื่องแล้วเขาต้องจัดการทุกอย่างได้แน่…เลิกกังวลเถอะราเชลยังไงเดนเซลก็ไม่ปล่อยให้เพื่อนซี้เขาเป็นอะไรหรอกน่า”
คนขับที่นั่งเงียบมาตลอดตะโกนสวนขึ้นมาลอยๆ  ราเชลหันขวับไปพบกับรอยยิ้มอ่อนโยนและเข้าใจจากคนข้างหน้า         
“ลอว์ลี่!”         
“ดีใจที่ได้เจอนายอีก…ฟาร์มกามเทพ ยินดีต้อนรับ” ประโยคหลังลอว์ลี่พูดพร้อมกับเปิดประทุนออกช้าๆ  สายลมเย็นพัดหอบเอากลิ่นหญ้าอ่อนมาปะทะใบหน้า  ราเชลลุกขึ้นนั่งตัวตรงมองไปรอบๆอย่างประหลาดใจ  รถแล่นผ่านทุ่งหญ้ากว้างเข้าสู่ดงไม้ร่มครึ้มแน่นหนาเลี้ยววกวนอยู่หลายเที่ยวกว่าจะโผล่มาสู่ถนนกว้างที่ตรงเข้าสู่คฤหาสน์หลังงาม  ร่างสูงใหญ่คุ้นตายืนรอรับอยู่แล้ว  ทันที่รถจอดลอว์ลี่ก็กระโดดจากรถเข้าสู่อ้อมแขนของเดนเซล         
“เราทำสำเร็จ…เห็นไหมราเชลปลอดภัยแล้ว”         
“เด็กบ้า!นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเกิดพลาดมาจะทำยังไง?”         
“แต่เราไม่พลาดนี่…เราช่วยราเชลได้ปลอดภัยแถมยังเร็วกว่าคนของเจฟด้วยซ้ำ”         
“ยังจะมาคุยอีก…ดีนะว่าคนของเจฟจำพวกเธอได้ ไม่งั้นได้โดนเป่าแน่…ทีหลังอย่าทำอะไรโดยพละการอย่างนี้อีกรู้ไหม?”
ลอว์ลี่ทำปากยื่นอย่างแสนงอนแต่แล้วก็กลับยิ้มหวานและคลอเคลียเดนเซลเหมือนลูกแมว  ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาปนเอ็นดู  ราเชลมองคนทั้งสองอยู่นานแม้จะเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ตั้งแต่เห็นลอว์ลี่โผไปกอดเดนเซลแล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจคือทั้งคู่เคยทะเลาะกันถึงขนาดที่ลอว์ลี่ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล แล้วทำไมกลายมาเป็นคู่รักหวานแหววไปเสียได้  เดนเซลหันมายิ้มปลอบโยนให้ราเชล         
“พักก่อนนะ…เรื่องริชไม่ต้องห่วง พวกเราไม่มีใครยอมให้ริชเป็นอะไรแน่ๆวางใจเถอะ”         
“เกิดอะไรขึ้นครับ…ทำไมจู่ๆถึงมีคนปองร้ายริช”         
“ผลประโยชน์!” เดนเซลทำเสียงขึ้นจมูกอย่างชิงชัง         
“ใครกันครับที่จะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้”         
“คนของเราน่ะรู้ตัวแล้วแต่คนที่หนุนหลังอยู่นี่สิยังไม่แน่ใจ”         
“คนของเรา…ใครครับ?”       
“เหลียง…”         
“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้”         
“เหลียงเป็นคนรับพวกนั้นเข้ามาและหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวานติดต่อไม่ได้”         
“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนร้ายนี่ครับ…เหลียงอยู่กับริชกับเจฟมานานจนเป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว”         
“เงินน่ะทำให้พี่น้องแท้ๆฆ่ากันตายมาเยอะแล้ว”         
“แต่เหลียงได้จากตระกูลแฮมิลตันเยอะนะครับ..ทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง  แล้วยังมีหุ้นอีก”         
“ถ้าคนเรารู้จักพอจะโลกทุกวันนี้คงไม่วุ่นวายอย่างนี้หรอกราเชล”         
“ผมไม่อยากเชื่อ…แต่…ถ้าเป็นเหลียง…ริชแย่แน่” ราเชลครางเสียงสั่นด้วยความกลัว  หากเจฟฟรี่เป็นมือขวา เหลียงก็เป็นเสมือนมือซ้ายของริช  แล้วอย่างนี้ริชจะเป็นอย่างไร         
“ผมทนไม่ไหวแล้ว…ขอผมไปหาริชเถอะครับ…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ผมได้อยู่กับริช”         
“เธอคือจุดอ่อนที่สุดของริช…ถ้าพวกมันได้ตัวเธอไว้ก็เท่ากับปิดประตูรอดของริช เลยเชียวล่ะ”         
“แล้วจะให้ผมนั่งฟังข่าวอยู่อย่างนี้เหรอครับ?”         
“เธอต้องทนราเชลถ้าอยากให้ริชรอด!”เดนเซลตะคอกอย่างเหลืออด ราเชล หยุดกึก หน้าเผือดขาวและค่อยๆทรุดลงคุกเข่ากับพื้น  เดนเซลเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาใช้อารมณ์มากไป         
“ขอโทษนะราเชลที่ตะคอกเธอ…พวกเราไม่มีใครปล่อยให้ริชเป็นอันตรายหรอก”         
ราเชลหลับตาลงใบหน้าซีดขาวนั้นเต็มไปด้วยความทรมาน  ก่อนจะลืมตาแห้งผากขึ้นมองเดนเซลอีกครั้ง         
“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?”         
“รอ…เราทำอะไรไม่ได้หรอกราเชลนอกจากรอ”
ราเชลพยักหน้าช้าๆ  ดวงตาคู่งามแห้งผากเลื่อนลอยไปไกล เจอร์รี่ปราดเข้ามาประคองเพื่อนไปนั่งพักที่โซฟา  ราเชลจ้องมองไม้กางเขนนิ่งนาน         
‘พระเจ้า…ครั้งหนึ่งผมเคยขอให้ตัวเองไกลแสนไกลจากเขา…แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนคำขอได้ไหมครับ…ขอให้ผมได้อยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต…แม้ที่นั่นจะเป็นนรกอเวจีก็ตาม’
คนของเจฟฟรี่เริ่มทยอยเข้ามาที่บ้านของเดนเซล…เกือบทุกคนจะแวะเวียนมาดูนายน้อยด้วยความเป็นห่วงโดยเฉพาะคนที่คุ้นเคยกับราเชลมักจะเข้ามาดูบ่อยๆ…แม้จะไม่มีวี่แววของเหลียงแต่ราเชลก็เชื่อมั่นว่าเหลียงไม่ใช่คนทรยศ 
      ..................................
       
ริชโล่งอกเมื่อได้รับสัญญาณว่าราเชลปลอดภัยจากใบมิ้นส์บนขอบจาน  พร้อมๆกับที่ประตูร้านเปิดเข้ามา  ร่างสูงแต่ค่อนข้างท้วมในชุดสูทหรูหราสีขาวทั้งชุดเดินเข้ามาช้าๆโดยมีบอร์ดี้การ์ดครึ่งโหลตามประกบเข้ามา  แม้ใบหน้าอูมสะอาดนั้นจะเกลื่อนด้วยรอยยิ้มแต่รังสีอัมหิตก็แผ่ซ่านจนสัมผัสได้  คนในร้านต่างหันมามองและส่วนใหญ่จะรีบเช็คบิลด้วยแน่ใจว่าอาจจะเกิดเรื่องเร็วๆนี้         
“แปลกใจจังที่เจอคุณที่นี่”         
“สบายดีหรือเปล่าหลานรัก” 
เกลเซอร์ยิ้มเย็นอย่างสะใจ  เขาเพียรพยายามลอบฆ่าราฟและคนในครอบครัวหลายปี  แต่ตอนนี้เขามีอำนาจและอิทธิพลหนุนหลังแกร่งพอที่จะไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกแล้ว       
“ก็ถ้าไม่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างของเน่าๆที่คุณทำไว้ก็คงจะสบายดีกว่านี้ครับ”         
“เจอทีไรก็ปากเสียเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”         
“ผมก็เป็นของผมอย่างนี้มานานแล้วนี่ครับ…หรือเกิดจะทนไม่ได้ขึ้นมาวันนี้”         
“ใช่และฉันก็เตรียมคนสอนมารยาทในการพูดกับญาติผู้ใหญ่แบบสุภาพชนไว้ให้แกแล้ว”         
“ก็ดีครับ…แต่หวังว่าคงจะเป็นคนละคนกับที่อบรมคุณนะครับ…เพราะถ้าอบรมแล้วยังสำรากได้ต่ำอย่างนี้คงไม่ไหว”         
“ไอ้ริช…กำแหงกับฉันมากไปแล้ว…เงาหัวไม่มีแล้วยังไม่เจียมอีก…วันนี้ฉันจะทำให้แกคลานมากราบตีนฉันให้ได้”
ริชยกมือขึ้นอุดจมูกและปัดๆในอากาศด้วยท่าทางรังเกียจ  ลิ่วล้อคนหนึ่งปราดจะเข้ามากระชากคอเสื้อเขาเพื่อเอาใจนายแต่กลับถูกชายหนุ่มถีบเก้าอี้พุ่งเข้าสกัดจนล้มคว่ำไปทั้งคนทั้งเก้าอี้           
“แก!” นายตาลุกวาบขณะที่ลูกน้องกระชากปืนออกมาจ้องเข้าหาชายหนุ่มพร้อมกันพรึ่บ เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกของคนในร้านทำให้คนเป็นนายได้สติรีบหันไปตวาดเบาๆให้ลูกน้องเก็บปืน         
“ลุกขึ้นริช…อย่าให้ต้องใช้กำลัง”
ริชยักไหล่แต่ผุดลุกขึ้นช้าๆอย่างเกียจคร้าน  คนเป็นนายหันรีหันขวางอย่างหงุดหงิด         
“คู่ขามันหายไปไหน?”         
“ไปห้องน้ำครับ”         
“ตายคาห้องน้ำแล้วมั้งป่านนี้ยังไม่มา”
ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งปราดไปดู  ครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับร่างเปียกมะล่อกมะแลกของคนที่ตามไปเฝ้าราเชล         
“ทำไม?”         
“มีคนช่วยมันไปครับ”         
“ไอ้สวะ…งานนี้แกต้องรับผิดชอบ…ไปกลับ”
คนของเกลเซอร์เบียดประกบริชไว้ตรงกลาง ส่วนที่เหลือต่างทยอยออกจากร้านอาหารออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าร้าน
ริชยังคงนิ่งแต่ในใจกำลังคำนวณสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ  ชายหนุ่มพิงศีรษะกับพนักและหลับดื้อๆ ทิ้งให้คนรอบข้างนั่งเกร็งระวังตัวแจกันไปตลอดทาง 
      ..................................
         
ราเชลเปิดประตูออกมาหลังจากเข้าไปหมกตัวอยู่นาน  คนของเจฟและเดนเซลทำหน้าเลิกลั่ก  หลายคนพยายามจะซ่อนอาวุธบนโต๊ะ  แต่เนื่องจากกองอยู่จำนวลมากขนาดนั้นซ่อนอย่างไรก็คงไม่ทัน  เดนเซลลุกมาหาเด็กหนุ่มอย่างกังวล         
“ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ…สัญญาว่าจะไม่เกะกะกีดขวางการทำงานของทุกคน  ให้อยู่ตรงไหนผมก็จะอยู่”
“คงไม่ได้หรอก  ครั้งนี้อันตรายมาก…ฉันกำลังจะเข้าไปบอกให้เธอเก็บของไปอยู่กับอาลินดาชั่วคราว จนกว่าเรื่องยุ่งๆนี่จะจบ”         
“แต่ผมห่วงริช…นะครับขอผมไปด้วยคน”         
“เสียใจราเชล  คราวนี้เรื่องมันรุนแรงกว่าที่คิด  ฉันว่าเธอกลับไปรอริชที่บ้านดีกว่า”
ราเชลนั่งนิ่ง  ดวงตาแห้งผากด้วยความกดดันที่สะสมมาหลายชั่วโมง  เด็กหนุ่มเหลือบมองบอร์ดี้การ์ดและคนของเดนเซล  สายตาทุกคู่จับจ้องมายังเขาอย่างเห็นใจ  ราเชลเห็นแววเครียดและมุ่งมั่นของทุกคน  เด็กหนุ่มไตร่ตรองเงียบอยู่ครู่ใหญ่จึงผุดลุกขึ้นกลับเข้าห้อง  เดนเซลเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง
“…เอ่อ…ความจริง…ถ้าจะไปก็…ก็ได้นะ…แต่ว่า…”
ราเชลหันกลับยิ้มเศร้าๆ  เป็นครั้งแรกที่เห็นคนจริงจังแบบเดนเซลติดอ่าง  คงเพราะลำบากใจที่จะให้เขาไปด้วย         
“ไม่ละครับ…ผมจะกลับไปอยู่กับคุณย่าสักพัก…ที่นั่นน่าจะช่วยให้ผมดีขึ้น”
เดนเซลยิ้มออก  สีหน้าเครียดขมึงคลายลง         
“ได้ข่าวยังไงแล้วเราจะติดต่อไปนะราเชล”       
“ขอบคุณครับ  ไม่ต้องห่วงผมนะครับ  เมืองที่ผมอยู่ไม่พลุกพล่านเหมือนที่นี่ หากใครแปลกปลอมเข้าไปก็รู้ได้เร็ว  อีกอย่างคนที่ฟาร์มของเท็ดก็คอยมาดูแลให้อยู่แล้ว”   
ราเชลยืนมองทุกคนทยอยกันออกไปจากฟาร์ม  เขาเองก็ต้องกลับไปอยู่กับบ้านเช่นกัน  ‘พระเจ้าครับ...ขอเพียงให้ริชปลอดภัย หากต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็ยินดี’
      ..................................     

แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ  :z13:


รอตอนจบนะคะเร็วๆนี้พร้อมตอนพิเศษ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-09-2009 19:37:46
จะจบแล้ว  o22 แต่ก็นะ ไม่มีมุขให้เล่นแล้วนิ เริ่มจะรำคาญหนูราเชลขึ้นมานิดๆ แล้ววุ้น

รออ่านต่อนะจ๊ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-09-2009 22:55:39
ใกล้จะจบแล้ว
ตอนนี้ชวนให้อยากรู้ว่า พรรคพวกจะไปช่วยริชได้ยังไง
แล้วกายจำเท็ดไ้ด้มั้ยเนี่ย
ขอบคุณคนโพสมากค่ะ บวก 1 แต้มนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 21-09-2009 00:16:01
ใกล้จบแล้ว...
ช่วยบอกที เรื่องนี้จะจบอย่างแฮปปี้ใช่ไหม
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-09-2009 07:12:10
กำ จะจบแล้วหรอเนี่ย

เอิ๊กกกกกกก

ขอบคุณที่มาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 21-09-2009 10:23:16
  เรื่องทั้งยาวทั้ง :m25: แต่ราเชลระแวงเสียจนไม่มีความสุขรึเปล่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-09-2009 11:13:21
อิตาริช จะโดนลุ้นจนเละม่ะ เดี๋ยวใช้การไม่ได้พอดี 5555  :m20:
ว่าแต่วันนี้จะได้อ่านตอนจบ + ตอนพิเศษมั้ยค่ะ แอบตื่นเต้นนะเนี่ย
แวะมารอเรื่องนี้ทู้กกกกวันเลย  :-[

ปล. คู่เท็ดกะกาย กับ คู่ริชกะราเชล คู่ไหนเจอเรื่องเลวร้ายกว่ากันเนี่ย
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 21-09-2009 12:53:42
ไม่ได้เข้าบอร์ดมานานเข้ามาก็เจอนิยายของคุณใบปอเลย  :mc4:

เคยอ่านแต่ เท็ด-กาย หาเรื่องของ ราเชล-ริชมานาน

ในที่สุดก็ได้อ่านสักที  :impress3:

ฝากบอกคุณใบปอนะคะว่าแต่งได้ดีมาก และจะรออ่านเรื่องอื่นๆ ต่อนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" มาแล้วคะ Up วันที่ 20/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-09-2009 21:26:02
 :o11:  มารอ ริช กะ ราเชล
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้วคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 22-09-2009 21:43:58
THIP : ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ
namtaan : ขอบคุณมากคะ
@BUA@ : ลองลุ้นดูซิคะว่าจบยังไง
zandwizz : ขอบคุณที่ติดตามเช่นกันคะ
 M@nfaNG : ราเชลเคยถูกทิ้งมาก่อนย่อมหวาดระแวงเป็นธรรมดาคะ
dahlia  : เดี๋ยวก็ได้ลุ้นคู่ของเท็ดกับกายแล้วคะในเรื่องหน้า
sunflower : เป็นแฟนคลับคุณใบปอแน่เลยคะ นอกจากริช-ราเชล / เท็ด-กาย คุณใบปอยังแต่งอีกเรื่องนะคะ เป็นนิยายที่มีตัวละครที่ผูกพันกัน 3 เรื่องคะ แล้วจะทยอยนำมาลงคะ

ขอบคุณที่ติดตามทุกๆคนเลยคะ มาอ่านกันต่อเลยคะ
...............
42ชั่วโมงพอดีที่ริชถูกพาขึ้นรถลงเรือให้วุ่นไปหมด เพื่อกันคนของเขาติดตาม  สุดท้ายเขาถูกพาขึ้นเครื่องบินเล็กแล้วพามาที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ริชบิดตัวอย่างเมื่อยขบ  ทันทีที่เขาขยับตัว ลิ่วล้อของเกลเซอร์ก็สะดุ้งเฮือกมือก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อกันทุกคน  ริชหมั่นเขี้ยวขณะที่ถูกกุมตัวให้เดินไปตามทางเดินรกๆด้านหลังตึกใหญ่ ริชก็แกล้งให้ลิ่วล้อเหล่านั้นผวาไปตลอดทาง  บางครั้งก็ก้มลงดึงเศษหญ้าออกจากร้องเท้าดื้อๆ  เหล่าสมุนของเกลเซอร์ต้องผวาตามจนอ่อนแรงกันไปหมดกว่าที่จะนำชายหนุ่มไปถึงตึกร้างได้ 
“ฮะๆ...อุตส่าห์พาฉันขึ้นรถลงเรือไปจนรอบ  สุดท้ายพามาที่นี่เนี่ยนะ  คิดได้ไงเนี่ย  ตื้นชะมัด”
“เชอะ!คนของแกมันนึกไม่ถึงหรอกว่านายจะเอาแกมาเชือดอยู่ใต้จมูกพวกมันนี่เอง  ไอ้เจฟมันส่งคนไปตามที่อื่นให้พล่านหมดแล้ว”
“แกคิดว่าเจฟมีสมองเท่านายแกหรือไง?”
“หุบปากไปเลย  นายคอยแกนานเกินไปแล้ว”     
เกลเซอร์นั่งคอยหน้าบึ้งอยู่ก่อนแล้ว  ดูเหมือนจะเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมพรัก ลูกสมุนยืนเรียงรายกันเป็นสิบ  แต่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเกลเซอร์ต่างหากที่เรียกความสนใจจากริชได้ชะงัด เกลเซอร์ยิ้มกว้างมองตามสายตาริชไปข้างหลังและเย้ยด้วยเสียงดังอย่างสะใจ         
“จะไม่ทักทายลูกน้องคนใหม่ของฉันหน่อยเหรอริช…เหลียงมาอยู่กับฉันได้เกือบปีแล้ว  หลังๆนี่แกถึงหลบคนของฉันไม่ค่อยพ้นยังไงล่ะ”       
ริชหัวเราะก้อง ท่าทางไม่ครั่นคร้ามของเขาสร้างความหงุดหงิดปนหวาด -หวั่นให้แก่เกลเซอร์จนนั่งไม่ติด           
“กลัวจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไงริช?”         
“ใครกันแน่ที่กลัว…ฉันว่าเสียงแกมันสั่นๆนะเกลเซอร์”       
“หุบปากแล้วเอาดิสค์มาให้ฉัน” เกลเซอร์ตวาดลั่น 
ริชยิ้มเย็นล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ลูกน้องของเกลเซอร์ยกปืนขึ้นจ้องอย่างระมัดระวัง
นิ้วยาวคีบซองใส่แผ่นดิสค์เล็กจิ๋วร่อนลงกลางโต๊ะ  ลูกน้องของเกลเซอร์ปราดเข้าไปหยิบแล้วออกไปจากห้อง ครู่เดียวก็กลับเข้ามากระซิบที่หู
เกลเซอร์หัวเราะร่าอย่างโล่งอก  หลักฐานการค้ายาเสพติดของเขาถูกคนของริชแฮกเกอร์ไปได้  โชคดีที่เขาไหวตัวทันใช้ครอบครัวของเหลียงเป็นตัวประกัน
เหลียงจึงยอมเป็นสายให้         
“อย่างนี้ค่อยน่าปราณีหน่อย  เอาเถอะฉันสัญญาว่าแกจะตายไม่ทรมานมากนัก  แล้วฉันส่งไอ้คู่ขาแกลงไปจ้ำจี้กันต่อในนรก”         
“งั้นเหรอ…ฉันว่าแกต่างหากที่ควรหาคนลงไปเป็นเพื่อน” ริชตอบยิ้มๆ
เกลเซอร์ชะงักเมื่อวัตถุเย็นเฉียบกดแนบที่ศีรษะ  ลูกน้องทำท่าจะยกปืนขึ้นแต่ปากกระบอกเย็นเฉียบเบื้องหลังทำให้พวกมันยอมโยนปืนลงอย่างง่ายดาย         
“มาช้าจังนะเท็ด” ริชกระโดดลุกขึ้นบิดตัวอย่างเมื่อยขบ
เท็ดเป่าลมจากปากอย่างหมั่นไส้มาดของคุณชาย  ริชเดินไปหยุดยืนจนใกล้เกลเซอร์และยิ้มเยาะเมื่อคนของเขาเอาแผ่นดิสต์กลับมาคืนให้
“สุดท้ายมันก็กลับมาอยู่กับฉัน…อ้อ!แล้วก็ขอบใจที่ช่วยจ่ายเงินเดือนให้
เหลียงมาตั้งหลายเดือน ประหยัดเงินของฉันไปเยอะเลย”
ริชตบบ่าเกลเซอร์เบาๆก่อนจะเดินผิวปากออกไป  เกลเซอร์กัดกรามกรอดแต่ปืนที่จ่ออยู่ที่ศีรษะทำให้ไม่กล้าขยับ สมุนของเกลเซอร์ถูกต้อนไปมัดรวมกันทางหนึ่งส่วนเกลเซอร์พิเศษกว่าหน่อยตรงที่ถูกใส่กุญแจมือแยกไว้ต่างหาก  ริชต่อโทรศัพท์หาสหายสนิทของบิดาเพื่อให้มารับตัวเกลเซอร์พร้อมหลักฐานที่เขามี
“นายส่งข่าวให้เดนเซลรู้หรือยัง?”
“ว่าจะย่องไปเซอร์ไพร์ทหมอนั่นเสียหน่อย”
“ระวังเดนเซลจะเอาลูกปืนต้อนรับเพราะไม่รู้ว่าเป็นนาย”
“โด่โทรไปบอกก็ได้…อ้าวแบตหมด  เท็ดยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพก”
“อ้าว!แล้วกายไม่บ่นเอาเหรอเวลาตามตัวไม่เจอ”
“กายรู้หรอกน่าว่าฉันไม่ได้ไปไถลที่ไหนเหมือนนาย”
“เฮ้ย!ฉันไม่เคยไปไถลที่ไหนนะ”
ริชอุทานพร้อมกับเหลียวมองรอบตัว แต่พอนึกได้ว่าราเชลไม่ได้มาด้วยก็ชะงักไป เท็ดหัวเราะก๊ากอย่างขบขันทำให้หน้าคร้ามๆแดงด้วยความอาย
“ขำอะไรนักหนา?”
“ขำคนเก่ง…โธ่เอ๊ยริช! นึกว่าจะแน่ที่แท้ก็กลัวราเชลแทบตายแล้ว”
“หยุดพูดไปเลย ใครว่าฉันกลัว ฉันแค่ไม่อยากให้ราเชลเขาไม่สบายใจก็แค่นั้นแหละ”       
“จริงอะ?”         
 ริชหน้าบึ้งเดินลิ่วออกมาที่รถโดยมีเท็ดวิ่งเดินมาติดๆ  รถสปอร์ตของเขาจอดอยู่ที่ลานด้านนอก  กุญแจยังคาอยู่ที่รถ ริชโดดขึ้นรถขับออกมาโดยมีเท็ดนั่งเคียงมาด้วย           
“ทางโน้นว่าไงบ้าง?”   เท็ดถามขณะที่ดึงเข็มขัดนิรภัยไปคาดเพื่อความปลอดภัย  ด้วยรู้ฝีมือขับรถของริชดี     
“ชีครามิลกำลังจัดการอยู่”         
“ชีครามิล…คนนี้หรือเปล่าที่แจ็คหลงรักอยู่?”         
“ใช่…ดูเหมือนตอนที่ฉันมาจะมีเรื่องยุ่งๆอยู่เหมือนกัน”         
“ทำไม?”         
“ฉันกับชีครามิลทำเป็นสนิทสนมกันเพื่อให้พวกมันเคลื่อนไหว  ซึ่งก็ได้ผล  แต่แจ็คไม่รู้เรื่องนี้เลยหึงจนน่ามืด”         
“แล้วทำไมนายไม่บอกแจ็คล่ะ”         
“มีโอกาสที่ไหน  พวกมันคอยประกบแจออกอย่างนั้น แต่ชีครามิลคง
อธิบายเองแหละ”ริชตอบพร้อมกับจอดรถที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“ขอบใจนะว่าจะโทรหากายอยู่พอดี” เท็ดโดดลงไปก่อนหน้าตาเฉย  ริช แยกเขี้ยวตามหลังแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรนัก  ไม่นานเท็ดก็ออกมาและส่งการ์ดให้
“เอ้า…ให้ยืม”
“ขอบใจ” ริชรับการ์ดรีบกดไปหาราเชลด้วยความคิดถึง  เสียงสัญญาณดังจนตัดไปหลายครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย  คิ้วเข้มขมวดอย่างกังวล
“เอ…ราเชลเอาโทรศัพท์ไปไว้ที่ไหน?” ชายหนุ่มตัดสินใจโทรหาเดนเซล
“ฉันเอง”
“ริช!ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่ถนนเข้าโกดังร้างของคุณอาสุดที่รัก”
“นายปลอดภัยดีใช่ไหม…อีกสักครู่คนของเจฟคงไปถึงที่นั่น”
“เฮ้ย!ไม่มีอะไรแล้วน่า…ราเชลเป็นไงบ้าง?”         
“ราเชลกลับอยู่กับย่าที่บ้าน”         
“มิน่าโทรเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย…ขอบใจมากเดนเซลเดี๋ยวฉันขอโทรหาราเชลก่อน”
         ..................................

เจ้าเมฆขาวห้อสุดตัวอย่างร่าเริง  ด้วยนานหนักหนาแล้วที่ไม่มีใครพามันออกมาวิ่งอย่างนี้  ราเชลปล่อยให้มันควบตามใจชอบ  สายลมเย็นบาดผิวหน้าจนชาแต่ไม่ได้ทำให้ความร้อนรนในใจลดลง   ไม่มีการติดต่อกลับมาของเดนเซล  ทุกคนเงียบหายกันไปหมดแม้แต่เท็ด 
เมื่อคืนกายโทรมาหาเขา บอกว่าสถานการณ์ยังไม่คืบหน้า  ราเชลอดทึ่งไม่ได้ที่กายไม่ปริปากอะไรเลย เงียบสงบอยู่ได้ทั้งที่เท็ดก็ขาดการติดต่อไปพร้อมๆกับริช  ราเชลยอมรับว่าตัวเองทำไม่ได้เหมือนกาย  แต่ที่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาก็เพราะไม่อยากให้คุณย่ากังวลไปด้วย  ท่าทางท่านดีใจมากที่เขากลับมา
แมททิวโบกมือให้อย่างร่าเริงเมื่อเห็นเขากับเจ้าเมฆขาว  สีหน้าดีใจสุดขีดของชายหนุ่มบอกให้รู้ว่าคงเพิ่งโดนเจอร์รี่เล่นงานมาหนักแน่ๆ  ราเชลฝืนยิ้มให้เมื่อแมททิวปราดเข้ามารับบังเหียนไปจากเขา         
“ราเชล…คุยให้หน่อยนะ…ท่าทางเขายังใจแข็งอยู่เลย”
ราเชลเหลือบมองไปที่ศาลาน้ำชากลางสวน  คุณย่าของเขานั่งดูอะไรบางอย่างสนใจโดยมีเจอร์รี่กำลังอธิบายจ้อยๆ
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเจอร์รี่กำลังวางไพ่ใบสุดท้ายลง  สีหน้าของคุณย่าดูสดใสแถมยังหัวเราะนิดๆอีก  หากเป็นเมื่อก่อนคุณย่าคงเอ็ดตะโรไปแล้วว่าไร้สาระ  นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หนักๆขึ้นหลายครั้งติดๆกัน  ดูเหมือนคุณย่าจะเปลี่ยนไปมาก         
“มาพอดี…ดวงคุณย่าดีมากเลยนะราเชล  นายไม่สนใจจะดูบ้างเหรอ?”
เจอร์รี่ทักทายยิ้มแย้ม  เพราะตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่แพร่งพรายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนนอกรู้  แต่เจอร์รี่ก็ตามมาคอยดูแล เพื่อไม่ให้ราเชลคิดมากจนเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง         
“ไม่ละ…มีคนอื่นอยากดูกว่าฉันอีก  ทำไมนายไม่ดูให้ล่ะ”         
“ไม่เห็นมีใครอยากดูนี่”         
“มีคร๊าบ…ผมอยากดู  ดูให้ผมหน่อยนะ” แมททิวปราดเข้ามานั่งแปะตรงหน้า  แต่เจอร์รี่มองเมินเขาเป็นอากาศธาตุ  ทำให้แมททิวหน้าเจื่อนไปทันที       
“คุณย่าครับพอดีผมเพิ่งนึกได้ว่านัดเพื่อนๆไว้  ขอตัวกลับก่อนนะครับ”         
“อ้าว!จะกลับแล้วเหรอ  แล้วจะกลับยังไงล่ะ  ให้คนที่บ้านไปส่งไหม?”         
“ไม่เป็นไรครับผมไปส่งเอง” แมททิวรีบอาสา         
“ผมให้ปีเตอร์มารับแล้วครับคุณย่า  เรากลับก่อนนะราเชล”
แมททิวรีบลุกขึ้นวิ่งตามไปติดๆ  คุณย่ามองตามงงๆก่อนจะหันมาหาราเชล         
“วันนี้มีของว่างหลายอย่างนะ…ไอ้หน้าตาแปลกๆนี่ของเจอร์รี่กับแมททิว”         
“ขอแต่ชาดีกว่าครับ…สองคนนั้นมานานแล้วเหรอครับ?”         
“เจอร์รี่มาก่อน สักประเดี๋ยวแมททิวก็ตามมา  พ่อคนนี้แกก็อดทนดี  เป็นคนอื่นโดนเมินขนาดนี้คงเลิกตื้อไปแล้ว”         
“ครับ  เจอร์รี่เขาใจแข็ง  เขายอมยกโทษให้ลอว์ลี่เพราะลอว์ลี่เป็นน้อง  แต่คงไม่ยกโทษให้แมททิวง่ายๆ”         
“แล้วลอว์ลี่เขาหายไปไหนล่ะ…ไม่เห็นหน้ามาตั้งแต่ราเชลป่วยได้ละมัง”         
“ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่กับคนรักที่ฟาร์มครับ…”
ราเชลเงียบไปเมื่อเอ่ยถึงคนรักของลอว์ลี่  เดนเซลไม่ส่งข่าวให้เขารู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เด็กหนุ่มนั่งเหม่อจนไม่รู้ว่าย่าลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่  หากสาวใช้ไม่มาตามให้ไปรับประทานอาหารเย็นเขาคงนั่งอยู่อย่างนั้นอีกนาน         
เสียงฝนฟ้าคะนองภายนอกลอดเข้ามาแว่วๆ อากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับ- อากาศแต่ราเชลก็ยังพลิกกระสับกระส่ายอยู่จนดึก 
เสียงบางอย่างดังแว่วๆ  ราเชลตะแคงหูฟังอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์  ราเชลกดรับเข้ามาที่เครื่องของเขาด้วยไม่อยากให้รบกวนคนอื่น         
“สวัสดีครับ”
“.....”
“…สวัสดีครับ…นั่นใครครับ…ถ้าไม่พูดผมจะวางหูแล้วนะครับ”         
“….เชล…ผม…ไหม….”   เสียงอู้อี้ถูกกลบด้วยเสียงแทรกซ่าจนฟังไม่รู้เรื่อง     
“ผมไม่ได้ยินที่คุณพูดเลย…พูดดังหน่อยครับ”         
“…ราเชล…ผมเอง….ไป…ผมจะรอที่นั่น”         
“ใครน่ะ…ริช!…ริชใช่ไหม…ริชผมไม่ได้ยินเสียงคุณ…ริช!”         
“…ไปรอที่บ้านของเรา แค่นี้นะ…”
“ริช!”  โครม!!   
ราเชลตะลึงได้ยินเสียงเท็ดตะโกนก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่นลอดเข้ามาในโทรศัพท์และสัญญาณก็ตัดไป  เด็กหนุ่มเดินวนเวียนรอโทรศัพท์อยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าริชจะโทรมาอีก 
‘เกิดอะไรขึ้นกับริชหรือเปล่า?’
ราเชลนึกทบทวนคำพูดของริช…ริชให้เขาไปรอที่บ้าน ‘บ้านของเรา’ ไม่ใช่ที่บ้านบิดามารดาหรือที่คอนโดแน่ๆ  ที่ๆเป็นบ้านสำหรับเขามีที่เดียว  ราเชลผลุนผลันไปเปิดตู้เสื้อผ้า คว้าเสื้อกางเกงยัดใส่กระเป๋าลวกๆ  ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเป็นชุดอะไร  เด็กหนุ่มกวาดของหน้ากระจกและในห้องน้ำใส่กระเป๋าใบเล็กแล้วยัดลงกระเป๋าเดินทางอีกที คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งลงไปยังโรงจอด  ราเชลพุ่งรถออกอย่างรวดเร็วจนยามที่เฝ้าแทบเปิดประตูรั้วให้ไม่ทัน
เสียงสัญญาณมือถือดังกรุ๋งกริ๋งทำให้เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ  ราเชลควานแฮนฟรีมาใส่หู         
“ครับ”         
“ราเชลริชติดต่อไปหรือยัง?”         
“เพิ่งติดต่อมาเมื่อครู่ครับ…คุณกายอยู่ที่ไหน?”         
“ผมอยู่ที่บ้านริมบึง…มาที่นี่เลยนะ”         
“ครับ”
ราเชลแทบร้องไห้ด้วยความดีใจ  อีกไม่นานเขาจะได้เจอริชแล้ว ทั้งที่สภาพอากาศข้างนอกย่ำแย่ด้วยพายุและฝนฟ้าคะนองแต่ราเชลฮัมเพลงอย่างแสนสุขไปตลอดทาง   
ฝนเพิ่งซาเม็ดไปเมื่อราเชลไปถึงบ้านหลังเล็กริมทะเลสาบ ไฟในบ้านเปิดสว่าง  ร่างสูงเพรียวยืนรอรับอยู่หน้าบ้าน  ราเชลรีบลงจากรถด้วยความยินดี         
“ริชละครับ?”         
“ผมกำลังรอพวกเขาอยู่เหมือนกัน  เมื่อคืนเท็ดโทรหาผมให้มารอที่นี่ผมก็เลยโทรไปบอกราเชล  แต่ติดต่อไม่ได้  โทรเข้าไปที่บ้านก็แทบไม่มีเสียงสัญญาณเพราะพายุ  โชคดีที่ติดต่อได้  แล้วนี่ราเชลมากับใคร?”         
“ผมมาคนเดียวครับ  พอได้รับโทรศัพท์ริชก็รีบมาเลย...นึกว่าริชมาถึงแล้วเสียอีก” ราเชลยกนาฬิกาขึ้นดู  เกือบ 6 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านริมทะเลสาบ  แสดงว่าริชคงอยู่ไกลมากถึงยังมาไม่ถึง         
“แล้วบอกคุณย่าหรือยัง?”         
“ยังครับ…ผมรีบจนลืม  มัวแต่ดีใจที่ริชโทรมา”         
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ โทรไปหาคุณย่าเสียก่อน  ป่านนี้คงรู้แล้วว่าราเชลออกมา คงกำลังเป็นห่วงกันแน่ๆ”         
“ไว้เช้าค่อยโทรไปไม่ดีกว่าเหรอ?” เสียงท้วงเบาๆมาจากร่างสูงใหญ่ที่ยืนคอยอยู่หน้าประตู  กายหันไปตอบเครียดๆ
“ต้องบอกเลยครับ...นี่ก็…ตี5กว่าแล้ว...ป่านนี้ยามคงโทรไปบอกแล้วว่า
ราเชลออกมา ถ้าท่านไม่รู้ว่าไปไหนท่านจะกังวล  ราเชลนี่ลุงรอน…คนรักของริชครับรอน”         
“สวัสดีครับ”         
“ยินดีที่ได้พบ  เข้าไปข้างในกันดีกว่า ข้างนอกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่”
ราเชลเดินตามกายเข้าไปในบ้านโดยมีรอนเดินรั้งท้าย  กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยมาต้อนรับ  ร่างบางเล็กยกถาดใบโตออกมาวางกลางโต๊ะ         
“ยินดีต้อนรับหนูน้อย  นี่เป็นของรับขวัญของฉันกับรอนนะ”           
“นี่พ่อทูนหัวของผม”  กายแนะนำยิ้มๆ  ราเชลรีบเข้าไปจับมือทักทาย       
“สวัสดีครับ”         
“น่าเราคนกันเอง…ถึงจะเช้าไปหน่อยแต่ฉันเตรียมอาหารไว้ให้พวกเธอแล้ว  ความจริงฉันก็แค่อุ่นมาให้  แต่รอนเป็นคนทำ”         
“ขอบคุณมากครับ…ทุกคนดีกับผมมากเลย”         
“ไม่ต้องห่วงนะ  อีกสักครู่พวกนั้นคงมาถึง” 
ราเชลมองตามพ่อทูนหัวของกายอย่างทึ่งๆ  ผู้ชายคนนี้ทำอะไรรวดเร็วไปเสียหมดจนเวียนหัว  แถมยังใจร้อนและขี้โมโห  ผิดกันกับลุงรอน ผู้ชายตัวโตเหมือนตึกแต่ใจเย็นเหมือนน้ำแข็ง  มักมีรอยยิ้มนิดๆอยู่ตลอดเวลา 
แต่เมื่อเวลาผ่านไปจากสายเป็นบ่าย  ทุกคนก็เริ่มกังวลแม้แต่ลุงรอนก็ยิ้มไม่ออก         
“ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ถึงกันอีก…น่าจะมาถึงแล้วนะ”โรเจอร์โยนรีโมทโทรทัศน์อย่างหงุดหงิด 
โทรทัศน์เครื่องนี้เพิ่งถูกติดตั้งตอนที่ราเชลมาพักที่นี่บ่อยๆ  ริชติดเคเบิ้ลให้เพื่อให้ราเชลไม่เหงาเกินไป โรเจอร์เปิดๆปิดๆมันมาพักใหญ่ๆแล้ว  แต่ก็แทบไม่สนใจภาพในจอ 
หลังจากหมุนไปหมุนมาอยู่พักใหญ่โรเจอร์ก็คว้ารีโมทมากดอีก  ภาพเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารร้างนอกเมืองแต่กลับมีคนติดอยู่ภายในเรียกร้องความสนใจของทุกคนได้เล็กน้อย  ราเชลมองภาพแต่หูกลับคอยฟังเสียงรถจากภายนอกมากกว่า         
ภาพข่าวตัดกลับมาที่ถนนสายหนึ่ง  แสงไฟจากรถตำรวจวูบวาบ  ขณะที่ผู้ประกาศชายยืนบังรถซากคันหนึ่ง  ข้างตู้โทรศัพท์ที่พังยับเยิน ราเชลมองรถคนนั้นอยู่นานก่อนจะทะลึ่งพรวดขึ้นทั้งตัว         
“เขาโทรหาผม...เขาบอกให้ผมมาที่นี่...แล้ว...ไม่ริช...ไม่นะ...ไม่จริง”
โรเจอร์หน้าซีดเผือดขณะฟังรายงานจากข่าว  กายเองก็หน้าไม่มีสีเลือดเช่นกัน  แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา  ผู้ประกาศยืนยันว่าพบชายสองคนในซากรถที่ไหม้เกรียม  ขนาดและรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกับริชและเท็ด
“ไม่!ริช…โอริช!…พระเจ้า!…ไม่!”
ราเชลผวาออกไปที่ประตูแต่กายคว้าตัวไว้ได้ เด็กหนุ่มสะบัดหลุด แต่ติดที่รอน  มือใหญ่คว้าไหล่เขาไว้และลากกลับมายังโซฟากลางห้องอีกครั้งราเชลแผดเสียงโหยหวนพยายามจะดิ้นเพื่อจะไปหาริช  แต่รอนยึดไว้แน่นไม่นานเด็กหนุ่มก็ฟุบลงหมดสติ
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้วคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 22-09-2009 21:51:58
.............

ซอเรนมองตามร่างบางที่แทบปลิวไปกับลมด้วยความผ่ายผอม  เกือบสองเดือนมาแล้วที่ราเชลแทบไม่แตะอาหารเลย  นับจากวันที่ทราบข่าวการตายของคนรักจนถึงวันนี้ราเชลก็แทบไม่พูดอะไรเลย    ตอนแรกทุกคนพากันโล่งใจที่ราเชลไม่กลับคลุ้มคลั่งอาระวาด  แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเงียบเฉยของเด็กหนุ่มกลับน่ากลัวยิ่งกว่า 
อีกคนที่อาการน่าเป็นห่วงคือกาย พอลลิ่ง เด็กหนุ่มคนนั้นมีอาการแตกต่างกับราเชลอย่างสิ้นเชิง  ตอนไปรับศพที่ไหม้จนมองไม่ออก เด็กหนุ่มก็ล้มฟาดลงข้างเตียง  แต่เมื่อฟื้นขึ้นมากายกลับสดใสร่าเริง  ไม่พูดไม่เอ่ยอะไรถึงอุบัติเหตุ กลับพูดคุยราวกับเท็ดยังมีชีวิตอยู่  ทุกคนได้แต่สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะนอกจากอาการเหล่านี้กายไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ  เมื่อเด็กหนุ่มขอไปรับการผ่าตัดสะโพกครั้งที่สองที่เยอรมันจึงไม่มีใครค้าน นอกจากมารดาจะตามไปด้วยเท่านั้น         
ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อริชตาย หลักฐานที่จะมัดตัวเกรเซอร์ก็ไม่มี และเกลเซอร์ก็ไม่โง่พอที่จะเข้ามายุ่งกับทุกคนในครอบครัวของริชด้วยรู้ว่าตำรวจจับตาดูอยู่  เรื่องจึงเงียบหายเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
ราเชลออกจากโรงพยาบาลก็ย้ายมาอยู่ที่กระท่อมริมบึงนี่เป็นการถาวร  แรกๆทั้งย่าและเพื่อนๆต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมไม่ได้ขาด  แต่เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มปกติดีจึงค่อยๆหายหน้ากันไป  เหลือเพียงย่าที่มาอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ดูเหมือนราเชลจะไม่ได้เดือดร้อนใจแต่อย่างใด  เด็กหนุ่มชอบทำอะไรคนเดียวเงียบๆ จนบางวันก็แทบไม่ได้พูดกับซอเรนด้วยซ้ำแต่ชายหนุ่มก็ยังอดทนมาหาทุกวัน  เวลาของราเชลหมดไปกับการทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเดินลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบ  แรกๆซอเรนก็กลัวว่าเด็กหนุ่มจะคิดสั้นแต่เมื่อสังเกตดูก็พบว่าราเชลไม่ได้มีความคิดแบบนั้นแน่ก็สบายใจขึ้น         
ราเชลลอบมองคนที่เดินตามห่างๆด้วยความไม่สบายใจ  เขารู้ว่าซอเรนห่วง แต่เขาไม่ต้องการ  เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร... ราเชลกำลังรอ  เขาแน่ใจว่าริชต้องกลับมา  แม้ผลการชันสูตรจะยืนยันว่าศพที่พบเป็นศพของริชก็ตาม 
แต่ราเชลเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเอง  เขาแน่ใจว่าริชยังไม่ตาย  และริชต้องกลับมา  ราเชลเชื่อในปาฏิหาริย์เสมอ  ขนาดกายหายไปเกือบ7ปีก็ยังกลับมาหาเท็ดได้  แล้วริชเพิ่งหายไปไม่กี่สัปดาห์จะให้เขาเชื่อว่าริชตายนั้นเขายอมรับไม่ได้
ราเชลขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าตาเขาฝาดไปหรือเปล่าแต่เขาเห็นสุนัขวิ่งอยู่ริมบึงฝั่งตรงข้าม  หรือว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นกลับมาจากต่างประเทศแล้ว  ราเชลเพ่งมองเมื่อสังเกตเห็นเงาวูบวาบ       
“ราเชลกลับกันเถอะครับ” เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ราเชลสะดุ้ง  เขาหันกลับมาเจอหน้าเจื่อนๆของหมอ         
“ขอโทษทีผมไม่คิดว่าคุณกำลังเพลินอยู่เลยเรียก  ดูอะไรอยู่ครับ?”         
“ไม่มีอะไรหรอกครับหมอ…กลับก็ได้ครับ” ราเชลเหลือบมองบ้านนั้นอย่างเสียดาย  เงาวูบวาบที่เห็นหายไปแล้ว  สงสัยเจ้าของบ้านนั้นคงกลับมาหรือไม่ก็คงจ้างคนมาตกแต่งซ่อมแซมบ้าน เด็กหนุ่มละความสนใจเดินกลับบ้านพร้อมหมอ         
ทันที่มื้อค่ำผ่านไปก็มีโทรศัพท์ตามตัวซอเรนจากโรงพยาบาล  แม้จะค่อนข้างห่วงราเชลแต่หมอก็จำต้องรีบไป         
“ปิดประตูล็อคเลยนะ  ไม่ต้องไปส่งผมที่รถ  แล้วถ้ามีอะไรก็โทรหาผมทันทีเข้าใจนะ”         
“ครับ…หมอไปเถอะผมอยู่ได้”
ซอเรนออกมาขึ้นรถด้วยความกังวล  ไม่ค่อยสบายใจนักที่ต้องทิ้งให้ราเชลอยู่คนเดียว แต่เมื่อมองไปทางคอกม้าก็เห็นร่างสูงๆซึ่งคงจะเป็นลุงไมค์ซอเรนก็รีบตะโกนบอก         
“ฝากราเชลด้วยนะครับ” ลุงไมค์โบกมือตอบ  ซอเรนขับรถออกไปด้วยความสบายใจกว่าเดิม
เสียงเพลงแผ่วหวานที่ดังขึ้นกลางดึกปลุกให้ราเชลตื่นขึ้นมาด้วยความแปลกใจ  ครั้งแรกที่ได้ยินนั้นนึกว่ากำลังฝัน  แต่เมื่อฟังจนแน่ใจเด็กหนุ่มก็อดลุกขึ้นไปมองหาที่มาไม่ได้  กระท่อมหลังเล็กของลุงไมค์ยังเปิดไฟสว่าง  ราเชลมองอย่างแปลกใจเมื่อแน่ใจว่าเพลงที่ได้ยินดังมาจากที่นั่น เพิ่งรู้ว่าลุงไมค์ก็เป่าเม้าท์ออแกนด์ได้เพราะจับใจ  ราเชลเปิดหน้าต่างออกกว้าง   ขึ้นไปนั่งนขอบหน้าต่างฟังเพลงอย่างสบายใจ  เสียงเพลงไพเราะค่อยๆเบาลงและเมื่อเพลงใหม่ดังขึ้น ราเชลก็สะท้านไปทั้งตัว  น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาช้าๆ  เมื่อได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นหู       
“ริช…คุณอยู่ที่ไหน…เมื่อไหร่คุณจะกลับมาหาผมเสียที”
ราเชลหลับตาลง ปล่อยใจบอบช้ำให้ลอยไปหาอดีตอันวันชื่นนับจากครั้งแรกที่ได้สบตาริชจนถึงคืนวันที่ได้อยู่ด้วยกันที่นี่  เด็กหนุ่มมัวจมอยู่กับอดีตจนไม่ได้สังเกตว่าเสียงเพลงดังใกล้เข้ามาทุกทีจนกระทั้งเสียงเพลงหยุดลง
ราเชลลืมตาขึ้น  สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาวาววามที่เป็นประกายล้อแสงไฟแรงต่ำข้างหน้าต่าง           
“ริช…ไม่…เห็นภาพลวงตาอีกแล้ว…” ราเชลหลับตาลงและร้องไห้ด้วยความปวดร้าว  เขาไม่เคยบอกหมอว่าเห็นภาพหลอนของริชอยู่บ่อยๆ           
“ภาพลวงตาจูบเธอไม่ได้หรอกที่รัก” เสียงกระซิบอ่อนโยนตามด้วยลมหายใจร้อนๆริดรดหน้าผาก  ราเชลผวาทั้งตัวเด็กหนุ่มเบิกตากว้างจ้องคนตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง         
“…ริช!…พระเจ้าผมไม่ได้ฝันไป  ริชนี่คุณจริงๆใช่ไหม?” ราเชลละล่ำละลักออกมาหลังจากอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ  เด็กหนุ่มโผเข้าหาอ้อมแขนกว้างที่โอบรัดและดึงร่างบางออกมานอกหน้าต่าง         
“ริชๆๆ…ใช่คุณจริงๆนี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม…ผมไม่ได้เห็นภาพลวงตาใช่ไหม…คุณกลับมาแล้วจริงๆ คุณทำตามสัญญา  คุณบอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งผมอีก…ริช” ราเชลพร่ำพูดปนสะอื้น สองมือลูบไล้ไปทั่วใบหน้าคล้ำกร้าน         
“ที่รัก…ฉันกลับมาอยู่กับเธอแล้ว  ฉันไม่ใช่ภาพลวงตา เธอไม่เคยเห็นภาพลวงตาหรอกนะราเชล  ทุกครั้งเธอเห็นฉันจริงๆนะ…อ้อยกเว้นในฝัน นั่นก็ฝันถึงฉันอยู่ดี”         
“หมายความว่ายังไง?”       
“ฉันอยู่ใกล้ๆเธอตลอดเวลานั่นแหละที่รัก  แต่ที่ไม่ได้มาหาเพราะมันจำเป็นหากพวกมันรู้ว่าฉันยังไม่ตาย พวกมันต้องหาทางเอาตัวเธอไปต่อรองแน่…ครอบครัวเธอก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
ราเชลได้แต่อึ้งริชเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง           
“เกลเซอร์เป็นทั้งญาติและหุ้นส่วนบริษัทที่เอเซีย  เขายักยอกเงินบริษัทไปหลายร้อยล้านเพื่อไปเป็นทุนค้ายาเสพติด คนในบริษัทส่วนใหญ่เป็นคนของเขา  เรื่องคงไม่แดงหากเขาไม่หันไปโกงหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทใหม่ของฉัน  ทางนั้นตรวจสอบเงียบมากและติดต่อมาคุยกับฉันโดยตรง  ฉันถึงได้หลักฐานการโกงของเขา  ฉันกับเท็ดเข้าไปสืบจนเกือบได้เรื่องอยู่แล้ว มาพลาดที่เลขาของหุ้นส่วนดันเป็นคนของเกลเซอร์  ทางโน้นเลยซ้อนแผนโดยเอาคนของเข้ามาแทรกซึม  รู้ไหมใคร?”
ราเชลได้แต่ส่ายหน้า ไม่กล้าเดา เพราะเท่าที่รู้คนของริชส่วนใหญ่อยู่มาตั้งแต่ริชยังเด็ก         
“คนรักของเหลียง  เหลียงไม่รู้ตัวเลยกระทั่งครอบครัวตกอยู่ในอันตราย  เขาลอบส่งข่าวบอกเท็ดแล้วยังแทรกซึมฝ่ายนั้นให้จนกระทั่งเท็ดช่วยครอบครัวเขาได้ 
เหลียงเลยทำเป็นล่อให้ฉันไปติดกับ เราเกือบจับมันได้อยู่แล้ว แต่ตำรวจท้องที่ที่เป็นคนของพวกปล่อยให้มันหนีได้  พวกมันเลยเผาโกดังทำลายหลักฐาน แล้วฆ่าคนของเราไปหลายคน  แถมยังส่งคนตามมาฆ่าฉันกับเท็ด ดีว่าเหลียงตามมาช่วยทัน เราเลยซ้อนแผนแต่งศพคนของพวกมันหลอกให้มันคิดว่าฆ่าได้สำเร็จ”         
“แต่ผลการชันสูตรก็ยืนยันว่าเป็นศพที่ไหม้เกรียมนั่นเป็นคุณกับคุณเท็ดนี่ครับ”         
“คนของหุ้นส่วนฉันเขามีทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ  เขาทำการตกแต่งฟันศพให้เหมือนกับฉันและเท็ด  อีกอย่างหมอชันสูตรก็เป็นคนของเรา  ตรวจกี่ครั้งผลก็เป็นไปตามที่เราสั่งทั้งนั้น” 
“แต่หลักฐานที่คุณมีก็เอาผิดพวกมันได้  ไม่เห็นต้องเสี่ยงขนาดนั้น”
“แค่ที่แฮกเกอร์มามันไม่พอที่จะเอาตัวเกลเซอร์เข้าคุกหรอกนะ  อย่างมากก็พวกปลาซิวปลาสร้อยที่เกลเซอร์จะบังคับให้มาเป็นแพะรับบาปเท่านั้น”       
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมสักคำ?”         
“ขอโทษที่รัก  ฉันไม่กล้าปรากฏตัวเกรงว่าจะพลาดให้พวกมันไหวตัว  แต่ผลก็คุ้มค่านะตอนนี้พวกมันโดนจับข้อหาขนยาเสพติดล็อตใหญ่  งานนี้ได้ตัวทั้งแก็งค์เพราะเกลเซอร์ประมาทที่ใช้เรือของตัวเองขนยา คงกะถอนทุนคืนเพราะของล๊อตที่แล้วถูกเผาทำลายหลักฐานไปหมด  งานนี้ตำรวจสากลคงไม่ปล่อยให้หลุดง่ายๆ  เส้นสายที่จะวิ่งเต้นก็ไม่มี  อีกอย่างพ่อลงเล่นด้วยตัวเองคงไม่มีใครกล้ายื่นมือมาจัดการให้อีกแล้ว”         
ราเชลจ้องมองหน้าคร้ามที่คล้ำและผอมลงกว่าเดิมมาก เด็กหนุ่มลูบไล้ใบหน้าระคายด้วยหนวดอย่างอ่อนโยน ถอนใจยาวแล้วซบหน้ากับอกอุ่นอย่างโล่งใจ
ริชประคองกอดคนรักไว้แนบแน่น  ราเชลผอมเหลือเกิน  เพราะเขาที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องทุกข์ใจครั้งแล้วครั้งเล่า         
“ขอโทษนะที่รัก  ฉันผิดสัญญาอีกแล้ว…ทั้งๆที่เคยพูดว่าจะไม่ทำให้เธอทุกข์ใจอีก  แต่วันนี้เธอก็ต้องร้องไห้เพราะฉันอีกแล้ว…หากต้องการให้ฉันทำอะไรฉันก็ยินดีทั้งนั้น  ขอแค่เธอให้โอกาสฉันอีกครั้ง  ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บอีก”         
“ผมไม่ต้องการหรอกริช  ผมจะขอจากคุณอย่างเดียวเท่านั้น…ต่อไปนี้จะทุกข์หรือสุข  จะเป็นหรือตายขอให้เราอยู่ด้วยกันได้ไหม  ผมไม่อยากรออีกแล้ว  การรอคอยมันทรมาน สู้ให้ผมเผชิญไปพร้อมๆกับคุณเสียดีกว่า  ให้ได้ไหมครับริช?”         
“แล้วถ้าเรื่องนั้นมันอันตรายล่ะ?...เหมือนคราวนี้ พวกนั้นเจาะจงตัวเธอมากกว่าฉันเสียอีก  มันรู้ว่าต้องได้ตัวเธอถึงจะบีบให้ฉันติดกับได้  หากไปด้วยกันอะไรจะเกิดขึ้น…ฉันไม่สนหรอกราเชลว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไง ขอแค่รู้ว่าเธอปลอดภัยก็พอแล้ว”
“ผมก็คิดแบบนั้น…สัญญาสิริชไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้ผมไปด้วย  หากคุณทิ้งผมไว้อีก  ครั้งหน้าผมอาจไม่รอคุณก็ได้”
“อย่าขู่สิ…รู้หรอกน่าว่ามีคนคอยดูแลอยู่ถึงได้วางใจ”
“ไม่หึงหมอแล้วเหรอ?”
“หึง…แต่ทำไงได้ล่ะ…นอกจากเท็ดกับเจฟ คนที่ไว้ใจได้ว่าจะปกป้องราเชลด้วยชีวิตก็มีแต่เขาคนเดียว  หมอรักเธอมากนะ  ทั้งรักทั้งเสียสละอย่างที่ฉันทำไม่ได้  หากต้องเสียเธอให้คนอื่นก็ต้องให้ฉันตายไปแล้วนั่นแหละ เพราะถ้ายังมีชีวิตอยู่ฉันก็ต้องไปเอาตัวเธอกลับมาจนได้”
“คนเห็นแก่ตัว”
“แน่ล่ะ…อะไรที่เป็นของฉันจะไม่มีวันยกให้ใคร  หากต้องเสียเธอฉันฆ่าเธอให้ตายไปด้วยกันเสียดีกว่า”
“จำไว้นะครับว่าวันนี้พูดอะไรไว้…ถ้าวันหน้าคุณผิดคำพูดผมจะทำอย่างที่คุณสัญญานี่แหละ  ตายด้วยมือผมดีกว่ายอมให้คนอื่นจริงไหม?”
ริชยิ้มแห้งๆ  ราเชลหัวเราะเสียงใสแต่ลูกนัยน์ตาวาววับจนชายหนุ่มหนาวหลังวาบๆ   
         ..................................     

สนามหน้าคฤหาสน์เวลบอร์นวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ  เด็กหญิงสามคนที่หน้าเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียววิ่งไล่กวดกันไปมาจนสาวใช้ที่ช่วยกันยกอาหารออกมาจัดที่โต๊ะต้องคอยหลบ  เสียงพูดคุยเฮฮาดังมาจากกลุ่มหนุ่มๆที่ยืนดื่มกันอยู่อีกด้าน  ขณะที่เจ้าภาพสาวใหญ่คนงามหัวเราะเสียงใสอยู่ตรงกลางราวกับดาวล้อมเดือน 
ราฟกับลินดานั่งคุยอยู่กับหญิงเหล็กแห่งเวลบอร์นด้วยสีหน้าสดใส  นานๆสาวน้อยแฝดสามก็จะมาอ้อนขอขนมจากคุณตาคุณยายเสียทีแล้วก็กลับไปวิ่งเล่นใหม่  รถเบนส์สีทองคลานเข้ามาจอดอย่างนุ่มนวล  แฝดสามหยุดกึกร้องวี๊ดอย่างตื่นเต้นวิ่งถลาออกไปรับมารดาทันที  ฟลอเรนพาร่างอุ้ยอ้ายลงจากรถอย่างยากเย็น  โดยมีหมอโจนาธานคอยประคอง           
“พอแล้วจ๊ะสาวๆ  ให้คุณแม่เดินหน่อยลูกเดี๋ยวจะล้มไปเสียก่อน  มาจ๊ะมาทางนี้”  ลินดาส่งเสียงปรามแฝดสามด้วยความเป็นห่วงเพราะเกรงว่าจะพันแข็งพันขาจนฟลอเรนล้มไป           
“ไงจ๊ะแม่ลูกแมว  ผลการตรวจเป็นไง  แฝดอีกหรือเปล่า?”ริชแซวยิ้มๆ       
“หมอบอกว่าน่าจะแฝดสาม  หรืออาจจะมากกว่าก็ได้นะ” ฟลอเรนตอบหน้าตาเฉยแล้วหัวเราะคิกเมื่อเห็นหน้าแหยๆของพี่ชาย  ริชชะโงกไปมองที่รถแต่ไม่เห็นใคร
“เจฟละ?”
“เดี๋ยวตามมา  เห็นป๋าบอกว่าจะไปธุระนิดหน่อย” ฟลอเรนเรียกเจฟตามพวกเด็กๆจนติดปาก  เจฟกลายเป็นคุณพ่อตัวจริงไปมากกว่าพ่อแม่แท้ๆของสามแฝดที่งานยุ่งอยู่ตลอดแต่กระนั้นก็มีเวลาผลิตทายาทตัวน้อยๆได้ไม่หยุด 
“พี่สะใภ้ฉันละ” ฟลอเรนชะเง้อหาเมื่อไม่เห็นราเชลอยู่แถวนั้น
“อย่าเรียกให้ได้ยินเชียวนะงอนตายเลย  โน้นบงการให้เขาจัดเปียโนอยู่ตรงที่ศาลาโน่น”
“ว้าว!ราเชลจะโชว์เปียโนเหรอ  แหมเราโชคดีจังนะคะคุณที่เลื่อนงานออกไปได้  ไม่ได้ฟังมาตั้งนานแล้ว”
“ใครบอก ลูกศิษย์เขาเล่นต่างหาก” ริชตอบขันๆ
“หือ…ใคร?”
“น่าถึงเวลาก็รู้เอง…ไปนั่งก่อนดีกว่าแม่มองตาเขียวแล้ว”
“ไปก็ได้…อ้าว!บ้านพอลลิ่งมาแล้ว”
เชฟโรเลตกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดเทียบ  ร่างบางโดดลงมาก่อน  แล้วปราดเข้าไปประคองบิดา  ดาน่า พอลลิ่งโดดตามลูกชายลงมาอย่างคล่องแคล่วแล้วหันมาช่วยกันประคองแดนนี่  แต่แดนนี่โบกมือปฏิเสธและใช้ไม้เท้าแทน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ๊ะ…ไงจ๊ะฟลอเรนมีน้องให้สามแฝดแล้วเหรอเนี่ย…กี่เดือนแล้วจ๊ะ?”
“เจ็ดเดือนค่ะ”
“แล้วมีแววว่าจะแฝดอีกหรือเปล่าครับ?”
“แฝดค่ะ  เพิ่งไปอัลตร้าซาว์มา  สงสัยพวกเด็กๆจะได้ช่วยกันเลี้ยงน้องทุกคน”
“หา!นี่แฝดสามอีกแล้วเหรอ?”
เท็ดที่เดินตามหลังมาอุทานอย่างตกใจ  ฟลอเรนหัวเราะคิกอย่างสนุกสนานที่ได้เห็นสีหน้าแหยๆของทุกคน  ลำพังแค่สามสาวของเธอก็ซนจนทุกคนเวียนหัวไปตามๆกันแล้ว  นี่ยังจะมีมาเพิ่มอีกสาม  คงได้หัวปั่นกันยิ่งกว่าเดิม 
แต่ฟลอเรนรู้ว่าทุกคนทำเป็นตกใจไปอย่างนั้นเอง ถึงเวลาพวกลูกๆของเธอก็กลายเป็นสุดที่รักของทุกบ้านอยู่ดี
“ไงโจนาธานไม่เห็นพูดอะไรเลย” ริชแซวน้องเขยยิ้มๆ  หมอหนุ่มเพียงแต่ยิ้ม คนตอบกลับเป็นภรรยาคนสวย
“ก็ฉันพูดแทนหมดแล้วเขาจะพูดอะไรอีกล่ะ”
“จริงจ้ะ…เธอน่ะพูดจนไอ้หมอมันจะเป็นใบ้อยู่แล้ว”
ฟลอเรนเชิดหน้าอย่างอวดๆ ก่อนจะบงการให้สามีพาไปนั่งกับลินดา โดยมีแดนนี่และดาน่าตามไปติดๆ  พอมีเท็ดกับกายเข้ามาสมทบการสนทนาก็ดูจะครึกครื้นกว่าเดิม           
 ราเชลหันกลับมาเมื่อมีแก้วเย็นเฉียบแตะแก้ม  ริชอมยิ้มส่งแก้วบรรจุน้ำผลไม้สีสดให้คนรัก  ราเชลขอบคุณเบาๆรับแก้วไปดื่มและเกือบสำลักเมื่อโดนโอบเอวไว้แน่น         
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามสิครับ”         
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย  คนอื่นๆเขาหวานกว่านี้อีก” ริชตอบหน้าตาเฉยแถมวางคางไว้บนไหล่บาง  ราเชลหน้าแดงเมื่อเห็นช่างเปียโนเหลือบมองมาและรีบหันกลับไป  เด็กหนุ่มกระทุ้งศอกเข้าใส่หน้าท้องแข็งข้างหลัง  ริชแกล้งโอดโอยเสียงดังแต่ไม่ยอมปล่อย  แถมยังก้มลงจูบแก้มเนียนแรงๆ  ราเชลเหยียบเท้าชายหนุ่มเต็มแรง  คราวนี้ริชสะดุ้งโหยง  พออ้อมแขนคลายเด็กหนุ่มก็เดินหนีไปหาย่า  ริชหัวเราะหึๆตามหลัง  แต่แยกมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆอีกครั้ง         
“นี่ริชอย่าให้มันหวานมากนักนะ  อย่าลืมสิว่านี่งานฉลองครบรอบแต่งงานของฉันกับชาล์ลนะไม่ใช่ของเธอ” ริวาน่าแซวเสียงใส  ขณะที่คนอื่นๆหัวเราะกันครืน  เจอร์รี่ส่งไพ่ให้ริวาน่าตัดแล้วรับมาวาง
“ดวงคุณดีจังฮะ…หืม…คุณกำลังจะมีโชคลาภครั้งใหญ่  อาจหมายถึงการเจรจาธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือ…อาจหมายถึง…เด็ก! ริวาน่าคุณอาจกำลังจะมีเจ้าตัวเล็กก็ได้” เจอร์รี่อุทานอย่างตื่นเต้น  ทุกคนหัวเราะชอบใจ  ริวาน่าอายุเกือบ40 แล้วแม้จะดูสดใสและอ่อนกว่าวัยมาก  แต่ก็ไม่น่าจะมีลูกได้  ขณะที่ทุกคนหัวเราะริวาน่ากลับนิ่งอึ้งจนทุกคนเอะใจ
“ริวาน่า…คุณกำลังจะมีเด็กเหรอ?” ริชอุทานอย่างตกใจ  คนอื่นๆพลอยจ้องอย่างตื่นเต้น  ริวาน่ายิ้มหน้าแหยๆแต่กลับพยักหน้า
“หา!แล้วนี่ชาร์ลรู้หรือยัง?”
“คือ…ตอนแรกฉันยังไม่ค่อยมั่นใจก็เลยไม่ได้บอก…แต่…แต่ก็มาแน่ใจเอาเมื่อวาน  ฉันไปซื้อที่เทสต์มาตรวจ  นี่กะว่าพรุ่งนี้จะไปหาหมออีกที”
“ว้าว!ดีจังครับ  ถ้าราเชลรู้ต้องดีใจมากแน่ๆ”กายอุทานอย่างตื่นเต้น  ริชวิ่ง
ถลาไปหาคนรักอย่างเอาหน้าเต็มที่
“ราเชล…มานี่หน่อยสิ” ริชโอบเอวบางดึงให้ลุกออกมาด้วยกัน  ราเชลยิ้มให้ผู้ใหญ่ทุกคนอายๆก่อนจะรีบลุกตามมาและอดดึงมือริชออกไม่ได้
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าผู้ใหญ่ได้ไหม?…ว่าแต่เรียกผมออกมามีอะไรเหรอ?”
“ดุจัง…งอนแล้วนะ  ไม่บอกหรอกถ้าไม่พูดหวานๆก่อน”
“นี่ริชผมไม่ได้อยากรู้  อยากจะงอนก็งอนไปเลยผมไปละ”
“อ้าวเดี๋ยวดิ…จะไม่ง้อหน่อยเหรอ?”
“ไม่ง้อครับ…นี่ปล่อยสิมากอดผมทำไมเนี่ย ริช!ผมอายเขานะ  มาเที่ยวกอดต่อหน้าคนได้ไง?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย  ดูโน้นกายกับเท็ดก็หวานกันออก  เจอร์รี่กับแมททิวก็นัวเนียหนุงหนิงกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว  หมอกับฟลอเรนก็ออกจะนอกหน้า  ไม่รู้ว่าเธอจะอายไปทำไม”
“ไม่ต้องมาพูดเลย  คนอื่นไงผมไม่รู้แต่ผมอายแล้วก็ไม่ชอบให้ริชทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นอีก…ถ้าทำอีกเราแยกห้องกัน”
“ราเชลจ๋า…ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว  ผมมีเรื่องตื่นเต้นมาบอก”
“อะไรครับ?”
“ริวาน่ากำลังจะมีเด็ก”
“อะไรนะครับ”
“เธอกำลังจะมีน้อง  ริวาน่าตั้งท้องแล้วนะ”
“โอ๊ย!จริงเหรอเนี่ย…นี่คุณพ่อรู้หรือยัง?”
“เธอยังไม่ได้บอกคนในบ้าน  ที่พวกเรารู้เพราะเจอร์รี่ทายไพ่ให้  แล้วทักว่า
ริวาน่ากำลังจะมีลูก  เธอถึงสารภาพว่าเพิ่งแน่ใจเมื่อวานนี้เอง  กำลังจะไปตรวจอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ”
“ผมต้องบอกคุณย่าก่อน  โอ๊ยนี่ถ้าพ่อรู้ต้องดีใจแทบตายแน่ๆ”
“ฉันว่าให้ริวาน่าบอกคุณย่าเองดีกว่า  โน้นเดินมาโน้นแล้ว”
“ราเชล…เอ่อ…รู้แล้วใช่ไหม…โกรธหรือเปล่า?” ริวาน่าอึกอักอย่างไม่ค่อยสบายใจ 
“ริวาน่าครับดีใจด้วยที่กำลังจะมีลูก ครอบครัวเราจะได้มีเด็กเล็กๆเสียที”
“ราเชลไม่โกรธเหรอ…ฉันแย่งคุณพ่อมาหนหนึ่งแล้ว แล้วนี่ยังมามีลูกกับพ่อเธออีก  ฉันไม่สบายใจเลย”
“ผมรักคุณนะฮะ ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนอื่นกลับรู้สึกเหมือนคุณเป็นแม่แท้ๆด้วยซ้ำ ไปครับไปบอกคุณย่าเถอะท่านต้องดีใจมากแน่ๆ”
ริวาน่ายิ้มให้ราเชลอย่างตื้นตัน  เธอไม่กล้าปริปากบอกใครด้วยเกรงว่า
ราเชลจะไม่พอใจ  หากเป็นเช่นนั้นเธอก็จะไปคลอดลูกที่อื่นและจะแอบเลี้ยงโดยไม่ให้คนในตระกูลเวลบอร์นรู้ แต่ผลกลับตรงกันข้าม ทันทีที่มารดาของสามีรู้นางถึงกับน้ำตาซึมด้วยความดีใจ  ทุกคนต่างเข้ามารุมล้อมแสดงความยินดีเป็นการใหญ่  ริวาน่าตั้งปณิธานกับตัวเองเงียบๆ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเธอจะไม่ให้ลูกของเธอแข่งขันชิงดีกับพี่ชายเด็ดขาด  เธอไม่อยากเห็นความแตกร้าวเหมือนกับที่ตระกูลแฮมิลตันต้องเผชิญมา 
เสียงรถแล่นเข้ามาจอด  เจฟโดดลงมาก่อน  ตามด้วยเดนเซลและลอว์ลี่  เจอร์รี่โบกมือหยอยๆอย่างตื่นเต้น  ลอว์ลี่วิ่งตัวปลิวมากอดพี่ฝาแฝด เดนเซลเดินตามมาเงียบๆและหัวเราะร่าเมื่อเห็นท้องป่องนูนของฟลอเรน 
ริชเหลือบมองลอว์ลี่กับเดนเซลก่อนจะหันมามองหน้าเจฟฟรี่     
“นี่เหรอธุระของนาย?”   
“ความจริงต้องมีแจ็คมาด้วยครับ  แต่รู้สึกว่ากำลังฮันนีมูนอยู่ที่ไซบีเรีย”
เจฟฟรี่ตอบยิ้มๆ  ริชเหลือกตาขึ้นฟ้าออกจะทึ่งๆคนรักของแจ็ค  เห็นวางท่าราวกับหงส์อย่างนั้นแต่กลับทรหดอดทนสมกับมีเลือดทะเลทรายอยู่ในตัวจริงๆ  แต่จะว่าไปเขากับแจ็คตอนนี้ต้องนับว่าเป็นคู่แข่งกันเสียแล้วเพราะดูเหมือนกิจการหลายอย่างที่แจ็คไปช่วยคนรักบริหารจะมาแข่งกับกิจการของเครือแฮมิลตันอยู่ไม่น้อย           
“นี่พี่ถ้าจะมาคุยกันสองคนละก็ กลับไปบ้านเลยไป”
เสียงน้องสาวตะโกนแซว  ริชหันกลับไปพบว่าทุกคนพร้อมกันอยู่ที่สนามแล้วรวมทั้งเจ้าของงานก็มาถึงแล้วเช่นกัน เจฟฟรี่กับริชหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะแล้วตามไปสมทบ  สามสาวน้อยวิ่งตัวกลมมาหา เจฟฟรี่คว้าตัวยกขึ้นอุ้มจนหมดทั้งสามคน ได้ยินเสียงอวดแจ้วๆว่าพวกเธอจะเล่นเปียโนให้ฟังเป็นการเซอร์ไพร์ททุกๆคน
ริชเดินตามเข้าไปนั่งบนเท้าแขนเก้าอี้ตัวที่ราเชลนั่ง เด็กหนุ่มเงยขึ้นมาหัวเราะอย่างสดใส  วันวานที่เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปอย่างสิ้นเชิง  ราเชลในวันนี้เติบโตและหยัดยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว           
“ขอบคุณครับที่ทำให้ผมมีวันนี้...ผมรักคุณที่สุดในโลกครับ” ราเชลกระซิบบอกริชเบาๆ   
ขณะที่ทุกคนส่งเสียงโห่ฮาเมื่อชาร์ลอุ้มภรรยาขึ้นจนตัวลอยเมื่อได้ฟังข่าวดี  จึงไม่มีใครสังเกตว่ามีคู่รักแอบจูบกันอย่างดูดดื่ม
                                                 จบแล้วจ้า…

...............................

ขอบคุณทึ่ติดตามอ่านมาโดยตลอดนะ หวังว่าคงชอบนิยายทีมีชื่อภาษาอังกฤษกัน เพราะจะต้องทนอ่านกันอีก 2 เรื่อง
เดี๋ยวมีตอนพิเศษมาลงให้คะแต่ไม่ใช่คู่ริชและราชลนะ จะเป็นคู่ของใครตามอ่านกันนะ
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ภาคพิเศษคะ
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 22-09-2009 21:55:22
.........
ภาคพิเศษ

เดนเซลขมวดคิ้วแทบชิดกันขณะวางโทรศัพท์ลง  ริชเพิ่งโทรมาบอกให้เขาดูแลงานแทนราเชล  เพราะราเชลป่วยอยู่ที่บ้านริช  เขาก็พอรู้ว่าริชรู้สึกพิเศษกับราเชลแต่ไม่คิดว่าจะสนิทกันถึงขั้นไปพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน  ที่สำคัญยังสั่งไม่ให้เขาบอกใครว่าราเชลอยู่ที่ไหน   เดนเซลกดอินเตอร์คอมสั่งงานเลขา
   “ให้เลขาของคุณเวลบอร์นมาพบฉันด้วย”
   “ครับท่าน”
   ไม่ถึง5นาทีเลขาของราเชลก็มาพบเขาตามคำสั่ง
   “ช่วงนี้คุณราเชลจะลางาน2-3วัน  เขาให้อำนาจการตัดสินใจไว้ที่ผม”
“ครับท่าน”
“เอกสารเร่งด่วนส่งมาให้ผมทั้งหมด  แต่โครงการให้รออนุมัติจากคุณราเชล เอง”
“ครับท่าน...เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณราเชลไปไหนครับ?”
“ไปดูงานต่างประเทศกับริช...ทำไมมีปัญหาอะไรหรือไง?”
“เปล่าครับ...คือเพื่อนคุณราเชลมาหาน่ะครับ  ผมให้รออยู่ที่ห้อง”
“ใคร?”
“คุณลอว์ลี่ มอล์เล่ย์ครับ...เดี๋ยวผมจะไปบอกให้ทราบว่าคุณราเชลไม่อยู่”
   ชื่อนั้นกระตุกหัวใจคนฟังวูบ  ใบหน้าหวานปนโศกปรากฏในห้วงสำนึก  เดนเซลลุกขึ้นเร็วจนเลขาราเชลตกใจ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรฉันไปดูเอง”
“ครับท่าน”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปร่างเล็กๆก็โถมเข้ามากอดจนเขาเซ
“เซอร์ไพร์ท...เอ๊ะ!” ลอว์ลี่สะดุ้ง  ถอยกรูดเมื่อพบว่าร่างที่เขากอดสูงใหญ่เกินกว่าจะเป็นราเชล
“ขอโทษ...ผมคิดว่าเป็นราเชล”
“ราเชลไม่อยู่”
“...เอ่อ...ถ้างั้นผมก็ขอตัว  ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้คุณตกใจ”
“ไม่เป็นไร...เอ่อ...เธอมาที่นี่หลายวันแล้วเหรอ?”
“เพิ่งมาครับ  ขอตัวก่อนนะครับ” ลอว์ลี่รีบเผ่น  รู้สึกหน้ายังชาๆที่ดันไปกระโดดกอดญาติของริชเข้า  โชคดีที่เป็นผู้ชายหากเป็นผู้หญิงเขาคงโดนตบหน้าชาไปแล้ว
เดนเซลยืนมองจนลับตา  นึกโมโหตัวเองที่เอาแต่อ้ำอึ้งจนเด็กหนุ่มกลับไปเสียก่อน  ทั้งๆที่ตั้งใจจะชวนลอว์ลี่ออกไปทานข้าวด้วย  แต่ดูท่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
น่าตลกที่คนอย่างเขาหลงใหลเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น  ครั้งแรกที่เจอกันเขาไปหาริชที่บ้านและเกือบขับรถชนเพราะเด็กหนุ่มวิ่งพรวดพราดมาบนถนน  ดีที่เขาเบรกทัน แต่ลอว์ลี่เองก็ตกใจพยายามหลบจนล้มกลิ้ง 
‘เฮ้!เป็นไงบ้าง  เจ็บหรือเปล่า?’ เดนเซลรีบลงไปประคองด้วยความตกใจ
‘ไม่...ไม่ครับ...ขอโทษด้วยที่วิ่งตัดหน้ารถคุณ’
‘เธอจะรีบไป....’ เดนเซลอ้าปากค้าง  ลืมหมดว่าจะต่อว่าที่อีกฝ่ายรีบร้อนจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ  ดวงตาหวานปริ่มด้วยน้ำตาสะกดลมหายใจเขาให้สะดุดอยู่แค่นั้น  ทั้งๆที่คนแข็งอย่างเขาเคยเห็นเรื่องรักแรกพบเป็นเรื่องตลก  แต่ความรู้สึกว่า ‘ใช่แล้วคนนี้เอง’ มันดังก้องอยู่ในหัวเมื่อได้เห็นใบหน้างามน่ารักนั้น
‘เจ็บหรือเปล่า...ไปหาหมอไหม?’
‘ไม่ละครับขอบคุณ...ผมต้องรีบไปแล้ว’
‘เดี๋ยวสิ...เอ่อ...ถ้าเธอรู้สึกไม่ดีหรือเจ็บที่ไหนก็โทรหาฉันได้เลยนะ   นี่นามบัตรฉัน’
‘ขอบคุณครับ...’ เด็กหนุ่มก้มลงอ่านนามบัตรแล้วกลับส่งคืนให้  หน้าหวานตึงสนิทเหมือนขึงด้วยแพร
‘ฉันไม่รับความสมเพชจากคนตระกูลนี้’
‘เดี๋ยวสิ...เธอ...นี่...’
ในวันนั้นเดนเซลได้แต่งงกับปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม  เขาไม่ได้รู้แม้แต่ชื่อของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเดนเซลก็ได้รู้จักลอว์ลี่ตอนที่ไปร่วมงานประกาศรางวัลนักธุรกิจดีเด่น  ทันทีที่เห็นร่างบอบบางเดนเซลก็ปราดเข้าไปหาทันที
‘สวัสดี...เจอกันอีกแล้วนะ’
‘เหรอครับ...เราเคยเจอกันที่ไหน?’ รอยยิ้มหวานระยับแกมขี้เล่นทำให้เขาชะงัก
‘เอ๊ะ!...ขอโทษครับ  ผมคงทักคนผิด’
‘เฮ้ๆ...นี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าทักผิด’
‘เขาหน้าเหมือนคุณมากครับ  แต่รอยยิ้มไม่เหมือน’
‘ว้าว! นี่เป็นครั้งแรกนะที่มีคนแยกผมกับลอว์ลี่ออก’
‘หมายความว่า...’
‘สงสัยคุณจะเคยเจอเขา  โน่นเดินมาโน่นแล้ว’ เด็กหนุ่มบุ้ยใบ้ไปด้านหลัง  เดนเซลหมุนตัวตามก็หันไปเจอกับคนที่เขาถวิลหา
‘เจอร์รี่พ่อให้มาตามนาย’
‘สวัสดีครับ’
ตาใสเหลือบมองเขาอย่างงงๆชั่วขณะก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาฉับพลัน
‘คุณ!...เจอร์รี่พ่อรอนายอยู่’
‘จะไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ...ทักทายเขาหน่อยสิ’
‘ไม่ใช่เรื่องของนาย’ ลอว์ลี่สะบัดหน้าหนีไปดื้อๆ  เดนเซลหน้าชาไม่คิดว่าจะโดนเกลียดขี้หน้าทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย
เจอร์รี่หันมาทำตาโตใส่เขาแล้วไหวไหล่ก่อนจะเดินตามคู่แฝดไป
เดนเซลมองตามและยิ้มออกเมื่อเห็นว่าพ่อของคู่แฝดเป็นใคร  เขารอจนได้จังหวะจึงเข้าไปทัก
‘สวัสดีครับคุณมอล์เล่ย์’
‘เดนเซล! โอ้ดีใจจังที่ได้เจอเธอ  ทีมงานที่เธอแนะนำให้นี่สุดยอดจริงๆ  ลูกค้าฉันพอใจมาก  ฉันยังว่าจะขอต่อสัญญากับเขาแต่เขาไม่รับ  เสียดายที่สุดเลย…แต่ก็ขอบใจมากนะที่ช่วย  ถ้าไม่ได้เธอโครงการนั้นคงเสร็จไม่ทันกำหนดแน่เลย’
‘ไม่เป็นไรครับ  เราคนกันเองอยู่แล้ว’
‘เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ยินคำนี้  อ้าว!ลืมแนะนำไป  เจอร์รี่  ลอว์ลี่  คุณเดนเซล  แฮมิลตัลเป็นนักธุกิจฝีมือเยี่ยมที่พ่อเคยเล่าให้ฟังไง...นี่ลูกๆของฉัน   ต่อไปคงได้มีโอกาสร่วมงานกัน’
‘ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผมเจอร์รี่’
‘ผมลอว์ลี่’
‘ยินดีที่ได้รู้จักเธอสองคนเช่นกัน...ทีนี่เราก็รู้จักกันเป็นทางการแล้วนะ…
ลอว์ลี่’
‘เอ๊ะ!เคยเจอกันมาก่อนหรือไงครับ’ นายมอล์เลย์ถามอย่างแปลกใจ
‘ครับ  ผมเจอคุณลอว์ลี่ตอนไปเยี่ยมญาติ’
‘ไม่เห็นเล่าให้พ่อฟังเลยลอว์ลี่’
‘เรื่องมันนานมาแล้ว  ผมจำไม่ได้’
เดนเซลหน้าชา ขณะที่นายมอล์เล่ย์ก็ทำหน้าไม่ถูก  เจอร์รี่มองคนโน้นทีคนนี้ทีก่อนจะไหวไหล่ด้วยความเคยชิน  ในขณะที่สถานการณ์กำลังอิหลักอิเหลื่อมองหน้ากันไม่สนิท  ก็มีตัวช่วยโผล่เข้ามาร่วมวง
‘มอล์เลย์ คุณแฮมิลตัน  ดีใจจังที่ได้เจอพวกคุณ  นี่โครงการของผมไปถึงไหนแล้ว  คุณราฟว่าไงบ้างคุณทราบไหม?’
‘ไม่ทราบครับ  ผมไม่สนิทกับอาราฟ  คุณมอล์เล่ย์ผมขอตัวก่อน’ เดนเซลเดินหนีอย่างรำคาญ  เขาไม่อยากเสวนากับนายเวลบอร์นนัก  รำคาญที่ชาร์ลชอบถามถึงแต่เรื่องโครงการที่ไปเสนอกับอาเขา  ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วยแต่หมอนี่พยายามคาดคั้นราวกับเสนอโครงการมาให้เขาพิจารณาก็ไม่ปาน
หลังจากวันนั้นเดนเซลก็ไม่ได้เจอลอว์ลี่อีก  แต่เขากลับเจอคู่แฝดของลอว์ลี่แทน  อยู่ๆเด็กหนุ่มก็พรวดพราดเข้ามากอดแขนเขาและกระซิบกระซาบร้อนรน
‘คุณเดนเซล...จำผมได้ไหม...ช่วยผมทีสิครับ’
‘เจอร์รี่นี่เราต้องคุยกันนะ’เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งวิ่งตามเจอร์รี่มาอย่างร้อนรน
‘ไม่!ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย  ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังเดทอยู่’
‘แต่เธอเข้าใจผิด  ฉันไม่ได้มีอะไรกับลอว์ลี่นะ  ลอว์ลี่เขาวางแผนให้เราเลิกกัน’
‘อย่ามาว่าน้องฉันนะ  นายมันทุเรศ’
‘แต่มันเรื่องจริงนี่  ลอว์ลี่เขาเจตนาให้เราเข้าใจกันผิด  เธอไม่รู้จักนิสัยเขาหรือไง?’
‘หุบปากไปเลย  จะเข้าใจผิดหรือถูกฉันก็ไม่สนอยู่แล้ว  เพราะตอนนี้ฉันมีคนใหม่แล้ว  และเรากำลังเดทกัน  นายเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว’
‘เจอร์รี่...เจอร์รี่เดี๋ยวก่อน’
เจอร์รี่ดึงแกมลากให้เดนเซลเดินมาด้วยกัน  ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือด  จนเดนเซลกลัวว่าจะเป็นลมไปเสียก่อน
‘จะลากฉันไปไหน?’
‘เอ๊ะ! เอ่อ...ขอโทษครับ...ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณวุ่นวาย’
‘ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...คนรักของเธอเหรอ  โกรธกันเรื่องอะไร?’
‘ไม่มีอะไรหรอกครับ  เรื่องของคนมักง่ายสองคนเท่านั้น’
เดนเซลใจหายวูบ  เขาอยากให้เจอร์รี่ปฏิเสธว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง  แต่เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บช้ำของเด็กหนุ่มเขาก็แน่ใจว่าสิ่งที่คนรักเจอร์รี่พูดคงมีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย  หมายความลอว์ลี่แย่งคนรักของคู่แฝดอย่างนั้นเหรอ?
‘ผมขอตัวนะครับ เย็นมากแล้ว  ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งที่คุณช่วยผมไว้’
‘ไม่เป็นไร...เอ่อ...’
‘ครับ?’
‘เปล่า...ไม่มีอะไร’
เจอร์รี่ทำหน้าฉงนแต่พอเห็นเดนเซลไม่พูดก็ยิ้มให้แล้วเดินจากไป  เดนเซลยืนนิ่งขึง  ภาพงดงามในใจมีรอยร้าวเป็นทางยาวเสียแล้ว  เขาไม่ได้คาดหวังให้ลอว์ลี่ดีเลิศอะไรนักหนา  แต่สิ่งที่ได้รับรู้มันร้ายกาจเกินกว่าจะคาดถึง
         ..................................

สายฝนที่ตกกระหน่ำมาตั้งแต่เช้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ลอว์ลี่เดินวนเวียนอย่างร้อนใจ  เมื่อวานเขาทำให้ราเชลเข้าใจผิดริชได้ วันนี้เขาควรไปกระตุ้นเตือนให้ราเชลเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น  แต่ฝนที่ตกหนักกลับมาเป็นอุปสรรคเสียได้  เสียงโทรศัพท์กรีดกังวานในความเงียบ ลอว์ลี่ขยับจะไปรับแต่ร่างเปรียวที่เพิ่งเข้ามาไปรับเสียก่อน 
เด็กหนุ่มเมินมองไปทางอื่นไม่กล้ามองหน้าคู่แฝด  ด้วยสิ่งที่ทำไว้น่าละอายและน่าขยะแขยง  แม้จะเป็นแค่การแสดงก็ตาม
“อะไรนะครับ!…พระเจ้า…แล้วตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหน?…ครับ…ครับ…ขอบคุณมากครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เจอร์รี่วางโทรศัพท์แล้วปรี่เข้าหาคู่แฝด 
ลอว์ลี่เงยขึ้นมองทันได้เห็นดวงตาลุกวาบด้วยโทสะของพี่ชายก่อนที่หมัดลุ้นๆจะซัดโครมจนเขาล้มกลิ้งลงไปกับพื้น
“นายกล้าดียังไง?…นายมันทุเรศได้ยินไหมลอว์ลี่  ไอ้ทุเรศ”
“นายเป็นบ้าหรือไงเจอร์รี่ นายต่อยฉันทำไม?”
“ฉันอาจจะแค่ต่อยนาย  แต่ถ้าแฮมิลตันรู้ว่านายจงใจวางแผนให้เกิดเรื่องรับรองว่าได้นายตายคามือเขาแน่”
“พูดอะไรบ้าๆ วางแผนอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“อยากเล่นบทไร้เดียงสาก็เชิญ สาสมใจนายแล้วนี่ เกลียดราเชลนักไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่เคยเกลียดราเชล”
“ถ้างั้นก็รักจัดเลยสิ มิน่าล่ะถึงได้วางแผนจนราเชลช็อกเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว”
“อะไรนะ!…ราเชลเป็นอะไร?”         
“อย่ามาเล่นละครดีกว่า ทำเป็นตกใจ ตกใจทำไมลอว์ลี่ หัวเราะสิ! หัวเราะไปเลย  ราเชลช็อกจนขาดสติ หมอจับมัดติดกับเตียงแบบคนบ้าไง  สะใจดีใช่ไหม?”         
“ไม่จริง…ไม่จริง...ฉันไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น...นายโกหกใช่ไหมเจอร์รี่ บอกสิว่านายแค่จะแกล้งฉัน?”         
“ไปดูให้เห็นกับตาที่โรงพยาบาลดีกว่า  หมอซอเรนบอกว่าราเชลอาการน่าวิตกมาก   เขาอาจจะเป็นบ้าก็ได้นะลอว์ลี่  สมใจนายหรือยัง?”         
“ไม่! โอพระเจ้า! ไม่…ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนี้ ฉันแค่อยากให้เขาเกลียดริช  ฉันอยากให้ราเชลรักฉันต่างหาก  ฉันอยากให้เขารู้ว่าโลกนี้นอกจากฉันไม่มีใครที่รักเขาจริงสักคน  ทำไม…ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้”         
“เชิญเล่นละครไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่มีเวลามาดูละครน้ำเน่าของนายหรอก  ฉันจะไปเยี่ยมราเชล”         
“ฉันไปด้วย”         
“ไปสิ ถ้าอยากให้แฮมิลตันฆ่านายก็เชิญไปเลย  เขาไม่มีวันปล่อยนายไว้แน่ๆ” เจอร์รี่เยาะเสียงขื่นแล้วผลุนผลันออกไป 
ร่างบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้น  ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดว่าผลของการกระทำของเขาจะทำให้ราเชลเจ็บปวดขนาดนี้
      ..................................

ลอว์ลี่ไปที่โรงพยาบาลเกือบหมดเวลาเยี่ยมแล้ว  แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะหน้าห้องมีคนมากมายรอดูอาการราเชลรวมถึงเจอร์รี่ด้วย  เด็กหนุ่มฝากดอกไม้เยี่ยมไว้กับพยาบาลแล้วออกมาด้วยหัวใจที่ปวดร้าวโดยไม่รู้ว่าการมาถึงของเขาอยู่ในสายตาคู่หนึ่งโดยตลอด
ลอว์ลี่กดรีโมทก่อนถึงรถเล็กน้อย  ยังไม่ทันจะเปิดประตูเขาก็ถูกกระชากและผลักเข้าไปด้านหน้ามีร่างหนาแทรกตามมาติดๆ
“โอ๊ะ!…นายอีกแล้วเหรอ นี่จะทำอะไร?...นี่ออกไปจากรถฉันนะ นายเดนเซล!”
ใบหน้าดุหันขวับมามองด้วยดวงตาลุกโชน  ลอว์ลี่เย็นวาบตลอดตัว เด็กหนุ่มตะกายไปปลดล็อคแต่รถระบบเซ็นทรัลล็อคก็ทำงานเสียก่อน  เดนเซลกระชากรถออกเสียงสนั่นโดยมีเด็กหนุ่มนั่งตัวสั่นงั้นงกด้วยความหวาดกลัวไปตลอดทาง
         ................................

ลอว์ลี่ขยับตัวอย่างปวดร้าว  ร่างกายร้าวระบมเกินกว่าจะเคลื่อนไหว  หัวหนักและปวดเป็นริ้วขณะที่ลมหายใจร้อนผ่าวด้วยพิษไข้  ไม่มีเงาของร่างสูงที่เขาเกลียดชัง  คนโหดเหี้ยมคนนั้นทิ้งเขาไว้หลังจากที่ทำลายศักดิ์ศรีเขาจนแหลกราญ  เสียงคลื่นดังสนั่นบอกให้รู้ว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากทะเลมากนัก  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นสำเร็จ  ทันทีที่ขยับตัวของเหลวร้อนๆก็ไหลออกมาจากช่องทางแคบด้านหลัง  ลอว์ลี่ก้มมองและฟุบหน้าลงกับเข่าอย่างคั่งแค้น  ผ้าปูที่นอนสีขาวมีคราบเลอะเทอะเต็มไปหมด  รวมทั้งคราบเลือดทั้งเก่าและใหม่เป็นด่างดวงทั้งผืน           
“ไอ้สาระเลว…ฉันฆ่าแก  ได้ยินไหม ฉันจะฆ่าแก!”ลอว์ลี่ตะโกนลั่นห้องด้วยความแค้น  เด็กหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นด้วยทิฐิแต่ร่างกายที่บอบช้ำและพิษไข้ก็ทำให้เขาล้มฟาดลงบนพรมแล้วหมดสติก่อนจะไปถึงห้องน้ำ        
ลอว์ลี่รู้สึกตัวอีกครั้งเพราะอาการเจ็บแปลบที่ต้นแขน  ใบหน้าเกลี้ยงเกลา
ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน         
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับ…ปวดหัวมากไหมครับ  ทานยาแล้วพักมากๆ...อีกไม่กี่วันก็หาย...สบายใจได้ครับ”
ประโยคหลังหมอหันไปบอกกับคนที่ยืนกอดอกพิงกรอบประตูระเบียง  ลอว์ลี่ตาลุกวาบเมื่อเห็น เด็กหนุ่มโผเข้าหาร่างสูงด้วยโทสะ แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงจึงทำได้เพียงลุกขึ้นนั่งแล้วฟุบลงไปอีก         
“ขอบคุณมากครับหมอ  เฟรดดี้ไปส่งคุณหมอด้วย”         
“ครับผม”
เดนเซลตามไปล็อคประตูแล้วกลับมายืนชิดเตียง         
“ไอ้…สาระเลว…” ลอว์ลี่ด่าด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เดนเซลบีบแก้มซีดๆแรงจนเจ็บ แต่เด็กหนุ่มไม่ร้อง  ดวงตาที่สบกันลุกโชนด้วยความโกรธ         
“ฉันว่าฉันคงเลวน้อยกว่าเธอ  เพราะฉันไม่เคยทำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน...ไม่สิเพื่อนรักต่างหาก  ฉันไม่เคยทำให้เพื่อนรักของฉันเสียใจจนหัวใจสลายเหมือนเธอแน่”
ดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด  ลอว์ลี่ดึงมือที่บีบกรามเขาออกอย่างร้อนรน         
“ราเชล…เป็นไงบ้าง?…เขาดีขึ้นหรือยัง?”         
“ถามทำไม  หรือต้องให้แน่ใจในผลงานด้วย?”         
“บอกฉันหน่อยว่าเขา…เป็นยังไงบ้าง?”         
“ราเชลไม่ฟื้น  เขากลายเป็นมนุษย์ผักไปแล้ว  สะใจไหมลอว์ลี่ คราวนี้แผนนายนี่ได้ผลเกินร้อยนะ”         
“ไม่จริง…พระเจ้า…ราเชล  ฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนี้”         
“นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนายยังทำได้ขนาดนี้  ถ้าตั้งใจป่านนี้ราเชลคงตายไปแล้วละมั้ง”         
“หุบปากนะ  คนเลวๆอย่างนายจะไปรู้อะไร”         
“อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าเธอเหี้ยมโหดแค่ไหน  คราวที่แล้วก็แย่งคนรักของพี่ชาย  คราวนี้ก็คนรักของเพื่อน  รสนิยมเธอนี่เลือกแต่ของรักของคนอื่นเท่านั้นสินะ”
ลอว์ลี่พุ่งหมัดเข้าใส่แต่เดนเซลตบฉาดสวนมา  เด็กหนุ่มหน้าหันและฟุบลงกับที่นอน  เดนเซลกระชากร่างบางขึ้นมาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน         
“ฉันไม่ใช่ราเชลที่จะทนเจ็บแล้วปล่อยให้นายลอยนวลต่อไป  สำหรับฉันถ้าใครทำฉันเจ็บมันต้องเจ็บกว่าหลายเท่า…จำไว้!” เดนเซลผลักร่างบางจนฟาดลงบนที่นอนแล้วลุกออกไป
ลอว์ลี่ประคองตัวลุกขึ้นช้าๆ  ความเจ็บปวดที่เขาได้รับช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำกับราเชล  เด็กหนุ่มมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง         
“ราเชล…หากสิ่งที่ฉันเผชิญอยู่ตอนนี้จะไถ่บาปที่ฉันทำกับนายได้…ฉันก็ยินดี” เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงบนเข่า  ปล่อยให้น้ำตารินไหลราวกับไม่มีวันเหือดแห้ง
      ..................................

ลอว์ลี่กัดฟันแน่นเมื่อร่างหนาแทรกลึกเข้ามา  เจ็บเจียนใจจะขาดแต่ไม่มีเสียงโอดครวญ  เดนเซลตาลุกโชนด้วยความโกรธ  อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มจะอดทนได้นานแค่ไหน  มือกร้านและหยาบด้วยงานหนักขยับเลื่อนแก่นกายตึงร้อนหนักหน่วง  ใบหน้าเนียนแดงซ่านด้วยความทรมาน  แต่ไม่มีเสียงครวญคราง  สะโพกเล็กขยับเลื่อนตามมือเขาในที่สุด  ร่างบางบิดเร่าด้วยไม่อาจฝืนไว้ได้อีกต่อไป  เดนเซลยิ้มหยันเร่งจงหวะมือรัวเร็วจนทางแคบบีบรัดเขาแรงขึ้นทุกที  แต่เมื่อเด็กหนุ่มเกือบถึงจุดสุดยอด เขากลับหยุดมือดื้อๆ  ร่างหนาโหมกายเข้าออกรุนแรง
ลอว์ลี่ผวาทั้งตัว  ความเสียวซ่านกำลังจะถึงจุดสูงสุดหายวับเมื่อความเจ็บปวดเข้ามาแทน  ร่างหนาหนักขยับโยกอย่างเมามันสร้างความทุกข์ทรมานจนแทบทนไม่ไหว  นานจนความเจ็บร้าวกลายเป็นชา  และความเสียวซ่านค่อยเพิ่มมากขึ้นทุกที  ลอว์ลี่ไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายเขาขยับเลื่อนรับแรงแทรกสอดทุกจังหวะ 
เดนเซลแสยะยิ้มทั้งที่ความเสียวกระสันกำลังพาเขาทะยานสูงขึ้นทุกที  แรงบีบรัดแสนหวานทำให้เขาไม่อาจหยุดตัวเองได้อีกต่อไป  ร่างหนากระหน่ำกายระรัวเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด
ลอว์ลี่หนลับตาแน่นเมื่อความเสียวซ่านจากหน้าท้องกระจายไปทั้งร่าง  แต่แล้วความเจ็บปวดก็ทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากทางสวรรค์  ฟันคมที่กัดยอดอดจนห้อเลือดทำให้เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพราก  แต่ไม่มีเสียงครางหลุดลอดออกมา 
เสียงคำรามต่ำก้องอยู่ข้างหู ไอร้อนพลุ่งผ่านเข้ามาในกายรุนแรงพร้อมกับร่างหนากระแทกตัวเข้ามาครั้งสุดท้าย เดนเซลเกร็งค้างอยู่ในท่านั้นชั่วขณะแล้วถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว  ลอว์ลี่กัดปากแรงจนลิ้มรสเค็มคาวของเลือดเพื่อกั้นเสียงร้อง  ไม่มีวันที่เขาจะยอมร้องขอความกรุณาจากคนอำมหิตอย่างเดนเซล 
ทรวงอกบางยังสะท้อนสะท้านด้วยแรงหอบหายใจแต่ร่างหนากลับทาบทับอีกครั้งลอว์ลี่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ซอกคอขาวถูกรุกรานด้วยลมหายใจร้อนระอุเด็กหนุ่มไม่ขัดขืนแต่ไม่ร่วมมือ  ดวงตาเจ็บช่ำลอยไกลและปิดลงในที่สุด
      ..................................

เดนเซลจ้องมองร่างบางที่นับวันจะผอมบางจนแทบปลิวลมด้วยความขัด -เคือง  ไม่ว่าเขาจะทำรุนแรงแค่ไหนลอว์ลี่ก็ไม่เคยร้องขอความเห็นใจ  เซ็กที่เขาเจตนาให้เด็กหนุ่มไม่ถึงจุดสูงสุดเลยแม้แต่ครั้งเดียวนั้นต้องสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานไม่น้อย แต่ลอว์ลี่ก็ไม่เคยปฏิเสธเมื่อเขาต้องการ  สิ่งแลกเปลี่ยนคือเขาต้องบอกอาการของราเชลให้รู้ทุกวัน  เดนเซลเคยคิดว่าไม่กี่วันลอว์ลี่ต้องร้องขอความกรุณาจากเขาแต่เกือบ4เดือนแล้วที่ลอว์ลี่ยินยอมให้เขาใช้ร่างกายราวกับโสเภณีและไม่เคยขอสิ่งแลกเปลี่ยนอื่นเลย
ลอว์ลี่ลุกขึ้นยืนช้าๆ  สีหน้าของเดนเซลกระด้างและเยาะหยันไม่เปลี่ยนแต่วันนี้มันมีบางอย่างแปลกไปจนรู้สึกได้         
“ราเชลเป็นไงบ้าง?”         
“คืนนี้ฉันจะบอกเอง” เดนเซลตอบห้วนๆและเดินหนีไปที่คอกม้า  ลอว์ลี่หลับตาหน้าเผือดขาวก่อนจะลืมตาแห้งผากเหม่อมองไปยังฝูงนกนางนวลด้วยหัวใจหดหู่         
“สักวัน…ฉันจะเป็นอิสระ  ฉันจะได้โบยบินเหมือนพวกเจ้า”
      ..................................
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ภาคพิเศษคะ
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 22-09-2009 21:59:09
......
เดนเซลเข้ามาในห้องดึกมากแล้ว  กลิ่นเหล้าโชยฟุ้งนำมาก่อน  ลอว์ลี่ผุดลุกขึ้นจะถอดเสื้อผ้าแต่ชายหนุ่มปัดมือเขาออก
แควก! มือกร้านกระชากทีเดียวเสื้อก็ขาดแล่งติดมือ  ลอว์ลี่ใจหายวาบแต่ไม่ขยับหรือถอยหนี  ร่างหนาโถมเข้าใส่จนล้มกลิ้งลงไปบนเตียง  มือหยาบขยำขยี้ทรวงอกจนเจ็บร้าวแต่ลอว์ลี่นอนเฉย จู่ๆปากร้อนที่ซุกไซ้ที่ซอกคอก็ถอนออกร่างหนาลุกขึ้นมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาลุกโชน        
“วันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญของราเชลจะบอก…แต่ต้องแลกกับบริการที่ถึงใจหน่อยเป็นไร”
ลอว์ลี่ก้มหน้านิ่งอยู่นานจึงเงยขึ้นสบตาหยามเหยียด          
“คุณต้องการอะไร?”        
“โสเภณีไง…ฉันอยากนอนกับโสเภณี”
ลอว์ลี่พยักหน้าหันกลับไปที่โทรศัพท์ข้างเตียงแต่เดนเซลกระชากเขาจนปลิวกลับมา        
“จะทำอะไร?”        
“คุณต้องการโสเภณีผมก็จะโทรสั่งมาให้”        
“ฮะๆๆ…นี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันหมายถึงอะไร?”
ลอว์ลี่สบตาหยันๆด้วยความงุนงง  แต่ไม่นานนักก็เข้าใจ  ความเจ็บแค้นแน่นขึ้นมาจนอยากจะฉีกทึ้งคนตรงหน้าให้แหลกคามือ  แต่เด็กหนุ่มกลับกลืนความแค้นกลับลงไป  เขาพยักหน้าช้าๆอย่างยอมจำนน  เดนเซลหัวเราะก้องอย่างสะใจ  ร่างหนาถอยไปพิงหัวเตียงมือประสานกันอยู่ที่ท้ายทอยอย่างสบายอารมณ์  
ลอว์ลี่กัดปากแน่น  ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็พอรู้ว่าเดนเซลต้องการอะไร  เด็กหนุ่มแหวกสาบเสื้อคลุมออกจากกัน  ความกำยำร้อนผ่าวชูชันรับมือทันทีที่เขาสัมผัส  ลอว์ลี่ครอบครองไว้ในปากและขยับรูดขึ้นลงอย่างทุลักทุเลด้วยความไม่เคย  เดนเซลมองเฉยไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือ  ครู่หนึ่งลอว์ลี่ก็รู้ว่าควรทำอย่างไร เด็กหนุ่มครอบครองความร้อนผ่าวได้ลึกยิ่งขึ้นและรู้จักใช้ลิ้นช่วย สัมผัสได้ถึงอาการเกร็งของหน้าท้องแน่นแข็ง  เดนเซลกัดกรามกรอด แม้จะรู้สึกเสียวซ่านจนต้องเกร็งตัวไว้แต่ความรู้สึกเจ็บร้าวและปวดลึกในอกกลับทวีขึ้นทุกที ชายหนุ่มกระชากไหล่บางจนถลาขึ้นมาบนอกเขาก่อนที่อะไรๆจะเป็นไปอย่างที่ควร
ลอว์ลี่กระพริบตาถี่อย่างงุนงง  ไม่เข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มเลย  แต่ยังไม่ทันตั้งหลักปากร้อนก็ประกบแนบลงมา  จูบร้อนผ่าวที่ดึงเอาสติสัมปชัญญะให้หลุดลอยหาย  ลอว์ลี่อ่อนระทวยลงในอ้อมแขนแข็งแรงที่รัดแน่นราวกับงู  ร่างหนาเบียดเสียดสีกับร่างบางจนแทบลุกเป็นไฟ  มือกร้านกอบกุมแก่นกายอุ่นนุ่มไว้และขยับพลิกจนเต้นระริกไปตามมือ  ลอว์ลี่หลุดเสียงครางอย่างไม่ทันตั้งตัว ช่องทางคับแคบถูกสำรวจอย่างเชี่ยวชาญจนสะโพกบางยกร่อนตามจังหวะนิ้ว  เมื่อความกำยำแทรกลึกจึงได้รับการต้อนรับอย่างเต็มใจ  
ลอว์ลี่กอดรัดบ่ากว้างแน่น  ผิวหนังเห่อร้อนและเสียววูบวาบตลอดทั้งตัว ไม่มีความเจ็บปวดหรือหากมันเกิดขึ้นเขาก็คงไม่ทันสังเกต ในกายเดือดพล่านราวกับเนื้อหนังถูกหลอมละลาย        
“ขอร้องฉันสิลอว์ลี่”        
“เดน…เดนเซล…ได้โปรด…เร็วเข้า…โอ้ว…” ลอว์ลี่ร้องเสียงหลง  ความเสียวซ่านจากการแทรกสอดกระจายจากหน้าท้องแล้วลามไปทั่วร่าง เด็กหนุ่มผวาเข้ากอดรัดร่างหนาแน่นเมื่อจู่ๆปมประสาทที่เขม็งเกลียวก็ขาดออก ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วทั้งกายแม้แต่ปลายนิ้วมือและเท้า เดนเซลหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ  แรงบีบรัดรุนแรงทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดเช่นกัน  ชายหนุ่มโหมร่างระรัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะระเบิดทุกอย่างในบ่อลาวาที่แสนหวาน หูยังได้ยินเสียงครางระรัวและร่างแอ่นเกร็งตอบรับเขาอีกครั้ง ร่างหนาฟุบลงกอดรัดร่างบางแน่น
นานเท่านานกว่าที่ลมหายใจหอบกระชั้นจะจบลง  ลอว์ลี่หลับตาอย่างปวดร้าว เสียงหัวเราะเยาะหยันอยู่ข้างหูเมื่อร่างหนาถอดถอนออกไป  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลอว์ลี่ได้สัมผัสกับจุดสูงสุดในการร่วมรัก  ความอิ่มเอมหอมหวานที่ชวนให้มึนเมาและทุรนทุรายจนต้องวิ่งวอนร้องขอ  กลายเป็นหนามที่กลับมาเสียดแทงจนแทบทนไม่ได้        
“ชอบไหมลอว์ลี่  คงถูกใจสินะ...ร้องซะเสียงหลงเลยนี่...ไหล่ฉันงี้แสบไปหมด เพิ่งรู้นะว่าเธอนี่ก็ร้อนแรงไม่ใช่ย่อย…”
ลอว์ลี่กัดฟันแน่น  พยายามไม่ฟังคำพูดหยามหยันของชายหนุ่ม        
“คุณบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก”        
“อ้อ!ใช่สิ  วันนี้ฉันเจอหมอซอเรน เขาบอกว่าอาการราเชลค่อยๆดีขึ้นแล้ว”        
“หมายความว่าราเชลจะกลับมาเป็นคนเดิมใช่ไหม?”        
“ใช่…และคงเร็วกว่าที่เธอกลัวเยอะ” เดนเซลมองสีหน้ายินดีนั้นอย่างดูแคลน  
ลอว์ลี่หลับตาลง ความรู้สึกผิด ความเสียใจและความเครียดที่เกาะกินใจมานานค่อยๆบรรเทาลง  เดนเซลมองสีหน้าโล่งอกโล่งใจนั้นอย่างหมั่นไส้ ชายหนุ่มกดร่างบางจมลงในที่นอนเพื่อรองรับบทรักรุนแรงบทต่อไป
      ..................................

เดนเซลตื่นขึ้นมาด้วยสัญชาติญาณ  ชายหนุ่มขนลุกซู่ สังหรณ์บอกเขาว่าบางอย่างกำลังเกิดขึ้น  บ้านเงียบสนิท เงียบจนเกินไป เดนเซลควานหาลอว์ลี่แต่พบกับที่นอนเย็นเฉียบ  ชายหนุ่มเปิดโคมไฟแล้วมองกราดไปรอบๆ  ไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มอยู่แถวนั้น  เดนเซลเกือบลุกออกไปตามข้างนอกแล้วแต่กลับเปลี่ยนใจไปดูที่ห้องน้ำก่อน
ประตูห้องน้ำล็อคแน่นหนา  ชายหนุ่มเคาะแรงแต่กลับไม่มีเสียงตอบ        
“ลอว์ลี่…ลอว์ลี่เปิดประตูซิ  ลอว์ลี่…บอกให้เปิดประตูไม่งั้นฉันพังนะ…”
เดนเซลวิ่งไปหยิบกุญแจมาไข  ทันที่เปิดเข้าไปละอองน้ำเย็นก็กระจายไปทั่วทั้งห้อง  แต่ผ้าที่กั้นรอบอ่างอาบน้ำปิดมิดชิด  ชายหนุ่มปราดไปกระชากออกหวังจะเขย่าเจ้าหนูตัวแสบให้หัวสั่นหัวคลอน  แต่น้ำสีแดงฉานเต็มอ่างทำให้เลือดในกายเขาเย็นเฉียบ          
“ลอว์ลี่!” เดนเซลตะโกนสุดเสียง  ถอดเสื้อนอนของเขาออกมัดแขนที่แดงฉานไว้แน่น  นิ้วยาวสั่นระริกค่อยๆรอที่จมูก วูบแรกใจเขาหายวับเมื่อไม่อาจสัมผัสลมหายใจของเด็กหนุ่มได้  แต่เมื่อตั้งสติให้ดีก็พบว่าลอว์ลี่ยังหายใจ  แม้จะอ่อนเบาแทบไม่รู้สึกก็ตาม  เดนเซลอุ้มร่างเปียกโชกกลับมาที่เตียงและใช้น้ำอุ่นเช็ดตัวเย็นเฉียบแรงๆ แล้วโทรหาหมอประจำฟาร์ม นานแสนนานในความรู้สึกของชายหนุ่มกว่าหมอกับคนสนิท2คนจะเข้ามา        
หมอตรวจดูบาดแผลแล้วฉีดยากันบาดทะยักให้ ก่อนจะตัดสินใจพาลอว์ลี่ไปโรงพยาบาล  ลอว์ลี่เสียเลือดไปมากจนต้องให้เลือดก่อน  ยังดีที่คนสนิทของเดนเซลเลือดกรุ๊ปเดียวกับลอว์ลี่สถานการณ์จึงไม่เลวร้ายลงไปกว่านั้น
สายวันรุ่งขึ้นลอว์ลี่ก็พ้นขีดอันตราย  เดนเซลทรุดลงนั่งอย่างอ่อนล้า  ไม่ใช่ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อย  แต่เป็นใจที่เหนื่อย เจ็บปวดและวาบหายอย่างประหลาด  
เดนเซลสั่งให้คนโทรแจ้งให้ครอบครัวของลอว์ลี่ทราบ  คนที่มารับลอว์ลี่คือพี่ชายคู่แฝด  เจอรร์รี่ไม่พูดอะไรเลยเมื่อชายหนุ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังแต่เข้าไปอยู่กับคู่แฝดตลอดเวลา  และทันทีที่พบหมอเด็กหนุ่มก็แจ้งความจำนงขอย้ายน้องชายไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน  ก่อนที่รถพยาบาลจะพาคู่แฝดไปเจอร์รี่ถึงได้พูดกับชายหนุ่มเป็นครั้งแรก        
“ลอว์ลี่ฝากบอกคุณว่า  เรื่องของคุณกับเขาขอให้มันจบแค่นี้…อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเขาอีกชั่วชีวิต”        
“…” เดนเซลพูดไม่ออก ได้แต่มองตามรถพยาบาลไปจนลับตา  เขาแน่ใจว่าเขาไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่ารู้สึกผิดนิดหน่อย  เพราะเขาแน่ใจว่าเลิกรักลอว์ลี่ไปตั้งแต่รู้ว่าเด็กหนุ่มทำเลวๆกับเพื่อนรักอย่างราเชล  แต่น่าแปลกที่หัวใจเขามันว่างเปล่าและหนาวเย็นเหลือเกิน
      ..................................        
เจอร์รี่เข้าไปในห้องเงียบๆ  ลอว์ลี่นั่งพิงเก้าอี้เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง  ใบหน้าเรียวซูบ แขนข้างหนึ่งยังพันผ้าพันแผลไว้  แผลที่ข้อมือคงหายในอีกไม่นาน แต่แผลในจิตใจคงยากจะหายง่ายๆ  เจอร์รี่เข้าไปนั่งข้างๆอยู่ครู่ใหญ่กว่าลอว์ลี่จะรู้ตัว        
“เห็นแม่บ้านบอกว่านายทานอาหารไปนิดเดียว?”        
“ไม่ค่อยหิวน่ะ  กินแต่ยาจนอิ่มจะแย่แล้ว” ลอว์ลี่พูดยิ้มๆแต่ดวงตาหมอง เจอร์รี่มองหน้าซีดๆเขม็งจนลอว์ลี่ขยับตัวอย่างอึดอัด        
“ทำไมมองฉันอย่างนั้นละ?”        
“นายยังเสียใจเรื่องราเชลหรือว่านายกำลังเป็นทุกข์เรื่องอื่นกันแน่?”        
“…นายพูดถึงอะไร?…”        
“ถามตัวเองสิลอว์ลี่ว่านายกำลังหนีอะไร?”        
“ฉันก็อยากไปหาราเชล แต่หมอซอเรนห้ามไว้นี่นา”        
“เฮอะ…โกหกใครก็ได้ลอว์ลี่  แต่นายโกหกตัวเองไม่ได้หรอก  ถ้าเอาแต่หนีนายก็ต้องเจ็บไปตลอดชีวิตนั้นแหละ”        
“ไหนนายว่ายกโทษให้ฉันแล้วไงเจอร์รี่  แล้วทำไมนายต้องมาพูดจาเยาะเย้ยฉันอีก…ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะให้อภัยฉันจริงๆเจอร์รี่”        
“ตามใจ…หากนายคิดว่าฉันถามเพราะอยากเยาะเย้ยนายก็แล้วแต่นายก็แล้วกัน”เจอร์รี่ไหวไหล่แล้วออกจากห้องไป  
ลอว์ลี่น้ำตาคลออย่างคับแค้น  เจอร์รี่เป็นแบบนี้เสมอ  วาจาตรงๆที่แสนเสียดแทงแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่จริง  ลอว์ลี่ยกข้อมือขึ้นมอง แล้วแกะผ้าที่พันออก  ความสามารถของแพทย์ทำให้แผลเรียบค่อนข้างสนิทแผลแห้งแล้วอีกไม่นานก็คงหาย  หมอรับรองว่าจะเหลือแผลเป็นเล็กน้อยเท่านั้น  แต่ลอว์ลี่กลับอยากให้แผลเป็นเหลือมากๆ จะได้ไว้คอยเตือนใจให้ในสิ่งเลวร้ายที่เขาเคยทำกับราเชลและผลตอบ- แทนที่แสนเจ็บปวด  ลอว์ลี่สลัดศีรษะแรงๆไม่อยากคิดถึงใครอีกคน
         ..................................

แสงแดดเจิดจ้าและร้อนระอุจนทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นเกาลัดกำลังถูกคั่วอยู่ในกะทะ  เจอร์รี่ยังรีรออำลาหนุ่มหน้าคมตาเข้มที่มาจีบตั้งแต่ที่สนามบินราวกับจะไม่ลงจากเครื่อง  ลอว์ลี่ขี้เกียจรอจึงลงไปพร้อมกับปีเตอร์  ท่าทางตื่นเต้นจนระงับไม่อยู่ของปีเตอร์ทำให้ลอว์ลี่ดีใจที่ชวนมาด้วย  
ปีเตอร์ยังเป็นแค่นักมวยสมัครเล่นยังไม่ได้เป็นนักมวยอาชีพ  เงินทองที่มีจำกัดทำให้ปีเตอร์แทบไม่มีโอกาสได้เที่ยวไหน  นี่เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของปีเตอร์แถมยังได้มาไกลคนละทวีปทีเดียว        
“ลอว์ลี่ไม่รอเจอร์รี่ก่อนเหรอ?”        
“ไม่ต้องหรอก  เจอร์รี่น่ะย่ำมาซะค่อนโลกแล้ว หนทางแค่นี้เขาไม่หลงหรอกน่า  ว่าแต่นายเถอะมีเสื้อผ้าสำหรับลุยทะเลทรายกับเขาหรือเปล่า?”
ปีเตอร์ยิ้มแห้งๆทำท่าจะตอบแต่ลอว์ลี่พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ        
“ไม่เป็นไร  งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อของที่ยังขาดกัน แล้วค่อยตามเจอร์รี่ไปที่โรงแรม”        
“อ้าว!แล้วจะบอกเจอร์รี่ยังไง?”        
“ก็นี่ไง” ลอว์ลี่ชูโทรศัพท์ในมือให้ดูแล้วโทรบอกเจอร์รี่
         .................................

ปีเตอร์มองข้าวของในมืออย่างไม่ค่อยสบายใจนัก  ลอว์ลี่ซื้อเสื้อผ้าและข้าว-ของให้เขาหลายอย่างจนเกรงใจ  ครั้งพอทักท้วงก็โดนดุเอาเสียอีก  หนุ่มนักมวยยืนมองสาวๆที่ผ่านไปผ่านมาแก้กลุ้มขณะรอลอว์ลี่เลือกเสื้อคลุม  
สัญชาติญาณของนักสู้ทำให้ปีเตอร์รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย  เขาหันขวับไปประสานสายตากับชายคนหนึ่ง  ใบหน้าเย็นชาเรียบเฉยแต่รังสีอำมหิตคุกคามจนสัมผัสได้ชัดเจน จู่ๆชายคนนั้นก็เดินหายไปท่ามกลางฝูงชน  ปีเตอร์มองตามพยายามทบทวนว่าเขาเคยทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือไม่แต่ก็นึกไม่ออก เขาเพิ่งเหยียบแผ่นดินนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตไม่น่าจะทำให้ใครเขม่นเอาได้        
“ปีเตอร์!นายดูอะไรอยู่น่ะ?  ฉันเรียกตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”        
“มีผู้ชายคนหนึ่งมองฉันน่ากลัวชิบเป๋ง”        
“ฮ้า! นายมีหนุ่มมาเหล่เหรอปีเตอร์”        
“ไอ้บ้า  ฉันหมายถึงหมอนั่นมองเหมือนกับฉันเป็นศัตรูต่างหาก”        
“เฮ้ย!จริงเหรอ…นายไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจล่ะ?”        
“เปล่านะ  ฉันก็อยู่กับนายตลอดจะไปทำอะไรให้คนเขาเกลียดได้ล่ะ”        
“นั่นสิ…ว่าแต่แน่ใจเหรอว่านายไม่ได้คิดไปเอง  เขาอาจจะมองคนอื่นแล้วนายเข้าใจผิดก็ได้นะ?”        
“แหม!อยากให้นายเห็นสายตาหมอนั้นจริงๆเลย จะได้รู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน  ฉันงี้เย็นหลังวาบเลย”        
“เห็นทีต้องระวังตัวกันให้มากๆเสียแล้ว  ไปเถอะรีบกลับกันดีกว่า…”
         ..................................

ลอว์ลี่ตรวจดูข้าวของจนมั่นใจว่าจัดทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงไปเคาะเรียก -
เจอร์รี่        
“เข้ามาเลย”        
“นายจัดของเสร็จหรือยัง?”        
“ยังเลย  นายมาก็ดีแล้ว ฝากจัดของหน่อยนะ  ฉันจะไปข้างนอกหน่อย”         “ไปไหน?  นี่มันดึกแล้วนะ”  
“ไปแถวๆนี้แหละน่า  ไปละ...จัดของเสร็จล็อคห้องให้ด้วยแล้วกัน” เจอร์รี่
วิ่งปร๋อออกไปทันที ลอว์ลี่ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะรวบรวมข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มเตียงเรียงลงกระเป๋า  กว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน  
ลอว์ลี่เกือบจะเข้านอนอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู          
“ของไม่ครบเหรอปีเตอร์  บอกแล้วว่าจะช่วยจัดก็ไม่…คุณ!” ลอว์ลี่ผงะเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู        
“ผิดหวังมากไหมลอว์ลี่ที่กลายเป็นฉันแทนที่จะเป็นไอ้หนุ่มนั่น”        
“คุณเข้ามาทำไม?…ออกไปนะ!”        
“ทำไม ที่หมอนั่นเธออยากจะไปช่วยจัดของใจแทบขาด  พอเป็นฉันไล่ใหญ่เชียวนะ”        
“ออกไปจากห้องนี้นะ”        
“ทำให้ฉันออกไปให้ได้สิลอว์ลี่”
ลอว์ลี่หน้าซีดเผือดเมื่อเดนเซลย่างสามขุมเข้าหา  เด็กหนุ่มวิ่งไปคว้าโทรศัพท์กดหาโอเปอร์เรเตอร์ข้างล่างแต่เดนเซลตามเข้าไปกระชากปลั๊กออกและเหวี่ยงร่างบางลงไปบนเตียง  ลอว์ลี่ตะกายหนีไปอีกด้านเมื่อตั้งหลักได้แต่เดนเซลคว้าข้อเท้าเล็กกระชากกลับมาแล้วทาบทับร่างบางไว้แน่น        
“ไม่นะ…ปล่อย! คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับผมอย่างนี้นะ” ลอว์ลี่ผวาตามแรงดึง กระดุมเสื้อนอนขาดกระจาย เปิดเปลือยทรวงอกขาวให้เดนเซลคลุกเคล้าอย่างเมามัน          
“ไม่คิดถึงฉันบ้างหรือไงลอว์ลี่…ไม่เจอกันเกือบปีน่าจะคิดถึงฉันบ้างนะ?”        
“ไม่…คิด..ปล่อย…บอกว่าให้…ปล่อย” ลอว์ลี่ห้ามและครางปะปนกันวุ่นวาย  ปากร้อนผ่าวดูดดึงยอดอกตึงสร้างความเสียวซ่านจนร่างบางดิ้นพล่าน  ฝ่ามือร้อนสอดเข้าไปในกางเกงนอนอย่างง่ายดาย  ผิวเนียนแทบลุกเป็นไฟเมื่อมือสากระคายบีบเคล้นและหยั่งแหย่ทางแคบอย่างชำนาญ        
“เธอนี่ปากแข็งนะ  ร่างกายยังซื่อสัตย์กว่าเสียอีก” เดนเซลหัวเราะใส่หน้า เมื่อสะโพกกลมขยับยกตามมือเขาอย่างไม่อาจขัดขืน  ลอว์ลี่หลับตาด้วยความอดสู ร่างกายเขาสั่นระริกไปตามที่เดนเซลชักนำอย่างง่ายดาย          
“ผมไม่ได้ติดค้างอะไรกับคุณอีกแล้ว…ปล่อยผมไปเสียที…ได้โปรด” หางเสียงเครือสั่นพลิ้ว…น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลพรู  เดนเซลชะงัก  มือที่ขยำขยี้บนสะโพกตึงเลื่อนมาประคองหน้านวลไว้  น้ำตาของลอว์ลี่ทำให้เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก        
“ชู่วววว…ลอว์ลี่หยุดร้องไห้เถอะ…เอ่อ…ฉันขอโทษ…หยุดร้องเสียทีได้ไหม?”
แทนที่จะหยุดลอว์ลี่กลับสะอื้นจนตัวโยน เดนเซลลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น ตลอดเวลาที่ถูกเขากักขังและทรมานอยู่ที่เกาะลอว์ลี่ไม่เคยร้องไห้หรือวิงวอนอะไรเลย  เด็กหนุ่มยโสจนน่าหมั่นไส้  ทำให้เขาต้องแก้เผ็ดด้วยการทำให้ลอว์ลี่ต้องทรมานกับเซ็กส์ที่รุนแรงและไม่เคยไปถึงจุดสูงสุดแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากครั้งสุดท้ายก่อนที่ลอว์ลี่จะฆ่าตัวตาย  
เวลาเกือบปีที่ต้องแยกจากกันทำให้ทิฐิจางลง และเดนเซลก็แน่ใจว่าการที่เขาทำร้ายลอว์ลี่ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้ราเชล  แต่เป็นเพราะเขาหึงที่ลอว์ลี่ยอมพลีกายให้ริชง่ายๆต่างหาก  แม้ริชกับลอว์ลี่จะไม่มีอะไรกันแต่เขาก็โกรธจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง ทำเรื่องเลวๆกับเด็กหนุ่มสาระพัดเพียงเพื่อให้ลอว์ลี่เจ็บเหมือนที่เขาเจ็บ จนวินาทีที่คิดว่าต้องสูญเสียลอว์ลี่ไปทำให้เขาได้สำนึก แต่ลอว์ลี่ก็ถูกพรากมาไกลจากเขาเสียแล้ว  เขารีรออยู่หลายเดือนกว่าจะตัดใจยอมไปง้อ แต่กลับพบว่าลอว์ลี่มีเด็กหนุ่มนักมวยคนนั้นอยู่เคียงข้าง  เดนเซลจึงได้ทราบซึ้งว่าคนอกหักทำไมถึงต้องฆ่าตัวตาย  ชายหนุ่มกลับไปทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง เหนื่อยจนแทบขาดใจแต่ก็ยังไม่วายคิดถึงลอว์ลี่  จนความอดทนสิ้นสุดเขาจึงกลับมานิวยอร์คอีกครั้งและได้รู้ว่าคู่แฝดจะมาเที่ยวที่นี่เขาก็ตามมา  
หลังจากที่ความคับแค้นถูกระบายเป็นน้ำตาอยู่ครู่ใหญ่  ลอว์ลี่ก็รวบรวมสติได้อีกครั้ง  เด็กหนุ่มค่อยๆยันตัวลุกขึ้น มือกำสาบเสื้อที่ไม่มีกระดุมสักเม็ดไว้แน่น
เดนเซลถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก  แม้ดวงตาโตจะยังแดงช้ำแต่ลอว์ลี่ก็ดูสงบลงแล้ว        
“คุณมีธุระอะไรกับผม?”        
“ฉัน…แค่อยากคุยกับเธอ”        
“มีอะไรก็พูดมาเลย  ผมพร้อมจะฟัง”        
“ฉันอยาก…เอ่อ…ขอ…ขอโทษที่ทำให้เธอเกือบตาย”        
“ผมทำตัวเองต่างหาก  ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก  เสร็จธุระแล้วใช่ไหม  เชิญคุณกลับไปได้แล้วผมต้องการพักผ่อน”        
“แต่ฉัน…เอ่อ…ก็ได้…พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”        
“พรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวคงไม่มีเวลาเจอคุณหรอก  เลิกตอแยผมเสียทีเถอะ”        
“แต่ว่าฉัน…”          
“เชิญครับ”
เดนเซลถอนใจเฮือกยอมออกจากห้องแต่โดยดี  ลอว์ลี่รีบกดล็อคแน่นหนา เด็กหนุ่มพิงประตูน้ำตาที่เพิ่งแห้งไหลพรูราวกับทำนบแตก  ไม่เข้าใจว่าเดนเซลต้องการอะไรจากเขาอีก ในเมื่อที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ทำเขาเจ็บขนาดนั้นแล้ว  น่าจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระได้แล้วไม่ใช่ยังตามหลอกหลอนเขาไม่เลิกแบบนี้  
ลอว์ลี่ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง กลิ่นน้ำยาหลังโกนหนวดของเดนเซลติดอยู่บนที่นอนราวกับเจ้าตัวยังนอนอยู่ตรงนั้น  ลอว์ลี่กัดปากแน่นไม่อยากนอนซ้ำรอยเดนเซล  แต่พรุ่งนี้เขาต้องเดินทางแต่เช้า เด็กหนุ่มจำต้องนอนลงไปอีกครั้ง  
กลิ่นน้ำยาหลังโกนหนวดลอยกรุ่นจนผิวหนังร้อนผะผ่าว สัมผัสร้อนๆยังวูบวาบอยู่บนผิวไม่วาย  อกเปลือยเสียดสีกับที่นอนอย่างทรมาน  มือสากร้อนกับฟันคมๆเคยกัดทึ้งจนมันตึงและปวดร้าว
ลอว์ลี่บิดกายอย่างทรมาน  ลมหายใจร้อนๆที่รินรดยอดทรวงกับฝ่ามือสากที่สอดแทรกเข้ามาสร้างความปวดร้าวและซ่านเสียวจนไม่อาจทานทน  ร่างบางขยับไถลไปกับที่นอน ภาพการร่วมรักที่ดุดันรุนแรงของเดนเซลปรากฏในมโนภาพจนเลือดร้อนระอุไปหมด  ลอว์ลี่จิกทึ้งผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อร่างกายเกร็งกระตุกและปลดปล่อยไอร้อนออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งกางเกง  เด็กหนุ่มร้องไห้โฮ  เพียงแค่คิดถึงเดนเซลเขาก็เป็นไปถึงเพียงนี้แล้วเขาจะตัดใจจากคนใจร้ายคนนั้นได้อย่างไร  ลอว์ลี่พลิกตัวทุรนทุรายอยู่จนเกือบสว่างจึงผลอยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย
         .................................

ปีเตอร์เหลือบมองเจอร์รี่อย่างไม่สบายใจ  เมื่อเช้าลอว์ลี่ไม่ได้ลงมารวมกลุ่ม เขาจะไปตามแต่เจอร์รี่ห้ามไว้ บอกว่าลอว์ลี่ไม่สบาย  เขาอาสาอยู่ดูแลแต่โดนเจอร์รี่ตอกเอาหน้าหงาย
‘นายจะอยู่ทำไม  ไอ้ที่พวกฉันพานายมาก็เพราะอยากให้นายได้มีโอกาสเที่ยวเปิดหูเปิดตากับเขาบ้าง  ลำพังไอ้ทุนที่นายได้น่ะ แค่เรียนอย่างเดียวนายก็แย่แล้ว  แล้วไง…อยากเป็นบุรุษพยาบาลก็ไปอาสาที่โรงพยาบาลสิ  มาเที่ยวทำซากอะไร ลอว์ลี่มันแค่แพ้เวลาให้นอนพักสักวันพรุ่งนี้ก็เที่ยวปร๋อแล้ว  เขาให้เที่ยวก็เที่ยวไปเถอะอย่าเรื่องมากได้มะ’
         เจอร์รี่อมยิ้มเมื่อเห็นสายตากรุ้งกริ่งของหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่เบาะหน้า  เขาหันมาหาปีเตอร์เพื่อชวนคุยแต่กลับเจอหน้าจ๋อยๆชวนให้หมั่นไส้        
“เป็นอะไรปีเตอร์”        
“รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่ทิ้งลอว์ลี่ไว้คนเดียว”        
“อย่าพิรี้พิไรเป็นผู้หญิงได้ไหม  รำคาญว่ะ”        
“ก็แน่ล่ะ  ใครจะน่ารักเท่าไอ้หนุ่มผมดำเบาะหน้าได้ล่ะ  เอามะฉันจะแลกที่นั่งกับหมอนั่นให้”        
“เฮ้ย!อย่าบ้าน่า  ฉันก็แค่แหย่เล่นสนุกๆไปงั้นแหละ”        
“ก็ดีไอ้แมททิวมันจะได้ไม่อกหัก”        
“เลิกพูดถึงคนๆนั้นได้เลยปีเตอร์ ไม่งั้นฉันจะเอารองเท้าอุดปากนาย”        
“โอ้ยกลัวจัง…หึ…พวกปากแข็ง”
เจอร์รี่หน้าบึงกระแทกตัวกับพนักพิงแรงๆและเบือนหน้าหนีไปมองข้างนอก ไม่สนใจสายตาอ่อนเชื่อมที่พยายามส่งมาจากเบาะหน้าอีกต่อไป  ปีเตอร์ได้โอกาสแยกเขี้ยวเข้าใส่  หนุ่มผมดำหน้าเจื่อนแล้วรีบหันกลับไปทันที
         .................................

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: tianqin ที่ 22-09-2009 22:01:48
...............
ลอว์ลี่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวอึ้ง  เด็กหนุ่มควานมือไปที่หัวเตียงด้วยความเคยชินแต่ไม่พบของที่หา  ลอว์ลี่กดสวิตช์เปิดโคมไฟข้างเตียง  ลวดลายแปลกตาทำให้งงอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าเขาอยู่ที่โรงแรมในตะวันออกกลางไม่ใช่ที่บ้าน         
“เฮ้ย!”
ลอว์ลี่ทะลึ่งพรวดขึ้นอย่างตกใจ  หันไปคว้านาฬิกาข้อมือมาดู 10.30น!
“ตายโหง…โอ้ย…อดไปเที่ยวจนได้” ลอว์ลี่ครางอ๋อย นอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บใจ  พรุ่งนี้เขาต้องเล่นงานปีเตอร์ที่ไม่ยอมมาปลุก  เจอร์รี่น่ะไม่ต้องพูดถึงไม่รู้ว่ากลับมานอนที่ห้องหรือเปล่าด้วยซ้ำ 
ก่อนเที่ยงเล็กน้อยลอว์ลี่ก็ลงมาถึงสวนอาหารแสนน่ารักของโรงแรม  บนโต๊ะสานลวดลายละเอียดมีกระถางแคสตัสต้นเล็กจิ๋วที่ออกดอกเหลืองสดน่ารัก 
ลอว์ลี่แตะกลีบบางเบาๆอย่างอ่อนโยน  อดคิดถึงราเชลไม่ได้  ราเชลชอบต้นแคสตัสมาก  เขาว่ามันแข็งแกร่งและอดทนต่ออากาศที่โหดร้ายแต่กลับให้ดอกที่สวยงามเหลือใจ             
“ยิ้มให้ฉันเหมือนที่เธอยิ้มให้ต้นไม้บ้างได้ไหมลอว์ลี่”         
“คุณ!” ลอว์ลี่สะดุ้งเฮือกเมื่อเงยหน้าขึ้นเจอกับเดนเซล       
“อ้าวเดี๋ยวสิ…พอฉันมาก็จะหนีเชียวนะ?”       
“ปล่อยผมนะ  นี่ปล่อยสิคนเขามองกันใหญ่แล้ว”         
“ช่างปะไร  คนรักเขาจะจู๋จี๋กันไม่เห็นจะหนักหัวใครสักหน่อย”
ลอว์ลี่บิดมือน้ำตาคลอ  คำพูดของเดนเซลเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่         
“ลอว์ลี่  ฉัน…เอ่อ…ขอโทษทีไม่ได้ตั้งใจ  เธอเจ็บมือมากเลยเหรอ?”         
“ผมไม่ได้เจ็บมือ”         
“อ้าว!แล้วร้องไห้ทำไม?”         
“คุณจะสนุกไปถึงเมื่อไหร่  ปล่อยผมไปซะทีไม่ได้เหรอ จะตามมาเสียดสี
ดูถูกกันไปถึงไหน”
“ฉันไปเสียดสีอะไรเธอ”         
“ก็เมื่อกี้คุณ….ช่างเถอะ มันคงเป็นนิสัยของคุณละมั้งที่จะทำให้คนอื่นเจ็บได้อย่างธรรมชาติขนาดนี้” ลอว์ลี่เมินมองไปทางอื่นอย่างขัดเคือง
เดนเซลขมวดคิ้วมุ่น  ไม่เข้าใจสิ่งที่ลอว์ลี่พูด  ชายหนุ่มทบทวนคำพูดตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มกว้าง  เขาลากร่างบางออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว         
“นี่ปล่อยนะ  จะลากผมไปไหน?”         
“ไปคุย”         
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”         
“แต่ฉันมี”
ลอว์ลี่จำต้องซอยเท้าตามไม่อย่างนั้นคงล้มไม่เป็นท่า  เดนเซลลากเขาเข้าไปในลิฟต์แล้วกดขึ้นไปที่ชั้น 4 ลอว์ลี่เหลียวไปรอบๆตัวอย่างหมดหวัง  เขาไม่มีโอกาสหนีแน่เพราะเดนเซลกำข้อมือเขาไว้แน่น
ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกกลิ่นหอมอวลก็ลอยมาต้อนรับ  ลอว์ลี่หัวซุนไปตามแรงดึงจนถึงห้องสุดทางเดิน  เด็กหนุ่มขืนตัวหนีแต่ไม่สำเร็จ  เดนเซลอุ้มร่างบางเข้าไปในห้องและโยนลงที่เตียงกว้าง
ลอว์ลี่กลิ้งหนีไปยืนตาโตอยู่อีกฟากของเตียง แต่เดนเซลกลับเดินไปเปิดม่านให้แสงสาดเข้ามาในห้อง  ผนังกระจกตลอดแนวถูกเลื่อนเปิดกว้างสายลมพัดเอาไอเย็นฉ่ำจากลำน้ำเบื้องล่างเข้ามาจนม่านปลิวไสว         
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม?”         
“ฉันอยากคุยกับเธอ”         
“ก็พูดมาสิ  ผมสั่งอาหารไว้แล้วต้องรีบลงไป”         
“เหรอ…ฉันว่าเธอเพิ่งไปถึงนี่  สั่งอาหารตอนไหนเหรอ?”         
“…เอ่อ…สั่ง…โทรสั่งตั้งแต่บนห้องแล้วต่างหาก”         
“งั้นเหรอ  ไม่เป็นไรงั้นฉันจะโทรให้เขาเอามาส่งที่นี่”         
“ไม่ได้นะ…ผมอยากกินที่นั่นมากกว่า…คุณมีอะไรก็รีบๆพูดมาสิ”         
“ฉันอยากขอโทษที่ทำให้เธอเจ็บจนเกือบตาย”         
“คุณพูดไปแล้ว  แล้วผมก็บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ…แค่นี้ใช่ไหมผมจะได้ไป”         
“มีอีกเรื่อง”         
“อะไรอีกล่ะ?”         
“ไปอยู่กับฉันที่ออสเตรเลียนะ”         
“…คุณพูดบ้าอะไร?”         
“ฉันรักเธอ  อยากแต่งงานกับเธอ อยากให้เธอไปอยู่กับฉันที่ออสเตรเลีย บ้านฉันอยู่ที่นั่น”         
“คุณเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ…พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า?”         
“เธอนั่นแหละรู้ใจตัวเองดีหรือเปล่า?”         
“รู้สิ รู้ดีว่าเกลียดคุณแค่ไหน”         
“ถ้าเกลียดแล้วทำไมต้องเจ็บปวดกับคำว่าคนรักด้วยล่ะลอว์ลี่  เธออยู่แบบคนไม่มีวิญญาณมานานแค่ไหนแล้ว  ยังยอมรับไม่ได้อีกเหรอว่าเธอก็รักฉัน”         
“…ไม่จริง…”         
“จริง!เธอรักฉันลอว์ลี่ ที่เธอทรมานอยู่ทุกวันนี้เพราะเธอรักฉัน ถ้าเธอเกลียดเธอจะไม่มีวันเจ็บแบบนี้หรอก”         
“ไม่จริง!ไม่ได้รัก  ผมเกลียด ได้ยินไหมว่าเกลียด!”
เดนเซลปราดเข้าไปชิดร่างบางอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มผงะ         
“พิสูจน์สิลอว์ลี่  พิสูจน์ว่าเกลียดฉัน  แสดงความเกลียดให้ฉันดูหน่อย”               
“ผมเกลียด เกลียดๆๆๆๆๆ” ลอว์ลี่ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มแล้วชกอกหนาเต็มแรงไปหลายหมัด  แต่รูปร่างที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้เดนเซลแทบไม่ระคายผิว  ชายหนุ่มมองคนที่ตะโกนใส่เขาน้ำตาไหลอาบหน้าอย่างสงสาร 
ลอว์ลี่ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรแต่เขาห้ามน้ำตาไม่ได้  เด็กหนุ่มชกจนหมดแรงหอบฮัก เจ็บใจที่ไม่สามารถทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวดได้เหมือนที่เขาเจ็บ 
เดนเซลรวบร่างบางเข้ามากอดไม่สนใจอาการดิ้นรนของเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นว่าดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ลอว์ลี่ก็หยุดดิ้นได้แต่ร้องไห้จนหมดแรง  มือสากลูบผมให้เบาๆอย่างอ่อนโยน  อ้อมแขนกว้างแสนอบอุ่นจนลอว์ลี่ผล็อยหลับไปในที่สุด
ลมเย็นๆไล้ผิวจนหนาว  กลิ่นอาหารหอมกรุ่นทำให้ท้องลั่นโครก  ลอว์ลี่ลืมตามองไปรอบๆอย่างงุนงง  เด็กหนุ่มทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งเมื่อนึกออก         
“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาทานอาหารกัน”
ลอว์ลี่อยากบอกว่าไม่จำเป็น แต่เสียงท้องอุทธรณ์จนเด็กหนุ่มต้องรีบจ้ำหนีด้วยความอาย  นี่เป็นอาหารมื้อแรกที่ลอว์ลี่กินอย่างเอร็ดอร่อยทั้งๆที่ร่วมโต๊ะกับ
เดนเซล  ชายหนุ่มเลื่อนจานผลไม้เข้ามาให้อย่างเอาใจและลอว์ลี่ก็กินจนเกลี้ยงเช่นกัน
หลังจากบริกรเข็นรถออกไป  ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างน่า
อึดอัด  ลอว์ลี่เม้มปากแล้วคลายแล้วเม้มอยู่อย่างนั้น  ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรในบรรยากาศแบบนี้  จู่ๆเดนเซลก็อุ้มเขาไปวางบนเตียงดื้อๆ  ลอว์ลี่ผวาหนีแต่ชายหนุ่มกอดรัดเขาไว้แน่น         
“ตกลงเราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”         
“…จะ…จะบ้าเหรอ ใครจะแต่งกับคุณ”         
“ก็เธอไง  น่า…เรารักกันออกอย่างนี้จะปฏิเสธฉันไปทำไม?”         
“บ้าแล้ว…ใครรักคุณ  ผมเกลียดคุณต่างหาก  แล้วผมก็เป็นผู้ชายจะแต่งกับผู้ชายได้ยังไง”         
“ก็แค่จัดงานเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ไอ้ทะเบียนสมรสมันก็แค่กระดาษใบเดียว  ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”         
“บ้ากันใหญ่แล้ว  นี่ปล่อยผมนะ พ่อผมฆ่าคุณแน่ถ้ารู้ว่าคุณทำบ้าๆแบบนี้”         
“เรื่องนั้นสบายใจได้  ฉันคุยกับพ่อเธอแล้ว  บอกไปแล้วว่าฉันรักเธอ  ท่านก็ไม่เห็นว่าอะไรกลับชอบใจเสียอีกที่ธุรกิจของเราจะได้ราบรื่นยิ่งขึ้น”         
“คุณ!”         
“ตื้นตันจนพูดไม่ออกเลยเหรอ…ใจเย็นๆที่รักอย่าเพิ่งเป็นลมไปเสียก่อน”         
“ปล่อยผมนะ  เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะ  ผมจะกลับห้องแล้ว”         
“จะไปไหน?  นี่แหละห้องเรา”         
“หมายความว่าไง?”         
“ฉันให้เขาจัดการย้ายข้าวของของเธอมาไว้ที่ห้องนี้แล้ว  ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกัน ถือว่าเป็นการฮันนีมูนก่อนแต่งก็แล้วกัน”         
“ไม่!ผมไม่อยู่กับคุณ  ปล่อยผมนะ บอกว่าให้ปล่อย”       
“ฉันไม่อยากทำให้เธอเจ็บ  เพราะฉะนั้นเลิกดิ้นได้แล้ว”เดนเซลกระซิบข้างหูนิ่มแล้วซุกไซ้ปากร้อนๆไปทั่ว
ลอว์ลี่แผดเสียงเต็มที่แต่ปากร้อนดูดกลืนเข้าไปจนหมดรวมทั้งลิ้นของเด็กหนุ่มด้วย  เสื้อผ้าถูกทึ้งออกไปอย่างรวดเร็ว  ร่างหนากดร่างบางให้เลื่อนไถลไปบนกล้ามเนื้อแข็ง ผิวเปลือยเปล่าเสียดสีกันจนร้อนฉ่าอย่างรวดเร็ว  ลอว์ลี่ไม่รู้ว่าเลิกขัดขืนตอนไหน  รู้แต่ว่าหัวหมุนไปหมดจนต้องหวีดลั่นเมื่อปากร้อนผ่าวครอบครองเขาไว้และขยับเลื่อนอย่างชำนาญ ร่างบางบิดเร่าและครวญครางไม่หยุด  จนกระทั่งความเสียวกระสันพุ่งถึงจุดสูงสุด  ลอว์ลี่หยัดเกร็งขึ้นทั้งตัวและรู้สึกใจจะขาดเมื่อเดนเซลดูดแรงจนถึงที่สุดติดๆกันอีกครั้ง  ไอร้อนในตัวเขาถูกกลืนหายไปในโพลงปากร้อนผ่าว 
ลอว์ลี่แทบหลับด้วยความอ่อนเปลี้ย  หากช่องทางแคบไม่ถูกรุกรานจนต้องยกสะโพกหนีเพราะทนความเสียวกระสันไม่ไหว  มือกร้านบีบเคล้นสะโพกนุ่มและตรึงไว้จนขยับหนีไม่ได้  ทางแคบบีบรัดรุนแรงเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้ไปภายใน  ลอว์ลี่ร้องลั่น สะโพกขยับไม่ได้แต่ความเสียวซ่านก็ทำให้เขาทนอยู่เฉยๆไม่ได้เช่นกัน         
“มาเถอะ…เดนเซล…มาเถอะ” ลอว์ลี่ได้ยินตัวเองเรียกร้องอย่างน่าขายหน้า แต่ปลายเท้าเขากลับแยกกว้างเพื่อรับร่างหนา         
“อา…ฮ้า…”ลอว์ลี่ครวญครางอย่างสาสมใจเมื่อความกำยำขยับลึกเข้ามา  ทั้งที่เจ็บแทบขาดใจแต่ความเสียวซ่านก็ทำให้เด็กหนุ่มเปิดรับอย่างเต็มใจ  ลอว์ลี่เหนี่ยวรั้งสะโพกหนาอย่างลืมตัว  ขาเรียวโอบรัดเอวแข็งแน่น  ขณะที่สะโพกร่อนรับทุกแรงกระทั้นอย่างเร่าร้อน 
เดนเซลครางอย่างเหลืออด  ความปรารถนาของลอว์ลี่กระตุ้นให้เลือดเขาร้อนฉ่าจนขาดความเหนี่ยวรั้ง ร่างหนาโหมเข้าใส่ร่างเล็กรุนแรง  เสียงครางประสานกันลั่นห้อง  แรงปะทะกระชั้นถี่ขึ้นทุกที  ในที่สุดลอว์ลี่ก็ร้องเรียกชายหนุ่มเสียงกระเส่าปลดปล่อยไอร้อนออกมาอย่างรุนแรง  ก่อนที่ร่างหนาจะครางระโหยแล้วปล่อยไอร้อนเข้าไปในร่างบางจนทะลักล้นออกมาภายนอก  สองร่างเกร็งค้างอยู่ท่านั้นครู่หนึ่งจึงค่อยฟุบลงกอดรัดกันแนบแน่น
ลอว์ลี่หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย  ทั้งสุขทั้งเหนื่อยจนเหมือนใจจะขาด  อ้อมแขนกำยำโอบรัดแน่นหนา เช่นเดียวกับความเสียดร้อนที่ยังแทรกลึกไม่ได้ถอดถอนออกไป  เหงื่ออาบร่างทั้งคู่เป็นมันวับภายใต้แสงแดดยามบ่าย...
         ..................................

   เจอร์รี่ลงจากรถด้วยสีหน้าไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร  คำพูดของปีเตอร์รบกวนใจจนไม่หมดอารมณ์เที่ยวและยิ่งเซ็งมากขึ้นเพราะผู้ร่วมขบวนทัวร์คนหนึ่งเกิดแพ้แดดอย่างรุนแรง แต่ดันตามสามีมาด้วยความที่กลัวสามีจะพาอีหนูมาเที่ยวเลยได้เรื่อง
ยังดีที่เป็นในช่วงเที่ยวในเมือง  ยังไม่ได้ไปเที่ยวในทะเลทราย  ไม่อย่างนั้นอาจตายได้ง่ายๆ  แทนที่จะได้เที่ยวกลายเป็นต้องโกลาหลพาคุณนายขี้หึงไปหาหมอ 
   “เป็นอะไรไปหน้าบึ้งเชียว?”
“เซ็งจะตายอยู่แล้ว”
“ทำไม...ก็เห็นเมื่อเช้ายังกระตือรือร้นจะเที่ยวอยู่เลย”
“แล้วได้เที่ยวไหม  ดูสิเพราะยัยป้าขี้หึงนั่นคนเดียว เลยไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์เลย”
“ก็เห็นเขาพาไปช้อปปิงสนุกกันใหญ่”
“แต่ฉันไม่สนุกนี่...ฉันอยากเที่ยว...อยากรู้ประวัติศาสตร์...อยากรู้จักฟาโรห์ ฉันถึงต้องถ่อมานี่  ถ้าจะช้อปปิ้งฉันนอนตีพุงอยู่นิวยอร์กแล้วสั่งของทางอินเตอร์เน็ต เอาก็ได้”
“น่า...ไว้พรุ่งนี้นายก็จะได้ไปตะลุยทะเลทรายแล้ว  ฉันไปหาลอว์ลี่ดีกว่า  ไม่รู้ป่านนี้ด่าฉันจนเป็นลมตายไปแล้วหรือยัง”
“ถ้าลอว์ลี่รู้ว่าเราไม่ได้เที่ยวไหนเอาแต่ไปเดินลากขากันอยู่ในย่านชอปปิ้ง คงหัวเราะฟันโยกแน่” 
“อ้าว!แล้วนั่นจะไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอ?”
“ไม่เอา...ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว  ขอพักตรงนี้ดีกว่า  นายขึ้นไปคนเดียวแล้วกัน”
“งั้นเดี๋ยวฉันมา”
พอปีเตอร์ลับหลังไป  พนักงานต้อนรับสาวก็เดินเข้ามาเมียงมองใกล้ๆ
“คุณมอล์เล่ย์หรือเปล่าคะ?”
“ครับ”
“มีจดหมายถึงคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
‘ลอว์ลี่ย้ายไปอยู่กับฉัน  ถ้าตกลงกันได้  อีกไม่กี่วันเราจะแต่งงานกัน  ถ้าไม่ได้ฉันจะพาเขาหนีสัก2-3เดือนจนกว่าเขาจะใจอ่อนยอมแต่งงานด้วย...เดนเซล’
เจอร์รี่กระพริบตาถี่ๆ  นั่งงงอยู่นานก่อนจะอ่านจดหมายทวนอีกรอบ  ยังไม่ทันไรปีเตอร์ก็วิ่งตาเหลือกออกมาจากลิฟต์
“แย่แล้วเจอร์รี่  ลอว์ลี่คงโกรธเรามาก  เขาหนีไปแล้ว เสื้อผ้าข้าวของก็เก็บไปหมดเลย”
เจอร์รี่ไหวไหล่ก่อนจะส่งจดหมายให้  ปีเตอร์รับมาอ่านแล้วมองหน้าเจอร์รี่งงๆ
“นี่มันอะไรกัน...แล้วนายเดนเซลนี่ใคร?”
“คนที่ทำให้ลอว์ลี่อกหักซึมเป็นปี เป็นลูกหลานตระกูลแฮมิลตัน  และอนาคตคือว่าที่สามี๊...ของลอว์ลี่” เจอร์รี่สรุปทุกอย่างสั้นๆตามที่เข้าใจ
“เอ่อ...แล้ว...งั้น...ไงละหว่า”
“ช่างเถอะ  เรามาเที่ยวก็เที่ยว  เรื่องหัวใจใครคนนั้นก็แก้เอาเอง”
“แล้วพรุ่งนี้?”
“ไปตะลุยทะเลทรายกัน  ถือซะว่าเที่ยวเผื่อลอว์ลี่ด้วย  อีกหน่อยแต่งงานแล้วเขาคงอ้อนให้สามีพามาฮันนีมูนที่นี่เองแหละ”
      ..................................

   ลมทะเลกับลมจากท้องทุ่งกว้างต่างกันแค่ไม่มีกลิ่นไอเค็มเท่านั้น  แรงลมที่ปะทะจนแทบเซทำให้ลอว์ลี่เร่งม้าให้เร็วขึ้นอีก  เมื่อขึ้นมาถึงจุดสูงสุดบนยอดเนิน  เด็กหนุ่มก็รั้งบังเหียนหนักๆ  แม้ม้าที่ขี่มาจะยกขาหน้าชูขึ้นด้วยความพยศเล็กน้อยแต่ลอว์ลี่ก็ยังประคองตัวอยู่ได้  เด็กหนุ่มโดดลงจากหลังม้าและปล่อยให้มันเดินเล็มหญ้าไป 
   “ทำอะไรอยู่ครับ?” ลอว์ลี่ตะโกนถามขณะเดินลุยหญ้าสูงเกือบถึงเอวไปหา  เดนเซลนอนหนุนแขนมองท้องฟ้ากว้างโล่งอย่างตั้งอกตั้งใจ
“มานี่มา...ฉันมีอะไรให้ดู”
ลอว์ลี่เดินไปทรุดลงนั่งข้างๆ  แต่เดนเซลรั้งร่างบางให้นอนหนุนไหล่  เต็มตื้นกับการมีคนรักมานอนเคียง  3ปีกว่าที่เขากับลอว์ลี่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมีทั้งเรื่องดีๆและขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย  เพราะการใช้ชีวิตคู่ย่อมต้องมีความขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา  แต่ทุกครั้งที่โมโห เดนเซลจะหวนนึกถึงวันที่เขาอยู่ตามลำพังโดยไม่มีลอว์ลี่  มันน่ากลัวจนเขาต้องพยายามปรับตัวเพื่อประคับประคองชีวิตคู่เอาไว้
“สวยไหม?”
“อะไรครับ?”
“ท้องฟ้าวันนี้ไง...สวยไหม?”
“สวยครับ  ให้คนไปตามผมมาดูท้องฟ้าด้วยกันเหรอครับ?” 
“เปล่า...แค่ชวนมา...”
ลอว์ลี่ไม่ทันตั้งหลักเมื่อจู่ๆอกอุ่นที่เขาหนุนจะพลิกตัวเขาลงเบื้องล่าง  ปากร้อนลากจุมพิตไปทั่วซอกคอ  แต่มือกลับเลื้อยปราดลงไปลูบไล้เบื้องล่างผ่านกางเกงขี่ม้าหนักๆ
“เดนเซล! อย่านะครับ...อื้ม...อา...”
“ไหนว่าอย่า...เธอกระตือรือร้นออก” เดนเซลแซวขำๆ  ปากก็ห้ามอยู่หรอก  แต่สะโพกบางกลับยกไหวระริกรับมือเขาไม่หยุด  ที่สำคัญมือเล็กยังดึงทึ้งชายเสื้อเขาออกจากกางเกงอีกต่างหาก
“ก็คุณน่ะ...อือ...ให้ผม...ตั้งตัวหน่อยสิครับ...เดนเซล...”
“ยากที่รัก  เพราะฉันตั้งใจไว้แล้ว...ว่าจะหลอกเธอมาข่มขืนตรงนี้”
“เอาจริงเหรอ...คิก...นี่อย่านะ...แขกออกเต็มบ้าน  แต่คุณดันมานอนอยู่นี่”
ลอว์ลี่หัวเราะคิกดิ้นหนี  แต่เดนเซลก็ดึงกางเกงขี่ม้าออกจากสะโพกบางจนได้  เด็กหนุ่มถอยออกห่างแต่ยิ้มยั่วหวานระยับ
“ก็แขกเต็มบ้านนะสิ  ฉันถึงต้องหาทางชวนเธอออกมาจู๋จี๋กันข้างนอก”
เดนเซลลากข้อเท้าที่ยังมีกางเกงขี่ม้าพันอยู่ไถลขึ้นมาบนตัก  ปากร้อนซุกไซร้ทรวงอกขาวที่ตอนนี้กระดุมถูกปลดโชว์ยอดสีสดอะร้าอร่าม  มือร้อนกอบกุมเนื้อตึงนุ่มไว้เต็มมือ 
“คุณเป็นเจ้าบ้าน...อืม...ที่แย่...มาก...” ลอว์ลี่เริ่มหอบ  มือเล็กสอดเข้าไปปลดปล่อยเดนเซลเช่นกัน  ไม่นานเสียงลมหายใจก็หอบกระชั้นเมื่อต่างลูบไล้และปรนเปรอกันไม่หยุด
“แต่ฉันกำลังทำหน้าที่สามีที่ดีนะ...อา...ดีจริงๆ…” เดนเซลครางกระหึ่มเมื่อฝากฝังกายเข้าไปในทางแคบได้สุดตัว  เสียงลอว์ลี่ครางหงิงขณะที่เขาเริ่มโยกสะโพกไปมาช้าๆ
“เร็วเข้าเถอะครับ....ผม...อยากกลับไป....ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีด้วย...อ๊ะ...”
ลอว์ลี่ร้องอุทานเบาๆอย่างสุขสมเมื่อเดนเซลรั้งร่างบางขึ้นนั่งบนตัก  รองเท้าบู๊ตจิกหญ้าด้านหลังเดนเซลแน่นเพื่อเป็นหลักขณะที่สะโพกบางเริ่มโบกโบยตามอารมณ์  เสียงครางหายไปเมื่อลอว์ลี่ยัดเยียดลิ้นเข้าไปในปากเดนเซล  ได้ลิ้มรสความกระหายผ่านลิ้นร้อน  แขนเรียวโอบรัดรอบไหล่หนาแน่นเพื่อประคองตัว  ขณะที่มืออุ่นก็ช่วยเหนี่ยวรั้งเอวบางให้เร่งกระชั้นได้ตามใจ
เสียงเนื้อปะทะกันระรัวก่อนที่ลอว์ลี่จะครางเสียงหลงแล้วเกร็งขึ้นทั้งตัว  เดนเซลกัดกรามกรอดๆ  เส้นเลือดที่คอปูดโปนเมื่อเขากระชากเอวบางถี่ยิบก่อนจะพ่นทุกหยดหยาดเข้าไปในทางแคบจนหมดตัว  ลอว์ลี่ซบหน้ากับไหล่หนาอย่างเหนื่อยอ่อน  แต่ก็ยังไม่วายขยับบีบรัดเนื้อร้อนๆที่แทรกอยู่ในกาย
“ยั่วกันเหรอที่รัก...”
“เปล่า...สักหน่อย...ผมแค่โปรดปรานช่วงเวลาคุณอยู่ในตัวผมเท่านั้นเอง”
เดนเซลคว้าคางแหลมไว้ขณะฉกลิ้นเข้าไปในปากนุ่ม  เสียงลอว์ลี่ครางเบาๆ ยิ่งเขาดูดดื่มลิ้นนุ่มหนักแค่ไหน  กล้ามเนื้ออุ่นก็บีบรัดเขาแรงขึ้นเท่านั้น
“เฮ้!นี่เจ้าของบ้าน...จะจู๋จี๋กันอีกนานไหม  แขกหิ้วท้องรอจนจะเป็นลมกันหมดแล้ว” ริชตะโกนแซวอยู่ไกลๆ  ถึงหญ้าจะสูงจนบังทั้งคู่ไว้  แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของบ้านกำลังติดธุระสำคัญ
“ไอ้บ้าริช! อยากตายหรือไงถึงโผล่มาตอนนี้”
“เพราะไม่อยากตายนะสิถึงต้องมาเร่งพวกแก  รีบๆเข้าหน่อยเถอะ  หิวจะตายอยู่แล้ว  แกอิ่มอยู่คนเดียวนี่หวา”
เดนเซลชูกำปั้นหลาขณะที่ลอว์ลี่หัวเราะคิก  ริชควบม้ากลับไปทันทีหลังจากโวยวายจบ
“เรากลับกันเถอะครับ  แขกหิวกันใหญ่แล้ว”
“ช่างหัวมัน  มาต่อให้จบกันดีกว่า...อากาศเป็นใจอย่างนี้ไม่ใช่มีทุกวันสักหน่อย” 
ลอว์ลี่ทำตาโต  พยายามจะอุทธรณ์   ไม่นานเสียงต่อต้านก็กลายเป็นกระซิบเร่งระริกระรัวตราบจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป
         ..................................


ไว้เจอกันเรื่องหน้านะคะ  :bye2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-09-2009 00:11:23
จบแบบมีความสุข แต่ก็ลุ้นก่อนจบว่าจะลงเอยยังไง
แถมตอนพิเศษที่ทำให้เข้าใจลอว์ลี่มากขึ้น
รอเรื่องต่อไปนะคะ
ขอบคุณคนแต่ง และคนโพสต์มากๆค่ะ
บวกอีก 1 แต้มนะค  :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 23-09-2009 00:37:06
จบไปอย่าง happy ending

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ทั้งคุณใบปอ และคุณผู้โพสนะครับ ( tianqin )

ยังไงจะเป็นกำลังใจในเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 23-09-2009 18:08:14
อยากอ่านเรื่องกำแพงหัวใจที่คุณใบปอแต่ง

ถ้าขอเอามาโพสต์ได้
จะดีมากๆๆๆๆเลยจ๊ะ
 :call:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-09-2009 19:55:34
จบแล้วเย้ๆๆๆ   :-[ :-[ ได้อ่านตอนพิเศษด้วย  :z2: :z2:

เรื่องนี้ทำให้เราติดใจตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่อง บรรยายได้เยี่ยมจริงๆ แต่พอเข้าบทนิยายกลับลดบรรยากาศตอนนั้นลงอย่างน่าเสียดาย

แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่น่าพอใจ  โดยรวมแล้วชอบเรื่องนี้ค่ะ  o13

จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ 

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-09-2009 09:54:21
แอบเสียดายนิดหนึ่งเหมือน part จะจบมันดูรวบรัดมากเกินไป เหมือนอย่างที่คุณ THIP บอกไว้เลย
อารมณ์เหมือนมันยังไม่ค่อยอิ่ม แต่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ก็ดีแล้ว เรามีความสุข  :m1:

ขอบคุณคุณใบปอ กับคุณ tianqin ด้วยนะคะ สำหรับเรื่องสนุกๆๆ

รอเรื่องต่อไปนะ

ปล. ชอบตอนพิเศษอะ อ่านแล้วเพิ่งเข้าใจลอร์ลี่ แอบใส่ร้ายไปด้วยนะเนี่ย  :m23:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-09-2009 10:25:01
สนุกมากๆเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-09-2009 13:58:29
 :pig4: สนุกดีค่ะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
อย่างอ่านเรื่องของกายเหมือนกัน :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: archi_10_001 ที่ 28-09-2009 13:56:03
ว้าวววว เรื่องนี้....ไม่คิดว่าจะได้อ่านใน อินเตอร์เน็ต ฮุๆ....

เคยอ่านแต่เรื่อง เท็ด-กาย เจ้าค่ะ สำหรับเรื่องนี้ได้อ่านจากที่คุณ "ใบบอ" รวมเล่ม

สนุกมาก เครียดมาก เหมือนจะมี 3 เล่มนะเจ้าคะ สนุกทุกเล่มเลย

ขอบคุณมากเจ้าค่ะ

อ่านกี่รอบก็สนุก  :m25: :m25: :m25: :m25:

เลือดพุ่งทุกรอบ ฮุๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: the_pooh9 ที่ 28-09-2009 23:17:41
 :jul1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-09-2009 12:17:38
ไหนบอกว่า จะมาต่อคู่เท็ด กับ กาย ไงค่ะ หายไปเลย อย่าลืมแวะมาต่อนะ เรารออยู่  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 22-11-2009 12:29:16


เจออีกเรื่องของคุณใบปอแล้ว


เย้ๆ ดีใจ  มาเม้นก่อนอ่านค่ะ

 :z2:

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 22-11-2009 21:01:16
สนุกมากๆเลยค่ะ

ตอนแรกก็คาใจในเรื่องของลอว์รี่ แต่ก็มาเฉลยในตอนพิเศษนี่เอง

แต่ว่า..ตัวละครแอบเยอะไปนิด  อ่านแล้วมึนๆเล็ก  แต่็สนุกค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 23-11-2009 11:28:15


จะมีเรื่องที่ 3 ให้อ่านไหมน้อ


รอๆ ต่อไป

 :z2:

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 24-11-2009 17:52:23
ขอบคุณครับ เรื่องสนุกมากเลยถึงแม้ชื่อตัวละครจะดูแปลกไปบ้างแต่ก็ไม่ทำให้ลดความสนุกไปได้  ขอบคุณคุณใบปอและคุณtianqin ด้วยที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปันกันครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: fin_never ที่ 10-12-2009 18:56:58
รอเรื่องที่ สาม นะค่ะ อยากรู้จัง

ว่าใคร กับ ใคร รออยู่นะค่ะ

ชอบจัง ขอบคุณค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 19-12-2009 18:37:01
ตามมาจากเรื่องโน้นค่ะ สนุกดีจัง ขอเก็บก่อนแล้วค่อยอ่าน เห็นน้อยหน้าแต่เรื่องยาวใช้ได้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 24-12-2009 13:27:25
สนุกมากเลยค่ะ  o13

ชีวิตรักราเชลก็ช่างรันทดหดหู่  กว่าจะรักกกันได้ คนอ่านจะขาดใจตาย  เจ็บปวดไปหมด   :o12:

แต่เราชอบตอนพิเศษจังเลยค่ะ  บีบคั้นได้ใจเหลือเกิน  ชอบเดนเซลจัง  โหดดีเหลือเกิ๊น 55
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 25-12-2009 21:07:03
น่ารัก ราเชลเหมือนเด็กเล็กๆ เลย
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: va_yu ที่ 11-01-2010 19:44:46
สนุกมากเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 14-01-2010 23:49:14
อ่า.. ที่ทำเป็นหนังสือใช่ไหมนะ??   :confuse:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-01-2010 03:31:53
 :m1: สนุกดีค่ะ  ช่วงแรกก็สงสารราเชล หลังๆเริ่มสงสารริช 555

อ่านไปอินไป กว่าจะจบก็หลายชั่วโมงเหมือนกันนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 27-01-2010 17:49:57
อ่านจบแล้ว อ๊ากกกกเกลียดริชมากๆ
ถึงมันจะดีตอนหลัง แต่ก็เกลียดมันอยู่ดี
ราเชลนี่โดนเยอะจริงๆ ตั้งแต่เด็กยันวัยรุ่นมีสามีก็ไม่เว้น

ขอบคุณคุณเทียนฉินกับคุณใบปอมากๆ เลย
เรื่องนี้สนุก เดี๋ยวตามไปอ่านอีกเรื่องต่อทันที!
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: chatkub ที่ 28-01-2010 15:06:38
ในที่สุดก็อ่านจนจบซะที

อ่านนานมากๆ 10 กว่าๆ ชม

ตอนแรกเห็นแค่ 7หน้า คิดว่าอ่านแปปก็จบ

ที่ไหนได้ อ่านตั้งแต่21.00-06.00

แถมมาต่อกลางวันอีก

อยากนอนก็นอนไม่ได้

เรื่องนี้สนุกจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 23-03-2010 17:01:29
อ่านครบ  3  เรื่องแล้ว....มันส์มากค่ะ...

ลุ้นทุกตอน...ทุกคู่....ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีที่มีมาหั้ยค่ะ...

ฟิ้วววววววว....ปัยแล้ว
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 12-04-2010 10:43:16
สนุกมากมายย อ่านจนตาแห้งกันเลยทีเดียว
ยาวได้ใจ เหอๆ ชอบทุกคู่เลยค่ะ เนื้อเรื่องก็สนุกดี
อิอิ ตามไปอ่านเรื่องต่อไป ขอบคุณทั้งไรเตอร์และคนโพสท์นะคะ
สำหรับนิยายดีๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ :)
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 26-04-2010 10:11:29
ขอบคุณนะคะ ทั้งคุฯ ใบปอ คนเเต่งเเละคุณ เทียรฉิน คนโพสต์  สงสารราเชล เเต่ตอนท้ายจบเเฮปปี้ก็ดีอะ เเต่กว่าริชจะเป็นคนดีขนาดนี้ 55++เเทบลากเลือด น่ารักเเอบมีคู่อื่นๆมาเเจมด้วย  ชอบมากเลยค่ะ ซีนอารมณ์ก็สุดๆ ฉากหวานก็เกินคำบรรยาย จะติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 21:42:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

สนุกมาก

ปวดตาไปหมดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 17-05-2010 09:05:11
 :L2: :L2: :L2:

ขอบคุณคนแต่ง + คนโพสค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: Dorumi ที่ 04-06-2010 09:48:10
มาราทอนมากเลยอ่านนิยายเรื่องนี้ ตั้งแต่3ทุ่มถึง10โมง
ง่วงแต่ไม่นอนเพราะรู้ว่าถ้าอ่านไม่จบนอนไม่หลับแน่ๆเลย
ครบทุกรสมากมายก่ายกองเลย เป็นนิยายที่ดีมากๆจริงๆ
ต้องไปตามอ่านเรื่องต่อไปของคุณใบปอซะแล้ว
ขอบคุณคนโพสด้วยนะค่ะ นิยายสนุกดีจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: minimint ที่ 21-06-2010 19:29:51
กรี๊ดดดดด....ตามอ่านตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังอ่านไม่จบนะคะ ข้ามๆบ้างไรบ้าง
แต่สนุกมากกกกกก อยากได้หนังสือเก็บมั่งจัง พี่เค้าวางที่ร้านไหนเปล่าค้าาา :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 30-06-2010 10:30:48
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ขอบคุณที่เอานิยายสนุกๆมาให้อ่านค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: barbieBot ที่ 04-09-2010 16:22:30
โอ้ย สนุกอ่ะ อ่าเรื่องของคุณใบปอจบไปสองแระ กำลังจะไปตามหาอ่านที่เหลืออีก ชอบมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 04-09-2010 20:14:33
อ่านแล้วสนุกมากเลยค่ะ เคยอ่านคู่ของกายไปแล้ว ก็เจอคู่ของริชพอดี
ต่อไปจะเป็นคู่ของใครเนี่ย ต้องรีบตามไปอ่าน
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ" จบแล้ว+ตอนพิเศษคะ Up วันที่ 22/09/09
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 05-09-2010 00:40:24
สนุกมากเลย
ครบทุกรสชาติ จริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-09-2010 13:57:18
อ่านมันทั้งคืนอีกแล้ว
สนุกจนเลิกอ่านไม่ได้ อ่านจบตอนเกือบสว่าง
แล้วเว้นมาอ่านตอนพิเศษอีกที
อ่านคู่เท็ด-กาย ริช-ราเชล เหลืออีกคู่ใช่ป่ะคะ
ต้องไปตามอ่านซะแล้ว
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวๆสนุกๆที่ทำให้หยุดอ่านไม่ได้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 03-10-2010 04:02:38
 o13 o13 o13

สนุกมากๆค่ะ เป็นเรื่องยาวอีกเรื่องที่น่าติดตามมากๆ

รู้สึก นายเอกของซีรี่ส์นี้จะอึดกันทุกคน

จากรักวัยเรียน ใสๆ กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่น่าติดตาม มากๆเลยค่ะ

สู้ๆต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 03-10-2010 11:20:35
อ่านอย่างเมามัน จริงๆนะครับ
อ่านๆๆๆๆและอ่าน
เพราะสนุกมาก
 :กอด1:
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: woodoo ที่ 17-10-2010 03:50:55
ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบบ



ชอบ นิยาย   ของคุณใบปอ ที่สุดเลยคร้าบบบบ



จะรอตามเรื่องหน้าคร้าบบบบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 18-10-2010 01:20:23
รู้สึกว่านายเอกในเรื่องนี้

จะรันทดหมดทุกคนเลยนะ

สงสารราเชลมากอ่า เป็นเบ้า

แต่สุดท้ายกอ้ชอบแบบ  happy ending

แต่ว่ามีไนท์ กับ แจ๊ค เกี่ยวด้วยหรอ ชอบอ่า

จะติดตามผลงานของท่านพี่ใบปอทุกเรื่องเลยนะคราบ

มีผลงานอื่นๆก้อแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ

แล้วกระผมจะรีบติตตาม

รั
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 23-10-2010 10:59:19
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ชีวิต......มาม่ามากมาย

แต่ดีแล้วที่ราเชลกลับมาได้อ่ะ

ตอนแรก เกลียดลอร์รี่มากๆ แต่พอเจอเดนเซลข่มขืนโดยไม่ถึงซักครั้งไป4เดือน   เอิ่ม  เค้าให้อภัย
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 23-10-2010 11:50:13
แวะมาอ่านขอรับ
+ 1 จัดไปโลด :a9:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 30-12-2010 18:45:55
"ปฐมบท"
โอยยยย แค่เจอปฐมบทเข้าไปก็ชักกลัวไม่กล้าจะอ่านต่อแล้วสิเนี่ย
เอลล่าไปทำกรรมอะไรมานักหนาถึงได้โดนทำแบบนั้น
ราเชลก็น่าสงสาร เด็กอายุแค่5ขวบแต่กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เด็ก
แล้วจะทำไงต่อไปละเนี่ย จะมีใครมาช่วยมั้ย น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 30-12-2010 20:51:20
โอ้ ยาวมาก รู้สึกว่าจะเพิ่งอ่านไปถึง 1.4 ยังไม่จบด้วยมั้ง
อ่านตอน ปฐมบท ไปก็คิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่เจออะไรเลยแฮะ
หรือเรายังอ่านไม่ถึงหว่าาา แต่บางช่วงอ่านดูก็เหมือนจะมีอะไรนะ แต่ก็ตัดตอนไปที่อื่นเลย
เลยงงๆว่าสรุปมันจะมีอะไรรึเปล่า ตอนแีีีรกก็ดูราเชลไม่คิดอะไรนะแต่ไหงไปๆมาๆกลับชอบเค้าซะงั้น
แล้วตอนที่เป็นครั้งแรกนึกว่าหลังจากนั้นจะเจอกับคุณย่าซะอีกแต่ก็ตัดมาเลย
คงจะอยู่บ้านริชจนหายแล้วค่อยกลับสินะ แล้วตอนนี้กายก็หายไปเลยแฮะ โดนลืมซะแล้ว ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 02-05-2011 05:30:36
สนุกมากค่ะ เปิดเรื่องมาก็ระทึกเลย
แล้วก็น่าติดตามทุกบรรทัดจริงๆ
ดาร์คมาก  โรแมนติคมาก  อิอิ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 08-05-2011 18:06:59
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด  เรื่องนี้  สนุก เนื้อเรื่องดี และหื่นได้ใจมากเลยค่ะ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุก ๆ มาให้อ่านนะคะ ติดตามเรื่องอื่นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: jincool ที่ 25-05-2011 12:34:58
ขึ้นชื่อว่าของคุณใบปอ  ไม่เคยที่จะทำให้ผิดหวังเลยค่ะ

เนี้ยกำลังจะตามไปอ่านอีกเรื่องหนึ่ง 

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ และดีดีเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 29-05-2011 13:34:07
กว่าจะhappyราเชนท์เจอมาหลายเรื่องมากๆสงสารราเชนท์มากๆ

ดีทีไม่เป็นอะไร เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 06-08-2011 15:42:46
ตามมา จากเล่ห์รัก
ให้คะแนนไม่ถูกเลย ระหว่าง เท็ด กับ ริช เพราะทุ่มเททั้งคู่้
แต่คิดไปคิดมา เท็ด ได้คะแนนนำไปนิดหน่อย
สนุกมาก ๆๆๆ ขอบคุณค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 06-08-2011 18:26:47
สนุกมากกกกกกกกก 
ชอบนิยายใบปอทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: PAAPAENG~ ที่ 09-08-2011 22:35:15
เรื่องราวความรักของริชและราเชลเป็นอย่างนี้นี่เอง
สงสารราเชล  สงสารมากเลยค่ะ   :sad12:

แต่ึความรักของริชยิ่งใหญ่มากมายจริงๆ
ในที่สุดก็ทำให้ราเชลกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกครั้ง
อิจฉาาาาาาา  ฮ่าๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  รอเรื่องต่อไปค่ะ   :music:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 12-08-2011 22:41:44
ครบทุกรสชาด

สรุปตอนจบของ กาย เท็ด ด้วย
ทั้งเกลียด ทั้งรัก ริสเลย

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

อดีต     คือ เรื่องที่น่าจดจำ และไม่ควรจดจำ
ปัจุบัน   คือ ผลผวงของอดีต
อนาคต คือ สิ่งที่ยังไม่อาจคาดเดา
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 13-08-2011 10:34:25
เรื่องนี้สนุกครบรสจริงๆ

มาตามอ่านนิยายของคุณใบปออยู่ค่ะ

จะอ่านให้ครบทุกเรื่องเลย สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 08-11-2011 10:00:56
แวะมาจองไว้ก่อน เดี๋ยวอ่านกำแพงหัวใจจบ แล้วจิกลับมา่อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 04-03-2012 01:30:31
ไปอ่านต่ออีกเรื่องดีก่า คิกๆ   :z2:  o13
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: jujill8 ที่ 22-04-2012 22:13:39
ขอบคุณคร่า ^^
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 25-05-2012 15:35:57
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุก ๆ มาให้อ่านนะคะ ติดตามเรื่องอื่นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 27-05-2012 14:13:00
ขอบคุณค่ะ ราเชลน่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 31-05-2012 03:33:07
ครบทุกรสชาติจริงๆคะ กับเรื่องนี้ ขอบคุณคนเขียน กับ คนโพส ด้วยนะค๊า :impress3:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 31-05-2012 18:28:04
คุณใบปอแต่งได้หนุกมากเลยค่ะ  :mc4:

แต่อยากได้แนวฮาเฮบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: ott1212 ที่ 24-06-2012 15:51:59
 o13................ขอบคุณคนลงเรื่องมาก....

และขอบคุณคุณใบปอที่ใจดีอนุญาตให้มาแบ่งปัน :3123:
เรื่องเขียนได้น่าอ่านมาก สนุกน่าติดตาม....

แต่ก็มีบางช่วงที่รู้สึกเหมือนเรื่องขาดตอน...

อย่างช่วงที่ค่อยๆ...ฟื้นความทรงจำ....

แล้วทำไมตอนถัดมา..เหมือนจำได้ทุกเรื่อง

เรื่องในอดีตก็จำได้...ก็เลยค่อนข้างสงสัย...

ว่าจำได้ตอนไหน.......แต่นั่นก็แค่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความสงสัย

ภาพรวมสนุกมาก.......อ่านจนต้องอ่านให้จบให้ได้..... :man1:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 12-08-2012 14:53:29
ตามมาอ่า่นค่า
สนุกมาก~
 o13
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: houkuto ที่ 16-12-2012 20:09:49
เริ่มแรก ต้องขอบคุณ คนแต่งก่อน สนุกมากกก แม้เราจะช้ามากที่ได้อ่านเรื่องนี้ในตอนนี้

ขอบคุณ คนรีโพสด้วย หากไม่มีคุณ เราก็คงไม่มีโอกาส  ในซีรียส์ นี้เรามี เรื่องเล่ห์รักในครอบครอง

แต่เรื่องอื่นไม่มี หุหุหุ ชะตาที่จะให้ได้อ่านของดีช้า สนุกมากค่ะ อ่านแบบมาราธอนรวดเดียวจบเลย

ไม่มีคำอื่นใดนอกจาก สนุกมาก และ ขอบคุณอีกครั้งที่โพสให้ได้อ่านนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-04-2013 14:57:46
 :katai1: ลุ้นตัวโก่ง สนุกมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 23-04-2013 22:24:01
เย่ๆ ชอบเรื่องของคุณใบปอมากเลยค่ะ
สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 11-05-2013 21:51:36
ขอบคุณคนแต่งและคนโพส
นิยายสนุกค่ะตามมาจากเล่ห์รักกำลังจะไปหาท่าชีคนายเอกเรื่องต่อไปแล้วค่ะ

ชอบตอนพิเศษของทุกเรื่องเหมือนเข้ามาคลี่คลายคำตอบที่ค้างคา

อยากบอกว่าตอนพิเศษกระชับเข้าใจง่ายค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 13-05-2013 13:02:24
เรื่องนี้ก็สนุกค่ะ ริชสมัยวัยรุ่นนี่น่าตีมาก แกล้งราเชลและทำร้ายราเชลตลอด
วันที่ราเชลช็อคน่าสงสารมาก อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย คือตอนนั้นสภาพจิตใจของเจ้าตัวแย่มาก พูดไม่รู้เรื่อง เสื้อผ้ารองเท้ายังไม่ทันใส่ให้ดี มาเจอริชพูดจาร้ายๆใส่อีก แต่ริชเองก็ได้รับบทเรียนในเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว TwT การอยู่ดูแลคนรักที่ไม่มีการตอบสนองใดๆเลยเป็นเวลานานเชื่อว่านั่นคงเจ็บปวดมากสินะ แต่ก็เพราะความรักของทั้งคู่ทำให้ผ่านพ้นมาด้วยกัน คู่นี้ซึ้งมากจริงๆค่ะ ตอนอ่านเรื่องกำแพงใจหมั่นไส้ริชมากกกกกกกกกกกกกกกก ผู้ชายอะไร๊ เจ้าชู้!! ถึงจะรู้ว่ามีคนพิเศษอยู่แล้วก็ยังชอบไปเกาะแกะคนอื่น แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วริชไม่อยากให้ใครมาสนใจราเชลสินะ ดีใจที่ราเชลกลับเป็นปกติได้ ทุกอย่างก็เพราะริชจริงๆ
กำลังจะตามไปอ่านเรื่องเล่ห์รักอีกเรื่องค่ะ เรื่องนี้เราก็นั่งอ่านทั้งคืน ตื่นเช้ามาก็นั่งอ่านต่อเลย ชอบเว่อร์ 555555
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 13-05-2013 19:37:09
ชอบเรื่องนี้มากเลยคะ

แอบบอกว่ามีเสียน้ำตาด้วยตอนราเชลป่วยอะ :sad4:

สงสารมาก แต่ถ้าไม่ป่วยรีฟก็ไม่มีทางได้รู้หัวใจตัวเองหรอก

แอบมีให้ลุ้นตลอดเลย  o13  :bye2:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 13-05-2013 22:48:14
อ่านอีกรอบก็ชอบเรื่องนี้เหมือนเดิม
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-08-2013 18:58:06
อ่านจบแว้วววววววว  ตอนแรกมีแอบกลัวนะเนี่ย
ทำใจอยู่ตั้งนาน ดีนะ ว่ามีฉากน่ากลัวแค่นั้น
แรก ๆ รับ ริช ไม่ได้เลยนะเนี่ย นิสัยอ่ะ
แต่จบแฮปปี้ น่ารักค่ะ  ขอบคุณนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-08-2013 12:07:17
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
อ่านไปร้องไห้ไปหลายรอบมาก
แต่จบได้น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-09-2013 08:07:48
โอยสนุกมากเลย ซีรีส์นี้น่ารักซาบซึ้งทุกคู่เลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: miyuujung ที่ 11-11-2013 18:04:08
เฮ้ออ ในที่สุด ราเชลก็แฮปปี้ซักที ว่าชีวิตกายน่าสงสารแล้วนะ เจอราเชลเข้าไป รันทดไม่แพ้กันเลย ใครเจอแบบราเชลไม่เสียสติก็แปลกแล้ว ทั้งเรื่องครอบครัว ทั้งเรื่องริช โหยย ริชนี่ไม่ได้ครึ่งของเท็ดอ่ะ แต่คิดได้ตอนหลังก็โอเค ดีที่ยังไม่สาย ฟลอเรนกะหมอโจนาค่อดโชคดี ท้องทีได้ลูกแฝด 3เลย ท้องครั้งที่2ยังจะได้แฝดอีก ถ้าท้องครั้งที่3อีกคงตั้งทีมฟุตบอลได้เลย 555 ลอว์ลี่กะเดนเซลก็แอบดราม่านะ ถึงลอว์รี่จะน่าสงสารแต่ที่ทำกับราเชล เจอร์รี่ก็เกินไปอ่ะ ยิ่งราเชลนี่ 2 รอบเลยอ่ะ น่าจะคิดได้ตั้งแต่รอบแรกแระ ที่ไหนได้มีรอบสองอีก ราเชลเลยเสียสติไปเรย แต่ก็ถือว่าเป็นบทพิสูจน์สำหรับริชด้วยนั่นแหละนะ 

ตามมาจากเรื่อง เล่ห์รักค่ะ อ่านแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ เห็นว่าเหลืออีกเรื่องในซีรี่ย์ set นี้ จะตามไปอ่านให้ครบเลยค่ะ
ขอบคุณAnonymus{ใบปอ} สำหรับนิยายดีๆมากๆแบบนี้นะคะ
ขอบคุณคุณ tianqin สำหรับโพสต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 23-10-2014 18:34:53
 o13  สนุกมาเลยค่ะ  แต่ละตอนยาวมากๆๆ
อ่านจนตาแฉะเลย แหะๆ  ตามไปอ่านเรื่องเลห์รักต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 08-04-2015 00:37:09
ขอบคุณนะคะนิยายสนุกมาก   :pig4:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 29-06-2015 09:50:34
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมาก ><
ชอบคู่เดนเซลกะลอว์ลีย์อ่ะ
ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสต์นะคะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 02-07-2015 15:13:57
มาอ่านอีกรอบก็ยังติดใจ...
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 22-11-2015 23:59:58
 :impress3: สนุกมาก ๆ เลย ตามมาเรื่อย ๆ เปิดเรื่องได้สยองขวัญจริง ๆ  :a5: คิดว่าเรื่องในอดีตคงเป็นปมในใจของราเชลแน่ ๆ ต้องรออ่านต่อไป ยังอ่านไม่พ้นหน้าแรกเลยจ้ะ ตามเรื่องมาจากงานริวไผ่จนย้อนกลับมาอ่านผลงานอีกนามปากกานึง  :กอด1: และมันก้อสุดยอดจริง ๆ รอรีปริ้นท์รอบต่อไป  :bye2:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-11-2015 22:36:25
 o13 o13 o13 ยอดเยี่ยมมาก ๆ สำหรับเรื่องนี้อ่านจบแล้ว รักเลย รอรีปริ้นท์อีกรอบ  :กอด1: พออ่านจบแล้วจึงได้รู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้ชื่อว่า ถนนสายหัวใจ เพราะกว่าที่ริชกับราเชลจะเดินทางมาถึงจุดนี้ต้องผ่านหนทางที่ยากลำบากมากมายทั้งเลี้ยวผิด หลงทางผิด ออกนอกเส้นทางไปไกลจนต้องวนหาทางกลับ ถนนไม่ดีขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อมากมาย แต่ในที่สุดเพราะความรักทำให้ทั้งสองหาทางกลับถูกและมีคนรอบข้างที่ดี ๆ เช่นเท็ดคอยดูและช่วยเหลือโบกมือให้สัญญาณไฟจนทั้งคู่เข้าที่เข้าทางได้สำเร็จ งานนี้เท็ดคือฮีโร่จริง ๆ ไม่แปลกที่ท้ายสุดริชก้อทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้กายกับเท็ดเต็มที่ในภายหลัง  :impress3: แต่เสียดายว่าเนื้อหาไม่ได้บอกว่าสุดท้ายแล้วชาลีโดนจับหรือว่าโดนฆ่าหรือยังไง และเสียดายตรงที่ตอนพิเศษไม่ได้กล่าวถึงจิตใจของลอว์ลี่เท่าไหร่ว่าเหตุใดเขาถึงต้องทำแบบนั้น มีมูลเหตุจูงใจเช่นไร ถึงแม้คนอ่านจะพอเดาได้ถึงเหตุของการกระทำนั้นก้อตาม  :m16: และในที่สุดทุกคนก้อสมหวังกันแบบน่ารักกันทุกคน  :กอด1: ตามไปอ่านเรื่องกำแพงหัวใจต่อ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-12-2015 00:08:45
ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-12-2015 15:45:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-12-2015 17:07:05
เริ่มอ่านเท็ดก่อน ต่อด้วยแจ๊ค แล้วก็มาเรื่องนี้
ขอบคุณใบปอ เขียนสนุกมากค่ะ
ริชกับราเชลทำให้เราเสึยน้ำตาไปหลายหยดเหมือนกัน ^^
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-05-2016 17:07:37
โฮกกกก จุใจมากมาย หึหึ  :pighaun:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 30-09-2016 03:04:58
สนุกมากกก อ่านรวดเดียวจบเลย ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-05-2017 10:37:20
เข้ามาอ่านอีกครั้ง
สงสารราเชลมากเช่นเดิม
อุปสรรคเยอะเหลือเกินกว่าจะจบด้วยดี ^^
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 07-10-2018 14:52:26
มาอ่านอีกรอบก็ยังน้้ำตาไหลให้ราเชลเหมือนเดิน และก็ยังจะอ่านอีกเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-10-2018 02:54:28
รอบนี้ภูมิต้านทานดีค่ะ อ่านแลัวไม่ค่อยมีน้ำตา ^^
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: lemonphug ที่ 23-04-2019 19:45:39
สนุกมากหมั่นไส้พระเอกมาก
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-11-2019 15:13:23
มาอ่านอีกรอบแล้วนะ ^^
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-06-2023 13:36:11
ม าอ่านอีกแล้วนะเรา ^^
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 06-03-2024 18:05:35
หมดเขตสมัคร  30  เมษายน  2567
ดีแทค  ระบบเติมเงิน  #ได้ทุกเบอร์
เน็ตไม่อั้น  (เน็ตอย่างเดียว)
เร็ว  12 Mbps(เม็ก)  ราคา  193  บาท  นาน  7  วัน
*104*841*8488034#
เร็ว  12 Mbps(เม็ก)  ราคา  482  บาท  นาน  30  วัน
*104*842*8488034#
#ไม่ลดความเร็ว  #ห้ามใช้โหลดบิท
ร้านสราวุธคอมพิวเตอร์  สตูล
สาขามะนัง 0826499917
ไลน์  sarawutcomputer
เปิดทุกวัน  09.00 – 20.00  น.
ท่านเต็มใจมา  ร้านฯ  เต็มใจบริการ
https://web.facebook.com/photo/?fbid=885661673572866&set=a.496909265781444 (https://web.facebook.com/photo/?fbid=885661673572866&set=a.496909265781444)
หัวข้อ: Re: ถนนสายหัวใจ บทประพันธ์ โดย "ใบปอ"
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 27-03-2024 20:25:37
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)