สวัสดีค่ะ เห็นหลายๆคนบ่นถึงคู่ใหม่ ได้ข่าวว่าคนเขียนบ้าจี้
เลยแอบปล่อยมาเรียกน้ำย่อยกันตอนแรก หวังว่าจะชอบกันนะคะ

***********************
ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆผมไม่รู้ตัวว่าไอ้เกี๊ยงมันเข้ามาเดินเล่นในใจผมตั้งแต่เมื่อไหร่ คืนแรกที่เราเจอกันแล้วผมพามันไปส่งบ้าน ระหว่างทางผมพยายามถามมันว่าบ้านอยู่ที่ไหนมันก็ตอบผมได้เพียง “ผมอยู่กรุงเทพฯ อะพี่ กรุงเทพ...มหานคร...อมรรัตนโกสินทร์.......”
ไม่ว่าผมจะถามมันกี่ครั้งมันก็แหกปากร้องเพลงให้ผมฟังทุกที จนผมแทบจะร้องตามมันได้ จะเอามืออุดปากมันไม่ให้ร้องก็ไม่สะดวกเพราะขับรถอยู่ สุดท้ายผมไม่อยากฟังเสียงแหบๆ ห่วยๆ ของมันอีกเลยต้องพามันมานอนที่บ้านผม
ถึงผมจะเป็นคนโสดใจดี แต่ผมก็ชอบความเป็นส่วนตัว ผมเลยทิ้งน้องเกี๊ยงไว้ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นทั้งอย่างนั้น แล้วปลีกตัวไปอาบน้ำ ในใจก็คิดถึงเรื่องของไอ้ฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่ารักของมันจะมีอุปสรรคอะไรนักหนา มันคงไม่ง่ายไม่ใช่แค่ว่าคนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะสวยงาม ชีวิตมันวุ่นวายกว่าที่เราคิดเพราะคนรอบข้างจริงๆ
นึกๆผมก็ดีใจปนเศร้า ที่คนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างผม คนที่ไม่มีพ่อแม่ น่าจะมีปัญหาน้อยที่สุด แต่ก็นะ...คราวที่ผมรักส้ม ก็มีปัญหาจากพ่อแม่ส้มอีก
“หรือว่ากูต้องไปคนรักที่กำพร้าดีวะ ไอ้หนุ่ยหนอไอ้หนุ่ย” ผมก็บ่นกับตัวเองไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงเรื่องความรักสำหรับผมมันเป็นเรื่องที่มาอันดับสุดท้ายเสมอ
ผมอาบน้ำเสร็จออกจะหิวสักหน่อยอยากหานมอุ่นๆดื่มสักแก้ว เลยลงมาข้างล่างเอานมอุ่นเข้าไมโครเวฟตั้งเวลาไว้แล้วแอบไปชะโงกดูน้องเกี๊ยงว่ามันนอนเรียบร้อยดีรึเปล่า
ภาพของหนุ่มน้อยรูปร่างสันทัด ผมตั้งโด่เด่ทรงเกาหลีตามสมัยนิยมแต่ไม่ยาวเกินไป นอนหลับคุดคู้อยู่บนโซฟาตัวโปรดของผม ดูน่าตลก “ขาสั้นนี่หว่า กูนอนขาเกินมาทุกที พอมึงนอนทำไมพอดีเลยวะ ไอ้เตี้ยเอ๊ย หึหึ”
เหมือนน้องเกี๊ยงมันจะรู้ว่าผมนินทามัน มันขยับพลิกตัวหันมาทางผมพอดี แล้วเคี้ยวปากไม่หยุด “มันเคี้ยวอะไรวะ จะนอนยังเคี้ยวหมากฝรั่งอีก เดี๋ยวได้ติดคอตายห่าพอดีกัน”
ผมนั่งลงกับพื้นชะโงกหน้ามาใกล้ๆใบหน้าน้องเกี๊ยง ผมลังเลอยู่สักพักก่อนจะเอามือทั้งสองข้างจับริมฝีปากไอ้เกี๊ยง “ปากแม่งแดงย้วยน่าจูบวะ เป็นสาวๆไม่รอดกูร๊อก”
ผมสะบัดหน้าแรงๆ “นี่กูบ้าไปแล้ว นี่มันปู้ชาย เฮ้อ” ผมเปิดปากมันอีกครั้งอยากจะรู้ว่ามันเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่รึเปล่า แต่ไอ้เกี๊ยงกลับเม้มปากแน่น
“ไอ้เตี้ย อ้าปากสิวะ เดี๋ยวเผลอกลืนหมากฝรั่งลงคอไปจะทำยังไง” น้องเกี๊ยงยังกลืนน้ำลาย ขยับปากจับๆ
ผมเอามือจับคางมันไว้ ขณะที่ผมคิดว่าผมอ้าปากมันได้แล้ว น้องเกี๊ยงก็ลืมตาขึ้นเหมือนผีหลอก “พี่ทำรายอ่า...”
ผมตกใจจนเกือบหงายหลังต้องเอามือดันตัวเองไว้ “ชิ...หาย...กูตกใจหมด”
น้องเกี๊ยงส่ายหน้าแล้วหลับตาต่อเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ผมถอนหายใจโล่งอก ก้มหน้าลงดูมันใกล้ๆอีกครั้ง ตอนนี้มันหยุดเคี้ยวแล้วครับ แต่ยังมีกลืนน้ำลายขยับปากอยู่บ้าง ใบหน้าของมันดูเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว คิ้วเรียวบางของมันรับกับดวงตายาวรีแบบคนเชื้อสายจีน ขนตาหนาเป็นแพ
“ ขนตามันดกอย่างกับขนหน้าแข้งมิน่าตาคมเชียวนะมึง” ผมแกล้งเขี่ยขนตามันเล่น น้องเกี๊ยงทำตายิบๆเหมือนรำคาญ ยกมือขึ้นมาสะบัดๆเหมือนไล่ยุง
ผมหัวเราะเบาๆ อย่างนึกขัน “หึหึ” คิดในใจว่าน่าเอ็นดูดีเว้ย
เสียงร้อง ‘ ตึ๊ง’ ของไมโครเวฟดังขึ้น ผมลุกขึ้นยืนมองน้องเกี๊ยงอีกครั้งก่อนจะลุกไปจัดการนมอุ่นๆเรียบร้อย คืนนี้ผมคงนอนหลับได้ดีแน่ๆ ก่อนผมจะนอนหลับสนิทไปจนเช้า ลืมไปเลยว่ามีอีกคนนอนอยู่ในบ้านผมด้วย
แต่กลายเป็นว่าอากาศค่อนข้างร้อน จนผมต้องถอดเสื้อออกมาไม่รู้ตัว ผมขยับตัวอย่างอึดอัด
“อื้อ...อย่ามาเบียดสิ” เสียงบ่นของใครสักคนดังเข้ามาในหูผม ผมสะบัดกางแขนกางขาออกไปอีกแต่ทำไมวันนี้เตียงขนาดคิงส์ไซส์ของผมมันถึงแคบไปได้ ผมยังคงนอนดิ้นสะบัดเนื้อตัวต่อไป แต่เมื่อผมเผลอไปถีบอะไรเข้า
“โอ๊ย!! อย่าเบียดๆ ถีบกูทำไมวะ พูดไม่รู้เรื่องรึไง”
เสียงโวยวายมันอยู่ข้างหูผมนี่เองครับ ผมสะดุ้งสุดตัวตกใจตื่นลุกมานั่งมึนๆงงๆอยู่ครู่ใหญ่ แสงสว่างที่มีอันน้อยนิดในห้องผม ไม่ช่วยตอบผมได้เลยว่าใครกันที่มาเป็นผู้บุกรุกยามวิกาลของผม ผมค่อยๆขยับตัวลุกจากเตียงโซซัดโซเซไปที่สวิทช์ไฟ ภาพที่ผมเห็นเมื่อแสงจากโคมไฟสว่าง คือไอ้คนที่ผมลืมไปแล้วว่ามันอยู่ในบ้านผม แต่เท่าที่จำได้ “ไอ้เตี้ยมันนอนอยู่ข้างล่างนี่หว่า”
“ไอ้ห่าเกี๊ยง!! มึงมานอนอยู่ห้องกูได้ไงวะ” เสียงโวยวายของผมถึงจะไม่ดังเหมือนคนใช้โทรโข่งแต่ก็น่าจะดังพอ ที่จะทำให้ไอ้คนที่ผมไม่ได้เชิญให้มาสะเหล่อนอนในห้องผมมันรู้ตัว แต่ดูเหมือนนอกจากมารยาทของมันจะไม่ดีแล้วหูมันทำท่าจะไม่ดีไปด้วย น้องเกี๊ยงยังคงนอนหลับอย่างสบายต่อไป
ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผมไม่ชอบให้ใครมานอนเบียด มันร้อน ถ้าเป็นผู้หญิงผมอาจจะอนุโลมให้ได้ แต่สำหรับผู้ชายความปรานีไม่เคยอยู่ในความคิดของผมอยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปขย่มเอ๊ย..เขย่าให้มันตื่น แต่มันก็ อื้อๆอ้าๆ อึ๋ยๆ ไม่ยอมตื่นเสียที ผมจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงกับคนขี้เซาอย่างมันได้ ผมเลยกระชากตัวมันลงมาจากเตียงหล่นตุ้บลงบนพื้น ได้ผลครับ มันตื่นมานั่งงัวเงียหน้ายู่ยี่ แล้วปากดีๆของมันก็เริ่มทำงานทันที เหมือนผมไปกดปุ่มให้มันเห่า
“โอ๊ย!!! พี่หนุ่ยอ่า ซาดิสก็ไม่บอก เดี๋ยวถีบ เดี๋ยวตบ กระชากลากถู ผมม่ายช่ายโศรยานะ”
ผมยืนกอดอกมองหน้ามันขำๆ ดวงตาฉ่ำปรือของมันยามเพิ่งตื่นดูแวววาวไปอีกแบบ ปากแดงสดของมันเริ่มเห่าไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าโศรยาที่มันว่าคืออะไร รู้แต่ว่าถ้าชื่อจริงๆมันชื่อนี้ พ่อแม่มันคงอยากได้ลูกผู้หญิงถึงตั้งชื่อให้มันแบบนี้ หึหึ
“มึงลงไปข้างล่างเลย กูจะนอนแล้ว อย่ามายุ่งในห้องกู ไปๆ กู...ไม่...ชอบ” ผมบอกมันแค่นี้แล้วก้าวขึ้นเตียงเพื่อจะนอนต่อ ผมล้มตัวลงนอนยังไม่ทันหลับตา มลภาวะทางเสียงยังคงดังต่อ
“พี่ไม่ชอบแต่ผมชอบนี่ อย่าได้แคร์”มันไม่พูดเปล่าครับกระโดดขึ้นเตียงผมอย่างหน้าไม่อาย ผมร้อง “เฮ้ย...”แล้วพลิกตัวหนีทันก่อนที่มันจะเอาศอกลงมาทิ่มพุงผม
“กูบอกว่า...กูไม่ชอบไงเล่า พูดไม่รู้เรื่องรึไง!!” ผมไม่พูดเปล่าแต่เอาเท้ายันตัวมันออกไปด้วย เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของผมที่ชอบนอนคนเดียว คราวนี้มันไม่นอนเปล่าครับ มันเอาแขนมาเหนี่ยวแขนผมไว้ด้วย เหมือนหนวดปลาหมึกมาพันแขนผม ผมพยายามสะบัดแขนขา เหวี่ยงมันออกไปจากตัวผม ปากก็ด่ามันไปด้วย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมตอนมันไม่เมามันดื้อยิ่งกว่าตอนเมาเสียอีก
“พี่หนุ่ยค๊าบขอนอนบนเตียงน้า ผมไม่ชอบนอนบนโซฟาอ่ามันเมื่อย” มันพยายามกะพริบตาถี่ๆ ทำตาปริบๆ จีบปากจีบคอออดอ้อนผม
“มึงเป็นเห้...อะไร กูเพิ่งรู้จักมึงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงมาร่วมเรียงเคียงหมอนกับกูง่ายๆเหรอ” ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากมันดันหน้ามันที่เข้ามาใกล้ผมเกินไปแล้วให้ห่างออกไป
“เวลาไม่ใช่ตัววัดความสนิทสนมนี่เพ่”
ไอ้เกี๊ยงเอามือทุบที่หน้าอกมันหลายๆที เหมือนคิงคอง “นี่ๆ..มันอยู่ตรงนี้...ที่ใจ”
ผมไม่สนใจที่มันพูดยังพยายามแกะมือมันออก “กูไม่สน แต่กูชอบนอนคนเดียว มึงลงไปๆ ไปข้างล่างนู่นเลย”
แทนที่มันจะเกรงใจผมมันกลับเกาะแน่นขึ้นแล้วอ้อนวอนผมต่อ ผมนึกในใจว่ากูไม่น่าพามันมาเลย
“พี่หนุ่ยคร๊าบ ข้างล่างยุงเยอะ หนาวด้วย ผมขอนอนในห้องนะคร๊าบบบ...” ผมเริ่มอ่อนใจกับมัน ไม่ใช่ว่าสงสารมันนะครับ แต่ดูท่าทีแล้วถ้าผมไม่ยอมให้มันนอนในห้อง คืนนี้ผมไม่มีทางได้นอนแน่ๆ ผมไม่ชอบอะไรที่มันเยิ่นเย้อ
“มึงเริ่มพูดมากไปแล้วกูจะนอน เอางี้มึงลงไปนอนกับพื้น ไม่งั้นมึงกลับบ้านมึงไปเลย เรื่องมากนักนะ...ไอ้เตี้ย” พูดไปแล้วเริ่มมีอารมณ์ อารมณ์อยากนอนนะครับ ง่วงจะตาย ตีสองตีสามมันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกัน น้องเกี๊ยงมันปลดมือออกจากแขนผม พูดเสียงอ่อยๆ
“ก็ได้ครับพี่ แต่พี่ลืมชื่อผมแล้วเหรอ ผมชื่อเกี๊ยงนะ ไม่ใช่เตี้ย”
ผมขำนะครับแต่ต้องแกล้งทำเสียงดุไว้ก่อน “กูจำได้ แต่กูจะเรียกมึงแบบนี้ แล้วไง”
น้องเกี๊ยงมันยกมือท่วมหัว “กูเอ๊ย...ผมกลัวแล้วพี่ ผมลงไปนอนพื้นเองครับ พี่อย่ากัดผมน้าผมกลัว” ผมเงื้อเท้าจะยันมันอีกครั้งแต่มันก็ไวครับ คงเป็นความชำนาญเฉพาะตัวในการหลบเท้า มันกระโดดลงผลุงลงพื้นไปอย่างรวดเร็ว
ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนที่จะหลับสนิทไปยังได้ยินเสียงไอ้เตี้ยมันพูดว่า “ขอบคุณครับพี่” ผมยิ้มกับตัวเองอีกครั้ง แล้วคิดว่ามันน่ารักดีเว้ยไอ้นี่
การทำงานของผมกับมันเริ่มต้นหลังจากที่รู้จักกันถึงสามอาทิตย์ แต่แรกผมลืมไปแล้วว่าเคยชวนมันมาทำงานด้วย แต่ก็พอดีกับที่งานใหม่ของผมเข้ามาและต้องการช่างภาพพอดี ทำให้ผมนึกถึงมันขึ้นมาได้
“มึงทำอะไรอยู่ ไอ้เตี้ย” เสียงตอบของมันเหมือนเป็นเสียงลมพัด เบา สงบ จนผมไม่ได้ยิน ต้องถามมันอีกครั้ง
“เฮ้ย...อยู่ป่าววะ”
“เอ่อ...อยู่พี่ แต่ไม่ว่าง” เสียงมันอึกๆอักๆ เหมือนไม่อยากพูด
“งั้นไว้กูโทรไปใหม่”
“เดี๋ยวพี่ ผมจะโทรกลับนะ ขอโทษนะพี่” แปลกที่มันไม่ล้นเหมือนปกติ ผมหยุดความสนใจเรื่องมันไว้แค่นั้นแล้วกลับไปทำงานต่อ จนกลางดึกคืนนั้นมีเสียงกริ่งดังถี่ๆที่บ้านผม ผมยังไม่ทันนอนแต่ก็นึกแปลกใจว่าใครกันมาหาผมดึกๆ ผมมองออกไปข้างนอกเห็นแต่ความมืด
“ใครวะ ไม่เห็นมีเห้...อะไรเลย หรือกูหูฝาด” ผมหันหลังกลับจะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องก้าวขาค้าง
“ไม่มีเห้ แต่มีผมนะ...พี่หนุ่ย” เสียงแผ่วเบาที่พูดเหมือนกระซิบทำให้ผมตกใจสะดุ้งโหยงเดินกลับไปส่องดูใกล้ๆอีกที เหมือนกองเศษของอะไรสักอย่างอยู่ที่พื้นพิงประตูผมอยู่
“เอ๊า...มึงมาได้ไงวะไอ้เตี้ย” ผมเปิดประตูไปนั่งยองๆดูสภาพมัน ติดที่ว่าหาไม้มาเขี่ยไม่ทัน แต่กลิ่นจากตัวมันที่โชยเข้าจมูกทำให้ผมรู้ว่าที่มันกองอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ง่วงแต่เป็นเพราะมันเมา ผมดุมันไปตามนิสัยผม
“มึงดื่มเยอะขนาดนี้แล้วมาบ้านกูทำไม ทำไมไม่กลับบ้าน”
ไอ้เกี๊ยงมันเงยหน้าขึ้นมองผมไม่ตอบ ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำตา มันกะพริบตาเมื่อมองหน้าผม เอาหลังมือเช็ดน้ำตา ก้มหน้าแล้วชันเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นเงียบๆ ผมนั่งดูอยู่อย่างนั้นจนเมื่อยมันก็ยังไม่หยุดร้องผมเลยลุกขึ้น ผมลูบหัวปลอบใจมัน
“เข้าไปในบ้านก่อน มีอะไรค่อยคุยกัน” มันเงยหน้ามองผมอีกครั้ง แล้วส่งมือมาให้ผม ผมจับมือมันไว้แล้วดึงมันลุกขึ้น ลากมันเดินเข้าบ้าน มันเดินตามผมมาอย่างหงอยๆ เซนิดหน่อยแต่ก็ยังประคองตัวได้ ผมจูงมันมานั่งที่โซฟาตัวเดิม สั่งมันว่า “นั่งนี่ก่อน เดี๋ยวกูมา”
ผมหายไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัดๆ แล้วชงกาแฟดำมาหนึ่งถ้วยจะเอามาให้มันดื่ม แต่เมื่อผมมาถึงเกี๊ยงมันนอนหลับคอพับไปแล้ว
“หลับไปซะแล้ว ตื่นก่อนเว้ยมาเล่าให้กูฟัง มีเรื่องห่าอะไรมา เดือดร้อนมาบ้านกูได้ บ้านกูไม่ใช่บ้านเมตตานะเว้ย กูมันเวทนาอย่างเดียวไม่มีเมตตา”
“พี่หนุ่ยบ่นอะไร เงียบๆหน่อยสิ ผมจะนอน” มันยังไม่ยอมลืมตาแต่ปากก็เห่าได้ เสียงมันเบาก็จริงแต่ผมได้ยิน ผมเผลอตบหัวมันไปที “นี่แน่ะ”
มันลืมตาตื่นทันที ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเดาความคิดมันไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่ เรายังไม่สนิทกันขนาดนั้น “นี่มันบ้านกู ไม่ใช่โรงแรม นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่ใช่ม่านรูด”
เกี๊ยงเอามือเช็ดน้ำตาอีกครั้ง ยกมือไหว้ผม “ขอโทษพี่ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว” ดูมันทำน้อยใจครับ แต่ผมก็ไม่สนใจ นั่งมองมันเดินออกจากบ้านผมไป ในเมื่อมันอยากจะไปเอง ผมจะไปรั้งไว้ทำไม
ผมเอาผ้ามาเช็ดหน้าตัวเอง แล้วเทกาแฟทิ้ง เปิดไฟหน้าบ้านแล้วเดินออกไปปิดประตูรั้ว ปรากฏว่ามันยังนั่งอยู่ที่เดิม ผมไม่ถามอะไรมันอีก ในเมื่อมันเลือกที่จะไม่พูด เลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนั้น ก็ตามใจมัน สำหรับผมแล้ว ไอ้เกี๊ยงมันก็ยังเป็นแค่คนรู้จักของผมเท่านั้นเอง
************************
ไอ้พี่หนุ่ยใจร้ายเนอะ
