60 รักสุดท้ายของธีร์ เต้กับอ้นเดินทางกลับมาจากยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในออฟฟิศ ระบบการทำงานที่เน้นเชิงรุกมากกว่าเดิม ระเบียบปฏิบัติที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ประชุมกันบ่อยขึ้น พนักงานมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานและเสนอแนะกับผู้บริหารทั้งสองได้โดยตรง ทำให้ทุกคนในบริษัททำงานอย่างทุ่มเทและมีความสุข
“เต้...ฉันจะไประโนดสัก 3-4 วันนะ...ฝากงานด้วยนะ...” ธีร์เดินเข้ามาหาเต้ในห้อง
“ไปเมื่อไหร่ล่ะ...” เต้ถาม
“วันพฤหัส...จะกลับวันอาทิตย์นะ...” ธีร์พูดพลางนั่งลงตรงหน้าเต้...สีหน้าของธีร์หมองคล้ำเอามากๆอย่างที่เต้ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ทำไมหน้าตาแกดูไม่ค่อยสบายเลยวะ...ห่วงอะไรรึเปล่า...” เต้ถาม
“เปล่านี่...ก็ไม่มีอะไร...ห่วงอะไรเหรอ...ก็ห่วงนะ...ห่วงแต่หนุ่ยที่ยังเรียนไม่จบ...อนาคตของหนุ่ย...อะไรเรื่อยเปื่อยว่ะ...” ธีร์พูดแล้วยิ้มอย่างแห้งแล้ง เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะมาคิดๆดูแล้วหนุ่ยน่ะอีกปีกว่าๆถึงจะเรียนจบ จบแล้วหนุ่ยเคยบอกกับคุณแม่ไว้ว่าจะเรียนต่อโททางกฎหมายที่ฝรั่งเศสอีก ...ถึงตอนนั้นก็คงต้องห่างๆกันไป...กลัวใจเด็กหนุ่มก็กลัว แต่เรื่องต่างๆเหล่านั้นยังมาไม่ถึง เรื่องเงินทองที่จะส่งเสียให้เรียนคงไม่ใช่ปัญหาแต่ธีร์ก็ยังเก็บมากังวลได้อีก...
“ฉันว่าหนุ่ยมันก็เป็นเด็กดีนะ...เรื่องที่แกกังวลมันอาจจะเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง...สรุปว่าแกห่วงมันแค่นั้นเอง...เชื่อฉันสิ...หนุ่ยมันเอาตัวรอดได้น่า ...อย่าห่วงไปเลย” เต้เดินเข้ามาจับมือเรียวสวยของธีร์แล้วกุมเอาไว้
“เย็นนี้เราไปหาอะไรทานกันดีมั้ย...หาร้านที่บรรยากาศดีๆไปกัน 4 คนนี่แหละ...” เต้เอ่ยปากชวน
“ไปสิ...แกโทรบอกอ้นแล้วกันนะ...ฉันจะบอกหนุ่ยเอง...” ธีร์พูดแล้วลุกจากเก้าอี้
“เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง...ขอบคุณที่ช่วยดูแลออฟฟิศให้ระหว่างที่ฉันไม่อยู่...ฉันไปได้ไวน์มาจากฝรั่งเศสขวดนึง...รสชาติน่าจะดี...อ้นบอกว่าให้เอามาดื่มกับแก ...ฉันน่ะหิ้วข้ามมาหลายประเทศเลยนะ...” เต้ยิ้มอย่างดีใจ
“เรื่องงานน่ะแกไม่ต้องขอบใจอะไรหรอก...บริษัทนี่มันก็ของฉันครึ่งนึงอยู่แล้ว...
ไม่ว่าเราจะขาดใครไปสักคน...ธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป...” ธีร์หันมาพูดก่อนออกไปจากห้อง ทิ้งให้เต้ยืนอึ้งกับคำพูดบางคำที่ธีร์ทิ้งท้าย...เต้ถอนหายใจแล้วนั่งทำงานต่อ
........................
เย็นนั้นที่ร้านอาหารสวยๆบรรยากาศสบายๆ อากาศดีๆสายลมเย็นที่พัดมาทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุข เสียงพูดหยอกล้อกันดังอึงอล บรรยากาศของความรักและความผูกพันที่มีให้แก่กันและกันทำเอาทุกคนแทบสำลักความสุข ไวน์จากฝรั่งเศสขวดเดียวไม่พอกับความต้องการซะแล้ว ต้องเพิ่มเป็นสองและสาม กว่าจะแยกย้ายกลับก็ดึกดื่นพอสมควร
“ไปก่อนนะเต้...” ธีร์โอบเอวของเต้มากอดเอาไว้
“พรุ่งนี้เจอกัน...” เต้กอดตอบ แต่ธีร์กอดแน่นขึ้นเรื่อยๆและร้องไห้ออกมา
“ฮือ...เต้...ฉันรักแกนะ...ฉันรักแก...” ธีร์คร่ำครวญออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทำเอาเต้อดที่จะใจหายไม่ได้
“เป็นอะไรธีร์...ร้องไห้ทำไม...ฉันก็รักแก...ชีวิตฉันคงไม่มีวันนี้ถ้าไม่มีแกนะ...แกจำไว้...ฉันก็รักแก...” เต้ร้องไห้ไปด้วย ทั้งสองกอดกันร้องไห้อยู่ที่ลานจอดรถของร้านอาหาร หนุ่ยกับอ้นยืนอยู่เคียงข้างคนรักของตนไม่ห่าง
“พี่ครับ...กลับเถอะครับ...” หนุ่ยพยายามดึงแขนธีร์ให้ออกมาจากอ้อมกอดของเต้
“ไปก่อนนะเต้...” ธีร์กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่ยอีกครั้ง เขารู้สึกใจหวิวๆเหมือนอะไรมันขาดหายไปสักอย่าง แต่แรงจากการโอบเอวและพากันเดินกลับไปที่รถมีมากกว่า ธีร์แทบจะปลิวตามหนุ่ยไปเลยทีเดียว
“เป็นไงครับ...ไหวมั้ย...” หนุ่ยถามพลางพาธีร์ลงจากรถหลังจากที่ดับเครื่องแล้ว
“ไหวครับ...” ธีร์เดินอ้อมไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังเก็บของที่ท้ายรถ
สองหนุ่มยืนกอดรัดกันอยู่ที่ริมระเบียง สายลมเย็นพัดมาทำเอาธีร์ขนลุกเกรียว หนุ่ยกอดรัดคนรักแน่นเข้าไปอีก หนุ่ยกดจมูกลงที่ซอกคอขาวผ่องของธีร์ จมูกโด่งแหลมของเขากวาดหอมไปทั่วทุกอณูทุกรูขุมขน หนุ่ยไล่ดะมาจนถึงติ่งหูเล็กๆ แล้วเม้มมันไว้ด้วยริมฝีปาก ธีร์หันกลับมาเผชิญหน้า ปากเรียวบางถูกเด็กหนุ่มประกบทันที
“อืม...เข้าไปข้างในดีมั้ยครับ” ธีร์ครางออกมา
“ไม่เอา...ขอตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ...บรรยากาศดีออก” เด็กหนุ่มทอดสายตาออกไปข้างนอก โค้งแม่น้ำมีเรือเดินสมุทรแล่นอยู่ช้าๆ
“อืม...หนาวนะ...” ธีร์บ่นออกมาเบาๆแต่มือก็ควานลงในที่บ๊อกเซอร์สีขาวสะอาดที่หนุ่ยใส่อยู่ ความโชนเขม็งที่มันพร้อมมานานแล้ว มันผงกหัวยิ้มรับกับริมฝีปากบางๆอย่างเชื้อเชิญ ธีร์ย่อตัวลงไปกลีบปากรูดท่อนรักเข้าออกทันที เด็กหนุ่มกระทั้นบั้นเอวไหวยะเยือก ความอ่อนนุ่มของโพรงปากที่เชี่ยวชาญทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับครางออกมา สายลมและแสงดาวที่เวิ้งฟ้า ระเบียงรักแห่งนั้นดารดาษด้วยแสงดาว มันส่องสกาวเต็มฟากฟ้าระยิบระยับงามจับตาเหลือเกิน ธีร์เกาะขอบรอบราวระเบียงเพื่อยึดร่างบางๆของตัวเองไว้ แรงกระแทกกระทั้นไหวเยือกอยู่ด้านหลัง มือไม้ที่ป่ายเปะปะไปทั่วมันแสดงถึงความสุขเสียว เรี่ยวแรงและพลังรักของเด็กหนุ่มโหมใส่ไม่ยั้ง ทั้งดุดัน ทั้งนุ่มนวลและเนิบนาบในบางครา ต่างสอดรับประสานรักกันอย่างลงตัว จวบจนดวงดาวที่สถิตอยู่ฟากฟ้าอันไกลโพ้น...ดวงดาวที่ทนแรงดึงดูดแห่งรักไม่ไหว...มันร่วงหล่นจากฟากฟ้า...สู่ห้วงภพอันสุดแสนไกล แรงรักกระทั้นสุดท้ายส่งให้คู่รักถึงสวรรค์พร้อมๆกัน เสียงของความรักครวญครางยาวๆ เสียงหอบเหนื่อยราวกับวิ่งฝ่าห่าฝนดาวตก...มันหลั่งไหลเจิ่งนองเต็มคูหาถ้ำสวรรค์...สองร่างกอดรัดกระหวัดเกี่ยวกันตรงริมระเบียงรักแห่งนั้นเนิ่น...และ...นาน...
“หนุ่ยครับ...เป็นไงมั่ง...” ธีร์หันมากอดรัดร่างเปลือยของเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมแขน
“มันส์มากครับ...” เด็กหนุ่มยิ้มยั่ว...ร่างกายเปลือยเปล่าเสียดสีสัมผัสกัน หน้าขากวัดแกว่งไปตามแรงกอดรัด
“บ้า...เด็กบ้า” ธีร์จับและกำท่อนลำที่บัดนี้ห้อยหัวตกลงมาเล็กน้อย แต่ความโชนของมันยังมีอยู่
“โอย...อย่าบีบสิ...” หนุ่ยร้องออกมาแล้วต่างหัวเราะให้กันและกัน
“อาบน้ำกันเถอะ...” ธีร์เชื้อเชิญ
“ดีครับ..เผื่อจะได้อีกสักรอบ” หนุ่ยเดินตามเข้าไปข้างในห้อง เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปบีบก้นเนียนขาวเบาๆ รอยสักรูปไม้กางเขนที่เหนือบั้นเอวด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มเกิดอาการ....
“สวยจังเลยครับที่รักของผม” หนุ่ยกระซิบข้างหู ก่อนที่สายน้ำอุ่นจะรินรดลงทั่วร่างเปลือยแกร่งของเด็กหนุ่ม
“อะไรสวย...” ธีร์ยิ้มยั่วก่อนจะส่งเรียวลิ้นอันร้อนร้ายเข้าสู่โพรงปากหอมหวานของเด็กหนุ่ม
“นี่น่ะสิ...” หนุ่ยเอื้อมมือโอบเอวของธีร์แล้วลูบไล้ที่รอยสักตรงบั้นเอวของคนรัก
“พี่รู้มั้ย...ผมเห็นรอยสักนี้ทีไร...แบบว่า...เงี่ยนได้ทุกที” หนุ่ยกอดรัดร่างบอบบางนั้นไว้แนบแน่น สายน้ำที่สาดเป็นฝอยไม่ได้ทำให้ความรุ่มร้อนในอารมณ์ดับลงไปได้เลย แต่สายน้ำที่ไหลเย็นกลับกลายเป็นน้ำมันที่สาดเข้ากองไฟแห่งรัก...ให้มันลุกโชนไม่สิ้นสุด...มันทำให้เพลิงรักดำเนินไปเรื่อยตราบจน...ท่อธารแห่งความรัก ...ได้พ่นสายธารแห่งรักออกมานั่นแหละ...มันถึงทำให้ไฟราคะ...ดับลง...แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น...อีกไม่นานเพลิงรักที่โหมกระหน่ำและหอมหวาน...ก็จะกลับมา อีกครั้ง...และอีกครั้ง
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาตามร่องของผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท ธีร์ค่อยๆลืมตามองนาฬิกาซึ่งบัดนี้แสดงเวลาเก้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ธีร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์เต้แล้วบอกลา...“ไม่ทำงานอีกสักวันเถอะ...เดี๋ยวบ่ายๆจะไปหาแม่รู้สึกคิดถึงแม่จังเลย” ธีร์คิดในใจ
“หนุ่ยครับ...หิวมั้ย” ธีร์ถามเด็กหนุ่มที่เปลือยกายอยู่ข้างๆ สันจมูกโด่งๆคลอเคลียอยู่ที่แก้มใสของธีร์
“ยังครับ...หิวอย่างอื่นอ่ะคับ...” หนุ่ยไล้มือไปตามเรือนกายขาวเนียนใต้ผ้าห่ม ท่อนลำขาวใสสีชมพูใต้ผ้าห่มตื่นตัวทันที เด็กหนุ่มมุดลงไปชื่นชมกับมัน...“อ้า...หนุ่ยครับ...” ธีร์ครางออกมาเมื่อเรียวลิ้นและกลีบปากของเด็กหนุ่มฉกพลิ้วออกมา...หนุ่ยเก่งกาจและเจนจัดมากขึ้น น้ำอดน้ำทนที่เป็นเลิศ บางทีมันทำให้ธีร์ถั่งท้นออกมาได้ถึงสองครั้ง สองครา และครั้งนี้ก็เช่นกัน...
“เมื่อคืนก็สองทีติดๆ...เช้านี้ก็อีก...ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนครับ...หืม...” ธีร์กอดก่ายอยู่บนร่างแกร่งของเด็กหนุ่มที่นอนหอบหายใจแรงอยู่
“แรงแห่งรักสิครับพี่” หนุ่ยซุกจมูกไปที่ซอกคอของธีร์อีกครั้ง ขนที่แขนลุกเกรียวมันทำเอาธีร์ครางอู้วว์เลยทีเดียว
“ปากหวานเหลือเกินนะ...เด็กบ้าอะไรไม่รู้...ยาวใหญ่ซะจนพี่ระบมไปหมดแล้ว” ธีร์ยิ้มยั่วฉอเลาะ
“ถ้าอีกสักทีเนี่ย...พี่จะไหวเหรอครับ...” หนุ่ยตะโบมมือแกร่งไปที่ก้นขาวเนียน
“หนุ่ยนั่นแหละจะไหวรึเปล่า...” ธีร์ก้มลงไปที่ยอดอกของเด็กหนุ่มก่อนจะฉกปลายลิ้นออกมา
“อูยย...พี่ธีร์อย่าเริ่มสิครับ...พี่จะบ่นทีหลังไม่ได้นะ...” เด็กหนุ่มเอามือของธีร์ให้จับไปที่ท่อนลำที่มันเริ่มแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้ง...
“โอยย...ตายแน่เลย...มันโมโหแล้วนะหนุ่ย...” ธีร์โหย่งตัวขึ้นแล้วประกบปากเรียวบางสวยลงไปที่แก่นกายกำยำที่มันรอคอยอยู่ สักพักเด็กหนุ่มก็ต้องร้องทุรนทุรายด้วยความสุข...ธีร์จัดการขี่ควบม้าพยศ ...ม้าเทศพันธุ์ดีที่ขี่ได้ดี...ทั้งนุ่มนวลและกระแทกกระทั้นในที...จวบจนม้าพยศสิ้นเรี่ยวแรง...สงบปากสงบคำเมื่ออุทกธารธาราขาวขุ่นข้นระเบิดออกมา ...เสียงเหนื่อยหอบของม้าเทศและจ๊อกกี้หนุ่ม...สอดประสานกันเป็นท่วงทำนองแห่งรัก...
ธีร์และหนุ่ยลงมาที่ลานจอดรถปรากฏว่ารถบีเอ็มดับบลิวของธีร์สตาร์ทไม่ติด สองคนช่วยกันคิดอยู่นานว่าจะหาทางออกยังไง ธีร์ให้หนุ่ยโทรเรียกศูนย์บริการมารับรถไปซ่อมแล้วนั่งแท็กซี่ไปที่บ้านเพลินจิตในตอนบ่ายแก่ๆ ตอนเย็นนั้นศูนย์บริการโทรมาบอกว่ารถยังไม่เสร็จต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน
“พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้วจะทำไงดีล่ะพี่” หนุ่ยกังวลใจ
“เอารถเต้ไปก็ได้...” ธีร์กดโทรศัพท์หาเต้ทันที
“ไม่มีปัญหา...เดี๋ยวฉันเอารถป๊ามาใช้ก่อนได้...แกเอาไปใช้เถอะ...เดี๋ยวให้อ้นเอาไปให้นะ...” เต้ตอบรับอย่างง่ายดาย หลังจากหมดธุระแล้วธีร์หันมาเจอป้าจิตที่เดินเข้ามาหา
“คุณภาณีสั่งมาว่าเดี๋ยวจะรีบกลับ....แล้วให้มาถามว่าคุณๆจะทานอะไรกันดีคะ” ป้าจิตถามเพื่อเตรียมทำของโปรดให้คุณๆทั้งสอง
ค่ำคืนนั้นเจ้านายทั้งสามคนรวมทั้งคนรับใช้ต่างมารวมกันหมดบ้าน ไม่ได้มีคำสั่งให้มารวมกันหรอก แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรที่ทำให้คนในบ้านมารวมตัวกันครบขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะที่อวลไปด้วยความสุขก็ได้ คืนนั้นธีร์กับหนุ่ยนั่งคุยเล่นกับภาณีจนดึกดื่นแล้วกลับไปที่คอนโดฯตอนเกือบเที่ยงคืน..
.........................
เช้าวันเดินทางทั้งสองแต่งตัวกันสบายๆ ไม่รีบร้อน โตโยต้าคัมรี่ไฮบริดสีขาวปลอดพุ่งทะยานไปบนถนนด้วยความเร็วพอสมควร หนุ่ยนอนหลับอยู่ข้างๆ ธีร์เหลือบไปมองที่เด็กหนุ่ม ดวงตาที่หลับพริ้ม จมูกโด่งเป็นสันใบหน้าคมคาย ร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำเอาธีร์คิดถึงบทอัศจรรย์เมื่อคืนของเด็กหนุ่มที่กระแทกกระทั้นจนทำเอาธีร์สำลักความสุขไป 2 ครั้ง
“หลับสบายเลยนะ...” ธีร์เอื้อมมือไปลูบไล้เส้นผมของเด็กหนุ่มเบาๆ เสียงกรนเบาๆแผ่วออกมา ธีร์ละสายตาจากเด็กหนุ่มที่มีรูปร่างงดงามข้างๆแล้วมองไปข้างหน้า พลางกดคันเร่งส่งให้รถยนต์คันหรูของเต้พุ่งไปให้ถึงปลายทางเร็วขึ้น
“หนุ่ย...ถึงสุราษฎร์แล้ว...มาเปลี่ยนกันขับหน่อยเถอะ...พี่เหนื่อยแล้ว” ธีร์ลดคันเร่งแล้วเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมันข้างทาง พักรถได้สักครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อ
“พี่ธีร์หลับให้สบายเลยนะครับ...ผมจะขับเอง...” หนุ่ยถอยรถออกมา ความรู้สึกที่ไม่ค่อยมั่นใจในการขับรถแล่นปราดเข้ามาทันที...“ทำไมรู้สึกแบบนี้นะ...” เด็กหนุ่มขับรถมานานแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกแบบนี้เข้ามาเกาะกุมหัวใจ เส้นทางที่ใช้ผ่านจากสราษฏร์เข้าสู่นครศรีธรรมราช ต่อด้วยเส้นทางที่จะลงไปสงขลาสายเลียบทะเล เส้นนี้ไม่ต้องอ้อมไปสงขลาแต่สามารถวิ่งตรงเข้าสู่ระโนดได้เลย ผ่านหัวไทรเล็กน้อยหนุ่ยแวะเข้าปั้มน้ำมันเพื่อเข้าห้องน้ำ
“พี่ธีร์...ผมเข้าห้องน้ำแป๊บนะพี่...” หนุ่ยเปิดประตูออกไป
“อืม...” ธีร์นอนหลับตาพริ้มด้วยความง่วงงุน สักพักหนุ่ยก็กลับขึ้นมาที่รถเตรียมรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วเดินทางต่อ
“พี่ไม่เข้าห้องน้ำเหรอครับ...” หนุ่ยถามพลางเอื้อมมือไปลูบใบหน้าคนรัก ด้วยความอาลัยอาวรณ์...
“...ผมมาระโนดครั้งนี้แล้ว...ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก” หนุ่ยพูดออกมาทำเอาชายหนุ่มลืมตาขึ้นมามองหน้าหล่อๆของเด็กหนุ่ม
“ทำไมล่ะ...” ธีร์ถามด้วยความสงสัย
“ก็ปีหน้าเรียนหนัก...ฝึกงานด้วย...เรียนจบก็ทำงาน” หนุ่ยวางอนาคตเป็นฉากๆ
“อ้าวแล้วเรื่องที่จะไปเรียนโทต่อที่ฝรั่งเศสล่ะ” ธีร์ทวงถามเรื่องเรียนต่อ
“ก็อยากทำงานสักพักแล้วค่อยไปเรียนต่อก็ได้...ผมว่าควรมีประสบการณ์อย่างน้อยสัก 2-3 ปี” หนุ่ยพูด
“ดีแล้ว...พี่อยากเห็นหนุ่ยมีอนาคตที่ดี...มีอนาคตที่สดใส...อะไรที่พี่ให้ได้ ...พี่จะให้หนุ่ยทุกอย่าง...เรื่องจะเรียนต่อหนุ่ยไม่ต้องห่วงนะ...พี่ให้เต็มที่...ขออย่างเดียวขอให้หนุ่ยตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานและ...เอ่อ...มั่นคงในความรักที่เรามีให้กัน....” ธีร์พูดแล้วยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างมีความสุข เรื่องราวหนักอกที่มันรู้สึก...ก็แค่นี้แหละ...ที่อยากจะบอก ธีร์ไม่รู้จะพูดอะไรที่มันซีเรียสได้มากกว่านี้อีกแล้วเพราะทุกสิ่งที่บอกหนุ่ยไปทำให้ธีร์ใจชื้นขึ้น...สบายใจขึ้นที่ได้บอกความคาดหวังและความต้องการจากส่วนลึกของจิตใจ
.........
“ถึงระโนดแล้วพี่...” หนุ่ยพูดออกมาเบาๆก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีก บรรยากาศภายนอกรถมืดมิด ฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก ทัศนวิสัยยังพอมองเห็นได้ รถมอเตอร์ไซค์ข้างทางไม่มีเลย มีแต่รถยนต์ที่วิ่งสวนทางมา
เกือบจะถึงทางเข้าบ้านแล้ว อีกไม่กี่สิบเมตร ข้างทางมืดมิดไปหมด มองไม่เห็นเส้นขอบถนนหรือแม้กระทั่งเส้นแบ่งเลนกึ่งกลางถนน เพราะฝนที่ลงเม็ดหนาขึ้น หนุ่ยเปิดไฟเลี้ยวเมื่อจำได้ว่าถึงปากทางเข้าบ้านของเขาแล้ว...
ตรงนี้แหละที่ปู่ของเขาจากไป...หนุ่ยมีความคิดแบบนี้แวบเข้าสมองมาอีกครั้ง...แต่ก็สลัดออกไปอย่างรวดเร็ว เขารักธีร์มากเกินกว่าที่จะกลับไปคิดเรื่องนั้น...หนุ่ยหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้าย...มองไม่เห็นมัจจุราชที่วิ่งสวนมา...โคมไฟหน้ารถที่บอดสนิททั้งสองข้างของรถหกล้อคันเก่าแก่รุ่นสงคราม มันพุ่งทะยานเข้ามาหาอย่างเร็วและรุนแรง
“.....เอี๊ยดดดดด.....โครม.....” สติสัมปชัญญะดับวูบลง
...................................................
.
.
.
.
.
.
..........................................................
เสียงเพลงมโนราห์แว่วมากระทบโสตประสาท อีกเดี๋ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงพระสวดภาษาบาลี...ความมืดมิดและเหน็บหนาว อ้างว้าง...มันอยู่รายรอบตัว...ไม่มีความรู้สึกรับรู้ใดๆ รู้เพียงแต่ร่างกายที่ขยับเขยือนไม่ได้...บางทีมันรู้สึกหนัก...มันกดทับ ...อีกเดี๋ยวก็อ้างว้างและเหน็บหนาวไปพร้อมๆกัน ทุกสิ่งที่ล้วนแต่วนเวียนเข้ามาให้รับรู้...แต่ที่ชัดเจนที่สุดในสิ่งที่รู้ได้คือความเงียบ...มืดมิด...วังเวงและสับสน...
..........................................
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
............................................................
“พี่ธีร์...พี่ธีร์...จะไปไหน...พี่ธีร์...ผมอยู่นี่...พี่ธีร์...ปู่ครับ...ปู่...อย่าเอาพี่ธีร์ไป....” เสียงคร่ำครวญร้องร่ำไห้ดังก้องอยู่ในความมืดและวังเวง...เสียงนั้นแผ่วลง...แผ่ว ลง...แผ่วลง...หนุ่ยเรียกจนไม่มีเสียง...ร้องจนเสียงแหบพร่า...ในเงามืดนั้น เด็กหนุ่มเห็นเพียงเงารางๆของธีร์ที่กำลังเดินตามปู่ของเขาไป...ธีร์น้ำตาไหล...อาบแก้ม...และที่เขาเห็นครั้งสุดท้ายก่อนทุกสิ่งจะลับตาไป...ธีร์หันมายิ้มให้กับเขา...มันเป็นรอยยิ้มที่หนุ่ยจะไม่มีวันลืมได้เลยตลอดชีวิต-จบ-