59 ใจสารภาพ
“ญาติคุณพันทิวาค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่ห้องตรวจเรียก ทำเอาอ้นสะดุ้งจากการเหม่อลอย
“ครับ...” อ้นเดินเข้าไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ขณะที่ส้มออกไปคอยอยู่ที่รถแล้ว
“นี่เป็นผลการตรวจปัสสาวะค่ะ...”
“ครับ...” อ้นแกะซองออกมาดูผล หน้าซีดเผือดเมื่อการแสดงผลของการตรวจครรภ์ออกมาว่า “ท้อง”
“ผมจะพบหมอได้มั้ยครับ...” อ้นถามเจ้าหน้าที่คนเดิม
“ได้ค่ะ..สักครู่นะคะ...”
คุณหมอแจ้งผลการตรวจครรภ์ของส้มให้อ้นรับทราบอีกครั้ง โดยบอกว่าตอนนี้ส้มท้องได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว สุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรงทั้งสุขภาพครรภ์และสุขภาพของคนเป็นแม่ “หมอยินดีด้วยนะครับ” เสียงของหมอเจื้อยแจ้ว “ยินดีอะไรล่ะ...กูทุกข์ใจจะตายอยู่แล้ว...” อ้นคิดในใจว่าหมอดูละครมากเกินไปรึเปล่า...เด็กวัยรุ่นอย่างเขาเนี่ยนะ...ต้องมารับผิดชอบกับชีวิตน้อยๆที่กำลังจะเกิด...เฮ้อออ....ยิ่งคิดยิ่งเครียด
“หมอบอกว่าส้มท้องจริงๆ” อ้นเสียงเศร้าสลด
“ก็บอกแล้ว...ยังไม่เชื่อ...ทำไมกลัวส้มจะไปเอากับคนอื่นแล้วมาโมเมให้อ้นเป็นพ่อมันรึไง” ส้มคิดไปไกล อ้นไม่เคยคิดประเด็นนี้เลย...
“เปล่า...อย่าคิดมากสิ...ที่พามาก็อยากจะรู้ว่าต้องดูแลกันยังไงเท่านั้นเอง...” อ้นพูดเสียงเครือๆ เขาแปลกใจในมุมมองที่กร้านโลกของส้ม
“แล้วจะเอายังไง...ส้มไม่อยากจะเอาไว้หรอกนะ” ส้มพูดหน้าตาเฉย...
“อ้นไม่อยากจะให้ส้มทำอย่างนั้นเลย” อ้นพูดพลางนึกถึงคำแนะนำของเจ้าหน้าที่หน้าห้องตรวจ เรื่อง”สถานที่ที่คุณก็รู้ว่าคืออะไร”ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มา...มันยังอุ่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต
“อ้นจะคุยกับพ่อแม่ก่อน...” อ้นพูดไปอย่างนั้นแหละ...แต่ใจน่ะอยากคุยกับเพื่อนๆอีกครั้ง
“เดี๋ยวอ้นไปส่งที่บ้านก่อนนะ...มีอะไรคืบหน้าจะโทรมาหา” อ้นบอกก่อนที่จะออกรถเพื่อไปส่งส้มที่บ้าน
เด็กหนุ่มขับรถคันหรูไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อรับทีมกับแคน โดยได้นัดกับปรีย์ไว้ที่สยาม เด็กหนุ่มทั้งสามนั่งกันมาเงียบๆในรถบรรยากาศชวนหดหู่...
“จะเอายังไงต่อไปดีวะ...” แคนถามเพื่อน
“ไม่รู้สิ...” อ้นเหม่อลอย มองไปข้างหน้า เด็กตัวเล็กๆเดินขายพวงมาลัยอยู่ข้างถนน อ้นทอดสายตามองตาไป... “เด็กที่เกิดมา...จะเป็นยังไงบ้างหนอ...จะมีอะไรมารองรับอนาคตของเด็กน้อยที่กำลังจะเกิดมา...หรือถ้ามันแย่เอามากๆลูกเขาจะต้องมาขายพวงมาลัยอย่างนี้รึเปล่า” อ้นถอนหายใจอย่างหนัก สายตาเหม่อลอยไปเรื่อยๆจนรถคันหลังบีบแตรไล่....
“ปี๊น...ปี๊น....” อ้นสะดุ้ง
“ไอ้อ้น...เป็นอะไรวะ....” ทีมเรียกอ้นเพื่อดึงสติสัมปชัญญะของเพื่อนกลับมา
“เอ่อ...ปะ...เปล่า...เปล่า...” อ้นกดคันเร่งเคลื่อนรถผ่านสี่แยกไฟแดงก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าสยาม
“ไงไอ้ปรีย์...” แคนทักเพื่อนที่นั่งคอยอยู่ที่ร้านอาหาร
“เอาผลมาดูสิ...” ปรีย์ถาม...อ้นส่งกระดาษใบนั้นให้ปรีย์ดู
“อยู่ที่มึงแล้วล่ะ...ว่าจะตัดสินใจยังไง” ปรีย์พูดพลางมองหน้าเพื่อน
“..........” เกิดสุญญากาศอยู่สักพัก...ก่อนที่อ้นจะเปิดปากพูดบางสิ่งออกมา
“กูจะรับผิดชอบทั้งหมด...กูจะคุยกับพ่อแม่ก่อน...แล้วจะไปคุยกับส้ม” อ้นพูดแล้วออกอาการเหม่อลอย
“ดี...มีอะไรก็โทรคุยกัน...พวกกูเป็นกำลังใจให้นะ...มึงอย่าท้อแท้ซะก่อนนะ...” ปรีย์จับมืออ้นแน่น สัมผัสที่ลึกซึ้งถ่ายทอดสู่กันและกัน...แม้ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากแต่มัน ก็เปี่ยมล้นด้วยมิตรภาพ...และความเข้าใจ
“ถ้าโลกนี้ไม่มี”เพื่อน”อ้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า...เรื่องราวที่ทุกข์ใจแสนสาหัสมันจะผ่อนคลายลงได้ อย่างไร...ลำพังเขาเองไม่สามารถที่จะตั้งสติได้ทันแน่ๆ...ถ้าไม่มีเพื่อนๆ คอยพยุง...ไม่ให้ล้ม”
หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนแล้ว อ้นขับรถกลับไปรับเต้ที่ทำงาน เขาเครียดเอามากๆ...เครียดเรื่องที่ส้มท้อง...เรื่องที่เขาตัดสินใจเอาเด็กไว้...เรื่องที่จะต้องกลับไปดูแลส้มและลูก...และที่หนักใจมากที่สุดสำหรับเด็กหนุ่มวัยไม่ถึงยี่สิบอย่างอ้น...เขาจะแยกทางกับเต้ได้อย่างไร...อ้นเคยถามตัวเองมาตลอดตั้งแต่คบกับเต้ว่า “เขารักเต้รึ เปล่า...หรือว่าเขาติดหรู...ติดสบาย...เขามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย...มีรถเก๋งแพงๆขับ มีโทรศัพท์ใช้ มีเสื้อผ้าสวยๆและดูดี...ถ้าวันนึงต้องขาดสิ่งเหล่านั้นไป...อ้นจะอยู่ได้ มั้ย...แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...อ้นจะบอกกับเต้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยังไง” อ้นเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบริษัท ก่อนจะเดินลงจากรถแล้วก้าวเข้าห้องกรรมการผู้จัดการไปโดยไม่เคาะประตู
“มาแล้วหรือครับอ้น...วันนี้ไปไหนมาบ้าง” เต้ยิ้มและทักทายเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามา
“ไปมหาลัยมาครับแล้วก็ไปนั่งคุยกับเพื่อน...” อ้นไม่เฉไฉ เด็กหนุ่มพูดความจริงเสมอ
“เหรอ...ได้อะไรมาบ้างหล่ะ...” เต้ถามยิ้มๆ
“เปล่าหรอกครับพี่...แค่ไปนั่งกินข้าวกันมา...” อ้นตอบพลางนั่งลงข้างๆชายหนุ่ม อ้นโอบแขนกอดเอาไว้ สัมผัสอันอบอุ่นที่เด็กหนุ่มมอบให้นั้นมันทำให้เต้มีความสุขจริงๆ เต้นั่งทำงาน...คุยกับลูกค้าทั้งวันมันก็เหนื่อยแสนสาหัส...แค่เด็กหนุ่มอิงแอบและเคียงข้าง...เท่านี้ก็ทำให้เต้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้ว
“เหนื่อยมั้ยครับพี่...” อ้นกระซิบถามข้างหู เต้ขนลุก...มันวาบหวิวอย่างประหลาด จมูกโด่งๆของอ้นสัมผัสกับใบหูของเขาอย่างจงใจ
“เหนื่อยครับ...แต่แค่อ้นถามพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว...” เต้ยิ้ม
“เอาน้ำส้มสักแก้วมั้ยครับ...” อ้นใจหายวาบเมื่อเอ่ยถึง“ส้ม” เขาน่าจะเลี่ยงไปใช้คำว่า“น้ำผลไม้”แทน
“ก็ดีครับ...” เต้บอกพลางจับมือแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มเอาไว้
“เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะครับ” อ้นลุกจากที่วางแขนแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นด้านนอก ก่อนจะเทน้ำองุ่นมาให้ชายหนุ่ม
“นี่ครับพี่...” อ้นยื่นน้ำผลไม้ให้ตรงหน้า
“พี่เต้ครับ...ผมมีเรื่องจะปรึกษาพี่หน่อยน่ะครับ...” อ้นเริ่มเกริ่นนำออกมา
“อะไรครับอ้น...ไปคุยกันที่บ้านดีมั้ย...พี่เสร็จงานแล้ว...กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะนะ...” เต้หันไปคว้าเป้มาใส่โน๊ตบุ๊ค
“ก็ได้ครับพี่...” อ้นเดินนำออกมาจากห้องทำงานอย่างว่าง่าย
บนถนนที่การจราจรติดขัด มันอึดอัดและเนิ่นนานสำหรับความรู้สึกของเด็กหนุ่ม “เมื่อไหร่จะถึงบ้านซักทีนะ”อ้นคิดในใจเหม่อลอยจนเต้ผิดสังเกต
“เป็นอะไรรึเปล่าอ้น...” เต้วางมือลงบนมือเด็กหนุ่ม
“ปะ...เปล่าครับ...” อ้นตอบตะกุกตะกัก
“หาอะไรทานก่อนดีมั้ยครับ...” เต้หิวมาก ตั้งแต่ตอนสายๆเต้ยังไม่มีเวลาทานอะไรเลย
“หิวเหรอครับพี่...ไปสิครับ...พี่จะทานอะไรครับ” อ้นออกจากโลกของความฟุ้งซ่านหันมาดูแลคนที่อยู่ข้างกาย
“ไปอินเลิฟก็แล้วกัน” อ้นเลี้ยวขวาตรงทางแยกข้างหน้าทันที
สองหนุ่มนั่งทานอาหารกันที่ร้านอินเลิฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศเงียบๆแสงสว่างอ่อนละมุนละไมจากแสงจันทร์วันคืนเดือนเพ็ญ และบทเพลงอันไพเราะจากโฟล์คซองขับกล่อม
“พี่เต้ผมขอเบียร์นะครับ...” ปกติอ้นไม่เคยขอแบบนี้
“จะดื่มเบียร์เหรอครับ...” เต้ถามเพราะไม่แน่ใจก่อนจะกวักมือเรียกพนักงาน
คืนนั้นกว่าจะออกจากร้านได้ก็ดึกเอาการเพราะอ้นเริ่มจะลื่นไหลไปกับรสชาติและดีกรีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เต้เองก็มีความสุขมากๆ สองหนุ่มเกือบเมาแต่ก็พากันกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัย...“ไม่เมาไม่กลับ”ตามโครงการของ“สสส.”(ส่งเสริมสุขภาพผู้ดื่มสุรา...อิอิ)
“พี่เต้ครับ...” อ้นกอดร่างบางนั้นไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง
“ครับอ้น...” เต้กอดและหอมแก้มเด็กหนุ่ม พลางเอามือจับเส้นผมที่ปรกหน้าผากใสๆ...
“พี่รักอ้นนะครับ” เต้บรรจงจูบปากบางสวยของอ้นไว้ กลิ่นรสของเบียร์ยังกรุ่นอยู่ เรียวลิ้นกระหวัดรัดเกี่ยวกันไว้ ความหอมหวานของริมฝีปากของเด็กหนุ่มทำเอาร่างบางๆของเต้สั่นสะท้าน เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกถอดและเหวี่ยงไปทุกทิศทุกทาง สองร่างขาวเปลือยกอดก่ายกันบนเตียง แสงไฟบนเพดานขับผิวของทั้งสองให้ขาวโพลน ผมกระเซิงไม่เป็นทรงของอ้นแม้จะดูรุ่มร่ามแต่ก็เซ็กซี่ยามไร้ซึ่งสิ่งใดๆปกปิดเรือนกาย แก่นกายขนาดยาวแต่ไม่เกินกว่าที่ริมฝีปากของชายหนุ่มจะรับไหว บั้นเอวของเด็กหนุ่มกระทั้นเยือกขึ้นลงตามจังหวะของเสียงสวรรค์...อ้า ...อ้น...
“ขอบคุณครับพี่เต้” อ้นพูดพลางซบลงหอบกับซอกแขนของชายหนุ่ม
“ดีมั้ยครับอ้น...พี่รักอ้นที่สุดเลย...ชีวิตนี้พี่คงขาดอ้นไม่ได้แน่...” เต้พร่ำพรรณนาถึงความรู้สึกประดามี
“ผมก็รักพี่...” อ้นพูด...ใจจริงแล้วเขาเองไม่อยากจะฟังสิ่งที่เต้พูดสักเท่าไหร่ เพราะยิ่งฟังมันก็ยิ่งเจ็บ...เจ็บที่จะต้องสารภาพอะไรบางอย่าง
“พี่เต้ครับ...ผมมีเรื่องจะปรึกษา...” อ้นพูดประโยคนี้อีกครั้ง
“อืม...เรื่องอะไรครับ...” เต้จับหน้าของอ้นมาใกล้ๆ
“พี่เต้...ผม-ทำ-ส้ม-ท้อง” อ้นพูดช้าๆชัดๆ มันทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง....