มา +1 ให้อีกทีนะคร้าบ ผมชอบจัง ตรงที่ม่ายเจอกันซักทีเนี่ย ลุ้นดีนะคร้าบ
ได้ลุ้นแน่ครับ
ต่อบทที่ 5 นะครับ
5
ธีรดนย์เอนศีรษะลงกับเบาะรถเบ็นซ์คันหรู ถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะที่เลขาผู้เก่งกาจที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้หมดสภาพ ควักยาดมขึ้นมาสูดดม
เจ้านายได้กลิ่น จึงลืมตาขึ้นแล้วเอียงหน้ามาถามว่า "แค่นี้จะเป็นลมแล้วหรือคุณเต้ย"
"ก็เล่นพากันไปยืนตากแดดแบบนั้น จะไม่ให้ผมหน้ามืดได้ยังไง คราวหลังไม่ต้องเอาผมไปด้วยนะ คนงานประท้วง ไม่ใช่เรื่องของเลขา" เต้ยอ้าปากพ่นลมหายใจ
"ทำไมจะไม่ใช่ จำคำสาบานที่ให้กับคุณพ่อไม่ได้หรือว่า คุณจะอยู่เคียงข้างผมตลอด และช่วยผมทำงานไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย จะดูแลผมระหว่างที่พ่อกับทินไม่อยู่"
"รวมถึงช่วยเรื่องบรรดาคู่นอนคุณด้วยใช่ไหม วันนี้ผมโดนสารินโทรเฉ่งย่อยยับเพราะคุณไม่ต้องการเจอหน้าอีก"
"ใครบอก" ธีรดนย์หลับตาพริ้ม "ผมเพียงแค่อยากให้เขาพักร้อนซักสองสามเดือน ตอนนี้ผมเจอคนใหม่ สดและใสกว่า ก็ต้องทุ่มเวลาให้เต็มที่หน่อย"
"ถ้าเป็นเรื่องงาน เต้ยไม่เคยหวั่น แต่เรื่องแบบนั้น เต้ยไม่ถนัด เขายังมีหน้ามาหาว่าเต้ยจะเก็บคุณไว้กินคนเดียว บ้าที่สุด คิดได้ไง อย่างเต้ยนี่หรือจะกินคุณ แค่คิดก็ท้องอืดแล้ว" เต้ยเบ้ปาก
"น้อยๆ หน่อยนะคุณเต้ย นี่รู้ไหมกำลังพูดกับใคร"
"พูดกับคุณธีรดนย์ เจ้านายผมเองครับ"
"ไม่ใช่แค่นั้นนะ" ธีรดนย์ลืมตาขึ้นมา ผงกศีรษะขึ้นมาจากเบาะ หันไปมองหน้าเลขาที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกซึ่งไม่ใช่เพราะอายแต่เพราะวันๆ แทบไม่เคยตากแดด "คุณกำลังพูดกับชายหนุ่มรูปหล่อเสน่ห์แรง ที่ใครๆ ต่างก็หมายปอง แล้วผมก็ส่ายหน้าหรือพยักหน้ากับใครก็ได้ทั้งนั้น"
"ทำไมหลงตัวเองแบบนี้" เต้ยถอนหายใจ
ธีรดนย์อมยิ้มอย่างภูมิใจแล้วบ่นว่า "แล้วนี่เลิกดมยาดมซะทีได้ไหม กลิ่นฉุนจะตาย"
"ก็ผมจะไม่ไหวอยู่แล้ว"
"รู้จักออกจากห้องแอร์ซะบ้าง วันๆ เอาแต่นั่งทำหน้าหล่อ เอ๊ะ หรือนั่งทำหน้าสวย"
"คุณธีรดนย์พูดแบบนี้ก็เกินไป เท่าที่ทราบ ผมมัวแต่ยุ่งทำอะไรไม่เป็นเรื่องให้เจ้านายอยู่นะครับ"
"แล้วอย่าลืมรายงานให้คุณพ่อทราบล่ะ ว่าลูกชายคนโตพ่อทำผลงานอะไรไว้ จะได้รู้ว่าผมก็ทำงานเป็น และจัดการปัญหาอะไรได้ดียิ่งกว่าใคร" ธีรดนย์เปลี่ยนเรื่องทันทีที่เลขาทำเสียงเย็นชา
"จะรายงานให้ทราบทุกอย่างเลยครับ ว่าท่านประธานคนใหม่ขู่ว่าจะไล่พนักงานที่ประท้วงออกทุกคนหากไม่กลับเข้าทำงาน และหากใครเลิกประท้วง จะให้เงินคนละหนึ่งพันบาท นี่เสียเงินไปเป็นแสน"
"แค่แสนเดียวนะเต้ย แลกกับผลประโยชน์ที่จะหายไปเป็นล้าน เป็นคุณจะทำแบบผมไหมล่ะ เสียเวลาพูดอะไรนาน ร้อนแดดก็ร้อน นี่ถ้าไม่ห่วงว่าคุณจะเป็นลม ผมไม่ยอมตัดสินใจแบบนั้นหรอก"
"ถ้าคุณห่วงว่าผมจะเป็นลม ก็คงไม่ลากผมออกไปที่โรงงานด้วยหรอก" เต้ยสวนกลับทันที "แต่ก็ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง ผมซึ้งในความมีน้ำใจของคุณดนย์มาก"
"ไม่ต้องมาประชด" ธีรดนย์เอนศีรษะลงกับพนักพิงเบาะรถแล้วหลับตาลงอีกครั้ง "แล้วนี่ทำไมพ่อจะต้องไปตีกอล์ฟที่บาหลีด้วย"
"ท่านไปตีกอล์ฟกับประธานบริษัท Rising Sun Beverage และ ซีอีโอ ของเซียมซีกรุ๊ป"
"คงเขย่าเซียมซีกันสนุกละสิท่า แล้วทินล่ะ เมื่อไหร่จะฮันนี่มูนเสร็จซะที ป่านนี้ไม่ได้ลูกเป็นโหลแล้วหรือ"
"ปากหรือนั่น" เลขาค้อนเจ้านาย
"เต้ย ผมจะไม่ไหวแล้วนะ ถ้าเจออะไรแบบนี้อีก ต้องแย่แน่ๆ" ธีรดนย์ส่ายหน้า
"ขาย The Dazzle ทิ้งสิครับ แล้วก็มาทำที่นี่เต็มตัว มีคนอยากได้อยู่ตั้งหลายคน คุณวิ่งรอกทำงานสองที่ไม่ไหวหรอก"
"จริงสิ หนึ่งเดียวก็เหลือทน" ธีรดนย์พยักหน้าเห็นด้วย "แล้วยังมีเลขาสองคนอีกต่างหาก "
"คุณดนย์" เต้ยทำหน้าบึ้ง เสียงเข้ม
"แต่ที่คลับเงินดีนะเต้ยนะ"
"ก็ห่วงแต่เงิน" เต้ยทำเสียงเห็นใจ แต่ประโยคต่อมาทำให้คนฟังต้องสะดุ้ง "กับอาหารที่มาพร้อมกันเงิน"
...อะไร หมายความว่ายังไง เลขาเขาพูดอะไรมีความหมายแฝงอีกแล้ว...
ธีรดนย์กำลังจะหันหน้าไปเอาเรื่อง แต่ทันใดก็สะดุ้งเพราะเต้ยก็อุทานขึ้นมาเสียงดัง
"โอ๊ย ตายแล้ว ลืมไปเสียสนิท"
"ใครตาย แฟนตายหรือ มีกับเขาด้วยหรือคุณเต้ย" ธีรดนย์หัวเราะเบาๆ
"คุณธีรดนย์ครับ อย่ามาดูถูกกันนะ ผมจะหาแฟนให้ได้เยอะกว่าคุณก็ยังได้"
"น้อยๆ หน่อย รู้หรือเปล่าว่าแฟนผมมีกี่คน นิ้วมือกับนิ้วเท้ามีพอนับได้ไหมล่ะ นับไหวหรือเปล่า" เจ้านายท้าทาย
"เหล่านั้นไม่เรียกว่าแฟน เขาเรียกว่าคู่ขา แฟนกับคู่นอนมันต่างกันนะครับเจ้านาย แต่ก็อย่างว่า พูดไปก็ไม่เข้าใจเพราะคุณไม่มีหัวใจ คนอย่างคุณธีรดนย์รูปหล่อพ่อรวย คงไม่รู้จักความรักกับเขาหรอก"
"ใครว่า"
"จริงนะ เต้ยกล้าเอาหัวเป็นประกัน คนอยางคุณดนย์ไม่มีวันหาแฟนได้ แฟนที่หมายถึงคนรักนะครับ แฟนที่ไม่ใช่แค่คนที่คุณจับเขาถอดเสื้อฟ้าแล้วกระโดดขึ้นคล่อมหลังแต่เพียงอย่างเดียว เสียวแล้วก็เลิก" เต้ยเบ้ปาก
"ผมหมายถึงพ่อรวยต่างหากล่ะ ผมรวยของผมเอง แค่มรดกคุณปู่กับคุณย่าและคุณตากับคุณยายที่ให้ผมคนเดียวห้าสิบเปอร์เซ็นต์ กับรายได้จาก The Dazzle พ่อก็เทียบไม่ติด และคุณานนท์บริวเวอรี่นี่ก็เป็นของผมสามสิบเปอร์เซนต์"
"สงสารคุณทิน" เต้ยถอนหายใจ "ช่วยพ่อทำงานมาตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลายแล้วได้แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนคุณมีแต่สำมะเลเทเมา จบปริญญาจากเมืองนอกแล้วก็มาหลอกปู่ย่าตายายให้หลงรัก เปิดคลับมอมเมาประชาชน แล้วต้องทนมาทำงานบริษัทพ่อ"
"เต้ย ชักจะมากไปแล้วนะ" ธีรดนย์ถลึงตา "เขาเรียกว่าให้โดยเสน่ห์หา"
"คุณทินมาก่อนคุณ ผมทำงานกับคุณทินมาก่อน แต่คุณแย่งผมมา" เลขาคนเก่งทำตาค้อนเจ้านาย
"จะกลับไปไหมล่ะ ถ้าทินกลับมา จะส่งคืนไปทำงานกับทิน จะได้นั่งแคะเล็บทั้งวัน"
"โอ้โห เท่จัง" จู่ๆ เต้ยก็เปลี่ยนสีหน้าเบื่อๆ เป็นตื่นเต้นปนชื่นชม หันขวับมองออกไปนอกหน้าต่างรถทันที ธีรดนย์ลืมตา ผงกหัวขึ้นแล้วหันตามเลขาคู่ใจที่นั่งอยู่ทางด้านขวา แต่แล้วก็ต้องเด้งตัวขึ้นมา หันไปเกาะเบาะหลัง มองตามท้ายรถมอเตอร์ไซด์ที่วนทางไปด้วยความเร็วสูง ซึ่งตอนนี้เห็นแต่ท้ายรถไกลๆ
"มองก้นเขาอีกละสิ" เลขาคนเก่งเบ้ปาก
"ปากหนอปาก เดี๋ยวรอให้ทินกลับมาก่อนเถอะ"
"ส่งผมกลับไปทำงานกับคุณทินระวังจะเสียใจภายหลัง อยากจะรู้นัก เลขาคนใหม่จะรับมือคุณได้ซักกี่น้ำ ฝ่ายบุคคลคงต้องทำงานหนักกว่าเดิมเป็นสองเท่าเพราะมัวแต่หาเลขาใหม่ให้คุณทุกสองอาทิตย์"
"เขาเปลี่ยนชื่อเป็นผู้อำนวยการแผนกทรัพยาการมนุษย์แล้วไม่ใช่หรือคุณเลขา" ธีรดนย์ได้ที
คุณเลขาไม่ตอบ แต่ทำตาค้อนและเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะโดนย้อน
หลังจากที่ "ปะคารม" กันแล้วพอให้หายเบื่อ เจ้านายและเลขาที่ปากคอทันกันจึงต่างคนต่างนั่งนิ่งเงียบอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลาหลายอึดใจ จนใกล้จะถึงประตูทางเข้าบริษัท ธีรดนย์จึงพูดขึ้นมาว่า
"แต่เอ๊ะ มอเตอร์ไซด์คันนั้น สวนทางเราไปเมื่อกี้ก็หมายความว่า น่าจะออกจากบริษัทเรานี่นา"
"เพราะนี่คือถนนเข้าบริษัทเรา" เต้ยเสริม
"แล้วทำไมไม่เตือนผม" ธีรดนย์คำราม
"เต้ยเตือนแล้วคุณจะให้คนขับรถยูเทิร์นไล่ตามเขาไปหรือไง แค่สวนทางกันเราก็หันไปมองตามจนคอหมุนได้ร้อยแปดสิบแปดองศา คงตามทันหรอก" เลขาไม่ยอมแพ้
"แล้วทำไม่ไม่กักตัวเอาไว้ตามที่สั่ง" ธีรดนย์พ่นลมหายใจออกมาอย่างฉุนเฉียว
"เอ่อ เรื่องนี้เต้ยไม่ทราบ แล้วเต้ยจะไปหาข้อมูลให้" เลขาเสียงอ่อน
"ไม่ต้อง" ธีรดนย์ปฏิเสธห้วนๆ "แค่สั่งให้ยามหน้าประตูขึ้นไปหาผม"
"เรื่องแค่นี้ไล่เขาออกไม่ได้นะครับคุณธีรดนย์ เขามีสิทธิ์ฟ้องกระทรวงแรงงานได้นะ"
"ทำตามที่บอกเถอะ"
"ได้ครับเจ้านาย ผมถูกจ้างให้มาทำตามที่สั่งอยู่แล้วนี่ เรื่องไล่จับมอเตอร์ไซด์เอย เรื่องตาม..." เต้ยชะงักเหมือนนึกอะไรได้บางอย่างแล้วจึงพึมพำเบาๆ ว่า "เรื่องตามเจ้าของบริษัทปากแดงคนนั้นมาพบ"
"คุณเต้ย" ธีรดนย์เสียงเข้ม ทำหน้ายักษ์ใส่เลขาที่ขยับไปจนชิดประตูรถอีกด้าน
"เต้ยลืม เต้ยอุทานขึ้นมาแล้วเมื่อกี้ แต่คุณมาสบประมาทว่าเต้ยไม่มีปัญญาหาแฟน เลยไม่ได้บอกว่านึกอะไรออก"
ธีรดนย์ถอนหายใจเสียงดัง แล้วส่ายหน้า หันมามองเลขาด้วยสายตาขวางๆ อีกครั้ง
"รู้แล้วครับ จะตามให้ใหม่อีกรอบ"
"เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้" ธีรดนย์ชี้นิ้วสั่ง
"แต่ยังไงก็ต้องหลังจากมะรืนนี้ล่ะ สุดสัปดาห์นี้คุณมีคิวเต็มเหยียด โดยเฉพาะงานประชุมทวิภาคีผู้ประกอบการภาคเอกชนกับภาครัฐฯ งานนี้เหลวไหลไม่ได้ รัฐมนตรีพาณิชย์เอย รัฐมนตรีคลังเอย ใครต่อใครใหญ่ๆ ทั้งนั้นเอย และไปไกลถึงหัวหินเอย"
"ทำไมนะทำไม" ธีรดนย์คราง
"เดี๋ยวก็ได้เจอตัวแล้วครับ ระหว่างนี้ ผมจะหารูปภาพเอาไว้ให้ดูต่างหน้า"
"ผมหมายถึงประชุม" น้ำเสียงธีรดนย์อ่อนระโหยโรยแรง เอนศีรษะลงกับเบาะรถและหลับตาลงช้าๆ อีกครั้ง
"ไปนวดไหมครับ ผมรู้จักสปาดีๆ ที่นวดได้เก่งมาก รับรองว่าจะทำให้คุณดนย์ผ่อนคลาย เสมือนเป็นคนใหม่เลยทีเดียว แต่สปาที่นี่นวดเฉยๆ ไม่มีนาบนะครับ"
"ไม่ไป"
เต้ยอมยิ้ม มองใบหน้าคมสันของเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาขำๆ รู้สึกทั้งสงสารทั้งหมั่นใส้ ทั้งอ่อนใจทั้งเป็นห่วง
...ธีรดนย์ ท่าทางเจนจัดช่ำชอง แต่เรื่องรู้จักความรักยังห่างไกลยิ่งนัก...
...หมั่นใส้ที่ช่างเจ้าชู้และเจ้าสำราญนัก เปลี่ยนคู่นอนใหม่เป็นว่าเล่น เข้าทำนองได้แล้วทิ้ง แต่ก็น่าสงสารที่จะหาคนที่รักจริงนั้นคงยาก คนที่คบกับธีรดนย์ต่างก็หวังผลตอบแทนจากชายหนุ่มทั้งนั้น...
...เจ้าชู้นัก ต้องทำให้ตกหลุมรักใครซักคนแบบหัวปักหัวปำ จะได้รู้สึกเสียบ้าง ทำคนอื่นมาเยอะ คราวนี้คนเจ้าชู้ระดับประธานสมาคมคนเจ้าชู้แห่งประเทศไทยต้องได้รับบทเรียน...
...นักซิ่งหน้าขาวๆ คิ้วเข้มๆ จมูกโด่งๆ ปากแดงๆ นี่ล่ะเป็นเครื่องมือ...
ทันที่ที่รับโทรศัพท์ ศรายุธก็ต้องอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงสดใสร่าเริงของ 'คุณเลขา' ที่โทรมาหาเขาวันละสามสี่ครั้ง
"ผมต้องขอโทษคุณศรายุธมากเลยครับที่โทรมารบกวนบ่อยครั้ง คุณธีรดนย์เจ้านายผมตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าช่างคอมพิวเตอร์คนที่ขอให้มาพบนั้นใช่คนเดียวกันกับคุณวิธวินท์หรือเปล่า"
"เท่าที่บอกลักษณะมาก็น่าจะใช่ครับ เพราะช่างของเราที่เข้าไปทำงานก็มีไม่กี่คน" ศรายุธตอบเสียงนุ่มเช่นเคยโดยที่ไม่รุ้ว่าปลายสายอีกด้านหนึ่งกำลังยิ้มกว้างทำตาเคลิ้มเพราะหลงเสน่ห์เสียงทุ้มๆ ของตัวเอง
"คุณศรายุธมีรูปภาพของคุณวิธวินท์ซักรูปไหมครับ ผมจะให้คุณธีรดนย์ดู ให้แน่ใจว่าถูกคน ไม่ยังงั้นจะเสียเวลาคุณวิธวินท์มากหากมาแล้วปรากฏว่าผิดตัวเหมือนครั้งที่คุณศรายุธมา ผมไม่อยากโดนเจ้านายดุด้วย" เต้ยขอรูป 'จำเลย' มาให้เจ้านาย
...ไม่ใช่แค่ทำประแจหล่นเฉียดหัวและจงใจขัดคำสั่งที่ให้ขึ้นมาพบ แต่รวมถึงแอบเข้าไปในคลับหรูโดยไม่จ่ายเงินค่าสมาชิกและค่าผ่านประตูอีกต่างหาก...
ศรายุธอึกอัก ไม่แน่ใจว่าควรจะตัดสินใจอย่างไร แต่คุณเลขาถือโอกาสตอนที่ชายหนุ่มลังเล อ้อนวอนเสียงอ่อนพร้อมยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาอธิบาย จนเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ต้องตอบตกลง และสัญญาว่าจะส่งให้ทางอีเมล์
"ทางโทรศัพท์ดีกว่าครับ สะดวดกว่า ส่งมาที่เบอร์ของเต้ยนะครับ 081-825-0707"
"ผมส่งไม่เป็น" ศรายุธอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา ทำให้คนฟังหัวเราะร่า แล้วล้อว่าทำงานบริษัทคอมพิวเตอร์แต่ส่งรูปภาพผ่านโทรศัพท์มือถือไม่เป็น
"ผมบริหาร ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเรื่องโทรศัพท์มือถือ"
"ถ้าว่าง เต้ยจะสอนให้" เลขาคนเก่งเสนอตัวช่วยเหลือ
"เมื่อไหร่ครับ" ศรายุธเผลอหลุดปากถาม ทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะตอบว่า
"เอ่อ ยังไม่ทราบครับ แต่ว่า..." เต้ยอึกอัก เกิดสมองตื๊อขึ้นมาเฉยๆ "อืม ก็คงอีกไม่นานครับ"
"ถ้ายั้งงั้น ตอนนี้ผมจะส่งให้ทางอีเมล์ไปก่อน" ศรายุธสรุป เต้ยตอบรับแล้วบอกลักษณะของรูปที่อยากให้ศรายุธส่งให้ แต่อีกฝ่ายกลับมีคำถาม
"ไม่เอารูปที่เป็นทางการหรือครับ"
"เอารูปที่ตัวตนปกติดีกว่าครับ จะได้เหมือนตัวจริง"
"ตัวจริงของวิธวินท์ก็เรียบๆ นิ่งๆ รูปภาพแบบที่คุณเต้ยอยากได้ไม่ค่อยมีหรอกครับ หายาก" ศรายุธพยายามนึกภาพตาม
"ต้องมีบ้างสิครับ รูปที่ยิ้มไร้เดียงสา หรือเอียงหน้าทำตาเล่นกล้อง รูปแบบนั้นใครๆ ก็ถ่าย นี่ถ้าตอนนี้ว่างนะ เต้ยอยากจะไปช่วยคุณนั่งเลือกด้วยซ้ำ แต่ว่าต้องเร่งทำงานให้เจ้านาย นี่จะบีบคอเต้ยอยู่แล้ว ตอนที่มาพบคุณธีรดนย์ คุณศรายุธก็เห็นว่าเจ้านายเต้ยดุ"
"ครับๆ ผมจะรีบจัดการ"
"ขอบคุณมากนะครับ เต้ยไม่รู้จะตอบแทนคุณศรายุธยังไงดี" เลขานุการของธีรดนย์ทำเสียงจริงจังแล้วขอบคุณศรายุธอีกครั้งก่อนจะวางสายไป ในใจก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าศรายุธก็ดูจะชอบเขาอยู่เหมือนกัน
...ตอบแทนด้วยตัวของเขา ศรายุธจะยอมรับหรือเปล่าก็ไม่รู้...
...ถ้าทุกอย่างสำเร็จ สองบริษัทนี้จะได้มีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นซะที...
ธีรดนย์หยิบแฟ้มเอกสารแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน หันไปมองโต๊ะของเลขานุการก็เห็นว่าฝ่ายนั้นกลับไปแล้ว ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นกระดาษแปะอยู่ด้านหลังของจอคอมพิวเตอร์มีข้อความเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบต่างจากลายมือของเขาโดยสิ้นเชิงว่า "อย่าลืม อย่าเที่ยวและเมาจนลืมประชุมพรุ่งนี้ที่หัวหินนะครับ จะส่ง SMS ไปเตือน"
...เรื่องเที่ยวและเมานั้นไม่ลืมหรอกคุณเต้ย เรื่องไปประชุมก็ไม่ลืม แต่เรื่องไปแล้วเบี้ยวนี่ไม่รับประกัน...
เย็นวันศุกร์ หลังเลิกงานธีรดนย์ไม่เคยว่าง ข้างกายจะต้องมีใครซักคนอยู่ด้วยเสมอ แต่คืนนี้ขอยกเว้นเพราะไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ดึก และพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ชายหนุ่มจึงไปถึงคลับ The Dazzle เวลาห้าทุ่มเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย และเพื่อ 'ย้ำ' กับยามหน้าประตูว่า หากมี 'ใคร' แอบเล็ดลอดเข้าไปในคลับได้ ให้ 'ส่ง' ขึ้นไปหาเขาที่ห้องทำงาน
...จะขังลิงรูปหล่อคนนั้นไว้ในห้องซะเลย สั่งให้ไปพบที่ทำงานก็ไม่เคยเลยที่จะทำตาม...
...และเขาก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเต้ยหรอกว่าให้วิธวินท์ไปพบ เต้ยเห็นเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์และเรื่องมากเกินเหตุ แค่เรื่องเล็กน้อยก็เรียกเจ้าของบริษัทมาพบและขู่ว่าจะเลิกจ้างงาน ที่บอกว่าตามวิธวินท์ เขาคิดว่าเต้ยไม่ทำตามคำสั่ง...
...เต้ยจะไปรู้อะไร ที่บอกว่ารู้ใจเขา ไม่จริงทุกอย่างและไม่จริงทุกครั้งไปหรอก ตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ ต่อให้มีสองเต้ยก็นึกไม่ออก นี่คงไม่รู้หรอกว่า ภาพใบหน้าคนที่เกือบทำประแจหล่นใส่หัวเขานั้นล่องลอยอยู่รอบๆ คอยรบกวนจิตใจเขาบอกไม่ถูก...
...ทำไม...
...วันนั้นใต้อาคารค่อนข้างมืด พอเขาชะงักเพราะมีอะไรหล่ลงมาเฉียดศีรษะและเงยหน้าขึ้นไป แสงสะท้อนจากด้านนอกสะท้อนเข้าไปที่หน้าของ 'ลิงรูปหล่อ' ที่นั่งห้อยตัวอยู่บนรางเหล็ก เห็นแต่หน้าขาวๆ ลอยอยู่เหนือศีรษะ ตาโตคมกริบ ดูเศร้าๆ และรั้นในเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นประกายน่าค้นหา คิ้วเข้มปลายเฉียงขึ้นด้านบนแสดงให้เห็นถึงความ 'ดื้อ' จมูกโด่งเป็นสัน ปลายเชิดนิดๆ...
...ปากอิ่มเต็ม แดงระเรื่อ น่าจูบ...
ขณะที่ธีรดนย์กำลังคิดถึง 'ลิงปากแดง' อยู่เพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ผู้บริหารหนุ่มถอนหายใจเบาๆ และรับโทรศัพท์เสียงเข้ม
"คุณเต้ย นี่หกโมงจะทุ่มแล้ว มีอะไรจะสั่งเสียผมไม่ทราบ"
"เปล่าสั่งครับ ใครจะไปกล้า ผมเพียงแต่โทรมาเรียนเตือนให้ทราบว่า คืนนี้ก่อนหกทุ่ม คุณดนย์อย่าปิดมือถือ และห้ามลบเอ็มเอ็มเอสผมโดยไม่เปิดอ่านเด็ดขาด เพราะถ้าทำเช่นนั้น คุณจะเสียใจจนอยากจะกัดลิ้นตัวเอง และผมก็จะไม่ส่งอีกเป็นรอบสอง" เลขาสั่งเจ้านายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่ต้องโทรตามนะ คืนนี้จะไปคลับ จับนักร้องมาฝึกร้องเพลงและนอนด้วยซักคน" ธีรดนย์เสียงเข้ม
"พูดซะเห็นภาพ" เลขาช่างจินตการหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดประโยคต่อมาแล้ววางสายไปดื้อ "น่ารักจริงๆ คนอะไร เดี๋ยวรอรับเอ็มเอ็มเอสผมนะครับเจ้านาย"
ธีรดนย์ยืนขมวดคิ้วเพราะความงงผสมกับความช๊อคที่โดนชมว่าน่ารัก
...จะบ้าหรือเต้ย อย่าบอกนะว่ามาหลงเสน่ห์เขาอีกคน ทำงานมาด้วยกันไม่เห็นมีวี่แวว อยู่เฉยๆ จะมาชอบเขาหรือนี่ ไม่เอาด้วยหรอก ได้เป็นโรคประสาทตายพอดี...
...แต่เอ็มเอ็มเอสอะไร...
...หรือว่าเป็นรูปที่เต้ยถ่ายตัวเองแล้วส่งมาอวดเขา ไปกันใหญ่แล้ว ลองดูสิ ถ้าเลขาส่งรูปเซ็กซี่ตัวเองให้เจ้านายดู เขาจะไล่ออกจริงๆ ด้วย...
ธีรดนย์ส่ายหน้า ก้าวขึ้นรถ แล้วขับออกไป ครั้นถึงป้อมย้อมก็นึกได้ว่าเลขาหัวแข็งยังไม่ส่งยามขึ้นไปพบ เขาเลยลดกระจกรถลง เล่นงานยามจนสามคนที่นั่งอยู่ในป้อมยามประตูบริษัทหน้าซีด ตัวสั่นงันงก
"ครั้งนี้จะเมตตา แต่ครั้งหน้าโดนหนัก จำเอาไว้ มอเตอร์ไซด์คันนั้นมา ให้ส่งตัวขึ้นไปหาผมทันที" ธีรดนย์สั่งแล้วทะยานเบนซ์เอสคลาสสีดำคันใหญ่ออกไปอย่างเร็ว ปล่อยให้ยามทั้งสามคนมองตามด้วยสีหน้าเหมือนกลัวจะถูกประหารชีวิต
*********5***********