ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0**************************************************************
Honesty - รักนี้ขอความจริงใจคืนวันศุกร์...
เสียงดนตรีจากวงที่กำลังเล่นสดอยู่บนเวทีดังกระหึ่มไปทั้งร้าน บีตกลองประสานเข้ากับเสียงกีตาร์ เบสและคีย์บอร์ดเป็นจังหวะเร่งเร้าเอาใจเหล่าผีเสื้อราตรีที่กำลังวาดลีลากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมยิ้มให้กับสาวน้อยในเสื้อรัดรูปที่จงใจเบียดเนินอกขาวผ่องเข้ากับอกผมระหว่างทางที่เธอจะเดินผ่านไปห้องน้ำก่อนจะปรายตาไปยัง “เขา” ที่กำลังยืนถือขวดเบียร์และโยกตัวตามจังหวะดนตรีอยู่กับเพื่อนอีกสองคนตรงโต๊ะด้านในสุด
แม้ความสลัวบวกกับระยะห่างอาจทำให้มองรายละเอียดได้ไม่ชัดเจน แต่เขาคนนั้นดูเหมาะสมกับคำบรรยายลักษณะว่า “เด็กหนุ่ม” มากกว่า “ชายหนุ่ม” เพราะจากจุดที่ผมยืนอยู่ก็พอบอกได้ว่าเจ้าของเครื่องหน้าที่ลงตัวนั้นดูอ่อนวัยจนไม่น่าเชื่อว่าจะอายุถึงเกณฑ์เข้าผับนี้ได้ เชิ้ตลำลองขนาดพอดีตัวที่เขาใส่ช่วยขับเน้นรูปร่างเพรียวที่ค่อนข้างผอม และเมื่อร่างนั้นขยับตามจังหวะดนตรีก็จะทำให้เกิดหลืบเงาบนร่างจากแสงไฟที่ไม่ได้สว่างไสวนักในร้าน
ภาพนั้นดึงดูดสายตาผมให้มองไปทางเขาบ่อยๆจนเพื่อนที่มาด้วยกันคงรู้เลยทำท่าสะกิดบอกเจ้าตัว ตอนแรกเขาก็แสดงท่าทางไม่ใส่ใจนัก แต่ผมก็เห็นว่านัยน์ตาที่เป็นประกายวาววามล้อแสงไฟคู่นั้นแอบเหลือบมาทางผมเป็นระยะ ผมเลยตั้งใจจ้องอย่างเปิดเผยให้เจ้าตัวรู้ว่าผมมองอยู่จริงๆ เมื่อสายตาเราทั้งคู่ประสานกันเขาก็แสดงท่าทางขัดเขินเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนของเขาต่อ แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้ดีว่าสายตาคู่นั้นแอบฉวยโอกาสยามเพื่อนๆของเขาเผลอชำเลืองมาทางผมอีกหลายครั้ง
คืนนั้นผมออกมาก่อนที่ผับจะปิดด้วยความเสียดายโดยมีภาพของ “เขา” ประทับแน่นอยู่ในความทรงจำ
....
คืนวันศุกร์ สองสัปดาห์ถัดมา...
หลังเลิกงานผมแวะกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะขับรถกลับไปยังผับที่ผมได้เจอ “เขา” อีกครั้ง ปกติแล้วผับที่ดนตรีเสียงดังและคนเบียดเสียดแออัดอย่างนั้นไม่ใช่สไตล์ที่ผมชอบ บางทีคงจะเป็นเพราะผมพ้นวัยที่สนุกสนานกับความจอแจและเสียงดังระคายหูเช่นนั้นแล้วก็เป็นได้ แต่ความว้าเหว่ของการต้องอยู่คนเดียวในช่วงหลังๆนี้ก็ทำให้ผมอยากไปเปิดหูเปิดตาในสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จักบ้าง ความจริงผมเคยได้ยินเพื่อนนักเที่ยวหลายคนแนะนำร้านนี้มาก่อนแล้วแต่ไม่เคยคิดจะไปแวะไปจนเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา และผมคงไม่คิดจะกลับไปที่นั่นอีกถ้าไม่ใช่เพราะผมคาดหวังว่าอาจจะได้เจอ “เขา” เจ้าของนัยน์ตาหวานที่แม้ได้สบตากันจากระยะไกลก็ทำให้ผมหวั่นไหวคนนั้น
หากใครมาตั้งคำถาม ผมเองก็คงตอบไม่ถูกว่าทำไมถึงได้ติดใจ “เขา” นัก และหากวันนี้ได้พบเขาที่ผับนั้นอีกจริงๆผมจะทำอะไรเพื่อสานความสัมพันธ์กับเขามากไปกว่าการส่งสายตาให้หรือเปล่าผมก็ตอบไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นผมก็ทนความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหวจึงต้องหาคำตอบด้วยการมุ่งหน้าไปยังผับแห่งนั้นอีกครั้ง
หลังเทียบรถจอดที่หน้าร้านและยื่นกุญแจให้พนักงานเอารถไปจอดให้แล้ว ผมก็ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่หน้าทางเข้าตรวจก่อนจะก้าวเข้าไปภายใน คงเพราะผมมาตั้งแต่หัวค่ำเกินไปภายในร้านจึงยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง แต่บรรดาขาเที่ยวที่ทยอยตามเข้ามาไม่ขาดสายก็บ่งบอกให้รู้ว่าในไม่ช้าที่ว่างที่พอมีเหลืออยู่คงต้องถูกแย่งกันจับจองจนแทบไม่มีที่ยืนอย่างแน่นอน
ผมเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์และสั่งแจ๊ค แดเนียลส์ ออนเดอะร็อคมาจิบพลางกวาดตามองไปรอบๆร้าน ท่าทางพยับเมฆครึ้มที่ผมเห็นเมื่อตอนขับรถมาที่นี่จะเริ่มแปรสภาพเป็นพายุฝนแล้ว เพราะทุกครั้งที่ประตูร้านเปิดผมจะได้ยินเสียงซ่าของพายุฝนดังไล่หลังเข้ามา และลูกค้าบางรายที่เข้ามาสั่งเครื่องดื่มหรือนั่งอยู่โต๊ะไม่ห่างจากผมก็พากันบ่นกระปอดกระแปดเรื่องเสื้อผ้าและผมที่เปียกชื้นเนื่องจากหลบฝนไม่ทันระหว่างมาที่ร้าน
ผมยืนหันหลังพิงเคาน์เตอร์พลางละเลียดจิบวิสกี้และลอบสังเกตุบรรยากาศในร้านไปเรื่อยๆ หลายคนที่เดินแวะเวียนมาที่เคาน์เตอร์ยิ้มให้ผมพลางส่งสายตาเชิญชวนให้อย่างไม่ปิดบัง แต่ทุกครั้งผมจะเพียงยิ้มบางๆตอบก่อนจะหันกลับมาสนใจแก้วของเหลวในมือ หมุนช้าๆให้ความเย็นกระจายจากก้อนน้ำแข็งไปยังของเหลวทั่วแก้วแล้วยกขึ้นจิบ ผมยังไม่พบคนที่สนใจจากบรรดาชายหญิงมากหน้าหลายตาที่ผลัดเปลี่ยนกันเฉียดกรายเข้ามาในระยะสายตา และสำหรับผม หากไม่ใช่คนที่สามารถดึงดูดความสนใจของผมได้ตั้งแต่แวบแรกผมก็จะไม่เข้าไปทำความรู้จักให้เสียเวลา
“ขอโคโรนาสามขวดครับ”
เสียงที่ใสเด่นขึ้นมาจากเสียงดนตรีในร้านและคำลงท้ายประโยคทำให้ผมเหลือบไปมองคนสั่งอย่างสนใจ เพราะปกติแล้วผมไม่ค่อยเห็นผู้ชายสั่งเบียร์ยี่ห้อนี้นัก และวินาทีที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของผู้เป็นเจ้าของออร์เดอร์ หัวใจผมก็เต้นเร็วขึ้นพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นที่วาบขึ้นในอกทันที
ดูท่าเจ้าของมือเรียวที่กำลังยื่นมือไปจ่ายเงินและรับขวดเบียร์ใสซึ่งมีซีกมะนาวเสียบอยู่ที่ปากขวดจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจับจ้องจึงหันมา นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววประหลาดใจขึ้นครู่หนึ่งก่อนเจ้าตัวจะรีบปรับสีหน้าเป็นเหมือนเดิม ถ้าหากผมไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ผมคิดว่าเห็นประกายแห่งความยินดีในดวงตาคู่สวยที่หายไปแทบจะในทันทีที่กระพริบตา แต่ถึงกระนั้นผมก็เชื่อว่าผมไม่ได้พลาดสัญญาณนั้นอย่างแน่นอน
ผมยกแก้วเหล้าในมือขึ้นเป็นเชิงทักทาย “เขา” เมื่อได้เห็นใกล้ๆทำให้เห็นว่าใบหน้าเรียวรีที่มีคางแหลมมนนั้นยิ่งดูอ่อยวัยกว่าที่ผมจำได้เมื่อตอนที่มองจากระยะไกลเมื่อคราวก่อนเสียอีก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีลายพิมพ์กราฟฟิคบนอกเสื้อข้างหนึ่งสะท้อนแสงฟลูออเรสเซนต์ในร้านเป็นสีม่วงอมฟ้าอ่อนๆ ขับใบหน้าเนียนเกลี้ยงเกลาให้ยิ่งดูมีเสน่ห์ลึกลับชวนมอง บนติ่งหูเล็กข้างซ้ายมีตุ้มเพชรใสที่ล้อแสงจนเป็นประกายสวมอยู่
ริมฝีปากอิ่มได้รูปสีสดยกยิ้มตอบก่อนเจ้าตัวจะหลบตาผมแล้วหยิบขวดเบียร์ทั้งสามไปจากเคาน์เตอร์ ผมมองตามทิศทางที่เขาเดินไปเพื่อดูว่าโต๊ะของเจ้าตัวอยู่ที่ไหนแล้วก็เห็นว่าเขามากับเพื่อนก๊วนเดิม ท่าทางเพื่อนสองคนนั้นก็คงจะพอคลับคล้ายคลับคลาผมอยู่บ้างจึงทำท่ากระซิบกระซาบกับเขาก่อนจะตบไหล่เจ้าตัวอย่างหยอกล้อ เขาค่อยๆเอี้ยวคอกลับมามองผมอีกครั้งก่อนจะรีบหันหลบวูบเมื่อผมทำท่าชูแก้วให้ ท่าทางเขินอายเช่นนั้นทำให้ผมอดหัวเราะในคอไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีคนที่มาเที่ยวผับบาร์สมัยนี้ที่ทำท่าทางไร้เดียงสาได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้อยู่อีก
เวลายิ่งดึกขึ้นเท่าไหร่ ดนตรีที่วงประจำร้านเล่นก็ยิ่งทวีจังหวะความเร่าร้อนมากขึ้นเท่านั้น เรือนร่างของเหล่าขาแดนซ์ที่โยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะดนตรีบดบังโต๊ะที่ผมคอยมองอยู่เป็นบางช่วง ดูท่าทาง “เขา” จะกำลังสนุกกับบรรยากาศในร้านอย่างเต็มที่ ผมเองก็โยกคอกับเอานิ้วเคาะเคาน์เตอร์ตามจังหวะดนตรีบ้างเหมือนกัน แต่ผมเพลินกับการมองเขายามที่กำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆมากกว่า
เมื่อเพลงสุดท้ายจบลงและนักร้องเอ่ยอำลากับลูกค้าในร้านก่อนจะยกเวทีให้วงที่ต้องขึ้นเล่นต่อไป ผมเห็นนัยน์ตาหวานของคนที่ผมคอยจับจ้องอยู่เหลือบมาทางผมอย่างมีความหมายก่อนเจ้าตัวจะผละจากเพื่อนร่วมโต๊ะ ผมเห็นดังนั้นก็รีบยกแก้วที่เหลือวิสกี้ติดอยู่เพียงก้นแก้วขึ้นดื่มจนหมดแล้วเดินเบียดฝูงคนที่กำลังส่งเสียงจ้อกแจ้กอยู่เพื่อเดินตามทิศที่ “เขา” กำลังเดินไปทันที
เสื้อสีขาวที่เรืองแสงฟลูออเรสเซนต์ของเขาสว่างจนเหมือนกับผิวของเขาเองที่เป็นคนส่องแสงนั้นออกมา และนั่นทำให้ผมไม่คลาดสายตาจากแผ่นหลังที่กำลังเดินหายขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน เมื่อผมเดินตามขึ้นไปก็เห็นเขาเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำจึงเดินตาม แต่แทนที่จะพบเขาอยู่ในนั้น ผมเห็นว่าด้านในห้องน้ำมีประตูอีกบานที่เชื่อมออกไปยังระเบียงได้ ด้วยความมั่นใจว่าเขากำลังรอผมอยู่ที่หลังประตูนั้นผมจึงตรงไปเปิดประตูออก และได้พบว่าเขากำลังยืนรอผมอยู่แล้วจริงๆ เมื่อผมปิดประตูตามหลังมือเรียวขาวสองข้างก็ยื่นมากระชากปกคอเสื้อผมเข้าหาพร้อมกับแนบริมฝีปากร้อนรุ่มตามมาทันที
ด้วยความที่ถูกจู่โจมอย่างรวดเร็วทำให้ผมเกือบเสียหลักจึงต้องเอามือข้างหนึ่งยันผนังไว้ขณะอีกข้างรวบเอวผอมบางแล้วดันให้เขาเข้าไปยืนพิงผนัง รสเบียร์จากปลายลิ้นนุ่มที่พยายามจะรุกล้ำเข้ามาในปากทำให้ผมต้องยิ้ม แพขนตางอนยาวของเจ้าของใบหน้าที่กำลังหลับพริ้มขยับไปมา ผมสนองตอบคำขออย่างไร้เสียงของ “เขา” ด้วยการเผยอริมฝีปากให้ แต่ในวินาทีเดียวกันผมก็เปลี่ยนสถานะจากการเป็นคนถูกรุกด้วยการตวัดลิ้นแล้วดูดปลายลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเขาหลุดเสียงครางออกมาด้วยความตกใจ
มือที่เมื่อครู่ยึดปกเสื้อผมไว้แน่นพยายามดันอกผมออกอย่างต่อต้าน ผมจึงผ่อนแรงลงและค่อยๆไล้ปลายลิ้นไปกับเรียวลิ้นของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน มือข้างที่ผมใช้ยันผนังเมื่อครู่ถูกยกขึ้นขยี้ติ่งหูนิ่มเบาๆขณะที่รสจูบเริ่มแปรเปลี่ยนจากดุดันเป็นอ่อนหวานและเย้ายวน ผมดันเข่าข้างหนึ่งเข้าไประหว่างขาเรียวใต้กางเกงยีนส์เข้ารูปและบดคลึงไปมาจนเขาต้องยกแขนที่สั่นสะท้านขึ้นโอบคอผมแน่น
“ดะ...เดี๋ยว...พอก่อน”
เสียงหอบหายใจแผ่วหวิวหลุดจากลำคออีกฝ่ายเมื่อผมปล่อยริมฝีปากที่ถูกจูบจนแดงช้ำให้เป็นอิสระ นัยน์ตาหวานที่พร่ามัวกระพริบถี่ขณะปรือตาขึ้นมองผม ใบหน้าขาวเนียนแดงเรื่อไปถึงคอขณะที่แขนสองข้างโอบรอบคอผมอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ทำไมให้หยุดล่ะ คุณพาผมขึ้นมาที่นี่เองนะ”
ผมเอ่ยยั่วก่อนจะก้มลงดูดเม้มผิวเนื้อตรงต้นคอที่มีเหงื่อซึมนิดๆจนเจ้าตัวสะดุ้ง เสียงครางที่ราวกับเจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นไม่ให้หลุดออกมายิ่งเร้าอารมณ์จนผมต้องยกเข่าตัวเองที่อยู่หว่างขาของเขาให้สูงขึ้นอีก
“อย่าเข้าใจผิดนะ! คุณ...คุณตามผมมาเองต่างหาก”
“เขา” เอ่ยท้วงด้วยเสียงตะกุกตะกัก แพขนตางอนยาวทั้งสองข้างหลุบลงเพื่อหนีสายตาของผมที่จ้องเขาแน่วนิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้กฎของเกมนี้ดี
ใครรับว่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนถือว่าแพ้ และหากโดนจับได้ง่ายๆมนต์เสน่ห์ของเกมนี้ก็จะหายไปทันที
เสียงสัญญาณบอกเวลาจากนาฬิกาข้อมือของผมดังขึ้นตัดกับความเงียบโดยรอบ เสียงที่ดังค่อยๆแต่เป็นจังหวะหยุดการเคลื่อนไหวของเราทั้งสองไปชั่วครู่ ร่างในอ้อมแขนตวัดสายตาขึ้นสบตากับผมก่อนที่ริมฝีปากสีสดจะคลี่ยิ้มขำ
“นี่คุณตั้งเวลาทั้งที่ออกมาเที่ยวด้วยเหรอ?”
“อืม...พอดีมีธุระสำคัญน่ะ ท่าทางผมจะอยู่ต่อไม่ได้แล้วล่ะ”
ผมเอ่ยก่อนจะปล่อยแขนที่โอบเอวบางให้เป็นอิสระ เรียวคิ้วของคนตรงหน้าขมวดมุ่นทันทีก่อนที่อ้อมแขนรอบคอผมจะกระชับแน่นขึ้น ผมยิ้มมองสีหน้าราวกับเด็กถูกขัดใจนั่นแล้วก็ก้มลงแนบจูบกับริมฝีปากบางเบาๆ
“อย่าดื้อสิครับ เจ้าชายต้องกลับปราสาทแล้วนะ”
ดูท่าทางประโยคยั่วล้อนั่นจะสะกิดต่อมโมโหเข้า แขนเรียวยาวที่โอบรอบคอผมเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นผลักผมออกอย่างแรงทันที
“เออ!! จะปราสาทหรือจะคุกที่ไหนก็รีบไสหัวกลับไปเลย! ไอ้บ้า ไอ้คนไม่มีหัวใจ!”
“เขา” ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะหันหลังหนีผม แขนเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากขณะที่อีกข้างกอดตัวเองไว้ แต่แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามสะกดกลั้นยังไงผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นหลุดออกมาอยู่ดี
ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าคนเมาจะอารมณ์อ่อนไหวง่ายกว่าปกติ แต่...เฮ่อ...ผมไม่ชอบเห็นใครมาร้องไห้ต่อหน้าเสียด้วยสิ
ร่างเพรียวสะดุ้งเมื่อถูกผมดึงตัวมาโอบกอดจากด้านหลังก่อนจะแนบจูบลงที่หางตาของเขาอย่างอ่อนโยน แต่นั่นกลับเป็นการเปิดทำนบน้ำตาที่เจ้าตัวพยายามปิดกั้นไว้ให้ไหลเอ่อออกมา
“คุณน่ะ...ก็....คุณ...ทั้งที่คุณเป็นฝ่ายมองผมก่อนแท้ๆ...ฮึก”
ร่างในอ้อมแขนพูดไปสะอื้นไปจนผมต้องลอบถอนหายใจ พูดอีกก็ถูกอีก ผมเป็นฝ่ายส่งสายตาเชิญชวนเขาก่อนจริงๆไม่ว่าจะเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหรือเมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา แล้วทั้งที่ “เขา” เป็นฝ่ายกล้าเริ่มเปิดทางให้ผมก็ดันมาทำให้อารมณ์ค้างเติ่งครึ่งๆกลางๆแบบนี้ใครบ้างจะไม่เสียความมั่นใจ แล้วดูท่าทางเขาก็ไม่น่าจะใช่พวกที่ชอบให้ท่าใครเสียด้วยสิ นี่ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรือเพราะเพื่อนเชียร์หรือเพราะทั้งสองอย่างกันแน่เขาถึงได้กล้าทอดสะพานให้ผมก่อนแบบนี้
“อย่าร้องสิครับคนดี ผมขอโทษที่วันนี้ผมมีธุระจริงๆ ยังไงเราเจอกันวันหลังก็ได้นี่”
ผมกระซิบข้างหูเขาพร้อมกับโยกตัวร่างในอ้อมแขนอย่างปลอบโยน นัยน์ตาที่แดงช้ำจึงหันมาหาผมก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะได้เจอคุณที่นี่ไหม?”
ผมหมุนตัวคนในอ้อมแขนให้หันมามองกันตรงๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล้หยาดน้ำตาจากผิวแก้มเนียนให้ ใบหน้าหวานของเขาแสดงทีท่าเขินอายเมื่อถูกผมจ้องตานิ่ง
“...ได้เจอสิ ผมจะคอยอยู่ที่เดิม พรุ่งนี้ก็มองหาผมล่ะ”
ผมลดมือที่เคลียกับผิวแก้มใสก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากได้รูปสีสดอีกครั้ง เมื่อผละออกนัยน์ตาสุกใสคู่นั้นก็มองผมอย่างโหยหาจนผมเกือบจะเปลี่ยนใจ แต่สุดท้ายผมก็หักห้ามใจตัวเองแม้จะเสียดายอย่างสุดแสนแล้วหมุนตัวเดินจากมาได้สำเร็จ
สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นและรสของเบียร์โคโรน่ายังคงติดตรึงอยู่บนปลายลิ้นผมจางๆ
....