ตอนที่ 37
ตลอดทางที่รถแล่นออกจากโรงแรมเครือสายลม ..บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ เจ้าคิ้วเข้มที่เปลี่ยนหน้าที่จากคนขับมาเป็นคนนั่งก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ต่างอะไรจากการทรยศ ดีนะที่เอกยังไม่แตะเนื้อต้องตัวเขามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่ากรณ์จะรู้สึกยังไง
เพียงไม่นานรถของกรณ์ก็จอดลงด้านหน้ามุขบ้านสายลม ..ประมุขร่างเพรียวเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปภายในบ้านโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ ชายหนุ่มได้แต่เดินตามอย่างไม่ยอมห่าง .. จนเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวเขาจึงได้ปริปากพูด
“ คุณกรณ์..” เสียงนั้นดูระส่ำไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่
“ อะไรเหรอ..” เสียงที่ตอบกลับมาราบเรียบ .. ไม่ได้มีแวะขุ่นเคืองแต่อย่างใด ทำเอาคนฟังยิ่งร้อนใจไปมากกว่าเดิม .. เพราะปกติถ้ากรณ์โกรธ กรณ์เหวี่ยงจะแสดงออกมาให้เห็นทั้งน้ำเสียง แววตา หรือการกระทำ เมื่อไม่มีอาการเหล่านี้แสดงออกมาเลยทำให้คนหน้าคมดูจะกลุ้มไม่น้อย
“ ผมขอโทษ..”
“ เรื่อง .. ?” กรณ์หันกลับมาทางคนด้านหลังเลยถามขึ้น
“ เรื่องเมื่อครู่..ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ..” ไม่รู้สิ เขารู้สึกผิด ผิดที่เป็นคนรักที่แย่ไม่สามารถช่วยเหลือคนหน้าสวยได้เลย ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ทำไม่ได้
ฟุบ..มือเรียวยกมือขึ้นกอดเอวของคนด้านหน้า แล้วกดศีรษะของตนลงบนอกหนั่นหนาอย่างอ่อนแรงอ่อนใจ ท่ามกลางความไม่เข้าใจของคนที่ถูกกอด
“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเหมือนอึ้งๆไป ไม่ค่อยเข้าใจคนตรงหน้าสักเท่าไหร่
“ ฉันอยาก..อยากให้นายเข้ามาในตัวฉัน..” เสียงแผ่วๆดังขึ้นอย่างเจ็บปวด .. กรณ์กำลังต้องการ ต้องการให้อีกร่างกายได้มอบความมั่นใจและความเชื่อมั่น
“ อะไรนะครับ..” มือแกร่งกระชับตรงบ่าบางให้ร่างห่างจากกัน ..แล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ นายห้ามเป็นของใคร ห้ามให้ใครแตะตัวอีกเด็ดขาด..” กรณ์เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ของของเขา ..ของของกรณ์ไม่มีทางยกให้ใครเด็ดขาด ยิ่งเป็นของที่รักย่อมหมายถึงว่าไม่มีทางที่ใครจะยุ่มย่าม
“ ผมขอโทษ..”
“ ฉันไม่ได้โกรธ..” กรณ์บอกเบาๆ..ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นคล้องคอคนตรงหน้า แล้วเขย่งปลายเท้าของตนขึ้นส่งกายวางริมฝีปากคู่บางประทับลงบนริมฝีปากของอีกคน .. ลิ้นนุ่มๆเปิดเกมครั้งแรกด้วยความรู้สึกอยากยึดเหนี่ยว อยากหาที่พักพิง .. ลิ้นของอีกฝ่ายตอบรับการเริ่มต้น และค่อยๆผ่อนปรนอารมณ์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ.. ร่างของทั้งสองล้มลงบนเตียงด้านหลังอย่างปลดปล่อย ..
“ ผมรักคุณ..” เสียงแผ่วๆกระซิบขึ้น
“ เข้ามา..ฉันอยากให้นายเข้ามา อยากให้นายย้ำให้ฉันแน่ใจว่าตอนนี้นายยังคงรักฉันเหมือนเดิม..” กรณ์บอกเสียงสั่นๆ ร่างกายของเขากำลังต้องการร่างกายของวิชญ์ภาสจริงๆ
“ ครับ..” คนตัวสูงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข .. ค่อยๆสลัดเสื้อผ้าของทั้งสองคนออกอย่างนุ่มนวล ร่างกายที่เริ่มเคลื่อนไหว หัวใจที่เริ่มเปลี่ยนแปลง .. มันเดินทางด้วยความเบิกบานและอิ่มเอม ความรักคือเชือกเส้นหนาที่ชักพาสองร่างให้เปลี่ยนแปลงตามจังหวะของหัวใจ
ปลายเล็บของคนมือนุ่มจิกลงบนหลังหนั่นอย่างย้ำความหมาย .. มันค่อยๆจมลงในเนื้อแน่นอย่างละคลายความเจ็บปวด.. แต่ตอนนี้ไม่มีใครสักคนรู้ซึ้งถึงความหมายของการเจ็บปวด..
“ วิชญ์..”
“ ครับ ?” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมอง
..
“ อย่าสนใจคำพูดของไอ้บ้านั่นอีก ..อยู่ข้างๆฉันก็พอ” นั่นคือสิ่งที่คนตัวบางอย่างบอก .. เขาไม่สนใจว่าคนอื่นๆจะมองว่าเช่นไร เขาสนใจเพียงคนตรงหน้า สนใจเพียงการอยู่เคียงข้าง และหล่อเลี้ยงลมหายใจของกันและกันต่อเนื่องไป
“ ขอบคุณครับ” เหมือนหัวใจของเขาได้ยกเอาภูเขาแสนหนักออกจากใจ สิ่งที่เอกพูดดูจะไม่มีความหมายใดๆ เทียบเท่ากับความรักที่กรณ์มีให้ แม้คนตรงหน้าจะไม่เคยปริปากแต่ชายหนุ่มก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าหัวใจของกรณ์มีเขาอยู่เช่นกัน
กาณฑ์ถอนหายใจอย่างแรง .. ทันทีที่เดินออกจากห้องเรียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรรอเขาอยู่ ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนที่คนหน้าตี๋หุ่นบึ๊กเข้ามาในชีวิต ทุกอย่างก็เหมือนถูกกะเกณฑ์ ทุกวันที่มีเรียนโต้งจะมารอรับตรงหน้าตึกตอนเย็นเสมอ ส่วนตอนเที่ยงก็ต้องไปกินข้าวด้วยกัน จนทุกคนเข้าใจไปอย่างที่โต้งต้องการ .. แต่กระนั้นก็ยังมีหลายคนตั้งข้อสังเกตในการเจอกันของทั้งสอง .. เพราะจากนิสัยของโต้งที่ไม่เคยตามง้อ หรือตามก้นใคร ..ก็กลับมารอพบอีกคน ทั้งยังเป็นฝ่ายเข้าหาชนิดที่เล่นเอาบรรดาแก็งค์เสือต้องแปลกใจ จะมีก็เพียงบอมคนเดียวเท่านั้นล่ะมั้งที่รู้สาเหตุ ..วิชญ์ภาสเองยังคงไม่รู้เรื่องอะไรเพราะตอนนี้ปัญหาของกรณ์ค่อนข้างหนัก เรียนเสร็จก็กลับสายลมทันทีไม่มีเวลารู้ข่าว
“ เมื่อไหร่กาณฑ์จะเลิกถอนใจเวลาเห็นหน้าพี่สักที..” เจ้าคนหน้าตี๋เอ่ยถามเสียงขุ่น พร้อมทั้งลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่สูงน้อยกว่า ..(รึเปล่านี่..)
“ ชิส์..” เจ้าจอมถูคิ้วจิ๊ปาก แล้วเดินเคียงไปกับโต้งอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี..
“ กล้าดียังไงถึงไม่ตอบพี่..” โต้งไม่ยอมให้กาณฑ์เดินผ่านไปอย่างนี้.. คว้าแขนรุ่นน้องข้างกายเข้าหลบมุมตึกแล้วจัดการลงโทษอีกฝ่ายอย่างถือโอกาส ..ริมฝีปากหนาบดลงอย่างรวดเร็วเล่นเอากาณฑ์ถึงกับตกใจไม่น้อย .. แถมตอนนี้มือหนั่นหนายังคืบคลานคล้ายๆจะทำอะไรมากกว่าที่เป็น
“ พี่โต้ง..” กาณฑ์พยายามแข็งตัวจนโต้งยอมผละห่างเล็กน้อย ..
“ จำไว้ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก..”
“ แล้วกาณฑ์ทำอะไรเล่า..” กาณฑ์ถามเสียงสั่นๆ รู้สึกน้อยใจคนตรงหน้าที่ดีแต่ใช้กำลังบังคับ ไม่เคยจะพูดดีๆกับเขาเลยสักครั้ง แต่กาณฑ์จะรู้อะไรหรือเปล่าล่ะว่าเจ้าคนตรงหน้ามันทำได้ดีที่สุดก็เท่านี้ โต้งไม่เคยรู้ว่าการต้องเข้าหาคนที่เขาฝากรอยแผลไว้ควรทำเช่นไร .. ความจริงชายหนุ่มกำลังใช้ความหยาบกระด้างปกปิดความจริงในใจมากกว่า
“ ปากดีนี่..” โต้งขบกรามแน่นแล้วจู่โจมคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ ว้าย..” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอากาณฑ์หัวใจตกหล่นหาย .. ส่วนโต้งก็หันขวับไปทางเสียงร้องที่ดังขึ้น ..
“ มองอะไรไม่เคยเห็นแฟนเขาจูบกันหรือไง..” โต้งเหวี่ยงใส่อย่างไม่สนใจหน้าไหนทั้งสิ้น ..ตอนนี้เขากำลังวุ่นวายหัวใจ ..
“ ขอโทษค่ะ..” แม่สาวที่เดินทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือรับเสียงอ่อย แล้วรีบหนีไปอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่รังสีพิฆาตจากตัวดวงของชายหนุ่มจะแผดเผาเอา
“ พี่โต้ง..” กาณฑ์รู้สึกหน้าชากับคำของโต้ง.. รวบรวมแรงที่มีผลักโต้งออกแล้วรีบเดินจากแต่เพียงไม่กี่ก้าวต่อมาโต้งก็เดินมาทัดได้ทันแล้วยกมือขึ้นโอบเอวอย่างไม่อายใครหน้าไหน
“ ถ้าดิ้นพี่จะจูบตรงนี้เลย” โต้งขู่เสียงเข้ม เล่นเอากาณฑ์ไม่กล้าจะขยับเพราะรู้ดีว่าคนข้างกายมันใจกล้าบ้าบิ่นขนาดไหน ขนาดโดนคนอื่นเจอเมื่อกี้ยังหน้าตายไม่สนฟ้าสนดิน โต้งขับรถพากาณฑ์กลับมายังหอพักแถวๆมหาวิทยาลัย ..ตั้งแต่เมื่อวันก่อนเขาก็ย้ายข้าวย้ายของมากมายมาไว้ที่ห้องกาณฑ์ ..ราวกับจะปักหลักอยู่ที่นี่ถาวรตราบใดที่กาณฑ์ยังคงอยู่
เย็นนั้นทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันเช่นทุกที.. กาณฑ์ประหยัดถ้อยคำทุกครั้งที่อยู่กับโต้ง ส่วนอีกคนก็ไม่ว่าอะไรแค่เห็นกาณฑ์อยู่ในสายตาก็เพียงพอแล้ว .. เหตุการณ์แห่งความเงียบยังคงดำเนินไปจนฟ้าเริ่มมืด.. คนตัวบางจัดแจงอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็สวนกับอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำทันที.. แต่ระหว่างที่สวนกันโต้งก็คิดพิเรนทร์แอบยื่นมือไปดึงชายผ้าเช็ดตัวของกาณฑ์เอาไว้ คนที่เดินผ่านไม่ทันระวังและไม่รู้ตัว
“ เฮ้ย..” กาณฑ์ถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าผ้าของตนกำลังห่างกายไปเรื่อยๆ รีบยกมือขึ้นจับอย่างทันท่วงที ดวงตาคู่เรียวตวัดไปมองโต้งอย่างเคืองๆ..
“ พี่โต้งอย่าแกล้งกาณฑ์นะ..”
“ ล้อเล่นนิดหน่อยทำเป็นเสียงแข็งไปได้..” โต้งเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังร่างเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ตอนแรกก็อย่างแกล้งแต่ตอนนี้กลับรู้สึกอีกแบบ ความร้อนเริ่มไหลวนไปมาอย่างไม่อาจจะห้ามปราม ตั้งแต่ที่มีอะไรกับกาณฑ์ในคืนนั้นโต้งก็ไม่เคยแตะต้องตัวใครคนอื่นอีกเลยแม้แต่คนเดียว
“ พี่โต้งมองอะไร..” กาณฑ์เริ่มรู้ตัวว่าสายตาตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไป
“..” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ได้แต่ตวัดร่างกาณฑ์เข้ามาใกล้แล้วผลักให้ร่างนั้นล้มลงบนเตียงด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล โดยตัวหนั่นหนาของคนหน้าคมล้มลงมาด้วย มือบางของคนถูกทับยกดันอกตรงหน้าไม่ให้ล้มลงมามากกว่าเดิม
“ พี่โต้งอย่าทำอย่างนี้นะ..”
“ ทำอะไร..”
“ กาณฑ์ไม่ยอมนะ..” กาณฑ์เสียงแข็ง
“ ทำไมต้องเสียงแข็งใส่พี่ด้วย .. มันแปลกอะไรคนเป็นอะไรกันก็ต้องมีอะไรกันเป็นเรื่องธรรมดา..” โต้งข่มเสียงให้นิ่งแล้วใช้ดวงของตนสะกดให้กาณฑ์เลิกค้าน
“ พี่โต้ง..กาณฑ์ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โต้งสักหน่อย..” เสียงของคนที่ถูกทับแสดงออกชัดว่าไม่ได้แข็งเหมือนแรกเริ่ม แต่กลับสั่นเพราะความหวั่นเกรงในคนที่มองตนอยู่ ..
“ จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกว่าเป็นอะไรกัน..” โต้งบอกเสียงเข้ม ก่อนจะปิดเสียงจากปากคนตรงหน้าไว้ด้วยปากของตัวเอง มือหนายกขึ้นกดข้อมือทั้งสองของกาณฑ์ไว้เสมือนพันธนาการชั้นดีที่ทำให้คนข้างล่างไม่อาจขัดขืน ..ริมฝีปากที่คลอเคลียไปแต่ละจุดทำให้ร่างกายที่ขัดขืนเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่อาจต้านทาน จนท้ายที่สุดกาณฑ์ก็ไม่อาจขัดขืนกำหนัดที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง แท้จริงหากโต้งกล้าเอ่ยปากให้กาณฑ์ได้รู้สักนิดว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่ทุกอย่างคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นหรอก ..
แท่งสีขาวที่ปรากฏสัญลักษณ์ขีดสีแดงเข้มหล่นลงจากมือหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
หยดน้ำตาที่หลั่งไหลบอกชัดถึงความเสียใจและจุกในอก.. สวรรค์โหดร้ายกับเธอได้มาจนเพียงนี้เหรอ.. หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพราะอยากรู้คำตอบที่แน่ชัด.. และมันก็ไม่ได้มีอะไรผิดเปลี่ยนไปสักนิด
“ ฉันท้องจริงๆเหรอคะคุณหมอ..” หญิงสาวถามด้วยเสียงพร่าสั่น ..
“ ครับคุณสุรีย์ท้องได้สามเดือนแล้ว ..” ชายหนุ่มผิวเข้มตอบไปอย่างประหลาด เพราะเขาเองก็ไม่รู้ลึกตื้นหนาบางของสุรีย์ในเรื่องความรัก แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคลและจรรยาของแพทย์ทำให้พิสิษฐ์เลือกจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้
“ ฉันขอให้มันเป็นความลับได้ไหมคะ” หญิงสาวถามขึ้น
“ ครับ ..ถึงคุณสุรีย์ไม่ขอความลับของคนไข้ก็ไม่สมควรถูกเปิดเผยอยู่แล้วครับ..” ชายหนุ่มรับปากอย่างหนักแน่น หวังให้หล่อนได้เชื่อใจในเขา .. ทั้งสองเดินออกจากห้องตรวจด้วยกัน คนหนึ่งสงสัย อีกคนกังวล แต่หนึ่งเสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ
“ เอ้า พี่สุรีย์มาโรงพยาบาลไม่สบายเหรอครับ..” เจ้าน้องชายคนเล็กที่แสนร่าเริงเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้กฤษฏิ์จะสดใสและร่าเริงอย่างมากมายเพราะได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัด แต่เหมือนเรื่องจะไม่ง่ายเมื่อชายหนุ่มดันโดนจีบจนหมอพิสิษฐ์ต้องวุ่นวายใจอยู่บ่อยๆ
“ คือ..ค่ะปวดหัวนิดหน่อย” หญิงสาวชะงักก่อนจะรับไปพร้อมทั้งขอตัวลา
“ รีบไปไหนนี่..” กฤษฏิ์ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปยิ้มแป้นแล้นให้หมอหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ.. มือหนายกขึ้นพาดบ่าคนเตี้ยกว่าอย่างปกติแล้วเดินไปด้วยกัน
“ อาหมอออกเวรแล้วใช่ไหม..”
“ ครับ” พิสิษฐ์พยักหน้าให้อย่างไม่สดใสเช่นที่เป็น และสิ่งที่กำลังดำเนินอยู๋ทำให้กฤษฏิ์เริ่มเอะใจในท่าที ปกติถ้าเห็นกฤษฏิ์มาหาพิสิษฐ์มักยิ้มแย้มและดีใจอย่างออกหน้าออกตา แต่วันนี้กลับไม่แสดงท่าทีใดๆมันผิดวิสัยเกินไป
“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ..”
“ เปล่าหรอก พรุ่งนี้มีเคสใหญ่อาเลยปวดหัวนิดหน่อย..” ชายหนุ่มพยายามวางเสียงราบไม่ให้กฤษฏิ์ผิดสังเกต เพราะเรื่องที่เกิดดูท่ามันจะใหญ่ไม่ใช่น้อย ..สายตาของสุรีย์ตอนที่รู้ชัดว่าตนกำลังตั้งท้องไม่ได้บอกพิสิษฐ์เลยว่าหล่อนดีใจ เขากลับเห็นความเศร้าที่มันเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ความเศร้าที่กัดกันจนเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ..
ห้องทำงานของประธานบริหารอมรามีอันต้องสั่นคลอน เมื่อชายหนุ่มได้รู้ข่าวร้ายเกี่ยวกับรีสอร์ตของตน เลขาฯสาวที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดรู้ดีว่าเจ้านายของหล่อนนั้นร้ายกาจแค่ไหน ทั้งไปทั้งมาก็น่าหวั่นราวสายฟ้าฟาด หากไม่เพราะเงินดีหญิงสาวไม่ทนรองมือรองเท้าอยู่เช่นนี้หรอก
“ ไอ้กรณ์..แกคิดเหรอว่าฉันจะยอมแพ้..” มือหนาฟาดลงบนโต๊ะด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากรู้ว่ากรณ์เริ่มเดินเกมอย่างไม่สนใจมิตรภาพใดๆ กรณ์บอกแล้วว่าที่ทนมาก็เพราะไม่อยากสร้างศัตรู แต่เมื่อเอกกล้าจะแหยมกับของที่เขาหวง เอกก็ไม่สมควรจะได้รับน้ำใจที่ต้องรักษา
“ ยอดจองโรงแรมของเราเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตกฮวบ .. แคมเปญใหม่ของสายลมทำให้ยอดของเราดิ่งลงเรื่อยๆ.. เห็นว่าตอนนี้ยอดจองของสายลมเต็มเหยียดไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม” หญิงสาวกัดฟันรายงานต่อ แม้จะรู้ว่าอาจมีอะไรลอยมากระแทกร่าง
“ ไอ้ชั่ว..เธอออกไปได้แล้ว” เอกกราดเสียงอย่างโกรธแค้น ..แท้จริงเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากเขาไม่ใช่เหรอ หากเขาไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับกรณ์ก่อนเขาคงไม่ได้รับผลตอบแทนเช่นนี้หรอก.. จะว่าการหั่นราคา เทคโปรโมชั่นครั้งนี้ก็ทำให้อมราแทบทรุด หากกรณ์บุกหนักกว่านี้รับรองผลที่ตามมาจากร้ายกาจกว่านี้หลายสิบเท่า
กรณ์ไม่ใช่คนใจดี ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจอะไรอีกแล้ว
“ เข้ามาหาฉันหน่อย ..ฉันมีงานให้แกทำ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าเข้มๆของเอก จากนั้นก็วางสายที่ต่อถึงอย่างเหี้ยมๆ .. ในเมื่อกรณ์ประกาศศึกเต็มรูปแบบ ตอนนี้คนหน้าสวยก็ไม่ต่างอะไรจากศัตรูที่ต้องกำจัด
..แต่เหตุผลมันจะเพียงพอหรือ.. แค่ไม่ได้รักตอบแทน แค่คนที่รักไม่สนใจและเทใจทั้งหมดไปให้ใครคนอื่น ..รักที่มีก็แปรเป็นแค้นจนทำลายกันให้ถึงตายเชียวหรือ..
นี่แหละนะหัวใจมนุษย์ .. ยากนักที่จะเข้าใจ เหตุผลของคนหนึ่งคนแม้จะดีเลิศ แต่มันก็อาจจะเป็นเหตุผลที่แสนห่วยของใครอีกคน ..