"ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH  (อ่าน 225450 ครั้ง)

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
 :z1: :z1: :z1:ไม่ได้มาอ่านสองวัน จุ๊ใจเลย วันนี้ก้อเข้ามารออีกแว้ว :mc4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แหม นึกว่ากานฑ์จะได้กับสุรีย์ซะอีก  :z1:

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
วันนี้ไม่มาต่อ เหรอคร้า รออยู่อ่ะ :impress2:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
แอบปันใจให้น้องกาณฑ์กับพี่โต้งหน่อย ๆ

โหยอ่านเพลินเลยทีเดียว ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ดุเดือดเลือดผล่านนนนนนนนนนนนนนนนนนทุกคู่เลย แอบเชียรโต้งกาณฑ์ อิอิ

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 o13 :t3: :t3:แอบเชียรโต้งกาณฑ์

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
 :3123:ต้องขอโทษผู้อ่านทุกทานด้วยค่ะ
เมื่อวานไม่วางจริงๆเลยมาลงไม่ได้
วันนี้จะลงให้ค่ะ :L2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 37


ตลอดทางที่รถแล่นออกจากโรงแรมเครือสายลม ..บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ เจ้าคิ้วเข้มที่เปลี่ยนหน้าที่จากคนขับมาเป็นคนนั่งก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ต่างอะไรจากการทรยศ ดีนะที่เอกยังไม่แตะเนื้อต้องตัวเขามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่ากรณ์จะรู้สึกยังไง

เพียงไม่นานรถของกรณ์ก็จอดลงด้านหน้ามุขบ้านสายลม ..ประมุขร่างเพรียวเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปภายในบ้านโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ ชายหนุ่มได้แต่เดินตามอย่างไม่ยอมห่าง .. จนเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวเขาจึงได้ปริปากพูด

“ คุณกรณ์..” เสียงนั้นดูระส่ำไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่


“ อะไรเหรอ..” เสียงที่ตอบกลับมาราบเรียบ .. ไม่ได้มีแวะขุ่นเคืองแต่อย่างใด ทำเอาคนฟังยิ่งร้อนใจไปมากกว่าเดิม .. เพราะปกติถ้ากรณ์โกรธ กรณ์เหวี่ยงจะแสดงออกมาให้เห็นทั้งน้ำเสียง แววตา หรือการกระทำ เมื่อไม่มีอาการเหล่านี้แสดงออกมาเลยทำให้คนหน้าคมดูจะกลุ้มไม่น้อย


“ ผมขอโทษ..”


“ เรื่อง .. ?” กรณ์หันกลับมาทางคนด้านหลังเลยถามขึ้น


“ เรื่องเมื่อครู่..ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ..” ไม่รู้สิ เขารู้สึกผิด ผิดที่เป็นคนรักที่แย่ไม่สามารถช่วยเหลือคนหน้าสวยได้เลย ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ทำไม่ได้


ฟุบ..มือเรียวยกมือขึ้นกอดเอวของคนด้านหน้า แล้วกดศีรษะของตนลงบนอกหนั่นหนาอย่างอ่อนแรงอ่อนใจ ท่ามกลางความไม่เข้าใจของคนที่ถูกกอด


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเหมือนอึ้งๆไป ไม่ค่อยเข้าใจคนตรงหน้าสักเท่าไหร่


“ ฉันอยาก..อยากให้นายเข้ามาในตัวฉัน..” เสียงแผ่วๆดังขึ้นอย่างเจ็บปวด .. กรณ์กำลังต้องการ ต้องการให้อีกร่างกายได้มอบความมั่นใจและความเชื่อมั่น


“ อะไรนะครับ..” มือแกร่งกระชับตรงบ่าบางให้ร่างห่างจากกัน ..แล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ


“ นายห้ามเป็นของใคร ห้ามให้ใครแตะตัวอีกเด็ดขาด..” กรณ์เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ของของเขา ..ของของกรณ์ไม่มีทางยกให้ใครเด็ดขาด ยิ่งเป็นของที่รักย่อมหมายถึงว่าไม่มีทางที่ใครจะยุ่มย่าม


“ ผมขอโทษ..”

“ ฉันไม่ได้โกรธ..” กรณ์บอกเบาๆ..ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นคล้องคอคนตรงหน้า แล้วเขย่งปลายเท้าของตนขึ้นส่งกายวางริมฝีปากคู่บางประทับลงบนริมฝีปากของอีกคน .. ลิ้นนุ่มๆเปิดเกมครั้งแรกด้วยความรู้สึกอยากยึดเหนี่ยว อยากหาที่พักพิง .. ลิ้นของอีกฝ่ายตอบรับการเริ่มต้น และค่อยๆผ่อนปรนอารมณ์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ.. ร่างของทั้งสองล้มลงบนเตียงด้านหลังอย่างปลดปล่อย ..

“ ผมรักคุณ..” เสียงแผ่วๆกระซิบขึ้น


“ เข้ามา..ฉันอยากให้นายเข้ามา อยากให้นายย้ำให้ฉันแน่ใจว่าตอนนี้นายยังคงรักฉันเหมือนเดิม..” กรณ์บอกเสียงสั่นๆ ร่างกายของเขากำลังต้องการร่างกายของวิชญ์ภาสจริงๆ


“ ครับ..” คนตัวสูงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข .. ค่อยๆสลัดเสื้อผ้าของทั้งสองคนออกอย่างนุ่มนวล ร่างกายที่เริ่มเคลื่อนไหว หัวใจที่เริ่มเปลี่ยนแปลง .. มันเดินทางด้วยความเบิกบานและอิ่มเอม ความรักคือเชือกเส้นหนาที่ชักพาสองร่างให้เปลี่ยนแปลงตามจังหวะของหัวใจ


ปลายเล็บของคนมือนุ่มจิกลงบนหลังหนั่นอย่างย้ำความหมาย .. มันค่อยๆจมลงในเนื้อแน่นอย่างละคลายความเจ็บปวด.. แต่ตอนนี้ไม่มีใครสักคนรู้ซึ้งถึงความหมายของการเจ็บปวด..

“ วิชญ์..”

“ ครับ ?” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมอง
..
“ อย่าสนใจคำพูดของไอ้บ้านั่นอีก ..อยู่ข้างๆฉันก็พอ” นั่นคือสิ่งที่คนตัวบางอย่างบอก .. เขาไม่สนใจว่าคนอื่นๆจะมองว่าเช่นไร เขาสนใจเพียงคนตรงหน้า สนใจเพียงการอยู่เคียงข้าง และหล่อเลี้ยงลมหายใจของกันและกันต่อเนื่องไป



“ ขอบคุณครับ” เหมือนหัวใจของเขาได้ยกเอาภูเขาแสนหนักออกจากใจ สิ่งที่เอกพูดดูจะไม่มีความหมายใดๆ เทียบเท่ากับความรักที่กรณ์มีให้ แม้คนตรงหน้าจะไม่เคยปริปากแต่ชายหนุ่มก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าหัวใจของกรณ์มีเขาอยู่เช่นกัน



กาณฑ์ถอนหายใจอย่างแรง .. ทันทีที่เดินออกจากห้องเรียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรรอเขาอยู่ ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนที่คนหน้าตี๋หุ่นบึ๊กเข้ามาในชีวิต ทุกอย่างก็เหมือนถูกกะเกณฑ์ ทุกวันที่มีเรียนโต้งจะมารอรับตรงหน้าตึกตอนเย็นเสมอ ส่วนตอนเที่ยงก็ต้องไปกินข้าวด้วยกัน จนทุกคนเข้าใจไปอย่างที่โต้งต้องการ .. แต่กระนั้นก็ยังมีหลายคนตั้งข้อสังเกตในการเจอกันของทั้งสอง .. เพราะจากนิสัยของโต้งที่ไม่เคยตามง้อ หรือตามก้นใคร ..ก็กลับมารอพบอีกคน ทั้งยังเป็นฝ่ายเข้าหาชนิดที่เล่นเอาบรรดาแก็งค์เสือต้องแปลกใจ จะมีก็เพียงบอมคนเดียวเท่านั้นล่ะมั้งที่รู้สาเหตุ ..วิชญ์ภาสเองยังคงไม่รู้เรื่องอะไรเพราะตอนนี้ปัญหาของกรณ์ค่อนข้างหนัก เรียนเสร็จก็กลับสายลมทันทีไม่มีเวลารู้ข่าว


“ เมื่อไหร่กาณฑ์จะเลิกถอนใจเวลาเห็นหน้าพี่สักที..” เจ้าคนหน้าตี๋เอ่ยถามเสียงขุ่น พร้อมทั้งลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่สูงน้อยกว่า ..(รึเปล่านี่..)


“ ชิส์..” เจ้าจอมถูคิ้วจิ๊ปาก แล้วเดินเคียงไปกับโต้งอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี..


“ กล้าดียังไงถึงไม่ตอบพี่..” โต้งไม่ยอมให้กาณฑ์เดินผ่านไปอย่างนี้.. คว้าแขนรุ่นน้องข้างกายเข้าหลบมุมตึกแล้วจัดการลงโทษอีกฝ่ายอย่างถือโอกาส ..ริมฝีปากหนาบดลงอย่างรวดเร็วเล่นเอากาณฑ์ถึงกับตกใจไม่น้อย .. แถมตอนนี้มือหนั่นหนายังคืบคลานคล้ายๆจะทำอะไรมากกว่าที่เป็น


“ พี่โต้ง..” กาณฑ์พยายามแข็งตัวจนโต้งยอมผละห่างเล็กน้อย ..


“ จำไว้ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก..”


“ แล้วกาณฑ์ทำอะไรเล่า..” กาณฑ์ถามเสียงสั่นๆ รู้สึกน้อยใจคนตรงหน้าที่ดีแต่ใช้กำลังบังคับ ไม่เคยจะพูดดีๆกับเขาเลยสักครั้ง แต่กาณฑ์จะรู้อะไรหรือเปล่าล่ะว่าเจ้าคนตรงหน้ามันทำได้ดีที่สุดก็เท่านี้ โต้งไม่เคยรู้ว่าการต้องเข้าหาคนที่เขาฝากรอยแผลไว้ควรทำเช่นไร .. ความจริงชายหนุ่มกำลังใช้ความหยาบกระด้างปกปิดความจริงในใจมากกว่า

“ ปากดีนี่..” โต้งขบกรามแน่นแล้วจู่โจมคนตรงหน้าอีกครั้ง


“ ว้าย..” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอากาณฑ์หัวใจตกหล่นหาย .. ส่วนโต้งก็หันขวับไปทางเสียงร้องที่ดังขึ้น ..


“ มองอะไรไม่เคยเห็นแฟนเขาจูบกันหรือไง..” โต้งเหวี่ยงใส่อย่างไม่สนใจหน้าไหนทั้งสิ้น ..ตอนนี้เขากำลังวุ่นวายหัวใจ ..


“ ขอโทษค่ะ..” แม่สาวที่เดินทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือรับเสียงอ่อย แล้วรีบหนีไปอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่รังสีพิฆาตจากตัวดวงของชายหนุ่มจะแผดเผาเอา



“ พี่โต้ง..” กาณฑ์รู้สึกหน้าชากับคำของโต้ง.. รวบรวมแรงที่มีผลักโต้งออกแล้วรีบเดินจากแต่เพียงไม่กี่ก้าวต่อมาโต้งก็เดินมาทัดได้ทันแล้วยกมือขึ้นโอบเอวอย่างไม่อายใครหน้าไหน



“ ถ้าดิ้นพี่จะจูบตรงนี้เลย” โต้งขู่เสียงเข้ม เล่นเอากาณฑ์ไม่กล้าจะขยับเพราะรู้ดีว่าคนข้างกายมันใจกล้าบ้าบิ่นขนาดไหน ขนาดโดนคนอื่นเจอเมื่อกี้ยังหน้าตายไม่สนฟ้าสนดิน โต้งขับรถพากาณฑ์กลับมายังหอพักแถวๆมหาวิทยาลัย ..ตั้งแต่เมื่อวันก่อนเขาก็ย้ายข้าวย้ายของมากมายมาไว้ที่ห้องกาณฑ์ ..ราวกับจะปักหลักอยู่ที่นี่ถาวรตราบใดที่กาณฑ์ยังคงอยู่



เย็นนั้นทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันเช่นทุกที.. กาณฑ์ประหยัดถ้อยคำทุกครั้งที่อยู่กับโต้ง ส่วนอีกคนก็ไม่ว่าอะไรแค่เห็นกาณฑ์อยู่ในสายตาก็เพียงพอแล้ว .. เหตุการณ์แห่งความเงียบยังคงดำเนินไปจนฟ้าเริ่มมืด.. คนตัวบางจัดแจงอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็สวนกับอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำทันที.. แต่ระหว่างที่สวนกันโต้งก็คิดพิเรนทร์แอบยื่นมือไปดึงชายผ้าเช็ดตัวของกาณฑ์เอาไว้ คนที่เดินผ่านไม่ทันระวังและไม่รู้ตัว



“ เฮ้ย..” กาณฑ์ถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าผ้าของตนกำลังห่างกายไปเรื่อยๆ รีบยกมือขึ้นจับอย่างทันท่วงที ดวงตาคู่เรียวตวัดไปมองโต้งอย่างเคืองๆ..

“ พี่โต้งอย่าแกล้งกาณฑ์นะ..”


“ ล้อเล่นนิดหน่อยทำเป็นเสียงแข็งไปได้..” โต้งเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังร่างเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ตอนแรกก็อย่างแกล้งแต่ตอนนี้กลับรู้สึกอีกแบบ ความร้อนเริ่มไหลวนไปมาอย่างไม่อาจจะห้ามปราม ตั้งแต่ที่มีอะไรกับกาณฑ์ในคืนนั้นโต้งก็ไม่เคยแตะต้องตัวใครคนอื่นอีกเลยแม้แต่คนเดียว


“ พี่โต้งมองอะไร..” กาณฑ์เริ่มรู้ตัวว่าสายตาตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไป



“..” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ได้แต่ตวัดร่างกาณฑ์เข้ามาใกล้แล้วผลักให้ร่างนั้นล้มลงบนเตียงด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล โดยตัวหนั่นหนาของคนหน้าคมล้มลงมาด้วย มือบางของคนถูกทับยกดันอกตรงหน้าไม่ให้ล้มลงมามากกว่าเดิม


“ พี่โต้งอย่าทำอย่างนี้นะ..”

“ ทำอะไร..”


“ กาณฑ์ไม่ยอมนะ..” กาณฑ์เสียงแข็ง


“ ทำไมต้องเสียงแข็งใส่พี่ด้วย .. มันแปลกอะไรคนเป็นอะไรกันก็ต้องมีอะไรกันเป็นเรื่องธรรมดา..” โต้งข่มเสียงให้นิ่งแล้วใช้ดวงของตนสะกดให้กาณฑ์เลิกค้าน



“ พี่โต้ง..กาณฑ์ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โต้งสักหน่อย..” เสียงของคนที่ถูกทับแสดงออกชัดว่าไม่ได้แข็งเหมือนแรกเริ่ม แต่กลับสั่นเพราะความหวั่นเกรงในคนที่มองตนอยู่ ..



“ จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกว่าเป็นอะไรกัน..” โต้งบอกเสียงเข้ม ก่อนจะปิดเสียงจากปากคนตรงหน้าไว้ด้วยปากของตัวเอง มือหนายกขึ้นกดข้อมือทั้งสองของกาณฑ์ไว้เสมือนพันธนาการชั้นดีที่ทำให้คนข้างล่างไม่อาจขัดขืน ..ริมฝีปากที่คลอเคลียไปแต่ละจุดทำให้ร่างกายที่ขัดขืนเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่อาจต้านทาน จนท้ายที่สุดกาณฑ์ก็ไม่อาจขัดขืนกำหนัดที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง แท้จริงหากโต้งกล้าเอ่ยปากให้กาณฑ์ได้รู้สักนิดว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่ทุกอย่างคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นหรอก ..



แท่งสีขาวที่ปรากฏสัญลักษณ์ขีดสีแดงเข้มหล่นลงจากมือหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
หยดน้ำตาที่หลั่งไหลบอกชัดถึงความเสียใจและจุกในอก.. สวรรค์โหดร้ายกับเธอได้มาจนเพียงนี้เหรอ.. หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพราะอยากรู้คำตอบที่แน่ชัด.. และมันก็ไม่ได้มีอะไรผิดเปลี่ยนไปสักนิด


“ ฉันท้องจริงๆเหรอคะคุณหมอ..” หญิงสาวถามด้วยเสียงพร่าสั่น ..


“ ครับคุณสุรีย์ท้องได้สามเดือนแล้ว ..” ชายหนุ่มผิวเข้มตอบไปอย่างประหลาด เพราะเขาเองก็ไม่รู้ลึกตื้นหนาบางของสุรีย์ในเรื่องความรัก แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคลและจรรยาของแพทย์ทำให้พิสิษฐ์เลือกจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้


“ ฉันขอให้มันเป็นความลับได้ไหมคะ” หญิงสาวถามขึ้น



“ ครับ ..ถึงคุณสุรีย์ไม่ขอความลับของคนไข้ก็ไม่สมควรถูกเปิดเผยอยู่แล้วครับ..” ชายหนุ่มรับปากอย่างหนักแน่น หวังให้หล่อนได้เชื่อใจในเขา .. ทั้งสองเดินออกจากห้องตรวจด้วยกัน คนหนึ่งสงสัย อีกคนกังวล แต่หนึ่งเสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ



“ เอ้า พี่สุรีย์มาโรงพยาบาลไม่สบายเหรอครับ..” เจ้าน้องชายคนเล็กที่แสนร่าเริงเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้กฤษฏิ์จะสดใสและร่าเริงอย่างมากมายเพราะได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัด แต่เหมือนเรื่องจะไม่ง่ายเมื่อชายหนุ่มดันโดนจีบจนหมอพิสิษฐ์ต้องวุ่นวายใจอยู่บ่อยๆ


“ คือ..ค่ะปวดหัวนิดหน่อย” หญิงสาวชะงักก่อนจะรับไปพร้อมทั้งขอตัวลา


“ รีบไปไหนนี่..” กฤษฏิ์ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปยิ้มแป้นแล้นให้หมอหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ.. มือหนายกขึ้นพาดบ่าคนเตี้ยกว่าอย่างปกติแล้วเดินไปด้วยกัน


“ อาหมอออกเวรแล้วใช่ไหม..”



“ ครับ” พิสิษฐ์พยักหน้าให้อย่างไม่สดใสเช่นที่เป็น และสิ่งที่กำลังดำเนินอยู๋ทำให้กฤษฏิ์เริ่มเอะใจในท่าที ปกติถ้าเห็นกฤษฏิ์มาหาพิสิษฐ์มักยิ้มแย้มและดีใจอย่างออกหน้าออกตา แต่วันนี้กลับไม่แสดงท่าทีใดๆมันผิดวิสัยเกินไป



“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ..”


“ เปล่าหรอก พรุ่งนี้มีเคสใหญ่อาเลยปวดหัวนิดหน่อย..” ชายหนุ่มพยายามวางเสียงราบไม่ให้กฤษฏิ์ผิดสังเกต เพราะเรื่องที่เกิดดูท่ามันจะใหญ่ไม่ใช่น้อย ..สายตาของสุรีย์ตอนที่รู้ชัดว่าตนกำลังตั้งท้องไม่ได้บอกพิสิษฐ์เลยว่าหล่อนดีใจ เขากลับเห็นความเศร้าที่มันเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ความเศร้าที่กัดกันจนเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ..


ห้องทำงานของประธานบริหารอมรามีอันต้องสั่นคลอน เมื่อชายหนุ่มได้รู้ข่าวร้ายเกี่ยวกับรีสอร์ตของตน เลขาฯสาวที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดรู้ดีว่าเจ้านายของหล่อนนั้นร้ายกาจแค่ไหน ทั้งไปทั้งมาก็น่าหวั่นราวสายฟ้าฟาด หากไม่เพราะเงินดีหญิงสาวไม่ทนรองมือรองเท้าอยู่เช่นนี้หรอก



“ ไอ้กรณ์..แกคิดเหรอว่าฉันจะยอมแพ้..” มือหนาฟาดลงบนโต๊ะด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากรู้ว่ากรณ์เริ่มเดินเกมอย่างไม่สนใจมิตรภาพใดๆ กรณ์บอกแล้วว่าที่ทนมาก็เพราะไม่อยากสร้างศัตรู แต่เมื่อเอกกล้าจะแหยมกับของที่เขาหวง เอกก็ไม่สมควรจะได้รับน้ำใจที่ต้องรักษา



“ ยอดจองโรงแรมของเราเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตกฮวบ .. แคมเปญใหม่ของสายลมทำให้ยอดของเราดิ่งลงเรื่อยๆ.. เห็นว่าตอนนี้ยอดจองของสายลมเต็มเหยียดไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม” หญิงสาวกัดฟันรายงานต่อ แม้จะรู้ว่าอาจมีอะไรลอยมากระแทกร่าง



“ ไอ้ชั่ว..เธอออกไปได้แล้ว” เอกกราดเสียงอย่างโกรธแค้น ..แท้จริงเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากเขาไม่ใช่เหรอ หากเขาไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับกรณ์ก่อนเขาคงไม่ได้รับผลตอบแทนเช่นนี้หรอก.. จะว่าการหั่นราคา เทคโปรโมชั่นครั้งนี้ก็ทำให้อมราแทบทรุด หากกรณ์บุกหนักกว่านี้รับรองผลที่ตามมาจากร้ายกาจกว่านี้หลายสิบเท่า

กรณ์ไม่ใช่คนใจดี ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจอะไรอีกแล้ว




“ เข้ามาหาฉันหน่อย ..ฉันมีงานให้แกทำ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าเข้มๆของเอก จากนั้นก็วางสายที่ต่อถึงอย่างเหี้ยมๆ .. ในเมื่อกรณ์ประกาศศึกเต็มรูปแบบ ตอนนี้คนหน้าสวยก็ไม่ต่างอะไรจากศัตรูที่ต้องกำจัด

..แต่เหตุผลมันจะเพียงพอหรือ.. แค่ไม่ได้รักตอบแทน แค่คนที่รักไม่สนใจและเทใจทั้งหมดไปให้ใครคนอื่น ..รักที่มีก็แปรเป็นแค้นจนทำลายกันให้ถึงตายเชียวหรือ..

นี่แหละนะหัวใจมนุษย์ .. ยากนักที่จะเข้าใจ เหตุผลของคนหนึ่งคนแม้จะดีเลิศ แต่มันก็อาจจะเป็นเหตุผลที่แสนห่วยของใครอีกคน .. 


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 38

...
น้องคนกลางแห่งบ้านสายลมค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะแสงแดดที่สาดเข้ามาภายในห้อง.. ความอ่อนล้าที่คืบคลานในหลายส่วนของร่างกายปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ..ชายหนุ่มพยายามเคลื่อนกายตัวเองอย่างระวังที่สุดแต่เหมือนอีกคนที่นอนข้างๆจะรู้สึกตัวแล้ว


“ ไปไหน..”


“ กาณฑ์จะไปเรียน..” กาณฑ์บอกไปเสียงอ่อน ..


“ เดี๋ยวพี่ไปส่ง..” ว่าแล้วคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ปล่อยมือออกจากเอวของเด็กหนุ่มแล้วทะลึ่งกายขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ..


“ กาณฑ์ไปเองได้”



“ จะดื้ออีกหรือไง..” โต้งถามเสียงแข็ง ทำให้กาณฑ์ต้องยอมเงียบปากเพราะไม่อยากจะอารมณ์เสียตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างทุลักทุเล .. มือเรียวหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ไม่ไกลขึ้นมาพันกายแล้วมุ่งหน้าเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เป็น แต่ก่อนที่บานประตูจะปิดลงก็พบว่ามีมือของคนร่วมห้องสอดเข้ามาขวางไว้ก่อน


“ พี่อาบด้วย..”


“ ไม่เอา ..กาณฑ์จะอาบคนเดียว..” กาณฑ์ส่ายหน้าไม่ยอมให้โต้งเข้ามา แต่เขาจะสู้แรงของคนตรงหน้าได้เหรอ .. โต้งดันกายจนสุดท้ายก็ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องน้ำพร้อมกาณฑ์


“ เฮ้อ..” การกระทำของคนข้างกายเล่นเอากาณฑ์เหนื่อยหนักจนต้องถอนหายใจ



“ เซ็งพี่มากหรือไง..” โต้งถามอย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เหมือนจะไม่ถูกใจกาณฑ์ไปเสียทุกอย่าง ..



“ กาณฑ์ไม่อยากจะทะเลาะด้วย..” กาณฑ์ส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะจำใจปลดผ้าของตัวเองออกแล้วเดินไปหยุดอยู่ใต้ฝักบัวให้น้ำเย็นๆ กลบเสียงใดๆที่จะเกิดขึ้น แต่เพียงครู่เขาก็รู้สึกถึงแรงกระทบจากด้านหลัง มือหนาค่อยๆวางลงบนหลังนุ่มไล่ไปมา ..


“ พี่โต้งอย่าทำอะไรบ้าๆนะ กาณฑ์จะไปเรียน” กาณฑ์ร้องเตือนเพราะสถานการณ์เริ่มสุ่มเสียง


“ ทำอะไรเหรอ..” ใบหน้าคมวางลงเกยบ่าคนตรงหน้า ..คลอเคลียริมฝีปากของตนไปบนซอกคอนุ่มๆนั้นอย่างถือสิทธิ์


“ อื้อ..ไม่เอา ..กาณฑ์ต้องไปเรียน” กาณฑ์ร้องเสียงแข็ง แต่เหมือนร่างกายของเขาจะสวนทางกับสิ่งที่ร้อง..เมื่อมือของคนหนั่นหนาเอื้อมไล่มาวนเวียนตรงท้องแบนราบ และละเลยไปปลุกเร้าบางสิ่งให้เตลิด .. การเคลื่อนไหวท่ามกลางสายน้ำ และฟองสบู่ที่เคลือบกายของทั้งสองให้เคลื่อนไปตามใจคิด.. ความหนั่นหนาของอารมณ์แทรกผ่านทุกอณูของร่างกายประสานสองร่างให้เป็นหนึ่ง .. ร่างกายของกันและกัน

สุดท้ายกาณฑ์ก็ไม่อาจต้านทานสิ่งที่เกิด แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับความสับสนที่กำลังคืบคลานในหัวใจ หากโต้งปริปาก กาณฑ์คงรู้บ้างว่าเขามีสถานะใดในหัวใจของคนรุกล้ำ


ความผิดปกติของหญิงสาวที่ดำเนินมานาน แม้จะพยายามปิดบัง .. แต่ก็ไม่อาจปกปิดสายตาอันเฉียบแหลมของกรณ์ได้ ..จนเมื่อวันก่อนชายหนุ่มก็เลยตัดสินใจถามออกไป แต่หญิงสาวก็ปัดป่ายหลีกเลี่ยงจะตอบ กรณ์เก็บความสงสัยของตนต่อไปแต่ก็ให้สายสืบของตนไปหาความจริง จนวันนี้เขาก็ได้รู้สิ่งที่หญิงสาวปิดบัง

“ แน่ใจเหรอ..”


“ ครับ ..คุณสุรีย์ท้องแน่นอน แต่ผมไม่ทราบจริงๆว่าคุณสุรีย์เธอท้องกับใคร” สายลับหนุ่มตรงหน้าบอกไปตามที่ตนรู้


“ ช่างเถอะ.. อย่าลืมเก็บเป็นความลับด้วย” กรณ์โบกมือไล่พร้อมทั้งกำชับให้คนของตนปิดปากให้สนิท ยามเมื่อห้องตกอยู่ในความเงียบ กรณ์ก็เริ่มใช้ความคิดอย่างสงสัย ..


“ กาณฑ์เหรอ..” ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงน้องชาย .. แต่คิดว่าหากเป็นอย่างนี้จริงหญิงสาวคงไม่อึกอักอะไรหรอกกระมัง เพราะอย่างไรเสียเด็กที่กำลังจะเกิดก็เป็นหลานเป็นเชื้อ สุรีย์ไม่น่าจะปิดบัง


Rbbbrr ...



มือเรียวเอื้อมไปกดปุ่มรับสายโทรศัพท์

“ มีอะไร”


“ มีคนมาหาค่ะ..บอกว่ารอคุณกรณ์ตรงล็อบบี้..” เลขาฯสาวที่มาแทนสุรีย์ซึ่งลาป่วยรีบบอก.. ชายหนุ่มตวัดคิ้วเล็กๆก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปรากฏรอยยิ้มออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครมาหาเขา ..กรณ์เหลือบมองไปยังนาฬิกาติดผนังก็เห็นว่าเวลาตอนนี้ล่วงเลยมานานพอสมควร ..ปกติหากวิชญ์ภาสกลับมาจากเรียนแล้วกรณ์ยังไม่กลับบ้านก็จะมารอเสมอ..


“ นี่..” กรณ์เอ่ยทักทายคนที่นั่งหลับอยู่ตรงเก้าอี้ด้วยน้ำเสียงสดชื่น แต่เหมือนคนที่หลับอยู่จะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังมีอีกคนเรียกเขาอยู่


“ นี่..จะกลับไม่กลับ ถ้าไม่ตื่นฉันทิ้งไว้ตรงนี้จริงๆนะ..” กรณ์แสร้งชักเสียงฉุน ยกมือขึ้นตบลงบนใบหน้าคมเข้มเพียงลงแรง หวังให้อีกคนได้รู้สึกตัว

“ ตัวร้อนจัง..” กรณ์พึมพำ เมื่อมือของเขาสัมผัสกับผิวของอีกฝ่าย



“ อือ..ลงมาแล้วเหรอครับ..” คนที่ถูกปลุกเหมือนจะรู้ตัว ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียแล้วเอ่ยถามคนหน้าสวยที่ยืนอยู่ด้านหน้าของตน



“ ไม่สบายทำไมถึงบ้านแล้วไม่นอนเสียล่ะ..” กรณ์ถามอย่างห่วงใย บ่อยเสียที่ไหนที่จะเห็นคนเย็นชาเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นขนาดนี้ วิชญ์ภาสได้รับสิทธิพิเศษไม่น้อยเลยทีเดียว



“ ก็ผมอยากมาหาคุณก่อนนี่ครับ ..” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยความจริงใจ ต่อให้ใครจะว่าเขายังไง ความรักที่มีต่อกรณ์ไม่เคยลดน้อยถอยลงเลยสักนิดเดียว


“ งั้นก็รีบกลับบ้านไปกินยาดีกว่า เดี๋ยวจะป่วยไปมากกว่านี้..” กรณ์บอกเสียงอ่อน .. ก่อนจะค่อยๆช่วยพยุงอีกคนขึ้นยืน ..แล้วเดินเคียงออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของพนักงานภายในบริษัท .. เดี๋ยวนี้กรณ์เลิกสนแล้วล่ะว่าใครจะมองยังไง อีกอย่างพวกพนักงานก็เห็นกันจนชินตา และรู้ดีว่านัยระหว่างประธานบริษัทและนักศึกษาคิ้วหนาคนนี้ไม่ใช่แค่คนรู้จักทั่วไปแน่นอน ..


ทั้งสองเดินมาหยุดตรงด้านหน้ารถคันสีดำ คันประจำของเจ้าคิ้วเข้ม ..



“ ฉันขับเอง ..นายนอนแล้วกัน..”กรณ์เสนอพร้อมทั้งแย่งกุญแจไปจากมือของวิชญ์ภาสอย่างรวดเร็ว มือบางผลักให้คนตัวหนาเดินลัดหน้ารถไปขึ้นอีกฝั่ง ส่วนตนก็รับหน้าที่คนขับจำเป็นไปหนึ่งวัน


“ ถ้าเหนื่อยก็นอนไปเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วฉันจะปลุก..” กรณ์บอกก่อนที่รถจะออกตัวจากลานจอดหน้าบริษัทสายลม คนป่วยทิ้งกายลงอย่างวางใจและหลับตาลงตามที่กรณ์บอก แต่ใครจะรู้ว่าชะตานั่นเล่นตลกมากมายเกินกว่าใครจะรับไหว .. ยามที่รถเคลื่อนออกไปการเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง


“ ออกไปแล้ว ..อย่าให้พลาด..” เสียงเหี้ยมดังขึ้น .. งานง่ายๆ เงินดีๆ อย่างนี้ไม่ต้องใช้เวลาคิดก็ต้องรับทำอยู่แล้ว .. อันว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่สำหรับบางคนเงินเป็นมากกว่าชีวิต เขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะรับงานจากเจ้าของอมราผู้มีใจอาฆาต ..


“ เฮ้อนั่นไง ทะเบียน นต.9119 สีดำ..” อีกฝากหนึ่งซึ่งห่างออกไปหลายกิโล ..ชายสองคนที่ดักซุ่มอยู่ในรถกะบะคนเก่ามานานหลายชม.ก็เริ่มลงมือ ทันทีที่รถเป้าหมายอยู่ในวิถี ลูกพี่ที่นั่งขนาบคนขับก็ร้องบอกขึ้น


“ ให้ชนด้านคนนั่งใช่ไหมลูกพี่..” เจ้าหนวดผิวกักขฬะเอ่ยถามพร้อมยิ้มโหดๆ


“ใช่ๆ .. ขอโทษนะคุณกรณ์ ช่วยไม่ได้ขัดแข้งขัดขาเจ้านายผมเอง...” เจ้าลูกพี่ใจโหดกระหยิ่มย่องแล้วปรายยิ้มออก แต่ใครจะรู้ว่าทั้งหมดอยู่เหนือการคาดหมายทั้งสิ้น .. ในเมื่อลิขิตได้สรรค์สร้างมาเฉพาะบุคคล ไม่เช่นนั้นเจ้าคนคิ้วหนาคงไม่เจาะจงมาป่วยวันนี้เวลานี้หรอก..


.. ตูม .. เสียงรถทั้งสองคันชนกันสนั่นหวั่นไหว .. รถกระบะที่เลี้ยวออกจากซอยพุ่งตรงเข้าหาประตูฝั่งคนนั่งอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนขนาดฆ่าแกงแค่พอเป็นกษัยสบายอารมณ์.. ( ชั่วว่ะ)


เปลือกตาคู่บางค่อยๆขยับออกจากมึนๆ แรงกระแทกที่ส่งมาแม้จะแรง แต่เพราะด้านของคนขับไม่ใช่ด้านที่โดนเลยทำให้กรณ์แค่หมดสติไปเพราะศีรษะฟาดเข้ากับพวงมาลัยรถ..

“ พี่กรณ์...” กาณฑ์ และกฤษฏิ์ที่รู้ข่าวอุบัติเหตุรีบรุดมายังโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันที


“ กาณฑ์ ..กฤษฏิ์..” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอย่างงุนงง ก่อนที่ร่างกายนั่นจะค่อยๆพยุงขึ้นนั่ง ดวงตาคู่สวยกวาดไปรอบๆห้องก็พบว่า ยังมี หมอพิสิษฐ์ โต้ง รวมไปถึงสุรีย์ที่ลาป่วยยืนล้อมตนอยู่


“ พี่กรณ์เป็นยังไงบ้าง..” น้องคนเล็กถามขึ้นอย่างร้อนใจ ตอนรู้ข่าวจากหมอพิสิษฐ์ก็รีบลาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมาโรงพยาบาลทันที..


“ มึน..พี่เป็นอะไรไปเหรอ..” กรณ์บอกไปอย่างที่รู้สึกก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย ที่อยู่ๆก็มีใครหลายคนมามุงเขา รวมไปถึงน้องชายคนกลางที่พยายามหลบหน้ากรณ์มานานหลายเดือน ..

“ พี่ถูกรถชน ..” กฤษฏิ์พูดต่อ


“ รถชน ..ใช่สิ.. วิชญ์ล่ะ..” กรณ์เอ่ยทวนอย่างคิดตาม ก่อนที่หัวใจของชายหนุ่มจะกระตุกอย่างแรงยามเมื่อคิดได้ว่าตอนนั้นนอกจากตัวเอง ก็ยังมีอีกคนร่วมชะตากรรม ..


“..” ไร้คำตอบใดๆ จากทุกคนรอบข้าง มีเพียงแววตาที่เศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด และมันชัดเจนจนหัวใจของกรณ์แทบจะลุกเป็นไฟในบัดดล .. เขารีบผละจากเตียงที่นั่งหมายจะเดินออกจากห้องไปหาความจริงด้วยตัวเอง หากอีกคนเป็นอะไรไปเขาจะอยู่ในเช่นไร


“ คุณกรณ์ยังไม่หายดี..พักก่อนเถอะ..” หมอหนุ่มที่เป็นเจ้าของไข้เอ่ยเตือนอย่างห่วงใย



“ กรณ์จะไปหาเขา..” ไม่ต้องบอก ทุกคนในห้องก็รู้ดีว่า ‘เขา’ ที่กรณ์พูดถึงหมายถึงใคร .. หากไม่ใช่หัวใจและจิตวิญญาณและจะเป็นใครได้อีกเหล่า .. ชายหนุ่มผู้เปลี่ยนความเย็นชาและอ้างว้างเป็นความสดใส และชุ่มเย็นชายหนุ่มผู้ทำให้กรณ์ได้รู้ว่าแท้จริงบนโลกใบนี้เขายังมีที่พึ่ง มีไหล่หนาให้เอนอิงทุกยามที่ต้องการ


“ คือ..”


“ คืออะไรบอกกรณ์มาสิ..” มือบางจับกระชับเขาตรงแขนเสื้อของหมอหนุ่ม พร้อมเขย่าถามอย่างควบคุมสติไม่ค่อยจะได้


“ ตอนนี้พี่วิชญ์ยังอยู่ในห้องพักฟื้น .. พี่กรณ์อย่าเครียดเลยนะ..” กฤษฏิ์กัดฟันพูดออกไป..เขาไม่ได้โกหกนะ ไม่ได้โกหก แค่เขาบอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง


“ งั้นพี่จะไปหาเขา แล้วจะขอพบหมอเจ้าของไข้ด้วย” แค่เห็นสายตาของทุกคนรอบกายก็พอจะรู้ว่า อาการของอีกคนไม่ใช่แค่พักฟื้นแน่นอน คนฉลาดอย่างกรณ์ไม่มีทางถูกหลอกได้ง่ายๆหรอก


“ คือ..” ทุกคนหมายจะค้าน ..แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจต้านทานประธานสายลมผู้เปรียบประดุจพายุร้ายในเวลานี้ได้หรอก .. สุดท้ายเลยจำใจพากรณ์ไปยังห้องพักฟื้นที่ห่างออกไปสองชั้น .. ตอนนี้เจ้าของไข้กำลังตรวจอาการประจำวันของคนป่วยอยู่พอดี.. นับจากวันเกิดเหตุ นี่ก็ล่วงเข้าสู่วันที่สามแล้ว .. กรณ์สลบไปสามวันเต็มๆ แต่โชคยังดีที่บาดเจ็บแค่ตรงศีรษะ


“ คุณหมอ..”


“ คุณกรณ์..” หมอหนุ่มเจ้าของไข้เอ่ยทักทาย ..ใครกันจะไม่รู้จักผู้บริหารบริษัทสายลม ที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในจุดรอยต่อระหว่างภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคใต้ ศูนย์รวมของอำนาจและอิทธิพลอยู่ในอุ้งมือของคนหน้าสวยดูไร้พิษไร้ภัยคนนี้นี่เอง


“ เขาเป็นไงบ้าง..” กรณ์ถามขึ้นพร้อมปรายตาไปยังคนที่หลับอยู่.. ดูจากสภาพวิชญ์ภาสคงบาดเจ็บไม่น้อยเพราะมีผ้าพันแผลทั้งที่ศีรษะ ข้อมือ ตรงจนขาด้านซ้าย


“ อาการทั่วไปไม่น่าห่วงอะไร แต่หมอเกรงว่า..” คำของคนเป็นหมอสะดุดไปเล็กน้อย ยามต้องพูดในบางสิ่งที่อาจกระทบใจคนฟัง

“ อะไรเหรอ..”


“ อาการบาดเจ็บในส่วนต่างๆของร่างกายก็แค่มีบาดแผล แต่ที่หนักคงเป็นขาด้านซ้าย แรงกระแทกที่รถพุ่งเข้ามาทำให้กระดูกหัวเข่าหัก และทำให้มีบางส่วนผิดโครงสร้างไป หากผลเอ๊กซ์เรย์ออกมาว่ากระดูกที่เป็นปัญหากดทับเส้นประสาทและสุ่มเสี่ยงต่อการทิ่มแทงเส้นเลือดใหญ่ หมอเกรงว่าอาจต้อง... ตัดขาทิ้ง” หมอหนุ่มอธิบายต่ออย่างลำบากใจ แต่จำต้องพูด เมื่อท้ายประโยคมาถึงเล่นเอาคนฟังแทบใจสลาย


“ อะไรนะ..” กรณ์ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง .. และก็เป็นอาการเดียวกับใครอีกคน ที่คนทั้งห้องไม่รู้ว่าเขาฟื้นจากสติที่พร่ามัวและได้ยินทุกอย่างแล้ว



“ ก็เป็นอย่างที่หมอพูด..”



“ ต่อให้ต้องเสียกี่แสนกี่ล้านก็ต้องรักษาเขาให้หาย หมอได้ยินได้ว่าต้องรักษาให้หาย..” อารมณ์ที่อ่อนไหวปะทุขึ้นจนสุดจะห้าม คนตัวบางถลาเข้ากระชากคอเสื้อหมอหนุ่มอย่างสุดจะกลั้น ตวาดสั่งพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง



“ คือคุณกรณ์..สงบสติอารมณ์ก่อนดีไหมครับ หมอไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่เราต้องรักษาตามอาการ” หมอที่ถูกกระชากเสื้อพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบกอปรกับ น้องชายทั้งสองที่ช่วยดึงร่างกรณ์ออกมา เลยทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงกว่าเดิม



“ ใจเย็นเถอะนะพี่กรณ์..” กาณฑ์กอดร่างพี่ชายตัวเองไว้อย่างเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นกรณ์เป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยรู้จริงๆว่าคนอย่างกรณ์จะเป็นเช่นนี้ได้ด้วย และเขาเพิ่งรู้จริงๆว่าคนที่ทำร้ายเขาคือคนที่แสนสำคัญในชีวิตของกรณ์


“ หมอขอตัวก่อนนะครับ ..”


บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบสงบมากว่าชม..


หมอพิสิษฐ์ขอตัวออกไปตรวจคนไข้ต่อ ส่วนโต้งกับกาณฑ์ก็จำต้องกลับกรุงเทพฯก่อนเพราะพรุ่งนี้ยังมีสอบ .. จะว่าไปวิชญ์ภาสเองก็มีสอบเหมือนกัน แต่เป็นแบบนี้คงไปไม่ได้หรอก..


ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงกฤษฏิ์และกรณ์เท่านั้นเอง



“ พี่ฝากกฤษฏิ์จัดการเรื่องคดีด้วย ..ตอนนี้พี่อยากอยู่คนเดียวกฤษฏิ์กลับบ้านไปเถอะ..” กรณ์บอกน้องชายก่อนจะเอ่ยปากบอกให้อีกคนกลับไปก่อน เขาอยากอยู่เพียงลำพังกับอีกคนที่ยังนอนนิ่ง


“ ครับ.. เย็นๆกฤษฏิ์จะมาใหม่นะ..” กฤษณฏิ์ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความหนักใจ ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างเหมือนประดังประเด .. สายลมพ้นจากวิกฤตเรื่องรีสอร์ตแต่กรณ์กับวิชญ์ภาสก็มาเจออุบัติเหตุครั้งใหญ่ ไม่รู้ว่าเวรกรรมของสายลมจะสลายหายไปเสียที

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :sad11: ทำมัยเปงอย่างงี้ละ อยากค่านายเอกจิงๆ แล้วเมื่อไหร่โต้งจาบอกรักกาณสักทีๆๆๆ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






charus

  • บุคคลทั่วไป
จัดชุดใหญ่ให้พ่อเอกเลยครับ

จัดไปอย่าให้เสีย
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
ตายล่ะปัญหาใหญ่มาหากรณ์ซะแระ

ซวยเลยทีนี้

กรณ์ต้องรู้สึกแย่มาก ๆ แน่เลยอ่ะ

น่าสงสารทั้งกรณ์ทั้งวิชญ์เลยอ่ะ

ส่วนอีตาโต้งนี่นะ พูดเป็นบ้างไหมเนี่ย

รักเค้าก็บอกเค้าไปเด่ะ

โอ่ยยยยยยยยยย มันจะไรนักหนาเนี่ย

มาขนาดนี้แล้ว ทำให้กาณฑ์คิดเป็นอย่างอื่นอยู่ได้


ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
สถานะการณืตึงเครียด...กดดันมากกกก

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ขอ :beat: :z6:ไอ้เอกซักหน่อยเหอะ เด๋วหนูจะโทรไปบอกกรณ์ ว่าไอ้เอกเป็นคนสั่ง

ปล.หนูลุ้นมากกกคร้า  :serius2:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
อย่าให้นายวิชญ์ของเราต้องเป็นอะไรมากนะครับ เอาแค่ความจำเสื่อมพอ -.-

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :fire: ทำไมถึงทำกับวิชญ์ได้  :fire:

ออฟไลน์ Pikky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 492
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-0
 :a5: อ่านตอนสุดท้ายเร้วสงสารกรณ์ มีเรื่องร้ายๆๆอีกเร้ว

เขียนเก่งจังเรยค่า o13 อ่านตั้งแค่แรก เร้วบีบคั้นอารมณ์สุดๆๆ

มีเรื่องให้ลุ้นทู้กกกตอน ชอบนายเอก หวานก้อน่ารัก โหดก้อแสบสุดขั้ว อิอิ

แตขอ :z6: เอกหน่อย ร้ายจิงๆๆ อย่างนี้ต้องเอาหั้ยหนัก




speedboy

  • บุคคลทั่วไป
ต้องไม่เป็นอะไรนะคร้าบ

เดียวต้องหายดีนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
จัดการเอกอย่างให้เหลือซากเลยนะ น่าโมโหมากๆ ส่วนวิชญ์ ขอให้หายนะ เป็นกำลังใจให้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






doomare

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ

โต้งก็ปากแข็ง

สุดที่รักของกรณ์ก้น่าสงสาร

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :z2: มารอจ้าๆๆๆ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
มารอเช่นกัน
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
มานั่ง รอคร้า คืนนี้จะมาอัพไหม :o8:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษ ขอโทษ ที่ทำให้ทุกคนรอนะค่ะ

วันนี้จะลุยเต็มที อาจลงจนจบเลยค่ะเพราะเหลืออีกสามตอนเอง

ขอเวลาจัดการแปบหนึ่งนะ รอแปบ...

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 39


“ อือ” คนที่นอนอดทนมานานแสดงท่าทีถึงการฟื้นของเขา .. กรณ์ที่นั่งมองอย่างหม่นหมองรีบปรี่เข้าหาคนป่วยที่นอนอยู่ทันที.. มือบางจับเข้ากับแขนหนั่นข้างที่ไม่เจ็บ แต่ก็กลับถูกสะบัดออกอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของกรณ์ตีความไปว่าเขาอาจจับแรงเกินไป เลยทำให้คนป่วยต้องรีบสะบัดออก


“ ฉันขอโทษเจ็บเหรอ..” กรณ์ถามอย่างห่วงใย


“ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องถูกตัวผมอีก ..” ชายหนุ่มเปิดตาขึ้น และเอ่ยในบางสิ่งที่กรณ์ไม่ได้เตรียมใจจะฟังมาก่อน ..



“ ได้ๆ..ว่าแต่นายยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ฉันจะได้ตามหมอให้ หรือนายจะกินน้ำไหม..” กรณ์พยักหน้าอย่างเอาใจ ถามโน้นถามนี่สารพัด ..เขาไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเจ็บปวดทรมานอย่างนี้เลย แต่ความหวังดีต่างๆที่มีก็ถูกเบรกลงด้วยเสียงตวาด


“ พอสักที..” ชายหนุ่มที่นอนอยู่ดันกายขึ้นอย่างเจ็บปวด พยายามแข็งตัวขึ้นนั่ง ..


“ นายเป็นอะไรไป..บอกฉันได้นะ” กรณ์ยังไม่เข้าใจในท่าทีที่อีกคนแสดง


“ คุณมันน่ารำคาญชะมัด..เลิกยุ่งกับผมได้แล้วน่าเบื่อจริงๆ..” ทุกคำ ทุกการกระทำล้วนต้องจำใจแสดง หากเขาต้องเสียขาไปจริงๆ เขาเหมาะเหรอที่จะยืนข้างๆประธานสายลมที่แสนสง่า ขนาดเขาครบสามสิบสองประการเขายังไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะคู่ควรกับคนตรงหน้า



“ นายเป็นบ้าอะไร..” กรณ์ที่อดทนมานานกราดถามกลับอย่างไม่พอใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างชนิดที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่ามันไหลออกมา


“ ผมบอกว่าคุณน่ารำคาญ..เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว ..ทางที่ดีอย่ามาให้ผมเห็นหน้าเลย” ตอนที่เห็นว่าคนหน้าสวยมีน้ำตาไหลออก ชายหนุ่มก็ชะงักเล็กๆเพราะเขาทำให้คนที่รักสุดหัวใจต้องร้องไห้ แต่หากเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเขาก็จำต้องทำไม่ใช่เหรอ

“ ไอ้บ้าแกกล้าดียังไงพูดอย่างนี้ออกมา แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าแกรักฉัน” กรณ์ตวาดกลับอย่างฉุนเฉียวไม่อาจจะสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็น


“ คุณนี่มันก็โง่ดีเนอะ แค่ผมแกล้งทำดีเข้าหน่อยก็หลงกล ..จริงๆผมไม่เคยคิดพิศวาสอะไรคุณเลย ที่ทนอยู่ก็เพราะเห็นว่าคุณรวยล้นฟ้า ต่อไปผมคงสุขสบาย..” นั่นคือสิ่งที่จำใจ ภาวะความเป็นจริงของชีวิต .. สิ่งที่อยากจะทำ กับสิ่งที่ต้องทำ บางครั้งก็อาจสวนทางกัน .. ยิ่งสวนทางกันมากเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น


“ ใช่ฉันมันโง่..โง่แล้วยังไง ถึงแกจะหลอกเงินฉันก็หลอกไปสิฉันไม่สนใจหรอก..” กรณ์ตอบกลับไปอย่างไม่ยอมเช่นกัน ..แต่เขาพอเริ่มจะตงิดในการกระทำของคนตรงหน้าบ้างแล้ว .. คนอย่างวิชญ์ภาสนี่นะจะมาหลอกเงินกรณ์ ..คนอย่างวิชญ์ภาสนี่นะที่จะหลอกลวง .. ตั้งแต่เจอกันคนตรงหน้าไม่เคยรบกวนเงินเขาสักบาท ไม่เคยจะทำอะไรให้กรณ์ต้องเคลือบแคลงสงสัยเลยสักครั้ง ...


“ เลิกพูดเถอะผมอยากนอน ..” ชายหนุ่มกัดฟันพูดก่อนจะทิ้งตัวลงแล้วแสร้งปิดตา เพื่อยุติบทสนทนาที่อาจยืดเยื้อต่อเนื่อง และอาจทำให้เขาหลุดพูดความจริงในหัวใจออกไป



เพล้ง .. แจกันดอกไม้ภายในห้องตกลงแตกกับพื้นห้อง .. เสียงที่ดังทำให้คนป่วยต้องหันมามองอย่างตกใจ และภาพที่เห็นก็ทำให้หัวใจเขารุ่มร้อนราวไฟผลาญ ..คนที่เขารักกำลังหยิบเศษกระเบื้องที่แตกออกกดลงในมือนุ่มๆอย่างเย็นชา ไม่เกรงกริ่งต่อความเจ็บปวดที่ดำเนินไป.. เลือดสดๆไหลหยดออกอย่างรวดเร็ว และเหมือนเจ้าของมือจะยิ่งกดมันให้ลึกลงมากกว่าเก่า



“ คุณกรณ์..” ภาพที่เห็นทำให้ทุกอย่างที่มีสลายไปอย่างรวดเร็ว ..ร่างสูงแข็งขืนจากความเจ็บปวดถลาเข้าหาอีกคนเพื่อเอาเศษกระเบื้องนั่นออกจากมือกรณ์ให้เร็วที่สุด ทุกบาดแผลที่เกิดไม่ต่างอะไรจากคมมีดที่กรีดลงบนกายของเขา ..เขาไม่อาจเห็นคนที่รักต้องเจ็บปวดอย่างนี้ได้หรอก



“ คุณกรณ์คุณปล่อยก่อน..เดี๋ยวแผลมันจะลึกไปมากกว่านี้นะ..” วิชญ์ภาสแกะมือของกรณ์ออกอย่างยากลำบาก ทำแรงไปก็กลัวมันจะกดลึกลงไปกว่าเดิม


“ พูดกับฉันสิ..พูดว่านายไม่รักฉัน พูดว่านายโกหกหลอกลวงฉันมาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน พูดสิว่านายไม่เคยต้องการฉัน..” คำพูดเย็นชากับน้ำตาแสนเย็นเฉียบคลอประสานเป็นหนึ่ง เล่นเอาคนที่วุ่นวายกับบาดแผลที่มีต้องชะงัก และเงยหน้าขึ้นมองกรณ์อย่างปวดใจ


“ ผม...” ชายหนุ่มจนด้วยเกล้า ไร้คำพูดใดจะโกหกต่อ หากกรณ์ต้องตายไปเขาจะอยู่ได้เหรอ



“ ไอ้บ้า ..ไอ้นิสัยไม่ดี..แกพูดทำไมว่าแกรักฉัน แกพูดทำไมว่าแกจะอยู่ข้างๆฉัน แกกล้าดียังไงมาทำให้ฉันหวั่นไหว และมาบอกว่าไม่ได้รักฉัน ไม่ต้องการฉัน” เศษกระเบื้องถูกปล่อยออกอย่างเร็ว ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะระดมทุบตีคนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง .. หมดแล้วจริงๆ หมดแล้วทุกความเคลือบแคลง หมดแล้วทุกความสงสัยยามนี้หัวใจของกรณ์เป็นของคนที่อยู่ตรงหน้าเพียงคนเดียวเท่านั้น


“ ผมขอโทษ ..ผมขอโทษ..” วิชญ์ภาสรวบร่างตรงหน้าเข้ามากอดไว้อย่างเสียใจ พยายามแข็งตัวเองให้อยู่ยั้นและมั่นคง .. เขาดึงให้กรณ์ทับเทร่างกายมาทางเขาที่นั่งบนขอบเตียงอย่างสุดรัก.. หากขาเขาไม่บาดเจ็บคงทำอะไรๆได้ง่ายดายกว่านี้แล้วล่ะ


“ ฉันไม่รับ ..” กรณ์ปล่อยโฮอย่างที่ไม่เคยเป็น ...


“ ผมขอโทษๆ..ผมมันโง่เองที่คิดโน้นคิดนี่..แต่ถ้าผมต้องถูกตัดขาจริง ผมก็ไม่อยากให้คุณต้องรับผมไว้เป็นภาระวุ่นวายใจ..” คนพูดปล่อยน้ำตาออกมาไม่ต่างจากคนในอ้อมอก เขากลัวกลัวจริงๆว่าหากวันนั้นมาถึงเขาจะรับสภาพตัวเองได้หรือเปล่า เขาจะรับได้ไหมที่ต้องเป็นภาระให้คนที่รัก

“ ต่อให้แกเป็นอัมพาตนอนติดที่ไปไหนไม่ได้.. แกก็ไม่มีสิทธิ์หนีไปจากฉัน..” กรณ์บอกไปในสิ่งที่เขาคิด ต่อให้คนตรงหน้าจะอาการหนักกว่านี้สักร้อยเท่าพันเท่า แต่ความรักมันก็ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด ยังคงรักเท่าเดิมหรือเผลอๆอาจจะเพิ่มเติมจนมากมายกว่าเดิมร้อยเท่าพันเท่า



“ คุณกรณ์..ผมขอโทษ..” มือหนากระชับบ่าของคนที่รัก และผละให้กรณ์ห่างจากตนเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาพร้อมสบตาคนที่พร่ามัวด้วยน้ำใสๆ



“ นายเคยบอกว่าจะรอฟังฉันพูดว่ารัก แต่ในวันที่ฉันอยากจะพูดมากที่สุดนายก็กลับไม่ต้องการฟัง...”

“ ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าจะคุณจะพูดหรือไม่ ..สิ่งที่คุณทำในวันนี้มันก็มากมายเกินกว่าคนนิสัยไม่ดีอย่างผมคิดไว้...”


“ ถ้านายยังกล้าพูดว่าไม่ต้องการฉันอีก..ฉันจะฆ่านายให้ตายเลย..” กรณ์บอกไปทั้งน้ำตา


“ ผมขอโทษ..” เขายังพูดต่อ เพราะเสียใจจริงๆที่ทำให้กรณ์ร้องไห้และบาดเจ็บเช่นที่เป็น .. เขาเคยนึกว่ากรณ์อาจมีใจให้เขา แต่คงไม่มากมายเท่าที่เขาทุ่มเท แต่วันนี้ทุกข้อสงสัย ทุกความกังขาถูกกรณ์แสดงออกมาให้เขาเห็นจนหมดสิ้น ..หัวใจของกรณ์เองก็มีเขาไม่ได้น้อยกว่าที่เขามีกรณ์เลย..


“ ฉันรักนาย..” กรณ์บอกไปเบาๆ ก่อนจะกระชับแขนตัวเองกอดเอวของคนตรงหน้าอย่างยึดเหนี่ยว .. แต่คนฟังเหมือนจะมีอาการต่างไปสิ้นง ..คำที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินก็กลับดังออกมาจากคนตรงหน้า คำที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของชีวิต คำที่รวบรวมเอาทุกสรรพอณูของลมหายใจ ..

จุดสุดท้ายของเรื่องราวจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครทราบ แต่นับจากวันนี้ชายหนุ่มที่เคยเลวร้ายอย่างถึงที่สุดได้รู้แล้วว่าหัวใจของเขาฝากไว้กับคนที่ใช่จริงๆ ..




เพียะ..ใบหน้าคมเข้มสะบัดไปตามแรงมือที่ส่งออกมา


“ แก..” ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมอย่างสะท้าน .. จ้องมองหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งอย่างแค้นเคือง ที่อยู่ๆเจ้าหล่อนก็บุกเข้ามาถึงห้องทำงานของเขาพร้อมทั้งตบมาอย่างแรง



“ คุณมันชั่ว ฉันไม่นึกเลยนะว่ากะอีแค่เรื่องเล็กๆ คุณจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้” สุรีย์เอ่ยกราดอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ..เธอสุดจะทนแล้ว


“ นังเนรคุณ ฉันมีบุญคุณกับแกแท้ๆ..” เอกเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ และรู้ดีว่าสุรีย์กำลังเอ่ยถึงสิ่งใดอยู่..


“ นับจากนี้ไม่ต้องมาอ้างบุญคุณใดๆกับฉันแล้ว ทุกอย่างจบลงตั้งแต่ที่คุณสั่งคนไปทำร้ายคุณกรณ์ .. สายลมมีบุญคุณกับฉันล้นหัว การที่คุณทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับฉันก็ไม่ต่างอะไรจากทำร้ายฉัน .. เมื่อคุณมีบุญคุณกับฉันและทำร้ายฉันในเวลาเดียวกัน นับจากนี้ก็ไม่ต้องมาอ้างสิทธิ์อะไรอีก..” หญิงสาวบอกไปอย่างมาดมั่น .. หากลูกจะเกิดมาแล้วมีพ่อชั่วๆอย่างคนตรงหน้า ก็สู้ไม่ต้องมีเสียดีกว่า


“ แก..” ชายหนุ่มเงื้อมือจะฟาดหน้าหญิงสาว ..แต่กระบอกโลหะสีเงินขนาดเหมาะมือก็วางจดบนหน้าผากของเขาเสียก่อน


“ ถ้าคุณกล้าทำร้ายฉันและคนสายลมอีก..ฉันฆ่าคุณแน่..” รอยยิ้มเหยียดเบียดขึ้นอย่างแค้นใจ และต้องกัดฟันทำใจดีสู้เสือ เธอรู้ดีว่าหากเอกเอาจริงแค่นี้ไม่ยี่หระมือเขาหรอก.. อย่างน้อยเขาก็เห็นเธอเป็นผู้หญิง แม้จะทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยลงมือหนักๆสักครั้งเดียว


“แกจำคำของแกไว้ด้วย ..” เอกสะบัดหน้าแล้วเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ของตน ส่วนสุรีย์ก็เดินออกจากห้องประธานอมราไปอย่างรวดเร็ว ..ไฟแค้นครั้งยิ่งใหญ่กำลังปะทุจนกลายเป็นไฟนรก แต่นรกใดๆจะเท่านรกในใจที่ไม่มีทางมอดดับลงไปได้เหรอ ...
..
..
“ ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีเงื่อนงำ..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีอย่างหมายมาด..ในเมื่อเอกกล้าทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับเธอ เธอก็ไม่ปล่อยเขาไว้หรอกต่อให้เขาจะเป็นพ่อของลูกที่กำลังจะเกิดมาก็ตามที


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง



รถที่แล่นออกจากโรงพยาบาลมานับชม..ตกอยู่ในความเงียบมานานจนเริ่มเข้าเขตกรุงเทพฯ โต้งก็เอ่ยถามคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางด้วยความเป็นห่วง


“ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมคุณกรณ์กับไอ้วิชญ์อีกหรือเปล่ากาณฑ์..”


“ มาสิ ตอนเย็นสอบเสร็จจะกลับบ้านอีกครั้ง มะรืนก็ติดเสาร์กับอาทิตย์คงอยู่ต่อได้..” กาณฑ์ตอบไปอย่างที่ตนได้คิดไว้ก่อนหน้า

“ เหรอ งั้นพี่มาส่งแล้วกัน..” โต้งบอกไป


“ พี่โต้งมีสอบวันมะรืนด้วยไม่ใช่เหรอ” กาณฑ์ถามกลับไป ..ถึงโต้งจะขี้โวยวาย เอาแต่ใจ และเผด็จการ แต่เมื่ออีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตกาณฑ์ก็พอจะรู้เรื่องราวของโต้งเช่นกัน


“ ไม่เป็นไรหรอกสอบบ่าย วันมะรืนพี่ค่อยกลับตอนเช้าก็ได้..”


“ ไม่ต้องหรอกกาณฑ์มาเองได้ ไม่ต้องลำบากหรอก...”



“ นี่จะมีครั้งไหนบ้างไหมที่ไม่เถียงพี่..” ชายหนุ่มตวัดหัวรถเข้าจอดข้างทาง และกระแทกเสียงถามอย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ เพราะตลอดเวลาอีกคนก็ทำเหมือนเขาเป็นคนอื่น ไม่มีทางที่เขาจะเข้าเป็นคนใกล้ชิดของกาณฑ์ได้เลยเหรอ


“ พี่โต้งเป็นอะไรนี่..ถ้ายังตวาดใส่กาณฑ์อีกไม่ต้องพูดกันเลย” กาณฑ์ไม่เข้าใจในการกระทำของโต้ง เลยพาลจะขึงขังไม่พอใจตอบกลับไป



“ แล้วเราล่ะ.. เถียงได้เถียงดี พี่บอกอะไร เราก็ต้องแย้งทันทีเมื่อไหร่จะเชื่อฟังพี่บ้างหา..” โต้งที่ร้อนมาตลอดชีวิต ไม่รู้หรอกว่าการลงให้ก่อนจะสร้างความสุขให้กับทั้งสองแค่ไหน



“ ก็พี่โต้งนั่นแหละ..ไม่ต้องมายุ่งกับกาณฑ์เลย..”


“ นี่จะให้ไอ้แจ๊คมาส่งหรือไงถึงกีดกันพี่นักหนา..”


“ บ้าไปไหม ..แจ๊คกับกาณฑ์เป็นเพื่อนกัน ถึงะจะเป็นมากกว่าเพื่อนมันก็สิทธิ์ของกาณฑ์นะ พี่โต้งไม่มีสิทธิ์มายุ่ง” กาณฑ์ตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรงสายตาที่พร้อมขย้ำทุกวินาที


“ กลับห้องไปไม่ต้องนอนกันคืนนี้..”


“ ถ้าพี่โต้งคิดจะทำอะไรบ้าๆอีกกาณฑ์ก็จะลงตรงนี้.. พรุ่งนี้ยังมีสอบกาณฑ์ไม่ยอมหรอก”


“ ถ้ากล้าก็ลงไปเลย พี่จะปล้ำเราข้างทางตรงนี้เลยคอยดู..” โต้งขู่



“ ไอ้บ้า..” กาณฑ์ที่ตั้งท่าจะลงจำต้องกระแทกหลังกลับไปกับเบาะอย่างเหนื่อยใจ ไม่รู้เมื่อไหร่ว่าชีวิตของตนจะสงบสุขและราบรื่นเหมือนคนอื่นๆบ้าง


“ เอ่อบ้าไง ..บ้าก็ผัวเรานั่นแหละ..”



“ ไอ้พี่โต้ง..ไอ้นิสัยไม่ดี กาณฑ์เกลียดพี่โต้ง..” กาณฑ์สะอึกกับคำของชายหนุ่มจนต้องแก้เก้อออกไป แต่บางคำของเขาก็ทำให้คนฟังแทบจะสะอึกแทน

“ ..” มือหนาเอื้อมมือดึงร่างที่เอนกับเบาะให้หันมาตรงๆ ..


“ พี่โต้งเป็นอะไรไป..” ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงทำให้กาณฑ์ถามขึ้นอย่างสงสัย ..ถึงจะทะเลาะกันยังไงโต้งก็ไม่เคยเงียบอย่างนี้


“ มองตาพี่แล้วบอกพี่สิว่าเราเกลียดพี่ขอแค่พูดออกมา พี่จะไปจากชีวิตเราและไม่กลับมาทำให้เราต้องหนักใจอีก..” โต้งกำลังเดิมพัน ..เดิมพันโดยใช้ทั้งหมดของลมหายใจเป็นเครื่องหมายของเรื่องราว .. คำว่าเกลียดพูดออกมาง่าย แต่ฟังอาจจะยาก ..ยิ่งบางคนที่เผลอหัวใจไปอย่างไม่รู้ตัว อาจต้องกระอักเพราะคำคำนี้เพียงคำเดียวก็เป็นได้



“ พี่โต้ง..” กาณฑ์เริ่มเคว้ง เมื่อท่าทีจริงจังตรงหน้าแสดงขึ้น... หากเขาพูดจริงโต้งจะหายไปใช่ไหม


“ พูดสิ..จะมัวช้าอะไรอยู่เล่า พี่ให้โอกาสกาณฑ์แค่ครั้งเดียวนะ ถ้ากาณฑ์ไม่พูดต่อไปพี่จะไม่เปิดโอกาสให้เราเดินออกจากพี่ไปไหนอีก..”


“ อะไรเล่า...ก็พี่โต้งแหละชอบตวาด ชอบเสียงแข็งใส่กาณฑ์” กาณฑ์เฉไฉไปไม่เป็น เขาไม่กล้าพูดคำคำนั้นออกไปจริงๆ


“ พูดสิ..พี่บอกให้พูด..” แรงที่จับเริ่มหนักขึ้นจนกาณฑ์เริ่มเจ็บ ความกดดัน ความเจ็บปวดถาโถมเป็นหนึ่งเดียวจนแปรความอัดอั้นออกมาแทบสิ้น


“ แล้วอะไรเล่า ..พี่โต้งมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้กาณฑ์พูดเล่า ก็พี่โต้งแหละชอบบังคับกาณฑ์โน้นนี่ แล้วทำไมเล่ากาณฑ์จะไม่พูดมันผิดเหรอไงเล่า” กาณฑ์บอกออกไปทั้งน้ำตา รู้สึกงงๆว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร แต่แค่จะรู้ว่าต้องเสียคนตรงหน้าไปก็ทำให้ใจแทบรับไม่ไหว



“ ก็พี่กำลังเปิดทางให้กาณฑ์ไงล่ะ แค่กาณฑ์มองตาพี่แล้วบอกว่าเกลียดพี่ ต่อไปนี้ก็จะมีใครมาบังคับกาณฑ์ มาตวาด และขัดใจกาณฑ์โน้นนี่สารพัด..” โต้งเองก็รู้สึกกลัวไม่แพ้กัน เขาไม่เคยรู้ว่าแท้จริงความรักเป็นเช่นไร ยามพบเจอเลยไม่รู้ว่าต้องเดินต่อเช่นไร ..


“ ก็กาณฑ์ไม่อยากได้ทางนี่” กาณฑ์ตวาดกลับไป ท่ามกลางความตกใจของคนหน้าตี๋ ..

“ กาณฑ์เลือกเองนะ ต่อไปกาณฑ์จะไม่สามารถไปจากพี่ได้อีก..” ดวงตาที่เคยหม่นหมองทอประกายอย่างมีความหวัง เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเองก็ไม่อยากจะเสียเขาไปเช่นเดียวกับเขาที่อยากอยู่ข้างๆกาณฑ์ตลอดเวลา .. มือที่จับบ่าของกาณฑ์ไว้แน่นค่อยๆคลายออก แล้วเลื่อนไปประทับบนใบหน้านั้นอย่างแผ่วเบา


“..” ริมฝีปากหยุ่นประทับลงบนเรียวปากของอีกคนอย่างถือสิทธิ์ตีตรา นับจากนี้เขาจะเป็นเจ้าของอีกคนโดยสมบูรณ์ ..

“ พี่รักกาณฑ์..” โต้งกระซิบบอกในบางคำที่เขาเองไม่เคยพูดกับใคร ..


“ พี่โต้ง..” กาณฑ์อึ้งไปกับคำนั้น

“ รักพี่ได้ไหม..” คนตัวหนาเลื่อนกายออกมาเล็กน้อย เพื่อให้ดวงตาของทั้งสองสบกันพร้อมทั้งเอ่ยขอในบางคำที่หัวใจเรียกร้อง


“ กาณฑ์ไม่รู้ แต่กาณฑ์ไม่ได้เกลียดพี่โต้งนะ..” กาณฑ์ตอบไปทั้งน้ำตาพร้อมแสดงนัยแห่งคำพูด คำว่าไม่ได้เกลียดย่อมหมายถึงว่าไม่อยากให้คนข้างหน้าหายไปจากชีวิตด้วยกระมัง

“ ช่างเถอะให้พี่รักก็พอแล้ว..” โต้งระบายยิ้มเบาๆให้กับมรสุมที่เพิ่งผ่านพ้น จากนี้จะเป็นเช่นไรคงมีเพียงเวลาที่ให้คำตอบดีที่สุด ...

 

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
 :haun4:จร้า วันนี้ลงจบ หนูก็จะลุยอ่านจนจบเหมือน กัน :z1:

ปล.รักษาสุขภาพด้วยนะคร้าช่วงนี้ฝนตกบ่อยมากกกกกกก เป็นห่วงคร้า :bye2:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
+1  ให้อีกทีคร้าบ   ผมชอบอะคร้าบทุกคนรักกันมีความสุขคร้าบ


ขอบคุณนะคร้าบ  หลับสบายละคืนนี้อะ


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อ่านจบแล้วอ่ะคร้า อยากอ่านอีก จนจบเลยคร้า อิอิ

ปล.อยากได้เรื่องใหม่ด้วยคร้า เอามาลงด้วยก้อจะดีมากนะคร้า :z1:

ปล2.แวะเข้ามา +1 ด้วยคร้า

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 40

ผลเอ๊กซเรย์ที่ออกมาค่อนข้างสร้างความวิตกให้กับแพทย์เจ้าของไข้อย่างมาก..


“ ตกลงว่าไงเล่าหมอ.. ชักช้าอืดอาดเดี๋ยวสั่งให้คนมาเก็บเลย..” เพราะทางทีอึกอักที่เป็นทำให้กรณ์อดจะกังวล และวุ่นวายใจไม่ได้


“ ผลที่ออกมาบอกชัดว่าข้อต่อหัวเข่าแตกละเอียด.. หมอคิดว่าบางทีอาจจะใช้ข้อต่อเทียมแต่ต้องสั่งทำเฉพาะ และอาจต้องใช้เหล็กเป็นตัวช่วย .. แม้จะไม่ต้องตัดขาแต่คนป่วยก็ไม่มีทางกลับมาเดินได้เหมือนเดิม..” แม้รู้ว่าคำของเขาจะทำให้กรณ์โกรธมากขึ้นแต่ก็จำต้องบอก


“ อะไรนะหมอ..” มือบางตบลงกลางโต๊ะอย่างรุนแรง



“ หมอพูดตามความจริง และนี่คือทางที่ดีที่สุดหลังผ่าตัดคนป่วยต้องพักฟื้นอย่างน้อย 5-6 เดือนเพื่อให้เนื้อเยื่อกับข้อต่อที่เสริมเข้าไปผสานเป็นเนื้อเดียว และต้องรับยาประจำทุกเดือน...” หมอหนุ่มยังพูดต่อ เพราะมันคือความจริงอย่างถึงที่สุด ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้



“ รู้แล้ว..” กรณ์ตบโต๊ะอีกครั้งก่อนจะเดินหัวเสียออกจากห้องพักหมอเจ้าของไข้ คนหน้าสวยเดินกลับไปห้องคนป่วยอย่างเหนื่อยใจ แม้จะพยายามปิดบังอารมณ์แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ ..


“ เป็นไงบ้างครับ..” คนป่วยที่รอฟังอาการของตนเอ่ยถาม



“ แน่ใจนะที่จะฟัง..” กรณ์เลิกคิ้วของตนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอีกคน ..



“ ครับผม..ตั้งแต่ที่คุณบอกว่าแม้ผมจะเป็นอัมพาตไปไหนไม่ได้ก็ไม่ยอมปล่อยผม ผมก็ไม่กลัวอีกแล้วล่ะว่าจะเป็นอะไร เพราะคงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้แล้ว” วิชญ์ภาสปรายยิ้มเบาๆ..ไม่ได้ห่วงอาการของตัวเองสักเท่าไหร่


“ ปากดี..” กรณ์ยิ้มส่งให้อย่างเขินๆ.. ดูเหมือนว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เป็นอยู่ ไม่อาจละลายความหวานที่ทั้งสองมีให้กันได้เลยสักนิด



“ นอกจากปาก อย่างอื่นก็ดีด้วยนะครับ..” คนพูดกัดริมฝีปากอย่างแกล้วยั่ว ..นึกว่าตนเป็น แองเจลิน่าหรือไงถึงได้กล้าทำเช่นนี้...


“ ตกลงจะฟังไหมนี่..”




“ ฟังครับ..” คนป่วยพยักหน้าหงึกๆ.. อาการเจ็บป่วยส่วนอื่นๆ ก็หายไปหมด จะเหลือก็ที่ขานี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่




“ หมอบอกว่าต้องใช้ข้อเทียม หลังผ่าตัดต้องพักฟื้น 5-6 เดือน แล้วต้องหัดเดินไปด้วยถึงจะหาย...” กรณ์บอกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ปิดบังบางส่วนที่ไม่สมควรพูดออกไป กรณ์ทำใจไม่ได้จริงๆที่จะให้อีกคนรู้ว่าจะไม่มีวันที่คนป่วยจะกลับมาเดินเหมือนคนปกติทั่วไปได้อีกแล้ว



“ ผมนึกว่าจะกลับมาเดินไม่ได้เสียแล้ว..” เขาเตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่หมอบอกว่าอาจต้องตัดขา ... แม้จะเสียใจแต่ก็ดีใจที่รู้ว่าคนที่เขารัก ไม่มีทางจะทิ้งเขาไปไหนต่อให้เขาต้องตกทุกข์ได้ยากแค่ไหน


“ งั้นก็เตรียมตัวนะ...อีกสองวันน้านาจะมาเยี่ยม แล้วจะมาเซนรับรองการผ่าตัด” กรณ์บอกต่อ.. เขาตัดสินใจบอกความจริงกับคุณวรางคณาเมื่อวันก่อน กลัวเหลือเกินว่านางจะเสียใจ ..คนเป็นแม่คนไหนบ้างจะไม่ทุกข์ระทมยามรู้ว่าลูกในอกต้องเจ็บ ต้องปวด


“ ครับ..ว่าแต่คุณกรณ์ครับ..” คนป่วยเริ่มอ้อน


“ อะไรเหรอ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองพร้อมถาม


“ ผมอยากเข้าห้องน้ำครับ..” เจ้าตัวดีบอก


“ อืม..” กรณ์พยักหน้าให้ ก่อนจะเข้ามาพยุงร่างที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆพยุงให้คนป่วยเดินเข้าไปในห้องน้ำ แม้อีกคนจะหนักแต่ด้วยความรักที่มีก็ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นอุปสรรค .. เจ้าตัวดียื่นมือไปปิดฝาชักโครกแล้วนั่งลงอย่างรวดเร็ว



“ เอ้าไหนว่าจะเข้าห้องน้ำไง..” กรณ์มองตามอย่างไม่เข้าใจ


“ ผมอยากเข้าห้องน้ำจริงครับ แต่ไม่อยากเข้ามาฉี่ แบบว่า ๆ ..”

“ แบบว่าอะไรเหรอ..” กรณ์ถามอย่างสงสัย



“ คือนี่ก็วันที่เจ็ดแล้วที่ผมเข้าโรงพยาบาล .. คุณไม่คิดถึงผมบ้างเหรอครับ..” เสียงอ้อนๆ ตาใสๆ ช่างดูเข้ากับคนหน้าคมไม่น้อย ..


“ บ้าแล้วเจอกันทุกวัน แถมย้ายเตียงมานอนข้างกัน..”


“ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย .. ผมไม่ได้เข้าไปในตัวคุณอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ไม่คิดถึงบ้างเหรอ..” ความรักที่มีเปี่ยมล้นจนแทบเต็มหัวใจ ..


“ ไอ้หื่นเอ๊ย ...จะตายอยู่แล้วยังหื่นได้อีก...” มือบางผลักศีรษะคนที่นั่งอยู่อย่างแรง ..โธ่ๆ พ่อคุณทูนหัวขนาดจะตายยังคิดจะแอ้มเมีย ..ท่าทางจะตัดนิสัยหื่นไม่ออกจริงๆ


“ โห่ก็ตัวป่วย แต่อย่างอื่นมันไม่ป่วยนี่หน่า .. ถึงผมจะเจ็บอยู่แต่ถ้าผมนั่งแล้วคุณช่วยผมก็ได้ไม่ใช่เหรอ”

“ ตกลงจะเอาให้ได้ใช่ไหม..”


“ ก็..โห่.. ไม่เอาก็ได้” คนพูดอึกอักไม่รู้จะเอาไงต่อดี .. เพราะกลัวว่ากรณ์จะโกรธตนเอง


“ ดี..นี่กะจะให้นะนี่ ไม่เอาก็ดี..” กรณ์ยิ้มกริ่มอย่างเหนือกว่าที่ได้แกล้งอีกคน .. เล่นเอาคนฟังต้องหันขวับอย่างตะลึงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง


“ งั้นผมเอา..” เจ้าตัวรีบเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว



“ นายนี่นะ..” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ ก่อนจะย่อกายลงพร้อมคุกเข่าลงกับพื้น .. มือบางเอื้อมคล้องคอคนป่วยอย่างอ่อนโยนแล้วโน้มศีรษะนั้นให้ต่ำลงมา ริมฝีปากทั้งสองคู่เคลื่อนเข้าหากันอย่างโหยหาและเคลือบไปด้วยไอรักในหัวใจ



มือบางที่คล้องคออยู่ค่อยๆเลื่อนเข้าไปภายในเสื้อคนป่วยอย่างไม่เร่งร้อน .. มันเป็นครั้งแรกที่กรณ์รับหน้าที่ปลุกประโลม เล่นเอาอีกคนตื่นเต้นไม่น้อยกับเกมรักครั้งใหม่ ปมเชือกด้านหน้าเสื้อค่อยๆถูกกระตุกออกต่อเนื่องกัน จนเผยอกหนั่นหนา และท้องแกร่ง ... กรณ์ผละริมฝีปากของตนแล้วค่อยๆลากลิ้นไปตามแนวอกหนั่นอย่างสั่นๆ แต่ด้วยความรักก็ทำให้เขาสามารถทำได้..


อารมณ์ หยดเหงื่อ และความรัก คือองค์ประกอบที่ทำให้ร่างกายและร่างกายเป็นของกันและกัน ..ร่างกายที่เปล่าเปลือยทั้งสองเคลื่อนเข้าชิด .. กรณ์ค่อยๆลดกายลงเบาๆต้อนรับสิ่งหนั่นหนาเข้ามาในร่างกายอย่างผ่อนคลาย ..


“ ผมรักคุณจัง..” เจ้าตัวสูงยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ปล่อยให้หัวใจได้ชักพาสองกายไปสู่จุดหมาย และความรัก ต่อให้อุปสรรคใดยิ่งใหญ่แค่ไหน ขอแค่สองมือจับกันไว้ไม่ปล่อยวางก็เพียงพอแล้วล่ะ ..




เอกจำต้องหนีออกจากบ้านพักของตนอย่างรวดเร็ว ..เพราะจากการที่สุรีย์ยื่นมือเข้าช่วยและหาหลักฐานมามัดตัวเจ้าของรถที่ใช้ก่อเหตุ .. ทำให้ทั้งสองซัดทอดเจ้านายของตนด้วยความปากเปราะ อีกทั้งการตามรอยการใช้โทรศัพท์ของสองคนร้ายนั่นเชื่อมต่อกับเอกในวันเกิดเหตุจริงๆ..ด้วยความเป็นวัวสันหลังหวะทำให้เจ้าของอมราต้องรีบหนีไปตั้งหลัก แต่ใครจะรู้ว่าการหนีครั้งนี้จะมีแรงแค้นเพิ่มขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว ..โดยเฉพาะสุรีย์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยเหลือ เขาต้องคิดบัญชีทั้งต้นทั้งดอกแน่นอน


ตอนรู้เรื่องกรณ์แทบจะสั่งให้คนของตนเก็บอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด.. แต่เพราะสุรีย์ขอไว้ทำให้กรณ์ไม่กล้าลงมือ .. ในวันนั้นเขาได้รู้ความจริงอีกอย่างที่สงสัยมาหลายวัน .. และสิ่งที่รู้ก็ทำให้สุรีย์เลือกจะเดินออกจากบ้านสายลมไปอย่างไม่มีใครกล้าทัดทาน .. ความรู้สึกผิดที่ตั้งอยู่บนกึ่งกลางระหว่างดีชั่ว บุญคุณและความรัก มันเป็นความรู้สึกที่แสนทรมาน เธอจึงเลือกจะหอบร่างกายอันบอบช้ำพร้อมลูกน้อยในท้องออกมาเช่าห้องพักเล็กๆชานเมืองแทน

ราวเหล็กคู่ที่กรณ์สั่งทำขึ้นหลังจากคนป่วยออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งสถานที่ที่เจ้าของบ้านและผู้เป็นหัวใจต้องมาทุกวัน .. ราวเหล็กกลางสนามหน้าบ้านที่มีความยาวประมาณ ห้าถึงหกเมตร เป็นหนึ่งในสิ่งที่แพทย์เจ้าของไข้แนะนำ กรณ์ยังจำวันแรกได้ดี วันที่คนของเขาพยายามลุกขึ้นแต่ก็ไม่อาจจะฝืน ..ความเศร้าความเสียใจ และความกลัวรวมกันเป็นหนึ่ง แต่กรณ์ก็ไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาได้ เพราะหากเขาท้อ วิชญ์ภาสก็จะหมดกำลังใจไปทันที ..


และวันนี้เขาก็ได้เรียนรู้ถึงความมานะและอดทน ..

“ เร็วๆสิ รอนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะมาถึง..” กรณ์ที่ยืนอยู่ตรงปลายทางเดินเหล็กเอ่ยเสียงเหวี่ยงๆ ตามประสา นี่ก็จะหกเดือนแล้วสินะที่คนป่วยออกจากโรงพยาบาล ..

“ อย่ารีบสิครับ..ผมยังไม่ถนัดเลย..” คนหน้าคมที่ยืนอยู่ตรงกลางเอ่ยขึ้นเสียงอ้อน .. ตอนนี้ร่างกายเขาปรับสภาพให้เขากับสิ่งที่เป็นได้ดีพอตัว .. แม้จะไม่สามารถเดินได้คล่องปร๋อเช่นแต่ก่อน แต่มันก็ดีว่าช่วงแรกที่ออกจากโรงพยาบาลอย่างมาก


“ เร็วๆ เข้า ..ถ้านับหนึ่งถึงสิบแล้วยังมาไม่ถึง คืนนี้ไม่ต้องขึ้นมาบนเตียงเลย..” กรณ์ปรายยิ้มเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขู่อย่างไม่จริงจังอะไรนัก .. นับตั้งแต่เกิดเรื่องสองกายก็ใกล้ชิดกันมากกว่าเก่า สองใจก็เปิดออกมากกว่าเดิม นี่แหละนะความรัก สรรค์สร้างทุกอย่างให้เป็นไปได้จริงๆ


“ โห่...” เจ้ากบตาใสเบิกตากว้างอย่างตกใจ ..




“ หนึ่ง ..” กรณ์เริ่มนับแกล้งอีกคน ..ทำให้คนป่วยต้องรีบสาวเท้าอย่างเร็วเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นไปบนเตียงกับคนรัก ในจังหวะสุดท้ายที่กรณ์ใกล้จะนับถึงสิบวิชญ์ภาสก็รีบกว่าเดิมจนทำให้ผิดท่า .. เหล็กที่ดามอยู่ด้านในเกิดเคลื่อนนิดหน่อยทำให้เขาถลาล้มไปข้างหน้า ..



“ โอ๊ย..”ชายหนุ่มร้องขึ้น ..แต่ยังดีที่กรณ์เข้ามารับไว้ได้ทันก่อนจะล้ม ..


“ เป็นไงบ้าง ...ฉันขอโทษๆ..” กรณ์หน้าเสียในบัดดล เมื่อรู้ว่าตนทำให้คนที่รักต้องบาดเจ็บซ้ำๆ ชายหนุ่มพยุงร่างนั้นไปนั่งพักตรงเก้าอี้ใกล้ๆ ..


“ เจ็บมากไหม..” น้ำเสียงอ่อนๆถามขึ้น พร้อมอีกร่างที่คุกเข่าลงด้านหน้า แล้วยื่นมือไปจับหัวเขาของคนป่วย .. มือบางประทับลงเบาๆสายตาก็ไล่ไปตามรอยฝีเข็มที่เกิดจากการผ่าตัด แต่บาดแผลจะหายไปทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นเส้นบางๆ แต่ทุกความเจ็บปวดที่เกิดยังประทับตรึงในใจของกรณ์ไม่มีวันคลาย



“ ผมไม่ได้เจ็บมากหรอกครับ ..แค่มันผิดจังหวะไปหน่อย” ชายหนุ่มที่เจ็บกัดฟันบอก แม้แท้จริงอาการจะมากกว่าคำว่านิดหน่อยไปพอตัวก็ตาม ..



“ ฉันขอโทษนะ..” ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างสำนึกผิด .. ใครเลยจะเคยเห็น ใครเลยจะเคยสัมผัส หากจะมีก็เพียงวิชญ์ภาสคนเดียวเท่านั้นที่ประธานสายลมทำให้ได้ขนาดนี้



“คิดมากแล้วครับ ..” รอยยิ้มแสนกว้างปรากฏขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นดึงร่างของกรณ์ให้สูงขึ้นมา ชายหนุ่มโน้มหน้าของตนเข้าหาแล้วประทับริมฝีปากบนเรียวปากบางเบาๆ เพียงสัมผัส



“ ผมหิวข้าวแล้ว กลับเข้าไปในบ้านดีกว่าครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนประเด็นเพราไม่อยากให้กรณ์ต้องกังวล ลำพังแค่ตอนนี้กรณ์ต้องแบ่งเวลามาดูแลเขา เขาก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก จึงเร่งวันเร่งคืนหายจะได้ช่วยเหลือกรณ์ได้บ้าง

ตอนป่วยกรณ์ก็ทำเรื่องต่อมหาวิทยาลัย ใช้คะแนนรายงานแทนเข้าห้องเลยทำให้สุดท้ายชายหนุ่มคิ้วหนาก็สำเร็จการศึกษามาจนได้ กำหนดรับปริญญาก็ต้นปีหน้า ..



“ อืม” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ แล้วเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน .. มือทั้งสองยังคงจับประสาน แต่กรณ์เพียงจับมือของอีกฝ่ายไว้เท่านั้น ปล่อยให้วิชญ์ภาสได้เดินด้วยเท้าของตัวเอง แม้จะไม่รวดเร็วเท่าเมื่อก่อนก็ไม่สำคัญเพราะเท้าของกรณ์นั้นก็ชะลอลงได้เพื่อคนที่รักไม่ใช่เหรอ..


“ หอมไปถึงข้างนอกเลย ..วันนี้มีอะไรกินบ้างครับแม่..” เจ้าตากลมเอ่ยทักทายมารดา ที่กำลังยกกับข้าวมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร .. นับตั้งแต่วิชญ์ภาสป่วย นางก็เลือกจะรับงานน้อยลงและกันเวลาช่วงวันศุกร์เสาร์มาคอยดูแลเจ้าลูกชายที่สายลม ..ความสัมพันธ์ระหว่างนางและสายลมจึงกลายเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกต่างจากคนคิ้วเข้ม



“ มีหลายอย่างเลย ..ไปล้างไม้ล้างมือก่อนไปลูก” นางยิ้มให้กับความสุขที่เป็น คำว่าครอบครัวที่หายไปนานหลายปี ในที่สุดก็กลับมาเพราะคนหน้าสวยที่มากบุญคุณต่อนาง แถมยังทำให้ลูกชายที่เคยร้ายแสนร้ายกลับกลายมาเป็นคนแสนน่ารัก


บรรยากาศ ความอบอุ่น ความสุข มันช่างน่าอิจฉานัก ..

สายตาอาฆาตที่มองมาจากมุมหนึ่งนอกบ้านเผยออกอย่างชัดเจน ..

“ แกไม่มีทางได้สงบสุขหรอกไอ้กรณ์..” รอยยิ้มร้ายหมายออก .. พร้อมมือที่กระทบประตูรั้วบ้านอย่างไม่ชอบใจ เอกไม่มีทางปล่อยให้กรณ์มีความสุขหรอก..

 


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด