ตอน 7
กรณ์เดินมาหยุดอยู่กลางบ้านด้วยความรู้สึกแปลกๆ ลืมนึกไปเลยว่าในบ้านมันมีสามห้อง แล้วจะจัดสรรปันส่วนยังไงนี้.. ครั้นจะนอนกับวิชญ์ภาสก็คงน่าเกลียดเพราะกรณ์เอ่ยปากไม่ได้ คงต้องนอนกับกฤษฏิ์เพราะดูจะเข้าเค้ามากที่สุดแล้ว จะได้สบายใจทั้งสามฝ่าย ...
“ แยกย้ายกันดีกว่านะ..เดี๋ยวออกมาทานข้าวกันแล้วไปดูผารังนก..” กฤษฏิ์เอ่ยเสนอ ..เปิดประเด็นหลังจากที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบมากว่าหนึ่งนาที...
กรณ์เดินก้าวเข้ามาเพื่อยื่นมือไปรับกระเป๋าจากวิชญ์ภาส..แต่ก็ลืมไปจริงๆ ว่ากระเป๋าใบนั้นใช่จะมีสัมภาระของเขาคนเดียวสักที่ไหน...ยังมีเสื้อผ้าของวิชญ์ภาสอยู่อีกด้วย ..กฤษฏิ์กับหมอหนุ่มมองดูด้วยความรู้สึกแปลกๆในท่าที..เพราะตอนที่กรณ์ยื่นมือไปรับ วิชญ์ภาสก็ชักกระเป๋ากลับ..
“ ผมไม่ชอบนอนคนเดียว..” นั่นคือคำตอบของวิชญ์ภาสก่อนเขาจะเดินมาจับแขนกรณ์..
“ งั้นกฤษฏิ์นอนห้องกฤษฏิ์ดีกว่า ..อาหมอนอนอีกห้องหนึ่งโอเคไหม..” กฤษฏิ์หน้าเจื่อนสีลงทันที พลางหันมาขอความช่วยเหลือจากหมอพิสิษฐ์โดยไว
“ ครับๆ..” ชายหนุ่มร่างหนั่นพยักหน้ารับแล้วรีบเดินแยกออกจากสถานการณ์อึมครึมตรงหน้าอย่างไม่รีรอ ..เมื่อกฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์ลับเข้าไปในห้องที่เหลือเรียบร้อยแล้ว กรณ์เลยหันมาเล่นงานอีกคนที่เกาะแขนเขาอยู่ ..
“ จะทำอะไร ฉีกหน้าฉันเหรอ..” กรณ์ถามเสียงแข็ง จ้องมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง...
“ ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ..ก็ผมไม่ชอบนอนคนเดียวจริงๆนี่..หรือคุณจะให้ผมนอนกับคุณกฤษฏิ์..ทำอย่างนั้นคุณก็ว่าผมอีก ถ้าไปนอนหมอนั่น..ผมก็สยองตาย” วิชญ์ภาสให้เหตุผลจริงจัง ไม่เกรงกลัวสายตาที่ถลึงมองมาเลยสักนิด ..
“ ปล่อยมือได้แล้ว..” กรณ์เหลือบมองต่ำไปยังมือที่เกาะแขนเขาอยู่.. แต่เมินเสียเถอะที่วิชญ์ภาสจะยอม..จากที่เกาะแขนไว้หลวมก็เปลี่ยนมาโอบร่างที่หน้าแข็งหน้าชาใส่เขา
“ ทำอะไร..”
“ ทำไมคุณชอบดุผมนัก..ผมยังไม่ทำอะไรเลยนะ..” วิชญ์ภาสถามขึ้นด้วยเสียงน้อยใจเล็กๆ กับท่าทีเย็นชา ต่อให้กรณ์จะอ่อนให้เขา จะไม่ต่อต้านขัดขืนยามโดนสัมผัส แต่ความเย็นชาที่ปรากฏใช่ว่ามันจะลดหายไปเสียทีเดียว ทุกครั้งยังปะปน ยังหลงเหลือจนวิชญ์ภาสแทบชินชา ..
“สิ่งเลวๆที่แกทำไว้..คิดเหรอว่าฉันจะยกโทษให้ง่ายๆ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองอีกคน..
“ ผมไม่เคยคิดให้คุณยกโทษเพราะการที่เราเป็นอะไรกัน..”
“ เป็นอะไร..” กรณ์ชักตะกุกตะกัก ในคำว่าเป็นอะไรกัน ที่วิชญ์ภาสเอ่ยออกมาเมื่อครู่ เพราะมันแปลว่าอะไรมีหรือที่กรณ์จะไม่เข้าใจ มีหรือที่กรณ์จะไม่รับรู้...
“ ก็เป็นอยู่ทุกวันนี่ไง...” วิชญ์ภาสยืนยันในสิ่งที่พูดด้วยการสัมผัสแผ่วบางบนหน้าฝาดปลั่ง ..มันทำให้กรณ์เริ่มร้อน และหายใจไม่ออก..ทุกครั้งที่เกิด ..เรี่ยวแรงจะหายราวถูกสูบออกจากกาย ราวถูกสายลมพัดผ่านละพรากจากร่าง ..กรณ์ไม่ชอบเลยจริงๆ..
“ ปล่อยได้แล้ว..อึดอัดจะตาย..” กรณ์จำต้องเลี่ยงออกจากสิ่งที่เป็นก่อนทุกอย่างจะกลืนกินเข้ามากกว่านี้ ทุกครั้งที่เขามองตาวิชญ์ภาส เขามักเห็นภาพของน้องชายที่หลับใหลไม่ได้สติปรากฏขึ้นมากทุกครั้ง ..แล้วเขาจะเป็นอะไรกับวิชญ์ภาสได้เหรอ...
“ เข้าห้องดีกว่า..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไม่ยอมปล่อยร่างที่เขากอด..พลางโอบพากรณ์ให้เข้าไปภายในห้องที่เหลืออย่างทุลักทุเล ..เพราะกรณ์นั้นขืนตัวไม่ยอมเดินง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ลากเข้าไปจนสำเร็จ... กว่าเมฆหมอกจะห่างหาย ร่างกายอาจหมดลมหายใจไปเสียก่อน ..
ทำไมต้องเธอ...
ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก ไม่มีเวลาที่จะคิด ที่จะสนใจ แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย
เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ
นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ หมดความเข้มแข็งและเหตุผล ไปอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่ยังมาหาเข้ามาค้นใจ และฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ
เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ
เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ ชีวิตต้องมาเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ.... ความรู้สึกของกรณ์ในเวลานี้..ไม่ต่างจากเพลงที่เขาเคยชื่นชอบเมื่อหลายปีก่อน ..ง่ายดาย เจ็บปวด ..และสับสน ..ทำไมเขาต้องเผลอใจ ..ทำไมต้องเป็นวิชญ์ภาส ..ทำไมต้องเป็นคนที่ทำร้ายน้องชายเขาให้เจ็บปวดล่ะ...
. ตอนเที่ยงน้าหนุ่มหัวหน้าคนงานก็จัดการเสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ เป็นเครื่องเที่ยงต้อนรับเจ้านายเจ้าของเกาะอย่างมากมาย ..ในแถบนี้การประมงจะอุดมสมบูรณ์อยู่มาก..เพราะวิถีการทำประมงแบบอนุรักษ์ที่ประมุขคนเก่าของคฤหาสน์สายลมได้วางรากฐาน ใช้หลักการพึ่งพิงและเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ ..ทำให้หมู่เกาะรังนกนอกจากเป็นทรัพย์อนันต์ทางบก ยังเป็นสินอเนกทางน้ำอีกประการ
ดูนายน้อยของเกาะอย่างกฤษฏิ์จะถูกใจมาก..นานแล้วสินะที่ไม่ได้มาเกาะแห่งนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ความสุข ความสงบ และความสวยงาม หากกาณฑ์ไม่ป่วยเจ้าน้องเล็กคงสนุกกว่านี้..ในบรรดาสามคนพี่น้องกฤษฏิ์ค่อนข้างสนิทกับกาณฑ์มาก..เพราะอายุไล่เลี่ยกัน..ต่างจากกรณ์ที่โตกว่าคนอื่นๆ ต้นปีหน้ากรณ์จะครบยี่สิบห้าปี...กาณฑ์เพิ่งจะสิบเก้า ส่วนกฤษฏิ์อ่อนกว่าพี่คนรองหนึ่งปี..ด้วยความใกล้กันของอายุเลยค่อนข้างเข้าใจและสนิทกัน..
“ เดี๋ยวเราจะไปไหนกันเหรอน้าหนุ่ม..ผาหลังเขานี่เปิดหรือยัง กฤษฏิ์อยากไปเก็บรังนก..” กฤษฏิ์หันไปถามหัวหน้าคนงานที่กำลังยกอาหารเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ..
“ ยังไม่ได้หรอกครับคุณหนูช่วงนี้ นกมันเพิ่งวางเชื้อยังไม่ได้ขึ้นรูปอะไร คงต้องรอปลายปีหน่อย ช่วงนี้อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยทำให้อะไรๆผิดคาดไปหมด ..ถ้าจะเที่ยวผมว่าลองไปดูน้ำตากลางเกาะดีกว่าไหม.. เมื่อวาน..ไอ้เหน่งกับไอ้เมี้ยน..มันเข้าไปถางทางต่อรางน้ำ เห็นบอกว่าน้ำกำลังเยอะได้ที..เลยสวยกว่าเดือนไหนๆ..” ชายผิวคล้ำเอ่ยขึ้นพลางตักข้าวใส่จานคุณหนู ..
“ เสียดายจัง ..กฤษฏิ์ไม่ได้เอากล้องมาด้วย แต่ไม่เป็นไรมีมือถือนี่..ถึงไม่ชัดแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ถ่าย” กฤษฏิ์ยิ้มรับ..แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ปีนผาเก็บรังนกอย่างที่เคยทำตอนสมัยเด็ก แต่การมาเที่ยวครั้งนี้ก็ใช่จะเสียเปล่า ..น้ำตกกลางเกาะ หนึ่งในสถานที่สวยงามที่ใครต่อใครอยากมาเยี่ยมชม..ใครจะรู้ว่าธรรมชาตินั้นได้รังสรรค์ความสวยงามด้วยตัวของมันเอง.. เกาะกลางทะเล ..แต่กลับมีธารน้ำจืดไหลวน..ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ...
“ รีบๆกินเถอะ..พูดมากจริงเรานี่..ลืมไปแล้วเหรอว่าเวลากินข้าวห้ามพูด เดี๋ยวได้ติดคอพอดี..” กรณ์เอ่ยเตือนเจ้าน้องคนเล็กที่ช่างเจื้อยแจ้วเจรจา..
“ ครับ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับกับคำของพี่ชาย ก่อนจะหันไปสนใจกุ้งมังกรตัวใหญ่..ที่เพิ่งจับมาจากกระชังเลี้ยงตรงท้ายเกาะ...ความสดความใหม่ไม่ต้องพูดถึง..
“ แกะยากจริง..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..แต่คนนั่งข้างกลับได้ยิน..วิชญ์ภาสหันมาแล้วเลื่อนจานของคนตัวบางเข้ามาวางด้านหน้าของตน ลงมือแกะเจ้ากุ้งตัวใหญ่ให้กฤษฏิ์อย่างไม่คิดอะไร แต่การกระทำของเขากลับทำให้คนนั่งหัวโต๊ะถึงกับหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ ..
“ ขอบคุณครับ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับ..ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเองก็ถูกพี่ชายเคืองเข้าแล้ว... หลังทานอาหารเสร็จกรณ์ก็ลุกพรวดเดินนำทั้งหมดออกจากบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายวิชญ์ภาสก็รีบเดินตามมาอย่างสงสัยว่าอีกคนเป็นอะไรไป ก่อนออกจากห้องยังดีๆกันอยู่เลย แล้วไหงกลายเป็นเคืองเขาอีกล่ะนี่..
“ เป็นอะไรไปหรือเปล่า..”วิชญ์ภาสถามเสียงแผ่ว เพียงให้ได้ยินกันแค่สองคน ..
“ เปล่า..” กรณ์ตอบเสียงแข็งแล้วสาวเท้าให้เร็วกว่าเดิมอย่างเซ็งๆ..กฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์รีบเดินตามอย่างเป็นห่วง เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลระหว่างสองร่างที่เดินนำไปข้างหน้า ...กรณ์เกลียดตัวเองตอนนี้จริงๆ ..เกลียดที่ทุกการกระทำของอีกคนที่เขาแค้น สามารถทำให้เขาอ่อนไหว สามารถทำให้เขาสับสน ..ตลอดทุกอารมณ์ที่สามารถบังเกิดเพราะคนข้างกาย ...
ภาพเบื้องหน้าที่แสนยิ่งใหญ่หยุดความขุ่นมัว ความสงสัยทั้งหมดของทุกคนเอาไว้..ธารน้ำตกขนาดกลางที่ไหลบ่ามาจากเขาเล็กๆด้านหลัง..คือต้นน้ำสำคัญหล่อเลี้ยงชาวเกาะแห่งนี้...แอ่งน้ำสีมรกตขนาดใหญ่ ดูแล้วก็น่าว่ายไม่ใช่เล่น..สวยงาม ยิ่งใหญ่ และตรึงใจ...
“ ถ่ายรูปกันดีกว่า..” กรณ์เสนอ ..เพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้น..พลางเอ่ยชวนคนอื่นๆให้เข้ามายื่นรวมกันโดยเขายืนหน้าสุดยื่นมือไปสุดแขนเพื่อเก็บภาพได้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ คุณโกรธอะไรผมหรือเปล่า..” วิชญ์ภาสกระซิบข้างหูเมื่อมีโอกาสได้ยืนใกล้ๆ...
“ เปล่า..” กรณ์หันไปตอบเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้สองคนด้านหน้าได้ยิน แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กฤษฏิ์กดปุ่มชัตเตอร์ของโทรศัพท์มือถือ...ภาพแรกระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาส ..หาใช่ภาพคู่ แต่มันดูไม่ต่างอะไรจากคู่รักที่กำลังง้องอนกันอยู่..กฤษฏิ์เลื่อนมาดูด้วยความรู้สึกแปลกใจ บวกทำใจ...เฮ้อ.. สายตาที่วิชญ์ภาสมองกรณ์ในรูปทำให้เขาพอจะมองอะไรออกแล้วล่ะ...จากที่สงสัยว่ากรณ์เป็นอะไร จากที่ไม่สับสนว่ากรณ์เคืองใคร ..ภาพนั้นก็บอกทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว..
กรณ์โกรธที่วิชญ์ภาสแกะกุ้งให้เขาใช่ไหม..
“ แต่คุณโกรธผมอยู่ชัดๆ..” วิชญ์ภาสไม่ยอมให้ทุกอย่างค้างคาอยู่อย่างนี้...เขาต้องการพูดให้รู้เรื่องพูดให้เข้าใจ แต่กรณ์กลับไม่ต้องการรับฟัง..
“กฤษฏิ์..พี่กลับก่อนนะ..เบื่อ..” กรณ์เชิดหน้าหันไปบอกน้องชายที่ยืนอึ้งเล็กน้อย...พร้อมร่างบางเพรียวลมเดินออกจากน้ำตกกลับไปทางเก่าที่เดินมา...วิชญ์ภาสจะเดินตามไปแต่กลับโดนกฤษฏิ์ยึดแขนไว้ก่อน
...
“อาหมอ..เดี๋ยวกฤษฏิ์มานะ..” กฤษฏิ์หันไปบอกคนตัวสูงที่ยืนมองเหตุการณ์ต่างๆอยู่ แล้วพาวิชญ์ภาสเดินหลบไปอีกทางหนึ่งเพื่อคุยบางสิ่งบางอย่างกับคนตัวหน้าใส ...เป็นร่มไม้ใหญ่ห่างจากน้ำตกประมาณสามสิบเมตรเห็นจะได้ ..
“ มีอะไรเหรอครับ..”
“ พี่วิชญ์รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้พี่กรณ์กำลังโกรธ..”
“ รู้..แต่ไม่เข้าใจว่าโกรธอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณกรณ์เขาโกรธเลยนะ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมเขาต้องไปชอบคนใจหินอย่างกรณ์ด้วยนี่...
“ พี่กรณ์คงไม่พอใจเรื่องบนโต๊ะอาหาร...กฤษฏิ์ขอพูดตรงๆเลยแล้วกันนะ..ว่าพี่กรณ์ไม่พอใจที่พี่วิชญ์มาทำดีกับกฤษฏิ์ ..พี่วิชญ์อาจคิดว่าพี่กรณ์ไม่พอใจเพราะกลัวพี่วิชญ์จะมาทำกับกฤษฏิ์ แบบที่..กฤษฏิ์ขอโทษนะ.. แบบพี่กาณฑ์..แต่จริงๆ กฤษฏิ์ว่าพี่กรณ์คงไม่พอใจเพราะกลัวพี่จะไปสนคนอื่นมากกว่า..” กฤษฏิ์อึกอักเล็กน้อย ยามพูดถึงสิ่งผิดพลาดที่วิชญ์ภาสเคยทำไว้ในอดีต
“ ...ผมไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลย....ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำไว้ในอดีตมันเลวร้ายจะไม่น่าให้อภัย แต่ทุกวันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกสิ่งมันดีขึ้น”
“ พี่ชอบพี่กรณ์แล้วใช่ไหม..” กฤษฏิ์คาดคั้นความจริง อยากฟังจากปากวิชญ์ภาสให้แน่ชัด ..เพราะมันจะช่วยให้กฤษฏิ์ตัดใจได้เด็ดขาด ขอเพียงวิชญ์ภาสบอก..สถานะทางใจที่เคยเผลอไผลไปกับวิชญ์ภาส ..จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้น แค่คนรู้จักกันทันที..
“ ..ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดอย่างนั้นได้หรือเปล่า .แต่ผมไม่เคยรู้สึกแคร์ใครมากเท่าคุณกรณ์มากก่อน ..รู้สึกกังวลทุกครั้งที่คุณกรณ์ไม่สบายใจ ไม่ชอบเวลาเขาตีหน้าบึ้ง ไม่พอใจเวลาเขาเฉยชากับผม..มันอาจจะเรียกว่าความรัก...บางทีผมอาจรักเขาเข้าแล้ว..หากรักสามารถทำให้แค้นจบสิ้น ผมก็พร้อมจะรักทั้งหมดของหัวใจ..”
“ พี่กรณ์เป็นคนใจแข็ง ..ตราบใดที่พี่กาณฑ์ยังไม่ฟื้น ..ก็คงยากที่พี่จะละลายน้ำแข็งในใจพี่กรณ์ได้..ทุกอย่างมันยังคลุมเครือเกินจะเข้าใจ ทางเดียวที่พี่จะทำให้พี่กรณ์ใจอ่อนได้..คือต้องรอให้พี่กาณฑ์ฟื้น และเคลียร์ทุกอย่างกับพี่กาณฑ์ให้จบ...เพราะตราบใดที่พี่กาณฑ์ยังเจ็บปวด..พี่กรณ์จะไม่มีวันยอมทำตามใจตัวเอง..” กฤษฏิ์เสนอด้วยความรู้สึกจริงใจ ..ขอบคุณที่วิชญ์ภาสพูดความจริง ขอบคุณที่ไม่ได้โกหก...
“ ผมหวังว่าโอกาสของผมคงจะพอมีบ้าง..”
“ กฤษฏิ์ว่ากลับกันดีกว่า...ป่านนี้พี่กรณ์คงโกรธใหญ่แล้ว..” กฤษฏิ์ยิ้มรับให้กับพี่ชายคนใหม่ ..ต่อไปหลังจากนี้เขาจะทำใจให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิชญ์ภาสดำเนินไปเพียงเท่านี้... หากกรณ์มีความสุขเขาก็ควรจะยินดีไม่ใช่เหรอ ...ความรักไม่เคยทำร้ายใคร ..มีแต่คนเรานี่แหละที่ใช้ความรักมาทำร้ายกัน ..
“ อ้าวอาหมอไปไหนแล้วนี่..สงสัยจะกลับแล้ว ..เรากลับบ้านกันดีกว่า” กฤษฏิ์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหน้าน้ำตกก็ไม่เจอใครเลยชวนวิชญ์ภาสกลับ..
อีกฝากหนึ่ง...ของชะตา..
เหมือนใครกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของคนบางคน ..หมอหนุ่มที่แอบเดินตามกรณ์มาอย่างเป็นห่วง เดินเข้ามาหยุดนั่งข้างๆอีกคนที่หลบมาทำใจอยู่ริมโขดผาด้านข้างๆ ...มันเป็นทางแยกก่อนจะถึงบ้าน...
“ มาทำอะไรตรงนี้ครับคุณกรณ์..”
ผ่านไปอีกตอนเป็นยังงัยกันบ้างค่ะ
ขอแอบหยอดนิดหนึ่ง ตอนหน้า outdoor 