ตอนที่ 22
พาร์ท คิง
เสียงพูดคุยโหวกเหวกโวยวายของเหล่าหมู่มวลมนุษย์ชาววิศวะที่หน้าตึกคณะในช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน เป็นอะไรที่รบกวนจิตใจของใครบางคนที่ฟุบหน้าหลับตาอยู่บนโต๊ะในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น แม้ในใจจะรู้สึกรำคาญเสียงรบกวนรอบข้างแต่ความง่วงงุนและความขี้เกียจที่เข้าครอบงำทำให้ร่างสูงเลือกที่จะก้มหน้านอนอยู่ตรงนี้แทนที่จะเดินเข้าไปนอนรอในห้องก่อนเงียบๆ
“มึงไปอดหลับอดนอนมาจากไหนนักหนาวะคิง ตั้งแต่มาถึงนี่มึงก็เอาแต่นอนไม่พูดไม่จา”
“ปล่อยมันนอนไปเหอะ มันตื่นมาก็ไม่คุยกับมึงอยู่ดี”
“เออ จริงของมึงว่ะไวน์”
ผมได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะเงยหน้าขึ้นไปมอง สองสามวันที่ผ่านมาผมนอนดึกและไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่ สาเหตุก็มาจากอีกคนที่อยู่ด้วยกันช่วงนี้ทำแต่งานจนดึกดื่น พี่ควินบอกว่าปี3 มีงานเยอะมากจนทำแทบไม่ทัน พอเห็นว่าคนตัวบางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็พาให้ผมเป็นห่วงจนอดหลับอดนอนอยู่เป็นเพื่อนไปด้วย ถึงแม้ว่าทุกคืนผมจะถูกไล่ให้ไปนอนก่อนแต่พอไม่มีอีกคนให้กอดมันก็นอนไม่หลับอยู่ดี สรุปผมเลยได้แต่สะลึมสะลือมาเรียนทุกวันแบบนี้ไงครับ
“ไอ้ไวน์ไอ้คิง! โอ้ยยย กูหาพวกมึงเจอสักที!” เสียงใครไม่รู้ตะโกนเรียกชื่อผมพร้อมกับเสียงคนวิ่งเข้ามาใกล้
“มึงจะแหกปากทำไมวะไอ้นัท มีเรื่องอะไรค่อยมาพูดใกล้ๆไม่ได้หรือไง” อันนี้น่าจะเป็นเสียงของไอ้ปาร์คพูดขึ้นมา
“เออโทษทีว่ะ”
“ว่าแต่เมื่อกี๊มึงเรียกกูกับคิงใช่ป่ะวะ?”
“ใช่ๆพอดีกูมีเรื่องจะคุยกับพวกมึงหน่อย แล้วไอ้ที่นอนอยู่นั่นไอ้คิงใช่มั้ยน่ะ”
“เออ มีอะไรพูดเลย” จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปคุยกับพวกมันแม้ว่าจะได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในการสนทนานี้ก็ตาม คนที่วิ่งมาหาพวกผมคือนัท มันเป็นเพื่อนในสาขาเดียวกันนี่แหละครับ สนิทกับกลุ่มพวกผมอยู่พอตัวแต่ถึงอย่างนั้นปกติผมก็ไม่ใช่คนที่คุยกับคนอื่นสักเท่าไหร่กับนัทก็เช่นกัน ตอนนี้ผมเลยนึกไม่ออกว่ามีเรื่องอะไรที่ไอ้นัทจะพูดแล้วจะเกี่ยวกับผมได้
“คือ...เอ่อ...คือกูจะมาขอร้องมึงกับคิงให้ช่วยไปถ่ายรูปโปรโมทคณะให้หน่อย...ได้มั้ยวะ”
“ถ่ายรูปอะระ-”’
“ไม่” ผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับคำตอบโดยที่ไม่จำเป็นต้องฟังรายละเอียดเพิ่มเติมอะไรอีก ได้ยินแค่นี้ก็รู้แล้วว่าจะเป็นยังไงต่อ
“เดี๋ยวคิงๆ มึงจะฟังไอ้นัทมันอธิบายอะไรก่อนหรอวะ” ไอ้ไวน์หันมาพูดกับผม หันไปหันมาระหว่างผมกับนัท
“เอ้าไอ้คิง! มึงก็ไม่ได้หลับนี่หว่า ทีพวกกูคุยด้วยไม่คุยทีมีเรื่องงี้ละเด้งขึ้นมาเป็นสปริงเชียวไอ้สัส”
“เงียบไปปาร์ค” ผมหันไปบอกไอ้ปาร์คแล้วหันมามองหน้านัทที่ทำท่าทางเลิ่กลั่กตรงหน้า เสียงไอ้ปาร์คงุ้งงิ้งใส่ผมจนต้องหันไปปรายตามองอีกรอบมันถึงจะยอมหยุดพูดแล้วสะบัดมือไล่ผมให้กลับไปคุยกับนัทต่อ
“คือมึง...แบบว่าอันนี้มันงานคณะเรานะเว้ย แค่ถ่ายรูปนิดหน่อยเองนะมึง” นัทพยายามพูดให้ผมฟังด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่ากำลังลำบากใจ
“ฟังมันสักนิดก่อนดิวะมึง...แล้วคือถ่ายไปทำไม ถ่ายเพื่ออะไรยังไงวะนัท แล้วทำไมต้องเป็นกูกับคิงด้วยล่ะ” ไวน์หันมาบอกให้ผมฟังก่อนจะหันไปคุยกับนัทต่อ
“คืองี้ๆ มันก็ใกล้ช่วงต้องโปรโมทคณะแล้ว พวกกูคิดกันว่าคณะเรามีอะไรดีจะได้เอาไปโชว์บ้าง แล้วทีนี้พวกผู้หญิงมันก็คิดว่าช่วงนี้พวกกระแสคู่จิ้นอะไรนี่แหละมาแรงมาก พวกกูเลยว่าจะลองถ่ายรูปโปรโมทคณะแนวคู่จิ้นดูบ้าง คนเค้าน่าจะชอบกัน”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับกู” ผมถามขึ้นทันทีหลังจากที่นัทพูดจบ
“ไอ้คิง! มึงก็พูดไม่รักษาน้ำใจมันเลยไอ้ห่า ไอ้นัทมันหน้าเสียเป็นแกงค้างคืนแล้วมึงเห็นมั้ยน่ะ”
“เอออย่างที่ไอ้ฟินพูด นัทมันแค่มาขอให้ช่วยมึงอย่าไปดุมันแบบนั้นดิ” ผมถอนหายใจเมื่อถูกไอ้ฟินไอ้ไวน์ว่ากลับมา พอเห็นว่าผมเงียบนัทก็เริ่มพูดต่อ
“คือพวกกูลองคิดดูว่ามีใครพอจะเหมาะกับงานนี้บ้าง หลายๆคนก็แนะนำว่าพวกมึงสองคนอยู่ด้วยกันตลอด แถมหน้าตาก็ดีทั้งคู่ ไอ้ไวน์ก็ตัวเล็กน่ารัก ไอ้คิงก็หล่อแมนแฮนซั่มบอยขนาดนี้ ดูแล้วยังไงก็น่าจะโอสุด พวกผู้หญิงหลายคนก็แอบกรี๊ดพวกมึงอยู่นะเว้ย แล้วพอหลายๆคนพูดแบบนั้นกูเลยมาขอร้องพวกมึงนี่ไง แค่ถ่ายรูปโปรโมทเอง พวกมึงสนิทกันอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องมาอึดอัดอะไรด้วย นะพวกมึง ถือว่าช่วยคณะ นะนะ”
“คือกูไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ว่า...” ไอ้ไวน์บอกกับนัทก่อนจะเหลือบมามองผมเล็กน้อยแล้วเงียบไป
“ไม่” ผมยังยืนยันคำตอบเดิมแล้วฟุบหน้าลงนอน
“เดี๋ยวพวกกูคุยกันอีกทีนะมึง” เสียงไอ้ไวน์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินออกไป
“คิง มึงเงยหน้ามาคุยกันก่อน” ตัวผมถูกเขย่าด้วยมือเล็กๆของไอ้ไวน์จนผมนอนไม่ได้
“ก็บอกว่าไม่ไง” ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา ทั้งง่่วงทั้งถูกเซ้าซี้จนไม่เป็นอันจะนอน พอหันมามองหน้ามันก็ถูกคะยั้นคะยอต่ออีก
“แค่ถ่ายรูปเอง น่าสนุกออก ได้ช่วยคณะด้วยนะมึง ทำเหอะนะ” ไอ้ไวน์พูดพลางเขย่าแขนผมงอแงเป็นเด็กๆ
“มึงอ้อนให้ตายมันก็ไม่ทำหรอก กูพนันที่ยี่สิบ”
“ถุย เก็บไว้ซื้อลูกชิ้นเถอะยี่สิบของมึงน่ะไอ้สัส”
“สี่สิบไปเลยเป็นไง”
“กูให้ร้อยนึง ยังไงไอ้คิงก็ไม่ทำ”
“แทนที่พวกมึงจะช่วยกูพูด เสือกมาพนันส้นตีนอะไรก็ไม่รู้ โว้ะ!” ผมปล่อยให้ไอ้ไวน์กับคนอื่นๆในกลุ่มเถียงกันแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดไลน์หาบางคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะตื่นหรือยัง พอดีวันนี้ผมมีเรียนเช้าส่วนพี่ควินมีเรียนบ่าย ผมเลยต้องมาก่อนแล้วปล่อยให้อีกคนนอนต่อไป แต่จนถึงเวลาขึ้นเรียนก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับมาสงสัยคงยังไม่ตื่น
ผมขึ้นเรียนโดยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตลอดเวลา ไม่รู้สิ ผมว่าผมคงจะติดพี่ควินมากเข้าไปทุกที ทั้งที่เจอกันอยู่ทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเหมือนไม่พอ อยากแตะต้องร่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งพี่ควินไม่เคยห้ามไม่เคยขัดใจ ความรู้สึกของผมก็ยิ่งถลำลึกจมลงในบ่วงของพี่ควินมากเข้าไปทุกที
หมดคาบลงพวกผมก็พากันออกมาหาอะไรกินที่โรงอาหาร โดยมีผมกับไอ้ไวน์นั่งเฝ้าโต๊ะและคนอื่นๆไปซื้อข้าว ระหว่างรอไอ้ไวน์ยังคงพูดให้ผมเปลี่ยนใจไปถ่ายรูปอยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ปฏิเสธทุกทีจนกระทั่งใครบางคนดันผ่านมาได้ยินเข้า
“ไอ้น้องรักกกก” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับวางมือพาดลงบนไหล่ของผม
“หวัดดีพี่” ผมหันไปทักทายคนที่มายืนอยู่ข้างๆพร้อมกับไอ้ไวน์
“พี่ไวท์ หวัดดีครับ”
“เออดี” พี่ไวท์มองไอ้ไวน์ด้วยหางตา ตอบรับไปส่งๆแบบไม่ใยดี แล้วหันหน้าหนีมายิ้มให้ผมแทน
“มาทำไรอ่ะพี่” ไอ้ไวน์ถามขึ้น
“กูก็มาหาน้องรหัสที่รักของกูน่ะสิ ว่าแต่ไม่เห็นหน้ามึงหลายวันเลยนะน้องรัก มีเวลาไปคุยกับพี่สักหน่อยมั้ยจ๊ะ” ประโยคแรกเป็นของไอ้ไวน์ ส่วนประโยคหลังเป็นของผม และพี่ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“คุยตรงนี้ก็ได้นี่พี่”
“กูจะคุยกับน้องกู ตรงไหนก็เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยวป่ะ?”
“พอได้แล้ว เดี๋ยวกูมาแล้วกัน” ผมหยุดทั้งคู่ไว้ก่อนจะทะเลาะกันแล้วหันไปบอกไอ้ไวน์ที่สีหน้าเริ่มจะไม่ปกติ มองหน้าพี่ไวท์ไม่ละสายตา ส่วนอีกคนก็ยืนทำหน้ายั่วโมโหอย่างไม่สะทกสะท้านจนผมต้องจับแยก
“ไปกันเถอะ ไปหาที่เงียบๆคุยกันนนนนน” พอผมลุกขึ้นจากโต๊ะ พี่ไวท์ก็พุ่งเข้ามากอดแขนผมแล้วลากผมออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว ทิ้งไอ้ไวน์ให้นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว
พี่ไวท์ลากผมเดินออกมาที่ซุ้มไม้ข้างๆตึกที่ว่างอยู่ ปล่อยมือออกจากแขนผมกระโดดเข้าไปนั่งด้านในแล้วกระดิกเท้าเรียกผมยิกๆ
คนตรงหน้าผมตอนนี้คือพี่รหัสของผมเอง พี่ไวท์เป็นผู้ชายตัวเล็ก หน้าตาถือว่าน่ารัก ผิวสองสีไม่ขาวไม่ดำ รวมๆจัดว่าเป็นคนน่ารักผิดกับนิสัยที่ค่อนข้างหยาบคายผิดกับหน้าตาลิบลับ
“มานั่งเร็วๆดิ้มึง ลีลาอะไรอยู่ได้”
“มีอะไร”
“ไว้ก่อน เมื่อกี๊มึงเห็นหน้าเพื่อนมึงป่ะ? เหมือนจะแดกกูอ่ะ สะใจชิบหาย” ดูจากรอยยิ้มบนหน้านั่นก็คงจะสะใจจริงๆแหละ
“ก็ไปยั่วโมโหมัน” ผมตอบสั้นๆ ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่แก ต้องขอบอกว่าพี่ไวท์กับไอ้ไวน์ไม่ถูกกันตั้งแต่ปี1 สาเหตุคงจะมาจากตัวผมเอง ตอนที่ไอ้ไวน์รู้ว่าผมได้พี่รหัสเป็นผู้ชายน่ารักคนนึงมันก็เหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ ถึงแม้มันจะพยายามเก็บไว้ไม่แสดงออกแต่ผมกับพี่ไวท์ก็รู้สึกได้ พี่ไวท์ที่ไม่แน่ใจเลยตัดสินใจถามว่าผมกับไอ้ไวน์เป็นอะไรกัน ซึ่งผมก็ตอบไปว่าเป็นแค่เพื่อนไม่ได้จะเป็นอะไรมากกว่านั้น และผมขอไว้ว่าไม่ให้พี่ไวท์พูดอะไรไปเพราะไม่อยากจะมีปัญหา พี่ไวท์ก็รับปากว่าจะไม่พูดไป ตอนแรกๆพี่ไวท์มีบ้างที่เข้ามาหาผมก็กะจะแกล้งมันเล่นๆแต่ไม่รู้ว่ายังไงมีอยู่วันนึงที่ผมไม่ได้ไปมหาลัย วันถัดมาก็มีคนมาบอกว่าพี่ไวท์เกือบจะเข้าไปต่อยไอ้ไวน์ ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พอถามไปก็ไม่มีใครพูดผมเลยปล่อยไป แล้วหลังจากนั้นเวลาเจอกันท่าทีของพี่ไวท์ที่มีต่อมันก็เปลี่ยนไป
“เออเห็นหน้ามันละอดไม่ได้แม่งสักที ยังไงกูก็เกลียดขี้หน้ามันว่ะ แล้วแม่งมันดันมาชื่อคล้ายกูอีกอันนี้กูยังรับไม่ได้ด้วยบอกตรงๆ”
“ก็เปลี่ยนชื่อไปสิ”
“อ้าววว เรื่องอะไรที่กูจะต้องเป็นคนเปลี่ยน มันสิต้องเปลี่ยน”
“งั้นก็เลิกพูดเรื่องชื่อสักที พูดทุกครั้งไม่เบื่อหรือไง”
“เออแม่งพูดนิดพูดหน่อยไม่ได้”
“เอาดีๆ มีอะไร”
“เออๆ กูจะมาคุยเรื่องโปรโมทคณะ”
“ไม่” ผมตอบทันทีที่ได้ยิน
“มึงหยุดเลย มึงต้องทำ ถึงแม้ว่ากูจะเกลียดขี้หน้าเพื่อนมึงขนาดไหนแต่งานนี้เพื่อคณะ กูจะเว้นให้สักครั้ง”
“ถ้าพี่อยากทำนักก็ทำเอง” ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ทำไมจะต้องมาบังคับอะไรผมกันนักหนา
“เหอะ เพราะกูก็ต้องทำนี่ไงถึงได้มาบอกให้มึงไปทำด้วย!”
“หมายความว่าพี่ก็ต้องถ่ายด้วย?”
“เออ กูก็โดนขอร้องมาเหมือนกัน”
“แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหน ทำไมผมต้องทำ”
“ก็กูสั่งนี่ไงละโว้ย!!! มึงช่วยงัดหน้าหล่อๆมาโชว์ให้เป็นบุญของคณะเราที่มีคนแบบมึงทีเหอะ กูไหว้ล่ะ”
“แล้วถ้าไม่ทำ?”
“คำสั่งรุ่นพี่”
“แล้วไง”
“เฮ้ออออ มึงนี่นะ เคารพกูหน่อยเถอะ เอาเป็นว่ากูขอร้องแล้วกัน เพื่อคณะเรา ถ่ายให้มันจบๆไป”
“.......”
“กูขอ”
“.....แค่ครั้งนี้เท่านั้น”
“เออ”
‘ฮัลโหล’“พี่อยู่ไหน” หลังจากเลิกเรียนผมรีบตรงมารับพี่ควินที่คณะเหมือนทุกวัน เพียงแต่วันนี้รอจนเกือบยี่สิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววของร่างบางจะออกมาจากตึกเลยสักนิด สุดท้ายเลยตัดสินใจโทรไปหา ทันทีที่ปลายสายตอบรับผมก็ถามออกไปทันที
‘อยู่ห้องสมุดไงทำมะ.....เอ้า! ถึงเวลาแล้วหรอ ขอโทษๆพี่มัวแต่ทำงานจนลืมดูเวลาเลย แปบนึงๆพี่เก็บของก่อน’“ไม่เป็นไร อย่ารีบ” ผมบอกเพราะได้ยินเสียงเหมือนว่าอีกคนกำลังรีบร้อนทำอะไรสักอย่างอยู่
‘เสร็จแล้วๆ....ไปก่อนนะพี่เนย์’ ปลายสายพูดกับผมก่อนที่จะพูดประโยคหลังกับใครสักคน พี่เนย์? ใคร? เหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย
‘อะไรวะบทจะรีบจะไปก็ไปเฉยเลยมึง รอกูก่อนกูจะออกไปด้วย / โอเคงั้นเร็วเลยพี่ / มึงจะรีบไปตามควายที่ไหนวะ! / เอาน่า มาๆผมช่วย’ เสียงไม่คุ้นหูของใครสักคนที่กำลังคุยอยู่กับพี่ควินเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินจากโทรศัพท์แล้วหลังจากนั้นสายก็ถูกตัดไป ผมรออีกไม่กี่นาทีพี่ควินก็เดินออกมาจากมุมหนึ่งของตึกพร้อมกับบางคนที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงในสายเมื่อกี๊นี้
ถ้าผมจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้คือคนๆเดียวกับคนที่ผมเห็นที่ลานจอดรถของผับเมื่อวันก่อน ผมสังเกตว่าข้างๆของพี่ควินไม่มีเพื่อนเดินตามออกมาอีก แสดงว่าเมื่อกี๊อยู่กับคนนี้แค่สองคน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งก่อนหรือเปล่า ผมถึงได้รู้สึกแปลกๆที่เห็นพี่ควินอยู่กับคนๆนี้ ผมมองตามระหว่างที่พี่ควินเดินมา จากท่าทางของทั้งสองคนดูแล้วคงจะสนิทกันมากพอตัวอีกคนถึงได้พาดแขนไว้บนไหล่บางนั่นได้ จนมาถึงทางที่ต้องแยกกันพี่ควินหันไปโบกไม้โบกมือลาแล้ววิ่งตรงมาที่รถผมที่จอดรออยู่ ส่วนอีกคนที่แยกกันยังยืนอยู่ที่เดิมแต่สายตามองตามพี่ควินไม่หยุดจนคิ้วผมเริ่มจะขยับเข้าหากันอีกครั้ง
“ขอโทษนะคิง รอพี่นาน ฮึก เลย แฮ่กๆ” เสียงพี่ควินที่พูดขึ้นพร้อมๆกับเปิดประตูรถเข้ามานั่งไปด้วยเรียกให้ผมต้องหันมาสนใจ ใบหน้าขาวขึ้นสีเลือดจางเล็กน้อยจากความเหนื่อย
“เมื่อกี๊ก็บอกว่าอย่ารีบ” ผมว่าดุๆแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อตามขอบหน้าสวยให้
“ก็คิงรอนาน”
“รอได้”
“โอเคๆไม่เถียงแล้ว” ผมเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋าตามเดิมหลังจากที่ใช้งานมันเสร็จ แล้วเตรียมตัวออกรถแต่ก่อนไปผมมองไปทางทิศที่พี่ควินมา.....ผู้ชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับและมองมาทางนี้อย่างกับจะมองให้ทะลุฟิล์มมาข้างใน
“คนนั้นใคร” พี่ควินมองไปตามทางที่ผมถามแล้วก็ตอบออกมา
“อ๋อพี่เนย์ พี่รหัสพี่เอง มีอะไรเปล่า?”
“เปล่า แค่เห็นว่ามองตามพี่มาเลยถามดู”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”
“อือ” ผมค่อยๆขับรถออกจากตรงนั้น แล้วเหลือบมองกระจกข้างที่สะท้อนร่างของชายคนหนึ่งที่นึงมองตามมาจนลับสายตา
ผมรู้ดีว่าพี่ควินมีสเน่ห์แค่ไหน ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ถูกดึงดูดเข้ามาหาได้ทั้งนั้น แม้แต่ผู้ชายคนนั้นเองก็คงจะหลงสเน่ห์พี่ควินเข้าแล้วเหมือนกัน อืม แต่แย่หน่อยที่คนนั้นคงจะได้แต่มองต่อไป....ไม่มีวันได้ครอบครอง
“ทำงานอีกแล้วหรอ” หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำผมก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ควินคว้าเอาหนังสือและชีทหลายปึกมาวางที่โต๊ะกลางห้องแล้วนั่งกับพื้นซึ่งเป็นที่ประจำเวลาพี่ควินทำงาน พอเห็นแบบนั้นผมเดินตามมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
“อืม อันเก่ายังไม่เสร็จดีเลยมีอันใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว แถมพรุ่งนี้มีสอบ ชีทพี่ก็ยังอ่านไม่ทันเลยด้วย” คนหน้าสวยตอบผมด้วยสีหน้าอ่อนล้าน่าสงสาร
“มีอะไรที่ให้ช่วยได้บ้างมั้ย” ผมถามเพราะอยากช่วยจริงๆ เวลาเห็นพี่ควินทำงานจนสีหน้าไม่สู้ดีผมเองก็รู้สึกแย่ที่ได้แต่มองแล้วช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่พอถามออกไปก็ได้รับรอยยิ้มกลับมา
“ช่วยไปนอนเผื่อพี่ได้มั้ยครับ” มือเรียวยกขึ้นมาลูบผมของผมเบาๆแบบที่ผมชอบให้ทำ ปกติผมไม่เคยให้ใครมายุ่งกับหัวแต่กับพี่ควินต่อให้เขาจับหัวผมฟาดขอบโต๊ะผมยังแอบคิดว่าอาจจะยอมเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เอา จะนอนพร้อมพี่” ทุกวันพี่ควินจะไล่ให้ผมไปนอนก่อนแต่ก็อย่างที่บอกว่าผมนอนไม่ลงหรอกครับ
“ดื้อจริงๆ วันหลังพี่จะลงไปทำที่ห้องพี่แล้วนะถ้ายังดื้ออยู่แบบนี้”
“ถ้าพี่ไปคิงจะไปรอหน้าห้องพี่” ผมพูดจริง ถ้าพี่ควินหนีไปผมก็จะตามไปให้ดู
“โอเค พี่เชื่อว่าคิงทำแน่ งั้นก็นั่งรอไปก่อน พี่จะรีบทำแล้วเราค่อยไปนอนกันเนอะ”
“อือ”
หลังจากนั้นผมก็นั่งเล่นเกมรอพี่ควินทำงานไปสักพัก ไปหยิบน้ำหยิบขนมมากินกับพี่ควินบ้าง จนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแบตโทรศัพท์ผมก็หมด แต่พี่ควินก็ยังคงทำงานอยู่อย่างนั้น ผมเดินเอาโทรศัพท์ไปชาตไว้แล้วมานั่งมองพี่ควินเงียบๆ
หน้าตาที่จัดว่าทั้งหล่อทั้งสวยที่กำลังเคร่งเครียดกับกองงานตรงหน้าดูน่าหลงใหลไม่แพ้กับใบหน้ายามยิ้มสดใส ทุกอากัปกิริยาของคนตรงหน้าชวนให้ลุ่มหลงไปซะหมด แค่มองนานๆยังทำเอาใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ระหว่างที่กำลังพิจารณาคนตรงหน้าผมก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ยังไม่ได้เล่าให้ฟัง
“พี่”
“หืม?”
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าคิงต้องไปถ่ายรูปโปรโมทคณะด้วยล่ะ” พอผมพูดจบพี่ควินก็เงยหน้าจากกองชีทมามองหน้าผมแทน
“โปรโมทคณะหรอ อืม พี่ไม่คิดว่าคิงจะไปทำอะไรแบบนี้ด้วยนะเนี่ยแต่ก็ดีแล้วล่ะ” พี่ควินยิ้มให้ก่อนจะก้มลงไปมองกองชีทตามเดิม
“แต่ว่าคิงต้องถ่ายกับไวน์” มือที่จับปากกาอยู่ชะงักลง และเป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ถ่ายคู่หรอ” พี่ควินถาม
“อือ รุ่นพี่เค้าขอมาไม่ทำก็ไม่ได้”
“อ่อ โอเค พี่เข้าใจน่า” ผมสบตาพี่ควินเพื่อความแน่ใจ ผมกลัวว่าพี่ควินจะคิดมากเรื่องผมกับไวน์อีก แต่สายตาที่สบกันอยู่ตอนนี้ไม่มีร่อยรอยของความกังวลหรืออะไรที่ผมคิดเอาไว้สักนิด สายของพี่ควินแน่วแน่ว่าเชื่อใจผม เท่านั้นก็ทำให้ผมเผยรอยยิ้มออกไปได้
ผ่านมาสักผมผมก็นั่งมองพี่ควินทำงานอยู่แบบนั้นจนกระทั่งคนตรงหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน
“ฮัลโหลพี่เนย์....ว่างป่าว.....โอเคคือพี่ช่วยดูรูปที่ส่งไปในไลน์หน่อยดิ คือผมอ่านชีทพี่ไม่ออกตรงนั้นอ่ะ....สำคัญด้วยดิ....ดูให้หน่อยๆ.....โอเคขอบคุณพี่”
พี่เนย์อีกแล้ว ทำไมชื่อนี้ผ่านมาให้ได้ยินบ่อยขนาดนี้นะ....
“คิง คิง ตื่นก่อน”
“......” ผมลืมตาช้าๆเพราะได้ยินเสียงเรียกจากพี่ควิน
“พี่บอกแล้วว่าง่วงก็ไปนอนไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพี่หรอก ลุกไปนอนดีๆเร็วนอนแบบนี้เดี๋ยวปวดหลังปวดคอหรอก” สิ่งแรกที่เห็นคือหน้าของคนรักที่ปลุกผมอยู่ใกล้ นี่ผมเผลอนั่งหลับกับโต๊ะงั้นหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่
“.....ตอนนี้กี่ทุ่ม” ผมหรี่ตาถามเมือตื่นมาเจอกับแสงไฟที่ยังสว่างทั่วทั้งห้อง
“เที่ยงคืนกว่าน่ะ คิงหลับไปยังไม่ถึงชั่วโมงเลยแต่ยังไงก็ลุกไปนอนดีๆ”
“ยังไม่เสร็จอีกหรอ” กองชีทบนโต๊ะยังระเกะระกะอยู่เต็มไปหมดส่วนเจ้าของกองชีทนั่นก็ยังคงถือปากกาไว้ในมือ
“อืม เหลืออีกนิดหน่อย แปลเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ คิงไปนอนรอพี่ในห้องก็ได้นะ”
“ไม่เอา”
“หึหึ ตาจะลืมไม่ขึ้นแล้วยังจะมาเถียงพี่อีก” แค่ได้ยินเสียงก็นึกออกเลยว่าคนพูดกำลังยิ้มแบบไหนอยู่ แต่ก็อย่างที่พี่ควินพูด ตอนนี้ผมง่วงจนจะลืมตาไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากจะทิ้งพี่ควินไปแล้วไปนอนคนเดียวนี่
“จะรอ...เร็ว” ผมแนบหน้าลงกับโต๊ะแล้วพยายามลืมตาคุยกับพี่ควิน
“เฮ้อ บอกไม่ฟังจริงๆ” พี่ควินส่ายหน้าใส่แล้วขยับตัวหันมาทางนี้ ตบหน้าขาของตัวเองเบาๆแล้วเรียกผมไป “มานอนนี่มา” พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบขยับตัวไปใกล้ นอนคว่ำวางหัวลงบนตักของพี่ควินเหยียดขาออกส่วนมือก็โอบกอดเอวบางเอาไว้แล้วหลับลง
ผมนอนอยู่แบบนั้นอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตลอดเวลาก็รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่วนเวียนอยู่ที่ผม มือเรียวไกล่เกลี่ยเส้นผมของผมเล่นเหมือนกับจะกล่อมให้ผมหลับ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกปลุกให้ไปนอนในห้องด้วยกัน พอล้มตัวลงนอนบนเตียงได้ผมก็คว้าอีกคนเข้ามากอดให้สาแก่ใจ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตอนที่ผมซุกไซ้สูดดมความหอมจากซอกคอบาง ไม่รู้ไปไงมาไงแต่ว่าสุดท้ายในคืนนี้.....ผมกลายเป็นคนที่ถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน...และสัมผัสสุดท้ายที่ได้รับในคืนนี้คือจุมพิตบางเบาแทนคำบอกฝันดีจากคนที่ผมรักหมดใจ.....พี่ควิน
มาแล้วจ้า ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแต่ตอนหน้าก็ไม่แน่ 5555555555 ขอบคุณคอมเมนท์ของทุกคนที่ส่งมาน้า ตอนที่แล้วเมนท์ถล่มทลายจนตกใจ แต่เอิร์ทนั่งอ่านทุกตัวอักษรเลยน้าา รักทุกคนมากกกกกกกก 55555555
ปล.ไปพูดคุยกันใน #คิงควิน ในทวิตได้น้า รัก
