วิญญาณเสน่หา
บทที่ ๑๐
ไตรภูมิรู้สึกตัวอีกครั้งด้วยอาการปวดร้าวตามร่างกายราวกับกล้ามเนื้อจะปริแตก เปลือกตากะพริบถี่ขณะยก
ศีรษะขึ้นสำรวจตนเองจึงได้เห็นว่าเขากำลังนอนตะแคงคุดคู้อยู่บนเตียง อาวุธใส่เสื้อผ้าให้เขาอย่างลวกๆ ข้อมือทั้งสอง
ถูกมัดไพล่หลังติดกันอยู่ ไตรภูมิดันตนเองให้ลุกนั่งอย่างยากเย็น เขาเห็นแผ่นหลังของอาวุธที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรง
หน้าต่าง
อาวุธหันขวับมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงไตรภูมิขยับตัว ดวงตาของเขาบอกถึงความรักความหลงที่มีต่อไตรภูมิอย่างไม่บิดบังในขณะที่เดินเข้ามาทรุดนั่งลงตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นมาบีบปลายคางให้ไตรภูมิสบตากับเขา
“กูรอมึงตื่นอยู่นานแล้ว ได้เวลาเหมาะเจาะพอดี”
ไตรภูมิสะบัดหน้าหนี เขาหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่มันบอกให้รู้ว่าเขาหลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบทั้งวันจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่ได้เวลาพลบค่ำ แสงจากดวงอาทิตย์หายลับไปกับขอบฟ้าทิ้งไว้เพียงความมืดที่เข้ามาปกคลุม
บรรยากาศอีกครั้ง
“มึงจะทำอะไรเหี้ย ๆ อีกไอ้วุธ”
ไตรภูมิมองอาวุธด้วยความเจ็บใจ ไม่นึกเลยว่าความรักของอาวุธช่างรุนแรงและคิดครอบครองจนลงมือกำจัดศัตรูหัวใจได้ถึงแม้จะรู้ว่าไตรภูมิไม่มีใจให้ก็ตาม
“ไม่น่าถามนะ กูก็จะปราบผีผัวมึงน่ะสิ”
อาวุธตอบพร้อมแค่นยิ้ม นัยน์ตาของเขาปนเปไปด้วยแรงรักแรงใคร่ ยิ่งจ้องมองใบหน้าของไตรภูมิแล้วก็ยิ่งดำดิ่งไปกับความต้องการอันแรงกล้าราวกับรอคอยที่จะครอบครองร่างกายและหัวใจของไตรภูมิมายาวนานเหลือเกิน
“ถ้ามึงทำกูจะฆ่ามึง”
ไตรภูมิตะโกนใส่หน้าอาวุธพร้อมกับดิ้นรนสะบัดข้อมือไปมา อาวุธสบถรุนแรงเมื่อเห็นการต่อต้านนั้น เขาผลักให้ไตรภูมิเสียหลักหงายหลังลงไปอีกครั้งพร้อมทั้งโถมกายมานอนทับไว้จนไตรภูมิหมดทางต่อสู้
“กูคงจะปล่อยให้มึงฆ่ากูหรอกนะไอ้ไตร หึหึ มึงจะฆ่ากูก็ได้แต่ต้องหลังจากที่มึงกลายเป็นเมียกูเสียก่อน”
“ปล่อยกู ไอ้คนเลว ดิน ช่วยด้วย ดิน”
อาวุธใช้ท่อนแขนดันแผ่นอกของไตรภูมิจนแทบจะจมลงไปกับที่นอน
“คิดว่ามันจะช่วยมึงได้งั้นสิ แหกตาดูที่คอมึงก่อนแล้วมึงจะรู้ว่าคิดผิด”
ไตรภูมิรีบผงกหัวมอง เขาเห็นพระเครื่องขนาดเขื่องคล้องอยู่ที่คอของเขา นี่คงเป็นปราการที่จะกั้นไตรภูมิไว้จากวิญญาณของดินที่อยู่คนละภพภูมิกับมนุษย์
“ไอ้วุธ ไอ้เหี้ย”
“ขอบใจโว้ยไตร กูเหี้ยได้มากกว่านี้อีกเพราะกูรักมึง กูจะเอามึงเป็นเมียให้ผัวผีของมึงดูเป็นขวัญตา เฮ้ย ไอ้ดิน มึงโผล่ออกมาจากภพภูมิของมึงเดี๋ยวนี้”
เสียงท้าทายของอาวุธดังก้องทั่วห้องนอนก่อนกลุ่มควันบางเบาจะปรากฏอยู่ตรงปลายเตียง มันรวมตัวกันหนาแน่นจนเกิดเป็นร่างกายสูงใหญ่ยืนจังก้าสบตากับอาวุธด้วยความชิงชังและโกรธแค้น
“ไอ้เหมือน ไอ้สารเลว”
เสียงเรียกชื่อด้วยความแค้นเคืองของดินทำให้ไตรภูมิตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองอาวุธอย่างคาดไม่ถึง
อาวุธในปัจจุบันนี้คือนายเหมือนเมื่อชาติที่แล้ว คนที่ขัดขวางความรักจนพุ่มและดินต้องแยกจากกันและยังตามมากระทำการเช่นเดิมเมื่อไตรภูมิได้มาเกิดอีกครั้ง
“เรียกเหี้ยอะไรของมึงไอ้ผีห่าซาตาน กูไม่ได้ชื่อเหมือน กูชื่ออาวุธ คนที่จะทำลายมึงให้สิ้นซาก”
อาวุธตวาดลั่น เขาเริ่มขาดสติเพราะความโกรธแค้นครอบงำจิตใจ ดวงตากร้าวจ้องมองดินราวกับไฟที่พร้อมจะเผาไหม้
“มาแล้วก็ดี มึงจะได้ยืนมองกูเอากับไอ้ไตรเมียของมึงไงล่ะ จะได้รู้ว่ากูจะทำให้เมียของมึงครางเสียงดังแค่ไหน”
อาวุธหันกลับมามองไตรภูมิที่อยู่เบื้องล่างตัวเขา มือหยาบกระชากเสื้อผ้าของไตรภูมิจนขาดวิ่นก่อนจะทุ่มแรงเข้าทาบทับร่างที่ดิ้นรนขัดขืน ดินตะโกนลั่นพลางพุ่งร่างเข้าหาหวังจะช่วยเหลือไตรภูมิ แต่เมื่อเข้าใกล้ร่างทั้ง
สองที่กำลังพัลวันกันอยู่บนเตียงรัศมีสว่างวาบก็พุ่งมาจากกรอบพระที่คล้องคอไตรภูมิ แสงนั้นบาดลึกเข้าไปในร่าง
วิญญาณจนดินแสบร้อนไปหมดทั้งตัว เสียงร้องโหยหวนของดินยิ่งทำให้อาวุธได้ใจหนักขึ้น
“สะใจกูจริงโว้ย ฮ่า ๆ ทำอะไรกูไม่ได้ใช่ไหม ช่วยเมียมึงไม่ได้ใช่ไหม ดีล่ะ งั้นมึงก็ยืนมองกูขึ้นสวรรค์กับเมียมึงเถอะไอ้ผีชั่ว”
ไตรภูมิกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ห่วงทั้งดินห่วงทั้งตนเองที่กำลังจะกลายเป็นคนแปดเปื้อนราคีเพราะอาวุธ น้ำตาไหลรินเป็นทางเมื่อรู้ว่าเขากำลังหมดแรงที่จะต่อสู้ อาวุธกำลังบ้าคลั่งขาดสติมากขึ้นทุกที ต้นขาของเขา
ถูกบังคับให้อ้ากว้างไตรภูมิไม่มีแรงอีกต่อไปเมื่ออาวุธเตรียมดันกายเข้าใส่ เขาหลับตาลงเพราะไม่ต้องการรับรู้ความเลว
ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา
“เฮ้ย!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจของอาวุธพร้อมน้ำหนักตัวที่ปลิวหายไปจากร่างทำให้ไตรภูมิต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองภาพเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นเมื่อดินกระชากอาวุธจนลอยละลิ่วลงจากเตียงแล้วโถมกายสู้กับอาวุธจน
พากันล้มกลิ้งลงกับพื้นด้วยกันทั้งคู่ ร่างทั้งสองกลิ้งไปชนกับผนังของตัวบ้านดังปังทำให้ก้นบุหรี่ของอาวุธที่ยังไม่มอด
สนิทร่วงลงจากขอบหน้าต่างที่อาวุธวางทิ้งไว้ สะเก็ดไฟของมันกระเด็นไปติดเข้ากับผ้าม่านหน้าต่างจนไฟเริ่มติดผ้าลุก
โชนขึ้นมากลายเป็นเปลวร้อนลามเป็นวงกว้าง
การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด ไตรภูมิเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพลังของดินจึงแข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้กับ
มนุษย์ได้ ไตรภูมิได้แต่เป็นห่วงเมื่อเห็นดินเงื้อมือขึ้นต่อยหน้าของอาวุธเต็มกำลังจนอาวุธล้มลงก้นจ้ำเบ้า เมื่อเริ่มเสีย
เปรียบไฟรักและไฟโทสะก็เข้าบดบังดวงตาของอาวุธจนขาดสติไปแล้ว เขารีบลุกขึ้นเหยียดกายแล้วชี้หน้าดินด้วยความ
อาฆาต
“กูจะปราบมึงให้ได้ไอ้ดิน”
มือล้วงลึกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคว้าขวดพลาสติกขวดเล็กบรรจุน้ำมนต์ที่ได้มาจากเกจิอาจารย์ชื่อดังแล้วเปิดฝาขวดสาดใส่อมนุษย์ ดินร้องลั่นร่างวิญญาณเริ่มจางลงจนมองทะลุได้
“ดิน ไม่นะ”
ทั้งที่มือทั้งสองยังถูกพันธนาการไว้แต่ไตรภูมิใช้พลังเฮือกสุดท้ายจากความรักที่เขามีต่อดินกระชากจนเชือกขาดออกจากกัน แม้ว่ามันจะทำให้ข้อมือของเขาเกิดรอยบาดแผลจนเลือดไหลซึมไตรภูมิก็ไม่สนใจ และทันทีที่ร่างกาย
เป็นอิสระเขาก็พุ่งตัวไปกระแทกอาวุธที่กำลังจะใช้ผ้ายันต์จัดการขั้นสุดท้ายกับดินจนอาวุธเสียหลักล้มไปกับพื้น
กลิ่นไฟติดผ้าลามไปที่แผ่นไม้ของตัวบ้านเริ่มมองเห็นควันหนาคละคลุ้ง เปลวเพลิงสีแดงฉานลามเลีย
เรือนไม้เก่าอย่างรวดเร็วด้วยแรงลมพายุจากด้านนอก ควันสีดำลูกใหญ่ลอยทะมึนไปบนท้องฟ้า ได้ยินเสียงไซเรนของ
รถดับเพลิงดังแว่วมาอยู่ไกล ๆ
“ไอ้ไตร มึงรักมันมากใช่ไหม”
อาวุธแค้นจนแทบกระอักเลือดเมื่อเห็นการปกป้องดินจากไตรภูมิ เขาตัดสินใจในชั่วพริบตา
“รักกันมากก็ตายไปพร้อมกับมันเถอะ”
อาวุธเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ไตรภูมิ มีดสปริงอันเล็กที่เหน็บอยู่ตรงเอวถูกดึงออกมาแล้วใช้ร่างกายที่ใหญ่โตกว่าโถมเข้าหากดร่างบอบบางของไตรภูมิให้หงายหลังกระแทกพื้นก่อนที่อาวุธจะตามมาใช้ปลายมีดจ่อเข้ากับ
คอของไตรภูมิ
แต่ยังไม่ทันจะกดน้ำหนักมือลงไปอาวุธก็ถูกเตะงัดเข้าตรงปลายคางพอดิบพอดีจนร่วงลงไปกองกับ
พื้นด้วยหน้าแข้งของดินที่รวบรวมพลังงานขึ้นมาได้อีกครั้ง ดินก้าวไปนั่งคร่อมอยู่ที่หน้าอกของอาวุธแล้วใช้กำปั้น
ประเคนลงบนใบหน้าของอาวุธไม่ยั้งมือ
“ดิน ดิน พอเถอะ”
กลายเป็นไตรภูมิที่ต้องยั้งดินไว้ ท่อนแขนแกร่งของดินถูกไตรภูมิหยุดยั้งเมื่อเห็นอาวุธนอนหมอบกระแตไร้ทางสู้
“แต่มันฆ่ากระผม มันทำให้กระผมกลายเป็นผีเฝ้าเรือนเช่นนี้คุณพุ่มยังจะให้กระผมไว้ชีวิตมันอีกหรือขอรับ”
ดินตะโกนด้วยไฟแค้นที่สุมอยู่ในอกตลอดเวลาเกือบร้อยปีที่ผ่านมา ดวงตาแดงจัดจนไตรภูมิต้องกอดไหล่กว้างนั้นไว้ด้วยความสงสาร
“ถ้าดินฆ่ามัน บาปจะติดตัวดินไปอีก เชื่อผมเถอะนะอย่างจองเวรกันอีกเลย ตอนนี้ไฟลามมากขึ้นแล้ว ช่วยผมหาทางออกไปจากที่นี่ดีกว่า”
ราวกับน้ำเย็นมาชโลมกายใจ ไอ้ดินได้สติเพราะคำเตือนนั้น เมื่อมันหันไปมองโดยรอบก็เห็นจริงตามคำกล่าวของไตรภูมิ ตอนนี้เปลวไฟได้ลุกลามมาถึงเตียงนอนที่ยิ่งกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี ไอร้อนแผดมาถึงไตรภูมิ
กับเขาที่ยืนอยู่ตรงที่ว่างหน้าประตู
แม้จะยังเต็มไปด้วยความแค้นแต่ความปลอดภัยของไตรภูมิสำคัญกว่า ดินคว้าท่อนแขนของไตรภูมิ
เตรียมจะนำทางให้หลบหนีเปลวไฟ แต่ขณะที่กำลังจะก้าวเดินข้อเท้าของไตรภูมิก็ถูกกระชากไว้ด้วยมือของอาวุธจนล้ม
ลงไปกับพื้น
“คุณพุ่ม ระวัง”
“จะหนีกูไปไหน ไอ้ไตร”
มือของอาวุธเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกแม้ว่าไตรภูมิจะใช้ฝ่าเท้าอีกข้างพยายามถีบไม่ยั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ อาวุธขยับโถมกายทับร่างของไตรภูมิไว้ ดินพยายามจะเข้าไปช่วยแต่พลังงานของเขาใกล้จะหมดเต็มที ไตรภูมิสมอง
หมุนติ้วคิดหาทางรอด เขาเหลือบมองขึ้นไปบนเพดานที่คานบ้านไหม้ไฟใกล้จะตกลงมาทุกที เขาตัดสินใจใช้มือทั้ง
สองจับหัวอาวุธไว้แน่นก่อนจะใช้หน้าผากตัวเองโขกใส่อาวุธจนตาลอย
ไตรภูมิผลักอาวุธด้วยแรงเท่าที่มีจนอาวุธกระเด็นออกไปจังหวะเดียวกับที่คานติดไฟร่วงลงมาทับ
ร่างกายของอาวุธไว้จนขยับไม่ได้
“อ๊ากสสส”
อาวุธร้องลั่นดวงตาเบิกโพลงเมื่อเปลวไฟเผาไหม้ร่างกายของเขา พยายามจะผลักคานไม้ขนาดใหญ่ออกไปก็ไม่สำเร็จ ร่างของเขาติดไฟอย่างรวดเร็ว
“คุณพุ่ม หนีเร็ว”
ดินตะโกนเตือนสติ ไตรภูมิได้แต่มองอาวุธที่ถูกทับไว้ด้วยไม้คานท่อนใหญ่เปลวไฟเผาไหม้ลามไปทั้งตัวจนดิ้นพล่านอย่างตัดใจแล้วจึงลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องด้วยการนำทางของดิน
ไตรภูมิวิ่งหนีจนมาหยุดยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรงริมคลองที่เขาเคยมาเล่นน้ำกับเพื่อนๆ ลมพายุพัดโหม
จนแสงสีแดงของเปลวไฟฉายฉานกลางความมืดมิด เสียงไซเรนรถดับเพลิงกรีดร้องอยู่ในโสตประสาทมันทำให้เขาหมด
แรงจนเข่าทรุดอยู่ใต้ต้นไทรที่ช่วยบังละอองฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา
“คุณพุ่มเป็นกระไรมากหรือไม่ขอรับ โธ่ คุณพุ่มของไอ้ดิน”
ไอ้ดินทรุดตัวลงใกล้ ๆ ใช้มือใหญ่ของมันลูบไล้ไปตามกรอบหน้างดงามนั้น ไตรภูมิส่ายหน้าพลางฝืนยิ้มให้ดิน
“ไม่เป็นไรแล้วครับดิน ผมปลอดภัยดี แต่ว่าบ้านถูกไฟไหม้ไปแล้วดินก็ไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าบ้านแล้วใช่ไหม”
ใบหน้าคมเข้มอย่างชายไทยหน้าเศร้าลงฉับพลันจนไตรภูมิใจหาย
“ดิน มีอะไรปิดบังผมอีกอย่างนั้นหรือ”
“อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับบ้านหลังนั้นดอกขอรับ ที่กระผมยังไปเกิดใหม่ไม่ได้เป็นเพราะกระผมยังติดอยู่ในความสงสัยอยู่ประการเดียว มีเพียงคุณพุ่มที่จะคลี่คลายได้ กระผมเฝ้ารอจนได้พบคุณพุ่มอีกครั้ง”
“อะไรหรือครับดิน ดินสงสัยอะไรเกี่ยวกับผมหรือครับ”
ดินเงยหน้าสบตาไตรภูมิด้วยความข้องใจแกมเจ็บช้ำเมื่อระลึกถึงอดีต
“ในคืนวันนั้น คืนที่เรานัดหมายกัน คุณพุ่มได้มาหากระผมที่นี่ ณ ริมแม่น้ำแห่งนี้ตามสัญญาของเราหรือไม่ขอรับ”
“โธ่ ดิน”
ไตรภูมิน้ำตาไหลพราก เขาคว้ามือดินมากุมและเบียดกายเข้าหาร่างเย็นเยียบท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเช่นเดียวกับในคืนนั้นไม่มีผิด
“แค่นี้เองหรือครับที่ทำให้ดินต้องติดอยู่ในภพแห่งวิญญาณเสียเนิ่นนาน ต้นเหตุเป็นเพราะผมอย่างนั้นหรือ ผมเสียใจเหลือเกิน”
มีต่ออีกนิด...