▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 44: รักสุดท้ายของเราสามคน "ทาครีมหรือยัง" ต้นเดินมาหยุดตรงขอบเตียง มองคนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนในชุดสบายๆ ด้วยสายตายิ้มๆ
"ยัง เราขี้เกียจทาน่ะ" สนนิ่วหน้า
"ไม่ได้นะ นายต้องดูแลตัวเองหน่อยสิ ถ้าไม่หล่อเดี๋ยวเราไม่รักนะ จำไม่ได้เหรอว่าทำไมเราถึงแอบรักนาย" ต้นพูดพลางขำ
"ครับๆ งั้นต้นทาให้เราหน่อยดิ" สนทำเสียงอ้อนพร้อมดีดตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง
ต้นหัวเราะ เดินไปหยิบครีมทาหน้ากับอายครีมที่โต๊ะเครื่องแป้งของสนมา เตรียมพร้อมสำหรับการบำรุงผิวพรรณให้บ่าวเหนือสุดหล่อของต้น สนหลับตาพริ้ม ต้นค่อยๆ บรรจงทาอายครีมให้อย่างเบามือ ตามด้วยไนท์ครีม
"มือเบาจัง ห๊อม หอม"
"อย่าเพิ่งพูดสิ เดี๋ยวหน้าเป็นรอย" ต้นทำเสียงดุไม่จริงจังนะ
"ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก ต้นดุจัง" สนหัวเราะเบาๆ
ใบหน้าของสนช่างสะอาดใสและหล่อเหลาเหลือเกิน แม้ว่าหน้าตาอาจไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ต้นรักผู้ชายคนนี้ แต่ทำให้เกิดความประทับใจไม่น้อย รอยยิ้มละไมแสนอบอุ่นแบบนี้ตราตรึงอยู่ในหัวใจของต้นเสมอ ริมฝีปากนั้นเคยมอบรสจูบแสนหวานที่ต้นไม่เคยลืม
พอต้นทาครีมเสร็จสนก็ลืมตาแป๋ว ดวงตาคู่นี้ถ้ามองดีๆ จะเห็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ผู้ชายคนนี้มอบให้ต้น สนมองต้นด้วยแววตาอย่างนี้ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาแม้กระทั่งตอนเป็นเพื่อน
"ยิ้มอะไร" สนถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
ได้ยินคำถามนี้แล้วต้นก็ถึงกับน้ำตาซึม ต้นจำคำถามนี้ได้ดีเพราะสนถามต้นตอนที่แอบรักสนครั้งแรก
"เปล่า...ทรงผมนายเท่ห์ดี เดี๋ยวเราจะไปตัดทรงนี้มั่ง"
บทสนทนานี้นี่แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่แสนยาวนาน สิบสามปีผ่านมาแล้ว ความรักครั้งแรกของต้นก็ยังไม่จากไปไหน และคงจะอยู่กับต้นไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย
"อย่าเพิ่งกอดดิ เดี๋ยวครีมหก"
ต้นรีบร้องห้ามเมื่อเห็นสนทำท่าจะกอด สนทำหน้ามุ่ยอย่างเซ็งๆ ต้นหัวเราะแล้วก็เอาครีมทาหน้ากับอายครีมไปเก็บที่โต๊ะเครื่องแป้งตามเดิม จากนั้นก็ขึ้นมาอยู่บนเตียงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเคียงข้างกับสน สามปีแล้วที่ไม่ได้ทำอย่างนี้ ต้นกับสนมีความสุขเหลือเกิน สุขจนล้นหัวใจ
"ขอบคุณนายมากนะสนที่นายทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเรามาตลอด ยอมเหนื่อยอยู่คนเดียว เจ็บอยู่คนเดียว แล้วก็แก้ปัญหาทุกอย่างอยู่คนเดียว เราเองซะอีกที่ยังไม่ได้พยายามทำเพื่อความรักของเรามากเหมือนนายเลย เราขอโทษนะสน ต่อไปนี้...เราจะไม่ปล่อยให้นายเหงา ไม่ปล่อยให้นายเจ็บ ไม่ปล่อยให้นายอยู่คนเดียวอีกแล้ว เราจะอยู่ข้างๆ นายไม่ไปไหนอีก เราจะดูแลหัวใจของนายที่บอบช้ำให้หายดี หัวใจของนายยิ่งใหญ่มากนะสน นายทำงานหนักหาเลี้ยงครอบครัว ทำให้พ่อแม่ของนายมีความสุขมากที่มีหลาน เราเห็นแล้วยังอยากจะขอบคุณนายแทนพ่อกับแม่ของนายเลย ลูกชายของนายน่ารักมากนะ พวกเราโชคดีแค่ไหนที่ได้ภูคามาอยู่ด้วย นายทำเพื่อลูก แถมยังอุตส่าห์แบ่งเวลามาช่วยดูแลพ่อกับแม่ให้เราอีก แล้วที่สำคัญ นายทำทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนได้กลับมารักกันอย่างราบรื่นเหมือนเดิม ขอบคุณจริงๆ นะสนสำหรับความเสียสละของนาย เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่นายยังรอและรักคนอย่างเราอยู่"
ต้นพูดไปร้องไห้ไป แม้ว่าจะไม่อยากร้องไห้อีกแล้วแต่ก็อดไม่ได้
"อย่าร้องไห้สิต้น" พูดแล้วสนก็ดึงต้นมากอดไว้แนบอกเพื่อปลอบใจ ต้นซบลงไปพร้อมกับกอดสนไว้เบาๆ ท่าทีนี้บ่งบอกว่าต้นยอมหมดหัวใจแล้ว
"เราเองก็ต้องขอบคุณนายมากนะต้นที่เก็บรักแรกของนายไว้ให้เรามาตลอด หัวใจของนายก็ยิ่งใหญ่นะ มีคนผ่านเข้ามาตั้งหลายคนนายก็ยังเก็บหัวใจไว้ให้เรา เราทำให้นายเสียใจหลายครั้ง โลเลก็หลายหน แต่นายก็ไม่เคยเปลี่ยนใจจากเรา สิ้นหวังแค่ไหนนายก็ยังรักเรา ให้อภัยเรามาตลอด ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็อาจจะทิ้งเราไปแล้วก็ได้ นายพยายามแล้วนะต้น แต่นายน่ะ...แค่ไม่ชอบสู้คน ไม่อยากทำร้ายใคร จะว่าไป...เราเองก็ทำให้นายสงสัยมาตลอดว่าเรารักนายหรือเปล่า ถ้าเราบอกนายไปตั้งแต่แรกๆ ที่เรารู้ใจตัวเองมันก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ อย่าคิดมากนะต้น ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก มันผ่านไปแล้ว แค่เราได้กลับมารักกัน กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ อีกครั้ง แค่นี้เราก็พอใจแล้ว ความเจ็บปวดผิดพลาดที่ผ่านมาหายไปหมดแล้วล่ะ นายรู้ไหม เราสองคนมีข้อดีต่างกัน นายเป็นคนอดทน มั่นคง ใจเย็น แล้วก็ให้อภัย แต่ไม่ชอบสู้คน ส่วนเราอาจจะวู่วามไปหน่อย โลเลบางครั้ง แต่ถ้าจะทำอะไรแล้วก็จะทำให้ได้ เราสองคนถึงต้องอยู่ด้วยกันเพื่อเติมเต็มกันและกันไงต้น"
สนยิ้มสุขใจที่เจ้าของรักแรกที่สนแสนรักและอยากทะนุถนอมดูแลไปตลอดชีวิตได้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนของสนอีกครั้ง สนจะไม่ยอมสูญเสียความรักครั้งสุดท้ายนี้ไปอีกแล้วแม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต
"นายเป็นคนดีมากเลยนะสน เราดีใจนะที่ได้รักนาย แต่ถึงยังไงๆ ที่เราสองคนได้กลับมารักกันอีกครั้ง เราขอยกเครดิตให้นายหมดเลยนะ เพราะความพยายามของนายเราถึงมีวันนี้ นายเป็นคนเก่ง เป็นคนดี เป็นฮีโร่ในดวงใจของเรานะสน"
ต้นกอดสนแน่นขึ้นอย่างรักใคร่ ต้นรักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน ยิ่งได้เห็นสิ่งที่สนทำให้ก็ยิ่งรักมากขึ้น กอดจนพอใจแล้วต้นก็ค่อยๆ ดันตัวออกมาจากอ้อมแขนของสนเพื่อมองหน้าคนที่รัก
"สามปีที่ผ่านมา นายเหนื่อยหรือเปล่าสน เรารู้ว่านายคงเหนื่อยน่าดู นายคงเหงา คงทรมานแล้วก็เจ็บปวดมาก ต่อไปนี้...เราจะดูแลนายให้ดีที่สุดเองนะสน ให้สมกับที่นายอุตส่าห์ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทุกคน นายจะไม่เหนื่อยคนเดียวอีกแล้วนะ เราจะอยู่ข้างๆ นายตลอดไป"
สนยิ้ม สักพักก็นิ่วหน้า
"แต่ตอนนี้เรายังไม่หายเจ็บหัวใจเลยนะ นายช่วยดูตรงหัวใจเราหน่อย มันยังช้ำอยู่เลย นายช่วยทำให้มันหายหน่อยสิ"
สนทำเสียงอ้อนแล้วก็เลิกชายเสื้อขึ้นให้ต้นดูหัวใจของสนตรงราวนมด้านซ้าย
"เนี่ยเห็นไหม" สนเอามือชี้แถวๆ ราวนมของตัวเอง
"ไม่เห็นช้ำตรงไหนเลย" ต้นทำหน้าสงสัยเมื่อก้มลงไปดูใกล้ๆ
"แล้วเห็นอะไรล่ะ" สนทำหน้ามีเลศนัย
"นม" คนตอบทำหน้าแหยๆ
สนถือโอกาสใช้จังหวะนั้นกดใบหน้าของต้นให้ซบลงตรงอกของตัวเองแล้วก็กอดต้นไว้ ต้นรู้ว่าโดนแกล้งก็เลยใช้จมูกถูเร็วๆ ตรงราวนมของสนเล่น
"โอ๊ย...เสียว หายช้ำแล้ว หายช้ำแล้ว"
ต้นลุกขึ้นนั่ง มองดูสนหัวเราะร่าแล้วก็ยิ้มเขินๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปบีบจมูกสนเบาๆ
"คนขี้แกล้ง เดี๋ยวเราจะฟ้องพ่อกับแม่เรา ยังไม่ได้ไปขอเค้าซะหน่อยก็แอบทำมิดีมิร้ายกับลูกเค้าแล้ว"
คราวนี้สนถึงกับหัวเราะเสียงดัง "ไม่ต้องไปฟ้องหรอก พ่อกับแม่ของเราสองคนรู้หมดแล้ว"
"จริงเหรอ รู้ได้ยังไง" ต้นทำหน้าตกใจ อายก็อาย
"ก็พ่อนายถาม เราก็เลยบอก แล้วเราก็บอกพ่อนายแล้วด้วยว่าถ้านายกลับมา เราจะให้แม่ไปขอ"
ต้นหัวเราะชอบใจบ้างคราวนี้ "เดี๋ยวเราจะเรียกสินสอดเยอะๆ เลยนะ"
"ครับ เดี๋ยวเราจะขายบ้านไปขอนายเลยดีไหม" สนทำหน้าล้อเลียน
"ดีๆ แล้วนายก็ไปอยู่บ้านเรานะ ให้พ่อกับแม่แล้วก็ภูคาไปอยู่ด้วย อยู่ด้วยกันหมดเลยก็ดีนะ แล้วเราก็จะเอาเงินสินสอดมาขยายบ้านไง"
สนพยักหน้าเห็นด้วย ต้นเลยบีบจมูกเข้าให้อีกทีอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วก็หัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข
"นั่งแบบนี้ดีกว่า เหมือนตอนที่เราไปนั่งดูดาวด้วยกันที่ดอยอินทนนท์ นายจำได้ไหม"
"นั่งยังไงล่ะ จำไม่ได้แล้ว" ต้นเลิกคิ้ว
"เดี๋ยวเราจัดการให้"
ว่าแล้วสนก็ให้ต้นนั่งตัวตรง สนกางขาตัวเองออกเป็นตัววี จากนั้นก็ใช้มืองสองข้างยกใต้รักแร้ของต้นแล้วลากต้นมานั่งตรงหว่างขา ให้หลังของต้นแนบกับอกของสน
"แบบนี้ไง จำได้ยัง"
ต้นหันไปพยักหน้า สนกอดต้นไว้เบาๆ เอาคางเกยตรงไหล่ของต้นพร้อมกับยิ้มละไม
"รักต้นนะ คิดถึงมากๆ ด้วย ขนาดอยู่ใกล้ๆ อย่างนี้ก็ยังไม่หายคิดถึงเลย นึกว่าจะไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกซะแล้ว ขอบคุณที่กลับมาหาเรานะต้น เรามีความสุขที่สุดในโลกเลยตอนนี้"
ต้นเหมือนพอจะจำได้รางๆ ว่าเคยทำแบบไหนตอนนั่งดูดาวด้วยกันวันนั้น ก็เลยหอมแก้มขวาของสนก่อนแล้วค่อยย้ายไปแก้มข้างซ้ายโดยไม่ต้องรอให้สนบอก สนยิ้มมีความสุขมากทีเดียว ต้นดีใจเหลือเกินที่ทำให้สนมีความสุขหลังจากที่ต้องเหงา เหน็ดเหนื่อยและเจ็บปวดกับปัญหาชีวิตมากว่าสามปี
"เราก็รักสนนะ ดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับสนอีก ขอบคุณที่นายยังรอเราอยู่นะ" แม้ว่าจะพูดไปแล้วต้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดซ้ำ ก็ต้นรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ นี่นา
"อ้อ...เราจะขอโทษนายเรื่องนึง" สนทำท่านึกได้
"เรื่องอะไรเหรอ"
"ก็เรื่องที่เราถามละลาบละล้วงนายที่ร้านอาหารวันนั้นไง"
"อ๋อ..." ต้นก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าสนถามในสิ่งที่ไม่ควรถามหลายอย่าง
"นายรู้ไหมว่าเราถามทำไม แล้วนายรู้ไหมว่าเราร้องไห้ทำไม"
"ไม่รู้" ต้นตอบสั้นๆ เพราะนึกไม่ออกจริงๆ
"เราแค่อยากรู้ว่านายรักพี่แทนจริงหรือเปล่า พอฟังที่นายเล่า เห็นนายทำท่าอึกอัก บางคำถามก็ตอบไม่ได้ เอ่อๆ อ่าๆ เราก็พอจะรู้แล้วล่ะว่านายไม่ได้รักพี่แทนมากนักหรอก ที่เราร้องไห้...เพราะดีใจที่รู้ว่านายไม่ได้รักพี่เขา แล้วนายก็ยังไม่ลืมเรา เราถึงได้เดินหน้าช่วยทำให้นายกลับมาหาหัวใจตัวเองไวๆ ไง แต่ถ้าวันนั้นนายทำให้เรารู้ว่านายรักพี่แทนมาก เราก็อาจจะปล่อยนายไปอยู่กับคนที่นายรัก"
แล้วสนก็ถอนหายใจเบาๆ "ขอโทษที่เราถามเซ้าซี้ ไม่โกรธเรานะ"
"เจ้าเล่ห์นะนายเนี่ย คุณสนจอมวางแผน แผนการเยอะจริงๆ เราตามไม่ทันซักอย่างเลย" ต้นว่าไม่จริงจังนักแล้วก็ขำ สนก็ขำบ้าง
"นายรู้ไหม...ที่นินาเขามีแฟนใหม่ ก็เป็นเพราะแผนของเรานั่นแหละ"
ต้นพยักหน้ารับรู้ แม่ของสนเล่าให้ต้นฟังแล้วล่ะ
"นายนี่ก็ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะ" ต้นว่าพลางขำเบาๆ
"เรานะ แกล้งให้คนอื่นอารมณ์เปลี่ยวจนเขาต้องไปหาคนอื่นมาช่วยทำให้หายเปลี่ยว แต่เวรกรรมคงตามทัน แกล้งเขาไว้เยอะ ตัวเองก็เลยต้องมาอารมณ์เปลี่ยวด้วย รู้ไหมต้นว่าเราน่ะ...อารมณ์เปลี่ยวอย่างนี้มาสามปีแล้วนะ แล้วนายล่ะ อารมณ์เปลี่ยวเหมือนเราหรือเปล่า"
คำถามแบบนี้ บวกกับสายตากรุ้มกริ่มของสน ต้นก็พอจะเดาได้ว่าสนจะพาเข้าเรื่องอย่างว่าแล้วล่ะ
"ไม่เห็นจะเปลี่ยวเลย" ต้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"จริงเหรอ ตั้งสามปี...ไม่เปลี่ยวเลยเหรอ"
ต้นส่ายหน้า "ไม่เปลี่ยว"
"จริงดิ อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ ของคนหล่อๆ แถมมีหุ่นซิกซ์แพ็คอย่างนี้ก็ไม่ยังไม่เปลี่ยวอีกเหรอ" สนกอดกระชับต้นแน่นขึ้น แล้วก็ลูบไล้ไปตามเนื้อผ้าบริเวณท้องน้อยของต้น
"ไม่เปลี่ยว" ต้นพยายามกลั้นยิ้ม
"แต่เราน่ะ...อารมณ์เปลี่ยวแล้วล่ะสิ ทำไงดีล่ะต้น จะมีใครช่วยเราได้หรือเปล่านะ" สนแกล้งทำเสียงกระเส่า
"เมื่อก่อนนายทำยังไงก็ทำอย่างงั้นไปสิ" ต้นแสร้งว่า
สนนิ่วหน้า "ไม่เอาหรอก เบื่อแล้ววิธีนั้น ทำมาสามปีแล้ว อยากใช้วิธีอื่นมั่ง ตอนนี้เรามีคนรักมาอยู่ด้วยใกล้ๆ แล้ว ให้คนรักช่วยทำให้เราหายเปลี่ยวไม่ได้เหรอ"
"ม่าย...เพราะเราไม่เปลี่ยว"
"ไม่เปลี่ยวจริงเหรอ" สนถามย้ำ คราวนี้ยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัยยิ่งกว่าเดิม
"จริง" ต้นยืนยัน
หมับ!
สนคว้าหมับเข้าให้ที่เป้ากางเกงของต้นพร้อมกับคลึงเคล้นเล่น ต้นตาโตด้วยความตกใจแต่ก็รู้ว่าเสียทีสนไปเสียแล้วเพราะ "ตรงนั้น" ของต้นมันฟ้องอะไรบางอย่างชัดเจน ต้นก็เลยทำหน้าอ่อยๆ
"เปลี่ยวแล้ว" สนยิ้มชอบใจ "สงสัยเราจะต้องลงโทษคนโกหกให้สาสมแล้วล่ะ"
ต้นทำท่าจะลุกหนีสนก็คว้าตัวไว้เสียก่อน
"จะหนีไปไหน"
สนกอดปล้ำเล่นกับต้นที่พยายามดิ้นหนี เสียงหัวเราะดังไปทั่วห้อง
"สนหื่น"
"ก็หื่นกับนายคนเดียวนี่แหละ มาให้เราทำโทษซะเดี๋ยวนี้เลย ไหนว่าอารมณ์ไม่เปลี่ยวไง ทำไมตรงนั้นยังกะหินเลยล่ะ"
ปล้ำกันไปมา ต้นก็ต้องตกอยู่เบื้องล่างของสนเสียแล้ว คราวนี้คงหนีไม่พ้นแน่นอน เสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบลงพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายที่ค่อยๆ หยุดลง
"เราสองคนมาช่วยกัน...ทำให้คืนนี้เป็นคืนพิเศษของเราอีกนะต้น"
ใบหน้าของสนโน้มลงมาใกล้กับต้นจนจมูกแทบจะชนกัน เสียงหอบหายใจของแต่ละฝ่ายเริ่มดังมากขึ้น หัวใจเต้นรัวราวกับเพิ่งเคยทำอย่างนี้เป็นครั้งแรก ก็แน่ล่ะ อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกในรอบสามปี
เสียงที่อ่อนหวาน แววตาที่อบอุ่น รอยยิ้มที่หวานซึ้ง อ้อมกอดและกลิ่นกายที่ต้นโหยหามาตลอดอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น ต้นคงไม่ปล่อยให้ความสุขอย่างนี้หลุดมือไปอีกแล้ว ยังไงก็จะขอยอมสยบอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ที่ต้นรักหมดหัวใจไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้าจะตายก็ขอให้ต้นได้ตายตาหลับอยู่ในอ้อมกอดของสน ถึงตายไปแล้วก็คงได้ขึ้นสวรรค์
ต้นพยักหน้า ยิ้มอย่างเขินอาย รอรับรสจูบแสนหวานจากริมฝีปากของสนที่กำลังประทับลงมาอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา ต้นโอบกอดรอบคอสนไว้ ร่างกายที่เบียดกันแน่นจุดปะทุความต้องการให้ลุกโชนขึ้น คราวนี้ก็คงยากที่จะควบคุมเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
รสจูบที่แผ่วเบาเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้น มือไม้ของทั้งคู่เริ่มอยู่ไม่สุขเพื่อช่วยเพิ่มความเสียวกระสันรัญจวนใจ แต่ละคนห่างหายจากเรื่องอย่างนี้ไปนานแล้วจึงไวต่อสัมผัสจนเสียวซ่านแม้เพียงเนื้อตัวต้องกัน ต้นใช้มือดึงชายเสื้อของสนขึ้น สนต้องหยุดรสจูบดุดันนั้นไปสักพักด้วยความเสียดายแล้วยอมให้ต้นถอดเสื้อออกไปแต่โดยดี แล้วสนก็ถอดเสื้อของต้นออกบ้าง ความสุขที่มากยิ่งขึ้นกำลังจะตามมาอีกไม่ช้านี้แล้ว เมื่อท่อนบนที่เปลือยเปล่าได้สัมผัสกันต้นก็ถึงกับผวาและร้องครางอย่างสุขสม สนเปลี่ยนจุดจู่โจมจากริมฝีปากเป็นซอกคอและไล่ขึ้นไปจนถึงบริเวณหู ยิ่งทำให้ต้นเสียวกระสันจนต้องกอดสนแน่น
สนหยุดจู่โจมชั่วคราว แล้วก็พูดด้วยเสียงหอบกระเส่า
"กอดเราไว้อย่างนี้นะต้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนายกอดเราไว้นะ เราจะทำให้นายมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา กอดเราไว้ จับมือเราไว้ เราจะไปด้วยกันนะต้น"
ต้นพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม สนจะบอกให้ต้นทำอะไรต้นก็ยอมทั้งนั้น คนดีของต้น ต้นจะทำให้สนหายเจ็บ หายเศร้าและหายเหนื่อย ทดแทนให้กับความเสียสละและความพยายามที่ผู้ชายคนนี้ทำให้ต้นตลอดมา คืนนี้นอกจากสนจะทำให้ต้นมีความสุขแล้ว ต้นก็คงไม่ยอมแพ้เพราะต้นก็จะทำให้สนมีความสุขมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน เมื่อความรักและความต้องการมาอยู่ด้วยกันแล้ว จะมีความสุขหฤหรรษ์ใดบนโลกนี้เทียบเท่าได้อีกเล่า
เมื่อถึงพรุ่งนี้เช้า สนก็จะได้ตื่นมาหอมแก้มและบอกรักต้น เหมือนกับช่วงสิบวันนั้นที่ต้นกับสนเคยได้อยู่ด้วยกันอย่างคนรักเมื่อสามปีที่แล้ว สิบวันนั้นอาจจะสั้นไปสำหรับคนสองคนที่รักกัน แต่สิบวันนั้นนั่นเองที่ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจและตราตรึงอยู่ในความทรงจำของต้นและสนในยามที่ห่างไกลกัน สนบอกให้ต้นจำสิบวันที่ดีที่สุดนั้นไว้ ต้นก็จำไว้ไม่เคยลืม ถ้าไม่มีสิบวันนั้น ต้นกับสนก็อาจจะไม่เหลือเยื่อใยให้กลับมาหากันแล้ว ต้องขอบคุณสนที่ตัดสินใจยืดเวลาความสุขนั้น เพื่อให้สิบวันนั้นมีความหมายลึกซึ้งตรึงใจตราบชั่วชีวิต
"แม่พลอยครับ สบู่อาบน้ำเด็กอยู่ตรงไหนครับ ต้นหาไม่เจอ"
เสียงแรกของเช้าวันใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเสียงเรียกของต้นที่กำลังจะช่วยอาบน้ำให้ภูคาที่หลังบ้านนั่นเอง
"อาต้น น้ำเย็นป่าว" ภูคาถามพลางทำหน้าแหยๆ
"ไม่เย็นคับ ภูคาลองจับดูสิ อาต้นเอาน้ำอุ่นใส่ให้แล้ว"
ต้นบอกพลางเอามือแตะน้ำในกาละมังพลาสติกให้ดู ช่วงเดือนธันวาคมอากาศกำลังเย็น ถึงไม่หนาวมากแต่คนกลัวการอาบน้ำเย็นก็คงไม่ชอบนัก โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะอาจจะไม่สบายได้
ภูคาเอามือแตะๆ น้ำในกะละมังดู พอรู้ว่าน้ำอุ่นๆ ก็ยิ้มดีใจ วันนี้ต้นอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาต้มน้ำให้ภูคาอาบเป็นพิเศษ ส่วนสนกำลังอาบน้ำอยู่บนห้อง อีกไม่นานก็น่าจะแต่งตัวลงมาข้างล่าง
"อาต้นอาบน้ำกัน" ภูคาชวนอย่างตื่นเต้น
"เดี๋ยวอาต้นอาบทีหลังครับ ภูคาอาบก่อนนะ เห็นไหมน้ำกำลังอุ่นๆ น่าอาบเลย" ต้นทำเสียงตื่นเต้นบ้าง
"อยู่นี่ลูก พอดีแม่ลืมเอาไปเก็บในห้องน้ำเมื่อวาน" แม่พลอยบอกพลางเดินเอาขวดสบู่เหลวอาบน้ำของเด็กมาให้ต้น
"ขอบคุณครับแม่พลอย"
ต้นรับมาพร้อมกับยิ้ม แม่ของสนเองก็ยิ้มอย่างเอ็นดูที่เห็นต้นรักหลานของเธอมากขนาดนี้ จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในครัวต่อ อาหารเช้าของทุกคนกำลังจะพร้อมอีกในไม่ช้านี้แล้ว
พ่อของสนกำลังใช้สายยางรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน พอได้ยินเสียงหลานชายหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจก็หยุดชั่วคราวแล้วเดินมาดูที่หลังบ้าน เห็นต้นอาบน้ำให้ภูคาก็ยืนดูพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ภูคากระโดดเบาๆ หน่อยลูกเดี๋ยวอาต้นเปียก" พ่อของสนร้องเตือนหลานที่ตอนนี้กำลังกระโดดเล่นอย่างสนุกในกะละมังพลาสติก
"ปู่..." ภูคาหันไปเรียกผู้สูงวัยที่เพิ่งมายืนดู
"อาบน้ำกับอาต้นสนุกไหมลูก"
"สนุกคับปู่ ภูคาชอบอาต้น อาต้นใจดี"
คนเป็นปู่ยิ้มอย่างมีความสุข เห็นหลานและต้นเข้ากันได้ดีแล้วก็สบายใจและหมดห่วง
"พ่อสน...ภูคาอาบน้ำกับอาต้นคับ" ภูคาหันไปเรียกพ่อที่เพิ่งเดินยิ้มลงมาหา
สนเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มมีความสุข ถึงต้นจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่สนก็รักต้นอย่างคู่ชีวิต ความผูกพันที่ผ่านมานั้นทำให้ต้นเป็นมากกว่าเพื่อน เป็นมากกว่าแฟน เป็นมากกว่าคนรักกัน แต่ต้นคือคู่ชีวิตแท้ที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของสน ต่อให้สนแต่งงานกับผู้หญิงจริงๆ สนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสนจะได้คู่ชีวิตแท้ที่เข้ากันได้อย่างต้นหรือเปล่า
สนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็เดินไปถ่ายรูปต้นที่กำลังอาบน้ำให้ลูกชาย มีอยู่รูปหนึ่งที่สนขอให้พ่อถ่ายให้ สนจึงได้รูปสามคนที่มีต้นอยู่ด้านซ้าย ตรงกลางเป็นภูคาและขวาสุดเป็นสน สนโพสต์รูปนั้นขึ้นบนเฟสบุ๊คของตัวเองพร้อมกับข้อความที่ว่า
"นี่แหละ รักสุดท้ายของเราสามคน"มีเพื่อนๆ เข้ามากดไลค์กันอย่างล้นหลาม หลายๆ คนอวยพรให้ต้นกับสนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข บางคนก็ชมว่าลูกชายของสนหน้าตาน่ารักมาก สองหนุ่มอ่านแล้วก็ยิ้มมีความสุข
ต้นอาบน้ำแต่งตัวให้ภูคาเสร็จแล้วก็หาข้าวให้ภูคากิน ภูคาอายุสองขวบสามเดือนจึงเริ่มกินข้าวเองได้ ต้นจึงแค่ช่วยนั่งดูความเรียบร้อยก็พอ
"อาต้นกินข้าว" ภูคาร้องบอกต้นเมื่อเห็นต้นนั่งยิ้มดูอยู่
"อาต้นยังไม่หิว ภูคากินก่อนเลยคับ อ้าว...พ่อสนมาถ่ายรูปอีกแล้ว ภูคายิ้มหน่อยสิคับ"
ตั้งแต่มีลูกมา สนยังไม่เคยถ่ายรูปของลูกเยอะเท่าวันนี้เลย ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้คนเป็นพ่อกับแม่ยิ้มและน้ำตาซึมเลยทีเดียว สนเศร้าหมองและทำงานหนักมาหลายปีแล้ว แทบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะอย่างนี้เลย ถ้าพ่อของสนยังกีดกันต้นกับสนอยู่ ชีวิตของสนคงจะดำดิ่งยิ่งกว่านี้
สนนั่งลงข้างๆ ลูกชาย แล้วก็ถาม
"อร่อยไหมคับภูคา"
"อร่อยคับพ่อ พ่อสนกินข้าวยังคับ"
"ภูคากินก่อนเลย เดี๋ยวพ่อกินนะคับ ภูคาคนเก่งของพ่อ" สนลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ พร้อมกับยิ้มเอ็นดู
เมื่อจัดการอาหารเช้าของภูคาแล้ว ย่าก็พาภูคาไปเล่นหน้าบ้าน ปล่อยให้ต้นกับสนกินข้าวด้วยกันสองคนก่อนจะออกไปทำงาน
"เป็นไงมั่งต้นเมื่อคืน หลับสบายไหม...ได้กลับมานอนห้องเราอีกครั้ง" สนถามยิ้มๆ แล้วก็ตักข้าวกิน
"สบายมากเลย" ต้นก้มหน้าพร้อมกับยิ้มเขิน
"เราก็หลับสบาย ไม่เคยหลับสบายอย่างนี้มานานแล้ว แถมมีความสุขอีกต่างหาก นายมีความสุขหรือเปล่าต้น"
ต้นพยักหน้า เขินจนต้องตักข้าวกินแก้เขิน
"เอ...วันนี้เราจะแนะนำนายกับคนที่ร้านอาหารยังไงดีนะ ไม่ใช่เพื่อนแน่นอน แต่ก็อยู่กันแบบเพื่อนได้ ไม่ใช่แค่แฟน แต่ก็เป็นแฟนได้ ไม่ใช่แค่คนรัก แต่ก็เป็นคนรักได้ เอายังไงดีล่ะต้น นายช่วยเราคิดหน่อยสิ เราคิดมาหลายวันแล้ว"
"อืม...เรียกแฟนไปก่อนก็ได้มั้ง เอาไว้ให้เราแต่งงานกันก่อนค่อยเรียกอย่างอื่น ว่าแต่นาย...กล้าบอกคนอื่นๆ หรือเปล่าล่ะ ถ้านายไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งก็ได้นะ เราเข้าใจ"
"เขาสงสัยกันไปทั้งร้านตั้งแต่วันที่นายไปหาเราที่ร้านแล้ว ถ้าบอกเป็นอย่างอื่นไม่มีใครเขาเชื่อหรอก บอกว่าเป็นแฟนนั่นแหละดีที่สุด งั้นเราแนะนำว่านายเป็นแฟนเราละกันนะ"
ต้นพยักหน้าเห็นด้วย
"ต้น...แฟนสนครับ" สนฝึกพูดแล้วก็หัวเราะ
"อ้อ...เรื่องแต่งงาน เดี๋ยวเราจะบอกพ่อกับแม่ให้ช่วยไปดูฤกษ์ให้ ถ้าเป็นไปได้...เราอยากหมั้นกับแต่งวันเดียวกันเลย ดีไหมต้น เดี๋ยวนายเปลี่ยนใจถอนหมั้นเราไง ต้องมัดมือชกไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องรอนานด้วย เราไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว"
"ใจร้อนจัง" ต้นว่าพลางขำ
"แน่อยู่แล้ว มีแฟนน่ารักอย่างเนี้ย...จะให้เราทนนอนคนเดียวได้ยังไงล่ะ เราก็อยากนอนกับแฟนเราดิ นายไม่อยากนอนกับแฟนนายเหรอ อุ่นดีนะ"
"อยากสิครับคุณแฟน" ต้นทำเสียงล้อเลียน
"เอ...ถ้าเราแต่งงานกันแล้วเราเรียกนายว่าภรรมีดีไหม"
ต้นขมวดคิ้ว "ภรรมีคืออะไร"
"ก็...ภรรยาผสมกับสามีไง ก็เลยเป็นภรรมี ดีไหมต้น"
ต้นส่ายหน้าไวๆ ทันที "ไม่เอา อะไรก็ไม่รู้"
เห็นต้นทำหน้าแหยอย่างนั้นสนก็เลยหัวเราะ
"โอเค เดี๋ยวหาคำใหม่ก็ได้ อ้อ...แต่งงานเสร็จแล้วเราก็ไปฮันนี่มูนกันนะ เราอยากไปอังกฤษ นายคงจำได้นะว่าเราเคยวางแผนว่าจะไปหานายที่อังกฤษทุกปี ไปอยู่ดูแลนายสักเดือน แต่ก็ไม่ได้ไปเลย เราไปเที่ยวอังกฤษกันนะต้น"
ต้นพยักหน้า
"อ้อ...วันแต่งงานของเรา เราว่าจะใส่ชุดไทยภาคกลาง แล้วนายก็ใส่ชุดไทยภาคเหนือดีไหม เราอยากเห็นนายเป็นอ้ายบ่าวล้านนาอีก นายดูหล่อมากเลยนะเวลาใส่ชุดนี้ เราชอบ" ต้นยิ้มเพื่อบอกว่าเขาชอบจริงๆ พร้อมกับนึกถึงภาพตอนที่ไปเที่ยวกับสนที่น่านเมื่อสามปีที่แล้วไปด้วย
สนพยักหน้าพลางยิ้มก่อนจะลูบผมต้นเล่นเบาๆ นานแค่ไหนแล้วที่สนไม่ได้แสดงความรักกับต้นอย่างนี้ ไม่มีใครกล้าเล่นกับศีรษะของต้นเหมือนสนหรอก มีแต่สนคนเดียวเท่านั้นที่ต้นยอมให้ทำอย่างนี้ได้
"พรุ่งนี้เราเปลี่ยนไปนอนที่บ้านของนายบ้างนะต้น เดี๋ยวพ่อแอ๊ดกับแม่เยาจะน้อยใจ"
ต้นพยักหน้าเห็นด้วยกับสนแล้วก็ยิ้ม
กินข้าวเสร็จแล้วสนกับต้นก็มาขึ้นรถ ปู่กับย่าอุ้มภูคาออกมาโบกมือบ๊ายบายด้วย ต้นกับสนโบกมือให้เด็กน้อยที่ยิ้มให้อย่างมีความสุขแล้วก็ขับรถออกไปอย่างช้าๆ ตุ๊กตาหน้ารถคนเดิมที่สนรอคอยกลับมานั่งที่เดิมเสียที ชีวิตของสนไม่เหงาอีกแล้วเมื่อมีต้นมาอยู่ด้วย
สนมองกระจกหลังเห็นสะพานเหล็กเยื้องๆ กับหน้าบ้านต้นอยู่ไม่ไกลนัก ไว้โอกาสเหมาะๆ สนจะกลับมานั่งคุยกับต้นที่นี่อีกครั้ง พอรถวิ่งผ่านมาถึงโรงเรียนเก่า สนกับต้นก็หันมายิ้มให้กันราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เอาไว้ว่างๆ สนจะมาเล่นเตะบอลที่นี่แล้วให้ต้นกับภูคามานั่งดูด้วยกัน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
แม้ว่าความรักของต้นกับสนจะใช้เวลานานถึงสิบสามปีกว่าจะสมหวัง มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อทดสอบความรักของคนสองคน จังหวะชีวิตก็คลาดเคลื่อนหลายครั้งจนทำให้พลาดสิ่งที่หวังจนเกือบท้อใจ แต่วันนี้ต้นกับสนก็ได้ของขวัญที่ล้ำค่ามาทดแทนความเหนื่อยยากในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ แล้ว ทั้งคู่ได้ความเข้าใจจากพ่อกับแม่ที่ประเสริฐยิ่ง ได้ภูคามาช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป ที่สำคัญที่สุด ต้นกับสนได้ความรักที่แสนรักคืนกลับมาราวกับปาฏิหาริย์
"ถ้าเราสัมภาษณ์งานไม่ผ่าน เราขอไปช่วยนายทำงานที่ร้านนะสน"
"เอาสิ แต่อย่างนายเราว่าผ่านอยู่แล้ว หรือนายจะอยู่เลี้ยงภูคาที่บ้านก็ดีนะ ต้นคนเดียว...สนเลี้ยงได้"
"เหรอ...แต่ทำงานด้วยก็ดีนะ นายสอนเราทำธุรกิจอสังหาหน่อยสิ เผื่อเราจะช่วยนายทำได้มั่ง"
"ได้ๆ เดี๋ยวเราจะสอนให้นะ ไม่ยากหรอก เชื่อมือสนสิ สนทำมาหมดแล้ว"
"ครับ สนคนเก่งของต้น ต้นเชื่อใจสนอยู่แล้ว"
ต้นกับสนหันมายิ้มและหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข ปาฏิหาริย์รักที่รอคอยของต้นกับสนสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้ไป วิถีชีวิตของคนทั้งคู่ก็คงจะดำเนินไปตามครรลองของคนทั่วไป อาจมีคนมองด้วยความไม่เข้าใจบ้าง แต่ขอแค่ให้คนในครอบครัวเข้าใจ แค่นี้ก็เพียงพอให้ต้นกับสนมีชีวิตอยู่สู้ต่อไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี
ความรักเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับมนุษย์ทุกคนก็จริง แต่การจะได้ของขวัญชิ้นนี้มาก็ต้องแลกกับความพยายามที่มากพอเพื่อให้สมคุณค่ากัน ต้นกับสนได้พิสูจน์ให้ฟ้าดินเห็นแล้ว ทั้งสองคนจึงได้กลับมารักกันและอยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ที่สองคนเคยเติบโตและผูกพันกันอีกครั้งอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์อ่านจบแล้วช่วยคอมเมนต์ด้วยครับ อยากรู้ว่าอ่านจนจบแล้วเป็นไงบ้าง