ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง
หากเอ่ยถึงงานลอยกระทงหลายๆ คนคงคิดถึงกระทงใบตองประดับประดาด้วยดอกไม้ต่างๆ นานาปักธูปปักเทียนไว้ตรงกลางส่องแสงสว่างไสวเรืองรองล่องลอยไปตามกระแสน้ำเกิดเป็นภาพวิจิตรงดงามตระการตา อาจจะคิดถึงการขอขมาพระแม่คงคาที่เราได้ล่วงเกินท่านด้วยการกระทำต่างๆ คิดถึงนางนพมาศสาวสวยบนเวทีประกวด …แต่สำหรับผมทุกครั้งที่พูดถึงงานลอยกระทง ผมมักจะนึกถึงเจ้าแฝดตัวอ้วนกลม ไอ้เด็กเปรตที่มักจะทำลายบรรยากาศดีๆ อยู่เรื่อยเลย
ลอยกระทงด้วยกันครั้งแรก : เด็กมากอ่ะ จำไม่ค่อยได้ ข้ามไปละกัน
ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่สอง : ผมป.2 ไอ้แฝด อ.3
หลังจากกล่าวคำขอขมาตามที่แม่สอนแล้วผมก็ค่อยๆ วางกระทงลงบนผิวน้ำ แม่และผมช่วยกันใช้มือพุ้ยน้ำส่งให้กระทงเคลื่อนออกไปจากท่า ถัดจากพวกเราไปคืออาแอ๋มกับอาสินธุ์ที่จับเด็กแฝดไว้คนละคนแล้วสอนให้กล่าวขอขมาตาม แต่ดูเหมือนเจ้าก้อนเนื้อสองก้อนนั่นจะไม่ได้สนใจฟังพ่อแม่ตัวเองเท่าไหร่นัก ปากกระจับนั่นพูดตามทุกคำ แต่ตามองไปที่กระทงที่ผมเพิ่งลอยกับแม่ไปตาไม่กะพริบ
ผมเดินตามกระทงตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างลุ้นว่ามันจะลอยไปถึงไหน โดยมีแม่และพ่อที่อุ้มทามอยู่เดินตามประกบอย่างใกล้ชิด สักพักก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นมาจากด้านหลังประสานเสียงกันมาเลย พอหันไปดูก็เห็นเจ้าก้อนเนื้อยืนเงยหน้าร้องไห้จ้า แม่รีบเดินกลับไปดู ทิ้งผมไว้กับพ่อและทาม ได้เรื่องว่ากระทงของครอบครัวนั้นอยู่ๆ ก็คว่ำ เจ้าแฝดก็เลยร้องไห้เสียอกเสียใจยกใหญ่ พอบอกว่าจะซื้อให้ใหม่ก็ไม่ยอม จะเอาแต่ไอ้อันที่มันคว่ำไปแล้วเท่านั้น
พ่อจูงมือผมเดินกลับไปหาเจ้าก้อนเนื้อคู่ที่ไม่หยุดร้องสักทีไม่ว่าอาแอ๋มกับอาสินธุ์จะทั้งขู่ทั้งปลอบแค่ไหน ผมมองหน้ากลมๆ ที่เปื้อนน้ำมูกน้ำตาเต็มไปหมดอย่างขยะแขยง หน้าตาก็น่าเกลียด เสียงร้องยังแสบแก้วหูอีก หมดกันบรรยากาศดีๆ เพราะเจ้าพวกนี้แท้ๆ เลย!
จำได้ว่าตอนนั้นผมพูดว่า ‘หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะเจ้าหมูตอน!’ ได้ผลชะงัดอย่างน่าทึ่ง มันสองคนหยุดร้องทันที แต่เปลี่ยนจากเสียใจมาเป็นโกรธผมแทน มันสองตัวสลัดหลุดจากแขนพวกผู้ใหญ่วิ่งดุ๊กๆ เข้าไปในพงหญ้าแล้วออกมาพร้อมกับก้อนอิฐหนอนแตกๆ คนละก้อน พวกเราพยายามวิ่งตามแต่สองคนนั้นวิ่งเร็วอย่างกับใช้กลิ้งเอา พอเห็นกระทงของผมที่ปักธงสีแดงไว้สองอันอย่างสะดุดตาพวกมันก็ปาอิฐหนอนใส่ทันที แม่นเหมือนจับวาง กระทงของผมเอียงกะเท่เร่ก่อนจะพลิกคว่ำไปในที่สุด
รู้สึกเหมือนหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมวิ่งเข้าไปทุบพวกมันตุ้บตั้บอย่างโกรธแค้นจนพ่อแม่ต้องรีบมาแยกพวกเราออกจากกัน วันนั้นการลอยกระทงของพวกเราสองครอบครัวล่มไม่เป็นท่า กลับบ้านมายังโดนตีอีกด้วย เป็นวันลอยกระทงที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย…
ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 3 : ผม ป.3 ไอ้แฝด ป.1
ในมือของผมคือกระทงกระดาษที่ครูสอนพับในห้องเรียน เจ้าก้อนเนื้อร่างพัฒนาเป็นไส้กรอกอีสาน (คือไม่อ้วนแล้ว) มองสิ่งที่อยู่ในมือผมอย่างประหลาดใจ
‘พี่ที อย่างนี้โดนน้ำมันก็เปื่อยหมดน่ะสิ’
‘มันเป็นกระดาษแข็ง ไม่เปื่อยทันทีหรอก นี่เค้าเรียกกระทงลดโลกร้อนไม่รู้จักหรอ’
‘ไม่มีอันที่สวยกว่านี้แล้วหรอ’
‘พูดอย่างนี้หมายความว่าไง’
‘ก็ป่าว…เห็นมันดูเบี้ยวๆ เหมือนก้อนกะหล่ำมากกว่ากระทงอ่ะ’
‘อ๊ะ! จริงด้วย! ฮ่าๆ ๆ ๆ ใช้กระดาษสีเขียวยิ่งเหมือนกะหล่ำเข้าไปใหญ่เลย!’
‘พี่เฟิร์สๆ พี่ทีจะเอากะหล่ำไปลอยแทนกระทงล่ะ! มาดูสิๆ ๆ ’
หลังจากนั้นพี่เฟิร์สก็เดินมาจากหน้าบ้านตามเสียงเรียกของเจ้าแฝดก่อนจะมองสิ่งที่อยู่ในมือของผมอย่างพิจารณา
‘นี่อ่ะนะกะหล่ำ มองยังไงก็กระทงชัดๆ ’
‘เห็นมั้ย!! แฝดน่ะตาไม่ถึง สู้พี่เฟิร์สก็ไม่ได้’ ผมรีบเกทับทันทีเมื่อได้พี่เฟิร์สมาเป็นพวก เจ้าแฝดทำท่าฮึดฮัดหงุดหงิดที่พี่ชายตัวเองไม่เข้าข้าง ในที่สุดพวกมันก็สะบัดตูดหนีเข้าครัวไปหาของกิน
พี่เฟิร์สหันมายิ้มให้ผม บอกว่าอย่าไปถือสาเจ้าแฝด ผมยิ้มรับ รู้สึกนับถือพี่แกขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์
ระหว่างที่รอพวกพ่อแม่เตรียมตัวผมก็ขึ้นไปนอนรอบนห้อง เมื่อได้ยินเสียงกริ่งเรียกจึงเดินลงมาด้านล่าง ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนไป แต่พอกำลังจะเดินไปหลังบ้านก็ได้ยินเสียงพี่เฟิร์สดังมาแว่วๆ ผมจึงหยุดฟัง
‘ภู คราม ต่อไปห้ามพูดจาแบบนั้นอีกนะ ถึงมันจะเหมือนกะหล่ำมากกว่ากระทงจริงๆ ก็เถอะ แต่พี่ทีเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำ ห้ามไปล้อเลียนเขานะรู้ไหม’
‘เอ้า ก็มันเหมือนจริงๆ นี่ จะให้โกหกได้ไง’
‘บางครั้งก็ต้องรู้จักถนอมน้ำใจบ้างโว้ยยย เข้าใจรึเปล่า เอาใหม่ งั้นสมมติแม่ทำเค้กวันเกิดมาให้แล้วมันดันไม่อร่อยต้องพูดว่า?’
‘แหวะ!! /แหวะ!!’
‘อร่อยสิเห้ย! เจ้าพวกนี้หนิ’
‘โอ๊ย! เขกหัวภูทำไม/โอ๊ย! เขกหัวครามทำไม’
‘ก็สอนไม่รู้จักจำไง เอาใหม่…สมมติทีซื้อเสื้อมาใส่…’
‘หล่อจังเล้ย!! / หล่อจังเล้ย!!’
‘เออ มันต้องอย่างนั้น แหมหัวไวใช้ได้นะเรา เหมือนพี่มันไม่มีผิด’
ผมทนฟังความปัญญาอ่อนของสามคนนั้นไม่ไหวอีกต่อไป ไม่แปลกใจที่ไอ้แฝดมันจะดูขาดๆ เกินๆ ตรรกะบิดๆ เบี้ยวๆ … แบบอย่างมีให้เห็นไม่ไกลตัวเลย
ขอเอาเปอร์เซ็นต์ความเคารพคืนละกันนะพี่เฟิร์ส=_=’ ’
ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 4 : ผม ป.5 ไอ้แฝด ป.3
‘พี่ทีๆ ดูดิมีคนพายเรือด้วย ครามอยากพายมั่งอ่ะ’ ฟ้าครามเขย่าแขนผมพลางชี้ชวนให้หันไปมองในแม่น้ำที่มีเด็กสองสามคนนั่งอยู่บนแพพลาสติกคนละอัน บางคนก็มีเรือพลาสติก กำลังใช้ทั้งมือใช้ทั้งไม้ช่วยกันพายท่ามกลางกระทงที่อยู่ล้อมรอบตัว
‘เฮ้ย! นั่นกระทงบ้านภูนี่!’ ภูผาโวยวายเมื่อเห็นกระทงที่ตัวเองเสริมออฟชั่นด้วยตุ๊กตาไดโนเสาร์พลาสติกยืนล้อมธูปเทียนสี่ทิศทิศละตัวกำลังถูกหนึ่งในเด็กเหล่านั้นหยิบขึ้นมา จับคว่ำลงแล้วเขย่าๆ ๆ ดอกมงดอกไม้ ไดโนเสาร์ร่วงกราวลงมาหมด ภูผากับฟ้าครามร้องโวยวายตะโกนว่าจนคนหันมามองยกใหญ่แม่กับอาแอ๋มจึงต้องรีบเข้าไปกอบกู้สถานการณ์
‘พ่อครับพวกเค้าทำแบบนั้นทำไมหรอครับ?’ ผมหันไปกระตุกเสื้อถามพ่อที่ยืนคุยกับอาสินธุ์อยู่
‘อ๋อ หาเหรียญที่คนเค้าใส่ในกระทงน่ะลูก’
‘ต้องใส่ด้วยหรอครับ แล้วทำไมพวกเราไม่ใส่ล่ะ’ ผมถามอย่างงุนงง
‘ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ครับ ที่บางคนเค้าใส่เพราะเขาเชื่อว่าเป็นการทำบุญครับ’ พ่อตอบเสียงนุ่ม
‘ทำบุญให้เด็กพวกนั้นน่ะหรอครับ’ ผมชี้ไปยังพวกเด็กที่อยู่บนโฟม
‘ฮ่าๆ ๆ จะคิดอย่างนั้นก็ได้เหมือนกันนะ แต่พ่อว่าจริงๆ คนเขาคงใส่เพื่อทำบุญกับพระแม่คงคามากกว่า แต่ลูกไม่ต้องใส่หรอกนะ แค่ใช้น้ำอย่างประหยัดรู้คุณค่า ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำก็ถือว่าเป็นการทำบุญกับพระแม่คงคาแล้วล่ะ ใส่เหรียญไปก็จมลงน้ำ เพิ่มขยะ แถมยังเอาเงินไปทิ้งน้ำอีกลูกว่าจริงมั้ย’
ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะมองไปยังแม่กับอาแอ๋มที่พยายามปลอบใจเจ้าแฝดที่เหมือนจะเริ่มสงบลงแล้วด้วยไอศกรีม พอแม่ยื่นไอศกรีมให้สองคนนั้นปุ๊บ แทนที่มันสองตัวจะเอาเข้าปากกลับหันหลังไปทางแม่น้ำแล้วปาใส่พวกเด็กหาเหรียญแทน โดนเข้าจังๆ ไปเลยสองคน พวกผู้ใหญ่ตกใจอ้าปากค้าง ผมเองก็ด้วย คนรอบข้างหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว เจ้าแฝดยังไม่สะดุ้งสะเทือนมีการหันมาแปะมือกันแล้วหัวเราะสะอกสะใจอีก พี่เฟิร์สกลอกตามองบนก่อนจะจูงมือทามเดินไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้จัก
สุดท้ายอาแอ๋มก็ให้ค่าทำขวัญเด็กพวกนั้นไปคนละร้อยก่อนจะรีบลากเจ้าสองตัวนั่นขึ้นรถทันที ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าสองคนนั้นโดนเทศนาหูชาแค่ไหน แถมยังโดนอาสินธุ์ตีต่อหน้าพวกผมอีกต่างหาก แต่พอลับหลังอาสินธุ์มันสองตัวก็หันหน้ามาทางผมที่หนังเบาะหลังกับทามและพี่เฟิร์สก่อนจะยักคิ้วทำหน้าประมาณว่าไม่สะทกสะท้าน…เห็นแล้วหมั่นไส้เป็นบ้า อยากถ่ายรูปแล้วฟ้องอาสินธุ์จังว่ามันสองตัวไม่ได้สำนึกเลยสักนิด!
ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 5 : ผม ม.1 ไอ้แฝด ป.5
‘พ่อคร้าบบ ภูกับครามขอกระทงคนละอันได้มั้ยอ่ะ ไม่เอากระทงอันเดียวลอยทั้งบ้านละนะ ไม่มัน’ คุณสินธุ์มองลูกชายฝาแฝดอย่างงงๆ แม้จะสงสัยว่าลอยกระทงมันมีอะไรให้มันแต่ก็ยอมให้ทั้งสองเลือกกระทงไปคนละใบแต่โดยดี ทามเห็นแบบนั้นก็อยากเอาบ้าง พ่อเลยยอมให้ผมกับทามมีกระทงคนละอัน
พอไปถึงท่าน้ำผมนั่งลงยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากก่อนจะกล่าวคำขอขมาในใจ
‘ขอให้ได้เกรดสี่ทุกวิชา ขอให้พ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดให้ ขอให้พรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน ขอให้…’
‘ขอให้แม่เลิกบังคับให้กินถั่วลันเตา ขอให้ครามหล่อวันหล่อคืน ขอให้ปีนี้ได้ไปทัศนศึกษาที่สวนสนุก ขอให้…’
ภูผากับฟ้าครามมานั่งขนาบข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมยังพูดอธิษฐานออกเสียงซะดังอีก รู้สึกมันจะผิดวัตถุประสงค์ไปรึเปล่า เขาให้มาขอขมานะไม่ใช่มาขอนู่นขอนี่=.=
‘เฮ้ย อธิษฐานเบาๆ หน่อย ไม่อยากรู้’ ผมกระซิบบอกสองคนนั้น อันที่จริงผมอธิษฐานขอขมาเสร็จแล้วเตรียมจะลอยแล้วด้วย แต่พอมองภูผากับฟ้าครามที่นั่งขนาบข้างแล้วก็ต้องยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากอีกรอบ
‘พระแม่คงคาครับ นอกจากจะช่วยพัดพาทุกข์โศกโรคภัยของผมให้ไปกับน้ำแล้ว ช่วยพัดไอ้สองคนที่นั่งขนาบข้างผมอยู่นี่ออกไปไกลๆ จากชีวิตผมด้วยเถอะนะครับ’
หากพระแม่คงคาฟังอยู่ ท่านก็คงสับสนว่าจะให้พรอย่างไรดี เพราะคำอธิษฐานสุดท้ายที่ภูผาและฟ้าครามอธิษฐานในใจนั่นก็คือ
‘ขอให้ได้ลอยกระทงกับพี่ทีทุกๆ ปีและขอให้ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป’
‘พี่ทีๆ ’
‘อะไร’
‘เรามาพนันกันมั้ยว่ากระทงของใครจะลอยไปถึงหน้าวัดนั่นก่อนกัน’ ฟ้าครามชี้ไปยังวัดริมน้ำที่อยู่ห่างจากจุดที่พวกเขากำลังยืนไปประมาณ100เมตรได้
‘ไม่เอา ไม่เล่น บาปกรรม’
‘ขี้ขลาด’ ผมพยักหน้ารับ
‘ตาขาว’ ผมพยักหน้ารับอีก ก่อนจะเดินเรียกพ่อให้มาช่วยประคองตอนปล่อยกระทงเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตกน้ำตามที่พ่อแม่สั่งไว้ว่าจะลอยเมื่อไหร่ให้เรียก
กระทงสองอีกสองใบที่ปล่อยตามลงมาติดๆ ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างตกใจที่เห็นแบงค์ร้อยมัดหนังยางติดกับก้านธูปไว้อย่างโดดเด่น โคตรจะล่อตาล่อใจเด็กเก็บเหรียญเลย พวกมันคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย!?
‘นั่นแบงก์ปลอมหรือแบงก์กาโม่? ‘ผมอดไม่ได้ที่จะถาม
‘ทายสิ ฮ่าๆ ๆ ‘ภูผากับฟ้าครามหัวเราะคิกคักด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
‘กาโม่แน่อยู่แล้ว’ ผมตอบอย่างมั่นใจ สองคนนี้คงกะหลอกให้พวกเด็กเก็บเหรียญมาเก็บแล้วก็ต้องผิดหวังที่โดนแบงก์กาโม่หลอกเอาสินะ สงสัยยังแค้นเรื่องเมื่อปีก่อนไม่หายแน่ๆ
‘ระดับภูกับครามไม่ใช้แบงก์ปลอมหรอก หึ!’ มันกอดอกเชิดหน้า เห็นแล้วหมั่นไส้เป็นบ้า
‘อย่างพวกเราเนี่ยนะจะกล้าใช้แบงก์จริง ไม่อยากจะเชื่อ’
‘ก็คอยดูละกัน’
‘มาแล้วๆ ’ พวกเราสามคนเงียบเสียงลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ภูผากับฟ้าครามทำเป็นคุยกันแต่ก็แอบเหลือบมองไปทางกระทงของตัวเอง ผมก็ทำเป็นชมนกชมไม้แต่ก็แอบมองไปด้วยตลอดอย่างลุ้นระทึก (เพื่อ?) ขณะที่เด็กคนนึงกำลังจะคว้ากระทงของฟ้าครามจู่ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องขยี้ตาเพราะนึกว่าตัวเองตาฝาดก็เกิดขึ้น!
กระทงลอยหนีมือเด็กคนนั้นครับ ไม่ใช่ลอยตามน้ำด้วยนะ ลอย-ทวน-น้ำ!
เฮ้ยยยยย!! กระทงอะไรของมันวะเนี่ย!!!
เหลือบไปเห็นกระทงอีกใบของภูผาก็กำลังจะโดนเก็บขึ้นมาเหมือนกัน แล้วกระทงใบนั้นก็ลอยหนีมือเหมือนกับรู้ว่าตัวเองจะโดนจับ
ภูผากับฟ้าครามเริ่มออกเดินกันไปคนละทิศคนละทาง กระทงที่อยู่ไกลออกไปก็ลอยไปตามทิศที่สองคนนั้นเดินไปด้วย พวกเด็กเก็บเหรียญก็เอามือพุ้ยน้ำพยายามไล่ตามกระทงอย่างเอาเป็นเอาตาย พอสองคนนั้นหยุดเดินกระทงก็ไม่เคลื่อนไหวเร็วๆ อีก เพียงแค่ไหลไปตามกระแสน้ำช้าๆ เด็กคนนึงพายมาจนถึงกระทงของภูผาก่อนจะเอื้อมมือคว้าอีกครั้ง ผมมองแล้วแอบลุ้นอยู่ในใจ จะคว้าได้มั้ยๆ ๆ!
กระทงลอยพ้นเงื้อมมือเด็กคนนั้นไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง ผมเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าที่นิ้วก้อยของภูผามีด้ายสีดำเส้นเล็กๆ ที่กลืนไปกับผิวน้ำยามค่ำคืนผูกอยู่ ทุกครั้งที่ภูผากระดิกนิ้ว กระตุกแขน หรือเดิน กระทงก็จะมีปฏิกิริยาไปด้วย
ชัดเลย! พวกมันผูกด้ายไว้กับกระทง!
หนอยยย แล้วมีหน้ามาท้าแข่งว่ากระทงใครลอยถึงหน้าวัดก่อนกัน ต่อให้ผมดวงดียังไงก็ไม่ชนะเส้นด้ายที่นิ้วพวกมันอยู่ดี เจ้าเล่ห์นักนะภูผาฟ้าคราม! ดีที่ผมไม่เล่นด้วย ไม่งั้นก็มีแต่จะแพ้เท่านั้นแหละ
พอเล่นจนชักจะเบื่อสองคนนั้นก็กลับมายืนข้างๆ ผมแล้วใช้มือสาวด้ายกลับ กระทงสองใบแหวกกระแสน้ำกลับมาที่ท่าอีกครั้งท่ามกลางสายตาของพวกเด็กเก็บเหรียญและคนอื่นๆ ที่มาลอยกระทง สองแฝดก้มลงยกกระทงขึ้นมา แกะแบงก์ออกจากก้านธูป สะบัดๆ ก่อนจะคลี่ออก
“ก็บอกแล้วว่าแบงค์จริง J”
ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 6 : ผม ม.5 ไอ้แฝด ม.3
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาแฟนสาวมาแนะนำให้คนที่บ้านรู้จัก ผมหันไปมองร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อยแต่เมื่อผมเอื้อมไปกุมมือเธอ เธอก็เผยรอยยิ้มน่ารักให้กับผม
“ป่ะ เข้าบ้านกันครับเมลล์ ” ผมกระชับมือนุ่มๆ ในฝ่ามือแน่นขึ้นเป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
เมลล์แฟนสาวของผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพ่อกับแม่ที่ดูจะเห่อแฟนคนแรกของผมเอาซะมากๆ เมลล์เป็นรุ่นพี่ชมรมเดียวกับทามด้วยทำให้สองสาวคุยกันอย่างถูกคอ อาการเกร็งๆ ในตอนแรกของเมล์จึงค่อยๆ หายไป
“แล้วนี่ไปพาลูกสาวเขามา ได้ขอพ่อแม่หนูเมลล์เขาหรือยังเจ้าที” แม่หันมาถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ ทีบอกว่าจะขอพาเมลล์มาลอยกระทงกับบ้านเราแล้วจะพาไปส่งบ้านก่อนทุ่มครึ่งพ่อแม่เมลล์ก็เลยอนุญาตครับ”
“โหยย พี่เมลล์ กระทงนี่พี่ทำเองหรอคะ สวยมากเลยอ่ะ!”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะน้องทาม พี่แค่มือสมัครเล่นเท่านั้นเอง”
“มือสมัครเล่นที่ชนะประกวดกระทงน่ะครับ …ขนาดมือสมัครเล่นนะเนี่ย” ผมแซวขำๆ เมลล์เขินหน้าแดงเอามือเล็กๆ ของเธอตีไหล่ผมเบาๆ แก้เขิน
“ทีอ่ะ…เราไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นจริงๆ นะ”
“จ้ะๆ ไม่เก่งก็ไม่เก่ง ฮะๆ ๆ ๆ ” แม่หัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วชื่นชมกระทงที่เมลล์เป็นคนทำไม่ขาดปากพลางเรียกให้พ่อมาดูด้วย บรรยากาศที่ทุกคนเข้ากับแฟนผมได้เป็นอย่างดีทำให้ผมเบาใจ แวบหนึ่งเราเผลอสบตากัน ผมยิ้มให้เธอ เธอก็ยิ้มตอบผมอย่างเขินอาย ผมมองออกว่าเธอดูโล่งใจและมีความสุขที่คนในบ้านผมให้การต้อนรับ
ติ๊งหน่องงงงง ติ๊งหน่องงงง
“เดี๋ยวทีไปเปิดให้” ผมขยับจะลุกขึ้น แต่พ่อดันให้ผมนั่งลงยิ้มๆ บอกให้นั่งเป็นเพื่อนเมลล์ พ่อจะเป็นคนไปเปิดให้เอง
ภูผาฟ้าครามพร้อมด้วยอาสินธุ์กับอาแอ๋มเดินเข้ามาในบ้าน วันนี้ขาดพี่เฟิร์สเพราะพี่แกไปลอยกระทงกับแฟนสองคน
“อาสินธุ์ อาแอ๋ม นี่เมลล์..แฟนทีครับ^^”
“ไหว้พระเถอะจ้ะหนู หน้าตาน่ารักจังเลย ไหว้ก็สวย คบกันมานานหรือยังจ๊ะ”
“สี่เดือนแล้วครับอาแอ๋ม” ผมตอบแทนเมลล์ที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างๆ
“อายุเท่าทีงั้นก็เป็นพี่เจ้าแฝดน่ะสิ…ภูผาฟ้าคราม สวัสดีพี่เมลล์หรือยังลูก เอ๊ะ! ตั้งแต่มาเรายังไม่ทักทายพี่ทีเลยนะ”
ผมหันไปมองภูผากับฟ้าครามที่วันนี้ดูแปลกกว่าปกติคือทำหน้านิ่งๆ ไม่พูดมากเหมือนเคย นี่ถ้าอาแอ๋มไม่พูดขึ้นมาผมคงไม่สังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของเจ้าพวกนั้น เพราะมัวแต่สนใจแฟนตัวเองอยู่ กลัวเธอจะทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับญาติๆ ของผม
“หวัดดีครับพี่เมลล์ / หวัดดีครับพี่เมลล์”
“นี่ภูผา ส่วนนี่ฟ้าคราม ลูกพี่ลูกน้องเราเอง” ผมแนะนำสองแฝดให้เมลล์รู้จัก เธอมองภูผาและฟ้าครามก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน
“หล่อทั้งคู่เลย หน้าตาเหมือนกันจนแยกไม่ออกเลยนะว่าคนไหนเป็นคนไหน”
“พี่ก็สวยมากครับ เหมาะกับพี่ทีมากๆ เลย” ฟ้าครามยิ้มกว้างท่าทางเป็นมิตรกับเมลล์มากขึ้น
ในขณะที่พวกผู้ใหญ่สนทนากันห่างออกไปอีกโต๊ะ ภูผาก็โน้มตัวมาทางผมกับเมลล์แล้วว่า
“เหมาะกันอย่างกับผีเน่ากับโลงผุเลยครับ^^” ภูผากลับไปนั่งข้างฟ้าครามอย่างเดิม ผม ทาม และเมลล์เบิกตากว้าง
“ไม่ใช่แล้วมึง ชอบพูดผิดประจำเลยนะ ต้องกิ่งทองใบหยกสิ โทษทีนะครับพี่เมลล์ ไอ้ภูมันตกภาษาไทยน่ะ ฮ่าๆ ๆ ไม่โกรธพวกเรานะครัช”
“จะ…จ้ะ^^; น้องทีนี่มีอารมณ์ขันดีเนอะ”
ผมมองหน้าภูผาฟ้าครามอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้นี่ไม่เข้าท่าเลยจริงๆ เล่นอะไรไม่รู้กาลเทศะ ถึงเมลล์จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ผมก็ดูออกว่าเธอรู้สึกอึดอัดใจและเริ่มวิตกกังวล
ปีนี้ผมไม่ได้ใช้กระทงร่วมกับครอบครัวหรือมีกระทงเป็นของตัวเอง แต่ใช้กระทงร่วมกับเมลล์ แฟนสาวสุดเรียบร้อยน่ารักของผม เราเดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อมาลอยกันสองคนท่ามกลางสายตาที่ฉายแววยิ้มๆ ของพวกผู้ใหญ่
“ทีอธิษฐานอะไรหรอ?” เมลล์เอียงคอถามผมยิ้มๆ ท่าเอียงคอพร้อมรอยยิ้มใสๆ ของเธอนั้นมันช่างบาดใจผมจริงๆ เลยครับ>///<
“เราขอให้ได้มาลอยกระทงกับเธอทุกๆ ปีต่อจากนี้ไป”
“ปากหวาน” เมลล์หน้าแดง
“ก็กับเมลล์คนเดียว^^”
“แหวะะะะะะ!! / แหวะะะะะ!! ” ผมกับเมลล์สะดุ้งโหยง หันไปมองด้านหลังก็เห็นภูผาฟ้าครามยืนถือกระทงกันคนละใบ ส่วนพวกพ่อแม่และทามยืนอยู่ไกลออกไป
“เป็นไรมากป่ะแฝด ทำไมวันนี้กวนโอ๊ยจังฮะ อิจฉาที่พี่มีแฟนก่อนเราล่ะสิ”
“ทำไมจะต้องอิจฉาด้วย? มีแฟนมันมีอะไรดีหรอถามหน่อยสิ”
“วันเกิดก็ต้องซื้อของให้ วันวาเลนไทน์ก็ต้องซื้อของให้ ลืมวันเกิดวันสำคัญก็โดนงอนใส่ ก่อนนอนก็ต้องโทรคุยกันทุกคืนให้มันเปลืองค่าโทรเล่นอีก”
“แล้วมันหนักหัวพวกเราหรือไง เงินก็เงินเก็บพี่ไม่ใช่เงินพวกนายสักหน่อย” ทำไมมันสองคนต้องมาพูดแบบนี้กับผมต่อหน้าเมลล์ด้วยนะ โคตรไม่มีมารยาทเลย!
ผมตัดสินใจจูงมือเมลล์เดินหนีสองคนนั้น หนึ่งคือไม่อยากทำให้เธอรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้ สองคือกลัวตัวเองจะคุมสติไม่ให้ชกหน้าไอ้สองตัวนั่นต่อหน้าเมลล์ไม่ไหว
“แก่แดดชะมัด มีแฟนตั้งแต่มอห้าน่าหมั่นไส้ ”
“กูว่าเดี๋ยวก็เลิกกันมึงคอยดูนะภู ”
“เออ เดี๋ยวก็เลิกกัน ”
ผมรู้ว่าสองคนนั้นจงใจพูดเสียงดังๆ ให้ผมกับเมลล์ได้ยิน ไม่ไหวแล้วนะ!! ทำไมต้องหาเรื่องกันด้วยวะ!? มึงเป็นบ้าอะไรกันขึ้นมาฮะไอ้แฝดนรก!!!!
ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไปจัดการสองคนนั้นก็ถูกมือของเมลล์ที่กุมมือผมอยู่ดึงเอาไว้
“…เมลล์” ผมครางชื่อเธอแผ่วเบา รู้สึกในอกมันวูบโหวงปั่นป่วนไปหมดเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำที่มีน้ำตาคลอเบ้าของเธอ
“เราไม่คิดมากหรอก ไม่เป็นไรจริงๆ ทีอย่าโกรธพวกน้องๆ เลยนะ เขาคงจะหวงพี่ชาย เราเข้าใจจ้ะ” เธอกะพริบตาถี่ๆ พยายามไล่น้ำตาออกไป ก่อนจะยิ้มกว้างให้ผมสบายใจว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ
“ที่จริงสองคนนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ เราคิดว่าพวกมันคงอิจฉาที่เรามีแฟนน่ารักๆ อย่างเธอก็เลยพูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวเราจะให้มันมาขอโทษเมลล์นะ”
“ภูไม่ขอโทษ / ครามไม่ขอโทษ” เสียงภูผากับฟ้าครามดังขึ้นเบื้องหลังทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างตกใจว่ามันเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!
“พี่เมลล์ พวกเราไม่ได้เกลียดพี่นะครับ พี่ออกจะสวยแล้วก็ใจดี พวกเราไม่มีทางไม่ชอบพี่หรอก…”
“…แต่แน่ใจแล้วหรอครับมาคบพี่ชายพวกเราน่ะ? มองยังไงก็ไม่เห็นจะเหมาะสมกันเลย พี่ออกจะดูเพอร์เฟ็คขนาดนี้ มาคบคนธรรมดาอย่างพี่ทีจะดีหรอ?”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอดกลั้น ทั้งที่ตอนนี้ในใจผมนี่เดือดแบบสุดๆ แล้วแต่ที่ยังยั้งไว้ได้ก็เพราะไม่อยากจะโชว์ออฟต่อหน้าเมลล์เนี่ยแหละ
“ภูผาฟ้าคราม…ถ้ายังไม่หยุดพี่จะโกรธแล้วนะครับ” ผมพูดยิ้มๆ อย่างพยายามยับยั้งโทสะสุดความสามารถ
“หวาย จะโดนโกรธซะแล้ว ทำไงดีล่ะเนี่ย น่ากลัวจุงเบยย” พวกมันทำหน้าล้อเลียนไม่หยุด แถมยังหันไปหัวเราะคิกคักด้วยกันอีกต่างหาก
“ไปครับเมลล์ ไปหาพ่อกับแม่กัน อย่าอยู่ตรงนี้เลย” ผมตัดสินใจดึงมือเมลล์ลากกลับไปหาพ่อแม่อย่างสุดจะทน ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย! ขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นผมได้ต่อยไอ้แฝดชั่วนั่นต่อหน้าเมลล์แน่ๆ
หลังจากนั้นเมลล์ก็นั่งเงียบมาตลอดทางจนกระทั่งส่งเธอกลับถึงบ้าน ผมกอดอกหลับตาหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ตั้งแต่รู้จักกันมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมพูดได้เลยว่าโกรธพวกมันมากที่สุดในชีวิต พวกมันทำให้แฟนผมรู้สึกแย่ พวกมันฉีกหน้าผม ดูถูกผมต่อหน้าเมลล์ ผมโคตรจะโกรธ อยากจะต่อยหน้าพวกมันให้สมกับที่พวกมันทำกับผม อยากจะฟ้องอาแอ๋มกับอาสินธุ์ถึงพฤติกรรมของลูกชายพวกเขา แต่นี่มันในรถ พ่อแม่ผมก็อยู่ ทามก็อยู่ มีคนขับรถมาด้วยอีก มันจะดูน่าเกลียดรึเปล่าถ้าผมฟ้องอาสินธุ์ต่อหน้าทุกๆ คนแบบนี้ ผมไม่แคร์หรอกว่าไอ้แฝดจะรู้สึกยังไงเพราะผมก็อยากให้มันรู้สึกอย่างที่ผมโดนเหมือนกัน แต่อาสินธุ์กับอาแอ๋มจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าที่ผมเล่าวีรกรรมลูกๆ ของพวกเขาต่อหน้าคนอื่นๆ เหมือนประจาน
เจ็บใจ…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เกลียดตัวเอง…ที่แคร์คนอื่นจนเลือกที่จะกักเก็บความโกรธไว้ในใจให้มันกัดกินตัวเองคนเดียว
เกลียดภูผากับฟ้าครามที่สุด ทำไมต้องมายุ่งกับกูด้วย ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมเคยไปทำอะไรให้พวกมันโกรธหรอถึงต้องพูดหักหน้ากันต่อหน้าแฟนผมแบบนั้น
หลังจากวันลอยกระทงปีนั้นผมก็ไม่คุยกับภูผาฟ้าครามอีกเลย ใจผมมันตัดความเป็นพี่เป็นน้องกับสองคนนั้นไปแล้ว แต่เหมือนโชคร้ายจะเข้าหาผมไม่จบไม่สิ้นเพราะผมมักจะถูกอาแอ๋มขอร้องให้ไปติวสอบสองคนนั้นอยู่เสมอๆ จะไม่ไปแม่ผมก็ถามว่าทำไมติวให้ทามได้แต่กลับไม่ยอมไปติวให้ไอ้แฝด ผมจึงได้แต่กัดฟันไปติวให้สองคนนั้นอย่างคับแค้นใจเป็นที่สุด
ตั้งแต่วันที่สองคนนั้นรู้ว่าผมกับเมลล์เป็นแฟนกัน ความร้ายกาจของสองคนนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ตอนแรกผมนึกว่าคงคิดไปเอง แต่นานวันเข้าผมก็รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อก่อนถึงมันสองคนจะซนจะดื้อยังไงแต่ถ้าผมดุพวกมันก็จะมีหงอมียอมลงให้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่เลย ไม่หงอ ไม่ยอมลงให้ เถียงขาดใจจะต้องเอาชนะกันให้ได้ กวนประสาทแบบเกินทานทน ว่างเมื่อไหร่เป็นพูดจากระแนะกระแหนเรื่องแฟนของผม จนในที่สุดผมก็ต้องขอให้อาแอ๋มมานั่งคุมเวลาสอนเพื่อไม่ให้มันสองตัวแผลงฤทธิ์ใส่
ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าการที่ผมมีแฟนมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ภูไอ้ครามด้วยวะ ทำไมพวกมันสองคนต้องทำท่าเป็นปรปักษ์กับผมขนาดนั้น เหมือนกูทำอะไรผิดอ่ะ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย ขนาดพ่อแม่ผมยังไม่ว่าแล้วพวกมันเป็นใครมาเสือกอะไรด้วย?
อาการกระด้างกระเดื่องที่ภูผากับฟ้าครามมีต่อผมดำเนินไปตลอดสองปีที่ผมคบกับเมลล์ ถามว่าแคร์ไหม? บอกเลยว่าไม่! นอกจากนี้ผมยังพาเมลล์มาลอยกระทงด้วยอีกในปีถัดมาด้วย แต่คราวนี้ผมกับเมลล์เกาะกลุ่มกับพวกผู้ใหญ่ตลอดเวลาจนสองคนนั้นไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวมาพูดอะไรให้แฟนผมไม่สบายใจอีก
ผมยังจำสายตาที่สองคนนั้นมองมาที่ผมในวันนั้นได้ เป็นสายตาที่ผมอ่านไม่ออก แต่เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่น่าแปลกใจที่สายตาที่พวกมันมองเมลล์ไม่ใช่สายตาที่แสดงความเกลียดชัง มันเหมือนเป็นสายตาของคนที่ลอบพิจารณาอะไรสักอย่างมากกว่า
หลังจากเรียนจบม.6 ผมกับเมลล์ก็เลิกกัน…เราเลิกกันโดยตลอดเวลาที่คบกันมานั้น พวกเราไม่เคยทะเลาะหรือผิดใจกันแม้แต่ครั้งเดียว
แน่นอนว่าข่าวการเลิกกันของผมกับเมลล์ย่อมกลายเป็นหัวข้อสนทนาของแม่กับอาแอ๋ม ในไม่ใช่ไอ้แฝดก็รู้ว่าผมกับเมลล์เลิกกัน
“ครามบอกแล้วว่าเดี๋ยวก็เลิกกัน”
“เป็นไง คบกันไม่ยืดจริงๆ ด้วยเห็นมั้ยล่ะ”
“แต่พี่ทีไม่ต้องเสียใจนะ พี่ยังมีพวกเราอยู่ทั้งคน!”
พวกมันหัวเราะร่าเริงดูมีความสุข ที่เคยทำตัวเย็นชาใส่ผมมาตลอดสองปีก็หายเกลี้ยงเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผมมองรอยยิ้มกว้างของสองคนนั้น
แปลก รู้สึกแปลก …ไม่เข้าใจ
รอยยิ้มสว่างไสวของสองคนนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีตะกอนบางอย่างปรากฏขึ้นมาในใจ
มันคืออะไรสักอย่าง ที่อธิบายไม่ถูก
แต่ในตอนนั้น ผมไม่ละเอียดอ่อนพอที่จะเก็บมันมาใส่ใจ
-----------------------------------------------------------------------
- การลอยกระทง ควรลอยด้วยความสำรวม ไม่ถือเอาเป็นเรื่องเล่นสนุกสนานเหมือนภูผากับฟ้าครามนะคะ เพราะจุดประสงค์ของการลอยกระทงคือการขอขมาพระแม่คงคา เราจึงควรปฏิบัติตัวให้เหมาะสม เคารพต่อประเพณีอันดีงามนะคะ
-ในตอนนี้ภูผากับฟ้าครามก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะว่าทำไมตัวเองต้องไม่พอใจด้วยเพราะทีพี่เฟิร์สมีแฟนพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ถ้าถามเหตุผลพวกแฝดก็คงจะตอบว่าหมั่นไส้พี่ทีล่ะมั้งคะ ทั้งที่อันที่จริงพวกนางหึงค่ะแต่ไม่รู้ตัวเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง เด็กน้อยจริงๆ เลย
- น่าสงสารพี่ที ไม่เคยมีความทรงจำดีๆ ในวันลอยกระทงเลย55