"รูปที่ผมกำลังมองอยู่นั้นก็คือรูปของพี่เขาเองนั่นแหละครับ..."Kaminsay-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ โชคครั้งที่ • 12.2 •• • • ต่อค่ะ 100% • • •
น้องกาย “แต่ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน~ ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ~ เธอมีเสน่ห์มากมาย จะน่ารักไปไหน~ อยากจะได้แอบอิง~ เย้เย่~”
ผมร้องเพลงอย่างมีความสุข เน้นพอใจไม่เน้นความเพราะมากมาย แม้ผมจะชนะการประกวดเดือนมหา’ลัยด้วยการโชว์ความสามารถพิเศษร้องเพลงก็ตาม
“วู้ว~!” ผมร้องออกมาอย่างดีใจก่อนจะคว้ากระเป๋ากล้องมาสะพายเอาไว้ แล้วก็หยิบกระเป๋าเป้มาสะพาย หยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กุญแจห้องมาถือแล้วก็จัดการปิดประตู ปิดไฟในห้องจนเรียบร้อย
วันนี้แล้วครับ วันนี้แล้วที่ผมจะได้ไปบางกระเจ้ากับพี่เรน แค่คิดก็มีความสุขจนอยากจะเดินไปเต้นแท็ปไปเลยครับ
ส่วนเพื่อนๆ ที่ไปด้วยไม่อยู่ในสายตาผมอยู่แล้วครับ เพราะผมขับรถไปกับพี่เรนสองคน อ๋อ… กับแมวอีกหนึ่งตัว ส่วนพวกมันไปฟอร์จูนเนอร์ของไอ้เกลียวครับ
เราไปกันทั้งหมดหกคนหนึ่งตัวถ้วน จองห้องพักก็นอนได้ห้องละสองคนไง คึคึคึ
ผมก็เป็นเพื่อนที่ดี ยอมเสียสละครับ ยอมเป็นเศษ ให้ไอ้ไม้นอนกับไอ้เกลียว ไอ้เป้นอนกับไอ้แม็คไปครับ เพราะผมจะได้นอนห้องเดียวกับพี่เรน อั๊ย! เขินว่ะ
ผมเร่งฝีเท้าเดินไปที่ลิฟต์แล้วลงไปข้างล่างทันที ก่อนจะขับรถข้ามไปหอฝั่งตรงข้าม ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพี่เรน ตั้งใจว่าจะช่วยพี่เขาขนของ เพราะพาหมีไปด้วยของก็น่าจะเยอะ ไหนจะที่นอน ไหนจะอาหาร
กดกริ่งรออยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงหมีร้องอยู่แถวๆ ประตู แล้วประตูก็เปิดออก พี่เรนยื่นหน้าออกมาจากหลังประตู ตากลมๆ นั้นมองมาที่ผมก่อนจะยิ้มให้ แล้วก็เปิดประตูกว้างขึ้น
“สวัสดีครับพี่เรน” ผมทักทายพี่เขา ก่อนจะก้มลงอุ้มหมีที่เดินมานั่งทับเท้าผมไว้ “ว่าไงเรา จะได้ไปเที่ยวแล้วตื่นเต้นไหม”
หมีร้องออกมาทีหนึ่งก่อนจะเลียขนตัวเองต่ออย่างไม่สนใจ ที่เมื่อกี้มานั่งทับเท้ากัน คืออะไร พอตอนนี้เราอุ้มละไม่สนใจเรานะ!
“พี่เรนเตรียมของเสร็จยังครับ” ผมถาม ก่อนจะมองคนตรงหน้าที่วิ่งดุ๊กดิ๊กไปซ้ายทีขวาที
“อ๋อ… จะเสร็จแล้ว เหลือของหมีนิดหน่อย กายรอพี่แปบหนึ่งนะ”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปนั่งที่พื้นตรงเตียงนอนของพี่เรน “ตามสบายเลยครับ”
วันนี้… พี่เรนดูน่ารัก พี่เขาชอบใส่เสื้อแบบโอเวอร์ไซส์ซึ่งมันก็เหมาะแล้วก็น่ารักมาก เหมือนตอนนี้ที่พี่เขาใส่เสื้อแขนยาวแบบโอเวอร์ไซส์สีฟ้าอ่อน มือขาวๆ หายเข้าไปในแขนเสื้อโผล่ออกมาแค่นิ้วนิดหน่อย ชายเสื้อด้านหน้าสอดเข้าในกางเกงยีนส์ขายาวสีซีด ชายเสื้อข้างหลังปล่อย ผมว่ามันโคตรน่ารักแล้วก็เหมาะกับพี่เรนมากเลย
นั่งมองพี่เรนเก็บของจำเป็นให้หมีไปก็ยิ้มไปอย่างกับคนบ้า จนกระทั่งพี่เขาเดินเข้ามาหาผมนี่แหละครับ
“ของของหมี เยอะกว่าของพี่อีก” พี่เขาพูดก่อนจะทำปากยู่
ผมหัวเราะ “เอาน่า… เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”
พี่เรนพยักหน้ารับ พอเห็นแบบนั้นผมก็ส่งหมีให้พี่เขาอุ้ม ก่อนที่ผมจะหยิบกระเป๋าเป้ของพี่เรนสะพาย มือสองข้างก็หยิบของใช้ของหมีมาถือ แล้วก็เดินนำพี่เขาออกจากห้อง
ยืนรอให้พี่เรนปิดห้องจนเรียบร้อยก็พากันเดินไปเข้าลิฟต์เพื่อลงไปที่ชั้นล่าง เอากระเป๋าพี่เรนไว้หลังรถรวมกับของผม ส่วนกระเป๋าของหมีเอาไว้ที่เบาะหลังครับ ส่วนเจ้าหมีก็นั่งตักพี่เรนไป
“เออ… มึงอยู่ไหนกันแล้วเนี่ย” ผมโทรหาไอ้เกลียวที่เป็นคนขับรถอีกคัน
[หอไอ้ไม้ มารับมันคนสุดท้าย แล้วมึงอยู่ไหน ออกไปยัง]
“ยัง ตอนนี้กูกำลังขับรถออกจากซอย เดี๋ยวกูไปรอแถวๆ หน้ามหา’ลัยแล้วกันนะมึง เดี๋ยวจะได้ขับไปพร้อมๆ กันเลย พวกมึงกินอะไรกันมายัง” ผมคุยโทรศัพท์กับไอ้เกลียวไปก็หักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากหอพี่เรนไปด้วย
ไม่รู้ว่าเพราะกลัวผมจะพาไปชนอะไรเข้าหรือเปล่าพี่เรนก็เลยเอื้อมมือมาจับโทรศัพท์ของผมเอาไว้ ผมหันไปมองก็เห็นพี่เขาบอกว่าจะถือให้ ผมเลยให้พี่เรนกดเปิดลำโพงไปเลยครับ
[พวกกูยังไม่ได้กิน มึงกับพี่เรนอ่ะ] ไอ้เกลียวถามกลับ
ผมหันไปมองพี่เรนเป็นเชิงถามว่าพี่เขากินอะไรหรือยังซึ่งอีกฝ่ายก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ “พวกกูก็ยังไม่ได้กิน เอาไว้แวะกันร้านประจำแล้วกัน”
[ร้านไหน... ร้านต้มเลือดหมู ข้าวต้มอะเหรอ]
“เออ ร้านนั้นแหละ ตอนนี้กูจอดรออยู่ตรงหน้ามหา’ลัยนะ” ผมตอบมันกลับไป ซึ่งไอ้เกลียวก็เออออรับคำ บอกว่ากำลังขับออกมาจากซอยหอไอ้ไม้แล้ว แล้วมันก็วางสายไป
“เดี๋ยวแวะกินข้าวกันก่อนเนอะ พวกผมจะออกแนวแวะไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนอะไร” ผมหันไปคุยกับพี่เรน
“ยังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่พี่มาด้วยแบบนี้ไม่รบกวนแน่นะ” พี่เรนเอียงคอมองแล้วถามย้ำกับผมอีกรอบ “ไม่เบื่อเหรอ... แบบ ปกติกายก็คงไปพร้อมๆ กับเพื่อนใช่ไหมล่ะ แล้วพาพี่มาด้วยแบบนี้... กายก็ไม่ได้สนุกกับเพื่อนน่ะสิ”
ผมยิ้ม รู้สึกดีใจที่พี่เรนเป็นห่วงความรู้สึกของผม “ผมไปกับเพื่อนบ่อยแล้วครับ เบื่อพวกมันแล้วไปกับพี่เรนก็ดีออกนะ”
“อีกอย่าง... ผมก็ไม่ได้มีโอกาสไปไหนมาไหนกับพี่เรนบ่อยๆ นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีจะตายไป” ผมพูด ยิ้มตาปิดให้พี่เรน
พี่เรนอมยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป... เหมือนพี่เรนจะเขินนิดๆ หรือเปล่าครับ
“อ่า... ไปเที่ยวกับพี่ไม่เห็นจะน่าดีเลย”
อือ... ผมว่านะ ผมควรเริ่มจริงจังแล้วก็แสดงออกให้มากกว่านี้หน่อยแล้วล่ะ อีกอย่างผมก็จะได้ดูโอกาสของตัวเองด้วยว่าถ้าเดินหน้าต่อไป จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะคว้าหัวใจพี่เรนมาครองเอาไว้
“กับพี่เรนอ่ะ ไม่ว่าจะไปไหนก็ดีหมดนั่นแหละ” ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาดนะ แก้มพี่เรนแดงหน่อยๆ ด้วยอ่ะ หรือว่าจะเขินในสิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้กันแน่นะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าผมรุกมากๆ ก็มีสิทธิลุ้นว่าพี่เรนจะชอบ หรือมีใจให้ผมใช่ไหม
“ทำไม... ล่ะ”
บรรยากาศภายในรถตอนนี้มันแปลกๆ จะอึดอัดก็ไม่ใช่ จะสบายๆ ก็ไม่เชิง หรือจะเขินอายกันก็ไม่ถูกอยู่ดี มันปนๆ กันไปหมด พี่เรนเหมือนคนซื่อๆ ไม่ทันคนจนบางทีพวกพี่ตินาก็ว่าซื่อบื้อ แต่ผมว่าจริงๆ แล้วพี่เรนก็คงไม่ได้ซื่อขนาดนั้น จนไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำ หรือการที่ผมเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับพี่เรนนั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่มี ก่อนจะพูดออกไป “ผมเคยบอกแล้วไง ที่ผมทำไปน่ะผมหวังผล ส่วนผลที่ผมหวังก็คือ...”
ปี๊น!!
ผมกับพี่เรนสะดุ้งเฮือกทันทีด้วยความตกใจ คนกำลังตั้งสมาธิ ใช้สมาธิไอ้ห่ารากตัวไหนแม่งทำสมาธิของผมกระเจิงหมดวะ แล้วพี่เรนก็สะดุ้งด้วยคงกำลังลุ้นไปกับผม สะดุ้งแรงขนาดที่หมีที่นอนขดบนตักพี่เรนสะดุ้งตื่นร้องออกมาเลยละครับ
ผมหันไปมองนอกกระจกก่อนจะเห็นรถฟอร์จูนเนอร์มาจอดเทียบข้างๆ โชคดีนะครับรถไม่เยอะ ไม่อย่างนั้นมันได้โดนคนอื่นๆ ด่ายันตระกูลอะครับ กระจกรถคันนั้นลดลง ก่อนจะเห็นหน้าแป้นแล้นของไอ้ไม้โผล่ออกมา
นี่ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเซ็ง ก่อนจะลดกระจกลง “ไอ้สัส! ตกใจหมดนึกว่าพ่อมาไล่” ผมว่ามันไปทันที
หงุดหงิดด้วยส่วนหนึ่งครับ คนกำลังจะสารภาพความในใจ ไอ้ห่านี้มันดำเอาหมดมู้ดหมด
ไอ้ไม้หัวเราะชอบใจ รู้เลยครับว่าไอ้ห่านี่นี่แหละที่เป็นคนบีบแตร ไอ้เกลียวแม่งก็ปล่อยให้ไอ้ไม้เล่นอะไรเพี้ยนๆ
“หนึ่ง สอง สาม พี่เรน~~ สวัสดีคร้าบบบ~~”
กระจกหลังเลื่อนลงก่อนที่ไอ้เป้ ไอ้แม็คจะโผล่หน้ามา แล้วพวกมันก็พร้อมใจกันทักทายพี่เรน มีการนับหนึ่งสองสามแล้วสวัสดีพร้อมกันอีก ไอ้พวกบ้าคิดว่าตัวเองเป็นไอดอลเกาหลีที่ต้องนับเลขตอนแนะนำตัวหรือไงวะ
พี่เรนหัวเราะชอบใจกับการละเล่นบ้าๆ ของไอ้พวกนั้นแล้วก็ยิ้มกว้างให้ น่ารักชิบหาย ผมตวัดสายตาไปมองพวกมันทีละคนอย่างหงุดหงิด หวงครับ หวง รอยยิ้มพี่เรนนี่หวงมาก อยากจะเก็บเอาไว้ดูคนเดียว
แล้วพวกมันก็เหมือนรู้ ทำลอยหน้าลอยตาได้น่าหมั่นไส้ นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่รถกันคนละคันผมลงไปไล่เตะมันแล้วนะครับ
“ไปๆ มึงขับนำไปเลยไอ้เกลียว แวะกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปที่สมุทรปราการกัน” ผมชะโงกหน้ามองไอ้เกลียวที่เป็นคนขับรถก่อนจะบอกมัน ซึ่งมันก็พยักหน้ารับ เลื่อนกระจกขึ้นทั้งด้านหน้าด้านหลังแล้วก็ออกนำรถของผมไป
“ไปกันดีกว่าครับ การเดินทางเริ่มขึ้นแล้ว” ผมหันไปพูดกับพี่เรนอย่างขำๆ ก่อนจะขับรถตามรถคันหน้าไป
แม้จะนึกเสียดายนิดหน่อยที่โดนขัดจังหวะ แต่อีกใจก็คิดว่าดีแล้วละครับ หนึ่งเพราะผมยังไม่กล้ามากพอที่จะพูด และอีกอย่างคือ... ผมคิดว่าบรรยากาศมันควรจะดีกว่านี้ ไม่ใช่นั่งสารภาพกันอยู่ในรถหน้ามหาวิทยาลัยอย่างนี้ เอาไว้... ทริปนี้ ถ้ามีโอกาสผมจะลองพูดอย่างจริงจังดูแล้วกันครับ
ไม่รู้ว่าเพราะโดนขัดจังหวะไปเมื่อกี้หรือเปล่าทำให้บรรยากาศตอนนี้ระหว่างผมกับพี่เรนมันเลยรู้สึกน่าอึดอัดนิดหน่อยๆ
“หมีไม่เอา... ไม่ซนสิไม่เห็นเหรอว่ากายขับรถอยู่ จะปีนไปไม่ได้นะ” ผมละความสนใจจากความคิดของตัวเองกลับมาที่พี่เรนที่ส่งเสียงห้ามหมี
หมีร้องแง้วๆ แล้วทำท่าจะปีนข้ามมาหาผม แต่พี่เรนรั้งเอาไว้ก่อน “ถ้าดื้อเราจะปล่อยหมีลงข้างทางนะ”
พอพี่เรนพูดขู่แบบนั้น หมีก็เงยหน้ามองพี่เรน แล้วหนึ่งคนหนึ่งแมวก็เล่นเกมจ้องตากันครับ ไม่มีใครยอมแพ้กันเลย พี่เรนจ้องตาหมีไม่พอยังทำหน้าดุ หน้าบึ้งใส่อีก แล้วคิดว่าหมีมันกลัวไหมละครับ ไม่เลยสักนิดเดียว
“โอ๊ย! หมี!!” พี่เรนร้องออกมา ผมเองก็ตกใจรีบหันไปมอง เกือบจะประคองสติตัวเองไม่อยู่ หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มนู้น เลยต้องรีบตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อน
“พี่เรน เป็นไงบ้างหมีข่วนเหรอ” ผมรีบเข้าเกียร์ว่างแล้วคว้ามือพี่เรนมาดู หันไปมองหมีที่กระโดดหนีไปอยู่เบาะหลังแล้วนอนเลียขนตัวเองอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ป... เปล่าๆ หมีงับมือพี่น่ะ ไม่ได้แรงอะไรหรอกแต่... พี่ตกใจเพราะไม่ทันระวังตัวก็เลยเผลอร้องออกมา” พี่เรนบอก พลิกมือให้ดูว่าไม่ได้มีรอยอะไรจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นห่วงอยู่ดีครับ
“แน่ใจนะพี่เรนว่าไม่ได้โดนข่วน หรือกัดลึกจนเป็นแผล” ผมถามด้วยเสียงเครียด มือก็จับมือพี่เรนพลิกไปพลิกมาเพื่อหารอย ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะไม่มีรอยอย่างที่พี่เรนว่า
“ขอโทษนะ... ที่ทำให้ตกใจ” พี่เรนพูดพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด คือถ้าผมเป็นพี่เรนก็คงร้องออกมาเหมือนกันแหละครับ ใครจะคิดว่าจะโดนแมวตัวเองงับ มันก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
“ไม่เป็นอะไรครับ” ผมตอบ หันไปมองหมีที่มองมาทางผม “นิสัยไม่ดีเลยนะหมี ทำแบบนี้กับพี่เรนได้ยังไงกัน ดื้อมากๆ เดี๋ยวปล่อยกลับบ้านจริงๆ นะ”
หมีร้องออกมาเมื่อผมพูดจบ ไม่รู้ว่าร้องประท้วงหรืออะไรกันแน่ ก่อนที่มันจะมุดหน้าตัวเองลงกับขาหน้า “กำลังสำนึกผิดน่ะ” ผมหันกลับไปมองพี่เรนเมื่อได้ยินพี่เขาพูดแบบนั้น
พี่เรนก็เลยขยายความต่อ “ท่าแบบนี้คือหมีกำลังสำนึกผิด เวลาโดนดุมากๆ ก็จะทำท่านี้แหละ สักพักก็จะเข้ามาอ้อนให้หายงอน”
ผมร้องอ๋ออย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปมองหมีอีกรอบ มีการแอบเงยหน้าขึ้นมองแล้วซุกหน้าลงไปต่อ เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วจะโกรธก็โกรธไม่ลงครับ เลยเอื้อมมือไปลูบหัวหมีไปที ก่อนจะหันหลับ แล้วจังหวะนั้น... ทุกอย่างก็เหมือนจะหยุดชะงัก เพราะพี่เรนเองก็ชะโงกตัวมาดูหมีเหมือนกัน ทำให้ตอนที่ผมขยับตัวกลับระยะห่างของใบหน้าของผมกับพี่เรนจึงน้อยมาก
“ผม...” ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันครับ แต่ก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกห่างจากพี่เรนได้ ได้แต่นิ่งค้างกันอยู่แบบนั้น โดยที่หัวใจของผมเต้นแรงและรัวมาก จนผมนึกสงสัยว่าพี่เรนจะได้ยินเสียงหัวใจของผมเต้นไหม
และก่อนที่ผมหรือพี่เรนจะได้พูดอะไรอีก เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ดึงสติของผมให้กลับเข้าร่างอีกรอบ ผมกระแอมเบาๆ ก่อนจะถอยตัวเองกลับมาที่เดิม พร้อมกับพี่เรนที่ขยับตัวกลับไปเช่นกัน ผมหยิบโทรศัพท์มาดูก่อนจะกดรับสายไอ้ไม้
“เออ ว่าไงมึง”
[ไอ้เกลียวบอกเห็นรถมึงส่าย แล้วก็เลี้ยวจอดข้างทาง เป็นอะไรเปล่าวะ ต้องให้พวกกูวนรถกลับไปไหม]
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร พอดีหมีมันซนนิดหน่อย ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง พวกมึงอยู่ไหนแล้ววะ” ผมถามกลับไป
[เลยมาหน่อยเดียว จอดข้างทางโทรหามึงนี่แหละ กลัวว่ารถมึงจะเป็นอะไรไป]
“ไม่เป็นอะไรๆ พวกมึงขับไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป ยังไงก็เจอกันที่ร้านนะมึง” ผมพูดกับไอ้ไม้ก่อนกดวางสายก็ได้ยินเสียงไอ้ไม้เล่าเรื่องให้พวกที่เหลือฟัง
ผมเหลือบมองพี่เรนก่อนจะเปลี่ยนเกียร์แล้วขับรถไปต่อ นึกขำในใจว่ามีโอกาสจะพูดตั้งสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ก็โดนขัดจังหวะตลอด ไม่รู้ว่าแบบนี้จะหมายความว่ายังไง ระหว่างให้ผมรีบๆ บอกไปซะจะได้ไม่ต้องมีอะไรมาขัดอีก หรือว่ามันยังไม่ถึงเวลาจะบอกกันแน่ ถึงได้มีเรื่องอะไรให้มาขัดจังหวะในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้
ผมขับรถไปต่อ จากตรงนี้ไปถึงร้านอาหารที่นัดกันกับพวกเพื่อนๆ ก็ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกครับ เป็นร้านประจำของพวกผมเวลาจะออกทริป แล้วเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถเงียบเกินไป ผมก็เลยหาเรื่องชวนพี่เรนคุย ก็ไม่พ้นเรื่องเรียน เรื่องหมีนั่นแหละครับ พี่เรนเองก็ถามผมกลับเรื่องเกี่ยวกับพวกถ่ายรูปพวกนี้เหมือนกัน
เพราะเราพูดคุยกันก็เลยทำให้บรรยากาศตอนนี้ เป็นบรรยากาศที่สบายๆ แล้วก็เป็นกันเองกว่าตอนแรกครับ...
************************************************
สวัสดีปีใหม่ 2560 ค่ะทุกคน ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะ ^^ วันหยุดแบบนี้ไปไหนกันมาหรือเปล่าคะ ฟางนี่ไม่ได้ไปไหนค่ะ อยู่บ้านแพ็คหนังสือ My Mom เตรียมส่ง ก็เลยไม่ได้เข้ามาอัพด้วยเลย ขอโทษด้วยนะคะ แต่หลังจากนี้ถ้าไม่มีภารกิจอะไรเร่งด่วนฟางก็จะพยายามมาให้เป็นประจำนะคะ
ครึ่งหลัง... เกือบแล้วววว อีกนิดเดียวน้องกายก็จะได้สารภาพความในใจออกไปแล้วค่ะ แต่ก็พลาด ฮ่า น่าสงสารน้องกายเนอะ ส่วนพี่เรนจะรู้แล้วหรือยังไม่รู้ อันนี้ก็ต้องรอดูกันไปค่ะว่าจะเป็นยังไง เรื่องนี้ไม่มีดราม่า ไม่มีเอ็นซีนะคะ เน้นสบายๆ อ่านแล้วละมุนหัวใจค่า ^^
ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ
อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ