say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “2”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ดังขึ้นเพื่อปลุกให้คนที่อยู่ในห่วงนิทราตื่นขึ้นมาจากความฝัน สายน้ำที่นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนุ่มขยับตัว ใช้มือควานหาโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงร้องปลุกเขาให้ตื่น เจ้าตัวหรี่ตามองเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอก่อนจะถอนหายใจ วันนี้เป็นวันหยุดที่เขาไม่ต้องไปเรียน แต่ดันลืมปิดนาฬิกาปลุกเสียนี่
สายน้ำเลยจัดการกดปิดนาฬิกาแล้วซุกตัวเข้ากับผ้าห่มก่อนจะหลับไปอีกรอบ แต่เจ้าตัวที่เคลิ้มหลับไปก็ต้องลืมตาขึ้นอีกรอบพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์มากดดูถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเวลาเพิ่งผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้น
แม้ว่าวันนี้จะไม่มีเรียนแต่เขาก็มีนัดกับรุ่นพี่ในคณะเพื่อซ้อมการแสดงความสามารถพิเศษที่จะใช้ในการประกวดดาวเดือนตอนเก้าโมงเช้า ส่วนตอนนี้เกือบจะแปดโมงแล้ว แม้จะยังง่วงอยู่สายน้ำก็ต้องดันตัวเองให้ลุกจากเตียงแล้วก้าวตรงไปที่ห้องน้ำ
กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เกือบครึ่งชั่วโมง เปิดตู้เย็นคว้านมขวดกับขนมปังบนหลังตู้เย็นมายัดใส่กระเป๋า เช็คดูภายในห้องจนเรียบร้อยก็รีบออกจากห้องเพื่อตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันที เพราะกลัวว่าถ้ารอรถเมล์จะไม่ทัน เจ้าตัวเลยโบกพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้ขับมาส่งที่ตึกคณะแทน
น้ำรินมาถึงพอดีกับที่สายน้ำก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งคู่เอ่ยทักทายกันก่อนจะพากันเดินไปยังห้องที่นัดกับรุ่นพี่เอาไว้ เป็นห้องสตูดิโอของคณะ ซึ่งนักศึกษาสามารถเข้ามาใช้งานได้ตลอด ภายในห้องนั้นกว้าง ครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่โล่ง ๆ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมีโต๊ะวางเรียงเอาไว้เต็มไปหมด
“ถ้าไม่ใช่ช่วงใกล้ส่งโพรเจกต์ห้องนี้ก็จะเงียบ ๆ แบบนี้แหละ แต่ถ้าใกล้ส่งนะ ห้องนี่แน่นจนแทบจะขี่กันเลย” แวนดี้เล่าให้ฟังเมื่อเห็นสีหน้าของรุ่นน้องทั้งสองคนที่มองไปรอบห้องอย่างสนใจ “ตรงโต๊ะนั่นก็เอาไว้วางคอมนั่งทำแบบ ทำแปลน ส่วนข้างล่างนี่ก็ปน ๆ กันไป เอาไว้ตัดโมเดลบ้าง ถ้าโต๊ะเต็มก็ลงมานั่งทำข้างล่างนี่แหละ”
“เดี๋ยววันนี้พี่จะให้เราสองคนซ้อมแยกกันนะ จะมีคนใจดีมาช่วยดูแล้วก็ช่วยสอนให้ โชคดีมากเพราะพี่ ๆ เขาเพิ่งฝึกรำกันไปเมื่อปีก่อนนี้เอง พี่เขาเลยจะมาช่วยนะ” แซนดี้เรียกความสนใจของรุ่นน้องทั้งสองคน
สรุปแล้วการแสดงความสามารถพิเศษที่จะใช้ในการประกวดดาวเดือน ทั้งคู่ก็เลือกการแสดงรำไทย เป็นการแสดงรำคู่ในชุดเมขลา รามสูร ซึ่งเป็นการแสดงที่นิยมเป็นอย่างมากในการใช้เป็นการแสดงเบิกโรง(1) ซึ่งการรำชุดเมขลา รามสูรนั้นเป็นการแสดงแบบเป็นเรื่องราว เนื้อเรื่องเกี่ยวกับนางเมขลาที่ออกมาร้องรำอยู่กับบรรดาเทพบุตร เทพธิดา และในขณะนั้น รามสูรบังเอิญผ่านมาและเห็นลูกแก้วของนางเมขลาจึงอยากได้ จนเกิดการเข้าไปแย่งชิง นางเมขลาเองก็พยายามที่จะหลบเลี่ยง เป็นการรำที่อวดท่วงท่าที่ใช้ในการแสดง
ตัวนางจะมีท่วงท่าที่ยั่วยวน หลบหลีก หยอกล้อ เพื่อหลอกล่อรามสูตร ส่วนตัวพระที่เป็นยักษ์ก็จะมีท่วงท่าที่คอยติดตามนางเมขลาเพื่อจะช่วงชิงลูกแก้ว และท่าทางโกรธขึง
“เดี๋ยวรอพวกพี่เขาแปบหนึ่งเดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ” แวนดี้พูด ก่อนที่เสียงเปิดประตูห้องจะดังขึ้นให้พวกเขาหันไปมองกันอย่างพร้อมเพียง “นั่นไง! พูดถึงก็มาพอดี พี่หินผา พี่แก้ม เข้ามาเลยค่ะ แวนดี้กำลังจะแนะนำพวกพี่กับน้องพอดี”
ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้อง หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ แซนดี้กับแวนดี้ ก่อนที่แซนดี้จะแนะนำรุ่นพี่ทั้งสองคนให้สายน้ำกับน้ำรินได้รู้จัก
“นี่พี่หินผาปีสี่ กับ พี่แก้มปีสี่ คนที่จะมาช่วยในการฝึก แล้วก็ดูเราสองคน ส่วนน้องสองคนนี้คือดาวเดือนคณะค่ะ น้องดาวคือน้องน้ำริน น้องเดือนคือน้องสายน้ำ แซนดี้กับแวนนี้ต้องขอฝากน้อง ๆ กับพวกพี่เอาไว้ด้วยเลยนะคะ”
รุ่นพี่ปีโตมองหน้ารุ่นน้องทั้งสองคนก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ให้สายน้ำกับน้ำรินรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะกลัวว่ารุ่นพี่จะดุ ๆ โหด ๆ
หลังจากคุยถึงรายละเอียดต่าง ๆ ในการแสดงแล้วสายน้ำกับน้ำรินก็แยกกันไปเรียนกับรุ่นพี่ทั้งสองคน แก้มเดินนำน้ำรินออกจากห้องสตูดิโอไปห้องอื่น เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนสมาธิกัน หินผากับสายน้ำยังอยู่ห้องเดิม ส่วนแซนดี้กับแวนดี้ก็อาสาคอยดูแลทั้งสองฝั่ง ก็แยกไปซื้อน้ำ ซื้อขนมเพื่อที่จะได้เอามาให้พวกเขา
หลังจากที่คนอื่นออกไปกันหมด ในห้องนี้จึงเหลือเพียงแค่หินผาและสายน้ำสองคนเท่านั้น คนพี่ก็มองยิ้ม ๆ ตามสไตล์ ส่วนคนน้องก็ได้แต่มองอย่างไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอะไรยังไงดี
“เรา... จะเริ่มยังไงดีครับ” สายน้ำเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน
“เราเคยเรียนรำมาก่อนหรือเปล่า” คนพี่ถามกลับ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปด้วยเพื่อหาคลิปสอนท่ารำ
“เคยครับ แต่ก็นานมากแล้วล่ะครับ” สายน้ำตอบขยับไปใกล้อีกฝ่ายที่ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกวักมือเรียกให้มาดูคลิปวีดิโอด้วยกัน “พี่ก็รำเป็นเหรอครับ”
“ถ้ารำไม่เป็นสองคนนั้นจะมาให้พี่สอนเหรอ”
คนฟังคำตอบชะงักเงยหน้ามองคนพูด นี่พูดจริง ๆ หรือแค่จะกวนประสาทกันเล่น แต่ดูจากสีหน้าของคนอายุมากกว่าไม่ออกเลย จนกระทั่งอีกฝ่ายหลุดขำออกมานั่นแหละถึงได้รู้ว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว
“รำเป็นสิ พี่เคยไปเรียนกับน้องตอนเด็ก ๆ ก็เลยรำเป็น แต่ก็นานมากแล้วเหมือนกัน”
“มีคลิปที่พี่รำไหมครับ ผมอยากเห็น”
“อ่อ... มีสิ เดี๋ยวนะ” หินผารับคำก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อหาวีดิโอตัวที่ว่าก่อนจะยื่นให้สายน้ำรับไปดู
“นี่พี่เหรอครับ โห... รำเก่งนะเนี่ย” อดไม่ได้ที่จะชม เพราะอีกฝ่ายรำสวยจริง ๆ ทั้งหินผาแล้วก็แก้มที่รำคู่กันเลย “รำสวย พี่รำในงานอะไรเหรอครับเนี่ย”
“ละครถา’ปัตย์ปีที่แล้วน่ะ”
“ผมเคยได้ยินครับ มีทุกปีเลยใช่ไหมครับ”
หินผาพยักหน้ารับ “ใช่ ละครถา’ปัตย์มีทุกปี ปีที่แล้วเน้นแสดงเกี่ยวกับไทย ๆ แล้วพอดีเพื่อนพี่มันดันเคยเห็นรูปพี่รำตอนเด็ก ๆ ก็เลยมากดดันปนบังคับให้พี่ไปแสดงรำ”
“เพื่อน ๆ บอกว่าแม่งานคือปีสามเหรอครับ”
“อือ ละครเราปีสามจะเป็นแม่งานในทุก ๆ ปีน่ะ ไว้เราอยู่ปีสามก็ได้เป็นแม่งานหลัก แต่จริง ๆ แล้วทุกชั้นปีก็มีส่วนร่วมกันหมดนั่นแหละ ตั้งแต่นักแสดงยันทำฉาก ประกอบฉากเลย”
“แล้วทำไมต้องปีสามล่ะครับ” สายน้ำถามต่อด้วยความสงสัยและอยากรู้
“ว่างสุดละมั้ง” หินผาตอบก่อนจะอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นสีหน้างง ๆ ของรุ่นน้อง “ไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีเรียน แต่กิจกรรมน้อยสุด ปีหนึ่งเพิ่งเข้ามาไหนจะต้องปรับตัวกับสังคม การเรียน เพื่อนใหม่อีกเยอะแยะ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว ส่วนปีสองก็ต้องคอยดูแลปีหนึ่ง ไหนจะเรื่องรับน้องอีกก็มาเป็นแม่งานไม่สะดวก ถ้าเป็นปีห้ายิ่งไม่ได้ใหญ่เลย แค่ทำโพรเจกต์จบก็ไม่มีเวลาแล้ว ปีสี่ก็มีฝึกงาน เวลามันคาบเกี่ยวกันในช่วงการเตรียมงานกับการฝึกงาน ก็เลยเหลือแค่ปีสาม”
พอได้ฟังสายน้ำก็พยักหน้าเห็นด้วย “ก็จริงนะครับ อย่างที่พี่บอกเลย”
“เรื่องละครถา’ปัตย์เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้มาเรื่องประกวดดาวเดือนก่อนดีกว่า เราเคยรำชุดนี้มาก่อนไหม”
“เหมือนจะเคยนะครับ บางท่าพอเห็นตามในคลิปก็จำได้ แต่บางท่าก็ลืม ๆ ไปแล้วเหมือนกัน”
หินผายันตัวลุกขึ้นยืน สายน้ำเห็นแบบนั้นจึงทำตามบ้าง “อย่างนั้นพี่จะไล่สอนไปให้ทีละท่าแล้วกันนะ เอาให้จำได้ทั้งหมดก่อนแล้วค่อยมาเข้าเพลง เข้าบทการแสดงอีกที”
คนที่ทำหน้าที่เป็นครูสอนเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองก่อนจะหยิบไม้บรรทัดออกมาสองอัน อันหนึ่งส่งให้สายน้ำ ส่วนอีกอันถือเอาไว้เอง “ถือเอาไว้แทนขวาน ให้ท่าคล่องก่อนแล้วค่อยลองเอาขวานมาฝึก”
“โอเคครับ”
“อย่างนั้นเริ่มกันเลยนะ เริ่มตั้งแต่ท่าแรกเลยแล้วกันตอนเปิดตัวรามสูร” แม้จะพูดว่าเริ่มเลยแต่ตัวคนพูดกลับเดินไปรอบ ๆ ห้องเสียอย่างนั้น ไม่นานก็ลากโต๊ะไม้ตัวเตี้ยออกมาตรงที่สายน้ำยืนอยู่ “เอามาใช้แทนเตียงที่จะรำจริง แข็งแรงไม่หักหรอก ตอนนั้นฝึกพี่ก็เอามาใช้ ฝึกเสร็จก็เก็บ ๆ ยัด ๆ ไว้แถวนี้เอาไว้ใช้เป็นโต๊ะตอนมาทำงานได้”
หินผาเปิดคลิปดูอีกรอบเพื่อทวนความจำก่อนจะเริ่มสอนให้สายน้ำทีละท่า ดีที่สายน้ำพอจะจำท่วงท่าได้บ้างเลยสามารถต่อท่าต่อไปได้เร็ว
“ขวานอยู่ซ้ายมือ อย่าลืมสิ มือซ้ายตั้งวงยักษ์(2) มือขวากำมือเอาไว้ หลวม ๆ พอ ไม่ต้องแน่นขนาดนั้น ใช่... แบบนั้นแหละ ข้างซ้ายยกขึ้นอีก” หินผาเอ่ยสอนพลางเดินเข้าไปช่วยจับแขนของสายน้ำให้ยกขึ้นและเหยียดออกกว่าเดิม
แต่ดูเหมือนว่าคนเรียนจะเริ่มล้าแขนไปหมดแล้วเพราะใบหน้าหล่อ ๆ ของเดือนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เริ่มบึ้งนิด ๆ แม้ว่าเจ้าตัวพยายามที่จะเก็บสีหน้าแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของคนสอนไปได้
“พักก่อนก็ได้ ดูท่าจะเมื่อยแขนแล้วล่ะสิ”
พอหินผาพูดแบบนั้นเดือนคณะหมาด ๆ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกทิ้งแขนลงข้างตัว เปลี่ยนมานั่งห้อยขาแทนเพราะต้องนั่งท่าเทพบุตรตลอดจนขาชาแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว
“ดูท่าจะไม่ได้รำนานจริง ๆ สินะ” หินผาพูดขำ ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของรุ่นน้อง
“ครับ ตั้งแต่ ม.ต้น ผมก็ไม่ได้รำเลย” สายน้ำตอบรับพลางสะบัดข้อมือสะบันแขน
นั่งพักอยู่ได้ไม่นานประตูห้องสตูดิโอก็เปิดออกพร้อมกับที่น้ำริน แก้ม แล้วก็แซนดี้ แวนดี้เดินเข้ามา สีหน้าของดาวคณะดูอิดโรยไม่ต่างอะไรกับสายน้ำเลย เดินเข้ามาถึงเจ้าตัวก็เดินมานั่งข้าง ๆ สายน้ำแล้วถอนหายใจออกมา
“พี่แก้มใจร้ายมาก สอนเราดุมากเลยด้วย” เจ้าตัวบ่นงุ้งงิ้งให้ฟัง แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไร
“ก็เราน่ะทำเป็นเล่นพี่ก็ต้องดุสิ” รุ่นพี่คนสวยว่าพลางยีผมของน้ำรินเล่นจนยุ่งไปหมด “แล้วทางนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ก็ใช่ได้อยู่ ดีที่สายน้ำเคยรำมาก่อนเลยต่อท่าได้ไม่ยาก”
“อย่างนั้นเรามาดูทั้งสองคนรำกันหน่อยดีไหมคะ จะได้รู้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง” แซนดี้ว่า ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นรุ่นน้องปีหนึ่งสองคนที่หันมามองหน้ากันแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหยเพราะคงไม่มีสิทธิคัดค้านอะไร
“อย่างนั้นน้ำรินก่อนแล้วกันนะ”
“ค่า...” เจ้าของชื่อขานรับ สายน้ำเลยหลบฉากออกมาเพื่อให้เพื่อนใช้พื้นที่ในการรำ
ท่วงท่าการรำของน้ำรินดูสวยงานแล้วก็อ่อนช้อยแม้จะมีบางช่วงที่ติดขัดไปบ้างเพราะจำท่าผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าดูดี ทุกคนพากันปรบมือให้หลังจากที่น้ำรินรำเสร็จ
“โอเค เก่งมากเลย ซ้อมบ่อย ๆ จะได้ไม่จำท่าผิด อีกวันสองวันก็คงได้ท่าครบ” แก้มเอ่ยชมลูกศิษย์ของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ”
ต่อไปก็ถึงคราวของสายน้ำบ้าง เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยออกมาเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง พอตั้งสมาธิได้แล้วจึงเริ่มรำ ท่วงท่าที่แข็งแรง ขึงขัง สมกับเป็นรามสูร การเปลี่ยนท่าในแต่ละท่อนเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีติดขัดอะไร
“เก่ง รำดีกว่าตอนซ้อมเมื่อกี้อีกนะ” หินผาชม
“ขอบคุณครับ” สายน้ำรับคำ อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายเริ่มปรับตัวกับการรำได้ ความคุ้นเคยที่เคยรำมาก่อนทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
“ดีงามทั้งสองคนเลยอ่ะ แซนดี้ว่าปีนี้เราก็น่าจะมีสิทธิได้ดาวเดือนนะ งานดีทั้งคู่เลย” แซนดี้ปรบมือชอบใจใหญ่หลังจากเห็นการรำของทั้งสองคนแล้ว “สูสีกับเด็กนาฏศิลป์เลยนะ พูดจริงไม่ได้ยอเวอร์นะเนี่ย”
“จริง” แวนดี้ลากเสียงยาว “ดีงามมากอ่ะ เราพักกันก่อนดีกว่าเนอะ แซนดี้แวนดี้เตรียมมื้อใหญ่มาให้แล้ว อิอิ”
“จริงค่ะ!” แซนดี้พยักหน้ายืนยันอีกเสียง ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไปนอกห้อง แต่ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับถุงใบใหญ่ในมือ “อาหารญี่ปุ่นจัดเซ็ต!”
“โห... เลี้ยงดีขนาดนี้เลยเหรอ” แก้มทำตาโตเมื่อเห็นแซนดี้กับแวนดี้หยิบออกมาจากถุง
เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ถูกจัดเป็นเซ็ตเบนโตะ มีทั้งเทมปุระ ปลาดิบ ข้าวปั้น ข้าวห่อสาหร่าย สลัด เรียกว่าเป็นชุดใหญ่เลยทีเดียว
“เมื่อกี้แซนดี้กับแวนดี้เจอผู้ใหญ่ใจดีมาค่ะ เลยไปไถตังค์มา บอกจะเอามาเลี้ยงน้องดาวเดือน” แซนดี้เล่า
“ผู้ใหญ่ใจดี” แก้มทวนคำอย่างสงสัย
“ใช่ค่ะ! ผู้ใหญ่ใจดีมาส่งเด็กส่งงานน่ะค่ะ”
เหมือนหินผาจะเข้าใจเป็นคนแรก “พี่กันต์สินะ”
“ใช่เลยค่า~~” แวนดี้ทำท่าเลียนแบบพิธีกรรายการ ก่อนจะหยิบชุดเบนโตะส่งให้ทุกคนจนครบ หันไปมองหน้ารุ่นน้องดาวเดือน “ชุดอาหารดี ๆ แบบนี้วันนี้วันเดียวนะคะ งบเรามีไม่เยอะมาก แต่อันนี้ได้ผู้ใหญ่ใจดีเลี้ยงมา”
สายน้ำหัวเราะ พยักหน้ารับ “ผมได้หมดแหละครับ”
“น่ารัก!” แวนดี้ว่า ยื่นมือมาบีบแก้มทั้งสองข้างของสายน้ำแล้วส่ายไปมาอย่างหยอกล้อ คนโดนบีบแก้มก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกทั้งยังยิ้มแล้วก็หัวเราะอีก
หลังจากพักเบรกพร้อมมื้อกลางวันแสนอร่อยจบลงแล้ว พวกเขาก็เริ่มซ้อมรำกันต่อ คราวนี้รุ่นพี่ปีสี่ทั้งสองคนให้สายน้ำกับน้ำรินรำคู่กันเลยเพื่อช่วยดูจังหวะแล้วก็ระยะการเดิน การยืนของทั้งคู่ เพราะเวลาที่เหลืออยู่มีไม่ถึงเดือน พวกเขาจึงต้องซ้อมกันอย่างหนักเพื่อให้วันประกวดดาวเดือนการแสดงของพวกเขาออกมาดูดีที่สุด
หลังจากท่ารำที่ซ้อมในตอนเช้าคล่องแล้วพวกเขาก็เริ่มซ้อมท่าต่อ ๆ ไปในทันที กว่าจะซ้อมเสร็จก็เป็นเวลาเย็นจนเกือบค่ำแล้ว
สายน้ำกับน้ำรินนั่งพักแขนพักขาอยู่บนพื้น รู้สึกเมื่อยล้าไปหมดเพราะต้องยกแขนตั้งวงเป็นเวลานาน ไหนจะขาที่ต้องคอยยกค้าง ยกวาง
“พรุ่งนี้รินว่ารินต้องปวดแขนมากแน่ ๆ เลย” น้ำรินที่ตอนนี้แทบจะลงไปนอนบนพื้นว่าออกมาให้รุ่นพี่มองยิ้ม ๆ
“นี่ ยาแก้ปวด แวนดี้กับแซนดี้ไปซื้อเตรียมมาให้แล้ว” แก้มส่งทั้งยาทา ยากินให้น้ำรินกับสายน้ำคนละชุด
ทั้งสองคนยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะรับมา นั่งพักกันจนหายเหนื่อยรุ่นพี่ก็เอ่ยปากให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน
“แยกย้ายกันกลับเถอะ นี่ก็เริ่มมืดแล้วเดี๋ยวจะกลับลำบาก แซนดี้แวนดี้ไปส่งน้ำรินที่ห้องด้วยนะ” แก้มพูดพลางก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
"ได้เลยค่า" แซนดี้กับแวนดี้เองก็รับคำทันที
“เดี๋ยวเราไปส่งแก้มเอง” หินผาพูดก่อนจะหันมามองรุ่นน้องอีกคน “เราก็ด้วย เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมกลับเองได้ครับ” สายน้ำรีบปฏิเสธทันทีด้วยความเกรงใจ “ผมอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นั่งรถไปได้สบายมากครับ”
“พี่ไปส่ง” อีกฝ่ายไม่สนใจคำปฏิเสธของรุ่นน้อง หันไปหยิบกระเป๋ามาสะพาย ทำให้คนอื่น ๆ ลุกตาม
น้ำรินแยกไปกับแวนดี้แซนดี้อีกทางเมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้ว หินผาหันมามองรุ่นน้องคนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ “ไปเถอะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เพราะรู้ว่าคงปฏิเสธไม่ได้แน่ ๆ ก็เลยยอมรับคำ
“สายน้ำนั่งหน้าเลยจ้า หอพี่อยู่หน้ามอนี่เอง พี่ลงก่อนเราอยู่แล้ว” แก้มพูดเมื่อพวกเขาเดินมาถึงรถของหิน
สายน้ำที่ตั้งท่าจะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังก็ชะงักแล้วเปลี่ยนไปนั่งข้างคนขับแทน เมื่อทุกคนขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้วเจ้าของรถก็ขับรถออกจากบริเวณลานจอดรถของคณะทันที ไม่นานก็แวะจอดส่งแก้มที่หน้าหอพัก ก่อนจะหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“เราอยู่ตรงไหนนะ”
“ตรงไปเลยครับ สามป้ายรถเมล์ครับ แต่จริง ๆ พี่ให้ผมกลับเองก็ได้นะ” สายน้ำตอบ
“ไม่เป็นอะไรหรอก จะแวะซื้ออะไรไปกินก่อนไหม”
คนถูกถามส่ายหน้าไปมา แม้จะแอบหิวก็ตามแต่เพราะเกรงใจคนที่ขับรถไปส่ง ถ้าเขาแวะซื้อของอีกฝ่ายก็ต้องรออีก ทำให้กลับถึงห้องดึกกว่าเดิมอีก ที่ใต้คอนโดมีร้านสะดวกซื้ออยู่ค่อยไปซื้อที่นั่นก็ได้ เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว “ไม่เป็นไรครับ รีบกลับดีกว่าครับพี่จะได้กลับไปพักด้วย”
เพราะไม่ใช่เวลารถติดใช้เวลาไม่นานเลยรถของหินผาก็จอดเทียบหน้าคอนโดของรุ่นน้องในคณะคนนี้ สายน้ำหันมายกมือไหว้ขอบคุณคนที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งเขาถึงคอนโด
“ขอบคุณนะครับพี่หินผา”
“ไม่เป็นอะไร รีบไปพักผ่อนเถอะ” อีกฝ่ายพูดยิ้ม ๆ
“ครับ... ขับรถกลับดี ๆ นะครับ” สายน้ำพูด เจ้าตัวมีสีหน้าลังเลก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “เอ่อ... พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ ฝันดีครับ”
“ขอบใจ” หินผายิ้มก่อนจะอวยพรให้อีกคนฝันดีเช่นกัน
“ฝันดีนะ”สายน้ำพยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในคอนโด รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาดึงดูดสายตานั้นทันที เจ้าตัวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกปนดีใจ
คืนนี้... สายน้ำว่าเขาจะต้องนอนหลับฝันดีแน่นอนเลย
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
มาแล้วคร้าบบบบ
พี่หินผาของเรามาสอนน้องรำไทยด้วยอ่ะ อย่าดุน้องมากนะ
อยากเห็นสายน้ำตอนรำเลยเนอะ ^^
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ