พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน
บทพิเศษ สุขสันต์วันสงกรานต์
“ถ้าช้าอีกสิบวินาที เชิญมึงนอนต่อเลยนะครับไอ้เหี้ยว่าน กูไม่พามึงไปไหนละ”
ก็เพราะคำขู่จากโทรศัพท์มือถือเลยครับทำให้ผมต้องวิ่งลงมาจากหอพักชั้นสี่ในมอเพื่อลงมาหาไอ้พี่ริวที่จอดฟีโน่รออยู่ข้าง
ล่าง แม่งชอบขู่ไง นี่ถ้าไม่อยากไปเที่ยวสงกรานต์นะกูไม่แหกขี้หูขี้ตาวิ่งลงมาหรอกครับ
“มาแล้ว มาแล้ว ช้านิดช้าหน่อยบ่นเป็นตาแก่ไปได้”
มายืนหอบต่อหน้าไอ้ผีกระสือ มันยืนมองผมอย่างพอใจที่เห็นผมเชื่อฟังทำตามคำสั่งโดยการใส่เสื้อลายดอกสีสดประแป้งบน
หน้าลายพร้อยแทนที่จะใส่เสื้อบางๆในวันสงกรานต์
“ไม่มีใครเขามองหรอกน่า พี่ริวก็คิดมาก”
“ไม่ได้ กูต้องกันไว้ดีกว่าแก้ กูหวงของกูนี่หว่า”
บ้า บ๊า บ้า
พอเจอคำหวานแบบเถื่อนๆกูก็เขินสิฮะ เลยต้องยอมทำตามคำสั่งหน่อยเดี๋ยวถูกจัดหนักอีก โดนจัดทีไรขาเป๋ไปเป็นวัน
“ไปเร็ว”
ผมกระโดดซ้อนรถฟีโน่คันเก่งอย่างคุ้นเคย พี่ริวเบิ้ลคันเร่งจนมอเตอร์ไซค์คันเก่งวิ่งฉิวออกจากมหาวิทยาลัยตรงเข้าไปในเมือง
รอบคูเมืองเริ่มมีคนมาเล่นน้ำแล้วแต่ยังไม่เยอะเพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงสายๆ พี่ริวบอกว่าอีกสักพักคนจะแน่นจนการจราจรติดขัด ผมตื่น
เต้นมากเพราะมันเป็นสงกรานต์หรือที่คนเมืองเรียกว่าปี๋ใหม่เมืองครั้งแรกของผมที่นี่
พี่ริวพาผมซ้อนท้ายมาถึงวัดแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันเดินเข้าออกลายหูลายตา ภายในวัด
ตกแต่งด้วยตุง(ธง)แบบล้านนาเหมือนทุกวัดในแถบนี้ มีสลุงหลวง(ขันน้ำใบใหญ่) ตั้งไว้ให้ประชาชนสรงน้ำพระที่ตั้งอยู่หน้าวิหาร หน้าวัด
บอกชื่อให้ผมรู้ว่า ที่นี่คือวัดเจดีย์หลวง
“ไปสรงน้ำพระกัน”
จอดรถเสร็จก็ชวนผมไปไหว้พระสิครับ แหม่ ตอนคนตัวใหญ่ๆก้มกราบพระท่าทางเรียบร้อยนี่ดูดีมีสกุลขึ้นมาเชียว ทำให้ผม
พอจะเชื่อแล้วว่าพี่ริวมีแม่เป็นคุณครู หลังจากนั้นเขาก็พาผมเดินออกจากวิหารหลวงเก่าแก่ที่ด้านหน้ามีพญานาคเลื้อยอยู่หน้าประตูแล้ว
เดินมาด้านข้าง
“วัดเจดีย์หลวงนี่เก่าแก่มากนะมึง สร้างตั้งแต่สมัยเชียงแสน”
ไกด์กิตติมศักดิ์เล่าให้ผมฟังตอนที่เราเดินทอดน่องอยู่หน้าฐานเจดีย์ที่ไม่มียอด แต่แค่เห็นฐานผมก็ตื่นตาตื่นใจแล้วกับความ
ยิ่งใหญ่ อดจินตนการไปถึงอดีตไม่ได้ว่ายามที่เจดีย์นี้สมบูรณ์ที่สุดจะใหญ่โตและงดงามแค่ไหนในอดีต
พี่ริวยกฝ่ามือมาบังแดดที่ส่องหน้าให้ผมพลางชี้ให้ดูรอบฐานเจดีย์
“สร้างตั้งแต่สมัยพญาแสนเมืองมา เป็นพันปีแล้วนะมึง คิดดูสิในอดีตที่มีแต่ป่าละเมาะ คนเราต้องมีจิตศรัทธาแค่ไหนถึงจะ
สร้างเจดีย์ที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่น่าเสียดายเมื่อสักห้าร้อยปีก่อนเกิดฝนตกหนักแผ่นดินไหวด้วย ยอดเจดีย์ก็หักโค่นลงมา แล้วก็หมกตัว
อยู่ในป่าอีกนานกว่าจะมีคนมาเจอและบูรณะขึ้นมาใหม่”
“น่าเสียดายอะพี่ริว แค่ฐานยังกว้างใหญ่ขนาดนี้”
“ใช่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดเลยชื่อว่าเจดีย์หลวงไงล่ะ วัดนี้เป็นวัดที่สำคัญมากเลยนะ มึงเห็นด้านหน้าที่เราผ่านมาใช่ไหม นั่น
น่ะเป็นเสาหลักเมืองด้วยนะ เขาเรียกกันว่าเสาอินทขิลสร้างสมัยพญาเม็งราย เดี๋ยวเดือนพฤษภาจะจัดงานใส่บาตรดอกไม้บูชาเสาอิน
ทขิลกูจะพามึงมาอีกรอบ”
เดินวนชมช้างรอบๆฐานเจดีย์อีกพักใหญ่จนตะวันใกล้จะตรงหัวพี่ริวก็คว้าแขนผมให้เดินกลับมาด้านหน้า
“ร้อนแล้ว ไปกันเหอะ”
เราออกจากวัดเจดีย์หลวงก่อนเที่ยงเล็กน้อย พี่ริวพาผมมาตามถนนรอบคูเมืองก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ผมนี่
เปียกตั้งแต่หัวจนถึงหำล่ะครับงานนี้แต่ไอ้หน้าโหดคนขี่กลับไม่ค่อยเปียก หรือว่าตอนสาดน้ำกันเขาเลือกเบ้าหน้าด้วยนะว่าควรจะสาด
ใคร ฮ่าๆๆๆ
พี่ริวจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ชานเมืองออกไป ภายในรั้วบ้านนั้นมีพื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้แทบจะเต็ม
พื้นที่หน้าบ้าน พี่ริวพยักเพยิดให้ผมลงรถก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตูรั้วเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
“พี่ริว บ้านใคร”
“บ้านกูไง”
เหี้ยแล้วไง พากูมาบ้านไม่บอกให้กูเตรียมตัวสักคำ
“เข้ามาเร็วๆ ป่านนี้แม่รอกินข้าวแล้ว”
ฉุดแขนผมให้เดินเข้าไปในประตูรั้วผ่านโรงจอดรถที่มีรถยนต์จอดอยู่สี่คัน แต่ไอ้พี่ริวเสือกขี่ฟีโน่
“มีรถของพี่ป่ะ”
“นั่นไงรถกู”
ชี้ไปทางรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งที่จอดนิ่งสนิท ผมงี้หันไปมองเจ้าของมันแล้วนึกอยากจะกระโดดเตะ
“เออดี มีรถยนต์ใช้แต่ขี่แม่งแต่ฟีโน่ที่วันดีคืนร้ายก็เสือกสตาร์ทไม่ติด”
ไอ้พี่ริวยักไหล่สายตาพราว
“ขี่มอไซค์มันก็ดีนะ อย่างน้อยมันก็ใกล้ชิดกว่าเวลากูพามึงซ้อน”
ไอ้หื่น คิดแต่เรื่องหาเศษหาเลยกับกูนะครับไอ้พี่ริว
เห็นหน้าผมแล้วพี่ริวก็อมยิ้ม เขาพาดแขนวางบนบ่าของผมเพื่อบังคับให้ผมเดินเข้าไปในบ้านสองชั้นที่สร้างมานานแล้ว บ้าน
หลังใหญ่มีนอกชานยื่นออกมาและสถานที่นั้นกลายเป็นที่ชุมนุมของสมาชิกในบ้าน ทุกคนหันขวับมามองเมื่อผมกับพี่ริวปรากฏตัวขึ้น
แหม รู้สึกเหมือนยืนอยู่บนเวทีร้องเพลงแล้วแสงไฟสาดส่องหน้า ผมถึงกับยืนขาแข็งฝืนยิ้มออกไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อพี่ริว
พามาหาครอบครัวโดยไม่ได้บอกกล่าว
“เอ้า เดินไปสิไอ้หน้าอ่อน จะหยุดยืนทำเหี้ยอะไร”
พี่ริวรุนหลังให้ผมเดินตาม เขาโน้มตัวกอดและหอมแก้มผู้หญิงวัยกลางคนที่ผมเดาว่าเป็นแม่ของเขา
“คิดถึงแม่จัง”
“คิดถึงแต่ไม่ค่อยจะกลับบ้านหรอกไอ้ตัวดี แล้วนั่นพาใครมาด้วย มานี่สิลูก”
กวักมือเรียกอย่างอัธยาศัยดีจนผมแทบจะวิ่งเข้าไปยืนรายงานตัว พี่ริวอมยิ้มพร้อมกับแนะนำทีละคน
“นี่แม่กู โน่นพ่อสุดหล่อ แล้วนั่นที่เพิ่งเดินมาเป็นพี่ชายกูชื่อไอ้เหี้ยเซย่า”
ผมยกมือไหว้กราด พ่อของพี่ริวร่างท้วมหน้าตาอารมณ์ดี ส่วนพี่เซย่าพี่ชายพี่ริวก็หน้าตาคล้ายกันแต่ไม่ค่อยโหดเท่าน้องชาย
รูปร่างสูงใกล้เคียงแต่ผอมกว่า พี่เซย่าอุ้มเด็กผู้ชายอายุสักขวบนึงอยู่ พอพี่เซย่าเดินมาถึงพี่ริวก็รีบคว้าตัวเด็กมาอุ้มแล้วหอมแก้มอย่าง
มันเขี้ยว
“หลานกูโว้ย ลูกไอ้เหี้ยย่า ซนอย่างกับลิง”
พี่เซย่าเดินเข้ามาจ้องหน้าผมจนชักเขินก่อนที่เขาจะหันไปหาพี่ริวแล้วเอ่ยถามง่ายๆ
“แฟนมึงเหรอริว นี่มึงเปลี่ยนสายไปแนวโชตะแล้วรึไงถึงได้หาแฟนหน้าอ่อนขนาดนี้ จบมอต้นหรือยังเนี่ย เดี๋ยวโดนพรากผู้
เยาว์กูไม่เอาโอเลี้ยงไปส่งมึงที่คุกนะโว้ย”
“ผมอายุเกินสิบแปดแล้วครับพี่ เรียนมหาลัยใกล้จะจบปีหนึ่งไม่ใช่เด็กมอต้นฮะ”
กลืนน้ำลายลงคอตอบคำถาม ในขณะที่ไอ้ตัวดียืนหัวเราะ พี่ริวจูงมือให้ผมไปนั่งใกล้ๆพ่อกับแม่
“พ่อครับ แม่ครับ แฟนริวเอง ชื่อว่าน”
ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่อีกครั้ง พี่เซย่าเดินตามเข้ามาพูดกับพี่ริวเสียงไม่ดังนัก
“เด็กมึงก็ดูเหมาะกับมึงดีนะริว ดีกว่าไอ้เหี้ยเท็ดดี้ที่มึงเคยคบตั้งเยอะ”
พูดได้ดีมาก เอาไปสิบคะแนนครับพี่เซย่า
พ่อกับแม่ของพี่ริวรับไหว้ และผมกำลังถูกคุณแม่ซักประวัติ
“บ้านอยู่ไหนจ๊ะว่าน แล้วเรียนคณะอะไร ทำไมไปเจอกับชิริวได้ล่ะ”
ผมตอบคำถามอย่างนอบน้อม แบบว่าแม่สอนมาดีไงฮะ เวลาเจอผู้ใหญ่ให้มืออ่อนปากอ่อนเข้าไว้ เสร็จผมทุกรายแหละ
“ที่บ้านทำอะไรกันล่ะ”
พ่อซักบ้าง หน้าตาก็สมกับที่พี่ริวบอกว่าเป็นโอตาคุเลยครับ ในมือยังมีหนังสือการ์ตูนเรื่องดังถืออยู่เลย
“ทำสวนลำไยครับพ่อ”
“โอ้โห บุพเพอาละวาดแท้ๆ”
พี่เซย่าอุทานออกมา ผมจึงหันไปมองหน้าพี่ริวแทนคำถาม
“เออ กูก็เพิ่งรู้ว่าบ้านมึงทำสวนลำไย พ่อกูเนี่ย นอกจากจะเป็นโอตาคุแล้ว ยังเป็นเจ้าของโรงงานทำลำไยอบแห้งส่งขายจีน
ด้วยนะมึง”
โห สบายผมสิครับ มีตลาดส่งลำไยเจ้าใหม่แล้วโว้ย
ยิ้มกว้างเลยสิฮะ จากนั้นแม่พี่ริวก็ชวนทุกคนไปกินมื้อเที่ยงกันในบ้าน พี่ริวแนะนำให้ผมรู้จักพี่สะใภ้ที่ยืนจัดโต๊ะอยู่ และบอกว่า
พี่เซย่าเป็นช่างตัดผมชื่อดัง เออแฮะ บ้านนี้นี่ปล่อยลูกให้ทำอะไรได้ตามใจหลายเรื่องเลยนะ
ช่วงบ่ายพี่เซย่าก็เป็นคนนำขบวนรดน้ำดำหัวพ่อกับแม่ ผมเองก็ได้ตักน้ำใส่ส้มป่อยดำหัวพ่อแม่พี่ริวด้วย ได้รับศีลรับพรไป
ยกใหญ่ จากนั้นพวกเราก็นั่งสังสรรกันอีกพักนึงจนกระทั่งเย็นๆพี่ริวถึงได้พาผมกลับไปหอพักของเขา
“โอ๊ย ตีกูทำไม”
เมื่อได้อยู่กันลำพังในห้องผมก็ฟาดเผียะๆใส่พี่ริวที่ได้แต่ปัดป้อง ผมนี่ยืนขึ้นเท้าเอวมองหน้าเลยสิครับ
“จะทำอะไรเซอร์ไพร้ส์ก็อย่าเยอะ พาไปหาผู้ใหญ่สภาพนี้เนี่ยนะ เขาจะมองว่าผมบ๊องเหมือนพี่รู้เปล่า”
ใส่เสื้อลายดอกสงกรานต์ไปหาพ่อแม่แถมยังมีแป้งที่สาวๆสาดใส่หน้าจนขาวเป็นปื้น มันใช่ไหมครับไอ้พี่ริว
“ทำไมวะ น่ารักดีออก พ่อแม่กูเขาชอบมึงจะตาย”
ยิ้มแป้นอย่างกับแป๊ะยิ้ม พี่ริวฉุดผมให้นั่งลงบนตักของเขา
“น่านะ อย่างอนสิวะ มึงไม่ดีใจเหรอที่กูพาไปบ้านมึงจะได้รู้ว่ากูจริงจังกับมึงแค่ไหน”
ก็จริงอย่างพี่ริวพูด การที่เขาพาไปหาพ่อกับแม่ทำให้รู้ว่าพี่ริวไม่ได้คิดจะหลอกผม
“บ้านพี่เขาไม่ว่าเหรอที่พี่ชอบผู้ชาย”
พี่ริวยักไหล่อย่างไม่เห็นสำคัญ
“ก็อึ้งๆตอนแรกที่รู้ว่ากูคบไอ้เท็ด เขาก็ถามแหละว่าคิดดีแล้วเหรอ แต่มันเป็นความสุขของกูไง ก็กูไม่ชอบผู้หญิงกูชอบแมนๆ
เตะบอลกันนี่หว่า”
“งั้นก็ไปเตะบอลสิ”
ผมผลักหน้าที่เริ่มวนเวียนเข้ามาใกล้ทุกที แถมเอวก็ยังถูกกอดไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด ชักรู้ชะตากรรมตัวเองว่าอีกสักพักกูต้อง
สูญเสียอนาธิปไตยอีกแน่ๆ
และแล้วไอ้พี่ริวก็เหวี่ยงผมลงไปบนเตียง จากนั้นไอ้คนตัวใหญ่ก็กระโจนลงมาทับตัวผมจนดิ้นไม่หลุด
“พี่ริว อย่าดิ”
“กูไม่เตะบอล วันนี้กูจะเล่นมวยปล้ำกับมึง”
พูดพลางมองสายตาพราว กูนี่หนาวเลยครับ พี่ริวจูบผมดังฟอดก่อนจะออดอ้อนให้ผมใจอ่อน
“น่านะ ว่านครับ อุตส่าห์แสดงความจริงใจพาไปรดน้ำดำหัวพ่อกับแม่ ว่านจะไม่ให้รางวัลพี่ริวหน่อยเหรอ”
ก็ แบบว่า ... พี่ไม่ต้องอ้อนขนาดนี้ผมก็ยอมตั้งนานแล้วไหม
“ก็ ...ก็ได้”
พูดยังไม่ทันจบก็โดนปิดปากด้วยจูบสูบวิญญาณสิครับ มือก็ช่วยกันปลดกระดุมเสื้อลายดอกเป็นระวิง สมน้ำหน้า กูบอกแล้ว
ให้ใส่เสื้อยืดก็ไม่เชื่อ
ไม่นานนักก็โดนจับแก้ผ้าล่อนจ้อนสิครับ พี่ริวทาบตัวลงมาบนตัวชื้นน้ำของผม เขาวนจูบอยู่แถวซอกคอและใช้มือลูบไล้ไป
ทั้งตัวจนผมสะบัดร้อนสะบัดหนาว
“อื้อ พี่ริว”
ปลายนิ้วนวดวนอยู่ข้างล่างบังคับให้ผมต้องแยกขาเปิดทางให้เขา และอีกแค่ไม่กี่วินาทีไอ้ลูกชายตัวใหญ่ของพี่ริวก็ค่อยๆ
สอดเข้ามาจนผมเสียววูบ
“ว่านครับ ขยับนิด อ้าอีกหน่อย พี่จะได้เข้าลึกสุดๆ”
กระซิบอยู่ข้างหูนี่แหละ แถมยังแม่งแหย่ลิ้นเข้ามาในรูหูกูอีก ขี้หูกูอร่อยนักหรือไง
“เบาๆพี่ริว อูย เสียว”
สุดทางแล้วสิ เพราะต้นขาของเรากระแทกใส่กันแล้ว ไอ้ช่อนตัวใหญ่แทงลึกเข้ามาสุดตัว แม่งกูจะยำปลาช่อนเสียให้เข็ด
ผมยกท่อนขาเกี่ยวเอวพี่ริว หลังจากมีกิจกรรมเข้าจังหวะกันบ่อยๆ ผมก็ชักจะเก่งขึ้นแล้วฮะ ตอนนี้ผมเลยแกล้งตอดไอ้ช่อน
จนพี่ริวร้องโอย
“ไอ้หน้าอ่อน เดี๋ยวนี้บังอาจแกล้งผัว มึงคอยดูกูจะทำให้มึงครางอ๋อยเลย”
ก็ลองดูสิพี่ ผมคงยอมให้พี่แกล้งหรอก
ผมผลักพี่ริวที่มัวแต่พล่ามให้พลิกไปนอนหงายโดยที่ผมตามไปนั่งบนตัวของเขา จากนั้นผมก็ยักคิ้วให้และเป็นฝ่ายขยับบด
เอวลงไปบนตัวพ่อไอ้ช่อน พี่ริวถึงกับเงยหน้าเป่าปากมองผมตาพราว
“เก่งใหญ่แล้วมึง ทำกูเสียวชิบหาย”
มือใหญ่คว้าลูกชายของผมไว้เป็นตัวประกันก่อนสาวมือไปมา ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายสูดปากบ้างเมื่อถูกโจมตีทั้งหน้าและหลัง
“พี่ริว อูย จะแตก ซี้ด”
“มึงยังไม่ได้รดน้ำดำหัวกูที่เป็นปู่รหัสมึงเลยนะว่าน”
เสียงกระเส่าดังมาจากพี่ริวที่กำลังเร่งมือใส่ผม ผมนี่ถึงกับบิดตัวไปมาและต้องกระแทกตัวลงไปบนเอวของพี่ริวเมื่อกล้ามเนื้อ
กำลังบีบตัว
พรวด!!!
พุ่งน้ำใส่มือพี่ริวให้เขารูดออกไปจนหมด ผมนี่หอบหนักเมื่อถูกเขาบังคับให้รดน้ำใส่มือ พี่ริวหัวเราะเบาๆก่อนจะเด้งเอวเข้าใส่
อีกไม่กี่ทีปืนฉีดน้ำของพี่ริวก็อัดน้ำใส่ผมบ้าง
ผมทิ้งตัวลงไปซบหน้าพักเหนื่อยอยู่บนบ่าของเขา พี่ริวดึงหน้าผมไปจูบแล้วกระซิบข้างหูผมอีกครั้ง
“สุขสันต์วันสงกรานต์ว่ะ กูรักมึงนะไอ้หน้าอ่อนของกู”
จบตอนพิเศษ พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน
ป.ล. แฟนพี่เมฆกับมะตูมรอก่อน เดี๋ยวให้พี่เมฆพามะตูมไปเที่ยววันที่ 15เมษานะจ๊ะ ^^
[attachment deleted by admin]