เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 17
วันธรรมดาที่มีคุณ
เผลอแป๊บเดียวก็เข้าสู่ช่วงเทศกาลสอบไฟนอลแล้ว การเรียนจากที่หนักอยู่แล้วก็หนักเพิ่มขึ้นไปอีกไหนจะงานที่ต้องทำส่งไหนจะสอบนอกตารางอีกทุกอย่างส่งผลให้นักศึกษากลายร่างเป็นซอมบี้กันเสียหมดและพายเองก็คือหนึ่งในนั้น
ในช่วงวันศุกร์ที่มีเรียนถึงแค่สามโมงแต่ในศุกร์นี้พายกลับหนีไปหาอะไรกินไม่ได้เพราะมีงานเร่งด่วนที่ต้องส่งก่อนเที่ยงคืน เขาเลยจำเป็นต้องอยู่ทำงานซึ่งเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อนร่วมภาคยังคงนั่งจดจ่อทำงานอยู่กับที่ ต่างคนก็อยากรีบปั่นงานให้เสร็จเพื่อจะได้กลับบ้าน
“ถึงไหนละวะพาย” น้ำถามขึ้นในตอนที่ละมือจากงานตรงหน้า
“เกินครึ่งแล้ว”
“ไวไปอีก”
“กูหิวอะ”
“โคตรไม่มีความเกี่ยวโยงกันเลย”
“กูไปเซเว่นเอาอะไรไหม” และนอกจากจะไม่สนใจคำพูดของน้ำแล้วพายก็เลือกพูดหัวข้อใหม่ขึ้นมา
“ซาลาเปาหมูแดงสองลูก”
“ฝากด้วยๆ”
แล้วมหกรรมการฝากซื้อของก็ตามมาเป็นขบวน พายรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดนิดๆที่พูดมาเสียงดังแต่ไม่เป็นไรมีแมนมาด้วยการแบกของกินกลับไปฝากผู้ประสบภัยหิวก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป พายเดินวนหยิบขนมและของที่เพื่อนฝากไปเรื่อยๆจนกระทั่งของครบทุกรายการส่วนแมนก็ตรงดิ่งไปยื่นของให้พนักงานอุ่น
“ทั้งหมดหนึ่งพันบาทได้รับสิทธิ์แลกซื้อน้ำส้มสองขวดนะคะ”
“เอาครับ” พายตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ แล้วรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”
“ไม่ครับ”
พนักงานเซเว่นก็จัดแจงของลงถุงอย่างรวดเร็วส่วนแมนก็เดินมากระแซะข้างๆพาย สายตาของแมนดูลอกแลกไปมาจนพายต้องเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไรซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า--
“ยืนรอของเวฟทีไรกูรู้สึกเหมือนส่วนเกินฉิบหาย หลบไปทางไหนก็บังคน”
คำตอบที่ได้ก็ทำเอาพายรีบพยักหน้าเห็นด้วยเพราะทุกครั้งที่มายืนรอเขาก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน รู้สึกเหมือนเป็นคนไร้ที่ยืน
ยืนรอของอยู่ไม่นานทั้งสองคนกลับมายังช็อปของคณะและพอแจกจ่ายเสร็จพายก็ถือถุงขนาดกลางของตัวเองเตรียมเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง เขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปเงียบๆหรอกนะแต่ก็พลาดเมื่อกันต์ดันเดินสวนมาทางตัวเองเสียก่อน
“ไปไหนวะน้องพาย”
“ไปไหนก็ได้โตแล้ว”
“ต่อปากต่อคำเก่ง ไปหาพี่ต้นละสิ”
“ไม่รู้ไม่ได้ยิน”
ว่าจบเจ้าตัวก็รีบจ้ำอ้าวออกไปทันทีโดยไม่สนสายตาล้อเลียนของเพื่อนตัวเองแม้แต่น้อยแต่นั่นก็ใช่ว่ากันต์จะล้อผ่านสายตาเพราะปากเขาก็ทำงานได้ดีเช่นกัน
“ไปหาผัวเหยอน้องพาย”
แน่นอนว่าเสียงดังขนาดนั้นเจ้าของชื่อต้องได้ยินและตอบกลับมาด้วยการชูนิ้วกลางกลับไป
ระยะห่างจากช็อปที่เขาอยู่กับที่อีกคนอยู่นั้นไม่ได้ไกลกันเลย พายพยายามเดินตัวลีบและทำเสียงให้เบาที่สุดสายตาก็สอดส่องมองหาคนที่ตั้งใจจะมาหาด้วย ดวงตากลมโตกลอกไปมาเหมือนพวกตัวเมียร์แคตที่กำลังออกจากหลุมแต่พอเจอกับเป้าหมายรุ่นพี่คนหนึ่งที่พายจำชื่อไม่ได้กลับตะโกนขึ้นมา
“ไอ้ต้นๆ รุ่นน้องที่รักมาหาจ้า”
พายขมวดคิ้วและอยากอ้าปากด่าสวนกลับไปแต่ก็กลืนทุกอย่างลงคอเพราะต้นน้ำดันพูดกลับไปแทนแล้ว
“หุบปากไปเลยมึง”
“แหม่ ทำมาเป็น”
“พูดอีกกูยันมึงติดผนังนะ”
“ว้าย กลัวมากค่าคุณประธานรุ่น”
ท่าทางสะดีดสะดิ้งไม่สมกับรูปร่างนั่นทำเอาพายต้องถอนหายใจอย่างปลงตก เขาคิดว่าการเรียนหนักนั้นทำให้รุ่นพี่พวกนี้เป็นบ้าแบบว่าเสียสติไปแล้ว เขาเดินเข้าไปเกือบด้านในสุดเพื่อไปหาต้นน้ำที่กำลังก้มหน้าดูกระดาษอะไรสักอย่างอยู่
“พี่ต้น”
“ว่าไงครับ” ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นจากกระดาษ
“ผมเอาของกินมาหาพี่เพื่อพี่หิว”
“แล้วของเราละ”
“ผมซื้อมาแล้วแต่อยู่โน้น”
“อ๋อ แต้งกิ้วมาก”
“ถ้างั้นผมกลับแล้วนะ”
“ตั้งใจทำงานละพาย”
“พี่ก็ด้วยนะ”
พายรีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขาแค่ต้องการซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำเพราะอาการเขินอายและใจเต้นแรงกำลังจู่โจมเข้ามา ถึงแม้ว่าบทสนทนาที่พูดนั้นจะไม่ได้มีการหยอดคำหวานแต่พายกลับพ่ายแพ้ให้กับประโยคสุดท้ายของต้นน้ำแถมอีกฝ่ายดันใช้น้ำเสียงเป็นห่วงมาอีก พายคิดว่าพายชอบพี่ต้นน้ำเท่าๆกับที่ชอบข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวแบบเยิ้มๆ
กว่าพายจะปั่นงานเสร็จก็ปาไปสี่ทุ่มและมื้อเย็นที่ผ่านไปก็คืออาหารกล่องเซเว่นและกาแฟแก้วเล็ก เขาไม่กล้าพอที่จะสั่งแก้วใหญ่เพราะไม่อยากตาค้างลากยาวยันจบไฟนอล และหลังที่เขาเดินวนไปส่งงานเสร็จหนังตาก็เตรียมพร้อมจะปิดแบบอัตโนมัติ
“มึงจะกลับถึงห้องไหมเนี้ยพาย” แมนถามขึ้น
“ถึงดิ”
“ให้กูวนรถไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร”
“เออๆ ถึงหอแล้วบอกกูด้วย”
“โอเค”
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตรงบริเวณลานกว้างหน้าตึกคณะพายได้ไม่เดินไปหาจักรยานตัวเองแต่กลับเดินวนไปหาต้นน้ำอีกรอบและพอเข้าไปเขาก็เห็นอีกคนกำลังเดินออกมาพร้อมกับถือของพะรุงพะรัง พายรีบเดินไปหาและช่วยหยิบโน้ตบุ๊คมาถือ
“พี่ต้องไปหอเพื่อนเปล่า”
“หึ เดี๋ยวพวกมันไปที่หอพี่”
“อ๋อ”
“แล้วนี่งานเสร็จแล้ว”
“เรียบร้อย แล้วหลังจากที่ผมเอาขนมไปให้พี่ได้กินไรอีกไหม”
“ไม่ได้กินเลย ขี้เกียจเดินไปซื้อ”
“ท้องไม่อิ่มเดี๋ยวก็ไม่มีแรงทำงานหรอก เดี๋ยวกลับห้องไปผมทำข้าวไปให้”
“ใจดีจังเลยน้องพาย”
พายย่นจมูกใส่แล้วก็ทำเมินกับสายตาเจ้าชู้ของต้นน้ำก่อนจะรีบสาวเท้าตรงไปที่จอดรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกเรียนโดยที่พยายามเมินเสียงนกเสียงกาของต้นน้ำและกลุ่มเพื่อนที่เดินรั้งท้าย
“อิจฉาเพื่อนจังเลยโว้ยย!”
คนเป็นสารถีอย่างพายขับมาจอดที่หอพักภายในเวลาสิบนาทีและรวมเวลาเดินกลับไปที่ห้องอีกก็ครบสิบห้านาทีพอดิบพอดี พายยื่นของสัมภาระคืนต้นน้ำแต่ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องตัวเองเขาก็ส่งสายตาไปหาคนตัวใหญ่ที่ยังทำท่าลังเลจะเข้าห้องตัวเอง
“ครับ” ต้นน้ำพูด
ทันทีที่บานประตูห้องของพายปิดลงเขาก็ถูกคว้าตัวเข้าไปหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของต้นน้ำ ใบหน้าของอีกฝ่ายซุกลงที่ซอกคอก่อนบ่นงึมงำอะไรสักอย่างซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์สักเท่าไหร่นักแต่พอจะเอ่ยปากถามริมฝีปากอุ่นๆของต้นน้ำก็กดจูบลงเสียทั่วลำคอขาวๆของพาย
“ไม่เหม็นเหรอไงพี่”
“ฮึ”
“เหรอ”
“ก็มีกลิ่นในช็อปติดมาหน่อยแต่พายก็ยังหอมอยู่ดี”
“ปากหวานไปแล้วครับ”
“ขอชาร์จแบตหน่อย”
“อะ—อื้อ”
คำว่าชาร์จแบตของต้นน้ำหมายความว่าการบดเบียดกลีบปากตัวเองลงที่กลีบปากของพาย กดเม้มย้ำๆอย่างหนักแน่นก่อนจะแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงชิมความหวานต่ออย่างคนที่ไม่รู้จักพอ พายปรับเอนองศาของหน้าให้พอดีเพื่อที่อีกคนจะได้ตักตวงความต้องการตามที่ใจต้องการ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่พายจะต้องบอกให้อีกคนหยุดการกระทำในเมื่อในใจเขาเองมันก็เรียกร้องอยู่
“..อื้ม พี่”
ต้นน้ำผละใบหน้าออกมาแต่ก็ไม่ได้เว้นระยะจนห่าง เขาใช้จมูกปัดป่ายไปตามแก้มนุ่มและคอยสูดดมความหอมอ่อนๆที่เป็นกลิ่นประจำตัวของอีกคน จะหาว่าโรคจิตเขาก็ยอมรับเพราะเขาว่าเขากำลังติดกลิ่นของพายจริงๆ เขาเหลือบตาไปมองดวงตากลมโตที่ดูฉ่ำวาวซึ่งมันดูน่ารังแกมากในสายตาของเขา
“หิวว่ะ”
“?”
“อยากกินพาย”
“ไอ้พี่บ้า” พายหลุบตามองไปทางอื่น
“อยากกินพายจริงๆนะ”
“รู้แล้วแต่นี่พี่ต้องกลับไปทำงานต่อนะ หยุดอารมณ์หื่นเดี๋ยวนี้เลย” เจ้าของห้องยกมือขึ้นออกแรงดันแผงอกแน่นของต้นน้ำให้อีกคนได้ออกห่างจากตัวเอง "แล้วอยากกินอะไรไหม ของที่ม๊าทำมายังมีอยู่”
“อยากกินพาย พายที่เป็นคน พายคนนี้อะ”
“งอแงเป็นเด็กไปได้”
“พายครับ” ต้นน้ำพูดจบก็คว้ามือนุ่มนิ่มของพายมาแปะไว้ที่เป้ากางเกงตัวเอง
“ประสาท ไม่กินข้าวก็รีบๆออกไปทำงานเลย ผมง่วงนอนแล้ว”
ผู้ชายตัวใหญ่อย่างต้นน้ำเริ่มทำหน้างอแงก่อนจะยอมเออออกลับห้องพร้อมกับกล่องข้าวสำเร็จรูปส่วนพายก็ได้แต่กลั้นขำกับท่าทางเหมือนเด็กโข่ง อีกฝ่ายดูเหมือนไม่อยากกลับห้องตัวเองสักเท่าไหร่อ้อนเอาหอมแก้มบ้างละแต่สุดท้ายพายก็ยอมเพราะไม่งั้นต้นน้ำก็ไม่ยอมกลับห้อง
“ตั้งใจทำงานนะพี่”
“ครับน้องพาย”
แล้วผู้ชายที่ทำตัวเป็นเด็กโข่งก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองส่วนพายเองก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วมานั่งอ่านหนังสือต่อไม่ใช่ว่าเป็นคนขยันอะไรหรอกนะแต่อีกอาทิตย์กว่าจะเข้าสู่ช่วงไฟนอลแล้ว ถ้าไม่อ่านตอนนี้ก็เตรียมกดดร็อปได้เลย
เทศกาลสอบได้เดินทางเข้ามาพายวนเวียนอยู่แค่ตึกคณะและห้องสมุดที่เปิดให้บริการ24ชม. ส่วนหอพักก็กลับไปแค่อาบน้ำ เปลี่ยนชุดและงีบแค่ไม่กี่ชั่วโมง เนื้อหาเรียนของปีสองคือเนื้อหาใหม่เสียหมดมันเป็นเนื้อหาที่โยงกับคณะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์และนั่นคือความยากและทำให้นักศึกษาหลายคนเสียสติไปแล้ว
“กดดร็อปเห็นทีจะไม่ช่วยกูลาออกเลยดีกว่า” หนึ่งในเพื่อนร่วมติวบ่นขึ้นก่อนจะไถลตัวไปกับพื้นพรมในห้องติวของห้องสมุด
“กูจะไม่ปล่อยให้มึงโดดเดี่ยวกูไปด้วย”
และคำพูดตัดพ้ออีกมากมายส่วนพายไม่ได้บ่นอะไรนอกจากหยิบเอาเยลลี่หมีออกมาเคี้ยวด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาคิดมาเสมอว่าการเคี้ยวเยลลี่ช่วยสร้างสมาธิในการอ่านแม้จะมีเสียงโดยรอบที่ดังจนน่ารำคาญก็เถอะ ละสายตาออกมาจากชีทตรงหน้าไปที่หน้าจอมือถือเพื่อพบว่าข้อความที่ส่งหาต้นน้ำไปเมื่อเช้ายังไม่ถูกตอบกลับมา พายเข้าใจดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหายเงียบไปเนื้อหาที่ปีสามต้องสอบคงหนักกว่าปีสองประมาณล้านเท่า
piepiepie อย่าตายคากองหนังสือนะพี่
piepiepie เดี๋ยวอดกินพายหลังสอบเสร็จ
tonnam เดี๋ยวจะกินยันเงาเลย
พิมพ์เสร็จก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากคนเดียวก่อนจะคว้าเอาเยลลี่เข้าปากต่อโดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าถูกจ้องมองจากรอบทิศ
“อะไร?”
“เปล่าจ้าน้องพาย” แมนพูดขึ้น
“อือ”
แล้วบรรยากาศการติวหนังสือก็กลับมาอีกครั้ง บางครั้งก็เสียงดังแต่บางครั้งก็พากันเงียบเพื่อหลบเข้ามุมอ่านของใครของมัน
การสอบไฟนอลถูกลากยาวสองอาทิตย์เต็มและมันก็กินพลังงานคนสอบไปจนหมดแบบที่ว่าเอาอะไรมาเติมก็ไม่มีวันเต็มแต่ถึงอย่างนั้นแล้วต้นน้ำกลับรู้สึกว่าพลังงานของเขาไม่ได้หมดเกลี้ยงอย่างที่ผ่านมา เขามองเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พายทำให้อย่างเช่นทักมาถามอยู่เสมอว่ากินอะไรรึยัง คอยเตือนว่าอย่าดื่มเอ็มร้อยกับกาแฟเซเว่นเยอะเกินไปหรือบางทีเจ้าตัวก็หอบหิ้วเอาขนมมาให้ถึงที่ พายเป็นเด็กเอาใจใส่คนอื่นแบบเงียบๆซึ่งนั่นเป็นมุมน่ารักที่เขาประทับใจ
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของทั้งพายและต้นน้ำซึ่งพายเสร็จตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเจ้าตัวเลยขอตัวกลับห้องไปนอนหลังจากกินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารเสร็จเพราะที่ผ่านมาเวลานอนนับได้ไม่กี่ชั่วโมงซึ่งเพื่อนคนอื่นๆก็เห็นด้วยว่าค่อยพากันไปฉลองวันถัดไปแทนจะดีกว่า พายเดินกลับห้องด้วยสภาพที่พร้อมล้มตัวลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ก้าวเข้าได้ก็รีบสะบัดรองเท้าออก วางกระเป๋าสะพายไปที่โต๊ะก่อนจะเปิดแอร์เดินไปทิ้งตัวลงที่เตียงนอน พายขยับตัวหามุมและม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่มเสร็จก็ปิดตาลงแต่ปิดตาลงไปได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็นึกขึ้นได้ว่าลืมส่งข้อความไปหาต้นน้ำ
“ไม่อยากลุกจากเตียงเลยฮือ”
พายบ่นงึมงำก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งและพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาหน่อย
“ตั้งใจสอบนะพี่ต้นน้ำ”
พายคิดว่าส่งเสียงผ่านอากาศไปจากห้องมันต้องถึงปลายทางแน่นอนด้วยกฎของการเดินทางของเสียง
16.10น.
ภายในห้องริมสุดของชั้นห้านั้นมีแต่เสียงทำงานของเครื่องปรับอากาศ ความมืดของห้องนั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนที่แอบเข้าห้องมาอย่างต้นน้ำเลยสักนิด เขาค่อยๆย่องเข้าไปหาคนที่นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหน้าจ้องมองใบหน้าที่โผล่ออกมาเพียงครึ่งด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรัก เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองเปลือกตา แพขนตาที่เรียงตัว ถึงเห็นแค่นี้ก็สัมผัสได้ถึงความน่ารัก เขาอมยิ้มนิดๆก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสลงที่หน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา
“พี่รักเรานะ”
“..อือ”
ต้นน้ำยิ้มเมื่อพายขยับใบหน้าหนีลมหายใจอุ่นๆของเขา เขาขยับตัวยืนตรงเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะล้มตัวลงนอนและแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มของพาย เขาคว้าเอาร่างนุ่มนิ่มเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะหลับตาลงเพื่อเดินทางไปในโลกแห่งความฝันบ้าง จากที่หมดแรงกับการสอบก็เหมือนกับได้ชาร์ตพลังเมื่อได้กอดคนที่เขารู้สึกรัก
สองชั่วโมงผ่านไปพายก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาปรือตามองผ้าม่านสีทึบอยู่พักใหญ่ก่อนจะสัมผัสได้ว่าตัวเองถูกกักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของต้นน้ำ พายพลิกตัวเข้าหาคนตัวใหญ่ที่กำลังหลับตาอยู่ ดวงตากลมโตเริ่มสำรวจมองใบหน้าของต้นน้ำพร้อมกับที่ยกมือขึ้นมาวางทาบลงที่แก้ม นิ้วชี้ไล่จิ้มที่สันกราม ตอหนวดและเปลือกตา เขาใช้นิ้วจิ้มเบาๆแล้วก็หัวเราะคิกคักเมื่อคนที่กำลังหลับนั้นขยับดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่หลังเปลือกตา
“..พ พาย”
“สวัสดีตอนเย็นครับพี่ต้นน้ำ”
“ซนนะเรา”
“หิวยังครับ”
“หิว หิวแบบที่กินพายได้ทั้งตัว”
“หื่นอีกแล้วพี่”
ต้นน้ำลืมตาขึ้นมาก่อนจะดึงตัวพายให้ขึ้นมานอนทับบนตัวเขาเอง เขามองใบหน้าน่ารักของพายก่อนจะฉวยโอกาสโน้มใบหน้าไปจูบหน้าผากด้วยแรงที่ไม่น้อยจนมันเกิดเสียงและคนถูกจูบก็หน้าแดงหูแดงกันไป
“เขินเหรอครับ”
“เขินดิ ผมไม่หน้าหนาขนาดนั้นปะ”
“อะเหรอ”
“พี่แม่งนิสัย!” พายพูดจบก็เอาหัวโขกไปที่แผงอกกว้างของต้นน้ำไปสองสามที "ให้ผมนอนทับงี้พี่ไม่หนักเหรอ”
“หนักดิ เนี้ยจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“เหรอๆ แต่ถ้าอยู่บนอีกแบบพี่คงไม่บ่นว่าหายใจไม่ออกสินะ”
“ฮ่าๆ เด็กทะลึ่ง” ต้นน้ำกระชับอ้อมแขนตัวเองแล้วออกแรงโยกตัวพายไว้ไปมา
“อึดอัด”
ต้นน้ำไม่หยุดและไม่ได้สนใจเลยว่าพายจะบ่นอะไรออกมาบ้าง เขาแค่อยากฟัดเจ้าของตัวนุ่มนิ่มนี่ให้หายมันเขี้ยวก็เท่าเองส่วนคนถูกฟัดจากที่บ่นอะไรไปเรื่อยก็หัวเราะเสียงดังเพราะจักจี้ที่ถูกจี้ที่เอว
“หยุดเลยพี่ ผมเหนื่อย”
“ไม่”
“พี่มึง!” พายพูดจบก็หัวเราะจนน้ำตาไหล
“เอ็นดูว่ะ”
“พอๆ”
พายบังคับลมหายใจตัวเองให้เป็นปกติแม้ว่าเขายังนอนทับบนตัวต้นน้ำอยู่ที่เดิม เขาเอาหัวตัวเองถูไถไปมาที่อกของต้นน้ำส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นฟูกก็ยกแขนขึ้นกอดพายไว้หลวมๆ
“เหม็นเหงื่อ แหวะ”
“เหรอครับน้องพาย”
“อือออออ”
“ปากเก่งเดี๋ยวจะโดน” ต้นน้ำว่าก็ยกมือขึ้นตีก้นไปที
“กลัวจังเลยคับพี่” พายเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะขยับปากไปจูบที่ปลายคางของต้นน้ำสองสามทีและปิดท้ายด้วยการกัดไปทีจนปลายคางของต้นน้ำมีรอยฟันจางๆปรากฏขึ้น "หิวแล้วอะ ไปหาไรกินกันพี่”
“กัดพี่แล้วนี่ อิ่มแล้วมั้งเราน่ะ”
“เหอะ ไม่ถึงครึ่งกระเพาะผมเลย”
“เจ้าเด็กกระเพาะหลุมดำ”
“อันนี้ไม่เถียง”
เจ้าของฉายากระเพาะหลุมดำฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีให้กับต้นน้ำก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง พายยกมือขึ้นปัดๆผมตัวเองนิดหน่อยก่อนจะเอามือเท้าสะเอวแล้วทำท่าทางจีบปากจีบคอพูดเหมือนพิธีกรชื่อดังอย่างป๋อมแป๋ม
“ลุกสิคะคุณ ดิฉันหิวค่ะ”
“หือ?”
“งงอะไรคะ เดี๋ยววันนี้ดิฉันจะพาไปกินร้านxxxนะคะ”
ต้นน้ำถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเพราะท่าทางของพายก๊อบปี้ออกมาได้เหมือนกับพิธีกรอย่างกับร่างโคลนนิ่ง เขายังคงนอนมองอีกคนพูดโน่นนี่เจื้อยแจ้วไปเรื่อยจนดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยมากแล้ว
“พี่ลุกได้แล้ว ผมหิว”
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว”
คนที่เอ่ยปากว่าหิวก็รีบคว้าเอามือถือกับกระเป๋าตังค์ไว้กับตัวทันทีแถมไปหยุดยืนรอตรงประตูพร้อมรองเท้าแตะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พายเริ่มร่ายถึงเมนูอาหารที่อยากกินให้เขาฟังระหว่างที่ตัวเขาค่อยๆขยับกายเดินไปหยิบของโน่นนี่กับกุญแจรถ
“พี่ๆ”
“ว่า?”
จบประโยคคำถามสั้นๆนั่นพายก็ปล่อยเสียงท้องร้องของตัวเองออกมา เจ้าตัวไม่มีได้ความเขินอายอะไรทั้งสิ้นนอกจากหัวเราะออกมาต่อจากที่เสียงท้องร้องดังจบ ต้นน้ำนึกอึ้งไปนิดหน่อยเหมือนว่าตั้งหลักไม่ทันแต่พอมองไปที่ใบหน้าของพายเขาก็หลุดยิ้มออกมา
“น้องโว้ย”
“อะไรเหรอพี่มึง” พายมองตาแป๋วก่อนจะคว้าท่อนแขนของต้นน้ำไปกอด
“เรานี่นะ”
“ทำไมครับ”
“ทำไมตลก”
“ก็คือตอนแรกผมคิดว่าผมเป็นคนตลกใช่มะแต่พอคิดไปคิดมา อ้าวทั้งตลกและหน้าตาดีอีกด้วยอะ ก็ไม่แปลกที่พี่จะชอบผม” พายหัวเราะ
ต้นน้ำได้แต่ส่ายหัวด้วยใบหน้ายิ้มๆก่อนจะพาเด็กกินเก่งที่เกาะแขนอยู่ไปหาอะไรกินตามที่เจ้าตัวว่าแถมยังย้ำเขาอีกว่ามื้อนี้ขอเป็นเจ้ามือบ้าง ถ้าเขาจ่ายจะโกรธและล็อกห้องตัวเอง ขู่เหมือนแมวโดนอดอาหารซึ่งมันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิดแต่ถามว่าเขายอมทำตามไหมก็บอกเลยว่ายอม เขามันทาสน้องพายอยู่แล้ว
“พี่ว่าบนโลกนี้มันจะมีคนเอาเสียงท้องร้องตัวเองไปเป็นเสียงริงโทนไหมวะ”
“ไม่น่ามีนะ”
“งั้นผมควรเป็นคนแรกของโลกไหม”
“เออ เอาเถอะ เอาที่พายสบายใจเลย”
“เดี๋ยวรอบหน้าผมลองดูดีกว่า”
แล้วต้นน้ำก็ปล่อยให้พายพูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อยซึ่งเขาไม่ได้รู้รำคาญเลยแม้แต่น้อย อยู่กับพายเขารู้สึกสบายใจ เขาสามารถวางตัวแบบที่อยากทำโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะมานั่งทำหน้าไม่พอใจหรือเอ่ยปากห้าม เขาเป็นตัวเองได้อย่างสบายและพายก็เหมือนกัน
“พี่ๆ”
“ว่า?”
“อายว่ะพี่ เมื่อกี้ผมเปิดประตูห้องน้ำไม่ออกแล้วมันมีคนเดินตามผมมา ผมก็ดึงตั้งนาน ลืมไปว่า push มันแปลว่าผลัก ผมเกือบเรียกพนักงานแล้ว”
“ดีแล้วที่ไม่เรียก”
“เป็นห่วงกลัวผมหน้าแตกใส่พนักงานอะดิ”
“เปล่า กลัวเขาด่าพายว่าโง่”
“คนเลวสองพันสิบแปดคือพี่นี่เอง เหอะ”
แล้วเด็กเด๋อก็สะบัดหนีต้นน้ำเสียอย่างนั้น เป็นเสียอย่างนี้จะไม่ให้เขารักได้ไงกันวะ
------------------------------------------------
มีความโชว์เสียงท้องร้องให้พี่ต้นฟัง55555555555555555555
เราอยากบอกในทุกตอนเลยว่าขอบคุณคนอ่านนะคะที่แวะเข้ามาอ่านและติดตามเรื่องนี้ ขอบคุณจากใจนะคะ<3
#ต้นน้ำพาย