สืบเสน่หา
ตอนที่ 8
เจมส์ออกไปนานแล้ว ในบ้านที่ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่ กลับมีเสียงวิ่งเล่นและเสียงหัวเราะคิก เด็กน้อยที่นาน ๆ ทีจะได้ชวนเพื่อนผี ๆ มาเล่นที่บ้าน กำลังนอนกลิ้งเล่นสนุกอยู่บนเตียงชายหนุ่มอย่างมีความสุข
“พ่อเขาไม่บ่นเอาเหรอเคน พาพวกพี่ ๆ มาเล่นบนเตียงแบบนี้เนี่ย” เสียงเด็กน้อยเจนนี่พึมพำ ร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่ใกล้ ๆ เคนกุมารทองตัวน้อย แถมยังกระโดดเล่นบนเตียงจนเหนื่อยไปแล้วเมื่อครู่
“ไม่เป็นไรหรอก ก็อย่าให้พ่อรู้สิ แหม แค่ที่นอนเอง หวงไปได้” เจ้าเคนพูดต่ออย่างนึกสนุก ด้วยความที่ยังเด็ก อะไรที่ถูกห้าม ก็มักจะชอบแกล้งทำ เพราะเด็กน้อยรู้สึกสนุกดี เวลาเห็นพ่อทำหน้าดุ โดยที่ไม่เคยได้ทำโทษกันจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้งด้วยแพ้ลูกอ้อนของเขาเสียทุกที
“นั่นสินะ เตียงนุ่ม ๆ แถมเด้งได้แบบนี้ เจนนี่ชอบจัง ไม่เหมือนเตียงที่บ้านเลย” ว่าพลางพลิกตัวขึ้นคร่อมเด็กน้อยจนเจ้าเคนสะดุ้ง
“อยากลองทำท่านี้มานานแล้วด้วยสิ…” เธอว่ายิ้ม ๆ แต่เด็กชายนั้นแอบซีด ใบหน้ากลมป้อมแอบแดงเรื่อด้วยอาการขัดเขิน
“เจน..เจนนี่ ทำอะไรเนี่ย!” เสียงถามตะกุกตะกัก มือเล็ก ๆ พยายามยันร่างเด็กหญิงออกไป
“แหม ขี้อายแบบนี้น่ารักเชียว” ว่าพลางก้มลงจุ๊บที่แก้มเด็กชายอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายห้ามไม่ทัน เล่นเอาเจ้าเคนสะดุ้งเฮือก
“เจนนี่จ๊ะ อย่าแกล้งเคนแบบนั้นสิ ดูซิ ทำหน้าไม่ถูกไปแล้ว” หญิงสาวที่ท้องโตพูดขึ้น เธอยังคงสวมชุดคลุมท้องสีขาวเหมือนคราวก่อน
“พี่แก้วล่ะก็ ขอเจนนี่เล่นนิดเดียวเอง”
“วันนี้พี่ลำไยไม่อยู่เหรอฮะ ผมไม่เห็นเลย” เคนพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ลำไยไปหาไส้ที่ท้ายคลองนู่นแน่ะ เห็นว่ากินติดลม เลยไว้คราวหลังดีกว่าน่ะ” หญิงสาวตอบ
“พี่เรียมก็มัวแต่นั่งดูรูปพ่ออยู่ได้ ผมหวงนะนั่น อุตส่าห์ให้เข้ามาในห้อง มาเล่นกันดีกว่าน่า”
หญิงสาวผมยาวที่นั่งเหม่ออยู่หน้ารูปกลับไม่สนใจ เธอยังพร่ำเพ้อถึงพี่ขวัญที่เจ้าตัวจำสับสนไม่เลิก “พี่ขวัญของเรียมหล่อขนาดนี้ เมื่อไหร่จะกลับมาหาเรียมจ๊ะ” ว่าพลางผีสาวผู้มีรอยเชือกที่คอก็จ้องมองภาพต่อไปอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่ได้ใส่ใจใครทั้งนั้น แถมตั้งท่าจะฝากรอยลิปจุ๊บไปที่ภาพด้วย จนเด็กน้อยต้องรีบดึงภาพออกด้วยความหวง
ร่างเล็กมองมาก่อนถอนหายใจเฮือก “พวกพี่ ๆ ล่ะก็ วันนี้อาจจะมีคนเข้ามาก็ได้นะฮะ พวกเราน่ะ ต้องช่วยกันปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ต่างหาก”
“ฮึ ทำเป็นพูดดี เมื่อกี้ใครกัน ชวนพวกเรามานอนกลิ้งเล่นบนเตียงเนี่ย” เจนนี่แย้ง
“ก็แค่พอหอมปากหอมคอน่ะ พอดึก ๆ พวกเราต้องประจำหน้าที่ คอยดูแลอย่าให้คนร้ายเข้ามาในบ้านนะฮะ พ่อเก็บของบางอย่างที่สำคัญมากเอาไว้ จะให้พวกมันได้ไปไม่ได้เด็ดขาด”
“เอาน่า พี่จะช่วยเอง” หัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพูดปลอบขึ้น ส่วนลำตัวล่ำ ๆ นั่งอยู่ด้านข้าง ยังคงเอนกายอย่างสบายอารมณ์
“พี่แม้น….ขอบคุณนะฮะ ถ้าได้ผีแรงดี ๆ แบบพี่ล่ะก็ คงหายห่วงได้เยอะเลย” เด็กน้อยว่าอย่างยิ้มแย้มเมื่อได้พวก
ขณะกำลังคุยกันนั้น จู่ ๆ อาณาเขตของบ้านก็สั่นไหว ทั้งหมดมองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นฮะท่านตาเจ้าที่” เด็กน้อยถามขึ้นทันที
“มีผู้บุกรุกน่ะเจ้าเคนเอ้ย มาช่วยตาอีกแรงที อาคมมันแข็งมากจนตา…อึ้ก…”
เสียงดังเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหว เล่นเอาทุกคนสะดุ้ง ร่างเล็กหายตัววับไปโผล่ที่หน้าบ้าน และต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงผิวสีดำแดงท่าทางเอาเรื่องของผีตนหนึ่งยืนจังก้าอยู่กลางลานบ้าน ส่วนตาเจ้าที่ นอนนิ่งอยู่บนพื้นท่าทางบาดเจ็บเอาการ ร่างเล็กรีบไปประคองชายชราขึ้นมาอย่างตกใจ
“เป็นอะไรมั้ยฮะตา”
“หนีไป…มัน…อันตราย” ตาเจ้าที่พยายามบอก ก่อนร่างนั้นจะหายวับไป
“ตาฮะ ตา!!!”
เด็กชายหายใจเข้าลึก ก่อนลุกขึ้นยืนขวางทางไว้ “อย่าเข้ามานะ!” เสียงเล็ก ๆ ตวาดห้าม จะอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในบ้านของพ่อที่รักของเขาทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกไม่ประสงค์ดีแบบนี้
ดวงตาวาวเอาเรื่องสบตาแดงก่ำน่ากลัวของอีกฝ่าย ที่กำลังแสยะยิ้มฟันขาว ก้าวสามขุมเข้ามาโดยไม่กลัวเกรง กุมารทองตัวน้อยแม้อยู่มานาน แต่ก็มิได้มีพลังมากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับพวกผีเฮี้ยนหรือผีตายโหงอย่างนายมั่น ซึ่งเรื่องแบบนี้หมอคงคำนวณไว้แล้ว จึงได้ไปเสาะหาผีรับใช้ แบบที่มีแรงอาฆาตรุนแรงที่สุด เพื่อที่จะได้มีพลังเกินกว่าพวกผีธรรมดามาต่อกรด้วย
ร่างเล็กมองมาอย่างไม่เกรงกลัว แต่รู้ดีว่าไม่อาจจะต้านทานได้นานนัก เสียงแผ่วเบากระซิบส่งกระแสจิตหาผีเด็กหญิง ก่อนบอกอย่างเร่งรีบ “เจนนี่ รีบไปตามพ่อกลับมาที เร็วที่สุดเลยนะ!”
“อะ…อื้ม” เจนนี่รับคำอย่างหวาด ๆ รู้สึกกลัวผู้บุกรุกไม่น้อย แต่ก็ห่วงเคนมากด้วยเช่นกัน
“จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ อย่าเป็นอะไรนะเคน”
“อื้ม ไปเร็วเข้า!”
ร่างนั้นก้าวเข้ามาอีก เคนมองอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก เพื่อนผี ๆ ของเขาทั้งหมดยังคงอยู่ด้านข้าง คอยช่วยเหลืออีกแรง แต่เขาก็รู้…ว่าผีธรรมดาแบบพวกนั้น คงจะต้านได้ไม่นานนัก รวมถึงตัวเขาเองด้วย
ขนาดเล่นงานตาเจ้าที่ ซึ่งจะแข็งแกร่งมาก ถ้าอยู่ในอาณาเขตของตัวบ้านเช่นนี้ จนถึงกับไม่สามารถรักษาสภาพกายละเอียดไว้ได้ขนาดนี้ ผู้บุกรุกคงมีดีไม่เบา เขาสังหรณ์ว่า คงเป็นพวกเดียวกับคราวก่อนแน่ ๆ
ยังไงเขาก็ไม่ยอมถอย บ้านหลังนี้ ก็คือบ้านของเขา…และยังเป็นบ้าน…ของพ่อ…คนสำคัญที่สุดของเขาด้วย
ต้องยันมันไว้ก่อน จนกว่าพ่อจะกลับมา
ก็ได้แต่หวังว่าเจนนี่จะตามหาพ่อกลับมาได้ทันล่ะนะ!
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างบ้านของปวินต์ยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิดังเดิมเหมือนหลายชั่วโมงก่อน รอบกายมีแต่ความสงบ ไม่ได้มีท่าทีการบุกรุกจากผู้ไม่ประสงค์ดีแต่อย่างใด ยิ่งเวลาผ่านคล้อยจนดึกมาก เขาก็ยิ่งแปลกใจ ลางสังหรณ์ถึงอันตรายบางอย่างรุนแรงขึ้นทุกที ทว่ารอบตัวกลับดูเป็นปกติเสียจนไม่น่าเชื่อ
ใจเขาไม่สงบอย่างที่เคย แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณชั่วร้ายใด ๆ ย่างกรายเข้ามา
เป้าหมายคือปวินต์ไม่ใช่หรือ ทำไมมันถึงไม่ทำอะไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาได้ท้าทายกลับไปตรง ๆ กับเจ้าหมอนั่นแล้ว ว่าเขาล่วงรู้ถึงเจตนาที่แท้จริง
หรือเพราะเขาเฝ้าอยู่หน้าบ้านเช่นนี้ มันเลยไม่กล้าลงมือ?
ไม่หรอก เขาไม่คิดเช่นนั้น เจ้าหมอผีคนนั้น มันไม่เคยกลัวเขาแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่มันยังทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขามีหลักประกันสิ่งนั้นอยู่ในมือต่างหาก และจนกว่าจะได้ของนั่นไป มันก็จะยังไม่ทำอะไรเขาถึงขั้นเอาชีวิต
แต่ว่าสังหรณ์นี้เล่า…มันคืออะไรกัน
“พ่อฮะ….ช่วยด้วย…!”
กระแสเสียงเล็ก ๆ ที่เจ็บปวดแทรกเข้ามาในหัว ทำให้เขาสะดุ้งหลุดจากภวังค์สมาธิจนได้ ดวงตาคมเข้มลืมขึ้นอย่างตกใจ เสียงนั่น…เจ้าเคน?
แต่เคนไม่ได้มากับเขา แถมบ้าน…ก็อยู่ไกลเกินที่อีกฝ่ายจะตามเขามาได้ กุมารทองจำต้องอาศัยสื่อแทนตัวช่วย ในการเคลื่อนที่ไปไหน ปกติถ้าเขาชวนเด็กน้อยไปด้วย เขาจะมีสร้อยเส้นหนึ่ง ที่ใส่ผงเล็กละเอียดปลุกเสก ที่แบ่งมาจากตัวตุ๊กตานั้นเป็นสื่อชั่วคราว ด้วยรู้ดีว่า หากแยกร่างวิญญาณออกจากร่างตุ๊กตานาน ๆ วิญญาณที่ขาดที่สิงสถิต จะยิ่งอ่อนแรงลง แม้แต่กุมารทองอย่างเคนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ดังนั้นเขาแน่ใจ ว่าเมื่อไม่ได้พกสร้อยเส้นนั้นมา เจ้าเคนไม่มีทางตามเขามาได้
แต่เสียงนั่นไม่ผิดแน่…เกิดอะไรขึ้นกัน…
รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดผิดหรือเปล่า ที่ทิ้งเจ้าเคนไว้บ้าน…กับเจ้าที่ตามลำพัง
หรือว่า…มันจะเป็นแผนของเจ้าหมอผีนั่น ยั่วยุเขาให้ออกมาปกป้องปวินต์…จนละเลยการอยู่ในอาณาเขตตนเอง เพื่อปกป้องของสำคัญ
ตายล่ะ!
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างเล็ก ๆ ของเจนนี่ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า เจนนี่เองก็คล้ายเคน ไม่สามารถไปไหนได้ไกลนักถ้าไม่มีสื่อวิญญาณ แต่เด็กหญิงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แล้ว มิใช่กุมารทองเช่นเจ้าเคน ดังนั้นการไปมาแบบนี้ จึงง่ายดายกว่า
“ที่บ้านแย่แล้ว…พ่อเจมส์…ช่วยเคนด้วย!!!”
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองร่างวิญญาณจาง ๆ ของเด็กหญิง ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างตกใจ “ที่บ้านงั้นเหรอ เกิดอะไรขึ้นเจนนี่!”
“รีบกลับไปก่อน…มีผีร้ายมา…มัน…” ร่างนั้นจางหายไป เพราะการฝืนออกมาไกลเช่นนี้ เป็นการใช้พลังงานมากสำหรับเด็กหญิงเช่นกัน การสร้างภาพและเสียง ให้เห็น ให้ได้ยิน ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย สำหรับวิญญาณเร่ร่อน เจมส์ย่อมรู้ดี เขาไม่ได้ตกใจนักที่ร่างนั้นจางหายไป แต่ตกใจมากกว่า ว่ามันกลับเป็นไปอย่างที่เขาคิดจนได้
ร่างสูงเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แล้วมองมายังหน้าต่างของตัวบ้าน ไฟเปิด ๆ ปิด ๆ มาตลอด เขารู้ดีว่าปวินต์ไม่ได้หลับ แต่แกล้งปิดไฟ…ทำเป็นหลับ…ทุกครั้งที่รู้สึกว่าเขามองกลับไปเท่านั้น
ถ้าไปตอนนี้ คงจะยิ่งง้ออีกฝ่ายยากกว่าเดิม แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว
เจมส์พนมมือขึ้นอีกครั้ง ใช้ปลายมีดอาคม จรดจารอักขระละเอียดยิบที่หน้าบ้าน สร้างเขตอาคมชั่วคราว ช่วยเสริมป้องกันสิ่งเลวร้ายไว้ ก่อนตัดสินใจรีบกลับบ้านโดยด่วน
เจมส์จากไปแล้ว ในตอนที่ม่านถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างผอมบางที่มองมาเริ่มหงุดหงิด
“เจ้าเจมส์บ้า ไหนว่าจะเฝ้ายันเช้าไง ที่แท้ก็พูดไปงั้นเองสินะ คำพูดนายเนี่ย เชื่อถือไม่ได้เลย!”
ม่านนั้นถูกปิดเข้าหากันโดยแรง ก่อนไฟในห้องจะดับลงอีกครั้ง