SP : Love is not mistake
ว่ากันว่าความรักนั้น ต้องเกิดขึ้นมาจากความรักระหว่างคน 2 คน แต่น่าแปลกที่ความรักของผมกลับเกิดขึ้นเพราะ
ความผิดพลาดของคน 2 คน.....................
.............................
....................
(ท็อป)
2 ปีที่ผ่านมา
“ไอ้เชี่ยเมฆ ทำไมวันนี้มึงถึงไม่เข้าเรียนวะ มึงไม่เข้าแล้วทำไมไม่ชวนกูโดด รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ถูกกับอาจารย์คนนี้!” ผมแหวลั่น
ทันทีเมื่อเพื่อนรักตัวดีกดรับสาย
“ขอโทษที พอดีไอ้จ๊อบมันชวนกูไปเป็นเพื่อนหาข้อมูลทำรายงานที่ห้องสมุดก็มึงเองนั่นแหละที่มาช้าเอง กูหามึงไม่เจอ”
ปลายสายตอบแก้ตัว
“แล้วมึงมีโทรศัพท์ไว้ขึ้นหิ้งบูชารึไงวะไอ้เชี่ยเมฆ! มึงก็โทรมาบอกกูดิว้า” ผมบ่นไอ้เพื่อนรักที่ปล่อยให้ผมต้องเผชิญชะตา
กรรมโดเดี่ยวในชั้นเรียน
“กูอยู่ในห้องสมุดจะให้กูโทรไปหามึงได้ไงล่ะครับคุณเพื่อนท็อป มีสมองหัดคิดซะบ้าง” ไอ้เมฆบ่น เออนั่นดิ มันอยู่ในห้อง
สมุดนี่หว่าจะให้มันโทรมาบอกผมได้ยังไง แต่....เดี๋ยวนะแล้วถ้ามันอยู่ในห้องสมุดแล้วทำไมมันถึงรับโทรศัพท์ผมที่โทรหามันใน
ตอนนี้ได้??
“แล้วทำไมตอนนี้มึงถึงรับโทรศัพท์กูได้” ผมเอ่ยถาม
“ก็กูอยู่ข้างหลังมึงไงเลยรับโทรศัพท์มึงได้”
“เฮ้ย! ไอ้ห่า เพื่อนเวร มึงเล่นไรมึงเนี่ย ถ้ากูหัวใจวายตายกูจะมาหลอกมึงเป็นคนแรก” ผมตะโกนด่าไอ้เมฆเพราะไอ้เพื่อน
บ้ามันเล่นเข้ามาทักผมจากทางด้านหลัง หลังจากที่มันบอกผมในโทรศัพท์ว่ามันอยู่ด้านหลังผม ใครจะไปคิดว่ามันจะพูดจริงเล่น
เอาผมหัวใจจะวายตาย
“โทษทีว่ะ กูไม่กลัวผี” ไอ้เมฆว่าก่อนจะยักคิ้วน้อยๆ หล่อตายล่ะมึง ผมล่ะอยากจะโบกมันจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้มีใครอีก
คนอยู่ด้วย
“ขอบคุณนะไอ้เมฆที่ไปช่วยกูทำรายงาน เดี๋ยวเย็นนี้กูจะเลี้ยงขอบคุณมึงเอง” คนทีผมก็เพิ่งจะระลึกได้ว่ามันคือ จ๊อบ
คนที่ไอ้เมฆบอกผมตอนคุยโทรศัพท์กันว่ามันไปช่วยเพื่อนคนนี้ทำรายงาน
“เออ ขอบใจมาก เออนี่ ไอ้ท็อป เพื่อนสนิทกูเอง ไอ้ท็อปนี่ไอ้จ๊อบ ไอ้สัด ทำไมมึงสองคนต้องชื่อคล้ายๆกันด้วยวะ
ลำบากปากกูจริง” ไอ้เมฆแนะนำผมให้รู้จักกับเพื่อนของมัน ก่อนที่มันจะบ่นอะไรไร้สาระเป็นคนแก่เหมือนกับที่มันบ่นผมอยู่เป็น
ประจำ ผมเองก็ไม่ลืมที่จะพยักหน้าเป็นเชิงทักทายเพื่อนไอ้เมฆ ซึ่งอีกคนก็ตอบรับการทักทายของผม
“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะมึง ร้านเดิมๆ” ว่าจบไอ้จ๊อบก็ขอตัวกลับไปเรียนต่อ ส่วนผมกับไอ้เมฆที่เรียนในคาบ(นรก)ที่แล้วจบ
ก็ว่างยาวทั้งวัน ว่าแต่ว่ามันยังมีร้านเดิมที่ไหนอีกนอกจากร้านพี่โก้วะ?
“ร้านเดิม? ร้านใครวะ” ผมเอ่ยถาม หลังจากที่เราเลือกที่จะหาที่นั่งใต้ร่มไม้นั่งคุยกันเพราะรู้สึกเหมือนแดดประเทศไทยจะ
ร้อนจนเกินไป แต่ผมว่าไม่ใช่แค่ร้อนเฉพาะประเทศไทยนะ มันร้อนทั้งโลกเลยมากกว่า อย่างที่คนเขาชอบเอาไปติดแฮชแท็กใน
ทวิตล่ะนะ
#ร้อนเหี้ยๆนี่โลกหรือนรก
ซึ่งผมเองก็โคตรจะเห็นด้วยกับแท็กนี้จริงๆ มันจะร้อนเอาโล่เลยรึยังไง
“ก็ร้านพี่โก้นั่นแหละ กูว่าเราไปนั่งรอไอ้จ๊อบที่ร้านพี่โก้ดีกว่าอีกไม่กี่นาทีมันก็เลิกแล้วล่ะ ไปนั่งตากแอร์ดีกว่านั่งตากแดด
แบบนี้นะกูว่า” ไอ้เมฆออกความเห็น ผมเองก็พยักหน้าเห้นด้วยในความคิดของมัน
ตอนนี้ทั้งผมและไอ้เมฆได้ระเห็จตัวเองออกจากการตากแดดร้อนๆในรั้วมหาลัยมานั่งตากแอร์เย็นๆในร้านพี่โก้ที่ดูจะคึก
ครื้นขึ้นเรื่อยๆตามดวงตะวันที่ค่อยๆคล้อยต่ำลงจากขอบฟ้าเรื่อยๆ
“โทษทีว่ะมึงที่กูมาช้า” ไอ้จ๊อบที่เพิ่งมาเอ่ยขอโทษ ไอ้เมฆเลยยกมือบอกปัดๆว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มสีอำพัน
ให้กับเราทั้งสามคน
เราสามคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ตอนแรกที่ผมเห็นไอ้จ๊อบคิดว่ามันจะดูเป็นคนเรียบร้อย เด็กเรียนๆ แต่ที่ไหนได้ กวนตีนพอๆ
กับไอ้เมฆเลยทีเดียว มิน่าล่ะมันถึงเป็นเพื่อนกันได้มานานตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัย
“ไอ้ท็อปกลับบ้านไหมมึง ไอ้สัดเลื้อยแล้วนะ” เสียงของไอ้เมฆบ่นผมเบาๆเพราะเวลาที่ผมเมาทีไรผมชอบเลื้อย แต่ใครว่า
ผมเมา ผมยังม่ายยยยเมาสักหน่อย เอิ๊ก!
“ไอ้สัดท็อป กูสั่งให้มึงกลับบ้าน ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ เร็วมึง ถ้ามึงไม่ลุกกูอุ้มมึงนะ” ไอ้เมฆมันบ่นอะไรผมก็ไม่รู้ งุ้งงิ้งๆน่ารำคาญ
จึงจริง ผมส่ยหน้าอย่างรำคาญ แต่แล้วก็เหมือนกับตัวเองกำลังจะลอยได้ ผมผวาเล็กน้อย ก่อนที่มือจะเอื้อมไปคล้องเข้าที่คอ
ของไอ้คนที่เป็นคนทำให้ผมลอยอย่างไอ้เมฆ
“มึงจะอุ้มกูทามมมมมายยยว้า” ผมถามไอ้เมฆ แม้จะพอรู้ว่าตัวเองแทบจะพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นภาษาเลยสักคำ แต่ไอ้เมฆก็
ไม่สนใจที่จะตอบเดินพาผมออกจากร้านพี่โก้ทันที
“อืมมมม” ผมครางเบาๆเมื่อรู้สึกถึงหลังของตัวเองได้สัมผัสกับความนุ่มหยุ่นของเตียงนอน
หลังจากที่ไอ้เมฆมันอุ้มผมออกมา ผมก็แทบจะหลับเป็นตาย เอาเป็นว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรตลอดทางเลยด้วยซ้ำ มารู้ตัวตื่น
อีกทีก็ตอนที่รู้ว่าไอ้เมฆมันพาผมเข้ามานอนในห้อง
“ ร้อน” คือคำๆเดียวที่ผมรู้สึกได้ในตอนนี้ ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมองก็ไม่พบใครอยู่ในห้อง สงสัยหลังจากที่ไอ้เมฆปล่อยให้
ผมเลื้อยต่อในห้องมันก็คงจะกลับห้องมันไป
“อืมมมม” ผมพยายามมีสติกับตัวเองให้มากที่สุดและพยายามระงับความร้อนที่มันเกิดขึ้น น่าแปลกที่ทุกครั้งเวลาผมดื่ม
เหล้า ผมไม่เคยร้อนหนักขนาดนี้และที่สำคัญไอ้อาการที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่แค่ร้อนแปลกๆอย่างเดียวเพราะตอนนี้ส่วนกึ่งกลางลำตัว
ของผมมันกำลังปวดหนึบอย่างทรมาน ผมลืมตามองรอบๆห้องอย่างเต็มตาอีกครั้งและเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ภายในห้องนอกจาก
ผม ผมจึงค่อยๆรูดซิปกางเกงหยิบเอาส่วนกึ่งกลางลำตัวที่มันปวดหนึบขึ้นมาระบายเพื่อให้ลดอาการปวดหนึบนั้นทุเลาลง
“อ๊ะ อ๊า” หลังจากที่ผมค่อยๆเอื้อมมือไปกอบกุมส่วนที่อ่อนไหวรูดขึ้นลงตามแรงโน้มถ่วง เร่งเร้าเพื่อขจัดความทุกข์ทรมาน
ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นให้จางหายไป
“ไอ้ท็อป....................” แต่แล้วจู่ๆเสียงของใครบางคนก็ดึงสติของผมให้กลับมา
ผมลืมตาโพลงทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเองถูกใครบางคนเรียกและเมื่อดวงตาปรับจุดโฟกัสได้ชัดเจน คนที่เรียกผมไม่ใช่
ใครอื่นนอกจากไปไอ้คนที่ผมคิดว่ากลับไปนานแล้วอย่างไอ้เมฆ!!
(เมฆ)
หลังจากที่ผมเปิดประตูห้องของไอ้คนที่พยายามจะลากมันออกจากร้านพี่โก้ก็พลันได้ยินเสียงแปลกๆเล็ดรอดออกมาจาก
ห้องนอนของมันที่ผมเป็นคนอุ้มมันเข้าไปส่งในนั้น
ในตอนแรกนั้นผมคิดว่าจะแค่มาอยู่เป็นเพื่อนมันเพราะเป็นห่วง แต่แล้วเมื่อผมเดินไปเรื่อยๆโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่
ห้องของไอ้ท็อป ในหัวต่างคิดถึงเรื่องต่างๆนานา ถ้าหากผมไม่เห็นว่าไอ้จ๊อบมันใส่อะไรก็ไม่รู้ให้ไอ้เมฆกินโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้
แล้วขืนยังปล่อยมันเอาไว้ที่ร้านพี่โก้ ผมไม่อยากจะคิดถึงสภาพของมันตอนนั้นเลยจริงๆ
ใช่ครับ! ผมเห็นว่าไอ้จ๊อบมันใส้อะไรบางอย่างลงในแก้วไอ้ท็อป แต่ผมทำเป็นไม่รู้เพราะไม่อยากให้ไอ้จ๊อบมันจับได้ว่าผม
รู้แล้วเลยต้องปล่อยให้ไอ้เมฆกินน้ำแก้วนั้นแล้วรีบเร่งพามันกลับคอนโดนี่ แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆว่าที่ไอ้จ๊อบใส่ให้
ไอ้ท็อปกิน มันคือ ‘ยาปลุก!’
ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูด้วยความกลัวหลายอย่าง กลัวว่าถ้าหากผมเปิดมันออกความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ
ไอ้ท็อปจะจบลง กลัวว่าผมจะห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรกับไอ้ท็อปไม่ได้และที่สำคัญ ผมกลัว.....................กลัวใจของตัวเอง
“ไอ้เมฆ ทะ ทำไมมึงถึงยังอยู่!” เสียงของไอ้ท็อปที่เอ่ยถามดูจะร้อนรนเป็นพิเศษ ก็แหงล่ะนะมันคงไม่คิดว่าจะเห็นผมยัง
ยืนหัวโด่อยู่ในห้องของมัน
“ให้กูช่วยไหม” ผมไม่ตอบคำถามของมัน แต่เลือกที่จะเป็นฝ่ายถามมันแทน ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เตียงที่มัน
นอนอยู่ ไอ้ท็อปเขยิบตัวออกห่างผมเล็กน้อยเมื่อผมเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงของมัน
“ช่วยอะไร มะ ไม่ต้อง ชะ ช่วย อะไรทั้งนั้น มึงออกไปข้างนอกตอนนี้เถอะนะ แค่นี้ก็ช่วยกูได้มากแล้ว ถ้ามึงอยากจะช่วย
กูจริงๆ” ไอ้ท็อปเอ่ยปากบอก ก่อนที่มันจะส่งสายตาเว้าวอนเพื่อขอร้องให้ผมออกไปจากห้อง
“แต่มึงทรมาน มึงต้องการคนช่วย กูรู้” ผมพยายามอธิบายให้ไอ้ท็อปมันฟังอย่างใจเย็น แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
เป็นพัลวัน
“ไม่! กูไม่ต้องการให้มึงช่วย กูไม่ต้องการให้ใครมาช่วยกู มึงออกไปซะ!!” ไอ้ท็อปตะโกนไล่ผม ผมที่พยายามใจเย็นมา
ตลอดก็ถึงจุดที่ความอดทนเริ่มหมดลงเพราะผมทั้งอธิบายให้มันฟังอย่างใจเย็นและอยากจะช่วยมันให้หายทรมาน แต่มันกลับ
เลือกที่จะไล่ผมแบบนี้ เส้นความอดทนของผมที่ปกติก็ไม่ค่อยมี จึงขาดลงอย่างทันทีโดยไม่ต้องสงสัย
“กูอธิบายให้มึงฟังอย่างดีๆแล้วนะไอ้ท็อป กูต้องการช่วยมึงให้หายทรมานก็แค่นั้น ในเมื่อกูบอกมึงดีๆไม่ชอบ มันก็คงต้อง
ใช้กำลังกันหน่อยแล้วล่ะมั้ง” ผมบอก ก่อนจะคว้าเอาที่ข้อมือของไอ้ท็อปที่พยายามขยับตัวหนีผมให้หยุดอยู่ที่เดิมและขึ้นคร่อม
ทับมันเอาไว้
“ไอ้สัด! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ” ไอ้ท็อปพยายามดิ้นรนขัดขืน ผมจึงต้องเอื้อมไปหยิบเอาผ้าแพรผืนบางที่เอามาห่มให้มันใน
ตอนแรกมาใช้แทนเชือกเพื่อมัดมือของคนดื้อรั้นอย่างไอ้ท็อป
“มึงช่วยอยู่เฉยๆจะได้ไหม หยุดดิ้นได้แล้ว!” ผมตะคอกใส่ไอ้ท็อปที่พยายามจะแกะข้อมมือของตัวเองออกที่ถูกมัดติดอยู่
กับหัวเตียงนอน
“ฮึก ทำไมมึงถึงต้องทำแบบนี้ด้วยวะไอ้เมฆ” ไอ้ท็อปถามผมทั้งๆที่ตอนนี้น้ำตาของมันกำลังคลออยู่เต็มหน่วยตาพร้อมกับ
สายตาที่ดูตัดพ้อของมันที่ส่งมาทำให้ผมเริ่มใจไม่ดี
“คือกู” ผมได้แต่อำอึ้งไม้รู้จะพูดอะไร กลัวว่าถ้าหากผมพูดอะไรออกไปอาจจะทำให้อีกคนไม่พอใจผมหรือร้องไห้ ผมไม่
ต้องการเห็นน้ำตาของไอ้ท็อป
“ถ้ามึงจะช่วยกูเพราะสงสาร กูขอเถอะนะเมฆ ปล่อยให้กูทรมานไม่ต้องมาสงสารกู” ไอ้ท็อปเอ่ยอย่างตัดพ้อ ก่อนที่มันจะ
หันหน้าหนีซ่อนหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกจากดวงตาคู่งามคู่นั้น ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือไปจับใบหน้าของไอ้ท็อปให้หันมามอง
ผม ก่อนจะเอื้อมนิ้วโป้งไปปาดหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลอาบสองข้างแก้มนั้นอย่างทะนุถนอม
“กูไม่ได้ทำเพราะกูสงสาร”
“แต่กูทำเพราะ.........................” ผมเว้นวรรคประโยคเอาไว้ อีกคนเลยเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ผมจึงคลี่ยิ้มบางๆส่งให้
พร้อมๆกับโน้มตัวไปจุมพิตที่น่าผากเนียนนั่น ก่อนจะไล่ลงมาจูบซับหยาดน้ำตา ซึ่งอีกคนก็หลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างไม่ขัดขืน
จากนั้นผมจึงหันไปกระซิบบอกข้างหูของอีกคนว่าที่ผมทำลงไปนั้นมันเพราะอะไร..........................
“เพราะกูรักมึง มึงได้ยินไหมท็อปว่ากูรักมึง รักมากและรักมานานแล้วด้วย” ผมเอ่ยบอกเสียงหนักแน่นเพียงเพื่อให้อีกคน
เชื่อมั่นในสิ่งที่ผมพูด ก่อนที่ผมจะหันกลับมาสบตาของอีกคนที่ตอนนี้กำลังเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“มึงว่าอะไรนะ!” ไอ้ท็อปกระพริบตาปริบๆก่อนจะเอ่ยถามผม นั่นยิ่งทำให้ผมมองว่ามันแม่งโคตรน่ารักเลยจริงๆ
“ก็กูบอกว่ากูชอบมึไง กูชอบมึง กูชอบมึง กูชอบมึง กูชอ-”
“พอเลยไอ้สัด! หูกูไม่ได้หนวกได้ยินชัดทุกคำไม่ต้องพูด!” ไอ้ท็อปตะโกนหน้าดำหน้าแดง
“ทำไมหรือมึงเขิน?” ผมลองถามแหย่ๆไอ้ท็อป
“เออดิ! เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ” ไอ้ท็อปที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดพูดอะไรออกไปก็รีบพูดปฏิเสธแทบจะทันที แต่คือ ไม่ทันแล้วว่ะมึง
ฮ่าๆๆๆ
“เหรอออ แล้วสรุปว่ามึงก็เข้าใจกูแล้วใช่ไหมว่ากูไม่ได้ทำแบบนี้เพราะความสงสาร แต่ที่กูทำเพราะกูรักมึงแล้วมึงล่ะคิด
อะไรกับกูนอกจากคำว่าเพื่อนรึเปล่าเพราะถ้าไม่ กูจะได้วางตัวกับมึงได้ถูก” ผมถามออกไปเพราะที่ผ่านมาผมก็มีมันเป็นเพื่อน
สนิทเพียงคนเดียว ถ้าหากว่ามันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับผม ผมจะได้วางตัวได้ถูกและเลือกที่จะปฏิบัติตัวกับมันแค่ในฐานะเพื่อน
“คือกู..........” ไอ้ท็อปเอ่ยแค่นั้น ก่อนจะเบนสายตาเพื่อหลบตาผมที่จ้องมองมันอยู่ แค่นี้ผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าผมควรวาง
ตัวเองให้อยู่ในฐานะอะไร ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับทำใจยอมรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“เฮ้ย! มึงอย่าทำหน้าเหมือนหมาขาดอาหารเม็ดแบบนี้ดิวะ คือกู กูยังไม่ได้ปฏิเสธมึงสักหน่อย อย่าคิดเองเออเองดิวะ”
“ที่กูจะบอกมึงอ่ะ คือกู เอ่อ เหี้ยมึงอย่าจ้องดิวะ กูก็เขินเป็นนะเว้ย คือกู กูก็ชอบมึง จบนะ!!” ไอ้ท็อปบอกผม ก่อนที่หน้า
มันจะซับไปด้วยสีแดงระเรื่อชวนมอง ผมค่อยๆคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อสิ่งที่คิดมันเป็นแค่ความคิดที่คิดไปเองของผม
“มึงนะมึง มึงทำให้กูใจไม่ดี กูจะเอาคืนมึงให้สามสมเลย”
“อะ ไอ้บ้าเมฆ อ๊ะ อ๊า อ๊า ให้บ้า กูเจ็บ!” ไอ้ท็อปสบถลั่นเมื่อผมก้มลงไปกัดยอดอกสีชมพูสวยหวานของมัน ก่อนจะค่อยๆ
ลากลิ้นไล้วนเบาๆเพื่อสร้างความเสียวซ่านให้กับอีกคนได้รู้สึกดีและผมก็เชื่อว่ามันได้ผลสุดๆ
“อืมม อะ อ๊ะ อ๊า อ๊า อะ ไอ้ เมฆ กู อืมม กู เสียว ไอ้สัด!”
“งั้นวันนี้มึงต้องทำเป็นตัวเป็นเด็กดีของกู” ผมว่า ก่อนจะก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอหอมหวานที่ผมปรารถนาที่จะครอบครอง
มันมานานแสนนาน จนสุดท้ายความปรารถนาของผมก็เป็นจริง
“อืม อ๊ะ กูจะยอมเป็นเด็กดี อืมม ของมึง อ๊า ตลอดไป”
ว่ากันว่าความรักก็มักไม่มีนิยามตายตัวต่อให้ความรักที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะมาเพราะความผิดพลาด แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น
สำคัญหากว่าเสียงของหัวใจของคนทั้งสองนั้นเต้นสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน................................
นำตอนพิเศษคุณสะใภ้ที่รักมาเสิร์ฟให้กับคนอ่านที่น่ารักแล้วนะคะ หลังจากที่ดีสผลัดวันประกันพรุ่งเหลือเกิน 55555
ตอนนี้เป็นเรื่องราวพิเศษๆของพี่ท็อปกับพี่เมฆเนอะเพราะดีสเห็นมีหลายคนสงสัยว่าพี่ๆทั้งสองไปมีซัมตองกันตอนไหน ฮ่าๆๆ
เอาเป็นว่าตอนนี้กระจ่างกันแล้วเนอะ อิอิ ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะคะ ถ้าหากว่าไม่เป็นการรบกวนดีสก็ขอฝากติดตาม
เรื่อง #จอมใจ อีกสักเรื่องนะคะ พิมพ์หาว่า จอมใจ By Hades ก็ขึ้นค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณ
จริงๆที่ติดตามนะคะ ขอบคุณคอมเม้นที่มาเรื่อยๆนะคะ ในเรื่องต่อๆไปดีสจะปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ ^^