คุณสะใภ้ที่รัก by Hades 20 (ตอนจบ) + SP Love is not mistake หน้า 6 240858
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ถ้าหากดีสรวมเล่มนิยายเรื่องคุณสะใภ้ที่รักมีใครสนใจสั่งจองกันบ้างไหมคะ

สนใจค่ะ
28 (80%)
ไม่สนใจค่ะ
7 (20%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 35

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณสะใภ้ที่รัก by Hades 20 (ตอนจบ) + SP Love is not mistake หน้า 6 240858  (อ่าน 101196 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                ตอนที่ 8 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ.........

            ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ที่ผมเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านสุริยศักดิ์ภายใต้การทดสอบการเป็นว่าที่ลูก

สะใภ้(จำเป็น)ของคุณผู้หญิงแห่งบ้านสุริยศักดิ์ ที่โดนทดสอบได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่คนอย่างไอ้ป๊อบก็รอดตายมาได้ทุกครั้ง ไม่ใช่

เพราะโชคช่วยหรือดวงดี แต่เพราะตัวผมเองนี่แหละ ทำไงได้ก็อยากมีว่าที่ลูกสะใภ้ที่ฉลาดเป็นกรดที่เอาคืนคุณหญิงแม่กลับไป

ได้ทุกครั้งที่เราต้องปะทะฝีมือและฝีปากกัน

      “วันนี้พี่ภามไม่ไปทำงานเหรอ” ผมที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นอีกคนยังนอนอยู่ที่เตียงและไม่มี

วี่แววว่าจะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงานเหมือนทุกๆวันเอ่ยถามขึ้น แต่อีกคนกลับส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นนั่งขยี้หัวตัวเอง

สองสามทีแล้วเดินตรงมาหาผม ก่อนจะ

        ฟอด! และจากนั้นอีกคนก็เดินเข้าห้องน้ำไป

        มันเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันที่ไอ้หื่นนั่นต้องตื่นมาและหอมแก้มผมทุกๆเช้าซึ่งในช่วงแรกๆผมก็ขัดขืนอยู่หรอก แต่คน

อย่างอย่างไอ้หื่นนั่นน่ะเหรอที่จะยอมให้ผมขัดขืนเพราะถ้าผมขัดขืนมันก็จะอ้างว่าจะลดเงินเดือนลง ไอ้เวร! ไอ้หื่นเอ้ย! จนตอนนี้

ผมโดนมันหอมทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ชินที่ถูกไอ้หื่นนั่นหอมหรอกนะ แต่ก็รู้ว่าถ้าขัดขืนไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเพราะคน

อย่างไอ้หื่นน่ะเผด็จการตัวพ่อสัดๆ   

        ผมเดินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะไม่รู้ว่าวันนี้ต้องรับมืออะไรอีกบ้าง ถ้ารู้ว่ามันจะหนักหนาสาหัสขนาดนี้ผมคงกลับ

ไปทำงานที่ร้านพี่โก้เหมือนเดิมน่าจะดีกว่า แต่พอพูดถึงพวกพี่ๆก็นึกถึงไอ้มิ่งเพราะไม่รู้ตอนนี้มันเป็นยังไงบ้างเพราะเห็นมันบอกว่า

ปิดเทอมคราวนี้ก็คงจะหางานพิเศษทำเหมือนกัน

        ผมเลยเดินตรงไปที่เตียงนอนก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงที่เตียงและโทรหาเบอร์ไอ้น้องรหัสสุดรักเพราะไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะตาย

ไปแล้วหรือยัง

      “ฮัลโหลมิ่ง นี่เฮียป๊อบนะ” ผมว่าเมื่อเห็นว่าปลายสายที่โทรไปกดรับแล้ว

      “ครับเฮียมีอะไรรึเปล่า” ไอ้มิ่งพูด แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบที่มันอยู่คงจะเสียงดังไม่น้อยเพราะถึงขั้นแทรกเข้ามาใน

สาย

      “แหม เฮียโทรหาน้องรหัสบ้างไรบ้างไม่ได้เหรอแล้วตอนนี้มิ่งอยู่ที่ไหนเนี่ยทำไมเสียงมันถึงได้ดังอย่างนี้วะ” ผมถามไอ้มิ่ง

เพราะดูเหมือนว่าเสียงจะดังมากขึ้นด้วย

      “อ๋อ มาตลาดให้แม่น่ะเฮีย พอดีแม่ให้มาซื้อของไปทำกับข้าวเช้านี้แล้วเผอิญมิ่งเดินผ่านร้านที่แม่ค้าเขาทะเลาะกัน เออนี่

แปบนะเฮีย” ไอ้มิ่งว่า ก่อนเสียงในสายที่ดังในตอนแรกจะค่อยๆซาลงไป เออ แบบนี้สิค่อยยังชั่วหน่อย

      “ดีขึ้นไหมเฮีย” ไอ้มิ่งถาม ผมเลยส่งเสียงตอบรับในลำคอว่าดีขึ้นกว่าในตอนแรก

      “ว่าแต่เฮียโทรมามีอะไรเหรอหรือว่าวันนี้พี่ท็อปเขานัดกินเลี้ยงที่ไหนอีก” ไอ้มิ่งถาม

      “เปล่าหรอก พอดีช่วงนี้เฮียว่างเลยโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเฉยๆ” ผมตอบ ก่อนที่จะได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะร่วน

อ้าว ไอ้น้องเวร พี่อุตส่าห์เป็นห่วงดันมาขำใส่ซะนี่ เดี๋ยวเหอะมึงกลับไปกูจะสั่งให้มึงแทงปลาไหลโชว์สาว!

      “อย่างเฮียเนี่ยนะที่จะโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบ ปกติโทรมาไม่ชวนกินเหล้าก็ชวนไปหลีสาว วันนี้มาแปลกแฮะ” อ้าว สรุปที่

ผ่านมาที่กูชวนมึงนี่มันไม่ดีเลยใช่ไหม กูชวนมึงไปกินเหล้าเพื่อเข้าสังคม ส่วนที่ชวนไปหลีสาวเป็นการสร้างมนุษยสัมพันธ์ต่อเพศ

ตรงข้าม มันไม่ดีตรงไหนเนี่ย

      “พอดีเฮียมีเรื่องขอคำปรึกษาหน่อยน่ะ” ผมบอกไอ้มิ่งเสียงเครียด มันเลยหยุดหัวเราะแต่ส่งเสียงแปลกใจมาแทน

      “อย่างเฮียป๊อบเนี่ยนะมีเรื่องขอคำปรึกษา สงสัยดวงอาทิตย์จะต้องตกทางทิศตะวันออกแน่ๆเลย” ไอ้มิ่งว่า

      “ไมวะ คนอย่างเฮียป๊อบจะมีเรื่องกลุ้มใจไม่ได้เลยเหรอไง แล้วถ้ามึงจะสงสัยมากกกกว่าดวงอาทิตย์จะตกทางทิศตะวันออก

จริงๆไหมนะ กูแนะนำว่าว่างๆมึงก็โทรเลขไปถามมันเองก็แล้วกันจะได้รู้ว่ามันจะตกทางทิศตะวันออกจริงหรือเปล่า” พอผมพูดจบ

ไอ้น้องรหัสตัวดีก็ดันกวนตีนผมโดยการหัวเราะใส่ ไอ้ห่ากูจะขอคำปรึกษาจากมึงได้ไหมเนี่ย

      “คร๊าบๆ งั้นเฮียจะมาปรึกษามิ่งวันนี้เลยไหมล่ะ พอดีวันนี้มิ่งว่างทั้งวัน” ไอ้มิ่งว่า ดีเหมือนกัน ผมกำลังต้องการที่ปรึกษาอยู่

พอดี

      “อืม งั้นเจอกันที่ร้านพี่โก้ก็แล้วกันนะ” พอตกลงเรื่องเวลาและสถานที่กับไอ้มิ่งจบผมก็วางสาย โดยไม่รู้ว่าคนที่เดินไปอาบน้ำ

ในตอนแรกอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วมายืนกอดอกจ้องหน้าผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่ด้านหน้า

      “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” ผมถามไอ้หื่นภามยิ้มๆเพราะดูเหมือนมันจะมีรังสีอะไรบางอย่างพวยพุ่งมาจากตัวของไอ้หื่นที่พร้อม

จะสังหารและทำลายล้างผมได้ทุกเมื่อ(นี่กูดูการ์ตูนแปลงร่างมากเกินไปใช่ไหมเนี่ย)

      “โทรหาใคร” ไอ้หื่นไม่ยอมตอบคำถามที่ผมถาม แต่กลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามมาถามผมแทน

      “ตอบไม่ตรงคำถาม อย่างนี้ถือว่ามีพิรุธ” ผมว่า ไหนๆก็เรียนมันมาทางด้านนี้แล้วเอาวิชาออกมาใช้ซะหน่อยเผื่อจะรอดตายได้

บ้าง

      “นายก็ตอบไม่ตรงคำถามอาจจะทำให้รูปคดีถูกบิดเบือนไปจากความจริงก็ได้นะ” โอ้โห มาเป็นชุดเลยครับพี่ท่าน ไอ้เราก็ลืม

ไปว่าเพิ่งอยู่ปีสอง แต่ไม่เป็นไรขอใช้สมองอันน้อยนิดที่เคยได้ร่ำเรียนมาโต้อีตาหื่นนี่กลับไปสักหน่อย

      “พี่ก็ตอบไม่ตรงคำถามเหมือนกัน นอกจากจะมีพิรุธแล้วยังอาจจะโดนข้อหาให้ความเท็จแก่เจ้าพนักงานก็ได้นะ บอกป๊อบมา

เถอะว่าเป็นอะไรเนี่ย” ผมถามเข้าเรื่องเพราะขี้เกียจมาเล่นบททนายโหดกับอีกคน

      “ก็ถ้าพี่ถามป๊อบก็ตอบพี่มาก่อนสิว่าป๊อบโทรหาใคร” อีกคนไม่ยอมที่จะตอบคำถามผม

      “โอเค ป๊อบตอบก็ได้ เมื่อกี้ป๊อบโทรคุยกับน้องรหัส มีเรื่องกลุ้มใจอยากจะปรึกษา แล้วพี่ล่ะเป็นอะไรจ้องป๊อบอย่างจะกิน

เลือดกินเนื้อเนี่ย ไม่ใช่ว่าพี่หึงป๊อบนะ” ผมตอบ ก่อนจะหรี่ตาจับผิดอีกคน แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆออกมา

      “พี่แค่ไม่ชอบที่ว่าที่สะใภ้โทรศัพท์ไปคุยกับผู้ชายคนอื่นก็เท่านั้น” ไอ้หื่นว่า สงสัยว่ามันคงจะเล่นจนอินกับบทมากเกินไป

รึเปล่า เอาเถอะเอาที่คุณพี่คิดว่าสบายใจเถอะ

      “ไปตลาดกัน” ผมเอ่ยออกมาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราเถียงกันจะเป็นจะตาย เออกูนี่ก็บ้าเนอะถียงเขาอยู่หยกๆก็ชวนเขาไปตลาด

      “ไปทำไมแล้วนึกยังไงถึงอยากจะไป” ไอ้หื่นถาม แหม ถามเป็นชุดเลยนะ

      “ก็พอดีว่าวันนี้เป็นวันเกิด” ผมตอบ ไอ้หื่นเลยเลิกคิ้วมองผม

      “เกิดอยากจะไปเดินตลาดไง” ผมตอบ นี่ไม่ได้กวนนะ แต่เห็นคนอื่นเขาเล่นมุกนี้กันเลยอยากเล่นบ้างก็เท่านั้น

      “เหอะ กวนตีนนะไอ้แสบ” ไอ้หื่นภามเดินมาดีดหน้าผาก ก่อนจะว่าผมแล้วก็เดินเลยไปหยิบกุญแจรถที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง

      “อ้าว มัวยืนรออะไรอยู่ล่ะหรือว่ารอให้แม่มาตัดริบบิ้นล่ะครับน้องป๊อบ อย่าเอ๋อไปเร็วเดี๋ยวตลาดก็วายหมดหรอก” มึงเหอะที่

กวนตีน ไอ้หื่นภาม

        หลังจากที่ผมโดนไอ้หื่นภามนั่นหลอกด่าและลากพามาที่รถเราทั้งคู่ก็มุ่งหน้าสู่ตลาดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านของไอ้หื่น

โชคดีที่วันนี้ผมตื่นเร็ว(สงสัยคงชิน)เลยมาทันตลาดไม่วายเสียก่อน

        ทันทีที่ลงมาจากรถผมก็ตรงดิ่งไปที่ร้านกาแฟชาชักเพราะเมื่อก่อนตอนผมเรียนมัธยมต้นที่สุพรรณผมก็ไปช่วยคุณลุงแถว

บ้านที่รู้จักกันขายชาชักที่ตลาดใกล้บ้าน ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นงานแรกที่ตัวเองทำและหาเงินมาได้

      “เอ่อ...คุณลุงครับคือจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าเกิดว่าป๊อบจะขอเป็นคนทำชาชักช่วยคุณลุงขาย” ผมรีบตรงดิ่งเข้ามาหาเป้า

หมายก็เห็นว่าเป็นคุณลุงที่ดูจะอายุมากยืนทำโชว์ลีลาก็คงจะไม่ไหว ผมก็เลยขออาสาเอาวิชาความรู้ที่เคยได้ร่ำเรียนมามาช่วยคุณ

ลุงทำอย่างน้อยผมก็รักในอาชีพนี้

      “เอาสิพ่อหนุ่ม ว่าแต่เราเถอะ ทำเป็นด้วยเหรอ” คุณลุงถามผมยิ้มๆเพราะสมัยนี้มีน้อยคนนักที่จะทำของแบบนี้เป็น

      “งานถนัดเลยล่ะครับ คุณลุงสบายใจหายห่วงได้เลยนะครับ” ผมตอบคุณลุง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือโชว์ความสามารถให้

คุณลุงได้ดูก็ถูกคนที่มาด้วยกันเรียกทักไว้ซะก่อน ขัดจังหวะคนโชว์หล่อหมด วู้!

      “จะทำอะไรป๊อบ ไปรบกวนคุณลุงเขาเอาเปล่าๆ ผมต้องขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ” ไอ้หื่นภามหันมาว่าผมก่อนจะหันไป

ขอโทษคุณลุง แต่คุณลุงกลับส่ายหัวยิ้มๆ

      “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ช่วงนี้ลุงแข้งขาก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรได้พ่อหนุ่มน้อยคนนี้มาช่วยถือว่าโชคดีมากเลยล่ะ” คุณลุงว่า

ผมเลยหันไปยิ้มเยาะว่าผมไม่ได้ไปรบกวนคุณลุงเขาสักหน่อยดีเสียอีกที่ลุงจะได้พักผ่อนบ้าง

      “แล้วเราทำเป็นด้วยเหรอ” ไอ้หื่นภามหันมาถามผม โอโห ถามอย่างนี้มันดูถูกความสามารถของพี่เกินไปซะแล้วไอ้น้อง อยาก

รู้ว่าพี่ทำเป็นไม่เป็นเดี๋ยวพี่ก็จัดให้น้องได้ดูกันไปเลย

      “อยากรู้ว่าป๊อบทำเป็นไม่เป็นพี่ภามก็ต้องช่วยป๊อบก่อนสิแล้วเดี๋ยวพี่ภามก็จะได้รู้ว่าคนอย่างป๊อบระดับเซียนเรียกพี่เลยล่ะ”

ผมว่าก่อนจะยักคิ้วส่งไปให้ อีกคนเลยได้แต่ทำหน้าแปลกใจ

                    ไม่ต้องแปลกใจหรอกไอ้น้องเดี๋ยวเราก็ได้รู้เอง

     
                         

      “เอาเร่เข้ามาครับพ่อแม่พี่น้อง เร่เข้ามากันเลยครับ วันนี้ทุกๆท่านนอกจากจะได้สั่งกาแฟชาชักสูตรอร่อยระดับเซียนเรียกพี่กัน

แล้ว ทุกๆคนยังจะได้ชมลีลาการทำชาชักที่เรียกได้ว่าคนผู้นี้มีฝีมือดีที่หาตัวจับได้ยากมาก ถ้าหากว่าใครไม่อยากพลาดก็เร่กันเข้า

มาสั่งซื้อกาแฟแล้วทุกท่านก็จะได้เห็นลีลาเด็ดของนักชงชาชักคนนี้ อย่ามัวรอช้าสองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาสั่งกาแฟ

กันเร็วครับ” ทันทีที่เสียงของไอ้หื่นภามพูดจบผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ค่อยเดินเดินเข้ามาที่ร้าน

        หลังจากที่ผมบอกให้ไอ้หื่นให้ไปเป็นพิธีกรของร้านคอยเรียกลูกค้าให้เข้าร้านเพราะเดี๋ยวผมต้องโชว์ฝีมือการชงชาชักให้ทุก

คนที่มาซื้อกันเจ้าตัวก็ปฏิเสธท่าเดียว แต่คนอย่างไอ้ป๊อบซะอย่าง ถ้าโน้มน้าวใครแล้วไม่มีใครไม่ให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน

        แต่จะว่าไปผมก็อดสงสารอีกคนไม่ได้ จากเจ้าของธุรกิจพันล้านต้องมาเป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้านกาแฟชาชักข้างทาง เอา

เถอะ ถือซะว่ามันเป็นความน่ารักไปอีกแบบ

        ส่วนผมที่ตอนนี้แต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับโชว์ความสามารถของตัวเอง ก็เดินออกมาหน้าร้านพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาล

กับผ้าคาดผมสีขาวและอุปกรณ์ในการชงชาชัก ส่วนไอ้หื่นที่ยืนเรียกลูกค้าพอเห็นผมเดินมาก็เรียกให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจ

กับผม

      “เร่เข้ามาเลยครับ ต่อจากนี้ทุกท่านจะได้ชมกับทำชาชักจากนักชงชาขั้นเทพคนนี้กันเลย” สิ้นเสียงของอีกคน คนที่เดินอยู่ใน

ละแวกใกล้เคียงก็ต่างพากันมาหยุดดูผมที่กำลังจะโชว์การชงชาชัก แต่จะว่าไปผมก็อดที่จะประหม่าไม่ได้เมื่อเห็นคนหมู่มากมา

มุงดู

      “มิวสิค!” ผมหันไปบอกอีกคนและไม่นานเสียงเพลงยอดฮิตติดชาร์ตที่ใครได้ยินก็ต้องลุกขึ้นมาดีดดิ้นตามจังหวะความมันส์

ของทำนองเพลง ส่วนผมก็ทำการโชว์ลีลาชาชักกันอย่างมืออาชีพ

        ผมเทชาจากกระบอกหนึ่งลงอีกกระบอกพร้อมกับยกสูงและหมุนตัวพร้อมกับสลับมือเปลี่ยนข้างตามความเร็วและความสนุก

ของจังหวะเพลงพร้อมกับออกสเตปแดนซ์ จนเพลงจบการโชว์ลีลาการชงชาชักของผมก็จบลงไปแล้วก็ตามมาด้วยรอยยิ้มและ

เสียงปรบมือที่ดังระงมขึ้นและแน่นอนมันก็จะตามมาด้วยคนจำนวนมากที่กรูกันเข้ามาสั่งกาแฟจนผมกับไอ้หื่นช่วยกันทำแทบ

ไม่ทัน มีผมเป็นคนชง มีไอ้หื่นเป็นผู้ช่วยและไม่นานร้านของคุณลุงก็ขายกาแฟหมดภายในพริบตาเดียว

      “ขอบคุณนะครับ ไว้โอกาสหน้าแวะมาอุดหนุนที่ร้านนี้อีกนะครับ” ไอ้หื่นเอ่ยบอกลูกค้าพร้อมกับส่งถุงกาแฟไปให้สาวสวยที่

เป็นลูกค้าคนสุดท้ายของร้าน ส่วนสาวเจ้าที่โดนหนุ่มหล่อส่งของให้หน่อยก็อายบิดม้วนจนตัวจะเป็นเกลียวอยู่แล้ว

      “ลุงต้องขอบคุณพ่อหนุ่มทั้งสองคนมากนะที่ยอมเหนื่อยมาช่วยลุงขายกาแฟ” คุณลุงบอกผมกับไอ้หื่นหลังจากที่เราลากเก้าอี้

มานั่งคุยกับคุณลุง

      “ไม่เป็นไรครับคุณลุง ผมว่ามันก็สนุกดีออก” ไอ้หื่นตอบคุณลุง พร้อมกับส่งยิ้มให้คุณลุง มันเป็นยิ้มที่ดูมีความสุข ผมก็เพิ่ง

เห็นรอยยิ้มของอีกคนที่เป็นแบบนี้ก็วันนี้แหละ

      มันแปลกตาเพราะผมไม่เคยเห็น แต่มันก็น่าแปลกใจที่มันทำให้อีกคนดูเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือการที่ผม

นั่งมองรอยยิ้มนั้นของอีกคนอย่างไม่วางตา.............ผมว่า...มันน่ามองดีนะ

        เหมือนผมจะมองเพลินจนเกินไปรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมเลยได้ก้มหน้าตา

หลับตาปี๋เพราะไม่รู้ว่าอีกคนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆทำไม

        เฮ้ย! ไอ้หื่นอย่ามาทำอะไรบ้าๆที่นอกบ้านแบบนี้นะ ไหน...ไหนจะคุณลุงร้านกาแฟชาชักอีก หยุดยื่นหน้าเข้ามาใกล้เดี๋ยวนี้

นะไอ้หื่น ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้!

        ผมได้แต่สบถด่าอีกคนในใจ แต่แล้วความคิดบ้าๆของผมก็ต้องหยุดลงเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆมาปะทะเข้าที่ใบหน้า

ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมองหาที่มาของความเย็น จนมาพบว่าคนที่ผมสบถด่าเสียๆหายๆอยู่ในใจกำลังเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดหน้า

ให้ผม ก่อนจะผละไปแล้วมองหน้าผมยิ้มๆ

      “พอดีพี่เห็นว่าป๊อบเหงื่ออกเยอะ พี่คิดว่าคงจะเหนื่อยเลยเอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้” ไอ้หื่นว่า ผมเลยเงยหน้าขึ้น

มาดูก็พบว่ามันจริงอย่างที่อีกคนบอก ก่อนที่ผมจะมองเลยไปเห็นลุงเจ้าของร้านกาแฟที่อมยิ้มแต่ไม่ได้มองมาที่ผมกับไอ้หื่น

        ฉ่า!

        ตอนนี้ผมรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองมันร้อนแปลกๆ ผมเลยพยายามไม่มองหน้าของอีกคนที่มองผมอยู่อย่างยิ้มๆเพราะผมรู้ตัว

ดีว่าหน้าผมมันคงขึ้นเป็นริ้วแดงๆแน่ๆ เลยขอกลบอาการของตัวเองทำทีว่าจะไปรออีกคนที่รถน่าจะดีกว่า

      “ป๊อบรู้สึกร้อนแล้วล่ะ ป๊อบว่าเรากลับบ้านกันดีไหม เดี๋ยวป๊อบไปรอพี่ภามที่รถนะ” ผมบอกอย่างเร็ว แต่ก็ไม่ลืมยกมือไหว้คุณ

ลุงเจ้าของกาแฟแล้วรีบเดินออกไป แต่ก็ยังได้ยินเสียงของอีกคนแว่วๆว่าตอนนี้กำลังลาคุณลุงเจ้าของร้านกาแฟอยู่

      “ผมไปก่อนนะครับคุณลุงเดี๋ยวแฟนรอนาน” ไอ้หื่นบอกคุณลุง ไอ้บ้าเอ้ย! ใครเขาเป็นแฟนนายกัน ไอ้หื่นภาม ไอ้คนโกหก

ไอ้เสลดเป็ด ไอ้งามไส้

      “โชคดีนะพ่อหนุ่ม ว่างๆก็แวะมาช่วยลุงขายอีกนะแล้วก็รีบตามแฟนไปเร็วๆล่ะป่านนี้คงอายหน้าแดงเดินกลับบ้านไปแล้วล่ะ

ม้างงงงง ฮ่าๆๆ” โอ๊ย! คุณลุงนี่ก็อีกคน เอาเข้าไป เอาให้ไอ้ป๊อบอายตายกันไปข้างเลย!



                           
        ทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็รีบลงรถแล้วก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันทีเพราะรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองยังน่าจะยังแดงอยู่เลยไม่

อยากให้อีกคนได้เห็น แต่ก็ต้องไปเจอคุณหญิงแม่กับสาวสวยที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้ป๊อบก็คงจะรีบ

กระโจนเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ของสาวเจ้ามาไว้ในครอบครองแล้ว แต่เผอิญว่าตอนนี้ความอยากรู้มันมีมากกว่าความอยากได้

 ผมเลยหยุดเดินแล้วยืนดู แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่หันมามองเห็นผมที่ยืนอยู่พอดี คุณหญิงแม่เลยส่งยิ้มที่เหนือกว่ามาให้ผม


                                                      แต่ไอ้ที่ว่าเหนือกว่า เหนือกว่าเรื่อง?

      “อ้าว ตาภามมาโน่นพอดีเลยหนูตา” คุณหญิงแม่หันไปบอกผู้หญิงคนที่คุยด้วยเมื่อครู่ ผมจึงหันไปมองก็เห็นว่าอีกคนเดินตาม

หลังเข้ามา ทั้งคุณหญิงแม่และผู้หญิงคนนั้นก็รีบเดินมาหาไอ้หื่นนั้นทันที ส่วนเจ้าตัวก็คงจะงงๆ แหงล่ะเพราะถ้าเป็นผม ผมก็งง

เหมือนกัน

      “ตาภามนี่หนูรมิตานะ ตอนนี้น้องกำลังเรียนคณะวิทยาศาสตร์ปีสอง ยังไงซะก็ทำความรู้จักกันไว้เพราะแม่ว่าเราทั้งสองคน

คงจะสนิทกันอีกนาน” คุณหญิงแม่ว่า ก่อนจะปรายตามองมาที่ผม อย่างนี้คุณหญิงแม่คงจะจับคู่ให้ไอ้หื่นภามแน่ๆ

      “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณรมิตา” เป็นผมที่เอ่ยทักทายคนที่คุณหญิงแม่แนะนำให้ไอ้หื่น จนทำให้คนอื่นๆหันมามอง

โดยเฉพาะคุณหญิงแม่ที่มองผมอย่างรักใครเอ็นดูประหนึ่งปานจะกลืนกินกันเลยทีเดียว

                                                   สงสัยไอ้ป๊อบคงจะได้ทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างก็คราวนี้แหละ!!









แหะๆ มาแล้วจร้าา มีตัวละครเพิ่มมาอีกหนึ่ง บางคนอาจจะสงสัย เอ๊ะ! คุณหญิงแม่กำลังคิดจะทำอะไร  แล้วรมิตานางมาที่นี่ทำไม

เพื่ออะไร จะมีมาม่ามาให้จี๊ดใจกันไหม และอาจมีมีคำถามอีกมากมาย ถ้าอยากรู้ก็ไม้รอติดตามตอนต่อไปกันนะคะ วันที่ 14 เมษา

ได้รู้แน่ว่านางมาเพื่ออะไร อิอิ ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามและให้แง่คิดดีๆผ่านคำคอมเม้นนะคะ ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ

ปล.สวัสดีปีใหม่(ไทย)ล่วงหน้านะคะ ขอให้คนที่รักพี่ภามหลงน้องป๊อบทุกคนมีความสุข ไม่เจ็บไม่จน รวยๆๆๆยิ่งๆๆๆขึ้นไปกันทุก

คนนะคะ วันนี้ขอกล่าวคำว่า ฝันดีราตรีสวัสดิ์คร่าาาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
ตอแหลประดุจปลาไหลได้อย่างสวยงามมาตลอดเลยนะคะแหม่น้องป๊อบ เจ๊จะรอดูว่าหนูจะไม่ตกหลุมรัก 'ผู้ชายอบอุ่น' ได้ยังไง 555
ว่าแต่...หนูเก่งเรื่องชาชักแบบนัี้ ระวังต้องไป 'ชัก' ให้ใครบางคนนะคะ
ปล.14 เมษานี่ยาวนานเหมือนกันนะคะT^T

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
55555อ่านครั้งเดียวเลย สนุกมากๆๆๆๆ ขอบคุณผู้เขียนนะค่ะเขียนดีๆแบบนี้สนุกมากจริง อย่างทิ้งเรื่องนี้ไปนะค่ะ ขอตามติดขอบสนามเลยนะ ชอบบบบบบแม่ปัวกะลูกสะใภ้คนนี้แล้วสิ o13

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุณหญิงแม่มั่นใจเหรอคะว่าจะทำอะไรน้อง
ป๊อบได้จริงๆ อ่ะค่ะ?? อยากจะระเบิดหัวเราะให้ดังๆ เสียจริงเชียวน้า :laugh3: ไม่อยากจะคิดเลยว่ารมิตาจะมีชะตากรรมแบบไหน เมื่อได้ปะทะกับน้องป๊อบ.. ที่แน่ๆ คงจะแซ่บจนถึงใจเลยเชียวล่ะเน้ออ~

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องป๊อบอย่ายอมนะครับ สู้ๆ สู้ให้เต็มที่ เพราะสิ่งที่ได้มามันจะคุ้มค่ามากกว่าเงินเดือน 3 แสน อีกแหนะ
ได้สามีที่แสนดี อิอิ ฟินจะตาย

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
พี่ภามน่ารักจังเลย ชอบแล้วแหละแบบเนี้ย ป๊อบสู้ๆศึกครั้งนี้ยังอีกยาวไกล 555

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
งานเข้าเรื่อยๆ เลยนะ ป๊อบ

หึหึ

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
เมียพี่ภามสู้ๆ ก๊ากๆๆๆ เรื่องนี้สนุกอะช๊อบชอบ

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
คุณหญิงจัดหนักเลย ป๊อปสู้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
บางทีป็อปก็แรงเกินนะ  อ่อนน้อมบ้างก็ดีนะ อ่อนให้แบบเป็นต่อน่ะ  มันจะดูดีมากๆเลย

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ป๊อปแสบแบบน่ารัก แต่บางทีก็แรงไป ผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยโอ แต่คุณหญิงแกก็ตั้งแง่ แต่ดูแล้วไม่น่ามีอะไรนะ รอตอนต่อไปคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืม รอดูว่าจะมีสงครามรึเปล่าละเนี้ย

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                         ตอนที่ 9 จุดประสงค์ที่แท้จริง.........

      “ตาภามตักเกี๊ยวให้หนูรมิตาหน่อยสิลูก”

      “ครับแม่”

      “ตาภามตักผัดอันนี้ให้หนูตาหน่อยสิลูก หนูตาคงตักไม่ถึง”

      “ครับแม่”

        และ ตาภามตักอันนั้น อันนี้ให้หนูรมิตาหน่อยสิลูก เป็นคำพูดของคุณหญิงแม่ที่เราทุกคนได้ยินตลอดระยะเวลาที่นั่งทาน

อาหารมื้อกลางวันกัน ส่วนไอ้หื่นที่ถูกคุณหญิงแม่สั่งก็ยอมทำตามทุกอย่าง ทุกประการไม่มีขัดแต่อย่างใด ผมที่นั่งร่วมโต๊ะกับคุณ

หญิงแม่ ไอ้หื่น ไอ้ภัทร แล้วก็แขกที่คุณหญิงแม่พามาร่วมโต๊ะด้วย แทบอยากจะลุกออกจากโต๊ะอาหารเพื่อออกไปอาเจียนให้มัน

รู้แล้วรู้รอดไปเลยเพราะอะไรมันจะเวอร์ขนาดนั้น ผมล่ะอยากรู้จริงๆเลยว่าหนูรมิตาของคุณหญิงแม่เนี่ยจะตักอาหารไม่ถึงไปซะ

ทุกอย่างจริงๆเลยน่ะเหรอถึงจะต้องคอยให้คนอื่นตักบริการให้ตลอด เห็นแล้วไอ้ป๊อบพูดเต็มปากเต็มคำว่า หมั่นไส้!

      หลังจากที่ผมกับไอ้หื่นไปตลาดกลับมาก็เจอคุณหญิงแม่กับแขกคนพิเศษที่ท่านอยากจะให้ไอ้หื่นได้ทำความรู้จักแบบใกล้

ชิด สนิทสนม ให้ตายเถอะเด็กอนุบาลมันยังรู้เลยว่าคุณหญิงแม่พาผู้หญิงคนนี้มาทำไม แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งร่วมโต๊ะ

ทานอาหารมื้อกลางวันที่สุดแสนพิเศษที่ไม่มีใครเขาเชิญ แต่ผมก็อยากร่วมเองเพื่อที่จะได้ดูท่าทีของคุณหญิงแม่ว่าคราวนี้จะมา

ไม้ไหน แต่ที่แน่ๆผมอยากจะถีบไอ้คนที่คอยบริการตักอาหารให้คนอื่น โดยลืมสนใจแฟนอย่างผมถึงแม้จะเป็นแฟนจำเป็นก็เถอะ!

 เห็นแล้วไอ้ป๊อบหงุดหงิดโว้ย!

      “เป็นเหี้ยไรมึง” ไอ้ภัทรที่นั่งข้างๆผมก้มลงมากระซิบถาม

      “เป็นคน” ผมตอบไอ้ภัทรน้ำเสียงหงุดหงิด ใช่! ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิดถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรที่ทำให้ผม

หงุดหงิดก็เถอะ ส่วนเหตุที่ไอ้ภัทรก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผมได้ทั้งๆที่ปกติแล้วผมกับมันจะนั่งตรงข้ามกันเพราะผมจะต้องนั่งข้าง

ไอ้หื่น แต่คราวนี้มันมีสาเหตุมาจากคุณหญิงแม่ที่จัดแจงให้หนูรมิตาคนโปรดไปนั่งข้างไอ้หื่นและเนรเทศผมให้มานั่งข้างไอ้ภัทร

แทน ส่วนตัวเองก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ถูกอกถูกใจที่ดูสองคนนั้นคอยบริการตักอาหารให้กันและกันอย่างมีความสุข

                                                          เหอะ ระวังสำลักความสุขนะครับคุณหญิงแม่!

      “หรา! แต่มือมึงนี่กำช้อนบ้านกูซะแน่นมากเลยนะเว้ย กูว่านะ ถ้าช้อนบ้านกูเป็นแบบพลาสติคมันคงจะหักคามือมึงแล้วแหละ

ไอ้ป๊อบ มึงหึงพี่กูกับคุณรมิตาก็บอกมาเถอะ” ไอ้ภัทรก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผมด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ผมเลยจัดให้มันสักหนึ่ง

ดอก โทษฐานที่คำพูดมันไม่เข้าหู โดยการประเคนฝ่าเท้าของผมไปบนฝ่าเท้าของมันอย่างไม่ยั้งแรง

      “โอ๊ย!” ไอ้ภัทรร้องเสียงหลงทันทีที่ถูกผมเหยียบเท้าเข้าเต็มแรงเลยทำให้ตอนนี้ทุกคนในโต๊ะหันมามองมันอย่างสงสัย

มันเลยได้แต่ยิ้มแหยๆพร้อมกับแก้ตัวว่าที่มันร้องเสียงหลงก็เพราะมดกัด ซึ่งผมคิดว่าคำแก้ตัวของไอ้เพื่อนรักมันดูเป็นคำแก้ตัวที่

น่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวมากเลย มึงคิดได้ไงวะเพราะขนาดกูที่เป็นเพื่อนมึงยังไม่คิดที่จะแก้ตัวแบบนั้นเลย

      “เล่นแรงนะมึง ไอ้ป๊อบ ไอ้เพื่อนเวร หึงแล้วชอบทำร้ายร่างกาย คอยดูกูจะฟ้องเฮียให้จัดหนักให้มึง คอยดูสิ” ไอ้ภัทรก้มลง

มากระซิบที่หูผมอย่างคาดโทษที่โดนผมฝากรอยเท้าไว้ที่เท้ามันเต็มๆ กลัวตายล่ะมึง!

      “ห่าไรมึงเนี่ยก็มึงกวนตีนกูก่อนแล้วที่สำคัญพี่มึงเกี่ยวไรด้วย” ผมว่า

      “เกี่ยวดิก็เขาเป็นว่าที่สามีมึงไงเกี่ยวเต็มๆเลย” ไอ้ภัทรว่า ก่อนจะหันกลับไปก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็

อยากจะเอาช้อนในมือมาเขกหัวมันให้ช้อนหักคามือไปเลย ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคนอื่นๆที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย ไม่งั้นหัวไอ้ภัทรได้บวม

ปูดเพราะฝีมือของผมแน่!

      “นี่ตาภามหนูรมิตาเนี่ยทั้งเรียนเก่ง หน้าตาดี มีความเป็นผู้ดี ทำอาหารก็เก่ง จัดดอกไม้ก็สวยมากด้วยนะลูกมากกว่าใครบาง

คนซะอีกล่ะ” คุณหญิงแม่พูดก่อนจะปรายตามองมาที่ผม นั้นไงโดนแขวะเลยกู ส่วนหนูรมิตาของคุณหญิงแม่ก็ยิ้มรับที่โดนชม
 
                                      แหมหน้าชื่นตาบานทั้งคนชมแล้วก็คนถูกชมเลยนะคร๊าบบบบบ

      “งั้นเหรอครับคุณหญิงแม่อย่างนี้ก็ดีเลยสินะครับ คุณรมิตาครับ ยังไงป๊อบก็ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยคนนะครับเพราะ

ที่คุณหญิงแม่พาคุณรมิตามาที่นี่ก็คงเป็นเพราะอยากจะให้ป๊อบที่เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ได้เป็นงานบ้านงานเรือนที่พอแต่งงานกับพี่ภาม

ไปจะได้คอยช่วยดูแลพี่ภามได้ ป๊อบนี่ต้องขอบคุณคุณหญิงแม่มากเลยนะครับที่ช่วยหาครูมาสอนป๊อบ คุณหญิงแม่นี่ใจดีจริงๆ

เลยนะครับ” ผมพูดกับคุณหญิงแม่ ก่อนที่ผมจะหันไปพูดฝากเนื้อฝากตัวกับคุณรมิตาพร้อมกับเน้นสถานะของตัวเองให้ชัดเจน

ส่วนคุณเธอก็ดูตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะสงสัยคุณหญิงแม่คงจะยังไม่ได้บอกสถานะของผมให้กับอีกคนได้รู้ เธอถึงได้มีสีหน้า

ประหลาดใจแบบนั้น ก่อนจะยิ้มรับและพยักหน้าลงเล็กน้อยและจากนั้นผมก็ไม่ลืมหันไปขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่างคุณหญิงแม่ที่

ตอนนี้หน้าตึงเพราะไปฉีดน้องโบว์หรือตึงเพราะผมก็ไม่รู้ แต่ที่ผมรู้ท่านคงจะพยายามเก็บอาการที่โกรธผมโดยไม่แสดงออกมา

ต่อหน้าแขกอยู่เป็นแน่ ไอ้ภัทรที่นั่งข้างๆก็สะกิดผมยิกๆ ผมเลยหันไปมอง มันเลยก้มมากระซิบที่ข้างหูผม

      “มึงนี่สุดยอดฝุดๆเลยว่ะเพื่อน เล่นเอาแม่กูนี่หน้าตึงไปเลย” ไอ้ภัทรบอกผมอย่างอึ้งๆในความสามารถพิเศษของผม ผมเลย

ยักคิ้วส่งไปให้

      “อะแฮ่ม!” ไอ้หื่นกระแอมไอทำให้ผมกับไอ้ภัทรต้องหันไปมอง ไม่ทราบว่าส้นเท้าติดคอเหรอหื่น!? ผมล่ะอยากจะถาม

คำถามนี้กับไอ้หื่นภามจริงๆ

      “เป็นอะไรไปครับพี่ภาม อะไรติดคอเหรอครับ” ผมกัดฟันถามอีกคน แต่อีกคนก็ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ คุณหญิงแม่ก็พูดขัด

ขึ้นมาเสียก่อน

      “แม่ว่าเราคงไม่ต้องกินข้าวกันแล้วล่ะ ไปตาภามพาหนูตาเดินดูรอบๆบ้านดีกว่า แม่หมดอารมณ์ที่จะกิน!” คุณหญิงแม่ว่า

 ก่อนจะเดินกระแทกเท้าตึงตังออกไป เอ่อ...ผมล่ะอยากจะถามคุณหญิงแม่จริงๆนะครับว่า ตอนสาวๆคุณแม่นี่เป็นติสต์ตัวแม่รึ

เปล่าครับเพราะขนาดกินข้าว แค่ตักข้าวเข้าปากแล้วก็เคี้ยวๆๆ ยังต้องใช้อารมณ์กันเลย คุณหญิงแม่นี่ท่าจะหนักนะเนี่ย

      “เอ่อ...ตาขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ที่โต๊ะอาหารเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกเดินตามคุณหญิงแม่ออกไปจึง

ทำให้ที่โต๊ะเหลือแค่ผม ไอ้ภัทรแล้วก็ไอ้หื่นภาม

        ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าตอนนี้ใกล้จะบ่ายสองแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงจะถึงเวลานัดกับไอ้มิ่งที่ร้านพี่โก้เลยคิดจะ

ออกไปหามันที่ร้านพี่โก้ตอนนี้เลยน่าจะดีกว่า ไปนั่งรอไอ้มิ่งที่ร้านพี่โก้แก้เซ็งดีกว่าเพราะถึงร้านพี่แกจะเปิดตอน 2 ทุ่ม

แต่สำหรับน้องนุ่งแล้วจะไปกี่โมงพี่แกก็ยินดีต้อนรับเสมอแล้วยิ่งตอนนี้ผมรู้สึกเหม็นหน้าใครบางคนเลยไม่อยากจะอยู่บ้านสัก

เท่าไร

        ผมตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะทานข้าวเพื่อออกไปร้านพี่โก้เพื่อขอคำปรึกษาอะไรบางอย่างจากไอ้น้องรหัสสุดรัก

แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อคนที่ผมเหม็นหน้าในตอนนี้เอ่ยเรียกทักไว้

      “ไม่ทราบว่าน้องป๊อบจะไปไหนครับ” อีกคนถามผมเสียงเรียบ ผมก็ไม่ได้อยากจะตอบคำถามอะไรของไอ้หื่นภามนี่สักเท่าไร

 ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นแค่ลูกจ้างเขาเพราะถ้าจ้างให้ผมก็ไม่ได้อยากพูดกับไอ้คนแบบนี้ แค่เห็นหน้าก็หมั่นไส้

      “ป๊อบจะไปไหนมันก็เรื่องส่วนตัวของป๊อบ พี่ภามควรจะเอาเวลาไปดูแลคุณรมิตาน่าจะดีกว่าเพราะเดี๋ยวถ้าไม่รีบไปคุณหญิง

แม่ก็อาจจะว่าเอาได้นะครับ เฮ้ย! ไอ้ภัทรไปธุระส่วนตัวเป็นเพื่อนกูหน่อย” ผมตอบไอ้หื่นอย่างเซ็งๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเหน็บแนมอีก

คน ขอสักทีเถอะ!

        จากนั้นผมจึงหันไปเรียกไอ้ภัทรที่ทำหน้าเหรอหราไม่ยอมลุกขึ้นมาตามที่ผมเรียก ผมเลยจำต้องไปลากไอ้เพื่อนรักพร้อม

ขยิบตาให้มันลุกเดินออกมาพร้อมกัน ก่อนจะก้มลงที่หูของไอ้ภัทรกระซิบบอกสถานที่ที่ผมจะไป ซึ่งในตอนแรกมันก็ยังคงงงๆที่

ผมคิดยังไงจะไปร้านพี่โก้แต่หัววันแบบนี้ แต่พอผมบอกเหตุผลว่านัดไอ้มิ่งเอาไว้มันเลยยอมพาไป
 
        แต่แน่นอนว่ามีเหรอไอ้เรื่องเผือกๆอย่างนี้ ไอ้ภัทรแห่งบ้านสุริยศักดิ์คนนี้จะไม่พลาดเพราะทันทีที่ผมกับมันขึ้นรถมุ่งหน้าไป

ร้านพี่โก้มันก็เล่นซักผมซะเป็นทางยาว จนผมอดไม่ได้ที่ต้องเอื้อมมือไปชกเข้าที่ต้นแขนมันเบาๆ  ข้อหาเผือกเกินหน้าเกินตา!

      “มึงจะซักกูให้ขาวเลยใช่ไหมวะไอ้ภัทร คนยิ่งเครียดๆอยู่” ผมบ่น ก่อนจะมองมันตาขวางเพราะขนาดผมว่ามันมันยังไม่หยุด

ความพยายามที่จะซักผมต่อ ถามจริงวิญญาณผู้พิพากษาเข้าสิงเหรอไงมึง ซักกูซะ!

      “มึงก็บอกกูมาสิว่ามึงเครียดเรื่องอะไรเพราะเรื่องแม่มึงก็หมดห่วงไปแล้วเพราะเฮียกูเขาก็ดูแลเรื่องค่ารักษากับจ้างพยาบาล

พิเศษมาดูแลให้ ส่วนเรื่องไอ้ปิ๊กมึงก็ไม่มีอะไรต้องเครียดเพราะเฮียกูเขาก็จัดเตรียมเรื่องค่าใช้จ่ายเอาไว้ให้ รอแค่ให้มันมาที่

กรุงเทพฯก็เท่านั้น” ไอ้ภัทรหันมาพูดกับผมพร้อมกับหันกลับไปมองถนนด้านหน้าเป็นระยะๆ ส่วนผมก็หันมองออกนอกหน้าต่าง

เพราะมันก็จริงอย่างที่ไอ้ภัทรว่า ตอนนี้ผมหมดห่วงเรื่องของแม่กับน้องแล้วมันก็ไม่น่ามีอะไรที่ทำให้ผมเครียดหรือหงุดหงิด

แต่ผมรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้ผมเครียดและหงุดหงิดแถมยังต้องขอคำปรึกษาจากคนอื่น เพียงแต่ผมไม่อยากที่จะยอมรับ

มันก็เท่านั้นเอง

      “มันก็มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ทำให้มึงเครียดแล้วก็หงุดหงิดอยู่ในตอนนี้” ไอ้ภัทรหันมามองผมซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับ

ที่รถติดไฟแดง ผมจึงหันกลับมามองตามเสียงของไอ้ภัทร ก่อนที่มันจะพูดต่อ

      “เรื่องของเฮียภามใช่ไหม” ไอ้ภัทรถามผมเสียงเรียบ ซึ่งผมก็ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไรหรอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง

      “เพื่อนกูนี่แสนรู้ เอ้ย! ฉลาดรอบรู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆเลยเนอะ” ผมว่ายิ้มๆ ไอ้ภัทรจึงหันมามองค้อนผม มันไม่ได้ดูน่ารักสัก

นิดเลยมึง เหอะๆ แต่ไม่นานมันก็กลับมายกยิ้มภูมิใจในตนเองแทน

                                                         ผมว่ามันไม่เต็มกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ

      “กูจะถือว่านั่นคือคำชมของมึงที่ชมกู เอาล่ะเรื่องที่มึงจะไปขอคำปรึกษาจากไอ้มิ่งก็คือเรื่องของเฮียภามใช่ไหม”

ไอ้ภัทรถาม ก่อนจะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเป็นสารถีที่ดีต่อเมื่อไฟจราจรให้สัญญาณไฟเป็นสีเขียว

      “อืม” ผมตอบไอ้ภัทร ก่อนที่มันจะยกยิ้มและเลิกเซ้าซี้ในการซักฟอกผม

      “งั้นก็มุ่งหน้าสู่ร้านพี่โก้กันเลยนะครับ คุณว่าที่พี่สะใภ้” ไอ้ภัทรว่าล้อๆ ผมเลยยกนิ้วกลางแสดงความรักส่งไปให้มัน ส่วนมันก็

นั่งหัวเราะน้ำตาเล็ดมีความสุขในการขับรถพาผมไปที่ร้านพี่โก้ แต่ตัวผมเองนี่สิที่ยังคงนั่งเครียดและหวังว่าไอ้น้องรหัสสุดรักของ

ผมมันจะช่วยอะไรผมได้บ้าง....................










                           

      “เอ่อ...พี่ภามเป็นอะไรรึเปล่าคะ ตาเห็นพี่นั่งเหม่อตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว” ผมหันกลับไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นหญิงสาวที่นั่ง

ร่วมโต๊ะทานมื้อกลางวันเมื่อครู่เอ่ยถามขึ้นและถ้าจำไม่ผิดคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าเธอจะชื่อ รมิตา

      “อ๋อ เปล่าครับ พอดีพี่คิดเรื่องงานอยู่” ผมโกหกอีกคนคำโตเพราะจริงๆแล้วผมกำลังคิดถึงเรื่องของไอ้เด็กแสบที่อยู่ดีๆก็มา

อารมณ์เสียตีรวนผมไปหมดทั้งๆที่เมื่อเช้ายัง.........น่ารักอยู่เลยแท้ๆ

      “อย่างนั้นเหรอคะ” เธอพูดเหมือนไม่เชื่อในคำตอบของผม ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนตรงข้ามกันกับผม

        หลังจากที่ไอ้เด็กแสบออกจากบ้านไปทำธุระส่วนตัว โดยลากไอ้ภัทรออกไปเป็นเพื่อน คุณหญิงแม่ก็ใช้คนให้มาตามผมพา

ให้รมิตาไปเดินเล่นรอบๆบ้าน จากนั้นผมจึงเลือกที่จะพาเธอมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน ก่อนที่ผมจะหยุดนั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้

เพื่อนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวจนกระทั่งเธอเดินมาทัก

      “พี่ภามกำลังไม่สบายใจเรื่องของป๊อบอยู่เหรอคะ” หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามผม จึงทำให้ผมต้องละสายตาจากต้นไม้ที่นั่ง

มองอยู่หันกลับมามองเธออย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่เพราะผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ

      “ทำไมน้องตาถึงคิดว่าพี่กำลังคิดถึงเรื่องของป๊อบอยู่ล่ะครับ” ผมถามลองเชิงคนตรงหน้า

      “แววตาของพี่ยังไงล่ะคะ” ผู้หญิงตรงหน้าตอบผมพร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ถูกส่งมาจากเธอ ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เธอพูดเพราะ

ถึงแม้ผมจะไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่แน่นอนว่าต่อให้คนเราเป็นคนที่เย็นชาแค่ไหนก็มีสิ่งเดียวที่เราไม่สามารถปกปิดมันได้ นั่น

ก็คือ............แววตา ของเรา

      “สมแล้วนะครับที่น้องตาเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ช่างสังเกตจริงๆ” ผมตอบ เธอจึงพยักหน้าลงเล็กน้อยแทนคำขอบคุณ

      “งั้นตาขอถามอะไรพี่ภามหน่อยนะคะ” ผู้หญิงตรงหน้าผมเอ่ยถามขึ้น ผมจึงพยักหน้าให้เธอถามคำถามนั้น

      “พี่ภามชอบ....ไม่สิต้องเป็น พี่ภามรักป๊อบใช่ไหมคะ” จู่ๆเธอก็ถามคำถามนี้กับผม ซึ่งมันก็น่าแปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะ

เธอเป็นคนที่คุณแม่ต้องการพามาให้ทำความรู้จักและสร้างความสนิทสนมกับผม แต่ทำไมเธอถึงเลือกถามคำถามนี้กับผมกัน

      “ไม่ต้องมองตาอย่างสงสัยแบบนั้นก็ได้ค่ะ ตาไม่ได้คิดอะไรกับพี่ภาม ตามีแฟนอยู่แล้วค่ะ แต่คุณป้าท่านคงจะยังไม่รู้แล้วยิ่ง

ตาได้มาเจอกับคนที่แฟนตารู้จักด้วย อย่างนี้ตาก็ยิ่งอยากจะช่วยค่ะ” คนที่รมิตารู้จัก ใครกันเพราะที่แน่ๆคงไม่ใช่ผมหรือว่าอาจจะ

เป็น.....ไอ้เด็กแสบ! แต่แล้วทำไมเธอถึงอยากจะช่วยล่ะ เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

      “แล้วทำไมน้องตาถึงไม่บอกคุณแม่ไปล่ะครับว่าน้องตามีแฟนแล้ว แล้วทำไมถึงต้องช่วยแล้วช่วยเรื่องอะไร” ผมถาม เธอจึง

ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนสิ่งที่เรากำลังคุยกันมันเป็นเพียงแค่เรื่องขบขัน แต่สำหรับผม ผมไม่ได้รู้สึกขบขันเลยสักนิด

      “เรื่องบอกคุณป้าว่าตามีแฟน ตาบอกแน่ค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่เรื่องที่ตาจะช่วยคือตารู้ว่าตอนนี้คุณป้ากำลังอคติกับป๊อบ

 ตาก็จะช่วยพูดให้คุณป้าเลิกอคติและลดทิฐิลงบ้าง ส่วนอีกเรื่องที่ตาจะช่วยคือ ป๊อบเป็นคนรักครอบครัวและคนดีอย่างป๊อบก็ควร

ที่จะได้คนดีอย่างพี่คอยดูแล มันก็มีแค่นี้แหละคะจุดประสงค์ทั้งหมดที่ตาจะทำให้สำเร็จ” รมิตาบอกผม แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ว่าถ้าอยากจะช่วยให้ผมกับป๊อบรักกันและให้คุณแม่ลดทิฐิในเรื่องป๊อบ ทำไมถึงไม่บอกคุณแม่ล่ะว่าเธอมีคนรักแล้ว แบบนี้คุณแม่

อาจจะเข้าใจผิดแล้วเรื่องราวก็อาจจะไปกันใหญ่ก็ได้

      “แต่พี่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมน้องตาถึงไม่ยอมบอกคุณแม่ว่าน้องตามีคนรักแล้วเพราะถ้าหากคุณแม่เข้าใจผิด น้องตากับ

แฟนอาจจะต้องทะเลาะกันก็ได้นะครับ” ผมบอกเธอด้วยความหวังดี

      “เรื่องแฟนตา ตาโทรบอกเขาเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ตาบอกตั้งแต่ที่คุณป้าชวนมาทานข้าวที่บ้านนี้ ส่วนเรื่องที่พี่ภามกลัวว่าจะมี

ปัญหา กลัวว่าคุณป้าจะคลุมถุงชนเราสองคน ตาเชื่อว่าเรื่องนี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นค่ะเพราะตาจะใช้เวลาให้เร็วที่สุดในการทำให้

พี่กับป๊อบรู้ใจตัวเองให้ได้ อย่างน้อยๆให้อีกคนได้รู้ใจของตัวเองก็น่าจะยังดี” อีกคนตอบ

      “แล้วน้องตามีวิธีอะไรเหรอครับ” ผมถาม เธอจึงทำหน้าจริงจังก่อนจะตอบคำถามที่ผมถาม

      “วิธีของตาคือ ตอนนี้ตารู้แล้วว่าพี่คิดยังไงกับป๊อบ แต่สำหรับป๊อบ ตาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ตาเลยอยากจะให้เราสองคนแกล้ง

ทำเป็นสนิทกัน อย่าเพิ่งต่อต้านว่าวิธีนี้ของตามันจะงี่เง้า ปัญญาอ่อนและไร้สาระนะคะ” เธอพูดขัดขึ้นเหมือนจะรู้ทันว่าผมจะ

ทักท้วง ผมจึงต้องจำใจฟังเธอพูดให้จบ

      “คนเรา ถ้าหากว่าไม่ได้รักหรือไม่ได้มีความสนใจในตัวของอีกคนก็จะไม่แสดงท่าทีออกมาว่าหึงหรือหวง อาทิเช่น โวยวาย

ใส่เราอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อรู้ว่าเรากำลังสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง”  โวยวายใส่เราอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อรู้ว่าเรากำลังสนใจคนอื่น

มากกว่าตัวเอง ผมลองทวนประโยคที่น้องตาพูดซ้ำๆ ซึ่งเหมือนมันจะคุ้นๆ มันเหมือนผมจะเคยเห็น เหมือนกับว่ามันเพิ่งจะผ่าน

มา..........เมื่อครู่นี้เอง

      “อืม ฟังดูแล้วพี่ก็ว่ามันไม่ได้ไร้สาระอย่างที่คิดไว้เลยนะ” ผมบอกอีกคนยิ้มๆ คนที่อยู่ตรงหน้าผมจึงฉีกยิ้มกว้างที่ผมเห็นด้วย

กับความคิดนี้ของเธอ

                                                     เอาวะ! อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้!!






















มาต่อให้แล้วนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่หายไปนาน พอดีว่าอินเตอร์เน็ตมีปัญหาเพิ่งใช้ได้วันนี้จริงๆ พอใช้ได้ดีสก็รีบอัพนิยายลง

ให้เลยนะคะ ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งเก๊าน้าาาาาาา ดีสไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้เด็ดขาดค่ะ รับรอง ไม่ดองด้วย แต่ในช่วงนี้อาจจะอัพสักช่วง

เวลาประมาณนี้นะคะเพราะดีสมีเรียนซัมเมอร์ช่วงเช้ากว่าจะเลิกก็เย็น แถมอาจารย์ยังสั่งการบ้านอีก ฮือออออๆๆๆๆ ขอโทษจริงๆ

นะคะ ขอโทษด้วยค่ะ :mew2: :mew2: :mew2:

ปล.อันนี้ลองถามเกริ่นๆดูนะคะ ถ้าดีสจะรวมเล่มเรื่องนี้แล้วเปิดให้สั่งจอง มีใครจะสนใจกันบ้างไหมคะ ลองเม้นๆดูได้ค่ะ o13

ปล.2 เดี๋ยววันนี้จะอัพเพิ่มให้อีกกี่ตอนไม่รู้(55555)ถือเป็นการชดเชยที่หายหน้าหายตาไปนานนะคะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                           ตอนที่ 10 ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก…......

            ระยะทางจากบ้านสุริยศักดิ์มุ่งหน้าสู่ร้านเรสเตอร์รองกึ่งบาร์ของพี่โก้ใช้ระยะเวลาไม่นานมากนัก เนื่องจากการจราจรบน

ท้องถนนในวันนี้ไม่ได้ติดขัดมากสักเท่าไรจึงทำให้เส้นทางที่ไอ้ภัทรใช้เดินทางมาร้านพี่โก้นั้นโล่งกว่าปกติ

      “บ่ายสามโมง”

        ผมยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูหลังจากที่ลงจากรถไอ้ภัทรเดินตรงเข้าร้านพี่โก้ ซึ่งพี่แกก็ออกมาต้อนรับขับสู้น้องนุ่ง

เป็นอย่างดีเพราะผมสั่งให้ไอ้มิ่งโทรบอกพี่โก้เอาไว้ล่วงหน้าว่าผมจะมาขอยืมสถานที่ในการใช้คุยธุระ ปรึกษาปัญหากันนิดหน่อย

 ซึ่งพี่โก้เองก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด แถมยังใจดีบอกโต๊ะที่ไอ้มิ่งจองไว้สำหรับคุยกับผมให้อีกด้วย

      “เดินตรงไปโต๊ะประจำเลยไอ้ป๊อบ น้องรหัสตัวดีของมึงยึดครองอาณานิคมไว้โน่นแล้ว” พี่โก้ชี้บอก ผมจึงเดินตามไปที่โต๊ะที่

พี่โก้บอกและยิ่งเป็นโต๊ะประจำของพวกเราด้วยแล้วยิ่งไม่ใช่ปัญหาที่จะเดินไปหาไอ้น้องรหัสตัวแสบเลย

        แต่พอผมเดินไปถึงที่โต๊ะก็แทบอยากจะหันหลังเดินถอยกลับออกไปนอกร้านทันที ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ไอ้ภัทรเดินมาตาม

หลัง แถมยังผลักให้ผมเดินต่อไปอีกด้วย

        ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผมแทบจะหันหลังกลับมันก็มีอยู่ไม่มาก ซึ่งมันเป็นข้อเดียวจริงๆก็คือ

      “อ้าวพี่เมฆ พี่ท็อป หวัดดีครับ” ไอ้ภัทรที่ยืนอยู่ด้านหลังผมเอ่ยทักทายพี่รหัสทั้งสอง ซึ่งก็นั่นแหละครับ พี่เมฆแล้วก็พี่

ท็อปนั่นแหละครับที่ทำให้ผมอยากจะหันหลังกลับออกไปจากร้านพี่โก้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ยิ่งถ้าออสโมซิสหายไปในโต๊ะได้

เลยยิ่งดี

      “อืม หวัดดี” พี่ๆทั้งสองยกมือขึ้นรับไหว้ ผมเลยยกมือไหว้พวกพี่เขาบ้างจะได้ไม่เป็นการเสียมารยาท

      “เฮียภัทร เฮียป๊อบ หวัดดีครับ” ไอ้มิ่งที่เอ่ยหวัดดีจากทางด้านหลังทำให้ผมกับคนที่เหลือต้องหันไปมองพร้อมกับทั้งผมและ

ไอ้ภัทรยกมือรับไหว้มันที่ตอนนี้เดินถือมาพร้อมกับถังน้ำแข็งใบเล็กที่สงสัยจะโดนพี่เมฆกับพี่ท็อปใช้ให้ไปเอา โอ้โห จะเมากัน

แต่หัววันเลยเหรอครับพี่น้อง?

      “มึงโทรบอกพี่เมฆกับพี่ท็อปเหรอไอ้มิ่ง” พอผมนั่งลงที่เก้าอี้ได้ ผมก็เริ่มถามคำถามกับไอ้มิ่งทันทีเพราะถ้าไม่ใช่มันแล้วพวก

พี่เมฆกับพี่ท็อปจะรู้เรื่องที่ผมนัดมันเพื่อมาปรึกษาปัญหาได้ยังไงกัน ส่วนพี่เมฆกับพี่ท็อปที่เข้ามาอยู่ในประโยคสนทนาของผม

กับไอ้มิ่งก็เลยเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย แต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไรกับผมเพราะคงเห็นว่าตอนนี้ผมกำลังเค้นถามไอ้น้องรหัสตัวดีอยู่

      “เปล่านะเฮีย พอมิ่งเข้ามาที่ร้านพี่โก้ก็เห็นพี่เมฆกับพี่ท็อปนั่งอยู่ในร้านก่อนแล้ว” ไอ้มิ่งรีบบอก ผมเลยมองมันอย่างไม่เชื่อ

      “ไม่ต้องมามองแบบไม่เชื่อใจกันเลย ถ้าเฮียไม่เชื่อนะ เฮียก็ถามพี่เมฆกับพี่ท็อปดูสิ” ไอ้มิ่งบุ้ยให้ผมไปถามพี่เมฆกับพี่ท็อป

พี่แกเลยรีบอธิบายให้ผมฟัง

      “พี่สองคนมาที่ร้านพี่โก้นานแล้ว ก่อนที่ไอ้มิ่งจะมาซะอีก” พี่เมฆเป็นคนตอบผม ผมเลยเลิกสงสัยเพราะคนอย่างพี่เมฆถึงจะ

กวนตีนไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยโกหกน้องนุ่ง

      “แน่นะพี่เมฆ” ผมถามย้ำเพื่อกันให้แน่ใจ คราวนี้ไอ้มิ่งเลยรอดตัวไป

      “ว่าแต่ทำไมมึงถึงไม่อยากให้พี่กับไอ้เมฆอยู่ที่นี่ด้วย มึงมีความลับอะไรรึเปล่าป๊อบ” พี่ท็อปถามผมอย่างสงสัย ทีงี้ล่ะเสือก

ฉลาด พี่กูหนอพี่กู

        ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะไม่รู้จะตอบพี่ท็อปยังไงดี ไอ้ความลับน่ะมันก็ไม่เชิงมีหรอกนะเพราะถ้าจะมีก็มีแต่

ไอ้เรื่องที่ยังบอกไม่ได้แล้วก็ยังไม่อยากบอกในตอนนี้มากกว่า

        ไอ้ภัทรที่นั่งอยู่ข้างผมจึงเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าผมกำลังหนักใจเพราะไม่รู้จะเริ่มว่ายังไงดี

      “ถึงเวลาที่มึงควรพูดได้แล้วนะเพื่อน ถ้ามึงคิดจะมาขอคำปรึกษาพวกพี่เขาอย่างน้อยๆ ถ้าพวกพี่ๆเขารู้เขาอาจจะช่วยมึงแก้

ปัญหาได้นะ หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวนะมึง ไอ้ป๊อบ” ไอ้ภัทรพูด ผมจึงหันไปมองหน้ามัน มันก็จริงอย่างที่ไอ้ภัทรมันว่าเพราะ

หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว แถมคนที่ผมเลือกขอคำปรึกษาก็เป็นรุ่นพี่ที่เคารพรักแล้วก็รุ่นน้องที่รู้จัก แต่ถ้าให้ผมเลือกที่จะ

ปรึกษาพี่เมฆกับพี่ท็อปนะ ผมว่าผมขอหัวเดียวกระเทียมลีบยังน่าจะดีซะกว่าเพราะดูท่านพี่แต่ละคนของผมสิครับ

                                       ไม่พาน้องบรรลัยก็ให้คำปรึกษาโคตรไร้สาระเลยแหละครับ

        ผมจึงนั่งชั่งใจอยู่ชั่วครู่ มีหันไปมองหน้าพี่เมฆ พี่ท็อปแล้วก็ไอ้มิ่งเป็นระยะๆเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าผมควรจะ

บอกหรือไม่ควรบอกดี

                                                จนกระทั่งผมรู้ว่าผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี.......................

      “เอาก็เอาวะ พี่เมฆ พี่ท็อปแล้วก็ไอ้มิ่ง ป๊อบมีเรื่องจะบอกและอยากจะขอคำปรึกษาหน่อย แต่พวกพี่ต้องสัญญาว่าจะไม่บอก

เรื่องนี้กับใครรวมทั้งมึงด้วยไอ้มิ่ง” ผมกำชับทุกคนเพราะผมยังไม่อยากจะให้คนอื่นๆรู้ว่าไอ้ยอดชายนายป๊อบที่มีเสน่ห์ดึงดูดสาวๆ

เหลือล้นต้องมาทำงานเป็นแฟนกำมะลอแถมแฟนก็ดันมาเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อีกต่างหาก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!!

      “รับทราบครับ!” พี่เมฆ พี่ท็อปแล้วก็ไอ้มิ่งรับคำ ก่อนจะทำท่ายกมือขึ้นตะแบ๊ะอย่างกวนๆ

        จากนั้นผมจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกพี่ๆแล้วก็ไอ้มิ่งฟัง ซึ่งในตอนแรกที่เริ่มเล่าพี่ท็อปถึงกับเอ่ยปากไม่เชื่อว่าผมจะ

ยอมรับงานแบบนั้น แต่ทำไงได้ล่ะพี่ งานดี เงินดีแบบนี้มันก็ไม่ได้หากันง่ายๆนะครับ แต่น่าโชคร้ายไปหน่อยที่นายจ้างของผมดัน

มาเป็นไอ้หื่นภาม ที่ชอบกวนประสาทผมแถมยังทำนิสัยหื่นๆกับผมอีกต่างหาก

      “แล้วที่มาเล่าปัญหาครอบครัวชีวิตคู่ ชีวิตรักของมึงกับพี่ชายไอ้ภัทรให้พวกกูฟังนี่ มึงจะให้พวกกูช่วยอะไรวะเห็นดูรักกันดีไม่

น่าจะมีปัญหานี่หว่า” ไอ้พี่ท็อปถามทันทีที่ผมเล่าเรื่องจบ ไอ้พี่เวร ไอ้ปากหมา ใครเขาไปเป็นครอบครัวเดียวกันกับไอ้หื่นนั่นกัน

เล่า!!

      “ไอ้พี่ปากเสีย ใครเขาไปมีชีวิตรักกับไอ้หื่- เอ่อ....พี่ชายไอ้ภัทรกันเล่า ป๊อบยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเราสองคนรักกันดี

อย่างที่พี่พูดเลยนะ อย่ามโนได้ป่ะ” ผมเน้นคำ ก่อนที่จะบอกให้ไอ้พี่ชายตัวดีของผมเลิกมโนสักที

      “มึงแก้ตัวอย่างนี้แสดงว่ามึงต้องมีโมนเม้นมุ้งมิ้งกับเขาใช่ปะล่ะ ถ้าไม่ใช่มึงคงไม่แก้ตัว แหมๆๆๆ เมื่อกี้พี่ได้ยินนะไอ้น้อง

มึงมีการแทนชื่ออีกคนเป็นสรรพนามที่ใช้เรียกกันแค่สองเราด้วยใช่ไหมล่ะ” ไอ้พี่ท็อปว่า แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าล้อผม

ผมอยากจะถามไอ้พี่ท็อปจริงๆว่า คำว่า ไอ้หื่น  ใครที่ไหนเขาใช้เรียกแทนตัวกันบ้างวะ? แต่ก็ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้ไอ้พี่ท็อป

กลับเสียงของพี่เมฆก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

      “แต่กูว่านะท็อป ถ้าน้องมึงไม่ได้มีปัญหาชีวิตรักกับแฟนมัน มันก็คงต้องมีปัญหาไม่ลงรอยกับแม่แฟนแน่ๆเลยว่ะ” ไอ้พี่เมฆ

หันไปถามไอ้พี่ท็อป โดยมีไอ้มิ่งพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

      “ใช่พี่ ไอ้ป๊อบกับแม่ไม่ค่อยถูกกัน แม่ภัทรเขาเป็นคนเรื่องเยอะ ส่วนไอ้ป๊อบ พวกพี่ก็รู้นิสัยมันอยู่นะ แม่ง ไม่ยอมคน ชอบ

เอาชนะ แม่ภัทรเลยไม่ชอบมัน” ไอ้ภัทรบอก คนที่เหลือก็พยักหน้าตามที่ไอ้ภัทรพูด พี่เมฆที่นั่งฟังไปคิดไป ขมวดคิ้วแทบผูกติด

กันเป็นโบว์ ครุ่นคิดเรื่องของผมเหมือนเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่โตที่ทำให้เหล่ามวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นสิ่งที่ต้อง

รีบกันแก้ไขกันโดยด่วน?

      “มึงกับเขารักกันดีไหมวะ” ไอ้พี่เมฆถาม หลังจากที่พี่มันนั่งคิดเรื่องของผมอย่างหนักพร้อมกับนั่งจ้องหน้าผมอยู่ตลอด

แต่โชคดีที่ผมเป็นคนไม่ใช่ปลาทองไม่งั้นผมคงท้องโตคลอดลูกเป็นสิบเอาไปตั้งเป็นทีมฟุตบอลแข่งกับชาริล ชัปปุยส์และเมสซี่

 เจได้แล้วล่ะ!?

      “นี่พี่ไม่ได้ฟังที่ป๊อบพูดใช่ป่ะว่าป๊อบไม่ได้รักพี่ชายไอ้ภัทร” ผมแย้ง พร้อมกับพยายามอธิบายให้พี่เมฆเข้าใจว่า..............

                                                          ผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้หื่นนั่น!!

      “แล้วมึงรู้เหรอว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรกับมึง” ไอ้พี่ท็อปถาม จนทำให้ผมต้องหันไปมอง

      “เอ่อ........” ทำไมผมต้องติดอ่างด้วยวะ? หรือว่าอาจจะเป็นเพราะบางครั้งที่ไอ้หื่นนั่นมันทำ

มันทำให้ผม ให้ผม ให้ผม

ให้ผม ..................เผลอคิด.........................

คิดเข้าข้างตัวเองว่ามัน.....ชอบผม...................

      “เอาเป็นว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชายไอ้ภัทรก็แล้วกัน” ผมบอก แต่ก็พยายามไม่สบตาของพี่เมฆที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

      “สิ่งที่หัวใจสั่งกับสิ่งที่สมองสั่งมันทำงานออกมามีประสิทธิภาพไม่เหมือนกันนะ สมองสั่งให้สู้ แต่ถ้าใจมันอ่อนล้า สุดท้ายมัน

ก็สู้ไม่ไหวหรือถ้าสมองสั่งให้ไม่รัก แต่หัวใจดันรัก ผลสุดท้ายมันก็ต้องกลับมาทำตามที่หัวใจของตัวเองสั่งอยู่ดี” พี่เมฆว่า

      “ทำไมพวกพี่ต้องยุให้ผมชอบพี่ไอ้ภัทรด้วยเนี่ย เขาเป็นผู้ชายนะพี่แล้วที่สำคัญป๊อบ-ชอบ-ผู้หญิง” ผมเน้นช้าๆชัดๆ

ไอ้พี่ท็อปที่นั่งฟังก็ถึงกับปล่อยขำออกมา ผมว่าผมก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนะ?

      “ก็เพราะพี่กูเป็นคนดี รักเดียวใจเดียวไม่ชอบโฉบเฉี่ยวเที่ยวราตรีปี้หญิงเหมือนใครบางคนไง” ไอ้ภัทรว่าแถมยังมีการปราย

ตามามองผมอีก มึงระบุตัวคนเถอะภัทรเพราะยังไงซะคนที่มึงหมายถึงก็คือกูอยู่ดี

      “ที่พวกพี่ยุก็เป็นเพราะว่าเขาน่าจะเป็นคนดี มึงลองคิดดูดีๆนะไอ้น้องรัก ถ้าเขาไม่ดีจริงเขาคงไม่ช่วยมึงหรอก” พี่ท็อปว่า

      “แต่เขาก็ได้ผลประโยชน์เหมือนกันนะพี่ พี่คิดดูเขาจ้างป๊อบให้มาเล่นเป็นแฟนกำมะลอเพื่อกันไม่ให้คุณหญิงแม่ของเขามา

จับคู่เขากับคนที่เขาไม่ได้รัก แต่ในระหว่างนี้เขาก็คงจะได้เจอคนรัก คน-ที่-เขา-รักและแน่นอนว่ามันไม่ใช่ป๊อบและจากนั้นพอ

หมดสัญญาหกเดือนเราทั้งคู่ก็จะยุติเรื่องบ้าๆนี้กัน ป๊อบก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตของป๊อบ ส่วนเขาก็คงจะได้ใช้ชีวิตรักกับคนที่เขารัก

 โดยที่ไม่ได้มาจากการเลือกของแม่เขา” ผมอธิบายให้พวกพี่ๆและคนที่เหลือเข้าใจในสิ่งที่ผมกับไอ้หื่นกำลังทำกันอยู่

      “ก็ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วมึงจะมาปรึกษาพวกพี่ทำไมล่ะเพราะยังไงมึงกับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว

 มึงจะมานั่งแคร์เรื่องแม่ของเขาทำไม แม่เขาไม่ชอบเรา เราก็ไม่ต้องแคร์เพราะยังไงซะเราก็ไม่ได้รักลูกชายเขาจริงๆอยู่แล้วนี่”

นั่นสิทำไมผมต้องมานั่งเครียด นั่งแคร์ด้วยนะทั้งๆที่ผมกับไอ้หื่นก็ไม่ได้.....รักกันอยู่แล้ว แต่ทำไมผมถึงหยุดเครียดไม่ได้สักที

      “นอกเสียจากว่า ตอนนี้มึงกำลังมีความรู้สึกดีๆให้กับเขามากกว่าที่มึงเคยรู้สึก” พี่ท็อปว่า ผมกำลังจะอ้าปากเพื่อปฏิเสธในสิ่ง

ที่พี่ท็อปพูด แต่น่าแปลกที่มันกลับไม่มีเสียงของผมเล็ดลอดออกมาเลยสักนิดหรือว่าสิ่งที่พี่ท็อปพูดมันอาจจะเป็นเรื่อง

จริง................

      “เอาเป็นว่าตอนนี้ป๊อบขอเวลาอีกสักนิดก็แล้วกันนะ” ผมบอกทุกคน ไอ้ภัทรเลยเอื้อมมือมาลูบหลังผมเพื่อให้กำลังใจ

ส่วนคนอื่นๆก็พยักหน้ารับในสิ่งที่ผมพูด

      “เออว่าแต่ ตอนนี้เฮียต้องการคำปรึกษาจากพวกเราเรื่องอะไรบ้างล่ะ” ไอ้มิ่งที่ไร้บทพูดมานานเอ่ยถามผม

      “เรื่องคุณหญิงแม่แล้วก็เรื่องผู้หญิงคนหนึ่ง” ผมบอก ไอ้มิ่งที่ได้ยินกลับเลิกคิ้วถามผมด้วยความสงสัย

      “เรื่องคุณหญิงแม่มิ่งก็เข้าใจนะเฮีย แต่เรื่องผู้หญิงนี่มันยังไงกันอ่ะ มิ่งงงมากกกกกก” ไอ้มิ่งถามผมหางเสียงยาวว่ามันงง

มากจริงๆ

      “ก็แม่ของพี่ไงเขากำลังจับคู่ให้เฮียกับคุณรมิตา” ไอ้ภัทรเป็นคนตอบไอ้มิ่ง ส่วนไอ้มิ่งที่ได้ยินชื่อรมิตาก็ถึงกับตาโตเท่าไข่

ห่าน

      “เป็นอะไรวะมิ่งได้ยินชื่อรมิตานี่ทำไมต้องตาโตด้วยวะ เขาเป็นแม่มึงรึไงถึงได้ตกใจขนาดนี้” ผมถามมันอย่างขำๆ แต่มัน

กลับเสือกพยักหน้ารับอีกต่างหาก

      “เฮ้ย! อย่าบอกนะว่ารมิตาเป็นแม่มึงน่ะ!!” ไม่น่าเชื่อว่ารมิตาเนี่ยนะจะเป็นแม่ของไอ้มิ่ง!! โถๆๆๆยังสาวยังสวยอยู่เลยไม่น่า

ไปมีลูกปัญญาอ่อนเป็นไอ้มิ่งเลย น่าสงสารเธอจริงๆ

      “เป็นแม่ในที่นี่หมายถึงแม่ของลูกมิ่งน่ะเฮีย แหะๆ” ไอ้มิ่งเฉลยพร้อมกับยิ้มแห้งๆส่งมาให้ทุกคน ผมอยากจะฆ่าไอ้น้องรหัส

อย่างไอ้มิ่งตอนนี้ผิดไหมเนี่ย ดูมันทำพูดอะไรก็ไม่กระจ่างทำให้คนอื่นเขาหัวใจจะวายเข้าใจผิดกันไปใหญ่

      “ไอ้เวร ใครเป็นพี่รหัสมึงเนี่ยมิ่งพูดซะพวกพี่ตกอกตกใจหมด คราวหน้าคราวหลังจะพูดหรือจะทำอะไรกรุณาขอให้เคลียร์

หน่อยนะไอ้น้อง ดูหน้าไอ้ป๊อบนี่อย่างกับลิงอดแดกกล้วย เหวออย่าบอกใครเลย ฮ่าๆๆ” ไอ้พี่ท็อปแม่งต้องเลี้ยงสุขนัขไว้ในปาก

เป็นฝูงแน่ๆถึงได้คอยเห่าคอยหอนได้ตลอดแบบนี้เนี่ย!

      “อย่ามาพูดแมวๆแบบนี้ดิพี่ท็อป ป๊อบไม่ได้เหวอขนาดนั้นนะ ว่าแต่พี่เหอะไปด่าพี่รหัสมันทั้งๆที่มันก็เป็นหลานรหัสพี่” ผมว่า

ไอ้พี่ท็อปกลับ คราวนี้หน้าไอ้พี่ท็อปพูดไม่เข้าคายไม่ออกเพราะสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง พี่เมฆที่นั่งฟังพวกเราทะเลาะกันก็หลุด

ขำเมื่อพี่ท็อปโดนผมเล่นกลับบ้าง เป็นไงล่ะไอ้พี่ท็อปหัวเราะทีหลังดังกว่าแถมพวกยังเยอะกว่าด้วย ฮ่าๆๆๆๆ

      “ไอ้เชรี่ยเจ็บ!” เสียงของพี่เมฆร้องดังลั่นเมื่อถูกพี่ท็อปกระแทกศอกเข้าสีข้างของตัวเอง จากนั้นก็ดูเหมือนจะมีสงคราม

ขนาดย่อมเกิดขึ้นระหว่างพี่เมฆกับพี่ท็อป แต่ยังไม่ทันที่สงครามจะได้เริ่มก่อตัวไอ้มิ่งที่นั่งมองอยู่นานก็พูดขัดศึกครั้งนี้ก่อน

      “ผมว่าพวกพี่เลิกไร้สาระกันแปบนะ” สิ้นเสียงของไอ้น้องรหัสตัวดีของผม พี่เมฆกับพี่ท็อปได้แต่มองหน้ามันอย่างเหวอๆที่

ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูดออกมาแบบนั้นกับพวกรุ่นพี่

      “ขอโทษคร๊าบบบบ พอดีมิ่งลืมตัว แหะๆ” ไอ้มิ่งที่รู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปก็รีบยกมือขึ้นไหว้ปลกๆเป็นการ

ขอโทษขอโพย พี่ท็อปเลยชี้หน้าคาดโทษมัน ก่อนจะกลับเข้าสู่เรื่องของผมต่อ

      “คือตอนนี้มึงมีสองเรื่องที่ต้องการคำปรึกษาใช่ป่ะไอ้ป๊อบ” พี่ท็อปถาม ผมจึงพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็เป็นพี่เมฆที่พูดต่อ

จากพี่ท็อปรับกันอย่างกับลูกคู่

      “เรื่องแรกคือคุณหญิงแม่ ส่วนเรื่องที่สองก็คือรมิตา” ผมก็พยักหน้ารับเช่นเดิม

      “เรื่องที่สองเฮียไม่ต้องห่วงเพราะตาเป็นแฟนมิ่งแล้วเขาก็โทรมาบอกมิ่งเหมือนกันเรื่องที่มีญาติผู้ใหญ่มาขอความช่วยเหลือ

 บอกให้มิ่งไม่ต้องซีเรียสเพราะยังไงตาก็ไม่สนใจพี่ภามของเฮียแน่นอน” ไอ้มิ่งพูดซึ่งมันก็ทำให้ผมเบาใจลงไปบ้าง ไม่มากก็

น้อยล่ะนะ

      “ส่วนเรื่องแรกนี่จะว่างานหินงานโหดก็ว่าได้เพราะเป็นปัญหาการอคติของแม่กูที่มีต่อตัวมึง” ไอ้ภัทรว่าซึ่งมันก็จริงคุณหญิง

แม่นี่แหละตัวดีเลยไม่รู้ว่าจะอคติอะไรกันนักกันหนา

      “ไม่ยากไอ้น้องรักเพียงแค่มึงทำตัวดีๆกับเขาแล้วก็คอยเอาใจเขา คนแก่ชอบคนเอาอกเอาใจเชื่อพี่” ไอ้พี่ท็อปบอก แค่ขึ้น

มาข้อแรกผมก็แทบอยากจะตอบปฏิเสธให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่มันก็ทำไม่ได้

      “นี่พี่ว่าแม่ภัทรเป็นคนแก่เหรอ” ไอ้ภัทรถามพี่ท็อปเสียงฉุนพี่แกก็ลอยหน้าลอยตาพยักหน้ารับ

      “ทำไมหรือไม่จริง?” พี่ท็อปว่า จากสีหน้าตอนแรกของไอ้ภัทรที่บึ้งตึงพอไอ้พี่ท็อปมันถามจบเท่านั้นแหละ มันกลับส่งยิ้มให้

พี่ท็อปซะอย่างงั้น!!

      “เปล่าพี่ แต่ผมโคตรชอบพี่เลย ผมขอจับมือพี่ทีพี่พูดโดนใจหน่อยดิ” ไอ้ภัทรยื่นมือไปจับมือพี่ท็อป ส่วนพี่แกก็เล่นไปกับ

เขาด้วย เฮ้อ! สรุปว่าไอ้ภัทรมันเป็นเด็กเก็บกดหรือว่ามันกินยาลืมเปิดขวดกันแน่เนี่ย?

      “พอเลยไอ้ภัทร นั่นบุพพการีมึงนะให้เกียรติเขาด้วย” พี่เมฆว่า ไอ้ภัทรเลยยกมือขึ้นไหว้ขอโทษ

      “เออ ว่าแต่แม่มึงชอบอะไรบ้างไอ้ภัทร” พี่ท็อปถามไอ้ภัทร มันเลยนั่งนึก ก่อนจะหันมาตอบ

      “แม่ชอบกินเค้กพี่ ชอบมากด้วยล่ะ ชอบมากชนิดที่ว่าใครเอาเค้กมาให้นะแม่ยอมรับเป็นลูกสะใภ้เลยล่ะ” ไอ้ภัทรตอบ

คนอื่นๆที่เหลือยิ้มพอใจในคำตอบของไอ้ภัทร ก่อนจะส่งสายตาวาววับมาที่ผมพร้อมกับความกดดัน ที่ทำให้ผมได้แต่กลืนน้ำลาย

ลงคออย่างฝืดเคืองพร้อมกับร้อยยิ้มแห้งๆที่ส่งให้ทั้งหกสายตาที่จ้องมองมา

      “คอร์สเรียนทำเค้ก นี่แหละไอ้ป๊อบที่มึงต้องทำเพื่อเอาชนใจแม่สามี” ไอ้พี่ท็อปว่า ซึ่งผมเองก็รู้ชะตากรรมของตัวเองตั้งแต่

ที่ทุกคนจ้องมองมาอย่างดีแล้วล่ะ เอาไงก็เอากันวะเพราะยังไงซะมันก็เป็นหนึ่งในงานที่เราจำเป็นต้องทำคือทำให้คุณหญิงแม่ลด

อคติในตัวเราให้ได้!!












เอาแล้วไงเมื่อยอดชายนายป๊อบของเรากำลังหาวิธีพิชิตใจคุณแม่สามี อิอิ รอดูกันต่อไปว่าผลลัพธ์ที่ยอดชายนายป๊อบของเรา

หวังไว้จะสัมฤทธิ์ผลกันหรือไม่ ขอบคุณที่ติดตามและทุกคำคอมเม้นที่ติชมและสนับสนุนนะคะ ไว้พบกันตอนต่อไปจร้าาาา


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ป๊อปจะทำเค้ก ออกมาเป็นไงนะ อิอิ

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
มาแล้วววววว บอกตรงๆว่าตอนแรกเคืองมากหายไปนานสุดๆ เข้ามารอทุกวันแต่ก็ไม่ยอมอัพ
ไม่เป็นไร ตอนนี้ให้อภัยแล้วเพราะมาอัพที 2 ตอนรวด
มาต่อไวๆน้าาา เป็นกำลังใจให้เสมอ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                          ตอนที่ 11 ผู้ช่วยคนสำคัญ.........

            ตอนนี้ก็ก้าวผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์เป็นอาทิตย์ที่ไอ้น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของผมจะต้องขึ้นมากรุงเทพฯ ส่วนแม่ก็มี

พยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งของไอ้คุณพี่ภามที่ตอนนี้เริ่มจะเรียกจนชินปากเพราะพี่ท่านเล่นบังคับให้ผมเรียกพี่แกว่า

 พี่ภาม อย่างนี้ ทั้งเช้า กลางวัน เย็น หลังอาหาร ก่อนอาหาร ก่อนเข้านอน โชคดีที่ไม่มีก่อนขับถ่าย ไม่งั้นผมคงได้ลาตายไป

จริงๆ ซึ่งเป็นอย่างนี้มาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วถ้าผมยังเรียกไม่ชินปากอีกล่ะก็ ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้วล่ะ

      “วันนี้น้องชายป๊อบจะมากรุงเทพฯใช่ไหม งั้นเดี๋ยวถ้ามาถึงแล้วก็บอกพี่นะเดี๋ยวพี่จะไปรับ” ไอ้พี่ภามบอกผม ก่อนที่คุณพี่

ท่านจะออกไปทำงานเคลียร์เอกสารให้เสร็จในช่วงเช้าเพราะน่าจะเป็นช่วงบ่ายๆที่ไอ้น้องชายสุดรักของผมจะมาถึงที่กรุงเทพฯ

 ผมเลยพยักหน้ารับ ก่อนที่อีกคนจะดึงตัวเข้าไปกอด ผมที่ทั้งดิ้น ทั้งทุบ ทั้งขัดขืน แต่ก็สู้แรงควายๆของคุณพี่ภามไม่ได้เลยได้

แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน เป็นแบบนี้มานานนับอาทิตย์เห็นจะได้ ก่อนที่อีกคนจะผละออกไปทำงาน

        หลังจากวันที่ผมไปขอคำปรึกษาจากไอ้มิ่งแล้วก็พี่เมฆกับพี่ท็อปในวันนั้น ผมก็ต้องไปหาคอร์สเรียนทำขนมเค้กเพื่อมา

เอาใจคุณหญิงแม่อย่างจริงจังเผื่อท่านจะลดอคติในตัวผมลงไปบ้าง จนตอนนี้ผมก็เรียนมาได้เกือบครบอาทิตย์แล้ว ส่วนถ้าใคร

สงสัยว่าผมออกไปเรียนได้ยังไงโดยที่คนในบ้านไม่มีใครสงสัยก็เป็นเพราะผมจะออกไปหลังจากที่ไอ้พี่ภามออกไปทำงานแล้ว

คนในบ้านก็เริ่มต่างแยกย้ายกันไปทำงานในส่วนของตัวเอง ส่วนคุณหญิงแม่ก็ไปเที่ยวกับพวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่ท่าน

รู้จัก ผมจึงพอมีโอกาสในตรงนี้ออกไปได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย

        ส่วนในเรื่องของรมิตาก็มีมาที่บ้านบ้างเป็นครั้งคราว แต่ผมก็บอกกับตัวเองว่ารมิตาเป็นแฟนของน้องรหัสไม่มีทางคิดอะไร

กับไอ้หื่นภาม(ขอกลับมาเรียกสรรพนามเดิมสักแป๊บ)อย่างแน่นอนเพราะผมดูจากสายตาของเธอก็พอจะรู้ ผมก็ไม่จำเป็นต้องแคร์

 แต่ผมก็ยังหงุดหงิดใจทุกครั้งที่เห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ผมก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับไอ้พี่ภามนั่น

 ไม่เลยสักนิด!

        ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะ 10 โมงเช้าได้แล้ว หลังจากที่ไอ้พี่ภามนั่นออกไปทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าอีกไม่นานก็คงน่าจะ

เสร็จพอที่จะไปรับไอ้ปิ๊กได้ ถ้าไม่ติดว่าพี่แกมีงานด่วนเข้ามาเสียก่อนนะ

        กริ๊งๆ!

        เสียงโทรศัพท์มือถือของผมเริ่มปฏิบัติการณ์แผดเสียงร้องดังสนั่นทำให้ผมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านต้องรีบหยิบมันขึ้นรับ

 ก่อนที่จะโดนสายตาพิฆาตส่งตรงมาจาก คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ได้ (ผมว่าคุณหญิงแม่โหดร้ายยิ่งกว่าลอร์ดโวลเดอมอร์อีกนะ)

      “ฮัลโหลเฮีย” พอผมกดรับสายปลายสายก็รีบเอ่ยทักทันทีพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูแปร่งๆติดออกจะไปทางเหน่อๆแบบคน

สุพรรณ

      “ว่าไงไอ้น้องรักแล้วนี่เราจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ล่ะ” ผมถาม ก่อนจะเดินออกนอกบ้านเพื่อไปคุยโทรศัพท์ในที่ส่วนตัวสักนิด

ซึ่งผมก็เลือกม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ในสวนเป็นที่ส่วนตัวในการคุยโทรศัพท์

      “ตอนนี้ปิ๊กเพิ่งออกจากบ้านมาขึ้นรถเองเฮีย น่าจะไม่นานหรอก กรุงเทพฯ-สุพรรณใกล้กันจะตาย” ไอ้ปิ๊กว่า

      “เออๆๆ ใกล้ถึงแล้วก็โทรบอกเฮียด้วยล่ะ เดินทางปลอดภัยนะ” ผมบอกไอ้ปิ๊ก ก่อนที่มันจะขอตัววางสายไปและหลังจากที่

ผมวางสายจากไอ้ปิ๊กได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ต้องให้รอนานเพราะผมกดรับทันทีที่ได้ยินเสียง

โทรศัพท์แผดเสียงร้อง

      “ตอนนี้พี่เคลียร์งานเสร็จแล้วนะ น้องของป๊อบจะมาถึงเมื่อไหร่ล่ะ” ไอ้พี่ภามถาม ผมเลยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เมื่อกี้ไอ้ปิ๊ก

เพิ่งบอกว่ากำลังไปขึ้นรถ น่าจะราวๆ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้นะถ้าจะมาถึงที่กรุงเทพฯ

      “น่าจะอีก 2 ชั่วโมงนะที่ไอ้ปิ๊กมันจะมาถึง แล้วตอนนี้พี่ออกจากที่ทำงานแล้วเหรอ” ผมถามเพราะเห็นว่าอีกคนเพิ่งจะไป

ทำงานตอน 8 โมงเช้าอะไรจะไวปานนั้น

      “อืมใช่ พอดีพี่เข้าไปบริษัทเพื่อเซ็นต์เอกสารนิดหน่อยเสร็จแล้วก็กลับ อีกครึ่งชั่วโมงพี่น่าจะถึงบ้าน ป๊อบเตรียมตัวไว้ก็แล้ว

กันถ้าพี่ไปถึงเราจะได้ออกไปรับน้องของป๊อบที่อนุสาวรีย์ฯกัน” อีกคนบอก ก่อนจะวางสายซึ่งผมคาดว่าน่าจะกำลังขับรถอยู่ตอน

ที่โทรคุยกับผม

        กริ๊งๆ!

        เสียงโทรศัพท์ของผมแผดเสียงร้องขึ้นอีกครั้งทั้งๆที่ผมเพิ่งจะวางสายไปเมื่อครู่ อะไรกัน ทำไมวันนี้โทรศัพท์ผมถึงได้ฮ็อต

แปลกๆ

      “เฮีย ปิ๊กจะบอกเฮียว่าปิ๊กอาจจะไปสายหน่อยนะ”

        พอผมกดรับโทรศัพท์ที่เพิ่งดังขึ้นเมื่อครู่ก็เป็นเสียงของไอ้ปิ๊กที่มันบอกผมอย่าหงุดหงิดเล็กน้อยว่าวันนี้มันอาจจะช้าหน่อย

      “อ้าว แล้วเป็นอะไรทำไมถึงจะมาช้าล่ะ” ผมถามออกไปและดูเหมือนว่าบริเวณที่ไอ้ปิ๊กอยู่จะมีเสียงดังมากกว่าปกติ

      “พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะเฮีย เอาเป็นว่าปิ๊กอาจเลทนะเฮีย” ไอ้ปิ๊กบอกผม ผมเลยรีบพูดแทรกเข้าไปว่าถ้ามันใกล้ถึงแล้ว

ให้โทรบอก มันส่งเสียง อืม ออกมา ก่อนจะกดวางสาย ผมก็ใจไม่ดีกลัวเหมือนกันว่ามันจะเป็นอะไรไปรึเปล่า แต่ผมก็ยังไม่ทันได้

คิดอะไรไปไกลเสียงของแตรรถก็ดังขึ้นที่หน้าบ้านพร้อมกับค่อยๆปรากฏรถยนต์คันที่ผมไม่คุ้นเคยค่อยๆขับเข้ามาภายในบ้าน

      “นั่นไม่ใช่รถไอ้หื่นภามนี่หน่า” ผมว่า ก่อนจะลุกออกไปดูแล้วก็พบว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใครเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูออกมา

จากรถ

      “อ้าว สวัสดีค่ะคุณป๊อบ” หญิงสาวที่ออกมาจากรถเอ่ยทักผมเมื่อเธอหันมาเห็นผมยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถของเธอ

      “เอ่อ...สวัสดีครับคุณรมิตา” ผมจึงเอ่ยทักกลับไป เธอจึงยิ้มให้ผม ก่อนจะเอ่ยปากขอคุยธุระอะไรบางอย่างกับผม

      “จะรบกวนอะไรไหมคะ เอ่อ.....ถ้าตาอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับคุณป๊อบสักเล็กน้อย” เธอถามผมอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

แต่ผมก็พยักหน้ารับยอมคุย อะไรบางอย่าง กับเธอ

      “งั้นเชิญที่ม้าหินอ่อนในสวนดีกว่านะครับ” ผมบอก ก่อนจะเดินนำเธอไป

      “คุณป๊อบชอบที่ม้าหินในสวนนี่เหรอคะ” เธอเอ่ยถามผมทันทีที่เราทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อน

      “ก็ไม่เชิงหรอกครับ มันเป็นที่เดียวที่พอให้ผมได้มีเวลามานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ผมตอบ แต่กลับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆบน

ใบหน้าของเธอ ผมเลยเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าผมพูดอะไรแปลกไปรึเปล่า

      “คุณป็อบนี่สมเป็นคนที่พี่ภามรักเลยนะคะ” เธอพูด คนที่ไอ้หื่นภามนั่นรักน่ะเหรอ ผมเนี่ยน่ะเหรอ คือคนที่ไอ้หื่นภามนั่นรัก

 ถ้าจะบอกว่าพระอาทิตย์ไม่ขึ้นทางทิศตะวันตกยังจะน่าเชื่อกว่านะ เหอะๆ ว่าแต่ว่า...........

                                                                 รมิตานางจะมาไม้ไหนกันแน่เนี่ย!

      “ทำไมคุณรมิตาถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ” ผมถาม เธอจึงตอบผมกลับอย่างยิ้มๆเหมือนเช่นคำตอบในตอนแรก

      “ก็ตาเห็นพี่ภามมานั่งคิดอะไรที่นี่คนเดียว น่าจะเป็นวันที่คุณทะเลาะกับเขาในวันที่ตามาที่นี่ครั้งแรกน่ะคะ ดูพี่ภามนิ่งแปลกๆ

ด้วยนะคะ เหมือนพี่เขาจะ......แคร์คุณป๊อบมากๆเลยนะคะ” หญิงสาวตรงหน้าผมเอ่ยบอก วันนั้น..........วันที่ผมออกไปขอคำ

ปรึกษาจากพวกพี่ท็อปและที่สำคัญวันนั้นผมหงุดหงิดที่เห็นไอ้พี่ภามมันเอาใจคุณรมิตา โดยที่ไม่ยอมสนใจผมเลยทั้งๆที่ในเช้า

วันนั้นเราก็ยังดีๆกันอยู่เลย แต่จะว่าไปผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะ ว่าอีกคนจะเก็บเอาสิ่งที่ไร้สาระที่ผมทำลงไปมานั่งคิด........นี่เขา

แคร์ผมจริงๆเหรอ

      “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้”

      “ทางน่ะมีเพียงแต่ขอแค่ให้คุณป๊อบเปิดใจก็เท่านั้นค่ะ” ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมเอ่ยขึ้นกับคำพูดที่ผมแค่พูดลอยๆคล้าย

ละเมอเสียมากกว่า ผมจึงหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าไม่รู้ในความหมาย แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเธอรู้อะไรมากกว่านี้รึเปล่า

      “รู้แค่ในสิ่งที่คุณรู้ แล้วก็เป็นคนหาคำตอบในสิ่งที่คุณอยากรู้ด้วยตัวคุณเองน่าจะดีกว่าที่คุณจะมาถามกับคนอื่นเพื่อให้ได้คำ

ตอบนะคะคุณป๊อบ เอาล่ะค่ะตาว่าพี่ภามน่าจะไม่อยู่บ้านยังไงวันนี้ตาก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ” รมิตาเอ่ยกับผม ก่อนที่เธอจะขอตัว

กลับขึ้นมาเสียดื้อๆจึงทำให้ผมรีบลุกไปส่งเธอแทบไม่ทัน แต่ก่อนกลับเธอก็ได้ทิ้งประโยคสุดท้ายก่อนออกจากบ้านไป ทิ้งเอาไว้

ให้ผมได้ขบคิด

      “อย่าลืมนะคะ แค่เปิดใจ”








                           

      “ป๊อบ”

      “น้องป๊อบครับ”

      “อืออออออออออ”

        ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกตัวเหมือนมีคนมาเรียกและมาเขย่าตัวน้อยๆ ก่อนจะพบว่าคนที่มาปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากฝัน

กลางวันเป็นไอ้พี่ภามที่ยืนทำหน้าคิ้วผูกโบว์อยู่ตรงหน้าผม ผมเลยต้องค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากเปลญวนที่อีกคนเอามาผูกไว้นอน

เล่นเมื่อสองสามวันก่อนอย่างงๆตัวเองเหมือนกันเพราะเท่าที่จำได้ ผมเดินมานั่งเล่นที่นี่เฉยๆ แต่ทำไมถึงได้มานอนหลับอยู่ที่

เปลตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

      “ทีหน้าทีหลังอย่ามานอนที่นี่ตอนที่แดดมันเริ่มร้อนแบบนี้สิ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกนะ” อีกคนว่าดุๆเมื่อเห็นผมน่าจะปรับสภาพ

หลังตื่นได้แล้ว ผมเลยยู่หน้ากับการที่โดนอีกคนดุเพราะทำอย่างกับผมเป็นเหมือนเด็กสองสามขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

      “คร๊าบบบบบคุณพ่อ ไอ้ป๊อบรับทราบและจะนำมาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ” ผมตอบรับ พร้อมกับทำหน้ายียวนกวน

ประสาทอีกคนเล่น

      “กวนตีน” และผมก็ได้คำด่าพร้อมกับมะเหงกที่ถูกเขกมาที่หัวหนึ่งที

      “ไปเตรียมตัวได้แล้วนะเดี๋ยวก็ไปรับน้องชายตัวเองไม่ทันหรอก” อีกคนว่า ผมเลยรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าอีกไม่กี่

ชั่วโมงไอ้ปิ๊กน่าจะใกล้ถึงกรุงเทพฯแล้ว

      ผมเลยรีบลุกขึ้นจากเปลญวน ก่อนที่จะเซล้มเพราะเหมือนตัวเองจะหน้ามืดยังไงชอบกล แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้มีแค่ผมที่อยู่คน

เดียวเพราะตอนนี้ได้ไอ้พี่ภามช่วยเอาไว้ไม่งั้นผมคงได้ไปนอนแผ่หลาเป็นแพลงกิ้งสไตล์อยู่ที่พื้นดินแน่ๆ

      “ระวังหน่อยสิ แล้วนี่ไม่สบายรึเปล่าถึงได้หน้ามืดแบบนี้” อีกคนถามผมขึ้นเมื่อเขารับตัวผมไว้ได้ทันก่อนที่หน้าผมจะทิ่มลง

ดินเลยกลายเป็นว่าผมก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนไปโดยปริยาย แต่ที่น่าแปลกที่สุดทำไมครั้งนี้ผมถึงได้รู้สึกหน้าร้อน

แปลกๆทั้งๆที่อีกคนก็กอดผมออกจะบ่อยหรืออาจจะเป็นคำพูดของรมิตาก็ได้ที่ทำให้ผมถึงต้องเป็นแบบนี้ แค่เปิดใจ หรืออาจจะ

เป็นเพราะคำๆนี้ก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของอีกคน

      “เอ่อ...ครับ แต่ป๊อบว่าป๊อบดีขึ้นแล้ว พี่ภามปล่อยป๊อบก่อนก็ได้” ผมเอ่ยบอกซึ่งแทนที่ผมจะได้เป็นอิสระจากอ้อมกอดของ

อีกคน แต่กลับกลายเป็นว่าอีกคนรวบเอวผมเข้ามาโอบให้กระชับแน่นมากยิ่งขึ้น

      “น้องตาเคยบอกพี่ว่า การที่เรากอดกันนานๆมันทำให้สายสัมพันธ์ของเรายิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้วยิ่งเรา.....” อีกคนเว้น

วรรคประโยคเอาไว้ ก่อนจะดันตัวผมออกห่างเล็กน้อยแล้วค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับมอบจุมพิตที่อ่อนโยนบนหน้า

ผากของผม จนทำให้ผมต้องหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสอ่อนโยนนั้นจากอีกคน แล้วอีกฝ่ายก็ค่อยๆผละออกไปอย่างอ้อยอิ่งและเติม

ประโยคที่เว้นวรรคไว้เมื่อครู่ให้สมบูรณ์

      “ยิ่งเราจูบหน้าผากใคร มันก็ยิ่งทำให้เขา.......จดจำเราไปตลอดชีวิต” อีกคนกระซิบบอกเสียงทุ้มนุ้มที่ข้างหู มันเป็นเสียงที่

ทำให้ผมแทบไร้เรี่ยวแรงในการยืน แต่โชคดีที่ได้หน้าอกของอีกคนที่พอให้ผมได้เป็นที่พึ่งได้บ้าง ผมไม่กล้าที่จะสบตาอีกฝ่าย

อย่างตรงๆ จึงได้แต่ซุกหน้าหลบสายตาของอีกฝ่ายและหลบความรู้สึกเห่อร้อนบนใบหน้า ไม่ใช่แค่ความร้อนบนใบหน้าที่ทำให้

ผมต้องหลบสายตาของอีกคน แต่เป็นเสียงของก้อนเนื้อในอกซ้ายที่มันทั้งดังและเต้นถี่รัวจนผมกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปเสียก่อน

      “ทำไมครับ พี่ภามมีแฟนเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือไงครับถึงได้รู้ละเอียดรู้ลึก รู้ดีจัง” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่เสียงที่ถาม

อีกคนออกไปกลับเป็นเสียงอู้อี้แทบจะฟังไม่เป็นคำเพราะหน้าผมยังคงซุกอยู่ที่อกของอีกฝ่าย

      “เปล่าครับ แต่พี่มีแฟนเป็น....ว่าที่นักว่าความในอนาคตต่างหากล่ะ” ไอ้บ้า!! ผมหยิกอีกคนไม่แรงมากก่อนจะดันตัวเองให้

หลุดออกจากอ้อมกอดแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านเพื่อเตรียมตัวไปรับไอ้น้องชายสุดที่รักให้เร็วที่สุดเพราะถ้าผมขืนอยู่ต่ออีกนิดผมคงได้

ระเบิดตัวตายกลายเป็นโกโก้ครันช์ในทุ่งข้าวสาลีไปแล้วล่ะ!!       เขินโว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!           





 

                       

      “มาช้านะเฮีย” ไอ้ปิ๊กว่าทันทีที่ผมมาถึง

      “ขอโทษพอดีรถติดนิดหน่อย” ผมว่า มันเลยพยักหน้าเข้าใจ

      “ไปเถอะปิ๊กหิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว” ว่าเสร็จไอ้ปิ๊กก็โยนกระเป๋าสัมภาระของมันมาให้ผมถือ ไอ้น้องเวร! โยนมาได้ไม่ดูเลยว่า

ผมจะรับกระเป๋ามันได้รึเปล่า ส่วนตัวมันก็เดินตัวเบาออกไป

        หลังจากที่บรรยากาศสีชมพูอมม่วงหรือจะเป็นสีม่วงอมชมพูดี เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับคนจินตนาการดีกว่า แต่สำหรับผมไม่ว่าสี

ไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้นผ่านพ้นไปได้ก็เล่นเอาผมเกือบสายมารับไอ้ปิ๊กแทบไม่ทัน แต่โชคดีที่รถมันมาสาย(แต่ผมก็สายกว่ามัน)เลย

ทำให้ผมโดนมันงอนใส่แค่เล็กน้อย

       “ใครอ่ะเฮีย โคตรหล่อเลยอ่ะ” ผมที่รีบเดินตามไอ้ปิ๊กออกมาเพราะยังไม่ได้บอกเลยว่าไอ้พี่ภามมันจอดรถไว้ที่ไหน ไอ้น้อง

บ้าของผมมันก็เดินดุ่มๆไม่รอพี่มันเลยสักนิด แต่ผมก็ต้องมาเห็นมันหยุดเดินและชี้ให้ผมดูใครบางคน ผมจึงหันมองตามนิ้วที่มันชี้

ก็พบเข้ากับไอ้พี่ภามนั่นแหละครับซึ่งพอดีวันนี้พี่แกเข้าไปบริษัทแปบเดียวเลยทำให้ชุดที่ใส่ออกมามันก็ก้ำกึ่งจะเป็นชุดทำงาน

หรือชุดไปรเวทเพราะเสื้อยังคงเป็นเสื้อเชิร์ต(ยังอยู่ในกางเกง)มีไท(ที่ถูกปลดลงเพื่อคลายความอึดอัด)กางเกงสแลค แล้วก็มี

แว่นตากันแดดที่ทำให้อีกคนดูเท่ห์ มีสเน่ห์ รวมๆแล้วถ้าสาวๆเห็นก็คงกรี๊ด

      “คนนี้เหรอน้องชายป๊อบ” ไอ้พี่ภามที่คงเห็นผมยืนอยู่กับไอ้ปิ๊กเลยรีบเข้ามาทักพร้อมกับถามว่าไอ้ตัวที่ยืนข้างๆนั้นใช่น้อง

ชายรึเปล่า ผมเลยแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน ซึ่งผมก็แนะนำไอ้พี่ภามว่าเป็นแค่เจ้านาย แต่ดูเหมือนว่าไอ้น้องชายตัวดีจะไม่เชื่อ

      “แค่เจ้านายกับลูกน้องจริงๆเหรอเฮีย ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกันนะ แต่จะว่าไป ถ้าพี่สนใจมาเป็นพี่เขยผมก็ได้นะ ผมไฟ

เขียว!!” ไอ้น้องเวร! ไอ้น้องไม่รักดี! ไอ้น้องแก่แดด! มาถึงมึงก็ยกพี่ให้คนอื่นเลยเหรอ!!!

















มาแล้วจร้าาาาาาา ตอนนี้จัดไปแบบหวานกันเบาๆ :-[  :-[  พอดีพี่ภามเขาขอมา 5555 ยังไงก็ไว้ติดตามรอตอนต่อไปนะคร้าาาา

ขอบคุณมากๆนะคะที่ยังตามคุณสะใภ้ที่รักแล้วก้ยังรักพี่ภามและน้องป๊อบอยู่ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องปิ๊กน่ารักที่สุดเลยจ้า..^^ ถูกใจว่าที่พี่เขยตั้งแต่แรกเห็นเลยน้าา ป๊อบหนีไม่พ้นแน่แล้ว เพราะใครๆ ก็สนับสนุนเสียขนาดนี้.. :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
แบบนี้พี่เขยก็รักตายเลยดิไอ้น้อง บรรยายกาศดูอึดอัดแปลกๆในความรู้สึกผม เหมือนความสัมพันธ์ ของตัวเอก เหมือนจะก้าวกระโดดหรือกลับมาอยู่จุดเดิมกันแน่ มันก็ต้องดูกันต่อไป

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยยย. น้องเมียเป็นใจสุดๆ อิอิ

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
ผู้ช่วยพี่ภามออกตัวแรงจริงๆ แต่ดี๊ดี

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
รมิตารู้จักป๊อบมาก่อนเหรอ

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
น้องชายป๊อบตาถึงมาก

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
น่ารักจังเลย ว่างๆให้ป๊อบโชว์สเต็ปเทพการทำขนมเค้กบ้างนะคะ อยากเห็น
ปล.ห้ามหายไปไหนอีกน้าาาา

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                  ตอนที่ 12 เติมพลัง.........   
   
            วันนี้เป็นวันที่น้องชายของไอ้เด็กแสบจะมาที่กรุงเทพฯ ผมเลยเป็นคนอาสาคอยไปรับไปส่งให้ ส่วนในเรื่องของที่อยู่นั้น

ผมออกความเห็นว่าให้น้องชายของป๊อบมาอยู่ที่คอนโดของผมก่อนก็ได้เพราะผมซื้อเอาไว้ใช้ในตอนที่ต้องเลิกงานดึกเพราะผม

ขี้เกียจขับรถกลับบ้าน แต่พอเมื่อมีเด็กแสบนี่เข้ามาอยู่ด้วยต่อให้ผมต้องเลิกงานเช้า ผมก็จะต้องกลับบ้านเพื่อที่จะได้กลับมามอง

หน้าคนที่นอนหลับสบายอยู่บนที่นอน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกลับมานั่งมองหน้าอีกคนในเวลานอนหลับแบบนั้นตั้งแต่

เมื่อไหร่ แต่พอมารู้ตัวอีกทีมันก็กลายเหมือนเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ผมจะขาดมันไม่ได้

        แต่จะว่าไป.......ผมว่าตอนที่ป๊อบนอนหลับก็ดูไร้เดียงสาน่ารักดีนะ ผิดกับตอนที่เจ้าตัวตื่นนอนลิบลับอย่างกับเป็นคนละคน

 เป็นเหมือนเด็กอะไรก็ไม่รู้ ทั้งฤทธิ์เยอะแถมยังทั้งแสบ ทั้งกวนตีนเป็นบ้า แต่ก็นะ......มันก็ยังมีความน่ารักอยู่บ้างในบางครั้ง ซึ่ง

ผมก็พอจะให้อภัยกันได้

      “เฮียปิ๊กหิวอ่ะ” เสียงของปิ๊กน้องชายคนเดียวของป๊อบที่ผมบอกว่าวันนี้เจ้าตัวจะมากรุงเทพฯเอ่ยขึ้นในขณะที่ก้าวขึ้นรถ โดย

มีผมเป็นสารถีขับรถและมีป๊อบนั่งข้างกันเป็นตุ๊กตาหน้ารถ

      “งั้นเดี๋ยวก็ไปหาอะไรกินก็แล้วกัน พี่ภามพอจะรู้จักร้านอาหารอร่อยๆแถวนี้ไหมอ่ะ สงเคราะห์ไอ้ปิ๊กมันหน่อยหิวกระเพาะ

ครากแล้วมั้ง” ป๊อบหันมาถามผม ก่อนจะแขวะน้องชายตัวเอง ผมเลยพยักหน้ารับว่าพอรู้จักร้านอาหารอร่อยๆแถวนี้
 
        ตอนนี้ผม ป๊อบแล้วก็ปิ๊กอยู่ที่อนุสาวรีย์ฯเพราะป๊อบต้องมารับเจ้าปิ๊กที่คิวรถตู้ที่ใช้เดินทางจากสุพรรณมากรุงเทพฯ แต่พอ

มาถึงไอ้เด็กแสบตัวดีก็ให้ผมเอารถไปหาที่จอด ส่วนตัวเองก็จะเข้าไปหาน้องชายก่อน ตอนแรกผมก็จะค้านว่าทำไมเราไม่เข้าไป

ด้วยกัน แต่ก็ยังไม่ทันได้ค้าน อีกคนก็ลงจากรถเดินดุ่มๆเข้าไปที่คิวรถตู้ที่มีเจ้าปิ๊กรออยู่ ผมเลยต้องรีบหาที่จอดรถและวิ่งตามอีก

คนไป

        ผมรีบลงจากรถเมื่อเจอที่ว่างให้เอารถเข้าไปจอดแล้วรีบวิ่งตามอีกคนเข้าไปที่คิวรถตู้เพราะเห็นหลังไวๆว่าข้ามถนนไปที่คิว

รถตู้ฝั่งตรงข้ามที่ผมยืนอยู่ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาคุ้นๆยืนชี้หน้าผมอยู่ ผมก็คิดว่ามีอะไร

ผิดปกติ แต่พอหันไปมองด้านข้างก็พบว่าว่าเป็นป๊อบยืนอยู่ข้างๆไอ้เจ้าเด็กนั่น ผมเลยรีบวิ่งข้ามถนนไปหา ก่อนที่จะถามอีกคนว่า

ไอ้เด็กที่มันยืนชี้หน้าผมเป็นน้องชายของป๊อบรึเปล่า อีกคนจึงพยักหน้าและแนะนำทั้งผมและอีกฝ่ายให้ได้รู้จักกัน ซึ่งป๊อบก็

แนะนำว่าผมเป็นแค่นายจ้าง แต่ดูเหมือนว่าน้องชายของป๊อบจะไม่เชื่อ แถมยังคิดว่าผมกับป๊อบเป็นอะไรกันมากกว่าแค่นายจ้าง

และลูกน้องแล้วที่สำคัญ ถ้าหากผมจะเดินหน้าจีบป๊อบจริงๆล่ะก็ อีกคนก็พร้อมให้ไฟเขียวผมผ่านตลอด ไม่มีขัดขวาง พอผม

ได้ยินแบบนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนจะถูกชะตากับไอ้เจ้าปิ๊กนี่ขึ้นมาจริงๆ ทั้งๆที่ตอนแรกผมจะด่ามันอยู่เชียวที่ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่มา

ชี้หน้าผมส่งเดช แต่ไม่เป็นไรว่าที่น้องเมียผมไม่ถือ

      “โอ้โหเฮีย ดูดิอย่างสวยอ่ะ” เจ้าปิ๊กที่ลงจากรถเดินเดินไปที่ทางเข้าของร้านอาหาร โดยลากป๊อบไปด้วย ก่อนที่จะพูดขึ้นมา

เสียงดังจนไอ้คนที่เป็นพี่ชายต้องห้ามปราม

      “ทำอย่างกับบ้านนอกเข้ากรุงงั้นแหละน้องกู ไอ้ปิ๊กสุพรรณกับกรุงเทพฯมันก็ไม่ได้ไกลนะแล้วก็ใช่ว่าที่นั่นจะไม่มีอะไรสวยๆ

เหมือนที่นี่ มึงไม่ต้องมาเล่นใหญ่เลย” ป๊อบว่าอย่างเนือยๆ ไอ้เจ้าปิ๊กก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พี่ชาย ก่อนจะพากันเดินเข้าไปใน

ร้าน ส่วนผมที่ยืนมองสองพี่น้องคุยกันก็อดยิ้มขำไม่ได้เพราะทั้งพี่ทั้งน้องเล่นถอดแบบความแสบ ความกวนมาเหมือนกันเป๊ะ

ไอ้คนพี่นี่ก็ไม่ใช่เล่น ส่วนไอ้คนน้องก็คงจะไม่เบา เฮ้อ!แล้วแบบนี้ผมจะรับมือไหวไหมเนี่ย?







                                 

      “แล้วสรุปปิ๊กจะเข้ามหาลัยอะไร นี่ก็ใกล้จะสอบแล้วนะควรจะเลือกได้แล้วนะไอ้น้อง” เสียงของป๊อบดังขึ้น ส่วนคนที่โดนถาม

ก็หันหน้ามาพยักหน้ารับ ป๊อบเลยพยักหน้าโล่งใจที่น้องเลือกที่เรียนไว้แล้วเหลือแค่ว่ารอลุ้นว่าเจ้าตัวจะสอบติดมหาลัยที่เลือก

เอาไว้หรือเปล่าก็เท่านั้น

        ตอนนี้เราทุกคนต่างสั่งอาหารมานั่งรับประทานมื้อกลางวันกันและต่อจากนั้นสองพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันก็นั่งคุยโม้กันไป

เหมือนพี่น้องที่พัดพรากจากกันมานานเพราะแต่ละคนก็ช่างสรรหาสารพัดเรื่องราวมาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ส่วนตัวผมก็ขอนั่งนิ่งๆเป็น

ผู้ฟังที่ดีและอาจมีร่วมแจมบ้างเป็นบางครั้งที่มีผมเข้าไปอยู่ในบทสนทนานั้นเหมือนอย่างเช่นในตอนนี้

      “ว่าแต่ว่าพี่สุดหล่อครับ” นั่นคือสรรพนามที่น้องชายของป๊อบเรียกผม ซึ่งไอ้คนพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆไอ้คนน้องก็ทำหน้าเหม็นเบื่อ

ทุกครั้งที่ไอ้เจ้าปิ๊กมันเรียกผมด้วยสรรพนามแบบนั้น ซึ่งผมก็หาได้สนใจไม่ ผมเลยหันไปมองหน้าไอ้ปิ๊กเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

เพราะดูเหมือนว่าคนที่เกริ่นนำมาแบบนั้นน่าจะกำลังมีคำถามมาถามผม

      “ไอ้งานที่พี่สุดหล่อให้เฮียป๊อบทำ ทำไมเงินมันถึงเงินดีนักล่ะครับกับอีแค่การไปดูแลคนแก่เนี่ย พี่ยอมจ่ายมากขนาดนั้นเลย

เหรอครับ” ไอ้ปิ๊กถาม

      “แค่กๆๆๆ!!” ผมที่ยกน้ำขึ้นมาดื่มถึงกับสำลัก เมื่อกี้นี้ไอ้เจ้าปิ๊กมันว่าอะไรแก่ๆนะ ดูแลคนแก่เนี่ยนะคืองานที่ผมให้พี่ชายมัน

ทำ!!! ผมเลยหันไปมองหน้าอีกคนอย่างต้องการคำตอบ แต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มทำลอยหน้าลอยตาตอบคำถามนี้แทนผม

      “ก็พี่ภามเขามีญาติผู้ใหญ่หลายคนมาให้พี่คอยดูแลค่าจ้างมันก็เลยเยอะเป็นธรรมดา” อีกคนอธิบายให้น้องตัวเองเข้าใจ

แต่ผมกลับไม่เข้าใจ    รอให้กลับบ้านก่อนเถอะ ผมจะเคลียร์กับอีกคนให้มันกระจ่างไปเลย!!

      “อ๋อ เข้าใจละ” ไอ้ปิ๊กพยักหน้ารับ แต่ดูเหมือนไอ้เจ้าเด็กนี่มันจะมีคำถามอีกหนึ่งคำถามที่น่าจะยังค้างคาใจ

      “เฮีย ปิ๊กมีอีกคำถาม” ไอ้ปิ๊กหันไปถามไอ้พี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ นั่นไง ผมว่าแล้วไม่มีผิด ไอ้คนพี่จึงพยักหน้าพร้อมรับฟัง

คำถามนั้น

      “ว่ามาไอ้น้องรัก เฮียพร้อมตอบทุกข้อสงสัย” ป๊อบว่า

      “ดี งั้นถามจริง ตอบตรงนะเฮีย” ไอ้ปิ๊กว่า อีกคนจึงยกน้ำขึ้นดื่นพร้อมกับพยักหน้าบอกให้มันถามคำถามนั้น

      “เฮียกับพี่สุดหล่อเป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม!”

      “แค่กๆๆๆๆ!!!” สิ้นเสียงของไอ้เจ้าปิ๊กน้ำที่ป๊อบเพิ่งดื่มไปเมื่อครู่ เจ้าตัวก็เล่นพ่นออกมาหมดพร้อมกับตัวเองที่กำลังนั่งสำลัก

หน้าดำหน้าแดง โดยมีไอ้น้องชายตัวดีคอยนั่งลูบหลังให้อยู่ ผมอมยิ้มน้อยๆที่อีกคนเป็นเหมือนที่ผมเป็น ผมเลยเป็นคนที่ตอบ

คำถามนี้แทนบ้างเพราะอีกคนก็คงจะพูดไม่ได้ก็เล่นสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดงซะขนาดนั้น หึๆ

      “ปิ๊กอยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ แบบที่ดาราตอบหรือแบบคนทั่วๆไปตอบ” ผมเอ่ยขึ้น ทำให้ทั้งคนที่นั่งลูบหลังและคนที่

สำลักไปเมื่อครู่หันมามองผมพร้อมกัน แต่จะต่างกันก็คงเป็นที่แววตาที่แต่ละคนมองมา คนแรกมองอย่างสงสัย ส่วนอีกคนก็มอง

อย่างตื่นตระหนกตกใจ ผมที่เห็นแววตาแบบนั้นของป๊อบก็อยากจะแกล้งเอาคืนอีกฝ่ายบ้าง ผมเลยค่อยๆฉีกรอยยิ้มน้อยๆก่อนจะ

พูดต่อ

      “ถ้าตอบแบบดาราก็คงตอบว่าเราทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถ้าตอบแบบคนทั่วๆไป เราทั้งคู่เป็น......แฟ-”

      “อาหารมาแล้ว!!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบเสียงของป๊อบก็ดังขัดขึ้น ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานยกอาหารมา

เสิร์ฟ ทุกคนเลยหันไปให้ความสนใจอาหารตรงหน้า ส่วนผมก็มองหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร

 ยังคงนั่งทานข้าวหน้าตาเฉยต่อไป

                                                                              หึๆ แสบนักนะ!




 

                         

      “เฮ้อ! อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ ไม่ต้องสลบคาตีนเฮีย” ไอ้ปิ๊กพูดขึ้นหลังจากที่เราเดินออกจากร้านอาหาร ว่าแต่ว่าไอ้เมื่อกี้นี่มันคือ

คำขวัญหรือสโลแกนอะไรของมันถึงได้ดูแปลกๆ

      “เมื่อกี้ปิ๊กว่าอะไรนะพี่ได้ยินไม่ค่อยถนัด” ผมว่า ซึ่งตอนนี้เราทุกคนก็กำลังเดินไปที่รถเพื่อที่ผมจะไปส่งไอ้เจ้าปิ๊กให้ไปพัก

ผ่อนที่หอพักเพราะเจ้าตัวก็คงจะเหนื่อยมาทั้งวัน

      “มันคือคำที่ปิ๊กพูดเวลาที่เฮียพาไปเลี้ยงข้าวเพราะถ้าปิ๊กสั่งอาหารเยอะแยะขนาดนี้โดยที่มีเฮียเป็นคนจ่ายปิ๊กคงได้สลบคา

ตีนเฮียแน่ๆ” ไอ้ปิ๊กว่า ผมเลยส่ายหัวอย่างขำๆกับสโลแกนที่ไอ้ปิ๊กมันช่างเข้าใจคิด

      “อย่าเวอร์ไอ้ปิ๊กเฮียขอร้อง” ป๊อบว่า

        จากนั้นเราทั้งสามก็เดินมาถึงรถและประจำหน้าที่เดิมเหมือนอย่างที่ตอนมา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้สตาร์ทรถเสียงข้อความ

ในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมจึงหยิบมันขึ้นมาเปิดดูก็พบว่าเป็นแพรวส่งข้อความมาว่ามีแขกคนสำคัญมาขอพบผมด่วน

      “มีงานด่วนเข้ามาเหรอ” ป๊อบที่คงจะรู้ว่าผมน่าจะติดธุระเอ่ยถามขึ้น ผมจึงพยักหน้ารับ แต่ก็บอกว่าจะอาสาไปส่งปิ๊กกับป๊อบ

ก่อนแล้วค่อยไปทำธุระ

        ผมมาส่งปิ๊กที่หอพักที่ป๊อบใช้พักอยู่ ส่วนป๊อบก็บอกว่าขออยู่คุยกับน้องชายอีกแปบ ผมเลยบอกว่าถ้าจะกลับเมื่อไหร่ก็ให้

โทรหาเดี๋ยวผมจะเข้ามารับ อีกคนจึงพยักหน้าและเดินขึ้นบันได้หอพักไป ผมเลยรีบขับรถออกจากหอพักและมุ่งหน้าสู่บริษัทของ

ตัวเองทันที

      “ใครกันที่ต้องการพบเราโดยด่วน”







                       

      “สวัสดีครับคุณภามไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะครับ” คนที่ต้องการพบผมด่วนเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้าไป ส่วนผมก็

รู้จากเลขาหน้าห้องเหมือนกันว่าใครเป็นคนที่ต้องการพบผมด่วนขนาดนี้

      “สวัสดีครับ คุณธีระ นึกยังไงกันครับถึงต้องการที่จะพบผมด่วนแบบนี้” ผมถาม ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของผม

 โดยที่มีอีกคนนั่งสนทนาอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้าม

      “ก็ไม่ได้นึกยังไงหรอกครับเพียงแค่อยากจะเข้ามาทักทายเพื่อนเก่าก็เท่านั้นล่ะครับ” คนตรงหน้าผมพูด ผมเลยแค่นยิ้มส่ง

ไปให้

      “เหอะ ผมควรจะซาบซึ้งแล้วก็ดีใจมากๆด้วยไหมครับที่ได้รับเกียรติจากเพื่อนเก่าอย่างคุณที่ยอมเสียสละเวลาอันมีค่าเข้ามา

ทักทายผม” ผมถามอีกคนเสียงเรียบ

      “ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของคุณภามก็แล้วกันครับเพราะผมก็ไม่สามารถไปบังคับจิตใต้สำนึกของคุณได้” อีกคนบอกผมเสียงนิ่ง

        เราทั้งคู่ต่างนั่งจ้องหน้าอีกคนกันอย่างเงียบๆเพื่อดูจุดประสงค์และอ่านเกมของอีกฝ่าย จึงทำให้ห้องทั้งห้องต้องตกอยู่ใน

ความเงียบ แต่แล้วก็เป็นผมที่ทำลายความเงียบนั้นลง

      “คุณมาที่นี่ต้องการจะบอกให้ผมยุติโครงการการสร้างคอนโดในครั้งหน้าเพราะมันไปขัดกับผลประโยชน์ของบริษัทของคุณ

ใช่ไหมครับคุณธีระ” ผมถามออกไป อีกคนเลยส่งยิ้มมาให้ ไม่ใช่รอยยิ้มของความจริงใจ แต่เป็นแค่การแค่นยิ้มมากกว่า


      แปะๆๆๆๆ


        อีกคนยกมือขึ้นมาปรบให้ผม ผมมองการกระทำนั้นของอีกคน แต่ก็ยังคงตีสีหน้านิ่งเรียบ จนกระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนพูดขึ้นมา

      “สมแล้วที่เป็นคุณศิงขร สุริยศักดิ์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรง แถมยังมีไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ ผมนี่ขอยกย่องในความ

สามารถของคุณจริงๆ” อีกคนว่า

      “ฉะนั้น ในเมื่อคุณก็รู้อยู่แล้วคุณก็น่าที่จะพับโครงการนั้นเก็บไป แล้วไปทำโครงการใหม่ซะ ผมว่ามันน่าจะเป็นความคิดที่ดี

กว่านี้นะครับ คุณภาม” อีกคนลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอามือมาเท้าโต๊ะบอกผม

      “แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะครับ คุณจะว่าอะไรผมไหม” ผมถาม อีกฝ่ายจึงยกมือที่เท้าโต๊ะออกขึ้นมาจัดเสื้อสูทตัวนอกให้เข้าที่และ

หันหลังกลับเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่ก็หันเสี้ยวหน้าด้านข้างกลับมาบอกผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

      “ผมจะไปเอาสิทธิ์อะไรมาว่าคุณได้ แต่คุณเชื่อผมสิคุณภาม ยังไงซะคุณก็จะต้องพับโครงการนั้นอย่างแน่นอน เอาล่ะหมด

เวลาที่ผมจะมาพบคุณแล้ว หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้มาพบกันอีกนะครับ คุณเพื่อนเก่า”

        ธีระเดินออกจากห้องทำงานผมไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น

และพอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นป๊อบที่โทรเข้ามา ผมเลยเก็บเรื่องของธีระเอาไว้แล้วรีบออกไปรับอีกคนกลับบ้านเพราะผมคิดว่า

ถ้าผมฝืนคิดมากไป นอกจากมันจะไม่ทำให้ผมได้คำตอบที่ดีแล้วยังทำให้คนรอบข้างต้องเป็นห่วงเพราะยังไงซะเรื่องของผมกับ

ธีระมันคงจะไม่จบลงง่ายๆเพราะเราทั้งคู่รู้ดีว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้น!








   
                         

      “มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ” เสียงของป๊อบดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเข้ามานั่งในรถ

      “ก็นิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอกเรื่องไร้สาระทั้งนั้น” ผมโกหกเพราะไม่อยากเห็นอีกคนต้องมานั่งไม่สบายใจไปด้วย

      “งั้นไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวนี้กัน” ป๊อบเสนอไอเดีย ก่อนที่ผมจะยอมทำตาม

        สวนสาธารณะที่ป๊อบบอก มันเป็นสวนที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักสักเท่าไหร่ ผมจึงหาที่จอดรถแล้วเราทั้งคู่ก็เข้าไปเดินเล่น

เพื่อผ่อนคลายสมองในสวน

      “เป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม” คนที่เดินอยู่ข้างๆผมเอ่ยถาม ผมจึงตอบรับในลำคอ ก่อนที่จะโดนอีกคนดึงไปนั่งพักที่ม้านั่งที่ทาง

สวนจัดเอาไว้ให้

      “วันนี้ขอบคุณนะ” ทันทีที่เราทั้งคู่นั่งลงที่ม้านั่ง ป๊อบก็เอ่ยขอบคุณผม ผมเลยหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ

      “ก็ขอบคุณที่วันนี้ดีกับป๊อบแล้วก็ไอ้ปิ๊กไง” อีกคนหันหน้ามาบอกผมและดูเหมือนใบหน้าของเจ้าตัวจะมีริ้วแดงๆขึ้นที่ใบหน้า

ผมเลยส่งยิ้มไปให้เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปจับมือของป๊อบและเอ่ยขอบคุณเหมือนที่อีกคนบอกกับผม

ป๊อบเลยได้แต่ขมวดคิ้วมองผมอย่างงงๆ

      “ขอบคุณ.....ขอบคุณป๊อบเรื่อง?” อีกคนถาม แต่ผมไม่ตอบ ผมเลือกที่จะมองไปข้างหน้ายิ้มน้อยๆอย่างมีความสุขและ

หลับตาลงช้าๆพร้อมกับสูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด

        ขอบคุณนะป๊อบ ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันในวันที่พี่มีปัญหาและขอบคุณที่เข้ามาเป็นพลังชีวิตให้กับพี่ในวันที่พี่เหนื่อยล้า

                                                               ขอบคุณนะครับ................






มาต่อแล้วจร้าาาาา เค้าไม่หายไปไหนแล้วน้าาาาาา รักกันๆ :mew1: :mew1: ตอนนี้เป็นบทของพี่ภามเราบ้าง 55 ให้พี่ภามเรา

ได้แสดงความคิดเห็นสักนิด อิอิ และที่สำคัญอยากให้ลองเดากันเล่นๆนะคะว่านายธีระนี่อะไรยังไงกัน ยังไงก็รอตอนต่อไปนะ

คร้าาาา บายยย

ปล.มีคนถามว่ารมิตารู้จักกับป๊อยมาก่อนเหรอ ขอตอบว่าเปล่าค่ะเพียงแค่รู้จักจากไอ้มิ่งน้องรหัสของป๊อบค่ะ มิ่งเล่าเรื่องของป๊อบและเอารูปถ่ายป๊อบให้เธอดูแล้วเธอก็ยังเป็นแฟนกับมิ่งจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะไม่รู้จักป๊อบค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2015 20:32:00 โดย Hades Novel »

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
เย้ๆๆๆ มาแล้ว
ตอนนี้มาแบบกดดันเล็กน้อย คุณธีระนี่จะมาไม้ไหนกันแน่นะ?
ปล.สองคนนี้เคยมีคดีเรื่องผู้หญิงกันรึเปล่าคะเนี่ย หรือ...ธีระมันแอบชอบพี่ภามแล้วเฮียแกไม่เล่นด้วยหว่า? 5555
ปปล.เป็นกำลังใจให้คร่าาาาา

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่ภามกับธีระเคยผิดใจกันเรื่องผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่าคะเนี่ย?? :ruready

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด