คุณสะใภ้ที่รัก by Hades 20 (ตอนจบ) + SP Love is not mistake หน้า 6 240858
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ถ้าหากดีสรวมเล่มนิยายเรื่องคุณสะใภ้ที่รักมีใครสนใจสั่งจองกันบ้างไหมคะ

สนใจค่ะ
28 (80%)
ไม่สนใจค่ะ
7 (20%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 35

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณสะใภ้ที่รัก by Hades 20 (ตอนจบ) + SP Love is not mistake หน้า 6 240858  (อ่าน 101131 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                         ตอนที่ 13 บาดเจ็บ.........

             สามเดือนผ่านไปเร็วยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะในสวนสยาม ผมที่ลงเรียนคอร์สทำขนมเค้กเพื่อมัดใจคุณหญิงแม่ก็เหลือเวลา

อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเรียนจบคอร์สแล้วและหวังว่าสิ่งที่ผมไดเสียเงินร่ำเรียนมาคงจะทำให้ผมได้เอามันมาใช้ประโยชน์ได้จริงๆที

เถอะ

        ส่วนเรื่องของไอ้ปิ๊กมันก็สอบเข้าเรียนต่อมหาลัยเดียวกับผม แถมยังเลือกคณะเดียวกันกับผมอีกต่างหาก สงสัยเชื้อพ่อคงจะ

แรงน่าดูเพราะท่านมีลูกชายสองคนเป้นทนายเหมือนท่านด้วยกันทั้งคู่

        พ่อผมเป็นเหมือนไอดอลของผมตั้งแต่เด็กเพราะเท่าที่ผมจำความได้ ผมเห็นพ่อทำงานเพื่อความถูกต้อง พ่อผมทำงานเป็น

ผู้พิทักษ์ความถูกต้องให้กับคนในสังคม แม่เคยเล่าให้ผมฟังตอนเด็กๆว่า ตอนที่ครอบครัวของแม่โดนป้ายความผิด พ่อของผมนี่

แหละที่เป็นคนช่วยเหลือแม่และให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของแม่ จนครอบครัวของแม่พ้นผิดและตั้งแต่นั้นมา พ่อกับแม่ก็เริ่ม

มีความรู้สึกดีๆให้แก่กันจนมันเกิดเป็นความรักที่เกิดจากหัวใจทั้งสองดวง คือดวงที่ชื่อว่าป๊อบและปิ๊ก

        ส่วนเรื่องของไอ้พี่ภาม พี่แกเล่นก็กลับบ้านดึกทุกวัน แถมบางวันก็ไม่ได้กลับบ้านเลยด้วยซ้ำเพราะเห็นบอกว่ามีงานที่ต้อง

เคลียร์ให้เสร็จที่บริษัท ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นงานอะไรที่อีกคนถึงต้องหักโหมร่างกายทำมันจนหามรุ่งหามค่ำแบบนี้

 แต่จะว่าไปตั้งแต่ที่ไอ้พี่ภามมีเรื่องไม่สบายใจในครั้งก่อน พี่ท่านก็ทำงานหนักขึ้นทุกวี่ทุกวัน จนผมก็อดห่วงไม่ได้ ส่วนไอ้ห่วงน่ะ

ไม่ใช่ไอ้พี่ภามหรอกนะเป็นพนักงานในบริษัทต่างหากเพราะไม่รู้ว่าป่านนี้จะตายไปแล้วรึยังเล่นทำงานหนักซะขนาดนั้นไม่ได้ห่วง

สุขภาพตัวเองเลยสักนิด โตแต่ตัวล่ะสิไม่ว่า เฮ้อ!

      กริ๊งๆๆ

      ผมที่คิดว่าจะออกไปไปหาไอ้ปิ๊กที่หอพักเพื่อชวนมันออกไปเดินเล่นให้สบายใจเสียหน่อยเพราะช่วงนี้คุณหญิงแม่ไม่ค่อยอยู่

บ้านเห็นติดงานอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีสำหรับตัวผมเพราะท่านก็จะได้ไม่มีเวลามาแกล้งผม ส่วนรมิตาก็ห่างหายไป

 เธอหายไปจริงๆตั้งแต่วันนั้น ผมเลยโทรไปหาไอ้มิ่ง มันเลยบอกว่าแฟนมันเพิ่งสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศได้

        ผมหยุดเดินเพื่อหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดรับสายเพราะหน้าจอโชว์เบอร์เป้นของไอ้พี่ภามที่ตายยากเพราะผม

กำลังนึกถึงไปอยู่เมื่อสักครู่

      “สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของคุณศิงขร สุริยศักดิ์รึเปล่าคะ” ทันทีที่ผมกดรับสายเสียงที่มันควรตะเป็นของผู้ชาย แต่

กลับเป็นเสียงของหญิงสาว มันจึงทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างงุนงง แต่ผมก็ตอบรับเธอไป

      “เอ่อ...ครับ” ผมตอบ อีกคนก็ไม่รอช้ารีบพูดกลับมาทันที

      “ตอนนี้คุณศิงขรถูกยิงได้รับบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล xxx ค่ะ ยังไงก็ให้ญาติของคนไข้รีบมาที่โรงพยาบาลด้วยนะคะ” สิ้น

เสียงของหญิงสาวร่างทั้งร่างของผมมันกลับชาวาบทันที ไม่ใช่เพราะเป็นผู้หญิงที่เอาโทรศัพท์ของไอ้พี่ภามมาใช้ แต่เป็นเพราะ

เรื่องที่เธอโทรมาบอกผม มันจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อเช้าผมยังคุยโทรศัพท์กับอีกคนอยู่เลย ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!!

      “เอ่อ....คุณคะฟังดิฉันอยู่รึเปล่าคะ”

      “คะ ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปทันทีครับ” ผมกดวางสายแล้วตั้งสติของตัวเองรีบโทรไปบอกเรื่องนี้กับไอ้ภัทร ส่วนตัวผมก็มุ่งหน้า

ไปโรงพยาบาลก่อน ส่วนไอ้ปิ๊กที่ผมโทรบอกหลังไอ้ภัทรมันก็จะตามไปสมทบ

        ผมรีบเรียกรถแท็กซี่จากหน้าบ้านและตรงดิ่งสู่โรงพยาบาลที่หญิงสาวคนดังกล่าวบอก ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปาดเต็มคำเลย

ล่ะว่าผมนั่งรถแทบจะไม่ติดอยู่แล้ว อยากจะหายตัวได้แล้วไปอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้เลยจริงๆเพราะผมกลัว กลัวว่าอีกคนจะเป็น

อะไรมากรึเปล่า กลัวว่าแผลที่โดนยิงจะเป็นยังไง ตอนนี้ผมกระวนกระวายใจไปหมด แต่ผมรู้ว่าต่อให้ผมกระวนกระวายใจไปมันก็

ไม่ทำให้ผมไปถึงโรงพยาบาลได้ในตอนนี้แน่นอน ผมเลยได้แต่นั่งภาวนาขอให้อีกคนปลอดภัย หวังว่าพี่ภามจะปลอดภัยนะ

              พี่อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะครับ รอป๊อบก่อนนะ............

        ตอนนี้ผมมาถึงที่ตึกสีขาวสะอาดสถานที่ทำงานของเหล่าแพทย์พยาบาลทั้งหลาย ก่อนจะรีบจ่ายค่าแท็กซี่และรีบวิ่งเข้าด้าน

ในตึกนั้นเพื่อตรงไปหาใครอีกคนที่ตอนนี้กำลังนอนบาดเจ็บอยู่ในมือของคุณหมอ

      “ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของคุณศิงขรรึเปล่าคะ” ผมที่ยืนไปไม่ถูกเพราะไม่รู้จะไปถามใครดีเพราะตอนนี้ในโรงพยาบาลมีแต่

ผู้คนเดินกันให้เต็มไปหมด แต่โชคดีที่มีนางพยาบาลสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม ผมเลยพยักหน้า เธอจึงพาผมไปที่ห้องวีไอพี

ของโรงพยาบาล

      “ตอนนี้คุณศิงขรปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะจะเหลือก็แต่รอคนไข้ฟื้น โชคดีนะคะที่กระสุนแค่ถากๆ สองสามวันก็กลับ

บ้านได้แล้วล่ะค่ะ” ผมที่เปิดประตูเข้าไปเจอกับคุณหมอคนสวยที่กำลังตรวจเช็คอาการของไอ้พี่ภาม เฮจึงบอกรายละเอียดเกี่ยว

กับอาการและวันเวลาที่อีกคนจะกลับบ้านได้ ผมจึงพยักหน้ารับ เธอกับพยาบาลคนที่เดินมาส่งผมก็เดินออกจากห้องไปเหลือแต่

ผมกับไอ้พี่ภามที่นอนหลับเพราะยาสลบ

      “ไอ้หื่นเอ้ย!ไปทำอีท่าไหนเนี่ยคนเขาถึงได้คิดจะยิงตัวเอง คนบ้าอะไรไม่รู้จักระวังตัวเลย ถ้าเป็นอะไรไปจะทำยังไงเนี่ย”

ผมว่าคนที่นอนหลับอยู่ที่เตียงผู้ป่วย ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างเตียงเข้ามานั่ง

        ไม่นานหลังจากที่ผมนั่งลงเฝ้าไอ้พี่ภามเพื่อรอให้ฟื้นจากยาสลบประตุห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับไอ้ปิ๊ก ไอ้ภัทรแล้วก็คุณ

หญิงแม่ที่เดินเข้ามา

      “ตาภามเป็นยังไงบ้างลูก ถือว่าฟาดเคราะห์นะลูกแม่” คุณหญิงแม่ที่เข้าห้องมาก็ตรงดิ่งหาคนที่นอนหลับอยู่ที่เตียงทันที

พร้อมกับยกมือลูบหัวไอ้พี่ภามด้วยความเป็นห่วง ส่วนท่านที่หันมาเห็นผมอยู่ในห้อง ผมจึงยกมือขึ้นไหวท่าน ก่อนที่จะบอกราย

ละเอียดตามที่คุณหมอบอกเอาไว้

      “คุณหมอบอกว่าพี่ภามแค่โดนกระสุนถากๆไม่เป็นอะไรมากที่ยังไม่ฟื้นก็เพราะคงจะเป็นฤทธิ์ของยาสลบ อีกสองถึงสามวันก็

คงจะกลับบ้านได้แล้วครับ” ผมบอก คุณหญิงแม่จึงพยักหน้าน้อยๆอย่างเข้าใจ แต่ผมว่าวันนี้คุณหญิงแม่มาแปลกทุกทีจะต้องไม่

ชอบใจผม แต่สงสัยคงเป็นเพราะตอนนี้ไอ้พี่ภามมันคงป่วยเลยไม่อยากจะเสียเวลามาหาเรื่องผม

      “เอ่อ...คือว่าคุณหญิงแม่ครับเดี๋ยวคืนนี้ผมจะอยู่ดูแลพี่ภามเองครับไม่ต้องห่วง” ผมอาสาอยู่เฝ้าไข้คนป่วย คุณหญิงแม่มอง

หน้าผมนิ่งๆอยู่สักพัก ก่อนจะพยักหน้าตกลงและรีบออกไปธุระต่อเพราะท่านทิ้งงานเอาไว้มาหาไอ้พี่ภาม แต่พอเห็นว่าผมอาสา

อยู่ดูแลท่านก็คงจะได้หมดห่วง

      “งั้นฉันฝากตาภามด้วยนะ” ท่านบอก ก่อนจะโทรบอกคนขับรถให้ออกมารับที่หน้าโรงพยาบาล ไอ้ภัทรที่จะออกไปส่งก็ถูก

คุณหญิงห้ามไว้เพราะท่านคงรู้ว่าไอ้ภัทรอยากจะอยู่รอพี่ชายตัวเองตื่นจึงไล่ไอ้ภัทรให้มาอยู่เฝ้าไข้ไอ้พี่ภามด้วยกัน

      “มึงรู้ไหมวะไอ้ภัทรว่าเฮียมึงไปมีเรื่องกับใคร” ผมถามไอ้ภัทรเมื่อคุณหญิงแม่เดินออกจากห้องไปได้สักพัก มันพยักหน้าเป็น

เชิงว่าไม่รู้ว่าเฮียมันไปทำให้ใครเขาไม่พอใจ

      “กูไม่รู้เหมือนกันเพราะเฮียทำงานวงการพวกนี้ก็อาจจะไปขัดผลประโยชน์ใครเข้าล่ะมั้งถึงได้โดนเล่นงานมาแบบนี้” ไอ้ภัทร

ตอบ

      “แต่ปิ๊กว่ามันรุนแรงไปนะถึงขั้นจะเอาชีวิตกันเลย” ผมเห็นด้วยในสิ่งที่ไอ้ปิ๊กพูด แสดงว่าไอ้พี่ภามนี่ต้องไปขัดผลประโยชน์

ไอ้พวกที่มีอิทธิพลแน่มันถึงได้เล่นงานซะหนักขนาดนี้

      “เอ่อ....ปิ๊กพี่ว่าเราออกไปหาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่างโรงพยาบาลดีไหม” ไอ้ภัทรหันไปถามไอ้ปิ๊ก อะไรของมันวะมา

ถึงก็หาของกินซะแล้ว

      “ไม่เอาอ่ะ ปิ๊กขี้เกียจลง พี่ไปซื้อคนเดียวเถอะเดี๋ยวปิ๊กจะอยู่เป็นเพื่อนเฮียเผื่อพี่สุดหล่อตื่นจะได้มีคนช่วย” ปิ๊กตอบ คราวนี้

ไอ้ภัทรเลยเดินเข้าไปกอดคอมันแล้วหันไปพูดด้วยอีกครั้ง

      “แต่พี่ว่าปิ๊กหิวนะ เราไปหาอะไรทานข้างล่างกันเถอะ” และจากนั้นไอ้ภัทรก็กึ่งลากกึ่งดึงไอ้ปิ๊กให้ออกไปจากห้อง ผมที่นั่ง

มองสองคนนั้นพากันออกไปซื้อของก็ต้องอมยิ้มขำและส่ายหัวให้กับคนทั้งคู่ แต่พอหันกลับมามองคนที่นอนอยู่ที่เตียงก็เห็นว่าอีก

คนรู้สึกตัวตื่นขึ้นและพยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ผมจึงเข้าไปช่วยพยุง

      “นี่พี่ตายแล้วใช่ไหมเนี่ยถึงได้เห็นนางฟ้ามาคอยดูแลอยู่ตรงหน้า” ไอ้พี่ภามที่นั่งพิงอยู่กับหัวเตียงเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้า

ผมยิ้มๆ เหอะๆ ตื่นขึ้นมาก็ได้เวลาพาเพื่อนรักออกมาเห่ามาหอนกันเป็นว่าเล่นเลยนะ

      “ถ้ารู้ว่าตื่นขึ้นมาจะพาเพื่อนมาเห่ามาหอนแบบนี้ ป๊อบน่าจะเอาหมอนปิดจมูกให้พี่นอนตายเป็นผีเฝ้าโรงพยาบาลนี้ตั้งแต่แรก

ไปเลยน่าจะดีกว่า” ผมว่า

      “แต่พี่ว่าป๊อบไม่ทำแบบนั้นกับพี่หรอก ใช่ไหมครับ” ไอ้พี่ภามถาม

      “มันก็ไม่แน่” ผมบอก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกว่าตั้งแต่ไอ้พี่ภามนี่โดนยิงแล้วฟื้นขึ้นมาจะไร้สาระขึ้นกว่าเดิม

      “แล้วนี่พี่เป็นยังไงบ้างอ่ะ ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า แล้วจะกินอะไรไหมหรือว่าอยากได้อะไรรึเปล่าเดี๋ยวป๊อบจะได้ไปเอาให้”

ผมถามเพราะเผื่อว่าอีกคนอาจจะต้องการความช่วยเหลือ

        แต่พอผมถามคำถามอีกคนจบ ไอ้พี่ภามก็นั่งอมยิ้มอย่างกับคนมีความสุขทั้งๆที่เพิ่งจะเฉียดตาย สรุปว่าไอ้พี่ภามนี่มันโดนยิง

หรือสมองได้รับความกระทบกระเทือนกันแน่เนี่ย?!

      “ยิ้มอะไรไม่ทราบ” ผมถาม แต่อีกคนกลับฉีกยิ้มกว้าง

      “ก็ที่ยิ้มเพราะพี่มีความสุขไง”

      “สุขที่ได้จากการเฉียดตายน่ะนะ”

      “เปล่าครับ แต่เป็นความสุขที่ป๊อบเป็นห่วงและคอยมาดูแลพี่แบบนี้ต่างหาก” นี่มันใช่เวลามาพูดอะไรแบบนี้ไหมเนี่ยเพราะสิ่ง

ที่อีกคนพูดมันทำให้ผมไปไม่เป็นและทำอะไรไม่ถูก แถมยังรู้สึกเขินๆแปลกๆทั้งๆที่เมื่อก่อนผมไม่เห็นจะมีอาการแบบนี้เลยสักนิด

 สรุปแล้ว ผมเป็นอะไรกันแน่เนี่ย?

      “มันใช่เวลาไหมเนี่ย!!!” ผมว่า

      “ฮ่าๆๆ ป๊อบเขินแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ โอเคๆ พี่ไม่พูดแล้วว่าแต่ว่าคนอื่นๆรู้ข่าวกันรึยังครับ” หลังจากที่ผมชี้หน้าคาด

โทษอีกคนว่าถ้าไม่หยุดพูดผมคงได้เอาหมอนอุดปากอีกคนแน่ เจ้าตัวเลยยกมือยอมแพ้ ก่อนจะถามถึงคนอื่นๆแทน

      “คุณหญิงแม่มาแล้วแล้วก็กลับไปแล้ว พอดีท่านติดธุระ ส่วนไอ้ภัทรกับไอ้ปิ๊กไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างโรงพยาบาล

อีกสักพักก็คงกลับ ส่วนคุณพ่อก็คงรู้ข่าวแล้ว แต่น่าจะติดงานยังมาไม่ได้” ผมบอกอีกฝ่ายจึงพยักหน้า

      “จริงๆพี่ก็ไม่อยากจะให้ทุกคนรู้เรื่องนี้หรอกนะ” ไอ้พี่ภามพูดสีหน้าดูมีกังวลอย่างเห็นได้ชัด

      “แต่คนอื่นๆรู้มันก็ดีต่อตัวพี่เองนะเพราะเขาจะได้ช่วยกันระวังความปลอดภัยของพี่นะ” ผมบอก อีกคนจึงหันมายิ้มให้ผมน้อยๆ

ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

        ติ๊ง!

        เสียงข้อความในโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมจึงหยิบมันเข้ามาดูก็พบว่าเป็นข้อความที่ถูกส่งมาโดยไอ้ภัทร

                   พอดีกูมีธุระด่วนแล้วไอ้ปิ๊กมันก็ต้องกลับไปเตรียมเรื่องเรียน ยังไงกูก็ฝากให้มึงอยู่ดูแลเฮียแทนกูกับไอ้ปิ๊กด้วยนะ

        ผมที่อ่านข้อความที่ไอ้เพื่อนรักตัวดีส่งมาให้ก็อยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งทันที ถ้าไม่ติดว่ามันราคาแพง ผมว่ามันคงได้ไปนอน

แอ้งแม้งอยู่ที่พื้นห้องอย่างแน่นอน

      “ไอ้ภัทรส่งมาว่าติดธุระ ปิ๊กก็ด้วยเลยให้ป๊อบอยู่ดูแลพี่แทนใช่ไหม” เสียงอีกคนเอ่ยขึ้นทำให้ผมต้องหันหน้าไปมอง

      “เป็นญาติกับศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์หรือไงถึงได้รู้ขนาดนี้” ผมถามเพราทำอย่างกับอีกคนรู้ล่วงหน้าว่า

ไอ้ภัทรมันจะทำอะไร

      “ก็แค่เดาเท่านั้นเอง” ไอ้พี่ภามว่ายิ้มๆ ก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ผมก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นไอ้พี่

ภามที่แสนเจ้าเล่ห์คนนี้!!
 



                         

         ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่พยาบาลจะเข้ามาทำแผลให้ไอ้พี่ภามแล้ว ผมเลยต้องรีบจัดแจงเช็ดตัวให้อีกคน แต่ระหว่างที่ทำก็ใช่ว่า

จะราบรื่นเพราะอีกคนที่ขยันหาเรื่องมาทำให้ผมทั้งโกรธ และเขินตลอดเวลาการเช็ดตัว ถามจริงเถอะ ถ้าเขาไม่แกล้งผมสักวินาที

เดียวเขาจะเป็นหมันหรือยังไง?

      “ได้เวลาทำแผลแล้วนะคะ” คุณพยาบาลสาวสวยที่เคาะประตูห้องเพื่อขออนุญาตก็เปิดเข้ามาก่อนจะจัดแจงทำแผลให้ไอ้พี่

ภาม

        และไม่นานคุณพยาบาลก็ทำแผลให้อีกคนเสร็จก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับไอ้พี่ภามที่ดูเหมือนจะเหนื่อยล้าและง่วงนอน

เต็มทน ผมเลยจัดแจงให้อีกคนได้นอนพัก

      “ขอจับมือหน่อยนะ” หลังจากที่ผมจัดแจงอีกคนให้นอนได้เรียบร้อย อีกฝ่ายก็ไม่รีรอฟังคำตอบจากผมก็ดึงมือผมเข้าไปกุม

พร้อมกับหลับตาพริ้ม ผมที่จะอ้าปากค้านก็ไม่อยากจะทำเพราะเกรงใจคนป่วยเลยได้แต่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย พร้อมกับมือ

ที่ถูกอีกคนเอาไปกุมเอาไว้

      “นี่เห็นว่าป่วยอยู่หรอกนะ” ผมว่า แต่ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนที่เพิ่งนอนหลับ

ไป..............











งานนี้พี่ภามเราโดนลอบทำร้าย ใครกันนะช่างกล้ามาแหยม อย่างนี้ต้องส่งน้องป๊อบไปจัดการซะแล้ว!! คราวนี้น้องป๊อบของพี่ภาม

เลยต้องกลายมาเป็นพยาบาลส่วนตัวให้ซึ่งพี่ภามแกก็เจ้าเล่ห์จริงๆ เฮ้อ!! เอาเป็นว่าตอนนี้เรื่องราวกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ปมไหน

ที่ยังไม่ได้ถูกสะสาง คงได้ถูกสะสางกันในเร็ววันนี้แน่ ยังไงก็ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ


ปล. ฝากเพจตัวเองนิดนึงค่ะ 55 https://www.facebook.com/pages/Hades/713419935405734?ref=hl

ออฟไลน์ หางนกยูง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ใครทำพี่ภามอะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ขอจิ้มก่อนนะค้าา..^^

***

:o8: พี่ภามฟื้นขึ้นมาก็รีบหยอดน้องป๊อบเลยนะคะ หุหุ .. ฝีมือธีระแน่ๆ เลย คนนิสัยไม่ดี~~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2015 23:19:57 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
พี่ภามโดนยิงนี่ ใช่อีเพื่อนเก่า(?)คนนั้นหรือเปล่าที่ทำอ่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
พ่อเพื่อนเก่าจอมแว้งกัดนั่นรึเปล่านะ?
ปล.วันนี้มาสั้นกว่าทุกวันนะเนี่ย 555
ปปล.ตอนนี้คุณหญิงแม่ขอสงบศึกชั่วคราว

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืมก็ค่อยดูกันต่อไป ใครจะเจออะไรทำอะไรโดนอะไรสู้ๆเข้าไว้ คึคึ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ไอ้ธีระแน่เลย

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                ตอนที่ 14 สองเรา.........

            หลังจากที่พี่ภามออกจากโรงพยาบาล คุณพ่อที่ไม่ได้มาดูลูกชายที่ถูกคนร้ายลอบยิงเพราะเนื่องจากติดภารกิจของทาง

ราชการ แต่ท่านก็ได้จัดคนไปคอยดูแลไอ้พี่ภามเพื่อความปลอดภัยแทน ซึ่งพี่ภามก็โชคดีที่มีคุณพ่อเป็นถึงนายพลจึงไม่ใช่เรื่อง

ยากที่จะหาคนฝีมือดีมาเป็นคนคุ้มกันความปลอดภัย

      “วันนี้แล้วสินะ” ตอนนี้ผมยืนทำใจอยู่ในครัวเพราะวันนี้ผมจะต้องทำขนมเค้กไปเซ่น เอ้ย! ไปให้คุณหญิงแม่เพื่อเอาใจท่าน

 ท่านจะได้รักและเอ็นดูผมบ้าง

      “สู้ๆนะคะคุณป๊อบป้าเป็นกำลังใจให้” ป้าพิมพ์เอ่ยให้กำลังใจ ผมจึงหันไปพยักหน้ารับ พร้อมกับเจอรอยยิ้มของพี่ผักหวาน

และพี่หนูนิ่มที่ส่งมาให้อย่างเป็นกำลังใจ เฮ้อ! สู้เว้ยไอ้ป๊อบ!!

        จากนั้นผมจึงเริ่มต้นลงมือทำขนมเค้กเป็นเค้กบราวน์นี่ที่คุณหญิงแม่ชื่นชอบและชอบทานและที่สำคัญ ผมเองก็หวังว่าท่าน

จะชอบใจมันด้วยนะ

        วันนี้นอกจากจะเป็นวันที่ผมต้องโชว์ฝีมือการทำขนมเค้กแล้ว มันยังเป็นเหมือนวันรวมญาติเพราะวันนี้ทุกคนเล่นอยู่บ้านกัน

อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ตั้งแต่คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง คุณหนู คุณชายยันคนใช้ คนขับรถ คนตัดหญ้า คนทำสวน ผมล่ะอยากจะรู้

จริงๆว่าพวกเขาไม่มีงานเข้ามากันเลยรึยังไงถึงได้รวมใจกันอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้ มันน่าจะเอาไปลงอะไรกินๆนะ

 กินทามะรึเปล่านะ? ว่ามีปรากฏการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นที่บ้านสุริยศักดิ์

     โดยคนในบ้านมาอยู่รวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาโดยมิได้นัดหมาย

      “มาแล้วคร๊าบบบบ เค้กร้อนๆน่าตาน่ารับประทาน โดยเชฟป๊อบที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีขนาดท่านประธานสันติแห่งเชฟ

กระทะเหล็กยังต้องชิดซ้ายกันเลยทีเดียว” ผมว่า ก่อนจะนำเค้กที่ทำเองกลับมือและผ่านการร่ำเรียนมาตลอดสามเดือน ที่ถูกจัดใส่

จานอย่างน่ารับประทานเอามาวางให้คุณพ่อ คุณหญิงแม่ ไอ้พี่ภามและไอ้ภัทรที่นั่งรอชิมรถชาติอยู่ที่โต๊ะทานข้าว

      “หน้าตาน่าทานดีนะ” คุณพ่อเอ่ยชม ผมเลยยิ้มรับและโค้งตัวเพื่อเป็นการขอบคุณ

      “ก็แค่น่าตาดี ไม่รู้ว่ารถชาติจะดีเหมือนหน้าตารึเปล่า” คุณหญิงแม่ว่า

      “แต่ภามว่าน่าตามันน่าทานดีนะครับ ทั้งเค้ก ทั้งคนทำ” ไอ้พี่ภามพูดขึ้น คุณหญิงแม่จึงหันไปมองตาแทบถลน ส่วนคุณพ่อกับ

ไอ้ภัทรก็อมยิ้มน้อยๆ ส่วนผมก็ตีสีหน้านิ่งทั้งๆที่ตอนนี้ขาของผมคงเป็นรอยเล็บที่จิกอยู่ตอนนี้แน่ๆ คนบ้าอะไรก็ไม่รู้มาหยอดเอา

ตอนที่คนเขากำลังจริงจัง แม่งเล่นแบบนี้ใครไม่เขินก็บ้า ป๊อบนะไม่ใช่สีโฟร์ซีซั่นที่จะทนได้ไม่มีเขิน!

      “รถชาติก็ต้องดีอยู่แล้วสิครับคุณหญิงแม่ ไม่เชื่อลองทานกันดูสิครับแล้วที่สำคัญนะครับคุณหญิงแม่ เค้กก้อนนื้ทานได้

แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์เพราะไม่มียาเบื่อ ยาถ่าย ยานอนหลับใดๆทั้งสิ้น เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ลองชิมดูครับแล้วจะติดใจ”

ผมเลือกที่จะไม่สนใจในสิ่งที่ไอ้พี่ภามมันพูด แต่เลือกที่จะย้อนกลับไปตอบคำถามของคุณแม่และให้ทุกคนได้ลองลิ้มชิมรสชาติ

เค้กที่ผมทำกันดู ส่วนตัวผมเองก็ยืนลุ้นจนตัวโก่งเพราะไม่รู้ว่ารสชาติจะถูกใจกันรึเปล่า

      “อร่อยมากเลยนะป๊อบ เก่งนี่เรา” เป็นเสียงของคุณพ่อที่เอ่ยชมออกมาหลังจากที่ท่านทานเค้กเข้าไป ผมจึงยิ้มรับและยกมือ

ขอบคุณในคำชมที่ได้รับจากท่าน

      “อืม อร่อยว่ะมึง เพื่อนกูนี่ก็ทำเรื่องพวกนี้เก่งเหมือนกันนี่หว่า” ไอ้ภัทรว่า ผมเลยแท็กมือกับมันว่าผมทำมันได้

      “อร่อยมากเลยป๊อบอย่างนี้คุณแม่คงชอบ” ไอ้พี่ภามบอก ก่อนที่จะพูดถึงคุณหญิงแม่เพราะตอนนี้เหลือแค่ท่านคนเดียว

เท่านั้นที่ยังไม่ได้วิจารณ์รสชาติขนมเค้กฝีมือของผม

      “อืม.................” คุณหญิงแม่ที่ตักทานเค้กชิ้นแรกเข้าปาก ก่อนจะค่อยๆวางช้อนและส่งเสียงในลำคอเหมือนช่างใจอยู่ชั่ว

ครู่ว่าจะตอบผมว่าอย่างไรดี ส่วนผมกับคนที่เหลือก็พลอยลุ้นไปกับคำตอบที่จะหลุดออกมาจากปากของคุณหญิงแม่

      “ก็พอทานได้ล่ะนะ” คุณหญิงแม่ตอบ ส่วนผมกับคนอื่นๆที่ได้ฟังคำตอบก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกกันเป็นแถวเพราะกลัวซะ

เหลือเกินที่ท่านอาจจะไม่พอใจในรสชาติของเค้กที่ผมทำแล้วอาจจะพาลไม่ชอบผมเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งงานนี้คนที่ดีใจที่สุดและโล่ง

ใจที่สุดก็คงจะเป็นใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ยอดชายนายป๊อบคนนี้เพราะเมื่อคืนผมก็นอนแทบจะไม่หลับเพราะกังวลกับการทำไอ้เค้ก

บราวน์นี่ที่ต้องมาให้คุณหญิงแม่ได้ทาน แต่พอมาเจอคำตอบแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ถึงแม้ปากท่านตะบอกว่าพอทานได้ แต่ผม

เห็นคุณหญิงแม่หันไปเรียกป้าพิมพ์ให้เอามาเสิร์ฟให้อีกสองชิ้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมอดที่อมยิ้มจะแซวไม่ได้

      “อาหารที่มีน้ำตาลสูงทานมากๆไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ ยังไงคุณหญิงแม่ก็ทานแต่พอเหมาะ พอดีนะครับ ป๊อบเป็นห่วง”

ผมว่า  แต่ก็พอเห็นว่าท่านเหลือบตาขึ้นมามองอย่างเคืองๆ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเค้กบราวน์นี่ต่อ ส่วนผมก็ขอตัวเข้าไป

เก็บงานในครัวต่อให้เรียบร้อยเพราะตอนที่ออกมาก็รีบซะจนยังไม่ได้ลงมือทำความสะอาด ถึงแม้จะมีพี่หนูนิ่มกับพี่ผักหวานอาสา

จะทำให้ แต่ผมก็เกรงใจพี่ๆทั้งสองเพราะเธอก็มีงานที่เธอต้องทำกันอยู่แล้ว แต่ผมที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรก็ไม่อยากเอาเปรียบใคร

เพราะในเมื่อมาอาศัยอยู่บ้านผู้อื่นก็ต้องทำหน้าที่ผู้อาศัยที่ดีให้เจ้าบ้านรักและเอ็นดู

        เมื่อผมเดินเข้ามาถึงห้องครัวก็เริ่มเก็บของที่ใช้งานไปเมื่อครู่ไปรวมๆกันไว้เพื่อเตรียมจะล้าง แต่ก็ไม่ทันได้ระวังใครบางคนที่

แอบเดินตามเข้ามา ซึ่งมารู้ตัวอีกทีก็โดนอีกคนยืนช้อนหลังและกอดเอวผมไว้อย่างหลวมๆ

      “ปล่อย! มันทำงานไม่ได้” ผมหันไปแหวใส่คนที่ยังคงตีหน้ามึนกอดเอวผมเอาไว้อยู่

      “น้องป๊อบก็ทำงานของน้องป๊อบไปสิครับ ส่วนพี่ก็ทำงานในส่วนของพี่ พี่ก็ไม่ไปจับมือน้องป๊อบเอาไว้นะครับที่น้องป๊อบจะ

ทำงานอะไรไม่ได้” อีกคนยังคงตีหน้ามึนกอดผม แต่ผมว่ามันคงจะเลยคำว่ามึนไปไกลเลยล่ะเพราะตอนนี้พอผมหันไปมองหน้าอีก

คนก็สะกดได้อยู่คำเดียวเลยล่ะว่า   

                                                                           กวนตีน!!!

      “ไอ้พี่ภาม ป๊อบบอกให้ปล่อย ป๊อบจะล้างของพวกนี้ ถ้าพี่ยังไม่ปล่อยอย่าหาว่าป๊อบไม่เตือน” ผมหันไปบอกอีกคนเสียงเย็น

อีกฝ่ายเลยทำทีอิดออดเล็กน้อย ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระเพราะเจ้าตัวคงจะรู้ดีว่าผมเป็นคนพูดจริงทำ

จริงและที่สำคัญคงจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของผมจากปากไอ้ภัทรมาบ้างแหละถึงได้รีบปล่อยผมเร็วแบบนี้

        นอกจากผมจะมีความหล่อแบบกระชากใจสาวๆแล้ว ผมยังมีทักษะในด้านอื่นๆ อาทิเช่น นักกีฬายิงปืนของมหาวิทยาลัย

 คาราเต้ และอื่นๆอีกมากมายเพราะผมเองก็เคยบอกแล้วว่าผมไม่ได้มีแค่หน้าตา แต่ทักษะความสามารถในการต่อสู้ก็สูสีดูดีไม่แพ้

หน้าตา ไอ้ป๊อบคอนเฟิร์ม!!

      "งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่าเพื่อให้มันเป็นการแฟร์ของทั้งสองฝ่าย"  คนที่เพิ่งผละออกไปเมื่อครู่เอ่ยเกริ่นนำขึ้น จึงทำให้ผมที่กำลัง

ลงมือล้างเครื่องมือในการทำขนมต้องเงยหน้าเลิกคิ้วหันมามองและสงสัยในคำพูดของไอ้พี่ภาม

      อะไรคือเป็นการแฟร์ของทั้งสองฝ่ายเพราะผมว่าอีกคนต้องมีลูกเล่นอะไรที่มันเจ้าเล่ห์และตัวเองต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบแน่ๆ

      “ตอนนี้พี่จะไม่ยุ่งกับป๊อบจนกว่าป๊อบจะทำความสะอาดเครื่องครัวนี้เสร็จตกลงไหมครับ” อีกคนพูด ผมหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ

ใจ แต่พอมองเข้าไปในแววตาของอีกฝ่ายผมว่ามันไม่น่าไว้วางใจ แต่จะทำยังไงได้เพราะถ้าขืนปล่อยให้อีกคนทำแบบนั้นต่อไป

สิบชาติผมเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะได้ล้างเครื่องครัวพวกนี้เสร็จ ผมจึงต้องจำใจพยักหน้ารับอย่างไม่มีทางเลือกเพราะเหมือนกับ

มีตัวเลือกอยู่สองข้อ

ข้อหนึ่ง คุณต้องตอบตกลงเท่านั้น

ข้อที่สอง คุณควรกลับไปอ่านข้อหนึ่งอย่างละเอียดอีกสักสองรอบ

      “แต่ถ้าป๊อบล้างของพวกนี้เสร็จ เราต้องออกไปธุระข้างนอกกับพี่ ตกลงตามนี้นะครับ” อีกคนที่พูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้ผมได้

แต่มองตามตาปริบๆพร้อมกับอ้าปากค้างคล้ายเด็กเอ๋อระยะสุดท้ายและความกว้างของปากที่อ้าก็พร้อมให้แมลงวันบินเข้าไป

วางไข่ได้อย่างสบายใจ

      “เฮ้ย! ไอ้พี่ภามอย่ามาโมเมพูดเองเออเองแบบนี้สิ ป๊อบไม่ตกลงไม่ว่าในกรณีใดๆเด็ดขาดโว้ยยย!” ผมรีบตะโกนไล่หลังอีก

คนออกไปทันทีที่ตั้งสติได้ แต่แล้วคนที่ผมคิดว่าน่าจะเดินออกห่างจากห้องครัวไปได้ไกลกลับชะโงกหน้ากลับเข้ามาภายในห้อง

ครัวใหม่พร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ผมอยากจะหยิบกะทะ ตะหลิวหรืออะไรก็ได้ที่มันใกล้มือปาใส่ไอ้คนที่ทิ้งระเบิดเอาไว้แล้ว

เดินลอยหน้าลอยตาออกไป

      “อ้อ เมื่อกี้พี่ลืมบอกน้องป๊อบไป ห้ามสาย ห้ามโอ้เอ้ ห้ามเบี้ยว ห้ามปฏิเสธ ห้ามตุกติก ห้ามขาด ห้ามลาป่วย ห้ามลาบวช

ห้ามลากิจและห้ามลาตายและที่สำคัญไปอาบน้ำและแต่งตัวสวยๆด้วยนะครับเดี๋ยวพี่จะไปรอน้องป๊อบคนสวยที่รถ”  อ๊ากกกก!!

ผมอยากจะฆ่ามันนนนน ผมเองก็เพิ่งรู้ความหมายของสำนวนที่ว่า......................

        ‘เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือไอ้ป๊อบยังมีไอ้หื่นภาม!’  หึ้ย!! เจ็บใจโว้ยยยย








                       

        หลังจากที่ผมทำงานครัวเสร็จก็ต้องรีบขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวให้สวย(พูดคำนี้แล้วไอ้ป๊อบขนลุกชะมัด)ตามที่ได้รับคำสั่งจาก

เบื้องบนลงมาเพราะถ้าหากไม่ทำตามที่ได้รับคำสั่งแล้วล่ะก็ ผมจะต้องถูกหักเงินเดือนออกไปครั้งละ 3 หมื่นบาท หอยหลอดล่ะสิ

ครับบบบ!!

        ผมเดินออกมาหาอีกคนที่ยืนพิงอยู่กับประตูรถสุดหรูที่ราคาของมันก็สามารถทำให้ผมสบายไปตลอดทั้งชีวิต ก่อนจะหันมา

มองผมหัวจรดเท้าเพื่อสำรวจความเรียบร้อย  แต่มันจะไม่อะไรเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่าสายตาของอีกคนที่มองผมอยู่นั้นมันไม่ได้

ทำให้ผมต้องรู้สึกเกร็งๆและร้อนวูบแปลกๆ ส่วนมือไม้ก็ทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะเอาไปไว้ไหนดี แต่พอดีผมดูซ๊รีย์เยอะเลยพอจะรู้ว่า

ถ้าเขามีอาการกันแบบนี้จะต้องยกขึ้นเกาคอ เกาท้ายทอย ซึ่งผมก็ไม่รอช้ารีบทำตามแบบนั้นทันที

      “มองไรไม่ทราบ” ผมถามออกไปทั้งๆที่ก็ต้องคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันสั่นเพราะอะไร

      “ก็....มองน้องป๊อบคนสวยไงครับ”  ไอ้บ้า!

        ผมเลยต้องถลึงตาใส่ อีกคนเลยรีบมาเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ พร้อมกับเปิด

เพลงในรถคลอเบาๆอย่างมีความสุข สุขตายล่ะ!!

        หลังจากที่ไอ้พี่ภามขับรถออกมาเรื่อยๆ ผมเองก็เพิ่งจะมาเอะใจเอาได้ว่าเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ในตอนนี้มันเป็นเสื้อที่เมื่อตอนที่

ผมเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ๆแล้วไม่มีเสื้อใส่อีกคนเลยซื้อให้ แต่ก็มีแต่ตัวนี้แหละที่ผมยังไม่ได้ใส่เพิ่งจะได้เอามาใช้ก็วันนี้ พอมารู้ได้

ตอนหลังก็รู้สึกเขินๆเหมือนกันนะ ว่าแต่ว่าที่อีกคนกำลังร้องเพลงคลอเบาๆไปกับเสียงเพลงที่เปิดทิ้งไว้อย่างอารมณ์ดีอยู่ในตอนนี้

 มันเป็นเพราะผมใส่เสื้อที่เขาซื้อให้ผมอย่างนั้นเหรอ

แล้วทำไมผมถึงต้องรู้สึกดีจนอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ล่ะ

แล้วทำไมผมถึงต้องกำเสื้อตัวเองแน่นเพราะความเขินด้วยนะ

แล้วทำไม............ผมต้องเขินด้วยล่ะเนี่ย!!

      “ป๊อบน่าจะยิ้มแบบนี้บ่อยๆนะครับ น่ารักดี.......พี่ชอบ” ห๊า!อะไรนะ ไอ้พี่ภามเขาบอกว่าตอนนี้ผมกำลังยิ้มเหรอ ผมรีบยกมือ

ขึ้นมาจับที่ใบหน้าและมันก็เป็นจริงอย่างที่อีกคนว่าเพราะตอนนี้ผมกำลังยิ้มและมันเป็นรอยยิ้มที่มีความสุข...................


     
                     
        ขับรถมาได้ไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทางที่อีกคนพามา มันเป็นเหมือนรีสอร์ทที่บรรยากาศดีมากๆๆๆแห่งหนึ่ง แต่ผมก็ลืม

ถามว่าที่นี่มันที่ไหน แต่ก็คงจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไรนักเพราะใช้ระยะเวลาสั้นมากในการเดินทางมา

        พอผมกับไอ้พี่ภามลงจากรถ พี่แกก็เดินไปเปิดห้องพักกับพนักงานและรีบรับกุญแจมา ก่อนจะเดินมาจับมือผมให้เดินตามตัว

เองออกไป

        ผมเดินตามอีกคนไปทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกอีกคนพาไปที่ไหนเพราะต่อให้ผมสงสัยมากจนอยากจะถาม แต่เชื่อผมเถอะ

ว่าถ้าผมถามออกไปมันก็เปล่าประโยชน์เพราะยังไงซะคนที่เดินจับมือผมตอนนี้ก็คงไม่ตอบคำถามผมง่ายๆหรอก

      “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” ไอ้พี่ภามว่า แถมยังกระชับมือให้แน่นขึ้นไปอีก ตอนนี้เราเดินกันออกมาไกลจากตัวรีสอร์ทและสองข้าง

ทางของผมก็รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ดูเยอะขึ้นกว่าตอนอยู่ในรีสอร์ท ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่เดินจับมือผมกำลัง

จะพาผมไปที่ไหนกันแน่?!

            เอ๊ะ!!หรือว่าไอ้พี่ภามมันกำลังจะพาผมไปทำมิดีมิร้าย!!

        แต่ยังไม่ทันที่จะให้ผมได้จินตนาการเรื่องไร้สาระต่อ ภาพตรงหน้าที่เคยเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้ากลับกลายเป็นภาพก้อน

หินก้อนโตที่เป็นที่นั่งอย่างดีที่เอาไว้นั่งดูพระอาทิตย์ในยามขึ้นจากขอบฟ้าและลาลับลงไป

        ผมหันหน้าไปมองอีกคนที่หันมามองผมอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยปากชักชวนให้ผมนั่งลงที่ก้อนหินก้อนนั้น

      “พี่ว่าเราน่าจะมานั่งรอดูพระอาทิตย์ตกดินกันนะครับ” ไอ้พี่ภามว่า ก่อนจะออกแรงดึงผมอีกครั้งให้เดินตามตัวเองไปนั่งที่ก้อน

หินนั้น แถมยังคอยดูแลความปลอดภัยให้ผมอีก

      “คิดไงถึงพามาดูพระอาทิตย์ตกดิน” ผมถามออกไป เมื่อเราทั้งคู่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว

      “ก็พี่เห็นเราเหนื่อยๆก็เลยอยากจะพามาผ่อนคลายบ้างก็เท่านั้นเอง” อีกคนตอบ ส่วนผมก็พยักหน้ารับน้อยๆ

      “นั่นไงพระอาทิตย์ตกแล้ว” ไอ้พี่ภามชี้นิ้วไปตรงหน้า ซึ่งดวงอาทิตย์กำลังตก ผมจึงหันไปมองตามนิ้วที่ชี้และอดที่จะทึ่งให้

กับความสวยงามในตอนนี้ไม่ได้

        แสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้ากำลังตัดกับแสงของท้องฟ้าที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ยามราตรี มันช่างเป็นภาพที่น่า

มองและน่าประทับใจที่สุด แต่นั่นก็คงไม่ทำให้ผมประทับใจเท่ากับภาพตรงหน้าที่กำลังบดบังทัศนียภาพความงามของท้องฟ้า ณ

 ตอนนี้ได้

        สายสร้อยสีเงินเส้นยาวกับจี้รูปดวงดาวสวยงามที่กำลังส่องประกายไปพร้อมๆกับแสงของดวงอาทิตย์ยามลาลับขอบฟ้า

จึงทำให้ผมต้องหันหน้ากลับไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆที่เป็นคนถือสร้อยเส้นนั้นเอาไว้

      “สุขสันต์วันเกิดนะครับ น้องป๊อบ”

      “พี่ภามรู้?” ผมถามอีกคนอย่างสงสัย ใช่ วันนี้เป็นวันเกิดผม ซึ่งผมเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา แต่เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง

      “ก็........ไม่บอก” อีกคนตอบอย่างยิ้มๆ

      “ไอ้ภัทรบอก” ผมถามเพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถตรัสรู้ได้ด้วยตัวเอง

      “ไม่เชิง แต่ก็ไม่ใช่” ไอ้พี่ภามตอบ

      “ไอ้ปิ๊ก” ผมลองถาม  ซึ่งไอ้พี่ภามไม่ตอบ ผมเลยจ้องอีกคนเขม็ง อีกฝ่ายจึงยอมปริปากพูด

      “เดาเก่งดีนี่”

        เหอะ! ผมอยากจะบ้าตายกับไอ้ปิ๊กจริงๆ คราวก่อนก็แทบจะยกผมใส่พานให้ไอ้พี่ภาม มาคราวนี้ก็เล่นบอกวันเดือนปีเกิดของ

ผมอีก       

         มึงไม่บอกไปเลยล่ะไอ้ปิ๊กว่าเฮียมึงยังซิงอยู่!! ไอ้น้องเวร!!

      “แล้วนี่จะใจดำไม่รับของขวัญวันเกิดของพี่หน่อยเหรอ” อีกคนพูดเพราะตอนนี้ผมยังไม่ยอมรับสร้อยคอจากมือของอีกฝ่าย

      “มันแพง พี่เก็บไว้เถอะ แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ” ผมตอบปฏิเสธแบบอ้อมๆเพราะใจจริงไม่ใช่ไม่อยากได้ แต่ผมไม่อยากจะให้

ตัวเองสับสนไปมากกว่านี้เพราะผมกลัวว่าถ้าหากผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังสับสนอยู่ มันเกิดเป็นมากกว่าคำว่าสับสน มันจะทำให้ผมต้อง

มานั่งเสียใจเองในภายหลัง สู้ตัดจบมันแบบนี้ยังน่าจะดีซะกว่า

        แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หันหลังกลับ อีกคนก็คว้าตัวของผมไว้พร้อมกับความรู้สึกเย็นๆที่ลำคอ พอผมก้มลงมองก็พบว่าสาย

สร้อยสีเงินเส้นยาวรูปดวงดาวได้มาอยู่ที่คอของผมเรียบร้อยแล้ว

      “อย่าปฏิเสธมันเลยนะครับ น้องป๊อบไม่สงสารดวงดาวดวงนี้เหรอครับ” ไอ้พี่ภามว่า ก่อนจะยกมือมาจับมือผมที่ยกขึ้นมาจับจี้

ดาวในตอนที่เขาพูดในตอนแรก จากนั้นพี่ภามก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด

        ตึกตัก ตึกตัก!! 

        เสียงหัวใจของผมและอีกคนกำลังดังแข่งกัน และนี่คือสิ่งที่ผมกำลังกลัวและกำลังสับสน ว่าจริงๆแล้วที่ผ่านมาทั้งหมด

ไอ้อาการที่ผมคิดว่าตัวเองนั้นกำลังสับสน แท้จริงแล้วมันไม่ใช่การสับสน แต่เป็นความกลัว กลัวว่าถ้าวันหนึ่งผมรู้ใจตัวเองและไม่

สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไป ว่าผมกำลังรัก เขา
 
        แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะถึงจะให้ผมอยากจะปฎิเสธและหลอกตัวเองยังไง ผมก็ไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปว่าผม

กำลัง.............รักพี่ภามจริงๆ
       






มาแล้วจร้าาาา ขอโทษทีที่เมื่อวานไม่ได้อัพนะคะ พอดีกะว่าจะมาอัพในวันนี้ให้หลายๆตอน ตอนนี้น้องป๊อบของเราก็ทำเค้กมา

เอาใจคุณแม่สามีได้สำเร็จแล้ว แถมยังมีเรื่องน่ายินดีที่ตอนนี้เจ้าตัวยอมรับความจริงแล้วล่ะว่า กำลังรักพี่ภามเข้าให้แล้ววว อิอิ

ไว้พบกันตอนหน้านะจ๊ะ(มากระซิบบอกว่าอีกแค่ไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะจ๊ะ!!) บายยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                  ตอนที่ 15 ใจอ่อน..........
           
            หลังจากที่เรื่องราวตอนที่ผมถูกอีกคนเซอร์ไพรส์วันเกิดก็ทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าอีกคนอย่างตรงๆ มันรู้สึกเขิน

แปลกๆทุกครั้งที่มอง ซึ่งเมื่อก่อนผมก็ไม่ได้มีอาการบ้าๆอะไรแบบนี้และนั่นจึงทำให้ผมหลบหน้าอีกคนอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่ไม่อยากเจอ

 แต่แค่อายเท่านั้น ไม่ได้กลัวและไม่มีเหตุผลอื่นเพราะคนอย่างไอ้ป๊อบไม่มีคำว่ากลัวอยู่ในพจนานุกรมอยู่แล้ว!!

      “วันนี้เฮียเลิกคลาสกี่โมงอ่ะ” ไอ้ปิ๊กที่เดินมาหาผมที่โต๊ะหินอ่อนตัวประจำในมหาลัยที่ตอนนี้ไอ้ภัทรกำลังออกไปหาหนังสือมา

ทำรายงานยส่งอาจารย์ทิ้งผมให้นั่งแก่วอยู่คนเดียวที่โต๊ะ

      “น่าจะช่วงบ่ายๆแล้วปิ๊กล่ะ” ผมถามหลังจากที่ไอ้น้องรักนั่งลงที่โต๊ะ

      “น่าจะค่ำๆอ่ะเฮีย พอดีวันนี้มีรับน้องด้วย เฮียกลับก่อนก็ได้นะ” ไอ้ปิ๊กบอก ผมจึงพยักหน้ารับเพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอถึงเย็น

ทำไม สู้กลับไปพักผ่อนหรือไม่ก้ตากแอร์เย็นๆในห้างยังจะดีซะกว่า

        วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาลัยกับการเป็นนักศึกษาปีสาม คณะนิติศาสตร์พร้อมกับไอ้น้องชายสุดที่รักอย่างไอ้

ปิ๊กที่ตอนนี้เป็นเฟรชชี่หน้าใส(ล่ะมั้ง เหอะๆ!) คณะนิติศาสตร์เช่นเดียวกับผม

        ไอ้ปิ๊กมันโชคดีมากที่ได้ไอ้ภัทรเป้นพี่รหัสเพราะอย่างน้อยๆไอ้ภัทรมันก็คือเพื่อนรักของผมเวลาที่มันปีนเกลียว ผมจะได้จับ

มันหักคอได้สะดวกหน่อยเพราะพื้นเพของไอ้ปิ๊กแล้ว ไม่ปากคุณสุนัขแล้วก็กวนคุณพระบาทาอยู่เป็นเนืองนิจ จึงทำให้ผมค่อนข้าง

จะปวดคุณเฮดเสียจริงๆที่มีน้องเป็นไอ้ปิ๊ก!

        ส่วนทำไมไอ้ปิ๊กถึงได้กลายมาเป็นน้องวหัสของไอ้ภัทรได้นั้นก็คงเป็นเพราะน้องรหัสของไอ้ภัทรเมื่อปีที่แล้วหรือไอ้เพชร

มันดันกระแดะซิ่วไปเรียนเศรษฐาสตร์เสียก่อนจึงทำให้ปีที่แล้วไอ้ภัทรไม่มีน้องรหัส มันจึงค่อนข้างสนิทกับไอ้มิ่ง น้องรหัสตัวดีอีก

คนของผม

      “แล้วนี่พี่ภัทรไปไหนแล้วอ่ะเฮีย ปิ๊กยังไม่เห้นตั้งแต่เช้าเลย” ไอ้ปิ๊กถามขึ้นมาพราะปกติมีผมอยู่ที่ไหนไอ้ภัทรจะอยู่ที่นั่นหรือมี

ไอ้ภัทรอยู่ที่ไหนก็จะมีผมเสนอหน้าอยุ่ด้วยตลอด แต่นี่ตั้งแต่เช้ามันก็เอาเวลาทั้งหมดไปขลุกตัวอยู่ที่ห้องสมุด

      “ไปหาข้อมูลทำรายงานที่ห้องสมุด ว่าแต่เราเถอะตอนนี้ว่างอยู่เหรอ” ผมถามกลับบ้าง มันจึงพยักหน้าว่าตอนนี้ว่างแล้ว ก่อน

จะชวนผมคุยต่อ

      “เฮียในฐานะที่เราเป็นพี่น้องที่รักกันปานเฮียจะฆ่าปิ๊กแทนการกินยาเช้า กลางวัน เย็น หลังอาหารแล้ว ปิ๊กขอถามอะไรเฮีย

หน่อยสิ” สาบานเถอะว่าที่มึงพูดมาทั้งหมดคือการที่กูรักมึง?

      “มีไรก็ว่ามาดิ แต่เฮียก็จะตอบเท่าที่เฮียตอบได้ล่ะนะ” ผมว่าเพราะผมมีลางสังหรณ์ว่ามันต้องถามผมเรื่องผมกับพี่ภามแน่ๆ

      “ถามจริงเถอะ ไอ้งานที่เฮียมำอยุ่ตอนนี้มันนไม่ใช่งานดูแลคนสูงอายุใช่ไหม” ไอ้ปิ๊กถาม ผมจึงมองหน้ามันนิ่งสักพัก ก่อนจะ

ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะผมเองก็ไม่รุ้จะปิดมันไปเพื่ออะไรเพราะขนาดพวกพี่ท็อปก็รู้เรื่องกันไปหมดแล้ว

      “อืม เฮียไม่ได้ทำงานดูแลคนสูงอายุอย่างที่ปิ๊กเข้าใจนั่นแหละ แต่ว่างานทีเฮียทำมันไม่ได้ผิดกฎหมายนะ” ผมรีบบอกเพราะ

กลัวไอ้ปิ๊กมันจะสงสัยว่าผมอาจจะทำงานผิดกฎหมายเพราะรายได้ที่ผมส่งให้มันตอนนอยู่ดูแลแม่ แถมยังจะค่ารักษาพยาบาลของ

แม่อีก

      “แล้วเฮียทำงานอะไ--” ยังไม่ทันที่ไอ้ปิ๊กจะได้พูดจบ เราทั้งคุ้ก้ต้องหันไปมองตามเสียงเรียกชื่อผม ซึ่งเป็นน้ำเสียงที่ผมคุ้น

เคยและตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากจะคุ้นเคยสักเท่าไร

      “อ้าวไอ้ป๊อบ วันนี้คุณว่าที่สามีไม่ได้มาส่งเมื่อตอนเช้าเหรอ” ไอ้พี่ท็อปที่เดินมาจากไหนไม่มีใครรู้ ยิ้มกวนๆถามผมเหมือนไม่

เห็นว่าตอนนี้มีไอ้ปิ๊กนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย แต่ที่รู้ๆในตอนนี้คือพี่แกกำลังทำให้ไอ้ปิ๊กมองผมตาโตยิ่งกว่าไข่ห่านเสียอีก 

ตายๆๆๆ ตายอย่างไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่งานนี้

      อะไรจะแย่กว่านี้มีไหมเนี่ย พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โลกของ

               ไอ้ป๊อบจะแตกก็วันนี้แหละครับท่าน!! ฮือๆๆๆ








                         

      “มันอะไรยังไงกันเฮียเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ตอนนี้ไอ้ปิ๊กกำลังนั่งกดดันให้ผมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง ผมหันขวับ

กลับไปมองหน้าไอ้พี่ท็อปที่ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆมาให้ผมแทนเพราะคนที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดมันยุ่งๆก็เป็นเพราะไอ้พี่ท็อป!!

ผมอยากจะฆ่ามันจริงๆ

      “เอ่อ...คือ...” ผมได้แต่อ้ำอึ้งแบบนี้มาสามรอบ ไอ้พี่เมฆที่นั่งอยู่ด้วยคงเริ่มจะรำคาญผมที่มัวแต่อ้ำอึ้ง จึงเอ่ยปากพูดออกมา

      “มัวแต่เอ่อ...อ่า อยุ่นั่นแหละไอ้ป๊อบแล้วแบบนี้น้องมันจะรู้เรื่องอะไรไหมเนี่ย” ผมได้แต่หันไปมองหน้าไอ้พี่เมฆเป็นเชิงว่า

 ผมขอทำใจอีกสักนิด พี่แกเลยได้แต่มองหน้าผม ก่อนถอนหายออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

        ตอนนี้ที่โตธมานั่งที่ประจำของผม มันไม่ได้มีแค่ผมกับไอ้ปิ๊กที่นั่งคุยกันแค่สองคนเหมือนในตอนแรก แต่ตอนนี้ที่โต๊ะของ

ผมมีทั้ง พี่ท็อป พี่เมฆ ไอ้มิ่งแล้วก็ไอ้ภัทรที่รบออกจากห้องสมุดเพื่อมาเผือกเรื่องนี้โดยเฉพาะ

      “คือ พี่ภามเขาจ้างพี่ให้ไปเล่นเป็นแฟนกำมะลอให้กับเขาแล้วก็ให้เข้าไปเปิดตัวกับคุณหญิงแม่ว่าพี่เป็นว่าที่สะใภ้ของบ้าน

สุริยศักดิ์” ผมบอกไอ้ปิ๊กไปตามความเป็นจริง

      “แล้วพี่รักพี่สุดหล่อเหรอถึงได้ยอมทำงานนี้น่ะ” ไอ้ปิ๊กถาม ผมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ไม่กล้าที่จะสบตาน้องเพราะ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตอบไปแบบไม่ต้องคิดว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้พี่ภาม แต่ในตอนนี้ ณ ตอนนี้และเวลานี้ ผมรู้สึกดีกับอีกคน

ถึงขั้นที่อาจจะเรียกได้ว่า ผมรักอีกคนเข้าแล้วจริงๆ

      “ก็.....พี่ภามเขาเสนอค่าจ้างเยอะไง แล้ว...เอ่อ ตอนนั้นแม่ก็ป่วยพี่ก็เลยไม่มีทางเลือก” ผมตอบ พยายามไม่หลบตาไอ้ปิ๊ก

เพราะถึงแม้มันจะติ๊งต๊องไปหน่อย ปัญญาอ่อนไปนิด กวนตีนอาจจะเยอะ ปากหมาอาจจะบ่อย แต่ถ้าเรื่องจับโกหกแล้วล่ะก็ ไอ้

ปิ๊กนี่เรียกได้ว่าเจ๋งระดับเซียนหาตัวจับได้ยากเลยล่ะ

      “ตอบไม่ตรงคำถาม!”   อึก! 

        ไอ้ปิ๊กว่าเสียงเย็นๆ แต่แค่นี้ก็ทำเอาผมถึงกับสะอึกเพราะซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง ผมตอบไม่ตรงกับคำถามที่มันถามจริงๆ

      “แต่ถ้าเฮียจะมาบอกว่า ตอนนั้นเฮียไม่มีทางเลือก ปิ๊กว่าทางเลือกน่ะมี แต่เฮียเลือกที่จะไม่เลือกมันมากกว่า” ไอ้ปิ๊กว่า เหอะ!

 อีกดอกที่ก็ทำให้ผมสะอึกไม่ต่างไปจากดอกแรกที่มันพูดมา

      “ปิ๊กขอถามเฮียอีกคำถาม คำถามเดียวและเป็นคำตอบสุดท้าย” ไอ้ปิ๊กว่า ก่อนที่มันจะทำสีหน้าจริงจังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเอามือมาจับที่ต้นแขนของผมเอาไว้ทั้งสองข้าง  ให้บรรยากาศกดดันเหมือนนักโทษถูกสอบสวน  ไอ้เหี้ย!ปิ๊ก กูเป็นพี่มึงนะ ไม่ใช่

ผู้ร้ายวางระเบิดที่ต้องมาให้มึงสอบสวนน่ะ!!

      “ซึ่งเฮียก็ต้องเลือกคำตอบสุดท้ายเพื่อมาตอบปิ๊กและขอย้ำว่าอย่าพูดโกหก” ไอ้ปิ๊กเน้นหนักคำว่า อย่าพูดโกหก จึงทำให้ผม

ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง

      “เฮียรักพี่สุดหล่อใช่ไหม!!”





                   

        กว่าผมจะสามารถหลุดพ้นจากไอ้ปิ๊กได้ก็เล่นเอาแทบตายเหมือนผมโดนสูบวิญญาณออกจากร่างยังไงก็ไม่ปานเลยจริงๆ

 เฮ้อ! แต่ถ้าถามว่าทำไมผมถึงได้หลุดออกจากการถูกสอบสวนโดยน้องชายบังเกิดเกล้าอย่างไอ้ปิ๊กได้ล่ะก็ เหอะๆ  ก็ผมตอบมัน

ทุกคำถามและตอบจริงไม่อิงนิยาย มันเลยปล่อยตัวผมออกมาอย่างอิสระ แต่ก่อนที่ผมจะได้เป็นอิสระ มันก็ทิ้งคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้

ให้ผมโมโหเล่น

      “ปิ๊กบอกแล้วว่าหน้าตาอย่างเฮียน่ะ มันต้องมีสามีเป็นพี่สุดหล่อ ไม่ใช่ยัยผู้หญิงปาแดงพวกนั้น เฮ้อ! ไอ้ปิ๊กโคตะระมีความ

สุขจริงๆที่ได้พี่สุดหล่อเป้นพี่เขย โฮะๆๆๆ แล้วพี่ก้อย่าลืมบอกพี่สุดหล่อล่ะ ว่าพี่รักเขาจริงๆเข้าให้แล้ว”

        มันพูดจบก็เดินออกไปเรียนต่อ ปล่อยให้ผมได้แต่โกรธจนทำอะไรไม่ถูก ไหนจะเสียงโห่แซว เป่าปากวี๊ดวิ้วของพวกพี่

ท็อปนั่นอีก จึงทำให้ผมรีบพาตัวเองไปอยู่ไกลๆเจ้าพวกตัวอันตรายพวกนั้นและผมก็เลือกห้างสรรพสินค้าเป็นหลุมหลบภัย

      “ไปหาอะไรกินแก้เซ็งดีกว่า” ผมบอกตัวเอง ก่อนจะก้าวเท้าเดินเพื่อตรงไปยังศุนย์อาหารของห้าง แต่แล้วผมก็ต้องหยุดชะงัก

ฝีเท้าของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

        ไม่รอช้า ผมรีบวิ่งไปยังต้นเสียงทันทีและพบเข้ากับสิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจยิ่งกว่าผู้ร้ายตรงหน้าเสียอีก

      “คุณหญิงแม่!!”

      “ป๊อบ! ช่วยฉันด้วย ไอ้คนพวกนี้มันกำลังจะทำร้ายฉัน!!” คุณหญิงแม่ร้องตะโกนเสียงดังเรียกให้ผมเข้าไปช่วย ส่วนผมที่เพิ่ง

ตั้งสติได้จากเสียงร้องเรียกให้ช่วยของท่าน ผมก็รีบตรงเข้าไปจัดการกับไอ้พวกผู้ร้าย ทั้งหมั เข่า ศอกและวิชาความรู้ด้าน

มวยไทยที่เคยได้ร่ำเรียนมา เหอะๆ เห็นผมอย่างนี้ ผมนี่น้องๆบัวขาวเชียวนะจะบอกให้!!

      “คุณหญิงแม่เป็นยังไงบ้างครับ” หลังจากที่ผมจัดการกับไอ้พวกผู้ร้ายที่มันมากันห้าคนได้เรียบร้อยแล้ว ผมก็พาคุณหญิงแม่

มาหาที่นั่งพักแถวม้านั่งในห้าง ก่อนจะสำรวจดูว่าท่านมีบาดแผลหรือบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

      “ไม่เป็นไร ขอบคุณเธอมาก ถ้าฉันไม่ได้เธอช่วยไว้ป่านนี้ฉันก็คงแย่น่าดู” คุณหญิงแม่ว่า ผมจึงพยักหน้ารับยิ้มๆ

      “แล้วคนพวกที่มาทำร้ายคุณหญิงแม่วันนี้คุณหญิงแม่พอจะทราบไหมครับว่าเป็นใคร” ผมถาม ท่านจึงทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

 ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

      “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่จำได้ ฉันและครอบครัวก็ไม่เคยไปมีศัตรูกับใครที่ไหนเลยนะ” คุณหญิงแม่ว่า แต่ความรู้สึกของผม

ตอนนี้มันบอกว่า เรื่องราวมันชักจะแปลกๆและไม่ธรรมดาซะแล้วสิ

      “งั้นเอาอย่างนี้ไหมครับ ถ้าคุณหญิงแม่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ก้บอกป๊อบนะครับเดี๋ยวป๊อบจะได้คอยระวังให้” ผมบอกเพราะกลัว

ว่าถ้าหากพวกนั้นย้อนกลับมาทำร้ายคุณหญิงแม่แล้วท่านจะเกิดอันตรายขึ้นได้

      “ฉันว่าฉันจะกลับบ้านเลย งั้นยังไงก็รบกวนเธอด้วยนะ” คุณหญิงแม่ว่า ก่อนจะลุกขึ้น ผมจึงเข้าไปช่วยประคองท่านเดินจนมา

ถึงรถและเราก็มุ่งหน้าสู้บ้านสุริยศักดิ์

      “ค่อยๆลงนะครับ” ผมบอก ก่อนจะอาสาประคองท่านเดินเข้าบ้าน

      “เอ่อ...งั้นป๊อบขอตัวกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้านบนก่อนนะครับคุณหญิงแม่” ผมบอกคุณหญิงแม่ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปทำธุระ

ส่วนตัวที่ด้านบนห้อง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ผละออกไป คุณหญิงแม่ก็คว้าแขนผมเอาไว้เสียก่อน

      “ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ในวันนี้” ท่านกล่าวกับผม ซึ่งมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับผมนะเพราะตั้งแต่ที่เรา

เจอกันครั้งแรก ผมกับคุณหญิงแม่ก็เรียกได้ว่าเราทั้งคู่เหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่ก็จะมีช่วงหลังๆนี่แหละที่ความสัมพันธ์

มันดูดีขึ้นกว่าในตอนแรก

      “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหญิงแม่ ป๊อบทำด้วยความเต็มใจ” ผมบอกยิ้มๆและคิดว่าท่านคงจะหมดเรื่องคุยกับผม ผมเลยทำท่า

จะผละออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านไม่ได้รั้งผมไว้โดยการจับข้อมมือผม แต่ท่านกลับรั้งผมไว้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวที่

ทำเอาผมรู้สึกดีเสียยิ่งกว่าคำขอบคุณที่ท่านบอกในตอนแรก

      “แล้วคำว่าคุณหญิงแม่น่ะ ไม่ต้องเรียกแล้วนะ เรียกว่า คุณแม่ เถอะ ฉันว่ามันฟังดูดีกว่าตั้งเยอะ”




                             
                       
      “กลับมาแล้วเหรอครับน้องป๊อบ” ทันทีที่ผมผลักบานประตูห้องนอนออกก็ถุกเจ้าของห้องเอ่ยถามทันที ส่วนผมที่พยายาม

หลบหน้าอีกคนมาหลายวันก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะช่วงเช้าผมมีเรียนและช่วยเพื่อนเตรียมงานรับน้อง ส่วนไอ้พี่ภามต้องทำงาน

จึงทำให้เราไม่ค่อยเจอกัน บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป้นผมเสียมากกว่าที่หลับก่อนอีกคน

      “เอ่อ......ครับ แล้ววันนี้พี่ภามเลิกงานเร็วเหรอครับ” ผมตอบ ก่อนจะถามอีกคนและแยกย้ายไปหาเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนเป็นชุด

อยู่บ้าน

      “อืม รีบกลับมาหาคนที่พยายามกำลังหลบหน้าพี่มาสองสามวันน่ะ” พี่ภามว่า ส่วนผมที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าก็ต้อง

ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะทำตัวตามปกติเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่อีกคนพูด ซึ่งผมเองก็ไม่แปลกใจเลยที่อีกคนจะรู้ว่าผมหลบหน้า

เพราะสิ่งที่ผมแสดงออกมา มันก้เป้นตัวบอกชัดอยู่แล้วว่าผมกำลัง พยายามหลบหน้า อีกฝ่าย

      “อ๊ะ” ร้องร้องเสียงหลง เมื่อหันกลับมาก็ต้องปะทะเข้าที่แผงอกของอีกคน พร้อมกับมือที่เอื้อมมาโอบผมเอาไว้หลวมๆ

ทำให้ผมไม่มีทางที่จะหลุดไปจากคนตรงหน้าได้

      “ทำไมต้องหลบหน้าพี่ด้วยล่ะครับ พี่ทำอะไรผิดเหรอ น้องป๊อบถึงได้พยายามหลบหน้าพี่แบบนี้ น้องป๊อบทำแบบนี้พี่ก็เสียใจ

แย่” อีกคนว่า

      “เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ผมพูดออกไปทั้งๆที่รุ้ว่าถ้าพูดแล้วคนที่เจ็บก้คงไม่พ้นตัวเอง แต่ทำไงได้ ถ้ารู้ความจริงแล้ว

ไม่ยอมรับความจริง มันก้เจ็บเหมือนกัน

      “แล้วถ้าเราเป็นอะไรกันล่ะครับ” ไอ้พี่ภามว่า ก่อนจะเอื้อมมือมาเชยคางของผมให้ไปสบตาของตัวเอง ก่อนที่ใบหน้าที่อยู่สูง

กว่าผมจะค่อยๆลดต่ำลงและเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ริมฝีปากของผม

        ผมหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสที่อีกคนมอบให้ มันอาจจะยังไม่ถึงขั้นล้ำลึก แต่แค่นี้มันก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของผมเต้นผิด

จังหวะ

      “พี่ขอร้องล่ะครับ อย่าหลบหน้ากันเลย พี่อยากจะเห็นหน้าของป๊อบนะครับและที่สำคัญป๊อบมีอะไรในใจก็บอกพี่ได้นะครับ”

อีกคนบอกพร้อมกับความหมายบางอย่างที่ถูกแฝงอยู่ในคำพูด จนทำให้ผมต้องเบนหน้าหลบสายตาของอีกคนเพราะผมกลัวว่าพี่

ภามจะมาเห็นแววตาวูบไหวของผม     

      “สัญญานะครับว่าถ้ามีอะไรให้บอกอย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะครับ”ผมที่หันหน้าหนีก็ต้องหันกลับมามองอีกคนอีกครั้ง ก่อนที่

จะปะทะเข้ากับแววตาที่ดูเศร้าๆ หมองหม่นของอีกคนและนั่นก็ทำให้ผมต้องยอมพยักหน้าตกลงอย่างเสียไม่ได้ อีกคนที่เห็นผม

ยอมทำตามก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและฉีกยิ้มกว้าง ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีตามอีกคนไปด้วย และสุดท้ายผมก็ต้องยอมใจอ่อน

ให้กับผู้ชายคนนี้จนได้ เฮ้อ!!  ไอ้ป๊อบนะไอ้ป๊อบ





   

มาต่อให้อีกตอนในวันเดียวตามที่ได้บอกเอาไว้ อิอิ ตอนนี้จะบอกว่าน้องป๊อบของพี่ภามได้ใจคุณหญิงแม่ไปเต็มๆ แต่ก็แอบฮา

ตอนที่ไอ้ปิ๊กสอบสวนเฮียป๊อบนะ 5555 แถมตอนนี้น้องป๊อบยังถูกพี่ภามจับได้ว่ากำลังหลบหน้าด้วย อู๊ยๆๆๆ เคลียร์กันเองนะจ๊ะ

ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                      ตอนที่ 16 เปิดใจ..........

            ตอนนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปลายเดือนที่ห้า อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นที่สัญญาที่ผมว่าจ้างอีกคนไว้ก็จะจบสิ้นลง แต่สำหรับผมแล้ว

 ผมไม่มีทางยอมให้มันจบลงง่ายๆหรอกเพราะตอนนี้ผมรักป๊อบ รักจนไม่มีทางยอมที่จะเสียอีกคนไปแน่ๆ ฉะนั้นผมก็จะทำทุก

อย่างเพื่อจะรั้งอีกคนเอาไว้ ว่าแต่ว่าผมควรจะรั้งอีกคนเอาไว้ยังไงดี?

      ก๊อกๆๆ

      “ขออนุญาตค่ะ คุณศิงขรคะช่วงบ่ายนี้ทางบริษัทที่เรานัดมาคุยงานวันนี้ติดธุระด่วนเลยขอเลื่อนนัดเป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหมคะ”

เลขาสาวที่อยู่หน้าห้องเคาะประตูขอนุญาตเข้ามาในห้อง ก่อนจะแจ้งเรื่องสำคัญเกี่ยวกับนัดในวันนี้ให้กับผม

      “อืม ได้ ว่าแต่ว่าวันนี้ผมมีนัดหรือมีประชุมช่วงเย็นต่ออีกไหม” ผมตอบตกลงเรื่องการเลื่อนนัดคุยธุระจากวันนี้เป็นวันพรุ่งนี้

ก่อนจะเอ่ยถามเธอถึงตารางงานของผมในวันนี้ เธอจึงหยิบสมุดที่เอาติดตัวเข้ามาคุยงานกับผมเปิดออก พร้อมกับไล่ดูตารางเวลา

งานของวันนี้

      “ไม่มีแล้วค่ะ แค่คุณศิงขรเซ็นต์เอกสารที่แพรวเอามาให้เมื่อห้านาทีก่อนเสร็จก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ” ผมจึงพยักหน้ารับ ก่อนที่

เธอจะขอตัวออกไปทำงาน แต่ผมก็เรียกเธอรั้งเอาไว้ก่อน เมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่อยากจะถาม

      “เอ่อ...คุณแพรวครับ คือคุณเคยมีแฟนแล้วรักเขามากจนต้องรั้งเขาเอาไว้ไหมครับ” ผมถามออกไป เธอมองหน้าผมเลิกคิ้วสูง

อย่างงงๆก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา

      “คุณศิงขรถามแพรวแบบนี้ แสดงว่าตอนนี้คุณศิงขรกำลังปิ๊งใครบ้างคนอยู่สินะคะ” เธอถามผมยิ้มๆ

      “ใช่น้องผู้ชายที่เคยมากับคุณภัทรรึเปล่าคะ” นี่ผมอสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอว่าผมชอบป๊อบ แต่ผมก็ยังคงเลือกที่จะไม่

ตอบ แต่สำหรับแพรวแล้ว เลขาที่ทำงานร่วมกันมาเกือบสามปีก็คงจะรู้ว่าในความเงียบสำหรับผมมันคือคำตอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

จึงทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมา

      “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณศิงขรจะชอบเด็กแก่นๆแสบๆ เจ้าเล่ห์แบบนั้น แต่จะว่าไปแล้ว น้องคนนั้นก็เหมาะกับคุณศิงขรดี

เหมือนกันนะคะ” เธอยังคงพูดต่ออย่างยิ้มๆ

      “แล้วนี่มีปัญหากันเหรอคะถึงได้ถามคำถามนั้นเพื่อขอคำปรึกษาจากแพรว” ผมจึงอธิบายเรื่องราวคร่าวๆอย่างรวบรัดให้เธอฟัง

ทั้งเรื่องที่ผมให้

ป๊อบมาเล่นเป็นแฟนกำมะลอกับผมและความรู้สึกที่แท้จริงที่ผมมีต่ออีกคนให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง ก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับรู้เรื่อง

ราวความเป็นมาทั้งหมดพร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิดเรื่องราวที่ผมเล่าตามไปด้วย

      “งั้นอย่างนี้ก็แสดงว่าคุณศิงขรรักน้องป๊อบ แต่คุณศิงขรเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องป๊อบจะรักคุณรึเปล่า..........แพรวว่าคุณควรจะ

ลองสังเกตอาการที่น้องป๊อบมีต่อคุณสิคะและถ้าคุณยังไม่แน่ใจอีกก็ถามน้องเขาออกไปตรงๆหรือไม่ก็.........” เธอพูดเว้นวรรคเอา

ไว้ ส่วนผมก็คอยฟังว่าคำพูดที่เธอเว้นวรรเอาไว้คืออะไร

      “ก็ลองขอคบน้องป๊อบเป็นแฟนแบบจริงจังสิคะ ถ้าน้องเขารักคุณยังไงซะเขาก็ต้องตอบรับคุณอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ล่ะก็โทรบอก

แพรวล่วงหน้านะคะ” เธอบอก ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม ผมจึงขมวดคิ้วสงสัย เอ...หรือว่าถ้าป๊อบไม่ตกลงเธอจะมีแผนสำรองหรือจะให้

คำปรึกษาดีๆเพิ่ม?

      “คุณมีแผนสำรองเหรอ ถ้าหากผมสารภาพรักแล้วขอป๊อบเป็นแฟน แต่ถูกปฏิเสธน่ะ” ผมถามออกไป เธอจึงส่ายหน้ารัวๆ

ก่อนจะยิ้มแห้งๆมาให้ผมคล้ายกับจะให้กำลังใจ

      “เปล่าค่ะ แต่แพรวจะเตรียมทำน้ำใบบัวบกมาให้คุณศิงขรดื่มแก้ช้ำในยังไงล่ะคะ แหะๆ อย่ามองแพรวแบบนั้นสิคะ แพรวให้

คำปรึกษาคุณได้แค่นี้ล่ะค่ะ สู้ๆและโชคดีนะคะ” เธอว่า ก่อนจะรีบขอตัวออกไปทำงานที่ค้างไว้ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งถอนหายใจอย่าง

เซ็งๆ เอาเถอะ อย่างน้อยๆผมก็ยังได้คำปรึกษามา มีหลายๆทางหลายๆคำปรึกษามาให้ผมได้คิดก็ยังดีกว่าที่ในหัวของผมไม่มี

อะไรมาให้คิดเลยสักอย่าง แต่จะว่าไปความคิดของเลขาผมก็ไม่เลวดีนะ ลองสังเกตอาการ ถ้าป๊อบมีอาการเหมือนจะชอบเรา

เราก็แค่ขอป๊อบเป็นแฟนเท่านั้นเอง มันไม่เห็นจะมีอะไรยากเลยนี่หน่า........เอาวะ!ไอ้ภาม ลองดูสักตั้งให้รู้ๆกันไปเลยว่าถ้าคน

อย่างนายศิงขรขอคบใครแล้วล่ะก็ คนๆนั้นย่อมไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน คอยดู!

        ผมรีบเซ็นต์เอกสารทั้งหมดที่แพรวนำมาให้เซ็นต์ ก่อนจะรีบออกจากบริษัทพร้อมกับโทรหาป๊อบเพื่อให้เตรียมตัวให้ดีเพราะ

ผมอยากจะพาอีกคนไปที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่ผมจะสารภาพความในใจของผมให้อีกคนได้รับรู้

        ผมรีบร้อนขับรถมารับอีกคนที่นัดเจอกันที่มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะเห็นอีกคนยืนรออยู่หน้าทางออกพร้อมกับไอ้น้องชายสุด

ที่รักที่ยืนรอผมอยู่ข้างกัน

      “รอนานไหมครับ” ผมรีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้กับป๊อบนั่ง ก่อนที่ปิ๊กจะเดินไปเปิดประตูหลังขึ้นรถเองและพอทั้งคู่ รวมถึง

ผมขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอ่ยถามอีกคน แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าปฏิเสธในคำถามของผม

      “พอดีป๊อบเพิ่งออกมาจากห้องสมุดได้สักพัก พี่ภามก็มาถึงพอดี” อีกคนตอบ

      “ว่าแต่ว่า พี่สุดหล่อจะพาเราสองคนไปไหนเหรอครับ” ไอ้ปิ๊กถามกับอีกคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถข้างกันหันมามองผมเป็นตา

เดียวเช่นกันเพื่อรอฟังคำตอบจากผมเพราะในตอนแรกที่ผมโทรหาป๊อบ ผมบอกเพียงแค่มีธุระด่วน แต่ไม่ได้บอกเจ้าตัวว่าธุระด่วน

ที่ว่าคืออะไร จากนั้น ผมเลยบอกปิ๊กผ่านกระจกส่องหลัง

      “ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้” ไอ้ปิ๊กทำหน้าสงสัยเสียเต็มประดา ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มน้อยๆไปให้เพราะถ้าขืนบอกมันก็คงจะไม่

เซอร์ไพรส์น่ะสิ

      “ถ้าง่วงป๊อบก็หลับไปก่อนก็ได้นะ ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก” ผมหันไปบอกคนข้างๆเพราะหลายวันมานี้ผมเห็นป๊อบต้องอยู่

ทำงานจนดึกและกลัวว่า ถ้าร่างกายหักโหมมากเกินไปมันอาจจะทำอันตรายต่อสุขภาพได้

                                    คนอะไรไม่รู้จักดูแลตัวเอง ปล่อยให้คนอื่นเขาต้องคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อยๆ!

      “อืม ถ้าถึงแล้วพี่ภามปลุกด้วยนะ” ป๊อบตอบ ก่อนจะจัดแจงที่นั่งให้เหมาะสำหรับการนอน แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้หลับตา

เสียงของน้องชายตัวดีของป๊อบก็ดังขึ้นซะก่อน

      “แหมๆๆที่เฮียป๊อบล่ะพี่สุดหล่อเป็นห๊วงเป็นห๊วง แต่ทีปิ๊กนะไม่มีใครเลยสักคนที่จะมาคอยเป็นห่วงเป็นใย เฮ้อ!น่าอิจฉาจริงๆ”

ไอ้ปิ๊กพูดขึ้น ป๊อบจึงพูดว่าขึ้นทั้งๆที่เตรียมจะนอนหลับพักผ่อน

      “ลูกๆในปากมึงนี่ลืมฉีดยาป้องกันปากหมาเหรอวะไอ้ปิ๊ก พูดบ้าไรของมึงเนี่ยรุ้ไหมเฮียจะหลับจะนอน!” ป๊อบว่า ผมจึงได้แต่

อมยิ้มน้อยๆเพราะรู้ว่าที่อีกคนพูดขึ้นมาแบบนั้นก็คงจะเขินที่โดนน้องชายแซว

      “ปิ๊กไม่ได้พูดบ้าๆนะครับ แต่ปิ๊กเขาพูดจริงต่างหาก ก็เพราะพี่น่ะทั้งห่วงและหวงป๊อบที่สุดเลยรู้ไหมครับ” ผมพูด ก่อนจะหัน

ไปมองก็เห็นอีกคนที่มองจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว แถมแก้มยังมีริ้วแดงๆแต้มอยู่เล็กน้อยบนใบหน้าอีต่างหาก ผมก็อดที่จะยิ้มให้กับ

ความน่ารักของอีกคนไม่ได้

      “โอ๊ยๆ ทำไมแถวนี้มดถึงเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย สงสัยจะมีใครมาทำอะไรหวานๆหกแถวนี้แน่ๆเลยเนอะเฮียเนอะ” ไอ้น้องชาย

ตัวดีก็แกล้งล้อพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้หน้าแดงลามไปจนถึงใบหู ก่อนจะตีสีหน้าให้เรียบนิ่งแล้วตะโกนตอบออกไป

      “ไม่รู้โว้ยยย คนจะนอนแล้วก็ไม่ต้องกวนด้วย!!” ว่าจบอีกคนก็นอนหลับตาปี๋ ทิ้งให้ผมกับปิ๊กมองหน้ากันอย่างขำๆในวิธีการ

แก้เขินอายของอีกคน

        ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่ผมว่าช่วงหลังมานี้ป๊อบรู้สึกจะเขินบ่อยและหน้าแดงมากเมื่อมองหน้าผม ซึ่งผมว่ามันก็ไม่

ค่อยจะดีสักเท่าไร โดยเฉพาะกับใจของผมเพราะอีกคนยิ่งทำแบบนั้นยิ่งทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่และถ้าวันไหนมันเกิด

ควบคุมไม่ได้แล้วล่ะก็ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนก็แล้วกันนะครับ น้องป๊อบ!

        เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อนนะ ผมเองก็เพิ่งจะฉุกคิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ซึ่งมันก็มาจากอาการทั้งหมดที่ป๊อบแสดงออกมาใน

ช่วงหลังๆ ผมจึงหันหน้าไปมองอีกคนที่กำลังนอนหลับทำตาพริ้มอย่างมีความสุข

        อย่าบอกนะว่า สิ่งที่ป๊อบแสดงออกมากับสิ่งที่ผมหวังว่าให้มันเป็นจริงจะเป็นสิ่งเดียวกัน!!........อย่างนี้ผมก็คงจะมีหวังมากๆ

ๆๆๆๆๆๆๆแล้วสินะ







 
                 

        ผมตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลก็เมื่อคนที่มีหน้าที่เป็นสารถีแปรเปลี่ยนมาเป็นคนปลุกผมให้ตื่นจากที่นอน ผมที่ตอนแรกกำลัง

หลับอย่างมีความสุขก็ต้องจำใจตื่นเพราะแรงที่อีกคนใช้เขย่าเพื่อปลุกผมก็ไม่ใช่น้อยๆ แรงพอๆกับแรงควายเลยล่ะครับ เหอะๆ

      “พี่ภามพาป๊อบมาที่ไ-...............โรงพยาบาล!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอีกคนจนจบประโยคเพราะทันทีที่ผมก้าวเท้าลงจาก

รถก็พบเข้ากับตึกสีขาวที่ตั้งสูงเด่นเป็นสง่า สถานที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยนับร้อยชีวิตเฝ้าพักฟื้นอยู่ ซึ่งถ้าฟังดูแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่า

ยินดีหรือดีใจเลยสักนิดที่ถูกอีกคนพามาโรงพยาบาล แต่!นี่เป็นโรงพยาบาลที่แม่ของผมกับไอ้ปิ๊กพักรักษาตัวอยู่ มันจึงทำให้ผม

รู้สึกดีเป็นครั้งแรกที่ถูกพามาโรงพยาบาล

      “พอดีว่าป๊อบยังไม่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมแม่ พี่เลยตั้งใจว่าจะพามาน่ะ” พี่ภามบอกผมยิ้มๆและนี่ก็คงเป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ผมโผ

เข้ากอดอีกคนอย่างแนบแน่นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย

      “เป็นอะไรไปหืม? ” พี่ภามว่า ก่อนจะดันตัวผมออกมาเล็กน้อยพร้อมกับใช้นิ้วค่อยๆเกลี่ยปาดน้ำตาที่ไหลอาบอยู่บนใบหน้า

ของผมอย่างแผ่วเบา

      “ไม่เอา ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพี่ น้องป๊อบที่ไม่ยอมคนและเป็นไอ้เด็กแสบที่ชอบกวนชาวบ้านเขาไปทั่วหายไปไหนซะ

แล้วล่ะครับ หืม พี่ชอบป๊อบเวอร์ชั่นเด็กแสบมากกว่าเด็กขี้แยนะ ร้องมากๆเดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก โอ๊ย!” ไอ้พี่ภามที่ผมอุตส่าห์โผ

เข้าไปกอดเพราะความดีใจที่เขาพาผมมาหาแม่ แต่ดูสิ่งที่เขาพูดกับผมสิ ไอ้บ้าเอ้ย!ใครเขาเป็นไอ้เด็กแสบกันเล่า!! ผมจึงยกมือ

ขึ้นทุบแขนอีกคนเบาๆ พอให้อีกฝ่ายได้ส่งเสียงร้องโอดโอย

      “ทุบพี่ทำไมครับเนี่ย” อีกคนถามผม พร้อมกับยกมือขึ้นลูบต้นแขนที่โดนผมประทุษร้าย

      “ก็ใครเขาใช้ให้ว่าป๊อบเล่า ไม่คุยกับพี่แล้วดีกว่า” ผมว่า ก่อนจะเดินเลี่ยงอีกคนออกมาเพราะผมไม่อยากที่จะมองหน้าอีกคน

นานๆ ยิ่งอีกฝ่ายทำดีแบบนี้กับผมด้วยแล้ว มันยิ่งจะทำให้อะไรๆมันอาจะแย่ไปกว่านี้ก็ได้แล้วที่สำคัญมันอาจจะทำให้ผมถลำลึก

ลงไปมากกว่านี้








                     
   
      “ป๊อบคิดถึงแม่จังเลยครับ” หลังจากที่อีกคนเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยก็รีบตรงเข้าไปกอดไปอ้อนผู้ป่วยที่อยู่ด้านในอย่างออด

อ้อน

      “แต่ปิ๊กคิดถึงแม่มากกว่า” คนน้องที่เข้ามาก่อนรีบเอ่ยบอกอย่างไม่ยอมแพ้คนเป็นพี่พร้อมกับกอดแม่ไว้หลวมๆ

      “ไม่จริง ป๊อบรักและคิดถึงแม่ที่สุด” ส่วนอีกพี่ก็ไม่ยอมน้อยหน้า คนเป็นแมที่โดนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ทั้งรักและเอ็นดู

มาบอกรักบอกคิดถึงก็พลอยทำให้บ่อหน้าตาตื้นขึ้นมา จนต้องปล่อยโฮออกมาพร้อมกับโอบกอดลูกชายทั้งสองคนเอาไว้ในอ้อม

แขน

        ผมที่เดินเข้าพร้อมป๊อบก็ได้แต่ยืนมองภาพความรักของสามคนแม่ลูกถึงแม้ป๊อบจะเคยเล่าให้ฟังว่าตัวเองต้องขาดพ่อผู้เป็น

ที่รักไปตั้งแต่ยังเด็ก แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าทั้งป๊อบและปิ๊กไม่เคยรู้สึกเหมือนขาดคนในครอบครัวไปเลยสักคน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผู้หญิง

ที่กำลังตระกองกอดคนทั้งสองเอาไว้ได้ทำหน้าที่และมอบความรักได้ดีมีย่อหย่อนเติมเต็มให้ได้ทั้งพ่อและแม่ จึงทำให้ทั้งป๊อบ

และปิ๊กมีความรักและความอบอุ่นมากพอที่จะเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่นได้

      “อ้าว พ่อหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้นเข้ามาด้านในก่อนสิ” หลังจากที่ทั้งสามคนผละออกจากกัน แม่ของป๊อบที่หันมาเห็นผมยืนอยู่ที่

ด้านนอกใกล้กับประตูก็เอ่ยเรียกให้ผมเข้าไปหา

      “เอ่อ...สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ท่านเป็นการทักทาย ส่วนท่านก็ยกมือขึ้นมารับไหว้ผม

      “แล้วนี่เป็นเพื่อนเจ้าป๊อบมันเหรอ” แม่ของป๊อบเอ่ยถาม ผมจึงหันไปมองหน้าป๊อบ อีกคนจึงเป็นคนแนะนำผมให้ท่านรู้จัก

      “พี่เขาชื่อภามเป็นนายจ้างของป๊อบแล้วก็เป็นคนออกค่ารักษาพยาบาลให้แม่ครับ” ป๊อบบอก ก่อนที่ท่านจะหันมาเอ่ยปาก

ขอบคุณผม ผมจึงส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร

      “น่าแปลกจังเลยนะที่ทำไมเจ้านายถึงได้ใจดีเป็นคนพาลูกจ้างของตัวเองมาเยี่ยมแม่ถึงที่นี่ได้” แม่ของป๊อบพูดขึ้น ส่วนผมก็

ไม่รู้จะตอบว่ายังไงเลยได้แต่ส่งยิ้มไปให้ท่านแทน แม่ของป๊อบจึงส่งสายตาว่ามีธุระจะคุยกับป๊อบเป็นการส่วนตัว จึงทำให้ผมและ

ปิ๊กต้องไปรออยู่ด้านนอกห้อง
     





                     
 
      “ผู้ชายคนนั้นเป็นมากกว่าเจ้านายของเราใช่ไหมป๊อบ” ทันทีที่พี่ภามกับไอ้ปิ๊กออกไป แม่ก็ถามคำถามที่ผมก็ยังหาคำตอบไม่

ได้เหมือนกันเพราะถ้าในเรื่องโกหกน่ะใช่ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง เราสองคนแทบจะไม่ได้เป็นอะไรกันเสียด้วยซ้ำไป

      “เอ่อคือ....” ผมได้แต่อ้ำอึ้ง

      “สายตาที่เขามองลูกมันมากกว่าสายตาที่เจ้านายจะใช้มองลูกน้องนะ” แม่พูดขึ้น เมื่อเห็นผมเงียบไป

      “ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่มันจะไร้ซึ่งความสวยงาม ถ้าหากลูกปิดกั้นมันนะ ป๊อบฟังแม่นะ แม่ดูรู้ว่าตอนนี้ลูกกำลังมีเรื่อง

ไม่สบายใจซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร แต่ลูก.......รักเขาใช่ไหม” แม่เอ่ยถาม แม่ผมเป็นคนที่ดูเรื่องพวกนี้เก่ง ต่อให้ผมพูด

ปฏิเสธยังไงแม่ก็ดูรู้เสมอ

      “ครับแม่” ผมตอบ

      “ถ้าลูกรักเขา ลูกก็อย่าเพิ่งกลัวในสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงสิ อนาคตข้างหน้ามันก็เป็นเพียงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงแล้วทำไมเราถึงไม่ทำ

ปัจจุบันที่มันกำลังดำเนินอยู่ให้มีความสุขล่ะ” ผมมองหน้าแม่ที่กำลังมองมาที่ผมยิ้มๆอย่างให้กำลังใจ

        นั่นสินะ ผมจะกลัวทำไมในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ทำไมผมถึงไม่ลองเปิดใจและทำตามเสียงหัวใจของตัวเองดูล่ะ ทำไมตอนนี้ผม

ถึงได้หนีความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ทำไม.......ผมถึงไม่รักพี่ภามให้มีความสุขในตอนนี้และในตอนหน้าถึงแม้ผมจะไม่ได้รักกับ

พี่เขา แต่อย่างน้อยๆผมก็เคยมีความสุขที่ได้รักเขา












มาเพิ่มอีก แค่สองตอนนั้นยังไม่พอ 5555 ตอนนี้เป้นตอนที่ป๊อบเราเริ่มที่จะกล้ารักพี่ภามแล้วล่ะแล้วตัวพี่ภามเองก็กำลังเดินเครื่อง

เพื่อให้ป๊อบรักตัวเองให้ได้ ส่วนตอนหน้า ดีสขอสปอยนิดนึงว่าใครที่รอเรื่องราวความสัมพันของพี่ภามกับธีระอยู่ล่ะก็ ตอนหน้าได้รู้

แล้วจร้าาา ไว้เจอกันในตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                                    ตอนที่ 17 จับตัว..........

            หลังจากที่ผมได้ไปพูดคุยกับแม่ในวันนั้น มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา ผมกล้าที่จะมองหน้าอีกคนได้อย่าง

ไม่ต้องหลบสายตาและที่สำคัญผมยิ่งมีความสุขทุกครั้งที่ผมได้ใกล้ชิดกับพี่ภาม นี่สินะคือความสุขที่แม่เคยบอกผมไว้ มันอาจจะ

เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้มีความสุขและมีรอยยิ้มเกิดขึ้นทุกวัน

      “ป๊อบครับ ถ้าเลิกเรียนแล้วเดี๋ยวพี่ไปรับนะครับ รักนะครับ” ไอ้พี่ภามที่โทรเข้ามาโทรมาสั่งกำชับกับผม ก่อนที่อีกคนจะวาง

สายไป และที่สำคัญผมยังมีความรู้สึกว่าพี่ภามจะหยอดผมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จนทำให้ผมเองยังเผลอคิดไปเองเลยว่าเราสองคน

เป็นแฟนกันจริงๆ

        ตอนนี้ก็ล่วงเลยใกล้ครบหกเดือนแล้วสัญญาว่าจ้างที่พี่ภามจ้างผมก็จะจบลงอีกเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ผมยอมรับว่า

ลึกๆแล้วผมรู้สึกใจหาย แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มที่จะทำใจรับผลหลังจากช่วงเวลาหกเดือนนั้นผ่านเลยไปได้แล้ว

      “อืม” ผมตอบรับ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ผมยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูก็พบว่าอีกเพียงแค่ครึ่ง

ชั่วโมงผมก็จะเลิกเรียนแล้ว ผมจึงเอาเวลาที่เหลือทั้งหมดตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน แต่วันนี้คงจะเป็นแค่วันเดียวสินะที่ผมตั้งใจเรียน

และไม่โดเลยสักวิชา แหะๆ

      “ไปร้านพี่โก้กัน” ไอ้พี่ท็อปที่เดินมาหาผมถามขึ้นหลังจากที่ผมเดินออกจาห้องเรียน

      “ไม่อ่ะพี่ วันนี้มีนัด” ผมตอบปฏิเสธ พี่แกเลยยักคิ้วหลิ่วตามองผมยิ้มๆ ซึ่งไม่ใช่แค่พี่ท็อป ไอ้พี่เมฆก็อีกคนที่ยืนอมยิ้มมองผม

      “แหมๆๆๆเดี๋ยวนี้มีนงมีนัดกันด้วยยย สงสัยชีวิตรักคงจะสวีทหวานราบรื่นดีเนอะไอ้เมฆเนอะ” ไอ้พี่ท็อปว่า ก่อนจะหันไปหา

ลูกคู่ที่คอยรับอย่างไอ้พี่เมฆที่ยืนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

      “หวานอะไรกันเล่า แค่พี่ภามเขามีธุระเลยกลัวว่าจะไม่มีคนมารับป๊อบกลับบ้านก็เท่านั้นเอง” ผมตอบ แต่ไอ้พี่ท็อปและพี่เมฆก็

ยังคงมองผมอย่างยิ้มๆเหมือนเดิม

      “เอาที่มึงคิดว่าสบายใจเถอะ เอาเป็นว่าถ้าแต่งกันเมื่อไหร่ส่งการ์มาหาพวกพี่ด้วยนะ ฮ่าๆๆ” ไอ้พี่ท็อปว่า ก่อนจะเดินจากไป

พร้อมกับไอ้พี่เมฆที่หัวเราะต่อท้ายเป็นลูกคู่รับกันไป ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับพี่ทั้งสองคน ไอ้เรื่องแซวน้องนุ่งนี่ขอ

ให้บอก แค่เสนอมาเดี๋ยวพี่ก็จะสนองให้อะไรประมาณนั้น เฮ้อ!

        หลังจากที่ผละออกมาจากพวกพี่ๆ ผมก็โทรหาไอ้ภัทรกับไอ้ปิ๊กว่าวันนี้มีธุระกับพี่ภัทรเลยขอจะกลับก่อนเพราะตอนนี้ที่คณะ

ผมกำลังจะมีงาน ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ต้องอยู่ช่วย แต่พอดีงานนี้มีไอ้ภัทรเป็นพ่องาน ผมเลยสามารถโดได้ตามใจและค่อยกลับมา

รับคำด่าวันหลัง ฮ่าๆๆ

        ผมรีบเดินออกมาคอยอีกคนที่โทรนัดไว้ตั้งแต่วิชาที่แล้วว่าถ้าเลิกเรียนให้มารอเพราะเดี๋ยวจะมารับ ผมจึงเดินออกมารออีก

คนที่หน้ามหาวิทยาลัยเพราะจะได้สะดวกในการเดินทางของอีกฝ่าย

        ในระหว่างที่รอ ผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพื่อรอเวลาที่อีกคนจะมารับ แต่ก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่คล้ายๆกันกับของ

พี่ภามจึงเงยหน้าขึ้นมาดูก็พบว่ามันไม่ใช่รถของอีกคน ผมจึงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ต่อ จนไม่ทันได้ระวังว่าตอนนี้มีชายแปลก

หน้า ร่างกายสูงใหญ่สองคนกำลังเดินตรงมาที่ผม

      “เดินไปขึ้นรถและอย่าตุกติกและอย่าคิดจะมีลูกเล่นใดๆทั้งสิ้น” ชายแปลกหน้าหนึ่งในสองคนพูด จึงทำให้ผมต้องเงยหน้า

เลิกคิ้วขึ้นไปมองก็เห็นว่าทั้งคู่กำลังจ่อปืนมาที่ผม โดยที่ไม่ให้คนอื่นๆรู้ ผมจึงมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมาเพื่อว่าจะเป็นคนที่

ผมเคยไปก่อกวนเอาไว้ แต่เปล่าเลย ผมไม่เคยเห็นหน้าของทั้งสองคนนี้ แต่ผมก็จำต้องเดินไปตามที่มันสั่งเพราะถ้าหากผมไม่ไป

ไม่ผมก็คนที่เดินไปมาอาจจะได้รับการบาดเจ็บจากลูกตะกั่วที่อยู่ในปืนที่มันจ่อผมอยู่เป็นแน่

      “เข้าไป!” มันสั่ง ก่อนที่อีกคนจะกดหัวผมให้เข้าไปนั่งในรถแล้วมันทั้งคู่ก็ตามมาสมทบ อีกคนทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนคนที่

พูดกับผมในตอนแรกนั่งประกบผมอยู่ที่เบาะด้านหลัง ผมพยายามมองหาทางหนีทีไล่เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือหรือไม่ ถ้าสบ

โอกาสผมก็จะได้จัดการกับพวกมัน

      “แกจะทำอะไร!” ผมตะโกนถามเสียงดัง ไอ้คนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่หันกลับมามองแวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปสนใจถนน

หนทางที่อยู่ตรงหน้าต่อ ส่วนไอ้คนที่นั่งประกบผมอยู่ มันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ก่อนจะใส่ยาอะไรบางอย่างที่ผมคิดว่ามันน่าจะ

เป็นยาสลบในผ้าผืนนั้น

      “กูว่ามึงรู้ว่ามันคืออะไร” อีกคนพูดกับผมเสียงเรียบ ก่อนที่มันจะโน้มมาปิดปากปิดจมูกผม ผมที่ทั้งดิ้น ทั้งขัดขืน แต่ก็สู้แรง

ของมันไม่ได้ จนผมถูกมันเอาผาผืนนั้นมาปิดจมูก ปิดปาก ผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบๆตัวดูเหมือนจะมืดดำสนิท แต่สิ่งสุดท้ายที่

ผมนึกถึง ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะดับลง นั่นก็คือ พี่ภาม.........ช่วยป๊อบด้วย










                   

        ผมคิดในใจเอาไว้แล้วว่า วันนี้จะเป็นวันที่ผมบอกยกเลิกสัญญาบ้าๆนั่นทั้งหมดและต้องขอป๊อบเป็นแฟนให้ได้ ผมใช้ให้ไอ้

ภัทรคอยช่วยหาสถานที่โรแมนติกๆสำหรับค่ำคืนนี้ให้ แต่พอผมมาถึงที่มหาลัยก็ไม่เห็นอีกคนจะออกมารอผมตามที่นัดไว้ ผมจึง

คิดว่าอีกคนคงจะยังไม่เลิกเลยรอไปสักพัก แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของป๊อบเลยสักนิด

        ผมรู้สึกว่าเหมือนมันจะมีอะไรบางอย่างที่แปลกใปเพราะความรู้สึกลึกๆหรือลางสังหรณ์ของผมมันบอกแบบนั้น

      “อ้าวเฮียยังไม่เจอไอ้ป๊อบเหรอ” ไอ้ภัทรที่เห็นผมยืนรอเพื่อนของมัน  จึงเอ่ยถามขึ้น ผมจึงส่ายหน้าตอบไปเพราะตั้งแต่มาถึง

ผมก็ไม่เห็นวี่แววของป๊อบเลยสักนิด

      “จะเป็นไปได้ยังกันเฮียเพราะเมื่อตอนครึ่งชั่วโมงก่อน หลังจากที่เราเลิกเรียนและภัทรขอตัวไปทำงานกับเพื่อนมันยังโทรมา

บอกเลยว่ามีธุระกับเฮีย ภัทรว่ามันชักแปลกๆแล้วนะเฮีย” ไอ้ภัทรพูดขึ้น ยิ่งเป็นการย้ำถึงลางสังหรณ์ของผมเพิ่มเข้าไปอีก

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เสียงสัญญาณเตือนของข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

                                             อยากได้ตัวคนสำคัญก็ต้องเอาตัวเองมาแลก มาคนเดียวเท่านั้น!

        ทันทีที่ผมอ่านประโยคในข้อความจบ ผมก็เผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่น จนนึกกลัวอยู่ว่าถ้ามันบอบบางกว่านี้มันคงได้แหลก

คามือของผมไปนานแล้ว ยิ่งตอนนี้ผมรู้ว่ามันเป็นใครถึงได้กล้าที่จะจับตัวป๊อบไปยิ่งทำให้เป็นการเพิ่มความโกรธของผมเข้าไปอีก

เท่าตัว ไอ้หมาลอบกัดเอ้ย!

      “ไอ้ชาติชั่ว ถ้าป๊อบเป็นอะไรแม้แต่ปลายเล็บ ฉันยิงแกทิ้งแน่!!” ผมสบถอย่างหัวเสีย ก่อนที่ไอ้ภัทรจะบอกผมให้ใจเย็นๆ

ผมไม่ตอบคำถามที่ไอ้ภัทรพยายามถามผมทางสายตา แต่ผมเลี่ยงออกมาโดยการที่ขอตัวไปตามป๊อบกลับมาก่อน งานนี้ ถ้าป๊อบ

เป็นอะไรไปล่ะก็มึงได้ตายไม่ดีแน่!
     





                       

        ซ่า!!

        แค่กๆๆๆๆ

        ผมสำลักพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้นทันทีที่ใบหน้าถูกความเย็นเข้ามากระทบเอา ก่อนที่จะปรับโฟกัสภาพและมองไปรอบๆห้องที่

ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ดูเหมือนจะเป็นโกดังล้างชัดๆ

      “พวกแกต้องการอะไรกันแน่!!” ผมตะโกนถามอย่างเหลืออดเพราะตอนนี้ผมทั้งถูกจับมัดมือมัดเท้า แถมยังโดนน้ำสาดหน้า

และที่หนักไปกว่านั้น ผมโดนไอ้ผู้ชายสองคนเอาปืนจี้ที่มหาวิทยาลัยเพื่อพาผมมาที่นี่ ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ

      “ต้องการให้คนที่มันเป็นเจ้าของของแกต้องเจ็บช้ำยังไงล่ะ หึ!” อีกคนพูดอย่างดูแคลน ก่อนจะเดินออกมาจากเงามืด ปรากฎ

ตัวให้ผมได้มองเห็นชัดๆว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่ถึงจะมองเห็น  ผมรับรองว่าผมไม่เคยรู้จักคนๆนี้มาก่อน

      “ไม่ต้องทำหน้าสงสัยหรอก ฉันชื่อธีระเป็นเพื่อนเก่าของภาม คนที่เป็นแฟนกับแกยังไงล่ะ แต่ฉันเองก็ยังไม่นึกเหมือนกันว่า

หมอนั่นจะเอาคนอ่านง่ายแบบแกมาเป็นคนรัก เหอะ! น่าสมเพชสิ้นดี!” อีกคนว่า ก่อนจะมองผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แต่ด้วย

อะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้านี้กับพี่ภาม เขาทั้งคู่ต้องมีความหลังที่ต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่แน่ๆเพราะถึงแม้คำ

พูดของอีกคนจะดูเกรี้ยวกราด แต่แววตาที่สื่อออกมาเมื่อพูดถึงพี่ภามมันกลับดูวูบไหวชอบกล

      “ก็ในเมื่อถ้าคุณต้องการให้พี่ภามเจ็บช้ำ ทำไมคุณถึงต้องเลือกผมด้วยล่ะเป็นไอ้ภัทรก็ได้ไม่ใช่เหรอไง” ผมถามออกไป

อีกคนจึงหัวเราะออกมา ก่อนจะก้มมองผมอย่างเหยียดๆ ซึ่งถ้าเป็นในตอนอื่นๆผมคงจะตอกกลับ แต่ครั้งนี้กลับมีเรื่องของพี่ภาม

เข้ามาเอี่ยวด้วยจึงทำให้ผมอยากจะรู้ว่าเขาสองคน ทำไมถึงได้เกลียดกันขนาดนี้

      “มันไม่เหมือนกันหรอก ไอ้ภัทรมันก็เป็นแค่น้องชาย ส่วนแกมันเป็นหัวใจของภามยังไงล่ะ” เท่าที่ผมสังเกต พออีกคนพูดถึงพี่

ภามแววตาของเขามันดูสั่นๆและวูบไหวเล็กน้อยราวกับคนที่น้อยใจหรือเสียใจยังไงยังงั้น

      “แล้วทำไมคุณต้องการที่จะทำลายหัวใจของพี่ภามด้วยล่ะ” ผมลองถามเลียบๆเคียงๆถามเผื่อจะได้คำตอบ

      “ฉันว่าแกชักจะถามมากเกินไปแล้วนะ” อีกคนว่า ก่อนจะทำท่าเดินจากไป ผมจึงเรียกอีกคนรั้งเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ผมต้อง

รู้ความจริงทุกอย่างให้ได้

      “คุณธีระครับเดี๋ยวก่อนสิครับคุณ เรื่องของคุณกับพี่ภามเอ่อ.....”

      “พอได้แล้วเลิกพูดเรื่องของเขาสักที ฉันไม่อยากฟัง!!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบเสียงของอีกคนก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน

      “แต่ผมว่ามันถึงเวลาที่คุณกับผมต้องพูดถึงมันอีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงปริศนาที่ดังขึ้นเรียกให้ผมกับคนที่เหลือหันไปมอง

ซึ่งก็พบเข้ากับคนที่ผมคุ้นเคยหรือรู้จักเป็นอย่างดี

      “พี่ภาม!/ภาม!” เสียงของผมกับเสียงของคุณธีระดังขึ้นพร้อมกัน พี่ภามหันมามองผมเล็กน้อยและเมื่อเห็นว่าผมปลอดภัยดี

อีกคนจึงหันกลับไปมองคนตรงหน้า

      “แต่สำหรับผม ผมไม่มีอะไรที่ต้องพูดแล้ว” คุณธีระว่า ก่อนจะเดินหลังหลังกลับออกไป แต่ก็ถูกพี่ภามคว้าข้อมมือเอาไว้เสีย

ก่อน ผมที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ก็ได้แต่นั่งเงียบและรอให้คนทั้งคู่ได้เล่าเรื่องราวความจริงในอดีตทั้งหมดออกมา

      “เดี๋ยวก่อนสิครับคุณธีระ ไม่สิ ต้องเดี๋ยวก่อนสิครับ น้องอ้น!” พี่ภามว่า คุณธีระจึงตวัดสายตากลับมามอง แต่ถ้าผมเห็นไม่ผิด

 ตอนนี้คุณธีระกำลังน้ำตาคลอหลังจากที่ได้ยินพี่ภามเรียอีกคนด้วยชื่อเล่นแบบนั้น

      “น้องอ้นอย่างนั้นเหรอ เหอะ ขอโทษด้วยนะ น้องอ้นคนนั้นเขาได้ตายจากโลกนี้ไปตั้งนานแล้วล่ะเหลือเพียงแค่ ธีระ ธีรชา

นนท์เท่านั้น!” อีกคนตวาดลั่นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลรินลงมาอย่างไม่ขาดสาย พี่ภามจึงรวบตัวอีกคนเข้าไว้ในอ้อมกอด

ส่วนผมที่นั่งดูอยู่ก็ไม่ได้รู้สึกมีอาการหึงหวงอะไรหรอกนะเพียงแต่รู้สึกสงสารมากกว่า แต่ก็ไม่รู้สินะ ผมว่าตอนนี้คุณธีระดูน่าสงสาร

มาก

      “ฮึก ทำไม ทำไมคนที่ ฮึก แม่พี่เลือก ฮือๆๆ ถึงไม่ใช่อ้น อึก ทำไมอ่ะ บอกอ้นทีสิว่าอ้นทำอะไรผิดอย่างงั้นเหรอ ฮือๆๆๆๆๆๆ”

 คุณธีระร่ำไห้พร้อมกับทุบอกพี่ภามรัวๆ แถมยังมีแต่คำว่าทำไมๆออกมาจากปากอีกมากมาย ผมว่าในตอนนี้คุณธีระดูอ่อนแอ

เหมือนเขาต้องการใครสักคนไว้เป็นที่พึ่ง

      “พี่ขอโทษ ถ้าตอนนั้นพี่หนักแน่นและเข้มแข็งพอ อ้นคงไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองถึงขนาดนี้ พี่ขอโทษนะอ้น พี่ขอโทษจริงๆ”

พี่ภามก็ได้แต่เอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับคนที่กำลังซบอกของตัวเองร้องไห้อย่างหนัก จนตอนนี้คุณธีระที่ร้องไห้จนหมดสติ

ไปก็ถูกลูกน้องของพี่ภามพาไปส่งที่บ้าน ส่วนลูกน้องของคุณธีระก็ถูกพี่ภามจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว

      “เป็นอะไรไหมครับป๊อบ” พี่ภามรีบเข้ามาแก้มัดให้ผม ผมจึงส่ายหน้าบอกว่าเรื่องแค่นี้ไกลหัวใจไม่ตายง่ายๆหรอก

      “ป๊อบไม่เป็นอะไร แต่ป๊อบอยากจะรู้เรื่องของพี่กับคุณธีระมากกว่า” ผมบอก อีกคนถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะยกมือมาลูบหัว

ผมเบาๆ

      “ได้สิ” แล้วพี่ภามก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง

        คุณธีระหรืออ้นเป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพี่ภาม พี่อ้นเป็นคนน่ารัก จนเป็นที่หมายปองของใครหลายๆคน

แต่คนที่พี่อ้นเลือกคือพี่ภามแล้วหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคบกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งที่พี่อ้นเรียนจบ พี่ภามก็ตัดสินใจพาไปแนะนำให้

กับคนที่บ้านรู้จัก แต่แล้วอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่ต้องจบลงนั่นคือ คุณหญิงแม่ ท่านเห็นว่าที่พี่ภามชอบพี่

อ้นเป็นเพราะพี่ภามยังอาจจะเป็นวัยรุ่นและรักสนุกจึงไม่คิดจริงจังกับใครและที่สำคัญตอนนั้นท่านยังรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลยสั่งให้

พี่ภามบอกเลิกกับพี่อ้น ตอนแรกพี่ภามขัดคำสั่ง แต่ท่านก็งัดไม้ตายว่า ถ้าหากพี่ภามไม่เลิกคบกับพี่อ้น ท่านก็จะให้พี่ภามแต่งงาน

กับลูกเพื่อนของท่านและส่งพี่ภามไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกและที่สำคัญท่านจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพี่อ้นให้ออกไปจากชีวิตพี่

ภามให้ได้ ในตอนนั้นพี่ภามกลัวว่าคุณแม่จะทำร้ายพี่อ้นจึงจำใจต้องตัดขาดจากความสัมพันธ์นั้นลง พี่อ้นเสียใจมากถึงจขั้นคิดฆ่า

ตัวตาย แต่พี่ภามก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแค่หน้าพี่อ้นยังไม่อยากจะมองและจากนั้นไม่นานจากที่เคยเป็นคนรักกันก็ต้องกลายมาเป็น

ศัตรูต่อกัน

      “น่าสงสารชีวิตพี่กับพี่อ้นจังเลยนะ” ผมบอกเพราะเท่าที่ฟังมาทั้งคู่ก็ดูรักกันดี แต่มีอุปสรรคคือคุณหญิงแม่ที่คอยจัดขวาง

      “นั่นมันคืออดีตที่ผ่านไปแล้ว ต่อให้พี่จะรักอ้นมากแค่ไหนหรืออ้นจะยังรักพี่อยู่ ยังไงซะเราทั้งคู่ก็กลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีต

ไม่ได้” พี่ภามว่า ซึ่งก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่เดือนมานี้

      “ว่าแต่ว่าใครกันที่เป็นคนลอบทำร้ายพี่ คงไม่ใช่พี่อ้นหรอกนะ” เพราะผมเชื่อว่าไม่น่าจะใช่พี่อ้นเพราะพี่อ้นคงไม่คิดที่จะ

ทำร้ายพี่ภามหรอก

      “อืม ไม่ใช่อ้นหรอก แต่เป็นคู่แข่งอีกคนน่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้วนะเรื่องราวทุกอย่างก็จบลงแล้ว” พี่ภามว่า ก่อนที่

จะดึงผมเข้าไปสวมกอด ผมจึงกอดตอบอีกคน มันเป็นการส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มี ทั้งรัก ทั้งคิดถึง ทั้งโหยหา ทั้งให้กำลังใจ

และอื่นๆอีกมากมาย

      “พี่อาจจะเคยทำเรื่องผิดพลาดในอดีต แต่พี่ก็อยากจะบอกให้ป๊อบรู้ไว้ ว่าในตอนนี้พี่จะไม่ยอมให้มันเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

แบบนั้นอีกครั้ง พี่สัญญานะครับ” พี่ภามว่า ผมจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเหมือนเป็นการตกลงและเชื่อใจในคำสัญญานั้น

                                               ป๊อบเชื่อครับ ว่าพี่จะไม่ทำให้ป๊อบต้องเสียใจ











ตอนนี้รู้สึกเกินขาดกับพี่ภามและคุณธีระหรือน้องอ้นของพี่ภามเมื่ออดีต ใครที่อ่านตอนนี้จบแล้วคงได้มีสงสารน้องอ้นกันบ้างแหละ

นะ ขนาดดีสเองดีสยังสงสารเลย 55 ส่วนเรื่องที่เคยเดาๆกันก็มีคนเดาถูกในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนะคะ แต่ก็ยังเดาผิดอีก

หนึ่งเรื่องคือคนที่ลอบทำร้ายพี่ภามไม่ใช่น้องอ้นของเรา อีกไม่กี่ตอนคุณสะใภ้ที่รักก็จบแล้ว ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะที่คอย

ติดตามเรื่องนี้กันมาตลอด ไว้พบกันใหม่ในตอนหน้าคร้าาาา  :-[ :กอด1:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
อื้อหือ มาทีเดียว 4 ตอนรวดเลยเหรอ...
เล่นเอาอ่านตาแฉะเลย 555

เรื่องนี้จะจบแล้วเหรอ? น่าเสียดายจัง จริงๆยังขยายได้อีกนะ
ไม่เป็นไร เจ๊จะเอาใจช่วยนะ สู้ๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อ่านตาแฉะเลยสี่ตอนรวด
หวังว่าความรักครั้งนี้คุณหญิงแม่จะไฟเขียวให้นะ
นึกถึงสิ่งที่น้องป๊อปทำสิคะคุณหญิงแม่

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
จะจบแล้วเหรออ ยังสนุกอยู่เลยอะ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืม ผมว่ากำลังดี 4ตอน จะมีต่อนี้ยังไหวนะ น่าสงสารน้องเขานะ พระเอกนิสัยไม่่ดีสุดๆเลยว่ะ แบดบอยเห็นๆเลย ปรับปรุงตัวก็ดี ก็รอดูว่าเขาจะสมหวังกันยังไง เห็นว่าอีกไม่กีตอน ก็เป็นนิยายที่ดีเรื่องหนึ่งนะครับ อ่านแล้วได้ทุกอารมณ์ดี แล้วก็ดีใจที่คนเขียนตามใจอ่านอ่านมากๆเลย ปลื้มนะ อีกอย่างก็อย่าลืมแต่งนิยายดีๆมาให้อ่านอีกนะครับ เอาแบบหนุ่มเมืองกรุงกับเด็กบ้านนอกอะไรแบบนี้ก็ได้ คึคึ ถ้าจะสนุกนะ คนเขียนสู้ๆล่ะกัน

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ถ้าอย่างนั้น หาคู่ให้น้องอ้นสักคนนะครับ (กันพลาด เดี๋ยวจะกลับมาทวงพี่ภามคืน สงสารน้องป๊อบ)

ออฟไลน์ HamsteR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
กลับมาอ่านอีกที จะจบซะแล้ว...
ในที่สุดก็รู้ใจตัวเองซะทีนะป๊อบปี้
ส่วนอ้นนี่น่าสงสาร พิษของความรัก รักมากก็เจ็บมาก เจ็บมากก็แค้นมาก
ขอให้เจอคนดีๆเข้ามานะน้องอ้น

มาม่าชามสุดท้ายมันต้องเป็นไอ้คนที่ยิงพี่ภามแน่ๆเลย

ปล, แอบผิดหวังนิดนึงที่มันจบเร็ว ซึ่งจริงๆแล้วมันน่าจะยืดได้อีกหลายตอนเลย
... แต่ก็เข้าใจคนเขียนนะ สู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
โธ่ น้องอ้นผู้น่าสงสาร ขอให้ได้เจอคนที่ใช่ไวๆน๊า  :กอด1:
คนแต่งจ๋า ทำไมถึงใกล้จบแว้วอ่า กำลังหนุกๆเบย งื้ออออ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ขนมสัมปันนี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ชอบแนวนี้ สนุกดี :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                             ตอนที่ 18 มีแฟนแล้วโว้ยยยย..........

            เหตุการณ์ในวันที่ผมถูกพี่อ้นจับตัวไป พี่ภามเล่าให้ผมฟังว่าที่พี่อ้นจับตัวผมไปไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำร้ายผมแต่อย่าง

ใด เพียงแค่ต้องการให้พี่ภามรู้สึกเจ็บที่คนรักหายไปเหมือนกับที่ตัวเองยังรักพี่ภามและถูกอีกคนบอกเลิกว่ามันมีความรู้สึกเจ็บปวด

และทรมานอย่างไร

      “เอาล่ะ ตอนนี้เรื่องราวร้ายๆก็ผ่านไปได้ด้วยดี เรื่องราวทุกอย่างก็ถูกสะสางจนจบสิ้นแล้ว วันนี้เราก็มาฉลองกันให้เต็มที่กัน

เลยดีกว่า! เอ้า เฮ!!” เสียงของพี่ท็อปพูดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะเอ่ยรับตาม

        วันนี้พี่ท็อปมันนัดผมมาเลี้ยงฉลองหลังจากที่ผมโดนจับไปและถูกปล่อยตัวออกมาอย่างปลอดภัย จึงคิดว่าจะเลี้ยงฉลองที่

ผมผ่านเรื่องราวร้ายๆมาได้

        ในงานเลี้ยงฉลชองวันนี้ ไอ้พี่ท็อปมันปิดร้านพี่โก้เพื่อใช้เลี้ยง ส่วนคนที่มาร่วมงานก็มี ผม พี่ภาม ไอ้ภัทร ไอ้ปิ๊ก ไอ้มิ่ง

พี่ท็อป พี่เมฆและมีพี่โก้ที่คอยเข้ามาแจมด้วยเป็นระยะๆ

      “เออว่าแต่ว่ามึงเห็นพี่ภามไหมวะไอ้ภัทร” ผมหันไปถามไอ้ภัทรเพราะถึงแม้ผมกับพี่ภามเราจะมาด้วยกัน แต่ตอนเข้ามาผม

กลับไม่เห็นอีกคนเลยสักนิด

      “แหมๆๆ คิดถึงพี่สุดหล่อเหรอเฮีย ฮิ้วว!”

      “ฮิ้วววววววววววววว” เสียงโห่แซวดังขึ้น เมื่อผมถามถึงอีกคน โดยมีไอ้น้องชายตัวดีเป็นคนชักนำ

      “ตลกแล้วไอ้ปิ๊ก เฮียแค่ยังไม่เห้นเขาก็แค่ถามเฉยๆ พวกพี่ก็ด้วยนะ” ผมว่า แต่ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อผมสักเท่าไรเพราะเท่า

ที่ผมรู้สักสันดาน เอ้ย! นิสัยของแต่ละคนแล้ว มันไม่เคยมีจิตคิดกุศลกันเลยสักนิด

      “ไม่เห็นว่ะ มีไรเหรอมึง” ไอ้ภัทรถาม ไอ้จะว่ามีมันก็มีอยู่หรอกนะเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สัญญาจบสิ้น ผมก็เลยกะว่าอยาก

จะเห็นหน้าอีกคนชัดๆเป็นครั้งสุดท้ายเพราะถ้าหากสัญญาถูกยกเลิก ผมกับอีกคนก็คงไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกรึเปล่า


      “เป็นไรไปป๊อบดูหน้าเศร้าๆ” ไอ้พี่เมฆถาม ผมเลยหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะถอนหายใจน้อยๆ

      “ก็.........วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วน่ะสิที่การว่าจ้างจะจบลง” ผมบอกทุกคน ส่วนคนที่เหลือที่ฟังจบก็หันมองหน้ากัน ก่อนจะส่ง

สายตาเป็นกำลงัใจมาให้เพราะตั้งแต่วันที่ผมถูกไอ้ปิ๊กเค้นถาม ผมก้จำใจต้องตอบออกไปว่าผมมีความรู้สึกยังไงกับพี่ภาม


      “แล้วทำไมเฮียถึงไม่บอกพี่สุดหล่อเขาไปล่ะว่าเฮียรู้สึกยังไงกับพี่สุดหล่อ” ไอ้ปิ๊กถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ผมไม่กล้า

พอที่จะบอกออกไปถึงแม้ผมอาจจะเป็นเจ้าพ่อนักรักก็จริง แต่ผมก็ยังไม่เคยได้เป็นคนรักของใครสักคนอย่างจริงจัง ผมกลัวว่าผม

อาจจะทำหน้าที่การเป็นคนรักได้ไม่ดีและที่สำคัญถ้าหากอีกคนไม่ได้รักผมเหมือนอย่างที่ผมรักเขาล่ะ

      “แล้วมึงไม่คิดที่จะรั้งเขาเอาไว้สักหน่อยเหรอไอ้ป๊อบ ทุกทีเวลากูเห็นมึงชอบใครมึงก็จะรั้งเขาเอาไว้ให้ถึงที่สุดไม่ใช่เหรอ”

พี่ท็อปว่า ซึ่งนั่นมันก็จริงเพราะถ้าหากผมรักใครแล้วผมก็จะต้องรั้งอีกคนไว้ให้ถึงที่สุด

      “แต่ว่า”

        พรึ่บ!!

        ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยคแสงไฟที่เคยสว่างไสวกลับพลันดับวูบ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตะโกนบอกพี่โก้ให้มาดู

ไฟในร้าน แสงเทียนที่ถูกจุดขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปมองโดยรอบ แต่ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่เลยสักคน สงัสนคงจะเป็นคนที่เหลือที่

แอบจุดไปแน่ๆ แต่ผมว่าบรรยากาศมันดูโรแมนติกแปลกๆไปนะ ยังไม่ทันที่จพะให้ผมได้คิดอะไรต่อ เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหน้า

เวทีในตอนนี้กลับเรียกสติทั้งหมดของผมให้หันใบหน้าหันไปมอง

      “สวัสดีนะไอ้เด็กแสบ” พี่ภามเอ่ยเสียงดังผ่านไมค์ดังขึ้นอยู่ทางด้านหน้าเวที ผมจึงเลิกคิ้วมองอีกคนอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่

ได้พูดอะไรออกมา

      “วันนี้เป็นครบสัญญาหกเดือนของพี่กับป๊อบแล้ว ขอบคุณมากๆเลยนะที่ทำหน้าที่ได้อย่างดี คุ้มกับค่าจ้างที่พี่ให้” พี่ภามยังคง

พูดต่อ ผมจึงพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะรีบจบมันเร็วขนาดนี้

      “อืมก็พี่ให้เงินป๊อบเยอะนี่ ป๊อบก็ต้องทำให้คุ้มค่าจ้างสิ” ผมตอบอีกคนยิ้มๆ ทั้งๆที่ในใจตอนนี้ไม่ได้อยากรู้สึกจะยิ้มเลยสักนิด


      “งั้นวันนี้พี่ก็ขอยกเลิกเรื่องการที่จ้างป๊อบมาเป็นแฟนกำมะลอแล้วยังให้มาลอกคุณแม่ว่าป๊อบเป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านสุริยศักดิ์”


      “อืม ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ได้ตลอด แต่ค่าจ้างป๊อบแพงนะ” ผมบอกอีกคนทีเล่นทีจริง ก่อนจะเตรียมหันหน้าหนี แต่เพราะเสียง

เรียกของอีกคนที่รั้งเอาไว้ ทำให้ผมหันหน้ากลับไปมองพี่ภามเหมือนเดิม

      “พี่มีเรื่องอยากจะบอก พี่ขอให้ป๊อบมีความสุขมากๆนะและหวังว่าเราจะได้พบกันอีก” พี่ภามว่า ผมพยายามกลั้นหยดน้ำตาเอา

ไว้ไม่ให้ไหลลงมาอาบแก้มเพราะตอนนี้ผมรู้ว่าผมกำลังจะอ่อนแอ แต่ผมก็ไม่มีทางที่จะยอมแสดงความอ่อนแอนั้นออกมาให้คน

ตรงหน้าได้เห็น

      “พี่ภามก็เช่นเดียวกันนะ” ผมบอก

      “พี่....มีอีกเรื่องที่อยากจะบอกป๊อบ ตอนนี้พี่เจอคนที่จะเข้ามาเติมเต็มหัวใจของพี่ที่ขาดหายไปครึ่งดวงให้มันเต็มดวงแล้วล่ะ”

 พี่ภามพูดและทันทีที่ผมได้ฟังจนจบประโยคก็เล่นเอาร่างทั้งร่างของของชาวาบไปกับคำพูดของอีกคนและแล้วเขาก็เจอคนที่เขา

รักแล้วสินะ เรื่องที่พี่ท็อปบอกให้ผมรั้งคนที่ผมรักเอาไว้ ผมว่ามันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะเพราะในเมื่อคนที่ผมรักเขากำลัง

มีความรักที่ไม่ใช่ผม

      “อย่างนั้นเหรอครับ ป๊อบดีใจกับพี่ด้วยนะครับ ขอให้พี่รักกับคนๆนั้นนานๆนะครับ” ผมว่า ก่อนจะหันหลังกลับเดินออกไป

เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่เคยมีมันได้หายไปหมดแล้ว ไม่เหลือแม้กระทั่งแรงที่จะใช้ในการหายใจและที่สำคัญถ้าขืน

ผมยังอยู่ต่อมีหวังม่านน้ำตาที่ผมกักกั้นเอาไว้จะได้พังทลายลงมาเสียก่อน

      “แล้วป๊อบไม่อยากรู้เหรอครับว่าคนๆนั้นเป็นใคร” เสียงพี่ภามพูดขึ้น ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกไป ก่อนที่จะต้องมาชะงัก

ฝีเท้าของตัวเอง พร้อมกับระเบิดความรู้สึกที่มันอัดแน่นออกมาอีกคน

      “แค่นี้ป๊อบยังเจ็บม่พอใช่ไหม พี่ต้องการให้ป๊อบฟังจากปากคนที่ป๊อบรักว่าตอนนี้เขากำลังรักคนอยู่อยู่เหรอ พี่ช่วยสงสารป๊อบ

สักนิดได้ไหม ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี!!!” ผมระเบิดอารมณ์ออกไป ทำให้ต้องยืนหอบหายใจตัวโยน พร้อมกับสัมผัสได้ว่า

น้ำตาที่ผมเคยกลั้นเอาไว้ได้ไหลลงมาไม่ขาดสาย

      “เมื่อกี้ป๊อบว่าอะไรนะครับ ป๊อบรักพี่?”

      “ใช่! ป๊อบรักพี่ พี่ได้ยินชัดไหมว่าป๊อบรักพี่!!! ฮือๆ” ผมตะโกนบอกอีกคน พรอ้มกับปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่ ทั้งๆที่ผมตั้งใจ

เอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะไม่ยอมแสดงอาการอ่อนแอให้คนตรงหน้าได้เห็น แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว ผมกลับทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจเอา

ไว้

      “ป๊อบรักพี่ อย่างนี้ใจเราสองคนก็ตรงกันน่ะสิครับ พี่ดีใจที่สุดเลย” พี่ภามว่า ก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปกอด ส่วนผมที่เพิ่งตั้งสติ

ได้ก็รีบเอามือมมาตะครุบปากตัวเองที่เผลอพูดอะไรน่าอายออกไป แต่ก็ต้องมาฉงนใจในคำพูดของคนที่กำลังโอบกอดผมอยู่


      “เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ” อีกคนผละออกมาจากผมเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาให้ออกไปจากใบหน้าของผม พร้อมกับ


เงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนจะนั่งลงคุกเข่าอยู่ด้านหน้าผม

      “พี่พูดว่าพี่กับป๊อบเราใจตรงกันไงครับ” พี่ภามว่า ก่อนจะดึงมือผมเข้าไปกุมไว้

      “ป๊อบยังจำได้ไหมว่าที่แห่งนี้เป็นที่ที่ทำให้เราได้มาพบกันเป็นครั้งแรก” พี่ภามพูด ผมจึงพยักหน้ารับ ทำไมผมจะจำไม่ได้ก็

ในเมื่อวันนั้นมีไอ้หื่นที่ไหนกล้ามาทำอะไรลามกแบบนั้นกับไอ้ยอดชายนายป๊อบ เป็นใครเขาจะไปลืมลงกันได้

      "ฉะนั้นเรื่องที่พี่อยากจะบอกกับป๊อบมันจึงต้องบอกที่นี่  สถานที่แห่งนี้" พี่ภามพูด ก่อนจะเริ่มพูดต่ออีกครั้ง

      “เราเลิกกันนะ..เลิกโกหกและเลิกเป็นแฟนกำมะลอกัน” พี่ภามว่า

      “แต่พี่อยากให้เราเริ่มต้นกันใหม่ในฐานะคนรักกันจริงๆ”

      “เป็นแฟนกับพี่นะครับ น้องป๊อบ”

        คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของอีกคน มันทำให้ผมรู้สึกทั้งอึ้ง ทั้งตกใจและดีใจปะปนไปหมดเพราะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมี

คนมานั่งคุกเข่าแล้วก็ขอเราเป็นแฟน

      “แต่ป๊อบเป็นไอ้เด็กแสบ เด็กกวนตีนนะ พี่จะรับได้เหรอ” ผมถาม

      “ได้ครับ” ไอ้พี่ภามตอบยิ้มๆ

      “แต่ป๊อบเคยปีนเกลี่ยวแม่พี่นะ พี่จะรับได้เหรอ”

      “ได้ครับ”

      “แต่ป๊อบไม่เคยมีแฟนนะ พี่จะรับได้เหรอถ้าป๊อบทำหน้าที่แฟนไม่ดี”

      “ได้ครับ”

      “แต่ถ้าป๊อบบอกว่าป๊อบก็รักพี่มากเหมือนกัน พี่จะยอมมาเป็นแฟนป๊อบได้เหรอ”

      “ได้ครับ หืม? เมื่อกี้ป๊อบว่าอะไรนะ” อีกคนถามผมงงๆ แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้พูดอะไรผิด

      “ไม่รู้ ถ้าได้ยินก็แปลความหมายเอาเอง” ผมตอบอีกคนยิ้มๆ ก่อนจะเสมองไปที่อื่นเพื่อกลบเกลื่นความร้อนและรอยยิ้มบน

ใบหน้า

        ขนาดไม่ได้ตอบตกลงแบบตรงๆนะเนี่ย! ถ้าตอบตรงๆมีหวังได้ระเบิดตัวตายแน่เลยไอ้ป๊อบเอ้ย!

      “งั้นก็หมายความว่า.........” ไอ้พี่ภามรีบลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปไม่ได้กอด แต่ดึงตัวผมเข้าไปจูบเลยต่างหาก!

        มันเป็นครั้งแรกที่ผมตอบรับรสจูบนั้นอย่างไม่ได้ขัดขืน ผมหลับตาลงเพื่อรับรสสัมผัสที่กำลังล่วงล้ำเข้ามาอยางลึกล้ำ มันนุ่ม

นวล อ่อนหวานและแกมหยอกล้อน้อยๆ จึงทำให้ผมต้องเผยอปากออกเพื่อรับการลุกล้ำอย่างหนักหน่วงของอีกคนที่กำลัง

พยายามชกชิงความหอมหวานจากน้ำหวานในโพรงปากอย่างหิวกระหาย จนกระทั่งผมเริ่มขาดอากาศหายใจจึงต้องทุบอกอีกคน

เพื่อให้ปล่อยผมเป็นอิสระ

      “ อ๊ะ แค่กๆๆ” ทันทีที่ได้รับอิสระกลับคืนมาก็ต้องรีบโกยอากาศเข้าปอดและยืนซบอกพิงอีกคนเอาไว้เพื่อหาแรงยึดเหนี่ยวไม่

งั้นมีหวังผมได้ลงไปนอนเคารพบรรพบุรุษ คำนับฟ้าดินอยู่ที่พื้นเป็นแน่ ส่วนอีกคนที่เป็นที่ยึดจำเป็นของผมก็เลียริมฝีปากนิดๆ

อย่างคนถูกใจ

      “ไอ้หื่น ไอ้บ้า บอกให้แปลความหมายไม่ได้บอกให้จูบสักหน่อย!” ผมแหวลั่น หลังจากที่กอบโกยอากาศเข้าปอดได้เต็มที่

แล้ว

      “พี่ก็แปลความหมายตามที่ป๊อบบอกไงล่ะครับ แต่พอดีว่าพี่แปลได้แบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้นะครับ หึๆ” ไอ้พี่ภามว่า ผมล่ะ

เกลียดน้ำเสียงหัวเราะที่ดูเจ้าเล่ห์ของอีกคนจริงๆเลย ถ้ามีขายนะ ผมจะเหมาเอาไปโยนลงทะเลให้หมดเลย คอยดูสิ!

        ปุ่งๆๆๆ!!

        เสียงดึงพลุพร้อมกับเศษกระดาษที่บรรจุเป็นสายๆอยู่ด้านในกระเด็นออกมาโดนตัวผมกับพี่ภาม พร้อมกับปรากฏเป้นพวก

ไอ้พี่ท็อป พี่เมฆ ไอ้ภัทร ไอ้ปิ๊กแล้วก็ไอ้มิ่งที่เป็นคนดึงพลุอันนั้น

      “วู้ววว ไอ้เพื่อนรักกูมีแฟนแล้วโว้ยยยยยยย!!” เสียงไอ้ภัทรตะโกนร้องอย่างดีใจ

      “กูดีใจด้วยนะไอ้ภัทรที่มึงจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ว่ะ ฮ่าๆๆ” เสียงของไอ้พี่ท็อปว่า ก่อนจะทำเอาทุกคนหัวเราะครึกครื้น

ซึ่งก็ทำให้ผมที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ภามอดที่จะหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้ แต่จะว่าไปตอนนี้ก็มีอยู่แค่คนเดียวที่ไม่ได้ร่วมวงหัวเราะ

ด้วย

      “เป็นไรไปวะไอ้ปิ๊ก ร้องไห้อย่างกับพี่ชายตาย” ไอ้ภัทรหันไปถามไอ้ป๊อบที่ยืนร้องไห้อย่างกับเขื่อนแตก

      “ตลกบริโภคครับเพื่อน พี่มันก็เพื่อนรักมึงและเพื่อนรักมึงก็คือกูครับ” ผมว่า ไอ้ภัทรเลยยิ้มเจื่อนๆส่งให้ผม

     “กูลืมไป ขอโทษว่ะ แหะๆ” ไอ้ภัทรขอโทษผม ก่อนที่ไอ้ปิ๊กมันจะตอบคำถามของไอ้ภัทร

      “เปล่าพี่ ฮึก ที่ปิ๊กร้องไห้ไม่ใช่พี่ตาย ฮึก แต่ปิ๊กดีใจที่เฮียจะได้ไปเป็นเมียคนอื่นเขา ฮึกปิ๊กสงสารพวกผู้หญิงน่ะพี่  ผู้หญิงเขา

จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจที่โดนเฮียจีบทิ้งจีบขวาง” ไอ้ปิ๊กว่า สรุปนั่นมึงดีใจที่กูไปเป็นเมียเขาหรือดีใจที่กูจะได้ไม่ทำให้ผู้หญิงคน

อื่นเสียใจวะ?

      “ฮ่าๆๆๆๆ น้องมึงนี่กวนตีนเหมือนพี่เลยว่ะ เอ้าๆ อย่าเอ๋อเว้ยยย อย่างนี้มันต้องฉลองงงงง” สิ้นเสียงของไอ้พี่ท็อปทุกคนก็ส่ง

เสียงเฮกันดังลั่นสนั่นและแสงไฟที่เคยดับไว้ก็ถูกเปิดขึ้น เราทุกคนจึงเดินกลับไปนั่งประจำที่ ส่วนผมกับพี่ภามก็ขออกไปเดินสูด

อากาศข้างนอกด้วยกันเพราะรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แต่ก็ไม่วายโดนไอ้พี่ท็อปปากดีตะโกนแซวไล่หลังมา

      “อืมม รู้สึแปลกๆเหมือนกันเนอะ” ผมพูดขึ้น หลังจากที่เราสองคนออกมาเดินด้านนอกโดยที่ไม่มีใครได้พูดอะไรกันเลย


      “แปลกยังไงเหรอ” ไอ้พี่ภามถาม พลางกระชับมมือที่จับกันไว้ให้แน่นขึ้น

      “ก็แปลกที่ตอนแรกเราไม่ถูกกันจะตาย แต่สุดท้าย เอ่อ...เราก็ได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ” ผมพูดออกไปอย่างเขินๆเพราะเมื่อ

ก่อนหน้าของพี่ภามผมก็แทบไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ

      “นั่นสิ แต่นั่นมันก็ผ่านมาแล้ว คิดซะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้มาเจอกันและมารักกันน่าจะดีกว่านะ” พี่ภามว่า ผมจึงพยักหน้า

เห็นด้วยเพราะถ้าไม่มีเรื่องวุ่นวายพวกนี้ ผมคงไม่ได้มาเจอกับอีกคน คงได้ไปเหล่หญิงเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำ

      “ว้าวว สวยจัง!” ผมอุทานขึ้นเมื่อเดินมาถึงสวนหย่อมที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ลัวยังมีแสงเทียนที่วางรอบๆให้

บรรยากาศอบอุ่นอีกต่างหาก

      “พี่คิดว่าป๊อบคงชอบเลยให้คนมาจัดไว้ให้” พี่ภามว่า ผมจึงหันหน้าไปมอง

      “ทั้งหมดนี่พี่กับคนอื่นๆร่วมมือกันใช่ไหม” ผมว่าเสียงนิ่งๆ หน้าของพี่ภามดูถอดสีลงเล็กน้อย

      “เอ่อ พี่แค่อยากจะทำให้ป๊อบประทับใจ แต่ขอโทษด้วยนะที่พี่ทำให้ป๊อบไม่พอใจ” พี่ภามว่า ผมจึงแกล้งตีสีหน้าให้เรียบนิ่ง

ยิ่งกว่าเดิม แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะหลุดหัวเราะออกมาซะก่อน

      “ใครว่าป๊อบไม่พอใจ แค่พี่บอกว่าจะขอป๊อบเป็นแฟนป๊อบก็ตกลงอยู่แล้วล่ะ” ผมพูด ก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้อีกคน พี่ภามที่เพิ่ง

รู้ว่าโดนผมแกล้งอำก็ทำหน้าเหวอ ก่อนจะชี้หน้าคาดโทษผม

      “แสบนักนะ มาให้พี่จับตีก้นซะดีๆ” พอพี่ภามว่าจบผมก็รีบวิ่งหนีอีกคนรอบสวนที่ถูกจัดไว้ โดยมีไอ้คุณพี่ภามวิ่งไล่ เล่นเอา

เหนื่อยไม่ใช่น้อย แต่ว่ามันก็มีความสุขเหมือนกันนะ

        นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การมีแฟนเป็นไอ้หื่นภามมันก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไร มันก็ชุ่มช่ำหัวใจดีไม่น้อย แถมยังมีความสุข

เหี้ยๆอีกด้วยและเอาเป็นว่าเรื่องราวความรักของผมกับพี่ภามก็ยังไม่จบลงง่ายๆ มันก็เพิ่งจะเริ่มต้น เหมือนกับที่เขาว่าการเป็นแฟน

กันมันก็แค่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต แต่หลังจากนี้สิถึงจะเรียกว่าของจริง และแน่นอนว่าความรักฉบับยอดชายนายป๊อบมันย่อมไม่มี

ทางธรรมดาอย่างแน่นอน หมอป๊อบฟันธง!!




      เย่ๆๆๆๆ จบแล้วววว......................จบแล้วซะเมื่อไหร่ 555555 อย่าเพิ่งกระโดนถีบเค้าน้าาาาาาา ใครจะรีบให้จบ จบแบบนี้

มันธรรมดาเกินไป มันต้องจบแบบฉบับยอดชายนายป๊อบสิถึงจะถูก!! ที่สำคัญยอดชายนายป๊บเราก็เพิ่งโดนผู้ชายขอเป้นแฟนครั้ง

แรกมันก็ต้องมีเดทกันบ้างไรบ้างง เอ่อ...อยากจะถามจริง สรุปแล้วใครขอใครเป็นแฟนกันก่อนเอ่ย เอาเป็นว่าทั้งคู่รักกันก็พอเนาะ

ส่วนคำถามที่ถามดีสว่า "ทำไมจบเร็วจัง น่าจะต่อได้อีกนะ" หรือ "กำลังสนุกเลยรีบจบซะแล้ว" จริงๆดีสอยากจะบอกว่าที่รีบจบก็

เป็นเพราะดีสใกล้เปิดเทอมแล้วกลัวว่าถ้าแต่งนานๆไปแล้วจะเกิดการดอง ซึ่งไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นค่ะ(เหตุผลรอง) แต่ถ้า

ถามเหตุผลหลักคือกลัวว่าถ้าแต่งต่อไปมันอาจจะดูยาวจนกลายเป็นยืดเยื้อและน่าเบื่ออ่ะค่ะ เข้าใจเค้านะ แต่ก็ต้องขอบคุณทุกคน

ที่เข้าใจนะคะว่าทำไมดีสถึงต้องจบเร็ว ขอบคุณจริงๆค่ะ

ปล.จริงๆแล้วระยะเวลาหกเดือนสำหรับบางคนอาจจะยาวนาน แต่สำหรับป๊อบแล้วมันเป้นช่วงเวลาที่สั้นที่ได้อยู่กับพี่ภาม//ว่าไป

นั่น โดนป๊อบเตะ 5555

ปล 2. มีคนเเนะนำแนวนิยายให้ด้วย ดีใจจังเลย ไว้ถ้าดีสว่างๆเดี๋ยวจะลองแต่งแล้วเอามาลงให้อ่านนะคะ หรือว่าถ้าใครชอบแนว

ไหนก็ลองเสนอมานะคะ เพื่อถ้าแนวไหนดีสพอแต่งได้จะได้แต่งเอามาให้อ่านค่ะ ถือเป็นการท้าทายฝีมือการแต่งดี ขอบคุณนะคะ
   

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

   









                                                                       ตอนที่ 19 เดทแรก..........

            วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทำเอาผมนอนไม่หลับเพราะหลังจากที่ผมกับพี่ภามตกลงคบกันเป็นแฟน วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมจะ

ได้ไปออกเดทกับอีกคน แค่คิดก็ใจมันก็ตุ้มๆต่อมๆจักกะจี้หัวใจตัวเองชะมัด มันยิ่งกว่าป๊อบปี้เลิฟซะอีก


      “โอ้โหเฮียนึกไงตื่นแต่เช้าเลยเนี่ย” เสียงของไอ้ปิ๊กดังขึ้น

      “ไม่ได้ตื่นเช้า แต่ยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก” ผมตอบ ไอ้ปิ๊กได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับผม

        วันนี้ที่ผมได้มายืนคุยกับไอ้ปิ๊กได้ตั้งแต่เช้าก็เป็นเพราะเมื่อคืนผมขอให้อีกคนมาส่งผมที่หอเพราะถ้าขืนให้ผมอยู่กับพี่ภามมี

หวังผมได้สติแตกกว่านี้แน่เพราะขนาดมาอยู่กับไอ้ปิ๊กผมยังนอนแทบไม่หลับเลย

      “แล้วนี่พี่ภามเขาบอกรึเปล่าว่าจะพาเฮียไปเดทที่ไหน” ไอ้ปิ๊กถาม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเตรียมเข้าห้องน้ำ

      “ยังไม่รู้เหมือนกันอ่ะ” ผมตอบเพราะใครจะไปกล้าถามตรงๆว่าจะพาไปเดทที่ไหน

        กริ๊งๆ!

        เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงดังขึ้น ทำให้ผมกับไอ้ปิ๊กต้องหันหน้าไปมองและพบว่ามันเป็นเสียงมาจากโทรศัพท์ของ

ผมเอง

      “ครับ พี่ภามมีอะไรตรึเปล่าครับถึงได้โทรหาป๊อบแต่เช้าเลย” ผมเอ่ยถาม เมื่อเห็นเป้นชื่อของไอ้พี่ภามโชร์หราอยู่หน้าจอ

โทรศัพท์

      “พอดีวันนี้พี่มีธุระด่วนเข้ามาคงจะพาป๊อบไปเที่ยวด้วยไม่ได้ ขอโทษด้วยนะครับ” เสียงพี่ภามเอ่ยออกมา ส่วนผมที่ยืนอมยิ้ม

คุยกับอีกคนในตอนแรกก็ต้องหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเพราะอุตสาห์จะได้ไปเดทกันครั้งแรก แต่พี่ภามก็ดันมีงานสำคตัญเข้ามาอีก

ทำไมมันไม่ไปเข้าเอาวันอื่นวะ!

      “ไม่เป็นไรครับ พี่ภามทำงานเถอะไว้วันหลังเราค่อยไปเที่ยวกันก็ได้” ผมพูดออกไป พยายามรักษาน้ำเสียงไม่ให้ดูเหมือนคน

กำลังน้อยใจ

      “ครับ แต่ว่าพี่อยากจะให้ป๊อบไปรอพี่ที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลหน่อยนะครับเดี๋ยวสายๆพี่จะให้ไอ้ภัทรมันไปรับและถ้าพี่

ทำงานเสร็จเร็วเดี๋ยวพี่จะรีบไปหานะครับ” พี่ภามว่า ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ ไอ้ปิ๊กที่ยังยืนฟังผมคุยโทรศัพท์ไม่ได้เข้าไป

อาบน้ำก็เลิกคิ้วถามผมอย่างสงสัย

      “มีอะไรรึเปล่าเฮียดูหน้าเศร้าๆ” ไอ้ปิ๊กถาม ผมจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะตอบคำถามของไอ้น้องชายสุดที่รัก

 
      “เดทล่มว่ะ” ผมบอก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเศร้าๆที่เตียงนอน ผมเองก็เคยมีประสบการณ์เลื่อนนัดเดทของสาวๆ แต่ก็ไม่เคยรู้ว่า

พวกเธอจะรู้สึกยังไง จนวันนี้ผมได้มาเจอกับตัวเองเพราะมันทำให้คนๆหนึ่งต้องรอเก้อ เฮ้อ! กรรมตามทันจริงๆกู

      “อ้าว ไหงเป็นงั้นอ่ะ อย่างนี้ไอ้ปิ๊กต้องเคลียร์ซะแล้ว พี่สุดหล่อกล้าดียังไงมาทำให้เฮียป๊อบของปิ๊กต้องเสียใจ” ไอ้ปิ๊กว่าสี

หน้าจริงๆจัง

      “เอาเหอะน่า พี่สุดหล่อของมึงเขามีงานด่วน แต่เขาก็ให้ไอ้ภัทรมารับพี่ไปรอเขาที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลและถ้าเขา

ทำงานเสร็จเร็วเดี๋ยวเขาก็จะไปหาเฮียที่นั่นเองนั่นแหละ” ผมบอกไอ้น้องชาย มันเลยได้แต่ทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อย ส่วนผมก็เตรียม

ตัวรอให้ไอ้ภัทรมารับไปที่บ้านพักตากอากาศนั่น แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอีกคนเลยสักนิดเพราะผมก็เข้าใจว่าช่วงนี้

ไอ้พี่ภามกำลังยุ่งๆเรื่องงาน ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าถ้าเขาจะปฏิเสธนัดผมเพื่อไปทำงาน แต่ก็อีกแหละจะให้พูดแบบเต็มปากเต็มคำว่า

ไม่น้อยใจก็คงไม่ได้ มันก้ต้องมีอารมณ์นั้นบ้างแหละที่โดนนัดแล้ว แต่ดันถูกเลื่อนนัด

        ผมนั่งเล่นนอนเล่นและนั่งดูไอ้ปิ๊กมันนั่งเล่นคอมอยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อรอเวลาให้ไอ้ภัทรมันมารับเพราะพี่ภามบอกสายๆ แต่นี่

มันก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้วไม่นานไอ้ภัทรก็คงจะมา

      “เดี๋ยวเฮียลงไปรอไอ้ภัทรข้างล่างหอพักนะ ถ้ามีธุระอะไรก็โทรหาล่ะ” ผมสั่งกำชับน้องชาย ก่อนจะสำรวจตัวเองอีกสักนิด

แล้วจึงเดินไปเปิดประตู แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปลดล็อกกลอน เสียงเคาะประคูจากหน้าห้องก็ดังขึ้นซะก่อน

      “กูกะว่าจะลงไปรอมึงข้างล่างหอพักอยู่เลย” ผมยื่นมือไปเปิดประตูห้อง ก่อนจะบอกไอ้ภัทรที่ยืนหอบเล็กน้อยอยู่ที่หน้าประตู


      “โทษทีว่ะที่มาช้า รถแม่งติดสัดๆเลย ไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน” ไอ้ภัทรว่า ผมจึงเลิกคิ้วกับประโยคของมัน

      “อะไรไม่ทันวะ” ผมถาม ก่อนจะหันไปคุยกับไอ้ปิ๊กแล้วก็เรียกให้มันมาปิดประตู ก่อนจะเดินลงบันไดไปกับไอ้ภัทร

      “เอ่อ....ไม่ทัน....ไม่ทันที่รถจะไม่ติดไงเนี่ยมึงรถแม่งโคตริดเลยเนี่ย” ไอ้ภัทรว่า ก่อนจะเดินพาผมไปที่รถ ก่อนที่จะต่างคน

ต่างขึ้นนั่งในตำแหน่งของอีกฝ่าย

      “มีพิรุธน่ะมึงอ่ะ” ผมว่า มันไม่ได้พูดอะไรรีบสตาร์ทรถออกจากหอพักผมทันที

        ไอ้ภัทรขับรถมุ่งหน้าสู่ชายหาดทางด้านตะวันออกของประเทศและขับมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดรถที่บ้านพักตากอากาศแห่ง

หนึ่งที่ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่ แต่บรรยากาศก็ดูร่มรื่นไม่ได้วังเวงหรือถูกปล่อยให้รกร้าง

        ต้นไม้ที่อยู่บริเวณรอบนอกก็ดูจะเขี่ยวชอุ่มรับกับสีของบ้านหลังนั้นที่เป็นโทนสีฟ้าอ่อนไม่แสบตาที่หันมองทีไรก็ทำให้สบาย

หัวใจและลูกตาดี ถัดเข้าไปยังมีสวนดอกไม้ในแบบที่ผมชอบ ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตที่ถูกนำมาประดับในบริเวญสวนนั้นดูจะเยอะกว่า

ดอกไม้ชนิดอื่นคล้ายกับเจ้าของบ้านกำลังจะเอาใจคนที่ชอบดอกฟอร์เก็ตมีน็อตอย่างผม

      “สวยไหมมึง” ไอ้ภัทรถามผม ผมจึงหันไปพยักหน้ารับว่าชื่นชอบในที่พักแห่งนี้ จากนั้นเราทั้งคู่ก็ลงจากรถเดินเข้าไปยังบ้าน

พักตากอากาศหลังนั้นทันที

      “เออ เดี๋ยวมึงเข้าไปก่อนนะ กูขอไปเช็คความเรียบร้อยรอบๆก่อนเพราะไม่ได้มานานแล้ว” ไอ้ภัทรบอก ผมจึงตอยรับในลำคอ

แถมยังรู้สึกแปลกใจที่ขนาดไม่ค่อยได้มาบ่อยต้นไม้พวกนี้ยังดูดีเหมือนกับเพิ่งจะนำมาลงเมื่อไม่กี่วัน แถมสภาพบ้านยังดูเหมือน

ใหม่อยู่ตลอดเวลา

        ผมผลักบานประตูเพื่อที่จะเดินเข้าไปชมความงามของบ้านหลังนี้ แต่พอเปิดประตูออกเท่านั้น ผมแทบจะลืมหายใจเพราะ

ด้านนอกว่าสวยแล้ว แต่ด้านในกลับสวยกว่าหลายเท่า ภายในห้องโล่งๆคล้ายห้องโถง แต่ก้ยังคงมีฟเอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งไว้

บางชิ้นไม่ทำให้ห้องดูกว้างจนเกินไปแถมยังถูกประดับประดาด้วยดอกไม้สีสันสวยงามและมีดอกฟอร์เก็ตมีน็อตถูกนำมาเป็น

อุปกรณ์ในการตกแต่งสถานที่ให้ดูสวยงามและละมุนละไมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

        ผมเดินเข้าไปสำรวจความงามด้านใน ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นรูปถ่ายของตัวเองที่ถูกนำมาประดับประดาตกแต่งอย่าง

สวยงาม จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าภาพเหล่านั้นผมถูกแอบถ่ายตอนไหน แต่แล้วผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะเสียงลมหรืออะไรไม่รู้ที่

พัดให้ประตูบานที่ผมเปิดออกค้างไว้ปิดตัวลงอย่างแรง จนทำให้ผมต้องหันหน้าไปมองอย่างฉงน

        ผมยืนมองที่บานประตูนั้นอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเสียงของลมที่พัดให้บานประตูนั้นปิดลง ก่อนจะหันกลับ

มามองด้านหน้าที่พบว่าตอนนี้กำลังมีภาพของพี่ภามกำลังฉายอยู่บนจอและดูเหมือนว่าอีกคนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ผมจึง

ต้องใจฟังรอในสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูด

      “เอ่อ...สวัสดีครับน้องป๊อบ คือ...” พี่ภามพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะหยุดไป ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงแทรกเหมือนเสียงของไอภัทร

ลอดเข้ามาในคลิปนี้เหมือนกับลังว่าพี่ภามว่า มัวแต่คืออะไรเล่าเฮีย อยากพูดไรก็พูด! พี่ภามจึงยอมพูดต่อ

      “คือว่า...ก็อย่างที่ป๊อบได้ยินเสียงของไอ้ภัทรนะว่ามันกำลังบังคับให้พี่พูดอะไรก็ได้ออกมา แต่พี่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน

เอาเป็นว่าขอพูดสั้นๆก็แล้วกันนะครับ” พี่ภามหายใจเข้าปอดลึกๆเหมือนกำลังเตรียมที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา ผมก็คอยลุ้นว่า

อีกคนจะพูดประโยคอะไรออกมา แต่ก็รอไม่นานพี่ภามก็พูดประโยคนั้นออกมา

      “พี่รักป๊อบนะครับ”

        หลังจากที่ผมได้ยินปรัโยคบอกรักของไอ้พี่ภามก็ทำเอาผมแทบหุบยิ้มไม่อยู่ ถึงแม้มันจะไม่ดูโรแมนติก แต่มันก็ทำให้ผม

รู้สึกดี จนไม่ทันระวังว่าตอนนี้ภายในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ผมยืนอยู่เพียงคนเดียว

      “เห้ย!” ผมอุทานอย่างตกใจเมื่อรู้สึกมีคนกำลังโอบกอดจากทางด้านหลัง แต่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นการอมยิ้มเล็กๆเมื่อ

เห็นช่อฟอร์เก็ตมีน็อตถูกยื่นมาให้ด้านหน้า

      “ชอบไหมครับ” อีกคนกระซิบถามผมเสียงแผ่วเบาข้างหู จนทำให้ผมต้องย่นคอลงเล็กน้อยด้วยความจั๊กจี้นิดๆ

      “อืม สวยดี แต่มันก็คงไม่ใช่ความคิดพี่” ผมยอมรับว่าสิ่งที่พี่ภามทำให้มันสวยงามมากจนผมหลงรัก แต่แน่นอนว่าไอเดียแบบ

นี้มันคงไม่เกิดขึ้นกับหัวหนุ่มนักธุรกิจคนนี้หรอก

      “ฮ่าๆๆ มีแฟนหรือมีนักสืบเนี่ยรู้ดีทุกอย่าง แต่เสียอย่างเดียว ยังไม่ได้รู้ลึก” พี่ภามว่า ก่อนจะงับหูผมเบาๆ ผมจึงศอกใส่อีกคน

ไม่แรงมากนัก พร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจของอีกคน มันทำให้ผมรุ้สึกทั้งเขินทั้งหงุดหงิด

      “นอกจากจะเป็นนักสืบแล้วยังดุอีกต่างหากอย่างนี้มันต้องปราบพยศซะแล้วม้างงง” เสียงของไอ้พี่ภามดูเจ้าเล่ห์ ผมจึงตวัด

สายตากลับไปมองอีกคนที่อตนนี้กำลังเอามือล้วงเข้าไปลูกไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าของผมภายในสาบเสื้อ จนทำให้ผมต้องรีบดัน

อีกคนออกมายืนตั้งหลัก

      “ไอ้หื่น ไอ้บ้า!” ผมว่า อีกฝ่ายจึงยกมือขึ้นสองข้างคล้ายยอมแพ้ ก่อนจะเอาช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อตมาจุมพิตและยื่นมาให้ผม

      “รักนะครับ” ผมจึงค่อยๆยื่นมืออกไปรับช่อดอกไม้นั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงอีกคนไปนั่งอยุ่ที่โซฟาที่ถูกนำมาประดับตกแต่งไว้

ภายในห้อง

      “ไหนบอกว่ามีงานด่วนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาได้ล่ะ” ผมถามออกไป ไม่ได้น้อยใจ แต่แค่อยากรู้เท่านั้นเอ๊ง!

      “พอดีพี่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เลยรีบมาหาคนขี้น้อยใจคนนี้ไง” พี่ภามพูด ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างผมที่โซฟา แต่ไม่ใช่แค่

นั่งลงข้างกันเฉยๆ พี่แกเล่นยึดเอาตักผมไปหนุนเป็นหมอนนอนเล่นอีกต่างหาก

      “ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมว่า แต่อีกคนยังกลับส่งยิ้มมาให้แทน ผมไม่ได้ต้องการรอยยิ้ม แต่ผมต้องการให้พี่ลุกออกจากตัก!!

      “คนเป็นแฟนกันนอนตักกันนิดๆหน่อนๆก็ได้นี่หน่าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” พี่ภามว่า ผมก็กำลังจะอ้าปากค้าน แต่กลับถูกอีก

คนพูดขัดขึ้นก่อน

      “ไอ้เราก็อุตส่าห์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อให้คนมาจัดสถานที่ ไปหาร้านดอกไม้เพื่อให้จัดช่อดอกฟอร์ตเก็ตมีน็อตมาให้ แถมยังต้อง

รีบขับรถจากที่ทำงานเพื่อตรงมาที่นี่ เหนื่อยก็เหนื่อย เมื่อยก็เมื่อย แถมยังมีคนใจร้ายไม่ยอมให้เรานอนหนุนตักอีกต่างหาก”

พี่ภามพูดขึ้นลอยๆคล้ายกำลังตัดพ้อ ซึ่งผมว่ามันกวนประสาทมากกว่าการตัดพ้อเป็นไหนๆ แต่จะทำไงได้พี่ท่านเล่นพูดมาซะ

ขนาดนี้ ผมก็ต้องจำยอมให้อีกคนหนุนนอนต่อไป ไม่เอยากเป็นคนใจร้ายเหมือนกับที่โดนว่า

      “เอาๆอยากทำอะไรก็เชิญ อยากจะนอนหนุนนักก็เชิญนอนให้สบายเลย” ผมว่า อีกคนจึงฉีกยิ้มหวานส่งมาให้

      “ยังใส่สร้อยเส้นนี้อยู่เหรอ พี่คิดว่าป๊อบจะทิ้งมันไปแล้วซะอีก” พี่ภามว่า ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับจี้ดาว ซึ่งมันเป็นสร้อยจี้ดาวที่

อีกคนซื้อให้ผมในวันเกิดเมื่อสองสามเดือนก่อน ผมจึงก้มหน้าลงไปมองพี่ภามที่ยังคงลูบจี้

      “แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำให้ป๊อบไม่ใส่มันล่ะ ก็ในเมื่อเจ้าของที่ให้สร้อยเส้นนี้กับป๊อบมาเป็นคนที่ป๊อบรักมากที่สุด”

ผมตอบอีกคนยิ้มๆ ก่อนที่ดวงตาของเราทั้งสองจะสบกัน พี่ภามจึงคลี่ยิ้มน้อยๆพร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่งมือที่จับจี้มาเป็นลูบแก้ม

ผมเบาๆ

      “พี่อยากให้ป๊อบประทับใจในเดทแรกของเรานะครับ” พี่ภามพูด

      “ถ้างั้นพี่ก็ทำสำเร็จแล้วล่ะ” ผมตอบอีกคนยิ้มๆ ก่อนที่จะปล่อยให้สายลมทำหน้าที่พัดผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่เราสองคนมี

ล่องลอยไปให้อีกคนได้รับรู้ ผมอยากจะบอกพี่ภามว่า มันไม่ใช่แค่ประทับใจ แต่ผมตกหลุมรักทุกอย่างที่พี่ภามทำให้ผมเลยล่ะ








ตอนหน้าก็จะถึงตอนจบของเรื่องนี้แล้ววววววว คิดแล้วก็อดใจหายเองไม่ได้ 5555 แต่งเองจนรู้สึกรักแล้วก็ผูกพันธ์กับตัวละครที่

แต่งและดีสก็หวังว่าคนอ่านที่อ่านเรื่องนี้คงจะคิดเหมือนกันกับดีสนะคะ เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ภามกับน้องป๊อบเขาก็ขอหวานกันเบาๆ

แบบคนที่เริ่มเดทแรกกันและหวังว่าตอนจบของเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนประทับใจนะคะ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                             ตอนที่ 20 มันคงเป็นความรัก.......... (ตอนจบ)

            ตอนนี้ผมอยู่ปีสามอีกแค่ปีเดียวผมก็จะจบออกจากรั้วมหาลัย แค่คิดก็รู้สึกใจหายที่ต้องจากพวกเพื่อนๆไป แต่มันก็คงไม่

ใจหายเท่าพวกพี่ท็อปและพี่เมฆที่ปีนี้ก็อยู่เป็นปีสุดท้ายในรั้วมหาลัยแล้ว ผมคงจะคิดถึงลูกสุนัขในปากขอพวกพี่ๆแน่เลย

      “อีกไม่ถึงปีพวกพี่ก็จบกันแล้วไม่คิดถึงพวกผมบ้างเหรอ” ไอ้มิ่งเอ่ยถามพี่ท็อปและพี่เมฆที่หันมองหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจ

ส่ายหัวเป็นคำตอบให้ไอ้มิ่ง


      “โห ไรวะ พวกพี่แม่งไม่คิดถึงน้องใจร้ายใจดำที่สุด” ไอ้มิ่งว่าอย่างงอนๆ พวกพี่ท็อปและพี่เมฆได้แต่ยิ้มขำกับคำพูดของ

ไอ้มิ่ง

        ตอนนี้ผม ไอ้ภัทร ไอ้ปิ๊ก ไอ้มิ่ง พี่ท็อป พี่เมฆก็นั่งรวมตัวกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนโต๊ะประจำของผมกับไอ้ภัทรที่เอาไว้นั่งคุยกัน

ติวหนังสือกันหรือไม่ก็ลอกงานส่งอาจารย์ก่อนเข้าเรียน

      “เอ้อ ถ้าพวกพี่จบแล้ว พวกพี่วางแผนชีวิตกันยังไงต่อไปล่ะ” ไอ้ภัทรถาม พี่เมฆเลยเป็นคนตอบก่อน

      “ก็คงไปทำงานเป็นทนายหารายได้เก็บเงินไปสักพัก พอมีเงินเป็นก้อนเมื่อไหร่ค่อยเอาไปขอไอ้ท็อปจากแม่มัน” เอ๊ะ! อะไร

นะเมื่อกี้หูผมมีปัญหาหรือไอ้พี่เมฆแม่งพูดเรื่องจริง

      “เด็ยวๆๆ เดี๋ยวนะพี่เมฆ เมื่อกี้พี่บอกว่าจะไปขอพี่ท็อปเนี่ยนะ” ผมถามอย่างสงสัยและไม่ใช่แค่ผม แต่ทั้งโต๊ะเลยต่างหาก

พี่ท็อปที่คงจะไม่ได้ยินในตอนที่พี่เมฆพูดก็หับขวับกลับไปมองไอ้คนที่จุดประกายความเผือกให้กับพวกผม พี่เมฆก็ได้แต่ยิ้มๆไม่

ได้สนใจสายตาพี่ท็อปที่มองไปยังตนเองเลยแม้แต่น้อย

      “อืม เมื่อกี้พี่พูดว่า ถ้ามีเงินเป็นก้อนก็จะเอาไปขอไอ้ท็อปน่ะ” พี่เมฆว่า ผมกับทั้งโต๊ะต่างก็หันมองหน้ากันยิ้มๆอย่างรู้งานว่า

ต้องทำอะไร

      “ไอ้เชรี่ยเมฆ มึงพูดไรของมึงเนี่ย” ตอนนี้พี่ท็อปโวยวายใส่พี่เมฆทั้งๆที่หน้าตัวเองแดงแปร๊ดเสียขนาดนั้น จนทำให้ผมอดไม่

ได้ที่จะเอาคืนเรื่องที่ไอ้พี่ท็อปมันชอบล้อเรื่องของผมกับพี่ภาม

      “แหมๆๆๆ แอบไปมีซัมติงรองกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นมีการบอกน้องนุ่งเลยน้า ซุ่มเงียบนะเนี่ย” ผมเอ่ยล้อๆ พี่ท็อปสงบศึก

จากไอ้พี่เมฆก็หันกลับมานั่งที่เดิม ก่อนจะเฉไฉไม่ตอบ ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

      “แล้วคิดไงพี่ถึงขอพี่ท็อปแต่งงานอ่ะ” ไอ้ปิ๊กถามออกไป พวกผมนี่รีบหันขวับกลับมามองที่มันกันเป็นตาเดียว แต่ตัวมันกลับ

ทำหน้าเหรอหราเหมือนคำถามมันถามว่า วันนี้ทำอะไรกิน อย่างนั้นแหละ

      “ทำไมพวกพี่ต้องมองปิ๊กแบบนั้นด้วยล่ะ ปิ๊กถามอะไรผิดเหรอ” ไอ้ปิ๊กถามหน้าซื่อ คือกูอยากจะบอกกับมึงจริงๆเลยไอ้ปิ๊กว่า

มึงไม่ได้ถามอะไรผิดหรอก แต่ผิดที่มึงไม่คิดก่อนถามไงไอ้น้องเวร!

      “ฮ่าๆๆ พี่ชอบคำถามนี้นะ มันก็มีอยู่ไม่มีกี่คำตอบหรอก แต่พี่จะเลือกมาแค่คำตอบเดียวนะ คือที่พี่แต่งงานกับไอ้ท็อปน่ะก็เอา

กับมันมาตั้งหลายครั้งละและที่สำคัญพี่หวงมันเลยไม่อยากให้มันไปยุ่งกับคนอื่น ถ้ามันมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วมันคงไม่กล้า” พี่เมฆ

ตอบเหมือนคุยเรื่องฝนฟ้าอากาศเหมือนมันเป็นเรื่องปกติทั่วไป ส่วนพวกผมก็ได้ตาอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าพี่สองคนจะเลย ณ

 จุดๆนั้นกันมาแล้ว ส่วนพี่ท็อปก็ก้มหน้างุดๆเพื่อซ่อนความอายและริ้วสีแดงๆบนใบหน้า ก่อนที่พี่เมฆจะเชยคางพี่ท็อปขึ้นมากระ

ซิบพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหู ทำให้หน้าของพี่ท็อปกลับแดงยิ่งกว่าเดิม แถมยังยกไม้ยกมือทุบพี่เมฆรัวๆอีกต่างหาก


      “พี่กูกับพี่มึงนี่ไวไฟพอๆกันเลยนะ ฮ่าๆๆ” ไอ้ภัทรหันมากระซิบที่ข้างหูผม ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะมองภาพตรง

หน้าที่มันกลายเป็นฉากพลอดรักของไอ้พี่เมฆและพี่ท็อปไปซะแล้ว

      “น่าอิจฉาเนอะ” ไอ้ปิ๊กพูดขึ้น

      “งั้นมึงก็หาแบบนี้บ้างดิ มึงจะได้ไม่ต้องอิจฉาคนอื่นเขา” ผมว่า แต่มันกลับหัวเราะเบาๆออกมา เฮ้อ! และวันนี้ก็ผ่านไปอีก

หนึ่งวันกับความรักที่ดูจะเป็นความรักที่ทำให้พวกผมเข็มขัดสั้น..............ขาดไม่ถึงไง กร๊ากกกก!!



                       

      “กลับมาแล้วเหรอครับ” ผมเห็นพี่ภามที่นั่งเล่นอยู่บนที่นอนเมื่อผมเปิดประตูเข้ามาจึงเอ่ยถามขึ้น

        ตอนนี้ผมยังคงอยู่ที่บ้านสุริยศักดิ์เหมือนเดิมและไม่ถูกคุณหญิงแม่เหน็บแนมหรือหาเรื่องมาแกล้งผมอีกแล้วเพราะตั้งแต่วัน

ที่ผมได้ช่วยเหลือท่านเอาไว้ ท่านก็ดูจะรักและเอ็นดูผมมากขึ้น ถึงแม้ท่านจะไม่ได้แสดงออกมาตรงๆก็ตามที

      “ครับ แล้วนี่ป๊อบเพิ่งกลับเหรอดึกเชียว” พี่ภามถามเพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบจะสามทุ่มแล้ว

      “พอดีวันนี้มีงานเยอะน่ะ เดี๋ยวป๊อบขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” จากนั้นผมจึงขอตัวเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด

        วันนี้ผมทั้งเหนื่อยและล้ามากกกกเพราะเนื่องจากงานของคณะเพิ่งผ่านพ้นไป พวกผมก็ต้องคอยเก็บงานให้เรียบร้อยเพราะ

เป็นคนดูแลรับผิดชอบ ถ้าขืนไม่เรียบร้อยได้โดนด่ากันเป็นแถวๆแน่

        ผมใช้เวลาไม่นานมากในการชำระล้างร่ายกายเพราะแค่โดนน้ำผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว

      “ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” ผมถามพี่ภาม ก่อนจะปีนขึ้นเตียงเพื่อไปนอนอยู่ข้างๆอีกคน พี่ภามจึงวางไอแพดที่อยู่ในมือไว้บน

หัวเตียงและรวบตัวผมเข้าไปกอด

      “พี่รอป๊อบก่อนไงครับ” พี่ภามว่า ผมจึงดันตัวลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนท่านอน โดยใช้แขนของพี่ภามหนุนนอนแทนหมอน ส่วนอีกคน

ก็นอนตะแคงข้างมาทางผม

      “’งั้นพี่ภามช่วยเล่านิทานให้ป๊อบฟังหน่อยได้ไหมครับ” ผมถามอีกคนอย่างออดอ้อน อีกฝ่ายจึงมองหน้าผมเลิกคิ้วอย่างงๆ

ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวผมน้อยๆ ผมจึงหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสนั้น มันทั้งนุ่มนวลและอบอุ่นชวนเคลิ้มเสียจริง

      “เป็นเด็กหรือยังไงถึงต้องให้มีคนเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง” ผมลืมตา ก่อนจะยู่หน้าลงน้อยๆที่โดนอีกคนมาหาว่าเป็นเด็กที่

ต้องคอยฟังผู้ใหญ่เล่านิทานให้ฟังถึงจะนอนได้

      “ไม่ใช่เด็กสักหน่อย แต่อยากฟังไม่ได้เหรอ” ผมถาม พี่ภามจึงพยักหน้ารับยิ้มๆ

      “อืมมม ได้สิ งั้นพี่จะเล่าเรื่องเจ้าชายกับพรวิเศษ” หืม? มีนิทานเรื่องนี้ด้วยเหรอ ผมก็ได้แต่สงสัย แต่ไม่อยากจะขัดอีกคนที่

กำลังจะเริ่มต้นเล่า

      “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ปราสาทใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง ยังมีเจ้าชายรูปงามผู้หนึ่งมีพระนามว่า

เจ้าชายภาม” พี่ภามหยุดเล่า ก่อนจะก้มลงมามองผมที่นอนรอฟังเรื่องราวต่อ

      “ชื่อเจ้าชายรูปงามนี่เหมือนชื่อพี่เลยเนอะ” ผมว่าเหน็บอีกคน

      “แน่นอนก็พี่เป็นเจ้าชายรูปงามไง ส่วนป๊อบก็เป็นเจ้าหญิงแสนสวย” พี่ภามว่า

      “ตลกละ แล้วนี่พี่จะเล่าต่อไหมเนี่ย ถ้าไม่เล่าจะได้นอน” ผมถาม อีกคนจึงเริ่มเล่าต่อจากเดิม

      “เจ้าชายภามหลงรักเจ้าหญิงป๊อบมาก แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาหรือฟ้าลิขิตทำให้เขาสองคนต้องมาเจอกับอุปสรรคอันใหญ่

หลวง”

      “ถ้าให้เดานะ อุปสรรคนั้นคงจะต้องเป็นแม่พี่แน่ๆ” ผมพูดขัด

      “อย่าขัดสิครับ” พี่ภามว่า ผมจึงยักไหล่ อีกคนจึงเล่าต่อ

      “เจ้าชายกับเจ้าหญิงต่างช่วยกันฝ่าฝันอุปสรรคอันใหญ่หลวงชิ้นนั้น แต่จนแล้วจนรอดทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถผ่านพ้นไปได้แล้ว

ยังความสับสนที่เริ่มก่อตัวให้กับพวกเขาทั้งคู่ต้องคิดหนัก วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี จนทั้งคู่เริ่มที่จะหมด

หวัง แต่เหมือนราวกับมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนทั้งคู่ฝ่าฝันอุปสรรคนั้นลงได้และด้วยความรักที่ทั้งคู่ช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคนั้นลง

 นางฟ้าก็ได้ปรากฎขึ้น”

      “นางฟ้าชื่นชมในความรักของคนทั้งสอง จึงประทานพรให้กับเจ้าชายหนึ่งข้อและเจ้าหญิงหนึ่งข้อ”

      “แล้วเจ้าชายขอพรว่าอะไรอ่ะ” ผมถามพี่ภามอย่างตื่นเต้น อีกคนจึงยกมือขึ้นลูบหัวผมน้อยๆและเล่าต่อว่าเจ้าชายขอพรนั้นว่า

อย่างไร

      “เจ้าชายขอพรว่า……………..” พี่ภามเว้นวรรคเอาไว้ ก่อนจะก้มลงมากระซิบบอกผมที่ข้างหู

      “เจ้าชายขอให้ตัวเขาแล้วก็เจ้าหญิงป๊อบรักกันจากนี้และตลอดไป”

      “แล้วเจ้าหญิงล่ะครับ” ผมเอ่ยถาม แต่อีกคนไม่ตอบ ผมจึงต้องหันกลับไปหา ก่อนที่ปลายจมูกของเราทั้งคู่จะมาชนกันโดย

บังเอิญ

      “นั่นสิครับ เจ้าหญิงได้พรวิเศษหนึ่งขอ เจ้าหญิงจะขอพรนั้นว่าอย่างไร” พี่ภามถามผมกลับ ผมจึงจ้องตาอีกคน ก่อนจะเป็น

ฝ่ายที่หลบสายตาก่อน

      “ไม่รู้สิ ป๊อบง่วงแล้ว เรานอนกันดีกว่าเนอะ” ผมว่า ก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้างไปอีกฝั่ง พี่ภามจึงยอมลุกไปปิดไฟที่หัวเตียง

และลงนอนข้างๆผม ก่อนที่จะรวบตัวผมเข้าไปกอด ผมจึงเอาหน้าซุกที่หน้าอกของอีกคนเหมือนที่เคยทำอยู่เป็นประจำ

      “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ เหนื่อยไหม หืม” พี่ภามถามผม พร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ผมจึงครางรับพร้อมกับถูไถหน้าไปกับอก

ของอีกคน

      “อืมมม เหนื่อยมากเลยล่ะ วันนี้ต้องอยู่ช่วยเก็บงานจนเย็นกว่าจะถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มแล้ว” ผมบ่นๆให้พี่ภามฟัง

      “งั้นก็นอนหลับซะนะครับ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น” พี่ภามบอก ก่อนจะก้มลงหอมปุยผมนุ่มของผมและเอ่ยบอกฝันดี

      “แล้วพี่ไม่อยากรู้เหรอว่าเจ้าหญิงจะขอพรข้อนั้นจากนางฟ้าว่าอะไร” ผมถามออกไป พี่ภามจึงส่งเสียงในลำคออย่างสงสัย

      “แล้วเจ้าหญิงจะยอมบอกพี่เหรอครับ” พี่ภามถาม

      “อืมมมม แล้วเจ้าชายอยากฟังไหมล่ะครับ” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับ

      “อยากสิครับ เจ้าชายอยากฟังคำขอนั้นของเจ้าหญิงที่สุดเลย” พี่ภามพยักหน้าตอบ

        ตอนนี้เหมือนผมจะรู้สึกว่าเราทั้งคู่กำลังกลับไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง คงอาจจะเป็นเพราะคำแทนตัวที่เด็กๆชอบเล่นอย่างเจ้าชาย

 เจ้าหญิง อย่างนี้เป็นต้น ผมว่ามันดูอบอุ่นแล้วก็น่ารักดีไปอีกแบบนะ

      “งั้นเจ้าชายหลับตาก่อนสิเดี๋ยวเจ้าหญิงจะบอกให้ฟัง” ผมบอกให้พี่ภามหลับตาลง ซึ่งอีกคนก็ยอมทำตามที่ผมบอกอย่างว่า

ง่าย

        ผมจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น ก่อนจะประทับจุมพิตที่ข้างแก้มและไล้มาสัมผัสที่ริมฝีปากของอีกคนอย่างบางเบา ก่อนจะกระซิบ

บอกอีกคนที่ลืมตาตื่นขึ้นมามอง

      “เจ้าหญิงอยากจะขอให้ ทุกๆวันเป็นวันของเราเป็นวันที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม ขอให้เราได้อยู่ข้างๆ

กันแบบนี้ก็พอ” ผมตอบ ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงรัดจากอ้อมกอดของพี่ภามที่มันกระชับมากยิ่งขึ้น ก่อนที่พี่ภามจะก้มหน้าลงมาประทับ

จูบที่หน้าผากกลมมนของผม

      “พี่รักป๊อบนะครับ”

      “ป๊อบก็รักพี่เหมือนกันนะครับ”

        จากนั้นเราทั้งคู่ได้จมดิ่งเข้าสู่ห้วงความฝันในยามราตรีของอ้อมกอดอันอบอุ่นของกันและกัน มันเป็นคืนที่ผมมีความสุขมาก

ที่สุดเลยทีเดียว

        ไม่ว่าความรักของผมกับพี่ภามจะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากเพียงใด ผมก็พร้อมที่จะฝ่าฟันไปพร้อมกันกับพี่ภาม ต่อให้ต้อง

แลกด้วยชีวิตของผมผมก็ยอม ขอแค่ให้เราสองคนได้รักกันแบบนี้ตลอดไปก็เพียงพอแล้ว......

      เฮ้อ! จะว่าไปข้างบนมันก็ดูน้ำเน่าเนอะ งั้นผมขอสรุปตามแบบฉบับยอดชายนายป๊อบเลยก็แล้วกันนะ เอาเป็นว่า ไอ้ที่พูดมา

ทั้งหมดคือผมรักผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อไอ้พี่หื่นภาม รักมาก รักสุดหัวใจ ทำไงได้ในเมื่อผมดันหลงรักผู้ชายคนนี้เข้าแล้วเต็มๆ!

 อย่างนี้มันคงเรียกว่าความรักแล้วล่ะ!


                                                                             - THE END -








จบแล้วคร่าาา อันนี้จบจริงแล้วจร้าาา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ใครอ่านตอนนี้แล้วน้ำตาปริ่มๆตรงขอบตาเหมือนดีสตอนที่แต่งตอนนี้

บ้างงงงง อ่านแล้วเหมือนทำให้เราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของจินตนาการในวัยเด็ก ที่เรามักจะเชื่อว่าถ้าเราทำอะไรก็ตามแล้วสำเร็จ

นางฟ้าก็จะให้เราขอพรได้หนึ่งข้อ ดีสหวังว่าตอนจบของเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนประทับใจและมีรอยยิ้มทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้และ

ดีสอยากจะทำให้ทุกคนสนุกและมีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้นะคะ จบแบบนี้สิเขาถึงเรื่องว่าจบตามแบบฉบับยอดชายนายป๊อบ ยัง

ไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดจนจบเรื่อง สุดท้ายก็ขอฝากนิยายเรื่อง "เพชรน้ำหนึ่ง" เป็นเรื่องต่อไปที่คาดว่าน่าจะลงในเว็บ

เดือนหน้านะคะ  :กอด1: :กอด1: :bye2:

                                                                รักคนอ่านทุกคนนะคะ
       
                                                                        HADES

ปล.ติดตามกันได้ทางแฟนเพจเฟซบุ๊คของดีสหรือทวิตเตอร์ @HadesBL นะคะ ไว้พบกันใหม่ในเรื่องหน้านะครัช!!

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เย้ๆๆๆ. จบแว้ววว แฮปปี้ๆๆๆ

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
จบไวจังง่าา แต่ก็ขอบคุณนะคับ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 o13 ขอบคุณจ้า
แต่อยากให้ปิ๊กได้เจอคู่บ้างง่ะ   :impress2:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด