สุดขั้ว 7ผมพยายามไม่มองไปที่ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่ามันเป็นที่ตั้งของภูเขาน้ำแข็งหรือยังไงถึงได้เย็นยะเยือกแบบนี้! พี่ยูอยู่ในสถานะเดียวกันกับผมหันมองคนนู้นทีคนนี้ที สุดท้ายแล้วพี่แกก็หัวเราะร่าพยักหน้าเหมือนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เข้าใจแล้วใช่ไหมครับพี่ยู? เพราะฉะนั้นพี่อย่าเข้าไปเกาะแกะพี่ดาวอีกเป็นอันขาด!
“มิน่า~ ที่มันไปเล่นบ้านกูบ่อยๆ นี่เป้าหมายมันอยู่ข้างรั้วนี่เอ๊ง!”
พลั่ก!
บาทาของท่านพี่ไปเร็วยิ่งกว่ามือ ถีบพี่ยูกระเด็นหวือข้ามโต๊ะแน่ะ
“โอ๊ย ห่า! เล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน! ไอ้เวรเฮดีสเตะมาได้นะมึง!” พี่ยูบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนจะหุบปากสนิทเมื่อเห็นพี่เฮดีสหรี่ตาลงทำหน้าเอาจริง พี่ยูผู้เอาตัวรอดเป็นยอดดีก็เปลี่ยนท่าทีทันใด
“เฮ้ย ใจเย็นสิว่ะ” พี่ยูลุกขึ้นมาตบไหล่พี่เฮดีสเบาๆ อย่างปลอบประโลม
กรุณาปลอบเขาให้เร็วๆ ด้วยครับ เพราะตอนนี้ผมจะกลายเป็นตุ๊กตาหิมะอยู่แล้ว พี่ดาวมองพี่ยูอย่างไม่เข้าใจแล้วหันไปมองพี่เฮดีสเล็กน้อย ก่อนจะหันมาชวนผมคุยเล่นเป็นปกติ นี่พี่ดาวไม่รับรู้อุณหภูมิติดลบบ้างหรือไงครับ? พี่ยูโบกมือเรียกเด็กๆ ในร้านยกเก้าอี้มาเพิ่มทำให้กลุ่มขยายใหญ่ขึ้น
“มีการบ้านไหมวะ?”
พี่เฮดีสส่ายหน้าให้คำตอบ
“เออ ดีแล้ว ขี้เกียจฉิบหาย เรียนไปก็ไม่เห็นจะสนุกตรงไหน น่าเบื่อ” พี่ยูเริ่มเปิดบทสนทนาเป็นคนแรก
ตามสเต็ปของพี่ยูล่ะ ขี้เกียจตัวเป็นขน อาทิตย์หนึ่งแกไปเรียนกี่ครั้งนับนิ้วยังมีมากเกินพอเลย อินดี้มากไปจะกลายเป็นแบบพี่ยูได้ ชาวบ้านชาวช่องไม่เป็นแบบพี่แกหรือไม่เข้าใจพี่แกนักหรอก จะว่าไปแล้วเพราะนิสัยแบบนี้หรือเปล่าถึงได้คบกับพี่เฮดีสได้?
“แล้วรัญเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ไม่เห็นตามยูมาเที่ยวตลาดเลย”
“อ้อ ช่วงนี้กิจกรรมที่คณะเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาได้มาน่ะครับ”
“ปีหนึ่งนี่นะ กิจกรรมก็เยอะอยู่แล้ว สู้ๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
ตลอดการสนทนาของผมกับพี่ดาวนั้นมีสายตาจ้องมองมาเสียเขม็ง ผมไม่รู้จะทำยังไงดีเลยเลี่ยงด้วยการยกน้ำส้มมาจิบมันซะเลย พี่ยูหัวเราะออกมาเพื่อแก้สถานการณ์ แต่รู้สึกว่ามันจะทำให้บรรยากาศย่ำแย่ไปมากกว่าเดิมซะอีก
โธ่ ดนตรีก็สนุกสนานคึกคัก แต่ทำไมโต๊ะนี้มันมีบรรยากาศเหมือนญาติตายแบบนี้กัน!? ผมพยายามไม่เหลียวไปมองเครื่องผลิตหิมะ เพียรส่งซิกไปให้พี่ยูที่ยังรักษาใบหน้ายิ้มไว้ได้อยู่ ไม่นานพี่ยูก็เหมือนจะรับรู้ซิกแนลจากผมได้ พี่ยูถอนหายใจหันไปชักชวนพี่เฮดีสคุย
“อื้อ~ พรุ่งนี้มึงว่างหรือเปล่าวะ?”
พี่เฮดีสเงียบไร้ปฏิกิริยาตอบสนองทำเหมือนเสียงของพี่ยูเป็นเพียงสายลมพัดผ่านไปวูบหนึ่งเท่านั้น พี่ยูยิ้มค้างอยู่บนใบหน้าแต่คิ้วกลับขมวดหน่อยๆ ก่อนจะทำหน้าหน้าครุ่นคิดบางอย่างจริงจัง ไม่นานพี่เขาก็ยกมือตีไหล่พี่เฮดีสแล้วโวยเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรม
“ห่า มึงงอนอะไรกูวะ? กูยังไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลยน่ะโว้ย”
พี่เฮดีสก็ยังมีท่าทีเฉยชา ไม่สนใจเหมือนเดิม
“เวร ไอ้คุณเพื่อน มึงจะงอนกูก็บอกเหตุผลหน่อยเถอะว่ะ กูจะได้ง้อมึงถูก!”
ขอโทษนะครับพี่ยู ขอเวลาแป๊บหนึ่ง ผมอดไม่ไหวจึงต้องหันไปลอบสังเกตสีหน้าพี่เฮดีสแต่หน้าเขาก็นิ่งเหมือนปกติ เอ่อ...พี่ยูครับ นี่คืออาการของ ‘คนงอน’ งั้นเหรอครับ!? ผมเอาคำว่า ‘งอน’ นั้นมาเชื่อมโยงสัมพันธ์กับพี่เฮดีสตอนนี้ไม่ได้เลย! พระเจ้า พี่ยูสมแล้วที่เป็นเพื่อนของพี่เฮดีสสามารถรับรู้อารมณ์จากใบหน้านิ่งนั้นได้
ผมพยายามจ้องเพื่อหาจุดสังเกตแต่ก็หาไม่เจอ ผมคงจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ เพราะสกิลสังเกตของผมมันไม่เทพแบบพี่ยู ดูยังไงก็ไม่เห็นคำว่างอนบนใบหน้าของเขาเลยสักนิด!
“มองอะไรของมึง?” พี่เฮดีสเหลือบตามาเห็นอาการจดๆ จ้องๆ ของผมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ผมกะพริบตา ทำหน้าเอ๋อๆ ก่อนจะตอบออกไปแบบไม่คิด
“อ๋อ หาคำว่า ‘งอน’ บนหน้าพี่น่ะครับ”
พอผมตอบออกไปแบบนั้นพี่ยูก็ระเบิดหัวเราะอย่างไม่เกรงใจชาวบ้าน ขนาดพี่ดาวยังหลุดหัวเราะออกมาแน่ะ และที่สำคัญผมแอบเห็นหางตาของพี่เฮดีสกระตุกเล็กน้อย
อ๊ะ ผมตอบกวนไปงั้นเหรอ?
ตาอันคมกริบทิ่มแทงมาที่ผมทันที ง่า ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมพยายามขอโทษขอโพยทางสีหน้าและแววตาอย่างสุดความสามารถที่จะทำได้ พี่เฮดีสสะบัดหน้าไปทางอื่นโดยที่ยังไม่ได้ต่อว่าผมแม้แต่คำเดียว
เฮอ รอดไปว่ะ
พี่ยูหยุดหัวเราะอย่างยากลำบาก พยายามหยุดแกล้งทำเป็นไอแค่กๆ พอพี่เฮดีสเริ่มเล็งเป้าไปหา พี่ยูฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเรียกผมด้วยท่าทีทะเล้นหน่อยๆ
“รัญญญ~ รัญๆ!”
เมื่อผมหันไปสนใจพี่ยูก็ยกนิ้วส่ายไปมาอย่างวางมาด
“จุ๊ๆ พี่จะบอกอะไรให้นะเด็กน้อย ไอ้เฮดีสน่ะจะสังเกตหน้ามันอย่างเดียวไม่ได้ เพราะไอ้หมอนี่น่ะมันเป็นโรคกล้ามเนื้อบนใบหน้าตายตั้งแต่เกิด น่าสงสารปะล่ะ?” พี่ยูอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง ผมกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ
พี่เฮดีสเป็นโรคกล้ามเนื้อบนใบหน้าตายจริงๆ งั้นเหรอ!? ไม่น่าเชื่อเลย! แต่มิน่าล่ะถึงทำหน้าแบบนั้นตลอดเวลา ที่แท้ก็เป็นโรคติดตัวมาตั้งแต่เกิดนี่เอง โถ ไม่น่าเลย ผมหันไปส่งสายตาเห็นอกเห็นใจพี่เฮดีสที่ก้มหน้าลง พี่เฮดีสก็คงจะเสียใจเหมือนกันสินะ โถ!
“พี่จะสอนให้นะรัญ เรื่องความรู้สึกน่ะเราต้องใช้ตรงนี้สัมผัสไงล่ะ!” พี่ยูทำหน้าจริงจังแล้วเอามือทุบอกซ้ายเบาๆ แต่หนักแน่น
“ให้ใช้หัวใจงั้นเหรอครับ?”
“ถูกต้อง! โดยเฉพาะเจ้าหมอนี่ เราจะต้องทำความเข้าใจทำความคุ้นเคยสนิทสนมแนบชิดแบบเนื้อแนบเนื้อเลยนะ แกเข้าใจไหมรัญ?” พี่ยูฉีกยิ้มก่อนจะโผเข้าไปซุกอกของพี่เฮดีสแล้วถูหน้าไปมาสองสามที รีบดีดตัวขึ้นมานั่งพร้อมกับยกนิ้วให้กับผม ผมยิ้มรับตามไปนิดหน่อย
หือ ต้องแนบชิดแบบเนื้อแนบเนื้องั้นเหรอ? ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะแต่ก็เอาเถอะ ผมพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจ
“ดี! งั้นลองทำเลย” พี่ยูยิ้มรับแบบหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะเผยมือไปทางสิ่งมีชีวิตที่จะต้องเข้าไปทำความคุ้นเคยสนิทสนมแนบชิด ผมยิ้มค้างไปอึดใจหนึ่ง
“...เห? ไม่ดีมั้งครับ”
โบกมือปฏิเสธเกรงอกเกรงใจแบบไม่ลังเลสักนิด
“จะไม่ดีได้ยังไง! นี่มันคือการทำความเข้าใจในขั้นแรกเลยนะ ใช่ไหมวะเฮดีส?” พี่ยูหันไปถามพี่เฮดีสที่ยังก้มหน้าท่าเดิมจากเมื่อกี้ ไม่ขยับตัวหรือทำท่าทางใดๆ ตอบรับ พี่ยูยิ้มกว้างหันมาโชว์ฟันขาว
“พุ่งมาเลยรัญเอ๊ย ไอ้เฮดีสมันไฟเขียวแล้ว พุ่งเข้ามาถูไถแนบชิดได้ตามสบายเลย!”
“ยู นายทำบ้าอะไรน่ะ? อย่าแกล้งรัญให้มากนักสิ” พี่ดาวถลึงตาใส่พี่ยูที่พยายามส่งเสริมให้ผมทำความรู้จักกับพี่เฮดีสแบบแนบชิด พี่ยูส่ายหน้าดิกๆ
“ไม่ได้แกล้งนะ! กำลังแนะนำน้องด้วยความรักต่างหาก เอาล่ะไอ้น้องรัก”
พี่ยูลุกขึ้นจากเก้าอี้พรวดแล้วเดินอ้อมมาหาผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผสมเสียงหัวเราะคึๆ แบบยียวนกวนประสาทพยายามจะผลักผมไปทางพี่เฮดีส แง้! อย่าแกล้งผมได้ไหมพี่ยู!!? ผมพยายามขัดขืนเจ้าพี่บ้านี่สุดแรงเกิด แต่ก็เพราะถึกน้อยกว่าหรือยังไงถึงโดนกระชากเหวี่ยงอย่างกับตุ๊กตา
“เอ้า! โผเข้าสู่อ้อมกอดพี่เฮดีสเลย!”
แว้กกกกกกก!!!
ผัวะ!
แม่งงงง! จมูกกู!
เจ็บอะ ชนเข้ากับอะไรก็ไม่รู้ แข็งโป๊กเลย ผมพยายามลูบๆ คลำๆ สิ่งที่ตัวเองชน คงจะไม่ได้ไปชนเสาใช่ไหม? ลูบๆ ไปแล้วรู้สึกว่าเสามันคล้ายๆ จะเป็นคน? ผมลืมตาขึ้นมามองเห็นเจ้าสิ่งที่ผมไปชนเต็มๆ ตา
เอ่อ... คุณพี่เฮดีสนั่นเองครับ
“ขะ...ขอโทษครับ!” ผมรีบแงะตัวออกมาจากอกกว้างๆ ล่ำๆ น่าซบ เอ๊ย ไม่ใช่ละ นี่มันเวลาเล่นมุกหรือไงวะ!? จริงจังกว่านี้หน่อยเซ่ไอ้เนรัญ! แต่มันก็แกะตัวเองออกมาได้ไม่เท่าไรหรอกครับ เพราะโดนอีกฝ่ายรัดแน่นเสียจนผมหายใจไม่ออก
“แค่กๆ”
พี่ครับ! ผมจะตายแล้วววววว!
ผมพยายามกระตุกกระติกตัวเพื่อประท้วง พี่เฮดีสคลายแรงออกเล็กน้อยผมถึงขยับตัวได้ ไม่ทันจะได้พูดอะไร พี่ยูก็กระโดดเข้ามาตัดบท
“บราโว่~! รับได้สวยเฮดีสเพื่อนรัก....!!!?”
โครม!!!
กรี๊ดดดด!!!
เสียงกรี๊ดตามมาติดๆ กับเสียงโครม พี่ยูเต้นแทงโก้หมุนติ้วเข้ามาใกล้พวกเรา พี่เฮดีสก็ไม่รอช้ายกเท้าถีบพี่ยูกระเด็นไปชนโต๊ะของแขกล้มระเนระนาด เวรของกรรม! ผมหลับตาปี๋เพราะรู้สึกเจ็บแทนพี่ยู ไม่ใช่แค่บาดเจ็บเฉยๆ แล้วแบบนี้ ผมว่าต้องได้เข้าโรงพยาบาลแหงๆ อีกอย่างแขกโต๊ะนั้นดูไม่ธรรมดาซะด้วย
ซวยแล้วครับพี่น้องงง!!!
“เฮ้ย! ไอ้น้อง! มึงหาเรื่องเหรอวะ!!?”
ตามคาดครับ แขกโต๊ะนั้นหันมามองพี่เฮดีสอย่างอารมณ์เสีย มองตาขวางเลย แต่ละคนนี่ผมเห็นแค่ลายสักก็ขาสั่นแล้ว แง้! แล้วอีกอย่างน่ะ ทำไมพี่เฮดีสถึงได้จงใจถีบพี่ยูใส่โต๊ะแขกกลุ่มนี้กัน ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้อยู่ใกล้เลย
นี่มันจงใจชัดๆ!
พี่เฮดีสยังเงียบ ไม่ยอมเอ่ยปากกับคนแปลกหน้า
“โอ๊ย...ใจเย็นครับพี่!” พี่ยูลุกขึ้นมาจากซากโต๊ะพังๆ เข้ามาแทรกระหว่างพี่เฮดีสและแก๊งแขกผู้ไม่ธรรมดา
ผมรู้สึกเบาใจเล็กน้อยที่เห็นพี่ยูไม่เป็นอะไรมาก พี่ยูไกล่เกลี่ยให้เร็วเลยครับ เดี๋ยวแขกก็หนีกลับกันไปหมดหรอก! พี่ยูถอนหายใจเบาๆ แล้วหันมามองพี่เฮดีส
“เอาไงวะ?” พี่ยูหันมาถามเพื่อน พี่เฮดีสไม่ตอบเหมือนเดิม แต่พี่ยูนี่พยักหน้าหงึกหงักๆ
“จ่ายสองเท่านะโว้ย โทษฐานมึงทำให้กูบาดเจ็บ!”
“ให้สาม” พี่เฮดีสเอ่ยเบาๆ ตอบกลับทำเอาพี่ยูสะบัดหน้ากันมามองขวับอย่างแปลกใจสุดๆ แล้วพี่ยูก็พยักหน้ารับหัวเราะแหะๆ ทำตัวเหมือนพวกเสี่ยวเอ้อประจบลูกค้า พี่ยูรีบเดินหลบออกไปอย่างรวดเร็ว แถมยังตะโกนไล่ลูกค้าอีกแน่ะ
อะไรของพี่วะ!?
“ทุกๆ ท่านครับ! จะมีการตีกันแล้วนะครับ รีบๆ ออกจากร้านอย่างว่องเลยครับ!”
ไม่นานลูกค้าก็ออกไปหมดร้าน แม้แต่พี่ดาวก็ยังโดนไล่ไปเหลือแต่พวกเราและแขกโต๊ะเจ้าปัญหา ผมก็อยากไปกับพี่ดาวนะแต่ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะผมถูกกอดไว้แน่นเลยน่ะสิ ปล่อยผมไปหาที่ปลอดภัยเถอะครับบบ!
พี่ยูเคลียร์พื้นที่เสร็จก็จรลีมายืนประจบอยู่ข้างๆ กลุ่มแขกเจ้าปัญหาแต่ละคนนี่กัดฟันกรอดๆ ทำหน้าทะมึนเคียดแค้นเหมือนโดนหยามศักดิ์ศรีและเกียรติยศอย่างมหาศาล
“กวนตีน!”
พี่เฮดีสเงียบจ้องพวกนั้นไม่ยอมพูดเหมือนเดิม
“ซับไตเติ้ล~ มันพูดว่า ‘แล้วไงวะไอ้เหี้ย?’ น่ะครับ” พี่ยูรีบแทรกมาอธิบายทันที
พี่ยูครับพูดจากใจเลยนะครับพี่ พี่น่ะไสหัวไปไกลๆ ซะเถอะ! ไปพูดแบบนี้ยิ่งจะทำให้เรื่องลุกลามกันไปใหญ่
“มึงอยากตายขนาดนั้น พวกกูก็จะจัดให้!”
“ไอ้พวกเด็กเวรเอ๊ย!”
พวกเขาสบถกันหยาบคายยิ่ง ผมนี่เม้มปากแน่นยิ่งพวกนั้นเดินใกล้เข้ามายิ่งขยับตัวกอดพี่เฮดีสไว้แน่น ไม่นะครับพี่! ห้ามมีเรื่องนะครับ พี่ยังบาดเจ็บอยู่นะ! พี่เฮดีสขยับตัวจะเดินไปข้างหน้า แต่โดนผมเกาะติดทำให้ลำบากในการเคลื่อนไหว เขาพยายามจะแกะผมออกแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะผมเกาะแน่นหนึบ ผมเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามขอร้องพี่เฮดีส
“พี่ครับ อย่ามีเรื่องกันเลยนะ พูดกันดีๆ ก็ได้นะครับ นะครับพี่”
“.....”
“ซับไตเติ้ล~ ‘ไม่เป็นไรหรอกครับที่รัก พี่น่ะทั้งแข็งทั้งแกร่ง’ ฮิๆ”
โครม!!!
และแล้วผู้ทำซับไตเติ้ลก็กลายเป็นศพแรกของงานนี้!!!
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”
พี่ดีดกีต้าร์คนนั้น อืม... ชื่อพอลหรือเปล่านะ พี่ยูเรียกว่าอย่างนั้นนี่น่า พี่พอลคนนั้นวิ่งขึ้นมาบนชั้นสองด้วยใบหน้าตื่นสุดขีด พอเห็นพี่ยูที่นอนแผ่ท่ามกลางซากโต๊ะยิ่งตกใจมากกว่าเดิม แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เหตุการณ์มันเกิดอย่างรวดเร็วมากครับ
ผมโดนสลัดออก พี่เฮดีสจับเก้าอี้เหวี่ยงหวือไปหาคนพวกนั้นที่กำลังเผลอมองพี่พอลกันอยู่ เสียงโครมอย่างดังผมหลับตาปี๋รู้สึกเจ็บแทน เก้าอี้ปลิวว่อนอย่างกับฉากหนังบู๊ พี่พอลร้องเสียงหลงเพราะเก้าอี้พวกนั้นถูกเหวี่ยงไปทางเขาด้วย ขนาดวิ่งหลบแล้วแต่ดูเหมือนคนโยนจงใจ เพราะแต่ละครั้งเกือบโดนพี่พอลเป็นส่วนใหญ่
“แก้แค้นส่วนตัวชัดๆ เลยว่ะ นี่มันเป็นเทพแห่งความอาฆาตแค้น ไม่ใช่เทพแห่งความตายหรอก!” พี่ยูที่รอดชีวิตมาอย่างมหัศจรรย์บ่นงึมงำอยู่ข้างๆ ผม
ผมนี่หันไปมองพี่ยูแล้วต้องตกใจ แม่งงงง! เลือดอาบหน้าแล้วยังจะชิลได้อีก! พี่ครับ ขอร้องล่ะ เจ็บปวดกับเขาบ้างสิ แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!!! พี่ยูหันมามองผมด้วยดวงตาปรือๆ เหมือนจะหลับ
“รัญ ฝากดูไอ้เฮดีสด้วยนะ ส่วนพี่... ขอตัวเข้าเฝ้าพระศิวะที่เขาไกรลาสก่อนล่ะ แอ๊ก!”
เดี๋ยวสิครับพี่!!!
พูดจบแล้วก็หลับเป็นตายเลยครับ
โธ่! พี่ยู ทำไมมาทิ้งปัญหาให้ผมแบบนี้กันล่ะ!? แล้วจะให้ผมดูยังไงเล่า ผมหันไปมองนรกที่เปิดฉากกันดุเดือดแล้วอยากจะร้องไห้สลบไปแบบพี่ยูให้มันรู้แล้วรู้รอด ฮือๆ ทำไมช่วงนี้ผมถึงต้องมาเจอะเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่บ่อยๆ ด้วยนะ
สภาพร้านที่สวยหรูกลายเป็นซากอะไรสักอย่างที่พังยับไปทั้งร้าน เสียงขวดเสียงแก้วดังเพล้งทำเอาผมปวดร้าวไปทั้งใจ เสียงผัวะเสียงพลั่กไม่ใช่เอฟเฟ็กท์ที่อยู่แต่ในหนัง แต่ตอนนี้ผมได้ยินมันชัดเจนก้องอยู่ในหู
ฮือออ... นั่นมันปีศาจชัดๆ!
ขนาดโดนผู้ชายตัวบิ๊กเบิ้มสี่ห้าคนรุมก็ยังไม่เป็นอะไรสักนิด แถมยังเล่นไล่กระทืบทีละตัว เสียงร้องโอดครวญทำเอาผมประสาทหลอนรับไม่ได้อย่างแรงกับภาพที่ได้เห็น
นี่มัน... กำลังสนุกอยู่ชัดๆ! หน้านิ่งแต่แววตาเปลี่ยนไป มันดูบ้าคลั่ง เพราะอย่างนี้แหละผมถึง... บอกว่าตอนนี้พี่เฮดีสดูน่ากลัวมาก น่ากลัวจริงๆ! ผิดกับตอนปกติลิบลับ แม้ปกติจะดูนิ่งเหมือนกันแต่มันไม่ใช่แบบนี้!
“รัญ! เป็นอะไรหรือเปล่า!?” พี่พอลหลบมาได้อย่างปลอดภัย เพราะตอนนี้ซาตานตนนั้นกำลังเล่นสนุกอยู่อีกฝั่ง เขาใช้จังหวะนี้รี่เข้ามาหาผมพร้อมกับจับมือสำรวจร่างกายวุ่นวาย
“ผมไม่เป็นอะไรแต่พี่ยูน่ะสิ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ดึงมือของตัวเองกลับมา หันเหความสนใจของพี่พอลไปหาพี่ยูที่นอนสลบอยู่ข้างๆ พี่พอลเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
“ไอ้ยู! พี่ว่ารีบพาไอ้ยูไปรักษาก่อนเถอะรัญ ไป!” พี่พอลขยับไปพยุงพี่ยูขึ้นแล้วเอื้อมมือจับแขนผมดึงลุกขึ้นตามไปด้วย เอ๊ะ แต่ว่าผมต้อง... ผมยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไรก็เกือบหงายหลังเพราะแรงดึงจากแขนอีกข้าง
“มึง... เป็นแขนของกู คิดจะไปไหน?”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่สามารถหลอกหลอนประสาทดังขึ้นจากด้านหลัง หัวใจของผมมันเต้นตูมตามกระหน่ำอยู่ในอก ผมหันกลับไปมองด้วยตัวที่สั่นระริก แวบหนึ่งนั้นเหมือนเห็นพี่เฮดีสยิ้มแสยะสยดสยองยิ่งกว่าฉากหนังผีที่น่ากลัวที่สุด มือหนึ่งกำแขนผม อีกข้างนั้นลากกระสอบทรายมีชีวิตติดมือมาด้วย ผมเห็นแล้วอยากจะเป็นลม พยายามบิดแขนตัวเองออกจากมือของพี่พอลแล้วเดินมาหาบุคคลอันตรายที่สุดในที่นี้
“พอเถอะครับ ผม...”
จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าแข้งขามันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากะทันหัน ผมเกือบจะล้มคะมำลงไปกองกับพื้น โชคดีที่พี่เฮดีสทิ้งซากศพในมือแล้วฉวยเอาร่างอ่อนปวกเปียกของผมได้ทันการณ์ ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยๆ แล้วพึมพำเบาๆ
“ผมเหนื่อย ง่วงนอนแล้ว”
พี่เฮดีสไม่พูดอะไร ใช้แขนข้างเดียวเกี่ยวตัวผมขึ้นอุ้มอย่างง่ายดายแล้วเดินผ่านหน้าพี่พอลและพี่ยูไปเงียบๆ