[จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)  (อ่าน 69601 ครั้ง)

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
โอ้โห สมิธ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมาก นึกว่าจะรักษาตัวให้พี่ลุคคนเดียวซะอีก 555++

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ชีวิตวัยรุ่น~

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
เอาคืนอิลุคให้เต็มที่ไปเลย........

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่ลุคขาดใจตายยัง

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 17.2

ผมกับไอ้ดีตามมาเผือกถึงคอนโดฯไอ้ทศ โดยเอาซากไอ้เซนท์ไปเก็บไว้ที่ห้องผมก่อน เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการก่อกวนผมก็รีบตรงดิ่งไปห้องไอ้ทศที่ชั้น40ทันที(ผมอยู่ชั้น38คอนโดฯเดียวกัน)

จริงอยู่ที่มันยอมให้ผมเข้าห้อง แต่ผมก็จับพิรุธอะไรมันไม่ได้เลยสักอย่าง ไอ้ทศบอกว่าไอ้น้องรันต์เป็นคนที่พ่อมันส่งมาดูแลมัน ผมสะดุดใจก็ตรงนี้ พ่อมันเนี่ยนะ!

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่วะ

แล้วที่สำคัญทำไมมันถึงยอมง่ายๆ ผมรู้สึกได้ว่าไอ้น้องรันต์ต้องพิเศษไม่เหมือนคนอื่น

ผมยอมล่าถอย และเฝ้าสังเกตพฤติกรรมไอ้ทศเรื่อยๆ จนวันหนึ่งพวกผมก็ยกก๊วนจะไปดื่มและดูบอลที่ห้องไอ้ทศตามปกติ พอไปถึงก็กำลังจะสวนทางกับไอ้น้องรันต์ที่กำลังจะกลับพอดี

ผมพยายามรั้งมันไว้ทุกวิธีทางเพื่อที่จะล้วงความลับจากมันให้ได้ บอกตรงว่าผมไม่ไว้ใจมันเท่าไหร่ อยู่ๆก็โผล่มาแบบงงๆไร้ที่มาที่ไป ไอ้เหี้ยทศยิ่งไม่ยอมบอกอะไรผมเลย

สุดท้ายผมก็รั้งมันไว้สำเร็จ(โดยการเอากระเป๋ามันไปซ่อน)ผมกะจะมอมเหล้ามันให้เผยไต๋ หน้าอ่อนๆอย่างไอ้รันต์ไม่เกินสองช็อตก็จอด ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ

ไอ้รันต์เมาแล้วขี้อ้อน จิตใต้สำนึกมันเป็นเด็กน่ารักไม่มีพิษมีภัย ผมสัมผัสได้ว่ามันเป็นคนดี จึงวางใจกับว่าที่เมียเพื่อน(?)

แต่ระหว่างเล่นเกมส์หมุนขวด(ถ้าปากปวดชี้ไปที่ใครจะต้องตอบความจริง หรือ ยอมดื่ม) ปากขวดชี้มาทางผมพอดี และไอ้เหี้ยเซนท์เป็นคนถาม

“หึๆ บอกกูมามึงเสียครั้งแรกให้ใครไอ้สมิธ”คำถามของมันทำให้ผมสะอึกจนพูดไม่ออก รอยยิ้มบนใบหน้าผมเจื่อนลงทันที ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแทน ทั้งๆที่เหล้าดีกรีแรงมากแต่ลิ้นผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาติใดๆเลยทั้งสิ้น

ไอ้เซนท์โวยวายนิดหน่อยคิดว่าผมโกรธมัน แต่ผมก็แกล้งแกล้งยิ้มกลบความรู้สึกบางอย่างแล้วสนุกกับเพื่อนๆต่อ เมื่อดูบอลจบตอนตีสอง พวกเราก็แยกย้าย

อย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบนอนคนเดียว การที่จะโทรตามบรรดากิ๊กทั้งหลายของผมมานอนด้วยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ผมรู้สึกอยากเมาต่อไม่ได้อยากจะซั่มกับใคร

อยากให้หัวที่มันหนักๆอยู่นี้โล่งขึ้นบ้าง ผมไปเที่ยวผับต่อโดยไม่ได้ชวนเพื่อนคนไหน นั่งดื่มคนเดียวเงียบๆจนใกล้ถึงขีดจำกัด อยู่ๆก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในคืนนี้หรอกนะครับ

“สวัสดีค่ะ มาคนเดียวเหรอคะ?”เธอถามยิ้มๆ

“อ่า ใช่ครับ”ผมยิ้มคืน นัยน์ตามองกันอย่างสื่อความหมาย

“คืนนี้ไปไหนต่อหรือเปล่าครับ?”ผมเอ่ยสานต่อ เพื่อไม่ให้ดูหน้าเกลียดเกินไปนัก

“ก็แล้วแต่ว่า คนชวนจะชวนไปไหน”เธอไล้เล็บแหลมที่เพ้นท์อย่างสวยงามไปตามกรอบหน้าผม

“มีแฟนรึยัง?”ผมถามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง

“ไม่มีค่ะ”

โอเค! คืนนี้ผมดีลคนนี้แหละ!

ไม่นานผมก็เรียกเช็คบิล และพาเธอเดินออกจากผับไปที่ลานจอดรถเพื่อที่เราจะได้ไปกันต่อ

“เก๋!!!มึงจะไปไหน!”เสียงเรียกเข้มๆดังขึ้นที่ด้านหลังเรา ผู้หญิงที่ยืนกอดแขนผมอยู่สะดุ้งสุดตัว พวกเราหันไปมองตามต้นเสียง พบชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ยืนอยู่ด้านเรา

“พี่ชาติ!”หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆผมร้องขึ้นอย่างตกใจ เธอรีบปล่อยมือจากแขนผมทันที

กูว่ากูได้กลิ่นความซวยทะแม่งๆ

“ไหนมึงบอกจะกลับไปนอนบ้านแม่ กูเผลอแปบเดียวมึงแอบมาเที่ยวแล้วยังระริกระรี้จะไปกับคนอื่น!”คนที่ท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่ม และน่าจะเป็นผัวยัยคนที่อยู่ข้างๆผมตะคอกออกมาอีกครั้ง

แม่งเอ้ย!แฟนไม่มี มีแต่ผัวล่ะสิ

แถมท่าทางจะเป็นนักเลยซะด้วย

“เก๋ขอโทษพี่ชาติ แต่เก๋ขัดขืนไม่ได้ไอ้ฝรั่งนี่มันมอมเหล้าเก๋”

มอมป้ามึงน่ะสิ มึงเดินมาหากูเองเลยนะเฮ้ย

“เก๋มานี่...ไอ้ฝรั่งขี้นกมึงกล้าดียังไงมามอมเหล้าเมียกู”โอโห ไอ้นักเลงนี่โคตรปัญญาอ่อนเลยว่ะ เมียมึงพูดยังไงก็เชื่อเนอะ คนถูกมอมเหล้าที่ไหนจะพูดได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้วะ แล้วยังเดินตรงลิ่วไปหาผัวแบบไม่มีเซล้มนั่นอีก

“ไอ้ปัญญาอ่อน! ดูไม่ออกเหรอว่าเมียมึงสมยอมกู กูจะบอกเอาบุญให้รอยหยักในสมองมึงเพิ่มขึ้นมาบ้างนะ เมียมึงเดินมาอ่อยกูเอง”จะด่าควายก็สงสาร โง่กว่าควายก็ไอ้เหี้ยนี่แหละครับ

“ปากดีนักเหรอมึง เฮ้ยพวกเราถวายตีนให้มันดิ๊!”แล้วลูกน้องที่อยู่ด้านหลังมันก็วิ่งกรูเข้าใส่ผมทันที ตัวผมจะยืนนิ่งให้โง่เหรอครับ ผมวิ่งตั้งแต่มันสั่งให้ลูกน้องมากระทืบผมแล้ว

ผมพยายามสาวเท้าวิ่งสุดชีวิต แต่เพราะแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในตัวผมมีมากเกินไปทำให้สมรรถภาพร่างกายผมไม่ปกติ ไม่นานผมก็โดนกระโดดถีบจากด้านหลังจนล้มลงกับพื้น ดีที่เอาแขนกันหน้าไว้ได้(ยังจะห่วงหล่อ) พวกมันกระทืบผมไม่ว่างเว้นไม่รู้กี่สิบตีน ผมได้แต่ปัดป้องอย่างไร้ทางสู้

“เฮ้ยพอ เดี๋ยวมันตายก่อน”ไอ้เหี้ยที่เป็นหัวหน้า เดินตามหลังมาสั่งให้ลูกน้องมันหยุด พวกมันก็ไม่ได้หยุดทันทีนะ เตะผมเพิ่มอีกคนละทีสองทีถึงค่อยพอใจหยุด

“จำเอาไว้ไอ้ฝรั่ง อย่าได้สะเออะมาปากดีแล้วยุ่งกับเมียชาวบ้านอีก”ไอ้ชาติพูดจบมันก็เตะอัดเสยปลายคางผมจนเลือดกบปาก ผมมึนแทบสลบ แต่ก็ยังฝืนปากเก่งออกไปตามสันดานที่แก้ไม่ได้

“คนระยำอย่างพวกมึงก็ดีแต่หมาหมู่นั่นแหละ ไอ้ชาติชั่ว! ถุ้ย!”ผมถ่มเลือดปนน้ำลายใส่เท้ามัน(ถ้าถ่มใส่หน้าได้ทำไปแล้ว) ไอ้ชาติกำหมัดแน่น ล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ไอ้สัส กูว่าจะปล่อยมึงแล้วนะ แต่ปากดีแบบนี้ก็อย่าอยู่เลยมึง!” ไอ้ชาติก้มตัวลงมาจะแทงผม

“เฮ้ยทำอะไรกันน่ะ!”ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเมื่อมีพลเมืองดีมาเห็นแล้วร้องขึ้น พวกไอ้ชาติรีบสลายตัวในทันที

ผู้ชายคนนั้นวิ่งมาดูอาการผมแล้วไถ่ถาม

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?”

“ผมไม่เป็นไร” ทั้งๆที่อากาศเย็นสบายแต่เหงื่อผมกลับไหลซึมเป็นเม็ดๆ

“คุณแน่ใจนะครับ เฮ้ย!คุณเลือดออก!”ทำไมไอ้ผู้ชายคนนี้มันขี้โวยวายจังวะ

“เล็กน้อยน่า”

“เล็กน้อยบ้าอะไร คุณดูที่ท้องคุณก่อน”สายตาผมเหลือบมองตามที่เขาบอก เสื้อสีเทาผมชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย

นี่ผมถูกแทงเหรอวะ

ผมเอามือกุมท้องห้ามเลือดไว้ ตอนแรกมันหนึบๆชาๆไม่รู้สึกอะไร แต่พอเห็นแผลเท่านั้นแหละ ความเจ็บปวดมหาศาลก็กระแทกใส่ตัวผมเต็มๆ

“งั้นช่วยโทรเรียกรถโรงพยาบาลให้ผมที”หลังจากนั้นผมก็แทบไม่มีสติรับรู้อะไรอีก

++++++++++++++++++++++++

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในเช้าวันต่อมา แม้แผลจะไม่ใหญ่แต่ก็รู้สึกอ่อนเพลียเพราะเสียเลือดมากไปหน่อย ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นผมก็เห็นเพดานสีขาวและหลอดไฟดวงเล็ก(?)

ผมรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ หันไปก็เจอกับไอ้ทศกำลังนั่งจ้องผมด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก

“ไง”ผมเอ่ยทักมันก่อนทั้งๆที่เสียงแหบแห้ง ทศกัณฐ์จึงเดินมาเทน้ำรินใส่แก้วให้ผม ผมรับมาดื่มจนหมดแก้วอย่างกระหาย

“ไปไหนทำไมไม่บอก?”มันนั่งลงข้างเตียงแล้วเอ่ยถามทั้งหน้านิ่งๆ

“ก็...ลืม”

“ดีที่รอดมาได้...แต่กูไม่แน่ใจว่ามึงจะรอดจากเขา”ทศกัณฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ ส่วนผมร่างกายแข็งทื่อไปแล้ว

ผมลืมเรื่องข้อตกลงระหว่างมันกับทศกัณฐ์ไปซะสนิท แต่นี่มันก็ผ่านมาเกือบ6ปีแล้ว มันไม่น่าจะยังยึดติดกับผมอยู่อีก

“มันคงไม่ได้สนใจกูแล้วมั้ง”เพราะเห็นในข่าวมันก็ควงใครไม่ซ้ำเดือน ทั้งๆที่มีคู่หมั้นอยู่

“กูก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น”

ผมหลับตาลงด้วยความหนักใจ หวังว่าฝันร้ายของผมจะไม่เกิดขึ้นอีก

หลังจากนั้นตอนเย็นไอ้ทศก็พาไอ้น้องรันต์มาเยี่ยมผม ไอ้เซนท์ก็มา โดยเฉพาะไอ้ตี๋ที่บ่นผมใหญ่เลยล่ะ หลังจากที่ไอ้เซนท์กับผมกวนตีนกันไปมาหนึ่งยก ภายในห้องพักผู้ป่วยก็อยู่ในสภาวะสงบ ผมเปิดทีวีทิ้งไว้ ไอ้เซนท์ดันเปิดวนไปช่องหนึ่งที่มีข่าวด่วนแทรกขึ้นมา

‘รายงานความคืบหน้า พบศพวัยรุ่นชายเสียชีวิตบริเวณxxx มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อมือที่เดินตัดทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดปมทะเลาะวิวะ-…ติ๊ด!’

ก่อนที่นักข่าวจะรายงานจบ หน้าจอทีวีก็ดับไปซะก่อน คนที่กดรีโมทปิดคือไอ้ทศเอง ผมเผลอสบตากับมันในเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะผลุนผลันออกจากห้องไปอย่างเร่งร้อน

แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมเข้าใจ

ศพในข่าวนั่นเป็นไอ้ชาติคนที่แทงผมเมื่อวานไม่ผิดแน่ แม้จะเบลอศพไว้ แต่เสื้อผ้ามันผมก็จำได้แม่นยำเพราะความแค้น

ไอ้ทศไม่ได้ทำแน่นอน

แล้วใครทำ?...

ตอนนี้มีอยู่ชื่อเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวผม...ผมอดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ กลัวว่าไอ้รันต์หรือไอ้เซนท์จะเห็นจึงทำได้เพียงแกล้งมองออกไปนอกระเบียง

ผมคิดผิด...ตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่เคยปล่อยผมเลย

หลังจากที่ไอ้ดีกับไอ้เซนท์ออกไปจากห้อง ผมก็ไม่วายพูดกวนประสาทไล่หลังไอ้เซนท์ แต่ไอ้เด็กเอ๋อที่นั่งเฝ้าผมอยู่เงียบๆกับพูดประโยคที่ทำให้ผมสะอึกขึ้นมาแทน

“เฮ้อ เหงาก็บอกไปตรงๆ สิครับ”แม้ผมจะมองมันอย่างไม่เข้าใจแต่ผมก็รู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร

“นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า คนที่ชอบหัวเราะบ่อยๆ ลึกๆ คือคนที่มีเรื่องเศร้าอยู่ในใจ พี่ว่าจริงไหมครับ” ไอ้รันต์พูดเนิบๆ เหมือนคุยเรื่องทั่วไป

“มึงเคยมีตราบาปไหมรันต์ มันจะติดตัวแล้วอยู่ในใจมึงไปตลอดชีวิต อยากลืมก็ลืมไม่ได้ถึงตายก็ไม่รู้จะลืมได้ไหม” ผมขยุ้มผ้าห่มแน่น ข่าววันนี้ทำให้ผมนึกถึงมัน

“ถึงลืมไม่ได้ แต่ถ้าเวลาผ่านไปมันน่าจะดีขึ้นนะครับ”

“เวลาไม่ได้ช่วยอะไรเลยรันต์ ไม่ช่วยจริงๆ” ผมพูดพึมพำ ถ้าเวลาช่วยได้ 6 ปีที่ผ่านมาทำไมผมถึงลืมมันไม่ได้เลย?

แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลายอย่างเกิดขึ้น แต่หลายวันต่อมาผมก็เล่นเกมส์แล้วบังคับให้ไอ้รันต์มาเป็นน้องรักผมโดยที่มันยังงงๆ

‘ที่เมืองไทยการเกี่ยวก้อยนี่คือการสัญญากันใช่ไหมวะ’

‘ไม่เอาาาา จะให้ทำอะไรก็บอกมา ไม่สัญญาโว้ย’ไอ้น้องรันต์โวยวาย แต่ผมก็ใช้นิ้วก้อยผมเกี่ยวนิ้วก้อยมันไว้แน่น

‘นับจากนี้มึงมาเป็นน้องรักกู สัญญากัน!’

‘ห๊ะ!’ ไอ้รันต์เหมือนตั้งสติไม่ทัน

‘ตามนั้น’

‘เฮ้ย! ไม่เอา’

‘ไม่สน ไม่แก้’

‘ผมลูกคนเดียวไม่เคยมีพี่น้อง ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับคนเป็นพี่ เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังอะไรจากผมมากนะครับ’ ไอ้รันต์ที่จู่ๆเงียบไปนานก็พูดขึ้นมา ความรู้สึกบางอย่างเหมือนประทุขึ้นมาในใจ

ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจผม

‘ขอบคุณ’

+++++++++++++++++++

หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลผมสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของไอ้ทศกับไอ้น้องรันต์เลวร้ายลง ผมเป็นห่วงไอ้น้องรันต์มากกว่าไอ้ทศซะอีก แต่อีกหนึ่งสัปดาห์กว่าๆต่อมาที่เจอกัน

ผมกลับพบว่าความสัมพันธ์ของพวกมันสองคนดีขึ้น หน้าตาของไอ้น้องรันต์ก็ดูสดใสเปล่งปลั่งเหมือนได้น้ำดี(ไว้ล้างหน้าๆ) เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็เบาใจ

เพื่อนมีความสุขผมก็ย่อมมีความสุขอยู่แล้ว

แม้ไอ้ทศจะไม่พูดว่าความสัมพันธ์ของมันกับไอ้น้องรันต์เป็นยังไง แต่ทุกคนที่ผมล้อว่าไอ้น้องรันต์เป็นเมียมัน ผมก็ไม่เห็นมันปฏิเสธ

นิสัยไอ้ทศไม่ชอบโกหก ผมถึงได้มั่นใจยังไงล่ะ

หลังจากที่เหล่าเดอะแก๊งค์ของผมคว้าชัยชนะมาได้อย่าสวยงาม(งานกีฬาระหว่างคณะ) พวกเราก็ตกลงจะพาเด็กๆนักกีฬาเศรษฐศาสตร์ไปเลี้ยงฉลองกัน

เราดื่มกันไปหลายกรม ปาร์ตี้กันอย่างเมามันส์ ผมหันไปมองฝั่งตรงข้ามกับที่ผมนั่งอยู่ ไอ้น้องรันต์จอมคออ่อนยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ไปแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตาก็เริ่มปรือแล้วด้วยสิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงนัก เพราะไอ้น้องรันต์ไม่ว่าจะทำอะไรหรือขยับตัวไปไหนก็จะอยู่ในสายตาของเพื่อนผมตลอด

ตั้งแต่ที่ผมเป็นเพื่อนกับทศกัณฐ์มายังไม่เคยเห็นมันสนใจใครเท่านี้มาก่อน อย่าว่าแต่กับคนอื่นเลย ขนาดเพื่อนมันก็ยังมีกำแพงของมัน แต่พอเขาได้เห็นทศกัณฐ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นผมก็ดีใจมากแล้ว อยากให้เพื่อนได้มีความสุขเหมือนคนอื่นๆ เขาสักที

“ไปไหนอ่ะพี่” เมฆหันมาทักท้วงผมที่ลุกขึ้นยืน กำลังลุกจะออกจากโต๊ะ

“ห้องน้ำ” ผมตอบรุ่นน้องมันเป็นเพื่อนสนิทไอ้น้องรันต์ ตอบเสร็จผมก็เดินแยกตัวออกมา ยิ่งดึกผู้คนในคลับยิ่งเยอะเบียดเสียด กว่าจะผ่านฝูงชนมาถึงห้องน้ำได้ก็เล่นเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

วูบ! ผมหันไปมองรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ร่างกายผมขนลุกซู่อยู่ตลอดเวลา ผมบีบมือตัวเองที่สั่นขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ปฏิกิริยาแบบนี้ของร่างกายไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก

หรือว่าผมจะดื่มมากไป?

ผมรีบเดินเข้าไปยังโถด้านในสุด จัดการรูดซิปแล้วควักน้องชายออกมาทำธุระให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการเสร็จก็ตรงดิ่งไปยังอ่างล้างมือ กวักน้ำใส่หน้าตนเองจนเริ่มสร่าง

บางทีจะเมาจนคิดไปเอง

“หึๆ” เสียงปริศนาดังขึ้น ทำให้ผมที่เพิ่งจะสร่างหมาดๆ รีบหันไปทางต้นเสียงที่หน้าทางเข้าห้องน้ำชาย เห็นเพียงเสี้ยวแวบๆ เดินออกไป ใครมันกล้ามากวนประสาทกูวะ!

ถ้าจับได้แม่งจะกระทืบให้ คิดได้ดังนั้น ผมก็รีบสาวเท้าตามไปติดๆ มองเห็นแผ่นหลังที่คาดว่าจะเป็นของบุคคลปริศนา

“หยุดนะเว้ย!” ผมตะโกนสั่งอีกคนให้หยุด แต่ไอ้คนนั้นก็ยังเดินต่อไปด้วยท่าทีสบายๆ โชคดีที่เสียงเพลงค่อนข้างดังเลยไม่มีใครหันมาสนใจผมมากนัก ผมวิ่งตามมันจนกระทั่งทะลุหลังร้าน ร่างปริศนาจึงได้หยุดยืนอยู่นิ่งๆ

ผมหยุดฝีเท้า แสงไฟจากลานจอดรถสาดส่องเข้ามา ทำให้เขาเห็นแผ่นหลังกว้างของบุคคลที่ผมเดินตามได้เต็มสองตา เส้นผมยาวสลวยสีบลอนด์ทองถูกมัดขึ้นลวกๆ แต่กระนั้นก็ยังยาวมาถึงกลางแผ่นหลังกว้างที่คุ้นตา

“ตามกูทำไม มึงเป็นใครกันแน่!” ไม่รู้เพราะอะไรดลใจให้ผมถามออกไปแบบนั้น แม้ตอนนี้สัญชาตญาณเขากำลังร้องเตือนอย่างหนักว่าให้รีบถอยห่างจากคนๆ นี้ หัวใจผมเต้นถี่ด้วยอาการบางอย่าง

“จะให้หันไปจริงๆ น่ะหรอ” เสียงทุ้มแหบเอื้อนเอ่ยภาษาอังกฤษออกมาไม่กี่คำ เพียงเท่านั้นก็ทำให้อาหารที่ผมเพิ่งกินไปแทบจะขย้อนออกมาให้ได้

ผมสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงมองร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจอยากหนีไปให้ไกลจากตรงนี้แต่ร่างกายผมตอนนี้ราวกับมีโซ่จากทุกทิศทางมาตรึงไว้จนขยับไม่ได้ ระยะห่างราวห้าเมตรไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

ในตอนนั้นเองร่างสูงตรงหน้าผมกำลังจะขยับกายหันมา ผมร้องห้ามเสียงหลง

“อย่าแม้แต่จะหันมาเด็ดขาด” ตัวผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเองด้วยซ้ำ ในหูของมันอื้ออึงไปหมด แต่อย่างน้อยบุคคลตรงหน้าก็ไม่ได้ขยับหันมาอย่างที่คิด

“หึๆ ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยด้วยโทนเสียงสบายๆ เหมือนถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป

“มึงฝันกลางวันอยู่รึไง!” ผมกัดฟันตอบโต้อีกคนอย่างสุดจะทน แม้จะทำปากเก่งแต่เท้าของผมก็ก้าวถอยหลังเรื่อยๆ

“ก็คงจะฝันต่อไปอีกไม่นานหรอก” มันตอบกลับออกมาปนหัวเราะเบาๆ ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นอย่างนั้น

“อย่ามาผิดสัญญา มึงต้องไม่โผล่หน้ามาให้กูเห็นอีก” ผมท้วงติงถึงพันธะสัญญาในอดีตทั้งเสียงสั่นๆ ความทรงจำอันเลวร้ายกำลังจะกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง

“พี่ไม่เคยผิดสัญญา แต่จะเป็นนายต่างหาก ที่จะเดินเข้ามาหาพี่เอง” ผมไม่อยากอยู่รอฟังมันพล่ามอีกจึงรวบรวมเรี่ยวแรงหันหลังออกวิ่งกลับเข้าไปในร้านทันที แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายได้ยินเสียงของไอ้ปีศาจลอยเข้ามาในอากาศ

“มาหาพี่ได้ทุกเมื่อนะ มิตตี้”

ผมวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาตรงดิ่งไปยังห้องน้ำข้างใน จากนั้นก็ขย้อนสิ่งที่เพิ่งกินไปออกมาอย่างกักเก็บไว้ไม่ไหว ผมโก่งคออ้วกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลืออะไรจะหลุดออกจากกระเพาะได้อีก

ผมทรุดตัวนั่งอยู่ข้างชักโครกอย่างความอ่อนแรง

มันมาแล้ว...ไอ้สัตว์นรกนั่นกำลังคืบคลานเข้าใกล้ผมมากขึ้นทุกทีแล้ว!!!

++++++++++++++++++

(ต่อด้านล่างจ้า)

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 17.2 (ต่อ)

เหตุการณ์นั้นทำให้ผมอยากรีบกลับคอนโดฯ แต่ผมก็ยังนั่งดื่มต่อเพื่อไม่ให้ใครเห็นความผิดปกตินี้ ผมดื่มไม่หยุด ทั้งๆที่รู้สึกตัวแล้วว่าเริ่มเมาแต่ก็ไม่สามารถลบความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นได้เลย

ทำไมวะ!!!

เมื่อถึงเวลาเลิกงานผมก็กลับ ไม่กล้าไปไหนคนเดียวต่ออีก ผมถึงคอนโดฯก็อาบน้ำเปลี่ยนชุด ทั้งที่ง่วงแต่มันกลับหลับไม่ลง ผมลุกขึ้นไปค้นตัวเสื้อผ้าก่อนจะค้นหาของที่ผมไม่ได้ใช้หลายปีออกมา

มันเป็นยาคลายเครียดชนิดรุนแรง ผมเคาะออกมา2เม็ดแล้วโยนใส่ปากทันที

คุณอาจไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี้หลังจากที่เจอมัน

หลังจากผมออกมากับไอ้ทศเมื่อห้าปีก่อน ไม่กี่สัปดาห์ต่อมามันก็เริ่มสังเกตความผิดปกติของผม

ผมหวาดกลัวผู้คน โดยเฉพาะผู้ชาย

ใจมันสั่น ไร้เรี่ยวแรง กลัวจนทำอะไรไม่ถูก

ไอ้ทศมันไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเรียกเกรย์มาดูอาการผม เขาวิเคาะห์อาการคร่าวๆของผมว่าอาจเป็นอาการของโรคPTSD เป็นอาการความเครียดหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างรุนแรง

ผมใช้เวลารักษาเป็นปีถึงจะสามารถกลับเข้าสังคมไปใช้ชีวิตตามปกติได้

แต่ถึงกระนั้น ผู้ชายที่แตะต้องตัวผมได้ก็มีอยู่น้อยมาก ต้องเป็นคนที่ผมสนิทและวางใจด้วยเท่านั้น

เกรย์ก็บอกว่าผมยังไม่หายสนิทจากโรคนี้

ผมไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้มันใช่โรคเดิมไหม แต่ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆเลยล่ะ

ผมพยายามข่มตานอนทั้งๆที่กินยาไปแล้วตั้งสองเม็ด มันมีฤทธิ์ทำให้ง่วงแต่ผมกลับไม่หลับ

ผมตัดสินใจออกจากห้อง ดิ่งไปที่ลิฟท์แล้วกดชั้น40

หวังว่าไอ้ทศจะยังไม่นอนนะ

รอไม่นานมันก็มาเปิด มันดูแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ให้ผมเข้าไปในห้อง

ผมขอนอนห้องเล็กมัน อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจว่ามีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ

ไอ้ทศปฏิเสธและให้ผมไปนอนที่ห้องใหญ่กับมันและไอ้รันต์

ไอ้รันต์เมาหลับไปแล้ว ผมล้มตัวนอนอีกฝั่ง ไอ้ทศก็นอนอีกฝั่งโดยมีไอ้รันต์นอนคั่นกลางไว้ ล้มตัวนอนได้ไม่ทันไรไอ้น้องรันต์มันก็กลิ้งตัวมากอดผมเฉย

“เชี่ย! ไอ้น้องรันต์มึงมากอดกูทำไมเนี่ย กูไม่ใช่หมอนข้างนะเว้ย”ผมสบถ อีกอย่างคือผัวมึงมองกูตาเขม็งเลย กูเพื่อนมึงนะสัส สุดท้ายไอ้ทศก็ตัดสินใจนอนคั่นตรงกลางแทน

“หึๆ หวงเมียเว่อร์สัส”ผมเอ่ยแซวมันเบาๆ มันไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เงียบไปสักพักจนผมนึกว่ามันหลับไปแล้ว อยู่มันก็เอ่ยถามขึ้น

“เขามาใช่ไหม?”

“…”

“กูขอโทษที่ดูแลมึงได้ไม่ดีพอ” ทศกัณฐ์พูดสั้นๆ

“ไม่ใช่ความผิดมึงซะหน่อย ถ้าจะมีคนผิด คนนั้นๆ คือมัน ไม่ใช่มึง” ผมยกแขนก่ายหน้าผาก เหม่อมองผ่านความมืดออกไป

 

“กูจะช่วยมึงให้ถึงที่สุด มึงอย่าคิดมากเลย ถ้ามีอาการเหมือนช่วงนั้นให้รีบกินยา รู้รึเปล่า” เสียงทศกัณฐ์ดึงผมออกจากภวังค์

“อือ มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก กูเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ นี่สมิธคนใหม่ไง” ผมพูดเสียงสดใส แม้เสียงหัวเราะจะดูขมขื่นอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่

เพราะผมจะไม่ยอมให้ไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นข่มเหงผมฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป

+++++++++++++++++++

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ไอ้ทศทะเลาะกับไอ้รันต์หนัก มันพลั้งไปข่มขืนไอ้รันต์อีก ผมโกรธมาก ชกหน้าเพื่อนจนมือแตก แต่ก็เข้าใจเหตุผมของมัน

ไอ้ทศป่วยหนัก ช่วงที่ร่างกายมันผิดปกติมันจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ช่วงนั้นแม้แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดมันมากๆก็ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ผมไม่รู้จะด่าหรือตีมันต่อได้ยังไง สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องมันสองคน

แต่ในเช้าวันต่อมาคนที่ผมไม่คิดว่าจะปรากฏตัวที่นี่ก็ได้ปรากฏขึ้น

เกรย์ แอนเดอร์สัน

ผมกระโดดกอดเขาทั้งที่โตขึ้นจากเมื่อก่อนมาก

เขาก็เป็นอีกคนที่ช่วยเหลือผมไว้หลายอย่างทั้งๆที่เป็นเพื่อนกับไอ้เหี้ยนั่น

เกรย์ถามเรื่องไอ้ทศนิดหน่อยก่อนจะวกมาเข้าเรื่องผมแบบงงๆ

เกรย์กดไหล่ผมให้นั่งลงที่โซฟาตัวเดี่ยว ส่วนเขาเดินไปลากเก้าอี้แล้วนั่งไขว่ห้างมือประสานกันไว้ที่ตักเผชิญหน้ากับผม

“กินข้าวหรือยัง?” เขาถามเรียบๆสบายๆ

“ยัง เดี๋ยวค่อยกิน”

“ทำไมไม่กิน มันสายแล้วไม่ใช่หรอ” น้ำเสียงของเกรย์ยังคงสบายๆอยู่

“ก็...ก็ยังไม่หิวเท่าไหร่” ผมกวาดสายตาล่อกแล่ก แต่ก็ตอบทุกอย่างไปตามความจริง

“อ่อ...แล้วเรียนเป็นยังไงบ้าง เครียดรึเปล่า?”

“ก็เรื่อยๆ ไม่เครียดอ่ะ โง่อยู่แล้ว บางทีก็ลอกไอ้ทศ ถูไถให้เกรดมันผ่านโปรฯ”

“อือฮึ...นอนกับผู้หญิงครั้งล่าสุดตอนไหน”

“เมื่อคืนก่อน” ผมตอบ สบตากับนัยน์ตาสีอ่อนของเกรย์ตรงๆ

“ผู้ชายล่ะ?”

“เกรย์!!! ผมไม่ใช่เกย์เว้ย!”ผมสวนกลับอย่างหัวเสีย แต่เกรย์กลับยิ้มให้บางๆ แล้วถามเรื่องราวในชีวิตประจำวันของผมไปเรื่อยๆ

“...มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม?” เกรย์พูดเสียงนุ่ม มือลูบผมสีเข้มของผมอย่างอ่อนโยน ผมหลุบสายตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด

“ผม...เจอมัน” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบ จากนั้นก็ก้มหน้ามองพื้น มือทั้งสองบีบเข้าหาตัวเองจนแน่น

“อาการตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” เกรย์ถามเสียงเรียบ ไร้คำปลอบโยนใดๆจากปากเขา

“มันคลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดและผม...กลัว”ผมกัดปากตัวเอง ตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนนั้น

“ใจเย็นๆ มันทำอะไรสมิธไม่ได้หรอก” เกรย์นวดหลังมือผมให้ผ่อนคลาย ทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นตัวหยุดสั่นแล้วเกรย์จึงพูดต่อ

“รู้อะไรไหม จริงๆสมิธก็ปกติเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ยังติดอยู่แค่นิดเดียว”

“อะไรหรอ” ผมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“สมิธ คุณกำลังยึดติดอะไรไว้อยู่รึเปล่า?” เกรย์พูดยิ้มๆพร้อมนวดมือให้ ผมกำมือแน่นแววตาฉายชัดถึงความเจ็บปวดเมื่อนึกถึง

“ผมกลัว กลัวมัน...แค่ได้ยินเสียงก็สั่นไปหมดแล้ว”

“แล้วไม่อยากหายกลัวเหรอ” เกรย์เอ่ยเสียงทุ้มฉีกยิ้มให้ผมด้วยความอ่อนโยน

“อยากดิ!” ผมรีบโพล่ง ทำไมผมจะไม่อยากลืมคนเลวๆพรรค์นั้น มันทำให้ผมต้องตกนรกทั้งเป็น แม้อยากตาย...ก็ตายไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับความกลัวแล้วเอาชนะมันซะ”

“ไม่เอา!”ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันใด เผลอชักมือกลับจากมือเกรย์ สายตามองเกรย์อย่างหวาดหวั่น ถ้าให้ผมต้องไปเผชิญหน้ากับมันตอนนี้อีก ฆ่าผมให้ตายซะยังจะดีกว่า

“งั้นก็หนีมันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ”เกรย์ไหวไหล่พูดเรียบๆ เขามันโหดเหี้ยมก็ตรงนี้ชอบบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ฝืนใจสุดๆ

“เกรย์...ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วหรอ”ผมถามเสียง

“ไม่มี...ฟังนะสมิธ ผมไม่ได้บอกให้คุณเผชิญหน้ากับมันคนเดียวสักหน่อย ตอนนี้คุณมีคนที่พร้อมจะอยู่ข้างคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ หรือรุ่นน้อง ใช่ไหม?” ผมพยักหน้ารับ “ห้าปีมานี้มันได้ก้าวล้ำมาหาคุณรึเปล่า?ได้เดินเข้ามาเฉียดใกล้ให้คุณรู้สึกอะไรไหม? คุณสามารถนอนกลับใครก็ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนคนอื่นมีสิทธ์มองได้แค่ปลายเท้าคุณเท่านั้น จะแตะเนื้อต้องตัวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถูกต้องไหม?” ผมเงียบ

นึกถึงช่วงเวลานั้นก็ถูกอย่างที่เกรย์บอกทุกอย่าง มันรักษาสัญญา ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เขาอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าตัวเขาเองอยู่ในสายตามันตลอด ทศกัณฐ์ก็ไม่เคยปิดบังผมเรื่องนี้มันบอกว่าเรื่องนี้มันอยู่เหนือข้อตกลง

ตัวผมอยู่ในกรงเหมือนเดิมเพียงแต่มันขยายใหญ่ขึ้น หลอกให้ตายใจว่าได้อิสระกลับคืนมา ผมรู้แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องอยู่แบบเดิม ชีวิตที่เป็นได้เพียงทาสอารมณ์ของมัน

เป็นคนโปรดอะไรนั่น ที่ไม่เคยมีค่าเลย

“คุณไม่ได้พูดเพื่อช่วยเพื่อนตัวเองหรอกใช่ไหม” ผมถามอย่างหวาดระแวงก่อนที่เกรย์กระตุกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ตลอดห้าปีกว่าที่ผ่านมายังทำให้คุณเชื่อใจผมไม่ได้อีกหรอ ถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนสนิทแต่สิ่งที่มันทำกับคุณก็ค่อนข้างจะเลวร้ายเกินไป ผมไม่อยากพูดเพื่อให้คุณให้อภัยมัน แต่การที่คุณโกรธเกลียดมันไปก็เท่านั้น คุณจะไม่สามารถลืมมันได้เลย”

“แล้วผม...ต้องทำอย่างไรบ้าง” ผมเอ่ยถามอย่างลังเล

“เริ่มจากดูรูปก่อนเป็นไง?” เกรย์ฉีกยิ้มอย่างกระตือรือร้น หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเสิร์ชหารูปเพื่อนเขา มันหาไม่อยากหรอก ในเมื่อมันคือนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งรัสเซีย-อังกฤษ วัย29 ปี เป็นนักธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงนี้

เกรย์ยื่นรูปผู้ชายตัวสูง ผมยาวสลวยสีทองถูกมัดรวบตึงไว้ด้านหลัง มันอยู่ในชุดสูททรงทันสมัย ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกต พร้อมร้อยยิ้มที่มุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กรอบหน้าเรียวออกคม ดูยังไงมันก็แค่ไอ้ผู้ชายหน้าหล่อออกหวานท่าทางใจดีคนหนึ่ง ใครจะคิดว่ามันคือปีศาจในคราบมนุษย์

ผมเบ้ปากใส่รูปที่เห็นเหยียดๆ

“เฮ้ยๆ โทรศัพท์พี่” เกรย์รีบห้ามเมื่อเห็นคว้าโทรศัพท์เขาไปแล้วทำท่าจะขว้างทิ้ง ผมจึงทำท่าโก่งคออ้วกใส่โทรศัพท์แล้วคืนให้เกรย์ที่หัวเราะลั่นห้อง

“ขำอะไรเล่า” หน้ายุ่งชกไหล่หมอประจำตัวเบาๆ

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ด่านแรกผ่าน มาขั้นตอนต่อไปกัน” กว่าเกรย์จะหยุดหัวเราะได้ก็กินเวลาร่วมสิบนาทีแล้วเข้าสู่โหมดจริงจัง

“อะไรอีก” ผมมองเกรย์อย่างหวาดระแวง จริงอยู่ที่เห็นรูปแล้วผมไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวชัดเจนอะไร แม้ในใจจะกระตุกนิดๆแต่ความขยะแขยงเมื่อครั้นเห็นหน้าก็ยังมากมายไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นเพียงรูปภาพจึงกล้าต่างหาก

ในรูปมันทำอะไรผมไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนจริงๆลองคิดดูเล่นๆว่าผมจะโดนอะไร?

 

“ฟังเสียง”เกรย์ตอบกลับมา

 

“ไม่เอา!” ผมแย้งรีบลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะหนีไปแต่ก็โดนเกรย์จับแขนเอาไว้ก่อน

“จะหนีหรือ? เข้มแข็งหน่อยสิ ไหนทศกัณฐ์บอกว่าไม่เหมือนเดิมแล้วไง” เกรย์พูดเรียบๆ แววตาเขามีแต่ความเย็นชา ผมไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ผมกำหมัดแน่นแต่ก็ยอมในที่สุด

“เก่งมากเด็กดี” เกรย์ลูบหัวพร้อมยิ้มให้บางๆ มือแกร่งกดหมายเลขต่อสายถึงอีกคน เกรย์จัดการเปิดลำโพงโทรศัพท์ รอสายนานจนเกือบจะตัด แต่ก็มีสัญญาณกดรับพร้อมเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

“ว่าไง” เสียงทุ้มโทนต่ำ ทำลมหายใจผมติดขัดขึ้น เกรย์ลูบมือผมเบาๆก่อนจะกรอกเสียงคุยกับปลายสาย

“ทำอะไรอยู่วะ” ปลายสายเงียบไปนิดก่อนจะเอ่ยตอบ

“...ทำงาน ถามแปลกนะมึง” น้ำเสียงมันมีความแคลงใจเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆ กูก็ถามไปงั้นแหละ” เกรย์พูดสบายๆ

“เหรอ แล้วมึงล่ะ ทำอะไรอยู่”

“กูก็พักผ่อนอ่ะ ไม่ได้ทำงานจนเงินทับตายเหมือนมึง”

“มึงอยู่กับมิทตี้ใช่ไหม” ปลายสายโพล่งออกมาโดยที่คนฟังไม่ทันตั้งตัว ผมตาเบิกกว้างอย่างตกใจมือกำเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม มันรู้ได้ยังไง?

 

“…”

“อยู่จริงๆสินะ ไงมิทตี้” มันพูดย้ำความคิดตัวเองน้ำเสียงที่เอ่ยกับผมเปลี่ยนเป็นอีกโทน ผมที่ได้ยินแทบจะอาเจียนออกมา ดวงตาแดงก่ำด้วยความกลัว เขา

ผมเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดก็ตรงที่มันรู้ทันคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง ฉลาดมากจนน่ากลัว

“เชี่ยไรของมึง กูไม่ได้อยู่กับน้อง” เกรย์ทำเป็นแก้ตัวกลบเกลื่อน แต่ท่าทางมันจะไม่เชื่อ

“หึๆ ให้มันโทรหาพี่ คิดถึงกันหรือไง?” มันไม่สนใจเสียงท้วงจากเกรย์ แต่บทสทนาเหมือนส่งถึงผมแทนอย่างมั่นใจ

 เกรย์อ้าปากพูดไม่ออกเสียงว่า ‘อดทนไว้’ ผมกัดฟันแน่นอย่างอดทน

“…”ผมอดทนเงียบอย่างที่เกรย์บอก ทั้งที่ใจเต้นเร่าอยากด่ามันสักคำด้วยความเกลียด

“เอ...หรือจะให้พี่ไปหาดี พี่ก็เริ่มคิดถึงมิทตี้แล้วแฮะ” มันยังยั่วยุผมไม่เลิก เกรย์เห็นท่าไม่ดีก็เตรียมจะตัดสายแต่ผมเร็วกว่ากลับคว้าโทรศัพท์จากมือเขามาจ่อปากแล้วตะคอกสุดเสียง

“มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!!! ไม่ต้องมาเสือกคิดถึงกู! กูขยะแขยง...มึงได้ยินไหมว่ากูเกลียดและขยะแขยงมึง!!” ผมหอบแฮ่ก เพราะใส่อารณ์ไปมากจนเหนื่อย

“หึๆ ปากดีจริงๆ อย่างนี้มันน่าจับจูบให้หายซ่า” แม้มันจะยังมีเสียงหัวเราะติดอยู่ แต่น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก็เรียบเย็นจนน่าขนลุก

มันเริ่มหงุดหงิดแล้ว

“มึงอย่าคิดว่ากูจะกลัว กูไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” ผมพูดเสียงเข้มลอดไรฟัน พยายามข่มใจไม่ใช้อารมณ์จะได้ไม่บ้าหลงเดิมตามเกมส์มันอีก

ถึงแม้ในใจผมจะหวาดหวั่นเพียงใดแต่ผมจะไม่มีทางเผยมันออกมาให้ไอ้ชั่วนั่นได้เห็นความอ่อนแอของผมอีก

“แล้วพี่จะคอยดูว่านายจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน...แต่รู้อะไรไหมสมิธต่อให้นายเปลี่ยนไปสักแค่ไหนนายก็ไม่มีทางหนีพี่พ้น...ดูจากชื่อนายเป็นตัวอย่างสิ ติ๊ด!” มันพูดยังไม่ทันจบประโยคดีผมก็รีบชิงตัดทิ้งสายทันที

ผมส่งโทรศัพท์ให้เกรย์ เดินลิ่วไปห้องน้ำเปิดก๊อกแล้วกวักน้ำสาดใส่หน้าตัวเองหลายๆทีเพื่อเรียกสติ เงยหน้าขึ้นมองเงาตัวเองในกระจกแล้วเหยียดยิ้มออกมาอย่างสมเพชในโชคชะตาตัวเอง

นั่นสินะ...ผมจะหนีจากมันได้ยังไงกัน เพราะตอนนี้คือ สมิธ ฮาล์น

ต่อให้ตาย ผมก็ยังเป็นสมบัติของมันอยู่ดี

++++++++++++++++++++

อ่า ตอนหน้ามาดูเฉลยว่ามิทตี้เป็นฮาล์นได้ยังไง สำหรับตอนนี้อาจคุ้นๆเพราะเป็นช่วงไทม์ไลน์ที่ซ้อนทับกับเรื่องใจยักษ์นะคะ เพียงแค่เปลี่ยนเป็นมุมมองของสมิธและเพิ่มรายละเอียดจ้า :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 19:42:08 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แด่นังลู  :z6:

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมิทสู้ๆน้าาาา

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
 :hao4: :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
« ตอบ #159 เมื่อ: 10-06-2018 10:47:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เรื่องนี้เคยเปิดมาอ่านบทนำแล้วรู้สึกไม่ชอบเลยปิดไป แต่วันนี้เห็นว่าอัพเยอะแล้วเลยเขามาลองอ่านบทที่หนึ่งดู โอ้โหหหหอ่านเพลินมาก สนุกสุดๆถึงแม้จะเกลียดนิสัยพระเอกและรำคาญความดื้อดึงของมิทตี้นิดๆก็เถอะ แต่โดยรวมก็น่าติดตามดี มีความดราม่าให้หน่วงๆเล็กๆ อ่านไปก็รอลุ้นไปว่าน้องจะเอาคืนยังไง

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 18.1

ช่วงที่ผมอายุ 18 ปี ผมกำลังเรียนไฮสคูลปี2ที่อังกฤษ ไอ้ทศที่ไม่ได้เข้าศึกษาต่อที่ไหน อยู่ๆก็มาบอกผมว่าจะไม่มาอังกฤษสักพักใหญ่ เพราะมันจะไปตามหาแม่ที่ประเทศไทย

ผมรู้สึกเคว้งทันที เพราะไอ้ทศเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผม  แม้มันจะไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนผม แต่ไอ้ทศก็จะคอยวนเวียนอยู่ใกล้ตัวผมเสมอตั้งแต่มันพาผมออกมาจากไอ้เหี้ยนั่นแล้ว พอมันบอกจะไปผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะตามมันไปด้วย

‘ไม่ได้’ ทศกัณฐ์เอ่ยปฏิเสธเสียงนิ่ง

‘ทำไม!?’

‘พี่กูเขายอมที่ไหนล่ะ’มันตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

‘กูจะไป’ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ ไอ้ทศถอนหายใจออกมาทันที

‘เรื่องนี้สำคัญกับกูมาก ถ้ากูเอามึงไปด้วย กูว่าเราก้าวขาออกจากลอนดอนไม่ได้ด้วยซ้ำ’

‘แล้วกูต้องทำยังไง?’ผมรู้สึกสงสารเพื่อนขึ้นมาทันที

‘เขา...ยื่นข้อเสนอ’ไอ้ทศพูดเหมือนเรื่องนี้ถูกเตรียมการไว้ก่อนแล้ว

‘ข้อเสนออะไรวะ?’

‘ถ้ามึงยอมเซ็นเป็นฮาล์น’ผมใจหายวาบ ถ้าผมเซ็นเชือกที่มันคล้องคอผมไว้จะยิ่งขยับรัดแน่นกว่าเดิม

‘กู...’

‘อย่าฝืนเลย มึงอยู่ที่นี่แหละ กูจะพยายามกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ’

‘กูจะเซ็น’ผมตอบมันอย่างเด็ดเดี่ยว ไอ้ทศมองผมเหมือนไม่เชื่อที่ตัวเองได้ยิน

‘แน่ใจนะ?’มันถามย้ำอีกรอบ

‘อืม กูเป็นอะไรก็ได้ แค่มึงอย่าทิ้งกูไว้ที่นี่คนเดียวก็พอ’ ผมตวัดปากกาเซ็นชื่อลงไปแบบไม่ลังเล หลังจากนั้นไม่กี่วันไอ้ทศก็สามารถพาผมออกนอกประเทศได้ พอมาอยู่ไทยผมก็เรียนปรับพื้นฐานนิดหน่อย ภาษาไทยผมฟังและพูดได้ในระดับหนึ่งเพราะไอ้ทศสอน แต่ถ้าให้เขียนผมเขียนไม่เป็น ผมเข้าศึกษามหาวิทยาลัยต่อในภาคอินเตอร์เพราะใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนเป็นหลัก แม้วุฒิการศึกษาการจบไฮสคูลผมมันจะไม่สมบูรณ์ตามหลักสูตร แต่ก็มีคนทำให้มันสมบูรณ์ได้

ไอ้ทศบอกกึ่งปลอบใจผมทีหลังว่าที่ผมเซ็นไป ก็แค่เปลี่ยนนามสกุล ชื่อถูกยัดเข้าผังตระกูลในฐานะลูกชายบุญธรรมของพ่อมัน มีสิทธิ์ในฮาล์นอย่างเต็มที่ แถมยังได้เป็นพี่น้องกับมันด้วย

ผมก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้เป็นพี่น้องกับไอ้ทศ แต่พอนึกถึงอีกคนที่มีฐานะเป็นพี่ผมก็รู้สึกอยากจะอ้วกขึ้นมา ก็นั่นแหละครับมาถึงตรงนี้ผมก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว การที่ผมได้มาไทยผมมีความสุขมากกว่าอยู่ที่อังกฤษเสียอีก

ผมจมอยู่ในความคิดของตัวเองได้ไม่นาน ไอ้ทศก็วิ่งอุ้มไอ้รันต์ลงมาจากชั้นสองด้วยความตื่นตระหนกพร้อมร้องเรียกชื่อผมไปด้วย ผมรีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำไปหาเพื่อน ไอ้ทศบอกว่าไอ้น้องรันต์ช็อคเพราะพิษไข้ เรารีบไปโรงพยาบาลกันอย่างเร่งด่วน

โชคดีที่มาทัน อาการของไอ้รันต์ปลอดภัยแล้วแต่ไม่รู้สภาพจิตใจมันจะเป็นอย่างไร เพื่อนผมยิ่งรู้สึกผิดหนัก พอไอ้รันต์ฟื้นคืนสติก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ มันโกรธไอ้ทศหนักมากแต่ผมไม่แน่ใจว่าถึงขั้นเกลียดไหม แต่พวกมันรักกันผมไม่อยากให้ต้องเลิกกันเลย

ผมเข้าใจความรู้สึกของไอ้รันต์นะ ใครบ้างที่ถูกข่มขืนแล้วจะรู้สึกดี? ใครบ้างไม่โกรธ? ผมว่าไม่มีหรอก ถ้ามีอันนั้นคงเป็นรสนิยมส่วนตัวเขา

ไอ้ทศไม่คิดแก้ตัวกับไอ้รันต์เพราะไม่ใช่นิสัยที่มันชอบทำ ผมจริงเป็นคนพูดแทนเพื่อนเอง ผมพูดในสิ่งที่ควรพูดทั้งหมดออกไป ไม่ได้คะยั้นคะยอให้น้องยกโทษให้เพื่อนหรอก แต่อยากให้มันได้รับรู้เรื่องราวก่อนจะตัดสินใจทำอะไร

ไอ้รันต์เหมือนดื้อก็จริงแต่ภายในมันเป็นคนขี้ใจอ่อน มันรับฟังเหตุผลไม่ได้งี่เง่าไปทุกอย่าง แต่โกรธก็ส่วนโกรธไม่ใช่ว่าความรู้สึกนั้นจะหายไปได้ง่ายๆ

หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่ามันสองคนตกลงกันยังไง แต่ไอ้ทศต้องกลับอังกฤษไปรักษาตัว ส่วนไอ้รันต์จะยังอยู่ที่คอนโดฯไอ้ทศเหมือนเดิมเพื่อความปลอดภัย เพราะศัตรูในอดีตของมันเริ่มเคลื่อนไหว ระหว่างนั้นผมก็แทบจะตัวติดกับไอ้น้องรันต์ตลอดเวลาส่วนหนึ่งคือไอ้ทศฝากให้ช่วยดูแลเมียมันด้วยเพราะกลัวไอ้รันต์จะไปทำอะไรแผลงๆอันตรายขึ้นมาแล้วมันใจจะขาด อีกส่วนหนึ่งผมก็เหงาๆไม่รู้จะไปไหนเพราะต้องกินยา เกรย์เลยสั่งงดแอลกอฮอลล์

วันหยุดสุดสัปดาห์ อยู่ๆไอ้รันต์ก็ชวนผมไปดูหนังผิดวิสัยคนชอบติดห้องอย่างมัน แต่ผมก็ตอบตกลงไปเพราะเบื่อๆอยากดูพอดี วันที่ไปไอ้รันต์แม่งเปลี่ยนลุคใหม่ โคตรน่ารัก ไอ้ทศเห็นคงไม่ยอมให้ออกจากห้อง เราไปดูหนังโดยชวนไอ้เซนท์กับไอ้ดีมาด้วย เราเลือกที่นั่งแบบโซฟาซึ่งนั่งได้สองคน

แหม่ ไม่จำเป็นคู่รักก็นั่งได้นะ ขอแค่มันสบายก็พอ ดูหนังไปได้สักพักไอ้รันต์ก็ขอไปเข้าห้องน้ำ ก่อนไปนั้นมันยังถามผมด้วยคำถามแปลกๆ

“พี่สมิธผมปวดท้อง ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

“ปวดขี้อะไรตอนนี้วะ หนังกำลังมันส์ รีบไปรีบมาเลย” ผมกระซิบบอกมันเสียงเบาเพราะกลัวมันจะพลาดช็อตเด็ด

“อื้อ พี่...ถ้าผมเป็นอันตราย พี่จะช่วยผมไหมครับ” มันถามออกมา ผมหันไปมองหน้าไอ้รันต์ท่ามกลางความมืดแปบหนึ่งแล้วหันไปดูหนังต่อ

“ก็ต้องช่วยเดะ มึงน้องกู”

“ผมก็เหมือนกัน...ขอบคุณนะครับ”พูดจบมันก็ลุกออกไป ผมหันไปมองตามมันจนสุดสายตา

คือไอ้น้องรันต์มึงขี้นานไปป่ะวะ ออกไปตั้งแต่หนังเล่นได้ครึ่งเรื่องจนตอนนี้หนังจบแล้วมันก็ยังไม่กลับมา ไฟในโรงหนังเปิดสว่างโร่ ไอ้เซนท์พร้อมๆกับไอ้ดีลุกจากโซฟาข้างผม หน้าแดง ปากแดงบวมเจ่อดูก็รู้ว่าโดนอะไร ไอ้เหี้ยดีนอกสถานที่ก็ไม่เว้น

“น้องรันต์ล่ะ” ไอ้เซนท์ถามกลบเกลื่อนสายตาผมเมื่อไม่เห็นเงาของไอ้เด็กแสบที่ควรจะอยู่ตรงนี้

“ไอ้รันต์ไปขี้ยังไม่กลับมาเลย ตกส้วมตายไปแล้วมั้ง กูไปตามมันก่อนนะ พวกมึงไปรอที่ข้างหน้าก่อนเลย” ผมบอกสองคนนั้นด้วยน้ำเสียงปกติแกมล้อเล่นแล้วรีบสาวเท้าออกมา ทั้งๆที่ในใจผมมันกลับร้อนรนและรู้สึกไม่ดีสุดๆ เมื่อถึงห้องน้ำผมก็รอคนที่เข้าอยู่ให้ออกไปให้หมดก่อน ผมไล่ดูห้องน้ำทุกบานที่เปิด แม้แต่บานที่ปิดก็เคาะเรียก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ผมตามหา

จนกระผมเปิดห้องน้ำบานหนึ่งไปเป้สีแดงคุ้นตาวางที่พักของในห้องน้ำ ผมถือวิสาสะเปิดเป้นั้นดูเป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาดของไอ้เด็กที่ผมพามาด้วยเมื่อตอนเย็น ใจผมหายวาบ หยิบโทรศัพท์กดโทรหามันเมื่อนึกขึ้นได้

ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...

ติดแต่ว่าไม่มีคนรับ!

“Shit!” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย มันไปแล้ว...แอบไปทำอะไรอันตรายๆคนเดียวแน่ๆ ทำไมมันต้องทำ

“คุณสมิธ! เจอคุณรันต์ไหมครับ” สตีฟวิ่งหน้าตาตื่นเจอกับผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาเขาหยุดมองเป้ในมือผมพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเดิมของไอ้รันต์ คนฉลาดอย่างสตีฟก็เข้าใจทุกอย่างได้แทบจะทันที เขารีบกดมือถือโทรหาลูกน้องให้ออกตามหาไอ้รันต์ให้ทั่วห้าง

“คุณรันต์ออกไปนานรึยังครับ” สตีฟถามเมื่อเห็นผมนิ่งไป

“ชั่วโมงหนึ่งได้” ผมพูดเรียบๆ เหมือนสติหลุดออกจากร่างโกรธก็โกรธที่มันทำอะไรเองไม่บอกคนอื่น แต่ความห่วงมันมีมากกว่า จนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้

“กรินเจอโทรศัพท์ตกอยู่ที่ลานจอดรถ คาดว่าน่าจะเป็นของคุณรันต์ครับ” สตีฟวางกูโทรศัพท์เป็นรอบที่ห้าหันมาบอกกับผม ตอนนี้เราอยู่บนรถสตีฟกลับมาส่งผมที่คอนโดฯก่อน ส่วนไอ้เซนท์และไอ้ดีผมให้พวกมันกลับไปก่อน ไอ้ดีเป็นคนที่รู้เรื่องแล้วจะให้คนของแม่ช่วยตามหาอีกแรง ส่วนไอ้เซนท์ก็ยังมึนๆต่อไป

“งั้นหรอ อย่าพึ่งผลีผลามทำอะไร ซุ่มดูไว้ก่อน” สตีฟวางสายรอบที่หกจากลูกน้อง ดูเหมือนจะมีความคืบหน้าแล้ว

“ได้ความแล้วหรอ” ผมหันไปถามสตีฟ เหงื่อชื้นมือไปหมด

“ครับ ลูกน้องที่ซุ่มดูบ้านพักแถวชานเมืองอีกหลังของนายหริรักษ์บอกว่ามีรถตู้น่าสงสัยที่ไม่ใช่รถประจำบ้านของนายหริรักษ์ขี่เข้าบ้านไปเมื่อกี้ครับ คิดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มที่จับตัวคุณรันต์ไป อีกอย่างหนึ่งชั่วโมงก่อนนายหริรักษ์ยกเลิกประชุมด่วน คาดว่ากำลังเดินทางไปที่บ้านหลังนั้นครับ”

“แล้วรออะไรล่ะ ไปเลยสิ ผมไปด้วย” ผมพูดขึ้นอย่างดีใจเมื่อรู้ว่ารันต์อยู่ที่ไหน ถ้ารีบไปช่วยตอนนี้ก็น่าจะทัน แต่สตีฟกลับส่ายหัวให้กับผม

“ผมพาคุณสมิธไปด้วยไม่ได้ครับ มันอันตรายมาก ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาด้วยอีกคนผมอาจไม่ได้หายใจบนโลกนี้อีกแล้วก็ได้ แค่คุณรัต์ผมทำหน้าที่บกพร่องยังไม่รู้จะโดนอะไรบ้างเลย” สตีฟบอกด้วยน้ำเสียงหนักใจ เขาคงไม่กล้าเอาชีวิตผมไปเสี่ยงด้วยนั่นแหละ ผมรู้ว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร แต่ผมแค่อยากไปช่วยไม่ได้อยากไปเพิ่มภาระสักหน่อย

“แล้วจะเอายังไงต่อ”

“ผมจะเข้าไปถ่วงเวลาไว้ก่อน ติดต่อนายไม่ได้แต่อีกสองชั่วโมงเจฟจะถึงเมืองไทยแล้วกำลังเสริมคงจะตามไปสมทบ ตอนนี้เราไม่มีกำลังคนมากขนาดที่จะบุกเข้าไปชิงตัวคุณรันต์ออกมาได้ ถ้าไม่สำเร็จมันจะกลายเป็นช่องโหว่ให้ฝั่งนั้นจัดการเรา” สตีฟเอ่ยเครียดๆ ถ้าเขาจะเข้าไปถ่วงเวลาไว้เพียงลำพัง นั่นก็หมายความว่าเขายอมสละชีวิตตัวเองแล้ว

“ไปคอนโดฯ G” ผมพูดเสียงนิ่ง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ไม่มีทางเลือก สตีฟมองหน้าผมราวกับกลัวหูฝาด

“ว่าไงนะครับ” เขาอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“ไปคอนโดฯG อยากได้กำลังสนับสนุนไม่ใช่หรือไง” ผมพูดเสียงนิ่ง บังคับจิตใจตัวเองให้เข้มแข็ง มือกำเข้าหากันแน่น ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ผมจะยอมรับและสู้กับมัน

“แน่ใจแล้วนะครับ” สตีฟถามย้ำอีกรอบกับผม

“อืม” สตีฟหันไปพยักหน้าให้คนขับรถ พวงมาลัยถูกหักเลี้ยวเปลี่ยนไปอีกเส้นทาง

ไปในที่ๆผมจะไม่สามารถก้าวออกมาจากมันได้อีก

++++++++++++++++

ผมเดินทางมาถึงคอนโดGอย่างรวดเร็ว สามารถเดินเข้าไปในล็อบบี้คอนโดฯได้อย่างง่ายดาย และผมเห็นโยนั่งรออยู่ที่โซฟาในล็อบบี้ ทันทีที่เขาเห็นผม ร่างสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตกก็ลุกขึ้นเดินมาหาผม เขาฉีกยิ้มให้ผมนิดๆแล้วก้าวนำไปที่ลิฟท์

ชั้น37 คือชั้นสูงสุดของตึกนี้และมันก็อยู่บนชั้นนี้ ผมยืนอยู่ในลิฟท์ด้วยหัวใจเต้นรัว เมื่อคิดว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับใครเหงื่อยิ่งไหลพลั่กไม่หยุด

ติ้ง!เสียงลิฟท์ร้องและเปิดออก เหมือนเป็นประกาศเตือนว่าผมอยู่ปากทางนรกแล้ว ผมเวียนหัวเกือบวูบแต่สตีฟที่เดินอยู่ตามหลังประคองผมไม้ได้ก่อน

“ไหวแน่นะครับ?”เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ผมจึงพยักหน้าให้ ทั้งชั้นมีแค่สองห้างแยกเป็นฝั่งซ้ายและขวา โยเดินนำผมมาหยุดที่หน้าห้องฝั่งซ้าย เขาสแกนนิ้วแล้วกดรหัสก่อนจะผลักประตูออกกว้าง

“เชิญครับ”คำกล่าวของโยในความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนกับบอกว่า ‘ไปลงนรกซะ’อย่างไรอย่างนั้น

ผมนิ่งอยู่เป็นนาทีไม่ยอมขยับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากเร่งผม ผมสูดหายใจเข้าลึก กำหมัดแน่นก่อนจะขยับเท้าก้าวเดินเข้าไปในห้อง ภายในตกแต่งเรียบๆแต่ของใช้บางชิ้นดูก็รู้ว่าเป็นสไตล์ที่มันชอบ

ผมถอดรองเท้าเมื่อลูกน้องมันนำมาเปลี่ยนให้ถึงที่ ก้าวเดินเอื่อยๆไปจนถึงห้องโถงนั่งเล่นขนาดใหญ่ บนโซฟาบุหนาตัวใหญ่มีร่างๆหนึ่งกำลังนั่งอ่านเอกสารเงียบๆอย่างสงบ

ราวกับมันรู้ว่าผมกำลังจ้องอยู่ มันวางเอกสารลงพร้อมหันหน้ามาทางผมก่อนจะส่งยิ้มให้

“ไง”

“…”ผมไม่รู้จะตอบยังไง เพราะแค่มายืนอยู่ตรงนี้ก็ใช้ความอดทนประมาณครึ่งชีวิตแล้ว หน้าตามันแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตลอดเกือบ6ปีที่ผ่านมา แต่มันดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น(แน่ล่ะอายุมันจะแตะเลขสามอยู่แล้ว) ผมยาวสีบอนด์ทองที่มัดไว้ลวกๆไม่ได้ทำให้มันดูเหมือนตุ๊ด แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดได้ทั้งชายอละหญิงอย่างน่าอัศจรรย์ รูปร่างมันก็สูงใหญ่สมชายชาตรี

เอ๊ะ!แล้วนี่ผมจะมาพรรณาชื่นชมมันทำหอกเหวอะไรวะ

“มานั่งนี่สิ ยืนอยู่ไม่เมื่อยหรือไง?”มันเคาะนิ้วที่นั่งข้างตัวเอง ผมก็ยังไม่ขยับขาแต่ขยับริมฝีปากแทน

“แฟนไอ้ทศถูกจับตัวไป”

“แล้ว?”มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเหมือนไม่เข้าใจ

“มึงควรไปช่วย เพราะตอนนี้ไอ้ทศอยู่ที่อังกฤษ”

“ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้น”มันเอ่ยยิ้มๆ ผมกัดฟันกรอดรู้สึกโกรธขึ้นมา จึงเผลอตะคอกใส่มันอย่างลืมกลัว

“นั่นเมียน้องมึงนะ!”

“ก็แค่เมียน้อง ถ้าเป็นเมียพี่ก็ว่าไปอย่าง”มันยิ้มและมองผมแบบที่ที่ให้ผมอยากจะอ้วกใส่หน้ามัน

“แล้วต้องทำยังไงถึงจะยอมไปช่วยไอ้รันต์”ถามเอ่ยถามอย่างไม่มีทางเลือก ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นห่วงไอ้รันต์มากขึ้นเท่านั้น

“เอ๋? เด็กนั่นสำคัญขนาดนั้นเชียว?”มันถามเหมือนเล่นแต่น้ำเสียงกลับดูเย็นเยียบขึ้น ตอนแรก็ว่าจะตอบกลับมันเจ็บๆสักประโยคแต่ก็กลัวว่านอกจากมันจะไม่ช่วยไอ้รันต์แล้วผมนี่แหละจะเจ็บตัว

“หยุดเล่นลิ้นสักที!”

“ฮ่ะๆก็ได้ ในฐานะที่พี่เป็นผู้ใหญ่กว่า มิทตี้ลองเสนอข้อแลกเปลี่ยนมาสิเผื่อพี่จะลองพิจารณาดู”ผมกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้จะคิดอะไร คนระดับมันมีสิ่งที่อยากได้แล้วไม่ได้ด้วยเหรอวะ ผมเองก็ไม่มีอะไรจะให้มันหรอก ถ้าบอกจะให้เงินหรือสิ่งของก็จะเป็นการโชว์โง่ตัวเองซะเปล่าๆ มันมีมากกว่าผมตั้งไม่รู้กี่ร้อยเท่า

“มึงบอกมาเลยดีกว่าต้องการอะไร เลิกพูดมากอ้อมค้อมสักที!”มันลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาทางผม เท้าผมเผลอก้าวถอยหลังมาตามจังหวะที่มันย่างก้าว มันหยุดผมก็หยุด

“จะเดินหนีพี่ทำไม?”

“แล้วมึงจะเดินมาทำไม”มันไม่ตอบแต่ขยับเดินอีกครั้งก่อนจะพูด

“ถ้าขยับหนีอีก พี่จะไม่ช่วย”รอยยิ้มพร้อมกับคำพูดของมันราวกับหินถ่วงอยู่ที่ขา ผมหยุดยับเท้าทันที ทำให้มันก้าวเข้ามาประชิดตัวผมได้ในที่สุด ผมก้มหน้าเพราะไม่อยากสบตามัน เนื่องจากความสูงไล่เลี่ยกัน ผมน่าจะน้อยกว่ามันไม่กี่เซนติเมตร รูปร่างก็แทบจะพอๆกัน

“สิ่งที่พี่อยากได้จากมิทตี้ แน่นอนว่ามิทตี้มีและพี่ว่านายรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” ผมกำหมัดพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นเพราะความกลัว ยังดีที่มันไม่ได้ใช้น้ำเสียงคุกคามหรือเย็นเยียบเหมือนเมื่อก่อน

“…”

“ถ้าจะให้พูดตรงๆคือพี่ต้องการมิทตี้ จะยอมไหมล่ะ?” อยู่ๆผมก็รู้สึกอยากร้องไห้ ชีวิตแม่งต้องมาวนลูปอยู่กับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

“พี่จะทะนุถนอมมิทตี้มากกว่าเดิม จะให้อิสระบ้างที่มิทตี้ต้องการ โอเคไหม?”มันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆเหมือนปลอบใจเด็ก สุดท้ายเมื่อผมคิดทบทวนหลายๆสิ่งเข้าด้วยกันแล้ว ผมมีแต่ต้องเลือกทางนี้เท่านั้น เอาไว้ค่อยหาวิธีการหนีจากมันอีกที

“กูมีทำเลือกอื่นด้วยเหรอ”ผมพูดเสียงแผ่ว ยอมจำนนมันในที่สุด

“หึๆ เด็กดีของพี่”เสียงมันกระซิบอยู่ใกล้ๆหูก่อนจะดึงตัวผมไปกอดแน่นจนผมเจ็บนิด ตัวผมแข็งเกร็งไม่กล้ากระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว หลับตาข่มใจปล่อยให้มันหอมหัวไปหลายที

++++++++++++++++++

มันยอมส่งลูกน้องไปช่วยไอ้รันต์ตามความต้องการผม ไอ้ทศติดต่อมาว่าให้ดูสถานการณ์รอมันไปสมทบ แต่ถ้าเกิดอะไรให้ลูกน้องพี่มันลงมือได้เลย

ผมอยากตามไปช่วยด้วยอีกแรง แต่ไอ้เหี้ยลุคไม่ยอม

“เรื่องที่ถูกแทงยังไม่ได้ชำระความ อย่าหาเรื่อง”มันชี้หน้าเตือนผมดุๆ ผมได้แต่หน้าบึ้งเถียงอะไรไม่ออก ผมรอฟังข่าวทั้งคืน ในที่สุดก็ช่วยไอ้รันต์ออกมาได้ แต่ไอ้ทศโดนยิง สตีฟบอกว่าสาหัสมาก

ผมใจหล่นวูบ โคตรเป็นห่วงเพื่อน อยู่ๆแม่งก็อยากร้องไห้เพราะกลัวมันตาย ไอ้เหี้ยลุคก็พูดอะไรไม่ออกเพราะมันก็รักน้องมันมากเหมือนกัน มันรีบไปโรงพยาบาลซึ่งผมก็ตามไปด้วยถึงไม่ให้ไปผมก็ไม่ยอมอยู่ดี กว่าไอ้ทศจะผ่าตัดเสร็จท้องฟ้าก็เกือบสว่างแล้ว อาการมันยังทรงๆอยู่ผมหวังว่ามันจะปลอดภัย

ทศตื่นมาในช่วงสายๆ ถามหาเมียก่อนเป็นอันดับแรก ผมเลยบอกว่าไอ้รันต์กลับห้องไปแล้ว มันเลยบอกว่าถ้ารันต์มาให้ปลุกมันด้วยเผื่อมันหลับ(ไอ้นี่ติดเมียฉิบ) ผมจะกลับห้องผมจะไปพักผ่อนเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่ไอ้เหี้ยที่เดินอยู่ข้างๆผมมันไม่ยอมจะให้ผมกลับไปนอนที่ห้องมันให้ได้

“อย่ามาทำลืมที่คุยกัน”มันพูดเสียงเข้มอย่างไม่ยอมอ่อนข้อใดๆให้ผมทั้งสิ้น ผมจึงต้องจำทนกลับไปกับมัน อาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดใหม่(มันเตรียมมาไว้ให้)แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที

เอาตรงๆผมก็ยังกลัวมันอยู่ แต่นอกจากกอดและหอมผมเมื่อวานนี้มันก็ไม่ได้แตะต้องตัวผมอีก แม้จะเบาใจว่ามันไม่ได้มีท่าทีคุกคามหนัก แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจมันหรอก ผมหลับลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลียก่อน ตื่นมาถึงกลับต้องผงะแทบตกเตียง

ไอ้เหี้ยลุคนอนกอดผม! โอเค!มันอาจไม่ใช่ภาพที่น่าดูนักเมื่อผู้ชายตัวโตสองคนนอนกอดกันกลมดิก(ผมก็เผลอกอดมันด้วย) แต่หน้ามันที่ซุกอยู่ซอกคอกูนี่เอาไงดีวะ?

ถ้าตบหัวมัน ผมโดนตบคืนแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้กลัวมันหรอกนะแค่คิดว่าเป็นเด็กไม่ควรตบหัวผู้ใหญ่(อยู่ไทยนานเลยได้รับอิทธิพลเรื่องนี้มาด้วย) ผมเลยผลักหน้ามันออกจากซอกคอแรงๆให้มันรู้สึกตัวนั่นแหละ

มันปรือตาลืมขึ้นอย่างหงุดหงิด ดวงตาสีเขียวมรกตของมันก็ยังคงสวยงามอยู่เหมือนเดิม ผมเผลอจ้องตามันนานไปหน่อยจนกระทั่งมันเรียกก็ไม่ได้ยิน

“...ตี้ มิทตี้”

“อะ..อะไร!”ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมืออุ่นๆของมันไล้กับแก้มผมเบาๆ

“ทำไมรีบตื่น พี่ยังง่วงอยู่เลย”ว่าจบมันก็ทำท่าจะซุกลงกับคอผมอีกรอบ

“มึงหยุดเลย!ปล่อยกูด้วยกูจะไปหาไอ้ทศ!”ผมรีบเอามือดันหน้ามันไว้ไม่ให้มันทำในสิ่งที่ต้องการ

“ค่ำๆค่อยไป พี่ง่วง”

“มึงจะไปตอนไหนก็เรื่องของมึง แต่กูจะไปตอนนี้”

“เฮ้อ ดื้อจริงๆเด็กคนนี้”มันส่ายหัวนิดๆเหมือนบ่นเด็ก ควันผมแทบออกจากหู 21นี่เด็กเหรอวะ

“ปล่อยยยย”คราวนี้ผมดิ้นและถีบมันใต้ผ้าห่ม(ก็ว่าทำไมกูร้อน)

“มิทตี้!”มันขึ้นเสียงปรามดุๆ

“ไหนบอกจะให้อิสระ กับเรื่องแค่นี้มึงก็ผิดคำพูดแล้ว”ผมโวยบ้าง มันถอนหายใจหนักในที่สุดก็ยอมปล่อยมือจากตัวผม

“ให้โยตามไปด้วย เยี่ยมเสร็จแล้วให้รีบกลับ พี่ไม่อนุญาตให้ค้าง”

“อย่ามาทำตัวเหมือนพ่อ!”ผมเถียงกลับไปตามนิสัยไม่ยอมคน

“ต้องให้บอกไหมว่าเป็นผะ-อึก”ผมรีบเอามือปิดปากมันไว้ก่อนที่มันจะพูดคำนั้นออกมา

“กูจะไปอาบน้ำแล้ว”ผมพูดลิ้นรัวแล้วลุกออกจากเตียงทันที ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอเหมือนพอใจอะไรสักอย่างด้วยด้วย

“หึ!”

++++++++++++++++++++

ตอนนี้น่ารัก เฮียเริ่มง้อเมียแล้ว งื้อออ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีลู เลวได้คงที่เหมือนเดิม  :hao3:

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบ ชอบ ชอบ

          :ling1:

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เฮียเริ่มง้อเมียแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นี่ง้อแล้วเหรอมีความรู้สึกว่ายังกวน...เหมือนเดิมแล้วดูเหมือนจะยังมีเด็กๆเลี้ยงไว้อีกนะ มิทตี้เอาคืนได้แล้วนะ

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
อิพี่มันจะทำให้มิทตี้เสียใจอีกไหม!

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 18.2
ผมรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเสร็จสรรพอย่างรวดเร็ว เดินออกมาก็เห็นไอ้เหี้ยลุคหลับซุกหมอนผมขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ผมเบ้ปากนิดๆให้กับความขี้หนาวสำออยไม่เข้ากับหน้าของมัน เลยเดินไปเร่งแอร์เหลือสิบหกองศาเซลเซียสเพื่อเอาคืนมันเล็กๆน้อยๆ เมื่อแกล้งมันสบายใจแล้วก็ออกจากห้องโดยมีโยและลูกน้องมันอีกคนพาไปโรงพยาบาล

ผมเข้าไปเยี่ยมไอ้ทศ มันกำลังคุยกับตำรวจเรื่องคดีอยู่ ไม่นานก็คุยเสร็จเขาก็ขอตัวออกไป แต่ก่อนไปตำหนวด เอ้ย ตำรวจคนนั้นก็บอกว่าไอ้รันต์พักอยู่อีกห้องบนชั้นเดียวกัน กำลังเตรียมเข้าผ่าตัด ผมได้ยินก็จำชื่อห้องไว้เพราะมีเรื่องจะคุยกับมันอยู่เหมือน

“เป็นไงบ้าง?”เมื่อตำรวจออกไปแล้วผมก็เอ่ยถามอาการเพื่อน พร้อมทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา

“เจ็บนิดหน่อย”ดูคำพูดไอ้คนเกือบไม่ได้มานั่งโม้อยู่ตรงนี้

“ปากดีไอ้สัส”ไอ้ทศยิ้มขำๆให้ เห็นสีหน้ามันผ่อนคลายแบบนี้ผมก็เบาใจ

“หึๆขอบใจมากที่ดูแลรันต์แทนกู แล้วก็ขอโทษเรื่องที่ทำให้มึงต้องกลับไปหาเขา”สีหน้าไอ้ทศราบเรียบก็จริง แต่น้ำเสียงมันแสดงความรู้สึกผิดต่อผมอย่างชัดเจน

“เรื่องไอ้รันต์กูเต็มใจ เพราะกูรักมันเหมือนน้องไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นเมียมึง ส่วนเรื่องไอ้เหี้ยนั่นกูคิดว่ายังไงสักวันกูก็ต้องเผชิญหน้ากับมันไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี กูกลัวก็จริง แต่เกรย์บอกว่ากูเอาชนะมันได้เพียงแต่กูต้องกล้าเผชิญหน้ากับมัน”

“...”ไอ้ทศเงียบเพื่อตั้งใจฟังผมเล่า

“ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับมันจริงๆ กูกลัวมาก แต่พอคิดว่ามีพวกมึงคอยอยู่ข้างๆความกลัวพวกนั้นก็ค่อยๆลดลงไป กูรู้สึกมีความกล้าและเข้มแข็งขึ้น หรือต่อให้มันจะทำให้กูเจ็บปวดแค่ไหน...แต่อย่างน้อย...”เสียงผมสั่นนิดๆเพราะผมพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“มาหากูดิ๊”ไอ้ทศที่กึ่งนั่งกึ่งนอนกวักมือเรียกผมจากบนเตียง ผมลุกจากโซฟาไปหามันอย่างว่าง่าย เมื่อผมขยับเข้าไปใกล้มันก็คว้าคอผมเข้าไปกอดปลอบเหมือนครั้งแรกที่มันพาผมออกมาจากที่นั่น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ผมปล่อยให้น้ำตาไหลรินเพราะอ่อนไหว ขยุ้มเสื้อมันไว้แน่น

“มึงยังมีกู”มันเอ่ยเสียงไม่ดังแต่ทว่าหนักแน่นอยู่ในคำพูด มือตบไหล่ผมเบาๆ ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมเพียงแต่ว่าไม่ได้ส่งเสียงร้อง แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ

คำๆนี้ไอ้ทศก็เคยพูดกับผมไว้เมื่อนานมาแล้ว และผมยังจำวันนั้นได้ดี

‘จะร้องไห้ทำไมนักหนา ให้กลับไปส่งไหม?’เด็กหนุ่มวัยรุ่นนัยน์ตาสีเขียวซีดเอ่ยถามอย่างดุดันผิดวัย สายตาเหลือบมองร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้อย่างหนักมาตลอดทาง

‘ฮึก!ไม่ไป’ร่างบางของสมิธส่ายหน้ารัว กลัวเหลือเกินว่าคนที่นั่งข้างๆจะบอกให้คนขับรถพากลับไปส่ง

‘หยุดร้องได้แล้ว รำคาญ’ทศกัณฐ์พูดห้วนๆบอกออกไปตามตรง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ช่วยไอ้ตัวเล็กนี่ออกมา

‘ทำไมถึงช่วยผมล่ะ ทำไมถึงไม่ฆ่าผมให้จบๆไป ฮึก’

‘แล้วทำไมกูต้องฆ่า?’ทศกัณฐ์กอดอกเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กกว่า(และคิดว่าอายุน้อยกว่า)

‘ฮึกๆ ก็คุณมีปืน’ทศกัณฐ์นิ่งเงียบไปพักใหญ่กับความคิดของไอ้เด็กคนนี้

‘อยากตายจริงๆเหรอ ถ้าอย่างนั้นกูจะสงเคราะห์ให้’ทศกัณฐ์เอ่ยกับสมิธด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก สมิธที่กำลังร้องไห้อยู่ลมหายใจสะดุดไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะยอมพยักหน้าให้ทศกัณฐ์ทำตามที่พูด

‘ฆ่าผมเถอะ ฮึก ผมอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย ผมไม่เหลือใครแล้ว ฮือ’สมิธสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ทศกัณฐ์ก็เงียบไปนานจนสมิธหยุดร้องและกำลังจะหมดสติไปด้วยความอ่อนเพลียจากพิษไข้และการร้องไห้อย่างหนัก อยู่ๆคนข้างตัวเด็กหนุ่มร่างบางก็เอ่ยขึ้น

‘แล้วที่นั่งอยู่ข้างๆมึงตอนนี้ไม่ใช่คนหรือไง?’สมิธปรือตาที่หนักอึ้งมองคนที่นั่งข้างๆ สมองที่มึนงงอยู่กำลังประมวลผลคำพูดของทศกัณฐ์ช้าๆ ก่อนเด็กหนุ่มจะปล่อยโฮระลอกใหม่ออกมาเสียงดังเมื่อเข้าใจความหมายคำพูดทศกัณฐ์

‘คุณ อึก!จะอยู่ข้างๆผมจริงเหรอ ฮึกฮืออ’สมิธถามย้ำสิ่งที่คิด ทั้งที่ในใจแทบจะฝากทั้งชีวิตไว้กับทศกัณฐ์ไปแล้ว

‘เออ กูพามึงมาแล้วก็ต้องดูแลสิ แล้วมึงจะร้องทำไมอีก?’ทศกัณฐ์พยักหน้ารับคำ แล้วถามสมิธอย่างไม่เข้าใจที่ร้องไห้หนักกว่าเดิม

‘ผม ฮึก! ดีใจ ฮือออ’ มือเรียวยกมือขึ้นปาดน้ำตาทั้งรอยยิ้ม เป็นสิ่งดีๆครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ที่ทำให้สมิธยิ้มออก ‘ขอกอดได้ไหม ฮึก’สมิธเอ่ยขออีกคนทั้งๆสะอื้น ทศกัณฐ์มองสมิธอย่างรำคาญจนร่างบางมองคนตัวโตกว่าแบบเหงาหงอยคิดว่าคงไม่ได้ แต่เด็กหนุ่มตัวโตกว่ากลับเกี่ยวต้นคอสมิธเข้าไปกอดไว้เอง ฝ่ามือตบแผ่นหลังบางเบาๆ

‘ตอนนึ้มึงมีกูอยู่’สมิธกอดทศกัณฐ์แน่นอย่างหาที่พึ่งพิงพร้อมซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง

‘ขอบคุณ’

‘ครั้งนี้ครั้งเดียวนะมึง กูรับปากพี่ไว้ว่าจะไม่แตะต้องมึง’ สมิธพยักหน้าเข้าใจ แล้วกอดทศกัณฐ์แน่นขึ้นไปอีก

วันนั้นทำให้ผมได้ได้เรียนรู้หลายอย่าง อย่างน้อยผมก็ยังมีความหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ต้องโดดเดี่ยว ทศกัณฐ์คือคนที่ผมกล้าตายแทนได้อย่างไม่มีข้อแม้ มันคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตผม

ก็อย่าที่ทศกัณฐ์บอกอย่างน้อยผมยังมีมัน มีเพื่อน มีน้อง ทุกคนล้วนเป็นคนที่ผมรัก...ผมไม่ได้ไม่เหลือใครเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ตอนนี้ถ้าถามว่าผมกลัวอะไรในตัวลูคัสมากที่สุด...ผมกลัวว่ามันจะพรากทุกคนไปจากผม

หลังจากที่ผมหยุดร้องไห้ไปสักพัก เราก็คุยกันเรื่องอื่นโดยไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้อีก

“แล้วนี่ไอ้น้องรันต์มาหามึงรึยัง?”ผมวกมาถามเรื่องไอ้เด็กเอ๋อ

“ยัง...และกูคิดว่าคงไม่มา”

“ทำไมวะ?”

“รันต์คงรู้สึกผิดและอาจจะกำลังโทษตัวเองว่าเป็นคนที่ทำให้กูต้องเป็นแบบนี้”ไอ้ทศทำหน้าซึมๆลงไป

“เดี๋ยวกูไปตามมันเอง”

“อย่าบังคับน้องนะ”

“เออน่ะ ห่วงกันจริงพวกมึงนิ”ผมบ่นนิดๆก่อนจะเดินออกจากห้องไอ้ทศ ตรงไปทางห้องไอ้รันต์(ที่ท่องไว้ในใจประมาณ10รอบกันลืม) ระหว่างทางผมเดินสวนกับตำรวจที่คุยกับไอ้ทศในห้อง เรายิ้มให้กันตามมารยาท ก่อนที่ผมจะเบี่ยงตัวเดินเลี้ยวไปทางหน้าห้องไอ้รันต์ ผมเปิดประตูดัง

ปัง!โดยไม่ได้สนมารยาทที่ควรทำอีก

“ว่างป่ะ ขอคุยด้วยหน่อยดิ”ผมโพล่งออกไปตรงๆ น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงถึงอารมณ์ใด ไอ้รันต์หันมามองผมก่อนจะเอ่ยปากบอกให้เพื่อนมันที่นั่งอยู่ข้างเตียงกลับไปก่อน

“เจคมึงกลับไปก่อน ขอบใจมากที่มา”ไอ้คนชื่อเจคมองหน้าผมนิดหน่อยก่อนจะยอมออกจากห้องไปตามที่ไอ้รันต์บอก ผมเดินเข้าไปประชิดเตียงไอ้น้อง จังหวะที่มันเอ่ยถามผมก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้ามัน

“พี่มีอะไรรึปะ-…เพี๊ยะ!”ไอ้รันต์หน้าหันไปตามแรงตบผม แก้มขึ้นสีแต่ไม่มีเลือดออกเพราะผมไม่ได้ตบมันแรงเท่าไหร่ แค่จะสั่งสอนให้มันรู้สึกตัวเท่านั้น

“มึงยังเห็นกูเป็นพี่มึงอยู่ไหม ไหนบอกว่าไว้ใจกู กูมีอะไรก็เล่าให้มึงฟังหมด แล้วทำไมเวลาที่มึงมีปัญหาถึงไม่พูด! มึงเคยเห็นหัวกูบ้างไหม!”ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไปด้วยความรู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจ

“ผมขอโทษ”ไอ้รันต์เอ่ยเสียงแผ่วพร้อมก้มหน้าลงไม่กล้าสู้หน้าผม สภาพนี้ถ้าเป็นไอ้ทศคงใจอ่อนไปแล้ว แต่ผมกับไอ้ทศมันคนละคนกัน

“มึงพูดเป็นแต่คำนี้เหรอ มึงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วใช่ไหม...ถ้ามึงไม่พูด เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”ผมเอ่ยบีบมัน เพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ไม่ใช่ทำทุกอย่างไปเพื่อมันโดยที่ไม่รู้อะไรเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับมันอีกผมจะได้ช่วยเหลือได้ทัน

“ไม่เอา” ไอ้รันต์พูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ มือเรียวกำเสื้อผมไว้แน่น

“ไม่เอาก็พูดมาให้หมด เรื่องราวทั้งหมด...ทุกเรื่อง” ผมนั่งลงข้างเตียงเพื่อให้โอกาสน้องได้พูด ไอ้รันต์ยอมเปิดปากเล่าปัญหาชีวิตมันตั้งแต่เด็ก ยอมรับว่ามันเป็นเด็กที่แข็งแกร่งมาก ชีวิตมันก็มีมุมที่น่าสงสารไม่น้อยไปกว่าผม ซึ่งปัญหาที่ว่ามันก็ทุกข์กันคนละแบบ แต่สุดท้ายก็ทำให้เราเสียใจไม่ต่างกัน จนเมื่อมันเล่ามาถึงแผนการสุดท้ายถึงวิธีการจับกุมไอ้รัฐมนตรีเหี้ยนั่น

“...มีคนโทรหาผม เขาบอกว่าหริรักษ์รู้ตัวตนของผมแล้ว มีคนคอยจับตาดูผม และพี่อยู่ พอผมลองสังเกตดูดีๆก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ” สิ่งที่ไอ้รันต์เล่าทำให้ผมรุ้สึกแปลกใจขึ้นมา จึงเอ่ยถามมันไปแบบงงๆ

“กูด้วยเหรอ?”

“อื้อ เขาบอกผมกำลังจะทำให้พี่สมิธเป็นอันตรายกับเรื่องของผมไปด้วย...ผมก็เลยตัดสินใจกันทุกคนออกไป” บอกตรงๆว่าตอนไอ้รันต์เล่ามาถึงจุดนี้ผมมั่นใจไปแล้ว90%ว่าเป็นใครที่โทรไปหาไอ้รันต์...มันมีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่ตามติดชีวิตผมยิ่งกว่าเงาจนรู้ว่ามีคนตามดูผมกับไอ้น้องรันต์

“คนที่โทรคุยกับมึงเขาพูดภาษาอะไร”ผมถามอีกคำถามเพื่อความชัวร์

“ภาษาอังกฤษ”

“สำเนียงผู้ดี พูดสุภาพแบบกระแดะๆป่ะ”

“ครับ แต่ก็ไม่กระแดะนะ”ไอ้รันต์พยักหน้า แถมแก้ต่างให้ไอ้สารเลวนั่นด้วย ผมกัดกรามกรอด ฝ่ามือกำแน่นด้วยความโกรธจนแทบระเบิด

“ไอ้เหี้ยนั่น กล้าดียังไงมาหลอกใช้มึงบีบกู…มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วกูว่ากูพอเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว ทีหลังมีอะไรพูดกับกูได้ทุกเรื่อง เข้าใจไหม”ผมพยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลง เรื่องนี้ค่อยไปจัดการทีหลัง จึงเอ่ยบอกไอ้รันต์ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงพร้อมยกมือขยี้หัวมันไปด้วย

“อื้อ ไม่ทิ้งแล้วใช่ไหม”ไอ้เด็กเอ๋อถามผมตาแป๋ว

“ไม่ทิ้ง ถ้ามึงไม่ดื้อ” ผมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มๆหล่อๆให้มันไปหนึ่งดอก

“ไม่ดื้อเหอะ”ไอ้รันต์เบะปากใส่ ผมเลยแกล้งดึงปากมันด้วยความหมั่นไส้ มันก็โวยวายว่าเจ็บใหญ่เลย เหอๆ

“แล้วนี่ใจคอมึงจะไม่ไปดูผัวมึงเลยหรือไง มันแทบจะกระชากน้ำเกลือมาหามึงถึงที่ถ้ากูไม่ห้ามไว้ก่อน”หลังจากแกล้งน้องจนพอใจแล้ว ผมก็เข้าเรื่องไอ้ทศ แกล้งพูดเว่อร์ๆไว้ด้วย เผื่อไอ้รันต์จะเห็นใจผัวมัน

“ทำไมถึงรู้กันล่ะครับว่าผมอยู่ที่นี่”ไอ้รันต์ดันถามไปคนละเรื่องเหมือนตั้งใจกลบเกลื่อนไม่ให้พูดถึงไอ้ทศ แต่ผมน่ะคือเทพสมิธ เดี๋ยวจะเป็นกามเทพแผลงให้เอง ฮ่าๆๆ(?)

“ไอ้คุณตำหนวดบอกมาอ่ะ มันเข้าไปคุยเรื่องไอ้เหี้ยนั่นกับไอ้ทศอ่ะดิ...น่าไปดูมันหน่อย ป่านนี้มันหลับไปแล้วมั้ง หมอพึ่งให้ยามันอีกรอบ ไปเถอะน่า” ไอ้เชี่ยทศยังไม่หลับหรอกเพราะมันเพิ่งตื่นเอง แต่ผมจำใจต้องตอแหลไอ้น้องรันต์อย่างช่วยไม่ได้(ผมฝืนใจจริงๆนะ) ไอ้รันต์ก็คิดชั่งใจอยู่นาน แต่สุดท้ายมันก็ทนลูกตื้อผมไม่ไหว ยอมเดินตามต้อยๆไปห้องไอ้ทศกับผมง่ายๆ

“เออมึงเข้าไปก่อน เดี๋ยวกูคุยโทรศัพท์อยู่นี่แปบ”พอถึงหน้าห้องไอ้ทศ ผมก็ผลักให้ไอ้รันต์เข้าไปในห้องพร้อมเอ่ยหาข้ออ้างปลีกตัวทันที ก็อยากให้พวกมันได้ปรับความเข้าใจกันสองคนมากกว่า มีผมอยู่ด้วยมันคงทำอะไรๆไม่สะดวก(?) ผมเหลือบมองดูแก้มไอ้รันต์ข้างที่ผมตบมันก่อนจะปิดประตูลง คือมันยังแดงๆอยู่เลยว่ะ หวังว่าไอ้ทศคงไม่มาฆ่าผมทีหลังนะ(กูทำความดีความชอบให้มึงนะเว้ยเพื่อน)

พอไอ้รันต์เข้าห้องไป ผมก็หยิบโทรศัพท์กดโทรหาโยว่าผมจะกลับแล้ว ไม่ต้องระบุก็คงจะรู้กันนะว่าโยพาผมไปส่งที่ไหน...ใช้เวลาไม่นานเราก็ถึงคอนโดฯG พอถึงห้องผมก็ก้าวฉับๆไปห้องที่ผมนอนก่อนออกไป บนเตียงว่างเปล่าไม่มีวี่แววของเหี้ยนอนอยู่

ผมจึงนั่งลงบนเตียงรอ นั่งไปได้สักพักไอ้เหี้ยลุคก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว มันเห็นผมก็เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยทัก

“ทำไมหน้าบึ้ง?เป็นอะไร?”มันยื่นมือมาทำท่าจะจับผมของผม แต่ผมก็ปัดมือมันออกเสียงดังก่อนจะทันแตะโดน

เพี๊ยะ! ทั้งห้องเงียบกริบ ไอ้ลุคจากหน้ายิ้มๆนี่นิ่งไปแล้ว ผมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ตวัดสายตาแข็งกร้าวมองตอบมันอย่างไม่เกรงกลัว

“ใครให้มึงยุ่งกับไอ้รันต์!”ผมพูดขึ้นด้วยความโมโห มันกระตุกยิ้มเหี้ยมขยับตัวเข้ามาชิดผมมากขึ้น

“พี่ยุ่งเอง เพราะเขาอาจทำให้มิทตี้ได้รับอันตราย พี่ต้องกันไว้ก่อน”

“ตัวมึงรู้ดีว่าไม่มีใครทำอะไรกูได้หรอก แต่มึงบีบให้ไอ้รันต์ต้องทำอะไรเสี่ยงๆคนเดียว!บีบทางเลือกให้กูต้องมาหามึง!ทุกอย่างมันเป็นแผนมึง!!!”ผมกระชากคอเสื้อมันแน่นอย่างเอาเรื่อง มันบิดมือผมออกจากคอเสื้อตัวเอง ผมเจ็บแต่ไม่ยอมส่งเสียง

“ใช่!แล้วยังไง?”

“สารเลว!มึงทำได้ยังไงวะ ไม่เห็นแก่ใครมึงก็ควรเห็นแก่น้องมึงบ้าง!”

“พี่ยอมมามากพอแล้วมิทตี้ เพราะเห็นแก่น้องไม่ใช่หรือไงพี่ถึงได้เสียนาย!”

“อย่าโทษคนอื่น ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงนั่นแหละ!”ผมเถียงคืนอย่างมีอารมณ์

“อืม พี่ผิดทุกอย่างนั่นแหละ”
 
“เรื่องที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ถือเป็นโมฆะ โอ้ย!”มันบีบข้อมือผมอย่างแรงจนผมร้องเสียงหลง

“ไม่มีทาง! อย่าหวังว่าครั้งนี้พี่จะยอมอีก!”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามันดุดันขึ้นทันที ผมพยายามบิดข้อมือออกจากมือมัน ทั้งๆที่แขนทบพอๆกันแต่ทำไมมันแรงเยอะนักวะ

“ปล่อย!”

“ไม่!”

“กูเกลียดมึง”

“รู้”เสี้ยววินาทีผมเห็นสายตามันสั่นไปวูบหนึ่ง

“เกลียดมาก อยากไปให้ไกลจากมึง”

“อย่าบังคับให้พี่ต้องขังนาย ต่อให้มีอีกสิบทศกัณฐ์ที่ก็ไม่ยอมอีกแล้ว”มันเอ่ยเสียงเข้ม ผมกัดฟันกรอด ตัวสั่นขึ้นมานิดๆเมื่อมันขู่จะขัง

“…”

“แต่พี่จะไม่ขังหรอกถ้ามิทตี้ไม่ดื้อกับพี่”มันคงสัมผัสได้ว่าผมตัวสั่นเลยพูดเสียงอ่อนลงอีกนิด

“กูหิวแล้ว”ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อคิดว่าต่อให้พูดอะไรต่อไปก็คงไปจากมันตอนนี้ไม่ได้อยู่ดี

“พี่จะพาออกไปกินข้างนอก”มันยิ้ม เปลี่ยนอารมณ์เร็วยิ่งกว่าผมซะอีก

++++++++++++++++

ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไอ้ทศยังไม่ได้มาเรียนเพราะอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนผมมีตัวเหี้ยคอยคุมแทบทุกเวลา ตามรับตามส่งเวลาไปเรียนทุกวัน เหล้าก็ไม่ได้กิน(?) สาวก็ไม่ได้อึ๊บ แทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ นี่มันไม่ได้ขังผมจริงๆใช่ไหมวะ ดีนะที่เวลานอนมันไม่ได้นอนห้องเดียวกับผม แต่บางคืนที่ผมหลับไม่ค่อยสนิทรู้สึกเหมือนมีคนกอดยังไงไม่รู้

“สี่โมงเย็นพี่มารับ”มันพูดขึ้นก่อนที่ผมจะเปิดประตูลงจากรถ

“ห๊ะ!”คือได้ยินนะ แต่ก็อุทานอย่างไม่เชื่อหู

“วันนี้จะกลับเอง”ผมพูดขึ้นอย่างสุดจะทน คือมันไม่ไหวแล้วอ่ะ วันนี้ยังไงผมก็ต้องได้ออก

“พี่จะมารับ”มันพูดเสียงนิ่งไม่ยอมง่ายๆ

“มันจะมากไปแล้วนะ ใจคอมึงจะไม่ให้กูไปไหนกับเพื่อนบ้างเลยหรือไง!”ผมหน้าบึ้ง พูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

“อยากให้ทำมากกว่านี้ไหมล่ะ?”มันเลิกคิ้วถาม แต่สายตามองร่างกายผมพราวระยับจนผมนึกกลัว

“อยากไปเที่ยวกับเพื่อน”ผมเอ่ยขอมันตรงๆอย่างจนใจ

“วันหลังละกัน”มันตอบปัดแบบขอไปที ซึ่งนั่นทำให้ผมเดือดแล้วล่ะครับ

“พรุ่งนี้พี่จะไปดูงานที่มาเก๊าคงไม่มีคนคอยคุมอีกหลายวัน แค่อยู่กับผัวอีกสักวันคงไม่ขาดใจตายเดี๋ยวนี้หรอกมั้ง”คือมันกำลังพูดเหน็บผมใช่ไหมวะครับ

“มึงไม่ใช่ผัว!”ผมเถียงคอขึ้นเอ็น

“จะให้ย้ำตรงนี้เลยไหม”มันทำท่าจะขยับเข้ามาใกล้ ผมเหลือบมองลูกน้องมันสองคนที่นั่งนิ่งอยู่เบาะหน้าราวหุ่น ความทรงจำที่โดนทำในรถผุดขึ้นมาในหัว

“ไอ้! ฮึ่ย!”สรรหาคำจะด่ามันไม่ออกเลยครับ

สุดท้ายผมก็เลิกต่อปากต่อคำกับมันแล้วเดินลงจากรถมันด้วยใบหน้าหงุดหงิดเต็มสูบ ใครกวนตีนกูตอนนี้ มึงคิดผิดสุดๆละ ขนาดไอ้ศาสตร์หมาประจำคณะเดินผ่านหน้า ผมยังไม่แวะเล่นกับมันอ่ะคิดดู

ผมเดินไม่กี่สิบก้าวก็ถึงใต้ตึกเรียนเจอไอ้เซนท์กับไอ้ดีนั่งรออยู่ม้าหินอ่อน แต่ประโยคแรกที่ไอ้เหี้ยตี๋เอ่ยทักผม กลับทำให้ผมอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม

"คนที่มาส่งมึงนั่นใครวะ?"ไอ้ตี๋เตี้ยถามด้วยความเสือกสุดๆแบบไม่มีกั๊กเลยนะมึง

"คนรู้จัก"ผมตอบปัดแบบห้วนๆ แต่ไอ้เชี่ยเซนท์แม่งก็ยังไม่เลิกราความเสือก

"คนรู้จักเหี้ยไรเทียวรับเทียวส่งมึงบ่อยขนาดนี้ แฟนก็บอกมาตรงๆไอ้สัส"ผมกรอกตาไปมาเซ็งๆ ก่อนจะเอ่ยตัดบทมันอย่างรำคาญ

"ผัวเก่ากู จบนะ!" ไอ้ตี๋เหมือนช็อคค้างไปเลย ผมจึงเดินลิ่วขึ้นตึกเรียนมาก่อน พยายามปรับอารมณ์ให้เย็น พอมาคิดได้อีกทีคือกูไม่ควรพูดคำนั้นเลย แต่เสือกพูดไปด้วยอารมณ์ล้วนๆไงที่มีตี่คนขยี้แล้วขยี้อีก

“ไอ้เหี้ยสมิธ ที่พูดเมื่อกี้จริงเหรอวะ!!?”ไอ้เตี้ยวิ่งตะโกนมาตั้งแต่ไกลๆ ผมจึงหยุดเดินรอมันจนกระทั่งมันวิ่งมาถึงตัว โดยมีไอ้ดีหอบกระเป๋ามันตามหลังมา

“แฮ่กๆไอ้สัสเดินเร็วชิบ”มันบ่นทั้งๆที่หอบ

“มึงขาสั้นเองอ่ะตี๋”

“ขาสั้นพ่อง...เอ๊ะ!อย่ามาเนียนเปลี่ยนเรื่องนะมึง ที่พูดเมื่อกี้จริงหรือเปล่า?”

“ไม่จริง”

“เออกูก็ว่า ตัวเท่าควายอย่างมึงจะมีผัวได้ไง”เหอๆแต่ก่อนกูน่ารักกว่ามึงอีก(?)

“แล้วสรุปคนที่มาส่งมึงอ่ะใคร?”

“เสือก!”ผมจิ้มหน้าผากมันแรงๆไปที

“เอ้อ!จำไว้เลย ทีเรื่องของกูมึงอย่ามาเสือกนะ!”มันเบ้ปากทำหน้างอน

“เรื่องของมึงมีไรให้เสือก?กูรู้เรื่องของมึงหมดไส้หมดพุงละ เหลือแค่ยังไม่รู้ว่ามึงกับไอ้ดีเอากันท่าไหนเท่านั้นแหละ”

“ไอ้สัสสมิธ!มึงหุบปากไปเลย!”มันชี้หน้าผมทั้งหน้าแดงก่ำ อันนี้ไม่รู้โกรธหรืออาย แต่คิดว่าน่าจะพอๆกันเพราะมันเดินสะบัดตูดหนีผมเข้าลิฟท์ไปแล้ว

“มึงก็อำมันแรงไป”ไอ้ดีที่เดินตามมาพูดขึ้นบ้าง

“อำอะไร?หรือที่กูพูดไม่จริง?”ผมทำหน้ากวนตีน ไอ้ดียิ้มก่อนจะเอ่ยทิ้งระเบิดไว้แล้วเดินตามเมียมันที่เอ่ยเร่งให้เข้าลิฟท์แล้วทิ้งผมไว้ให้เดินไปที่ห้องเรียนเอง

“หรือจะให้กูบอกมันว่ามึงมีผัวเป็นเรื่องจริง”ฉิบหาย!ที่ไอ้เหี้ยดีพูดนี่มันรู้ หรือมันอำผมวะ? แม่งเอ้ยยย

ทำไมเรื่องเหี้ยๆถึงเกิดขึ้นกับกูไม่หยุดเลยวะ!แล้วไอ้สองผัวเมียนั่นเสือกทิ้งผมให้เดินไปชั้น7จริงๆด้วยโว้ย ไอ้เพื่อนชั่ว!

++++++++++++++++
ถ้าอ่านไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลก็คิดว่ามันคือนิยายนะเพราะนี่คือนิยาย อิอิ
ป.ล.ถ้าการบ้านเสร็จเร็วตอนหน้าก็เจอกันวันอาทิตย์จ้า^^

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ความเกลียดนังลู่ คงเส้นคงวาดีแฮะ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
« ตอบ #169 เมื่อ: 15-06-2018 05:13:17 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาคราวนี้อิพี่ลุคมันยอมเมียจ้า~ :laugh:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
รู้ตัวว่าตัวเองผิดด้วยเหรอลุค? เชอระ!!

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อิพี่ลุคมันจะเอายังไงแน่ คือถ้ารักมิทตี้จริงก็ควรจะบอกน้องไปตรงๆได้แล้วไม่ใช่มากั๊กแล้วขู่น้องแบบนี้ เราว่าเหตุผลที่มิทตี้ไม่อยากอยู่ด้วยสาเหตุนึงคือกลัวและอีกสาเหตุคือความจริงใจที่สัมผัสไม่ได้จากอิพี่ลุคมันนี่แหละ

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :mew3:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 19.1

ผมเข้าห้องเรียนเลทไป5นาที เพราะรอลิฟท์โดยไม่ยอมเดินขึ้นชั้น7อย่างที่ไอ้เซนท์ตั้งใจไว้และผมก็ไม่โดนอาจารย์ด่าด้วยเพราะวิชานี้เลทได้15นาที ก็นะ...ผมฉลาดกว่ามันเยอะ แผนแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก หึๆ ซึ่งหลังจากผมเข้าห้องเรียนได้ไม่กี่นาที ไอ้ทศก็เดินชิลๆเข้าห้องมา ออร่าแห่งความรักนี่ฟุ้งเชียว แหวะ!

เมื่อการเรียนช่วงเช้าจบลงเหล่านิสิตก็พากันแยกย้ายออกจากห้อง เห็นไอ้เซนท์เดินออกจากห้องไวๆผมจึงรีบเดินตามมัน ไปพร้อมเอาแขนไปเกี่ยวคอไอ้เตี้ยไว้ด้วย

“เฮ้ย!ตี๋ วันนี้แดกข้าวกับอะไร?”ไอ้เซนท์หันมาหน้าผมนิดๆ แล้วสะบัดหน้างอนใส่

“เสือก!”โห นี่มันโกรธกูจริงจังขนาดนี้เชียว? สงสัยคงต้องง้อมันหน่อย

“ชื่อพี่สมิธมีสอเสือ เสือกได้จ้ะ”ผมดึงแก้มป่องๆมันด้วยอีกทีหนึ่ง

“โอ้ย!ไอ้สัสสมิธ”ไอ้เซนท์โดยวายพร้อมผลักผมออกจากตัวเป็นการใหญ่ แต่สู้แรงผมไม่ได้ไง

“ขอเป็นกระต่าย เมี้ยว!”

“กระต่ายร้องเหมียวบ้านป้ามึงดิ! โง่!”ไอ้เซนท์หลุดยิ้ม

“โห่ มาว่าเค้าโง่ ตัวเองน่ะฉลาดนักเหรอ?”

“ฉลาดกว่ามึงแล้วกัน กระต่ายมันร้องบ้อกๆต่างหาก” ครับไอ้คนฉลาด ไปหมดละสมงสมองเพื่อนกู

“อ๋อเหรอ”

“อือฮึ เห็นแก่ว่ามึงโง่กว่า ครั้งนี้จะยอมให้อภัยก็แล้วกัน” ไอ้ตี๋ยืดแขนลูบหัวผมปลกๆ แล้วก็พยายามกอดคอผมเดินไปที่โรงอาหารคณะ

เฮ้อออ ไอ้เซนท์มันไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกันนะ อ้อ!คงเพราะไอ้เหี้ยดีตามใจมันมากเกินไป อะไรก็เห็นดีเห็นงามกับไอ้เซนท์ไปหมดด้วยความหลงเมีย สรุปแล้วไอ้เซนท์ปัญญาอ่อนเพราะไอ้ดี อืมๆเข้าใจแล้ว!

“กระต่ายบ้านพวกมึงร้องบ้อกๆเหรอวะ?”ไอ้ทศที่เดินคู่กับไอ้ดีเอ่ยถามไอ้ดีด้วยความสนใจ

“มึงมีเมียแล้วยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”เสียงไอ้ดีถามย้อนคืน ไอ้ทศเงียบไปแปบเดียวก็เอ่ยขึ้นเหมือนบรรลุข้อสงสัย

“อ้อ กูเข้าใจละ”...อย่าบอกนะว่ามึงก็จะเข้าลัทธิหลงเมียไปด้วยอีกคน ไปหมดแล้วเพื่อนกู ผมส่ายหน้าให้กับความไม่เอาไหนของพวกมัน ถ้าผมมีรับรองว่าไม่มีทางเป็นแบบไอ้พวกนี้แน่ๆ

ช่วงเวลาพักกลางวันแบบนี้นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ค่อนข้างหนาแน่นอยู่บ้าง แต่โรงอาหารของคณะก็สามารถรองรับนิสิตได้ทั้งคณะ ระหว่างที่ผมกำลังซดก๋วยเตี๋ยวต้มยำด้วยความเอร็ดอร่อย อยู่ๆไอ้เซนท์ที่แดกข้าวมันไก่หมดไปจานที่สอง(?)ก็เอ่ยขึ้นกลางวง

“วันนี้ออกไหม?”ออกในที่นี้คือออกเที่ยวนะครับ

“กูตามใจมึง”ไอ้ดีแม่งออกตัวแรงตลอดๆ

“กูยังไงก็ได้”ไอ้ทศบอกแต่ยกโทรศัพท์กดข้อความส่งไปขอเมียอย่างเร็ว

“โอเคงั้นไป”ไอ้เซนท์พยักสรุป อ้าว!?แล้วมันจะไม่ให้ผมตอบหน่อยเหรอวะ?

“มึงไม่ฟังคำตอบกูก่อนอ่ะ”ผมท้วงขึ้น

“ฟังทำไม ปกติมึงก็ไปทุกที ไข้ขึ้นจะตายยังไปแดกเหล้าได้เฉยเลยมึงน่ะ”อย่ามาประจานกูดิ

“วันนี้กูออกไม่ได้”ไม่ใช่ว่าไม่อยากออกนะ

“จริงจัง!?มึงไม่สบายหรือเปล่าเพื่อน?”ไอ้เซนท์ทำท่าตกใจแบบเว่อร์มาก เอาหลังมือมาแตะหน้าผากวัดไข้ผมอีก

“จริง วันนี้ไปไม่ได้”ผมทำหน้าเซ็งๆหมดอารมณ์จะกินก๋วยเตี๋ยวต่อเลย

“ทำไม?”ไอ้ดีถามขึ้นบ้างอย่างสนใจ

“มีธุระ”ผมตอบเพื่อนแบบขอไปที
“น้ำหน้าอย่างมึงน่ะเหรอจะมีธุระเป็นกับเขา โดนเด็กคุมก็บอก”พระเจ้าท่านช่วยส่งไอ้เซนท์คนโง่คนเดิมก่อนหน้านี้มาให้ผมที ร้านข้าวมันไก่ใส่ผงฉลาดให้มันแดกหรือไงวะ!

“เออน่ะ เป็นพรุ่งนี้แล้วกัน”ผมทำเป็นยอมรับไปพอให้มันจบๆ ไอ้เหี้ยเซนท์เบ้ปากใส่แรงมาก

“มีเมียแล้วลืมเพื่อน”ไอ้เซนท์

“เหอะๆ”ไอ้ดี

“หึๆ”ไอ้ทศ

เดี๋ยวๆสองคนหลังน่ะคืออะไรครับ? ไอ้ทศผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่มันจะรู้ แต่ไอ้ดีน่ะสิ! ตกลงมึงรู้เรื่องกูจริงๆเหรอวะ!?

“เอ่อ ขอโทษนะคะ”เสียงหวานใสที่ดังขึ้นข้างตัวเรียกผมออกจากห้วงภวังค์

“ครับ?”ผมขานรับคำน้องผู้หญิงสองคนที่ยืนข้างโต๊ะที่ผมนั่งอยู่

“ชื่อฟ้านะคะ นี่เพื่อนฟ้าชื่อปริม”น้องที่เอ่ยทักผมแนะนำตัวเองและเพื่อนที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเหมือนเขินอาย

“สมิธครับ”

“รู้จักค่ะ ถ้าฟ้าจะขอไอดีไลน์พี่สมิธจะให้ไหมคะ?”

“ขอให้ตัวเองหรือขอให้คนที่อยู่ด้านหลังล่ะ”ผมเท้าคางถามฟ้ายิ้มๆแต่สายตามองไปที่ปริมที่ยืนหลบอยู่หลังเพื่อน เธอสะดุ้งเมื่อเผลอเงยหน้าสบตากับผม ตลกดี

“คิกๆ ขอให้ปริมน่ะค่ะ ยัยนี่ขี้อาย”ฟ้าสารภาพออกมาตามตรง

“ยัยฟ้า!”ปริมแหวเพื่อนอย่างอายๆ

“หึๆเอาโทรศัพท์มาสิครับ”ฟ้ารีบล้วงโทรศัพท์ของเธอส่งให้ผมแต่ผมกลับส่ายหน้าเบาๆแล้วบอก “ของปริมสิ”พอผมพูดจบสาวน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อนยิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปใหญ่

“เร็วสิปริมๆ”ฟ้ารีบไปสะกิดเร่งเพื่อนเป็นการใหญ่ ปริมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อครหัสแล้วส่งให้ผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ผมรับมาแล้วกรอกไอดีตัวเองลงไปอย่างรวดเร็วแล้วส่งคืนให้น้อง

“ถ้าว่างก็ทักหาพี่ได้นะ”ผมยิ้มแล้วขยิบตาให้เธอหนึ่งที

“ขอบคุณค่ะ...ไปเถอะยัยฟ้า”ปริมก้มหัวให้ผมนิดๆแล้วรีบลากเพื่อนตัวเองจากไป

“โอโห!พ่อคนเสน่ห์แรง มีสาววิ่งมาเสิร์ฟถึงที่”ได้ทีไอ้เหี้ยเซนท์ก็กระแนะกระแหนผมเลย

“หึ!ของมันแน่อยู่แล้ว”ผมกระตุกยิ้มอวดๆใส่มัน

“แล้วมึงไม่กลัวผู้คุมมึงรู้เหรอ ท่าจะดุ”ได้ยินไอ้เซนท์พูดถึงมัน ยิ้มผมก็หุบทันที

“กูกลัวตายแหละ”ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่ระ

“อ๋อเหรอ ไม่กลัวเลยเนอะดีเนอะทศ ที่ไม่ได้ออกเป็นเพราะไม่กลัวเขาเล้ย”ไอ้เหี้ยเซนท์...

“หึๆๆ”ไอ้เหี้ยดีกับไอ้เหี้ยทศขำในลำคอพร้อมกัน

“ได้!คืนนี้เจอกันเวลาเดิม คนอย่างสมิธไม่มีคำว่ากลัวอยู่ในหัว”ฆ่าได้หยามไม่ได้ครับ

“กูจะรอ!”

++++++++++++++

“กินเสร็จแล้วไปส่งกูที่ C Club นะ”ผมเอ่ยขึ้นหลังทานของหวานเสร็จแล้ว วันนี้มันพาผมออกมากินข้าวเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมอ่ะครับ มือเรียวที่กำลังยกแก้วไวน์จิบชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะดื่มต่อราวกับไม่ได้ยินที่ผมพูด

“มึงได้ยินไหมเนี่ย”ผมถามย้ำ

“ได้ยินแต่ไม่ทำตาม”มันตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ

“กูรับปากเพื่อนไว้แล้ว!”ผมทำหน้ายุ่ง

“พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ไป”

“มึงขังกูมาเป็นสัปดาห์แล้วนะ!”ผมเริ่มขึ้นเสียงนิดๆ

“อยากโดนขังจริงๆไหมล่ะ?”มันวางแก้วไวน์ลงแล้วเอ่ยถามเสียงดุ ผมกัดปากนิดๆเพราะเถียงอะไรไม่ออก

“ไปแปบเดียวก็ได้”ผมพูดเสียงอ่อนลงนิด มันก็เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

“ถ้าพี่ให้ไปแล้วพี่จะได้อะไร?”มาอีกละ ไอ้ข้อแลกเปลี่ยนเหี้ยๆพวกนี้ แล้วมันยังเป็นคนบีบให้ผมต้องพูดเองด้วยนะ

“พรุ่งนี้ไปส่งที่สนามบิน”ผมหน้าหงิก คือนี่ยอมสุดๆแล้วนะ

“น่าสนใจ แต่ยังไม่มากพอ”มันกระตุกยิ้ม

“เอ๊ะ!มึงนี่!”ผมเริ่มจะโวย ชักเรียกร้องมากไปแล้วนะโว้ย

“ไปมาเก๊ากับพี่ไหม?”มันถามแต่สายตาบังคับไปมากกว่าครึ่ง

“ไม่ไป!”ผมปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด

“งั้นมิทตี้ก็ไม่ต้องไป”ผมกัดปากอย่างใช้ความคิด สุดท้ายก็เลือกหยิบโทรทัพท์ขึ้นโทรไปยกเลิกนัดกับไอ้เซนท์ ให้อยู่กับไอ้เหี้ยลุคตลอดเวลานี่ไม่ไหวจริงๆว่ะ

(เออว่าไง)ไอ้เซนท์รับสาย เสียงเพลงสอดแทรกเข้ามาบอกว่ามันถึงคลับแล้ว

“ที่นัดคืนนี้...”ผมชั่งใจว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี แต่ไอ้สัสเซนท์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

(จะยกเลิกอ๋อ? เฮ้ย!พวกมึงไอ้สมิธมันกลัวเมียว่ะ!)เสียงอะเซนท์เหมือนตะโกนคุยกับคนอื่น ซึ่งน่าจะเป็นไอ้ดีกับไอ้ทศนั่นแหละ

“ไอ้สัส!ไม่ได้กลัวโว้ย!!!กูจะบอกว่าเดี๋ยวกูรีบไป แค่นี้นะ!”ติ๊ด! กูพูดออกไปแล้ว!ไอ้ปากเหี้ยเอ้ย!

“หึ!”เสียงมาจากไอ้คนนั่งตรงข้าม

“กูยอมไปก็ได้”ผมพูดทั้งหน้าบึ้งๆ ยังไงก็ยอมให้ไอ้เหี้ยเซนท์หยามไม่ได้จริงๆว่ะ ทนๆไปกับมันสักวันแล้วค่อยหาข้ออ้างกลับก่อนก็ได้วะ

“ยอมคนอื่นไม่เป็นจริงๆนะเราน่ะ”มันส่ายหัวยิ้มๆแล้วเรียกคิดเงิน ผมไม่ได้พูดโต้อะไรกลับไปแค่นั่งกอดอกนิ่งๆอย่างไม่สบอารมณ์เท่านั้น

ใครว่ากูยอมใครไม่เป็น อย่างน้อยคนที่กูเคยยอมก็คือมึงไง...

+++++++++++++

“พี่ให้ไม่เกินเที่ยงคืน”มันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะเอ่ยสั่งผม

“ห๊า!นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วนะ!”

“ก็รีบกิน”

“ตี2เดี๋ยวให้ไอ้ทศไปส่ง”ผมต่อรอง

“ถึงห้องไม่เกินตีหนึ่งครึ่ง ต่อรองอีกไม่ต้องไป”มันยื่นคำขาด ผมจึงถอนหายใจใส่มันแรงๆอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นมาจอดหน้าคลับ จังหวะที่ผมกำลังจะลงจากรถมันก็คว้าแขนผมไว้ก่อน

“อะไรอีก”

“ตังค์พอใช้ไหม?เอาของพี่ไปใช้ไป”มันยื่นแบล็คการ์ดสีดำให้ง่ายๆราวกับไอ้บัตรนี่ราคาร้อยเดียว

“กูมี!ไม่ต้องมาทำเป็นสายเปย์ให้กูเลย”ไอ้ลุคทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจศัพท์วัยรุ่นไทยเท่าไหร่

“โอเค”มันทำท่าจะเก็บบัตรใส่กระเป๋าเสื้อแต่ผมก็รีบคว้าบัตรจากมือมันได้ก่อน

“กูเปลี่ยนใจแล้ว จะเอาไปเลี้ยงเพื่อนดีกว่า”ผมกระตุกยิ้มเมื่อคิดอะไรดีๆออก

“ตามใจ ปลอมลายเซ็นท์พี่เป็นอยู่ใช่ไหม?”ผมพยักหน้ารับ หึๆเดี๋ยวรู้กัน

หลังจากนั้นผมก็ลงจากรถแล้วก็เดินเข้าคลับไอ้ดีไปด้วยความสบายใจ แต่ก่อนที่จะเดินขึ้นชั้น3ที่พวกไอ้ทศรออยู่ ผมก็แวะไปข้างเวทีก่อน

“พี่โจ้หวัดดีครับ”ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ที่เป็นนักร้องประจำร้าน ตอนนี้พวกเขาคงกำลังเตรียมขึ้นเวที

“อ้าวสมิธ หวัดดีมึงๆ พวกไอ้ดีอยู่ด้านบนนะ”

“รู้พี่ แต่ผมขอยืมเวทีแปบหนึ่งดิ”

“ทำไมวะ?”

“เดี๋ยวพี่ก็รู้”ผมพูดยิ้มๆ

“เออไปๆเร็วเลยนะมึงใกล้เวลาพวกกูจะต้องขึ้นแล้ว”ผมยกนิ้วโอเคให้แกก่อนจะเดินไปขึ้นเวที ดีเจที่เห็นสัญญาณจากผมก็ปิดเพลง ทำให้เหล่านักท่องราตรีที่กำลังเต้นอยู่หยุดชะงักไปอย่างเสียอารมณ์

“อะแฮ่มๆ สวัสดีครับเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลาย ต้องขอโทษจริงๆที่ผมมาขัดจังหวะความสุขของทุกท่าน”ผมพูดใส่ไมค์ แทบจะทั้งร้านที่หันมามองผม รวมทั้งไอ้พวกเพื่อนเหี้ยที่(น่าจะ)มองลงมาจากในห้องชั้นสามด้วย หลายๆคนพึมพำด่า บางคนก็ตะโกนใส่ แต่ผมก็พยายามระงับอารมณ์เพราะอยากทำเป้าหมายให้สำเร็จก่อน

“ช่วยหยุดด่าผมก่อนๆผมมีข่าวดีจะมาบอก สำหรับทุกคนที่มาคลับในวันนี้ คืนนี้กินฟรีไม่อั้น!ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท ผมเลี้ยงเอง!”

“เฮ้!!!!”เสียงโห่ร้องดังขึ้นคับร้าน บางคนก็ตะโกนถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ผมชื่อสมิธ ถ้าคืนนี้ใครโดนเก็บตังค์มากระทืบผมได้เลย ขอบคุณครับ!”พูดจบก็เดินลงจากเวที ขนาดพี่โจ้ยังเดินเข้ามาถามผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ที่มึงพูดจริงเหรอวะ?”

“จริงดิพี่ ผมจะล้อเล่นให้คนมากระทืบผมเล่นหรือไง”

“มึงไปรวยมาจากไหนวะ”

“มีคนอยากเปย์ ผมเลยจัดให้มันซะหน่อย ไปล่ะ”ผมไม่ได้พูดคลายสงสัยให้กับพี่โจ้มากนักก็รีบเดินเบียดผู้คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังขึ้นไปยังชั้นสาม และทันทีที่เปิดประตูไปห้องประจำที่ชอบมานั่งดื่ม ไอ้เซนท์ก็รีบพุ่งเข้ามาหาผมทันที

“ไอ้เหี้ยสมิธธธธธ มึงรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป!”

“รู้ดิ นี่ยังไม่ได้แดกเหล้าสักแอะ”

“มึงคิดว่ามึงต้องจ่ายเท่าไหร่ห๊ะ!”ไอ้เซนท์ทึ้งผมตัวเองอย่างเสียดายเม็ดเงินที่ผมจะสูญเสียในคืนนี้

“เท่าไหร่วะไอ้ดี?”ผมหันไปถามไอ้เจ้าของร้าน

“ปกติวันศุกร์คนเยอะก็4-5แสน แต่ถ้ามึงบอกเลี้ยงก็อาจจะเหยียบล้าน”ไอ้ดีตีค่าเงินกว้างๆให้ ผมก็พยักหน้ารับรู้

“คิดว่าจะเยอะกว่านี้ซะอีก”ผมอยากผลาญมันให้หมดบัญชีธนาคารเลย

“มึงถูกลอตเตอรี่มาหรือไง?”ไอ้เซนท์ถามอย่างสงสัย

“เปล่านี่ กูแค่เก็บบัตรได้”ผมชูบัตรในมือให้ไอ้เซนท์ดู

“ไอ้เหี้ย!เดี๋ยวเขาก็แจ้งตำรวจจับมึงหรอก”

“ก็ลองแจ้งดูสิ ถ้ามันกล้าพออ่ะนะ”ผมกระตุกยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะรั้งคอไอ้ตี๋ไปนั่งที่โซฟา แล้วยัดเหล้าใส่ปากมันให้หุบปากซะที

ผมดื่มไปเยอะมากเพราะเก็บกดไปหลายวัน ซัดเอาๆหมดไปสามกรมแล้ว หลายโต๊ะที่เช็คบิลไปผมก็ให้ลงบัญชีผมไว้จริงๆนะครับ เท่าที่ทราบครั้งสุดท้ายก็เกือบห้าแสนเข้าไปแล้ว

“งืมๆกี่โมงล้าววว”ผมเอ่ยถามเพื่อนเสียงยานคางเล็กน้อย(?)ภาพเริ่มเบลอซ้อนๆหัวก็มึนแบบเต็มที่แล้วครับ

“ตี1ละ”เสียงใครสักคนในกลุ่มพูดขึ้น

“ง่ะ เรวววจางงง ไอ้ทศพากูกลาบหย่อย”ผมคว้ามือสะเปะสะปะไปหาไอ้ทศ

“ไอ้เหี้ยสมิธเมาฉิบหายวันนี้”กูได้ยินนะ

“ก็แดกให้มาววว แดกเหล้าไม่มาววมึงจาแดกทะมายยย”

“เหอะๆ”

“อ้ายดี กูจาจ่ายตางงง เท่าหร่ายย”ผมชูแบล็คการ์ดร่อนไปร่อนมา

“ตอนนี้หกแสนกว่า”

“มึงอาวไปเลยล้านนึง เผื่อๆเพ่รวยยย”

“พี่น่ะมึง หรือผัว?”เอ๊?มีใครหลอกถามอะไรผมรึเปล่านะ

“ผัวก็คือผัว ม่ายช่ายเพ่”กูน่าจะเมามากจริงๆตอนนี้ พูดอะไรไปแม่งไม่รู้ตัวเลย

“หึๆ ไอ้ทศมึงพามันกลับเถอะ”

“เออ เดี๋ยวกูให้ผัวมัน...พี่กูมาจ่ายทีหลัง”

“อืมๆไม่รีบ อยากเห็นหน้าอยู่เหมือนกัน”

จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีคนพยุงเดิน ความรู้สึกเหมือนเดิมอยู่บนเชือกเส้นเดียวอ่ะ อยากอ้วกฉิบหาย

“กูจะอ้วกกกกก”

“ไปอ้วกที่ห้องพี่กู”เสียงไอ้ทศนี่

“กูอ้วกส่ายหน้ามานด้ายป่าววว”

“ตามใจมึงดิ”

“งืมๆเจอมานแล้วปลุกกูด้วยจาด้ายอ้วกส่ายมาน”

“เออ ระวังอย่างอื่นจะรดใส่ตัวมึงแทน”

++++++++++++++++++

อื้อ!ผมเอามือปัดสิ่งรบกวนที่เอาแต่กัดคอผมออกจากตัว แต่ไอ้ตัวนี้มันหน้าด้านมาก กัดคอผมที่หนึ่งเสร็จมันก็ย้ายไปกัดอีกที่หนึ่ง แถมยังมาเลียๆอีก

“มิทตี้ไหนว่าจะไปมาเก๊าด้วยกันไง?”เสียงนั่นกระซิบชิดใบหู ผมกับแก้มผมที่ยวบลงหลายที

“ง่วงงงง”ผมบอกออกไปตามความรู้สึกแล้วพลิกหน้าหนี แต่ไอ้ตัวนี่ยังตามมารบกวนผมอย่างไม่ลดละ ล่าสุดมันกัดปากผมแล้ว แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่แฮะ นุ่มๆหอมๆดี

“พี่ไม่อยู่อย่าออกนอกลู่นอกทางนะ”

“อื้อ”

“เมื่อคืนผลาญเงินพี่เล่นพอใจไหมดื้อ?”ฟอด! ขมับถูกหอมไปอีกที

“จิ๊!รำคาญ”ผมบ่นเมื่อได้ยินเสียงงุ้งงิ้งรบกวนข้างหูไม่หยุด

“เฮ้อ มาจูบทีดิ๊ จุ๊บ!”จากนั้นผมก็สัมผัสได้ว่าริมฝีปากถูกครอบงำไปหลายนาที ผมก็เคลิ้มนะ อยากลืมตาขึ้นดูเหมือนกันแต่ไม่ไหวว่ะ หัวหนักชิบเป๋งเลย

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายๆ ลูกน้องมันบอกว่ามันออกไปแล้วตั้งแต่เช้า ผมยิ้มดีใจอย่างลิงโลดที่ไม่ต้องไปกับมัน ผมกินยาแก้แฮงค์ อาบน้ำแล้วออไปกินข้าวข้างนอกกับไอ้ทศแล้วก็ไอ้น้องรันต์ ไปดูหนังก็ไปดูกันสามคน อย่าถามว่ารู้สึกเป็นส่วนเกินไหม? ผมเลยคำนั้นมานานแล้วครับ ฮ่าๆๆ

ตกเย็นผมกลับห้องไอ้เหี้ยลุคเพราะยังแฮงค์ไม่หาย ตอนแรกว่าจะไปต่อกับน้องจ๋าที่ไลน์มาชวนแต่ไอ้เหี้ยทศมองแรงมาก พร้อมบ่นๆๆเรื่องผมแฮงค์แล้วยังจะไปอีกนู่นนี่นั่น

เออ กูไม่ไปก็ได้วะ!

นั่งๆนอนๆดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย เสียงไลน์ก็ดังขึ้น

Primmi : *สติกเกอร์เด็กกระโดดมาสวัสดี*

เห...ใครวะ ถ้าเป็นหญิงที่ผมคุยด้วยผมปิดแจ้งเตือนไว้ทุกคนนะ

สะมุดสะมิด : *สติกเกอร์หมางง*

Primmi : พี่สมิธจำปริมได้ไหมคะ?

สะมิดสะมิด : ปริมที่มาขอไลน์พี่วันศุกร์ป่ะ?

Primmi : ช่ายยยยย
Primmi : ดีใจที่จำได้
Primmi : *สติกเกอร์เด็กกระโดดดีใจ*

ผมหลุดขำนิดๆก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

สะมุดสมิธ : ลืมได้ไง เราน่ารักขนาดนี้

Primmi : ...ไม่แซวดิ
Primmi : เขิน

สะมุดสะมิด : ได้ไอดีไปตั้งแต่เมื่อวานทำไมเพิ่งทักมา

Primmi : ก็ไม่กล้า...

ผมไม่ได้ตอบปริมในทันที แต่เลือกเปิดแชทของคนอื่นขึ้นมาตอบสลับกันไป เธอคงเห็นผมยังไม่ตอบอะไรเลยไม่ได้ส่งมาหาอีก ปกติผมก็คุยทีละหลายคนนะไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนหรอก สาวๆส่วนใหญ่ที่ผมคบด้วยจะเข้าใจตรงกันว่าเราคบกันแค่สนุกๆ แต่กับปริมดูท่าแล้วเธอคงไม่ได้คิดแค่ฉาบฉวย

คนแบบปริมผมก็เจอมาเยอะ แต่ส่วนมากผมจะตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เป็นการให้ความหวังพวกเธอ ตอนนี้ผมยังไม่อยากมีใครน่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้ปริมก้าวล้ำเส้นมานิดหน่อย

ดูๆไปอีกนิดก็แล้วกัน

++++++++++++++++
ชีปริมโผล่แล้วจ้ะ แต่ก็ไม่ต้องไปโฟกัสมาก เรื่องนี้นางแค่ตัวประกอบแต่ก็สำคัญ(?) ตอนนี้เฮียก็ยังใจเย็นอยู่ แต่ตอนหน้าจะมีคนเจ็บตัว หึๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หรือชะนีน้อยตัวนี้ จะเป็นตัวเดียวที่ได้เป็นแฟนสมิธ  :hao3:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ง่อว ตอนหน้าจะมีคนเจ็บตัวล่ะ ใครน่อ? :katai3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มิทตี้หาเรื่องเจ็บตัวนะเรา

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบครับ
รอตอนต่อไป


        :mc1:

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ถ้าพี่จะยังอ้อล้อน้อง ทั้งๆที่เพิ่งเสียเงินล้านไปเมื้อคืนแบบเน้.............
สงสัยกลับมามิทตี้มีเปลืองตัว  :mew4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด