Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END  (อ่าน 199303 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตามมาอ่านนน วาน่ารักอ้ะ

ออฟไลน์ ดอกรัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
 :z3: รีบมาต่อได้นะคะ ค้างเหลืออด อยากรู้เรื่อวราวต่อไปแล้วนะ :ling1:

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
:กอด1: :กอด1:

คิดถึงผู้อ่านทุกคนเลย
แวะมาเสริฟตอนต่อไปจ้า

 :mew3: :mew1: :mew3:

ออฟไลน์ waiman

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
Embrasse-moi the Series
Mon Fian
 :L2:
Chapter 6
มีคู่ตุนาหงัน (3/3)

“อ้าวตื่นเต้นอยู่ทำไม ตามมาสิ เดี๋ยวคู่หมั้นนายรอนาน” เสียงนาวาเรียกผมให้เดินตามไป เด็กคนนั้นยืนอยู่บนขั้นบันไดหินอ่อนที่ทอดตัวสู่ประตูบ้าน รอยยิ้มเล็กๆของเขาทอดมาที่ผม แม้เด็กคนนี้จะดึงดูดสายตาเวลายิ้มแต่รอยยิ้มแบบนี้กลับทำผมใจแป้ว เขาก็น่าจะรู้ว่าผมไม่อยากหมั้น ใจผมสั่นแปลกๆจับจังหวะได้ว่าเป็นท่วงทำนองกล้าๆกลัวๆ นาวาจะพูดจริงหรือพูดเล่นก็สุดจะรู้

“อย่ามาอำกันเล่นนะเตี้ย ไม่สนุกด้วยนะ” ผมตอบเขา ทำท่าจะหันหลังเดินกลับไปที่รั้วบ้าน แต่มือนุ่มของเด็กหนุ่มตรงหน้าคว้าแขนผมไว้เสียก่อน นาวาจูง ไม่สิ นาวาฉุดข้อมือผมแล้วลากเข้าบ้านไป ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของไอ้เด็กแสบ ยิ่งทำให้ผมสังหรณ์แปลกๆว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างรอผมอยู่แน่ๆ

เมื่อเดินผ่านประตูไม้ประดับแก้วสลักลายเถาวัลย์ชดช้อย พวกเราก็พบกับคนในบ้านที่มายืนต้อนรับ ผมประหลาดใจไม่น้อยเมื่อบรรดาสาวใช้และบอดีการ์ดที่ยืนต้อนรับขนาบอยู่ทั้งสองข้างโค้งให้กับเด็กแว่นที่เดินนำผมอยู่

“คุณหนู…” เสียงสั่นเครือของหญิงวัยห้าสิบดึงดูดความสนใจของผม “นานเท่าไหร่แล้วคะ นานเหลือเกิน อิฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณหนูเสียแล้ว…”

“ตอนนี้ตวงก็เจอฉันแล้วนะ” นาวายิ้มให้กับหญิงคนนั้น

“น้อยๆหน่อยเถอะ พวกแกเลี้ยงเสียข้าวสุก ทีฉันกลับบ้านไม่เคยออกมาคอยท่ากันอย่างนี้” เสียงหนึ่งโวยวายมาจากด้านหลัง เห็นเป็นหญิงวัยสี่สิบต้นๆที่ยังสาวไม่สร่าง น้ำเสียงทรงอำนาจของเธอทำเอาคนใช้ที่ยืนขวางอยู่ถึงกับรีบหลบให้พ้นรัศมีความกราดเกรี้ยว

“คุณวิ” นาวาเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าเฉยเมย ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุระหว่างสองคนนี้

“กลับมาคราวนี้หวังว่าคงอยู่ไม่นาน” คุณวิเชิดหน้าใส่เจ้าแว่น

“อ้าวนึกว่าใคร” เสียงสดใสของเด็กหนุ่มร่างโปร่งเดินลงมาจากบันไดเรียกให้ทุกคนหันไปมอง “My stepbrother has
eventually returned home. Welcome back.”

เด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้นเดินมาเกาะแขนคุณวิและหันไปพูดกับเธอ

“วันก่อนกรเจอพี่วาที่ห้างด้วยแหละคุณแม่ กรบอกข่าวเรื่องคุณย่า ดูสิ พอรู้ว่าคุณย่าเสียก็รีบแจ้นเสนอหน้ามารับมรดกทันที จะได้สักสลึงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“กร” เสียงดุของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น คล้ายต้องการปรามให้กรหยุดถากถางเจ้าแว่น

ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตกรมท่า ใบหน้าคมเข้มรับกับไรหนวดเขียวหันมาสนใจนาวา

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับน้องวา” ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี่ขึ้นมาตงิดๆ ไม่รู้เพราะอะไร

“คุณศิวา ไม่เจอกันนานนะครับ” นาวาพูดกับไอ้หน้าหนวดนั่น

“ศิวาอะไรกัน เรียกพี่เติร์กเหมือนเดิมเถอะ”

“พี่เติร์กจะยืนอยู่อีกนานไหม คุณทนายรอนานแล้ว” กรโวยวายกับนายศิวา

“เข้าไปห้องมุกกันเถอะ” ไอ้หนวดชักชวนนาวา

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่มีตัวตน รู้สึกงงเหมือนเริ่มดูหนังตรงกลางเรื่อง ผมไม่มีโอกาสได้ถามไถ่อะไร ไม่มีแม้แต่โอกาสทักท้วงใดๆ มือเล็กๆของนาวาดึงผมไว้ให้เดินแนบข้าง แต่สิ่งที่แปลกไปคือแรงบีบรัดของมือน้อยข้างนั้น เหมือนเด็กหลงทางที่ต้องการที่พึ่ง ผมอาจรู้สึกไปเอง แต่ผมกลับคิดว่าแรงที่จิกลงมาเป็นการจับฉวยหาที่ยึดเหนี่ยว ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่เผชิญคำถากถางพวกนั้น ผมว่าเด็กคนนี้กำลังหวาดไหว


ห้องมุก ประดับประดาไปด้วยมุกสมชื่อ ตั่งมุกใหญ่ลายดอกไม้สลักชดช้อยงามงดขนาดนั้นน่าจะเป็นของโบราณเพราะสมัยนี้ชาช่างฝีมือดีงานละเอียดแบบนี้ได้ยาก ข้างตั่งจีนขนาดใหญ่มีโต๊ะไม้สลักวางเครื่องสังคโลกเส้นสายสวยงามสีสดบาดตา เดินผ่านฉากมุกไม้พยุงเข้าไปพบว่ามีคนรอยู่ในห้องอยู่แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งผมพอจะทราบว่าเป็นทนายชื่อดังกำลังนั่งง่วนอยู่กับกองเอกสาร แต่สองคนที่นั่งถัดจากคุณทนายคนนั้นเป็นสองคนที่ทำผมประหลาดใจที่สุด

“อาม่า เจ้” ผมอุทานอย่างตกใจ นี่ถือเป็นประโยคแรกของผมตั้งแต่ที่เข้าบ้านดรุณาทรก็ว่าได้

“สวัสดีค่ะคุณหญิง” คุณวิยกมือไหว้อาม่า “คุณพลอยลดายินดีต้อนรับนะคะ” แล้วเธอก็หันไปทักทายเจ้ผม

“รบกวนคุณหญิงแย่เลยนะคะ ต้องมานั่งฟังการเปิดพินัยกรรม” คุณวิยังคงว่าพูดไปเรื่อย

“ไม่รบกวนอะไรหรอก รำไพกับฉันเป็นเพื่อนกันมานานไหว้วานเรื่องแค่นี้ฉันไม่ขัดข้องอะไร” อาม่าตอบคุณวิ

ทุกคนนั่งจับจองเก้าอี้ของตัวเอง ผมนั่งลงข้างนาวา เด็กแว่นนั่งตรงข้ามกับอาม่า

วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเหงื่อตก

ก่อนหน้านี้นาวาบอกผมว่าจะพามาบ้านคู่หมั้น แล้วผมก็จับพลัดจับผลูมานั่งอยู่ในห้องมุกของบ้านดรุณาทรตระกูล
อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ ผมสอดส่ายมองหาคนที่พอจะเป็นคู่หมั้นผมได้ คุณวินั่นเหรอ เห็นที่จะแก่เกินไปแถมมีลูกแล้วด้วยจะหมั้นกันไปได้ยังไง หากคู่หมั้นผมอยู่ที่นี่จริงๆอย่างที่นาวาว่าคงไม่แคล้วเป็นหนุ่มร่างโปร่งคนนั้น หรือไม่ก็ไอ้หนวด ไม่ๆๆๆ สมองผมกำลังสับสน งุนงงไปหมดแล้ว ให้ตายยังไงผมก็ไม่หมั้นกับคนบ้านนี้เด็ดขาด

“สวัสดีครับคุณหญิงผกา” นาวาไหว้อาม่า

“ได้เจอกันเสียทีนะ รำไพพูดถึงหนูให้ฉันฟังบ่อยๆ” อาม่ายิ้มเอ็นดู ไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นอาม่ายิ้มแก้มแทบปริแบบนี้

“คุณย่า… พูดถึงผมเหรอครับ” นาวาถาม

“จ่ะ รำไพคงคิดถึงหนูมาก” ผมว่าคำพูดของอาม่าทำเด็กแว่นของผมหน้าสลดไปหน่อย อาม่าถอนหายใจยาว “เราไม่พูดเรื่อง
เศร้าๆดีกว่า เป็นไงจ๊ะหนูวา ตาเพชรแกล้งอะไรบ้างหรือเปล่า” 

“ห๊ะ” ผมได้ยินเสียงตัวเองพุดอีกครั้ง “ผมจะไปแกล้งอะไรเล่าอาม่า ไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย” ผมแก้ตัวไปทำไมไม่รู้ ร้อนตัว
เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่อยากจะบอกให้อาม่ารู้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรไอ้เตี้ยเท่านั้นเอง

“นี่คือ…”คุณวิแทรกถาม เธอหันหน้ามองผมอย่างสงสัย

“ตรีเพชร น้องชายพลอยเองค่ะคุณวิ” เจ้ตอบคุณวิ

“อ๋อ ถึงว่าทำไมคุ้นๆ เห็นออกงานกับคุณหญิงสองสามครั้ง”

ผมยิ้มเป็นมิตรไปให้เธอ แต่เกือบหุบยิ้มไม่ทันเมื่อเห็นสายตาเย็บเยือกของไอ้เตี้ยที่ส่งมาทางผมเป็นนัยว่าให้หยุดยิ้มซะไม่งั้นผม
จะโดนมันตบกระบานภายในไม่กี่อึดใจ หยุดก็ได้วะ ไม่กลัวหรอก แค่เกรงใจเท่านั้น

“นี่วรากรค่ะลูกชายคนเล็ก” คุณวิแนะนำเด็กหนุ่มร่างโปร่งหน้าตาเกลี้ยงเกลาคนนั้นให้ทุกคนรู้จัก “แล้วนี่ศิวา ลูกชายคนโตค่ะ”

“ผมพอมีโอกาสได้ร่วมงานกับทางวรจักรกรุ๊ปอยู่บ้าง คนของคุณหญิงมีฝีมือเครือตัวเลยนะครับ” นายเติร์กอะไรนั่นคุยกับอาม่า
อย่างกับเป็นนักธุรกิจใหญ่โต ก็แค่หนึ่งกรรมการบริหาร ข่าวว่าเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง คาดว่าจะเป็นนักบริหารที่ดีในอนาคต
หลายคนเล็งว่านายคนนี้จะขึ้นมาเป็นประธารบริษัทแทนคุณหญิงรำไพที่เพิ่งเสียชีวิตไป ไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้หนวดวางท่าคนนี้
ผมเทพกว่าเห็นๆ ผมคิดเช่นนั้น

“ศิวาก็ชมเกินไป” อาม่าว่า “รำไพบอกฉันว่าเพราะได้เธองานในบริษัทจึงไม่ขัดข้องนัก”

ไอ้หนวดยิ้มเล็กน้อยให้คุณอาม่า แล้วหันมาสนใจเจ้าแว่นที่นั่งข้างผม “แล้วน้องวาล่ะ ไม่เจอกันนาน สบายดีนะครับ”

“ครับ” นาวาตอบเฉยเมย “ขอบคุณที่เป็นห่วง”

คุณวิกระแอมเรียกความสนใจ “ดิฉันว่าเราเริ่มกันเลยดีไหมคะคุณทนาย”

ทนายหนุ่มกระชับเนคไทเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุขุม

“ครับ ในเมื่อทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพินัยกรรมของคุณหญิงรำไพมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ผมขอเปิดพินัยกรรมของ
คุณหญิงท่านเลยนะครับ”

บรรยากาศความเงียบโรยตัวลงมา เวลานั้นผมเกิดข้อสงสัยมากมาย ข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเด็กแว่นที่นั่งข้างๆผม เด็กคนนี้
เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านหลังนี้ ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับผมและไปรู้จักกับอาม่าได้อย่างไร แต่ดูเหมือนทุกคนจะตั้งใจรอฟังคุณทนายกันหมดแล้ว ผมเลยต้องสลัดความสงสัยทิ้งไปเสียก่อน

“พินัยกรรมฉบับนี้เขียนขึ้นในห้องที่โรงพยาบาลสามอาทิตย์ก่อนคุณหญิงรำไพจะถึงแก่อนิจกรรม โดยมีคุณหญิงผากและคุณ
พลอยลดาเป็นพยาน ต่อไปนี้ที่ผมจะอ่านคือเนื้อความของพินัยกรรมของคุณหญิงรำไพ…”

“…ขณะทำหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ และมีความประสงค์ที่จะพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นไว้ เพื่อแสดงเจตนาจัดการยกทรัพย์สินของข้าพเจ้าทั้งหมดที่มีอยู่และจะมีต่อไปในอนาคตให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้

ข้าพเจ้าขอยกปางไม้ในจังหวัดลำปาง รีสอร์ตที่กำลังก่อสร้างในจังหวัดภูเก็ต และเงินสดมูลค่าสี่สิบล้านบาทให้แก่ นาย ศิวา ก้องการุณ บุตรบุญธรรมของนาย สุวิศิษฏ์ ดรุณาทรผู้เป็นบุตรชาย เพื่อเห็นแก่ความมุมานะในการตั้งใจทำงาน…”

ผมเหลือบเห็นคุณวิและวรากรยิ้มดีใจใหญ่ที่นายเติร์กได้มรดกจากคุณหญิงรำไพไปเยอะพอควร จะมีก็แต่นายคนนั้นที่ไม่หือไม่อือกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ ตาคมของไอ้หนวดจับจ้องมาที่นาวาไม่สนใจฟังคุณทนายแม้แต่น้อย

“…ข้าพเจ้าขอยกเงิดสดมูลค่าห้าสิบล้านบาท และที่ดินแถวนทบุรีจำนวนสี่ไร่ให้นาย วรากร ดรุณาทร หลายชายคนเล็กของข้าพเจ้า และเงินสดมูลค่าสี่สิบล้านบาทให้นาง วิลาสินี ดรุณาทร…”

คุณทนายเว้นช่วงไว้แค่นั้น พลางพลิกกระดาษต่อไป ผมว่าคุณวิคงอดใจทนรอไม่ได้เลยถามโพล่งออกมา

“แล้วยกอะไรให้น้องกรกับฉันอีกคะคุณทนาย” ท่าทางคุณวิตื่นเต้นจนเก็บไว้ไม่อยู่

“มีเท่านี้ครับ” ทนายหนุ่มตอบ

“เท่านี้?” คุณวิร้องเสียงหลง “แล้วที่เหลือละคะ!”

คุณทนายอ่านข้อความในพินัยกรรมต่อไป

“…ข้าพเจ้ามีความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลหลานชายคนโตของตัวเอง ด้วยการนี้ข้าพเจ้าจึงของยกเครื่องเพชร เครื่องทอง หุ้นส่วนในบริษัทดรุณาทร และหุ้นในบริษัทต่างๆที่ข้าพเจ้าถืออยู่ทั้งหมด บ้านดรุณาทรพร้อมที่ดินและที่ดินที่ข้าพเจ้าถือครองที่เหลือขอยกให้แก่นาย นาวา ดรุณาทรแต่เพียงผู้เดียว”

“เป็นไม่ได้” คุรวิเหว “คุณทนายเอาอะไรมาพูด แม่ของเด็กคนนี้ไม่ได้ถือทะเบียนสมรสกับสามีดิฉันแล้ว เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบ้านนี้อีกแล้ว ทรัพย์สินต้องตกเป็นของวรากรถึงจะถูก”

“ก่อนคุณสุวิศิษฏ์เสียชีวิต คุณหญิงรำไพยังไม่ได้จัดการยกอะไรให้ใครเลยครับ ดังนั้นทรัพย์สินทุกอย่างของดรุณาทรจึงเป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวของคุณหญิง”

“ฉันไม่เชื่อ พินัยกรรมต้องผิดพลาดอะไรบางอย่างแน่ๆ” คุณวิยังไม่ลดละ

“ไม่หรอก ฉันเป็นพยานได้” อาม่าเอ่ยขึ้น ทำเอาคุณวิต้องรีบเก็บอารมณ์ เธอคงกลัวเสียมารยาทต่อหน้าอาม่าของผม

ผมดีใจกับเจ้าแว่นเหลือเกินครับ ใครๆก็รู้ตระกูลหมื่นล้านอย่างดรุณาทรลองได้มรดกที่เหลือดูสิ ไหนจะได้บริษัท เครื่องเพชร บ้าน รถอีก

“แต่ทรัพย์สินทั้งหมดที่ยกให้คุณนาวามีเงื่อนไขนะครับ” ทนายหนุ่มหันมาพูดกับเด็กแว่นที่นั่งตัวแข็งทื่อ

ทนายก้มอ่านเนื้อความในพินัยกรรมต่อไป “ โดยมีข้อแม้ว่าหลายชายคนโตของข้าพเจ้า นาย นาวา ดรุณาทร จะต้องหมั้นหมาย
กับนาย ตรีเพชร วรจักรโสภณ ทายาทของเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าจนกว่าทั้งคู่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ทรัพย์สินจึงจะตกเป็นของนายนาวา ดรุณาทรอย่างชอบธรรม ระหว่างนั้นข้าพเจ้าขอให้คุณหญิงผกาผู้เป็นเพื่อนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินในส่วนของนายนาวา…”

“อะไรนะ?!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ

“ตาเพชร เสียงดัง” อาม่าดุผม

“อาม่าที่ว่าหมั้น…” ผมไปต่อไม่ถูก มันมีคำถามมากมาย แต่ผมกลับไม่สามารถกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ ผมเลยใบ้รับ
ประทานต่อหน้าธารกำนัลเหล่านี้

“ขอตัวคุณเพชรสักครู่นะครับ” นาวาพูดกับทุกคน ก่อนจะหันมากระซิบกับผม “ตี๋ มาคุยด้วยกันก่อน” เด็กบ้าอำนาจลากผมออกมา
หลังฉากมุกไม้พยุง

“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นนะ” นาวากระซิบบอกผมแล้วฉวยโอกาสพูดต่อโดยผมขัดเสียไม่ได้ “นายต้องหมั้นกับฉัน อันนี้ฉันไม่ได้ขอร้องแต่ฉันกำลังบังคับ คิดดูนะไอ้ตี๋ ถ้านายไยอมหมั้นนายโดนเฉดออกจากกองมรดกที่บ้านนาย แต่ถ้านายหมั้นนายก็ได้ทุกอย่างไป วิน วิน กันทั้งคู่ อ้ออีกอย่าง อย่างที่คุณทนายว่าแค่รอจนกว่าเราจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นฉันถอดหมั้นให้นายแน่ แล้วนายจะไปเสวยสุขกับสาวที่ไหนก็เชิญ เข้าใจไหม?” นาวาทิ้งท้ายการบังคัญขู่เข็ยด้วยคำถาม หูผมดับไปตั้งแต่ทนายประกาศเรื่องหมั้นหมายแล้ว

“วะ ถามก็ไม่ตอบ เข้าใจไหม” นาวาเหวเบาๆ

“อ่ะ เอ่อ..”

“หนึ่ง สอง สาม” นาวานับเร็วไม่เว้นจังหวะหายใจ “ไม่ตอบแสดงว่านายตกลงละนะ งั้นกลับไปนั่งกันได้”

มีงี้ด้วย บังคับคนอื่นเสร็จสรรพ ตัวเองก็เดินวางท่าออกไปเลย

“เตี้ยรอด้วย” ผมเผลอยิ้มออกไปทั้งที่ยังงงๆ มาขอหมั้นกันดื้อๆแบบนี้พาลให้คิดถึงตอนเช้าที่ผมงัวเงียตื่น ผมจำไม่ได้ว่าพูดอะไร
กับเจ้าเตี้ย แต่พอมาเจอเหตุการณ์ฉายซ้ำแบบนี้ก็พาลให้คิดออกว่าตอนเช้าผมละเมอตกลงหมั้นหายกับใครไป ตอนนั้นก็ตอบไปแล้วนี่หว่าจะมาบังคับอะไรอีก

“ผมกับคุณเพชรไม่มีปัญหาเรื่องเงื่อนไขของคุณย่าครับคุณทนาย” นาวาเอ่ยขึ้นเมื่อกลับไปนั่ง ผมเหลือบเห็นอาม่านั่งยิ้มน้อยยิ้ม
ใหญ่ ตกลงคนที่อาม่าบังคับให้ผมหมั้นคือไอ้เตี้ยนี่เหรอ ถ้ารู้งี้นะ….

“ได้ไงครับคุณทนาย ผู้ชายสองคนหมั้นกัน” นายเติร์กพูดขึ้น ไอ้หนวดนี่ขัดอารมณ์ผมจริงๆ

“มันเป็นเงื่อนไขของคุณหญิงท่านครับ” ทนายตอบ

“คุณหญิงผกาก็ไม่เห็นด้วยใช่ไหมคะ ดิฉันว่าทายาทผู้ชายหมั้นกันแบบนี้ท่าจะเป็นข่าวไม่ดีกับสองตระกูลนะคะ” คุณวิคุยกับอาม่
าผม

“ฉันไม่ถือค่ะ อีกอย่างฉันต้องเห็นด้วยสิเพราะตอนรำไพเขียนพินัยกรรมฉันก็อยู่ คุณทนายก็อยู่ พลอยลดาก็อยู่” อาม่าเอ่ย

“เนื้อความในพินัยกรรมก็มีเท่านี้ ทุกท่านคงกระจ่างในส่วนที่ตัวเองได้รับจากพินัยกรรมกันแล้ว ผมคงต้องขอตัว” คุณทนายเก็บ
เอกสารและขอตัวออกไป

“เติร์ก.. แม่จะเป็นลม พาแม่ไปพักหน่อย” คุณวิเอ่ยด้วยเสียงระโหย นายเติร์กจึงประคองคุณวิและมีวรากรคอยกุมมือแม่ไม่ห่าง ทั้งห้องจึงเหลือแค่คนที่ผมคุ้นเคย

“อาม่า เจ้พลอย ทำไมไม่บอกผม” ผมพูดขึ้นทำลายความเงียบ

“ไม่บอกเพชรเรื่องอะไร” พี่สาวผมลอยหน้าลอยตาถาม

“ก็เรื่องหมั้น” ผมแจง

“ก็บอกแล้ว เพชรไม่ยอมฟังรายละเอียดเอง มัวหนีอย่างเดียว” เจ้พลอยพูดกับผมแบบไม่ใส่ใจ แล้วหันไปคุยกับนาวา “น้องวาคง
ลำบากแย่ เห็นว่าตาเพชรแอบหลบคนของอาม่าไปอยู่ที่ห้องเหรอ”

“อ่อ ครับ” นาวายิ้มเขินๆ

“เดี๋ยวก่อน” ผมไม่ยอมนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอีกต่อไปแล้ว ได้เวลาผมซักถามบ้างละ “อาม่ากับเจ้มาที่นี่ได้ไง รู้ได้ไงว่าผมมาที่นี่”

“ฉันก็มาธุระเรื่องพินัยกรรมนี่แหละ แค่รู้ว่าแกจะมาด้วยก็เลยวางใจไม่ต้องให้คนไปตาม” อาม่าว่า

“แล้วอาม่ารู้ได้ไง” ผมถาม

“หนูวาโทรมา” อาม่าตอบ

“อ๋อตอนนั้น” ผมหันมาคาดโทษไอ้เตี้ย “ที่ยืมโทรศัพท์ไปคือเอาไปโทรหาอาม่านั่นเอง แผนสูงนักนะเตี้ย”

“ตาเพชรอย่าดุน้อง” อาม่าว่าผม

“ดูท่าตาเพชรจะจนมุมนะคะอาม่า” เจ้พลอยหัวเราะคิกคัก

“พอเลยทั้งสองคน ไม่สิ ทั้งสามคน หลอกผม”

“ไม่ได้หลอก” นาวาพูด

“นายน่ะตัวดีเลย” ผมพูดกับนาวาแล้วหันไปสนใจอาม่ากับเจ้พลอย “แล้วคราวนี้อาม่ากับเจ้จะคืนทุกอย่างที่ยึดไปได้หรือยัง รถ
ผมน่ะ บัตรกดเงินผมด้วย”

“ยังจะมาคิดถึงเรื่องนี้อีก” เจ้ดุผม

“ฉันไม่ปล่อยให้แกดูแลหลานสะใภ้ฉันอดๆอยากๆหรอกนะ” คำพูดของอาม่าทำเอา ‘หลานสะใภ้’ หน้าแดงวางตัวไม่ถูก ท่าจะ
แสลงคำนี้ไปอีกนาน

คืนทุกอย่างที่ยึดไปเสียก็ดี ผมคิดถึงลูซี่รถยนต์สุดรักของผมเต็มแก่

“หนูวา” อาม่าคุยกับหลานสะใภ้ “วันก่อนอาม่ากับพี่พลอยไปหาแม่หนูที่เชียงใหม่” นั่นสิ ผมถึงว่าช่วงที่สองคนนี้บอกผมว่าไปดู
งานต่อเติมโรงแรงที่เชียงใหม่มันทะแม่งๆ งานแค่นี้ทำไมต้องไปกันตั้งสองคน ให้คนอื่นไปดูแลก็ยังได้ ที่ไหนได้แอบไปคุยกับแม่ของนาวา อาม่ากับเจ้ผมทำตัวน่ากลัวลึกลับเข้าไปทุกที

“แต่อาม่าก็อยากจะพูดกับหนูอีกที หนูไม่ต้องห่วงนะลูก รำไพกับอาม่าเป็นเพื่อนรักกันมานาน เขาฝากฝังหนูไว้ อาม่าพี่พลอย แล้วก็พี่เพชรจะดูแลหนูเองนะลูก”

“…เอ่อ ขอบคุณครับ” เด็กแว่นเอ่ยนอบน้อม

“ส่วนฤกษ์งานหมั้นพี่กับอาม่าจะไปจัดการอีกที” พี่สาวผมพูดขึ้นมาบ้าง

“ผมขออะไรสักอย่างได้ไหมครับ” นาวาเอ่ยขึ้น “เรื่องงานหมั้น ผมขอจัดแบบเงียบๆเชิญเฉพาะผู้ใหญ่กับแขกที่สนิทเท่านั้น”

“ได้จ่ะ” เจ้ยิ้มรับ

“งั้นเหลืออีกอย่างที่ทั้งสองคนต้องตัดสินใจ” เจ้พลอยว่า “เรื่องเรือนหอ”

“เพราะตาเพชรกับหนูวาต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน” อาม่าแจง

ผมตกใจตั้งตัวไม่ติด อะไรน๊ะ เข้าหอเหรอ

เรือนหอของเราสองคน?!


 :hao7: :hao7: :hao7:

 

ออฟไลน์ junpa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
“เพราะตาเพชรกับหนูวาต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน”

อ่านแล้วเขิน  :-[ :-[ :-[

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
ว๊ายยยยยยยย อึ้งเลยดิๆ
ย้ายไปอยู่ด้วยกันนน ง่อวววว
รักษาภาพพจน์เก็บไม่อยู่อะดิๆ เห็นนาวาได้เยอะกว่างี้ เหอๆ
ต่อไปจะโดนอะไรอีกนะน้องวาา

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
แล้วอย่าลืมเฉดหัวพวกที่อยู่ออกให้หมดด้วยนะ อย่ามานางเอกให้เค้าอยู่บ้านฟรีล่ะนาวา

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ย้ายไปอยู่ด้วยกัน :z1: :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
เข้าทางอีตาตรีเพชร555555 แอร๊ยยย :hao7:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อยากให้วาเฉดหัวอิ2แม่ลูกนั้นจริง....สะใจมากกกกก

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เข้าหอๆๆๆ เพชรนี่เริ่มแรกก็แอบเกรงนาวาและ ต่อไปคงหงอน่าดู

ออฟไลน์ Dinsor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นิยายเรืาองนี้ดีงามมากกก มาต่อไวๆน้าาา

ออฟไลน์ Dinsor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นิยายเรืาองนี้ดีงามมากกก มาต่อไวๆน้าาา

ออฟไลน์ ฝัullล้วlv

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ให้อารมณ์ความรักแบบละมุนละไม  :katai2-1:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เค้าต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันด้วย :katai2-1:

ออฟไลน์ laoped

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกจ้า ติดตามมๆๆๆ

ออฟไลน์ ไม่เคย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อร๊ายยยยังไม่แต่งเลยแต่เข้าเรือนหอกันแล้ว :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
น่ารัก และน่าลุ้นค่ะ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เอ๋อไปเลยนะนาย 555555

ว่าแต่ ต้องแต่งก่อนถึงจะเข้าหอไม่ใช่เหรอคะ?

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
รอเข้าหอจ้าาา :o8:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
หมั้นเสร็จ ข้ามขั้นเข้าหอเลยยยยย กรี๊ดดดด ชอบคร่าา

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ฮ่าๆ ดีอ่ะ
เรียนจบแล้วก็อย่าถอนหมั้นนะน้องวา จับพี่เพชรแต่งงานเลย!!!

ออฟไลน์ ดอกรัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
คริคริ เค้าจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว

ความใกล้ชิดจะทำให้ทั้งคู่ลงเอยด้วยกันไหมคะ

ปล. น้องวาน่าจะเฉดหัวคนใจร้ายพวกนั้นออกจากบ้านนะลูก :katai1:

ออฟไลน์ หางนกยูง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
เงียบจัง กะจะมาต่อตอนใหม่นะเนี่ย

เสียใจ  :katai5:  :katai5:

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หวายยย คนเขียน
ต่อเถอะค่ะ รออยู่นะคะ5555555

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
Embrasse-moi the Series
Mon Fian
 :L2:
Chapter 7
ความลับของเรา (1/3)

“ตกลงใครจะไปค่ายของชมรมไอ้เปาบ้าง”


เก้าถามขึ้นในตอนที่ทุกคนมารวมตัวกันทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของมหาลัย


“ที่ว่าไปปลูกต้นไม้แล้วก็ไปล่องแก่งอ่ะนะ” แบงค์ถามขึ้นพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “กูว่าไปเที่ยวซะมากกว่า”


“กูก็ว่างั้น” เอ็มพูด “มึงไม่อยากไป?”


“ไปดิวะ ได้เที่ยวทั้งที” แบงค์ตอบเพื่อน


“แล้วพูดซะ” เอ็มส่ายหัวให้กับท่าทีของแบงค์เพื่อนรัก “แล้วพวกมึงล่ะ” เอ็มหันไปถามเพื่อนๆที่เหลือ


“ดิฉันไปค่ะ” นิสาตอบ หล่อนฉีกยิ้มกวนให้ทุกคน


“กูก็ไป” เก้าบอก


“แล้วมึงอ่ะ” เอ็มถามนาวา

.

.


“เฮ้ย มึงอ่ะ ตกลงจะไปป่าว” เอ็มถามย้ำเมื่อเห็นนาวาเงียบ


“หะ ไปไหน” นาวาหลุดจากภวังค์


“ไปค่ายไอ้เปาไง”  เอ็มย้ำ


“เออๆไป” นาวาตอบ


“เป็นไรไปวะ กูเห็นวันนี้เหม่อแต่เช้าแล้วเนี่ย” เก้าที่นั่งใกล้นาวาถามด้วยความเป็นห่วง


“เปล่าไม่ได้เป็นอะไร” นาวาปฏิเสธ พร้อมสะบัดเรื่องที่คิดออกจากใจ เด็กหนุ่มตัวเล็กขยับแว่นของตัวเองก่อนก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองต่อไป


“นั่นสิวา เป็นไรอ่ะ บอกสาได้นะ” นิสาพูดขึ้นราวไม่เป็นตัวเอง เธอจะแทนตัวด้วยชื่อเมื่อต้องการจะพูดดีๆกับเพื่อน ไม่ก็เมื่อต้องการหลอกล่อให้เพื่อนตกหลุมพรางของตน พูดเช่นนี้เพื่ออ้อนขออะไรสักอย่าง ด้วยเหตุที่นิสาเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม คำพูดเพราะๆและการออดอ้อนเล็กน้อยมักจะทำให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการจากเพื่อนผู้ชายทั้งสี่


“ไม่เป็นไรจริงๆเว่ย” นาวาย้ำให้เพื่อนสบายใจ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้สบายใจเลยแม้แต่น้อย


“เออว่าแต่เมื่อเช้ามึงมามหาลัยยังไง” เก้าถามนาวา “กูไม่เห็นจักยานมึงจอดแถวคณะ”


“เอ่อ.. กูขึ้นแท็กซี่มาน่ะ” นาวาปาดเหงื่อ ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศยามเที่ยงร้อน คนในโรงอาหารมหาลัยแน่นเกินไป เก้าถามใน
เรื่องที่นาวากำลังเป็นวิตก หรือเพราะตัวเองตอบโกหกกันแน่


“เกลืออย่างมึงเนี่ยนะขึ้นแท็กซี่” แบงค์ประหลาดใจ “กูเห็นงกยังกะอะไร”


“เออน่า ก็ตอนเช้ากูตื่นสายปั่นจักยานมาไม่ทันหรอก” นาวาแถ


“แล้วมึงไม่ดื่มน้ำอะไรเหรอ” เอ็มถามอีกครั้งเมื่อเห็นตรงหน้านาวามีแค่จานข้าวหนึ่งจาน ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นที่มีแก้วน้ำคนละแก้วไว้ดื่มดับกระหาย


“อ้อ เออนั่นสิกูลืมซื้อ” นาวาเพิ่งนึกได้ว่าลืมซื้อน้ำ


“เป็นไรวะ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” แบงค์สงสัย


“นั่นสิ นั่งลอยๆมาแต่เช้าแล้ว” เก้าขมวดคิ้ว


“กูว่า….” นิสาลากเสียงยาวให้ทุกคนหันมาสนใจข้อสันนิษฐานของเธอ “มันต้องเมากัญชามาแน่ๆ”


“โถ่ ไอ้สา สมองมึงคิดได้แค่เนี๊ยะ?” แบงค์ส่ายหน้าระอา


“อ๊าว ก็กูเห็นไอ้แว่นมันทำหน้ามึนๆ ใครจะไปรู้” นิสาบ่นแกนๆ


“ใครมึนเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง


“อ้าวพี่จอม นั่งๆพี่ นั่งด้วยกัน” แบงค์เชื้อเชิญพี่ร่วมคณะ “พี่เพชรก็มากับเขาด้วยเหรอ” แบงค์แสดงความประหลาดใจ


เมื่อนาวาได้ยินชื่อของใครบางคนทั้งๆที่ยังไม่ได้หันหน้าไปมอง เด็กหนุ่มก็พาลจะทานข้าวไม่อร่อยขึ้นมาเสียดื้อๆ ก็เพราะใครกันล่ะเมื่อเช้าเขาเลยต้องซวยขึ้นรถมามหาลัยกับมัน คิดๆไปนาวาก็เสียใจที่ยินดีรับข้อเสนอของคุณย่าผู้ล่วงลับเสียเหลือเกิน


“กระเถิบไปแบงค์” ตรีเพชรออกคำสั่งกับรุ่นน้อง แล้วนั่งลงตรงข้ามนาวา


“ไมมากินข้าวที่นี่ได้” แบงค์ถามตรีเพชร “ปกติพี่ไม่ทานข้าวในโรงอาหารมหาลัยนี่นา”


“ถามไอ้จอมมันเอา” ตรีเพชรโบ้ยหน้ายู่ๆไปทางเพื่อน ดูท่าชายหนุ่มไม่ได้เต็มใจจะมานั่งที่โรงอาหารเท่าที่ควร


“พี่ลากมา” จอมทัพยังคงพูดน้อยเช่นเคย


“วาเป็นไรครับ” จอมทัพหันไปสนใจใบหน้าบึ้งตึงของนาวา


“เปล่าครับพี่จอม วาแค่หิวน้ำ” นาวาพูดไปงั้น ทั้งๆที่ตัวเองยังส่งสายตาอาคาดแข่งกับชายหนุ่มตัวโตที่จ้องตามาอย่างไม่ลดละ
เช่นเดียวกัน


“งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ ฝากของหน่อยนะ” จอมทัพเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมฉีกยิ้มอย่างที่ใครไม่ค่อยได้เห็นมากนักให้กับนาวา แล้วหันไป
คุยกับเพื่อนของตัวเอง “มึงลุก ไปๆ ซื้อข้าวกัน” แล้วทั้งคู่ก็ออกไป


“พวกมึงรีบๆกินรีบๆไปเหอะ” นาวาเร่งคนอื่น


“อ้าวเป็นไรวะเฮียจอมมึงเพิ่งมา จะรีบไปไหน” เอ็มงงกับอาการไม่อยากอยู่แถวนี้ของนาวา


“กูว่ามันไม่ได้รีบกินรีบหนีเพราะพี่จอมหรอก คิคิ” นิสาหัวเราะอย่างคนรู้ทัน


“แล้วเพราะอะไรวะ” เก้าถามออกไปอย่างงๆ


“เพราะพี่เพชรเจ้าของจูบไง ไอ้วามันยังจำไม่ลืม” นิสาเฉลยความคิดของตัวเอง


“ฮ่าๆ ไหนบอกว่าเมาจำไม่ได้ไงวะ” แบงค์หัวเราะขึ้น


“ไม่ใช่โว้ย เรื่องนั้นกูจำไม่ได้จริงๆ” นาวาโกหกคำโต ใบหน้าแดงราวผลตำลึงสุกกำลังฟ้องเพื่อนๆว่าตัวเองกำลังโป้ปดหน้าตาย


แล้วทั้งกลุ่มก็หัวเราะกันสนุกสนานครื้นเครง ทว่าเสียงหัวเราะของเพื่อนๆเงียบไปเมื่อตรีเพชรเดินกลับเข้ามา ชายหนุ่มเลิกตาอย่างสงสัยซึ่งที่มาของเสียงหัวเราะ แต่ไม่ได้ใส่ใจเอาคำตอบอะไร ดวงตาเรียวรีหันมาทอดมองเจ้าของเรือนร่างบางด้วยแววตาที่ยากเกินอ่านเข้าใจ แก้วน้ำแข็งที่มีของเหลวสีชมพูหวานอยู่ด้านในถูกวางลงอย่างเงียบๆข้างกายนาวา แล้วชายหนุ่มก็ออกไปซื้อของกินของตัวเองต่อ…


ไม่มีคำพูดสักคำ ทิ้งไว้แค่ของต่างหน้า ซื้อมาให้เพราะว่าใครบางคนพูดว่าหิวน้ำ


“เฮ้ยๆ ซื้อน้ำให้ด้วยเว่ย” เสียงล้อๆของเอ็มทำเอานาวาไปไม่ถูก


“มึงก็ อย่าล้อมันสิ วาหน้าแดงหมดแล้วเห็นไหม ฮ่าๆ” นิสาก็ร่วมวงแซวเพื่อนกับเขาด้วย


“อ้าว” จอมทัพนั่งลงพร้อมจานข้าวและแก้วน้ำใบหนึ่งของตัวเอง “วาซื้อน้ำมาแล้ว พี่กะจะไปซื้อให้พอดี” จอมพัพเลยนั่งลง
จัดการกับอาหารของตัวเอง


สักพักตรีเพชรก็กลับมาพร้อมอาหารและน้ำของตัวเองเช่นกัน


“พี่เพชรคะ ได้ข่าวพี่เพชรจะหมั้นจริงหรือเปล่า” นิสาถามขึ้นโต้งๆ


“ไปได้ข่าวจากไหนว่าพี่จะหมั้น” ตรีเพชรถาม เพราะเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครนอกจาก… จอมทัพ


“แหะๆ” นิสาหัวเราะแห้ง “สาไปคาดคั้นเอาจากพี่จอมเองแหละ เพราะเพื่อนสามันอยากรู้” นิสาโบ้ยหน้ามาทางนาวา


“อะไร กูไปอยากรู้ตอนไหนไม่ทราบ” นาวาร้อนตัว


“ก็วันนั้นในห้องชมรม มึงพูดขึ้นมา” นิสาว่า พลางนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น


          หลังจากตรีเพชรประกาศออกมาว่าจะไปนอนหอนาวาเพื่อหลบซ่อนจากคนของอาม่า ทุกคนต่างแยกย้าย แม้กระทั่ง 
          ตรีเพชรเองก็รีบออกจากห้องเป็นคนแรก แต่ชายหนุ่มไม่ได้ไปที่ไหนไกลหรอก เขาไปยืนเฝ้าจักรยานของนาวาไว้ต่าง
          หาก เพราะรู้ว่านาวาจะต้องกลับมาเอาจักรยาน ตนต้องได้ตามไปถึงห้องของเด็กแว่นคนนี้แน่ๆโดยมิต้องสงสัย เมื่อทุก
          คนออกไปจากชมรม แต่ยังเหลือนิสาและนาวาที่กำลังจัดการกับขวดน้ำดื่มและกระดาษโน้ตเพลง จัดการกับเอกสาร
          ต่างๆของชมรมกันอยู่สองคน


            “ทำไมถึงไม่ยอมหมั้นนะ”นาวาเอ่ยขึ้นอย่างใจลอย ในน้ำเสียงเจือความหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
   

          “แล้วทำไมเขาต้องหมั้นล่ะ” นิสาเอ่ยขึ้นราวไม่ได้ตั้งใจ น้ำเสียงเบาหวิวราวเสียงของภูติพราย
   

          “ก็เขาต้องหมั้นน่ะสิ กูอยากรู้ทำไมไม่ยอมวะ” นาวาทำหน้าหงุดหงิดหันมาทางต้นเสียงที่ถามเขาเมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าเขาพูดอยู่คนเดียว ที่ไหนได้นิสากลับหลอกถามเขาซะงั้น
   

          “ไอ้สา!” นาวาร้องออกมา หน้าแดง ตกใจ


          “ฮ่าๆ มึงสนใจเรื่องของพี่เพชรใช่ไหมล่ะ”
         
         
          “เปล่าโว้ย”

       
          “ไม่ต้องมาโกหก กูว่าใช่แน่ๆ”


          “ไม่ใช่เว่ย”


          แล้วเสียงถกเถียงของนาวากับเสียงหัวเราะสดใสของนิสาก็กลายเป็นภาพจำของเย็นวันนั้น



ตัดภาพมาปัจจุบัน


“มึงมั่ว” นาวายังคงปฏิเสธต่อไป


“เอาล่ะๆ พี่หมั้นจริงๆ ฝากบอกข่าวนี้กับเพื่อนสาด้วยนะ” ตรีเพชรหันมามองทางนาวา แววตาเรียวรีคู่นั้นยิ้มล้อนาวาอยู่


“จริงดิพี่ ไรวะ ข่าวดีอย่างนี้กับน้องรหัสไม่บอกบ้างเลยนะ” แบงค์บ่นพี่รหัสตัวเอง


“กูก็กำลังจะบอก แต่ที่บ้านยังหาฤกษ์หมั้นไม่ได้เลยไม่ได้บอกใคร” ตรีเพชรแจงให้แบงค์ฟัง


“งั้นพวกผมจะได้ไปงานหมั้นพี่ไหมเนี่ย” แบงค์พูด


“ไปสิ/ ไม่ได้” ตรีเพชรพูดประโยคแรก นาวาประท้วงด้วยประโยคหลัง ทั้งสองประโยคถูกเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมกัน


“ไม่ได้อะไรของมึง พี่เพชรชวนพวกกูอยู่หยกๆ” แบงค์หันมาคุยกับนาวา


“กูไม่ให้ไปเว่ย” นาวาจ้องหน้าทุกคน สีหน้าจริงจัง


“ทำไมไม่ให้พวกกูไป งานหมั้นมึงก็ไม่ใช่” นิสาว่า


“ก็… ก็…” นาวาถึงกับไปต่อไม่ถูก


“หึหึ” ตรีเพชรหลุดขำเด็กดื้อบางคน “เอาเป็นว่าพี่เชิญทุกคนเองละกัน งานนี้จัดเล็กๆเชิญเฉพาะคนสนิท แล้วน้องสา พี่ฝากบอก
เพื่อนน้องสาด้วยว่าวันงานห้ามเลท ห้ามเบี้ยวงานหมั้นเด็ดขาด”


“จอมไปเถอะ กินเสร็จแล้ว” ตรีเพชรหันไปบอกกับจอม ทั้งคู่ลุกขึ้น แต่ก่อนตรีเพชรจะจากไป ชายหนุ่มก้มลงกระซิบกับนาวาให้
ได้ยินกันเพียงสองคน


“เย็นนี้รอกลับพร้อมกัน จะไปรับที่คณะ” ตรีเพชรฉีกยิ้มที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของนาวาแดงเรื่อ “อ้อ แล้วน้ำหวานก็ดื่มให้หมดนะ
ตั้งใจซื้อมาให้”


คนกวนโมโหจากไปแล้ว… หลงเหลือไว้เพียงความหวานจากน้ำหวานสีชมพูสวย


ความหวานนี้จะเข้าไปถึงจิตใจหรือเปล่านะ


เสียงของเขายังคงก้องดังอยู่ในโสต ห้ามเบี้ยวงานหมั้นเด็ดขาด…


 :hao7: :mew1: :hao6:  :mew1: :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2015 00:14:20 โดย Killian »

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อีพี่เพชรร้ายมากกก :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด