Dormitory boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
"รัก...ติดดิน"CHAPTER 05 – คู่แข่ง “....เพราะอย่างนี้ ได้โปรดจ้างผมอีกสักคนเถอะนะครับ”
เอมจิตนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะ
“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ คุณพ่อเธอก็คงไม่ได้ถึงกับจะทอดทิ้งไปเลยไม่ใช่เหรอ...ลูกชายทั้งคนเชียวนะ”
ปิ่นหยกกลอกตาสีหน้าหน่ายใจ พี่เอมไม่รู้อะไร ถ้าเขาเป็นพ่อมันคงจะรีบเขี่ยออกจากบ้านนานแล้ว ไม่รอจนป่านนี้หรอก
“ผมจริงจังครับ” เด็กหนุ่มส่งสายตาใสแจ๋ว “ขอโอกาสให้ผมสักครั้ง....”
ค้างไว้เพียงแค่นั้นแล้วเขาก็เงียบไปเหมือนคิดไม่ออกว่าต้องพูดอะไรต่อ ปิ่นหยกทำหน้าเลิ่กลั่กแต่ไม่มีใครทันสังเกต....นี่ลืมบทเรอะไอ้คุณอาทิตย์! อุตส่าห์เตี๊ยมกันมาซะดิบดีแล้วแท้ ๆ
“......เอ่อ......รับรองครับว่าจะไม่ทำให้ต้องผิดหวัง”
ผู้สมรู้ร่วมคิดลอบถอนหายใจเฮือก....พี่เอมไม่ชอบให้เด็ก ๆ ทำตัวเฉื่อยแฉะ แล้วอีแบบนี้จะไปรอดไหม
“ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่มีมีทรัพย์สินเงินทอง...แต่ว่าเรื่องความจริงใจนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครแน่ครับ” ท่านชายตกยากเริ่มพูดต่อ ติดอยู่ที่รูปประโยคชักจะเริ่มจะฟังดูประหลาดไม่เข้ากับสถานการณ์ชอบกล “ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ปิ่นหยกต้องมาตกระกำลำบาก...เพราะฉะนั้น….”
เดี๋ยวนะ.... ไอ้วิธีพูดอย่างกับจะมาสู่ขอลูกสาวบ้านอื่นนี่มันไปเอามาจากไหนกัน ไม่ได้มีในสคริปต์ที่ตกลงกันไว้ไม่ใช่เรอะ....จำไม่ได้ว่าจะพูดอะไรก็อย่ามั่วเอาเองอย่างงี้สิว้อย!
เจ้าบ้านเลิกคิ้วพร้อมกับระบายยิ้มจาง ๆ แล้วหันไปมองปิ่นหยกที่กำลังยืนเหงื่อตกด้วยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มุดดินหายไปด้วยความขายขี้หน้า
“นี่...ตกลงอาทิตย์จะมาขอทำงานหรือมาขอปิ่นจากพี่เหรอ”ปิ่นหยกทำหน้าเหมือนกลืนมะนาวเข้าไปทั้งลูก ทั้งที่เขาหาช่องทางช่วยมันถึงขนาดนี้แล้ว ไอ้ท่านชายอาทิตย์นอกจากไม่สำนึกแล้วยังจะขยันสร้างความเดือดร้อนอีก
“อ่า...ก็ต้องหมายถึงทำง--”
“หมายถึงทำงานสิพี่เอม”เป็นอุ่นใจนั่นเองที่อยู่ ๆ ก็เสียงดังขึ้นกลางวงกลบเสียงของเขาไปเสียหมด
น้องเล็กของบ้านเดินดุ่ม ๆ มายืนแทรกอยู่ระหว่างปิ่นหยกกับอาทิตย์ ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกอย่างไว้เชิง สายตาที่ปรายมองไปยังผู้มาขอเป็นสมาชิกใหม่นั้นออกอาการไม่ชอบใจนัก
“เพราะถึงจะขอพี่ปิ่น อุ่นก็ไม่ให้”
ปิ่นหยกมองเหลือบมองซ้ายทีขวาที แขนซ้ายถูกอุ่นใจดึงไปควงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ บรรยากาศแบบนี้หากเปลี่ยนตัวเขาเองจากเด็กมัธยมปลายชายไทยร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นสาวสะพรั่งวัยใกล้ออกเรือนมันคงจะดูเข้าท่าลงตัวกว่าเป็นไหน ๆ แต่ปัญหาคือเขาไม่ใช่จึงได้แต่เหลือบตาขึ้นมองคนที่อายุมากที่สุดในบ้านอย่างขอความช่วยเหลือ
เอมจิตโปรยยิ้มกระชากใจแบบที่แม้จะเห็นกันออกบ่อยก็ยังอดใจสั่นนิดหน่อยไม่ได้แล้วส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความวุ่นวายของเด็ก ๆ ตรงหน้า
“เอาจริงเหรอ...ร้านนี้โหดมากนะ ถึงเธอจะเป็นลูกชายเศรษฐีก็ไม่มีข้อยกเว้นหรอกรู้ไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มทีเล่นทีจริง แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากที่เหมือนจะเปลี่ยนจากองศาจากเดิมไปเล็กน้อยก็ชวนให้ตัววุ่นวายสามคนที่เหลือเสียวสันหลังวาบขึ้นมาแปลก ๆ โดยเฉพาะกับปิ่นหยกและอุ่นใจที่เห็นรอยยิ้มสารพัดรูปแบบของพี่เอมมาตลอดจนพอจะบอกได้ว่าแบบไหนควรโดดใส่และแบบไหนควรวิ่งหนี(แม้จะหนีไม่พ้น)
อาทิตย์พยักหน้าแต่ดูจะไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าตอนแรกเสียแล้ว ปิ่นหยกแอบเบ้ปากน้อย ๆ ...ไรว้า เจอคำขู่พร้อมรอยยิ้มปริศนาพี่เอมแค่นี้ป๊อดแล้วเรอะ ผิดกับอุ่นใจที่ดูจะพอใจคำท้าทายของพี่ชายต่อผู้มาเยือนมากทีเดียว แขนก็ดึงแขนอีกคนที่คล้องเอาไว้ให้เข้ามาใกล้อีกหน่อยอย่างได้ใจ
“ทำงานไม่ดีไล่ออกได้ทุกเมื่อนะ”
เด็กหนุ่มร่างสูงยกมือเกาท้ายทอย เริ่มจะหลุดเก๊กเรียบร้อยกลับมาทำหน้ามึนเหมือนปกติ “....เอางั้นก็ได้ครับ”
ก่อนจะโดนเอมจิตเขกหัวเข้าที่หน้าผากทีหนึ่งเสียงดังก๊อก!
“ต้องบอกว่าจะพยายามครับ หรืออะไรแนว ๆ นี้ต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มเจ้าบ้านหรี่ตามองอย่างกดดัน “ปิ่นเหมือนน้องชายพี่อีกคน แต่ดูเธอทั้งเนือยทั้งอืดขนาดนี้แล้วมาบอกว่าจะดูแลไม่ให้ปิ่นหยกต้องตกระกำลำบากเนี่ยนะ..อย่างนี้จะยกให้ได้ยังไง”
.....เงียบกริบกันทั้งบ้าน......ปิ่นหยกรู้สึกอยากจะหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด ความคิดจะยื่นมือไปช่วยเหลือคุณชายตกยากของเขาดูท่าจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเสียแล้ว... เข้าใจอยู่ว่าพี่เอมในโหมดปกติเป็นคนขี้เล่น ประโยคเมื่อกี้นี้ก็คงแค่พูดเล่นด้วย....ใช่ไหม.....ต้องใช่สิ! แต่มุขแบบนี้เล่นเอาเขาอยากกลับคำแล้วบอกชายหนุ่มเสียเดี๋ยวนี้ว่าได้โปรดอย่าจ้างมันเลยพี่เอม...มันต้องสร้างความเดือดร้อนและเอาผมไปตกระกำลำบากแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์!...
ไม่ใช่สิ....ที่อยากจะบอกจริง ๆ คือช่วยเลิกเล่นบทคุณแม่ขายลูกสาวหรืออะไรที่มันชวนขนลุกแบบนี้เสียทีต่างหาก!
แต่ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ....ขอยืนยันอีกทีว่าลูกผู้ชาย! ในเมื่อเขาเสียท่ารับปากมันไปแล้วว่าจะช่วย ก็คงต้องช่วยให้ถึงที่สุด ที่เหลือก็ภาวนาให้เจ้าบ้านไล่มันออกเร็ว ๆ เท่านั้นเอง
เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเอมจิตประกาศรับเจ้าลูกเจี๊ยบตรงหน้าเข้าเป็นสมาชิกของร้านอีกหนึ่งคนในที่สุดหลังจากได้ขู่อย่างสนุกสนานไปอีกสามสี่ประโยคจนพอใจ และพ่อยอดชายนายอาทิตย์ก็เลิกเอ่ยปากแสดงความมุ่งมั่นอะไรนอกจากทำหน้ามึนอย่างเดียว ภายใต้ข้อจำกัดนิดหน่อยตรงที่ห้องพักในหอนี้เต็มหมดแล้ว คงต้องให้ไปอยู่ห้องเดียวกับเขา ให้กินอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำมาหากิน....โอยไม่ แค่คิดก็ชักประสาทแล้ว สถานการณ์กลับไม่ได้ไปไม่ถึงนี่มันอะไรกัน
ปิ่นหยกส่ายหน้าเบา ๆ ไล่ความวิตกจริต นึกในแง่ดีว่ามันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่ผ่านมาแล้ว... คนที่จะกินแม้แต่น้ำยาล้างจานเพราะคิดว่าเป็นน้ำผลไม้ ชาตินี้จะอาบน้ำไม่ได้ถ้าไม่ใช่น้ำอุ่นคงทนอยู่ได้ไม่นานหรอก ระหว่างนี้ถ้าทำตัวงี่เง่า เดี๋ยวเขาจะช่วยเทรนวิถียาจกเอาให้มันซึมเข้าถึงเซลล์ประสาทตัวที่อยู่ลึกสุดในสมองไปเลย
“....จะให้ไปอยู่ห้องเดียวกับพี่ปิ่นจริง ๆ เหรอ” อุ่นใจบ่นงึมงำ ท่าทางยังค้างคาใจอยู่ไม่น้อย
“ก็เขาเป็นเพื่อนกัน” เอมจิตหัวเราะแล้วลูบหัวน้องชายเบา ๆ “หรือจะให้ไปนอนกับเรา”
น้องเล็กแหงนหน้ามองสมาชิกใหม่ล่าสุดด้วยสีหน้าเซ็งโลก
“ไม่เอาอะ อุ่นไม่ชอบนอนกับใคร” ว่าแล้วก็ดึงแขนปิ่นหยกเข้ามาหาตัว “ถ้าเป็นพี่ปิ่นของอุ่นก็ว่าไปอย่าง”
พี่ชายคนโตส่ายหน้าอ่อนใจ ถึงปิ่นหยกจะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่ดูท่าน้องคนเล็กของเขาจะหวง
“พี่ปิ่นของอุ่น” อยู่ไม่น้อย เขาขยี้ผมนิ่ม ๆ ของอุ่นใจจนยุ่งเหยิงพลางจับหัวโคลงไปมาอย่างมันเขี้ยว “วันนี้เป็นอะไรน่ะเรา เกิดจะหวงพี่ชายขึ้นมาเหรอ”
“..ก็นิดนึง” อุ่นใจยักไหล่ จังหวะเดียวกับคนอีกฝั่งที่เงียบอยู่นานเริ่มกลับมาสวมวิญญาณปลิงเผือกอีกครั้งด้วยการตวัดแขนมาโอบรอบคอปิ่นหยกซึ่งยืนอยู่ตรงกลางอย่างถือวิสาสะเหมือนจะแย่งกันเกาะแกะ
เด็กหนุ่มยกมือข้างที่ยังว่างขึ้นเสยผมอย่างหนักใจ...ช่วยแข่งกันเรื่องอื่นจะได้ไหม...ถ้ามีคนควงแขนหรือกอดคอทีนึงแล้วเขาได้ตังค์ครั้งละร้อยเนี่ยนะ ป่านนี้คงรวยไปนานแล้ว ดูจะชอบเกาะกันเหลือเกิน
“นี่ ๆ อุ่นใจ” เขาเห็นสายตาที่เหมือนจะมีกระแสไฟแล่นเปรี๊ยะ ๆ ออกมาจากดวงตากลมโตของน้องเล็กที่จ้องท่านชายอาทิตย์เขม็งแล้วก็ตัดสินใจพูดอะไรออกมาบ้างเพื่อทำลายบรรยากาศมาคุ
“เดี๋ยวคืนนี้เสร็จงานที่ร้านพี่ไปติวการบ้านให้ที่ห้องดีปะ”
“จริงดิ” อุ่นใจน้ำเสียงเริงร่าขึ้นมาทันที “ดีเลย! มอสี่เรียนอะไรไม่รู้งง ๆ “
ปิ่นหยกพยักหน้า แต่ออกจะลำบากสักหน่อยเพราะติดแขนหนัก ๆ ของอีกคนที่ยังพาดอยู่ที่คอ
“งั้นเดี๋ยวอุ่นเตรียมขนมไว้เยอะ ๆ”
“เจ๋งมากน้องรัก!”
บรรยากาศระหว่างพี่น้องชื่นมื่นอยู่ได้ไม่นาน....
“ไปด้วย”
เขาอยากบีบคอไอ้ตัวสูงที่ยังเกาะหนึบไม่ปล่อยนัก ขยันทำให้บรรยากาศทะมึนจริงเว้ย....อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ เป็นไหมเนี่ย
เอมจิตเดินหายเข้าห้องครัวไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มสามคนในสภาพชวนกระอักกระอ่วนใจโดยที่ตัวต้นเหตุยังยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“รักนะคะคนดีของฉัน จะวันไหนก็รักเพียงเธอ...และจะบอกว่ารักเธอที่สุด~”เสียงริงโทนพี่บี้ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าอุ่นใจ ซึ่งเรียกว่าดังได้จังหวะทีเดียว อย่างน้อยก็ดูจะรู้กาลเทศะกว่าไอ้คุณชายหน้ามึนเป็นกอง
“ไงเหม่ง!..........” อุ่นใจกรอกเสียงทักทาย
“หา.....วันนี้เรอะ! จำไม่เห็นได้......................เออ ๆ รู้แล้ว”
เด็กหนุ่มร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองปิ่นหยกและตัวแถมที่ไม่มีทีท่าจะปล่อยมือจากพี่คนชายสุดหวงของเขาเสียทีอย่างชั่งใจขณะที่หูก็ฟังเสียงจากคนในโทรศัพท์รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
“..อ....เออ....ฟังอยู่ ตอนนี้เลยเหรอ บ้าเอ๊ย ตั้งนานไม่ตกลงกันนะ.....................เออ เดี๋ยวไป รออยู่ที่บ้านนั่นแหละ.....แค่นี้นะ”
พอวางสายปุ๊บ อุ่นใจก็ทำหน้ามุ่ยใส่อีกสองหน่อที่แทบจะยืนกอดกันกลม...หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือปิ่นหยกในอารมณ์เบื่อโลกที่ถูกเกาะหนึบหนับอยู่ฝ่ายเดียว
“ไปดีมาดีนะ”
อาทิตย์เอ่ยเสียงเรียบด้วยสีหน้าที่คนฟังต้องระงับสติอารมณ์เต็มที่ไม่ให้เผลอเอาโทรศัพท์ปาหัวเพื่อนพี่ชายไปเสียก่อน เรียกให้คู่กรณีพ่นลมออกจมูกอย่างหงุดหงิด เขาเริ่มรู้สึกไม่ถูกชะตากับรุ่นพี่มาดคุณชายหน้านิ่งที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ของปิ่นหยกเสียแล้ว ลางสังหรณ์อะไรบางอย่างมันคอยจะร่ำร้องว่าถ้าไม่ทำอะไรต้องโดนแย่งพี่ชายสุดรักแหง ๆ หมอนี่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย ที่แย่คือลางสังหรณ์เขาไม่ค่อยจะผิดเสียด้วย แต่เมื่อกี้เพื่อนที่โรงเรียนก็ดันโทรตามไปช่วยกันทำงานกลุ่มอย่างกับจะแกล้งขัดจังหวะ
ชิ..! วันนี้จะถือว่าปล่อยไปก่อนก็ได้“พี่ปิ่น วันนี้สงสัยไม่ได้แล้วแหละ เพื่อนโทรตามไปทำงานอะ คงค้างบ้านมันด้วยเลย”
ปิ่นหยกพยักหน้าช้า ๆ “เหรอ...น่าเสียดายจังนะ” ที่เขาไม่ได้พูดต่อคือ ‘อดกินขนมฟรีเลยวันนี้’
“ไว้วันหลังมาติวให้อุ่น....สองคนนะ” อุ่นใจเน้นเสียงท้ายประโยคที่ว่า
‘สองคนนะ’ ชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับหันไปจ้องปลิงเผือกข้าง ๆ พี่ชายอย่างประกาศศัตรู
“อ่าฮะ สองคน ฉัน ปิ่นหยก แล้วก็นาย” อาทิตย์นับนิ้ว
อันนั้นเรียกสามคนว้อย!! ทั้งอุ่นใจและปิ่นหยกแทบจะกรีดร้องประสานเสียง เอ็งไปเรียนอนุบาลใหม่เลยไป!
น้องเล็กหันมาเขม่นอีกครั้งชนิดที่ว่ากะเอาสายตาทิ่มแทงให้พรุนกันไปข้างก่อนจะเดินปึงปังเข้าครัวไปหาเอมจิต ปากก็บ่นงุบงิบไปตลอดทางจนน่าสงสัยว่ากำลังท่องคาถาสาปแช่งอะไรอยู่หรือเปล่า สุดท้ายก็เหลือกันอยู่สองคนยืนนิ่งอยู่ในห้องโถงว่าง ๆ
“ปล่อย”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ มือเกาะอยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้น
“ปล่อยเว้ย...อาทิตย์! อึดอัด เกาะอยู่ได้พ่อเป็นปลิงเหรอ”
“อย่าว่าคุณพ่ออย่างงั้นสิ”
ที่จะว่าจริง ๆ คือเมิงนั่นแหละครับคุณชาย!“น้องอุ่นชอบนายเหรอ”
“หา...?”
“ก็ดูหวงจัง”
ปิ่นหยกยืนงง...เออ...แล้วต้องตอบยังไงล่ะ ก็คงชอบมั้ง อยู่คลุกคลีด้วยกันมาตั้งสองปีแล้ว
“เป็นพี่น้องกัน”
“แต่ไม่ใช่พี่น้องจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ”
ทำรู้มากอีก “แล้วไง”
อาทิตย์ยอมปล่อยมือแล้วยกขึ้นทำท่ายอมแพ้
“ไม่มีอะไร แค่ถามดู เห็นน้องอุ่นดูไม่ค่อยชอบหน้าฉันเท่าไหร่”
คนฟังส่ายหน้าหน่าย ๆ “ไม่เห็นแปลก ฉันยังไม่ชอบขี้หน้าแกเลย”
“โกหกไม่ดีนะ” เด็กหนุ่มร่างสูงว่าแล้วก้มหน้าลงมาจ้องตาอีกฝ่ายในระยะประชิด ทำเอาปิ่นหยกผงะเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อยแล้วเผลอหลุบตาลงต่ำ.....
......เดี๋ยวสิ...แล้วจะหลบมันทำไมเนี่ย...เสียฟอร์มโคตร ปุบปับใครใช้ให้เอาไอ้ตาใส ๆ นั่นมาจ้องกัน!
“แล้วรู้หรือเปล่าคนโกหกก็มักจะหลบตาด้วย”
“ยุ่งจริงเว้ย!” เขาโวยแล้วตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาจ้องกลับด้วยแววตาหาเรื่องสุดขีด “แค่จ้องตาทำไมฉันจะทำไม่ได้”
เอาสิ...หลังจากแพ้ศึกจ้องตาในห้องน้ำครั้งก่อน คราวนี้เขาไม่ยอมแพ้อีกเด็ดขาด จ้องจนกว่าตาจะบอดกันไปข้างนี่แหละไอ้ลูกเจี๊ยบ! ให้มันรู้กันไปว่านอกจากเรียนดี งานบ้านเด่น เขายังมี.....
“ปิ่นหยกตาสวยนะครับ”ราวกับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกโพละในหัว...
.....ตามด้วยความร้อนวูบวาบที่คล้ายว่ามีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ในอก....แล่นขึ้นมาจนถึงลำคอ....ใบหน้า....แล้วลามปามไปกระทั่งที่ใบหูสองข้าง เขากำลังคิดเรื่องจะสวนกลับอย่างไรดี แต่ขากลับพาตัวเองหันหลังกลับแล้ววิ่งพรวดพราดออกจากห้องโถงขึ้นบันไดหอพักตึง ๆ ๆ ออกไปด้วยความเร็วแสงโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ ทิ้งให้ผู้มาอยู่ใหม่ยืนงงอยู่ที่เดิมว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า รู้ตัวอีกครั้งก็เมื่อหยุดพักหายใจหอบอยู่หน้าห้องพักตัวเอง
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมหน้าอก... ก้อนเนื้อในนั้นกำลังเต้นระรัวแบบไม่ทราบสาเหตุ คงจะแค่เหนื่อยที่วิ่งขึ้นบันไดมา....แต่จะต้องวิ่งหนีออกมาทำไมกันเนี่ย!!!
“….ไอ้ลูกเจี๊ยบบ้า!” เขาส่งเสียงสบถอ่อนแรงแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงประตูอยู่ตรงนั้นเอง
สงครามจ้องตาระหว่างอาทิตย์ – ปิ่นหยก...ฝ่ายแรกทำคะแนนนำไปแล้ว 2-0To be continued===========================================
เสียท่าตล๊อดดดด 5555
แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ ^^
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***