ตอนที่ 21
ดูเหมือนชีวิตช่วงนี้ของผมก็ดูปกติทุกอย่าง ปั้นใจที่ตอนแรกชอบหายไปตอนนี้ก็เริ่มอยู่กับที่มากขึ้น มีแต่พวกรุ่นพี่เท่านั้นที่ดูจะวุ่นวายกับการทำงานอะไรสักอย่าง เลยทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยรุ่นพี่ปีสองที่จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
“กูว่าจะไปช่วยพี่รหัสทำบอร์ดหน่อย ไปด้วยกันมั้ย”
“ปะ...”
“ปั้นใจๆๆๆ” ผมที่กำลังจะตอบพาฝันก็ต้องชะงัก ก่อนที่เราทั้งสามคนที่ตอนนี้ยืนงงในกลุ่มคนต้องหันไปมองทางรุ่นพี่ที่หน้าตาดูคุ้นว่าผมจะเพิ่งเคยเจอมาเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ร้านชานมไข่มุก ปั้นใจที่โดนเรียกก็ได้แต่หันไปทำหน้างงๆ ใส่เธอ “มากับพี่หน่อยสิ พอดีงานที่เราทำกันวันก่อนมีปัญหานิดนึงอ่ะ”
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”
“ใกล้แล้วๆ นะๆ มาด้วยกันหน่อย”
ปั้นใจที่หันมามองทางผมกับพาฝันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกมือจับไหล่พาฝันเบาๆ
“ฝากเกลือด้วย”
“เออย่ะ จะไปไหนก็ไป”
“ไว้เจอกันนะ”
สีหน้าหงอยๆ ของปั้นใจทำให้ผมรู้สึกสงสารเขาจับใจ ดูเหมือนเขาจะหนีจากรุ่นพี่ได้ไม่ทันไรก็ต้องกลับไปเจองานหนักอีกแล้ว ผมเลยได้แต่พยักหน้าแล้วมองคนที่เคยยืนด้วยกันเดินจากไป ผมจึงหันมาทางพาฝันที่ตอนนี้กำลังชะเง้อมองอะไรบางอย่าง แล้วหันมาถามผมกับคำถามก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“ว่าไงไอ้เกลือ ไปด้วยกันมั้ย”
“เรา...”
“เกลือ”
ผมที่กำลังจะถามว่าถ้าไปด้วยจะไม่เกะกะใช่มั้ยก็ต้องหยุดคำพูดตัวเอง ก่อนจะหันไปมองอีกทางก็เห็นว่าพี่พี่เพชรกำลังหิ้วถุงพลาสติกใหญ่ๆ มาหลายถุงแล้วเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับพี่เพชร”
“สวัสดีค่ะพี่เพชร”
“ไงเรา ไม่ได้คุยกันหลายวันเลย”
“ผมเห็นพี่เพชรยุ่งๆ” ผมพูดตามความจริง เพราะช่วงนี้เห็นพี่เขายุ่งกันจริงๆ เราทั้งคู่เลยไม่ค่อยได้คุยกันนัก “ว่าแต่ไปไหนเหรอครับ”
“ไปทำงานกลุ่มน่ะ นี่เพิ่งไปซื้อของมา” พี่เพชรโชว์ถุงของใช้มากมายให้ผมดู ทำให้ผมได้แต่มองอึ้งๆ โดยที่เขาก็หัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวขึ้นปีสองเราก็เจอ”
“มันยากมั้ยครับ...”
“ใช้ได้เลยแหละ”
“อ่า...”
“สนใจไปดูเป็นตัวอย่างหน่อยมั้ย” พี่เพชรเอ่ยปากชวนทำให้ผมได้แต่คิดหนัก เพราะพาฝันเองก็เพิ่งชวนผมเหมือนกัน
“เอาไงไอ้เกลือ จะไปกับกูหรือพี่รหัสมึงอ่ะ”
“เรา...”
“อ้าว กำลังจะไปกับฝันเหรอ งั้นไม่เป็นไร ไปเถอะๆ” พี่เพชรหันไปพูดกับพาฝันที่ตอนนี้ยืนรอการตัดสินใจของผมอยู่
“ฝันกำลังจะไปช่วยงานพี่นิดเหมือนกันค่ะ เลยชวนเกลือไปด้วยกัน”
“นิดเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นก็มากับพี่เลยสิ พี่อยู่กลุ่มเดียวกับนิด”
“หือ จริงเหรอคะ”
“ใช่ครับ บังเอิญเนอะ” พี่เพชรว่ายิ้มๆ ส่วนผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาที่ไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะไปกับใครดี เพราะสุดท้ายจุดหมายของทั้งสองคนก็ที่เดียวกันนั่นล่ะ “งั้นเกลือก็ไปกับพี่ได้แล้วเนอะ”
“ครับ”
ผมพยักหน้าพลางยิ้มให้คนตรงหน้าที่ดูจะพอใจไม่น้อยกับบทสรุปแบบนี้ ส่วนพาฝันเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เลยเข้ามากอดคอผมแล้วพาเดินตามพี่เพชรไป พอมาถึงผมก็ต้องตกใจกับกลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนที่ตอนนี้รอบกายมีทั้งทั้งฟิวเจอร์บอร์ด กระดาษสี และของตกแต่งอื่นๆ อยู่เต็มไปหมด บางคนก็นั่งพิมพ์งาน บางคนก็นั่งเขียน บางคนติดป้าย จนผมคิดว่ามันดูน่าจะงานใหญ่และชวนให้วุ่นวายจริงๆ
“ไอ้เพชรเอาของมาเร็วๆ เลย” พี่สาวคนหนึ่งที่กวักมือเรียกพี่เพชรที่กำลังถือถุงพลาสติกถุงใหญ่ ก่อนที่คนที่เดินมากับพวกผมจะเดินเข้าไปส่งของที่คาดว่าน่าจะเพิ่งซื้อมาไปให้เธอ ผมที่ยืนมองสถานการณ์อยู่กับพาฝันก็ทำตัวไม่ถูกนัก ก่อนที่คนที่กอดคอผมอยู่จะดึงผมให้เดินไปหาพี่ผู้หญิงสองคนที่กำลังนั่งวุ่นวายอยู่กับกระดาษภาพและฟิวเจอร์บอร์ดสำเร็จรูป
“พี่นิด ฝันมาช่วยแล้ว พาเพื่อนมาช่วยด้วย”
“ดีเลยๆ ขอบใจทั้งสองคนนะ”
“ยินดีค่า” ผมกับพาฝันทิ้งตัวลงนั่งรวมกลุ่มกับทั้งสองคน ก่อนที่กรรไกรกับกระดาษภาพจะถูกส่งมา ซึ่งหน้าที่ของผมกับพาฝันก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แค่นั่งตัดกระดาษเท่านั้น เพราะยังไงผมก็คงไม่กล้าไปยุ่งกับส่วนอื่นหรอก ไม่รู้เขาทำอะไรกัน เผื่อไปทำของเขาพังแล้วจะซวยแย่
“เพชร ไหนกาวร้อนกับกาวสองหน้าวะ”
“กูแยกกับไอ้เปรมไปซื้อ ร้านที่กูไปหมด”
“แล้วไอ้เปรมไปไหน”
“เดี๋ยวก็มามั้ง”
“มาแล้วเว้ย” เสียงที่ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย ก่อนจะหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่เพชรที่เคยมีปัญหากับปั้นใจเมื่อคราวก่อน ผมจึงรีบหันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าต่อแม้จะได้ยินเสียงบทสนทนของพวกพี่ๆ ด้วยก็ตาม “เอ้า เอาไป”
“แล้วไหนกาวสองหน้าที่กูฝากซื้อล่ะ”
“ห๊ะ มึงสั่งกาวสองหน้าด้วยเหรอ”
“สั่งเว้ย ไอ้ห่าเปรม มึงอย่ามาทำลืมนะ !”
เสียงดังที่เกิดขึ้นทำเอาทั้งผมทั้งรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างหันไปมองเมื่อเห็นว่าพี่เปรมโดนพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าชื่อพี่พริ๊งบ่นเข้าให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง
“เออๆ กูขอโทษ กูลืมกูผิดเองล่ะ”
“ขอโทษไปก็ไม่ได้ของ มึงรีบไปซื้อมาเลย”
“ไม่ไป ให้ไอ้เพชรไปซื้อนู้น หมดงานกูแล้วกูกลับแล้ว”
“เดี๋ยวสิวะไอ้เปรม งานตรงอื่นยังไม่เสร็จเลย !”
“แบ่งหน้าที่กันแล้วก็หมดหน้าที่กูแล้วมั้ยวะ มึงทำหน้าที่นั้นมึงก็ทำไปสิ” ร่างสูงที่เดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันทีท่ามกลางเสียงด่าของพี่คนหนึ่งจนทำให้ผมอดรู้สึกกลัวไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นใครด่ากันได้รุนแรงแบบนี้ ซึ่งคนอื่นๆ เองก็มีสีหน้าไม่พอใจไม่ต่างกัน จนพี่เพชรต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
“ไอ้พริ๊งใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอง ขอโทษแทนไอ้เปรมด้วย”
“มึงจะขอโทษแทนมันทำไมไอ้เพชร เลิกปกป้องมันได้แล้ว !”
“กูมีเหตุผลของกู เดี๋ยวกูไปซื้อให้ จบนะ” พี่เพชรพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะทำท่าเดินออกไป แต่ไม่ทันไรก็โดนเรียกไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนไอ้เพชร มึงต้องมาช่วยกูตรงนี้ มีใครพอว่างอีกมั้ย วานไปซื้อให้ที”
“ตรงกูยังไม่เสร็จ”
“ตรงกูก็ยัง...”
ผมที่มองรุ่นพี่แต่ละคนที่เริ่มจะแสดงสีหน้าเครียดออกมา ซึ่งหนักสุดคงจะเป็นพี่เพชรที่ตอนนี้ดูแล้วเขาเองก็คงจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
เหตุการณ์แบบนี้เป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากเจอเลยจริงๆ
“ฝัน เดี๋ยวเรามานะ”
“หืม”
“พี่รหัสเราเดือดร้อนอ่ะ” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปหาพี่เพชรที่ตอนนี้ยืนนิ่งหาทางออกอยู่ “พี่เพชร”
“หะ...หืม...” คนที่ใบหน้าคิ้วขมวดตอนแรกหันมาทางผม ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาแล้วพยายามปรับสีหน้า “ขอโทษนะที่พี่พามาเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าเรา”
“เดี๋ยวผมไปซื้อของให้ พี่เพชรไปช่วยเพื่อนทำงานก็ได้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่...”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้ เทปกาวเซเว่นใกล้ๆ นี่ก็น่าจะมี เดินแป๊บเดียวเอง”
“...”
“ถือว่าผมตอบแทนที่พี่เลี้ยงข้าวเนอะ” ผมว่าพลางยิ้มให้คนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้ารู้สึกผิดไปแล้ว ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“งั้นพี่ฝากด้วยนะ ลำบากเกลือเข้าแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจจะมาช่วยอยู่แล้ว”
พี่เพชรเริ่มยิ้มออกมาหลังจากที่แสดงสีหน้าเครียดเมื่อสักครู่ และรุ่นพี่คนอื่นๆ เองก็เริ่มจะสีหน้าดีขึ้นเมื่อหาข้อสรุปได้ พี่พริ๊งที่ทะเลาะกับพี่เปรมเมื่อสักครู่จึงเดินเข้ามาหา
“นี่เงินน้องเกลือ พี่ฝากด้วยนะ น้องซื้อขนมมากินได้เลย เดินช้าๆ ก็ได้ไม่ต้องรีบ ขอบใจน้องมากจริงๆ” พี่พริ๊งทำหน้าซึ้งพลางยัดเงินใส่มือผม จนผมเผลอลืมท่าทางน่ากลัวของเขาที่เพิ่งทะเลาะกับพี่เปรมไปแล้ว
“มะ...ไม่เป็นไรครับ...”
“ไอ้เพชร น้องรหัสมึงน่ารัก !”
“เออ กูบอกแล้ว”
พี่เพชรว่าพลางยักคิ้วให้พี่พริ๊ง ก่อนที่ผมเดินแยกออกมาหลังจากที่ได้รับหน้าที่ใหม่ ซึ่งเซเว่นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เลยคิดว่าไม่ใช่งานหนักอะไรสำหรับผม
อย่างน้อยผมก็พอช่วยพวกพี่เขาได้ในเรื่องเล็กๆ แบบนี้ล่ะนะ...
ความรู้สึกของผมตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว...
หลังจากที่สามารถซื้อของที่พี่ๆ เขาต้องการมาได้ และเดินกลับมาอย่างราบรื่นเพียงครึ่งทาง ที่เหลืออีกไม่ไกลนักก็เจอเข้ากับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนที่ส่งฝนโปรยลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าว โชคดีที่มันตกไม่หนักมาก แต่ก็ไม่ได้ดีกับคนที่เดินกลางแจ้งตัวเปล่าแบบผม
เปียกเข้าแล้ว...
ผมที่ลูบน้ำบนใบหน้าออกเมื่อทั้งหัวและชุดเปียกชื้นไปทั้งตัว โชคดีที่ว่าสามารถเดินมาถึงก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหนัก ทำให้ผมรอดจากมรสุมลูกใหญ่ได้หวุดหวิด เมื่อพี่ๆ ที่เห็นผมกลับมาก็ต่างทำหน้าตกใจ เพราะคงไม่คิดว่าผมจะเปียกฝนกลับมาแบบนี้
เย็นชะมัด...
ผมเดินไปยื่นถุงเซเว่นให้พี่พริ๊ง ซึ่งเธอก็รีบลุกแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมทันที พี่เพชรและพาฝันที่เห็นสภาพผมก็ทำหน้าตกใจไม่ต่างกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินเข้ามาหา
“ไอ้เกลือ หัวเปียกตัวเปียกหมดแล้ว”
“อ่า...เดี๋ยวก็น่าจะแห้งแหละ เราเปียกไม่เยอะ” ผมพูดตามความจริง เพราะชุดผมไม่ได้เปียกขนาดนั้น แต่ก็มีรอยชื้นที่เห็นได้ชัด ที่เปียกแน่นอนคงจะเป็นหัวที่รับน้ำฝนเต็มๆ มากกว่า
“กูไม่มีผ้าด้วย ทำไงดี ไอ้หมูอ้วนกูกลายเป็นลูกหมูตกน้ำแล้ว”
“งื้อ...ไม่ได้ตกน้ำสักหน่อย” ผมว่าทำให้พาฝันเดินเข้ามาแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาเช็ดหัวให้ผมด้วย “ขอบใจนะฝัน”
“เออจ้า”
“ฝนตกทำไมไม่หาที่หลบล่ะเรา เดินตากฝนมาทำไม” คราวนี้เป็นพี่เพชรที่มองผมอยู่พลางขมวดคิ้ว ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ เท่านั้น
“ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก แล้วเห็นว่ามันใกล้จะถึงแล้วผมเลยรีบมา กลัวพวกพี่รีบใช้ของ”
“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้นะ”
“ครับ”
“แล้วก็ขอบใจมากที่ช่วยเหลือพี่”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มให้พี่เพชร ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ ผ่านผ้าเช็ดหน้าของพาฝัน แล้วแยกตัวออกไปทำงานจนตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนที่ยังยืนเช็ดหัวให้ผมอยู่เท่านั้น “ฝันไม่ไปช่วยพี่นิดแล้วเหรอ”
“ตัดเสร็จแล้ว กูไม่รู้จะช่วยอะไรต่อ กลัวทำของเขาพัง”
“อ่า...นั่นสิเนอะ”
“อย่าป่วยนะมึง ถ้าป่วยกูงอน”
“เราไม่ป่วยหรอก” ผมว่าในขณะที่หัวก็โยกตามแรงเช็ดด้วย ซึ่งผมไม่รู้ว่าผ้าผืนแค่นั้นจะช่วยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็รู้สึกดีสุดๆ ไม่ต่างจากเวลาที่แม่ลูบหัวเลย
พาฝันนี่มีลักษณะของคนเป็นแม่สินะ...
“ทำหน้าเคลิ้มเชียวไอ้เกลือ”
“สบายอ่ะ เราชอบให้ฝันทำแบบนี้”
“เหรอออออ” พาฝันที่ตอนแรกเช็ดหัวให้ผมอยู่ก็เอื้อมมือมาดึงแก้มผมแรงๆ ไปหนึ่งที
“งื้ออออ เอ็บบบบบ ~”
“ทำให้เจ็บไง หมั่นเขี้ยวๆๆๆๆ” พาฝันที่ตอนนี้ดึงแก้มผมไปมา จนผมกลัวว่าแก้มเยอะๆ นี่จะย้วยซะก่อนก็ได้แต่ขยับตามแรงนั่น สุดท้ายแก้มทั้งสองข้างก็เป็นอิสระ ผมจึงรีบยกมือปิดแก้มไว้เพื่อป้องกัน “เออออ ปิดไว้เลย ปิดให้มิดนะไอ้ก้อนสองก้อนนั่นน่ะ !”
“แก้มต่างหาก”
“มันเป็นก้อนนนน” พาฝันว่าพลางจะแกล้งผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเบี่ยงตัวหลบจนสุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมแพ้ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมแทน
“ขอบคุณนะฝัน”
“เออ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รับปากตาหนูของมึงไว้แล้วด้วย”
“หือ ตาหนูไหน”
“ตาหนูปั้นใจไง”
“ทำไมฝันเรียกปั้นแบบนั้นอ่า”
“ไม่รู้ นิสัยมันเหมือนเด็กดี” พาฝันว่าพลางมองไปรอบๆ ทั้งมองฝนที่กำลังตกบ้าง มองพี่ๆ ที่นั่งทำงานอยู่บ้าง “นี่ไอ้เกลือ”
“หือ”
“ทำไมมึงกับปั้นไม่คบกันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราววะ” คำถามของฝันทำให้ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองทางรุ่นพี่อยู่ ซึ่งใบหน้าตอนนี้ก็รู้สึกร้อนผ่าวไปหมดสวนทางกับความเย็นที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ก่อนที่พาฝันจะตกใจเมื่อหันกลับมามองผมเข้า “เฮ้ยๆๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือไข้จะขึ้น”
“ปะ...เปล่า”
“หน้าแดงเชียวมึง กูขย้ำแรงไปเหรอวะ”
“อะ...อือ เจ็บมากเลย”
“โทษทีๆ” พาฝันว่าพลางขมวดคิ้ว ซึ่งผมเองก็ได้แต่พยักหน้า
“แล้วสรุปที่ถามเรื่องคบ...”
“คบกับปั้นเหรอ...”
“อือ คบอ่ะ”
“อ่า...คบ...”
“แบบแฟนไงแบบแฟน !”
“...”
“โอ๊ยยย มึงนี่นะไอ้เกลือ ซื้อบื้อมากกกกกก” พาฝันลากเสียงยาวๆ พลางทำหน้าเซ็ง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงเลยได้แต่เงียบไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจในคำถามของฝัน แต่ผมแค่คิดไม่ออกว่าถ้าผมกับปั้นใจคบกันมันจะเป็นยังไง
ไม่เคยคิดถึงภาพแบบนั้นเลยจริงๆ และไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ด้วย...
“อย่างเรากับปั้นน่ะเหรอ” ผมพูดเสียงเบา ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงสักนิด ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเรื่องความรัก ผมคิดว่าไม่มีมันก็ได้ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยแอบชอบใคร หรือมีใครมาชอบ แม้ช่วงนี้จะมีเรื่องแปลกๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเกิดขึ้นบ้าง แต่พอมองตามความเป็นจริงแล้ว ปั้นใจที่เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงทำให้ผมยิ่งมองว่า ‘ความรัก’ ที่ว่ามันไกลตัวผมเข้าไปใหญ่
ผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างเขาจะมาชอบผมได้...
“ช่างมันเถอะ ไม่ถามแล้ว”
“ถามได้ แต่เราแค่พยายามจะนึกภาพให้ออกน่ะ คำว่าคบมันคงยากไปสำหรับเรา”
“ยากตรงไหน แค่ลองเปิดใจเอง”
“เป็นฝันนี่ดีเนอะ ไม่เครียดกับเรื่องแบบนี้...”
“นี่ไอ้เกลือ” อยู่ๆ คนที่ทำหน้าไม่สนใจในตอนแรกก็เปลี่ยนทำหน้าจริงจังแล้วมองหน้าผมไปด้วย “ไม่มีความรักที่ไหนมันง่ายขนาดนั้นหรอก แต่แค่เราจะเลือกให้มันยากในจุดไหนมากกว่า”
“...”
“อย่างกูไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้เครียดเลย กูเองก็ผ่านเรื่องรักๆ มาเยอะ อย่างฟาง กูกับฟางทำไมถึงคบกันทั้งๆ ที่ไม่สนิทกัน ไม่รู้จักกัน แต่พวกกูแค่เลือกที่จะเรียนรู้กันเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ที่จะทำให้ใครสักคนที่ไม่รู้จักเข้ามาในชีวิตของเราได้”
“...”
“กูจะไม่พูดว่าเวลามีความรักมันทุกข์ขนาดไหน แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ามันมีนะ ความทุกข์น่ะ มึงมีเรื่องให้เครียดแน่นอน แต่ความสุขมันก็มีเหมือนกัน”
“ความทุกข์เหรอ” ผมที่ถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ เพราะผมไม่เคยมีแฟน และเห็นคู่รักส่วนใหญ่เขาก็มีความสุขกันดี แต่ผมเองก็เคยเห็นคนที่เสียใจเพราะอกหักมาไม่น้อยเหมือนกัน
“เออ เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้”
“อือ”
“อ่า...เอาง่ายๆ เลยนะ อย่างถ้าไอ้ฟางมันป่วย มันหายไป แน่นอนว่ากูจะต้องไม่สบายใจ เป็นห่วง กระวนกระวาย แล้วยังอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความสุขต้องเกิดขึ้นมาแน่ๆ นั่นล่ะมันคือความทุกข์ของกู”
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะผมเองก็เคยไม่สบายใจและเป็นห่วงปั้นใจมากๆ ในตอนที่เขาป่วยเหมือนกัน
เอ๊ะ...ขะ...เข้าใจงั้นเหรอ
“อะ...อื้อ เราเข้าใจแล้ว”
“เฮ้ออออ ไม่รู้จะพูดยังไง กูเข้าใจมึงนะเกลือ ว่ามึงคงไม่คิดถึงเรื่องรักๆ หรอก มึงคงคิดสินะว่า ตัวเองจะมีใครมาชอบ มึงเนี่ยนะจะมีแฟน แล้วยิ่งคนๆ นั้นเป็นไอ้เด็กปั้นแล้วด้วย...”
“อะ...อือ”
“เอาเถอะ ถ้าอยู่ๆ ปั้นใจมันมาชอบกู กูเองก็คงจะตกใจแล้วไม่เชื่อเหมือนกันล่ะ เด็กอะไรไม่รู้ มีดีไปหมด ยกเว้นนิสัย”
“ปั้นนิสัยดีนะ”
“จ้าๆๆ ตาหนูปั้นเขาดีที่สุดในสายตามึงแล้วนี่”
“ฝันก็ดีในสายตาเรานะ”
“ย่ะ ไม่เถียงละ” พาฝันว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยีหัวผมไปด้วย “แต่กูอิจฉามึงกับปั้นใจนะ”
“หือ” ผมที่ตอนแรกคิดตามพาฝันอย่างไม่มีข้อโต้แย้งก็ได้แต่มองคนที่มองออกไปที่ถนนที่ตอนนี้เปียกอย่างไม่มีท่าทีจะแห้งง่ายๆ และฝนที่เคยสาดลงมาตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นแสงแดดจ้าแทนแล้ว
“อิจฉาที่พวกมึงเหลือเพียงจุดเล็กๆ อีกนิดเดียวก็สามารถข้ามสถานะตอนนี้ได้แล้วไง ส่วนหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น หรือปัญหาใหญ่แค่ไหนมันก็จะกลายเป็นเรื่องของคนสองคนแล้ว”
“นิดเดียวเหรอ”
“เฮ้อ กูไม่ใช่แม่มึงนะ จะให้กูบอกทุกเรื่องเลยหรือไงห๊า !”
“งื้อ แม่เราไม่เคยพูดแบบนี้นะ”
“โอ๊ย ให้ตายสิ !” พาฝันที่ตอนนี้ทึ้งหัวตัวเองก็ได้แต่หันมาขมวดคิ้วใส่ผม ส่วนผมเองก็กำลังจ้องมองเธอราวกับอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่พาฝันจะบอกมากที่สุด ในใจลึกๆ ก็พอจะรู้อยู่อยู่แล้ว แต่ผมแค่ต้องการให้ใครสักคนมายืนยันเรื่องนี้ให้เท่านั้น “เอาล่ะ กูยอมละ กูจะบอกแค่ครั้งเดียวนะ”
“อือ”
แค่ครั้งเดียวก็พอ ช่วยยืนยันทีเถอะ ว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียว...
“มึงกับปั้นใจน่ะ...”
“...”
“ใจตรงกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”