◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)  (อ่าน 21607 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao6: :hao6: :hao6:  อีปั้นนี้เรียกร้องความสนใจจริงๆ อิอิอิ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 19

   “ฮะ...อุ๊บ...”
   ผมที่เตรียมจะจามต้องหุบปากลงทันทีเมื่อประตูห้องตรงหน้าเปิดออก ก่อนจะถูจมูกของตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าโดนขัดจังหวะครั้งที่สองของวันแล้ว
   อ่า...ผมคิดว่าตัวเองจะดีขึ้นแล้วซะอีก
   ผมถอนหายใจเบาๆ โดยในมือก็มีข้าวต้มสำหรับคนป่วยกับข้าวคะน้าหมูกรอบของผม ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของห้องที่มาเปิดประตูให้ตอนนี้หน้าแดง ตาแดงจนผมตกใจกับสภาพคนตรงหน้า
   “ทำไมไม่โทรมาล่ะ”
   “เราจำห้องปั้นได้”
   “เข้ามาสิ” ปั้นใจว่าก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้อง โดยที่ผมแอบได้ยินเสียงไอเบาๆ ของเขาด้วย ก่อนที่คนป่วยจะเดินไปหยิบโต๊ะมาตั้งที่กลางห้อง ผมจึงเดินไปหยิบถ้วย จานและช้อนแล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามกับอีกคน “เรียนเป็นไง”
   “เหงามาก”
   “หืม...”
   “ฝันก็ไม่มาอ่า เรานั่งเรียนคนเดียว” ผมว่าพลางหยิบถ้วยมาเทข้าวต้มหมู พลางดันไปให้คนป่วย ก่อนจะจัดการเทของตัวเองใส่จานบ้าง ปั้นใจที่ตอนแรกทำท่าสนใจกับเรื่องที่ผมต้องนั่งเรียนคนเดียวตอนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนความสนใจไปที่ของที่ผมซื้อมาฝากแล้ว เขามองข้าวต้มที่น้ำเต็มถ้วยแล้วมองคะน้าหมูกรอบของผมพลางขมวดคิ้ว “คนป่วยต้องกินอาหารเบาๆ”
   “ทำไมต้องข้าวต้มด้วย คนป่วยก็กินคะน้าหมูกรอบได้”
   “แต่วันนี้คนป่วยกินไม่ได้ เพราะคะน้าหมูกรอบเป็นของเรา”
   “แบ่งหน่อยไม่ได้เหรอ”
   “ม่าย ปั้นกินข้าวต้มไปสิ” ผมว่าพลางเลื่อนจานของตัวเองหลบอีกฝ่ายที่ทำท่าว่าจะเอื้อมมือมาตักข้าวของผม ทำให้เขาหรี่ตามองมาแต่ก็ยอมชักมือกลับไป
   “ข้าวไข่เจียวยังน่ากินกว่า”
   “ไว้คราวหน้านะ ตอนแรกเราก็ว่าจะสั่งข้าวไข่เจียวให้ แต่มันเป็นของทอด ปั้นไออยู่คงได้ไอหนักแน่ๆ แล้วถ้าสั่งของเผ็ดๆ มา เราก็ไม่รู้ว่าปั้นเจ็บคอมั้ย เลยสั่งอะไรที่คิดว่าคนไออยู่กินได้ที่สุดมาน่ะ”
   “...”
   “ถ้าหายแล้วเราจะแบ่งคะน้าหมูกรอบให้นะ” ผมว่าพลางยิ้มไปให้คนตรงข้ามที่ตอนนี้ยอมสงบแล้วสนใจกับข้าวต้มตรงหน้า ปั้นใจพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มตักอาหารที่ผมเลือกมาให้ขึ้นชิม เขานิ่งไปสักพักก่อนจะลงมือกินต่อ โดยที่ผมเองก็กินข้าวของตัวเองบ้าง
   “ขอบใจนะ”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเอง บางครั้งก็มองไปรอบๆ ห้องบ้าง ซึ่งที่เตียงและโต๊ะเขียนหนังสือของเขายังคงเป็นระเบียบเหมือนเดิม มีแต่ผ้าห่มที่ถูกพับลวกๆ หลังจากที่ใช้ไปหมาดๆ
   ปั้นใจนี่เป็นระเบียบจังเลยน้า...
   “มีอะไรหรือเปล่า”
   “หืม...”
   “เห็นมองไปทั่วเลย”
   “อ่า...กำลังคิดอยู่น่ะ”
   “คิด ?”
   “คิดว่าปั้นเป็นคนมีระเบียบดีจัง” ผมว่าพลางมองไปที่โต๊ะเขียนหนังสืออีกครั้ง และสายตาก็ไปสะดุดกับโต๊ะติดๆ กันแต่สภาพต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนต้องหันมาหาเจ้าของห้องแล้วยิ้มแห้ง
   “แค่เก็บของให้เป็นระเบียบก็ไม่ได้ยากอะไร” เขาตอบราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งขนาดผมไม่ได้ซกมกเท่าฟาง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นระเบียบเท่าปั้นจริงๆ “ว่างๆ ก็บอกให้เพื่อนมาจัดของให้ไอ้ฟางบ้างสิ”
   “ฝันเหรอ”
   “อืม”
   “คิดว่าคงไม่ไหวหรอก ฮ่าๆ” ผมว่าพลางนึกถึงพาฝัน ซึ่งอีกคนก็เป็นคนใจร้อนไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น ถ้าให้มาจัดของแบบนี้คงไม่ยอมแน่ๆ “เดี๋ยวเราจัดของฟางให้มั้ย”
   “จัดให้มันทำไม”
   “ก็จะไม่รกหูรกตาปั้นไง ของแค่นั้นเอง แป๊บเดียว”
   “ไม่เป็นไร”
   “แต่เรา...”
   “ไว้ของปั้นรกเมื่อไหร่จะชวนมาจัดนะ” ปั้นใจพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยซ้ำ เขาได้แต่ตักข้าวต้มกิน ผมเลยได้แต่พยักหน้าแม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม “เบื่อป่วย”
   “อือ เราเข้าใจ เราก็ไม่ชอบป่วย”
   “งั้นก็อย่าป่วย” เขามองผม และสายตาที่มองมานั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาจริงจังในคำพูดไม่น้อย มันเหมือนเป็นคำสั่งและคำขอร้อง “เข้าใจมั้ย”
   “ระ...เราจะพยายามไม่ป่วยนะ”
   “ดีมาก” ปั้นใจยิ้มเล็กน้อย แล้วเริ่มลงมือกินข้าวต้มอีกครั้ง ผมที่ตอนนี้รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาก็ได้แต่ตักคะน้าหมูกรอบตรงหน้าใส่ปากแล้วพยายามไม่คิดสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้
   แต่รอยยิ้มของปั้นใจนี่ติดตาสุดๆ ไปเลย !



   “ฮัดชิ้ว !”
   ผมที่จามออกมาแล้วรีบล้วงกระเป๋าเอากระดาษทิชชู่ขึ้นมาเตรียมพร้อมก็ต้องถูจมูกเบาๆ ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับคนที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ข้างๆ เขามองมาที่ผมพลางขมวดคิ้วก่อนจะแย่งห่อทิชชู่ในมือของผมไปแล้วดึงกระดาษออกมาบีบที่จมูกของผมเบาๆ ราวกับเช็ดน้ำมูกให้เด็ก ก่อนจะเอาของใช้แล้วทิ้งลงถังขยะ
   เอ่อ...
   ดะ...เดี๋ยวนะปั้น เราไม่ใช่เด็กสักหน่อย
   งื้อ...
   “บอกตัวเองไว้ ห้ามป่วย”
   “เราแค่จามเอง”
   “เห็นบอกว่าเป็นหวัด”
   “หายแล้ว”
   “แน่ใจ”
   “แน่ใจสิ” ผมตอบอีกฝ่ายเต็มเสียง ก่อนจะแย่งห่อกระทิชชู่คืนมา ปั้นใจที่มองการกระทำของผมอยู่ก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ แล้วเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้เย็นแล้วเดินกลับมาพร้อมกล่องขนมหวานในมือ
   “ขนมไอ้ฟาง”
   “...”
   “อ่ะ” ปั้นใจยื่นกล่องขนมเค้กร้านโปรดของผมมาให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็พอรู้ว่าฟางเองก็ชอบขนมร้านนี้เหมือนกัน แต่การถูกยื่นขนมของคนอื่นมาให้แบบนี้นี่มัน...
   “เอ่อ...ของฟางไม่ใช่เหรอปั้น...”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวจ่ายเงินมันเอง”
   “...”
   “กินได้” ปั้นใจพูดย้ำพลางวางกล่องขนมลงตรงหน้าผม ซึ่งผมเองก็ไม่กล้ากินอยู่ดี เพราะกลัวว่าฟางกลับมาแล้วจะว่าปั้นใจ แม้จะรู้อยู่ลึกๆ ว่าฟางจะไม่กล้าก็เถอะ
   อ่า...กลัวทั้งคู่ทะเลาะกันจัง
   ผมที่ตอนนี้ขมวดคิ้วคิดหนัก เพราะของตรงหน้าก็น่ากิน แต่เจ้าของก็ยังไม่อนุญาตจะให้กินเลยมันก็ออกจะรู้สึกผิดไปหน่อย
   เอาไงดี...
   “ไม่กินเหรอ”
   “กลัวฟางว่าอ่ะ” ผมพูดตามความจริงพลางเงยหน้ามองปั้นใจ ซึ่งเขาที่ขมวดคิ้วตามก็ได้แต่มองผมสลับกับกล่องขนม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์อะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมันมาให้ผมดู
   
   Punjai : ขอซื้อต่อเค้กในตู้เย็นให้เกลือกินนะ
   Fang : ตามสบายเลยครับลูกพี่

   แชทเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนทำให้ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าปั้นใจทักไปขอเจ้าของเค้กชิ้นนี้ให้จริงๆ
   จะ...ใจดีเกินไปแล้ว

   Fang : ว่าแต่ลุกมาขอซื้อเค้กต่อกูได้นี่หายป่วยแล้วสินะ มียาดีนี่เนอะ
   Fang : (สติ๊กเกอร์โปรยใจ)
   
   ผมที่เห็นว่าแชทเลื่อนขึ้นเพราะอีกฝ่ายส่งข้อความมาอีกก็ได้แต่เงยหน้ามองปั้นใจ ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะเก็บโทรศัพท์ไปโดยไม่สนใจแชทของฟางด้วยซ้ำ
   “กินได้ ซื้อต่อแล้ว”
   “อะ...อือ ขอบใจนะ”
   ละ...แล้วผมที่มาดูแลปั้นใจทำไมถึงได้มานั่งกินเค้กแบบนี้ล่ะเนี่ย !
   ไม่ได้ๆ ต้องสนใจอาการป่วยของเขาบ้างแล้ว
   “เอ่อ ปั้น”
   “หืม...”
   “ตัวหายร้อนหรือยัง” ผมขยับเข้าไปใกล้เขาทำให้ปั้นใจที่ตอนแรกหันไปสนใจกับหนังสือการ์ตูนก็หันมามอง ผมจึงเอื้อมมือไปจับที่หน้าผากของเขาเบาๆ “ตัวยังอุ่นอยู่เลย”
   “...”
   “เดี๋ยวเราเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้นะ” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าใบหน้าของปั้นใจอยู่ตรงหน้า แถมยังจับหน้าผากเขาแบบไม่ขออนุญาตด้วย แต่ยังไม่ทันที่ชักมือกลับมือของปั้นใจก็ปล่อยหนังสือการ์ตูนวางลงบนพื้นแล้วเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้
   “ขอบคุณที่แวะมาหา”
   “อืม...”
   “ขอบคุณที่เป็นห่วง”
   เสียงแหบพร่าที่เปล่งเป็นคำพูดเบาๆ ทำให้ผมได้แต่พยักหน้ารับ และเลือกที่จะก้มหน้าลง เพราะไม่กล้าสบสายตาของเขาที่มองมานัก ก่อนจะต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมืออุ่นๆ อีกข้างของปั้นใจเตะที่แก้มของผมเบาๆ แรงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ใบหน้าผมเงยขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้ผมแทบหยุดหายใจเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าของปั้นใจก็ขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากอุ่นร้อนแตะลงที่มุมปากของผมเบาๆ แล้วถอยออก ผมที่นั่งตัวแข็งไปแล้วก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่
   จะ...จูบ...
   ไม่ใช่ แต่ก็เกือบ...
   คะ...แค่มุมปาก ไม่ใช่ปาก...
   แล้วลมหายใจร้อนๆ เมื่อกี๊มัน...
   “ปะ...ปั้น...”
   “เมื่อกี๊เรียกว่าฉวยโอกาส...”
   “...”
   “แต่ถ้าครั้งหน้าเกลือเปิดโอกาสอีกเมื่อไหร่ปั้นจะเปลี่ยนเป็นที่ปากแล้วนะ”
   รอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดบนใบหน้าของปั้นใจทำให้ผมทำหน้าทำตัวไม่ถูกไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่ละสายตาไปจากคนตรงหน้าด้วยซ้ำ หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงราวกับจะบอกให้คนใกล้ตัวรับรู้ว่าผมตื่นเต้นและเขินมากขนาดไหน
   ถะ...ถ้ามีโอกาส...
   ที่ปาก...
   กะ...ก็จูบน่ะสิ !



   “เกลือ”
   “...”
   “หมูเกลือ !”
   เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงมัน ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
   “คะ...ครับแม่...”
   “เป็นอะไรหรือเปล่าเรา หน้าแดงเชียว หรือจะไม่สบาย”
   “ปะ...เปล่า...”
   “ไปหาหมอหน่อยมั้ย เดี๋ยวแม่พาไป”
   “เกลือไม่ได้เป็นอะไร...” ผมรีบส่ายหัวเพื่อยืนยันกับแม่ว่าไม่ได้กำลังป่วยจริงๆ แต่ที่หน้าแดงมันคงจะมีสาเหตุมาจาก...
   ‘แต่ถ้าครั้งหน้าเกลือเปิดโอกาสอีกเมื่อไหร่ปั้นจะเปลี่ยนเป็นที่ปากแล้วนะ’
   ฉ่า ~!
   ผมที่รีบก้มหัวซุกหน้าลงกับกระเป๋าก็ได้แต่เม้มปากแน่น สัมผัสอุ่นๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังติดอยู่จนรับรู้ได้ว่ารู้สึกอย่างไร และเมื่อนึกถึงหัวใจมันก็พาลเต้นแรงขึ้นมาจนกลัวว่าหัวใจอาจจะวายอย่างเฉียบพลันได้
   ปะ...ปั้นใจแกล้งผมเข้าแล้ว...
   “เป็นอะไรหรือเปล่าเรา ไม่ได้ป่วยแน่นะ”
   “กะ...เกลือไม่ได้ป่วยครับ...”
   “แล้วเกิดอะไรขึ้นหืม ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ”
   “เกิดอะไรขึ้น...”
   เกิด...ที่ปาก...
   บะ...บอกแม่ไม่ได้เด็ดขาดเลย !
   “ว่าไงเรา”
   “มะ...ไม่มีอะไรครับ เกลือไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
   “แน่ใจนะ”
   “ครับ...” ผมตอบเสียงเบาแม้ใบหน้าจะยังซุกอยู่ที่กระเป๋าก็ตาม ตอนนี้แม่กำลังจะพาผมไปที่ร้านอาหารร้านประจำของเพื่อนแม่ที่เราทั้งคู่ไปกินบ่อยครั้งหลังจากที่ผมออกมาจากหอของปั้นใจโดยที่ไม่ได้ช่วยทำประโยชน์อะไรให้คนป่วยแม้แต่น้อย ขนาดเช็ดตัวเขายังทำเอง ส่วนผมหลังจากที่เจอเหตุการณ์ชวนตกใจไปเลยทำให้เกิดอาการพูดน้อยและพูดไม่ออกเวลาอยู่ต่อหน้าปั้นใจซะอย่างนั้น
   ตื่นเต้นสุดๆ เลย...
   แล้วก็...รู้สึกดีด้วย...
   ผมที่หลับตาลงพลางนึกถึงสัมผัสที่ในใจลึกๆ ไม่อยากจะลืมมันนัก ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อมีแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า ทำให้ผมล้วงมันออกมาพลางค่อยๆ ยกหัวออกจากกระเป๋าผ้าที่ตอนนี้โดนผมทับจนไม่เป็นทรงแล้ว
   ไลน์เข้า...
   ผมจ้องไปที่แจ้งเตือนข้อความใหม่ ก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียว และเมื่อเห็นชื่อของเจ้าของแชทก็ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว
   ฮื้อ...ความรู้สึกที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แบบนี้มันคืออะไรกัน
   ผมที่ตอนนี้จ้องไปที่ชื่อและรูปโปรไฟล์แมวสีดำหน้าตาตลกสุดๆ ก็ได้แต่พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เปิดแชทที่คนป่วยส่งเข้ามาหมาดๆ

   ปั้น : ลืมอะไรไว้หรือเปล่า
   
   ผมอ่านข้อความตรงหน้าก็ต้องขมวดคิ้วจนลืมเรื่องตื่นเต้นเมื่อสักครู่ ก่อนจะเปิดกระเป๋าดูของด้านในว่าไปเผลอลืมอะไรไว้
   กระดาษทิชชู่เหรอ...
   
   เกลือ ._. : กระดาษทิชชู่ใช่มั้ย
   ปั้น : อืม
   เกลือ ._. : ปั้นทิ้งไปเลย วันนี้เราจามบ่อย อาจจะมีเชื้อโรคก็ได้
   ปั้น : เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปให้
   เกลือ ._. : ไม่เป็นไร ที่บ้านเรามีเยอะเลย
   ปั้น : สรุปไม่เอาแล้ว
   เกลือ ._. : อือ

   ผมพิมพ์ตอบกลับไปแค่นั้น ซึ่งทางปั้นใจก็เงียบไปสักพัก ทำให้ผมที่ตอนแรกใจจดใจจ่อกับแชทที่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา รู้สึกดีขึ้นเมื่ออาการตื่นเต้นเมื่อสักครู่เริ่มหายไปแล้ว และดีใจที่ผมสามารถคุยกับปั้นใจได้อย่างปกติ
   “ฮู่ว...” ผมพ่นลมหายใจออกมาพลางกุมหน้าอกเบาๆ ก่อนจะหันไปเห็นว่าแม่กำลังมองมาพลางทำหน้าสงสัย ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มกลับไป “เกลือไม่เป็นอะไรแล้วแม่”
   “ดีแล้ว เมื่อกี๊แม่เป็นห่วงเกลือมากเลย นึกว่าจะไม่สบายซะอีก”
   “แฮะๆ ขอโทษนะครับ”
   แม่เอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ หนึ่งที ก่อนจะหันไปสนใจกับถนนตรงหน้าต่อ ผมจึงก้มมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ที่คราวนี้มีข้อความใหม่ขึ้นมาแล้ว
   และมันก็ไม่ดีกับใจผมเอาซะเลย

   ปั้น : งั้นเดี๋ยวปั้นเก็บไว้ใช้เองแล้วกัน
   ปั้น : ขอบใจนะ

   ผมที่อ่านข้อความตรงหน้าก็ได้แต่หุบยิ้มลง จากที่ตอนแรกกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงคนที่ป่วยมากกว่า เพราะวันนี้ผมจามไปหลายรอบ และเจ้าทิชชู่ห่อนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดด้วย...
   เอ่อ...ปั้น...
   ถ้าอยากได้เดี๋ยวเราหิ้วไปให้พรุ่งนี้ก็ได้...

   ปั้น : ดีใจ นอกจากข้าวต้มแล้วยังได้ทิชชู่มาเป็นของฝากด้วย
   เกลือ ._. : ฮื้อ เดี๋ยวเราหิ้วห่อใหม่ไปฝากพรุ่งนี้ก็ได้นะ ทิ้งไปเถอะ มันเหลือนิดเดียวเอง
   ปั้น : อยากได้
   
   ผมที่อ่านแชทที่ถูกส่งเข้ามาก็ได้แต่บีบโทรศัพท์แน่น เพราะไม่รู้ว่าปั้นใจทำไมต้องดีใจกับของเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าวันนี้ยังไม่ได้ดูแลเขาสักนิด มีแต่เขานั่นล่ะที่มาดูแลผม และยังลุกมานั่งเป็นเพื่อนทั้งๆ ที่ป่วยอยู่ด้วย
   เหมือนไปกวนเขาเข้าแล้ว พรุ่งนี้จะหายมั้ยนะ...
   จะได้เจอหรือเปล่า...
   ผมที่แอบรู้สึกผิดลึกๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมองไปที่หน้าจอตรงหน้าอีกครั้ง ที่คราวนี้ปั้นใจส่งข้อความเข้ามาใหม่ และมันก็มีผลกับหัวใจของผมสุดๆ

   ปั้น : แต่ที่ดีใจกว่าการได้ของฝาก คือได้เจอหน้าคนที่หิ้วมาฝากมากกว่า
   ปั้น : เจอกันที่ ม. พรุ่งนี้นะ
   เกลือ ._. : อือ ไว้เจอกันนะ

   ผมที่ยิ้มกับข้อความตรงหน้าอย่างกลั้นไม่อยู่จนต้องยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองไว้ และในใจลึกๆ ก็พูดเพ้อกับตัวเองอยู่หลายต่อหลายครั้งกับความรู้สึกจริงๆ ของผมที่เกิดขึ้นมา
   อะ...อืม...
   อยากเจอปั้นใจทั้งพรุ่งนี้ มะรืนนี้ และทุกๆ วันเลย...

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เอ้ยยย พัฒนาจ้า มีการพัฒนา 555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เกลือเสร็จปั้นอีกแล้วววววววววววว  :hao3:

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 20

   “ชาเขียว ชานม หรือนมเย็น...”
   ผมที่ตอนนี้กำลังมองป้ายเมนูขนาดใหญ่ก็ได้แต่ครุ่นคิดกับตัวเองว่าจะกินอะไรดี วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีเรียนสาย ทางเลือกของการนั่งฆ่าเวลาเช้าๆ คือการนั่งที่ร้านชานมไข่มุกที่บรรยากาศน่ารักสุดๆ ที่นี่นั่นเอง
   ว่าแต่กินอะไรดี...
   “รับอะไรดีคะ”
   “เอ่อ...ผมเอาชาเขียวปั่นใส่วิปครีมไม่เอามุกครับ” ผมที่สั่งเมนูเดิมๆ แม้ตอนแรกจะคิดไว้หลากหลาย แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นชาเขียวอยู่ดี พนักงานได้แต่ยิ้มรับก่อนจะเริ่มลงมือชงชาเขียวให้ผม และกลิ่นหอมๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ “พี่ครับ ผมขอพิเศษวิปครีมได้มั้ย”
   “ได้ค่ะ”
   พี่สาวตรงหน้ายิ้มให้เป็นกันเองสุดๆ ทำให้ผมได้แต่ยิ้มกลับ แล้วยืนรอของที่ตัวเองสั่ง
   “หนู...”
   “...!”
   “เจ้าหนูอ้วน...”
   ผมที่สะดุ้งกับเสียงเบาๆ ที่กระซิบข้างหู ก่อนจะรีบหันไปมองก็เห็นว่าเป็นปั้นใจที่ตอนนี้ยืนช้อนหลังของผมอยู่
   “ปะ...ปั้น...”
   “ว่าแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่” เขาพูดพลางยิ้มให้ผมเล็กน้อย เสียงของเขายังคงแหบอยู่ แต่ใบหน้าดูดีขึ้นเยอะเลย
   กลับมาหล่อแล้ว...
   “เอ่อ...ทำไมปั้นมาเช้า”
   “กลัวเกลือเหงา เลยรีบมา” เขาว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองป้ายเมนู และเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่พนักงานทำชาเขียวแบบวิปครีมพูนๆ ให้ผมเสร็จพอดี “เอานมร้อนแก้วนึงครับ”
   “ได้ค่ะ”
   ผมที่รับแก้วชาเขียวของตัวเองมาก็หลบทางให้คนที่สั่งนมร้อนและจ่ายเงิน ไม่นานเราทั้งคู่ก็มีเครื่องดื่มอยู่ในมือคนละแก้ว ผมที่ยืนรอเขาอยู่แล้วก็เริ่มมองหาที่นั่งที่ว่าง โชคดีที่ช่วงเช้าที่นี่ยังไม่ค่อยมีนักศึกษานัก ผมและปั้นใจจึงได้ที่ดีๆ สำหรับการนั่งรอเวลาเรียนในเช้านี้
   รู้สึกว่าห่างกับปั้นใจได้ไม่นาน แป๊บๆ ก็ได้เจอกันอีกแล้ว
   เมื่อวานผ่านไปเร็ว...
   เมื่อวาน...
   ฉ่า ~!
   งื้อออ อย่าเพิ่งนึกถึงๆๆ
   ผมที่สะบัดหัวเบาๆ ก็รีบยกแก้ชาเขียวขึ้นมาดูดราวกับว่าความเย็นและความหวานที่ได้รับจะทำให้อาการร้อนๆ บนใบหน้านั้นหายไปได้
   จริงสิ ผมมีขนมปังอยู่นี่นา !
   ผมที่นึกขึ้นได้ว่ามีของที่เป็นมื้อเช้ามื้อประจำอยู่กับ จึงเปิดกระเป๋าแล้วหยิบขนมปังครัวซองต์ออกมาแล้วยื่นไปให้คนตรงข้าม
   “นมร้อนกินกับครัวซองต์อร่อยมาก” ผมรีบพูดเมื่อเห็นว่าปั้นใจมองมาที่ผมราวกับถามว่ายื่นมาให้ทำไม และคำพูดของผมก็ทำให้เขาพยักรับแล้วหยิบห่อขนมปังไปแกะแล้วส่งเข้าปากทันที
   “อร่อย”
   “เราบอกแล้ว” ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าปั้นใจดูจะพออกพอใจกับของที่ผมให้ไป ก่อนที่ตัวเองจะหันมาสนใจกับชาเขียวปั่นเย็นๆ ตรงหน้าต่อ วิปครีมนุ่มๆ ละมุนลิ้นแบบนี้ดีต่อใจผมจริงๆ
   “แลกกัน” คำพูดเบาๆ ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ก่อนที่ซองคิทแคทรสชาเขียวจะถูกวางลงตรงหน้า
   “ขอบใจนะ” ผมเอื้อมมือไปรับของที่ปั้นใจให้มา โดยตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังกลั้นยิ้มจนรู้สึกปวดแก้มไปหมด ก่อนจะเก็บของหวานที่ได้มาใส่กระเป๋าไว้
   “ไม่กินเหรอ”
   “เก็บไว้กินทีหลัง” ผมรีบส่ายหัว เพราะตอนนี้ยังไม่อยากกินมันจริงๆ เพราะถ้ากินแล้วแม้แต่ซองคงจะเก็บไว้ไม่ได้แน่ๆ
   งื้อ...นี่ผมตัดใจจากของหวานได้เลยเหรอเนี่ย
   “อ้าว ปั้น !”
   ผมที่ตอนแรกนั่งก้มหน้าก้มตาสนใจแต่ซองคิทแคทก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อปั้นใจขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่เดินเข้ามาหาปั้นใจ ซึ่งคนตรงข้ามผมก็ยกมือไหว้ทันที
   “สวัสดีครับพี่แป้ง”
   “ทำไมเสียงเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย” เธอที่ทำท่าตกใจเมื่อได้ยินเสียงแหบๆ ของคนที่เข้ามาทักทาย
   “ไม่สบายครับ”
   “ถึงว่า...เมื่อวานทำไมไม่มา” ปั้นใจพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วนมร้อนขึ้นดื่ม ตามด้วยขนมปัง “งั้นเดี๋ยวพี่มานั่งด้วยนะ มีเรื่องจะคุยด้วยพอดี ไปซื้อน้ำก่อน”
   คนมาใหม่พูดพลางวางกระเป๋าลงตรงที่นั่งข้างๆ ปั้นใจ ก่อนจะเดินออกไปเพื่อสั่งเครื่องดื่มทันที ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนตรงข้ามเท่านั้นที่กำลังนั่งมองหน้ากันอยู่ สุดท้ายผมก็ได้แต่ยิ้มให้เขาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ตามสบาย และไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือเปล่า เพราะอีกคนตอนนี้เลื่อนแก้วนมร้อนมาที่ฝั่งเดียวกับผม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
   “ไม่อยากทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยแล้ว”
   “สู้ๆ นะ”
   “อืมมมมม” คนที่บ่นออกมาได้แต่ขานรับยาวๆ ก่อนที่เขาจะยกแก้วนมร้อนดื่มทีเดียวจนหมด ตามด้วยขนมปังที่เหลือคำใหญ่ ไม่นานของกินตรงหน้าก็หมดลง คงเหลือแต่ผมที่ตอนนี้น้ำยังเต็มแก้ว “ง่วง”
   “อ่า...”
   “ยังไม่หายป่วยเลย” ปั้นใจพูดขึ้นพลางมองมาที่ผม ซึ่งตัวเองก็ได้แต่มองเขากลับไปก่อนจะคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะจับหน้าผากเขาดีมั้ย “ไม่รู้ว่ายังไม่ไข้อยู่หรือเปล่า...”
   ในที่สุดผมก็เอื้อมมือไปที่หน้าผากอุ่นๆ ของคนข้างๆ ที่ตอนนี้นั่งตัวตรงราวกับรอให้ผมวัดไข้ให้ และความอุ่นร้อนที่แผ่มาที่มือของผมนั้นก็ทำให้รู้ว่าไข้ของเขายังไม่ได้หายไปไหนจริงๆ
   “ตัวยังร้อนอยู่เลย”
   “อือ...”
   “ปวดหัวหรือเปล่า”
   “นิดนึง...”
   “ทำไมไม่นอนพัก มาเรียนทำไม”
   “อยากเจอ” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมพูดต่อไม่ถูก ก่อนจะดึงมือตัวเองกลับมา
   “เราก็อยากเจอปั้นเหมือนกัน แต่เจอตอนหายป่วยแล้วจะดีใจกว่า...”
   ผมพูดตามความจริง แม้จะอยากจะเจอ แต่การที่ได้เจอแล้วรู้ว่าเขาฝืนร่างกายตัวเองแบบนี้ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าเขาจะไม่ไหว หรือเป็นหนักกว่าที่เป็นอยู่
   “เดี๋ยวนอนสักพักก็ดีขึ้น” ปั้นใจว่าเบาๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่หัวหนักๆ ของคนข้างๆ ผมจะทิ้งลงมาบนไหล่ ทำเอาผมนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด “ขอนอนหน่อยนะ”
   “...”
   “ถ้าพี่เขากลับมาบอกว่าปั้นหลับไปแล้ว”
   คำพูดเบาๆ ที่พูดสั่งไว้ก่อนที่ร่างข้างๆ ผมจะนิ่งไป มีเพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่ผมพอจะรับรู้ได้ ผมที่นั่งตัวตรงก็ค่อยๆ ผ่อนความเกร็งลง ก่อนจะหันไปมองคนป่วยที่ตอนนี้นั่งหลับตาซบไหล่ผมอยู่ จนผมกลัวว่าความสูงของเขาจะทำให้ทำให้เขาปวดเมื่อยหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกไป ได้แต่เป็นที่พักพิงจำเป็นให้กับปั้นใจเท่านั้น และผมก็หวังว่าการนอนหลับครั้งนี้จะทำให้เขาดีขึ้นมาจริงๆ
    “ฝะ...ฝันดีนะ...”
   ผมพูดเบาๆ จนไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า สุดท้ายแล้วช่วงเช้าของวันนี้ผมก็นั่งอยู่ที่ร้านชานมไข่มุกโดยมีคนป่วยนั่งหลับอยู่ข้างๆ แม้จะมีคนเข้ามาทักทายบ้างแต่ก็ไม่มีใครสามารถเรียกให้ปั้นใจตื่นขึ้นมาตอบได้สุดท้ายพวกเขาก็จากไป เหลือเพียงผมกับคนป่วยที่หลับสนิทเท่านั้น
   และผมก็หวังว่าเขาจะดีขึ้นทันทีที่ตื่นมา
   ให้ตายสิ
   ชอบความรู้สึกที่เหมือนมีกันแค่สองคนแบบนี้สุดๆ ไปเลย...



   “คอเคล็ด”
   “อ่า...” ผมมองคนที่ใช้มือบีบนวดต้นคอของตัวเองอยู่ก็ได้แต่แสดงความเป็นห่วงทางสายตาเท่านั้น ปั้นใจที่ตอนนี้ขยับคอไปมา ดูท่าจะทรมานสุดๆ ก็ทำให้ผมตะหนักแล้วว่าความสูงของผมนั้นเป็นอันตรายกับเขาอย่างร้ายแรงจริงๆ
   ฮื้อ...เราไม่ได้ตั้งใจนะ...
   “เอาน่า ความสุขที่ยิ่งใหญ่ มันก็ต้องแลกมาด้วยความทุกข์เล็กๆ เว้ย”
   “มึงหุบปากไปเลย”
   “ใจร้ายกับเพื่อนว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมมองฟางที่หัวเราะออกมาราวกับมีความสุขเมื่อเห็นว่าปั้นทุกข์ ซึ่งผมเองตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าหงุดพลางมองคนที่นวดที่ต้นคอตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว และเมื่อปั้นใจเห็นผมว่ากำลังมองเขาอยู่ เขาก็ปล่อยมือจะการบีบนวดแล้วกลับมานั่งหลังตรงทันที ราวกับว่าความเจ็บปวดเมื่อสักครู่ได้หายไปแล้ว
   ไม่ต้องเก็บอาการก็ได้...
   “มึงมาทำไมที่นี่”
   “มาหาแฟน”
   “ไหนแฟนมึง”
   “ฝันออกไปซื้อของกับรุ่นพี่น่ะ เดี๋ยวคงกลับมา” ผมพูดขึ้นเมื่อพาฝันโดนพี่รหัสชวนออกไปซื้อของเป็นเพื่อน เห็นว่าพวกพี่ปีสองมีงานใหญ่ที่ต้องทำ อย่างพี่เพชรเองช่วงนี้ผมก็เจอเขาบ่อยๆ เพราะเขารวมตัวกับเพื่อนๆ ทำงานชิ้นนั้นอยู่ใต้ตึก
   “เห็นมั้ย เดี๋ยวแฟนกูก็มา”
   ฟางยิ้มกว้างให้กับปั้นใจ ทำเอาคนที่ตอนนี้ขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองได้แต่บ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันหน้าหนีไปเลย ผมที่มองทั้งคู่อยู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมา เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ฟางก็กวนปั้นใจได้ตลอด และอีกฝ่ายเองก็ทำท่ารำคาญฟางอยู่เสมอเหมือนกัน จนไม่รู้ว่าทั้งคู่สนิทกันได้ยังไง
   แต่ก็ดูมีสีสันดีล่ะนะ ถึงปั้นจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็เถอะ ฮ่าๆ
   “มาแล้วๆๆๆๆ”  เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ทิ้งตัวลงนั่งแรงๆ จนกระแทกร่างผมจนขยับพร้อมกับใบหน้าที่เกยขึ้นบนไหล่ทำให้ผมหันไปมอง ก็เห็นว่าพาฝันที่ตอนนี้นั่งตัวติดผมกำลังหอบเหนื่อย “เหนื่อยชะมัด เขาเรียกกูไปแบกของเว้ย ไม่ได้เรียกให้ไปเป็นเพื่อน !”
   “ไหวมั้ยฝัน”
   “ไม่ไหวเลยเจ้าหมูอ้วนนนนน ~” พาฝันที่พูดโดยที่หน้าแนบไปกับแขนของผมทำให้ตัวเองมองเธออย่างขำๆ แน่นอนว่าทั้งสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก็กำลังมองคนที่เพิ่งมาถึงอยู่เช่นกัน และเมื่อคนที่บ่นว่าเหนื่อยเริ่มหายใจหายคอได้บ้างก็ถอยตัวออกจากผมแล้วยกถุงพลาสติกขึ้นมาวางบนโต๊ะทันที “ถึงจะเหนื่อยแต่ได้ขนมมาเพียบเลยว่ะ”
   “ดีๆๆ แจกจ่ายสิ”
   “ไม่ต้องเลยไอ้ฟาง กูยังงอนมึงอยู่นะ”
   พาฝันที่หันไปพูดกับฟางทำให้ผมได้แต่ตกใจกับสรรพนามแบบนั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ เพราะพาฝันคงพูดเพราะไม่ได้นัก และยิ่งเป็นฟางด้วย คงไม่แปลกที่ขึ้นมึงกูกันเลยทีเดียว
   “โธ่ น้องฝันจ๋า อย่าใจร้ายกับพี่เลย ~”
   “มานงมาน้อง อายุห่างกันตั้งรอบปี”
   “อ้าวเหรอ มองไกลๆ นึกว่าสาว ม.ต้น !”
   “พูดดี กูแบ่งขนมก็ได้” พาฝันเบะปากก่อนจะหัวเราะชอบใจ ซึ่งฟางเองก็ไม่ต่างกัน ผมที่มองคู่รักอารมณ์ดีก็ได้แต่ยิ้มตาม ก่อนที่ฟางจะลุกขึ้นแล้วมาขอแลกที่กับผม ทำให้ตัวเองต้องขนข้าวของย้ายไปนั่งฝั่งปั้นใจ
   อ่า...นั่งใกล้กันอีกแล้ว
   “รำคาญมั้ย...” อยู่ๆ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็ขยับเข้ามาใกล้พลางก้มหน้าเข้ามากระซิบถาม ผมเลยได้แต่หันไปมองงงๆ “สองคนนั้น”
   “หือ ไม่นี่ น่ารักดีออก”
   “เหรอ” ปั้นใจหรี่ตาพลางหันไปมองทางสองคนนั้นอีกครั้งก่อนจะขยับตัวออกไป ทำให้ผมได้แต่มองเขาสลับกับทั้งสองคนที่ผมมองยังไงก็ว่าน่ารัก “ไม่เห็นน่ารักเลย น่ารักตรงไหน”
   “ปั้นไม่ชอบเหรอ”
   “ไม่อ่ะ”
   “ทำไมอ่ะ”
   “ไม่รู้”
   “อิจฉาก็บอกมาเถ้อออออ ~!” ฟางที่พูดขึ้นมาแม้การกระทำของเขาจะยังยุ่งอยู่กับพาฝันก็ตาม พอผมหันไปมองทางปั้นใจก็เห็นว่าอีกคนขมวดคิ้วทำหน้าเซ็งและหันหน้าหนีไปแล้ว
   โดนฟางแกล้งอีกแล้วสินะ
   ผมที่ขำทั้งหน้ามุ่ยๆ ของปั้นใจ และท่าทางของทั้งสองคนตรงข้ามก็ได้แต่หัวเราะออกมา และเมื่อเขาได้ยินว่าผมหัวเราะอยู่คนข้างๆ ก็รีบหันมามองผมทันที
   “ขำปั้นเหรอ”
   “เปล่าสักหน่อย เราตลกฟางกับฝันต่างหาก”
   จริงๆ ก็แอบขำปั้นนิดนึงแหละ ฮ่าๆ
   “เดี๋ยวจะโดน” ปั้นใจว่าก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมหนึ่งที แล้วดูท่าว่าจะไม่ปล่อยง่ายๆ ด้วย
   “อ๋อยยย ~”
   ไหนบอกว่า ‘เดี๋ยวจะ’ ไง นี่มันโดนเลยชัดๆ งื้อ...
   “นิ่ม”
   “แกล้งเราอ่ะ” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะแก้มยังโดนคนตรงหน้าใช้มือทั้งสองข้างจับแล้วบีบไปมาอย่างสนุกมือ ซึ่งแน่นอนว่าผมบ่นเพียงแค่นั้นจริงๆ เพราะแก้มของผมตอนนี้ได้ทำประโยชน์เข้าแล้วเมื่อปั้นใจยิ้มออกมาหลังจากที่ดูอารมณ์เสียเมื่อสักครู่
   ประโยชน์ต่อใจผมนี่ล่ะ...
   “อะแฮ่ม”
   “แค่กๆๆๆๆ ข้าวโพดคั่วติดคอ” เสียงของสองคนที่นั่งตรงข้ามทำให้ปั้นใจหุบยิ้มลงทันที และผมก็อดเสียดายไม่ได้
   “น้ำจ้าน้ำ”
   ปั้นใจที่ยอมปล่อยมือออกจากแก้มของผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำให้ผมได้แต่ลูบแก้มตัวเองบ้าง พอหันไปมองพาฝันกับฟางทั้งคู่ก็พร้อมใจกันยื่นขนมมาให้ผม เป็นเยลลี่ห่อสีม่วงของพาฝันกับขนมเบงเบงที่ฟางส่งมาให้ แล้วชี้ไปทางปั้นใจ พลางพูดแบบไม่มีเสียง
   ‘เอาให้มันสิ’
   ผมที่ตอนแรกพยายามอ่านปากของเขาก็ได้แต่พยักหน้า และคิดว่าฟางจะง้อปั้นใจแน่ๆ ก่อนจะรับขนมทั้งสองแบบมาแล้วเลือกเอาช็อกโกแลตห่อสีแดงที่ผมชอบกินเมื่อสมัยเด็กยื่นไปให้คนข้างๆ เมื่อปั้นใจเห็นว่าขนมถูกยื่นไปเขาก็มองหน้าผมก่อนจะยอมรับไปทันที ผมที่หันมาสนใจกับการแกะเยลลี่กินบ้างก็เห็นว่าพาฝันกับฟางกับหัวเราะอะไรสักอย่าง พอหันไปมองทางปั้นใจอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขากำลังมองห่อขนมเบงเบงอยู่ จนผมสงสัยว่ามันมีอะไรกันแน่ จึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะเง้อมองบ้าง
   ‘รักเธออ่ะ มีอะไรป้ะ’
    ข้อความด้านหลังห่อขนมทำเอาผมเกือบสำลักเยลลี่ในปากพลางเบิกตากว้าง ก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างๆ ที่ตอนนี้เขาหันมามองผมเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดหรือแก้ตัวอะไร ปั้นใจเขาก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน จนผมไม่คิดว่าขนมเพียงห่อเดียวจะทำให้หัวใจของผมทำงานหนักได้ขนาดนี้
   “ไม่มี”
   “...”
   “แล้วก็เหมือนกัน”

-------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีเพื่อนดีคอยหนับหนุน ชอบๆ  :hao3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เกลือเอ๊ยยยย รู้สึกตัวเร็วๆเถอะะะ ปั้นมันจีบชัดขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกกกกกกกก

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 21

   ดูเหมือนชีวิตช่วงนี้ของผมก็ดูปกติทุกอย่าง ปั้นใจที่ตอนแรกชอบหายไปตอนนี้ก็เริ่มอยู่กับที่มากขึ้น มีแต่พวกรุ่นพี่เท่านั้นที่ดูจะวุ่นวายกับการทำงานอะไรสักอย่าง เลยทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยรุ่นพี่ปีสองที่จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
   “กูว่าจะไปช่วยพี่รหัสทำบอร์ดหน่อย ไปด้วยกันมั้ย”
   “ปะ...”
   “ปั้นใจๆๆๆ” ผมที่กำลังจะตอบพาฝันก็ต้องชะงัก ก่อนที่เราทั้งสามคนที่ตอนนี้ยืนงงในกลุ่มคนต้องหันไปมองทางรุ่นพี่ที่หน้าตาดูคุ้นว่าผมจะเพิ่งเคยเจอมาเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ร้านชานมไข่มุก ปั้นใจที่โดนเรียกก็ได้แต่หันไปทำหน้างงๆ ใส่เธอ “มากับพี่หน่อยสิ พอดีงานที่เราทำกันวันก่อนมีปัญหานิดนึงอ่ะ”
   “ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”
   “ใกล้แล้วๆ นะๆ มาด้วยกันหน่อย”
   ปั้นใจที่หันมามองทางผมกับพาฝันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกมือจับไหล่พาฝันเบาๆ
   “ฝากเกลือด้วย”
   “เออย่ะ จะไปไหนก็ไป”
   “ไว้เจอกันนะ”
   สีหน้าหงอยๆ ของปั้นใจทำให้ผมรู้สึกสงสารเขาจับใจ ดูเหมือนเขาจะหนีจากรุ่นพี่ได้ไม่ทันไรก็ต้องกลับไปเจองานหนักอีกแล้ว ผมเลยได้แต่พยักหน้าแล้วมองคนที่เคยยืนด้วยกันเดินจากไป ผมจึงหันมาทางพาฝันที่ตอนนี้กำลังชะเง้อมองอะไรบางอย่าง แล้วหันมาถามผมกับคำถามก่อนหน้านี้อีกครั้ง
   “ว่าไงไอ้เกลือ ไปด้วยกันมั้ย”
   “เรา...”
   “เกลือ”
   ผมที่กำลังจะถามว่าถ้าไปด้วยจะไม่เกะกะใช่มั้ยก็ต้องหยุดคำพูดตัวเอง ก่อนจะหันไปมองอีกทางก็เห็นว่าพี่พี่เพชรกำลังหิ้วถุงพลาสติกใหญ่ๆ มาหลายถุงแล้วเดินเข้ามาหา
   “สวัสดีครับพี่เพชร”
   “สวัสดีค่ะพี่เพชร”
   “ไงเรา ไม่ได้คุยกันหลายวันเลย”
   “ผมเห็นพี่เพชรยุ่งๆ” ผมพูดตามความจริง เพราะช่วงนี้เห็นพี่เขายุ่งกันจริงๆ เราทั้งคู่เลยไม่ค่อยได้คุยกันนัก “ว่าแต่ไปไหนเหรอครับ”
   “ไปทำงานกลุ่มน่ะ นี่เพิ่งไปซื้อของมา” พี่เพชรโชว์ถุงของใช้มากมายให้ผมดู ทำให้ผมได้แต่มองอึ้งๆ โดยที่เขาก็หัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวขึ้นปีสองเราก็เจอ”
   “มันยากมั้ยครับ...”
   “ใช้ได้เลยแหละ”
   “อ่า...”
   “สนใจไปดูเป็นตัวอย่างหน่อยมั้ย” พี่เพชรเอ่ยปากชวนทำให้ผมได้แต่คิดหนัก เพราะพาฝันเองก็เพิ่งชวนผมเหมือนกัน
   “เอาไงไอ้เกลือ จะไปกับกูหรือพี่รหัสมึงอ่ะ”
   “เรา...”
   “อ้าว กำลังจะไปกับฝันเหรอ งั้นไม่เป็นไร ไปเถอะๆ” พี่เพชรหันไปพูดกับพาฝันที่ตอนนี้ยืนรอการตัดสินใจของผมอยู่
   “ฝันกำลังจะไปช่วยงานพี่นิดเหมือนกันค่ะ เลยชวนเกลือไปด้วยกัน”
   “นิดเหรอ”
   “ใช่ค่ะ”
   “งั้นก็มากับพี่เลยสิ พี่อยู่กลุ่มเดียวกับนิด”
   “หือ จริงเหรอคะ”
   “ใช่ครับ บังเอิญเนอะ” พี่เพชรว่ายิ้มๆ ส่วนผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาที่ไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะไปกับใครดี เพราะสุดท้ายจุดหมายของทั้งสองคนก็ที่เดียวกันนั่นล่ะ “งั้นเกลือก็ไปกับพี่ได้แล้วเนอะ”
   “ครับ”
   ผมพยักหน้าพลางยิ้มให้คนตรงหน้าที่ดูจะพอใจไม่น้อยกับบทสรุปแบบนี้ ส่วนพาฝันเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เลยเข้ามากอดคอผมแล้วพาเดินตามพี่เพชรไป พอมาถึงผมก็ต้องตกใจกับกลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนที่ตอนนี้รอบกายมีทั้งทั้งฟิวเจอร์บอร์ด กระดาษสี และของตกแต่งอื่นๆ อยู่เต็มไปหมด บางคนก็นั่งพิมพ์งาน บางคนก็นั่งเขียน บางคนติดป้าย จนผมคิดว่ามันดูน่าจะงานใหญ่และชวนให้วุ่นวายจริงๆ
   “ไอ้เพชรเอาของมาเร็วๆ เลย” พี่สาวคนหนึ่งที่กวักมือเรียกพี่เพชรที่กำลังถือถุงพลาสติกถุงใหญ่ ก่อนที่คนที่เดินมากับพวกผมจะเดินเข้าไปส่งของที่คาดว่าน่าจะเพิ่งซื้อมาไปให้เธอ ผมที่ยืนมองสถานการณ์อยู่กับพาฝันก็ทำตัวไม่ถูกนัก ก่อนที่คนที่กอดคอผมอยู่จะดึงผมให้เดินไปหาพี่ผู้หญิงสองคนที่กำลังนั่งวุ่นวายอยู่กับกระดาษภาพและฟิวเจอร์บอร์ดสำเร็จรูป
   “พี่นิด ฝันมาช่วยแล้ว พาเพื่อนมาช่วยด้วย”
   “ดีเลยๆ ขอบใจทั้งสองคนนะ”
   “ยินดีค่า” ผมกับพาฝันทิ้งตัวลงนั่งรวมกลุ่มกับทั้งสองคน ก่อนที่กรรไกรกับกระดาษภาพจะถูกส่งมา ซึ่งหน้าที่ของผมกับพาฝันก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แค่นั่งตัดกระดาษเท่านั้น เพราะยังไงผมก็คงไม่กล้าไปยุ่งกับส่วนอื่นหรอก ไม่รู้เขาทำอะไรกัน เผื่อไปทำของเขาพังแล้วจะซวยแย่
   “เพชร ไหนกาวร้อนกับกาวสองหน้าวะ”
   “กูแยกกับไอ้เปรมไปซื้อ ร้านที่กูไปหมด”
   “แล้วไอ้เปรมไปไหน”
   “เดี๋ยวก็มามั้ง”
   “มาแล้วเว้ย” เสียงที่ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย ก่อนจะหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่เพชรที่เคยมีปัญหากับปั้นใจเมื่อคราวก่อน ผมจึงรีบหันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าต่อแม้จะได้ยินเสียงบทสนทนของพวกพี่ๆ ด้วยก็ตาม “เอ้า เอาไป”
   “แล้วไหนกาวสองหน้าที่กูฝากซื้อล่ะ”
   “ห๊ะ มึงสั่งกาวสองหน้าด้วยเหรอ”
   “สั่งเว้ย ไอ้ห่าเปรม มึงอย่ามาทำลืมนะ !”
   เสียงดังที่เกิดขึ้นทำเอาทั้งผมทั้งรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างหันไปมองเมื่อเห็นว่าพี่เปรมโดนพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าชื่อพี่พริ๊งบ่นเข้าให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง
   “เออๆ กูขอโทษ กูลืมกูผิดเองล่ะ”
   “ขอโทษไปก็ไม่ได้ของ มึงรีบไปซื้อมาเลย”
   “ไม่ไป ให้ไอ้เพชรไปซื้อนู้น หมดงานกูแล้วกูกลับแล้ว”
   “เดี๋ยวสิวะไอ้เปรม งานตรงอื่นยังไม่เสร็จเลย !”
   “แบ่งหน้าที่กันแล้วก็หมดหน้าที่กูแล้วมั้ยวะ มึงทำหน้าที่นั้นมึงก็ทำไปสิ” ร่างสูงที่เดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันทีท่ามกลางเสียงด่าของพี่คนหนึ่งจนทำให้ผมอดรู้สึกกลัวไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นใครด่ากันได้รุนแรงแบบนี้ ซึ่งคนอื่นๆ เองก็มีสีหน้าไม่พอใจไม่ต่างกัน จนพี่เพชรต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
   “ไอ้พริ๊งใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอง ขอโทษแทนไอ้เปรมด้วย”
   “มึงจะขอโทษแทนมันทำไมไอ้เพชร เลิกปกป้องมันได้แล้ว !”
   “กูมีเหตุผลของกู เดี๋ยวกูไปซื้อให้ จบนะ” พี่เพชรพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะทำท่าเดินออกไป แต่ไม่ทันไรก็โดนเรียกไว้อีกครั้ง
   “เดี๋ยวก่อนไอ้เพชร มึงต้องมาช่วยกูตรงนี้ มีใครพอว่างอีกมั้ย วานไปซื้อให้ที”
   “ตรงกูยังไม่เสร็จ”
   “ตรงกูก็ยัง...”
   ผมที่มองรุ่นพี่แต่ละคนที่เริ่มจะแสดงสีหน้าเครียดออกมา ซึ่งหนักสุดคงจะเป็นพี่เพชรที่ตอนนี้ดูแล้วเขาเองก็คงจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
   เหตุการณ์แบบนี้เป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากเจอเลยจริงๆ
   “ฝัน เดี๋ยวเรามานะ”
   “หืม”
   “พี่รหัสเราเดือดร้อนอ่ะ” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปหาพี่เพชรที่ตอนนี้ยืนนิ่งหาทางออกอยู่ “พี่เพชร”
   “หะ...หืม...” คนที่ใบหน้าคิ้วขมวดตอนแรกหันมาทางผม ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาแล้วพยายามปรับสีหน้า “ขอโทษนะที่พี่พามาเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว”
   “ไม่เป็นไรครับ”
   “ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าเรา”
   “เดี๋ยวผมไปซื้อของให้ พี่เพชรไปช่วยเพื่อนทำงานก็ได้”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่...”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้ เทปกาวเซเว่นใกล้ๆ นี่ก็น่าจะมี เดินแป๊บเดียวเอง”
   “...”
   “ถือว่าผมตอบแทนที่พี่เลี้ยงข้าวเนอะ” ผมว่าพลางยิ้มให้คนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้ารู้สึกผิดไปแล้ว ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
   “งั้นพี่ฝากด้วยนะ ลำบากเกลือเข้าแล้ว”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจจะมาช่วยอยู่แล้ว”
   พี่เพชรเริ่มยิ้มออกมาหลังจากที่แสดงสีหน้าเครียดเมื่อสักครู่ และรุ่นพี่คนอื่นๆ เองก็เริ่มจะสีหน้าดีขึ้นเมื่อหาข้อสรุปได้ พี่พริ๊งที่ทะเลาะกับพี่เปรมเมื่อสักครู่จึงเดินเข้ามาหา
   “นี่เงินน้องเกลือ พี่ฝากด้วยนะ น้องซื้อขนมมากินได้เลย เดินช้าๆ ก็ได้ไม่ต้องรีบ ขอบใจน้องมากจริงๆ” พี่พริ๊งทำหน้าซึ้งพลางยัดเงินใส่มือผม จนผมเผลอลืมท่าทางน่ากลัวของเขาที่เพิ่งทะเลาะกับพี่เปรมไปแล้ว
   “มะ...ไม่เป็นไรครับ...”
   “ไอ้เพชร น้องรหัสมึงน่ารัก !”
   “เออ กูบอกแล้ว”
   พี่เพชรว่าพลางยักคิ้วให้พี่พริ๊ง ก่อนที่ผมเดินแยกออกมาหลังจากที่ได้รับหน้าที่ใหม่ ซึ่งเซเว่นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เลยคิดว่าไม่ใช่งานหนักอะไรสำหรับผม
   อย่างน้อยผมก็พอช่วยพวกพี่เขาได้ในเรื่องเล็กๆ แบบนี้ล่ะนะ...



   ความรู้สึกของผมตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว...
   หลังจากที่สามารถซื้อของที่พี่ๆ เขาต้องการมาได้ และเดินกลับมาอย่างราบรื่นเพียงครึ่งทาง ที่เหลืออีกไม่ไกลนักก็เจอเข้ากับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนที่ส่งฝนโปรยลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าว โชคดีที่มันตกไม่หนักมาก แต่ก็ไม่ได้ดีกับคนที่เดินกลางแจ้งตัวเปล่าแบบผม
   เปียกเข้าแล้ว...
   ผมที่ลูบน้ำบนใบหน้าออกเมื่อทั้งหัวและชุดเปียกชื้นไปทั้งตัว โชคดีที่ว่าสามารถเดินมาถึงก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหนัก ทำให้ผมรอดจากมรสุมลูกใหญ่ได้หวุดหวิด เมื่อพี่ๆ ที่เห็นผมกลับมาก็ต่างทำหน้าตกใจ เพราะคงไม่คิดว่าผมจะเปียกฝนกลับมาแบบนี้
   เย็นชะมัด...
   ผมเดินไปยื่นถุงเซเว่นให้พี่พริ๊ง ซึ่งเธอก็รีบลุกแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมทันที พี่เพชรและพาฝันที่เห็นสภาพผมก็ทำหน้าตกใจไม่ต่างกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินเข้ามาหา
   “ไอ้เกลือ หัวเปียกตัวเปียกหมดแล้ว”
   “อ่า...เดี๋ยวก็น่าจะแห้งแหละ เราเปียกไม่เยอะ” ผมพูดตามความจริง เพราะชุดผมไม่ได้เปียกขนาดนั้น แต่ก็มีรอยชื้นที่เห็นได้ชัด ที่เปียกแน่นอนคงจะเป็นหัวที่รับน้ำฝนเต็มๆ มากกว่า
   “กูไม่มีผ้าด้วย ทำไงดี ไอ้หมูอ้วนกูกลายเป็นลูกหมูตกน้ำแล้ว”
   “งื้อ...ไม่ได้ตกน้ำสักหน่อย” ผมว่าทำให้พาฝันเดินเข้ามาแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาเช็ดหัวให้ผมด้วย “ขอบใจนะฝัน”
   “เออจ้า”
   “ฝนตกทำไมไม่หาที่หลบล่ะเรา เดินตากฝนมาทำไม” คราวนี้เป็นพี่เพชรที่มองผมอยู่พลางขมวดคิ้ว ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ เท่านั้น
   “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก แล้วเห็นว่ามันใกล้จะถึงแล้วผมเลยรีบมา กลัวพวกพี่รีบใช้ของ”
   “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้นะ”
   “ครับ”
   “แล้วก็ขอบใจมากที่ช่วยเหลือพี่”
   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มให้พี่เพชร ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ ผ่านผ้าเช็ดหน้าของพาฝัน แล้วแยกตัวออกไปทำงานจนตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนที่ยังยืนเช็ดหัวให้ผมอยู่เท่านั้น “ฝันไม่ไปช่วยพี่นิดแล้วเหรอ”
   “ตัดเสร็จแล้ว กูไม่รู้จะช่วยอะไรต่อ กลัวทำของเขาพัง”
   “อ่า...นั่นสิเนอะ”
   “อย่าป่วยนะมึง ถ้าป่วยกูงอน”
   “เราไม่ป่วยหรอก” ผมว่าในขณะที่หัวก็โยกตามแรงเช็ดด้วย ซึ่งผมไม่รู้ว่าผ้าผืนแค่นั้นจะช่วยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็รู้สึกดีสุดๆ ไม่ต่างจากเวลาที่แม่ลูบหัวเลย
   พาฝันนี่มีลักษณะของคนเป็นแม่สินะ...
   “ทำหน้าเคลิ้มเชียวไอ้เกลือ”
   “สบายอ่ะ เราชอบให้ฝันทำแบบนี้”
   “เหรอออออ” พาฝันที่ตอนแรกเช็ดหัวให้ผมอยู่ก็เอื้อมมือมาดึงแก้มผมแรงๆ ไปหนึ่งที
   “งื้ออออ เอ็บบบบบ ~”
   “ทำให้เจ็บไง หมั่นเขี้ยวๆๆๆๆ” พาฝันที่ตอนนี้ดึงแก้มผมไปมา จนผมกลัวว่าแก้มเยอะๆ นี่จะย้วยซะก่อนก็ได้แต่ขยับตามแรงนั่น สุดท้ายแก้มทั้งสองข้างก็เป็นอิสระ ผมจึงรีบยกมือปิดแก้มไว้เพื่อป้องกัน “เออออ ปิดไว้เลย ปิดให้มิดนะไอ้ก้อนสองก้อนนั่นน่ะ !”
   “แก้มต่างหาก”
   “มันเป็นก้อนนนน” พาฝันว่าพลางจะแกล้งผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเบี่ยงตัวหลบจนสุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมแพ้ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมแทน
   “ขอบคุณนะฝัน”
   “เออ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รับปากตาหนูของมึงไว้แล้วด้วย”
   “หือ ตาหนูไหน”
   “ตาหนูปั้นใจไง”
   “ทำไมฝันเรียกปั้นแบบนั้นอ่า”
   “ไม่รู้ นิสัยมันเหมือนเด็กดี” พาฝันว่าพลางมองไปรอบๆ ทั้งมองฝนที่กำลังตกบ้าง มองพี่ๆ ที่นั่งทำงานอยู่บ้าง “นี่ไอ้เกลือ”
   “หือ”
   “ทำไมมึงกับปั้นไม่คบกันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราววะ” คำถามของฝันทำให้ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองทางรุ่นพี่อยู่ ซึ่งใบหน้าตอนนี้ก็รู้สึกร้อนผ่าวไปหมดสวนทางกับความเย็นที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ก่อนที่พาฝันจะตกใจเมื่อหันกลับมามองผมเข้า “เฮ้ยๆๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือไข้จะขึ้น”
   “ปะ...เปล่า”
   “หน้าแดงเชียวมึง กูขย้ำแรงไปเหรอวะ”
   “อะ...อือ เจ็บมากเลย”
   “โทษทีๆ” พาฝันว่าพลางขมวดคิ้ว ซึ่งผมเองก็ได้แต่พยักหน้า
   “แล้วสรุปที่ถามเรื่องคบ...”
   “คบกับปั้นเหรอ...”
   “อือ คบอ่ะ”
   “อ่า...คบ...”
   “แบบแฟนไงแบบแฟน !”
   “...”
   “โอ๊ยยย มึงนี่นะไอ้เกลือ ซื้อบื้อมากกกกกก” พาฝันลากเสียงยาวๆ พลางทำหน้าเซ็ง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงเลยได้แต่เงียบไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจในคำถามของฝัน แต่ผมแค่คิดไม่ออกว่าถ้าผมกับปั้นใจคบกันมันจะเป็นยังไง
   ไม่เคยคิดถึงภาพแบบนั้นเลยจริงๆ และไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ด้วย...
   “อย่างเรากับปั้นน่ะเหรอ” ผมพูดเสียงเบา ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงสักนิด ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเรื่องความรัก ผมคิดว่าไม่มีมันก็ได้ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยแอบชอบใคร หรือมีใครมาชอบ แม้ช่วงนี้จะมีเรื่องแปลกๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเกิดขึ้นบ้าง แต่พอมองตามความเป็นจริงแล้ว ปั้นใจที่เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงทำให้ผมยิ่งมองว่า ‘ความรัก’ ที่ว่ามันไกลตัวผมเข้าไปใหญ่
   ผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างเขาจะมาชอบผมได้...
   “ช่างมันเถอะ ไม่ถามแล้ว”
   “ถามได้ แต่เราแค่พยายามจะนึกภาพให้ออกน่ะ คำว่าคบมันคงยากไปสำหรับเรา”
   “ยากตรงไหน แค่ลองเปิดใจเอง”
   “เป็นฝันนี่ดีเนอะ ไม่เครียดกับเรื่องแบบนี้...”
   “นี่ไอ้เกลือ” อยู่ๆ คนที่ทำหน้าไม่สนใจในตอนแรกก็เปลี่ยนทำหน้าจริงจังแล้วมองหน้าผมไปด้วย “ไม่มีความรักที่ไหนมันง่ายขนาดนั้นหรอก แต่แค่เราจะเลือกให้มันยากในจุดไหนมากกว่า”
   “...”
   “อย่างกูไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้เครียดเลย กูเองก็ผ่านเรื่องรักๆ มาเยอะ อย่างฟาง กูกับฟางทำไมถึงคบกันทั้งๆ ที่ไม่สนิทกัน ไม่รู้จักกัน แต่พวกกูแค่เลือกที่จะเรียนรู้กันเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ที่จะทำให้ใครสักคนที่ไม่รู้จักเข้ามาในชีวิตของเราได้”
   “...”
   “กูจะไม่พูดว่าเวลามีความรักมันทุกข์ขนาดไหน แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ามันมีนะ ความทุกข์น่ะ มึงมีเรื่องให้เครียดแน่นอน แต่ความสุขมันก็มีเหมือนกัน”
   “ความทุกข์เหรอ” ผมที่ถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ เพราะผมไม่เคยมีแฟน และเห็นคู่รักส่วนใหญ่เขาก็มีความสุขกันดี แต่ผมเองก็เคยเห็นคนที่เสียใจเพราะอกหักมาไม่น้อยเหมือนกัน
   “เออ เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้”
   “อือ”
   “อ่า...เอาง่ายๆ เลยนะ อย่างถ้าไอ้ฟางมันป่วย มันหายไป แน่นอนว่ากูจะต้องไม่สบายใจ เป็นห่วง กระวนกระวาย แล้วยังอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความสุขต้องเกิดขึ้นมาแน่ๆ นั่นล่ะมันคือความทุกข์ของกู”
   ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะผมเองก็เคยไม่สบายใจและเป็นห่วงปั้นใจมากๆ ในตอนที่เขาป่วยเหมือนกัน
   เอ๊ะ...ขะ...เข้าใจงั้นเหรอ
   “อะ...อื้อ เราเข้าใจแล้ว”
   “เฮ้ออออ ไม่รู้จะพูดยังไง กูเข้าใจมึงนะเกลือ ว่ามึงคงไม่คิดถึงเรื่องรักๆ หรอก มึงคงคิดสินะว่า ตัวเองจะมีใครมาชอบ มึงเนี่ยนะจะมีแฟน แล้วยิ่งคนๆ นั้นเป็นไอ้เด็กปั้นแล้วด้วย...”
   “อะ...อือ”
   “เอาเถอะ ถ้าอยู่ๆ ปั้นใจมันมาชอบกู กูเองก็คงจะตกใจแล้วไม่เชื่อเหมือนกันล่ะ เด็กอะไรไม่รู้ มีดีไปหมด ยกเว้นนิสัย”
   “ปั้นนิสัยดีนะ”
   “จ้าๆๆ ตาหนูปั้นเขาดีที่สุดในสายตามึงแล้วนี่”
   “ฝันก็ดีในสายตาเรานะ”
   “ย่ะ ไม่เถียงละ” พาฝันว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยีหัวผมไปด้วย “แต่กูอิจฉามึงกับปั้นใจนะ”
   “หือ” ผมที่ตอนแรกคิดตามพาฝันอย่างไม่มีข้อโต้แย้งก็ได้แต่มองคนที่มองออกไปที่ถนนที่ตอนนี้เปียกอย่างไม่มีท่าทีจะแห้งง่ายๆ และฝนที่เคยสาดลงมาตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นแสงแดดจ้าแทนแล้ว
   “อิจฉาที่พวกมึงเหลือเพียงจุดเล็กๆ อีกนิดเดียวก็สามารถข้ามสถานะตอนนี้ได้แล้วไง ส่วนหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น หรือปัญหาใหญ่แค่ไหนมันก็จะกลายเป็นเรื่องของคนสองคนแล้ว”
   “นิดเดียวเหรอ”
   “เฮ้อ กูไม่ใช่แม่มึงนะ จะให้กูบอกทุกเรื่องเลยหรือไงห๊า !”
   “งื้อ แม่เราไม่เคยพูดแบบนี้นะ”
   “โอ๊ย ให้ตายสิ !” พาฝันที่ตอนนี้ทึ้งหัวตัวเองก็ได้แต่หันมาขมวดคิ้วใส่ผม ส่วนผมเองก็กำลังจ้องมองเธอราวกับอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่พาฝันจะบอกมากที่สุด ในใจลึกๆ ก็พอจะรู้อยู่อยู่แล้ว แต่ผมแค่ต้องการให้ใครสักคนมายืนยันเรื่องนี้ให้เท่านั้น “เอาล่ะ กูยอมละ กูจะบอกแค่ครั้งเดียวนะ”
   “อือ”
   แค่ครั้งเดียวก็พอ ช่วยยืนยันทีเถอะ ว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียว...
   “มึงกับปั้นใจน่ะ...”
   “...”
   “ใจตรงกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ฝันเริ่มแล้ว อาการคุณแม่กำเริบแล้ว มีสั่งสอนลูกเกลือใหญ่เลยนะ  o18

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฝัน ฟาง รู้กันหมดแล้วว่าป้้นชอบเกลือแบบคนรัก   :z3:
เกลือ ชอบปั้น  :impress2:
แต่ไม่กล้ายอมรับกับตัวเองว่าปั้น จะชอบตัวเองแบบคนรักจริงหรือ   :really2: :เฮ้อ:
คงต้องให้ปั้น บอกเกลือแบบชัดๆดังๆว่า ปั้น ชอบเกลือ รักเกลือนะ
ปั้น  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 22


(ปั้นใจ)
   ทำไมยังไม่มา...
   วันนี้ผมมาเร็วกว่าปกติเพื่อที่จะมารอคนที่ชอบมาเช้าทุกวัน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเหงาหรือต้องนั่งกินข้าวคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันที่แปลกมากเมื่อตอนนี้เกลือยังมาไม่ถึงมหาวิทยาลัยทั้งๆ ที่ควรจะถึงนานแล้ว และผมที่รออยู่อย่างนี้มาได้สักพักจึงเลือกที่จะกดโทรศัพท์โทรหาอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครรับ เมื่อลองเปิดดูเฟซบุ๊กก็เห็นว่าไม่มีการออนไลน์ตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อน ส่วนไลน์นั้นก็ไร้วี่แววของการอ่าน
   ไปไหนนะ...
   ผมมองโทรศัพท์โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างที่หวังนัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านในมหาวิทยาลัยเมื่อตอนนี้คนที่ป้ายรถเมล์เริ่มเยอะขึ้น เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าพาฝันกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอทันที
   “อ้าว ตาหนูปั้น มาแล้วเหรอจ๊ะ”
   ตาหนู...?
   ผมที่ขมวดคิ้วกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามแล้วพยายามลืมสิ่งที่ได้ยินไป พลางถามเรื่องที่สงสัยมากกว่า
   “ทำไมเกลือยังไม่มา”
   “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ลองโทรไปถามล่ะ”
   “โทรแล้ว ส่งไลน์แล้ว ทักเฟซแล้ว”
   “แล้ว ?”
   “ไม่รับ ไม่ตอบ”
   “อ่า...” คนตรงข้ามผมวางช้อนลงพลางทำท่าคิด “คงไม่ได้ป่วยหรอกนะ...”
   “ป่วย ?”  ผมมองพาฝันที่ตอนนี้ทำท่าคิด โดยที่เธอก็มองผมกลับมาเช่นกันก่อนจะถอนหายใจ
   “เฮ้อ ไอ้เกลือนะไอ้เกลือ กูบอกแล้วเชียวว่าห้ามป่วย”
   “ทำไมถึงป่วย”
   “มันตากฝนเมื่อวาน”
   “ว่าไงนะ...”
   “มันอาสาไปซื้อของให้รุ่นพี่น่ะ ตอนไปก็ไปดีๆ แหละ แต่ขากลับฝนเท มันเลยเปียก”
   “...”
   “เดี๋ยวดีขึ้นคงติดต่อมา”
   คนตรงข้ามผมพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ ส่วนผมเองตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเกลือป่วยอย่างที่ว่ามั้ย แล้วถ้าป่วย ป่วยเป็นอะไร ตอน ม. 6 ผมก็เคยเห็นเขาป่วยอยู่บ้าง และมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขาหายไปเป็นอาทิตย์
   หวังว่ามันคงไม่ได้หนักขนาดนั้น...



   ดูเหมือนว่าเกลือจะหายเงียบไปเลย ทำให้ผมที่ตอนนี้เริ่มจะเครียดเพราะรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้แต่นั่งกดโทรศัพท์ แม้จะไม่ได้ส่งข้อความไปมากมาย แต่แค่หวังว่าทางนั้นจะตอบกลับมาเท่านั้น เพราะนี่ก็เที่ยงกว่าๆ แล้ว
   “ใจเย็นๆ ตาหนูปั้น เกลือมันคงนอนหลับพักผ่อนแหละ” คำพูดของพาฝันทำให้ผมละสายตาจากโทรศัพท์แล้วมองหน้าอีกฝ่าย
   “จะถามตั้งนานแล้ว อะไรคือตาหนู”
   “น่ารักดีใช่มั้ย”
   ผมขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจออกมา เพราะไม่ค่อยมีอารมณ์จะมานั่งให้อีกฝ่ายแกล้งเล่นเท่าไหร่ เลยได้แต่กดโทรศัพท์เข้าเบอร์ของคนที่ขาดเรียนวันนี้อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะตัดสินใจได้โทรออก แอพพลิเคชั่นไลน์ก็มีข้อความเข้ามาใหม่ซะก่อน และผมก็รีบเปิดมันดูทันที ซึ่งชื่อของเจ้าของข้อความก็ทำให้ปมบนคิ้วผมคลายออกทั้งหมดก่อนจะรีบเปิดเข้าไปอ่าน

   เกลือ ._. : ขอโทษที่ไม่ได้ตอบกลับนะ เราไม่สบายอ่ะ

   ผมที่อ่านข้อความที่ถูกส่งมา และก็เป็นไปตามที่พาฝันว่า เมื่อตอนนี้เจ้าตัวคงนอนพักผ่อนอยู่บ้านจากอาการป่วย
   ให้ตายสิ เป็นห่วงแทบแย่...

   ปั้น : เป็นอะไรมากหรือเปล่า
   เกลือ ._. : ม่ายยย เดี๋ยวก็หายแล้ว
   ปั้น : จริง ?
   เกลือ ._. : อื้อ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ
   ปั้น : โทรหาได้มั้ย
   เกลือ ._. : เราไออ่ะ คุยไม่ค่อยได้ ขอโทษนะ
   เกลือ ._. : แต่เราจะรีบหายไวๆ

   ผมที่อ่านข้อความที่ส่งมาก็ได้แต่เป็นห่วงอีกคนเท่านั้น แต่ก็รู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก  แค่อีกฝ่ายยอมตอบรับความเป็นห่วงของผมแบบนี้ก็ดีใจแล้ว

   ปั้น : ไม่เป็นไร งั้นหายไวๆ นะ
   เกลือ ._. : อื้อ ขอบใจนะ งั้นเราเลิกเล่นโทรศัพท์แล้ว
   ปั้น : พักผ่อนเยอะๆ ปั้นเป็นห่วง
   เกลือ ._. : อือ...
   ปั้น : เกลือ
   เกลือ : ว่าไง
   ปั้น : เย็นนี้ขอทักไปหาอีกได้มั้ย
   เกลือ : ได้สิ
   ปั้น : อืม หายไวๆ

   ผมที่บอกให้อีกฝ่ายหายไวๆ อีกครั้ง และในใจเองก็พูดคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับกำลังภาวนาให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ตอบสติ๊กเกอร์กลับมา ผมจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ามีสายตาที่เพิ่มมาอีกหนึ่งจ้องมองมาทางผม จนตัวเองต้องขมวดคิ้ว
   “มองอะไรกัน”
   แล้วไอ้ฟางมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่...
   “เกลือเป็นไงบ้าง” ผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะถามขึ้น
   “เห็นบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
   “เฮ้ออออ ค่อยยังชั่วหน่อย”
   พาฝันถอนหายใจออกมาพลางทำหน้าโล่งใจ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับแฟนของตัวเอง โชคดีที่วันนี้ทั้งสองคนไม่รุมหัวกันกวนประสาทผมแล้ว เลยทำให้ผมอยู่ได้อย่างสงบ ซึ่งมันเป็นเรื่องดี...
   แต่ที่ไม่ดีตรงที่ไม่มีอีกคนอยู่ด้วยนี่ล่ะ
   เฮ้อ...



   “ไอ้ปั้น กูไปข้างนอกนะ”
   “เออ”
   “กลับดึกด้วย”
   “แล้วแต่มึง” ผมตอบอย่างขอไปทีก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา วันนี้เป็นอีกวันที่ผมกลับห้องช้าเพราะต้องไปทำธุระกับพวกรุ่นพี่ กว่าถึงห้องเวลาก็ล่วงเลยมาทุ่มกว่าแล้ว
   “ไอ้ห่าปั้น สนใจเพื่อนหน่อย”
   เสียงประท้วงของเพื่อนร่วมห้องทำให้ผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้แต่งตัวเตรียมออกไปด้านนอกแล้ว และผมรู้ว่ามันแค่ต้องการกวนประสาทผมเท่านั้น
   “มึงไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น”
   “โธ่ เพื่อนรัก มึงอย่าเครียด ออกไปเที่ยวกับกูมั้ย”
   “ไม่เป็นไร ขอบใจที่ชวน”
   “เออๆ งั้นกูไปละ คนอุตส่าห์เป็นห่วง มึงนี่มันเย็นชาจริงๆ”
   “...”
   “ไว้เจอกันเว้ย”
   “อืม” ผมมองคนที่โบกมือให้แล้วเดินออกจากห้องไป จนตอนนี้เหลือแค่ผมที่ยังไม่ได้จัดการอะไรกับตัวเองหลังจากที่เพิ่งกลับมาถึง มีแต่รองเท้าเท่านั้นที่ถอดออก ก่อนจะเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียวขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปหาคนที่อยู่ไกล แม้อีกฝ่ายอาจจะไม่ตอบ แต่อย่างน้อยผมก็ขอทักไปหน่อยแล้วกัน
   จะตอบพรุ่งนี้ก็ได้ ขอแค่ตอบกลับมาเถอะ...
   Rrrrrrr ~
   โทรศัพท์ที่อยู่ๆ ก็มีสายเรียกเข้าเข้ามาทำให้ผมแปลกใจเมื่อเห็นว่าชื่อที่โทรเข้ามานั้น เป็นคนที่ผมเพิ่งทักไปถามไถ่อาการเมื่อสักครู่ และเมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะกดรับมันทันที
   “ดีขึ้นแล้ว...”
   {ปั้นใจใช่มั้ยลูก} เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของเกลือ แต่เป็นเสียงที่ผมจำได้ว่าเป็นแม่ของอีกฝ่ายนั่นเอง {นี่แม่เกลือเองนะ}
   “ครับ...” ผมที่ตอบกลับไป แม้พอจะรู้แล้วก็ตาม
   {พอดีโทรศัพท์เกลืออยู่กับแม่ แล้วบังเอิญเห็นข้อความ ก่อนหน้านี้ก็โทรเข้ามาตั้งหลายสาย คงเป็นห่วงเกลือสินะ}
   “ครับ ตอนนี้เกลือเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” ผมถามออกไป แม้จะอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าทำไมเจ้าของโทรศัพท์ถึงไม่ได้มารับสายเอง
   ขอร้องล่ะ อย่าให้เป็นห่วงมากกว่านี้เลย...
   {ตอนนี้แม่อยู่ที่โรงพยาบาล พาเกลือมาหาหมอน่ะ แต่เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว เห็นปั้นเป็นห่วงแม่จะไม่โทรมาบอกก็รู้สึกผิด กลัวเราไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องห่วง...}
   “แม่ครับ”
   {หืม...}
   “ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหน...”
   


   ผมที่ตอนนี้มาถึงโรงพยาบาลที่ไม่ได้ไกลจากบ้านของเกลือนัก เมื่อมาถึงก็เห็นว่าผู้หญิงในชุดทำงานกำลังนั่งอยู่ที่หน้าห้องคนป่วยฉุกเฉิน ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอ
   “สวัสดีครับ” ผมส่งเสียงทักทายคนที่นั่งอยู่ไปแล้วยกมือไหว้
   “มาไวจังเรา”
   ผมไม่ได้ตอบรับได้แต่ยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน ก่อนที่ผมจะทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่างที่เหลืออยู่ “เกลือเป็นยังไงบ้างครับ”
   “หมอพ่นยาให้อยู่จ่ะ รอบที่สามแล้ว เดี๋ยวก็คงดีขึ้น...” เธอพูดพลางยิ้มไปด้วย แต่ผมก็พอจะดูออกว่าท่านก็เป็นห่วงเกลือมากกว่าที่คิดเช่นกัน “เกลือเกิดมาก็จ้ำม่ำตั้งแต่เด็กๆ น่ารักมาก แก้มนี่เป็นก้อนเลยล่ะ ตัวขาวจั๊วะ ตอนนั้นแม่เห่อลูกชายมาก ใครเห็นใครก็หลง”
   “อ่า...ผมพอนึกภาพออก...”
   ตอนนี้คงไม่ต่างกัน ผมเองก็หลงลูกชายคุณแม่ไปแล้ว...
   “แต่เสียดายที่มีโรคประจำตัวติดมาด้วยนี่สิ”
   “...”
   “เกลือมักเป็นแบบนี้บ่อยๆ โดนฝนนิดเดียวก็เป็นหวัดละ พอมีเสมหะก็ไอ พอไอก็เหนื่อย”
   “เป็นบ่อยเลยเหรอครับ”
   “เป็นทุกปีเลยจ่ะ บางทีไม่ใช่แค่ฝน อากาศเปลี่ยนก็เป็น ต้องระวังไม่ให้เป็นหวัด ตอนนี้แม่ก็พาเกลือรักษาต่อเนื่องอยู่ หวังว่าจะดีขึ้น”
   “ผมก็หวังแบบนั้น”
   “แล้วหอเราอยู่ไหนเหรอ ขากลับให้แม่ไปส่งมั้ย”
   “ไม่เป็นไรครับ”
   เพราะคงไม่ได้คิดจะกลับเร็วๆ นี้แน่...
   ผมที่ตอนนี้มองไปที่ประตูสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินก็ได้แต่เป็นห่วงคนด้านใน แต่ดูเหมือนว่านึกถึงไม่ทันไรประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างที่ผมคุ้นเคยและบ่นว่าไม่ได้เจอในวันนี้ที่ตอนนี้นั่งรถผู้ป่วยออกมาพร้อมกับพยาบาลหนึ่งคน ผมกับคนข้างๆ จึงลุกขึ้นไปหาทันที เมื่อเกลือเห็นผมก็เบิกตากว้าง คงไม่คิดว่าผมจะมาอยู่ที่นี่
   ไหนบอกว่าไม่หนักไง...
   “คุณแม่ของคุณกันชัยใช่มั้ยคะ”
   “ใช่ค่ะ”
   “วันนี้คุณหมออยากให้น้องนอนโรงพยาบาลสักคืนเพื่อดูอาการก่อนค่ะ”
   “ได้ค่ะ”
   “งั้นรบกวนมาทำเรื่องนอนโรงพยาบาลด้วยนะคะ”
   ผมมองคนที่ตามพยาบาลไป โดยตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนป่วยหนึ่งคนที่โดนทิ้งไว้ ผมจึงก้มมองคนที่ตอนนี้มองผมเช่นกัน โดยที่เจ้าตัวนั้นหายใจแรงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
   “ปะ...ปั้นมาได้ยังไงเหรอ...”
   “นั่งแท็กซี่มา”
   “งื้อ...” ผมมองคนที่ส่งเสียงเบาๆ และไอออกมา ซึ่งท่าทางดูน่าสงสารไม่น้อย ผมเคยเหนื่อยจากการเล่นกีฬา มันคงไม่ทรมานเท่ากับการเหนื่อยทั้งๆ ที่เรานั่งเฉยๆ “ขอบคุณที่มาหานะ”
   คำพูดเบาๆ ที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างกายที่กระเพื่อมตามแรงหายใจทำให้ผมรู้สึกแย่ เพราะไม่อยากจะเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้เท่าไหร่ เมื่อก่อนถึงผมจะรู้ว่าเขาป่วยและหายไปอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ผมก็รับรู้เพียงแค่นั้น พอได้มาเห็นแบบนี้ในสภาพที่ผมรู้ว่าผมชอบเขามากแค่ไหนจึงรู้ตัวว่าตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากเขาเลย
   เป็นห่วงมาก มากกว่าที่เคยคิดไว้หลายเท่า
   “ไม่ต้องพูดแล้ว พูดแล้วเหนื่อยก็ไม่ต้องพูด” ผมว่าเมื่อเห็นคนที่แค่พูดยังเหนื่อยได้ก็ได้แต่เอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆ เกลือเองก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ปั้นเป็นห่วงมากนะ”
   ผมพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะเห็นว่าแม่ของเกลือกลับมาพอดี พร้อมด้วยบุรุษพยาบาลหนึ่งคนที่เข้ามาเข็ญรถคนป่วยไปที่ห้องให้ ผมที่เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงห้องผู้ป่วย ก็ได้แต่มองดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ จนกระทั่งคนป่วยขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้ว ไม่นานทั้งห้องก็เหลืออยู่แค่สามคน
   “หมอให้นอนดูอาการหนึ่งคืน เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน ถ้าพรุ่งนี้หมูอ้วนของแม่ไม่เป็นอะไรแล้วก็กลับบ้านได้เลย”
   “เกลืออยากนอนที่บ้าน”
   “เป็นอะไรเรา แค่นอนโรงพยาบาลเอง เดี๋ยวแม่ก็ขนของมานอนด้วย ไม่เหงาแล้วเห็นมั้ย”
   “แต่แม่ต้องทำงาน...”
   “แม่หยุดได้ สบายมาก”
   “เกลือรบกวนแม่อีกแล้ว...” เสียงสั่นเครือของคนป่วยทำให้ผมอยากจะเข้าไปปลอบอีกคน แต่ก็ทำได้แต่ยืนมองแม่ลูกที่กำลังกอดกันเท่านั้น “เกลือไม่อยากป่วยเลย”
   “เดี๋ยวก็หายแล้ว หมูอ้วนของแม่แข็งแรงจะตาย ป่วยแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก”
   “ครับ...”
   ผมมองคนที่พูดกับลูกชายพร้อมรอยยิ้มเสมอก็ทำให้อดชื่นชมไม่ได้ ผมรู้ว่าเธอแข็งแกร่งและเกลือเองก็โชคดี
   “งั้นแม่กลับไปเอาเสื้อผ้าก่อน จะได้แวะไปส่งปั้นใจด้วย เขาเป็นห่วงลูกชายแม่มากนะ” เธอหันมามองทางผม ซึ่งเกลือเองก็เหมือนกัน เขายิ้มให้เล็กน้อย ตัวเองก็ได้แต่ยิ้มกลับไป
   แต่ผมยังไม่คิดจะกลับครับ...
   “แม่ไม่ต้องมาเฝ้าเกลือก็ได้ วันนี้แม่ก็หยุดดูเกลือทั้งวันแล้ว”
   “ไม่เป็นไร ขืนอยู่บ้านคนเดียวแม่ต้องทนคิดถึงลูกชายไม่ได้แน่ๆ”
   “แต่เกลืออยากให้แม่พักผ่อน เกลืออยู่ได้”
   “เดี๋ยวแม่มาพักผ่อนที่นี่ไง โซฟาใหญ่จะตาย”
   “แต่...”
   “แม่ครับ เดี๋ยวผมเฝ้าเกลือให้มั้ย” ผมที่มองคนสองคนแสดงความรักต่อกันก็รีบเสนอตัวทันที ทำให้แม่ลูกหันมามองทางผมเป็นตาเดียว “คือผม...”
   “...”
   “เอาเสื้อผ้ามาพอดี” ผมว่าพลางโชว์กระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าอยู่ด้านใน เพราะก่อนมาแค่เตรียมมาเผื่อไว้เฉยๆ ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้จริงๆ
   “แม่กลัวรบกวนปั้นน่ะสิ...”
   “ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนพอดี” ผมพูดพลางยิ้มให้ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่ทำหน้าหนักใจ ส่วนเกลือเองก็ทำท่าจะท้วงขึ้นเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมจึงรีบพูดขึ้นต่อ “และเกลือเองก็น่าจะรู้สึกดีกว่าถ้าแม่ได้กลับไปพักผ่อนบ้าง เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
   ผมพูดพลางมองไปที่คนป่วยที่นั่งทำตาโตอยู่ และผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าขนาดป่วยเจ้าหนูของผมก็ยังดูน่ารัก ก่อนที่เขาจะมองทางแม่ตัวเองทีสลับกับผมที ซึ่งคนที่ผมเสนอความคิดนี้ออกไปก็หันไปมองทางลูกชายตัวเอง สุดท้ายคนป่วยก็ยอมพูดออกมาเสียงเบา
   “เกลืออยากให้แม่พักผ่อน...” เกลือพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลง ก่อนจะสวมกอดแม่ของตัวเอง ซึ่งคนเป็นแม่เองก็ไม่ต่างกัน กอดลูกชายไว้พลางลูบหัวไปด้วย ผมที่ลุ้นอยู่ห่างๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยคืนนี้ก็ได้อยู่ดูคนที่อยากเจอนักหนาทั้งคืน
   “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะมาหานะ”
   “ครับ”
   “แม่ฝากเกลือด้วยนะปั้น รบกวนลูกเข้าแล้ว อย่างที่เกลือว่าจริงๆ ปั้นใจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”   
   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มแม้ในใจจะไม่ยิ้มด้วยก็ตาม
   เพื่อนที่ดีอีกแล้ว...
   “ว่าแต่ปั้นกินข้าวมาหรือยัง หิวหรือเปล่า”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิวเท่าไหร่”
   “พูดแบบนี้ยังไม่ได้กินแน่ๆ งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปซื้อข้าวให้ก่อนกลับแล้วกัน ตอบแทนที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเกลือเนอะ”
   “ขอบคุณมากๆ ครับ” ผมพยักหน้ารับ เพราะไม่อยากขัดความหวังดีของผู้ใหญ่เท่าไหร่ ก่อนที่แม่ลูกจะผละออกจากกัน ซึ่งคนป่วยก็นั่งมองแม่ที่เดินออกไปจากห้องตาละห้อย ไม่นานทั้งห้องก็เหลือแค่ผมกับเกลือเท่านั้น เมื่อเขาหันมาเห็นผมก็ได้แต่หลบตา ผมจึงเดินไปหยิบชุดคนป่วยมา เกลือจึงได้แต่ทำหน้าหวั่นๆ
   “ระ...เราใส่ชุดนอนไม่ได้เหรอ”
   “ไม่ได้”
   ผมตอบทันที และก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกคนใส่ชุดนอนลายเป็ดน่ารักเชียว
   ให้ตายสิ...
   “งะ...งั้นเดี๋ยวเราเปลี่ยนเอง...”
   “ไหวเหรอ ขยับนิดเดียวก็เหนื่อยไม่ใช่หรือไง”
   “ง่ะ...” คนป่วยไม่ได้เถียงได้แต่ก้มหน้าหงุด ทำให้ผมเดินเข้าไปหาเขาที่ข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับใบหน้าแดงให้เงยขึ้นมา ซึ่งความใกล้ขนาดนี้ยิ่งทำให้ได้ยินเสียงหอบเหนื่อยของคนตรงหน้า เกลือมองผมกลับมาโดยที่ไม่พูดอะไร ผมเองก็เช่นกัน มันมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกกับเขา แต่มันก็พูดไม่ออกนัก สุดท้ายมันก็กลั่นออกมาเป็นเพียงคำสั้นๆ คำเดียว พร้อมกับริมฝีปากผมที่แตะลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย
   “ขอร้องล่ะ...”
   “...”   
   “อย่าเป็นอะไรอีกเลย”
   แค่นี้ปั้นก็เป็นห่วงไม่ไหวแล้ว...


ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เข้าหาว่าที่แม่ยายได้ถูกจังหวะมากๆ เลยนะ ปั้นใจ  :laugh:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด