HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก [Story by ARPO]
บทที่ 11.1
HEAVY WEIGHT: 11.1 KG.
สรุปกลับมาหอตัวเอง ไอ้โรห์พยุงผมขึ้นห้อง ไอ้โรห์ไขกุญแจห้องได้ผมรีบถลาเข้าไปล้มตัวลงบนเตียงเลย ปวดหัวมากไม่ไหวแล้ว คอแห้งมาก ร้อนคอด้วย เหงื่อซึมแต่หนาวข้างในบอกไม่ถูก
ผมปรือตามองร่างสูงใหญ่เปิดหน้าต่างระบายอากาศก่อนจะเปิดพัดลมเบอร์หนึ่งเบาสุดแล้วลากพัดลมไปวางให้ห่างจากผม
“เปิดแอร์ก็ได้นะ ร้อนนี่” ผมเห็นเสื้อนักศึกษาของมันชื่นเหงื่อจนแนบแผ่นหลัง
“ไม่เป็นอะไร พุกไม่สบายอย่าตากแอร์มาก”
ผมพยักหน้าหงึกหงักเออออไปกับมัน มันเอาน้ำอุ่นใส่แก้วมาให้ดื่มหนึ่งแก้ว
“เดี๋ยวปองกุลกำลังแวะซื้อข้าวกับยามาให้ จริงๆห้องพุกมียาแต่ว่าไม่รู้หมดอายุยัง เลยให้ซื้อมาใหม่เลยดีกว่า”
ผมส่งเสียงอืออาเป็นการตอบรับ ส่งแก้วคืนมันไปก่อนจะทิ้งตัวลงบนหมอนนุ่ม หลับตาลง ไม่ได้หลับนะครับแค่พักสายตา คือตามันหนักๆไม่อยากลืมเท่าไร แต่หูก็ยังได้ยินเสียงกุกกัก ไอ้โรห์คงเปิดตู้หาเสื้อผ้า สักพักก็ได้ยินเสียงมันเข้าห้องน้ำไป
“หนูอ้วน…” เสียงมันดังข้างเตียง เปิดตาไปเห็นมันเปลี่ยนชุดแล้ว ในมือถือกาละมังกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก “เช็ดตัวหน่อยจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวกินข้าวกินยาแล้วก็นอนพัก”
มันจัดแจงวางกาละมังบนเก้าอี้นั่งที่มันลากมา ร่างสูงนั่งลงริมขอบเตียงชุบผ้าในน้ำแล่วบิดหมาดๆ
“แค่ก...ทำเป็นด้วยหรอ?” อยากรู้ใครสอนมัน
“แม่เคยทำให้น่ะ” สายตาคมหวานย้อยมองผม “take off your shirt”
อุ้ย! ลามก!
มาให้เขาถอดเสื้อได้ไงกัน แต่ผมก็ค่อยๆแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ด คือมันอึดอัด
เสื้อชื้นเหงื่อถูกดึงออกไป คราวนี้เหลือแต่ตัวขาววอกแบบหมูชุบแป้งทอด มีแค่ช่วงแขนส่วนหนึ่งที่คล้ำกว่าเพราะโดนแดด ผมรีบแขม่วพุงเก็บเข้าไปเพราะโดนจ้อง คือผู้ชายเหมือนกันจริงแต่กูยังไม่อยากให้ใครมามองพุงเท่าไร
ผมหันหน้าหนีสายตาคมหวานที่มองจ้องอย่างไม่ลดละ เฮ้ย! มึงจ้องเหมือนจะแดกพุงกูเลยอะ
ผมเริ่มกระดากเล็กน้อย ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเพราะสมองเบอลๆ รีบๆถอดเสื้อตามที่มันบอก แค่ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดยังไงก็ไม่รู้แหะ
โกยเอาผ้าห่มมากองๆบนตัวเพื่อปิดร่างกาย นี่สะดิ้งยังกับผู้หญิงแหนะ
“เอ่อ...แฮ่ม…” เสียงมันกระแอมเล็กน้อย มือใหญ่ค่อยๆเช็ดลงบนส่วนแขนก่อน
แอบมองหัวดำๆที่ขมีขมันกับการเช็ดตัว แม้ผิวสีน้ำผึ้งแต่เห็นว่าใบหูสีเข้มขึ้นผิดปกติ
ผมหนีบแขนเข้าหาตัวเหมือนไม่ให้มันเช็ดไปมากกว่าตรวแถวๆแขนทั้งสองข้าง
“เดี๋ยวทำเอง…” ผมหยิบผ้ามาถือไว้เอง
ไอ้ฟาโรห์ชะงักไปเล็กน้อย “อ่อ...อืมๆ…”
มันลุกขึ้นไปค้นเสื้อผ้าผมในตู้แทน ผมเลยรีบเอาผ้ามาเช็ดๆตรงนมตรงพุงตัวเองลวกๆ
แม่ง! ขืนให้มันเช็ดต่อมันต้องได้ยินแน่เลย…
...เสียงก้อนเนื้อด้านซ้ายที่เต้นตุบๆเหมือนจะกระเด้งออกมา…
ร่างสูงเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ที่เตียงบอกให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้า มันเอากะละมังไปเก็บในห้องน้ำ ผมเลยรีบเปลี่ยนเสื้อผ้ารวดเร็ว แม่งหน้าเกือบมืด
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆผมถึงเกิดมาอายอะไรมันก็ไม่รู้ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เป็นแท้ๆ
...หลงรัก!...
นึกไปถึงคำพูดของไอ้ปองกุลแล้วลมหายใจสะดุด ไอ้ห่านจิกเอ๊ยยยยย ไม่น่าไปปรึกษามันเลย
ไม่มีทาง!
ผมกับมันคือเพื่อนกันเท่านั้น!
“ไอ้พุกมาแดกข้าว” ไอ้ปองกุลมาถึงหอผมพร้อมเหาฉลามอย่างไอ้เดือนสาขา แต่กูว่าเคสนี้หน้าไอ้ปองกุลน่าจะเหมือนเหาฉลามมากกว่า
มันซื้อข้าวต้มหมูจากร้านอาหารตามสั่งมาให้ ร้านแถวๆหอผมนี่แหละ แล้วมันก็กะมาแดกข้าวที่นี่เลยเพราะซื้อมาให้ทั้งตัวมันเองและคนอื่นๆ
“เอาไว้ค่อยไปกินเสต็กนะเท่” มันบอกไอ้เดือนสาขาเบาๆ แต่หูกูกระดิกไงเสือกได้ยิน
“อืม...ได้” ไอ้หล่อนี่ก็ดีฉิบหาย พูดเสียงอ่อนเลย มือก็แกะกล่องโฟมไปด้วย “ขอมากินข้าวห้องมึงหน่อยนะ” ไอ้เท่มันบอกผม
“อ่าหะ” เชิญเลยครับมึง จะกินจะนอนได้หมดครับ
ข้าวสามกล่องกับชามข้าวต้มวางลงบนโต๊ะตั้งพื้นตัวกลางๆของผมที่ไอ้โรห์มันเอามากางให้
“พุกลงมากินไหวไหม?” ไอ้โรห์เดินมาถามผมที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ผมพยักหน้าค่อยๆกระดึบลงมาจากเตียง ดีว่าเมื่อกี้เช็ดหน้าเช็ดตาไปเลยค่อยยังชั่วบ้าง
พวกมันสละที่นั่งให้ผมนั่งพิงกับขอบเตียง มือใหญ่ดันชามข้าวต้มมาให้ผมพร้อมน้ำอุ่นเต็มแก้ว
ได้แต่มองเศษหมูสับกับกระเทียมเจียวลอยฟ่องเต็มชามข้าว เหลือบมองข้ามกระเพราหมูกรอบไข่ดาวของไอ้แขกแล้วเบะปาก อยากได้หมูกรอบมากระแทกปากอะ ไม่อยากกินหมูสับ
“โรห์อยากกินหมูกรอบ” เจ้าของข้าวกระเพราหมูกรอบมองหน้าผมแล้วส่ายหน้า
“No, you should not eat this”
“ไอวอนนาอีท นะโรห์ ขอคำนึง” นี่สาบานว่ามึงป่วยไอ้พุก ความอยากแดกไม่ได้ลดลงเลย
สุดท้ายผมก็ได้หมูกรอบชิ้นเล็กสุด กระเพราสองใบกับข้าวมาช้อนหนึ่ง เพื่อนกันต้องขี้เหนียวขนาดนี้ไหม ถึงกูจะบอกว่าคำเดียวแต่ไม่เห็นต้องใจร้ายให้แค่นี้เลย
แต่พอเอาเข้าปากก็ต้องเบะปากอยากบ้วนทิ้ง มันขมปากมาก ไม่อร่อยเลย ร้อนคอสุดๆ จนต้องเอาน้ำมากิน
“ฮืออออ ขมปาก” ผมร้องเสียงแห้ง
“สม! ตะกละดีนักไอ้พุก” ไอ้แห้งหุบปากแล้วแดกหมูกระเทียมเด็กน้อยของมึงไปซะ
“ทนกินหน่อยนะหนูอ้วน จะได้กินยา” เสียงเข้มอ่อนลง มันหยิบช้อนตักข้าวขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วให้ผมถือช้อนเอาไว้
ผมอยากงอแง อยากกินของอร่อยแต่ตอนนี้มันกินไม่อร่อยเลย เลยไม่อยากกินแล้ว
“ขมปาก”
“กินนี่ก่อนนะ ไว้หายแล้วจะพาไปกินของอร่อยทีหลัง”
“จริงหรอ?” ผมส่งสายตาวาววับไปให้มัน เนื้อย่างของหนูพุก ชาบูของหนูพุก สเต็กของหนูพุก “อยากกินสเต็ก เนื้อย่าง ชาบู”
“ได้ๆ” ไอ้ฟาโรห์ขำเบาๆ “เดี๋ยวพาไปครับ” มีครับด้วย วันนี้พูดเสียงสองเสียงสามเพราะมาก งั้นกูควรจะทำตัวดีๆ
ผมยอมยัดข้าวต้มหมูเข้าปาก ความขมปากขมคอจนเกือบขย้อน กินน้ำตามเข้าไป สุดท้ายก็ไม่ไหว กินได้แค่สามสี่คำก็เลิก
“ปองกุล ถุงยาละ” ไอ้โรห์ขอยาที่ไอ้แห้งมันไปซื้อมา
“เออ นี่ๆ มียาแก้ไข้ แก้หวัด แก้อักเสบ แล้วก็แผ่นเจลลดไข้ มันมีไข้อ่อนๆแปะไว้ก็ดี”
ไอ้แขกหยิบยาทั้งหมดออกมาดู หยิบยาแก้ไขมาสองเม็ดกับแก้หวัด แต่แก้อักเสบไม่กิน
ผมเอายามาโยนเข้าปากดื่มน้ำตามเข้าไป แล้วกระดึบกลับขึ้นเตียงไป ไอ้โรห์ตลบผ้านวมคลุมให้ผม แต่แอบร้อนเพราะว่ามันไม่ได้เปิดแอร์
“ร้อน”
“เดี๋ยวเปิดแอร์แล้วรอแป๊บนะ” มือใหญ่ตบลงบนผ้านวมเหมือนกล่อมให้ผมหลับ เลยหลับตานอน สักพักก็รู้สึกว่าห้องเย็นขึ้นเพราะเครื่องปรับอากาศและเสียงพูดคุยเบาๆดังกล่อมจนหลับสนิท
ผมตื่นมาอีกทีตอนสองทุ่มกว่าๆ ส่วนที่ผมนอนมืดสลัวได้นอนตื่นหนึ่งก็ดีขึ้นหน่อยแต่ก็ยังตัวรุมๆ ว่าจะเอาแผ่นเจลลดไข้มาแปะสักหน่อย
ส่วนตรงโซฟามีเสียงจากโทรทัศน์เครื่องบางลอดออกมาเป็นระยะ เห็นเงาใหญ่ตะคุ่มๆอยู่บนโซฟาเลยค่อยๆย่องไปดูพวกไอ้แห้งกับไอ้เท่คงกลับไปแล้ว ไอ้โรห์นอนพิงพนักโซฟาอยู่ มันหลับสนิทลมหายใจสม่ำเสมอ ยืนมองมันหลับเฉยๆ
เริ่มมองตั้งแต่ใบหน้า จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป ร่างกายผมขยับเข้าไปใกล้เองโดยอัตโนมัติ ผมรู้สึกเหมือนพิษไข้จะกลับมาเล่นงานจนสมองเบลอไปหมด ยิ่งก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าคมของมันมากขึ้นจนรู้สึกถึงลมหายใจของมัน ผมหน้าเห่อร้อน ตาปรือลง หัวมันหนักและตื้อไปหมด ตาจ้องแต่ริมฝีปากผ่อนลมหายใจเบาๆออกมา
“อือ…” ผมกระตุกร่างกายตัวเองออกมาเมื่อได้ยินเสียง สติที่เตลิดไปเริ่มกลับเข้ามา รีบถอนหน้าตัวเองออกให้ห่างจากมัน
เมื่อกี้กูกำลังจะทำอะไร?!
ไอ้ห่านจิก! กูต้องสติหลุดเพราะไม่สบายแน่นอนไม่งั้นกูไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
ผมตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ รีบถอยออกมาให้ห่างจากตรงนั้น ไปคุ้ยหาถุงยาที่ไอ้แห้งมันซื้อมาไว้
“พุก ตื่นแล้วหรอ?” เสียงงัวเงียของคนที่นอนโซฟาทำให้ผมสะดุ้ง ตัวค้างเหมือนพวกวัวสันหลังหวะที่ไปทำอะไรไม่ดีไว้
“เอ่อ...เอ้อ อืม” ผมก้มหน้าก้มตาคุ้ยถุงยาต่อไปแม้ไอ้ของที่อยากมันแทบจะกระแทกตาอยู่แล้ว
“หาอะไร?”
“เจลลดไข้” ผมบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปกติ แม้กูจะรู้สึกโคตรไม่ปกติก็ตาม
รู้สึกถึงความอุ่นที่หลัง ผมหยุดมือ ไอ้โรห์มันมายืนข้างหลังผม ชะโงกหน้ามาดูถุง
“นี่ไง” แขนแข็งแรงทาบทับบนแขนเนื้อแน่นของผม
“เอ่อ...ขอบใจๆ” รีบผละออกจากตัวมันทันทีที่ได้ของ
นัยน์ตาคมหวานมองผม ผมกลับไม่ยอมสบตามัน ผมมองไม่ออกเลยว่ามันคิดอะไรอยู่ ผมรู้สึกเหมือนไข้จะขึ้นอีกรอบเลยเดินเป๋กลับที่เตียง แกะซองแผ่นเจลลดไข้ออกแล้วเอามาแปะหน้าผาก
ความเย็นสบายกระจายจนรู้สบายกว่าปกติ ผมครางในลำคอเบา ป่วยแล้วทำให้รู้สึกแย่ชะมัด
ผมมองร่างสูงที่เดินมาทิ้งตัวข้างๆเตียงอีกครั้ง มันมาดูอาการผมรอบดึก แต่ผมไม่อยากกินยาแล้ว ตอนแรกไอ้โรห์ไม่ยอมแต่พอเห็นผมส่ายหน้าไปมา มันก็บอกว่าให้นอนได้แล้ว
เพราะความเย็นจากเจลลดไข้หรือว่าจากมือใหญ่ที่ผมเอามาแนบแก้มให้เย็นสบายก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมหลับลงไปอีกครั้ง
ผ่านไปครู่ใหญ่จนลมหายใจของคนป่วยสม่ำเสมอ ฝ่ามือใหญ่ที่แนบอยู่บนแก้มนุ่มนิ่มก็ค่อยๆขยับออก คนนอนร้องครางแผ่วๆแล้วก็เงียบลง
นัยน์ตาคมหวานย้อยมองร่างที่นอนอยู่บนเตียงนิ่ง นั่งมองอย่างนั้นจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับของชาวอาหรับค่อยๆก้มลงต่ำจนเกือบชิดอีกฝ่าย
ชายหนุ่มรู้ตัวมาตลอดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เขากำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในการควบคุมของจิตใจมากกว่าสมอง แผ่นอกด้านซ้ายเต้นเป็นจังหวะที่ดังขึ้นแต่กลับหนักแน่นมั่นคง
กลิ่นหอมอ่อนๆประจำตัวของอีกฝ่ายที่เขาคุ้นชิน จนต้องเข้าไปใกล้มากขึ้น ริมฝีปากได้รูปสวยเกือบชิดกับริมฝีปากแห้งผากเพราะอาการป่วย
เจ้าของริมฝีปากได้รูปสวยขยับชิดจนแตะกับริมฝีปากแห้งผากแผ่วเบาราวแมลงปอบินแตะผิวน้ำ ชั่วพริบตาก็ถอนออก เป็นชั่วพริบตาที่นานราวกับชั่วกัลย์ในความรู้สึก
...แม้จะแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น…
นัยน์ตาคมทอดมองอีกฝ่ายอีกครั้ง ลูบใบหน้าเนียนใสนิ่มลื่นมือ
“ตุศบิฮู อะลัลค็อยรฺ ยาฮายาตี”
...ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน...
...ข้ามขอบราตรีที่ยาวนาน ให้เธอฝันดี…
(เพลง: วิมานดิน ศิลปิน นันทิดา แก้วบัวสาย
อ้างอิง
https://www.siamzone.com/music/thailyric/2345)
+++++++++++++++++++++++++++ 50% ++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า
เอาตอนใหม่มาลงแล้วน้า ไม่ต้องเตรียมชามตะเกียบแล้วน้า ไหนมาม่า ไหนไวไว ไหนยำยำจัมโบ้ ไม่มีเห็นมั้ย ทุกคนอย่าเพิ่งใจเสียสิ เรื่องนี้คือฟีลกู๊ดนะ อิอิ มาม่ายำยำอะไรไม่มี ม่าสุดก็ไอ้พุกมันแหกปากร้องไห้อดกินข้าวนั่นแหละฮ่าๆๆๆ
ตอนนี้ดูมีอะไรๆๆๆๆๆคืบหน้า ชิมิๆๆๆ เขาคืบหน้าทั้งสองฝ่ายเลยนะ อิๆ เห็นมั้ยๆๆๆๆๆ ไอ้พุกมันเริ่มจะไม่โง่แล้ว(ละมั้งนะ) ส่วนพ่อยอดชายก็หนักแน่นตามนิสัยค่ะ ฮ่าๆๆๆ นางทำการใหญ่ใจต้องนิ่งค่ะ
คอมเม้นมาเยอะๆน้า คนเขียนขอกำลังใจในการขับเคลื่อนสมอง ฮ่าๆ
เยิฟ
ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
หรือจะไปหวีดกันในทวิตเตอร์ก็ได้น้า ติดแท็ค #ชะรีฟหนูพุก #รักหนักมาก
ขอบคุณทุกการสนับสนุนและการติดตามค่า
ฝากนิยายเรื่องอื่นๆเอาไว้ด้วยค่ะ
วณิพกพเนจร [Re-write]
Second-Class Citizens ผมเป็นแค่พลเมืองชั้นสอง [On Air]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59805.0
รัก ▪️ ตาม ▪️ สั่ง [End]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55235.1500
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
ขอฝากไปกดไลค์เพจเฟสบุ้คกันได้นะครับบบบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะอัพเดทเวลาที่เรา
หายไปนานๆ หรือว่าติดธุระอะไร เราจะไปอัพเดทไว้ในเฟส หรือว่าบางครั้งจะมีเขียนโมเม้นน่ารักของอีพี่กะน้องเอาไว้เล่นๆที่ไม่
ได้เอามาลงหน้านิยายนะครับ เลยอยากให้ไปพูดคุยในเฟสกันเลยยยย ถ้าคนเขียนหายไปตามจิกในเฟสจะเจอเราเร็วมากเพราะ
เราเล่นประจำ
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts