คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)  (อ่าน 169604 ครั้ง)

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
แม็กม่าน่าสงสาร คุณอิฐไม่น่าหลงกลเลย มาดูแลแม็กเร็ว เดี๋ยวแม็กก็หนีไปไหนซะหรอก

ออฟไลน์ orangesmooty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดเหมือนแม็กนี่แล เลือกแม็กเพราะมีลูกให้
อิฐได้บีทมายาก คบมาก็นาน กับแม็กที่ได้มาง่ายๆ พร้อมเป็นของตายเสมอ
เลยรู้สึกว่า ไม่มีลูกแล้วนี่โดนทิ้งแหงงแซะ
เรามองอิฐเป็นสีเทาๆ ที่เข้มจนคล้ายจะเป็นสีดำ
ตัดบีทได้ไวบางมุมมันก็เลยดูโฉด เหตุผลแบบข้างบนได้มายากยังปล่อยทิ้งนับประสาอะไรกับของที่ได้มาง่ายๆ
อ่านเรื่องนี้ทำให้เราระแวงพระเอกที่นิสัยค่อนข้างหนักแน่นมั่นคงทุกคนได้เลยนะเนี่ย ฟฟฟฟ
คงเพราะอิฐมาด้วยลุคผู้ชายรักเมีย หนักแน่นมั่นคง แล้วคนมั่นคงที่ว่าไส้ในดั๊นนนนมีแต่ปลวกซะงั้น จิ้มทีเดียวก็ล้มครืนนน
แต่เหตุผลของอิฐมันก็จริงดี ความรักในความเป็นจริง ไม่ได้มีแค่คนสองคน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ช็อคตรงแท้งนี่แหละ เฮ้อๆ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-35-
   
   -แม็กม่า-

   “แม็ก...” น้ำเสียงและสัมผัสแผ่วเบาทำให้ผมตื่นลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด ใครบางคนซบหน้าลงข้างหมอนแล้วลูบเส้นผมอย่างอ่อนโยน เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้รู้สึกว่าอาจจะมีใครบางคนที่อยากร้องไห้เงียบๆ โดยไม่ให้ใครเห็น

   “คุณอิฐ...” ผมเรียกเขาด้วยเสียงที่สั่นพร่าที่แหบหายไปเหลือเสียงแค่ลม ลำคอตีบตันจนกลายเป็นเสียงสะอื้น

   ในที่สุดคุณก็กลับมา ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมไม่อยากพบคุณมากเท่านี้...

   “ฉันขอโทษนะแม็ก ที่ฉันมาช้า ฉันไม่ได้อยู่กับเธอในช่วงเวลาที่เธอต้องการเลย” ทำไมก็ไม่รู้ จากถ้อยคำด่าทอต่อว่ามันกลายเป็นคำขอโทษไปเสียได้

   “ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่ทำให้ลูก...” คำพูดเหล่านั้นติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากที่ถูกก้อนสะอื้นตีขึ้นมาทำให้พูดอะไรไม่ออก

   “ไม่ต้องพูดแล้วแม็ก ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ อย่าร้องไห้เลยนะ” ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ฟังจากน้ำเสียงแล้วผมรู้ว่าเขาเองก็คงเสียใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังต้องมาปลอบใจผมแบบนี้

   “พักผ่อนเถอะนะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันแค่อยากมาดูว่าเธอปลอดภัยดี มีซูกัสอยู่เฝ้าเธอแล้ว งั้นคืนนี้ฉันจะกลับบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า” บอกลาผมด้วยริมฝีปากที่กดประทับลงที่แก้มเบาๆ แล้วลุกขึ้น

   “ครับ” ผมตอบรับง่ายๆ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเปลาะหนึ่งที่เขาเข้าใจผมจริงๆ


   
   คุณอิฐกลับมาตอนเช้าตามสัญญา เนื่องจากมีคุณอิฐมาอยู่ด้วย ซูกัสจึงขอตัวกลับบ้านไปดูลูก วันนี้คุณแม่มาเยี่ยมพักหนึ่งแล้วกลับไป ตอนเที่ยงคุณแผ่นฟ้าก็มาเยี่ยมอีกคน

   “ได้ยินว่าเมื่อวานคุณเป็นคนมาส่งผมที่โรงพยาบาลแล้วก็ช่วยปิดข่าวให้ใช่ไหมครับ ขอบคุณนะครับ” เมื่อวานผมสลบไปก่อนจึงไม่รู้เรื่องหลังจากนั้น ไม่ว่ายังไงก็ขอบคุณเอาไว้ก่อนตามมารยาท

   “พอดีผมเข้าไปหานายยุทธแล้วไปเจอคุณหมดสติไปพอดี ถามเขาว่าคุณเป็นอะไร เขาก็มัวแต่อ้ำๆ อึ้งกว่าจะบอกได้ว่าคุณหกล้มไปกระแทกโต๊ะ ผมรีบพามาส่งโรงพยาบาลแล้วนะ แต่เสียใจด้วยนะที่ช่วยเด็กไว้ไม่ทัน” ในน้ำเสียงนั้นเจือความรู้สึกผิดไว้เต็มเปี่ยม

   “แล้วเธอไปหามันทำไมแม็ก ฉันบอกแล้วนี่ว่าอย่าไปเจอกันอีก...” คุณอิฐที่เงียบฟังอยู่ครู่หนึ่งเอ่ยถามมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ผมก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ตั้งแต่เมื่อคืนจนตลอดเช้า เขาไม่ถามผมเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมก็ไม่กล้าเล่า  ถึงแม้ต้นเหตุมันจะมาจากพี่ยุทธ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปโทษตัวเองหรือเปล่าที่ไม่ยอมให้ผมโอนหุ้นคืนไปแต่แรกมันเลยมีปัญหาแบบนี้

   “อย่าดูเขาเลยพี่อิฐ พี่สะใภ้ก็คงแค่กังวลว่าคะแนนโหวตจากนายยุทธจะทำให้พี่หลุดจากตำแหน่งประธานบริษัทเท่านั้นแหละ” คุณแผ่นฟ้าเป็นคนแก้ต่างให้

   “แค่จะเข้าไปคุยเฉยๆ แล้วทำไมถึงล้ม” ผมเงียบ ไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดี “ตอบมาสิแม็ก สรุปว่าเธอล้มเองหรือว่าเพราะคนอื่นทำกันแน่”

   “ช่างเถอะครับ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่รู้ว่าผม...” ผมก้มหน้าตอบ

   ตึ้ง!! คนถามเอามือทุบกำแพงอย่างโกรธจัด ใบหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง

   “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่าเนี่ย!” เขาเค้นเสียงอย่างโมโหผลุนผลันออกจากห้องไป

   “คุณอิฐ... จะไปไหนครับ” ผมร้องถามอย่างหวั่นใจ กลัวเขาจะไปมีเรื่องกัน พยายามจะขยับตัวลุกขึ้น

   “อยู่เฉยๆ เถอะ เดี๋ยวผมจะตามไปห้ามพี่อิฐเอง” คำพูดของคุณแผ่นฟ้าทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ เพราะคิดมาตลอดว่าเขาสองคนไม่ถูกกัน

   “ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นหรอก ถึงเราจะขัดกันเรื่องงานหรือบริษัท แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดพี่อิฐขนาดนั้นซะหน่อย อีกอย่าง ขอโทษนะ ผมเสียใจจริงๆ ทั้งเรื่องก่อนหน้านี้และครั้งนี้ด้วย”

   “ก่อนหน้านี้ หมายถึงที่คุณโกหกคุณอิฐที่ร้านไอติมเหรอครับ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

   “ที่จริง... ผมเป็นคนบอกบีทเองแหละว่าพี่อิฐไปเที่ยวเชียงรายกับคุณ พอดีได้ยินมาจากนายยุทธอีกที รวมทั้งเรื่องที่พี่อิฐพาคุณมางานเลี้ยงด้วย ตอนนั้นผมอยากให้คุณกับพี่อิฐผิดใจกันแล้วคุณจะได้ขายหุ้นให้ผม แต่เรื่องหลานผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”

   ตลกดีนะ เรื่องที่เคยสงสัยทั้งๆ ที่ตอนนี้ลืมมันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ ก็ได้มารู้ ทั้งๆ ที่ความจริงเขาจะไม่บอกก็ได้

   “อยู่คนเดียวได้นะ ผมจะตามไปดูพี่อิฐหน่อย”

   “ครับ” ผมตอบรับ แล้วเขาก็เดินจากห้องไป

    บางทีคุณแผ่นฟ้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เคยคิดไว้ เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่หวังผลประโยชน์มากเสียจนทำได้ทุกสิ่ง แต่พอเอาเข้าจริง เขาก็มีน้ำใจและรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ หวังแต่ว่าเขาจะไปห้ามคุณอิฐได้ทันไม่ให้ทำอะไรเกินกว่าเหตุนะ!


   คุณอิฐและคุณแผ่นฟ้าหายไปนานจนผมกังวลใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ ระหว่างนั้นแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มาเยี่ยม คนที่ทำให้ผมค่อนข้างลำบากใจที่ได้เจอหน้า คาดเดาได้ว่าเขาคงไม่ได้มาแสดงความเสียใจแต่คงมาตอกย้ำซ้ำเติมแน่... แล้วก็จริง...   

   “เป็นไงบ้าง... ดีขึ้นหรือยัง?” คำถามลอยขึ้นพร้อมกับวางกระเช้าลงที่โต๊ะข้างๆ

   “ครับ ค่อยยังชั่วบ้างแล้ว คุณล่ะ ไหนว่าถูกรถชนไม่ใช่เหรอ” ผมมัวแต่เศร้าเรื่องลูกจนลืมถามเรื่องคุณบีทไปเลย

   “ใครบอกเหรอ? เอ... หรือตอนที่อิฐเขาแอบมาหาฉันที่ญี่ปุ่นเค้าใช้ข้ออ้างนี้ โทษทีนะ ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ก่อน”

   คำตอบนั้นทำให้ผมหน้าเสีย พยายามคิดไปว่าคุณบีทอาจจะแค่พูดไปอย่างงั้นเองเพื่อให้ผมคิดมาก ก็ถ้าหาก คุณอิฐเขาตัดสินใจแล้วที่จะเลือกผม ไม่ได้ว่าด้วยเหตุผลใดเขาก็เลือกแล้วนี่..

   “เธอนับถือศาสนาอะไรน้า... เชื่อเรื่องบุญกรรมไหม? คิดบ้างหรือเปล่าว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะกรรมที่เธอก่อไว้ น่าเสียดายที่กรรมไม่ยอมไปตกอยู่ที่คนทำ แต่ดันไปตกที่เด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ น่าสงสารเด็กเนอะ”

   ผมกำมือแน่น พยายามจิกเล็บเข้าที่อุ้งมือตัวเองอย่างแรงเพื่อให้เจ็บตัวมามันกว่าเจ็บใจ พยายามสกัดกั้นน้ำตาที่มันเอ่ออยู่นั้นให้เลือนหายไปโดยเร็ว

   “ถ้าไม่อยากจะคุยอะไรงั้นฉันกลับเลยแล้วกัน อ้อ.. แล้วก็ฝากคืนพาสปอร์ตให้อิฐด้วยนะ ทีแรกก็หาไม่เจอหรอก หาไปหามาดันเจอซะอีก” ผมหันไปมองเขา มือนั้นยื่นพาสปอร์ตส่งให้ “ที่จริงฉันไม่ได้คิดอะไรกับอิฐแล้ว แต่เขาจะคิดหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้เหมือนกันนะ”

   ผมยื่นมือไปรับพาสปอร์ตนั่นมาถือไว้นิ่งๆ ทั้งๆที่ในใจมันเจ็บจุกไปหมด

   “ไม่ต้องกลัวหรอก อิฐน่ะเขาเป็นคนใจดี ถ้าเธอต้องเสียลูกไปแบบนี้ ถ้าจะให้เสียเขาไปอีกคนคงน่าสมเพชเกินไป ถึงยังไงเขาคงไม่ใจร้ายจะทิ้งเธอหรอกจริงไหม?” 

   ความพยายามที่จะไม่ร้องไห้ มันสูญสลายไปทันทีที่คุณบีทจากไป

   คุณบีทช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ แต่ละอย่างที่พูดออกมาช่างแทงใจดำผมไปหมดทุกอย่าง


   ถ้าเขาไม่โกหก คุณอิฐก็คงโกหก ก็เห็นกันอยู่ว่าคุณบีทก็ปลอดภัยดี แล้วคุณอิฐจะต้องไปหาเขาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะว่า “คิดถึง”

   ถ้าเขายังรักคุณบีทอยู่แล้วเขายังจะอยู่กับผมต่อไปทั้งๆ ที่ผมไม่มีลูกอยู่แล้วด้วยผลอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ “สงสาร”

   แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ เหรอ? ผมจะทนอยู่กับมันได้ตลอดชีวิตไหม? 

   ทำไมตอนนี้ผมไม่แน่ใจ...


   
   “คุณเคยดูพระสุธนมโนห์ราไหม?” ผมถามขึ้นมาขณะที่ผมกับคุณอิฐอยู่ที่โรงพยาบาล จู่ๆ ผมก็คิดไปว่าตัวเองก็คล้ายๆ ตัวเอก

   “ไม่อ่ะ ทำไมเหรอ?”

   “คุณรู้ไหมว่า ทำไมชาตินี้พระสุธนถึงต้องตามหานางมโนห์รา”

   “ไม่รู้สิ ก็แค่เรื่องที่แต่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?” จะว่าไปก็จริง!

   “แล้วรู้ไหมว่า ว่าเรื่องพระสุธน มโนห์ราเป็นภาคต่อของวรรณคดีเรื่องใด”

   “มีด้วยเหรอ?” ผมถอนใจเพลียๆ บางทีก็นึกอยากจะหาเรื่องอำเขาเพิ่มเติมต่อจากเรื่องต้นฝรั่งแช่บ๊วยนั่น!

   “นางสิบสอง”

   “จริงเหรอ? ไม่เคยรู้เลย... สรุปว่านั่นคือเหตุผล?”

   “ก็พระสุธน ชาติก่อนคือพระรถเสนที่ทอดทิ้งนางเมรีจนนางต้องตายไป ก่อนจะตายนางก็เลยอธิษฐาน...  ตอนเด็กๆ เคยดูเรื่องนี้ก็เลยร้องเพลงได้ อธิษฐานเอย อธิษฐานก่อนจากไกล ถึงขาดใจ ใจเจ้าจำ ชอกซ้ำใจ ชาตินี้มีกรรมน้องตามมา ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไป

   “ฟังแล้วเศร้าจัง... ฟังเธอร้องทำนองเสนาะแล้วบีบหัวใจตลอดเลย เหมือนเมื่อคราวที่ร้องเพลงนกกาเหว่าตอนนั้น” คงเพราะผมรู้สึกได้ว่าเพลงที่ร้องออกไปมันมีส่วนที่ใกล้เคียงชีวิตตัวเองก็เลยทอดเสียงออกมาเศร้าๆ ล่ะมั้ง

   “สำหรับเรา... จบกันแค่ชาติเดียวก็พอนะครับ ไม่ต้องตามกันไปถึงชาติหน้าหรอก” ผมหันไปบอกเขา

   “หึ... ชาติหน้าจะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ชาตินี้น่ะ อยู่กันให้เบื่อไปก่อนเถอะ” เขาพูดแล้วหัวเราะ ผมฝืนยิ้มให้เมื่อเกิดคำถามในใจ... แต่ถ้าชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วล่ะ? คุณจะตามหาผมไหม?




 ได้ข่าวว่าวันนั้น  คุณอิฐไปที่บริษัทแล้วซ้อมพี่ยุทธซะน่วมจนต้องลากเข้าโรงพยาบาล กลายเป็นข่าวอื้อฉาว แต่ยังดีที่แค่เสียค่าปรับไม่โดนคดีพยายามฆ่า แต่ตอนนี้คุณอิฐก็ลาออกจากตำแหน่งประธานเพื่อภาพลักษณ์บริษัท

   อีกสองวันผมก็ย้ายกลับมาอยู่บ้าน เป็นช่วงที่สภาพจิตใจผมย่ำแย่มากจริงๆ แม้ไม่มีใครพูดถึง แต่บรรยากาศในบ้านเศร้าสลดกันไปหมดจนผมไม่สามารถลืมลูกได้เลยสักนาที จากคนที่ใช้ชีวิตธรรมดาก็กลายเป็นธรรมะธรรมโมตื่นมาใส่บาตรแต่เช้า ไหว้พระสวดมนต์ให้ใจสงบ แต่ถามว่าผมสงบได้จริงไหม ไม่เลย... ผมไม่เคยสงบได้ 

   ยิ่งคำปลอบโยนที่คุณอิฐมีให้แล้วด้วย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเก่า...

   “ไม่เป็นไรนะแม็ก ทำใจให้สบาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไว้เราค่อยมีลูกกันอีกก็ได้”

   มีลูกอีกเหรอ? จริงสิ! ถ้าแผลหายแล้ว ผมสามารถมีลูกได้อีกนี่ 

   แต่ถ้าหากคราวนี้เขาเป็นอะไรไปอีกล่ะ ผมจะทำยังไงดี ผมจะทนรับความรู้สึกเสียใจนั้นไหวไหม

   แต่ผมก็ไม่กล้าบอกกับเขาตรงๆ ว่าผมเริ่มกลัว... กลัวการท้องอีกครั้ง สุดท้ายแล้วถ้าผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่สามารถท้องได้ แล้วยังเหลือเหตุผลอะไรให้เขาต้องทนอยู่ด้วยอีกล่ะ?

   

      เพื่อไม่ให้เรื่องหุ้นเป็นปัญหาอีกผมจึงขอร้องให้อาทนายทำเอกสารโอนหุ้นคืนให้คุณอิฐโดยไม่ให้เขารู้ มันอาจจะใช้เวลาสักระยะ ซึ่งบางทีผมก็คิดว่าก็ดีที่อย่างน้อยผมก็ยังเหลือช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับเขาอีกสักนิด...

   แต่หลังจากเซ็นชื่อลงในเอกสารโอนหุ้นเรียบร้อย ผมก็พบว่าตัวเองไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ที่นี่แล้ว ผมเก็บของใช้ที่จำเป็นแล้วบอกแม่คุณอิฐว่าจะไปอยู่บ้านซูกัสสักสองสามวัน เพราะรู้ว่าถ้าบอกความจริงท่านคงไม่ยอมให้ผมไป และไม่ได้บอกอะไรคุณอิฐไว้ด้วย 

   ผมไปค้างกับซูกัสที่บ้านหนึ่งคืนและเล่าเรื่องจ้างท้องให้ซูกัสฟังเพราะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปโดยไม่มีใครสามารถรั้งไว้ได้

   “จำเป็นต้องไปด้วยเหรอแม็ก ถึงจะแท้งไปแต่แม็กยังมีลูกคนใหม่ได้อีกนะ ถึงจะต้องรอไปอีกสักปีสองปี ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ซะหน่อย”

   “รู้หรอกว่าทำได้... แต่เราไม่กล้าท้องแล้วอ่ะ  เราคงทำใจไม่ได้หรอกถ้าเราจะเสียเขาไปอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วเราก็ไม่อยากทำลายโอกาสคุณอิฐด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต้องทนอยู่กับเราทั้งๆ ที่ไม่ได้รักก็เพราะลูกทั้งนั้น แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีลูกอยู่แล้ว เราก็อยากให้เขามีความสุขกับคนที่เขารักจริงๆ ซะที หรือจะมีใครคนใหม่ที่มีลูกให้เขาได้อีก”

   “เราก็เห็นคุณอิฐเค้าก็ดีกับแม็กนี่”

   “ก็ดีไปตามหน้าที่เท่านั้นแหละ แต่พอแล้วละ เราไม่อยากใช้ลูกมาเป็นข้ออ้างดึงเขาเอาไว้อีกแล้ว กัส... อย่าห้ามเราเลยนะ...” ผมวอนขอ

   “ถ้าแม็กคิดว่าการไปมันมีความสุขกว่าอยู่ที่นี่ก็ไปเถอะ” ซูกัสเป็นคนว่าง่ายอย่างนี้เสมอแหละ

   “อยู่ที่ไหนมันก็ไม่สุขหรอก แต่ถ้าไปคงทุกข์น้อยกว่า เราว่าเราคงมีชีวิตที่อื่นโดยไม่มีคุณอิฐได้ แต่เราคงอยู่ที่นี่โดยไม่มีลูกไม่ได้” มันคงเหมือนหนามทิ่มแทงใจผมไปอีกนาน.. “ก่อนจะไป ขอร้องอะไรหน่อยได้ไหม?”

   “หลายอย่างก็ได้”

   “ถ้าเราไปแล้ว กัสพาลูกไปเยี่ยมแม่คุณอิฐบ้างนะท่านจะได้ไม่เหงา เดี๋ยวนี้ท่านอ่อนแอลง ถ้าหมอว่างช่วยไปตรวจสุขภาพท่านบ้างก็ดี”

   “อือ... สัญญา จะช่วยดูแลท่านให้อย่างดีเลย”

   “ขอโทษนะเว้ย... ที่เป็นเพื่อนที่โคตรสร้างภาระให้เลยอ่ะ”

   “พูดอะไรอย่างงั้น ไม่ใช่แค่เพื่อนซะหน่อย นี่เราคบกันออกสื่ออยู่ตั้งหลายปี” ซูกัสพูดติดตลก อดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องสมัยเรียน

   “ไอ้บ้า” ผมว่าแล้วหัวเราะ ซูกัสเริ่มน้ำตาซึม โน้มตัวมากอด แล้วลูบไหล่ผม

   “นอกจากหมอแล้วก็ครอบครัวกัสอ่ะ แม็กเป็นคนที่กัสรักมากที่สุดเลยนะรู้ไหม? ถ้าเป็นไปได้... กัสอยากให้แม็กมีความสุข พระเจ้าอวยพรนะ”

   ขอบคุณนะกัส ถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากมีความสุขเหมือนกัน.. ได้แต่ขอให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ

++++++++++



ต่อรีล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2016 00:01:48 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
   -อิฐ-

   หลังจากกลับมาจากบริษัทแล้วรู้ว่าแม็กไปบ้านซูกัส ใจหนึ่งก็กังวลเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ยอมกลับมาอีกเหมือนคราวที่แล้ว อีกใจก็หวังว่าซูกัสอาจจะช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นและหวังว่าจะไม่ยิ่งแย่ลงเพราะเห็นลูกซูกัสหรอกนะ!

   วันต่อมาผมแวะไปหาซูกัสตอนสายพบว่าเขาเลี้ยงลูกอยู่ลำพังในห้องเด็กชั้นล่าง ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านในแล้วมองไปรอบห้องไม่พบร่างของใครอื่นอีก

   “ซูกัส... แม็กไปไหนเหรอ?”

   “ผมไม่รู้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชาราวกับไม่พอใจอะไรผมบางอย่าง

   “อ้าว...  ไหนที่บ้านพี่บอกว่าแม็กมาค้างบ้านซูกัสไง” ผมถามต่อด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

   “เมื่อวานก็มาหรอกครับ แต่ตอนนี้ไปแล้ว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เรียบเรื่อยโดยไม่หันมามองผม คุยด้วยทั้งๆ ที่เล่นกับลูกต่อไปอีก

   “หือ... กลับบ้านไปแล้ว? สวนกันเหรอ?” ผมถามเขางง ๆ

   “ถ้าคุณไม่ได้รักแม็กแล้วจะถามถึงเขาทำไมครับ” คราวนี้เขาหันมาถาม ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลย มีความบึ้งตึงและสายตาเคียดขึ้งจนผมอึกอัก...

   “กัสพูดอะไร ทำไมพี่จะไม่รักเขาล่ะ” ผมเฉไฉทั้งๆ ที่เริ่มเหงื่อตก

   “รักแล้วเคยบอกเขาไหมครับ หรือคุณคิดว่าเขาจะรู้เองได้ถึงคุณไม่บอก” เขามองผมด้วยสายตาที่ที่โกรธทั้งเจ็บใจ

   ผมพูดไม่ออก ผมก็อยากจะบอกเขาเหมือนกัน แต่ผมก็กลัวว่ามันจะเร็วไปจนเขาไม่เชื่อ ผมไม่รู้จะเริ่มอธิบายความรู้สึกตัวเองจากตรงไหน ลงท้ายแล้วผมก็ไม่ได้พูดมันออกไปสักคำ ผมไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจจากไปแบบนี้

   “เขาบอกผมว่าอยู่ที่ไหนก็คงไม่มีความสุข แต่อยู่ที่อื่นคงทุกข์น้อยกว่า เขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้วเรื่องที่คุณจ้างให้เขาท้องให้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียลูกไปอีก และที่สำคัญเขาก็ไม่อยากใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือเหนี่ยวรั้งคุณไว้ และผมก็เคารพการตัดสินใจของเขาด้วย” ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม็กถึงเข้าใจไปแบบนั้น ถึงผมไม่ได้บอกอะไรออกไป แต่สิ่งที่ผมแสดงออกตลอดเวลาที่ผ่านมา มันไม่ได้ทำให้เขารู้ความรู้สึกของผมบ้างเลยเหรอ?

   “ซูกัส... ขอร้องล่ะ บอกพี่ทีว่าแม็กหายไปไหน พี่อยากเจอเขา อยากบอกเขาว่าพี่รักเขามาก มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเขาจะท้องได้อีกไหม ขอแค่เขากลับมาก็พอแล้ว” ผมพยายามขอร้อง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเสียลูกไปแท้ๆ ถ้าจะต้องเสียแม็กไปอีกคน แล้วชีวิตผมจะเหลืออะไรอีกล่ะ?

   “มันสายไปแล้วครับ ถึงจะถามผมไป ผมก็บอกไม่ได้หรอก เพราะผมก็ไม่รู้ ผมตั้งใจไม่ถามเพราะผมไม่อยากบอกคุณ” ผมมองกลับไปอย่างไม่เข้าใจ “ผมเคยบอกคุณแล้วนี่ ถ้าทำให้เพื่อนผมเสียใจล่ะก็ ผมจะไม่มีวันยกโทษให้”

   คำตอบที่ได้ทำให้สะอึกเมื่อนึกถึงคำสัญญาที่เผลอตกปากรับคำไว้มั่วๆ โดยไม่ใส่ใจตอนนั้น

   “พี่ขอโทษ พี่เสียใจ แต่...”

   “คนที่คุณควรจะขอโทษไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นแม็กต่างหาก เพราะเขาต้องเสียใจเพราะคุณมามากแล้ว และขอให้คุณรู้ไว้ว่าที่เขาต้องไปก็เพราะอยากให้คุณได้อยู่กับคนที่คุณรัก โชคร้ายที่เขาไม่รู้หรอกว่าคนๆ นั้นก็คือตัวเขา และผมจะให้คุณชดใช้ให้เขาโดยการใช้เวลาหลังจากนี้ตามหาเขาไปเรื่อยๆ อย่างไร้ความหวัง ต่อให้แม็กจะหวังให้คุณได้พบใครคนใหม่ที่มีลูกให้คุณได้ แต่ผมจะขอร้องหมอไม่ให้ช่วยเหลือคุณเรื่องนี้อีกจนกว่าคุณจะตามหาเขาพบ ผมจะไม่ยอมให้คุณมีความสุขจนกว่าเพื่อนผมจะมีความสุข คุณจำไว้เลย!”

   ผมไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของซูกัส เขาจะเจ้าคิดเจ้าแค้นได้มากขนาดนี้ นั่นคงเป็นเพราะผมได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้ และผมได้ทำร้ายหัวใจเพื่อนที่เขารักมากที่สุดตลอดมา การที่ผมจะต้องสูญเสียของรักพร้อมๆ กันถึงสองสิ่งโดยไม่รู้เลยว่าจะได้กลับคืนมาอีกหรือเปล่า มันคงสมควรแล้ว!


   
   กลับมาจากบ้านซูกัส ผมพยายามโทรหาแม็กม่า แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ร้อยกี่พันสายก็ไม่สามารถติดต่อแม็กม่าได้เลย ตกบ่ายอาทนายนำเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมาให้ผมเซ็น มันทำให้ผมนึกก่นด่าตัวเองว่า ทั้งๆ ที่เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าระยะหนึ่งแล้วว่าจะไป ทำไมผมถึงไม่เอะใจก่อนเลย ความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ผมกำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักไปทั้งหมดจริงๆ และถ้าหากผมจรดปลายปากกาลงไปในเอกสารใบนั้นก็เท่ากับผมกับแม็กม่าตัดขาดจากกันโดยสมบูรณ์
 
   ไม่หรอก...  ผมไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด!

   ผมตัดสินใจจ้างนักสืบมาช่วยสืบค้นประวัติของแม็กม่า จำได้ว่าพอมีเอกสารสำเนาบัตรประชาชนหลงเหลืออยู่ในห้องทำงานบางส่วน แต่พอผมรื้อออกดูในลิ้นชักเก็บเอกสารโต๊ะทำงานที่บ้านกลับพบสิ่งที่ไม่น่าจะมีอย่างน่าอัศจรรย์ นั่นคือพาสปอร์ตที่ผมทำหายไปแล้วที่ญี่ปุ่น ไม่มีทางเลยที่จะมาโผล่ที่นี่ได้ถ้าไม่ใช่คนในบ้านเอามาวาง การคาดเดาบางอย่างทำให้ผมกดต่อสายหาบีทเดี๋ยวนั้นทั้งๆ ที่เคยคิดไว้แล้วว่าจะไม่โทรไปหาเขาอีก

   “ว่ายังไงอิฐ คิดจะกลับมาหาผมแล้วใช่ไหม?” ในน้ำเสียงมีสำเนียงเย้ยหยันในที

   “ผมแค่อยากถามว่าตั้งแต่กลับมาไทย คุณได้มาเจอแม็กหรือเปล่า?”

   “ไปสิ... เอาพาสปอร์ตไปให้ไง  ผมบอกว่าคุณลืมทิ้งไว้แล้วผมเพิ่งหาเจอ เขาว่ายังไงบ้างล่ะ? โกรธไหม? หรือไม่รู้สึกอะไรเลย” คำพูดพวกนั้นดูปกติธรรมดาเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย

   “บีท... ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะ...” ผมพยายามสกัดกลั้นน้ำเสียงไม่ได้กลายเป็นตวาดทั้งๆ ที่รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าเขาเป็นต้นเหตุให้แม็กเข้าใจผิดจนต้องหนีไปแบบนี้

   “ทำไม! ผมทำไม? สิ่งที่คุณได้รับมันก็สาสมกันแล้วนี่กับสิ่งที่คุณทำกับผม ถ้าคุณไม่อยากให้ผมรักผิดด้วยเหรอที่ผมจะเกลียด... ผมบอกแล้วนี่ว่าผมจะขอให้คุณสูญเสียสิ่งที่รักไป คุณจะได้รู้สักทีว่าผมรู้สึกยังไง!” น้ำเสียงของคนที่หัวใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ใจหนึ่งก็โกรธเขา แต่อีกใจก็คิดว่าหรือมันก็สมควรแล้วที่ต้องรู้สึกทุกข์ใจเสียบ้างเพราะตัวผมก็เป็นต้นเหตุให้ทั้งเขาและแม็กต้องทุกข์ใจมามากแล้ว...

    “ผมเสียใจนะบีทที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องจมอยู่กับความแค้นแบบนี้ แต่ถ้าความพินาศของผมทำให้คุณมีความสุขมาก ผมก็คงต้องบอกว่าคุณสมหวังแล้วละ เพราะแม็กไปจากผมแล้ว ตอนนี้ผมไม่เหลือทั้งแม็กทั้งลูก บริษัทก็หลุดมือไป ถ้ามันเป็นอย่างที่ใจคุณต้องการแล้วล่ะก็ขอให้คุณลืมเรื่องของผมซะแล้วใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุขเถอะ จากนี้ไป เราคงไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไปแล้ว”

   
   โชคดีที่เอกสารมีที่อยู่ทะเบียนบ้านซึ่งเป็นที่อยู่บ้านพ่อของแม็ก ผมตัดสินใจลองไปที่นั่นดู แต่ผมก็มาช้าไป แม็กกลับมาที่นี่จริงแต่ตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว เขาบอกว่าจะไปหาที่สงบพักผ่อนสักระยะแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน ผมกลับบ้านมือเปล่าด้วยความสิ้นหวัง พยายามกลับไปขอร้องซูกัสอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะขอร้องยังไงซูกัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะปริปากอะไรทั้งสิ้นจนผมต้องไปปรึกษาหมอ

   “หมอช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ซูกัสไม่ได้บอกอะไรหมอ และถ้านายไปถามแล้วกัสไม่ตอบก็เป็นไปได้สองทางคือเขาไม่รู้ หรือไม่อยากบอก แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ก็บอกแล้วนี่ว่า...”

   “เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ใช่ไหมหมอ?” ผมเอ่ยดักคอด้วยหน้าบูด เพราะแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือหมอกลับเทศนาซะอีกแล้ว!

   “อือ” คำตอบรับสั้นๆ ทำให้ผมถอนใจยาวอย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจ “เออ...อิฐ”

   “หือ” ผมครางรับในลำคออย่างคนท้อแท้

   “ถ้าจะให้ช่วยตามหาแม็กน่ะ หมอคงช่วยไม่ได้ แต่มีอย่างนึงที่จะบอกได้”

   “อะไรวะ”

   “หมอรู้ว่าลูกของนายกับแม็กน่ะฝังอยู่ที่ไหน” ผมชะงักไปครู่หนึ่งหันไปมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะคิดว่าพอแท้งแล้วโรงพยาบาลอาจจะไม่ได้เก็บศพเด็กทารกไว้ และผมก็ใจไม่แข็งพอที่จะขอดู ผมไม่รู้เลยว่า...

   “ว่าไงนะหมอ...” เอ่ยถามเสียงสูง

   “แม็กขอร้องซูกัสไว้น่ะให้ไปขอให้โรงพยาบาลเก็บศพไว้แล้วช่วยนำเขาไปฝังให้หน่อย ตอนแรกหมอกลัวนายเสียใจก็เลยไม่ได้บอก”

   ผมยิ้มเศร้า รู้สึกละอายใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมแท้ๆ ผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เขามากได้เท่าแม็ก สิ่งที่เขาให้กับผมและครอบครัวมันมากกว่าคำว่ารักจริงๆ ผมไม่เคยพบเจอคนที่จะดูแลครอบครัวคนอื่นเหมือนครอบครัวตัวเองแบบนี้  คนที่พร้อมจะเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อให้คนที่รักมีความสุข ผมเสียอีกที่เห็นแก่ตัวมาตลอดตั้งแต่วินาทีแรกจนนาทีสุดท้าย

   นาทีนั้น... ผมคิดคำนึงถึงคนรักทั้งสองที่จากไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน หนึ่งคนจากไปด้วยไฟแค้นที่พร้อมจะแผดเผาทำลายอีกฝ่ายเมื่อตนเองไม่ได้สิ่งที่หวัง อีกคนจากไปพร้อมกับความรักและความดี แม้ว่าเราจะรู้จักและอยู่ร่วมกันแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่สิ่งเหล่านั้นมันกลับตราตรึงอยู่ในหัวใจไม่จางหาย และไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมคงลืมเขาไม่ได้...

   “หมอ... ขอร้องอะไรหมอสักอย่างได้ไหม?”

   “อะไรอีกล่ะ? พูดงี้ทีไรหาเรื่องให้ทุกทีแหละ” หมอเอ่ยสัพยอก

   “ครั้งสุดท้ายจริงๆ นะหมอ...”

   หลังจากขอร้องจนหมอยอมรับปากเรื่องหนึ่งแล้วผมก็ออกจากคลินิกอย่างโล่งอก ผมไปที่บริษัทเพื่อต่อรองบางอย่างกับแผ่นฟ้า ด้วยใบโอนหุ้นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะผมยังไม่ได้เซ็นชื่อลงไปคงสามารถทำให้แผ่นฟ้าและอาเขตแดนยอมทำตามข้อเสนอของผมได้ง่ายๆ

   ผมจะไม่เซ็นรับหุ้นจากแม็กม่า ไม่แย่งชิงตำแหน่งประธาน ทั้งยังจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหาร โดยมีเงื่อนไขว่า ผมจะแต่งตั้งกรรมการคนใหม่มาแทนตัวเองและนายยงยุทธ ภายในครึ่งปีให้ทำกำไรเพิ่มขึ้นอีกห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าทำได้ผมจะไม่แย่งชิงเก้าอี้ประธานอีก จะรับแต่ปันผลอย่างเดียว...

   อาเขตแดนและแผ่นฟ้ายอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นแล้วผมก็สบายใจ ต่อไปผมจะลบเรื่องงานออกจากสมองทิ้งแล้วใช้เวลาที่เหลือเพื่อตามหาแม็ก...

   วันนี้สายลมด้านหน้าบริษัทพัดแรงผิดปกติ จนรู้สึกหูแว่วได้ยินเหมือนเสียงเพลงเศร้าขับขานลอยมาตามลม

   ชาตินี้มีกรรมน้องตามมา  ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไป

   ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอกแม็ก ชาตินี้แหละ ฉันจะตามหาเธอให้เจอ

   และถ้าหากวันไหนที่เราได้พบกัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอจากไปอีกแล้ว... รอฉันนะแม็ก


++++++++++


คิดเหมือนแม็กนี่แล เลือกแม็กเพราะมีลูกให้
อิฐได้บีทมายาก คบมาก็นาน กับแม็กที่ได้มาง่ายๆ พร้อมเป็นของตายเสมอ
เลยรู้สึกว่า ไม่มีลูกแล้วนี่โดนทิ้งแหงงแซะ
เรามองอิฐเป็นสีเทาๆ ที่เข้มจนคล้ายจะเป็นสีดำ
ตัดบีทได้ไวบางมุมมันก็เลยดูโฉด เหตุผลแบบข้างบนได้มายากยังปล่อยทิ้งนับประสาอะไรกับของที่ได้มาง่ายๆ
อ่านเรื่องนี้ทำให้เราระแวงพระเอกที่นิสัยค่อนข้างหนักแน่นมั่นคงทุกคนได้เลยนะเนี่ย ฟฟฟฟ
คงเพราะอิฐมาด้วยลุคผู้ชายรักเมีย หนักแน่นมั่นคง แล้วคนมั่นคงที่ว่าไส้ในดั๊นนนนมีแต่ปลวกซะงั้น จิ้มทีเดียวก็ล้มครืนนน
แต่เหตุผลของอิฐมันก็จริงดี ความรักในความเป็นจริง ไม่ได้มีแค่คนสองคน

จริงๆ ตัวละครเรื่องนี้ออกจะเทาทุกตัวเลยค่ะ มีมุมที่ดีและร้ายในตัวเองกันหมด แต่นิถือว่ามีเหตุผลในการกระทำของตัวเองจนคนอ่านบางครั้งก็งงว่าจะเชียร์ใครได้บ้างเพราะเริ่มแรกมา พระเอกก็นิสัยไม่ดี นายเอกก็นิสัยไม่ดี

อย่างแม็กนิว่าคนเข้าใจนางนะว่าส่วนหนึ่งนางห่วงลูก ก็เลยอยากได้คุณอิฐ ต่อให้ตอนแรกนางจะคิดว่าอิฐไม่รักแต่ถ้าตัวเองเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วมันจะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ มันยากที่จะจะปฏิเสธ

บีท นิว่านางไม่ใช่คนไม่ดีนะ แต่นางแค่รักมากจนแค้นมากไปหน่อย - -  :เฮ้อ:

ส่วนอิฐ ถามว่ามั่นคงไหม เขาไม่ได้มั่นคงแบบไม่ได้คิดอะไรกับแม็กนะ คือคิด... มีหวั่นไหวเพราะความใกล้ชิด แล้วแม็กเด็กกว่า ด้วย แต่เหตุผลที่อิฐเลิกกับบีทไม่ใช่เพราะเขาหวั่นไหว แต่เพราะบีทเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาเองว่ายอมรับลูกเขาไม่ได้ และเขาตัดสินใจเลือกลูกมาก่อนคนรักคือถ้าเลือกแม็กแล้วเขาไม่ต้องเลือก... คือจะมีครบ ทั้งเมียทั้งแม่ทั้งลูก ความรู้สึก ยังรักยังเสียดายบีทก็มีอยู่ แต่อิฐคือเป็นผู้ชายใจแข็งตรงที่ว่าถ้าเลือกแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจ

การเลือกแล้วจะไม่ย้อนกลับไปอีกก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมอิฐไม่ทิ้งแม็กแม้ลูกจะแท้งไป
แต่สุดท้ายเหตุผลที่อิฐตัดสินใจว่าจะตามหาและรอคอยแม็กก็เพราะความดีของแม็กนะคะ


ตอนหน้าจะจบแล้วนะคะ  พอดีพรุ่งนี้นิจะขึ้นกทม. ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาต่อได้ตรงเวลาหรือเปล่า
หรืออาจะช้าหรือเร็วนิดหน่อย ♥

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2016 23:39:30 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :o12: อ่านไปน้ำตาคลอ สงสารแม๊กม่า เข้าใจอิฐนะ แต่หมั่นไส้อิฐ ทีมซูกัส

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ขอให้ตามหาแม็กให้เจอเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
คุณอิฐตามหาแม็กให้เจอนะ :mew2:

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หูยย
ตอนนี้ปมก็คือตอนไปญี่ปุ่นนี่บีทโกหกเหรอ
แล้วอินังอิฐก็ไม่เล่าไม่อธิบายอะไรกับน้องอ่ะ
เราเป็นน้องเราก็หนีเหอะ
ไม่มีลูกก็เหมือนไม่มีข้ออ้างจะอยู่นั่นแหละ
รู้ว่าอิฐเริ่มรู้สึกดีด้วย แต่ก็ไม่มั่นใจไง
รักเราจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ พอแท้งไปเลยเคว้งไปหมดไง
สมๆๆๆๆๆอิฐ ตามหาน้องต่อไปเถอะย่ะ
ชิส์

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ข้อสรุปของตอนนี้ ดี!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารแม็กกกก  :katai1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รีบหาให้เจอนะ จะได้ปรับความเข้าใจกันเสียที

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จะตามเจอไหมหนอ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
อีคุงก้อนอิฐ จงร้องอพลงพีทตูนต่อไปนะ (ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมออออ)  :mew5:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew5:   ตามกันต่อไปนะ.  :pig4:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดราม่าจนหยดสุดท้ายจริงๆ เฮ้อ~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ถึงเวลาต้องตามหาหัวใจตัวเองแล้ว

ออฟไลน์ สุนิสา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมลูกต้องตาย เสียใจจ :ling1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-36-


            -แม็กม่า-

 

            จะปีนึงแล้วสินะที่ผมไปจากคุณอิฐ พรุ่งนี้จะครบรอบวันที่เราสูญเสียน้องอุ้มไป

            ผมลืมไปบอกสินะว่าผมตั้งชื่อน้องว่าอุ้ม มาจาก ตัวอ. กับม. ของเรา และมีความหมายถึงการอุ้มท้องของผมด้วย แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสอยู่รอดจนถึงกำหนดคลอดก็ตามที แต่ทำไมเขาจะไม่มีสิทธิ์ได้รับความรัก ความคิดถึงหรือแม้แต่การตั้งชื่อล่ะจริงไหม?

            ผมเก็บของออกจากวัดที่ตัวเองไปนุ่งขาวห่มขาวถือศีล เพื่อทำจิตใจให้สงบรวมทั้งแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้น้องตั้งแต่เมื่อวาน แล้วกลับมาอยู่บ้านพ่อที่อยุธยาก่อนจะเดินทางไปที่วัดต่อพรุ่งนี้...

            คำว่าถือศีลของผมไม่ใช่การบวชหรอกครับ ทั้งที่ตอนแรกก็ลังเลว่าจะบวชดีไหม แต่อีกใจก็รู้สึกว่าเพศอย่างผมต่อให้คิดว่าเมื่อบวชแล้วจะสามารถสำรวมจิตใจได้ก็ตามแต่ก็รู้สึกไม่สบายใจที่ทำแบบนั้น ผมเลยเลือกจะถือศีล 8 อย่างฆราวาสแทน นอกจากนุ่งขาวห่มขาวก็ไม่ได้โกนผม ถือศีลน้อยกว่าเณรเสียอีกแต่เรื่องการปฏิบัติก็เคร่งในระดับหนึ่งเพราะเลือกไปอยู่วัดบนเขาที่เป็นสายปฏิบัติโดยแท้ รู้สึกว่าสบายใจกว่าบวชเป็นพระแล้วมากังวลใจทีหลัง

            วันต่อมาผมก็มาถึงวัดที่ซูกัสกับหมอช่วยนำร่างน้องมาฝังไว้เพื่อจะมาทำสังฆทานที่นี่ แม้จะคิดเสมอว่าบุญนั้นไม่ว่าทำที่ไหนก็คงส่งไปถึงเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกอยากมา...

            หลังจากทำสังฆทานและกรวดน้ำเรียบร้อยแล้วผมก็เอาน้ำที่กรวดเสร็จไปเทลงที่ใต้ต้นไม้ เตรียมตัวจะกลับ ในใจก็ลังเลว่าจะไปหาซูกัสที่บ้านดีไหม เพราะเราก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว หรือว่าจะกลับเลยดี

            “แม็ก...”  ระหว่างที่ยืนเหม่ออยู่นั้นเอง เสียงเรียกด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ก็ดังเข้าโสตประสาท หัวใจผมกระตุกวูบ อดคิดไปไม่ได้ว่าตัวเองอาจจะเพียงหูฝาดไป ลอบกลืนน้ำลายดังกรึ๊บก่อนจะค่อยๆ หมุนร่างไปยังทิศทางนั้นแล้วก็พบว่าเป็นเขาจริงๆ ความอบอุ่นของอ้อมกอดนั้นที่รวบร่างผมไว้แน่น พูดพร่ำคำเดิมซ้ำๆ อยู่ข้างหู “คิดถึง... ฉันคิดถึงเธอมากรู้ไหม?”

            “จะบ้าหรือไงคุณอิฐ! นี่มันในวัดในวานะ จะทำอะไรก็หัดคิดถึงกาลเทศะบ้าง” ผมเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ทำราวกับว่าความรู้สึกคิดถึงพวกนั้นมันมิได้เอ่อล้นมากมายอย่างที่เป็นอยู่สักนิด ทั้งๆ ที่ในลำคอตีบตันจนเริ่มหายใจติดขัด

            เขายอมปล่อยร่างผมจากอ้อมกอดที่รัดแน่นนั่นแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากข้อมือผม เหมือนกับว่าถ้าหากเขาไม่จับไว้ ตัวผมจะหายตัวไปซะเดี๋ยวนั้น! 

             “ก็ฉันดีใจนี่ที่ได้เจอเธอ” ถ้อยคำสารภาพทำเอาใจผมแกว่งไปบ้างเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าตัวเองทำใจได้แล้วก็ตาม บางทีก็นึกโมโหเขาเสียจริง ทำไมนะถึงเป็นคนที่ชอบให้ความหวังชาวบ้านเสียเรื่อย

            “คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ” ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

            “มารอเธอ...” คำตอบนั้นทำให้ผมเผลอมองอย่างเคืองใจ

            “คุณจำได้ไหมว่าวันนี้วันอะไร?”

            “จำได้... ถึงได้มาไง”

            “คุณควรจะคิดถึงลูก... มากกว่าคิดถึงผม” ผมรู้สึกว่าทำเสียงดุออกไป

            “แล้วทำไมคิดว่าฉันไม่คิดถึงเค้าล่ะ? ไปทำสังฆทานด้วยกันเถอะ”

            “คุณไปเถอะ ผมถวายเรียบร้อยแล้ว”

            “ทำแล้วก็ทำอีกสิ ไม่เห็นจะเป็นไร ไปเถอะ” คำชักชวนที่เหมือนไม่อนุญาตให้ปฏิเสธมาพร้อมกับอุ้งมือใหญ่ที่กุมมือผมไว้แล้วจับจูงให้เดินไปที่รถ เขาเปิดประตูหยิบเครื่องสังฆทานออกมาโดยที่ไม่ยอมปล่อยมือผมเลยจนผมรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ยอมตามเขาไปถวายสังฆทานซ้ำอีกรอบ กรวดน้ำจนเรียบร้อย และสุดท้ายเขาจูงมือพาผมกลับมาที่รถ

            “แยกกันตรงนี้เถอะครับ” ผมเอ่ยแต่อีกฝ่ายไม่สนใจ เขาเปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วผลักร่างผมเข้าไปแล้วอ้อมไปนั่งยังที่นั่งคนขับก่อนจะออกรถอย่างสบายอกสบายใจ

            “คุณจะพาผมไปไหนครับ” ผมรู้สึกว่าคำถามของตัวเองงี่เง่าแต่ก็ยังถามออกไป

            “ลักพาตัวเธอ” คำตอบเรียบๆ ทำให้ผมย่นคิ้วแล้วกลอกตา

            จนป่านนี้แล้วนะ... ยังไม่เลิกใช้มุกเดิมอีกเหรอลุง!

 

            รอบนี้คุณอิฐลักพาตัวผมมาที่บ้าน บังคับพาผมไปกราบแม่ของเขา คุณแม่มีทีท่าดีใจมากเหลือเกินที่ผมกลับมา ทักทายพูดคุยราวกับว่าผมจะกลับมาอยู่บ้านท่านวันนี้พรุ่งนี้ ผมอยากบอกท่านไปตามตรงว่าผมไม่คิดว่าตัวเองจะกลับมา ผมไม่อยากทนทุกข์ทรมานใจกับการรักใครข้างเดียวอย่างปีก่อนอีกแล้ว แต่เมื่อเห็นความคิดถึงและความดีใจของท่านก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ รู้สึกดีใจที่เห็นท่านสุขภาพแข็งแรงดี หน้าตาก็แจ่มใส

            “แม่อยู่คนบ้านคนเดียวสักสามสี่วันได้ไหมครับ” จู่ๆ คุณอิฐก็เอ่ยถามขึ้นมาแบบไม่เข้ากับบทสนทนาก่อนหน้าสักนิด

            “ทำไม จะไปไหน?” ในคำถามมีสำเนียงดุเล็กน้อยตามแบบฉบับท่าน

            “ว่าจะพาแม็กไปฮันนีมูนซะหน่อยครับ” คุณอิฐตอบด้วยรอยยิ้มเอาใจ ส่วนผมย่นคิ้วนิดหนึ่งหมุนคอไปกระพริบตาปริบๆ

            ไม่เข้าใจคุณอิฐเลย ไม่ทราบว่าชวนผมตอนไหน แล้วผมไปตอบรับตอนไหนว่าจะไปเที่ยวด้วย

            แล้วอีกอย่าง... อะไรคือฮันนีมูน!!

            “อ๋อ... งั้นก็ไปเถอะย่ะ อยากจะไปสักเดือนก็ไปเถอะ!” คุณแม่ตอบรับอย่างอารมณ์ดีแต่ทำให้ผมแทบนั่งไม่ติด กำลังคิดว่าตัวเองจะหาทางปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี!

            “ดีครับ! งั้นเดี๋ยวแม่คุยกับแม็กไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปเก็บเสื้อผ้าแป๊บนึง” เขาบอกอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้กัน รีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างกระตือรือร้น ผมทำหน้าไม่ถูกได้กลืนน้ำลายอย่างกังวล

            “แม็ก...” จู่ๆ ท่านก็เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

            “ครับ” ผมตอบรับเสียงอ่อย

            “แม่ดีใจนะที่แม็กกลับมา ทั้งแม่กับอิฐน่ะ รอแม็กมาตลอดเลยนะ” น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนปรานีนักจนผมพูดอะไรไม่ออก  “ที่ทุกข์ก็ทุกข์มามากแล้ว ต่อไปก็อย่าเก็บทุกข์เอาไว้กับตัวเลย มีความสุขเสียทีเถอะ” รอยยิ้มอย่างใจดีนั้นทำให้หัวใจที่แห้งผากกลับชุ่มชื่นขึ้นในฉับพลัน

            ผมกลับมาได้เหรอครับคุณแม่ ถ้าผมกลับมา ผมจะมีความสุขได้จริงหรือ

 

            ก่อนจะไป คุณอิฐเดินพาผมเข้าไปในสวน กลับมาคราวนี้ผมรู้สึกทึ่งที่ต้นฝรั่งที่เคยปลูกไว้ยังอยู่ และตอนนี้มันออกผลเรียบร้อยแล้วแม้ว่าต้นจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก คุณอิฐคงสั่งให้คนดูแลมันไว้เป็นอย่างดีตอนนี้จึงเห็นลูกฝรั่งๆ ถูกห่อไว้ด้วยถุงพลาสติกและกระดาษหนังสือพิมพ์ เขาบรรจงเด็ดลูกฝรั่งออกจากต้นแกะถุงออกแล้วยื่นให้ผม

            “นี่ไม่ใช่ลูกแรกหรอกนะ เพราะฉะนั้นพอฉันชิมแล้วก็เลยรู้ว่าเธอโกหก จำได้ไหมว่าเคยสัญญาอะไรกันไว้ บอกจะขออะไรจากคนโกหกก็ได้หนึ่งอย่างใช่ไหม?” แย่จัง อุตส่าห์หนีไปตั้งไกลแล้ว ยังจะตามให้กลับมาเพื่อทวงสัญญาอะไรนั่นอีก

            “คุณจะขออะไรผมครับ”

            “ขอให้ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดในอดีตไปซะให้หมด จากวันนี้ไปขอให้เธอมีความสุขซะทีได้ไหม?” พูดเหมือนคุณแม่เลย

            “ใครๆ ก็อยากมีความสุขกันทั้งนั้น แต่คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมจะมีความสุขได้จริงๆ” ผมถามด้วยหน้าเรียบเฉย

            “รู้สิ เพราะฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง” บางทีก็อยากถาม คุณไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน?

            “ด้วยอะไรครับ?” ผมถามพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากคล้ายขบขันกับเรื่องนั้น

            “ด้วยความรักของฉัน” คำตอบนั้นทำให้ผมตกตะลึงตาค้างไปชั่วขณะก่อนจะกระพริบตาเร็วๆ เรียกสติสตางค์ให้กลับมาโดยเร็วที่สุด อยู่ดีๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาเฉยๆ และมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่...

            “อย่าทำอย่างนี้เลยครับ เรื่องที่ผมรักคุณน่ะมันนานมากจนตอนนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ไม่จำเป็นเลยที่คุณจะต้องมาโกหกหรือรับผิดชอบความรู้สึกของผมต่อไปอีก” ผมพยายามหลบสายตาที่ส่ายไหวนั้นไม่ให้เขาเห็น หรุบตาต่ำขณะตอบกลับไป

            “แล้วความรู้สึกของฉันล่ะ? เธอไม่คิดจะรับผิดชอบมันบ้างเลยเหรอ?” ผมมองกลับไปอย่างค้นคว้าหาความหมายเหล่านั้น “เธอรู้ไหมว่าฉันคิดถึงและรอคอยเธอมาตลอด ไหนเธอลองบอกเหตุผลสิว่าถ้าหากฉันไม่ได้รักเธอ ทำไมฉันต้องรอนานขนาดนี้ด้วย”

            “ผมไม่รู้ คุณอาจจะคิดว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวที่ท้องให้คุณได้ แต่รู้ไหมครับผมทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว” ผมยอมพูดความจริงออกมา

            “เรื่องนั้นฉันรู้ และถ้าเธอไม่ต้องการ ฉันก็ไม่คิดจะบังคับ เธอไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบเพื่อฉัน มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อคนที่ยินดีเสียสละความสุขของตัวเองได้เพื่อคนที่ตัวเองรัก คนที่ดูแลครอบครัวคนอื่นเหมือนเป็นครอบครัวตัวเองอย่างเธอ...”

            “นั่นเรียกว่าการขอบคุณครับ ผมไม่คิดว่ามันคือความรัก...” ผมเอ่ยเถียง แท้จริงแล้วผมไม่มีข้อกังขากับคำพูดของเขาหรอก แต่ผมกำลังบอกตัวเองต่างหาก ไม่ให้หลงไปกับความสงสารที่เขามีให้ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องกลับไปเจ็บแบบเดิมอีก...

            “ก็ได้! คนที่ฉันรักไม่ใช่คนที่รักฉันจนทำทุกอย่างให้ได้หรอก แต่เป็นแม็กม่าคนนั้น คนที่ยอมนั่งแท็กซี่เป็นชั่วโมงเพื่อเอามะม่วงไปให้เพื่อนที่กำลังท้องอยู่กิน คนที่ถามถึงความปลอดภัยของซูกัสก่อนที่จะห่วงตัวเอง คนที่พยายามแก้ต่างให้ฉันทุกๆ ครั้งที่ถูกซูกัสเล่นงาน คนที่ชวนฉันกินข้าวเย็นตอนสี่ทุ่มครึ่ง คนที่เลือกเนกไทให้ตอนเช้า ชอบนอนกลิ้งมาหาแล้วทำให้ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ คนที่ยอมอดกาแฟทั้งๆ ที่ติดมาก ยอมเป็นหวัดงอมแงมโดยไม่กินยา คนที่เฝ้าแม่ฉันทั้งคืนตอนที่ท่านป่วย มันยังไม่มากพอเหรอที่จะทำฉันรักเธอน่ะแม็ก!” เสียงตะเบ็งที่พล่ามยาวๆ โดยไม่หยุดพักจนทำให้คนพูดหอบหายใจแรงทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก ความหนักแน่นที่คิดว่ามีเริ่มหดหายไปกว่าครึ่ง พยายามหาเหตุผลเพื่อจะหลีกหนีมันให้ได้อีกครั้ง

            “แต่กว่าคุณจะรู้ว่ารัก ผมก็จากไปแล้ว คุณไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเริ่มคลอนแคลนเต็มทนแล้ว กำแพงหัวใจที่ใช้เวลานานนับปีเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาปิดกั้นก็พังลงในพริบตากับแค่ความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่แสนโหยหานั้นหวนคืนกลับมาอีกครั้ง

            “ไม่สายหรอก ก็เราได้พบกันอีกแล้วนี่ อย่าไปอีกเลยนะแม็ก ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอน่ะมันมากกว่ารัก”

            ผมอยู่นิ่งในอ้อมแขนนั้น ในใจมีคำถาม มีความลังเลมากมาย แต่ที่มากกว่านั้นคือความหวัง

            แต่สิ่งที่มากที่สุดคือความรักของผมที่มีให้เขา ไม่เคยจางหายหรือลบเลือนไปเลย

            ผมจะเชื่อสักครั้งได้ไหมว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นเรื่องจริงไม่ใช่คำโกหก

           

            หลังจากผมตกลงใจว่าจะลองเชื่อใจเขาดูอีกสักครั้ง จะรอดูว่าเขาจะพิสูจน์รักของเขาอย่างไร คุณอิฐก็จับผมขึ้นรถบอกว่าจะพานั่งรถไปแอ่วเหนือกันสักเดือนตามที่คุณแม่บอก ผมส่ายหน้าในความเยอะแยะของเขาเพลียๆ แต่ตอนนี้ก็ขี้เกียจจะคัดค้านอะไรให้เสียฤกษ์ก็ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี แต่ก่อนที่เขาจะพาผมขึ้นเหนืออะไรนั่น เขากลับแวะพาผมไปที่หนึ่งก่อน และผมค่อนข้างแปลกใจที่คุณอิฐพาผมมาที่คลินิก พอมาถึงเขาก็ดึงผมเดินเร็วๆ ไปที่เคาน์เตอร์เพื่อขอพบหมอว่าน

            “ตอนนี้หมอว่านอยู่ในห้องค่ะ ไม่มีคนไข้” เจ้าหน้าที่บอกอย่างสุภาพ ผมก็เดินตามเขาไปที่ห้องหมออย่างไม่เข้าใจว่าจะรีบร้อนอะไรนักหนา!

            “หมอ!!” ทันทีที่เปิดประตูห้องตรวจเข้าไปเขาก็ร้องทักหมอว่านอย่างตื่นเต้น หมอว่านเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าขึ้นแล้วชายตามาที่ผมแล้วยิ้มอ่อน

            “อ้าว เจอแล้วเหรอ?”

            “อือ...” คุณอิฐตอบรับพร้อมรอยยิ้มดีใจจนผมรู้สึกเขิน

            หมอไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วโยนพวงกุญแจพวงหนึ่งมาให้ คุณอิฐเอื้อมมือคว้าทันที

            “ห้องที่แม็กใช้พักฟื้นตอนฝังมดลูกนั่นแหละใช้ได้” หมอเอ่ยขึ้น คนข้างกายพยักหน้ารับ ส่วนผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันตามอะไรทัน คุณอิฐก็หมุนตัวผลักประตูห้องตรวจออกไปแล้วดึงแขนผมให้เดินตามขึ้นชั้นบนแล้ว

            “จะไปไหนครับเนี่ย ไหนว่าเราจะไปเที่ยวกัน...”

            “ไม่ได้บอกว่าไปเที่ยว บอกว่าไปฮันนีมูน”

            “ที่เหนือไม่ใช่เหรอ?”

            “อือ... แต่ที่เหนือมันไกล เลยแวะมามัดจำที่นี่ก่อน”

            “ฮะ!” ผมร้องเสียงสูงพร้อมใบหน้าเหวอ แล้วก็พูดอะไรไม่ออกจนเรามาโผล่ยังห้องนอนเฉพาะกิจที่เคยสิงสถิตนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่หลายวันสมัยฝังมดลูกเทียม

            “นะ...แค่มัดจำเอง...” คำออดอ้อนพร้อมกระพริบตาพราวใส่ของคุณอิฐทำให้ผมเหงื่อตกแล้วได้แต่ถอนใจปลงๆ

            เหอะ! ทำเสียงอ้อนแบบนั้นแล้วทำยังกับผมจะปฏิเสธได้!

            ในความรัก... บางทีผมก็โคตรเกลียดคุณอิฐ!!

            จะมีอะไรกันแค่นี้ ที่อื่นก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องพามาอายถึงนี่ด้วยเนี่ย!!

 

            ++++++++++

           

            สรุปว่าหลังจากอับอายขายขี้หน้าหมอที่คลินิกคุณอิฐก็เกิดความขี้เกียจขับรถ เปลี่ยนแผนพาผมนั่งเครื่องไปเที่ยวแทนซะงั้น เราหายไปฮันนีมูนร่วมกันเกือบอาทิตย์แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม แรกๆ ผมก็รู้สึกหน่วงๆ อยู่บ้าง แต่ก็พยายามทำใจให้ได้ แม้จะมีเรื่องร้ายๆ ผ่านเข้ามาแต่ชีวิตเราก็ยังดำเนินต่อไป

            ไม่รู้สิ... อีกไม่นานผมอาจจะทำใจกับการท้องครั้งใหม่ก็ได้ แต่แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้ก็เท่านั้น...

            กิจวัตรของผมที่นี่ก็ไม่ต่างจากเดิม เพิ่มเติมคือตักบาตรตอนเช้า ถือศีลแปดวันพระ เพียงแต่อยู่บ้านไม่ได้ไปฝึกสมาธิในวัดแล้วก็เท่านั้นแหละ ส่วนคุณอิฐกลับเปลี่ยนไปมาก เขาดูว่างกว่าเดิมหลายเท่าจนเกือบกลายเป็นคนขี้เกียจ! ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านปลูกต้นไม้ ใช้เวลาอยู่กับผมและคุณแม่ อาทิตย์นึงจะออกไปทำงานสักสามวันต่อสัปดาห์ จนผมรู้สึกว่าเราได้อยู่ด้วยกันบ่อยเกินไปจนช่วงนี้รู้สึกเบื่อหน้าลุงแกอยู่เหมือนกัน!

            ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพอผมจากไป คุณอิฐไม่ยอมเซ็นรับหุ้นที่ผมโอนคืนให้ จึงเป็นการปฏิเสธตำแหน่งประธานบริษัทไปด้วย หลังจากลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทก่อนหมดวาระเพราะปัญหาชกต่อยเขาก็ลาออกจากตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหารแล้วแต่งตั้งคนที่ไว้ใจได้มาแทน พร้อมทั้งท้าทายคุณแผ่นฟ้าว่า ถ้าหากในระยะเวลาครึ่งปีสามารถทำรายได้ให้บริษัทมากกว่าเดิม 5 เปอร์เซ็นต์เขาก็จะไม่ทวงตำแหน่งประธานคืน และคุณแผ่นฟ้าก็ทำได้ คุณอิฐเลยปล่อยวางเรื่องอิทธิฤทธิ์กรุ๊ป รอรับแต่เงินปันผลอย่างเดียวแล้วหันมาสนใจธุรกิจโรงแรมแทน...

           

            เช้าวันหนึ่งหลังจากที่ผมกลับมาอยู่บ้านคุณอิฐได้ราวสองเดือน ระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้านั้นคุณอิฐก็เกิดอาการแพ้ท้องโอ้กอ้ากวิ่งเข้าห้องน้ำจนตกอกตกใจกันไปทั้งบ้าน ผมรีบตามไปลูบหลังเขา สอบถามว่าไหวไหม ยืนนึกอยู่ว่าเมื่อวานกินอะไรผิดสำแดงจนอาหารเป็นพิษหรือเปล่า อยากจะพาคนป่วยไปโรงพยาบาลไวๆ จะได้ไม่ต้องแอดมิดหลายๆ คืนอย่างตอนคุณแม่ป่วย คุณอิฐโบกมือเพลียๆ หลังจากโก่งคอไล่น้ำลายเหนียวลงที่อ่างล้างหน้า

            “ไม่เป็นไรหรอกแม็ก” เขาบอกแค่นั้นแต่ไม่ยอมเข้าไปในห้องอาหารอีก รีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน

            ผมเดินตามขึ้นไปเพราะความเป็นห่วง คนบ้านนี้เป็นอะไร ไม่สบายไม่ชอบไปหาหมอ ชอบบอกว่าไม่เป็นไรรอจนอาการหนักตลอด! พอตามขึ้นไปบนห้องเห็นเขาเข้าไปในห้องน้ำ เอ... หรือว่าจะท้องเสีย ผมนั่งรอที่เตียงเพราะความเป็นห่วงอยากแน่ใจว่าเขาไม่เป็นไรมาก และไม่นานนักเขาก็เดินออกมาแล้วยื่นบางอย่างให้ผมดู

            ผมก้มลงมองสิ่งนั้นงงๆ  ด้วยความไม่เข้าใจ เพราะสิ่งนั้นคืออุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบตั้งครรภ์ซึ่งมันปรากฏขีดแดงสองขีด ผมยืนนิ่งจ้องมองมันเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง เครื่องผิดปกติ หรือว่าคุณอิฐเป็นโรคบางอย่างที่วัดค่าได้จากปริมาณ HCG (ได้แก่โรคมะเร็งอัณฑะ) แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จู่ๆ เขาไปเอาของแบบนี้มาจากไหน แล้วเอามาตรวจเพื่ออะไร?

            “ฉันให้หมอฝังมดลูกเทียมไปหลังจากเธอหายไปได้สักพักนึงแล้ว ฉันเชื่อว่าสักวันฉันจะได้เจอเธออีกครั้งแล้วฉันก็ยังอยากมีลูกกับเธอ  แล้วฉันก็ได้เจอจริงๆ วันนั้นฉันก็เลยพาเธอไปทำลูกที่คลินิกไง จำได้ไหม?” คำเฉลยนั้นทำให้ผมถึงบางอ้อ จำได้ว่าเขาหลอกว่ากลัวทำห้องหมอเลอะเลยให้ผมหลั่งใส่กล่องบางอย่าง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง... ถ้าอย่างนั้นเด็กที่อยู่ในท้องของเขาก็คือลูกของผมน่ะสิ

            “คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะครับคุณอิฐ...” ผมบอกด้วยเสียงแปร่งๆ เพราะกลั้นน้ำตา ทั้งดีใจทั้งซึ้งใจ

            “ฉันอยากให้เธอเชื่อว่าถึงเธอจะท้องไม่ได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องแยกจากกัน ถ้าเธอไม่กล้าท้อง ฉันก็จะท้องให้  เธอจะได้เชื่อสักทีว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”

            “คุณอิฐ...” ผมยิ้มทั้งน้ำตาโผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น เขากอดตอบลูบหลังผมเบาๆ บอกด้วยน้ำเสียงขี้เล่นปนอ้อน

            “ทำคนอื่นเค้าท้องแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ ห้ามทิ้งไปไหนอีกนะ”

            “ไม่แล้วครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับคุณ อยู่กับลูกของเรา ผมรักคุณที่สุดเลย” รักมาก... ไม่เคยรักใครมากเท่านี้เลย

            “แต่ของฉันน่ะ... มากกว่ารักนะ” เขาย้ำประโยคเดิมๆ ซ้ำไปอีก

            “ครับ... ผมเชื่อแล้ว” ผมตอบเขา ยิ้มทั้งน้ำตา

            ผมว่าตอนนี้คุณอิฐก็คงเข้าใจแล้วละว่า สิ่งที่คนรักกันควรมีมากกว่ารักคือความเสียสละ ยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของคนที่รัก และไม่ควรใช้สิ่งนั้นมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่รักกัน แต่ใช้หัวใจเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย เรื่องบางอย่างอาจมีแต่คนรักกันเท่านั้นที่ช่วยกันได้ เพราะทำให้ด้วยใจไม่ใช่ด้วยเงินจ้าง อย่างที่เขายอมทำให้ผมในวันนี้

            แต่ในเมื่อวันเวลาเก่าๆ ที่ผิดพลั้งของเราทุกคนนั้นย้อนคืนกลับไปไม่ได้ ผมก็จะไม่หยิบมันมาทำร้ายใจตัวเองอีก เก็บไว้เป็นบทเรียนบทหนึ่งเท่านั้น  ไม่ว่ากี่แสนล้านความเจ็บปวดที่ผ่านมา ผมจะลืมมันไปให้หมด เพื่อที่เราจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ให้สมบูรณ์และมีความสุขอย่างแท้จริงสักที...

 

 

                        THE END

 

++++++++++++++++++

ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยรีบลง

จบซะที อาจจะมีพลิกล็อกหักมุมไปบ้างแต่หวังว่าจะชอบที่จบแบบนี้นะคะ

จบแบบทุกคนได้รับบทเรียน ที่สมควรได้รับทุกฝ่ายมากน้อยแบ่งๆ กันไป

แต่เพราะคนเราย่อมผิดพลั้งกันได้ เราก็ไม่ควรเอาอดีตมาทำร้ายตัวเองไปตลอด

เราต้องก้าวต่อไป กล้าที่จะมีความสุข อยู่กับปัจจุบันและอนาคต

ขอให้แม็กกับลุงมีความสุข

โอยยย ชอบลุงที่สุดก็ตอนนี้แหละ  555+

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ปรบมือดังๆ
 o13.   :katai2-1:  ให้หมอ กัส คุณแม่ ทุกๆคนที่ร่วมมือกับแม่อิฐ
เป็นงานเบื้องหลังที่ทำกันเป็นปีสินะ. ดีงามจริงๆค่ะ
แม็กไม่หนีไปไหนแน่นอน ลูกตัวเองนี่นา แถมคนอื่นๆก็คงไม่มาวุ่นวายแล้ว
แม็กดูแลแม่อิฐดีๆนะ สู้ๆ รอหลานคนใหม่ในตอนพิเศษจ้า
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จบแล้วว ขอตอนพิเศษด้วย อยากเห็นลูกของอิฐแมก :katai2-1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบแล้วขอบคุณมากค้า :mew2:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คุณอิฐ ลงทุนมาก แล้วอย่างนี้แม็กจะยอมท้องลูกให้คุณอิฐอีกคนได้มั้ยคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด