Older Brother.....42
[โอ๊ต:Part]
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” ผมเงยหน้ามองผมตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ผมสีดำถูกเซทขึ้นอย่างดุดี เข้ากับชุดสูทราคาแพง วันนี้ผมกำลังจะ...แต่งงาน
ผมนั่งอยู่ตรงโซฟาหน้ากระจก รอคอยเวลาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้ ไม่มีแม้แต่ความตื่นเต้นหรือประหม่าอย่างที่เจ้าบ่าวคนอื่นๆเค้าเป็น กลับกันผมรู้สึกอยากจะให้มันผ่านพ้นไปเร็วๆซะมากกว่า
ไอ้แมน.....ตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่นะ เหอะ! แล้วทำไมผมต้องคิดถึงคนเลวๆแบบมันด้วย ทำไมผมต้องเอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ ตั้งแต่วันที่ผมกลับมาที่นี่ ทำไมในหัวผมถึงได้มีแต่เรื่องของมันอยู่ตลอด
“ฟอด!!! ไง.......ที่รัก” ผมเงยหน้าขึ้นมองภาพในกระจก มีอีกคนยื่นซ้อนอยู่ด้านหลังผม และมันก็เพิ่งจะหอมแก้มผมไปเมื่อกี้
“เข้ามาได้ไง....มาทำอะไร” ผมถาม ร่างสูงยักไหล่ให้ท่าทางกวนๆ ก่อนจะนั่งเบียดลงข้างๆผม ผมจึงต้องลุกขึ้นเพราะโซฟาเดี่ยวมันแคบ แต่มันกลับคว้าเอวผมไว้ให้นั่งลงบนตักมันแทน
“ทำไม กูมาหาเมียมันผิดตรงไหน หืม.....ฟอด!!!”
“จะบ้าหรือไง ออกไป เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า มึงจะเดือดร้อน แล้วอีกอย่าง กูไม่ใช่เมียมึง!!!”
“พูดงี้ก็สวยสิ เอาเจ้าบ่าวก่อนในวันแต่งาน ก็โอดีนะ” ไอ้แมนส่งสายตากรุ้มกริ่มผ่านกระจกเงามองผม
“ทุเรศ ในหัวมึงมีแต่เรื่องอุบาทว์ สัด!” ผมพยายามดิ้นหนีจากแรงกอดรัดของมันแต่รู้อะไรมั้ย ผมไม่เคยทำได้เลย ทั้งที่เราก็ตัวเท่าๆกันแท้ๆ
“ขอบคุณ........มึงชอบชมกูจังนะ” หน้าด้านหน้าทนไม่มีใครเกินมันล่ะ “วันนี้มึงหล่อมากนะ” มันจับปลายคางผมให้หันไปสบตากับมัน ร่างสูงยิ้มให้ผมบางๆเห็นฟันเขี้ยว ทำให้ดูหล่อขึ้นเป็นกอง มันหล่อนะแต่ผมไม่อยากจะยอมรับหรอก
มันไล่มองใบหน้าผมไปทั่วจนมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปาก เอียงหน้าเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้ามา ทาบริมฝีปากลงกับริมฝีปากผม
แน่นอนว่าผมก็ไม่เคยปฏิเสธมันได้เหมือนทุกๆครั้ง รสจูบอ่อนหวานค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามแบบฉบับของมัน แต่ผมกลับรู้สึกดีถึงแม้มันมักจะชอบทำรุนแรงกับผมมากแค่ไหน
แกร๊ก!!!!
เสียงประตูถูกผลักเข้ามาทำให้ผมผละออกจากมันอย่างรวดเร็ว ไอ้แมนสบถคำหยาบออกมาด้วยท่าทีเซ็งๆ ต่างจากผมที่กำลังจ้องมองใครอีกคนกำลังยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ตรงประตู
“มีอะไร เมล์” เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เห็นหรอก
“อย่างนี้สินะ.....เมล์เข้าใจแล้วค่ะ” เธอบอกก่อนจะปิดประตูลง ผมตวัดสายตามองคนตรงหน้ามันยักคิ้วให้ผมแบบกวนตีน
“มึงออกไปเลยไป”
“โอ้ยๆๆ กูทำให้เจ้าสาวมึงเข้าใจถูกซะแล้วสิ” ผมขมวดคิ้วมองมันอย่างไม่เข้าใจ “เข้าใจถูกแทนที่จะเข้าใจผิดไง ไม่ดีหรอ” ถ้าผมฆ่ามันนี่.....ชุดผมจะเปื้อนเลือดป่ะ ชิท์
“อย่าปากดีนัก เดี๋ยวมึงจะยิ้มไม่ออก” ผมบอก พลางมองตัวเองในกระจก แม่ง ปากเจ่อหมด ไม่น่าหลวมตัวเลย
“มึงรอยิ้มเหอะนา เชื่อกู” ผมมองมันผ่านกระจกเงา ร่างสูงลุกขึ้นมายืนซ้อนด้านหลังผม “คืนนี้ มึงได้เข้าหอกับเจ้าบ่าวแทนเจ้าสาวแน่ จ๊วบ!!!” สัด! มันดึงคอเสื้อผมลงและจูบดูดจนเกิดรอยแดง ดีนะที่มันไม่โผล่ออกมานอกคอเสื้อ
“ออกไป!!!”
“ไปแล้วๆ......ไล่อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวเจอกัน...เมีย!”
“เมียพ่อง!!!!” แม่ง! นี่ผมรักเข้าไปได้ยังไงวะ ตัวเหี้ยในชุดสูทชัดๆ เฮ้อออ
“พี่โอ๊ต” ผมมาหาเมล์ในห้องแต่งตัวก่อนจะเข้าไปรอเธอในงาน เพื่อทำพิธี สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนักหลังจากที่เธอเห็นผมกับไอ้แมนเมื่อครู่
“เมล์ยัง พอมีเวลาอยู่นะ ถ้าจะตัดสินใจใหม่” ผมรู้เรื่องอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และพยายามบีบให้เธอสารภาพแต่เธอก็ไม่ยอมปริปากพูด ทั้งที่มันกำลังจะทำร้ายตัวเธอเอง
“.........................” เธอเบือนหน้าหนีผมอีกเช่นเคย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ “พี่โอ๊ตไปรอเมล์ในงานเถอะค่ะ”
“แน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วเมล์จะไม่เสียใจ”
“ไม่ค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะตอบผมอย่างไม่ลังเลแต่ดูจากแววตานั้นแล้ว เมล์กำลังกลัว กลัวกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
งานถูกจัดขึ้นแบบคริสต์ แขกในงานนั่งพร้อมเพรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ผมโค้งกำนับให้บาทหลวงผู้ประกอบพิธี ก่อนจะยืนประจำตำแหน่ง พี่โอ๊คนั่งอยู่ด้านหน้าข้างๆเป็นพี่ชายของไอ้แมนและถัดมาก็เป็นมัน
ไอ้แมนจ้องมองผมนิ่งๆ มันอยู่ในชุดสูทสีดำเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันดูดีแบบนี้ ปกติแต่งตัวนี่แบบไม่เข้ากับหน้าตาตัวเองหรอก
ยืนรอไม่ถึงห้านาที เพลงบรรเลงก็เริ่มเปิด เพื่อให้แขกทุกคนลุกขึ้นเพราะเจ้าสาวกำลังจะเดินเข้ามาในงาน เมล์อยู่ในชุดราตรีสีขาวยาวเฟื้อยโดนมีคุณพ่อทำหน้าที่เป็นผู้ให้เธอเดินคล้องแขนเข้ามา พร้อมกับเด็กน้อยสองคนที่คอยโปรยดอกไม้ตลอดสองข้างทางพื้นพรม
คุณพ่อของเมล์ส่งมือเมล์มาให้ผมก่อนที่ท่านจะเดินไปนั่ง สีหน้าของเมล์ไม่ได้ยิ้มแย้มหรือดูมีความสุขแม้แต่น้อย มือของเธอเย็นเฉียบจนผมรู้สึกได้ จากนั้นบาทหลวงก็เริ่มทำพิธี
“นายอัษฎา กับ นางสาวเมธวี ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสหรือไม่” จะให้ผมตอบความจริงไม่ล่ะ หึ!
“ครับ/ค่ะ”
“เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้ว ท่านทั้งสองพร้อมที่จะรัก และยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจนตลอด ชีวิตหรือไม่” เราสองคนต่างมองหน้ากันและต่างคนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร
“ครับ/ค่ะ” แต่ถึงอย่างนั่นก็ไม่สามารถตอบตามความจริงได้ ณ ขณะนี้
“ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตร ซึ่งพระเจ้าจะประทานให้และอบรมเลี้ยงดู ตามกฎของพระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรหรือไม่”
นิ่งครับ ผมมองคนข้างๆอีกครั้ง มือเธอสั่นและอยู่ๆน้ำตาก็เริ่มคลอ ตามมาด้วยอาการสะอื้นไห้จนกลายไปร้องไห้ออกมาให้ที่สุด ก่อนที่เมล์จะทรุดตัวลงกับพื้นพรมสีแดงทำเอาแขกในงานแตกตื่น จุดจบของคนทำบาปมันไม่ใช่ความตายแต่มันคือความทุกข์ ทุกข์ทรมานในการกระทำอันเลวร้ายของตัวเอง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ กูต้องการคำอธิบาย” พี่โอ๊คหัวเสียไม่น้อยกับพิธีแต่งงานของผม ที่ล่มไม่เป็นทาง ต่างจากผมที่รู้สึกโล่งอกคล้ายกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง (เวอร์ล่ะโอ๊ต)
“นั่นดิ ผมก็อยากรู้” ไอ้แมนครับมันทำหน้าเซ็งๆ ให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อย่าเสือก ให้มันมากนัก มึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมัน” พี่ชายผมครับ ดูท่าเค้าจะไม่ดูกัน อะไรของพวกมันเนี่ย
“พวกมึงจะกัดกันทำไม เงียบปากซะบ้างมันจะตายหรอวะ” พี่มาศครับ ที่เป็นคนคอยห้ามปรามกับคำพูดจิกกัดเล็กน้อย
“เมล์กำลังท้อง” ผมให้คนของผมไปสืบมา และผมบอกแค่ว่าเธอท้องก็พอ เพราะมันจะทำให้เธอดูแย่ลงมากกว่าเดิม ถ้าจะบอกอีกว่าเธอเคยทำแท้งมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง
“กับใครวะ.....คงไม่ใช่มึงหรอกนะ” ปากหมาแม่ง!!!
“คงใช่มั้ง....ไอ้เหี้ย” กูก็นอนเอากับมึงอยู่ไม่ใช่หรือไง ไอ้สัด! ชักจะเกลียดมันขึ้นมาอีกแล้วล่ะสิ พูดไม่คิด
“ไรวะ แม่ง อุตสาห์เตรียมตัวมาแย่งเจ้าบ่าวแล้วแท้ๆ นี่กูเป็นพระเอกป่ะ!” ไอ้แมน มันทิ้งเอกสารในมือสองสามใบลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี พี่โอ๊คเลยหยิบเอามาดู
“นี่อะไรวะ” พี่โอ๊คถาม ในขณะที่ไล่มองเอกสารนั่นไปด้วย ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน
“ก็เรื่องที่กูเคยเตือนมึงไง และมึงก็ไม่เคยเชื่อกู ที่นี่ก็ตาแสวงซักที” พี่มาศบอก พี่โอ๊คไล่อ่านเอกสารจบและวางมันลง “เป็นไง เกือบโดนต้มแล้วมั้ยมึง”
“เหี้ย คดียังไม่จบหรอเนี่ย เสือกจะให้กูช่วยหนุนหลัง ไอ้ห่า” มีโอ๊คดูจะโกรธกว่างานแต่งผมล่มซะอีก “ใช่ได้นี่มึง.....ตกลงพวกมึงสองคนจะยังไง” พี่โอ๊ค พูดกับไอ้แมนก่อนจะถาม
“ทำไม มึงจะอะไรกับพวกมันอีก กูจะบอกอะไรให้นะ น้องกู กูไม่เคยบังคับจิตใจมันเรื่องแบบนี้ ชีวิตมันเป็นของมัน ไม่ใช่ของกู ส่วนมึงก็เหมือนกัน ถ้ายังเห็นว่าโอ๊ตเป็นน้อง มึงก็ควรจะให้มันตัดสินใจเอง” พี่โอ๊คนิ่งคิด เมื่อฟังพี่มาศพูดจบ
“ก็....กูถามอยู่นี่ไง ว่าจะเอาไง มึงน่ะ.....” พี่โอ๊คหันไปถามไอ้แมน
“ผม....... ก็ต้องเอามันดิ....โอ้ย!!!”
“เค้าพูดเอาจริงเอาจัง มึงเสือกทำเล่นๆ เดี๋ยวเหอะๆ เอาดีๆ” ไอ้มาศตบหัวมันเข้าให้ทีหนึ่งค่าเล่นไม่เป็นเรื่อง
“พอๆ จะเอาไงก็เรื่องของพวกมึง กูไม่ยุ่งด้วยแล้ว พวกมึงสองคนกับอีกหนึ่งตัวทำกูปวดหัวหมด เหี้ยอะไรก็ไม่รู้” พี่โอ๊คพูดจบ ลุกขึ้นออกไปจากห้องทิ้งให้พวกผมสามคนมองหน้ากัน
“ไอ้เหี้ยโอ๊ค มึงว่าใครเป็นตัว ไอ้สัด” พี่มาศตามพี่โอ๊คที่เดินออกไปจากห้อง ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าพี่ไอ้แมนกับพี่ผมสนิทกันมากกว่าที่ผมคิดไว้ก็วันนี้แหละ
“ตกลงเองไง” หืม??? อยู่ๆไอ้แมนมันก็หันมาถาม ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินออกมา “เดี๋ยวดิ โอ๊ตๆ”
เมื่อกี้เรานั่งกันอยู่ในห้องพี่โอ๊ค ผมกำลังเดินกลับห้องของตัวเองครับ ไอ้แมนมันเดินตามผมมาและคว้าแขนผมไว้
“ปล่อย!!!”
“โกรธอะไรกูล่ะ มึงไม่ดีใจหรอ กูดีใจนะที่มึงเองก็.....แก้ปัญหาเรื่องนี้ แทนที่จะอยู่นิ่งๆ”
“กูทำเพื่อตัวกูเอง....ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมสะบัดแขนออกและเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่ไม่ไกลหวังจะปิดประตูไม่ให้มันเข้ามาแต่ว่านะ มันหน้าด้านผลักประตู้เข้ามาทันทีที่ผมกดรหัสปลดล็อค เฮ้อออ
“ไม่เกี่ยวได้ไงวะ.....โอ๊ต”
“จะไปรู้มึงหรอ!!!....ออกไปจากห้องกู....กูเหนื่อย กูอยากนอน” ผมบอกและเดินไปเข้าห้องน้ำ
ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับออกมาเห็นมันยังนั่งกอดอกอยู่บนเตียง เสื้อสูทสีดำกับเนกไทสีเดียวกันถูกถอดออกวางไว้บนเตียงข้างๆมัน
“นอนด้วย” หน้าด้านสุดๆ
“ไป......ให้.....พ้น!!!!” ผมบอก เน้นย้ำแต่ล่ะคำช้าๆชัดๆ
“กู.....หน้า.....ด้าน เข้าใจนะ!” พูดจบ มันล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ผมควรทำยังไงกับมันดี ครับ เหอะ!!!
ผลัก!!!
ผมยกเท้าขึ้นถีบมันจนร่างสูงกลิ้งๆ ไปตกฝั่งตรงข้ามของเตียง ภาพมันแบบ....ผมยังอดขำไม่ได้อ่ะ
“ไอ้โอ๊ต! มึงเล่นแรงไปนะ กูเจ็บ! เอวหักป่ะเนี่ย”
“มึงทำกูเจ็บกว่าอีก เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก” ผมนั่งลงบนเตียงหันหลังหนี
“แต่กูเจ็บกว่า ตอนที่มึงบอกว่า......ไม่ได้รักกู” มันกอดรัดผมจากด้านหลัง คำพูดของมันไม่ได้ล้อเล่นมีเพียงน้ำเสียงจริงจังที่ฟังดูจริงใจทำให้ผมนิ่งอึ้ง “คำพูดของกูอาจจะไม่น่าเชื่อถือแต่ความว่ารักของกู กูไม่เคยบอกกับใครเลยจริงๆ........กูกำลังจะบอกกับมึงนะ!”
“......................” ผมจะเชื่อมันดีมั้ย
“นอนเหอะ! กูไม่กวนล่ะ ฟอด!!!” ผมกดจมูกลงกับแก้มผมก่อนจะลุกออกไปจากห้อง ผมแอบอบยิ้มให้กับสิ่งที่มันทำ เพราะไม่เคยเห็นมันในมุมนี้
เกือบเดือนที่ผมไปอยู่กับมันมา ไม่เคยหรอกครับที่มันจะมาอ่อนโยนอ่อนหวาน มันมีความอดทนน้อย ขี้โมโห ขี้โวยวาย มาวันนี้ มันเปลี่ยนไปถึงจะไม่มากก็เหอะ แต่มันก็พอที่จะทำให้คนรอบข้างมองมันให้มุมใหม่ๆ
“อื๊อออ.......” ผมบิดตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอดอัดเหมือนมีก้อนหินมากดทับไว้ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพพร่ามัวในดวงตาค่อยๆเด่นชัดขึ้น อ่ะ! หน้าอก เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ หมายถึงหน้าอกผู้ชายน่ะ
ริมฝีปากบางอยู่ใกล้กับจมูกผมเพียงนิดเดียวเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมอง ไอ้แมน! มาเมื่อไหร่เนี่ย
ผมไล่มองใบหน้าหล่อคม ตาเรียวสวยปิดสนิท จมูกโด่งหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ดูท่าจะหลับสบายไปนะ เหอะ !
ตั้งแต่วันแรกที่มันมาหาผมที่นี่ผมก็ดูออกล่ะครับ ว่ามันไม่ค่อยได้พักผ่อนหรือแทบจะไม่พักเลย มันโทรหาผมให้ช่วงดึกของวันตลอด แถมยังไม่ยอมวางสายอีกด้วย จนผมต้องเป็นฝ่ายวางสายเอง ถึงอย่างนั้นไอ้แมนก็ยังจะไลน์มากวนอีก แม้ว่าผมจะหลับไปแล้วก็ตาม
“กูก็เจ็บเหมือนกัน......ที่บอกว่า ไม่ได้รักมึง” ผมพูด อยากให้มันได้ยินนะ แต่มันน่าอายเกินไปที่จะบอกกับมันตรงๆ
“อ๊ะ!!!........” มันทำผมสะดุ้งครับ เพราะอยู่ๆมันก็ลืมตาขึ้นมาซะงั้น “ตื่นนานยังวะ”
“ยัง....มึงล่ะ มานอนนานยัง” - -+
“ก็.......สักพักแล้ว” มันยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพร้อมกับสะบัดหัวแรงๆ ผมดันตัวมันออกแต่อีกฝ่ายกลับโอบรัดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ลุกขึ้น!......ถ้าจะนอนก็นอนไป”
“กูกลัวตื่นมาไม่เจอมึงนี่” มันบอกน้ำเสียงปกติและคนฟังรู้สึกไม่ปกติ “นอนเป็นเพื่อนกูก่อนนะๆ หลายคืนแล้วเนี่ยนอนไม่หลับ นะๆ จู๊บ!!!”
“ไม่!!! มึงก็นอนไปสิ....เรื่องไรกู” อันที่จริงผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันแต่ดูท่ามันจะเป็นหนักกว่าผม
“เออๆ ก็ได้วะ!” อะไรก็ได้? อ้าว! มันลุกขึ้นครับผมเลยลุกตาม มองหน้ามันแบบงงๆ “อ้าวๆ ก็ไม่นอนไง......เออ พอลุก รู้สึกหิวเลยอ่ะ” =_= ผมชินกับความหน้ามึนของมันล่ะครับ
“พรุ่งนี้พี่จะกลับแล้ว แกจะกลับพร้อมพี่หรือเปล่า....แมน” พี่มาศถาม ตอนนี้เราออกมาทานข้าวกันในร้านอาหารนอกรีสอร์ท พี่โอ๊คก็มาด้วย
“ไม่อ่ะ รอกลับพร้อมเมีย” เมียพ่อง! พูดจาไม่มองดูหน้าพี่กูเลย
“น้องมึงนี่มัน!!!.....แล้วมึงจะรีบกลับไปไหนไอ้มาศ กูว่าจะพามึงไปเกาะพรุ่งนี่ ไหนบอกอยากทำรีสอร์ทนี่” พี่โอ๊คมองแมนที่เอาแต่กินอย่างเอือมๆ ก่อนจะถามพี่มาศต่อ
“ก็มึงบอกว่าเดือนหน้า.....”
“ก็ตอนนี้กูว่าง เอาเป็นว่า ไปพรุ่งนี้แล้วกัน กูจะได้พักผ่อนด้วย มีแต่เรื่องน่าปวดหัวอยากไปล้างสมองหน่อย” พี่โอ๊คบอกเหล่มองไอ้แมนกับผมด้วยหางตานิดๆ
“ผมขอโทษ” ผมบอก เพราะรู้สึกผิดจริงๆ สำหรับเรื่องยุ่งๆที่ผ่านมา
“ไม่ต้อง กูไม่อยากดราม่าส่วน พวกมึงต่อไปจะทำอะไรก็แล้วแต่ กูจะไม่ยุ่งแต่มึง โอ๊ต มึงก็ยังเป็นน้องของกูเสมอ” ผมยิ้มบางๆให้พี่ชายตัวเอง
พี่โอ๊คหวังดีกับผมถึงแม้สิ่งที่พี่ทำมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่ตอนนี้พี่โอ๊คคงเข้าใจอะไรๆมากขึ้นแล้ว ไม่อย่างงั้นคงไม่เอ่ยปากบอกว่าจะไม่ยุ่งไม่ว่าผมจะทำอะไรหรอก
หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็กลับมาที่ห้องส่วนไอ้แมน มันหายไปไหนกับพี่มาศก็ไม่รู้ แต่ช่างเหอะ ให้ทายไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมันกลับมาแน่ เพราะก่อนผมมามันบอกเดี๋ยวตามไป
ผมนอนดูหนังอยู่สักพักมันก็กลับเข้ามาจริงๆ ผมหลับตาแกล้งทำเป็นนอนหลับ เตียงนอนข้างตัวผมยวบยุบลงก่อนที่มือหนาของอีกฝ่ายจะถือโอกาสกอดเอวผมไว้
“โอ๊ต มึงไม่ต้องแกล้งหลับนา ฟอด!!!......ตื่นเร็ว ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน” หลอกมันไม่ได้ผล ผมก็เลยลืมตาขึ้นมามองมัน
“ขี้เกียจเดิน”
“แบกไปป่ะ....ไปนา นะๆ กูอยากดู ฟอด!!!” จะหอมทำไมนักหนาเนี่ย!
และแล้วผมก็ออกมาเดินเล่นริมชายหาดกับมันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท พระอาทิตย์สีส้มกำลังทอแสงอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า ทำให้บรรยากาศยามเย็นดูสวยไปอีกแบบ
“กูหล่อป่ะ” อยู่ๆไอ้แมนมันก็ถามขึ้นมาพร้อมกับมือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมไว้
“ไม่เลยสักนิด”
“กูนิสัยดีป่ะ” มีถามต่อครับ มันดึงแขนให้ผมหยุดเดินและหันหน้าไปหามัน
“เลวมาก”นี่ผมด่ามันอยู่นะ มันยังยิ้มให้ผมอีก แถมยังให้เขี้ยวด้วย น่าหมั่นไส้วะ ถีบลงทะเลดีมั้ย
“แล้ว ถ้าคนเลวๆอย่างกูจะรักมึงล่ะ” วันนี้มันกินยาผิดมาหรือเปล่า เอาแต่พูดจาแบบนี้ทั้งวัน มันต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ
และมันก็ทำให้ผมแปลกใจอีกเมื่อร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าผม ยกมือขวาขึ้นทาบอกซ้าย ผมก้มลงมองมัน ที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเช่นกัน แสงพระอาทิตย์อ่อนๆ ส่องใบหน้าหล่อเหลาเล็กน้อยส่งผลให้นัยน์ตาของมันเป็นประกายน่ามอง
“ผมนายมนัสวิน จะขอรักนายอัษฎา และขอสัญญาว่า จะดูแล ซื่อสัตย์ และมั่นคงต่อความรักครั้งนี้ไปตลอด จนกว่า ชีวิต จะหาไม่”
ผมนิ่งอึ่งไปในทันที นี่ผมฝันอยู่หรือไงกัน ไอ้แมน แม่ง ต้องบ้าไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่นั้นมันยังหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือซ้ายผมไป แหวน!
มันค่อยๆบรรจงสวมแหวนให้ผมและจูบลงบนหลังมือเบาๆ
“กูอายนะ...แต่ก็ทำไปแล้ว” คิดว่ากูไม่อายหรือไง บริเวณนี้ใช่ว่าจะมีแค่ผมกับมันนี่ “กูไม่ถามมึงนะว่ารักกูมั้ย....”
“ทำไม”
“อ้าว ถ้ามึงตอบว่า ไม่รักกู ก็จบเห่น่ะสิ ฉากนี้คิดนานนะเว้ย”มันลุกขึ้นหลังจากพูดจบ ไอ้สัด! หมดอารมณ์เขินเลยวะ
พระอาทิตย์หายลับไปจากเส้นขอบฟ้า ความมืดย่ามกลายเข้ามาแทนที่ ร่างสูงรวบตัวผมเข้าหาและกอดไว้แบบหลอมๆ ถามว่าผมรู้สึกยังไงหรอ ก็....ดีใจนะ...แต่ที่สำคัญคือ...มีความสุขมากครับ
ความรักสำหรับผมมันไม่จำเป็น ต้องหวานซึ้งกินใจ แต่แค่เราใช้หัวใจมองหัวใจของกันและกันมันก็เพียงพอแล้ว
ต่ออีกนิด........
“อื๊อออ......พอ....”ผมบอกกับอีกคนเสียงพร่าเพราะรู้สึกล้าไปทั้งตัว
“อีกนิดไม่ได้หรอ......นะ....นะ คนดี” อีกนิด อีกหน่อย อีกที มาหลายรอบจนกูหมดแรงแล้วเนี่ยนะ ถ้ากูเชื่อมึงอีก ก็โห ล่ะ!
“ไม่! ...... กูเจ็บไปทั้งตัวแล้วไอ้สัด!!!” หมดความอดทนแล้วครับ แม่ง!!!
“โธ่....เข้าหอทั้งทีนา เอาให้คุ้มสิ” หอพ่องมึงสิ ได้ข่าวว่ามึงได้กูตั้งนานแล้ว....ตั้งแต่กลับมาถึงห้องตอนค่ำ มันก็เอาๆๆๆผม จนตอนนี้จะสี่ทุ่มอยู่แล้วเนี่ย
“พอเถอะ.......” ผมบอก ทำเสียงอ้อนกลับไปบ้าง =_=
“ก็ได้ๆ.........แต่.......หลังจากรอบนี้นะ” เหี้ย!!! นี่สรุปมันจะเอากูให้ตายคาทีเลยหรือไง
“อื๊อออ.........” ผมพยายามดันร่างสูงออกจากตัวแต่ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดผมจึงไม่สามารถทำได้ ก็ต้องยอมมันไปตามระเบียบ
ร่างสูงรุกจูบริมปากผมจนเจ่อไปหมดก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานในโพรงปาก จากนั้นริมฝีปากร้อนของมัน ลากลงต่ำไปเรื่อยๆ คล้ายกับกำลังปลูกความร้อนในตัวผมให้เพิ่มมากขึ้นและมันก็ได้ผลดีทีเดียว
“ขยับนะ....” มันกระซิบบอกก่อนจะขยับแท่นร้อนที่อยู่ในตัวผมตั้งแต่แรกเบาๆ ผมก็รู้สึกเจ็บและจุกแม้จะผ่านมาแล้วมากกว่าสองรอบ
“อ๊ะๆๆ....ช้าๆ...สิ” จะกี่รอบกี่รอบมันก็ไม่เคยจะอ่อนโยนได้สักครั้ง มันจะคลังอะไรนักหนา แต่ผมก็รู้สึกดีนะ
“รักนะ” มันกระซิบอกก่อนจะขยับแรงๆอีกสองสามครั้ง น้ำรักอุ่นร้อนเข้ามาให้ตัวผมพร้อมๆกับที่ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างอ่อนล้าเต็มทน
“กูก็รัก.......มึง”
<<<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>
เสียใจที่มันไม่ได้ดราม่าอย่างที่คิดไว้ TOT
ภาษาไม่สวยเท่าไหร่น้าา มีคำผิดขอโทษด้วยจร้า
และขอโทดที่มาช้าช่วงนี้กิจกรรมเยอะ