พิมพ์หน้านี้ - Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ampmiya^^ ที่ 23-01-2014 17:50:44

หัวข้อ: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-01-2014 17:50:44
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.0)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.0)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.0)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.30)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.60)
ตอนที่ 6  กาย&รักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.60)
ตอนที่ 7  แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.90)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.90)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.90)
ตอนพิเศษสงกรานต์สั้นๆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.90)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.120)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.120)
ตอนที่ 12 แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.120)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.150)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.150)
ตอนที่ 15 กาย&รักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.150)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.180)
ตอนที่ 17 แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.180)
ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.180)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.210)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.210)
ตอนที่ 21 กาย&รักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.210)
ตอนที่ 22 แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.210)
ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.210)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.240)
ตอนที่ 25 เซฟ&X (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.240)
ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.240)
ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.240)
ตอนที่ 28 แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.270)
ตอนที่ 29 กาย&รักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.270)
ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.270)
ตอนที่ 31 เซฟ&แพ็คเก็จ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.270)
ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.300)
ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.300)
ตอนที่ 34 แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.300)
ตอนที่ 35 กาย&รักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.300)
ตอนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.300)
ตอนที่ 37 เซฟ&แพ็คเก็จ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.330)
ตอนที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.330)
ตอนที่ 39 แมน&โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.330)
ตอนที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.330)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-01-2014 17:56:48
เรื่องนี้เค้าแต่งเป็นเรื่องที่ 2 แต่เป็นโชตะเรื่องแรกคร้า

แนะนำติชมได้นะคร้า  :mew1:  :mew1:  :mew1:


Older Brother.......01
 
โป๊ก!!!
 
“โฮ้ย!!!   ไอ้เหี้ยธาร   แมร่ง   ไปแดกรังแตนที่ไหนมาวะ” เสียงด่าทอจากไอ้แมนเพื่อนสนิทที่เพิ่งโดนขวดน้ำลอยละลิ่วไปโดนหัวมันพอดีเป๊ะดังขึ้น และก็ผมนี่แหละที่เพิ่งจะเตะอัดใส่มันไปแรงๆตามอารมณ์
 
“เสียอารมณ์กับน้องกับนุ่งมาหรือไงวะ เหอะๆ” ไอ้กายปากหมาหน้าหล่อสวยพูดเมื่อเห็นสีหน้าผมที่เดินมาถึงยังโต๊ะหน้าคณะที่พวกมันสามตัวนั่งอยู่
 
“ไรวะ กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว โอ่ เผด็จศึกซะก็สิ้นเรื่อง”ไอ้เซฟ เพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังตั้งหน้าทำงานเพียงคนเดียวพูดแขวะผมไปในที
 
ผมน่ะหรือก็ได้แต่นั่งหน้านิ่งเก็บอารมณ์ตัวเองเอาไว้ วันนี้ตั้งใจว่าจะมาเรียนขืนระเบิดอารมณ์ตอนนี้ก็ไม่เป็นอันเรียนกันพอดี
 
ผมจีบผู้หญิงอยู่คนหนึ่งซึ่งปกติแล้วผมไม่เคยจะค่อยตามจีบใคร ไม่ได้หลงตัวเองนะแต่มันจริง หึหึ ผมเดือนคณะนะคร้าบจะบอกให้  ไม่ต้องจีบแค่กระดิกนิ้วผู้หญิงก็วิ่งหาแล้ว แต่คนนี้แมร่งเล่นตัวสัจ
 
“ไปเรียนเหอะ นั่งปากหมาอยู่ได้พวกมึง” ผมพูดบอกก่อนจะเดินนำไปในตึกเรียน
 
พวกผมเรียนนิติศาสตร์ปีสามแล้วครับ เพื่อนสนิทก็มี  ไอ้เซฟหน้าหล่อและไอ้กายหน้าหวานที่เรียนคณะเดียวกัน ส่วนไอ้แมนหน้าเข้ม ไอ้นี่มันเรียนบริหารครับ ธุรกิจเค้าเยอะ ไอ้พวกเนี่ยแหละเรียกได้ว่าเป็นเพื่อน(พา)ตายได้เลยทีเดียว
 
 
เลิกเรียน.....
 
“คืนนี้มึงไปร้านป่ะ หรือยังไง” ไอ้แมนถาม ร้านที่ว่าก็คือผับของพวกผมเนี่ยแหละครับ
 
เราเริ่มทำกันตอนปีสองต่อจากพี่ไอ้แมนมันเพราะพี่มันไปเปิดที่อื่น พวกผมจึงร่วมหุ้นกันนิดหน่อยแต่พี่มันก็ยังเป็นที่ปรึกษาให้อยู่ และเห็นว่าไปได้สวยเลยเปิดมากันมาเรื่อยๆจนมีแขกประจำเยอะพอสมควร
 
อีกอย่างพวกเราเล่นดนตรีเองแต่ก็ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่เรามีวงรุ่นน้องมาเล่นประจำสองวงเพื่อให้มันมีรายได้บ้าง เป็นรุ่นน้องที่มอเนี่ยแหละ
 
“ไม่ ไม่มีอารมณ์” ผมบอก จากนั้นก็นั่งคุยกะพวกมันครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง และผมก็กลับคอนโดตัวเอง
 
ผมมีบ้านนะแต่ไม่มีใครอยู่แม่อยู่ต่างจังหวัดไปๆมาๆ ส่วนพ่ออยู่ต่างประเทศมีพี่สาวสองคน คนหนึ่งมีครอบครัวแล้วแต่บ้างานเกินแถมไม่มีลูก ส่วนอีกคนนี้แล้วใหญ่เรียนจบแต่ไม่ยอมทำงานทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาจนพ่อแม่ปล่อยเลยตามเลย
 
“เฮ้อ........” ผมกลับมาถึงคอนโดก็มีไม่กี่อย่างที่ทำนอกจากอ่านหนังสือ(เชื่อป่ะ เชื่อสิเพราะมันจริง?)นอนไม่ก็ดูหนังและเล่นกีตาร์แต่งเพลงบ้างถ้ามีอารมณ์ ชีวิตแบบนี้มันหน้าเบื่อก็จริงแต่ผมก็ไม่ชอบความวุ่นวายเอาซะมากๆ
 
Tru……….. Tru………….
 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากบนโต๊ะหน้าโซฟา และผมก็ไม่คิดที่จะรับเมือเห็นว่าเป็นใครโทรมา เอมี่ ผู้หญิงของผมที่เล่นตัวกับผมนั่นแหละ เหอะ อยากโทรก็โทรกูไม่รับซะอย่างจำทำมัย
 
Tru……….. Tru………….
 
Tru……….. Tru………….
 
“เหี้ย.....” เสียงโทรศัพท์ดังอยู่หลายรอบ และผมก็เริ่มรำคาญ จึงคิดจะกดปิดเครื่อง
 
แต่เมื่อยกขึ้นมาดูปรากฏว่ามันเป็นเบอร์ยัยพี่สาวตัวดีของผม รับสักหน่อยเผื่อว่ายัยนั่นจะมีปัญหาอะไรให้ผมปวดหัวเล่นอีก
 
“ว่า.................”
 
(นี่แกรับโทรศัพท์เสียงหวนแบบนี้หรอ   ไอ้อีธาร) อีธารคือชื่อที่คนในครอบครัวใช้เรียกผมครับ
 
“แล้วโทรมาไม ถ้าขอเงินเนี่ย กูไม่ให้แล้วนะ” ผมพูดบอก ไม่ต้องตกใจครับ ผมกับพี่สนิทกันมากถึงได้พูดมึงกูกันได้ บางทีก็มีด่าแม่กันมั่ง(พ่อแม่เดี๋ยวกันนี่หว่า)
 
(ไม่ใช่ยะ  พรุ่งนี้มารับฉันที่ xxx หน่อยพอดีฉันจะบินไปแคนนาดา)
 
“ไปหาผัวใหม่อีกหรอ หึ”
 
(ไอ้อีธาร!!!......โอ๊ย  ไอ้เด็กนี่ มึงอย่าร้องได้มั้ย เงียบ!!  เงียบ!!) ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ผ่านออกมาจากปลายสาย
 
“ลูกใครน่ะ........นี่!  เอาลูกใครมาเลี้ยง” ผมถาม
 
(ก็ลูกติดผัวกูน่ะสิ  จิ๊   มึงหยุดร้อง!!!!  โอ้ย! กูจะบ้าตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้มึงรีบมานะก่อนที่กูจะฆ่าไอ้เด็กนี่ทิ้ง)
 
แล้วยัยนั่นก็ตัดสายผมทิ้งไป เฮ้อออ  พอมีเรื่องก็มาหากูพออยู่ดีก็หายหัวมัน เป็นแบบนี้ตลอด ถ้าไปต่างประเทศซะก็ดีเหมือนกันกูเบื่อพี่คนนี้เต็มทีแล้ว
 
 
 
“ไงวะ ไหนบอกไม่มีอารมณ์มาไง” ไอ้แมนทัก ตอนนี้ผมมานั่งดื่มอยู่กับไอ้กายในผับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
 
“นั่นใคร..............” ผมบุ้ยปากไปทางผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆเธอนั่งตรงกับผมพอดี และเธอส่งยิ้มมาให้ผมทุกครั้งที่หันมามอง
 
“เพื่อนของเด็กมึงนั่นแหละเห็นมาด้วยกัน     มันเขี้ยวอีกล่ะสิมึง” ผมไม่ตอบเรียกเด็กในร้านมาและเขียนคำเชิญชวนใส่กระดาษนิดหน่อยก่อนจะให้ไปส่งให้เธอคนนั้น
 
“เหี้ย สอยเพื่อนก่อนเลยว่างั้น ไอ้สัจ!” เรานั่งกันต่อจนดึกและผับใกล้ปิดผมถึงได้ขอตัวกลับก่อน
 
เป็นดังคาดเมื่อเดินมาถึงรถคันหรูของผมก็พบกับร่างบางยืนอยู่ข้างๆ เธอสวยอึ๋มจริงๆขอบอกเธอยิ้มหวานให้ผมก่อนจะเข้ามาจูบปลายคางผมเบาๆ
 
ทีนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากขึ้นรถมานี่แค่ผมไม่จอดข้างทางก็ดีเท่าไหร่แล้ว ผมพาเธอมาโรงแรมชื่อดัง ก่อนจะเผด็จศึกกับเธอโดยไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบและจากประสบการณ์ของเธอ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเธอผ่านมาเยอะใช่ย่อย และผมก็ไม่ลืมใส่ถุงผมไม่อยากเสี่ยงหรอกจะบอกให้
 
เมื่อทำกิจกรรมอันเร้าร้อนเสร็จผมก็ตรงกลับคอนโดทันทีไม่ลืมวางเงินไว้ให้เธอทั้งค่าโรงแรมและค่าตัว!  เหอะ และมันก็จบ  ผมไม่เคยพาใครมาคอนโดนอกจากเพื่อนๆ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่มีอะไรกับผู้หญิงผมจะพาไปโรงแรมและไม่เคยค้างคืนจนถึงเช้า
 
 
“เฮ้อ............” ผมอาบน้ำใหม่อีกรอบจากที่อาบมาจากโรงแรมอย่างลวกๆ ก่อนจะปล่อยตัวให้หลับลงบนเตียงกว้าง แต่ล่ะวันของผมที่ผ่านไปมันช่างน่าเบื่อจริงๆ แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานจนชินซะแล้ว
 
 
 
Tru……………..     Tru……………..
 
“กูจะถึงอยู่แล้ว  จะโทรอะไรนักหนา”  ผมรับโทรศัพท์จากยัยพี่สาวตัวดีที่เอาแต่โทรไม่หยุดตั้งแต่โทรไปปลุกผมจนถึง ณ  ขณะนี้
 
(อยู่ไหนแล้ว มึงรีบๆได้มั้ยห๊ะ!!!) เสียงแว๊ดๆปรอทแตกนั้น ทำให้ผมไม่อยากไปเลยแต่ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะ
 
“เออ กูมาถึงแล้วอยู่ตรงไหน.........อืมๆ       เห็นแล้ว” ผมกดวางสาย ก่อนจะจอดรถเทียบฟุตบาทลดกระจกลงดู
 
เห็นพี่สาวตัวเองยืนอยู่กับเด็กตัวเล็กแค่เอวคนหนึ่งที่มองเห็นไม่ถนัดนัก เพราะร่างเล็กใส่หมวกเอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องให้สะอื้นเบาๆ
 
“อย่าร้อนนะถ้าร้อง ฉันจะทิ้งไว้ข้างทางแน่  ขึ้นรถ!!!” ยัยนี่ตวาดใส่เสียงดัง จนเด็กนั้นสะดุ้งเกือบล้ม ก่อนจะดึงแขนแรงๆตามมาขึ้นรถด้านหลัง ส่วนตัวเองมานั่นหน้า
 
“ทำไมมาช้าจังวะ  เครื่องจะออกอีกสามสิบนาทีแล้วนะ”
 
“อย่าเรื่องมาก กูมารับก็บุญแล้ว.....แล้วพ่อมันไปไหน” ผมถามพร้อมกับมองเด็กนั้นผ่านกระจกมองหลัง
 
“ตายแล้ว....!”
 
“ห๊ะ......ตายแล้ว  เมื่อไหร่ ยังไง นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ แม่มันล่ะ” ผมตกใจนะสาบาน  พ่อมันตาย  แล้วก็ไม่ใช่ลูกของตัวเอง แล้วให้อยู่กับยัยนี่น่ะหรอ
 
“ตายก่อนพ่อมันอีก โอ้ย! แกรีบขับได้มั้ย”
 
ไม่นานเราก็มาถึงสนามบินยัยนั่นให้ผมนั่งกับเด็กนี่ ตอนที่ไปจัดการเรื่องสัมภาระและเที่ยวบิน ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆผมใส่หมวกก้มหน้าตลอดพร้อมกับสะอื้นเบาๆไปด้วย
 
“เสร็จแล้ว อีกสิบนาทีเครื่องออก ฉันต้องขึ้นเครื่องแล้ว” เธอพูดจบก็เดินไปเลยโดยไม่ได้สนใจร่างเล็กที่กำลังวิ่งตามไปคว้าข้อมือ จนมาถึงทางเข้าผู้โดยสาร
“แกไปโอนเงินให้ฉัน สักแสนสิ......คือ........ฉันยืมก็ได้”
 
“ว่าไงนะ....นี่จะไปแต่ไม่มีเงิน  อะไรวะ!!!  เหี้ยจริงๆ” ผมต้องจำยอมล่ะ เหอะอย่างน้อยก็ให้มันไปให้พ้นๆ
 
 
“เดินทางดีๆแล้วกัน หวังว่าจะได้ ดีกลับมา    ไม่ใช่กลับมาแค่ศพ”
 
“ไอ้เด็กบ้า.....แกก็.......โชคดีแล้วกัน” และเธอก็เดินเข้าไปทางห้องโดยสารโดยไม่รอร่างเล็กที่ยืนกำมือแน่น
 
“แม่........อึก.....อึก.....อือออออ.....” ร่างเล็กตรงหน้าผมร้องไห้ออกมาทันทีที่พี่สาวของผมพยายามดึงมือออก
 
“ขอโทษนะครับเข้าไม่ได้” ผมขมวดคิ้วทันที  เมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่พูดบอกพร้อมกับกันไม่ให้ร่างเล็กเข้าไป
 
“หมายความว่าไง เด็กนี่ต้องไปกับเธอนะ” ผมถามเสียงเข้มกลับไป
 
“ฉันไม่ใช่แม่แก แลัวฉันก็จะไม่เอาเด็กนี่ไปเป็นภาระเด็จขาด เหอะ” ยัยนั่นบอกออกมาขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหนังสือเดินทางอยู่
 
“แม่....อึก....อือออออ....แม่......” ร่างเล็กร้องไห้ออกมาใหญ่พร้อมกับพยายามเข้าไปข้างในให้ได้
 
“แล้วจะทิ้งเด็กนี่ไว้งั้นหรอ....ออกมานี่เลยนะ กูบอกให้ออกมา!!!” ผมตวาดออกไปเสียงดังโดยไม่กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะมาไล่ เพราะผมเริ่มโมโหขึ้นมาแล้วล่ะ
 
“ช่วยไม่ได้  เอาไปอยู่กับแกแล้วกัน เด็กนี่มันมีเงิน หรือไม่แกก็เอาไปทิ้งซะ”  เธอบอกออกมาอย่างไม่อายก่อนจะเดินเข้าไปทางประตูผู้โดยสารโดยทิ้งร่างเล็กที่กำลังร้อนไห้ตัวโยงอยู่กับผมที่กำลังประติดประต่อเรื่องราวใหม่
 
ตกลงว่ายัยนั่นให้ผมมารับและพาเธอมาส่งสนามบินเพื่อที่จะไปแคนนาดาเพียงคนเดียวและทิ้งเด็กนี่ไว้กับ......ผม  พร้อมกับเงินหนึ่งแสน  อีเหี้ย
 
“โธ่โว้ย!!!!!!.....”
 
“อึกๆ.....อืออออ.....อึกๆ....อืออออ....แม่” และไอ้เด็กนี่มันก็ร้องไห้ไม่หยุด  จากที่คนมองมากอยู่แล้วก็ยิ่งมองกันมากขึ้น ตอนนี้ผมเลยเหมือนพ่อที่โดนภรรยาทิ้งไว้พร้อมกับลูกที่กำลังนั่งร้องไห้หายแม่ตัวเอง
 
“เงียบ........” ผมกัดฟันบอก ก่อนจะดึงแขนร่างเล็กมาจากเจ้าหน้าที่
 
“อึกๆ.....อืออออ.....อึกๆ....อืออออ....แม่”
 
“เงียบบบบ....” ผมเริ่มปรับน้ำเสียงให้ดังขึ้น แต่แล้วก็ยังไม่หยุด กูรำคาญมากเลยตอนนี้อายคนด้วย
 
“อึกๆ.....อืออออ.....อึกๆ”
 
“กูบอกให้เงียบ!!!!!!” และแล้วเส้นความอดทนก็ขาดลง ไม่ว่าใครหน้าไหนผมก็ไม่สนเลยตวาดใส่มันเสียงดังลั่น จนคนสะดุ้งตกใจตามและต้องหันกลับมามอง แต่มันก็ได้ผลเด็กนี่ปิดปากเงียบ แต่ก็สะอื้นออกมานิดๆ
 
ผมลากแขนมันมาขึ้นรถพร้อมกับกระเป่าเสื้อผ้าใบขนาดกลาง อุ้มมันขึ้นรถ  ก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดหรูของตัวเอง  คิดไปตลอดทางว่าจะทำยังไงกับเด็กนี่ดี
 
ไม่นานก็มาถึงคอนโด ผมหันกลับไปมองร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไปแล้วแต่ก็ยังมีอาการสะอื้นออกมาเล็กน้อย ผมลงจากรถและอุ้มมันไว้ในอ้อมแขนอย่างเลี่ยงไม่ได้พาขึ้นมาถึงห้อง
 
“เวรฉิบ  ทำกูแสบนักนะอย่าให้กูติดต่อได้กูจะเล่น แมร่ง” ผมรู้ว่าพี่สาวผมไปไหนไม่รอดไม่นานก็ซมซานกลับมา ถ้าไม่มีที่ให้เกาะกิน
 
ผมว่างร่างเล็กลงในห้องนอนตัวเองที่ไม่เคยมีใครได้เข้ามาก่อน ผมเสียอารมณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก และไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเด็กนี่ดี
 
จะโทรไปบอกแม่หรอ มีหวังได้โดนด่ากลับมาให้พาซวย ส่วนจะโทรหาพี่สาวอีกคนน่ะหรอ ผมไม่ได้ติดต่อกันเป็นปีๆแล้วล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่เพื่อนล่ะนะ
 
“ไอ้เซฟ มึงมาหากูที่คอนโดหน่อยธุระ....เออนากูบอกว่าให้มาก็มาเหอะ” ผมวางโทรศัพท์ไว้ตรงหัวเตียง มองร่างเล็กที่กำลังหลับอยู่  ก่อนจะเอื้อมมือไปถอดหมวกมันออก
 
ใบหน้าไร้ตำหนิเนียนใสกว่าเด็กปกติทั่วๆ ปากเล็กนิดเดียวสีชมพูระเรื่อ จมูกโด่งสีแดงที่เพิ่งผ่านการร้องให้มา  เด็กนี่น่าจะเป็นลูกครึ่งฝรั่งเกาหลีอะไรเทือกนี้ผมว่า
 
“เฮ้อ......เวรกรรม” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ (อาบน้ำครับ)
 
ผมใช้เวลาอาบน้ำสักพักออกมาพร้อมกับไอ้เซฟกับไอ้กายที่มาถึงพอดี แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยผมออกไปคุยกับพวกมัน ผมให้รหัสห้องกับพวกมันไว้น่ะ  ก็มีแต่เพื่อนเท่านั้นที่ไว้ใจได้นี่
 
“ว่าไงคับ ไอ้คุณอีธาร ตกลงมีอะไร ถึงได้เรียกกูมา” ไอ้เซฟเริ่มถามก่อน
 
“กูจำได้ว่า บอกมึงคนเดียวไม่ได้บอกให้ไอ้กายมาด้วย”ผมเหน็บเพื่อนนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางอยากรู้เต็มที
 
“โธ่ ไอ้สัจ กูมาด้วยไม่ได้หรือไง เดี๋ยวนี้หัดมีความลับนะมึง” เหอะๆ ดูปากมันไม่ได้เข้ากับหน้าสวยๆของมันเลย
 
“พวกมึงพอจะหาคนเลี้ยงเด็กให้กูได้มั่งมั้ย....” ผมเริ่มถามเข้าเรื่อง
 
“ห๊ะ! เด็ก นี่...นี่มึงไปทำใครเค้าท้องวะ โธ่ๆ  เหี้ยแล้วไง ทำยังไงถึงได้พลาดท่าได้ สงสารเด็กจริงๆ กี่เดือนแล้วว่ะ แมร่งเฮ้ยไม่น่าเลย”
 
“เหี้ย!!!!!.......ฟังกูก่อน เนี่ยแหละกูถึงไม่อยากให้มา” เริ่มมีน้ำหงุดหงิดแล้วคับ
“ก็ยัยพี่สาวตัวแสบของกูมันเอาเด็กนั่น...หมายถึงลูกของผัวเก่ามัน  มาทิ้งไว้กับกูน่ะสิ ยัยนั้นหลอกให้กูไปส่งที่สนามบินเพื่อจะไปแคนนาดา แล้วทิ้งเด็กไว้กับกูเฉยเลย หลอกเงินกูไปแสนนึ่งด้วย เจ็บใจจริงๆ” ผมกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะทุบกำหมัดลงบนโต๊ะรับแขก
 
“พี่น้ำน่ะหรอ......บ้าจริงพ่อแม่เด็กล่ะอยู่ไหน” ไอ้เซฟถาม
 
“ตายหมดแล้ว กูถึงได้หาคนเลี้ยงอยู่นี่ไง บ้าจริง!!! แล้วพวกมึงก็ต้องช่วยกูหาคนมาเลี้ยงมันด้วย ไม่งั้นกูจะเอาไปทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จะได้สิ้นเรื่อง!!!”
 
“จะช่วยได้ไง กูก็ไม่รู้ อย่าเอามาเกี่ยวกับกูเลย ไอ้กายโน้น” ไอ้เซฟโยนให้เพื่อนทันที
 
“เฮ้ย!!! กูจะช่วยได้ไง เด็กน่ะ ใช่เรื่อง เอาเด็กไปแล้วที่บ้านกูได้เฉกหัวกูออกจากบ้านพอดี เดี๋ยวก็โดนหาว่าไปทำใครท้องมาน่ะสิ ไม่เอาหรอก” นี่แหละคับไอ้กาย พูดสามคำกูก็เข้าใจแล้วสัจ
 
“ตกลงพวกมึงช่วยกูไม่ได้   งั้นพรุ่งนี้ก็เอาเด็กไปไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จบ!”ผมบอก
 
“เฮ้ย!! ได้ไงวะ ส่งสารออกเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร จะทิ้งได้ไงกัน แล้ว.....เด็กอยู่...”
 
“อือออออออ  ฮือๆๆ  แม่..... อือออออ.....อึก....อืออออออ” เสียงเด็กร้องออกมาจากในห้อนนอนของผม ไอ้เซฟและไอ้กายหันไปมองหน้ากันก่อนจะลุกเดินไปดู ผมเดินตามพวกมันไปอย่างเซ็งๆ
 
เมื่อเข้ามาถึงในห้องพบว่าร่างเล็กนั่งร้องไห้อยู่ตรงปลายเตียง เอามือขึ้นขยี้ตาจนตอนนี้มันแดงไปหมดทั้งสองข้าง  ไอ้เซฟกับไอ้กายทำอะไรไม่ถูกต่างก็ยืนมองหน้ากันเองอยู่อย่างนั้น
 
“นี่!  เงียบ.....” ผมเข้าไปข้างๆร่างเล็กก่อนจะบอกเสียงเรียบแต่ร่างเล็กมันก็ยังไม่ยอมหยุด
 
“อือออออออ  อึก  ฮือๆๆ   อึก....อือออออ”
 
“เงียบ!!!!........” ผมเริ่มตะคอกเสียงดังขึ้น
 
“อึก  ฮือๆๆ   อึก....อือออออ” และก็ยังไม่เงียบ  เหี้ยเฮ้ย!!!!  น่ารำคาญสุดๆ
 
“กูบอกให้เงียบ!!!! ได้ยินมั้ย!!!!!” ผมตะคอกสุดเสียงจนร่างเล็กสะดุ้งและก้มหน้าเอามือปิดปกตัวเองไว้  แต่ก็ยังสะอื้นออกมา
 
“เหี้ย  ตะคอกหาพ่องมึง เด็กนะเว้ย” ไอ้กายเข้าไปจะกอด แต่ดูเหมือนร่างเล็กจะกลัว  เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพวกผมที่ยืนอยู่
 
ร่างเล็กเข้ามาจับชายเสื้อผมไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยแม้ผมจะปัดมือออก และยังเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา  มีวูบหนึ่งที่ผมรู้สึกสงสารแต่ก็วูบเดียวเท่านั้น
 
“เอ่อ  น่ารักดีนี่หว่า มาคับพี่ไม่ทำไรหรอกนะ อย่าร้องนะอย่าร้องมาหาพี่เร็ว สาวน้อย” ไอ้กายพยายามเอื้อมมือเข้ามาหาแต่ร่างเล็กกลับหลบไปยืนข้างหลังผม
 
“จิ๊ .....ปล่อย....ปล่อยก่อน” ผมบอก และร่างเล็กก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ดูเหมือนจะกลัวผมมากแต่ก็กลัวไอ้กายกับไอ้เซฟมากกว่า
 
“อึก....ลี...ลีวายส์....อึก จะ....ไปหา..อึก...แม่...อึกๆ”
 
“มึงหยุดพูดถึงอีนั้น และฟัง....มึงไม่มีแม่  ตอนนี้มีแค่กูได้ยินมั้ย!!!” ผมย่อตัวลงจับไหล่ร่างเล็กไว้ ก่อนจะตะคอกใส่เสียงดัง
 
ร่างเล็กสะดุ้งมองผมก่อนจะก้มหน้าลงร้องไห้เงียบๆ จะสะอื้นออกมาแต่ไม่กล้าเปิดปากร้อน ไหล่สั้นไหวจนน่าส่งสาร ผมคิดนะว่าส่งสารแต่ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ
 
“เอ่อ  กูว่า  เด็กน่าส่งสารออก กูก็อยากจะช่วยอ่ะนะแต่ว่า....เอ่อ  กูว่ามึงอย่าพาไปสถาน....” ไอ้เซฟพูกบอก
 
“ไม่!   ยังไงกูก็ไม่เอามาเป็นภาระ”  ผมบอกตามที่ตัวเองคิด เรื่องรัยล่ะญาติก็ไม่ใช่นี่
 
“แต่มึงเพิ่งจะพูดว่า  เด็กนี่มีแค่มึง ไม่ใช่หรอวะ” ไอ้กายพูดอีก ผมนิ่งไปแป๊บนึ่ง กูพูดอย่างงั้นหรอ
 
“พวกมึงกลับไปได้แล้ว ถ้าไม่คิดจะกู” ผมดึงมือออกจากร่างเล็กที่กำลังสะอื้นไห้อยู่ เดินออกมานอกห้องนอน
 
“งั้นกูกลับล่ะ ป่ะมึง อย่าเผลอตีเด็กเข้าล่ะ เฮ้อออ...” และไอ้เซฟกับไอ้กายก็พากันกลับ
 
ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่นาน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเด็กอยู่ในห้องและเงียบไป ผมเลยเดินเข้าไปดู ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง ร้องไห้เสียงเบาคงเป็นเพราะกลัวผมจะด่าว่าเอาอีก
 
ใช่ว่าผมจะไม่ส่งสารเด็กหรอกนะ แต่....ทำไมผมต้องแบกภาระที่ไม่ใช่ของตัวเองด้วย ในเมื่อเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ลึกๆแล้วผมก็ไม่อยากพาเด็กไปไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรอก แต่ผมไม่มีทางเลือก
 
“ลุกขึ้น......ไปกินข้าว......แล้วก็อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” ผมบอก แกมสั่ง และร่างเล็กก็ลุกขึ้นจริงๆ ผมคิดว่าจะไม่รู้ฟังซะอีก
 
“อึก........อึก” ร่างเล็กปาดน้ำตาออกและยังคงสะอื้นออกมา ผมถอนหายใจก่อนจะก้มลงไปอุ้มร่างเล็กมาไว้ในอ้อมแขน
 
ร่างเล็กดูจะตกใจนิดหน่อย และเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาที่ผ่านการร้องไห้มานานแดงก่ำจ้องสบตาผม หน้าเนียนใสขึ้นสี แดงซ่านไปถึงหู ปากเล็กเม้มเข้าหากันเพราะกำลังเก็บเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองไว้ มันทำให้ผม...................
 
“เฮ้ออออ.........อย่ามองกูแบบนี้  กูไม่ชอบ” ผมอุ้มร่างเล็กไปยังห้องครัวเ ปิดน้ำจากอ่างล้างหน้าให้ และว่างร่างเล็กนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว
 
ร่างเล็กมองผมตาปริบๆ คือ ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรให้เด็กนี่กินดีผมทำอาหารไม่เก่งด้วยสิ เออ ข้าวผัดแล้วกัน เอิ่ป ข้าวเมื่อเช้าเนี่ยแหละคงจะใช้ได้อยู่
 
ผมลงมือหยิบจับเครื่องครัวที่ไม่ค่อยได้จับนักและเริ่มผัดข้าวที่ว่า  มีอะไรก็ใส่ๆลงไปหมด ใส่ซอสและทุกอย่างที่เป็นเครื่องปรุงก็คงกินได้และไม่นานก็เสร็จ ก้มลงไปดมดู  อืมหอมดีแฮะ
 
“อ่ะ  กินซะ......” ผมทักข้าวใส่จานใบเล็กให้ก่อนจะวางลงตรงหน้าร่างเล็กที่ขมวดคิ้วมองจานข้าวในมือผม
 
“ขะ...ข้าวผัด เค้าไม่ใส่....น้ำนั่นลงไป ฮะ” ร่างเล็กบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปยังขวดเครื่องปรุงน้ำใสๆ  เมื่อกี้กูใส่น้ำส้มสายชูหรอ
 
“เน้  กินได้นาไม่ตายหรอก” ผมพูด และใช้ช้อนทักข้าวเข้าปากชิมดู “ถุ้ย!!!  แหวกๆ  เหี้ย อย่างกะอ้วก แหวกๆ” แล้วก็เป็นอย่างนั้นแหละ อ้วกชัดๆ
 
 
อายเด็กมั้ยล่ะ สั่งมากินเหอะ หึหึ

<<<<<<<TBC>>>>>>>>

ฮิฮิ ดูการตอบรับถ้าน่าพอใจเค้าจะมาต่อเร็วๆๆน๊า

https://www.facebook.com/MirrorOnOn

เรามีเพจแล้วจร้าทวงถามนิยายได้น๊า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: aomj555 ที่ 23-01-2014 18:21:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ติดตามจร้าาาาาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-01-2014 18:30:09
สงสารเด็ก

หยาบกระด้างทั้งพี่ทั้งน้อง



ผม นี่คือพระเอกป่าวคะ

เพลียเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 23-01-2014 19:23:11
สงสารลีวายมาก นี่พูดเลย   :sad2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 23-01-2014 21:53:41
อย่าเอาไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยนะ สงสารเด็กอ่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-01-2014 18:01:48
ธารอย่าทิ้งน้อง น้องน่ารัก น้องน่าสงสาร
น้องเหลือแค่ธารนะ
อย่าเอาน้องไปไว้สถานสงเคราะห์นะ
เมตตาน้องงงงง
ชอบแนวนี้มากกกก รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 24-01-2014 18:48:49
เลวจริงๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง หาดีไม่ได้สักคน เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-01-2014 23:20:59
มารออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-01-2014 07:08:56
สงสารน้อง ว่าแต่น้องลีวายอายุท่าไหร่นิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-01-2014 07:43:00
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 26-01-2014 10:03:39
มาแล้วจร้า  :hao7:  :hao7: :hao7:

รู้สึกว่าจะมีคนเกลียดพระเอกของเค้าเยอะ  :katai3:  :katai3:  :katai3:

แต่ธารบอกว่าไม่แคร์ 55555+ ไปล่ะ  :katai5:  :katai5:  :katai5:


Older Brother ....02

 
“นี่มึงเอาจริงหรอวะไอ้ธาร” ไอ้กายเอ่ยถามผม วันนี้ผมกับมันเอารายงานมาส่งให้อาอาจย์ในตอนเที่ยงของวัน
 
“ก็เออ.....หรือมึงจะเอาไอ้เด็กนั้นไปเลี้ยงเอง” ผมถามกลับและรู้แน่ว่ามันคงไม่เอาหรอก มันสั่นหัวริกๆเลยทีเดียว
 
“เอาล่ะ ฝากพวกมึงส่งงานด้วย กูจะพาไอ้เด็กนี่ไปทิ้ง  แล้วก็จะเลยไปที่ผับเลย"
 
“อืม....เค งั้นโชคดี เจอกันที่ผับ”
 
เดินกลับมายังรถตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลนักกับหน้าตึกคณะ โชคดีที่รถผมมีฟิล์มดำสนิท ทำให้คนข้างนอกไม่สามารถมองเข้าไปภายในรถได้
 
“..........................” เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่า เด็กในรถกำลังนั่งห่อตัวเพราะแอร์ที่เปิดไว้ คงจะหนาวมากเกิน
 
“หนาวแล้วทำไมไม่รู้จักปิดวะ” ผมพูดออกไปก่อนจะ ปรับระดับลดแอร์ลง
 
“.............................”
 
“รู้ใช่มั้ยว่าอีกเดี๋ยว เราจะไปไหนกัน” ผมพูดบอกขณะที่ ขับรถออกจากมหาลัย “และก็ห้ามบอกใครเด็จขาดว่ามาจากไหนมาได้ยังไง ปิดปากไว้เป็นดีที่สุด”
 
“.............................” เด็กนั้นหันมามองผม  เป็นช่วงที่รถติดไฟแดงพอดี ผมจึงหันกลับไปมองบ้าง
 
ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนเริ่มแดงขึ้นมา น้ำตารื้นขอบตา  ดวงตาที่เศร้าหม่องและโหยหาอะไรบางอย่างทำให้ผม พาลรู้สึกวูบไหวตาม
 
“ไม่ต้องมาจ้องกู  ยังไงกูก็เลี้ยงเด็กไม่ได้  มันเป็นภาระ” ผมบอกก่อนจะขับรถออกไปอีกครั้งและครั้งนี้ ผมก็ตรงไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างที่บอกไว้
 
ร่างเล็กนั่งก้มหน้าไม่มองทาง มือเล็กกำแน่นและสั่นไหวไปพร้อมกัน ไม่นานก็มาถึง ผมจอดรถเทียบฟุตบาทไกลออกมาจากสถานเด็กกำพร้าสักระยะได้
 
“เอาล่ะ  เดี๋ยวลงไป แล้วก็ค่อยๆเดินเข้าไปทางประตูนั้น  และอย่าลืมสิ่งที่บอกไว้ล่ะ ห้ามพูดเด็จขาดว่ามาจากไหนกับใครเข้าใจมั้ย”
 
ร่างเล็กพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตาและมันเป็นภาพที่ผมไม่อยากมองเอาซะเลยให้ ตายสิ
 
ผมเอื้อมมือไปเปิดประตูทางฝั่งที่ร่างเล็กนั่งอยู่ออก ก่อนจะดันร่างเล็กให้ลงจากรถ
 
“กูจะรอดูอยู่ตรงนี้จนกว่า จะเดินเข้าไปถึงข้างใน  ไปได้แล้ว เงินอยู่ในกระเป๋า จำสิ่งที่บอกไว้ด้วยล่ะ  ไป”
 
ร่างเล็กปิดประตูรถและเดินไปตามทางฟุตบาท พร้อมกับสะปายเป้ใบเล็กละกระเป๋าเสื้อผ้าใบขนาดกลาง ซึ่งมันจะไกลสักระยะหนึ่งก่อนจะถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่น
 
ผมมองร่างเล็กผ่านกระจกใสหน้ารถด้วยความวูบไหว และนึกสงสาร ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน
 
พรืนๆ   พรืน!!!!   
 
“อ้าว  เหี้ย!!!!!”  ในขณะที่มองจ้องมองร่างเล็กอยู่ดีๆ จู่ๆก็มีรถตู้คันหนึ่งวิ่งผ่านมา และลงมาคว้าร่างเล็กไปซะเฉยๆอย่างรวดเร็ว  อะไรกับวะ
 
เร็วกว่าความคิดผมรีบออกรถตามไปทันที แมร่ง!!! นี่มันอะไรกัน แต่ถึงอย่างนั้นสมองผมก็สั่งให้ผมไปช่วยร่างเล็กให้ได้ รู้สึกห่วงๆยังไงก็ไม่รู้
 
รถตู้ขับไปยังถนนเส้นชานเมือง ผมจึงรีบเยียบเต็มสปีดเพื่อจะไปขนาบข้างคนขับรถตู้ พระเจ้า บอกกูทีว่ากูเล่นหนังแอ็กชั่นอยู่หรือไง
 
“เหี้ย ปล่อยเด็ก!!!!!” ผมลดกระจกลงและเห็นแค่หน้าคนขับ  มันดูตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบปืนมาเล็งทางผม อ้าวเฮ้ย! สัจเล่นของเสียวนะมึง
 
ปัง!!!   ปัง!!!!   ปัง!!!!
 
มันยิงกูแล้วคับมันยิงกู  ดีที่ผมเหยียบเบรคทันซะก่อน ไม่โดน ห่ารากอ่อนสัจ เดี๋ยวดูกู กูก็มีปืนครับถูกกฎหมายด้วย เอาเซ้ใครมันจะแน่กว่ากัน
 
ผมเปิดเก๊ะหน้ารถออกก่อนจะหยิบปืนคู่ใจ(ที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่นัก) และพยายามเร่งความเร็วรถอีกครั้งให้เทียบขึ้นไปขนาบข้างกับคนขับอีกที
 
ปัง!!!  ปัง!!!
 
ไงล่ะมึง ผมเล็งผิดซะที่ไหน ไม่ได้ฆ่ามัน แต่แค่ถากๆตรงแขนให้มันควบคุมรถไม่ได้ก็พอ และผมก็เล็งไปที่ล้อรถ ถึงจะเสี่ยงหน่อยแต่ข้างทางก็เป็นที่โลง รถจะเสียงหลักคงไม่เป็นไร
 
ปัง!!! ปัง!!!  ทันทีที่กระสุนเจาะทะลุล้อรถ รถก็เสียหลักลงข้างทาง  ผมหักเลี้ยวรถลงข้างถนนเช่นกัน
 
“เวรเฮ้ย รถกูเกือบได้แผล” ผมสบตออกมาก่อนจะเปิดประตูลง  ตรงไปยังรถตูอย่างเร็ว
 
ฟุบ!!!! เฮ้ย!!!
 
ผมตรงเข้าไปเปิดประตูแต่คนในรถเปิดออกมาซะก่อน มันถีบผมจนล้นลงไปก่อนจะปิดประตูกลับ  ดีที่ปืนยังไปหลุดมือ ผมรีบยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเล็งยิงประตูรถและเปิดมันออก
 
ผมเล็งปืนไปยังคนขับปรากฏว่ามันสลบคาทีไปแล้วเหลือแต่ไอ้โม่งด้านหลัง ผมคิดว่าพวกนี้กระจอกมาก คงเป็นมือสมัครเล่นแมร่งไม่ได้เตรียมการอะไรเลย  มันกำลังจับร่างเล็กล็อกคอไว้พร้อมกับมีดในมือ
 
“ถอยออกไปไม่งั้น ไอ้เด็กนี่ตาย”  ร่างเล็กอยู่ในอาการหวาดกลัวสุดขีด ปากโดยปิดไว้ด้วยเทปกาวสีดำสนิท  ตากลมเต็มไปด้วยน้ำตา ผมรู้สึกโกรธถึงกับกำหมัดแน่น
 
ผมก้าวถอยห่างออกมาจนกระทั้งมันก้าวลงมาจากรถได้  ผมรีบคำนวณระยะหางจากตัวผมและไอ้โม่งนั้น รวมทั้งหาทางช่วยร่างเล็ก
 
“ทิ้งปืน กูรู้มึงไม่อยากให้เด็กตาย”  ผมกัดฟันทิ้งปืนห้างออกจากตัว  แต่ไม่ได้ทิ้งไปใกล้มัน เพราะผมคิดว่าห่างแค่นั้นมันไม่ใช้ปัญหาสำหรับผม
 
“.......................” ร่างเล็กมองผม ด้วยสาตายหวาดกลัวเต็มทน
 
“พวกมึง ต้องการอะไร    เด็กนี่งั้นหรอ” ผมถามดูเชิงและสำรวจท่าทางการเคลื่อนไหวเท้าและมือของมันไปด้วย
 
“เด็กนี่เป็น ลูกติดของ คุณน้ำ เราตามดูเธอมาหลายวันแล้ว และเธอติดหนี้นายเราอยู่สี่แสน เพราะงั้น เราจะเอาตัวเด็กนี่ไป”
 
“งั้น หรอ”  ผมจะใช้คำไหนมาด่าพี่เหี้ยๆ ของผมดี หลอกเงินกูไปยังไม่พอ สัจ!!! ทิ้งภาระให้กูอีก
 
ผมกำหมัดแน่น และมันก็มีช่องว่างให้ผม เมื่อมันมองหาทางหนีและขยับตัว ผมตรงเข้าไปจับแขนมันไว้อย่างเร็วและบีดแรงๆก่อนจะดึงร่างเล็กออกมา แต่ก็พลาดไป  ฉึก!!!  แขนผมโดนมีดมันที่ตวัดกลับมา
 
แต่ผมก็เร็วกว่ารีบก้าวไปหยิบปืนและเล็งยิงทันที อีกมือกอดร่างเล็กไว้แนบอก ปัง!!!    ปัง!!!  ลูกหนึ่งโดนแขน และตามด้วยขา ไม่มีเวลาถามไถ่อะไรแล้วตอนนี้นอกจากจะต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะอีกไม่กี่นาทีเชื่อว่าตำรวจต้องมากันเป็นโขย่งแน่
 
ผมขับรถออกมายังนอกเมืองให้ไกลที่สุด ผมคงไม่ตีรถกลับไปให้เป็นข้อมูลของตำรวจหรอกนะ และผมก็ไม่ค่อยถูกกับตำรวจสักเท่าไหร่
 
“ฮ่ะ!  ซีด.....” ผมหันไปมองร่างเล็กที่พยายามดึงเทปกาวออกจากปากตัวเอง
 
“มากูดึงให้..............” แควกก  ผมดึงรวดเดียวออกหมด จนร่างเล็กซีดปากเพราะความเจ็บและดูเหมือนตรงปาก มันจะแดงแถมขึ้นเม็ดเล็กๆด้วย   กูว่ามันแพ้ชัว
 
ผมขับรถมาอีกหน่อยถึงรีสอดติดทะเลเลยเข้ามาเช็คอินซะที่นี่เลย เอาเป็นว่าพักก่อนค่ำๆค่อยกลับ
 
เสื้อผมเลอะเทอะขาดตรงแขน ดีนะที่ในรถมีเสื้อเผื่อไว้ เลยเปลี่ยนก่อนจะเข้ามาเช็คอิน ผมคงไม่อยากให้ใครรู้เท้าไหร่ว่าได้แผลมา
 
เมื่อมาถึงห้องพักสิ่งแรกที่ทำคืออาบน้ำ ก็ผมไม่ชอบให้ตัวเองสกปรก ผมเลยจัดการอาบน้ำส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวค่อยส่งซัก ใส่ผ้าขนหนูไปก่อน
 
“มานี่สิ”  ผมเรียกร่างเล็กที่กำลังนั่งเกาหน้าหยิกๆ อยู่ตรงโซฟา “ไปอาบน้ำก่อนไป ในกระเป๋ามีเสื้อผ้าหรือเปล่า” ร่างเล็กพยักหน้า ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมแต่อย่างใดก่อนจะเดินตรงไปห้องน้ำ
 
ผมนั่งทำแผลให้ตัวเองสักพัก ร่างเล็กก็ออกมาแต่.....ดูเหมือนมันยังไม่ได้อาบน้ำ มันใส่กางเกงในตัวเดียวเดินออกมา  ร่างเล็กมองผมก่อนจะเม้มปากนิดๆ ไม่กล้าพูดบอก
 
“อะไร....”
 
“ลีวาย เปิดน้ำไม่ถึง อ่ะ”  นี่คือครั้งแรกหรือเปล่าที่ผมได้ยินชื่อของร่างเล็ก อ่อ ไม่สิ เมื่อวานตอนที่มันร้องด้วย เออจำได้ล่ะ  หึ ชื่อน่ารักดีว่ะ เอ๊ะ!!!!  ผมมองร่างเล็กอย่างสำรวจ แมร่งเด็กผู้ชายนี่หว่า กูคิดว่าผู้หญิงซะอีก
 
“เออ  เดี๋ยวแป๊บ” ผมปิดแผลตัวเองเสร็จ เดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่งฝักบัวให้และเปิดน้ำ
 
ผมเห็นยาสีฟันตกอยู่ตรงพื้นเลยก้มลงเก็บเป็นจังหวะเดี๋ยวกับที่ร่างเล็กจะก้มลงเช่นกัน เลยทำให้ปลายจมูกผมเฉียดกับซอกคอขาวของร่างเล็กพอดี
 
กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ เตะจมูกผมเข้าให้  ผมมองหน้าร่างเล็กอย่างสำรวจอีกครั้ง ใบหน้าเนียนใส่กับตาแป๋วๆ กลมๆสีน้ำตาลอ่อน จมูกนิดปากหน่อย ทำให้ผมเคลิ้มได้หรอวะ
 
“โอ้ย!!!!”   คงเป็นเพราะผมตกใจความคิดของตัวเองเลยเงยหน้าขึ้นไม่ทันได้ระวังทำให้หัวโขกเข้ากับอ่างล้างหน้าอย่างจัง  เหี้ย!!!
 
“อ่า  เจ็บมั้ย  ฮะ”  ร่างเล็กถาม ผมและดูจะตกใจเล็กน้อย
 
“เปล่าๆ   รีบอาบน้ำก่อน กู   เอ่อ  มีเรื่องจะคุยด้วย”  ผมคิดว่าคำว่ากูคงไม่เหมะกับเด็กเอาซะเลย เอ่อ....นะ
 
ระหว่างที่รอลีวายส์ อืม เด็กนั่นชื่อลีวายส์     ผมจัดการสั่งอาหารมากิน และไม่นานร่างเล็กก็ออกมาจากห้องน้ำ
 
“เอาล่ะ  มานั่งนี่” ผมบอก ตบมือลงบนโซฟาข้างๆผมเบาๆ  และร่างเล็กก็เดินมานั่งลงโดยดีแต่เหมือนจะกล้าๆกลัวๆยังไงก็ไม่รู้  กูน่ากลัวตรงไหนฟ้ะ
 
“รู้เรื่องที่พวกมันพูดหรือเปล่า เรื่องหนี้ของแม่มึงน่ะ” ผมก็หมายถึงพี่น้ำนั่นแหละ
 
“.......................” ร่างเล็กส่ายหน้าแทนคำตอบ
 
“แล้วเมื่อก่อน ไปอยู่แถวไหน ก่อนจะมาหากู” ผมถามต่อ จ้องมองร่างเล็กไปด้วย
 
“........................” ร่างเล็กส่ายหน้าอีกแล้ว
 
“ไม่รู้เลยหรอ ว่าที่นั่นเค้าเรียกว่าอะไร”
 
“...........................”
 
“เฮ้ย!!!!!  เย็บปากไว้หรอไง ห๊ะ!!!!!  พูดออกมาบ้างกูฟังรู้เรื่องนะภาษาคนน่ะ หรือมึงฟังที่กูพูดไม่รู้เรื่อง!!!”  ไปแล้วสติกู
 
“อึ่กๆ.....อึก......อึก”  อ้าว ฉิบหาย กูตวาดนิดเดี๋ยวร้องใส่กูเลย (นิดเดี๋ยวพ่อง)
 
“เออๆ ไม่รู้ก็ไม่รู้  แต่ช่วยหยุดร้องได้มั้ย ก่อนที่กูจะบ้าไปมากกว่านี้” ร่างเล็กยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก และนิ่งไป
 
“...........”  เงียบ ร่างเล็กเอาแต่ก้มหน้าไปมองผม ขัดหูขัดตาฉิบ ขอบอก
 
“ฮ่ะ  ทายาที่แก้มแล้วก็ข้างปากซะ ดูเหมือนจะแพ้เทปกาวนะนั่น” ผมบอก ส่งยาหลอดท่ากันแพ้ให้ แต่ดูเหมือนมันจะทำไม่เป็น
 
“เอามา   อยู่นิ่งๆ” ก็มันขัดใจอ่ะ ผมเลยดึงหลอดยากลับมาเปิดออกและทาให้เอง “กี่ขวบแล้วเนี่ย.....” ผมพึมพำเบาๆ
 
“สิบขวด ฮะ” อ้าวมันพูดแล้ว เหอะ  เฮ๊ะ!!! สิบขวด แล้วมั้ยตัวแค่นี้วะ ผมก็คิดว่าเจ็ดแปดขวบเลย
 
“มัยตัวเล็กจังวะ......”
 
“เปล่าเล็กนะ!!!” เฮ้ย มันขึ้นเสียงใส่กูด้วย   ผมหันไปมองหน้ามัน มันคงลืมตัวถึงได้พูดออกมาเสียงดัง ตอนนี้เลยก้มหน้าหลบตาผมใหญ่
 
แป๊ก!!!
 
“ปากดี......อ่ะกินข้าวซะ” ผมดีดหน้าฝากร่างเล็กเข้าให้ทีหนึ่ง จนร่างเล็กยกมือขึ้นลูบหน้าฝากตัวเอง  และเราก็เริ่มกินข้าวกันไปเงียบๆ
 
หลังจากทานข้าวกันเรียบร้อย ผมก็กะว่าจะพักเอาแรงซะหน่อย เลยเผลอหลับไปบนโซฟา พอตื่นขึ้นมากลับพบว่า ลีวายส์นอนเบียดผมอยู่ข้างๆ หึ
 
ร่างเล็กนอนหายใจสม่ำเสมอ ตากลมหลับพริ้มขนตาแพยาวคล้ายกับเด็กผู้หญิง แก้มสองข้างขึ้นสีชมพูอ่อน  ฟอด!  นุ่มและหอมมาก อ๊ะ!  เอิ่ป กูหอมแก้มเด็กนี่แล้ว ผมเปล่าคิดอะไรนะ - -;;
 
ผมยันตัวลุกขึ้น ในขณะเดียวกันร่างเล็กกลับซุกซ่อนเข้าหาแผงอกผมแนบชิดมากขึ้น เอิ่ป ผมดูเหมือนพ่อคนป่ะเนี่ย เฮ้อออออ  ผมนอนลงที่เดิมก่อนจะกระชับกอดร่างเล็กไว้กันตก
 
ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในความวูบไหวของผมและดูเหมือนผมคงต้องให้เด็กนี่อยู่กับผมซะแล้ว  จุ๊บ!  - -;;
 
 
 
“ตกลงเอาไงต่อวะ” ไอ้แมนถามผมหลังจากที่ผมกลับเข้าเมืองมาและตรงเข้ามายังผับโดยมีลีวายส์มาด้วย
 
“กูคงต้องจัดการเรื่องพี่สาวก่อนและ....ให้ลีวายส์อยู่กับกู” ผมบอก หันไปมองร่างเล็กข้างๆที่มองเพื่อนผมอย่างกล้าๆกลัวๆ
 
“ลีวายส์?....เด็กนี่อ่ะนะ.....เออ.....เคงั้นเดี๋ยวกูให้คนสืบให้ว่าพวกมันเป็นใคร มึงแค่ติดต่อพี่มึงให้ได้ก็พอ”
 
“อ่า.....เด็กน้อย  น่าร้ากกกก มาหาพี่กายมาคับ” ไอ้กายเข้ามากระโจมหาลีวายส์แต่ยังไม่ทันถึงตัว ร่างเล็กหลบขึ้นมานั่งบนตักผมอย่างลืมตัวซะก่อน
 
“ดูเหมือนมันจะกลัวมึง     ลงไป!” ผมพูดกับไอ้กาย  ก่อนจะดันร่างเล็กให้ลงไปนั่งที่เดิม
 
“พี่ไม่น่ากลัวซะหน่อย  พี่ชื่อกายครับ ดูดิๆ พี่ไม่น่ากลัวนะ กินขนมมั้ย” ร่างเล็กหันมามองผมเป็นเชิญถาม ผมจึงพยักหน้าให้ และร่างเล็กก็ยอมรับขนมจากมือไอ้กายมากิน
 
“เอาล่ะเรามาทำความรู้จักกันนะ  เด็กน้อยชื่ออะไรเอ่ย” ไอ้กายถามต่อ
 
“ลีวายส์ฮะ   ลีวายส์ เตอร์ลีน” หึ ชื่อเพราะได้อีก
 
“ว้าววววววว  ชื่อน่ารักมากลูก ต่อไปเรียกพี่ว่าพี่กาย นี่พี่แมน แล้วก็นี่ พ่อธารนะคับ” เอ๊ะ!!!
 
“สัจ!!!  กูไม่ใช่พ่อมัน พ่อมันตายแล้ว” ผมพูดบอก ลืมคิดถึงความรู้สึกร่างเล็กไป “เอ่อ.... เฮ้อออ”
 
“มึงเนี่ยน้า เอาเป็นว่าเรียกน้าธาร  ไม่เอาดีกว่าดูแก่ไป เรียกพี่แหละดีแล้ว พี่ธารๆ นะคับ” ร่างเล็กพยักหน้าน้อย และไม่นานลีวายส์ก็เริ่มคุยเล่นกับไอ้กาย ส่วนผมก็ออกไปทำงานนิดหน่อย
 
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ที่สนามแข่งจะมีแข่งรถแม็ทสำคัญ มึงจะไปมั้ย” ไอ้แมนถาม ผมที่กำลังนั่งดื่มเล่นๆ กับมันสองคน  ส่วนไอ้เซฟมันติดเด็กแน่นอน
 
“ไปสิ กูจะพลาดได้ไงเผื่อมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้าง หึ” สนามแข่งรถเป็นอีกที่ ที่สามารถทำเงินให้ผมได้ใช้สอยบ้าง ไม่มากก็น้อย
 
“แต่มึงต้องเลี้ยงลูกนี่....เหอะ”
 
“สัจ......กูจะพามันไปด้วย.....ได้ไงวะ เวรจริง   ภาระชัดๆ” ผมยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
 
“เออๆ มึงจะให้เด็ก ไปซึมซับอบายมุข เลวๆอย่างมึงได้ไง”
 
“มึงด้วยนะกูว่า หึ!!!” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น เดินไปยังห้องพักทำงานด้านบน เพื่อไปหาลีวายส์ จะได้กลับคอนโดกัน
 
“อ่า มึงจะกลับแล้วหรอ ไปส่งกูด้วยนะ” ไอ้กายพูดบอก
 
ผมมองหาลีวายส์ก็พบว่าหลับคาโต๊ะทำงานของผมอยู่  ในมือมีกระดาษสีขาวกับดินสอ ในกระดาษมีรูปวาดสัตว์บางอย่างที่ผมมองไม่ออกว่าเป็นอะไร
 
“ตื่นได้แล้ว  นี่ตื่นได้แล้ว” ผมลูบหัวร่างเล็กเบาๆ ลีวายส์ไม่ยอมตื่น ผมจำต้องอุ้มร่างเล็กไว้ ลีวายส์ยกมือขึ้นโอบกอดรอบคอผมไว้ก่อนจะซบหน้าลงกับซองคอผม  ผมเดินไปสะกิดไอ้กายด้วยเท้าที่ยังนอนหลับอยู่
 
หลังจากแวะส่งไอ้กายที่บ้านมันเพราะเป็นทางผ่าน ผมก็กลับถึงคอนโดในเวลาไม่นาน ยามหน้าประตูงงนิดๆ ที่ผมกลับมาพร้อมพร้อมกับเด็กตัวเล็ก
 
ผมวางลีวายส์ลงบนเตียงกว้างก่อนจะดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ร่างเล็กจนถึงคอ จากนั้นก็ไปอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน
 
Tru...  Tru….  Tru…..
 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากหัวเตียงผมจึงละจากการแต่งตัวไปหยิบมาดู ปรากฏว่าสายที่โทรเข้ามาคือเอมี่  ผมเซ็งนิดๆแต่ก็ยอมรับสาย
“ว่า.....?” ผมทัก
 
(ธาร  ทำไมไม่รับสายมี่เลยล่ะคะ  เป็นอะไรหรือเปล่า) เธอพูดเสียงหวาน
 
“เปล่า พอดียุ่งๆมีอะไรล่ะ” ผมพูดเสียงห่างเหิน
 
(โธ่  ยังโกรธมี่อยู่หรือ  ก็มี่ไม่อยากเป็นข่าวนี่ค่ะ) ผมหันกลับมามองร่างเล็กที่นอนอยู่ตรงขอบเตียง ผมว่าเมือกี้มันอยู่ตรงกลางๆนะ
 
แล้วจู่ๆร่างเล็กก็บิดตัวจนขาข้างหนึ่งห้อยลงมาจากเตียง กูว่าอีกเดี๋ยวมันต้องตกแน่ๆ
 
(ธารพรุ่งนี้มารับ...)
 
“เฮ้ย!!!!  แค่นี้ก่อนนะ” ผมตัดสายทิ้งโดยไม่ได้สนใจฟัง ก่อนจะรีบกระโดดไปรับร่างเล็กจากเตียงอีกฝั่งไว้ได้ทัน
 
“อื่ม....” ร่างเล็กลืมตาขึ้นช้าๆ มองผมแบบงงๆ “พี่ธารจะให้ลีวายส์นอนข้างล้างหรือฮะ” ร่างเล็กถามเพราะตอนนี้ผมนอนกอดมันอยู่บนพื้นด้านล่าง
 
“เปล่า มึง....เอ่อ ก็ดิ้นจนเกือบตกเตียงแล้วรู้มั้ย เฮ้อ” ผมบอกก่อนจะปล่อยร่างเล็กออก
 
“เจ็บมั้ยฮะ....”ร่างเล็กเดินมายืนข้างๆผม ตอนที่ผมนั่งอยู่บนเตียงเตรียมที่จะล้มตัวนอน
 
“อะไร...” ผมถาม
 
“นี่ฮะ...เจ็บมั้ยฮะ” แววตาร่างเล็กบ่งบอกถึงความหวงใยอย่างเด่นชัด พร้อมกับยกมือตัวเองขึ้นลูบบนแผลบนแขนผมเบาๆ
 
“ไม่เจ็บ....” ผมบอกก่อนจะดึงร่างเล็กมานั่งตัก “ตัวแค่นี้ ห่วงคนอื่นเป็นด้วย เหอะ” ผมมองหน้าร่างเล็กใกล้ๆ กลิ่นแป้งเตะจมูกมากขอบอก
 
จุ๊บ!!!  O..O
 
“แด๊ด บอกว่า  ถ้าทำแบบนี้แล้วจะฝันดีฮะ  จุ๊บ!”  ไอ้เด็กเวร มันจุ๊บปลงคางผมครับ ก่อนที่มันจะลงไปนอนข้างๆ และปล่อยให้กูฟุ้งซ่านตาม
 
 
เหี้ย ไข่ลุกเพราะเด็ก  สาดดดดดดดดดด
 
<<<<<<<TBC>>>>>>>>>

ขอบคุณทุกเม้นทุกการติดตามนะคร้า :mew1:  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 26-01-2014 11:05:38
ธารฮาว่ะ  :jul3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 26-01-2014 11:13:23
 :-[  ลีวายน่ารักอ่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Deeli ที่ 26-01-2014 12:29:49
 :o8: :o8: :o8: มาต่อด่วนนน >< ลีวายน่ารักมากก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 26-01-2014 12:55:41
จะเอาไปทิ้งสถานเลี้ยงเด็ก สุดท้ายก็ต้องเลี้ยงเอง

แถมหลงเด็กด้วย เหอะๆ อีกหน่อยจะทั้งหวงทั้งห่วง

ตายแน่ลีวาย ไม่ได้กระดิกตัวไปไหนแน่ ต้องอยู่ในสายตาตลอดๆชัวร์
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 26-01-2014 13:04:37
น่ารักครับ
อีธารโหดจิตมาก รอสักแปบเดี่ยวเคลิ้ม 55
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 26-01-2014 17:21:48
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 26-01-2014 17:36:56
ธารเริ่มมีความน่ารักเพิ่มขึ้นมาแล้วนะ อย่าให้ต้องด่าเหมือนตอนแรกนะ 55555

รอตอนต่อไปค่า 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: aomj555 ที่ 26-01-2014 19:18:13
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-01-2014 20:11:09
อย่างว่าแหละธาร เด็กอะกรุ๊บกริ๊บกว่าสาวๆที่ผ่านมาเท่าไหร่ไม่รู้เยอะ!!!

น้องลีวาย สิบขวบแล้วเรอะ วี๊ดวิ้ว ธารอย่าปล่อยให้หลุดมือล่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 26-01-2014 20:16:31
โอ้ยยยยยยยยยยย
น้องน่ารักมากกก น่ารักแบบไม่ไหวแล้วววว
ธารดูแลน้องดีๆนะ เพราะอีกไม่นานเด็กคนนี้จะกลายเป็นทุกๆอย่างในชีวิตธารแน่นอน ! :katai3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: noinha31 ที่ 26-01-2014 21:28:38
มาต่อเร็วๆนค่ะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 30-01-2014 13:41:45
มาแล้วจร้า  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

Older Brother...03
 
 
 
Tru……………  Tru………….
 
อือออ......  ผมลืมตาขึ้นช้าๆ เปิดรับแสงแดดที่กำลังสาดส่องผ่านผ้าม่านในห้องนอนในตอนเช้า  และเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ตรงหัวเตียงมันทำให้ผมตื่นเต็มตาอย่างน่ารำคาญ
 
เฮ้อออออ โทรมาแต่เช้าเลย เอมี่ครับ เราไม่ได้คุยกันหลายวันแล้วตั้งแต่วันนั้นแหละก็เธอไม่ให้ผมเอา เล่นตัวมากไปมันก็มีเบื่อ และผมก็ไม่อยากรับสายเธอเลย
 
“เฮ้ย!!!!!” ยังไม่ทันได้รับผมรีบว่างโทรศัพท์หันกลับไปเห็นกุมารทองปะแป้งตัวขาวผ่องเชียว
 
“อ๊า.................” ร่างเล็กที่อยู่ในชุดกางเกงในตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นผมตกใจมันกลับตกใจตามรีบวิ่งกระโดดขึ้นมากอดผมบนเตียงกว้าง
 
“เหี้ย!.........ลงไปเลยไป    เฮ้ออออ” ผมผลักร่างเล็กออกแต่มันก็ยังกอดแขนผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ไม่มีอะไร....มึงนั่นแหละทำให้กูตกใจ” ร่างเล็กเงยหน้ามองผมก่อนจะทำปากยื่นหน้าจุ๊บ และยอมปล่อยออกไปนั่งลงข้างๆแทน
 
แล้วนี่ก็ยังไม่ใสเสื้อผ้าอีก แล้วไอ้สบู่ที่ทาเนี่ยของกูไม่ใช่หรอทำไมกูทาแล้วมันไม่หอมฟุ้งเหมือนมันทาวะ        กูบ้าไปแล้วหรอเนี่ย     ผมนั่งทึ่มตัวเองแรงๆสองสามที
 
“เจ็บหรอฮะ.... O.o” ร่างเล็กมองผมตาโต ก่อนจะเอ่ยถาม อีโธ่เว้ย!!!
 
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำ วันนี้มีเรียนช่วงบ่าย เลยคิดว่าจะทำยังไงกับร่างเล็กดี จะฝากใครดูมันดีก็ไม่มีสักคน คงต้องพาไปด้วย แล้วกูจะพาไปยังไงวะ ยุ่งจริง เฮ้อออออ
 
“ไปเอากระเป๋ามาดูดิ  ว่าข้างในมีอะไรบ้าง” ผมบอกหลังจากทานข้าวเช้าที่ผมโทรสั่งมากิน เพราะถ้าทำคงเละเหมือนเดิม
 
“นี่ฮะ........” ร่างเล็กส่งกระเป๋าเป้ของตัวเองมาให้ผม และเดินไปลากกระเป๋าเสื้อผ้าอีกใบมา ตัวแค่นี้แมร่งลากไหวว่ะ
 
“สมุดนี่อะไร  สองสามเล่ม สมุดธนาคารเนี่ย” ผมถามเมื่อเทของในกระเป๋าเป้ออกมากองบนโต๊ะหน้าโซฟาออกจนหมด
 
“นี่คือสมุดธนาคารของแด๊ดดี้ อันนี้แด๊ดดี้บอกว่า.....ถอนได้หลังจากแด๊ดดี้เสีย ตอนลีวายอายุสิบแปดพอดีฮะ” ผมมองร่างเล็กที่พูดบอกอย่างเฉลียวฉลาดและไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะรู้และจำได้ดี
 
“รู้ได้ไง........พ่อบอกงั้นหรอ?”
 
“ฮะ แด๊ดดี้บอก ส่วนเล่มนี้ แด๊ดดี้บอกว่า เงินเข้าจากที่แด๊ดดี้เคยเป็นหุ้นส่วนบริษัท ทุกๆสามเดือน มีบัตรกดให้เงินออกมา” อ๋อ ที่แท้ก็เตรียมการไว้ให้ลูกแล้วสินะ
 
“แล้วรหัสล่ะ” ผมไม่ได้อยากจะได้ของเด็กหรอกแต่ถามเพื่อความแน่ใจว่ามันรู้จริงหรือป่าว
 
“......................” ร่างเล็กมองผมนิ่งๆ เม้มปากเข้าหากัน เด็กเหี้ย!
 
“กูไม่เอาของมึงหรอ  เหอะ เวรจริง กูมีตังเหอะ” ผมบอกก่อนจะจิ้มๆ หน้าฝากมันสองสามที
 
“ลีวายส์รู้ฮะ แต่......แด๊ดดี้บอกว่าห้ามบอกคัยฮะ” ร่างเล็กบอกเสียงแผ่ว เหมือนจะกลัวๆผมนิดๆ
 
“เออ ไม่รู้ก็ได้ แล้วก็อย่าเสือกไปบอกคนอื่นว่ารู้ล่ะ.....อ๋อ  นี่มึงคงไม่ได้บอกแม่เลี้ยงมึงด้วยใช่มั้ยถึงได้คิดจะทิ้งมึงเนี่ย” ร่างเล็กพยักหน้ารับน้อยๆ
 
“แล้วอันนี้ล่ะ....”  ผมชี้ไปยังสมุดที่แปลกไปจากสองเล่มนั้น
 
“อันนี้ เป็นสมุดเงินประกันชีวิตของแด๊ดดี้ฮะ  เงินเข้าทุกๆเดือนฮะ ถอดได้ตอนลีวายส์อายุสิบปีฮะ”
 
“โอเค ตกลงมึงรวย(หรือเปล่าวะ)   และพี่กูก็โง่มาก  แล้วเรื่องรัยของกูวะเนี่ย” ผมพูดบ่นไปงั้นแหละ จากนั้นผมก็ให้ร่างเล็กเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปเก็บเข้าที่โดยให้เอาของไว้ลิ้นชักด้านล่างเพื่อสะดวกจะได้ตอนหยิบใช้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจว่ามีมามากเท่าไหร่
 
ผมดูเอกสารที่ติดตัววีลาย์มาจากเป้อีกหน่อยและพบว่ามีครบทั้งสำเนาประวัติต่างๆ  ลีวายส์เคยเรียนที่นี่ในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ผมเลยคิดว่าถ้าลีวายส์ได้เข้าเรียนมันจะทำให้ผมสะดวกมาขึ้น ผมจะได้ไม่ต้องพามันมาเรียนด้วยเหมือนวันนี้!!!
 
 
“อ่า....มาหาพี่กายมาเด็กดี” นั่นไง ลีวายส์คงจะไม่กลัวไอ้กายแล้วถึงได้กระโดดไปหามันทันทีเมื่อมันเรียกแต่ก็ไม่วายหันมาสบตากับผม มันกลัวผมด้วยด่าล่ะ
 
“ไงมึง ตกลงติดต่อพี่น้ำได้มั้ยวะ” ไอ้แมนถาม
 
“หึ กูว่ายาก เหี้ยไรก็ไม่รู้  มึงตามไอ้พวกเจ้าหนี้นั่นก่อนแล้วกัน กูจะจัดการเรื่องนี้ก่อน” ใช่ผมต้องแน่ใจก่อนว่าไอ้พวกนั้นมันจะไม่มายุ่งกับลีวายส์อีก ในเมื่อผมตกลงว่าจะเลี้ยงมัน ผมก็ไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง
 
“ธารคะ....................” ขณะ ที่ผมกำลังสนใจร่างเล็กที่โดนไอ้กายฟัดแก้มใสอยู่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างบางเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังผม
 
“มีอะไร  มาถึงนี่ได้” ผมหันกลับไปคุยกับเอมี่ที่มาพร้อมกับเพื่อนเธออีกคน ขอบบอกผมเซ็งสุดๆ
 
“มี่โทรไปทำไมไม่รับคะ แล้วเนี่ย มี่ว่าจะให้ไปรับที่คอนโด ดูสิมี่มาสายเลยอ่ะ” ร่างบางตรงหน้าว่าผม เธอดูด้วยสีหน้าไม่พอใจ
 
“แล้วแทนที่จะไปเรียนกลับมาโว้ย แว๊ดๆ ใสผมเนี่ยนะ” ผมตอกกลับไป เพราะคงจะไม่ชอบใจนักถ้าจะมีผู้หญิงมายืนด่าหน้าคณะตัวเอง
 
“ก็แล้วทำไม.........”
 
“โอ๊ะ.......ขอโทษฮะ.......ขอโทษฮะ”  ลีวายส์กินปีโป้อีท่าไหนไม่รู้  จู่ๆมันก็กระเด็นโดนเสื้อเอมี่ เป็นรอยเปื้อน  ร่างเล็กเลยลงจากตักไอ้กายมาแขย่งเท้าเช็ดเสื้อให้ใหญ่
 
“ไอ้เด็กบ้า....เสื้อเลอะหมดอ่ะ  ธาร!” แล้วเกี่ยวไรกับกูล่ะ เสื้อกูป่ะ ก็ไม่ใช่
 
ผลั่ก!!!!  อ้าวเฮ้ย  เอมี่ผลักลีวายส์จนล้มและสะดุดลงพื้น  ผมที่อยู่ใกล้ก้าวขาไปรับแต่ไม่ทัน
 
“ฮึก...อือออออ.....อึกๆ...อืออออออ” เอาแล้วไงเรื่องชวนปวดหัวมาแล้ว ไอ้กายจึงรีบลุกมายกลีวายส์ขึ้นอุ้มทันที  แต่ร่างเล็กกลับส่งมือมาหาผม
 
“อีเหี้ย ทำไรอ่ะ แมร่งเด็กร้องเห็นมั้ยห๊ะ”  ไอ้กายโว้ยวายใส่เอมี่ที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจจะฟัง เอาแต่เช็ดเสื้อของตัวเอง
 
“ก็ดูมันทำเสื้อเอมี่เลอะอ่ะ ดูสิเดี๋ยวเอมี่ต้องไปเรียนอีกนะ”
 
“กลับไปเรียนได้แล้ว กูรำคาญมากเลยเนี่ย      ลีวายส์เงียบ  หยุดร้อง!” ผมรำคาญเลยบอกออกไปตรงๆ   เอมี่อ้าปากค้าง หน้าเหวอนิดๆ รวมทั้งเพื่อนของเธอที่มาด้วยกัน   ก่อนจะหันไปสั่งลีวายส์ให้หยุดร้องแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด
 
“ทำไมพูดแบบนี้อ่ะธาร  เดี๋ยวนะ     แล้วนี่ลูกใครน่ะ”
 
“ลูกไอ้ธาร  พอใจยัง อีห่า” ไอ้กายก็ยังไม่หยุด แถมยังสร้างงานให้กูอีก ได้ลือกันทั้งมอสิมึง ผมหันไปชี้หน้าคาดโทษไอ้กายแต่มันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
 
“อึกๆ...อือออออ....อือออออออออออ”
 
“ลีวายส์ หยุดร้อง!!!!!”
 
“จริงหรอธาร  นี่มันอะไรกันน่ะ  แล้วไอ้เด็กนั้นมาจากไหน” ยังไม่หยุดได้ เอางี้ล่ะกัน
 
“มานี่มา....” ผมส่งมือไปรับลีวายส์มาอุ้มแทน “หยุดร้องซะ  ไม่งั้ยกูทิ้งมึงเอามั้ย”  ร่างเล็กหยุดร้องเปลี่ยนเป็นสะอื้นเบาๆและซบหน้าลงกับไหล่ผม แต่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือไม่พอใจถ้าเสื้อผมจะเปื้อนหรือจะยับยังไง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงผลักออกแล้ว
 
“อย่าบอกนะ วะ.....ว่าลูกธารจริงๆนะ   ได้ไงอ่ะ”
 
“แล้วแต่จะคิด....” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นตึกไปในคณะ  ผู้หญิงคนเดียวช่างแมร่งจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สายตาของนักศึกษาในคณะนี่สิ มองกันจริง ห่า  งานเข้าจัดเต็มล่ะกู
 
“หวัดดีเหี้ยๆๆๆ ทุกคนนนนนนน...”  ไอ้เซฟครับ ไอ้เหี้ยนี่ถ้าไม่เลยเวลาเรียนมันก็จะไม่มาถึงห้องหรอกครับ
 
“เหี้ย พ่องมึงดิ  ไอ้สัจ” ไอ้กายตอบรับได้ดีมาก พวกมันรักกันดีสุดๆ
 
“อ้าว.....พาลูกมาด้วยหรอ   น่าร๊ากกกกก น่าฟัดดดดด  น่าอาววววววววว  สุดๆ” ไอ้เซฟเข้ามาหยิกแก้มลีวายส์  ร่างเล็กหันหน้าหนีมือหนาของไอ้เซฟ
 
โป๊ก!!!!!
 
“น่าเอาบ้านพ่องมึงสิ”  ผมเอาหนังสือเคาะหัวมันทีหนึ่งก่อนจะดึงลีวายส์ออกจากแขนผมให้ลงไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆดีๆ
 
เราเริ่มเรียนกันในเวลาไม่นาน ลีวายส์นั่งข้างผมขนาบข้างด้วยไอ้กายที่ค่อยชวนลีวายส์เล่นจนไม่เป็นอันเรียน  แต่ลีวายส์ก็ไม่ได้ซนหรือรบกวนการเรียนของผมเลย
 
ผมหันไปมองร่างเล็กเป็นระยะๆ  และก็เห็นว่าลีวาย์เริ่มโอนเอนเพระง่วงนอน แต่เกาอี้มันแคบผมเลยเหยียดขาขึ้นไปวางกับเกาอี้ตัวข้างหน้าผมและอุ้มลีวายส์ให้มานอนในตัก
 
ก้มมองจากมุมนี้แล้ว ก็อดมองหน้าเนียนใสไม่ได้ ผมเคยคิดกับตัวเองว่าถึงจะไม่อยู่กับพ่อแม่หรือไม่มีใครผมก็อยู่ได้แต่นั่นมันเป็นความคิดในช่วงมอปลายซึ่งเลยวัยเด็กอย่างลีวายส์มาแล้ว เพราะร่างเล็กในตักผมหากไม่มีใครเลยคงแย่สุดๆในช่วงเวลาแบบนี้
 
“แอมๆ  มองๆ เดี๋ยวตกหลุมรักเด็กขึ้นมาจะลำบากนะ เพื่อน” ห่า ผมหันไปมองเสียงเห่าจากปากเน่าๆของไอ้เซฟด้วยหางตา   มันทำปากจู๋และหันไปสนใจอาจารย์ต่อ
 
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงขาผมเกือบชาก็ว่าได้ ร่างเล็กนี่ก็หนักใช่ย่อยทำเอาแข็งหมด ขาน่ะนะอย่าคิดใกล้ถึงผมจะคิดก็เหอะ(?)
 
“ลีวายส์  ตื่น” ผมยกร่างเล็กขึ้นมานั่งดีๆ ดูเหมือนร่างเล็กยังนอนไม่เต็มตื่นเท่าไหร่ ถึงได้โอนเอนจะแก้มใสเฉียดปลายจมูกผมไปมา
 
“ตื่นไม่งั้นกูทิ้งมึงไว้นี่นะ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นและว่างร่างเล็กให้ยืนกับพื้น ร่างเล็กตกใจกำชายเสื้อผมไว้แน่นและตื่นขึ้นเต็มตา
 
“อ่าๆๆ ดูดิลีวายส์กลัวมึงทิ้งจริงๆเลยอ่ะ โอ่ๆ ไม่ทิ้งครับไม่ทิ้ง  น่ารักขนาดนี้ใครจะทิ้งลงเนอะๆ”  ไอ้กายลูบหัวร่างเล็กเบาๆอย่างเอ็นดู
 
เราเดินออกมาหน้าคณะและแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้เรียนบายผมเลยหาที่จอดรถได้ไกลหน่อยจึงต้องใช้เวลาสักสิบนาทีได้กว่าจะถึงรถ
 
และระหว่างทางเดินก็มีสายตาจากนักศึกษามองมาไม่ขาดสาย ก็คงเพราะร่างเล็กที่เดินตามหลังมา ผมคิดว่าลีวายส์คงเดินตามมาทันเลยเอาแต่เดินไปเรื่อยเพื่อให้ถึงรถเร็วๆ ผมเริ่มหงุดหงิดกับสายตาพวกนั้นแล้วล่ะ
 
แต่พอหันกลับไป พบว่าร่างเล็กเดินห่างจากผมเป็นเมตร  เฮ้อออ  ผมถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆก่อนจะเดินกลับไปและอุ้มร่างเล็กขึ้น ทิ้งความอายลงพื้นและรีบเดินไปยังรถที่ไม่ไกลก็จะถึงแล้ว
 
“เขามอง ลีวายส์ทำไมฮะ” เมื่อเข้ามานั่งในรถ ลีวายส์ถามขึ้นทันที ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นมา
 
“เค้าเห็นผีมั้ง” ผมบอกกลับไปไม่ได้สนใจร่างเล็ก รีบขับรถออกจากมออย่างเดียว
 
“แต่เค้ามองพี่ธารด้วยนะ” ร่างเล็กพูดบอกอย่างซื่อๆ แต่กูนี่เหมือนด่าตัวเองอ่ะเมื่อกี้ ไอ้เด็กเวร ด่ากูอยู่ป่ะเนี่ย
 
 
วันนี้สนามแข่งมีรอบแข่งรถเม็ทสำคํญและผมกะว่าจะไปลงพนันกับพวกไอ้แมนซะหน่อยแต่ปัญหาคือ
 
“กู  ต้องกลับบ้านจริงๆ  กูก็อยากให้ลีวายส์มาอยู่กับกูก่อนแต่ พ่อพึ่งจะโทรให้ไปรับน้องกลับบ้านเนี่ย” ผมทำเสียง จิ๊ ก่อนจะกดวางสาย
 
ไอ้กายบอกว่าน้องชายกลับมาเลยรีบไปรับที่สนามบินและตรงกลับบ้าน และจะไม่เข้าผับอีก  ผมกะว่าจะพาลีวายส์ไปฝากไว้ซะหน่อย  แล้วทีนี่กูจะทำไงดี ก็คงต้อง.......เหี้ยเฮ้ย!!!
 
 
“ลีวายส์อยากกลับบ้าน......” กูว่าแล้ว  ผมก้าวเข้ามาถึงออฟฟิศของสนามแข่งไม่ถึงสิบนาที ลีวายส์ก็ ร้องบอกว่าจะกลับๆ
 
ทีแรกผมก็ไม่สนใจคุยกับพวกไอ้แมนไปเรื้อยๆแต่เมื่อร่างเล็กเข้ามาดึงชายเสื้อผมเบาๆ ผมก็เริ่มหันไปมอง คงเพราะคนเยอะและแปลกตามันเลยน่ากลัวสำหรับเด็ก
 
“ลีวายส์!!” ผมพูดบอกเสียงเรียบจ้องหน้าร่างเล็กนิ่งๆ   ลีวายส์เลยก้มหน้าหนีสายตาผม
 
“กูว่า มึงพาลีวายส์ไปอยู่ในห้องก่อนเหอะ เผื่อจะหลับ” ไอ้แมนบอกบุ้ยหน้าไปทางประตูห้องไว้สำหรับพักผ่อนของมัน  สนามที่นี่ก็เป็นของพี่ชายมันซึ่งมันก็ทำงานอยู่ด้วยแต่ก็รับผิดชอบแค่เรื่องเล็กๆน้อยเท่านั้น
 
ผมพาร่างบางเข้ามาในห้องก่อนจะเปิดจอมอนิเตอร์ดูการแข่งในสนาม ลีวายส์ขยับมานั่งข้างๆผมมองจอไปด้วย
 
ผมเดินไปหยิบหมอนมาให้และร่างเล็กก็นอนลงโดยไม่ต้องให้ผมพูดบอก ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ เมื่อเห็นการกระทำของร่างเล็ก
 
“ไอ้ธารเหี้ยแล้วว่ะ  ไอ้โด่งมันมาลงแข่งไม่ได้ เห็นบอกว่าโดนเมียขังไว้ในห้องโน้น” จู่ๆไอ้แมนเปิดประตูเข้ามาก่อนจะพูดบอก
 
ปกติไอ้โด่งไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้ง ผมก็รู้แหละว่าไอ้นี่เมียมันแซบแค่ไหนคงจะทะเลาะกันจนได้เรื่องถึงได้โดนเมียขังไว้
 
“แล้วเอาไง ผิดนัดโดนแดกมัดจำฟรี เหี้ยพอดี” ผมบอกเพราะเราทำเรื่องมัดจำไว้สองแสนห้า ผมหันไปมองลีวายส์ที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
 
“กูว่า......มึงลงแทนเหอะ ไม่มีใครที่กูไว้ใจได้เท่ามึงว่ะ  กูไม่อยากโดนแดกมัดจำฟรี”
 
“อ้าว  เหี้ยแล้วไง” ผมยกมือขึ้นกุมขมับ มองหน้าลีวายส์ที่กำลังมองมาเช่นกัน  ไม่บ่อยนักที่ผมจะลงแข่งในสนาม นานๆทีจะนึกสนุกลงไปแข่ง แล้วยิ่งมีร่างเล็กพ่วงท้ายมาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วใครจะช่วย ผมเลยพยักหน้ารับไอ้แมนไป
 
“มึงไปเตรียมตัวก่อน จะหมดรอบแล้ว เดี๋ยวมึงต้องลงเลยนะ” อ้าวสัจ ไม่ให้กูเตรียมใจเลยนะอย่างนั้นน่ะ
 
ผมมองร่างเล็กตรงหน้าอย่างชั่งใจก่อนจะลุกขึ้น แต่ทันทีที่ผมลุกขึ้นลีวายส์ก็ยื่นมือมากำชายเสื้อผมไว้แน่น  ร่างเล็กมองผมน้ำตาซึมนิดๆ
 
“กูไม่ได้ทิ้งหรอกนา....” ผมพูดบอก ร่างเล็กกลับสั่นหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด “ไปแป๊บเดียว  เดี๋ยวก็มา” ผมดึงมือลีวายส์ออก ก่อนจะเดินออกมาเลย
 
ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตู มือจับลูกบิดไว้และเปิดเข้าไปอีกรอบ เห็นลีวายส์ยืนร้องให้เอามือปิดหน้าแต่ผมไม่ทันได้เข้าไปไอ้แมนเรียกไว้ซะก่อน
 
“เอาว่ะ  กูเชื่อใจมึง.....” ไอ้แมนพูดบอกกับผม แต่ผมไม่สนใจมากนักเพราะตอนนี้ในหัวมีแต่ภาพของลีวายส์ร้องไห้ที่คอยแต่จะผุดขึ้นมา
 
ผมรีบเดินไปขึ้นรถและพยายามสะบัดหัวแรงๆแต่ภาพในหัวก็ยังไม่จางหายแถมหูยังแว่วได้ยินเสียงร้องของร่างเล็กเมื่อสักครู่อีกด้วย
 
ผมเคลื่อนรถมายังจุดสตาร์ทและเมื่อมีสาวสวยถือธงเดินออกมาส่งสัญญาณผมก็เริ่มเร่งเครื่องยนต์   ไม่นานเสียงปืนดังให้รถออกตัวผมจึงรีบกระชากตัวออกรถด้วยความเร็ว
 
บอกตามตรงในหัวตอนนี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องจะเอาชนะเลยด้วยซ้ำ ผมเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อได้จังหวะแซงหน้ารถคันแล้วคันเล่าเพื่อให้ถึงเส้นชัยเร็วที่สุด
 
การแข่งรอบนี้เราแข่งกันสามรอบสนามคันไหนถึงเส้นชัยในรอบที่สามก่อนชนะ และไม่มีกฎตายตัวผมถึงได้เบียดรถคันอื่นๆออกจากสนามไปแล้วสองสามคัน เพราะมันขวางหูขวางตา และผมคิดว่าครั้งนี้กูขับได้กวนตีนสุดๆ
 
 
ในที่สุดผมก็เข้าเส้นชัยจนได้แต่ผมไม่รู้หรอกว่าผมชนะหรือเปล่าเพราะพอผมขับรถเข้าเส้นชัยมาถึงจอดเลยเส้นชัยออกมานิดเดี๋ยวก็รีบลง จนไอ้แมนต้องรีบวิ่งเข้ามาหา ผมลงมาก่อนจะถอดหมวกโยนให้มันและวิ่งเข้าไปในออฟฟิศ
 
“เฮ้ยเยี่ยมว่ะ....เฮ้ยไอ้ธาร....รีบไปไหนวะ”เสียงไล่หลังของไอ้แมน ซึ่งผมไม่ได้สนใจมันเลย
 
ผมตรงเข้ามายังห้องพักเปิดประตูเข้าไป แต่ภาพตรงหน้าที่เห็นทำให้ใจผมกระตุกวูบและเลือดสูบฉีดขึ้นหน้า
 
“ไอ้เหี้ย!!!!”
 
“อย่าร้อง....คนดี.....เฮ้ย!!!!”   ผั่วะ!!!   ผั่ว!!!   ผลัก!!!!
 
ผมเข้าไปซัดไอ้หน้าอ่อนจากไหนไม่รู้จนลงไปก่อนกับพื้น มันกำลังพยายามยื่นขนมให้ลีวายส์และทำท่าจะยกร่างเล็กขึ้นอุ้ม ซึ่งลีวายส์ขัดขืนและเอาแต่ร้องไห้ออกมา
 
“ฮือออออ.....อึกๆ....อืออออออ” ลีวายส์ยืนร้องไห้อยู่กับที่ในขณะที่ผมยังไปปล่อยมือจากไอ้หน้าอ่อน
 
“เฮ้ย! เหี้ยแล้ว  ปล่อยๆ ไอ้ธาร  ปล่อยนี่เด็กใหม่ เว้ย” ไอ้แมนรีบผลักผมออกจากไอ้เด็กใหม่ที่ว่านั่น มันยกมือไหว้ผมอย่างกล้าๆกลัว
 
“ผะ...ผมแค่เห็นน้องเค้าร้องนานน่ะครับ ผมเลยเข้ามาดู  ผะ...ผมไม่ได้คิดจะทำอะไร  จริงๆนะพี่” มันรีบพูดบอกก่อนจะหลบไปอยู่หลังไอ้แมน
 
“อืออออออ....อึกๆ...พี่ธารทิ้ง....อึก....ลีวายส์” วีวายส์เดินเข้ามาดึงชายเสื้อผมและกำไว้ในมือแน่น ส่วนอีกข้างทุบตีผมแต่ก็ไม่แรงนัก
 
ไอ้แมนกับไอ้เด็กใหม่นั่นออกไปจากห้อง ผมเลยอุ้มร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ลีวายส์รีบโอบรอบคอผมไว้แน่นเหมือนกลัวผมจะหายไป และซุกหน้าลงมากับซอกคอผม ผมเองก็กระชักอ้อมกอดแน่นเช่นเดี๋ยวกัน
 
ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นน้ำตาของร่างเล็กผมถึงได้รู้สึกผิดจนเจ็บใจตัวเองนิดๆที่ทิ้งลีวายส์ไว้คนเดียว ผมคนเข้าใจขึ้นมาในระดังหนึ่งแล้วว่าความรู้สึกของคนที่ถูกใครคนหนึ่งทิ้งเค้าจะเสียใจมากแค่ไหน  มากซะจนร้องไห้ไม่หยุดและนอนหลับไปเลยล่ะ
 
ผมอุ้มลีวายส์ที่โอบรอบคอผมไม่ยอมปล่อยมาตั้งแต่ในสนามจนถึงคอนโด ขนาดนั่งรถกลับยังต้องให้มันนั่งด้านคนขับกับผมเลยครับ และก็เผลอหลับไปเนี่ยแหละ กลับมายังห้องอย่างกะลิงเกาะผมอยู่
 
ผมเปิดประตูเข้ามาและตรงไปยังห้องนอนทันที วางร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงกว้างก่อนจะค่อยๆแกะมือที่โอบรอบคอผมออกแต่....ไม่ออก- -;;
 
เหี้ยล่ะ แล้วกูจะอาบน้ำยังไงเหงื่อโชกกายซะขนาดนี้  เฮ้อออออ   กึ่ก! ผมหันมามองลีวายส์ถึงกับสะดุ้งคับ เพราะลีวายส์กอดคอผมไว้พอหันหน้ามาตรงกันปลายจมูกผมกับร่างเล็กเลยเตะกันพอดี
 
ผมไล่มองหน้าร่างเล็กตั้งแต่ตากลมที่บวมเพราะผ่านการร้องให้มานานพอสมควร กำลังหลับพริ้ม จมูกนิดที่โตขึ้นน่าจะโด่งใช้ได้ สองข้างแก้มแดงระเรื่อ และปาก.....
 
จุ๊บ!  จุ๊บ!  จ๊วบ!!!   เฮ้ย!!!!!  ผมเปล่าจูบนะ....คะ....แค่.....เหี้ย!!!   ผมแค่คิดว่าจุ๊บปากสีหวานนั่นนิดเดี๋ยวแต่มันเกิดมีเสียงจ๊วบด้วย ผมเลยชะงักและรีบแกะมือลีวายส์ที่โอบรvบคอผมไว้จนหลุด
 
“ฮึกๆ...อืออออ” เอาแล้วไงกู  พอมือหลุดจากคอผมเท่านั้นแหละร่างเล็กสะดุ้งและสะอื่นออกมาพร้อมกันเลยทีเดียว
 
และผมก็ต้องหันกลับไปนอนลงข้างๆดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ ร่างเล็กรีบซุกเข้าหาผมทันทีโดยหารู้ไม่ว่าถ้าสันดานดิบกูแผ่ซ่านกับเด็กขึ้นมาเมื่อไหร่ มึงไม่รอดแน่  เด็กเวรรรรรรรรรรรรรรรรร
 
ปวดไข่  เฮ้ย!!!!!   ปวดหัวฉิบ!
 
 
<<<<<TBC>>>>>>
 
อีธาร : ก็กูจะหยาบอ่ะ ใครจะทำไม มันไม่ใช้ลูกกูซะหน่อย  แต่เป็น......เด็กกู!
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 30-01-2014 14:22:22
 :laugh: อ่อนโยนหน่อยสิพี่ธาร เดี๋ยวเด็กไม่สนน่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-01-2014 17:16:45
อีธาร!!! น้องยังเด็กอยู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 30-01-2014 19:55:21
นุ้งลีวายส์

 :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 30-01-2014 20:01:14
><  ธารทนไม่ได้อะดิ๊ๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 30-01-2014 20:07:45
โดยรวมสนุก  แต่น่าจะลดคำหยาบนะเคอะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 30-01-2014 20:28:56
น้องไม่เหลือใครเลย ไม่แปลกถ้าน้องจะกลัวธารทิ้งขนาดนี้
ถึงบ้างครั้งน้องจะดูงอแง แต่น้องก็น่ารักนะ 5555555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 30-01-2014 20:58:59
สนุกค่าาา ติดใจๆน้องน่ารักมากๆเลย
รอนะจ้ะะะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 30-01-2014 21:18:31
ลีวายส์น่ารักขนาดนี้ อย่าทิ้งนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 30-01-2014 21:32:18
ลีวายส์น่ารักจ้าาาาาาาาาาาา    :m1:   ส่วนพี่ธาร ถ้าตัดคำหยาบกับเด็กออกอีกนิดจะดีมาก   :m13:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-01-2014 22:48:19
งื้อออ ชอบอ่ะ น้องติดพี่มากๆ
ธารก้อเข้าใจหน่อย น้อง10ขวบเหอะ
เดี่ยวขี้คร้าน ถ้าน้องโตขึ้นแล้ว ธารนั่นแหละจะติดน้อง หม่ใช่น้องติดธาร
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 30-01-2014 22:56:15
อืมม์ ตอนสอง ธารค่อยดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 30-01-2014 23:24:25
สนุกกกกกกกกกกกกกกกก 

นับวันรอให้น้องลีวายโดนจับกิน55555555 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: aomj555 ที่ 31-01-2014 09:21:01
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: supermyrainbow ที่ 31-01-2014 12:00:23
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 31-01-2014 22:58:39
 :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-02-2014 12:12:57
น้องลีลายทำให้พี่ธารปวดไข่บ่อย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: GoodNice ที่ 01-02-2014 13:32:36
 :impress2:   :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 01-02-2014 13:40:17
ท่องจำไว้ให้ขึ้นใจอีธาน...
คุก คุก คุก
ไข่ตั้งกับเด็กสิบขวบ
งานนี้หนูน้อยของเราจะรอดไหมเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 01-02-2014 16:22:59
คุกหนอ คุกหนอ

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao6:

 เด็กมันยั่วหนอ     เด็กมันยั่วหนอ

 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-02-2014 17:35:41
เถื่อนไปนะอีธาร สงสารเด็ก 55555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 02-02-2014 11:40:18
มาต่อแล้วจร้า   :katai2-1:   :katai2-1:  :katai2-1:


Older Brother .....04
 
ฉึกๆ ฉึกๆ
“อืมมมมม.....” ผมพลิกตัวหนี ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวเมื่อรู้สึกถึงความรำคาญอะไรบางอย่างที่เข้ามาสะกิดอยู่ตรงข้างแก้มเบาๆ
 
“.................” หายไปไม่นานรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรสักอย่างคืบคลานเข้ามาในผ้าห่ม และยังไม่พอมันยังจะขึ้นมานอนทับหน้าท้องผมแกร่ง  ผมจึงต้องค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
 
“เฮ้ย!!!!!” ลีวายส์ทำเอาผมสะดุ้งตื่นเต็มตา เมื่อลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าของมันอยู่แค่ปลายจมูก
ก่อนที่ผมจะยันตัวลุกขึ้นจากเตียงและเปิดผ้าห่มออก 
 
ลีวายส์โผล่หัวออกมาเอามือเท้าคางไว้ทั้งสองข้าง นอนมองผมตาพริบๆ และจู่ๆก็ทำท่าเหมือนกับคิดอะไรออกก่อนจะขยับมา....จุ๊บ!!!!
 
“มอนิ่งคิส ฮะ” มันพูด ส่งยิ้มยิงฟันทำตาหยีมาให้  ดู  ดูมันทำน่า......สักทีมั้ยเช้าๆแบบนี้เนี่ย
 
“ลงไป!” ผมบอกเสียงเข้ม ทำให้ร่างเล็กถึงกับรีบลงไปจากร่างผม มันทำหน้าหมาหงอยจนผมรู้สึกผิดเลยล่ะ ผมทำไรผิดวะ
 
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ วันนี้กะว่าจะจัดการเรื่องเข้าเรียนให้ลีวายส์เพราะยังไงก็ต้องเรียนหนังสือและอีกอย่างจะได้ตัดปัญหาที่จะต้องพาไปไหนมาไหนกับผมด้วย
 
ผมดูเอกสารและให้ไอ้กายจัดการเรื่องที่เรียนให้ เพราะพ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ผมเลยจะฝากให้ลีวายส์ไปอยู่ที่นั่น ผมก็จะได้สะดวกไม่ต้องไปวุ้นวายอะไรมากนักปล่อยให้ไอ้กายเป็นคนจัดการไป
 
 
 
 
 
 
“ฮ่ะๆ  ฮ่าๆๆๆๆ” ดูเหมือนว่าลีวายส์จะเข้ากับไอ้กายได้ดีกว่าผมซะอีก ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้มันยังเล่นกันไม่หยุด ฟัดกันนัวเนียอยู่ตรงโซฟานั่นแหละ บางทีกูก็หมั่นไส้นิดๆน่ะนะ
 
 
Tru………….. Tru………..
 
โทรศัพท์ผมดังมาจากบนโต๊ะทำงาน ผมเลยลุกขึ้นมาคุยตรงระเบียงห้องพัก ผมอยู่ที่ผับ เรามาถึงก่อนผับเปิดหนึ่งชั่วโมง และตอนนี้คงจะเริ่มให้แขกเข้าร้านบ้างแล้ว
 
“ว่า........” ผมกดรับก่อนจะพูดทักเสียงเรียบ
 
“ได้เรื่องแล้ว มันนัดให้เราที่ไปXXX มันจะส่งน้องชายมันมาคุย” ไอ้แมนพูดบอกเกี่ยวกับเรื่องที่ผมไว้วานมันให้ไปทำ
 
“บอกว่า กูจะคุยกับมันโดยตรงไม่งั้นก็ไม่ต้องเอาเงิน”
 
“ได้   งั้นกูจะนัดสถานที่มาเลยแล้วกัน เดี๋ยวกูส่งไปให้อีกที” มันพูดจบและกดสายทิ้งไป
 
เพล้ง!!!!!!
 
เหี้ยไรอีกวะ    ผมรีบก้าวกลับเข้าไปด้านใน เห็นลีวายส์ล้มลงกับพื้นพร้อมกับไอ้กายที่ทำท่าจะเข้าไปรับแต่ไม่ทัน แถมยังมีเศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้น
 
“เล่นเหี้ยอะไรกันห๊ะ!!!!  แมร่ง!   มึงเด็กหรือไงไอ้กาย  มึงดูซิได้เลือดจนได้   มึงนี่ก็ชอบจัง ทีหลังไปเล่นนอกระเบียงโน้นจะได้ตกลงไปตายทีเดียว” ผมด่าไอ้กายจบ ก้าวเข้าไปอุ้มลีวายส์ขึ้นมา และก็ด่ามันไปด้วย
 
 
“ฮึก....ฮึก....อืออออออออออออออออ” เอ้า!  สิ้นเสียงผม ลีวายส์เริ่มร้องไห้ขึ้นมาทันที
 
“หยุด!!!!!   ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ต่อไปกูจะไม่พามึงมาอีก กูจะขังไว้ที่ห้อง” ผมบอก  ลีวายส์กัดปากตัวเอง สะอื้น ตัวสั่นเพราะกลัวผมจะด่าว่าต่อ
 
“ไปเลย มึงไปถอยรถเลย แผลขนาดนี้โดนเย็บแน่มึง” ผมหันไปพูดกับไอ้กายที่ยืนนิ่งทำท่าจะร้องแทนลีวายส์ ซึ่งตอนนี้ซุกหน้าสะอื้นอยู่กับแผงอกผม
 
“ไอ้เซฟ  มึงเข้ามาดูร้านที กูพาเด็กเวรไปโรงบาล............ไม่ต้องถามมาก.....!!!” ผมโทรไปบอกไอ้เซฟ มันก็รีบเสือกทันที ผมเลยรีบวางหูใส่แมร่ง
 
 
ผมเดินออกมาทางหลังผับจะได้สะดวก ขึ้นรถที่ไอ้กายขับมารออยู่ ก่อนจะตรงไปโรงบาลทันที ที่จริงแผลมันไม่เยอะสำหรับผม แต่สำหรับร่างเล็กคงจะเจ็บ เพราะดูผิวหนังมันจะบางไป เลือดเลยไหลออกมากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมใส่อยู่มันเปื้อนเลือดไปเกือบครึ่ง
 
“เร็วไหนไอ้กาย ทีมึงแอบไปแข็งรถ ยังเร็วได้กว่านี้................ไม่ต้องมองกูรู้” หึ ผมพูดบอก
 
ไอ้นี่น่ะ มันเคยไปลงแข่งรถที่สนาม และมันก็รถคว่ำปางตาย  เพราะอะไรอันนี้ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าจากนั้นพวกผมก็สั่งห้ามมันเด็จขาด แต่มันก็ยังแอบไปแข่ง แต่ก็ไม่พ้นสายตาไอ้แมนไปได้เพราะหูตามันเยอะ
 
“........................” ไอ้กายหลบตาผม ก่อนจะรีบขับ และไม่นานก็มาถึง  โชคดีที่ผมมีรุ่นพี่เป็นหมอ ผมเลยโทรมาบอกไว้ก่อนมาถึงโรงพยาบาล
 
 
“นี่ๆ  หมอ เบาๆหน่อยสิ  เห็นมั้ยว่าเด็กผิวบางอ่ะ” ไอ้กายพูดบอกไอ้พี่หมอที่กำลังเย็บแผลให้ลีวายส์ ผมคิดว่าพี่แกมือเบาสุดแล้วนะแต่ไอ้กายก็ยังจะพูดบอกอย่างห่วงๆตั้งแต่เข้ามาแล้วล่ะ ผมยังรู้สึกรำคาญแทนพี่หมอเลย
 
“เออ...กูว่ากูเบาสุดแล้วนะ” พี่หมอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ส่วนลีวายส์กอดคอผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมเลยต้องอุ้มและนั่งลงบนเตียงพยาบาลเพื่อให้พี่หมอทำแผลเย็บแผลได้สะดวก
 
“อึกๆ.....เจ็บ” ลีวายส์สะอื้นเบาๆ บอกว่าเจ็บเมื่อใกล้เย็บแผลเสร็จแล้ว
 
“ทีหลัง มึงเล่นให้ได้เลือดเยอะกว่านี่สิ กูจะได้ให้หมอตัดขาทิ้ง” ผมพูดขู่ ลีวายส์สั่นหัวไปมาและซุกหน้ากลับลงไปกับแผงอกผม
 
“เอาล่ะ  เสร็จแล้วคนเก่ง  เดี๋ยวมึงไปรอรับยาเลยนะ” พี่หมอบอก ผมเลยส่งสายตาไปทางไอ้กาย และมันก็รู้หน้าที่ดี
 
“เหอะ เด็กเหี้ยเพื่อนมึงพูดมาฉิบ” พี่หมอพูดบอก ไล่หลังไอ้กายที่ออกไปจากห้องแล้ว อยากจะบอกพี่แกเหลือเกินว่าแค่นี้ยังน้อยครับ
“แล้วนี่เอาลูกใครมาเลี้ยงวะ”
 
“เรื่องมันยาวพี่ เอาไว้ค่อยเล่าให้ฟัง.....ขอบคุณมากงั้นผมไปล่ะ” ผมบอกลุกจากเตียงพยาบาล ไอ้เด็กนี่ก็เกาะผมอย่างกะลิง  ผมก็กลัวเหลือเกินว่าจะโดนแผลมันเข้า
 
“เดี๋ยวกลับพร้อมกันกูออกเวรพอดี” ไอ้พี่หมอพูดจบ หันไปเก็บของของตัวเองก่อนจะถอดเสื้อกาวออก เปลี่ยนเป็นคนล่ะคนเลยว่ะ เหอะ   จากนั้นเราก็เดินออกมาพร้อมกัน
 
“เสร็จแล้ว....อ่ะ.......” ไอ้กายรับยาเสร็จพอดี มันเดินตรงมาทางผม และมองผ่านไปยังพี่หมอตั้งแต่หัวจรดเท้า อึ้งล่ะสิมึง
 
ก็ตอนนี้พี่มันไม่มีเสื้อกาวสีขาวกับแวนตากรอบเล็กสีดำแล้ว มันใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิขาวเกือบซีด ใส่กางเกงยีนส์ขาเดฟและรองเท้ายี้ห้อดัง ถลกแขนเสื้อสองข้างขึ้นถึงข้อสอก บอกได้คำเดียวว่าเลวสุดๆ ไม่ต้องบอกว่าหน้าตาพี่แกหล่อแค่ไหน เอาเป็นว่าหล่อจน คนแกยังเหลียวหลังคอเคล็ดเลยล่ะครับ กูยอมรับว่าหล่อกว่ากูอีก
 
“เปาะ.....เฮ้! เพื่อนมึงจะกินกูหรอ” ไอ้พี่หมอ ยื่นมือไปดีดนิ้วใส่หน้าไอ้กาย จนมันสะดุ้ง เพราะเผลอเคลิ้มล่ะสิกูรู้หรอก
 
“บ้าหรอ  แค่มองเหอะ กูว่านะไม่เห็นเหมาะจะเป็นหมอเลย น่าจะเป็นพนักงานเข็นศพมากว่า” ไอ้กายมึงพูดแบบนี้ได้ไงพี่เค้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไอ้สัจ
 
“เหอะ.....เพื่อนมึงหน้าสวยดีว่ะ แต่ปากหมาไปหน่อย....หึ กูไปล่ะ” พี่แกบอกทำท่าจะเดินออกไป
 
“เดี๋ยวพี่รักษ์  ผมฝากไอ้กายไปด้วยได้มั้ย  พี่อยู่แถวนั้นด้วยนี่” ผมจะได้รีบกลับพาลีวายส์ไปพักผ่อน ผมก็ด้วยเนี่ยแหละ
 
“ได้/ไม่” อ้าว สัจ คนหนึ่งบอกได้คนหนึ่งบอกไม่ และไม่ต้องสงสัยไอ้กายครับมันไม่ไป
 
“งั้นมึงก็กลับเอง   กูไปล่ะ” ผมบอกแย่งถุงยามาจากมือมันยักคิ้วให้ไอ้พี่หมอทีหนึ่งเป็นอันรู้กันและผมก็เดินออกมาเลย
 
“เดี๋ยว  ผมไปส่งเอง” เสียงพี่หมอที่ผมได้ยินขณะที่ออกออกมา
 
“ไม่ไป ไอ้ธาร มึง!!!”  จากนั่นผมก็ไม่ได้สนใจ ทิ้งแมร่งเลยเพื่อนพาเด็กกลับห้องก่อนกู
 
ผมกลับมาถึงคอนโดภายในยี่สิบนาทีอุ้มพาร่างเล็กที่กอดผมไม่ปล่อยขนาดในรถยังต้องนั่งตักกอดคอผมมาตลอดทาง
 
“ลงไปก่อน  ลีวายส์  ลีวายส์” ผมเรียกร่างเล็กที่กอดคอไม่ยอมปล่อย ปรากฏว่าหลับครับ ผมเลยต้องเขย่าแขนเบาๆเพื่อปลุก
 
“อึกๆ.....อืออ” ร่างเล็กลืมตางัวเงียอยากนอนเต็มที และยอมปล่อยมือจากคอผม ผมเลยว่างร่างเล็กให้นั่งลงบนโซฟา
 
“ห้ามหลับ  เช็ดตัวออก จะได้กินข้าวกินยา” ผมพูดบอกกับร่างเล็กที่ทำท่าจะเอนหลังลงกับโซฟา
 
จากนั้นผมโทรสั่งอาหารขึ้นมาสำหรับสองที่เพราะตอนนี่ผมเริ่มหิวแล้วเหมือนกันก่อนจะเดินไป เตรียมกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูบางๆมาเช็ดตัวลีวายส์
 
“เอา  เช็ดตัวซะ....” ผมบอก ร่างเล็กมองผมนิดๆก่อนจะหยิบเอาผ้าขนหนูไปและเช็ดหน้าเช็ดตาอย่างลวกๆ  ผมยืนมองร่างเล็กนิ่งๆ รู้สึกรำคาญตากับท่าทางของมันเลยดึงผ้าขนหนูกลับ
 
“เช็ดบ้ารัยแค่นั้น.....ถอดเสื้อออกซิ” ผมพูดบอกเสียงเข้ม ลีวายส์รีบถอดเสื้อออกอย่างว่าง่าย ผิวขาวเนียใต้ผ้าเผยออกมา ทำให้ผมไม่อาจล่ะสายตาไปได้ รู้สึกหมั่นเขี้ยว อยากลองดูดชิมดูสักครั้ง.....เหี้ย!!!   กูคิดอะไรวะเนี่ย  ไอ้ธาร!!!
 
ผมกลืนน้ำลายลงคอ รีบเช็ดตัวให้ลีวายส์เอาแค่ทอนบนพอ และไม่คิดจะเช็ดท่อนล่างให้มันถ้าหากกูเผลอตบะแตกขึ้นมา คุกชัดๆ ครับงานนี้
 
ไม่นานข้าวมาส่งถึงห้องเราจัดการกินข้าวกันตรงโซฟาเนี่ยแหละลีวายส์จะได้กินยาเลยแต่ดูเหมือนร่างเล็กจะดื้อยาคือหมายถึงมันไม่ยอมกินน่ะสิ และยาที่ได้มามันก็เป็นยาเม็ดซะด้วย
 
“ขม........ลีวายส์กลืนไม่ลง” ร่างเล็กเบ้ปากบอก  น้ำตารื้อขึ้นมาตรงขอบตา
 
“มึงเลิกซักทีได้มั้ยไอ้ท่าทางแบบนี้   อย่าร้องนะไม่งั้นกูให้ไปนอนนอกระเบียงเอามั้ย” ผมขู่บอกก่อนจะเดินไปหาขนมรสหวานในตู้เย็น
 
“................” เมื่อได้ขนมผมจึงเดินกลับมาหา ร่างเล็กมองขนมในมือผมก่อนจะเม้มปากนิดๆ อ่า กูมีของล่อแล้วครับ
 
“อยากกินใช่มั้ย....” ผมถาม ร่างเล็กพยักหน้าน้อยๆ “ถ้าอยากกินรู้มั้ยต้องทำไง” ผมบอกหวังให้ร่างเล็กยอมกินยาแต่......
 
จุ๊บ!!!  จุ๊บ!!!
 
ลีวายส์ลุกจากโซฟายื่นหน้าเข้าหาผมที่นั้งอยู่ข้างๆก่อนจะแขย่งเท้าขึ้น จุ๊บมุมปากผมซ้ายขาวข้างล่ะที เด็กเวร กูให้มึงกินยาไม่ใช่ให้มาจูบกู เดี๋ยวกูจับฟัดซะเลยนี่  ห่า
 
“ดี(?)  เอาล่ะ ที่นี้ก็ ไปกินยาก่อน แล้วจะให้กิน เร็ว” ผมบอกดันหลังร่างเล็กให้ไปหยิบยาที่ผมเตรียมไว้ให้
 
ลีวายส์หน้างอ ทำท่าชั่งใจคล้ายผู้ใหญ่ก่อนจะยอมกลั้นใจกลืนยาลงคอทีล่ะเม็ด  กินยาเสร็จก็รีบขึ้นมานั่งตักผมและขอขนมกินทันที
 
“ดีมาก  รีบกินจะได้รีบนอน” ผมนั่งดูทีวีไปพลางมองร่างเล็กที่กำลังกินไปพลาง จริงสิตั้งแต่มาอยู่กับผมรู้สึกว่าลีวายส์จะไม่ค่อยได้กินขนมพวกนี้เลย  คงต้องซื้อติดห้องไว้บางล่ะ
 
นั่งไปสักพักลีวายส์เริ่มงัวเงียโอนเอนอีกรอบ เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร ผมเลยปิดทีวีและเก็บของหน้าโซฟานิดหน่อย
 
“ไปนอนได้แล้ว....” ผมบอกลีวายส์ ร่างเล็กไม่ยอมลุกจากโซฟา “ลีวายส์  ไปนอน” ผมบอกเสียงเข้มขึ้นอีกนิด
 
“ลีวายส์เจ็บขา   เจ็บขามาก” ลีวายส์บอก นิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อลองขยับขาดู ผมเลยจำต้องเดินมาอุ้มร่างเล็กขึ้น และเดินเข้าห้องนอน
 
“จุ๊บ!  ฝันดีฮะ พีธาร”  ลีวายส์ยืนหน้ามาจุ๊บปลายจมูกผมเบาๆ   เอาอีกแล้ว ผมไม่สนใจหันไปเปิดไฟหัวเตียง ว่าจะอ่านหนังสือต่อสักนิด แต่ร่างเล็กดึงแขนผมเขย่าเบาๆ
 
“พี่ธาร จุ๊บลีวายส์คืนก่อนฮะ   ลีวายส์จะได้ฝันดี” ร่างเล็กบอกมองผมตาปริบๆ  ยั่วกูหรือเปล่าวะ ผมทำเป็นไม่สนใจหันไปอ่านหนังสือต่อ แต่พอหันกลับมามอง ลีวายส์ก็ยังไม่ยอมนอนสักที
 
“จุ๊บ!   ฝันดี นอนได้แล้ว” ผมจำต้องก้มลงไปจุ๊บปลายจมูกร่างเล็กเบาๆ จากนั้นลีวายส์ก็หลับตาลงทันที พร้อมกับเอื้อมมือมากอดเอวผมที่นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ    หึ  อย่างกะกลัวกูหายงั้นแหละ
 
 
เช้า..........
 
‘ธารค่ะ  ธาร’ เสียงหวานของเอมี่เข้ามาในโสตประสาทผม กับภาพของผมและเธอกำลังร่วมรักกันอย่างดูดดื่ม
 
'อื่ม.........' ผมครางรับในลำคอ รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่าง เมื่อช่วงล่างถูกบดเบียดและสัมผัส
 
ผับๆๆ โอ๊ย!!! กูว่าแรงไปแล้ว  ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกว่าแทนร้อนตัวเองโดนบดเบียดอย่างแรง จนรู้สึกปวดหนึบมากไป
 
ผมเอามือไปลูบๆคลำๆตรงลูกธารน้อยแต่มือกลับจับโดนหัวทุยๆ ของใครบางคน ผมนึกขึ้นได้จนรีบเปิดผ้าห่มออก ผงกหัวขึ้นมอง
 
“เฮ้ย!!!”  ลีวายส์ตาโต ทันทีที่เห็นผมตื่น มือเล็กจับลูกธารน้อยของผมส่วนอีกมือกำลังยกขึ้นตั้งท่าจะฟาดมันลงไป
“ทำอะไรนะ  ลงไป!” ผมบอกร่างเล็กที่นั่งคร่อมเอวผมหันหน้าไปทางปลายเตียง
 
“หนอนฮะ หนอนมันอยู่ในนี้”
 

         
                     

“โอ๊ย!!!!” จุกครับจุก  มันพูดบอกอย่างตกใจไม่พอ ยังดึงลูกกูขึ้น กะว่าจะให้ผมดูด้วย ผมนี่หน้าแดงหมดแล้ว
 
“ตัวใหญ่มาก  ลีวายส์เห็นพี่ธารร้อง มันกัดใช่มั้ยฮะ” ลีวายส์พูดบอก ขณะที่มือเล็กยังคงจับหนอนยักที่มันว่าไว้มั่น บ้าเซ้นั้นไข่กู
 
ฟุ๊บ!!!  อ่าส์............
 
“อ่ะ....”  ผมผลักลีวายส์ออกจากตัว จนร่างเล็ก ล้มลงไปข้างๆ  จ้องร่างเล็กที่กำลังตกใจเขม่ง
 
“เออ!!!   หนอน เดี๋ยวมันจะกัดมึงเนี่ยแหละ  ถ้าไปยุ่งกับมันอีก  เข้าใจ๋!!!!” ลีวายส์สะดุ้งกับเสียงตะคอกใส่ของผมก่อนจะทำปากมุบมิบเหมือนจะบ่นอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าพูดบอก
 
ผมก็รีบเข้าห้องน้ำไปจัดการไอ้หนอนให้มันสงบก่อน  เช้าๆเลยกู  คงไปต้องพรรณนาหรอกนะ จินตนาการณ์เอาเองแล้วกัน
 
 
 
ก๊อกๆๆ  เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้นทำให้ผมลืมตาจากการงีบระหว่างแช่น้ำในอ่าง ผมมักจะทำแบบนี้เป็นปกติตอนเช้าๆ ถ้าตื่นเร็วน่ะนะ
 
“มีอะไรอีก......”
 
“ลีวายส์ปวด.....ฮึฮึ๊”  มันบอกเสียงอุ๊บอิ๊บอยู่หน้าประตู ซึ่งผมไม่ได้ล็อกไว้
 
“เข้ามา  ไม่ได้ล็อก” เพราะห้องน้ำกับห้องส้วมมันกั้นกระจกไว้ ผมเลยให้ร่างเล็กเข้ามาได้
 
สักพักร่างเล็กเดินเข้ามา ชำเลืองมองผมนิดๆ มันทำท่าจะวิ่งเข้าไปแต่พอเห็นผมมองอยู่มันเลยเดินช้าลง คงเพราะกลัวผมด่าอีกตามเคย
 
“.................” ร่างเล็กโผล่หัวออกมาจากกระจกที่กั้นไว้ และเอียงหน้ามองผม
 
“อะไรอีก”
 
“พี่ธาร...อย่าแอบดูนะ ” เด็กเวร มันเห็นกูเป็นโรคจิตหรือวะ  เฮ้อออ
 
 
 
 
“อาบน้ำยัง” ผมถามตอนที่มันเดินออกมาเมื่อทำธุระเสร็จ ลีวายส์สั่นหัวช้าๆตอบ “มานี่...” ผมบอกอีก ร่างเล็กก็เดินมาแต่โดยดี
 
“...............” ร่างเล็ก มองผมงงๆ  ก่อนจะก้มมองลงไปในอ่าง แต่มันไม่เห็นอะไรหรอกเพราะ ฟองสบู่เต็มอ่าง
 
“ถอดผ้า  แล้วลงมาอาบมา” ผมบอก  ร่างเล็กทำท่าครุ่นคิด และเดินออกไป อ้าวเหี้ยไรวะ เหอะๆ
 
“................” สักพักผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินกลับเข้ามาใหม่เลยลืมตาขึ้นมอง  ลีวายส์ถอดเสื้อผ้าออกหมดไม่เหลือไว้สักชิ้น
 
“แต่    ลีวายส์มีแผลฮะ” เออกูลืมไป  แต่ก็อาบได้นี่
 
“มานี่มา....” ผมบอกก่อนจะยกร่างเล็กลงมาในอ่าง จับขาข้างหนึ่งไว้พาดกับขอบอ่างโดยให้นั่งลงบนตักผม หันหน้าไปทางเดียวกัน  แต่เห็นทีกูจะพลาดล่ะ
 
พอก้นนิ่มๆของร่างเล็กบดเบียดลงเท่านั้นแหละ ลูกธารกูที่เพิ่งจะสงบไปมันก็เริ่มตื่นอีกครั้ง  ผมมองแผ่นหลังขาวเนียนของร่างเล็กตรงหน้า กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะก้มลงไปสูดดมเอากลิ่นกายมันเข้าบอด  หอมดีว่ะ อ่า........กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมถึงได้มีอารมณ์กับเด็กได้เนี่ย  ตะ.....แต่ว่า ไม่มีใครรู้สักหน่อย  ช่วยไม่ได้
 
จ๊วบๆ!!!  จุ๊บ!  ผมซุกไส้ซอกคอขาวเนียนตรงหน้า ร่างเล็กไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างไร ยั่วกูป่ะเนีย
 
“คิคิ....พี่ธาร จั๊กกะจิ้ ฮะ คิคิ ” ลีวายส์เอี่ยวตัวกลับมาบอก หัวเราะชอบใจใหญ่แต่หารู้ไม่ตอนมันขยับดิ้นอยู่บนตักผม มันทำให้ลูกกูตื่นตัวเร็วขึ้น
 
“อ๊ะ!!” ลีวายส์หยุดดิ้นเพราะสัมผัสได้ถึงแทนร้อนผมที่อยู่ใต้ร่างมัน
 
“โอ๊ย!!!!” ผมจับมือลีวายส์ไว้ไม่ทัน มือเล็กจับหมับเข้ากับลูกธารกูเต็มลำ  แถมมันยังออกแรงบีบเค้นอีกด้วย
 
“หนอนๆ  พี่ธาร หนอน..........อ๊ะ!!!”  ผมจับลีวายส์ลุกขึ้น อุ้มมันออกมายืนนอกอ่าง และนั่นทำให้ลีวายส์เห็นหนอนยักเข้าอย่างจัง ผมรีบเอาผ้าขนมหนูพันเอวก่อนจะทิ้งลีวายส์ให้ยืนเออเรออยู่ตรงนั้น  ไม่ไหวๆ กูตรงไปสยบหนอนกูก่อน อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
 

<<<<<<TBC>>>>>>>

ลีวายส์ : พี่ธารเลี้ยงหนอนไว้กลางลำตัว -*-

ขอบคุณทุกเม้นน๊าคร้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 02-02-2014 12:03:27
อุบ๊ะ! หนอนตัวหญายใหญ่
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 02-02-2014 12:21:53
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 02-02-2014 12:23:18
กรี๊ดด พี่ธาร
พี่แอบเลี้ยงหนอนยักษ์ใต้ร่มผ้าหรอคะ
ไหนๆ เอาออกมาโชว์ดิ๊
555+
 :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 02-02-2014 13:40:10
ลีวายส์หนอนพี่ธารมันอันตรายลูกกกกก
หนูอย่าไปจับสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้น  เดี๋ยวโดนหนอนกินนน 55555555555555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 02-02-2014 14:28:32
จับหนอนเข้าไปเต็มๆ  ><

พี่ธาร อดไหวหรอค้าาา?
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-02-2014 15:36:14
ลีวายส์น่ารักขนาดนี้ อิพี่ธารยังจะโหดอีกเหรอ
ปล.อย่าไปยุ่งกะหนอนพี้่ธารนะน้องลีวายส์ เดี๋ยวมันจะกัดเอา 5555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 02-02-2014 17:12:51
อีธารทนไว้ๆ  ยุบหนอ หดหนอ ท่องบ่อยๆ น้องยังเด็กอยู่    :-[
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 02-02-2014 19:52:22
ว้าย น้องลีวายอย่สไปยุ่งกับหนอน เดี๋ยวหนอนนั้นคืนสนองงงงง :-[
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 02-02-2014 20:02:26
หนอนตัวหญ่ายยยย
บีบให้แหลกเลยลูกลีวาย ถ้าไม่กำจัดตั้งแต่ต้นมีหวังมันมากัดตูดหนูแน่ 55+
จุกเลยใช่ไหมครับงานนี้ 55+
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: noinha31 ที่ 02-02-2014 21:39:25
หนอนยักษ์ของพี่ธาร  o22 o22

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 02-02-2014 22:57:09
ธารเริ่มเพ้อแหละ ระวังๆหน่อย เดี๋ยวจะเจอ คุก คุก คุก ท่องไว้ยุบหนอๆ 5555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: beamintron ที่ 03-02-2014 00:50:15
ลีวายส์(รีไวล์รุ่นเด็ก) อย่าไปจับหนอนนะลูกเดี๋ยวมันกัดเราซวยเลยนะลูก เพิ่ง10ขวบเอง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 03-02-2014 15:19:38
พี่ธารอดทนเข้าไว้  :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 03-02-2014 17:01:58
ธารท่องไว้เนอะ พุทโธ พุทโธ พุทโธ  :z1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: aomj555 ที่ 04-02-2014 18:05:56
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 04-02-2014 23:55:51
ตีซ่ะหนอนเกือบตาย

 :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-02-2014 08:44:06
บอกลีวายไปเลยดีกว่า ว่ามันเหมือนหนอนของนู๋ลีวายนั้นแหละ
แต่ตัวใหญ่กว่ามากกกกกกก เท่านั้นเอง

อีกไม่นาน ธารตบะแตกแน่ๆ
หึหึ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 05-02-2014 11:36:57
ใจเย็นๆ นะพี่ธาร เด๋วน้องลีวายจะจับ "หนอน" หักครึ้งซะก่อน  :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 06-02-2014 21:12:18
ลีวายส์หนูจับหนอนพี่ธารบ่อยเกินไปแล้วลูกกกกกก   :ling1:  เดี๋ยวพี่เค้าอดใจไม่ไหวหรอก  คุกคุกคุก   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 06-02-2014 23:05:20
55555 ลีวายส์เจอหนอนพี่ธาร xDD
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-02-2014 10:45:40
จะจัดการกับหนอนยักษ์ยังไงดี น้องลีวาย ต้องคิดอย่างนี้แน่ๆๆเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 24-02-2014 16:15:53
มาแว้วจร้า......................ขอโทดน๊า

เค้าติดสอบจร้า.... :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:


Older Brother .......05
 
(กูนัดให้แล้ว วันนี้บ่ายสองอย่าลืม แค่นี้แหละ) ไอ้แมนโทรมาคอนเฟิร์มนัดในวันนี้กับผม และวางสายไป
 
“.......................” ไม่รู้ทำไมพอเราไม่มีอะไรทำ ลีวายส์มันก็ชอบทำตาปริบๆใส่ผมอยู่เรื่อย พอผมจะเดินไปส่วนไหนของห้องที่พ้นสายตามัน ร่างเล็กก็จะเดินตามมาทันที
 
“นี่  มึงกลัวกูหายมากหรอ หื่ม” ผมถาม เอนตัวพิงกรอบประตูระเบียง
 
“ฮะ!!!” ร่างเล็กตอบเต็มปากเต็มคำ ทีแรกผมคิดว่ามันจะก้มหน้าเงียบซะอีก ผมเลยนั่งยองๆลงตรงหน้ามัน
 
“ฟังนะ.....กูบอกว่าจะเลี้ยงดู....เอ่อ  ดูแลกูก็จะทำและกูจะไม่ผิดคำพูด  แต่ถ้าอยู่กับกูก็ต้องอยู่จนกว่ากูจะอนุญาติให้ไป มึงไม่มีสิทธิไปจากกู เข้าใจมั้ย” ผมบอก จ้องหน้าร่างเล็กที่มองจ้องมาเช่นกัน
 
“ฮะ...ลีวายส์จะอยู่กับพี่ธาร จะอยู่ตลอดไปฮะ” ร่างเล็กพูดเสียงดังฟังชัด ก่อนจะเข้ามาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ “ลีวายส์สัญญา”
 
“หึ!    จำใส่หัวไว้ก็แล้วกัน” ผมพูดจบ จูบปากมันเน้นๆ ทีนึ่งก่อนจะถอนริมฝีปากออก ร่างเล็กมองอย่างงงๆ  หึ กูทำอะไรผิดอีกเนี่ย
 
 
 
วันนี้ผมกับลีวายส์ออกมาซื้อของเข้าครัว เหอะๆ ก็เมื่อวันก่อนผมคิดว่าจะออกมาซื้อพวกขนมอะไรไปเก็บไว้ติดห้องบ้าง แต่ก็ไม่ได้มา วันนี้ก่อนจะถึงเวลานัดของไอ้แมนผมเลยแวะซื้อก่อน
 
“ลีวายส์......ต้องกดเงินมั้ยฮะ” ร่างเล็กถาม มันนั่งอยู่ในรถเข็น ที่จริงตัวมันเกือบไม่จุแล้วแหละ แต่ผมไม่อยากให้เดินเกะกะเลยให้นั่งอยู่ในนั้น
 
“ไม่ต้องอวดรวย กูเลี้ยงมึงไหว” ผมบอกมองหาของใช้จำเป็นที่ใกล้จะหมดเพื่อจะได้ไม่ต้องออกมาซื้อหลายรอบ
 
“ลีวายส์เอาอันนี้กับอันนี้ได้มั้ยฮะ” ลีวายส์ เอื้อมมือไปหยิบเอาขนมสองถุงขึ้นมา
 
“ไม่ได้ เอาอันเดียวพอ  ของไม่มีประโยชน์”
 
“แต่วันก่อนลีวายส์เห็นพี่ธารสูบบุหรี่  มันไม่มีประโยชน์” ลีวายส์ยืนกอดอกทำปากยื่นแบบงอนๆ
 
“เสือก!   ไม่คือไม่ ถ้าไม่ฟังก็ไม่ต้องเอาทั้งสอง” เท่านั้นแหละรีบเก็บถุงนึ่งไว้ที่เดิมก่อนจะกอดอีกถุงไว้อย่างหวงๆ  เฮ้ออออ
 
ผมเลือกซื้อทั้งของใช้ ขนมและนมต่างๆ ครบ ไปจ่ายตังและเดินออกจากช้อป เดินมาได้สักระยะเห็นร้านขายเสื้อผ้าเด็ก หันไปมองร่างเล็กข้างๆที่มือกำชายเสื้อผมไว้ หึ ถ้าเดินแบบนี้มันไม่ปล่อยเลยล่ะ กลัวกูทิ้ง
 
ผมเดินตรงไปยังร้านนั่น มองผ่านเข้าไปมีเสื้อเด็กแบรนด์ดังมากมาย ผมคิดว่าลีวายส์น่าจะซื้อไว้บ้างเพราะผมก็ไม่ได้สนใจจะดูมากนักว่ามันมีเสื้อผ้ามากี่ตัว หรือแบบไหนบ้าง
 
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ พาน้องมาซื้อเสื้อหรอคะ  เชิญเลือกได้ตามสบายเลยค่ะ” พนักงานสาวสายยิ้มรับ แต่กูไม่ใช้พ่อมันครับ อยากบอกนะแต่ช่างเหอะ
 
“ไม่ใช่คุณพ่อฮะ เป็นพี่ชาย” ลีวายส์บอก ยิ้มหวานให้พนักงานสาว ยั่วสาวป่ะเนี่ย
 
“ค่ะ  สาวน้อย” หึ  ประโยคนั้นทำให้ร่างเล็กหุบยิ้มทันที มันหันมายุ้หน้าใส่ผมที่ยืนกลั้นหัวเราะนิดๆ
 
“ไม่ใช้ผู้หญิงหรอก  ผู้ชายคับ” ผมบอก  พนักงานหน้าเหวอ ปากค้าง ก่อนจะปรับสีหน้าเดินนำไปเลือกเสื้อผ้า
 
“ผมเลือกไม่ถูก ช่วยเลือกให้สองสามชุดนะครับ” ผมบอก เธอจึงจูงลีวายส์ไป ตอนแรกร่างเล็กไม่ยอมไปเพราะจากมุมที่ผมนั่งรอมันมองไม่เห็นผม ผมถึงเดินตามมันไปด้วย
 
“เอาสีไหนดีค่ะ สองแบบนี้มีสองสีค่ะมีสีฟ้ากับสีชมพู ส่วนอีกแบบมีสีน้ำตาลสีเดียวค่ะ” พนักงานหันมาถามผม
 
“ลีวายส์ชอบ สีนี้ เอาสีนี้ฮะ เอาสีนี้” ร่างเล็กชี้ไปยังเสื้อตัวสีชมพูซึ่งผมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
 
“เป็นตุ๊ดหรอไง เอาสีฟ้า!!!”
 
“ไม่เอา ลีวายส์ชอบสีชมพู”
 
“ไม่เอาสีนี้  เช็คบิลเลย” ผมบอกขัด ลีวายส์ก้มหน้า เงียบไปจนน่าใจหายกับท่าทางของมัน ผมมองดูร่างเล็กนิ่งๆ
 
“เออ.....สีชมพูแบบนี้เป็นของผู้ชายนะคะ ผู้ชายใส่ได้ หรือจะเอาเป็น สีชมพูแบบนึ่ง แล้วก็สีฟ้าแบบนึ่งดีมั้ยคะ” พนักงานพูดบอก  ทำให้ลีวายส์ยอมเงยหน้าขึ้น ผมพยักหน้าให้และยืดบัตรเพื่อเช็คบิล
 
 
 
 
“เฮ้อออ  มีลูกก็งี้ล่ะนะ คุณพ่อมือใหม่ คึคึ” ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาในห้องพักทำงานของผับ ไอ้กายก็ปากหมาใส่ทันที  ผมโยนขนมไปให้มัน ที่ซื้อมาเผื่อเมื่อกี้
 
“หวัดดีฮะ พี่กายคนสวย” ลีวายส์ยกมือไหว้พร้อมกับคำทักทายที่ผมพึ่งสอนไปตอนลงจากรถเมื่อกี้ ผมรู้ว่าเดี๋ยวพอมาถึงไอ้กายมันจะปากหมาใส่ผมเลยเตรียมไว้และมันก็ทำได้ดี
 
“ไอ้อีธาร มึงสอนลีวายส์หรอ ไอ้เหี้ย”
 
“หึ  ทำไมก็มึงสวยจริง ไม่เชื่อไปถามไอ้พี่หมอสิ” ผมพูดบอก มองมันอย่างล้อๆ ก็พี่หมอน่ะแกชอบผู้ชาย ผมเห็นสอยได้สอยเอา แล้วแบบไอ้กายนี้ผมว่าน่าจะโดน
 
“ไอ้หมอนั่น แหวะๆๆๆ  หน้าก็งั้นๆ กูไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นหมอ แมร่ง” มันพูดออกมาเหมือนไม่สน แต่ท่าทางครุ่นคิดของมันบอกได้ว่าสนสุดๆ
 
“งั้นวันนี้มึงพาลีวายส์ไปทำแผลด้วย กูมีธุระ”
 
“ไม่/ไม่ฮะ” ไม่ใช่แค่เสียงของไอ้กายคนเดียวที่ตอบแต่เป็นร่างเล็กที่นั่งสนใจขนมกับเกมในโทรศัพท์ไอ้กายก็หันขวับมาตอบด้วย
 
“กูไปแป๊บเดียว  เดี๋ยวกูจะกลับมารับ” ลีวายส์หน้างอใส่ แต่ไอ้กายมันทำหน้าอย่างไม่เข้าใจ “กูมีธุระสำคัญ พูดให้รู้ฟัง กูไม่ทิ้งมึงหรอก”
 
“จริงๆนะฮะ....สัญญา” ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมรู้ทันทีว่าควรทำยังไงให้มันเชื่อฟัง
 
“จุ๊บ!     สัญญา” ผมจูบหน้าผากมันเบา ร่างเล็กยิ้มกว้างให้ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆไอ้กายอีกครั้ง
 
“แหมๆ มีสันยงสัญญา  มั๊วๆ................โอ๊ย!!!  ไอ้ธาร” มันส่งเสียงแซว ผมเลยขว้างกล่องขนมเข้าให้ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะออกไปตามนัดกับไอ้แมน
 
“คิคิ”
 
“หัวเราะหรออออ......ลีวายส์  มาให้ฟัดซะดีๆ  ฮ๊ากๆๆ”
 
“คิคิ...อ่าๆๆ  คิคิๆ อ่า..อ่าๆๆ” กลับมาหวังว่าจะไม่เจ็บตัวจนได้เลือดอีกนะ
 
 
ผมไปหาไอ้แมนที่สนามแข่งพูดคุยกับมันเกี่ยวข้อมูลบุคคลที่เราจะไปพบไม่นานเรากันถึงยังสถานที่นัด เป็นร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งมีห้องส่วนตัวไว้สำหรับนักธุรกิจมานั่งพูดคุยกันแต่วันนี้มันไม่ได้มาทำธุรกิจ
 
ผมมาถึงก่อนเวลาสิบนาที มีเด็กของไอ้แมนมาด้วยสองสามคน อย่างน้อยต้องมีคนระวังหลังให้บ้าง เพราะคนที่จะมาพบเป็นพวกมีอิทธิพลไม่น้อย จากข้อมูลของไอ้แมนพวกนี่มีธุรกิจเกี่ยวข้อกับการพนันและค้าขายอาวุธ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าถูกกฎหมายหรือเปล่าเพราะผมไม่ได้สนใจ และหวังว่าผมจะจบแค่เรื่องนี้ก็พอ
 
เมื่อถึงเวลานัดบุคคลที่ว่าก็มาถึง ดูเหมือนจะรุ่นพี่ผมไม่กี่ปีเพราะดูจากหน้าตาแล้วยังหนุ่มอยู่ น่าจะยี่สิบปลายๆ  เขามากันสองคนอีกคนหน้าตาคล้ายกันแต่ต่างกันที่เรียวหน้าหวานกว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะมายุ่งเกี่ยวกับอะไรพวกนี้เลยเพราะหน้าดูถือว่าดีทีเดียว
 
“เรามาเริ่มกันเลย ผมชื่อโอ๊ค ผมว่าพวกคุณคงรู้บ้างแล้วมั่งว่าผมทำธุรกิจอะไรซึ่งแต่ต่างจากพวกคุณที่ทำผับบาร์น่ะนะ” คุณโอ๊คคงจะให้เด็กสืบข้อมูลของเราเช่นกันพระยังไงรู้เขารู้เราไว้ยอมดีกว่าและผมรู้พวกมันไม่ยอมเสียเปรียบแน่
 
“เข้าเรื่องเถอะ ผมคงไม่ต้องแนะนำตัว” ผมพูดบอกเพราะอยากจบเรื่องนี้เต็มที
 
“โอ๊ต!      นี่คือสัญญามีลายเซ็นคุณน้ำทิพย์ เป็นลายลักษณ์อักษร ว่าได้ยืมเงินผมไปสามแสนแปดหมื่น แต่เธอไม่เคยส่งจ่ายแม้แต่ดอกสักบาท”  คุณโอ๊ครับเอกสารจากคนข้างๆที่ชื่อโอ๊ต และส่งมันมาให้ผม หึ!
 
“นี่ของปลอม  ผมมาเจอคนผิดหรอเปล่า” ผมพูดบอกเสียงเรียบ อย่าลืมซิผมเรียนนิตินะไม่ใช่แค่ว่าความอย่างเดี๋ยว แค่ลายเส้นบิดพลิ้วทำไมผมจะมองไม่ออก
 
“หึ+  ผมก็กะไว้แล้ว คุณเรียนนิตินี่นา หึ     โอ๊ต!” คุณโอ๊ครับเอกสารแผ่นใหม่จากเจ้าของชื่อที่เรียก  มาส่งให้ผม ผมตรวจดูอย่างล่ะเอียดและอ่านทุกตัวอักษรในสัญญา และทุกอย่างถูกต้อง อีพี่สาวตัวดีมันติดหนี้สามแสนแปด นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ย
 
“ตกลงผมจะรับผิดชอบเอง คุณว่ามาเลยผมจะเอาเงินมาให้ได้ที่ไหนยังไง”
 
“เดี๋ยวสิ......ผมมีข้อเสนอ” คุณโอ๊คพูดบอกซึ่งผมก็คิดไว้แล้วว่ามันต้องมี “เด็กนั่นที่อยู่กับคุณน่ะ  ถ้าคุณจะยอม.....”
 
“ไม่!!!   ผมรับผิดชอบเป็นตัวเงิน เด็กไม่เกี่ยว  ถึงสัญญาจะถูกต้องแต่คุณไม่มีสิทธิในตัวเด็กและไม่มีสิทธิมาลักพาตัวเด็กไปเหมือนวันก่อน” คุณโอ๊คนิ่งเงียบไป ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
 
“โอเค...แต่ผมรับเงินสดนะ ส่วนสถานที่ไว้นัดเจอกันอีกที”
 
“ได้ ผมขอเวลาอาทิตย์หนึ่งคุณจะคิดดอกเพิ่มเท่าไหร่ก็ว่ามา  แต่ทุกอย่างต้องจบ” เราพูดคุยกันต่ออีกสองสามประโยคและต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับ
 
“มึงคงไปยอมเสียงเงินกว่าสี่แสนฟรีๆ หรอใช่มั้ยวะ” ไอ้แมนถามผม ตอนที่เรานั่งรถกลับใกล้จะถึงผับในอีกไม่กี่นาที
 
“มึงก็รู้ กูเป็นทนายหัวหมอ” ผมยิ้มมุมปากกับความคิดของตัวเองที่ผุดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อน “มึงว่าน้องชายมันหน้าสวยมั้ยวะ คุณโอ๊ตน่ะ” ผมถามไอ้แมนยิ้มๆ ผมรู้เพราะมันมองคุณโอ๊ตอยู่ตลอด
 
“ก็งั้นๆ  ไอ้กายสวยกว่า แต่ถ้าให้ฟรีกูเอา เหอะๆ”
 
“มึงอาจจะได้ฟรีๆก็ได้ใครจะไปรู้” มันหันมามองหน้าผม ยกยิ้มมุมปากเพราะเราคงมีความคิดตรงกัน หึ!
 
 
 
“ลีวายส์ล่ะ” ผมมาถึงผับไม่นาน หลังจากคุยกับเด็กในร้านที่ทำงานอยู่ด้านล่างก็ขึ้นมาบนห้องพัก แต่ไอ้กายนั่งอยู่คนเดียวไม่เห็นลีวายส์นั่งเล่นกับมัน เลยถามดู
 
“แหม  เดี๋ยวนี่มาถึงถามหาแต่ลีวายส์ล่ะ กะกูนี่ลืมแล้ว” ไอ้เซฟเดินออกมาจากห้องน้ำ แขวะผมเข้าให้
 
“พี่ธารรรรรรรรร” ลีวายส์วิ่งออกมาจากหลังโต๊ะทำงานก่อนจะวิ่งเข้าเข้ามากอดขาผม
 
“อย่าหนีนะ แฮ่ๆ มาให้กัดซะดีๆ แฮ่ๆ” ไอ้เซฟวิ่งตามหลังมาทำท่าขย้ำร่างเล็กที่วนไปหลบอยู่ข้างหลังผม
 
“ฮ่าๆ อี้  พี่ธารช่วยด้วย ฮ่าๆๆ พี่เซฟจะกินลีวยส์ คึคึ ฮ่าๆๆๆ อ๊าก” ลีวายส์กระโดดขึ้นบนโซฟาก่อนจะเกาะขึ้นมาบนหลังผม
 
“หยุด!!!!!!!” ทุกอย่างหยุดชะงักเมื่อผมตะคอกเสียงดังใส่เข้าให้  ไอ้เซฟสะดุดล้มนั่งพับเพียบลงกับพื้นไอ้กายวางโทรศัพท์ในมือลงและหันมาสนใจผม ส่วนร่างเล็กบนหลังผมรีบลงมานั่งบนโซฟาดีๆ ก้มหน้าแบะปากกำมือตัวเอง
 
“เอ่อ....ก็ตะคอกซะ     แมร่ง!!!” ไอ้กายเดินมานั่งข้างๆลีวายส์ร่างเล็กกอดหมับเข้าและซุกหน้าหาไอ้กายทันที พร้อมกับสะอื้นเบาๆ
 
“ไม่ต้องไปโอ่มัน  เมื่อวันก่อนมันได้แผลจำได้มั้ย    หื่ม      มานี่มา” ผมดึกลีวายส์ออกจากตัวไอ้กายก่อนจะนั่งยองๆมองร่างเล็ก
 
“อึกๆ....ลีวายส์....เปล่าเจ็บ  อึกๆ  อืออออออ” และมันก็ร้องไห้อีกตามเคย
 
“ไม่ต้องร้อง ตัวเองยังไม่หายดี จะหาแผลใหม่หรือไง  หื่ม” ผมพูดบอก ผมไม่ได้คิดจะดุด่าร่างเล็กหรอก แต่แผลมันยังไม่หายดี ผมไม่อยากให้มันมีแผลเพิ่ม
 
“อึกๆ ....ฮะ...อึก....อึก” ลีวายส์หยุดร้อง  ผมอยู่ทำงานต่ออีกสักพักถึงจะกลับ และต้องแวะส่งไอ้กายอีกตามเคย
 
 
“มึงน่ะ กูว่าหาแฟนเหอะ กูขี้เกียจแวะส่งมึงแล้วเนี่ย” ผมพูดบอก เราอยู่บนรถโดยลีวายส์นอนหลับอยู่บนตักไอ้กาย
 
“แฟนเหี้ยรัยล่ะ โอ๊ย  ผู้หญิงสมัยนี้แมร่งหาดีได้ที่ไหน พอจะดีก็ดีเกิ๊นน” มันบอกกลับทำหน้าหยี ผมรู้หรอกว่ามันน่ะ ไม่ได้สนใจใครมานานแล้ว กิ๊กกั๊กก็ไม่ค่อยมีกะเค้าเท่าไหร่ ไม่เหมือนพวกผม
 
“ไม่ชอบผู้หญิง ก็หาผู้ชายสิวะ ง่ายดี” ผมบอกอีกลอบมองมันนิดๆ มันทำหน้าเหวออ้างปากค้าง
 
“ไอ้บ้า!!!  ไม่เอาหรอก  ชิส์ ถึงแล้วลงล่ะ”
 
 
กลับถึงคอนโดผมอุ้มลีวายส์ขึ้นมาบนห้องและตรงเข้าไปวางร่างเล็กในห้องนอน ก่อนจะพาตัวเองไปอาบน้ำ  พรุ่งนี้จะพาลีวายส์ไปโรงเรียน ไม่รู้ว่าจะงอแงหรือเปล่า แต่คงไม่หรอก เพราะลีวายส์ดูแล้วน่าจะเข้ากับคนอื่นได้ดี ดูจากไม่กี่วันนี้ลีวายส์ก็สนิทกับไอ้กายละไอ้เซฟมากขึ้น
 
ผมออกมาจากห้องน้ำมองร่างเล็กที่นอนขดคู้เข้าไปในผ้าห่ม นึกขึ้นได้ว่าต้องเช็ดตัวให้มันซะหน่อย เลยไปเตรียมผ้าชุดน้ำมาเช็ดให้
 
“ลีวายส์.....ตื่นมาเช็ดตัวมา” ผมดึงร่างเล็กเข้ามาในตักแต่มันไม่ยอมตื่น ช่วยไม่ได้เช็ดทั้งที่หลับเนี่ยแหละ
 
ผมถอดเสื้อลีวายส์ออกร่างเล็กบิดตัวหนีเล็กน้อย พอผ้าเย็นๆสัมผัสกับเนื้ออ่อนนุ่นลีวายส์ถึงกับซุกหน้าเข้าหาผม ผมมองร่างเล็กขาวเนียนอย่างช่างใจก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผิวนุ่นน่าสัมผัสมันทำให้อารมณ์ผมฟุ้งซานขึ้นมา
 
ผมกัดฟันตัวเองและฝืนอารมณ์ไว้ ลีวายส์เล็กเกินไปที่จะรับเรื่องแบบนี้ได้ ผมเองก็คงบ้าไปแล้วที่อารมณ์วูบไหวไปกับมัน ผมเช็ดตัวในลีวายส์ต่อจนเสร็จโดยไม่กล้าที่จะเช็ดท่อนล่างของร่างเล็กให้ ผมกลัวว่า เกิดหน้ามืดขึ้นมาจะทำอะไรบ้าๆเข้า
 
“พี่....ธาร....พี่.....ธาร.....ใจ..ร้าย” ร่างเล็กละเมอเสียงแผ่วออกจากปาก ผมยิ้มมุมปากก่อนจะเกลี่ยแก้มใส่เบาๆ
 
“กูใจร้าย....อืม.....ฟอด!” ผมหอมร่างเล็กเข้าให้ทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงแม้ว่าปากเล็กสีสดจะบอกว่าผมใจร้ายแต่ลีวายส์ก็ยิ้มบางออกมาพร้อมกับประโยคนั้น
 
ผมหาเสื้อมาใส่ให้ร่างเล็กก่อนจะขยับเข้าหาร่างเล็กข้างๆและกอดเอาไว้  เมือผมสัญญาว่าจะดูแลมันผมก็จะมองสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ให้มันก็แล้วกัน แต่ถ้ามันคิดจะไปถึงเวลานั้น ก็อย่าหวังว่ามันจะไปได้ง่ายๆ  เพราะมันคือ......เด็กของผม
 
 
 
เช้า.................
 
“อ่ะชุดนักเรียน  ไอ้กายเพิ่งเอามาให้ ไปใส่ไปเดี๋ยววันนี้ต้องไปโรงเรียนแล้ว” ผมบอกพร้อมกับส่งชุดนักเรียนไปให้
 
มันเป็นเสื้อขาวปกสีเขียวมีไทเย็บติดสำเร็จรูป และกางเกงลายสก๊อตสีเขียวเช่นกันใส่กับรองเท้าผ้าใบสีขาว แบ๊วได้อีกเด็กกู ลีวายส์มองชุดด้วยสายตาแพรวพราวก่อนจะยิ้มดีใจและรับไปใส่ทันที
 
“สวยจังฮะ  เย้ๆ ไปโรงเรียนๆ  ลีวายส์ชอบไปโรงเรียน” ลีวายส์แต่ตัวเส็จเรียบร้อย เหอะ ทีแรกคิดว่าจะออกมาแย่หน่อยแต่พอใส่แล้วก็น่ารักดี หึ ดูเหมือนมันจะใส่อะไรก็น่ารักไปหมดน่ะนะ
 
ผมมาส่งลีวายส์ที่โรงเรียน ที่นี่ผู้ปกครองต้องเซ็นชื่อทุกครั้งที่มาส่งตอนเช้าและมารับตอนเย็น ผมก็ไม่เคยมาหรอแต่คนเยอะดีเลยเดินตามๆเค้ามาจนถึงห้องเรียนลีวายส์ มันรู้สึกอายนิดๆจากสายตาที่ผู้คนมองมา ต่างจากร่างเล็กที่กำลังจูงมือผมอยู่ เพราะมันดูจะตื่นเต้นมากกว่า
 
“เด็กใหม่หรอค่ะ หวัดดีค่ะ น่ารักจัง คุณพ่อเซ็นชื่อตรงนี้เลยค่ะ”กูเกลียดคำนี้จริงๆ พ่อๆๆ  เฮ้ออออ  เพราะผมใส่ชุดนักศึกษา ร่างบางที่คาดว่าน่าจะเป็นคุณครูของลีวายส์เลยบอกยิ้มๆ
 
“พี่ชายฮะ  พี่ชาย...........ไม่ใช่พ่อซะหน่อย” ลีวายส์พูดบอกคุณครู  ร่างบางทำปากยื่น ก่อนจะพูดบ่นเสียงเบากับประโยคหลัง คุณครูร่างบางถึงกับหัวเราะออกมา
 
“อ่าๆ  ค่ะๆ พี่ชายก็พี่ชายค่ะ  เอ่อ  โรงเรียนเลิกบายสามโม่งครึ่งนะค่ะ เรามีสองพิเศษให้นักเรียน สำหรับผู้ปกครองที่เลิกงานช้าหรือติดธุระค่ะ ก็สามารถมารับได้จนถึงห้าโมงค่ะ”
 
“ขอบคุณครับ เอ่อ ถ้าหากเป็นคนอื่นอ้างว่าจะมารับกรุณาโทรแจ้งผมก่อนนะครับ หรือไม่ถ้าผมจะให้ใครมารับผมจะโทรมาแจ้งนะครับ ผมไม่อนุญาตให้ใครมารับนอกจากผม” ผมพูดบอก
 
“ค่ะ ได้ค่ะ”
 
“ไม่เอา พี่ธารต้องมารับลีวายส์นะฮะๆๆ” ลีวายส์เขย่าแขนผมไปมา ทำหน้าง้อนสุดๆ
 
“รู้แล้วๆ  กะ.....พี่มารับ โอเค๊” ผมเกือบพูดคำหยาบเพราะความเคยชินออกไปต่อหน้าครูแหนะ บางที่มันก็ไม่เหมาะถ้าไม่ใช้คนสนิทหรือที่สาธารณะ เขาจะมองกูยังไงล่ะ เฮ้อออ (ก็เพิ่งคิดได้)
 
“ฮะ ลีวายส์จะต้องใจเรียน  จุ๊บ...จุ๊บ     บายๆ” ลีวายส์ดึงมือผมให้ก้มลงก่อนจะจุ๊บแก้มซ้ายขาว และโบกมือให้และวิ่งเข้าห้องไป
 
“นี่!.......อย่างวิ่ง.......เฮ้ออออ” คุณครูร่างบางมองหน้ายิ้มๆก่อนจะหันไปคุยกับผู้ปกครองคนอื่นต่อ
 
 
วันนี้ผมมีเรียนสิบโมง เลยแวะมารับไอ้แมนที่สนาม มันนอนนี่แหละ บ้านมีคอนโดซื้อแต่ไม่เคยกลับ  ไม่นอนที่ผับก็นอนคอพับอยู่ที่อู่
 
“ไอ้เหี้ย”  นี่คือคำแรกที่ออกจากปากผมเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของมัน คล้ายกับผ่านการรบราฆ่าฟันกันมาอย่างหนัก  ก่อนจะเหล่มองที่ยังร่างบางที่มีผ้าห่มปิดไว้เพียงแค่ท่อนล่างเท่านั้น ผมรีบปิดประตู่ก่อนจะไปนั่งรอในห้องทำงานแทน
 
ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมมันชอบกินเด็กแถมต้องเป็นเด็กผู้ชายด้วยมันถึงจะเอา แต่ก็อย่างที่บอกใครมานอนกับมันนี่แมร่ง กูไม่ให้ก่อนสามครั้ง ไอ้แมนมันบ้าชอบรุ่นแรงเกิน เด็กคนไหนจะทนไหวล่ะ เหอะ ผมเลยเห็นมาเปลี่ยนเด็กบ่อยเป็นว่าเล่น
 
“หวัดดีเหี้ย    มาแต่เช้า” มันเดินออกมาพร้อมกับเดินผ่านไป มีร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อกี้เดินมาข้างๆ และส่งร่างเล็กขึ้นรถไปกับเด็กในสนามของมัน “ลูกมึงอ่ะ” ผมกลับมานั่งคุยกับผม
 
“ลูกเหี้ยสิ....กูไปส่งโรงเรียนแล้ว” ผมพูดบอก ชงกาแฟในถ้วยดื่ม
 
“กูให้เด็กไปสืบแล้ว พวกมันมีขายปืนแบบพวกค้าอาวุธด้วย เห็นว่าจ่ายให้ตำรวจไม่น้อยว่ะ” ไอ้แมนพูดบอก
 
“หึ  มึงคิดว่ามีอย่างอื่นอีกมั้ย  ไม่งั้นมันคงไม่คิดจะเอาลีวายส์” ผมพูดบอก ผมคิดว่าพวกนี้ต้องทำอะไรที่ครอบคลุมกันไปด้วย เปิดบ่อน ค้าอาวุธ และค้าคน
 
“อันนี้ไม่แน่ใจแต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามี พวกสารเสพติด บอกตามตรงกูไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกมันมากนัก เพราะถ้าพลาด มันอาจจะจบเราหรือไม่มันก็จะดึงเราเข้าไปเป็นพวกมัน”
 
ใช่ พวกที่ทำธุรกิจแบบนี้มันจะเห็นผมประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากเราเข้าไปเกี่ยวหรือรับรู้เรื่องของพวกมัน มันก็จะจบเราด้วยกันตามฆ่าทิ้งซะหรือไม่ถ้าหากเรามีประโยชน์กับมัน มันก็จะหาวิธีดึงเราไว้ให้เป็นพวก  แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใดผมจะไม่ยอมให้มันเป็นไปเด็จขาดเพราะตอนนี้ผมไม่ได้มีตัวคนเดียวอีกแล้ว
 
 
“กูจะจบมันได้ ถ้ามีมึง” ผมบอกยกยิ้มมุมปากให้ไอ้แมน ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับ
 
<<<<<TBC>>>>>>

เอาไปแบบมั่วๆก่อน เราไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไรพวกนี้เลย

พยายามคิดตามให้เห็นภาพกันน้าาาาา

อีธาร : เด็กกู (มันกลายเป็นคำติดปากนายไปแล้ว)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 24-02-2014 17:07:34
ลีวายน่ารักตลอดเลยยย   :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-02-2014 19:07:43
ลีวายส์ แบ๊วมากกกกกกกลูก  น่ารักกกกกก
ช่วงนี้พี่ธารชักจะห้ามตัวเองไม่ค่อยไหวละ 5555555555555
คู่พี่หมอกับกาย จะมีซัมติงระยะยาวกันมั้ยอ่าาาา ลุ้นนนน

ยังไงๆๆก็ระวังตัวนะทุกคนนนนน :katai3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 24-02-2014 19:25:57
คิดถึงๆๆๆๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 24-02-2014 19:35:04
ลีวายส์น่ารักมากๆ เลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-02-2014 20:15:22
พรากผู้เยาว์น่ะอีธาร แต่ถ้ารักจริงก็ไม่เป็นไร เขายอม 5555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 24-02-2014 20:42:54
อยากได้ลีวายมาไว้ที่บ้านนน ><
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 25-02-2014 01:15:22
เด็กน้อยยยยยยยยยยยยยย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 25-02-2014 07:14:37
ชอบน้องลีวายคะ น่ารักดี
พี่ธารก็ใจเย็นๆนะคะ *0*
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: aomj555 ที่ 25-02-2014 17:13:55
 :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-02-2014 19:51:31
เด็กหรุ๊บกริ๊บ น่ารัก น่าฟัดละจิ อีธาร อิอิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 26-02-2014 08:18:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 26-02-2014 22:39:41
พี่ธารจะทำอะไรต่อ~
ติดตามค่าา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 26-02-2014 23:36:54
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 27-02-2014 17:16:45
มาแว้วจร้า  :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:


Older Brother........06 กาย&รักษ์
 
 
(มึงแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรมากน่ะ) เสียงอีธารเพื่อนสนิทของผมถามอย่างห่วงๆจากปลายสาย
 
“อืม.....แค่ปวดหัวนิดหน่อย เดี๋ยวกูนอนพักก็หาย” ผมพูดบอก  รู้นะว่ามันเป็นห่วงผมมาก และดูเหมือนจะมากกว่าคนอื่นๆในกลุ่ม
 
(เออๆ งั้นแค่นี้แหละ) มันวางสายไป คงจะไปส่งลีวายส์แล้วเลยโทรมาถามว่าจะให้แวะรับผมไปเรียนหรือเปล่าแต่ว่าเมื่อคืนไอ้เซฟพาผมนั่งมอไซค์ตากลม ผมเลยรู้สึกมึนๆหัวนิดๆ เหมือนจะเป็นไข้
 
“เป็นอะไรมากมั้ยกายลูก” คุณแม่คนสวยของผมเปิดประตูห้องเข้ามาถามก่อนจะมานั่งลงข้างๆ ผมน่ะไม่ได้พ่อมาสักนิด เพื่อนๆมักจะบอกเสมอว่าผมหน้าสวยเหมือนแม่ ผมไม่ชอบใจเท่าไหร่เลยเวลาที่พวกมันล้อว่าผมหน้าสวย เฮ้อออ
 
“กายนอนพักแป๊บก็หายล่ะ แม่ต้มข้าวต้มให้ทานหน่อยนะ นะ” อ่านะ ยิ่งป่วยแม่ก็จะยิ่งห่วงแล้วผมก็ชอบอ้อนด้วย คิคิ
 
“จร้า...ได้ทีอ้อนเลยสิเรา  อ่อ จริงสิเดี๋ยวหมอประจำตัวของคุณยายจะมาตรวจคุณยายล่ะ  งั้นให้มาดูกายด้วยดีกว่านะ จะได้หายเร็วๆ” ตรวจสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ผมเลยพยักหน้ารับไป
 
 
ผ่านไปสองชั่วโมง.............
 
แกร๊ก!  เสียงประตูห้องเปิดออกผมปรือตาขึ้นเล็กน้อยเห็นร่างสูงใส่เสื้อสีขาวรางๆก่อนจะยันตัวลุกขึ้นและปรับสายตาให้รับกับแสงในห้อง
 
“หวัดดะ......เฮ้ย  นาย!!!!” ผมพูดบอกอย่างอึ้งๆ ลดมือที่กำลังจะไหว้ทักทายเมื่อกี้ลง เมื่อเห็นว่าหมอที่แม่บอกคือไอ้.....รุ่นพี่ของอีธาร ไอ้หมอรักษ์
 
“ไงคนสวย  ไม่สบายตรงไหนล่ะ” เนี่ยแหละที่ทำให้ผมไม่ชอบมัน  ตั้งแต่วันนั้นที่นายนี่มาส่งผมที่บ้านเพราะอีธารมันผลักไสผมให้กลับมากับมัน
 
“ไม่เป็นอะไรแล้ว  หายแล้ว สบายดี” ผมเชิดหน้าขึ้นนิดๆ หลอบมองนายนี่ด้วยหางตา
 
“เหอะ  ผมคงเป็นหมอที่โชคดีเลยล่ะ ถ้าแค่คนป่วยเห็นหน้าแล้วหายเป็นปลิดทิ้ง” ร่างสูงไม่ได้สนใจสายตาของผม มันนั่งลงบนเตียงและวางกล่องพยาบาลลงข้างๆ
 
“ทะ....ทำอะไร ก็บอกว่าหายแล้วไง” ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาแนบอกเพราะเสื้อนอนที่ใส่อยู่มันคอลึก แหม อย่ามองผมว่ากระแดะเลยแต่ไอ้หมอเนี่ยตามันส่อว่าหื่นมากขอบอก
 
“นี่คุณครับ  ผมดูจากตาของคุณแล้ว เด็กอนุบาลมันยังรู้เลยว่ายังไม่หาย ผมจะตรวจให้อีกที คุณจะได้ทานยาถูก” พูดบอกยังไม่พอ ร่างสูงดึงผ้าห่มผมลงไปกองไว้ปลายเท้าและขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น
 
“ไม่ๆๆ  ผมตรวจแล้ว บอกว่าหายก็หายดิ พูดไม่รู้เรื่องหรอวะ” ผมขยับห่างจากร่างสูงจนติดฝาอีกด้าน
 
“นี่คุณเห็นผมเป็นผีหรือไง จะกลัวอะไรอย่างกับเด็กๆ  เอ๊ะ!    หรือว่ากลัวผม......” ร่างสูงขยับตามเข้ามาใกล้กับผมอีกจนผมไม่มีทางหนี มันทำสายตากรุ่มกริ่ม “กลัวผม   ปละ...อุ๊บ!!”
 
“ยี้!  เน้พูดบ้าอะไรของนายน่ะ......” ผมยกมือขึ้นปิดปากร่างสูงไว้อย่างลืมตัวก่อนที่มันจะพูดคำบ้าๆออกมา แต่รู้ตัวอีกที ร่างสูงยกมือขึ้นจับมือผมและดึงออกช้าก่อนจะจูบลงบนหลังมืออย่างแผ่วเบา ผมอึ้งค้างไปสามวิก่อนที่จะ................
 
เพี้ยะ !!!
 
“คุณหมอ    ตายแล้วกาย  ทำอะไรพี่เค้าเนี่ย   ” โธ่ แม่เข้ามาเห็นตอนผมตีมันทำไมล่ะ ทำไมไม่เห็นตอนมันเข้ามาแกล้งผมเล่า
 
“ก็มัน.....เอ่อ..............เปล่าฮะแม่  กายไม่ตรวจล่ะ หายแล้ว  นะแม่นะ” ผมหันไปกอดเอวแม่ที่เข้ามายืนอยู่ตรงปลายเตียง มองไอ้หมอรักษ์ด้วยสายตาจิกกัด
 
“ไม่ได้    เนี่ย   ตัวเริ่มร้อนแล้ว ต้องตรวจรู้มั้ยพี่หมอจะได้จัดยาให้กินถูก” ร่างสูงยักคิ้วกวนๆให้ผมกับประโยคของแม่ที่พูดบอก
 
“เดี๋ยวกายอาบน้ำตัวก็จะหายร้อน” ผมบอกต่อ ถ้าผมรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ผมก็มักจะอาบน้ำ กินยาสักเม็ดสองเม็ดนอน ตื่นมาก็จะหาย
 
“น่าตีจริง  ยังไงก็ต้องตรวจ  มาเลยมา  แล้วดูสิเนี่ย     เจ็บมั้ยคะคุณหมอ” แม่ดึงผมให้ไปนั่งลงข้างๆร่างสูง แล้วยังจะถามไอ้หมอนั่นอย่างเป็นห่วงเป็นใย มันส่ายหน้ายิ้มๆ
 
“แค่นี่ไม่ตายหรอก” ผมพูดบ่นอุ๊บอิ๊บในปาก และสุดท้ายก็ต้องยอมให้มันตรวจนั่นแหละ โดยที่ระหว่างการตรวจนี่ผมอยากจะเอามือข่วนหน้ามันซะให้ได้ก็มันต้องถอดเสื้ออ่ะ ผมก็ต้องทนกับการลวนลามทางสายตาของมันน่ะเซ้
 
“เรียบร้อยแล้วครับ เป็นไข้หวัดธรรมดา ทานยาที่จัดให้ติดต่อกันสองสามวันก็คงจะหายหรือถ้ามีไข้อีกก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะครับ” ร่างสูงพูดขณะจัดยาให้ผมและเก็บกล่องพยาบาลของตัวเอง
 
“เอ้า  นั่งเฉยอยู่นั่นแหละ ขอบคุณคุณพี่หมอสิ เราเนี่ยนะ” แม่พูดบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังประตู
 
“ขอบคุณ!!!” ผมพูดจบก็ล้มตัวลงนอนและดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดหัว
 
“หึ  ดื้อจริงนะ” มันพูดบอกก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงสัมผัสจากปลายนิ้วเรียวยาว ที่มาลูบหัวผมเบาๆจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไป
 
ผมยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะนึกถึงใบหน้าร่างสูงอีกครั้ง  จริงๆแล้วน่ะไอ้หมอรักษ์มันหล่อโหดเหี้ยๆเลย หล่อกว่าอีธารซะอีก ตาเรียวคิ้วสวยเข้ากับจมูกโด่งเหนือชั้น ริมฝีปากบางคล้ำนิดๆเพราะสูบบุหรี่จัด ถ้าไม่ติดว่าสายตามันส่อหื่นแนวบ้ากามกูจีบล่ะ เฮ้อออ
 
 
“พี่กายคนสวยยยยยยยยย” อ่า เด็กนี่ก็จริงๆเลย  ลีวายส์ครับ วันนี้ผมมาอยู่กับลีวายส์ที่ห้องเพราะอีธารบอกว่าจะไปทำธุระข้างนอกและนานหน่อยถึงจะกลับ เลยให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนลีวายส์ที่คอนโด
 
“งอนล่ะ  ลีวายส์พูดจาไม่น่ารักเลย” ผมบอกยืนกอดอกเชิดหน้าไปทางอื่น ร่างเล็กมองผมตาโต ก่อนจะก้มหน้านิดๆ
 
“ก็พี่ธารบอกให้ลีวายส์เรียกนี่นา....” ลีวายส์พูดบ่นหมุบหมิบเสียงเบา
 
“อ่ะๆ ให้อภัยก็ได้ แต่ว่า มาให้ฟัดแก้มก่อนเลย ฮ่าๆๆ อ๊ากกกกก” ผมพูดจบอุ้มร่างเล็กขึ้นสูงเหนือหัวก่อนจะวิ่งพาลีวายส์ไปนอนลงบนโซฟาและจักการฟัดแก้มใสไปหลายฟอด
 
ดูเหมือนลีวายส์จะสนิทและเล่นกับผมมากว่าอีธารซะอีก ลีวายส์เป็นเด็กผู้ชายน่ารัก ทีแรกผมยังคิดว่าเป็นผู้หญิงเลยล่ะ  ร่างเล็กถูกพี่สาวใจร้ายของอีธารพามาทิ้งไว้ให้อีธารโดยไม่ได้คิดเลยว่าน้อยชายตัวเองจะดูแลเด็กตัวเล็กแค่นี้ได้ยังไง
 
เพราะโดยนิสัยหยาบกระด้าง ขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญของมันแล้วยากเลยล่ะที่มันจะทำได้ แต่ดีอยู่ที่ลีวายส์เป็นเด็กดีและเชื่อฟังอีธารเอาซะมากๆ เลยเริ่มปรับตัวเข้ากันได้ตั้งแต่อยู่กันมาสองอาทิตย์กว่าๆ แล้ว
 
ผมให้คุณพ่อฝากลีวายส์เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมันคือธุรกิจของพ่อผมเอง และลีวายส์ก็ไปโรงเรียนเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง  อีธารเลยไม่ต้องกังวลมากนักว่าลีวายส์จะอยู่กับใครถ้ามันไม่อยู่  เพราะนอกจากเรียนแล้วพวกเราก็มีงานที่ต้องทำ
 
“แน่ใจนะว่ามึงหายดีแล้วไม่ใช่ว่าเอาไข้มาฝากมันด้วยล่ะ  แล้วกลับมานี่กูหวังว่าคงไม่มีใครได้เลือดนะ” มันบอกๆๆ พร้อมกับใส่เสื้อนอกตัวหนาสีดำทับเสื้อตัวบางสีขาวเตรียมตัวออกจากห้อง
 
“เออๆๆ   ครับๆๆ ห่วงจริงห่วงจัง อย่างกะกูเป็นเด็กงั้นแหละ” ผมหันไปทำปากยื่นกับลีวายส์ แต่ร่างเล็กหน้าหงอยๆ  คงเพราะต้องห่างกับอีธารอีกแล้ว ผมสังเกตเห็นนะเวลาอีธารจะไปไหนลีวายส์จะหน้าเศร้าทันที แต่พอผมชวนเล่นให้ลืมก็จะกลับมายิ้มเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่มีอะไรให้เล่นหรืออีธารไปนานหลายชั่วโมงลีวายส์ก็จะถามหาทันที
 
“รีบกลับนะฮะ” ร่างเล็กเดินไปกำชายเสื้ออีธารไว้ ก่อนจะพูดบอกเงยหน้าขึ้นมองมัน อีธารมองร่างเล็กนิ่งๆก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มใสเบาๆ ร่างเล็กยิ้มกว้างกลับไป ผมอบยิ้มมองสองคนตรงหน้าเงียบๆ ไอ้ธารหลงรักเด็กเข้าแล้วสิมึง หึหึหึ
 
“ยิ้มอะไรไอ้กาย  เดี๋ยวเหอะมึง” ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป ลีวายส์หน้าหงอยลงอีกครั้ง
 
“ลีวายส์คับ เดี๋ยวพี่ธารก็กลับแล้ว  เดี๋ยวเรามาดูการ์ตูนกันดีกว่า นี่ไง!  พี่กายซื้อมาเต็มเลย มีวันพีชตอนใหม่ มีโปเกม่อน ลีวายส์อยากดูอะไรอ่ะ” ลีวายส์เข้ามาค้นถุงซีดีการ์ตูนที่ผมเพิ่งจะซื้อมาเมื่อกี้ก็เด็กผู้ชายก็ต้องดูอะไรแบบนี้ใช่มั้ย
 
“ไม่เอาฮะ ลีวายส์ไม่เคยดูลีวายจะดู การ์ตูนดีสนี่ฮะ” แป่ว! เอิ่ป ก็อะไรดีล่ะ ผมก็ชอบโปเกม่อนที่สุดเนี่ยแหละถึงซื้อมา
 
“งั้นดูในเน็ตเนอะๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาคอมมาเปิดตรงนี้นะ” ผมเข้าไปเอาคอมมาเปิดดูหน้าโซฟา จากนั้นเราก็ดูการ์ตูนบ้างเล่นเกมบ้างดูหนังบ้าง ดูกันไปเรื่อยๆ
 
กรี๊งงงงง  กรี๊งงงงงง
 
“พี่ธาร......” ลีวายส์ยิ้มกว้างดีใจเมื่อได้ยินเสียงกริ๊งหน้าห้อง แต่ว่าเพิ่งไม่กี่ชั่วโมงเองทำไมมันกลับมาเร็ววะเห็นบอกค่ำๆ
 
“รอนี่นะเดี๋ยวพี่กายไปเปิดเอง” ผมบอกลุกขึ้นเดินมาเปิดประตู “เฮ้ย!!!” ผมขมวดคิ้วมองร่างสูงตรงหน้า และไล่มองตั้งแต่เท้าจรดหัวมาหยุดอยู่ตรงใบหน้าคมเข้ม ไอ้หมอรักษ์อยู่ในชุดกางเกงยียสีเข้มกับเสื้อยืดสีเลือดนกตัดกับผิวขาวออร่า ดูดีได้อีก
“มามัยอ่ะ” ผมถาม ขณะเดียวกันลีวายส์วิ่งมาผลักประตูให้เปิดกว้างขึ้นเพื่อมองว่าใครมา
 
“ไง ตัวเล็ก” ร่างสูงไม่ได้สนใจผม มองผ่านไปยังลีวายส์ที่โผล่หน้าออกมา “มาตัดไหมให้ลีวายส์  ขี้ลืมนะเรา” ร่างสูงผลักผมให้พ้นทางก่อนจะเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงใบโตและกล่องพยาบาล
 
“พี่กายๆ  ลีวายส์จะเจ็บมั้ยอ่ะ”ลีวายส์ขมวดคิ้วถาม ร่างเล็กเม้มปากบางจนเป็นเส้นตรง
 
“ไม่เจ็บครับคนเก่ง  เดี๋ยวพี่หมอจะทำเบาๆนะ” ร่างสูงเดินออกมาจากห้องครัวพูดบอกและมานั่งลงบนพื้นล่างโซฟา
 
“เน้ พูดซะ คิดไกลได้เลย  ทำอะไรเบาๆน่ะ”
 
“นี่คุณคร้าบบ คิดอะไรไม่ทราบ  คนคิดอาการหนัก มือเบาน่ะมือเบา หึ” ไอ้หมอบ้า ก็มันพูดให้คิดนี่ ผมก็ได้แต่ด่ามันอยู่ในใจ
 
ไอ้หมอรักษ์เริ่มเริ่มตัดไหมให้ลีวายส์ ซึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมเลยนั่งลงบนพื้นข้างๆลีวายส์ที่นั่งบนโซฟา ก้มลงไปดูใกล้  ไอ้หมอนี่มือเบาจริงๆ ลีวายส์ไม่ร้องเจ็บสักนิด  ผมมองตาไม่กระพริบเลยล่ะ
 
“นี่คุณ เดี๋ยวกรรไกรก็ทิ่มตาหรอก  จ้องอะไรซะขนาดนั้น” ผมเงยหน้ากลับไปมองร่างสูงว่าจะเถียงกลับซะหน่อย แต่เพิ่งรู้ว่าหน้าเราอยู่ใกล้กันจนผมรู้สึกวูบไหว
 
ผมมองสำตรวจใบหน้าคมเข้มในระยะใกล้แค่ปลายจมูกไปทั่วใบหน้าและเหมือนตาคมๆนั้นจะไล่มองเรียวหน้าผมเช่นกันก่อนจะมีใบหน้าของร่างเล็กอีกคนเข้ามาแทรกตรงกลางมองผมกับไอ้หมอรักษ์สลับกันไปมา
 
“มีอะไรหรอฮะ” ลีวายส์ถามอย่างสงสัย ผมถอยออกห่างทันที หันหน้าร้อนๆหนีไปทางอื่น ใจเต้นแรงนิดๆ แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ จริงๆ ไม่ได้โม้ -*-
 
“เปล่าครับ   อ่าเสร็จแล้ว  เก่งมากครับ” ร่างสูงยิ้มใจดีให้ลีวายส์ แต่ก็ยังจะหันมายิ้มกวนตีนให้ผมต่อ ชิส์ “กินข้าวกันหรือยังคุณ”
 
“ยัง เดี๋ยวจะสั่งมากิน” ผมบอก ตอนนี้เย็นแล้วผมว่าจะสั่งมากินเพราะ ทำไม่เป็นไงล่ะ
 
“เหอะ โตเป็นควายทำกับข้าวก็ไม่เป็น จะหาแฟนได้หรอเนี่ย” ร่างสูงลุกขึ้นจากพื้นเดินไปยังห้องครัว หนอยไอ้หมอผีบ้า
 
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า  หาได้แน่นอนแต่คงไม่เอาคนแบบนายแน่” ผมลุกขึ้นพูดบอก
 
ร่างสูงหยุดชะงัก  หันกลับมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะลากสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นมันก็ยกยิ้มมุมปาก หัวเราะหึหึ และหันหลังเดินเข้าไปในครัวต่อมองแบบนี้หมายความว่ายังงายยยยยยย
 
ผ่านไปสามสิบนาทีไอ้หมอรักษ์อยู่ในห้องครัวไม่ออกกมา  ผมเลยปล่อยลีวายให้นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ผมไปส่วนผม ขอแอบไปชะเง้อมองหน่อยว่ามันทำอะไรอยู่กันแน่
 
อุต๊ะ หมอนี่ทำกับข้าวครับ หยิบจับนั้นโน้นนี่อย่างคล่องแคล่วที่เดียวเมื่อกับทำอาหารกินเองเป็นประจำงั้นแหละ ผมยืนมองอยู่สักพักกว่าร่างสูงจะรู้ตัวหันมามองผม
 
“เป็นพวกชอบถ่ำมองหรอไง”
 
“จะบ้าหรอ  แค่มาดูกลัวทำครัวไอ้ธารพังมากกว่า” ผมเดินเข้าไปหยุดหน้าเตามาหมอต้มซุปกำลังเดือดได้ที่ก้มลงมองซุบในหมอหน้าตาดีแฮะ
 
“อย่าจับนะมัน.....”
 
“โฮ้ย!!!!  โฮ้ยๆๆ” ผมจับชอนยาวข้างตัวว่าจะลองชิมน้ำซุบนั้นซะหน่อยกว่าจะรู้ว่ามันร้อนก็ตอนที่จับเข้าเต็มๆนั่นแหละครับ
 
ร่างสูงข้างๆรีบว่างของในมือลงและดึงมือผมไปกุมไว้ก่อนจะเป่าลมไล่ความร้อนแล้วลูบเบาๆ จากนั้นก็ดึงมือผมไปด้านนอกหยิบเอาหยอดยาจากกล่องพยาบาลมาทาให้บนฝ่ามือ เอ่อ จริงๆแล้วมันโดนแค่ตรงนิ้วหรอกแต่เมื่อผมเห็นการกระทำของเค้ากลับไม่กล้าพูดบอกออกไป ผมจ้องมองสายตาและท่าทางจริงจังนั่นที่กำลังมองสำรวจมือผมอยู่ใกล้ๆ ไม่อาจล่ะสายตาไปไหนได้
 
“ซุ่มซ่ามจริงๆ” แป่ว  ไอ้หมอนี่ ผมดึงมือตัวเองกลับเชิดหน้าใส่มันไปทางอื่น
 
“ก็ทำไม   ไปหาลีวายส์ดีกว่า” ผมลุกจากโซฟาจะเข้าไปตามลีวายส์ที่นอนเล่นเกมอยู่ในห้อง
 
“ไปเรียกลีวายส์มากินข้าวเหอะ เย็นแล้วจะได้กินยา  แล้วตัวเองน่ะหายแล้วหรอ” ร่างสูงลุกขึ้นบอก ถือวิสาสะ เอื้อมมือมาแตะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ด้วย
 
“หายแล้วเหอะ” ผมก้าวถอยหลังออกห่างจากร่างสูง และเดินเร็วๆไปหาลีวายส์  รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าวูบร้อนขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ทำไมอ่ะๆๆ >////<
 
ผมพาลีวายส์ออกมาทานข้าวเสร็จเรียบร้อยจากนั้นก็พาไปอาบน้ำแต่ร่างเล็กบอกว่าอาบเองได้ก็เลยให้เข้าไปอาบคนเดียว
 
“อ้าวยังไม่กลับอีกหรอ” ผมเดินออกมาตรงโซฟาเห็นร่างสูงนั่งกดรีโมททีวีท่าทางสบายๆอย่างกะบ้านตัวเองอยู่เลยถามออกไป
 
“ยัง ไอ้ธารบอกว่าให้ไปส่งคุณด้วย” ไอ้หมอรักษ์พูดบอก ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ในทีวี
 
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวโทรให้เซฟมารับก็ได้  ไม่จำเป็น”ผมนั่งลงบนโซฟาเว้นระยะห่างออกมาพอประมาณ ก็โซฟาไอ้ทางมันเป็นแบบยาวตัวเดียว ขี้เกียจนั่งพื้นเมื่อยตูด
 
“ไม่เป็นรัย กลับด้วยกันเนี่ยแหละ” ร่างสูงพูดบอกก่อนจะเดินไปสูบบุหรี่ตรงระเบียงห้อง ผมมองตามร่างสูงออกไป มันนั่งลงและเอนหลังไปกับเก้าอี้ไม้ และหลับตาลง ทำไมไม่มานอนดีๆวะ
 
ลีวายส์ถามหาอีธารจนหลับไปในที่สุด ส่วนผมก็นอนกอดลีวายส์ในห้องนั่นแหละไม่ได้ออกมาดูอีกคนที่อยู่ด้านนอกตอนแรกคิดว่ากลับไปแล้วซะอีกแต่ที่ไหนได้มันนอนหลับอยู่ตรงโซฟา กว่าอีธารจะกลับก็เล่นเอาเกือบสี่ทุ่ม พอมาถึงก็ไล่ผมกลับทันทีโดยให้ ไอ้พี่หมอมาส่งเนี่ยแหละ
 
“แน่นะว่าหายป่วยแล้วน่ะ  ผมว่าคุณตัวยังอุ่นๆอยู่เลยนะ” ร่างสูงพูดขึ้นขณะอยู่ในรถ ผมพยักหน้าน้อยๆ ไม่ได้พูดบอกออกไปเพราะรู้สึกง่วงๆ จากนั่นผมก็เผลอหลับลงไปในที่สุด
 
เช้า......
 
“กายตื่นได้แล้วลูก  กายสายแล้วนะ” ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่มทั้งที่ยังงัวเงียอยู่ หืม.....  ผมมองไปรอบๆห้องนอนตัวเอง เมื่อคนจำได้ว่ากลับมากับไอ้หมอผีแล้วก็เผลอหลับไปนี่หว่า
 
“แม่   เมื่อคืนกายกลับมากับใครอ่ะ”
 
“นี่เราน่ะ  ยังจะถามอีก ก็เกายหลับในรถพี่เค้าปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น จนพี่เค้าต้องแบกขึ้นหลังมาส่งบนห้องเนี่ย ตัวก็ใช่ว่าจะเล็กๆนะ” ผมโดนแม่ฟาดฝ่ามือลงบนแขนทีหนึ่งก่อนจะค้างปากหวอ
 
“จริงดิ” ผมมองหน้าแม่ที่กำลังยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง แม่พยักหน้าตอบก่อนจะเดินออกจากห้องไป  โอ่ หน้าอายชะมัดเลยอ่ะ
 
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำเดินผ่านกระจกเงาบานใหญ่หน้าตูเสื้อผ้า หื่ม.... อะไรแวบๆว่ะ  ผมก้าวถอยหลังกลับไปจ้องมองเข้าไปในกระจกตรงซอกคอขาวด้านขวา =[]=  ไอ้หมอผี!!!!!!!!!
 
 
“เฮ้ย!!!  ไอ้กายเป็นรัยนั่งหน้างออยู่ได้” ไอ้เซฟเข้ามาในห้องพักของผับถาม เมื่อมันมาถึงเห็นผมหน้างออยู่หน้าโต๊ะทำงาน
 
“เปล่า...” ผมตอบแบบส่งๆไปให้ กำมือแน่นเจ็บใจเรื่องเมื่อคืน
 
“อะๆๆ.....นั่นรอยอะไรวะ คิสมาร์กอ่ะป่าวววว” ไอ้เซฟเข้ามาดึงคอเสื้อผมลง ไอ้นี่มือมันไวจริงๆ
 
“บ้าหรอ ปล่อยเลย ชิส์ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่  ไปหาเหล้าแดกกระแทกท้องดีกว่า” เนี่ยแหละครับผมของแท้พอไม่พอใจอะไรก็พาลหมดแหละ
 
“เฮ้ยๆๆ  อย่ามากนะโว้ย วันนี้ไอ้ธารมันไม่มานะ” ถ้าไอ้ธารมาพวกมันจะหยุดผมไม่ให้ดื่มเชื่อสิ
 
ผมเดินออกจากห้องพักลงมายังบาร์ข้างล่าง และสั่งเหล้ามากระแทกปากอย่างที่บอก  นั่งดื่มไปเรื่อยๆคนเดียวมองคนโน้นทีคนนี้ที  ไม่เห็นมีใครถูกใจเลยสักคนจนกระทั้งเริ่มเบลอๆนิดๆ ผมเลยลุกขึ้นจะเดินกลับไปบนห้องพัก
 
“ไหวมั้ยครับ  เมาหรือเปล่าคนสวย” แต่ผมกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงเน่าๆจากปากหมาๆนั่น
 
“คนสวยเหี้ยสิ” ปึก!!! ผมซัดหมัดใส่หน้ามันไปเต็มๆ จนผมเองก็เกือบล้ม เพราะตาเบลอๆเลยมองไม่ชัดว่ามันล้มไปตรงไหน ผมเลยหันหลังเดินกลับ
 
“เดี๋ยวดิ ต่อยแล้วหนีหรอวะ  เหี้ย        โอ๊ยๆๆๆ” มันเข้ามาล็อกคอผมไว้ด้วยแขนข้างเดียวจากทางหลังแต่ยังไม่ทันที่ผมจะสู้มันกลับ  มีใครคนหนึ่งล็อกตัวมันไป   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอีท่าไหนมันถึงได้ร้องซะลั่นเลย
 
“หึ  ยุ่งผิดคนแล้วล่ะ” ผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งคุ้นหูเลยหันไปมอง ปรากฏว่าภาพคนตรงหน้าชัดเจนอยู่ในตาผม  ผมเบิกตากว้างมองมันและหลอบมองไอ้คนที่เข้าหาผมเมื่อกี้ว่ามันนอนแอ้งแม่งอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว  ไอ้หมอผีมันทืบไอ้นั่นเลือดกลบปากครับ
 
“อ่ะ.....ปล่อย” จากนั่นไอ้หมอรักษ์มันก็เข้ามาดึงแขนผมให้เดินตามมันไป  มันเดินมาข้างบนซึ่งเป็นห้องพักผมนั่นแหละ พอผมขยับตัวก็เริ่มเบลออีกแล้วอ่ะ
 
“นี่เมาจริงหรือทำเมาเนี่ย” มันพูดบอกกดไหล่ผมให้นั่งลงบนโซฟา ไอ้เซฟหายไปไหนแล้ววะ
 
“ใครเมาไม่เมาเว้ย!!!  เอ่อ  จริงดิ   ไอ้รอยบ้าๆเนี่ย นายเป็นคนทำใช่มั้ยห๊ะ!!!” ผมลุกขึ้นมาตะคอกใส่มันเสียงดัง
 
“ก็แค่ลองดู  ว่าถ้าเกิดมีใครมาลักหลับจะตื่นมัย  แต่ก็ไม่...” มันยกมือขึ้นจิ้มๆหน้าผากผม ให้นอนกลับลงไปแต่ผมปัดออก
 
“ถือดียังไงอ่ะ ใครอนุญาต มานี่เลย” ไม่รู้ว่าเพราะความมึนเมาของผมหรืออะไรตอนนี้ผมอยากเอาคืนเลยลุกขึ้นไปนั่งบนตักมันก่อนจะซุกหน้าลงไปกบเม้มซอคอขาวเกือบซีดนั่นแรงๆจนเกิดรอย
 
ร่างสูงนิ่งเงียบไป ผมล่ะปากออกก่อนจะว่างหน้าผากให้ชนกับหน้าผากร่างสูง มันรู้สึกหนักๆหัวยังไงก็ไม่รู้  ผมมองหน้าร่างสูงที่อยู่ชิดติดกันด้วยสายตาหวานช่ำก่อนจะลากริมฝีปากตัวเองลงมาช้าๆและประกบจูบกับเรียวปากบาง  สัมผัสบดจูบร้อนแรงสลับกับนุ่มนวลจนรู้สึกวาบหวิวและร้อนไปทั้งตัวทำให้ผมไม่สามารถหยุดมันได้จนกระทั้งทุกอย่างในหัวเบลอและดับวูบลงหลังจากที่ถามตัวเองว่า   กายมึงทำอะไรลงไป...............!!!!!


<<<<<<TBC>>>>>>>


เม้นด้วยนะจร้านักอ่านที่รักทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-02-2014 18:00:33
มาแบบสั้นๆ คิดถึงลีวายส์จัง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 27-02-2014 20:06:30
กายเมาพี่หมอ   :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 27-02-2014 20:08:21
โอ้วววว  คนสวยยย ><  ทำอะไรรรร  อิอิอิอิ


รอตอนของลีวายกับพี่ธารมั่งง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-02-2014 00:10:47
 :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-02-2014 00:38:50
กายคะ
น่ารักมากกกกก
พี่หมอจับกดเลยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 28-02-2014 01:25:09
อย่าบอกว่าแกเสร็จหมอรักษ์ไปแล้วนะอิกายยยย

งื้ออออ น้องลีวายส์ ชอบตอนน้องงอแง น้องอ้อนอิธารอ่ะ น่าร้ากกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 28-02-2014 03:03:07
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
ชอบคู่นี้จังงงงงง  กาบรุกพี่หมอเค้าก่อนนะ อร๊ายยยยย  :กอด1: 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: namikaze21 ที่ 28-02-2014 04:44:33
 :m16: อีธารรรร บางทีก็ถ่อยยย ไป  :m31:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 28-02-2014 11:28:42
หวายๆๆๆๆ น้องกายคนสวย >.<
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ampkung ที่ 28-02-2014 12:33:57
มาลงที่นี่ด้วย ชอบเรื่องนี้มากก มาต่อเร็วๆน้า  :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-02-2014 19:41:40
กายจ๊า เมาแล้วหื่นเรอะ หรือว่าเป็นกับพี่หมอคนเดียว
อยาอ่านลีลายกับอีธารอะ มาเร็วๆน่าา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 24-03-2014 14:02:28
มาแล้วจร้า  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:


Older Brother .....07
 

“ตามนี้ เดี๋ยวกูจะไปกับพวกไอ้ต่อ ส่วนมึงไปคนเดียวโอเคนะ” ผมบอกอีธารเพื่อนสนิทตัวเองที่วันนี้เราจะไปทำงานบางอย่างกัน
 
อีธารต้องจ่ายหนี้แทนพี่สาวตัวเองกับพวกมาเฟีย แต่ว่านะ ใครจะยอมเสียงเงินเป็นแสนๆโดยที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองล่ะ เราเลยวางแผนจะเล่นงานพวกมันเพื่อเอาเงินคืน
 
“เออไอ้แมน   มึงก็ระวังตัวล่ะ  ไว้เจอกัน  เดี๋ยวกูโทรหา” อีธารบอกผม และออกไปพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ซึ่งข้างในนั้นมีเงินอยู่กว่าห้าแสน
 
ผมให้คนไปสืบเรื่องของไอ้เจ้าหนี้อีธารแล้วว่าคือใครและทำอะไรบ้าง พวกมันทำงานผิดกฎหมายและยัดเงินใต้โต๊ะให้ตำรวจไม่น้อย มันเป็นพวกค้าอาวุธและมีบ่อนการพนันหลายแห่งรวมทั้งผับบาร์ในพัทยา และสถานที่ต่างๆที่มีนักท่องเทียวเยอะ เพื่อสะดวกในการทำธุระกิจมากมาย ผมบอกตามตรงว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกมันเลย
 
ผมออกจากสนามแข่งรถซึ่งเป็นของพี่ชายตัวเองตามหลังอีธารมา ผมทำงานที่นี่ค่อยดูแลรอบแข่งและจัดการรอบการแข่งในสนามของแต่ล่ะวัน เป็นงานเล็กน้อยแต่ก็เหนื่อยใช่ย่อย ผมก็มักจะนอนพักซะที่สนามเนี่ยแหละ มีห้องพักส่วนตัวอยู่
 
“รออยู่แถวนี้แหละ  รอไอ้ธารโทรมาก่อน” ผมบอกไอ้ต่อมันเป็นเด็กในสนามแข่ง  เราจะดักรอพวกมันกันที่นี่หลังจากที่อีธาร ส่งเงินให้มันเรียบร้อยแล้ว
 
ผมสืบได้เรื่องมาอีกว่าวันนี้พวกมันจะเอาของผิดกฎหมายไปส่งท่าเรือนอกเมือง ผมจึงให้คนของผมสืบและมาดูลู่ทางไว้หลายวันอยู่  เมื่อวานผมก็ขับรถวนมาดูด้วย เพราะรอบคอบไว้ก่อนน่าจะดีกว่า
 
“ว่าไง.....” ผมกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ที่อีธารเพิ่งจะโทรเข้ามา
 
“พวกมันมากันแค่สี่คนหนึ่งในนั้นคือคุณโอ๊ตน้องชายมัน     คุณโอ๊คไม่ได้มา มึงระวังตัวด้วยเพราะกูไม่รู้ว่าพวกมันเอาอะไรมาบ้าง” อีธารพูดและบอกรายละเอียดของรถที่พวกมันใช้อย่างรวดเร็วก่อนจะวางสายไป
 
“เดี๋ยวมึงโทรไปบอกไอ้ติณให้เตรียมโทรแจ้งตำรวจ เดี๋ยวกูจะลงจากรถ  ระวังตัวด้วย พวกมันมีแค่สี่คนแต่กูว่าไม่ใช่ขี้ๆ” ผมบอกกับเด็กในรถซึ่งมากับผมสามคนและอีกสามคนอยู่ในรถอีกคันที่จอดรออยู่ไม่ไกล
 
 
เราจำเป็นต้องยืมมือตำรวจด้วยอีกแรงแต่หลังจากที่ผมจัดการพวกมันให้ได้ซะก่อน  ผมให้เด็กจอดรถขวางทางไว้บนถนน พวกมันเลือกถนนสายนี้เพราะไม่มีค่อยรถผ่านไปมาเท่าไหร่ เพื่อสะดวกและหลบหลีกตำรวจได้ดี
 
ผมออกมายืนรอนอกรถ ใส่หมวกและแวนตาปิดบังใบหน้านิดหน่อย ผมว่ามันจำผมไม่ได้หรอก และไม่นานรถคันที่ว่ารูปลักษณ์ตามที่อีธารบอกก็มาถึง
 
“รถเป็นไรน้อง” คนนั่งข้างคนขับลดกระจกลงมาถามไอ้ต่อ ซึ่งผมหลบอยู่ข้างรถอีกด้านหนึ่ง
 
“เอ่อ พี่ลงมาดูให้หน่อยได้มัยคับ ยางแตกอ่ะ ผมไม่มีอุปกรณ์เลย  ผมรีบมากเลยอ่ะ นะๆ” ลูกน้องกูมีแอคติ้งด้วยครับขอบอก หึ
 
“เออๆ  แล้วมันจะจอดขวางทางทำไมวะ” แล้วพวกมันลงมาสองคน  จัดการเอาอุปกรณ์ออกมาพร้อมกับเดินไปอีกด้านของรถ ผมย่อตัวลงและใช้ความเร็ววิ่งไปหลบหลังรถพวกมัน ถ้ามีกันสี่คนก็อยู่ในรถอีกสอง
 
“เอ้ย!!!!!”  ผลัก!!!!   ผมกำลังจะเปิดประตูรถของมันด้านหลัง พร้อมกับปืนในมือแต่คนในรถกลับเปิดมันออกและมันก็ดันเห็นผมเข้า “เราโดนหลอก ขึ้นรถ!!!!” มันถีบผมจนล้มลงไปในคูข้างทางก่อนจะตะโกนบอกลูกน้องตัวเองที่ยังช่วยกันเปลี่ยนยางอยู่
 
แต่ช้าไปเด็กของผมจัดการพวกมันซะก่อน คนในรถมันเห็นดังนั้นเลยยิงเข้าใส่ผมไม่ยั้ง ผมหลบกลับไปยังรถของตัวเอง ผมเห็นร่างคนในรถของมัน ข้ามมายังที่นั่งคนขับและถอยรถกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว ผมเลยโทรให้เด็กอีกฝั่งขวางไว้ ผมขึ้นรถตัวเองและขับตามไปทันที
 
ขับตามมาได้สักพักจู่ๆพวกมันก็หักหลบรถเข้าข้างทาง ทำกูเกือบงงจนกระทั้งไอ้ติณโทรเข้ามาบอกว่าตำรวจกำลังมา ผมเลยหักหลบรถเข้าข้างทางและลงไปเช่นกันพร้อมกับเด็กของผมอีกสองคน
 
“พวกมึงระวังตัวด้วย แล้วก็ไปเจอกันอีกทีที่นัดกันไว้” ผมบอกและแยกย้ายกันตรงนั้นเลย ดีที่เรามาสำรวจเส้นทางไว้ก่อน ไม่งั้นก็ซวยเหมือนกัน
 
ปัง!!!  ปัง!!!   ผมวิ่งตามพวกมันเมื่อกี้เข้ามา  วิ่งมาได้สักระยะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นไม่ไกลผมเลยชะงักฝีเท้าและเข้าไปเงียบๆ  ด้านหน้าเป็นโรงงานร้างๆแห่งหนึ่ง ดูเก่าเป็นสิบๆปี
 
“เอ้ย!!!   ไปไหนแล้ววะ” ผมเดินเข้าไปเงียบๆจนถึงข้างใน ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนประมาณสองสามคู่ได้  เดินวนไปวนมา   
 
“เหี้ยเจอของดีจนได้!” ผมพึมพำกับตัวเอง    ดูเหมือนจะมีอีกพวกหนึ่งที่เข้ามาเล่นงานพวกมันเช่นกัน
 
ผมเดินผ่านและลัดเลาะไปตามกองลังใหญ่ๆเข้าไปหลบในซอกมุมลึก ยังไงก็เอาตัวรอดไว้ก่อน แต่ระหว่างเดินเข้าไปมีรอยเลือดหยดลงพื้นไปเป็นทาง ผมก้มมองตามไปเรื่อยๆ
 
“อย่าขยับ  ไม่งั้นตาย!!” ผมโดนล็อกคอไว้จากทางหลัง “ทิ้งปืน!!!” ผมทิ้งปืนตามที่มันบอก จากนั้นมันดึงผมให้เดินถอยหลังตามมัน   ผมได้กลิ่นคาวเลือดตรงแขนที่ล็อคคอผมไว้ เลือดไหลมากพอสมควร
 
“................”ผมนิ่งคิดเอาตัวรอด มันเดินถอยเข้าไปในมุมมืด ผมว่าร่างกายมันสั่นๆ เพราะบาดแผลแน่นอน ดูจากแขนตัวก็น่าจะบางกว่าผมซะอีก
 
ปึก!!!
 
“อั่ก!!    โอ้ย!!!”  ผมใช้ศอกเสยปลายค้างมันตอนมันเผลอ จนร่างมันหงายหลังลงพื้น ปืนกระเด็นหลุดจากมือ ก่อนผมจะลงไปนั่งทับตัวมันใช้มือข้างหนึ่งบีบคอมันไว้
 
“ตัวแค่นี้  คิดจะชนะกูหรอ เหอะ!   คิดผิดละมึง”
 
“ปะ.....ปล่อย......อ่ะ.........แฮ่กๆ”  มันดิ้นไปมาอยู่สักพักก่อนจะนิ่งเงียบไป  ผมดึงมือกลับควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาส่องดู  ใบหน้าเรียวสวยได้รูป กำลังเผยปากหายใจแผ่วเบา ตาใกล้ปิดลงเต็มที ผมจำได้ มันชื่อโอ๊ตน้องชายคุณโอ๊คเจ้าหนี้พี่สาวอีธารนั่นเอง
 
“เฮ้ย!!! หาให้เจอ  เจอแล้วก็ฆ่าทิ้งซะให้หมด”  เสียงดังหางออกไปไม่ใกล้นัก ทำให้ผมหยุดมองร่างตรงหน้า ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากทิ้งมันไว้ที่นี่ทั้งที่ผมหนีออกมาคนเดี๋ยวก็ยังได้
 
ผมคว้าเป้เงินของไอ้ธารที่อยู่กับร่างบางก่อนจะดึงมันขึ้นมายกแขนมันพาดบ่าผมและประคองเอวมันไว้ หลบหลีกออกมาทางหลังโรงงานร้างและตรงไปยังจุดที่นัดหมายไว้กับพวกไอ้ต่อ
 
“เฮ้ย!!!!  พี่   เอ่อ.......ทำไมไม่ทิ้งมันไว้นี่ล่ะ ผมว่า........”
 
“ไม่ต้องพูดมาก  มึงออกรถเร็วๆ” ผมพูดขัดไอ้ต่อ มันออกรถทันที ผมหันไปมองร่างบางที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ข้างๆ  เหอะ  ผมว่ามันไม่เหมะกับงานแบบนี้จริงๆ
 
 
 
 
(ว่า.............)
 
“ทุกอย่างโอเค  ไว้มึงค่อยเข้ามาเอาเงินก็แล้วกัน”
 
“อืม......มึงปลอดภัยนะ”
 
“เออ....แค่นี้นะ” ผมตัดสายไปหลังจากที่โทรไปบอกอีธารว่าเรื่องราวเรียบร้อยดี
 
ผมเกะซองบุหรี่   และคีบไว้กับนิ้วม้วนหนึ่งก่อนจะจุดมันขึ้นสูบ ยืนมองร่างเพรียวบางบนเตียงกว้างของผม  ผมไม่อยากบอกเรื่องนี้กับอีธาร เพราะอยากให้เรื่องของมันจบแค่นั้น
 
ถ้ามันรู้ว่าผมพาไอ้โอ๊ตกลับมาด้วย  เดี๋ยวเรื่องจะยาว ถึงตอนนี้ให้เป็นเรื่องของผมกับร่างบางตรงหน้าแล้วกัน
 
หลังจากที่กลับมาถึงผมก็สำรวจแผลมัน  เห็นว่าเป็นแค่รอยถากๆจากกระสุนเท่านั้น แต่เลือดออกเยอะไปหน่อยทำให้ร่างกายมันสู้ไม่ไหว ผมเลยพับแผลไว้ให้อย่างลวกๆ
 
ผมเอนหลังลงบนโซฟาข้างๆเตียงยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับมันดี ดูแล้วมันคงจะคุยกันยากน่าดู ไว้ตื่นมาแล้วค่อยว่ากันอีกที
 
 
 
แกร๊ก!
 
ผมคงเผลอหลับไปมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีสัมผัสเย็นๆจ่ออยู่ตรงขมับด้านขาวซะแล้ว ผมนิ่งและยังคงหลับตาสนิท
 
“นับถึงสามไม่ตื่น มึงตาย” มันพูดบอกเสียงเรียบ และผมยังคงนิ่งเหมือนเดิม “หนึ่ง....................สอง.................” มันเงียบไปไม่นับต่อ ผมก็นิ่งไม่ไหวติ่งใดๆ
 
พรึ่บ!!!!  ผั่วะ!!!
 
“อ่ะ.......อ่า.......เหี้ย!!!” ผมเด้งตัวขึ้นใช้ความเร็วถีบมันลงพื้น เห็นทีพูดกันดีๆคงจะไม่รู้เรื่องซะแล้ว
 
“แค่นี้เด็กๆ ว่ะ....” ผมนั่งทับกลางตัวมัน มือข้างหนึ่งกดไหล่ส่วนอีกขึ้นบีบคอมันไว้แน่นจนใบหน้าเรียวใสขึ้นสีแดงมันกัดฟันกรอดๆ
 
“มะ........แฮ่กๆ..........มึง” ผมมองสำรวจใบหน้าเรียวใสก่อนจะละมือไปกดแผลมันจนเลือดซึมออกมา
 
“ไง คุณโอ๊ต!.......กูว่าเรามาคุยกันดีๆ ดีกว่ามัย กูอุตสาห์ช่วยมึงออกมา ไม่ปล่อยให้ตายห่าอยู่ที่นั่นดีเท่าไหร่แล้ว” ผมบอก มันมองจ้องตาผมเขม็ง
 
“ถุ้ย!!!  แฮ่กๆ      พวกมึงเล่นสกปก...อั่ก!!! ........แฮ่กๆ...............อ่ะ........ไอ้เหี้ย!!!” มันถุยน้ำลายใส่หน้ามองเต็มๆครับ  ผมกัดฟันก่อนจะต่อยท้องมันไปทีหนึ่งจนมันเจ็บจุกตัวงอ
 
“หึ  ดูเหมือนเราจะคุยกันไปรู้เรื่องนะ  กูว่าถ้าขืนปล่อยมึงไป มึงคงต้องกลับมาเล่นงานกูแน่.........กูคงต้องหาหลักประกันชีวิตัวเองสินะ ว่ามั้ย” ผมบอกก้มหน้าลงลากไล่จมูกกับข้างแก้มมันขึ้นลงเบาๆ
 
“แฮ่กๆ......มะ....มึง.....จะทำ....อะไร” มันเบิกตากว้าง ถามเสียงสั่น
 
“บอกตามตรงกูน่ะ ชอบกินเด็กแล้วก็ เด็กผู้ชายด้วย ” ผมยกยิ้มมุมปาก รวบมือมันสองข้างขึ้นเหนือหัวด้วยมือข้างเดียวสวนอีกข้างปลดเข็มขัดออกจากกางเกงตัวเอง “แต่ก็นะร่างเพรียวแบบมึงก็โออยู่” ผมบอก เอาเข็มขัดมามัดข้อมือมันไว้แน่น กันดิ้น
 
“ปะ.....ปล่อย......อย่าทำอะไรเหี้ยๆนะ....มึงไม่ได้ตายดีแน่” มันพูดบอกดิ้นสุดแรงแต่ว่ามันหรือจะสู้แรงผมได้ ปากมันดีด้วยเห็นมั้ย
 
“เหอะ.....จุๆๆๆ  อย่าดิ้นคนดีเก็บ แรงไว้ๆ” ผมปลดเข็มขัดของมันออกเอามามัดข้อเท้ามันไว้โดยไม่ได้สนใจว่าจะแน่นเกินจนเกิดรอยแดงๆหรือปล่า
 
“ไอ้เหี้ย....ปล่อยกู.........ปล่อยไอ้สัจ......อ่ะ!!!!” ผมรู้สึกรำคาญเสียงมันเลยต่อยท้องมันไปอีกทีเล่นเอาเจ็บจุกหน้าดู ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกล้องวีดีโอ มาตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงให้เหมาะและตั้งจุดโฟกัสไปบนเตียงกว้างให้เห็นกันชัดเลย
 
“มาเหอะ  รับรองกูทำให้มึงลืมเป็ดไปเลย......เออ  กูรุนแรงไปหน่อยนะ อนุญาตให้ครางได้ตามใจชอบ” ผมอุ้มร่างเพรียวขึ้นโยนลงบนเตียงกว้างก่อนจะทาบทับร่างหนาของตัวเองลงไป
 
เริ่มบดจูบมาราธอนกับร่างบางที่พยายามเม้มปากตัวเองอย่างขัดขืน จนผมต้องฝังฟันเขี้ยวลงตรงมุมปากมันแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด ผมหมั่นเขี้ยวรุกจูบมันเนิ่นนานจนมันแทบขาดอากาศหายใจกว่าจะผลักออก มันนอนหอบหายใจถี่เร็วไร้เรียวแรง
 
ผมเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียง หยิบมีดพกปลายแหลมออกมา “นิ่งๆคนดี เดี๋ยวผิวเป็นรอยไม่รู้ด้วยนะ” ผมบอกกรีดปลายมีดลงบนเสื้อตัวบางของมันลากลงช้าๆจากคอเสื้อลงไป
 
“มะ......มึง......อ่ะ” มันกัดฟันพูดบอก เป็นจังหวะที่ผมกรีดมีดผ่านร่องอก มันบิดตัวจึงทำให้ปลายมีดคมบาดเลือดซึมไหลออมา
 
“อ่า............กูบอกให้นิ่งไง” ผมกรีดมันจนขาดถึงชายเสื้อก่อนจะดึงออก ก้มลงไปใช้ลิ้นตวัดเลียเลือดบนบาดแผลจากคมมีด
 
“ไอ้เหี้ย..........ปะ......ปล่อยกู......ไอ้ห่า   ปล่อย!!!!!  อั่ก!!!!”
 
“คาบดีๆ  เดี๋ยวปาดปาก” ผมบีบปลาบคางมันก่อนจะหันด้านคมออกนอกใส่เข้าไปในปากบางสีสดให้มันคาบไว้  ผมลากลิ้นเลียวนใบหูเล็กให้มันเสียวเล่นจนมันต้องร้องครางต่ำในลำคอ
 
“อื่ม...........” ร่างบางบิดกายเมื่อผมก้มลงดึงกางเกงมันออกหมดเผยให้เห็นแกนกายเหมาะมือที่กำลังชูชัน  และมันก็ทำให้อารมณ์ผมเดือดพล่านไปทั่วตัว  ผมมองดวงตาที่กำลังเบิกกว้างด้วยสายตาฉ่ำปรือก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองอย่าหื่นกระหาย 
 
“เจ็บนะ.........บอกไว้ก่อน”ผมบอกจบ ก้มลงไปขบกัดส่วนปลายแกนกายของมันแรงๆ มันส่งเสียงครางและบิดตัวไปมาอย่างเสียวซ่านอย่างทรมาน
 
มือข้างหนึ่งของผมลูบไล่ขึ้นไปบีบเค้นยอดอกสวยทั้งบีบคลึงดึงเน้นๆ ให้มันเจ็บปนๆกับเสียวซ่านไปในที
 
“อื๊อออ...........อึ่ก” ร่างบางเริ่มกระตุกวูบไหวเพราะปลายลิ้นผมที่กำลังเลียวนแกนกายมัน  ผมรัวลิ้นถี่หยอกล้อไม่หยุดจนมันชูชันแข็งขืนเต็มที่
 
“ไม่คนดี  ใครให้มึงเสร็จก่อนกู  อดทนหน่อย อ่าส์” ผมเงยหน้าขึ้นลูบหัวมันที่หอบหายใจถี่เร็ว มองซอกคอขาวๆ ของร่างบางน่าฝากรอย  ก่อนจะก้มลงไปดูดจูบเม้มและฝังคมเขี้ยวลงทุกๆจุดที่ริมฝีปากลากผ่าน
 
“อื๊ออออ......อึ่ก.......อื๊อออ......” คนใต้ร่างผมทำให้ผมร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจากแท่นร้อนที่กำลังดุนดันกางเกงผมกลายเป็นปวดหนึบจนต้องรีบผลักมันออกไปถอนเสื้อและกางเกงเหวี่ยงไปข้างเตียง
 
“อ่าส์........เสียวฉิบ” ผมครางบอก  ดึงเข็มขัดจากข้อเท้ามันออก ดันขามันไปแนบกับอกตัวมันเอง
 
เหมือนมันจะหมดแรงดิ้นไปแล้ว ผมเอื้อมไปหยิบตัวช่วยเปิดทางตรงหัวเตียงก่อนจะปาดป้ายกับแท่นร้อนตัวเอง  ขยับรูดสองสามทีก่อนจะจอเข้ากับปากทางเข้าด้านหลังของร่างบาง
 
“อึ่ก!!!!.........อื๊ออออออ.” ร่างเพรียวครางเสียงสั่นในขณะที่ผมดันแท่นร้อนเข้าไปได้แค่ส่วนหัว มันแอ่นอกขึ้นรับความเจ็บปวด ผมค่อยๆดันแท่นร้อนเข้าไปอย่างยากลำบากเพราะไม่ได้เปิดทางให้มันกอ่น
 
“อ่าส์........ผ่อนหน่อย.......เดี๋ยวกูใส่ไม่ยั้งนะ.....ซี๊ดดดดด” ผมบอกกัดปากล่างตัวเองอย่างเสียวซ่านไม่เคยรู้สึกวูบไหวแบบนี้มาก่อน รู้สึกว่าความต้องการผมมากล้นเกินกว่าเคย
 
“อื๊อออออออออออออออ” ผมทนไม่ไหวดันแท่นร้อนจะสุดโดยไม่สนใจแล้วว่าช่องทางรักของมันจะฉีกขาดหรือไม่ จากนั้นก็ ขยับตัวไม่ยั้งแรงจนเกิดเสียง
 
สวบ............สวบ............สวบ
 
ช่องทางรักอ่อนนุ่นเสียดสีและตอดรัดแกนกายผมอย่างน่าพอใจปลุกอารมณ์และสันดานดิบในตัวได้อย่างดี  ผมบีบแผลตรงแขนมันจนเลือดซึมออกมาอีก
 
“อื๊อออออออ/อ่าส์” เพียงไม่กี่นาทีผมก็ปล่อยน้ำรักออกมาในตัวมันจนอุ่นร้อนไปทั่วช่องทางรักผมมองแกนกายของมันที่ปลอดน้ำรักออกมาเช่นกันก่อนจะใจดีขยับรูดออกให้จนหมด
 
“เราเปลี่ยนที่กันดีกว่านะ คนดี” ผมดึงมันที่นอนหอบถี่ให้ลุกขึ้นดึงมีดในปากบางออก ก้มลงบดจูบแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากรสหวาน อุ้มมันมายังโต๊ะทำงานและกวดของทุกอย่างลงพื้น
 
“อะ......ไอ้........เหี้ย......อุ๊บส์!!!!!!” ผมรุกจูบมันอีกครั้งก่อนจะกดหลังมันลงไปนอนราบกับโต๊ะดึงขามันมาเกี่ยวเอวผมไว้
 
“รอบนี่อนุญาตให้ครางเสียงหนาว!” ผมแทกแท่นร้อนเข้าไปในตัวมันอีกครั้งก่อนจะขยับสะโพกไม่ยั้ง ทั้งเร็วและแรงขึ้นตามอารมณ์
 
“อ๊ะๆๆๆ..........อ๊ะๆ......อึ่ก.....อ่าส์” ผมแก้มัดมือมันออก  มันยันตัวเองลุกขึ้นยันมือข้างหนึ่งไว้กับโต๊ะ แอ่นอกท่าทางเซ็กซี่ได้ใจ ส่วนอีกข้างยกขึ้นโอบรอบคอผม
 
กึ่กๆๆๆ  เสียงโต๊ะโยกตามแรงขยับถี่รัวและเร็วขึ้นๆ จนกระทั้งรอบนี้มันปล่อยน้ำรักออกมาก่อนผมทั้งที่ยังไม่ได้จับต้องแกนกายมันเลยสักนิด
 
“อ่าส์........ใครใช้ให้มึงแตกก่อนกู  หื่ม  เพี๊ย!!!!” ผมฟาดฝามือลงบนก้นนิ่มเต็มแรงจนมันสะดุ้งตาม มันเลยดึงผมเข้าหาและกัดซองคอผมเต็มแรง
 
“อ๊ะๆๆๆ.....มะ.....ไม่.......อ๊ะๆ..ไม่ไหว” มันครางร้องสุดเสียง ผมปล่อยน้ำรักออกมารอบสองก่อนจะดึงมันกลับมายังเตียงกว้าง
 
“รอบนี้ให้มึงทำเอง   อนุญาตให้ทำร้อยข่วนได้แต่รอยละรอบคิดดอกสองเท่า” ผมบอกกับร่างบางที่นั่งคร่อมทักอยู่บนตัวผม    ผมนั่งหลังพิงหัวเตียงแท่นร้อนยังเชื่อมกับช่องทางรักของมันอยู่     
 
มันซุกหน้าลงกับซอกคอผมหอบหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นยกมือจะฟาดใส่หน้าผมแต่ผมจับไว้ได้ทัน เห็นมั้ยล่ะว่ามันน่ะฤทธิ์เยอะ แต่กูจะสยบมันเอง
 
“อ๊ะ!!!......อ่าส์” ผมกัดเม้มยอดอกมันและรัวลิ้นสลับกันทั้งสองข้าง สร้างร้อยรักไปทั่วหน้าอกขาวเนียน ก่อนจะขยับสะโพกกระแทกส่วนขึ้นไปแรงๆ
 
“อ๊ะ......เหี้ย!!!  อื๊อออออ” มือเล็กจับไหลผมไว้ แต่ไม่กล้าจิกข่วนลงมา ผมจับเอวคอดย้ายไปมาบนตัวผมจนเสียวไปถึงสันหลังวาบและไม่นานมันก็เริ่มขยับตัวเองตามความต้องการในตัวเองที่เกิดขึ้น
 
“อ๊ะๆๆๆๆๆ...................”มันขยับเร็วขึ้นจนผมพอใจและปลดปล่อยออกมาในทีสุด ต่างฝากต่างหอบหายใจถี่เพราะบทรักอันร้อนแรง แต่ผมคงไม่หยุดแค่นี้  เพราะรู้สึกว่าการมีเซ็กส์ครั้งนี้กับมันทำให้ผมสุขสมกว่าที่เคยเป็นมา
 
ไม่ว่าจะร่างกายเร่าร้อนเซ็กซี่ชวนหลงใหล หรือความอ่อนนุ่งที่กำลังตอดรัดแท่นร้อนผมถี่รัวจนทำให้ความต้องการในตัวปลุกขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่าถ้าหากผมปล่อยมันไปเราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า แต่ตอนนี้ขอกอบโกยความสุขสมให้เต็มอิ่มก่อนแล้วกัน
 
“อย่าเพิ่งหลับ.....ยังมันส์!!! ไม่จบ” ผมจับตัวมันพลิกให้นอนหายอีกครั้งก่อนจะเริ่มขยับสะโพกเนิบๆและค่อยๆเร็วขึ้นๆตามความต้องการของตัวเอง
 
มองคราบน้ำรักและคราบเลือดบนเตียงกว้างที่เข้ากันได้ดีกับผ้าปูสีขาว  เริ่มบทรักเร่งเร็วขึ้นและวนเวียนไปแสดงบทรักกับมันทั่วทุกๆมุมห้อง ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนไปจบลงให้ห้องน้ำ
 
“อ๊ะๆๆๆๆ...............อ่าส์” เสียงครางสุดท้ายจบลงในตอนเช้าของวันใหม่   ผมเอนหลังลงกับอ่างอาบน้ำมีร่างบางนอนทาบทับอยู่บนตัวผม
 
ผมจัดการล้างตัวให้ร่างบางอย่างจำใจ จะปล่อยให้นอนแช่น้ำในอ่างอยู่แบบนี้ก็ยังไงๆอยู่ ก่อนจะอุ้มมานอนลงบนเตียงกว้าง มองร่างบางนอนขดตัวพลิกคว่ำเพราะเคยชินกับการนอนท่านี้
 
มองแผ่นหลังขาวเนียน ทำให้ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ผมเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบเอาเข็มไฟฟ้าสำหรับสักรอยออกมา  จรดปลายเข็มลงไปบนไหล่ซ้าย มันสะดุ้งครางในลำคอเบาๆคงเพราะเจ็บนิดๆ 
 
ผมก้มลงจูบรอยสักที่เพิ่งจะเสร็จ    King Man   จากนั้นผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆมันและหลับตามมันไปในที่สุด
 
 
 
“อื่มๆ......” ผมส่งเสียงในลำคอเรียกความสนใจจากคนข้างๆ ที่กำลังเปิดประตูรถลง “คลิปพร้อมแชร์เสมอ ถ้ามึงเล่นตุกติก......และ หวังว่าจะได้เจอกันอีก  นะ!!!” ผมกระชากตัวมันให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ
 
“ไม่มีทา.............อุ๊บ!!!!” มันพูดด้วยสีหน้าหยิ่งจองหองผมรู้สึกไม่ชอบสีหน้าและท่าทางของมัน เลยจับท้ายทอยดึงมันเข้ามาบดจูบเน้นๆและเนิ่นนาน
 
ปึก!     เพี๊ย!!!!
 
ใบหน้าผมสะบัดไปตามแรงตบจากร่างบางหลังจากที่ผลักผมออกจากตัวและรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว ผมจะคว้าตัวไว้ก็ไม่ทัน แมร่ง เลือดกบปากกูเลย ผมกัดฟันมองร่างบางที่กำลังฝืนเดินไปยังโรงแรมหรูจนลับตาเข้าไปข้างใน
 
อย่าให้กูเจออีกนะ กูจะเล่นแมร่งสามวันสองคืนเลยคอยดู ชิส์!!!!!
 
<<<<TBC>>>>>>>

เฮิ้กๆ  มั่วสุดๆ ขอบอก อย่างไปอะไรมากมายกับสถานที่นะคะ

เราก็มั่วๆไปงั้นแหละ แต่งบทบู้ไม่ถูก  รีบสุดๆอ่ะ
 
มีคำผิดสะกิดบอก ลีวายส์ด้วย?? คิคิ

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-03-2014 14:18:02
โฮ้ววววววววววววววววววว คู่นี้
เลือดแทบหมดตัวววว :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-03-2014 14:57:18
คู่ร้อนคู่แร็ง ตอนนี้ลีวายไม่โผล่มาเลยอะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 24-03-2014 19:37:30
ทำไมคู่นี้แลดูร้อนแรงงง  กรี๊ดกร๊าดดด  ><
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 24-03-2014 22:02:26
คิดถึงลีวายยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-03-2014 10:51:08
หุหุหุ
อย่างงี้ต้องกินนานๆเนอะ


ลีวายหายไปไหนอ๊าาาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 25-03-2014 17:16:43
แซ่บเลยตอนนี้ >////<
มีทั้งบทบู๊ บทรัก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 25-03-2014 21:05:06
รุนแรงมาก ชอบบบบ!! อะเฮือก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 27-03-2014 21:13:58
น้องลีวายน่ารักน่าหยิกที่สุดเลย คิคิ มาให้ป้าหอมที *ฟอดดด. อิจฉาตาธาร
เชียร์น้องกายกับพี่หมอนะค่ะ
คู่แมนนี่ดิบโหดใช่ได้เลย ชอบบบ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 27-03-2014 23:59:10
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

คู่นี้เด็ดมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 02-04-2014 00:30:10
เลือดกระจายเลย

รุนแรงกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: E.L.F. Thai ที่ 04-04-2014 18:03:26
รุนแรงกันมากอะ ><
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 12-04-2014 15:29:18
มาแล้วจร้าเค้าขอโทดนักอ่านทุกคนนะค่ะ

ที่หายไปพอดีคนโพสติดภาระกิจต้องหามหาลัยเรียน

เลยต้องรออะไรให้มันลงตัวก่อนแต่ตอนนี้กลับมาแว้ว

ถ้าไม่ติดอะไรจะรีบลงตอนต่อไปให้น๊า  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:


Older Brother .....08
 
“ลีวายส์..........ลีวายส์.............อยู่ไหน” ผมกำลังเรียกหาหมาน้อยซุกซนไปทั่วห้อง ผมบอกว่าให้ไปอาบน้ำแต่มันงอแงวิ่งเข้าห้องไป
 
“................”  ผ่านมาหลายอาทิตย์เกือบสองเดือนได้ที่ลีวายส์อยู่กับผมพักหลังๆนี้เราเข้ากันได้มาขึ้นผมคุยและเล่นกับมันเป็นบางครั้งแต่ก็ไม่บ่อยนัก
 
“ถ้าไม่ออกมากูไปผับนะ   ไปล่ะ” ผมพูดบอกมองไปทั่วห้องร่างเล็กก็ยังไม่ยอมออกมา ผมหายใจเข้าลึกๆพยายามไม่ให้อารมณ์ของตัวเองขึ้น  เดี๋ยวถ้าไม่ออกมาผมจะตะคอกใส่มันอีกน่ะสิ เดี๋ยวนี้มันงอนเก่งจะบอกให้
 
“นี่แนๆๆๆ พี่ธารใจร้ายๆๆ  ลีวายส์ไม่รักแล้ว พรือ!!” ลีวายส์ออกมาจากตู้เสื้อผม ตรงเข้ามาทุบตีผมด้วยสองมือเล็กของมัน ผมยืนกอดอกมองร่างเล็กนิ่งๆ
 
“แล้วใครว่ากูรักมึง” ผมบอก ร่างเล็กหยุดชะงักมือ  น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นขอบตาช้าๆ   งานงอกกู  “อย่าร้องเชียวนะ   จุๆๆๆ   โอเคๆๆ  ไปอาบน้ำเดี๋ยวพาไปข้างนอก” ผมบอกแต่ร่างเล็กไม่ยอมขยับไปไหน ยืนนิ่งหน้างออยู่นั่นแหละ
 
“ลีวายส์....โกรธ!!!” มันบอกหันหน้าหนีแถมยังยกมือขึ้นกอดอกด้วย   ผมยืนมองร่างเล็กอย่างชั่งใจก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงกว้าง
 
“กูก็โกรธ! เหมือนกัน” ผมแกล้งพูดบอก เอนหลังลงบนเตียงกว้าง  ร่างเล็กหันขวับมามองทันที เพราะมันรู้ดีถ้าผมโกรธผมจะไม่คุยกับมันทั้งวันเลย
 
มีครั้งหนึ่งที่ผมโกรธมัน วันนั้นลีวายส์ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนหลังโรงเรียนจนครูหาไม่เจอ กระทั่งผมไปรับกลับก็ยังหาไม่เจอ ผมเลยต้องเดินไปตามเอง มันกลับมาในสภาพดูไม่ได้เลยสักนิด  หน้าตาเสื้อผ้าเลอะเทอะเปื้อนดินไปหมดทั้งตัว
 
ผมเลยดัดนิสัยโดยการบอกมันว่า ‘กูโกรธ’ และไม่คุยกับมันสองวันเต็มๆ   ร่างเล็กไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ออกมาและเข็ดไม่กล้าทำอีก ลีวายส์กลัวผมไม่คุยไม่สนใจมัน
 
“พี่ธาร...........พี่ธาร” ร่างเล็กปีนขึ้นบนเตียงมานั่งข้างๆตัวผม  มันนอนคว่ำลงเอาคางมาเกยแผงอกผมไว้
 
“ลีวายส์ไม่โกรธแล้วฮะ.....พี่ธารอย่าโกรธนะ นะๆๆๆ ฮะ” ร่างเล็กถูปลายคางกับแผงอกผมเบาๆคล้ายแมวน้อย  เหี้ย!!!  หมู่นี้ยิ่งขาดของอยู่ด้วย กูไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายวันแล้วนะ
 
ผมพลิกมันหนี ร่างเล็กก็ยังไม่ล่ะความพยายามมันปีนขึ้นมานั่งบนหน้าท้องแกร่งของผมเลยล่ะ ก่อนจะโยกเบาๆ เนี่ยดูดิมันยั่วกูชัดๆ  เป็นพยานด้วยนะกูจะได้ไม่ผิดถ้าขืนทำอะไรลงไป =_=
 
“พี่ธารๆๆๆๆๆ  ลีวายส์ขอโทษษษษษษษษษษษษษษษษษษษษฮะ” มันบอกเปลี่ยนจากนั่งโยกอยู่ดีๆ ก็เลื่อนมาจนถึงอกกว้าง
 
“ลีวายส์.....ลงไป” อันนี้คือกูไม่ไหวแล้วครับ กลางตัวเริ่มกระตุกตุบๆขึ้นมาแล้ว ลีวายส์มองหน้าผมแบบงอนๆก่อนจะยอมลงไป
 
“พี่ธารหายโกรธลีวายส์นะ..........” แต่มันยังไม่ยอมแพ้ ขณะที่ผมลุกขึ้นนั่งมันดันเข้ามาคร่อมทักผมและโอบรอบคอไว้ทันที เหี้ยเฮ้ย!!!
 
“อยากให้พี่ธารหายโกรธหรอ” ผมดึงร่างเล็กออก ลีวายส์พยักหน้ารับงึกงัก มองผมตาแป๋ว “งั้นจัดการหนอนให้พี่ธารหน่อยสิ” =_= บอกทีกูพูดอะไรออกไป ลีวายส์เปิกตากว้างอย่างสงสัย
 
“หนอนมันกัดพี่ธารหรอฮะ  พี่ธารเจ็บหรอฮะ” มันดูจะห่วงผมเหลือเกิ๊น ไม่ห่วงตัวเองเลยจริงๆ
 
“เอ่อ...ชิท์.............ไปๆอาบน้ำไปเดี๋ยว กูพาไปข้างนอก มาเร็ว”  ลีวายส์ทำหน้างงกับอารมณ์ของผม ก็กูจะบ้าหรือไงคิดเหี้ยอะไรจะให้เด็กตัวแค่นี้ทำให้  โธ่เว้ย!!!!! 
 
ผมลุกขึ้นยืนทึ่มหัวตัวเองแรงๆก่อนจะพาลีวายส์เดินเข้าไปในห้องน้ำ  อย่าอย่าคิดไกล ต่างคนต่างทำธุระของตัวเองเหอะ
 
“พี่ธาร เข้ามาทำไมฮะ” ร่างเล็กเอียงคอถามผมที่เดินตามหลังมันเข้ามาด้วย เรื่องบางเรื่องเด็กไม่ต้องรู้ก็ได้นะกูว่า =_=
 
“ขี้!”  ผมตอบบอก ลีวายส์ทำปากยื่น แบบงอนๆใส่  ผมเลยก้มลงไปจุ๊บปากมันอย่างหมันเขี้ยวก่อนจะเดินไปนั่งลงบนชักโครก
 
เชื่อป่ะว่ากูมาขี้  พาหนอนมาขี้โว้ย!.......และระหว่างที่กำลังขยับรูดแท่นร้อนได้ที่ เสียงเล็กที่อยู่ในอ่างอาบน้ำมันก็เรียกไม่หยุด
 
“พี่ธาร.......อย่าแอบดูลีวายส์อาบน้ำนะ........พี่ธารๆ.............พี่ธารช้าจัง..................พี่ธาร...........พี่ธารรรรรรรรร”
 
“เฮ้ย!!!!  เสร็จแล้วๆ” ผมเดินออกมาจ้องมันที่นั่งอยู่ในอ่าง มันยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม
 
“อุ้มลีวายส์ขึ้นด้วยฮะ  ลีวายส์อาบเสร็จแล้วฮะ” ร่างเล็กอ้าแขนออกทั้งสองข้างให้ผมอุ้มมันขึ้นจากน้ำ
 
“ยุ่งจริง” ผมก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมามันรีบเอามือโอบรอบคอผมไว้กันร่วง   ร่างเล็กเปลือยทั้งตัวครับผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาพันตัวให้และเดินออกมา  นับวันมันก็ยิ่งยั่วเก่งขึ้น โตขึ้นนี่กะจะเป็นเมียกูใช่มั้ย
 
 
“ลีวายส์คนสวยยยยยยยยยยยยยยยยยย” มาแล้วเสียงคู่ปรับลีวายส์ครับ  ไอ้กายส่งเสียงทักมันมาแต่ใกล้เมื่อเห็นผมกับลีวายส์เดินเข้ามาในร้าน
 
“พี่กายสิสวยยยยยยย ลีวายส์หล่อฮะ” ลีวายส์พูดบอก  มือมันยังคงกำชายเสื้อผมแน่นเหมือนเดิมจนถึงตอนนี้และผมก็ชินซะแล้ว
 
“โธ่   ก็ใครใช่ให้เรียกพี่อ่ะ  ป่ะไปเล่นข้างบนกัน” ไอ้กายก้มลงอุ้มร่างเล็กและเดินขึ้นไปบนห้องพักทำงาน เพราะผมต้องดูแลและสั่งงานพนักงานนิดหน่อย
 
เราจัดห้องพักด้านบนใหม่แล้วล่ะเพราะว่าจะได้ไม่แคบเวลาที่ผมพาลีวายส์มา มันจะได้มีที่กว้างวิ่งเล่น ผมน่ะไม่เท่าไหร่แต่ไอ้กายกับไอ้เซฟโน้น มันชวนกันเล่นได้จริงๆ พวกมันซื้อของเล่นมาให้ด้วยแล้วก็เยอะมากๆ ซึ่งผมไม่เคยซื้อให้เลยสักชิ้น จะซื้อให้ก็มีแต่หนังสือแล้วก็เสื้อผ้าเท่านั้น
 
ไม่นานพับก็เริ่มเปิดให้แขกเข้าคืนนี้ผมคงอยู่ดึก พักหลังๆผมไม่ค่อยมีเวลามาเท่าไหร่ ไม่อยากพาลีวายส์มาบ่อยๆเพราะมันก็ต้องไปเรียนหนังสือ
 
“ไงมึง พักนี้ดูยุ่งๆนะ” ผมทักไอ้แมนที่เดินตรงมาหาผมที่กำลังนั่งมองแขกและพนักงานในร้านอยู่
 
“เออ  นิดหน่อย  ลูกมึงล่ะ” ไอ้เหี้ยนี่  มันก็ถามหาลีวายส์นั่นแหละ
 
“เหี้ย   อยู่ข้างบนโน้น” ผมบอกกลับมันยกยิ้มมุมปากนิดๆ  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมรับลีวายส์เป็นลูกได้ คงจะด้วยอายุของผมที่ยังใช่คำว่าไม่แก่(เนอะ) หรือว่าความรู้สึกที่ว่าลีวายส์ไม่ใช่ลูกละมั่ง
 
“มึงจะเก็บไว้เป็นเมียล่ะสิ  ไอ้เหี้ย” มันพูดบอก หรี่ตามองหน้าผมอย่างจับผิด
 
“พ่องมึง   เด็กเว้ยเด็ก  เด็กฮ่ะ โอเค๋” ผมบอก มองสำรวจไปทั่วร้าน และสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างเพรียวบางตรงหน้าบาร์ที่นั่งอยู่คนเดี๋ยว
 
“หึ   หมั่นเขี้ยวอีกล่ะสิมัน ห่า” ไอ้แมนมองตามและพูดบอก ผมยักคิ้วให้เป็นอันรู้กัน ก่อนจะเดินตรงไปหาร่างเพรียวทันทีและถือวิสาสะนั่งลงข้างๆยกมือขึ้นแตะเอวบางเบาๆ
 
“มาคนเดียวหรอครับ” ผมพูดทัก เธอหันมาขมวดคิ้วมอง ก่อนจะยิ้มบางให้ และว่างมือเล็กลงบนบ่าผม
 
“ก็.....โสดนี่ ก็ต้องมาคนเดียวสิคะ” เธอยิ้มหวานมองสำรวจผมไปทั่วใบหน้า
 
“ไปหาที่เงียบนั่งกันมั้ย” ผมบอก มองเธอด้วยสาตาโลมเลียอย่างเปิดเงย เธอเอนหัวลงมาซบกับไหล่ผมเป็นอันว่าตกลง
 
ผมลูบหัวเธอเบาๆก่อนจะลุกขึ้นและประคองตัวเธอขึ้นไปข้างบน ขอยืมห้องไอ้เซฟก่อนแล้วกัน วันนี้ขี้เกียจเสียเวลาไปเปิดห้องเพราะเดี๋ยวต้องวนกลับมารับไอ้ตัวเล็กอีก
 
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะว่างร่างเพรียวบางอย่างเบามือกีบเตียงกว้าง ผมค่อยๆก้มลงบดจูบกับปากอิ่มสวยเนิ่นนาน
 
‘พี่ธาร....’ ผมผงกหัวขึ้นอย่างกใจก่อนจะมองไปยังประตูห้องเมื่อได้ยินเสียงเล็กเรียกชื่อผม แต่ว่าผมคงหูฝาดไปล่ะมั่ง
 
“อื่อ.......”ร่างเพรียวบางครางในลำคอ บิดกายอย่างเร่าร้อนเมื่อผมลูบไล่ไปทั่วร่าง
 
‘พี่ธารกลับบ้านฮะ.........’ ผมชะงักนิ่งไปอีกครั้งเมื่อเสียงเล็กของลีวายส์ดังอยู่ข้างหูชัดเจนมากขึ้น ร่างเพรียวมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนจะดึงผมไปบดจูบต่อ
 
“อะ......เฮ้ย!!!!” ผมรีบผลักตัวออกจากร่างเพรียวเมื่อผมเงยหน้าขึ้น และเห็นภาพลีวายส์อยู่ในหัว เธอมองผมอย่างขัดใจ “โทษที.....ผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วน” ผมบอกก่อนจะก้มลงจูบเธอเน้นๆอีกครั้งและรีบเดินออกจากห้องมา  กูเป็นเหี้ยรัยเนี่ย ชิส์!!!
 
“พี่กายให้ลีวายส์  กินด้วยนะฮะ นะๆๆๆๆ” ผมเข้ามาในห้องพัก ลีวายส์กำลังออดอ้อนไอ้กายโดยขึ้นไปบนโซฟาโอบรอบคอมันไว้จากด้านหลัง
 
“ไม่ให้กิน  นี่ของพี่กาย แปร่ๆ” ผมมองกล่องเค้กบนโซฟา เดินเข้าไปหามัน
 
“ไป กลับบ้าน” ผมบอก ลีวายส์หน้างอทันที มันมองกล่องเค้กหน้าหงอย ผมมองหน้าไอ้กายอย่างตำหนิ แมร่งแค่นี้ก็ให้ไม่ได้
 
“อะไรเล่า มองแบบนั้น  ก็ของกูอ่ะ” ผมบอกเสียงอุบอิบ ผมหรี่ตามองอย่างส่งสัย
 
“ใครให้มา” ผมถาม มันกลอกตาไปมาและเม้มปากจนไปเส้นตรง  หึ  ไอ้นี่ขี้หวงของจะตายถ้ายิ่งเป็นของที่คนสำคัญให้มาล่ะก็นะ ผมเคยทำนาฬิกาที่แม่มันให้หายกว่ามันจะยอมคุยกับผมเป็นเดือนเลยล่ะ ผมซื้อให้มันใหม่สองเรือนมันก็ไม่ยอม
 
“ไอ้หมอ..........” มันตอบแบบส่งๆ ขอไปที เชิดหน้าใสผมนิดๆ ผมมองแก้มขาวๆของมันที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีแดงๆอย่างขำๆ
 
“ไอ้เหี้ยกาย.....แค่นี้ก็หวง”
 
“ก็.....กะ.......ก็เอาสิไม่เห็นอยากได้เลย” มันบอก คงอายถึงได้พูดออกมาโดยไม่คิดว่าลีวายส์จะเอาจริง
 
“งั้นลีวายส์ของฮะ  ไปฮะพี่ธาร กลับบ้านๆ  ไปกินเค้กๆๆ” ลีวายส์หยิบเอากล้องเค้กไปถือ โดยไม่รู้เรื่อง เพราะตัวเองอยากได้อยู่แล้ว ทีนี้ไอ้กายก็หน้าหงอยไปเลย
 
“เหอะ.....เสียหมาเลยมึง  กูไปล่ะ  จะกลับพร้อมกูหรือจะคอยให้ใครมารับ หื่ม”
 
“ไอ้เหี้ยธาร  ไปเลย!   ไอ้บ้า  อือๆๆ” นั่นไงมันคงแค้นใจเลยร้องแมร่ง
 
“พี่ธารกินได้เลยมั้ยฮะ” ลีวายส์ถามผมขณะอยู่บนรถ ร่างเล็กวางกล้องเค้กไว้บนตักัวเอง
 
“เดี๋ยวค่อยกินที่ห้อง  จะกินในรถได้ไง” ผมบอกเลี้ยวรถเข้าจอดเมื่อมาถึงคอนโดโดยใช้เวลาขับมาเพียงไม่กี่นาที
 
“พี่ธาร   มีมดด้วยอ่ะ” ลีวายส์ชูกล่องเค้กให้ผมดู ผมดึงมาถือไว้ในมือมองสำรวจใต้กล่อง ปรากฏว่ามีจริงๆ
 
“อืม....มา  รีบเดิน” ร่างเล็กกำชายเสื้อผมเดินตามเหมือนเคย  ไม่นานเราก็มาถึงห้องพักกูกำลังค้างจากเมื่อกี้ ต้องทำเวลา =_=;;
 
“พี่ธารๆฮะ  ลีวายส์โดนมดกัดอ่ะ   มันอยู่ในกางเกงเนี่ยๆๆๆ” ลีวายส์ทืบเท้าเร็วๆมาหาผมที่กำลังจะเดินเข้าห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำไปจัดการกับสิ่งที่ค้างคาตอนอยู่ในผับ
 
“ก็เอาออกสิ.....ปล่อยก่อน” ผมกัดฟันบอก  ดึงมือร่างเล็กออกแต่มันไม่ยอมปล่อย
 
“ลีวายส์เจ็บฮะ  พี่ธารเอาออกให้ที นะฮะๆ” ลีวายส์แปะปากเหมือนจะร้องไห้ เอาวะ!!!  ผมเลยจัดการนั่งยองๆตรงหน้ามันถอดกางเกงมันออกหมด เผยให้เห็นกลางกายน้อยๆของมัน
 
“ลีวายส์คัน ตรงนั้นๆ พี่ธารเอามดออกไปเลยฮะ” ร่างเล็กบอกก้มมองและชี้มาตรงหว่างขาของมัน ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะลูบไล่นิ้วเรียวตามรอยแดงข้างขา
 
“ไม่มีมดเลย.....ไปเอาแป้งมาทาไป” ผมบอก พยายามระงับอารมณ์ความต้องการของตัวเองที่ฟุ้งซ่านขึ้นเรื่อยๆ
 
“ก็ลีวายส์คันนี่นา  มดมันต้องอยู่แน่ๆ” ดูๆมันยังเถียงอีก เหี้ย เอาวะมันยังเด็กอยู่คงไม่รู้หรอกว่าผมกำลังทำอะไร
 
“มึงอย่าร้องก็แล้วกันเดี๋ยวกูทำให้หายคัน!!!” ผมพูดจบ อุ้มร่างเล็กให้นอนลงบนโซฟา ก้มลงดูดเลียข้างขาเนียนนุ่มไล่ไปทั่วทั้งสองข้าง นึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรบ้าๆแบบนี้กับเด็ก   แต่ช่วยไม่ได้มายั่วกูกำลังเสี้ยนพอดี
 
“พี่ธาร.....คึคึ...ลีวายส์จั๊กจี๊ฮะ คิคิ” ลีวายส์หัวเราะคิกคักตามประสา  เมื่อผมครอบปากลงกับกลางกายน้อยของมันและดูดดึงเบาๆ
 
ผมเอื้อมมือไปเปิดกล่องเค้กออก ป้ายครีมติดสองนิ้วเรียวยาวของผมมาจอปากร่างเล็กไว้ ลีวายส์ยิ้มกว้างดูดเลียนิ้วผมเข้าปาก  ห่านี่กูไข่ตั้งเพราะเด็กหรอเหี้ย!!!
 
ผมกัดปากตัวเองอย่างเสียวซ่านก่อนจะนั่งลงกับพื้นห้องจากที่นั่งยองๆเมื่อกี้ส่วนลีวายส์นอนอ้าซ่าดูดนิ้วผมอยู่บนโซฟา ผมลดมือข้างหนึ่งมาปลดเข็มขัดออก ดึงแท่นร้อนที่ดุนดันกางเกงมาขยับรูดเบาๆ ขณะที่ยังตวัดลิ้นร้อนกับกลางกายน้อยของลีวายอย่างหมั่นเขี้ยว
 
“หมดแล้วฮะพี่ธาร....” ร่างเล็กพูดบอก ผงกหัวขึ้นมองผมตาใสแป๋ว ผมเงยหน้าขึ้นมองมันด้วยสายตาฉ่ำปรือ
 
“อยากกินเยอะๆมั้ย” ผมถาม ลีวายส์พยักหน้ารับ งับปลายนิ้วผมเบาๆเล่นเอาเสียวสันหลังวาบ แมร่งถึงตอนนี้ผิดชอบชั่วดีก็ไม่สนแล้วกู
 
ผมลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาทำให้ลีวายส์เห็นแท่นร้อนผมเข้าเต็มตา ลีวายส์เปิกตากว้าง แต่ผมไม่สนใจว่ามันจะตกใจหรืออะไร ผมอุ้มลีวายส์ให้ลงไปนั่งบนพื้นห้องแทน
 
“..................” ร่างเล็กเอียงคอมองผมอย่างซื่อๆ เมื่อเห็นผมปาดครีมเค้กลงกับแท่นร้อน
 
“กินสิ.......เร็วเข้าถ้าไม่กินเดี๋ยวมันกัดมึงนะ” ผมบอกลีวายส์จึงรีบคุกเข่าลง มันมองผมนิดๆคงจะกลัว ผมเลยยกมือขึ้นเกาเบาๆตรงท้ายทอยมัน
 
ลีวายส์ก้มลงใช้ลิ้นเล็กไล่เลียไปทั่วแท่นร้อนที่กำลังแข็งขืนเต็มลำ ผมกัดริมฝีปากระบายความเสียวซ่าน มองร่างเล็กที่กำลังครอบปากลงกับส่วนหัวแท่นร้องเงอะงะ เพราะปากมันเล็กเกินไปจึงครอบได้ไม่ถึงครึ่งลำ
 
ผมเอามือข้างหนึ่งขยับรูดแกนกายไปด้วย ในขณะที่ลีวายส์ตวัดลิ้นเลียกลืนกินครีมเค้กรสหวานลงคอและไม่นานผมก็แกร็งตัวแข็งทื่อ ปลดปล่อยน้ำรักออกมากระเด็นเลอะทั้งมือผมและหน้ามันเกือบจะเข้าตา
 
ลีวายส์มองแท่นร้อนผมตื่นๆ สลับกับมองหน้าผม ผมเอื้อมมือไปดึงทิชชู่มาเช็ดคราบออก มองลีวายส์ที่แลบลิ้นเลียคราบน้ำรักข้างปากตัวเอง มันถึงกับทำหน้ายี้เมื่อรสน้ำรักเข้าปาก
 
“มานี้.....ใครเค้าทำแบบนั้นกัน” ผมบอกอุ้มร่างเล็กมานั่งบนท้องแกร่ง ลีวายส์มองผมอย่างสงสัย
 
ผมดึงร่างเล็กเข้าหาก่อนจะดูดจูบเลียน้ำรักของผมที่เลอะไปทั่วใบหน้ามันจนถึงคอ ผมจูบย้ำๆเน้นๆ ร่างเล็กนิ่งเงียบมองการกระทำของผม ถึงแม้ว่าจะออกหมดแล้วแต่ก็ยังไม่อยากผลักมันออก
 
“พะ....พี่ธาร....ลีวายส์หายใจ  ไม่ออกฮะ” อ้าว  เออนะกูก็ลืมไปเผลอกอดแน่นเกิน =_=
 
“เอ่อ.....ไปอาบน้ำไป  เดี๋ยวจะได้นอน” ผมบอก ยกลีวายส์ลงจากตัวผม และผมรีบดึงกางเกงใส่กลับ  เหี้ยจริงๆ ไอ้ธารมึงหื่นเกินไปแล้ว =_=     ลีวายส์ยืนมองผมหน้างอ มันทำปากยื่นนิดๆ
 
“ลีวายส์ค่อยอาบพรุ่งนี้ได้มั้ยฮะ” ร่างเล็กพูดบอกด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ตาหลุบมองพื้น เหอะ!!!
 
“ไม่ต้องเลยๆ  ไปกูไม่นอนกับเด็กสกปรก” มันถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเดินคอตกเข้าไปในห้อง
 
ผมเก็บเค้กไปไว้ในตู้เย็นก่อนจะเดินตามไปดู เฮ้อออ มันไม่ยอมอาบจริงๆด้วยลีวายส์ขึ้นมานอนบนเตียงกว้างและหลับไปแล้ว เอาเหอะวันนี้ถือว่าผมทำบ้าๆกับมัน(โดยที่มันไม่รู้เรื่อง)ยอมให้วันหนึ่ง
 
 
 
เช้า..............................
 
“พี่ธาร.....” เสียงเล็กมากระซิบเบาๆอยู่ข้างหู
 
“อื่ม...................”
 
“พี่ธาร...........พีธาร” เสียงกระซิบเพิ่มระดับดังขึ้น อย่างน่ารำคาญ
 
“อื่ม.................”
 
“พี่ธารรรรรรรรรรรรร....นี่แน่ๆๆ”
 
“อึ่ก....โอ๊ย!......อั่ก............เน้!!!!” ร่างผมเหมือนโดนก่อนหินทุ่มลงมาตรงบั่นเอว เมื่อไอ้เด็กตัวดีมันขึ้นมาแล้วก็กระโดดๆทิ้งตัวใส่แรงๆ จนผมคิดว่าเอวเกือบจะหัก
 
“ก็พี่ธารไม่ยอมตื่น  ลีวายส์อาบน้ำแต่ตัวแล้วฮะ ลีวายส์จะสายแล้ว” -*- ลีวายส์อยู่ในชุดพละสีเขียว ใส่ถุงเท้าเรียบร้อยแล้วเตรียมตัวจะไปโรงเรียน
 
“เออๆๆๆๆ  ยุ่งจริง  ฮาวววววววว เว้ย!” ร่างเล็กมองผมก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้ หื่ม  คะ.....คอมัน “มานี่ดิ๊” ผมบอกดึงมาเข้ามาและเปิดคอเสื้อดู เหี้ย!!!
 
“อ่า  จริงสิฮะ เนี่ย ไม่รู้รอยอะไรฮะ ลีวายส์เห็นตอนลีวายส์แต่งตัวฮะ”
 
“เอ่อ....มดกัดมั้ง.......” ผมบอกลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ แมร่ง มดตัวใหญ่เนี่ยแหละกัด ห่ารากกูเผลอทำรอยบนคอมันไว้ตอนไหน
 
“หรอฮะ  คงเป็นมดที่เข้าไปในกางเกงตัวนั้นแน่ๆเลยฮะ”
 
=____=;; บอกกูทีว่ามันยังอ่อนต่อโลก ไม่รู้เรื่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง 
 

<<<<<TBC>>>>>>

น่าอาย น่าอาย อัย ใย ยาอะอา

บองตง ไรท์คิดได้แค่นี้จริงๆ

ไรท์ : ไอ้ธารแมร่งหื่นว่ะ

อีธาร : กูว่าคนแต่งหื่นกว่ากูอีก หาคุกให้กูอยู่ซะงั้น
 
ลีวายส์ : หื่น คือตัวอะไรฮะ -0-   
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-04-2014 16:17:10
อีพี่ธารโคตรหื่น
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 12-04-2014 16:48:22
มดเป็นเหตุ  โอ้ยยยยยยยยย
เขินนนนนนนนนนนนน :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 14-04-2014 10:08:28
มาแว้วจร้า ช่วยกันเม้นหน่อยนะ :mew2:  :mew2:  :mew2:

ติชมได้เลยน๊าเราจะได้ไปปรับปรุง

การแต่ง   :katai4:   :katai4: :katai4:


Older Brother .....09
 
“เออ ไอ้ธารเดี๋ยวมึงไปรับลีวายส์ก่อนเหอะ ที่เหลือพวกกูทำเอง” ไอ้เซฟที่กำลังทำแบบร่างคําพิพากษาอยู่บอกกับผม วันนี้ผมเลิกเรียนช่วงบ่ายช้ากว่าปกติเพราะอาจารย์สั่งงานนิดหน่อย
 
“อื่ม...คงร้องแล้วมั่งป่านนี้กูว่า” ลีวายส์น่ะพอผมไปรับช้ามันก็ชอบร้อง บอกว่าผมจะทิ้งมัน ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแต่สิ่งที่มันกลัวที่สุดคือ กลัวผมทิ้ง
 
ผมขับรถออกจากมอ ตรงมารับลีวายส์ที่โรงเรียน เพราะวันนี้ผมมาช้าเลยไม่ค่อยมีรถผู้ปกครองจอดเยอะเหมือนทุกวัน  ผมเลยขับรถมาจอดหน้าอาคารเรียนของลีวายส์เลย ปกติต้องเดินเข้ามาเซ็นชื่อ
 
“ลีวายส์ครับ พี่ธารมารับแล้วครับ” คุณครูประจำชั้นยิ้มรับผมก่อนจะเรียกบอกลีวายส์ที่กำลังนั่งหน้างออ่านหนังสืออะไรสักอย่างอยู่  หน้านี่แมร่งบูดสุดๆ
 
“หวัดดีฮะ!!!” ร่างเล็กยกมือไหว้ผมด้วยความเคยชิน ใบหน้าบูดเบี้ยวจนผมนึกขำ มันออกจะน่ารักมากกว่าซะอีก
 
“อะไร กูเลิกเรียนช้าเหอะ!” ผมบอกเดินตามหลังร่างเล็กออกมาจากอาคารเรียน
 
ระหว่างทางเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะทางเดินระเบียงมันแคบผมเลยต้องเบี่ยงหลบให้แต่ไม่รู้ทำไมไอ้ตัวเล็กมันทำท่าไม่สนใจจะหลับ เดินตรงไปเกือบชนเค้า
 
“ลีวายส์!  นิสัยไม่ดีนะ ทำไมไม่หลบห๊ะ  นิสัยเสียจริงๆ” ผมพูดบอก เมื่อเดินมาถึงรถหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล
 
“ก็ลีวายส์ไม่ชอบเค้านี่ฮะ” ลีวายส์บอก มันทำหน้างอปากยื่นใส่ผม อะไรของมันอีกล่ะ เด็กนี่ผมอ่านความคิดมันไม่ออกเลยจริงๆ
 
“เค้าไปทำอะไรให้มึง.........อ่ะ ขึ้นรถดีๆ” ผมถามต่อ  เปิดประตูให้มันขึ้นรถและเอาเป้มันไปไว้หลังรถก่อนจะเดินมาขึ้นรถนั่งฝั่งคนขับและขับออกมา
 
“ก็แม่แอนนี่  จะแย่งพี่ธารนี่นา  ลีวายส์ไม่ชอบ” ลีวายส์พูดบอก ตอนนี้กูหมั่นไส้ท่าทางของมันมาก ร่างเล็กนั่งกอดอกเชิดหน้าทำปากยื่นแบบงอนๆด้วย
 
“แย่งบ้าบออะไรของมึง” ผมถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างเล็กพูดบอก
 
“ก็แม่แอนนี่ ให้แอนนี่มาถามลีวายส์ว่าพี่ธารมีคนรักหรือยังฮะ เค้าบอกจะจีบพี่ธาร” ลีวายส์บอกหันหน้าหนีไปนอกหน้าต่าง อ่อ หวงกูว่างั้น หึ คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ว่ะ
 
“แล้วบอกไปว่าไง.....หื้ม” ผมถาม ลอบมองเรียวหน้าจากด้านข้างของมัน ร่างเล็กก้มหน้าลงนิดๆ ทำปากหมุบหมิบไปมา   เหอะๆ
 
“มีแล้วฮะ” มันหันมาบอกผม แล้วรู้มั้ยมีค้อนใส่กูที่หนึ่งด้วย
 
“กูมีที่ไหนวะ......โสดเหอะ”
 
“ก็ลีวายส์ไงฮะ” ผมตกใจกับคำพูดที่ออกมาจากปากมันจนเกือบหักเลี้ยวรถลงข้างทาง เด็กเวร
 
“จะบ้าหรอ   เป็นคนรักที่ไหนเล่า  บ้าป่ะ” มันทำผมเสียสมาธิในการขับรถเลย   ตอนนี้เป็นผมล่ะที่ไม่กล้าหันไปมองหน้ามัน
 
“ก็....คนรักกันเค้ากอดเค้าจูบกันนี้นา.......พี่ธารก็กอดก็จูบลีวายส์ด้วยนี่ฮะ” เหี้ย!!! นี่มัน......มันคิดไปใกล้กว่ากูอีกนะนั่น
 
“จะ....จะบ้าหรอ  นั่นน่ะ  เค้าเรียกว่า.....เอ่อ.....การ......การแสดงความรักอีกแบบต่างหาก ตัวเองเป็นผู้ชายจะคิดอะไรแบบนี้ห๊ะ มึงเลิกคิดเลย” กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้ถูก เล่นเอากูเหงื่อแตกเลยว่ะ
 
“แต่.....ลีวายส์รักพี่ธารนี่ฮะ.......ถ้างั้นพี่ธารก็เป็นคนรักของลีวายส์ฮะ” โอ๊ย!!!  มันทำกูปวดทั้งหัวปวดทั้งตับไตไส้พุงเลยล่ะ ห่าราก
 
“พอๆ เลิกคุยแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่ากูจะไปยุ่งกับเค้าเพราะกูจะเอาแม่ม้ายทำเมียเข้าใจ๋ ต้องสาวสวยเหอะ”
 
“งั้นโตขึ้น ลีวายส์จะเป็นสาวสวย” =[]=  กูไม่เสวนาพาปวดหัวกับมึงแล้วววววววววววววววว
 
 
 
 
“ไปทำการบ้านให้เรียบร้อยก่อนไป” ผมบอก วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยโคตรอ่ะ เรียนทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็น แถมยังมีงานติดมือกลับมาทำอีก
 
หึ.....พอคิดถึงเรื่องชวนปวดหัวเมื่อกี้ของลีวายส์ผมก็นึกขำขึ้นมา มันจะบ้านหรือเปล่านี่ลีวายส์คงไม่ได้คิดเลยใช่มั้ยว่ามันยังเป็นเด็กอยู่ ถึงได้มีคำพูดคำจาท่าทางหวงผมมากแบบนั้นแถมยังยัดเยียดตัวเองให้ผมอีกด้วย  นี่มันรักผมจริงหรอ เหอะ!!!
 
ผมลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอน แต่พอเห็นลีวายส์นั่งทำการบ้านตัวเองอยู่ในห้องอีกห้องที่ผมใช้เป็นห้องทำงานและเก็บหนังสือ
 
อดมองมันไม่ได้ ร่างเล็กดูจะรีบทำและสนใจกับการบ้านอย่างจริงจังเพื่อจะทำให้เสร็จเร็วๆ มันเคยบอกว่า ถ้าเสร็จเร็วจะได้มานั่งเฝ้าพี่ธาร มันพูดแบบนั่นจริงๆนะ เหอะ
 
ผมยกยิ้มมุมปากมองร่างเล็กไปเรื่อยสักพัก ก่อนจะพาตัวเองไปอาบน้ำ จริงๆผมอยากทำห้องให้มันนะแต่ว่ามีคืนหนึ่งที่ผมไปสนามแข่งรถแล้วก็กลับดึกมาก เลยฝากมันไว้ที่ผับกับไอ้กาย ผมก็โทรมาหามันทุกๆชั่วโมงนะ 
 
คืนนั้นผมเล่นเอากลับตีสาม กลับมา แมร่ง ไอ้กายนั่งร้องเลยล่ะ มันบอกว่าลีวายส์ตื่นขึ้นมาร้องไห้หาผมตลอดทั้งคืนจนมันร้องตามแล้วก็ไม่ได้นอนเลย
 
จากวันนั้นผมเลยพามันไปด้วยตลอดถ้ากลับดึกถึงมันจะหลับแต่พอมีผมอยู่ข้างๆมันก็จะไม่ร้องงอแง ผมเลยไม่คิดจะแยกห้องให้มัน กูขี้เกียจเดินไปเดินมาห้องมันทั้งคืนไง
 
 
 
“วันนี้เราไม่ไปร้านหรอฮะ”หลังจากที่เราอาบน้ำและกินข้าวเสร็จ ผมก็เข้ามานั่งทำงาน ลีวายส์เลยถามเพราะสองสามวันที่ผ่านมาผมก็เข้าผับตลอดแต่วันนี้ไม่ไป
 
“ไม่  จะทำงานอยู่บ้าน ไปดูทีวีข้างนอนเลยไป” ลีวายส์มันทำหน้างอทันทีที่ผมออกปากไล่มันออกจากห้อง ก็มันชอบชวนคุย ผมไม่มีสมาธิอ่ะ
 
“เดี๋ยวลีวายส์นั่งเงียบๆฮะ สัญญาๆ”ร่างเล็กยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง และเดินไปนั่งโต๊ะญี่ปุ่นของมันที่ผมซื้อให้เอาไว้ให้มันทำการบ้าน  ผมลอบมองมันนิดๆก่อนจะหันมาสนใจงานของตัวเอง
 
ตอนนี้ลีวายส์อยู่ป.5 เพราะมันเรียนก่อนอายุปีหนึ่ง ส่วนปีหน้าผมก็ปีสี่แล้ว ผมจบป.ตรีกะว่าจะไปต่อโทนอกเพราะมันคือแปลนที่ผมวางไว้ ถ้าไปก็คงต้องพามันไปด้วยจะให้มันไปเรียนเรียนไฮสคูลที่โน้นก่อน
 
ผมเรียนโทสองปีก็รอมันได้ให้มันจบเกรดเก้า(ม.3)ไว้ค่อยกลับมาเรียนมอปลายที่นี่ ระหว่างรอมันหนึ่งปีผมก็ทำงานไปพลางๆ ก็โอเค   เอ๊ะ!!! นี่กูเหมือนว่างแผนครอบครัวเลยว่ะ เฮ้อออออ ทำงานๆ
 
“พี่ธารๆ   นี่อะไรฮะ” ลีวายส์ถาม ผมก็เพิ่งเห็นว่ามันวิ่งมาเข้ามาแสดงว่าเมื่อกี้มันออกไปเล่นหน้าโซฟา คราวหลังคงต้องเอาของเล่นที่ผับกลับมาให้มันบ้างแล้ว
 
“อะไรอีกล่ะ  ไปไหนก็ไปจะทำงาน” ผมบอกไม่ได้สนใจจะมองมันเดี๋ยวต้องรีบปั่นงานก่อน
 
“พี่ธารฮะ.....อันนี้อะไรฮะ” ยังมันยังไม่เลิก กูจะเสร็จอยู่แล้วเนี่ย เอ่อ หมายถึงงานน่ะนะ
 
“ไม่รู้เว้ย  อย่าเพิ่งกวนได้มั้ยห๊ะ” ผมไม่ได้หันไปมองมันเพราะยังสนใจงานตัวเองอยู่
 
“งั้นลีวายส์กินได้มั้ยฮะ”
 
“เออๆ กินไปเหอะ จะกินอะไรก็กินไป  แล้วก็เงียบๆด้วย” จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงมันอีก ขอบอกว่ามันน่ะ พอมีของเข้าปากก็จะเงียบแบบนี้แหละ เดี๋ยวนี้มันกินเยอะด้วยแต่ไม่อ้วนดูเหมือนจะสูงอย่างเดียว
 
 
ในที่สุดผมก็ทำงานเสร็จ อ่าสี่ทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่าลีวายส์นอนหรือยัง แต่ปกติมันก็นอนดึกน่ะนะก็เพราะผมพามันไปทำงานบ้างดูรถแข่งบ้างมันก็เลยนอนดึกตามผม
 
ผมออกมาดูหน้าทีวีปรากฏว่าลีวายส์ยังไม่หลับนั่งดูการ์ตูนตาใสแป๋วอยู่เลย ผมเดินผ่านไปยังห้องครัวเพื่อดื่มน้ำและหยิบเอาขนมใส่จานออกมานั่งกินข้างๆมัน
 
“กินอะไร” ผมถามเมื่อสังเกตเห็นว่ามันกำลังเคี้ยวอะไรบางอยู่ในปาก
 
“หมากฝรั่งฮะ” ร่างเล็กบอกมันขยับมานั่งข้างผมมากขึ้น เคี้ยวหมากฝรั่งจนแก้มตุ่ย แต่ทำไมแก้มป่องแปลกๆวะ
 
“เอามาจากไหน” ผมถาม หันไปดูทีวีตอนนี้มันดูการ์ตูนโคนันซึ่งผมก็พอจะดูได้
 
“ลิ้นชักข้างหัวเตียงฮะ” มันหันขวับไปมองมัน ละ.....ลิ้นชักข้างหัวเตียง งั้นหรอ “เนี่ยฮะ....มันแปลกๆฮะ เคี้ยวตั้งนานมันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆอ่ะ แต่มันมีกลิ้นด้วยนะฮะ  ที่กล่องมันเขียนว่าเพลบอยลีวายส์อ่านออกฮะ”
 
“เหี้ย!  มันใช่หมากฝรั่งที่ไหนเล่า คาย  คายออกมาเลย  เร็วๆ!!!!” ผมบีบปลายคางมันให้อ้าปากออก ก่อนจะใช้นิ้วเรียวล้วงเข้าไปดึงเอาหมากฝรั่งที่ว่าออกมาดู ห่าราก
 
“อ่ะ....ทำมัยฮะ ก็พี่ธารบอกกินได้นี่” ร่างเล็กหน้างอบอกอย่างงอนๆ
 
“ก็...........กูจะไปรู้หรือไงเล่า  มึงนี่ซนจริงๆเลย  ไปล้างปากเลยไป” ผมบอกอย่างไปสบอารมณ์เท่าไหร่ มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว  เด็กเหี้ยแดกถุงยาง =_=;;  กูจะบ้าตาย
 
Tru.............  Tru………....
 
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นจากห้องนอน ผมเอาจานไปไว้ในครัวก่อนจะมาปิดทีวีและเดินเข้าห้องนอนว่าจะนอนเลยเดี๋ยวไม่ต้องออกมาปิดหลายรอบ
 
“ไม่ต้องออกไปดูเลย  นอนได้แล้ว” ผมบอกลีวายส์ที่ออกมาจากห้องน้ำ มันทำท่าจะออกไปดูทีวีอีก แต่ร่างเล็กก็ว่าง่ายพอผมบอกมันก็เดินไปนอนบนเตียงทันที
 
“คับ.....แม่!” ผมรับโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นแม่นั่นเองที่โทรมา ถึงจะไม่บ่อยนักแต่แม่ก็โทรมาหาผมทุกเดือน
 
(ค่ะลูก  ทำงานอยู่หรือเปล่า   แล้วสบายดีมั้ยช่วงนี้) ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงผมนะ ผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันแหละที่ไม่ได้กลับไปหาเลย
 
“เปล่าคับ วันนี้หยุด   ช่วงนี้ก็ดีคับ” ผมเป็นพวกพูดน้อยกับครอบครัวน่ะยิ่งไม่ได้คุยก็นานก็ไม่รู้จะคุยอะไร
 
  (มาหาแม่นะวันหยุดนี้  โรงแรมแม่อยู่ตัวแล้วล่ะ แม่อยากให้อีธารมาดู) แม่ผมชอบทำพวกโรงแรม รีสอร์ทน่ะครับ  เลยมีหลายที่อยู่ นี่ก็น่าจะเป็นที่ใหม่ที่เพิ่งลงทุน
 
“ผมไม่รู้ว่าจะว่างหรือเปล่า ดูก่อนแล้วกันนะคับ” ผมบอก เหลือบมองไอ้เด็กข้างๆที่ยังไม่นอนเอาแต่กลิ้งไปมาอยู่นั่นแหละ จนผมรำคาญเลยจับขามันไว้
 
(แต่....แม่อยากให้มานะ  แม่จะจัดงานน่ะ แม่ไม่มีใครนอกจากอีธารนะ) แม่พูดบอกเสียงอ่อนลง ผมก็รู้ว่าพ่อคงไม่อยู่อีกตามเลย ส่วนพี่สาวคนโตอีกคนก็คงดูแลอยู่อีกที่ไม่มีเวลา
 
“ก็ได้......งั้น............”
 
“อ่ะ....ลีวายส์เจ็บฮะ  พี่ธารปล่อย” อ้าวซวยแล้วไง ผมคงจับขามันแน่นไปเลยเจ็บ
 
(อีธาร.........เสียงเด็กนี่  ลูกใครน่ะ) กูว่าแล้วว่าแม่ต้องได้ยิน หาเรื่องมาให้กูจริงๆเลย  ผมจ้องหน้าคาดโทษลีวายส์ก่อนจะก้มลงไปกัดปากมันเบาๆ
 
“เอ่อ  หลานเพื่อนน่ะคับ  งั้นไว้เจอกัน  ผมจะไป แค่นี้ก่อนนะคับ” ผมรีบวางโทรศัพท์ ส่วนลีวายส์มันคิดจะหนีผมเลยโยนโทรศัพท์และหันไปคว้าตัวมันไว้ก่อนที่มันจะโดดลงจากเตียง
 
“อ่ะ....พี่ธาร  ลีวายส์ป่าวทำรัยซะหน่อยนะฮะ” ร่างเล็กหดหัวลงไปให้อ้อมแขนผม  คงคิดว่าผมจะเอาเรื่องมันอีก
 
“เกือบซวยแล้วเมื่อกี้น่ะ  อย่างนี้ต้องทำโทษ” ผมบอก กดมันลงบนเตียงเบาๆ เพราะยังไงมันก็สู้แรงผมไม่ได้อยู่แล้ว
 
“ลีวายส์ขอโทษฮะ นะๆๆ” มันบอกทำท่าอ้อนๆ  และส่งผลให้กู......ใจสั่นอีกแล้วแต่ก็ยังอยากแกล้งต่อ
 
“หึๆๆ  แบบนี้ต้องโดน” ผมซุกหน้าลงกับซองคอขาวเนียนของร่างเล็กใช้ปลายคางถูกไถ่ไล่ไปตามซอกคอ
 
“คึคึ.....ฮ่าๆๆๆๆ พี่ธารลีวายส์จั๊กกะจี๊ฮะ    ฮ่าๆๆๆๆ ไม่เอาแล้วฮะ คึคึ” ร่างเล็กใต้ร่างผมดิ้นขลุกขลักไปมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
 
“หึๆ  เท่านี้ยังไม่พอ” ผมยกนิ้วขึ้นให้มันดูก่อนจะจิ้มไปตรงเอวมันทั้งสองข้างที่นี้แหละ เสียงมันหัวเราะดังกว่าเดิมซะอีก มือไม้ก็เริ่มปัดและผลักผมออก
 
“พี่ธาร...ฮ่าๆๆๆ อย่าทำ คึคึคิคิ ลีวายส์ยอมแล้ว คิคิฮ่าๆๆๆๆๆ” ดูแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ลีวายส์ดิ้นไปมาขณะที่ผมกำลังก้มหน้าลงไปซุกกับซอกคอมันอีกครั้ง
 
ปึ่ก!!!!!  เต็มๆ เบ้าตากูเลย หื่ม.................
 
“ลีวายส์!!!” ลีวายส์เหวี่ยงมือตบโดนเบ้าตาผม   แมร่ง มือมันหนักอ่ะ เกือบเห็นดาวเลย  ผมลุกออกจากตัวมันมานั่ง  ใช้มือนวดเบาๆ เจ็บว่ะ
 
“ลีวายส์ของโทษฮะ  ก็ลีวายส์ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ” ร่างเล็กลุกขึ้นตามมาเกาะแขนผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆอย่างอ้อนๆ ผมเลยเล่นหันหน้าหนีอย่างงอนๆ
 
“ลีวายส์ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ นะฮๆๆ  พี่ธารอย่าโกรธนะฮะๆๆ  ลีวายส์ยอมทุกอย่างเลยฮะ นะๆๆๆ” มันเอาหน้ามาถูๆตรงแขนผมท่าทางเหมือนแมวเลย เล่นเอาผมเกือบหลุดขำ
 
“มาฮะ เดี๋ยวลีวายส์เป่าให้” ร่างเล็กเปลี่ยนมานั่งตรงหน้าผมยืนเข่าขึ้น  ปากเล็กเป่าลมจนแก้มสองข้างป่อง มือเล็กยกขึ้นจับใบหน้าผมเบาๆ จุ๊บ!!!  จุ๊บ!!!  จุ๊บ!!!
 
“........................” ผมนิ่งเงียบเลยคับ ลีวายส์เป่าให้ไม่พอยังจุ๊บลงมาซ้ำๆตรงเปลือกตาผมหลายๆที รู้มั้ยมันทำให้กู...........เหี้ย!!!! สาบานว่ากูจะไม่คิด
 
“เพี้ยง!!!!  หายแล้วฮะ...พี่ธาร....อุ๊บส์!!!” มันทำตัวเองนะ แมร่ง ยั่วกูเกิ๊น ดึงมาจูบแมร่งเลย ผมบดจูบร่างเล็กเบาๆ และนุ่มนวลเพราะกลัวปากมันแตก
 
ร่างเล็กนิ่งเงียบไปและไม่ได้ผลักผมออกแต่เปลี่ยนจากมือที่เกาะบ่าผมไว้มาเป็นโอบรอบคอผมแทน  มันจะยั่วกูเกินไปแล้ว ที่นี้มือผมก็เริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล่ไปทั่วตัวมัน
 
ถึงแม้ว่าร่างเล็กจะตอบรับผมไม่เป็นแต่มันก็นิ่งและยอมให้ผมรุกโดยไม่ได้ทักท้วงอะไรเลย มันเป็นอะไรที่เชิญชวนกูมา   ผมถอนปากออกเป็นระยะเพื่อให้มันได้สูดอากาศหายใจ แต่ก็ยังจูบต่อก่อนจะไล่ริมฝีปากร้อนลงมาปลายคาง
 
“อ้าว....!!!” ผมผลักตัวออกนิดหนึ่งเพราะรู้สึกว่ามันทิ้งน้ำหนักลงบนตักผมมากขึ้นกว่าปกติ ปรากฏว่า ลีวายส์หลับครับ เหอะๆ ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะอุ้มมันจัดท่าให้นอนดีๆ กูไม่ทำก็ได้ =_=
 
ลีวายส์ก็เหมือนเดิมมีหมอนข้างแต่ไม่กอดยังต้องซุกเข้าหาแผงอกผมเหมือนเคย ผมเห็นแล้วก็ดึงมันเข้ามากอดไว้เหมือนกัน นี่กูคิดถูกหรือผิดนะที่เลี้ยงมันไว้ เพราะนับวันมันยิ่งอันตรายต่อ(หัวใจ)กูเหลือเกิน ผมก้มลงจูบหน้าผากมันที่หนึ่งก่อนจะหลับตาลง
 
 
“พี่ธารๆ ลีวายส์อยากกินไอติมตรงนั้นฮะ” วันนี้ผมเลิกเรียนเร็วเพราะแค่มาส่งงานและฟังอาจารย์บ่นนิดหน่อยก็เสร็จ ผมเลยมารับมันตรงเวลา
 
“เออๆ เดี๋ยวหยุดให้  แต่ลงไปซื้อเองแล้วกัน” ผมบอกหักเลี้ยวรถเข้าข้างทาง เมื่อเห็นรถขายไอติมที่มันว่า  ก่อนจะยื่นเงินให้ร้อยหนึ่ง
 
“ไม่ๆ ลีวายส์มีตังฮะ” ร่างเล็กพูดบอกรีบเปิดประตูรถลงไป
 
“ระวังด้วย” ผมมองตามมันผ่านกระจกข้างรถ ร่างเล็กเดินไปถึงก็ต่อแถวทันที เพราะมีคนต่อแถวอยู่ก่อนแล้วสองสามคน
 
ผ่านไปห้านาที กูว่านานแล้วนะเมื่อกี้คนก็ไม่เยอะแต่ทำไมมันยังไม่มา ผมมองผ่านกระจกข้างอีกทีเห็นมันยังยืนอยู่ที่เดิมแต่ว่าหน้างอนิดๆ ส่วนคนก็เริ่มเยอะขึ้นสองสามคน
 
ผมนั่งมองไปเรื่อยๆจนกระทั้งเห็นว่าที่มันยังไม่ได้เพราะโดนแซงคิว แถมพ่อค้ายังไม่สนใจมันด้วยปล่อยให้เด็กรอนานอยู่ได้  เดี๋ยวกูจัดหน่อย  ผมลงจากรถเดินมาหามัน พอเห็นผมมันก็หน้าหงิกหน้างอกว่าเดิม
 
“นี่คุณ  ไม่เห็นหรือไงว่าเด็กคนนี้มายืนรออยู่ตั้งนานแล้ว  ปล่อยให้คนอื่นแซงเด็กอยู่ได้ไม่อายเด็กมันบ้างหรือไงห๊ะ” ผมพูดบอกใส่อารมณ์เต็มที
 
“เอ่อ ทะ...โทษทีครับผมยังไม่เห็นเลย” พ่อค้านั้นมันยังหนุ่มอยู่เลยผมว่าอ่อนกว่าผมซะอีก
 
“ถ้าไม่เห็นมึงก็ตาบอดแล้วมั้ง  เป็นพ่อค้าประสาอะไร ปล่อยให้เด็กรอจนมันจะร้องอยู่แล้วเนี่ย  พวกคุณก็เหมือนกันมีจิตสำนึกกันบ้างหรือเปล่าเอาเปรียบเด็กตัวแค่นี้ ไม่อายหมามันหรือไง สมองมีบ้างหรือเปล่า คิดได้บ้างมั้ย” ทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนั้นเงียบกริบ กับวาจาและท่าทางของผมต่างก็พากันรีบออกไปจนหมดทำเอาพ่อค้าหน้าเสียไปเลย
 
“อึกๆ.....อือออออออ” อ้าวแล้วนี่มันจะร้องเผื่อ?  เฮ้ออออ
 
“หวังว่าคราวหลังจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกนะ” ผมหันไปพูดกับพ่อค้าคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พ่อค้าก้มหัวให้ผมก่อนจะเข็นรถขายไอติมออกไปอย่างรวดเร็ว
 
“อึ่กๆ....ลีวายส์ยังไม่ได้กินเลยฮะ...อือๆ” เอ้า นี้มันอยากกินขนาดนั้นเลย บ้าจริง
 
“เออๆ หยุดร้องก่อน ถ้าไม่หยุดกูไม่พาไปกินนะ” ผมบอกก้มลงเกลี่ยน้ำตาใส่ๆออกจากแก้มมัน “หยุดร้องเดี๋ยวกูพาไปกินเอง” ผมอุ้มร่างเล็กเดินไปขึ้นรถและขับออกมาแวะห้างที่อยู่ใกล้ๆ
 
“เย้ๆ   ลีวายส์เอานี่  เอานี่ด้วย  เอาอันนั้นด้วย เอาหมดเลยฮะ” =_=^ อะไรมันจะขนาดนั้น  มันจิ้มๆเมนูจนพนักงานยิ้มขำๆ
 
“พอๆ เอาอย่างเดียวพอ เดี๋ยวโดน” ผมบอก สั่งกาแฟให้ตัวเองเพราะผมไม่ชอบอะไรแบบนี้
 
“ก็ได้ฮะ  งั้นเอาอันนี้ฮะ น่าอร่อย” ลีวายส์ชี้บอกพนักงานที่ยืนรออยู่  แมร่ง มันเอาชุดสามก้อนเลยถ้ากินไม่หมดน่าดู
 
“ลีวายส์!!!” จู่ๆมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาทักลีวายส์อย่างดีใจผมจำได้เพื่อนมันอยู่ห้องเดียวกัน  แต่ดูเหมือนไอ้ตัวเล็กมันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่คงเป็นเพราะผู้หญิงอีกคนที่เดินตามหลังมา
 
“เอ่อ....ขอโทษด้วยนะค่ะ” เธอยิ้มหวานให้ผม ผมก็พยักหน้ารับ “งั้นขอนั่งด้วยได้มั้ยค่ะ แอนนี่จะได้มีเพื่อน” เธอบอกออกมาอีก
 
ลีวายส์ทำหน้างอนิดๆมองผม ผมยิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้าตอบ ทำเอามันหน้าหงิกหน้างอทีเดี๋ยว  หญิงสาวให้เด็กที่มากับตนนั่งกับลีวายส์ ส่วนตัวเองทำท่าจะนั่งลงข้างๆผม
 
“ไม่เอา!!! ลีวายส์นั่งข้างพี่ธารฮะ” ลีวายส์พูดบอกกระโดดลงจากเก้ายี่และดันเด็กนั้นออกก่อนจะวิ่งมานั่งกับผมแถมมันยังนั่งบนตักผมด้วย เหอะๆ  ขี้หวงชะมัดเลย  เด็กกู
 
<<<<<<TBC>>>>>>

อดใจหน่อยนะ เราคิดว่าลีวายส์ตอนเด็กยังน่ารักอยู่เลยอยากแต่งอีกหน่อยอ่ะ คิคิ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร้า ชอบไม่ชอบอยากให้แต่งยังไงบอกได้เนอะ

เพราะเราก็ไม่ใช้นักเขียนมืออาชีพ 55555 เราชอบเลยแต่งคึคึ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: jub_jub ที่ 14-04-2014 13:40:57
 :call: มาต่อบ่อยๆนะคะ รออยู่คร้า ><"
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 14-04-2014 13:51:29
คุณพระะะะะะ
ถุงยาง ไม่ใช่ของเคี้ยวเล่นค่ะลูก 5555555555555555
น้องเริ่มหวงธารแล้ว มีการโ๖ขึ้นไปจะเป็นสาวสวยด้วย  :katai3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-04-2014 17:22:15
มีหงมีห่วง น่ารักมากมายเลยลีวายส์
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 14-04-2014 17:39:49
จะหาพ่อใหม่ให้น้องแอนนี่หรือคะคุณแม่ เชิญไปหาผู้ชายคนอื่นเถอะค่ะ เด๋วเจอเจ้าของตัวจริงแล้วจะหนาว  :katai5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 14-04-2014 19:04:19
 :hao7:  ป. 5 ยังขนาดนี้ โตขึ้นจะน่ารักขนาดไหนนะ  :mew3:

พี่ธารจะทนได้ถึงเมื่อไหร่น้อ เชียร์ๆ ชอบกินเด็ก อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 14-04-2014 22:54:18
นี่แค่ปอห้านะคะ ถ้าโตกว่านี้อีธารไม่ต้องคิดที่จะมองใครเลย

ลีวายจัดการแน่ๆ

ป.ล. อยากให้ลงวันที่ที่อัพด้วยค่ะ. เรื่องมากไปหรือเปล่านะเรา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 15-04-2014 01:07:59
ชอบเรื่องนี้มากกก ในที่สุดก็มาต่อ :impress2:

อยากเห็นลีวายตอนเด็กแล้วววว
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 15-04-2014 01:33:49
ตอนเด็กยังขี้หวงขนาดนี้ โตขึ้นหนูจะหวงขนาดไหนเนี่ย 55
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 15-04-2014 14:38:01
ลีวายน่ารักมาก หวงธารซะขนาดนี้ คงไปไหนไม่รอดล่ะ5555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror เล็กน้อยรับสงกรานต์
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 15-04-2014 16:22:02
พิเศษเล็กน้อย อีธาร&ลีวายส์

ลีวายส ์: พี่ธารฮะ ลีวายส์อยากเล่นน้ำฮะ พี่ธารพาไปนะๆ

อีธาร : ไม่ว่างเห็นมั้ย ทำงานอยู่ (นั่งอ่านเอกสารแบบผ่านๆตา)

ลีวายส์ : งั้นลีวายส์ไปกะพี่กายนะฮะ

อีธาร : ปึก! (วางเอกสารบนโต๊ะ) กูพาไปเอง

ลีวายส์ : เย้ๆ \^_^/

20นาทีต่อมา...........

ลีวายส์ : ลีวายส์ว่าเรากลับกันดีกว่าฮะ -*-

อีธาร : ทำไมอีกล่ะ

ลีวายส์ : ก็พี่ธารให้ลีวายส์ขี่หลังอยู่แบบนี้อ่ะ ไม่เห็นหนุกเลย -*-

=_=^

‪#‎อีธารขี้หวงเกินไปล่ะ‬

และจะบอกว่าสั้นมากมายคร้า   :katai3:  :katai3:  :katai3:

พรุ่งนี้จะมาต่อให้นะคร้าทั้ง 2  เรื่องเรย   :katai4:  :katai4:  :katai4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror เล็กน้อยรับสงกรานต์
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2014 16:27:19
=_= !! สั้น แต่น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror เล็กน้อยรับสงกรานต์
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 15-04-2014 18:36:13
อีธารก็หวงน้องเหมือนกันเนาะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 16-04-2014 12:59:21
Older Brother .....10
 
“เย้ๆ  พี่ธารจะพาไปเที่ยวจริงๆหรอฮะ” ร่างเล็กขึ้นมากอดคอผมไว้จากด้านหลัง ผมกำลังนั่งเรียงเอกสารอยู่บนพื้นหน้าโซฟา เมื่อกี้ผมเพิ่งจะบอกมันว่าจะพาไปต่างจังหวัดในวันหยุดนี้
 
“บอกเมื่อไหร่ว่าจะพาไปเที่ยว” ลีวายทำหน้าเศร้า ก่อนจะปล่อยมือออกลงมานั่งมองผมตาใสแป๋ว  มันน่าจริงๆเวลาทำหน้าแบบนี้
 
“พี่ธาร ไปทำงานหรอฮะ” ร่างเล็กถาม นั่งมองผมเรียงเอกสารไปด้วย
 
“คงงั้น....” ผมบอก สำรวจความเรียบร้อยของเอกสารในมือ ทำไว้ก่อนเดี๋ยวเคยเอาไปฝากไอ้กายส่งวันจันทร์เผื่อผมไม่ได้กลับ
 
“ทำไมต้องทำงานหนักด้วยฮะ” ลีวายส์ถาม มันแอบหยิบเอกสารไปพลิกๆดู ผมเลยตีมือเข้าให้
 
“ถ้าไม่ทำ จะเอาตังที่ไหนจ่ายล่ะ  อย่าเล่นเดี๋ยวเหอะกูขี้เกียจเรียงใหม่” ลีวายส์หน้างอนิดๆ มันเอามือกอดอกไว้
 
“พี่ธารไม่ต้องทำงานแล้วฮะ  เดี๋ยวลีวายส์เลี้ยงเอง  ลีวายส์มีเงินลีวายส์ให้พี่ธารหมดเลยฮะ” ดูมันพูดเข้า กับแม่เลี้ยงแมร่งไม่ให้เนอะ
 
“นี่  เดี๋ยวตบปากแตกเลย  กูไม่เอาเงินเด็กมาใช้หรอ เห็นกูเป็นคนยังไง” ผมยกมือขึ้นทำท่าตบจนร่างเล็กทำคอหดซะ น่าสงสารเลย
 
“ก็ เป็นคนรักลีวายส์ไงฮะ” เอาอีกแล้ว กูไม่ได้หมายความว่าคนยังไง.....เอ่อ......โอ้ย!!!! นี่กูพูดไม่รู้เรื่องหรือมันฟังไม่รู้เรื่องวะ
 
“ไปไกลๆเลยไป  กูบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง” ผมบอก ลุกขึ้นยกเอกสารที่เสร็จเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องทำงาน  ลีวายส์เองก็ลุกตามมาเหมือนทุกที
 
“ถ้างั้น  คราวหลัง ลีวายส์ไม่ให้พี่ธารจูบแล้วนะฮะ” ผมถึงกับชะงักหยุดเดิน เมื่อมันพูดออกมา  นับวันกูจะยิ่งบ้าขึ้นทุกวันเพราะความไร้เดียงสาของมันเนี่ยแหละ
 
“ไปนอนไป  ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไม่ทันกูทิ้งแน่” ผมบอก ร่างเล็กสะบัดหน้าใส่ผมอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะวิ่งไปในห้องนอน เฮ้อออออออออออ
 
ผมจัดการตรวจดูงานอีกนิดหน่อยและเก็บของให้เรียบร้อยก่อนจะเข้ามาในห้องนอน ลีวายส์ยังไม่หลับ มันนอนอ่านหนังสือนิทานภาษาอังกฤษที่ผมซื้อให้เมื่อหลายวันก่อนอยู่ ไอ้เด็กนี่มันเรียนนานาชาติไง เหอะ สู้เค้าได้หรอ
 
“นอนได้แล้ว.....พรุ่งนี้ไม่ตื่นกูไม่ปลุกนะ” ผมบอกนอนพลิกตัวตะแคงข้างไปหามันยกมือขึ้นคำหัวตัวเองไว้  เมื่อเช้ามันตื่นสายล่ะเหอะๆ
 
“ฮะ.......ฝันดีฮะ  ฟอด” ลีวายส์บอกหลังจากเก็บหนังสือเข้าทีข้างเตียง  มันยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผม  ผมแปลกใจนิดๆเพราะปกติมันจะจุ๊บปากทุกครั้ง ผมมองสบตามันนิ่งๆ จนร่างเล็กหลบตาหนี
 
“เป็นอะไรอีก ห๊ะ” ผมถามจ้องตามันเขม็ง
 
“ก็ห้ามจูบ  ห้ามจุ๊บด้วย” ร่างเล็กบอกทำหน้างอปากยื่น ที่แรกผมก็งงแต่ก็นึกขึ้นได้ แมร่ง  เอาจริงหรอเนี่ย
 
“เออ  ก็ได้ไม่เห็นอยากจูบเลย ชิส์!!!” ผมพลิกตัวหันหลังให้ลีวายส์ มันเงียบไปครับแต่ผมว่าแป๊บเดียว หึ
 
“ลีวายส์ให้จูบก็ได้ฮะ แต่พี่ธารอย่าโกรธนะฮะ” กูว่าแล้ว ฮ่าๆๆๆ   ผมพลิกตัวกลับไปดึงมันมาจูบเน้นๆ ทำโทษที่มันทำตัวน่ารักเกินเหตุ หึหึ
 
 
 
เช้า....................
 
“พี่ธารฮะพี่ธาร  เราจะไปทะเลกันหรือป่าวฮะ”
 
“อื่ม...........”
 
“เย้ๆ  ลีวายส์อยากเล่นน้ำ ลีวายส์เล่นน้ำได้หรือป่าวฮะ”
 
“อืม...................”
 
“ลีวายส์ว่ายน้ำเป็นด้วยนะฮะ แดดดี๊สอนให้ ลีวายส์ว่ายน้ำปุ๋มๆเลยฮะ” =_=^ ตั้งแต่ขึ้นรถมาแมร่ง พูดตลอดไม่หยุดปากเลยจากที่ผมงัวเงียเมื่อกี้ เล่นเอาตาสว่างเลยครับ
 
วันนี้วันศุกร์และเป็นวันหยุดรถเลยเยอะหน่อยแม้ว่าเราจะออกจากคอนโดกันตั้งแต่หกโมงเช้า
ผมก็เลยขับไม่เร็วมากนัก เรากำลังเดินทางไปชะอำ ผมบอกมันว่าจะไปทะเล ลีวายส์เลยดีใจใหญ่ มันนั่งโม้นั้นโม้นี้ตลอดทางผมเลยไม่ต้องใช้กาแฟเป็นตัวช่วยแก้ง่วง
 
“ถึงแล้วหรอฮะ” ลีวายส์ถามเมื่อรถจอดนิ่งสนิทอยู่หน้ารีสอร์ท บรรยากาศค่อนข้างโอเคดี
 
“อื่ม....ลงได้แล้ว” ผมบอกร่างเล็กที่ชะเง้อมองสำรวจอย่างตื่นเต้น ในขณะที่ผมเอาเป้และกระเป๋าลงจากรถ
 
“ไหนทะเลอ่ะ พี่ธาร  พี่ธารโกหกหรอฮะ” มันถามหน้างอคิ้วผูกโบว์  ผมเลยดีดหน้าผากมันเข้าให้
 
“อยู่ด้านหลังโน้น ดูป้ายๆ” ผมชี้ไปที่ป้ายบอกทาง ก่อนจะเดินเข้ามาด้านในร่างเล็กเลยรีบกำชายเสื้อผมเดินตาม ไม่นานมีพนักงานสองคนมาบริการถือกระเป๋าให้
 
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้จองไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าค่ะ” พนักต้อนรับถาม เธอคงไม่รู้จักผมเพราะผมเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก
 
“เปล่าครับ....คือ.....”
 
“อีธาร.......ทางนี้ลูก” แม่ออกมาทักผมพร้อมกับพนักงานสาวอีกคน
 
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะกอดท่านทักทาย  แม่ผมยังดูไม่แก่เท่าไหร่เพราะถึงท่านจะทำงานหนักแต่ก็ยังดูแลตัวเองดีอยู่เสมอ
 
“จร้า....คิดถึงจังเลยไม่ได้เจอกันซะนาน.....อ่ะ.....นี่” แม่บอกก่อนจะนิ่งเงียบ  ชี้ไปทางลีวายส์ที่เอียงหัวโผล่ออกมาจากด้านหลังผม  อย่างอึ่งๆแบบ  O.o ลูกใครอ่ะ
 
เอ้า ผมกันยังไม่ได้คิดเลยว่าจะบอกแม่เรื่องลีวายส์ว่ายังไง แต่วันที่แม่โทรมาผมบอกว่าเป็นหลานเพื่อน ลืมไปเลยว่าลีวายส์เรียกผมว่าพี่
 
“เอ่อ....คือ  น้อยชายเพื่อนผมน่ะครับ พอดีว่ามันไปต่างประเทศสองสามวันผมเห็นว่ามานี่เลยให้มาเที่ยวกับผมน่ะครับ” ผมบอก ดึงลีวายส์ออกมาจากด้านหลัง
 
“สวัสดีฮะ คุณป้า.... เอ่อ...ผมชื่อลีวายส์ฮะ” ลีวายส์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะยิ้มกว้าง
 
“จ้า  น้อยชายของเพื่อนหรอ น่ารักจังนะ เรียกแม่ก็ได้ค่ะ มาเร็วมาหอมทีหนึ่ง” แม่บอก ผมเลยดันหลังมันไปท่านก้มลงหอมแก้มร่างเล็กอย่างเอ็นดู
 
“เออ  ขอโทษด้วยนะค่ะเมื่อกี้ที่ไม่รู้ว่าเป็นคุณอีธาร” พนักงานต้อนรับบอกพร้อมกับยกมือไหว้ผม
 
“ไม่เป็นไรครับ”
 
“แม่ว่า ไปดูห้องพักกันดีกว่า  แม่เตรียมไว้ให้แล้วล่ะ” แม่บอกจูงมือลีวายส์และเดินนำไป ร่างเล็กหันมามองผมเป็นระยะ ไม่รู้มันจะคิดว่าผมเอามันมาทิ้งอีกหรือเปล่านะ
 
แม่เดินนำมาถึงห้องพักพร้อมกับผมลีวายส์และพนักงานอีกคนที่จะมาเปิดห้องให้  ห้องพักมีระเบียง ด้านหน้าติดชายหาดสวยได้บรรยากาศ มีสระน้ำเล็กตรงระเบียงไว้สำหรับพักผ่อนแบบส่วนตัว ภายในห้องตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ประดับด้วยของตกแต่งโทนสีขาวดูเข้ากันได้ดี
 
“เอาล่ะ พักผ่อนกันก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงจะให้เด็กมาตามไปทานข้าวด้วยกันนะ” แม่บอก ยิ้มใจดีให้ลีวายส์และหยิกแก้มมันทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไป
 
“ไปฮะพี่ธาร ไปเล่นน้ำกัน” ลีวายส์วิ่งมาหาผมหลังจากที่ออกไปเดินดูตรงระเบียงห้องด้านหน้า
 
“ก็ไปคนเดียวสิ  ในสระไง” ผมบอกเอนหลังลงบนเตียงกว้าง เพราะรู้สึกเมื่อยตัวนิดๆ
 
“ไม่เอาอ่ะ  ลีวายส์จะเล่นน้ำทะเล  นะๆๆๆ” ร่างเล็กขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผมก่อนจะเขย่าแขนผมเบาๆ   ให้ตายสิ  เนี่ยแหละมันวุ่นวายจริงๆ
 
“ไปเล่นคนเดียวเลยไป เดี๋ยวตามไป” ผมบอกอย่างไม่สนใจมากนัก พลิกตัวนอนคว่ำลงกับหมอน
 
“งั้นลีวายส์ไปเล่นแล้วนะฮะ เดี๋ยวพี่ธารตามไปนะฮะ” ลีวายส์บอก จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงมันอีกเลยเพราะผม  หลับ!
 
ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน ตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาอีกทีสิบเอ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว ผมมองไปรอบๆห้องกว้าง  และสิ่งแรกที่นึกขึ้นได้คือ แมร่ง!!!  ลีวายส์หาย
 
ผมรีบออกจากห้องพักวิ่งมาหน้าหาด มีคนมาเล่นน้ำไม่เยอะเท่าไหร่ ผมมองสำรวจไปทั่วแต่ว่า ไม่เจอะ บ้าจริงมันไปเล่นที่ไหนของมันนะ  ผมเดินไปเรื่อยๆมองไปยังกลุ่มเด็กที่เล่นน้ำกันอยู่ใกล้ๆคิดว่ามันน่าจะมาเล่นด้วยกันแต่ไม่มี เวรแล้วไง
 
ใจผมเริ่มสั่นไหวรู้สึกเหมือนโกรธตัวเองที่เผลอหลับไป  ไม่สิที่ปล่อยให้ลีวายส์ไปเล่นคนเดียวแล้วถ้าเกิดมัน  จมน้ำอ่ะ เหี้ย!!!  พอคิดแบบนี้ผมก็ยิ่งห่วงมันมากขึ้น จนเริ่มลนลาน
 
“เอ่อ  คุณธารค่ะ มีอะไรหรือเปล่า” พนักงานสาวที่มากับแม่ในครั้งแรกถามเมื่อเห็นผมวิ่งมา
 
“เออ เห็นเด็กที่มากับผมบ้างไม่ครับ.....มัน...เอ่อ เค้าไปเล่นน้ำที่ชายหาดแต่ผมหาไม่เจอ” ผมบอกออกไป พนักสาวงานตกใจนิดๆ
 
“ค่ะๆ งั้นเดี๋ยวดิฉันช่วยหา คุณธารลองไปดูที่สระน้ำด้านโน้นนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปดูแถวๆชายหาดอีกทีหนึ่ง” ผมพยักหน้ารับก่อนจะรีบวิ่งมายังโซนสระน้ำสระใหญ่
 
ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ มีแขกมาเล่นน้ำกันมากพอสมควร ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเรื่อยๆจนทั่วสระก่อนจะเห็นสระเล็กสำหรับเด็กที่เชื่อมกัน หวังว่ามันคงอยู่ที่นั้นนะ
 
“ฮ่าๆๆๆ  ขอบคุณฮะพี่ปอนด์” เสียงนั้นทำให้ผมรีบเดินตรงไปหา มันนั่งอยู่กับเด็กฝรั่งตัวโตกว่ามันไม่เท่าไหร่ มันกำลังนั่งกินไอติมหัวเราะท่าทางสนุกเชียว
 
“พี่ธาร...” ลีวายส์ลุกขึ้นเมื่อเห็นผมเดินตรงมาหา “ลีวายส์กินไอ.....”
 
“มึงมาทำอะไรตรงนี้ห๊ะ!!!!  แล้วนี่อะไร ใส่อะไรมา  มึงไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วหรือไง!!!!” ไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไง ทั้งดีใจที่หามันเจอและโกรธที่มันทำให้ผมเป็นห่วง ผมเลยปัดไอติมในมือร่างเล็กที่ส่งมาให้ลงพื้น ก่อนจะตวาดใส่มันเสียงดัง จนร่างเล็กอีกคนที่ลุกตามมาสะดุ้งตามลีวายส์ที่น้ำตาเริ่มรื้อขึ้นขอบตา
 
“อึก.....อึก....ลีวายส์.....อึก......ก็พี่ธาร อึก อือออ” และแล้วลีวายส์ก็ร้องให้ออกมา ผู้คนรอบสระเริ่มหันมามองผม ที่กลายเป็นคนใจร้ายในทันที
 
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ  ลีวายส์ร้องไห้ทำไมลูก” แม่วิ่งเข้ามาหาอย่างตกใจถาม ก่อนจะย่อตัวลงเช็ดน้ำตาให้มัน
 
“ลีวายส์   หยุดร้อง.......” ผมบอกเสียงเรียบและมันก็หยุดร้องแต่เปลี่ยนมาเป็นสะอื้นไห้ตัวสั่น แม่เลยกอดมันไว้พร้อมกับมองผมอย่างไม่เข้าใจ
 
“ขอโทษ.....อึก.......ฮะ อึกๆ” ลีวายส์รีบวิ่งมาดึงมือผมไว้ เมื่อผมหันหลังเดินออกมาเพียงไม่กี่ก้าว ผมเองก็รู้สึกผิดเช่นกันที่ตวาดมันเมื่อกี้ทั้งที่จริงๆแล้วผมเป็นคนปล่อยให้มันมาคนเดียว แต่ว่า.....เฮ้อออออออ
 
ผมก้มลงมองหน้าลีวายส์ที่เงยหน้ามองผมทั้งน้ำตา มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากกว่าเดิมซะอีก ผมมองสำรวจใบหน้ามันแล้วรู้สึกเจ็บแปลกๆยังไงไม่รู้ ผมก้มลงอุ้มร่างเล็กขึ้นมาก่อนจะจูบซับเปลือกตามันเบาๆ
 
“เอ่อ.....แม่ว่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ย เดี๋ยวจะได้มาทานข้าวกัน” =_=  เออ กูลืมว่าแม่อยู่ด้วยแต่ว่าก็มันจูบไปแล้วนี่หว่าช่างมันเหอะ
 
ผมพาลีวายส์กลับมายังห้องพัก ร่างเล็กซุกหน้าลงกับไหล่ผมยังมีอาการสะอื้นไห้ไม่หาย ลีวายส์ใส่กางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว ที่คอมีแว่นตาดำน้ำสวมอยู่ ผมพาร่าเล็กเข้ามาล้างตัวในห้องน้ำ
 
“อึกๆ...พี่ธารโกรธลีวายส์มั้ยฮะ” ร่างเล็กถาม แววตากลมใสกระพริบไล่น้ำตาที่รื้อขึ้นมา ผมมองมันก่อนจะถอนหายใจแรงๆไล่อารมณ์โมโหของตัวเองที่ติดมาจากเมื่อกี้ ก่อนจะเปิดน้ำให้
 
“เปล่า  รีบอาบน้ำ จะได้ไปกินข้าว” ผมบอกจุ๊บแก้มใสเบาๆและเดินออกมาจากห้องน้ำ ออกมานั่งคิดถึงความรู้สึกของตัวเองระหว่างรอมัน
 
ทั้งที่ผมกับลีวายส์เราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดเลยแม้แต่นิด แถมยังเพิ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่เดือนแต่ทำไมเวลาที่ร่างเล็กร้องไห้หรืออยู่ไกลตาผม ผมถึงได้ห่วงมันและรู้สึกผิดมากขนาดนี้เวลาที่ผมทำให้มันร้องไห้ 
 
ลีวายส์ทำให้ผมฟุ้งซ่านและในบางครั้งก็ต้องการมันเช่นกัน ยิ่งนานวันเข้ามันยิ่งมีอิทธิพลต่อหัวใจผมมากขึ้นเรื่อยๆ จากสงสารเป็นอยากดูแล จากห่วงใยกลายเป็นห่วงหวง
 
“บ้าเฮ้ย!!!!!”
 
 
 
หลังจากที่ลีวายส์อาบน้ำเสร็จออกมา ผมก็พูดคุยกับมันนิดหน่อย เพื่อให้ลีวายส์กลับมาร่าเริงเป็นปกติเหมือนเดิม จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ และเราก็พากันออกมากินข้าวกับแม่ของผม
 
“นี่ปอนด์ เป็นลูกชายของคุณรัตนาหุ้นส่วนของแม่เอง พอดีคุณรัตนาเค้าออกไปข้างนอกเลยฝากแม่ดูแลน่ะ” แม่แนะนำเด็กฝรั่งที่ก่อนหน้านี้ผมเห็นมันอยู่กับลีวายส์ข้างสระน้ำ
 
“สวัสดีฮะ” เด็กปอนด์ยกมือไหว้ผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้ แต่ผมไม่ยิ้มรับแค่รับไหว้พอก่อนจะหันไปมองลีวายส์ที่กำลังยิ้มกว้างให้มัน =_=^ (ตากระตุก)
 
“ลีวายส์แพ้อะไรหรือเปล่าลูก  มีแต่อาหารทะเลนะ” แม่ถาม ตักกุ้งเผาตัวโตใส่จานร่างเล็ก แต่ไม่แกะให้ ผมเลยต้องแกะให้เอง
 
“กินได้หมดเลยฮะ ลีวายส์ชอบกุ้งฮะ” มันบอกจิ้มกุ้งเข้าปากคำโต ผมว่าเดี๋ยวแมร่งติดคออีก
 
“พี่ก็ชอบกินกุ้งคับ” ไอ้เด็กปอนด์พูด มันตักกุ้งจากจานตัวเองที่มันแกะเรียบร้อยแล้วให้ลีวายส์ ไม่เห็นหรือไงว่ากูแกะให้อยู่ =_=^^
 
“ลีวายส์ๆ  กินหมึกมั้ย” ยัง  ยังจะถามต่ออีก ผมเหลือบมองมันด้วยหางตานิดๆ
 
“ชอบฮะชอบ ลีวายส์กินได้หมดเลยฮะ” ลีวายส์บอก ยิ้มกว้างดีใจ ที่กับกูหน้าบูดหน้างอตลอด
 
“กูก็ชอบ!” กึ่ก  เอ่อ ผมเผลอหลุดปากออกมา ผมคิดว่าเสียงตัวเองเบาแล้วนะ แต่แม่ถึงกับหันมามองพร้อมๆกับพวกมันด้วย “เอ่อ....คือ ปูน่ะ ปูก็น่าจะชอบ  ใช่มัยลีวายส์”
 
“ชอบฮะๆ  พี่ธารแกะให้ลีวายส์นะฮะ” แป่ว แล้วก็มาลำบากกูอีกนั่นแหละ ชิส์!
 
 
หลังจากทานข้าวเสร็จ เราก็พากันมาห้องทำงานของแม่ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่พอสมควร ลีวายส์กับไอ้เด็กปอนด์ไปนั่งเล่นอีกมุมหนึ่ง ที่จะจัดไว้เป็นที่สำหรับพักผ่อนด้านหลังโซฟารับแขกที่ผมนักคุยกับแม่และหุ่นส่วนท่านที่เพิ่มมาถึงเมื่อครู่ แต่ว่าผมไม่ได้ฟังพวกท่านเลย.....
 
“ลีวายส์อยู่โรงเรียนนาๆชาติฮะ  ที่โรงเรียนสวยมาเลย ทำไมพี่ปอนด์ไม่ไปเรียนด้วยล่ะฮะ” ไอ้เด็กขี้โม้พูดโอ้อวดใหญ่เลยนะ
 
“พี่ก็อยากไป  แฮ่ะๆ แต่ จะไปอยู่กับใครอ่ะ”  พวกมันพูดกันไปเรื่อยเปื่อย มีหัวเราะคิคักบ้างบางครั้ง ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้าและเอียงทำมุมโฟกัสเห็นลีวายส์ที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาของรีสอร์ทอยู่  (อีธารเริ่มเป็นเอามากล่ะ =_=)
 
“ลีวายส์น่ารักอ่ะ  น่ารักแบบนี้มีแฟนหรือยังเนี่ย” หื่ม?  เหี้ย ตัวแค่นี้คิดจะจีบกันหรือไง บ้าจริงเด็กอะไรวะแก่แดด
 
“คิคิ......มีแล้วฮะ  คึคึ”ลีวายส์ตอบหัวเราะ คิคัก  กูว่าสั่งคัตก่อนดีกว่าเดี๋ยวงานเข้า
 
“เอ่อผมขอตัวก่อนนะครับ  ไปลีวายส์” ผมบอกก้มหัวให้แม่ลุกออกมา ก่อนจะไปดึงร่างเล็กให้ลุกตาม แม่มองตามอย่างงง  ถ้าขืนอยู่ลีวายส์มีหวังตอบไอ้เด็กนั้นว่าเป็นแฟนผมชัวร์คอนเฟิร์มและฟันธงเลย
 
“ไปไหนฮะ” ลีวายส์ถามผมอย่างไม่เข้าใจ  ผมมองมันด้วยหางตานิดๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรร่างเล็กกลับไป
 
ผมพาร่างเล็กมาเดินเที่ยวชายหาด ลีวายส์วิ่งเล่นไปตลอดทางข้างๆผม ผมยังไม่ได้ว่ายน้ำเลย แต่ถ้าไปว่ายน้ำลีวายส์มันก็คงอยากลงว่ายอีก งั้นค่อยว่ายพรุ่งนี้แล้วกันเดี๋ยวมันไม่สบายจะยุ่ง
 
“พี่ธารๆ   เค้าทำไรกันอ่ะ” ลีวายส์ถามพลางชี้ไปยังฝรั่งวัยรุ่นคู่หนึ่งที่กำลังนอนนัวเนียแลกจูบกันอยู่กลางแดด
 
“จูบไง.....เด็กห้ามดู” ผมบอกดึงลีวายส์ให้เดินกลับมานั่งเปลใต้ร่มไม้ ผมนอนลงในเปลก่อนจะอุ้มมันขึ้นมาให้นั่งบนหน้าท้องแกร่งของผม
 
“ไม่เห็นเหมือนตอนพี่ธารจูบลีวายส์เลย” =_=^ กูอยากมุดดินหนีจริงๆ พูดถึงเรื่องแบบนี้กับมันทีไรแมร่ง พากูฟุ้งซ่านตลอด
 
“มึงรู้หรือไงว่ากูจูบมึงแบบไหนถึงคิดว่าไม่เหมือน ห๊ะ” ผมถาม  กอดเอวมันไว้กันตก แมร่ง เด็กอะไรตัวแค่นี้มีคอดเอวด้วย หรือว่ากูเลี้ยงไม่ดีมันเลยผอมวะ
 
“ก็เค้าทำแบบเนี่ย.....” ร่างเล็กก้มลงมาก่อนจะแลบลิ้นแตะริมฝีปากผมเบาๆ ตอนนี้ผมเริ่มไปไม่ถูกครับ ใจเย็นลูกใจเย็นนี่ยังบ่ายอยู่อย่าเพิ่งตื่น =w=
 
“มึงนี่อาการนักขึ้นทุกวัน  อย่าทำแบบนี้กับใครรู้มั้ย” ผมบอก มันนอนคว่ำลงบนตัวผมเอามือเท้าคางตัวเองไว้  ผมว่ามันใส่เสื้อคอกว้างไปนะ เห็นข้างในขาวๆ เหอะๆ  มันขาวอยู่แล้วไอ้ธารมึงคิดอะไร เหี้ย!!!
 
ผมเบือนหน้าไปมองทะเลกว้าง ไม่ได้มาพักผ่อนแบบนี้นานแล้วก็ตั้งแต่เริ่มเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย จะมีบ้างที่ได้ไปกับพวกไอ้กายหลังจากสอบเสร็จแต่ก็ไม่บ่อยนัก แต่ไปกันทีหนึ่งนี่ไม่ค่อยได้พักผ่อนกันหรอก แมร่ง แดกเหล้าเมายากันดึกทุกที
 
“ทำได้กับพี่ธารคนเดี๋ยวอะป่าวฮะ” นี่กูคิดว่าจบไปแล้วนะ มันยังมีถามต่อ
 
“จุ๊บ!!!  เออ  ถ้าไปทำกับคนอื่นกูโกรธ” ผมยกหัวจุ๊บมุมปากมันเบาๆอย่างหมั่นไส้ก่อนจะพูดบอก ลีวายส์ทำปากยื่นเกือบแตะปลายคามผม
 
 
“จุ๊บ!!!  ลีวายส์ทำกับพี่ธารคนเดี๋ยวแหละ  พี่ธารห้ามโกรธด้วย” ไอ้ที่ว่าทำนี่มันอะไรกานนนนนนนนน    ดึงมาจูบแมร่งเลย!!!   เด็กเหี้ย!
 
<<<<<<TBC>>>>>>>

ตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก เรื่อยๆไปก่อนนะ

ตาเริ่มลายภาษาเริ่มมั่ว  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ถ้าเม้นเยอะเค้าจะมาลงให้พรุ่งนี้เลย ฮี่ๆๆๆๆ

มีในสต๊อคพอสมควรทั้งสองเรื่องเรย  :katai3:  :katai3:  :katai3:

ไปละ  :mew1:  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 16-04-2014 13:42:36
รอวันที่อีธารตบะแตก  :m20:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 16-04-2014 14:16:35
เห็นด้วยกับเม้นบน :hao6:

พี่ธารจะอดทนไปถึงเมื่อไหรค้าาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-04-2014 14:38:14
สักวันอีธารตบะแตกแน่ ๆ  555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 16-04-2014 15:09:43
วร๊ายยยยยย
อีธารหึงน้องงง 55555555555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 16-04-2014 17:32:12
ถ้าวันไหนอีธารตบะแตกขึ้นมา ไม่อยากคิดสภาพน้องลีวายเลว่าจะเป็นยังไงบ้าง

แอร๊ยยยยย  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 16-04-2014 17:49:36
เด็กนะคะเด็ก อย่าพึ่งเลยอดใจรอมัธยมหน่อยเหอะ ถึงเราจะชอบแต่ก็ไม่สนับสนุน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-04-2014 18:17:41
เด็กมันน่าฟัดเอ้ยน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 16-04-2014 18:19:23
อีธานหลอกเด็ก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 16-04-2014 21:00:54
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆคะ ชอบ ติดเลย น้องลีน่ารักน่าฟัดมากๆ พี่ธารก็ปาก(หมา)ร้ายพอกันเลยทีเดียว แต่งต่อไวๆนะคะ รออ่านอยู่

ปล.เวลาแต่งถ่้าไม่ใส่อิโมติคอนลงไปจะดูน่ารักเลยที่เดียว(ความชอบส่วนตัวคนอ่านแฮะๆ ใส่อยู่ก็ยังอ่านคะ)
ปล.2 ไม่แน่ใจว่าคำบางคำวิบัติรึเปล่าหรือลืมตัว ตรงนี้อยากให้ลองแก้ลองปรับดูนะคะ (เช่น สัจ ก็สัดเลย มันให้อารมณืดิบเถื่อนตรงๆดีคะ จร้า เป็นจ้าไปเลย อ่าลองฝากไว้ลองพิจรณาดูนะคะ )
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 17-04-2014 00:12:27
ดูว่าอีธารจะมีความอดทนมากแค่ไหน

เจอลีวายยั่วขนาดนี้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 17-04-2014 01:47:11
อ๋อยยยยยยยยยยยยยอะไรเนี่ยย ธารแพ้ใจตัวเองละๆๆ

น้องมันก็น่ารักกก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2014 02:36:10
น้องมันจะรอดไปจนโตไมอย่างนี้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 10(16/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-04-2014 15:42:31
ตกลงอีธารหรือว่าลีวายน่าที่ร้าย
ขยันยั่วขนาดนี้ ระวังโดนจับกดนะลูกลีวาย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 18-04-2014 17:47:01
Older Brother .....11
 
“ฮัดชิ้ว!!!!!!” วันนี้ตอนสายๆผมพาลีวายส์ลงเล่นน้ำเพราะเมื่อคืนผมบอกว่าจะว่ายน้ำด้วย และก็อย่างที่ผมคาดไว้ แมร่ง ตามติดกูตลอด มองหญิงก็ไม่ได้ก็เล่นมันขี้คอผมเหมือนลิงไม่ยอมลง
 
“กูว่าแล้วอย่าเล่นนานๆ แมร่ง” นั่นแหละพอผมลงสระใหญ่มันก็ลงด้วยเกาะหลังผมที่ว่ายน้ำไปทั่วสระ ยังไม่พอยังจะไปเล่นต่อสระเล็กสำหรับเด็กอีก
 
“ฮัดชิ้ว.....ก็มันสนุกนี่ฮะ” มันฟังที่ไหนล่ะดูดิ เพราะเล่นน้ำนานเกิน ตั้งแต่ขึ้นรถมา แมร่ง ยังจามไม่หยุด
 
ตอนนี้เรากำลังเดินทางกลับกันแล้วครับ จริงๆแม่ผมอยากให้ผมอยู่ต่อแต่ด้วยความที่เราไม่ได้เจอกันนานมันทำให้ผมและแม่ทำตัวไม่ถูกจะพูดจากันหรือทำอะไรร่วมกันมันก็เกร็งๆยังไงไม่รู้ผมเลยบอกท่านว่ามีเรียนต้องกลับวันอาทิตย์เย็นจะได้กลับถึงไม่ดึกนักเพราะพรุ่งนี้ลีวายส์เองก็ต้องไปเรียนด้วย
 
“ยุ่งจริงๆเลย” ผมบอก หักเลี้ยวรถเข้าข้างทาง เอื้อมมือไปเปิดเก๊ะหน้ารถหยิบเอายาพารามาหนึ่งเม็ดพร้อมกับน้ำขวดส่งให้ลีวายส์ มันแปะปากไม่อยากกินทันทีเมื่อเห็นยา
 
“ลีวายส์  ไม่กินฮะ ลีวายส์ไม่ได้เป็นไข้ซะหน่อย” มันบอก สูดลมหายใจเข้าบอดยืดตัวขึ้นให้ผมดูว่ามันน่ะแข็งแรง กูเชื่อมาก!
 
“ถ้าไม่กินกูทิ้งมึงไว้ตรงนี้ จบนะ” เท่านั้นแหละรีบเลยครับ หึๆ  แล้วมันก็ทำหน้างอนอีกตามเคย ก่อนจะกินยา
 
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีผมหันไปมองร่างเล็กเป็นระยะปรากฏว่ามันหลับ ผมเลยต้องจอดรถอีกครั้งเพื่อปรับเบาะและเอาเสื้อนอกผมมาห่มให้ร่างบาง นี่ผมว่าตั้งแต่มีมันผมใจดีขึ้นเยอะแล้วนะ =_=
 
 
 
“อึก......อือออ”
 
“จุๆๆๆ อย่าร้อง ใกล้ถึงแล้วๆ” ผมอุ้มลีวายส์ขึ้นมาบนห้องเพราะมันยังหลับอยู่ร่างเล็กตัวร้อนนิดๆ คงรู้สึกไม่สบายตัวเลยร้องงอแง
 
“อึกๆ.......ลีวายส์....อือออ..ปวดหัว” นั้นไงกูว่าแล้วไม่ผิด พอผมวางมันลงบนเตียงปุ๊บร้องบอกปั๊บเลย แล้วกูต้องทำไง =_=;;
 
“พี่หมอ  มาดูลีวายส์ที รู้สึกเหมือนจะมีไข้ว่ะ” ผมโทรหาพี่หมอรักษ์ หลังจากที่โทรไปบอกพนักงานคอนโดให้เอาของจากท้ายรถขึ้นมาให้ที่ห้อง
 
(กูติดคนไข้อยู่อีกสี่ห้าคน รอก่อนประมาณสามชั่วโมง  ถ้ากินยาแล้ว ยังไม่ครบสี่ชั่วโมงมึงเช็ดตัวไปก่อนถ้ากินยาครบสี่ชั่วโมงแล้วให้กินข้าวและก็กินยาอีกที จากนั้นก็เช็ดตัวเรื่อยๆ โอเคเสร็จแล้วกูจะรีบไป)
 
“อื่มๆ อย่าช้าล่ะ” ผมบอกก่อนจะตัดสายไป
 
ผมมองร่างเล็กตรงหน้าที่ตอนนี้ตัวเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆเพราะพิษไข้ ผมเลยเข้าไปหากะละมังใบเล็กกับผ้ามาเช็ดตัวให้ ผมถอดเสื้อผ้าลีวายส์ออกจนหมดเพื่อระบายไอร้อนออกจากตัวก่อนจะเริ่มเช็ดตัวให้เบาๆ
 
“อึกๆ....หนาวฮะ.....แดดดี๊...อึกๆ.....พี่ธาร.....” ชิส์ กูก็ไม่รู้จะทำยังไงน่ะนะเข้าใจป่ะ พอมันเพ้อออกมาเลยตกใจนิดๆล่ะ
 
“นอนซะ....เดี๋ยว‘พี่’มา” ผมบอกก้มลงจูบหน้าผากมันและห่มผ้าให้
 
ตอนนี้ต้องให้มันกินข้าวก่อน โจ๊กซองง่ายสุด ผมลงมือต้มโจ๊กซองโดยใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเพราะใช้ไฟแรง จากนั้นก็เข้ามาดูลีวายส์ในห้องนอน พักโจ๊กให้เย็นแป๊บหนึ่งในระหว่างนั้นก็เช็ดตัวให้มันอีกรอบ บอกตามตรงผมอยากร้องเลยนาทีนี้ ทำไมเช็ดเท่าไหร่ตัวมันก็ยังไม่เย็นลงซะที
 
“พี่ธาร....อือออ” ลีวายส์ร้องเสียงพร่า ผมเลยดึงมันมากอดไว้บนตัก
 
“กินข้าวก่อนจะได้กินยา  เร็วเข้า” ร่างเล็กปรือตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะสั่นหัว ผมตักโจ๊กมาเป่าก่อนจ่อกับปากเล็ก
 
“อึก...ไม่เอา อึกๆ....” มันสั่นหัวไม่เอาท่าเดียวเลย เดี๋ยวจับกรอกปากแมร่ง
 
“ลีวายส์คับ รักพี่ธารหรือเปล่า” คงต้องใช้วิธีนี้ล่ะ มันป่วยอยู่จะให้ผมขึ้นเสียงใส่เดี๋ยวมันจะยิ่งร้องเข้าไปใหญ่
 
“รักฮะ อึก...รักที่สุด” ร่างเล็กบอก ซุกหน้าเข้าหาแผงอกผม
 
“ถ้ารักก็ต้องเชื่อฟังนะคับ กินข้าวกินยานะ แล้วพี่ธารจะรักลีวายส์ด้วยนะคับ” ผมบอกอีก ตักโจ๊กขึ้นมาจ่อปากมันอีกครั้ง
 
“ฮะ...สัญญานะฮะ”   ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะพูด
 
ผมเลยพยักหน้าให้และจุ๊บมุมปากเล็กทีหนึ่ง ลีวายส์เลยยอมกินข้าวแต่ก็กินได้แค่สามคำมันก็ไม่ยอมกินต่อ ผมก็ให้กินยาเลย ไม่อยากให้มันงอแงอีก จากนั้นผมก็ยังเช็ดตัวให้มันตลอดเพราะพี่หมอโทรมาบอกอีกว่าให้เช็ดตัวทุกๆครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมงถ้าตัวร้อนจัดกลัวมันชัก ผมก็เลยต้องทำ
 
“กว่าจะมานะพี” ผมออกมาเปิดประตูให้พี่หมอ เมื่อมันมาถึงสี่ทุ่มกว่าๆได้ เล่นเอาผมเหนื่อยเลย
 
“เอานา....ก็มาแล้วไง” พี่แกบอก ผมเดินนำเข้ามายังห้องนอน ลีวายส์หลับไปแล้วหลังจากที่ผมเช็ดตัวให้เมื่อกี้นี้
 
“เป็นไงบ้าง” ผมถามพี่หมอ ที่กำลังตรวจอาการลีวายส์อย่างเงียบๆ ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างเล็ก ก่อนจะยกมือลูบหัวมันเบาๆ
 
“ห่วงจริงนะ รู้จักห่วงคนอื่นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่มึง” พี่หมอถาม เพราะปกติผมจะไม่ค่อยแสดงออกว่าห่วงคนอื่นมากนัก
 
“งั้นหรอ ไม่รู้สิ  ทำไมล่ะ” พอผมคิดตามที่พี่หมอพูดมันเลยเกิดคำถามขึ้นกับตัวเอง
 
“หึ รักไง อยู่ด้วยกันเป็นเดือนๆ  ความผูกพันมันสร้างกันได้ แต่......รักแบบไหนกันวะ” ผมมองพี่หมออย่างไม่เข้าใจกับคำพูดของพี่แก “เอานานานไปมึงจะรู้เอง ลีวายส์เป็นไข้หวัดมึงพาตากแดดเล่นน้ำถึงได้เป็นแบบนี้”
 
“ก็มันพูดไม่ฟังนี่ ยิ่งโตยิ่งดื้อ” ผมบอกบีบจมูกร่างเล็กเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
 
“หึ ไม่ใช่ว่ามึงตามใจมันมากขึ้นหรอกนะ” พี่หมอหรี่ตามองผม มันก็....นิดหน่อยเองนะ “เอาเถอะ ยังไงเดี๋ยวกูจัดยาให้ แต่มึงก็ต้องเช็ดตัวให้ทุกๆชั่วโมงนะ เพราะเด็กเพิ่งเริ่มมีไข้เพราะงั้น ต้องขยันเช็ดตัวและกินยา คืนนี้มึงไม่ได้หลับแน่ พรุ่งนี้ก็คงไม่ได้ไปเรียน”
 
“เออๆ  รีบๆ พี่จะได้กลับไปนอนมั่ง ทำงานจนหาเมียไม่ได้แล้วเนี่ย” ผมบอก เพราะเห็นว่าพี่แกทำงานซะแทบจะมีเวลาไปไหนมาไหนเลย
 
“เออ แล้วเพื่อนมึงน่ะหายไปไหน ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลย” พี่หมอถามขณะที่เก็บของเตรียมตัวกลับ
 
“ใคร ไอ้กายน่ะหรอ มันก็เที่ยวเล่นกับไอ้เซฟอีกตามเคยแหละ” ผมบอก
 
“หรอ งั้นไปล่ะ” ผมเดินออกมาส่งพี่หมอ มองตามแผนหลังที่สูงกว่าผมไม่น้อย เดินออกจากห้องไป ผมว่าพี่หมอคงสนใจไอ้กายล่ะนะแต่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งมากนัก
 
และคืนนี้ทั้งคืนผมก็ไม่ได้นอนจริงๆ ก็ลีวายส์ตัวร้อนตลอดพอหมดฤทธิ์ยาผมเลยต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืนจนเกือบเช้ากว่าไข้จะค่อยๆลดลง เล่นเอามึนเลยทีเดียว
 
 
“อื๊อออออ....” ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงร่างเล็กข้างๆขยับตัว พบว่าตอนนี้เช้าแล้ว ผมเอามืออังหน้าผากลีวายส์เพื่อวัดไข้ ร่างเล็กเลยบิดตัวนิดหน่อยและค่อยๆลืมตาตื่น
 
“ไข้ลดแล้ว....ห้าววววว” ง่วงมากง่วงสัจๆเลยล่ะ ผมลุกจากเตียงเดินมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกมาสั่งข้างกิน
 
“ลีวายส์ปวดหัวฮะ” ผมมองรางเล็กบนเตียง มันลุกขึ้นมานั่งและเอามือกุมหัวตัวเองไว้
 
“อื่ม....เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวเช็ดตัวก่อนจะได้กินยา” ผมบอกนั่งลงข้างๆร่างเล็ก และเริ่มเช็ดตัวให้แต่ดูเหมือนมันจะงอแงด้วยล่ะ
 
“ไม่เอา อึก....อืออ ลีวายส์หนาว” ลีวายส์บอกซุกตัวเข้าหาผม ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วผมก็ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้มันเพราะต้องเช็ดตัวอยู่ตลอด ผมก็แค่หอตัวมันด้วยผ้าห่มไว้เนี่ยแหละ
 
“ลีวายส์คับ เมื่อคืนสัญญาอะไรไว้ จำได้มั้ยหื่ม” ผมบอกพยายามพูดไม่ให้มันงอแง
 
“จำได้ฮะ” ร่างเล็กบอกเงยหน้าขึ้นมองผม มันพยักหน้าเบาๆก่อนที่ผมจะก้มลงจูบหน้าผากมัน
 
“งั้นก็ต้องเชื่อฟังพี่ธารนะ  มาเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้” ผมจัดการเช็ดตัวให้ลีวายส์
 
“พี่ธารอย่าลืมสัญญานะฮะ พี่ธารรักลีวายส์นะฮะ” หึ ผมหรอ ผมจะรักมันได้มั้ยนะ
 
 
 
 
“เย้ๆ พี่กายคนสวยลีวายส์หายแล้วฮะ” เสียงลีวายส์ดังมาจากหน้าประตู พอดีไอ้กายมันโทรมาบอกว่าจะมาหา พอผมบอกลีวายส์มันเลยไปยืนรอหน้าประตูโน้น
 
“โอ้ไม่น่ามาเลย........หายแล้วหรอเนี่ยสงสัย พี่ธารดูแลดี ชิมิๆ” ไอ้กายเดินอุ้มลีวายส์เข้ามาหน้าโซฟาพร้อมกับของเต็มมือ ผมให้ลีวายส์หยุดเรียนสามวันพรุ่งนี้ก็ว่าจะให้ไปแล้วล่ะ
 
“ซื้อไรมากินบ้าง” ผมถามเพราะเที่ยงนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย
 
“อ่ะ นี่ของมึง  ส่วนหมดนี่ของลีวายส์คร้าบบบบ” แมร่ง ของกูมีถุงเดียวในถุงนี้ก็แค่ ไก่ทอดกับพิซซ่า แต่ของลีวายส์สามถุงครับ
 
“เออ เอาใจกันเข้าไป ตามใจกันเข้าไป เดี๋ยวนี้มา คิดถึงกูไม่ถึงสิบเบอร์เซ็น” ผมบอกลุกขึ้นเอาของกินของตัวเองมานั่งกินบนพื้นล่างโซฟา
 
“เอานา  มึงก็  กูรักของกูนี่ เนอะๆลีวายส์เนอะ” ไอ้กายหันไปพยักหน้ากับลีวายส์ที่กำลังสนใจของเล่นในถุงใหญ่
 
“ของกูเหอะ  ใครของมึง” ผมบอกอย่างลืมตัว
 
“อ่ะๆๆๆ นั่นไง คึคึ  เดี๋ยวนี้มียอมรับว่ะ ฮ่าๆๆๆ” กูอยากบ้า เฮ้ออออออออ
 
หลังจากนั้นพวกมันก็พากันเล่นไปทั่วห้องและปล่อยให้ผมตามเก็บเหมือนเคย ไอ้กายกับลีวายส์แมร่ง อายุเท่ากันหรือไงมันเล่นกันได้ตลอดเวลาที่มาอยู่ด้วยกันจริงๆ แต่ก็ดีลีวายส์จะได้ไม่เบื่อเพราะปกติผมก็ไม่ได้เล่นกับมัน แค่ดูการ์ตูนหรือหนังด้วยกันเท่านั้น
 
 
“เออ  เดี๋ยวอยู่กับไอ้กายก่อน กูไปธุระแป๊บ” ผมบอก พอดีไอ้แมนโทรมาบอกว่ามีแข่งรถแต่ไอ้คนแข่งแมร่งดันไม่มาอีกแล้ว มันเลยขอช่วยผมอีกเนี่ย
 
“ไม่เอาอ่ะ พี่ธาร......อึกๆ” นั้นไงเพราะมันยังไม่หายดีล่ะมั้งเลยงอแงอีกแล้ว
 
“แป๊บเดียวอยู่กับไอ้กายไปก่อน เดี๋ยวให้พี่หมอมาตรวจอีกทีด้วย” ผมบอกใส่เสื้อนอกเตรียมตัวจะออกไป
 
“เฮ้ยๆ ไอ้หมอนั้นอีกแล้วหรอ ไอ้เอาอ่ะ”ไอ้กายเองก็งอแงไม่แพ้กัน
 
“มึงอย่างอแงอีกคนได้มั้ยวะ กูไปแป๊บเดียว” ผมก้มลงอุ้มลีวายส์เดินมาหน้าประตู “กูไปแป๊บเดียวเดี๋ยวมานะ เด็กดีเชื่อฟังพี่ธารหรือเปล่า ฟอด!” ผมบอกหอมแก้มใส่ หนึ่งฟอดเน้นๆ แมร่งหอมอ่ะ
 
“ก็ได้ฮะ....พี่ธารรีบกลับนะฮะ” ร่างเล็กบอกจูบปลายจมูกผมเบาๆ มันยังหมั่นเขี้ยวไม่หายเลยเผลอจูบปากเล็กเข้าให้
 
“แอ่มๆ  จะไปก็ไป ไอ้เหี้ยธาร” =_= ไอ้กายไอ้เหี้ย
 
 
 
“เป็นไงทำไมเด็กมึงนัดไม่เป็นนัดแบบนี้วะ” ผมถามไอ้แมนเมื่อมาถึงสนามแข่ง ไอ้โด่งอีกแล้วอะไรจะติดเมียซะขนาดนั้น
 
“กูก็ไม่รู้ว่ะ  แมร่ง มัดจำไปแล้ว สองแสน มึงกับกูคนล่ะแสน” มันคงลงให้ผมก่อนเพราะมันรู้ถ้าไอ้โด่งแข่งผมจะลงพนันด้วยตลอดเราเชื่อมือกัน
 
“แข่งกี่ทุ่ม” ผมถาม เราเดินมานั่งข้างๆสนาม การแข่งรอบแรกพึ่งจะจบลงเมื่อกี้ตอนนี้กำลังเริ่มรอบสอง
 
“ห้า” มันบอกหน้าตาย
 
“ไอ้สัจ!!! แล้วมึงจะให้กูมาทำพ่องหรอ นี่ยังไม่สามทุ่มเลย” ผมบอกอย่างเซ็งๆ ถ้าบอกผมแต่แรกว่าแข่งห้าทุ่มผมจะได้อยู่กับลีวายส์อีกหน่อย
 
“ห่วงเด็กหรือไงวะ เหอะๆ” ไอ้แมนพูดเหลือบมองผมนิดๆ
 
“เสือก!!!” ไม่อยากยอมรับและก็ไม่อยากปฏิเสธว่ากูห่วงมาก โอ้ยป่านนี้แมร่งเล่นกับไอ้กายกันห้องพังไปแล้วมั้ง
 
ผมนั่งดูการแข่งในสนามไปเรื่อยๆ มีลงพนันบ้างถ้ารอบไหนที่ผมคิดว่าโอเค ผมโทรหาไอ้กายทุกๆชั่วโมงเห็นมันบอกว่าไอ้พี่หมอไม่ว่างวันนี้มีประชุมเลยไม่ได้มา ผมเลยกำชับให้มันเอายาให้ลีวายส์กินและเช็ดตัวให้ด้วย
 
“เฮ้ยไอ้ธาร ไปเตรียมตัวไป” ไอ้แมนเดินมาตามผมที่นั่งอยู่ข้างสนาม จากนั้นผมก็เข้าไปเตรียมตัว มันรู้สึกใจหวิวๆยังไงก็ไม่รู้ว่ะ บอกไม่ถูก
 
“รถคันไหนกูจะดูก่อน” ผมเตรียมตัวเสร็จเดินออกมาหาไอ้แมน ผมจะตรวจเช็ครถก่อนเสมอเพื่อความรอบคอบ เพราะผมต้องใช้รถมัน
 
“โอเคยัง   ถึงรอบมึงแล้ว” ผ่านไปสักพักไอ้แมนก็เข้ามาบอก ผมสูบบุหรี่ม้วนหนึ่งก่อนจะขับรถเข้าสนาน
 
ผมลดกระจกลงมองรถของคู่แข่งที่ตกแต่งมาอย่างดี มันเองก็ลดกระจกลงเช่นกันแถมยังมองหน้ากูแบบกวนตีนสัจๆ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจผมก็แค่มาแข่งให้ชนะก็พอนี่
 
ปัง!!!!!
 
ทันทีที่เสียงปืนส่งสัญญาณให้รถออกสตาร์ท ผมก็กระชากรถออกตัวด้วยความเร็วมุ่งไปข้างหน้า เช่นเดียวกับคู่แข่งผมก็เช่นกันและดูเหมือนมันจะมีฝีมือใช่ย่อย ใครขับครบสามรอบและถึงเส้นชัยก่อนชนะเหมือนเคยแต่ครั้งนี้ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดไว้
 
ผมกับคู่แข่งขับไล่ตามกันด้วยความเร็วสูงและสลับกันนำในรอบแรกและรอบสอง มันขับแบบเถื่อนๆ มีสองสามครั้งที่พยายามเบียดรถผมออกจากสนามแต่ผมรู้ทางไม่ปล่อยให้มันขนาบข้างได้ง่ายๆ
 
เข้ารอบที่สามผมรีบเร่งความเร็วขึ้นอีกเท่าแต่มันก็ยังรั้งท้ายตามมาติดๆอีกสองโค้งผมก็จะเข้าเส้นชัยและโค้งข้างหน้าผมต้องลดความเร็วลงแต่ถ้าผมลดความเร็วลงมันจะพยายามเร่งขึ้นมาแซงผมแน่นอนผมเลย คำนวณความกว้างของสนามและเร่งความเร็วเท่าที่ทำได้ ผมไม่อยากแพ้
 
“เหี้ย!!!!” แต่จู่ๆรถของคู่แข่งมันกลับไม่เข้าโค้งด้านนอกและพยายามเบียดผมอีกครั้งซึ้งทางโค้งมันอันตรายทั้งคนโดนเบียนและคนที่เบียดผมไม่คิดว่ามันจะกล้า
 
ผมพยายามควบคุมพวงมาลัยรถให้อยู่ แต่มันก็เบียดเข้ามาจนผมหลุดโค้ง ผมก็คิดอยู่แล้วว่ามันจะควบคุมรถตัวเองไม่ได้ด้วย รถมันเลยเบียดเข้าหารถผมกลายเป็นว่ามันพาผมพุ่งเข้าชนข้างสนามซึ่งเป็นกำแพงเหล็ก
 
ผมไม่คิดเลยว่าอีกวิเดียวมันจะเกิดอะไรขึ้นนอกจากตายกับตาย แต่ผมจะตายไม่ได้ มีเด็กคนหนึ่งรอให้ผมกลับไปหา ‘พี่ธารรีบกลับนะฮะ’ เสียงลีวายส์ดังก้องขึ้นในหัวมันทำให้ผมตัดสินใจหักพวงมาลัยอีกครั้งแม้จะรู้ว่ารถต้องเสียงหลักพลิกคว่ำแน่นๆแต่ก็ยังดีกว่าชนกำแพงเหล็กเพราะมันมีโอกาสรอดน้อยกว่า และกูจะต้องไม่ตาย “ลีวายส์.......”
 
เอี๊ยด!!โครม           ปัง!!!
 
 
“อื๊ออออออออ  อึกๆๆ  อืออออออออออ” ผมได้ยินเสียง เสียงเด็กดังก้องอยู่ในหูตลอดเวลาแต่ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
 
“อึกๆ.....อีลีวายส์คับ กินข้าวก่อนนะ อย่าร้องเดี๋ยวพี่ธารก็ตื่น อึกๆ...นะๆ” ผมได้ยินมันตลอดและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผมจะตื่นขึ้นมาซักที
 
เสียงของลีวายส์มันติดอยู่ในจิตรใต้สำนึกของผมในคณะที่ผมนอนสลบอยู่ ผมอยากตื่นมา อยากตื่นมาด่ามาว่ามันให้มันหยุดร้อนเพราะผมไม่ชอบเสียงร้องของมันเลย
 
 
 
“ลีวายส์............”คำแรกที่ออกจากปากผม เมื่อผมรู้สึกตัว ผมค่อยลืมตาขึ้นช้าๆปากและคอแห้งฝาดไปหมด
 
ผมยกมือขึ้นจับหัวตัวเองเพราะรู้สึกปวดหนึบ มันมีผ้าพันรอบๆอย่างน่ารำคาญ ผมพยายามขยับตัวและยันตัวลุกขึ้นแต่กลับพบว่าผมหนักตัวเพราะกำลังโดนกอดรัดอยู่ ผมเลยก้มลงมองปรากฏว่ามีร่างเล็กกำลังซุกหน้าลงกับหน้าท้องผม
 
ผมยิ้มบางๆมองใบหน้าใส่อย่างสำรวจเหมือนไม่ได้เจอกันนานแสนนานก่อนจะลูบหัวมันเบาๆลีวายส์ขยับตัวเล็กน้อย ดูเหมือนมันจะร้องให้อีกแล้วเพราะเห็นจากคราบน้ำตาข้างแก้มมัน ผมหันมามองสำรวจตัวเองบ้าง ผมไม่ได้ใส่เสื้อ ตรงสีข้างมีรอยผ่าตัวคงเดาได้ไม่ยากว่าซี่โครงคงมีปัญหา ผมจำเหตุการณ์ทุกอยากได้ดี
 
“พี่ธาร!!!.....อึกๆ...อือออออ พี่ธารๆ อืออออ” ลีวายส์ตื่นแล้วครับ พอตื่นปุ๊บมันก็กอดผมไว้แน่นคล้ายกับกลัวว่าผมจะหายไป
 
“จุๆๆๆ อย่าร้องๆ  พี่ธารอยู่นี่แล้วคับ” ผมบอกกอดตอบร่างเล็ก ก้มลงหอมผมมันเบาๆ
 
“พี่ธาร อึกๆ อือออ  อึกๆ  นอนไม่ยอมตื่น อึกๆๆ” ลีวายส์สะอื้นบอก กอดแน่นไม่ยอมปล่อยจริงๆ
 
“คับๆ ตื่นแล้วไง หยุดร้อง พี่ธารไม่ชอบ” ผมบอกอีก ลีวายส์หยุดร้องก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม น้ำตาเปื้อนเต็มสองข้างแก้ม
 
“อึกๆ  ลีวายส์กลัวพี่ธารหายไป” ร่างเล็กบอก ผมเกลี่ยน้ำตาบนแก้มใสอย่างเบามือและก้มลงจูบปากกเล็กเบาๆ
 
“พี่ธารไม่หายครับ สัญญา” ผมบอก ทำให้ลีวายส์ยิ้มกว้างกลับมา มันเองก็ยืดตัวขึ้นจูบปลายคางผมเช่นกัน
 
“สัญญาฮะ  ลีวายส์รักพี่ธารฮะ” ร่างเล็กบอกผมด้วยสายตาจริงจัง
 
“ถึงพี่จะร้ายกับลีวายส์งั้นหรอ  หื่ม”
 
“ฮะ ถึงร้ายลีวายส์ก็จะรักฮะ  รักที่สุดในโลกเลย” หึ ผมยิ้มขำๆ กับคำพูดบอกของมัน เนี่ยแหละจะให้ผมทิ้งมันได้ยังไง
 
“รักให้ตลอดก็แล้วกัน” ผมบอกจูบปากร่างเล็กแน้นๆแต่ก็ไม่แรงมากนัก
 
“พี่ธารก็ต้องรักลีวายส์ด้วยฮะ พี่ธารสัญญาแล้ว” โอ่ มันจำได้ว่ะ  แล้วผมรักมันมั้ยวะ ไม่รู้รักหรือเปล่าแต่ที่รู้คือห่วงและหวงมาก ผมก้มลงจูบปากเล็กอีกครั้งอย่างนุ่มนวลและอ่อนหวานแทบจะไม่อยากล่ะปากออกแม้แต่วินาทีเดียวเลยล่ะ
 
<<<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>

เอิ่ป บางทีเราก็แต่งแบบงงแต่ที่รู้คือ มีเด็กรักคนแก่และคนแก่ก็....ปากแข็ง ว่ะ

ตอนต่อไปลีวายส์จะโตไม่โตนะ คิคิ

มาแล้วจร้า   :mew1:  :mew1:   :mew1:

เราจะลงเร็วถ้าเม้นเยอะแม้ว่าเราจะไม่ได้ตอบเม้นแต่เราอ่านทุกเม้นน๊า

(ตอนนึงเราขอแค่ประมาณ 10  เม้นไม่รุจะเยอะไปป่าว )  :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-04-2014 18:17:02
อ่า......นึกว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว ไม่งั้นสงสารลีว่ายส์แย่
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-04-2014 18:21:59
ดีนะที่พี่ธารไม่เป็นไรมาก
ไม่งั้นไอ้คู่แข่งตาย!!!!

รีบยอมรับว่ารักลีวายเร็วๆนะ ดูจิ เด็กบอกรักตั้งหลายรอบแล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-04-2014 18:43:50
ดีนะที่ฟื้นขึ้นมา ต่อไปต้องระวังตัวหน่อยเพื่อตัวเองและน้อง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 18-04-2014 19:01:09
อีธารต้องรักลีวายอยู่แล้ววว ก็น้องมันน่ารักกกกน่ากินขนาดนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 18-04-2014 20:00:44
อยากให้ลีวายส์เป็นเด็กอย่างนี้ไปนานนาน :katai3:  :katai3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 18-04-2014 20:33:53
เลิกเถอะ ไป่การแข่งรถเนี่ยยย
มันเสี่ยงงงงงงงง คราวนี้โชคดี แต่ถ้าคราวหน้าหละ ใครจะรู้
อีธารเป็นอะไรไป น้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-04-2014 21:01:54
โต โต โต เหอะ เขาอยากเห็นลีวายส์โต(ขึ้นมานิดนึง)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 18-04-2014 22:17:07
ค่อยๆโตสิ กริ๊ดด ><
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 18-04-2014 22:22:31
โอ่ยยย พี่ธารนี่ก็หยุดแข่งรถได้แล้วววว

หวงตัวเองก๊อนน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: jub_jub ที่ 18-04-2014 22:57:35
ชั้นก้อรักของชั้นเข้าใจบ้างไหม!!? เข้ามาเป็นเม้นทีม10(หรือป่าว)  ><"  รอๆๆตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 18-04-2014 23:31:06
น่ารักทั้งธารแล้วก็ลีวายเลย
หัวข้อ: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11(18/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: MASENTA.WK ที่ 19-04-2014 14:35:03
 อีธารรร เธอไม่น่าไปแข่งรถเลยยยย ทำให้น้องร้องเลยอ่าา
 เลิกไปเถอะะ น้องจะได้ไม่ต้องมาร้องให้อีกน้าา
 ตอนหน้าน้องจะโตแล้วเหรอคะะ แอร็ยย จะรอค่าาา  :mew3:
 
  ปล.อยากอานเรื่องของน้องกายกับพี่หมอจังเลยค่ะ มาลงอีกน้าา

  ขอบคุณที่มาลงให้อ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 19-04-2014 16:53:36
เข้ามารอติดตามด้วยคนค่ะ แอบอ่านซักพักแล้วล่ะ อิอิ น้องลีวายน่ารักมากเลย
ตอนนี้พี่ธารเริ่มเป็นเอามากแล้ว ทั้งหวง ทั้งห่วงลีวายจนไม่ยอมตายกันเลย
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปนะคะ  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 21-04-2014 14:06:57
Older Brother .....12
 
“พรุ่งนี้แกต้องไปพัทยา  แล้วเดี๋ยวจะโทรมาบอกอีกที ต้องกลับไปทำงานก่อน” พี่ชายเพียงคนเดียวของผมบอก งานที่จะให้ผมไปทำ โดยที่ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่
 
“ผมไม่อยากทำบอกตามตรง ทำไมไม่เลือกที่อื่น” เพราะพี่ชายผมเกิดอยากทำธุรกิจในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแต่มันคงไม่ดีนักถ้าที่นั่นมันเป็นแหล่งธุรกิจแบบเดียวกัน คือ ผับและบาร์มากอยู่แล้ว
 
“แมน เชื่อพี่สิ ไปดูงานไว้ก่อน จะทำไม่ทำค่อยว่ากัน อีกอย่างตัวเองก็ว่างอยู่ไม่ใช่หรอ” พี่มาศบอกก่อนจะที่ร่างสูงจะออกไปจากห้องทำงาน
 
ผมมองตามแผ่นหลังพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ที่จู่ๆ เกิดจะให้ผมไปดูงานเกี่ยวกับธุรกิจที่ว่า ซึ่งผมคิดว่าถ้าพี่มาศอยากทำจริงๆ ก็คงลงมือทำไปเองแล้ว เฮ้ออออ
 
Tru.............  Tru.............
 
“ว่าไงมึง...” ผมกรองเสียงใส่โทรศัพท์อย่างเซ็งๆ ตามอารมณ์
 
“เป็นเหี้ยไร.......อาทิตย์หน้ากูจะกลับแล้ว มึงมารับกูด้วย” เสียงเข้มๆของอีธาร เพื่อนสนิทผมที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศพูดบอก
 
“เออๆ แมร่ง!!!  ที่แบบนี้ล่ะโทรมานะมึง เชื่อสิว่ากูรอของฝากจากมึงด้วย” ผมบอก เมื่อสี่ปีก่อนมันไปเรียนต่อโทต่างประเทศ พร้อมๆกับเพื่อนอีกคนคือไอ้กาย ไม่สิมี‘เด็กมัน’อีกคน ลีวายส์ไง
 
“เออ!!! แค่นี้ก่อน เดี๋ยวกูไปรับลีวายส์ก่อน แมร่งยุ่งฉิบ”
 
“เหอะๆ ไปเหอะ เดี๋ยวฝรั่งจะงาบไปกินซะก่อน” ผมพูด ก่อนจะกดวางสาย ลีวายส์โตแล้ว ก็คงเดาไม่ยากหรอกนะว่ามันจะน่ารักขนาดไหน แต่ได้ข่าวว่าขี้อ้อนน่าดู
 
ตอนนี้ผมเองก็เรียนจบโท HR แต่ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกเพราะอะไรหลายๆอย่างที่ผมรับผิดชอบ จึงทิ้งไปไม่ได้ ทั้งผับที่ยังร่วมหุ้นกับพวกไอ้ธารและสนามแข่ง
 
หลังจากเรียนจบมาเมื่อปีที่แล้ว ผมก็ทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัททั้งของไทยและต่างชาติอีกสองสามแห่ง  โดยที่ไม่ต้องเข้าบริษัทผมก็สามารถใช้เทคโนโลยีรอบตัวทำงานส่งผ่านอีเมลล์ได้สบาย เดือนๆหนึ่งใช้แค่สมองแทบจะไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ นอกจากเรื่องอย่างว่า
 
แต่ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านมาผมจะเรียนและทำงานไปซะส่วนใหญ่ ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาหรือให้ความสำคัญกับเรื่องอย่างว่าสักเท่าไหร่แต่ละคนถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กอย่างที่ผมชอบใจแต่ก็ใช่ว่าจะสุขสมเสมอไป ตั้งแต่ตอนนั้นผมยังนึกถึงใบหน้าและเสียงหวานที่ติดตาและติดหูอยู่ ถึงแม้มันจะผ่านมานานแสนนานแล้วก็ตาม
 
 
“พี่ขับก่อนดิ ผมง่วงมากเลยอ่ะ โคตรง่วงเลย” ผมเหลือบมองไอ้ติณด้วยหางตา มันทำงานกับผมมานานและเป็นคนที่ผมสนิทใจด้วย ซึ่งก็มีไม่กี่คน
 
“งั้นกูให้ไอ้ต่อไปแทน” ผมบอก และพูดถึงเพื่อนมันอีกคนที่ทำงานมาด้วยกัน
 
“โอ๊ะๆๆ ไม่เอาๆ ผมขับเองก็ได้” มันรับกุญแจรถไปจากมือผมก่อนจะเปิดประตูให้เสร็จสรรพและวิ่งมาขึ้นรถขับออกจากสนามแข่งซึ่งเป็นที่ที่ผมพักอยู่
 
ผมยังพักอยู่ที่นี่เพราะมันสะดวกในการทำงาน ไม่อยากไปๆมาๆคอนโด หรือไม่ก็บ้าน ผมมีบ้านครับเป็นบ้านของพ่อบุญธรรมซึ่งรับผมและพี่ชายมาเลี้ยง พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมอยู่มอต้นด้วยอุบัติเหตุ
 
พ่อบุญธรรมเลยรับผมและพี่ชายมาเลี้ยงเพราะท่านไม่มีครอบครัว ท่านเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้มีพระคุณยิ่งสำหรับผมและพี่ชาย  จากนั้นพี่ชายผมก็เดินตามรอยท่านเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจอย่างจริงจังโดยมีพ่อเป็นผู้สนับสนุน ท่านรักพวกเรานะรักมากด้วย ผมคิดแบบนั้น
 
“ถึงแล้วคับ.....โอ๊ย เมื่อยมากเลยว่ะ” ไอ้ติณลงจากรถไปบิดขี้เกียจ ก่อนจะมาเปิดประตูให้ผม
 
วันนี้ผมมาดูงานตามที่พี่ชายผมบอก ขับรถออกจากกรุงเทพฯมาโดยใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึง ผมมองเข้าไปยังโรงแรมเบื้องหน้าที่ดูหรูหราและเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างดี
 
“กูต้องเช็คอินมั้ยวะ” ผมถามไอ้ติณเพราะพี่ชายผมได้บอกรายละเอียดกับมันไว้แล้ว
 
“ไม่นะ พี่มาศบอกว่าให้ไปตามห้องเนี่ย เห็นว่ามีคนที่พี่เค้ารู้จักมาดูแลเรานะ” ผมรับเอกสารจากมือไอ้ติณมาดู ก่อนจะเดินเข้ามาในโรงแรม จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์มายังชั้นห้องพักตามที่ระบุไว้
 
ผมเข้ามาในห้องพักชั้นวีไอ้พี ซึ่งเป็นห้องสูทหรูตกแต่งด้วยโทนสีเขียนอ่อนดูแล้วสบายตาดี ผมกับไอ้ติณแยกกันพักคนล่ะห้อง และมันก็พักห้องถัดไปจากผม
 
ก๊อกๆๆๆ
 
เสียงเคาะประตูบานใหญ่ดังขึ้นผมเลยเดินไปเปิด เป็นพนักงานหนุ่มที่ใส่ยูนิฟอร์มของโรงแรมที่ผมสักเกตุเห็นตอนเดินขึ้นมา
 
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคนที่คุณภาณุมาศส่งมาดูงานใช่มั้ยครับ” พนักงานหนุ่มถามอย่างนอบน้อม
 
“ใช่ ผมเป็นน้องชายของเค้า” ผมบอก จากนั้นก็เดินตามพนักงานมายังห้องส่วนตัวอีกห้องตามคำเชิญ คาดว่าน่าจะเป็นห้องไว้สำหรับพูดคุยธุรกิจของคนที่เข้ามาพักที่นี่
 
แกร๊ง!!!  ผมมานั่งรอราวๆห้านาทีได้ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก
 
ผมหันไปมองบุกคลที่พึ่งมาใหม่ก็ ถึงกับชะงักนิ่ง ซึ่งเป็นคนผมไม่คาดคิดว่าจะมาเจอที่ ทันทีที่เห็นใบหน้าของร่างบางสูงโปร่งทำให้ผมคิดถึงเสียงหวานและค่ำคืนอันร้อนแรงผุดขึ้นมาในหัว
 
จ้องมองหน้ามันไม่วางตา แต่งร่างบางกลับมีสีหน้าเรียบเฉยซะจนผมคิดว่ามันจำผมไม่ได้ แต่ไม่มีทางหรอก เราโตกันแล้วต้องจำได้สิ มันนั่งลงตรงข้างผมพร้อมกับเด็กสาวอีกคนซึ่งผมก็เพิ่งเห็นเมื่อเธอนั่งลงข้างๆมัน
 
“ผมมารับหน้าที่ดูแลคุณซึ่งเป็นผู้ที่มาดูงานที่นี่” ผมเริ่มขยับปากพูดในขณะที่ผมยังจ้องหน้ามันไม่วางตาโดยไม่ได้สนใจเด็กสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันแม้แต่น้อย
 
“งั้นหรอ” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก กับประโยคที่มันพูด สรรพนามที่ใช้มันเหมือนกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันจริงๆ สีหน้าและการวางตัวของมันบอกได้ชัดเจนว่าไม่เคยรู้จักกันเลย
 
“ผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆก่อนแล้วกัน............” ร่างบางตรงหน้าผมเริ่มอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจที่ว่าด้วยท่าทางปกติและไม่มีสีหน้าอื่นใด
 
สายตาผมยังคงจับจ้องคนตรงหน้าโดยไม่ล่ะสายตาไปไหน มันอธิบายไปเรื่อยจนกระทั่งปากสีสดหยุดนิ่ง สายตาที่สบตากับผมยังคงว่างเปล่า มันทำให้ผมเริ่มหงุดหงิดจนต้องดันลิ้นกับกระพุ้งแก้ม
 
“ผมคิดว่าคุยคงจะเข้าใจให้ร
ายละเอียดที่ผมอธิบายไปแล้ว คืนนี้จะมี..........”
 
“ยัง! ผมยังไม่เข้าใจเลยสักนิด” ผมพูดขัดร่างบางตรงหน้า มันกัดฟันแต่ก็ยังปรับสีหน้าให้เป็นปกติอยู่
 
“ผมคิดว่า...ผมอธิบายชัดเจนแล้ว”
 
“ไม่  ตอนคุณอธิบายรายละเอียดนั่น คุยไม่มองหน้าผมเลย ผมไม่เข้าใจอ่ะ” ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ โดยไม่สนเด็กสาวที่นั่งมองอยู่ข้างๆมัน
 
“ก็ได้ ผมจะอธิบายให้คุณฟังอีกครั้ง” ร่างบางพูดบอกขณะที่จ้องตาผมไปด้วย เราสบสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
 
“จะดีกว่า ถ้าผมจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” ผมเหล่มองไปยังเด็กสาวที่มีสีหน้ากังวลใจไม่น้อยกับการกระทำของผม
 
“ไม่จำเป็น....”แต่ดูเหมือนมันจะไม่อยากอยู่กับผมสองคนสักเท่าไหร่ ผมจึงพยายามกดดันเด็กสาวนั้นทางสายตา เพราะดูแล้วเธอกลัวๆผมยังไงไม่รู้
 
“เอ่อ เมล์ออกไปก่อนก็ได้ค่ะ” และแล้วเธอก็ยอมลุกขึ้นเดินออกไป ก่อนจะเปิดประตูบานใหญ่ลง
 
ในห้องเล็กตอนนี้จึงมีเพียงผมกับมัน สีหน้ามันเปลี่ยนไม่นิดหน่อยจากนิ่งเฉยเมื่อกี้กลายเป็นขมวดคิวยุ่ง มันถอนหายใจเบาๆก่อนจะเริ่มอธิบายรายละเอียดนั่นอีกครั้ง โดยที่ผมก็ไม่ได้สนใจจะฟัง แต่ครั้งนี้มันจับจ้องตาผมโดยไม่ละสายตาไปไหนเลย
 
“ซึ่งเรามีการบริกา.......อื๊อ.........” เพราะโต๊ะระหว่างผมกับมันที่นั่งตรงข้ามกันไม่ได้กว้างนัก ผมเลยใช้จังหวะช่วงที่มันมองดูเอกสารบนโต๊ะลุกขึ้นและโน้มตัวลงไปดึงท้ายทอยมันเข้ามาประกบริมฝีปากผมลงไปกับริมฝีปากสีสด
 
มันคงตกไม่น้อยที่จู่ๆ ผมก็รุกมันได้เร็วอย่างนี้ ผมรุกจูบอย่างหนักหน่วง ร่างบางดิ้นและดันแผงอกผมออกซึ่งมันนั่งอยู่บนเก้าอี้ และก็แคบมากทำให้ร่างบางผลักออกจากผมได้ยาก
 
กึก!!!!
แต่แล้วผมก็ต้องหยุดนิ่ง เพราะสัมผัสเย็นวาบตรงขมับซ้าย คงเดาได้ไม่ยากนะว่ามันคืออะไร ผมนิ่งก็จริงแต่ปากผมกับมันยังคงทาบติดกัน ผมหมั่นเขี้ยวเลยขบแรงๆไปทีหนึ่งก่อนจะยอมผลักออก
 
พรึ่บ!!!!
 
“เล่นแรงนะมึง” ผมบอกหลังจากที่คว้าข้อมือมันที่เหวี่ยงปืนเข้าหาผม แต่ผมดันหลบทัน
 
“สารเลว” มันกัดฟันพูด จ้องหน้าผมเขม็ง แต่ผมไม่ได้สะทบสะท้านแม้แต่นิด ร่างบางมีสีหน้าเคืองสุดขีดมันเก็บปืนก่อนจะเดินออกๆ
 
“เดี๋ยว.......ไม่คุยกันก่อนหรอ   ที่รัก!!!” แต่ผมก็ไวเช่นกัน เพราะแค่ผมก้าวเท้าเพียงสามก้าวก็สามารถ ดึงแขนมันไว้ได้
 
 
“ที่รักพ่อง มึงสิ!!!!” มันหันกลับมามองผมอย่างโกรธแค้น แทบอยากจะฉีกร่างผมออกเป็นชิ้นๆเสียให้ได้
 
“ปากดีได้อีก  ไหนๆก็เจอกันทั้งที เราจะไม่มาระลึกชาติกันหน่อยหรอ” ผมผลักร่างบางติดกับประตูบานใหญ่ก่อนจะเข้าไประชิดตัวจนแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างกัน
“กูยังเก็บ คลิปคืนนั้นเอาไว้อยู่เลย ดูดิ” ผมบอกก่อนจะชูโทรศัพท์ให้มันดู มันกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธหน้าขึ้นสีแดงซ่าน
“ฮั่ก!!!.......” ผมล้มลงพื้นเมื่อโดนมันยกเข่าขึ้นแทรกเข้าหว่างขาอย่างจัง
 
“ไอ้สารเลว.....ปึ่ก!!!!” ยังไม่พอร่างบางเก็บโทรศัพท์ของผมที่ตกลงพื้นเมื่อกี้มาซัดหน้าผมเต็มๆก่อนที่ร่างบางจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งตัวงอทั้งจุกและเจ็บใจอยู่ตรงนั้น
 
ผมเก็บโทรศัพท์ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น กุมเป้ากางเก่งตัวเอง แมร่ง แรงเยอะชะมัด ผมยกมือขึ้นจับขมับที่รู้สึกตึงๆเพราะโดนมันซัด ปรากฏว่า ได้เลือดครับ แต่ก็เล็กน้อย เหอะๆ
 
ผมชะงักฝีเท้าเมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องนั้น พบว่าด้านนอกมีผู้มาใหม่อีกสองสามคน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ผมจำได้ว่าคือ คุณโอ๊ค  ที่ยืนประชันหน้าอยู่กลับน้องชายตัวเอง และมองมายังผม
 
เพี้ย!!!!
 
“กูให้มึงมาดูแลคุณแมนเค้า ไม่ใช้ให้มาหาเรื่อง!!! ถ้ายังมีนิสัยแบบนี้อีก ก็กลับไปซะ” เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าเรียวใส่จนหน้าหัน ทำให้ทุกคนเปิกตากว้างอย่างตกใจรวมทั้งผมเองก็เช่นกัน
 
“เอ่อ คือ.....เรามีเรื่องเข้าใจผิด นิดหน่อยเอง ไม่เห็นจะต้องลงไม้ลงมือกันนี้ครับ” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างๆร่างบางที่ยังไม่หันมามอง
 
“นิสัยเสีย จนเสียการเสียงงาน ผมต้องของโทษด้วยนะครับ.....เดี๋ยวผมจะให้คนอื่นมาดูแลคุณแมนแทน” ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ผมไปผูกมิตรกับพวกมันได้ยังไง คุณโอ๊คถึงได้รับรองและดูแลผมขนาดนี้
 
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมบอกแล้วว่าแค่เข้าใจผิดนิดๆหน่อยๆ  แค่....ให้คุณโอ๊ต! รับผิดชอบแผลที่เกิดขึ้นก็พอ” ผมบอกอีก เท่านั้นแหละ ร่างบางก็หันขวับมามองทันที
 
“ได้ครับ พาคุณแมนไปทำแผลที่ห้อง....และหวังว่าแกจะไม่สร้างปัญหาอีกนะ” คุณโอ๊คบอกก่อนจะเดินออกไป โอ๊ตเลยเดินนำไปยังห้องพักของผมด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
 
มันเอากล่องพยาบาลมานั่งจ้องเฉยๆราวๆสิบนาทีๆได้แล้วครับ แต่ไม่ยอมทำแผลให้ผมซะที ผมเองก็นั่งมองเรียวหน้าใสไม่วางตา ไม่รู้หน้ามันมีอะไรนักหนาผมถึงได้ชอบมองนัก
 
“แผลกูจะเน่าแล้วนะ ตกลงจะทำมั้ย” หน้าเรียวมองผมอย่างโกรธเคืองก่อนจะเริ่มหยิบจับกล่องพยาบาล แต่ทันทีที่มันขยับตัว ผมก็ดึงร่างมันมากดลงบนโซฟาและพาร่างหนาของตัวลงทับทาบลงไป
 
“ปล่อย!!!!  ไอ้เลว  ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” มันดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างผม พร้อมๆกับปากที่ด่าว่าไปด้วย
 
“นิ่งๆนา.......!!!” ผมส่งสายตาคมๆสบตากับมันจนมันนิ่งเงียบไป ผมดึงมันขึ้นมานั่งดีๆ แต่มันทำท่าจะยกมือขึ้นต่อยผมอีก ไอ้นี่กูดีด้วยไม่ได้เลย
“กูบอกนิ่งๆไง หรือจะให้กูของขึ้น” ผมจับข้อมือมันไว้ ร่างบางนิ่วหน้านิดๆก่อนจะแสมองไปทางอื่น
 
“ทำอะไร!!!!!” มันถามด้วยหน้าเสียงเชิงตะคอกใส่ เมื่อผมดันตัวมันให้หันหลัง
 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 21-04-2014 14:07:22
“กูบอกนิ่งๆไง......” ผมแค่อยากเห็นอะไรบางอย่างที่ผมเคยทิ้งไว้บนตัวมันเมื่อสี่ปีก่อนก็เท่านั้น ผมดึงคอเสื้อมันลง เพราะเสื้อมันคอกว้างมากพอที่จะดึงมาด้านหลังตรงหัวไหล่ได้
 
“กูลบแล้วไม่ต้องหาหรอก” มันบอกก่อนจะดึงเสื้อลงให้ผมดูเอง รอยสักที่ผมเคยทำไว้ตอนนี้มันหายไปแล้ว ผมแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะหายไปได้ยังไงในเมื่อ..... “สิ่งสกปรก.....จากคนสกปรก กูไม่อยากเก็บไว้......อ่ะ!!!!!” ไม่รู้ความโกรธมันเข้ามาปะทะหน้าผมได้ยังไงผมถึงได้กดมันลงบนโซฟาอย่างแรงด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้าง รวบเจ็บข้อมือมันทั้งสองข้างไว้
 
ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาโกรธหรือโมโหใครเข้ามากๆ แต่ครั้งนี้มันมากเกินไปจริงๆ ผมเองก็ไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่ากับอีแค่รอยสักนั้น พอเห็นมันหายไปผมถึงไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้
 
“สกปรกงั้นหรอ  หึ!!! มึงยิ่งลบกูก็ยิ่งอยากทำให้มึงสกปรกขึ้นอีกเป็นเท่าตัว” จบคำพูดผม ร่างบางก็ไม่มีสิทธิได้ต่อกรกับผมอีกเพราะริมฝีปากมันโดนผมฉกจูบรุนแรงแทบจะไม่มีเวลาให้ทันได้หายใจเข้าปอด
 
“อื๊ออออออ” ร่างบางพยายามจะดิ้นและขัดขืนเต็มที่แต่ด้วย กำลังและร่างกายของผมเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า มันจึงไม่สามารถผลักผมออกได้
 
ผมรุกจูบคนใต้ร่างอย่างหนักหน่วง จนร่างบางแทบขาดอากาศหายใจกว่าผมจะละปากออก ปากสีสดเจ่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมรีบหายใจเข้าปอดแรงๆ แต่แค่ไม่ถึงสิบวิผมก็ทาบริมฝีปากร้อนลงไปใหม่
 
“อื๊อออออออ” ร่างบางพยายามดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งเพิ่มแรงกดมากขึ้น ความหวานในโพรงปากสีสดทำให้ผมพอใจจนไม่อยากจะละปากออก แต่เมื่อความต้องการก่อตัวขึ้นผมก็เปลี่ยนจากรุกริมฝีปากมาเป็นซอกคอขาวเนียน
 
“ไอ้เลว ปล่อยกู.....อ่ะ!!!” ผมไม่สนใจคำด่าทอจากมันแม้แต่น้อย ผมลูบไล่ไปทั่วร่างก่อนจะเลิกเสื้อมันขึ้นจนถึงคอใช้มือหนาสัมผัสผิวเนียนใต้ผ้าบาง
 
“เงียบนา หรือจะหาอะไรมายัดปากดีมั้ย” ผมบอกในขณะที่ใบหน้าจะซุกไซ้อยู่กับซอกคอขาวเนียน
 
“มึง.....อะ” ผมเกิดรำคาญเสียงมัน ไล่นิ้วเรียวขึ้นไปถึงปากสวยก่อนจะสอดเข้าไปภายในโพรงปากรสหนาว หวังจะให้มันดูดเลียนิ้วเรียว
 
“อ๊ากก  อ่ะ.....มึง!!!” แต่ผมกลับลืมไปว่าคนอย่างมันหรือจะยอม ร่างบางกัดนิ้วผมจนผมร้องเสียงหลง
 
เพี้ย!!!!!!!  ด้วยความโกรธที่เข้ามาครอบงำทำให้ผมฟาดฝ่ามือหนาลงบนหน้ามันเต็มแรงจนหนาเนียนใสหันไปตามแรงปะทะ
 
ร่างบางนิ่งเงียบและผ่อนแรงขัดขืนจนผมรู้สึกได้ มันนิ่งซะจนผมรู้สึกวูบไหวตาม เลือดสีสดค่อยซึมออกมาจากมุมปากสวย มันทำให้ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้รู้สึกผิดขึ้นมา
 
นานนับหลายนาที ผมนิ่งมองหน้ามันที่ยังคงนิ่งเงียบไป ก่อนที่ผมจะโน้มตัวลงไปกดจูบเลือดจากมุมปากร่างบาง และมันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอาซะมากๆเพราะมันนอนนิ่งไม่มีท่าทีขัดขืนแม้แต่น้อย ผมล่ะปากออก เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาก่อนลุกออกจากตัวมัน
 
ไม่นานร่างบางก็ลุกขึ้นจากโซฟาเก็บกล่องพยาบาลจะออกไป ผมดึงมือมันไว้มันเองก็หยุดแต่โดยดีจนผมแปลกใจ  ผมมองร่างบางที่ไม่ยอมหันมาสบตากับผม อยากจะพูดอะไรสักอย่างกับมันแต่ก็รวบรวมคำพูดนั้นออกมาไม่ได้ ผมเลยเลือกที่จะปล่อยมือ
 
“เหี้ยรับวะ!!!!” ผมทิ้งตัวลงกับโซฟาอีกครั้ง นั่งจมอยู่กับความรู้สึกหน่วงๆที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน   ก่อนจะปล่อยตัวให้นอนหลับลง
 
 
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้มาดูแลคุณด้วยตัวเอง เพราะช่วงนี้ยุ่งๆเลยให้โอ๊ตมันมาดูและคุณแทน”  ผมไม่เข้าใจเลยว่าพี่ชายตัวเองคิดอะไรอยู่ ถึงได้มายุ่งเกี่ยวกับพวกนี้แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์แย้งอะไร
 
“ไม่เป็นรัยคับ” ช่วงค่ำ ผมถูกเชิญให้มาทานข้าวกับคุณโอ๊ค หลังจากที่อ่านเอกสารของโอ๊ตที่มันเอามาอธิบายให้ผมฟังนั่นแหละ
 
“อ้าว.....เมล์ แล้วโอ๊ตล่ะ  ทำไมไม่มาด้วยกัน” คุณโอ๊คถามหาน้องชายกับเด็กสาวที่มากับโอ๊ตเมื่อตอนกลางวัน
 
“เอ่อ คือ พี่โอ๊ตบอกว่าไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ  ขอพักผ่อนค่ะ” เธอบอกมองหน้าผมนิดๆ
 
“เสียมารยาทจริงๆ ขอโทษจริงๆนะครับ”
 
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ” ผมตอบคุณโอ๊คกลับไป ใจจริงก็อยากให้มันมานั่งร่วมโต๊ะด้วยแต่มันคงอึดอัดนาดูที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับคนที่ตังเองเกลียด
 
“เอ่อนี่เมล์ พรุ่งนี้เรากับโอ๊ตจะไปเกาะกันใช่มัย” เราพูดกันไปเรื่อย จนกระทั่งคุณโอ๊คถามเด็กสาวที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ
 
“ใช่ค่ะ ว่าจะออกไปตอนเช้าๆคะ” ผมฟัง และไม่ได้สนใจมากนัก
 
“จริงสิ ผมลืมบอกไป เมล์เป็นคู่หมั้นของโอ๊ตน่ะ” คุณโอ๊คหันมาบอกประโยคนั้นกับผม คู่หมั้นงั้นหรอ เหอะ!!!
 
“ก็......เหมาะกันดีนะครับ” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะเหลือบมองเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของโอ๊ตด้วยหางตา
 
 
วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อจะมายังท่าเรือ ผมให้เงินไอ้ติณให้กลับไปกรุงเทพก่อนผม ผมบอกกับมันว่าจะอยู่ทำธุระอีกวันสองวัน
 
หลังจากที่มาถึงท่าเรือผมก็หาทางลงเรือของโอ๊ตโดยไม่ให้มันรู้ เหอะ!!! บอกตามตรงผมยังไม่อยากจบเรื่องของเราแค่นี้ ยิ่งรู้ว่ามันกำลังจะตัดผมออกไปจากชีวิตมันโดยการมีคู่หมั้น ผมก็ยิ่งอยากได้มันมาเป็นของตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ใจมันอยากได้ และกูก็ต้องได้
 
ผมแอบอยู่หลังเรือตลอดตั้งแต่เรือออกจากท่ามุ้งหน้าไปยังเกาะ ดูเหมือนผมจะทำตัวเป็นโจรยังไงยังงั้น เพราะผมต้องแอบเข้ามาด้านในโดยไม่ให้มันรู้ตัว
 
“พี่โอ๊ต   พี่โอ๊ตคะ   เป็นอะไรหรือเปล่า คะ” เสียงเล็กๆของเด็กสาวดังมาจากด้านในของมุมหนึ่ง ผมเลยเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น
 
“เปล่า น่ะ” โอ๊ตตอบแค่นั้น สีหน้าและท่าทางของมันไม่เหมือนกับคนที่จะมาเที่ยวสนุกกับคู่หมั้นเลยสักนิด
 
“งั้น เดี๋ยวเมล์มานะคะ” เด็กสาวบอก สีหน้าของเธอเองก็ไม่ได้ยิ้มแย้มเช่นกัน
 
“ไง” ผมทักและเดินเข้าไปหามัน ร่างบางเปิกตากว้างเมื่อเห็นผม มันรีบลุกขึ้นและดึงแขนผมมาอีกมุมหนึ่งของเรือเพื่อหลบเด็กสาว
 
“มาได้ไง  ทำบ้าอะไร!!!!!” โอ๊ตกัดฟันถามอย่างสงสัยก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนผม
 
ผมไปตอบออกจากมุมนั้นเพื่อเอาอะไรบางอย่างไปใส่ลงในแก้วน้ำของเด็กสาวที่มากับมันก่อนจะกลับมาดึงแขนมันออกมาบนเรือ
 
“ทำอะไร ต้องการอะไรอีก!!!”
 
“ต้องการมึงไง!!!” มันนิ่งเงียบก่อนผลักผมออกทำท่าจะกลับเข้าไปด้านใน แต่ผมจะไม่ยอมง่ายๆไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว เชื่อสิว่ามันออกมาวันนี้ไม่ได้ปกอาวุธมาหรอและผมก็สู้มันได้สบาย
 
“ปล่อย มึงใส่อะไรให้เมล์กิน” ร่างบางพยายามดึงแขนเล็กออกจากมือผมอีกครั้งหลังจากที่ผมคว้ามันไว้เมื่อกี้
 
“แค่สลบนาไม่ตายหรอก” ผมบอก เรือมาถึงเกาะพอดี ผมเลยรีบลากมันลงจากเรือ ส่วนเด็กสาวคนนั้นก็ช่างมันสิ
 
“นี่ ปล่อยนะ ที่นี่ถิ่นกูมึงไม่รอดหรอก” โอ๊ตบอก ทุบตีผมจนแดงไปทั่วแขนระหว่างเดินเข้ามาในรีสอร์ท
 
“แล้วถ้ากูบอกว่า  กูเป็น ผอ อัว ผัว มึงใครมันกล้า อีกอย่าง พี่มึงคงไม่ชอบใจนักถ้ารู้เข้า จริงมั้ย” ผมโอบเอวบางเข้าหาตัว ส่งยิ้มหวานให้มัน
 
“ทุเรศ ไอ้เลว” โอ๊ตมองสบตาผมอย่างโกรธเคืองและดันร่างผมออกห่าง ก่อนจะรีบเดินนำไปไม่สิเรียกว่าเดินหนีต่างหาก ผมมองแผนหลังร่างบางก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ ดูเหมือนมันจะเกลียดผมเข้ากระดูกดำจริงๆ
 
โอ๊ตเดินมายังห้องพักติดริมทะเล รีบไขกุญแจเข้าไปด้านในและจงใจจะปิดประตูอย่างรวดเร็วไม่ให้ผมเข้าไปแต่ผมรู้ทัน ก้าวไปผลักมันเข้าไปข้างในก่อนจะตามไปติดๆ พร้อมกับล็อคประตูเสร็จสรรพ
 
“เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับกูซะที เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องมารื้อฟื้นอีก และอีกกูก็ไม่ได้หักหลังมึง เพราะไม่อยากยุ่งกับมึงอีก ไม่อยากเลยสักนิด” ร่างบางพูดบอกอย่างโกรธเคือง
 
“บังเอิญกูอยากยุ่งไง” ผมบอก มองสำรวจใบหน้าเนียนใสที่ตอนนี้ คิ้วขมวดเข้าหากัน ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมัน ก่อนจะคว้าตัวมันเข้ามาจูบ
 
“อื๊ออออ” ร่างบางทุบตีบผมด้วยกำหมัด แต่ผมไม่สนใจ ยกมือขึ้นกดท้ายทอยมันไว้ไม่ให้ละออกห่าง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปเกี่ยวตวัดรสหวานจากโพรงปากสีสดเนินนาน
 
“มีคู่หมั่นทำไมไม่บอก” ผมถามขณะที่ล่ะปากออก
 
“ไม่จำเป็น” ร่างบางบอกก่อนจะหลบตาผม “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คำพูดนั้น ทำให้ผมหงุดหงิดจนต้องลากมันเข้ามายังโซนห้องนอนซึ่งมีแค่ผ้าม่านบางๆกั้นไว้
 
“งั้น เรามาระลึกชาติกันดีมั้ย” เพี้ย!!!! ผมยังไม่ทันได้ก้มลงประกบปากมัน ร่างบางกลับฝาดฝ่ามือเข้าให้บนหน้าผมเต็มแรง
 
“สารเล............อื๊ออออ” จากนั้นอารมณ์ผมก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ฉกจูบปากสีสดแรงๆไม่พอยังขบเม้มจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด
 
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงก็หยุดกูให้ได้สิ ที่รัก!” มือเล็กยังตุบตีข้างตัวผมแรงๆแต่ผมไม่สนใจรุกจูบปากสีสดต่อ พร้อมกับมือไม้เริ่มแกะกระดุมเสื้อมันทีล่ะเม็ด
 
“ไอ้....เหี้ย ปล่อยกู!!!!  อ่ะ!!!!” ผมกัดซอกคอมันแรงๆจนเกิดรอย ก่อนจะไล่มือลงมาถอดกางเกงขาสั้นแค่เข่าของมันทิ้ง
 
“หึ ไหนว่าไม่ได้เป็นอะไรกันไง ทำไม......ของมึงมันชี้หน้ากูแบบนี้วะ” ผมบอกพร้อมกับมองสำตรวจร่างกายมันไปทั่วร่างอย่างหื่นกระหาย จนคนใต้ร่างผมหน้าร้อนขึ้นสีแดดเทือกแม้ว่าจะผ่านมีตั้งสี่ปีแต่มันก็ยังดูแลร่างกายได้ดีทุกซอกทุกมุม
 
“ไอ้เลว อ่ะ!!!!” ผมแกล้งกดแกนกายของมันเพื่อหยุดคำด่าทอนั่น และหันมาถอดเสื้อผ้าตัวเองออก
 
“จะไปไหน!!! มานี่ หรือมึงอยากโดนมัดห๊ะ!!!!” โอ๊ตใช้จังหวะที่ผมถอดเสื้อผ้าจะลุกหนีแต่ผมคว้าตัวมันไว้ได้
 
“ปล่อย!!!” ผมดึงมันเข้ามากอดจนร่างกายเราเบียดชิดติดกัน ถึงแม้ว่ามันจะร่างเล็กกว่าผมแต่แรงมันก็เยอะใช่น้อย ผมจะหมดแรงก่อนจะตอนที่ไล่จับมันเนี่ยแหละ
 
“ทำไมดื้ออย่างนี้ห๊ะ!!!!  มานี่!!!!” ผมเริ่มมีอารมณ์โกรธเลยเผลอตวาดใส่มันเสียงดัง ร่างบางนิ่งไป ก่อนที่จะกลับมาตุบตีผมอีกครั้งเมื่อผมอุ้มร่างมันเข้ามาในห้องน้ำ
 
“ปล่อย ไอ้เหี้ย!!!!  ไอ้อุบาทต์!!!” ปากมันดีอย่างนี้แหละผมถึงทนไม่ได้
 
ผมดันมันลงไปในอ่างน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ร่างบางเกือบจมลงไปในน้ำทั้งร่างเพราะอ่างน้ำที่กว้างเป็นพิเศษ ผมเริ่มรุกจูบอย่างร้อนแรงทันทีเมื่อมีโอกาส และจะไม่ยอมให้มันขัดใจอีกแล้ว
 
“อ๊ะ......ไอ้.....อื๊ออออ” ผมซุกดูดเม้มซอกคอขาวจนร่างบางเคลิ้มและคล้อยตาม มือเล็กที่เอาแต่ทุบตีผมเมื่อกี้ตอนนี้เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอผมแทน
 
“อื่มมมม.....ยอมตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” ผมบอกก้มลงขบกัดยอดอกสวยของมันที่กำลังชูชันสู้ลิ้นร้อน ไล่มือลงไปปลดปล่อยรูดรั้นแกนกายให้มัน
 
“อ่าส์.............อ๊ะๆๆ” ผมรูดรั้นแกนกายอุ่น และเร่งจังหวะเร็วๆ ร่างบางครางออกมาอย่างเสียวซ่านก่อนจะปลดปล่อยออกมาเพียงแค่เวลาไม่นาน
 
“ถึงทีกูมั่ง ล่ะ” ผมดึงร่างมันขึ้นมาจากอ่าง ให้นั่งคร่อมตักผมแทน “ใส่เอง หรือจะให้กูใส่ให้” ผมบอก เพี้ย!!! โดนบ่องหูกูเต็มๆครับ มันทำท่าจะขัดขืนแต่ผมหรือจะยอมปล่อย มันไม่ใส่กูก็ยัดใส่เองสิ
 
“อ๊ะ!!!!  ไอ้.........อ๊ะๆๆๆๆ” ผมไม่ปล่อยให้มันได้ด่าทออีก เพราะน้ำในอ่างผสมสบู่เรียบร้อยแล้ว ผมเลยไม่คิดจะเปิกทางให้มัน ร่างบางถึงกันนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแถมผมก็ไม่ให้มันทำความคุ้นชินกับแท่นร้อนผมเลย ใส่ปุ๊บ ก็สวนไม่ยั้ง
 
“อ่าส์.....” บทรักอันร้อนแรงในห้องน้ำเกิดขึ้นวงไปเวียนมาเกือบทุกท่วงท่าที่ผมสามารถทำได้ ความอุ่นร้อนที่กำลังตดรัดผมมันทำให้มีอารมณ์ความต้องการก่อตัวขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด จนเวลาล้วงเลยมาจนถึงช่วงบาย  เรียกว่าข้าวปลาไม่ได้กินกันเลยทีเดียว
 
ผมเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หยุดน่ะหยุดให้   แต่แค่ไม่ถึงสามสิบนาที ผมก็เริ่มปลุกอารมณ์มันขึ้นมาใหม่ จนตอนนี้ร่างบางหนังตาเริ่มปิดลงเต็มที
 
“พอ.....อ่าส์......ไม่ไหว” โอ๊ตบอกเมื่อผมเริ่มรุกจูบมัน หลังเสร็จไปอีกรอบบนเตียงเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว
 
“อื่ม.......กูยังไม่อิ่มเลย” ผมบอก มันเลยกัดหัวไหล่ผมเต็มแรงเพราะคงไม่เหลือแรงที่จะยกมือขึ้นมาฟาดใส่ผมแล้ว
 
“อื๊อออออ.........” เมื่อผมเริ่มแล้วก็จะไม่ยอมให้ค้างคาเด็จขาด
 
“ไปว่ายน้ำกัน...” ผมบอกอุ้มมันขึ้นมาจนเตียงกว้าง ทั้งที่ร่างกายไม่มีผ้าปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว  ผมพามันมาลงสระน้ำของห้องพัก ซึ่งเป็นที่ส่วนตัว เพราะงั้นจะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครเห็น
 
“ไม่!!!!....อ๊ะ.....ไอ้โรคจิต....ไอ้....อุ๊บส์” ผมกลืนกินคำพูดจากโพรงปากรสหวานลงคอ มือลูบไล่ไปทั่วร่างเพรียวบาง ที่สัมผัสกี่ทีกี่ทีก็ทำให้ผมร้อนรุ่มไปทั้งตัว นี่แหละไม่ยากเลยที่ผมจะมีอารมณ์มันกับได้ง่ายๆ และเหมือนจะไม่อยากหยุดเลยด้วยซ้ำ
 
ผมดำน้ำลงไปโดยให้ร่างมันพิงกับขอบสระ กระตุกอารมณ์มันด้วยลิ้น ผมไล่ลิ้นกับสะดือเล็กให้มันเสียวเล่น จากนั้นก็ไล่ลิ้นลงมาขบเม้มแกนกายที่กำลังชูชันตรงหน้า น้ำในสระดับความร้อนในตัวก็จริงแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับผม
 
ผมครอบปากลงกับแกนกายร่างบางจนขาเรียวหนีบเข้าหากัน ก่อนจะรูดรั้นแกนกายมันด้วยปากเพื่อให้มันปลดปล่อยออกมาก่อน แต่ดูเหมือนร่างบางจะทนความเสียวซ่านไม่ไหวเลยปล่อยตัวลงมาใต้น้ำให้ผมเกาะเอวมันไว้ และไม่นานน้ำรักสีขุนก็พุ่งออกมาเต็มปากผม มีบางส่วนที่เผลอกลืนลงคอไป แต่แปลกที่ผมไม่ได้รังเกียจเลยสักนิด
 
“อ่าๆ.....เฮ้ย! อย่าเพิ่มหลับ” ผมโผล่ขึ้นมาจากน้ำเห็นร่างบางใกล้หลับเต็มที ผมเลยไม่รอช้าจับขามันสองข้างมาเกี่ยวเอวไว้ก่อนจะแทรกแท่นร้อนเข้าไปในช่องทางคับแคบของมันรวดเดียวเต็มลำ
 
“อ๊ะๆๆๆๆๆ................” เสียงครางพร่า ดังตามแรงกระแทกกระทั้งจากสะโพกสอบของผม ความอุ่นร้อนภายในตดรัดจนทำให้ผมคลั่งแทบควบคุมสติไม่อยู่
 
“อ่าส์/อ่าๆๆ” ผมปล่อยน้ำสีขุนภายในร่างกายมันจนไหลเยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆถอดแทนร้อนออกช้าๆ ร่างบางโอบรอบคอผมไว้แน่นและนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
 
“กูล้างให้” ผมบอกโดยไม่รอคำตอบจากมันสอดนิ้วเข้าไปภายในช่องแคบสีหวานควานน้ำรักออกให้จนหมด ก่อนจะพามันไปล้างตัวอีกครั้งและกลับมานอนพักบนเตียงกว้างอย่างหมดแรง
 
ก็อกๆๆ
 
เสียงประตูห้องพักดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำพอดี ผมเลยเดินไปเปิดทั้งที่ยังใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำ
 
“อาหารครับ” ผมรับอาหารจากพนักงานก่อนจะเดินกลับเข้ามา
 
“โอ๊ต  จุ๊บๆ.......ลุกมากินข้าวก่อน ค่ำแล้ว” ผมปลุกมันโดยการจุ๊บมุมปากเน้นๆสองที ร่างบางปรือตาขึ้นมองนิดๆ ก่อนจะพลิกตัวนอนหาย
 
“อื่ม.......” โอ๊ตยันตัวลุกขึ้นนั่ง เพี้ย!!!!  โดนเต็มๆอีกดอกครับ  มันฟาดมือลงบนหน้าผมอีกแล้ว
 
“ยังมีแรงนะมึง......กินข้าวก่อนจะได้กินยา” ผมไม่เคยแคร์ใครจนถึงขนาดเอาข้าวเอาน้ำมาให้แบบนี้หรอก เนี่ย คนแรกเลย
 
“ถามหน่อย” มันเอ่ยปากถาม หลังจากที่ทานข้าวทานยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมหันไปเลิกคิ้วรอคำถามนั่น “ทำอะไรเคยคิดถึงจิตใจคนอื่นบางหรือเปล่า”
 
โอ๊ตมองสบตาผมเหมือนรอคำตอบ แต่คำถามนั่นทำให้ผมจุกแน่นในอกจนพูดไม่ออก มันกำลังหมายถึงสิ่งที่ผมทำกับมันหรือเปล่า และผมก็ไม่มีคำตอบให้มัน ทำได้เพียงคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้  ผมจะทำยังไงดีพรุ่งนี้ผมต้องกลับแล้วและก็อยากให้มัน.............
 
“ไปอยู่กับกูมั้ย”
 
 
 <<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>

ภาษาเราแข็งมากกกกกกกกกก พยายามคิดตามเน้อ

ขอโทษที่ให้รอนาน อยากอ่านลีวายส์กันชิมิ อย่าเพิ่มโวยกันน้าาาาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 21-04-2014 18:29:06
โอ๊ต แมนหน่วงนะคู่นี้ เอาใจช่วยนะ

ว่าแต่น้องลีวายโตแล้ว....หึๆจัดว่าเด็ด รอติดตามค่ะ.   ง้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 21-04-2014 19:32:41
-3-   หน่วงๆ ยังไงแฮะคู่นี้

รอน้องลีวายฮะ  ฮุฮิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 21-04-2014 19:45:41
อ๊ะ อ๊ะ แอบแย้มมาว่าน้องลีวายส์โตแล้วด้วยละ ได้โกอินเตอร์ไปอยู่กะพี่ธาร พี่กายเหรอ
แล้วพี่หมอหายไปไหนเอ่ย แหะ แหะ นี่มันตอนของแมนโอ๊ตนี่น่า
ยังร้อนแรง ได้เลือดเหมือนเดิม คิดว่าน้องแมนจะเกาะไม่ปล่อยซะอีก แบบเอาคลิปขู่อะ
ทำไมถึงปล่อยให้ผ่านมานานขนาดนี้นะ ไม่คิดติดต่อบ้างเหรอ แบบนี้น้องโอ๊ตอาจแอบน้อยใจอยู่ก็ได้
แล้วพอได้เจอนอกจากจะทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว อยู่ ๆ มาขอให้ไปอยู่ด้วยกันอีกอะ
น้องโอ๊ตจะซึ้งไหมนะ มันคงไม่ง่ายไหนจะเรื่องพี่ชาย กะ น้องคู่หมั้นอีก น้องโอ๊ตน่าสงสารจัง
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปนะคะ  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2014 19:51:28
สงสารโอ๊ต แมนทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นเลย
ลีวายส์จะโตจนาดไหนแล้วน่ะ อยากเห็นแล้ว
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 21-04-2014 20:23:56
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
คู่นี้หน่วงหัวใจแท้  ฮรืออออออออ  อย่ารุนแรงกันสิ  :sad4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: jub_jub ที่ 21-04-2014 21:05:15
นึกว่าจะลืมคู่นี้ซะแล้ว  :mew2: ขอให้คู่นี้แฮปปี้ได้แล้วแต่ไม่น่าจะแฮปปี้ง่ายๆยังงัยๆก้ออย่าให้แมนต้องเจ็บหรือสูญเสียอะไรเยอะนะคะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 21-04-2014 22:41:12
เป็นบทรักที่รุ่นแรงจังเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 12(21/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 22-04-2014 08:16:13
อย่าร้ายมากสิแมน โอ๊ตน่าสงสารมากอะ
ว่าแต่มาทำธุรกิจกับบ้านนี้ได้ไงเนี่ย

ปล. น้องโตแล้วววววว
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-04-2014 17:16:36
มาแล้วจร้า  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:


Older Brother .....13
 
 
 
“พี่ธารฮะ ให้ลีวายส์ทำให้นะฮะ”
 
“อื๊มมม” ผมดันร่างเล็กที่กำลังเสนอว่าจะทำให้ออกห่างจากตัว
 
“นานะ ลีวายส์ทำ ไม่เจ็บหรอก” ยังพยายามเข้าหาเต็มที่
 
“ลีวายส์!!!.......ออกไป” ผมอยู่ในห้องน้ำ และลีวายส์ก็ด้วย มันกำลังจะอาบน้ำ พอเห็นว่าผมจะทำอะไรเท่านั้นแหละ
 
“ลีวายส์ โตแล้วนะ ลีวายส์ทำเป็น” เพราะโตเนี่ยแหละ ถึงได้พูดยากแบบนี้ เฮ้อออออ ผมมองสบตากับร่างเล็กผ่านกระจกเงา
 
ดวงตากลมโตนัยน์ตาสีดำสนิทจ้องผมอย่างไม่เกรงกลัว ปากเล็กสีสดเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง มันทำปากยื่นเมื่อผมสบตานานๆโดยไม่ละไปไหน มีเริ่มสั่นเล็กน้อยคงรู้แล้วล่ะว่าผมไม่พอใจเลยเงียบ
 
“งั้น พี่ธารโกนหนวดเองเถอะ ลีวายส์ไปอาบน้ำก็ได้” ร่างเล็กบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินหน้างอกลับเข้าไปในโซนห้องอาบน้ำ
 
เฮ้อ! ยิ่งโตยิ่งพูดอยากขึ้นทุกวัน ลีวายส์อายุสิบห้า แต่ผมไม่เคยคิดว่ามันโตซะทีเพราะนิสัยของมันยังทำให้ผมคิดได้เสมอว่าตัวมันเองสิบขวบ ก็ไอ้นิสัยหน้างอปากยื่นขยันร้องเนี่ยแหละที่แก้ไม่หาย
 
 
“ทำอะไร” ลีวายส์ยืนอยู่หน้าเตา ในมือถือตะหลิว ใส่ผ้ากันเปื้อนสีหวานที่มันชอบ
 
“ไข่ดาวฮะ นั่นขนมปังปิ้งฮะ พี่ธารกินได้เลย” ผมชะโงกมองไข่ดาวในกระทะที่เรียกว่า เป็นพี่น้องกับโจ๊กก็ยังได้ ส่วนขนมปังปิ้งนี่ก็ดำจนไม่มีที่ว่างให้ทาแยมเลยด้วยซ้ำ
 
“ลีวายส์  ปิดเตาและก็ไม่นั่งนิ่งๆ ก่อนที่กูจะระเบิดลง” เคร้ง!!! ร่างบางปล่อยตะหลิวลงบนเค้าเตอร์เสียงดัง ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนโยนลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์และมานั่งดีๆตามทีผมบอก
 
“เพราะอย่างเนี่ย ลีวายส์เลยทำไม่เป็นอ่ะ” มันพูดบ่นกับตัวเอง และจงใจให้ผมได้ยินด้วย
 
“ทำเองคงได้กินหรอก” ผมจัดการล้างกระทะและลงมือทำใหม่โดยมีมันนั่งหน้างออยู่ข้างๆ
 
เราพึ่งกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อสามวันก่อน ผมไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างที่ตั้งใจไว้โดยมีไอ้กายและลีวายส์พ่วงท้ายไปด้วย ผมให้ลีวายส์เข้าเรียนไฮสคูลที่โน้น ส่วนผมก็เรียนโทสองปีและทำงานปีหนึ่งเพราะต้องรอลีวายส์เรียนจบเกรดเก้า(ม.3) เพื่อมันจะได้มาเรียนต่อมอปลายที่เมืองไทย
 
 
“พี่ธารไม่ไปไหนหรอฮะ” ลีวายส์ถามตอนที่ผมกับมันออกมานั่งดูหนังหน้าโซฟา
 
“ไป ค่ำๆ จะไปร้าน” ถึงแม้ว่าผมจะไปเรียนเมืองนอกแต่ก็ยังทำผับอยู่โดยมีไอ้แมนและไอ้เซฟที่ค่อยดูแลส่วนของผมให้ ได้ข่าวว่าพวกมันก็เรียนจบโทแล้วเหมือนกัน
 
“ไปด้วย ลีวายส์ไปด้วยนะ นะๆๆๆๆ” ร่างเล็กนอนลงหนุนตักผมที่นั่งอยู่บนโซฟา ท่าทางน่าหมั่นเขี้ยวเหมือนเคย
 
ลีวายส์มันสูงนะ 165 ประมาณนั้น เหอะๆ จริงๆมันน่าจะสูงกว่านี้เพราะผมให้มันกินแคลเซียมเม็ดทุกวัน แถมนมก่อนนอนอีกแก้วแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยเลย
 
“ไปทำไม อยู่ห้องเนี่ยแหละ ได้ข่าวว่าโตแล้วนี่” ผมบอกสายตาจ้องมองทีวีตรงหน้า
 
“ไม่เอาอ่ะ ลีวายส์จะไป นะ  นะ จุ๊บ! นะ” เฮ้อออ ลูกอ้อนมันออกมาแล้ว มีจุ๊บ กอด หอม เนี่ยแหละ
 
“เออๆ ออกไปห่างๆเลยไป กูจะนอน” ผมดึงแขนมันสองข้างให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอนหลังลงนอนบนโซฟาที่ยาวพอดีตัวผม
 
“ลีวายส์นอนด้วย!” ร่างเล็กบอก นอนลงเอาแผนหลังซุกเข้าหาอกผม หึ!
 
“ที่นี่เมืองไทย กูร้อน” ผมบอก แต่ถึงปากจะบอกว่าร้อนมือก็ยังยกขึ้นกอดเอวบางไว้นะ เหอะๆ =..=
 
“เดี๋ยวลีวายส์ลดแอร์ให้ฮะ” ลีวายส์บอกเอื้อมมือไปกดรีโมทลดแอร์และนอนลงเปลี่ยนช่องดูทีวีไป
 
กลิ่นแป้งเด็กหอมติดจมูกที่เคยได้กลิ่นเป็นประจำทำให้ผมซุกหน้าลงกับต้นคอขาวของร่างเล็กในอ้อมแขน ก่อนจะสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด หึ น่างับต้นคอจริงๆ เลย
 
 
“ลีวายส์ ตื่นได้แล้ว” ผมก้มลงหอมแก้มร่างเล็กบนเตียงกว้าง พอดีผมอุ้มมันมานอนบนเตียงตอนที่ผมตื่นขึ้นมาเห็นมันหลับอยู่ในอ้อมแขนผมบนโซฟา
 
“อื๊อออ” ดูมัน ยังจะพลิกตัวหนีอีก ลีวายส์ใส่เสื้อตัวใหญ่กับกางเกงบ๊อกเซอร์สั้นๆ เสื้อยาวแทบจะไม่เห็นกางเกงเลยก็ว่าได้ มันทำให้เห็นขาเรียวเล็กที่ผมคิดว่าถ้าโดน...เตะเข้าคงต้องหักแน่ๆ
 
“ถ้าไม่ตื่น กูไปล่ะนะ”
 
“อ่ะ! ตื่นแล้วๆ ตื่นแล้วฮะ” ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากเตียงมานั่ง ผมยาวๆของมันที่ผมบอกให้ไปตัดตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมตัดซะที ยุ่งฟูเป็นหัวเห็ด ถ้าไม่มีใครรู้จักมันคงคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือไม่ก็ทอมล่ะ
 
“งั้นก็รีบๆ กูไปรอข้างนอน” ผมบอกลุกขึ้นจากเตียง แต่ลีวายส์ดึงแขนไว้
 
“พี่ธารให้ลีวายส์ขึ้นหลัง  ไปส่งลีวายส์ในห้องน้ำทีดิ นะๆๆจุ๊บ!!!” กูเกลียดลูกอ้อนมันจริงๆเลย สาบาน
 
“ยุ่งจริงๆเลย เร็วๆ” ร่างเล็กยิ้มกว้างเห็นเขี้ยว ก่อนจะ ขึ้นหลังผมเอาขาเกี่ยวเอวไว้ “นี่กูเลี้ยงลูกหรือ เปล่า   กูต้องอาบน้ำให้มึงมั้ย”
 
“เลี้ยงคนรักฮะ ถ้าอาบน้ำให้ก็ดีนะฮะ แฮะ” มันบอกยิ้มตาหยี ผมวางมันลงบนเค้าเตอร์หน้ากระจก และหมุนตัวเข้าหามันวางมือคร่อมร่างเล็กไว้
 
“แน่ว่าให้กูอาบให้” ผมยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู ลีวายส์หน้าแดงแป๊ด ผมหมั่นเขี้ยวเลยกดจมูกลงบนแก้มใส่สูดกลิ่นหอมเข้าปอด “ฝันไปเหอะ!!!”
 
“พี่ธาร!!!” หึๆ ผมแค่แกล้งมันเล่นเท่านั้นแหละ เชื่อสิว่าถ้าอาบน้ำให้มัน มีหวังกูได้ทำอย่างอื่นแทน เห็นตัวแค่นี้ มันยั่วเป็นนะขอบอก (คิดไปเองว่ายั่ว)
 
“รีบ ไม่งั้นกูไปแล้วนะ” ผมปิดประตูห้องน้ำลงหลังจากที่เดินออกมา
 
ความสัมพันธ์ของผมกับลีวายส์เป็นแบบไหนหรอ เหอะ อันนี้ก็ไม่รู้สินะ ผมห่วงและหวงมันมากขึ้นเพราะผมดูแลมันมาตั้งห้าปีกว่าความรักระหว่างเราเลยก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนก็ตาม ลีวายส์คอยบอกรักผมตลอกซึ่งต่างจากผมที่ ไม่เคยเลย
 
ตอนอยู่เมืองนอกมีบ้างที่ผมเผลอไผลไปกับความต้องการของตัวเองที่เกิดขึ้นเพราะลีวายส์ แต่ผมก็ไม่เคยรุกล้ำมันจนเลยเถิด อย่างน้อยผมก็พอจะคิดได้ว่ามันยังเด็กเกินกว่าจะทำเรื่องอย่างว่าและอีกอย่างมันเป็นผู้ชาย
 
ถ้าเกิดผมห้ามตัวเองไม่ได้และทำมันลงไปลีวายส์จะรับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะงั้น ผมมักจะห้ามใจตัวเองอยู่เสมอ แค่หอมกอดจูบมันก็มากพอแล้ว
 
“เสร็จแล้วฮะ” ลีวายส์ออกมาจากห้องนอน มันใส่เสื้อคอลึกจนเห็นร่องอกกับกางเกงยีนขาสั้นสองคืบ
 
“ไปเปลี่ยน!” นี่เป็นอีกเรื่องที่ผมกับมันมักจะทะเลาะกันก่อนออกไปไหน ลีวายส์เดินกลับเข้าไปเปลี่ยนมาใหม่
 
“เสร็จแล้ว” มันออกมา เปลี่ยนจากเสื้อคอลึกเมื่อกี้เป็นเสื้อเชิ้ตสีหนาวแต่กางเกงไม่ผ่านอยู่ดีแถมสั้นกว่าเดิม
 
“ไปเปลี่ยน!!!” มันมองค้อนผมก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปอีกครั้ง พรุ่งนี้กูจะเผาให้หมดกางเกงยีนสั้นๆนั่นคอยดู
 
“เสร็จแล้ว ไม่เปลี่ยนแล้วนะฮะ” ร่างเล็กบอกมันใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดิมพับแขนขึ้นเลยข้อศอกกับกางเกงยีนขาเดฟสีซีด ผมเลยพยักหน้าให้ผ่าน
 
 
“เพี้ย!!!  โอ๊ย ใครวะแม่ง!!!!” เสียงด่าทอออกจากปากเพื่อนสนิทผม เมื่อมันโดนผมฟาดมือลงบนหัวเข้าให้
 
“หึ ทำไม มึงอยากมีเรื่องกับกูหรอ” ผมถามเมื่อมันหันมามอง ไอ้เซฟทำหน้าเซ็งใส่ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นลีวายส์
 
“ว้าวๆ นี่ใครอ่ะ  เดี๋ยวนะ นี่ไปแปลงเพศมาหรอวะ ตอนไปยังเป็นเด็กผู้ชายอยู่เลยนี่ กลายเป็นหญิงซะล่ะ”
 
“ป่าวนะ ลีวายส์ยังเป็นผู้ชายนะ พี่เซฟอ่ะ” ลีวายส์ทำปากยื่นแบบงอนๆใส่มันที่เอาแต่พูดขำๆเมื่อเห็นหน้าตาน่ารักของลีวายส์
 
“ไอ้กายมายัง” ผมถาม เพราะไม่เห็นเพื่อนอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วยในเวลานี้
 
“ยังน่ะ เดี๋ยวกูว่าจะไปรับ” หึ ไอ้กายก็ยังเหมือนเดิม รายนั้น ต้องให้เพื่อนไปรับตลอด
 
“อยู่นี่ก่อน  เดี๋ยวกูจะไปหาไอ้แมน” ผมบอก ลีวายส์หันมามองทันทีจากที่นั่งดูไอ้เซฟทำบัญชีอยู่
 
“ไปด้วยฮะ”
 
“ไม่! ได้! อยู่ที่นี่แหละไปไม่นาน เดี๋ยวกลับ” ผมบอก ลีวายส์รีบลุกขึ้นเดินมาหา
 
“ไม่  ไม่ให้ไปนะ เดี๋ยวพี่ธารไปแข่งรถ ห้ามไปนะ นะ นะฮะ” ร่างเล็กดึงแขนผมไว้ ผมรู้ว่ามันกลัว จากเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนที่ผมประสบอุบัติเหตุตอนไปลงแข่งรถให้ไอ้แมนที่สนาม ผมรู้ว่ามันห่วงผม
 
“เออ กูไม่ไปแข่งรถหรอกนา แค่ไปดู เข้าใจ๋” ถึงแม้ว่าจะยืนยันแบบนั้นแต่มันก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี
 
“ไม่เอาอ่ะ ลีวายส์จะไปด้วย นะ นะ นะ”
 
“ลีวายส์!!! พูดรู้ฟังป่ะ!” เงียบครับทีนี้ พอผมตะคอกใส่เข้าให้ มันก็เม้มปากและก้มหน้าลง ตากลมโตหลุบสายตามองต่ำ ยืนนิ่ง ผมรู้เลยว่ามันกำลังจะร้อง อีกแล้ว!
 
“เออๆ กูไม่ไปก็ได้ แม่ง!!!” ผมบอกและเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานนั่งดูเอกสารต่อ
 
“เฮ้ เอ้ววววว ทุกคนนนนนน  มั๊วๆ ลีวายส์ที่รัก มานานยัง” คู่ขามันมาแล้วครับ หึ เดี๋ยวกูจะหาทางหนีมันไป รอให้มันนั่งเมาท์กับไอ้กายไปก่อน
 
“ทำไมไม่โทรมา กูจะได้ไปรับ” ไอ้เซฟถามไอ้กาย ไอ้พวกนี้มันสนิทกันตั้งแต่เด็ก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นแฟนกัน
 
“ก็ คิดว่ามึงยุ่งๆไง อ่ะ ของฝาก เห็นบ่นอยากได้รองเท้าใหม่!!!” ไอ้กายบอกท่าทางเหมือนประชดนิดๆ
 
“ว้าวๆๆ น่าร๊ากกก ที่สุดอ่ะคนนี้  เหี้ย!!! ไม่เห็นเคยส่งมาให้เลยนะตอนอยู่โน้นน่ะ” ไอ้เซฟว่า เปิดดูรองเท้าแบรนด์ดังที่เพิ่งจะได้รับจากไอ้กาย
 
“หึ มันไม่มีเวลาหรอก แรดไปทั่วไง หนุ่มเต็มกูขอบอก” ผมได้ทีแขวะมันเล่นๆ
 
“ไอ้เหี้ย ก็น้อยกว่าลีวายส์ของมึงล่ะกัน มึงถึงต้องไปรับไปส่งโรงเรียนทุกวัน  ไม่งั้นโดนงาบ คิคิ” กูไม่น่าเล่นเลย เป็นไง โดนมันเอาคืนจนได้
 
ก็ลีวายส์มันมีเพื่อนเข้าหาเยอะและก็ชวนไปปาร์ตี้บ่อยๆ เพราะมันเป็นสังคมของเด็กวัยรุ่นที่โน้น พอไปปาร์ตี้กันก็ไม่พ้น ยาหรือพวกกัญชา ผมเลยต้องไปรับไปส่งมันเพื่อให้มันกลับก่อนที่จะโดนเพื่อนๆลากไป รายนี้ปฏิเสธไม่เป็นอยู่แล้ว
 
“เดี๋ยวกูลงไปดูข้างล่างนะ ห้ามตามมาล่ะ เดี๋ยวโดยเหยียบยิ่งเตี้ยๆ” ผมบอก และหันไปส่งร่างเล็กที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในมือ
 
“ฮะ พี่อย่าหนีไปหาพี่แมนนะฮะ ลีวายส์โกรธจริงๆด้วย” นั่นคือสิ่งที่กูกำลังทำเลยล่ะ
 
“เออ ไม่ไปหรอก” ผมบอก ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง และอย่างที่บอกผมจะไปหาไอ้แมนซะหน่อย
 
ผมขับรถออกมาจากผับผ่านถนนสายใหญ่ รถรายังดูเยอะเหมือนเดินไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง แม้ท้องฟ้าจะมืดสนิทแต่ะแสงไฟในเมืองก็ทำให้สว่างมากพอที่จะเห็นบรรยากาศสองข้างทาง
 
 
“ไง ไหนเจ้านายมึงอ่ะ” ผมทักลูกน้องไอ้แมนที่กำลังยืนดูรถอยู่ข้างๆสนาม น่าจะเป็นรถที่กำลังจะลงแข่งในคืนนี้
 
“อ้าว เฮียธาร หวัดดีคับ ไม่เจอกันนานเลยนะ โอ่ สูงได้อีกว่ะ เฮียแมนอยู่ข้างในอ่ะ” ไอ้ต่อยกมือไหว้ผม เพราะมันเป็นรุ่นน้องสามปี ซึ่งก็ถือได้ว่าสนิทแต่ไม่มาก
 
“หึ เออๆ” ผมเดินมายังห้องพักทำงานด้านใน ไอ้แมนเปิดประตูออกมาพอดี
 
“ไงมึง ไหนหลุดมาได้วะ ลูกมึงอ่ะ” มันทักผมเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามา แต่ผมสังเกตเห็นสีหน้ามันไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เหมือนโกรธใครมาอย่างงั้น
 
“ลูกพ่องมึง  อยู่ร้านโน้น  เป็นเหี้ยไรไม่ได้กินเด็กมาหลายวันแล้วหรือไง” ผมถาม มันเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มทำหน้าเซ็งๆ
 
“ประมาณนั้น  มึงเล่นป่ะ คืนนี้มีรอบเด็จหลายรอบอยู่ แต่พอห้าทุ่มกูจะกลับคอนโด มึงไปส่งกูด้วย”
 
“นี่มึงอยู่คอนโดแล้วหรอ เดี๋ยวนี้ไม่นอนนี่แล้วหรอวะ” ผมถามอย่างแปลกใจเพราะปกติมันจะนอนที่สนามตลอด
 
“เออ!!! ป่ะ ไปข้างสนาม” ผมเดินตามไอ้แมนมานั่งโซนวีไอพีขอบสนาม ดูรอบการแข่งแต่ละรอบ เดี๋ยวนี้มีเด็กใหม่ๆผีมือดีมากมายมาแข่งกันทำให้การแข่งแต่ล่ะรอบน่าดูมากขึ้น ผมก็มีลงพนันบ้างบางรอบแต่ยังจับทางไม่ค่อยได้เลยเสียนิดหน่อยเพราะมีแต่เด็กใหม่ๆลงแข่ง
 
Tru………   Tru…………...
 
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น ผมล้วงออกมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ไอ้กายครับ มันคงรู้ว่าผมหนีมาหาไอ้แมนเลยโทรมาตาม
 
“ว่า...........”
 
“ไอ้เหี้ย ไอ้ธาร มึงนี่มัน.........กลับมาดูลีวายส์เร็ว กำลังจะแย่แล้วเนี่ย” ไอ้กายบอก ผมตกใจนิดๆ กับประโยคที่ว่า ลีวายส์กำลังแย่ ของมัน
 
“มันเป็นอะไร” ผมถามเสียงดังจากรอบข้างดังมากพอที่จะกลบเสียงในโทรศัพท์ผม “เออๆ เดี๋ยวกูกลับ” ผมบอกก่อนจะตัดสายไป
 
“กลับแล้วหรอ เออเดี๋ยวกูไปด้วย” ผมกับไอ้แมนเดินออกมาจากในสนาม ไอ้แมนเดินไปสั่งลูกน้องมันก่อนจะตามมาขึ้นรถ เพราะมันมีลูกน้องที่สนิทและเชื่อใจได้ เลยให้ลูกน้องดูแลแทนแต่ว่าทำไมต้องรีบกลับคอนโดด้วยวะ (อยากเสือกนิดๆ)
 
“เดี๋ยวแวะรับลีวายส์ก่อน  ไอ้กายโทรมาเมื่อกี้ แม่ง ไม่รู้เป็นอะไรอีก” ผมบอกก่อนจะพูดบ่นกับมัน
 
 
“ไอ้ธาร มึงนี่    ไปไม่บอกเลยนะ แม่ง” ไอ้กายโวยทันทีเมื่อเห็นผมเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับไอ้แมน
 
“ลีวายส์ล่ะ” ผมกวาดสายตามองหามัน แต่ว่าไม่เจอ
 
“ลีวายส์.........อยู่นี่นิ ฮ่าๆๆๆๆ” ลีวายส์คลานออกมาจากหลังโต๊ะทำงาน
 
มันผิดปกติหรือเปล่า จริงๆแล้วมันต้องโว้ยวายใส่หรือไม่ก็งอนผมสิที่ผมแอบหนีไปหาไอ้แมน ผมมองไอ้กายอย่างมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น
 
“เอ่อคือว่า.................ลีวายส์ กินนี่ เข้าไปน่ะ  นิดเดียวเองอ่ะ” ไอ้กายเบี่ยงตัวหลบจากโต๊ะหน้าโซฟา ที่มีขวดวอดก้า Borzoi อยู่สองขวด ผมมองลีวายส์สลับกับของวอดก้า รสผลไม้นั่น
 
“เอ่อ คือ กูเอามาเองแหละ ฮ่าๆๆ   เอิ่ป......” เสียงไอ้เซฟเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ มันส่งยิ้มแหยะๆมาให้ผม
 
“พี่ธาร แอบหนีลีวายส์ไป ช่ายม้ายยยยย  อึกๆ ลีวายส์โกรธด้วย” ลีวายส์เดินโซซัดโซเซมาหาผม ผมเลยรีบประคองเอวคอดไว้ไม่ให้มันล้ม
 
“พวกมึง.....ปล่อยให้มันดื่มเข้าไปได้ยังไงห๊ะ!!!!  เดี๋ยวมึงโดนตีนกูทั้งสองตัวเลย” ผมหันไปต่อว่าเพื่อนตัวเองที่เป็นต้นเหตุ แม่ง หาเรื่องมาให้กูชัดๆ
 
“กูว่า พากลับก่อนเหอะ” ไอ้แมนเสนอ “พวกมึงนี่อายุเท่าลีวายส์หรือไงวะ” ไอ้แมนเข้าไปผลักหัวมันคนล่ะทีก่อนจะเดินออกไป ส่วนผมอุ้มลีวายส์ขึ้น ก่อนจะเดินตามออกมา
 
ลีวายส์พูดจาเพ้อตลอดทางกลับ ผมให้ไอ้แมนขับรถให้ ผมไปนั่งด้านหลังกับลีวายส์เพราะมันลุกขึ้นมากวนตลอดทาง แถมยังมีอาการจะอ้วกอีกด้วย
 
“มึงเอารถกูกลับไปก่อน แล้วค่อยเอามาคืน” ผมบอกเมื่อใกล้ถึงคอนโด เพราะถ้าผมไปส่งมันจะลำบาก แล้วจะให้มันกลับแท็กซี่ก็ยังไงอยู่ เลยให้มันเอารสกลับไปดีกว่า
 
ไอ้แมนมาส่งผมใต้คอนโด ทีแรกก็จะช่วยผมแบกลีวายส์ขึ้นมาแต่ผมบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวผมแบกขึ้นไปเอง โดยให้มันขี่หลัง
 
“พี่ธาร........ลีวายส์อยากอาบน้ำฮะ” ร่างเล็กบอกเมื่อผมวางมันลง  ลีวายส์ยันตัวขึ้นนั่งพิงพนักโซฟา
 
“นอนลงไปเลย ใครใช้ให้กินของแบบนี้ห๊ะ สร่างเมาเมื่อไหร่โดนสอบสวนแน่มึง” ผมว่าก่อนจะผลักร่างเล็กที่ไร้เรี่ยวแรงให้นอนลงไป
 
“พี่ธาร.............พี่ธาร หายไปไหนอ่ะ   พี่ธารหนีลีวายส์อีกแล้วหรอ พี่ธารรรรรร” เสียงโว้ยวายของมันดังมาจากหน้าโซฟา
 
ในขณะที่ผมเข้ามาถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงตัวเดียวมันเป็นความเคยชินน่ะพักหลังนี่ไม่ค่อยใส่เสื้อตอนอยู่คอนโดเท่าไหร่เพราะมันร้อนต่างจากตอนอยู่เมืองนอก
 
“อยู่ๆ ไม่หนีๆ” ผมเดินกลับมาพร้อมกับกะละมังและผ้าชุบน้ำผืนเล็ก เอามาเช็ดตัวให้มัน
 
“พี่ธาร.......พี่ธารต้องถูกลงโทษ!!! พี่ธารแอบลีวายส์ไปหากิ๊ก” กิ๊กบ้าบออะไรของมันวะ จิ๊ ลีวายส์ลุกขึ้นมาอีกก่อนจะซุกหน้าเข้าหาผม “พี่ธาร....” ปากเล็กสีสดพึมพำเสียงเบา
 
“ถอดเสื้อเร็วเข้า” ผมผลักมันออกให้นั่งดีๆ ก่อนจะถอดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก กูไม่ชอบเลยเวลาแบบเนี่ย
 
ผมมองสำรวจร่างเล็กตรงหน้า แก้มใสขึ้นสีแดงซ่านไปถึงหูเพราะฤทธิ์วอดก้าที่ดื่มเข้าไป ตากลมโตนัยน์ตาสีดำสนิท ปรือขึ้นนิดๆ ปากเล็กสีสดเผยอออกเล็กน้อย เหมือนมันจะไม่ได้สติเลยนะผมว่า
 
ผมถอดเสื้อสีหวานออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนสีน้ำนมน่าสัมผัสกับยอดอกสีสวย เอิ่ป..... กูจะบรรยายทำไมวะ ผมสะบัดหัวตัวเองเพื่อไล่ความคิดในหัวก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดหน้าให้มัน
 
“อื๊อออ......” ลีวายส์ครางในลำคอเสียงพร่า และเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย ก่อนจะซุกหน้าลงมากับแผงอกผม
 
“ลีวายส์    ลีวายส์” ผมเขย่าไหล่มันเบาๆ ร่างเล็กพยักหน้าและเงียบไป
 
“พี่ธาร!!!” แต่จู่ๆ ไม่รู้มันเอาแรงมาจากไหนผลักผมให้เอนหลังลงกับพนักพิงโซฟาก่อนจะพาร่างบางของตัวเองขึ้นมานั่งคร่อมตักผม โดยที่ผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
 
“ลีวายส์....ลง....”
 
“พี่ธาร...ไม่ต้อง....พูดเลย อึก” ลีวายส์ก้มมองผมตาเยิ้ม มันเอามือเล็กๆที่ติดกลิ่นแป้งหอมจางๆมาปิดปากผมไว้ “ลีวายส์จะลงโทษ อึก พี่ธาร    อุ๊บส์” ร่างบางพูดจบก้มลงประกบปากผมทันทีเหมือนมันจะไม่ได้ตั้งใจ เพราะลงมาประกบจูบผมแรงมาก
 
ร่างบางเพียงแค่ประกบปากเท่านั้นอย่างกับว่าสมองยังคิดอยู่ว่าจะจูบยังไง ผมยกมือขึ้นจะผลักมันออกแต่ก็ไม่ทันเมื่อมันเริ่มขยับปากกดจูบเหมือนที่เคยจูบกับผมบ่อยๆ โดยไม่ได้สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปาก
 
“อื๊อออ.......” เสียงหวานของลีวายส์ครางออกมา ผมปล่อยให้มันจูบปากอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนพอใจ  หวังว่าเดี๋ยวมันเหนื่อยก็หยุดเองแต่  ไม่เลย มันไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
 
“ลีวายส์.......หยุดนา” ผมบอกเมื่อมันยอมละปากออก แต่ก็ยังไม่ยอมลงจากตัวผม ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะยกมือขึ้นจับเอวคอดไว้ “ถ้าไม่หยุด กูจะรุกมึงแล้วนะ”
 
ใช่ จะให้กูทนอยู่ได้ยังไง ก็ในเมื่อกลางตัวผมตอนนี้เริ่มลุกขึ้นสู่กับสะโพกเล็กที่กำลังนั่งทับท่อนล่างผม แล้วเหมือนกัน
 
“ไม่เอา....พี่ธาร.....ต้องถูกลงโทษ” เหมือนมันจะฟังผมไม่รู้เรื่องหรือยังไงก็ไม่รู้ ร่างบางยังก้มลงมากดจูบผมใหม่แต่คราวนี้ กูนิ่งไม่ได้แล้วนะ สุดจะทน!!!!
 
“อื๊ออออ........” เสียงหวานครางพร่าออกมา เมื่อผมกดจูบและเป็นฝ่ายรุกจูบเอง ลิ้นร้อนของผมสอดแทรกเข้าไปชิมรสวอดก้าหวานๆที่ยังหลงเหลือ แทบจะเรียกได้ว่าหื่นกระหาย
 
มือหนาจับเอวคอดไว้ทั้งสองข้างและกดสะโพกมันให้ขยับลงเสียดสีกับกลางตัวแรงๆย้ายไปมา มันทำให้สติผมหลุดแล่นไปไกลเลยทีเดียว
 
“อื๊อออ.....พี่ธาร” ลีวายส์ละปากออกมาซุกซอกคอผม “พี่ธาร.....” เพราะมึงครางเสียงหวานแบบนี้แหละ กูล่ะเกลียดจริงๆ
 
“ลีวายส์   ลีวายส์..................ลีวายส์!” อ้าวนิ่งครับ ผมผงกหัวขึ้นมองร่างเล็กที่นิ่งเงียบไป ผลปรากฏว่าหลับตาพริ้มเชียวครับ หลับพับไปกับซอกคอผมแล้ว ฟาวกูที่นี้ เฮ้ออออ
 
แต่ก็ยังดีที่มันหลับได้ไม่งั้น ผมคงทำอะไรบ้าๆกับมันลงไป ผมรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นเข้าสักวันแต่รอให้มันโตกว่านี้ก่อน หึ! ผมอุ้มลีวายส์เข้ามานอนในห้องถอดกางเกงมันออกและเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมอาบน้ำให้แทน ผมก้มลงจูบปากเล็กสีสดอีกครั้ง ก่อนจะพาตัวเองไปจัดการกับความใคร่ที่เกิดของ ‘จากมัน’
 
 
วันใหม่...............
 
 
“อื๊อออ..........ปวดหัวฮะ  พี่ธาร” ลีวายส์เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมๆกับเสียงงัวเงียบอกว่าปวดหัว
 
“มึงทำอะไรไว้ล่ะ เมื่อคืน  มานี่เลย” ผมดึงมันมานั่งตัก ร่างเล็กยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว
 
“ก็.....เอ่อ ป่าวนี่ฮะ” ลีวายส์บอก ก้มหน้าลงกับซอกคอผม เพื่อหลบสายตาที่ผมมองมัน ลีวายส์ยกมือขึ้นกอดเอวผมด้วย
 
“ถ้ามีคราวหลังอีก กูจะไม่พาไปแล้วนะ” ผมบอกกดจมูกลงกับผมสีดำของร่างบางที่ไม่รู้ว่าสระไปเมื่อไหร่ แต่ก็ยังมีกลิ่นหอมๆติดอยู่
 
“พี่ธารยังแอบหนีลีวายส์ไปหาพี่แมนเลยนี่ฮะ” ลีวายส์บอกหน้างอ ยังไม่กล้าเงยขึ้นมามองหน้าผม
 
“ทำไม ไม่ใช่เรื่องของมึง” ร่างเล็กตุบแผงอกกว้างด้วยกำหมันทีหนึ่ง ก่อนจะกัดซอกคอผมเบาๆ มันโกรธนั่นแหละแต่ทำอะไรไม่ได้ หึๆ
 
กริ๊งงงงง  กริ๊งงงงง
 
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ผมเลยดึงมันลงให้นั่งบนโซฟาดีๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู เป็นพนักงานส่งของจากร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ผมเพิ่งโทรเรียกมาเมื่อเช้า
 
“สวัสดีครับ มาส่งของที่สั่งครับ” พนักงานชายบอกก่อนจะให้ผมดูรายการที่สั่งซื้อไว้ ผมพยักหน้ารับให้เข้ามา
 
“อะไรหรอฮะ” ลีวายส์ถามเมื่อมีพนักงานสองคนช่วยกันขนของเข้ามาในห้อง เยอะแยะเต็มไปหมด คงจะเป็นพวกชิ้นส่วนประกอบของเตียงแต่ตู้เสื้อผ้าต่างๆ
 
“เตียงกับตู้เสื้อผ้า.......กูจะแยกห้องนอน” ลีวายส์ผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันทีเมื่อได้ยินผมพูดบอก
 
“ไม่นะ ลีวายส์ไม่แยก ไม่เอานะฮะ” มันขึ้นเสียงใส่ผมครับ สีหน้าโกรธเคืองสุดๆ พนักงานสองคนถึงกับตกใจและหยุดชะงักกันเลยทีเดียว
 
“มึงโตแล้วนา นอนคนล่ะห้องได้แล้ว” เพราะมีห้องทำงานอีกห้องที่ผมจะว่าจะยุบเอาโต๊ะทำงานมาไว้ในโซนห้องรับแขก เปลี่ยนเป็นห้องนอนให้มัน
 
“ไม่เอา ไม่เอาเด็จขาด ขนออกไปลีวายส์ไม่แยกห้อง เด็จขาดดดดดดด” มันว่าอีก เถียงผมเสียงดังขึ้นกว่าเดิม พนักงานสองคนต่างมองหน้าผมอย่างขอความเห็น
 
“แยก!!!!”
 
“ลีวายส์ไม่แยก!!!!!!” มันยอมกูซะที่ไหน
 
“เอ่อ........... ผมว่า คุณพ่อกับคุณลูก ตกลงกันก่อนดีไหมครับ” พนักงานออกความเห็น
 
“ไม่ใช่พ่อ!!!/ไม่ใช่ลูกฮะ!!!” -0-     -*-
 
 
=_=;;     _ _;;
 
<<<<<<TBC>>>>>>>>

แบบ "เด็กมันยั่ว กลัวจะมีผัวไม่ทัน กิน"
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2014 17:49:49
โธ่ อิพี่ธารคนดี เด็กมันยั่วขนาดนี้ก็สนองเหอะ เฮอะๆๆๆ ยังน่ารักน่ากดยิ่งกว่าเดิมเลยลีวายส์อะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 23-04-2014 17:53:18
"เด็ดขาด" ไม่ใช่ "เด็จ"
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 23-04-2014 20:05:34
เด็กมันยั่วจริงๆ ธารนายแน่มาก  :3123:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 23-04-2014 20:37:26
เด็กมันยั่วววววว อร๊ายยยยยย
ยิ่งโตยิ่งยั่ววววว  :o8:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 23-04-2014 20:38:33
แยกห้องทำไม อีกหน่อยก็นอนด่วยกันแล้วววว :katai5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 23-04-2014 20:46:05
กดไปเถอะ 555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 23-04-2014 22:39:24
ขอยกตำแหน่ง ปากหมาแต่อดทนเป็นเลิศ ให้อีธารเลยนะ
น้องยั่วขนาดนี้ แต่ไม่เคยลองแอ้มเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13(23/04/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 24-04-2014 23:07:53
สงสารลีวายจังง

โดนจับแยกห้องนอน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 25-04-2014 23:51:43
น้องลีวายส์จ๋า ยิ่งโตยิ่งยั่วพี่ธารนะเนี่ย ตอนแรกแอบคิดว่าโตมาน้องลีวายส์จะกลายเป็นรุกรึเปล่า
แบบล่ำ บึกขึ้นมาจนพี่ธารกลายเป็นบอบบางลงอะ เพราะดูจากนิสัย น้องลีวายส์จะรุกพี่ธารตลอด ขนาดตัวแค่นี้นะ
พี่ธารก็อดทนดีจริงห้าปีเลยอะ แต่สงสัยกลัวตบะจะแตกเลยต้องรีบแยกห้องนอนเลยเหรอ
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 05-05-2014 10:30:22
Older Brother .....14
 
“พี่ธารใจร้าย!!!!” ลีวายส์ตะคอกใส่พี่ธารเพราะร่างสูงทำให้ลีวายส์โกรธมากกว่าทุกครั้งฮะ
 
“อย่าเรื่องมากได้มั้ย..............ลีวายส์! ลีวายส์!” เสียงไล่หลังของพี่ธารดังอยู่ด้านนอกหลังจากที่ลีวายส์วิ่งเข้ามาในห้องนอนฮะ
 
ลีวายส์นอนลงบนเตียงกว้างที่ลีวายส์คิดว่าสามารถนอนได้มากพอถึงสี่คนเลยฮะ แล้วทำไมพี่ธารยังจะให้ลีวายส์แยกห้องนอนอีกล่ะฮะ ยังไงซะลีวายส์ก็ไม่ยอมแน่ๆ
 
ก๊อกๆ
 
“ลีวายส์!!! เปิดประตู!!!” เสียงพี่ธารดังมาจากหน้าประตูห้องนอน เพราะเมื่อกี้ลีวายส์ล็อกห้องเองฮะ คึคึ
 
“....................” ลีวายส์ไม่อยากเปิดฮะ เพราะลีวายส์กำลังโกรธแต่อีกเดี๋ยวพี่ธารก็จะไขกุญแจเข้ามาแน่ๆ ลีวายส์รู้ ลีวายส์ว่าต้องลงจากเตียงไปแอบในตู้เสื้อผ้าแล้วล่ะ
 
เอ่อ ลีวายส์ไม่ใช่เด็กแล้วนะฮะ ลีวายส์อายุ 15 แล้ว ลีวายส์โตแล้วเห็นมั้ยแต่มันน่าหงุดหงิดที่พี่ธารชอบว่าลีวายส์เป็นเด็กอยู่ตลอดเลยฮะ
 
ก็อย่างที่รู้กันนะฮะลีวายส์อยู่กับพี่ธารมาตั้งแต่สิบขวบ พี่ธารจงเป็นคนรักของลีวายส์(?) เพียงคนเดียวและเป็นคนรักที่มีพระคุณมากๆๆๆๆๆ มากจนเทียบค่าไม่ได้เลยฮะ
 
ถึงแม้พี่ธารจะใจร้าย พูดหยาบ ชอบด่าว่าลีวายส์อยู่เรื่อยแต่ลีวายส์ก็ไม่เคยโกรธพี่ธารจริงๆเลยสักครั้ง ในชีวิตของลีวายส์มีเพียงคนเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของชีวิตเลยก็ว่าได้ คือ พี่ธารฮะ
 
ลีวายส์กลัวแมงมุม แต่กลัวน้องกว่าพี่ธาร ลีวายส์กลัวพี่ธารแต่กลัวน้อยกว่าพี่ธารไม่รัก ลีวายส์กลัวพี่ธารไม่รักแต่กว่าน้อยกว่าพี่ธารหายไปจากลีวายส์
 
“ลีวายส์!!! ออกมาเลยนะ เดี๋ยวมึงจะโดน” เหวอ! เสียงพี่ธารฮะ เร็วกว่าที่คิดแฮะ พี่ธารคงไขกุญแจเข้ามาแล้วฮะ  จุ๊ๆๆ เงียบๆฮะ เดี๋ยวพี่ธารหาเจอ
 
ลีวายส์นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ในตู้เสื้อผ้า ในนี้มืดใช้ได้เลยฮะ แต่ก็พอมีแสงรางๆ
 
“มึงอยู่ในตู้กูรู้ ออกมาเลย อย่าให้กูต้องหาเอง” ลีวายส์รู้ว่าพี่ธารก็ขู่ไปงั้นแหละฮะ ตอนอยู่เมืองนอกขู่บ่อยมาก แต่ไม่เห็นพี่ธารจะลงโทษลีวายส์แรงๆซะที หมายถึงตีน่ะนะ >////< (?)
 
“................” ลีวายส์เงียบ ยังไม่กล้าส่งเสียงใดๆ และแอบอมยิ้มนิดๆ คึคึ ในตู้แคบก็จริงแต่สำหรับลีวายส์อยู่ได้สบายเลยฮะ  หื่ม? ตัวอะไรแวบๆ นะ เมื่อกี้เห็นรางๆ
 
“ลีวายส์  นับหนึ่งถึงสาม ไม่ออกมามึงโดน!!!” พี่ธารบอกเสียงเข้ม ขณะที่ลีวายส์กำลังเพ่งมองตัวอะไรสักอย่างที่วิ่งอยู่ตรงฝาตู้และแล้วมันก็.....กระโดดลงมาบนแขนลีวายส์ฮะ.........
 
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด พี่ธาร!!! อ๊ายๆ อื๊อออออ” ลีวายส์ถึงกับพุ่งตัวออกจากตู้และกระโดดกอดพี่ธารอย่างรวดเร็วเลยฮะ เมื่อเห็นสัตว์แปดขาหน้าตาหน้าเกลียดอยู่บนแขนเมื่อกี้
 
“ลีวายส์! อะไร!  อะไร!  เป็นอะไร! ห๊ะ!” ลีวายส์กอดและยกขาเกี่ยวเอวพี่ธารไว้แน่น พี่ธารเองก็ดูตกใจกับอาการหวาดกลัวของลีวายส์ไปด้วยเลยฮะ
 
“มะ....แมงมุมฮะ   มันอยู่ในตู้ฮะ!  อื๊ออออ” ลีวายส์ซุกหน้าลงกับซอกคอของพี่ธาร และพูดบอก รู้สึกเลยฮะว่าตัวเองตัวสั่น กลัวจริงๆ
 
“มึงนี่มัน......น่าจับให้เข้าไปอยู่กับแมงมุมในนั้นจริงๆ” ดูพี่ธารสิฮะ ใจร้ายกับลีวายส์อีกแล้ว ลีวายส์ยังซุกหน้ากอดคอพี่ธารไว้ไม่ยอมปล่อย
 
“พี่ธาร เอามันออกไปก่อนนะฮะ นะๆ”
 
“เออๆๆ รู้แล้ว ขึ้นไปยืนบนเตียงก่อนไป” พี่ธารจับเอวลีวายส์ยกขึ้นเหมือนอุ้มเด็ก ให้ลีวายส์ยืนบนเตียง ส่วนพี่ธารก็ไปกำราบไอ้แมงมุมน่าเกลียดตัวนั้น
 
 
 
“ตกลงจะไม่แยกห้องจริงๆใช่มั้ย” พี่ธารถามเสียงเข้มอีกแล้วฮะ พร้อมกับส่งสายตาคมๆ มองหน้าลีวายส์ด้วย
 
“ฮะ!  ลีวายส์ไม่แยกห้องแน่นอน” ลีวายส์บอกกับพี่ธาร ลีวายส์น้อยใจนะที่จู่ๆพี่ธารจะให้ลีวายส์แยกห้องนอน ไปนอนห้องที่เคยเป็นห้องทำงานของพี่ธารและห้องเขียนหนังสือของลีวายส์ ลีวายส์ไม่ชอบและไม่อยากห่างกับพี่ธารด้วยฮะ
 
“เออ งั้นก็ตามใจ.........เตรียมตัวเตรียมใจด้วยแล้วกัน แม่ง!!!” พี่ธารบอก ลีวายส์งงกับประโยคหลังของพี่ธาร แต่ไม่ทันได้ถามอะไรพี่ธารก็เดินไปเข้าห้องน้ำซะแล้ว
 
พี่ธารคงจะไปอาบน้ำล่ะมั่ง คิคิ ลีวายส์ไปอาบด้วยดีกว่า ก็ตอนลีวายส์เด็กๆเราก็อาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ และพี่ธารก็ให้ลีวายส์ลงอ่างด้วยกันได้
 
“...............” ลีวายส์ต้องค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำอย่างเบามือ พี่ธารไม่เคยล็อกประตูฮะ ลีวายส์เปลี่ยนผ้าแล้วฮะ มีแค่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวที่ใส่เข้ามา ลีวายส์เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆอ่างที่มีพี่ธารกำลังนอนแช่น้ำหลับตาพริ้มอยู่ คิคิ
 
“เฮ้ย!!! เข้ามาทำไมลีวายส์” พี่ธารดูตกใจ และเสียงดังมากฮะ ทำเอาลีวายส์สะดุ้งตามเลยอ่ะ
 
“ก็...ลีวายส์อยากอาบน้ำด้วยนี่ฮะ นะๆ” ลีวายส์บอกก่อนจะถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกไปพาดไว้กับราวข้างๆ
 
“ออกไปก่อน ทำอะไรรู้ตัวบ้างมั้ย ห๊ะ!” ทำไมพี่ธารต้องเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยก็ไม่รู้ดูสิ พี่ธารเหมือนไม่ชอบ เหมือนรังเกียจไม่อยากให้ลีวายส์เข้าใกล้เลยฮะ
 
“ก็อาบน้ำด้วยกันไงฮะ ตอนเด็กๆ ยังอาบได้เลยนี่นา” ลีวายส์เริ่มน้อยใจกับท่าทางของพี่ธารแล้วนะ ถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ
 
“พอๆ ตอนนี้กับตอนเด็กมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ กูบอกให้ออกไปไง” พี่ธารเอื้อมมือไปคว้าเสื้อคลุมมาจากราวข้างๆก่อนจะโยนใส่ลีวายส์
 
“พี่ธารรังเกียจลีวายส์หรอฮะ ทีเมื่อก่อนพี่ธารยังให้ทำโน้นทำนี่กับพี่ธารได้เลย ทำไมตอนนี้แค่อาบน้ำด้วยกันก็ไม่ได้!!! อื๊ออออออ”
 
ก็มันน้อยใจนี่ฮะ พี่ธารก็รู้ว่าลีวายส์ร้องไห้เก่ง และอ่อนไหวต่อการกระทำของพี่ธารทุกอย่าง แต่พี่ธารก็ทำอยู่เรื่อย
 
“มันไม่ใช่อย่างนั้น หยุดร้องเลยนะ เมื่อไหร่จะโตซะทีห๊ะ! แล้วก็เลิกพูดถึงตอนเด็กได้แล้ว” พี่ธารลุกขึ้นออกจากอ่าง ดึงเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ให้ลีวายส์ ลีวายส์เลยกอดพี่ธารซะเลย
 
“พี่ธารก็ทำเหมือนเดิมซิฮะ อาบน้ำด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรอฮะ”
 
“ไม่ได้!!! เข้าใจคำว่า โตแล้วหรือเปล่า หื่ม! ไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมาจับตรงนั้นตรงนี้กันได้อีก เข้าใจมั้ย” พี่ธารยกมือขึ้นลูบหัวลีวายส์เบาๆ ตัวพี่ธารที่สัมผัสกับลีวายส์ ทำให้ลีวายส์ร้อนวูบแปลกๆ
 
“...................” ลีวายส์ ก้มมองแผงอกแน่นตรงหน้าของคนตัวสูงที่กำลังซบอยู่ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงต่ำ ก้อนเนื้อหน้าท้องของพี่ธารสวยจัง  สวยจนลีวายส์ต้องยกมือขึ้นลูบกล้ามเนื้อสวยหกลูกเบาๆ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าหัวใจลีวายส์กำลังเต้นถี่เร็วมากฮะ
 
“เข้าใจที่พูดหรือเปล่า ออกไปก่อนไป เดี๋ยวกูก็อาบเสร็จแล้ว” พี่ธารบอกผลักออกจากตัวลีวายส์
 
ลีวายส์เพิ่งจะรู้ว่าพี่ธารไม่ได้ใส่อะไรเลย ทั้งที่รู้ว่าเป็นผู้ชายด้วยกันแต่พอเห็น.....เอ่อ...ตรงนั้น ของพี่ธาร ก็ทำเอาลีวายส์ถึงกับเปิกตากว้างตกใจและรีบหันหน้าหนี ทำไมของพี่ธารใหญ่กว่าของลีวายส์อีกอ่ะ -0-
 
ลีวายส์เป็นอะไรไม่รู้จู่ๆก็ตัวสั่นแปลกๆ เข่าอ่อนด้วยเหมือนจะเป็นลมแต่ก็ไม่ใช่ เริ่มหายใจเร็ว หัวใจเต้นแรงกว่าตอนเห็นกล้ามเนื้อพี่ธารอีก แต่มีอย่างหนึ่งที่เด่นชัดขึ้นในตาของลีวายส์คือ....ภาพพี่ธารเมื่อกี้
 
“ลีวายส์! ลีวายส์!” พี่ธารเดินออกมาจากโซนห้องอาบน้ำฝักบัวหลังจากเข้าไปล้างตัว หยดน้ำบนตัวที่ยังไม่ได้เช็ดออกทำให้ร่างสูงดีเซ็กซี่ในสายตาลีวายส์ “เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนี้”
 
“....................” ลีวายส์ไม่ตอบและไม่กล้ามองพี่ธารด้วย พอเห็นพี่ธาร หน้าลีวายส์ก็ร้อนวูบขึ้นมาแทบจะในทันที
 
“ลีวายส์ เป็นอะไรหรือเปล่า ห๊ะ!” พี่ธารเข้ามาจับไหล่ลีวายส์ให้หันไปหา พี่ธารยกฝ่ามือขึ้นทาบหน้าผากลีวายส์เหมือนวัดไข้
 
ในตอนนั้นเองเมื่อมือหน้าสัมผัสกับลีวายส์ มันคล้ายฉนวนติดไฟยังไงยังงั้นทำให้ร่างกายของลีวายส์ร้อนวาบไปทั่วร่างและเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเองลีวายส์ก็เริ่มตกใจ
 
“อึกๆ ลีวายส์....รู้สึกแปลกๆ ฮะ อึกๆ” ลีวายส์บอกกับพี่ธารก่อนจะกอดเข้าหาร่างสูง
 
“ยัง.......งะ......” พี่ธารหยุดพูดแค่นั้นก่อนจะดันตัวลีวายส์ออก พี่ธารไล่สายตาลงมาหยุดอยู่ตรง....กลางตัวลีวายส์ “ตรง...นี้หรอ” พี่ธารลดมือจากไหล่เล็กลงมาทาบตรง...แกนกายของลีวายส์ ทำให้ลีวายส์ถึงกับสะดุ้งและซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างตรงหน้าอีกครั้ง น่าอายจัง >///<
 
“อึกๆ เจ็บฮะ อึดอัดด้วย....มัน  อึกๆ  เป็น.....อะไรฮะ” ลีวายส์พูดบอกพี่ธารเสียงเบา กลัวและไม่รู้ว่าร่างกายตัวเองเป็นอะไร
 
“ไม่ต้องกลัว ผู้ชายก็เป็นกันทั้งนั้น โตป่านนี้แล้วยังไม่เคย...อีกหรือไง” พี่ธารพูดอะไรก็ไม่รู้ น้ำเสียงของพี่ธารกลายเป็นกระซิบบอกอยู่ข้างหูลีวายส์
 
“.............................” ลีวายส์สั่นหัวให้ พี่ธารก้มลงจูบข้างหูลีวายส์ จนลีวายส์ต้องหลับตารับสัมผัสนั้น
 
“ถ้าไม่เคยก็....เคยซะ” พี่ธารบอกก่อนจะอุ้มลีวายส์เข้ามาในโซนห้องน้ำ “กลัวหรอเปล่า.....ถ้ากลัวก็หลับตา ‘พี่จะทำให้...รู้สึกดี’ ” พี่ธารพูดกับลีวายส์เสียงนุ่มกว่าที่เคย ไม่รู้ว่าลีวายส์มองพี่ธารด้วยสายตาแบบไหนแต่ลีวายส์รู้สึกว่าพี่ธารตาหวานเยิ้มมาก
 
พี่ธารนั่งลงบนชักโครกและยืดขาไปยันกับกำแพงห้องน้ำก่อนจะดึงมือลีวายส์ให้นั่งลงบนตัก ลีวายส์นั่งลงอย่างว่าง่าย ตอนนี้พี่ธารใส่ผ้าขนหนูฮะ
 
พี่ธารกดท้ายทอยลีวายส์ด้วยมือหน้าให้ก้มลงทาบริมฝีปากกับปากสีซีดที่ออกจะคล้ำเพราะสูบบุหรี่จัด รสจูบครั้งนี้แต่กต่างจากทุกๆครั้งที่ผ่านมา มันไม่ใช่แค่ริมฝีปากขบเม้มกันเท่านั้นแต่ว่า ลิ้นร้อนรสมิ้นอ่อนๆจากยาสีฟันส่งผ่านเข้ามาในโพรงปากของลีวายส์ด้วย
 
 ลีวายส์หลับตาลงและตอบรับกับสัมผัสที่พี่ธารมอบให้อย่างไม่ขัดขืน ลีวายส์ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างพี่ธารกับลีวายส์คืออะไร แต่ลีวายส์เชื่อใจพี่ธารฮะ
 
พี่ธารดึงเสื้อคลุมอาบน้ำของลีวาย์ออก ลงไปกองอยู่บนตักลีวายส์ มือร้อนของพี่ธารกำลังไล่สัมผัสไปทั่วตัวชวนให้ลีวายส์ครางในลำคอ และวูบไหวอ่อนยวบแทบจะตกจากตักพี่ธาร ลีวายส์เลยยกมือขึ้นโอบรอบคอร่างสูงไว้ โดยที่ลิ้นร้อนจากร่างสูงยังคงไล่ต้อนลิ้นเล็กของลีวายส์
 
“อื่มมมม” เสียงครางดังออกมาจากร่างสูง ลีวายส์โดนมือหนาบีบต้นขาแรงๆ เหมือนพี่ธารกำลังระบายอารมณ์อะไรบางอย่าง
 
“อ๊ะ......” ลีวายส์ร้องเสียงหลง หลังจากที่โดนพี่ธารงับตรงยอดอก เล่นเอาวูบวาบในช่องท้องแปลกๆ
 
“อื๊มมมม.....ไว้ใจ ‘พี่’ มากเกินไปแล้วนะ จ๊วบ!” พี่ธารจูบดูดมุมปากลีวายส์ ก่อนที่ลีวายส์จะรู้สึกถึงสัมผัสร้อนจากฝ่ามือหน้าลูบไล่ไปตามเอวขอด
 
“อื๊ออออ” ลีวายส์ส่งเสียงร้องออกจากปากเล็กแหบพร่า รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่างเมื่อมือหน้ากลับขึ้นมาปัดผ่านยอดอกเล็กอีกครั้ง
 
“อื่ม.....ไหนบอกสิ เจ็บตรงไหน” พี่ธารเงยหน้าขึ้นมองลีวายส์ที่นั่งอยู่บนตักซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าพี่ธารเล็กน้อย
 
“ลีวายส์.....อึดอัดฮะ” ลีวายส์บอกเสียงพร่า ก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของคนตัวสูง
 
“เดี๋ยว ‘พี่ธารจัดการ’ เองครับคนดี” ลีวายส์ส่งยิ้มหวานให้ร่างสูงเพราะคำพูดบอกหวานหูของพี่ธารไม่บ่อยนักที่จะได้ยิน
 
พี่ธารเลื่อนมือข้างหนึ่งโอบเอวลีวายส์ไว้ส่วนอีกข้างกำลังปัดและซุกซ่อนเข้าไปในเสื้อคลุมที่กองคาอยู่บนตักลีวายส์ตั้งแต่แรก กึ่ก!!!! ลีวายส์สะดุ้ง เมื่อมือหนาของพี่ธารเกาะกุมตรงนั้นของลีวายส์เข้าเต็มมือ
 
“เจ็บตรงนี้....หรือเปล่า” พี่ธารถาม มือหนาใช้นิ้วเรียวเตะวนรอบส่วนปลายของลีวายส์ จนลีวายส์รู้สึกปวดหนึบไปทั้งแท่งเลยต้องหนีบขาเข้าหากัน
 
“อึ่ก! เจ็บฮะ.....ลีวายส์เจ็บ” ลีวายส์ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเลยได้แต่ซุกหน้าลงกับซอกคอของพี่ธารอยู่อย่างนั้น กลิ่นสบู่อ่อนๆที่ลีวายส์ชอบจากตัวพี่ธาร ชวนให้น่ากดจมูกผังลงไป
 
“ครับๆ......” พี่ธารพูดจบ มือหนาเริ่มขยับขึ้นลงกับตรงนั้นของลีวายส์ช้าๆ  ทำให้ลีวายส์นั่งไม่ติดต้องบิดกายด้วยความรู้สึกเสียวที่แล่นไปทั่วช่องท้องมากขึ้นอีก ลีวายส์ถึงกับจิกเล็บลงบนไหล่พี่ธารเพื่อระบายมันออกมา
 
“อื๊อออออออ.....ลีวายส์...มะ....ไม่......” ลีวายส์ไม่รู้จะพูดบอกออกมายังไงดีมันทั้งเสียวทั้งเจ็บและรู้สึกดีปะปนกัน ยามที่มือร้อนเพิ่มจังหวะขยับมือเร็วขึ้น
 
“อื๊ออ...........”พี่ธารทาบริมฝีปากจูบปากลีวายส์อีกครั้ง คงอยากดึงความสนใจหรือไม่ให้ลีวายส์กลัวยังไงก็ช่าง แต่ที่รู้ๆ ลีวายส์รู้สึกดีและดีมาก...............
 
 
 
 
“ลุกขึ้น!  ไปกินข้าวได้แล้วไป” พี่ธารเดินเข้ามาปลุกลีวายส์ในห้องฮะ ร่างสูงเดินมานั่งลงข้างๆเตียง พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวลีวายส์เบาๆ
 
“ฮะ......พี่ธาร.......เอ่อ สั่งข้าวมากินหรอฮะ” ลีวายส์ถาม รู้สึกว่าไม่ค่อยจะกล้ามองหน้าร่างสูงสักเท่าไหร่เลยฮะ ก็.........หลังจากที่พี่ธาร....ทำให้  ลีวายส์ ก็.....ต้องทำให้......พี่ธารกลับด้วย >/////< ของพี่ธารใหญ่มาก อุ๊บ!!!!O///x///O
 
“หึ เป็นอะไร  มึงอายหรือไง  ไหนหันมานี่ซิ” พี่ธารจับทางลีวายส์ได้อยู่แล้วล่ะ มือหน้าจับปลายคางลีวายส์ให้หันไปสบตากันตรงๆ  ก็ลีวายส์อายจริงๆนี่ฮะ
 
“......................” ลีวายส์หลบสายตาพี่ธารมองต่ำ นัยน์ตาสีนิลจ้อมมองลีวายส์อย่างหยอกล้อ
 
“หึ  ฟอด! ไม่ต้องอายนา เดี๋ยวก็ชิน  นี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย” พี่ธารบอกกระซิบข้างหูพร้อมกับไล่นิ้วเรียวผ่านริมฝีปากลีวายส์ “ไปกินข้าวกัน” พี่ธารหอมแก้มซ้ายขวาลีวายส์ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะดึงมือลีวายส์ตามไปด้วย
 
 
 
 
“อ่ะ นี่ที่เรียน เลือกเอาเองว่าจะเรียนที่ไหนยังไง” พี่ธารวางเอกสารเกี่ยวกับโรงเรียนใหม่ที่จะให้ลีวายส์เข้าเรียนมอปลาย
 
“ลีวายอยากเป็นหมอฮะ พี่ธารว่าดีมั้ยฮะ” ลีวายส์หยิบเอกสารขึ้นมาดู มีโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนประจำ โรงเรียนชายล้วนและโรงเรียนชื่อดังอื่นๆอีกมากมายหลายแห่ง
 
“เรียนอะไรก็ได้ กูไม่บังคับ แต่ขอให้รอดก็แล้วกัน” ลีวายส์ย่นจมูกใส่คนเสียงเข้มข้างๆ
 
“ลีวายส์มีสองอย่างที่อยากเรียนฮะ สัตวแพทย์กับวิศวะ พี่ธารว่าไงฮะ”
 
“หมอสัตว์....? กูไม่ชอบหมา  เรียนวิศวะมีแต่ผู้ชายอันนี้กูไม่ให้ผ่าน” ลีวายส์หันไปมองพี่ธารอย่างไม่เข้าใจ อ้าวไหนบอกตามใจ วู้....
 
“พี่ธารอ่ะ  เฮ้ออออ งั้นเรียนวิทย์คณิตไปก่อนแล้วกันนะฮะ” ลีวายส์ว่ามีหวังไม่ได้เรียนอย่างที่ตั้งใจไว้แน่ๆ
 
“แล้วแต่มึงสิ” =_=^
 
 
 
“เดี๋ยวกูจะออกไปคุยงานข้างนอก เย็นๆจะกลับมารับไปร้าน” ห๊ะ! พี่ธารจะทิ้งลีวายส์ไปไหนอีกแล้ว ไม่เอาๆ ลีวายส์ไม่ชอบอยู่คนเดียว
 
“ไม่ๆ ลีวายส์ไปด้วยฮะ เดี๋ยวลีวายส์ไปแต่งตัวก่อน”
 
“ไม่ต้องไป อยู่บ้านเนี่ยแหละ” พี่ธารบอก ลีวายสไม่ชอบจริงๆนะ ความรู้สึกตอนอยู่บ้านคนเดียวมันเหมือนถูกทิ้งยังไงยังงั้น ยิ่งพี่ธารกลับช้าลีวายส์ก็จะยิ่งไม่ชอบและกลัวด้วย
 
“ไม่เอา ลีวายส์จะไปด้วย ลีวายส์สัญญาว่าจะไม่ดื้อ นะๆๆๆๆ จุ๊บ!!!” ไม่ให้ไปก็ต้องเจอลูกอ้อน โดนจุ๊บสองสามครั้งพี่ธารก็ยอมค่อยดูสิ คิคิ
 
“เฮ้ออออ กูเหนื่อยกับมึงนะ  จ๊วบ!!!     ไปเปลี่ยนผ้าไป” เย้!!! เห็นมั้ยล่ะ พี่ธารมีจูบจุ๊บตอบด้วย >////<
 
 
ลีวายส์นั่งรถมากับพี่ธารสักพักก็ถึงบริษัทแห่งหนึ่งที่จัดว่าใหญ่พอสมควร  แฮะๆ ก็ลีวายส์ดูจากตึกใหญ่ๆเนี่ยแหละ แต่ว่าดูแล้วก็ใหญ่จริงๆนะ ดูจากโลโก้ที่คุ้นตาและเจอบ่อย
 
“นั่งรอร้านแถวๆนี้ได้มั้ย” พี่ธารบอก ให้ลีวายส์นั่งรอข้างๆบริษัท เพราะมีร้านไอติมกับร้านกาแฟอยู่หลายร้าน
 
“ไม่เอาฮะ ลีวายส์อยากไปด้วย” ลีวายส์บอกกับพี่ธารเสียงอุบอิบ เพราะลึกๆแล้วกลัวว่าพี่ธารจะดุกับความเอาแต่ใจของตัวเอง
 
“เฮ้อออ......กูอยากจะบ้า นี่มาทำงานนะ” พี่ธารบอกจบก็ลงจากรถโดยมีลีวายส์เดินตามมาติดๆ
 
 
“เชิญครับ” มีพี่ชายคนหนึ่งมาต้อนรับพี่ธาร และเชิญให้เข้าไปในห้องทำงานห้องใหญ่
 
“สวัสดีค่ะ” ว้าว *.*  พี่สาวคนนี่สวยจังเลยฮะ ลีวายส์ไม่เคยเจอใครสวยแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนเธอจะเป็นลูกครึ่งสัญชาติตะวันตก จมูกโด่งสวยมาก เธอทักพี่ธารพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
 
“สวัสดีครับ” แต่พี่ธารของลีวายส์? ใช้ไม่ได้เลย ไม่เห็นจะยิ้มตอบแถมทักกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไร้อารมณ์จนเกือบน่ากลัวอีกด้วย
 
“เชิญนั่งค่ะ เอ่อแล้วนี่........”พี่สาวคนนั้น มองมายังลีวายส์ที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่ธารก่อนพูดถาม
 
“น้องชายผมเอง พอดีไม่มีใครดูแลเลยพามาด้วย คงไม่เป็นไรนะครับ” พี่ธารบอกหลังจากที่ดึงมือลีวายส์ให้นั่งลงข้างๆ ลีวายส์เกร็งนิดๆฮะ ก็เค้าดูเป็นผู้ใหญ่กันนี่นา
 
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องชายอายุเท่าไหร่แล้วคะ น่ารักนะคะ” ดูเหมือนพี่สาวคนนี้จะเป็นคนยิ้มเก่ง
 
“สิบห้าครับ”
 
“หรอค่ะ จริงสิ ให้แพ็คพาไปเดินเที่ยวข้างๆบริษัทระหว่างที่เราคุยงานกันดีมั้ยคะ น้องชายคุณจะได้ไม่เบื่อ น้อยชายฉันสิบหกค่ะ คงคุยกันได้นะ”
 
ลีวายส์มองหน้าพี่ธารอย่างขอความเห็น พี่ธารพยักหน้ารับจากนั้น ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินออกมา ลีวายส์ก็เพิ่งจะเห็นฮะ ว่าจริงๆแล้วมีคนนั่งอยู่ตรงโต๊ะข้างหลังเรา  ไหนบอกว่าสิบหกแต่ทำไมตัวสูงมาก สูงเหมือนเปรตเลย(เพราะตัวเองเตี้ยไง) แถมหน้าตาก็จัดได้ว่าดูดีทีเดียว เค้าคงชื่อแพ็คสินะ
 
แพ็คเดินออกมาข้างนอกพร้อมๆกับลีวายส์และไม่ได้พูบอกอะไรเลย หน้าตาดีแต่ดูแล้วนิสัยไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา
 
“จะไปไหนก็ไป กูไม่ได้มีเวลามาเดินพาเด็กเที่ยวหรอกนะ” แพ็คหยุดเดินและหันมาพูดบอกกับลีวายส์ อย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
 
“เราไม่ใช่เด็ก เราสิบห้าแล้ว!” ลีวายส์เถียงกลับและจ้องหน้าแพ็คตาเขม็ง แค่อายุห่างกันนิดเดียวมาหาว่าเราเป็นเด็กได้ไง
 
“หึ ความจริงนี่เป็นแผนของพี่ชายมึงสินะ พาน้องชายมาเพื่อกันกูออกจากพี่แพท” จู่ๆหมอนี่ก็หัวเราะในลำคอออกมาและมองลีวายส์ด้วยสายตาดูถูก
 
“พูดเรื่องอะไร ลีวายส์ไม่เห็นเข้าใจเลย”
 
“ก็พี่ชายมึง จะจับพี่กูไง เพราะพี่กูรวย แต่อย่าหวังเลย ข้างศพกูไปก่อนเหอะ” แพ็คผลักหัวลีวายส์เกือบหายหลังและจะเดินหนี คำพูดของหมอนั่นทำให้ลีวายส์โกรธจัด มาว่าพี่ธารของลีวายส์ได้ยังไง
 
ปึก!!!
 
“พี่ธารไม่ใช่คนแบบนั้น อย่าเอาความคิดเลวๆของตัวเองมาตัดสินพี่เรา” ลีวายส์วิ่งตามหลังไป และใช้มือสองข้าง ตบปึกเข้าให้เต็มแรงตรงแผ่นหลังจนคนตัวสูงล้มลงในท่าคุกเข่า หึ ถึงลีวายส์จะตัวเล็ก ลีวายส์ก็ไม่ยอมหรอกนะฮะ
 
“นี่มึง.....กล้าผลักกูหรอ” แพ็คชี้หน้าลีวายส์อย่างโกรธเคืองพร้อมกับจะยันตัวลุกขึ้น ทำท่าจะมาเอาคืน
 
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเราจะกลับไปบอกพี่สาวนายว่านายแกล้งเรา ค่อยดู!!!” ลีวายส์บอก ก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น
 
ลีวายส์ก็อยากกลับไปหาพี่ธารนะฮะ แต่กลัวว่าพี่ธารจะเสียงานเลยเลือกที่จะมารอพี่ธารอยู่แถวๆร้านไอติมข้างบริษัทแทน
 
แต่ก็ยังสงสัยว่าทำไม่ นายแพ็คนั่น ถึงได้คิดว่าพี่ธารจะจับพี่สาวของตัวเองกันนะ ทั้งที่น่าจะดูออกว่าพี่ธารไม่ได้มีท่าที่แบบนั้นเลยหรือว่าลีวายส์จะมองพี่ธารไม่ออกเอง แต่พี่ธารก็มีลีวายส์อยู่แล้วนี่(คิดไปเอง) เฮ้ออออออ....ต้องถามพี่ธารให้รู้เรื่องแล้วล่ะ
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>

ขอโทดที่มาช้านะคร้า

ติดภารกิจสำคัญ :mew6:   :mew6:  :mew6:

เหมือนเดิมค่ะขอแค่ 10 เม้นเราจะรีบลงให้   :mew1:   :mew1:   :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 05-05-2014 13:53:30
ง่ะ นายแพ็คปากหมา   :beat:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-05-2014 14:16:22
อีธารใกล้ตบะแตกเต็มที่แล้ว
สู้ต่อไปนะลีวาย

ชอบเวลาลีวายมาพูดเองแบบนี้ รู้เลยว่าน้องรักอีธารมากๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 05-05-2014 15:27:48
น้องลีวายส์ต้องเค้นถามพี่ธารให้รู้เรื่องนะ
ส่วนแพ็คอย่ามาหลงน้องลีวายส์ก็แล้วกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2014 19:14:28
ยั่วเข้า ยั่วเยอะๆเลยลีีวายส์ ไม่นานหรอกอิิพี่ธารต้้องตบะแตกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 05-05-2014 20:33:07
 :hao6:ลีวาย์ยั่วไปอีก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 05-05-2014 20:56:29
แพ็คอะไรนี่ อย่ามาแอบชอบลีวายทีหลังก็แล้วกันนน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-05-2014 12:31:34
มีคนที่สามสี่เข้ามา เมื่อไหร่จะได้ลงเอยกันนะ

เราีบไปหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 06-05-2014 16:56:21
เด็กแพ็คนี้จะมาแย้งซีนพี่ธารใช่ไหม ? บอกพี่ธารมาตบกะโหลกแปบ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 14(05/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 06-05-2014 17:57:50
นัเขียนไม่มาต่อนิยายนาน....ลืมเนื้อหาของเรื่อง ต้องมานั่งอ่านไหมตั้งเเต่ตอนหนึ่ง....เฮ้อออ...อิชั้นล่ะเพลีย....มาต่อไวๆ...มันขาดตอนอ่ะ...กว่าจะต่อติด....... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 06-05-2014 19:12:43
Older Brother.....15
 
 
รักษ์...........
 
“คุณหมอคะ อีกสิบนาทีจะออกเวรแล้วค่ะ” พยาบาลฝึกหัดสาวสวยเปิดประตูเข้ามาบอกในห้องทำงานของโรงพยาบาลชื่อดังที่มีผมกำลังนั่งทำงานอยู่
 
“ครับ ขอบคุณมาก” ผมทำงานที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ คุณพ่อเป็นคณะกรรมการถือหุ้นของโรงพยาบาลกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นแต่ตอนนี้ท่านยกให้ผมถือหุ้นแทนและให้ผมประจำอยู่ที่โรงพยาบาลมาประมาณสามปีแล้วครับ
 
“คุณพ่อออออออออ” เด็กหญิงตัวเล็กแค่เอวเปิดประตูห้องทำงานของผมก่อนจะวิ่งโร่เข้ามาหา
 
“คร้าบ ฟอด!  ไข่มุกมาได้ไงครับ” ผมอุ้มไข่มุกขึ้นมานั่งบนตักและหอมแก้มใส เพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว  ใช่ครับ จะเรียกว่าเธอเป็นลูกสาวของผมก็ได้
 
“มากับคุณย่าค่ะ คุณย่าไปรับไข่มุกที่โรงเรียน แล้วก็แวะมาหาคุณพ่อคนหล่อของไข่มุก” ไข่มุกยิ้มกว้างกับคำพูดของตัวเอง ปีนี้เธอจะได้เข้าเรียน ป.1 ผมเลยให้เธอไปปรับพื้นฐานที่โรงเรียนไว้ก่อน และแม่ของผมก็จะไปรับไข่มุกเป็นประจำ
 
“วิ่งเร็วจริงๆเลยนะ  ทีหลังย่าตีรู้มั้ย ถ้าหกล้มขึ้นมาน่ะให้พ่อฉีดยาเลยคอยดู” คุณแม่ของผมพูดท่านเดินตามเข้ามาพร้อมกับคำพูดบ่นตามประสาผู้ใหญ่ที่วิ่งตามเด็กไม่ทัน
 
“ก็ไข่มุกรีบนี่ค่ะ คุณย่า.......คุณพ่อคะ เดี๋ยวเราไปกินไอติมกันนะคะ นะคะๆๆ”
 
“ครับๆ เดี๋ยวพ่อจะออกเวรแล้ว เราไปแวะกินกันก็ได้ครับ” ผมบอก ไข่มุกยิ้มดีใจเลยยืดตัวขึ้นหอมแก้มผม เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่จะใช้เวลากับการทำงานซะส่วนมากก็เลยจะให้เวลาเธอบ้าง ไข่มุกเป็นเด็กดีและขี้อ้อนเป็นนิสัยประจำตัวของเธอ
 
“พอดีเลย แม่ว่าจะไปตรวจตาซะหน่อย งั้นรักษ์ก็พาไข่มุกกลับบ้านแล้วกัน หรือจะทานข้าวก่อนกลับเลยก็ได้เผื่อว่าแม่ช้า”
 
“ได้ครับ  เอ้า  ลงก่อนครับไข่มุก เดี๋ยวพ่อเก็บของก่อนนะ” ผมจัดการเก็บของและถอดชุดกาวออก พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกทั้งสองข้าง วันนี้ไม่ได้เอาเสื้อมาเปลี่ยนเลยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมเนี่ยแหละออกจากโรงพยาบาล
 
 
“คุณพ่อคะ เรากินอะไรกันดี แต่ไข่มุกอยากกินไอติมมากเลยค่ะ” ผมเดินจูงมือไข่มุกเข้ามาให้ห้างดังหลังจากที่ขับรถมาถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
 
“อื่มมม  กินอะไรรองท้องก่อนนะครับ ไม่งั้น พ่อไม่ให้กินไอ้ติมนะ โอเค๊” ไข่มุกทำหน้างอนิดๆ แต่พอเห็นร้านหนังสือข้างๆเท่านั้นแหละ รีบวิ่งเข้าไปจนผมตามไม่ทันเลย เธอชอบอ่านหนังสือมากครับ
 
“หื่ม.....(?)” ระหว่างเดินไปยังร้านหนังสือที่เยื้องๆกับโรงหนังอีกฝั่ง ขณะที่ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ผมสะดุดตาเข้ากับร่างบางของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่หน้าโรงหนัง
 
ภาพของใครคนนั้นทำให้ผมหยุดก้าวเท้าและหมุนตัวกลับไปมองอีกครั้ง ผมเห็นเพียงแค่แผ่นหลังที่ไม่กว้างนัก นั่งซบหัวอยู่กับไหล่ของผู้ชายอีกคนที่ผมคิดว่าคุ้นตาพอๆกับร่างบางข้างๆ
 
ผมเดินเข้าไปช้าๆ ด้วยหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะลึกๆแล้วผมหมั่นใจว่าเป็นเขา จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ผมก็ยังจำเขาได้ ร่างบางที่กำลังซบอยู่กับไหล่ผู้ชายอีกคนเงยหน้าขึ้นทำให้ผมเห็นเสี้ยวหน้าเพียงแค่ครึ่ง
 
มันทำให้ผมหมั่นใจได้ว่าต้องใช่เขาคนนั้นแน่ๆ จนผมแทบอยากจะวิ่งเข้าไปกอดแต่ต้องหยุดฝีเท้าไว้ เมื่อผู้ชายคนข้างๆ ยกมือขึ้นโอบไหล่เขาและพูดคุยกันอย่างสนิทสนมจนออกนอกหน้า มันจะคิดไปอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจาก เขามีเจ้าของแล้ว
 
ปัง!!!!
 
“ไข่มุก!!!” เสียงลูกโป่งแตกดังขึ้นข้างๆผม มันทำให้สติผมที่หลุดลองไปอยู่กับคนที่ผมกำลังมองกลับคืนมา
 
“คิคิ  คุณพ่อ.......” ไข่มุกยื่นหัวเราะอยู่ข้างๆผม ซึ่งผมก็เพิ่งจะเห็น และก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีคนหันมามองเพราะเสียงลูกโป่งที่แตกเมื่อกี้จากไข่มุกด้วย ไม่เว้นแม้แต่ เขาก็หันมา
 
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้กันมากแต่ผมก็เห็นว่าร่างบางกำลังมองผมกับไข่มุกสลับกัน สายตาที่มองมาอย่างมีคำถามมากมาย และผมก็อยากจะบอกอยากจะตอบอยากจะอธิบาย เรื่องราวของผมช่วงเวลาที่ไม่มีเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 
“คุณพ่อคะ....” ไข่มุกดึงมือผมให้หันกลับไปสนใจเธอ
 
“ครับ ไปเถอะ  พ่อหิวแล้ว” ผมย่อตัวลงอุ้มไข่มุกขึ้นก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกอัดแน่นในอก ผมอยากจะคุยกับเขาจริงๆ
 
กาย......พี่คิดถึงนะ
 
........................................................................
 
 
กาย........
 
“กาย  ไอ้กาย  กาย........”
 
“ห๊ะ!  อ่อ  หนังจะเข้าแล้วหรอ” ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดเมื่อครู่ หลังจากที่...ผมเห็น เขากับเด็กนั่น  มันอะไรกันนะ
 
“เป็นรัยวะ ไม่สบายหรอ กลับบ้านป่ะ”ไอ้เซฟถาม พร้อมกับยกมือขึ้นวัดไข่กับหน้าผากผม ผมกลับมาจากเมืองนอกเมื่ออาทิตย์ก่อน และวันนี้ก็เบื่อๆเซฟเลยชวนมาดูหนัง
 
“ป่าว ป่ะดูหนังกัน อีกห้านาทีก็จะเริ่มแล้ว” ผมบอกและควงแขนมันเข้ามาในโรงหนัง ไอ้เซฟเดินตามผมมาอย่างงง
 
ผมกับมันสนิทกันคงไม่แปลใช่มั้ย ที่เราจะกอดจะซบกันน่ะ ก็มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัยแล้วล่ะ เพื่อนๆและเด็กในคณะมักจะคิดว่าเราเป็นแฟนกันเสมอแต่เพราะผมกับมันไม่แคร์สายตาของคนอื่นเลยไม่ได้รู้สึกอะไร  ผมก็เป็นของผมแบบเนี่ย ส่วนไอ้เซฟน่ะกิ๊กเยอะจะตาย คบไปเรื่อย ใครๆก็รู้
 
“อะไรเล่า” ผมผลักหัวเซฟที่เหล่ตามองผมคล้ายกับสงสัยอะไรบางอย่างตอนนี้หนังเริ่มฉายแล้วครับ
 
“ป่าว กูชวนมาดูหนังนะไม่ใช่หลับ” มันยกมือขึ้นลูบหน้าผมจากหน้าผากลงมาในขณะที่ผมอ้าปากอยู่
 
“แหวะ!!!  ไอ้บ้า  เออๆ  รู้แล้วน่า” ผมบอกก่อนจะหันไปสนใจหนังในจอใหญ่เบื้องหน้า แต่รู้อะไรมั้ย มันไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด
 
 
‘ผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก    พี่ว่าไง’ ผมพูดกับคนตัวสูง ที่กำลังสนใจเอกสารในมืออยู่บนโต๊ะทำงาน
 
‘ก็ไปสิ ใครผูกกายไว้ล่ะ’ ไอ้หมอบ้า มันยิ้มมุมปากพูด ตอนนั้นผมแค่ลองถามดูเฉยๆว่ามันรู้สึกยังไงบางถ้ารู้ว่าผมจะไปอยู่ไกลจากพี่มัน เราคุยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน (แต่ก็ไม่บ่อยเพราะพี่เขาทำงาน) และสนิทกันมาก มากจนถูกเนื้อต้องตัวกันได้ แต่ก็ยังไม่ใช่แฟน
 
‘งั้นผมจะไปเรียนเมืองนอกกับไอ้ธารนะ’ ผมบอก และรอดูท่าทางของร่างสูง แต่ว่าก็ยังไม่สนใจเหมือนเดิม ผมเลยเลือกที่จะเดินออกมา
 
ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไปพรุ่งนี้ ผมไม่ได้บอกว่าชอบเค้า ผมไม่ได้บอกความรู้สึกดีกับเค้า และผมไม่ได้บอกว่าผม... ... ... ...
 
“กาย!!!  กาย!!!  มึงจะนอนในโรงหนังใช่มั้ย งั้นกูกลับล่ะ”  ผมปรือตาขึ้นมองเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอกมองผมอยู่
 
“ห้าวววว หนังจบแล้วหรอ  หนุกดีนะ แฮ่ะๆ” ผมยิ้มให้มัน ที่กำลังทำหน้าหงิกใส่ “โอ๊ะๆ เค้าขอโทษษษษ ป่ะหารัยกินกัน” ผมดึงแขนมันมาควงก่อนจะดันให้เดินออกมา
 
 
“ไม่ลงไปก่อนหรอ ป่านนี้แม่ทำกับข้าวแล้ว ทานข้าวกันก่อนดิ” ผมบอกกับไอ้เซฟ หลังจากที่มันมาส่งผมถึงบ้านโดยรถมอไซค์ บิ๊กไบค์ สีเพลิงคันสวย
 
“ไม่อ่ะ แค่ได้เที่ยวกับมึงกูอิ่มล่ะ เหอะ! ไปนะ” มันบอก พร้อมกับรอยยิ้มบางๆก่อนจะสวมหมวกกันน็อค
 
“เออ ขับรถดีๆ ล่ะ  อย่าเร็วนัก เดี๋ยวศพไม่สวย”
 
“คร้าบๆ  บาย” มันบอกจบก็ออกตัวไปทันที แม่ง ไหนรับปากว่าไม่เร็วแต่หายแว๊บไปในพริบตาเลย เฮ้อออ ไอ้บ้า
 
“กลับมาละ..............กึ่ก!” ผมหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าโซฟาที่มีแม่ของตัวเองนั่งคุยอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่ผมเห็นใน.....ห้างกับเขา
 
“อ้าวกาย กลับมาแล้วหรอไหนเซฟล่ะลูก ทำไมไม่ชวนเพื่อนมาทานข้าวก่อน”
 
“เอ่อ......มันบอกว่าอิ่มแล้วน่ะ” ผมบอกขณะที่สายตายังจับจ้องไปยังเด็กผู้หญิงคนนั้น เธอเองก็มองผมเช่นกัน
 
“อ้อ นี่น้องไข่มุกเป็นลูกของ...คุณหมอรักษ์น่ะ  นี่น้ากายลูกของยายเองค่ะ” ละ......ลูก........จริงๆ ด้วย  ประโยคนั่นที่ออกมาจากปากของแม่ทำให้ผมเชื่อจากที่คิดไว้แล้วว่าน่าจะ หรืออาจจะใช่ ลูกเขาจริงๆ
 
“สวัสดีค่ะน้ากาย น้ากายหล่อจังเลยค่ะ ไข่มุกมาที่นี่บ่อย ไม่เคยเจอน้ากายเลย คุณยายบอกว่าน้ากายไปเรียนเมืองนอกหรอค่ะ ที่นั่นมีหิมะหรือเปล่าค่ะ ไข่มุกอยากไปบ้างจัง” ไข่มุก....เธอช่างพูดช่างจา พูดรัวกับผมที่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก
 
“เอ่อ.......ขอตัวก่อนนะครับ” ผมบอกก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องมา มันรู้สึกเจ็บและแน่นหน้าอกด้านซ้ายจนตาร้อนไปหมด
 
เขามีลูก เขาก็ต้องมีคนรัก มีครอบครัว เราไม่มีอะไรเลย ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย ไม่มีสิทธิที่จะมาเจ็บแบบนี้ ไอ้กาย จำไว้!!!!
 
ก๊อกๆๆ 
 
“น้ากายคะ คุณยายให้มาตามไปทานข้าวค่ะ” ไข่มุกถือวิสาสะ เปิดประตูห้องนอนของผมเข้ามา ผมตกใจเล็กน้อยเพราะน้ำตาไหลลงมาพอดี
 
“เอ่อ.......คะ...คับ” ผมรีบเช็ดคราบน้ำตาออก มันหยดลงมาแค่นิดเดียวเองแต่ดูเหมือนไข่มุกจะเห็นมัน
 
“โอ๊ะ!!!  น้ากายร้องไห้หรอคะ ใครทำอะไรน้ากายคะ” ไข่มุกเดินเข้ามาจับมือผม เด็กตัวเล็กทำท่าตกใจ แล้วแววตาก็เธอก็ดูจะเป็นห่วงผมเอาซะมากๆ
 
“เปล่าคับ เอ่อ ฝุ่นเข้าตาน่ะ น้าไปล้างหน้าก่อนนะ เดี๋ยวตามไปนะครับ”
 
“ไปพร้อมกันนะคะ คุณยายบอกว่าให้ไปพร้อมกันเดี๋ยวน้ากายไม่ยอมลงไป” ไข่มุกบอกอย่างซื่อๆ ผมยิ้มให้กับท่าทางของเธอก่อนจะเข้าไปล้างหน้าและเดินลงข้างล่างพร้อมกับเธอ
 
“เอ้าๆ มานั่งมา กับข้าวเสร็จพอดี ท่านเค้กกันสักนิดก่อนได้นะ ระหว่างรอคุณหมอ” แม่ผมพูดบอก จริงๆแล้วผมไม่อยากเจอไอ้หมอนั่นสักเท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงดี
 
“คุณพ่อออออออออออ  มาค่ะ วันนี้คุณยายเลี้ยงข้าว มานั่งข้างๆไข่มุกค่ะ ไข่มุกจะนั่งข้างๆคุณยาย”
ซวยล่ะ เพราะโต๊ะกินข้าวมันเป็นโต๊ะกลมผมเลยต้องนั่งข้างไอ้พี่หมอที่นั่งลงทางซ้ายมือผม ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้ามันไปยังไงเพราะไม่ได้สนใจจะมอง แต่รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเกร็ง
 
“กลับมาเมื่อไหร่หรอ” ไอ้หมอถามด้วยน้ำเสียงเป็นปกติดี เหอะ!
 
“อาทิตย์ ที่แล้วน่ะ” ผมกำมือแน่นไว้ใต้โต๊ะ พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ข้างในมันบอกว่าผมกำลังสั่นไหว
 
“เรียนไปไงบ้างล่ะ โอเคหรือปล่า”
 
“ก็ดี” กึก!!! จู่ๆฝ่ามือร้อนๆของคนข้างๆยืนมาจับมือผมที่อยู่ใต้โต๊ะเพราะมันถนัดซ้ายมือขาวว่างเลยใช้มือขาวจับมือซ้ายของผมไว้(คิดออกนะ)
 
ผมเหลือบมองคนข้างๆ ที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ผมพยายามสะบัดมือออก แต่มันยอมปล่อยซะที่ไหน เพราะอยู่บนโต๊ะกินข้าวผมเลยไม่ได้โวยวายใส่มันจึงได้แต่นั่งทานไปอย่างเงียบๆ
 
“น้ากายกินเสร็จแล้วหรอคะ เพิ่งกินไปได้นิดเดี๋ยวเอง” ไข่มุกถามก่อนจะยัดกุ้งจากต้มจืดเข้าปาก เมื่อเห็นผมวางช้อนลง
 
“ครับ  พอดีน้า............”
 
“น้ากายคงอยากไว้ร่างน่ะ ดูสิผอมเอวจะขาดอยู่แล้ว” ไอ้พี่หมอปากยังหมาเหมือนเดิม เมื่อกี้มันยังปกติดีอยู่เลย ตอนนี้แม่งเปลี่ยนสีแล้ว
 
“ที่ไหนกันล่ะ! เอ่อ  พอดีน้ากายทานมาจากข้างนอกแล้วน่ะครับ น้าขอตัวก่อนนะ” ผมบอกและสะบัดมือจากไอ้พี่หมอลุกขึ้น
 
“เดี๋ยวสิคะ น้ากายบอกว่า ฝุ่นเข้าตาไม่ใช่หรอคะ ให้คุณพ่อดูให้มั้ยคะ เดี๋ยวจะเป็นตาแดงค่ะ” โธ่ เด็กนี่มันพูดมาจริงๆ พอๆกับลีวายส์ตอนเด็กเลยแฮะ
 
“เอ่อ...คือ น้าหายแล้วคับ ไม่เป็นรัยหรอก”
 
“ได้ไง มา เดี๋ยวผมดูให้คุณดีกว่า เดี๋ยวเป็นตาแดงนะ” ไอ้......มันยักคิ้วใส่ผมด้วย นี่มันเข้ากันจริงๆ พ่อลูกคู่นี้ มันนัดกันหรือไง
 
“นี่นาย  จะทำอะไร ปล่อยนะ ก็บอกว่าหายแล้วก็หายแล้วเซ้!” มันดึงแขนผมคร้าบมันดึงแขนผม และจะเดินมาบนห้องกูทำไมไอ้พี่หมอ
 
ปัง!!!
 
“ปะ.....ปิดประตูทำไม ออกไปเลย ผมไม่ได้ฝุ่นเข้าตาหรอก  ออกไป” ผมบอกจ้องคนตรงหน้าเขม็ง แต่ว่าไอ้พี่หมอกลับยืนนิ่ง
 
สายตาของคนตัวสูงจ้องมองผมจนผมต้องหลบตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองใบหน้าผมและไม่ยอมละไปที่อื่น ผมรู้ว่าผมต้องอ่อนไหวกับสายตาคู่นี้ผมเลยหมุนตัวหันหลังให้ร่างสูง
 
หมับ!!!
 
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวขาเดินหนี ร่างสูงก็คว้าตัวผมเข้าให้ อ้อมแขนแกร่งกอดรัดผมไว้จากด้านหลัง แผ่นหลังผมแนบชิดกับแผ่งอกของคนตัวสูง ยิ่งทำให้ผมอ่อนไหวขึ้นอีกหลายเท่า
 
“คิดถึง  คิดถึงนะ  กาย!” คำพูดนั่นออกมาจากปากของร่างสูงที่กำลังซุกหน้าลงกับท้ายทอยผม ลมหายใจร้อนๆ เป่ารสลงมาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในตัวเขา
 
“ปล่อยผมเถอะ ปล่อยเถอะ นะ!!!” ผมบอกกับร่างสูงเสียงสั่น และน้ำตาก็เริ่มรื้อขึ้นมา
 
“ไม่! พี่อยากคุยกับกาย อยากคุยทุกเรื่อง เราคุยกันก่อนได้มั้ย” ไอ้พี่หมอเงยหน้าขึ้นวางปลายคางไว้บนไหล่ผม
 
“ไม่!!! ผมไม่อยากฟัง และพยายามจะเข้าใจมันอยู่แล้ว” ผมคงไม่โง่พอที่จะไม่รู้อะไรเลยหรอก ในเมื่อตัวเขาเองมีลูกและมีครอบครัวแล้วผมก็ไม่อยากจะยุ่งกับเขาอีก
 
“กาย พี่มีหลายเรื่องที่อยากจะคุยกัน ถ้ากายไม่ฟังกายก็จะไม่เข้าใจรู้มั้ย”
 
“ผมไม่เข้าต้องแต่ที่พี่ปล่อยให้ผมไปแล้วล่ะ เพราะงั้น ผมก็เพิ่งเข้าใจได้ดีตอนนี้นี่เอง พอเหอะ มันจบแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่แรก” ผมบอกอย่างสุดจะทนพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
 
“กาย ที่พี่ปล่อยกายไป เพราะมันคืออนาคตของกาย ชีวิตของกาย พี่ไม่อยากผูกมัดกายไว้ เข้าใจหรือเปล่า พี่โทรหากายไม่ติด ส่งเมลล์ไปก็ไม่ตอบ แล้วนะให้พี่ทำยังไง” คำพูดบอกของร่างสูงทำให้ผมร้องไห้ไม่หยุด
 
“ถึงยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว พี่มีลูกแล้ว เพราะงั้น ก็อย่ามาทำแบบนี้ ผมไม่ชอบ” ผมดิ้นและผลักออกจากร่างสูงที่ตอนนี้นิ่งเงียบไป
 
“มีลูก แล้วไงล่ะ พี่จะมีกายด้วยไม่ได้หรอ”
 
เพี้ย!!!!
 
ผมเหวี่ยงฝ่ามือตบใบหน้าของร่างสูงเต็มแรง มันพูดออกมาได้ยังไงกัน บ้าสิ้นดี
 
“เป็นบ้าหรือไง!!! ออกไป!!! ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะแบบคนแบบนี้” ผมบอกน้ำตาไหลพราก ด้วยความคิดของคนตรงหน้า ผมเสียใจจริงๆ
 
“แต่ไข่มุก....”
 
“คะ....คุณ  พ่อ!” เด็กตัวเล็กเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพผมกับไอ้พี่หมอ “น้ากาย! ร้องไห้ทำไมคะ เจ็บตรงไหนหรือป่าวคะ” เธอวิ่งมาหาผมและจับมือผมไว้อีก ผมหันหน้าหนีและสะบัดมือเธอออก
 
“ไข่มุก ไปเถอะครับ” ไอ้พี่หมออุ้มไข่มุกขึ้นและเดินไปยังประตู “ไว้เราจะมาใหม่ มาคุยให้รู้เรื่อง” นี่มันยังไม่จบอีกหรือ ผมหันไปมองแผ่นหลังของคนที่กำลังเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่
 
 
 
(อัลโหลลล คนสวย ทำไรวะ) ไอ้เหี้ยเซฟโทรมาแต่เช้า เฮ้ย!!! พอดูนาฬิกาอีกที เที่ยงแล้วว่ะ
 
“เหี้ย   เพิ่งตื่น  มีไรอ่ะ” ผมถาม พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นนั่งขยี้ตาเพราะรู้สึกปวดมากถึงมากที่สุด
 
(นอนกินบ้านกินเมืองกินประเทศหรือไงวะ เดี๋ยวกูไปรับ ไปทานข้าวกัน โอเค๊)
 
“เออๆ มาดิ” ผมกดวางสายก่อนลุกจากเตียงกว้างคว้าผ้าขนหนูเดินตรงมาเข้าห้องน้ำ ยืนนิ่งมองหมีแพนด้าหน้ากระจกเงา แม่งศพชัดๆ
 
 
“มาเร็วนะมึง ขับช้าบ้างก็ได้นะกูว่า” ผมพูดกับไอ้เซฟที่พอผมลงมาข้างล่างก็เจอมันนั่งหัวโด่อยู่แล้ว ทำอย่างกะบ้านตัวเอง
 
“กูไม่ตายง่ายๆหรอกนา มีไรกินบ้างวะ”
 
“ไหนบอก จะมารับไปกินข้าวไงวะ แล้วมาถามหาข้าวที่บ้านทำไม” ผมถามและเดินตามมันที่เข้ามาในครัวเรียบร้อยแล้ว
 
“ร้อน กูว่ามึงไม่อยากไปหรอก ทำกินดีกว่ามั้ง แล้วแม่ไปไหนเนี่ย” มันถามขณะที่เปิดตู้เย็นไปพลาง
 
“ไม่รู้อ่ะ ทำงานมั้ง” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะออกมาให้พ้นทางมัน ก็ผมทำกับข้าวไม่เป็น ให้ไอ้เซฟทำน่ะดีแล้ว มันทำอร่อยดี
 
ผมโทรหาแม่ ท่านบอกว่าไปต่างจังหวัดตั้งแต่เช้าแล้ว จะกลับพร้อมพ่อวันมะรืนโน้น ไปแบบไม่บอกลูกเลยสักคำ ผมคงต้องอยู่บ้านคนเดียว ดีที่ไอ้เซฟมา
 
ไอ้เซฟทำกับข้าวเสร็จมันก็ยกมากินหน้าโซฟา เรานั่งกินข้าวกันจนอิ่มและดูหนังกันสองสามเรื่อง ตกลงกันว่าตอนบายจะออกไปเดินห้างกันก่อนจะเข้าร้าน อีธารโทรมาเรื่องโรงเรียนลีวายส์ว่าจะให้เข้าโรงเรียนไหน มันบอกให้ผมจัดการให้หน่อยผมก็รับปาก แต่ผมไม่ได้จัดการเองหรอกพ่อโน้น
 
 
 
“ป่ะ  เสร็จแล้ว” ผมบอกกับไอ้เซฟที่นอนยืดแข่งยืดขาอยู่บนโซฟา หลังจากที่ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมา
 
“ชักง่วงค้างว่ะ ห้าววววววว มึนล่ะซิทีนี้” มันลุกข้นท่าทางมึนๆนิดๆ ผมเลยไล่ให้ไปล้างหน้า พอโดนน้ำก็ดูเหมือนจะตื่นเต็มตาขึ้นมาหน่อย
 
กึก!!!!
 
ในขณะที่ผมกับไอ้เซฟเดินออกมาหน้าบ้านมีรถแอคคอร์ดสีดำมาจอดพอดี ผมจำได้ว่ารถใคร ไอ้พี่หมอมาอีกแล้ว
 
“หวัดดีคับพี่หมอ” ไอ้เซฟทัก เพราะมันเองก็สนิทกับเขาเหมือนกัน ร่างสูงเดินลงมาพร้อมกับเปิดประตูอีกฝั่งให้ลูกสาว
 
“อื่ม.....คุณน้าไปไหนล่ะ” เหมือนพี่มันจะถามผมแต่ผมไม่พูดกลับยืนนิ่งไอ้เซฟเลยพูดแทน
 
“เอ่อ คุณน้าไปต่างจังหวัดคับ”ไอ้เซฟตอบมันปลายตามามองผมนิดๆต่างจากร่างสูงที่เอาแต่จ้องหน้าผมไม่วางตา
 
“งั้นหรอ แล้วนี่จะไปไหนกันล่ะ” แล้วมันจะมายุ่งกับไรด้วยวะ
 
“พอดี ผมจะชวนมันไปเดินห้างก่อนจะไปร้านน่ะคับ” ไอ้เซฟอีกนั่นแหละเพราะผมไม่ยอมเปิดปากพูด
 
“มึงไปเถอะ เดี๋ยวเพื่อนมึงกูไปส่งเอง” เหี้ย!!! เรื่องไรล่ะ ไอ้เซฟหันมามองผมสลับกับไอ้พี่มองอย่างงุนงง ก่อนจะพยักหน้ารับและเดินออกไป อ้าวมึงทิ้งกูเลยสัด
 
“เดี๋ยว ไปไหนล่ะคุณ ผมฝากดูไข่มุกด้วยสิ เดี๋ยวผมต้องเอายาไปให้คุณยายคุณนะ” หื่ม?!!! ไอ้หมอ......
 
“คุณพ่อไปเถอะค่ะ ไข่มุกอยู่กับน้ากายได้” ไข่มุกเดินมาจับมือผมพร้อมกับยิ้มกว้าง เหอะๆ แล้วผมจะทิ้งให้ไข่มุกอยู่คนเดียวได้ไง
 
“ดูน้ากายดีๆล่ะ ไข่มุก เดี๋ยวน้ากายหนี รู้มั้ย น้ากายดื้อมากเลย” ไอ้.....  ไอ้พี่หมอพูดจบมันก็เดินไปบ้านของคุณยายที่อยู่ไม่ใกล้กัน ทิ้งให้ผมยืนเอ๋อ ทำตาปริบๆมองไข่มุขที่ยังคงยิ้มกว้างให้ผม
 
เยี่ยมไปเลย T^T
 
 
<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>>
 
มาต่อแล้วจร้า

ขออภัยถ้ามีอะไรขัดใจ แบบว่า เฮ้ออออ??? มันแก้ไม่หายจริงๆเรื่องพิมพ์ผิดเนี่ย T^T

ต้องเข้าใจอารมณ์มันไปแต่นิ้วมันขัด?

เอาเป็นว่าใครที่มีความสามารถคิดตามเรื่องของเราได้ก็ตามนี้นะคะ ไรท์แค่ฝึกหัดไม่ใช่มืออาชีพ 555555

 ภาษาไม่ได้สวยหรูอะไร
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 19:27:39
อีกคู่กายคนสวยกับคุณหมอ แอบคิดถึงลีวายส์แหะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 06-05-2014 19:41:01
ไข่มุกไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของพี่หมอใช่มั้ย
รีบเคลียกันนะ จะได้เริ่มต้นกันสักที เสียดายช่วงเวลาที่ห่างกันไปปปป :katai1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 06-05-2014 19:47:20
คู่ของกายก็ท่าทางจะสวีท?นะเนี่ยยย

ลีวายส์ยั่วไปถึงไหนแล้วลูกกกก ป้าคิดถึงงงง :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 06-05-2014 20:46:34
ไอ้เซฟถาม พร้อมกับยกมือขึ้นวัดไข่กับหน้าผากผม
วัดไข่------->วัดไข้ คำนี้ผิดอ่านถึงกับสะดุ้งอ่ะ
มือขาว------>มือขวา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-05-2014 20:49:30
ไข่มุกเป้นลูกพี่หมอจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 06-05-2014 20:51:31
อิอิ พี่ธารมีการให้น้องลีวายส์เตรียมตัวเตรียมใจซะด้วย แหมก็อดทนมาตั้ง 5 ปีนี่เนอะ
แล้วพี่น้องแพ๊ค แพท นี่เป็นใครนะ จะมาป่วนอะไรรึเปล่า
แล้วที่แท้ก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันนี่เองถึงว่าพี่หมอหายไปไหน
น้องไข่มุกน่ารักจัง แต่คงไม่ใช่ลูกพี่หมอจริง ๆ หรอกนะ
เพราะต่อให้ไม่มีแม่ของลูกแล้ว ก็เหมือนพี่หมอทรยศน้องกายอะสิ
อุตสาห์คิดถึงน้องกายขนาดนี้ รีบง้อน้องกายให้ได้นะพี่หมอ
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: parismewsanmusic ที่ 06-05-2014 22:57:17
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 15(06/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 08-05-2014 13:57:22
โอววว~~
เราย้อนอ่านหลายตอนเลยค่ะ
ติดตามตลอดนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 11-05-2014 13:17:26
Older Brother.....16
 
“เป็นอะไร” ผมถามร่างเล็ก ในขณะขับรถ เมื่อห้านาทีก่อนหลังออกมาจากบริษัทนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ผมกำลังจะเข้าไปทำงานเป็นทนายความให้ด้วยเงินเดือนที่สูงพอสมควร
 
“............................” มันเงียบครับ ยกมือขึ้นกอดอกจนผมต้องละสายตาจากถนนสายใหญ่ไปมอง ปากเล็กยื่นออกมานิดๆบ่งบอกว่าเพิ่งจะหงุดหงิดมาไม่น้อย
 
“ทำหน้าเหมือนตูดลิง เป็นญาติกันหรือไง....หื่ม!” ผมหมั่นไส้เลยยื่นมือไปดึงปากมัน ร่างเล็กปัดมือออกและจับมือผมไว้ ผมเลยต้องขับรถด้วยมือข้างเดียว
 
“พี่ธารฮะ พี่ธารว่าคุณแพ็ท สวยมั้ยฮะ” อะไรของมันวะ
 
“แพ็ทไหนวะ ใครกัน” ผมว่าตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เคยไปสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนเลยนะ และแทบจะไม่ได้คุยกับใครเลยด้วยซ้ำ
 
“ก็พี่สาวคนที่พี่ธารไปคุยงานไงฮะ พี่ธารไม่รู้หรอกหรอว่าเธอชื่อแพ็ทน่ะ” ลีวายส์บอก คิ้วขมวดเข้าหากันมองหน้าผม
 
“เออ ไม่รู้ ไม่ได้สนใจนี่ แล้วถามทำไม ก็สวยดี” ผมบอก ในตอนนี่ใกล้จะถึงร้านแล้วผมกะว่าจะเข้ามาทำงานซะหน่อย ไม่รู้ว่าไอ้เซฟกับไอ้กายมาหรือยัง
 
“ไม่สนจริงๆหรอ แล้วทำไมบอกว่าสวยล่ะ พี่ธารไม่ได้คิดจะจับพี่สาวคนนั้นใช่มั้ยฮะ” เอี๊ยดดดด
 
ผมเบรกรถกะทันหัน ด้วยคำพูดของมันจนลีวายส์เกือบหัวโขกกับเก๊ะรถด้านหน้าดีนะที่ผมยกมือขึ้นบังไว้ซะก่อน
 
“มึงพูดอะไรเนี่ย คิดอะไรแบบนั้นห๊ะ!!! บ้าหรือเปล่า” ผมพูดบอกเสียงดังใส่มัน ร่างเล็กยกมือขึ้นลูกหน้าผากตัวเอง แรงกระแทกคงแรงไปหน่อยถึงแม้ว่าจะโดนมือผมก็คงเจ็บอยู่
 
“ก็ไอ้แพ็คอะไรนั่น มันบอกนี่! ลีวายส์ไม่ชอบ มันมาว่าพี่ธารของลีวายส์ ว่าจะจับพี่สาวมัน ลีวายส์ไม่ชอบ!!!!!” ลีวายส์ตะคอกใส่ผมและเปิดประตูวิ่งลงจากรถเข้าไปในร้าน เพราะผมหยุดรถหน้าร้านพอดี ผมอ้าปากค้างกับปฏิกิริยาของร่างเล็กเมื่อครู่ เป็นเหี้ยอะไรของมันวะ
 
สรุปคือมันโกรธไอ้เด็กแพ็คแล้วก็มาลงกับผม หรือเปล่า ? เพราะผมไม่ได้สนใจประเด็นอื่นที่มันไม่เป็นความจริงอยู่แล้ว
 
“เด็กมึงเป็นไรอีกล่ะ ไอ้ธาร” ไอ้เซฟถาม ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาให้ห้องทำงานชั้นบนของร้าน
 
ผมลืมบอกไปว่าไอ้แมนกับไอ้เซฟจัดการตกแต่งร้านใหม่และขยายร้าน โดยซื้อร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่งข้างๆร้านของเรา ตอนนี้ร้านเลยกว้างขึ้นรองรับแขกได้เยอะขึ้นพอสมควร แหละนั้นก็หมายความว่ากำไรก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
 
“เป็นบ้ามั้ง ไอ้กายล่ะ” ผมบอกเหลือบมองลีวายส์ที่นอนคว่ำอยู่กับโซฟาตัวยาว ก่อนจะถามหาเพื่อนสนิทอีกคนที่ยังไม่เห็นหน้า
 
“เดี๋ยวคงมาน่ะ” ไอ้เซฟบอก  น้ำเสียงของมันฟังดูคิดมากเล็กน้อย
 
“แล้วทำไมมึงไม่ไปรับมันล่ะ ปกติไปนี่” ผมถามในขณะที่นั่งลงที่โต๊ะทำงานและหยิบเอาเอกสารมาตรวจดู ผมรู้ว่าพวกมันสนิทกันมากจนผมคิดว่ามีใครคนใดชอบใครคนหนึ่ง
 
“เฮ้อ.......ก็พี่หมอน่ะ  พี่แกบอกว่าจะมาส่ง กูเลยมาก่อน นี่ไอ้ธาร.....”
 
“อะไร” ไอ้เซฟถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนมันอยากจะถามอะไรผม
 
“มึงว่าพี่หมอ คิดยังไงกับไอ้กายวะ กูไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย กูรู้ว่าเค้าเคยสนิทกัน แต่พี่.....”
 
“มึงคิดมากไปหรือเปล่า........กูรู้ว่ามึงห่วงมัน เอาเป็นว่ารอดูไปก่อนแล้วกัน” ผมบอกกับมัน ไอ้เซฟพยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
 
ผมรู้ว่ามันห่วงไอ้กายไม่ใช่แค่ห่วงเรื่องทั่วๆไปแต่เรื่องจิตใจก็เช่นกัน ผมเองก็ห่วงน่ะ แต่ว่าเรื่องความรักเราจะเข้าไปยุ่งมากไม่ได้ เราจะไปตัดสินใจแทนเพื่อนก็ไม่ได้คุณว่าจริงมั้ย
 
ตุ๊บ!
 
ผมตรวจดูเอกสารเสร็จก็หันมาสนใจกับร่างบางที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เงียบๆ และมันก็ไม่ยอมคุยกับผมเหมือนปกติ ที่มักจะมาเสนอหน้านั่งตักบ้างกอดคอบ้างอยู่ข้างๆผม
 
ผมเลยขย้ำเศษกระดาษและปาออกไปโดนหัวมัน แต่ร่างเล็กก็ยังไม่สนใจจะหันมามองเลยก็เลยต้องปาไปอีกครั้ง
 
ตุ๊บ!   
 
ยังครับมันยังไม่สน มันเป็นบ้าอะไรนักหนา ชักรำคาญแล้วว่ะ เฮ้อออ ผมลุกจากโต๊ะและเดินไปนั่งลงข้างตัวลีวายส์ก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่ร่างเล็กและพลิกตัวให้หันมาสบตากับผม
 
“เป็น บ้า อะ ไร” ผมก้มลงมองหน้าลีวายส์ ถามมันช้าๆชัดๆ และมองสบตากับร่างเล็กที่กำลังจ้องมองมาเช่นกัน
 
“ป่าวฮะ” ลีวายส์บอกเสียงแผ่วและหันหน้าหลบตาผม ฟอด! ผมเลยจัดให้ทีหนึ่ง (อย่าคิดมากกับภาษาของมัน) ก้มลงหอมแก้มใสสูดกลิ่นแป้งฝุ่นหอมๆเข้าปอด
 
“แค่มีมึงคนเดี๋ยวกูก็จะบ้าตายอยู่แล้ว..........จะให้กูหาคนอื่นเข้ามาให้ปวดหัวอีกทำไม หื่ม! จ๊วบ! ” ผมก้มลงดูดจูบมุมปากลีวายส์หลังจากพูดจบ ผมพูดออกไปเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ
 
“จริงๆนะฮะ สัญญาก่อนว่าจะมีลีวายส์คนเดียว” แหนะ! พอบอกแบบนี้ล่ะ มันก็หันมารวบรัด?ผมทันควัน เหอะๆ
 
“เออๆ สัญญาก็สัญญา” ผมจูบหน้าผากมันเบาๆก่อนจะดึงมันให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ “และก็ช่วยทำหน้าให้มันดีๆด้วย รู้มั้ย หน้าอย่างกับตูดลิง” มันย่นจมูกใส่ผม ผมเลยยกมือขึ้นบีบจมูกมันไม่แรงนัก
 
“เจ็บนะฮะ.......งับ!!!!” มีเอาคืนด้วยครับ งับแก้มผมแต่ไม่เจ็บนะ ผมรู้ว่ามันอยากแกล้งเท่านั้น
 
“งับหรือ เดี๋ยวนี่มึงเป็นหมาสินะ ต่อไปคงต้องล่ามเชือกจูงแล้วมั้ง...อ่ะ!! ลีวายส์ คราวนี้เจ็บนะ” ผมบอกเพราะมันเปลี่ยนจากงับแก้มผมมางับที่ต้นคอแทน
 
“พะ...พี่ธาร...แหะๆ ลีวายส์” ผมดันร่างเล็กให้นอนลงบนโซฟาอีกครั้ง มันยิ้มแหยะๆให้ผม ต้องเอาคืนซะหน่อย หึหึ
 
“เล่นเหี้ยไรกันวะ” =_=;; ตัวเหี้ยวิ่งมาขัดเฉยเลย
 
 
 
“วันนี้ไม่มีแข่ง?” ผมถามเพื่อนสนิทที่เพิ่มจะมาเมื่อครู่หลังจากที่ลงมานั่งโซนบาร์ของร้าน และดื่มอะไรกันเล็กน้อย
 
“มี ให้พวกไอ้ต่อมันดูแล ได้ข่าวว่ามึงไปดูงานที่บริษัทxxx หรอ โอเคมั้ย” ผมถามพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
 
“ก็ดี เออจริงสิกูจะขายรถ และถอยคันใหม่ มึงจัดการให้ทีสิ” ผมบอกเพราะคิดไว้ตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้วว่าจะขายBMที่ผมใช้อยู่ ไม่ใช่ว่ามันเก่าหรืออะไรหรอกเพราะยังไม่ถึงเจ็ดปีสภาพยังโอเคทุกอย่าง แค่อยากเปลี่ยนคันใหม่เท่านั้น
 
“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้....มึง........”
 
“สวัสดีค่ะ” ไอ้แมนไม่ทันได้พูดจบก็มีผู้หญิงร่างเพรียวสวยเข้ามาทักขัดซะก่อน “นี่ใช่พี่ธารหรือเปล่าคะ” ผมกับไอ้แมนมองหน้ากันนิดๆ เธอใส่ชุดเดรสเปรี้ยวเข็ดฟัน เอาตรงๆผมจำเธอไม่ได้และไม่รู้ว่าเคยรู้จักหรือเปล่า
 
“เอ่อ...........ครับ    หน้าคุ้นๆนะ แต่จำไม่ได้” บางทีผมก็คิดว่าตัวเองพูดตรงไปเพราะสีหน้าเธออ่อนลงนิดนึ่ง
 
“โธ่ พี่ธารจำรุ่นน้องในคณะไม่ได้หรอคะ น่าน้อยใจนะค่ะเนี่ย” เธอบอกและสบแก้มใสลงกับแขนผม ผมกระตุกยิ้มกับไอ้แมนเป็นอันรู้กันว่าเธอไม่ใช่แค่เข้ามาทักแน่นอน
 
“โทษทีนะ ผมคงต้องปลอบใจหรือเปล่า” ผมบอก ก้มลงกระซิบข้างหูเธอ และหันไปยักคิ้วกับเพื่อนสนิท เสือมันไม่ทิ้งลายยิ่งมีเหยื่อมาป้อนถึงปากด้วยแล้วล่ะก็ หึ ไม่งับก็บ้าแล้ว
 
อันที่จริงก็ดีเหมือนกัน ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายอาทิตย์แล้ว(อีธารเป็นตัวอะไรวะ) ตอนอยู่เมืองนอกพอจะแอบๆย่องลีวายส์ไปได้บ้าง แอบคิดในใจว่า กูเหมือนหนีเมียไปเที่ยวหญิง ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นเลย
 
“ก็ดีค่ะ....จุ๊บ” เธอนั่งลงบนตักผม ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะเรียนนิติจริงๆ แต่อะไรก็ช่าง เพราะตอนนี้เธอบางยกมือขึ้นโอบเอวผมแล้ว หึ มือไวกว่าผมซะอีก
 
“กูเป็นอากาศเลยว่างั้น เหอะๆ” ไอ้แมนบอกและเค้นหัวเราะออกมา ก่อนที่มันจะลุกขึ้นไปทักทายคนรู้จักของมัน
 
ผมนั่งคลอเคลียกับสาวร่างเพรียวต่อ จากโอบเป็นกอดจากกอดเป็นลูบจากลูบเป็นจับนั่นโน้นนี้ จนกระทั้งหอมและจูบ โดยไม่ได้สนใจสายตาจากคนอื่นๆที่มองมา
 
“พี่ธาร!!!!!” บางทีผมก็หูแว่วบ่อยๆ
 
“พี่ธาร!!!!!”
 
ผลัก!
 
“เฮ้ย!!!” จู่ๆ ร่างเพรียวบางบนตัวผมก็โดนใครบางคนผลักออกไป จนเธอล้มลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผมหันไปมองตัวต้นเหตุที่ว่า......
 
“พี่ธารทำแบบนี้ได้ไงฮะ ลีวายส์ไม่ชอบ!!! ไม่ชอบ!!! ไม่ชอบที่สุด!!!” ลีวายส์ร้องบอกและเข้ามาดึงแขนผมที่กำลังก้มลงไปช่วยเธอคนนั้นที่ผมก็ยังไม่รู้จัก(อยู่ดี)ให้ลุกขึ้น
 
“ลีวายส์!!! นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็กนะ กลับขึ้นไปข้างบน!” บอกเสียงเข้ม เพราะรู้สึกรำคาญ เมื่อมีคนเริ่มมอง ลีวายส์นิ่งเงียบไป ผมเลยดึงแขนร่างเพรียวบนพื้นขึ้นมาโอบเอวไว้เพราะเธอเมาไม่น้อย
 
ผลัก!!!
 
ลีวายส์เข้ามาผลักร่างเพรียวออกจากผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ ไอ้แมนที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมพอดีรับไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงพื้นอีกครั้ง
 
“ลีวายส์ ไม่ชอบ!!!! พี่ธารใจร้าย!!!! ลีวายส์เกลียดพี่ธาร!!!!!”
 
เพี้ย!!!!
 
ทุกอย่างหยุดชะงักและเงียบลงแม้แต่เพลงในร้านก็เช่นกัน คล้ายกับว่านาฬิกาหยุดเวลาไว้ ลีวายส์หน้าหันตามแรงปะทะที่เกิดขึ้น แก้มใสด้านซ้ายของลีวายส์ขึ้นสีแดงเท่าฝ่ามือ
 
คำว่าเกลียดของลีวายส์ทำให้ผมโกรธจัดจนต้องเหวี่ยงมือออกไป โดยไม่คิดและไม่รู้ว่าแรงแค่ไหนแต่มันคงมากพอที่จะทำให้น้ำใส่ๆไหล่ออกมาจากร่างเล็กตรงหน้า
 
ผมก้มลงมือฝ่ามือขวาของตัวเองที่ไม่เคยตีมันเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าผมจะด่าจะว่าลีวายส์แรงแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือถึงขนาดนี้มาก่อน มารู้ตัวอีกทีผมก็ทำมันลงไปซะแล้ว
 
“ไอ้ธาร......” เสียงไอ้กายดังขึ้นด้านหลังของลีวายส์ มันกำลังจะเข้ามากอดลีวายส์ไว้แต่ไม่ทัน ร่างเล็กวิ่งแทรกตัวผ่านผมขึ้นไปบนขึ้นบนเสียก่อน
 
“มึงทำเกินไปนะ กะอีแค่ผู้หญิงเหี้ยๆคนเดียว มึงถึงต้องตบลีวายส์ ปล่อยมือจากอีนี้เลยไอ้แมน!!!!” ผลัก!
 
“กูเปล่านะ เค้ามาเอง” ไอ้แมน ไอ้แมนปล่อยร่างเพรียวในอ้อมแขนทันทีและมองตามไอ้กายที่เดินผ่านมันตามลีวายส์ไป
 
ผมผิดจริงหรือ ใช่ แต่ก็ไม่เคยเห็นลีวายส์โกรธจนต้องพูดคำว่าเกลียดผมออกกมา  ผมรู้ว่าลีวายส์แค่โกรธถึงได้พูดแบบนั้น เพราะถ้ามันเกลียดผมขึ้นมาจริงๆ ลีวายส์คงไม่ทนอยู่กับผม และผมจะทำมากกว่าตบซะอีก
 
ผมถอนหายใจออกมาแรงๆและพาร่างตัวเองขึ้นไปข้างบน หน้าห้องพักของไอ้เซฟมีไอ้กายกับพี่หมอยืนอยู่ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่แกมาตอนไหน พี่หมอมองผมนิดๆก่อนจะพยักหน้าไปทางประตู
 
“ลีวายส์ เปิดประตูให้พี่กายนะคับ คนดี เดี๋ยวพี่กายพาไปซื้อรองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้านะคับ เอาเยอะๆเลยก็ได้ นะๆๆๆ เปิดประตูให้พี่กายคนหล่อนะคับ” ไอ้กายเหมือนยืนพูดบ้าคนเดียวอยู่กับบานประตูยังไงยังงั้น เพราะไร้เสียงตอบรับใดๆจากร่างเล็กภายใน
 
ลีวายส์เลือกที่จะเข้ามาหลบในห้องนี้เพราะคงรู้ว่าไอ้เซฟกลับไปแล้วและเราก็ไม่มีกุญแจเปิด ไอ้เซฟไม่ได้ล็อกห้องเพราะมันไม่ได้เก็บอะไรไว้เลยข้างในเป็นแค่ห้องนอนเปล่าๆ
 
พี่หมอดึงแขนไอ้กายออกจากหน้าประตู มันหันไปค้อนใส่ก่อนจะหันมามองผมอย่างโกรธเคืองสุดๆ เอ่อๆ ลูกมันมันรักมาก ตามใจมากถึงได้เป็นแบบเนี่ย
 
“ลีวายส์ ออกมาเดี๋ยวนี้!!!” ผมบอกเสียงดัง ไม่มีทางที่มันจะไม่ได้ยิน
 
“ไอ้ธาร มึงพูดดีๆไม่เป็นหรือไงห๊ะ!!!”
 
“นี่กาย....มันเรื่อง............”
 
 
“หยุดเลยไอ้ห.....!!!!  เอ่อ โทษที......ก็น้องมันเสียใจนี่ ถ้าเป็นกูบีบคอตัวเองตายไปแล้วเว้ย”
 
“ก็เรื่องของไอ้ธารให้มันจัดการเองนา ไปเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
 
“ไม่ กู...!!!  เอ่อ ผมจะกลับเอง กลับไปเลยไป....ไอ้ธารถ้ามึงยัง.....”
 
“กลับไป!!!!!” ผมบอกอย่างสุดจะทน “ทั้งคู่เลย ผมฝากไปส่งมันด้วย รำคาญ” ผมบอก ทำให้ทั้งไอ้กายและพี่หมอ กลอกตาและพากันเดินลงไปแต่ก็ยังไม่วายจะเถียงกันตลอดทาง
 
ผมว่า....ลีวายส์คงไม่ยอมเปิดประตูออกมาง่ายๆแน่นอน ผมควรปล่อยให้มันสงบลงก่อนและผมเองก็เช่นกัน ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหลังพิงบานประตู
 
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
 
“ถ้ามึงไม่ได้เกลียดกูก็เปิดประตูออกมา ลีวายส์” ผมบอก และไม่นานประตูก็ถึงเปิดออกโดยร่างเล็กข้างใน
 
ผมยืนขึ้นมองร่างเล็กที่ยังคงสะอื่นไห้ไม่หยุด ดวงตาที่กำลังมองต่ำลงพื้นแดงและบวมช้ำ รอยฝ่ามือบนใบหน้ายังคงตอกย้ำได้ดีว่าผมเป็นคนทำมันลงไป
 
“อึกๆ ....อืออออ....อึกๆ” ผมดึงลีวายส์เข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนร่างเล็กตัวบางแทบจะเข้ามาสิงเป็นร่างเดียวกับผม ศีรษะของลีวายส์อยู่แค่ปลายคางผมเท่านั้น
 
“อึกๆ พี่ธาร.....ตบ อึกๆ อึก  ลีวายส์” ร่างเล็กบอกเสียงสั่น มันทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ กับคำพูดนั่น
 
“อย่าพูด ว่าเกลียดอีก เข้าใจมั้ย” ผมบอกและก้มลงกดจมูกกับเส้นผมนุ่มๆของร่างเล็ก
 
“ลีวายส์ อึกๆ อึก โกรธ...พี่ธาร อืออออ” ลีวายส์บอกอีก ถึงแม้ว่าปากเล็กจะพูดบอกว่าโกรธแต่เรียวแขนของมันก็ยังคงกอดเอวผมไว้แน่นและแน่นมากขึ้น
 
“ครับ พี่ก็โกรธเหมือนกัน” ผมก้มลงกดจูบเปลือกตาช้ำบวม และจูบซบน้ำตาที่ยังคงไหล่ออกมาไม่ขาดสาย ผมเกลียดน้ำตาของลีวายส์แต่เกลียดมากกว่าถ้ามันจะไหล่ออกมาเพราะผมทำมันเจ็บอย่างตอนนี้
 
“อึกๆ อึก อืออออออ อึก  อือออออออ” ผมปล่อยให้ลีวายส์ร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะอุ้มร่างเล็กไปนอนบนเตียง ลีวายส์ร้องไห้จนเผลอหลับไป
 
 
“เป็นไง ลูกหลับแล้วหรอวะ” ไอ้แมนถาม ผมเข้ามาให้ห้องทำงานอีกครั้งเพื่อจะมาเก็บของ อีกเดี๋ยวผมจะกลับแล้วปล่อยให้ไอ้แมนปิดร้านก็แล้วกัน อีกหนึ่งชั่วโมงร้านจะปิด
 
“ลูกพ่อง เฮ้ออออ กูกลับล่ะ มึงกลับไงเอารถมาใช่มั้ย” ผมถามและเก็บของตัวเองอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวลีวายส์ตื่นมันจะโว้ยอีก
 
“เปล่า มีคนมารับ” มันยักคิ้วให้ผมอย่างกวนส้นตีน ดูเหมือนเดี๋ยวนี้มันจะอารมณ์ดีสุดในพวกเรานะ หรือมันมีเด็กใหม่ หึ!
 
“งั้นกูไปล่ะ ถ้ามีเด็กใหม่ ก็บอกเพื่อนมั่งอะไรมั่ง” ผมพูดแค่นั้นและออกมาเลย ปล่อยให้มันนั่งยิ้มหื่น บ้าอยู่คนเดียวก่อนจะเดินมาอุ้มลีวายส์ไปขึ้นรถขับกลับคอนโด
 
“ลีวายส์.......ลีวายส์...........ลีวายส์ตื่นครับ  ถึงบ้านแล้ว จุ๊บ!!!” ผมบอกหลังจากที่ลงจากรถมาเปิดประตูทางด้านลีวายส์ที่ยังนอนหลับไม่ยอมตื่น มีจุ๊บปลุกนิดนึ่ง
 
“อื่มมมม......อึกๆ พี่ธาร....อึกๆ อึก อุ้มลีวายส์นะฮะ” นั่นไงกูว่าแล้ว พองอแงล่ะแบบนี้ทุกที
 
“ลีวายส์ ลุก โตแล้วไม่ใช่หรือไง ลุกเร็ว” ผมบอก ลีวายส์ปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะทำปากยื่นหน้างอในแบบฉบับของมัน   มันน่า.......นัก นี้ถ้าผมไม่ทำมันร้องล่ะก็จะทิ้งไว้ตรงนี้จริงๆ  จริงๆนะ เชื่อสิ (เชื่อเค้าหน่อย)
 
แทนที่จะอุ้มผมก็แบกร่างเล็กขึ้นหลังแทน มันจะเหมือนในหนังเกาหลีได้ไงล่ะ ก็มันแบกขึ้นลิฟต์ไม่ใช้เดินริมถนนแล้วจะมีหิมะโปรยปรายนะ(พูดซะเห็นภาพ) 
 
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลา ตีหนึ่งแต่ก็ยังมีคนอยู่นะครับ มีคนขึ้นมาพร้อมผมสองคน ไอ้ลิงบนหลังมันจะอายทำไมล่ะในเมื่อมันหลับ กูสิอาย
 
“ลูกหรือครับ” ผู้ชายคนหนึ่งถาม ดูเหมือนเค้ายังเป็นเด็กมหาลัยอยู่เลย ข้างๆเค้าเป็นผู้ชายเช่นกันมันมองผมนิดๆและกลับไปมองคนถามด้วยสายตาคมๆ
 
“เปล่า” ผมบอกแค่นั้น
 
“มึงไปยุ่งอะไรกับเค้าล่ะ ไปได้แล้วถึงแล้ว” ผู้ชายอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะดึงแขนเพื่อน(หรือเปล่า)ตามไป
 
(โธ่ ไอ้ดราฟ ถ้าไม่ใช่ลูก ก็เป็น....แฟนไง น่ารักดีออกดูดิ ทำไมมึงไม่แบกกูมั่งอ่ะ) มันเดินออกไปแล้วครับ มันกระซิบกันสองคนนั่นแหละแต่ดูเหมือนมันจะคิดดังไปนะ =_=;;
 
 
“ลีวายส์ ไปอาบน้ำไป จะได้นอนสบาย” ผมบอกหลังจากที่วางร่างเล็กลงบนเตียงกว้าง ลีวายส์เลยบิดตัวหนีไปนอนอีกฝั่งของเตียงทันที
 
“ไม่เอา ลีวายส์ยังโกรธพี่ธารอยู่ อึกๆ ลีวายส์เจ็บรู้มั้ย  อึกๆ อืออออ เจ็บมากด้วย!!!” เอาอีกแล้วเพิ่งจะหยุดไปได้ไม่ถึงชั่วโมงร้องอีกล่ะ
 
“ครับๆ พี่.....ขอโทษ” ผมนั่งลงบนเตียง ดึงมันเข้ามากอดก่อนจะพูดบอก “แต่คราวหน้าห้ามพูดว่าเกลียดพี่อีกไม่งั้น พี่จะทำมากกว่านี้ เข้าใจหรือยัง” ผมบอกและก้มลงหอมแก้มใสตรงรอยฝ่ามือแดงเบาๆที่ผมเป็นคนทำไว้
 
“ฮะ พี่ธารก็.....อย่า.....ยุ่งกับผู้หญิงด้วยสิฮะ ลีวายส์ไม่ชอบ”ลีวายส์พูดเสียงอุบอิบอยู่ในอ้อมแขนผม
 
“ครับๆ ไม่ยุ่งแล้ว จะไม่ยุ่งให้เห็นแล้ว โอเคยัง” ผมบอกสบตากับร่างเล็กเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง ลีวายส์พยักหน้าน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นมานั่งคร่อมตักผม อยู่ท่านี้แล้วใจสั่นทุกที =,.=
 
“ถ้ามีอีก ลีวายส์จะทำเหมือนพี่ธาร” ลีวายส์พูดบอกเชิดหน้าใส่ผมเล็กน้อย มันกอดอกด้วย
 
“ยังไง”
 
“ก็จะไปจูบกับคนอื่นมั่งไง คอยดูดิ” หึๆ เนี่ยนะความคิดเด็กๆของมัน เคยถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าจูบเป็นมั้ย ถึงแม้ว่าเราจะจูบกันบ่อย(มาก)ก็เถอะ
 
“ก่อนที่จะไปจูบคนอื่น.........เดี๋ยวพี่จะสอนให้จูบเก่งๆก่อนมั้ยครับน้อง” ผมเอนหลังพิงหัวเตียงและไม่ลืมที่จะดึงมาตามมาประกบปากกับผมอย่างรวดเร็วและเริ่มบทจูบร้อนแรงสลับกับนุ่มนวลปะปนกันไป 
 
 
แต่อย่าคิดนะ ว่าบทเรียนผมจะจบลงง่ายๆ เพราะไม่ใช่แค่จูบแน่นอนที่ผมจะสอนให้ลีวายส์ แต่ตอนนี้แค่นี้ก่อนเพราะเดี๋ยวคนอ่านจะสติแตก 5555555 (อีธารหัวเราะอย่างชั่วร้าย)
 
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>>
 
ลีวายส์สิบห้าแต่เหมือนสิบขวบเราจะทำยังไงดีนะ

ขอโทษที่ช้าค่ะ

เราไม่ได้ซีเรียสเม้นค่ะ แต่อย่างน้อยๆเราก็จะได้รู้ว่าคนอ่านชอบยังไง

ไม่ชอบยังไงและต้องปรับตรงไหนบ้างค่ะ

ขอคุณที่ติดตามนะคะ คนอ่านน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 11-05-2014 21:32:55
 :pig4: ยังติดตามและรออ่านตอนต่อไปอยู่นะ ส่วนเรื่องอายุของลีวาย เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่า มันเด็กกว่า 15 พอสมควรเลย อาจจะต่ำกว่า 10 ขวบด้วยมั้ง แต่ไม่เป็นไร สนุกดี แต่ขอกระทืบไอ้พี่ธารตอนนี้หน่อยเถอะ กล้าดียังไงมาตบลีวาย ทั้งๆ ที่พฤติกรรมตัวเองต่างหากที่สมควรโดนตบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Pednoiinnocent ที่ 12-05-2014 01:39:01
มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2014 02:51:52
สอนอะไรกันบ้างให้รู้ด้วยสิ :hao3: แหมตอนนี้ลีวายส์น่าจะโกรธอีพี่ธารนานๆหน่อยน่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 12-05-2014 09:48:32
ระวังตัวนะอีธาร กล้าตบหนูลิวายได้ไงอะ
เดี๋ยวแม่ยกลีวายจะกินหัว
ที่สัญญาเนี่ยคือจะไม่ยุ่งให้เห็น
คือถ้าลีวายไม่เห็นก็จะทำ??

เดี๋ยวฉันจะฟ้องน้องแน่ๆ ดูแลน้องดีๆหน่อย น้องออกจะรักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 12-05-2014 10:47:26
สงสารลีวาย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 12-05-2014 13:30:02
ใจหล่นวูบเลย ตอนธารตบน้อง
ฮึ่ยยยยยย  :z6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 12-05-2014 18:15:47
 :z1: พี่ธารทำไรเด็กคะ555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 16(11/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 12-05-2014 18:59:03
เกิดอาการหึงขั้นรุนแรงกันเลยทีเดียว

ลีวายน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 13-05-2014 09:41:33
Older Brother.....17
 
 
“ขอบใจ ดีนะที่มึงกลับมา ไม่งั้นกูคงได้เดิน แม่ง” ผมบอกกับเพื่อนสนิทที่เพิ่งมาส่งผมอย่างเซ็งๆ ดีที่มันพาผู้หญิงกลับมานอนที่ร้าน ไม่งั้นผมคงต้องเดินกลับ ตีสามคงมีรถให้ผมกลับหรอกนะ เหอะ!
 
“เออๆ เดี๋ยวนี้นอนคอนโดด้วย?......งั้นกูไปล่ะ”
 
“เออ ขับรถดีๆ” ผมบอก ไม่นานไอ้เซฟก็ขับรถมอไซค์บิ๊กไบค์ สีเพลิงออกไปจากหน้าคอนโด  ก็อย่างที่รู้กันว่าผมมีคอนโดแต่ไม่ค่อยมานอนเท่าไหร่ส่วนมาจะใช้ห้องพักของสนามแข่งรถมากกว่า แต่ว่าหลายวันมานี่ผมกลับทุกคืน!
 
ผมขึ้นมายังห้องพักสุดหรูของตัวเองและหวังว่าคนที่อยู่ภายในห้องจะยังไม่หลับหรือมันอาจจะหลับแล้วแต่ผมจะปลุกมัน เพราะสามชั่วโมงก่อนมันบอกว่าจะไปรับผมแต่พอถึงเวลา แม่ง ปิดเครื่องเฉยเลย เหี้ยจริงๆ นิสัย
 
ผมเปิดประตูเข้ามาให้ห้องกว้างพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ ไร้วี่แววของคนภายในห้อง ผมจึงเดินเข้าไปในห้องนอนที่ที่มันน่าจะอยู่
 
ผมผงะไปเมื่อเปิดประตูเข้ามากลับพบว่ามันว่างเปล่า มันไปไหนของมันเนี่ย ปัง!!!! ผมตุบกำหมัดกับบานประตู ก่อนจะเดินออกมา เมื่อกี้รถผมก็ยังจอดอยู่แล้วมันไปไหนของมันวะเนี่ย
 
กึก!!!
 
ผมชะงักผีเท้าเมื่อเดินออกมาและเห็นว่าผ้าม้านบานประตูระเบียง กำลังปลิวไหวเพราะลมด้านนอกก่อนจะเห็นควันบุหรี่จางๆลอยขึ้นมาผ่านบานกระจกใส เมื่อกี้มันทำให้ผมใจวูบ(?)แล้วนะ
 
ผมหยุดยืนกอดอกพิงบานประตูกระจกเลื่อนมองร่างบางที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายอกสบายใจโดยไม่สนใจคนที่กำลังรอให้มันไปรับเมื่อชั่วโมงก่อน กูแอบดีใจแล้วนะที่มันรับปากแต่พอมันไม่ไป กูโกรธสัดๆ
 
“ทำไม มึงไม่ไปรับกู” ผมใช้เท้าเตะมันเบาๆ ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยหางตาก่อนจะดึงบุหรี่ที่คาบอยู่ออก
 
“กูนึกขึ้นได้ว่า.......ขี้เกียจ” ดูมันตอบครับ น่าเอาปากตบปากนะว่ามั้ย
 
“เหอะ! ดีนะมึง ปากดีไปเหอะ” ผมบอกและเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ปล่อยให้แม่งมันนั่งเมาควันบุหรี่ไป เดี๋ยวกูอาบน้ำแป๊บ แล้วเรามารบกัน!!!
 
ผมใช้เวลาในการอาบน้ำราวๆยี่สิบนาที ออกมาก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเข้ามานอน เลยออกไปดูอีกที ปรากฏว่ามันหลับครับ หลับบนพื้นระเบียงนั้นแหละเอาแขนหนุนหัว ข้างๆมีก้นบุหรี่เต็มไปหมดผมว่าเกือบๆซองได้มั้ง
 
“โอ๊ต!   โอ๊ต! .......เข้าไปนอนข้างใน” หึ! ฟังไม่ผิดหรอกครับว่าเป็นใครโอ๊ตจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันคิดอะไรอยู่ถึงได้ตอบตกลงมาอยู่กับผมในวันนั้น แต่ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกยิ่งกว่าถูกหวยร้อยล้านซะอีก
 
“อื๊อออออ......” ร่างบางครางรับในลำคอและพลิกตัวหนีฝ่ามือผมที่กำลังเขย่าตัวมันเบาๆ หึ! คิดไปคิดมา ตรงระเบียงนี่มันก็...........
 
ผมก้มลงมองเรียวหน้าที่ตะแคงหันเข้าข้างฝา ใช้ลิ้นร้อนไล่เลียใบหูร่างบางก่อนจะงับเบาๆจนมันต้องหดคอหนี จากนั้นก็สอดมือเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางของผมที่มันเอามาใส่และลูบไล่ไปตามแผ่นหลังเนียนลื่นมือ
 
“ถ้าไม่ตื่น กูจัดตรงนี้นะครับ คุณโอ๊ต!” ผมกระซิกบอกเพียงแค่นั่นก่อนจะ...
 
โป้ก!!!! 
 
“อย่าเยอะ....ไอ้สัด!!!” มึนครับมึน เห็นดาวเลยกู ก็มันเล่นเหวี่ยงฝ่ามือใส่หัวผมเต็มๆ ยัง...ยังไม่พอ โขกฝาเต็มๆด้วย
 
กูไม่เจ็บก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ และอย่าหวังว่ามันจะสำนึกผิดถึงขนาดผมเลือดออกมันยังไม่สนเลย ก็เมื่อสามวันก่อน มันเหวี่ยงมีดมาบาทแขนผมเพราะผมแย่งแอปเปิ้ลมันมากิน ยังเป็นรอยอยู่เลยเนี่ย มันยังขำ
 
“มึงนี่มัน..........” ผมนั่งมึนอยู่พักใหญ่ ระหว่างนั้น ผมก็สูบบุหรี่ไปพลาง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคนแล้วยิ่งกับมันด้วยแล้ว......คือผมไม่เคยตามใจใคร แล้วดูมันทำซิ
 
จะกินข้าวทีกูก็ต้องสั่งมาให้ จะสั่งเองมันก็ทำเฉย เผลอๆมันก็ไม่กินเลยด้วยซ้ำ ผมจึงต้องสั่งข้าวให้มันทุกวันถึงแม้ว่าผมจะอยู่สนามแข่งหรือทำงานอยู่ข้างนอกก็ตาม บางทีก็รำคาญแต่เพราะความรู้สึกบางอย่างที่ผมมีให้มันมากว่าทำให้ผมเลือกที่จะมองข้ามความรำคาญไป
 
“เฮ้ออออ........” ผมถอนหายใจเมื่อเห็นว่าร่างบางนอนหลับอยู่บนเตียง ผมกดดูนาฬิกาจากโทรศัพท์ พบว่าจะตีสี่แล้ว วันนี้รู้สึกเหนื่อยผมว่าเลิกเล่นกับมัน นอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะหยุดงานสักวันกันแล้วกัน
 
ผมล้มตัวลงนอนข้างๆร่างบางก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทั้งมันและผมจนถึงอก ก้มลงกดจูบเน้นๆกับปากสีสดของร่างบางที่นอนหันหลังให้ จากนั้นก็กอดเอวร่างบางไว้ก่อนจะหลับตาลงซุกหน้ากับท้ายทอยของมัน
 
“ฝันดี...........” ฟอด!!
 
 
 
 
ผมขยับแขนที่กำลังกอดใครสักคนอยู่ เบาๆ ก่อนจะยกขึ้นมาเปิดผ้าห่มออก ปรือตาขึ้นนิดๆและเห็นแสงสว่างรางๆ ไออุ่นจากคนข้างกายทำให้ผมไม่อยากลุกออกจากที่นอนเลยจริงๆ ผมก้มลงไปซุกหน้ากับต้นคอมันอีกครั้ง
 
“อืออออออ.....” รางบางพลิกหันหน้าเข้าหาผมทั้งที่ดวงตาเรียวสวยยังคงปิดสนิท หึ! ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะกดจูบปากสีสดเน้นๆสองสามที
 
ผมเพิ่งจะรู้ว่าโอ๊ตอายุน้อยกว่าผมสามปีก็ตอนที่ผมเห็นบัตรประชาชนมันในกระเป๋าตังเมื่อวันก่อน และก็เพิ่งรู้ว่ามันยังเรียนยัง ป.ตรี ปีสี่อยู่เลย
 
โอ๊ตบอกว่าต้องมาเรียนที่นี่และกลับไปทำงานกับพี่ชายมันจึงต้องขับรถไปมาบ่อย มันไม่มีคอนโดก็เลยต้องนอนพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่พี่ชายของมันร่วมหุ้นอยู่กับเพื่อน
 
ผมมองเรียวหน้าใสที่ยังคงนอนหลับโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ผมกดจูบลงอีกครั้งพร้อมกับมือที่กำลังไล่ลูบขามันเบาๆก่อนจะบีบเค้นแรงๆตรงสะโพกกลม เพี้ย!!!! ตบครับ ไม่ใช่ผมตบมันนะ มันตบผม
 
“กูเจ็บนะ.........”ผมบอกและแกล้งมุดเข้าไปในผ้าห่มแต่มันหารู้ไม่ว่ากูกำลังซุกหน้าลงไปกับแผงอกมัน
 
“ปล่อย......ไม่งั้นกูถีบ....อ๊ะ!!!” คนปากดีร้องเสียงหลงเมื่อผม ขบกัดยอดอกมันแรงๆ จนร่างบางยกมือขึ้นดันหัวผมออก
 
“ใครใช่ให้มึงใส่กางเกงกูเนี่ย.......” ผมพูดเสียงอู้ยี่อยู่กับแผงอกมันเพราะกางเกงที่มันใส่อยู่เป็นบ๊อกเซอร์ขากว้างของผม ซึ่งผมสอดมือเข้าไปใด้สบาย
 
“ปล่อย...........อ๊ะ!!!...ไอ้เลว.....” ยิ่งมันด่าว่าผมก็ยิ่งขบกัด มือร้อนลูบไล่เข้าไปในโคนขาก่อนจะกลับออกมาดึงขอบบ๊อกเซอร์ลง ที่นี้มันก็เปลี่ยนจากดันหัวผมออก มาเป็นตบหัวผมรั่วเลยครับ หื่มมม.....กูทนไม่ไหวแล้วนะ!!!!
 
“เน้!!!.....ตบอย่างกะลูกบอลเลยนะมึง” ผมผุดลุกขึ้นและจับล็อกแขนมันกดลงกับที่นอน โอ๊ตมันไม่ยอมผมง่ายๆหรอกนอกจากต้องใช้กำลัง
 
“ไอ้เหี้ย ปล่อยกู.....กูมาอยู่กับมึง ใช่ว่ามึงจะทำอะไรกับกูก็ได้นะ ปล่อย!!!” เหอะ เดี๋ยวรู้กันว่าทำได้หรือไม่ได้
 
“โธ่......โอ๊ต” ผมพูดเสียงอ่อน หลังจากขึ้นคร่อมร่างมันไว้และฟุบหน้าลงกัดซอกคอของมัน “กูไม่ทำมาหลายวันแล้วนะ.....มึงก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”ผมพูดในขณะที่มือผมก็ยังคงล็อกแขนมันไว้
 
“เรื่องของมึง....กูไม่ได้อุบาทต์เหมือนมึงนี่” จัดมาอีกดอกครับแต่ผมไม่เจ็บยังยิ้มได้อยู่ ผมเลยเริ่มปฏิบัติการ ขยับท่อนล่างเบียดเสียดกับกลางตัวของมันช้าๆ จนมันเบิกตากว้าง เช้าๆแบบนี้ของใครไม่ตื่นก็ตายด้านล่ะครับ หึ
 
“อ๊าาาาา........จ๊วบ!!!!....งั้นมึงก็ทนให้ได้แล้วกัน กูจะอยู่ท่านี้แหละ” ผมแกล้งครางก่อนจะดูดจูบซอกคอมันแรงๆจนเกิดรอย โอ๊ตกัดฟังมองหน้าผมอย่างโกรธเคือง
 
“อื๊อออออ.....ไอ้เหี้ย!!!” ผมมองใบหน้าหวาน ที่กำลังกัดริมฝีปากตัวเองเพราะกลางตัวกำลังตื่นขึ้นมาเบียดเสียดกับผม จากนั้นจะรออะไรล่ะมาถึงขนาดนี้ก็เอาสิครับ
 
ผมก้มลงฉกจูบริมฝีปากสีสดเน้นๆและแรงๆตามอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนมุมปากมันแตกและมีเลือดซึมออกมานิดๆ ก่อนจะให้เท้ารูดบ๊อกเซอร์ของมันที่ผมดึงค้างไว้ตรงต้นขาตั้งแต่แรกออกหลุดออกจากปลายเท้า
 
“มึง....จำไว้....อ๊ะ!!!!” มันยังปากดีเห็นมั้ยล่ะ พอผมล่ะปากออกมันก็ด่าทันที
 
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจคำด่าทอของมันแล้ว ผมรวบมือมันไว้ด้วยมือข้างเดียวกันมันลุกหนี ยกตัวขึ้นเล็กน้อยรีบถอดบ๊อกเซอร์ของตัวเองออกและหันกลับมาสนใจมันที่กำลังหันหน้าเสมองไปทางอื่น ใบหน้าใส่ขึ้นสีแดงไปถึงหู
 
“อายอะเด้........จ๊วบ!!!” ผมแกล้งกระซิบข้างหูมันก่อนจะดูดจูบริมีปากแรงๆอีกครั้ง ปากสีสดเปิดปากให้ผมสอดลิ้นร้อนเข้าไปลิ้มรสความหวานภายในอย่างง่ายดายจนน่าแปลกใจ
 
“อ๊ะ!!!!....มึง” เพราะมันกัดลิ้นผม ผมเลยมือไวยกขึ้นง้างจะตบมันแต่ต้องหยุดมือไว้เมื่อร่างบางหลับตาพร้อมรับ เหมือนมันจะรู้ว่าเดี๋ยวผมต้องตบมันแน่ มันทำให้ผมใจหายวูบ ถ้าเป็นเหมือนทุกทีผมคงตบมันไปแล้ว
 
ผมก้มแลบลิ้นเลียริมฝีปากของมันทำให้ร่างบางลืมตาขึ้นมอง ก่อนที่ริมฝีปากเราผลัดกันรุกจูบไปมาอย่างรุนแรงและดูดดื่ม จนไม่เหลือลมหายใจที่เก็บกักไว้ก่อนจะผละปากออก
 
“อื๊อออออ......ซีดดด” โอ๊ตครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อผมเลิกเสื้อของมันขึ้นมากองไว้เหนืออกก่อนจะลงลิ้นกับยอดอกที่กำลังชูชัน ทั้งดูดดึงขบกัดและไล่ทำรอยรักไปทั่วทุกที่ที่ริมฝีปากลากผ่าน
 
ตอนนี้เลือดในตัวผมสูบฉีดส่งผลให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติยิ่งกว่าตอนที่มีเซ็กกับเด็กๆของผมซะอีก
 
“อ๊าาาาา.......มึงทำให้กูคลั่ง....ซีดดด...โอ๊ต” ผมบอกก่อนจะขยับสะโพกเบียดเสียดกับกลางตัวมันแรงๆ จากนั้นผมก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อดึงมันให้ลุกตาม “ทำให้ก่อน......จ๊วบ!!!.....ด้วยปากมึงน่ะ” โอ๊ตหน้าเหวอนิดๆก่อนจะเลียริมฝีปากของตัวเอง ภาพนั่นมันทำให้ผมดึงมันเข้ามาจูบแรงๆอีกครั้ง ใครใช่ให้มันยัวกู..... “เร็ว....”
 
“เหี้ย!!!....” มันบอกก่อนจะก้มลง มือมันสั่นนิดๆก่อนจะเกาะกุมแท่นร้อนของผมและรูดขึ้นลงช้าๆ ไม่นานปากสีสดก็ครอบครองแท่นร้อนของผมเต็มลำ
 
“อ่าาาาาาาา......ดีมาก......อื่มมมม” เหมือนมันจะรีบทำให้เสร็จๆเลยพยายามขยับให้เร็วที่สุดแต่มันไม่รู้เลยว่ายิ่งทำให้ผมคลั่งจนต้องเด้งสะโพกสวนขึ้นในบางครั้ง และไม่นานผมก็แตกคาปากมัน
 
“อึก........” โอ๊ตยกมือขึ้นปิดปากและทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ผมคว้าตัวมันไว้ซะก่อน
 
“เดี๋ยวๆ........ไปไหนครับ กลืนลงไปก่อนนา” ผมบอกและกอดรัดร่างบางไว้ไม่ยอมปล่อย
 
“อืออ.....”มันสั่นหัวท่าเดียวครับ และพยายามผลักผมออกให้ดี
 
“กลืนเร็ว.....เร็ว!!” ผมบอกก่อนจะดันร่างมันให้นอนราบลงกับเตียง “ยังไม่จบ ดูของมึงดิ” ผมบอก ทำตาเยิ้มพร้อมกับกัดปากตัวเอง
 
“อึก....ไอ้เหี้ย” แล้วมันก็ยอมกลืน....ลงคอจนได้ หึๆ ผมหัวเราในลำคอก่อนจะ ก้มลงไปกดจูบมันอีกครั้งเนินนานและร้อนแรงจนปากมันแตกอีกตามเคย
 
จากนั้นก็เริ่มเปิกทางสอดใส่นิ้วเรียวเข้าไปในตัวมันโดยใช้คราบน้ำรักของผมที่ยังหลงเหลืออยู่ ความอุ่นร้อนตอดรัดนิ้วผมตุบๆและถี่รัวจนผมต้องขยับนิ้วแรงๆ ทำเอาคนใต้ร่างสะดุ้งรับ ริมีปากร้อนทำหน้าที่โลมเลียให้ร่างบางเคลิบเคลิ้มไปพร้อมๆกัน
 
“อ๊ะ!.....กูเจ็บ.....อื๊อออ” ปากสีสดขยับด่า ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยเพราะความเสียวซ่านไปทั่วร่าง
 
“กูก็เจ็บ...........นั่งนะ” ผมบอก ดึงมันกลับขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะยกตัวมันให้นั่งคร่อมตักผมในขณะเดียวกันผมก็จับแท่นร้อนของตัวเองรับการกดตัวลงมาของมันที่กำลังกดลงช้าๆ ซีดดดด
 
 “อ๊ะ!!!  อ๊ะ!!!  อื๊อออออ.....” โอ๊ตครางเสียงหวานก่อนจะสอดแขนเข้ามาใต้แขนผม ร่างบางยกตัวขึ้นเร่งจะหวะมือไม้ของมันข่วนไปทั่วแผ่นหลังผมจะรู้สึกเจ็บ
 
“ซีดดด......อ่าาาาาา....เยี่ยมไปเลย อ๊า” ผมอุ่นร้อนในตัวผมตอดรัดถี่รัวมากขึ้น ผมจับบ่ามันไว้ก่อนจะบีบแรงๆและเผลอทำเล็บข่วนตรงหัวไหล่ด้านหลังของมัน
 
“อ๊ะ! อ๊ะ! .....อ๊าาาาาา” และไม่นานทั้งผมและมันตัวเกร็งก่อนจะปลดปล่อยพร้อมๆกัน โดยที่ผมไม่ได้แตะแกนกายมันเลยแม้แต่น้อย ร่างบางยังคงตอดรัดแทนร้อนภายในตุบๆและนั่งหอบหายใจแรงๆฟุบหน้าลงกับอกผม
 
“อย่าเพิ่งหมดแรงสิวะ......จ๊วบ! จ๊วบ!” ผมบอกก่อนจะดูดจูบไหล่ขาวๆของมันและจัดการเริ่มบทรักอันร้อนแรงอีกครั้ง..........คนมันไม่พอก็ต้อง ‘เอา’ อีกสิ หึ!!! (มันยักคิ้วกวนตีนด้วยอ่ะ)
 
 
 
ผมเดินผิวปากออกจากห้องน้ำอย่างอารมณ์เพราะรู้สึกเต็มอิ่มกับความสุขเมื่อสามชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่พาร่างบางเข้าไป อึ๊บอีกรอบในห้องน้ำก่อนจะล้างตัวให้ โอ๊ตยังคงนอนหลับเพราะหมดแรงไปกับกิจกรรมยามเช้าจนเกือบเที่ยงอยู่กับเตียงกว้าง
 
ผมเดินเช็ดหัวที่เปียกน้ำของตัวมาหยุดยืนมองร่างบางข้างๆเตียงก่อนจะนั่งลง ร่องรอยแดงช้ำบ่งบอกได้ดีว่าผมรุ่นแรงกับมันไม่น้อยเพราะบางที่มีแผลเล็กๆตรงรอยนั้นด้วย
 
งานแต่งงานของมันกำลังจะจัดขึ้นภายในสองเดือน แต่ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้มันยอมมาอยู่กับผม ผมว่าไม่นานพี่ชายมันต้องมาตามหาน้องชายเค้าเป็นแน่และถึงเวลานั้นผมควรจะปกป้องมันหรือเปล่านะ
 
ผมแตะนิ้วเรียวลงบนรอยแผลเล็กก่อนจะลูบไหล่ลงมาจนถึงหัวไหล่และก้มลงจูบรอยช้ำอย่างแผ่วเบา หึ! ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะหลงใหลบทรักของมันได้ถึงขนาดนี้  หรือจะมีอะไรนอกเหนือจากนั้น....ก็ไม่รู้สิ
 
ผมลุกขึ้นจะไปแต่งตัว แต่ปลายเล็กของผมเกี่ยวของกับเยื่อบางๆตรงไหล่มันติดมือมา ผมตกใจคิดว่าเผลอข่วนมันเข้าแล้ว เลยหันกลับไปมอง ตรงหัวไหล่ด้านหลังเป็นรอยเนื้อเยื่อบางๆขาดออกมาแต่ไม่มีเลือดออก
 
ผมขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะลูบเบาๆผ่านรอยนั่นเพราะไม่แน่ใจว่ามันจะเจ็บหรือเปล่า แต่มีเยื่อเหนียวๆติดเรียวนิ้วมาอีกและเผยให้เห็นลายเส้นเล็ก หึ! ผมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะดึงเยื่อบางๆนั้นออกช้าๆ หึ!
 
ผมลูบไล่ตัวอักษรที่ผมำได้ดีว่าเคยสักไว้เองกับมือและมันก็บอกว่าลบออกไปแล้ว แต่มันจะลบได้ยังไงในเมื่อหมึกที่ผมใช้มันลบไม่ออกแม้ว่าจะใช้เลเซอร์ก็ตาม
 
King Man
 
ผมจูบรอยสักอย่างแผ่วเบาก่อนจะกลับมาดูดจูบปากสีสดเน้นๆอีกครั้ง มึงกำลังทำให้หัวใจกูเปลี่ยนจังหวะการเต้นของมันรู้มั้ย โอ๊ต
 
 
วันอาบน้ำแตงตัวเสร็จกะว่าจะนอนซะหน่อยแต่เสียงแจ้งเมลล์จากโทรศัพท์ดันเตือนขึ้นมาเลยต้องลุกไปเปิดแมคบุ๊คดูและมันก็เป็นอันต้องนั่งทำงานอีกล่ะ ผมนั่งทำงานไปสักพักได้ยินฝีเท้าของคนภายในห้องลุกขึ้นเดิน เลยเอี้ยวตัวหันไปมองเพราะผมเปิดประตูห้องนอนไว้
 
ร่างบางหันมามองผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำแบบมึนๆ สักพักมันก็เดินออกมาและผ่านเข้าใปยังห้องครัว ผมยังไม่สั่งข้าวเพราะคิดว่าจะชวนมันไปกินข้างนอก
 
“ข้าวล่ะ” มันเดินออกมาพร้อมกับขนมปังสองแผ่นและนมหนึ่งแก้วก่อนจะนั่งค้ำหัวผมบนโซฟา ผมนั่งทำงานกับพื้นวางแมคบุ๊คไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาครับ
 
“เดี๋ยวออกไปกินข้างนอกกัน”
 
“ไม่ไป...” ทันทีเลยครับ ผมเหลือบมองมันนิดๆกะไว้แล้วว่ามันไม่ไปก็เลยเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แต่รู้มั้ยมันรีบหยิบไปซะก่อน
 
“เอามาสิ จะสั่งมาให้....อย่างกวน” ผมบอก และมันก็ทำเฉย
 
“ไปซื้อ....กูเบื่อข้าวที่มึงสั่งจะตายอยู่แล้ว อะไรก็ไม่รู้” ได้ข่าวว่านางใช้ให้ผมสั่งและไม่ยอมสั่งกินเองไม่ใช่หรอวะ
 
“แล้วมึงจะกินยังไง..........กูทำไม่เป็น” ผมบอกและหันมาสนใจงานตัวเองต่อ
 
“มึงไปซื้อที่ร้าน......นี่ที” =_=^
 
 
“กูเห็นว่าใช้งานมึงหนักหรอกนะโอ๊ตต.....” ผมพึมพำอยู่ในรถอยู่คนเดี่ยวขณะที่ขับรถวนอยู่สองรอบก็ยังไม่เจอร้านที่มันบอกซะทีจนรอบที่สามถึงจะเจอ แม่ง ป้ายหลบมุมฉิบ
 
“พี่แมน!” ในขณะที่ผมนั่งรออาหารที่สั่ง จู่ๆก็มีเด็กคนหนึ่งเดินมาทักผมที่โต๊ะ เป็นเด็กมัธยมปลายที่ผมรู้สึกคุ้นตา
 
“ครับ.....” ผมยิ้มให้ตามมารยาทและมองสำรวจร่างเล็กเพื่อจะนึกให้ออก ดูเหมือนเด็กนี่จะอายๆนิดๆก่อนจะนั่งลงกับเก้ายี่ข้างๆผม
 
“เอ่อ....พี่แมน  จำ....กัสได้มั้ยฮะ” ร่างเล็กบอกก้มหน้าอายๆนิดๆ เหอะ กัสไหนก็ไม่รู้กูจำไม่ได้แต่ว่า น่ารักดี
 
“ครับ ...... แล้ว กัสมากับใครล่ะ” ผมถามมองหน้าร่างเล็กยิ้มๆ ทำเนียนไหลตามน้ำไปก็แล้วกันกู
 
“ก็....มากับเพื่อนน่ะฮะ เห็นพี่แมนเลยเข้ามาทัก”
 
“หรอครับ...” ผมบอกและหันไปสนใจพนักงานที่เอาอาหารมาให้ “กัสสั่งอาหารหรือยังครับ”
 
“สั่งแล้วฮะ”
 
“งั้น เช็คบิลโต๊ะน้องคนนี้ด้วยนะครับ” ผมบอกกับพนักงานพร้อมกับยื่นบัตรให้เธอ ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยผมจึงบอกลากัส(ที่ยังจำไม่ได้)และมีของแถมเป็นเบอร์โทรของร่างเล็กออกมาด้วย หึ!
 
 
ผมขับรถกลับมายังคอนโดโดยใช้เวลาเพียงไม่นานและตรงขึ้นห้องทันที เปิดประตูเข้ามาก็พบกับความเงียบเหมือนเช่นเคยแม้ว่าจะมีใครคนหนึ่งอยู่ด้วย
 
“โอ๊ต.....” ผมเดินเข้าไปจัดกับข้าวใส่จานในห้องครัวก่อนจะออกมาหามัน หน้าโซฟาไร้วี่แววของร่างบาง ผมจึงเดินไปดูตรงระเบียงห้องและก็ยังไม่เจอ หรือมันจะเข้าไปนอนต่อนะ ผมเดินเข้ามาในห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้มองสำรวจไปทั่วห้องแต่กลับไม่เจออีก
 
ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นเล็กน้อยส่งผลให้ผมขบกราม ก่อนจะเดินไปดูในห้องน้ำ ปัง!!!! ความว่างเปล่าภายในทำให้ความโกรธของผมเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด มือผมคว้าขวดอะไรสักอย่างใกล้ๆมือปาระบายกับฝาผนังเข้าเต็มแรงจนแตกละเอียด
 
ไอ้โอ๊ต ถ้ามึงคิดจะไปทำไมมึงถึงได้ตกลงมาอยู่กับตั้งแต่แรก มันต้องการปั่นหัวผมเล่นหรือไงกัน มันคงรู้สินะว่ามันจะทำให้ผมบ้าคลั่งได้ขนาดนี้เลยคิดจะเล่นตลกกับผม อย่าให้กูเจอมึงนะ กูจะล่ามมึงไว้คอยดู สิ
 
บึก!!! ปัง!!!!  โครม!!!!
 
ผมออกมาจากห้องนอนก่อนจะเริ่มทำลายข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ที่เพิ่มพูนมากขึ้น ทั้งขวดแล้วแจกันกรอบรูป ตกแตกไปทั่วห้อง ไม่เว้นแม้แต่แมคบุ๊คที่ผมเพิ่งจะทำงานเสร็จก็ยังตกจากโต๊ะหน้าโซฟาที่ผมเพิ่งจะยกเท้าถีบมันไป ก่อนจะยืนกำหมัดแน่นและหอบหายใจกับความบ้าของตัวเอง
 
“โธ่เว้ย!!!!”
 
ปัง!!! / แกร๊ก...
 
ผมมองคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้อง มันยังใส่ชุดของผมอยู่และบ่งบอกให้ผมรู้ทันทีว่ามันไม่ได้หนีไป ความรู้สึกโกรธเมื่อกี้หายแวบไปจนหมด เมื่อเห็นหน้ามัน โอ๊ต ชะงักเท้ากับรีโมทที่ผมเพิ่งจะขว้างออกไปเกือบโดนมันเมื่อกี้และกวาดสายตามองไปรอบห้อง
 
“เอ่อ......คือ.......แมงสาปมันบินมาจากไหนก็ไม่รู้ กูเลยจัดการน่ะ” นาทีนี้จุกครับ ผมส่ายหน้ากับคำพูดบอกบ้าๆของตัวเอง
 
“เหอะ! คงตัวโตนะ ขนาดคอมมึงยังพังเลย” มันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม ในมือมันมีถุงเซเว่นมาด้วย =_=^
 
“อ้าว  เฮ้ย!!!.......” ตกใจสิครับ งานกูอยู่ในนั้น เหี้ย จำได้ว่ายังไม่ได้ส่งให้บริษัทเลย!!!!
 
 
 
 
“คราวหน้าไปไหนช่วยบอกกันมั่ง” ผมพูดในขณะที่นั่งทำงานใหม่โดยใช้กาแล็กซี่ โน๊ต สาม แทนแมคบุ๊คที่ตายห่าไปแล้ว โชคดีที่มีตัวช่วยเยอะ คิดแล้วก็เจ็บใจ(ตัวเอง)ว่ะ แม่ง
 
“กูยังไม่ได้ไปไหนเลย” มันบอกหน้าตาย ผมเหลือบมองมันด้วยหางตานิดๆก่อนจะส่ายหน้า เอือมๆ
 
“กูหมายถึงถ้าไป!!!”
 
“กูไม่ไปไหนหรอกนา!!!!!” ตะคอกกลับครับ ผมหมั่นไส้เลยลุกขึ้นจากพื้นมา ตบปากมันด้วยปากผมบนโซฟา หึๆ  ปล. อันที่จริงก็ใจชื้นกับประโยคที่มันตะคอกใส่ผมเหมือนกันนั่นแหละ คริคริ(?)
 
<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>

มาต่อแล้วจร้า  :mew1:  :mew1:  :mew1:

คาดว่าตอนที่แล้วพี่ธารคงจะโดนซะอ่วม   :mew2:   :mew2:   :mew2:

ตอนต่อไปเดี๋ยวมาต่อนะค้า รักคนเม้นคนอ่าน :L2:   :L2:   :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 13-05-2014 09:59:53
ชอบคู่นี้ ฮาร์ดคอมาก55555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 13-05-2014 12:52:32
คู่นี้ก็น่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2014 13:56:11
รุนแรงตลอดอะคู่นี้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 13-05-2014 15:04:50
 :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 13-05-2014 15:23:54
แนวโหดนะคู่แมนโอ๊ตเนี่ย แต่เราโคตรชอบ ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-05-2014 16:10:44
เหมือนจะโอเคแล้วนะคู่นี้ แต่แมนระแวงไปนิดนุงมั้ยอะ
ไปแค่เซเว่นเอง ทำลายข้าวของซะแหละ
อย่างี้เรียกว่ารัก โอ๊ตได้ยางงงงง (แซว :hao7:)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 13-05-2014 16:52:23
คู่นี้รักกันแบบดุเดือดจริงๆ5555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 13-05-2014 20:54:50
คู่โอ๊ตแมน กะโหด  ลีวายส์ยิ่งน่าร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 17(13/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 13-05-2014 21:57:52
คู่นี้ รักแบบโหดๆไปน่ะ
เมื่อไหร่ พี่ธารกะน้องลีวาย จะมีแบบ.... น้าาา  :katai2-1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18(16/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 16-05-2014 20:26:08
Older Brother.....18
 
 
“โอ๊ยยยยยยยย ทำไมมันไม่ถึงห้าล้านซะทีเนี่ย  อือ แง่ๆๆๆ” เสียงเด็กบ้ากำลังนอนขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงอย่างบ้าคลั่งอยู่บนโซฟาเพราะเกมในมือถือของผมที่มันโหลดมาเล่นเอง
 
“.........................” ผมปลายตาไปมองร่างเล็กนิดๆก่อนจะกลับมาสนใจข้อมูลของบริษัทที่ผมกำลังจะเข้าไปทำงานในอีกหนึ่งอาทิตย์
 
“อ๊ากกกกกก ตายอีกแล้ว ลีวายส์ไม่เล่นล่ะ เบื่อชะมัดเลย อื๊อออออ” ปากเล็กบอกออกมาว่าเบื่อแต่มือมันก็ยังไม่ยอมวางโทรศัพท์ที่นอนเล่นมาแล้วเกือบๆชั่วโมง
 
“ไปอาบน้ำไป....เดี๋ยวจะได้ทานข้าว” ผมบอกและดึงโทรศัพท์ที่ลีวายส์ยังเล่นอยู่ติดมือมาก่อนจะไล่มันให้ไปอาบน้ำ
 
“ขี้เกียจจังเลย เฮ้อออ ............... พี่ธารไปอาบด้วยกันมั้ยฮะ” ร่างเล็กกอดคอผมจากทางหลังเนื่องจากผมนั่งพื้น ลีวายส์อยู่บนโซฟา
 
“ไม่!!!!!” ลีวายส์เอียงหน้ามองผม ร่างเล็กย่นจมูกใส่ ฟอด! แล้วมันก็ยังชิงหอมแก้มผม ก่อนจะวิ่งเข้าห้องไป
 
ไอ้เด็กนี่มันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลย ผมมองตามร่างเล็กก่อนจะยิ้มบางตามความใสซื่อ(มากเกินไป)ของมัน หึ! บ้าสิ้นดีที่หัวใจผม กำลังพองโตเพราะเด็กวัยสิบห้า
 
 
“พี่ธารจะเปลี่ยนรถใหม่หรอฮะ” ไม่รู้ว่าลีวายส์ออกมาใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆหน้าใสก็มานั่งอยู่ข้างๆ มันทำตาปริบๆมอง พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ยังมันยังไม่อาบน้ำ แต่ก็หอมดีอยู่ =,.=
 
“อืม............” ผมตอบ เหลือบมองเด็กแก้มใสด้วยหางตานิดๆ เพราะแก้มใสของมันชิดติดกับจมูกผมมากจนได้กลิ่นแป้งหอมๆที่ส่งผ่านมา
 
“ลีวายส์ชอบคันนี้ฮะสวยดีฮะ” ร่างเล็กจิ้มฉึกๆลงบนจอแมคบุ๊คที่มีภาพ คอนิกเส็กก์ อาเกียร่า อาร์ สีขาวมุก คันสวย พร้อมกับทำตาแวววาว
 
“กูไม่ได้ซื้อให้มึง แล้วอีกอย่าง เงินกู!” ผมยกมือขึ้นกอดเอวของร่างเล็กไว้ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นบีบจมูกมันอย่างหมั่นเขี้ยว
 
“หรือว่าจะเอาบิ๊กไบค์แบบของพี่เซฟ นะฮะๆ ลีวายส์อยากขี่ดูมั่ง เท่ดีอ่ะ”
 
“ให้กูขี่มึงก่อน เดี๋ยวกูซื้อ” จมูกผมคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอร่างเล็ก และเผลอหลุดคำพูดนั้นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
 
“ขี่อะไรนะฮะ!”  O.O
 
“ห๊ะ!!! ปะ....เปล่า! ไปอาบน้ำได้แล้วไป เหม็นแล้วเนี่ย” วู้! พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันจ้องมองผมอย่างสงสัยนั่นแหละ
 
ลีวายส์ทำปากอุบอิบอะไรบางอย่างก่อนจะเดินกลับเข้าไปอีกครั้งและครั้งนี่ผมหวังว่ามันจะอาบน้ำออกมาเรียบร้อยแล้วนะ เฮ้อออ ยิ่งโตก็ยิ่งพูดยาก แล้วเมื่อไหร่มันจะรู้จักโตก็ไม่รู้
 
 
Tru……………
 
“ว่าไง.......” ผมรับสายจากไอ้กายที่โทรเข้ามา
 
(ไอ้ธาร มึง! กูอยากไปเที่ยว พากูไปเที่ยวหน่อยสิ นะๆๆ) อะไรของมันเนี่ย ไอ้นี่ก็อีกตัวไม่อยากจะเชื่อใช่มั้ยว่าไอ้กายมันเรียนจบ ป.โท มา พร้อมๆผม แต่มันก็ยังจะรอกลับพร้อมผมก็อยากเที่ยวต่อ
 
“อะไร มึงไม่หางานทำบ้างหรือไง จะเกาะพ่อเกาะแม่ไปถึงไหน” ผมบอกและส่ายหน้าให้กับคนในสาย
 
(ทำไม! ก็พ่อกูรวย นะๆๆ ไปรีสอร์ทของแม่มึงก็ได้นะๆๆๆ กูอยากไปนะๆๆๆ นะอีธารคนหล่ออออออออออออออออออ) มันลากเสียงยาวซะ จนผมต้องดึงโทรศัพท์ออกหางจากหู
 
“เดี๋ยวค่อยคุย เย็นนี้กูจะเข้าร้าน....จะให้กูแวะรับมั้ย”
 
(โอเค!.....ได้ๆ ลีวายส์ลูกกูอ่ะ)
 
“อาบน้ำอยู่...”
 
(มึงไม่ช่วยอาบบ้างล่ะ คริคริ) ไอ้เหี้ยกายมันรีบพูดและตัดสายทิ้งไป
 
 
 
ผมแวะรับไอ้กายที่บ้านก่อนจะมาถึงร้านในช่วงเย็นของวัน เมื่อเข้าไปถึงในร้านก็ตรวจสอบความเรียบร้อยและสั่งงานเด็กในร้านนิดหน่อยก่อนจะเดินขึ้นมาให้ห้องทำงาน
 
“เย้ๆ ไปฮะ............พี่ธารรรร เราไปเที่ยวกันนะฮะๆ  นะๆ ลีวายส์อยากไป” ลีวายส์บอกอย่างตื่นเต้น มือเล็กเข้ามาเกาะแขนผมไว้
 
“ไปเที่ยวที่ไหน อาทิตย์หน้าจะเปิดเรียนแล้วนี่” ผมบอกก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาและดึงบุหรี่จากซองของไอ้เซฟมาสูบ มันนั่งทำงานอยู่
 
“ก็ไปก่อนโรงเรียนเปิดไงฮะ นะๆ ลีวายส์อยากไป พี่ธารจะได้ไปหาคุณแม่ด้วยไงฮะนะๆ” ที่จริงผมก็กะว่าจะหาเวลาไปเยี่ยมคุณแม่ท่านอยู่ เพราะตั้งแต่ที่ผมไปเรียนเมืองนอกผมกับแม่ก็ไม่ได้เจอกันเลย แม่โทรมาหาผมบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก
 
“ไปนะไอ้ธารนะๆ ลีวายส์อยากไปเห็นป่ะ”
 
“กูรู้หรอก มึงเป่าหูมัน.........มึงล่ะไอ้เซฟไปด้วยป่ะ” ผมถามไอ้เซฟอีกคนเพราะได้คำตอบว่าจะไปแล้ว และผมคิดว่าไปทั้งทีก็น่าจะไปกันหลายๆคน เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมานานมาก
 
“ไปดิ กูว่าจะให้ช่างมาเดินไฟในร้านใหม่แล้วก็แก้ไขเวทีนิดหน่อยด้วยดูมันยุ่งๆยังไงก็ไม่รู้ จะปิดร้านสักสองสามคืน”
 
“เย้!!!! งั้นเราก็ไปกัน โทรหาไอ้แมนด้วยนะ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันซะที” ดูเหมือนไอ้กายจะดีใจกว่าลีวายส์ซะอีก กูล่ะเหนื่อยกับมัน(สองคน)จริงๆ
 
“แล้วมึงไม่ชวนพี่หมอไปด้วยหรอ”ผมถามไอ้หาย
 
“..............................” ความเงียบเข้าจู่โจมมัน ณ บัดนาว หึ!
 
 
 
 
 
 
“อื๊ออออ ลีวายส์ง่วงจังฮะ” ร่างเล็กพูดบอกในขณะที่มันขึ้นมาบนรถได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีของเช้าวันใหม่ ผมกำลังขับรถไปรับไอ้กายและไอ้เซฟหลังจากเมื่อวานที่ตกลงกันว่าจะไปเที่ยว
 
“กูบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าเล่นดึก ก็ไม่ฟัง” มันเอาแต่เล่นเกม
 
“พอลีวายส์จะนอน ก็พี่ธารมาสอน...จูบลีวายส์นี่ฮะ” ร่างเล็กบอก ทำปากยื่นใส่ผมจากนั้นมันก็เองเบาะนอน เหอะๆ (เนียนนะอีธาร)
 
 
 
 
“ไอ้แมนล่ะ” ไอ้กายถาม เมื่อมันขึ้นมาบนรถพร้อมๆกับไอ้เซฟ ไอ้เซฟมารออยู่บ้านมันเพราะผมไม่ต้องวงไปรับซึ่งอยู่อีกเส้นทาง
 
“มันบอกเดี๋ยวตามมา.....ให้ไปก่อน นี่มึงเอาของมาเยอะไปป่ะ” ผมถามไอ้กาย เพราะเมื่อกี้เห็นมันขนกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นหลังรถ
 
“เออ อย่างกับไปเป็นเดือน....เหอะๆ หรือจะหา......ที่โน้นวะ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เซฟว่าก่อนจะหัวเราะเสียงดัง กับคำที่มันไปได้พูดออกเสียงเมื่อกี้แค่ทำปากก็เล่นเอาไอ้กายเริ่มเคือง
 
“ผัวพ่องมึงสิ!!!! ไอ้สัด” หึ!
 
“มันไม่หาหรอ ของเค้ามีอยู่แล้ว แค่รอเรียกใช้” หึ! ผมมองไอ้กายจากกระจกมองหลังมันเบิกตากว้างเล็กน้อยกับคำพูดของผม ส่วนไอ้เซฟมันก็เงียบไป
 
“ไอ้เหี้ยธาร กูน่าจะพารถมา ไม่น่ามากะมึงเลย ถ้ากูไม่ขี้เกียจขับน่ะนะ” มันเอื้อมมือมาตบหัวผมทีหนึ่งก่อนจะหันไปนั่งซบไหล่ไอ้เซฟและหลับตาลง “กูหลับแป๊บ”
 
“อืม......” ไอ้เซฟนิ่ง มองเรียวหน้าไอ้กายบนไหล่ของมัน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัว ไอ้กายที่ยังไม่หลับเลยดึงมือไอ้เซฟไปเกยปลายคางไว้
 
ผมมองภาพนั้นอย่างเหนื่อยใจก่อนที่สายตาไอ้เซฟจะสบสายตากับผมผ่านกระจกมองหลัง ผมส่ายหน้าให้ผมเบาๆเพื่อจะเตือนอะไรบางอย่างก่อนที่มันจะละสายตาไปมองวิวนอกหน้าต่าง
 
ผมไม่ได้ห้ามหรือขัดขวางความรู้สึกของเพื่อนหรอกนะ ครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วแต่เหมือนอีกคนจะไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้อีคนหวั่นไหว ผมเลยไม่อยากให้มันเกินขึ้นอีก
 
 
 
 
“พี่ธารรรรรรรร อื๊ออออออ” ฉิบหาย เสียงลีวายส์ดังลั่นอยู่ในรถ ในขณะที่ผม ไอ้กายและไอ้เซฟลงจากรถและเดินมาหยุดทักทายกับแม่ของผมที่หน้ารีสอร์ท  หลังจากที่เราขับรถมาถึงในเวลาเที่ยงวัน
 
ไอ้กายนั่นแหละที่คิดจะแกล้งทิ้งให้มันนอนหลับอยู่ในรถคนเดียว ใครจะไปรู้ว่ามันจะร้องซะ จนผมต้องวิ่งกลับมารับ
 
“เออๆ อยู่นี่ๆ ......ร้องซะ อายคนบ้างมั้ยเนี่ย” พอผมวิ่งมาถึงปุ๊บ มันก็กอดปั๊บไว้แน่น แต่นอกจากผมแล้วทั่งไอ้กายไอ้เซฟและแม่ก็วิ่งตามมาดูด้วย
 
“เป็นอะไรกันน่ะลูก........อะ...อ้าว” ผมหยุดยื่นอยู่ข้างๆผมก่อนจะถาม ลีวายส์เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตามองทุกคนที่กำลังมองมันเป็นตาเดียว
 
“เฮ้ออออ  กูว่าแล้วใช่มัยไอ้เซฟ  ลุกขึ้นได้แล้วลีวายส์ ถึงแล้ว........” ลีวายส์กัดปากใส่ไอ้กายที่กำลังยืนหัวเราะก่อนจะปล่อยผมและลงจากรถ
 
“ลีวายส์......งั้นหรอ” แม่ถามยิ้มๆ คงจะจำเด็กคนหนึ่งที่ผมพามาเที่ยวด้วยเมื่อหลายปีก่อนได้และตอนนี้มันก็โต(แต่ตัว)แล้ว
 
“สวัสดีฮะ คุณแม่” ลีวายส์ยกมือไหว้แม่อย่างนอบน้อม แม่ส่งยิ้มใจดีให้ก่อนจะเข้ามากอดลีวายส์
 
“โตขึ้นแทบจำไม่ได้เลยนะ....หล่อขึ้นด้วย เอ๊ะ!!!!! แล้ว    เออ.....มาด้วยกันหรอ เออหมายถึง....” แม่ผมเกิดอาการสงสัยทันที เพราะผมเองก็ยังไม่ได้บอกความจริงกับท่านว่าลีวายส์เป็นใคร ผมกะว่าจะบอกตอนนี้แหละเพราะถ้าท่านเห็นว่าผมดูแลลีวายส์มาได้ถึงขนาดนี้ท่านจะยอมรับได้ไม่มากก็น้อย
 
“เดี๋ยวผมมีเรื่องจะคุยกับแม่น่ะครับ...เออให้เพื่อนผมไปพวกผ่อนก่อนเถอะครับ” ผมบอก แม่พยักหน้ารับก่อนจะเดินจูงมองลีวายส์ไปไม่ยอมปล่อย
 
แม่จัดให้พวกผมพักในที่พักโซนวีไอพีสำหรับแขกที่มันกันเป็นครอบครัวหรือกลุ่มคนหลายคนข้างในมีห้องพักแยกให้ คล้ายๆกับบ้านพักหลังใหญ่ มีห้องสามห้องพร้อมกับห้องครัวเล็กๆและมีสระน้ำสวนตัวที่ไม่ใหญ่มากนัก ด้านหน้าติดริมหาดส่วนรอบๆก็มีวิวสวยๆน่ามอง
 
“มีอะไรจะบอกแม่หรอธาร” ผมแยกตัวออกมาโดยให้พวกไอ้กายพักผ่อนไปก่อน เพื่อจะมาคุยกับแม่
 
“คือ.....เรื่องลีวายส์น่ะครับ   ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริง” ท่านขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ “ลีวายส์ไม่ใช้น้องชายของเพื่อนผมหรอกครับ”
 
“อ้าว......แล้ว.....ยังไง.......”
 
“เมื่อห้าปีก่อน....พี่น้ำทิ้งเด็กสิบขวบคนหนึ่งไว้กับผม ก่อนที่ยัยนั่นจะไปแคนาดา ซึ่งเด็กคนนั่นไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย เป็นแค่ลูกที่ติดมากับสามีของเธอซึ่งด่วนจากไป ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถทิ้งเด็กคนนี่ได้ ผมจึงต้องดูแลและให้อยู่กับผมจนถึงทุกวันนี้”
 
“ตายจริง!!!! ยัยน้ำนะยัยน้ำ ทำไมธารไม่บอกแม่.....โอ๊ย!  นี่ลูกฉันทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของแม่และมันก็ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจพอสมควร
 
“ผมพยายามติดต่อยัยนั่นแล้ว แต่ไม่เคยได้ข่าวเลย แต่ว่า.....ช่างเถอะครับ”
 
“ธาร! .........แม่จะรับชอบแทนยัยน้ำก็แล้วกัน ให้ลีวายส์มาอยู่กับแม่ก็ได้ แม่ไม่อยากให้ลูกต้องรับผิดชอบเรื่องที่ลูกไม่ได้เป็นคนก่อ” เพราะอย่างนี้แหละผมถึงไม่บอกท่าน
 
“แต่ผม.........ไหนๆผมก็รับผิดชอบมาถึงขนาดนี้แล้วและ...........ลีวายส์ก็จะอยู่กับผม”ผมบอกแค่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องทำงานสุดหรูของท่าน
 
ผมรู้ว่าแม่ไม่อยากให้ผมลำบากไม่อยากให้ผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่ได้ก่อขึ้นเอง แต่ ในเมื่อผมทำมาถึงขาดนี้แล้วจะให้ผมหยุดได้ยังไง เพราะความสัมพันธ์ของผมกับลีวายส์มันมากขึ้นเรื่อยๆจนผมไม่อยากให้มันไปจากผม ยังไงลีวายส์ก็ต้อง‘อยู่กับผมตลอดไป’
 
“พี่ธาร!!! ทางนี้ฮะ......” ลีวายส์ตะโกนเรียกผมมาจากทางสระน้ำ ร่างเล็กกำลังกระโดดแย่งลูกบอลจะไอ้กายและไอ้เซฟ
 
“.................” ผมเดินตามไป และนั่งลงข้างๆสระก่อนจะถอดเสื้อนอกสีดำออกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีเทาตัวบาง
 
“พี่ธารมาเล่นด้วยกันนะฮะ” ลีวายส์ขึ้นมาจากสระ ร่างเล็กมาดึงแขนให้ลุกตาม แต่ผมยื้อมือมันไว้และดึงเข้าหาตัวให้ลีวายส์นั่งลงบนตักผม
 
“ใครใช้ให้ใส่เสื้อตัวนี้ หื่ม!” ผมยกมือขึ้นกอดเอวบางไว้ ยื่นหน้าเข้าไปถามมันใกล้ๆ
 
“กะ....ก็.......ก็ไม่เห็นเป็นรัยนี่ จริงๆลีวายส์อยากถอดเสื้อด้วยซ้ำ ก็มีแต่ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้นนี่ฮะ อีกอย่างที่นี่ก็ส่วนตัวออก” ร่างเล็กพูดบอก
 
ผมไล่สายตามองเสื้อกล้ามที่มันใส่ หึ! ก่อนจะเค้นหัวเราะออกมา ผมจะไม่ว่ามันเลยสักคำถ้ามันใส่อยู่คอนโดกับผมเพราะเสื้อมันเป็นเสื้อรูตัวบางที่เห็นไปถึงไหนตอไหนทั้งไหลปลาร้าคู่สวย ยอดอกสีอ่อนและแอ่งสะดือที่รับกับเอวคอดได้รูป แล้วก็ยังใส่กับอันเดอร์แวร์ด้วย เหอะ เจริญเด็กกู
 
“อ่ะ..........เลือกเอาว่าจะใส่ตัวนี้และเล่นต่อหรือจะไปอาบน้ำและเลิกเล่น” ผมถอดเสื้อกล้ามตัวเองออกก่อนจะยื่นให้มัน ขี้เกียจเดินเข้าไปในห้องอีก
 
“ก็ได้ฮะ แต่เดี๋ยว......พี่ธารไปเล่นด้วยนะฮะ” ลีวายส์สวมเสื้อกล้ามของผม เสื้อกล้ามตัวโต ยาวลงไปเกือบถึงเข่าจนปิดอันเดอร์แวร์ของมันได้พอดี ผมผูกปมตรงแขนเสื้อกล้ามทั้งสองบ้างที่มันยาวจนคอคว้านลงไปจนเลยหน้าอก เล่นเอาไอ้กายกับไอ้เซฟขำไปตามๆกัน
 
“พี่กายอ่ะ หัวเราะอะไรเล่า ......อ่ะ  เรามาเล่นเกมกันดีกว่า” ลีวายส์ลากผมลงสระ มายืนนิ่งให้มันเกาะหลังอยู่กลางน้ำ ด้วยความสูงของมันที่เท้าแตะไม่ถึง
 
“เกมไรอ่ะเอาดิ เล่นๆ กูจะกลับไปเป็นเด็ก ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้กายพูดบอก ทำเอาไอ้เซฟที่ยืนอยู่ข้างๆต้องยกมือขึ้นผลักหัวมัน
 
“ก็ได้ๆ เด็กได้ให้วันหนึ่ง.....พี่ธารให้ลีวายส์ขี่คอนะฮะ” ลีวายส์บอก ก่อนจะเด้งตัวจากน้ำและผมก็ย่อตัวให้มันอย่างอัตโนมัติ
 
ลีวายส์ขึ้นไปอยู่บนคอผมเรียบร้อยสองขาเรียวอยู่บนไหล่กว้างของผม ผมจึงต้องจับขามันไว้กันหล่น แต่ขึ้นมาแล้วมันก็ใช่ว่าจะอยู่นิ่งๆ ขยับทีนึ่งนี่......แม่ง แล้วพอผมหันหน้าทีหนึ่งนี่จมูกผมก็โดนซอกขาขาวๆของมัน อีกอย่างไอ้ที่นุ่มนิ่มอยู่ตรงท้ายทอยผมนี่มัน......  นี่ผมกำลังฟุ้งซ่านในขณะที่เด็กบ้ามันสนุกใหญ่
 
“พี่กายก็ขึ้นไปขี่คอพี่เซฟด้วยสิ แล้วเดี๋ยวเรามาเล่นโยนบอลกัน โดยเล่นอยู่ในช่องเส้นสีฟ้าๆนี่นะฮะ ใครรับลูกได้ได้แต้ม รับไม่ได้ก็ไม่ได้แต้ม ใครโยนลูกออกจากช่องก็ถือว่าไม่ได้แต้ม ฮะ” งง งงป่ะกับภาษาของมันแต่พวกผมไม่งงเพราะเห็นภาพอยู่
 
ในสระน้ำมีเส้นสีฟ้าสองเส้น(ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าทำไว้ทำไม) แบ่งสระออกเป็นลู่สามลู่ เราเลยใช่ลู่ตรงกลางเล่นเกมถ้ารับลูกที่อีกฝ่ายโยนมาได้ก็จะได้แต้ม ถ้ารับไม่ได้ก็อด แล้วถ้าโยนลูกออกจากลู่ก็จะเสียแต้มให้อีกฝ่าย โดยจะสลับกันโยนคนล่ะครั้ง โอเค คิดตามได้นะ
 
“โอเคเล่นๆ เริ่มล่ะนะ ใครแพ้จ่ายค่าเหล้าคืนนี้ด้วยยยยย เอ้า!!!!” ไอ้กายกระโดดขึ้นขี่คอไอ้เซฟจนไอ้เซฟที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจมหายลงไปในน้ำ
 
“เฮ้ย!!!  เดี๋ยวๆๆๆ” ผมบอกแต่ก็ขยับตัวไปตามทิศทางของลูกบอกให้ลีวายส์รับได้ “ใครๆ ใครจะพามึงไปดื่ม กูมาพักผ่อนเว้ย!!!”
 
“อ้าว ก็ต้องมีบ้างล่ะนา เน้อไอ้เซฟ” มันบอกก่อนจะก้มหน้าลงไปยักคิ้วกับไอ้เซฟที่ให้มันคี่คออยู่
 
“ถ้าพี่ธารไม่อยากจ่าย พี่ธารก็พาลีวายส์ไปรับลูกให้ได้สิฮะ” ลีวายส์ก้มลงมาบอกผมแล้วก็หัวเราะคิคิ หนอย แผ่นไอ้กายหรือเปล่าวะเนี่ย
 
และแล้วเราก็เริ่มเล่นกันอย่างเมามันแบบไม่มีใครยอมใครแต่ดูเหมือนคนที่สนุกสุดน่าจะเป็นลีวายส์กับไอ้กายซะมากกว่า มีบางครั้งที่ลีวายส์ถึงขั้นขึ้นไปเหยียบบนไหล่ผมก่อนจะกระโดดรับลูกบอลและจมลงไปในสระ จากนั้นก็ผุดขึ้นมาบนผิวน้ำ
 
แต่ ผมกับไอ้เซฟนี่สิต้องแบกพวกมันสองคน แถมยังต้องแข่งกับแรงดันในน้ำเพื่อเคลื่อนไหวตัวอีก โอ่ อยากบอกว่าโคตรเหนื่อยเลยทีเดียว หรือเป็นเพราะผมแก่แล้วนะ ไม่ๆ กูแรงดีอยู่
 
“จบเกมเย้ๆ เราชนะเพราะงั้น พี่กายกับพี่เซฟต้องจ่ายค่าเหล้า ฮ่าๆๆๆๆ” ผมกับลีวายส์ขึ้นจากสระหลังจากที่ชนะการแข่งขัน เหอะๆ อย่างกับชิงแชมป์ระดับชาติเลยแม่ง
 
“พี่ธาร....อ่ะ......” ผมดึงลีวายส์เข้ามาในห้องน้ำก่อนจะพาร่างบางมายืนใต้ฝักบัวหลังจากที่เข้ามาในห้อง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว โทษฐานที่มันทำผมของขึ้นตอนอยู่ในสระผมก็ต้องมาปลดปล่อยกับมันสิ หึ
 
“หื่ม...........ถอดเสื้อซิ ไม่หนาวหรือไง” ผมบอกร่างเล็กตรงหน้า ลีวายส์ถอดเสื้อออกอย่างว่าง่ายก่อนที่มือเล็กจะถึงกางเกงออกแต่ผมหยุดมือไว้
 
“พี่ธะ..........อุ๊บ!!!” ผมก้มลงจูบร่างเล็กอย่างอดใจไม่ไหว โพรงปากสีสดยังคงหวานจับใจเหมือนทุกครั้ง
 
ลำตัวเราแนบชิดติดกันจนไม่เหลือที่ว่างเลยสักจุด ร่างเล็กเหมือนรู้งาน ยกมือขึ้นโอบรอบคอผมไว้เพราะความสูงที่ขัดกันลีวายส์จึงต้องเขย่งเท้าตัวเอง
 
“อื๊อออออ.....อ่า” ร่างบางครางเสียงพร่าเมื่อผมล่ะริมฝีปากออก ไล่ลงจูบดูดผิวนุ่มขาวใสลงมาจนถึงไหปลาร้าผ่านลงมาหยุดอยู่ตรงยอดอกสีอ่อน
 
“อืมมมมมม.....จิ๊” ผมครางออกมาก่อนจะสบถกับอารมณ์ของตัวเองที่พลุ่งพล่านมากเกินไปอยากจะทำมันแรงๆแต่ก็ไม่ได้
 
“อ่ะ.....พี่ธาร..........เจ็บฮะ” ลีวายส์ครางบอกเพราะกลางตัวที่ผิดปกติของตัวเอง ผมเลยเลื่อนมือที่กำลังคลึงยอดอกร่างเล็กลงต่ำ
 
“ตรงนี่ใช่มั้ย” ผมกระซิบบอก เมื่อมือหนาบีบคลึงเบาๆอยู่ตรงกลางเป้าของลีวายส์
 
“อ่ะ!!!  ฮะ .....อ่า......” ลีวายส์บอกพร้อมกับครางเสียงหวาน ผมจึงก้มลงจูบดูดปากสีสดอีกครั้งก่อนจะลากปลายลิ้นเลื่อนลงต่ำมาเรื่อยๆ ผ่านคอและร่องอกลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบจนเข่าผมถึงพื้นอยู่ในท่านั่ง พร้อมๆกับมือหนา เกี่ยวอันเดอร์แวร์ของร่างเล็กออก
 
“อ่า.....ซีดดดด” ผมกัดปากตัวเอง ไล่เลียแกนกายน้อยของร่างเล็กตรงหน้าก่อนจะครอบปากลงจนเกือบถึงโคน
 
“อ่ะ! .......... อ่ะ!  พะ....พี่ธาร......” ร่างบางขาเริ่มสั่นเล็กน้อย เมื่อผมขยับแกนกายน้อยเร็วขึ้นและเร็วขึ้น จนกระทั้งน้ำรักสีขุ่นแตกออกมา ผมกลืนส่วนหนึ่งลงคอก่อนจะขยับอีกสองสามครั้งให้มัน
 
“ตาพี่บ้างนะ” ผมลุกมายกตัวลีวายส์ขึ้น ร่างเล็กเกี่ยวขากับเอวผมไว้แผ่นหลังเนียนใสชิดติดกับกระจบเงา
 
อารมณ์พลุ่งพล่านในตัวทำให้ผมอยากลอง.....กับร่างเล็ก......จนหน้ามืดตามัว ผมรุกจูบร่างเล็กอย่างหนักหน่วงก่อนที่มือไม้จากเลื่อนไหลไปตามเรือนร่างบาง
 
“อื๊ออออออ........” ผมครางออกมาอย่างพอใจเมือลีวายส์เองก็คอยตอบสนองผมได้ดีทีเดียว
 
ร่างบางร้องสะดุ้งเล็กน้อง เมื่อผมไล่นิ้วไปหยุดอยู่ตรงช่องทางรักสีสวย ที่คอยขมิบปลายนิ้วของผม ถึงแม้ว่าผมไม่ได้สอดมันเข้าไป
 
“อ่ะ!!!!” ผมช่างใจอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะตัดสินใจสอดมันเข้าไปได้เพียงนิดเดียว ลีวายส์สะดุ้งเฮือกและละริมฝีปากออกจากริมฝีปากผม
 
“อ่า.....ลีวายส์ครับ.......อย่างเกร็งนะ.....ไม่ต้องกลัว อ่า......ซีดดด  ไม่ต้องเกร็ง” แรงตอดรัดจากร่างเล็กทำให้ผมอยากทำแรงๆมากกว่า อยากสอดมันเข้าไปอีกและในที่สุดผมก็ทำมัน
 
“อึก!!!    อ่ะ  อึกๆ  อื๊ออออ อึก!” ลีวายส์ดิ้นเล็กน้อยคงตกใจกับสิ่งที่ผมทำ ผมพยายามนุ่มนวลแล้วนะแต่ว่า..
 
“อ่า.......ไม่ต้องกล้ว อย่างเกร็งครับคนดี.....ซีดดดด” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะดึงนิ้วออกและใส่มันกลับเข้าไป
 
“อึก!!! ลีวายส์เจ็บ.....อ่ะ! ไม่เอา.....อื๊อออ ไม่เอา” ลีวายส์ร้องบอกออกมาพร้อมกับน้ำตาใสๆ ผมนิ่งและใจวูบลงในที่สุด ผมจึงค่อยๆดึงนิ้วออกช้าๆ และเบามือที่สุดเช่นกัน
 
“เด็กดีไม่ร้องครับ....จิ๊! พี่ธารไม่ทำแล้วนะ  จุ๊บ!!!” ผมบอกก่อนจะว่างร่างเล็กลงพื้น ลีวายส์ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอย่างหมดแรง ร่างเล็กสะอื้นไห้ไหล่สั่นไหว ผมเลยย่อตัวลงโอบกอดลีวายส์ไว้ในอ้อมแขน “พี่...ขอโทษ”
 
 
 
 
“ลีวายส์.....ลีวายส์ครับ” ผมปลุกร่างเล็กที่กำลังนอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเมื่อผมตื่นก่อนและเห็นว่าเป็นเวลาเย็นแล้ว
 
“อื่มมมมมม....” ลีวายส์บิดตัวเข้าหาแผงอกผมที่เปลือยเปล่าก่อนจะนิ่งเงียบไปอีก หึ! คงเพราะวันนี้เล่นจนหมดแรงหรือไม่ก็เพราะผม.....คิดจะทำบ้าๆกับมัน แต่ยังดีที่ผมถอนตัวทัน
 
“ลีวายส์.......กินข้าวมั้ย หื่ม.....” ร่างเล็กสั่นหัวอยู่กับแผงอกผม ผมก้มลงหอมแก้มใส่เบาๆก่อนจะลุกออกมา “งั้นนอนพักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมา ฟอด!”
 
 
“ลีวายส์อ่ะ” ทันทีที่ผมออกจากห้องมาไอ้กายที่กำลังนั่งดูหนังอยู่ก็ถามหาลูกมันเลยครับ
 
“นอนอยู่ หมดแรงไปล่ะ” ผมบอก เดินมาหยิบขนมกินเล่นของไอ้กายเข้าปาก “ไอ้เซฟล่ะ” ผมถามเพราะไม่เห็นเพื่อนสนิทอีกคน
 
“โน้น.....นอนอยู่ในเปล” ผมมองตามนิ้วไอ้กายที่ชี้บอกก็เห็นไอ้เซฟนอนหัวดำอยู่ด้านนอก
 
“ไอ้แมนมายัง มันโทรมาบอกกูตอนกลางวันว่าจะมาเย็นๆ”
 
“มาแล้ว เห็นเดินหลังไวๆเข้าไปในห้อง ไม่รู้มากับใคร คงจะเป็นเด็กของมันล่ะมั้ง” ไอ้กายบอก ก่อนจะหันไปสนใจจอทีวีต่อ
 
ผมเดินมายังห้องไอ้แมนซึ่งอยู่ริมระเบียงติดกับสระน้ำก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เฮ้ย!!!! ผมเปิกตากว้างกับภาพภายในห้องของมัน ไอ้แมนกำลังกอดจูบอยู่กับใครสักคนอย่างดูดดื่มและร้อนแรงจนแทบจะไม่สนใจผมที่เปิดประตูเข้าไป
 
“เฮ้ย!!! ไอ้.........ธาร”
 
เพี้ย!!!!!
 
และก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อหน้าไอ้แมนหันไปตามแรงเหวี่ยงฝ่ามือของอีกคนที่ผมคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออก ที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าไอ้แมนมันจะโดยเด็กของมันตบเอาซะเฉยๆ โดยที่มันยืนนิ่งไม่ตบกลับและไม่ด่าว่าสักคำก่อนที่มันจะลากผมออกมานอกห้อง
 
“โธ่ มึงไม่ต้องมองกูแบบนั้น.....เฮ้อออออ” มันถอนหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง เพราะถ้ามันไปบอกผมก็จะเค้นมันให้ได้ในเมื่อเราเป็นเพื่อนสนิทกัน และดูมันเครียดๆ ผมก็ยิ่งอยากรู้
 
“เอาจริงๆนะ กูไม่เคืองเรื่องที่มึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก.....แต่มึงบอกได้มั้ยว่ามึงเอามันมาทำไมล่ะ” ผมถามไอ้แมน สีหน้ามันดูเครียดมากขึ้นกว่าเดิม
 
“ไม่รู้ว่ะ.......กูแค่.......ไม่รู้อ่ะ” มันทึ่มหัวตัวเองแรงๆก่อนจะ....
 
“หยุด!!!!” ผมตะคอกใส่มัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนผมหัวเสียจนคว้าเอาขวดน้ำขึ้นมาจะปาลงพื้น “ใจเย็นๆ บางสิ” มันยอมว่างขวดน้ำลงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง ผมรู้นิสัยมันดีครับ
 
“มึงว่า....กูควรทำไงวะ” มันถาม
 
“นี่กูพาพวกมึงมาเที่ยวนะ......เอาเป็นว่ากลับไปค่อยคิดแล้วกัน กูไม่อยากให้คนอื่นคิดมากตาม” ผมบอก ไอ้แมนถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้อง
 
ไอ้แมนบอกว่ากลับไปเจอกับคุณโอ๊ตอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาสี่ปีกว่าแล้ว คุณโอ๊ตกำลังจะแต่งงานแต่กลับหนีไม่สิ มาอยู่ไม่ใช่หนี มาอยู่กับไอ้แมนโดยพี่ชายไม่รู้ และผมก็เพิ่งจะรู้ว่าไอ้แมนมันมีความสัมพันธ์กับคุณโอ๊ตที่มากกว่านั่น นี่หรือเปล่าที่ทำให้ไอ้แมนพาเขามา น่าปวดหัวแทนจริงๆ
 
 
 
เช้าวันใหม่...............................
 
“ลีวายส์ล่ะ” ผมเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอกถามหาลีวายส์ มานั่งลงบนโซฟาข้างๆไอ้กายและเอนหัวพิงไหล่มัน เพราะเมื่อคืนมันจะให้ผมพาไปเที่ยวแต่ผมไม่ยอมไปอีกอย่างไอ้แมนเมีย เฮ้ย คุณโอ๊ตไม่ให้ไปมันก็ไม่ไป ไอ้กายเลยอด ไปออเซาะไอ้เซฟก็ไม่ได้ผล มันเลยงอน
 
“โน้น ไม่รู้ใครมาหา เด็กอะไรวะหล่อน่ารักกกกกก” ผมยกหัวขึ้นขมวดคิ้วมองหน้าไอ้กาย มันบุ้ยหน้าไปทางสระน้ำ ผมจึงมองตามไป เห็นลีวายส์กำลังนั่งอยู่กับเด็กหนุ่มหัวทองคนหนึ่ง
 
“ดีใจมากเลยนะ พอรู้ว่าลีวายส์มาพี่ก็มาทันทีเลย มีของมาให้ด้วย นี่” ผมเดินออกมาเงียบๆ ได้ยินเสียงพวกมันนั่งคุยกัน
 
“ว้าววว สวยจัง ฮ่าๆ ลีวายส์ชอบฮะ ขอบคุณมากๆฮะ” หื่ม! จับมือ?
 
“ลีวายส์!!!!”
 
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>

อีธารของขึ้น??????
 
ปล.มีอะไรผิดพลาดขอโทษด้วยนะคร้าาา รีบมากอ่ะ หึๆ

เดี๋ยวจะย้อนกลับมาแก้คำผิดให้นะค่ะ

เน็ตกากมากกว่าจะลงได้    :katai1:  :katai1:  :katai1:

รักทุกคนค่ะ   :mew1:  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18(16/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: parismewsanmusic ที่ 16-05-2014 21:29:46
อรั่ก!!! ค้างอ้ะ มาต่อไวๆนะงับ :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18(16/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-05-2014 23:13:01
ลีวายส์ขยันยั่วสะจริง พอสนองจังก็กลัวซะงั้น อดเลยอีธาร
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18(16/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-05-2014 23:44:01
เกือบไปแล้วนะอีธาร ต้องงค่ยๆสอนน้องสิ
เชื่อว่าน้องยอมหมดแหละ
จะรออีธารหึงจนหน้ามืดน่าาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18(16/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 16-05-2014 23:48:51
:pig4: เอาแล้วไงๆๆ...ความซวยมาเยือนลีวายส์แล้ว ไอ้พี่ธารรรรรรรรร :angry2: ขอเตือนไว้ก่อนนะ "ห้ามทำอะไรลีวายส์เด็ดขาด!!!
ถ้าน้องโดนเหมือนตอนก่อนหน้านี้ เตรียมโดนรุมแน่ๆ :z6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18(16/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 17-05-2014 21:16:17
อีธารใจเย็น. น้องยังเด็กเรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆสอน 555555555
ส่วนเซฟกับกาย นี่เข้าตารา เพื่อนรักรักเพื่อน
เสียใจด้วยนะเซฟ กายมีพี่หมอ
งานนี้ซดน้ำแห้วปลอบใจ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 17-05-2014 21:45:47
เย้ ตามอ่านทันแล้ว หายไปซะหลายตอนแบบติดคุกกี้รันมากกกกกอะคะ
ได้อ่านรวดแต่ละคู่ยังไม่ค่อยแฮปปี้เลยอะ ยิ่งคู่พี่หมอกะน้องกาย ท่าทางน้องยังไม่ยอมรับฟังนะ
แล้วยังเพิ่มน้องเซฟเข้ามาอีก สงสารน้องเซฟอะ เพราะคิดว่ายังไงน้องกายก็คงให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนแหละ
คู่น้องแมนกะน้องโอ๊ตก็ไม่รู้จะมาม่าเมื่อไหร่ ใกล้ถึงวันวิวาห์แล้วด้วย
ฮาตรงแค่หาไม่เจอถึงกะพังห้องแล้วพอน้องโอ๊ตมาบอกว่ามีแมลงสาบอะ แก้ตัวไปได้ เสียลุคเสี่ยแมนอะ
แล้วคู่พี่ธารกะน้องลีวายส์ก็มีเรื่องให้ทะเลาะ งอนกันตลอด จิ๊ดเลยตอนพี่ธารตบน้อง โกรธพี่ธารเลยอะ
แต่น้องลีวายส์ให้อภัยพี่ธารง่ายจัง น่าให้พี่ธารสำนึกผิดเยอะ ๆก่อนนะ
ยิ่งตอนนี้น้องลีวายส์ได้เจอพี่ปอนด์เพื่อนเก่า คุยกันใกล้ชิดเดี๋ยวพี่ธารได้ออกฤทธิ์อีกแน่
คราวนี้พี่ธารอาจตบะแตกจริง ๆ ก็ได้นะน้องลีวายส์ อิอิ
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปค๊า   :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 19(18/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 18-05-2014 12:33:12
Older Brother.....19
 
“ลีวายส์!!!!” ผมดึงมือร่างเล็กออกจากมือของเด็กอีกคนที่มันกำลังนั่งหัวเราะคิกคักคุยกัน หลังจากที่ผมเห็นว่ามัน ไม่......ไม่อะไรวะ!   
 
ลีวายส์มองผมแบบงงๆเช่นเดียวกับไอ้หัวทองนั่น
 
“พี่ธาร ตื่นนานยังฮะ.....”
 
“สวัสดีครับ พี่...ธาร” หื่ม? ไอ้เด็กหัวทองนั่นยกมือไหว้ผม เอิ่ป มันรู้จักผมด้วยว่ะ ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะมองของในมือลีวายส์
 
“นี่อะไร ได้มาจากไหน” ผมถาม มันสร้อยอะไรสักอย่างที่ทำจากเปลือกหอย
 
“ก็นี่ ‘พี่ปอนด์’ เอามาให้ลีวายส์ฮะ....จริงสิ พี่ธารจำพี่ปอนด์ได้มั้ยฮะ พี่ปอนด์โตแล้ว สูงกว่าลีวายส์ตั้งเยอะเลย” ไอ้เด็กปอนด์ที่เจอกันตอนผมพาลีวายส์มันครั้งแรกน่ะนะ
 
ผมมองไอ้ เอ่อ.....ไอ้เด็กปอนด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าฝรั่งกับผิวสีซีดผมสีทอง ตากลมสีฟ้าตรงแก้มมีกละเล็กน้อยแต่ก็จ่างๆไม่ได้ดูหน้าเกลียด มันสูงกว่าลีวายส์อย่างที่ลีวายส์บอกนั่นแหละโดยรวมถือว่าดูดี แต่....
 
“ไป กินข้าวได้แล้ว กูหิวแล้ว....” บางทีผมก็ไม่ค่อยชอบเด็กฝรั่งสักเท่าไหร่
 
“พี่ธารไปก่อนสิฮะ ลีวายส์กินขนมปังแล้วฮะ ลีวายส์อยากคุยกับพี่ปอนด์ก่อน” ลีวายส์บอก
 
“ไม่ได้....!!! เข้าไปข้างใน” ผมดึงมือมันให้ลุกตาม ก่อนจะลากเข้ามา เล่นเอาไอ้เด็กปอนด์นั่นหน้ามึนเลยทีเดียว
 
“พี่ธารอ่ะ คุยนิดเดียวเอง......นั่นไงพี่ธารไปกินกับพี่แมนสิฮะ พี่แมนนั่งทานข้าวอยู่” ลีวายส์บอก เมื่อเห็นไอ้แมนนั่งกินข้าวอยู่กับคุณโอ๊ต
 
“มาเลย มากินด้วยกัน” ผมบอกและดึงมือมันมานั่ง คุณโอ๊ตมองลีวายส์เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
 
“ไง ได้มาเที่ยวสนุกล่ะสิเรา” ไอ้แมนบอกกับลีวายส์ที่กำลังมองคุณโอ๊ตด้วยความสงสัย
 
“คัยหรอฮะ” ลีวายส์ถามเพราะเมื่อวานคุณโอ๊ตอยู่แต่ในห้อง ไอ้แมนมองผมนิดๆ ก่อนจะเหลือบมองคนข้างๆมันที่ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจอะไรเลย
 
“เมียคะ.........โอ๊ยๆ เจ็บๆๆๆๆ” ไอ้แมนโดนหยิกสีข้างเข้าให้ ผมว่ามันคงเจ็บจริงๆนั่นแหละดูจากสีหน้าแล้ว แปลใจจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นไอ้แมนตบคว่ำไปแล้วล่ะ
 
“ปากหมานะมึง” คุณโอ๊ตบอกก่อนจะดื่มน้ำและลุกออกไป
 
“หึ! เสือในตัวมึงหายไปไหนแล้ววะ” ผมถาม ตักกุ้งในถ้วยข้าวต้มให้ลีวายส์ อันนี้มันชอบ
 
“ไม่ได้หาย มันจำศิลเว้ย!!!!” ไอ้แมนบอก ก่อนจะลุกตามเมีย?มันไป
 
 
“ไปอาบน้ำไป ยังจะนอนอีก.....” ผมดึงแขนลีวายส์ให้ลุกขึ้นจากเตียง หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมไล่ให้มันมาอาบน้ำ
 
“อ่า....ขี้เกียจ! เราไปเล่นน้ำกันนะฮะ นะๆๆๆ” ร่างเล็กบอก ลีวายส์ลุกขึ้นมากอดคอผมไว้
 
“เมื่อวานก็เล่นจนตัวเกือบจะเปื่อย วันนี้ยังจะเล่นอีกหรือไง หื่ม?  จุ๊บ!!! ” ผมจับปลายคางร่างเล็ก ก่อนจะบีบเบาๆจนปากสีสดจู๋ เลยจุ๊บเข้าให้ทีหนึ่ง
 
“เล่นดิฮะ นานๆมาที ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาอีก นะๆๆ แต่ว่า.....ขอไปเล่นน้ำทะเลนะฮะ”
 
“ไม่!!! ถ้าไปเล่นในทะเล ดำแน่....เล่นในสระนั่นแหละ” ผมบอก ร้อนๆแบบนี้แดดจ้ามากโดนผิวเนียนๆเข้าคงแสบน่าดู และรับรองว่าต้องเปลี่ยนสีแน่ๆ
 
“พี่ธารอ่ะ ใส่เสื้อแขนยาวก็ได้นะๆๆ....จุ๊บ!!! นะๆ ลีวายส์อยากเล่น ฟอด!!! นะๆ” เออ ก็อยากจะให้มันอ้อนนานๆแหละแต่ว่า..... =,.= ทั้งหอมทั้งจูบจุ๊บขนาดนี้ ก็ยอมๆไปก็แล้วกัน
 
“โอ้...ลีวายส์จะไปไหนครับ แต่งตัวซะ น่ารักเชียว” ไอ้เหี้ยแมน มือไวมันดึงเอวลีวายส์ลงไปนั่งตักตอนที่ลีวายส์เดินผ่าน (คิ้วกระตุกเล็กน้อย)
 
“ไปเล่นน้ำทะเลฮะ ไปหลายคนสนุกดี พี่กายพี่เซฟด้วย พี่แมนไปด้วยมั้ยฮะ” ผมจ้องมือไอ้แมน ที่กำลังกอดเอวลีวายส์เขม่ง ตอนแรกมันก็ยักคิ้วกวนตีนให้ แต่พอผมจ้องนานๆเข้ามันก็ละมือออกและยักไหล่กลับมา ไอ้นี่แม่ง
 
“ไปดิ มาทั้งทีไม่เล่นน้ำก็มาไม่ถึงใช่มั้ย.....” น่านๆ ยังไม่เลิก มันยังจะยกมือขึ้นบีบจมูกลีวายส์ด้วย
 
“แอมๆ ..........เพื่อนแมนครับ....กินปลาตีนมั้ยครับ” ผมพูดเสียงเรียบ จนไอ้แมนต้องยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้
 
ปัง!
 
“อุ๊ย!!! ....เออ.....โอ๊ต!!” นั่นไง พอเมีย?มา ปุ๊บรีบผลักลีวายส์ลงจากตักปั๊บ ถ้ามันล้มนี่กูจะถีบมึงเลยนะเพื่อนรัก และแล้วไอ้แมนก็เดินตามเมีย?มันไปอย่างรวดเร็ว
 
“ไปฮะพี่ธาร ไปเล่นน้ำกัน ไปฮะพี่กายพี่เซฟ” จากนั้นเราทั้งหมดก็พากันออกมาเล่นน้ำตรงชายหาด ขอบอกว่าแดดจ้ามา สิบโมงกว่าๆคิดดูสิแดดดีแค่ไหน ไอ้กายนี่ครีมกันแดดหมดไปขวดนึ่งล่ะ
 
“ชอบจริงๆกับกางเกงแบบนี้ คราวหน้ามึงแก้ผ้าก็ได้” ผมพูดเหน็บลีวายส์ ก่อนจะบีบก้นมันแรงๆเต็มฝ่ามือ มันใส่เสื้อแขนยาวจริงแต่ว่า ใส่กับอันเดอร์แวร์นี่สิ ไอ้แมนถึงได้ออกลายมือไว
 
“อ๊ะ!!! พี่ธารอ่ะ” ร่างเล็กทุบแขนผมด้วยกำหมัด ก่อนจะวิ่งลงน้ำไปกับไอ้กายไอ้เซฟ
 
ส่วนผมกำลังคิดว่าจะขับเจ็ทสกีเล่นแถวนี้กับไอ้แมน แต่ไม่รู้มันหายหัวไปไหน เลยต้องนอนไปก่อน ไม่นานไอ้แมนก็เดินกลับมา ท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่าดู
 
“เป็นเหี้ยไรวะ” ผมถามเมื่อมันนั่งลงข้างๆผม ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม มันไม่ตอบแต่พูดงึมงัม...*&^%$#@! อะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ท่าทางจะอาการหนัก
 
ไม่นานผมก็ชวนมันมาขับเจ็ทสกี ดีกว่านั่งงึมงำบ้าบอ ผมขับเจ็ทสกีออกมาไม่ไกลนัก เพราะไม่อยากให้เด็กๆ(รวมไอ้กายด้วยไง)ออกห่างไปจากสายตา เล่นไปพักใหญ่ผมก็หันไปเห็นความผิดปกติ เหมือนจะมีใครเพิ่มเข้ามาอีกคนผมเลยกลับไปดูปรากฏว่า ไอ้เด็กปอนด์มันมาเล่นอยู่ด้วย  ผมเลยขับเข้าไปใกล้ๆ แย่งบอลใกล้กันเกินไปนะกูว่า =_=^
 
“ลีวายส์ อยากขี่มั้ย” ผมถาม ร่างเล็กรีบว่ายน้ำมาหาทันที หึๆ
 
“ขี่ๆ ลีวายส์ขับได้มั้ยฮะ” ดูมันจะตื่นเต้นนิดๆ ผมดึงมือลีวายส์ขึ้นมานั่งคร่อมบนเจ็ทสกีด้านหน้าผม
 
หน้าและหูลีวายส์เริ่มแดงเพราะฤทธิ์แดด ผมสอนมันขับแป๊บเดียวก็เป็นจากนั้นมันก็สนุกกับการเล่นเจ็ทสกีกับผมมากกว่าเล่นบอลในทะเลกับ......... หึ!
 
 
“พี่ธารรับลีวายส์ด้วยฮะ” ลีวายส์บอก เมื่อผมลงจากเจ็ทสกี เราเลิกเล่นแล้วครับ เพราะแดดร้อนมากเกินไป
 
“มา.....” ผมหันหลังให้มันจากนั้นร่างเล็กก็กระโดดขึ้นหลังผมและกอดคอไว้แน่นก่อนจะเกี่ยวขากับเอวผมกันร่วง
 
“ลีวายส์หิวแล้วอ่ะ พี่ธารหิวยังฮะ” จะไม่ให้หิวได้ไงออกมาเล่นตั้งกี่ชั่วโมงยันเที่ยงแล้วเนี่ย เพิ่งจะเลิกกัน คนอื่นๆหายหัวกลับไปกินข้าวแล้วมั้ง
 
“หิวมาก หิวจะกินมึงได้ทั้งตัวเลยเนี่ย งับ!” ผมดึงมือร่างเล็กที่กอดคอผมอยู่มางับเข้าให้ ร่างเล็กหัวเราะคิคิ ก่อนจะ งับต้นคอผมกลับ =,.=
 
กลับมาถึงห้องพักผมก็ไห้ลีวายส์เข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะ......แค่ผมจะไปตามไอ้แมนนา...เหอะๆ เห็นไอ้กายบอกว่ายังไม่กลับมาเลย
 
ผมออกมาตามไอ้แมนและก็เจอ เจอสาวสวยครับ ดูเหมือนจะมากันเป็นกลุ่มใส่บิกินี่ด้วย ร่างเพรียวๆทั้งนั่น แต่ก็ไม่มีอะไร มองผ่านๆและก็เดินเลยไป =_=^
 
“ไอ้แมนอ่ะ” ไอ้กายถามเมื่อผมเดินกลับมายังห้องพักคนเดียว
 
“เดี๋ยวตามมา มันเคลียกับเมีย? อยู่  ลีวายส์ล่ะ” ผมใช้เท้าแกล้งเขี่ยๆไอ้เซฟที่กำลังนอนหนุนตักไอ้กายอย่างสบายใจ 
 
“ออกไปกับน้องปอนด์อ่อ น้องเค้าบอกว่าแม่ให้ไปทานข้าวด้วยกัน”
 
“เหี้ย! แล้วทำไมมึงไม่ตามมันไปด้วย ไปอย่างไว.......ไอ้เซฟ! ตื่น ไปกินข้าว” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าห้องไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ไอ้เด็กปอนด์นี่มันชอบเข้าใกล้ลีวายส์จริงๆ
 
“อ้าว ไอ้แมนไปกินข้าว” ผมอาบน้ำแต่ตัวเสร็จก็เดินออกมาเจอไอ้แมนพอดี
 
“ไม่กิน!” เอ้า ไอ้นี่ มันขึ้นเสียงใส่ผมและเดินไปเข้าห้องปิดประตูเสียงดัง ผมมองอีกคนที่เดินตามหลังมันมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
 
“ไปกินครับ” ผมบอกคุณโอ๊ต    เขาปรายตาไปมองบานประตูห้องที่ไอ้แมนเพิ่งเดินเข้าไป ก่อนจะเดินตามผมมา เออ ดีเนอะ แม่ง ผมคงไม่เข้าใจพวกมันจริงๆ คนหนึ่งก็บ้าคนหนึ่งก็เย็นชา เข้ากันสุดๆ =_=
 
“อ้าว ทำไมไม่ไปทานข้าวกินก่อนล่ะ”
 
“รอมึงนั่นแหละ.....ช้ามาก” เอาก็เสือกรอทำไม ผมมองหาลีวายส์ก็เห็นว่านั่งคุยอยู่กับไอ้เด็กปอนด์..อีกแล้ว ผมเลยเดินไปหา “ไปกินข้าว! ไหนมึงบอกว่าหิวไง มานั่งเล่นอยู่ได้”
 
“ก็รอกินพร้อมกันไงฮะ ไปฮะ ...ไปฮะพี่ปอนด์” ยังจะชวนมันอีก ผมปรายตามองไอ้เด็กปอนด์ด้วยหางตาก่อนจะดึงมือลีวายส์ไปทานข้าว
 
“โอ้โอ่......น่ากินๆ กายกินเลยนะฮะแม่” ไอ้กายบอก เมื่อเห็นอาหารทะเลตรงหน้า
 
“เอาเลย ตามสบาย กินเยอะๆนะ......แล้วนี่..........” แม่มองมายังคุณโอ๊ตที่นั่งถัดไปจากผม เอ่อ คุณแกเงียบแบบไม่สนใจใครเลยจริงๆ
 
“เพื่อนไอ้แมนครับ....ส่วนไอ้แมน คงไม่กิน.....”ผมบอกในขณะที่มองไอ้เด็กปอนด์กำลังแกะกุ้งใส่จานลีวายส์
 
“อ่อ ตามสบายนะลูก....ลีวายส์กินเยอะๆนะครับ” แม่บอกยิ้มๆ ร่างเล็กยิ้มตอบก่อนจะหันมาหาผม
 
“พี่ธารลีวายส์อยากกินปูไข่ฮะ”
 
“เดี๋ยวพี่ทำให้ครับ” ไม่ใช่ผมครับที่ตอบแต่เป็นไอ้เด็กปอนด์ที่นั่งข้างๆลีวายส์ ก็ดีกูจะได้ไม่ต้องแกะ อยากทำก็ทำไป
 
“แกะให้ทุกคนสิ” ผมว่า...ทุกคนหันมามองกันทั้งโต๊ะแต่ผมไม่สนใจ แม่เองยังขมวดคิ้วมอง “ไหนๆก็แกะแล้วไง” หึ!
 
“ครับ!!!” ไอ้เด็กนั่นบอกก่อนจะลงมือแกะปูใส่จานให้ทุกคน อยากแกะนักนี่ ไอ้กายแตะขาผมใต้โต๊ะก่อนจะมองมาอย่างตำหนิ
 
“ลีวายส์อยากอยู่ที่นี่มั้ยลูก” จู่ๆแม่ผมก็ถามขึ้น ทำผมชะงักช้อนที่กำลังจะเอาเข้าปาก ผมว่าผมคุยกับท่านรู้เรื่องแล้วนะ
 
“ลีวายส์อยากอยู่ต่อฮะ แต่ว่า...อาทิตย์หน้าลีวายส์เปิดเรียนแล้ว ไว้ลีวายส์จะให้พี่ๆพามาเที่ยวกันอีกนะฮะ” ลีวายส์พูดบอกอย่างไม่เข้าใจความหมายของแม่ผม
 
“แม่หมายถึงอยากมาอยู่กับแม่......”
 
“แม่ครับ!” ผมหยุดคำพูดของผมด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ท่านมีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย
 
ผมเข้าใจว่าท่านไม่อยากให้ผมต้องเหนื่อยหรือลำบากกับการที่ต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่าง แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่าการที่มีลีวายส์มาอยู่ด้วย การที่ผมต้องดูแลมันจะทำให้ผมลำบากเลยสักนิด
 
“พี่ธาร ลีวายส์ไปเดินเล่นกับพี่ปอนด์นะฮะ” หลังจากทานข้าวเสร็จไอ้กายไอ้เซฟและคุณโอ๊ตก็กลับห้องพัก ส่วนผมอยู่คุยกับแม่เรื่องงานของท่านอีกแป๊บ เพิ่งจะเห็นว่าลีวายส์ยังไม่ได้กลับไป
 
“ไม่ได้.....”
 
“แค่ไปเดินเล่นเองครับ ไปใกล้ๆแถวนี้เองครับ พี่ธาร....เอ่อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” ไอ้เด็กปอนด์บอก
 
“ไปเดี๋ยวกูพาไปเอง” ผมดึงข้อมือลีวายส์ให้เดินตามมา ร่างเล็กหน้างอนิดๆ จนผมต้องหันไปมอง “ทำไม....อยากไปกับมันมากหรอ ไม่อยากไปกับกู?”
 
“เปล่าฮะ ก็........ลีวายส์อยากให้พี่ธารกับไปนอนพักนี่ฮะ ลีวายส์ไม่อยากกวนพี่ธาร มาพักผ่อนทั้งทีอ่ะ” ลีวายส์บอก ร่างเล็กเงยหน้าขึ้น ตากลมโตสีดำสนิทคู่สวยมองสบตาผม แพขนตางอนยาวอย่างกับเด็กผู้หญิง และปากสีสดที่เปิดออกเล็กน้อยทำให้ผมก้มลงไปจูบมัน
 
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูพาไปเดินเล่นเอง” ผมบอก ก่อนจะเดินกอดเอวร่างเล็กไปเดินริมชายหาดขอบอกว่าร้อนสัดๆ
 
“ร้อนอ่ะ.....” หึ! กูว่าแล้วว่าต้องบ่นออกมา ผมเลยพาลีวายส์มานอนเล่นในเปลข้างห้องพัก ซึ่งร่มเย็นใช้ได้ ผมจะได้งีบด้วยไง แต่มันก็งีบไม่ลงเพราะร่างเล็กบนตัวผมเนี่ยแหละ
 
“ลีวายส์ นอนดีๆ” ผมบอกร่างเล็กที่กำลังนอนเบียดผมอยู่ในเปล ผมยกแขนขึ้นมาหนุนหัวให้มัน ฟอด! หอมแก้มก่อนทีหนึ่งค่าทำปากยื่น น่ารัก?
 
“เอาคืนฮะ ฟอด!” มันมีเอาคืนด้วย หึ ผมเลยเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงตัว ก้มลงมองมันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ลีวายส์ย่นจมูกใส่อีกรอบ
 
“ทำไม......อุ๊บ!!” ผมกดจูบปากสีสด กลืนกินคำพูดของร่างเล็ก ขบเม้มเบาๆก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานภายใน ลีวายส์ขยับปากนิดหน่อยก่อนจะตอบรับรสจูบของผม
 
“จูบคืน....ซิ” ผมละปากออกก่อนจะกระซิบบอกร่างเล็ก ลีวายส์เม้มปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของผม มันยั่วเป็นเห็นมั้ย เด็กกูพัฒนา.....
 
ผมดูดดึงลิ้นเล็กเข้าปากก่อนจะดูดจูบปากเล็กจนพอใจ สอดมือหนาเข้าไปลูบไล่เอวบาง ผิวเนียนนุ่มมือน่าหลงใหลของมันช่างน่าขบเม้มจริงๆ
 
“โอ้ย!!!!” จูบปากเล็กอยู่พักใหญ่ จู่ๆก็มีของแข็งเล็กๆปาหัวครับ ผมละปากออกและมองไปรอบๆ ไอ้กายกับไอ้เซฟยืนยักคิ้วให้อยู่ไม่ไกล
 
“ทำเหี้ยรัยลูกกูไอ้ธาร” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้กายพูด หึ! ลูกมันครับ แต่เด็กผมนี่
 
“จุ๊ๆ มันหลับแล้ว” ผมบอกเมื่อเห็นว่าลีวายส์เคลิ้มจนหลับไป กูจูบเทพไปมั้ยวะ ลีวายส์หลับตาพริ้มอยู่ในในอ้อมแขนผม
 
“เหอะๆ นี่ กูว่านะมึงอาการหนักขึ้นทุกวันละ สงสารลีวายส์บ้างเหอะ ลูกเปลืองตัว แล้วก็เรื่องน้องปอนด์นั่นก็ด้วย กูรู้ว่ามึงไม่พอใจ แต่แม่มึงนั่งอยู่ด้วยนะ” ไอ้เซฟว่า ก่อนจะดึงมือไอ้กายให้นั่งลงบนตกมันเพราะมีเก้าอี้หินอ่อนอยู่ตัวเดียว
 
“นั่นดิ....กูว่านะน้องปอนด์ไม่ได้คิดอะไรกับลีวายส์หรอก มึงอ่ะ บ้า! ต่อไปถ้าลีวายส์ไปโรงเรียน ก็ต้องมีเพื่อนเยอะกว่านี้ มึงไม่ต้องไปนั่งเฝ้าเหมือนตอนอยู่เมืองนอกเลยหรอ” ไอ้กายเสริม
 
มันก็จริง ผมไปรอรับส่งลีวายส์ทุกวัน ก็อย่างที่เคยบอกผมกลัวว่าเพื่อนมันจะชวนไปเที่ยวนั่นนี่ แต่ที่โน้นเค้าไปเรียนกันเป็นคาบเรียน เช่นเรียนเช้าสามชั่วโมงเลิกกลับบ้านและเรียนเย็นอีกสามชั่วโมงเลิกกลับบ้าน หรือบางครั้ง ก็เรียนแค่เช้าหรือบ่ายเท่านั้น
 
แต่ที่นี่เรียนทั้งวัน อยู่กับเพื่อนทั้งวัน มันก็ต้องคบเพื่อน เออ ผมก็ลืมคิดไป แม่ง ต้องไปหาตอนเที่ยงด้วยล่ะมั้ง(มันคิดได้ไง) ผมสะบัดหัวไล่กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะกลับมาก้มลงมองหน้าใสในอ้อมแขน
 
“ไอ้เหี้ยธาร มึงเข้าใจที่กูพูดปะเนี่ย ห่าราก” ไอ้กายว่า
 
“เออๆ กูรู้แล้ว ไอ้แมนล่ะ” ผมนอนลงดีๆก่อนจะถามหาเพื่อนอีกคนที่จำได้ว่าข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินเลย
 
“ไม่รู้ดิ แต่เมื่อกี้ได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากห้องมัน อะไรจะรุนแรงขนาดนั้น” ไอ้เซฟบอก ทุกคนรู้ว่าไอ้แมนมันหัวรุนแรง ชอบบ้าระห่ำ
 
“นั่นดิแล้วเด็กที่มันพามา ใครวะ ปกติ แม่ง ไม่เคยหิ้วเด็กไปไหนมาไหนนี่หว่า” ไอ้กายขมวดคิ้วสงสัย เพราะผมกับไอ้แมนไม่ได้บอกว่ารู้จักคุณโอ๊ตยังไงหรอเป็นใคร ไม่ได้ปิดนะ กลัวมันบ่นแล้วรำคาญ
 
“ไม่รู้ พวกมึงไปเหอะกูจะนอน” ผมบอก ไอ้กายทำปากยื่นใส่ก่อนจะลุกจากตักไอ้เซฟไป “ไอ้เซฟ....อย่าเยอะ” ผมเตือนไอ้เซฟหลังจากที่ไอ้กายเดินไปได้สักระยะแล้ว ไอ้เซฟถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
 
อย่างน้อยผมก็ควรจะเตือนมันบ้าง เพราะผมเห็นมันใกล้เกินไป ใจน่ะ.....ไม่ใช่ตัว และมันจะอันตรายกว่าซะอีก
 
“เย้ๆ ลีวายส์อยากกิน กุ้งเผาๆๆๆ” ลีวายส์เพิ่งออกมาจากห้อง พอเห็นว่าพวกเรากำลังปูเสื่อก่อไฟ มันก็รีบเดินมาทันที เย็นนี้จะย่างกุ้งหอยปูปลากินกันครับ
 
นานแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายก็เป็น ตอนที่ฉลองเรียนจบ ป.ตรีโน้น ตอนนั้นไม่ได้มาที่นี่แต่ไปถึงภูเก็ตกันเลย แล้วที่วุ่นวายก็เพราะมีลีวายส์ไปด้วยนั้นแหละ
 
ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยน่ะสินอกจากจับมันไว้ เพราะลีวายส์อยากเดินอยากวิ่งเล่นไปทั่ว ทำเอาเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกว่าสิบคนมองผมแบบ....ไม่น่าพามาเลย!  เพราะมันเด็กและไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่โตแต่ตัว นิสัยยังเหมือนเดิม(ไม่ต่างกันเท่าไหร่)
 
“ไปนั่งนิ่งๆ ไม่ต้องดิ้นเป็นมดโดนไฟได้มั้ย” ผมบอก ลีวายส์นิ่งเงียบ ฟอด! ก่อนจะ ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมและเดินออกไป เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ  ผมยิ้มบางๆมองตาแผ่นหลังมัน น่าตี(ก้น)เนอะ
 
“ไง.......สมภาร” นั่นคือปากเหี้ยๆของไอ้แมน และเชื่อสิว่าผมไม่ชอบฉายาใหม่ที่มันเพิ่งจะตั้งให้เมื่อกี้
 
“สมภาร พ่อง!!!” ไอ้แมนยักคิ้วกวนตีนให้ผม หึ อารมณ์ดีแล้วล่ะสิท่า เพราะผมเห็นรอยแดงบนคนของอีกคนข้างๆมัน “อารมณ์ดีแล้วล่ะสิ ไอ้สัด”
 
“โอ้ย!!!....เจ็บนะ!” คุณโอ๊ตมองและคงรู้ว่าผมเห็นรอยแดงๆนั่น เลย ไปลงกับไอ้แมนโดยกันเหยียบเท้ามันเข้าให้ แหม พูดซะ เจ็บนะ....แต่ก็ไม่กล้าเอาคืน
 
“กูเชื่อแล้ว....ว่าเสือจำศีลจริงๆ หึๆ”
 
 
 
 
“อ้าว พี่ปอนด์มากินด้วยกันสิฮะ” ผมมองตามเสียงทักของลีวายส์ เห็นไอ้เด็กปอนด์มันเดินตรงมาทางนี้ ผมหันไปมองไอ้กายนิดๆก่อนที่มันจะมองผมด้วยสายตาจิกกัด คงรู้ว่าผมคิดจะขัดไอ้เด็กนั่น
 
“มาๆ น้องปอนด์ มานั่งด้วยกันเนอะ หลายๆคนสนุกดี” ไอ้กาย.....ไอ้เพื่อนทรยศ ผมแอบส่งสายตาไปด่าว่ามันก่อนจะปรายตามองไอ้เด็กปอนด์
 
“เอ่อ....ไม่ดีกว่า.....คือว่า..........ผมมาลาลีวายส์น่ะฮะ” มันบอก ลีวายส์ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ตกใจทำไมวะ?
 
“ทำไมล่ะ พี่ปอนด์..........พี่ปอนด์จะกลับบ้านหรอฮะ”
 
“เปล่า พี่....มาลาลีวายส์เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอ..น้อยชาย...น่ารักๆแบบนี้อีกเมื่อไหร่” คำว่าน้องชายนี่ มันตั้งใจจะพูดกับผมหรือเปล่าไม่รู้ เห็นมองมาทางผม
 
“ทำไมล่ะฮะ ได้เจอสิถ้าพี่ธารพาลีวายส์มาอีก” ลีวายส์บอก
 
“คือ จริงๆแล้ว พี่จะตามแม่ไปเรียน เมืองนอกน่ะ ดีใจนะที่ได้เจอลีวายส์พอดีก่อนที่จะไป” ลีวายส์มีสีหน้าอ่อนลงนิดหน่อย
 
“พี่ธารๆ ให้ลีวายส์ไปเดินเล่นกับพี่ปอนด์แป๊บนะ นะๆ”
 
“ไปทำไม!!!”
 
“ไอ้ธาร...............” ผมปรายตาไปมองไอ้กายก่อนจะพยักหน้ารับ ลีวายส์เลยเดินไปกับไอ้เด็กปอนด์ริมชายหาด โดยมีผมมองตามอยู่ตลอด
 
“อาการหนักนะสมภาร” ปากหมาๆของไอ้แมนอีกแล้ว
 
“ไอ้สัด!!!”
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>

ทำไมอีธารไม่หึงแรง? ก็เพราะว่าน้องปอนด์ยังเด็ก   ก็ไม่เด็กนะ แต่อีธาร เห็นว่ายังเด็กเลยซอฟต์ๆ ไว้ก่อน พี่ธารของลีวายส์เป็น

ผู้ใหญ่แล้วนะ (จริงๆ?)

น้องปอนด์เป็นแขกรับเชิญค่ะ ไม่มีคู่ ส่วนเซฟ มีแล้วโผล่ออกมาแล้วแต่อย่าคาดหวังเพราะเรายังมึนๆอยู่ 555555  เดี๋ยวนี้ติสแตก

มากอ่ะ ร้อนสุดๆเลยบ้านเรา (?)

เออเนอะตอนนี้มีตัวละครหลักเกือบครับยกเว้นคุณหมอว่ะ(ไม่มีอะไรแค่บ่นเฉยๆ)

ปล.เราจะรีบลงให้ก่อนเพราะต้นเดือนหน้าต้องปรับพื้นฐานคณะ

ตื่นเต้นๆๆๆๆๆๆๆๆเดี๋ยวจะรีบมาต่อให้นะ บาย  จุ๊ฟ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 19(18/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 18-05-2014 12:43:37
อ่านตอนนี้แล้วรำคาญธารมากอ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 19(18/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 18-05-2014 15:30:37
เซฟจงไปหาคู่ที่เป็นของๆตัวเองซะ
ดายไม่ว่างแล้วนะะะะ 55555
อีธารหึงน้องซะสติจะแตก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 19(18/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-05-2014 16:49:44
ปล่อยน้องมีเพื่อนบ้างก็ดีนะ
ทีอีธารยังแอบมองสาวๆเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 19(18/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2014 19:39:39
ปล่อยให้มีเพื่อนบ้างก็ได้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 19(18/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 18-05-2014 21:46:22
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ แต่แอบขัดใจที่ยังไม่เคลียร์เรื่อง พี่หมอ กาย และก็ลูก อยากรู้ๆ แต่ก็กลัวดราม่าหม้อใหญ่
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 20(23/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-05-2014 17:40:39
Older Brother.....20
 
 
“พี่ธาร พี่ธารรรรร.......ตื่นฮะ เดี๋ยวลีวายส์ไปโรงเรียนสาย” ลีวายส์กำลังปลุกคนขี้เซา ในขณะที่ตัวเองก็รีบแต่งตัวไปด้วย จริงๆแล้วพี่ธารไปได้ขี้เซาหรอกฮะ คึคึ แต่เมื่อคืน..........เรากลับจากร้านตีสามฮะ ก็เลยไม่ค่อยอยากตื่นซะเท่าไหร่
 
“อือออ......” พี่ธารครางเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงหัวยุ่งเหยิงไปหมดแต่ก็ยังดูดีในสายตาลีวายส์
 
“พี่ธาร วันนี้ลีวายส์เปิดเรียนแล้วนะฮะ พี่ธารไปอาบน้ำเร็วฮะ” ลีวายส์ดึงแขนพี่ธารให้ลุกจากเตียง ด้วยความที่พี่ธารตัวใหญ่ก็เลยไม่ขยับสักนิดแถมพี่ธารยังดึงลีวายส์เข้ามากอดอีกด้วย
 
“ตื่นเต้นกับโรงเรียนใหม่หรือไง......หื่ม!”
 
“ก็นิดหน่อย พี่ธารไปอาบน้ำเร็วเข้า.....ลีวายส์ไม่อยากไปสายวันแรกนะฮะ” ลีวายส์บอก พี่ธารก้มลงจุ๊บแก้มลีวายส์ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
 



 
“เอาล่ะถึงแล้ว....เย็นนี้จะมารับ  แล้วก็อย่ามีเรื่องตั้งแต่วันแรกรู้มั้ย ที่สำคัญตั้งใจเรียนด้วย กูส่งคนมาเรียนไม่ใช่ส่งวัวมากินหญ้า” พี่ธารให้พรแต่เช้าเลยแฮะ มันช่างดีแท้ =_=
 
“เข้าใจแล้วฮะ ลีวายส์จะตั้งใจเรียนแล้วก็ไม่สร้างปัญหาแน่นอนเลยฮะ” ลีวายส์บอกกับพี่ธารอย่างมั่นใจ
 
“หึ! ถ้ามีเรื่องล่ะน่าดู จุ๊บ!” พี่ธารบอกและจุ๊บมุมปากลีวายส์ ลีวายส์ก็เลยหอมแก้มพี่ธารคืนด้วย เดี๋ยวขาดทุน เนอะๆ
 
ลีวายส์ลงจาก เมอร์เซเดส เบนซ์ เอสแอล คันใหม่ของพี่ธาร และโบกมือให้ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงเรียนนานาชาติชื่อดังผ่านประตูใหญ่  ด้านในมีตึกมากมายจนลีวายส์ไม่แน่ใจว่าจะไปห้องเรียนถูกหรือเปล่า
 
ในขณะที่ลีวายส์เดินไปตามทาง ลีวายส์ก็รู้สึกแปลกๆกับสายตาของนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างทางเดินหรือเดินผ่าน ถามยังมีเสียงซุบซิบตามมาด้วยแต่ฟังไม่ออก หรือว่า เค้าจะมองว่าลีวายส์เป็นตัวประหลาดกันนะ
 
ลีวายส์ก้มมองสำรวจตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า รองเท้าผ้าใบสีขาวมีลายไม้เลื้อยสีดำนิดๆ ที่พี่กายซื้อให้ ใส่กับถุงเท้าสีขาวพื้นสีดำ กางเกงขาสั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อยลายสก๊อตสีเขียวก็ไม่มีรอบเปื้อนอะไรติดอยู่ เสื้อนักเรียนสีขาวแขนสั้นมีแทบสีเขียวตรงตะเข็บใส่ไว้ในกางเกงถูกต้องเรียบร้อยดี พร้อมกับเป้สีเหลืองใบเก่งที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวันก่อน แล้วเค้ามองไรกันอ่ะ -0-
 
ลีวายส์เลิกคิดว่าตัวเองประหลาดและเดินขึ้นมาบนตึกเรียนเพื่อจะหาห้องเรียนของตัวเอง ห้องABA ดูจากเลขตึกก่อน ตึกA ชั้นB ห้องA ลีวายส์ได้อยู่ห้องเอด้วย
 
“เอ่อ โทษนะ นี่ตึกเอหรือป่าว” ลีวายส์แวะถามเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง ชั้นA เพื่อความแน่ใจ
 
“ใช่ค่ะ.....น่ารักจัง” เธอตอบลีวายส์ยิ้มๆ ก่อนจะพูดชมลีวายส์เสียงเบา ลีวายส์ได้ยินนะ ลีวายส์ยิ้มให้เธอก่อนจะเดินขึ้นมาอีกชั้น เป็นชั้นB ที่นี้ห้องA ก็อยู่ห้องแรก
 
ลีวายส์ก้าวเข้ามาในห้องเรียนที่คิดว่าน่าจะใช่ห้องของตัวเอง มีเด็กอยู่ในห้องมากกว่าสิบคน หันมามอง ลีวายส์ยิ้มให้บางๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะเรียนด้านหลังสุดและเข้าไปนั่งลงตรงริมหน้าต่าง
 
“เฮ้ยๆ ตรงนั้นมีคนนั่งแล้วเว้ย ลุกเลยๆ” มีใครคนหนึ่งในห้องที่เพิ่งจะเข้ามาในห้อง เดิมตรงมายังโต๊ะที่ลีวายส์นั่งอยู่
 
“ไหนอ่ะ ไม่เห็นมีใครวางกระเป๋าไว้เลยนี่” ลีวายส์ตอบกลับไป
 
“เค้ายังไม่มา ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็ลุกไปเลยไป” เค้าบอกอีก แต่ว่าลีวายส์มาก่อนนี่ ลีวายส์อยากนั่งตรงนี้
 
“ทำไมล่ะ ก็เรามาก่อนนี่ แล้วอีกอย่างไม่เห็นเขียนป้ายติดไว้เลยนี่นา” ลีวายส์ไม่ได้กวนนะก็มันไม่มีอะไรที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของไว้เลย
 
“อ่อ นี่เด็กใหม่สินะ เนี่ย ที่คนใหญ่คนโต ถ้าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวก็ไปหาที่นั่งใหม่เลยไป”
 
“ไม่! รอให้เค้ามาก่อนดิ” ลีวายส์บอกก่อนจะหันไปสนใจเด็กโต๊ะด้านหน้าลีวายส์ “โทษนะ มีตารางเรียนมั้ยอ่ะ เราลืมโหลดมาน่ะ”
 
“มีสิ......อ่ะ เอาไปจดก่อนแล้วกันนะ เราชื่อบุ๊คนะแล้วเธอล่ะ” เธอส่งยิ้มน่ารักให้ลีวายส์และส่งตารางเรียนที่หยิบออกมาจากกระเป๋ามาให้
 
“เราชื่อลีวายส์.............แล้วก็อย่าเรียกเราเธอสิ เราเป็นผู้ชายนะ” ลีวายส์บอก บุ๊คมองสำรวจลีวายส์เล็กน้อย เพราะเสื้อนักเรียนผู้หญิงกับผู้ชายมันคล้ายๆกันน่ะ
 
“จริงหรอ เราคิดว่า เธอ เฮ้ย! ลีวายส์เป็นทอมน่ะ แหะๆ น่ารักกว่าผู้หญิงซะอีก” โธ่เฮ้ย ไม่น่าไว้ผมยาวประบ่าเลยอ่ะ
 
แล้วลีวายส์ก็มีเพื่อนใหม่แล้วฮ่ะ บุ๊คกับเรเนส เป็นผู้หญิงน่ารักทั้งสองคนเลย หน้าตาออกไปทางตะวันตกนิดๆ คุยกันไปสักพักคุณครูก็เข้าสอนและก็ให้การบ้านตั้งแต่วันแรกเลย ที่นี่สอนคล้ายๆกับเมืองนอกฮะ
 
เช้าจะเรียนวิชาหนึ่งเต็มๆ ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติ แต่ว่าต้องอยู่โรงเรียนทั้งวันไม่เหมือนเมืองนอก ช่วงเย็นก็เรียนเหมือนกันจะมีเวลาว่างให้นักเรียนเข้าห้องสมุดหรือเล่นกีฬา จนถึงเลิกเรียน
 
“เอ่อ ลีวายส์เปลี่ยนที่นั่งมั้ย.....เราว่านั่งตรงนั้นไม่ดีหรอก เดี๋ยวนายจะมีปัญหา” ทำไมกันนะดูเหมือนทุกคนจะกลัวเด็กคนนั้นกันจัง อยากรู้จริงๆเลย
 
“ทำไมหรอ.......ที่ใครอ่ะ” ลีวายส์ถามอย่างสงสัย
 
“ก็...เค้าค่อนข้างเกเรน่ะ ได้ข่าวว่ามาอยู่ห้องนี้ด้วย ตอนเรียนมอต้นเค้าก็เรียนที่นี่ มีเรื่องกับคนอื่นไปทั่วเลย ลีวายส์อย่ามีเรื่องกับเค้าดีกว่า” เรเนสบอก ตอนนี้คุณครูออกไปแล้วปล่อยให้เด็กทำการบ้านที่สั่งไว้
 
“เหอะนา......เราจะนั่งตรงนี้แหละ รอให้หมอนั่นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน อีกอย่างป่านนี้แล้ว คงไม่มาแล้วมั้ง”
 
ปัง!!!
 
จู่ๆ ประตูหลังห้องเรียนเปิดออกคล้ายกับโดนคนถีบเข้ามา ทำให้ภายในห้องเงียบลง และหันไปสนใจคนมาใหม่เว้นแต่ลีวายส์ ที่ยังคงก้มหน้าสนใจการบ้านในสมุดบนโต๊ะอย่างเอาจริงเอาจัง
 
และไม่นานลีวายส์ก็รู้สึกว่ามีเงาของคนตัวสูงมาหยุดยืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่ลีวายส์นั่ง ยืนนิ่งๆแบบไม่พูดอะไร เฮ๊ะ! หรือว่าจะเป็นไอ้เด็กเกเรที่ว่านั่นนะ ลีวายส์เลยละสายตาจากสมุดบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมอง
 
“มึง..../ ไอ้.....”
 
เราพูดบอกมาพร้อมๆกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างเห็นหน้ากัน และรู้ว่าเราไม่ชอบขี้หน้าของอีกฝ่ายมาก โดยส่วนตัวแล้วลีวายส์น่ะไม่ชอบมากแน่ๆ
 
“เอ่อ คือ...ฉันเตือนไอ้เด็กนี่แล้วนะแต่ว่ามันไม่ยอมลุกไปนั่งที่อื่นว่ะ” นายต้าบอก(บุ๊คบอกชื่อน่ะ) เมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
 
“ลุกขึ้น........กูจะนั่งตรงนี้”
 
“ไม่!....เรามาก่อน เราจะนั่ง นายไม่ได้เขียนป้ายติดไว้นี่” ลีวายส์บอก จ้องหน้าร่างสูงอย่างไม่พอใจสุดๆ
 
“มึง.....ออกไป!!!” แล้วร่างสูงก็ดึงแขนลีวายส์ออกจากโต๊ะด้านใน โดยไม่ได้สนใจว่าลีวายส์จะเจ็บหรือเปล่า และดูเหมือนทุกคนในห้องก็ไม่กล้าเข้ามาขัดเลย
 
“แพ็ค....หยุดเถอะ” บุ๊คลุกจากโต๊ะเข้ามายืนข้างๆ ก่อนจะพูดห้าม
 
ฟังไม่ผิดหรอกฮะ ไอ้แพ็ค ก็คนเดียวกับที่ลีวายส์เจอตอนไปบริษัทที่พี่ธารไปคุยงานนั่นแหละฮะ ลีวายส์ยังเกลียดไม่หาย พอมาเห็นนิสัยแบบนี้ของหมอนี่ก็ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่
 
“อย่าเสือก..!!!” นายแพ็คบอกและผลักบุ๊คล้มลงพื้นจนเธอร้องโอ๊ยออกมา
 
“นาย.....ไอ้หน้าตัวเมียทำร้ายผู้หญิงหรอ” ลีวายส์เริ่มโกรธขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นการกระทำของมัน ก่อนจะสะบัดแขนหลุดออกจากมือร่างสูง ใช้สองมือผลักอกมันเต็มแรงจนล้มลงบนเก้าอี้
 
“มึงว่าใครไอ้......ตุ๊ด!!!” ลีวายส์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัดกับประโยคที่ออกมาจากปากหมาๆของมัน ลีวายส์เลยฟาดมือตีร่างสูง และไม้บรรทัดเหล็กในมือก็บางพอที่จะทำให้แขนของคนตรงหน้าโดนบาทจนได้เลือด
 
“นี่มึง....!!!” นายแพ็คลุกขึ้น ง้างหมัดใส่ลีวายส์แต่ว่า....ครูเข้ามาซะก่อน
 
“หยุด! ตายแล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย.....ไปห้องพยาบาลไป....ส่วนเธอไปห้องปกครอง” ซวยล่ะ ลีวายส์มองร่างสูงด้วยความโกรธเคืองพอๆกับมันที่มองมาเช่นกันก่อนจะถูกพามายังห้องปกครอง
 
ไม่นานนายแพ็คก็ตามมาห้องปกครองด้วย ที่แขนของมันมีผ้าพันแผลทำแผลเรียบร้อยแล้ว เพราะครูฝ่ายปกครองเรียกพบทั้งสองคน แปลกที่นายนั่นไม่ตอบและมีพูดบอกอะไรเลยสักนิดเอาแต่นั่งนิ่ง ต่างจากลีวายส์ที่บอกว่าลีวายส์ไม่ได้เริ่มก่อน
 
เราถูเรียกผู้ปกครองมาพบด้วยฮะ นี่แหละซวยของแท้ พี่ธารมา ทำเอาลีวายส์ทำหน้าไม่ถูกเลยฮะทั้งที่รับปากอย่างมั่นใจแล้วแท้ๆว่าจะไม่สร้างปัญหา
 
พี่ธารมองลีวายส์นิ่งๆ ลีวายส์เองก็ไม่รู้ว่าพี่ธารโกรธหรือเปล่าเอาเป็นว่าเงียบไว้ก่อนล่ะกัน ส่วนนายแพ็คดูเหมือนจะไม่มีใครมา มันเองก็ได้แต่นั่งเงียบเหมือนกัน ทีแรกก็คิดว่าจะโวยวายซะอีก
 
สุดท้ายคุณครูฝ่ายปกครอบบอกว่า อันที่จริงลีวายส์กับนายแพ็คจะต้องถูกพักการเรียนเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นการทะเลาะวิวาท แต่พี่ธารโทรไปหาพี่กายให้จัดการให้ก็เลยกลายเป็นโดนหักคะแนนความประพฤติคนละยี่สิบคะแนนแทน
 
“ขึ้นไปเอากระเป๋า” พี่ธารบอกเพราะเมื่อครู่ได้ขออนุญาตรับลีวายส์กลับเลย ดูแล้วพี่ธารคงไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
 
“ฮะ” ลีวายส์ตอบรับ รีบเดินขึ้นห้องไป แต่ระหว่างทาง ลีวายส์ได้ยินเสียงเหมือนมีคนคุยโทรศัพท์อยู่ในมุมหนึ่ง
 
“ทุกทีล่ะ ไม่ว่างๆ ไม่มีใครว่างหรอกเวลาเรื่องของผมน่ะ” เสียงคุ้นๆ แหะ ไม่ฟังล่ะ ไปดีกว่า
 
“เดี๋ยว!......มึงอีกแล้วหรอ.....ชอบหาเรื่องจริงๆเลยนะ” ที่แท้ก็เป็นนายแพ็คนี่เอง
 
“เราไม่หาเรื่องใครก่อน.....แต่ถ้าหมามันเข้ามากัดเราก็ต้องป้องกันตัว” ลีวายส์บอกและจะเดินออกมาจากตรงนั้น
 
“ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน....เพราะหมาตัวนี้มันกัดไม่ปล่อย” พรึ่บ!!! ร่างสูงบีบแขนลีวายส์แน่นจนรู้สึกเจ็บก่อนจะสะบัดมือปล่อยแรงๆและเดินออกไป ลีวายส์ว่าคงต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกับหมอนี่ทุกวันแน่ๆ

 

 
“พี่ธารฮะ.....คือ....ลีวายส์ไม่ได้....”
 
“ค่อยกลับไปคุยที่ร้าน” ว่าแล้วเชียว พี่ธารต้องไม่พอใจแน่ๆเลยฮะ ถ้าพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแบบนี้ ลีวายส์ก็ได้แต่นั่งเงียบตลอดทาง
 
“อ้าว.....ลีวายส์ ได้ข่าวว่าวันนี้เปิดเรียนวันแรกไม่ใช่หรอ ทำไมกลับแล้วล่ะ” พี่แซฟถามเมื่อเห็นลีวายส์เข้ามาในห้องทำงานโดยมีพี่ธารเดินตามหลังมา
 
“ไหนๆ เป็นไงบ้าง” พี่กายลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน มาดึงมือลีวายส์ให้นั่งลงบนโซฟาข้างๆ
 
“หึ ลูกมึง ไปโรงเรียนวันแรก ก็หาเรื่องซะแล้ว ดีมากเลย” พี่ธารบอก “บอกว่าอย่ามีเรื่องๆ หูเนี่ยฟังบ้างมั้ย หื่มม” พี่ธารดึงหูลีวายส์ฮะ T^T
 
“ก็เค้ามาหาเรื่องลีวายส์ก่อนนี่ ลีวายส์ไม่ผิดนะฮะ” ลีวายส์บอกเสียงเบาก่อนจะหลบตาพี่ธาร
 
“ไม่ผิดมั้ง ทำลูกเค้าได้แผลซะขนาดนั้น เค้าไม่พักการเรียนก็ดีเท่าไหร่แล้ว แม่มึงค้ำหัวไว้นี่” พี่ธารผลักหัวลีวายส์ทีหนึ่ง ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟสูบ
 
“ไอ้ธาร.....กูไม่ปล่อยให้ลูกกู พักการเรียนหรอกนา....โอ๋ๆ ไม่เป็นรัยนะ” พี่กายยกมือขึ้นลูบหัวลีวายส์ปลอบ
 
“มึงไม่ต้องไปโอ๋มัน......มานี่เลย” พี่ธารดึงแขนลีวายส์ออกจากพี่กายและลากมายังห้องน้ำ “เข้าไปอยู่ในห้องน้ำสองชั่วโมง.......เข้าไปสำนึกผิดในนั้นแล้วค่อยออกมา”
 
“เฮ้ยไอ้ธาร.....” พี่กายจะเข้ามาห้ามแต่ว่าพี่ธารผลักลีวายส์เข้ามาซะก่อน
 
“อ่ะ!!!  พี่ธาร!......อือออออ ปล่อยลีวายส์นะ อึกๆ....อือออออ” ลีวายส์ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอัตโนมัติ ทั้งร้องทั้งเรียกแต่ว่าไม่มีใครมีเปิดให้
 
“อย่าเปิดให้มันนะ ไม่งั้น กูจะขังไว้แทนมัน” พี่ธารบอก และก็พูดจริงด้วย เพราะพี่กายเคยโดนแล้ว พี่กายช่วยลีวายส์ทำการบ้านตอนอยู่เมืองนอกช่วยทำแบบทำให้เองทั้งบทน่ะ  แฮะๆ พี่ธารเลยขังลีวายส์ไว้ในห้องน้ำสามชั่วโมงพี่กายสงสารมาเปิดให้ พี่ธารก็เลยขังพี่กายไว้แทน
 
ลีวายส์ก็เลยต้องทำใจเพราะไม่มีใครเปิดให้แน่ๆต้องรอให้พี่ธารเปิด คิดแล้วก็แค้นใจนายแพ็คไม่หาย รู้อย่างนี้น่าจะฟาดลงไปอีกสักแผล(ได้ข่าวว่าเค้าให้เข้ามาสำนึกผิดนะลูก) พรุ่งนี้ก็คงทะเลาะกันอีกแน่นอนแต่ว่าลีวายส์ต้องใจเย็นๆ ไม่วู่วามเหมือนวันนี้
 
 
 
 
“ออกมา” พี่ธารเปิดประตูให้ลีวายส์ออกมาหลังจากที่ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ดีแล้วที่พี่ธารไม่ให้อยู่ครบสองชั่วโมงเพราะห้องน้ำมันแคบกว่าที่คอนโด แล้วก็ร้อนมาด้วย
 
“พี่ธารลีวายส์ไม่ได้ผิดจริงๆนะฮะ”ลีวายส์บอกพี่ธารอีกครั้งเพราะอยากให้พี่ธารเข้าใจลีวายส์จริงๆ
 
“เอาล่ะ พอๆ ไม่ต้องพูด....แต่ถ้ามาคราวหน้าอีก กูจะโกรธจริงๆรู้มั้ย”พี่ธารนั่งลงบนโซฟาก่อนจะดึงมือลีวายส์ให้นั่งลงบนตัก
 
“ฮะ ลีวายส์ขอโทษ” ลีวายส์บอกซบหน้าลงกับแผงอกของพี่ธาร
 
“ดี.....ไป....เดี๋ยวกูพาไปตัดผม” เฮ๊ะ!! ตัดผม ลีวายส์เบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นมองพี่ธาร มันเป็นอะไรที่ลีวายส์ไม่ชอบเลยจริงๆ
 
“ทำไมต้องตัดด้วยฮะ...แบบนี้ดีอยู่แล้วนี่นา” ลีวายส์ถาม ผมของลีวายส์ยาวประบ่าพอดีก็เลยเสียดาย
 
“มันผิดระเบียบ ยาวเกินไป....ดูสิตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมยาว กางเกงขาสั้นเกิน แล้วก็รองเท้าถุงเท้าก็ด้วย”
 
“แต่ว่า.........”
 
“ไม่มีแต่......เดี๋ยวนี้ดูเหมือนยิ่งโตก็ยิ่งพูดไม่ฟัง  ถ้าไม่เชื่อฟังกันก็ไปให้พ้นๆเลยไป!” พี่ธารผลักลีวายส์ที่นั่งอยู่บนตักออก ร่างสูงพูดด้วยสายตาจริงจังจนลีวายส์กลัว
 
“อึก! ลีวายส์ขอโทษฮะ อึกๆ....พี่ธารอย่าโกรธลีวายส์นะ อือออออ” ลีวายส์ร้องไห้ออกมา เพราะกลัวว่าพี่ธารจะไล่ลีวายส์ไปจริงๆ ลีวายส์กอดแขนพี่ธารแน่นและร้องไห้ไปด้วย
 
“เงียบ!.....ถ้ายังพูดไม่รู้ฟัง ต่อไปก็ไม่แน่....กูจะส่งมึงไปอยู่กับแม่ที่รีสอร์ทก็ได้” พี่ธารบอกอีก ทำเอา ลีวายส์ใจวูบกับไปประโยคนั้น
 
“ไม่ๆ ไม่ไปฮะ ลีวายส์จะอยู่กับพี่ธาร ลีวายส์เชื่อฟังพี่ธารฮะ” ลีวายส์กอดพี่ธารไว้แน่นอีกครั้งและแน่นกว่าเดิมด้วย ลีวายส์ไม่ไปเด็จขาดลีวายส์จะอยู่กับพี่ธารของลีวายส์
 
“งั้น....ไปตัดผม...” ลีวายส์พยักหน้ารับเบาๆอย่างว่าง่าย พี่ธารก้มลงหอมข้างแก้มลีวายส์ก่อนจะผลักออกเบาๆ และเราก็ออกจากห้องทำงานมา
 
พี่ธารพาลีวายส์มายังร้านตัดผมที่อยู่ในห้างดังใกล้ๆ ที่ร้านดูดีมีระดับ มีพนักงานสามสี่คนกำลังทำผมให้ลูกค้าอยู่และมีพนักงานคนหนึ่งออกมาต้อนรับ
 
“สวัสดีค่ะ คุณธารมาตัดผมหรอคะ” รู้จักพี่ธารด้วยแฮะ
 
“ครับแต่...ตัดให้คนนี้” พี่ธารดันหลังลีวายส์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไปหาพี่พนักงานสาวสวย
 
“ได้ค่ะ ตัดยังไงดีค่ะ...ผมสวยอยู่แล้วนะเนี่ย” เธอเดินนำลีวายส์มานั่งประจำเก้าอี้หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ลีวายส์มองภาพตัวเองในกระจกแบบเศร้าๆ เดี๋ยวผมจะสั้นแล้วววว
 
“เอาสั้นๆ แบบทรงเรียน” พี่ธารบอก
 
“ไม่ๆ...ไม่ต้องสั้นมากนะฮะพี่ธาร”
 
“ลีวายส์!...” เงียบสิฮะทีนี้ ก็ได้ๆ  ลีวายส์ยอมแล้ว ลีวายส์นั่งหลับตาให้พี่พนักงานตัดผมจนเสร็จและเดินก้มหน้าไปสระผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองกระจก
 
จากนั้นพี่ธารก็พาลีวายส์ไปซื้อรองเท้าและถุงเท้าใหม่ก่อนจะกลับมายังคอนโด เห็นพี่ธารบอกว่าคืนนี้จะไม่เข้าร้านเพราะวันนี้ไปทำงานมาทั้งวันแล้ว ที่ร้านมีการปรับเปลี่ยนและตกแต่ภายในใหม่ พี่กายพี่เซฟและพี่ธารเลยไปดูแล ส่วนกลางคืนคงให้พี่แมนดูต่อ
 
จริงสิรู้มั้ยลีวายส์เห็นแฟนพี่แมนแล้วล่ะ วันที่พี่ธารพาลีวายส์ไปเที่ยวรีสอร์ทคุณแม่เมื่ออาทิตย์ก่อน แฟนพี่แมนเป็นผู้ชาย เงียบๆไม่ค่อยพูดไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ แต่ว่าหน้าดี
 
อ่อๆ เจอพี่ปอนด์ด้วย พี่ปอนด์ตัวสูงขึ้นมาก โตด้วย พี่ปอนด์ไปเรียนต่างประเทศแล้วและก็มีอีเมลล์ให้มาด้วยล่ะ พี่ปอนด์ให้สร้อยข้อมือลีวายส์ด้วยมันทำจากเปลือกหอยแต่ว่า....หายไปแล้ว ถามพี่ธาร พี่ธารก็บอกว่าไม่เห็น น่าเสียดายจัง
 
“หน้างออยู่นั่นแหละ ตัดผมนิดเดียวทำอย่างกะจะตาย ไปอาบน้ำไป” ลีวายส์ไม่ได้พูดบอกอะไรออกมา เดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะเปลี่ยนชุดเข้าไปในห้องน้ำ
 
ลีวายส์หยุดยืนอยู่หน้ากระจกและค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตัวเองช้าๆ คิดในใจว่ามันต้องออกมาสั้นและขี้เหร่แน่ๆ
 
“ทำบ้าอะไร” เสียงพี่ธารดังมาจากประตูห้องน้ำ ลีวายส์เงยหน้ามองร่างสูงผ่านกระจกเงา ที่กำลังยืนกอดอกมองมา จากนั้นก็มองภาพตัวเองในกระจก
 
ผมลีวายส์สั้นขึ้นและเปิดให้เห็นหู ตัดเป็นทรงคล้ายๆรากไทรแต่ว่าไม่ได้สั้นอย่างที่คิด ลีวายส์ยกมือขึ้นจับปลายผมตัวเอง ก่อนจะรู้สึกได้ว่า พี่ธารเข้ามายืนซ้อนอยู่ด้านหลังลีวายส์
 
“หึ! กลัวไม่สวยว่างั้น” พี่ธารพูดบอก ร่างสูงลูบปลายผมลีวายส์เบาๆ
 
“ป่าวฮะ.....แค่ชอบผมยาวมากกว่านี่ พี่ธารไม่ชอบผมยาวหรอฮะ” ลีวายส์บอก ทำปากยื่นหน้างอใส่พี่ธาร
 
“อยากเป็นตุ๊ดหรือไง” พี่ธารกดจมูกโด่งๆลงบนแก้มลีวายส์ ก่อนจะพูด
 
“ไอ้หมอนั่น มันหาว่าลีวายส์เป็นตุ๊ด แหละ ลีวายส์ถึงได้ทำมันได้แผลอ่ะ” ลีวายส์บอกอีก พี่ธารขมวดคิ้วเข้าหากัน
 
“งั้นหรอ.....หึ!  ก็เหมือนเด็กผู้หญิงซะขนาดนี้ ฟอด! ไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวออกมากินข้าว” พี่ธารกดจมูกลงบนแก้มใส่ของลีวายส์อีกครั้งก่อนจะออกไป
 
 
Tru.........  Tru..............
 
ลีวายส์ออกมาจากห้องน้ำ พร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์ของพี่ธารดังอยู่ตรงหัวเตียง ลีวายส์เลยเดินไปจะหยิบมาดู
 
“ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรอ” ลีวายส์ยังไม่ทันได้ดูพี่ธารก็เข้ามาซะก่อน ลีวายส์เลยส่งให้พี่ธาร
 
“ยังฮะ....เอ่อ นี่โทรศัพท์ฮะ” แล้วพี่ธารก็รับไปกดรับสาย
 
“ครับ.....ไม่ว่าง........อืม........ครับ” พี่ธารพูดเสร็จก็ว่างสายทันที
 
 
“ใครหรอฮะ......”
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>>

มาแล้วจร้า   มาแบบมึนๆ มีคำผิดขอโทษด้วยนะคร้าาา เราตาลาย @_@

ขอบคุณสำคัญเม้นเด้อค่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 20(23/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 23-05-2014 18:37:59
ลีวายส์อย่าไปยอมมัน แล้วใครโทรมาอ่ะ มาต่อไวๆนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 20(23/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 23-05-2014 18:41:58
ท่าทางจะมีเรื่องไม่เว้นวันเสียแล้วลีวายของป้า
สู้ๆนะลูก อย่าไปกลัว ใครร้ายมาก็เล่นซะเลย
เหมือนพี่ธารไง อิอิ o18
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 24-05-2014 16:51:30
 :mew2: อ่าน 2 ตอนรวดอีกแล้ว ต่อไปจะพยามเม้นให้ทันทุกตอนจ้า
จากตอนที่แล้ว พี่ธารเป็นผู้ใหญ่ม้ากมาก ใช้อำนาจของคนเป็นผู้ใหญ่กีดกันน้องปอนด์จนออกนอกหน้าเลยอะ
ถ้าน้องลีวายส์ไม่ซื่อขนาดนี้คงต้องรู้แล้วล่ะ ว่าพี่ธารทั้งหวงทั้งหึงขนาดไหน
เสียดายน้องปอนด์ไม่น่าแค่รับเชิญ มีคู่ซักนิดก็น่าจะดี มีใครโสดอีกไหมน๊า
มาตอนนี้น้องลีวายส์เข้ารร.ปั๊บก็ได้เจอคู่ปรับเก่าซะแล้ว เลยทำพี่ธารโกรธเลยอะทั้งที่ลีวายส์ไม่ผิดแท้ ๆ
แล้วคนที่โทรมานี่จะใช่พี่แพทของน้องแพ๊ครึเปล่านะ เดี๋ยวอาการหวงพี่กำเริบจะมาพาลน้องลีวายส์อีกอะสิ
เอ๊ หรือจะให้น้องแพ๊คคู่พี่เซฟ เพราะบอกว่าออกมาแล้ว ก็น่าจะใช่นะถึงจะเกเรไปหน่อยก็ให้พี่เซฟปราบซะเลย
ยังไงก็อยากให้มีคนดามใจพี่เซฟเร็ว ๆ จะได้ทำใจจากน้องกายได้ไว ๆ ถ้าคุณหมอเค้าตามมาทวงอะ
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 21(24/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 24-05-2014 21:08:11
Older Brother.....21
 
 
“อะไรนะแม่.....จะให้กายไปเป็นครูเนี่ยนะ” ฉิบหาย เรียนจบนิติมาแต่จะให้ผมไปเรียนหนังสือมันได้ที่ไหนกันเล่า ไม่เอาหรอกแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
 
“โธ่กาย ก็สอนกฎหมายเบื้องต้นนิดๆหน่อยๆเอง ที่โรงเรียนขาดครูนะลูก อีกอย่างกายก็ว่างนี่” คุณแม่คนสวยของผมพูดบอก ท่านคิดง่ายๆแบบนี้ได้ไงกันนะ
 
“แม่.....แต่กายจะตบเด็กเอาป่าวๆนะ...ไม่เอาหรอก” ผมบอก ไม่ไหวๆ ยังไงก็ไม่เด็จขาด
 
“งั้น...กายก็ต้องไปหาคนมาสอนแทน เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอกอยู่บ้านด้วยล่ะ” แล้วจะหาใครล่ะครับแม่ เฮ้อออ
 
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวกายมีนัดกับไอ้เซฟ” ผมบอกก่อนจะว่างแก้วน้ำลงและเดินขึ้นห้อง ได้ยินเสียงแม่บ่นไล่หลังมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะแม่บ่นประจำอยู่แล้ว
 
ก๊อกๆๆ
 
พอทำท่าว่าจะหลับซะหน่อยดันมียินเสียงเคาะประตูห้องมากวนใจอีก แม่นะแม่ ผมก็เลยต้องลุกไปเปิด
 
“มีอะ........”
 
“สวัสดีค่ะ.....น้ากาย” เด็กผู้หญิงตัวเล็กแค่เอวยืนยิ้มกว้างอยู่หน้าประตู พร้อมกับยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม
 
“เอ่อ.....ครับ”
 
“ไข่มุกเข้าไปได้มั้ยค่ะ” สาบานว่านางขออนุญาต แต่ก็เข้ามาทั้งที่ผมยังไม่ได้บอกเลยสักคำว่าเข้ามาได้ ผมก็ได้แต่ยืนเกาหัวแหละครับ
 
“เอ่อ....ไข่มุกมากับ...?”
 
“มากับคุณพ่อค่ะ.....คุณพ่อมาจัดยาให้คุณยายทวด” เธอพูดบอกเสียงใส่ ในขณะที่ขึ้นไปกระโดดอยู่บนเตียงของผม ไม่ต้องสงสัยครับนางมาบ่อย
 
รู้มั้ย ไอ้หมอมันพาไข่มุกบ่อยมาก แถมบางครั้งก็ยังอยู่ทานข้าวด้วยผมก็เลยชอบหาโอกาสออกไปข้างนอกเพื่อหลบหน้ามัน  ทั้งที่มีลูกมีครอบครัวแล้วแท้ๆยังจะมาวุ่นวายกับผมอีกไอ้พี่หมอมันคิดอะไรอยู่กันแน่ ผมล่ะไปเข้าใจเลยจริงๆ
 
“น้ากายคะ ไข่มุกอยากชวนน้ากายไปเที่ยวค่ะ วันนี้วันหยุดเราไปเที่ยวกันนะคะ” ไข่มุกกระโดดลงจากเตียงมานั่งข้างๆ ผมที่ตอนนี้นั่งอยู่กับพื้น
 
“เอ่อ...คือว่า....น้ากายมีนัดแล้วน่ะครับ”ผมบอก ไข่มุกหุบยิ้มลงทันที
 
“จริงหรอคะ ไข่มุกตั้งใจว่าจะมาชวนน้ากายจริงๆนะ คุณพ่อไม่พาไข่มุกไปแน่ะๆเลยอ่ะ น้ากาย” อ้าว แล้วเกี่ยวไรกับผมล่ะครับ ไข่มุกมีสีหน้าเศร้าลงจนผมรู้สึกสงสาร ร่างเล็กมองผมตาปริบๆ และมันก็ทำให้ผมใจอ่อนจนได้
 
“ครับๆ งั้นน้า ไปก็ได้...จิ๊....แล้วจะไปเที่ยวไหนล่ะ”
 
“สวนสนุกค่ะ....ไข่มุกอยากไป น่าสนุกดีเดี๋ยวเราจะไปเล่น......%$@#*&”  พอผมรับปากปุ๊บ ไข่มุกก็พูดอย่างตื่นเต้นดีใจและบรรยายให้ผมฟังจนหูแทบชา เด็กอะไรช่างพูดจริงๆเลย
 
“คุณพ่อมาแล้ว........คุณพ่อคะ เดี๋ยวเราไปสวนสนุกกันนะคะ พี่กายไปด้วย” ไอ้พี่หมอ เดินกลับมาจากบ้านยายผมที่อยู่หางกันไปมากนัก ผมกับไข่มุกลงมานั่งเล่นหน้าบ้านพอดี
 
“หืม.....สวนสนุก........แล้วถามน้ากายแล้วหรอว่าอยากไปด้วยจริงๆ” ไอ้พี่หมอถาม มันเหลือบมองหน้าผมนิดๆ
 
“ก็ต้องอยากไปสิคะ....น้ากายรับปากแล้ว ใช่มั้ยคะน้ากาย” ไข่มุกพูดบอก เธอกระตุกมือผมเบาๆให้ผมตอบ
 
“เอ่อ.....ใช่ครับ” อันที่จริงกูก็ไม่อยากไปสักเท่าไหร่หรอกถ้าไม่เห็นแก่เด็ก
 
“เย้!!! งั้นเราไปกันเลยนะคะ ไปค่ะคุณพ่อไปค่ะน้ากาย เย้ๆ” ในขณะที่ เด็กตัวเล็กกำลังดีใจแต่หารู้ไม่ว่าผมไม่ได้สนุกด้วยเลย เฮ้ออออ
 
“น้ากายหิวมั้ยคะ...ไข่มุกหิวแล้วค่ะ คุณพ่อ....แวะกินข้าวก่อนนะคะ” ไข่มุกน้าว่าไม่ต้องถามน้าก็ได้ =_=^ เราอยู่บนรถครับ ตอนแรกผมกะจะนั่งเบาะหลังแต่ว่ายัยเด็กตัวดีบอกให้นั่งข้างหน้าและตัวเองก็มานั่งตักผม
 
“ครับ พ่อก็หิวเหมือนกัน” คนข้างๆที่กำลังขับรถบอก ไม่นานไอ้พี่หมอก็แวะร้านอาหาร
 
“น้ากายกินอะไรดีคะ.....ไข่มุกเอาข้าวผัดกุ้งค่ะ” ไข่มุกบอกโดยที่เธอไม่ได้ดูเมนูเลยคงจะเป็นร้านประจำ ก่อนจะถามผม
 
Tru...........
 
ในระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมดังขึ้น ผมล้วงออกมาดูก็รู้ว่าเป็นไอ้เซฟ จริงสิผมยังไม่ได้โทรไปบอกมันเลยอ่ะ
 
“ว่าไง....” ผมกรอกเสียงลงไปหลังจากที่กดรับสาย
 
(กูเสร็จแล้ว....จะออกไปกินข้าวด้วย จะให้กูไปรับเลยหรือป่าว)
 
“เอ่อ โทษที คือกูออกมาแล้วน่ะ เอาไว้ เจอกันที่ร้านเลยก็แล้วกัน” ผมบอกกลับไป
 
(มึงออกไปกับใครแล้วล่ะ) เสียงจากปลายสายนิ่งเงียบ ก่อนจะถามกลับมา ผมหันไปมองคนสองคนที่ตอนนี้กำลังมองผมอย่างสนใจ ไอ้พ่อลูกคู่นี้ จิ๊!
 
“กับ....พี่หมอน่ะ”
 
(อืม...เข้าใจแล้ว) แล้วไอ้เซฟก็ตัดสายผมไปเลย =_= ขอโทษเพื่อน จริงๆกูก็อยากไปกับมึงมากกว่าล่ะนะ
 
“แฟนหรอคะ น้ากาย” แหมตัวแค่นี้อยากรู้อยากเห็นจริงๆแต่คงไม่เท่าคนเป็นพ่อล่ะนะ จ้องซะ
                                                                                                                 
“มีแล้วครับ” ผมตอบออกไป ก็ไอ้พี่หมอจะได้เลิกยุ่งกับเราซะที ผมพูดจบ ร่างสูงยังคงจ้องหน้าไม่เลิกแถมยังทำท่ากวนๆเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองด้วย
 
“หว้า  ไข่มุกว่าจะจีบน้ากายซะหน่อย เสียดายจัง” =_= เด็กอะไรน่าหยิกจริงๆ
 
หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อย เราก็มาถึงสวนสนุกในเวลาไม่นาน ไข่มุกดูตื่นเต้นมากเมื่อเห็นเครื่องเล่นมากมาย และมีตัวการ์ตูนมาสคอตเต็มไปหมด รู้ตัวอีกทีผมเองก็ตื่นเต้นพอๆกับไข่มุกนั่นแหละ
 
“ดูเหมือนจะชวนมาถูกคนแฮะ” ไอ้พี่หมอพูดยิ้มๆแต่สายตามันไม่ได้มองมายังผม
 
“สงสารไข่มุกหรอก ถึงได้มา” ผมตอบกลับไป ก่อนจะหันไปหาเด็กตัวเล็กข้างๆ แต่ปรากฏว่าหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “เฮ้ย! ไข่มุกหาย ไข่มุกหาย” ผมตกใจมากขอบอกเพราะจู่ๆก็ไม่เห็นแถมเด็กก็เยอะด้วย
 
“นี่ๆ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น โน้น อยู่โน้น” ผมมองตามนิ้วไอ้พี่หมอที่ชี้ไป เห็นไข่มุกกำลังยืนจับมืออยู่กับมาสคอตหมีพูท่าทางสนุกเชียว
 
ผมสะดุ้งเมื่อมือหนาจับข้อมือผมเดินผ่านกลุ่มคนจำนวนหนึ่งไปหาไข่มุก มือหนาจากคนตัวสูงยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมแต่ว่า....คงไม่ใช่สำหรับผมแล้ว ผมจึงดึงมือออก ร่างสูงขมวดคิ้วมองแต่ผมไม่สนใจรีบเข้าไปหาไข่มุก
 
“น้ากายมาถ่ายรูปกันค่ะ คุณพ่อถ่ายให้หน่อยนะคะ” ไข่มุกดึงมือผมเข้าไปใกล้ๆก่อนจะคะยั้นคะยอให้พ่อตัวเองถ่ายรู้ให้
 
“ค่ะๆ เอาล่ะ ยิ้มหน่อยสิคุณ” ยิ้มสิครับยิ้ม     ^[+++]^        ^_^
 
“คุณพ่อมาถ่ายด้วยกันนะคะ มาเร็วค่ะ” ไข่มุกดึงแขนคนเป็นพ่อมาถ่ายด้วยกัน ไอ้พี่หมอมันวานให้คนอื่นถ่ายให้ ก่อนจะมายืนข้างๆผม เอ้า ยืนข้างลูกมึงสิ!
 
“อุ้มไข่มุกสิคุณ ผมขี้เกียจย่อตัว......ไข่มุกให้พี่กายอุ้มนะคะ” ไอ้นี่ แม่ง แล้วตัวเองทำไมไม่อุ้มเล่า ผมเหลือบมองร่างสูงด้วยหางตาก่อนจะย่อตัวลงอุ้มไข่มุกขึ้นมาเอง
 
“หนึ่ง.....สอง......” ตากล้องกำลังจับภาพ จู่ๆ มือหนาก็ยกขึ้นกอดไหล่ผม “สาม.....แชะ” แล้วก็ถ่าย  ผมจ้องหน้าร่างสูงเขม่งแต่ ไอ้หมอนี่มันด้านครับ ขอถ่ายอีกรูป แถมรูปนี้ยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจนชิดติดกันอีกด้วย(เหมือนรูปครอบครัวแปะ)
 
จากนั้นไข่มุกก็เริ่มยากเล่นเครื่องขึ้นมาโดยให้ผมไปเป็นเพื่อน เพราะไอ้คนเป็นพ่อนี่มันไม่ยอมเล่น โดยให้เหตุผลว่า พ่อโตแล้วไปกับพี่กายนะ(กูโตแล้วด้วย) ผมเลยต้องรับกรรมแทนเล่นโน้นเล่นนี้จนเวียนหัวไปหมด แต่ก็สนุกดี บอกตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาสวนสนุกครับ เหอะๆ
 
“คุณพ่อๆ ไข่มุกเหนื่อยค่ะ คุณพ่ออุ้มหน่อยนะคะ” ไข่มุกบอกขณะที่เราสามคนกำลังเดินไปขึ้นรถกลับ จะไม่ให้เหนื่อยได้ไงก็นางทั้งวิ่งทั้งเล่นตลอดเวลาจนถึงเย็น
 
“ให้พี่กายอุ้มนะคะ คุณพ่อถือของอยู่” ผมหันขวับไปมองคนพูดทันที ไอ้นี่....กูก็เหนื่อยโว้ย
 
“น้ากาย....” *0*
 
“ครับๆ......งั้นนายถือสะพายด้วย” เล่นมองกันด้วยสายตาเว้าวอนแบบนี้ อุ้มก็อุ้มสิครับ ผมก็เลยใช้ให้ร่างสูงสะพายกระเป๋าให้ เพราะผมจะได้อุ้มไข่มุกถนัด
 
“คล้องมาสิ ผมไม่มีมือนะ” ไอ้พี่หมอบอก มันถือของเต็มมือจริงๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นตุ๊กตาแล้วก็ของเล่นที่ไข่มุกได้มาจากซุ้มของเล่นนั่นแหละ
 
ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอากระเป๋าสะพายใบไม่ใหญ่นักคล้องคอคนตัวสูงที่โค้งลงมา มันดูพะรุงพะรังมากจะผมเกือบหลุดขำ จากนั้นผมก็ก้มลงอุ้มไข่มุก ร่างเล็กในอ้อมแขนผมซบหน้าลงกับไหล่ทันทีด้วยความเหนื่อยล้า
 
“เดี๋ยวจะไปส่งไข่มุกก่อนแล้วกัน”ร่างสูงบอกขณะอยู่บนรถ ผมก้มลงมองหน้าไข่มุกก่อนที่ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว
 
“ไข่มุกอายุเท่าไหร่” ผมขมวดคิ้วถาม ร่างสูงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
 
“เจ็ดขวบ” ไอ้พี่หมอตอบ สายตาคมๆจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า เจ็ดขวบ ผมไปอยู่เมืองนอกแค่สามปีนี่ นี้มันอะไรกัน แสดงว่ามันมีไข่มุกก่อนที่จะรู้จักกับผมซะอีก
 
ผมมองคนข้างๆที่กำลังขับรถ อย่างไม่เข้าใจ ความคิดในหัวตีกันยุ้งเหยิงไปหมดและความโกรธก็เข้ามาแทนที่จนต้องกำหมัดแน่น ผมโง่เองหรือเปล่านะที่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวมันเลยสักนิด ทั้งที่คิดว่าเราเคยสนิทกันมากแล้วแท้ๆ
 
“คุณช่วยอุ้มไข่มุกขึ้นไปนอนหน่อยนะ ผมจะเอาของไปเก็บ” ไอ้พี่หมอบอกก่อนจะลงจากรถไปและเอาของจากท้ายรถเดินเข้าบ้าน หลังใหญ่กว่าบ้านผมราวๆสามเท่าได้ จะใหญ่ไปไหนวะ
                                                                                                               
ผมไม่พูดบอกอะไรเดินอุ้มไข่มุกที่นอนหลับอยู่บนตักลงจากรถและเดินตามไปเช่นกัน ภายในบ้านกว้างขวางมาก มีคนรับใช้สองคนกำลังทำงานบ้านอยู่หันมามองแต่ดูเหมือนเค้าไม่ได้คิดจะช่วยผมล่ะนะ
 
“ตายจริง.....ไปไหนกันมาคะ เหนื่อยจนหลับเลยหรอเนี่ย” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา ดูแล้วอายุคงเท่าๆกับแม่ผมได้ และจากการแต่งตัวที่ดูดีแล้วคงไม่ใช่คนใช้แน่นอน
 
“เอ่อ.....สวัสดีครับ  ห้องน้องอยู่ไหนหรอครับ” ผมทักทายก่อนจะถาม เพราะตอนนี้เริ่มหนักแล้วเหมือนกัน
 
“อ่อ.....ข้างบนค่ะ....ห้องที่สองทางขวามือ”
 
“ครับ” ผมตอบรับและรีบเดินขึ้นมาทันที ผมจะได้พาไข่มุกไปนอนและรีบกลับเพราะผมคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ที่นี่นานๆ
 
ผมเดินขึ้นมาด้านบนของบ้าน แหม มันจะสร้างบันไดให้สูงไปไหนเนี่ย แล้วนี่ไอ้พี่หมอหายไปไหนวะ
 
ผมเปิดประตูและใช้หัวไหล่ผลักเข้ามาในห้อง ที่ว่าน่าจะใช้ห้องไข่มุก และค่อยๆวางร่างเล็กลงบนเตียงกว้างอย่างเบามือ มองสำรวจใบหน้าใสและคิดว่า ทำไมไม่มีเค้าโครงที่เหมือนไอ้พี่หมอเลยวะ
 
ผมละสายตาจากร่างเล็กบนเตียงไปมองสำรวจห้องตรงโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆมากรอบรูปตั้งเรียงอยู่ ด้วยความอยากรู้ผมก็เลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
 
“พี่รักษ์ กลับมา........อ้าว.......” ผมหยุดชะงักเมื่อมีเสียงผู้หญิงดังมาจากประตูห้อง หญิงสาวร่างสูงพอๆกับผมยืนขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย เธอดูสวยไร้ที่ติมาก ตาเรียวรับกับจมูกโด่สวยปากอิ่มสีสดดูดีจนหน้าอิจฉาและที่สำคัญ หน้าเหมือนไข่มุกไม่มีผิด แม่ไข่มุกหรอ
 
“เอ่อ ขอโทษครับ.....คือผม.....” ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร และคิดโกรธตัวเองอีกว่าไม่น่ามาที่นี่เลยจริงๆ
 
“อ่อ....เอ่อเพื่อนพี่รักษ์หรอคะ ขอบคุณค่ะที่ดูแลไข่มุก........เหนื่อยจนหลับไปเลยหรอเนี่ย” เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินไปหาไข่มุกและนั่งลงบนเตียงก่อนจะก้มลงหอมแก้มร่างเล็กอย่างหวงแหง ผมมองภาพนั้นแล้วรู้สึกเจ็บแปลกๆ ในใจวูบไหว ที่ตัวเองเข้ามายืนอยู่ในฉากนี้
 
“รัน.......มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงเข้มดังมาจากประตูพร้อมๆกับร่างสูงที่เดินเข้ามา จากนั้นผมก็คิดได้ว่าตัวเองเป็นคนนอกในทันที ผมเลยจะก้าวเท้าเดินออกไป “เดี๋ยว.....กาย” แต่ร่างสูงกลับคว้าแขนผมไว้ก่อน ผมมองไอ้พี่หมออย่างไม่เข้าใจ
 
“รันเพิ่งลงเครื่องเมื่อกี้นี้เองค่ะ รันของพักผ่อนกับไข่มุกก่อนจะคะ” เธอพูดบอกและไม่มีอาการหึงหวงหรือสงสัยเลยสักนิด ร่างสูงพยักหน้าตอบก่อนจะดึงแขนผมออกมา
 
“ปล่อยผมนะ นี่นายจะทำอะไร บ้าไปแล้วหรอ” ผมถามเสียงดังเมื่อไอ้พี่หมอดึงแขนผมจนแทบจะเรียกได้ว่าลาก ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในห้องที่อยู่ใกล้ๆกัน
 
“กาย!!! เมื่อไหร่จะเลิกมองผมด้วยสายตาแบบนั้น คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง” คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมพูดไม่ออก
 
Tru................   Tru.............
 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและผมก็รู้ดีว่ามันเป็นของผมเองแต่ไม่รู้ว่ามันมาอยู่บนเตียงในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งกระเป๋าและโทรศัพท์
 
“นี่!!! เอาของผมคืนมานะ” ผมบอกและพยายามแย่งโทรศัพท์ในมือร่างสูงที่มันเพิ่งจะเดินผมไปหยิบมาตัดหน้า
 
“ไม่!!!......”
 
“นี่ แอบดูโทรศัพท์ผมหรอ นิสัยเสีย” ผมว่าและดึงเสื้อร่างสูงเพื่อจะแย่งโทรศัพท์คืนมา แต่ว่ามันกินอะไรเข้าไปวะ ทำไมสูงเหมือนเปรตอย่างนี้
 
“เปล่า......จะดูได้ไงผมไม่รู้รหัส”
 
“เอ๊ะ!!! แล้วรู้ได้ไงว่าผมตั้งรหัสไว้ แอบดูจริงๆด้วย นายนี่มัน....เอาคืนมาเลยนะ” ผมทั้งทุบทั้งตีร่างสูงเพื่อให้มันคืนโทรศัพท์มาแต่ว่ามันกลับรวบมือผมไว้ทั้งสองข้างด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว
 
“ก็ผมอยากรู้ว่าคุณมาแฟนแล้วจริงๆหรือพูดเล่นกันแน่” ผมโดนร่างสูงผลักให้นั่งลงบนเตียงกว้าง สายตาคมๆจ้องมองผมเพื่อรอบคำตอบ
 
“จริง!”
 
“โกหก!” เอ้า พอผมพูดบอกร่างสูงก็สวนกลับทันที แล้วจะถามทำไมกันเล่า
 
“ไม่เชื่อก็ตามใจ” ผมว่าอย่างอ่อนใจจะพูดบอก จริงๆก็ไม่มีหรอกคำว่าแฟนเป็นแค่เกราะป้องกันเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะใช้กับคนๆนี้ไม่ได้
 
“แค่มองตาก็รู้แล้ว ว่า.....โกหก” ร่างสูงที่ยืนอยู่ก้มลงมาพูดคำว่าโกหกใส่หน้าจนผมต้องเอนตัวหนีจนเกือบหายหลัง
 
“เลิกยุ้งกับผมซะที ตัวเองก็มีครอบครัวแล้ว ปล่อยเลย ไม่อายคนในบ้านบ้างหรือไง”
 
“กาย!!! ฟังนะจะได้เข้าใจ....” ร่างสูงนั่งลงข้างๆผมก่อนจะรวบตัวผมเข้าหาตัวเองด้วยมือข้างที่จับข้อมือผมไว้ในท่ากอด “ไข่มุกน่ะ ไม่ใช่ลูกผม.....ไข่มุกคือลูกของรันน้องสาวผมเอง”
 
ไอ้พี่หมอบอกทำให้ผมที่กำลังดิ้นหาทางหนีหยุดนิ่งมองหน้าร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ ไอ้พี่หมอทำหน้าจริงจังมากมายจนผมยอมผ่อนแรงขืนของตัวเองลงและหน้าหนาก็คลายออกเช่นกัน
 
“ไข่มุกเป็นลูกของรัน น้องสาวแท้ๆของฉันที่เกิดมาจากความไม่ตั้งใจเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่ตอนนั้นไม่มีใครรู้เพราะเธออยู่ต่างประเทศ มารู้อีกทีก็ตอนที่ไข่มุกโตจนเข้าโรงเรียนแล้วล่ะ” ผมฟังและคิดตาม
 
“ตอนแรกพ่อแม่ก็ไม่ยอมรับ เพราะเด็กไม่มีพ่อ ผมก็เลยยื่นมือเข้าไปช่วยน้องสาว และก็รับผิดชอบไข่มุกเอง แม่กับพ่อถึงได้ยอมรับไข่มุกและให้เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ว่ารันจะต้องอยู่ต่างประเทศ เธอจะกลับมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น”
 
“ไข่มุก....ไม่มีพ่อหรอ” ผมถามเพราะรู้สึกสงสารไข่มุกขึ้นมา โดยไม่ได้สนใจเรื่องที่ว่าไข่มุกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว
 
“อืม.....ผมก็เลยให้ไข่มุกเรียกว่าพ่อไง....แล้วก็.....”
 
“พอๆ.......แม่ง ผู้ชายนี่มันไม่มีความรับผิดชอบกันจริงๆเลย เหี้ย จริงๆ” ผมกำหมัดแน่นและตุบลงบนเตียง ผมแอนตี้เรื่องแบบนี้มากเลยขอบอก เพราะอย่างนี้แหละผมถึงได้รักลีวายส์แล้วก็ตามใจมากกว่าไอ้ธารซะอีก
 
ป๊อก!
 
“นี่ๆ คุณ  ตัวเองก็เป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง ผมก็ด้วยนะ” ร่างสูงดีดหน้าผากผมทีนึ่งก่อนจะพูดบอกด้วยน้ำเสียงขำๆ
 
“ไม่นับเว้ย!!!....นับแต่ไอ้พวกเลวๆเท่านั้นแหละ”
 
“งั้น ผมก็ผ่าน” ผมมองร่างสูงด้วยหางตาก่อนจะส่ายหน้าให้ ไอ้พี่หมอยิ้มมุมปากและกลับมารวบตัวผมอีกครั้ง
 
“เน้!!....ปล่อยเลย ผมจะกลับล่ะ ค่ำแล้วเดี๋ยวต้องไปร้านอีก” ผมบอก พยายามดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่หลุดจากอ้อมแขนแกร่งที่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งกระชับแน่นขึ้น
 
“ที่นี้เข้าใจพี่แล้วนะ” มีเปลี่ยนสรรพนามด้วย ไม่ๆ กูไม่ใจอ่อนเว้ย
 
“เข้าใจอะไร ผมคิดอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ อีโธ่ ปล่อย ปล่อยเลย” ผมบอก หืม ไอ้พี่หมอมันทำหน้างอคอตกเหมือนเด็กด้วยล่ะแต่ว่า แม่ง มันเอาแรงมาจากไหนนักวะ กูถึงดิ้นไม่หลุด
 
“เข้าใจแล้ว ทำไมไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมล่ะ ผมไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่หรอกนะคุณ ผมมีงานต้องทำ จะให้ผมคอยมาตามง้อคุณทุกวันมันได้ที่ไหน เนี่ยวันนี้ผมลางานนะรู้มั้ย หมอนะหมอไม่ใช่เด็กพาร์ทไทม์” ผมอ้าปากค้าง นึกคำพูดออกมาเถียงไม่ได้ กับบทเทศนาของมัน
 
“ละ.....แล้ว....ใครใช้ให้มาง้อเล่า ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
 
“ก็เป็นซะอย่างเนี่ย....เฮ้ออออ” แล้วไอ้พี่หมอก็ทำเนียนพาร่างผมเอนหลังลงนอนบนเตียงไปกันมัน
 
“ปล่อยเลย ผมจะไปร้านแล้ว ป่านนี้ไอ้เซฟรอล่ะ”ผมบอก และก็ไม่ลืมออกแรงผลักคนที่กำลังกอดผมอยู่แถมมันยังซุกหน้าเข้ามาหาอีก
 
“ไอ้เซฟ! ไอ้เซฟ! ไอ้เซฟ! ทำไม....ตัวไม่ห่างกันเลยนะ เป็นอะไรกัน” ร่างสูงผงกหัวขึ้น ถามเสียงเข้ม
 
“เป็นเพื่อน ทำไมก็สนิทกันน่ะ” ผมตอบแบบส่งๆ
 
“หึ! เพื่อนแต่ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋เนี่ยนะ ได้ข่าวว่าไปเที่ยวทะเลด้วยกันนี่ ดีเนอะ” มันรู้ได้ไงวะ เนี่ยผมตั้งใจหลบหน้ามันแล้วนะ
 
“รู้ได้ไง......ไอ้ธารบอกหรอ”
 
“เปล่า แม่บอก.....ว่าจะตามไปแล้ว แต่งานมันค้ำคอ” แม่ผมเอง ดีล่ะที่มันไม่ไป ถ้าไปคงวุ่นวายได้อีก แค่ไอ้ธารกับไอ้แมนก็แรงพอล่ะ
 
“พี่กาย........คุณพ่อ” พอได้ยินเสียงนี้ ไอ้ผมก็คิดว่ามันจะปล่อยแต่เปล่าเลยครับ มันก็ยังกอดผมไว้เหมือนเดิม ไม่ได้อายไข่มุกที่กำลังปีนขึ้นมาบนเตียงเลยสักนิด
 
“คร้าบบ ไหนๆ เจอแม่หรือยัง” ผมก็เห็นมันอ่อนโยนแต่กับเด็กก็ตอนที่คุยกับไข่มุกเนี่ยแหละ อ่อไม่ๆ ตอนคุยกับลีวายส์ด้วย
 
“เจอแล้วค่ะ น้ากายจะนอนนี่หรอค่ะ นอนกับคุณพ่อหรอคะ” ไข่มุกถามอย่างสงสัย แต่ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นมากกว่า
 
“ใช่ค่ะ น้ากายบอกว่าจะนอนนี่ค่ะ” เหี้ย พ่อมันบอกครับ ก่อนจะยักคิ้วให้ผม
 
“จริงหรอคะ ดีจังเลย ไข่มุกก็อยากให้น้ากายนอนที่นี่เหมือนกัน” เอากับเค้าสิ ถ้ากูนอนก็ไม่เหลือล่ะ พ่อมันทำตากรุ้มกริ่มซะขนาดนั้น
 
“คือ น้ากายมีงานต้องทำครับ” ร่างเล็กสีหน้าอ่อนลงทันที เอ้าทำผมใจวูบอีกแล้ว
 
“นี่ คุณทำลูกผมเสียใจนะ ดูสิ โอ๋ๆ ไข่มุกของพ่อ” เอากับมัน ผลักผมออกแล้วก็ไปกอดลูกตัวเองไว้ แอคติ้ง สุดๆ
 
“ก็ได้ครับ” พอเห็นสีหน้าผิดหวังของไข่มุกผมก็ใจอ่อนอีกแล้ว ลุกขึ้นมานั่งและบอกออกไป
 
“เย้ๆ น้ากายนอนนี่นะค่ะ จะได้เล่นกับไข่มุก” ได้ข่าวว่านางเล่นมาทั้งวันแล้วนะ ผมก็ได้แต่ยิ้มบางๆให้ไข่มุกที่ลุกจากตักคนเป็นพ่อมานั่งตักผมแทน
 
“หึๆ.....” แหมพ่อมันก็ยิ้มใช่ย่อยแถม ยังทำเนียนมากอดผมกับไข่มุกอีกด้วย
 
“คืนนี้ไข่มุกจะนอนกับคุณพ่อด้วยค่ะ” พอลูกพูดจบพ่อมันก็หายหลังกางแขนบนที่นอนเหมือนโดนน็อคเลยที่เดี๋ยว เหอะๆ
 
“อ่า คุณพ่อสลบไปแล้ว คึคึ”

<<<<<<<TBC>>>>>>>

ดูเหมือนคู่นี้จะพูดจากันเพราะสุด  แต่พี่หมอจะพูดเพราะกับกายน่ะนะ เพราะกับเซฟกับพี่ธารก็มีมึงกู

 ก็พี่หมอคิดว่าคำว่ามึงกูไม่เหมาะกับหน้าสวยๆของกายค่ะ ส่วนกายที่ไม่พูดมึงกูเพราะให้เกียรติกับความเป็นหมอค่ะ

 ส่วนเกียรติความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องไม่มี 5555 #เราเพ้อ

ตอนนี้บรรยายได้แข็งมากอ่ะ T^T ขอบคุณกำลังใจทุกๆข้อความค่ะ เราจะ...ลงเรื่อยๆ ค่ะ

ส่วนคู่เซฟคือใครลองลุ้นกันดู  :mew1:  :mew1:


หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 21(24/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-05-2014 21:10:52
สู้เค้าลูกกกกกกกกก
อย่าไปยอมให้เค้ารังแกกกกก :katai4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 25-05-2014 02:59:30
นั่นแน่ ได้โอกาสแล้วน้องเซฟไปเป็นครูแทนน้องกายซะเลยจะได้ปราบเด็กแพ๊คได้ถนัด ๆ
ยิ่งตอนนี้น้องกายได้รู้แล้วด้วยว่าพี่หมอยังโสด รอน้องกายมาตลอดไม่ได้คิดนอกใจ
แถมมีน้องไข่มุกเป็นตัวช่วย เพราะงั้นน้องกายคนดีหนีพ่อลูกคู่นี้ไปไหนไม่ได้แน่
ครอบครัวสุขสันต์ น่ารักจัง พี่กายแพ้เด็กตลอดแบบนี้ก็เข้าทางพี่หมออะสิ
รอติดตาม และเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 21(24/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-05-2014 09:22:50
มีคุณน้องไข่มุกเป็นแม่สื่อขนาดนี้เอาไงดีกาย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 28-05-2014 15:56:49
Older Brother.....22
 
 
“โอ๊ต!”
 
“...........”
 
“โอ๊ต! กินข้าว” ผมเงยหน้าขึ้นเหล่มองคนตัวสูงที่กำลังยืนค้ำหัวผมอยู่ตรงกรอบประตูระเบียงห้อง ในขณะที่ผมนั่งสูบบุหรี่และคิดเรื่องตัวเองไปเรื่อยเปื่อย
 
ผมอัดบุหรี่ลงปอดอีกสองสามทีก่อนจะดับมันกับกระถางต้นไม้เล็กข้างๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน ผมไม่ใช่คนพูดมากอะไรเลยไม่แปลกที่ผมจะไม่ตอบรับหรือพูดคุยกับมัน
 
“เดี๋ยว.....” ร่างสูงกว่าผมมากกว่าห้าเซ็นดึงแขนผมไว้ “ลดบ้างเหอะ บุหรี่นะ กูเห็นมึงสูบทั้งวันยันเที่ยงคืน” ผมไม่เข้าใจว่ามันห่วงผมหรืออะไรผม ทั้งๆที่มันทำร้ายผมทั้งแต่วันนั้น...
 
“เสือก!!!” และผมก็ไม่เคยพูดดีกับมันเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าผมจะตามมันมาอยู่ด้วย แต่ผมมีเหตุผลของผม ผมแค่อยากหลุดออกมาจากวงโคจรสีเทาที่นัดวันมันยิ่งทำให้ตัวผมจางลงจางลงทุกที
 
ผมเคยคิดนะว่าพี่โอ๊คพี่ชายผมรักผมมาก เพราะเรามีกันแค่สองคน เราเคยลำบากมาก่อน ผมกับพี่ชายเคยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโชคดีที่พี่ชายผมมีคนรับเลี้ยงและให้ทุนไปเรียนต่างประเทศซึ่งต่างจากผมที่ต้องทนอยู่ต่อ
 
ผมดีใจมากตอนที่พี่ชายมารับผมไปอยู่ด้วยและก็ตกใจเมื่อรู้ว่าพี่ชายตัวเองกลายมาเป็นมาเฟีย แต่ด้วยความที่พี่ชายผมดูแลและให้ทุกอย่างกับผม ผมก็เลยรักและเคารพจนคิดจะเดินตามรอยพี่ชาย
 
ผมอยากเรียนบริหารแต่พี่โอ๊คกลับให้ผมเรียนวิศวะซึ่งผมจะขัดใจพี่ไม่ได้ ผมอยากทำงานใหญ่แต่พี่โอ๊คก็ไม่เคยให้ผมทำเลยสักครั้งโดยให้เหตุผลว่ามันอันตรายเกินไป ทั้งที่ผมโตแล้ว จนกระทั้งเดี๋ยวนี้เหมือนพี่ชายผมไม่ค่อยวางใจให้ผมทำแม้แต่งานส่งอาวุธเล็กๆก็ตาม ผมเลยคิดว่าผมคงจะค่อยๆหมดความสำคัญลงทีละนิดๆ
 
“เดี๋ยวกูจะไปทำงานที่สนามดึกๆถึงจะกลับ มึงก็กรุณาเปิดโทรศัพท์ด้วยนะ!!!!” มันเองก็ใช่ว่าจะพูดดีกับผม แต่ดีอยู่อย่างหนึ่งคือมันไม่เคยถามมากเรื่องและยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมเท่าไหร่นอกจากเรื่องอย่างว่า
 
“กูไปด้วย” ไอ้แมนละสายตาจากโทรศัพท์ในมือมามองผมอย่างคาดไม่ถึงเพราะปกติผมไม่เคยออกไปจากห้องตั้งแต่มาอยู่กับมัน นอกจากมันจะลากผมไป
 
“ไม่!!!” มันห้ามผมไม่ได้หรอกเชื่อสิ ผมกินข้าวและไม่ได้ไม่สนใจเสียงห้ามของมัน ไอ้แมนส่ายหน้าอย่างเซ็งมาให้ มันคงเหนื่อยที่จะพูดกับคนหัวแข็งอย่างผม
 
หลังจากกินข้าวเสร็จไอ้แมนก็เข้าไปอาบน้ำส่วนผมยังคงอยู่ในห้องครัว ไอ้แมนมันไม่ล้างจานชอบให้แม่บ้านขึ้นมาทำ ผมที่ไม่ชอบให้บุคคลแปลกหน้าเข้ามาในห้องตอนที่ผมอยู่ก็มักจะล้างเองทุกครั้งโดยที่มันไม่รู้
 
ล่างจานเสร็จผมก็เข้าไปในห้องนอนได้ยินเสียงน้ำไหลบ่งบอกว่ามันยังอาบไม่เสร็จผมเลยเปิดทีวีในห้องดูไปพลางๆ
 
หลังจากที่มาอยู่กับมันผมยังไม่ได้ติดต่อกลับไปหาพี่ชายตัวเองเลยสักครั้ง แต่พี่ชายผมไม่ใช้พวกที่หวงน้องเข้าไส้จึงไม่มีเหตุผลที่จะตามหาผมแต่มีอีกเหตุผลที่เป็นไปได้สูงกว่านั้นถ้าพี่โอ๊คจะตามหาผม ก็คืองานแต่งงานของผมกับเมล์
 
นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมมาอยู่กับไอ้แมนแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด  ยังมีคำพูดของใครบางคนที่ผมเจอในงานเลี้ยงบริษัทยักใหญ่ของเมล์ ยังคงติดอยู่ในใจหลังจากที่พี่ชายผม ได้ตกลงที่จะให้ผมกับเมล์แต่งานกันเพื่อ....ผลประโยชน์บางอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้
 
‘เป็นหงส์ที่มีปีกบิน แต่กลับกางปีกบินไม่ได้ หึ! ปีกขาวๆของนายมันกำลังจะกลายเป็นสีเทา กางมันออกไปเจอแสงบ้างสิ’ ผมรู้จักเค้าและรู้จักกับนายชายเลวๆที่ผมมาอยู่ด้วยดี พี่ชายไอ้แมน
 
“จะไปมั้ย อยู่บ้านดีกว่ามั้ง คนเยอะถ้าเจอคนของมึง.....” สติผมกลับมาเมื่อไอ้แมนมันออกมาจากห้องน้ำ มันมีเพียงผ้าขนหนูพันเอว เผยให้เห็นรอยสักไม้เลื้อยบนเอวด้านซ้ายตรงขอบผ้าขนหนูของมัน
 
“กูจะไป” ผมบอก ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินผ่านมัน หมับ! มือหนาจับก้นผมก่อนจะบีบแรงๆ เนี่ยแหละนิสัยเลวๆของมัน
 
“โอ๊ย!!!” ผมยกเท้าถีบมันเต็มแรง ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำ รอยสัมผัสจากสะโพกยังคงส่งผลให้หน้าผมร้อนวูบขึ้นเหมือนเคย แต่ผมก็พยายามเก็บกดมันไว้ไม่ปล่อยให้หัวใจวูบไหวไปกับมัน ทั้งที่บอกอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วไม่เลย
 
ความคิดกับร่างกายผมมันมักจะส่วนทางกันจนผมโกรธตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีอะไรกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผมก็ไม่อยากจะยอมรับว่าผมที่ตอบรับมันกลับไปด้วยนั้นมันคือความรู้สึกจริงๆของผม ผมรักหรอคงไม่ใช่ ผมชอบหรอก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือรู้สึกดี
 
“เสร็จยัง....เมีย” ไม่รู้มันปากหมากับผมคนเดียวหรือเปล่า แต่กับผมน่ะบ่อยมาก
 
“เมีย....พ่อง!!!” ผมพ่นคำหยาบใส่หน้ามันเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออก เห็นมันยื่นอยู่ ผมมองคนตรงหน้าด้วยหางตาก่อนจะเดินไปหาเสื้อใส่
 
ผมเองก็พันผ้าขนหนูผืนเดียวออกมานั่นแหละ พยายามทำตัวให้ชิน แต่ก็ไม่ชินเพราะสายตากรุ้มกริ่มจากร่างสูง ผมมักจะหาเวลาอาบน้ำก่อนมันหรือตอนที่มันไม่อยู่
 
“มึงมีเครื่องในมั้ยเนี่ย” มันบีบเอวผม ในขณะที่ผมกำลังเปิดตู้เสื้อผ้ามัน ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยนอกจากโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ เพราะงั้นก็เลือกเสื้อที่พอดีตัวผมของมันใส่
 
“ ฟอด!!!” ร่างสูงก้มลงหอมข้างแก้มผมแรงๆ “อุ๊ยๆ อย่าตบนะไม่งั้นมียาว” ไอ้แมนบอก เมื่อเห็นว่าผมยกมือขึ้นจะตบบ่องหูมัน แล้วมันก็มักจะโดนเป็นประจำ
 
“ไปรอข้างนอก” ผมบอก มันก็ทำหน้าเซ็งๆ และเดินออกไป
 
เมื่อวันก่อนเพื่อนมันที่หน้าสวยๆถามผมตอนมันลากผมไปทะเลว่า คิดยังไงถึงมาอยู่กับไอ้นี่ เค้าว่าอีกว่าไม่เคยเห็นใครจะอยู่กับไอ้แมนได้นานๆ เพราะอารมณ์รุนแรงแล้วก็ออกแนวบ้าระห่ำตอนโกรธของมัน
 
ผมไม่เถียงเลยว่ามันบ้าจริงๆ หลายวันก่อน ผมเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่ลงไปซื้อของกิน เพราะมันไปซื้อข้าวช้า ห้องมันอย่างกะสนามรบข้าวของถูกปาไปคนละทิศละทางแถมโง่ แม่ง คอมก็พัง มันบอกว่าแค่ตีแมงสาบ เชื่อมันสิ แล้วไอ้เรื่องบนเตียงไม่ต้องถามนะ แรงถึงใจ เอ๊ะ!!! เอ่อ.....
 
 
“หวัดดีพี่.....พาเด็กมาด้วยหรอ”นั่นคงจะเป็นลูกน้องในสนามของมัน ทักซะผมอยากต่อยปาก เด็กงั้นหรอ คงพามาบ่อยสิท่า
 
“เออ....แล้วพวกไอ้ต่อไปไหน” ไอ้นี่มันก็ตอบแบบส่งๆไปไม่ได้ดูหน้าผมเลย อ่อ มันเอาหมวกแก๊ปให้ผมใส่ มันบอกว่าเผื่อผมเจอคนรู้จัก
 
“ดูรถอยู่โน้น” แล้วมันก็ดึงแขนผมที่กำลังมองสำรวจรอบๆสนามตามมันไปในออฟฟิศ
 
“มึงอยู่นี่ กูจะไปทำงานล่ะ”ไอ้แมนบอกและเดินออกไป มันเปิดประตูห้องในออฟฟิศที่ข้างในเป็นห้องพักแบบเรียบๆ และบอกให้ผมอยู่ที่นี่ ที่ผมตามมันมาไม่ใช่จะมานั่งบ้าอยู่ในออฟฟิศนะจะบอกให้
 
พอร่างสูงออกไปสักพักผมก็เปิดประตูออกไปบ้าง ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลที่จะอยู่เฉยๆได้นานๆโดยที่ข้างนอกมีทั้งเสียงเพลงเสียงเครื่องยนต์ที่ชวนให้ออกไปดู ด้านนอกใกล้ๆออฟฟิศเป็นที่เตรียมรถสำหรับลงแข่ง ทุกคนข้างๆรถกำลังวุ่นๆ ถ้าผมเดาไม่ผิดอีกไม่กี่นาทีคงจะเริ่มแข่ง
 
ผมเดินออกไปข้างขอบสนาม บนอัฒจันทร์มีคนแน่นจนไม่เหลือที่ว่างรอบๆสนามเลย มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่สี่ด้านกำลังฉายภาพบรรยายรอบๆ ที่เต็มไปด้วยคนดู และไม่นานการแข่งขันก็เริ่มขึ้น
 
สนามของมันได้มาตรฐานดีแต่ดูแล้วการแข่งไม่ค่อยเป็นมาตรฐานเท่าไหร่เพราะคู่แข่งแต่ละคนจะต่างฝ่ายต่างใช้กลวิธีที่รุนแรงต่อสู้กันเพื่อให้ได้เป็นฝ่ายชนะโดยไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
 
“เออ!!! กูก็หากันล่ะ ยิ่งวุ่นๆอยู่ กลับเข้าไป” จู่ๆไอ้แมนมันเข้ามาคว้าแขนผมที่ยืนดูการแข่งขันในรอบที่สองที่เพิ่งจะเริ่มขึ้น
 
“................”ผมไม่พูดอะไรสะบัดแขนออกจากมือมัน คนจะดูจะมาขัดทำไมวะ
 
“โอ๊ต!!! เข้าไป! ...... กูกำลังยุ่ง” มันจับแขนผมอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังกว่าที่เคยจนผมแปลกใจ ผมจึงผ่อนแรงขืนและยอมเดินตามมันกลับเข้ามา
 
เด็กในออฟฟิศมองเราสองคนเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเอง คราวนี้ไอ้แมนมันให้ผมนั่งข้างนอก ส่วนมันก็เดินทำท่าทางจริงจังไปคุยกับลูกน้องข้างสนานซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก สีหน้ามันดูเครียดๆเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาคุยกับมัน จริงๆผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะแต่แค่เห็นอีกฝ่ายทำหน้ากวนๆใส่มันจนผมหมั่นไส้
 
“มีอะไรกันหรอ” ผมเดินไปใกล้ๆและถามใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น ผมจำได้ว่าเคยเจอตอนที่ไอ้แมนพาไปดูงานกับผม
 
“เอ่อ พอดีมีปัญหานิดหน่อยน่ะ คือคนของเรามาแข่งไม่ได้ คู่แข่งก็เลยมาข่มเพราะถ้าไม่มีคนลงแข่ง เราก็ต้องเสียเงินมัดจำ หลายแสนเลยเนี่ย”
 
“แล้วทำไมไอ้แมนไม่ลงเอง” ผมถามต่อ คนถูกถามมองหน้าผมแปลกๆก่อนจะมองไปทางไอ้แมน
 
“เอ่อคือ มันเป็นกฎของพี่มาศน่ะ พี่มาศไม่ให้ลง เจ้าของสนามห้ามลงแข่ง” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะมองไปยังไอ้แมนที่ตอนนี้ เริ่มเตะข้าวของที่ขวางทางมันเพื่อระบายอารมณ์
 
“กูจะลงให้” ผมบอก
 
“ห๊ะ! เอ่อ......เดี๋ยวผมไปบอกพี่แมนก่อน” มันมองผมอย่างไม่มั่นใจแล้วยังจะไปบอกไอ้แมนอีก มีหวังโดนมันซัดหมัดเอาน่ะสิ
 
“ไม่ต้องไป เชื่อกูสิ” ผมบอกกลับด้วยสายตาจริงจังก่อนจะถอดหมวกออก ทำเอาคนตรงหน้าอึ้งไปสามวิก่อนจะยกมือไหว้ผม
 
“ครับๆ.......คุณโอ๊ต มาได้ไงเนี่ย” หึ! ผมว่าแล้วมันต้องจำผมได้
 
“เฮ้ยไอ้ต่อว่าไง.....โทรติดยังวะ” แล้วมันก็โดนเรียกไปข้างขอบสนาม หึ! บอกตามตรงผมยังไม่เคยลงแข่งเลยสักครั้ง แต่แค่ขับให้ชนะก็พอนี่ ลองดูสักครั้งจะเป็นไรไป
 
แล้วผมก็ได้ลงแข่งจริงๆ โดยอาศัยตอนไอ้แมนไปคุยกับฝ่ายตรงข้าง และผมก็มีไอ้ต่อ(เรียกอย่างสนิท)เปิกทางให้ มันเองก็ทำหน้าเครียดพอกันและเอาแต่พูดว่า ตายแน่กูๆ จนผมรำคาญ ผมขับลองรถและลงสนามรอบนึ่ง ก่อนจะมาจอดรอตรงจุดสตาร์ท  เพียงไม่กี่นาทีสัญญาณออกสตาร์ทก็ดังขึ้น
 
ผมกระชากออกตัวรถด้วยความเร็วเริ่มต้นพอๆกับคันอื่นๆ ก่อนจะรีบเร่งความเร็วเพื่อขึ้นนำไปให้ได้ แต่ด้วยประสบการณ์แล้วมันก็ยากสำหรับผม รอบแรกก็เลยขับให้พอตีเสมอคู่แข่งเพื่อดูวิธีการขับของมันก่อนแต่ก็ไม่ปล่อยให้มันนำจนผมตามไม่ทัน
 
พอเริ่มเข้ารอบที่สองผมก็เริ่มจับทางได้จึงเร่งความเร็วขึ้นมาตีเสมอให้ช่วงโค้งและขึ้นนำจนเข้ารอบที่สาม แต่คู่แข่งก็เร่งตามทันและมันก็เริ่มเบียดผมให้ออกติดขอบสนามเพื่อให้รถเสียหลัก ผมจึงใช้ความเร็วให้สูงสุดและการหมุนพวงมาลัยให้เร็วขึ้นในทางโค้ง เพื่อควบคุมรถให้อยู่ ก่อนจะวิ่งด้วยความเร็วเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกได้ในที่สุด
 
“ลงมา!!!!” พอผมจอดรถปุ๊บประตูก็เปิดปั๊บ ตามมาด้วยมือหน้าของไอ้แมนที่ดึงผมออกจากรถจนถลาเข้าหามัน ร่างสูงถอดเสื้อนอกเหวี่ยงลงพื้นระบายอารมณ์
 
มันมีสีหน้าโกรธเคืองสุดขีด มันผลักผมเข้ามาในออฟฟิศจนล้มก่อนจะหันไปหาไอ้ต่อกับเพื่อนอีกคน ที่วิ่งตามมาด้วยสีหน้าซีดเซียว
 
“เอ่อ...พี่แมน.....คือ...”
 
“ใครใช้ให้มันลงแข่ง!!!!” ร่างสูงเข้าไปคว้าคอเสื้อไอ้ต่อจนปลายเท้ามันเกือบลอยขึ้น “กูถาม!!!!!” ไอ้ต่อไม่ตอบเลยโดนมันซัดหน้าปากแตกลงไปกองอยู่บนพื้น
 
“นี่!!! กูเป็นคนบอกเอง ว่าจะลงแข่งให้!!!” ผมบอกออกไปอย่างสุดทน กับเรื่องแค่นี้ทำไมมันถึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
 
“เพราะถ้าเป็นคนอื่นกูจะไม่ว่าเลยซักคำ!!!”มันยกมือชี้หน้าผมก่อนจะตะคอกใส่เสียงดังจนลูกน้องมันที่เข้ามายืนดู ต่างก็เงียบกริบ
 
“พวกมึง! จำเอาไว้ ถ้ามีใครทำอะไรโดยที่กูไม่รู้เหมือนวันนี้อีก กูจะถีบออกไปทันที!!!!” มันพูดบอกพร้อมๆกับมองหน้าลูกน้องมันเรียงคนและมาหยุดอยู่กับไอ้ต่อที่มีเพื่อนคนหนึ่งประคองไว้ แล้วร่างสูงก็เดินเข้าไปในห้องพัก
 
“โทษที กูไม่คิดว่ามันจะบ้าเลือดได้ถึงขนาดนี้”ผมบอกเมื่อเห็นเลือดตรงมุมปากของไอ้ต่อไหลออกมามากพอสมควร
 
“โอ่ นี่เบานะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตายคาตีนไปแล้ว ซีดดด ไอ้ติณ เจ็บอ่ะ”
 
“.........................” ผมยืนชั่งใจอยู่หน้าห้อง พักใหญ่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ไอ้แมนนอนแผ่หลาถอดเสื้ออยู่บนเตียง หน้าอกกว้างกำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของมัน
 
แล้วมันก็ลุกขึ้นมานั่ง จ้องมองผมด้วยสายตาโกรธเคืองผมเองก็จ้องมันเขม่งเช่นเดียวกันแต่พอจ้องตากันนานๆเข้า ผมก็เริ่มแพ้สายตาคมๆของมันที่ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา กูผิดอะไรวะเนี่ย
 
“กูผิดอะไร!” แล้วผมก็ตัดสินใจถามมันออกไป
 
“หึ! มึงไม่ผิดหรอก กูสิผิด กูผิดทุกอย่างแหละ” มันตอบแบบใส่อารมณ์กับผม แม่งมันน่าต่อยให้คว่ำเลยนี่
 
ผมเดินไปหยิบบุหรี่ข้างๆเตียงเพื่อจะเอามาจุดสูบแต่มันกลับปัดซองบุหรี่ทิ้งลงพื้น และใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่มันดึงแขน กดร่างผมลงกับเตียงนุ่ม
 
“ปล่อยกู!!!” ไอ้แมนพาร่างหน้าของมันลงมาทับทาบผมไว้ ก่อนจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอและขับเม้มจนรู้สึกเจ็บ มันเป็นบ้าอะไรของมันอีกเนี่ย
 
“มึงทำให้กูกำลังจะเป็นบ้า รู้ตัวหรือเปล่า!” ร่างสูงพูดบอก ก่อนจะทาบริมฝีปากลงมาบดจูบดูดริมฝีปากผมแรงๆแบบฝังเขี้ยวจนได้กลิ่นคาวเลือดในปาก
 
“อ่ะ!   ปล่อยกู! กูไม่ได้ทำอะไรมึง” ผมออกแรงผลักมันจนร่างสูงออกจากตัวและยกเท้าถีบตามก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อออกไปจากในห้องให้ได้ แต่ว่า มันก็เร็วเช่นกันเพราะผมกว้าเท้าเพียงไม่กี่ก้าวมันก็ตามมากระชากข้อมือผมจนถลากลับไปชนเข้ากับแผงอกมัน
 
“มึงรู้หรือเปล่าพอไม่เห็นมึงและรู้ว่ามึงลงแข่ง กูก็เป็นห่วงมึงจนแทบจะลืมการแข่งบ้าๆนี่ไปแล้ว!!!” มันตะคอกใส่ผมเสียงดัง
 
“มึงห่วงกูเป็นด้วยหรอ!!!!” ผมเองก็ตะคอกกลับไปอย่างไม่ยอมกันเพราะผมไม่เชื่อแน่นอนว่ามันจะเป็นห่วงผม
 
“ใช่! กู!!! กูคนนี้แหละ ที่เป็นห่วงมึง!!!” แล้วมันก็ยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยน้ำเสียงชัดเจนกับแววตาแข็งกร้าวจนทำให้ผมนิ่งอึ้ง!
 
แกร๊ก! ในขณะเดียวกันก็มีเสียงประตูห้องเปิดออก ไอ้แมนเปิกตากว้างเล็กน้อย มันยกมือขึ้นกอดเอวผม และดันเข้าหาตัวมันก่อนจะกระซิบข้างหู
 
“พี่กูมา ไม่ต้องหันไป และอย่าออกไปจากห้องเด็จขาด! ฟอด!!! เดี๋ยวมา” ร่างสูงกดจมูกลงบนแก้มผม มันเอื้อมมือไปหยิบเสื้อมาสะบัดและใส่ก่อนจะเดินผ่านมาจูบมุมปากผมอีกครั้งและเดินออกไป
 
พี่มาศมาที่นี่หรอ ถ้าพี่เค้าเห็นผม เค้าจะจำผมได้มั้ยนะ ผมไม่ได้ชอบเค้าหรอกแค่นับถือความคิดและการทำงานของเค้า ที่ดูแล้วน่าจะแตกต่างจากน้องชายตัวเองอย่างสิ้นเชิง
 
ไอ้เหี้ยแมน ‘ใช่! กู!!! กูคนนี้แหละ ที่เป็นห่วงมึง’ ประโยคที่มันบอกเมื่อครู่ดังก้องอยู่ในหัวผมชัดเจน ทั้งแววตาและสีหน้าของมันทำให้ผมเชื่อได้ไม่อยากถ้าหากออกมาจากปากของคนที่ไม่เคยทำร้ายผม จะให้ผมเชื่อมัน.....ฝันไปเหอะ!!!
 
 
 
 
“หิวป่าว”เสียงเข้มถามผมหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาให้ห้อง เรากลับถึงคอนโดตีสี่และตอนนี้ผมก็ง่วงมากกว่าหิวซิอีก
 
“ง่วง” ผมส่ายหน้าเบาๆให้มัน ก่อนจะเดินเข้าห้อง ไปอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็วและนอนลงบนเตียง ไม่นานไอ้แมนก็เดินเข้ามา
 
“อ่ะ กินก่อน กูรู้มึงหิว” มันส่งกล่องนมจืดที่ผมซื้อมาเมื่อตอนกลางวันพร้อมกับแอปเปิ้ลหนึ่งลูกมาให้ ทีแรกว่าจะนอนล่ะ แต่กินสักหน่อยก็ดีเพราะนี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง
 
“อืม....ฟอด!!!” เสียงครางต่ำดังอยู่ข้างหู เมื่อผมรู้สึกได้ว่าที่นอนข้างตัวยวบยุบลงเพราะมีคนเข้ามานอนข้างๆ มันหอมหลังหูผมก่อนจะยกมือขึ้นกอดเอวผมไว้
 
ความอบอุ่นแผ่มาถึงตัวผมทันทีที่คนข้างๆกระชับอ้อมแขนเหมือนทุกคืน ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้เปิดรับความรู้สึกอบอุ่นนี้เข้ามา ทั้งๆที่มันไม่เคยแสดงออกแบบนั้นกับผมเลย
 
 



ผมตื่นในช่วงสายของวันใหม่รู้สึกอึดอัดและร้อนเล็กน้อยเพราะโดนคนข้างกายสวมกอดจากด้านหลัง มันยังคงหลับสนิท เมื่อคืนคงเหนื่อยน่าดูเพราะปกติป่านนี้มันจะตื่นมานั่งทำงานอะไรไม่รู้ของมันล่ะ
 
ผมผงกหัวขึ้นมองใบหน้าคม ตาเรียวปิดสนิทมีขนตานิดๆไม่ยาวมากพอดูดี จมูกโด่งสวยที่มันใช้กดลงบนแก้มผมบ่อยครั้งนั่นน่าจะบีบให้มันหายใจไม่ออกเล่น เรียวปากบางสีคล้ำเพราะสูบบุหรี่เผยอเล็กน้อยก่อนจะขยับพูด
 
“มึงตายแน่.....” =_=^ มันละเมอ แถมยังออกแรงกอดผมแน่นขึ้นอีกมันบ้าจริงๆเลยไอ้นี่
 
ผมลุกออกจากตัวมันโดยการจิกมือมันแรงๆให้หลุดออก มันยังไม่ตื่นมีลืมตาขึ้นมองด้วยนะแล้วมันก็คลุมโปงหลับต่อ ผมเข้ามาอาบน้ำแต่งตัวสักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
 
“โอ๊ต! เสร็จยัง ปวดขี้” ผมว่าจะแกล้งอาบนานซะหน่อยแต่ว่าเพิ่งจะเอาผ้าขนหนูพันเอวขี้เกียจถอดแล้วเลยเปิดประตูให้มัน “ช้าฉิบ..*&^%$#@!” แล้วมันก็บ่นๆ อะไรก็ไม่รู้
 
ผมออกมาหาเสื้อเชิ้ตสีขาวใส่กับกางเกงยีนของผมที่ติดตัวมาตั้งแต่วันแรก ก่อนจะออกมาหาอะไรกิน ไม่นานร่างสูงก็เดินออกมา มันอาบน้ำแล้วเหมือนกันแต่ยังไม่แต่ตัวเดินผ้าขนหนูพันเอวเปลือยท่อนบนอย่างไม่อาย
 
“ไปไหน” มันถามเมื่อเห็นผมแต่ตัวผิดไปจากทุกวัน
 
“ไปเรียน” ผมไปเรียนสองสามอาทิตย์แล้วแต่ก็ยังตามงานจากเพื่อนอยู่ และผมคิดว่าน่าจะไปเรียนให้เป็นปกติไม่งั้นได้ติดอีแน่ๆ
 
“ไม่ได้....ถ้าพี่มึงให้คนมาตามหามึงล่ะ”
 
“แล้วไง” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ ตามก็ตามจะกลับหรือไม่กลับตอนนี้มันอยู่ที่ผม
 
“มึงก็ต้องกลับไปน่ะสิ แล้วมึงจะมาอยู่แต่แรกทำไม” พอพูดเรื่องนี้ มันก็เริ่มหัวเสียขึ้นมา และผมก็เห็นว่ามักจะเป็นแบบนี้ทุกที
 
“แล้วกูบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่กลับไป” ผมบอก จ้องมองหน้ามันที่จ้องเขม่งผม ก่อนที่มันจะมีสีหน้าอ่อนลงจนผมแปลกใจ “แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
 
“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง” มันถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเดินกลับไปแต่งตัวในห้อง
 
 
 
“โทรหากูด้วย” ไอ้แมนบอกหลังจากจอดรถหน้าตึกคณะผม มันส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ผมเพราะมันรู้ว่าของผมปิดเครื่องตลอด
 
ผมคว้ามันมาใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะลงจากแลมโบกีนี่สีเขียว คันสวยของมัน เดินเข้าไปในคณะ ผมเดินตรงไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงม้าหินสองสามคน
 
“ไงไอ้โอ๊ต ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยนะ” ไอ้กิจเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งถามขึ้น จะเรียกว่าเพื่อนสนิทก็ไม่เชิงเพราะผมมักจะเว้นระยะห่างกับพวกมัน ไม่ยากให้พวกมันรู้เรื่องของผมสักเท่าไหร่ว่าผมเป็นใครทำงานและมีพี่ชายที่เรียกได้ว่าเป็น มาเฟีย
 
“ยุ่งๆน่ะ” ผมตอบแค่นั้นตามแบบฉบับของคนพูดน้อย ผมจะพูดกับพวกมันก็แค่เรื่องเรียนเท่านั้น
 
“เออ จริงสิ เมื่อสองวันก่อนมีคนตามหามึงด้วยนะ” ไอ้ยีนเพื่อนอีกคนบอก
 
ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันมาสนใจชีสในมือที่พวกมันเก็บไว้ให้ผม แสดงว่าพี่โอ๊คคงรู้ถึงความผิดปกติของผมแล้ว ที่ผมหายมานาน ปกติผมจะมาที่นี่แค่เรื่องเรียนและกลับไปทำงานกับพี่ตลอดไม่เคยหายหน้าไปเป็นอาทิตย์
 
ผมเดินลงมาจากตึกคณะหลังเลิกคลาสในช่วงบ่าย ก่อนจะชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นชายสองคนจอดรถอยู่หน้าตึกและผมก็รู้จักดี คนของพี่ชายผม เอาเป็นว่าผมคงต้องหลบก่อน ผมยังไม่อยากกลับไปตอนนี้
 
“ไอ้ยีน มึงช่วยไปส่งกูหลังมอที” ผมบอกกับเพื่อนที่เพิ่งจะเดินมาถึงรถโดยที่ผมเดินหลบออกมาก่อน มันตกใจนิดๆที่เห็นผมยืนอยู่ข้างรถมัน
 
“เออๆ มาแปลกนะวันนี้.....ปกติไม่เคยจะขึ้นรถใครนี่”มันว่า ก่อนจะปลดล็อครถให้ผมเปิดประตูขึ้นมา
 
“มึงมารับที่หลังมอ ด่วน!” ผมโทรบอกไอ้แมน มันพูดบ่นเล็กน้อยตามประสาก่อนที่ผมจะตัดสายทิ้ง ผมนั่งรอไอ้แมนในรถไอ้ยีนสักพักมันก็มา “ขอบใจ” ผมบอกกับเพื่อนก่อนจะลงจากรถ
 
“เลิกนานยัง ใครมาส่ง แล้วทำไมต้องให้กูมารับหลังมอ” กูล่ะเบื่อจริงๆ ผมเหล่มองมันด้วยหางตา จนมันส่ายหน้าให้ เพราะรู้ว่าผมไม่ตอบคำถามของมัน
 
“พี่ชายมึงให้คนมาตามหามึงแล้ว” ผมบอก ไอ้แมนมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
 
 
<<<<<<<TBC>>>>>>>

โอ้ย แข็งได้อีกคู่นี้แบบตอนทะเลาะกัน นกอ่านสงสารใครมากกว่ากันค่ะ
 
คนหนึ่งมือหนัก อีกคนปากหนักจูบทีนึ่งนี่ต้องได้เลือด

 :mew1:  :mew1:   :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-05-2014 16:49:30
ตกลงพี่ชายใครตามโอ๊ตเนี่ย??
แมนดูหวงและห่วงโอ๊ตมากเลยน่า
อย่าปิดใจไปเลยนะโอ๊ต
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2014 18:48:51
รุนแรงตลอดคู่นี้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 28-05-2014 19:50:34
พี่หมอน้องกายก็กำลังเริ่มจะมุ้งมิ้ง แมนโอ๊ตก็น่าติดตาม อร๊ายยยยย ชอบทุกคู่เลยเรื่องนี้  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-05-2014 21:12:31
 คู่แมนxโอ๊ตนี่เขารุนแรงกันดีเนอะ!
5555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 28-05-2014 21:57:59
กรี้ดดดดดคู่พี่หมอกับกายเข้าใจกันแล้ววววว
ส่วนอีกคู่ เห้อออออ จะรักกันยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 30-05-2014 13:43:32
ชอบทุกคู่เลยเรื่อง

น่ารัก น่ารัก ทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 30-05-2014 17:01:44
แพ๊คดูเป็นเด็กมีปัญหานะ แต่อย่ามาตีลีวายนะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22(28/05/14)
เริ่มหัวข้อโดย: PEUNGhoney ที่ 31-05-2014 13:02:50
รีบๆมาต่อน้าาาาาาา
ป.ล. เด็จขาด>>>>>เด็ดขาดนะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 01-06-2014 13:59:37
ตอนนี้เป็นน้องโอ๊ตเล่าบ้าง ดีจังจะได้รู้ความรู้สึกของตัวละครสลับกันไป
ตกลงน้องโอ๊ตคิดจะหนีพี่ชายไปอีกนานแค่ไหนนะ แล้วถ้าคิดจะกลับไปน้องแมนจะยอมง่าย ๆ เหรอ
ทั้งหวง ทั้งห่วงอาละวาดบ้าเลือดทุกครั้งเวลาน้องโอ๊ตหายเลยอะ
แต่น้องโอ๊ตยังดูเฉย ๆ แบบยังดูยากจังว่าคิดอะไรพิเศษกะน้องแมนรึยัง
เหมือนยังมีเรื่องให้คิดถึงมากกว่าเรื่องน้องแมนอะ อย่างงี้น้องแมนต้องพยามทำตัวให้น่ารักมากขึ้นนะ
แล้วตกลงพี่ชายของน้องโอ๊ตหรือพี่ชายของน้องแมนตามหาใครกันแน่เอ่ย
ตอนแรกเป็นคนของพี่ชายน้องโอ๊ตมาตามหา แต่ประโยคสุดท้ายทำไมกลายเป็นพี่ชายแมนล่ะ  งงนิดนึงจ้า
รอติดตาม และ บวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 01-06-2014 18:13:38
Older Brother.....23
 
“อ่ะนี่.........” ผมวางเงินจำนวนหนึ่งไว้บนหัวเตียงในห้องพักของไปเซฟ ให้กับผู้หญิงที่เราเพิ่งจะเสร็จกิจกรรมบางอย่างไปเมื่อครู่ หึ! อย่ามองผมแบบนั้นสิ เสือก็ยังเป็นเสือวันยังค่ำละนา
 
ผมเดินออกมาจากห้องพักไอ้เซฟโดยไม่ได้สนใจร่างเพรียวบางที่ยังคงนอนเพลียอยู่กับที่นอน จะถามหาลีวายส์ล่ะสิว่ามันอยู่ไหน อยู่กับแม่มันครับมันบอกจะไปดูรองเท้าหรืออะไรสักอย่างในห้าง ผมเลยออกปากว่าให้พามันไปด้วย
 
“กูบอกไม่อยากมาไง.....!!!” ผมได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังเดินขึ้นมาด้านบน
 
“กูไม่อยากให้มึงอยู่คน......อ้าว ไอ้ธาร!” ชายสองคนชะงักเท้าเมื่อเห็นผมที่เพิ่งจะปิดประตูลงหลังจากออกมา หนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของผม ไอ้แมนมากับคุณโอ๊ต
 
ไอ้แมนมันมองผมอย่างแปลกใจเพราะปกติผมไม่ค่อยเข้าไปวุ่นวายในห้องพักของไอ้เซฟเท่าไหร่ นอกจาก........
 
แกร๊ก!!!
 
“อืม....จุ๊บ!!! บายค่ะ” ร่างเพรียวบางบนเตียงเมื่อครู่ เปิดประตูออกมาก่อนจะจุ๊บแก้มผมเพื่อบอกลา เธอเดินจากไปหลังจากส่งยิ้มให้ไอ้แมนและคุณโอ๊ต ทั้งสองคนต่างก็หันมามองหน้าผม
 
“ไอ้เหี้ยธาร.....มึงนี่มัน.......!  ลูกมึงล่ะ” ไอ้แมนถาม มันชี้ไปยังห้องทำงาน ก่อนจะพยักหน้าให้คุณโอ๊ตเข้าไปก่อน
 
“ลูกพ่องมึง.......ไปกับแม่มัน” มันก็ถามถึงลีวายส์แบบนี้เป็นประจำ แต่ผมก็ไม่ชอบคำว่าพ่อที่ใช้กับผมอยู่ดี
 
“สัด! ถ้าลีวายส์เห็น มันร้องตายเลยกูว่า” ผมเองก็คิดแบบนั้นถึงได้บอกกับมันว่า จะไม่ยุ่งให้เห็นแล้ว เพราะถ้าไม่เห็นก็แล้วไปไง อ่อ เมื่อวันก่อนก็มีสาวโทรมา ดีนะที่ลีวายส์ไม่รับไม่งั้นล่ะก็ หึๆ
 
“ไม่หรอกนา ถ้ามึงไม่บอกมัน” ผมบอก ไอ้แมนส่ายหน้าให้ผม ก่อนจะเดินตามคุณโอ๊ตเข้าไปในห้องทำงานส่วนผมเดินลงมาข้างล้างเพื่อดูความเรียบร้อยในร้าน
 
ผมดูนาฬิกาจากโทรศัพท์พบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ไอ้กายกับลีวายส์ยังไม่กลับ มันไปกันราวๆสองสามชั่วโมงและผมก็เริ่มคิดได้ว่ามันนานเกินจึงต้องกดเบอร์โทรหาไอ้กาย
 
“อยู่ไหน....กลับกันได้แล้ว” ผมออกมาคุยโทรศัพท์หลังร้านพร้อมกับจุดบุหรี่สูบไปด้วย
 
(ถึงแล้วเนี่ย......ลีวายส์ ถือให้พี่กายหน่อย) เสียงไอ้กายตอบกลับมา
 
(เดี๋ยวผมช่วยถือครับ) ผมขมวดคิ้วกับเสียงทุ้มต่ำของอีกคน ที่ผมไม่คุ้นเคย
 
“มึงไปกับใคร ไอ้กาย!” ผมถาม และพยามนึกอยู่ว่าใช่พี่หมอหรือเปล่า และหวังว่าจะใช่ เพราะเดี๋ยวนี่เห็นพี่หมอมารับมาส่งมันบ่อยครั้ง
 
(ไอ้นัท! ลูกพี่ลูกน้องกูเอง เจอกันที่ห้า.......) ผมตัดสายทิ้งก่อนจะเดินอ้อมจากหลังร้านตรงมายังหน้าร้านทันที ไอ้กายแม่งไม่บอกก่อน
 
เมื่อมาถึงผมเห็นลีวายส์กำลังยืนถือของพะรุงพะรัง ก่อนที่ผู้ชายอีกคนจะดึงของในมือไปถือให้ มันส่งยิ้มให้ลีวายส์ก่อนที่ลีวายส์จะยิ้มตอบ ส่วนไอ้กายมันกำลังปิดท้ายรถอยู่
 
“ขอบใจที่มาส่งนะไอ้นัท ไว้พี่จะโทรหา” ไอ้กายบอก
 
“โธ่ จริงๆผมอยากไปส่งถึงบ้านเลยนะเนี่ย.....จะได้ไปส่งน้องเค้าด้วย” แค่คำพูดยังไม่เท่าสายตาที่มันมองลีวายส์ ผมยืนจ้องไอ้นัทที่ว่านั้นตาเขม็ง และพวกมันก็ยังไม่รู้ตัว
 
“พอๆ คนนี้ไม่ได้เว้ย! พ่อมันดุ ไปได้แล้วไป” ไอ้กายว่าก่อนจะเอาของในมือจากอีกคนมาถือไว้แทน
 
“ลีวายส์......นี่ครับ.....ขอบใจนะ” แต่ก่อนที่ลีวายส์จะเดินเข้าร้านมันกลับดึงข้อมือไว้และส่งผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ผมจำได้ว่าเป็นของลีวายส์ให้ แต่ความจริงแล้วไม่ต้องจับมือก็ได้
 
พรึ่บ!!!!
 
ผมเข้าไปหาพวกมันก่อนจะดึงมือลีวายส์เข้าหาตัวจนมาปะทะกับแผงอกผม ไอ้กายกลอกตาไปมาเมื่อผมเหล่ตามองหน้ามัน
 
“สวัส.......!!!” มันกำลังทักผม แต่ผมไม่สนใจ ยื่นมือไปดึงไม่สิ เรียกว่ากระชากผ้าเช็ดหน้าจากมืออีกคนที่ส่งมา กำไว้ในมือก่อนจะดึงลีวายส์ให้เดินตามมาในร้าน
 
“เอ่อ ไอ้ธาร.....คือนั่นลูกพี่ลูกน้องกูไง มึงก็” จริงๆผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้ามันจะไม่มองลีวายส์ด้วยสายตาที่เรียกว่า เจ้าชู้ใส่ หรือหลงไหลอะไรสักอย่าง
 
“กูคิดว่าไปกับพี่หมอหรอกถึงไห้ไป!!!!” ผมบอกก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะขามันจนล้มลงพื้น
 
“โอ้ย!!! ไอ้ธารอ่ะ แล้วเกี่ยวไรกับพี่หมอเล่า!!!” ไอ้กายยันตัวลุกขึ้นก่อนจะมองค้อนผม
 
“หึ! เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้แต่กูเห็นบ่อย...และหุบปาก!!!!!” ผมชี้หน้าคาดโทษมันก่อนจะหันมาหาร่างเล็กข้างๆ “นี่อะไร” ผมชู้ผ้าเช็ดหน้าในมือให้ลีวายส์ดู
 
“ก็....ผ้าเช็ดหน้าไงฮะ” มันตอบแบบงง
 
“แล้ว ไปอยู่กับมันได้ไง....ของส่วนตัวไม่ใช่หรอ” ผมถามอีก ลีวายส์มองหน้าไอ้กายนิดๆก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน
 
“คืองี้ไอ้ธาร.....”
 
“หุบปากไอ้กาย!!! เดี๋ยวมึงก็โดน ไม่ต้องรีบ!!!!” ไอ้กายหุบปากทันทีที่ผมพูดจบ ผมจึงหันมาสนใจร่างเล็กอีกครั้ง
 
“คือ....ลีวายส์ทำน้ำหกใส่เสื้อพี่นัท ลีวายส์ก็เลยเช็ดให้ฮะ” ผมเหล่ตามองไอ้กายที่ยกมือขึ้นจับขมับตัวเอง หึ! เช็ดให้ดีมากเลยลีวายส์เป็นเด็กดี(กัดฟัน)
 
“คราวหลังไม่ต้องเป็นคนดีกับทุกคน เข้าใจมั้ย ไปกลับบ้าน  ส่วนมึงไอ้กาย!!! เดี๋ยวกูจะโทรให้พี่หมอมารับเตรียมตัวรับมือกับเรื่องที่กูจะเป่าหูให้พี่หมอฟังด้วย หึ!”
 
“ไอ้ธาร! ไอ้เหี้ย!.....อย่านะเว้ย!!!” ไอ้กายมันต้องเจอแบบนี้แหละ เดี๋ยวผมจะโทรบอกพี่หมอและชงให้มันโดนด่า ว่ามันไปเดินห้างกับผู้ชาย รับรองพี่หมอจัดหนักแน่
 
“พี่ธารฮะ ลีวายส์ซื้อ ของมาให้พี่ธารด้วย” ลีวายส์บอกขณะนั่งรถกลับคอนโด จริงๆแล้วผมไม่ได้โกรธมันหรอก แต่ไม่ชอบสายตาของคนอื่นที่มองมันแบบ ชอบหรือหลง! ลีวายส์แบบนั้น
 
“อะไร....หืม” ผมถาม และเลี้ยวรถเข้าคอนโด
 
“นาฬิกาฮะ เดี๋ยวลีวายส์เอาให้บนห้องนะฮะ” ลีวายส์บอก ผมยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปจุ๊บมุมปากสีสด และลงจากรถตรงขึ้นห้อง
 
“ไปอาบน้ำก่อนไป จะได้นอนสบาย อ่อแล้วก็.....พรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน” ลีวายส์ทำหน้าสงสัยเมื่อผมบอกอย่างนั้น แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
 
เมื่อลีวายส์อาบน้ำเสร็จผมจึงเข้าห้องน้ำบ้าง หลังจากนั้นก็ออกมาแต่ไม่เจอลีวายส์อยู่ในห้อง จึงใส่กางเกงนอน เปลือยท่อนบนออกมาดูว่ามันทำอะไรอยู่
 
“ทำไมไม่ไปนอน หืม” ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆร่างเล็ก ที่นอนอยู่ในชุดนอนกางเกงขาสั้นสีสดใสของมัน
 
“นี่ฮะ นาฬิกา สวยมั้ยฮะ มาเดี๋ยวลีวายส์ใส่ให้” ร่างเล็กใส่นาฬิกาโรเล็กซ์สีเงินวาวกับข้อมือด้านขาวให้ผม ก่อนจะพลิกไปมา
 
“หึ! ไปกดเงินมาอีกล่ะสิ” ผมกดจมูกลงกับแก้มใสตรงหน้า ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามากอด เด็กอะไรวะ หอมไปทั้งตัว
 
“ฮะ แค่นิดเดียวเองนะฮะ ลีวายส์มีเงินเยอะมากกกกกกก” เหอะๆ ผมรู้ว่าพ่อมันทิ้งเงินไว้ให้เยอะ ยิ่งโตขึ้นมาก็ยิ่งใช้เงินได้เต็มที่ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันใช้แบบฟุ่มเฟือย ส่วนใหญ่จะใช้อะไรผมก็จะให้เป็นประจำอยู่แล้ว
 
“เยอะมาก ใช้ทุกวันก็หมดได้ รู้ไว้ด้วย เอาล่ะ....พรุ่งนี้เราจะย้ายคอนโดกัน” ร่างเล็กผละออกจากตัวผม แทบจะในทันทีที่ผมพูดจบ
 
“ทะ...ทำไมฮะ เราจะไปไหน ละ....แล้วที่นี่ล่ะฮะ” ลีวายส์ขมวดคิ้วมองผม หน้าตาตื่น ผมรู้ว่าลีวายส์มักจะผูกพันกับสถานที่มาก
 
ตอนอยู่เมืองนอกเราซื้อคอนโดที่โน้นไว้ ผมกะว่าจะขายตอนกลับมาแต่ลีวายส์ไม่ยอมท่าเดียวบอกว่าจะกลับไปอยู่อีกผมก็เลยเปิดให้เช่าแทน
 
“อยู่ที่นี่มากกว่าเจ็ดปีแล้ว เบื่อบ้างสิ”
 
“แต่ลีวายส์อยู่กับพี่ธาร ไม่เบื่อนี่ฮะ” ลีวายส์บอก ร่างเล็กซุกหน้าลงมากับแผงอกผม ก่อนจะสะอื้นไห้เบาๆ
 
“ใช่ อยู่กับมึงก็ไม่เบื่อ แต่กูต้องการห้องกว้างๆไว้ทำงานแล้วก็ที่ๆสะดวกตอนไปส่งมึงที่โรงเรียนและไปทำงานไง เข้าใจหรือเปล่า”
 
“แต่ว่า....ห้องนี้ มีความทรงจำของลีวายส์กับพี่ธารเยอะแยะเลยนะฮะ พี่ธารจะขายหรือเปล่าฮะ” อย่างที่ว่าเลยเห็นมั้ย ผมก้มลงหอมเส้นผมนุ่มๆของมันก่อนจะลูบหัวเบาๆ
 
“ความทรงจำของมึงอยู่ตรงไหน” ผมถาม ลีวายส์เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะชี้ไปรอบๆห้อง ผมเลยส่ายหน้าให้
 
“ไม่ใช่หรอฮะ” ร่างเล็กถาม สีหน้าเศร้าลงและเริ่มมีน้ำตา
 
“อยู่ตรงนี้!.......กับตรงนี้!” ผมจิ้มนิ้วตรงหัวมันก่อนจะจิ้มลงตรงหน้าอกด้านซ้าย ลีวายส์มองตามนิ้วผมก่อนจะ มีรอยยิ้มบางๆเกิดขึ้น
 
“ลีวายส์รักพี่ธารฮะ” ผมได้ยินคำนี้บ่อยมากจนชินหูแต่ความว่ารักทุกคำของมัน กลับสะสมจนทำให้ผมเริ่ม....รัก! เด็กในอ้อมแขนที่กำลังกอดผมไว้แน่น คนนี้เช่นกัน
 
ผมก้มลงจูบดูดปากสีสดก่อนจะใช้ลิ้มไล่เลียริมฝีปากเล็กและสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปชิมรสหวานในโพรงปากที่ยังคงหวานหอมเหมือนเคย
 
ร่างเล็กตอบรับแบบไม่รู้ตัวก่อนจะพยายามขบเม้มริมฝีปากผมเช่นกัน  ร่างบางลื่นมือเกินกว่าที่ผมจะอยู่นิ่งๆได้ จนต้องเลื่อนมือสอดแทรกเข้าไปใต้ผ้า สัมผัสเอวบางผิวอ่อนนุ่ม ริมฝีปากดูดจูบเน้นๆสองสามครั้ง ก่อนจะเลื่อนลงมาสูดกลิ่นหอมเข้าบอดตรงซอกคอขาว
 
“พี่...ธาร....” เสียงหวานหูดังของอย่างแผ่วเบา มือเล็กโอบรอบคอผมจนแผ่นหลังที่เมื่อครู่พิงอยู่กับพนักโซฟายกขึ้น ทำให้ร่างเล็กแนบชิดกับแผงอกผมจนไร้อากาศพัดผ่าน
 
“อืม.........” ผมตอบรับด้วยเสียงครางต่ำในลำคอ ก่อนจะกดเม้มและพยายามนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากให้ซอกคอขาวเกิดรอย
 
“อึก!.....เจ็บฮะ” ลีวายส์พูดบอกเสียงพร่า เมื่อผมเผลอขบเม้มแรงๆ จนร่างเล็กสะดุ้งรับสัมผัสจากริมฝีปากร้อน
 
ผมจึงต้องละริมฝีปากออกเปลี่ยนมาเป็นลิ้มแทน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมปลดกระดุมเสื้อนอนของร่างเล็กจนมันหลุดออกไปสองสามเม็ด และมากพอที่จะทำให้มันร่นลง เผยให้เห็นไหล่ขาวๆลงไปถึงยอดอกสีสวยจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ
 
‘ไอ้ธาร มึงอย่าทำอะไรบ้าๆนะ ลีวายส์ยังเด็กอยู่ อยากติดคุกหรือไง’ นั่นคือความคิดหนึ่งในหัวที่ผุดขึ้นมา ‘แต่ว่า ไม่มีใครเห็นนี่หว่า แล้วมันก็ไม่บอกใครหรอกเชื่อสิ’ และก็มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอีก มันทำให้ผมก้มลง กดจูบเบาๆกับไหปลาร้าคู่สวยตรงหน้า
 
“อื๊อออออ.......” ลีวายส์ครางกระเสาะเมื่อผมลากลิ้นผ่านร่องอกลงมาครอบครองยอดอกสีสวยในที่สุด
 
‘ไอ้ธาร มึงจะบ้าหรอ ลีวายส์รับของมึงไม่ได้หรอก อยากให้มันเจ็บหรือไง’ ความคิดใต้จิตสำนึกของผมยังคงผุดขึ้นมาไม่เลิก
 
“ลีวายส์!!!!.....ไปนอนไป” ผมผละออกจากร่างเล็กก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อยและเดินหนีเข้าไปในห้อง.....น้ำ
 
ทั้งที่ผมไปลงกับผู้หญิงมาแล้วแท้ๆ เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหื่นเข้าขั้น ก็ตอนมีความรู้สึกกับลีวายส์เนี่ยแหละ เฮ้ออออ ปวดไข่ เฮ้ย!!! ปวดใจจริงๆเลย ของมันมีแต่ทำไม่ได้!!!!
 
วันต่อมา..........
 
“เอาแต่ของที่จำเป็นไปนะ ไอ้ของจุกจิกทิ้งซะบาง” ผมบอกกับลีวายส์ที่กำลังเก็บของใส่ลัง ซึ่งสิ่งที่มันเก็บมักจะเป็นพวกโพสอิทต่างๆที่แทบจะเรียกได้ว่าขยะ
 
“ก็....เสียดายนี่นา เอาไปติดข้างฝา สวยดีฮะ” ลีวายส์บอก และหันไปเก็บต่อ
 
“พอติดเสร็จ กูก็จะเผ่าทิ้งจนกลายเป็นขี้เถ้า สวยดีนะ” ผมบอก ลีวายส์ทำหน้างอใส่ก่อนจะเทมันทิ้งลงถุงดำ เหอะๆ
 
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย ผมก็โทรเรียกรถส่งของมาเพื่อจะส่งของไปยังคอนโดใหม่ที่ผมจัดการซื้อขายไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นคนโดที่อยู่ห่างจากร้านซึ่งเป็นผับของผมไม่ไกลนักและสะดวกในการเดินทางไปส่งลีวายส์ที่โรงเรียนก่อนจะเลยไปทำงานที่บริษัท ถึงผมจะเข้าบริษัทไม่บ่อยนักก็เหอะ
 
“เอ๊ะ!!! นี่ใช่คอนโดพี่แมนหรือเปล่าฮะ” ลีวายส์ถามเมื่อเห็นคอนโดคุ้นตาที่ผมเคยมาส่งไอ้แมน
 
“อืม....ลงสิ” ผมลงจากรถและพาลีวายส์เดินเข้ามา ห้องของผมอยู่ชั้นบนของห้องไอ้แมนสองชั้น ก็เลยแวะทักมันก่อน หลังจากที่ยืนกดกริ่งอยู่แป๊งหนึ่ง มันก็เปิดประตูออกมา
 
“อ้าว กูคิดว่าใคร มึงย้ายของมาแล้วสิ” มันถามเมื่อเห็นว่าเป็นผม เพราะผมให้มันจัดการเรื่องคอนโดให้
 
“ทะ...ทำไมพี่แมน เอ่อ เลือดออกนี่ฮะ” ลีวายส์ถาม เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากหางคิ้วไอ้แมนอย่างเห็นได้ชัด
 
“หึ รักกันแรงๆดีนะมึง กูไปล่ะ” ผมบอกก่อนจะปิดประตูให้เสร็จสรรพ
 
ลีวายส์ทำหน้างงก่อนจะเกาะแขนเดินตามผมมา ผมรู้ว่าไอ้แมนคงได้เลือดเพราะคุณโอ๊ตแน่นอน คงเป็นคนเดียวล่ะนะที่ทำมันได้โดยที่มันไม่เอาคืน
 
“ถึงแล้วหรอฮะ” ลีวายส์ถาม เราขึ้นมาและหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องและดันหลังลีวายส์เข้ามา
 
“เป็นไง.....ถูกใจหรือเปล่า หืม ฟอด!!!” ผมโอบเอวบางไว้หลวมๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มร่างเล็กที่ยืนนิ่งมองไปรอบห้องกว้าง กว้างมากกว่าห้องเก่าและมีพื้นที่ใช้สอยมากพอหรืออาจจะเกินกว่าคนสองคนอยู่
 
“สวยฮะ ลีวายส์ชอบมาก ขอบคุณฮะพี่ธาร” ลีวายส์หมุนตัวกลับมากอดคอผมก่อนจะจุ๊บปากเน้นๆและผลักออก ร่างเล็กยิ้มจนแก้มปริ
 
“ไปดูห้องนอนกัน” ผมกอดเอวร่างเล็กเดินมาเปิดประตูห้องนอน ซึ่งมีอยู่สองห้อง และผู้รู้ว่าลีวายส์คงไม่ชอบที่จะนอนคนเดียวแน่ๆ อีกห้องจึงสั่งจัดให้เป็นห้องดูหนังฟังเพลง ส่วนห้องทำงานนั้นแยกไปอีกห้องหนึ่ง
 
“วู้!!! กว้างจังเลยฮะ เย้ๆ มีระเบียงด้วย สวยจัง” ลีวายส์เปิดผ้าม่านออกก่อนจะเปิดประตู่ระเบียงเดินออกไปข้างนอก ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางดีใจของมัน
 
“ฟอด!!! ลืมห้องเก่าไปเลยล่ะสิ” ผมเดินตามร่างเล็กมากอดเอวบางไว้จากทางหลังก่อนจะกดจมูกลงกับแก้มใส
 
“ไม่ลืมฮะ แต่ว่า....เดี๋ยวจะลืม คึคึ พี่ธารฮะ.....” ลีวายส์หมุนตัวกลับมาสบตามองผม ผมจึงว่างมือทั้งสองข้างไว้กับราวระเบียงเหมืองกักตัวมันไว้ในอ้อมแขน
 
“ว่า.....” ผมเลิกคิ้วถาม
 
“ขอบคุณฮะ....ขอบคุณที่พี่ธารตัดสินใจไปช่วยลีวายส์ในวันนั้น ขอบคุณที่พี่ธารไม่พาลีวายส์ไปส่งสถานเด็กกำพร้า ขอบคุณที่พี่ธารพาลีวายส์ไปโรงเรียน ขอบคุณ......อุ๊บ!!!” ผมก้มลงกดจูบริมฝีปากสีสดที่เอาไปพร่ำบอกแต่คำว่าขอบคุณจนผมทนฟังไม่ได้
 
“ไม่ต้อง แค่คำขอบคุณมันไม่พอหรอก” ผมบอก ร่างเล็กมีสีหน้าอ่อนลงคล้ายกับผิดหวังในสิ่งที่พูดออกมา “หึ! ชีวิตน่ะ ให้กูสิ ให้กูทั้งชีวิตแทนคำขอบคุณ”
 
“ฮะ ลีวายส์ให้ทั้งชีวิต ลีวายส์เป็นของพี่ธารฮะ จุ๊บ!!!!” ลีวายส์เขย่งเท้าขึ้น จุ๊บมุมปากผม ผมเลยยกตัวมันขึ้นมาจูบจนปลายเท้าของร่างเล็กลอยเหนือพื้น ผมจะเป็นเจ้าชีวิตมันแน่นอน
 
 
 
“พี่ธารรรรร.........” เสียงลีวายส์เรียกผมดังมาจากในห้องน้ำ “พี่ธารๆ....”
 
“อะไร” ผมละสายตาจากของที่กำลังจัดตรงหน้าไปถาม มันโผล่หน้าออกมาจากกรอบประตู ซึ่งให้ผมทายว่ามันไม่ใส่เสื้อแน่นอน
 
“ห้องน้ำกว้างมากฮะ อ่างใหญ่มาก พี่ธารอาบด้วยกันมั้ยฮะ” นั้นไงเดี๋ยวจับฟัดซะเลยนี่ ไอ้เด็กเหี้ย
 
“นับหนึ่ง!!!”
 
“ไปแล้วๆ อาบคนเดียวก็ได้ฮะ ใจร้าย!” แล้วมันก็รีบกลับเข้าไปพร้อมกับปิดประตูลง เฮ้อ!!! ผมนั่งมองอัลบั้มรูปในมือที่ไอ้กายทำให้เป็นขวัญวันเกิดลีวายส์เมื่อต้นปีตอนมันอายุครับสิบห้า
 
ทุกรูปมีแต่ร้อยยิ้มที่สดใส จนผมต้องยิ้มตาม มีรูปใบหนึ่งที่ทำให้ผมหยุดจ้องมอง เป็นรูปที่ร่างเล็กเงยหน้ามองผมและเอื้อมมือมากำลังจะจับมือผม ในขณะที่ผมสนใจมองอย่างอื่นอยู่ เป็นภาพที่บอกถึงความรู้สึกของเด็กได้ดีว่า มันต้องการผมแค่ไหน ผมดึงรูปถ่ายออกมาและสอดไว้ในกระเป๋าตัง
 
กริ่ง!!! กริ่ง!!!
 
ผมและลีวายส์จัดของกันสักพักก็มีเสียงกดกริ่งดังมาจากหน้าห้อง  ผมเลยเดินไปเปิด ก่อนจะพบว่าเป็น ไอ้กายที่ยืนฉีกยิ้มยิงฟันจนเกือบครบทุกซี่อยู่หน้าห้อง
 
“มาไม” ผมถามมันหุบยิ้มทันที ก่อนจะมีอีกคนโผล่มาจากด้านหลังของมัน
 
“หวัดดีครับ พอดีผมมาส่งพี่กายครับ ลีวายส์อยู่หรือเปล่า” ผมเหล่ตามองไอ้กายก่อนจะหันไปจ้องมองอีกคนที่ผมจำชื่อมันได้ว่าเป็น ไอ้นัท
 
“เอ่อ  คืองี้ พอดีไอ้นัทมัน......”
 
“เข้ามา” ผมแทรกคำพูดบอกของไอ้กายและหลีทางให้มันเข้ามา ไอ้นัทที่อยู่ข้างๆเองก็ทำท่าจะเข้ามาด้วย “ไม่ใช่มึง!!!” ผมผลักมันออกไปจากกรอบประตูก่อนจะปิดลงเสียงดัง ปัง!!!!
 
“เฮ้ย!!! อย่ามองกูแบบนั้นสิวะ กูไม่ได้พาไอ้นัทมันมานะเว้ย! มะ.....มันเดินตามกูมาอ่ะ  โอ้ย!!!” =_=^ ผมก็เลยประทางเขกหัวให้มันทีหนึ่ง
 
“กูไม่ชอบขี้หน้ามัน กรุณาอย่าพามาเข้าใกล้ เด็กกู”
 
“แหม เดี๋ยวนี้ เด็กกู เต็มปากเต็มคำนะ เอ๊ะ!!! หรือมึงกินลูกกูไปเต็มๆแล้วห๊ะไอ้ธาร” ไอ้กายว่า ทำท่าอ้าปากตกใจตาโต
 
“ไอ้กาย!!!!! ยังเว้ย! แต่คง.......อีกไม่นาน”
 
<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>>

คือเราช้ามากรู้ตัวค่ะ มีเรื่องที่มหาลัยต้องจัดการนิดหน่อย ขอโทษอย่างสูงจร้า

พี่ธารเริ่มเจอคนที่ชอบลีวายส์จริงๆจังๆ เข้าแล้ว พี่ธารจะทำไงกันนะ ไรท์ก็ยังคิดไม่ออกอ่ะ คิคิ

ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่สิ อีกไม่นาน ลุ้นๆ (ทุกตอนอ่ะ) คิคิ  :katai3:   :katai3:   :katai3:    :katai3:

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 01-06-2014 18:33:33
หมั่นไส้ไอ้พี่ธารจริงวุ้ยยยย :angry2:   :angry2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-06-2014 18:49:45
หึหึ รอน้องลีวายส์ถูกกิน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 01-06-2014 18:58:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-06-2014 19:57:09
คุณพ่อสุดหวง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-06-2014 20:03:53
คอนโดใหม่กว้างขึ่น มีพื้นที่ให้ลองไแ้มากขึ้นใช่ป่ะอีธาร ฮิ้วววว
ลีวายนะรักแกมากน่ะ แกก็ดูหึงลีวายมากๆๆๆๆ
แต่ทำไมย้งไม่เลิกนิสัยฟันหญิงอ่ะ
ถ้าลีวายรู้ยะเสียใจแค่ไหน ที่ยกทั้งชีวิตให้กับคนที่ยังทำตัวแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 01-06-2014 20:59:29
ถ้าวันไหนที่ตกลงปลงใจคบกันเป็นคนรักดับน้อง
อีธารต้องเลิกทพเรื่องแบบนั้นนะ กับผู้หญิงพวกนั่น
ส่วนนัทนี่ถ้ายังจะตามมายุ่งกับลีวายไม่เลิก มีแววว่าจะได้เลือดกับไป.
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 01-06-2014 21:27:32
อ่า.. คงอีกไม่นาน :katai5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 01-06-2014 21:52:05
นอกกายลีวายส์ขอให้ลีวายส์นอกใจ555555555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 23(01/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 03-06-2014 11:49:51
หรือว่าน้องลีวายส์จะถูกกินฉลองคอนโดใหม่
เอ๊ะๆๆๆๆ >.<
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 03-06-2014 16:46:41
Older Brother.....24
 
 
[ลีวายส์:Part]
 
เพี้ย!!!!
 
“โอ้ย!!!” เสียงพี่ธารร้องฮะ ลีวายส์รีบวางของในมือก่อนจะเดินออกมาดูว่าพี่ธารร้องโอ้ยทำไม พี่ธารเจ็บตรงไหนหรือเปล่านะ
 
“มึงคิดจะทำอะไรลีวายส์ห๊ะ!!! ไอ้ธารแม่ง ให้โตกว่านี้หน่อยเซ้” เสียงพี่กายดังขึ้น ทำให้ลีวายส์รู้ว่า พี่กายเป็นคนที่กดกริ่งหน้าประตูเมื่อครู่นั้นเอง แต่ว่าทะเลาะกันหรือเปล่านะ
 
“เปล่าซะหน่อย กูยังไม่ได้ทำ มึงจะบ้าหรือไง” เสียงพี่ธาร
 
“มึงคิดใช่มั้ยล่ะ กูรู้ไอ้ธาร.........อ้าวลีวายส์!” พอลีวายส์ออกไป ทั้งสองคนก็หยุดทะเลาะกันและหันมาสนใจลีวายส์ที่ยืนมองอย่างสงสัย พี่กายกับพี่ธารอ่ะชอบเถียงกันอยู่เรื่อยเลย
 
“คิดอะไรหรอฮะ ทะเลาะกันหรอฮะ ทะไมชอบทะเลาะกันเหมือนเด็ก” พี่กายยิ้มขำๆส่วนพี่ธารหน้าเหวอนิดๆ ลีวายส์พูดผิดหรือเปล่านะ
 
“คึคึ มึงอ่ะเด็กไอ้ธาร คือพี่ธารคิดจะกิน.......โอ้ย!!!  ไอ้เหี้ยธาร!!!” พี่ธารเขกหัวพี่กายจนพี่กายร้องเสียงหลง ดูจากสีหน้าพี่กายแล้วลีวายส์ว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ
 
“เดี๋ยวมึงจะโดนไม่น้อย” พี่ธารพูดกับพี่กายแล้วก็ทำหน้าโหดใส่ลีวายส์ ก่อนจะเดินไปในห้องทำงานที่ยังจัดของไม่เรียบร้อย เราย้ายคอนโดใหม่แล้วฮะ
 
ตอนแรกลีวายส์ก็เศร้าๆนะฮะ ที่ต้องย้ายคอนโดทั้งที่เราเพิ่งจะกลับมาจากเมืองนอกได้เดือนกว่าๆเอง แต่พอได้มาเห็นคอนโดใหม่ โอ้โอ่ สวยและกว้างมากๆเลยฮะ แถมยังมีระเบียงทั้งในห้องนอนและระเบียงติดกับโซนใกล้ๆโซฟาด้านนอกด้วย
 
ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนกลางคืนจะสวยขนาดไหนถ้ามองลงไปเห็นแสงไฟยามที่ท้องฟ้ามือลง เฮ๊ะ!!! เหมือนลีวายส์อ่านนิยายอยู่เลยอ่ะ คึคึคึ
 
“ลีวายส์ เราไปเข้าครัวกัน ไปๆ” พี่กาย หิ้วถุงข้าวของที่ซื้อมา เดินไปเข้าพร้อมกับออกปากชวน เย้ๆ ลีวายส์ก็อยากทำอยู่พอดี
 
“หยุดเลยๆ กูไม่อยากเปลี่ยนครัวใหม่ตั้งแต่วันแรก” พี่ธารขัดอีกแล้วฮ่ะ ลีวายส์ทำปากยื่นใส่ร่างสูงก่อนจะเดินตามพี่กายมาจัดของในครัว
 
“งั้นมึงโทรบอกไอ้แมนให้ขึ้นมาทำ จะใช้ได้ป่ะเนี่ย” ไอ้กายบอกในขณะที่เอาของออกจากถุง มีผักและเนื้อเยอะแยะเลยฮะ ลีวายส์ชอบกินผัก
 
“ไอ้แมน มึงขึ้นมากินข้าวห้องกู......เออนา มึงแหละทำ...........ไม่มามึงก็ยัดใส่กางเกงในมาสิ”เสียงพี่ธารคุยโทรศัพท์ ก็คงจะคุยกับพี่แมนก่อนจะเดินกลับไปในห้องทำงานอีกครั้ง
 
“เอ่อ แล้วพี่เซฟล่ะฮะ ไม่ชวนพี่เซฟด้วยหรอฮะ” ลีวายส์ถาม เพราะปกติเห็นพี่เซฟตัวติดกับพี่กายตลอดอย่างกะเป็นแฟนกันหรือจะเป็นกันจริงๆอันนี้ลีวายส์ก็ไม่รู้
 
“อ๋อ มันไปหากิ๊กน่ะ ทิ้งพี่เลยเห็นมั้ย” นั่นไงแสดงว่าเป็นแฟนกันจริงๆด้วย แต่ว่าพี่หมอก็มาหาพี่กายบ่อยๆนี่นา
 
“แล้วพี่กายไม่โทรตามพี่เซฟล่ะฮะ ปล่อยให้ไปหากิ๊กทำไมอ่ะ พี่กายไม่หวงหรอฮะ” ลีวายส์ถามอีก ก็ลีวายส์อยากรู้นี่ แต่ว่าพี่กายหันมามองลีวายส์ด้วยสีหน้าลำบากใจยังไงก็ไม่รู้อ่ะ
 
“คือ....พี่กายกับพี่เซฟไม่ได้เป็นแฟนกันนะลีวายส์ เป็นเพื่อนสนิทกันพี่ไม่มีสิทธิไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันหรอก”
 
“งั้น พี่กายก็เป็นแฟนกับพี่หมอสินะฮะ” ลีวายส์อยากรู้อ่ะ -0-
 
“เอ้ย!!! ไม่ใช่ล่ะ ไอ้พี่หมอบ้านั่นมันมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ เปลี่ยนเรื่องคุยเลย ไปๆ ไปหาพี่ธารของเราก็ได้ไป” อ้าว ไม่ใช่หรอกหรอ แล้วพี่กายหน้าแดงมัยอ่ะ
 
 
“เป็นอะไร หน้างออยู่ได้ ยิ้มซิ” พี่ธารถามเมื่อเห็นลีวายส์เดินเข้ามาในห้องทำงาน ที่ตอนนี้พี่ธารยืนจัดหนังสือเข้าตู้อยู่ ลีวายส์กระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ข้างๆ
 
“ก็พี่กายไล่ลีวายส์มา ลีวายส์แค่ถามนิดเดียวเองนะฮะ” ลีวายส์ส่งหนังสือที่อยู่ใกล้มือให้พี่ธารจัดใส่ตู้ไปพลาง ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือกฎหมายมีภาษาไทยบ้างอังกฤษบ้าง
 
“ถามว่า....?” พี่ธารจับมือลีวายส์พลิกดูเพราะเห็นรอยแดงที่เกิดจากสันหนังสือเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้เป็นแผลพี่ธารเลยจัดหนังสือที่เหลืออยู่ไม่กี่เล่มต่อ
 
“เรื่องใครเป็นแฟนพี่กายฮะ” พี่ธารจัดหนังสือเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเลื่อนกระจกปิดและหันมาคุยกับลีวายส์โดยยืนพิงตู้ดูหนังสือเล่นหนึ่งในมือ
 
“ทำไม....จะไปยุ่งเรื่องมันทำไมล่ะ”
 
“ก็......แค่ส่งสัยว่า....พี่เซฟกับพี่หมอรักษ์ฮ่ะ ใครเป็นแฟนพี่กาย” ลีวายส์บอกตามความจริง บางทีพี่ธารอาจจะรู้ก็ได้ คึคึ
 
“ถึงว่า มันไล่มาก็เพราะอย่างเนี่ย......”พี่ธารบีบจมูกลีวายส์ฮะ -*-  แต่ไม่เจ็บ “เรื่องของมัน เด็กไม่ควรไปยุ่งเข้าใจ๋” พี่ธารบอกก่อนจะกอดเอวลีวายส์และยกตัวลีวายส์ลงจากโต๊ะทำงาน
 
“ก็อยากรู้อ่ะ .....จุ๊บ!!!” พี่ธารก้มลงจุ๊บปากลีวายส์ทีหนึ่ง
 
“พูดมากจริง......ไอ้แมนมาแล้วมั้ง ไปดูไป”พี่ธารดันหลังลีวายส์ออกมาจากห้องทำงาน เจอพี่แมนกำลังยืนเท้าสะเอวจ้องมองพี่โอ๊ตที่กำลังนั่งดูทีวีโดยไม่ได้เกรงกลัวหน้าตาเอาเรื่องของคนตัวสูง
 
“กูตบปากแตก!!!” พี่แมนบอก ลีวายส์เห็นแล้วยังกลัวแทนเลยอ่ะ ก็พี่แมนชอบทำหน้าโหดอยู่เรื่อยเลย แต่ว่าพี่โอ๊ตเนี่ย ไม่เห็นจะกลัวสักนิด
 
“ข่มจังนะมึง แผลน่ะแผล ใครข่มใครกันแน่วะ” พี่ธารพูดชี้ไปที่แผลตรงหางคิ้วของพี่แมนก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟา “มึงไปช่วยไอ้กายทำไรกินซิ กูหิวล่ะ ให้ไอ้กายทำชาติหน้าคงได้กิน” พี่ธารว่าอีกก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดตู้ใต้ทีวีจอใหญ่ คงจะเปิดหนังล่ะมั้ง
 
ลีวายส์นั่งลงข้างๆพี่โอ๊ต แฟนพี่แมน(?) ดูแล้วพี่โอ๊ตสีหน้าแบบไม่ค่อยแสดงอารมณ์เท่าไหร่ และก็ไม่ค่อยคุยด้วย ลีวายส์ลอยคุยดูดีกว่าเผื่อพี่โอ๊ตจะเป็นคนใจดี
 
“เอ่อ...พี่โอ๊ตทำกับข้าวเป็นมั้ยฮะ” ลีวายส์เริ่มหาเรื่องคุยกับพี่โอ๊ต พี่โอ๊ตมองหน้าลีวายส์นิ่งๆ มีแวบหนึ่งที่ดวงตาคู่นั่นเหมือนรู้สึกผิดอะไรบางอย่างก่อนจะละสายตาไปมองจอทีวี
 
“ไม่เป็น” พี่โอ๊ตตอบลีวายส์แค่นั้นอ่ะ ลีวายส์น้อยใจนิดๆ ก่อนจะหันไปมองพี่ธารที่เอี้ยวหน้ามามอง พี่ธารเลิกคิ้วให้ลีวายส์ก่อนจะหันไปเปิดแผ่นหนังและกลับมานั่งข้างๆ
 
“หิวยัง.......คุณโอ๊ตกินอะไรมาหรือยัง”พี่ธารถามลีวายส์ก่อนจะเอ่ยถามพี่โอ๊ต พี่โอ๊ตส่ายหน้าแทนคำตอบ ดูเหมือนพี่โอ๊ตจะเป็นพวกที่ชอบเว้นระยะหางจากคนอื่นพอสมควร
 
“ไอ้เหี้ย นั่งดูหนังกันสบายเชียว แล้วก็ให้กูทำให้แดก” พี่แมนเดินมาพร้อมกับไส้กรอกในมือ ลีวายส์อยากกินพอดีเลย “อ่ะ....” แต่ว่า.....พี่แมนกลับยื่นให้พี่โอ๊ยเฉยเลยอ่ะ อือออ ลีวายส์ก็เลยหันไปทำหน้างอกับพี่ธารแทน
 
“เอาสิ......” แต่ว่าจู่ๆ ไส้กรองอันเมื่อกี้กลับยื่นมาตรงหน้าลีวายส์ ทุกคนเลยมองพี่โอ๊ตที่ไม่เคยจะสนใจใครแต่กลับให้ไส้กรอกลีวายส์เมื่อเห็นว่าลีวายส์หน้างออยากกิน ทุกคนทำสีหน้าแปลกใจจนพี่โอ๊ตทำหน้าไม่ถูก
 
“แฮๆ ลีวายส์อยากกินพอดีเลยฮะ พี่แมนอ่ะเอามาให้แต่พี่โอ๊ต โกรธพี่แมนล่ะ” ลีวายส์รับมากินหลังจากทำหน้าเชิดใส่พี่แมน แกล้งพูดเพื่อไม่ให้พี่โอ๊ตรู้สึกอึดอัด ทุกคนเลยกลับมาทำตัวปกติ
 
“เอ้อ ใครจะไปรู้ล่ะคะ น้องลีวายส์” พี่แมนดัดเสียงได้น่าเกลียดมากอ่ะ งี้!!! “คุณโอ๊ตครับขอแรงไปช่วยในครัวหน่อยได้มั้ยครับ จะอยู่ว่างๆทำไมวะ” แล้วพี่แมนก็หันไปประชดแฟนตัวเองนิดๆก่อนจะเดินนำไปในห้องครัว ซึ่งพี่โอ๊ตก็เดินตามไปด้วย
 
“เค้ารักกันจริงๆหรือฮะ พี่ธาร” ลีวายส์ถาม ในปากยังคงเคี้ยวไส้กรอกอยู่เลยนะ อร่อยดีชอบๆเดี๋ยวจะกินอีก
 
“คงงั้น” ลีวายส์ขมวดคิ้วกับคำตอบของพี่ธาร คงงั้นหรอ ตกลงรักหรือเปล่าล่ะ
 
“ต้องรักสิฮะ ก็เค้าเป็นแฟนกัน....หรือเปล่านะ” ลีวายส์พูดเสียงเบากับประโยคท้าย เพราะเริ่มไม่แน่ใจ ดูเหมือนพี่แมนจะรักมั้งแต่ว่า พี่โอ๊ตอ่ะดูไม่รู้เลย นิ่งตลอด คนเราอยู่ด้วยกันก็ต้องรักกันสิ อย่างลีวายส์ก็รักพี่ธารนี่นา
 
“ทำมัยคิดว่าเค้ารักกัน.....กินดีๆซิ เดี๋ยวติดคอหรอ จุกเข้าไปจุกเข้าไป” พี่ธารตอบก่อนจะว่าลีวายส์เพราะลีวายส์กำลังรีบเคี้ยวจะได้คุยกับพี่ธารสะดวก
 
“ก็เค้าอยู่ด้วยกันนี่....อยู่ห้องเดียวกันด้วย เค้าเป็นแฟนกันนะ ลีวายส์ว่า”
 
“การที่คนเราอยู่ด้วยกันมันก็ใช่ว่าจะต้องรักกันเสมอไปนี่ เรื่องของผู้ใหญ่จะยุ่งทำไมนัก เดี๋ยวเหอะ” คำตอบของพี่ธารทำให้ลีวายส์ นิ่งคิดอะไรบางอย่าง
 
‘การที่อยู่ด้วยกันใช่ว่าจะต้องรักกันเสมอไป’ แล้ว...เราล่ะ ลีวายส์มองเสี้ยวหน้าของพี่ธารที่กำลังสนใจหนังในทีวีอยู่ เรารักกันใช่มั้ยฮะ ที่พี่ธารดูแลลีวายส์ที่พี่ธารทำให้อยู่ทุกวันนี้แปลว่าพี่ธารรักลีวายส์ใช่มั้ยฮะ ‘ใช่ว่าจะต้องรักกันเสมอไป’ แต่ว่าพี่ธารไม่เคยบอกรัก..........เลย
 
“นั่นหมายถึงคนอื่นไม่ใช่เรา” พี่ธารบอก ทำให้ลีวายส์ดึงความคิดของตัวเองกลับมามองหน้าพี่ธารชัดๆ “ไม่ได้หมายถึงเรา เข้าใจมั้ย ฟอด!!” พี่ธารดึงลีวายส์เข้าไปหอมแก้มก่อนจะกอดไว้แน่นทำให้ลีวายส์อุ่นใจขึ้นทันที ทั้งที่เมื่อกี้มันเริ่มหนาว
 
“ลีวายส์รักพี่ธารนะฮะ”
 
“พูดบ่อยไปก็ไม่ดีรู้มั้ย หืม! ฟอด!!!” อ้าวทำไมล่ะ รักก็บอก พี่ธารจะได้รู้ว่าลีวายส์รักพี่ธารแค่ไหน ทุกคนเห็นด้วยมั้ยฮะ
 
“ทำไมละฮะ ก็ลีวายส์อยากให้พี่ธารรู้นี่” พี่ธารก้มลงมองหน้าลีวายส์ที่กำลังเอนหัวนอนหนุนตักพี่ธาร
 
“เก็บใส่ขวดโหลไว้บ้างสิ หึ!” ขวดโหล? ลีวายส์ทำแก้มป่อง ขมวดคิ้วจนพี่ธารหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะโน้มหน้าลงมากัดจมูกลีวายส์
 
“ไอ้ธาร!!! ทำไรลูกกู กับข้าวเสร็จแล้วเว้ย ไปแดก!!!” พี่กายที่เปรียบเสมือนแม่ของลีวายส์เดินมาดึงคอเสื้อพี่ธารจากด้านหลัง
 
“แม่ง ขัดตลอด สัด!!!” พี่ธารเลยผลักหัวพี่กายก่อนจะดึงไหล่ลีวายส์ให้ลุกขึ้นและพากันเดินไปกินข้าวในห้องครัว กับข้าวเยอะแยะเต็มไปหมด มีต้มข่าไก่น่าทานมาก มีข้าวผัด แกงจืดผักรวม กุ้งผัดกับหนอไม้ฝรั่ง แล้วก็หมูย่างที่ไม่รู้ว่ามาได้ไง น่าอร่อยดี
 
“เย้ๆ ไหนไส้กรอกอ่ะ ลีวายส์อยากกิน” ก็บนโต๊ะมันไม่มีอ่ะ ลีวายส์เลยถามหาทั้งที่คิดว่ามี
 
“เอ้า! ลืมๆ เดี๋ยวพี่กายทำให้” พี่กายจะลุกจากเก้าอี้ไปทำให้แต่ว่า...
 
“ไม่ต้องเรื่องมากนา แค่นี้ก็เยอะพอแล้ว นั่ง! พูดให้รู้ฟังลีวายส์” ไม่กินก็ได้ ชิท์ ถ้าไม่กลัวโดนด่าอีกนะจะทำเองเลย(ทำเป็นหรอลูก) พี่ธารอ่ะใจร้าย! คึคึ งั้นกวนพี่ธารดีกว่า
 
“ลีวายส์อยากกินกุ้งอ่ะ” พอเห็นพี่ธารตักกุ้งใส่จานตัวเองลีวายส์ก็บอกทันที พี่ธารเหล่มองนิดๆก่อนจะตักเอากุ้งในจานมาให้ “ลีวายส์อยากกินไก่ด้วย”พอพีธารตักไก่ในถ้วยลีวายส์ก็บอกอีก คึคึ พี่ธารเลยชะงักมือที่กำลังช้อนข้าวเข้าปากบ่อยๆ จนเริ่มรำคาญล่ะ คึคึ
 
“ตักกินเองซิ” พี่ธารบอก
 
“ลีวายส์อยากกินหมูย่า.....อุ๊บ!!!” คราวนี้พี่ธารยัดหมูย่างใส่ปากลีวายส์คำโตเลยฮะ อืออออ “แฮ่ะๆ  อึกๆ แฮ่ะๆ” ทั้งสำลักทั้งขึ้นจมูกจนลีวายส์ไอ้ออกมา
 
“ไอ้ธาร!!! มึงนี่......มาลีวายส์” พี่กายเลยพาลีวายส์ลุกขึ้นมาล้างปาก แค่กวนนิดเดียวเองอ่ะ พี่ธารก็เอาคืนลีวายส์ซะ ที่นี้กินข้าวไม่ได้เลย อืออออ
 
“กวนไม่เข้าเรื่อง เค้าให้เล่นหรอเวลากิน ไม่ใช่อยู่กันสองคนนะ” พอกลับมานั่งก็โดนว่าจนได้ ลีวายส์ได้แต่นั่งเม้มปากตัวเอง เพราะรู้ตัวแล้วว่าผิดจริง
 
“อะไรนักวะ ลีวายส์อยากกินไส้กรอกมั้ยเดี๋ยวพี่แมนทำให้” พี่แมนบอกเมื่อเห็นลีวายส์นั่งก้มหน้าและเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย
 
“ไม่ต้อง! พวกมึงชอบตามใจมัน ตักข้าวให้ใหม่ก็พอ......มากเรื่อง”พี่ธารว่า “เงยหน้า และกินข้าว” ลีวายส์เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
 
เสียงใครบางคนลุกจากเก้าอี้ทำให้ลีวายส์เงยหน้าขึ้นมองปรากฏว่าทุกคนบนโต๊ะอาหารก็มองตามเช่นกัน พี่โอ๊ตลุกขึ้นไปเวฟไส้กรอกให้ลีวายส์ก่อนจะกลับมาพร้อมกับไส้กรอกที่ส่งกลิ่นหอมน่ากิน วางลงตรงหน้าลีวายส์ ลีวายส์หันมองพี่ธารที่นั่งๆข้างๆและก้มหน้ากลับเมื่อเห็นพี่ธารเหล่ตามองลีวายส์ด้วยสายตาคมๆ
 
“กินสิ” เสียงพี่โอ๊ตบอก
 
“มันไม่กินแล้วล่ะ ดูมันทำสิ” พี่ธารอ่ะ ใจร้ายจริงๆเลย ง้อ?สักนิดก็ไม่ได้
 
“กินฮะ!!! กินสิ” ลีวายส์รีบบอกก่อนที่พี่ธารจะเลื่อนจานไส้กรอกออกไป ลีวายส์ทำปากยื่นใส่พี่ธารก่อนจะยิ้มอายๆ ให้ทุกคน ทั้งโต๊ะเลยพากันหัวเราะไม่เว้นแม้แต่พี่โอ๊ต ลีวายส์เลยยิ้มให้พี่โอ๊ตบางๆ ก่อนที่พี่โอ๊ตจะยกยิ้มมุมปากตอบ เห็นมั้ยล่ะ พี่โอ๊ตเป็นคนใจดีอย่างที่ลีวายส์คิดจริงๆ
 
 
 
 
“ไม่สบายหรือเปล่า ลีวายส์” พี่ธารเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เราจัดไว้สำหรับผักผ่อนโดยเฉพาะก่อนจะนั่งยองๆบนพรมที่ลีวายส์กำลังนอนเกลือกกลิ้งไปมา
 
 
“ป่าว ลีวายส์ปวดท้องฮะ” ลีวายส์บอกเสียงอ่อยก่อนจะบิดตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกเสียดๆในช่องท้อง คงจะกินเยอะไปไหนอ่ะ คึคึ ทุกคนไปแล้วห๊ะหลังจากช่วยกันเก็บกวาดห้องครัวเสร็จเรียบร้อยก็พากันกลับ เล่าเอาบ่ายแก่ๆ
 
“ลุกขึ้นไปเดินก่อนไป จะได้ดีขึ้น กินแล้วก็นอนแบบเนี่ยถึงได้ปวดท้อง”พี่ธารบอกก่อนจะดึงแขนลีวายส์ให้ลุกขึ้น ลีวายส์จะแกล้งขืนตัวแต่ว่าสู้แรงพี่ธารไม่ไหวอ่ะ
 
“อ่ะ ลีวายส์ลงไปข้างล่างได้มั้ยฮะ ลีวายส์เห็นมีเซเว่นข้างๆ แล้วก็มีร้านไก่ทอดด้วย นะๆ ให้ลีวายส์ลงไปนะ”
 
“นี่คิดจะกินอีกหรอ งั้นไม่ต้อง” อ่า อะไรกันอ่ะ ลีวายส์ทำปากยื่นหน้าง้อตาเหลือบใส่แบบครบสูตรจนพี่ธารขมวดคิดตาม พี่ธารคงหมั้นไส้เลยดีดปากลีวายส์เข้าให้
 
“งั้นก็ไปห้ามช้า ห้ามคุยกับคนแปลกหน้าแล้วก็เดินระวังๆด้วย อ่ะ” พี่ธารสั่ง คึคึ ก่อนจะยื่นแบงค์ห้าร้อยมาให้ลีวายส์ พี่ธารไม่เคยเอาตังคืนรู้เปล่าถ้าให้แล้วก็จะให้เลยเพราะงั้นเหลือทิป ให้ลีวายส์หยอดกระปุกด้วยล่ะ
 
“จะรีบไปรีบกลับฮะ อยู่บ้านดีๆนะฮะ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก คึคึ” ลีวายส์บอกแบบทะเล้น จนพี่ธารยกมือจะตีแต่ลีวายส์หลบทันก่อนจะเดินออกาจากห้องมา
 
ลีวายส์ไม่เคยออกจากห้องคนเดียวถ้ามาก็จะมากับพี่ธารตลอดที่คอนโดเก่าน่ะนะ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงค่ำที่ลงมาหาอะไรกินแต่น้อยครั้งมาก เพราะพี่ธารไม่ชอบคนเยอะ ยกเว้นที่ร้านพี่ธาร อันนั้นคนเยอะเพราะมันเป็นผับ เออๆใช่(เหมือนพูดคนเดียว)
 
“ทั้งหมดร้อยเก้าสิบเจ็ดบาทค่ะ” พี่พนักงานเซเว่นบอก ลีวายส์ยื่นเงินให้ไป ลีวายส์เข้ามาซื้อของจุกจิกก่อน ก็มีพวกของกินเล่นกับของใช้เล็กน้อย แล้วเดี๋ยวจะไปซื้อไก่ฝากพี่ธาร
 
“เอาอะไรดีค่ะ หนู” ป้าแม่ค้าไก่ทอดถามเมื่อลีวายส์เดินไปยืนหน้าร้าน กินทอดน่ากินมากอ่ะ
 
“เอาอันนี้ฮะ เอ่อ เอาน่องด้วยฮะ เอาหน้าอกด้วยฮะ” ลีวายส์บอกแล้วก็ชี้ๆให้เค้า “สับด้วยได้มั้ยฮะ”
 
“ได้จ้ะ เอาข้าวเหนียวมั้ยลูก” ลีวายส์สั่นหัวให้ป้าแม่ค้า จากนั้นป้าก็สับไก่ใส่ถุงกระดาษไห้เรียบร้อย “อยู่คอนโดนี้หรอ ป้าไม่เคยเห็นหน้าเลย”
 
“เพิ่งย้ายมาฮะ วันนี้เอง” ลีวายส์บอกพร้อมกับยื่นเงินให้ จากนั้นลีวายส์ก็เดินกลับ
 
“ลีวายส์!” ลีวายส์หันไปมองทางเสียงเรียกที่ดังขึ้น ก็พบกับพี่นัทยืนยิ้มอยู่อีกฟากของถนน พี่นัทเป็นญาติกับพี่กายฮะ เราเคยเจอกันที่ห้าง วันนั้นลีวายส์ทำน้ำผลไม้หกใส่เสื้อพี่นัทด้วยล่ะ
 
“สวัสดีฮะ! พี่นัท......” ลีวายส์ทักทาย เมื่อพี่นัทเดินข้ามถนนมาหา พี่นัทไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะพี่ธารคงรู้จักมั้งแล้วอีกอย่างพี่นัทก็เป็นญาติกับพี่กายด้วย คุยได้ๆ
 
“ดีครับ ดีจังที่เจอลีวายส์ มาซื้ออะไรครับ” พี่นัทถามพร้อมกับรอยยิ้มใจดี ลีวายส์ชูถุงให้พี่นัทดู
 
“ซื้อขนมฮะ มีไก่ทอดไปฝากพี่ธารด้วย พี่นัทมาทำอะไรหรอฮะ”
 
“พี่มาหาเพื่อน มันมีร้านภาพถ่ายอยู่ตรงโน้นน่ะ แล้วนี่ลีวายส์จะกลับหรือยังเดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ”
 
“ไม่เป็นไรฮะ ลีวายส์กลับได้ตอนมาก็มาได้เลย” ลีวายส์บอกเพราะคิดแบบนั่นจริงๆ ตอนนั้นเองลีวายส์เห็นฝั่งตรงข้ามมีร้านขายของขวัญหน้าร้านมีตุ๊กตาตัวใหญ่จัดวางอยู่ “นั่นร้านของขวัญหรือเปล่าฮะ”
 
“คงใช่นะ ลีวายส์จะซื้ออะไรล่ะครับ เดี๋ยวพี่พาไป”
 
“ขวดโหลฮะ” ลีวายส์บอกยิ้มๆ
 
“เอาไปทำอะไรครับ” พี่นัทถามอย่างสงสัย พร้อมกับจับมือลีวายส์และดึงให้เดินตามไปทางฝั่งตรงข้าม
 
“ใส่รักฮะ” ลีวายส์ดึงมือออกเพราะไม่ชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัวเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่คนสนิท พี่นัทหันมามองนิดๆก่อนจะยกมือเกาท้ายทอยตัวและยิ้มบางๆ
 
“เอ่อ งั้นลีวายส์เดินตามพี่มานะ” ลีวายส์เดินตามหลังพี่นัทไปฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเข้าไปในร้านและเลือกขวดโหลแก้วที่ถูกใจกับกระดาษสีสวยๆ หลังจากนั้นพี่นัทก็เดินมาส่งลีวายส์ถึงแม้ลีวายส์จะบอกว่ากลับเองได้แต่พี่นัทก็ยืนยันว่าจะมาส่ง
 
“เฮ้ย!! ไอ้หน้าอ่อน....ไมไม่ไปโรงเรียนวะ”แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นระหว่างที่ลีวายส์กับพี่นัทกำลังเดินผ่านหน้าคอนโด ลีวายส์หันไปมองก็เห็น กลุ่มพวกนายแพ็คยืนอยู่สามคน แต่คนที่เรียกลีวายส์คือไอซ์เพื่อนร่วมห้อง
 
“อ้าวๆ น้องพูดดีๆก็ได้นี่นา” พี่นัทว่า นายแพ็คหันมามองสำรวจลีวายส์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันไปทางอื่น อะไรของหมอนี่ พวกมันยังอยู่ในชุดนักเรียนอยู่เลยอ่ะ
 
“โธ่พี่ เนี่ยเพื่อนกันใช่ป่ะน้องลี” ไอ้บ้าปอเพื่อนอีกคนว่า มันแทรกไหล่พี่นัทและเข้ามาแกล้งโอบไหล่ลีวายส์
 
“ปล่อยเรา เราไม่ได้เป็นอะไร” ลีวายส์บอกก่อนจะสะบัดไหล่ออกจากไอ้บ้าปอ “นี่พวกนายโดดเรียนหรอ” ลีวายส์ถาม ไอซ์กับปอยักไหล่กลับมาให้
 
“ไอ้เด็กพวกนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนบ้างหรือไง” พี่นัทเป็นคนพูดฮะ ทำเอาลีวายส์ขมวดคิ้วกับประโยคนั้น ทำไม่ต้องว่าแรงด้วยอ่ะ
 
“มันไม่แรงไปไหนหรอ!!!” นายแพ็คหันมาผลักอกพี่นัทจนเซไปสองก้าวก่อนที่เพื่อนอีกสองคนเข้ามันทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง ให้ตายเหอะ ลีวายส์ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วอ่ะ
 
“เกิดอะไรขึ้น!!!” แล้วเสียงหนึ่งดังขึ้นอีก ส่งผลให้ทุกคนหันไปมองเพราะเสียงดังคล้ายกับตะคอกใส่ จนทุกคนหยุดชะงัก “ทำอะไรกัน”
 
“พี่ธาร......” ลีวายส์หันไปมองหน้าพี่ธารที่ตอนนี้เหมือนกับโกรธเคืองอะไรบางอย่าง พี่ธารเดินมาหยุดอยู่ข้างๆลีวายส์
 
“หวัดคับ” ไอซ์กับปอยกมือไหว้พี่ธารเพราะเห็นพี่ธารตอนที่ลีวายส์มีเรื่องจะนายแพ็ค คงจะรู้ว่าพี่ธารเป็นผู้ปกครองลีวายส์ แต่นายแพ็คแค่มองนิ่งๆเท่านั้น เสียมารยาทที่สุด
 
“ก็ไอ้เด็กพวกนี้น่ะสิ เกเรสิ้นดี โรงเรียนก็ไม่ไปยังจะทำตัวเป็นอันธพาลอีก”พี่นัทว่า
 
“แล้วมันเรื่องอะไรของมึง” พี่ธารว่า เอ่อ มันก็จริงอ่ะนะ ถ้าพี่นัทไม่ไปว่าเค้าถึงพ่อถึงแม่ก่อนน่ะ “บางที่พี่สาวนายควรจะรู้เรื่องนี้” พี่ธารหันไปคุยกับนายแพ็ค นายนั่นมีสีหน้าอ่อนลงก่อนจะปรับมาเป็นนิ่งเรียบตามเดิมและเดินออกไปทันที
 
“อีโธ่ ไอ้เด็กพวกนี้ แม่ง  ไอ้พวก......” พี่นัทปิดปากเมื่อเจอกับสายตาคมๆของพี่ธารเข้าให้ “เอ่อพี่กลับก่อนนะลีวายส์ ผมกลับล่ะหวัดดีครั.......” พี่ธารดึงมือลีวายส์ให้เดินตามมาทั้งที่พี่นัทบอกล่ายังไม่ทันจบ
 
“พี่ธารจะบอกพี่สาวนายแพ็คจริงๆหรอฮะ ลีวายส์ว่าอย่าบอกเลย” ลีวายส์พูดกับพี่ธารระหว่างขึ้นมาบนห้อง
 
“บอกหรือเปล่าเมื่อกี้ว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า” พี่ธารถาม มันไม่เกี่ยวกับที่ลีวายส์กำลังคุยด้วยเลยอ่ะ แล้วใครคือคนแปลกหน้าล่ะ
 
“เพื่อนในห้องลีวายส์เองฮะ ลีวายส์คุยได้ ถึงแม้ว่าลีวายส์จะไม่ค่อยชอบพวกนั้น” ลีวายส์บอก พี่ธารเปิดประตูเข้ามาในห้อง
 
“ไม่ใช่!!! ไอ้นัทต่างหาก นั่นน่ะคนแปลกหน้าสำหรับกู” พี่ธารบอกจ้องมองลีวายส์ด้วยสายตาเขม็ง อ้าว คนแปลกหน้ายังไงอ่ะ
 
“แต่พี่ธารรู้จักนี่ฮะ”
 
“กูไม่รู้จัก  ไม่อยากรู้จัก  และมึงก็ไม่ต้องไปรู้จักมัน” อะไรของเค้านะ พี่นัทก็ดูเป็นคนดีออกนี่นา เฮ้อ แต่ลีวายส์เชื่อฟังพี่ธารก็แล้วกัน แปลกหน้าก็แปลกหน้า
 
“ก็ได้ฮะ.....นี่ฮะ ของฝาก คึคึ”
 
“ของฝากบ้าบออะไรไปแค่นั้น.....”พี่ธารนั่งลงบนโซฟา ส่วนลีวายส์นั่งฟื้น “แล้วในถุงนั่นอะไรกัน” พี่ธารถาม มองถุงแก้วที่มีขวดโหลอยู่ข้างใน
 
“ขวดโหลใส่รักฮะ” ลีวายส์บอกยิ้มๆ และเกะออกมาวางบนโต๊ะหน้าโซฟา
 
“อะไรวะ”
 
“ก็พี่ธารบอกเองว่าให้เอารักเก็บใส่ขวดโหลไว้บ้างอ่ะ” ลีวายส์เงยหน้ามองพี่ธารที่นั่งอยู่บนโซฟา
 
“มันใช่แบบนั้นที่ไหนกัน เฮ้อ! จุ๊บ!!” พี่ธารบอกก่อนจะโน้มหน้าลงมา จุ๊บปากลีวายส์เบาๆแล้วเอวหลังนอนราบไปกับโซฟา อ้าวก็พี่ธารบอกเองนี่ -*-
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>

*&^%$#&!@#$%^&*+!@#$%^&*()_  บ่นเป็นภาษาต่างดาว 5555

เสียดายล่ะสิที่ไม่มีเอ็นชี คึคึ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 03-06-2014 21:12:51
ลีวายน่ารัก น่าฟัด จริงๆ  :กอด1:
พี่นัดน่าตบเกรียนมาก เป็นเด้กเป็นเล็กหัดดูถูกคนอื่น แอบสงสารแพ็ค หนูกระทืบไดู้กไม่ผิดนะจ๊ะ

นักเขียนสู้ๆนะ เรารอทุกวันเบยยยย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: PEUNGhoney ที่ 03-06-2014 22:44:40
พี่โอ๊ตมีมุมน่ารักๆด้วยนะเนี้ยยยยยย
ส่วนลีวายส์น่ารักตลอดเวลา 555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-06-2014 09:11:50
เด็กน้อยผู้ปกครองดุมากและขี้หึงสุดๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 04-06-2014 12:19:17
เหมือนลีวายมีคุณแม่สองคนเลย
ทั้งกาย ทั้งโอ๊ต อิอิ
กว่าธารจะได้กินลีวายคงอีกนาน

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: moohamja ที่ 04-06-2014 12:39:31
คุก คุก คุก 55555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 04-06-2014 19:07:49
เมื่อไหร่พี่ธารจะกดสักที555555555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 08-06-2014 19:40:56
เอ๊ะอะก็จุ๊บ ก็หอมนะพี่ธาร ปากน้อง แก้มน้องช้ำหมดละ 555 โกรธพี่ธารตอนที่แล้วไปจิ๊จ๊ะกะสาวอื่น
ตอนนี้มีน้องนัทมาเป็นคู่แข่ง อิอิ พี่ธารเลยยิ่งโมโหง่าย อารมณ์ขึ้นลงอย่างกะวัยทองแน่ะ
ไม่รู้พี่ธารจะทนได้อีกนานเท่าไหร่ ลีวายส์ก็น่ารักขึ้นทุกวันด้วยสิ
แต่ดีแล้วล่ะชอบเวลาพี่ธารหึง ดูหวงลีวายส์นอกหน้าดีไม่มีเกรงใจใครด้วย  อิอิ
น้องเซฟก็หายไปเลยไม่รู้มีปัญหาอะไรกะน้องกายรึเปล่า หรือว่าน้องกายจะรู้แล้วว่าน้องเซฟคิดยังไง
แล้วย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้คงได้เจอคู่รักนองเลือดบ่อย ๆ พี่โอ๊ตก็ดูใจดีนะแต่สงสัยจะเฉพาะกะลีวายส์
ส่วนพี่แมนก็คงเป็นแฟนและรักกันมั้งเงียบ ๆ ต่อไปอะเนอะ
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4:  :กอด1:

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 24(03/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 08-06-2014 20:02:32
สนับสนุนให้ลีวายส์รุก....
 :a5:  :a5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 25(15/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 15-06-2014 11:43:12
Older Brother.....25
 
[เซฟ:Part]
 
 
“เฮ้อ! ไง เจ้าลูกชายตัวดี บ้านช่องมี ไม่ยอมกลับ” นี่คือเสียงของผู้หญิงที่เป็นผู้ให้กำเนิดผมมาครับ เพียงก้าวเท้าเข้ามาก็เจอเข้าดอกใหญ่
 
“โธ่! คุณผู้หญิงครับ กระผมมีการมีงานต้องทำนะครับ เดี๋ยวไม่มีเงินเที่ยวแย่เลย” ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ท่านก่อนจะใช้สองแขนโอบเอวและกดจมูกลงกับแก้มที่ยังคงกลิ่นหอมดอกไม้เฉพาะตัวไม่เคยเปลี่ยน
 
“จร้าๆ ได้ข่าวว่าเป็นทนายแต่ทำงานผับนี่มันเข้ากันจริงๆ แม่ล่ะภูมิใจมากค่ะ” สาบานว่าผมคงไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวังใช่มั้ยครับ
 
“อ่า.....คุณผู้หญิงครับ ผมยังหนุ่มอยู่เลยเนี่ย รีบทำงานไปไหนล่ะ ยังเที่ยวไม่เบื่อเลยนะครับ” ผมบอกอีก ท่านเลยค้อนผมใหญ่ แม่ผมน่ะ ค่อนข้างตามใจลูกเพราะถือคติที่ว่าเลี้ยงลูกได้แต่ตัวหัวใจกับความคิดไม่เกี่ยวกับพ่อแม่
 
“เอาล่ะ ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนไป เดี๋ยวแม่จะไปรับพ่อที่บริษัทไม่รู้ว่าจะค้างที่โน้นเลยหรือเปล่า” แม่บอก ท่านหอมแก้มผมก่อนจะลุกขึ้น
 
ผมมีน้องสาวกับน้องชายด้วยนะ แต่ตอนนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศกันหมด ที่บ้านก็มีแต่พ่อกับแม่ พ่อผมมีบริษัทเกี่ยวกับโรงไม้เป็นของตัวเองแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายแค่ดูแลครอบครัวให้สุขสบายและมีเงินเหลือให้ผมผลาญ
 
แต่ว่าผมก็ไม่เคยใช่เงินนั่นนอกเหนือจากการเรียน มีส่งให้น้องบ้างถ้ามันขอมาน่ะนะ ส่วนใหญ่จะกินจะเที่ยวก็ใช่เงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง ก็ส่วนแบ่งจากร้านที่ทำร่วมกับเพื่อนๆนั่นแหละ
 
ผมเดินขึ้นห้องตัวเองที่อาทิตย์หรือสองอาทิตย์กว่าจะนึกกลับมาบ้าง ส่วนมากจะนอนห้องพักที่ผับมากกว่าไม่นอนคนเดียวก็นอนกับเอ่อ...ผู้หญิง อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมถือว่าไม่แต่งงานหรือเจอคนที่ใช่ผมก็จะไม่หยุดหรอกนะ ฮ่าๆๆๆ งี่เง่าชะมัด
 
“เฮ้อ!!” ผมล้มตัวลงนอนหงายบนเตียงกว้างในห้องนอนของตัวเอง มองเพดานห้องสีขาวและค่อยๆหลับตาลงช้าๆๆ
 
ติ๊ด! มีไลน์ส่งมา ผมล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
 
‘มาร้านป่ะ มารับด้วย’ ผมจ้องมองข้อความที่ส่งมาจากใครบางคนก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัว ยกแขนสอดไว้ใต้ศีรษะและนอนตะแคงข้าง
 
กำลังค้นหาความรู้สึกของตัวเองว่า การที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้กับใครคนนั้น ผมอยากทำมันเองหรือเป็นความเคยชินที่เกินขึ้นมานานแล้วกันแน่
 
“กาย......งี่เง่าชะมัด” ผมเอ่ยชื่อของมันออกมาเสียงแผ่ว ก่อนจะด่าว่าตัวเอง ซึ่งคำว่างี่เง่า ผมมักจะใช้กับตัวเองเป็นประจำจนกลายเป็นคำติดปาก ผมหลับตาลงช้าๆเพราะรู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่คิดและหลับลงในที่สุด
 
Tru............
 
“อืม.......” ผมครางรับสายโทรศัพท์หลังจากที่ควานหามันเมื่อเสียงมันดังขึ้นรบกวนการนอนของผม
 
‘อยู่ไหนวะ แม่งไม่มารับกู....ไม่มาร้านหรอ’ เพื่อนสนิทที่ไม่อยากสนิทโทรมาครับ ผมปรือตาขึ้นเล็กน้อยและยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก่อนจะว่างทาบหูกลับลงมา
 
“กินเด็กอยู่” ผมตอบ เป็นคำตอบประจำตัวผมล่ะ ถ้าหากว่าเพื่อนสนิทโทรมาก็จะตอบกวนๆแบบนี้ประจำแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำอย่างที่ว่าอยู่ก็ตาม
 
‘เหี้ย!!! เออๆ แค่โทรมาถามน่ะ ไม่สบายหรือเปล่าวะ เสียงไม่ค่อยดี’ ไม่ชอบเลย ผมไม่ชอบให้ใครๆค่อยมาเป็นห่วงผมแบบนี้ยิ่งมันด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบใหญ่
 
“เป็นห่วงกูว่างั้น.................ก็กินเด็กอยู่ไง เสียงเลยเปลี่ยน หึ!”
 
‘ไอ้เหี้ย มึงอย่ามา.... แค่นี้นะ ไม่สบายกินยาด้วยเว้ย’ มันพูดจบก็ตัดสายไป มันรู้ครับว่าผมพูดเล่นเรื่องกินเด็ก
 
ผมยิ้มให้โทรศัพท์ก่อนจะหุบลงเมื่อนึกถึงเพื่อนอีกคน ที่คอยเตือนเรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างผมกับไอ้กายเพื่อไม่ให้ผมเลือกทำในที่สิ่งที่ผิด
 
“งี่เง่าจริง แม่ง!!!!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง ตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้วครับ ผมหลับทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำผมคิดว่าน่าจะอาบจะหน่อยเพราะเริ่มเหนียวตัวและตอนก็รู้สึกหิวด้วย
 
หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยผมก็พาตัวเองลงมาด้านล่างตรงเข้าห้องครัว หาอะไรทำกินนิดหน่อย มีกุ้งหมูผักและข้าวสวยที่แม่น่าจะหุงไว้ตอนค่ำ ผมก็เลยรวมๆมันใส่ลงกระทะผัดๆไม่เกินห้านาที ตักใส่จากช้อนใส่ปากสุดท้ายก็กลืนลงท้อง เป็นอันว่าใช้ได้
 
กริ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 
ผมเปิดทีวีทานข้าวและนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพร้อมๆกันในระหว่างนั้นเองเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นและเสียงมันลากยาวจนผมแปลกใจ ใครจะมาป่านนี้ว่ะ เพราะผมเห็นไลน์ที่แม่ส่งมาว่าจะนอนพักที่บริษัทก็ยิ่งแปลกใจว่าท่านจะกลับมาป่านนี้ทำไม แล้วถ้ากลับมาท่านก็มีกุญแจนี่หว่า
 
ผมจึงลุกขึ้นไปเลื่อนประตูบ้านเปิดออกก่อนจะชะเง้อมอง มีรถ โตโยต้า วีออส สีขาวจอดอยู่หน้าบ้าน แสดงว่ามีคนมาจริงๆ เพราะประตูรั่วกับตัวบ้านไกลพอสมควรผมจึงต้องเปิดไฟจากโทรศัพท์ส่องเพื่อจะเดินไปเปิดประตูรั่ว
 
“เฮ๊ะ!!!” ผมยืนกระพริบตาถี่ๆเมื่อเปิดออกไปกลับไม่เห็นใคร จึงเดินเข้าไปข้างๆรถและส่องไฟดูข้างในว่ามีใครอยู่ในนั่นหรือเปล่า แต่ว่า.......ไม่มีว่ะ แม่ง ใครเล่นแบบนี้วะ
 
“อึก.....เอิ๊ก.....อึก.....”แล้วจู่ๆเสียงแปลกๆก็ดังขึ้นใกล้ๆ ผมส่องไฟตามเสียงนั่นไปทันที “มะ.....มึง....ขะ....จะ.....จะขโมย.....รถกูหรอ” แล้วตัวอะไรบางอย่างก็เดินโซซัดโซเซเข้ามาหาผมก่อนจะ ยกกำหมัดขึ้นและ........ตะ.....ตุ๊บ!!!! แบ่ว!
 
 
“....................” ผมก้มลงมาร่างของใครบางคนที่ผมคิดว่า น่าจะไม่รู้จักกำลังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน เหี้ย! ผมส่องไฟดูหน้ามันชัดๆและยืนกอดอกมอง ก็แค่เด็กที่ไหนไม่รู้ดูเหมือนจะเมามากถึงมากที่สุดก็ว่าได้ หน้าตาดีแต่แม่งแบบนี้ไม่ไหวว่ะ
 
“ถะ....ถึงบ้าน.......แล้วหรอวะ......” มันพูดออกมาไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ จากนั้น เด็กเหี้ยนี่ก็คลานเข้าไปข้างใน
 
“เฮ้ยๆ อะไรวะ ผิดแล้วเว้ย นี่บ้านกูครับน้อง ผิดหลังแล้ว” ผมบอก ดึงแขนมันให้ลุกขึ้นยืนดีๆ แต่ด้วยความที่มันเมามากเลยเซเข้าหาผมจนผมต้องยกมือขึ้นจับเอวมันไว้  เด็กผู้ชายไรวะตัวก็สูงอกก็กว้าง(แต่เล็กกว่าผมเยอะ)แต่เอวบางสิ้นดี
 
“ปล่อย!!!....กูจะ.....เข้า........บ้านกู!!!!” เอ้า!! เอากับมันสิ มันออกแรงผลักผมก่อนจะเดินเซไปเซมาเข้าไปด้านใน เลื่อนประตูบ้านเปิดออกและเข้าไปในบ้านเสร็จสรรพ คือแบบ.....
มันเป็นใคร......กูก็ไม่รู้
มาทำไม.........คงเมากลับบ้านไปถูก
ทำไมต้องมาบ้านกูด้วย เหี้ย!!!!!! ไอ้เด็กเวร
 
ยัง! ยังไม่พอเดินขึ้นด้านบนเฉย ผมเองก็ปล่อยให้มันขึ้นไปแบบงงๆอ่ะนะ เฮ้ย!!! ห้องกู!
 
“เฮ้ย! ไอ้หนู(?) นี่บ้านกูเว้ย บ้านกู ตั้งสติหน่อยเข้าบ้านผิดแล้ว” ผมดึงแขนมันให้หันหน้ามาก่อนจะจับสองแขนเขย่าแรงๆหวังจะให้มันสร่างเมาแต่ว่า.......
 
“อะ....อ้วกก!!!......อ้วก!!!” เหี้ย เหี้ยตัวโตๆ ผมคงเขย่าแรงไป คิดภาพโค้กพุ่งออกจากขวดนะ แต่นี่พุ่งออกมาทั้งเนื้อทั้งน้ำเลยครับ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก ไอ้เด็กเหี้ยอ้วกใส่กู!!! กูโกรธแล้วนะ อ้วก! อยากอ้วกด้วยอ่ะ
 
“มึง!!! ออกไป!!! ออกไปจากบ้านกู!!!” ผมจับมันและออกแรงเหวี่ยงแขนสุดแรงจนร่างบางลอยไปปะทะกับราวบันไดก่อนจะฟุ่บลงกับพื้น จากนั้นมันก็......แน่นิ่ง  เอิ่ป! ผมเหวี่ยงไม่แรงหรอกมั้ง ผมเดินเข้าไปใกล้มันอีกครั้งก่อนจะ ใช้เท้าเขี่ยๆมันเบาๆ ฉิบหาย สลบไปแล้วว่ะ!
 
สุดท้ายมันก็ช่วยไม่ได้ผมต้องแบกมันเข้ามาในห้องเพราะเช็คแล้วห้องว่างล็อกหมดทั้งห้องน้องๆและห้องระแขก จะให้มันนอนห้องพ่อกับแม่ก็ใช่เรื่องจะให้นอนโซฟาข้างล่าง ถ้าพ่อกับแม่กลับมาได้หัวใจวายเปล่าๆ ก็มีแต่ห้องของตัวเองเนี่ยแหละ งี่เง่าจริงๆ
 
ผมถอดเสื้อตัวเองที่เปื้อนอ้วกออกก่อนจะหันมาจ้องมองหน้าตาของร่างบางบนที่นอนให้ชัดๆ ไอ้เด็กนี่สูงราวๆเกือบร้อยแปดสิบได้มั้งหรืออาจจะไม่ถึงดูผิวเผินแล้วจะตัวเท่าๆไอ้กายได้แต่ร่างมันบางอย่างที่บอกนั่นแหละ เรียวหน้าใส จมูกโด่ง ปากบาง มีแพขนตายาวนิดๆ โดยรวมถือว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่ง แต่แม่ง ดูจากหน้าตาแบบนี้แล้วหัวแข็งใช่ย่อย
 
“เฮ้อ! ยี้ สกปรกชะมัด” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ผมคงไม่คิดจะให้มันนอนในห้องทั้งที่มีกลิ่นอ้วกติดตัว จนผมนอนไม่หลับจนถึงเช้าหรอก ใครจะทนได้
 
ผมถอดเสื้อนอกมันออกตามด้วยเสื้อยืดตัวบางของมัน เห็นแล้วก็ตกใจเล็กน้อยเพราะบนซุกคอขาวๆ มีรอยดูดเม้มเต็มไปหมด แม่ง ให้กูทายนะไอ้เด็กนี่ยังไม่สิบแปดแน่ๆแต่ว่า.....
 
ชิท์!!! ผมโยนผ้าชุบน้ำใส่หน้ามันก่อนจะเอาเสื้อผ้าลงไปใส่เครื่องซักด้านล่างและกลับขึ้นมาเช็ดตัวให้อีกรอบ จากนั้นก็ลากผ้าห่มมาห่มให้ เด็กเหี้ยอะไร เมาจนเข้าบ้านคนอื่นแถมยังอ้วกใส่กันอีก มันน่าจับล่อซะให้เข็ด แต่โชคดีที่ผมไม่มีรสนิยมกินเด็กเหมือนไอ้แมน ไม่งั้นมึงพรุนแน่ๆ งี่เง่าจริงๆ
 
เช้า.........................
 
“อืม.......อ่ะ!!!” ผมบิดกายเมื่อรู้สึกตัว ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆและต้องผงะกับใบหน้าใสที่อยู่ใกล้จนจมูกเกือบชนกัน ผมลุกขึ้นนั่งทึ่มหัวตัวเองก่อนจะหันมองหน้าคนแปลกหน้าที่ผมจำได้ว่าเมื่อคืนมันเมาจนเดินเข้าบ้านผิด
 
ผมลุกจากเตียงกว้างไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินลงมาเอาเสื้อผ้าของไอ้เด็กนั่นข้างล่างและกลับขึ้นไปบนห้อง ผมนั่งลงใกล้ๆร่างบางก่อนจะมองหน้ามันให้ชัดๆอีกครั้ง เหอะ!!!  ผมยกมือขึ้นทำท่าตบหัวมันพอดีกับที่ร่างบางลืมตาขึ้นมอง
 
“เฮ้ย!!!” มันเด้งตัวลุกขึ้นและผลักผมกลิ้งตกลงพื้น “มึง.....เข้ามาในห้องกูได้ไง มึงเป็นใคร” เหี้ย! นี่กูทำคุณบูชาโทษหรอวะ
 
“ใช่! มึงเข้ามาห้องกูได้ไง” ผมถามกลับหลังจากยันตัวลุกขึ้นจากพื้นห้อง “ช่วยมองไปรอบห้องชัดๆ ว่าใช่ห้องตัวเองหรือเปล่า” ผมบอก ไอ้เด็กตรงหน้ามันมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะเบิกตากว้างตกใจ มันยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
 
“กูมาอยู่นี่ได้ไงวะ” มันคงพูดกับตัวเองนั่นแหละ แต่ผมจะตอบให้
 
“มึงเมาเหมือนหมาแล้วก็คลานเข้ามาในบ้านกูเดินขึ้นห้องกูเฉยเลยแถมยังอ้วกใส่กูด้วย เป็นไงพอจำมั้ย” ผมโยนเสื้อยืดกับเสื้อนอกที่ผมเอาไปซักเมื่อคืนใส่หน้ามัน
 
“นี่.....มึงถอดเสื้อกู ไอ้เหี้ย! มึงทำไรกู” เอ้า! หน้าตากูส่อว่าเป็นพวกหื่นกามหรือไงวะ
 
“เน้ๆ พูดดีๆหน่อยน้อง กูเนี่ยนะ กูเนี่ย เชื่อเหอะ กูไม่ได้จับต้องมึงเลยสักนิด” ผมบอก มันเดินไปส่องกระจกตรงตู้เสื้อผ้าผม
 
“รอยนี่มาได้ไง ถ้าไม่ใช่มึง!!! ไอ้สัด” ผลั่ก!!! แล้วหมัดหนักๆก็ลอยมาปะทะกับหน้าผมทันทีจนผมหน้าหันไปตามแรง ผมแลบลิ้นออกมาเลียเลือดตรงมุมปาก สลัด งี่เง่าชะมัด
 
“กู ไม่ ได้ ทำ!!! แล้วกูก็ไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวมึงด้วย!!! ไอ้เด็กเวร ออกไปจากบ้านกู!!!” ผมบอกอย่างโกรธเคือง รู้งี้กูปล่อยแม่งให้นอนข้างถนนยังดีซะกว่า
 
“กูไม่เชื่อ!!!”
 
“ไม่เชื่อใช่มั้ย ได้เดี๋ยวกูจะพิสูจน์ให้ดู ว่ากูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงจนถึงขั้นจับมึงล่อ!!!” ผมพูดจบ รีบดันตัวมันจนแผนหลังติดตู้เสื้อผ้าก่อนจะทาบริมฝีปากลงกับเรียวปากบางเพื่อแสดงให้มันรู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันจริงๆ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
 
ทันทีที่ริมฝีปากเราประกบกัน มันทำให้ใจผมวูบลงก่อนจะเต้นถี่แปลกๆ ร่างบางเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ผมทำ ผมอยากละปากออกแต่มันทำไมได้ แถมยังขยับบดจูบและพยายามจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปค้นหาอะไรบางอย่างภายในอีกด้วย นี่กูเป็นอะไรวะ!!!!
 
“ไอ้เหี้ย!!!” ผลั่ก!!! แล้วผมก็โดนมันผลักออกตามมาด้วยหมัดหนักๆอีกทีจากนั้นมันก็วิ่งออกจากห้องแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูออกไปเจอคนยืนอยู่หน้าประตู
 
“โอ๊ะ!!!” แม่ยืนยกมือทาบอกอยู่ด้านหน้าทำท่าเหมือนจะช็อค ส่วนไอ้เด็กนั่นมันรีบก้มหน้าก่อนจะเลี่ยงเดินออกไปจากห้อง
 
“เอ่อคือผม.........” แม่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่ได้ใส่เสื้อและท่านคนคิดไปไกลแน่ๆ “โธ่แม่อย่ามองผมแบบนั้นสิ มันไม่ใช่แบบที่แม่คิดหรอก”
 
“นี่แก......เหอะ! ฉันจะบ้าตาย พอๆ ฉันจะพักผ่อนล่ะ” ท่านปิดประตูห้องให้ผม เพราะแม่ผมแค่ตกใจเท่านั้น ท่านไม่ใช่คนคิดมากอะไรถึงได้ไม่ซักผมมากมาย
 
งี่เง่าจริงๆ ผมส่องกระจกมองมุมปากที่มีเลือดไหล่ออกมาเล็กน้อย ยกนิ้วขึ้นเตะเบาๆ ไอ้เด็กบ้านั่นมันเป็นใครกันนะ แต่ไอ้สัมผัสจากริมฝีปากเมื่อครู่นั่นมัน...... หึ! ผมยิ้มมุมปากหลังจากคิดเรื่องบ้าๆที่เพิ่งจะผ่านไป แม่ง ซวยจริงๆ
 
 
“ไงมึง........” ไอ้กายถาม หลังจากที่ผมเดินเข้ามาในบ้านของมัน ผมกะว่าจะมารับมันไปเดินห้างซะหน่อย รู้สึกเบื่อๆ
 
“ไม่ไงอ่ะ หิวข้าวว่ะ ไปหาไรกินกันนะ” ผมบอกไอ้กายพยักหน้ารับ ก่อนจะขมวดคิ้วและเดินเข้ามาใกล้ๆผม อะไรของมัน
 
“ปากไปโดนอะไรมาวะ” มันก้มลงมาเตะนิ้วลงบนมุมปากผม ผมไม่ชอบให้มันห่วงผมแบบนี้เลย ผมจับมือมันออกและมองสบตาคนตรงหน้า
 
“อย่าห่วงกูนา ไม่มีอะไรหรอก มีเรื่องกับเด็กนิดหน่อยน่ะ”
 
“ชิท์ เออๆ กูรู้ว่ามึงกิ๊กเยอะ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนผ้าก่อน รอแป๊บ” มันบอกก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไป ผมกับไอ้กายเราสนิทกันตั้งแต่ก่อนเรียนมหาลัยซะอีก สนิทกันซะจนคนรอบข้างมักจะคิดว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เพราะเราต่างคนต่างไปแคร์ใครก็เลยไม่สนใจอะไรมากมาย
 
จนกระทั้งความรู้สึกของผมมันเริ่มเปลี่ยนไปผมจึงเลือกที่จะบอกมันตอนเริ่มขึ้นปีสอง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมหวังไว้ กายไม่ได้คิดอะไรกับผม ทั้งที่ไอ้ธารเตือนแล้วแท้ๆแต่ผมไม่ฟัง
 
เราเลยมองหน้ากันไม่ติดพักหนึ่ง จนเกินเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไอ้กายแอบไปแข่งรถและเกิดรถคว่ำตอนนั่นทั้งผมไอ้ธารและไอ้แมนเกือบเป็นบ้ากันหมดแต่ยังดีที่ผ่านมาได้และไอ้กายก็ปลอดภัย
 
ไอ้ธารกับไอ้แมนเลยช่วยกันพูดให้ผมกับไอ้กายกลับมาสนิทกันอีกครั้งแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกของผมที่มีกับมันก็ยังไม่เคยจางหายไป ผมก็เลยเที่ยวเล่นกับคนโน้นทีคนนี้ทีไปวันๆ
 
“เสร็จแล้ว...ป่ะ” เราออกจากบ้านโดยมอไซค์ บิ๊กไบค์ สีเพลิงของผม พอดีผมไม่ชอบขับรถยนต์มันรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ถึงจะมีก็ไม่เอาออกมาใช้นอกจากจำเป็นจริงๆ
 
“เกาะแน่นๆนะน้องนะ คริคริ” ไอ้กายทุบหลังผมทีหนึ่งก่อนจะกอดเอวผมไว้แน่นจากนั้นผมก็สตาร์ทรถและขับออกมา
 
“คนเยอะว่ะ กินไรดีวะ” ไอ้กายถามเมื่อเราเดินขึ้นมาชั้นสองของห้างซึ่งมีร้านอาหารมากมายให้เลือก ผมมากับมันเนี่ยแต่ล่ะครั้งเข้าร้านไม่ซ้ำกันหรอ
 
“อะไรก็ได้” ผมบอก ไอ้กายหันมาทำปากยื่นใส่อย่างหน้าหมั่นไส้ก่อนจะชะเง้ยมองไปมา “หาอะไรวะ” ผมถาม
 
“ก็หาร้านอะไรก็ได้ของมึงไง” ผมดีดหน้าผากมันทีหนึ่งค่ากวนตีนก่อนจะดึงมือมันเข้ามาในซิสเลอร์ เพราะเห็นว่าคนไม่เยอะเท่าไหร่
 
“กินไร เดี๋ยวกูไปตักมาให้” ผมบอกเมื่อได้โต๊ะนั่งเรียบร้อยแล้ว
 
“เอาอะไรก็ได้” หึ! เฮ้อ! ผมล่ะเหนื่อยใจกับการประชดของมัน ผมดีดหน้าผากมันอีกทีก่อนจะเดินไปตักสลัดและอาหารที่ผมอยากกินรวมทั้งของไอ้กายด้วย
 
“เออนี่เซฟ คือ ช่วงนี่มึงว่างๆใช่ป่ะ” มันถามระหว่างที่เรานั่งกินกัน ผมพยักหน้าตอบก่อนจะจิ้มสเต็กในจานมันมากกิน
 
“ทำไมวะ” ผมถาม ก็ช่วงนี้ผมว่างจริงมีงานก็แต่ที่ร้านเท่านั้น
 
“คือ.....พ่อกูน่ะอยากให้กูไปสอนที่โรงเรียนว่ะ” มันบอกหน้าเครียดแต่ว่าผมกลับหัวเราะออกมา
 
“ฮ่าๆ มึงเนี่ยนะ มึงจะไปตบเด็กหรือไง คึคึ กูว่านะ...ก๊ากๆๆๆ”
 
“กูรู้ไง กูถึงได้ปฏิเสธไปอ่ะ” มันบอก ผมยังหัวเราะไม่หยุด คิดดูให้ไอ้กายไปสอนเด็ก แม่ง โรงเรียนพ่อมันเจ๊งกันพอดี
 
“แล้วไง......นี่อย่าบอกนะ......”
 
“เออ ก็มึงว่างอ่ะมึงไปแทนกูทีสิ นะๆ เซฟนะ ช่วยกูนะ กูไม่อยากให้พ่อว่าอ่ะ” ไอ้กายมันอ้อนเก่งครับแต่ว่า จะให้ผมไปสอนเด็กนี่มันไม่โอสำหรับผมแน่นอนเลย
 
“กายกูช่วยมึงได้ทุกเรื่องนะ แต่ว่า.....เรื่องนี้มัน......”
 
“เฮ้อ! กูว่าแล้ว.....ใครมันจะอยากทำล่ะ ขนาดกูยังไม่อยากเลย ไม่เป็นไรก็ได้ถ้ามึงไม่ช่วยแค่โดนว่าอ่ะ” นั่นไง ผมรู้สึกผิดเลยเนี่ย มันตีหน้าเศร้าจนผมใจวูบอ่ะ
 
“กาย......กู.......ขอโทษว่ะ ไม่ไหวอ่ะ” มันว่างซ่อมในมือก่อนจะนั่งคอตก เอาแล้วไง ผมแพ้หน้าเศร้าของมันนะรู้ป่ะ “เออๆ ไว้กูคิดอีกทีล่ะกัน
 
“จริงนะ!!! แต่ว่า......มึงคงไม่โอเคอยู่ดีอ่ะ จิ๊! เฮ้อ!”
 
“กายทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่ล่ะ” ในขณะนั้นเอง มีใครคนหนึ่งเดินมาหยุดข้างโต๊ะของเราก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้าผม
 
“นาย....มาทำอะไรอ่ะ” ไอ้กายถามพี่หมอ พี่แกมองผมนิดๆก่อนจะหันกลับไปสนใจคนถาม
 
“คุณตอบก่อนสิ” คนๆนี้อาจเป็นเจ้าของหัวใจของไอ้กายมัน เพราะรู้สึกได้ว่าระหว่างพี่หมอกับไอ้กายเค้าอยู่ในสถานะไหน และมีความสัมพันธ์กันยังไง
 
“ก็....ไม่ได้เปิดเสียงไว้อ่ะ แล้วนายมาทำไมล่ะ” ไอ้กายตอบ ตอนนี้ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
 
“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะ....ไอ้กายมึงกลับกับพี่หมอล่ะกัน กูลืมไปว่านัดนานาไว้ตอนบ่ายโมงน่ะ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น
 
“อ้าว ไหนงั้นวะ.....มึงทิ้งกูเลยหรอ”
 
“ป่าว แค่ฝากน่ะ ฝากด้วยนะครับพี่หมอ” ผมยักไหล่ให้ไอ้กายก่อนจะพูดบอกกับพี่หมอจากนั้นก็เดินออกมาเลย จริงๆผมเองก็สนิทกับพี่หมอในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่มากเท่าไอ้ธาร
 
บางทีที่ไอ้ธารคอยเตือนผมมันก็ถูก ผมไม่ควรเผลอใจไปกับไอ้กาย ผมไม่ควรเข้าไปกั้นกลางระหว่างมันกับพี่หมอเพราะดูแล้วมันเองก็มีใจให้พี่หมอเช่นกัน
 
Tru..............
 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่ผมกำลังจะก้าวขึ้นรถพอดี ผมล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน เป็นไอ้กายนั่นเองที่โทรมา
 
“ว่าไง”
 
“คือที่คุยกันอ่ะ มึงตกลงใช่มั้ยวะ”
 
“อืม..”
 
“จริงนะ รักมึงว่ะ จุ๊บๆ กลับบ้านดีๆนะ” ชิท์!!! ผมยิ้มและส่ายหน้าให้กับโทรศัพท์ในมือ และก็ต้องหุบยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ผมเผลอตอบมันไปเมื่อครูคืออะไร
 
“เหี้ย!!!” โธ่ ไอ้กายเล่นกูล่ะมึง ผมไม่น่าเผลอตอบตกลงมันเลย ผมจะไปเป็นครูสอนเด็กเนี่ยนะ งี่เง่าชะมัด!!!!
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>

อันนี้เริ่มๆเรื่องเซฟไว้ก่อนจร้า ..... ให้ทายว่าใครคู่เซฟ 5555

ขอโทดที่มาช้านะค่ะ เพิ่งว่างหลังจากเรียนและรับน้องที่มหาลัยมาค่ะ

จะพยายามลงบ่อยๆๆตามที่เวลาจะอำนวยนะค่ะ รักคนอ่านทุกคน :mew1:  :mew1:  :mew1:

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 25(15/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mamie ที่ 15-06-2014 14:52:28
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกก
รอลุ้นเซฟกินเด็ก คริคริ

คนเขียนสู้ๆนะคะ รออ่านอยู่ ห้ามหายไปนานๆนะ ใจจะขาด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 25(15/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: jbook ที่ 15-06-2014 18:26:31
 :-[ น่ารักมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 15-06-2014 19:21:54
เอ๊ ใครคู่น้องเซฟกันน๊า 5555  จะใช่เด็กที่ชอบหาเรื่องน้องลีวายส์ และห่วงพี่สาวรึเปล่าเอ่ย (ถ้าไม่ใช่นี่หน้าแตกเลยนะเนี่ย)
และแล้วก็หลวมตัวตอบรับน้องกายจนได้นะน้องเซฟ อย่างงี้เค้าเรียกพรหมลิขิตบันดาลชักพา... 
จากความประทับใจ? ที่ได้เจอกันครั้งแรก สงสัยจะมีคู่รักนองเลือดเพิ่มอีกคู่ล่ะมั้ง อิอิ
รอติดตาม และ บวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re:(โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 25(15/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-06-2014 19:46:29
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 26(16/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 16-06-2014 21:24:35
Older Brother.....26
 
“ตั้งใจเรียน ห้ามสร้างปัญหา ไม่งั้นโดนหนักกว่าคราวที่แล้วแน่” ลีวายส์หันไปมองหน้าคนข้างๆ ที่พูดกับลีวายส์ด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ก่อนจะย่นจมูกใส่  ทำให้พี่ธารหันขวับมามอง
 
“ฮะๆ.....ลีวายส์ตั้งใจเรียนอยู่แล้วนา แล้วก็จะไม่สร้างปัญหาด้วย รับรอง! พี่ธารตั้งใจทำงานนะฮะ ห้ามเหล่สาวด้วย คิคิ จุ๊บ!!! บาย”
 
ลีวายส์จุ๊บแก้มพี่ธารก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ วันนี้ไม่สายเพราะลีวายส์ตั้งนาฬิกาปลุก พี่ธารเลื่อนกระจกรถลงมาชี้หน้าคาดโทษลีวายส์ แล้วก็บ่นอุบอิบจากนั้นก็ขับรถออกไป
 
ลีวายส์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าประตูหน้าโรงเรียนและตรงขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อวานลีวายส์ไม่ได้มาเรียนก็เลยจะรีบไปตามการบ้านจากเพื่อนในห้องซะหน่อยฮะ หวังว่าจะไม่เยอะนะ
 
“อ้าวลีวายส์ เมื่อวานโดนพ่อดุหรอ ถึงไม่ได้มาเรียนน่ะ” เรเนสถาม เมื่อเห็นลีวายส์เดินเข้าห้อง
 
ลีวายส์นั่งลงบนโต๊ะตัวเดิมที่เป็นเหตุให้ทะเลาะกับนายแพ็คนั่นแหละ ลีวายส์ไม่กลัวนายแพ็คหรอก ถ้าจะหาเรื่องลีวายส์อีก ลีวายส์ก็จะขู่มัน คึคึ ลีวายส์แอบเอาเบอร์โทรศัพท์พี่สาวมันมาจากโทรศัพท์พี่ด้วยแหละ หึๆๆๆ
 
“เปล่าหรอก เราย้ายบ้านน่ะก็เลยไม่ได้มา แล้วก็เราอยู่กับพี่ชายน่ะ ไม่ได้อยู่กับพ่อ แล้วบุ๊คล่ะ ยังไม่มาหรอ” ลีวายส์บอกก่อนจะถามหาเพื่อนอีกคน เพราะเห็นว่าอีกยี่สิบนาทีก็จะเข้าเรียนคาบเช้าแล้ว
 
“ยังไม่มาเลย ตัดผมแล้วหรอคิคิ” เรเนสพูดพร้อมกับยิ้มขำๆ
 
“โดนบังคับอ่ะ สั้นเลย” ลีวายส์บอก จับผมตัวเองไปด้วย นึกเสียดายขึ้นมาอีก
 
“อ่อ จริงสิ เมื่อวานทีเชอร์แจกชีทด้วยนะ เราเก็บไว้ให้ อ่ะนี่” เรเนสบอกก่อนจะยื่นชีทมาให้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฟิสิกส์คำนวณ เห็นแล้วก็เริ่มปวดหัว
 
“แล้วการบ้านล่ะมีป่ะ” ลีวายส์ถาม บุ๊คเดินเข้ามาในห้องพอดี
 
“ไม่มีอ่ะ บุ๊ค ไมมาช้าจัง” เรเนสถามเพื่อนตัวเอง บุ๊คหันมายิ้มทักลีวายส์ก่อนจะนั่งลงกับโต๊ะด้านหน้าถัดไปตัวหนึ่งซึ่งจะนั่งคู่กับเรเนส
 
“วันนี้ที่บ้านยุ่งนิดหน่อยเลยช้า ลีวายส์มานานยัง” บุ๊คตอบเรเนส ก่อนจะกลับหลังหันมาถามลีวายส์ที่กำลังนั่งอ่านชีทไปพลางๆ เผื่อจะตามเพื่อนๆได้ทันตอนถึงคาบเรียน
 
“ก็ไม่นานหรอก เอ่อนี่ เมื่อวานน่ะ นายแพ็คมาเรียนป่ะ” ลีวายส์ถามเพราะอยากรู้ ก็เมื่อวานมันโดดเรียนไปแถวๆคอนโดลีวายส์ไงฮะ
 
“มานะ แต่พอช่วงบ่ายก็ไม่เห็นล่ะ ครูบ่นใหญ่เลย ทำตัวเกเรตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม แต่ว่ามันก็ปกติของเค้าแล้วล่ะ อย่าไปสนใจเลย เอ่อ แต่เมื่อวานแพ็คไม่ได้นั่งตรงนี้นะ”
 
“งั้นหรอ ไหนว่าที่มันไง ช่างเหอะ” ลีวายส์พูดแค่นั้นก่อนจะหันกลับมาสนใจชีทในมือต่อ และไม่นานทีเชอร์ก็เข้ามาเริ่มสอน
 
ปึก!!!
 
ผ่านไปราวๆยี่สิบนาทีจู่ๆก็มีกระเป๋าเป้ลอยมาจากทางประตูตกลงบนโต๊ะข้างๆลีวายส์ แต่ลีวายส์ไม่ได้สนใจมั่วแต่มองหนังสือบนโต๊ะเรียน จากนั้นก็มีใครบางคนเดินมานั่งลง ลีวายส์เงยหน้าขึ้นมอง สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็น.....นายแพ็ค
 
“เน้!!! ถ้าจะมาหาเรื่อง ช่วยไปไกลๆเลย เราไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับนาย” ลีวายส์บอกกับคนข้างๆ ที่ตอนนี้มันจ้องมองไปยังกระดานไวท์บอร์ดหน้าห้องโดยไม่สนใจเสียงของลีวายส์เลยแม้แต่น้อย
 
“................” แต่ครั้งนี้มันมาแปลกฮะ เงียบแล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแบบไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองเลย
 
ไอ้หมอนี่มันมาไม้ไหนกันนะ ลีวายส์หันไปมองไอซ์กับปอที่นั่งโต๊ะหลังสุดแถวถัดไป ทั้งสองคนยักไหล่กลับมาให้ ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือการ์ตูนในมือ ไอ้พวกนี้นี่มันไม่ตั้งในเรียนกันเลย
 
ตลอดคาบเรียนลีวายส์หันไปมองคนข้างๆเป็นระยะ นายแพ็คเอาแต่นอนและไม่ตั้งใจเรียน อยู่ใกล้ๆแบบนี้มันน่าตีหัวนัก ชิท์ 
 
จนผ่านไปถึงเวลาพักเที่ยงลีวายส์ก็ไปทานข้าวพร้อมๆกับบุ๊คและเรเนส โรงอาหารใหญ่ใช้ได้มีอาหารหลายแบบให้เลือก
 
“แปลก วันนี้แพ็คมาแปลกนะ” เรเนสพูดขึ้นสีหน้าครุ่นคิด หลังจากที่เราซื้อข้าวเสร็จมานั่งกินกันที่โต๊ะ
 
“ไงอ่ะ.......” ลีวายส์ถาม
 
“ก็ปกติ ถ้าแพ็คมีเรื่องกับใคร เค้าจะเอาเรื่องจนคนๆนั้นยอมแพ้เลยล่ะ บางทีถึงขั้นลาออกไปก็มีนะ” บุ๊คเล่าให้ฟัง
 
“ใช่ๆ แต่ว่า ทำไมวันนี้แพ็คไม่แกล้งลีวายส์ล่ะ มันผิดปกติไปอ่ะ” เรเนสออกความเห็นอีก
 
“คงไม่อยากมีเรื่องมั้ง” ลีวายส์บอกก่อนจะหยุดสนใจเรื่องของนายนั่นและหันมาทานข้าวของตัวเอง
 
ไม่นานเราก็ทานข้าวกันเสร็จลีวายส์เลยขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยตามบุ๊คกับเรเนสไปห้องเรียนเพราะเห็นว่าห้องน้ำมันอยู่ชั้นเดียวกับห้องเรียนของเรา
 
ลีวายส์เดินเข้ามา ผ่านผู้ชายที่ยืนอยู่หน้ากระจกสองสามคน เข้าไปฉี่ในห้องน้ำพอปิดประตูลงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปและมีคนเข้ามาใหม่อีกราวๆสองสามคนแต่ไม่มีเสียงคุยกัน ลีวายส์เห็นเงาคนหนึ่งผ่านช่องใต้ประตูเดินผ่านหน้าห้องลีวายส์ไป
 
“อ่ะ!!!!...........เปิดไม่ออก” ลีวายส์พูดออกมาเมื่อประตูห้องน้ำที่ลีวายส์เข้ามันเปิดไม่ออก “มีใครอยู่ข้างนอกมั้ย เปิดประตูไม่ออก ช่วยด้วย” ปัง ปัง
 
ลีวายส์ตุบประตูเสียงดังเผื่อว่าจะมีคนอยู่ข้างนอกอยู่ แต่กลับไร้เสียงใดๆตอบกลับมา โทรศัพท์ลีวายส์ก็ไม่มี บ้าจริง!!!! ตอนเที่ยงๆแบบนี้จะเป็นไปไม่ได้ที่นักเรียนมันจะไม่เข้าห้องน้ำกันเลยนอกจากจะมีใครแกล้งลีวายส์ ต้องเป็นนายแพ็คแน่ๆ
 
ลีวายส์คงขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ในเวลานี้นอกจากตัวเอง  ทำไมลีวายส์เกิดมาต้องขาสั้นด้วยนะ  ไม่งั้นลีวายส์คงจะปีนขึ้นไปด้านบนช่องของผนังห้องน้ำผ่านไปห้องอื่นได้สบายแล้ว
 
ลีวายส์มองช่องด้านล่างประตู แต่ว่ามันแคบเกินไป ลองยกเท้าขึ้นถีบประตูอีกทีแรงมันก็น้อยเกินไปเจ็บตัวเปล่าๆ  ลีวายส์ก็เลยจำใจต้องขึ้นไปบนชักโครกและเขย่งเท้าสุดแรงก่อนจะใช้มือคว้าขอบผนังกั้นห้องด้านบนไว้และออกแรงที่ข้อมือดึงตัวเองขึ้นไปด้านบน
 
อ่า...ทำได้ๆ ทำได้ด้วย  ลีวายส์ปีนขึ้นไปผ่านช่องด้านบนได้แต่ขาลงเนี่ยสิมันสูงใช้ได้เลยอ่ะ ลีวายส์ก็ต้องกลั้นใจกระโดดลงไปในห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง แต่มันดันพลาดตกลงมาดีนะที่ยันตัวไว้ทันหัวไม่ฟาดพื้น
 
ลีวายส์กำหมัดแน่นก่อนจะถีบประตูด้านนอก ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับขวดน้ำเปล่า ข้างในขวดมีน้ำจากโถฉี่ที่ลีวายส์เพิ่งกรอกมันลงไปจนเต็ม
 
ซ่า!!!!
 
“เฮ้ย!!!.......” ปอ เพื่อนมันร้องเสียงหลง เมื่อลีวายส์สาดน้ำในขวดใส่นายแพ็คทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง มันกำลังนั่งกับพื้นพิงผนังอยู่หลังห้องฟังเพลงอย่างสบายใจ
 
“ไอ้ทุเรจ!!! ไอ้หมาลอบกัด!!! นายขังเราไว้ในห้องน้ำใช่มั้ย” ทุกคนในห้องหันมามอง นายแพ็คลุกขึ้นยืน มันผลักลีวายส์ไปชนกับโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามากระชากแขนลีวายส์
 
“ใช่!!! แล้วมึงจะทำไม” มันบอก ยกยิ้มมุมปากแบบสะใจทำเอาลีวายส์โกรธจัด ลีวายส์จึงก้มลงกัดแขนของมันไปเต็มแรง
 
“อ๊ากกก.........มึง!!!” นายแพ็คยกมือขึ้นทำท่าจะตบลีวายส์
 
“เอาสิ เราจะฟ้องพี่นาย....ตบเลย เราจะโทรไปบอกพี่นาย เอาสิ!!!” ลีวายส์ตะคอกใส่เสียงดัง นายแพ็คชะงักมือทันทีเมื่อได้ยินลีวายส์พูดบอกแบบนั้น
 
“นี่ไง เบอร์พี่นาย เราจะโทรบอกพี่นาย ว่านายหาเรื่องเรา บอกด้วยว่านายโดดเรียน เอามั้ยล่ะ” ลีวายส์ผลักมันออกก่อนจะหยิบเอากระดาษแผ่นเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงซึ่งมีเบอร์โทรศัพท์ของพี่มันอยู่
 
“เหอะ!!!.......” ไอ้แพ็ค เค้นเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะดึงกระดาษแผ่นเล็กในมือลีวายส์ไปและฉีกมันจนละเอียดก่อนจะทิ้งลงพื้น
 
“ถึงนายจะฉีกมันทิ้ง แต่ว่าเราจำได้ มันอยู่ในหัว....090XXXXXXX เอาสิถ้านายอยากให้พี่สาวนายรู้เรื่องก็เอาเลย” ลีวายส์บอกอย่างไม่ยอมแพ้ นายแพ็คกำหมัดแน่น มองลีวายส์ด้วยสายตาดุดันก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างหัวเสีย
 
“ลีวายส์!!!” บุ๊คกับเรเนสเข้ามาดูลีวายส์เพราะเมื่อกี้คงไม่กล้าเข้ามาช่วย ใครๆก็รู้นี่ว่านายแพ็คมันคือตัวอันตราย ลีวายส์ถอนหายใจโล่อก เมื่อสามารถต่อกรกันมันได้ ก้มลงมองตัวเองที่ตอนนี้ชุดนักเรียนเปียกชื้นและเปื้อนจนดูไม่ได้
 
“เปื้อนหมดเลย เดี๋ยวหลังคาบบ่ายเราไปห้องพยาบาลกัน ไม่ต้องห่วงนะ มีเครื่องซัก” บุ๊คบอกก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้ คราวนี้ หวังว่านายแพ็คจะไม่มาหาเรื่องลีวายส์อีกนะ
 
คาบบ่ายผ่านไป นายแพ็คไม่มาเข้าเรียนหายไปไหนก็ไม่รู้คงโดดเรียนอีกตามเคย หมดคาบบ่ายบุ๊คกับเรเนสพาลีวายส์ไปซักชุดนัดเรียนที่ห้องพยาบาลก่อนจะเลยไปนั่งทำการบ้านที่ห้องสมุด
 
“ลีวายส์เราฝากส่งด้วยนะเดี๋ยวต้องไปหารุ่นพี่ที่ฝ่ายวิชาการก่อน” บุ๊คบอกก่อนจะส่งสมุดการบ้านมาให้ลีวายส์
 
“อืมๆ เดี๋ยวเราส่งให้ไปเหอะ” เราแยกกันหน้าห้องสมุด เรเนสก็เองก็ไปเป็นเพื่อนบุ๊คเหมือนกันลีวายส์เลยเดินขึ้นตึกเรียนคนเดียว 
 
ลีวายส์กลับมาถึงห้องเรียนที่ตอนนี้ไม่มีใครเลยเพราะทุกคนต่างก็ลงไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบในคาบฟรีคาบสุดท้าย
 
เมื่อเข้ามาเห็นทีเชอร์ยังไม่เก็บของออกจากห้องและมีเพื่อนในห้องส่งสมุดการบ้านไว้บนโต๊ะลีวายส์เลยเอาสมุดการบ้านไปส่งด้วย
 
“เฮ้ย แม่ง มานี่เลยมึง ฮ่าๆๆๆ” ในขณะเดียวกันมีเด็กสองคนวิ่งเข้ามาในห้อง คนหนึ่งถือไม้กวาดไล่ตีอีกคนเข้ามา น่าจะเป็นเด็กห้องอื่น
 
“อ่ะ......!!!!!” ลีวายส์ไม่ทันระวังเค้าสองคนเลยชนลีวายส์เข้าอย่างจัง ทำให้ลีวายส์ถอยไปชนกับโต๊ะ ยังไม่พอไอแพดของชีเชอร์ที่วางอยู่ใกล้ๆร่วงลงพื้นและมันก็แตก =[]=
 
ลีวายส์และเด็กอีกสองคนมองหน้ากันก่อนที่พวกมันจะรีบวิ่งออกไป เฮ้ย!!! ซวยล่ะ ลีวายส์มองไปรอบๆห้องพบว่า นายแพ็คยืนมองอยู่ด้านหลัง แล้วดูเหมือนมันจะรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ โธ่ เป็นเรื่องอีกแล้ว เดี๋ยวทีเชอร์ต้องโทรบอกผู้ปกครองให้รับผิดชอบแน่ๆ แล้วถ้าพี่ธารรู้เข้า อื๊ออออ โดนจัด(?)หนักชัวร์เลยฮะ
 
ลีวายส์เริ่มตัวสั่นเมื่อนึกถึงตอนพี่ธารโกรธและต้องโดนลงโทษเหมือนคราวก่อน หรือไม่พี่ธารอาจจะไม่คุยกับลีวายส์เป็นการลงโทษก็ได้ ทำไงดีอ่ะ ทำไงดี ลีวายส์หันไปมองนายแพ็คอีกครั้งหมอนั่นมันไม่สนใจก่อนจะเดินตรงไปทางประตู ก็ไม่ได้หวังให้ช่วยซะหน่อย ชิท์
 
โธ่ ทำไมมันมีแต่เรื่องอ่ะทั้งที่ลีวายส์ไม่ได้เป็นคนเริ่มหรือก่อมันขึ้นมาแท้ๆ ลีวายส์เริ่มสะอื้นเล็กน้อย เพราะหาทางออกไปได้ยังไงเดี๋ยวทีเชอร์ก็ต้องมา ลีวายส์จะต้องถูกพี่ธารทำโทษแน่ๆ
 
“ยืนโง่อยู่ได้!” จู่ๆก็มีมือหนึ่ง ดึงแขนลีวายส์แรงๆ ลีวายส์เงยหน้าขึ้มมองคนตัวสูง(กว่า) ก็ถึงกับตกใจ และดึงมือออกแต่ว่ามันกำมือแน่นเกิน
 
“นายแพ็ค! ปล่อยเรานะ ทำบ้าอะไรน่ะ” ลีวายส์บอก มันไม่สนใจหันซ้ายหันขาวมองหน้าห้อง เห็นทีเชอร์กำลังยืนคุยอยู่กับนักเรียนอีกห้อง แล้วมันก็รีบดึงมือลีวายส์ออกมา
 
ปึก!!!
 
นายแพ็คลากลีวายส์ลงมาหยุดอยู่ข้างตึกเรียน ก่อนจะโยนกระเป๋าเป้ของลีวายส์มาให้ มันเอามาตอนไหนอ่ะ มันมองหน้าลีวายส์ตั้งแต่หัวจรดเท้าและส่ายหน้า ไอ้นี่..... ลีวายส์เองก็มองมันด้วย
 
“เราไม่รู้หรอกนะว่านายช่วยเราทำไม แต่ก็.....ขอบใจ!!!” ลีวายส์บอก นายแพ็คนิ่งเงียบก่อนจะก้มลงหยิบปากกาบนพื้นหญ้าและส่งให้ลีวายส์ ลีวายส์รับมาเพราะมันเป็นของลีวายส์เอง
 
“ทำบุญ” ไอ้....ไอ้บ้านี่ พูดดีๆก็ไม่ได้ มันหมุนตัวเดินออกไปทางประตูหน้าโรงเรียน เพราะตอนนี้ถึงเวลาเลิกเรียนพอดี เฮ้อ! ชิท์     ลีวายส์ว่าไปรอพี่ธารดีกว่าป่านนี้จะมารับหรือยังนะ คิดถึงจะแย่ล่ะ?
 
“ลีวายส์!!!” เสียงพี่ธารทำให้ลีวายส์ละสายตาจากรุ่นพี่สองคนที่กำลังเถียงกันอยู่ว่าเดี๋ยวจะไปกินข้าวร้านไหน ลีวายส์สงสัยว่าเค้าเป็นแฟนกันหรือเปล่าก็เลยมอง
 
“ฮะ!........พี่ธารมาช้าอ่ะ จุ๊บ!” ลีวายส์บอกหลังจากจุ๊บมุมปากพี่ธารเมื่อก้าวขึ้นมาบนรถ พี่ธารมองสำรวจลีวายส์แปลกๆ “ทำไมอ่ะ ลีวายส์ผิดปกติตรงไหนฮะ”
 
“เปล่า แค่สแกนดูว่าวันนี้ทำอะไรผิดมาหรือเปล่า” พี่ธารว่าก่อนจะออกรถ ลีวายส์เลยหน้างอใส่ทันที พี่ธารคงคาดไว้ล่ะสิว่าลีวายส์จะสร้างปัญหาอีกอ่ะ
 
 
 
 
 
“พี่กาย คนสวยยยยยยยยยยยย มั๊วๆ” ลีวายส์โผกอดพี่กายที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะในห้องทำงานของผับ หลังจากกลับไปคอนโดพี่ธารก็พาลีวายส์มาที่ร้าน พี่ธารก็ถามแล้วถามอีกว่ามีการบ้านหรือเปล่าอ่ะ ลีวายส์ก็ย้ำซ้ำๆ ว่า  ทำแล้วๆ
 
“เดี๋ยวเหอะๆ จะโดน แล้วไอ้ธารล่ะ” พี่กายถาม  ก่อนจะหันไปทำงานต่อ
 
“พี่ธารทำงานอยู่ด้านล่างฮะ ลีวายส์เล่นนี่นะ” ลีวายส์บอกก่อนจะชูไอแพดพี่เซฟขึ้นให้พี่กายดู พี่กายพยักหน้าอนุญาต พอเห็นไอแพดก็ดันนึกถึงนายแพ็คอีกล่ะ เฮ๊ะ!
 
นิ้วลีวายส์เผลอจิ้มแกลเลอรี่ในไอแพดของพี่เซฟเข้า จะ....เจอรูปนะ.....นายแพ็คกำลังนอนหลับตาพริ้มเปลือยท่อนบนอยู่ มีทั้งหมดด้วยกันสามรูป ลีวายส์เลื่อนดูช้าๆ บนซอกคอมีรอยแดงๆด้วย ลีวายส์จำหน้ามันไม่ผิดแน่ๆ แล้วพี่เซฟรู้จักมันได้ไงอ่ะ
 
“เป็นไรลีวายส์” พี่เซฟเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าลีวายส์กำลังจ้องมองไอแพดในมือแปลกๆ ลีวายส์เลยรีบปิดและเปิดเกมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
 
“ปะ...เปล่า คือลีวายส์เล่นเกมแพ้น่ะ เฮ้ย!!! ไม่เคยชนะเลยอ่ะ ลีวายส์ขอเล่นอีกแป๊บนะ” พี่เซฟพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปคุยกับพี่กาย ไม่นานทั้งสองคนก็เดินออกไปโดยทิ้งให้ลีวายส์อยู่ในห้องคนเดียว
 
ลีวายส์เลยรีบจัดการเปิดอีเมลล์ของตัวเองก่อนจะลงรูปในแพ็คแขวนไว้ในกล้องข้อความ คึคึ ต่อไปลีวายส์จะเอารูปนี่แหละ เป็นหลักประกันไม่ให้นายนั่นมาหาเรื่องลีวายส์อีก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ นายแพ็คนี่ รู้จักกับพี่เซฟได้ยังไงอ่ะ แล้วภาพที่ออกมาก็....งี้!!!
 
“อ้าว ลีวายส์” เสียงจากคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำให้ลีวายส์ที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่หันไปมอง
 
“พี่นัท.....เอ่อ....” จริงสิพี่ธารบอกว่าห้ามยุ่งกับพี่นัท ลีวายส์ก็เลยยิ้มให้บางๆก่อนจะหันกลับมาสนใจเกมในไอแพดต่อ
 
“คือ พี่มาหาพี่กายน่ะ พี่กายไปไหนหรอครับ” พี่นัทเข้ามานั่งข้างๆลีวายส์ก่อนจะเอ่ยถาม ลีวายส์หันไปมองนิดๆเพราะรู้สึกว่าพี่นัทเข้ามานั่งใกล้เกินไป
 
“...............” ลีวายส์สั่นหัวให้แทนคำตอบ และลุกขึ้นไปนั่งตรงโต๊ะทำงานแทน
 
“ไม่รู้หรอครับ แล้ว.......ลีวายส์อยู่คนเดียวหรอครับ” ลีวายส์พยักหน้าตอบ “ลงไปข้างล่างกันมั้ย อยู่บนนี้เบื่อแย่เลยนะครับ ไม่เห็นมีอะไรทำเลย” จริงๆลีวายส์ก็อยากไปหรอกนะแต่ว่าพี่ธารสั่งไว้ว่าห้ามลงไป ลีวายส์ก็เลยสั่นหัวตอบอีก
 
“โธ่ ทำไมไม่พูดกับพี่ล่ะครับเนี่ย.........อ่า เมื่อกี้พี่เห็นพี่ธารด้วยล่ะผู้หญิงล้อมรอบเชียว เห็นแล้วอิจฉาชะมัดเลยอ่ะ”
 
“ว่าอะไรนะฮะ.......ผะ....ผู้หญิงล้อมรอบหรอ” ลีวายส์ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถามพี่นัทเสียงดังจนพี่นัทดูจะอึ้งเล็กน้อย
 
“กะ....ก็ ครับทำไมอ่ะ มันเรื่องปกติของพี่เค้าอยู่แล้ว” พี่นัทบอกอีก
 
“ลีวายส์อยากลงไปฮะ พี่นัทพาไปหน่อย” ลีวายส์บอก พี่นัทยิ้มดีใจก่อนจะเดินมาจับมือลีวายส์ให้เดินตาม ลีวายส์ก็เดินตามไปแต่โดยดี
 
พี่นัทพาลีวายส์มานั่งโต๊ะที่ค่อนข้างจะหลบมุม ก็ดีเหมือนกันถ้าพี่ธารเห็นลีวายส์ก่อนลีวายส์จะโดนด่าแต่ถ้าลีวายส์จับพี่ธารได้ก่อนพี่ธารโดนแน่....(?)
 
“ลีวายส์ ดื่มน้ำหน่อยนะ” พี่นัทส่งแก้วน้ำมาให้ระหว่างที่ลีวายส์กำลังชะเง้อมองหาพี่ธาร “นั่นไงพี่ธาร ถ้ากลัวพี่ธารเห็นก็นั่งอยู่ตรงนี้กับพี่นะ”
 
“.......................” ลีวายส์พยักหน้ารับและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม มองตามพี่ธารที่กำลังนั่งคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ หลายๆคนในกลุ่มมีผู้หญิงด้วยแต่ว่า พี่ธารก็ไม่มีท่าทางจะอะไรมากมายกับผู้หญิงเหล่านั้น
 
ลีวายส์นั่งไปสักพักก็เริ่มรู้สึกมึนหัวกับบรรยากาศรอบๆ ที่มีคนเดินไปมาจนตาลาย จากนั้นก็เริ่มหนักเปลือกตาแปลกๆเหมือนมันจะง่วงแต่ก็ไม่ง่วง
 
“ลีวายส์ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ มึนหัวหรอครับ สีหน้าไม่ค่อยดีนะ” พี่นัทดันหัวลีวายส์ให้ซบลงกับไหล่กว้าง ลีวายส์พยายามลืมตาขึ้นแต่ว่ามันยากเกินไป
 
“ลีวายส์อยากกลับขึ้นไปฮะ ลีวายส์.....มึนหัว” ลีวายส์บอก รู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองผิดปกติ หรือเพราะควันบุหรี่ก็ไม่รู้
 
พี่นัทโอบเอวลีวายส์และประคองให้เดินตาม แปลกจริงๆทั้งที่เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ลีวายส์อยากไปหาพี่ธารแล้วอ่ะ พี่ธารอยู่ไหน ลีวายส์อยากไปหาพี่ธาร
 
ผลั่ก..............
 
“ไอ้เหี้ย!!!!!!!”
 
 
 <<<<<<<<<TBC>>>>>>>>

ตอนหน้าจะมีเอ็นซีมั้ยน้าาาา  :katai3:  :katai3:

มีหรือไม่มีดีอ่ะ....??????    :katai2-1:  :katai2-1:   :katai2-1:

ยิ่งลงคนเม้นยิ่งหาย   :mew6:  :mew6:  :mew6:

แต่ไม่เป็นไรจ้าเรายังลงปกติแค่เฟลนิดหน่อย

ช่วงนี้เข้าเล้ามาลงนิยายอย่างเดียวเลยขอตัวไปทำการบ้านก่อนน๊า บาย จุ๊ฟ

 เจอกันตอนต่อไปเมื่อคนอ่านต้องการ อิอิ  :mew1:  :mew1:  :mew1:

ปล.ทำสารบัญให้แล้วนะค่ะ   จิ้มโลด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40796.0)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 26(16/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: jub_jub ที่ 16-06-2014 22:44:11
 :mew2: มาต่อบ่อยๆนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 26(16/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: PEUNGhoney ที่ 17-06-2014 03:07:01
พี่เซฟคู่กับแพ็คจริงๆด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 26(16/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-06-2014 03:54:28
ลีวายส์จะโดนอะไรหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 26(16/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 17-06-2014 12:23:01
ขอให้พี่ธารมาช่วยน้องทันด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 18-06-2014 20:34:03
Older Brother.....27
 
[อีธาร:Part]
 
วันนี้ผมพาลีวายส์มาที่ร้านเช่นทุกวันหลังจากที่ไปรับมาจากโรงเรียนและตรงกลับคอนโดซึ่งไม่ไกลเหมือนเมื่อก่อน เราหาอะไรทานที่คอนโดก่อนจะเข้าร้าน เมื่อมาถึงผมก็ให้ลีวายส์ขึ้นไปอยู่บนห้องทำงานส่วนผมจะดูงานอยู่ข้างล่าง
 
เวลาผ่านไปจนผับเปิดและแขกเริ่มเข้ามามากพอสมควร ผมก็ยังคงคุยงานอยู่กับนักร้องวงใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาเล่นได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ พวกมันฝีมือดีใช้ได้และเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยด้วย
 
หลังจากคุยกันเสร็จเรียบร้อย ผมได้รับโทรศัพท์จากรุ่นพี่ว่าจะเข้ามาที่ร้าน ผมจึงไม่ได้กลับขึ้นไป เลยให้ไอ้เซฟขึ้นไปดูแทน  ผมนั่งคุยกับรุ่นพี่ที่มีทั้งหญิงและชายราวๆหกเจ็ดคน สักพักไอ้แมนมาในขณะเดียวกันไอ้เซฟกับไอ้กายเองก็ลงมาร่วมโต๊ะด้วย
 
เราไม่เจอกันนานเลยคุยกันเรื่อยเปื่อย ผมล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเกือบๆเที่ยงคืนกว่าๆแล้วก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆผับ ตามความเคยชิน ทันใดนั้นเองสายตาผมก็ไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะหลบมุมโต๊ะหนึ่ง เห็นแผนหลังของใครบางคนกำลังประคองร่างเล็กซึ่งคุ้นตาผมดี
 
ผมลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินตรงไปภาวะนาในใจของให้ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดแต่ยังไม่ทันได้ไปถึงครึ่งทางผมกลับจำแผ่นหลังของร่างเล็กในอ้อนแขนของมันได้ดีจนต้องเร่งฝีเท้าก้าวยาวๆเข้าไปหา
 
ผลั่ก!!!
 
“ไอ้เหี้ย!!!!” ผมคาบบุหรี่ในมือไว้ก่อนจะดึงแขนมันและออกแรงถีบจนมันลงไปนอนคว่ำบนพื้น และคว้าร่างเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน แขกในร้านบริเวณนั้นตีวงกว้างออกห่างทันที
 
“ลีวายส์! ลีวายส์!” ใจผมวูบลง เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเริ่มอาการคล้ายกับเมา ผมยกมือขึ้นตบหน้าลีวายส์เบาๆ เพื่อเรียกมัน แต่ร่างเล็กทำได้เพียงขยับปากพูดเสียงเบาจนฟังไปออก ตาที่พยายามปรือขึ้นมองก็เปิดออกได้เพียงเล็กน้อย เหงื่อชุ่มไปทั่วหน้า
 
“เกิดไรขึ้นวะ.......เฮ้ย!   ไอ้นัท!!!!” พวกไอ้กายวิ่งมาดู และเรียกชื่อคนที่กำลังยันตัวลุกขึ้นหลังจากที่ผมถีบมันลงไปเมื่อกี้
 
“ฝากที” ผมผลักลีวายส์ออก ให้ไอ้กายประคองมันแทน ความโกรธพุ่งเข้าใส่จนตัวผมสั่นไปหมดก่อนจะสูบอัดบุหรี่ที่คาบไว้เข้าปอดและถ่มมันทิ้ง
 
“คะ...คะ....คือผม...มะ....ไม่”ผมคว้าคอเสื้อไอ้นัทขึ้นจนตัวลอย ก่อนจะซัดหมัดหนักๆที่กำแน่นใส่หน้ามัน โดยไม่มีโอกาสให้มันอธิบาย
 
“มึงเอาอะไรกิน!!! ไอ้สัด!!” และมันอยากเกินที่ผมจะรอคำตอบจากมัน ผมซัดหมัดใส่ตามไปอีกไม่ยั้งมือ จนมันเลือดกบปากก่อนที่ไอ้แมนและรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาห้ามผมไว้
 
“พอเหอะ....ไอ้ธาร!!! กูจัดการเอง!” ไอ้แมนว่ามันผลักผมออกสุดแรงเพราะมันรู้ว่าผมกำลังโกรธถึงขีดสุด ถ้าไม่ห้ามไอ้นัทตายติดที่แน่ ผมเองก็อยากให้มันตายอยู่แล้ว
 
ผลั่ก!!!
 
“มึงออกไปจากร้านกูและอย่าคิดจะกลับเข้ามาอีก อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก กูเจอมึงที่ไหน มึงตายที่นั่น!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด กระทืบมันซ้ำอีกทีจนไอ้นัทกระอักเลือดออกมา ก่อนจะหันไปหาไอ้กาย ผมขบกรามเมื่อเห็นร่างเล็กกำลังหายใจแผ่วเบาเต็มที
 
“มา.....ลีวายส์! ได้ยิน‘พี่’หรือเปล่า.....ลีวายส์!!!  มึงไปเอารถให้กูที” ผมบอกไอ้เซฟ มันรีบวิ่งไปทันที จากนั้นผมก็อุ้มลีวายส์ขึ้นและตามไปติดๆ ส่วนเรื่องที่ร้านปล่อยให้ไอ้แมนจัดการ
ไอ้สัดเอ้ย!!!
 
“กูไปส่งมั้ยวะ” ไอ้เซฟถาม มันมองผมกับลีวายส์อย่างห่วงๆ
 
“ไม่ต้องกูโอเค มึงอยู่ช่วงไอ้แมนเครียดร้านเหอะ” ผมบอก ไอ้เซฟเปิดประตูให้ผมวางลีวายส์ลงในรถ “ลีวายส์! ได้ยินหรือป่าว” ผมเรียกลีวายส์อีกครั้งแต่ร่างเล็กเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
 
“ขับรถดีๆว่ะ” ไอ้เซฟบอก ผมพยักหน้ารับและรีบวิ่งไปนั่งด้านคนขับก่อนจะขับออกมา ผมขับมาถึงคอนโดภายในสิบนาที และรีบอุ้มลีวายส์ขึ้นห้องทันที
 
“ลีวายส์! ได้ยินหรือเปล่า ได้ยินมั้ย” ผมวางลีวายส์ลงบนเตียง ใช้มือเสยผมที่หน้าผากมันขึ้นและก้มลงไปเรียกร่างเล็กใกล้ๆ จนหน้าผากติดกัน “ลีวายส์!.....” ร่างเล็กพยักหน้าตอบ เหงื่อชุ่มไปทั่วหน้าจนถึงลำคอ
 
“ร้อนฮะ.....พี่ธาร อึกๆ” ลีวายส์พูดบอกเสียงพร่าและเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน อาการแบบนี้ มันโดนยาชัวร์ ไอ้เหี้ยนัท กูน่าจะยิงมึงทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด
 
“เข้าใจแล้ว......เดี๋ยวพาไปอาบน้ำ อาบน้ำมั้ย” ผมบอก ลีวายส์พยักหน้ารับก่อนจะบิดกายไปมา คงจะรู้สึกแปลกๆในช่องท้อง ผมชักเริ่มหวั่นใจแล้วสิ
 
ผมเดินเข้าไปเปิดน้ำใส่อ่างในห้องน้ำ จากนั้นก็ถอดเสื้อตัวเองออกเหลือเพียงบ๊อกเซอร์กับชั้นในเพราะรู้สึกว่าเหงื่อออกเยอะพอกัน กลับออกมาดูลีวายส์ ที่ตอนนี่กำลังหายใจถี่หอบอยู่บนเตียง
 
ผมนั่งลงข้างๆร่างเล็กก่อนจะช้อนศีรษะมันขึ้นมา ลีวายส์ปรือตาขึ้นมอง มือเล็กยื่นมาลูบข้างแก้มผม ผมถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะอุ้มร่างเล็กขึ้น พาเข้าไปในห้องน้ำ
 
“กอดพี่ไว้นะ” ผมบอกหลังจากว่างในลีวายส์นั่งลงบนขอบอ่าง เรียวแขนเล็กกอดคอผมที่กำลังนั่งยองๆ อยู่กับพื้นเพื่อปลดประดมเสื้อออกให้
 
“พี่ธาร....อึก......ลีวายส์......อึกๆ...รู้สึกแปลกๆ” ลีวายส์บอก ผมถอดเสื้อออกให้ก่อนจะดึงให้ลีวายส์ลุกขึ้นยืนและดึงกางเกงมันลงเหลือเพียงชั้นใน จากนั้นก็อุ้มมันลงอ่างน้ำ
 
“แช่น้ำนะ เดี๋ยวก็หาย จุ๊บ!!!” ผมก้มลงจุ๊บมุมปากสีสดก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องน้ำ
 
“พี่ธาร...อึกๆ.....ลีวายส์....ไม่อยากอยู่คนเดียว” ร่างเล็กจับมือผมพร้อมกับออกแรงบีบ ทั้งที่ตัวเองยังลืมตาไม่ขึ้น ผมก้มกลับลงไปหอมแก้มใสและลูบหน้าให้ ช่างใจอยู่แป๊บหนึ่งว่าจะลงไปดีหรือเปล่า
 
เอาว่ะ! ผมตัดสินใจก้าวลงไปในอ่างน้ำ ทันทีที่ผมลงไปลีวายส์ก็เข้ามากอดผม คล้ายกับรอผมลงไปอยู่แล้ว ผมกระชับอ้อมแขนกอดร่างเล็ก กดจมูกลงบนเรือนผมนุ่มๆของมัน
 
“ลีวายส์!!!....อุ๊บ!” จู่ๆ ร่างเล็กก็ผุดลุกขึ้นมานั่งคร่อมหน้าท้องแกร่งของผม ลีวายส์ก้มทาบริมฝีปากสีสดลงมากับริมฝีปากของผม ผมนิ่งพยายามเก็บกดอารมณ์ของตัวเองที่กำลังเกิดขึ้นที่ละนิดๆไว้ ปล่อยให้ร่างเล็กทำตามใจชอบ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวลีวายส์มันเป็นเพราะฤทธิ์ยาเท่านั้นอีกเดี๋ยวก็จะหาย
 
“อื๊ออ....” เสียงร่างเล็กครางในลำคอเพราะผมไม่ยอมเปิดปาก ลีวายส์ใช้ลิ้นกดลงมากับริมฝีปากของมันเมื่อผมไม่ยอมเปิกปากให้ เลยเลียริมฝีปากผมแทน
 
“ลีวายส์!” ความอดทนของผมกำลังจะถึงขีดสุดเมื่อจู่ๆร่างเล็ก เริ่มบดเบียดกลางตัวเข้ากับช่วงล่างของผม เล่นเอาผมร้อนวูบขึ้นทันที ผมกัดริมฝีปากตัวเอง ใช้มือหนาจับเอวบางของร่างเล็กบนตัวไว้
 
“นิ่งๆ ลีวายส์ อยากเจ็บตัวหรือไง....หื่ม จ๊วบ!” ผมบอกก่อนจะจูบดูดไหล่ขาวเนียนของร่างบาง เหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ลีวายส์ยังขยับไม่เลิก ร่างเล็กเอนหัวลงมาซบกับซองคอผม มันหายใจถี่เร็วพอๆกับหัวใจผมที่กำลังเต้นถี่ไม่แพ้กัน
 
“ลีวายส์....เจ็บ...” ลีวายส์พูดบอกเสียงกระเสาะก่อนที่มือเล็กจะจับมือผม “ตรงนี่” มันดึงมือหนาของผมให้จับลงบนเป้าชั้นในด้านหน้า
 
“จู่ๆ รู้แล้วๆ” ผมยกเอวร่างเล็กขึ้น ดึงชั้นในมันรูดออกจนหลุดพ้นปลายเท้าก่อนจะยกตัวเองขึ้นถอดชั้นในของตัวเองบาง ความแข็งแกร่งและความอ่อนไหวแข่งกันชูชันใต้น้ำ อย่างน้อยผมควรจะทำให้มันรู้สึกดีขึ้นและทำให้อารมณ์ตัวเองสงบลงยังดีกว่า ทำร้ายร่างเข้าให้เจ็บตัว
 
“อื๊อออ.......อ่า.....อ๊ะ” เสียงหวานร้องครางออกมาเมื่อผมขยับรูดแกนกายเล็กในมือช้าๆเนิบๆ ลีวายส์ซบลงกับแผงอกผม มือเล็กจิกลงบนแขนผมเพื่อระบายความเสียวซ่าน
 
“อ่า.....ซี๊ดดด.....นิ่งไว้  หืมม....จับไว้นะ....จุ๊บ!”  ผมจับข้อมือเล็กให้เกาะกุมแทนร้อนของตัวเองไปด้วย ลีวายส์ทำมันอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อยๆขยับตามผม
 
“เจ็บ....อ๊ะ....ลีวายส์.....เจ็บ   อึกๆ” ถึงตอนนี้เจ็บก็ต้องทนแล้ว มันเป็นทางเดี๋ยวที่จะช่วยให้ลีวายส์ หายจากฤทธิ์ยาบ้าๆนั่น
 
ผมขยับมือเร็วขึ้นและพยายามนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะก้มลงดูดจูบปากเล็กไปด้วยเพื่อดึงความสนใจไม่ให้ร่างเล็กเจ็บมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่นาน น้ำรักสีขุ่นก็พุ่งออกมาปะปนกับน้ำในอ่าง
 
ผมยกร่างลีวายส์ขึ้นให้เอนหลังพิงอ่าง ผมเปลี่ยนมาเป็นคร่อมร่างเล็กไว้แทนก่อนจะปัดมือเล็กออกจากการเกาะกุมแทนร้อนของผม ก้มลงดูดจูบปากเล็กสีสดอย่างอดใจไม่ไหว สอดลิ้นร้อนเข้าไปชิมรถหวานในโพรงปาก พร้อมๆกับขยับแทนร้อนของตัวเองไปด้วย
 
“อ่า...ซี๊ดดดด” ละริมฝีปากมาไล่ลิ้นเลียวนกับใบหูเล็ก ลีวายส์ยกมือขึ้นโอบรอบคอผมไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้จมน้ำเพราะน้ำในอ่างมากพอสมควร
 
ผมผงกหัวขึ้น รีบขยับมือกับแทนร้อนของตัวเองตามอารมณ์พลุ่งพล่านในตัวเอง เพียงไม่กี่วิน้ำรักภายในก็พุ่งออกมาจนมันกระเด็นเข้าหน้าลีวายส์ ผมค้ำมือกับขอบอ่างก้มเมือหน้าใสที่กำลังมองมาด้วยสายตาช่ำปรือก่อนจะดูดเลียน้ำรักที่เปื้อนบนหน้าใสก่อนจะถ่มทิ้งลงพื้น
 
“อืม....” ลีวายส์ยื่นหน้าขึ้นจูบดูดยอดอกผม มันทำให้สติผมหลุดลอยออกไปในทันที ผมก้มลงขบเม้มซอกคอขาวจนเกิดรอย
 
มือไม้เริ่มลูบไล่ไปทั่วร่างบาง มาหยุดอยู่กับสะโพกเล็กกลมมลน่าบีบเค้นแรงๆ ผมไล่นิ้วไปกับซอกก้นแคบๆ ขาเรียวเลยแยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ ผมเงยหน้าขึ้นมองดวงตากลมใส ที่กำลังจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตา
 
“ลีวายส์........รักพี่ธารใช่มั้ย” ผมถาม มองสำรวจไปทั่วหน้าเนียนใสที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อไปทั่ว จนไม่เหลือพื้นที่สีขาวเหมือนปกติ
 
“ฮะ.....ลีวายส์รัก...รักมากฮะ พี่ธารอย่าทิ้งลีวายส์นะฮะ” ร่างเล็กเปิดปากบอกเสียงกระเสา หลังจากจบทำพูดนั้น ผมก้มลงฉกจูบริมฝีปากเล็กทันที
 
“อืม......” มือหนาจับขาเรียวของร่างเล็กข้างหนึ่งไป อีกมือจับเอวบางและยกขึ้นให้แผนหลังของมันโผล่พ้นน้ำให้มากกว่าเดิม ลิ้นร้อนไล่เลียไปทั่วซอกคอ พยายามไม่ทำรอยแต่ก็เผลอไปหลายครั้งอยู่ ก่อนจะไล่ลิ้นลงมาผ่านไหปลาร้าคู่สวยทั้งขบเม้ม ดูดจูบจนพอใจ
 
“อ๊ะ!!!........” ลีวายส์ร้องเสียงหลง เมื่อปากบางของผมขบกัดยอดอกจนรู้สึกเจ็บและเสียววูบไปทั่วตัว
 
“อย่าพูดว่าเจ็บนะรู้มั้ย.....พี่ไม่ชอบ” ผมกระซิบบอก ร่างเล็กพยักหน้ารับก่อนจะเงยหน้าขึ้นบดจูบกับริมฝีปากบางของผม
 
ผมคว้าขวดสบู่หรืออะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ๆ มาเทลงบนฝ่ามือ ก่อนจะยกสะโพกกลมมลขึ้นปาดป้ายมันไปทั่วซอกแคบๆด้านหลังของร่างเล็ก ตอนนี้ไม่ได้สนใจแล้วว่าลีวายส์จะรับได้หรือไม่ ถึงแม้จะโกรธตัวเองลึกๆ แต่มันก็หยุดไม่ได้
 
“อ๊ะ!!!....อื๊อออ.....อึก.....พี่ธาร” ลีวายส์ร้องบอก เมื่อนิ้วเรียวของผมสอดเข้าไปภายในช่องทางรักของมันที่กำลังตดขมิบจนผมเสียวไปทั่วท้องน้อย เพื่อเป็นตัวเปิกทาง
 
“ซี๊ดดดดดดด.....อดทนไว้คนดี....จุ๊บ! จ๊วบ!” ผมก้มลงกดจูบปากเล็กและดันนิ้วเข้าไปช้าๆ น้ำใสๆ ไหลออกมาจากหางตาของลีวายส์ ผมผงกไปนิดก่อนจะก้มลงจูบสับน้ำตาของมัน
 
“พี่ธาร....อึดอัด...อ่า....อ๊ะ! อื๊อออ....” ลีวายส์ร้องบอกอีก ผมสะบัดหัวตัวเองและเริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ และเร็วขึ้นตามลำดับส่งผลให้ลีวายส์บิดกายคล้ายกับทรมานจนผมต้องถอดนิ้วออก
 
“มา....ไม่ไหวแล้ว...อ่า....ซี๊ดดดด....อ่า” ผมยกตัวลีวายส์ขึ้นใหม่ ปล่อยน้ำในอ่างออกไปส่วนหนึ่งให้เสมอกับหน้าท้องผมเมื่อผมนอนลงไป ให้ลีวายส์กลับมานั่งคร่อมแทน
 
“อึกๆ....พี่ธาร” ลีวายส์เริ่มงอแง ร่างเล็กก้มลงมาซบกับแผงอกผม จนผมต้องผลักออก คว้าขวดสบู่มาปาดป้ายแทนร้อนของตัวเอง ขยับรูดสองสามครั้ง
 
“ลีวายส์.......กดตัวลงแรงนะ....เข้าใจมั้ย” ผมบอก ลูบแก้มใส่เบาๆ ก่อนจะยกร่างเล็กขึ้น จับแทนร้อนของตัวเองจ่อเข้ากับปากช่องทางรักอันคับแคบของมัน ลีวายส์กัดฟัน กดตัวลงช้าๆอย่างว่าง่าย
 
“อื๊อออ.....อ่า....อึกๆ....อื๊อออ.....พะ...พี่ธาร” ลีวายส์ร้องเสียงกระเสาะ
 
“อืม.....อ่า....ซีดดดดด....” ความเสียวซ่านภายใน ทำให้ผมเลียริมฝีปากตัวเองอย่างหื่นกระหายก่อนจะซีดดดดปาก เพราะความอุ่นนุ่มคับแคบที่กำลังตดขมิบ มันทำให้ผมแทบจะบ้าคลั้ง ถ้าเป็นปกติผงคงไม่รอช้าที่จะรุนแรงกับคนตรงหน้าเลย แต่ลีวายส์เบาะบางเกินไป
 
“อื๊อออ......พี่ธาร...ลีวายส์.....อึกๆ จะ....ลีวายส์  อ๊ะ!!!” ลีวายส์ร้องเสียงหลงอีกเมื่อผมจับเอวบางให้โยกไปมา เพราะเริ่มสติแตกกับอารมณ์ตัวเองก่อนจะขยับยกตัวลีวายส์ขึ้นช้าๆ
 
“ซี๊ดดดด...อ่า จะเสร็จแล้ว....อ่า.....ขยับโยกได้หรือเปล่า ‘คนดี’ จุ๊บ!” ผมถาม ลีวายส์พยักหน้ารับ ผมกำลังจะปล่อยออกมาทั้งที่ยังไม่ทันได้ขยับเลยก็ว่าได้
 
“อื๊อออ......ลีวายส์...อ๊ะๆๆ” ลีวายส์เริ่มขยับเบาๆ ผมปวดหนึบเล็กน้อยคล้ายจะปลดปล่อยเต็มที แต่ลีวายส์กลับปล่อยน้ำรักออกมาเต็มหน้าท้องผมซะก่อนที่ทีผมไม่จะจับต้องมันเลยสักนิด ผมยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะจับเอวบางยกขึ้นและขยับสะโพกด้วยตัวเอง
 
“อ๊ะๆๆๆๆ...พะ...อ๊ะๆๆ...พี่ธาร....อ๊ะๆๆๆ”ลีวายส์ครางเสียงหวานเมื่อผมขยับแรงๆ หยอดน้ำสีแดง ไหลออกมาจากช่องทางรักของร่างเล็กทำให้ผมกัดปากตัวเองแต่ก็หยุดไม่ได้ อีกแค่นิดเดียว
 
“ซีดดดดดดด....อ่าๆ....อ่า” ผมปล่อยน้ำอุ่นๆเข้าไปภายในตัวร่างเล็ก ลีวายส์หอบหายใจถี่เร็วอย่างหน้าตกใจก่อนจะหมดสติไป
 
“พี่.....ธาร....”
 
“ลีวายส์!!!”ผมรีบถอดแท่นร้อนของตัวเองออกช้าๆทั้งคราบเลือดและคราบน้ำรักไหลลงมาปะปนกับน้ำในอ่างก่อนจะเจือจ่างรวมกัน“ลีวายส์! ลีวายส์!”ผมปล่อยน้ำออกจากอ่างก่อนจะเปิดใส่ใหม่เพื่อล้างตัวทั้งผมและร่างเล็ก
 
“อึกๆ...อึก” ลีวายส์มีอาการสะอื้นเล็กน้อยในขณะที่ผมอุ้มพามันมายังเตียงกว้าง ผมก้มลงจูบมุมบางสีสดก่อนจะเดินไปเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ให้ก่อน จากนั้นก็เดินออกไปหายาแก้อักเสบแก้ปวดกับยาแก้ไข้มา
 
“ลีวายส์.....กินยาก่อนนะ...จู่ๆ...เด็กดี กินเร็วเข้า” ผมช้องหัวลีวายส์ขึ้นมาเอนให้ซบกับแผงอก ป้อนยาให้ ลีวายส์กินยายากจึงไม่ยอมเปิดปาก ผมก็เลยต้องอมยาพร้อมกับน้ำไว้ ก้มลงประกบปากกับปากเล็ก และประกบปากป้อนน้ำตามอีกสองครั้ง กว่ามันจะยอมกลืนลงคอ
 
เฮ้อ! ผมมองร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างเคร่งเครียด กลัวเหลือเกินว่ามันจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ถึงยังไง ผมก็ทำมันลงไปแล้ว และผมเชื่อว่ามัน ‘รักผมมาก’
 
ผมก้มลงจูบหน้าผากมันก่อนจะวางร่างเล็กให้นอนดีๆและลุกไปแต่งตัว หลังจากแต่งตัวเสร็จก็หาเสื้อนอนตัวใหญ่ๆมาใส่ให้ลีวายส์เพราะใส่เสื้อคลุมอาบน้ำมันชื้น เดี๋ยวจะยิ่งไม่สบาย
 
“ว่าไง....ไอ้ธาร” เมื่อเห็นว่าไอ้กายโทรมาหลายสาย มันคงเป็นห่วงลีวายส์มาก ผมจึงโทรกลับไปและออกมาคุยตรงระเบียงห้อง พร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย
 
“โอเคแล้ว....” ผมตอบแค่นั้น
 
“กูไม่นึกเลยว่าไอ้นัทมันจะเหี้ยขนาดนี่ แม่ง.... แต่สมล่ะที่มึงทืบมันจนเข้าโรงบาล กรามร้าว ซี่โครงหักไปสองซี่”
 
“กูอยากให้มันตายด้วยซ้ำ” ผมบอกสูบอัดบุรี่เข้าปอด เมื่อนึกถึงหน้าเหี้ยๆของมัน
 
“นี่มัน....วางยาลีวายส์ใช่มั้ย แม่งเฮ้ย!!! เดี๋ยวนะ แล้วมึงทำไง......อย่าบอกนะว่ามึง..........” ติ๊ด! ผมตัดสายทิ้ง เพราะไม่อยากพูดอะไรมากมาย ไอ้กายรู้อยู่แล้ว มันด่าผมหูชาแน่ เชื่อสิพรุ่งนี้มันต้องมาแต่เช้าแน่ๆ
 
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องเลยไปบ้วนปากในห้องน้ำเพราะเมื่อกี้เพิ่งสูบบุหรี่ไป ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆร่างเล็กที่ผมห่มผ้าให้มันจนมิดโผล่ออกมาแค่ใบหน้า ผมกดจมูกลงกับปลายจมูกเล็กๆของมัน
 
“ลีวายส์.....ของกู จุ๊บ!” ผมดึงมันเข้ามากอด หลับตาลงช้าๆ และหลับตามมันไป
 
 
กริ่งงงงงงงงงงงง   กริ่งงงงงงงงงงงงงง  กริ่งๆๆๆๆๆๆ กริ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 
“เว้ย!!!!! เหี้ยตัวไหนมาวะเนี่ย” ผมเด้งตัวลุกจากเตียงกว้าง สะบัดหัวแรงๆ และก้มลงหอมแก้มใสของร่างเล็กที่ยังคงหลับสนิท ผมเดินงัวเงียออกมาเปิดประตู แม่ง หลับไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมงเอง
 
“เหี้ยรัยวะ.......”
 
เพี้ย!!!! หน้าผมหันไปตามแรงตบโดยมือหนักๆของใครบางคนหน้าประตู
 
“ไอ้เหี้ยธาร มึงทำไรลูกกู ไอ้สัด ไอ้หื่น ไอ้บ้ากาม” ไอ้กายครับ มันยกกำหมัดขึ้นทุบตีผมใหญ่ ผมเองก็ยืนให้มันทุบตีให้พอใจ
 
“พอๆ กาย ตบตีมันไปก็เท่านั้นแหละ กาย!!!” จนกระทั่งพี่หมอเข้ามาห้าม
 
“ปล่อยมันเหอะ ให้มันทำจนมันพอใจนั่นแหละ” ผมบอก ไอ้กายมีสีหน้าโกรธเคืองมาก ผมรู้ว่ามันรักและห่วงลีวายส์ไม่น้อยไปกว่าผม
 
“ไอ้เหี้ย!!! กูโกรธมึงด้วย กูจะไม่พูดกับมึงสามวัน ไอ้สัด!!!” มันว่าก่อนจะผลักผมออกไปให้พ้นทางและเดินตรงไปยังห้องนอน เฮ้อ! ผมเอื้อมมือไปปิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ปิดไอ้แมนก็เดินมาถึงพอดี อะไรของพวกมันวะ
 
“มีไร.....วะ” ผมถาม มันไม่ตอบแต่ผลักผมให้พ้นทางก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน ห่าราก ยังไม่หมดตามมาด้วยคุณโอ๊ตอีก “โทรไอ้เซฟมาด้วยดีมั้ยวะ!” ผมพูดบ่นอยู่คนเดียวก่อนจะปิดประตูลง
 
“ลีวายส์ล่ะ.....เป็นไงบ้าง” ไอ้แมนถาม มันนั่งลงบนโซฟาข้างคุณโอ๊ต
 
“ก็...............” ผมกำลังจะตอบ พี่หมอกับไอ้กายเดินออกมาจากห้องนอนซะก่อน พี่หมอคงมาดูอาการให้ แม่ง ไอ้กายนะไอ้กาย กูอายเป็นนะเนี่ย จิ๊
 
“ถ้าลีวายส์เป็นอะไรไปกูฆ่ามึงแน่” ไอ้กายมันก็ยังไม่หยุด
 
“หยุดพูดสิ กูรำคาญ” ผมบอก มันเลยค้อนใส่
 
“เอ่อ แม่ง กูไม่พูดก็ได้ กูจะพาลีวายส์ไปอยู่กับกูที่บ้าน” อะไรของมันนักหนาวะ
 
“กาย!!!!!!!” พี่หมอปรามมันอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงและจัดยาให้ ไอ้แมนมองผมกับไอ้กายสลับกันก่อนจะถามคำบ้าๆออกมา
 
“นี่มึงกินลีวายส์แล้วหรอ.....โอ๊ย!!! เจ็บนะ” คุณโอ๊ตที่นั่งอยู่ใกล้ๆยกมือขึ้นตบหัวมันเข้าให้ สมควร ล่ะ แต่ว่าทุกคนก็หันมามองผมเหมือนอยากฟังคำตอบ
 
“เฮ้ยๆ อย่ามองกูแบบนั้นได้มั้ย กูไม่ได้ฆ่ามันสักหน่อย” ผมบอกก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้อง เพราะทนอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ได้ล่ะ สายตาแต่ละคนคาดคั้นเกินจนจุกอก
 
ผมเข้ามาในห้อง นั่งลงบนเตียงกว้างข้างๆร่างเล็ก ยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆ เสียงประตูผลักเข้ามาในห้องพร้อมๆกับพี่หมอ เดินถือกล่องยาเข้ามาให้ยื่นให้ผม
 
“อ่ะ ให้ลีวายส์กินตามนี้นะ จะได้ดีขึ้น” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะรับมาวางไว้บนหัวเตียง “น้องยังเด็ก ดูและดีๆแล้วกัน ทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ มึงไม่ผิดหรอก แค่....ทำสิ่งที่ไม่ถูกน่ะนะ”
 
“พี่หมอออออ....” พี่หมอยักไหล่ให้ และเดินออกไปจากห้องนอน
 
ไอ้แมนทำโจ๊กไว้ให้ผมกับลีวายส์ก่อนจะกลับไปห้องมันส่วนไอ้กายโดนพี่หมอลากกลับไปแล้ว ผมเองก็ยังคงกลับมานอนกอดร่างเล็กอยู่ไม่ห่าง ตอนนี้ผมลืมความโกรธที่ลีวายส์ไม่เชื่อฟังแอบลงมาในผับเมื่อคืนไปหมดแล้วเพราะเป็นห่วงมันมากกว่า ทำไมมันไม่ตื่นสักทีวะ หรือต้องพาไปหาหมอ!
 
“อืมมม.......อึกๆ.....พี่ธาร.....อึก” ผมรีบลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินเสียงลีวายส์ ร่างเล็กร้องครางเบาๆ ก่อนจะบิดกาย “เจ็บ....อึกๆ...เจ็บ อือออออ” เอาแล้วไงไอ้ธารรร งานหนักมาแล้ว
 
“จู่ๆ อย่าร้องลีวายส์......ลีวายส์เจ็บตรงไหน หืม” ผมถาม ช้อนร่างเล็กเข้ามากอดไว้บนตัก
 
“เจ็บทั้งตัวเลยฮะ..อึกๆ....อือออ....เมื่อคืน....อึกๆ....” เมื่อคืน??.....ผมรอฟังคำถามของมันอย่างใจจดใจจ่อ “เมื่อคน...อึกๆ....ลีวายส์โดน...อืออออ.โดนตีหรอฮะ...อึกๆ....อื๊อออออ ลีวายส์ขอโทษ...” ทำเอาผมแทบสะอึก
 
“เปล่าๆ ไม่ได้โดนตี.....ไม่ได้โกรธด้วย หยุดร้องก่อน นอนดีๆ” ผมว่างร่างเล็กให้นอนลงดีๆ เดินเข้าไปเอาผ้าผืนเล็กชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ ก่อนจะกลับออกมา “แปรงฟันมั้ย” ลีวายส์พยักหน้าตอบ
 
ผมอุ้มลีวายส์มาเข้าห้องน้ำ ว่างร่างเล็กให้นั่งลงบนเค้าเตอร์ ใกล้ๆอ่างล้างหน้า หยิบแปรงส่งให้ ลีวายส์รับมา ร่างเล็กนิ่วหน้าเจ็บ นิดๆ
 
“เจ็บตรงไหน....” ผมถาม ในขณะแปรงฟันไปพร้อมๆกับมัน
 
“เจ็บก้นฮะ......เจ็บขาด้วย” ร่างเล็กหน้าขึ้นสีนิดๆ ผมบ้วนปากและส่งแก้วน้ำให้ลีวายส์บ้วนปากบ้าง จากนั้นก็ล้างหน้าตัวเองก่อนจะล้างให้ลีวายส์
 
“เดี๋ยวก็หาย.....ขี่หลังมา อุ้มไม่ไหวล่ะ” ผมบอก ลีวายส์ยิ้มนิดๆก่อนจะขึ้นมาบนหลัง พาออกมายังห้องครัว หันหลังในมันนั่งลงบนโต๊ะอาหาร ผมตักโจ๊กใส่ถ้วยใบใหญ่เพราะจะทานสองคนเลย มาว่างลงบนโต๊ะ ส่วนผมนั่งลงบนเก้าอี้
 
“ใครทำอ่ะ......” ลีวายส์ถาม
 
“ไอ้แมนมั้ง....อ่ะ กินสิ” พอเห็นว่าผมป้อนให้ลีวายส์ก็ยิ้มดีใจใหญ่ ร่างเล็กก้มลงอ้าปากกว้างกินโจ๊กคำโต ผมเห็นแบบนี้แล้วค่อยเบาใจหน่อย
 
“จุ๊บ! อร่อยจังฮะ.....” ลีวายส์ก้มลงจุ๊บข้างแก้มผม หึ!
 
“งั้นก็กินเยอะๆ....จะได้กินยา” ผมว่าก่อนจะตักโจ๊กในถ้วยเดียวกันกินบ้าง ลีวายส์หน้างอทันทีเมื่อรู้ว่าต้องกินยา “พูดให้รู้ฟัง ลีวายส์” ร่างเล็กพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะกินโจ๊กต่อ
 
เมื่อทานข้าวทานยาเสร็จเรียบร้อย ผมก็อุ้มลีวายส์มาในห้องนั่งเล่น ตอนนี้ผมเองก็เริ่มปวดแขนล่ะ ผมวางลีวายส์ลงบนพรมด้านล่างโซฟาตัวยาว ก่อนจะเดินไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อให้แสงจากภายนอกเข้ามา
 
“พี่ธารทำรอยนี่หรอฮะ” ลีวายส์ก้มมองหน้าอกตัวเองก่อนจะถามผม ร่องรอยแดงๆบนผิวเนียนใสซึ่งผมเผลอทำไว้ ผมนั่งลงข้างๆมัน ดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างน้อยมันก็ต้องรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
 
“อืม....สวยมั้ย” ผมแกล้งถาม ลีวายส์เม้มปากนิดๆ ก่อนจะพยักหน้า “หึ! ทำมากกว่า...ตรงนี้อีก จำได้หรือเปล่า ฟอด!!!” ผมบอก ลีวายส์สั่นหัวตอบ ผมเลยเริ่มบอกเรื่องอย่างว่าให้มันฟังและทำความเข้าใจ ลีวายส์ก้มหน้ามุดเพราะรู้สึกอายจนหน้าแดงและบอกว่าโกรธผม ผมจึงแกล้งบอกว่าลีวายส์เริ่มก่อนนะ มันเลยหน้างอไม่คุยกับผมพักใหญ่
 
“พี่ธารก็มีด้วย นี่ไง”หลังจากเงียบไปนานมันก็ดึงคอเสื้อยืดผมลง เผยให้เห็นรอยแดงตรงหน้าอก ตอนนี้ผมเอาหมอนมานอนบนพรม ลีวายส์นอนหนุนแขนผมอยู่ อยากจะงีบซะหน่อย
 
“นั่นไง มึงทำกูก่อน เนี่ยหลักฐาน” ผมบอก ลีวายส์ก้มหน้ามุดเข้ามากัดหน้าอกผมเข้าให้ “เจ็บๆ เดี๋ยวเหอะ จะโดนอีกรอบ เอามั้ย”
 
“ไม่เอาฮะ....ลีวายส์เจ็บ” ร่างเล็กพูดบอกเสียงอ่อย
 
“ต้องทำบ่อยๆไง‘ครั้งต่อๆไป’จะได้ไม่เจ็บ”
O/////O
-,.-
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>

ในที่สุดก้อ O/////O

ถ้าบรรยายผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ เม้นเป็นกำลังใจนิดๆๆ  :mew2:  :mew2:

แต่แหมกว่าจะ......กันเล่นเอา นักเขียนหมดแรง 555555 

เจอกันตอนต่อไปนะค่ะ  :mew1:  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 18-06-2014 20:52:05
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
พี่ธารกินลีวายส์ไปซะแล้วววววว วร๊ายยยยเขินนนนนน
แต่นัทแมร่งแย่มากก กล้าวางยาเลยหรอ !!!!!!! เลววววว :katai1:
ส่วนเซฟนี่คู่กับเด็กแพ็คปากดีจริงๆสินะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 18-06-2014 22:26:52
อีธาร พรากผู้เยาว์...ระวังคุกๆๆๆๆๆๆ o18
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 18-06-2014 23:02:55
รักน้องมากๆ นะ พี่ธาร

ลีวายส์ ต้องทำบ่อยๆ ลูก จะได้ไม่เจ็บ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 18-06-2014 23:07:55
 :-[ :-[ :jul1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 18-06-2014 23:36:21
ลีวายของฉัน(?!!) เสร็จพี่ธารซะละ รอโตกว่านี้อีกหน่อยค่อยกินอีกทีนะ ครั้งนี้มันสุดวิสัย

ปล. คนแต่งอย่าพึ่งน้อยใจนะ เรารออ่านเรื่องนี้ทุกวันแหละ เรื่องนี้น่ารัก สนุก กวนๆ ดี คนอ่านจริงๆก้เยอะ แต่บางคนอาจจะไม่สะดวกเม้นก็ได้ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 19-06-2014 03:09:35
ตัองขอบคุณไอ้เหี้-นัทมั้ยเนี่ย
ที่พี่ธารได้กินลีวาย

ลุ้นมานานได้กันแล้วค๊าาาาาา
ดูแลลีวายดีๆนเอีธาร
ว่าแต่เซฟกับแพ๊คนี่ยังไง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 19-06-2014 14:12:35
พี่ธารก็ให้น้องเค้าพักๆ บ้างอย่างเพิ่งคิดไกลเกิน 555 เดี๋ยวเก็บกด
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 20-06-2014 15:45:17
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

ลีวายส์โตเป็นสาวแล้ว อิอิ
พี่ธารก้อ อย่าทำน้องแรงนะ เด๋วไปเรียนม่ะไหวๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 20-06-2014 18:59:20
Older Brother.....28
 
[แมน:Part]
 
 ‘เลิกเรียนยัง’
 
‘กูอยู่หน้าคณะมึง’
 
‘ช่วยตอบกูด้วย คนของพี่มึงอยู่หน้าคณะเนี่ย’
 
ปึก!!!
 
ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆประตูรถเปิดออกระหว่างที่ผมกำลังจ้องไลน์ในโทรศัพท์ ก่อนประตูรถจะปิดลงเสียงดังโดยใครบางคนที่ตอนนี้มันขึ้นมานั่งจ้องผมตาขวาง ผมก็ไม่รู้น่ะสิว่ามันอยู่ใกล้ๆตรงที่ผมจอดรถอยู่ ผมก็เลยโกหกไปว่าคนของพี่ชายมันอยู่แถวนี้ เหอะ!
 
“ตกใจหมด แม่ง เลิกเรียนนานยัง” ผมถาม ร่างบางเหลือบมองผมด้วยหางตา ก่อนจะทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้อารมณ์ ช่วงนี่ผมจะมารับมาส่งมันที่มอทุกวัน
 
ผมไม่เข้าใจตัวเองเล้ยยย ว่าทนอยู่กับมันได้ยังไง ถ้าเป็นคนอื่น แม่ง กูถีบลงรถจากไปล่ะ อุตสาห์มารับแท้ๆ สลัด เหี้ยเฮ้ย! (ไมไม่ด่าตรงๆอ่ะ)
 
“แวะร้าน BK ด้านหน้า” มันบอกขณะอยู่บนรถ ผมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหน้าเอือมๆและเลี้ยวรถจอดเทียบฟุตบาทให้มันลง
 
“เร็วๆ กูจะกลับไปนอน” ผมบอก เพราะเมื่อคืน นั่งดื่มกับรุ่นพี่จนดึกแถมยังต้องปิดร้านอีก งานที่ร้านมีทุกวันแต่ที่สนามแค่อทิตย์ล่ะสองสามวันเท่านั้น
 
โอ๊ตลงจากรถ ผมพูดกับมันก็เหมือนผมพูดคนเดียวนั่นแหละ โอ๊ตมันฟังผมซะที่ไหน บางทีผมก็หมั่นไส้จนอยากจะตบกะบาลมันสักครั้ง แต่ก็ทำไม่ลงสักทีว่ะ มันตรงเข้าไปทางร้านกาแฟหรือเบเกอรี่อะไรสักอย่าง ประตูร้านเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นภายในร้านได้ดี
 
ร่างบางเข้าไปทักผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มตรงเค้าเตอร์ และพูดคุยกันอย่างสนิทสนมจนผมเริ่มหงุดหงิดกับร้อยยิ้มของมันที่มีให้เค้า ถึงแม้ว่ามันจะแค่ยิ้มบางๆก็เถอะ ทีกะกู แม่ง ไม่เห็นจะยิ้มมั่งเลย
 
ผมลดกระจกลงก่อนจะหยิบซองบุหรี่ในเก๊ะรถขึ้นมาจุดสูบ ในรถมีอุปกรกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ดี ผมเลยไม่ต้องกลัวกลิ่นบุหรี่โชย นั่งสูบได้สบาย
 
ผมจ้องมองโอ๊ตอยู่สักพักมันก็ออกจากร้าน เดินตรงมาเปิดประตูขึ้นรถ มันมาพร้อมกับชีทปึกหนึ่งในมือและกาแฟเย็นแก้วใหญ่
 
“ใคร” ผมถามเสียงเรียบ มันไม่ตอบ แต่ยื่นแก้วกาแฟเย็นมาตรงหน้าผม ผมมองแก้วกาแฟกับหน้ามันสลับกันก่อนจะก้มลงดูดกาแฟในแก้วทั้งที่มันถืออยู่ในมือ อารมณ์ไหนวะ!
 
“พี่รหัส รีบกลับเหอะ กูมีงานต้องทำ” มันบอกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดเหมือนออกคำสั่งกับผม แม่ง! กูเป็นคนขับรถของมึงหรือไง แต่ผมก็ไม่อยากหาเรื่องมันน่ะนะเข้าใจป่ะ ไม่อยากเถียง=_=
 
“เหนื่อยฉิบ แม่ง คืนนี้ต้องไปสนามอีก โอ้ยยย กูจะบ้า ฟอด!!!” ผมพูดบ่นตอนเปิดประตูห้องเข้ามา โอ๊ตมันเข้ามาก่อนผมเลยหน้ามึนชิงหอมแก้มมันและรีบเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ เดี๋ยวมันถีบผมอีก
 
“ยืมแมคบุ๊คหน่อย” ผมทำท่าจะล้มตัวนอนบนเตียง แต่หัวไม่ทันถึงหมอน โอ๊ตมันเข้ามาซะก่อน ว่าจะนอนเอาแรงซะหน่อย ตอนนี้นางใส่เสื้อนักศึกษาชายเสื้อเลยสะโพกลงมาจนถึงต้นขากับกางเกงขาสั่นๆของผม แม่งโคตรเอ็กซ์อ่ะ
 
“ทำไร” ผมถาม เลื่อนลิ้นชักช่องใหญ่ข้างเตียงหยิบออกมาให้มัน มันไม่ตอบแถมยังมองผมด้วยสายตาแบบ ถามทำไมวะน่ารำคาญ แบบเนี่ย กูควรจะให้มันมั้ย
 
“งานสิ เร็วๆ” โอ่ มันขู่กูครับ หึ!
 
“จูบกูก่อน เดี๋ยวกูให้” ผมว่า ยักคิ้วกวนตีนให้ มันชักสีหน้าใส่ผมทันที หึ! “เร็วดิ รีบไม่ใช่หรอวะ” ผมบอก มันกัดปากล่างก่อนจะเข้ามายืนข้างเตียง โน้มหน้าทาบริมฝีปากลงมากับปากผมและผละออกอย่างรวดเร็ว มันยืนมือมาดึงแมคบุ๊คแต่ผมดึงกลับ
 
“เอามาสิ” ผมว่าสีหน้าเริ่มโกรธเคืองขึ้นมาเล็กน้อย
 
“นั่นเค้าเรียกจูบ? ห่าเหอะ จูบต้องแบบนี้” ผมคว้าเอวบางเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วจนเข่ามันขึ้นมาเกยอยู่บนเตียงก่อนจะใช้มือหนาอีกข้างกดท้ายทอยมันให้โน้มหน้าทาบริมฝีปากสีซีดติดคล้ำเพราะสูบบุหรี่ลงกับริมฝีปากบางของผม ก่อนจะบดจูบดูดอย่างร้อนแรงจนร่างบางไม่สามารถปฏิเสธได้
 
“อืม......” เสียงทุ่มต่ำของมันครางออกมาจากลำคอ เมื่อลิ้มร้อนเกี่ยวตวัดลิ้มนุ่มน่าดูดกลืนไม่หยุด เราจูบกันนานนับสามนาทีก่อนที่มันจะจิกเล็บลงบนแขนผมจนเจ็บแปลบยังไม่พอ อีกมือยังขยุ้มเส้นผมด้านหลังของผมแรงๆอีกด้วย
 
“อ่ะๆ...โอ้ย! เจ็บ!!!” สุดท้ายผมก็ยอมผละออก “มึงชอบความรุนแรงนะ เดี๋ยวเหอะ คืนนี้กูจะจัดหนัก” ผมบอกพร้อมกับบีบก้นกมลแน่นของมันแรงๆ
 
“ไอ้เลว!!! ไอ้เหี้ย!!!” มันผลักผมออกก่อนจะหยิบเอาแมคบุ๊คและเดินออกจากห้องไป ผมยิ้มมุมปากให้กับแผนหลับบางของมันพลางเลียริมฝีปากเหมือนคนบ้ากาม กูเห็นมันหน้าแดงด้วยล่ะคึคึ
 
 
 
 
 
“วันนี้กูกลับดึกนะ มึงไม่ต้องไป ดูเหมือนพี่มึงจะให้คนไปดูที่สนามกูด้วย ใครมาก็ห้ามเปิดประตูล่ะ” ผมพูดบอกกับร่างบางที่กำลังนั่งทำงานอยู่ตรงระเบียงห้อง “ฟังกูป่ะเนี่ย!......” แล้วก็เหมือนเช่นเคย มันไม่สนใจจะฟังผม ผมเลยใช้เท้าเตะขามาเบาๆ
 
“หูไม่ได้หนวก” ผมทำท่าตบหัวมันอย่างหมั่นไส้แต่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือจริงๆ เปลี่ยนไปก้มลงกดจมูกกับแก้มใสแทน มันทำเสียงอึดอัดในลำคอแบบไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้โว้ยวายอะไรออกมา
 
“ไปนะเมีย อยู่บ้านดีๆ” ผมบอก สาบานได้ว่าผมไม่เคยใช้คำว่าเมียกับใคร “เดี๋ยวคืนนี้จัดหนัก!!! ฟอด!!!!” ตบท้ายด้วยประโยคกระซิกบอกเสียงพร่าชวนน่าตบสุดๆ
 
“ไอ้เลว!!!” ผมจะถือว่านั่นคือคำชมล่ะกัน เพราะมันพูดบ่อยจนชินหูล่ะ
 
 
 
“ว่าไงไอ้ติณ.....” ผมมาถึงออฟฟิศในสนามเมื่อยี่สิบนาทีก่อนตอนนี้ราวๆสามทุ่มได้ ผมมาดูเด็กที่จะลงแข่งในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึงนี้ จากนั่นก็เดินมาคุยกับไอ้ติณ
 
“พวกมันส่งคนมาดูที่สนามจริงๆ อย่างที่พี่คิดไว้นั่นแหละ มาเกือบทุกครั้งที่เราเปิดสนาม ผมว่าพี่ระวังตัวด้วยก็ดี หรือจะให้ผมตามรับตามส่งก็ได้” ไอ้ติณบอก เกี่ยวกับเรื่องที่ผมให้มันไปสืบดูว่าพี่ชายโอ๊ตให้คนมาตามหามันจริงๆอย่างที่พี่มาศบอกหรือเปล่า
 
“ไม่ต้องหรอก มึงให้คนไปจัดการพวกนั้น บอกว่ากูพอใจที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากกูก่อน เพราะที่นี่มีกฎ” ถึงที่นี่จะดูเป็นแหล่งของอบายมุขที่หนึ่งแต่ผมก็มีการตรวจคนเข้าตรวจอาวุธใช่ว่าจะเข้ากันมาได้เฉยๆ เพราะถ้าเกิดใครมีเรื่องเกินสามครั้งจะโดยตัดสั่งห้ามเข้าทันที
 
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้ ส่วนพี่ชายคุณโอ๊ตได้ข่าวว่าช่วงนี้ไปต่างประเทศสองสามวัน อาทิตย์หน้าคงจะกลับ แต่ผมว่า...ไม่แน่ถ้ากลับมาเขาอาจจะมาตามหาคุณโอ๊ตด้วยตัวเองก็ได้ ถ้าหากส่งลูกน้องมาก่อนแบบนี้”
 
ผมเองก็คิดแบบนั้น พี่ชายมันหูตากว้างไกล ไม่นานมันจะรู้ว่าโอ๊ตอยู่กับผม ถ้าหากมาจริงบางทีโอ๊ตอาจจะกลับไปกับพี่ชายมันก็เป็นได้ ถึงตอนนี้แล้วผมเองก็ยังอ่านใจมันไม่ออกว่ามันมาอยู่กับผมเพื่ออะไร แค่ชั่วคราวหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือ ผมไม่ยอมให้มันกลับ!
 
“พี่แมนๆ เด็กมาหาน่ะ น่ารักเชียว” ไอ้ต่อมันวิ่งมาบอกผม “ไอ้ติณ กูหามึงตั้งนาน แม่ง! อ่ะ ของที่ฝากซื้อ” ไอ้ต่อยื่นถุงอะไรสักอย่างให้ไอ้ติณ ไอ้ติณรับมาดูก่อนจะถอนหายใจ
 
“กูบอกให้ซื้อมาสองกล่องไม่ใช่หรอ” ไอ้ติณว่า มันมองไอ้ต่อแบบเคืองๆ
 
“อ้าว ก็....โธ่ กูกินกับมึงก็ได้นา” ที่แท้ไอ้ต่อมันก็ไปซื้อข้าวมา
 
พวกมันคงทำงานกันจนไม่มีเวลากินข้าว ยิ่งมีรอบแข่งแบบนี้ก็จะยิ่งยุ่ง แต่ไอ้ต่อลูกน้องผมมันไม่ค่อยกินข้าวสักเท่าไหร่ ถ้าเหล้าน่ะพุ่งเข้าใส่ตลอด เพื่อนสนิทมันก็เลยห่วงๆมันแบบนี้เป็นประจำ
 
“กูว่ามึงไปหาไรแดกไป ผอมเอวจะหักอยู่ล่ะ.....แล้วเด็กนั่นอยู่ไหน” ผมพูดก่อนจะถามมัน ไอ้ต่อชี้นิ้วไปทางหน้าออฟฟิศ มีเด็กผู้ชายร่างเล็กคุ้นตากำลังยืนชะเง้อมองมาทางผม
 
“สวัสดีฮะ....พี่แมน” อ่อ ไอ้เด็กนี่ที่ผมไปเจอร้านข้าวตอนไปซื้อข้าวให้โอ๊ตเมื่อวันก่อน ชื่ออะไรแล้ววะ ลืม ผมยิ้มบางๆตอบร่างเล็กก่อนจะมองสำรวจมันตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
“ไง....เข้ามาได้ยังไง” ผมถาม ร่างเล็กดูจะติดเขินๆ ตอนที่ผมจ้องมอง
 
“มากับพี่ชายฮะ พอดีพี่มาดูเพื่อนแข่งรถกัสก็เลยตามมาด้วยฮะ” ชื่อกัสสินะ “พี่แมนเอาเบอร์กัสไป ทำไมไม่โทรมาล่ะฮะ”
 
“เอ่อ พอดีพี่ยุ่งๆน่ะ.....ไปคุยกันข้างในดีกว่านะ” ผมบอก ดึงเอวบางของร่างเล็กเข้าหาตัวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องพัก
 
ร่างเล็กเกร็งเล็กน้อยแต่ก็ยอมมาอย่างว่างาย หึ! เด็กนี่อาจจะเคยกับผมแล้วแต่ผมจำไม่ได้ เอาล่ะ ไม่ได้กินเด็กหลายวันล่ะตั้งแต่มีโอ๊ต แต่ในเมื่อเนื้อร้อนๆมาถึงปากก็....ซักหน่อยแล้วกัน
 
“พะ....พี่แมน....” ร่างเล็กดูตกใจกับการกระทำของผมไม่น้อยเมื่อผมพาเข้ามาในห้องปุ๊บก็รุกซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนน่าฝากรอยทันที
 
“หืม.....ทำไมล่ะ กัสไม่ชอบหรอ.....หืม!” ผมถาม ร่างเล็กหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อก่อนจะมุดหน้าก้มหลบสายตาอันเย้ายัวของผม เมื่อเหยื่อสยบเราก็ต้องรบต่อสิ หึ!
 
“อื๊ม........อ๊ะ......” เสียงใสครางรับในลำคอเมื่อผม ดันร่างเล็กให้นอนร่างไปกับเตียงกว้าง ซุกไซ้ซอกคอพร้อมๆกับดูดเม้มสร้างรอย แต่ผมกลับไม่รู้สึกพอใจกับสิ่งที่กำลังทำ
 
ปัง!!!!
 
ในขณะที่ผมกำลังสอดมือเข้าไปในขอบกางเกงของมันอยู่แล้วแท้ๆกลับมีใครบางคนกระชากประตูเปิดออกเสียงดัง
 
“เฮ้ย!!!!......” ผมรีบผละออกทันทีเมื่อเห็นว่าใครคนนั้นคือ...โอ๊ต ถึงแม้ว่าสีหน้าของมันจะไม่แสดงออกว่าโกรธหรือรู้สึกอะไรกับสิ่งที่ผมทำแต่ผมกลับ รู้สึกผิดในใจลึกๆ
 
“ไอ้เลว.....” มันพูดบอกออกมา ก่อนจะเดินกลับออกไปโดยที่ผมยังไม่ทันได้แก้ตัว แต่ จะแก้ตัวอะไรล่ะก็เห็นๆกันอยู่ ผมมองร่างเล็กไปกำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง และพยักหน้าให้ไปทางประตูเป็นเชิงไล่
 
“โอ๊ต! คือ....กู.......” ผมออกมาดึงแขนมันไว้ ร่างบางนิ่งเฉยเหมือนปกติแต่ผมดูออกว่ามันเคืองผม เพราะมันแทบจะไม่มองตาผมเลย ปกติมันจะสู้สายตาผมตลอด
 
“อย่ามาจับตัวกู” มันสะบัดแขนออกจากมือผมแรงๆ หันมาจ้องมองผมด้วยสายตาดุดัน
 
“คือ.....กู.....เอ่อ......แค่เล่นๆน่ะ” ตาเรียวที่กำลังจ้องมองผมเบิกกว้างคล้ายกับตกใจแต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะกลับมาจ้องมองผมอย่างเคียดแค้น
 
“มึงก็เล่นหมดนั่นแหละ แม้แต่กับกู มึงกูเล่น” มันพูดบอก
 
“ไม่ใช่นะ.....มึงน่ะไม่......”
 
“แมน!!!!” เสียงเรียกดังก้องมาทางหน้าออฟฟิศ ผมหันไปมองก่อนผงะเมื่อเห็นว่ามีใครเข้ามา ถึงตอนนี้จะพาโอ๊ตเข้าไปหลบข้างในให้พ้นจากสายตาพี่มาศคงไม่ทันแล้ว
 
“พี่มาศ...ทำไมมาบอกกันมั่งวะ” ผมถาม มือหนาของผมจับข้อมือโอ๊ตไว้ไม่ปล่อยคล้ายกับกลัวว่ามันจะหนีผมไป พี่มาศขมวดคิ้วมองโอ๊ตก่อนจะมองผมอย่างตำหนิ
 
“พวกมึงเข้าไปหลบข้างใน ห้ามออกมา ไอ้โอ๊คส่งคนมาตามหา.......น้องมัน” พี่มาศบอก ผมรีบดึงมือโอ๊ตกลับเข้ามาในห้องทันที  ตอนนี้พี่มาศเห็นแล้วว่าโอ๊ตอยู่กับผมจริงๆ คงโกรธผมไม่น้อยที่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นตอนที่พี่มาถามเมื่อครั้งก่อน
 
เราต่างฝ่ายต่างเงียบเมื่อกลับเข้ามาอยู่ในห้องกันตามลำพัง โอ๊ตยังคงนิ่งเช่นเคยแต่ต่างจากผมที่ในใจกำลังร้อนรุ่มเต็มทน ผมยังคงจับมือมันไว้ไม่ยอมปล่อย ผมกลัวว่ามันจะไป ผมเดาใจมันไม่ออก ถ้าผมปล่อยมือมันบางที.......
 
“อย่าไป.....!!!” ผมพูดบอกเสียงเข้ม เมื่อคนข้างๆลุกขึ้นจากเตียงซึ่งผมกับมันนั่งอยู่ ผมจับมือมันแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
“อย่าไปจากกู” ผมบอกอีก ก่อนจะยกมือขึ้นดึงเอวบางเข้ามากอดไว้ซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบมัน โอ๊ตยืนนิ่งให้ผมกอดมันอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้ามันเป็นแบบไหน ผมทำได้แค่กอดมันไว้แน่นๆเท่านั้น
 
แกร๊ก!!!
 
เสียงประตูเปิดออกตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามา ผมปล่อยกอดจากโอ๊ตเงยหน้าขึ้นมองพี่มาศที่กำลังขมวดคิ้วมองเราสองคนอย่างไม่เข้าใจ พี่มาศเดินผ่านไปหยิบบุหรี่ที่โต๊ะข้างเตียงจุดสูบก่อนจะยืนพิงหลังกับผนังห้อง
 
“ตอนนี้พี่คงไม่อยากฟังคำอธิบายเท่าไหร่ แมน แกโกหกพี่”
 
“ผมขอโทษ....”
 
“พี่จะไม่ยุ่งเรื่องของแกอีก ปัญหาก่อเองก็แก้เอง เข้าใจใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับเบาๆ พี่โอ๊ตเหลือบมองมือผมที่กำลังกุมมือไอ้แมนไว้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
 
พี่มาศเคลียทางให้ผมกับโอ๊ตกลับคอนโดมาก่อน ส่วนที่สนามไม่มีนัดแข่งสำคัญอะไร ผมจึงสั่งให้พวกไอ้ต่อกับไอ้ติณดูแล เรากลับมาถึงราวๆเที่ยงคืนกว่าๆ โอ๊ตกับผมยังคงเงียบใส่กันต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
 
“ไปที่สนามทำไม” ผมถามในตอนที่เราเข้ามาในห้อง ผมนั่งลงบนโซฟาคล้ายกับเหนื่อยล้าไปหมดทั้งร่างกาย
 
“แค่แวะไป” มันบอก ผมหันขวับไปมองมัน มันออกจากห้องตอนผมไม่อยู่งั้นหรอ
 
“มึงไปไหนมา มึงออกไปทำไม กูบอกไม่ใช่หรออยากไปไหนกูจะพาไป มึงห้ามออกไปคนเดียว”ผมเริ่มโกรธมันขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามันไม่เคยเลยแม้แต่จะฟังผมสักนิด
 
“กูไม่ใช่นักโทษ กูมีแขนมีขาจะไปไหนมาไหนก็ได้ มึงไม่มีสิทธิมาบังคับกู กูจะออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ มันเรื่องของกู!!!”
 
“เหอะ! ใช่สินะ มึงอยากจะก็มาถึงเวลาจะไปก็คงไป มึงไม่เคยฟังกูเลย ไม่เคยมองกูเลยด้วยซ้ำ ...... ทั้งๆที่กูแทบจะเป็นบ้าทุกครั้งที่มึงหายไป หรือหามึงไม่เจอ บางทีเหมือนเราสนิทกันแต่บางทีก็คล้ายกับเราไม่รู้จักกันเลยสักนิด”
 
ผมเดินเข้ามาในห้องนอน ผ่านเข้ามาในห้องน้ำยืนมองตัวเองหน้ากระจก กำหมัดแน่นจนรู้สึกเจ็บฝ่ามือแต่ก็เจ็บไม่เท่าหัวใจผมในตอนนี้ ผมเหวี่ยงมือโดยขวดอะไรสักอย่างตกแตกลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์
 
ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนไม่เคยเลยจริงๆ จะว่าผมหลงมันก็คงใช่ จะว่าผมชอบมันก็คงถูก แต่รักน่ะ....มันใช่หรือเปล่า...ผมก็ไม่รู้
 
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้อารมณ์เย็นลงเสร็จเรียบร้อย ผมก็ออกมานั่งนอกระเบียงทั้งที่ยังไม่ได้แต่ตัว หวังให้ลมเย็นๆ ช่วยพัดพาอารมณ์ร้อนๆที่ค้างคาอยู่ให้เจือจางลง โอ๊ตเข้าไปอาบน้ำต่อจากผม ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะสูบบุหรี่ตาม
 
ถ้าเรื่องมันยุ่งยากนักผมจะไปหาพี่ชายมันเอง ตายเป็นตาย ยังไงผมก็ไม่ใช่คนกลัวตายอยู่แล้ว เกิดมาตายครั้งเดียวจะตายเพื่อสักคนคงจะดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ
 
“กูเอางานไปส่งรุ่นพี่มา พรุ่งนี้จะหยุดเรียน” เสียงทุ่มต่ำดังมาจากกรอบประตูระเบียง ไม่รู้อะไรดลใจให้มันอธิบายกับผม ผมเหล่มองมันด้วยหางตาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ได้น้อยใจหรอกที่มันไม่ฟังแต่แค่เหนื่อยที่จะพูดให้มันเข้า สิ่งที่ผมทำ
 
“มึงอยากไปเรียนไม่ใช่หรอ พรุ่งนี้เอารถกูไปแล้วกัน” ผมบอกในเมื่อมันอยากจะทำอะไรก็ให้มันทำ ผมก็ไม่อยากให้มันคิดว่าอยู่กับผมแล้วเป็นเหมือนนักโทษ
 
“ตกลง....มึงจะเอายังไงกับกู!!!!” มันตะคอกใส่ผม
 
“มึงสิ....จะเอายังไงกับกู!!!!!”ผมลุกขึ้นยืน สติผมขาดสะบั้นลง ก่อนจะขว้างกระป๋องเบียร์ในมือทิ้งลงพื้นจนมันกระเด็นไปไกล อารมร์ร้อนกลับมาก่อตัวอีกครั้ง ผมไม่ใช่คนที่จะทนอะไรได้ง่ายๆ ยิ่งมันขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
 
“มึงมาอยู่กับกูก็แค่อยากมา มันแค่นั่นจริงๆใช่มั้ย แต่สำหรับกูมันไม่ใช่!!! โอ๊ต!!! กูไม่เคยคบใครได้เกินอาทิตย์ กูไม่เคย....พาใครมาอยู่กับที่นี่! กูไม่เคยต้องเป็นกังวลถึงใครสักคนว่ามันจะกินข้างยัง กูไม่เคยอยากกลับมานอนที่นี่ กูไม่เคยเป็นห่วงใครจนขาดสติไปหลายๆครั้ง กูไม่เคยรักใคร......ตั้งแต่เจอมึง!!!”
 
ผมคว้าร่างมันเข้าหาตัวก่อนจะกดจูบหนักๆลงกับริมฝีปากบางโดยไม่สนใจว่าโอ๊ตกำลังยืนนิ่งอึ้งคล้ายคนขาดสติยิ่งกว่าผมก่อนที่มันจะรู้ตัว ผมพาตัวมันกลับเข้ามาในห้องนอนและดันร่างบางลงนอนราบบนเตียงกว้างก่อนจะพาร่างหนาของตัวเองทับทาบตามไปติดๆ
 
รสจูบหนักหน่วงจนแทบลืมหายใจทำให้คนใต้ร่างเผลอไผลตามอย่างง่ายดาย ผมถอนริมฝีปากออกก่อนจะกดลงไปอีกซ้ำๆขบเม้มแรงๆ ดูดดึงจนเกิดเสียง จ๊วบ! หวานหู ลิ้นร้อนต่างตวัดเกี่ยวกันเพื่อลิ้มรสของอีกฝ่าย
 
โอ๊ตยกมือขึ้นไล่สอดนิ้วไปตามเรือนผมสั้นๆของผมตอบรับแรงกดจูบหนักๆกลับมาอย่างไม่ยอมกัน คงจะมีแค่เรื่องนี้เท่านั่นสินะที่เราเข้ากันได้ ผมหยุดทำการการทำเมื่อคิดได้อย่างนั้นก่อนจะผละออกจากร่างบาง โอ๊ตชะงักมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเบือนหน้าหนี หึ!
 
ผมลุกจากตัวมันมานั่งลงข้างๆร่างบาง ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง ผมควรออกไปจากห้องสักพัก เผื่อผมจะเย็นลงกว่าที่เป็นอยู่แต่ทว่ากลับโดนคนข้างๆคว้าข้อมือไว้จนผมแปลกใจ ต้องหันกลับไปมอง
 
“ไปไหน” โอ๊ตถาม เสียงสั่นเล็กน้อย
 
“ไปร้าน......” ผมบอกหันกลับจะก้าวเท้าต่อแต่ว่า ร่างบางไม่ยอมปล่อยมือ มันดึงมือผมไว้และกำแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
“อย่าไป......กูไม่อยาก......อยู่คนเดียว” ผมหันกลับไปมองสบตาโอ๊ตอีกครั้ง ไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะรั้งผมไว้แบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะดึงมือผมไว้แบบนี้และเชื่อได้เลยว่าการกระทำของมันแค่นี้จะทำให้ผมใจเย็นลงได้อย่างง่ายดาย
 
ผมนั่งลงก่อนจะดึงร่างมันเข้ามากอดจากนั้นก็ทำตามที่ใจต้องการ เหนือกว่าสิ่งที่ผมหลงใหลในตัวมันนั้นคือความสุข ความสุขที่เราได้สัมผัสจากคนที่เรา.....รัก มันจริงหรือเปล่านะ และตอนนี้ผมคิดว่า ตัวเองก็กำลัง....มีความสุข มากมายเหลือเกิน
 
<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>

เราว่ะนะ คู่นี้เราแต่งได้ไม่ดีเท่าไหร่

มองไม่ค่อยวิ่งเลยอ่ะช่วงนี้(?) รักกันแบบมึนๆ

แต่รู้แล้วว่าคุณนายแมนรักคุณนางโอ๊ต เหอะ!

นางเปิดใจแล้วนะ   เจอกันตอนหน้าจร้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ArmCup ที่ 21-06-2014 01:58:40
มาต่ออีกกกกกกก  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Au_y ที่ 21-06-2014 17:39:39
โอ้ยยยยย!!! น่ารักสุดๆ มาลงติดๆกัน
ขอบคุณนะ  มาต่ออีกเร็วๆนะ
ส่งกำลังใจให้  :L1:
ส่งกำลังใจเชียร์ทุกคู่ด้วย ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-06-2014 18:52:08
รักกันๆน่า อย่างน้อยแมนก็รู้ตัวแล้ว
และเหมือนว่าโอ๊ตด้วยที่ดูใส่ใจกัน

พูดคุยกันมากขึ้นน่าจะดีนะคู่นี้ ดูรักกันจะตาย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-06-2014 12:58:36
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 22-06-2014 15:00:45
มันใช่อะแมน  o13
หัวข้อ: Re:(โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2014 15:08:20
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 23-06-2014 11:17:18
ไม่ได้อ่านหลายตอน
น้องลีวายส์โดนพี่ธารจับกินแล้ววว แอร่กๆๆๆๆ

คู่แมนโอ๊ตก็น่าลุ้นให้เข้าใจกันไวๆนะคะ

ขอบคุณนะคะ ติดตามอ่านตลอดค่ะ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mamie ที่ 23-06-2014 13:26:40
รอรอรอรอ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 28(20/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 25-06-2014 14:01:43
กว่าจะตามอ่านทันนานมาก

ด้วยความที่หายไปนาน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 29(26/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 26-06-2014 20:01:50
Older Brother.....29
 
[กาย:Part]
 
“เฮ้! นายก็อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก”
 
“อื๊อๆ....”
 
“มือๆ เอาออกไปเลย    โอ้ย!!!   ไม่เอา........ไม่ทำเล่า” เบื่อคนมือไวจริงๆเลย ดูดิบอกให้ผมเข้ามาโกนหนวดให้ แต่แค่ผมเข้าไปใกล้ๆมือปลาไหลของไอ้พี่หมอมันก็ทำงานทันที พอผมโน้มหน้าลงไปใกล้ๆอีกก็มองซะตาเยิ้ม แล้วใครมันจะทนสายตาแบบนั้นได้ล่ะ
 
“โธ่ กาย ผมก็แค่จับนิดเดียวเอง กันร่วงไง ให้นั่งขอบอ่างแบบนี้ถ้าพลาดท่า ได้เลือดเลยนะคุณ” แก้ตัวดีเหลือเกิน ตอนถอดชุดกาวออกเนี่ย ลบภาพคุณหมอผู้แสนดีออกไปจนหมดเหลือแต่ความหล่อที่มาพร้อมกับความเจ้าเหล่เท่านั้นแหละ
 
“งั้นก็.....” ผมดึงแขนพี่หมอให้ลุกจากขอบอ่างอาบน้ำมายืนดีๆ ก่อนจะยัดมีดโกนหนวดใส่ในมือหนา “โกนเอง....ชิท์!!!” ผมบอก จะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้ากลับโดนร่างสูงดึงเอวบางเข้าหาตัวกลับไปซะก่อน
 
“เดี๋ยวดิ ทำให้เสร็จออกสิ ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะ.....” สายตาเจ้าเหล่มองสบตาผมผ่านกระจกเงา พี่หมอมันกอดผมไว้จากด้านหลัง ด้วยความสูงโคตรเปรตทำให้ปลายคงของพี่มันมาเกยอยู่บนไหล่ผม ฟอด!!!
 
“อ่ะ นี่นาย.....งี้ ครีมโกนหนวดติดแก้มผมเลยเห็นมั้ย เล่นอะไรเนี่ย...ปล่อย” ผมดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนคนตัวสูง ที่ยกมือสองข้างขึ้นมาประสานอ้อมแขนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย อยู่ท่านี้แล้วมันร้อนวูบแปลกๆ ยอมรับเลย >///<
 
“ปล่อยก็ได้ แต่ต้องโกนหมวดให้ผมให้เสร็จก่อน เร็วเข้า ผมจะได้อาบน้ำ” ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เพราะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเพิ่มขึ้นมาอีก ไอ้พี่หมอเมายาหรือไง ตามันนี่ส่อ.....โอ้ย!!! กูจะบ้า
 
“ปล่อยดิ” ผมบอก พี่หมอยิ้มขำๆ ก่อนจะหันหลังไปถอดเสื้อออก “เฮ้ย!! จะ....จะถอดทำไมเล่า เดี๋ยวค่อยถอดสิ” ไอ้พี่หมอหันกลับมา ผมอดไม่ได้ที่จะมองร่างกายหนากำยำ หน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหกลูกเรียงตัวกันอย่างสวยงานคล้ายนายแบบในนิตยาสารก็ว่าได้ เวอร์ล่ะ
 
“ก็เดี๋ยวจะอาบน้ำอยู่แล้วนา....มาเร็ว....ผมอยาก......” ผมเบิกตากว้าง เมื่อพี่มันเข้ามากระซิบข้างหูผมเสียงพร่า แถมคำพูดของมันก็ “อยากโกนหนวดให้เสร็จเร็วๆ...หึหึ”
 
“งี้! เดี๋ยวเหอะ! อยากได้เลือดหรือไงห๊ะ!!!”
 
“โอ๊ะๆ โธ่ แกล้งนิดเดี๋ยวเอง.....รู้มั้ยตอนคุณหน้าแดงเนี่ย น่ารักสุดๆเลยนะ” ยัง มันยังไม่หยุดพูดอีกนี่ถ้าหน้าผมไหม้ได้ มันคงดำไปทั้งหน้าแล้วมั้ง “ไม่เล่นแล้วๆ มาเร็วๆ หึหึ” บอกไม่เล่นแต่ แม่ง ขำไม่หยุดอ่า
 
 
วันนี้เป็นวันหยุดของไอ้พี่หมอครับมันเลยไปรับผมมาที่บ้านมันก็ตอนสายๆแล้วแหละ เห็นบอกว่าช่วงนี้เข้าเวรทั้งกลางคืนแล้วก็กลางวัน ถ้ามีคนไข้เคสพิเศษเข้ามาด่วนก็ต้องรีบไปทันที
 
ผมจะจำไว้ มีลูกมีหลานจะไม่ให้เป็นหมอ แม่งไม่มีเวลาให้กูเลย (อันนี้คือพาลช่ะ?) ได้ข่าวว่าเมื่อเช้าก็เพิ่งออกเวรมาจากโรงพยาบาลเหมือนกัน เหนื่อยแทนอ่ะ
 
Tru............ Tru.............
 
ในระหว่างที่ผมรอพี่หมออาบน้ำอยู่เสียงโทรศัพท์บนเตียงใกล้ๆมือผมดังขึ้น ซึ่งเป็นของไอ้พี่หมอนั่นแหละ ปกติผมไม่ค่อยยุ่งกับโทรศัพท์ของมันเท่าไหร่เพราะผมคิดว่ามันเป็นของส่วนตัว แต่ผมกลัวว่าจะเป็นเรื่องงานเลยหยิบขึ้นมาดู ชื่อบนหน้าจอที่ปรากฏ มีตัวพีจุดย่ออยู่ก็น่าจะเป็นคนไข้ของมัน ผมเลยเดินไปหน้าประตูห้องน้ำ
 
“เน้! มีคนโทรมาอ่ะ น่าจะเป็นคนไข้นะ” ผมบอก ในห้องน้ำยังได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ก็น่าจะยังอาบน้ำไม่เสร็จ สำองสำอางจริงๆ ครึ้งชั่วโมงแล้วเนี่ย หรือมาหลับในไปแล้ววะ
 
“รับเลยกาย....รับได้ มีอะไรฝากไว้” พี่หมอบอก ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่คนมีความลับกับผมแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่กล้ารับ ยืนชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะตัดสินใจรับสาย
 
“อะ....”
 
“พี่หมอค่ะ.....พริ้นรู้สึกแน่นอกอีกแล้วค่ะ....เนี่ยเป็นตั้งแต่โทรหาพี่หมอเมื่อคืนแล้ว พริ้นทำตามที่พี่หมอบอกแล้วนะคะ แต่ไม่หาย พี่หมอมาหาพริ้นที่คอนโดหน่อยนะคะ พริ้นไม่ไหวแล้ว” ชีไม่เว้นระยะให้ผมได้พูดเลยครับ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ร้ายนะ แทนที่จะไปหาหมอกลับให้หมอไปหา...ถึงคอนโดด้วย เหอะ!!!
 
“โทษนะ แน่นอกเพราะเสื้อในคับหรือเปล่าครับ หรือแน่นอกเพราะขาดของ อันนี้หมอช่วยไม่ได้นะครับ ถ้าหาคนช่วยไม่ได้คงต้องหาอุปกรณ์เสริมมาช่วยตัวเองแล้วล่ะครับ”
 
“นะ...นั้น...คะ......” ผมตัดสายทิ้งหลังจากที่ให้คำแนะนำที่แสนจะดีที่สุดสำหรับเธอไป แม่ง! แค่เสียงพูดกูก็รู้แล้วว่าอยาก.......ขนาดไหน ล่ะไว้ในที่เข้าใจตรงกัน
 
“.....................” ผมหันกลับไปทางประตูห้องน้ำ ถึงกับผงะเมื่อเห็นร่างสูง ออกมายื่นพิงกรอบประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยืนกอดอกมองผมนิ่งๆ มีผ้าขนหนูพันเอวจนเห็นไรขนใต้สะดือด้วย ต่ำไปไอ้หมอ (เรียกเหมือนเพื่อนเลยอ่ะ)
 
“กะ....ก็......คนไข้นายโรคจิตหรือเปล่าแค่แน่นอกถึงต้องโทรมาเรียกให้ไปหา เกินไปนะ หมอนะไม่ใช่ พิซซ่า เดลิเวอรี่ที่ หิวเมื่อไหร่ก็โทรสั่งๆน่ะ” ผมบอก ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาวติดกับปลายเตียง โธ่ มันออกมาตอนไหนเนี่ย เสียเซลฟ์หมด
 
“ไม่ได้ว่าอะไรเลยครับ.....ไหนดูซิ ใครโทร....” คนตัวสูงเดินมานั่งลงข้างๆก่อนจะเอามือมาโอบเอวผมไว้แบบหลวมๆ มันทำเนียนดูสิ แต่ช่างเหอะ “อ่อ.....น้องพริ้น” ผมหันขวับไปมองทันที เรียกน่งเรียกน้องด้วย ชิท์!
 
“มีคนไข้แบบนี้บ่อยหรอ......คงชอบล่ะสิท่า รักษายังไงคนไข้ถึงได้ติดใจแบบนี้เนี่ย” ผมถาม เหลือบมองคนข้างๆด้วยหางตา มันรู้สึกหงุดหงิดนิดๆอ่ะ
 
“ก็รักษาปกตินะ.......” ไอ้พี่หมอบอกหน้าตาย “โธ่กาย คุณอย่ามองแบบนั้นสิ ฟอด! ก็.....คนมันหล่อทำไงได้ล่ะ” นั่น หอมแก้มกูแล้ว ยังทำให้กูหมั่นไส้อีก หล่อ เหอะ ก็หล่อจริงน่ะนะ แต่แม่งหลงตัวเองที่สุดในสิบโลกเลย
 
“เน้ๆ ไหลไปเรื่อยแล้วนะ ไปแต่งตัวสักทีสิ นั่งหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้ ไม่อายบ้างหรือไง”
 
“ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย หรือคุณอาย...” ผมเม้มปากเข้าหากัน ไอ้พี่หมอโยนโทรศัพท์ไปไว้บนเตียงก่อนจะขยับเข้ามาแนบชิดติดกับผมมากขึ้นอีก “กาย......” เสียงแบบนี้มัน แม่ง
 
“อะไรเล่า....” ผมขยับหนีแต่ก็ไม่พ้นวงแขนของคนตัวสูงอยู่ดี
 
“ไหนๆก็ไหนแล้ว เรายังไม่เคย......กันเลยนะ ไข่มุกขวางคอตลอดอ่ะ.....ผมไม่ไหวแล้ว...” ผมเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ไอ้หมอบ้ามันพูดออกมาแบบไม่อายปาก ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เอ่อ ใช่เรายังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากันหรอก
 
“จะบ้าหรอ...ปล่อยนะ เพิ่งออกเวรมาไม่เหนื่อยหรืองะ......อุ๊บ!!!” คำพูดของผมโดนคนข้างๆกลืนกินลงคอไปเสียแล้ว ร่างสูงกดจูบนุ่มนวลก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้อนแรงสลับกันไป
 
“สูบพลังไง แค่มีกายพี่ก็หายเหนื่อยแล้วนา......นะ” ใจแข็งไว้สิวะไอ้กาย ใจนะใจเต้นเบาๆหน่อยลูก แม่ง!!! บ้าจริงผมเกลียดสายตาเย้ายวนของพี่หมอตอนนี้เหลือเกิน มันคือหลุมพรางดีๆนี่เอง
 
ผมจ้องมองสบตาคนตรงหน้าอย่างหลงใหล กว่าผมจะรู้ตัวเองทีก็ตอนที่ริมฝีปากร้อนเข้ามาครอบครองริมฝีปากนุ่มของผมซะแล้ว รสจูบอ่อนหวานเชื้อเชิญให้ผมสอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสภายในโพรงปากของอีกคนแทนที่ผมควรจะรอให้ลิ้นร้อนเข้ามาในปากผมก่อน
 
“อื๊อ.......นะ....นี่....ปล่อยนะ.....ไม่งั้นโกรธจริงๆด้วย” แล้วสุดท้ายผมก็ตัดสินใจผลักออก ไม่ยอมๆ ไม่ยอมเว้ย!!! ไอ้พี่หมอน่ะ เจ้าเหล่จะตาย ผมเปลืองตัวขาดทุนกับมันตลอดอ่ะ คนแบบนี้ต้องเล่นตัวซะให้เข็ด
 
“โธ่ กาย......ดูสิเนี่ย....” ร่างสูงคอตก ก่อนจะพูดบอกและเบนสายตาให้ผมมอง เอ่อ....ไอ้นั่นของมันอ่ะ “เห็นมั้ย นานะ ...... อย่าใจร้ายนักเลย” ผมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและขยับหลบมือหนาที่ยื่นมาคว้าตัวผมจนสุดแขน
 
“ไม่เว้ย!!! ไปเดินเล่นดีกว่า แปร่บๆ” ผมแลบลิ้นใส่พี่หมอ ก่อนจะออกจากห้องมายืนอมยิ้มยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงบ่นงึมงำเบาๆมาจากด้านในก่อนจะเงียบไป เดี๋ยวรอให้มันนอนหลับแล้วค่อยกลับเข้าไปใหม่ อ่าๆๆ คึคึ
 
“อ้าวกาย....มายืนทำอะไรหน้าห้องล่ะลูก” อุ๋ย! เสียงแม่ของพี่หมอเปิดประตูห้องข้างๆออกมา ท่านรู้จักผมดีครับเพราะพี่หมอพามาบ่อยๆ และดูเหมือนท่านจะเข้าใจเราดีว่าเรามีความสัมพันธ์กันยังไง
 
“เอ่อ คือ พี่....รักษ์ เค้าพักผ่อนน่ะครับ กายไม่อยากกวน” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้ อยู่ต่อหน้าผู้ผมต้องเรียกพี่รักษ์ครับ ท่านยิ้มตอบกลับมาเ
 
“ลงไปเดินเล่นข้างล่างก็ได้นะ ในสวนหลังบ้านร่มรื่นดี.....เดี๋ยวแม่จะออกไปหาพ่อหน่อย ตามสบายนะลูก” ท่านจับแขนผมอย่างคุ้นเคยก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
 
ดูเหมือนพ่อกับแม่พี่หมอจะตามใจมันนะ ตอนเรากินข้าวด้วยกันไอ้พี่หมอมันคุยเรื่องงานกับพ่อนี้แบบเออออตามตลอด ไม่มีขัดส่วนแม่นี่แล้วใหญ่ทั้งตามใจทั้งหวงทั้งห่วง เดี๋ยวซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ ทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า บางทีก็เผื่อแผ่มาถึงผมด้วย
 
ผมลงไปเดินเล่นในสวนสักพักก็เข้ามาในบ้านและกลับขึ้นมายังห้องนอน ไอ้พี่หมอหลับเป็นตายเลยครับ ผมนั่งลงข้างๆร่างหนา มองหน้าคมเข้มที่มองกี่ทีกี่ทีก็ต้องยอมรับว่าดูดีเกินใคร แต่ก่อนผมยอมรับก็ได้ว่าเคยหลงชอบพี่หมอเพราะหน้าตา แต่พอยิ่งอยู่ใกล้ผมก็ยิ่งหลงรักในความเป็นตัวเองของตัวเองของมัน อ่ะๆ อย่าบอกมันล่ะ 
 
ผมโน้มหน้าลงหอมแก้มร่างหนาเบาๆกลัวเหลือเกินว่าพี่มันจะตื่นขึ้นมาเห็น ผมอมยิ้มให้กับสิ่งที่ผมทำลงไป ก่อนจะนอนลงข้างๆ มองหน้าคนตรงหน้าไปสักพักก็เผลอหลับตามไปด้วย
 
Tru………. Tru………….
 
“อือ..........” เสียงรบกวนจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนของผมดังขึ้น ผมบิดตัวเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรมารัดตัวไว้จนแน่น
 
ผมลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพพร่ามัวตรงหน้าคุ้นๆ  อ่ะ!!! ที่แท้ก็โดยไอ้พี่หมอกอดรัดไว้นี่เอง แต่ว่า....รับโทรศัพท์ก่อนดีกว่า คงเป็นเซฟที่โทรมา
 
“อืม.........” เสียงทุ้มต่ำครางออกมาเมื่อผมขยับตัวแค่นิดเดียว “กาย....” เออ ผมดีใจมากที่ได้ยินชื่อผมคนแรกออกมาจากปากบางนั่น ทั้งที่มันยังไม่ลืมตา
 
“ว่าไงเซฟ.......” ผมรับโทรศัพท์ ไอ้พี่หมอลืมตาขึ้นมามอง ผมทำปากให้คนข้างๆอ่านว่า ไอ้เซฟโทรมา พี่หมอพยักหน้ารับก่อนจะหอมแก้มผมและลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
 
“กินข้าวยัง....กูไปรับมั้ย........”เซฟถาม
 
“เอ่อ.....ไม่ต้องหรอกกูอยู่ข้างนอกน่ะ กี่โมงแล้วเนี่ย” ผมลุกขึ้นมานั่ง มองไปรอบๆห้องเผื่อดูนาฬิกา
 
“บ่ายสองแล้ว อยู่กับพี่หมอหรอ.......งั้น แค่นี้นะ” มันพูดจบก็ตัดสายไปเลยครับ อะไรของมันเนี่ย จู่ๆก็วางไปไม่บอกไม่กล่าวเลย ผมมองโทรศัพท์ในมือแบบงงๆ
 
“มีอะไร...หืม” พี่หมอถาม
 
“ไอ้เซฟน่ะ ไม่มีอะไรหรอก....ร้อนอ่ะ อาบน้ำได้มั้ย” ผมว่า ก่อนจะลุกจากเตียง
 
“ได้สิ.....จะให้ช่วยอาบให้ก็ได้นะ” นั่นไง หื่นไม่ปันใครหรอกคนนี้น่ะ มองแต่หน้าหารู้ใจมันไม่ กูเริ่มเกลียดคนหล่อล่ะ (เกลียดอะไรได้อย่างนั้น)
 
 
ผมกับพี่หมอออกมาทานข้าวข้างนอก จากนั้นก็เดินเล่นกันจนถึงเย็น ก่อนที่เราจะเข้ามาที่ร้าน ตอนนี้ยังไม่มีใครมา ผมไล่พี่หมอกลับไปพักผ่อนที่บ้านแต่ว่ามันไม่ยอมกลับ บอกว่าจะอยู่รอกลับพร้อมผม ผมก็เลยให้นอนพักที่ห้องทำงานเนี่ยแหละ จะให้ไปนอนห้องไอ้เซฟก็ไม่ไป ยอมนอนโซฟา
 
“มานาน.......ยัง” ผมนั่งทำงานจนเสร็จไม่นานไอ้เซฟก็มาถึง มันหันไปมองพี่หมอตรงโซฟาก่อนจะหันมาถามผม
 
“ตั้งแต่เย็น มึงไปไหนมา ไลน์ไปก็ไม่ตอบ” ผมถาม ไอ้เซฟเดินมานั่งลงบนโต๊ะทำงานที่ผมนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
 
“กินข้าวกับกิ๊กมา....มีไรให้กูทำอีกมั้ย” มันดึงเอกสารที่นั่งทับอยู่ออกมาดู โซฟามีไม่นั่งเสือกนั่งบนโต๊ะทำงานนะมึง
 
“ไม่มี มึงลงไปดูข้างล่างเหอะ ไอ้ธารไม่มาน่ะ คงอยู่ดูแลลีวายส์” ผมบอก ไอ้เซฟพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป พูดถึงไอ้ธาร แม่ง มันทำลูกกูเจ็บ.....เฮ้อ!!! แต่ก็นะ มันรักของมันผมรู้ มันรักมากด้วยยังไงซะสักวันเรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นอยู่ดี แต่ผมจะไม่พูดกับมันสามวัน ผมบอกแล้ว หึ! แค่ไลน์ไปถามอาการลีวายส์เฉยๆ  =_=^
 
“นี่! นาย....นี่! ผมจะลงไปข้างล่างนะ ได้ยินหรือเปล่า” ผมเขย่าตัวพี่หมอเบาๆ พี่มันหลับเป็นตายครับ เรียกอยู่หลายครั้งกว่าจะรู้สึกตัว
 
“ครับ.....อืม.....คุณจะกลับกี่ทุ่มก็เรียกแล้วกัน อืม....ยิ่งนอนก็ยิ่งง่วงหรือเปล่าเนี่ย” พี่หมอยกมือขึ้นตบท้ายทอยเบาๆ
 
“นอนต่อเหอะ วันนี้ไอ้ธารไม่มาผมว่าจะกลับดึกหน่อย ก็บอกให้กลับไปนอนบ้านก็ไม่ยอมกลับ เดี๋ยวผมไปดูข้างล่างก่อนแล้วกัน” ผมบอก พี่หมอพยักหน้ารับจากนั้นผมก็ลงมาด้านล่าง
 
วันนี้แขกในร้านเยอะเหมือนทุกวัน เสียงวงดนตรีของรุ่นน้องที่พึ่งจะเข้ามาเล่นไม่กี่วันเล่นเพลงร็อคหนักๆพาให้คนฟังเต้นตามอย่างเมามันส์ ผมมองหาเพื่อนตัวเองว่านั่งอยู่มุมไหน ไม่นานก็เจอ เซฟอยู่กับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง มันกำลังยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับคนในกลุ่มสี่ห้าคนก่อนจะยกขึ้นดื่ม
 
“อ้าว หวัดดีกาย” ไอ้เทสทักผม เป็นเพื่อนที่รู้จักกัน เพราะมันเป็นขาประจำที่นี่
 
“หวัดดี....ไม่พาเมียมาด้วยล่ะ” ผมแขวะมัน เพราะไอ้เหี้ยนี่มีเมียแล้วแต่ดันหิ้วกิ๊กมานั่งด้วยน่ะสิ ผู้ชายก็นะ...แม่ง มีแล้วยังจะไม่พอ
 
“โธ่.....อย่าพูดงี้ดิ คืนนี้ผมโสดคร้าบบบ” มันพูดก่อนจะหันไปหอมแก้มกิ๊กมันฟอดใหญ่
 
ผมปัดมือเซฟออกจากตักมันก่อนจะนั่งลงบนตัก เพราะไม่มีที่นั่งว่าง ทุกคนรู้ดีว่าผมกับเซฟสนิทกันมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะใกล้ชิดกันแบบนี้
 
เซฟมองผมเล็กน้อยก่อนจะผลักผมออกเบาๆ เหมือนไม่ให้นั่งแต่ผมขืนตัวไม่ยอมลง อะไรของมันวะ ผมเหล่ตามองมันอย่างเคืองๆ มันถึงได้ยอมให้ผมนั่งดีๆและยกมือขึ้นมากอดเอวผมไว้กันหล่น
 
“ดื่มมั้ย....” เซฟถามระหว่างที่เรานั่งคุยกันไปสักพัก ผมดึงแก้วในมือมันมาดื่ม งี้
 
“ไอ้เซฟ มึงดื่มเพียวๆเลยเนี่ย เดี๋ยวก็เมาหรอ ไอ้บ้า!!!” ผมหันกลับไปว่ามัน เท่านั้นแหละ เพิ่งเห็นว่ามันเริ่ม ตาเยิ้มๆล่ะ ผมรู้ว่ามันคอแข็งแค่ไหนแต่ว่าถ้าเป็นเหล้าเพียวๆแบบนี้ใครไม่เมากูให้ถีบเลย
 
“ไม่...เมา....นา” เสียงแหบเชียว เนี่ยนะเรียกไม่เมา
 
“ไปๆ ไม่ให้ดื่มแล้ว เฮ้ยพวกมึง กูขอตัวก่อนนะ.......” ผมบอก วางแก้วเหล้าในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะดันตัวมันออกเอาแขนมาพัดบ่าผมไว้ หนักอ่ะ! “เฮ้ย! ไอ้แมนทางนี้เว้ย” ไอ้แมนพอดี ผมเลยเรียกมันให้มาช่วยพาไอ้เซฟไปด้านบน
 
“แดกไรนักวะ.....มึงออกไปดูข้างล่างเหอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง” ไอ้แมนบอก
 
“ไม่อ่ะ มึงไปเหอะ กูดูไอ้เซฟเอง” ไอ้แมนมองผมกับเซฟสลับกันก่อนจะพยักหน้าและเดินออกไปจากห้อง ผมมองร่างหนาบนเตียงก่อนจะส่ายหน้าไปมา เฮ้อ! น้อยครั้งนะที่มันจะเมาแบบนี้เป็นไรของมันวะ
 
“กาย.....กาย.....มึงรักกูป่ะ” เซฟปรือตาขึ้นมามองผม ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งในขณะที่ผมเช็ดหน้าให้มัน ถามอะไรของมันน่ะ เฮ้อออ
 
“เออๆ รักๆ กูเพื่อนมึงนะ ทำไมจะไม่รักมึง กิ๊กคนไหนทิ้งมาล่ะเนี่ย” เพราะผมนั่งใกล้มันมากเซฟเลยเอนหัวลงมาซบกับไหล่ผม คล้ายกับว่าเรากำลังกอดกันอยู่
 
“กูรักมึงนะ.....” มันพูดบอกเสียงพร่า ผมนิ่งเงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหลังมันเบาๆ “กูขอโทษ” มันบอกอีก ผมรู้และรู้ดีว่ามันขอโทษเรื่องอะไรแต่ผมแค่ไม่อยากให้เรื่องในอดีตเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
 
“อืม....นอนนะเซฟ กูอยู่กับมึงเนี่ย นอนนะ” ผมบอก เซฟยกมือขึ้นกอดเอวผมไว้ เหมือนมันกลัวว่าผมจะทิ้งมันไป
 
แกร๊ก!!!
 
ผลั่ก!!!
 
“ไอ้สัด! มึงทำอะไรห๊ะ!!!” จู่ๆ พี่หมอก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง กระชากผมออกจากตัวเซฟ ก่อนจะเข้าไปดึงคอเสื้อคอบนเตียงและซัดหมัดใส่โดยที่ผมห้ามไม่ทัน
 
“นี่!!! หยุดนะ มันเมา!!! บ้าไปแล้วหรอ ดูบ้างเซ้!!!” ผมเข้าไปขว้างพี่หมอไว้ หันกลับไปมองเซฟที่ตอนนี้เริ่มสร้างเมาเพราะโดนหมัดหนักจนปากแตก
 
“ถึงเมามันก็ควรจะรู้ตัว...ว่ากำลังทำอะไรอยู่!!!!” พี่หมอมีสีหน้าโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด พี่มันขึ้นเสียงใส่ผมอย่างโหดอ่ะ จะบ้าหรือไงวะ แค่นี้ก็โกรธ
 
“ไอ้เหี้ย!!!” เสียงเซฟดังขึ้นจากด้านหลังผม มันผลักผมออกและเข้าหาพี่หมอแต่เพราะมันเมามากแค่พี่หมอออกแรงผลัก มันก็ล้มกลับลงไปบนเตียง แถมยังตามไปดึงคอเสื้อมันอีก
 
“นี่!!! ปล่อยเซฟเดี๋ยวนี้!!! มันเป็นเพื่อนผมนะ!!!!” ผมตะคอกใส่พี่หมอเสียงดัง พี่มันขบกรามจนเส้นเลือดผุดบนแก้มก่อนจะสะบัดมือออกจากคอเสื้อเซฟและหันมาคว้าแขนผม ออกแรงบีบหนักๆ
 
“หยุดหลับหูหลับตาสักทีกาย!!!  ยิ่งคุณทำแบบนี้มันก็จะยิ่งยาก คุณจะให้ความหวังมันหรือไงกัน คุณรู้ไม่ใช่หรอ ว่ามันคิดกับคุณเกินเพื่อน!!!” พี่หมอออกแรงบีบแขนผมหนักขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
 
ผมรู้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเซฟคิดกับผมเกินเพื่อน แต่ด้วยความที่เราสนิทกันมาก ผมแค่ไม่อยากให้มันอึดอัด ผมรักเพื่อนคนนี้มากไม่อยากสูญเสียมันไปเหมือนครั้งก่อนที่เคยเกินขึ้นมาแล้ว
 
เซฟเคยบอกรักผม แต่ผมปฏิเสธมันไป ทำให้ทั้งผมและมันไม่กล้ามองหน้ากัน ผมเสียใจที่ทำร้ายจิตใจของเพื่อนที่ผมรักมาก เลยไม่กล้าคบกับมันต่อ ช่วงเวลานั้นมันเหมือนผมฝันร้าย ผมนอนร้องไห้ทุกคืน ยิ่งกว่าคนหกอัก เอาแต่โทษตัวเองว่าผมทำร้ายมัน
 
จนกระทั้งผมนึกสนุกขึ้นมา พอดีแม่เพิ่งซื้อรถใหม่ให้ ผมเลยแอบพวกไอ้ธารไปลงแข่ง แต่มันกลับไม่สนุกอย่างที่คิด ผมรถคว่ำบาดเจ็บบางตาย ผมโดนไอ้ธารด่าว่าจนหูชาและสั่งห้ามไม่ให้คิดเรื่องจะแข่งรถอีกเลย แต่ตอนปีสามปีสี่ก็ยังแอบๆไปแข็งบ้าง
 
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาพวกไอ้ธารวิ่งวุ่นกันไปหมด รวมทั้งเซฟด้วย เราไม่เคยทิ้งกันเราไม่เคยห่างกันเลย เพราะแค่มันบอกรักผมถึงกับทำให้เราเลิกคบกันเป็นเพื่อนได้ ไอ้ธารกับไอ้แมนเลยให้เราปรับความเข้าใจกัน ผมกับมันถึงได้กลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม
 
ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันยังไม่สามารถตัดใจจากผมได้ แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้เพราะไม่อย่าเสียมันไปจริงๆ ผมรักมันนะ เพราะมันคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมไม่อยากให้มันเสียใจ
 
“ช่างผมสิ! อย่ามาขึ้นเสียงกับผมนะ แล้วก็มาทำร้ายเพื่อนผมด้วย” พยายามแกะมือหนาออกจากแขน ที่เริ่มเพิ่มแรงบีบหนักขึ้นไปอีกเมื่อผมพูดบอกแบบนั้น สายตาดุดันจ้องมองผมเขม็ง
 
“กาย......คุณรักมันหรอ ผมถามหน่อย ถ้าคุณรักมันในถานะเพื่อนคุณก็ไม่ควรทำแบบนี้ แทนที่มันจะจบ มันก็จะไม่จบสักที เข้าใจมั้ย!!!”
 
“ผมไม่ยอมทำร้ายเพื่อนผมหรอก เซฟมันรู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ ผมก็รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ เราโตแล้ว.....ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ ปล่อยผม.......ผมเจ็บ!!” พี่หมอหอบหายใจออกมาแรงๆก่อนจะปล่อยมือออก
 
“ถ้าถึงตอนนั่นมันไม่ยอมจบ ผมจะทำให้มันจบเอง......คุณค่อยดู!!!” พี่หมอเดินออกไปจากห้องอย่างหัวเสีย หลังจากพูดจบ
 
ผมยืนมองแผ่นหลังกว้างเดินออกไปก่อนจะหันมาหาเซฟ มันยันตัวลุกขึ้นมาปรือตาขึ้นมองผมช้าๆ เหมือนมันจะได้ยินทุกอย่างที่ผมกับพี่หมอคุยกัน
 
“กูขอโทษ”เซฟพูด ผมซบหน้าลงกับไหล่กว้างก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหล่ออกมา “กูขอโทษ กาย” เซฟพูดอีก ผมส่ายหัวให้มันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
 
“มึงไม่ผิดเลย.....เซฟ” ผมไม่ได้ให้ความหวังมันนะ เพราะผมไม่เคยปิดเรื่องพี่หมอ มันก็ไม่เคยเคืองพี่หมอเลยเวลาเห็นพี่หมออยู่กับผม เพราะเราเข้าใจกันดี
 
ผมรู้ว่าเซฟรักผมและผมก็ไม่มีวันทำร้ายมันด้วยการบอกให้มันเลิกรักผม เซฟรู้ว่าผมรักใครและมันจะไม่มีวันทำร้ายผมเช่นกัน
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>
 
สงสารใคร.......
พี่หมอ.... กาย แม่ง! รักเพื่อนมากกว่าผม!
เซฟ....     กายรักพี่หมอ ผมรู้....
กาย....     T.T
#ไม่ชอบอย่าด่า....เม้มว่ากันนิดๆได้ คริคริ

หายไปไม่นานเนอะ :katai3:  :katai3:  :katai3:

แอบแว๊บมาลงเบื่อหนังสือกะลังเตรียมสอบโทอิคอยู่จร้า

เจอกันเมื่อนักอ่านต้องการ  :mew1:  :mew1:  :mew1:

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 29(26/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Au_y ที่ 26-06-2014 20:36:34
ขอให้สอบผ่าน และได้คะแนนดีดี
เป็นกำลังใจให้นะ  สู้สู้ ^^

รอลุ้น รออ่านต่อ
ถ้ามีเวลามาลงต่ออีกนะ
รอ รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 29(26/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-06-2014 22:32:19
สงสารเซฟแหละกัน
เพราะสุดท้านก็ไม่ได้กายอยู่ดี
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 29(26/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-06-2014 09:34:26
โอยๆๆๆๆๆ  อยากจะบอกว่าอิชั้นไปอยู่ไหนมา
ถึงได้พลาดเรื่องนี้ คือมันสนุกมากอ่ะ ชอบอย่างแรง
อยากจะตบตีตัวเองที่ไม่ยอมคลิกเข้ามาอ่าน โฮๆๆๆ
ตอนต่อๆๆๆๆๆไปจะไม่พลาดแน่นอนค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 29(26/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 27-06-2014 09:45:43
ฮือ~ เซฟน่าสงสาร

 :mew2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 29(26/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-06-2014 11:20:11
ลุ้นให้น้องแพ็คเข้ามาเยียวยาหัวใจเชฟซักที
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 30(29/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 29-06-2014 08:44:54
Older Brother.....30
 
“พี่ธาร....คึคึ....ลีวายส์จั๊กกะจี้ฮะ....คิคิ....” อ่าๆๆ ช่วยด้วยฮะ พี่ธารจะกินลีวายส์อ่ะ คึคึ อย่าคิดไกลๆ ลีวายส์แค่หมายถึงพี่ธารกำลังกัดหูลีวายส์ต่างหาก คึคึ
 
“กวนจริงๆ ทำงานอยู่เห็นมั้ย!” พี่ธารดึงเอวลีวายส์จากบนโต๊ะทำงานให้นั่งลงบนตักเมื่อกี้ก่อนจะงับหูลีวายส์ฮะ ก็นอนอยู่เฉยๆมันน่าเบื่อนี่นา ลีวายส์หยุดเรียนวันนี้เป็นวันที่สองล่ะ วันนี้ว่าจะไปแต่พี่ธารไม่ให้ไปอ่ะ บอกว่าพักอีกวันให้รอยเหมือนยุ่งกัดที่คอหายก่อน
 
“ก็ลีวายส์เบื่อนี่ฮะ ไม่เห็นมีอะไรทำเลยอ่ะ” ลีวายส์เอียงศีรษะซบลงกับแผงอกกว้างของพี่ธาร
 
“หาอะไรทำดีล่ะ หืม! หรือว่า.....” พี่ธารก้มหน้ามองลีวายส์ ลมหายใจอุ่นๆจากร่างสูงเป่ารสลงมาตรงหน้าผากลีวายส์เบาๆ จุ๊บ! อ่า โดนจุ๊บปากอีกแล้ว
 
“อ่า........คึคึ....ไปข้างนอกฮะ นะๆๆๆๆ จุ๊บ!!! พี่ธารคนดี!” คึคึ ลีวายส์จุ๊บปากพี่ธารคืนด้วย ลีวายส์อยากไปเดินเล่นข้างนอกบ้างอ่ะ พี่ธารนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
 
“งั้น....เดี๋ยวออกไปข้างนอกกัน” วันนี้พี่ธารใจดีอ่ะว่ามั้ย คึคึ
 
“เย้ๆ ไปฮะ ไปดูหนังกัน ไปกินไอติมด้วย ไปซื้อเกมด้วย” ลีวายส์บอกอย่างดีใจ ไม่บ่อยนักหรอกที่ลีวายส์จะได้ออกไปไหนมาไหนกับพี่ธาร เพราะพี่ธารชอบทำงานมากกว่าเที่ยว ส่วนใหญ่พี่กายพาไปตลอด
 
“ใครบอกจะไปดูหนัง แล้วใครบอกจะซื้อเกมให้” พี่ธารพูดเสียงเรียบหน้าตายมากอ่ะ ลีวายส์ว่าอันนี้คงต้องใช้ลูกอ้อนหน่อยแล้ว
 
“ก็ลีวายส์อยากดูนี่นา เราไม่เคยไปดูด้วยกันเลยนะฮะ ลีวายส์อยากไปดูกับพี่ธารนะฮะ จุ๊บ!! นะๆ เดี๋ยวลีวายส์เลี้ยงเองก็ได้ นะๆๆ นะฮะ พี่คนดี จุ๊บ!!!”
 
“พอๆ หยุดเลย! หยุดทำท่าแบบนั้นเลย เดี๋ยวจะเปลี่ยนใจไปทำอย่างอื่นแทนหรอก” อย่างอื่น คืออะไรอ่ะ  “หนังน่ะไม่ดู แต่พาไปกินไอติมได้ ส่วนเกมไม่ต้องซื้อ จะพาไปซื้ออย่างอื่นแทน” พี่ธารอุ้มลีวายส์ให้ลุกขึ้นจากตักแล้วตัวเองก็ลุกตาม
 
“ก็ได้ฮะ แล้วซื้ออะไรล่ะ หนังสือมีเต็มแล้วนะฮะ เยอะจนอ่านไม่หมดแล้วอ่ะ.........” พี่ธารชอบซื้อหนังสือให้ลีวายส์บ่อยๆ แต่ก็ถามก่อนเสมอว่าชอบหรือไม่ชอบ พี่ธารบอกว่าให้อ่านหนังสือเยอะๆ จะได้มีความรู้รอบตัวเยอะๆ
 
“พี่ธารให้ลีวายส์ขี่หลังไปเปลี่ยนเสื้อด้วยฮะ” ลีวายส์พูด ก่อนจะเกาะหลังพี่ธาร พี่ธารเหล่มองลีวายส์ด้วยหางตาแบบเซ็งๆแต่ก็ยอมย่อตัวลงให้ลีวายส์ขี่หลังอยู่ดี
 
“โอ้ย!!! ปวดหลัง” พี่ธารบ่น ลีวายส์เลยก้มลงหอมซอกคอพี่ธารทีนึ่ง อ่าๆๆ พี่ธารบ่นตลอดอ่ะ เพราะว่าสองวันที่หยุดเรียนมาลีวายส์เกาะพี่ธารอย่างกะลิงเลย
 
 
 
 
“พี่ธาร...ลีวายส์ร้อนฮะ เสื้อตัวนี้อ่ะ” พี่ธารมองลีวายส์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็เมื่อกี้อ่ะพี่ธารแต่งตัวให้ ลีวายส์ใส่กางเกงขาสั้นแต่ไม่สั้นมากนะพี่ธารไม่ชอบ กับเสื้อโปโลคอปกแบรนด์หนึ่ง แต่พี่ธารอ่ะ ติดกระดุมคอให้ด้วย ก็เลยร้อน
 
“อย่าบ่นนา เดี๋ยวเข้าห้างแล้วก็หายร้อนเองแหละ พูดมากจริงๆ เดินไปเองมั้ย” พี่ธารใจร้าย ลีวายส์ทำปากยื่นหน้าง้อใส่ก่อนจะนั่งกอดอกหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง “ประสาท!” อื๊อออ พี่ธารผลักหัวลีวายส์ฮะ โดนกระจกรถดังโป๊ก!!! เลยอ่ะ
 
“โกรธแล้ว โกรธพี่ธารแล้วด้วย!” ลีวายส์ลูบหน้าผากตัวเองเบาๆหลังจากบอกพี่ธารออกไป ว่าโกรธ เดี๋ยวลีวายส์จะแกล้งไม่ลงจากรถค่อยดู
 
“เอ้า! ลงมา ...........” ไม่นานเราก็มาถึง พี่ธารลงจากรถจะเดินเข้าไปในห้างแต่พอหันมาเห็นว่าลีวายส์ยังไม่ลงจากรถ เลยเดินกลับมาเปิดประตูรถข้างลีวายส์ดู
 
“ไม่ลง! ลีวายส์โกรธพี่ธาร” ลีวายส์บอก ก่อนจะเบือนหน้าหนี งอนด้วย -*-
 
“ได้ งั้นมึงก็อยู่ในรถไปก็แล้วกัน!” พี่ธารปิดประตูลงและเดินออกไป อ่า พี่ธารไปจริงๆด้วยอ่ะ
 
ลีวายส์นั่งมองแผ่นหลังของพี่ธารที่กำลังเดินผ่านประตูเลื่อนของห้างเข้าไปข้างใน แต่แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็หยุดเดิน หมุนตัวกลับมาใหม่ คึคึ พี่ธารมาง้อด้วยแหละ
 
“อ่ะ....พะ....พี่ธาร” พี่ธารเปิดประตูรถ ก่อนจะก้มลงมาช้อนร่างลีวายส์ขึ้นอุ้มไว้ในอ้อนแขน “พี่ธารฮะ ปล่อยๆ...” ลีวายส์บอกแต่ไม่กล้าดิ้นกลัวพี่ธารจะทำลีวายส์ตก
 
“หายโกรธยัง!...หืม!” โธ่ พี่ธารอุ้มลีวายส์เข้ามาในห้างแล้วฮะ คนเยอะด้วยอ่ะ ลีวายส์อายจนหน้าร้อนหมดแล้วเนี่ย
 
“หายๆ หายโกรธแล้วฮะ พี่ธารปล่อยนะ อายเค้า” ลีวายส์มุดหน้าลงกับแผงอกของพี่ธาร พี่ธารก็เดินไม่หยุดซะทีอ่ะ คนมองเต็มเลยฮะ
 
“หึ! ทีหน้าทีหลังจะทำแบบนี้อีกมั้ย” พี่ธารถาม ลีวายส์สั่นหัวตอบ และแล้วพี่ธารก็หยุดเดินก่อนจะปล่อยให้ลีวายส์ลงมายืนดีๆ เล่นเอาลีวายส์เข่าอ่อนเลยอ่ะ ลีวายส์ทำปากยื่นใส่ก่อนจะใช้กำหมัดทุบหน้าท้องคนตรงหน้าไม่แรงนัก
 
“พี่ธารอ่ะ!.......โอ๊ะ! ร้านไอติม ไปกินไอติมก่อนจะฮะ” ลีวายส์จับมือพี่ธารและดึงให้พี่ธารเดินตามไปยังร้านไอติมใกล้ๆ อยากกินจะแย่อยู่แล้ว
 
“ไปซื้อของก่อน มา!” แต่ว่าพี่ธารจับข้อมือลีวายส์และออกแรงดึงกลับเพียงนิดเดียวลีวายส์ก็โดนพี่ธารกอดคอพาออกมาจากหน้าร้าน
 
 
 
“เลือกสิ ชอบแบบไหน” ลีวายส์ยืนดูโทรศัพท์รุ่นใหม่ในตู้กระจกใสตรงหน้า ที่แท้พี่ธารก็พามาซื้อโทรศัพท์นี่เอง
 
“ซื้อให้ลีวายส์หรอฮะ” ลีวายส์ถามอย่างตื่นเต้น เพราะนี่คือเครื่องแรกในชีวิตเลยล่ะ ทั้งที่ลีวายส์ก็เล่นของพี่ธารบ่อยมากแต่ก็อดดีใจไม่ได้
 
“ให้แมวมั้ง.....เลือกเร็ว” พี่ธารว่า
 
“เอาอันที่เล่นเกมได้เยอะๆฮะ” ลีวายส์บอก พี่ธารเหลือบผมลีวายส์นิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ มีพี่พนักงานสาวสวยยืนยิ้มอยู่ฝั่งตรงข้างตู้กระจกใสด้วย
 
“งั้น.....เอาตัวนี้” พี่ธารบอกกับพนักงานสาวสวย อ้าวไหนบอกให้ลีวายส์เลือกอ่ะ ตลอดเลยพี่ธารเนี่ย
 
“ไม่ต้องเหล่กู รู้นะคิดอะไร ของตัวเองน่ะ ไปซื้อโน้น” พี่ธารชี้ให้ลีวายส์มองตามไปยังร้านไอสตูดิโอ ลีวายส์ถึงกับยิ้มกว้างเลยล่ะ
 
 
“พี่ธารซื้อให้ทำไมอ่ะ ไหนบอกจะซื้อให้ตอนจบมอหกไงฮะ” ลีวายส์ นั่งเล่นไอโฟนตัวใหม่ล่าสุดของตัวเองที่พี่ธารเพิ่งซื้อให้สดๆร้อนไปพลางกินไอติมไปพลาง ส่วนพี่ธารก็ นั่งเล่นโทรศัพท์ของตัวเองไปด้วย
 
“จำเป็น แต่ถ้าทำพังหรือหาย จะไม่ซื้อให้ใหม่!!! เข้าใจนะ” พี่ธารเน้นคำว่าไม่ซื้อให้ใหม่ซะน่ากลัวเชียว ก่อนจะหันมาเช็ดมุมปากให้ลีวายส์ เรานั่งร้านไอติมและนั่งโต๊ะด้านเดียวกันฮะ
 
“รู้แล้วนา ลีวายส์ไม่กล้าทำพังหรอก ถ่ายรูปเล่นนะฮะ.....” ลีวายส์เปิดกล้องหน้า ยื่นแขนสั้นๆออกไปโฟกัสให้เห็นหน้าลีวายส์แล้วก็พี่ธารด้วย “ยิ้มหน่อยสิฮะ”
 
“ปัญญาอ่อน....ไม่ถ่าย!” พี่ธารไม่ยอมยิ้มอ่ะ แถมยังก้มหน้า ดูโทรศัพท์ของตัวเองอยู่นั่นแหละ ลีวายส์เลยยืดตัวขึ้นกอดคอพี่ธารไว้ พอจังหวะที่พี่ธารหันมาลีวายส์ก็กดถ่ายทันที คึคึ
 
“งี้.....พี่ธารตาเหล่ด้วยอ่ะ คึคึ”
 
“เดี๋ยวเหอะ! รีบกินเร็ว เดี๋ยวจะพากินข้าวก่อนกลับ มัวแต่เล่นอยู่นั่นแหละ” อ่าๆๆๆ คิดเหมือนลีวายส์มั้ยว่าเดี๋ยวนี้พี่ธารขี้บ่นจัง เดี๋ยวงับหูพี่ธารเลยนี่ คึคึ
 
“กินอะไร! กินอะไร!.....” อันนี้ลีวายส์ร้องเพลงกวนพี่ธารฮะ เพราะว่า......เราเดินวนร้านนั่นร้านนี่มาหลายรออบล่ะ แต่คนเยอะเกิน “กินอะไร! พี่ธาร...หิวแล้วนะฮะ”
 
“รู้แล้วๆ คนเยอะเห็นมั้ย” มือหนาบีบจมูกลีวายส์อย่างหมั่นไส้ ลีวายส์เลยงับแขนพี่ธารกินซะเลย งับๆๆ
 
“อ้าว....คุณธาร” โอ๊ะ!!! เราเจอคุณแพ็ทด้วย เธอเดินเข้ามาทักพี่ธาร ลีวายส์ยกมือไหว้คุณแพ็ท เธอสวยจัง “มาทำอะไรแถวนี้หรอคะ” คุณแพ็ทดูดีมากจนน่าอิจฉาอ่ะ ลีวายส์มองเลยไปด้านหลังก็เห็นนายแพ็คยืนหน้าหยิกอยู่ด้วยล่ะ ชิท์!!!
 
“มาซื้อของนิดหน่อยครับ ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้เข้าบริษัท” พี่ธารบอก เพราะพี่ธารเองก็หยุดงานมาค่อยดูแลลีวายส์เหมือนกัน
 
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ แล้วลีวายส์หายดีแล้วหรอ” คุณแพ็ทถามอีก
 
“ครับ” พี่ธารตอบกลับ
 
“อ่อ ไปท่านข้าวด้วยกันมั้ยค่ะ พอดีฉันนัดลูกค้าไว้แต่ลูกค้ากลับเลื่อนนัดซะงั้น” คุณแพ็ทบอกเธอยิ้มให้ลีวายส์ด้วยล่ะ
 
“ก็ดีครับ ผมจะคุยเรื่องงานไปด้วยเลย จะได้ไม่ต้องคุยกันผ่านโทรศัพท์” คุณแพ็ทพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารอิตาลีใกล้ๆ พี่ธารดึงมือลีวายส์ให้เดินตามไป นายแพ็คหันมามองนิดหน่อยแต่ก็หันกลับไปทำหน้าเบื่อโลกเหมือนเดิม งี้!!! หมั่นไส้ แลบลิ้นใส่เลย!
 
“ตามสบายนะลีวายส์ ไม่ต้องเกร็ง” เพราะคุณแพ็ทรู้ว่าลีวายส์กับนายแพ็คเราเคยทะเลาะกัน ก็เลยพยายามพูดให้ลีวายส์ไม่รู้สึกอึดอัด ที่จริงไม่อึดอัดเลยนะฮะ ก็นายแพ็คอ่ะ ไม่เห็นจะสนใจใคร เอาแต่ใส่หูฟังตลอด เหมือนมันโดนลากมาอ่ะ ดูจากสีหน้าแล้วน่ะนะ
 
“เดี๋ยวสั่งให้” พี่ธารบอกกับลีวายส์ ลีวายส์พยักหน้ารับ จากนั้นไม่นานเราก็เริ่มทานอาหารที่สั่งมา อร่อยมากขอบอก ลีวายส์ก็บอกไม่ถูกว่ากินอะไรไปบ้าง พี่ธารตักให้ตลอดอ่ะ
 
“ไปไหนแพ็ค” คุณแพ็ทถามน้องชายตัวเองที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นจากโต๊ะตอนที่เราทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
 
“ห้องน้ำ” ไอ้แพ็คตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเดินออกไปเลย คึคึ ไปด้วยดีกว่า
 
“ลีวายส์ไปด้วย” ลีวายส์บอก รีบลุกจากโต๊ะ เพราะอยากตามนายแพ็คไปให้ทัน หมอนั่นเดินเร็วอ่ะ
 
“ไปไหน ลีวายส์” พี่ธารดึงมือลีวายส์ไว้ ก่อนจะถาม
 
“เอ่อ ลีวายส์ปวดฉี่ฮะ ลีวายส์อยากไปห้องน้ำ” ลีวายส์บอก คุณแพ็ทยิ้มขำๆกับท่านิ่วหน้าปวดฉี่ของลีวายส์  พี่ธารส่ายหน้าไปมาก่อนจะปล่อยมือลีวายส์และพยักหน้าให้ไป
 
“นี่! นายแพ็ค.....อุ๊ย!” ลีวายส์รีบเดินออกมาจนทันนายแพ็คที่เดินมาก่อน เข้ามาในห้องน้ำ พอได้ยินเสียงลีวายส์เรียกมันก็หยุดเดิน ลีวายส์ก็เลยชนหลังมันเข้าให้ เกือบล้มแต่นายแพ็คคว้ำต้นแขนไว้ซะก่อน
 
“อะไร!” นายแพ็คสะบัดมือออก สีหน้าบ่งบอกว่ารำคาญลีวายส์สุดๆ
 
“นาย.....รู้จักพี่เซฟหรือเปล่า” จำเรื่องรูปที่ลีวายส์เจอในไอแพดพี่เซฟได้ใช่ป่ะ นั่นแหละคือประเด็นที่ลีวายส์ตามหมอนี่มา
 
“ใคร!” อ้าว ทำไม่ต้องขมวดคิ้วมองแบบไม่รู้เรื่องด้วยอ่ะ
 
“ก็พี่เซฟน่ะ พี่เซฟ ผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ แต่งตัวเท่ๆ หล่อๆ หล่อแบบเกาหลีเลย ไม่รู้จักหรอ ต้องรู้จักสิ” อีกวายส์ว่าอีก นายแพ็คเก็บโทรศัพท์ในมือของตัวเองที่ถืออยู่ใส่ลงในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ก่อนจะยืนกอดอกมองลีวายส์
 
“อะไรของมึง.....กูไม่รู้จัก ประสาท!” เอ๊ะ หมอนี่ งั้นก็ต้องให้ดูรูปแล้วล่ะ ลีวายส์ดึงไอโฟนจากกระเป๋าเสื้อมาเปิดเข้าอีเมล และเปิดข้อความที่แขวนรูปมันไว้
 
“นี่ไง เนี่ยรูปนายใช่ป่ะ เราจำได้” ลีวายส์ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้านายแพ็คให้หมอนี่ดู คนตรงหน้าเปิกตากว้างเมื่อเห็นรูปของตัวเองก่อนจะดึงโทรศัพท์ลีวายส์ไป
 
“มึงไปเอามาจากไหน ห๊ะ!!!” นายแพ็คตะคอกใส่ลีวายส์เสียงดังจนลีวายส์ถึงกับสะดุ้งตาม ตกใจหมด!!!
 
“เอาคืนมานะ ก็เราถามอยู่นี่ไง ว่านายรู้จักพี่เซฟหรือเปล่า”  ลีวายส์บอกหลังจากดึงโทรศัพท์กลับมา ไม่ได้ๆ เค้าหวงนะ พี่ธารซื้อให้
 
“กูไม่รู้จัก มึงรู้จักมันหรอ ไอ้เหี้ยนั่น” ไม่รู้จักแล้วทำไม.....
 
“นายไม่รู้จัก.....แล้ว ไปนอนกับพี่เซฟได้ไงอ่ะ” ลีวายส์ถาม นายแพ็คมองลีวายส์อย่างโกรธเคือง ก่อนจะดึงแขนลีวายส์ไปและออกแรงบีบหนักๆ จนลีวายส์นิ่วหน้าเจ็บ
 
“กูไม่รู้!!! กูไม่ได้นอนกับมัน!!! ลบรูปนั่นทิ้งซะ!!!” นายแพ็คบีบแขนลีวายส์แรงขึ้นอีก แล้วเอามืออีกข้างมาแย้งโทรศัพท์ในมือลีวายส์ ลีวายส์พยายามถอยหนีจนเข้ามาข้างในห้องน้ำห้องหนึ่ง
 
“ปล่อยเรานะ!!! เราเจ็บ” ลีวายส์พยายามแกะมือนายแพ็คแต่ก็ไม่หลุด ลีวายส์ก็เลยสะบัดแขนตัวเองแรงๆ จนในที่สุดแขนลีวายส์ก็หลุดออกจากมือมันแต่ว่า โทรศัพท์ของลีวายส์กลับหลุดมือไปด้วย
 
“....................” เราสองคนยืนนิ่งมองโทรศัพท์ของลีวายส์ที่หลุดมือลงไปอยู่ในชักโครก อือออออออออออ ไอโฟนของลีวายส์พี่ธารเพิ่งซื้อให้ได้ไม่ถึงวันลงไปนอนอยู่ในนั้นแล้ว
 
“ทำอะไร!” นายแพ็ค ดึงมือของลีวายส์ที่กำลังจะยื่นลงไปหยิบเอาโทรศัพท์ในชักโครกออกมา
 
“อึกๆ....พี่ธารเพิ่งซื้อให้เราเมื่อกี้เอง....อืออ....อึกๆ เพราะนายคนเดียวเลย อึกๆ อืออออ พี่ธารต้องโกรธลีวายส์แน่ๆ อืออออ” ลีวายส์ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ทั้งกลัวพี่ธารโกรธและเสียใจที่ทำมันพัง
 
“หยุดร้อง! มันพังไปแล้ว” ไอ้แพ็คว่า มันจับไหล่ลีวายส์และเขย่าเบาๆ
 
“เพราะนายนั่นแหละ! อึกๆ  อือออ พี่ธารโกรธลีวายส์แน่ๆเลย อึกๆ อืออออ” ลีวายส์ร้องไม่หยุด นายทำเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะดึงมือลีวายส์ออกมาจากห้องน้ำ
 
“หยุดร้อง! เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่” หมอนี่บอก ลีวายส์ปาดน้ำตาบนแก้ม เงยหน้าขึ้นมองนายแพ็ค
 
“อึกๆ.....มันจะเหมือนกันได้ไงอ่ะ อึกๆ....อื๊ออออ”
 
“หรือมึงอยากให้พี่มึงโกรธ พี่มึงด่าล่ะ จะเอายังไง” ลีวายส์ ลีวายส์ปาดน้ำตาอีกครั้งและนิ่งคิด ไม่ๆ ลีวายส์ไม่อยากให้พี่ธารโกรธ
 
“นายซื้อให้จริงๆหรอ....มันแพงนะ”
 
“เออๆ กูมีเงินนา!   แต่ว่า....มึงต้องสัญญาก่อนว่าจะลบรูปกูให้หมด” มันว่าอีก
 
“งั้นต่อไป นายห้ามแกล้งเราแล้วนะไม่งั้น เราจะบอกเรื่องนายให้คนอื่นรู้” นายแพ็คกัดฟันใส่ลีวายส์ มันมองซ้ายมองขวาก่อนจะดึงมือลีวายส์ไปยังร้านโทรศัพท์ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลนัก
 
 
เมื่อซื้อโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยนายแพ็คก็ให้ลีวายส์ลบรูปของมันในอีเมล หมอนี่เช็คดูก่อนจะคืนโทรศัพท์มาให้ มันซื้อให้เองจริงๆจ่ายตังให้โดยการรูดการ์ด จากนั้นเราก็รีบกลับมาที่ร้านอาหาร
 
“ไปไหนมา....ลีวายส์” พี่ธารถามทันทีเมื่อเรามาถึง พี่ธารมองลีวายส์กับนายแพ็คสลับกันไปมาอย่างสงสัย
 
“เราเจอเพื่อนน่ะ ก็เลยคุยกันนิดหน่อย จะกลับยังพี่แพ็ท ผมมีนัดกับเพื่อน”
 
“อืม....งั้นขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้เลขาโทรไปอีกที” คุณแพ็ทบอกลาพี่ธารก่อนจะหันมายิ้มให้ลีวายส์ ลีวายส์ก็เลยยกมือไหว้ลา
 
 
 
“เป็นอะไร.....สีหน้าไม่ค่อยดี รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” พี่ธารถามในระหว่างที่เปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ตั้งแต่ออกมาจากห้างลีวายส์ก็เงียบตลอด เพราะรู้สึกผิดที่ทำของที่พี่ธารซื้อให้พังแต่ลีวายส์กลับไม่กล้าบอก
 
“เปล่าฮะ”
 
“งั้นไปอาบน้ำไป.....” พี่ธารเดินนำเข้าไปในห้องนอน ลีวายส์เดินตามไปเงียบๆ ลีวายส์อึดอัดอยากบอกพี่ธารจังเลยฮะ
 
เคยเป็นหรือเปล่าเหมือนตอนเราทำความผิดไว้กับใครคนหนึ่งแล้วมันก็ติดอยู่ในใจ คล้ายกับฝันร้าย คือ...มันทำให้เราคิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าพูดอย่างในนิยายก็คล้ายกับมีบาปติดตัวอะไรแบบเนี่ยแล้วเราอยากสารภาพแต่กลัวผลที่จะตามมา อย่างที่ลีวายส์เป็นอยู่ตอนนี้ก็...กลัวพี่ธารจะโกรธ
 
“พี่ธารฮะ.....อึกๆ.....คือ.....อึกๆ....ลีวายส์” ลีวายส์ว่า ลีวายส์เลือกที่จะบอกดีกว่า เพราะถ้าเกิดพี่ธารรู้ทีหลังลีวายส์ก็จะกลายเป็นเด็กไม่ดี เป็นคนไม่ซื่อสัตย์กับพี่ธาร
 
“เป็นอะไร! เจ็บตรงหรือเปล่า! หื่ม!” พี่ธารเข้ามาดูลีวายส์อย่างห่วงๆ ร่างสูงดูจะตกใจกับอาการสะอื้นของลีวายส์ไม่น้อย
 
“พี่ธาร....อึกๆ  อือออ......ลีวายส์ขอโทษฮะ....อึก....”ลีวายส์ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนจะกอดเอวพี่ธารจนแน่น
 
“บอกซิ ว่ามีอะไร” พี่ธารนั่งลงบนเตียงพร้อมๆกับดึงลีวายส์ตามลงไป ทำให้ตอนนี้ลีวายส์นั่งอยู่บนตักพี่ธาร มือหนายกขึ้นมาลูบหน้าลีวายส์และเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มเบาๆ
 
“ลีวายส์ อึกๆ....ทำโทรศัพท์พังฮะ....อึกๆ” ลีวายส์บอก พี่ธารขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ในมือลีวายส์ ก่อนที่พี่ธารจะลองทัชหน้าจอดู
 
“ไม่นี่...พังตรงไหน”
 
“อึกๆ อันนี้เครื่องใหม่ แพ็คซื้อให้ฮะ อึกๆ....ลีวายส์กลัวพี่ธารโกรธ ก็เลยไม่กล้าบอก อึกๆ...อือออออ” ลีวายส์ซุกหน้าลงกับแผงอกแกร่ง กลัวเหลือเกินว่าพี่ธารจะด่าว่าและโกรธลีวายส์เข้า
 
“ไม่ต้องร้องนะ...หึ! จุ๊ๆ หยุดร้องเลย” พี่ธารลูบหัวลีวายส์เบาๆ “กลัวกูโกรธขนาดนี้เลยหรอ หื่ม! จุ๊บ!!!” พี่ธารจุ๊บข้างแก้มลีวายส์ ลีวายส์พยักหน้ารับและยังคงสะอื้นไม่หาย
 
“ลีวายส์ขอโทษฮะ...อึกๆ”
 
“กูไม่โกรธที่โทรศัพท์พังล่ะ.....แต่ตอนนี้โกรธที่เอาของคนอื่นมาเนี่ย” พี่ธารบอก ลีวายส์เงยหน้ามองอย่างแปลกใจ ทำไม...พี่ธารไม่โกรธลีวายส์ล่ะ สายตาคมๆที่มองมาอย่างตำหนิ
 
“ก็ลีวายส์กลัวพี่โกรธนี่นา” ลีวายส์ยืดตัวขึ้น จุ๊บปลายคางคนตัวสูง
 
“ดีแล้วที่ตัดสินใจบอก....ไม่งั้นจะเจอดีถ้ารู้ทีหลัง เฮ้อ! เอาล่ะ ไม่ต้องร้อง แล้วก็พรุ่งนี้....เอาไปคืนเค้าด้วย ส่วนของตัวเอง ค่อยไปซื้อใหม่เข้าใจนะ” ลีวายส์พยักหน้ารับเบาๆ กอดพี่ธารแน่นขึ้นอีก เพราะความกลัวแท้ๆ นายแพ็คก็เลยต้องเสียตังเลยอ่ะ
 
“ถ้าลีวายส์เอาเงินไปคืนเค้าได้มั้ยฮะ ลีวายส์เสียดายอ่ะ”
 
“ไม่ได้! ทำโทษงดเล่นโซเชียลเล่นเกม เดือนหนึ่ง” โอ๊ะ!!! เดือนหนึ่ง แล้วลีวายส์จะทำอะไรล่ะ โอ้ย พี่ธารอ่ะ อึกๆ แต่ก็ยังดีกว่าให้พี่ธารโกรธล่ะนา
 
“ก็ได้ฮะ......ว่าแต่พี่ธาร....ไม่โกรธลีวายส์จริงๆนะฮะ” ลีวายส์ถามเพื่อความแน่ใจฮะ ว่าพี่ธารจะไม่นึกโกรธลีวายส์จริงๆ
 
“อืม.....แต่..ต้องโดนทำโทษซะหน่อย.....” พี่ธารทาบริมฝีปากสีซีดเข้ากับริมฝีปากบางของลีวายส์หลังจากพูดจบ ลีวายส์เปิดปากให้ลิ้นร้อนเข้าไปอย่างง่ายดายก่อนที่ลีวายส์จะยกมือขึ้นโอบรอบคอคนตรงหน้า
 
รสจูบหอมหวานที่ปะบ่นไปด้วยความนุ่มนวลและหนักหน่วงในบางครั้งทำให้ลีวายส์ร้อนวูบไปทั่วช่องท้อง ลีวายส์รู้สึกดีฮะ รู้สึกดีทุกที่ที่พี่ธารสัมผัส แม้ว่าในบางครั้งพี่ธารจะมือหนักไปบ้างก็เถอะ
 
“อือออ......พะ....พี่ธาร” ลีวายส์เอ่ยชื่อคนรัก(ของลีวายส์) เสียงพร่า เมื่อริมฝีปากเราถอนออกจากกัน ลีวายส์ก้มหน้ามุดเพราะเริ่มรู้สึกอายขึ้นมาทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยจะอายเลย
 
“นี่อายเป็นแล้วหรอ” พี่ธารถาม มุมปากบางยกยิ้มนิดๆ ทำให้ร่างสูงดูดีไปอีกแบบทั้งที่ดูดีมากๆอยู่แล้ว
 
“เปล่าซะหน่อย ลีวายส์เปล่าอายนะ จุ๊บ! เห็นมั้ย ไม่เห็นอายเลย จุ๊บ! จุ๊บ!” ลีวายส์ จุ๊บมุมปากพี่ธารหลายๆทีเลย พี่ธารจะได้ไม่หาว่าลีวายส์อายอีก
 
“งั้นหรอ.......หืม!” พี่ธาร ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนที่ลีวายส์จะรู้สึกตัวว่ามือหนาๆกำลังคืบคลานเข้ามาในขากางเกงของลีวายส์
 
“อ่ะ!!!  พี่ธาร.....ลีวายส์ไปอาบน้ำดีกว่า”
 
“อ้าวๆ มาเลยอาบด้วยกันเลย อะไรกัน......เดี๋ยวนี้ค่าน้ำค่าไฟแพงรู้มั้ย อาบด้วยกันมา จะได้ไม่เปลือง” แล้วลีวายส์ก็โดนร่างสูงแบกขึ้นบ่าเข้าไปในห้องน้ำฮะ
 
อ๊ากกกก ไหนเมื่อก่อนตอนลีวายส์อยากอาบกับพี่ธาร พี่ธารไม่ยอมให้อาบ มาตอนนี้ลีวายส์ระ...เริ่ม ไม่ค่อยอยากอาบ แต่พี่ธารกลับจะมาอาบน้ำกับลีวายส์ล่ะฮะ
 
ทุกคนช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  >O.O<
 
<<<<<<<TBC>>>>>>>

1. ช่วย...
2. ไม่ช่วย.....
3. ช่วย.....ให้กำลังใจ

มาต่อแล้วจร้าแต่เฮ้ย!!!! สามสิบตอนแล้วแต่รู้สึกเหมือนเพิ่งเดินมาได้แค่ครึ่งเรื่องอ่ะ

จะจบยังไงวะเนี่ย(ติสแตก)ถ้าจบไม่ได้แม่ง!!! ก็แต่งไปเรื่อยๆแหละเนอะ

ท่านผู้อ่าน อย่าเพิ่งเบื่อกันล่ะ คิคิ

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 30(29/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 29-06-2014 10:58:56
ป้าช่วย.....ให้กำลังใจน่ะลีวาย
อีธารจัดไปเลย 55555

ดีน่ะที่ลีวายเลือกบอกความจริง
หนูเป็นเด็กดีมากลูกกก

อยากรู้เรื่องแพคกับเซฟ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 30(29/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-06-2014 15:35:18
ดีแล้วนะลีวายส์ ที่เลือกบอกความจริงกะพี่ธารอ่ะ ไม่งั้นอาจมีปัญหาภายหลังได้นะจ๊ะ
ส่วนคุณน้องแพ็คขราาาา หนูแลมีปัญหาชีวิตนะ อยากรู้จังทำไมถึงเป็นคนเฉยเมยและเย็นชาเยี่ยงนี้

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่30(29/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 30-06-2014 15:35:22
เซฟแพ็คๆๆๆๆ

 :hao5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่30(29/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-06-2014 15:54:17
เซพแพค รอคู่นี้
พี่ธารพอได้กินเด็ก ก็หาเรื่องหื่นใส่น้องมันอยู่เรื่อย
ส่วนน้องลีวายส์ดีแล้วที่เลือกบอกความจริงพี่ธาร
ถ้าพี่มันรู้ทีหลัง เจ็บหนักแน่ ยิ่งหึงโหดด้วย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 01-07-2014 15:55:50
Older Brother.....31

 

 

“หวัดดีพี่เซฟ วันนี้มาดูเองเลยหรอ” พนักงานเรื่องเครื่องดนตรีแห่งหนึ่งทักผม ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปภายในร้าน

 

“อืม....พอดี จะมาดูของใหม่เผื่อสั่งอะไรเพิ่งเติมน่ะ แล้วไอ้ซอไม่อยู่หรอ” ที่นี่เป็นร้านของเพื่อนผมเอง แต่เราเรียนคนล่ะคณะกัน ก็ถือว่าสนิทกันพอสมควร

 

“ไม่อ่ะ พี่ซอไปต่างจังหวัด ไปตั้งแต่เมื่อวานน่ะ น้องชายอยู่แต่ตอนนี้ไปเรียน” ผมพยักหน้ารับแค่นั้นก่อนจะจัดการเลือกและสั่งซื้อเครื่องดนตรี

 

“เดี๋ยวผมให้เด็กเป็นส่งนะครับ ไม่ห่วงเดี๋ยวเราจัดการให้” ที่นี่มีบริการหลังการขายที่ดีผมถึงได้มาใช้บริการบ่อยหากเครื่องดนตรีมีปัญหา

 

“โอเค งั้นตามนี้” ผมบอก เซ็นชื่อในใบส่งขอเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากร้าน มาขึ้นรถมอไซค์บิ๊กไบค์สีเพลิงคันสวยของตัวเอง

 

แถวๆนี้เป็นถนนสองเลนเส้นแคบๆ สองข้างทางมีร้านข้าวของเครื่องใช้ พวกเสื้อผ้าร้องเท้ามากมาย จะเรียกได้ว่าเป็นย่านช้อปปิ้งสำหรับวัยรุ่นก็ได้ แถมแถวนี้มีซอยแคบเยอะด้วยผมถึงไม่พารถที่ร้านมาขนของเอง

 

ผมมองร้านเสื้อผ้าและรองเท้าทั้งสองข้างทางไปด้วยในขณะขับรถช้าๆ ตอนนี้เป็นช่วงเย็น เริ่มมีเด็กวัยรุ่นออกมาเดินกับบ้างประปรายนอกจากร้านเสื้อผ้ารองเท้าก็ยังมีร้านของกินข้างทางเยอะพอสมควร

 

“เฮ้ย!!!!”  เอี๊ยดดดดดดดดด     ตุ๊บ!!!!  ฉิบหายครับ ระหว่างที่ผมเพลิดเพลินอยู่กับบรรยากาศสองข้างทาง อยู่ๆก็มีเด็กใส่ชุดนักเรียนคนหนึ่งวิ่งออกมาจากซอยแคบๆปาดหน้ารถ แต่ยังโชคดีมีเพื่อนอีกคนที่วิ่งตามมาติดๆผลักมันออกไป

 

“เฮ้ย!!!! ทำไม่ดูทางไอ้น้อง” ผมจอดรถลงมา เปิดหน้ากากหมวกกันน็อคออก ไอ้ตัวที่โดนผลักมาหน้าซีดเชียวมันเองก็คงตกใจไม่น้อย นี้มันงี่เง่าชะมัด

 

“เฮ้ย!!! ไอ้ปอ!....” แล้วก็มีอีกคนวิ่งตามมาอีก “ไอ้แพ็คล่ะ” คนมาใหม่ถาม คนถูกเรียกชื่อปอ หันซ้ายหันขาวมองหาใครอีกคน ก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งไปดูเพื่อนที่ผลักมันออกไปเมื่อกี้ ผมเองก็ตามไปดูด้วย

 

“เล่นอะไรกันเนี่ย ห๊ะ!!! เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ” ผมว่าอีก ระหว่างนั้นพวกมันสองคนกำลังช่วยพยุงเพื่อนอีกคนให้ลุกขึ้น มีเลือดออกตรงเข่ากับข้อศอกเล็กน้อย

 

“แล้วพี่อ่ะ ขับรถประสาไรวะ ที่นี่ย่านชุมชนพี่ก็ควรดูทางด้วยดิ” อ้าว กูผิดซะงั้น พวกมันช่วยกันก้มหน้าก้มตาปัดฝุ่นบนตัวเพื่อนที่เพิ่งจะพยุงขึ้นมา ก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมามองผม

 

เฮ้ย!!!  ไอ้เด็กนี่มัน......

 

ผมถอดหมวกกันน็อคออก ก่อนจะยกยิ้มมุมปากทักทายเด็กอีกคนที่ผมเพิ่งจะเห็นหน้ามันได้ชัดๆ หึ! ไอ้เด็กขี้เมา

 

“มึง!!!......ไอ้สัด!” พอมันเห็นผมเท่านั้นแหละครับ ทำท่าพุ่งเข้าใส่ผมทันทีโดยมีเพื่อนอีกสองคนยืนทำหน้างงง

 

“เฮ้ยๆ อะไรกัน ทักทายผู้มีพระคุณแบบนี้ได้ไงวะ” ผมบอก ตัวแค่นี้กะจะต่อยผมว่างั้น โธ่ อีแค่ผมผลักมันทีเดียวก็ถ่อยกลับไปหาเพื่อนมันล่ะ หึ!

 

“เฮ้ย! ไอ้แพ็คมึงรู้จักกันหรอ.....” เพื่อนมันถาม ก็ไอ้คนที่ผมเกือบชนเมื่อกี้นั่นแหละ “แต่กูว่านะ รู้ไม่รู้ไม่สำคัญล่ะ เผ่นก่อนเหอะ” มันบอกต่ออีก ก่อนจะมองไปยังซอยที่มันเพิ่งวิ่งออกมาเมื่อกี้นี้ มีนักเรียนอีกกลุ่มวิ่งตามมาราวๆสี่ห้าคน

 

“เออว่ะ ไอ้ปอไปเว้ย!” แล้วพวกมันทั้งสามก็ทำท่าจะวิ่งออกไป

 

“เดี๋ยวๆ จะไปไหน ตัวแค่นี้ก่อเรื่องต่อยตีกันแล้วหรอวะ” ผมคว้าคอเสื้อไอ้เด็กขี้เมานั้นไว้ได้ ส่วนเพื่อนมันวิ่งออกไปแล้ว

 

“ปล่อย!!!.......” มันพยายามดิ้นหนีแต่สู้แรงผมไม่ได้ “เฮ้ย!!! เข้ามาเลย เนี่ยพี่กูมาช่วยแล้ว!........งั้นก็ ฝากด้วยล่ะกัน!!!” ผลั่ก! มันตะโกนบอกเสียงดังก่อนจะผลักผมออกเกือบหัวทิ่มจากนั้นมันก็วิ่งใส่เกียร์หมาหนีไป

 

“อ้าว....พี่ชายมันหรอเนี่ย เฮ้ยรุม!!!” งี่เง่าชะมัด!!! ที่ผมต้องมารับกรรมกินยำตีนจากไอ้เด็กพวกนี้ สลัดเฮ้ย!!!

 

 

“ซี๊ดดด....เบาๆสิไอ้กาย เจ็บนะ” ผมร้อนคราง จับมือกายที่กำลังทำแผลตรงหางคิ้วให้ผมอยู่ตอนนี้

 

“นี่มึง ถามจริง ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ย ดูสิ ตัวก็ใช่ว่าจะเล็กๆอ่ะ” เอ้าๆ บ่นเข้าไปผมเจ็บอยู่นะคร้าบบบบบ นี่มันไม่ใช่เรื่องของกูเลย เพราะไอ้เด็กงี่เง่าพวกนั้นแท้ๆ อย่าให้กูเจออีกนะ

 

“ก็เด็ก จะกูต่อยเด็กหรือไง อีกอย่างถึงต่อย มันก็มากันสี่ห้าคนแถมอาวุธครบมือด้วย รอดมาก็บุญล่ะ แม่ง!!!” ผมปล่อยมือจากมือกายมาจับมุมปากของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ไอ้กายมาส่องดูแผล

 

“มาๆ ทำแผลให้เสร็จก่อน เดี๋ยวเสียโฉมนะมึง ไหนดูซิ” กายจับปลายคางผมให้หันหน้าไปหามัน

 

ผมมองสำรวจเรียวหน้าใสที่อยู่ใกล้เพียงแค่ไม่กี่เซ็นตรงหน้า ดวงตาสีนิลกำลังมองสำรวจแผลบ่นหน้าผม จมูกโด่งรันรับกับเรียวหน้าสวยเป่าลมหายใจอุ่นออกมารสแก้มผมเบาๆ ปากบางกำลังเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง กายดูดี ดูสวยในสายตาของทุกคนรวมทั้งผมด้วย

 

ผมดันไหล่กายออกห่างก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ร่างบางลดมือที่กำลังทำแผลให้ผมลง มันมองผมอย่างไม่เข้าใจ

 

“กู....ขอโทษ” ผมบอก กายถอนหายใจออกมาแรงๆ ยกมือขึ้นเกะมือผมออกจากไหล่มัน

 

“เซฟ....มึงพูดคำนี้มาเป็นร้อยรอบแล้วนะ มึงไม่ผิด เข้าใจมั้ย” กายจับหน้าของผมด้วยสองมือของมัน ให้ผมหันไปสบตากับมันตรงๆ

 

“กูจะไม่ผิดได้ไง ในเมื่อ กูทำให้มึงกับพี่หมอต้องทะเลาะกันน่ะ” มันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ร่างบางเอื้อมมือไปหยิบเอาพลาสเตอร์มาปิดแผลตรงหางคิ้วให้ผม

 

“เซฟ....มึงรู้มั้ย คนเราต้องคบกันด้วยความเข้าสิวะ กูรักมึงนะ” กายบอก คำว่ารักของมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกวูบไหวแม้แต่น้อย เพราะผมรู้ว่า คำว่ารักของมันหมายความยังไง

 

“แต่.....” เพี้ย! มันตบผมครับ แต่ไม่แรงอะไรหรอก

 

“นี่!!! มึงเลิกคิดมากเลย กูคบกับมึงมากี่ปีแล้วล่ะ ถึงมึงจะคิดยังไงกับกู กูก็ไม่อยากให้เราเลิกคบกันนะ แต่กูกับพี่หมอเรายังไม่รู้จักกันดีพอก็ไม่แปลกที่พี่หมอจะไม่เข้าใจกู ถ้าพี่หมอกับกูเข้าใจกันไม่ได้กูก็ไม่เสียใจเลย ถือว่าเราไม่ได้คู่กัน โอเค๊” ถึงมันจะพูดว่าไม่เสียใจก็เถอะ แต่ผมรู้ว่ามันน่ะ....รักพี่หมอไปแล้ว

 

“กู....เลิก....ก็แล้วกัน” ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะเลิกรักมันให้ได้ เพื่อมัน....ผมควรทำเพราะผมก็ไม่อยากเลิกคบกับมันในถานะเพื่อนเหมือนกัน ถามว่าผมเจ็บมั้ย เจ็บสิ แต่ยังไม่ถึงที่สุดหรอก

 

“ไอ้บ้า!!! เลิกคิดเรื่องนี้ ดูสิเนี่ย เพื่อนกูแม่ง หมดหล่อเลยอ่ะ อ่าๆๆ”

 

 

 

 

“เข้ามาในบ้านก่อนป่ะ หิวป่ะ เผื่อหาไรกิน” ผมมาส่งกายที่บ้านหลังจากปิดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองสามวันนี้พี่หมอไม่ได้มารับมันเหมือนเคย

 

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวกูจะกลับไปนอนเลยน่ะ เข้าบ้านเหอะ” ผมปลดหมวกกันน็อคออกให้มัน หมวกผมนั่นแหละครับ มีใบเดียวก็ให้มันใส่กันลมปะทะหน้า

 

“เออจริงสิ กูลืมสนิทเลย คือ....เรื่องที่เราคุยกันน่ะ” เรื่อง...อะไรวะ ผมขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย “ก็ที่จะให้มึงไปสอนไง พรุ่งนี้แล้วนะ เดี๋ยวกูโทรตามตอนเช้านะ ฝันดี” หื่ม?! กายรีบพูดและเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่หน้าบ้าน

 

ที่เราคุยกัน.......สอน.....สอน......พรุ่งนี้!!!  เฮ้ย!!! นี่มันจะให้ผมไปสอนที่โรงเรียนจริงๆหรอเนี่ย งี่เง่าว่ะ กายยยยยย

 

 

 

 

 

Tru...........  Tru...........

 

ผมปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเปิดผ้าห่มออกมารับสายเพราะรู้สึกรำคาญเสียงมันอย่างแรง

 

“อะไรที่รัก โทรมาแต่เช้า กูจะนอน สัด!!!!”

 

“เช้าบ้าน ป้ามึงสิ เก้าโมงแล้วเว้ย!!! กูโทรหามึงนี่สายจะไหม้อยู่แล้วนะ” โอ๊ยๆๆๆๆ กูเพิ่งจะนอนไปได้ไม่ถึงหกชั่วโมงเลย

 

“ก็รับแล้วไง...มีรัยอ่ะ” ผมถาม ในขณะที่เปลือกตากำลังจะปิดลงๆเรื่อยๆ ปกติผมตื่นบ่ายเลยนะครับ

 

“ก็วันนี้อ่ะ มึงต้องไม่สอนแล้วนะเว้ย มึงรับปากกูแล้วนะ ห้ามเปี้ยว แล้วเนี่ยเก้าโมงกว่าแล้ว รีบอาบน้ำแต่ตัวเลยนะ” เสียงรัยแว่วๆวะ ฟังไม่รู้เรื่อง (มันหลับในค่ะทุกคน)

 

“อืมๆ....”

 

“อืมๆ เนี่ย มึงได้ยินกูป่ะ เซฟ! เซฟ!! เซฟ!!!!!!!!” เสียงปรอทแตกของกาย ทำให้ผมตกใจลุกขึ้นจากเตียง โธ่เว้ย!!! งี่เง่าแต่เช้า

 

“เออ!!!! อาบน้ำก่อน!” หืมมม ถ้าไม่ใช่มึงนะกาย กูแม่ง จะปิดเครื่องนอนต่อเลย

 

เมื่อคืนผมนอนที่ร้านครับ นอนคนเดียวไม่ได้เกี่ยวใครขึ้นมาด้วย ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่(?) ผมเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำมาดูสาระรูปตัวเองในกระจกเงา ตรงหางคิ้วมีพลาสเตอร์ปิดแผล

 

ตรงมุมปากขึ้นสีม่วงช้ำเด่นชัดเพราะผิวขาวมาก แม่ง เจ็บใจไอ้เด็กขี้เมาคนนั้นจริงๆ เฮ๊ะ มันชื่อไรนะ ได้ยินเพื่อนมันเรียก แพ็ท แค็ท แป็ท แพ็ท หรือแม็ก อะไรวะ อาบน้ำดีกว่ากู

 

ผมขับรถมายังโรงเรียนของพ่อไอ้กายหลังจากจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อย มาแบบมึนๆงงๆมา แผนการสอนกูก็ไม่มี แล้วนี่จะสอนอะไรวะ ผมขับรถมอไซค์บิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาในรั่วโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ถ้าจำไม่ผิดลีวายส์ก็เรียนที่นี่ด้วย

 

ผมจอดรถหน้าตึกเรียนตึกแรกที่เข้ามา ก้มมองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลาเก้าโมงกว่าๆ ป่านนี้เค้าคงเริ่มทำการเรียนการสอนกันแล้ว ถึงไม่เห็นเด็กนักเรียนเดินไปมาเลย

 

ไม่นานก็มีครูคนหนึ่งพาผมไปพบกับผู้อำนวยการก่อนจะบอกถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของผมเกือบๆสามสิบหน้ากระดาษ ซึ่งผมสรุปได้แค่ว่า ให้ผมสอนในรายวิชากฎหมายเบื้องต้นและมีตำแหน่งเป็นครูประจำชั้นควบคู่กันไปด้วย แค่ให้มาสอนกูก็จะบ้าอยู่แล้วยังจะหาเรื่องปวดหัวมาให้อีก งี่เง่าจริงๆ

 

 

หลังจากนั้นก็ให้หนังสือผมมาเล่นหนึ่งกับใบรายชื่อนักเรียนหนึ่งใบในนั้นมีรายละเอียดของห้องเรียนและตารางเรียนของนักเรียนด้วย อ่อ มีตารางสอนของผมด้วยล่ะ

 

ผมเดินขึ้นตึกเรียนมายังห้องเรียนตามที่ระบุไว้ในใบรายชื่อ ห้อง ABA คือห้องเรียนที่ผมกำลังจะเข้าไปสอน เป็นนักเรียนชั้นมอสี่

 

โอเค ผมมาถึงห้องล่ะ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในห้องเรียน เด็กนักเรียนในห้องเงียบกริบหลังจากที่ผมย่างก้าวเข้ามา ลีวายส์เรียนอยู่ห้องนี้ด้วย นางโปกมือให้ผมล่ะ ทุกคนหันมามองผมแบบงง

 

“เอ่อ....สวัดดีครับ....ผมชื่อธนกฤต.....มาเป็นคุณครู ประจำวิชากฎหมายเบื้องต้นหรือ Introduction to the Science of Law และเป็นครูประจำชั้นคนใหม่” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆแม้แต่นิด มีเพียงเสียงกระซิบกันเบาๆ =_=

 

“เออ....โอ่ ทำไมหน้าเครียดกันขนาดนี้ล่ะ พอพูดถึงกฎนี่ทุกคนแบบ....ดูแล้วสมองปิดการทำงานโดยอัตโนมัติกันเลยทีเดียว เอ้าล่ะ เดี๋ยวเราจะเรียนกันแบบสบายๆเนอะ” เอาล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว สอนก็สอนว่ะ

 

ฟุ๊บ!!!!

 

การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น ผมสามารถเข้ากับเด็กนักเรียนได้อย่างเป็นกันเองมากๆ ผ่านไปกว่าสามสิบนาที อยู่ๆก็มีกระเป๋าเป้ลอยเข้ามาตกลงบนโต๊ะข้างๆโต๊ะลีวายส์ในห้องจากประตูด้านหลัง

 

ทำให้เพื่อนในห้องต่างหันไปมอง ตามมาด้วยเด็กนักเรียนชายสามคนที่คุ้นหน้าผมดีเดินเข้ามา เหอะ!!! ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอไอ้เพวกนี้อีก ไอ้เด็กขี้เมา!  นี่มันเรื่อง...งี่เง่า ชะมัด!!!

 

“โอ๊ะ!!!” เพื่อนไอ้เด็กขี้เมาสองคน อุทานออกมาเมื่อเห็นผม ก่อนจะนั่งยองๆลงหลบอยู่หลังห้องและทำท่าจะคลานเข่าออกไป ในขณะที่ไอ้เด็กขี้เมายังไม่ได้หันมามองว่าผมคือครูที่ยืนสอนหัวโด่อยู่หน้าห้อง

 

“หยุด!!! อยู่ตรงนั้น” ผมพูดเสียงดังก้องชัดเจน หมาสองตัวที่กำลังจะคลานออกไปจากห้องหยุดชะงัก ส่วนไอ้เด็กขี้เมาก็หันมามอง ก่อนที่ดวงตามันจะเปิกกว้างตกใจ หึ!

 

“เอ่อ หวัดดีครับครู แฮะๆ” เพื่อนไอ้เด็กขี้เมา มันยกมือไหวก่อนจะส่งยิ้มแหยะๆมาให้

 

“หวัดดี ดีใจนะที่ได้เจอพวกนายอีก.....” ผมเลยส่งยิ้มเย็นๆกลับคือไปให้ “แล้วก็ดีใจที่ได้มาเป็นครูประจำชั้นห้องพวกนายด้วย” พวกมันหุบยิ้มลงทันที ส่วนไอ้เด็กขี้เมา ชักสีหน้าใส่ผมเล็กน้อย หึ!!!

 

“เอ่อ คือ....ขอบคุณนะครูที่เมื่อวานช่วยพวกผม ครูเป็นครูที่ดีจริงๆเลยนะครับ”  ยังมันยังไม่เลิกพูด จนเพื่อนข้างๆเริ่มสะกิดมันล่ะ

 

“ใช่.....ดีใจที่ช่วยพวกนายเหมือนกัน....” ผมกัดฟันพูดครับ “มาสายกันล่ะสิ......ไป......ไปวิ่งรอบสนามโน้น คนล่ะ ห้ารอบ!!!” หึๆ ผมเป็นครูประจำชั้น ผมก็มีสิทธิอบรมเด็กนักเรียนในห้องผมใช่มั้ยครับ

 

“โธ่ครู...นี่มันจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ร้อนตายเลย” เพื่อนไอ้เด็กขี้เมาอีกคนบอก

 

“งั้นหรอ.....งั้น เพิ่มอีกคนล่ะรอบล่ะกัน” มันถึงกับคอตกเลยที่เดียว

 

“งั้น....ให้พวกผมสองคนวิ่งแทน ไอ้แพ็คนะครับครู เออพอดีมัน....”

 

“เฮ้ย!!! ....” ผมตะคอกใส่เสียงดังอย่างลืมตัวจนเด็กในห้องสะดุ้งตาม อะไรของพวกมันนักหนา “อยากวิ่งแทนเพื่อนมากใช่มั้ย......เพิ่งอีกคนล่ะสองรอบ ไป!!!!” แล้วพวกมันก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ส่วนไอ้เด็กขี้เมาที่คาดว่าน่าจะชื่อแพ็ค มันจ้องเขม็ง มองผมอย่างโกรธเคืองก่อนจะเดินตามเพื่อนมันออกไป  ผมว่าไอ้พวกนี้มันคงเป็นเด็กเกเรประจำห้องแน่ๆ ผมว่าผมคงได้มีเรื่องปวดหัวทุกวัน เฮ้อ!

 

ผมออกจากห้องเรียนมาดูพวกไอ้เด็กขี้เมาทั้งหลายโดยในนักเรียนทำงานในห้องนิดหน่อย สนามที่ผมให้พวกมันมาวิ่งก็เป็นสนามบาสหน้าตึกเรียน ถือว่าไม่กว้างเท่าไหร่ ผมยืนดูพวกมันจนวิ่งครบตามที่สั่ง ทุกคนดูเหนื่อยหอบพอๆกัน เหงื่อไหลกันเลยที่เดียว

 

“เป็นไง.....ดูท่ายังไหวอยู่ เอาอีกรอบสองรอบคงได้” ผมยืนกอดอกมอง

 

“ไม่ๆ....ไม่เอาแล้วครู.....ไอ้ไอซ์ไปห้องน้ำกัน” เหอะ! มันสองคนพากันเดินออกไปเหลือแต่ไอ้เด็กขี้เมาที่เพิ่งวิ่งครบรอบสุดท้าย

 

“ไง...ไอ้เด็กขี้เมา” มันมองผมเคืองๆ ก่อนจะก้มลงมองเข่าตัวเอง เอ้า เป็นแผลนี่ อ่อ คงเป็นแผลจากเมื่อวานสินะ “แสบนักนะพวกนาย.....ไปทำแผลไป”

 

“.......................” มันไม่ตอบครับ มองผมนิ่งๆเดินออกไป ผมจำได้ว่าเมื่อกี้ผมเดินผ่านห้องพยาบาล และมันก็ไม่ใช่ทางที่ไอ้เด็กนี่กำลังจะไป มันดื้อเงียบว่ะ

 

“มานี่!” ผมดึงคอเสื้อมันไว้ จากนั้นก็ออกแรงดึงให้เดินตามมา ผมตัวสูงกว่าเยอะ มันดิ้นยังไงก็ไม่หลุดหรอก มันโวยวายตลอดทางมายังห้องพยาบาลเลย

 

“ปล่อยนะเว้ย!!!” นี่คือ.....มันพูดกับครูประจำชั้นมันใช่ป่ะ “ไอ้.....ปล่อย!!!” แล้วก็นี่ด้วย ดูมันจะไม่นับถือกูเลย

 

  “มาทำแผล ดื้อเป็นเด็กสามขวบไปได้...” ผมแกะมือมันจากขอบประตูออกและดึงเข้ามาใน ห้องพยาบาล“เออ พาเด็กมาทำแผลครับ” ผมบอกกับเจ้าหน้าที่พยาบาลสาว

 

“เอ่อคือ....ขอโทษนะคะพอจะทำได้หรือเปล่า พอดีว่าผู้อำนวยการเรียกพบน่ะค่ะ” เธอบอกยิ้มๆ

 

“เออ ได้ครับเดี๋ยวผมทำเอง” ผมยิ้มรับและไม่ลืมที่จะดึงแขนไอ้เด็กขี้เมาข้างเข้ามาในหลังม่าน ที่กันไว้เป็นสำหรับทำแผล ไอ้เด็กนี่ชักสีหน้าใส่ผมแต่ก็ยอมนั่งลงบนเตียงพยาบาลเล็กๆ ตามสายตาคมของผมที่ส่งไปให้มัน

 

“อ่ะ!!!!......ซี๊ด.......เจ็บเว้ย!!!!” มันปัดมือผมที่กำลังราดน้ำเกลือลงบนแผล จนขวดน้ำเกลือหลุดออกจากมือหล่นลงพื้น

 

“เน้!!! หกเลยเห็นมั้ย ทีจะไปมีเรื่องล่ะ ดูท่าจะเก่งกันนะ ทีแบบนี้ล่ะ ร้องเจ็บ” ผมว่าอีก หยิบเอาสำลีมาเช็ดรอบแผลให้มัน

 

“เรื่องของกู!.....ชิท์! อย่ามายุ่ง!!!” มันยังพยายามผลักผมออกอีก ผมเลยรวบมือมันไว้ทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียว

 

“ปากดีจริงๆ....ไอ้เด็กนี่......เห็นมั้ยเนี่ยเลือดซึมออกมาแล้ว อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวจับกดเลยนี่” เอ้า เงียบครับที่นี้ หยุดนิ่งเลย เหอะ! ผมก็แค่พูดเล่นนาจับกดอะไรกัน

 

ผมทำแผลให้มันต่อ ก่อนจะปิดแผลให้เรียบร้อย ไม่รู้สิ ทำไมผมถึงอยากทำให้ ทั้งที่จริงๆแล้วมันก็น่าจะทำเองได้ เมื่อเห็นว่าเสร็จแล้วมันก็ลุกขึ้นทันที

 

“เดี๋ยวๆ......คุยกันก่อน” ผมดึงแขนไอ้เด็กขี้เมาไว้ “นั่งลง” มันถอนหายใจออกมาก่อนจะสะบัดมือผมออกและนั่งลง “จะบอกอีกทีนะ...ว่าคืนนั้นน่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรนาย เข้าใจไว้ซะด้วย”

 

“แล้วรอยนั่นมาได้ไง....!!!!” ชอบขึ้นเสียงใส่กูจัง ได้ข่าวว่ากูอายุมากกว่ามึง(เยอะ)

 

“จะไปรู้หรอ...แล้วนายมาจากไหนล่ะ จำอะไรได้บ้างหรือเปล่า....คงได้หรอ เข้าบ้านคนอื่นเค้าหน้าตาเฉยขนาดนั้น” เหอะๆ ผมบอกยิ้มๆ คนตรงหน้าหลบตาผมเหมือนมันจะอายนิดๆ

 

“หน้าตาแบบนี้เชื่อตายล่ะ” อ้าวซะงั้น

 

“ก็พิสูจน์ไปแล้วไง.....หรือจะลองอีกที” ไอ้ที่ว่าพิสูจน์ก็จูบนั่นไง ผมเลยลุกขึ้นโน้มหน้าเข้าหามัน ผมแค่แกล้งเล่นน่ะ เห็นสีหน้าขึ้นริ้วแดงๆนั่นแล้วขำว่ะ

 

“ไอ้.....ถอยไป!!!” มันยกมือขึ้นผลักอกผมออก ผมก็ผละออกล่ะนะ แต่เพราะน้ำเกลือที่หล่นลงพื้นเมื่อกี้มันหก เท้ามันก็เลยลื่นไปด้านหลังข้างหนึ่ง ทำให้ผมทรุดเข่าลงกับเตียง แถมริมฝีปากยังประกบเข้ากับปากบางของคนตรงหน้าพอดี

 

“อ่ะ....เอ่อ....มันลื่นๆ โอเค๊....”ผมรีบบอกหลังจากผละออกมา ไม่รู้ว่ามันหน้าแดงเพราะโกรธหรือยังไง ไอ้เด็กขี้เมารีบลุกขึ้นและผลักผมให้พ้นทางก่อนจะรีบเดินออกไป

 

เหอะ!!! ผมมองตามร่างนั่นจนออกไปพ้นสายตา ยกมุมปากยิ้ม นึกถึงหน้ามันเมื่อกี้แล้วก็ขำ นี่มันคงไม่ได้คิดว่าผมเป็นพวกเกย์ที่ชอบเด็กอะไรแบบนี้ใช่มั้ยเนี่ย เหอะ!

 

แต่ว่าแปลก.....ทำไมผมถึงรู้สึกดีกับรอยจูบเมื่อครู่กันนะ เฮ้ย!!! ไม่ๆๆ ผมไม่ได้ชอบแบบนี้ซะหน่อย เฮ้ออออ งี่เง่าชะมัดเลย

 

<<<<<<TBC>>>>>>>>

 

เอิ่ป......เราหัวไม่ไปเท่าไหร่ แต่ได้แค่นี้อ่ะ T^T

มีอะไรผิดพลาดก็ขอโทษด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-07-2014 18:41:43
เอาอีกๆ มวยถูกคู่ มันส์มาก
เด็กก็แสบ เซฟก็กวนๆร้ายๆ

ดามใจให้พี่เซฟด้วยนะน้องแพ็ค
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 01-07-2014 19:58:10
ขิงก็รา ข่าก็แรง

>.<

นุ้งแพ็คมีเขินพี่เซฟด้วย~
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-07-2014 20:10:17
กินเด็กตามมาอีกราย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-07-2014 21:40:20
ฮือๆๆๆ  อยากให้พี่หมอเคลียร์กะกายเร็วๆจัง คู่นี้ดูอึมครึม T_T
ถ้าให้เดา พี่หมอน่าจะกำลังน้อยใจอยู่นะ
ส่วนแพ็ค-เซฟ คาดว่าน่าจะมันหยดติ๋งๆ อิอิ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 02-07-2014 23:05:05
อ่านแล้วไม่ชอบคู่กายกับพี่หมอเลยงะ

อยากให้เซฟมีความสุขไวๆ <3
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Plengaay ที่ 02-07-2014 23:45:08
ชอบคู่เซฟแพ็คจัง55555 :-[
มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่31(01/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-07-2014 00:09:00
แพ็คคงเขิลเนอะ
คู่พี่เซฟน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่32(03/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 03-07-2014 16:32:27
Older Brother.....32
ฮัดชิ้ว! อ่า คงเพราะผมเข้าๆออกๆห้องแอร์ทั้งวันแถมอากาศวันนี้มันก็ร้อนจัดอีกด้วย สงสัยหวัดจะทำพิษซะแล้วสิ ถึงได้จามไม่หยุด

 

“ทำไมช้าจังนะ” ผมมารอรับลีวายส์ครับ แต่มันไม่ออกมาซะที สิบนาทีเข้าไปแล้วเนี่ย โรงเรียนก็เลิกแล้วด้วย เห็นเด็กออกมากันแล้ว

 

“พี่ธาร.....มานานยังฮะ”

 

“นาน เป็นชั่วโมงแล้ว” ผมบอกหลังจากลีวายส์เปิดประตู ขึ้นมานั่งบนรถ

 

“จริงหรอฮะ ลีวายส์นั่งทำการบ้านอยู่น่ะฮะ ขอโทษฮะ จุ๊บ!!!” เออๆ ผมโกรธมันไม่ลงหรอก ก็ดูมันทำท่าสิเหมือนแมวขี้อ้อนเจ้าของซะขนาดนั่น

 

“จุ๊บ! เออๆ คราวหน้าเร็วหน่อยก็ดี” ผมจุ๊บมุมปากสีสดเบาๆก่อนจะออกรถ “เดี๋ยวแวะร้านอาหารก่อน แม่มาหา”

 

“คุณแม่หรอฮะ มาทำไมหรอฮะ” ลีวายส์ถาม

 

“ไม่รู้สิ เห็นบอกว่า มาทำธุระเลยแวะมา” แม่ ท่านโทรหาผมเมื่อตอนเที่ยงบอกว่ามาทำธุระกับหุ้นส่วนคนใหม่ที่นี่ เลยนัดผมไปทานข้าวเย็นด้วยกัน

 

“หรอฮะ.....จริงสิพี่เซฟ ไปเรียนทีเชอร์ที่โรงเรียนด้วยนะฮะ”

 

“งั้นหรอ”

 

“ฮะ พี่เซฟสอนสนุกมากฮะ เพื่อนๆในห้องบอกว่ามีทิชเชอร์หล่อเท่ แล้วก็สอนไม่เบื่อจนไม่อยากขาดเรียนเลยฮะ แถมพี่เซฟยังเป็นคลาสทิชเชอร์อีกด้วย”

 

“งั้นหรอ ไอ้เซฟเนี่ยนะ หรือไอ้กายจะขอให้มันไปสอน” ผมพูดบอกอย่างใช้ความคิด ไม่อยากเชื่อว่าไอ้เซฟมันจะไปสอนได้จริงๆ คงเป็นเพราะไอ้กายอีกล่ะสิ เหอะ!

 

“พี่ธารฮะ พี่เซฟรู้จักนายแพ็คด้วยล่ะ” หืม! ผมหันไปขมวดคิ้วมองลีวายส์

 

“ยังไง”

 

“ก็ลีวายส์ เห็น พี่เซฟมีรู้ของนายแพ็คด้วย ลีวายส์ถามนายแพ็คแล้ว เค้ารู้จักกันจริงๆ แต่...นายแพ็คไม่บอกว่ารู้จักกันยังไงอ่ะ เอ่อคือ...โทรศัพท์พังเพราะเรื่องนี้แหละฮะ ลีวายส์คืนโทรศัพท์ให้นายแพ็คไปแล้วนะฮะ” ลีวายส์พูดจบ ร่างเล็กหลบสายตาผมเล็กน้อยเพราะกลัวผมต่อว่าอะไรอีก

 

“ลงสิ ถึงแล้ว” ผมบอก เรามาถึงร้านอาหารที่ผมนัดกับคุณแม่ไว้พอดี ไอ้เซฟมีเพื่อนเยอะแต่ผมไม่คิดว่ามันจะรู้จักกับน้องชายคุณแพ็ทได้ มันยังไงกันนะ

 

“อ้าว....มากันแล้ว” แม่ผมทัก เมื่อเห็นผมกับลีวายส์เดินเข้ามาในร้านก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ท่านนั่งอยู่ก่อนแล้ว “ลีวายส์มาด้วยหรอ...นั่งสิ”

 

“มีใคร มาด้วยหรอครับ” ผมถาม เพราะเห็นว่าโต๊ะที่เรานั่งกันมีสี่ที่ และมีกระเป๋าผู้หญิงวางอยู่ด้วย

 

“อ่อ....ลูกสาวของคุณจิราภาน่ะ หุ้นส่วนคนใหม่ของแม่ แม่ชวนเธอมาเอง ทานกันหลายๆคนดีออก ลีวายส์มานั่งตรงนี้สิ” ท่านบอกให้ลีวายส์ไม่นั่งข้างๆท่าน ผมเลยรู้ถึงจุดประสงของท่านทันที

 

“ไม่ต้อง....มานั่งนี่มา” ผมบอกพร้อมกับดึงมือลีวายส์ให้นั่งลงข้างๆ จากนั่นก็เรียกพนักงานในร้านมาจัดโต๊ะใหม่โดยไม่ได้สนใจสีหน้าของผู้เป็นแม่ ผมควรอดทนกับสิ่งที่ท่านกำลังทำใช่มั้ย

 

“เอมี่มาพอดี....นั่งข้างๆแม่นะลูก” ไม่นาน สาวสวยร่างเพรียวบาง เดินมาหยุดอยู่ข้างๆโต๊ะ ในระหว่างที่อาหารกำลังมาจัดว่างโดยพนักงานของร้าน เธอมองผมกับลีวายส์สลับกันไปมาก่อนจะนั่งลง ผมไม่คิดว่าจะเป็นเธอหรือผมแทบจะลืมเธอไปแล้ว

 

 

“นี่เอมี่ ลูกสาวของคุณจิราภาหุ้นส่วนคนใหม่ ที่แม่บอก นี่อีธารลูกชายของแม่เองค่ะ น้องเอมี่” แม่บอก พร้อมกับแนะนำเธอให้ผมรู้จักก่อนจะแนะนำผมให้เธอรู้จักเช่นกันแต่กลับไม่ได้พูดถึงลีวายส์ที่กำลังจ้องมองเอมี่นิ่งๆ มันไม่น่าจะจำได้นะ

 

“จริงๆ ไม่ต้องแนะนำก็ได้ค่ะ เราเคย.......เป็นแฟนกันตอนเรียนมหาลัย ใช่มั้ยค่ะธาร” เธอพูดบอกอย่างสนิทสนม โดยที่ผมไม่ได้ตอบอะไร ยังรู้สึกรำคาญสายตาเธอที่มองมาซะมากกว่า ลีวายส์หันมามองผมก่อนจะจับมือผมไว้

 

“งั้นหรอ....แม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย อ่าๆ งั้นก็ดี ถ้าเกิดเราทำงานด้วยกันจะได้ไม่มีปัญหา ดีมั้ยลูก” ผมหันไปมองคนข้างๆที่ตอนนี้ สีหน้าอ่อนลง เพราะรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตรงหน้าเต็มที

 

“คงไม่ดีหรอก เพราะผม.....ไม่ได้คิดและไม่เคยคิดจะทำงานบริหารขอโทษด้วยครับ ผมขอตัวก่อน” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารพร้อมกับดึงมือลีวายส์ให้ลุกตาม

 

“อีกอย่าง คราวหน้าถ้าแม่นัดผม แม่ก็ควรบอกผมก่อนว่ามีใครมาด้วย ผมไม่ชอบให้คนนอกมานั่งร่วมโต๊ะกับคนในครอบครัว นอกจากจะคุยเรื่องงานกันจริงๆ”

 

“อีธาร......!!!” เสียงแม่ดังไล่หลังผมออกมา ผมดึงมือร่างเล็กออกจากร้านอาหารมาขึ้นรถ

 

“พี่ธารฮะ....คุณแม่โกรธพี่ธารแน่ๆเลยฮะ พี่ธาร เรากลับไปหาคุณแม่ดีกว่า”

 

“ไม่ต้องหรอกท่านรู้ว่ากูนิสัยยังไง” ผมบอก ขับรถกลับคอนโดทันที แม่คงอยากให้ผมมีแฟนหรืออะไรแบบนี้แน่นอน ท่านคงไม่สบายใจเรื่องผมกับลีวายส์แต่เอมี่มาได้ไงอันนี้ผมไม่รู้ รู้แต่ว่า ผมไม่ชอบและเกลียดเรื่องแบบนี้ที่สุด

 

 

 

“ไปอาบน้ำไป.....แล้วค่อยออกมาทานข้าว” ผมบอกกับลีวายส์เมื่อเรากลับมาถึงคอนโด ลีวายส์พยักหน้ารับและเข้าไปอาบน้ำไม่นานมันก็ออกมา

 

“พี่ธาร ไม่สบายหรอป่าว” ลีวายส์ ยื่นมือมาทาบลงบนหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ “อ่ะ! ตัวร้อนนี่ฮะ พี่ธารไม่สบายหรอฮะ” ลีวายส์ถามน่าตาตื่นเชียว

 

“คงเป็นหวัด เดี๋ยวก็หาย”

 

“ลีวายส์ไปเอายามาให้นะฮะ เดี๋ยวจะได้ทานยาเลย” ลีวายส์เดินเร็วๆ ไปหยิบยามาให้ผม “นี่ฮะ กินข้าวก่อนกินยา”

 

“รู้แล้วๆ” เรานั่งทานข้าวที่ผมสั่งมาเมื่อครู่ เพราะผมไม่ได้แวะซื้อหรือจะให้ทำก็ไม่ไหวแล้ว รู้สึกอยากนอนพักเต็มที

 

“พี่ธารอย่าอาบน้ำเลยนะฮะ เดี๋ยวลีวายส์เช็ดตัวให้ รอแป๊บฮะ” ลีวายส์บอก เมื่อมันเข้ามาเห็นผมกำลังนุ่งผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ผมโดนมันลากออกมานั่งอยู่กับเตียง จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอ

 

“ทำอะไร” ผมถาม ลีวายส์ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าสำหรับเช็ดตัว

 

“ก็เช็ดตัวให้พี่ธารไงฮะ”

 

“ไม่ต้องหรอก กินยาแล้ว นอนพักก็หาย” ผมบอก ลีวายส์ทำหน้างอใส่

 

“ไม่เอาฮะ พี่ธารอย่าดื้อสิฮะ ลีวายส์เช็ดให้นะๆ ลีวายส์ไม่อยากให้พี่ธารป่วย” ลีวายส์ เอาผ้าขนหนูมาซับแก้มให้ผมเบาๆ ความเย็นจากผ้าชื้นน้ำทำให้ผมขนลุกชันเพราะพิษไข้

 

“อื๊ออ... มา กูเช็ดเองดีกว่า” ผมบอก

 

“ไม่ฮะ ลีวายส์อยากทำ ให้ลีวายส์เช็ดให้เถอะ นะฮะ” จุ๊บ! ร่างเล็กจุ๊บข้างแก้มผมเบาๆก่อนจะหันไปบิดน้ำออกมาผ้าอีกครั้ง

 

“ชิท์! ตามใจ ฟอด!” ผมหอมแก้มมันฟอดใหญ่ จนร่างเล็กตรงหน้าแก้มขึ้นริ้วแดงทั้งสองข้าง

 

ลีวายส์ก้มหน้าลงเล็กน้อย เช็ดตัวให้ผมตรงลำคอเบาๆ ลากผ่านลงมาถึงแผงอกกว้าง ผมมองร่างเล็กที่กำลังเม้มปากเข้าหากัน ก่อนจะคลายออก ปากสีสดน่าจูบดูดกำลังกัดปากล่างของตัวเองก่อนจะลากผ้าเช็ดตัวลงต่ำไปถึงหน้าท้องแกร่ง

 

ฟอด!!!

 

“พี่ธารอ่ะ.....ลีวายส์เช็ดตัวให้อยู่นะ อยู่นิ่งๆสิฮะ” เพราะผมหอมแก้มมันอีกฟอดใหญ่ มันเลยโวยวาย ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เดี๋ยวนี้มันเขินเป็นครับ

 

“ทำไม หอมนิดหอมหน่อยเดี๋ยวนี้เขินหรอ” ผมถาม ลีวายส์ทำปากยื่นน่ากัด

 

“เปล่าซะหน่อย ลีวายส์ไม่ได้เขิน” ฟอด! งั้นก็หอมอีกที “พี่ธาร! ไม่สบายอยู่นะฮะ ทำไมไม่อยู่นิ่งๆล่ะฮะเนี่ย” ผมยกมือขึ้นดึงเอวมันเข้าหาตัว

 

“ทำไม ก็แค่เป็นหวัดนา หืม!” บางที ผมก็ไม่อยากอดทนหรือฝืนตัวเอง กับมันสักเท่าไหร่ ยิ่งมาทำตัวน่ารักกับผมใกล้ๆแบบนี้ ใครจะอดใจไหว ว่ามั้ยล่ะ

 

“พี่ธาร....อุ๊บ!!!” ผมทาบริมฝีปากร้อนๆลงกับริมฝีปากสีสดเมื่อมีโอกาสยกแขนข้างหนึ่งโอบมันไว้ ร่างเล็กดิ้นอยู่ในอ้อนแขนของผมก่อนจะยอมอ่อนโอนตาม

 

ผมรุกจูบดูดปากเล็กนุ่มนวลร้อนแรงปะปนกันตามอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้น ตั้งแต่ลีวายส์เริ่มเช็ดตัวให้และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนหยุดไม่ได้ ลิ้นร้อนๆไล่ท่อนหยอกล้อกับลิ้นเล็กสักพักเมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กเริ่มขาดอากาศหายใจ จึงถอนริมฝีปากออก

 

“พรุ่งนี้วันหยุด.....สินะ” ผมบอก ลีวายส์มุดหน้าลงกับแผงอกกว้าง ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลง หอมหลังใบหูเล็ก จากนั้นก็ผลักร่างเล็กเบาๆ ให้นอนราบไปกับเตียงกว้าง

 

“พี่ธารฮะ.....ลีวายส์......”

 

“ไม่ต้องกลัว....เชื่อพี่หรือเปล่า” ผมบอก ก่อนจะก้มลงซุกซอกคอขาวเนียนของคนใต้ร่าง ขบเม้มเบาๆทำให้ร่างเล็กยกมือขึ้นจับต้นแขนผมและออกแรงบีบเบาๆ

 

“อื๊ออออ.......พี่......” ร่างเล็กครางเสียงพร่าแทบไม่ได้ยิน เพราะริมฝีปากร้อนของผมจูบดูดไปทั่วซอกคอขาวจนลีวายส์ เคลิ้มตามเผลอตอบรอบสัมผัสของผม

 

“อืมมมมม” มือผมลูบไล่ไปทั่วร่างเล็ก เริ่มจากต้นขาเรียวลูบไล่ขึ้นมายังหน้าท้องแบนราบผ่านเสื้อตัวบาง ก่อนจะไล่ไปรอบเอวและเลิกเสื้อขึ้น ในขณะที่ยังซุกหน้าลงกับซอกคอขาวเนียน

 

“อ่ะ!.....พี่ธาร......” มือผมลูบไล่ไปทั่วแผนหลัง เมื่อร่างบางแอ่นอกสะดุ้งรับริมฝีปากร้อนที่กำลังไล่ลงมาจากซอกคอมาวนเวียนอยู่กับยอดอกสีสวย เสื้อตัวบางของมันถูกเลิกขึ้นไปกองอยู่เกือบถึงคอ

 

“อืมมมม.....ลีวายส์........รักพี่หรือเปล่า” ผมถาม ไม่รู้ว่าผมมองร่างเล็กด้วยสายตาแบบไหน แต่สายตาลีวายส์ตอนนี้กำลังเยิ้มหวานเยิ้มจนผมใจเต้นรัว

 

“รักฮะ รักมากที่สุด....รัก....อุ๊บ!” ผมทาบริมฝีปากลงไปกลืนกินคำพูดของคนใต้ร่าง แค่คำว่ารักมักก็มากเกินพอแล้วแต่ยิ่งกว่านั่น ผมกลับหลงมันมากขึ้นทุกวันๆจนแทบจะไม่อยากออกห่างจากมันเลย

 

เพียงเวลาแค่ไม่ถึงห้านาทีทั้งผมและร่างเล็ก มีเพียงร่างเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกว้าง แท่นร้อนของผมกำลังเชื่อมเราเข้าหากันอย่างแนบแน่น ผมพยายามนุ่มนวลเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ร่างเล็กบอบช้ำน้อยที่สุด

 

“อ่ะๆๆ....พะ....พี่....อื๊อออ....อ่ะๆๆๆ” เสียงหวานครางระงมทั่วห้องนอน ผมขยับร่างแกร่งตามจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหันไปจูบซับข้อเท้าเล็กบนบ่าที่พาดขาเรียวไว้

 

“อืมมมมม....ซี๊ดดดดด.....อ่า....อดทนหน่อย...ซี๊ดดดด” ความอุ่นร้อนภายในตอดรัดถี่รัว เร้าอารมณ์ของผมได้ดี ลีวายส์บิดกายไปมา มือเล็กขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่

 

“มะ....ไม่ไหว......อ่ะๆๆๆ....จะ....อุ๊บ!!!” ผมจะหยุดถ้าหากลีวายส์พูดคำว่าเจ็บออกมา ผมจึงต้องก้มลงกลืนกินคำพูดของมันลงคอ

 

ไม่นานร่างกายของลีวายส์กระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักสีขุนออกมาโดยที่ผมไม่ได้จับต้องแกนกายเล็กของมันเลยแม้แต่น้อย

 

ผมขยับสะโพกเร็วขึ้นอีกในที่สุดผมก็ปล่อยน้ำรักสีขุนออกมาเช่นกัน ผมก้นลงจูบซับหน้าผากเล็กที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจนชุ่มไปทั่วหน้า ไล่จูบลงมาผ่านเปลือกตา จมูก ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปาก

 

“คงไม่ติดไข้หรอนะ.....จุ๊บ!!”

 

 

 

 

“ลีวายส์.........ลีวายส์ ตื่นมากินยาก่อนเร็ว” ผมตื่นขึ้นมาในตอนดึกหลังจากที่นอนหลับไปกับลีวายส์ รู้สึกตัวลีวายส์จะอุ่นๆ ในขณะที่อาการของผมเริ่มดีขึ้น ผมว่าคงต้องให้ลีวายส์กินยาไว้ก่อน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดแต่ผมต้องไปทำงาน

 

“อื๊อออ....อึกๆ พี่ธาร” ร่างเล็กรู้สึกตัวขึ้นมา มันก็เรียกหาผมทันที

 

“อยู่นี่ๆ....กินยาเร็วเข้า.....อ้าปากกินเองหรือต้องป้อนให้หืม” ลีวายส์พยักหน้ารับผมเลยใช้วิธีเดิมป้อนยาให้มัน ผมอมยาและน้ำไว้ในปากก่อนจะทาบริมฝีปากกับลีวายส์ป้อนยาให้

 

“แค่ก...แค่ก”

 

“ดื่มน้ำตามเร็ว......ลีวายส์....อย่าเพิ่งหลับสิ” เฮ้ออออ งอแงทุกทีเลยจริงๆ

 

“ลีวายส์....โกรธ....พี่ธาร....ด้วย” มันพูดเสียงเบาจนผมต้อง ก้มลงไปฟังใกล้ๆ ปึก! ตามันปิดครับ แต่เหวี่ยงมือนี่ โดนเต็มๆบ้องหูเลย ตบกลับดีมั้ยวะ =_=

 

“ตัวแสบ....นอนๆ” ผมเกลี่ยแก้มใสเบาๆ ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กไว้ในอ้อนแขน

 

Truuu........... Tru...........

 

เสียงโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น ผมจึงเอื้อมมือไปหยิบเอามาดู ชื่อไอ้กายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้ผมส่ายหน้า ไม่อยากรับเลยจริงๆ

 

“ว่า....”

 

“มึงอยู่ไหน ทำไมไม่มาร้าน.....ลีวายส์ล่ะ”

 

“กูเป็นหวัด วันนี้ไม่เข้าร้านแค่นี้แหละ” ผมว่ารีบวางดีกว่า ไอ้กายแม่ง ด่ากูหูชาอีก น่ารำคาญ

 

“เดี๋ยวๆ กูคุยกับลีวายส์หน่อย” จะคุยได้ไงมันหลับไปแล้ว เฮ้อออ “ไอ้ธาร!!! มึงไม่ได้คิดจะทำอะไรลีวายส์ใช่มั้ย พรุ่งนี้วันหยุด มึงไม่ต้องเลยนะ” ไอ้สัด กูทำไปแล้ว

 

“เออ!!!! กูรำคาญ แค่นี้นะ” ผมพูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที มันอะไรนักหนา

 

 

 

“พี่ธาร......ไปไหนอ่ะ” ผมยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า หันกลับไปมองลีวายส์ที่กำลังยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง

 

“ไปทำงาน วันนี้มีงานนิดหน่อย อยู่คนเดียวได้มั้ย จุ๊บ!!!!” ผมเดินมานั่งลงข้างๆลีวายส์ก่อนจะ จุ๊บมุมปากเน้นๆ ทีหนึ่ง

 

“ไม่ให้ไปฮะ อึกๆ ลีวายส์ไม่อยากอยู่คนเดียว อึกๆ” ลีวายส์กอดเอวผมแน่น ร่างบางซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างของผม พร้อมกับสะอื้นไห้เบาๆ ผมไม่อยากทิ้งมันหรอแต่ว่าผมเองก็ไม่ได้ทำงานอาทิตย์นี้หลายวัน

 

“ลีวายส์ ไม่เอา อย่าดื้อ.....ไปแป๊บเดียว ตอนเที่ยงก็แล้ว” ผมก้มลงกดจมูกหอมแก้มใส ลีวายส์เงยหน้าขึ้นมอง มีน้ำตาคลอด้วย

 

“อึกๆ....อื๊ออออ...ลีวายส์เจ็บ ลีวายส์ปวดหัวด้วย.....พี่ธารอย่าไปนะฮะ” ลีวายส์กอดแน่นไม่ยอมปล่อย เอาไงดีล่ะทีนี้ เพราะเมื่อคืนผม....เอ่อ...ทำมันนี่นะ

 

“ก็ได้ๆ....ไม่ไปแล้ว หยุดร้องนะ จุ๊บ! จะนอนต่อหรือเปล่า” เอาเถอะ เพราะผม ลีวายส์ถึงได้งอแง ผมจะอยู่ดูแลมันแล้วกัน

 

“ไม่ฮะ อึกๆ....เดี๋ยวพี่ธารหนี”

 

“ไม่หรอกนา ไหนดูซิ ตาบวมหมดแล้ว หยุดร้อง จะไปล้างหน้ามั้ย ลุกไหวหรือเปล่า” ลีวายส์สั่นหัวไปมาแทนคำตอบ ผมเสยผมที่ลงมาปรกหน้าให้ก่อนจะก้มลงจูบปากสีสดเน้นๆอีกครั้งจากนั้นก็อุ้มพาร่างเล็กไปล้างหน้า

 

กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงง

 

“คงไม่ใช่ไอ้กายหรอกนะ” ผมพูดกับตัวเอง หันไปหอมแก้มร่างเล็กข้างๆ เราออกมานอนในห้องนั่งเล่นบนพรมล้างโซฟากัน

 

“เอ่อ...ไอ้กายให้มาดูมึง” ไอ้เซฟมาครับ ไอ้กายนะไอ้กาย มันห่วงจริงๆ

 

“บ้าตามไอ้กายนะมึง” ผมหลบให้มันเดินเข้ามาในห้อง มันมองสำรวจไปทั่ว ผมรู้เลยว่ามองหาลีวายส์ชัวร์

 

“เออๆ ไม่ต้องมองกู กูมาดูลีวายส์นั่นแหละ กูซื้อของกินมาด้วย หิวจะตายห่าอยู่แล้ว” ไอ้เซฟว่า มันเดินตรงไปห้องครัว ผมเองก็เดินตามมันไปด้วย

 

“ลีวายส์บอกว่า....มึงรู้จักกับน้องชายคุณแพ็ทด้วยหรอวะ ที่ชื่อแพ็คน่ะ” ผมถาม ไอ้เซฟผงะเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผม

 

“เปล่านี่.....แล้วลีวายส์รู้ได้ไง”

 

“ลีวายส์บอกว่า มึงมีรูปเค้า กูก็ไม่รู้ว่ารูปอะไร แล้วก็บอกอีกว่า มันทะเลาะกันเพราะรู้นั่น” ไอ้กายขมวดคิ้ว เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

 

“เฮ้ย!!!! จริงดิ โธ่! มันไม่ใช่อย่างนั่น ลีวายส์นะลีวายส์ งี่เงาจริงๆ” ไอ้เซฟยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง อะไรของมันนะ

 

“ยังไง”

 

“ก็....คืองี้ เมื่อหลายวันก่อนมีเด็กคนหนึ่งเมาจนเข้ามาในบ้านกู ตื่นมานะมันโว้ยวายใส่กูอีก มันคิดว่ากูเอามันด้วยล่ะ กูสาบานได้ ว่ากูไม่ได้ทำ แล้วก็เพิ่งรู้ว่ามันคือเพื่อนในห้องของลีวายส์”

 

“แล้วมึงถ่ายรูปไว้ทำไม”

 

“กะ......ก็แค่.....อยากถ่ายไว้น่ะ ใครจะรู้ล่ะว่าลีวายส์จะเห็นเข้า ยุ่งจริงๆเลยเมียมึงเนี่ย”

 

“ไอ้เซฟ!!!!” ผมตกใจกับคำพูดของมัน คำว่า เมียมึง น่ะ

 

“อะไรเล่า ตกใจหมด ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะ” ผมไม่เคยใช้คำนี้กับลีวายส์ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเพื่อนใช้กับผม ความรู้สึกของผมคือไม่อยากใช้คำนี้กับลีวายส์เลย มันไม่เหมาะยังไงก็ไม่รู้

 

“มึงอย่าพูดแบบนี้อีก” ไอ้เซฟทำหน้างง ก่อนจะจิ้มลูกชิ้นใส่ปากตัวเอง

 

 

 

 

 

“ถ้าไอ้กายรู้ มันด่ามึงหูชาแน่ กูพนันเลย” ไอ้เซฟ มองสำรวจลีวายส์ที่ยังคงนอนหลับอยู่ เพราะเพลีย และมันก็เริ่มมีไข้นิดๆ

 

“มึงก็อย่าบอกมันสิ”

 

“กูไม่บอกหรอกนา กูทำโจ๊กไว้ให้ลีวายส์แล้วนะ ส่วนของมึง มีข้างผัด กูกลับล่ะ” ผมพยักหน้ารับ ไอ้เซฟเลยเดินออกไปจากห้อง

 

“ลีวายส์ ตื่นมากินข้าวก่อนเร็ว จะได้กินยา”

 

“พี่ธาร ลีวายส์ปวดหัวลุกไม่ไหวด้วย ลีวายส์ปวดไปหมดทั้งตัวเลยฮะ” กูคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ทำ..มันลงไป

 

“ลุกขึ้นมานั่งก็พอ” ผมบอก ดึงแขนลีวายส์ให้ลุกขึ้นมานั่ง หยิบเอาหมอนมารองหลังให้พิงเข้ากับโซฟา “กินสิ เดี๋ยวป้อน”

 

“ฮะ ดีจัง อยากป่วยบ่อยๆ พี่ธารจะได้ดูแลลีวายส์บ่อยๆ” ลีวายส์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ

 

“งั้นหรอ” หึ! ผมยกยิ้มมุมปากกับความคิดของมันซึ่งแตกต่างจากผมอย่างสิ้นเชิง ถ้าอยากป่วยบ่อยๆ ก็ต้องทำบ่อยๆเหมือนกัน หึๆ

 

<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>>>

 
มีอะไรผิดพลาดก็ขอโทษด้วยยยย

ขอบคุณสำหรับเม้o  ถึงเม้oด่า(?)เราก็ยิ้ม 55555   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่32(03/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-07-2014 18:56:07
ว๊ายๆๆๆ ไม่ดีนะคะพี่ธารขาาาา  เว้นบ้างไรบ้าง เด๋วลีวายส์ช้ำหมด

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปจ้า ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่33(10/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 10-07-2014 18:24:15
Older Brother.....33
 
 
“พี่ธารฮะ....”
 
“อืม....” ผมละสายตาจากงานบนโต๊ะหน้าโซฟาไปมองร่างเล็กที่กำลังนอนหนุนตักผมอยู่ในตอนนี้ ลีวายส์เงยหน้าขึ้นมองผมตาใส
 
“พี่ธารฮะ ถ้าลีวายส์โตขึ้น พี่ธารจะทิ้งลีวายส์มั้ยฮะ” ร่างเล็กถามด้วยแววตาจริงจังพาให้หัวใจผมวูบไหว น้อยครั้งนักที่ลีวายส์คิดที่จะถามผมแบบนี้
 
“ทำไมล่ะ” ผมวางปากกาในมือ มาลูบลงบนเส้นผมนุ่มบนตัก
 
“ก็....ลีวายส์กับพ่อเราเคยเป็นคนสวิสมาก่อน คนที่โน้นถ้าเค้าเลี้ยงดูเด็ก เอ่อ ที่ไม่มีพ่อแม่อย่างลีวายส์ พอเด็กโตขึ้น เค้าก็จะ......ให้ออกจากบ้านไปทำงานหรืออยู่คนเดียว”
 
“คิดอะไรไร้สาระ ก็เราเป็น....” เป็น...พี่น้องหรอ ใช่ที่ไหน ผมไม่เคยคิดว่าลีวายส์เป็นน้องชายผมตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แฟนหรือมันข้ามขั้นมันไปแล้วด้วยสิ ส่วน....เมียหรอ จะเรียกอย่างนั่นก็ไม่ผิด แต่สำหรับผม ไม่อยากใช้คำนี้กับมัน
 
หนึ่ง ลีวายส์ไม่เหมาะกับคำนี้ สอง มันเร็วเกินไปสำหรับลีวายส์ มันอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ....เอ่อ หมายถึงการที่เรามีอะไรด้วยกันน่ะ เพราะในความคิดของผมลีวายส์ยังเด็กและเด็กมาก
 
“เป็น...คนรักกันฮะ” ร่างเล็กยิ้มกว้างกับคำตอบของตัวเอง รอยยิ้มน่ารักสดใสของมันทำให้ผมอมยิ้มตาม
 
“ใครรักใคร....” ลีวายส์หุบยิ้มทันทีจนผมอดขำไม่ได้
 
“ก็.........ถึงพี่ธารจะไม่รักลีวายส์ ลีวายส์ก็รักพี่ธารแหละ บู้ๆ จุ๊บ!!!” พูดจบร่างเล็กผงกหัวขึ้นมาจุ๊บริมฝีปากผม
 
คำว่ารักของลีวายส์ใช่ว่าจะไม่มีค่าสำหรับผม แต่ที่มีค่ามากกว่าคำว่ารักสำหรับผมคงเป็น...ตัวมันเอง
 
เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเด็กตัวเล็กๆตรงหน้า แต่ตอนนี้ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมคิดยังไงกับมันเอาไว้ให้ลีวายส์โตกว่านี้ก่อนและให้ผมได้แน่ใจอะไรๆหลายๆอย่างก่อน ผมถึงจะบอก ว่าผมเองก็....รักมันมากแค่ไหน
 
“ตัวแค่นี้เนี่ยล่ะนะ แค่ก้าวออกจากห้องไปไม่ถึงไหนก็คงสะดุดขาตัวเองล้มแล้วมั้ง นับประสาอะไรกับจะออกไปอยู่คนเดียว”
 
“พี่ธารอ่ะ....ลีวายส์สิบห้าแล้วนะ”
 
“เนี่ยนะสิบห้า.....ขาลีบอย่างกะโอลีป ตูดก็แฟบ เอวก็บางจะขาดแล้ว นี่อะไรเนี่ย ไม้ตะเกียบขาบตัวหรือไง”
 
“อื๊มมมมม.....พี่ธารอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว ชิท์!!!!” ลีวายส์พลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหน้าท้องผม เพราะยังคงนอนหนุนตักผมอยู่
 
“หึๆ ถึงจะโตก็ไม่ให้ไปอยู่คนเดี๋ยวหรอก.....เก็บไว้.....ใช้งาน” ฟอด!!!!! ผมก้มลงหอมแก้มใสฟอดใหญ่ สังเกตได้ว่าแก้มใสเริ่มมีสีแดงระเรื่อขึ้นมา ดูท่ามันจะแอบเขิน ฟอด!!!!! หึๆ
 
 
กริ๊งงงงงงง       กริ๊งงงงงงงงง
 
“ไปเปิดประตูไป” ผมดึงแขนลีวายส์ลุกขึ้นนั่งก่อนจะบอกให้มันไปเปิดประตู เมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้อง บ่งบอกว่ามีแขกมา
 
“ใครมา....” ผมถาม เมื่อได้ยินเสียงฝีเท่าเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ผมหันไปมอง เป็นแม่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับลีวายส์
 
“ห้องสวยดีนะ.....แม่ได้มีโอกาสได้มาเยี่ยมลูกบ้างเลย” ผมเข้าใจว่าท่านกลับไปแล้วซะอีก
 
“นั่งก่อนครับ.....ลีวายส์ไปเอาน้ำมาให้แม่ไป” ลีวายส์พยักหน้ารับและเดินออกไป
 
“ธาร แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก”
 
“ถ้าเป็นเรื่องของลีวายส์ ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” ผมบอกเปลี่ยนจากนั่งบนพรมตรงพื้นห้องขึ้นมานั่งบนโซฟาในระดับเดียวกับแม่
 
“คุยเรื่องธารนั่นแหละ ธารมีแฟนหรือยัง....ธารอายุยี่สิบหกแล้วนะลูก แม่ว่า....”
 
“แม่ครับ ผมคิดว่านี่มันคือเรื่องส่วนตัว....แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องที่จะให้ใครคนไหนมาจัดการไห้ผม ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่าผมสามารถจัดการเรื่องของตัวเองได้”
 
“แต่ธาร ถ้าอย่างนั้น....ให้ลีวายส์ไปอยู่กับแม่นะ ลีวายส์ไม่ได้เป็นอะไรกับเราทางสายเลือด เราไม่รู้ว่าต้นกำเนิดเค้าเป็นยังไง แม่เป็นห่วง”
 
“ลีวายส์อยู่กับผมมาห้าปี ยังไงไม่พออีกหรอครับ” ดูเหมือนท่านจะกังวลเรื่องของผมมากเกินไป
 
“มันไม่ใช่อย่างนั่น ถ้าอีกหน่อยธารมีครอบครัวล่ะ ธารจะให้ลีวายส์อยู่กับธารได้ยังไง อย่างน้อยให้ลีวายส์มาเป็นบุตรบุญธรรมของแม่ก็ได้ แม่สัญญาว่าจะดูแลลีวายส์ให้ดีที่สุด” ผมเชื่อท่านนะว่าท่านจะดูลีวายส์ได้ดีอย่างที่พูดจริงๆ
 
บุตรบุญธรรมจะทำให้ผมกับลีวายส์ใช้นามสกุลร่วมกัน แต่ผมอยากให้ลีวายส์ใช้น้ำสกุลของพ่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และผมก็ไม่ได้อยากจะมีน้องชายด้วย
 
“ไม่ครับ”
 
“ธาร......”
 
“น้ำฮะ...เอ่อ มีขนมด้วยฮะ” ร่างเล็กเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนเคย แม่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองลีวายส์อย่างเอ็นดู
 
“ลีวายส์ อยากไปอยู่กับแม่มั้ย”
 
“ถ้าลีวายส์ไปแล้วใครจะอยู่กับพี่ธารล่ะฮะ ลีวายส์จะอยู่กับพี่ธารฮะ” ลีวายส์พูดออกมาตามที่ตัวเองคิดจริงๆ
 
“เข้าใจแล้ว....แม่รักลีวายส์เหมือนลูกคนหนึ่งของแม่นะ....เอาเถอะ ธารว่ายังไงก็ตามนั่นแล้วกันแม่เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคน” ท่านยกมือขึ้นลูบหัวลีวายส์ที่นั่งอยู่กับพื้นก่อนจะส่งยิ้มให้
 
“ขอบคุณครับ” ผมตอบ
 
“ส่วนเรื่องเมื่อวาน แม่ขอโทษด้วย ลูกคงรู้สึกอึดอัดกับเอมี่”
 
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ”
 
“งั้นแม่กลับก่อนนะ ที่รีสอร์ทมีงานรออยู่ ไว้ว่างๆไปเที่ยวกันบ้างนะลูก” ท่านบอก ลีวายส์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ท่านพูด จริงๆก็อยากไปนะแต่ไม่มีเวลา
 
 
 
 
“พี่ธารๆ เราไปห้องพี่แมนกันนะ” เมื่อกี้เราลงไปส่งแม่หน้าคอนโดมา ระหว่างกลับขึ้นมาลีวายส์ก็นึกอยากจะแวะห้องไอ้แมน
 
“ไปทำไม....มันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
 
“ก็ลีวายส์อยากไป นะๆ” คิดเหมือนกันมั้ยว่าลีวายส์มันช่างอยากรู้อยากเห็นซะจริงๆ เรียกง่ายๆว่าเสือกนั่นแหละ =_=
 
“มาไม.......” ลีวายส์กดกริ่งหน้าห้องไม่นานไอ้แมนก็เป็นคนมาเปิด นี่คือแบบมันถามเพื่อนมันนะว่า...มาทำไม ไอ้สัด! “เข้ามาก่อนสิ”
 
ฟิ้ววว   
 
“อ่ะ.......” อยู่ๆก็มีกระป๋องอะไรไม่รู้ลอยตรงมาหาลีวายส์ ผมดึงร่างเล็กหลบเข้ามาอยู่ในอ้อนแขนจนพ้น ทำให้มันลอย เลยไปด้านหลับ
 
โป้ก!!!!!
 
“โอ๊ย!!!!!” โดนไอ้แมนเต็มๆครับ ดูท่าจะเจ็บไม่น้อยเพราะมันถึงกับลงไปนั่งกุมหัวกับพื้นเลยทีเดียว
 
“พี่แมน! เจ็บมากมัยฮะ” ลีวายส์ถาม มันก้มลงไปมองไอ้แมนอย่างห่วงๆ
 
“โอ๊ต!!! มึง.........เดี๋ยวมึงจะโดน!”มันลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหน้าประตูห้องนอนของมัน ห้องผมกับมันก็คล้ายๆกัน แค่ห้องผมเพิ่มห้องนั่งเล่นเข้ามาเท่านั้น “เปิดประตูเว้ย! ออกมา” มันทุบประตูห้องเสียงดังแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลภายในเลย
 
“กลับห้องเถอะ” ผมบอกกับลีวายส์ แม่ง ไม่รู้จะมาทำไม จะมาดูไอ้แมนทะเลาะกับเมียมันหรือไง ผมเบื่อล่ะ ไม่เห็นว่าพวกมันจะดีกันได้สักนาที
 
“ก็ได้ฮะ” ลีวายส์บอก ผมดึงมือร่างบางออกมาจากห้องไอ้แมน ซึ่งเจ้าของห้องมันไม่ได้สนใจเลยว่าผมจะอยู่หรือจะไปจากห้องมัน เฮ้ออ เพื่อนกู อาการหนักขึ้นทุกวัน
 
 
 
“พี่ธารกินไอติมมั้ยฮะ” ลีวายส์เอาไอติมรสวนิลามากินหลังจากทารข้าวเสร็จ มันตักไอติมมาจ่อปากผม ผมเลยกิน ฟอด!!! ก่อนจะยื่นหน้าเลยไปหอมแก้มมันฟอดใหญ่
 
“พี่ธารอ่ะ ไอติมเลอะเลย” เพราะลีวายส์ไม่ทันตั้งตัวมันเลยทำช้อนตักไอติมเล็กๆ โดนหน้าท้องผมเข้า ผมเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อด้วยสิ
 
“อ่ะๆ กินเลยๆ.....” ลีวายส์ทำหน้างงเมื่อผมหยุดมือมันที่กำลังเช็ดไอติมออกและบอกให้มันกิน “กินเลยนะ....ตัวเองทำเลอะ ไม่งั้นคราวหน้าไม่ซื้อให้กินแล้ว” ผมบอก ยกยิ้มมุมปาก
 
“แต่ว่า.........” ลีวายส์กัดปากล่างของตัวเอง มองหน้าท้องผมอย่างชั่งใจก่อนที่แก้มใสๆทั้งสองข้างจะขึ้นสีแดง หึๆ
 
“เร็วสิ เดี๋ยวมันละลาย ลงต่ำกว่านี้นะ” ผมบอก ตากลมโตเบิกกว่าขึ้นมองผม และยอมก้มหน้าลงไปกับหน้าท้องผม ลิ้นเล็กเลียไอติมรสหวานเข้าปากไปทั่วกล้ามเนื้อสวยตรงหน้าท้องแกร่ง พาลให้รู้สึกวูบไหวตาม
 
“หมด.....แล้วฮะ” ลีวายส์บอกเสียงแผ่ว หน้าแดงแป๊ดเงยขึ้นมาแต่ไม่ยอมมองสบตาผม ผมใช้มือจับท้ายทอยร่างเล็กเบาๆให้เชิดหน้าขึ้นมาจูบ
 
“เหนียวตัวแย่ คงต้องอาบน้ำล่ะมั้ง ไปอาบน้ำกันเถอะ” ผมบอกลุกขึ้นมาอุ้มลีวายส์ตรงเข้าไปในห้องน้ำ หึ! อย่ามองผมแบบนั่นสิ ไม่ทำอะไรหรอกนาแค่....
 
“อ๊ะๆๆ พะ.....พี่ธาร.....อ่า....ไม่ไหวแล้วฮะ....อ่าาาาาา” หลังจากที่ผมให้ร่างเล็กทำ....ให้ผมด้วยโพรงปากนุ่มๆของมัน ผมก็ทำให้มันบ้าง กลิ่นคาวฝืดของน้ำรักลงคอผมไปบางส่วนเมื่ออีกคนปลดปล่อยออกมา
 
ผมขยับเข่าของตัวเองเหยียดลง ซึ่งมีร่างเล็กนั่งคร่อมอยู่ เราลงมาแช่น้ำในอ่างพร้อมกับทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่เข้าไปในตัวมันเพราะเดี๋ยวไอ้ตัวแสบจะป่วย อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันเปิดเรียนด้วย
 
“อืม......ลีวายส์....จ๊วบ!” ผมจูบปากเล็กจนเกิดเสียง จ๊วบ ลีวายส์นอนคร่อมอยู่บนตัวผมร่างกายเรายังคงแนบชิดติดกัน
 
“ฮะ.....ลีวายส์.....หลับนะฮะ”
 
“หืม....จะหลับในน้ำเนี่ยนะ.....” ผมถาม ร่างเล็กพยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลงจนปิดสนิท หึ! ผมก้มลงจุ๊บปลายจมูกเล็กอีกที ไม่นานผมก็ล่างตัวทั้งผมและมันก่อนจะออกจากห้องน้ำมานอนบนเตียง บางทีลีวายส์อาจจะเริ่มโตขึ้นแล้วล่ะ
 
 
 
“พี่กายยยยยยยย” ผมเข้าร้านในตอนค่ำ พาลีวายส์มาด้วยนั่นแหละ ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวอยู่แล้ว
 
“คิดถึงจูงงงงงงง.....ไอ้ธารมึงไม่ได้ทำอะไรลูกกูใช่มั้ย”
 
“มึงคิดแต่เรื่องแบบนั้นหรอไง....อยู่นี่ห้ามลงไปด้านล่างนะ เดี๋ยวกูไปดูด้านล่างก่อน” ผมบอก ลีวายส์พยักหน้ารับจากนั้นผมก็ออกมาจากห้องทำงาน
 
“เห็นไอ้แมนมายัง” ผมถามพนักงานคนหนึ่งในร้าน
 
“มาแล้วครับอยู่หลังร้าน” ผมพยักหน้ารับและเดินไปหาไอ้แมน มันยืนเท้าสะเอวยืนคุยอยู่กับคุณโอ๊ตที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ ดูท่าไอ้แมนมันจะไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีปัญหาอะไรกันแต่ไอ้แมนดูเครียดไม่น้อยซึ่งต่างจะคุณโอ๊ตที่เอาแต่นิ่งตลอด
 
“ไม่ให้กลับ มึงจะกลับไปทำไม ถ้ามึงไป กูจะไปด้วยเอาสิกูกลัวที่ไหน” เสียงไอ้แมนดังมา ผมหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินไปหามัน
 
“ถ้ามึงไป มึงคิดว่าจะรอดออกมาหรอ บางทีกูเองก็อาจจะไม่รอดก็ได้”
 
“โอ๊ต!.....กูเป็นคนพามึงมานะ”
 
“กูเป็นคนเลือกที่จะมาเอง” คุณโอ๊ตพูดทำให้ไอ้แมนชะงักไป สีหน้ามันดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด บางที มันอาจจะรักคุณโอ๊ตเข้าแล้ว เพราะไอ้แมนไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อใครแบบนี้
 
แต่อยู่ๆไอ้แมนมันกลับยกเท้าขึ้นถีบเก้าอี้ไม้ที่คุณโอ๊ตนั่งอยู่ จนร่างบางเกือบล้มถ้าหากลุกขึ้นยืนไม่ทัน คุณโอ๊ตเลยหันกลับมาเหวี่ยงมือตบไอ้แมนเข้าให้ ดีนะที่ไอ้แมนหลบทันไม่งั้นผมว่ามันคงเจ็บหน้าดู
 
ไอ้แมนใช้มือจับไหล่คุณโอ๊ตไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างมันดึงท้ายทอยคุณโอ๊ตเข้ามาจูบหนักๆ สัด! ผมเชื่อมันเลยจริงๆ
 
“ไอ้เลว!!!” คุณโอ๊ตด่ามันหลังจากผลักออก จากนั้นก็เดินออกมา ร่างบางชะงักเท้าเมื่อเห็นผม
 
“เอ่อ......ไอ้แมน......” ผมยังไม่ทันได้พูดจบ คนโอ๊ตก็รีบหลบออกไปซะก่อน เห็นแวบหนึ่งที่แก้มใสๆเมื่อครูขึ้นสีแดงด้วยล่ะ เหอะๆ ตกลงพวกมันรักกันหรืออะไรกันแน่เนี่ย
 
“มึงแอบดูกูหรอ ไอ้ธาร”
 
“กูโตแล้วไอ้สัด ไม่ต้องแอบ” ผมบอก ไอ้แมนส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบซองบุหรี่จากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบและส่งมาให้ผม
 
“มีอะไรให้กูช่วยมั้ยวะ” ผมถาม
 
“กูไม่อยากให้มึงเข้ามายุ่งกับเรื่องแบบนี้ว่ะ อีกอย่างกูก็อย่างจะแก้ไขมันด้วยตัวเอง” มันบอก ไอ้แมนมันก็เป็นคนแบบนี้แหละ มันไม่ค่อยให้พวกผมไปยุ่งกับเรื่องที่จะพาลให้เราเดือดร้อนเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น
 
“เอาเถอะ ยังไงถ้ามึงอยากให้กูช่วย กูก็พร้อมเสมอ” ผมว่าอีก พวกผมย่อมไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว “เจอรักเข้าแล้วล่ะสิมึง”
 
“เหอะ! มึงคิดว่างั้นหรอ” ผมพยักหน้ารับทำถามของมันเป็นคำตอบ “ไปข้างในเหอะว่ะ คืนนี้กูจะเมา” อ้าว ซะงั้น
 
ผมกับไอ้แมนมานั่งดื่มกันตรงบาร์ของร้าน จริงๆผมไม่อยากดื่นหรอกแต่มันขยั้นขยอเกิน ว่าให้ผมดื่มเป็นเพื่อน ผมก็เลยนั่งดื่มมาสักพักแล้ว
 
“ธารคะ” มีเสียงทักผม ดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับมือของใครบางคนมาเกาะอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างของผม
 
“อ้าว เอมี่ ไม่เจอกันนานเลยนะคร้าบบบบ” นั่นไม่ใช่ผมครับแต่เป็น ไอ้แมนที่พูดกับเธอ
 
“เอมี่ไปเรียนอักกฤษมาน่ะค่ะ แมนยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ” เธอบอก ไอ้แมนเอื้อมมือเธอไปจูบหลังมือตอบแทนคำชม
 
“แล้วนี่มาหาไอ้ธารหรอ ก็คิดว่าเลิกคบกันไปแล้ว”
 
“ก็ใช่แต่ว่า.....เอมี่จะมาทวงธารคือนี่ไง” ผมปัดมือเธอที่กำลังไล่ไปตามโครงหน้าผมออก
 
“กลับไป!!!!” ผมบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
 
“ทำไมล่ะคะ....กะอีกแค่เด็กคนนั้นน่ะหรอ มี่สู้ได้สบายๆอยู่แล้วนา อีกอย่าง....” เธอเข้ามาโอบรอบคอผม และเอาร่างกายของเธอมาเบียดเสียดจนแนบชิดติดกัน “คืนนี้เราไปต่อกันนะคะ”
 
“ไม่ล่ะ!!!”
 
“ทำไมล่ะคะ.......เอมี่ไม่ดีหรอ หรือเพราะเด็กนั่น”
 
“ไม่ใช่ไม่ดีแต่ผม.......รังเกียจ!!!!!” ผมผลักเธอออกและเดินกลับขึ้นมายังห้องทำงานด้านบน ผมก็ปล่อยไอ้แมน แม่ง ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ
 
คำว่ารังเกียจมันคงแรงพอที่จะทำให้เธอเลิกคิดที่จะมายุงกับผมได้นะ
 
“หลับแล้วโน้น” ไอ้กายบุ้ยหน้าไปทางลีวายส์ที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา
 
ผมนั่งลงข้างๆร่างเล็ก ลูบเรือนผมนุ่มเบาๆก่อนจะโน้มหน้าลงไปหมอแก้มใส ตอนนี้ในใจผมมีแต่มันเท่านั้น ผมควรจะเลิกนอนกับผู้หญิงคนอื่นได้แล้ว
 
“ให้มันน้อยๆหน่อย กูอยู่ตรงนี้นะ ไอ้สัด!!!” ไอ้กายมันขว้างก้อนกระดาษใส่หัวผมครับ หวงลูกหรืออิจฉาวะนั่น
 
“มึงจะกลับพร้อมกูมัย กูจะกลับล่ะ”
 
“ไม่อ่ะรอไอ้เซฟก่อน” ไอ้เซฟอีกแล้ว เฮ้อออ ผมเข้าใจมันนะว่ามันรักเพื่อนมากแต่คนอื่นสิจะเข้าใจได้อย่างผมหรือเปล่า
 
“ไอ้กาย.....บางที สิ่งที่มึงเป็นอยู่มันก็มากเกินไปจนบางคนเค้าอาจจะไม่รู้ว่ามึงคิดยังไง คนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนน่ะ” ไอ้กายเดินมานั่งลงข้างๆผม
 
“กูรู้ว่ามึงหมายถึงอะไร แต่กูไม่อยากเสียมันไปนี่”
 
“แล้วมึงอยากเสียคนที่มึงรักไปหรอ” ไอ้กายมองผมนิ่งๆ ก่อนจะสั่นหัวเบาๆ มันเอนหัวลงมาซับกับไหล่ผม
 
“กูควรทำไงดีวะ อึกๆ.....ไอ้ธาร”
 
“กูพูดแค่นี้มึงก็ร้องซะแล้ว ไหนมึงไม่ทำเป็นเข้มแข็งเหมือนที่อยู่ต่อหน้าพวกมันล่ะ” ผมผลักหัวไอ้กายออกแรงๆ
 
“พี่ธาร! ทำพี่กายร้องไห้หรอฮะ!!!”  ลีวายส์ลุกขึ้นมาทำหน้าตาตื่นตกใจ
 
“จะบ้าหรือ มันทำตัวเองเหอะ ไปกลับบ้าน มึงด้วยไอ้กาย....กลับพร้อมกูเนี่ยแหละ”
 
“ไปฮะพี่กาย....พี่ธารอ่ะ นิสัยไม่ดี ชอบทำพี่กายอยู่เรื่อย”
 
=_= นี่ตกลงกูผิดใช่มั้ย ไอ้กายหันมาแลบลิ้นใส่ผมตอนเราออกจากห้องทำงาน ผมเลยเตะขามันกลับจังหวะนั้นลีวายส์หันมาเห็นพอดี
 
“เห็นมั้ยอ่ะ พี่ธารใจร้าย!”
 
“ช่ายยยย อึกๆ ไอ้ธารใจร้าย คืนนี้ลีวายส์นอนบ้านพี่กายมั้ย ห้องพี่กายเกมเยอะเลย”
 
“เอ่อ....ไม่ดีกว่าฮะ......ลีวายส์อยากกลับไปนอนกับพี่ธาร” หึๆ เป็นไงล่ะเด็กกู ผมยักคิ้วให้ไอ้กายก่อนจะผลักมันออกจากลีวายส์ และดึงลีวายส์มากอดคอไว้
 
“ฟอด!!!! พรุ่งนี้เลิกเรียนจะพาไปซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่”
 
“ไอ้เหี้ยธาร.....ไอ้สัด!!!!”
 
 
<<<<<<<TBC>>>>>>>>

ก็แต่งไปเรื่อยๆอ่ะนะ แบบ ก็ไม่รู้สินะ *&^%$$#@!


อย่าเพิ่งเบื่อล่ะกัน >/./<
 
 
มีอะไรผิดพลาดต้องของโทษด้วยน้าาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่33(10/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-07-2014 20:05:48
ไม่เบื่อค่ะ แต่งมาเรื่อยๆน๊าาาา เค้ารออ่านเสมอๆ
รู้สึกว่าตอนนี้ทุกคู่จะมีปัญหาเข้ามาเนอะ
แต่พี่ธารเด็ดขาด ชัดเจนมาก ชอบค่ะ
ลีวายส์จะได้ไม่เสียใจเนอะ

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปจ้า ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่33(10/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 10-07-2014 21:46:53
พี่ธารจะเป็นคนดีแล้ว!! o13
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่33(10/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-07-2014 22:54:50
อิพี่ธารเนี่ยเดี๋ยวจับหอมเด๋ียวจับน้องจูบตลอดเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่33(10/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-07-2014 05:33:17
ลึวายน่ารัก ดีแล้ว อีธารเริ่มคิดได้ว่าไม่ควรนอนกับ  คนอื่นอีก
เพราะถ้าลีวายรู้คงเสียใจมาก

กายรีบเครียตัวเองเถอะสงสารเซฟกับพี่หมอ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 15-07-2014 12:54:04
Older Brother.....34
 
 
[โอ๊ต:Part]
 
“สุดที่ร๊ากกกกกกกกกกกกกกก” ที่รักพ่องมึงสิ!!! ผมเกลียดคนเมาที่สุดเลยรู้มั้ย ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะพามันไปทิ้งไว้กลางถนนปล่อยให้รถ แม่ง! เหยียบไปเลย
 
“เงียบหน่อยได้มัย!” ผมกัดฟันบอกไอ้แมนที่กำลังเมาเหมือนหมา ไม่ใช่หมาธรรมดานะ หมาบ้าด้วย เดินไปก็ผลักคนอื่นเค้าไปทั่ว
 
“ทำไม! ก็ไม่ชอบเงียบอ่า มึงรู้มั้ย กูเกลียดที่สุดเลยตอนมึงเงียบใส่กู กูเกลียดดดดดดดดดดดดด”
 
“เออ ไอ้สัด!!!” ผมเอาแขนมันที่พาดกับคอผมเพื่อประคองตัวขึ้นมาบนห้องออก ทำให้ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟา แต่เพราะสติมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้มันกลิ้งตกลงพื้น
ทิ้งให้นอนนี่แหละแม่ง
 
“มึงทิ้งกูหรอ.....มึงจะไปจริงๆใช่มั้ย!!!!” แต่อยู่ๆ ร่างสูงกลับลุกขึ้นมาดึงแขนผมที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอนไว้ ก่อนจะออกแรงบีบต้นแขนผมจนเจ็บ
 
“ปล่อยกู! มึงเมามากแล้ว!!!” ผมบอก พยายามดิ้นให้หลุด มันเอาแรงมาจากไหนกันเมื่อกี้ ยืนก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
 
“ไม่!!! กูไม่ปล่อยให้มึงไปง่ายๆแน่ๆ” มันเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ไอ้แมนดึงผมเข้าหาตัวก่อนจะซุกไซ้ซอกคอลงมาสลับซ้ายขวา
 
ริมฝีปากร้อนขบเม้มแรงๆ ยังไม่พอมันจะขบเม้มฝังเขี้ยวจนรู้สึกเจ็บ นี่มันบ้าที่สุด ถึงผมจะรู้ว่ามันชอบทำรุนแรงแค่ไหนแต่นี่มันไม่ใช่แล้วล่ะ
 
“ปล่อยกู ไอ้เลว ปล่อย!” ผมผลักร่างสูงออก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเท้าหนีเข้ามาหลบในห้อง มันกลับตามมาผลักผมลงบนเตียงกว้าง
 
“มึงเป็นของกู....เป็นเมียกูนะ” ไอ้แมนพาร่างหนาๆ ของตัวเองทับทาบลงมา ซุกไซ้ซอกคอจากด้านหลังผมที่กำลังอยู่ในท่านอนคว่ำจากที่มันผลักผมเมื่อกี้
 
“อ่ะ!!” มือหนาลูบไล่ไปทั่วช่วงล่างของผม ผ่านกางเกงยีนสีซีด และมันก็มากพอที่จะทำให้ผมเกิดความรู้สึก จนต้องกัดฟันแน่น
 
“ความรู้สึกเร็วดีจังนะ....เมีย งับ!” มันงับใบหูผมหลังจากพูดออกมา มือหนาปลดเข็มขัดและดึงกางเกงผมออกก่อนจะใช้มือรวบมือทั้งสองข้างของผมไว้และใช้มืออีกข้างถอดเสื้อตัวเองตามด้วยเสื้อของผมด้วย
 
“ไอ้.....อุ๊บ” นิ้วเรียวของมันถูกสอดเข้ามาในโพรงปากผม
 
“ดูดสิ ถ้าไม่กูจะให้ดูดที่ใหญ่กว่านี้ จุ๊บ!!!” ไอ้โรคจิต ไอ้เหี้ย ไอ้สัด!!! ผมได้แต่ด่ามันอยู่ในใจก่อนจะทำตามที่มันบอก นิ้วเรียวขยับเข้าออกในโพรงปากให้ผมดูดจนชุ่ม
 
“อ่ะ!!!” ไอ้แมนก้มลงกัดบั้นท้ายผมจนผมสะดุ้งเฮือก จากนั้นลิ้นร้อนก็เริ่มเลียวนไปทั่วทั้งพวงไข่สองลูก ทำให้ผมถึงกับเม้มปากเพราะวูบช่องท้องจนอยากปลดปล่อยเต็มที
 
“อืม.......หวานชะมัด” กูเกลียดมึง ไอ้เลว จะทำเสียงเซ็กซี่ไปไหน
 
ลิ้นร้องลากผ่านร่องก้นขึ้นมาเลียวนอยู่ตรงช่องทางรักของผมที่กำลังตอดขมิบรัว ก่อนจะดันลิ้นเข้าไปภายในให้ผมขมิบเล่น
 
“อ่าาาาา......ไอ้.......อ่าาาาา” ผมครางเสียงพร่าอย่างกลั้นไม่อยู่ บนเตียงเหมือนมีกองไฟกำลังสุมไฟร้อนได้ที่
 
“จะใส่แล้วนะ.........ที่รัก เอาแบบวิเดียวเสร็จเป็นไง” พูดจบ ร่างสูงก็ไม่รอช้ามันถอดกางเกงตัวเองอย่างรอดเร็วก่อนจะหันมาจับสะโพกผมและแทรกกายเข้ามาเต็มลำ จากนั้นก็ขยับใส่ไม่ยั้งทั้งเร็วและแรงจนน่าใจหาย
 
“อ๊ะๆๆๆ อ๊ะๆๆๆๆ.....ช้าๆ....อ๊ะๆๆๆ....อ่าาาาาาา” เสร็จเร็วอย่างที่มันบอกจริงๆ ผมของเหลวอุ่นร้อนไหลออกมาและรู้สึกเจ็บช่องทางรักด้านหลังมาก ผมคิดว่ามันต้องฉีกขาดจนเลือดออกแน่ๆ แทนร้อนของผมถูกมือหนาขยับรูดเอาน้ำรักออกเพราะเพิ่งจะปลดออกมาเช่นกัน
 
“ไปกินบรรยากาศข้างนอกกันหน่อยมั้ย....” ไอ้แมนกระซิกบอกข้างหูผม แต่มันหรือจะรอให้ผมตอบ ร่างสูงอุ้มผม พาไปยังระเบียงห้องนอน
 
“ไม่นะ....ปล่อยนะ” นี่มันบ้าจริง ถึงจะดึกแล้วก็เถอะ แต่นี้มันใจกลางเมืองนะ ป่านนี้อาจจะมีคนเห็นก็ได้
 
“ไม่เป็นไรนา ใครเห็นก็ช่างมันสิ จ๊วบ!” ร่างสูง จูบแผ่นหลังผมไปทั่ว มันทำรอยไว้ทุกทีที่ริมฝีปากร้อนลากผ่าน ไอ้แมนพยายามให้ผมยืนเกาะราวระเบียงแต่ผมไม่ยอม ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแทน
 
แต่มันก็ใช่ว่าจะหยุด มือหนาจับไหล่ผมให้หันมาหาตัวเองก่อนจะ นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม มันจับขาผมขึ้นพาดบ่าจนผมต้องใช้มือสองข้างยันพื้น จากนั้นมันก็เริ่มสอดใส่และแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง
 
ไม่รู้ว่าเราหยุดกันเป็นรอบที่เท่าไหร่ในตอนรุ่งสาง ผมรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวจนแทบจะขยับไม่ได้ ผมค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับสายตาให้เข้ากับแสงภายในห้องนอน ผ้าชื้นๆถูกทาบลงตรงแก้มซ้ายก่อนจะกดลงมาเบาๆและเปลี่ยนไปแก้มขาว
 
“ลุกไหวมั้ย....” ไอ้แมนถาม ก่อนจะช่วยประคองผมที่กำลังยันตัวลุกขึ้นมานั่ง
 
เพี้ย!!!!!
 
“ไอ้เลว!!!!”
 
“ขอบใจ.......กูเลวทุกวัน วันหยุดก็เลว” ดูมันสิ สำนึกซะที่ไหน แต่แปลกที่วันนี้แววตามันดูเศร้าลง ไม่เหมือนปกติ หรือจะเป็นเพราะ....เราที่ผมบอกว่าจะกลับไปหาพี่ชาย
 
“ถอยกูจะไปอาบน้ำ”
 
“อาบอะไรกัน ตัวร้อนอย่างเนี่ย แล้วก็....กูเอาออกให้แล้วไม่ต้องห่วง กูทำแล้วรับผิดชอบ” ไอ้บ้า!!! แม่ง!
 
“ไอ้.......” ป่วยการที่จะด่ามันครับ “กูหิว” ผมบอกอีก มันลุกขึ้นออกไปจากห้องทันที และกลับมาพร้อมกับข้าวไข่เจียว
 
“อ่ะ.....กินซะ จะได้กินยา หรือให้กูป้อน ฉากนี้จะได้ดูดี”
 
“ไม่ต้อง ไอ้สัด!!!” ผมดึงจานข้าวไข่เจียวจากมือมัน ไอ้แมนยกยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มหน้าลงมาหอมหน้าผากผมและเดินออกไปจากห้องนอน
 
ทิ้งให้ผมรู้สึกวูบไหวไปกับมัน กะอีแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยมันกลับทำให้ผมอ่อนไหวมากว่าสิ่งที่มันทำรุนแรงกับผมอีก นี่มันบ้าชัดๆ ผมควรทำยังไงดีถ้าหากผมไม่อยากไปจากที่นี่แล้ว
 
“ไปไหน....!!!” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงไอ้แมนดังมาจากโต๊ะทำงานด้านนอก เมื่อผมเปิดประตูออกมา เพราะผมคิดว่ามันออกไปทำงานแล้ว
 
“เซเว่น” ผมบอก เดินตรงไปยังประตูด้านนอก ได้ยินเสียงมันปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานก่อนจะเดินตามมา
 
“มึงไม่เป็นไรนะ” อะไรของมันอีก วันนี้มาแปลก แค่นี้ผมไม่ป่วยหรอ แค่กินยาก็หาย เพราะผมไม่ใช่คนขี้โรค
 
“เอามาโบโร่ แบล็ค มิ้นซองนึ่ง” ผมบอกกับพนักงานสาวเซเว่น
 
“ไม่เอาน้อง เอาหมากฝรั่งมินต์” ไอ้แมนมายืนข้างๆผม ผมมองไอ้แมนด้วยหางตา กูจะสูบมันเรื่องของกู
 
“เอามาโบโร่ มึงอย่าเสือก”
 
“เอ่อ พี่คะ พอดีมาโบโร่หมดค่ะ ขอโทษด้วย” ไอ้แมนยักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ ก่อนที่มันจะจ่ายเงินค่าของทั้งของที่มันซื้อและของผมด้วย
 
“ทำไมมึงไม่ลองลดลงบ้างวะ บุหรี่น่ะ ปอดเป็นรูหมดแล้วมั้ง” แหม พูดอย่างกะมึงสูบน้อยๆอย่างนั้นแหละ กูมาแรกๆ ก้นบุหรี่กองเท่าภูเขา
 
“มึงลดก่อนสิ” ผมบอก เกาะไอติมกินระหว่างเดินกลับคอนโด
 
“ได้แต่มึงต้องให้กูดูดนมทุกวัน กูเลิกได้เลยนะ”
 
“ไอ้สัด!!! ไปไกลๆกู” ผมผลักหน้าหล่อคมของมันให้ออกห่างๆจากหน้าผม เพราะมันเล่นยื่นหน้ามากระซิบข้างหูน่ะสิ
 
“อ้าว กูพูดจริง เดี๋ยวกูให้ดูดกลับก็ได้” ถ้ากูไม่เสียดายไอติมกูจะเอามายัดปากมึงเลย
 
อยู่ๆมีรถหรูสีดำสองคันวิ่งมาจอดเทียบฟุตบาทใกล้ๆกับทางเดินที่พวกผมกำลังเดินกลับคอนโด คนในรถทำให้ผมเปิกตากว้าง ปล่อยไอติมในมือลงพื้น ไอ้แมนจับมือผมไว้และบีบเบาๆ สีหน้าของมันนิ่งเฉย
 
“โอ๊ต กลับไปกับพี่....และอย่าให้กูต้องพูดซ้ำ” พี่โอ๊ตปลายตามองไอ้แมนก่อนจะพูดกับผม ผมรู้ว่ายังไงพี่โอ๊ตก็ต้องหาผมเจอ
 
“ไม่ได้ โอ๊ตจะอยู่กับผม” ไอ้แมนบอก มันคิดว่าตัวเองจะเอาชนะพี่ชายผมได้งั้นหรอ  ผมกระตุกมือมันไม่ให้พูดต่อ
 
“ผมขอเวลาอีกสองวัน” ผมบอก
 
“ไม่! มึงต้องกลับเดี๋ยวนี้” พี่โอ๊คบอก ลูกน้องของมันสองคนเข้ามาจะจับตัวผม
 
“เฮ้ย!!!! ไม่มากไปหน่อยหรอวะ เป็นพี่น้องกันจริงๆหรือเปล่า ทำไมไม่เข้าใจน้องชายของตัวเองว่าโอ๊ตมันต้องการอะไรแบบไหน ไม่คิดถึงจิตใจของมันบ้างหรอ”
 
“เงียบปาก!!! กูเห็นว่ามึงเป็นน้องของไอ้มาศกูเลยไม่เอาเรื่อง เพราะ พวกมึงสองคนหยุดแค่นี้จะดีกว่า ไปโอ๊ต” พี่โอ๊ค จับข้อมือผมก่อนจะดึงแรงๆแต่ไอ้แมนมันก็จับมือผมอีกข้างไว้เหมือนกัน
 
“ไม่ มันจะอยู่ที่นี่” ไอ้แมนผลักพี่โอ๊ตออกไปก่อนจะตามไปซัดหมัดหนักๆ ตายห่า! แล้วคนของพี่ผมก็เข้าไปจับมันไว้สิทีนี้
 
“มึงกล้ามาก.....จัดการมัน” พี่โอ๊ตสั่งกับลูกน้องของตัวเองเสียงเข้ม ถ้าผมยังนิ่งอยู่มีหวัง ไอ้แมนได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่
 
“พวกมึงหยุด!!! ห้ามใครทำอะไรมัน!!!!” ผมเข้าไปถีบลูกน้องคนหนึ่งของพี่ชายกระเด็นออกไป พี่โอ๊คมองผมอย่างไม่เข้าใจเพราะปกติผมไม่เคยปกป้องใครมาก่อน
 
“ก็ได้......กูจะให้เวลาอีกสองวัน ถ้ามึงยังไม่กลับ รู้ใช่มั้ยว่าใครจะเดือดร้อนมากกว่ากัน” ผมเข้าใจความหมายของพี่โอ๊คดี ถ้าผมไม่กลับไปแต่งงานพี่โอ๊คก็จะเดือดร้อนแต่นอกจากนั้น ไอ้แมนก็จะโดนพี่โอ๊คเล่นงานจนย่อยยับเลยก็ได้
 
พี่โอ๊คกลับไปแล้ว ผมและไอ้แมนก็กลับมาที่ห้องทันที ไอ้แมนเงียบตลอดทางขากลับขึ้นห้อง ไม่พูดไม่จา สีหน้าเรียบเฉยจนผมอ่านไม่ออกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
 
ปัง!!!!!!!!
 
ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยไอ้แมน มันเดินตรงไปยังห้องนอนก่อนจะปิดประตูเสียงดัง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงข้าวของภายในห้องที่โดนขว้างปาโครมคราม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันบ้าอีกแล้ว
 
ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า อยากหายตัวไปจากโลกนี้ซะเหลือเกินแต่ความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ งั้นก็ช่วยไม่ได้ว่ะ ผมคงต้องหาทางออกให้กับตัวเอง.........
 
“ฮัลโหล เมล์หรอ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย...............”
 
..............................................
 
“เปิดประตู!!! จะเปิดไม่เปิด” ผมเรียกคนในห้องน้ำ ที่มันเข้าไปเป็นชั่วโมงหลังจากที่ มันได้ระบายอารมณ์กับข้าวของภายในห้องเสร็จเรียบร้อย จนตอนนี้ห้องนอน แม่ง ดูไม่ได้เลย แทบจะไม่มีที่เหลือให้นอนเลยด้วยซ้ำ
 
แกร๊ก!!!! มันเปิดประตูออกมา มีผ้าขนหนูพันรอบเอว ตัวก็ไม่เช็ดผมก็เปียก ผมสังเกตเห็นตรงหลังมือมันมีแผลด้วย 
 
“ถ้าไม่โง่ทำไม่ได้นะมึง” ผมพูดก่อนจะเดินผ่านมันเข้าห้องน้ำ เหอะ!
 
“...................................” ผมออกมาจากห้องน้ำในเวลาต่อมา ไอ้แมนยังไม่ได้แต่งตัว มันยังนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ปลายเตียง
 
“อ่ะ!” มันคว้าเอวผมเข้าไปกอด แต่ยังคงนิ่งไม่พูดจา
 
 
 
“โอ๊ต! กูว่า.......กูรักมึงว่ะ” ผมนิ่งอึ่ง กับสิ่งที่มันพูดบอก ‘รัก’ มันจะเกิดขึ้นกับผมและมันได้หรอ ทั้งที่ผมกับมันไม่มีอะไรที่เข้ากันได้ดีเคยซักอย่าง
 
“เอ่อ......ปล่อยกูก่อน” รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากยังก็ไม่รู้สิ
 
“ไม่ กูจะไม่ยอมปล่อยมึงไปง่ายๆแน่ กูเชื่อว่ามันต้องมีทางออก” ผมเองก็เชื่ออย่างนั้น มันกอดผมแน่นขึ้นอีก
 
“ปล่อยกู!!!”
 
“ไม่!!!”  เพี้ย!!!!
 
“กูอึดอัดเว้ย!!! แม่ง หายใจไม่ออก!!! ต้องให้ลงไม้ลงมือใช่มั้ย ไอ้เหี้ย” ตบบ่องหูแม่งเลย รู้ว่าตัวเองแรงเยอะยังจะกอดแน่นอีก เอวกูจะขาดอยู่แล้ว
 
“เจ็บนะ!!! มึงชอบตบกูจริงๆ มานี่ กูตบบ้าง” เอาจริงๆถ้ามันตบผมบ้าง ผมคงหน้าหันหัวหลุดพอดีแต่มันกลับ....
 
“มึงกล้า....อุ๊บ!!!!!!” มันดึงผมเข้าหาตัว ก่อนจะกดริมฝีปากลงมาหนักๆ ผมปล่อยให้มันดูดจูบอยู่สักพัก แล้วไม่นานมือไม้มันก็เริ่มอยู่ไม่สุข เดี๋ยวมึงโดน!
 
“อ่ะ...เอ็บๆๆ อ่อยๆ” ผมกัดลิ้นมันครับ มันถึงจะยอมหยุด
 
“แต่งตัว! กูอยากไปกินข้าวข้างนอก” ผมบอก ไอ้แมนมองผมแบบงงแต่ก็ยอมลุก
 
“เออๆ รอแป๊บ เจ็บเลยแม่ง!!!” มันง้างมือทำท่าตบผม แต่ผมรู้ว่ามันไม่กล้าหรอก ผมเลยเชิดหน้าใส่ ร่างสูงกัดปากตัวเองอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะยื่นหน้ามาขบเม้มซอกคอผมจนเกิดรอย
 
“ไอ้เหี้ย!!!” ทำไมต้องรู้สึกวูบไหวด้วยก็ไม่รู้ อยู่ๆหน้าก็ร้อนแปลกๆขึ้นมา โอ้ย!!!
 
แลมโบกีนี่สีเขียวเข้ามาจอดในห้างดัง ผมลงจากรถพร้อมๆกับไอ้แมน ไอ้แก่ ยี่หกแล้ว(หรือเปล่า) ยังจะแต่ตัวเป็นเด็กไปได้ ใส่เสื้อยืดสีเหลืองทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงยีนขาเดฟตึง เปรี๊ยะจนผมอึดอัดแทน ใส่กับรองเท้าฝ้าใบสีเหลือ นี่ถ้ามันไม่โกนหนวดนะ ผมไม่เดินข้างมันแน่นอน
 
 
“เฮ้อออ....แล้วจะซื้อทำไม” มีบ่นครับ ก็เมื่อกี้ผมอยากกินชาไข่มุกแต่พอซื้อมากินกลับหวานมากเกินไป ผมเลยส่งไปให้มัน
 
“เสียของ” ผมบอก
 
“เออ! ก็โยนมาให้กูล่ะเนี่ย” ถึงจะบ่นแต่มันก็กินอ่ะนะ
 
“อ้าว ไอ้โอ๊ต” เจอไอ้ยีนครับ เพื่อนผมที่มอเดี๋ยวกัน มันมากับผู้หญิงน่ารักเชียว เอ๊ะ!!! ปกติผมไม่เคยมองใครน่ารักเลยนะ
 
“เออ...”
 
“ไม่ไปเรียนหลายวันเลยนะ ตามงานทันป่ะ แล้วนี่มากับใครอ่ะ” เพราะไอ้แมนมันยืนมอง ร้านขายซีดีอยู่เลยดูเหมือนเราไม่ได้มาด้วยกัน
 
“มากับคนขับรถ” =_=
 
“เหี้ยสิ รุ่นพี่ๆ” มันหันขวับมาบอก อ้าว ฟังอยู่หรอกหรอ
 
“เอ่อๆ อย่าลืมตามงานล่ะ กูไปนะ อ่อจริงสิ เมื่อกี้เห็นเทียนด้วยอ่ะ คงไม่ได้นัดมึงไว้ใช่ป่ะ” เทียนที่ว่าคือเพื่อนที่มอและเหมือนเธอนะชอบผม
 
“เปล่า” ไอ้ยีนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับแฟนของมัน
 
“ใครคือเทียร เทียรคือใคร แล้วเกี่ยวไรกับมึง หรือว่ากิ๊กมึง นี่มึงนอกใจกูหรอ” เอากับมันสิ
 
“ไม่ใช่.....นอกใจเหี้ยรัย!!! บ้านมึงสิ” โอ๊ะ!!! มันชักสีหน้าใส่ผมด้วย แล้วกูเป็นไรกับมันเนี่ย
 
“กูกินร้านนี้.....อ้าว!” ผมหันไปบอกกับไอ้แมนแต่ไม่ได้ดูว่ามันเดินเลยผมไปแล้ว เหมือนผมมาคนเดียวเลย ดูมันจะสนใจไปซะทุกอย่าง ตอนนี้มันกำลังเดินไปยังร้านกล้องถ่ายรูป แล้วพอมันรู้ตัวว่าผมไม่ได้อยู่ข้างๆ มันก็หมุนสามร้อยหกสิบองศาหา มีตกใจด้วย ทำเอาผมหลุดขำ
 
“ทำไมไม่เดินตามมาล่ะวะ” มึงสิ เดินทิ้งกูยังจะมาว่ากูอีก
 
“กูจะกินร้านนี้ มึงเดินเหมือนมาคนเดียว” ผมบอกและเดินเข้าไปในร้านโดยไม่รอมัน
 
“ก็นานๆที กูถึงจะได้มา มีเวลาซะที่ไหน” มันตามมานั่งลงกับโต๊ะสำหรับสองที่ ที่ผมมานั่งก่อน
 
“ไม่มีเวลา?”
 
“ก็มีตอนมึงมาอยู่กับกูเนี่ยแหละ” ผมเงยหน้าจากเมนูอาหาร มามองสบตากับมันที่กำลังจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว
 
“สั่งสิ มองอยู่ได้” เป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาของมันก่อน
 
“มึงก็มองกูเหมือนกัน” บางทีมันก็หน้ามึนเกินว่ามั้ย
 
 
 
“มึง ไม่ไปทำงานหรอ” ผมถามระหว่างขึ้นมาบนห้องหลังจากกลับมาถึงคอนโดเมื่อครู่ ในช่วงเย็น
 
“ไม่ล่ะ กูอยากอยู่กับมึง” บางทีอาจจะไม่ใช่แค่มันที่คิดแบบนั้น ผมเองก็เหมือนกัน พรุ่งนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ด้วยกัน....เอ่อ หมายถึงที่ผมจะได้อยู่ที่นี่น่ะ
 
“กูอาบน้ำก่อน” ผมบอก เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอว “ถ้ามึงไม่อาบก็ออกไปก่อน” ผมบอกอีกเพราะรู้สึกได้ว่ามันกำลังมองผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
 
“ใครว่า....กูจะอาบพร้อมมึง” เฮ๊ะ!!! มันดึงผมเข้ามาในห้องน้ำแล้วครับ ผ้าขนหนูเกือบหลุดแม่ง
 
“ไม่ๆ กูไม่อาบ ปล่อย!!!” แล้วผมก็ห้ามมันไม่ได้ สุดท้ายผมจึงต้องลงมานั่งหน้าบูดอยู่ในอ่างน้ำกับมัน
 
“กูไม่ทำไรหรอกนา มึงยังเดินข้าถ่างอยู่ หันหน้ามาสิวะ เดี๋ยวถูตัวให้” กูเชื่อมึงตายล่ะ ขนาดกูใส่เสื้อผ้าอยู่ มันยังหื่นขึ้น แล้วนี้ เสื้อผ้าก็ไม่มีซักชิ้น เหี้ย!
 
“ไม่ต้องกูถูเอง”
 
“จุ๊บ!!! ไหนบอกลบรอยสักไปแล้วไง” มันจูบลงไปบนไหล่ซ้ายด้านหลังของผม จริงๆผมปิดมันไว้กับเยื่อหนังเทียมตอนที่เจอมัน และผมก็รู้ว่ามันคงไม่เชื่อที่ผมโกหกว่าลบออกไปแล้ว เพราะจริงๆแล้วมันลบไม่ออก ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เลยคิดจะลบจริงๆ
 
“ก็มันเสือกลบไม่ออก”
 
“เพิ่มอีกเอามั้ย หลังมึงสวยดี” มันบอกไม่หื่น ไม่คิดจะทำอะไรแต่มือข้างหนึ่งกอดเอวผมไว้ส่วนอีกข้างกำลังลูบแผ่นหลัง นี่เค้าเรียกไม่หื่น? =_=
 
“ไม่เว้ย!!! ปล่อยเลยไหนบอกไม่ทำอะไรไง”
 
“เปล๊า....ทำอะไร...ยังไม่ทำอะไรเลย หันมาเร็วเดี๋ยวถูสบู่ให้”
 
“ไม่ๆ ก็บอกว่าถูเองไงวะ” ผมปัดมือมันออกจากไหล่ เอาจริงๆนะ ผมอาย ไม่รู้สิว่าทำไมต้องอายทั้งที่เราก็ เอ่อ แบบเคยๆกันน่ะนะ
 
“งั้นเอางี้” เฮ้ย!!! มันจับไหล่ผมให้เอนหลังไปผิงแผงออกมัน ก่อนจะเอาแขนสองข้างกดทับไว้ไม่ให้ผมลุกขึ้น
 
“เน้!!!! กูบอกให้ปล่อยไง” ผมใช้มือดึงผมมันครับ ผมทำให้มันโน้นหน้าลงมาจนปลายจมูกเราเกือบชนกัน
 
“หน้าแดงทำไมวะ หน้าแดงทำไม่คะ ที่รัก!” คะพ่อง!!! มันยักคิ้วกวนส้นตีนด้วย อ๊ากกกกกกก แม่ง!!! จากที่อายอยู่แล้วผมก็อายเข้าไปใหญ่เลยกดหัวมันลงมาจูบซะเลย มันจะได้ไม่เห็นว่าผมอายไง (ความคิดดีว่ะ)  >/////<
 
<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>

คิดว่าโอ๊ต โดนไม่โดน

แหมระดับแมน คงเชื่อได้หรอก =_=

ปอลิง.ช่วงนี้อาจลงไม่ถี่นะค่ะคนโพสติดกิจกรรมรับน้อง

เหนื่อยมากๆๆๆๆ :hao5:  :hao5:  :hao5:

แต่ถ้าว่างจะมาโพสให้โดยด่วน  รักคนอ่านคนเม้นคร๊าบ :mew1:  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-07-2014 14:30:22
โฮๆๆๆ ไม่อยากให้แยกกันเลยอ่ะ พี่โอ๊คเข้าใจน้องด้วยนะคะ
อยากรู้จังว่าโอ๊ตคิดจะทำไร จะทิ้งแมนไปหรอ ไม่น๊าาาาา T_T

รอตอนต่อไปค่ะ ลุ้นมากมาย ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 15-07-2014 14:50:08
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

โดนแน่ ไม่เหลือ เสี่ยแมนซะอย่างงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-07-2014 15:07:49
เวลาโอ๊ตมาพูดเองแบบนี้น่ารักไปอีกแบบ
ไม่อยากให้สองคนนี้ต้องเจออุปสรรคเลย
โอ๊คเข้าใจน้องหน่อยสิ เค้าจะไปแต่งงานได้ไง สามียืนอยู่นั้นน
แมนไปสู่ขอกับที่บ้านโอ๊ตเลย ให้รู้กันไป


ปล.เสร็จแมนแน่ๆ มีเรอะจะทนไหว 555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-07-2014 16:53:32
โอ๊ตซึนอ่าาาาา ส่วนแมนก้อ S
สมกันเกินไปแระค่ะ =_=
แต่ยังไงก้ออยากให้สมหวังน๊าาาา

ปล. พึ่งอ่านมาทันคร้า ชอบคู่หลัก ธารxลีวายส์ ที่สุดคร้าาาาาา ^O^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 15-07-2014 17:22:08
พี่โอ๊คจะมาเอาโอ๊ตไปแร้ววว
แมนทำไงดีๆๆ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่34(15/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 15-07-2014 21:57:25
พี่โอ๊คอย่ามาดราม่านะ
แง้วๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่35(16/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 16-07-2014 12:38:53
Older Brother.....35
 
[กาย:Part]
 
เหล่านักเที่ยวกลางคืนมากหน้าหลายตากำลังโยกย้ายไปตามเสียงเพลงร็อคหนักๆ ที่คอยสร้างความบันเทิงในผับยามนี้ แสงไฟหลากสีส่องวิบวับท่ามกลางความมืดสลัว ชวนให้เคลิบเคลิ้มไปกับบรรยายกาศรอบข้าง 
 
“กาย นั่งดีๆดิ๊”เซฟ ดึงต้นแขนผมให้ออกห่างจากใครคนหนึ่งข้างๆโต๊ะ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไปพิงเข้าตอนไหน
 
“คืนนี้กูนอนกับมึงได้ป่ะ” ผมถาม เซฟมีเงิบครับ ฮ่าๆๆๆ “กูล้อเล่นนา......กูขี้เกียจกลับบ้านอ่ะ” จริงๆนะ   กลับไปก็นอน จะนอนก็นอนไม่หลับ ผมเป็นแบบนี้มาราวๆเกือบอาทิตย์แล้วล่ะ
 
“งั้นมึงก็นอนนี่ แต่กู...นัดสาวไว้เว้ย มึงนอนคนเดียวนะ” มันบอก ผมรู้นา ว่ามันออกตัวไม่อยากให้ผมอยู่กับมันอ่ะ
 
“เออ! กลับบ้านก็ได้ แต่....มึงต้องไปส่งกูก่อน โอเค๊!!!”
 
“เออออออ กูไปส่งอยู่แล้ว คร้าบบบบบบบ”
 
“คึคึๆ ขอบใจไอ้เพื่อนนนน จ๊วบบบบ” ผมยื่นหน้าไปจูบแก้มมันจ๊วบยาว จนน้ำลายติดแก้มเลย
 
“กาย........!!!”
 
ผลั่ก!!    เพล้ง!!!
 
ผมถูกใครบางคนดึงออกมาจากโต๊ะ ก่อนที่เซฟจะถูกผลักออกไป มือมันปัดโดนขวดแก้วตกแตกลงพื้น
 
“มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงเข้มบอก ใบหน้าคมมีแววตาโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั่นก็ยังดูหล่อ น่าหลงใหลเช่นเคย
 
เราไม่เจอกันนานหลายวันจนผมคิดว่า เราจะจบกันแล้วซะอีก แต่ไม่ซิ เรายังไม่เคยตกลงจะคบกันเลยด้วยซ้ำ ผมสะบัดแขนออกจากมือหนากะจะไปช่วยพยุงเซฟให้ลุกขึ้น แต่อีกคนกลับกระชากแขนผมให้เดินตามขึ้นมาบนห้องทำงานด้านบนแทน
 
“ปล่อยนะ!!!! มีสิทธิอะไรมาทำเพื่อนกู!!!!!” ผมโว้ยวายเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีด้านล่างด้วยความโกรธ
 
“แล้วกาย มีสิทธิอะไร ไปทำแบบนั้นกับมัน!!! กายจะเอายังไงกันแน่!!! พี่หมดความอดทนแล้วนะ”
 
“งั้นก็ไม่ต้องทน!!!! ออกไป!!!!” พี่หมอขบกรามจนเส้นเลือกผุดขึ้นข้างแก้ม แววตาดุดันน่ากลัว มันทำให้ผมสั่นเล็กน้อย
 
“ทำไมกายถึงใจร้ายกับพี่นัก” พี่หมอกัดฟันพูด “สิ่งพี่ทำมันยังไม่ชัดเจนใช่มั้ย หรือพี่ต้องทำมันให้ชัดเจนมากกว่านี้ ห๊ะ!!!!” เสียงตะคอกดังกองไปทั่วห้อง ก่อนที่ผมจะถูกร่างสูงรวบตัวเข้าหา
 
“นี่!!! นายจะทำอะไรน่ะ อ่ะ! ปล่อย.....อุ๊บ!!!” ผมไม่เคยคิดมาก่อน ว่าพี่หมอจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ มันดึงเสื้อผมจนกระดุมขาด ก่อนจะซุกไซ้ซอกคอสลับกับจูบดูดรุนแรง
 
“กายทำตัวเอง.....” คำพูดของพี่หมอทำให้ผมน้ำตาซึมออกมา ผมผิดตรงไหน....ทำไมพี่หมอไม่เข้าใจผมบ้าง ตลอดเวลาหลายวันที่เราไม่เจอกัน...ผมเอาแต่คิดถึง อยากเห็นหน้า อยากโทรหา อยากคุยด้วย แต่ผมเลือกที่จะรอ รอให้พี่หมอมาหา...รอที่จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง แต่พอมาเป็นแบบนี้ผมกลับคิดว่า ผมไม่น่ารอมันเลย
 
“อึกๆ.........ทำไม.....อึกๆ......ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ อึกๆ” ผมสะอื้นไห้ออกมา พร้อมกับน้ำตา ในขณะที่ร่างสูงยังคงซุกไซ้ซอกคอไม่เลิก
 
“กาย....!!!!” พี่หมอชะงักนิ่ง และหยุดการกระทำบ้าๆของมัน เมื่อรู้ตัวว่าผมกำลังร้องไห้อย่างหนัก จริงๆผมไม่อยากร้องต่อหน้ามันนะ แต่...ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หมายถึงปัญหาที่ว่า...ทำไมเราถึงไม่เข้าใจกัน
 
แกร๊ก....
 
ประตูห้องถูกเปิดออกโดยเซฟ มันเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของผม ตอนแรกมันทำท่าจะเดินเข้ามาแต่พอพี่หมอหันไปมอง มันกลับถอยหลังออกไปและปิดประตูลง
 
พี่หมอถอนหายใจออกมาก่อนจะหลับตาลงคล้ายกับพยายามข่มอารมณ์ตัวเอง และจับมือผม พี่หมอจูงมือผมมาขึ้นรถ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะพาผมไปไหน ได้แต่นั่งนิ่งๆ อาการสะอื้นค่อยๆหายไป ตอนนี้มีเพียงคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่
 
 
 
 
“น้ากายยยยยยยยยยยยย ไข่มุกคิดถึงจังเลย” ตายจริง นี่เที่ยงคืนแล้ว ไข่มุกยังไม่นอนอีก
 
“ไข่มุกไปนอนไปเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายนะคะ” พ่อกับลูกเค้าคุยกันครับ
 
“ไข่มุกอยากนอนกับคุณพ่อค่ะ นะๆๆๆๆ”
 
“ไม่ค่ะ วันนี้คุณพ่อเหนื่อย ไข่มุกไปนอนกับพี่เจนนะคะ” ไข่มุกทำปากยื่นนิดๆเมื่อโดนขัดใจ ให้กลับไปนอนกับพี่เลี้ยง
 
“ก็คุณพ่ออ่ะ ทำไมกลับมาถึงไม่พักก่อนล่ะคะ กลับมาก็ออกไปรับน้ากายเลยอ่ะ ก็เลยเหนื่อยไง” กลับมา นี่หมายถึงออกเวรที่โรงบาลหรือเปล่านะ
 
“ก็พ่อคิดถึงน้ากายนี่” ไม่ต้องเหล่กู กูยังโกรธอยู่ “ไข่มุกไปนอนนะคะ อุตส่าห์ตื่นมารับคุณพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณพ่อจะไปรับที่โรงเรียน แล้วก็พาไปให้น้ากายเลี้ยงขนมด้วย เอามั้ย” อ้าว เรื่องไรของผมล่ะ ลูกใครลูกมันสิ ลูกผมน่ะ ลีวายส์โน้น (ก็ไอ้ธารมันไม่รับเป็นลูกผมเลยรับแทน)
 
“ก็ได้ค่ะสัญญา จุ๊บ! จุ๊บ!”เอิป เค้าสัญญาอะไรกัน “สัญญากับน้ำกายด้วยค่ะ...จุ๊บ! จุ๊บ!” ร่างเล็กดึงมือผมให้ก้มลงและจุ๊บแก้มซ้ายขวาเช่นเดียวกับพ่อของตัวเองแล้วก็เดินจากไป =_=
 
พี่หมอดึงมือผมเข้ามาในห้องของมัน ผมยังคงเงียบไม่พูดจาส่วนอีกคนเปลี่ยนจากตอนอยู่ในผับอย่างสิ้นเชิง พี่มันปล่อยให้ผมนั่งอยู่ในห้องโดยที่ตัวเองเข้าไปอาบน้ำ
 
ไม่นานมันออกมาจากห้องน้ำ ผมเข้าใจนะว่าห้องนอนเป็นของมันแต่ว่า.....มันก็น่าจะเกรงใจสายตาผมบ้าง เล่นใส่ผ้าขนหนูเปลือยท่อนบนอย่างเนี่ย แบบ ผมอาย(จนหน้าแดง)แทน
 
“กาย......” ร่างสูงเดินมาตรงหน้าผมก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นซึ่งผมนั่งอยู่บนปลายเตียง พร้อมกับจับมือผมไว้ “พี่ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
 
“..............”พี่หมอเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ามันรู้สึกผิดจริงๆ และแปลกมากที่ความโกรธที่ผมมีกับมัน จางหายไปในพริบตาแต่ก็นะ....   ผมยกมือขึ้นกอดอกเบือนหน้าหนี คึคึ
 
“โธ่กาย ลองคิดดูสินาทีนั่น ถ้ากายเห็นคนรักกำลังนั่งจูบอยู่กับผู้ชายคนอื่น กายจะทำยังไง”
 
“ก็จะเตะไข่มันให้แตกเลย! แล้วอีกอย่าง ผมไม่จูบกับเซฟซะหน่อย!!! อย่ามากล่าวหากัน”  ผมผลักไหล่คนตรงหน้าอย่างเคืองๆ
 
“ไม่เรียกว่าจูบได้ไง ปากจะ.....” ยังไม่หยุดพูดอีก ผมเลยส่งสายตาคมๆไปมอง “โอเค....งั้นเราก็อย่าโกรธกันเรื่องนี้เลยนะ”
 
“.....................” ผมเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร พี่หมอยิ้มนิดๆ เพราะรู้ว่าจริงๆผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย แล้วมันก็กลับมาจับมือผมอีกครั้ง
 
“กาย......พี่ว่าเรามา....เป็นแฟนจริงๆจังๆกันสักทีนะ” ดวงตาสีนิลจ้องลึกเข้ามานัยน์ตาผม “พี่อยากให้ช่องว่างของเราลดลง กายรู้ใช่มั้ยว่าพี่คิดยังไงกับกาย”
 
“..................” รู้สิ รู้ว่าพี่หมอมีใจให้ผมและผมเองก็มีใจให้พี่หมอเช่นกัน
 
“ตลอดเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน พี่คิดเรื่องของเรามาตลอด ไม่รู้ว่า กายจะโกรธพี่เรื่องเซฟมากขนาดไหน แต่พี่ไม่ได้โกรธกายเลยนะ พี่แค่ไม่ชอบตอนที่เห็นกายอยู่กับมันบ่อยๆ และพี่ก็รู้ว่ากายรักเพื่อนมาก เพราะงั้นพี่คิดว่า พี่อยากจะ เข้าใจกายให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เรามาเป็นแฟนกันนะ กาย”
 
“.........................” ผมควรตอบตกลงใช่มั้ย หรือว่า ยังไง แต่หัวใจของผมมันตอบตกลงไปแล้ว
 
“นะ......กาย” พี่หมอสบหน้าลงบนตักผมเพราะ ยังคงนั่งอยู่บนพื้นห้อง
 
“อืม..” ผมครางตอบเสียงไม่ดังนัก แต่ก็ทำให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามอง ส่วนผมก็อมยิ้มก่อนจะเบือนหน้าหนีแก้เขิน
 
“จริงสิ.....” พี่หมอปล่อยมือผมก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากโต๊ะทำงานและเดินกลับมา คราวนี้มันนั่งลงข้างๆผม “จริงๆ อยากจะให้ตั้งหลายวันแล้วล่ะ แต่ไม่มีโอกาส”
 
พี่หมอเปิดกล่องนาฬิกาแบรนด์ดัง ตัวเรือนเป็นเงิน รอบๆมีเพชรฝังสี่จุดดูเก๋ดี ไม่ได้ดูหรูหราจนเวอร์ แต่ก็ดูท่าว่าจะแพงพอสมควร พี่หมอสวมมันให้ผม จริงๆผมไม่ใช่คนชอบใส่นาฬิกาอย่างมัน เพราะมันเป็นหมอด้วยล่ะจึงต้องใส่นาฬิกาติดตัวตลอด
 
“รู้มั้ย ว่า...เวลามันมีค่ามากสำหรับพี่ ตอนนี้เราช่วยรักษาคนไข้ กายก็เปรียบเสมือนเวลาสำหรับพี่เหมือนกัน” พูดจบ ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงมากับริมฝีปากของผมอย่างนุ่มนวลและร้อนแรงสลับกัน
 
ร่างสูงเปลี่ยนมาบดจูบอ่อนหวานน่าหลงใหลจนยากที่จะปฏิเสธได้ ผมจับต้นแขนพี่หมอไว้ก่อนจะจูบตอบกลับไปเช่นกัน เราจูบกันเนิ่นนานจนกระทั่งอีกคนเริ่ม เลยเถิด หึ! คิดจะรวบหัวรวบหางล่ะสิ ไอ้หมอเจ้าเล่ห์
 
“อืม.....พอ.....คิดจะทำไร....รู้นะ” ผมกัดริมฝีปากล่างตัวเองหรี่ตามองพี่มัน “ผมยัง...ไม่พร้อมอ่ะ”
 
“โธ่กาย....เราโตๆกันแล้วนะ..ชิท์! แล้วเราก็เป็นแฟนกันแล้วด้วย”
 
“ก็จะทำไมล่ะ.....โตไม่โตไม่เห็นเกี่ยว อีกอย่าง.....ไหนบอกไข่มุกว่าเหนื่อย ไปนอนเลยไป”
 
“จำไว้ๆ ถ้า....เมื่อไหร่ล่ะก็ จะทบต้นทบดอกยันเช้าเลย จุ๊บ!!!” ไอ้บ้า ยันเช้าอะไรกัน พูดออกมาได้ ไม่อายปาก
 
“บ้า!!! ถอยไป จะอาบน้ำ แล้วก็ไปแต่งตัวได้แล้ว ดูสิไม่อายบ้างหรือไงนั่งเปลือยอยู่ได้” ผมดันไหล่คนตรงหน้าเบาๆก่อนจะลุกขึ้น
 
“ถึงจะเปลือย กายก็ไม่เห็นหวั่นไหวเลย” เสียงทุ้มดังไล่หลังตามผมเข้ามาในห้องน้ำ ไม่หวั่นไหวอะไรล่ะ กูหน้าแดงไปถึงหูตั้งแต่มันออกมาแล้ว ไอ้หมอบ้า!!!
 
 
 
“เย้ๆ คุณพ่อจะพาไข่มุกไปกินไอติมใช่มั้ยคะ” วันนี้พี่หมอเข้าเวรเช้าและออกเวรช่วงเย็นเลยทิ้งรถไว้ให้ผมไปรับไข่มุกแทน
 
“ใช่สิ เดี๋ยวเราไปรับคุณพ่อไข่มุกกัน” ผมบอก ไข่มุกกระโดดขึ้นมานั่งบนรถจากนั้นอีกไปถึงยี่สิบนาทีเราก็มาถึงโรงพยาบาล
 
“ขอบใจมากนะรัตน์ โอ้ย! เมื่อยไปหมดเลยเนี่ย” เสียงพี่หมอ
 
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรัตน์นวดให้บ่อยๆนะคะ” เอาล่ะสิ ผมกับไข่มุกหยุดยืนมองหน้ากันอยู่หน้าห้องทำงานของมัน ไข่มุกกัดปากแน่น ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
 
“คุณพ่อ!!! ทำอะไรคะ!” ไข่มุกเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆมันซึ่งด้านหลังพนักพิงมีผู้หญิงใส่ชุดพยาบาลยืนอยู่สองมือของเธอวางอยู่บนไหล่พี่หมอ
 
“เอ่อ....อะไรคะไข่มุก พี่รัตน์เค้าแค่เห็นว่าพ่อเมื่อยเลยมานวดให้” มองลูกมึงสิไม่ต้องมองกู - -
 
“ไม่นวดอย่างอื่นด้วยล่ะ” อันนี้ผมบอกครับ หญิงสาวในชุดพยาบาลเลิกคิ้วมองผมก่อนจะไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเหยียดๆ อ้าวอีนี่ ตบกะกูมั้ย(?)
 
“พี่หมอ ก็เมื่อยบ่อยๆล่ะ รัตน์ก็เข้ามานวดให้บ่อยๆ ดูท่าพี่หมอจะถูกใจนะคะ” มานวดบ่อยๆงั้นหรือ “ไว้รัตน์จะมานวดให้ใหม่นะคะ” นางก้มลงพูดข้างหูไอ้หมอ(เปลี่ยนสรรพนาม) และหันมายกยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป ห่าราก นี่กูต้องทำศึกกับผู้หญิงหรอ ไม่เอาว่ะ ไร้สาระ
 
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย คิดอะไรกันอยู่เนี่ย”
 
“ไข่มุกไม่ชอบคนนั้น คุณห้ามเข้าใกล้นะคะ ไข่มุกโป้งคุณพ่อด้วย เน้อ พี่กาย เราโกรธคุณพ่อนะคะ” เออๆ ใช่โกรธ เฮ้ย!!! นี่ผมโกรธด้วยหรอ
 
“โธ่....ไข่มุก เอาล่ะ ไปกันเถอะ คุณพ่อออกเวรแล้ว” ไอ้พี่หมออุ้มไข่มุกขึ้น “กาย คุณถือเสื้อกับกระเป๋าให้ผมด้วยนะ” หน้าที่กูหรอเนี่ย ภาพแม่งออกจะเหมือน พ่อ...แม่....ลูก ><
 
“อ้าว รัตน์ออกเวรเหมือนกันหรอ” อะไรวะตามมาหรือไง นางมายืนอยู่ข้างๆรถครับ ไม่รู้หายตัวมาตอนไหน
 
“ค่ะ นี่ก็ว่าจะไปแวะห้างซะหน่อยน่ะค่ะ” หราาาา สตอป่าว
 
“ไปด้วยกันมั้ย พี่ก็กำลังจะไปเหมือน.....กัน” ทั้งผมและไข่มุกหันขวับไปมองจนมันเพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดที่พูดชวนเธอไปด้วย “เอ่อ....หรือยังไง...”
 
“ไปค่ะ ก็ดีเหมือนกัน”
 
“แต่ไข่ไม่อยากไปกับคนอื่นนี่คะ ไข่มุกไปชอบ” ไข่มุกกอดคอคนเป็นพ่อแน่น
 
“ไข่มุกคะ เราต้องมีน้ำใจรู้มั้ย อีกอย่างเราไปทางเดียวกัน ไปด้วยกันเนี่ยแหละนะคะ ใช่มั้ยกาย”
 
“ก็ไม่รู้สินะ!” ผมตอบแค่นั้นก่อนจะเดินผ่านมันไปขึ้นรถด้านข้างคนขับพร้อมกับไข่มุก
 
“เอ่อคือว่า.....รัตน์เมารถน่ะค่ะ ให้รัตน์นั่งด้านหน้าดีกว่ามั้ยคะ รัตน์กลัวทำรถพี่หมอเลอะ” ด้านหน้าหรือหน้าด้าน! สาบานว่านางตอแหลยิ่งกว่านางร้ายในละครอีก
 
“เอ่อ....งั้นหรอ.....” พี่หมอมองผมนิด ไม่ต้องออกปากไล่กูลงเอง ผมเลยลงจากรถและเปลี่ยนมานั่งด้านหลังแทน
 
“ไข่มุกมานั่งกับพี่รัตน์มั้ยคะ” นางพยาบาลสาวบอก
 
“ไม่เอา! ไข่มุกไม่ชอบนั่งกับคนอื่น ไข่มุกจะนั่งกับพี่กาย” ไข่มุกลงตามผมขึ้นมานั่งด้านหลัง พี่หมอมองผมผ่านกระจกมองหลังก่อนจะเปลี่ยนไปมองลูกสาวตัวเองที่กำลังนั่งกอดอกหน้าบึ่ง และแอบเหงื่อตกนิดๆ
 
เมื่อมาถึงห้างหญิงสาวชื่อรัตน์ก็แยกออกไป เห็นเธอบอกว่าพี่ชายมารับแต่ผมว่าไม่เชื่อเพราะดูจากท่าทางแล้วน่าจะเป็น ผัว เฮ้ย!!! แฟนมากกว่า
 
“นี่ๆ อย่ามองกันแบบนั้นสิ พ่อผิดอะไรล่ะไข่มุก พี่ไม่ได้อะไรกับเค้าเลยนะกาย” มีร้อนตัว เหอะๆ ผมก็ไม่ได้อะไรกับเธอหรอกเพราะรู้ดีว่าพี่หมอมันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น
 
“คุณพ่อใจดีผิดคนแล้วค่ะ พี่คนนั้นอ้อร้อจะตาย” ทั้งผมและพี่หมอตกใจกับประโยคของไข่มุกจนต้องหันไปมองพร้อมกัน
 
“ไข่มุก! ไปได้ยินมาจากไหนคับ รู้มั้ยไม่น่ารักเลยนะ” ผมบอก
 
“นั่งสิ เอาใหญ่แล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่า ว่าคำแบบเนี่ยเด็กไม่ดีเค้าพูดกัน หรือจะให้พ่อตี” พอโดนว่าเป็นชุดนางก็เริ่มน้ำตาซึมครับ
 
“อึกๆ ก็ไข่มุกไม่ชอบคนนั้นนี่นา อึกๆ ไข่มุกไม่อยากให้คุณพ่อไปยุ่งกับเค้า อึกๆ” สุดท้ายนางก็ปล่อยโฮ่ออกมา ไข่มุกกอดผมที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำเอาผมไปไม่ถูกเลยทีเดียว
 
“พ่อไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย แค่ไม่ชอบให้ไข่มุกพูดไม่ดี รู้มั้ย”
 
“พอๆ เพราะพี่นั่นแหละมันเริ่มจากพี่ ไข่มุกไม่รู้เรื่องก็เลยพูดออกมา ไม่ต้องร้องนะเดี๋ยวพี่กายพาไปซื้อของเล่น เอาเยอะๆเลย นะๆ” ผมบอก มองพี่หมออย่างตำหนิ
 
“เฮ้อออ พี่ผิดตลอดดดดดดดดด”
 
 
 
 
“ทำไม่ ต้องมาส่งไข่มุกก่อนล่ะ ไม่แวะส่งผมก่อน” ผมถามระหว่างนั่งรถ หลังจากที่เราไปส่งไข่มุกที่บ้านในช่วงค่ำ ทั้งที่จริงๆแล้วจะแวะส่งผมก่อนก็ได้
 
“พี่....จะพากายดูอะไรนิดหน่อย” อะไรของเค้านะ ชิท์!
 
“มาหาใครหรอ” ผมถามเมื่อพี่หมอพาผมมายังคอนโดหรู ออกห่างมาจากใจกลางเมืองไม่มาก แต่ไอ้พี่หมอมันไม่ตอบ จูงมือผมเข้ามาอย่างเดียว
 
“สวยมั้ย กายว่า” พี่หมอเปิดห้องๆหนึ่งบนชั้นบนสุดของคอนโด ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราบ่งบอกถึงราคาที่น่าจะสูงนับกว่าสิบล้าน
 
“สวย.....มาก! อย่างบอกนะว่า...ซื้อคอนโดนี้น่ะ”ผมถาม ก็ไม่แปลกหรอก เพราะมันรวย!
 
“อืม.....กายชอบมั้ย” ผมเดินมาหยุดยืนมองหวิวภายนอกผ่านกระจกใสบานใหญ่ มองเห็นภาพสวยงามจากดวงไฟในเมืองใกล้ๆยามค่ำคืน พี่หมอเดินมายืนซ้อนหลังผมก่อนจะกอดเอวผมไว้แบบหลวมๆ
 
“เพื่ออะไร.....เนื่องในโอกาส?”
 
“เรือนหอมั้ง” ฟอด!!! ผมอมยิ้มเมื่อโดนร่างสูงหอมแก้มฟอดใหญ่ พี่หมอกระชอบอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก ปลายคางมันวางไว้กับไหล่ผม
 
“เรือนหอบ้าไร ไม่ได้แต่งงานซะหน่อย”
 
“หรือกายจะแต่งงาน พี่ก็ทำให้ได้นะ มีลูกด้วยก็ได้ เอามั้ย” ฟอด!!! ไอ้บ้าแก้มช้ำหมดแล้วเนี่ย
 
“จะบ้าหรอ แล้วอีกอย่าง เราก็เป็นแค่....แฟนกันเหอะ คิดไกลแล้ว” ผมยกมือขึ้นบีบจะหมูกร่างสูงอย่างหมั่นไส้
 
“ก็กายมาเป็นภรรยา พี่ไง”
 
“บ้าน่ะสิ แล้วตกลง ซื้อทำไมจะมาอยู่ที่นี่หรอ” เปลี่ยนเรื่องๆ เดี๋ยวผมละลายซะก่อน
 
“อืม....จริงๆก็อยากซื้อบ้านนะ แต่ว่า...มันกว้างเกินที่จะอยู่สองคน” พี่หมอปล่อยอ้อมกอดออก จับข้อมือผมดึงไปนอนลงบนโซฟาตัวยาวโดยให้ผมนอนอยู่บนตัวของมัน
 
“กับไข่มุกน่ะนะ...แล้วใครจะดูแลไข่มุกตอนที่พี่ไปทำงานล่ะ”
 
“ก็กายไง”
 
“กายหรอ....จะให้กายมาอยู่นี่หรอ ได้ไงกันล่ะ”
 
“ได้สิ......” พี่หมอพลิกตัวทีเดียวก็กลายเป็นว่ามันขึ้นมาคร่อมผมอยู่ด้านบน “กายมาอยู่กับพี่นะ มาดูแลพี่กับลูกของเรา”
 
“แต่ว่า....ไข่มุกยังเด็ก จะรับเรื่องแบบนี้ได้หรอ อีกอย่างไข่มุกก็เป็นผู้หญิง” นั่นสิ ผมเห็นผู้ใหญ่บางคนก็ยากที่จะรับเรื่องแบบนี้ หมายถึง ชายรักชายน่ะ
 
“ได้สิ เชื่อพี่นา พี่อยากลองมีครอบครัวดู ถ้าเกิดยังไง เราก็ค่อยให้ไข่มุกกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านก็ได้”
 
“อยากมีครอบครัว......งั้นก็ไปเอาผู้หญิงสิ” ผมบอกเพราะแวบหนึ่งคิดถึงครอบครัวแบบพ่อแม่ลูกที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา
 
“ไม่เอา!....เอากายเนี่ยแหละ” พูดจบร่างสูงก็ทาบริมฝีปากลงมากับปากผม รสจูบนุ่มนวลและร้อนแรงสลับกันเหมือนเช่นเคย “ให้พี่นะ”
 
“ไม่ให้....!!!”
 
“ก็จะเอา...คืนนี้ไม่รอดหรอก...เชื่อสิ” ผมอบยิ้มนิด ก่อนจะหลบสายตาพริ้มหนาวเยิ้มของร่างสูง
 
จากนั้น ริมฝีปากร้อนก็ลงมาฝากรอยไว้ตรงซอกคอย้ำๆ สลับกับกลับขึ้นมาบดจูบริมฝีปาก ท่อนล่างของเราต่างเบียดเสียดกันอย่างแนบชิดจนไร้ซึ่งอากาศแทรกผ่าน ผมรู้สึกดีและดีมาก จนตอนนี้ปล่อยให้ร่างกายทำตามที่ใจต้องการ
 
“อ่ะๆๆๆ........พี่รักษ์” ผมครางลั่นห้อง ในขณะที่ร่างสูงขยับอยู่บนโซฟากำลังพาผมไปถึงจุดสุดยอด ร่างกายของคนบนร่างผมเต็มไปด้วยเหงื่อโซกกาย
 
“กาย...ซี๊ดดดดด....อ่า.....กาย.......อ่า....” พี่หมอเองก็ครางเรียกชื่อผมไม่ขาดสายเช่นกัน ต่างคนต่างสุขสม และยังไม่คิดจะหยุดถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วสามรอบ
 
“อ่าาาาาาา......” ร่างกายผม กระตุกเกร็งเมื่อรู้สึกว่ากำลังปลดปล่อย ก่อนจะแอ่นอกขึ้นนิดๆและไม่นานน้ำรักสีขุ่นก็พุ่งออกมาจนเต็มหน้าท้องเฉกเช่นเดียวกับอีกคนที่ปล่อยน้ำรักเข้ามาในตัวผม
 
“ยังไหวมั้ย...” พี่หมอเสยผมตรงหน้าผากผมขึ้น ก่อนจะถาม มันไม่คิดจะหยุดจริงๆหรอเนี่ย
 
“ไม่เอาแล้ว....กายปวดท้อง” ผมบอก พยายามเอื้อมไปหยิบเอาเสื้อของตัวเองมาใส่ “อ่ะ!!!...พี่หมอ!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อพี่หมอแกล้งขยับตัวเพราะมันยังคงแช่ลำไว้ในตัวผม
 
“อ่า....อีกรอบนะ....นะกาย” ปฏิเสธหรอ ก็อยากอยู่แต่มันพูดไปขยับไปนี่ กูปฏิเสธได้มั้ย เจ็บเป็นนะเว้ย!!!
 
“รอบเดี๋ยวนะ....อ่ะๆ...นี่” มันจะรีบไปไหนนนนนนนน ผมยังไม่ทันพูดจบก็เดินเครื่องทันที แม่ง!!!
 
 
 
“ก็บอกว่า....อ่ะ! พี่หมอ เจ็บนะ!!!” พี่หมอกำลังล่างตัวให้ผมครับ ยังไม่พอ มันยังมาเอาน้ำรักของมันออกให้ด้วย แต่มันโคตรเจ็บอ่ะ
 
“พี่ทำให้นา กายทำเองเอาออกไปหมดเดี๋ยวปวดท้องนะ” เออ! ผมควรเชื่อหมอใช่มั้ย
 
“ก็เบาๆหน่อยสิ....อ่ะ! เจ็บ”
 
“ตอนทำกับตอนนี้ ตอนไหนเจ็บกว่ากัน” ถามเหี้ยไรเนี่ย
 
“ไม่รู้เว้ย! เสียเปรียบฉิบหายเลย เจ็บอยู่คนเดียว อ่ะ!!! เน้!!! เบาๆสิ” ผมโว้ยวายใส่ มองเห็นตัวเองในกระจก แม่ง ตัวแดงอย่างกะเป็นไข้เลือดออก ช้ำไปหมด
 
“เสร็จแล้วๆ....เสร็จแล้วครับ เมีย” ฟอด!!!
 
“เมียบ้าไรล่ะ อายปากบ้าง!!!”
 
“อายทำไม ตอนทำไม่เห็นอายเลย” เราพูดเรื่องเดี๋ยวกันใช่มั้ย ถามจริง!!! =_=
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>

รีบมาลงกลัวนักอ่านค่อยนาน(หรือเปล่า) =_=^

ขอบคุนนักอ่านทุกคนนะค่ะทั้งคนที่เม้นหรือนักอ่านเงาเราดีใจมาก

ที่มีนักอ่านหน้าใหม่และขาประจำมาอ่านมาเม้นให้ :mew1:  :mew1:

เพิ่งแต่งไม่นานภาษาหรือสำนวนอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ก้อหรือมีอะไรผิดพลาดต้องของโทษด้วยน้า

มีอะไรติชมได้ค่ะ 

ปล.อยากสอบถามเรื่องรวมเล่มอ่ะค่ะใครสนใจรบกวนช่วยตอบหน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จิ้มโลด (https://www.facebook.com/MirrorOnOn?fref=ts)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่35(16/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 16-07-2014 21:30:31
โฮๆๆๆ ดีใจสุดๆ อยากให้คู่นี้ดีกันนานแล้ว
กาย รักเพื่อนได้ แต่ก็ต้องคิดถึงจิตใจของพี่หมอด้วยนะ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่35(16/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: oa_ko ที่ 16-07-2014 21:46:55
เพิ่งเห็นว่าเอาลงที่นี่ด้วย
สู้ๆ จ้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่35(16/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-07-2014 22:11:53
ดีใจกับพี่หมอแล้วก็กาย ดีกันแล้ววว
กายไม่ต้องห่วงเซฟนะ ยังไงก็มีเด็กแพคด้ามใจแน่นอน

ดูเหมือนพี่หมอจะรีบปั้มน้องให้ ไข่มุกเลย กี่รอบล่ะนั้นนนน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 17-07-2014 09:41:08
Older Brother.....36
 
 
[ลีวายส์:Part]
 
“เอาล่ะค่ะ ครูจะให้แบบกลุ่ม กลุ่มละสี่คน และก็ให้นักเรียนไปสำรวจพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งตามหัวข้อที่ครูให้ เพื่อทำรายงานและใช้ในการเรียนคาบหน้า มีคะแนนเก็บจากการทำรายงานด้วยนะคะ เลิกเรียนได้ค่ะ”  ทีเชอร์บอก ก่อนที่ทุกคนในห้องจะทำความเคาพรเพื่อบอกล่าเหมือนทุกๆครั้ง
 
“ลีวายส์เราอยู่กลุ่มเดียวกันนะ” บุ๊ค ซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าหันมาบอกกับลีวายส์
 
“ได้สิ แต่ว่า สี่คนไม่ใช่หรอ แล้วอีกคนล่ะ” นั่นสิ ปกติกลุ่มเราก็มีสามคนอยู่แล้ว เพื่อนในห้องก็อยู่กันเป็นคู่ๆโดยส่วนใหญ่
 
อยู่ๆ คนที่นั่งข้างๆลีวายส์ก็ยกหัวขึ้นจากการฟุบหลับกับโต๊ะ รู้ใช่ป่ะว่าใคร ก็นายแพ็คไงล่ะ
 
เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยทะเลาะกันฮะ ต่างคนเหมือนต่างอยู่ แต่ก็มีคุยกันบ้างก็ตอนที่ต้องทำงานกันเป็นคู่ ซึ่งลีวายส์จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะคู่กับมัน ก็มันมานั่งข้างลีวายส์นี่นา
 
“ก็ แพ็คไง” เรเนสออกความคิดเห็น
 
“ก็ได้ เขียนชื่อไปเถอะ ยังไงเราก็ทำสามคนก็ได้อยู่แล้ว” บุ๊คบอก เหอะๆ มันก็จริงล่ะนะ เพราะตอนทำงานเป็นคู่ๆ ลีวายส์ก็ทำคนเดียว นายเนี่ยมันสนใจจะช่วยซะที่ไหน
 
“นั่งสิ ใส่ๆไปก็แล้วกัน ชิท์” ลีวายส์พูดเหน็บ มันรู้ตัวฮะเลยผลักหัวลีวายส์ ลีวายส์ยังไม่ทันได้เอาคืน นายแพ็คก็ลุกออกจากโต๊ะไปซะก่อน
 
   Tru.....
 
เสียงโทรศัพท์ฮะๆ ลีวายส์รีบๆ ล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเผื่อพี่ธารโทรมา แต่ว่า...........ข้อความอ่ะ =_= เมื่อวานพี่ธารซื้อให้ใหม่แล้วล่ะ น่ารักที่สุด(?)
 
“.....................” โทรเองก็ได้ฮะ ตอนนี้พักเที่ยงฮะลีวายส์กำลังเดินไปโรงอาหารพร้อมกับบุ๊คและเรเนส
 
(ว่า............) พี่ธารรับซะ เหมือนไม่อยากคุย แต่ก็นะ! ปกติของเค้าล่ะ
 
“ทานข้าวยังฮะ พี่ธารทำงานอยู่หรือเปล่า”
 
(ยังเลย ทำงานอยู่.......ไร้สาระนา......ไปเรียนไป)
 
“พักเที่ยงอยู่ฮะ โทรนิดเดียวเอง วันนี้ลีวายส์ขอไปสำรวจพื้นที่แถวริมแม่น้ำใกล้ๆโรงเรียนได้มั้ยฮะ”
 
(ไม่ได้! เลิกเรียนแล้วจะไปรับ) ว่าแล้วเชียว ว่าพี่ธารต้องไม่ให้ไป เมื่อกี้ก่อนออกจากห้องเรียนลีวายส์กับบุ๊คและเรเนสตกลงกันว่าจะไปสำรวจพื้นที่แถวๆริมแม่น้ำใกล้ๆนี่เอง
 
“แต่ว่า ลีวายส์ต้องทำงานส่งนะฮะ อีกอย่างจะให้ผู้หญิงไปทำกันสองคนได้ยังไงฮะ”
 
(แล้วตัวเองต่างจากผู้หญิงหรือไงวะ)
 
“พี่ธารอ่ะ อย่างน้อยลีวายส์ก็อยากช่วยเพื่อนนะฮะ ลีวายส์ไม่อยากเห็นแก่ตัว” ลีวายส์บอกเหตุผล พี่ธารเงียบไปฮะ หรือจะโกรธลีวายส์กันนะ
 
“ก็ได้ แต่.......เดี๋ยวจะพาไปเอง เลิกเรียนแล้วก็รอกันอยู่หน้าโรงเรียนนั่นแหละ” ลีวายส์ยิ้มนิดๆ เมื่อพี่ธารบอกอย่างนั้น
 
“ฮะ ขอบคุณฮะ เอ่อ....คิดถึงนะฮะ บายๆ” ลีวายส์บอกก่อนจะวางสาย คึคึ
 
“แหม ลีวายส์เนี่ย รักพี่ชายจังเลยนะ อย่างกะแฟนแน่ะ คิคิ” เรเนสพูดแซว ลีวายส์อบยิ้มให้ ไม่ใช่แฟนแต่เป็นมากกว่านั้น คึคึ
 
“ตัวเล็ก” เสียงพี่เซฟฮะ อ่อ ก็พี่เซฟมาเป็นทีเชอร์อยู่ที่นี่ไงฮะ
 
“พี่เซฟ  มีอะไรหรอฮะ”
 
“เห็นพวก ปรพัฒน์ มั้ย” พี่เซฟกำลังตามหาพวกนายแพ็คฮะ พวกนั้นคงไปก่อเรื่องอะไรอีกแน่ๆ
 
“ไม่เห็นฮะ ตั้งแต่ออกจากห้อง ก็หายไปเลย พี่เซฟ มีอะไรหรือเปล่าฮะ”
 
“เปล่าหรอ มานี่สิ......” พี่เซฟ ดึงมือลีวายส์ออกมาคุยนอกโรงอาหาร “เราน่ะ เห็นรูปแพ็คในไอแพดใช่ป่ะ” โอ๊ะ!!! พี่เซฟรู้ได้ไงอ่ะ
 
“คือ....ว่า แฮ่ะๆ ฮะ แต่ลีวายส์ไม่ได้ตั้งใจนะฮะ บังเอิญเห็น” ลีวายส์ยิ้มยิงฟันให้พี่เซฟ
 
“หราาาาาาาา เหอะ! งั้นก็รู้ไว้ด้วย ว่าพี่ไม่ได้มีอะไรกับไอ้เด็กนั่นเข้าใจ๊ น่าตีจริงๆ ไปๆ ไปกินข้าว เดี๋ยวไม่โต”  พี่เซฟบอก ลีวายส์ทำแก้มป่องให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงอาหาร
 
 
 
 
“สนิทกันมากหรอมึง” อยู่ๆนายแพ็คก็ถามลีวายส์ขึ้น ตอนนี้เราเข้าเรียนช่วงบ่ายแล้วฮะ เป็นการเรียนแบบปฏิบัติ
 
“ใครหรอ” ลีวายส์ถามกลับอย่างงงๆ ก็อยู่ๆมาถามกันแบบนี้ใครจะไม่รู้ล่ะ
 
“ก็ไอ้! ..............ครูใหม่นั่นน่ะ” อ่อ ที่แท้ก็ถามถึงพี่เซฟนี่เอง ปกติไม่เห็นคุยกะลีวายส์เลย ไหนอยู่ๆถึงได้จะมาถามถึงพี่เซฟกันนะ
 
“ก็ สนิทสิ พี่เซฟเป็นเพื่อนพี่ธารนี่ นายทำไมหรอ วันนี้พี่เซฟถามถึงนายด้วยล่ะ”
 
“เปล่า! ไอ้นั่นมันโรงจิต ไม่รู้หรอ ถึงจะเป็นเพื่อนพี่ชายมันก็ไว้ใจไม่ได้” อะไรของหมอนี่ มาว่าพี่เซฟได้ไงกัน
 
“นี่! นายรู้จักพี่เซฟดีพอแล้วหรอ ถึงได้ว่าพี่เซฟแบบนั้น เรารู้จักกับพี่เซฟมาห้าปีแล้ว พี่เซฟเป็นคนดีและเท่มากๆด้วย”
 
“เหอะ! รู้ดีมากแค่ไหนล่ะ อยู่กับมันทุกวัน ทุกที่งั้นหรอ มันคิดอะไรอยู่มึงรู้หรอ”
 
“เอ๊ะ!!!! นายเป็นไรมากหรือเปล่าเนี่ย อคติอะไรห๊ะ แล้วอีกอย่างนะ พี่เซฟบอกว่าคืนนั้นพี่เซฟก็ไม่ได้มีอะไรกับนายด้วย”
 
“มึง!!!” นายแพ็ค กระชากคอเสื้อลีวายส์ฮะ ลีวายส์ตกใจเล็กน้อยและเผลอไปจับมือของมันเข้า
 
“นี่ๆ สองคนนั้นน่ะ เพื่อนๆเค้าเรียนกัน นั่งเล่นกันอยู่ได้ ไปจับมือกันยืนขาเดียวนอกห้องจนหมดคาบเลยไป” เอาแล้วงั้น ซวยๆๆๆๆ จริงๆเลย ทะเลาะกันทีไร ซวยทุกที
 
นายแพ็คสะบัดมือออกจากคอเสื้อลีวายส์ก่อนจะเดินไปหน้าห้อง ลีวายส์เองก็เดินตามมันไปด้วย กว่าจะหมดคาบ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงอ่ะ ขาชาแน่ๆ -*-
 
“จับมือสิ เพราะนายล่ะ” ลีวายส์หันไปว่านายแพ็คที่ยืนอยู่ข้าง เมือเห็นว่ามันไม่ยอมจับมือง่ายๆ พอลีวายส์ยืนขาเดียวก็ยืนไม่ค่อยอยู่
 
“เพราะมึงแหละ!” มันเขกหัวลีวายส์ฮะ นายแพ็คมองมือลีวายส์ที่ส่งไปให้ก่อนจะจับมือและยืนขาเดียว เดี๋ยวจะแกล้งดึงให้ล้มเลย
 
ผลั่ก!!!! =[]=
 
ล้มจริงๆด้วยฮะ แต่เป็นลีวายส์ที่ล้ม อื๊ออออ พี่ธาร(?)ช่วยลีวายส์ด้วยมันแกล้งลีวายส์อีกแล้ว T^T
 
“ไอ้!!!”
 
“เอ้า อยากนั่งหรอ หึๆ” หัวเราะชอบใจล่ะ ที่แกล้งคนอื่นยิ้มซะโลกสดใสเชียว “ลุกขึ้นมาสิ เร็วๆ เดี๋ยวครูได้เปลี่ยนใจให้ไปวิ่งรอบสนามหรอก” นายแพ็คส่งมือมาให้ลีวายส์จับเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น
 
“ฝากไว้ก่อนเหอะ!”
 
 
 
“พี่ธารมาแล้วไปกันเหอะ!” ลีวายส์บอกกับบุ๊คและเรเนส เดินไปขึ้นรถพี่ธารที่เพิ่งจะมาถึงหน้าโรงเรียน
 
“จุ๊บ!!! มารอนานยัง” เอิ่ป @.@ คือ....พี่ธารก็แบบจุ๊บแก้มลีวายส์ เหมือนทุกๆครั้งนั่นแหละแต่ว่า.....
 
“ไม่นานฮะ เอ่อ.......” ลีวายส์หันไปมองบุ๊คกับเรเนสที่ตอนนี้กำลังนั่งอบยิ้มอยู่ด้านหลัง “บุ๊ค เราจะไปริมแม่น้ำใช่ป่ะ”
 
“อื่มๆ ใช่ เลี้ยวซ้ายตรง ข้างสะพานลอยขับไปอีกสามสิบเมตรก็ถึงแล้วค่ะ” บุ๊คตอบ พี่ธารพยักหน้ารับและออกรถไป
 
Tru.........  Tru.........
 
“ว่าไงไอ้เซฟ” พี่ธารรับโทรศัพท์หลังจากที่หยุดรถอยู่ใกล้ๆกับริมแม่น้ำ “เอ่อๆ เดี๋ยวกูไปรับ....เอ่อๆ รอนั่นล่ะ” พี่ธารสะบัดหัวท่าทางเซ็งๆก่อนจะวางสาย “อย่าไปไกลนักล่ะ เดี๋ยวจะกลับมารับ เสร็จแล้วก็มารอ......อยู่ร้านกาแฟนั่นล่ะกัน”
 
“พี่ธารไปไหนหรอฮะ”
 
“ไปร้านเครื่องดนตรีกับไอ้เซฟ เห็นว่ามีปัญหานิดหน่อย ไม่นาน ดูแลตัวเองด้วย”
 
“ฮะ.....ลีวายส์กับเพื่อนๆจะรีบทำ จะได้เสร็จเร็วๆ แล้วจะโทรหาฮะ” ลีวายส์บอกก่อนลงจากรถพร้อมๆกับบุ๊คและเรเนส จากนั้นพี่ธารก็ขับรถออกไป
 
“พี่ธารนี่ดูจะรักลีวายส์มากเลยนะ มีจุ๊บแก้มด้วยอ่ะ คึคึ”
 
“ก็....ต้องรักสิเรเนสพี่ชายกับน้องชายนี่” บุ๊คบอกยิ้มๆ แต่ลีวายส์ว่า แก้มลีวายส์เริ่มร้อนยังไงก็ไม่รู้อ่ะ
 
“พอๆ เราว่ารีบสำรวจกันเหอะ จะได้เสร็จเร็วๆ” นาทีนี้แก้เขินไปก่อนฮะ คึคึ
 
“อ่ะ นั่นแพ็คนี่” ในขณะที่เรากำลังวัดอุณหภูมิของน้ำในแม่น้ำซึ่งเรเนสเป็นคนผูกเชือกกับแก้วน้ำพลาสติกและตักมันขึ้นมาเมื่อครู่ เสียงของบุ๊คพูดที่ขึ้นทำให้ลีวายส์หันไปมอง
 
“.......................” นายแพ็คเดินมาหยุดอยู่บริเวณที่เรายืนอยู่
 
“มาทำไมอ่ะ” ลีวายส์ถาม ก็ไม่คิดว่าจะเจอนายนี่นี่นา ปกติไม่เห็นจะช่วยงานใครเลย ยิ่งกับลีวายส์คงเป็นไปไม่ได้ใหญ่
 
“เอามาสิ ช่วย!!!” เราสามคนมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง
 
“เอ่อ ได้สิ งั้น เดี๋ยว เราไปตรงโน้นกันดีกว่า อย่างน้อยไปกันเยอะๆ จะปลอดภัยด้วย” บุ๊คเป็นคนออกความคิดเห็น จากนั้นเราก็เดินสำรวจกันไกลออกไปเรื่อยๆ
 
“ไง ไอ้ขี้เก๊ก เดี๋ยวนี้อยู่กับผู้หญิงแล้วหรอวะ” มีใครก็ไม่รู้สองสามคนเข้ามาทักนายแพ็ค แต่ดูแล้วท่าทางไปค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
 
“สำรวจเสร็จยัง พวกเธอกลับไปได้แล้ว” นายแพ็คว่า เป็นอีกครั้งที่เราสามคนมองหน้ากัน อยู่ๆก็มาไล่ บ้าหรือเปล่า
 
“เดี๋ยวสิ อีกแป๊บก็เสร็จแล้ว” ลีวายส์บอก
 
“กลับ! ไป! ก่อน!” นายแพ็คพูดบอก สายตาแกมบังคับ แสดงว่าไอ้พวกที่มาทักต้องเป็นเด็กไม่ดีแน่ๆ คงไม่ปลอดภัยล่ะ
 
“เรากลับกันเหอะ” บุ๊คเองก็คงดูออก ว่าท่าจะไม่ดีถ้าเรายังอยู่ต่อ เลยดึงมือลีวายส์และเรเนสออกมา ลีวายส์หันกลับไปมองเมื่อเราเดินห่างออกมาได้ซักระยะ เห็นนายแพ็คโดนใครคนหนึ่งในนั้นยกเท้าขึ้นถีบ
 
“อ่ะ....เราว่า พวกเธอรีบกลับไปหาพี่ธารก่อนแล้วให้พี่ธารมาช่วยดีกว่า เราว่านายแพ็คเละแน่ๆเลย รีบไปเร็ว” ลีวายส์บอก บุ๊คกับเรเนสรีบวิ่งออกไปทันที
 
ส่วนลีวายส์ก็คิดจะเข้าไปช่วยแต่ว่า ต้องหาอุปกรณ์ก่อนสิ ตัวเปล่าคงสู้ไหวหรอก เหอะๆ ลีวายส์หันซ้ายหันขาวและก็เจอ....ก้อนหินฮะ ก้อนหินก้อนเล็กๆ ลีวายส์เลยรีบเอาก้อนหินใส่ถุงพลาสติกเก่าๆที่ตกอยู่ใกล้ๆก่อนจะรีบวิ่งไปหานายแพ็ค
 
“นี่แน่ แกล้งเพื่อนเราหรอ มื้อนี้กินหินแทนข้าวอ่ะ!!!” ลีวายส์กระหน่ำขว้างก้อนหินใส่พวกมันไป จนพวกมันต้องปล่อยนายแพ็คและหันมาป้องกันตัวเองแทน
 
“ทำบ้าอะไรของมึง!!!” นายแพ็คว่า พอนายนั้นมีโอกาสเอาคืนพวกมัน นายแพ็คก็เลยถีบพวกมันเรียงตัวและรีบวิ่งมาหาลีวายส์
 
“ก็มันรุมนายอ่ะ นายสู้ไม่ไหวหรอก”
 
“มึงนี่.....รีบไปเร็ว!!!” นายแพ็คแย่งถุงก้อนหินไปจากมือลีวายส์ขว้างใส่พวกมันและแรงพอที่จะทำให้พวกมันได้เลือด ก่อนจะดึงข้อมือลีวายส์ให้วิ่งตาม
 
“เดี๋ยวๆ เราวิ่งไม่ทัน” เพราะเราออกมาไกลร้านที่ลีวายส์นัดกับพี่ธารไว้เลยนานหน่อยกว่าจะถึง นายแพ็คนี่ก็วิ่งเร็วเหลือเกินลีวายส์เลยต้องดึงมือให้หยุดวิ่ง
 
“มันตามมา เร็ว เดี๋ยวได้กินตีนหรอก” ลีวายส์หันกลับไปมองทางที่เราวิ่งมา ก็ยังเห็นพวกมันตามมาอีก ก็วิ่งต่อสิจะรอให้มันกระทืบหรอฮะ โอ๊ย ไม่ไหวแล้วอ่ะ
 
“โอ๊ย!” ล้มฮะ ลีวายส์ล้ม ความเจ็บแล่นปี๊ดอยู่ตรงข้อเท้าด้วย
 
“ลุกเร็วสิวะ”
 
“เราเจ็บข้อเท้า วิ่งไม่ไหวแล้วนะ อึกๆ.....อื๊อออออ” ไม่เอาแล้วอ่ะ ไม่วิ่งแล้วเหนื่อยมากด้วย พี่ธารรรรร
 
“อะไรกันวะเรียกพ่ออยู่นั้นแหละ....ขึ้นหลังมาเร็ว” นายแพ็คหันหลังย่อตัวลงหน้าลีวายส์ “เร็วๆสิ จะร้องอีกนานป่ะ” ลีวายส์เลยรีบยันตัวลุกขึ้นมาขี่หลังหมอนี่
 
“หนักเหมือนกันนะมึง” ชิท์ เบาเหอะ ที่พี่ธารยังอุ้มได้ทั้งวันเลย (มันคนละระดับกันอีหนู)
 
นายแพ็คพาลีวายส์เดินเข้าซอยมามันบอกว่าทางลัดเมื่อคิดว่าไอ้พวกเด็กเกเรสามคนนั่นไม่น่าจะตามมาแล้วจึงเดินช้าๆ ไม่นานนายแพ็คก็ออกมาจากซอยจนตอนนี้เราสองคนกลับมาเดินอยู่แถวๆริมน้ำ
 
“เมื่อไหร่จะถึงอ่ะ มืดลงเรื่อยๆแล้วนะ เราอยากไปหาพี่ธาร อึกๆ เรากลัวอึกๆๆ อืออออ”
 
“ไม่นานแล้วนา จะร้องทำไมเนี่ย ยิ่งกว่าเด็กสามขวบ” นายแพ็คว่า น้ำเสียงออกจะเซ็งๆ ก็ลีวายส์กลัวจริงๆนี่
 
“โทรหาพี่ธารที นะๆ อึกๆ” นายแพ็คหยุดเดิน และย่อตัวให้ลีวายส์ลงจากหลัง ลีวายส์นั่งลงบนพื้นหญ้า
 
“เป็นอะไรอีกล่ะ” นายแพ็ค นั่งลงตรงหน้าลีวายส์ ก่อนจะเอื้อมมือมาใช้แขนเสื้อของมันเช็ดคราบน้ำตาให้ เพราะหมอนี่ใส่เสื้อแขนยาว
 
“โทรศัพท์หาย อึกๆ อืออออ อึกๆ......” ลีวายส์ยิ่งร้องไห้เข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้ว
 
“กูก็ไม่ได้เอามา อยู่ในรถโน้น ช่วยไม่ได้ขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวจะมืดไปกว่านี้” นายแพ็คเช็ดคราบน้ำตาให้ลีวายส์อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังย่อตัวลง “รู้มั้ยตอนมึงร้อง มันดูไม่ได้เลย”
 
“อึกๆ ทำไมล่ะ!!! งับ!” ลีวายส์กัดไหล่มันฮะ เวลาแบบนี้ยังจะเล่นอีก
 
“โอ๊ยๆๆ เจ็บนะเว้ย!!! เดี๋ยวทิ้งที่นี่ซะเลย” ในขณะที่มันเดินไปโดยมีลีวายส์อยู่บนหลัง นายแพ็คเหมือนจะหาเรื่องมาแกล้งไม่ให้ลีวายส์ร้องไห้ตลอด จะว่าไปนายแพ็คก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดแฮะ เพราะถ้าเป็นเพื่อนคนอื่น ป่านนี้คงทิ้งลีวายส์ไปแล้ว
 
“ลีวายส์!!!” เสียงพี่ธารฮะ ลีวายส์เงยหน้าขึ้นจากแผ่นหลังนายแพ็ค เห็นพี่ธารกับพี่แซฟวิ่งหอบๆกันมา เหงื่อโชกเชียว
 
“พี่ธาร....อึกๆ...อืออออออ พี่ธาร” พี่ธารวิ่งมาหาลีวายส์ ลีวายส์เลยกางเขนโผเข้าหาทันทีทั้งที่ยังอยู่บนหลังนายแพ็คอย่างลืมตัว
 
“ไปไหนกันมาห๊ะ! สร้างเรื่องอีกแล้วล่ะ นายน่ะ” นี่คือเสียงพี่แซฟฮะ พอเห็นว่าเป็นนายแพ็คก็ขึ้นเสียงใส่เลย โหมดโหดเข้าสิงล่ะ
 
“เจ็บตรงไหน!” พี่ธารอุ้มลีวายส์เหมือนเด็กลงจากหลังนายแพ็ค ก่อนจะให้ลีวายส์ยืนเกาะเอวไว้ บุ๊คกับเรเนสคงให้คนที่บ้านมารับกลับไปแล้ว เพราะเราตกลงกันว่าถ้าสำรวจพื้นที่เสร็จบุ๊คจะให้ที่บ้านมารับพร้อมกับเรเนส
 
“ข้อเท้าฮะ.....พี่ธาร....อึกๆ....อืออออ.....โทรศัพท์หายอีกแล้วอ่ะ อึกๆๆ”
 
“ช่างเหอะ ไม่ต้องร้อง กลับบ้านก่อน ไม่เจ็บตรงไหนแล้วใช่มั้ย” พี่ธารถามอย่างห่วงๆ ลีวายส์พยักหน้ารับจากนั้นพี่ธารก็อุ้มลีวายส์ไว้ในอ้อมแขน
 
“ไอ้ธาร มึงกลับไปก่อนนะ กูจัดการกับเด็กนี่ก่อน....” พี่ธารหันกลับไปพยักหน้าให้พี่เซฟ
 
“ไม่ต้องมายุ่งกับ....ผม!!! อย่ามาจับนะ!!!” ลีวายส์ชะโงกหน้าผ่านแขนพี่ธาร มองสองคนนั้น แพ็คไม่ได้ก่อเรื่อง พี่เซฟจะเข้าใจมั้ยนะ
 
“แพ็คไม่ก่อเรื่องนะฮะ พี่เซฟ” ลีวายส์ตะโกนบอก ไม่รู้ว่าพี่เซฟจะได้ยินหรือเปล่า เพราะพี่ธารรีบเดินมาขึ้นรถ งั้นก็....โชคดีนะนายแพ็ค
 
 
 
 
“เจ็บตรงไหนนอกจากข้อเท้ามั้ย.....นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย เฮ้อ!!!!” พี่ธารพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ ท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
 
“มีคนมาหาเรื่องนายแพ็คก่อน พวกมันรุมนายนั้นด้วย ลีวายส์เลยเข้าไปช่วยฮะ” พี่ธารวางเท้าของลีวายส์ไว้บนตักตัวเอง และกำลังทายาที่ข้อเท้าแล้วก็นวดให้ด้วย ลีวายส์นั่งบนโซฟาฮะ
 
“ช่วยเพื่อน?.....เหอะดีเนอะ คิดว่าตัวเองเก่งมากหรอไงห๊ะ” พี่ธาร เงยหน้าขึ้นมองจ้องตาลีวายส์
 
“ก็...........ลีวายส์ขอโทษฮะ” จะร้องไห้อีกแล้วฮะ อึกๆ
 
“ถ้าเป็นอะไรไป....แล้วจะทำยังไงล่ะ หื่ม ทำอะไรต้องคิดดีๆรู้หรือเปล่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น วันนี้ดีเท่าไหร่แล้วที่เจ็บแค่นี้ ถ้ามากกว่านี้ล่ะ” มาโหมดนี้ น้ำตาก็ไหลเป็นเขื่อนแตกสิฮะ
 
“อึกๆ...ลีวายส์ขอโทษฮะ...อึกๆๆ อืออออออ” ลีวายส์ ลงจากโซฟามานั่งบนตักพี่ธารและกอดเอวไว้แน่น
 
“ไม่ต้องร้อง....จู่ๆๆ...เงียบเลยนะ....เดี๋ยวจะโกรธจริงๆแล้ว จุ๊บ!!!” พี่ธารจุ๊บหน้าฝากลีวายส์และลูบหัวปลอบเบาๆ ลีวายส์เงยหน้ามองก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบปากบางสีคล่ำ
 
“คราวหน้าลีวายส์จะคิดก่อนทำอะไรๆให้ดีๆฮะ ลีวายส์สัญญา”
 
“อืม.....สัญญา” พี่ธาร กดจูบลงมาอีกครั้ง แต่กลับไม่ยอมถอนจูบง่ายๆ ปากบางยังคงบดจูบไปเรื่อยๆ จนลีวายส์แทบจะขาดอากาศหายใจกว่าพี่ธารจะถอนริมฝีปากออกและทำท่าจะกดจูบลงมาอีก
 
“เอ่อ.....คือลีวายส์อยากอาบน้ำฮะ ลีวายส์ง่วงนอนด้วย” ลีวายส์บอก แบบว่าไม่ได้ขัดนะ แฮ่ะๆ วันนี้เหนื่อยจริงๆ
 
“งั้นหรือ จะอาบด้วยพอดี งั้นก็.....ไปเดี๋ยวอาบให้” OoO
 
“พี่ธารๆ....เอ่อ....คือ...”
 
“เดินก็ไม่ได้ด้วยสิ หึหึๆ.....อาบน้ำกันดีกว่า” =[]=
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>

*&^%$#@! เม้นบ่นได้ค่ะ เราไม่ว่า แฮ่ะๆ

ช่วงนี้ว่างช่วงเช้าเลยรีบลงให้ค่ะ   เจอกันตอนต่อไปน๊า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 17-07-2014 10:37:33
หวายๆๆๆ พี่หมอได้กะกายแร้วววว

พี่เซฟจะพานุ้งแพ็คไปสำเร็จโทษที่ไหนเนี่ยะๆๆ

 :katai5:

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 17-07-2014 11:08:52
อาบน้ำกันๆๆๆๆๆ อิอิ
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-07-2014 12:28:28
คู่พี่หมอ กะ กาย นี่มันดูไมเคลียร์เนอะ ว่าตกลงปรับความเข้าใจกันจิงๆ??

พี่ธาร ลีวายส์ น่าร๊ากกกกกกกกกกก
เท้าแพลง ร้องไห้ ยังไงก้อน่าร๊าากก ^O^

ส่วนคู่พี่เซฟ กะ แพ็ค ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2014 12:34:13
มีเรื่องตลอดเลยน่ะกับลีวายส์เนี่ย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-07-2014 21:14:17
กล้าหาญมากลูกลีวาย
ตอนนี้เหมือสองนายเอก?เค้าช่วยกันต่อสู้เลย 555
แพ็ครวมพลังกับลีวาย โกยแน่บ!!!

ทำอะไรคิด่อนนะลีวาย คิดถึงพี่ธารไว้ จะได้ระวังตัวน่าา
หัวข้อ: Re:(โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2014 21:25:29
 :-[ :-[
ลีวายน่ารักอ่ะแก อยากได้ไปไว้บ้านสักคน
ถ้าขออีธาร อีธารจะให้ป่ะแก :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 18-07-2014 22:23:03
ลีวายส์น่าร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-07-2014 17:33:19
ขอให้มีแต่เรื่องดีๆนะ สาธุๆ ^^

รอตอนต่อไปจ้าาาา  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 21-07-2014 09:19:18
Older Brother.....37
 
“เดี๋ยว!!! ไอ้เด็กขี้เมา”
 
“อย่ามายุ่ง!!!” ผมคิดถูกหรือคิดผิดวะเนี่ยที่ตามมันมา เมื่อกี้ก็วิ่งตามหาลีวายส์กันเหงื่อโชกไปทั้งตัวแล้ว ยังจะต้องมาตามไอ้เด็กนี่อีก
 
“เน้!!! ฉันเป็นครูนายนะ หยุดเดียวนี้ ทำไมชอบสร้างปัญหาจังห๊ะ!!!” ผมก้าวเท้าเร็วขึ้นอีกจนกระทั้ง เอื้อมมือไปจับแขนของแพ็คไว้ได้
 
“ปล่อย!!! แล้วจะมายุ่งทำไมล่ะ หยุดตามผมได้แล้ว กลับไปดูลีวายส์โน้น”
 
“ก็ไม่ได้อยากตามนักหรอ....นายทำให้เพื่อนนายจับตัว ทำไมชอบหาเรื่อง อยู่เฉยๆ นี่ไม่ได้เลยว่างั้น เลือดความเป็นชายมันพลุ่งพล่าน” ร่างบางตรงหน้าผมขบกรามแสดงอาการไม่พอใจก่อนจะสะบัดแขนออกจากมือผม
 
“อ้าว.....ไอ้เก๊ก” ผมและแพ็คหันไปมองตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นไม่ไกล มีเด็กสองสามคนเดินเข้ามา ท่าทางเอาเรื่องน่าดู งี่เง่าชะมัด
 
“พวกมึงต้องการอะไร” ร่างบาง พูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายกับเด็กพวกนั้น
 
“เปล่า ดูมึงทำกูดิ เมื่อกี้ กูเลือดออก เพราะงั้น....กูก็จะมาเอาเลือดหัวมึงออกไง” จริงๆเลยเด็กสมัยนี้ เลือดร้อนกันยิ่งกว่ารุ่นผมอีกนะเนี่ย
 
“กินตีนพี่มั้ยน้อง ตัวแค่นี้ คิดจะฟัดกัน เป็นหมาหรือไงคร้าบบ” ผมดึงข้อมือไอ้ตัวแสบกลับมายืนข้างๆ  มันพยายามบิดข้อมือออกแต่ผมออกแรงจับไว้แน่น
 
“แล้วพี่เกี่ยวไรด้วย นี่มันเรื่องของเด็กคนแก่ไม่เกี่ยว” อ้าว.....ล้อว่าหล่อผมโอเคนะแต่เรื่องอายุเนี่ย อย่าแตะต้องเชียว
 
“อ้าวๆ พูดงี้ก็สวยสิ....ดูนี่ๆ นี่อะไร หรือจะเอา” ผมเปิดเสื้อนอกสียีนออกให้มันดูตรงขอบกางเกงว่ามีอาวุธบางอย่างเหน็บอยู่ข้างเอวแต่มีเสื้อยืดปิดทับไว้
 
“......................” พวกมันต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นเหงื่อก็เริ่มตก ไม่ถึงนาทีมันก็รีบก้มหัวให้และรีบวิ่งออกไป หึหึ เด็กก็คือเด็กล่ะนะ
 
“เหี้ย!!!” เสียงสบถของร่างบางข้างๆผมครับ มันดึงเสื้อผมขึ้น และสิ่งที่เหน็บอยู่ข้างเอวก็คือ...บิลจากร้านเครื่องดนตรีไอ้ซอ ที่ผมม้วนๆกลมๆและเหน็บไว้
 
“เหอะๆ วิ่งหางจุกตูด...ป่ะ” ผมดึงมือแพ็คมาขึ้นรถ(ขอมัน)
 
“ไปไหน ต่างคนต่างไปสิ เกี่ยวอะไรกับ...ผม” เพราะคำว่าครูค้ำคอละสิ ถึงได้แทนตัวเองว่าผมเนี่ย
 
“ไปส่งบ้าน มันมืดแล้ว อันตราย  อีกอย่างนายอาจจะเข้าบ้านผิดเหมือนวันนั้นก็ได้” พอได้ยินผมพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ร่างบางก็ตาเขียวขึ้นมาทันที หึๆ
 
“ผมดูแลตัวเองได้....อ่ะ!!!  เอาคืนมานะ!!!” ไม่ทันแล้วล่ะ เพราะผมแย่งกุญแจรถมันมาไว้ในมือและก้าวเท้ายาวๆมาเปิดประตูพร้อมกับขึ้นนั่งประจำด้านคนขับเรียบร้อย
 
“อ้าวๆ ขึ้นรถสิครับ คุณนักเรียน หรือจะไม่ไป” ผมชอบจังเวลาเห็นมันหน้าหงิกหน้างอแบบนี้ “ไม่ไป งั้นไปนะ” ผมติดเครื่องรถและตบเกียร์ดี ร่างบางกำหมัดแน่นแต่ก็ยอมเดินมาขึ้นรถ
 
“บ้านนายอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง....” เงียบครับ ไม่ตอบ มีแวบหนึ่งที่สายตาคู่นั้นวูบไหวลงแต่ก็กลับมาเป็นปกติ นั้นก็คือ นิ่งเฉย มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่านะ “แพ็ค....”
 
“อยู่แถวถนน...MJ” ร่างบางบอกก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ทำไมผมถึงรู้สึกห่วงมันแปลกๆนะ ช่างเหอะ งี่เง่านา
 
“นี่หรอ....รวยนี่เรา” ผมเลี้ยวรถเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ตามที่คนข้างๆบอก มันเงียบตลอดทางครับ เมื่อกี้เลยซอยมากว่าสองซอย ก็เพิ่งจะบอก เหมือนแกล้งกันเลยว่ะ
 
“กลับไปได้แล้ว...เอารถของผมไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเออมาคืนที่โรงเรียน” ร่างเล็กบอกก่อนจะลงจากรถ ผมกลับแท็กซี่ก็ได้ไม่ต้องเอารถมันไปหรอก เหอะๆ
 
“พ่อแม่อยู่บ้านหรือเปล่า.....นายคงไม่ออกไปข้างนอกอีกนะ ค่ำแล้วเดี๋ยว.......”ในระหว่างที่ผมลงจากรถมาคุยกับมัน รถอีกคันก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน
 
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” ผมเดินอ้อมไปยืนข้างแพ็คที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปแบบ...เอ่อ..ไม่ชอบใจ...ไม่พอใจและก็โกรธจัด เมื่อหญิงสายร่างสูงเพรียวลงจากรถโดยคนที่มาส่งลงมาเปิดประตูให้
 
“ไม่เป็นไรครับ ผมสิต้องขอบคุณ ที่คุณแพ็ทให้เกียรติไปทานข้าวกับผม” เอ่อ บางทีนี่อาจจะเป็นพี่สาวของมัน เพราะไอ้ธารเคยเล่าให้ฟังว่าแพ็คมีพี่สาวและมันก็หวงพี่สาวมาก
 
“พี่แพ็ท!!! ทำไมพี่ไม่เชื่อผม ไอ้หมอเนี่ย มันมาจีบพี่เพราะหวังอะไร ไอ้เนี่ยมันเจ้าชู้ จีบพวกคุณนายคุณหนูเค้าไปทั่ว”
 
“แพ็ค....หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เอาล่ะสิครับ เรื่องในครอบครัวเค้า ผมจะเขาไปยุ่งก็ไม่ได้
 
“ก็เห็นๆกันอยู่ พี่โง่หรือไง!!!!” เพี้ย!!!!
 
“มันจะมากไปแล้วนะ!!!” ผมอึ้งกับภาพตรงหน้าครับ เรื่องแบบนี้มัน...เข้าขั้นดราม่าชุดใหญ่เลยนะ
 
แพ็คนิ่งไปเมื่อโดนคนที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่สาวฟาดฝ่ามือลงบนหน้า ฉากนี้ไม่ควรเกิดขึ้นต่อหน้าคนนอกอย่างผมและไอ้หมอนั่นที่กำลังยืนยกยิ้มอยู่....ไอ้เหี้ย! เจอมึงข้างนอกเมื่อไหร่ กูจัดหนักชุดใหญ่ให้ จำคำผมไว้ได้เลย
 
“เอ่อคือ.....แพ็ค!” ผมเดินเข้าไปดึงแขนร่างบางเพื่อให้หันมาหาผม แทนที่จะนิ่งแบบนั้นแต่มันกลับผลักผมออกและวิ่งไปทาง ทางเท้าข้างๆบ้าน
 
“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดกับไอ้หมอนั่น จากนั้นมันก็ขับรถออกไป “แล้วคุณ...?”
 
“อ่อ....เอ่อ....ผมเป็น....ครูประจำชั้นของปรพัฒน์ครับ”
 
“ขอโทษด้วยนะคะ....เชิญด้านในก่อนค่ะ” เธอเดินนำเข้าไปด้านใน บ้านใหญ่ซะจน ผมอยากจะถอดถุงเท้าเดิน แบบกลัวกลิ่นติตพื้นอ่ะ
 
“แพ็ค...คงสร้างปัญหาที่โรงเรียนไม่น้อย......ฉันไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปที่โรงเรียนเลย”
 
“ผมเข้าใจครับ.....แต่เค้าก็ไม่ได้สร้างปัญหาร้ายแรงอะไร....แค่....โดดเรียน...ก็นั่นล่ะครับ” บอกแค่นี้ดีกว่าดูจากสถานการณ์แล้ว
 
“ที่แพ็คเป็นแบบนี้...ก็ตั้งแต่พ่อกับแม่ย้ายไปเมืองนอก...ฉันพยายามแล้วแต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง มันก็ไม่สามารถทำให้แพ็ค....เอ่อ.....เค้าขาดอบอุ่นและฉันก็ไม่สามารถให้เค้าได้เต็มที่” สีหน้าเธอดูเครียดมากครับ ถึงแม้ว่าภายนอกเธอจะดูเข้มแข็งก็ตามแต่ผมดูออกว่าเธอคงอ่อนไหวกับเรื่องครอบครัวไม่น้อย
 
“ผมเข้าใจครับ บางทีอาจจะด้วยวัยของเค้า ที่ยังคงมีความคิดแบบเด็กก็เป็นได้ ผมว่าถ้าเค้าโตขึ้นกว่านี้ อีกหน่อยเค้าจะเข้าใจเอง....เอ่อ...แล้วเค้าไปไหนหรอครับ” ผมถาม ไม่รู้สิ แค่รู้สึกห่วงๆน่ะ อยากจะตามไปดู
 
 
 
“แพ็ค.....แพ็ค.....” ผมเดินมาตามทางเท้า ตามที่คุณแพ็ทบอก ทางหลังบ้านติดสระน้ำมีบ้านพักหลังเล็กๆอยู่ คุณแพ็ทบอกว่าแพ็คใช้ที่นี่เป็นห้องนอนของเค้า แต่ทำไมมันมืดแบบนี้วะ
 
“แพ็ค...........อยู่ตรงนี้หรือเปล่า” ผมมองซ้ายมองขาวก็เหมือนไปมีใครอยู่ข้างใน มีเพียงไฟตรงสระน้ำที่เปิดทิ้งไว้ ไปไหนวะ “แพ็ค....อย่าเงียบสิ”
 
หรือมันจะหลบพอรู้ว่าผมตามมา ผมลองเลื่อนประตูเปิดแต่ก็ไม่ออก....ว่าจะออกไปข้างนอก รถที่มันขับก็จอดอยู่หน้าบ้าน ผมมองซ้ายมองขาวอีกครั้ง จนกระทั้งสายตาผมเหลือบไปมองในสระน้ำ.....เฮ้ย!!!!!
 
บ้าจริง!!! ร่างบางจมอยู่ก้นสระ ทันทีที่ผมเห็น หัวใจผมวูบลงอย่างน่าใจหาย ก่อนจะถอดรองเท้าอย่างรวดเร็วและพุ่งตัวลงไปในสระ ผมดึงร่างบางขึ้นมาโผล่พ้นน้ำ...แต่ว่า....
 
“แฮ่กๆ....ปล่อย....อย่ามายุ่ง....ปล่อยกู!!!” ร่างบางผลักผมออก...แต่ผมกลับกอดรัดมันไว้แน่น
 
“ไม่ปล่อย คิดจะทำอะไร รู้ตัวบ้างหรือเปล่าห๊ะ!!!” ผมว่ายน้ำพามันมาหยุดอยู่ตรงขอบสระ หอบหายใจไล่ไอร้อนออกจากตัว
 
“ปล่อย!!!.......” แต่มันยอมซะที่ไหน ดิ้นจากหลุดออกจากอ้อมแขนผม และดำน้ำลงไปอีก พูดไม่ฟังๆ......งั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง
 
ผมดำน้ำตามร่างบางลงไป แพ็คหลับตาลงและค่อยๆปล่อยตัวเองให้จมลงไปนอนก้นสระเรื่อยๆ ผมว่ายวนจนร่างบางลงไปนอนแน่นิ่ง จากนั้นก็ปล่อยตัวเองให้ลงไปประชิดตัวมัน ก่อนจะดึงมันกลับขึ้นมาและกดริมฝีปากลงกับริมฝีปากบาง
 
แพ็ค เบิกตากว้างขึ้นมองผม มันดันอกผมออก แต่ผมจับไหล่ร่างเล็กเข้าหาตัว ก่อนจะกอดรัดมันไว้อีกครั้ง อากาศในปอดของผมถูกส่งผ่านไปให้อีกคนก่อนที่ผมจะบดจูบเน้นๆ ความเย็นของน้ำในสระแผ่ไปทั่วผิวหนังด้านนอกแต่ภายในของผมกลับร้อนระอุขึ้นอย่างน่าประหลาด
 
แพ็คจิกเล็บลงบนแขนผมเพื่อให้ผมปล่อย แต่ผมกลับไปอยากปล่อยมัน ยังคงบดจูบต่อไป ผมพยายามสอดลิ้นเข้าไปภายในโพรงปากเล็กแต่กลับทำไม่ได้ จึงตัดสินใจพาร่างบางโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ยอมปล่อยอยู่ดี
 
“อ๊ะ!!.....” แรงบดจูบทำให้ร่างบางร้องเสียงหลง จนผมเริ่มได้สติและเป็นฝ่ายผลักออกเอง เหี้ย ผม...เอ่อ แค่อย่างจะสั่งสอนมันเท่านั้นเองนะ
 
“อ่ะ....โอ๊ย!!!” โดนเต็มๆ ครับ ดั้งผม...ดีนะที่ผมไม่ได้ศัลยกรรมมาไม่งั้นพลาสติกคงหักไปแล้ว ก็ไม่ตัวแสบมันต่อยผมน่ะสิ
 
ร่างบางขึ้นจากสระน้ำ และเปิดประตูเข้าไปในบ้านพักที่ว่าของมัน ผมจึงขึ้นจากน้ำตามมันไปด้วย แต่เมื่อผมเปิดประตูบ้านกลับพบมามันล็อก อ้าว ผมเปียกนะ...แล้วเอ่อ!???? ยังไงล่ะทีนี้
 
“แพ็ค....แพ็ค.......เปิดประตู” ผมเรียกมันอยู่สักพักจนแน่ใจว่ามันคงไม่เปิดให้ผม จูบมันเข้าซะขนาดนั้นมันคงใจดีอยู่หรอกนะ เฮ้ออ
 
 ผมทิ้งตัวลงนั่งหลังพิงประตู ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมา ดีนะที่ใช่ s5 ไม่งั้นเดี้ยงไปแล้ว อ้าว...โทรศัพท์ ไม่พังแน่ๆผมมั่นใจเพราะเคยลองเอามันใส่ในแก้วน้ำดูแล้ว(ที่ซื้อเพราะอยากรู้ว่ามันกันน้ำได้จริงหรือเปล่าครับ=_=) ผมคิดว่าแบตน่าจะหมด
 
พระเจ้าทำไมวันนี้ไม่เข้าข้างคนหล่อเลย หรือหลับกันหมดแล้วคร้าบ(?)
 
แกร๊ก!!!
 
ประตูเปิดแล้วครับ! ผมเงยหน้าขึ้นมอง แต่ไม่เห็นคนเปิด ผมจึงลุกขึ้นและเลื่อนเปิดเข้าไปด้านใน ภายในห้อง มีเตียงขนาดใหญ่กลางห้อง มีชุดโฮมเธียเตอร์ครบครันจัดวางแบบเรียบๆ ฟุ่บ! ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกขว้างใส่หน้าผมครับ ส่งให้ดีๆก็ไม่ได้
 
“นั่นห้องน้ำ....” ร่างเล็กบอก มันมองผมตาขวางเลยครับคงโกรธมาก เหอะ แต่รู้อะไรมั้ย ผมกลับดีใจที่มันออกมาเปิดประตูให้ผม ผมเดินไปผลักหัวร่างเล็กก่อนจะผ่านไปเข้าในห้องน้ำ หึๆ 
 
ไม่นานผมก็ออกมา มีผ้าขนหนูพันรอบเอว จะใส่อะไรล่ะ เปียกทั้งชุด ให้ใส่เสื้อแพ็คก็คงไม่ได้ ตัวเท่ากันที่ไหน ผมก็เอาผ้าใส่เครื่องในห้องนอนและตากไว้แล้วล่ะ
 
ร่างบางนั่งดูทีวีอยู่ตรงพื้นพรม มันปรายตามามองผมนิดๆ
 
“มียาแก้หวัดป่ะ....” ผมถาม เพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะน้ำในสระนั่นแหละ มันไม่ตอบครับแค่มันส่งสายตาไปยังชั้นวางของให้ผมมองตาม “โดนจูบนิดเดียวไปใบ้ไปแล้ว”
 
“หรือจะออกไปนอนข้างนอน” มีขู่ว่ะ นี่ตกลงมันให้ผมนอนที่นี่หรอ แต่......เอ่อก็ได้วะ ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว
 
“มีที่ชาร์จแบตอันนี้หรือเปล่า......” ไม่ตอบอีกแล้วครับมันใช้วิธีส่งสายตาแบบเดิม ผมจึงเอาโทรศัพท์ไปชาร์จและเดินมานั่งลงข้างๆมัน
 
“ออกไป....” มันคงไปชอบให้ผมเข้าใกล้มันเท่าไหร่ ผมจึงขยับออกห่างมาอีกนิดนึ่ง พลางส่ายหน้าให้
 
“นายคิดว่า....พี่สาวนายรักนายมากแค่ไหน” ผมถามนั่งมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของร่างบางไปด้วย ดูดีๆมันก็หน้าติดจะหวานนะ แต่ลีวายส์น่ารักกว่าเยอะ
 
“ถามทำไม”
 
 “ถามดูว่ารู้อยู่หรือเปล่า....ว่าพี่สาวนายเค้ารักนายนะ”
 
“...............................”
 
“แพ็ค......เรายังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ เราน่ะยังไม่ได้โตพอที่จะเข้าใจความคิดหรือการของเค้าหรอกนะ”
 
“ผมโตแล้ว”
 
“เฮ้ออ.......ฉันก็เป็นเหมือนนาย เคยตั้งคำถามกับพ่อแม่ ว่าทำไมไม่ฟังเราไม่เข้าใจเรา.....แต่ว่านะ....บางทีเราก็ควรจะเข้าใจเค้าให้ได้ก่อนและฟังเค้าก่อนบ้าง อย่างที่นายทำน่ะ มันไม่ถูก”
 
“ทำไมล่ะ ก็ที่ผมพูดมันเป็นความจริงนี่”
 
“แล้วนายคิดว่า พี่สาวนายเค้าเป็นคนที่จะยอมให้ ไอ้หมอนั่นมันหลอกง่ายๆหรือไป นายควรจะรู้จักพี่สาวของนายดีกว่าคนอื่นๆไม่ใช่หรอ” คราวนี้ถึงกับนิ่งครับ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปมันจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
 
แพ็คลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อตัวหนึ่งก่อนจะโยนให้ผม
 
“อ่ะ!”
 
“มีตัวใหญ่กว่านี้มั้ย” คือแบบ เสื้อน่ะใหญ่กว่าที่มันใส่อยู่ก็จริงแต่ผมก็ยังใส่ไม่ได้อยู่ดี
 
“เรื่องมาก!” คือแบบ กูเรื่องมากตรงไหนวะ =_=;;
 
“นาย....กินอะไรแล้วหรือยัง” ผมถาม ในขณะที่ร่างบางนอนดูทีวีอยู่บนเตียง คือจริงๆแล้ว ผมเองล่ะที่หิว ตอนเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
 
“ถ้าหิว...มาม่าอยู่ในตู้ นั่นน้ำร้อน” มันรู้ทันว่ะ แพ็คบอก ก่อนจะนอนหันหลังในผมที่นอนอยู่บนพรมด้านล่าง
 
“นายกินแล้วหรอ มากินก่อนมา เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
 
“.........................” เงียบครับหรือหลับไปแล้วนะ นี่เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง เอ๊ะ! แล้วใครเข้าร้านวะ.....ลองโทรหากายดูดีกว่า
 
(ไอ้เซฟ!!! เข้าร้านป่ะ เนี่ยไอ้ธารก็ไม่มาบอกว่าลีวายส์ไม่ค่อยสบาย....ส่วนไอ้แมนก็นอนกกเมีย แล้วมึงล่ะ เอาอยู่กับกิ๊กหรอ)
 
“เปล่าเว้ย! เออๆ เดี๋ยวอีกชั่วโมง กูจะไป” งี่เง่าจริงๆ ผมกดตัดสาย และหันไปมองร่างบางบนเตียง แวบหนึ่งเหมือนผมเห็นมันจะหันมามองผมด้วยล่ะ
 
“ลุกมากินสิ.....แพ็ค......หลับแล้วหรอ” ทั้งที่คิดว่าค่อยกลับพรุ่งนี้แท้ๆ แต่จะปล่อยให้กายดูร้านคนเดียวก็ไม่ได้ ผมวางมาม่าคัพที่ทำเผื่อมันไว้ข้างเตียง
 
ร่างบางนอนหลับตาพริ้ม ผมไล่มองโครงหน้าใส ก่อนจะยกยิ้มให้กับความดื้อของไอ้ตัวแสบ จุ๊บ! ฝันดีนะ อ่ะๆ อย่าบอกใครนะครับว่าแอบจุ๊บแก้มมันน่ะ หึหึ
 
 
วันต่อมา.............................................
 
“ห้าวววววววววววว” อะไรมันจะง่วงอย่างนี้วะเนี่ย เมื่อคืนผมนอนตีสามครับ หลังจากที่กลับมาถึงร้านตอนเกือบๆเที่ยงคืน เจอไอ้กายบ่นนั้นโน้นนี้ใส่ไม่ยั้งเลย แถมวันนี้ก็มีสอนอีก
 
“พี่เซฟ.....” เจอลีวายส์ระหว่างทางเดินครับ สงสัยจะมาจากห้องพยาบาล
 
“ไง.....ข้อเท้าหายยัง” ผมก้มลงมองข้อเท้าของลีวายส์ที่ตอนนี้ยังมีผ้าพันอยู่
 
“ค่อยยังชั่วแล้วฮะ....เอ่อ.....พี่เซฟจะไปไหนหรอฮะ”
 
“ว่าจะไปงีบห้องพยาบาลหน่อยน่ะ....ไปเรียนได้แล้วไป เดี๋ยวฟ้องไอ้ธารเลยนิ” ลีวายส์ทำปากยื่นใส่ผม เมื่อผมพูดล้อ
 
“ชิท์...ไปล่ะ”
 
“สวัสดีค่ะ ครูเซฟ ไม่สบายหรอคะ” พยาบาลสาวสวยประจำห้องพยาบาลทักเมื่อผมผลักประตูเข้าไป
 
“แฮ่ะๆ....คือ....เมื่อคืนผมนอนน้อยไปหน่อยน่ะครับ....จะให้หลับในห้องทำงานก็หน้าเกลียด” พยาบาลสาวสวยยิ้มขำๆให้ผม ก่อนจะพยักหน้ารับ
 
“เชิญค่ะ...คึคึ....ตามสบายค่ะ”
 
ผมจึงเดินมาด้านใน เข้ามาโซนเตียงพยาบาล ระหว่างเตียงจะมีผ้าม่านกั้นอยู่ ทำไมเตียงมันสั้นจังละเนี่ย ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงพยาบาลแคบๆ และกำลังจะหลับลง
 
“สัด! พวกมึงออกไปได้ป่ะ...” หื่ม.....??
 
“โธ่ กูเป็นห่วงมึงนะเนี่ย เลยมานอนเป็นเพื่อน” เสียงเด็กเตียงข้างๆผมคุยกันครับ เสียงคุ้นๆแฮะ
 
“ใช่ๆ ปวดท้องก็นอนไป พวกกูจะอยู่เงียบๆ เนอะไอ้ปอ” หึๆ ไอ้เด็กพวกนี้ มันหาเรื่องโดดเรียนอีกแล้วล่ะสิ น่าปวดหัวจริงๆ ผมลุกจากเตียงและเอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านออก
 
“เฮ้ย! ครู!......เอ่อ คือผมมาเป็นเพื่อนไอ้แพ็คน่ะ ไม่ได้หาเรื่องจะโดดเรียนเลยนะ” ไอซ์เพื่อนของแพ็ค มันรีบแก้ตัวทันทีครับ
 
“ครูยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ร้อนตัว ไปเรียนไป” แล้วมันก็ดึงแขนเพื่อนอีกคนที่ชื่อปอออกไป ผมจึงหันไปมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
 
“เป็นอะไรอีกล่ะ หาเรื่องโดดเรียนหรือไง” ผมถาม ร่างบางพลิกตัวหนีครับ ผมสังเกตเห็นมันเอามือกุมท้องด้วย หรือจะไม่ได้แกล้ง
 
“ไหนมาดูซิ” ผมนั่งลงบนเตียง เพราะเตียงมันแคบเลยเบียดกันเล็กน้อย
 
“อย่ามายุ่ง!” ดื้อจริงๆเลย
 
“ปวดท้องหรอ” ผมถามอีกพร้อมกับยื่นมือไปลูบหน้าท้องมันอย่างลืมตัว ร่างบางสะดุ้งก่อนจะพลิกตัวกลับมาหาผมและลุกขึ้นมานั่ง
 
“ก็เพราะ....ไอ้มาม่านั้นแหละ!” มาม่า?
 
“มาม่า.....อ่อ...นี้นายตื่นมากินมาม่านั่นน่ะหรอ ใครเค้ากินมาม่าอืดกันเล่า เหอะๆ” ผมยกมือขึ้นโยกหัวมันไปมา ร่างบางปัดมือผมออก หน้ามันหยิกน่าดูเลยล่ะ ฮ่าๆๆ แต่ผมเคยบอกหรือเปล่าว่าชอบตอนมันหน้าหงิก หึ!

<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>

อ่านแล้วรู้สึกยังไงเม้นบอกเค้าบ้างนะตะเอง

ขอบคุณคนอ่านคนเม้นทุกคนนะค่ะ  :mew1:  :mew1:  :mew1:  :mew1:   :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 21-07-2014 15:49:27
อ่านมาจากธัญวลัย อิอิ
น้องลีวายส์น่ารัก อยู่ในการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี  :o8:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่36(17/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-07-2014 21:03:50
มารายงานตัวค่า วันนี้อ่านรวดเดียวเลย ตั้งกะตอนแรก

น้องลีวายส์น่ารักมากกกก ชอบคู่ธารลีวายส์อ่ะค่ะ จุ๊บๆกันน่ารักชะมัดเลย

ดีใจที่เซฟมีคู่จนได้ ตอนแรกนึกว่าจะกินแห้วคนเดียวซะแล้ว


มารอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆ  :กอด1: :กอด1: กอดหนักๆ 2 ที
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-07-2014 12:18:41
Older Brother.....38
 
“พี่ธาร ลีวายส์ไม่ใส่ตัวนี้ฮะ” เสียงใสบอก เมื่อผมหยิบเอาเสื้อกล้ามสีเทามาให้ใส่ เรื่องมากจริงๆเลย แต่ผมก็ไปหยิบเอาตัวใหม่มาให้
 “เอาตัวนี้แหละ ไม่ต้องเรื่องมาก” ผมเอาเสื้อยืดตัวโตๆมาและสวมให้สรรพเสร็จ
 
“ลีวายส์ทำโทรศัพท์หายอีกแล้ว พี่ธารจะซื้อให้ใหม่มั้ยฮะ” ร่างเล็กเดินตามผมออกมานั่งในห้องนั่งเล่น วันนี้ผมไม่เข้าร้านครับ ไม่มีอะไรมากแค่ขี้เกียจ เปล่าให้ไอ้กายกับไอ้เซฟดูแทน
 
“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็ทำหายอีก” ผมเปิดทีวีดูและปิดลงเมื่อทุกช่องกลายเป็นข่าวของกระบวนการทางการเมือง และผมก็ไม่ค่อยจะสนใจมากนัก
 
“ก็ได้ฮะ....พรุ่งนี้โรงเรียนปิด พี่ธารไปทำงานมั้ยฮะ” ลีวายส์ขึ้นไปนอนบนโซฟาพร้อมกับเอาโทรศัพท์ของผมไปเล่น
 
“คงไม่ ทำไม...อยากไปไหน”
 
“เปล่าฮะ แค่คิดว่าอยากอยู่กับพี่ธารเฉยๆ” ผมยกยิ้มมุมปากกับประโชคนั้นก่อนจะเดินไปหยิบเอาหนังสือมากอ่าน
 
ผ่านไปสักพักลีวายส์ก็เงียบไป ผมสงสัยเลยหันไปมอง ปรากฏว่ามันหลับไปแล้วครับ ผมจึงอุ้มมันเข้ามานอนในห้อง นั่งมองหน้าเนียนใสและก้มลงจูบปากสีสดเน้นๆก่อนจะผละออก และล้มตัวลงนอนกอดมันไว้ในอ้อมแขน
 
เมื่อก่อนผมเคยใช้ชีวิตไปวันๆ เรียน เที่ยว และสอยผู้หญิง ไม่เคยคิดว่าอยู่ๆ ตัวเองจะต้องมารับผิดชอบชีวิตของใคร ทำอะไรเพื่อใคร จนกระทั่ง ลีวายส์เข้ามาในชีวิตผม และผมก็ไม่คิดอีกว่าเยื่อใยระหว่างเราที่ก่อตัวขึ้นมันจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากเช่นทุกวันนี้
 
ผมรักเด็กคนนี้ รักมาก และไม่อยากห่างมันแม้ติ่นาทีเดียว
 
“คึคึ.......” ผมตื่นขึ้นมาตอนกลางดึกเพราะแรงดิ้นเบาๆจากร่างเล็กในอ้อมแขน
 
ผมผงกหัวขึ้นมองลีวายส์ มันนอนหนุนแขนผมข้างหนึ่งและพลิกตัวหันหลังให้ ผมยกมือขึ้นโอบเอวบางไว้และซุกหน้าลงกับท้ายทอยขาว ไม่ใช่ขาวอย่างเดียว หอมด้วย
 
“ลีวายส์.....ลีวายส์” ผมกระซิกเบาๆ ให้แน่ใจว่ามันหลับสนิทจริงๆ ก่อนจะก้มลงจูบซับตรงหลังหูเบาๆ
 
กลิ่นหอมอ่อนๆจากครีมอาบน้ำทำให้ผมก้มลงไปหอมซอกคอขาว เชื่อสิว่าผมไม่ได้หื่นแต่มันหยุดไม่ได้จริงๆ ผมลุกขึ้นมาคร่อมร่างเล็กไว้
 
“ลีวายส์....ลีวายส์ครับ” ฟอด!!! ผมกดจมูกลงกับแก้มใส่ก่อนจะทาบริมฝีปากร้อนลงกับริมฝีปากสีสด บดจูบนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่ผมเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่านะ ทำไม่ถึงได้บ้ากามกับลีวายส์ได้ขนาดนี้
 
“อืม.......” เสียงคนใต้ร่างครางออกมาจากลำคอ ก่อนจะตวัดแขนโอบรอบคอผม หึ! เสร็จกันทั้งที่คิดว่าจะหยุดให้ได้แค่จูบแท้ๆ
 
อยากตัดฉากนี้ออกไป เพราะไม่อยากให้เด็กหัวใจวายแต่ก็นะ มาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องแล้วล่ะ มือผมเริ่มเลื้อยไปตามเรือนร่างบาง มาหยุดอยู่ตรงต้นขาเรียว ร่างเล็กบิดกายไปมาเมื่อถึงรบกวนการนอนของมัน
 
“จ๊วบ....ฝันดี” ผมกระซิบบอกอีก ลีวายส์ยังคงหลับตาพริ้มเหมือนเดิมเพราะหลับลึก ผมไล่ริมฝีปากลงมาจูบดูและสร้างรอยไว้บนซอกคอหลังจากเก็บเกี่ยวความหอมหวานในโพรงปากเล็กอย่างพอใจ กลิ่นตัวของคนใต้ร่างทำให้ผมคลั่งและอย่ากลืนกินมันไปทั้งตัว
 
ผมดึงกางเกงขาสั้นตัวบางออกจากร่างเล็ก ก่อนจะใช้มือหนาแตะแกนกายเล็กอย่างเบามือ หึ!ใช่ผมคนเดียวซะที่ไหนล่ะ ที่ต้องการ ส่วนอ่อนไหวของลีวายส์เองก็กำลังชูชันสู้มือผมไม่ต่างกับแท่นร้อนผมที่กำลังดุนดันเป้ากางเกงหรอก
 
 
“อ่ะๆๆๆ....พี่ธาร....อ่ะๆๆๆ.......” เพียงแค่ไม่ถึงห้านาที ผมก็จัดการกับคนใต้ร่างจนเสียงหนาวครางลั่นห้อง ทั้งที่ผมนุ่มนวลสุดๆแล้ว
 
“อ่า....ซีดดด.....” ผมขยับตัวตามจังหวะไม่รุนแรงมากนักเพราะกลัวว่าลีวายส์จะตื่นขึ้นมางอแงใส่
 
“อ่า....อ่า.....พะ...พี่ธาร” และไม่นานผมก็ปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวร่างเล็กจนทะลักออกมาบางส่วน
 
“คืนนี้ฝันดีที่สุด หลับซะคนดี” ผมกระซิบบอก ร่างเล็กหอบหายใจถี่เร็วและซุกเข้าหาแผงอกผม ก่อนที่ผมจะถอดกายออกช้าๆ คงต้องล่างตัวให้ก่อนเดี๋ยวได้ป่วยอีกแน่ๆ หึ!
 
เช้า.............
 
“พี่ธาร!!!! พี่ธารฮะ” เสียงลีวายส์ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังอยู่ในห้องน้ำ
 
“อะไร....เป็นอะไร” ผมออกมาดู ลีวายส์นั่งหน้าตาตื่นอยู่บนเตียง ผมจึงนั่งลงโอบกอดร่างเล็กไว้
 
“มะ....เมื่อ ลีวายส์ฝันฮะ”
 
“งั้นหรอ....อืม.....ฝันดีหรือฝันร้ายล่ะ” ผมแกล้งถาม ลีวายส์หน้าขึ้นริ้วสีแดงก่อนจะซบลงกับแผงอกผมที่ตอนนี้เปลือยเปล่า
 
“ฝันดีฮะ”
 
“หึ! จุ๊บ! งั้นเราก็คงจะ...ฝันดีเหมือนกัน” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างงงๆ “จุ๊บ! ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวทำอะไรให้กิน” ฟอด! ผมก้มลงหอมแก้มใสฟอดใหญ่
 
 
“ทำไมลีวายส์...รู้สึกเมื่อยตัวจังเลยฮะ” ลีวายส์เดินเข้ามาในโซนห้องครัว ผมหันไปมอง ร่างเล็กใส่เสื้อยืดสีชมพูอ่อนๆกับกางเกงยีนขาสั้นที่ผมไม่ค่อยชอบ แต่ก็ไม่เป็นไรวันนี้เราอยู่บ้าน
 
“เจ็บตรงไหน มาดูซิ” ผมถาม ลีวายส์ชะงักไป และเดินมานั่งลงกับโต๊ะกินข้าว
 
“เอ่อ...ไม่ต้องฮะ เดี๋ยวก็หาย” ร่างเล็กบอกพร้อมกับหลบสายตาจากผม “พี่ธารทำอะไรกินฮะ หอมเชียว ลีวายส์หิวแล้วอ่ะ” มันเปลี่ยนเรื่องฮะ ลีวายส์ว่างแขนไว้บนโต๊ะก่อนจะเอาคางไปเกยกับแขน
 
“โจ๊กหมู นั่งดีๆ.....ใส่ด้วยไข่มั้ย”
 
“ไม่ฮะ วู้...น่ากินจัง กินๆๆๆๆ” เชื่อเลย ถ้าทุกคนได้เห็นลีวายส์ตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากตอนสิบขวบเลยล่ะ
 
“กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ” ผมบอกอีก ไอ้ตัวเล็กเริ่มหน้าหงิกใส่แล้วครับ เพราะมันไม่ชอบที่ผมล้อมันว่าเล็ก เหอะๆ ผมนั่งลงทานโจ๊กข้างๆมัน
 
ความจริงผมทำอาหารไม่เป็น(เลย) ก็เพราะลีวายส์อีกนั่นแหละผมถึงได้พยายามหาหนังสือหรือดูจากเว็บทำอาหารเอา อาหารจานแรกที่ผมทำให้มันทานคือ....มาม่าต้มใส่ไส้กรอก หึๆ
 
ผมยังจำหน้าลีวายส์ตอนนั้นได้เลย หน้าตาตื่นเต้นมาก พอลีวายส์กินเข้าไปก็บอกว่าอร่อยมากด้วย แต่พอผ่านไปสักชั่วโมง มันอ้วกออกมาและท้องเสียจนผมต้องพาไปโรงพยาบาล เพราะไส้กรอก หมดอายุ เหอะๆ เป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
 
“พี่ธารอ่ะ เดี๋ยวลีวายส์ก็ทำตกหรอก” หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขู่ให้ลีวายส์ล้างจาน รู้มั้ยว่ามันน่ะ ขี้เกียจมากเพราะอะไรอีกน่ะหรอ ก็เพราะผมมั้ง ก็ผมไม่เคยให้มันทำไงล่ะ ตอนเด็กๆชอบที่จะช่วยทั้งที่ทำไมได้ แต่พอโต ทำได้กลับขี้เกียจ เลยต้องขู่
 
“ถ้าทำแตก เดี๋ยวจะตีขา ล้างไปๆ เมื่อก่อนชอบนี่” ลีวายส์หันมาทำปากจู๋ใส่ผมก่อนจะหันไปล้างต่อ จานแค่ไม่กี่ลูกเองทำเป็นบ่น เหอะๆ
 
“ลีวายส์.........” ผมลากเสียงเรียกยาว เมื่ออยู่ๆ มันสะบัดน้ำในอ่างล้างจานใส่ผม และหันกลับไปทำเป็นไม่รู้เรื่อง
 
“อะไรฮะ ใกล้จะเสร็จแล้วเนี่ย”
 
“เดี๋ยวจะโดน หื่ม...ฟอด!!!” ผมลุกขึ้นไปยืนซ้อนหลังร่างเล็กตรงอ่างล้างจานและก้มลงหอมแก้มใส มีเหล่มองครับ มันเขินแต่ก็หันไปล้างต่อ ผมเลยช่วยล้างเนื่องจากมันมัวแต่เล่นฟองอยู่นั่นแหละ
 
“วันนี้พี่ธารใช้งานลีวายส์อ่ะ” ใช้นิดใช้หน่อยทำเป็นบ่น ผมเงยหน้าขึ้นมอง ร่างเล็กที่กำลังยืนอยู่บนบั้นเอวผม เมื่อกี้ผมให้มันนวดให้ครับแต่ว่าแรงไม่ได้ใจ เลยให้มันขึ้นเหยียบหลัง
 
“ทำเป็นบ่นไปได้ พูดน้อยๆให้สมกับตัวเล็ก...ฮัก!! ลีวายส์!!!!” มันกระทืบเท้าลงมาบนบั้นเอวผมครับ มีจุก!
 
“พี่ธารอย่าคิดว่าลีวายส์ไม่กล้าทำอะไรพี่ธารนะ ตอนนี้ลีวายส์โตแล้ว” ดู! ดูมันทำ เท้าสะเอวด้วย เหอะๆ ไอ้เด็กนี่ ชักเอาใหญ่
 
“ก็ลองดู เดี๋ยวนี่ปีกกล้าขาแข็งหรอ....” ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปจัดการกับไอ้เด็กแสบ แต่กลับโดนมันกระทืบเท้าลงมากอีกที “ลีวายส์!!!”
 
“ลีวายส์เปล่า ปีกกล้าขาแข็งนะ...ลีวายส์แค่ปกป้องตัวเองต่างหาก.....พี่ธาร พี่ธารฮะ” หึๆ
 
“พี่ธาร เป็นอะไรอ่ะ” เสียงร่างเล็กอ่อนลงเมื่อผมไม่ขยับตัว “พี่ธาร...เจ็บหรอฮะ” ลีวายส์ลงจากบั้นเอวผม และนั่งลงข้างๆ เขย่าตัวผมเบาๆ “พี่ธาร...อย่านิ่งสิฮะ พี่ธาร....อึกๆ” เริ่มสะอื้นล่ะ หึ!
 
“อึกๆ...พี่ธาร...ลีวายส์ขอโทษ พี่ธารลุกขึ้นสิฮะ อึกๆ พี่ธารเจ็บตรงไหน...อึกๆ อืออออออออ” เมื่อเห็นว่าผมนิ่งไปนานเข้า มันก็เริ่มร้องหนักขึ้น
 
พรึ่บ!
 
ผมลุกขึ้นมากดร่างเล็กให้นอนลงแทนที่ผม และผมก็คร่อมมันไว้ ลีวายส์ตกใจเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นโอบรอบคอผมไว้แน่น
 
“อืออออ....พี่ธาร...อึกๆ...อือออออ”
 
“คราวหน้าอย่าอวดดีอีกรู้มั้ย...ไม่งั้นจะแกล้งหนีไปจากห้องเลย จุ๊บ!!!” ผมบอกพร้อมกับก้มลงจุ๊บมุมปากสีสด
 
“อึกๆ...ไม่เอาฮะ...อึกๆ...ลีวายส์ขอโทษ ลีวายส์ไม่ทำแล้ว อึกๆ อือออ” ลีวายส์พูดบอกเสียงอู้อี้และคลายอาการสะอื้นลง
 
“จู่ๆ เงียบ ไม่ร้องๆ ไหนบอกโตแล้วไง ยังร้องเป็นเด็กๆเลยเนี่ย หื่ม!” ผมเกลี่ยน้ำตาบนแก้มใส่ก่อนจะไล่มองใบหน้าของมันและก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปทาบริมฝีปากลงไป
 
“อืม....” ลีวายส์ครางในลำคอเมื่อผมสอดลิ้นร้อนขึ้นไปเกี่ยวตวัดไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ รสหวานติดลิ้นจนผมไม่อยากผละออกเลยจริงๆ
 
ผมถอนจูบออกเพื่อให้ลีวายส์หายใจเข้าปอดก่อนจะทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้อารมณ์เริ่มเลยเถิดไปไกลและมือไม้ผมก็เริ่มอยู่ไม่สุข เอิ่ป ผมว่าหยุดก่อนดีกว่า เมื่อคืนก็ลักหลับมันไปแล้ว เฮ้ออ เสียดายฉิบ!?
 
“พี่ธาร...ไม่โกรธลีวายส์นะ”
 
“อืม...อย่าทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวโดน...หรอก จุ๊บ!!!” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนลีวายส์ขึ้นมานั่งด้วย หัวยุ่งเชียว หอมแก้มอีกฟอดซิ! ฟอด!!!
 
“พี่ธาร...เราไปซื้อของกันนะฮะ ของใช้หลายอย่างใกล้หมดแล้ว นะๆ ไปซื้อที่ช็อปล่างคอนโดก็ได้นะๆ”
 
“อยากกินขนมล่ะสิ....ป่ะ” ผมบอกอย่างรู้ทันจากนั้นเราก็ลงมาซื้อของที่ช็อปด้านล่างคอนโด ลีวายส์ชอบใจใหญ่ บอกให้ผมเอารถเข็นมาเข็นแต่ผมไม่เอาหยิบเอาแค่ตะกร้ามา
 
“ทำไมไม่ทำรถเข็น เนี่ยๆ ใส่ได้น้อย ดูดิลีวายส์อดเข็นเลย” เหอะๆ มันอยากเล่นนี้เองไม่ได้อยากกินขนมหรอกหรอ
 
“เอ่อๆ เดี๋ยวไปเอาให้ ถ้าไม่เข็นนะ น่าดู!” ผมบอกและหมุนตัวเดินกลับไปเข็นรถเข็นมาให้ ยิ้มซะ! มันน่า....หยิก! จริงๆ
 
“อ่าๆๆ....พี่ธารอยากได้อะไรหยิบใส่ๆเลยฮะ เดี๋ยวลีวายส์จ่ายเอง คึคึ” ไม่จ่ายเองได้ไงล่ะ กระเป๋าตังผมอยู่กับมัน เฮ้ออออ
 
ผมเดินเลือกซื้อของโดยมีลีวายส์เข็นรถ(เล่น)อยู่ใกล้ๆ บางทีมันก็ซนเกินจนชนเข้ากับซองขนมและหล่นลงมาทั้งแถบ เริ่มรำคาญล่ะๆ
 
“พี่ธาร!!! คึคึคึ” ลีวายส์ยืดคอโผล่หัวขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งของชั้นว่างของในขณะที่ผมกำลังยืนเลือกกาแฟอยู่
 
“เดี๋ยวจะโดน เล่นอยู่นั่นแหละ ไปซื้อของใช้ของตัวเองไป  ถ้าได้ไม่ครบ ไม่ให้ลงมาแล้วนะ” ผมบอก ลีวายส์จึงหลุบหัวกลับลงไป
 
ผ่านไปสักพักผมเลือกกาแฟและเครื่องดื่มอย่างอื่นเสร็จผมก็เดินไปหามันตรงของใช้ส่วนตัว
 
“เอ่อ ขอโทษนะฮะ” เสียงลีวายส์พูดขอโทษใครบางคน ผมก้าวเท้าช้าๆรอฟัง
 
“ไม่เป็นไรครับ น้อง...อยู่คอนโดนี้หรอ ไม่คอยเห็นหน้าเลย” เสียงผู้ชายที่ผมคิดว่าน่าจะราวๆยี่สิบต้นๆได้พูดขึ้น ผมเดินมายังช่องที่มันยืนอยู่ ลีวายส์ยืนหันหลังให้กับผมมันเลยไม่รู้ว่าผมกำลังเดินไปหา
 
“.....” มันพยักหน้ารับแทนที่จะพูด หึ!
 
“ชื่ออะไรล่ะ น่ารักจัง” เอาละสิ หาเรื่องแล้วมึง 
 
“..............” ลีวายส์ไม่พูดครับ มันมองไอ้นั่นนิ่งๆและเอื้อมมือไปหยิบเอาสบู่เหลวขวดหนึ่งมาไว้ในมือ
 
“อ่าๆ พ่อไม่ให้พูดกับคนแปลกหน้าล่ะสิ น่ารักดีนะ.....อืม นี่ใช้สบู่นี้หรอ” แล้วมันก็ยังชวนคุยต่อ ไม่ใช่แค่นั้น มันก้มลงเปิดขวดสบู่เหลวในมือลีวายส์ดมก่อนจะเงยหน้าส่งสายตา น่าทุเรศให้ “หอมดีนะ”
 
“อ่ะ!” ผมดึงลีวายส์ออกห่างจากมันก่อนจะดึงเอาขวดสบู่เหลวออก
 
“ไม่ใช่แบบนี้ อันนี้สิถึงจะหอม ฟอด!!!!” ใช้หอม หอมแก้มโชว์แม่ง!!! ให้มันรู้ว่าเมีย... เฮ้ย!!! เด็ก...เด็กใคร
 
 
“ลีวายส์ไม่ได้คุยกับเค้านะ ที่ขอโทษอ่ะ ก็เพราะลีวายส์เข็นรถไปรถเค้า” ลีวายส์บอกระหว่างที่เราเดินขึ้นมาบนห้อง
 
“นั่นไงเพราะมั่วแต่เล่น พูดไม่ฟังเลย!” ผมดึงหูมันอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องไอ้แมน เมื่อกี้ลีวายส์ซื้อขนมมาฝากคุณโอ๊ต ผมกดรหัสห้องมันเข้ามาเพราะมันให้ผมไว้
 
“พี่แมน พี่โอ๊ต” ลีวายส์เรียกแต่ไร้เสียงตอบรับใดๆ
 
โครม!!! ปัง!!! เสียงดังโครมครามดังมาจากห้องนอนของมันทำให้ลีวายส์สะดุ้งตกใจเข้ามากอดเอวผม ส่วนผมน่ะชินซะแล้ว คงทะเลาะกันเหมือนเคย
 
“แม่งเฮ้ย!!!!” ไอ้แมนเดินออกมาจากห้องนอน ก่อนจะชะงักเท้ามองผมกับลีวายส์ มันถอนหายใจออกมาแรงๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา
 
“เป็นเหี้ยอะไร....ลีวายส์ เอาไปใส่จานมาไป”
 
“ไม่อ่ะ ลีวายส์อยากรู้ด้วย”
 
“ลีวายส์!!!!” ร่างเล็กกัดปากอย่างไม่พอใจก่อนจะดึงถุงขนมไปจากมือผม นิสัยเสียจริงๆ เดี๋ยวต้องกลับไปอบรมอีกแน่
 
“คุณโอ๊ตล่ะ”
 
“มันไปแล้ว กูรู้....มันต้องไปแต่ทำวะ มันไปโดยที่.......กูตื่นมาก็ไม่เห็นมันแล้ว” ไอ้แมนประสานมือกันและกำมือแน่น
 
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป” ผมถาม ดูอาการของมันจะน่าเป็นห่วงอยู่ ไอ้แมนใจร้อนและบางครั้งก็วู่วามเกินเหตุ ผมอยากจะช่วยมันเพราะครั้งหนึ่งมันเคยช่วยผม
 
“เอาตรงๆนะ กูอยากจะไปพามันกลับมาซะตั้งแต่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ แต่โอ๊ตมันไม่มาแน่ๆ”
 
“ให้กูช่วย.....”
 
“ไม่ว่ะ กูรู้ว่ามึงเป็นห่วง แต่ก็....ไม่อยากให้มึงต้องเดือดร้อน มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่กูกำลังจะไปมีเรื่องกับไอ้โอ๊คพี่ชายมัน”
 
“กูรู้ แต่กูก็อยากจะช่วยเพื่อน เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อนว่ะ”
 
“.................” ไอ้แมนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม แววตาของมันตอนนี้ไม่เข้มแข็งเอาซะเลย
 
“เออ...ถ้ากูมีอะไรให้มึงช่วย กูจะบอกแล้วกัน แต่ตอนนี้กูอยากทำมันด้วยตัวเองก่อน” ผมเข้าใจแล้วครับว่ามัน รักคุณโอ๊ตเข้าแล้วจริงๆ
 
เพล้ง!!!!  ผมกับไอ้แมนมองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงจานในห้องครัวแตก ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งก่อนจะลุกขึ้นไปดู
 
 “เออ...มันหลุดมืออ่ะ...ก็.....คือ....”
 
“ไปๆๆ กลับห้อง เฮ้อออ” ผมดึงแขนมันออกมา จากห้องครัวของไอ้แมน ส่วนเศษจานก็ให้เจ้าของห้องจัดการไป ไหนๆห้องมันก็เละอยู่แล้ว
 
“พี่โอ๊ตไปไหนอ่ะ ไม่เห็นพี่โอ๊ตเลย” คุณคิดถูกแล้วที่ว่า ลีวายส์ขี้สงสัย(เสือก)เรื่องชาวบ้านเค้าจริงๆ
 
“จะไปรู้หรอ” ผมผลักประตูเข้ามาในห้องและเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อเอาของไปเก็บ
 
“พี่โอ๊ตทิ้งพี่แมนไปแล้วหรอฮะ” ลีวายส์นั่งลง ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ทำไมล่ะ....หรือว่า พี่แมนทำร้ายพี่โอ๊ต นิสัยไม่ดีอ่ะ”
 
“นั่นเพื่อนกูนะ” ผมบอกและผลักหัวมันทีนึ่ง
 
“แล้วพี่โอ๊ตไปไหนล่ะฮะ ดูพี่แมนจะคลั่งมากเลยอ่ะ” ใช่เพราะดูจะสภาพห้องแล้วก็เป็นอย่างที่ลีวายส์ว่าจริงๆ
 
“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว เข้าใจ๊”
 
“แล้วถ้าหากว่า....ลีวายส์หายไป พี่ธารจะเป็นแบบพี่แมนมั้ยฮะ” ผมชะงักมือที่กำลังจัดของเข้าตู้ ก่อนจะหันกลับมามองร่างเล็ก
 
ลีวายส์มองสบตาผมเพื่อหาคำตอบ ผมเดินเข้าไปหามัน ใช้มือข้างหนึ่งยันโต๊ะและก้มลงมองหน้าลีวายส์ใกล้ๆ
 
“ไม่...เพราะกูจะไม่ยอมให้มึงหายไปเด็จขาด” พูดจบ ผมก้มลงจูบริมฝีปากสีสดเพื่อยืนยันในสิ่งที่ผมพูด ผมไม่ยอมให้มันหายไปและถ้าหากมันหายไปจริงๆ ผมคงเป็นบ้ายิ่งกว่าไอ้แมนเป็นแน่
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>
 
 ก่อนอื่นต้องน้อมรับความผิดของตัวเองก่อนด้วยความรีบทำให้

แอมลืมเปลี่ยนหัวกระทู้ในตอนที่ 37  เป็นเพราะความสะเพร่าขอเราเอง  :katai1:   :katai1:


วันนี้มาอัพให้แล้วนะค่ะ  เอกันใหม่ตอนหน้าน๊า  รักคนอ่านคนเม้น   :mew1:  :mew1:  :mew1:


หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 23-07-2014 12:49:09
ลีวายพูดอะไรลูก จะไปไหน  :m15:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 23-07-2014 14:31:27
555 ตลกคู่เซฟกับแพ็คอะ เหมือนจะดี แต่ก็ตีกัน
โอ๊ตไปไหนแล้วอะ ไปเคลียร์ตัวเอง? สงสารแมนนิดๆนะเนี่ย

ลีวายลูกกกกก ไปไหนไม่ได้หรอกนะ อีตาอีธารได้คลั่งตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-07-2014 14:49:24
น้องลีวายหนูน้อยใจอะไรลูก เป็นอะไรคะ
ทำไมพูดอย่างกับจะหายไหน ไม่ได้นะลูก พี่ไม่เอาดราม่านะคะน้องลี :z3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-07-2014 15:07:37
กรี๊ดดดด ยังไง๊ยังไง
น้องลีวาส์ย กะ พี่ธารก้อน่ารักอ่ะ (ลำเอียงเข้าขั้น 555+)
แต่ก้อแอบเสียใจ พี่โอ๊ตไปแร้ว
อย่างนี้ต้องพี่แมนตามไปเอากลับมาเร้วๆ
พี่แมน Fighting!!!!
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 23-07-2014 15:09:07
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

เราพลาดตอนไหนไปอ่ะเปล่านะ ถึงไม่รู้ว่าพี่ธารแอบกินลีวายส์ไปแล้วอ่ะ งงมากกกกกกก

พี่ธารก้อใช่ย่อยนะ มีลักหลับน้องลีวายส์ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-07-2014 17:34:52
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
โอ๊ตไปแล้ว พี่แมนทำไงล่ะเนี่ย โฮๆๆๆ
แต่โอ๊ตไม่ได้กลับไปหาพี่โอ๊คใช่ป่ะ เหมือนว่าโอ๊ตคิดจะทำไรซักอย่าง ถ้าเราจำไม่ผิด
คู่เซฟแพคก็ลุ้น ตีกันน่ารักดีอ่ะ อยากให้เซฟชอบน้องแพ็คไวๆ จะได้ตัดใจจากกายซะที อิอิ
ลีวายส์กะพี่ธาร ก็รักกันหวานชื่น แอบลักหลับน้องด้วยอ่ะ หื่นว่ะธาร!!

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปจ้า ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-07-2014 17:49:13
หนูลีวายส์พูดซะเป้นลงไม่ดีเลย  :sad4:

ถึงอิแมน ปล่อยให้สองพี่น้องเค้าเคลียร์เหอะ ลื้อนี่จุ้นทุกเรื่อง โอ๊ตก็ไม่ใช่ดูแลตัวเองไม่เป็นนาาาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่38(23/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 23-07-2014 18:47:38
เซฟแพ็คน่าสนใจมากนะคะ คึคึ
เอาใจช่วยคู่แมนโอ๊ตด้วย >.<
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่39(24/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 24-07-2014 12:34:07
Older Brother.....39
 
 
[แมน:Part] 
 
คุณเคยสูญเสียอะไรในชีวิตไปแล้ว มันรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายบ้างมั้ย เหอะ!  อย่างที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้แหละ แม่งเฮ้ย!!!
 
“พะ...พี่แมน เอ่อ....ที่พี่ให้ไปสืบน่ะ ผมได้มาแค่เนี่ย” ไอ้ต่อผลักประตูออฟฟิศเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือสองสามใบ
 
“เหี้ยสิ.....กูให้มึงไปสืบมาตั้งเมื่อไหร่ ห๊ะ!!! ได้แค่นี้ เอาไปเช็ดขี้ยังไม่พอเลย” ผมขยำเอกสารสองสามใบนั่น ก่อนจะปาใส่หน้ามัน
 
“โธ่พี่...ไอ้พวกนั้นน่ะ มันระดับไหนแล้ว พวกมันอ่ะ เป็นมาเฟียนะพี่ เราเข้าไม่ถึงข้อมูลพวกมันหรอก...เนี่ยไอ้ติณก็ช่วยหาแล้ว”
 
“ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป” ผมก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่ผมให้มันไปสืบอาจจะยากเกินจนลืมคิดไป
 
ผมถอนหายใจแรงๆก่อนจะหยิบเอาเสื้อนอกมาใส่และเดินออกจากออฟฟิศ ทั้งที่ผมไม่คิดจะพึ่งพี่มาศแต่ว่าคราวนี้ ผมคงต้องพึงพี่ชายตัวเองแล้วล่ะ
 
“ไม่บ่อยนักนะที่แกจะมาที่นี่” พี่ชายผมครับ เขาเป็นคนฉลาด(มาก) และก็เป็นคนที่ทำอะไรรอบคอบซึ่งต่างจากผม(อย่างสิ้นเชิง)ที่เป็นคนใจร้อน วู่วาม
 
“ใช่...ดูเหมือนกิจการของพี่จะไปได้สวย” ผมมองไปรอบๆผับกึ่งร้านอาหารที่ในตอนนี้มีแขกมากพอสมควรแม้ว่าจะเป็นเวลาใกล้ค่ำ
 
“หึ! ไปคุยกันข้างใน” เพราะเรายืนอยู่ในโซนของร้าน จึงไม่เหมาะที่จะคุยกัน พี่มาศเดินนำไปยังห้องทำงานของตัวเอง
 
“พี่รู้จัก.....”
 
“แกมาเพราะเรื่องนี่ล่ะสิ” ผมยังไม่ทันจะเริ่มธุระเลย พี่มาศกลับยื่นการ์ดบนโต๊ะมาให้ดู เยี่ยม! ผมต่อยพี่ชายตัวเองได้ป่ะ
 
“นี่พี่ได้รับด้วยหรอ” ผมมองการ์ดในมืออย่างเจ็บปวด เมธวี&อัษฎา อาทิตย์หน้าหรอ หึๆ
 
“อืม....แกจะไปด้วยหรือเปล่าล่ะ” ไปแน่ๆแต่ไปในฐานะอะไรผมยังไม่แน่ใจ “เอาล่ะ คุยธุระของแกมา”
 
“ไม่ต้องเลย พี่ไม่ช่วยผมอยู่แล้วผมรู้”
 
“ฉันบอกอย่างงั้นหรอ แต่ฉัน...จำได้ว่าฉัน บอกว่า ‘พี่จะไม่ยุ่งเรื่องของแก’ ไม่ใช่ว่าแกมาสืบเรื่องอะไรแล้วพี่จะไม่บอก” ผมโคตรไม่ชอบสายตาเจ้าเหล่ของพี่ชายตัวเองเลยว่ะ
 
“เอ่อๆ พี่นะพี่ ไว้ถึงทีผมบ้างเหอะ....” พี่มาศยกยิ้มมุมปาก แม่งโคตรหล่อเลว แต่ว่านะ....อายุสามสิบแล้วยังไม่เห็นพี่มาศจะมีแฟนกับเค้าบ้างเลย ช่างเรื่องพี่เหอะ! เอาเรื่องกูก่อน
 
 
 
 
ผมกลับมาถึงคอนโดในเวลาตีสามครับ หลังจากคุยธุระกับพี่มาศเสร็จเรียบร้อย ผมก็เข้าไปที่ร้านอีก ไอ้กายมันบ่นๆๆๆ ว่าผมทิ้งร้านไปหลายวัน ไอ้ธารก็ด้วย ส่วนไอ้เซฟหมู่นี้มันยุ่งๆยังไงก็ไม่รู้
 
งานที่ผับเลยไปลงกับไอ้กายคนเดียว และมันก็เป็นคนเดียวที่ว่างงานพวกเราเลยไม่แคร์เท่าไหร่ ให้มันบ่นไปเหอะ เดี๋ยวไอ้พี่หมอจัดการเองแหละ
 
ห้องของผมยังคงเงียบเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับมาจากทำงานแต่ครั้งนี้มันทั้งเงียบและ...ว่างเปล่า ไม่มีควันบุหรี่ลอยผ่านบานประตูระเบียงให้เห็น ไม่มีเสียงเปิดทีวีทิ้งไว้ในห้องนอน ไม่มีเงารางๆของใครบางคนที่เอาแต่เงียบเมื่อผมเดินเข้าไปหา ทุกที่ทุกมุมห้องมันว่างเปล่าจนผมไม่อยากกลับมานอนที่นี่
 
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างสอดแขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะ และอีกข้างหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ผมถือสายรออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ปลายสายจะรับ แต่มันกลับเงียบไม่พูดจา
 
“โอ๊ต.....เออไม่พูดก็ได้ แค่ได้ยินเสียงหายใจ ให้รู้ว่ามึงยังไม่ตายไปจากกูก็พอ”
 
“สัด!” หึ! ผมยกยิ้มมุมปากกับคำด่าทอของมัน และก็....ต่างฝ่ายต่างเงียบ แต่ไม่มีใครยอมวางสาย
 
“กูอยากเห็นหน้ามึง” ถ้าหายตัวได้ผมอยากไปหามันตอนนี้เลยเชื่อสิ
 
“กูง่วง”
 
“นา....นี่กู...กัดฟันไม่ด่าไม่ว่ามึงเรื่องที่มึงไปโดยที่ไม่บอกกูสักคำแล้วนะ” ใช่ครับ วันนั้นมันไปโดยที่ผมยังไม่ตื่น ทั้งที่ผมแน่ใจแล้วว่าผมกอดมันไว้แน่นมาก แต่พอตื่นมามันกลับหายไป
 
ติ๊ด!
 
เปิดกล้องแล้วครับ แต่ภาพที่เห็นมันคือ....ตีน =_=
 
“โอ๊ต! หรือมึงอยากเจอของเสียวห๊ะ” เริ่มมีน้ำโห “ดูหน้าสิครับ ที่รัก หน้าน่ะหน้า” แล้วมันก็หมุนกล้องมาโฟกัสหน้ามัน
 
“ไอ้เลว”
 
“ขอบใจ....กูชอบมึงตรงนี้แหละ” เหมือนมันจะเขิน ผมเองก็เขินนะเพราะเพิ่งจะเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก แบบอย่างกับคู่รักที่เพิ่งจะได้กัน เฮ้ย! คบกันใหม่ๆน่ะ เหอะๆ
 
“กูง่วง จะนอนล่ะ” โอ๊ตนอนคว่ำหน้าครับ ทาจะไม่ได้ใส่เสื้อนอนเพราะไม่เห็นคอเสื้อ เห็นแต่ผิวขาวๆเข้ามันจนถึงไหปลาร้าคู่สวย
 
“นอนสิ....”
 
“มึงก็ว่างสิ...มองอยู่ได้”
 
“มึงก็นอนไปสิ...”
 
“ไอ้...เหี้ยนี่” แล้วมันก็หลับตาลง ผมยังคงจ้องมองหน้ามันผ่านโน๊ตสามไม่ละสายตาไปไหน
 
“โอ๊ต......เซ็กซ์โฟนกันป่ะ”
 
“ไอ้เลว...ไอ้โรคจิต...แม่ง!!! กูวางเองก็ได้ ไอ้สัด!!” แล้วมันก็ว่างสายไป เอ้า หึ! ผมก็แค่ลองล้อดูว่ามันหลับจริงหรือเปล่า เหอะๆ
 
‘Good Night’
 
 
 
วันต่อมา...................
 
 
“ตกลงมีอะไรให้กูช่วย” ผมโทรมาหาไอ้ธารเมื่อตอนสายๆ และมันก็บอกว่าไม่ไปทำงานผมจึงขึ้นมาหามันที่ห้อง
 
“ลีวายส์ล่ะ”
 
“ไปเรียน.....ถามเพื่อ?”
 
“ก็เมียมึง.....เอ่อ ลีวายส์พูดมากว่ะ ขี้สงสัยด้วย” ไอ้ธารมันส่งสายตาคมๆมามองผม “เน้ๆ อย่ามองกูแบบนั้น ว่านิดว่าหน่อยไม่ได้...แต่ว่านะ กินมันไปแล้วเป็นไงบ้างวะ”
 
“ไอ้เหี้ย! มึงออกไปเลย”
 
“โอเคๆ เข้าเรื่องเหอะ.....กูแค่พยายามหาอะไรมาใส่หัวบ้างนอกจากความเครียดน่ะ”
 
“กูเข้าใจ แต่ว่า.....มากไป!!!!” =_=;;
 
“คือ.....มึงรู้จักคนนี้มั้ยวะ” ผมส่งเอกสารในมือให้ไอ้ธารดู “เขาเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ ที่ต้องคดีเมื่อปีที่แล้ว และโดนยึดทรัพย์ไปเกือบครึ่งของทรัพย์สินที่มีอยู่ กูอยากรู้ว่าตอนนี้คดีที่ว่านั่นมันปิดคดีไปแล้วหรือเปล่า” ไอ้ธาร ไล่อ่านเอกสารอย่างใช้ความคิดก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องทำงานของมัน ผมจึงตามมันไปด้วย
 
“ดูจากรูปคดีจะหนักเอาการอยู่ คงใช้เงินไม่น้อยในการสู้คดี ถึงได้ยอมให้ยึดทรัพย์ คดียาเสพติดและพัวพันกับการค้ามนุษย์ กูรู้จักทนายของเค้า เหมือนจะเป็นพ่อของรุ่นพี่กู เอาเป็นว่า เดี๋ยวกูสืบให้แล้วกัน”
 
“ขอบใจว่ะ”
 
“แล้ว...มันเกี่ยวอะไรกับคุณโอ๊ต”
 
 

 

 
“ทำไรอยู่” นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ ที่ผมกดโทรหามัน ไม่คิดเลยว่าผมจะอาการหนักขนาดนี้
 
“นอน กูง่วง” โอ๊ตบอก ผมอบยิ้มกับคำตอบของมัน
 
“งั้นหรอ ง่วงแล้วทำไมไม่เข้าไปนอนล่ะ”
 
“รู้ได้ไง”
 
“ก็.....กูได้ยินเสียงลมไง”
 
“ตีสองแล้ว กูจะนอน...........อ่ะ.......อุ๊บ!!!”ผมรวบตัวรางบางเข้ามากอด ก่อนจะบดจูบริมฝีปากบางอย่างโหยหา  ถึงแม้ว่าเราจะห่างกันเพียงแค่สี่ห้าวันแต่ผมกลับต้องการมันมาก มากจนต้องขับรถมาหามันที่นี่
 
“กูคิดถึงมึง” ผมกระซิบบอกข้างหูมันเบาๆก่อนจะกดจูบลงบนซอกคอขาวและจูบดูดจนเกิดรอยอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
 
“มะ....มาได้ไง” โอ๊ตดูจะตกใจเล็กน้อย ที่ผมมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่และเวลานี้
 
“ก็ ขับรถมาไง เอาจริงๆนะ ถ้ากูหายตัวมาได้ กูคงทำตั้งแต่วันแรกที่มึงหนีกูมา อะไรวะ....หนีตามผู้ชายไปแล้วกลับทิ้งมาซะดื้อๆอย่างงั้นได้ไง”
 
“สัด...มานี่!!!”
 
“หวังว่า คงไม่ใช่ห้องหอของมึงหรอกนะ” ผมพูดจบ โอ๊ตหันขวับมามองทันที มันลากผมเข้ามาในห้องพักของมัน คงเพราะกลัวคนอื่นเห็น “ล้อเล่นนา เหอะๆ”
 
“กลับไปเถอะ” มันไล่ผมครับ ผมควรจะน้อยใจหรือเปล่า....แต่แบบมันไม่ใช่นิสัยผม “อ่ะ!...ทำอะไร”
 
“แล้วคิดว่า...กูจะทำอะไร” ผมกดร่างบางลงบนเตียง มันสบตาผมนิ่งๆและไม่ขัดขืนแต่อย่างไร ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับซอกคอของมัน “มึง เกลียดกูหรือเปล่า”
 
“เกลียด!”
 
“คิดบ้างก็ได้....งั้นกูถามใหม่” ผมผงกหัวขึ้นมามองสบตาโอ๊ต จ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีสวยคู่นั้น “มึงรักกูมั้ย”
 
“กะ.......กู..........กู........กูระ...”
 
ปัง!!!!!
 
ประตูห้องถูกผลักเข้ามาเสียงดังคล้ายกับมีคนใช้เท้าถีบ ผมกับโอ๊ตผลักออกจากกันอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ
 
“มึงกล้ามาก โอ๊ต มึงขัดคำสังกู” พี่ชายโอ๊ตเดินเข้ามาหาเราสองคน จากใบหน้าปกติที่ดูโหดอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งดูโหดมากกว่าเดิมไปสิบเท่า เมื่อถูกแต่งแต้มด้วยอารมณ์โกรธ มือหนายกขึ้นจะฟาดหน้าโอ๊ต
 
“ผมเอง! ผมเป็นคนมาเอง มันไม่เกี่ยว” ผมหยุดมือของพี่ชายมันไว้ด้วยมือของผม ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรแล้ว และจะไม่ยอมให้โอ๊ตต้องอยู่กับไอ้พวกบ้านี่แม้ว่าจะเป็นพี่ชายมันก็ตาม
 
“มึงอยากจะลองดีกับกูใช่มั้ย จัดการมัน!!!”
 
“หยุดเถอะ ผมขอร้อง ปล่อยมันไปเถอะ มันก็แค่.....จะมาลาผม” ผมมองคนข้างๆอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่มันกำลังจะพูดบอก “กู.......กูไม่ได้รัก...มึง ไม่เคย....รักเลย” หูผมอื้อไปหมด ไม่มีเสียงใดๆที่ชัดเจนเท่ากับคำว่า ไม่ได้รักและไม่เคยรักของมัน
 
สีหน้าของมัน ท่าทางของมันจริงจังเกินกว่าที่ผมจะคิดว่า.....มันพูดเพื่อเรื่องโกหก ก็ได้.....ไม่รักก็ได้....แต่กูไม่ยอมแน่
 
“อ่าๆๆ โธ่ อย่าซีเรียสกันสิพี่ ก็อย่างที่ไอ้โอ๊ตมันบอกนั่นแหละ เราไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย ผมแค่มาแสดงความยินดีกับมัน”
 
“แล้วทำไม มาป่านนี้ กูไม่ได้โง่” คุณโอ๊คบอก และก็ดูท่าจะไม่เชื่อทั้งผมและโอ๊ตพอๆกัน
 
“พี่ก็ได้ยินนี่ มันบอกว่าเราจบกันแล้ว ผมคงไม่หน้าด้านขนาดนั้นหรอกนา เดี๋ยวไปหาเด็กใหม่เอาแถวนี้ก็ได้ เยอะแยะไป” ผมพูดประโยคสุดท้าย พร้อมๆกับมองหน้าโอ๊ตไปด้วย มันยังคงเฉยชาเหมือนเดิมไม่มีผิด
 
“งั้นหรอ ก็ดี เราจะได้ไม่มีปัญหากัน จะพักที่นี่เลยมั้ยล่ะฉันจะจัดห้องให้ พี่ชายนายคงจะมาพรุ่งนี้ตอนเย็นๆ”
 
“แน่นอนครับคุณโอ๊ค ผมจะพักที่นี่อยู่รอแสดงความยินดีกับโอ๊ตในวันมะรืน” คุณโอ๊คพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำออกไป
 
“มึงไม่รักกู....แต่อย่าคิดว่ากูจะหยุด โอ๊ต” ผมบอกกับโอ๊ต ก่อนจะเดินออกมาจากห้องมัน  เจ็บครับ คำว่าไม่รักของมันทำให้ผมเจ็บมาก จนชา
 
Tru………….
 
“ว่าไงพี่มาศ”
 
“แกโง่หรือบ้า หัวน่ะมีบ้างมั้ย ความอดทนน่ะ มีหรือเปล่า แกไปหาเค้าทำไม!!!” คุณโอ๊คคงโทรไปรายงานพี่มาศเรียบร้อยแล้ว พี่ถึงได้โทรมาด่าว่าผมแบบนี้
 
“พี่นอนเถอะ ดึกแล้วมันได้ดีกับคนแก ฝันดี”
 
“ไอ้...”
 
เช้า...............................
 
“อืม.....อื๊อ.......”เสียงครางตำในลำคอของคนใต้ร่างผมครางออกมารับเช้าวันใหม่ เมื่อผมทับทางริมฝีปากลงไปอย่างอ่อนหวานก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “อ่ะ....ขะ..เข้ามาได้ไง”
 
“ประตูมีหน้าต่างเปิด มันไม่ยากเกินความสามารถของกูหรอก”
 
“ปล่อย...!!!”
 
“อะไรกัน....พอได้บอกว่าเกลียดกูก็แสดงออกว่าเกลียดมากขนาดนี้เลยหรอ” ผมกัดฟันถาม ออกแรกกดไหล่ร่างบางลงกับเตียงจนมันนิ่วหน้าเจ็บ
 
“ใช้!!! กูเกลียดมึง เพราะงั้นมึงออกไป กลับไปซะ!!! กูไม่อยากเห็นหน้ามึง”
 
“ไม่ต้องย่ำ!!! กูไปแน่ แต่กู...จะพาของของกูกลับไปด้วย” ผมกดริมฝีปากลงกับซอกคอขาวของมันและขบเม้มแรงๆจนเกิดรอย
 
โอ๊ตพยายามดิ้นหนีแต่ก็สู้แรงของผมไม่ได้อยู่ดี มือไม้ผมลูบไล่ไปทั่วร่างมันผ่านผ้าเนื้อบาง ของชุดนอนเรียบๆ ที่เพิ่งจะเคยเห็นมันใส่เป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าโคตรเอ็กซ์
 
“ปล่อย! ไอ้เลว มึงบ้าไปแล้ว.....อ่ะ!” ผมฉกจูบริมฝีปากบางเพราะรู้สึกรำคาญเสียงห้ามของมัน ริมฝีปากบางไม่ได้จูบตอบเหมือนทุกครั้งที่เราจูบกัน มันทำให้ผมหงุดหงิดและบดจูบหนักขึ้นๆจนได้กลิ่นคาวเลือด
 
ก๊อกๆๆ
 
“พี่โอ๊ตคะ....พี่โอ๊ต...ไปทานข้าวเช้ากับเมล์นะคะ” เสียงเด็กสาวดังขึ้นหน้าห้อง แต่ผมไม่ได้สนใจ ยังคงรูกล่ำมันต่อไป
 
“ปล่อยนะ...เดี๋ยวเมล์ได้ยิน ปล่อย!”
 
“ได้ยินก็ช่างสิ...กูอยากเอามึงต่อหน้าเธอด้วยซ้ำ” เพี้ย!!!! หน้าผมหันไปตามแรงปะทะกับฝ่ามือของคนตรงหน้า ความเจ็บมันแล่นริ้วไปยังหัวใจ
 
“มึงเลวกว่าที่กูคิดจริงๆ”
 
“ใช่!!!!!....มึงจะได้รู้ไง” พูดจบ ผมกดจูบหนักๆลงกับริมฝีปากบางอย่างรุนแรงจนไม่เหลือความอ่อนหวานเลยแม้แต่นิด ยังไม่พอ ผมยังจัดการทึ่มเสื้อผ้ามันจนฉีดขาดไม่เป็นชิ้นดี
 
“อ่ะ...อึก! ........อื๊อออ”คนใต้ร่างครางเสียงหวานเมื่อไม่สามารถขัดขืนผมได้
 
“พี่โอ๊ตคะ....”
 
“บอกไปว่ามึงไม่ว่างกำลังมีความสุข” ผมบีบปลายคางมันแรงๆ มืออีกข้างลูบไล่ไปยังแกนกายเนื้ออ่อนที่ตอนนี้กำลังชูชันสู้มือผม
 
“อ่ะ!......กูเกลียดมึง.....” สายตามันมองผมอย่างเคียดแค้น น้ำตาเริ่มเออคลอ
 
“พูด!!!!”
 
“เมล์ไปก่อนเถอะ พี่ยังไม่หิว....อุ๊บ!!!” มันกัดฟันพูดพร้อมกับจ้องมองใบหน้าผมไปด้วย ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะเริ่มกิจกรรมอันร้อนแรง ไปทั่วห้อง!
 
ผมขยับกายเข้าออกอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ความอุ่นร้อน บีบรัด และคับแน่น ภายในตัวมันทำให้ผมบ้าคลั่งให้เสมอ ไม่เคยพอไม่อยากหยุดหากไม่กลัวว่ามันจะสลบไปซะก่อน
 
“อ๊ะๆ....อ๊ะๆๆๆ....อ่าาาาาาา” สุดเสียงครางหวาน น้ำรักไหลถะลักออกมาตามต้นขาลงสู่พื้นห้องน้ำ
 
“จ๊วบๆ...จู๊บ...อืม......เกลียดกูให้มากๆ เข้าไว้ กูจะได้รักมึงแรงๆ!!!” ผมดูดจูบไปทั่วแผ่นหลังมันก่อนจะผลักออก “มึงเอาออกเองก็แล้วกัน...กูไปรอข้างนอก”
 
ผมทิ้งมันในห้องน้ำและออกมานั่งสูบบุหรี่รอหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย โอ๊ตเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทีอ่อนแรง ขาสั่นพับๆแทบจะเดินไม่ไหวแต่ก็พยายามฝืนตัวไว้ 
 
รอยช้ำและรอยแดงเต็มไปทั่วตัวแม้แต่ข้อเท้ายังไม่เว้น ตรงหัวไหล่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยพร้อมกับรอยขบกัดจากผม เอาจริงๆนะ ลึกๆแล้วผมห่วงและอยากจะเข้าไปอุ้มมันมา
 
“ออกไป!”
 
“ชอบไล่กูจังนะเมีย มานี่สิ” ผมก้าวเท้าไปคว้าตัวมันมากอด ทั้งที่คิดจะอดทนไว้แล้วแท้ๆ “อย่าปากดีนักเลย เดี๋ยวกูก็จัดหนักอีกสักดอกดีมั้ย จุ๊บ!”
 
“ไอ้.......อึกๆ......อึกๆ.......” ใจผมวูบลงเมื่อเห็นหยดน้ำตาของมัน ไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะร้องไห้ให้ผมเห็น
 
“ขอโทษ....แต่กูยอมไม่ได้ว่ะ” ผมโอบกอดมันไว้แน่น อยากจะพูดปลอบให้ได้มากกว่านี้แต่กลับพูดไม่ออก ผมอาจจะทำร้ายมันมาก(เกิน)ไป แต่เพื่อให้ได้มันมาผมก็ยอม ให้มันมองว่าผมเลว
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>
 

ขอบคุณที่ติดตามจร้า ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มีให้มาถึงตอนนี้ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่39(24/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-07-2014 13:46:51
โอ๊ตมองเหนว่าแมนดีตรงไหนเนี่ย อย่าไปยอมเจ้าแมน

ปอลอ ตัวโอ๊ตราคาแพงมาก จ่ายด้วยชีวิตแมนละกัน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่39(24/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-07-2014 14:02:15
โฮๆๆๆ เจ็บปวดหัวใจ T_T
แมน ค่อยๆแก้ปัญหาซิ อย่ารุนแรงมากนัก

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ อัพเร็วมาก เค้าชอบ ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่39(24/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 24-07-2014 16:32:36
 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 28-07-2014 15:39:07
Older Brother.....40
 
 
 
“พี่ธาร.....เดินมาเร็วๆฮะ” ร่างเล็กพูดบอกพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ในขณะที่เดินอยู่ริมชายหาดแห่งหนึ่ง ไปเรื่อยๆโดยมีผมเดินตามอยู่ไม่ไกล
 
“อย่าวิ่งสิ...ช้าๆหน่อย” ลีวายส์ยิ้มให้ผมอีกครั้ง แต่ก็ยังวิ่งไม่หยุด จนผมต้องเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าลีวายส์วิ่งทิ้งห่างผมออกไปไกลมาก
 
“พี่ธารเร็วๆฮะ” เสียงลีวายส์ดังก้องอยู่ในหู ในระหว่างที่ผมวิ่งตามมันไป แต่ร่างเล็กก็ห่างออกไปๆจนลับตา
 
“ลีวายส์!!!.....ลีวายส์!!!” ผมพยายามวิ่งสุดชีวิตและเอื้อมมือไปข้างหน้าหวังจะคว้าตัวมันไว้ แต่อยู่ๆลีวายส์กลับหายแวบไปในทันที ความรู้สึกเหมือนผมขาดอากาศ และหายใจไม่ออกก่อนที่ผมจะทรุดตัวล้มลงอย่างทรมาน “ลีวายส์......ลีวายส์!!!....อึก!!”
 
ผมลืมตาขึ้น....และรวบรวมสติกลับมาคืนมา ผมมองร่างเล็กในอ้อมแขนกอดกระชับวงแขนแน่นขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้หายไปไหน ผมรู้สึกไม่ดีกับฝันร้ายเมื่อกี้เอาซะมากๆเลยจริงๆ
 
“อื๊อออ.........พี่ธาร.....ตื่นแล้วหรอฮะ”ลีวายส์บิดตัวเล็กน้อย ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองผมตาใส
 
“อืม...เจ็ดโมงแล้ว อาบน้ำไป เดี๋ยวจะไปทำอะไรให้กิน จุ๊บ!!!” ลีวายส์พยักหน้ารับ และจุ๊บแก้มผมคืน เมื่อผมจุ๊บมุมปากมันไป จากนั้นก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ เพื่อจะไปโรงเรียน
 
“สวัสดีฮะ ลีวายส์จะตั้งใจเรียนฮะ เย็นนี้พี่ธารมารับเร็วๆนะ เพราะตอนกลางวันลีวายส์ไม่มีโทรศัพท์โทรหาพี่ธารแล้ว ลีวายส์ต้องคิดถึงพี่ธารแน่ๆ”
 
“อย่าให้มันมากไปๆ  อืม....” ผมดึงร่างเล็กเข้าหา ทาบริมฝีปากจูบปากสีสดครู่หนึ่งก่อนจะยอมปล่อย มันทำตัวน่ารักไง
 
ผมมองแผ่นหลังของลีวายส์ที่กำลังเดินเข้าไปในโรงเรียน วันนี้ผมรู้สึกห่วงมันยังไงก็ไม่รู้ เพราะฝันบ้าๆนั่นแท้ๆ
 
(ว่า....แฮ่กๆ) ผมกดโทรหาไอ้เซฟเพราะคิดว่าวันนี้มันคงมาสอน แต่เมื่อได้ยินเสียงของมัน ดูท่าจะไม่ค่อยไหว
 
“มึงเป็นอะไร”
 
(ไม่สบายนิดหน่อย มึงมีไรวะ)
 
“วันนี้มึงมากสอนหรือเปล่า”
 
“เปล่า....กูลุกไม่ขึ้นว่ะ เมื่อวานโดนฝน เมื่อคืนก็หนักหน่อย ไม่ไหวแล้ว อีกอย่างวันนี้ก็ไม่มีสอน มีอะไรหรือเปล่า”
 
“เปล่ามึงพักเถอะ กินข้าวกินยาด้วย” พูดจบผมก็วางสายจากมัน  ตั้งใจจะให้ไอ้เซฟดูแลลีวายส์หน่อยแต่เป็นแบบนี้คงไม่ได้
 
นี่ผมต้องซื้อโทรศัพท์ให้อีกแล้วใช่มั้ย เครื่องแรกก็ทำพัง เครื่องที่สองก็มาหาย ถ้าเครื่องที่สามหายอีกนี่ ชาตินี้ก็ไม่ต้องใช้มันแล้ว เฮ้อออ
 
 
 
วันนี้ผมต้องเข้าบริษัทในช่วงบ่ายเพราะนัดกับคุณแพ็ทไว้เพื่อจะไม่ทำสัญญาทางธุรกิจกับลูกค้าบริษัทอื่นที่กำลังจะเข้ามาทำงานร่วมกัน
 
“คุณธารคะ” เลขาของคุณแพ็ทเรียกผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินผ่านเธอไปยังห้องทำงานของคุณแพ็ท
 
“ครับ”
 
“คือ...เมื่อสามสิบนาทีก่อนมีคนมาถามหาคุณน่ะค่ะ” ถามหาผม....?
 
“เค้าบอกหรือเปล่าว่าชื่ออะไร”
 
“เปล่าค่ะ เป็นผู้หญิงนะคะ...แต่งตัวดูดีค่ะ สูงพอๆกับดิฉันได้” ผู้หญิงหรอ...ใครกัน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าช่วงนี้ผมไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลย ตั้งแต่...เออ กับลีวายส์น่ะ
 
“มีอะไรกันหรอคะ” คุณแพ็ทออกมาจากห้องทำงานในขณะที่ผมยังคงใช้ความคิดอยู่
 
“มีคนมาถามหาคุณอีธารน่ะค่ะ แต่ไม่เจอ”
 
“อ่อ งั้นหรอ เค้าอาจจะมาถามหาคุณอีกก็ได้ถ้าเค้ายังไม่เจอ ได้เวลานัดแล้วค่ะ ไปกันเถอะ” ผมพยักหน้ารับ คุณแพ็ทไม่ใช่เจ้านายที่จะยุ่งเรื่องของลูกน้องอะไรแบบนี้ เลยมีความคิดเห็นออกมาแค่นั้น เธอเป็นคนเก่งครับ ทำงานเก่งมาก ทุ่มเทให้กับการทำงานสูงจนงานทุกอย่างออกมาดี
 
“คุณอีธาร”
 
“ครับ” น้อยครั้งครับที่คุณแพ็ทจะชวนผมคุย ระหว่างที่เราอยู่บนรถ ซึ่งเราต้องไปยังร้านอาหารที่นัดกับลูกค้าไว้ วันนี้ผมอาสาขับรถให้เธอแทนคนขับรถที่ลางาน
 
“น้องชายคุณ....ลีวายส์น่ะค่ะ สิ่งที่เราควรเติมเต็มให้เค้ามันคืออะไรหรอ ดูลีวายส์จะเป็นเด็กน่ารัก เชื่อฟังคุณดี ต่างจาก...แพ็คเกจน้องชายฉัน” ผู้หญิงยังไงก็เป็นผู้หญิงวันยังค่ำ ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็งยังไงแต่ภายในก็ยังมีความอ่อนไหวเสมอ
 
“รัก....รักและเข้าใจ....มั้งครับ” คุณแพ็ทยิ้มให้ผมบางๆก่อนจะมองออกไปยังนอกกระจก ปัญหาครอบครัวมันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน จนบางครั้งเราก็คาดไม่ถึง ผมเองก็ไม่เคยจะรักใครจริงๆจังๆ จนถึงตอนนี้
 
 
 
 
“สวัสดี....ค่ะ...เอ่อ ดูแบบไหนดีคะ” พนักงานสาวของไอสตูดิโอมองผมนิดๆ เหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง “เอ่อ คือ....ถ้าจำไม่ผิด คุณมาซื้อไปสองเครื่องแล้ว ไม่ทราบว่าเครื่องมีปัญหาหรือยังไง เอากลับมาที่ร้านได้นะคะ”
 
“มีประกันแบบ หายหรือเปล่าล่ะ” พนักงานทำหน้างงๆ เมื่อผมพูดเช่นนั้น เฮ้อออ ไม่รู้ว่าผมเป็นกังวลมากไปหรือเปล่าเลยต้องมาแวะซื้อโทรศัพท์ให้ลีวายส์ใหม่อย่างที่คิดไว้เมื่อเช้า
 
หลังจากออกจากไอสตูดิโอพร้อมกับไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ผมก็แวะร้านหนังสือ มาเลือกซื้อหนังสือเกี่ยวกับกฎของนักกฎหมายไทยที่เขี่ยนขึ้นมา เพราะการได้ศึกษาเคสสตาดดี้ของผู้ที่มีความสามารถมันเป็นประโยชน์ในการว่าความในคดีต่างๆได้
 
ไม่นานผมก็มารอรับลีวายส์หน้าโรงเรียนก่อนเวลาเลิกเรียนสิบนาทีเหมือนทุกวัน แต่เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนมันกลับไม่ออกมาจนกระทั้งผ่านไปเกือบๆสิบนาที เป็นอะไรหรือนะ ผมว่าลองโทรถามไอ้เซฟดูดีกว่า
 
(ว่าไง)
 
“ลีวายส์มีคาบเรียนพิเศษหรือเปล่า ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมาอีกวะ”
 
(จะไปรู้หรอ แต่นี่มันเพิ่งเลยสิบนาทีเองนี่หว่า มึงเป็นไรมากป่ะ)
 
“มึงเป็นครูประจำชั้นเหี้ยรัยเนี่ย ไม่รู้อะไรสักอย่าง แล้วนั่นมึงอยู่ไหน”
 
(กูซุ่มจับเด็กอยู่ แม่ง วันนี้หนีเรียนทั้งวัน จนครูประจำวิชาโทรจิกกูเลยต้องถอดร่างป่วยๆ มาวิ่งไล่มัน เนี่ยแหละ งี่เง่าชะมัด!!!) หวังว่าหนึ่งในนั้นคงไม่มีลีวายส์หรอกนะ
 
“เออๆ แค่นี้แหละ กูจะเข้าดูข้างใน” ผมบอกก่อนจะวางสาย จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในโรงเรียน ตอนแรกผมคิดว่าเด็กนักเรียนจะกลับมันหมดแล้ว แต่เมื่อเข้ามาก็เห็นยังมีอยู่อีกหลายคน
 
ผมจอดรถหน้าอาคารเรียนของลีวายส์และลงจากรถ มีเด็กกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาพอดี ผมควรจะลองถามดูดีกว่า
 
“เอ่อ โทษนะ....เด็กเกรดสิบ เลิกเรียนหรือยัง”
 
“ยะ....ยังคะ....อ่อๆ ไม่ใช่ค่ะ คืออยู่ในหอประชุมค่ะ พี่ๆเค้าให้ไปช่วยกันจัดเตรียมงานนิทรรศการน่ะค่ะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มตอบเพราะเพื่อนอีกสองสามคนไม่ยอมพูด ท่าทางๆกลัวๆ
 
“หอประชุมไปทางไหน”
 
“ตรงไปเลี้ยวขาวค่ะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถขับตรงไปตามที่เด็กคนนั้นบอก
 
มีเด็กกลุ่มใหญ่อยู่ในหอประชุมจริงๆ บางคนก็กำลังเดินออกมาบ้างแล้ว ผมจอดรถรออยู่หน้าหอประชุมสักพักก็เห็นลีวายส์เดินสะพายเป้ออกมากับ.....เพื่อน เพื่อนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติมันจะเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงสองคนแต่นี่มัน เด็กผู้ชาย!
 
ผมลงจากรถและเดินไปหามัน ลีวายส์ยิ้มออกมาเมื่อเห็นผมและมันก็เดินมาหาผมทันที
 
“พี่ธาร...มารอนานยังฮะ พอดีลีวายส์ต้องช่วยงานพี่เค้าน่ะฮะ” พี่(?)
 
“นาน” ร่างเล็กทำแก้มป่อง ให้กับคำตอบของผม ที่บอกให้มันรู้ว่า ผมไม่ค่อยพอใจที่ต้องมารอมันนานๆ
 
“สวัสดีคับ” ผมปลายตาไปมองไอ้เด็กนั่นที่เดินมากับลีวายส์เมื่อครู่
 
“เอ่อ นี่พี่ฟิวส์ เป็นคณะกรรมการนักเรียนฮะ” มันยิ้มให้ผมแต่ผมมองมันนิ่งๆก่อนจะยื่นมือไปจับข้อมือลีวายส์ให้เดินไปขึ้นรถ
 
“ลีวายส์.....เอ่อ นี่คับพี่ให้ ขอบใจนะที่มาช่วย” ไอ้เด็กฟิวส์ ส่งดอกไม้สีแดงที่น่าจะทำจากกระดาษหรืออะไรสักอย่างมาให้ลีวายส์พร้อมกับยิ้มหวาน
 
“เอ่อ.........” ลีวายส์มองผมนิดๆ มันก็เห็นว่าผมไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ในตอนนี้ “ขอบคุณฮะ”
 
“ไปได้แล้ว” ผมกระตุกแขนลีวายส์แรงๆให้ไปขึ้นรถ ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง
 
“พี่ธารอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะฮะ เพื่อนลีวายส์กลัวหมดแล้ว”
 
“หน้ายังไง”
 
“ก็...ดูในกระจกสิฮะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกหลัง หน้านิ่งคิ้วขมวดเหมือนโดยแย่งของรักของหวงยังไงยังงั้น รู้ล่ะว่าทำไมเด็กพวกนั่นถึงได้มีท่าทีกลัวๆผม
 
“เฮ้อออ......อย่าไปทำตัวสนิทกับใครแบบนั้นอีกรู้มั้ย ไม่ดี”
 
“ไม่ดียังไงหรอฮะ”
 
“ก็ไม่ดีตรงที่ กูไม่ชอบไง....แล้วไอ้ดอกหน้าวัวนั่นก็ทิ้งไปซะ” ลีวายส์หันขวับมามอง เมื่อผมเริ่มพูดกับมันเสียงดัง
 
“ไม่ใช่ดอกหน้าวัวซะหน่อย” ลีวายส์พูดเสียงอ่อยก่อนจะลดกระจกลงทิ้งดอกไม้ในมืออย่างว่างาย “พี่ธารเป็นไรอ่ะ รอนานไปหรอฮะ ก็ลีวายส์ไม่กล้ายืมโทรศัพท์พี่เค้าโทรนี่ฮะ”
 
“คราวหลังไม่ต้องไปคุยกับไอ้เด็กนั่นแล้ว มันนิสัยไม่ดี” ผมบอกอีกโดยที่ไม่ได้ฟังสิ่งที่มันพูดเลย
 
“พี่ฟิวส์น่ะหรอ เค้านิสัยดีนะฮะ วันนี้เค้าช่วยลีวายส์ตอนที่บอร์ดตกลงมาเกือบทับลีวายส์ด้วยล่ะ แล้วก็ซื้อน้ำมาให้ด้วย”
 
“หยุดพูดถึงคนอื่นซะที!!!!”
 
“พี่ธารเริ่มก่อนนี่”
 
“........................” ใช่กูเริ่มก่อน กูเงียบก็ได้ หึ!
 
ปัง!!!!! เสียงปิดประตูรถด้วยมือของผม หลังจากกลับมาถึงคอนโดในเวลาไม่นาน และผมตรงขึ้นห้องโดยไม่สนใจจะรอลีวายส์
 
“พี่ธาร โกรธหรอฮะ” ลีวายส์ดึงแขนผมไว้ก่อนที่ผมจะเปิดประตูห้อง ผมสะบัดแขนออกจากนั้นก็เปิดประตูเข้ามา ปัง!!! และต่อด้วยปิดประตูห้องทำงานเสียงดัง
 
“พี่ธาร โกรธลีวายส์หรอฮะ พี่ธารคุยกับลีวายส์สิฮะ” เสียงลีวายส์ดังอยู่หน้าห้องโดยมีผมยืนกอดอกมองประตู  ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นต่อใครเป็นรอง
 
“พี่ธาร เปิดประตูฮะ ลีวายส์ขอโทษ” จริงๆผมไม่ได้โกรธมันหรอกแค่ไม่พอใจน่ะ =_=
 
ผ่านไปสิบนาที ลีวายส์เงียบไปไม่มีเสียงเคาะประตู ไม่มีเสียงเรียกใดๆ จนผมต้องแง้มประตูออกดู ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้นหลังพิงฝาก้มหน้าลง ไหล่เล็กสั่นไหวเบาๆ ให้ผมรู้ว่ามันร้องไห้ เฮ้อออ ขี้แยชะมัด
 
“พี่ธาร...อึกๆ....อื๊อออออ” ลีวายส์ผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม มันเขย่งเท้าและกอดคอผมไว้แน่น “อย่าโกรธลีวายส์นะฮะ อึกๆ...ลีวายส์จะไม่พูดกับพี่ฟิวส์ จะไม่มองหน้า จะไม่สบตาจะไม่เข้าใกล้เลยฮะ อึกๆ อื๊อออออ”
 
“หึๆ สัญญาสิ” ผมกอดเอวบางไว้และยกตัวมันขึ้นเล็กน้อยทำให้เท้ามันลอยขึ้นจากพื้น
 
“จุ๊บ! สัญญาฮะ อึกๆ...จุ๊บ...จุ๊บ” ผมยกยิ้มมุมปากเมื่อลีวายส์จุ๊บมุมปากย้ำๆ ให้กับคำสัญญาของมัน หึ! เห็นมั้ยล่ะ ผมชนะใสๆอยู่แล้ว
 
 
 
 
 
Tru......... Tru……….
 
“ว่า......”
 
“เรื่องที่กูให้สืบล่ะ.....ตกลงได้เรื่องหรือเปล่าวะ เงียบนะมึง” ไอ้แมนครับ เสียงมันติดจะหงุดหงิดอะไรมา
 
“เออ เดี๋ยวมึงขึ้นมาเอาเลย”
 
“ขึ้นกับผีสิ กูอยู่หัวหิน มึงสแกนแล้วส่งเมลมาเลยนะ” ไอ้แมน แม่ง ความอดทนน้อยจริงๆ นี่มันคงไปหาคุณโอ๊ตเพราะรอไม่ไหวล่ะมั้ง
 
“เออไอ้สัด! นี่มึงจะไปชิงตัวเจ้าบ่าวเค้าหรือไง แล้วนั่นมึงไปกับใคร หวังว่าคงไม่ได้ไปคนเดียวหรอนะ”
 
“คนเดียว!” ห่าเอ๊ย ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมากับความบ้าบิ่นของมัน ผมเป็นห่วงเพื่อนนะ แต่ถ้ามันยืนยันว่าจะไปจัดการเรื่องของมันด้วยตัวเอง ผมก็...ไว้ค่อยไปเก็บศพทีเดียวก็แล้วกัน เหอะๆ
 
หลังจากส่งข้อมูลไปให้ไอ้แมนเสร็จ ผมออกมาหาลีวายส์ตรงระเบียงพร้อมกับโทรศัพท์ที่ผมซื้อมาให้มันใหม่ ร่างเล็กกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมเดินเข้าไปเงียบๆ ลีวายส์นั่งอยู่บนโต๊ะไม้ตัวยาวสีขาว ลมเย็นๆทำให้ผมหน้าม้าสั้นๆของมันปลิวไหวเล็กน้อย
 
“อ๊ะ....พี่ธารอ่ะ ตกใจหมดเลยฮะ” ผมนั่งลงข้างๆมันและกอดเอวบางไว้แบบหลวมๆ ที่แท้มันก็นั่งพับกระดาษเป็นรูปหัวใจเล็กๆใส่ในขวดโหลนี่เอง
 
“พับทุกวัน เอาไปทำอะไร มีตั้งสี่ห้าขวดแล้ว หืม...ฟอด!!!” หอม..... =,.=
 
“ก็ เก็บรักอย่างที่พี่ธารบอกไงฮะ เก็บรักใส่ไว้ในขวดโหลบ้าง คึคึ พี่ธารชอบมั้ยฮะ”
 
“ใครเค้าหมายความว่าแบบนี้กันล่ะ มันหมายถึง....รัก บอกบ่อยๆ ใช้เปลืองไปมันก็ไม่ดี รู้สึกเหมือนไม่ค่อยมีความหมาย เพราะพูดออกมาง่ายเกินไป เข้าใจหรือเปล่า”
 
“เข้าใจฮะ ลีวายส์....รักพี่ธารนะฮะ จุ๊บ!” นี่มึงเข้าใจจริงๆใช่มั้ย =_=
 
“โอเค เข้าใจก็เข้าใจ แต่ห้ามใช้คำนี้กับใครอีกเด็จขาด รู้มั้ย เพราะมันเป็น....ของกูคนเดียว” ผมจับปลายคางมันไว้ก่อนจะทาบริมฝีปากลงกับริมฝีปากสีสด กดจูบนุ่มนวลย้ำๆ นานนับนาทีก่อนจะถอนจูบออก ร่างเล็กหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำให้ผมก้มลงหอมข้างแก้มมันอีกทีหนึ่ง
 
“อ่ะ.....ถ้าเครื่องนี้หายอีก ชาตินี้ก็ไม่ต้องใช้โทรศัพท์แล้ว เค้าใจมั้ย แล้วก็มีอีก....ห้ามให้เบอร์ใครพร่ำเพรื่อด้วย ไม่งั้นเจอดีแน่”
 
“ขอบคุณฮะ...ฟอด!!! ฟอด!!! พี่ธารใจดีที่สุดเลยฮะ” มีหอมซ้ายขาวเลยว่ะ หึๆ
 
“เอาล่ะ เข้าไปข้างในได้แล้ว เดี๋ยวโดนน้ำค้าง จะไม่สบายเอา”
 
“พี่ธาร ให้ลีวายส์ขี่หลังสิฮะ นะๆๆ นะๆ” เจอลูกอ้อนอีกล่ะ หาเรื่องปวดหลังแล้วกู ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ เฮ้อออ
 
กริ่งงงงง          กริ่งงงงง
 
“อือออ...”  ใครวะ แม่ง กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย(?) บ้าจริง เสียอารมณ์หมด ผมเงยให้ขึ้นจากซอกคอขาวของคนใต้ร่าง ลีวายส์มุดหน้าเข้าไปในผ้าห่มเพราะมันเขิน ไม่ได้จะทำอะไรหรอก กำลังหยอกกันเล่น เชื่อผมสิ!
 
“เปิดช้า ทำไรอยู่วะ หน้าหงิกเชียว” ไอ้เซฟมาครับ เนื้อตัวนี่ อย่างกะไปฟัดกับหมาที่ไหนมา มันเดินผ่านหน้าผมไปในห้องนั่งเล่นและ...นั่งลงบนโซฟา อ้าวเฮ้ย!!!
 
“อ๊ากกก....เฮ้ยๆๆ.....ลีวายส์! มานอนอะไรตรงนี้เนี่ย” ลีวายส์อยากดูหนังเราเลยขนผ้าห่มออกมานอนบนโซฟา เพราะโซฟาสามารถปรับเป็นแบบนอนเอนหลังได้ ไอ้เซฟเลยไม่ทันมอง
 
“พี่เซฟจะฆ่าลีวายส์ทางอ้อมหรอฮะ นั่งทับลีวายส์แบนเลยนะนั่น” ลีวายส์กลิ้งตกลงจากโซฟา ดีนะที่มันยังมีผ้าห่มหนาๆรองรับไว้
 
“ก็พี่ไม่เห็นนี่ครับ ขอโทษน้าาา โอ่ๆๆๆ” ผมดึงแขนลีวายส์กลับมา ก่อนที่ไอ้เซฟมันดึงลีวายส์ขึ้นจากพื้นและทำท่าจะกอด
 
“เยอะไปล่ะมึง..........ไปเอาผ้าขนหนูมาให้มันผืนหนึ่งไป” ผมบอกกลับลีวายส์หลังจากส่งสายตาคมๆไปให้ไอ้เซฟ
 
“แหมๆ นิดหน่อยก็ไม่ได้ วันนี้เราปิดร้านนะรู้ยัง” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ สามสี่วันมานี้ไม่ได้เข้าร้านเลยครับ “เออเนอะ อยู่แต่กับเมีย ไอ้แมนก็หายหัวอีกคน ปิดร้านไปเลยดีมั้ยวะ”
 
“ไอ้กายก็อยู่นี่ มันว่างงาน ให้มันรับผิดชอบไปบ้าง เมื่อก่อนมันแทบจะไม่ต้องทำอะไร”
 
“แต่ตอนนี้มันมีพี่หมอนะ สงสารมัน พี่หมอก็ไม่ค่อยมีเวลา”
 
“งั้นหรอ....มึงโอเคแน่นะ กับเรื่องของมัน” ผมถาม ไอ้เซฟละสายตาจากจอทีวีมามองผม
 
“เออ กูโอเค กูกำลังตัดใจ.....จากมันว่ะ ไม่รู้สิตอนนี้กูแค่อยากเห็นมันมีความสุขก็เท่านั้น กูจะเลิกรักมันให้ได้”
 
“ก็ดี ว่าแต่ มึงไปทำอะไรมา”
 
“นี่ฮะ ผ้าขนหนู พี่เซฟไปทำอะไรมาหรอฮะ อย่างกับไปฟัดกับใครมานั่นแหละ” ในระหว่างนั้นลีวายส์มาพอดี มันส่งผ้าขนหนูให้ไอ้เซฟก่อนจะถามคำถามเดียวกับผม
 
“คือ พี่ไปตามไอ้เด็กขี้เมา....เอ่อ....ก็เพื่อนเราไง รู้มั้ยวันนี้มันโดดเรียนทั้งวันไปกกกันอยู่ที่ร้านเกม ข้างๆโรงเรียน พอมันเห็นพี่นะ วิ่งกระจายจนพี่ต้องตามจับมันเนี่ยแหละ พรุ่งนี้ แม่ง! เจอกูจัดให้ชุดใหญ่แน่” สายตาท่าทางมาดมั่นมากเพื่อนกู
 
“เออ กูลืมบอกไป คือ.....พี่น้ำไปตามหามึงที่ร้านว่ะ ไอ้ธาร”
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>>>
 

น้ำนี่ใครน๊าจะมีคนจำได้รึป่าว  :hao3:  :hao3:  :hao3:  มีกลิ่นมาม่าแต่จะรสอะไรดีน๊า

เจอกันตอนหน้านะค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ สำเนียงไม่ค่อยสวยใช้คำไม่ค่อยถูก มีคำผิดต้องของอภัย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-07-2014 15:55:16
พี่น้ำ....ชื่อเหมือนตัวประกอบนะเนี่ย

******

ขำพี่ธาร หึงเด็กฟิวส์ 55555555555+  :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 28-07-2014 16:46:44
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-07-2014 17:01:14
น้ำ น้ำไหนหว่า คนที่เป็นแม่เลี้ยงลีวาย?? มาเอาเงินแล้วหนีไปป่ะ (ผิดป่าวหว่า)

หวังว่าจะไม่ใช่มาม่าน้ำข้นน่าาา :hao5:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 28-07-2014 17:54:09
น้ำนี่ใช่พี่สาวอีธารป้ะ แม่เลี้ยงลีวาย ผู้ที่ทำให้ลีวายกับอีธารมาพบรักกัน :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-07-2014 17:56:49
มาม่าจะมาทำไม
ไม่ยอมอ่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-07-2014 19:22:18
โอ้ว ว ศ ว อิเจ๊จะกลับมาทำไมเนี่ย ย ย ย ย ย
={       }=
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-07-2014 20:49:19
น้ำไหนน้อออ คุ้นๆอ่ะ
ว่าแต่อิพี่ธารคะ จะหึงโหดไปไหน ดูซิ ทำลีวายส์ร้องไห้เลย ตาแก่ขี้หึง!!

รอตอนต่อไปจ้าาาาา ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่40(28/07/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-07-2014 21:18:33
รอ ร๊อ รอ~~
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่41(01/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 01-08-2014 23:57:57
Older Brother.....41
 
“แฮ่กๆ .........อืมมมม......” ผมเกลียดตอนป่วยที่สุดเลย ป่วยทีไรลุกไม่ขึ้นทุกทีอ่ะ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็ผมเป็นคนกินยายาก เป็นหวัดนิดหน่อยไม่กินยาหรอกครับ อาบน้ำนอนเฉย แล้วผลเป็นไงน่ะหรอ เหอะๆ นอนซมสิครับ
 
เพราะเมื่อวันก่อนตกน้ำ ต่อมาก็โดนฝนและเมื่อคืนดันไปฝืนนั่งดื่มกับเด็กในร้านจนเกือบเช้าอีก กลับมาถึงห้องปุ๊บไข้จับปั๊บ
 
Tru……….  Tru………..
 
ผมควานหาโทรศัพท์ใต้หมอนออกมารับสายทั้งที่ตายังคงปิดสนิท
 
“อืม....”
 
“ครูเซฟ....นักเรียนห้องครูโดดเรียนคาบของดิฉันอีกแล้ว คุณช่วยดูแลนักเรียนห้องคุณด้วยนะคะ”
 
“......................” ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะวางสาย ไอ้เด็กเวรสามตัวอีกแน่ๆ กูชักทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย!!!
 
ในที่สุดผมก็ต้องลุกจากเตียง พาร่างที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้วิญญาณมายังร้านเกมข้างโรงเรียนซึ่งเป็นที่ที่ผมเคยมาลากคอพวกมันกลับเข้าไปในโรงเรียนเมื่อวันก่อน มันยังไม่เข็ดกันใช่มั้ย!
 
“เฮ้ย เย็นแล้วกินไรกันดีวะ” ปอ ออกมาจากร้านเกมและก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้ไอซ์เพื่อนสนิท และตามมาด้วย ไอ้เด็กขี้เมาที่เพิ่งออกมาจากร้านเป็นคนสุดท้าย โดยที่พวกมันไม่ได้สังเกตว่าผมยืนกอดอกดูอยู่ในไกลจากหน้าร้าน
 
“ไปกินกับครูมั้ยเดี๋ยวครูเลี้ยงเอง” - -
 
“เฮ้ย!!! นะ....ไหนใครบอก ว่าครูไม่มาวะ”
 
“นั่นดิไอ้ไอซ์.....แฮ่ๆ” ผมส่งสายตาพิฆาตให้พวกมันเรียงตัว สองคนหลุบตาลงต่ำต่างจากอีกคนที่มองผมแบบนิ่งเฉย “วิ่ง...อ่ะ!!!!”
 
“จะไปไหน.....” ผมขัดนายปอล้มลงเกือบหน้าทิ่ม และคว้าคอเสื้อไอ้สองตัวที่เหลือ “มานี่ ก็บอกว่าจะเลี้ยงข้าวไง...แสบนักนะ แต่ล่ะตัว”
 
ผมลากพวกมันมานั่งร้านข้าวใกล้ๆ และเริ่มปฏิบัติการด่าหูชาระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ
 
“แต่ล่ะคน ใช่ว่าจะยากจน พ่อแม่ส่งให้เรียนไม่เรียน โตขึ้นอยากเป็นอะไร นายปอ”
 
“ยังไม่...คิดคับ” ก้มหน้าตอบ มีกระตุกแขนเสื้อเพื่อนด้วย = =
 
“ไม่มีสมองหรือไงห๊ะ!!! หรืออยากเป็นควายหรอ แต่ควายยังไถนาเป็น พวกเธอทำไรเป็นบ้าง เอาแต่โดนเรียนหนีเรียน จะให้ครูเชิญผู้ปกครองมั้ย นายไอซ์”
 
“ไม่นะคับ โธ่ครู ก็ผมเบื่อนี่ เอาจริงนะ ผมกลับบ้านไปอ่านหนังสือเอายังง่ายกว่านั่งฟังครูโซฟี่สอนอีก น่าเบื่อจะตาย”
 
“แล้วทำไมคนอื่นเค้าเรียนได้ มันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ ถ้าวันหนึ่งนายคิดว่าการหายใจอยู่บนโลกนี้มันน่าเบื่อนายเลือกที่จะตายงั้นสิ” เงิบครับและก้มหน้าต่อ
 
“ใครเป็นคนต้นคิดและชวนกันโดดออกมา ไอ้ขี้เมา” จากที่เบือนหน้าหนี แพ็คมันหันขวับมามองผมทันที เมื่อผมเรียกมันแบบนั้น
 
“เอ่อ....ก็คิดกันหมดเนี่ยแหละครู” ปอเป็นคนตอบแทน ผมส่ายหน้าให้พวกมันและเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมา เลยเอาช้อนเคาะหัวไปคนล่ะที ก่อนจะกินข้าว
 
ว่าจะลงโทษให้สะใจซะหน่อยแต่ก็นะ ลูกศิษย์นี่ ถึงแม้ว่าจะรู้จักกับพวกมันมาไม่นานแต่ผมก็ดูออกว่าแต่ละคนไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย แค่โดดเรียนหนีเรียนตามประสา  เพราะผมเห็นเกรดแต่ล่ะเทอมของพวกมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร บางเทอมยังดีกว่าคนที่เข้าเรียนทุกคาบซะอีก
 
“เอาล่ะ กลับบ้านไปได้แล้ว อย่าไปเถลไถลที่ไหนอีก และก็พวกนายก็ต้องทำความสะอาดห้องเรียนเองหนึ่งอาทิตย์ ครูจะบอกแม่บ้านไว้ว่าไม่ต้องไปทำ เข้าใจ๊”
 
“โธ่ครู” ปอมีโอดครวญครับ และมันก็เดินคอตกไปกับไอซ์
 
“เดี๋ยว” ผมดึงมือแพ็คไว้ก่อนที่มันจะเดินตามหลังเพื่อนออกไป “ฉันไปส่ง...”
 
“ไม่ต้อง!” มันสะบัดมือผมออก แต่ผมดึงกลับมาใหม่ ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ผมก็ ดันมีสายเข้า ใครฟ้ะ!
 
“ว่าไง....กาย” แพ็คพยายามแกะมือผมออก แต่ผมออกแรงกุมมือมันแน่นขึ้น “มึงจะเอากุญแจหรอ เออๆ เดี๋ยวกูเอาไปให้” ผมดึงมือแพ็คไปขึ้นรถ เออ พอดีผมเอารถที่ร้านมาใช้ครับเป็นรถกระบะสี่ประตูใช้บรรทุกของ เพราะขับมอไซค์ไม่ไหว
 
“ไปไหน”
 
“เอากุญแจไปให้เพื่อนก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปส่ง เชื่อฟังบ้างสิ นี่ครูนะนี่ครู” ผมเปิดประตูให้มันเสร็จสรรพ และมันก็ยอมขึ้นรถมากับผม
 
......................................................................................
[แพ็คเกจ:Part]
 
ไอ้ครูบ้านี่มันให้ผมมากับมันทำไมกัน ผมเองก็คงบ้ากว่าที่ยอมมาด้วย เฮ้อออ โลกมันกลมนะครับเดี๋ยวนี้ ทำอะไรซุ่มสี่ซุ่มห้ากับใครไม่ได้ ก็ดูสิแค่ผมเมานิดเดียว(?)และเข้าบ้านผิด เจอกับคนบ้าๆที่เห็นครั้งแรกก็ไม่ชอบขี้หน้าล่ะ ที่สำคัญคนๆนั้นดันมาเป็นครูผมซะได้ เวรกรรม
 
“ลงมาก่อนสิ” ผมเหล่ตามองมัน...เอ่อ ครูน่ะ ชื่อเซฟ จะให้ผมเรียกยังไงดีล่ะ ครูเซฟล่ะกัน แต่อย่าหวังว่าผมจะเรียกให้มัน...เอ่อ...ได้ยิน
 
“..............” ผมไม่พูดครับ เพราะไม่อยากพูดใครจะทำไม(?) ผมมองเข้าไปในผับแห่งหนึ่งพอเห็นชื่อผับก็อ่อล่ะครับ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อใช้ได้ แต่ผมไม่เคยมาเพราะ......อายุไม่ถึง
 
ผมลงจากรถและเดินตามมัน...เอ่อครูเซฟน่ะ ก็ชินปากนี่หว่า เอาใหม่ๆ ผมเดินตามครูเซฟเข้ามาด้านใน พลางมองไปรอบๆ ที่นี่จัดเป็นโซนดูเป็นระเบียบดีแฮะ เวทีสำหรับขึ้นไลฟ์กว้าง พร้อมกับเครื่องเสียงที่ทันสมัย โซนบาร์ก็เยอะ อยากเห็นตอนที่มีแสงไฟวิบวับแล้วสิ
 
“อ่ะ!!!” เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง คนข้างหน้าผมหยุดเดิน ทำให้ผมที่ไม่ทันได้ดูชนเข้าให้ “เดินยัง......” ผมหยุดคำพูดของตัวเองลง เมื่อพบสาเหตุที่ทำให้อีกคนหยุดเดินกะทันหัน
 
มีผู้ชายสองคนกำลังยืนจูบกันอยู่หน้าห้องบนชั้นสอง  ครูเซฟนิดอึ้งไปสามวิก่อนจะหันกลับมาหาผมและยื่นมือมากุมมือผมไว้ แววตาโคตรเจ็บนี่มันอะ....อะไรวะ!
 
“เซฟ.....!” เหมือนคนข้างบนจะเห็นเราเลยเดินลงมาหา “มานานยังอ่ะ...แล้วนี่....ใครวะ”ผู้ชายคนนี้สวยว่ะ อย่างกะผู้หญิงแหนะ ส่วนผู้ชายคนที่เดินตามหลังเค้ามาก็หล่อและดูดีมากด้วย
 
“เพิ่งมา....นี่แพ็คเกจ เป็น...เด็กนักเรียนกูเอง”
 
“อ่อ......พี่หมอจะไปทำงานไม่ใช่หรอ ไปสิ เดี๋ยวกายให้เซฟไปส่งก็ได้” กาย นั่นคงเป็นชื่อของเค้า ส่วนผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น เป็นหมอหรอ ไม่น่าเชื่อเลย
 
“อื่ม.....ไปนะจุ๊บ!!!” ผมเหลือบมองคนข้างๆเมื่ออีกฝ่ายแสดงความรักกันด้วยกันจูบลา ถ้าผมดูไม่ผิด ไอ้ครูเซฟ คงอกหักอยู่ใช่มั้ยวะ
 
“เซฟ มึงไม่สบายหรอ ไหนดูซิ” อีกคนยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของร่างสูงข้างๆผม
 
“ไม่เป็นไรหรอก”
 
“ไม่เป็นไรได้ไง ตัวร้อนนี้หว่า กูว่ามึงขึ้นไปนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวกูไปหายามาให้” จริงด้วยสิ ผมก็เพิ่งรู้สึก ว่ามือหนาที่จับข้อมือผมอยู่มันร้อนกว่าปกติ
 
“แต่กู..ต้องไปส่งแพ็คก่อนน่ะ”
 
“ผมกลับเองได้”
 
“ไม่ได้ ฉันจะไปส่ง”
 
“เฮ้ยๆ ก็...เดี๋ยวกูค่อยไปส่งให้เองก็ได้ เอาเป็นว่า มึงน่ะ ไปพักก่อนนะ ดูสิเนี่ยตัวร้อนจะแย่แล้ว ถ้ารู้เมื่อกี้จะได้ให้พี่หมอจัดยาให้”
 
“เออๆ....ไม่ต้องหรอกกูมียาแล้ว ไป!” อ้าว ดึงมือผมขึ้นมาข้างบนเฉยเลย ไรวะ
 
ร่างสูงผลักประตูห้องห้องหนึ่งเข้ามาก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ภายในห้องก็ไม่มีอะไรมาก มีเตียงนอนตู้เสื้อผ้ากับโซฟาตัวยาวสีดำอีกตัวที่ตอนนี้มีเสื้อผ้าพาดเต็มไปหมด ก็เข้าใจว่าห้องผู้ชายแต่ เก็บบ้างไม่ได้หรือไงกัน
 
“นี่ ไม่กินยาก่อนล่ะ”
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ดีขึ้น ไอ้กายมันก็ห่วงไปงั้นแหละ งี่เง่านา” ร่างสูงพูดในขณะที่หลับตาอยู่ ผมจึงเดินไปนั่งลงใกล้ๆ และเอามือทาบหน้าผากอีกคนดู
 
“กินยาเหอะ เดี๋ยวจะตายซะก่อน” ผมบอกเมื่อรู้สึกว่า อีกคนตัวร้อนมากจริงๆ
 
“โอ่ นี่นายไม่ได้แช่งฉันใช่มั้ย....ว่าแต่ห่วงคนอื่นเป็นด้วยหรอ หยิบยามาให้ทีอยู่ในลิ้นชักน่ะ”
 
“ไม่ได้เป็นห่วง แต่ถ้าเกิด...ตายขึ้นมา ผมอยู่ในห้องคนเดียว ก็ซวยน่ะสิ” ผมส่งยาพร้อมกับแก้วน้ำ บนโต๊ะเล็กข้างเตียงให้ และร่างสูงก็รับไปกิน
 
“พูดซะ คนฟังไม่อยากตายเลย หึ!” ร่างสูงนอนลงอีกครั้ง “อย่ากลับนะ ฉันไม่อยาก อยู่กับมัน”
 
“ใคร.....ผู้ชาย คนเมื่อกี้หรอ.....แฟนเก่า?”
 
“เปล่า.....คนที่ฉันรัก....และกำลัง ตัดใจจากมัน” อกหักจริงๆด้วย ว่ะ เหอะๆ
 
“โดนเค้าทิ้ง หรือว่า รักข้างเดียว หรือว่า...”
 
“หยุดพูดได้มั้ย รู้สึกว่าจะติดเชื้อลีวายส์มานะวันนี้....ถามมากว่ะ” เงียบก็ได้เว้ย ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะอยากรู้เรื่องของเค้าไปทำไม บ้าจริง
 
ผมนั่งลงบนพื้นเอนหลังพิงขอบเตียง หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา แต่พอเล่นไปสักพักแบตก็ดันหมด ชิท์  เฮ้อออ โคตรเบื่อ จะเปิดทีวี เดี๋ยวเสียงก็ดังรบกวนคนป่วยเปล่าๆ นั่นไอแพดนี่ เอามาเล่นคงไม่เป็นรัยหรอกนะ
 
ผมหยิบไอแพดบนโซฟามานอนเล่น เอ่อ.......พอดีปวดหลังเลยขึ้นมานอนบนเตียงซะเลย คงไม่ติดไข้หรอกผมแข็งแรงจะตาย เหอะๆ
 
เฮ๊ะ! รูปบนหน้าจอนี่มัน ลีวายส์ พี่ชายลีวายส์ แล้วก็ผู้ชายคนที่ชื่อกายและก็ครูเซฟนี่ ดูคนทุกจะมีความสุขกันนะตอนถ่ายรู้นี้ ผมล่ะอิจฉาลีวายส์จริงๆเลย ใครๆก็รักมันไปหมดต่างจากผม
 
ผมเข้าไปดูรูปในแกลเลอรี่และเลื่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั้ง เจอกับรูปตัวเอง
 
รูปที่ผมนอนหลับตาพริ้มเปลือยท่อนบนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ตรงซอกคอและหน้าอกมีรอยกดจูบเต็มไปหมด ไอ้ภาพนี่แหละที่ลีวายส์เอาไปให้ดู มันจะถ่ายไว้ทำเหี้ยไร แล้วนี่ก็ยังไม่ลบอีก ลบเองก็ได้เว้ย!!!
 
ผมกำลังจะกดลบแต่นิ้วกลับไปโดนภาพถัดไปขึ้นมา มันเป็นภาพของคนที่ชื่อกาย กำลังนั่งเล่นอยู่กับลีวายส์ในห้องทำงานที่ไหนสักแห่ง ผมจึงเลื่อนดูภาพต่อไปปรากฏว่ามีแต่ภาพของคนๆนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ในภาพจะมีคนอื่นอยู่ด้วยแต่ก็เห็นได้ชัดว่าคนถ่ายโฟกัสไปที่คนคนเดียว
 
ทำไม....ผมถึงรู้สึกอิจฉาเค้าจังนะ หรือเป็นเพราะผมไม่เคยมีใครมารัก ผมเป็นเด็กไม่ดีสร้างแต่ปัญหานั่นสินะ ถ้าคนข้างๆผมรักผมบ้างก็คงดี...........
 
...................................................................................................
 
“อืมมมม.....อ้าว หลับหรอ” ผมมองเด็กที่นอนอยู่บนเตียงกับผมเมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ มันกำลังหลับตาพริ้มเชียว ผมยิ้มให้บางๆก่อนจะก้มลงหอม.... เอ้ย!!! ผมจะหอมมันอ่ะ บ้าล่ะ แต่ว่า มีอะไรติดอยู่ที่จมูกมันด้วยล่ะ
 
“อ่ะ!!!.......โอ๊ะ...โอ้ย จะทำอะไรน่ะ” มันลุกขึ้นพร้อมๆกับตอนที่ผมโน้มหน้าลงพอดี
 
“อะไรเล่า เจ็บเลยเห็นป่ะ......วู้ๆ” ผมลูบหน้าผากให้มัน ก่อนจะเป่าเบาๆ “ห้าทุ่มกว่าแล้วหรอเนี่ย เดี๋ยวไปส่ง ป่านนี้ พี่สาวนายเป็นห่วงใหญ่แล้ว” มันรีบลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำท่าทางเซ็งๆ
 
 
 
 
 
“โอ๊ะ!!! นี่นาย มาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ” เอาแล้วไง เจอลีวายส์เข้าจนได้ ไอ้ธารเองก็เดินตามหลังมา “พี่เซฟรู้ป่ะว่านายเนี่ย โดดเรียนทั้งวันเลยนะ การบ้านก็ไม่ส่ง งานคู่ก็ปล่อยให้ลีวายส์ทำคนเดียว ลงโทษมันเลยฮะ”
 
“เงียบนา ไอ้เตี้ย!!!” แพ็คผลักหัวลีวายส์เข้าให้ ไอ้ธารมันเลยหันมาจ้องเขม็งผม จ้องกูทำไมเนี่ย!
 
“พี่ธารดูมันทำสิ โทรไปฟ้องพี่สาวมันเลยฮะ”
 
“ตัวเองเริ่มก่อนไม่ใช่หรอ....เข้าไปในห้องไป” ลีวายส์ทำหน้างอใส่ไอ้ธารทันทีก่อนจะหันมาผลักแพ็คคืน
 
“พี่กาย ดูดิ มีแต่คนแกล้งลีวายส์อ่ะ” ที่พึ่งลีวายส์มาอีกคนแล้วครับ ไอ้กายไง แม่มันน่ะ เปิดประตูห้องทำงานออกมาพอดี
 
“ไหนๆ โอ่ๆๆ เดี๋ยวพี่กายจัดการเอง  อ้าว ดีขึ้นแล้วหรอเซฟ มึงไม่พักอีกหน่อยล่ะ”
 
“ดีขึ้นแล้ว ค่อยกลับมาพัก เออ ไอ้ธาร กูยืมรถที”
 
“เอาสิ ขับรถดีๆ” ไอ้ธารส่งกุญแจมาให้ก่อนจะพูดบอก เนี่ยแหละครับเพื่อนผม แม่ง ให้รถมาไม่ถามสักคำว่าเอาไปไหนยังไง
 
 
 
“ดูทุกคนรักลีวายส์ดีนะ” แพ็คพูดขึ้น ในระหว่างอยู่บนรถ
 
“ลีวายส์ ไม่มีพ่อแม่น่ะ ทุกคนเลยรักและเอ็นดู มันมากๆ” เพราะเราไม่อยากให้ลีวายส์มีปมด้อยเรื่องความรักและการเอาใจใส่ ถึงแม้ว่าไอ้ธารมันจะไม่เห็นด้วยที่ผมกับกายตามใจลีวายส์มากเกินไป ผมน่ะ ไม่เท่าไหร่แต่ไอ้กายน่ะ มากเลยล่ะ
 
“มีแค่พี่ชายหรอ หน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย”
 
“จริงๆ ลีวายส์เป็นลูกติดของสามีพี่สาวไอ้ธารมัน พี่สาวไอ้ธาร ทิ้งลีวายส์ไว้ให้ไอ้ธาร ตอนแรกมันจะพาลีวายส์ไปทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็ก แต่ว่า มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้มันตัดสินใจเลี้ยงลีวายส์เอง เนี่ยแหละ ทุกคนก็เลยสนิทและรักลีวายส์มากน่ะ”
 
“งั้นหรอ......น่าอิจฉา”
 
“อิจฉาอะไร ลีวายส์ไม่มีพ่อแม่นะ นายน่ะ เลิกแกล้งลีวายส์ได้แล้ว ลีวายส์น่ารักไม่ใช่หรือไง”
 
“อิจฉา ที่คนรอบข้างรักมันต่างหาก....เอ่อ....คือ....” ผมหันไปคนเด็กขี้อิจฉาที่กำลังทำหน้าไม่ถูกเพราะเผลอพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา
 
“หึๆ......นายมีพี่สาวที่รักนายมาก และก็ยังมีพ่อแม่ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่กับนายแต่ฉันเชื่อ ว่าเค้าก็ต้องรักนายมากๆแน่ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉานา”
 
“รักแค่นั้นมันจะพออะไร” ผมไม่เข้าใจที่ผมพูดหรอก รู้แค่ว่าแพ็คแค่ต้องการความรักความเอาใจถึงได้ทำตัวเป็นเด็กเกเร
 
“งั้น ให้ฉันรักนายเพิ่มอีกคนมั้ยล่ะ” ร่างเล็กนิ่งอึ้งไปสามวิ ก่อนจะคว้ากระเป๋าจากหลังรถมาถือ
 
“จะ....จะบ้าหรอ ถึงบ้านแล้วหยุดตรงนี้แหละไม่ต้องเข้าไป” ผมหยุดรถและมันก็รีบลงทันที
 
“พูดจริงนะ....ไม่ได้ล้อเล่น ไม่ต้องเขินหรอก” ผมลดกระจกลง ตะโกนไล่หลังมันไป เหอะๆ ผมจะลองแบ่งบันความรักไปให้แพ็ค เผื่อว่าเด็กคนนี้ จะรับรู้ถึงคำว่ารักได้บ้าง เดี๋ยวนะ! ผมทาบฝ่ามือลงบนหน้าอกด้านซ้ายที่กำลังสั่นไหว หัวใจผมเต้นแรงด้วยล่ะ น่าแปลก หึ!
 
 
วันต่อมา..........
 
“หัวก้อย......แทงๆๆๆ”
 
โป้ก!!!!
 
“หัว!!!” ผมเคาะม้วนกระดาษลงบนหัวนายปอโทษฐานเล่นการพนันไม่เข้าเรื่อง
 
“โธ่ครู นั่นกันอยู่สองคนเอง แล้วอีกอย่างไม่ได้พนันอะไรกันเลย ผมรู้หรอกนาครู ว่าเล่นในโรงเรียนน่ะผิด ถ้าข้างนอกก็ว่าไปอย่าง”
 
“เดี๋ยวเหอะๆ จะโดน ส้วมยิ่งขาดคนทำความสะอาดอยู่ ใกล้สอบแล้ว อ่านหนังสือกันบ้าง”
 
“ครัชๆๆ”
 
“แล้วเพื่อนนายไปไหนล่ะ วันนี้มาเรียนนี่ หวังว่า คงไม่ได้โดดเรียนอีกนะ” เผลอไม่ได้ครับไอ้พวกนี้ บ้างครั้งพอมันรู้ว่าผมมีคาบสอนก็ฉวยโอกาสโดดเรียนตอนที่ผมสอนอยู่
 
“ไปห้องน้ำอ่ะ ไปนานแล้วนะ  เป็นไรหรือเปล่าวะ” นายไอซ์ตอบ
 
“เออๆ เอานี่ขนม ไม่ใช่ของเหลือหรอกแต่ ฉันไม่กินแล้วน่ะ พวกนายกินเถอะ เสียของหมด” ผมโยนถุงขนมลงบนม้าหินให้พวกมัน
 
“พูดซะยาวผมก็สรุปได้อย่างเดียวแหละ ของเหลือ เหอะๆ” จริงๆในถุงนะยังมีขนมที่ผมยังไม่แกะอีกสองสามชิ้น ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนา
 
 
 
“มึงจะเอาไงกับกู แมดน่ะ ขอกูมึงอย่ามายุ่ง” เสียงเด็กผู้ชายดังมาจากมุมด้านในสุดของห้องน้ำชาย ข้างตึกบี ที่เป็นตึกเชื่อมระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร
 
“มึงก็บอกผู้หญิงของมึงสิ ว่าอย่ามายุงกับกู” เสียงนี้ใช่เลย แพ็คชัวร์ ผมจึงเดินเข้าไป
 
“ปากดีนักนะมึง”
 
“ไหนๆ ใครปากดีกัน” เด็กผู้ชายสองสามคนผงะและถอยออกไป เมื่อเห็นผม “นายคงไม่อยากให้เรื่องถึงฝ่ายปกครองใช่มั้ย.........ออกไปได้แล้วไป” พวกมันยกมือไหว้ผมและรีบออกไปทันที
 
“ถอยไปสิ....” นี่คือ....แพ็คมันพูดกับผมครับ ผมช่วยมันไว้แท้ๆนะเนี่ย
 
“ขอบคุณน่ะ ขอบคุณ พูดเป็นหรือเปล่า”
 
“ขอบคุณ!!!! พอใจยัง” เพราะมาก! บ้าเซ้ นั่นมันประชดแล้ว ไอ้เด็กนี่
 
“นายหลบหน้าฉันหรอ ตอนเช้าเรียกก็ไม่หัน เป็นไรปะ หรือว่ายังเขินเรื่องเมื่อคืน” จริงครับ เมื่อเช้าผมเรียกมันหน้าห้อง มันเดินเข้าห้องเฉยเลย ทำเหมือนไม่ได้ยิน
 
“เขินบ้าไรล่ะ ถอยไป จะไปเรียนแล้ว”
 
“เดี๋ยวตั้งใจเรียนเนอะ ยังมีอีกห้านาที รีบไปไหน” งานกวนครับ เอาสิ อยากรู้ว่ามันจะแก้ตัวยังไง คนตรงหน้าผมเริ่มทำหน้าไม่พอใจล่ะ
 
“หยุดล้อซะที บ้าป่ะ จิ๊!” ร่างเล็กผลักผมให้พ้นทางและมันก็รีบเดินออกไป ผมเห็นนะว่ามันหน้าแดงอ่ะ
 
“เรื่องเมื่อคืนไม่ได้ล้อเล่นนะ พูดจริง!”
 
<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>

เหมือนเพิ่งเริ่มเรื่องเลย เหอะๆ หายไปนานขอโทษด้วยนะ

าษาไม่สวยเท่าไหร่น้าา มีคำผิดขอโทษด้วยจร้า

ตอนต่อไปแมนโอ๊ตแน่นอน  อิอิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่41(01/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 03-08-2014 09:55:07
สนุมากกก อิพี่ธารขี้หวงเว่อออ พี่น้ำมาทำไม ต้มมาม่ารอ :z3:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่41(01/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-08-2014 10:09:54
อ่า.... เซฟยังลืมกายไม่ได้สินะ ถ้าจะคบกับเด็กแพ็ค อย่าทำให้น้องเสียใจล่ะ วัยต่อต้านอยู่เลย

TvT ว่าแต่น้ำนี่ตัวประกอบโลกไหนคะนี่ ฝากพี่ธารถีบออกเรื่องไปที เด๋ยวหนูลีวายส์น้อยใจ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่41(01/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-08-2014 10:22:30
อ๊าย เหมือนคู่แพคกัยพี่เซฟจะดีขึ้นน่า
มีจะให้ความรักกันด้วย
เขินแทนแพคอ่ะ
รอต่อไป แพคเปิดใจเร็วๆน่า
หัวข้อ: Re:(โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่41(01/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-08-2014 10:27:03
ชะนีน้ำมาทำอะไร ขออย่าดราม่าเป็นพอ :katai1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่41(01/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-08-2014 14:14:27
อร๊ายยยย คู่นี้น่ารักดีนะ น่ารักแบบโหดๆ ^^
แต่กลัวดราม่ากะกายมากเลยอ่ะ ไม่นะ T_T

รอตอนต่อไปจ้าาา ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 07-08-2014 19:01:29
Older Brother.....42
 
[โอ๊ต:Part]
 
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” ผมเงยหน้ามองผมตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่  ผมสีดำถูกเซทขึ้นอย่างดุดี เข้ากับชุดสูทราคาแพง วันนี้ผมกำลังจะ...แต่งงาน
 
ผมนั่งอยู่ตรงโซฟาหน้ากระจก รอคอยเวลาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้ ไม่มีแม้แต่ความตื่นเต้นหรือประหม่าอย่างที่เจ้าบ่าวคนอื่นๆเค้าเป็น กลับกันผมรู้สึกอยากจะให้มันผ่านพ้นไปเร็วๆซะมากกว่า
 
ไอ้แมน.....ตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่นะ เหอะ! แล้วทำไมผมต้องคิดถึงคนเลวๆแบบมันด้วย ทำไมผมต้องเอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ ตั้งแต่วันที่ผมกลับมาที่นี่ ทำไมในหัวผมถึงได้มีแต่เรื่องของมันอยู่ตลอด
 
“ฟอด!!! ไง.......ที่รัก” ผมเงยหน้าขึ้นมองภาพในกระจก มีอีกคนยื่นซ้อนอยู่ด้านหลังผม และมันก็เพิ่งจะหอมแก้มผมไปเมื่อกี้
 
“เข้ามาได้ไง....มาทำอะไร” ผมถาม ร่างสูงยักไหล่ให้ท่าทางกวนๆ ก่อนจะนั่งเบียดลงข้างๆผม ผมจึงต้องลุกขึ้นเพราะโซฟาเดี่ยวมันแคบ แต่มันกลับคว้าเอวผมไว้ให้นั่งลงบนตักมันแทน
 
“ทำไม กูมาหาเมียมันผิดตรงไหน หืม.....ฟอด!!!”
 
“จะบ้าหรือไง ออกไป เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า มึงจะเดือดร้อน แล้วอีกอย่าง กูไม่ใช่เมียมึง!!!”
 
“พูดงี้ก็สวยสิ เอาเจ้าบ่าวก่อนในวันแต่งาน ก็โอดีนะ” ไอ้แมนส่งสายตากรุ้มกริ่มผ่านกระจกเงามองผม
 
“ทุเรศ ในหัวมึงมีแต่เรื่องอุบาทว์ สัด!” ผมพยายามดิ้นหนีจากแรงกอดรัดของมันแต่รู้อะไรมั้ย ผมไม่เคยทำได้เลย ทั้งที่เราก็ตัวเท่าๆกันแท้ๆ
 
“ขอบคุณ........มึงชอบชมกูจังนะ” หน้าด้านหน้าทนไม่มีใครเกินมันล่ะ “วันนี้มึงหล่อมากนะ” มันจับปลายคางผมให้หันไปสบตากับมัน ร่างสูงยิ้มให้ผมบางๆเห็นฟันเขี้ยว ทำให้ดูหล่อขึ้นเป็นกอง มันหล่อนะแต่ผมไม่อยากจะยอมรับหรอก
 
มันไล่มองใบหน้าผมไปทั่วจนมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปาก เอียงหน้าเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้ามา ทาบริมฝีปากลงกับริมฝีปากผม
 
แน่นอนว่าผมก็ไม่เคยปฏิเสธมันได้เหมือนทุกๆครั้ง รสจูบอ่อนหวานค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามแบบฉบับของมัน แต่ผมกลับรู้สึกดีถึงแม้มันมักจะชอบทำรุนแรงกับผมมากแค่ไหน
 
แกร๊ก!!!!
 
เสียงประตูถูกผลักเข้ามาทำให้ผมผละออกจากมันอย่างรวดเร็ว ไอ้แมนสบถคำหยาบออกมาด้วยท่าทีเซ็งๆ ต่างจากผมที่กำลังจ้องมองใครอีกคนกำลังยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ตรงประตู
 
“มีอะไร เมล์” เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เห็นหรอก
 
“อย่างนี้สินะ.....เมล์เข้าใจแล้วค่ะ” เธอบอกก่อนจะปิดประตูลง ผมตวัดสายตามองคนตรงหน้ามันยักคิ้วให้ผมแบบกวนตีน
 
“มึงออกไปเลยไป”
 
“โอ้ยๆๆ กูทำให้เจ้าสาวมึงเข้าใจถูกซะแล้วสิ” ผมขมวดคิ้วมองมันอย่างไม่เข้าใจ “เข้าใจถูกแทนที่จะเข้าใจผิดไง ไม่ดีหรอ” ถ้าผมฆ่ามันนี่.....ชุดผมจะเปื้อนเลือดป่ะ ชิท์
 
“อย่าปากดีนัก เดี๋ยวมึงจะยิ้มไม่ออก” ผมบอก พลางมองตัวเองในกระจก แม่ง ปากเจ่อหมด ไม่น่าหลวมตัวเลย
 
“มึงรอยิ้มเหอะนา เชื่อกู” ผมมองมันผ่านกระจกเงา ร่างสูงลุกขึ้นมายืนซ้อนด้านหลังผม “คืนนี้ มึงได้เข้าหอกับเจ้าบ่าวแทนเจ้าสาวแน่ จ๊วบ!!!” สัด! มันดึงคอเสื้อผมลงและจูบดูดจนเกิดรอยแดง ดีนะที่มันไม่โผล่ออกมานอกคอเสื้อ
 
“ออกไป!!!”
 
“ไปแล้วๆ......ไล่อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวเจอกัน...เมีย!”
 
“เมียพ่อง!!!!” แม่ง! นี่ผมรักเข้าไปได้ยังไงวะ ตัวเหี้ยในชุดสูทชัดๆ เฮ้อออ
 
 
 
 
“พี่โอ๊ต” ผมมาหาเมล์ในห้องแต่งตัวก่อนจะเข้าไปรอเธอในงาน เพื่อทำพิธี สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนักหลังจากที่เธอเห็นผมกับไอ้แมนเมื่อครู่
 
“เมล์ยัง พอมีเวลาอยู่นะ ถ้าจะตัดสินใจใหม่” ผมรู้เรื่องอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และพยายามบีบให้เธอสารภาพแต่เธอก็ไม่ยอมปริปากพูด ทั้งที่มันกำลังจะทำร้ายตัวเธอเอง
 
“.........................” เธอเบือนหน้าหนีผมอีกเช่นเคย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ “พี่โอ๊ตไปรอเมล์ในงานเถอะค่ะ”
 
“แน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วเมล์จะไม่เสียใจ”
 
“ไม่ค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะตอบผมอย่างไม่ลังเลแต่ดูจากแววตานั้นแล้ว เมล์กำลังกลัว กลัวกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
 
 
งานถูกจัดขึ้นแบบคริสต์ แขกในงานนั่งพร้อมเพรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ผมโค้งกำนับให้บาทหลวงผู้ประกอบพิธี ก่อนจะยืนประจำตำแหน่ง พี่โอ๊คนั่งอยู่ด้านหน้าข้างๆเป็นพี่ชายของไอ้แมนและถัดมาก็เป็นมัน
 
ไอ้แมนจ้องมองผมนิ่งๆ มันอยู่ในชุดสูทสีดำเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันดูดีแบบนี้ ปกติแต่งตัวนี่แบบไม่เข้ากับหน้าตาตัวเองหรอก
 
ยืนรอไม่ถึงห้านาที เพลงบรรเลงก็เริ่มเปิด เพื่อให้แขกทุกคนลุกขึ้นเพราะเจ้าสาวกำลังจะเดินเข้ามาในงาน เมล์อยู่ในชุดราตรีสีขาวยาวเฟื้อยโดนมีคุณพ่อทำหน้าที่เป็นผู้ให้เธอเดินคล้องแขนเข้ามา พร้อมกับเด็กน้อยสองคนที่คอยโปรยดอกไม้ตลอดสองข้างทางพื้นพรม
 
คุณพ่อของเมล์ส่งมือเมล์มาให้ผมก่อนที่ท่านจะเดินไปนั่ง สีหน้าของเมล์ไม่ได้ยิ้มแย้มหรือดูมีความสุขแม้แต่น้อย มือของเธอเย็นเฉียบจนผมรู้สึกได้ จากนั้นบาทหลวงก็เริ่มทำพิธี
 
“นายอัษฎา กับ นางสาวเมธวี ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสหรือไม่” จะให้ผมตอบความจริงไม่ล่ะ หึ!
 
“ครับ/ค่ะ”
 
“เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้ว ท่านทั้งสองพร้อมที่จะรัก และยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจนตลอด ชีวิตหรือไม่” เราสองคนต่างมองหน้ากันและต่างคนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร
 
“ครับ/ค่ะ” แต่ถึงอย่างนั่นก็ไม่สามารถตอบตามความจริงได้ ณ ขณะนี้
 
“ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตร ซึ่งพระเจ้าจะประทานให้และอบรมเลี้ยงดู ตามกฎของพระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรหรือไม่”
 
นิ่งครับ ผมมองคนข้างๆอีกครั้ง มือเธอสั่นและอยู่ๆน้ำตาก็เริ่มคลอ ตามมาด้วยอาการสะอื้นไห้จนกลายไปร้องไห้ออกมาให้ที่สุด ก่อนที่เมล์จะทรุดตัวลงกับพื้นพรมสีแดงทำเอาแขกในงานแตกตื่น จุดจบของคนทำบาปมันไม่ใช่ความตายแต่มันคือความทุกข์ ทุกข์ทรมานในการกระทำอันเลวร้ายของตัวเอง
 
 
 
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ กูต้องการคำอธิบาย” พี่โอ๊คหัวเสียไม่น้อยกับพิธีแต่งงานของผม ที่ล่มไม่เป็นทาง ต่างจากผมที่รู้สึกโล่งอกคล้ายกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง (เวอร์ล่ะโอ๊ต)
 
“นั่นดิ ผมก็อยากรู้” ไอ้แมนครับมันทำหน้าเซ็งๆ ให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 
“อย่าเสือก ให้มันมากนัก มึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมัน” พี่ชายผมครับ ดูท่าเค้าจะไม่ดูกัน อะไรของพวกมันเนี่ย
 
“พวกมึงจะกัดกันทำไม เงียบปากซะบ้างมันจะตายหรอวะ” พี่มาศครับ ที่เป็นคนคอยห้ามปรามกับคำพูดจิกกัดเล็กน้อย
 
“เมล์กำลังท้อง” ผมให้คนของผมไปสืบมา และผมบอกแค่ว่าเธอท้องก็พอ เพราะมันจะทำให้เธอดูแย่ลงมากกว่าเดิม ถ้าจะบอกอีกว่าเธอเคยทำแท้งมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง
 
“กับใครวะ.....คงไม่ใช่มึงหรอกนะ” ปากหมาแม่ง!!!
 
“คงใช่มั้ง....ไอ้เหี้ย” กูก็นอนเอากับมึงอยู่ไม่ใช่หรือไง ไอ้สัด! ชักจะเกลียดมันขึ้นมาอีกแล้วล่ะสิ พูดไม่คิด
 
“ไรวะ แม่ง อุตสาห์เตรียมตัวมาแย่งเจ้าบ่าวแล้วแท้ๆ นี่กูเป็นพระเอกป่ะ!” ไอ้แมน มันทิ้งเอกสารในมือสองสามใบลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี พี่โอ๊คเลยหยิบเอามาดู
 
“นี่อะไรวะ” พี่โอ๊คถาม ในขณะที่ไล่มองเอกสารนั่นไปด้วย ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน
 
“ก็เรื่องที่กูเคยเตือนมึงไง และมึงก็ไม่เคยเชื่อกู ที่นี่ก็ตาแสวงซักที” พี่มาศบอก พี่โอ๊คไล่อ่านเอกสารจบและวางมันลง “เป็นไง เกือบโดนต้มแล้วมั้ยมึง”
 
“เหี้ย คดียังไม่จบหรอเนี่ย เสือกจะให้กูช่วยหนุนหลัง ไอ้ห่า” มีโอ๊คดูจะโกรธกว่างานแต่งผมล่มซะอีก “ใช่ได้นี่มึง.....ตกลงพวกมึงสองคนจะยังไง” พี่โอ๊ค พูดกับไอ้แมนก่อนจะถาม
 
“ทำไม มึงจะอะไรกับพวกมันอีก กูจะบอกอะไรให้นะ น้องกู กูไม่เคยบังคับจิตใจมันเรื่องแบบนี้ ชีวิตมันเป็นของมัน ไม่ใช่ของกู ส่วนมึงก็เหมือนกัน ถ้ายังเห็นว่าโอ๊ตเป็นน้อง มึงก็ควรจะให้มันตัดสินใจเอง” พี่โอ๊คนิ่งคิด เมื่อฟังพี่มาศพูดจบ
 
“ก็....กูถามอยู่นี่ไง ว่าจะเอาไง มึงน่ะ.....” พี่โอ๊คหันไปถามไอ้แมน
 
“ผม....... ก็ต้องเอามันดิ....โอ้ย!!!”
 
“เค้าพูดเอาจริงเอาจัง มึงเสือกทำเล่นๆ เดี๋ยวเหอะๆ เอาดีๆ” ไอ้มาศตบหัวมันเข้าให้ทีหนึ่งค่าเล่นไม่เป็นเรื่อง
 
“พอๆ  จะเอาไงก็เรื่องของพวกมึง กูไม่ยุ่งด้วยแล้ว พวกมึงสองคนกับอีกหนึ่งตัวทำกูปวดหัวหมด เหี้ยอะไรก็ไม่รู้” พี่โอ๊คพูดจบ ลุกขึ้นออกไปจากห้องทิ้งให้พวกผมสามคนมองหน้ากัน
 
“ไอ้เหี้ยโอ๊ค มึงว่าใครเป็นตัว ไอ้สัด” พี่มาศตามพี่โอ๊คที่เดินออกไปจากห้อง ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าพี่ไอ้แมนกับพี่ผมสนิทกันมากกว่าที่ผมคิดไว้ก็วันนี้แหละ
 
“ตกลงเองไง” หืม??? อยู่ๆไอ้แมนมันก็หันมาถาม ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินออกมา “เดี๋ยวดิ โอ๊ตๆ”
 
เมื่อกี้เรานั่งกันอยู่ในห้องพี่โอ๊ค ผมกำลังเดินกลับห้องของตัวเองครับ ไอ้แมนมันเดินตามผมมาและคว้าแขนผมไว้
 
“ปล่อย!!!”
 
“โกรธอะไรกูล่ะ มึงไม่ดีใจหรอ กูดีใจนะที่มึงเองก็.....แก้ปัญหาเรื่องนี้ แทนที่จะอยู่นิ่งๆ”
 
“กูทำเพื่อตัวกูเอง....ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมสะบัดแขนออกและเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่ไม่ไกลหวังจะปิดประตูไม่ให้มันเข้ามาแต่ว่านะ มันหน้าด้านผลักประตู้เข้ามาทันทีที่ผมกดรหัสปลดล็อค เฮ้อออ
 
“ไม่เกี่ยวได้ไงวะ.....โอ๊ต”
 
“จะไปรู้มึงหรอ!!!....ออกไปจากห้องกู....กูเหนื่อย กูอยากนอน” ผมบอกและเดินไปเข้าห้องน้ำ
 
ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับออกมาเห็นมันยังนั่งกอดอกอยู่บนเตียง เสื้อสูทสีดำกับเนกไทสีเดียวกันถูกถอดออกวางไว้บนเตียงข้างๆมัน
 
“นอนด้วย” หน้าด้านสุดๆ
 
“ไป......ให้.....พ้น!!!!” ผมบอก เน้นย้ำแต่ล่ะคำช้าๆชัดๆ
 
“กู.....หน้า.....ด้าน เข้าใจนะ!” พูดจบ มันล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ผมควรทำยังไงกับมันดี ครับ เหอะ!!!
 
ผลัก!!!
 
ผมยกเท้าขึ้นถีบมันจนร่างสูงกลิ้งๆ ไปตกฝั่งตรงข้ามของเตียง ภาพมันแบบ....ผมยังอดขำไม่ได้อ่ะ
 
“ไอ้โอ๊ต! มึงเล่นแรงไปนะ กูเจ็บ! เอวหักป่ะเนี่ย”
 
“มึงทำกูเจ็บกว่าอีก เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก” ผมนั่งลงบนเตียงหันหลังหนี
 
“แต่กูเจ็บกว่า ตอนที่มึงบอกว่า......ไม่ได้รักกู” มันกอดรัดผมจากด้านหลัง คำพูดของมันไม่ได้ล้อเล่นมีเพียงน้ำเสียงจริงจังที่ฟังดูจริงใจทำให้ผมนิ่งอึ้ง “คำพูดของกูอาจจะไม่น่าเชื่อถือแต่ความว่ารักของกู กูไม่เคยบอกกับใครเลยจริงๆ........กูกำลังจะบอกกับมึงนะ!”
 
“......................” ผมจะเชื่อมันดีมั้ย
 
“นอนเหอะ! กูไม่กวนล่ะ ฟอด!!!” ผมกดจมูกลงกับแก้มผมก่อนจะลุกออกไปจากห้อง ผมแอบอบยิ้มให้กับสิ่งที่มันทำ เพราะไม่เคยเห็นมันในมุมนี้
 
เกือบเดือนที่ผมไปอยู่กับมันมา ไม่เคยหรอกครับที่มันจะมาอ่อนโยนอ่อนหวาน มันมีความอดทนน้อย ขี้โมโห ขี้โวยวาย มาวันนี้ มันเปลี่ยนไปถึงจะไม่มากก็เหอะ แต่มันก็พอที่จะทำให้คนรอบข้างมองมันให้มุมใหม่ๆ
 
 
 
 
“อื๊อออ.......” ผมบิดตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอดอัดเหมือนมีก้อนหินมากดทับไว้ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพพร่ามัวในดวงตาค่อยๆเด่นชัดขึ้น อ่ะ! หน้าอก เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ หมายถึงหน้าอกผู้ชายน่ะ
 
ริมฝีปากบางอยู่ใกล้กับจมูกผมเพียงนิดเดียวเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมอง ไอ้แมน! มาเมื่อไหร่เนี่ย
 
ผมไล่มองใบหน้าหล่อคม ตาเรียวสวยปิดสนิท จมูกโด่งหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ดูท่าจะหลับสบายไปนะ เหอะ !
 
 ตั้งแต่วันแรกที่มันมาหาผมที่นี่ผมก็ดูออกล่ะครับ ว่ามันไม่ค่อยได้พักผ่อนหรือแทบจะไม่พักเลย มันโทรหาผมให้ช่วงดึกของวันตลอด แถมยังไม่ยอมวางสายอีกด้วย จนผมต้องเป็นฝ่ายวางสายเอง ถึงอย่างนั้นไอ้แมนก็ยังจะไลน์มากวนอีก แม้ว่าผมจะหลับไปแล้วก็ตาม
 
“กูก็เจ็บเหมือนกัน......ที่บอกว่า ไม่ได้รักมึง” ผมพูด อยากให้มันได้ยินนะ แต่มันน่าอายเกินไปที่จะบอกกับมันตรงๆ
 
“อ๊ะ!!!........” มันทำผมสะดุ้งครับ เพราะอยู่ๆมันก็ลืมตาขึ้นมาซะงั้น “ตื่นนานยังวะ”
 
“ยัง....มึงล่ะ มานอนนานยัง” - -+
 
“ก็.......สักพักแล้ว” มันยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพร้อมกับสะบัดหัวแรงๆ ผมดันตัวมันออกแต่อีกฝ่ายกลับโอบรัดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
“ลุกขึ้น!......ถ้าจะนอนก็นอนไป”
 
“กูกลัวตื่นมาไม่เจอมึงนี่” มันบอกน้ำเสียงปกติและคนฟังรู้สึกไม่ปกติ “นอนเป็นเพื่อนกูก่อนนะๆ หลายคืนแล้วเนี่ยนอนไม่หลับ นะๆ จู๊บ!!!”
 
“ไม่!!! มึงก็นอนไปสิ....เรื่องไรกู” อันที่จริงผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันแต่ดูท่ามันจะเป็นหนักกว่าผม
 
“เออๆ ก็ได้วะ!” อะไรก็ได้? อ้าว! มันลุกขึ้นครับผมเลยลุกตาม มองหน้ามันแบบงงๆ “อ้าวๆ ก็ไม่นอนไง......เออ พอลุก รู้สึกหิวเลยอ่ะ” =_= ผมชินกับความหน้ามึนของมันล่ะครับ
 
 
“พรุ่งนี้พี่จะกลับแล้ว แกจะกลับพร้อมพี่หรือเปล่า....แมน” พี่มาศถาม ตอนนี้เราออกมาทานข้าวกันในร้านอาหารนอกรีสอร์ท พี่โอ๊คก็มาด้วย
 
“ไม่อ่ะ รอกลับพร้อมเมีย” เมียพ่อง! พูดจาไม่มองดูหน้าพี่กูเลย
 
“น้องมึงนี่มัน!!!.....แล้วมึงจะรีบกลับไปไหนไอ้มาศ กูว่าจะพามึงไปเกาะพรุ่งนี่ ไหนบอกอยากทำรีสอร์ทนี่” พี่โอ๊คมองแมนที่เอาแต่กินอย่างเอือมๆ ก่อนจะถามพี่มาศต่อ
 
“ก็มึงบอกว่าเดือนหน้า.....”
 
“ก็ตอนนี้กูว่าง เอาเป็นว่า ไปพรุ่งนี้แล้วกัน กูจะได้พักผ่อนด้วย มีแต่เรื่องน่าปวดหัวอยากไปล้างสมองหน่อย” พี่โอ๊คบอกเหล่มองไอ้แมนกับผมด้วยหางตานิดๆ
 
“ผมขอโทษ” ผมบอก เพราะรู้สึกผิดจริงๆ สำหรับเรื่องยุ่งๆที่ผ่านมา
 
“ไม่ต้อง กูไม่อยากดราม่าส่วน พวกมึงต่อไปจะทำอะไรก็แล้วแต่ กูจะไม่ยุ่งแต่มึง โอ๊ต มึงก็ยังเป็นน้องของกูเสมอ” ผมยิ้มบางๆให้พี่ชายตัวเอง
 
พี่โอ๊คหวังดีกับผมถึงแม้สิ่งที่พี่ทำมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่ตอนนี้พี่โอ๊คคงเข้าใจอะไรๆมากขึ้นแล้ว ไม่อย่างงั้นคงไม่เอ่ยปากบอกว่าจะไม่ยุ่งไม่ว่าผมจะทำอะไรหรอก
 
 
หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็กลับมาที่ห้องส่วนไอ้แมน มันหายไปไหนกับพี่มาศก็ไม่รู้ แต่ช่างเหอะ ให้ทายไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมันกลับมาแน่ เพราะก่อนผมมามันบอกเดี๋ยวตามไป
 
ผมนอนดูหนังอยู่สักพักมันก็กลับเข้ามาจริงๆ ผมหลับตาแกล้งทำเป็นนอนหลับ เตียงนอนข้างตัวผมยวบยุบลงก่อนที่มือหนาของอีกฝ่ายจะถือโอกาสกอดเอวผมไว้
 
“โอ๊ต มึงไม่ต้องแกล้งหลับนา ฟอด!!!......ตื่นเร็ว ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน” หลอกมันไม่ได้ผล ผมก็เลยลืมตาขึ้นมามองมัน
 
“ขี้เกียจเดิน”
 
“แบกไปป่ะ....ไปนา นะๆ กูอยากดู ฟอด!!!” จะหอมทำไมนักหนาเนี่ย!
 
และแล้วผมก็ออกมาเดินเล่นริมชายหาดกับมันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท พระอาทิตย์สีส้มกำลังทอแสงอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า ทำให้บรรยากาศยามเย็นดูสวยไปอีกแบบ
 
“กูหล่อป่ะ” อยู่ๆไอ้แมนมันก็ถามขึ้นมาพร้อมกับมือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมไว้
 
“ไม่เลยสักนิด”
 
“กูนิสัยดีป่ะ” มีถามต่อครับ มันดึงแขนให้ผมหยุดเดินและหันหน้าไปหามัน
 
“เลวมาก”นี่ผมด่ามันอยู่นะ มันยังยิ้มให้ผมอีก แถมยังให้เขี้ยวด้วย น่าหมั่นไส้วะ ถีบลงทะเลดีมั้ย
 
“แล้ว ถ้าคนเลวๆอย่างกูจะรักมึงล่ะ” วันนี้มันกินยาผิดมาหรือเปล่า เอาแต่พูดจาแบบนี้ทั้งวัน มันต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ
 
 และมันก็ทำให้ผมแปลกใจอีกเมื่อร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าผม ยกมือขวาขึ้นทาบอกซ้าย ผมก้มลงมองมัน ที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเช่นกัน แสงพระอาทิตย์อ่อนๆ ส่องใบหน้าหล่อเหลาเล็กน้อยส่งผลให้นัยน์ตาของมันเป็นประกายน่ามอง
 
“ผมนายมนัสวิน จะขอรักนายอัษฎา และขอสัญญาว่า จะดูแล ซื่อสัตย์ และมั่นคงต่อความรักครั้งนี้ไปตลอด จนกว่า ชีวิต จะหาไม่”
 
ผมนิ่งอึ่งไปในทันที นี่ผมฝันอยู่หรือไงกัน ไอ้แมน แม่ง ต้องบ้าไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่นั้นมันยังหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือซ้ายผมไป แหวน!
 
มันค่อยๆบรรจงสวมแหวนให้ผมและจูบลงบนหลังมือเบาๆ
 
“กูอายนะ...แต่ก็ทำไปแล้ว” คิดว่ากูไม่อายหรือไง บริเวณนี้ใช่ว่าจะมีแค่ผมกับมันนี่ “กูไม่ถามมึงนะว่ารักกูมั้ย....”
 
“ทำไม”
 
“อ้าว ถ้ามึงตอบว่า ไม่รักกู ก็จบเห่น่ะสิ ฉากนี้คิดนานนะเว้ย”มันลุกขึ้นหลังจากพูดจบ  ไอ้สัด! หมดอารมณ์เขินเลยวะ
 
พระอาทิตย์หายลับไปจากเส้นขอบฟ้า ความมืดย่ามกลายเข้ามาแทนที่ ร่างสูงรวบตัวผมเข้าหาและกอดไว้แบบหลอมๆ ถามว่าผมรู้สึกยังไงหรอ ก็....ดีใจนะ...แต่ที่สำคัญคือ...มีความสุขมากครับ
 
ความรักสำหรับผมมันไม่จำเป็น ต้องหวานซึ้งกินใจ แต่แค่เราใช้หัวใจมองหัวใจของกันและกันมันก็เพียงพอแล้ว
 
 
ต่ออีกนิด........
 
 
“อื๊อออ......พอ....”ผมบอกกับอีกคนเสียงพร่าเพราะรู้สึกล้าไปทั้งตัว
 
“อีกนิดไม่ได้หรอ......นะ....นะ คนดี” อีกนิด อีกหน่อย อีกที มาหลายรอบจนกูหมดแรงแล้วเนี่ยนะ ถ้ากูเชื่อมึงอีก ก็โห ล่ะ!
 
“ไม่! ...... กูเจ็บไปทั้งตัวแล้วไอ้สัด!!!” หมดความอดทนแล้วครับ แม่ง!!!
 
“โธ่....เข้าหอทั้งทีนา เอาให้คุ้มสิ” หอพ่องมึงสิ ได้ข่าวว่ามึงได้กูตั้งนานแล้ว....ตั้งแต่กลับมาถึงห้องตอนค่ำ มันก็เอาๆๆๆผม จนตอนนี้จะสี่ทุ่มอยู่แล้วเนี่ย
 
“พอเถอะ.......” ผมบอก ทำเสียงอ้อนกลับไปบ้าง =_=
 
“ก็ได้ๆ.........แต่.......หลังจากรอบนี้นะ” เหี้ย!!! นี่สรุปมันจะเอากูให้ตายคาทีเลยหรือไง
 
“อื๊อออ.........” ผมพยายามดันร่างสูงออกจากตัวแต่ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดผมจึงไม่สามารถทำได้ ก็ต้องยอมมันไปตามระเบียบ
 
ร่างสูงรุกจูบริมปากผมจนเจ่อไปหมดก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานในโพรงปาก จากนั้นริมฝีปากร้อนของมัน ลากลงต่ำไปเรื่อยๆ คล้ายกับกำลังปลูกความร้อนในตัวผมให้เพิ่มมากขึ้นและมันก็ได้ผลดีทีเดียว
 
“ขยับนะ....” มันกระซิบบอกก่อนจะขยับแท่นร้อนที่อยู่ในตัวผมตั้งแต่แรกเบาๆ ผมก็รู้สึกเจ็บและจุกแม้จะผ่านมาแล้วมากกว่าสองรอบ
 
“อ๊ะๆๆ....ช้าๆ...สิ” จะกี่รอบกี่รอบมันก็ไม่เคยจะอ่อนโยนได้สักครั้ง มันจะคลังอะไรนักหนา แต่ผมก็รู้สึกดีนะ
 
“รักนะ” มันกระซิบอกก่อนจะขยับแรงๆอีกสองสามครั้ง น้ำรักอุ่นร้อนเข้ามาให้ตัวผมพร้อมๆกับที่ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างอ่อนล้าเต็มทน
 
“กูก็รัก.......มึง”
 
<<<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>
 
เสียใจที่มันไม่ได้ดราม่าอย่างที่คิดไว้ TOT

ภาษาไม่สวยเท่าไหร่น้าา มีคำผิดขอโทษด้วยจร้า

และขอโทดที่มาช้าช่วงนี้กิจกรรมเยอะ :katai1:  :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-08-2014 19:08:01
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ซึ้งงง โอ๊ตกะแมน

ในที่สุดๆๆๆ พูดไม่ออกเลยค่ะ โอ้ยยยย แต่งงานกันแล้วๆๆๆๆๆๆๆ  :z3: :z3: :z3:

ดีใจที่สุดดดดด  :katai4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Warr ที่ 08-08-2014 18:19:47
สนุกมากคะ -^0^-~~ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-08-2014 20:53:33
โฮๆๆ น้ำตาจิไหล เค้าบอกรักกันแล้วอ่ะ
ตอนนี้ซึ้งมากอ่ะ แมนมันก็ทำแบบนี้เป็นนะเฟ้ยยยย อิอิ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปๆๆๆๆ  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 08-08-2014 22:39:18
ดีใจมากๆ ในที่สุดคู่นี้ก็ลงเอยด้วยดี :heaven
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-08-2014 22:45:21
ดีใจกับคู่นี้มากเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: INeLo ที่ 11-08-2014 23:34:39
รักกันแล้ววววววว อิอิ

ต่อไปก็เชียร์ ลีวายธาร เซฟแพ็ค สินะ

รอๆๆๆจ้า

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 13-08-2014 14:23:47
คู่แมนโอ๊ตเคลียร์กันได้ซะที >.<
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่42(07/08/14)
เริ่มหัวข้อโดย: newone ที่ 13-08-2014 18:41:24
สนุกมวากค่าาาา เข้ามาเชียร์น้องหนูกับคุณพี่ชาย เค้าอ่านยาวรวดดดเลย แต่แอบอ่านแต่ตอนสองพี่น้องปลอมๆอ่ะค่ะ
แบบว่า อิน  :sad11:สงสารน้องมากเลย  :m15:ดีที่มีแดดดี๊รวยแล้วก็รอบคอบนะ ชอบเด็กน้อยเด็กฉลาด  :impress2: น่ารัก ใสๆ
ที่สำคัญรักเดียวใจเดียว เอาใจช่วยต่อนะคะ ให้ผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ ให้ไอ้พี่ช่วยบอกรักเด็กไวๆด้วยเหอะ
ดูแล้วน้องจะคิดมากทีเดียว มาต่อไวๆนะค๊าาา :pig4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่43(07/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 07-09-2014 09:35:59
Older Brother.....43
 
“ลีวายส์ ลีวายส์....อยู่ไหนน่ะ”
 
“ฮะๆ อยู่นี่ฮะ.....พี่ธารมีไรอ่ะ” ร่างเล็กวิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผม ลีวายส์ใส่เสื้อยืดลายจุดสีชมพูกับกางเกงยีนขาสั้นที่ผมเก็บใส่ตู้ไว้ด้านในสุดเพราะสั้นเกิน เลยไม่อยากให้มันเอาออกมาใส่อีก แต่นี่คงจะไปค้นตู้มาอีกแน่ๆ
 
“ทำไมไม่ปลุก....นี่จะค่ำแล้ว ไม่รู้หรือไง”
 
“รู้ฮะ ก็ดูท่าทางพี่ธารหลับสบายนี่นา อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด พี่จะได้พักผ่อนเยอะๆไงฮะ” ลีวายส์เดินมานั่งลงบนพื้นพรมข้างๆผม มีหนังสือติดมือมานั่งอ่านด้วย
 
“อ่านหนังสือหรอ....” ร่างเล็กพยักหน้ารับ “ฟอด!!! งั้นอ่านไป เดี๋ยวจะทำอะไรมาให้กิน หิวหรือยัง หืม”
 
“ตอนแรกก็ไม่หิวฮะ แต่พอพี่ธารถาม ท้องบอกว่าหิวเลย” ลีวายส์ลูบหน้าท้องตัวเองให้ผมดู
 
“ไหนดูสิ ท้องบอกว่าไง....”
 
“ไม่เอาฮะพี่ธาร อ่าๆๆๆ อย่าแกล้งสิฮะ อ่าๆๆๆ อ่ะ! พี่ธาร.......!!!” ลีวายส์บอก เมื่อถูกผมดันร่างมันลงไปนอนราบกับพื้นก่อนจะมือไว้เลิกเสื้อขึ้นและซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบของมัน
 
“อ้าว....ไหนบอกท้องพูดได้ ไหนวะ ไม่เห็นได้ยินเลย” ลีวายส์เริ่มทำหน้างอและรีบดึงมือผมออกจากชายเสื้อของมัน เมื่อผมจูบลงบนหน้าท้องหลายๆครั้ง
 
“พี่ธารอ่ะ ไม่เล่นแล้ว ลีวายส์หิวจริงๆนะ คึคึ เอาหน้าออกไปเลยฮะ”
 
“หึ......จุ๊บ!!! อ่านหนังสือไป” ผมบอกหลังจากจุ๊บมุมปากเล็กโทษฐานทำหน้าตาน่ามันเขี้ยว จากนั้นผมจึงลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเข้าครัวทำอะไรกินเป็นมื้อค่ำ
 
อาทิตย์หน้าลีวายส์ก็จะสอบแล้ว เห็นบ่นๆอยู่ว่าความจำไม่ค่อยดี วันนี้ผมเลยพาไปซื้อพวกเครื่องดื่มอะไรของมันมาเยอะแยะก็ไม่รู้ มีซุปไก่บ้าง วิตามินบ้าง ยาบำรุงบ้าง เล่นเอาเลือกไม่ถูกว่าจะกินอันไหนก่อนหลังดี
 
“โอ๊ะ น่ากินๆ กินเลยนะฮะ” ผมทำสปาเก็ตตี้มาให้ลีวายส์ในห้องนั่งเล่น ที่ตอนนี้กลายเป็นรังรัก....เหอะ! ก็ช่วงนี้เราขลุกกันอยู่แต่ในห้องนั่งเล่น แถมยังลากผ้าห่มมานอนอีกด้วย เลยไม่แปลกที่ผมจะเรียกว่ารัง เพราะทั้งผ้าห่มทั้งหมอนในห้องนอนมากองอยู่นี่หมด
 
“อร่อยมั้ย”
 
“ก็......................” เดี๋ยวนี้ลีวายส์มันมีกวนตีนครับขอบอก สีหน้ามันคิดหนักมากเลยดูดิ
 
“ถ้าบอก ไม่ จะได้กินอย่างอื่นแทนแน่ๆ”
 
“อร่อยที่สุดในห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ โลกเลยฮะ” เว่อร์มาก ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือกลัวจะโดนกินอย่างอื่นที่ผมว่ากันแน่ เหอะๆ
 
 
 
“พี่ธารๆ ลีวายส์ไม่เข้าใจตรงนี่อ่ะ พี่ธารสอนหน่อยนะๆๆๆๆ” ลีวายส์ใช้หน้าถูๆกับต้นแขนผม กล้ายกับแมวน้อยยังไงอย่างงั้น
 
“อ่านสิ อ่านหลายๆรอบเดี๋ยวก็เข้าใจ”
 
“แต่ลีวายส์อ่าน เป็นสิบๆรอบแล้วนะฮะ ไม่เห็นเข้าใจอย่างที่พี่ธารบอกเลย นะๆ จุ๊บ! นะๆ อ่ะให้จุ๊บทีนึ่ง” ถ้าเป็นคุณยอมป่ะล่ะ ก็ไม่รู้สินะแต่ผมยอม
 
“จุ๊บ! เดี๋ยวนี้พัฒนานะมึง.......ไหนดูซิ” และผมก็ต้องวางมือจากงานของตัวเองมาเป็นติวเตอร์จำเป็นให้กับมัน
 
 
ผ่านไป ยี่สิบนาที.................
 
 
“โอ้ยๆๆๆ เจ็บนะฮะ หูลีวายส์แดงหมดแล้วฮะ โอ้ยยยย” เสียงครวญครางโอดโอย ดังตั้งแต่ผมเริ่มติวแล้วล่ะ
 
“ต้มกิน อย่างนี้ต้องต้มกิน ขนาดอ่านสิบรอบสอนยี่สิบยังไม่จำ ต้มกินเลยดีมั้ย”
 
“แบบนั้น ทำได้ด้วยเหรอฮะ” เอากับมันสิ เนี่ยล่ะนะ ผมถึงไม่ตอบรับคำขอของไอ้กายที่มันจะให้ผมไปเป็นครู ผมได้เตะเด็กตายแน่ๆ ขนาดกับลีวายส์ ผมยังดึงหูมันจนตอนนี้แดงไปหมดทั้งสองข้างล่ะ
 
“ลองมั้ยล่ะ!!!” ลีวายส์ ทำปากยื่นหน้างอก่อนจะนอนลง เอาหัวหนุนตักผม “ถามจริงๆ นี่จำไม่ได้หรือไม่เข้าใจกันแน่” ผมถามลีวายส์เงยหน้าขึ้นมองตาใส
 
“ไม่เข้าใจฮะ” ตอนเสียงแผ่วมากครับ มันเป็นวิชาเกี่ยวกับจิตวิทยาของมนุษย์ ผมก็เข้าใจนะว่ามันยาก และดูเหมือนลีวายส์ไม่ชอบด้วยถึงไม่เข้าใจ
 
“โอ้ยยยย....กูจะบ้าตาย!!!” มาปวดหัวแทนผมทีครับ
 
เมื่อมันไม่เข้าใจผมก็ต้องสอนแล้วสอนอีกอยู่ราวๆกว่าห้ารอบจนลีวายส์เริ่มเข้าใจและตอบคำถามผมได้ มีบ่นด้วยนะ นั่งบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว เหอะๆ
 
 
 
“คึคึๆ......” ผมหันกลับมาทำงานของตัวเองบ้าง ส่วนลีวายส์นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆเนี่ยแหละ มันยิ้มกับโทรศัพท์เหมือนคนบ้ามาสักพักแล้ว จนผมเริ่มสงสัย
 
“ดูอะไร ยิ้มเหมือนคนบ้า ไหนมาดูซิ” ผมดึงโทรศัพท์ในมือมันมาดู.....ก่อนจะตวัดสายตาไปมองมันเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
 
“................” ลีวายส์ก้มหน้างุดหลบตาผม
 
“พี่ธาร....ลีวายส์ขอโทษ ก็..........ลีวายส์เห็นว่าน่ารักดีนี่นา”
 
“ไม่ต้องมาคุยด้วยเลย.....สนุกหรอ ห๊ะ!” สีหน้าของมันเจื่อนลง ก่อนจะกอดเอวผมไว้ และซบหน้าลงมา
 
“รูปนี้น่ารักออก....งั้นลีวายส์ลบก็ได้ แต่พี่ธารอย่าโกรธนะ นะๆๆ ฟอด!!!” มีหอมแก้มง้อด้วย เหอะ!
 
“น่ารักกับผีสิ นอนอ้าปากพะงาบๆ แถมยังมีโบว์สีชมพูติดผมอีก อะไรของมึง หืมๆ” ผมกอดคอมันและกดลงบนตัก
 
“พี่ธาร ลีวายส์หายใจไม่ออกฮะ”
 
กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงง
 
ในขณะนั้นเอง มีเสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ผมจึงปล่อยมัน ร่างเล็กยิ้มนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู คงจะเป็นไอ้แมนหรือไม่ก็ไอ้เซฟล่ะมั้ง
 
“ลีวายส์....ใครมาน่ะ” ผมลุกตามไปดู เพราะมันไปเปิดประตูช้ากว่าปกติ
 
“ลีวายส์ ลีวายส์จริงๆด้วย แม่คิดถึงลีวายส์มากเลยนะ ลีวายส์ของแม่” ภาพตรงหน้าทำให้ผมกำหมัดแน่น ผู้หญิงคนนี้กลับมาทั้งที่หายไปเป็นปีๆ เพื่ออะไรผมไม่อยากรู้ ช่างมัน แต่ผมจะไม่มีวันให้เธอทำร้ายและเข้าใกล้ลีวายส์อย่างแน่นอน
 
พรึ่บ!!!!
 
“ออกไปจากบ้านกู” ผมผลักเธอออกจากลีวายส์ และดึงร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ลีวายส์ดูจะตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ เธอก็โผล่มาแบบไม่บอกไม่กล่าว
 
“อะไรไอ้ธาร นี่มึงตอนรับพี่มึงอย่างนี้หรอ....เหอะ!”
 
“แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับสิ่งที่มึงทำกับกู ออกไป......ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ถึงแม้เธอจะเป็นพี่สาวของผมแต่ผมก็รู้นิสัยของเธอดี คนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใจดีด้วย
 
“โธ่.....กูไม่ได้ตั้งใจนา ลีวายส์แม่ขอ.....” ผมดึงลีวายส์ให้ก้าวถอยหลังหลบมือที่กำลังจะเอื้อมมาจับมัน “จิ๊! แม่ไม่ได้ตั้งใจนะ...ก็ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกนี่ อีกอย่างฉันตัวคนเดียวด้วยจะเลี้ยงเด็กได้ยังไง”
 
“แล้วก็ทิ้งมันไว้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากูจะเลี้ยงดูมันได้หรือเปล่าเนี่ยนะ ใช้อะไรคิดวะ”
 
“แต่มึงก็....ทำได้นี่....ดูสิลีวายส์ของเราโตเป็นหนุ่มแล้ว”
 
“อย่ามาจับมัน......เข้าไปในห้องก่อน อย่าออกมาจนกว่ากูจะเรียก” ผมบอกกับลีวายส์ ร่างเล็กพยักหน้ารับและเดินไปยังห้องนอนทันที “อย่าแถมาแถวนี้”
 
“ไอ้ธาร กูรู้ว่ากูทำความเดือดร้อนให้มึงมาตลอด แต่ต่อไป กูสัญญาว่ากูจะไม่ทำให้มึงเดือดร้อนอีก แล้วอีกอย่างต่อไปมึงจะได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องคอยดูแลใครไง แค่มึง....ให้ลีวายส์ไปอยู่กับกู” นี่แหละครับ คือสิ่งที่ผมคิดไว้ว่าเธอมาเพื่อจุดประสงค์นี้แน่นอน
 
“ไม่....มี...วัน” ผมบอกอย่างชัดเจน “และก็....อย่ามาเข้าใกล้กูกับลีวายส์อีกไม่อย่างงั้น คำว่าพี่น้องก็ช่วยค้ำคอไว้ไม่ได้”
 
“มึงคงใช้เงินในการเลี้ยงดูมันไปมากถึงไม่อยากให้มันไปใช่มั้ย มึงต้องการเท่าไหร่ สิบล้านหรือยี่สินล้าน มึงก็เอาจากมันไปสิ ให้มันมาอยู่กับกูนะไอ้ธารแค่นี้ มึงก็สบายแล้ว”
 
“อย่าเอาความคิดต่ำๆ ของตัวเองมาตัดสินกู กูดูแลมันมาด้วยเงินของกูและไม่เคยคิดจะแตะต้องเงินของมันแม้แต่สตางค์เดียว!!! มึงออกไปเลย มาทางไหนกลับไปทางนั้น!!!” ผมบอกเสียงเข้ม ถ้าเธอยังยืนอยู่ในห้องผมอีกแค่นาทีเดียวผมจะต้องถีบเธอออกไปแน่
 
“ก็ได้....แต่จะบอกอะไรให้นะ ยังไงฉันก็จะต้องเอามันมาอยู่กับฉันให้ได้ คอยดู” ทั้งสีหน้าและแววตาของเธอดูโกรธจัดก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยกับปิดประตูเสียงดัง หลังจากทิ้งความกังวลใจไว้ให้ผม
 
สิ่งที่ผมกลัวกำลังจะเกิดขึ้น แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้แน่ๆ พี่สาวผมต้องมีแผนอะไรสักอย่างเพื่อจะพาลีวายส์ไปอยู่กับเธอ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว มันทำให้ผมเครียดขึ้นมาทันที
 
 
 
“พี่ธาร.........” ลีวายส์นั่งอยู่บนเตียง ร่างเล็กเงยหน้ามองผมพร้อมกับโอบเอวผมไว้แบบหลวมๆ ลีวายส์เองก็น่าจะจำได้ว่าเธอคนนั้นเคยเป็นแม่ของมันในช่วงเวลาหนึ่ง
 
“ต่อไป ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาอีก ไม่ต้องเปิดประตู เข้าใจมั้ย” ลีวายส์พยักหน้ารับ ผมนั่งลงข้างๆมันก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอด
 
“พี่ธาร.....แม่....เค้าจะมาพาลีวายส์ไปหรอฮะ”
 
“อื่ม......อยากไปหรอ” ลีวายส์สั่นหัวทันที “ดีแล้ว เพราะถึงมึงอยากไปกูก็ไม่ยอมมึงไปเด็จขาด” ผมมองสบตาร่างเล็กก่อนจะกดจูบริมฝีปากนุ่มตรงหน้า ลีวายส์เองก็จูบตอบเช่นกัน
 
รสจูบหอมหวานทำให้ผมไม่สามารถละริมฝีปากออกได้ จนต้องสอดลิ้นร้อนเข้าไปภายในโพรงปากของอีกฝ่ายลิ้นเล็กอ่อนนุ่มเกี่ยวตวัดลิ้นร้อนของผม ถึงแม้จะไม่ช่ำชองแต่ก็ถือว่าโอเคสำหรับผมแล้ว
 
จากแค่จูบ อารมณ์บางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น มือไม้ผมปัดป่ายไปทั่วร่างเล็ก จากรอบเอวไล่ไปยังโคนขาเรียว ลีวายส์เอนตัวไปด้านหลังในขณะที่ริมฝีปากเรายังคงจูบกันอย่างดูดดื่ม ผมเลิกเสื้อตัวบางของคนใต้ร่างไล่นิ้วเข้าไปสะกิจตุ่มไตยอดอกเล็กเบาๆ ทำให้ร่างเล็กแอ่นอกรับอย่างเสียวซ่าน
 
“อื๊อออ.............” ลีวายส์ครางเสียงหวาน ผมล่ะริมฝีปากออก ไล่ลงมาจูบซับซอกคอขาวสร้างรอยสีหวาน  ผมสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากแป้งฝุ่นที่มันใช้เป็นประจำเข้าปอดก่อนจะดึงร่างเล็กขึ้นมานั่ง
 
“รู้มั้ย เราเป็นอะไรกัน” ผมทัดเส้นผมกับหูลีวายส์และเกลี่ยแก้มใสเบาๆ แก้มทั้งสองข้างของมันกำลังขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามอง
 
“เป็น......คนรักกันฮะ...ลีวายส์รักพี่ธาร” ร่างเล็กพูดจบ ผมฉกจูบริมฝีปากบางทันที
 
“ใช่ คนรักกันต้องอยู่ด้วยกัน จริงมั้ย” ผมกระซิบถาม ลีวายส์พยักหน้ารับอีกครั้ง ผมจึงดึงเอวร่างเล็กขึ้นมานั่งคร่อมตัก และกดท้ายทอยมันลงมากดจูบ
 
 
 
“อื๊ออ.....อ่า.....พะ....พี่.............”
 
“ซีดดดด.......เก่งมาก เก่งมากคนดี....อ่าาาาา” ความคับแน่นภายในตัวของอีกคนทำให้ผมบ้าคลั่งได้เสมอ ร่างเล็กโยกตัวอยู่บนร่างผม เรือนร่างเปลือยเปล่าน่าสัมผัสน่ากลืนกินตรงหน้า มีเม็ดเหงื่อผุดตามผิวสีน้ำนมของมันไม่น้อย
 
“อ่ะๆๆๆ....เจ็บ.....อ่า....พี่ธาร.....อื๊ออออ” ลีวายส์ครางประโยคนี้เดิมๆนักครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี
 
“จ๊วบๆ....ซีดดดด.....อ่า ถ้าเจ็บก็รีบทำครับ” ผมบอก ร่างเล็กบีบไหล่ผมแน่น และโยกตัวเร็วขึ้นอีก
 
ผมบีบคลึงสะโพกกลมไปทั่วด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างกำลังกำผ้าปูที่นอนแน่น ระบายอารมณ์คลุ้มคลั่งในตัว เพื่อไม่ให้ตัวเองเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายรุก เพราะถ้าเกิดผมเป็นผฝ่ายรุก  ผมมักจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เผลอทำรุนแรงไปลีวายส์จะแย่เอา
 
“อ่ะๆๆๆ.....อ่า....อื๊อออออ.....” แต่แล้วผมก็อดใจไม่ไหวเผลอเด้งสะโพกสวนขึ้นไป จนร่างเล็กสั่นคลอนไปทั้งตัว ไม่นานน้ำรักสีขุ่นไหล่ถะลักออกมาเต็มต้นขาผม ลีวายส์ซบหน้าลงกับแผงอกกว้างอย่างเหนื่อยล้า
 
“ซี๊ดดด....ลีวายส์....ลุกขึ้นเร็วเข้า” ผมบอก เมื่อมันท่าจะหลับ ผมจับเอวร่างเล็กไว้ ค่อยๆยกตัวมันขึ้นช้าๆ จนแท่นร้อนของผมออกจากตัวมัน 
 
ผมกดจูบลงบนหน้าท้องแบนราบย้ำๆ ไล่ลิ้นลงมาหยอกล้อกับแห่งสะดือเล็ก แกนกายน้อยของลีวายส์ยังตื่นอยู่เลย ผมจึงใช้ลิ้นแตะส่วนปลายเบาๆ ส่งผลให้ร่างเล็กบิดตัวมันพยายามจับแกนกายน้อยด้วยตัวเองแต่ผมปัดมือออก
 
“อื๊ออออ.....อ๊ะ!” ผมให้ร่างเล็กเอนหลังลงกับเตียงโดยมีหมอนรองหลังไว้ ยกขาเรียวทั้งสองข้างแยกออกจากกัน ก่อนจะจัดการครอบปากลงกับแกนกายน้อยของผม
 
“อื๊อออ......อ๊ะๆ.....อ่า....อ๊ะ” ลีวายส์ครางเสียงหวาน ทำให้ผมรีบขยับปากขึ้นลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เคยทำให้นะ นี่เป็นครั้งแรก แกนกายนุ่มในโพรงปากกระตุกสองสามครั้งก่อนจะปล่อยน้ำรักออกมา ผมรีบถอนปากออกแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
 
“พะ....พี่ธาร....อ่ะ!” ลีวายส์ รีบลุกขึ้นมาเมื่อเห็นเช่นนั้นโดยไม่ทันคิดว่าตัวเองเจ็บอยู่ไม่น้อย ทำให้ร่างเล็กนิ่วหน้า “คะ...คายออกมาฮะ ลีวายส์ไม่ได้ตั้งใจ” มันจับหน้าผมด้วยมือทั้งสองข้าง สีหน้าของมันรู้สึกผิดจนผมนึกขำก่อนจะกลืนน้ำรักลงคอ ลีวายส์เปิกตากว้าง กับสิ่งที่ผมทำ
 
“ทำไม....” ผมเอียงคนถาม ร่างเล็กลดมือลงมาจับไหล่ผมแทน หน้าขึ้นสีอีกตามเคย ผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มมันไปฟอดหนึ่ง
 
“ก็........มัน.......สกปรก  นี่ฮะ ไม่อร่อย”
 
“ใครบอกว่าไม่อร่อย หืม ฟอด! หึๆ.....ไปล้างตัวนะ เดี๋ยวล้างให้ จะได้มานอนหลับสบาย จุ๊บ!!!” เห็นแบบนี้ ผมคงต้องเปลี่ยนสถานะให้มันได้แล้วล่ะ เมีย....เมีย....เมีย....โอ้ย!!! คำนี้มันไม่เหมาะกับลีวายส์เลยจริงๆ นะ เมียๆๆๆ
 
เช้า..................................
 
“อะไรเอ่ย บนก้อขน ล่างก้อขน ดึกดื่น สัปดน เอาขนมาชนกาน” ตื่นกันสักพักแล้วครับแต่ไม่ยอมลุก ลีวายส์เลยชวนคุยนั่นโน้นนี่ในขณะที่ผมยังรู้สึกง่วงอยู่เลย
 
“ทำถามบ้าอะไรหืม....ไปฟังมาจากไหน ฟอด!!!” ลีวายส์จับปลายคางผมและดันออกเบาๆ
 
“เพื่อนในห้องฮะ เห็นเค้าเล่นกัน ลีวายส์ไม่เคยเล่น ตอบไม่ถูกซักข้อ พี่ธารตอบมาดิ ไม่ตอบลีวายส์เฉลยนะฮะ”
 
“ข้างบนก็ขน....” ผมลุกขึ้นมาคร่อมร่างเล็กไว้ และก้มมองส่วนนั้นของตัวเอง “ส่วนข้างล่างก็.........” ผมลากมือไปทั่วรอบเอวบางของคนใต้ร่างก่อนจะสอดเข้าไปในอันเดอร์แวร์ของมัน
 
“อ่ะ!!! ไม่ใช่ๆ เฉลยล่ะ พี่ธารอ่ะ ทะลึ่ง ขนตาต่างหากข้างบนมีขนข้างล่างก็มีขน” ลีวายส์ยกมือขึ้นจิ้มๆ ตาผม “พอถึงตอนกลางคืนหลับตา ขนตาเลยชนกัน...ไม่เล่นแล้วอ่ะ”
 
“หึๆ จ๊วบๆ! ตัวเองเริ่มก่อนนี่หว่า ลุกได้แล้ว ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวไปหาไอ้แมนกัน”
 
“จริงหรอฮะ....ไปๆ ไม่เจอพี่โอ๊ตหลายวันล่ะ แต่ว่า พี่ธารต้องอาบน้ำให้ลีวายส์นะฮะ ลีวายส์ลุกไม่ไหวหรอก” แรกๆมันก็เขินอยู่หรอ พอผ่านมาหลายครั้งเข้า ก็เริ่มเข้าโหมดเดิมครับ เฮ้อออ จำยอม
 
 
 
“พี่แมน เปิดประตูช้าอ่ะ ลีวายส์เมื่อยนะฮะ” กูสิเมื่อย มึงอยู่บนหลังกูจะไปเมื่อยอะไรล่ะ
 
“อีกแล้วล่ะสิมึง” ไอ้แมนกระซิบกับผม
 
“สัด! หลีกไป....” ผมยกเท้าขึ้นถีบขามันก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน ให้ลีวายส์ลงจากหลังมานั่งบนโซฟาเบาๆ “เมียมึงล่ะ”
 
“อยู่ในครัว” ไอ้แมนตอบ ดูเหมือนมันเองก็เพิ่งจะตื่นเหมือนกัน
 
“ลีวายส์ไปหาพี่โอ๊ตนะฮะ” เมื่อกี้ยังทำตัวพิการขาลีบอยู่เลย ไหนตอนนี้เกือบจะวิ่งล่ะ แล้วนั่นมันไปสนิทกับคุณโอ๊ตตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ
 
“มึงมีไร ง่วงฉิบ กูเพิ่งกลับจากพัทยาเมื่อคืนนี้เอง”
 
“ถึงว่าหน้าตาดูไม่ได้เลย......ล้างหน้าหน่อยมั้ยวะ บุหรี่มาดิ๊....กูไปรอที่ระเบียง” ผมบอก ไอ้แมนหยิบบุหรี่บนโต๊ะข้างๆโซฟาส่งมาให้ก่อนจะเดินเข้าห้องไป
 
ผมออกมานั่งตรงระเบียงห้อง ตอนเช้าๆอากาศดีใช้ได้ ถึงแม้จะเป็นใจกลางเมืองก็เถอะ ผมจุดบุหรี่ขึ้นสูบ พลางคิดถึงเรื่องเมื่อวาน ผมควรระวังตัวจากพี่สาวตัวดีไว้ เพราะคาดว่าอีกไม่นาน เธอต้องกลับมาแน่ๆ
 
“ว่าไง....มีไรวะ” ไอ้แมน แม่ง!!! ถึงว่ามันไปนาน อาบน้ำเรียบร้อย แต่ยังไม่แต่ตัวนะมีแค่ผ้าขนหนูพันเอวออกมา
 
“พี่สาวกูกลับมา”
 
“พี่สาว.....พี่น้ำน่ะหรอ”
 
“อืม.....มาหากูแล้ว....บอกว่าจะมาพาลีวายส์ไปอยู่ด้วย” ไอ้แมนคาบบุหรี่ไว้ในปากก่อนจะจุดสูบ มันหันหลังพิงราวระเบียงใกล้ๆกับผม
 
“กูเข้าใจมึงนะ ถ้าเกิดพี่น้ำพาลีวายส์ไปจริงๆ เอาเป็นว่ากูจะส่งเด็กไปสืบให้ก่อนว่าพี่น้ำพักอยู่ที่ไหน กับใครและทำอะไร”
 
“อืม.....อาทิตย์หน้ากูงานเยอะว่ะ กูจะให้พวกมึงไปรับลีวายส์ที่โรงเรียนให้หน่อย” อาทิตย์หน้าลีวายส์มีสอบและจะปิดภาคเรียน ผมบังเอิญตรงกับช่วงที่ผมงานเยอะพอดี จึงอยากให้พวกมันดูแลลีวายส์ให้หน่อย
 
“ได้ๆ กูไม่มีปัญหา อาทิตย์หน้ากูก็ต้องรับส่งโอ๊ตไปมอเหมือนกัน”
 
“พวกมึง โอเคแน่แล้วนะ คุณโอ๊คล่ะ เค้าไม่ว่าไรหรอ”
 
“พี่ชายมัน....เค้าบอกว่าจะไม่มายุ่งกับพวกเราอีกน่ะ อีกอย่างเห็นบอกว่าจะทำรีสอร์ทกับพี่มาศด้วยล่ะ กูไม่คิดว่า พวกมันจะสนิทกันมาก...ว่ะ!!!”
 
“งั้นหรอ ก็ดีแล้วนี่” เห็นแบบนี้ผมก็หายห่วงเรื่องของมัน เพื่อนมีความสุขผมก็ดีใจ
 
“พี่ธาร.....พี่แมน...งี้....สูบบุหรี่อีกแล้วนะฮะ” ผมกับไอ้แมนมองหน้ากันก่อนจะรีบทิ้งบุหรี่ในมือทันที เมื่อลีวายส์เดินเข้ามาหา ตามมาด้วยคุณโอ๊ต
 
“ไอ้ธารเลย ไอ้ธารน่ะ ชวนพี่สูบค่ะลีวายส์” ไอ้สัด! พอเมียทำหน้าดุนี่ แม่ง! โยนมาให้กูเลย
 
“พี่ธารคงไม่อยากกินข้าว งั้น พี่ธารก็สูบบุหรี่ไปเลย ไม่ต้องกินข้าวดูนี่...ข้าวผัดกุ้ง ฝีมือพี่โอ๊ต อร่อยมากกกกก” =_=
 
“ช่ายยยย เมียพี่ๆ ทำกับข้าวอร่อยมากค่ะลีวายส์ พี่แมนเพิ่งรู้นะเนี่ย ลีวายส์กินเยอะๆนะคะ” กูหมั่นไส้มันจริงๆ เวลามันพูดจาแบบนี้กับลีวายส์ น่าถีบนะว่ามั้ย
 
“ไปแต่งตัว ถ้าไม่อยากอดอีกคน” สมควร โดนเมียด่าซะบ้าง เหอะๆ
 
ไอ้แมนน่ะ มันไม่เคยรักใครจริงๆจังๆแบบนี้มาก่อน มันถึงได้รักได้หวงและเชื่อฟังคุณโอ๊ตมากและขนาดจะเป็นจะตายตอนที่คุณโอ๊ตจากไป ผมเชื่อว่ามันจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งคนรักของมันไปอย่างแน่นอน 
 
ผมเองก็เช่นกัน ยิ่งกว่ารักยิ่งกว่าหวงลีวายส์ มีหรือจะปล่อยให้ใครมาแย่งมันไปได้ง่ายๆ ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนผมก็ไม่ไว้หน้า ผมสามารถฆ่าได้โดยไม่ต้องลังเลอะไรเลย.....
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>
 
 
ไม่มีอะไรมากกกกกกกกกกกก แค่จะบอกว่าาาาาาาาา เค้าขอโทษษษษษ

ที่หายไปนาน เค้าติดกิจกรรมของมหาลัยไม่มีเวลามาลงเลย

ลืมกันแล้วยังอย่าลืมให้กำลังใจเม้นให้เค้าบ้างน้า

ตอนต่อไปเจอกันคร้า  จะรีบมาลงให้ จุฟฟฟฟฟฟฟฟ  :mew1:  :mew1:  :mew1:

ปล.ภาษาไม่สวย ขออภัยด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่43(07/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-09-2014 09:46:30
พี่ธารโทรบอกแม่ล่วยยยย พี่สาวนิสัยไม่ดีเลยจริงๆ  :z3: :z3:

ว่าแต่นังคุณพี่สาวจะมาไม้ไหนนะ สงสัยจะมีแผนเด็ด  :ling1:

****

ปอลอ คิดถึงคุณนักเขียนนะค้าา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่43(07/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-09-2014 10:27:18
ยัยเจ๊น้ำ -_-^^^^^^^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่43(07/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-09-2014 12:01:20
ยัยเจ๊นั่นกลับมาทำไมห๊าาา =_=*
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่43(07/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 07-09-2014 13:29:58
ต้องมีใครจ้างเจ้น้ำแกมาแน่ๆ
อย่ามาแยกลีวายจากพี่ธารน่ะ
เราไม่เชื่อหรอกว่าเจ้จะเกิดรักลีวายขึ้นมา
เกลียดจริงๆคนแบบนี้


หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่43(07/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-09-2014 01:31:32
ยัยพี่น้ำ ไปไกลๆเลยนะ ไม่ต้องมายุ่ง นิสัยว่ะ...
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 19-09-2014 10:43:29
Older Brother.....44
 
[กาย:Part]
“ห้าววววว...” โลกของผมกำลังมืดลงทุกทีๆ สมองคล้ายกับถูกปิดสวิตช์ให้หยุดทำงานไปชั่วขณะ
 
เปาะ!!!
 
“ทำไรกาย” เสียงดีดนิ้วทำให้ผมสะดุ้งตื่นจากโต๊ะทำงาน ร่างสูงยืนฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวอยู่ตรงหน้า
 
“โอ๊ะ! ออกเวรแล้วหรอ ผมง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
 
“ครับ....แล้วใครอยู่ร้านล่ะ” พี่หมอถาม
 
“ก็.....ไอ้เซฟน่ะ เดี๋ยวผมไปบอกมันก่อนว่าจะกลับล่ะ ไม่ไหวอ่ะ แม่ง!” ผมลงมากบอกเซฟด้านล้าง มันกำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อนๆของมัน
 
“จะกลับแล้วหรอ ไปเหอะ เดี๋ยวกูดูเองไอ้แมนมันบอกจะมา” เซฟบอก ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนต่อ หมู่นี้มันตีตัวออกห่างจากผมนะ ผมรู้ว่ามันคิดจะทำอะไร
 
“เซฟ....เซฟ......” เสียงเพลงดังมากมันน่าจะได้ยินผม แต่มันไม่สนใจครับ ผมน้อยใจนะที่อยู่ๆมันเป็นแบบนี้
 
“เป็นอะไรอีกล่ะ” พี่หมอถามระหว่างขับรถกลับคอนโด ตอนนี้ผมมาอยู่กับพี่หมอที่คอนโดแล้วนะ อยู่มาสักพักล่ะ ช่วงแรกๆก็พาไข่มุกมาอยู่ด้วยแต่ว่าเราไม่มีเวลาดูแลไข่มุก เลยต้องให้ไข่มุกกลับไปอยู่กับแม่พี่หมอที่บ้าน
 
“เปล่า...พี่หมอ เคยน้อยใจเพื่อนป่ะ”
 
“ทะเลาะกับใครล่ะ ไอ้ธาร ไอ้แมน หรือ ไอ้เซฟ” ผมถอนหายใจแรงๆออกมา ก่อนจะเอนหลังไปกับเบาะ
 
“ไอ้เซฟ มันไม่สนใจผมเลย ทำไมมันไม่เหมือนเดิมล่ะ ผมเสียใจนะที่มันเมินผมแบบนี้ เจอก็ไม่ค่อยได้เจอ คุยกันก็สองสามคำ เหมือนไม่อยากคุย”
 
“กาย ให้เวลามันหน่อยสิ มันกำลังทำใจอยู่นา”
 
“ทำใจอะไรล่ะ แค่กลับมาเป็นเหมือนเดิมน่ะ ทำไม่ได้หรือไง ผมไม่ชอบแบบนี้เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน มันคงมาส่งผม โทรหา มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่โน้นไปนี่ด้วยกัน แต่นี่อะไรอ่ะมัน....”
 
“หยุดพูดถึงคนอื่นได้แล้ว!!! กายพูดถึงมันเยอะไปแล้วนะ” พี่หมอทำให้ผมเงียบลงทันที เมื่อรู้ว่าพี่หมอเริ่มไม่พอใจ เอาจริงๆ พี่มันก็ไม่พอใจทุกครั้งที่ผมพูดถึงไอ้เซฟนั่นแหละ
 
“....................” เงียบครับ ถึงจะไม่พอใจยังไงก็ไม่เห็นจะต้องขึ้นเสียงใส่ผมเลย
 
“กายกินอะไรหรือยัง พี่จะทำให้” พี่หมอถามหลังจากเข้าห้องมา ผมไม่ตอบเดินเข้ามาให้ห้องนอนด้วยท่าทีนิ่งๆ
 
“กาย.........” ผมไม่ฟังเสียงเรียกของร่างสูง เดินเลยเข้าห้องอาบน้ำ คนยิ่งเหนื่อยๆอยู่ มาเจอแบบนี้เข้า ผมชัดเริ่มรู้สึกไม่ดี เกิดอยากจะร้องไห้ขึ้นมาซะอย่างงั้น
 
หลายวันมานี้ ผมต้องทำงานที่ร้านคนเดียวมาตลอด ทั้งไอ้แมนไอ้ธารและไอ้เซฟดูทุกคนจะยุ่งจนลืมผม ไอ้ธารมันโทรมาบ้างแต่เป็นผมมากกว่าที่โทรไปหามันโทรไปด่าว่าหายหัวแต่ก็นะ ตอนนี้มันต้องดูแลลีวายส์เยอะขึ้นนี่
 
 
 
“กาย.......” พี่หมอเรียกผมทันทีเมื่อเห็นผมออกมาจากห้องน้ำ “กาย...อย่าเป็นแบบนี้สิ....พี่ขอโทษ” พี่หมอเอื้อมมือมาดึงมือผมให้นั่งลงบนตัก
 
“เป็นแบบนี้ทุกที....บางทีผมก็ไม่ได้อยากจะฟังคำขอโทษ แต่อยากให้เรา....ไม่ต้องทะเลาะกันน่ะ ผมเหนื่อย....ช่วงนี้ดูเหมือนอะไรๆก็ไม่ดีไปหมดสำหรับผม ทั้งเพื่อนทั้งแฟน...ผมอยาก....อยู่คนเดียว!” ผมเอาแต่ใจนะ และทุกคนก็รู้
 
“ก็ได้....แล้วแต่กาย พี่ยังไงก็ได้” พี่หมอพูดจบ ก็เดินออกไปจากห้องนอนอย่างที่ผมต้องการ แต่ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นซบหน้าลงกับเตียงนุ่มก่อนจะปล่อยให้ตัวเองร้องให้ออกมาคล้ายกับว่าผมเก็บกักน้ำตามานานแสนนาน
 
 
 
 
“กาย! ทำไมกลับมาป่านนี้ล่ะลูก” หลังจากนั่งร้องไห้อยู่ที่คอนโดราวๆสองชั่วโมงผมจึงตัดสินใจกลับบ้าน พี่หมอหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมไม่อยากอยู่ในหห้องกว้างๆคนเดียว
 
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
 
“หรือว่าทะเลาะกันหรอลูก หืม” แม่ทราบครับว่าผมไปอยู่กับพี่หมอ เพราะพี่หมอเป็นคนมาขออนุญาตท่านเอง แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านถือว่าผมโตพอที่จะตัดสินใจอะไรเองได้แล้ว
 
“เปล่าครับ ผมขอตัวก่อน” แม่มองผมอย่างห่วงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
 
ผมเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นอาทิตย์แล้วครับที่เซฟไม่ไลน์มาหาผมเหมือนทุกๆวัน ไหนมันบอกว่าจะเหมือนเดิมไง ไอ้เพื่อนเหี้ย!!!
 
 
 
“กาย....กาย ตื่นยังลูก” ผมลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงยามเช้าที่กำลังสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอน
 
“ครับผม” อ้าว....เช้าที่ไหนล่ะ สิบเอ็ดโมงแล้ว เหอะ! วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นเต็มตาที่สุด เพราะหลายวันมานี่ผมไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ ทำงานกลางคืนนอนกลางวันมันจะเหมือนกับนอนช่วงกลางคืนได้ไง
 
“เป็นไง....ดีขึ้นหรือยัง มาทานข้าวมา แม่ทำของชอบเราไว้เยอะเลย” แม่ผมนี่ช่างน่ารักจริงๆเลยว่ามั้ย
 
“ฟอด!!! ผู้หญิงคนเนี่ย รักที่สุดเลย รู้ป่ะ ผมรักแม่มากกว่าพ่ออีกนะ”
 
“ไม่เชื่อหรอก....ถ้ารักแม่ก็ต้องเชื่อฟังแม่สิ แม่ว่านะ พ่อยังเชื่อฟังแม่มากกว่าลูกเลย”
 
“นั่นเค้าเรียกว่า กลัวเมียต่างหาก อ่าๆๆๆๆ” ผมกับแม่พากันหัวเราะเมื่อพูดถึงพ่อ พ่อผมน่ะ แม่พูดคำเดียวก็อยู่หมัดแล้วล่ะครับ แม่ผมเจ๋งสุดๆ
 
“จริงสิ  พี่ธัญญ์จะมาวันมะรืนนี้นะ กายไปรับหน่อยสิ เห็นบอกว่าไม่ได้จองโรงแรมไว้ แม่เลยให้พี่ธัญญ์มาพักที่บ้านเรา” พี่ธัญญ์ที่ว่า ก็คือพี่ชายไอ้นัทลูกพี่ลูกน้องผมที่ครั้งหนึ่งเคยมีเรื่องกับไอ้ธารนั่นแหละ แต่พี่ชายมันเป็นคนดีนะ เราสนิทกันมาก
 
“ได้สิ เดี๋ยวกายไปรับเองก็ได้”
 
 
 
 
 
“กาย....กายใช่ป่ะ” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนเท่ๆ เข้ามาทักผม ในขณะที่ผมหันซ้ายหันขาวมองหาคนที่ผมมารับที่สนามบิน
 
“อย่ามาๆ ทำเป็นจำไม่ได้หรอ โอ่ ทำไมพี่สูงงี้อ่ะ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนผมว่าพี่สูงขึ้นอีกแล้วนะ”
 
“อ่าๆๆๆ ก็เท่าเดิมนะ ว่าแต่เราเหอะ น่ารักขึ้นนะเนี่ย มากด้วย ฟอด!!!” พี่ธัญญ์ก้มลงมาหอมแก้มผม ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาหันมามอง
 
“พี่ธัญญ์! โอ่ เล่นงี้เลยอ่ะ ผมมีแฟนแล้วนะ”
 
“เอานาๆ แฟนไม่เห็นซะหน่อย หิวว่ะ พาพี่ไปหาไรกินหน่อยดิ” น่าตาดีแม่ง ทำงี้คัยมันจะมาจีบ เค้าคงคิดว่าผมเป็นแฟนพี่หมดแล้ว
 
“แวะห้างนะ พอดีแม่ทำกับข้าวอร่อยเกินผมเลยกินเกลี้ยงล่ะ” ผมบอกกับพี่ธัญญ์ที่กำลังขับรถซึ่งพี่แกอาสาขับให้เอง
 
“คร้าบๆๆ กลัวพี่แย่งกินว่างั้น.......ห้างนี่หรอ”
 
“ครับ” พี่ธัญญ์เลี้ยวรถเข้าจอดและเราก็เดินเข้ามาในห้าง โดยที่พี่แกกอดคอผมไม่ยอมปล่อย  ไม่อายหรอก พี่น้องกันสนใจคนอื่นทำไม
 
“กินอะไรดี....กายอยากกินอะไร พี่เลือกไม่ถูก เอาอาหารไทยนะ”
 
“งั้นก็....ไปข้างบนดีกกว่า มีให้เลือกเยอะเลย” พี่ธัญญ์พยักหน้ารับ เราเลยพากันเดินขึ้นไปอีกชั้น ไม่นานเราก็เข้ามาในร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่ผมชอบมากินกับไอ้เซฟ
 
“ตอนนี้ยังทำผับอยู่ใช่มั้ย” เรานั่งคุยไปด้วยระหว่างทาน ผมสั่งของหวานมาทานครับ เพราะกินข้าวมาแล้ว
 
“ทำอยู่......พี่จะไปป่ะล่ะ เดี๋ยวผมพาไป”
 
“ไปสิ มาทั้งที ว่าแต่เราเหอะ ที่ว่ามีแฟนน่ะ เค้าเป็นใคร ทำอะไรที่ไหน บอกได้ป่ะ” ถามซะเยอะเชียว แต่ถ้าไม่สนิทจริงคงไม่กล้าถามแบบนี้หรอก
 
“เป็นหมอ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแถวๆนี้แหละ รู้แค่นี้พอ แล้วพี่ล่ะ มีแฟนยัง” ไม่ได้อยากรู้หรอกแต่ไม่อยากโดนซักว่าแฟนเป็นคนยังไงอะไรประมาณนี้เลยถามกลับซะเลย
 
“มีแล้วสิ หล่อๆแบบพี่ไม่เหลือหรอก อ่าๆๆๆ มีแล้วๆ ทะเลาะกันโคตรบ่อยว่ะ แต่ก็นะ...รักกันก็มาก เลิกกันไม่ได้ซะที”
 
“แหม....อยากเห็นแล้วสิ ว่าแต่ไอ้นัทล่ะ เป็นไงบ้าง”
 
“เรียนเที่ยวเล่นเหมือนเดิมแต่ก็เพลาๆลงบ้าง....มันจะตามพี่มาด้วยแต่พี่ไม่อยากให้มา” เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งท่านเสร็จและออกมาจากร้าน
 
“แวะซื้อกางเกงยีนหน่อยดิ ไม่มาหลายวันล่ะ” เราเดินผ่านร้านกางเกงยีนแบรนด์ดังพอดี และผมก็อยากได้อยู่หลายวันล่ะ วันนี้มาแล้วก็อยากจะซื้อเลย
 
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อให้เลยเป็นไง”
 
“ได้ครับป๊า กระเป๋าหนักป่าว ผมซื้อเยอะนะขอบอก” ผมยักคิ้วกวนๆให้พี่ธัญญ์ พี่แกยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นโยกหัวผมไปมา
 
“เอาเลย น้องทั้งคน สิบตัวเลยเป็นไง”
 
“เยอะไปนา...ห้าตัวพอ คึคึ” ผมกอดเอวพี่ทันเดินเข้าไปในร้านและเลือกซื้อกางเกงจนพอใจก่อนจะกลับมาบ้าน เมื่อมาถึงพี่ธัญญ์ก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องที่จัดเตรียมไว้ให้ทันที ส่วนผมก็ลงมาดูทีวีในห้องนั่งเล่น
 
ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู โทรศัพท์ที่ตลอดสองสามวันนี้ไม่มีใครโทรเข้ามาแม้แต่คนเดียว เหอะ! ลืมผมไปกันหมดแล้วมั้ง ผมเปิดนั่นโน้นนี่ดู แอบแปลใจเล็กน้อยที่ทำไมลีวายส์เองก็หายเงียบไป ไม่โทรมาเลย หรือจะไม่สบายนะ
 
ผมกำลังโทรหาลีวายส์แต่ว่า โทรออกไม่ได้ เอ๊ะ!!! โทรศัพท์ผมโทรออกไม่ได้อ่ะ อ้าว ตัวสัญญาณหาย อะไรวะ ผมเพิ่งเห็นนะเนี่ย แม่ง เจ๊งล่ะ อินเตอร์เน็ตก็ใช้ไม่ได้ เน็ตที่บ้านก็ได้มีด้วยสิ ช่างเหอะ! ยังไงก็คงไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ว่าแต่ ผมเป็นห่วงลีวายส์จัง
 
“อ้าวกาย คิดว่านอนอยู่ในห้องซะอีก” พี่ธัญญ์เดินลงมาจากข้างบน ทักผมเมื่อเห็นว่าผมนอนอยู่บนโซฟา
 
“นอนล่ะ เมื่อคืน”
 
“กวนนะเรา.......คุณน้าล่ะ” พี่ธัญญ์มานั่งลงข้างๆผม
 
“ไปหาพ่อที่บริษัทน่ะ...หรือไม่ก็ค้างที่โน้นกับพ่อเลย” พ่อผมไม่ค่อยกลับบ้านครับ ท่านจะนอนที่บริษัทเป็นประจำ และเราก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมายชินซะแล้ว รู้ว่าท่านต้องทำงาน
 
“อืม......คืนนี้ไปเที่ยวที่ผับใช่ป่ะ....โทรไปชวนแฟนเราด้วยสิ”
 
“มันไม่ว่างหรอก เข้าเวร คงดึกๆน่ะ”
 
“งั้นหรอ......เป็นไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย มีปัญหากับแฟนหรือเปล่า” พี่ธัญญ์โน้มตัวลงมาถามผมใกล้ๆ พลางหรี่ตามอง
 
“ป่าวซะหน่อย”
 
“อ่ะๆ เปล่าก็เปล่า แต่ถ้ามันรังเกเรา บอกพี่นะ พี่จะจัดการเอง” พี่ธัญญ์บอกอย่างมั่นใจ
 
“โอ่ ตัวเท่าพี่เนี่ย มันต่อยปลิวเชื่อผม”
 
“ขนาดนั้นเลย อยากเจอซะแล้วสิ หึๆๆ” ดูเหมือนพี่แกจะอยากเจอพี่หมอมากจริงๆ
 
 
 
 
“คนเยอะนะเนี่ย ร้านก็โอเคเลย” พี่ธัญญ์พูดบอก หลังจากเข้ามาในร้านพร้อมกับผม ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาร้านเปิดพอดี ไอ้เซฟคงอยู่
 
“ก็เพิ่งตกแต่งใหม่ไป เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่ะ เหนื่อยเอาการ”
 
ผมพาพี่ธัญญ์มานั่งตรงโซนบาร์ของร้าน สักพักก็ขอตัวขึ้นมาในห้องทำงานข้างบน พบว่าไม่มีใครอยู่เลย เมื่อกี้ผมก็ไม่เห็นไอ้เซฟอยู่ด้านล่าง แล้วมันไปไหนกันนะ หรือผมไม่เห็นมันเอง
 
“เห็นไอ้เซฟมั้ย” ผมกลับลงมาถามพนักงานในร้าน
 
“พี่เซฟเพิ่งออกไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนน่ะฮะ ไม่ได้บอกไว้ด้วยว่าจะไปไหน” ผมพยักหน้ารับและกลับมาหาพี่ธัญญ์
 
“ไง....สาวที่นี่สวยๆทั้งนั้นเลยนะ โอ่ เห็นแล้วคึกอ่ะ” เหอะๆ หืนเหมือนกันนะ พี่กู
 
“จีบเลย คว้าไว้ซักคน ผมไม่บอกแฟนพี่หรอก รับรองๆ” เราต่างก็ยืนหน้าเข้าไปคุยกันข้างๆหูของอีกฝ่าย เพราะเสียงเพลงในร้านดังกลบเสียงพูดของเราสองคน
 
“อ่ะ!!! เมาป่ะเนี่ย...อ่าๆๆๆ” อยู่ๆใครก็ไม่รู้เดินมาชนผมเข้า ทำให้เสื้อของพี่ธัญญ์เลอะเพราะแก้วเหล้าในมือผม
 
“อ่า เสื้อตัวโปรดนะ กาย รับผิดชอบเลยนะ” พี่ทันมีโว้ยครับ แล้วก็ทำหน้างอด้วย แม่ง ช่างไม่เข้ากับหน้าตาอันหล่อเหลาของพี่แกจริงๆ คงเมาล่ะ
 
“งั้นไปเปลี่ยนข้างบนแล้วกัน อย่างอนนะคนดี ป่ะ”
 
 
 
“เสื้อใครอ่ะ ตัวเล็กไปป่าว” ผมพาพี่ทันมาเปลี่ยนเสื้อด้านบน หยิบเอาเสื้อไอ้เซฟมาให้ใส่ก่อนและให้เด็กเอาเสื้อพี่แกไปซัก
 
“ของเพื่อน มาๆ ผมติดกระดุมให้” ผมจัดคอเสื้อให้พี่ธัญญ์ก่อนจะติดกระดุมให้
 
“แฟนเรานี่โชคดีนะ มีแฟนน่ารักแบบกาย ถ้าเป็นพี่ พี่จะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเลย ฟอด!”
 
แกร๊ก!!!
 
 
“ไอ้เหี้ย!!!!” ปึก! ผมถูกใครคนหนึ่งกระชากแขนอย่างแรง ก่อนที่พี่ธัญญ์จะถูกผลักออกไปชนกับโต๊ะทำงานใกล้ๆ และตามด้วยซัดหมัดหนักๆ จนผมตกใจทำอะไรไม่ถูก
 
“สัด” แต่พี่ธัญญ์ก็ไม่ยอมเช่นกัน ผลักอีกคนออกก่อนจะตามมาถีบมัน ล้มลงกับพื้น
 
“พี่ธัญญ์ๆ” ผมเข้าไปห้ามพี่ทันไว้ ทำให้พี่แกหยุดมองหน้าคนที่เพิ่งจะพุ่งพรวดเข้ามา
 
“กาย! นี่มันอะไรกันน่ะ” ไอ้เซฟเข้ามาอีกคน มันถามเมื่อเห็นภาพตรงหน้า พี่หมอลุกขึ้นมากระชากแขนผม ใช่ครับ พี่หมอเป็นคนแรกที่เข้ามาและเห็นพี่ธัญญ์หอมแก้มผมเข้าพอดี
 
“กาย ไอ้นี่มันเป็นใคร แล้วกายหายไปไหนมา ทำไมไม่กลับบ้าน บอกพี่มาเดี๋ยวนี้ กายมีคนอื่นหรอ” พี่หมอถามผม ด้วยดวงตาแดงกล่ำมีสีหน้าโกรธจัด
 
“สนใจด้วยหรอ ว่าผมจะเป็นยังไง ไม่ต้องมาจับผม อึกๆ....ไหนบอกว่าจะเข้าใจผมไง ....อึก...ทำไมพี่ทำไม่ได้ล่ะ” พี่หมอคลายมือออกจากแขนผมออก
 
“กาย....” เซฟ จับมือผมไว้
 
“มึงด้วย .....” ผมผลักอกมันแรงๆ “มึงไม่มองหน้ากู ไม่คุยกับกู ไม่โทรมาหา มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไง มึงบอกจะเหมือนเดิมไม่ใช่หรอ นี่อะไรกันอ่ะ บอกกูสิ! บอกกู!!!”
 
“มีเรื่องอะไรกัน” ไอ้ธารเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับลีวายส์ที่มีสีหน้าตกใจ ตากลมเปิกกว้ายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปาก
 
“ไอ้ธาร มึงก็อีกคน อึกๆ....มึงทิ้งร้านปล่อยให้กูดูแลร้านอยู่คนเดียว กูเหนื่อยเป็นนะเว้ย อึกๆ.....” เงียบครับ ทุกคนเงียบไม่มีใครพูดบอกอะไรเลย
 
“เอิ่ป............” ไอ้แมนก็มาด้วย
 
“ไม่ต้องหลบไอ้เหี้ยแมน อึกๆ...มึงอ่ะ ทิ้งคนแรกเลย อึกๆ....อื๊ออออออออ”
 
“อ้าว พูดงี้ก็สวยสิ นี่เมียกูยืนอยู่นะเว้ย” มันหันไปแก้ตัวกับเมียมันก่อนจะมองหน้าแต่ละคนที่ยืนเงียบ “โอ่ๆ ไม่ร้องนะคนดี ใครทำไอ้กายของกูร้องวะ แม่ง!!! อย่าร้องๆ กูขอโทษ ที่ทิ้งมึงทิ้งร้านไปหารักแท้มา (ยังจะเล่น) กูสัญญาว่าต่อไปกูจะเข้าร้านทุกวันนะๆ นะคะคนดี” มันเข้ามากอดปลอบผม และก็โดนพี่หมอผลักออกไป
 
“พี่ขอโทษ ทั้งที่สัญญาไว้แล้วแต่...พอกายพูดถึงคนอื่นทีไร้ มันก็อดคิดไม่ได้นี่ พี่หึงน่ะ กายเข้าใจหรือเปล่า”
 
“แล้วที่พี่หายไปล่ะ อึกๆ หายหัวไปเหมือนกันนี่ อึก....ไม่โทรหา หายไปเลยอ่ะ!!!”
 
“พี่โทรหากายเป็นร้อยๆสายแล้วนะ แต่ไม่ติดเลย เมื่อวานมีเคสผ่าตัดด่วน พี่เลยไม่ได้ไปหากาย พี่ขอโทษ”
 
“ลีวายส์ก็โทรหาพี่กายไม่ติดเหมือนกันนะฮะ พี่กายอย่าร้องนะฮะ ทุกคนเป็นห่วงพี่กาย ไม่มีใครทิ้งพี่กายหรอฮะ” ลีวายส์เข้ามากอดเอวผม ตากลมโตเริ่มน้ำตาคลอเบ้า
 
“กูขอโทษว่ะ กูคงคิดผิดไปที่พยายามตีตัวออกห่างจากมึง ทั้งที่มันอาจจะไม่จำเป็นเลย เพราะยังไง กูก็ยังคิดถึงมึงเหมือนเดิมแต่ว่า......มันไม่เดิมที่ความรู้สึก กูว่าตอนนี้ มึงไม่ใช่คนที่กูชอบแล้วล่ะ”เซฟพูดบอก มันยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้ผม “เรากลับมาเป็นเพื่อนที่สนิทกันเหมือนเดิมนะ เดี๋ยวกูพาไปดูหนัง โอเค๊” เอาหนังมาล่อกันนี่หว่า ชิท์!
 
“อะไร มองกูเพื่อ?”
 
“ไอ้ธาร ไอ้เหี้ย อึกๆ....กูจะไม่คุยกับมึงอาทิตย์หนึ่ง คอยดู!!!” ผมจะทำจริงๆนะ เชื่อสิ!
 
ผมหันกับไปหาพี่หมอที่กำลังจ้องเขม่งพี่ธัญญ์ไม่วางตา ส่วนพี่ธัญญ์แกไม่ได้สนใจอะไรยืนมองนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา เพราะไม่ได้คุ้นเคยกับใครในที่นี้
 
“นี่พี่ธัญญ์ ลูกพี่ลูกน้องกู!!!” ผมพูดประโยคนั้นใส่หน้าไอ้พี่หมอ “พี่ชายไอ้นัทไง”
 
“ทำไมต้องหอมแก้มด้วยละ ถึงจะพี่น้องก็เถอะ”
 
“ทำไม มึงจะไม....เกี่ยวไรกับมึง....ฟอด! ฟอด! กูจะหอมทำไมล่ะ” มาแล้วพี่กู งานกวนวิ่งตามมาติดๆ หอมแก้มผมซ้ายทีขาวทีโชว์ไอ้พี่หมอเลย
 
“ไอ้.....นี่เมียกู! ไอ้สัด!!!” ไอ้เซฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆคว้าแขนพี่หมอไว้ “ปล่อยไอ้เซฟ ปล่อยเลย”
 
“ก็พี่เป็นซะอย่างเนี่ย ผมเลยไม่กล้าไปไหนมาไหนกับมัน หวงอะไรนักวะ”
 
“แล้วถ้าเมียมึง มึงหวงป่ะล่ะ” จบข่าว เงียบ ไอ้เซฟปล่อยมือออกจากแขนพี่หมอกลับมายืนข้างๆผม ไอ้แมนพยักหน้ารับว่าจริงๆ ส่วนไอ้ธารไม่ต้องพูดถึง ลีวายส์ตอนนี้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนมันเรียบร้อยล่ะ แต่ล่ะคนแม่ง! เฮ้ออออ
 
“อ่าๆๆๆๆ แบบนี้ล่ะหายหวงว่ะ แฟนเรานี่ใช้ได้ๆ แต่ว่าอย่าหึงมากนักมีเหตุผลบ้างก็น่าจะดีกว่านี้นะไอ้น้อง พี่ลงไปจีบสาวข้างล่างดีกว่า เพื่อเกี่ยวกลับไปได้ซักคนสองคน ไปล่ะ กายกลับเองนะ พี่จะไปหาเพื่อนด้วย อ่อ จริงสิ......ขอโทษแทนไอ้นัทน้องเลวๆของกูด้วยนะที่มาสร้างเรื่องเมื่อคราวที่แล้ว ไปล่ะ ฟอด!!!” เฮ้ย!!! ไอ้พี่บ้า ไปแล้วยังจะทิ้งระเบิดไว้ให้ผมอีก บ้าจริงไอ้พี่คนนี้
 
“กูว่ามึงกลับไปก่อนเหอะ กลับไปคุยกับพี่หมอก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ กูไปรับ เราไปดูหนังกัน” ไอ้เซฟบอก
 
“ถ้าเปี้ยวล่ะน่าดู” ผมบอก พี่หมอปรายตาไปมองมันก่อนจะดึงมือผมออกมา
 
 
“อ่ะ เช็ดหน้าซะ” ผมหันไปมองพี่หมอที่กำลังขับรถอยู่ พี่มันส่งผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาให้ผม
 
“ทำไม”
 
“ก็เช็ดรอยหอมแก้มไง โคตรไม่ชอบ เช็ดเดี๋ยวนี้นะ” พี่มันเอื้อมมือมาเช็ดๆๆ ให้ผม ผมจึงดึงผ้ามาเช็ดเอง บ้ากันไปใหญ่แล้ว
 
 
 
“พี่ขอโทษนะ....ยังโกรธพี่อยู่หรือเปล่า” เรากลับมาถึงคอนโดให้เวลาไม่นานและจัดการกับตัวเองให้คลายอารมณ์ร้อนลง ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมานั่งโซฟา และพี่หมอก็ตามออกมา
 
“โกรธ”
 
“โธ่กาย ฟอด!....”พี่หมดนั่งลงข้างๆผม ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่ พี่มันกอดเอวผมไว้และเอนหลังไปกับพนักพิงโซฟาโดยที่ผมทับทาบตามลงไปอย่างอัตโนมัติ “พี่คิดถึงกายนะ อย่าหายไปแบบนี้อีก โทรไปก็ไม่ติด รู้ป่ะ พี่ต้องอดทนแค่ไหนตอนมีเคสผ่าตัด เพราะในหัวพี่มีแต่กาย เกือบจะต้องเรียกหมอคนอื่นกลางคันเลยรู้ป่าว”
 
“จริงหรอ ถ้าคนไข้ตาย ผมก็ผิดอ่ะดิ”
 
“หึ! จุ๊บ!!! ที่นี่รู้ยังว่ากายน่ะ มีอิทธิพลสำหรับพี่แค่ไหน ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากอยู่กับกายตลอดเวลาเลย อยากมอง อยากรู้ว่าตอนที่พี่ไม่อยู่กายกำลังทำอะไร” ผมอมยิ้มให้กับคำพูดของมัน
 
จริงๆ ความรู้สึกของผมน่ะ ไม่ได้โกรธหรอก แต่มันเป็นความน้อยใจมากกว่า คิดดูนะ เมื่อก่อนเราติดเพื่อนกันมากอยู่ๆ พวกมันก็หายหัวหมด แล้วผมเองก็เป็นคนขี้ใจน้อยด้วยสิ พอเป็นแบบนี้ผมก็รู้สึกไม่ได้ ยิ่งมาทะเลาะกับพี่หมอยิ่งแล้วใหญ่
 
“งั้น ผมไปหาตอนเข้าเวรทุกวันเอาป่ะ วันล่ะสองรอบเลย”
 
“กายก็ต้องทำงานนา จะเทียวไปเทียวมาได้ไง พี่ก็เป็นห่วงอีกนั่นแหละ” อันนั้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้จะงอนอีกล่ะนะ
 
“ขี้หวงขี้ห่วงกันจริงๆ เลย แบบเนี่ยไม่ไหวหรอก”
 
“เมียทั้งคนอ่ะ ก็ต้องหวงสิคร้าบบบบบ” ผมแบบปากให้ร่างสูง ทำให้ไอ้พี่หมอถือโอกาสฉกจูบผมไปซะงั้น
 
ถึงจะทะเลาะกันยังไง โกรธกันมาแค่ไหน แต่ถ้ารักกันจริง ผมเชื่อว่าเราจะยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างแน่นอน ผมรักพี่หมอครับ รักมาก ส่วนพี่หมอน่ะหรอ ดูเอาเองก็แล้วกันว่าพี่มันรักผมมากหรือเปล่า 
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>

คู่นี้ไม่มีอะไรมาก แค่มาอัพเลเวลความหึงหวง

ขี้เป็นห่วงของพี่หมอรักษ์ให้ดูเฉยๆ

ถ้าภาษาไม่สวย และมีคำผิด ขออภัยด้วยนะคะ

และที่สำคัญขอโทดที่มาช้าคะช่วงนี้กิจกรรมยังไม่ลงตัว

แต่จะพยายามลงให้เร็วที่สุด  จุฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-09-2014 11:45:58
กายก้อนะ อารมณ์ผู้หญิงท้องอ่ะ
ขี้น่อยใจสุดๆๆ 55555
ยังดีที่ง้อไม่ยาก กิกิกิ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-09-2014 11:57:34
กายขี้น้อยใจชะมัด :)
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-09-2014 12:20:30
ธานสู้ๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: polla_x ที่ 21-09-2014 15:17:25
ยัยน้ำต้องมาเพราะหวังสมบัติของลีวายแน่ๆๆ เพราะลีวายบอกจะมีสิทธิ์ตอนลีวายอายุ 18 หรือเท่าไหร่แล้วนะ ฮือ กลัวนางจะรู้ความสัมพันของธารกะลีวาย แล้วเอามาพาลีวายไป เพราะสิทธินางไม่รู้ยังเป็นแม่อยู่เปล่า เหอๆ ท่าทางสมบัติพ่อลีวายจะเยอะอยู่ จะเอาเงินฟาดนางคงต้องใช้เยอะมาก ยังไงก็อย่าดราม่ามากนักนะ ขอเบาๆแบบไม่กี่ตอนนะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: aomj555 ที่ 23-09-2014 20:45:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่44(19/09/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-09-2014 20:34:10
ไม่รู้ดิ ถ้าเราเป็นพี่หมอเราก็หึงนะ คือแบบมันเคยมีเหตุมีความหลังกันมาก่อนไง
ก็รู้นะว่ากายไม่ได้คิดอะไร แต่อยากให้นึกถึงใจพี่หมอมั่งอ่ะ
ส่วนพี่หมอก็ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 07-10-2014 17:02:59
Older Brother.....45
 
 
“พี่ธารมารับไม่ได้อีกแล้วหรอฮะ วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้วนะฮะ”
 
“ใช่ วันนี้ไอ้กายจะมารับ......อย่าหน้างอสิ จุ๊บ!!!” ลีวายส์ไม่ชอบเลยตอนที่พี่ธารงานยุ่งจนไม่มีเวลาอยู่กับลีวายส์แบบนี้อ่ะ
 
“ก็ลีวายส์อยากให้พี่ธารมารับนี่”
 
“หึ! ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ งานก็คืองาน เข้าใจมั้ย.....” พี่ธารโยกหัวลีวายส์เบาๆ ก่อนจะดึงเข้าไปจุ๊บหน้าผากทีหนึ่ง “ตั้งใจสอบล่ะ ถ้าตกนะน่าดู”
 
“รู้แล้วนา ลีวายส์ไม่ตกหรอก พี่ธารเตรียมคิดหารางวัลไว้ได้เลย...ไปนะฮะ ตั้งใจทำงานด้วย” จุ๊บ!!! ลีวายส์จุ๊บปลายคางพี่ธารอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวันก่อนจะลงจากรถและเข้ามาในโรงเรียน
 
ถึงจะน้อยใจที่สองสามวันมานี้พี่ธารไม่ได้มารับลีวายส์ที่โรงเรียนก็เหอะ ลีวายส์รู้ว่างานก็สำคัญสำหรับพี่ธารเพราะเป็นงานที่พี่ธารรักและดูเหมือนจะยุ่งๆในช่วงนี้ด้วย พี่แมนพี่กายและก็พี่เซฟเลยผลัดกันมารับลีวายส์ตลอด
 
“ไงลีวายส์ สอบเสร็จไปกินไอติมกันนะ”
 
“เรเนสยังไม่ทันเข้าห้องสอบ เธอก็ชวนเพื่อนไปกินซะแล้ว” บุ๊ค ตีแขนเรเนสไม่แรงนักก่อนจะพูดบอก ตอนนี้เด็กนักเรียนทุกคนต้องออกมายืนหน้าห้องรอเข้าห้องสอบกันฮะ
 
“ก็ทำไมล่ะ ว่าแต่อ่านหนังสือมาเยอะป่ะ ลีวายส์ๆ นายแง้มให้เราดูด้วยนะ”
 
“จะบ้าหรอเรเนส พอเลยๆ ไม่ต้องคุยกับลีวายส์แล้ว เสียสมาธิหมด ว่าแต่ทำไมพวกแพ็คเกจยังไม่มาอีกนะ อีกสิบนาทีก็จะเข้าห้องสอบแล้ว”
 
“นั่นไง มาแล้ว” ลีวายส์บอกเมื่อเห็นนายแพ็คมาพอดี ก่อนที่มันจะมาหยุดยืนอยู่ข้างๆลีวายส์
 
“เอาล่ะ เตรียมตัวเข้าห้องสอบ ทำตัวตามสบาย ครูไม่คุมเข้มหรอก แต่ใครตุกติก กาหัวเลยนะคร้าบบบบ” ครูเซฟฮะ แหม ไม่เข้มหรอกฮะ แต่โคตรเข้มต่างหาก
 
“มีปากกาป่ะ” นายแพ็คถาม
 
“มาสอบไม่มีปากกา บ้าหรือป่าว เอ้านี่” ลีวายส์พูด แต่ก็ยอมหยิบเอาปากกาส่งให้มันไปด้ามหนึ่ง
 
“ตั้งใจสอบกันทุกคนน้า.....ตั้งใจสอบล่ะ” ครูเซฟบอกกับทุกคนระหว่างเดินผ่านพวกเราไปเข้าห้อง “ตั้งใจสอบ” และก็หยุดโยกหัวนายแพ็คก่อนจะเข้าไปด้านใน ดูนายแพ็คจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ทำท่าปัดหัวตัวเองไปมาก่อนจะพากันเข้าห้องสอบ
 
“น้องลีๆ ลอกด้วยดิ” ^___^
 
“ไอ้ปอบ้า ทำเองสิถ้ามีสมอง”
 
 
 
 
การสอบผ่านไปได้ด้วยดีจนได้เวลาพักเที่ยง ลีวายส์บุ๊คและเรเนสพากันไปทานข้าวที่โรงอาหาร ลีวายส์ซื้อข้าวเสร็จเรียบร้อย ก็มานั่งโทรหาพี่ธารในระหว่างรอบุ๊คกับเรเนสที่ยังซื้อข้าวไม่เสร็จ
 
“พี่ธาร!......ทานข้าวยังฮะ”
 
(ยัง อีกเดี๋ยวน่ะ......สอบเสร็จแล้วหรอ)
 
“เปล่าฮะ พักเที่ยงอยู่ มีอีกสองวิชา เดี๋ยวสอบเสร็จลีวายส์โทรหานะฮะ”
 
(ไลน์มาก็แล้วกัน....ทานข้าวก่อนเถอะ)
 
“ฮะ ตั้งใจทำงานนะฮะ บาย” ลีวายส์วางสายจากพี่ธาร บุ๊คกับเรเนสก็กลับมาจากซื้อข้าวพอดี
 
“ลีวายส์ พี่นั่งด้วยคนนะคับ” พี่ฟิวส์ เดินมาหาลีวายส์ที่โต๊ะฮะ คือจริงๆพี่ฟิวส์มักจะมาหาลีวายส์อยู่บ่อยๆ แต่พี่ธารสั่งไว้ว่าให้อยู่ห่างๆพี่ฟิวส์ ลีวายส์ก็เลยเลี่ยงๆพี่ฟิวส์มาตลอด
 
“เอ่อ.....คือ.........”
 
เคร้ง!!!
 
จานข้าวของใครคนหนึ่งถูกว่างลงกระแทกโต๊ะเสียงดังหลังจากแทรกไหล่พี่ฟิวส์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ จากนั่นมันก็นั่งลงข้างๆลีวายส์  ลีวายส์มองนายแพ็คอย่างไม่เข้าใจว่ามันกำลังจะทำอะไร
 
“อ้าวๆ ไม่นั่งหลบไปคร้าบ ผมจะนั่ง” และเพื่อนตัวแสบของนายแพ็คอีกสองคนก็ตามมานั่งโต๊ะเดียวกันกับลีวายส์ด้วยเหมือนกัน
 
“ขอโทษนะฮะ” ลีวายส์บอกกับพี่ฟิวส์
 
“ไม่เป็นไรคับ ไว้คราวหน้าก็ได้” พี่ฟิวส์บอกแค่นั้นก่อนจะกลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนๆของตัวเอง
 
“นายทำบ้าอะไรน่ะ นั่งรุ่นพี่นะ” ลีวายส์หันไปถามนายแพ็คที่นั่งอยู่ข้างๆ หมอนี่เอาแต่ทานข้าวอย่างเดียวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“ทำไม ก็มันไม่นั่ง กูจะนั่ง มีปัญหาป่ะ”
 
“เดี๋ยวก็มีเรื่องกับรุ่นพี่หรอ ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อย”
 
 
 
 
“ลีวายส์ รอตรงนี้นะ เดี๋ยวเรากับบุ๊คไปซื้อไอติมมาให้”
 
“อื่มๆ ได้ๆ” หลังจากสอบเสร็จวิชาสุดท้ายของวัน ลีวายส์บุ๊คและเรเนสก็ออกมาหน้าโรงเรียนทันที ตอนแรกตกลงกันว่าจะไปทานไอติมที่ร้านใกล้ๆ แต่ลีวายส์กลัวพี่กายหาไม่เจอและเห็นรถไอติมทรงเครื่องมาขายหน้าโรงเรียนพอดีเลยออกความเห็นกันว่าซื้อมากินดีกว่า
 
‘พี่ธาร ลีวายส์เลิกเรียนแล้วฮะ’
 
‘อืม รอไอ้กายไปรับนะห้ามไปไหน จะกลับไปรับที่ร้านตอนค่ำๆ’
 
‘ฮะ ตั้งใจทำงานนะฮะ สู้ๆ ^___^’
 
“ลีวายส์!!!” ในระหว่างที่ลีวายส์กำลังคุยไลน์กับพี่ธารเสร็จพอดี มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกลีวาย์อยู่ไม่ไกล
 
“มะ......แม่!” ลีวายส์ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆแม่มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แม่ที่ว่าก็คือ ภรรยาอีกคนของพ่อซึ่งเค้าไม่ใช่แม่แท้ๆของลีวายส์ฮะ
 
“มากับฉัน.....และไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่!!!!!”
 
“ไม่ลีวายส์ไม่ไปฮะ....ปล่อยนะฮะ”


<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
<!--[endif]-->
...
 
[แพ็คเกจ:Part]
 
“เตง...ซื้อไอติมให้เค้าหน่อยจิ เค้าอยากแดกไอติมอ่ะ”
 
“เตงอยากแดก ก็ซื้อเองสิ เค้าจิเอาตังไปซื้อเกมใหม่อ่ะ”
 
“เตง...ไม่รักเค้าแล้วหรอ....แค่นี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวเค้าไม่รักเตงแล้วนะ”
 
“กูตบคว่ำทั้งสองคนเลย เอ้า ไปซื้อๆจะได้รีบกลับ” ผมทนฟังภาษาเหี้ยๆของพวกมันมากสักพักล่ะ จะในที่สุดก็ทนไม่ได้ เพื่อนผม แม่ง
 
จะใครล่ะ ก็ไอ้ปอกับไอ้ไอซ์นั่นแหละ สองคนผัวเมีย? นี่ถ้าไม่เห็นว่าคบกันมานานแล้วนะ ผมได้ถวายตีนถีบพวกมันคนละทีล่ะ
 
เรามานั่งกันอยู่หน้าโรงเรียนครับ วันนี้พวกมันนัดกันพา MSX กันมาเพราะกะว่าสอบเสร็จจะไปขับนั่งเล่นแถวๆริมแม่น้ำข้างๆโรงเรียน ส่วนผมเมื่อเช้าคนที่บ้านมาส่งเหมือนเคยแหละ
 
“มึงไม่กินใช่ป่ะ กูไม่ได้ซื้อมาเผื่อ นี่ตังทอน” ดีมากไอ้ปอเพื่อนรัก  =_=!
 
“เอ๊ะ นั่งน้องลีนี่ วันนี้ใครมารับวะ เห็นทุกวันมีแต่ผู้ชายมารับ หรือว่าแม่มัน” ไอ้ไอซ์พูดบอก ทำให้ผมหันไปมอง
 
“เอ้าๆๆ อะไรกันวะนั่น” ไอ้ปอพูด เมื่อเห็นลีวายส์กำลังถูกผู้หญิงคนหนึ่งฉุดกระชากมันขึ้นแท็กซี่ไป เฮ๊ะ!!! มันไม่มีแม่นี่ แล้ว.........
 
“แพ็คเกจๆ.....อือๆ....แพ็คเกจ...ช่วย....ช่วยลีวายส์ด้วย ไม่รู้ใครอ่ะ พาลีวายส์ขึ้นรถไป ลีวายส์ร้องใหญ่เลย” บุ๊ค วิ่งมาบอกอย่างเหนื่อยหอบ เพราะระยะทางจากที่ผมยืนอยู่ห่างกันพอสมควร
 
“ว่าไงนะ.......ไอ้ปอกูยืมรถที” ผมบอกและรีบขึ้นคร่อมมอไซค์ทันทีก่อนจะออกรถตามแท็กซี่คันนั้นไป โชคดีที่รถติดไฟแดง ผมเลยตามทันและสามารถขับผ่านช่องแคบๆระหว่างรถที่ยาวเหยียดจนไปจอดข้างๆรถแท็กซี่คันนั้นได้
 
ก๊อกๆๆๆ ก๊ากๆๆๆๆ
 
“เปิดสิวะ.....ลีวายส์!!!” ผมพยายามเคาะกระจกรถและเปิดประตูแต่ก็ไม่เป็นผล ลีวายส์เองก็พยายามดิ้นเพื่อเปิดประตูเช่นเดียวกัน
 
“แพ็ค.....ช่วยเรา อึกๆ....ช่วยด้วย” ลีวายส์กำลังร้อนไห้และขอความช่วยเหลืออยู่ในรถโดยที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
 
เธอคนนั้น จับแขนและปิดปากลีวายส์ให้อยู่นิ่งๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับคนขับ จนกระทั่งรถออกตัว เมื่อหมดเวลาสัญญาณไฟแดง
 
แม่ง!!!!  เรื่องบ้าอะไรกันวะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงต้องตามมาช่วยมันด้วย แต่พอเห็นน้ำตาของลีวายส์ทีไรมันทำให้ผมเจ็บใจแทนทุกทีอ่ะ ไม่รู้สิ ไม่รู้ทำไมผมต้องรู้สึกแบบนี้
 
“สนามบิน” ผมพูดออกมา เมื่อรถแท็กซี่คันนั้นเลี้ยวไปทางสนามบินที่อยู่ไม่ไกล ผมจึงรีบขับเร็วขึ้นอีก ก่อนจะมองกระจกหลังและเห็นว่าไอ้ปอกับไอ้ไอซ์ขับตามมา
 
ไม่นานผมก็มาถึงสนามบิน เธอคนนั้นพาลีวายส์ลงจากรถและรีบลากเข้าไปด้านใน อะไรกันวะเนี่ย!!! จะพาออกนอกประเทศเลยหรอ บ้าหรือเปล่าวะ
 
“ไอ้หนูๆ จอดตรงนี้ไม่ได้” ซวยล่ะสิ คนยิ่งรีบๆอยู่
 
“ผม จอดไม่ถึงห้านาทีนา แปบเดียวเอง” ผมบอกและทำท่าจะวิ่งตามไปแตะถูก รปภ ดึงตัวไว้
 
“มึงไปเหอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง แล้วค่อยไปเจอกันที่ทางออกตรงโน้นนะ........ปล่อยเพื่อนผมเลยลุง ถ้ารู้ว่าผมลูกใคร ลุงจะหนาวนะคร้าบบบ” ขอบใจที่ผมมีเพื่อนเป็นลูกกัปตัน เหอะๆ เกี่ยวกันป่ะ
 
ผมรีบวิ่งเข้าไปด้านในและภาวะนาในใจขอให้ลีวายส์ยังไม่ถูกลากไปขึ้นเครื่อง ผมมองหามันไปทั่วในขณะที่วิ่งไปรอบๆ เที่ยวบินที่กำลังจะถึงก็มีแต่โซนเอเชีย ผมเลยเดินไปหาตรงประตูทางขึ้นเครื่องโซนเอเชีย และมันก็อยู่จริงๆ
 
ลีวายส์ถูกเอาเสื้อหนาวตัวใหญ่ๆคลุมหัวไว้ในขณะที่ไหล่ของมันกำลังสั่นไหวและผมทายว่ามันกำลังร้องไห้อยู่แน่นอน
 
เธอคนนั้นกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น ผมไม่รู้จะทำยังไงดี จะให้ผมไม่ชิงตัวลีวายส์มา แล้วถ้าเกิดเธอคนนั้นโวยวายขึ้นมา รปภ ได้จับผมโยนออกไปน่ะสิ
 
ผมยืนหลบอยู่ข้างๆเสาต้นหนึ่งสักครู ก่อนจะเห็น หญิงสาวเดินไปต่อคิวแลกเงินตรงเค้าเตอร์ เอาล่ะ ผมควรใช้จังหวะนี้ไปช่วยลีวายส์ออกมา
 
“แพ็ค!!!.....อึกๆ......”
 
“ไม่ต้องร้อง....ลุกขึ้นเร็วเข้า” ผมดึงลีวายส์ให้ลุกขึ้นแต่กลับพบว่ามันถูกมัดขาไว้กับเก้าอี้คับ เหี้ย!!! ผมจึงต้องนั่งยองๆลงแก้มัดให้มัน
 
“แก!” เอ้า!!! ซวยอีก เมื่อเธอคนนั้นเห็นเราแล้วครับและเธอก็กำลังเดินกลับมา
 
“โอ๊ะๆ ขอโทษคับป้า......โทษทีผมรีบ” แต่ก่อนที่เธอจะเดินมาถึง มีใครคนหนึ่งวิ่งชนเธอเข้า ทำให้เงินในมือล่นลงพื้น เป็นไอ้ปอเองล่ะครับ
 
จังหวะนั่นเองผมแก้มัดให้ลีวายส์ออกพอดี จึงดึงข้อมือมันให้ลุกขึ้นและพากันวิ่ง
 
“ทางนี้ไอ้แพ็ค” ไอ้ไอซ์โบกมือให้ผมอยู่ตรงทางออก ผมจึงรีบวิ่งไปหามันและพาลีวายส์ขึ้นมอไซค์ขับออกจากสนามบินทันที
 
“อึกๆ...อื๊อออออ...อึกๆ...เราอยากไปหาพี่ธาร” ร้องให้ตลอดทางจน กระทั่งถึงบ้านไอ้ปอมันก็ยังไม่หยุด น่าปวดหัวมากแต่ก็รู้สึกดีนะที่ช่วยมันมาได้ทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
 
 
 
[อีธาร:Part]
 
“โครงการที่หนึ่งผ่านเกณฑ์นะคะ ถ้าพวกคุณมีอะไรสงสัยก็ขอรายละเอียดจากเลขาได้ เรามาต่อโครงการที่สองกันเลยดีกว่า”
 
“นี่รายละเอียดครับ” ผมส่งเอกสารให้เลขาเพื่อแจกให้ทุกคนดู ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์และข้อตกลงการทำโครงการแต่ละโครงการที่จะเกิดขึ้นของบริษัทที่มาร่วมลงทุน
 
อาทิตย์นี้เราทำงานกันอย่างหนักเพราะเดือนหน้าจะเป็นวันครบรอบการก่อตั้งบริษัทของคุณแพ็ท เลยมีแนวคิวว่าจะเปิดโครงการใหม่ๆ ไปพร้อมๆกันเลย ทำให้ผมเองก็ต้องมีงานเยอะตามไปด้วย
 
Tru.................
 
ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปกติผมจะไม่รับโทรศัพท์ในเวลางานแต่จะเลือกรับกับคนที่โทรมาเพราะเรื่องสำคัญ เช่นลีวายส์ หรือถ้าผมสั่งไว้ก่อนว่าให้ไลน์มาผมมีงาน แต่ยังโทรมาแสดงว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ ผมจึงกดรับก่อน และนี่ก็ไอ้กายโทรมา
 
(อื๊อๆๆ....ไอ้ธาร ลีวายส์หายไป)
 
“ว่าไงนะ!!!!” ผมผุดลุกขึ้นจากโต๊ะท่ามกลางความงุนงงของคนอื่นๆในห้องประชุม
 
(อึกๆ.....กูขอโทษ...อื๊ออออออออออ....) นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แน่นอน
 
“ขอโทษนะครับ ผมมีเรื่องด่วน.....นี่เอกสารทั้งหมด คุณเลขาช่วยจัดการแทนผมที” ผมบอกและไม่ลังเลที่จะออกมาจากห้องประชุมมาโดยที่การประชุมในช่วงเย็นเพิ่งจะเริ่ม
 
ลีวายส์หายไป หายไปไหน กับใคร ผมคิดไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ และพยายามจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น ผมถอดเสื้อสูทออกคลายปมเนคไทและปลดกระดุมคอ โยนทุกอย่างที่ไม่จำเป็นในตอนนี้ทิ้งไว้หลังรถ ก่อนจะขับรถออกมาด้วยความเร็ว
 
 
 
“ไอ้เซฟโรงเรียนเลิกกี่โมง.....แล้วมึงไปรับมันกี่โมงไอ้กาย” ผมลงจากรถเมื่อมาถึงหน้าร้านพบว่าไอ้กายพี่หมอและไอ้เซฟอยู่ที่นี่
 
“เลิกบายสามว่ะ” ไอ้เซฟตอบเสียงเครียด ผมกำหมัดแน่นและพร้อมที่จะระเบิดออกมาเต็มทน
 
“บายสาม!!!! นี่มันจะห้าโมงอยู่แล้ว ป่านนี้มันคงพาลีวายส์ข้ามโลกไปแล้วมั้ง!!!! สัดเฮ้ย!!!!”
 
“อึกๆ....กูขอโทษ กูผิดเอง อื๊อออออ” ไอ้กายร้องให้พลางกอดพี่หมอแน่น
 
“กูผิดเองที่ให้กายแวะรับกูก่อนน่ะ อย่าโทษกายเลย”
 
“มันใช่เวลาหรอวะ! ที่จะมาออกรับผิดแทนกันในเวลานี้น่ะ!!! ไอ้เซฟมึงไปกับกู ส่วนพี่พาไอ้กายกลับไปที่คอนโดผมเผื่อมีใครติดต่อมา”
 
“ไอ้ธาร กูขับเองมั้ยวะ” ไอ้เซฟพูดหลังจากเราออกรถมาได้ไม่ถึงหนึ่งนาที สองมือของมันเก๊ะหน้ารถแน่น
 
“กูไม่ยอมตายก่อนที่จะหามันเจอหรอ เชื่อกู โทรหาไอ้แมนแล้วมันว่าไง”
 
“มันบอกว่า พี่น้ำออกจากห้องพักตั้งแต่บายแก่ๆ และยังไม่กลับมาเลย...กูได้ที่อยู่มาแล้วเนี่ย” ผมขอให้ลูกน้องไอ้แมนหาที่อยู่ยัยนั่นและจับตาดูอยู่ตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว แต่มันก็รอดสายตาไปได้
 
Tru.................
 
ผมรีบรับโทรศัพท์ที่เข้ามาทันทีโดยส่งให้ไอ้เซฟถือ เพราะผมไม่ยอมเสียเวลาในการขับรถแน่นอน
 
(ไง....ไอ้ธาร........” ผมเบรกรถทันที เมื่อผมได้ยินเสียง ขอยัยน้ำ
 
“ลีวายส์อยู่ไหน!!! บอกมาเดี๋ยวนี้!!!!”
 
“เหอะๆ.....นี่แกหวงมันมากจริงๆสินะ.......น่าเจ็บใจไอ้พวกเด็กเปรตนั่น!!!”
 
“หมายความว่าไง.....อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน” ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย ถ้าเธอมายืนอยู่ตรงหน้าผม ผมคงได้ฆ่าเธอตายคามือไปแล้ว
 
“มันยังโชคดี ไอ้ธาร......เด็กนั่นน่ะ  แต่ถ้าคราวหลัง ฉันไม่พลาดแน่ แกดูแลมันไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน” แสดงว่ามีคนช่วยลีวายส์ไว้แล้ว ผมจึงรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
 
“เธอสิที่ต้องดูแลตัวเองดีๆ เพราะต่อไป ฉันจะเป็นฝ่ายตามล่าเธอเอง ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอย่ามายุ่งกับมันอีก เธอรู้ดีนะว่าฉัน.......ไม่ได้พูดเล่น”
 
“ไอ้ธาร แกหมายความว่าไง....เดี๋ยว!!!.....” ในเมื่อพูดกันดีๆไม่ได้ คุยกันง่ายๆไม่รู้เรื่อง ผมคงต้องจัดการขั้นเด็จขาดกับยัยนี่ซะแล้ว
 
“ตกลงลีวายส์อยู่ไหนวะ” ไอ้เซฟถาม
 
“ยัยนั่นบอกว่า มีเด็กช่วยลีวายส์ไว้ มึงโทรเด็กมึงดูซิ” ผมบอก และเริ่มขับรถต่อ
 
“ใครวะ....เอ่อ....แพ็คไม่รับโทรศัพท์กูหรอก โทรหาเพื่อนมันก็แล้วกัน” ไอ้เซฟโทรหาเด็กนักเรียนของมัน
 
“มึงเร็วหน่อยเหอะ กูจะบ้าตายอยู่แล้ว”
 
“เอ่อๆ......ก็รีบอยู่นี่ไง............ไอ้ปอ......”
 
(ครู โทรมาพอดีเลยอ่ะ ครูมารับน้องลีที มันร้องไห้จนพวกผมปวดหัวหมดแล้วเนี่ย....บ้านผมๆ)
 
“เออๆ......เลี้ยวขวาข้างหน้าไอ้ธาร” ป่านนี้ลีวายส์คงร้องจนตาบวมโบ๋แล้วมั่ง มันเจ็บตรงไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้
 
 
 
 
“พี่ธาร!!!!.............อื๊ออออออออออออออออออ” ร่างเล็กวิ่งเข้ามากอดผมทันทีที่ผมลงจากรถ หลังจากมาถึงภายในห้านาที
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย....หืม....ฟอด!!!” ผมหอมเรืองผมลีวายส์หลังจากเห็นว่ามันปลอดภัยดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วางใจ
 
“พี่ธาร....อึกๆ....คราวหน้าพี่ธารต้องมารับลีวายส์...อึกๆ...เร็วๆนะฮะ”
 
“โอเค....หยุดร้องได้แล้ว เรากลับบ้านกันนะ.....ไอ้กายรออยู่ที่บ้าน.........หยุดร้องนะ คนดี จุ๊บ!!!” ผมจุ๊บมุมปากร่างเล็กอีกทีก่อนจะหันไปสนใจเด็กสองสามคนที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ
 
“กูฝากด้วยไอ้เซฟ....อ่ะนี่ ค่าขนม ให้พวกมัน......มึงกลับเองนะ” ผมหยิบเอากระเป๋าตังออกมาและส่งเงินที่มีทั้งหมดในกระเป๋าให้มันไป ผมคิดไม่ออกว่าจะตอบแทนมันยังไงในตอนนั้น เลยให้เงินเนี่ยง่ายสุด ส่วนไอ้เซฟ มันกลับเองได้อยู่แล้ว ไม่หลงหรอก!
 
“เดี๋ยวสิ....ไอ้ธาร.........ห่า.........”
=0=

<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>>>>

มาต่อแว้ววขอโทดที่ช้านะคะ

คือ....ไม่ชอบดราม่าเยอะค่ะ

ถ้าภาษาไม่สวย และมีคำผิด ขออภัยด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 07-10-2014 17:14:17
โล่งอกที่มีแพ็คอยูแถวนั้นพอดี
ไม่งั้นลีวายแย่แน่ๆ

จัดดการขั้นเด็ดขาดไปเลยอีธาร
ยัยป้านี้มันต้องการตัวลีวายไปทำไมก็ไม่รู้
แต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-10-2014 18:16:58
นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-10-2014 19:20:54
เอาอีป้าเก็บไปซะ!!!!!
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-10-2014 21:18:25
โอ้ยยยนน รอดมือยัยป้าน้ำไปได้หนนึง!!
พี่ธารสั่งเก็บยัยป้าร้ำไปเรยนะ
ก่อนยัยป้าจะมาวุ่นวายกะลีวายส์อีก
-_-^^^^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-10-2014 03:43:29
ยัยน้ำเน่ามันต้องการไรเนี่ย
น่าตบว่ะ!!!
ต้องขอบคุณแพ็คและเพื่อนๆที่มาช่วยลีวายส์ไว้ได้ ไม่งั้นแย่แน่ๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปจ้าาาา  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่45(07/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 08-10-2014 17:07:00
กรี๊ด แมนโอ๊ค ฟินเว่อร์
งานนี้รอ​ป้า​มหาภัยโดนจัดหนักค่ะ
เชียร์เรื่องนี้ฟุดๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่46(09/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 09-10-2014 18:03:29
Older Brother.....46
 
 
ผมคิดว่า ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากคนหนึ่งนะครับ แต่ตอนนี้ ผมชักไม่แน่ใจแล้ว......ไอ้เหี้ยธาร ไอ้สัด! ได้เมียกลับ แม่ง!!! ทิ้งเพื่อน ปล่อยผมให้ยืนเอ๋อเหรออยู่กับไอ้เด็กสามตัวเนี่ย
 
“เอ่อ....เอาไงอ่ะครู....” ไอ้ปอถาม เดี๋ยวนี้ผมสนิทกับพวกมันแทบตบจะตบหัวกันได้อยู่แล้วล่ะ
 
“จะเอาไงล่ะ กูมันไม่สำคัญ เมียมันโน้น สำคัญกว่า” ผมบอก ถอนหายใจออกมาแรง ยืนมองรถไอ้ธารที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
 
“เมีย!!!....ใครเมีย....เมียใครวะ....” อ้าวเฮ้ย! ฉิบหาย ลืมไปว่าพวกมันไม่รู้และไม่ควรรู้เรื่องไอ้ธารกับลีวายส์ ผมก็เลยเผลอพูดออกไป โดยไม่รู้ตัว งี่เง่าชะมัด!
 
“เปล่าๆ...ว่าแต่ อ่ะนี่ เอาเงินนี่ไปแล้วกัน ไอ้ธารมันคง...ไม่รู้จะตอบแทนพวกนายยังไงอ่ะ เดี๋ยวครูจะนั่งแท็กซี่กลับเอง”
 
“เอ่อ...จริงๆไม่ต้องก็ได้นะครู...แต่ไหนๆก็ให้มาแล้ว ผมไม่ปฏิเสธก็แล้วกัน” ไอ้ปอบอกอีก ในขณะที่ผมปลายตาไปมองไอ้ตัวดีอีกคน ที่ยืนเงียบไม่พูดไปจา แถมหน้าผมมันก็ยังไม่มองเลย เหอะๆ
 
“เอางี้ดีกว่า ผมว่า เราเอาเงินนี่ไปซื้อของกินมาทำไรกินกันดีกว่า อีกอย่าง ฉลองสอบเสร็จด้วยเป็นไง” ไอ้ไอซ์ออกความเห็น
 
“ก็ดีนะ งั้นครูอยู่กินด้วยกันก่อนนะ.....วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอก พ่อกับแม่พาน้องผมไปบ้านยายสองสามวันแล้วไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ งั้นเดี๋ยวผมกับไอ้ไอซ์ไปซื้อของนะ ครูกับไอ้แพ็คก็อยู่เฝ้าบ้านไปก่อน...ไปล่ะ!”พูดจบ ไอ้ปอมันก็ดึงเงินไปจากมือผมและรีบกอดคอไอ้ไอซ์ ออกไป อ้าว...มันว่ากูเป็นหมาป่าววะ เฝ้าบ้าน! แม่ง
 
“จะไปไหน” ผมถามอีกคนที่เหลืออยู่ เมื่อเห็นว่ามันก็ทำท่าจะเดินออกไปจากบ้าน
 
“กลับบ้าน”
 
“อ้าว....เดี๋ยวดิ........แพ็ค” ผมเดินตามมันไป แต่แพ็คกลับเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น “เดี๋ยว...นายเป็นอะไรน่ะ...ทำต้องหลบหน้ากันด้วย”
 
“ผมเปล่า...” ร่างบางบอกแต่ก็ยังไม่ยอมหันกลับมามองผมอยู่ดี จนผมต้องก้าวเท้ายาวๆไปดึงแขนมันไว้ ให้มันหยุดเดิน
 
“แล้วทำไมต้องเดินหนีแบบนี้ด้วย ถ้าฉันทำให้นายรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ฉันพูด โอเค ฉันขอโทษ แต่อย่าหลบหน้าได้ป่ะ มันเหมือนนายกลัว”
 
“ผมไม่ได้กลัว ก็บอกไปแล้ว ว่าไม่ได้หลบไง ปล่อยได้ยัง” แพ็คสะบัดแขนออกจากมือผมและเดินกลับเข้าบ้านไป มันเป็นแบบมาหลายวันแล้วล่ะ
 
 
 
“เหี้ย.....นี้บ้านแน่หรอ ทำไมมันรกอย่างนี้วะ” ผมพูด เมื่อเห็นสภาพภายในบ้านของไอ้ปอ เหอะๆ บ้านมันดูกว้างดีนะ แต่นี่....กองขยะชัดๆอ่ะ ทั้งถุงขนม กล่องนม ป๋องโค้กและ....ก้นบุหรี่
“นี่พวกสูบบุหรี่ด้วยหรอ”
 
“ผมเปล่า” แพ็คบอกทันที ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา
 
“แน่นะ...เอ๊ะ! กินเหล้าด้วย ขวดเหล้านี่คงไม่ใช่ของพ่อไอ้ปอหรอกนะ” ผมชูขวดเหล้านอกสีขาว ขึ้นมาให้แพ็คดู
 
“อะไรนักหนาวะ....เออๆ กิน จบป่ะ” มันตอบแบบขอไปที ในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังการ์ตูนที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ผมเดินเข้ามา
 
“ใช่สิ ฉันไม่ใช่แม่นายนี่ คงห้ามไม่ได้ แต่ว่านะ....คุณชายครับ กรุณาเก็บกวาดก่อนได้มิครับ คือ.....มันเหมือนนั่งอยู่บนกองขยะนะนั่น”
 
“ยุ่งจริง!!!” โอ๊ะ! ผมยุ่งตรงไหนวะ แค่ให้เก็บกวาดนิดเดียวเอง อีกเดี๋ยวมันก้องนั่งอีกอ่ะ ดูท่าเคมีเราสองคนจะเข้ายากจริงๆสินะ
 
 
 
“โอ้ยยยย.....เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา อ้าว! แพ็คหายไปล่ะ ผมมองหามันสักพาและก็เจอนั่งอยู่ตรงโต๊ะคอม ในห้องนั่งเล่น ที่แท้ก็แอบมาเล่นเกมนี่เอง และเป็นเกมที่ผมชอบด้วยสิ
 
ผมเลยเข้าไปยืนมองมันเล่นอยู่ด้านหลังเงียบๆ แอบขำนิดๆเพราะมันเล่นยังไงก็เห็นจะชนะสักที ผมจึงคิดว่าน่าจะสอนสูตรให้มันหน่อย
 
“เน้....เค้าเล่นแบบนี้เหอะ!” ผมขยับเข้าไปชิดติดหลังร่างบางและโน้มตัวลงดูหน้าจอคอมก่อนจะทาบมือลงบนเมาส์โดยทับมือมันไว้ แบบไม่ได้ตั้งใจ
 
“ยุ่งนาเล่นเอ..........” ในจังหวะนั่นเอง แพ็คเอี้ยวตัวกลับมามองผม ทำให้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันเพียงแค่ไม่กี่เซ็น
 
เราต่างสบสายตากัน ร่างบางมองผมตาไม่กระพริบ จมูกโด่งๆของมันเฉียดปลายจมูกผมเพียงนิดเดียว ริมฝีปากสีสดที่ผมเคยจูบในตอนนั่นทำให้ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาดอีกครั้งจนรู้สึกว่า ใบหน้าของตัวเองเริ่มขยับเข้าไปใกล้กับอีกคนมากขึ้นมากขึ้นจน.....
 
 
 
“มาแว้ววววววววววโย่วๆ” เราผลักออกจากกันอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียเหี้ยๆ ของไอ้เด็กเวรสองตัวส่งสัยมาแต่ไกล แม่ง ขัดอ่ะ!?
 
“อ้าว....ทำไรกันอ่ะ คิดว่ากลับบ้านไปแล้ว” ขอบคุณครับที่พวกมึงกลับมาเร็วมากไปหน่อย =_=
 
“เปล่า....แล้วนี่ซื้ออะไรมาบ้าง ไปเป็นชาติล่ะ” ผมบอก ปลายตามองแพ็คที่หันกลับไปสนใจเกมในคอมต่อ
 
“เยอะเลยครู ไปช่วยทำหน่อยดิ แฮะๆ”
 
“นี่ฉันเก็บกวาดบ้านให้ไม่พอหรอวะ.....เอ่อๆๆ ทำก็ทำ”
 
 
 
ผมจำเป็นต้องช่วยพวกมันทำกับข้าวจนเสร็จ ตอนฟ้ามืดพอดี จากนั้นพวกมันก็ออกมาย้ายโซฟาก่อนจะเอาพรมมาปูแทนและเอากับข้าวทุกอย่างมาวางลง และมานั่งตั้งวงกันกิน
 
“นี่ซื้อเบียร์มาด้วยหรอ” ผมถาม เมื่อไอ้ปอเอาเบียร์มาแช่ในถังน้ำแข็งเล็กๆ
 
“นิดเดียวนาครู ไม่เมาหรอก....ไอ้แพ็คมึงน่ะ ไม่ต้องกิน คราวที่แล้วแค่สองแก้วก็คอพับเกือบกลับบ้านไม่ถูก ไม่ใช่หรอวะ”
 
“แค่เบียร์เนี่ยนะ” ผมถาม
 
“ใช่ครู...มันน่ะ  กินเหล้าได้แต่ก็ไม่เท่าไหร่...ส่วนเบียร์กินไม่ได้แค่แก้วเดี๋ยวนะ จอด!” เหอะๆ มีงี้ด้วย
 
“พูดมากนามึง เอาตะเกียบมาดิ” แพ็คผลักหัวไอ้ปอก่อนจะ แย่งตะเกียบในมือไปคีบลูกชิ้นในหม้อเข้าปาก เราทำสุกี้กินกันครับ มียำทะเลฝีมือไอ้ไอซ์แล้วก็ไก่ทอดกรอบของไอ้ปอด้วย
 
นั่งกินไปเรื่อยๆและว่าพวกมันก็เริ่มเอาเหล้ามากินต่อจากเบียร์ จนถึงสองทุ่ม โอเค เบียร์ไม่เท่าไหร่แต่พอดื่มเหล้าตามผมเองก็ชักจะมึน แฮะ
 
“คืนนี้เตงนอนเป็นเพื่อนเค้าอีกนะ.....เค้าเหงา” =_= ภาษาเหี้ยไรของมัน ไอ้ปอชักจะเมามากแล้วนะผมว่า
 
“ได้ๆ เดี๋ยวเค้านอนเป็นเพื่อน แต่เตงห้ามลวนลามเค้าเหมือนเมื่อคืนนะ” ให้ตายเหอะ เฮ้ออออ
 
ผมเลิกสนใจพวกมันและหันไปมองอีกคนแทน แพ็คนั่งก้มหน้าเงียบไปพูดจาเอาแต่กินและดื่มเท่านั้น ผมจึงคิดว่ามันน่าจะกลับบ้านไปพร้อมผมได้แล้ว
 
“แพ็ค!!!.......กลับบ้านกัน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
 
“ไม่!!!! อย่าเข้ามาใกล้ผม....ออกไป!!!” มันปัดมือผมออก เมื่อผมจะดึงแขนมันให้ลุกขึ้น ดูท่าจะเมาจริงๆนั่นแหละ จะปล่อยไว้ที่นี่ก็คงไม่ได้ ยิ่งให้กลับเองคงไม่ได้ใหญ่
 
“มาเถอะ...อย่าดื้อนักเลยนา!” ผมดึงร่างบางขึ้นมาจนได้และพยายามประคองตัวไว้โดยใช้แขนมันพาดบนคอผม
 
“ไม่...ไม่กลับ....ไม่ไปไหนอ่ะ”
 
“ตั้งสติหน่อย เมาจริงป่ะเนี่ย.....เฮ้ย! พวกนายก็ไปนอนได้แล้วไป” ผมบอกไอ้ปอและไอ้ไอซ์ก่อนจะประคองแพ็คอออกมาจากบ้าน
 
เพราะที่นี่มันเข้าซอยเล็กๆมา ผมจึงจำเป็นต้องไปเรียกเท็กซี่หน้าปากซอย แต่ว่า....แพ็คเหมือนจะยืนไม่อยู่เท่าไหร่ ผมเลยให้มันขี่หลังแทน
 
“เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับผมซะที” เสียงมันดังอยู่ข้างๆหูผม ในระหว่างที่เดินมาตามทางฟุตบาท
 
“ทำไม....นายอยากให้มีคนสนใจนายไม่ใช่หรอ ถ้าฉันจะเป็นคนหนึ่งที่สนใจนาย ไม่ดีหรือไง”
 
“โกหก เกลียดที่สุด....อึก!....คนที่ชอบเล่นกับความรู้สึก...ของคนอื่น” คนเมามักจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัว มันจริงหรือเปล่า เพราะถ้าจริง ผมคงทำให้แพ็ครู้สึกอะไรบ้างอย่างกับผมอยู่
 
“ฉันไม่ใช่คนโกหกนะ....ถ้าฉันจะรักนาย”
 
...
 
 
[แพ็คเกจ:Part]
 
 
“ตื่นแล้วหรอคะ คุณแพ็คเกจ” เสียงทักทายจากในครัวดังขึ้นเมื่อผมเดินเข้ามา ในตอนเช้า ก็อยากจะตื่นสายๆอยู่หรอก แต่ผมถูกฝึกให้ตื่นเช้าตลอด เลยตื่นเวลานี้เป็นประจำ
 
“พี่แพ็ทล่ะ ป้าแก้ว”
 
“ยังไม่ลงมาเลยค่ะ ป้าว่าคุณแพ็คเกจไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ เดี๋ยวป้าก็ตั้งโต๊ะแล้วล่ะ” ผมพยักหน้ารับ และเดินออกมา รู้สึกงัวเงียมากแต่ก็นอนต่อไม่หลับ
 
“ตื่นแล้วหรือ ไม่นอนต่อล่ะแพ็ค...” พี่แพ็ทลงมาพอดี “เมื่อคืน เมาไม่รู้เรื่องเลยนะเรา ไปหัดดื่มเหล้าที่ไหนมาน่ะ น่าตีจริงๆเลย”
 
“เมา?.........พี่รู้ได้ไง” ผมก็เพิ่งจะนึกได้ ว่าเมื่อคืนนั่งดื่มกันที่บ้านไอ้ปอ แล้วก็........ “ผมกลับมาได้ไงอ่ะ”
 
“อ้าว....ก็ครูเซฟมาส่งไง นี่จำไม่ได้เลยหรอ ไม่ไหวเลยนะเรา” อีกแล้วหรอวะ! หวังว่าคารวนี้ผมคงไม่ทำอะไรบ้าๆกับไอ้ครูเซฟไว้อีกหรอกนะ
 
“เฮ้อออ.......พี่จะทำงานเลยหรอ”
 
“เปล่า วันนี่พี่มีนัดน่ะ.......มีนัดตัดชุด....ชุดแต่งงาน” ผมวางช้อนในมือลง มองพี่สาวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
 
“พี่ว่าอะไรนะ...แต่งงาน....แต่งกับใคร.....พี่ไม่เคยคบกับใครไม่ใช่หรอ คิดดีแล้วหรอ ทำไมผมไม่รู้ล่ะ ไอ้หมอนั่นมันเป็นคนยังไง ทำงานอะไร อยู่ที่ไหน”
 
“แพ็ค! เพราะอย่างนี้ไง พี่ถึงไม่บอก ฟังพี่นะ....”
 
“ไม่!!!! งานแต่งบ้าบออะไร จะไม่มีวันเกิดขึ้น!!!” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะ วิ่งมาขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ ผมกำลังจะเสียพี่สาวไป พี่แพ็ท กำลังจะแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ต่อไปผมคงต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ผมไม่ยอมแน่ๆ
 
 
“มาไมแต่เช้าวะ” ไอ้ไอซ์ออกมาเปิดประตูให้ผม ท่าทางงัวเงียบอกให้รู้ว่า มันคงเพิ่งตื่นเหมือนกัน
 
ผมเข้าไปในบ้านมัน ไอ้ปอนอนอยู่บนโซฟา โดยมีกางเกงตัวเพียงเดียวเปลือยท่อนบน ของทุกอย่างจากเมื่อวานถูกเก็บกวาดไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงนอนลงบนพื้นพรมด้านล่าง
 
“เมื่อคืนครูไปส่งมึงหรอ กูจำไม่ได้ ตื่นมา แม่ง หายล่ะ”
 
“เออ.....กูนอนแปบ”
 
“เดี๋ยวตอนบายกูปลุกนะ ไปดูหนังกัน เค๊” ผมครางรับ อืม ในลำคอและดึงหมอนที่ไอ้ปอหนุนอยู่มานอน ตอนนี้อยากให้สมองโล่งก่อนค่อยคิด ว่าจะทำยังไง กับ เรื่องบ้าๆที่ผมเพิ่งจะรับรู้มา
 
 
 
“อ่า...คนเยอะอ่ะ เตงเลี้ยงเค้าใช่ป่ะ” ภาษาเหี้ยนี่มาอีกแล้ว
 
“พวกมึงอย่าเริ่ม กูอายคน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ไอ้ปอกับไอ้ไอซ์หัวเราะคิคิ ก่อนจะเดินนำไปหน้าโรงหนัง
 
“ดูเรื่องไรดีวะ ทรานส์ฟอร์เมอร์สๆ นะๆ เอาตังมาเลยๆ ไอ้แพ็ค” ผมส่งบัตรไปให้ไอ้ปอเพราะไม่ได้เอากระเป๋าตังมีด้วย โชคดีที่มีบัตรติดอยู่ในรถ
 
“อ้าว ครู....ครูเซฟ!” เสียงไอ้ไอซ์ ทำให้ผมหันไปมอง ปรากฏว่า ไอ้ครูเซฟยืนจับมืออยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมจำได้ ว่าชื่อกาย เค้า....จับมือกันและเดินมาทางนี้ ผมอยากจะทำเป็นไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมอง
 
“ไง มาดูหนังกันหรอ รีบเที่ยวกันล่ะสิ ปิดเทอมทั้งทีนี่เนอะ”
 
“ครูล่ะ พาแฟนมาเที่ยวหรอ คึคึ” ไอ้ปอถาม และคำถามของมันทำให้ผมอยากจะก้าวเท้าเดินออกไปจากตรงนั้น
 
“ไม่ใช่ นี่เพื่อนครูเอง เนี่ยลูกเจ้าของโรงเรียนของพวกนายนะ รู้ยัง” ว่าไงนะ...ผมก็เพิ่งจะรู้นะเนี่ย
 
“สวัสดีคับ เหอะๆ ผมไม่รู้จักมาก่อนเลยอ่ะ ขอโทษนะคับ”
 
 
“เฮ๊ะ!!! นั่นใช่เด็กที่มึงพามาที่ร้านนี่ ใช่มั้ยวะ” เสียงพี่....เอิ่บ พี่กายพูด ชิท์ ผมต้องเรียกเค้าว่าพี่ใช่ป่ะ
 
“ใช่ แพ็ค....ทำอะไร ยืนหลบหน้าอยู่ได้”
 
“เปล่าหลบซะหน่อย!!!....เอ่อ...สวัสดีคับ....ไปซื้อตั๋วได้ล่ะจะดูหนังไม่ใช่หรอ มัวแต่ยืนคุยอยู่ได้” เกือบเผลอขึ้นเสียงใส่ไอ้ครูเซฟไปแล้วมั้ยล่ะ
 
“พวกเราก็จะดูหนังเหมือนกัน งั้นดูด้วยกันเลยสิ ไอ้เซฟ....มึงเลี้ยงนะ เลี้ยงเด็กๆด้วย” พี่กายบอก ทำไมถึงยิ้มได้น่ารักแบบนี้นะ ชิท์
 
“ดีๆ ครูเซฟเลี้ยง เย้ๆ เอาบัตรมึงคืนได้เลย คึคึ” ไอ้เพื่อนเลว ไอ้ครูเซฟมันยกยิ้มให้ผมแต่ผมไม่ยิ้มตอบคับ ทำเป็นเบือนหน้าหนีเหมือนทุกครั้ง
 
เมื่อซื้อตั๋วหนังเสร็จเรียบร้อย ไอ้ปอกับไอ้ไอซ์มันชวนผมไปซื้อขนมกับเครื่องดื่ม โดยให้ผมเลี้ยงอีกนั่นแหละ แต่ละคน ไม่ลงทุนอะไรเลย ตังน่ะมีแต่ แม่ง ไว้ซื้อเกมโน้น
 
“ถบไปดิ๊” ผมบอกไอ้ไอซ์เพราะมันนั่งลงก่อนผมและเว้นที่ว่างไว้ให้ผมนั่งติดกับไอ้ครูเซฟเรียบร้อย
 
“มึงก็นั่งตรงนั้นดิ มึงสนิทกับครูสุด เร็วๆ คนอื่นเค้าจะเข้ามั่ง” เออเนอะ มันเอาอะไรมาวัดวะ ว่าผมสนิทกับไอ้ครูเซฟสุด เหี้ย
 
ผมเลยต้องนั่งลงข้างๆไอ้ครูเซฟโดยฝั่งโน้นก็เป็นพี่กาย ไม่นานไฟในโรงหนังถูกปิดลง มีเพียงแสงจากภาพจอใหญ่ที่ส่องผ่านให้เห็นรางๆ
 
“ฉันกับกายแค่มาดูหนังน่ะ” คนข้างๆผม กระซิบบอก
 
“แล้วมาบอกผมทำไม......ไม่เห็นเกี่ยวกับผมเลย” ผมหันมองคนข้างๆและเห็นรางๆว่า ร่างสูงเองก็หันมามองผมเช่นกัน
 
“ก็กลัวนายจะเข้าใจผิดน่ะ ฉันกับกายเราเป็นแค่เพื่อนกันนะ”
 
“ก็บอกว่า ไม่เกี่ยวกับผมไง เลิกพูดสักที จะดูหนัง!!!” ผมบอก และกลับไปสนใจหนังในจอใหญ่ ถึงแม้ปากจะพูดว่าไม่เกี่ยวกับผมแต่ลึกๆแล้วผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกกับสิ่งที่อีกคนบอกมา
 
 
 
 
“เดี๋ยวกูกับไอ้โอซ์จะไปเดินซื้อของแถวๆนี้ก่อน มึงจะไปป่ะ” หลังจากดูหนังจบ พวกผมแยกกับครูเซฟออกมา เห็นว่าจะไปส่ง พี่กายด้วย เหอะๆ บอกว่าเพื่อนๆ แต่ติดกันหนึบแบบนี้คงใช่หรอก
 
“ไม่ไป กูไม่ชอบคนเยอะ แยกกันตรงนี้ล่ะ”
 
“เออๆ ขับรถดีๆนะมึง” ผมโบกมือลาพวกมันก่อนจะขึ้นรถและขับออกมาเรื่อยๆ บ้านก็ไม่อยากกลับ จะไปไหนดีล่ะเนี่ย
 
............................................................................................
 
“ขอบใจนะที่มาส่ง วันนี้หนุกดีว่ะ ไว้วันหลังไปกันอีกนะ” กายบอกยิ้มๆ หลังจากที่ผมมาส่งมันหน้าคอนโดพี่หมอ
 
“เออๆ แต่คงไม่บ่อยล่ะ”
 
“ทำไม มึงจะไปตามจีบใครวะ....เห็นน้าาาา...แม่ง มองตลอด มึงอยู่กับธารได้เลย กินเด็ก อ่าๆๆๆๆๆ”
 
“เออๆ กูน่ะกินเด็ก แต่มึงน่ะ เป็นเด็กให้เค้ากิน ก๊ากๆๆๆๆ ไปล่ะนะคนสวยจู๊ดๆ”
 
“ไอ้เหี้ยยย” พูดมากนักเอาคืนซะบ้าง เหอะๆ ผมไปดูหนังกับไอ้กายมาครับ และที่สำคัญดันไปปะกับพวกแพ็คด้วยสิ เราเลยดูหนังด้วยกันโดยที่ผมอยู่ๆเฉยๆกลับต้องโดนเลี้ยงหนังพวกมันซะงั้น
 
ป่านนี้ ไม่รู้แพ็คจะกลับบ้านหรือยังนะ แต่วันนี้ดูมันแปลๆไป เหมือนมีเรื่องอะไรให้คิด ผมหันมองมันเป็นระยะตอนอยู่ในโรงหนัง แพ็คขมวดคิ้วตลอด และเหมือนมันจะไม่ได้ดูหนังเลยด้วยซ้ำ
 
เอ๊ะ!!! เหมือนผมจะเห็นรถแพ๊คนะ ตอนขับผ่านสวนสาธารณะเมื่อกี้ ผมจึงวนรถกลับไปดูและก็เจอรถของมันจอดอยู่จริงๆ ผมเลยลงจอดรถและเดินเข้าไปด้านใน ที่นี่ร่มรื่นดีมีต้นไม้เยอะเหมาะมากสำหรับมานั่งพักผ่อนหรือพาแฟนมา หวังว่าแพ็คคงจะไม่พาใครมาหรอกนะ
 
เหอะๆ ผมเจอแล้วครับ ร่างบางนอนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ โดยมีผ้าบางๆใช้ปูนอน ผมจึงเดินเข้าไปหาเงียบๆ ไม่ให้มันรู้ตัว ก่อนจะนั่งลงข้างๆ มองหน้าเรียวใสที่กำลังหลับตาพริ้ม เด็กอะไรวะ ดื้อฉิบ เนี่ย มันน่า......บีบจมูกโด่งๆนี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
 
“อื่ม.........” อยู่มันก็พลิกตัวจากนอนหงายมาเป็นนอนตะแคง ทำให้เสื้อของมันเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้อง ผมจึงถอดเสื้อนอกมาห่มให้และนอนลงข้างๆมันโดยที่เราหันหน้าเข้าหากันและผมก็หลับตามมันไป
 
 
 
 
“โอ้ย......มึนหัวชะมัดเลย” ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับรับสายตาให้เข้ากับแสงแดงที่กำลังสาดส่องมา รู้สึกเมื่อยตัวนิดๆเลยยกแขนขึ้นบิดตัวไปมา.... “อ้าว......เอ่อ....ตื่นนานยัง”
 
 
“นานล่ะ...!!!!” แพ็ค นั่งหน้าบูดมองผมอยู่ใกล้ๆ มันถอนหายใจแบบเซ็งๆและเบือนหน้าหนีอีกตามเลย
 
“แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะ หึ......งั้นนอนต่ออีกนิดนะ” ผมนอนลงอีกครั้งแต่ครั้งนี้ มีตักของแพ็คไว้หนุนหัวครับ หึหึ
 
“เฮ้ย! ทำไร ลุกนะ.....ลุก!....อายคนมั่งเหอะ”
 
“อายทำไม ฉันยังไม่อายเลย ไม่เห็นแปลก...ว่าแต่นายน่ะ มีเรื่องไม่สบายใจล่ะสิ ถึงไม่ยอมกลับบ้าน”
 
“เปล่าซะหน่อย อย่าทำมาเป็นรู้เรื่องคนอื่นเค้าดีนักเลย”
 
“เพราะมันเป็นเรื่องของนาย ตัวนาย...แพ็ค! ฉันถึงรู้และดูออก นายยังไม่เข้าใจอีกหรอ ว่าฉันเป็นหวงนายนะ มีอะไรก็เล่าให้ฟังบ้างก็ได้ อย่าแบกรับไว้คนเดี๋ยวมากนักสิ” นิ่งครับ มันเงียบไปครู่หนึ่ง
 
“พี่แพ็ทจะแต่งงาน” นั่นไง ผมว่าแล้ว ที่แท้ก็คิดมากเรื่องนี้นี่เอง
 
“นายก็ควรจะยินดีกับพี่สาวนายสิ ดีออก พี่สาวนายจะได้มีความสุข”
 
“ความสุขบ้าบออะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ทำอะไร นิสัยจะดีหรือเปล่าก็ไม่รู้.......มันจะมาแย่งพี่แพ็ทไป แย่งทุกอย่างไปแน่ๆ”
 
“ทำไมคิดอย่างงั้นล่ะ นายไม่อยากให้พี่สาวนายมีความสุขหรอก ประเด็นของนายก็คือ นายไม่อยากให้มีคนมาแย่งความรักของนายไปจากพี่สาวนายใช่มั้ย”
 
“ไม่ใช่อย่างงั้นนะ”
 
“แพ็ค! การที่พี่นายจะมีความสุขมันไม่ทำให้นายมีความสุขหรอกหรอ ความรักระหว่างพี่น้อง กับ ความรักระหว่างคนรัก มันไม่ได้เหมือนกันหรือจะมาแทนกันได้หรอกนะ”
 
“มันก็รักเหมือนกันนี่”
 
“ไม่เหมือน....ฉันเคยคิดเหมือนกับนาย พอพี่หมอเข้ามาในชีวิตไอ้กาย มันทำให้เคยคิดแบบนั้น เพราะไอ้พี่หมอ แม่ง ทั้งหล่อ รวย เท่ ดูดีไปหมด และรู้อะไรมั้ย ความรักที่ไอ้กายมีให้ฉัน มันก็ยังเหมือนเดิม ทั้งที่ฉันพยายามจะออกห่างมันแต่สุดท้าย คำว่าเพื่อน ความรักแบบเพื่อน มันก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้มันจะรู้ว่าฉันคิดยังไงกับมัน ฉันถึงได้ตัดใจจากมันได้ไง”
 
“ตัดใจได้แต่ก็ยังรักนี่”
 
“ใช่..ยังรัก รักแบบเพื่อน เพราะว่า...ต่อไปฉันจะรักนายอย่างที่ฉันบอกไง” ผมยิ้มให้ร่างบางที่กำลังอึ้งกับคำว่ารักของผม ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นมานั่งตรงๆ
 
“มันไม่ใช่หรอก รักบ้าบออะไรกัน ใครๆก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ” แพ็คลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินหนี แต่ผมคว้ามือมันไว้ได้
 
“ใช่ แต่ฉันจะไม่พูดกับใครแน่ๆ ถ้าฉันยังไม่แน่ใจ กับไอ้กาย ฉันยังไม่เคยพูดเลย ฉันไม่รู้ว่าชอบนายได้ยังไง ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไหร่”
 
“มันจะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก ไม่สบายหรือเปล่า”
 
“คงจะไม่สบายจริงๆ ดูนี่สิ...” ผมดึงมือแพ๊ค มาทาบลงบนหน้าอกด้านซ้ายของผม “รู้สึกหรือเปล่า หัวใจของฉัน มันเต้นแรงผิดปกติ.....ก็เพราะนาย”
 
<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>
 
มั่วสุดๆล่ะตอนเนี่ย พี่เพลียค่ะ T^T

ถ้าภาษาไม่สวย และมีคำผิด ขออภัยด้วยนะคะ

ปล.รู้ยังเรื่องนี้มี 50 ตอนนะ  :katai3:  :katai3:  :katai3:

ไปหล่ะเจอกันตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่46(09/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-10-2014 18:14:07
! เหลืออีกสี่ตอนเองเหรอคะ

ขอบวกตอนพิเศษเพิ่ม ตอนละคุ่ได้ม้าา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่46(09/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-10-2014 18:23:50
ครูเซฟเท่ห์อ่ะ
บอกรักกันแบบนี้ เราเป็นแพ็คเขินตายเลย


ปล.ห้าสิบตอนไม่รวมตอนพิเศษเน้อออออ :m13:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่46(09/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-10-2014 21:40:17
งั้นอีก 4 ตอนจบงั้นหรอออ
โอ้ไม่นะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่46(09/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-10-2014 01:47:59
รวดเดียวจบ เป้นอะไรที่ทรหดม้วกกก!! มีแต่คนกินเด้ก5555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่47(14/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 15-10-2014 00:07:58
Older Brother.....47
 
 
“อืม..........” เสียงครางต่ำในลำคอของผม ที่กำลังจูบดูดดื่มกับริมฝีปากสีสดอย่างนุ่มนวล เล็ดลอดออกมาเบาๆ
 
ลีวายส์ใช้สองแขนโอบรอบคอผมไว้เพื่อพยุงตัว ผมไล่ฝ่ามือหนาไปตามรอบเอวบาง เลื่อนลงต่ำมาบดคลึงกับสะโพกกลมมล ก่อนจะบีบเค้นเพื่อระบายอารมณ์ร้อนรุ่มที่กำลังก่อตัวขึ้นในร่างกาย ที่จริง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำหรอกแต่ว่า.....ผมห้ามใจมาหลายครั้งแล้ว จนมันสะสมและในที่สุดก็ห้ามตัวเองไม่ไหว
 
ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวันก่อน ผมกับลีวายส์ไม่เคยห่างกันแม้แต่นิด แม้กระทั้งไปทำงานผมก็ยังพามันไปด้วย ไม่ปล่อยให้มันคลาดสายตาก็ว่าได้
 
และนี่ เมื่อสามสิบนาทีก่อน ผมมานั่งทำงานโดยให้ลีวายส์นั่งอยู่บนตัก ต่อมาก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ กลิ่นแป้งอ่อนๆ ที่ลีวายส์ใช้เป็นประจำยังคงให้ความรู้สึกอยากหอมแก้ม อยากจูบ อยากกลืนกินมันไปทั้งตัวเหมือนทุกครั้ง
 
“อ่ะ!!! พะ...พี่ธาร....พอก่อนฮะ” ลีวายส์บอกทันที เมื่อผมละริมฝีปากออก สองข้างแก้มใสขึ้นสีแดงไปถึงหู พร้อมกับเม้มปากเล็กจนเป็นเส้นตรง
 
“กลับบ้านกันเถอะ” ผมบอก และเตรียมเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงานตรงกลับบ้านทันที บ้านที่ว่าก็คอนโดนั่นแหละ มันชินปาก
 
“ลีวายส์อยากแวะซื้อของก่อนฮะ ของใช้จะหมดแล้ว”
 
“จะแวะอะไรตอนนี้” ผมกัดฟันพูด อย่างเซ็งๆ แต่ก็ยอมเลี้ยวรถเข้ามาให้ห้างอยู่ดีนั่นแหละ โอเค ดูเหมือนผมต้องสงบสติอารมณ์ไว้ก่อน โอเค บอกกับตัวเองให้ใจเย็นๆและลดระดับความหื่นลงหน่อย อึ่ย!!!
 
“พี่ธารเหงื่อออกน่ะ....ไม่สบายหรือเปล่าฮะ” มันซื่อจริงหรือแกล้งวะเนี่ย ถ้าจะทำท่าเป็นห่วงกันขนาดนี้ คืนนี้เป็นห่วงตัวเองก่อนมั้ย!
 
“รีบไปซื้อของไป จะได้รีบกลับ” ผมถอดเสื้อสูทออกก่อนจะคลายปมเนคไทและปรดกระดุมคอเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายตัวขึ้น รีบพาลีวายส์เข้าไปซื้อของข้างใน
 
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องกับลีวายส์วันนั้น ผมพยายามหาตัวยัยน้ำพี่สาวของผมให้เจอ โดยไอ้แมนเป็นคนส่งลูกน้องมันไปสืบหา แต่ยัยนั่นไหวตัวทัน เธอหนีไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
 
ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่วางใจหรอก ยังคงสืบหาต่อไป เพราะในเมื่อเธอทำได้ถึงขนาดนี้แสดงว่าเธอเดือดร้อนอะไรมาสักอย่างแน่นอนถึงได้อยากจะพาลีวายส์ไป เชื่อว่าสิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือเงินที่ลีวายส์มีอยู่
 
ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง จะให้ผมปล่อยลีวายส์ไปอยู่กับยัยน้ำผมคงไม่ทำแน่น เพราะเมื่อยัยนั่นได้เงิน เธออาจจะทิ้งลีวายส์ก็เป็นได้ หรือจะให้ผมตามแก้ปัญหาให้เธอเหมือนเมื่อก่อนแลกกับให้ลีวายส์อยู่กับผม ผมก็จะไม่ทำอีก เพราะที่ผ่านมา ผมตามแก้ปัญหาให้แล้ว ยัยนั่นก็ยังสร้างปัญหาอื่นๆตามมา ตอนนี้เลยคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้เธอหยุดทำเรื่องบ้านี่สักที
 
“พี่ธารๆ ลีวายส์อยากกินชาไข่มุกฮะ ตรงนั้นอ่ะ” ลีวายส์บอกพร้อมกับดึงมือผมไปยังหน้าร้านขายชาไข่มุกแบรนด์หนึ่ง
 
“เอาชานมช็อกโกแลตฮะ/คับ” มีใครคนหนึ่งพูดสั่งพร้อมๆกับลีวายส์ ทำให้ผมและลีวายส์พร้อมใจกันหันไปมอง
 
“พี่ฟิวส์” ลีวายส์พูดชื่ออีกคนออกมาเสียงเบา ก่อนจะหันมาสบตาผม ผมจำได้ว่าไอ้เด็กนี่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่โรงเรียนของมัน ที่ผมเห็นครั้งแรกก็ไม่ชอบขี้หน้า ไอ้เด็กฟิวส์มันมากับเพื่อนสองสามคน
 
“ดีคับลีวายส์ ดีจังที่เจอ ปิดเทอมหลายวันพี่คิดถึงลีวายส์แย่เลย” ผมดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากไอ้เด็กฟิวส์ ลีวายส์ยิ้มให้นิดๆและพยักหน้ารับแค่นั้น
 
“เอ่อ...ลีวายส์ไม่อยากกินแล้วอ่ะ ไปเหอะพี่ธาร แฮ่ๆ” ^_^;;
 
“อ้าว....ทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่สั่งให้นะ”
 
“ไม่ต้อง!!!......” ผมบอกก่อนจะดึงแขนไอ้เด็กฟิวส์เข้ามาใกล้ๆ “อย่าคิดจะเข้าใกล้ลีวายส์อีก”
 
“ทะ...ทำไม....ล่ะคับ”
 
“เพราะ ผัวมันดุ.......เข้าใจนะ!” ไอ้เด็กฟิวส์เบิกตากว้างยืนนิ่งอึ้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด และหวังว่ามันคงเข้าใจนะ หึ!
 
“พี่ธารพูดอะไรกับพี่ฟิวส์ฮะ”
 
“เปล่านี่.....กลับยัง เดี๋ยวแวะซื้ออะไรไปกินเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำ” ผมบอก ลีวายส์พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามผมมา
 
 
 
 
“ฟอด!!! อ่านอะไร ไหนดูซิ” ผมหอมแก้มใสฟอดใหญ่หลังจากนอนลงบนเตียงกว้างข้างๆลีวายส์ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ก่อนแล้ว
 
“นิยายฮะ บุ๊คให้มา น่าสนุกดี”
 
“อืม......เก็บก่อนดีมั้ย” ผมดึงหนังสือในมือลีวายส์ไปวางไว้ข้างเตียง ก่อนจะหันกลับมาคร่อมร่างเล็กไว้ ลีวายส์จับไหล่ผมไว้อย่างแปลกใจ
 
“ทะ....ทำอะไรฮะ ไม่เล่นนะ....อุ๊บ!!!” ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะทาบริมฝีปากลงบดจูบกับริมฝีปากสีสด กลืนกินคำพูดมันเข้าปอด จูบย้ำๆสองสามครั้งก่อนจะถอนริมฝีปากออก
 
“กิน....เด็ก!” พูดจบ ผมทาบริมฝีปากลงอีกครั้ง ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อยคล้ายตกใจ ทำให้ผมได้โอกาสสอดลิ้นร้อนเข้าไปภายใน ตวัดไล่ลิ้นเล็กเก็บเกี่ยวความหวานอย่างช้ำชอง ในขณะที่อีกคนยังคงตั้งสติกับการรุกอันรวดเร็วของผมไม่ได้
 
“อื๊อออ.......”ลีวายส์ครางต่ำในลำคอเคลิบเคลิ้มกับรสจูบหวาน ผมลากมือไปทั่วร่างเล็กอันเบาะบางผ่านชุดนอนสีหวาน จากนั้นก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดๆ จนเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนน่าสัมผัส
 
ผมถอดเสื้อมันออกเพราะรู้สึกรำคาญตา ผิวสีน้ำนมตรงหน้าทำให้ผมกัดริมฝีปากตัวเอง คิดว่าจะจัดการกับร่างเล็กอย่างไรดี
 
ลีวายส์เบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาผม สองข้างแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ ผมก้มลงจูบตรงข้างแก้มก่อนจะลากริมฝีปากลงมาขบเม้มซอกคอขาวแรงๆจนเกิดรอย ในขณะที่มือไม้ผมกำลังปั่นป่วนอยู่ตรงรอบเอวบางไม่หยุด
 
“ถ้าทำแรงๆจะทนได้มั้ยนะ” ผมกระซิบบอก ลีวายส์ช้อนสายตาขึ้นมองผม นัยน์ตาของมันบอกผมว่ามันกำลังกลัว
 
ผมจูบซับหน้าฝากลีวายส์เบาๆ บอกให้รู้ว่าผมจะไม่ทำอย่างที่พูดหรอก และลากริมฝีปากจูบซับลงมาเรื่อยๆ ผ่านไหปลาร้าคู่สวย มือหนาของผมกำลังเกี่ยวดึงอันเดอร์แวร์ของมันออกจากตัว ทำให้แกนกายเล็กที่ชูชั้นของคนใต้ร่างสัมผัสกับมือผม
 
“อ่ะ!!!.....อื๊ออ......” เพียงแค่ผมขยับมันเบาๆก็สามารถเรียกเสียงหวานออกจากปากของอีกคนได้เป็นอย่างดี ลีวายส์บิดกายไปมาเมื่อผมเริ่มขยับมือเร็วขึ้น
 
“อืมมมม....จ๊วบ!” ผมครอบปากลงกับยอดอกสีสวย พร้อมกับดูดจูบขบเม้มแรงๆ ระบายอารมณ์ คลุ้มคลั่งในตัว
 
“อ๊ะ.............อ่า................” ไม่นานน้ำรักสีขุ่นออกมาเลอะเต็มมือผม ลีวายส์หอบหายใจถี่คล้ายจะขาดใจ
 
ผมใช้มือที่เลอะคราบน้ำรักบีบเค้นก้นกลมมลแรงๆก่อนจะลากนิ้วผ่านร่องก้นไปทานหลัง ส่งผลให้แท่นร้อนผมเริ่มกระตุกมันอยากจะปลดปล่อยออกมาเต็มที
 
ผมจึงรีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองทิ้งไป ก้มลงจูบดูดริมฝีปากร่างเล็กเน้นๆอีกครั้งก่อนจะยกร่างมันขึ้นมารองหมอน
 
“ซี๊ดดดด......อดทนหน่อยนะ คนดี” ผมจูบหลังหูลีวายส์เบาๆ ใช้สองมือแยกขาเรียวออกจากกันพอประมาณ โน้มตัวลงให้ร่างกายเราแนบชิดติดกันไร้ซึ่งอากาศพัดผ่าน ก่อนจะเริ่มใช้นิ้วกับช่องทางรักของมัน
 
“อ๊ะ!!!!....อ๊า....พี่....อ๊ะ......ไม่......อ๊า....ไม่เอา” ลีวายส์ส่ายหน้าไปมาเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่เข้าไปภายใน เพียงแค่นิ้วเท่านั้นก็ทำให้มันแทบจะกรีดร้อง
 
“อดทนไว้..คนดี...จุ๊บ! เดี๋ยวก็รู้สึกดีแล้วนะ...นะครับ จุ๊บ” ผมจุ๊บมุมปากบางปลอบเมื่อเห็นว่าลีวายส์เริ่มงอแงขึ้นมา
 
“อ๊ะ!!! อ๊า.........”ผมเพิ่มนิ้วเข้าไปอีก และดูเหมือนลีวายส์จะรับไม่ไหว ผมจึงดึงนิ้วออก แต่ก็ใช่ว่าผมจะหยุด ผมตัดสิ้นใจขยับแท่นร้อนของตัวเองเตรียมพร้อม
 
“หายใจเข้าลึก...ลีวายส์...ซี๊ดดดดด......อ๊า......อย่าเกร็ง” พูดจบ ผมดันตัวเองเข้าไปทันที
 
“อ๊าก.......อ๊ะ!!!!....ไม่....อึกๆ....อ๊ะ!....เจ็บ.......อึกๆ.....”ลีวายส์ร้องเสียงหลงและสะอื้นตามออกมา ในขณะที่ผมรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่าง
 
“แน่นไป....ซี๊ดดดด.....อ๊า......ชิท์! ผ่อนคล้ายหน่อยคนดี ไม่งั้นเจ็บมากกว่านี้ รู้มั้ย หืม” ลีวายส์ ส่ายหน้าไปมา ไม่รับรู้สิ่งที่ผมพูด มือเล็กจิกเล็บลงบนต้นแขนผมจนรู้สึกเจ็บ
 
“เจ็บ...อึกๆ....พี่ธาร.....อ๊ะ!!!!” ลีวายส์ร้องเสียงพร่า ผมเองก็เจ็บนะ เพราะช่องทางรักที่รัดแน่นเกินไป ผมจูบซับไปทั่วหน้าลีวายส์ก่อนจะหยุดจูบอยู่กับริมฝีปากมัน พลางขยับส่วนล่างไปด้วย
 
“อื๊ม......อ่า......”ลีวายส์กัดมุมฝีปากผมระบายความเจ็บ จนได้กลิ่นคาวเลือดแต่ผมไม่สนใจ เริ่มขยับตัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ที่ตอนนี้มันแทบจะเรียกได้ว่าบ้าคลั่งสุดขีด
 
“อ๊ะๆๆๆ......”ร่างเล็กบิดกายคล้ายกับทรมานเต็มทนก่อนจะปลดปล่อยออกมาอีกรอบ ทั้งที่ผมยังไม่ถึงไหน
 
“ซี๊ดดดด....อ่า.....อ่า.......” และไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมาเช่นเดียวกัน น้ำรักสีขุ่นไหลออกมาเต็มโคนขาเรียวก่อนที่ผมจะค่อยๆขยับดึงมันออกช้าๆ
 
“อ๊ะ!!!....อึกๆ....อื๊อออออออออ.....อึกๆ อื๊ออออออ....” งานงอกมั้ยล่ะทีนี้
 
ลีวายส์ร้องไม่หยุดครับ ร่วมๆสองชั่วโมงได้ มันถึงจะยอมให้ผมอุ้มไปล่างตัวในห้องน้ำ ผมวางร่างเล็กลงบนเตียงกว้าง หยิบเอาเสื้อผ้าหนาๆมาใส่ให้ เพราะคืนนี้ฝนตกอากาศเริ่มหนาวกว่าปกติ
 
“นอนซะ หวังว่าตื่นมาคงไม่งอแงอีกนะ หึ!” ฟอด!!! ผมล้มตัวลงนอน ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนและค่อยๆหลับตามลีวายส์ไป
 
 
 
 
 
“ลีวายส์....ตื่นหรือยัง” ผมเข้ามาเรียกลีวายส์ในห้องนอนหลังจากตื่นมาต้มโจ๊กรอมัน แต่เรียกแล้วเรียกอีกลีวายส์ก็ไม่ยอมตื่นซะที
“จะไม่ตื่นจริงๆใช่มั้ย หืม”
 
“อ่ะ! ไม่ๆ ยังไม่ตื่นฮะ” หึ!
 
“หรอ....ไหนดูหน้าคนที่บอกว่ายังไม่ตื่นซิ” ผมนั่งลงบนเตียง ดึงผ้าห่มที่คลุมร่างเล็กจนมิดหัวออกแต่ร่างเล็กไม่ยอมให้ผมดึงง่ายๆ ลีวายส์จับชายผ้าห่มไว้แน่น
 
“พี่ธารอ่ะ ลีวายส์ยังง่วงอยู่เลยนะฮะ เดี๋ยวลีวายส์ตื่นแล้วจะเรียกเอง”
 
“ไม่ต้องเลย ออกมาจากผ้าห่มเดี๋ยวนี้ นับหนึ่ง..........” ยังนิ่งครับ เดี๋ยวนี้นางดื้อกว่าแต่ก่อนเยอะ “นับสอง.....” ลีวายส์ค่อยโผล่ออกมาจกผ้าห่ม ตากลมๆของมันกระพริบมองผม
 
“โกรธพี่ธารแล้ว....”ลีวายส์พูดเสียงอุบอิบ และค่อยๆลุกขึ้นนั่ง
 
“เช้าๆเลยนะ ลุกไปโจ๊กก่อนเร็วเข้า จะได้กินยา แล้วเดี๋ยวให้นอนต่อ เข้าใจมั้ย....จุ๊บ!” ผมบีบจมูกเล็กเบาๆ ลีวายส์เลยทำปากยื่นใส่ ผมเลยจุ๊บมุมปากของมันเข้าให้
 
“ลีวายส์....เอ่อ....ลุกไม่ไหวฮะ” ลีวายส์บอก สองข้างแก้มขึ้นสีนิดๆ นางขี้อายขึ้นด้วยล่ะ
 
“ก็บอกสิ แล้ว.....เจ็บมากมั้ย” ผมถามอย่างห่วงๆก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาอุ้ม คำถามของผมทำให้ลีวายส์มุดหน้าลงกับแผงอกกว้างทันที
 
“เจ็บทั้งตัวแหละ โกรธพี่ธารเลย” ลีวายส์บอกเสียงแผ่ว ผมยกยิ้มมุมปาก
 
ผมพาร่างเล็กไปล้างหน้าล้างตาจากนั้นจึงออกมาท่านโจ๊กพร้อมกับให้ลีวายส์กินยาไปสองเม็ดไม่นานมันก็หลับไปและตื่นมาอีกทีในช่วงบ่าย
 
“พี่ธารๆ พี่ธารมีวันหยุดมั้ยฮะ”
 
“ทำไม อยากไปเที่ยวล่ะสิ กูรู้ทันหรอก” ผมบอกกับร่างเล็กที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์โดยเอาหัวมานอนหนุนตักผมอยู่
 
“ก็...เราไปหาแม่กันดีมั้ยฮะ ที่รีสอร์ทไง ไม่ได้ไปนานแล้วแม่คงคิดถึงพี่ธารแย่ล่ะ”
 
“หาเรื่องเที่ยวด้วยล่ะสิ ก็ดีนะ ไว้เช็ควันหยุดก่อน รู้สึกว่าอาทิตย์หน้าจะมีอยู่สองสามวัน” ลีวายส์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น
 
“เย้ๆ รักพี่ธารที่สุดเลยฮะ หอมหน่อย” ฟอด! ฟอด! ถึงกับหอมแก้มซ้ายขวากันขนาดนี้ ผมก็คงจะ.......ไม่ทน! หึหึ
 
“อืม....มานี่เลยมา” ผมดึงลีวายส์ขึ้นมานอนทับทาบลงบนตัวผมที่เอนหลังนอนราบไปกับโซฟา
 
“ทำไรฮะ...พะ....พี่ธาร....อุ๊บ!!!” พูดจบ ผมฉกจูบปากสีสดทันทีไม่รอให้มันได้ทักท้วงใดๆได้อีก ผมเพิ่งรู้จะว่าความสุขของผมก็คือการที่ได้มีลีวายส์อยู่ใกล้ๆนี่เอง
 
 
 
“พวกกูไปด้วยไม่ได้หรอวะ อยากไปอ่ะๆ” ไอ้แมนถาม มันลงมาส่งผมกับลีวายส์ที่รถด้านล้างคอนโดพร้อมกับจูงมือเมียมันลงมาด้วย คุณโอ๊ตไง คู่นี้ก็ไม่ยอมห่างกันด้วยล่ะ
 
“จะไปหาพระแสงมึงสิ เดี๋ยวแม่งแม่เล้าก็วีนแตกอีกหรอก ทีนี้มันได้ฆ่ากูตายกันพอดี” แม่เล้าที่ว่าก็ไอ้กายนั่นล่ะ วันก่อนถึงกับทำพวกผมสะอึกเล่นร้องไห้ด่าเรียงตัวกันเลยทีเดียว
 
“เอ่อๆ ไม่ไปก็ได้ แม่ง เราไปฮันนีมูนกันบนห้องก็ได้เนอะที่ร๊ากก จู๊ดๆ”
 
“จู๊ดๆ พ่อง !!! เดินทางปลอดภัยนะลีวายส์” คุณโอ๊ตด่าไอ้แมนเสร็จก็หันมาพูดกับลีวายส์บ้าง
 
“ฮะ ไว้ลีวายส์จะถ่ายรู้สวยๆมาฝากฮะ”
 
“ไม่ต้องหรอกค่ะลีวายส์ หนูเที่ยวให้สนุกนะคะ แต่อย่าลืมของฝากให้พี่แมนด้วยนะ” ผมอยากตบกะบาลมันจริงๆเลย คะขากับลีวายส์ตลอดล่ะ
 
“ขึ้นรถเถอะ จะได้ไปให้พ้นๆจนตรงนี้ซะที” ผมบอก ดึงแขนลีวายส์ให้ขึ้นรถ ส่วนไอ้แมน มันก็เดินบ่นตามหลังเมียมันกลับขึ้นห้องไป
 
 
 
 
 
เราออกจากคอนโดมาตั้งแต่เช้าๆ เพราะผมเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุด รถน่าจะเยอะคงมีคนไปเที่ยวพักผ่อนกันมากพอสมควร ลีวายส์พูดจานั้นโน้นนี้ตลอดทาง ก่อนจะเงียบไปในที่สุด ผมหันไปมองอีกทีก็พบว่ามันหลับไปแล้วจึงหยุดรถปรับเบาะให้ มันจะได้หลับสบายๆ
 
“ลีวายส์ จุ๊บ!!! ตื่นเร็วถึงแล้ว” ผมจุ๊บมุมปากเล็กเบาๆปลุก ลีวายส์ค่อยๆบิดตัวไปมาท่าทางงัวเงียแต่ก็พยายามสะบัดหัวให้ตัวเองตื่นเต็มตา
 
“อ่า....เร็วจังฮะ” ลีวายส์บอกก่อนจะเปิดประตูลงจากรถตามผม
 
“สวัสดีค่ะ คุณอีธาร คุณลีวายส์” พนักงานสาวออกมาต้อนรับผมกับลีวายส์ด้วยรอยยิ้มดีใจ “เชิญค่ะ คุณอีธารไม่โทรมาบอกก่อนล่ะคะว่าจะมา ดิฉันจะได้ให้พนักงานจัดเตรียมห้องไว้ให้”
 
“จริงสิ พอคิดว่าจะมาก็มาเลย ไม่ได้โทรมาบอกก่อน แม่ล่ะ”
 
“เชิญทางนี้ค่ะ คุณหญิงคงจะดีใจมากแน่ๆ ได้ยินท่านบ่นคิดถึงคุณทั้งสองคนอยู่ทุกวันเลยค่ะ” ลีวายส์ยิ้มดีใจพร้อมกับเกาะแขนผมเดินตามพนักงานสาวที่นำไปหาแม่ของผม
 
“คุณหญิงคะ...มีแขกคนสำคัญมาหาค่ะ”
 
“ใคร.......โอ๊ะ!!!.......อีธาร!ลีวายส์!” ท่านดูจะดีใจมากที่ผมมาหาแทบจะวิ่งเข้ามากอดก็ว่าได้ “กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลยลูก”
 
“ใครมาน่ะแม่” เสียงใครบางคนดังมาจากอีกมุมหนึ่งของห้องทำให้ผมและทุกคนหันไปมอง
 
“ไอ้ธาร!!!........อ่ะ” เพล้ง!!!! ถ้วยกาแฟในมือเธอตกลงพื้นพร้อมๆกับผมที่เข้าไปกระชากต้นแขนและเหวี่ยงไปโดนตู้อะไรสักอย่างข้างฝาก่อนจะตามไปบีบคอเธอ “ โอ้ย! แกจะทำอะไรน่ะ แฮ่กๆ....อะ....ไอ้ธาร...แกเป็นบ้าไปแล้วหรอ แฮ่กๆๆ”
 
“ฉันเคยบอกแล้วถ้าฉันเจอเธอที่ไหนฉันจะไม่ลังเลที่จะจัดการกับเธอ เพราะคำว่าพี่น้องในตอนนี้ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้”
 
“พี่ธาร.....!!!!”
 
“นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะอีธาร บอกแม่ก่อนลูก”
 
 
<<<<<<<<TBC>>>>>
=[]=
ผีเข้าพี่ธารแว้ววววววว
 มาลงอาทิตย์ละครั้งคือระ...???
 ถ้าภาษาไม่สวย และมีคำผิด ขออภัยด้วยนะคะ  :mew2:  :mew2:  :mew2:
ติชมคอมเม้นได้เต็มที่จ้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่47(14/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: jub_jub ที่ 15-10-2014 00:54:17
จัดให้หนักเลยอีธานนนนนน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่47(14/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-10-2014 02:24:27
หึหึ จัดให้คางเหลือง
เอาให้เข็ดไปเลย
จะได้เลิกยุ่งกับลีวายเสียที
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่47(14/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-10-2014 11:40:57
ตืบเจ๊แก แบบจัดหนักไปเรยนะ
หึหึหึ -_-^^^^^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่47(14/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-10-2014 15:48:29
โฮๆๆๆ ไม่นะ จะจบแล้วหรา  อย่าเพิ่งเลยนะ คู่แพคกะเซฟยังไม่ถึงไหนเลยอ่าาาา T_T
ที่สำคัญ เค้าอยากอ่านอีกนานๆๆๆๆนะๆๆๆๆ 

พี่ธาร จัดการยัยน้ำให้รู้เรื่องเลยนะ จะได้ไม่มาวุ่นวายกะลีวายส์อีก!!!
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่47(14/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-10-2014 15:56:43
มันส์
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่46(09/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-10-2014 00:10:57
ต่อๆด้วยย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่48(18/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 18-10-2014 19:23:34
Older Brother.....48
 
“ปล่อยฉันไอ้ธาร แฮ่กๆๆ  ปล่อย โอ้ย!!!” ผมผลักร่างบางล้มลงกับพื้น ก่อนจะตามไปกระชากแขนขึ้นมาบีบแรงๆ
 
“แค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่เธอทำ ทิ้งมันไว้ยังไม่พอใช่มั้ย ห๊ะ!!!!”
 
“ไอ้ธาร!!!!” ยัยน้ำตวาดเสียงใส่ผม เพราะเธอโกรธเมื่อผมพูดออกมาเช่นนั้น
 
“พอที ลีวายส์ร้องใหญ่แล้ว”เสียงของแม่ ทำให้ผมหันไปมองลีวายส์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างกัน มันกำลังร้องไห้จนแม่ต้องเข้าไปกอดปลอบ
 
“นี่แม่รู้........หรือว่า.....มึงบอกแม่แล้วงั้นหรอ!!!!”
 
“ทำไม ไม่อยากให้แม่เสียใจ หรือไม่อยากให้รู้ถึงสิ่งเลวๆที่ตัวเองทำไว้ล่ะ” ยัยน้ำยันตัวลุกขึ้นมาประจันหน้ากับผม
 
“ก็ใช่สิ กูมันไม่ดีนี่! ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ไม่เหมือนมึงกับพี่ฝน ที่ทำอะไรก็ดีไปหมด กูมันเป็นลูกคนกลางจะทิ้งจะขว้างยังก็ได้ ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ถึงแม่จะรู้ ถึงกูจะทำตัวยังไง มันก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วนี่!!!”
 
“น้ำ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะลูก”
 
“ก็มันจริงนี่ ตั้งเล็กจนโต หนูมันไม่ดี เรียนก็ไม่เก่ง ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง พ่อกับแม่ถึงไล่หนูไปเรียนต่างประเทศ ไม่สนใจใยดีว่าจะอยู่ที่นั่นยังไง หนูผิดหรอที่หนูทำตัวแบบนี้ ก็มันชีวิตหนูนี่ ถ้าจะผิดก็ผิดตอนที่แม่คลอดหนูออกมา!!!”
 
เพี้ย!!!!! ผมฟาดมือใส่หน้ายัยน้ำอย่างเหลืออด เพราะทนฟังสิ่งที่เธอพูดไม่ได้
 
“อย่างโทษพ่อแม่ว่าผิด เพราะถ้าไม่มีพ่อแม่เธอคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ มองสาระรูปตัวเองดูซะบ้าง ว่า ณ ตอนนี้เธอยังมีคนเป็นคนอยู่หรือเปล่า!!! ไม่มีใครทำอะไรแล้วออกมาดีไปซะหมด ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเรียนรู้และพยายาม สิ่งที่เธอพูดมา ว่าเธอเรียนไม่เก่ง ทำไม่ได้ เธอทำมัน พยายามกับมัน จนถึงที่สุดแล้วหรอ ถ้าคิดไม่ได้ก็ไปตายซะ!!!!”
 
“ธาร!......อึกๆ พอเถอะลูก  อึกๆ”
 
“ยังน้อยไปสิ ที่จริงเธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ!!! ถ้าดูถูกตัวเองแบบนี้ ประชดชีวิตด้วยการทำสิ่งเลวๆ ก็ออกไปจากชีวิตทุกคนซะ อย่ามาทำให้คนอื่นเดือนร้อน และอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ออกไป!!!!”
 
“ธารพอลูก!!!! อึกๆ......น้ำ......แม่ขอโทษ แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกคิดแบบนั้น แต่แม่ไม่เคยทิ้งลูกนะ.......ไม่เคยเลยสักครั้ง อึกๆ” แม่ร้องไห้ออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปกอดยัยน้ำ ที่ตอนนี้ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น
 
“อึกๆ...พี่ธาร....อึกๆ อือออ......” ลีวายส์ไม่ควรจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้แต่มันก็ช่วยไม่ได้ คนเราต้องมีจิตสำนึกในตัวเอง ผมหวังว่ายัยน้ำจะคิดอะไรได้บ้าง
 
 
 
“ตกใจหรอ ไหนมาดูซิ ตาบวมหมดแล้ว....หยุดร้อง ฟอด!!!” ผมพาลีวายส์มายังห้องพัก กอดคอยปลอมมันอยู่พักใหญ่จนหยุดร้อง
 
“แม่.......จะเป็นยังไงบ้างฮะ”
 
“นี่ยังจะเรียกยัยนั่นว่าแม่อีกหรอ เหอะ! ยัยนั่นทำถึงขนาดนั้นเนี่ยนะ”
 
“ก็.....ช่วงเวลาหนึ่ง แม่เคยดูแลลีวายส์นี่ฮะ พอเห็นแม่ร้องไห้ลีวายส์ว่า....แม่น่าสงสารนะฮะ ลีวายส์สงสาร” ลีวายส์พูดบอก
 
“โอเค แต่ถึงจะน่าสงสาร ตอนนี้ก็ยังไว้ใจไม่ได้ เข้าใจนะ” ลีวายส์เม้มปากนิดๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาแผงอกผม
 
“พี่ธารฮะ ถ้าวันนั้น วันที่แม่พาลีวายส์หายไปจริงๆ พี่ธารจะทำยังไงฮะ” อยู่ๆลีวายส์ก็ถามผมขึ้นมา
 
“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่ายังไงก็ต้องหาให้เจอ....ถามทำไม” ผมยกมือขึ้นทัดผมนุ่มๆของมันไว้กับหูก่อนจะจูบมุมปากบางเบาๆด้วยความเคยชิน
 
“ก็....วันนั้นลีวายส์กลัวมากเลยฮะ ถ้าเกิดแม่พาลีวายส์ไปจริง แล้วพี่ธารจะหาไม่เจอ....”
 
“หึ! กูก็กลัว กลัวว่าจะเสียมึงไป.......พอเถอะ อยากนอนพักต่อหรือจะไปเดินเล่นดี วันนี้ตามใจหนึ่งวัน” ถือว่าเพิ่งเจอเรื่องบ้าๆมา ผมก็อยากจะเอาใจมันหน่อย เห็นมันไม่ยิ้มแล้วรู้สึกหดหู่
 
“จริงๆหรอฮะ คึคึ”
 
“ยิ้มออกเชียวนะ ตกลงจะทำอะไร”
 
 
 
บ้างทีผมก็คิดว่าตัวเองพาลูกมาเที่ยวยังไงยังงั้น ผมมองลีวายส์ผ่านแว่นกันแดดสีชา ร่างเล็กใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนขาสั้นที่ผมยอมให้มันใส่ เพราะคำว่าตามใจค้ำคอ ร่างเล็กกำลังวิ่งไปเก็บลูกบอลตรงชายหาด ผิวขาวๆของมันดูออร่าจนคนที่เดินไปผ่านมันต้องมอง ชิท์!
 
“พี่ธาร ลีวายส์อยากขี่เจ็ตสกีฮะ พี่ธารสอนหน่อย นะๆ นะฮะ”
 
“แดดร้อน ไว้เล่นช่วงบ่ายๆ ไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ย หิวแล้วเนี่ย” ลีวายส์ทำปากยืนใส่ผมแบบงอนๆ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ผมจึงดึงร่างเล็กเข้าหาและโอบเอวบางไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เดินไปตามริมหาดมาหาร้านอาหารทะเลใกล้ๆทาน
 
“ลีวายส์อยากกินกุ้ง พี่ธารสั่งกุ้งเยอะๆเลยฮะ” ตามใจเค้าล่ะครับ กุ้งก็กุ้ง
 
“ธาร....หวัดดีค่ะ”
 
“เอมี่.....” ผมพูดชื่อผู้หญิงที่เข้ามาทักเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เอมี่เธอมากับเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ทำไมต้องเจอเธอที่นี่ด้วยก็ไม่รู้
 
“คิดถึงจังเลยค่ะ มากันสองคนหรอ ร่วมโต๊ะด้วยได้ป่ะ” ผมมองหน้าลีวายสิ์นิดๆ สีหน้าของมันแบบ อย่างกะหมาหวงเจ้าแหนะ?!
 
“ผมไม่สะดวก คุณไปนั่งกับเพื่อนเถอะ!” เอมี่ มองลีวายส์ด้วยหางตาก่อนจะเบะปากใส่และเดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนของเธอ
 
“เป็นอะไรอีกล่ะ หน้าหยิกทำไม” ผมถามเมื่อเห็นว่าลีวายส์ไม่ยอมกินต่อ
 
“โกรธพี่ธารแล้ว” อ้าว กูผิดอะไรอีกวะ ผมก็ไล่เธอไปแล้วนี่ ผมขมวดคิ้วมองลีวายส์อย่างไม่เข้าใจ “ก็พี่ธารอ่ะ คุยกับผู้หญิงคนนั้นทำไม ทีกับลีวายส์ พี่ธารยังห้ามคุยกับคนอื่นเลย”
 
“ก็ถ้าไม่คุยแล้วเค้าจะไปหรอ อีกอย่างที่กูห้ามน่ะ มันเป็นไอ้พวกที่ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น”
 
“พี่ธารรู้ได้ไงอ่ะ”
 
“ผู้ชายด้วยกันมองกันออก มึงมองไม่ออกหรอก ว่าไอ้พวกนั้นมันคิดอะไรอยู่”
 
“ลีวายส์ก็ผู้ชายนะฮะ ไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อยอ่ะ” ร่างเล็กทำหน้างอพร้อมกับกอดอกมองผม
 
“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า พอเลยเลิกพูด รีบกินจะได้รีบกลับ หรืออยากอยู่ที่นี่นานๆ” ผมป้อนกุ้งตัวโตให้ลีวายส์ มันถึงได้อ้าปากรับ พร้อมกับบ่นอุบอิบไม่รู้เรื่อง
 
“กลับแล้วหรอคะธาร” ตอนเดินออกจากร้อนเอมี่ก็ยังไม่วายจะทักผมอีก  ลีวายส์ที่ยื่นอยู่ใกล้ๆเลยยกมือขึ้นเกาะแขนผม ทำให้ผมแอบขำนิดๆ หึๆ ผมพยักหน้าตอบเอมี่ เพราะถ้าพูดกับเธอเดี๋ยวไอ้เด็กข้างๆมันจะไม่พอใจเอา ไม่ได้กลัวแต่ไม่อยากให้มันงอแงน่ะ=_=
 
“แล้วธารพักที่รีสอร์ทหรือเปล่า ไว้เอมี่จะไปหานะคะ”
 
“ไม่จำเป็นหรอก ผมมาพักผ่อนแบบส่วนตัว” เอมี่หุบยิ้มลงก่อนจะปลายตามองลีวายส์อีกครั้งและสะบัดหน้าเดินจากไป
 
“อมยิ้มอะไร”
 
“ก็เปล่าฮะ พี่ธารนี่แอบปากร้ายนะฮะเนี่ย........ไปฮะไปเล่นเจ็ตสกีกัน”
 
“เดี๋ยว อาหารยังไม่ทันจะย่อยเลย อีกสามสิบนาทีเดี๋ยวพาไป โอเค๊! อย่างอแงนะ ไม่งั้นจับโยนลงทะเลเลยนี่”
 
“ก็ได้ๆ งั้นไปเดินดูของฝากให้บุ๊คกับเรเนสนะฮะ ลีวายส์เห็นตอนเดินมาเมื่อกี้ มีเยอะแยะเลย จะซื้ออะไรดีนะ.....*&^%$#@!”
 
 
 
แล้วผมกับลีวายส์ก็เดินเที่ยวกันไปเรื่อยๆ จนช่วงบ่ายผมก็พามันไปเล่นเจ็ตสกีอย่างที่บอก ดูเหมือนมันจะชอบมากเลยเล่นกันซะจนฟ้ามืด ถึงได้พากันกลับมายังห้องพัก
 
“คราวหน้ามาเล่นอีกนะฮะ สนุกมากเลย ถ้าเพื่อนๆมาด้วยต้องสนุกกว่านี้แน่ๆ” ลีวายส์บอก มันนั่งอยู่ตรงขอบอ้างอาบน้ำโดยที่ผมกำลังสระผมให้มันอยู่
 
“เอาสิ ปิดเทอมหน้าจะพาเพื่อนมาด้วยก็ได้”
 
“จริงหรอฮะ ดีจัง......พี่ธารสระผมมั้ยฮะ เดี๋ยวลีวายส์สระให้ นะๆ...ลีวายส์อยากทำ” ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งลงบนพื้น ระหว่างขาสองข้างของลีวายส์  ปล่อยให้ลีวายส์สระผมให้จากนั้นเราก็อาบน้ำด้วยกันต่อ อ่ะๆ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรมันนะ บอกก่อน
 
ก็ตั้งแต่ที่เผลอทำมันร้องไห้ไปวันนั่น ผมยังไม่ทำกับมันเลยนะ แม่ง กลัวมันเจ็บจนร้องไห้งอแงอีก ถึงจะพยายามอ่อนโยนเท่าไหร่นาทีนั้นมัน ควบคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ
 
“ใส่เสื้อหนาๆนี่ กลางคืนลมแรง” ผมหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาให้ลีวายส์สวมใส่แทนเสื้อยืดตัวบางของมัน ลีวายส์รับไปใส่เสร็จเรียบร้อย มันนอนหงายหลังลงบนเตียงทันที
 
“วันนี้สนุกที่สุดเลย เหนื่อยด้วยอยากนอนแล้วอ่ะ”
 
“ยังไม่กินข้าวเย็นเลย.....หืม....ทำอะไรน่ะ” ผมถามเมื่อหันไปเห็นลีวายส์กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปผม
 
“ถ่ายรูปพี่ธารไงฮะ”
 
“ไหนมาดูซิ หล่อหรือเปล่า....” ผมนอนลงข้างๆลีวายส์ ใช้มือข้างหนึ่งเท้ายันศีรษะ  ส่วนอีกข้างกอดเอวบางไว้แบบหลวมๆ ลีวายส์ยกโทรศัพท์ให้ผมดู มันถ่ายจริงๆด้วยเห็นแต่ด้านข้างอ่ะ
 
“หล่อสิ พี่ธารหล่อที่สุด แต่สู้ลีวายส์ไม่ได้ ลีวายส์หล่อกว่า อ่าๆๆ...อุ๊บ!!!” ผมฉกจูบริมฝีปากบางด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะถอนจูบออก
 
“โทษฐานหล่อกว่า.....หึ! ฟอด!!!” แถมหอมแก้มอีกที
 
“ไอ้ธาร!” พรึ่บ!!! ผมกับลีวายส์รีบลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินเสียงเรียกตรงประตู ทีแรกก็คิดว่าเป็นแม่ แต่ว่าไม่ใช่
 
“มีอะไร”
 
“นี่พวกแก.....เหอะ! ถึงว่า......ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ลีวายส์ด้วย ฉันออกไปรอข้างนอก” ยัยน้ำเดินออกไป ปล่อยให้ผมกับลีวายส์มองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะตามออกไปทีหลัง
 
“ว่ามา”
 
“ฉันเอานี่มาให้.....” ยัยน้ำส่งซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ลีวายส์ “บ้านที่ออสเตรเลีย พ่อมันให้ไว้ ฉันจะขายไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขาย” ผมรับซองเอกสารมาเปิดดู และก็เป็นเอกสารเกี่ยวกับที่ดินพร้อมบอกสถานที่ตั้ง
 
“บ้านลีวายส์ ขอบคุณฮะแม่!....เออ...ขอโทษฮะ” ลีวายส์พูดออกมาด้วยความดีใจจนลืมตัวเผลอเรียกยัยน้ำว่าแม่ ทำให้ยัยน้ำตวัดสายตามอง
 
“ต่อไปไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่อีก....ฉันไม่ใช่แม่ ให้เรียกว่าพี่คงจะเหมาะกว่ามั้ง ว่ามั้ยไอ้ธาร” ยัยน้ำยกยิ้มมุมปากให้ผม
 
“เงียบปากไปเลย ต่อไป อย่ามายุ่งกับมันอีกก็พอ”
 
“อะไรจะห่วงขนาดนั่น เออๆ ฉันรับปาก..........ฉันขอโทษนะที่ทำให้แกลำบาก ขอโทษที่สร้างแต่ปัญหาให้แกมาตลอด จากนี้ไปฉันคงจะอยู่ช่วยแม่ที่นี่ ต้องขอบใจนะ ที่ตบฉันน่ะ เหอะ!!! ดีนะที่ไม่เสียโฉม ไม่งั้นแกตายแน่ แล้วก็อีกอย่าง เงินแกน่ะ ฉันไม่คืนนะ เพราะจำไม่ได้ว่ารวมๆแล้วเอาของแกไปกี่ล้าน”
 
“กูถือว่าทำบุญ”
 
“บุญแม่งมึงสิ อ่อ แม่บอกว่า ให้ไปทานมือค่ำด้วยกัน อีกเดี๋ยวยัยพี่ฝนจะมาด้วย ฉันไปล่ะ” ยัยน้ำออกไปจากห้องพักผมโดยมีลีวายส์มองตามไปแบบงงๆ
 
“แม่เค้า เอ่อ พี่น้ำ......เค้า......”
 
“ยัยนั่นคงคิดได้แล้วมั้ง หึ! แต่ก็ต้องดูกันไปก่อน ยังไว้ใจไม่ได้หรอก” จากเหตุการณ์ที่แล้วๆมาทำให้ผมไม่ไว้ใจพี่สาวคนนี้ แต่ผมก็จะให้โอกาสเธอ คนเรายอมต้องโอกาสหากคิดจะกลับตัว
 
 
 
“ลีวายส์ มานั่งข้างๆแม่สิลูก” ผมกับลีวายส์มาทานข้าวกับแม่ตามที่ยัยน้ำบอก พี่ฝนพี่สาวคนโตที่ไม่เจอกันมานานก็มาด้วย
 
“ใครน่ะ” พี่ฝนถาม
 
“ลีวายส์ ลูกชายแม่อีกคน น่ารักมั้ยฝน นี่พี่ฝนพี่สาวของเราอีกคนนะ”ลีวายส์ยกมือไหว้พี่ฝนอย่างนอบน้อม ผมนั่งลงข้างๆลีวายส์ก่อนจะเริ่มลงมือทานข้าวกัน
 
“หึ! อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่ไม่โทรหาพ่อ มันใช้ได้ที่ไหนกัน” ทุกคนบนโต๊ะอาหาร ต่างหันไปมองทางเสียงพูดที่ดังมาจากหน้าประตู
 
“คุณ.....มาได้ยังเนี่ย” แม่เริ่มทักก่อน พวกเราจึงยกมือไหว้ท่าน พ่อเดินเข้ามาก่อนจะไล่มองทุกคน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้
 
“ยัยน้ำโทรไปบอกฉัน พอดีกับที่ฉันกลับมาจากญี่ปุ่น ถึงแล้วก็ตรงมานี่เลย”
 
“งั้นหรอ นั่งก่อน มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา” แม่มองพ่อด้วยหางตาก่อนจะตักกุ้งตัวใหญ่ให้ลีวายส์
 
“แล้วนั่ง ลูกใครหลานใครล่ะเรา ลูกแกเหรออีธาร” ผมชะงักมือที่กำลังตักข้าวเข้าปาก มองพ่อด้วยสายตานิ่งๆ เอาจริงๆ ผมไม่ได้ดูแกขนาดนั้นนี่หว่า
 
“เมียมัน ไม่ใช่ลูก” เคร้ง!!! ช้อนในมือลีวายส์ตกลงพื้นครับ ในขณะที่พ่อแทบจะสำลักข้าวออกมาจากปาก ยัยน้ำ แม่ง!!!!
 
“น้ำ!!!”
 
“ก็มันจริงนี่แม่ มันหวงซะยิ่งกว่าอะไรดี ขนาดจะตัดพี่ตัดน้องกับฉันเลย นี่ถ้าเป็นคนนอกมันฆ่าฉันไปแล้วมั้ง”
 
“ถึงไม่ใช่คนนอกกูก็ฆ่าได้!!!!”
 
“พอๆ อะไรกัน....ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ.......ตกลงเมียไม่ใช่ลูก?”
 
“พ่อ!” พึ่งจะรู้นะเนี่ยว่าพ่อผมไม่ได้อคติหรือต่อต้านเรื่องแบบนี้ เหอะ! ก็ดี คงเพราะท่านไม่ได้สนใจอะไรผมมากมายอะไร
 
“อายุเท่าไหร่ล่ะเรา ลูกใครพ่อแม่ทำงานอะไร อยู่ที่ไหน หืม” ไม่ได้สนใจเลย จริงๆ =_=
 
“คุณ ถามเยอะไปนะ รู้เท่าที่รู้ได้มั้ยคะ! ลีวายส์ตกใจหมดแล้ว เงียบปากและกินไปเลย ปากจะได้ไม่ว่าง” เอ่อ....บางทีแม่ผมก็แอบปากร้ายนะ ผมก็เพิ่งเห็น เหมือนใครวะ (ประโยคนี้คุ้นๆแอบปากร้าย)
 
เราทานข้าวกันไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อย นานแล้วที่ครอบครัวผมไม่ได้ทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ ถึงแม้ทุกคนจะไม่มีเวลามีมาเจอกันแต่พอมาอยู่ด้วยกันในวันนี้
 
ผมกลับรู้สึกว่าเวลาที่เราห่างกันมันไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่เรียกว่าคนในครอบครัวห่างเหินออกไปเลยแม้แต่น้อย ถึงจะมีทะเลาะกันบ้างแต่ก็ไม่ได้จริงจัง ถึงขั้นโกรธเคืองอะไรมากมาย และที่สำคัญดูทุกคนจะมีความสุขกับการทานอาหารมือนี้มากเป็นพิเศษ
 
 
 
“วันนี้พี่ธารยิ้มบ่อยกว่าทุกวันเลยรู้มั้ยฮะ ปกติ หน้าพี่ธารแบบ....... - - เนี่ย” พูดไม่พอ มีการสาธิตให้ดูด้วย ลีวายส์ทำหน้าขมวดคิ้วยุ่งและทำตาปี๋ เหอะๆ
 
“ยิ้มแล้วไง ไม่ดีหรอ”
 
“ดีสิฮะ ลีวายส์ชอบตอนพี่ธารยิ้ม พี่ธารหล่อขึ้นเยอะเลย คงจะดีนะฮะถ้าทุกคนอยู่ด้วยกันแบบนี้บ่อยๆ”
 
“งั้นเราจะมาที่นี่บ่อยๆ ดีมั้ย” ผมบอก ดึงมือลีวายส์ให้นั่งลงบนตักเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงเก้าอี้ริมสระน้ำ
 
“ลีวายส์อยากกลับบ้านจัง”
 
“พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว......”
 
“ไม่ใช่ฮะ ลีวายส์หมายถึง ที่ออสเตรเลียฮะ เราไปกันได้มั้ยฮะพี่ธาร ลีวายส์อยากไปหาพ่อ อยากกลับไปดูบ้าน”
 
“ได้สิ อาทิตย์หน้า เราไปกันดีมั้ย จะได้ล่าพักร้อนด้วยเลย”
 
“จริงหรอฮะ รักพี่ธารที่สุดเลย จุ๊บ!!!” ลีวายส์จุ๊บลงบนแก้มผมเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นคล้องคอผมไว้
 
“ก็ลองไม่รักดูสิ....จุ๊บ!!!”
 
<<<<<<<<TBC>>>>>>>

แบบ.....เริ่มมีเสียงโว้ยวายล่ะ อัพช้าๆ...หายไปนานๆ....%$#@!!....??? 5555
 
ภาษาไม่สวย และมีคำผิด ขออภัยด้วยนะคะ

บอกอีกครั้งรู้ยังเรื่องนี้มี 50 ตอนจบนะ  :katai3:  :katai3: :katai3:

ปล.พี่ mirror on on  ฝากมาจร้ารบกวนอ่านนิดนึงน๊า

เรามาคุยกันหน่อยดีกว่า คือ.มีนักอ่านถามเข้ามาเยอะพอสมควรเกี่ยวกับการรวมเล่ม
เรื่อง Older Brother พี่ชาย.....ถึงร้ายก็จะ รัก! ค่ะ
บอกตามตรงว่าเราไม่ได้คิดจะรวมเล่มมาก่อน เพราะว่าเราไม่เคยทำ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง อะไรบ้าง
แต่ในเมื่อมีนักอ่านถามมาเยอะ เลยไปปรึกษาน้องสาวดู เกี่ยวกับเรื่องรวมเล่นเนี่ยแหละ ก็ยังไม่ได้ขอสรุปหรอกค่ะ
 คนแต่งก็ไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพเนอะ
ก็เลยอยากถาม นักอ่านว่า มีใครสนใจอยากให้รวมเล่มบ้างคะคนแต่งจะได้ไปหาแนวทางในการรวมเล่มอย่างจริงจังคะ
ฝากด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่48(18/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-10-2014 19:44:36
ครอบครัวอบอุ่นแบบโหดๆ 5555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่48(18/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-10-2014 20:07:37
ลงท้ายด้วยดี
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่48(18/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-10-2014 20:26:09
หุหุ เป็นการเปิดตัวลีวายกับครอบครัว
ว่าเป็นเมียอีธารอย่างเป็นทางการ
แถมยังพร้อมหน้าพร้อมตาด้วย
เซอไพร์ที่มีพ่อมา

หวังว่ายัยพี่น้ำจะคิดได้จริงๆนะ
 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่48(18/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-10-2014 14:43:06
หวังว่าต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาน๊าาาาา  ^^
รอตอนต่อไปจ้า...

#โฮๆๆๆ  ยังไม่อยากให้จบเลย T_T
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่49(23/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-10-2014 21:03:01
Older Brother.....49
 
 
 ‘ให้ฉันรักนายเพิ่มอีกคนมั้ยล่ะ.....ฉันจะรักนายอย่างที่บอก.........หัวใจของฉัน มันเต้นแรงผิดปกติ.....ก็เพราะนาย’ ประโยคเหล่านี้มันกำลังโลดแล่นอยู่ในหัวผมที่กำลังนอนห้อยหัวอยู่บนเตียง
 
มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ บ้าจริงๆ หรือไม่สมองมันก็ต้องกระทบกระเทือนอะไรมาสักอย่าง โอ้ยยยย แม่ง!!! ไม่ไหวๆ เปิดเพลงฟังดีกว่า ไม่งั้นนะ ผมจะได้ยินเสียงไอ้ครูเซฟอยู่ในหัวเรื่อยๆๆจนเป็นบ้า(?)ตามมันไปแน่ๆ
 
ก๊อกๆๆ
 
“แพ็ค อยู่หรือเปล่า” เสียงพี่แพ็ทดังขึ้นตามหลังเสียงเคาะประตูห้องผม ผมจึงลุกขึ้นไปเปิด
 
“........”
 
“พี่เข้าได้มั้ย” ผมพยักหน้ารับและหลบให้พี่แพ็ทเดินเข้ามา ห้องผมอยู่ตรงริมสระน้ำหลังบ้านที่ค่อยข้างเป็นส่วนตัวและไม่ค่อยมีใครมายุ่งวุ่นวายเท่าๆไหร่
 
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
 
“พี่ขอโทษ....ที่พี่ไม่ได้บอกแพ็คเรื่องจะแต่งงาน....เอ่อ......พี่มาลองคิดดูแล้ว บางทีพี่ควรจะเข้าใจแพ็คให้มากกว่านี้” พี่แพ็ทพูดบอก แต่สิ่งที่พี่บอกมานั้นผมกลับไม่ได้ใส่ใจมันแล้ว เพราะผมหายโกรธเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน
 
“เราจะรู้ได้ยังไง ว่าคนคนนั้นเค้าจะรักเราจริง” ผมถามออกไป ทำให้พี่แพ็ทยิ้มออกมานิดๆ
 
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า....พี่อยู่เค้าแล้วมีความสุข และเค้าก็อยู่ข้างๆพี่มาเสมอ เค้าคือคนแรกที่พี่คิดถึงไม่ว่าจะมีเรื่องดีๆหรือเรื่องร้ายๆเข้ามา เค้าเป็นคนที่มักจะช่วยพี่ตอนที่พี่มีปัญหา อืมมม...คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ คนที่เราสามารถส่งผ่านทั้งความสุขและความทุกข์ได้ทุกเมื่อ ถ้าแพ็คได้ลองรักใครสักคน แพ็คอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าเค้าคือคนที่เรารัก”
 
“พี่คิดว่า....ผมจะรักใครคนหนึ่งได้หรือเปล่า”
 
“ได้สิ แค่เราใช้...หัวใจ” ผมฟังพี่แพ็ทพูดจบ ในหัวก็มีใบหน้าของใครคนหนึ่งลอยเข้ามา
 
“เหี้ย!!! ไม่ใช่ล่ะ” ผมยกมือขึ้นเสยผมและสะบัดหัวไปมาไล่ภาพไอ้บ้านั่นออกจากหัว ก่อนจะเงยหน้าของมา เห็นพี่แพ็ทมองมาแบบงงๆ
 
“ไม่สบายหรือเปล่าแพ็ค”
 
“เปล่าคับ ไม่ได้เป็นอะไร....เอ่อ...ผมขอโทษ ผมคงกังวลเรื่องพี่มากเกินไปน่ะ แล้วก็ ผมหวังว่าพี่จะรักผมมากกว่าไอ้หมอนั่นน่ะ ไม่งั้นผมไม่ยอมแน่” บางทีผมเองก็ควรจะเข้าใจพี่แพ็ทด้วยเหมือนกัน
 
“แน่นอน พี่ต้องรักแพ็คมากกว่าสิ น้องทั้งคนนี่ พี่รักแพ็คนะ อืมม....พรุ่งนี้งานครบรอบบริษัทแพ็คต้องไปด้วยนะ พี่จะเตรียมชุดไว้ให้” งานน่าเบื่อมาอีกล่ะ ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป มันเลี่ยงไม่ได้
 
 
มันน่าเบื่อจริงๆนะที่ต้องเดินทักคนนั้นทีคนนี้ทีไปทั่วงานทั้งที่คิดว่า มันไม่จำเป็นเลยสำหรับผม ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ผมน่าจะหนีไปกับไอ้ครูเซฟตั้งแต่เย็นล่ะ ก็มันไลน์มาชวนไปดูหนัง ไอ้ผมก็ทำหยิ่งไม่ไปกับมันน่ะสิ
 
“แพ็ค นี่คุณหญิงสายพิณกับน้องเปียโน เจ้าของร้านอาหารชื่อดังที่เราเคยไปทานไง”
 
“สวัสดีครับ”
 
“สวัสดีค่ะ น้องแพ็คหลอนะคะเนี่ย นี่น้องเปียโนค่ะ น่าจะรุ่นๆกัน งั้นน้าฝากน้องด้วยนะ น้องคงเบื่อแย่ถ้าไม่มีใครคุยด้วย” ผมมองน้องเปียโน(?)นิ่งๆ เธอยิ้มให้ผมแบบเขินๆ ก่อนจะขยับมายืนใกล้ๆผม เธอน่ารักดีนะ ตัวเล็กๆหน้าหมวยๆดี
 
“หวัดดีค่ะ คนเยอะจังเลยนะคะ....พี่แพ็คเปียโนยังไม่ได้ทานอะไรมาเลยค่ะ....พี่แพ็คตักอาหารให้หน่อยได้มั้ยคะ” ผมเป็นผู้ชายก็ควรจะเป็นสุภาพบุรุษใช่ป่ะ เค!
 
“กินไรล่ะ” อาหารจัดแบบบุเฟ่สามารถเลือกตัวทานได้ตามใจชอบครับ
 
“ทานผลไม้ดีกว่า เปียโนกำลังไดเอ็ทอยู่ค่ะ ส้มน่ากินนะคะ” ผมหยิบเอาส้มสีสดน่ากินใส่จานเมื่อเธอบอก “มะม่วงก็ด้วย....เมลอนก็น่าอร่อยดี...องุ่นสด....”
 
ปึ่ก!!
 
“งั้นก็ตักเองเหอะ! น่ารำคาญว่ะ” ความอดทนอันน้อยนิดของผมขาดสะบั้นลงเมื่อเธอคนนี้เริ่มเยอะ! จนผมต้องกระแทกจานลงกับโต๊ะ ทำเอาเธอหน้าเหวอไปเลยครับ
 
“พะ...พี่แพ๊ค จะไปไหนคะ”
 
“ไม่ต้องตามมา!!!” ผมเดินห่างออกมาจากเธอแบบเซ็งๆ ก่อนจะเห็นใครบางคนยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ไม่ไกล มันมาได้ไงวะ!
 
“นายแพ็ค....” ลีวายส์เรียกผมทันที ที่มันเห็นว่าผมกำลังเดินไปหา
 
“มาไม คิดว่าสวนสนุกหรือไงอ่ะ”
 
“ก็มากับพี่ธารอ่ะ แต่ดูพี่ธารยุ่งๆ ไม่น่ามาเลย รู้งี้อยู่กับพี่เซฟที่ร้านดีกว่า” ลีวายส์ทำหน้างอพร้อมกับถอนหายใจออกมา ท่าทางของมันดูจะเบื่อเต็มที
 
ผมยืนคุยเป็นเพื่อนลีวายส์อยู่พักใหญ่กว่าพี่ชายมันจะเดินมาหาและพากลับ เมื่อลีวายส์เริ่มงอแง และบ่นไม่รู้เรื่อง ดูท่าพี่ธารจะรักมันมากนะ โอ่กันจนผมอิจฉาตลอด เหอะ! ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า รู้สึกอึดอัดฉิบ
 
ผมออกมาจากงานและลงมานั่งในส่วนย่อมด้านหน้าของบริษัท รับลมเย็นๆ วันนี้พี่แพ็ทจะประกาศหมั้นในงานกับเจ้าของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ถึงจะรู้สึกหวิวๆนิดๆแต่ผมก็พยายามยอมรับมันให้ได้
 
Tru........... Tru......
 
ผมดึงโทรศัพท์ออกมาดู เมื่อมันสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงและกดรับโดยไม่ได้ดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา
 
‘ไง ทะเลาะกับใครมาอีกล่ะ ถึงได้นั่งหน้าบูดแบบนั้น’ เสียงคุ้นหูที่ดังมาจากปลายสายทำให้ผมแปลกใจ และรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร
 
“รู้ได้ไง.....หน้าไม่บูดซะหน่อย”ผมตอบกลับไป ถึงจะเถียงไปแบบนั้นแต่ก็รู้สึกว่าหน้าตัวเอง บูดยิ่งกว่าเกาซะอีก
 
“เนี่ยนะที่เค้าเรียกว่าไม่บูด” 
 
“เฮ้ย!!!”อยู่ๆ เสียงของอีกคนก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังผม ทำเอาผมสะดุ้ง ก็ตรงที่ผมนั่งอยู่อ่ะ มันค่อนข้างมืดนี่ ใครจะไปรู้บางทีอาจมีผีแอบอยู่ก็ได้?
 
“อะไรจะตกใจขนาดนั้น ไม่ใช่ฝีสักหน่อย” ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ “อืมมม....ใส่ชุดสูทก็ดู...ดีเหมือนกันนะเรา...แต่ไม่ใส่ดีกว่าว่ะ” อ้าว ไอ้แก่นี่เดี๋ยวต่อยเลย
 
“พูดมาก มาได้ไง......มาทำไม” ผมถาม ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าผม
 
“ขับรถมา....รับนาย..ป่ะ” ???
 
“ไปไหน...ไม่ไป” ทั้งที่ผมบอกว่าไม่ไป แต่เชื่อเหอะว่าไอ้ครูเซฟมันกำลังดึงมือผมไป ฉุดกระชากลากถูกจนพาผมมาถึงมอไซค์คันงานของมันได้ไม่ยาก
 
“มอไซค์เนี่ยนะ ไม่ไปอ่ะ เสี่ยงตายว่ะ” ผมไม่ได้กลัวนะแต่ว่า รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย เพราะมันคันใหญ่เกินอ่ะ
 
“โอ่....ฉันเสี่ยงตายมาเป็นสิบๆปีล่ะ ถ้าจะตายคราวนี้ก็ดีดิ เพราะได้ตายพร้อมกับนาย” ผมควรนะจะรู้สึกดีป่ะ
 
“นั่นปากหรอ....” ผมดึงมือออกจากมือหนา ร่างสูงส่งหมวกกันน็อคมาให้แต่ผมไม่รับ มันก็เลยสวมให้ผมเองซะเลย “โอ้ย!....เน้!!!”
 
“เอานา เชื่อดิ ฉันไม่ปล่อยให้นายตายหรอก ขึ้นรถเร็วจะพาแก้เบื่อ” รู้อีกว่าผมเบื่อ มีอะไรเกี่ยวกับผมที่มันไม่รู้บ้างวะ
 
ผมยืนช่างใจอยู่แปบหนึ่งในขณะที่ร่างสูงขึ้นคร่อมมอไซค์เรียบร้อยแล้ว เอาวะ ก็ยังดีกว่ากลับเข้าไปในงานล่ะ คิดได้ดังนั้นผมก็ขึ้นไปซ้องท้ายมอไซค์และจับชายเสื้อคนขับไว้
 
“นี่จับดีๆ เดี๋ยวตกจะหาว่าไม่เตือน....”
 
“ไม่ตกหรอกนา....อ่ะ! เอ้ย!!! ขับดีดิ๊” แค่เพียงรถออกตัวมันก็ทำให้ผมตกใจจนต้องเปลี่ยนไปกอดเอวไว้จะเอาออกก็กลัวว่าผมจะร่วงเลยจำต้องกอดเอวคนขับไว้แน่ๆ จับขับเร็วไปไหนเนี่ย T^T
 
“ถึงแล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นจากแผ่นหลังของ ก่อนจะรีบดึงมือออกจากเอวหนา มองไปรอบๆก็รู้ว่าที่ที่มันพามาคือที่ไหน บนสะพานข้ามแม่น้ำใกล้ๆกับโรงเรียนผมนี่เองครับ
 
 “หืม....ถอดสูททำไม ไม่หนาวหรอ ลมพัดแรงออก”
 
“ไม่อ่ะ รับลมแรงๆ เผื่อมันจะพัดเรื่องร้ายๆออกไปจากหัวบ้าง” ผมบอก หลังจากถอดเสื้อสูทไปพาดไว้บนมอไซค์ข้างในผมใส่เสื้อยืดคอวีไว้ครับเพราะไม่ชอบใส่เสื้อเชิ้ต มันดูแก่ =_=
 
“พรุ่งนี้ ไปเดทกัน”
 
“หืม???....ห๊ะ! วะ....ว่ารัยนะ” จูนสมองแปบ อยู่ๆมาพูดเรื่องดงเรื่องเดทนี่มัน...เอิ่ปได้ข่าวว่าผมยังไม่ได้เป็น...อะไรกันเลยนี่หว่า
 
“เดทไง” หน้ามึนได้อีก ร่างสูงยืนหันหลังพิงราวสะพานและใช้ศอกสองข้างเท้าไปด้านหลัง ในขณะที่ผมยืนหันหน้ารับลมไปด้านนอก
 
“เดทบ้าบอไร ไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย ตลกล่ะ”
 
“จุ๊บ! เป็นสิ” เฮ้ย!!! ไอ้นี่...มันจุ๊บแก้มผมครับ “เอานาไม่เป็นตอนนี้อีกหน่อยก็เป็น พรุ่งนี้ฉันไปรับนะ แล้วก็จะไม่มีคำว่าครูกับนักเรียนด้วย เพราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในโรงเรียน ตั้งแต่พรุ่งนี้เรียกพี่ว่าพี่เซฟนะครับ” =_=
 
“ไม่เว้ย!!!”
 
“ไม่งั้นจุ๊บอีกทีนะ ...... เอามั้ยล่ะ จุ๊บๆ” ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับโอบไหล่ผมไว้ ยี้  ไอ้พี่เซฟบ้า พอใจยัง แหวะๆ
 
“ทำไมถึงคิดว่าผมจะรักครู....เอ่อ..พี่ได้” ผมถาม คำถามของผมทำรู้สึกสั่นไหวขึ้นมาในใจนิดๆ
 
“เพราะพี่กำลังรักแพ็ค...ไง” ทฤษฎีบ้าบออะไรเนี่ย “หึๆ ทำไมจะไม่ได้ ก็ถ้าแพ็คไม่คิดจะตอบรับความรู้สึกของพี่แพ็คคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้มั้ง คนเราใช้แค่ตามองกันมันไม่ได้หรอก ต้องใช้ใจด้วย”
 
“ชิท์ คมได้อีก”ผมอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆร่างสูง “ก็ได้ พรุ่งนี้ไป...เดท ก็ได้”
 
“แค่แพ็คตกลงพี่ก็ได้ไปสิบเปอร์เซ็นล่ะ”
 
“อะไรวะ...แค่เดท ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนซะหน่อย” ร่างสูงใช้มือวางบนราวสะพานไว้ทั้งสองข้างโดยมีผมอยู่ในวงแขน
 
“คำว่าเดทเค้าใช่กับคนเป็นแฟนกันป่ะ นายพลาดล่ะ หึๆ ฟอด!!!” O.O!
 
 
.................................................................................
[เซฟ:Part]
 
Tru............ Tru............
 
ผมควานหาโทรศัพท์เมื่อมันดังขึ้นอย่างน่ารำคาญ และแอบแช่งคนที่โทรเข้ามาไปด้วย โทรไม่รู้จักเวล่ำเวลาหารู้ไม่ว่าคนเค้านอนหลับอยู่
 
“เซฟตื่นยัง มึงว่างป่ะ ไปดูหนังกัน”
 
“อืม.......” ผมครางตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะผุดคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ผมมีนัดแล้ว “ไม่ว่างๆ กูไม่ว่างว่ะ มึงชวนลีวายส์ไปสิกาย” ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะมองหานาฬิกาเพื่อดูเวลา
 
“ให้กูไปชวนลีวายส์ แม่ง! ชวนเมียไอ้แมนยังง่ายกว่า รู้ป่ะ ไอ้ธารอ่ะน่ารำคาญ โทรตามทุกชั่วโมงอ่ะ”
 
“เออนา ไว้วันหลังวันนี้มีเดท...เออ...คือ....” ฉิบหาย!
 
“เดท! ซุ่มจังนะมึง เมื่อไหร่จะเปิดตัวสักทีอ่ะ กูรอดูอยู่นะ ใช่เด็กที่กูว่าป่ะ คึคึคึ...เออๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปหาลีวายส์ก็ได้ โชคดีนะมึง”
 
“ครัชชชช ที่รัก บาย” เหอะๆ จะว่าไปช่วงนี้เพื่อนๆผมทุกคนดูจะมีความสุขกันถ้วนหน้าล่ะ
 
กายไปได้ดีกับพี่หมอ ไอ้แมนดูจะมีความสุขกับรักเบาหวานของมัน คู่นี้กัดกันตีกันบ่อยครับทำแก้วที่ร้านแตกไปเป็นโหลล่ะ(?) แต่ก็เห็นดีกันได้ทุกที ส่วนไอ้ธารน่ะ เห็นบอกมีแพลนจะไปออสเตรเลียในอาทิตย์หน้า คงพาลีวายส์ไปฮันนีมูนอะไรประมาณนั้น
 
เพื่อนๆผม มีความสุขกันไปตามระเบียบ เหอะๆ จะมีก็แต่ผมเนี่ยแหละ เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดีหรือจะดีอยู่ก็ไม่รู้สินะ =_=
 
“เออ หวัดดีครับ” ผมมารับคู่เดทถึงที่บ้าน วันนี้ไม่ได้พามอไซค์คู่ใจมานะเพราะว่าสถานที่ที่ผมจะไปต้องใช่เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเลยเอาฟอร์จูนเนอร์ที่บ้านมาแทน
 
“สวัสดีค่ะ มาหาคุณเซฟหรอคะ ยังไม่ตื่นเลย เข้าไปดูสิคะ” ผมมาบ้านนี้ทีไรรู้สึกเกร็งทุกทีอ่ะ คนรับใช้นี้นอบน้อมเกิน จนผมต้องยกมือไหว้
 
ผมมาหาคู่เดทถึงที่ห้อง ซึ่งอยู่ตรงสระน้ำด้านหลังของตัวบ้าน ผมเคยมาที่นี่แล้วเลยเดินเข้ามาโดยไม่ต้องให้คนรับใช้นำมาด้วย
 
“แพ็ค....แพ็คๆๆ.....ไม่ตื่นจริงอ่ะ แพ็ค....แพ็คเกจจจจจจ”
 
แกร็ง!!!
 
“ไรวะ......อ่ะ!!!” ร่างบางเปิดประตูออกมาก่อนจะรีบปิดทันทีเมื่อเห็นผม หึๆ มันคงอายอ่ะ ก็มันไม่ได้ใส่เสื้อนอน เอวบางร่างน้อยมากขอบอก =,.=
 
“เปิดประตูก่อนดิ อายหรอไง เห็นหมดแล้วนา”
 
“ไม่เว้ย....จะอาบน้ำเลย รอข้างหน้านั่นแหละ” เสียงมันดังมาจากด้านในทำให้ผมยิ้มขำๆ และยอมนั่งรอมันอยู่ด้านหน้า อะไรวะที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะขี้อายแบบนี้เลยนี่ หึๆ
 
 
“ไม่พามอไซค์หรอ แล้วจะไปไหนกันน่ะ หิวว่ะ” แพ๊คถามหลังจากขึ้นมาบนรถ เดี๋ยวนี้เริ่มคุยเก่งขึ้นกว่าเกาล่ะ
 
“เดี๋ยวก็รู้ แซนวิชอยู่ด้านหลังน่ะ กินก่อนสิ จะได้ไม่ปวดท้อง” ผมบอก มองคนข้างๆ ที่กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นส่องดูหน้าตัวเอง “หล่อแล้วล่ะ”
 
“ก็หล่ออ่ะดิ” เหอะ! ผมผลักหัวอีกคนอย่างหมั่นไส้จากนั้นก็เริ่มออกรถ ผมชวนแพ็คคุยไปเรื่อยเปื่อยระหว่างทางเพื่อไม่ให้เบื่อ เพิ่งรู้ว่านอกจากมันจะติดเกมในคอมแล้วยังติดเกมในโทรศัพท์ด้วย พอไม่มีอะไรจะคุยก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย
 
ผมขับรถมาถึงที่หมายในเวลาสองชั่วโมงกว่าๆได้ ส่วนไอ้ตัวดีน่ะ หลับคอพับครับ ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหนเหมือนกัน แบบนี้ต้องจูบปลุกซักหน่อยแล้ว
 
ผมลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูทางที่นั่งอีกฝั้ง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้ๆใบหน้าเรียวสวยได้รูปและทาบริมฝีปากลงกับปากเล็กเบาๆ
 
“อ่ะ!!!” ปึก! ไม่น่าหาเรื่องเจ็บตัวเลยครับ ก็จังหวะนั้นมันตื่นพอดี เลยผลักผมหัวโขกกับขอบประตูรถจังๆ
 
“แรงเยอะไปนะ ตัวแค่นี้ หัวแตกป่ะเนี่ย.....ถึงแล้วลงมาดิ” ผมบอก แพ็คลงมาจากรถหลังจากมองไปรอบๆ
 
“ที่ไหนอ่ะ”
 
“ปากช่อง......บ้างพักต่างอากาศ ไม่ค่อยได้มาหรอก นานๆที” ผมมองไปรอบๆบ้านไม้ชั้นเดียว หลังขนาดย่อมที่มีระเบียงรอบตัวบ้านยื่นออกมา ด้านหลังเป็นส่วนดอกไม้เล็กๆและมองไกลออกไปก็เป็นเนินเขาเตี้ยๆ ที่มีต้นไม้สีเขียวมากมาย ทำให้ดูสนชื่นและสบายตา
 
“ค้างที่นี่หรอ ไม่เห็นบอกเลย รู้งี้จะได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย”
 
“มีเยอะนา......เอาล่ะ หิวยังจะเที่ยงแล้วนะ  ถ้าหิวก็มาช่วยขนของเลยครัชชช” ร่างบางถอนหายใจแบบเซ็งๆ เมื่อถูกใช้งานแต่ก็ยอมช่วยขนของเข้าบ้าน
 
“จะทำกับข้าวกินหรอ” แพ็คถามอย่างแปลกใจ อ่ะๆๆๆ ไม่รู้ล่ะสิว่าผมน่ะ เชฟกระทะทอง(?)นะคร้าบบ
 
“แน่สิ รับรองอร่อยชัวร์ แต่ว่านายต้องเป็นลูกมือนะ มาเลย งานง่ายๆน่ะ ล้างผักทำเป็นป่ะ”
 
“จิบๆเหอะ! ทำให้กินได้ล่ะกัน”
 
ผมลงมือทำอาหารโดยมีแพ็คเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ ในระหว่างที่ผมกำลังหั่นหอมใหญ่อยู่นั่นเองก็รู้สึกแสบตาขึ้นมา งี่เง้าชะมัด! 
 
“เป็นไรอ่ะ แสบตาหรอ” แพ็คถาม
 
“อืมๆ....อ่า....ชิท์! แม่ง” ผมยกข้อมือขึ้นขยี้ตาเมื่อรู้สึกแสบมากขึ้น ก่อนที่แพ็คจะดึงมือผมไว้
 
“อย่าขยี้....เช็ดดิ...อ่ะ”
 
“นั่นมันผ้าเช็ดมือนะ” =_=
 
“เออๆ ลืม....งั้นก็....ก้มดิ” แพ็คบอก ผมจึงก้มหน้าลงนิดๆ จากนั้นแพ็คก็เลิกชายเสื้อขึ้นเช็ดหน้าให้ผม ยิ้มเลยสิครับ หึๆ
 
“โอ้ย แสบฉิบ” ผมเลยฉวยโอกาสกอดเอวร่างบางไว้ แพ็คเลิกคิ้วมองผมนิดๆ ก่อนจะผลักออก “นิดนึ่งก็ไม่ได้ หึ!”
 
“เดี้ยเหอะ! รีบทำเข้าหิวล่ะเนี่ย” มีแอบเขินนะ ผมเห็น
 
“ครัชชชชชช”
 
แล้วมื้อเที่ยงของเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตกบ่าย ผมพาแพ็คไปเดินเที่ยวฟาร์มข้างๆ ซึ่งเป็นของคุณอาผมเอง โดนการขี้จักรยานตามกันไปครับ
 
“ไปที่นั่นได้ป่ะ....” แพ็คหยุดรถตรงเนินเล็กๆระหว่างทางขากลับ ก่อนจะชี้ไปทางไร้องุ่นที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
 
“ได้สิ ช่วงนี้มีแต่องุ่นทำไวท์นะ ไม่มีองุ่นกินลูก จะไปมั้ยล่ะ”
 
“ไปดิ” แพ็คบอกผมจึงขี่จักรยานนำไป ระหว่างนั้นรู้สึกฟ้าครึ้มๆยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่เป็นไรไร่อยู่ใกล้ๆ ซิ่งกลับแปบเดียวก็ถึง
 
“อ้าว พี่เซฟ มาเมื่อไหร่อ่ะ ไม่โทรบอกเลยน่ะพี่” เจอไอ้นายครับ ลูกเจ้าของไร่เนี่ยแหละ ลูกพี่ลูกน้องกัน
 
“วันนี้ พาแฟนมาเดทว่ะ เลยไม่ได้โทรมา...โอ้ย! อะไรเล่า” ผมโดนแพ็คเตะขาเข้าให้เมื่อได้ยินประโยคที่ผมพูด ทำเป็นเคืองแต่แอบหน้าแดง น่ารักว่ะ ><
 
“แรงว่ะ ทานไรมายัง ผมจะได้เด็กจัดมาให้”
 
“เรียบร้อยล่ะ เมื่อกี้ก็ไปเที่ยวในฟาร์มมาแล้ว เออนี่ไอ้นายน้องชายนะ” แพ็คยกมือไหว้ไอ้นายหลังจากผมแนะนำให้รู้จัก
 
“เฮ้ย! ไม่ต้องไหว้ แกเลยกู  ช่วงนี้ไม่มีองุ่นให้กินนะ มาผิดช่วงล่ะ เอาเป็นว่าตามสบายแล้วกัน  เดี๋ยวผมมีงานอ่ะ ขอตัวล่ะ” ไอ้นายบอกก่อนจะเดินไปหาลูกน้องของมันที่ยืนรออยู่ใกล้
 
“อายบ้างอะไรบ้างก็ได้” แพ็คพูด ในขณะเดินไปตามร่องต้นองุ่นที่มีลูกเป็นพวงเล็กๆสีเขียวน่ากินแต่เสียดายที่กินไม่ได้น่ะนะ
 
“เรื่องไร” ผมก็พอจะรู้ แต่ก็แกล้งถามไปงั้นแหละ
 
“ไม่ต้องประกาศให้โลกรู้หรอก มั้ง”
 
“ไม่ได้หรอก ไอ้นายน่ะ มันชอบกินเด็กเหมือนกัน เห็นหน้าตี๋ๆแบบนั้น เสือในคราบแมวเลยนะ ต้องออกตัวไว้ก่อน”
 
“เยอะ เหอะ.....นี่กินไม่ได้จริงอ่ะ ลองกินได้ป่ะ” แพ็คถาม มันจิ้มๆพวงองุ่นสีเขียวให้ผมดู
 
“เคยลองนะ หนาวอยู่ อ่ะ” ผมดึงออกมาลูกหนึ่ง ป้อนให้ อีกคนอ้าปากรับทันที ก่อนจะหลับตาปี๋
 
“เหี้ย....เปรี้ยวสัด”
 
“อ่าๆๆๆ......เชื่อคนง่ายนะเรา......ป่ะกลับเหอะ ดูเหมือนฝนจะตกนะ” แพ็คมองผมแบบแค้นเคืองนิดๆ จากนั้นเราก็พากันกลับ
 
“เฮ้ย! ฝนตกแล้วอ่ะ รีบขี่เหอะ” ใช่ครับ อยู่ๆฝนก็ตกลงมาระหว่างทาง ไม่ใช่ตกธรรมดานะ ตกหนักเลยล่ะ
 
“เดี๋ยวๆ ช้าดิ ระวังลื่นนะ” ผมตะโกนบอกแพ็คแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำลงมา เมื่อเห็นว่ามันขี่จักรยานเร็วเกินไป
 
โครม!!!
 
“แพ็ค!!!” ผมเรียกมันสุดเสียง ก่อนจะกระโดดลงจากจักรยานของตัวเอง เพราะเห็นรถมันก็เสียงหลักลงข้างทาง “ก็บอกแล้วไง ว่าช้าๆอ่ะ ไม่ฟังกันเลย ลุกไหวหรือเปล่า”
 
“ไหว....โอ้ย!!!......”
 
“ไม่ต้องเลย ขี่หลังนี้ ใกล้จะถึงล่ะ ไหนๆก็เปียกแล้ว” แพ็คนิ่งคิดไปก่อนจะยอมขึ้นขี่หลังผม ขามันคงได้แผล ถึงได้กัดปากเจ็บซะขนาดนั้น
 
เดินกลับบ้านท่ามกลางสายฝนกับคนรักบนแผ่นหลัง ใครๆคงจะคิดว่ามันเป็นภาพแสนโรแมนติก แต่คงไม่ใช่สำหรับผมในตอนนี้ ถ้าเป็นแดดร้อนยังดีซะกว่า หนาวว่ะ
 
 
“ไหนมาดูซิ ได้แผลหรือเปล่า...” ผมถกขากางเกงแพ็คขึ้นสำรวจดู หลังจากให้แพ็คนั่งลงตรงระเบียงเมื่อกลับมาถึง
 
“แค่เจ็บนิดๆ ไม่มีอะไรหรอก.....มั้ง”
 
“อืม ดีนะที่ไม่มีแผล เอาล่ะ ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวหวัดถามหาแล้วจะแย่” ผมบอกก่อนจะเบิกตากว้างตกใจ เมื่อผมช้อนร่างบางขึ้นอุ้ม
 
“อ่ะ!!! เดี๋ยวๆๆๆ ทำไรอ่ะ”
 
“ไปอาบน้ำ เจ็บขาไม่ใช่หรอ จะอาบให้ไง” ผมส่งยิ้มหวานให้คนในอ้อมแขนและขยิบตา พามันตรงไปเข้าห้องน้ำ
 
“ไม่ๆๆ อาบเองๆ ไม่ต้อง!!! ปล่อยนะฉวยโอกาสแม่ง ถอยห่างออกไปเลย” ปัง!!! แพ็คดิ้นไม่ยอมท่าเดียวจนผมต้องปล่อยมันลง ก่อนที่ร่างบางจะผลักผมออก ตามด้วยปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง ผมก็ได้แต่ยืนขำพิงประตูอยู่แบบนั้น หึๆ
 
“นี่ ถ้าไม่ไหวก็บอกนะน้อง พี่ช่วยอาบได้”
 
“ออกไปไกลๆเลย!!!”
 
......................................................................................
 
คิดถูกหรือคิดผิดวะที่ผมบ้าจี้ ยอมมาเดทกับไอ้พี่เซฟเนี่ย เฮ้ออออ อยากจะถอนหายใจดังๆสักร้อยครั้ง โอ้ย! นี่ขาก็เจ็บอีก แม่ง ไม่น่าทำเก่งรีบขี่จักรยานหนีฝนเลย รีบอาบน้ำดีกว่ารู้สึกหนาวล่ะ
 
ตอนนี้ผมอยู่ปากช่องครับ เหอะๆมาเดท เดทบ้ารัยล่ะ ไม่เห็นจะเหมือนคู่รักคู่อื่นๆเลย แต่ว่า ผมไปเที่ยวฟาร์มมาด้วยล่ะ โอ่ สุดยอดอ่ะ มีหมูเป็นร้อยๆตัวเลย มีวัวด้วยนะ อากาศที่นี่ดีมากอ่ะ เออๆมีม้าด้วย ผมได้ขี่ม้าด้วยล่ะ สนุกดี อ่อ มีส่วนองุ่นด้วยแต่เสียดายกินไม่ได้เพราะมันเป็นองุ่นทำไวท์ แล้วก็เปรี้ยวมากๆ เหอะๆ เพราะไอ้พี่เซฟนั่น แหละหลอกให้ผมกิน(?) ผมว่าผมพูดมากไปล่ะ เอาเป็นว่าสรุปก็ โอเคดีมีความสุขไปอีกแบบ
 
ผมเงยหน้าขึ้นมองกระจกเงาทำให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยิ้ม ไม่บ่อยหรอกนะที่ผมจะยิ้มแบบนี้ อ่า เดทครั้งนี้ก็ไม่เลวนะ ผมชอบ ><
 
“แพ็คเสร็จยังน่ะ พี่หนาวแล้วนะ” เสียงพี่เซฟดังมาจากหน้าห้องน้ำ
 
“จะ....จะเสร็จแล้ว รีบไรนักเล่า คนยิ่งเจ็บขาอยู่”
 
“ก็บอกว่าช่วยอาบไง หึๆ” ผมควรให้ช่วยป่ะ ชาติหน้าเหอะๆ “เสร็จแล้วก็เรียกนะ จะไปทำอะไรไว้ทานก่อน”
 
ผมรีบอาบน้ำสระผมล้างฝนที่เพิ่งโดนมาเมื่อครู่ รู้สึกเจ็บข้อเท้านิดๆ เหมือนโดนก้อนหินแข็งๆทุบ แต่ก็พอจะเดินไหวอยู่ อาบน้ำเสร็จ ผมเอาผ้าขนหนูพันเอวเปิดประตูออกมา
 
“เสร็จแล้ว!” ผมพูดบอกเสียงดังเพราะไม่รู้ว่าอีกคนอยู่ไหน น่าจะอยู่ห้องครัวมั้ง
 
“เสื้ออยู่ในตู้น่ะ ใส่เสื้อแขนยาวสิ ฝนตกจะได้ไม่หนาว” ครูเซฟบอกก่อนจะเดินผ่านหน้าผมไปและถอยกลับมาก้าวหนึ่ง “ฟอด!!! สบู่หอมเนอะ” ^_^ อึ้งไปสามวิ กว่าจะรู้ตัวว่าโดนขโมยจูบอีกคนก็หนีเข้าห้องน้ำไปแล้ว
 
“ไอ้......บ้า......” ทำไมอากาศหนาวแต่หน้ากูร้อนวะ! -///-
 
ผมรีบจัดการแต่งตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะออกมาจากห้องน้ำ ทำไมมีแต่เสื้อยืดคอกว้างๆวะ เอ้ออออ แต่ก็ช่วยไม่ได้
 
ผมหยิบเอาเสื้อยืดแขนยาวสีเข้มมาสวม โอ่ เหี้ย เปิดไหลเลยว่ะ แล้วก็เลือกไม่ได้ด้วยสิ เพราะนอกจากแบบนี้ก็มีแต่เสื้อเชิ้ต ไม่เอาอ่ะ ดูแต๋วไป ยี้! กางเกงก็มีแต่งต้องรัดหนังยางเอามันหลวม ดูดีมากอ่ะ  =_=
 
เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยผมก็ออกมานั่งเล่นข้างนอกริมระเบียงห้องนอน ฟ้ามืดแล้วฝนยังตกอยู่เลยสงสัยคืนนี้ตกทั้งคืนแน่
 
“ไม่หนาวหรอ เข้ามาข้างในเถอะ ไม่สบายจะแย่นะ” ร่างสูงอยู่ในชุดกางเกงขายาวสีอ่อนกับเสื้อแขนยาวที่ใส่พอดีตัวซึ่งต่างจากผม ครูเซฟยิ้มมุมปากนิดๆหลังจากมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า โอเค กูผิดที่ไม่ได้เตรียมตัวมา แต่มันผิดกว่าที่ไม่บอกก่อนว่าจะพามาไกลขนาดนี้
 
“มองไร เสื้ออะไรก็ไม่รู้คอกว้างฉิบ”
 
“น่ารักออก.....หึๆ....มาข้างในก่อน......ดูขาสิ เจ็บอยู่หรือเปล่า” ร่างสูงดึงมือผมเข้ามาด้านในและให้นั่งลงบนเตียง ส่วนตัวเองนั่งลงกับพื้นห้อง ในมือมียาหลอดถืออยู่ 
 
 
“เอ่อ....ไม่ต้อง....หรอก...”
 
“ได้ไง เดี๋ยวเจ็บกว่าเดิมนะ” ไอ้พี่เซฟเงยหน้าขึ้นมาพูดบอก รอยยิ้มบางๆของคนตรงหน้าทำให้หัวใจผมเริ่มหวั่นไหว
 
“ทาเองก็ได้....โอ้ย!!! เจ็บนะเว้ย เบาๆดิ”
 
“ก็อยู่นิ่งๆสิ อย่าดิ้น นวดเบาๆแปบเดียวก็หาย พรุ่งนี้จะได้เร็วเล่นต่อ” เมื่อไหร่จะเลยคิดว่าผมเป็นเด็กสักทีนะ โตแล้วเว้ย โตแล้ว
 
ผมมองคนตรงหน้านิ่งๆ ผมของพี่มันยังเปียกอยู่เลยน่าจะยังไม่ได้เช็ด พอดีกับที่ใกล้ๆมือผมมีผ้าขนหนูวางอยู่ ผมเลยหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเช็ดผมให้อีกคน
 
“หึๆ....”
 
“ยิ้มไร”
 
“เปล้า” บอกเปล่าเสียงสูงและก็ยังยิ้ม ส่วนผมหรอ ไม่รู้สิแต่รู้สึกว่ากำลังอบยิ้มอยู่เหมือนกัน
 
ผมกำลังเปิดใจรับความรู้สึกดีๆที่กำลังเข้ามาใช่มั้ย สิ่งที่เป็นอยู่เค้าเรียกว่าความสุขใช่หรือเปล่า ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ความผูกพันสินะ ถ้าจะเรียกทุกอย่างที่รายล้อมรอบตัวเราอยู่ว่าความรัก....ก็คง....
 
“หิวยัง” ผมยกมือขึ้นเกาหัว ก่อนจะพยักหน้ารับตอบ ครูเซฟเลิกคิ้วมองผมก่อนจะยิ้มออกมา “งั้นไปทานอะไรก่อนล่ะกัน”
 
 
 
“กินยาก่อนน่ะ กันหวัด”ไอ้พี่เซฟบอกหลังจากทานข้าวเสร็จ พร้อมกับส่งยาในมือมาให้ผมสามเม็ด
 
“เกลียดยาสุดๆ” ผมบ่น แต่ก็รับยามากินทีละเม็ดๆ
 
“ลีวายส์ก็กินยายากนะ แต่เดี๋ยวนี้หายล่ะ” หืม? ผมเลิกคิ้วสงสัย

หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่49(23/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 23-10-2014 21:03:30
 
“ก็ไอ้ธารมันป้อนให้ด้วยปากหายเลย....ลองป่ะ” ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะกลืนยาเม็ดสุดท้ายลงคออย่างรวดเร็ว นั้นมันบ้าล่ะ
 
 
 
“ฝนตกหนักแฮะ หนาวแย่เลยเนอะ” ผมมองร่างสูงที่ล้มตัวลงนอนข้างๆด้วยหางตา ไม่ใช่แค่นอนเฉยๆนะ พี่มันยกมือขึ้นกอดเอวผมหน้าตาเฉย
 
“มือๆ.....ไม่เห็นหนาวเลย”
 
“ร้อนหรอ ถอดเสื้อดิ” หน้ามึนมากครับ ไอ้บ้านี่ ควักลูกกะตามาอบเล่นซะเลยดีมั้ย
 
“แน่ใจนะว่าคิดก่อนพูดแล้วอ่ะ เข้าตัวตลอด แล้วก็....เลิกกอดได้แล้ว อึดอัดเว้ย” คนตรงหน้าย่นจมูกใส่ผมแบบงอนๆ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่ขึ้นกว่าเดิม
 
“หยุดเล่นได้แล้ว ตาเสียหมด เอามา” มันแย่งโทรศัพท์ในมือผมไปแล้ว ทีนี้ผมจะทำเป็นสนใจอะไรดีล่ะ โธ่
 
“ชิท์ นอนดีกว่า” งั้นก็แกล้งหลับเลยเป็นไง ไม่ใช่อะไรหรอก อยู่ใกล้ๆแล้ว ใจมันสั่นๆยังไงก็ไม่รู้น่ะสิ ผมนอนหันหลังหนีทำทีว่าจะหลับจริงๆแต่ก็ยังแอบยิ้มมุมปากอยู่
 
“จุ๊บ!!!” อ๊ากกกกก มันผงกหัวขึ้นมาจุ๊บมุมปากผมครับ
 
“เน้!!! มากไปแล้วนะ....หรืออยากโดนต่อยห๊ะ” ผมพลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับพี่มัน พร้อมชูกำปั้นขึ้น
 
“ก็ไม่ยอมหันมองคุยด้วยดีๆนี่ ไม่เล่นแล้ว แค่จุ๊บ นิดเดียวเองไม่ได้หรืออไง” เห็นมั้ยล่ะ พอหันกลับมามันก็ใกล้กันเกิน ยังไม่พอ ไอ้พี่บ้ายังถือโอกาสกอดผมไว้แน่นซะจนจะเข้าไปฝั่งอยู่ในร่างมันได้แล้ว
 
“ปล่อย.......อึดอัด....” มันดิ้นขลุกขลักออยู่ในอ้อมแขนแกร่ง แต่มีหรือจะสู้แรงคนตรงหน้าได้
 
“ฟอด!!! ไม่ปล่อย....หึๆ.....แพ็ค วันนี้นายยิ้มบ่อยรู้ตัวมั้ย ถ้านายยิ้มแบบนี้ทุกวันคงดี” ผมหยุดดิ้นฟังคำพูดของอีกคน “พี่ชอบนะตอนนายยิ้มน่ะ”
 
“งั้นก็ทำให้ยิ้มบ่อยๆดิ” ผมพูดออกไปพร้อมกับอบยิ้มนิดๆ ไล่มองใบหน้าของอีกคนได้ด้วย
 
“แน่อยู่แล้ว......ผมจะอยู่ข้างๆและทำให้นายยิ้มทุกวันเลย จุ๊บ!!!” ><
 
“ให้มันแน่เหอะ”
 
“เชื่อสิ....เพราะฉันรักนายไปแล้วล่ะ” คำพูดนั้นทำให้ผมหุบยิ้มลง ก่อนจะกลับมาอบยิ้มอีกครั้ง
 
“ผมว่า...ผมเองก็.......เริ่มจะ....ระ....อุ๊บ!!!!” ผมยังไม่ทันได้พูดคำนั้นออกมา คนตรงหน้ากลับทาบริมฝีปากลงมากลืนกินคำพูดของผมไปซะก่อน
 
รสจูบนุ่มนวลแสนหวาน ทำให้ผมเคลิ้มตามได้ไม่ยากจนผมต้องยกมือขึ้นกำชายเสื้อของอีกคนไว้ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาภายในโพรงปากผมได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ผมจะเพิ่งคิดได้ว่าทำอะไรลงไปจึงรีบผลักออก
 
“เอ่อ....” ต่างคนต่างพูดไม่ออกครับ ผมเองก็ได้แต่เม้มปากเบาๆและแส้งมองไปทางอื่น “โทษที” พี่เซฟบอก และซุกหน้าลงกับไหล่ผม
 
“อืม นอนเหอะ ผมง่วงล่ะ” ผมพลิกตัวหันหลังหนีอีกรอบ แม่ง กูเขิน จนเล็บมือเล็กเท้างอหมดล่ะ
 
“นอนก็ดี” ร่างสูงดึงเอวผมไปกอดไว้จนแผ่นหลังผมแนบอกกว้าง “ที่ไม่อยากฟังให้จบเพราะกลัวจะทำอะไรไปมากกว่านี่น่ะสิ หึๆ” อ๊ากกกกกก มันคือลัยวะ พูดแบบนี้ ฆ่ากันดีกว่า
 
ความรัก ผมเริ่มเข้าใจมันแล้วละจะทำความเข้าใจมันต่อไปเรื่อยๆ เพราะผมแน่ใจแล้ว ว่าผมสามารถรักผู้ชายที่กำลังกอดผมอยู่ได้อย่างแน่นอน >///<
 
<<<<<<<<<<TBC>>>>>>>>

มีคำผิดขอโทษด้วยค่ะ อ่านทวนแค่รอบเดี๋ยว รีบๆ ><

ตอนหน้าจบแล้วนะคะ ขอบคุนที่ติดตามนะคะ

พี่ mirror  on on  แต่งเรื่องใหม่แล้วแต่แอม

กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะนำมาลงดีมั้ยเพราะเรื่องนี้คนอ่าน

กะคนเม้นน้อย :mew2:  :mew2:  :mew2:

ถ้ายังไงแอมจะมาแจ้งตอนน้านะคะ  จุฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่49(23/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-10-2014 21:53:51
 ดีใจกับเซฟด้วย  แพ็คอ่อนลงเยอะมาก
ดูมีความสุขขึ้นเยอะ 
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 26-10-2014 17:12:12
Older Brother.....50
 
 
โชคชะตา เคยเชื่อเรื่องแบบนี้กันมั้ยฮะ บนโลกใบนี้มีคนเป็นล้านๆคน โอกาสที่คนสองคนจะได้มาเจอกัน มันก็แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของคนทั้งโลก ถ้าไม่ใช่เพราะโชคชะตานำพาให้คนสองคนมาพบกัน แล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ ลีวายส์เชื่อแบบนี้นะ
 
ลีวายส์อายุสิบห้าปี เรียกว่ายังไม่ถึงครึ่งค่อนชีวิตก็ว่าได้ แต่ลีวายส์ก็พบเจอเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่าง ลีวายส์เสียแม่ไป ตั้งแต่แปดขวบและต่อมาก็เสียพ่อไปอีก มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต เท่านั้นยังไปพอ ลีวายส์ยังถูกแม่เลี้ยงทิ้งอย่างไม่ใยดี
 
แต่พระเจ้าก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้น หรือมันอาจจะเป็นโชคชะตาอย่างที่ลีวายส์เชื่อ ทำให้ลีวายส์ได้มาพบกับคนคนหนึ่งที่ตอนนี้เปรียบเสมือนลมหายใจทั้งชีวิตของลีวายส์
 
โฮ่งๆ โฮ่งๆ
 
เสียงสุนัขพันธ์อิงลิช ค็อกเกอร์ สีน้ำตาลเข็มตัวใหญ่ ส่งเสียงเห่าดังมาจากสนามหญ้าหน้าบ้าน มันกำลังมองขึ้นมาทางลีวายส์ซึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างบ้างทรงยุโรปหลังเล็กๆ ทำให้ร่างสูงที่นั่งยองๆอยู่ข้างๆมันเงยหน้าขึ้นมามองตาม
 
พี่ธารใส่เสื้อแขนยาวสีเทากับกางเกงยีนสีเข้ม ผู้ชายคนนี้แหละฮะ คนที่เป็นลมหายใจทั้งชีวิตของลีวายส์ ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าชีวิตของลีวายส์ และจะเป็นตลอดไป
 
 
 
“นอนพอแล้วหรอ....หืม” ลีวายส์เดินจากชั้นบนลงมาหาพี่ธาร ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะ ยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บมุมปากลีวายส์อย่างที่ชอบทำบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย
 
“ฮะ พี่ไม่นอนบ้างล่ะฮะ หรือว่าแอบไปรอบๆหมู่บ้านมาแล้ว.....ว่าแต่ เจ้านี่มาได้ไงอ่ะ”
 
“ไม่รู้สิ เดินมาจากบ้านข้างๆน่ะ มันคงหิวมั้ง”
 
“ไหนพี่ธารบอกว่าไม่ชอบหมาไงฮะ”
 
“ไม่ชอบตัวเล็กๆต่างหาก มันดูแรดๆยังไม่รู้ ดูน่ารำคาญจะตาย” หมามันแรดเป็นด้วยหรอ (ทำท่าสงสัย???)
 
“อ่า....ออกมาข้างนอนแล้วรู้สึกหนาวนิดๆแฮะ เข้าบ้านเถอะฮะ......” พี่ธารพยักหน้าแทนคำตอน เราจึงพากันเข้าไปในบ้าน แต่เจ้าอิงลิช ค็อกเกอร์ มันไม่ได้ตามมาหรอก เห็นวิ่งหลังไวๆออกไปทางบ้านข้างๆแล้ว
 
ตอนนี้ลีวายส์อยู่ออสเตรเลียฮะ ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อหรอกว่าพี่ธารจะพามาจริงๆ ลีวายส์ถามแล้วถามอีกจนก่อนจะขึ้นเครื่องก็ยังถาม ว่า เราจะมากันจริงๆหรอ และเมื่อเวลาผ่านไปราวๆเก้าชั่วโมง ลีวายส์ก็มาถึงซิดนีย์ ก่อนจะเดินทางต่อมายังหมู่บ้านอัลพ์บัช ซึ่งเป็นบ้านลีวายส์เอง
 
ที่นี่สวยมากฮะ เป็นหมูบ้านที่สวยที่สุดในออสเตรเลียและมีอากาศบริสุทธิ์เหมาะแก่การพักผ่อนมาก ที่สำคัญยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้วย ลีวายส์โชคดีจังที่ได้มาที่นี่กับพี่ธาร
 
“ดื่มอะไรร้อนสิ.....เดี๋ยวจะไปหาเสื้อหนาๆมาให้ใส่ จุ๊บ!!! รอนี่นะ”ดีจังเลยฮะ ตอนที่พี่ธารดูแลลีวายส์แบบนี้
 
พี่ธารเป็นคนละเอียดอ่อนนะ ถ้าใครได้อยู่ด้วยจะรู้ว่าจริงๆแล้วพี่ธารจะใส่ใจลีวายส์ตลอด ไม่รู้ว่าจะเป็นกับลีวายส์แค่คนเดียวหรือเปล่า น้า.....ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ลีวายส์ก็คงจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลย
 
แต่ว่านะ....แค่มีพี่ธารอยู่ใกล้ๆ ลีวายส์ก็โชคดีมากกว่าใครๆในโลกใบนี้แล้วล่ะ ><
 
ลีวายส์วางแก้วโกโก้ร้อนไว้บนโต๊ะ เมื่อหันไปเห็นอัลบั้มรูปถ่ายใต้ชั้นวางทีวีจอใหญ่ บนหน้าปกเขียนว่า Story of my family ในขณะเดียวกันกับที่ลีวายส์มองเห็นชิงช้าผ่านบานหน้าต่างที่อยู่หลังบ้าน ลีวายส์เลยเปิดประตูออกไป พร้อมกับอัลบั้มรูปภาพในมือ
 
“โอ้ สวยจัง....” ลีวายส์พึมพำกับตัวเอง เมื่อเปิดประตูออกมา หลังบ้านเป็นเนินเขาเตี้ยๆที่ปูด้วยพื้นหญ้าสีเขียวอ่อน
 
ลีวายส์ก้าวเท้าเปล่าออกไปจากประตูสัมผัสต้นหญ้านุ่มๆเดินไปนั่งลงบนชิงช้า ใต้ต้นไม้ใหญ่ และใช้เท้าแกว่งไปมาเบาๆ ที่นี้ไม่มีกำแพงบ้านฮะ เราสามารถมองเห็นไปไกลจนถึงเขาลูกใหญ่เลยล่ะ
 
“บอกให้รอก่อนไม่ใช่หรือไง ใส่นี่ซะ” พี่ธารตามออกมาพร้อมกับเสื้อกันหนาวสีอ่อน ก่อนจะสวมมันให้กับลีวายส์ อ่า รู้สึกอุ่นขึ้นเลย
 
“นี่ฮะ มาดูรูปถ่ายกัน” เพราะชิงช้าอันใหญ่ และกว้างพอสำหรับสองคน พี่ธารเลยนั่งลงข้างๆลีวายส์ “นี่พ่อลีวายส์ฮะ ลีวายส์จำได้....ส่วนนี่คงเป็นแม่ลีวายส์....แม่สวยจัง”
 
“อืม.....ตัวเล็กนี่คงเป็นมึงล่ะสิ ตอนนี้ไม่เห็นน่ารักเหมือนตอนเด็กเลย”
 
“ชิท์! ก็ลีวายส์โตแล้วนี่นา ว่าแต่ ลีวายส์ตอนเด็กน่ารักจริงๆด้วย คึคึ” พี่ธารผลักหัวลีวายส์ไม่แรงนัก เมื่อได้ยินลีวายส์พูด ก่อนจะดูรูปถ่ายกันไปเรื่อยๆ ทุกรูปมีแต่ความทรงจำดีๆ เห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งพ่อและแม่ แต่น่าเสียดายที่พระเจ้าใจร้ายทำให้เราต้องจากกัน
 
“เป็นอะไรอีกล่ะ” พี่ธารถาม คงสังเกตเห็นว่าลีวายส์นิ่งเงียบไป ร่างสูงยกแขนขึ้นโอบเอวลีวายส์ไว้
 
“ถ้าตอนนี้มีพวกท่านอยู่ด้วยคงดีไม่น้อยนะฮะ”
 
“ไม่มีใครกำหนดโชคชะตาได้หรอก เพราะถ้าทำได้เราคงไม่ได้เจอกัน” ลีวายส์นิ่ง มองคนตรงหน้า
 
“พี่ธารเชื่อเรื่องแบบนี้ ด้วยหรอฮะ”
 
“เมื่อก่อนไม่เชื่อหรอก แต่.....วันนั้น กูอาจจะทิ้งใครคนหนึ่งไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็นได้ ถึงตอนนี้เราคงจะไม่ได้รู้จักกัน จริงมั้ย” พี่ธารยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงลีวายส์เข้าหา ลีวายส์จึงโอบกอดร่างสูงตอบ
 
“ใช่ฮะ ลีวายส์คงเกลียดพี่ธารแน่ๆ รู้มั้ยฮะ วันนั้นลีวายส์กลัวมาก กลัวพี่ธารทิ้งมากกว่ากลัวไอ้พวกที่มาจับตัวลีวายส์ซะอีก ถึงแม้ลีวายส์จะยังไม่ได้รู้จักกับพี่ธารก็ตาม ขอบคุณฮะ ที่ไม่ทิ้งลีวายส์” น้ำตาลีวายส์ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนต้องซบลงกับอกกว้างของอีกคน
 
“ก็เป็นแบบเนี่ย ใครจะทิ้งลง หืม จุ๊บ!!!” พี่ธารก้มลงจุ๊บมุมปากลีวายส์เบาๆ ก่อนจะมอบสัมผัสนุ่มด้วยปลายลิ้นตามมา รสจูบแสนหวานทำให้ลีวายส์หัวใจสั้นไหวและเต้นแรงได้เสมอจากผู้ชายคนนี้ คนที่ลีวายส์....รัก
 
“เอ่อ...เราจะทำอะไร....กัน....”ลีวายส์ดันอกร่างสูงออก เมื่อรู้สึกว่า พี่ธารเริ่มมือไว ลูบไปตามต้นขา ร่างสูงเลยเลิกคิ้วมอง
 
“ก็.......อ่อ.......ไปเที่ยวรอบหมู่บ้านกัน น่าจะดี” เอิ่ป นี่นะ....ก็ดี! เย้ย นี่ลีวายส์คาดหวังอะไรกันเนี่ย บ้าบอๆ ><
 
“ฮะไปฮะ น่าสนุกดี” วู้
 
“ไม่มีถุงมือบ้างหรอ นี่มันหนาวนะ...อ่า รู้งี้ซื้อมาจากสนามบินก็ดีหรอก” พี่ธารพูดบ่นไปเรื่อยหลังจากเดินออกมาจากบ้าน เดินฮะ ที่นี่เราไม่มีรถและบนถนนก็แทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านเลย
 
“หนาว อยากให้หิมะตกจัง ลีวายส์ว่าหมู่บ้านต้องสวยมากๆแน่ๆ” ก็เคยเห็นอยู่หรอก ลีวายส์เรียนเมืองนอกนี่ แต่อยากเห็นอีก
 
“ใช่ช่วงนี้ที่ไหนล่ะ ถ้าช่วงหิมะตกคงได้ไป วินเทอร์ วิลเลจ เล่นสกีบนเขากัน” พี่ธารบอกขณะดึงมือลีวายส์ไปจับไว้ในเสื้อโค้ท
 
“จริงหรอฮะ หว้า อยากไปอ่ะ หน้าหนาวเรามากันอีกนะ มาตอนคริสมาสต์สิ อ่า นะฮะๆ นะๆ” ลีวายส์อ่อนพี่ธารด้วยกันใช้หน้าถูๆไปกับต้นแขน อ่าๆๆ
 
“พอๆ เป็นแมวหรือไง ไว้ถึงวันนั้นก่อนเหอะ” คึคึ แบบนี้แสดงว่าตกลงล่ะ คึคึ
 
“ที่นี่ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยๆทั้งนั้นเลย เราไปซื้อดอกไม้มาปลูกหน้าบ้านกันมั้ยฮะ หน้าบ้านมีแต่สนามโล่งๆ มาคราวหน้าจะได้เห็นมันออกดอก นะฮะพี่ธาร”
 
“ไปสิ” เย้!!! พี่ธารน่ารักที่สุด จุ๊บ!!! “จุ๊บเก่งนะเดี๋ยวนี้ จูบให้เก่งบ้างก็ดี” เอ๊ะ! - -
 
“ลีวายส์จูบเก่งอยู่นะ....มั้ง......” ที่จูบอยู่ทุกวันนี้ไม่เก่งอีกหรอ
 
“เม้มปากกับเปลือกปาก เค้าเรียกจูบหรอห๊ะ! คืนนี้ต้องเข้าคอร์สสอนจูบกันหน่อยแล้วมั้ง” ลีวายส์กระพริบตาถี่ๆมองพี่ธารที่กำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่
 
“ไม่เอาอ่ะ....ไม่คุยกับพี่ธารแล้ว ไปซื้อดอกไม้สิฮะ พูดเรื่องอะไรเนี่ย” >//////<
 
 
 
“ทำไมมันไกลแบบนี่วะ โอ้ยยยย” เสียงพี่ธารบ่นฮะ
 
“นั่นน่ะสิ ไกลก็ไกลหนักก็หนัก ลีวายส์จะไม่ไหวแล้วนะฮะ” ใครจะคิดล่ะฮะ ว่าที่หมู่บ้านต้องเดินเป็นกิโลถึงจะเจอร้านค้าสักร้าน แถวนี้มีแต่รีสอร์ททั้งนั้นเลย
 
“กูสิไม่ไหว ทั้งถือของทั้งแบกมึงเนี่ย ลงเลยๆ ปวดหลังจะแย่แล้ว” แป๊ว! - -
 
“ก็ได้.....งั้นให้ลีวายส์แบกพี่ธารมั้ยละ” คึคึ
 
“ไม่ตลก!.....” พี่ธารโหดนะ รู้ยัง คึคึ “รีบเดินเร็วเข้า หิวว่ะ ชักปวดท้อง” ขี้บ่นจังเลยพี่ธารเนี่ย
 
เราเดินกลับหลังจากซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตเสร็จและแวะซื้อดอกไม้มาปลูก เดินไปนี้ไม่รู้เลยว่าไกล มารู้ตัวก็ตอนเดินกลับเนี่ยแหละ จริงๆแล้วไม่ใช่แค่พี่ธารหรอกที่ขี้บ่น เพราะลีวายส์บ่นไงพี่ธารถึงได้ให้ขี่หลัง สุดท้ายตัวเองก็มาบ่นซะเอง คึคึ
 
“เย้ ถึงซะที พี่ธารเหนื่อยแล้ว ให้ลีวายส์ทำอะไรให้กินนะฮะ” ลีวายส์บอก และกำลังจะเดินไปยังห้องครัว แต่โดนร่างสูงดึงคอเสื้อซะก่อน
 
“หยุดเลย คงได้กินหรอกนะ ถอยไป ไปปลูกต้นไม้ของมึงโน้น อยากปลูกนัก” ลีวายส์ทำปากยื่นหน้างอใส่พี่ธารก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับออกมาหน้าบ้าน ชิท์! กลับไปลีวายส์จะให้พี่โอ๊ตสอนทำกับข้าวให้ค่อยดู
 
 
 
 
“ลีวายส์ มาทานข้าวก่อน”
 
“ฮะ!!!.....” อ่า อีกนิดก็จะปลูกเสร็จแล้ว พี่ธารต้องอึ้งแน่ๆ ถ้าเห็นดอกไม้ที่ลีวายส์ปลูก คึคึ “จะเสร็จแล้วนะฮะ เดี๋ยวพี่ธารออกไปดูนะ”
 
“อืม...มาล้างมือมา”พี่ธารดึงมือลีวายส์ไปล้างให้ ในอ้างล้างจาน จากนั้นไม่นานเราก็ท่านข้าวกันจนเสร็จ และลีวายส์ก็ต้องเก็บจานล้างอีก พี่ธารนะพี่ธาร ทำให้กินแล้วจะเก็บให้อีกหน่อยก็ไม่ได้ -.-
 
“ลีวายส์!!!! อะไรวะเนี่ย!” โอ๊ะ! เสียงพี่ธารดังมาจากสนามหน้าบ้านฮะ ลีวายส์เลยเก็บจานใบสุดท้ายและออกมาดู
 
“มีอะไรหรอฮะ” O.O
 
“ใครสอนให้มึงปลูกต้นไม้แบบนี้ห๊ะ!!!”
 
“ก็....สนามหญ้ามันว่างตั้งเยอะ ปลูกต้นไม้กระจายๆ จะได้สวยๆไงฮะ ไม่ดีหรอ” ลีวายส์ปลูกต้นไม้กระจายทั่วสนามเลยฮะ ถ้ามันออกดอกต้องสวยแน่นๆ
 
“จะบ้าหรือไง! โอ้ย ประสาทแดก เค้าให้ปลูกเป็นแถวๆ ให้เป็นระเบียบ ดูบ้านคนอื่นเค้าบ้างสิ แล้วนี่อะไร ทำไมไม่ตัดถุงดำออกก่อนห๊ะ รากมันจะเข้าไปในดินได้ยังไงวะ”
 
“ปลูกแบบนั้นไม่ได้หรอกฮะ เดี๋ยวดินที่รากมันก็หลุดออกหมดอ่ะดิ”
 
“เงียบไปเลย น่าตีด้วยเสียมนี่จริงๆ....ไปอาบน้ำเลยนะ เดี๋ยวกูปลูกเอง” ชิท์!!! ไปก็ได้ ลีวายส์ทำอะไรผิดเนี่ย
 
ได้อาบน้ำอุ่นๆรู้สึกดีขึ้นแฮะ ว่าแต่ พี่ธารปลูกเสร็จยังนะ ลีวายส์เดินไปยืนริมหน้าต่าง ก้มลงมองสนามหน้าบ้าน พบว่าพี่ธารกำลังปลูกต้นไม้ที่คาดว่าน่าจะเป็นต้นสุดท้ายอยู่ตรงแผ่นทางเท้า จากนั้นไม่นานร่างสูงก็เดินหายเข้าไปด้านใน
 
“เหนื่อยจริงๆเลย จะค่ำอยู่แล้ว มอง!!!.... มองอะไรอาบน้ำแล้วหรอเนี่ย ไหนมาหอมซิ”
 
“ไม่เอา งี้ พี่ธารไปอาบน้ำเลยนะฮะ คึคึ มอมแมมหมดแล้ว”
 
“เพราะใครล่ะ หึ!!!” พี่ธารผลักหัวลีวายส์ไปแรงนักก่อนจะเข้าห้องน้ำไป ลีวายส์เลยนอนบนเตียง คงเพราะวันนี้เดินเยอะไปหน่อยพอหัวถึงหมอน เลยรู้สึกเหนื่อยๆและอยากนอนขึ้นมา
 
 
“นอนแล้วหรอ หืม....ฟอด!!!!” ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนข้างๆลีวายส์ ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่ และตามมาด้วยการซุกซอกคออย่างรวดเร็ว
 
“พะ...พี่ธาร....เดี๋ยวฮะ....เอ่อ...ไหนบอกว่าเหนื่อยเหมือนกันไงฮะ”
 
“แล้ว....??? จะทำไม” ห๊ะ! พี่ธารใช้ปากงับปลายจมูกลีวายส์เบาๆก่อนจะลงมาครอบครองริมฝีปากลีวายส์
 
“อื๊ออออ.........” เสียงครางหวานเล็ดลอดออกมา เมื่อลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดต้อนลิ้นเล็กของลีวายส์จนลีวายส์เริ่มไปไม่เป็นถึงแม้จะพยายามจูบตอบ
 
“อ่า...พอ...ไม่ได้เรื่องเลย” จู่ๆพี่ธารก็หยุดซะงั้น แถมยังทำท่าเซ็งสุดๆอีกด้วย พลอยให้ลีวายส์ใจแป๊วตาม
 
“ทำไมล่ะฮะ ก็ลีวายส์......จูบตอบแล้วนี่นา”
 
“จูบตอบแบบ งับๆเนี่ยนะ แล้วลิ้นนะแข็งทื่อเป็นไส้กรอกเลย ไม่ไหวมั้ง นอนๆ” อะไรกัน ทีเมื่อก่อนจูบได้เลยนี่ ชิท์ จะโกรธแล้วนะ
 
“ไม่ให้นอนนะ.....!!!” ลีวายส์จับต้นแขนพี่ธารที่กำลังหันหลังหนีไว้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งคร่อมร่างหนา ก็เอาสิ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะลองดูซักครั้ง “ถะ.....ถ้าแบบนี้ล่ะ” ลีวายส์เม้มปากนิดๆ รู้สึกว่าหน้าตัวเองเริ่มร้อนขึ้นมาจากที่ร้อนอยู่ก่อนแล้ว
 
“ลงไปลีวายส์ เมื่อกี้แค่ล้อเล่น”
 
“มะ....ไม่อ่ะ....หลายวันแล้วที่พี่ธารไม่....เอ่อ....ไม่......”
 
“เหอะ! ลงมานอนดีๆเร็วเข้า” พี่ธารดึงแขนให้นอนลงแต่ลีวายส์ไม่ยอม ปัดมือพี่ธารออก ก่อนจะก้มลงจูบปลายคาง “ลีวายส์...”
 
“ขอโทษฮะ ที่ลีวายส์ทำตัวเป็นเด็กมาตลอด.....ต่อไปนี้ ลีวายส์จะ...พยายาม...” จุ๊บ! ลีวายส์บอกก่อนจะจุ๊บซอกคอขาวของพี่ธาร และใช้มือที่กำลังสั่นนิดๆวางลงบนแผงอกกว้างลูบเบาๆผ่านเสื้อตัวบางด้วยหัวใจเต้นรัว
 
“หึ! หยุดเถอะ.....” พี่ธารหยุดมือลีวายส์ไว้  จ้องสบตาลีวายส์นิ่งๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “แบบนี้ไม่ไหวหรอก ลงมาอยู่ด้านล่างดีกว่า”
 
“อ่ะ!!!! พูดจบ พี่ธารดันร่างลีวายส์ให้นอนลงอย่างรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคร่อมร่างลีวายส์แทน “พะ...พี่ธาร...อุ๊บ!!!”
 
“ทั้งที่ไม่อยากให้เจ็บตัวแล้วแท้ๆ ถ้าพรุ่งนี้เดินไม่ไหวอย่ามางอแงก็แล้วกัน....จุ๊บ!!!”
 
ต่อจากนี้ไปก็เป็นฉากรักที่ลีวายส์ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้นอกจากจะส่งเสียงคราง อ๊ะๆๆ.....ไปตามประสา ถึงแม้จะรู้สึกว่าพี่ธารนุ่มนวลเพียงใด ความเจ็บก็ยังคงวิ่งไปทั่วร่างกายอยู่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็ยังคงรู้สึกได้ว่า ลีวายส์รู้สึกดี และดีมากกับสิ่งที่ได้รับ
 
“นอนซะ....คนดี” เสียงพี่ธารกระซิบบอก ในขณะที่ร่างกายของลีวายส์อ่อนล้าเต็มที อยากจะบอกรักก่อนนอนอีกทีแต่ดวงตาคู่นี้ก็ไม่อาจลืมขึ้นมาได้เสียแล้ว ลีวายส์จึงได้แต่ซุกเข้าหาแผงอกกว้างที่กำลังเปลือยเปล่า หาความอบอุ่นก่อนจะปล่อยให้ตัวเองหลับลงในที่สุด
 
 
 
“อืออ....อ๊ะ!.....อื๊อออออ” ลีวายส์ครางออกมาเบาๆ ทันทีที่รู้สึกตัว ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ปวดหนึบไปทั้งตัว อยากจะร้องออกมาอย่างที่เคยทำบ่อยๆแต่ก็ต้องอดทนไว้ ไม่อยากเรียกหาพี่ธารอีก
 
ลีวายส์ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงทำให้ผ้าห่มลงไปกองตรงตัก โอ๊ะ!!! และก็ต้องตกใจกับรอยช้ำบนตัวที่มีไปทั่วเกือบทุกที่ ภาพเมื่อคืนลอยเข้ามาในหัว ตามมาด้วยรองรอยสัมผัสที่เกิดขึ้น
 
น่าอายจัง รีบเข้าห้องน้ำดีกว่าก่อนที่พี่ธารจะขึ้นมา ลีวายส์ลุกขึ้นยืนช้าๆ คว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ และพยุงตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ เจ็บอ่ะ T^T
 
“ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกหืม...ฟอด!!! ฟอด!!!” >////<
 
“ก็......ลีวายส์ไหวฮะ อาบน้ำแล้วด้วย พี่ธารทำอะไรอยู่อ่ะ” ลีวายส์ลงมาหาพี่ธารในครัว ตอนลงบันใดโคตรเจ็บเลยขอบอก
 
“โจ๊ก กินสิ.......” พี่ธารตักโจ๊กใส่ถ้วยและวางลงตรงหน้าลีวายส์ “วันนี้จะพาไปที่ที่หนึ่ง ไหวหรือเปล่า”
 
“ไหวสิฮะ ลีวายส์แข็งแรงนะ กระโดดตบตอนนี้ยังไหวเลย”
 
“หึ! งั้นกระโดดซิ” ห๊ะ!!!
 
“เอ่อ....หิว กินก่อน”
 
“เหอะๆ กล้าเล่นนะเรา แค่ไม่ร้องงอแงก็พอแล้ว จุ๊บ!!!”  พี่ธารจุ๊บแก้มลีวายส์ก่อนจะตักโจ๊กขึ้นเป่าไล่ความร้อนและค่อยป้อมให้
 
 
 
“ไกลจังเลยฮะ”
 
“บ่นทำไม มีรถให้นั่งมานี่ หรือว่า....เดินไม่ไหว” ลีวายส์หยิกแขนพี่ธารเข้าให้ เมื่อร่างสู่ทำท่าล้อเลียน
 
“ไหวน่า พี่ธารฮ่ะ แล้ว...เรามาที่นี่ทำไมฮะ เอ๊ะ!!! หรือว่า.......”
 
“อืม เมื่อเช้ายัยน้ำโทรมา ยัยนั่นบอกว่าให้พามาที่นี่ มาหาพ่อกับแม่” ลีวายส์มองไปรอบๆเนินเขากว้างสุดลูกหูลูกตา ต้นหญ้าสีอ่อนกำลังถูกลมเย็นพัดจนปลิวไหว หลุมฝังศพมากมายถูกปักป้ายไว้แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
 
“พ่อ แม่” ลีวายส์เดินตามพี่ธารมาหยุดอยู่หน้าป้ายชื่อสองอันที่มีชื่อพ่อกับแม่เขียนอยู่ ลีวายส์ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ ลีวายส์น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “คิดถึงจังเลยฮะ อึกๆ พ่อกับแม่สบายดีมั้ยฮะ ฮึกๆๆ”
 
“มาหาแล้วร้องไห้ คงไม่ดีมั้ง” พี่ธารบอก พร้อมกับเกลี่ยน้ำตาสองข้างแก้มให้
 
“พ่อฮะ แม่ฮะ ลีวายส์ไม่เคยโกรธที่พ่อกับมีจากไปเลยนะฮะ ขอบคุณนะฮะ ที่ทำให้ลีวายส์เกิดมาเจออะไรหลายๆอย่าง ถึงแม่ชีวิตของลีวายส์จะไม่ได้มีครอบครัวที่ดีอย่างคนอื่นๆ ลีวายส์ก็ไม่เสียใจ เพราะตอนนี้ลีวายส์มีคนสำคัญที่สุดอยู่ข้างๆ ขอบคุณฮะ ที่ทำให้ลีวายส์ได้เจอพี่ธาร” ทั้งที่ตอนแรกอากาศเริ่มเย็นลงแต่ตอนนี้กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
 
“ผมจะดูแลลีวายส์เอง” พี่ธารบอก มันเหมือนกับคำสัญญาแต่ลีวายส์ว่า ตอนนี้สิ่งที่พี่ธารทำอยู่ มันยิ่งกว่าการดูแลซะอีก
 
“ลีวายส์สัญญาฮะ ว่าจะเป็นเด็กดี พ่อกับแม่ช่วยนำพาสิ่งดีๆมาให้ลีวายส์ด้วยนะฮะ รักพ่อกับแม่ฮะ”
 
ไม่รู้ว่าลีวายส์คิดไปเองหรือเปล่า เมื่อรู้สึกว่าลมอุ่นๆพัดมาปะทะหน้าเบาๆ คล้ายกับการตอบรับจากพ่อและแม่ มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ลีวายส์รู้สึกดี ต่อจากนี้ไปลีวายส์จะใช้ชีวิตกับคนที่รัก โดยมีพ่อกับแม่ค่อยคุ้มครองและหวังว่าจะเจอแต่สิ่งดีๆเข้ามา
 
 
 
“ไม่อยากกลับเลยอ่ะ อยู่ต่ออีกวันได้มั้ยฮะ” ลีวายส์พูดบอกกับพี่ธารที่กำลัง นั่งยองๆเล่นกับเจ้าอิงลิช ค็อกเกอร์ ที่เดินมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่หลังบ้าน
 
“ไม่ได้หรอก มีงานรออยู่ ไว้ปิดเทอมหน้าค่อยมาอีก” พี่ธารบอกก่อนจะขว้างมัฟฟินบลูเบอรี่ให้มัน
 
“อ๊ากกก ของลีวายส์นะ อื๊อออ ให้มันทำไมอ่ะ” พี่ธารหันมามอง เมื่อถูกโวยใส่ จากนั้นก็ส่งอีกอันที่เหลืออยู่มาให้ลีวายส์ อ้าวคิดว่าหมดแล้ว คึคึคึ
 
“ร้องซะ กินไปกี่ชิ้นแล้วล่ะ หืม ฟอด!!!” พี่ธารนั่งลงบนชิงช้าข้างๆลีวายส์ จริงๆก็กินไปสามชิ้นแล้วล่ะ แต่อร่อยเลยอยากกินอีกอ่ะ “กินเยอะ ก็ไม่เห็นจะโตเลย”
 
“โตแล้วฮะ แค่โตไม่เท่าคนอื่นเอง”
 
“ไหนมาดูสิว่าโตยังไง ตรงไหนที่ว่าโตน่ะ” พี่ธารดึงลีวายส์ให้ลุกขึ้นไปนั่งบนตัก ทำให้ลีวายส์รีบยกมือขึ้นโอบ รอบคอร่างสูงไว้ จนมัฟฟินที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งตกจากมือ
 
“พี่ธารอ่ะ อดกินเลย....อุ๊บ!” จูบแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนี้ก็แย่สิ ปากยังเลอะอยู่เลย ><
 
“อร่อยตรงไหน หวานซะมัด” พี่ธารบอกหลังจากถอนจูบออก สายตาคมเข้มกำลังจ้องมองนัยน์ตาลีวายส์และยิ้มออกมา ลีวายส์จึงกัดปลายจมูกโด่งเข้าหา
 
“รักพี่ธารนะฮะ ลีวายส์รักพี่ธารที่สุด ไม่ใช่รักเพราะว่าพี่ธารเป็นพี่ชาย แต่รักในฐานะคนรักฮะ รักมาก รักที่สุดในโลกเลย จุ๊บ!!!”
 
“ไม่เชื่อ” เอ๊ะ!!! “รัก คนที่เคยจะคิดทิ้งตัวเอง เคยทำให้ร้องไห้ เคยด่า เคยว่า เคยตี เนี่ยนะ”
 
“ถึงยังไงก็รักฮะ พี่ธารจะร้ายยังไงก็รัก รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
 
“หึ!”
 
“ตอบแค่นี้หรอฮะ ไม่เห็นบอกรักลีวายส์บ้างเลย พี่ธารรักลีวายส์หรือเปล่าเนี่ย”
 
“ไม่รัก” บอกว่าไม่รักแต่อบยิ้มหมายความว่ายังไงกัน พี่ธารขี้โกงอ่ะ
 
“ไม่เชื่อหรอก” ฟอด! ต้องหอมแก้มลงโทษเลยนี่
 
“ที่ทำอยู่เค้าเรียกว่าอะไรล่ะ ไม่เข้าใจหรือไง หืม ฟอด ฟอด” พี่ธารเจ้าเล่ห์ ลีวายส์หอมแค่ข้างเดียวเอง ตัวเองกลับมาหอมคนอื่นเค้าสองข้าง
 
“ไม่รู้อ่ะ ก็พี่ธารไม่เคยบอกนี่” ลีวายส์ กอดอกและเชิดหน้าใส่พี่ธาร
 
“จะฟังให้ได้ใช่มั้ย ได้แต่...ต้องมีของแลกเปลี่ยน” ชักเริ่มเสียวสันหลังวาบขึ้นมากับคำว่าของแลกเปลี่ยนแล้วล่ะสิ ยิ่งเจอกับสายตาหวานเยิ้มชวนตกหลุมพรางเข้าก็...
 
“ปะ...เปลี่ยนใจแล้วฮะ ไม่ๆ...”
 
“My heart is all yours.And I love you with all my heart.” คำว่ารักอาจจะไม่มีความหมายเท่ากับการกระทำแต่ถึงอย่างนั้นลีวายส์ก็ยังคงรอคอยที่จะฟังคำๆนี้ และในที่สุด ก็ได้ยินสักที
 
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ลีวายส์เข้ามาอยู่ในบ้าน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลังสัมผัสกับโซฟานุ่มๆ โดยมีร่างสูงตามลงมาคร่อมร่างไว้ ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบเบาๆข้างหู เพื่อยืนยันคำพูดเมื่อครู่ที่ลีวายส์ได้ยิน
 
“I love you.”
 
 
 
<<<<<<<<<<<<<<<<< END >>>>>>>>>>>>>

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ฉากจบอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่ใครๆคาดหวังไว้ ต้องของโทษด้วย เราพยายามเต็มที่แล้ว และก็มีตอนพิเศษให้แน่นอน แต่ด้วยเวลาตอนนี้ เราเริ่มมีเรียนแล้วเลยช้าหน่อย อย่างว่ากันนะ ช่วงนี้ก็จะพยายามหาเวลามาแก้คำผิดในเรื่องให้นะค่ะ
ส่วนเรื่องรวมเล่มยังอยู่ในช่วงพิจารณาค่ะ ถ้าอะไรๆลงตัวก็ค่อยว่ากันอีกที ขอโทษคนที่ติดตามอยู่ด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและความคิดเห็นดีๆ จากทุกคนที่ติดตามนะคะ ไว้เจอกันในใหม่น๊า
 
ลีวายส์ : อย่าเพิ่งลืมลีวายส์กันนะฮะ   ^__^  <3
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 26-10-2014 17:49:00
จบสวยมากมาอย่างยาวเลยทีเดียว
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายน่ารักๆแบบนี้
จะไม่ลืมพี่ธารกับน้องลีวายส์เลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-10-2014 19:01:22
ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-10-2014 19:12:09
 :mew1: อวสานซะแล้ว

ลีวายส์น่ารักมากๆเลยค่ะ เพราะงั้นขอน้องลีวายส์ ขอตอนโตที่ลีวายส์ทำงานแล้วได้ไหมคะ เอาอายุซัก30 อยากรู้คู่นี้เป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-10-2014 19:13:10
โอ๊ย ขอตอนพิเศษได้มั้ยค้าาาาา
อยากอ่านอีก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-10-2014 16:34:36
ดีใจที่ลีวายได้กลับมาไหว้พ่อกับแม่
จบดีค่ะ ประทับใจมากกกก


ขอตอนพิเศษของแมนกับโอ๊ต เซฟกับแพ็ค กายกับพี่หมอและคู่หลักอย่างลีวายอีธารเยอะๆน่าาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-10-2014 19:15:47
จบสวยงามมากค่ะ เราชอบบรรยากาศตอนนี้นะ โรแมนติกดี ^^
ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสนะคะ
รอตอนพิเศษจ้าาาา อยากอ่านทุกคู่เลย นะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-10-2014 21:45:43
Happy
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-10-2014 09:53:46
สนุกมากกกกกกค่า แต่คำผิดเยอะไปนี้ดดดดนึงโดยเฉพาะช่วงแรกไปถึงเกือบหลัง ส่วนมากผิดตรงพวกสรรพนาม ประเภท ลีวายคุยกับลีวายว่า... แทนที่จะเป็นกายคุยกับลีวาย... อะไรแบบนี้ ลองเช็คตัวสรรพนาม เช็คพวกชื่อด้วยเด้อ ^^ และคำผิดสลับที่อะไรแบบนี้ เช่น จากหวาน เป็นคำว่าหนาว 555
รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-10-2014 14:32:24
จบได้โรแมนติกมากกกกกกกก
ตอนเฮียบอกรักน้องลีวายส์นี่หวานหยดๆๆๆ
คนอ่านฟินนนนนน >\\\< ♡♡♡
รอตอนพิเศษของทุกๆคู่เรยน๊าาาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 28-10-2014 18:07:59
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-10-2014 02:46:59
จบแร้วสินะ กินเด้กกันหมด
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่50END(26/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 07-11-2014 12:38:33
กลับมาอ่านอีกที จบซะแร้วว ~.~
ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
พี่ธารกะนุ้งลีวายส์น่ารักมากกก^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 12-11-2014 12:43:24
Older Brother.....51
 
“ไหนบอกเลิกเรียนแล้วไง ให้กูมารอมึงตั้งนาน” ผมถามโอ๊ตที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามานั่งในรถร่างบางปลายตามองผมนิดๆ
 
“กูบอกให้มารับหรอ” นิสัยแบบ....แม่ง แก้ไม่หายซะที “แวะร้าน BK ด้วย”
 
“ทำอะไรอีกล่ะ กูจะรีบไปทำงานนะ”
 
“งั้นมึงก็แค่....ทิ้งกูไว้ที่ร้าน แล้วจะไปไหนก็ไป!!!” มันบอกเสียงเรียบ ช่วงนี้ผมยุ่งๆครับ งานเยอะ เวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อยจะมีเลยแต่ก็พยายามตามรับตามส่งมัน
 
“โอ๊ต มึงอย่าหาเรื่องได้ป่ะ ให้กูปวดหัวแค่เรื่องงานได้มั้ย เอาล่ะ เร็วๆ กูจะรอ” ผมจอดรถหน้าร้านพี่รหัสของมัน
 
โอ๊ตเดินหายเข้าไปด้านในและปล่อยให้ผมรออยู่ในรถราวๆสิบนาทีมันก็ยังไม่ออกมา ผมถึงได้ลงจากรถตามมันเข้ามาในร้าน โอ๊ตนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงสองสามคน หนึ่งในนั้นคือพี่รหัสของมันซึ่งเราเคยทำความรู้จักกันแล้ว
 
“เสร็จยัง นานแล้วนะ กูต้องกลับไปทำงาน” ผมบอก ทุกสายตาหันมามองผมพร้อมเพรียงกัน
 
“ไปเหอะ กูกลับเอง” โอ๊ตบอกโดยไม่ได้สนใจจะหันมามองหน้าผม
 
“ก็ได้ งั้น สองทุ่มกูโทรมาถ้ามึงไม่กลับ เจอดีแน่ ฟอด!!!” ผมบอก ทิ้งท้ายด้วยการก้มลงหอมแก้มมันฟอดใหญ่โชว์สาว กันไว้ก่อนครับเพื่อมันมีกิ๊ก หึ!!!
 
ที่ผมทำงานหนักตอนนี้เพราะผมอยากซื้อบ้าน จริงๆอยู่คอนโดมันก็ดีน่ะนะแต่ว่า ผมเห็นแปลนบ้านของโอ๊ตเมื่อสามเดือนก่อนผมจึงคิดว่ามันคงอยากมีบ้านสักหลัง
 
ผมไปดูที่และจ้างชั่งฝีมือดีสร้างบ้านไว้แล้วแถวๆชานเมืองโดยไม่ได้บอกให้โอ๊ตรู้ กำลังให้ไอ้ธารจัดการอยู่ ตอนนี้บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มีแค่ตกแต่งภายในและภายนอก ไม่น่าจะเกินสองเดือน ถึงตอนนั้นผมค่อยบอกโอ๊ต
 
ผมทำงานเป็นMDให้กับบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งและเป็นCEOให้กับบริษัทชื่อดังในประเทศอีกแห่ง เลยไม่ยากที่ผมจะสร้างบ้านได้ในเวลาไม่นาน หลังจากนี้ผมจะลาออกจากการเป็นMDเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับโอ๊ตบ้าง ดูเหมือนช่วงนี้ช่องว่างของเราจะเริ่มเยอะไปหน่อยแล้ว
 
 
 
“โอ๊ต โอ๊ต หลับแล้วหรอ” หลังจากทำงานเสร็จ ผมก็ตรงกลับคอนโดทันที โอ๊ตนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้องเหมือนเคย
 
“ไหนมึงบอกกลับสองทุ่ม สองทุ่มพ่องมึงสิ” นั่นไง จัดกูเลย
 
“ก็งานมันเยอะนี่หว่า กูไม่ได้แวะที่ไหนเลยนะ คิดถึงมึงจะแย่ ฟอด!!!” ผมนั่งลงข้างๆมัน ก้มลงหอมซอกคอร่างบางทีนึ่ง
 
“กูจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” มันลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ผมนั่งมองตามตาละห้อย เหี้ย เป็นอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นเลยอ่ะ
 
Tru…………
 
“โอ๊ต ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์กูก่อนล่ะ หลับแล้วหรอ” ผมออกมาจากห้องน้ำ พบว่าเสียงโทรศัพท์ผมดังอยู่ข้างๆตัวมันแต่มันไม่ยอมรับสาย
 
“ว่าไงไอ้ธาร” ผมดึงแขนโอ๊ตที่นอนอยู่บนเตียงให้มันหันมาหาผมแต่มันขืนตัวไว้ และดึงแขนกลับ “เดี๋ยวนะมึง!!! กูคุยกับไอ้ธารเสร็จก่อน.....”
 
‘เป็นเหี้ยไรกันอีกพวกมึง’
 
“ไม่รู้ว่ะ เหมือนมันจะไม่พอใจอะไรกูเนี่ยแหละ มึงโทรมามีไรล่ะ”
 
‘เรื่องบ้านน่ะ โอเคแล้ว ไว้ว่างๆเราค่อยไปดูอีกที ถ้าไม่มีปัญหาอะไรมึงตกแต่งได้เลย’
 
“เออขอบใจว่ะ ลีวายส์อ่ะ นอนยัง” ผมถามหาลีวายส์ เพราะช่วงนี้ไม่เจอหน้า เลยรู้สึกคิดถึง ปกติลีวายส์ชอบมาอยู่กับโอ๊ตประจำตอนว่างๆ
 
‘ทำไม หมดแรงหลับไปแล้ว’
 
“ไอ้เหี้ยธารกับกูมึงยังหวง เชื่อมึงเลย แค่นี้ล่ะ กูจะไปสยบเมีย ฝันดี” ผมบอก ก่อนจะวางสาย
 
ผมกลับเข้ามาในห้องมองร่างบางบนเตียงกว้าง และค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างๆมัน ผมกอดเอวบางไว้หลวมๆจากด้านหลัง ซูดกลิ่นสบู่หอมๆจากซอกคอขาวเข้าปอด
 
“หลับจริงหรือเปล่าวะ ลักหลับแม่งเลยนี่ หึ”
 
“กล้าก็ลอง” ผมถึงกับผงะเมื่ออยู่ มันหยิบปืนมาจากไหนไม่รู้ สอดผ่านเข้ามาใต้แขน จ่อตรงหน้าอกซ้ายผมพอดี
 
“เล่นแรงนะมึง ถ้าปืนลั่นขึ้นมาจะทำไง เก็บเร็วครับที่รัก ฟอด!!!”
 
“ไม่มีกระสุนไอ้สัด มึงเอาของกูไปซ่อน อย่าให้กูหาเจอนะ กูยิงมึงทิ้งแน่” เมียกูโหดตลอด ผมว่านอนดีกว่า เหอะๆ
 
 
 
“วันนี้มารับกูบ่ายสาม”
 
“กูมีประชุม ช้าหนึ่งชั่วโมงได้มั้ย รอกูที่.......”
 
“งั้นไม่ต้อง!!!” ปึก! โอ๊ตปิดประตูรถเสียงดังด้วยความไม่พอใจ วันนี้มันมีเรียนบ่ายผมเลยกลับไปรับมันที่คอนโด แวะทานข้าวและมาส่งที่มอ
 
“โอ๊ต!” ให้ตายเหอะ ผมว่าคงต้องทะเลาะกันอีกรอบแน่ๆ
 
ตลอดระยะเวลาในการประชุมผมมักจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเรื่อยๆ หวังว่ามันจะจบลงเร็วๆ แต่ก็ไม่ ผมเลิกประชุมเกือบหกโมง ยังไม่พอยังต้องนั่งคุยกับกรรมการบริษัทอีกสองชั่วโมง เหี้ยเลยทีนี้ กลับไปไอ้โอ๊ตหาย กูต้องเป็นบ้าแน่ๆ
 
“โอ๊ต!” กลับมาถึงห้อง ผมก็เรียกหามันเหมือนทุกครั้งนั่นแหละครับถึงมันจะไม่ตอบก็ตาม “นอนหรอ...อ้าว อยู่ไหนวะ”
 
ไม่มีครับ คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหากัน ในระหว่างที่เดินหามันไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอ หรือจะขึ้นไปห้องไอ้ธารนะ
 
“ไอ้ธารโอ๊ตอยู่ห้องมึงหรอ....ว่าไงนะ เหี้ยไม่โทรบอกกูเลย เดี๋ยวกูตามไป” ไอ้ธารบอกว่าโอ๊ตไปที่ผับกับมันแล้ว ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะไปกับไอ้ธารเพราะปกติมันไม่ค่อยทำตัวสนิทกับใคร
 
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบไปที่ผับทันที เดี๋ยวนี้ผับปรับปรุงใหม่คนเลยเยอะขึ้น ด้านล้างเป็นกึ่งผับกึ่งร้านอาหาร ส่วนด้านบนก็เป็นบาร์และมีเวทีของนักดนตรี ผมให้โอ๊ตช่วยงานนิดๆหน่อยๆ เพราะเห็นว่ามันทำออกมาดีเลยให้มันช่วยงานไอ้เซฟต่อ มันชอบพูดว่าจะกลับไปทำงานกับพี่มันผมเลยหางานให้ทำซะเลย
 
“ไอ้โอ๊ตอ่ะ” ผมถามไอ้ธารที่นั่งอยู่ในห้องพักกับลีวายส์
 
“มาถึงก็ถามหาเมียเลยนะ ไอ้แมน กับเพื่อนกับฝูงนี่ข้างหัวเฉย” ไอ้เซฟเหน็บผมครับ ผมไม่เห็นมันจริงๆนะ ก็มันไม่สำคัญนี่ เหอะๆ
 
“อยู่ด้านนอก เห็นพาเพื่อนมาสี่ห้าคน” ไอ้ธารบอก
 
“หรอ ลีวายส์เป็นไรคะ ทำไมหน้างอแบบนั้นล่ะ ไหนบอกพี่แมนซิ” ผมหันไปถามลีวายส์ที่ตอนนี้นั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟา
 
“ก็พี่ธารอ่ะ กอดกับผู้หญิงเมื่อกี้ ถ้าพี่กายไม่พาลีวายส์ไปดูนะ คงไปไกล” ลีวายส์กอดอกมองไอ้ธารตาขวาง
 
“อ้าวไอ้ธาร ได้ไงวะมึง”
 
“มึงก็เชื่อมันนะ บ้าบอตามไอ้กายแม่งสร้างเรื่องให้กูแล้วหนีไปรับไอ้พี่หมอแล้ว”
 
“โกรธพี่ธารแล้ว!!!”
 
“กูตบปากแตก นั่นมันกระเทย เข้าใจมั้ยกระเทย พูดกับมึงไม่รู้เรื่องเลย งั้นกลับบ้านไป.....มึงมาแล้วก็อยู่ดูร้านต่อล่ะกัน” อ้าว ไอ้ธารพูดจบมันลากลีวายส์กลับเลยครับ
 
“ห้ามชิ่งหนีอีกคนนะมึง ไอ้กายก็กลับแล้ว กูดูไม่ทัน” ไอ้เซฟก็แม่งดักทางกูเร็วเกิน
 
“เออๆ งั้นกูไปหาเมียก่อน” ผมบอกและเดินออกมาหาโอ๊ตข้างนอก มันนั่งอยู่กับเพื่อนสี่ห้าคนและก็มีผู้หญิงอีกสองคนนั่งข้างๆ เมียกูกอดเอวนางด้วย
 
“หวัดดีพี่” เพื่อนโอ๊ตหนึ่งในนั้นทักผม เพราะผมไปรับไปส่งโอ๊ตบ่อยๆ เราเลยรู้จักกัน
 
“เออ มานานยัง ไม่โทรบอกกูเลยนะ”
 
“จำเป็นด้วยหรอ” โอ๊ตบอก ในมือมันคีบบุหรี่ ยกขึ้นสูบเป็นระยะ ถ้าใครไม่รู้ว่าเป็นแฟนผมก็คงคิดว่ามันเป็นเพลย์บอยตัวพ่อแน่ๆ
 
“อย่าเยอะ โอ๊ต กูไม่ชอบ” ผมบอกน้ำเสียงจริงจัง เพื่อนมันไม่รู้หรอกว่าเราเป็นแฟนกัน
 
“กูก็ไม่ชอบเหมือนกัน!!!!” ปึก! อยู่ๆโอ๊ตก็ลุกขึ้นพรวดพราดเข้ามาเหวี่ยงหมัดใสผมท่ามกลางความมึนงงของกลุ่มเพื่อนมัน
 
“โอ๊ต!!!” ผมใช้ลิ้นเลียเลือดตรงมุมปากมองโอ๊ต ที่กำลังจ้องเขม่งมองผม “กลับไปคุยกันที่บ้าน”
 
“ไม่กลับ! กูไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียว! ปล่อยกู!!!”
 
“อยู่คนเดียวที่ไหน กูอยู่นี่! มึงเมาหรอห๊ะ!!! กูบอกให้มาไง” ผมดึงแขนมันให้ตามมาแต่มันไม่ฟังครับพยายามปัดมือผมออก
 
“เอ่อ....พี่ใจเย็นกันก่อนมั้ยอ่ะ”
 
“ไม่ต้องยุ่ง!!!” ผมบอกตวาดใส่เพื่อนมัน ก่อนจะลากเจ้าตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน “มึงเป็นเหี้ยอะไร ไหนบอกกูมาซิ” ผมเหวี่ยงร่างบางลงบนโซฟาหลังจากเข้ามาให้ห้องพักของไอ้เซฟ
 
“มึงแหละ เป็นเหี้ยไรกับกู ห๊ะ! ห๊ะ! มึงแม่ง!....เป็นใครห๊ะ” พูดจาไม่รู้เรื่องยังไม่พอ มันยังตบผมด้วยครับ
 
“ไอ้โอ๊ต! มึงพูดไม่รู้เรื่องนะ หยุด...อ่ะ! กูบอกให้หยุดไง....โอ้ย!!!” ตอนนี้มันคว้าอะไรใกล้มือได้มันก็ใช้ตีผมหมดแหละครับ ทำเอาผมหลบกันจ้าละหวั่น
 
“ไอ้แมน ไอ้เหี้ย มึงทิ้งให้กูอยู่คนเดียวมากี่คืนกี่วันแล้วไอ้สัด กูจะฆ่ามึง....” มันผลักผมลงบนเตียงก่อนจะตามมาตบตีผมจนเจ็บไปหมด ก่อนที่ผมจะรวบมือมันไว้ได้
 
“มึงไม่เข้าใจหรอ กูทำงานนะ เอาเลยดิ ตบตีให้กูตายไปเลย เอาปืนมายิงกูก็ได้ จะได้สะใจมึงไง ดูเหมือนเราจะคุยกันดีๆไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ”
 
“ผมอย่าท้ากูนะ!”
 
“ไม่ได้ท้า พูดจริง ลุกขึ้นกูจะไปเอาปืนให้” ผมผลักมันออก ส่งปืนให้กับมัน โอ๊ตมันก็รับไปทันที สงสัยกูคิดผิดจริงๆที่ไปท้ามัน =_=
 
“ไอ้เหี้ย!” ปึก!!! เต็มๆครับ มันต่อยผมกับสันปืนเข้าอย่างจัง เล่นเอาเลือดกบปาก
 
“หยุดบ้าได้ยัง” ผมดึงปืนกลับมาก่อนจะโยนมันทิ้งไปไกลๆ และดึงร่างบางให้นั่งลงบนตัก “กูขอโทษ นะคร้าบบบ”
 
“กูเกลียดมึง”
 
“เออๆ กูรักมึง โอเคกูลาออกจากงานเลยก็ยังได้ ถ้าไม่หายโกรธ เอาป่ะ” มันมองผมด้วยหางตานิดๆ
 
“ก็เอาสิ กูจะได้รู้ว่ากูกับงานมึงจะเลือกอะไร” อุ้ย! เมียกำลังงอน โคตรดีใจจนหายเจ็บเลยว่ะ
 
“คำตอบมันตายตัวอยู่แล้วว่าเป็นมึง มึงเลยแหละ มึงคนเดียว งั้นพรุ่งนี้กูหยุดงานพามึงไปเที่ยวเอามั้ย”
 
“กูไม่ใช่เด็ก”
 
“ไม่เด็กเลยครับ ฟอด!!! คนนี่โตแล้ว เหอะ! ดูหน้ากู มึงดูหน้ากูนะ เสียหล่อหมด รับผิดชอบเลย” ผมบอกเสียงอ้อน
 
“มึงทำตัวเอง ปล่อย กูจะไปเพื่อน” มันผลักผมออกก่อนจะลุกขึ้น
 
“เพื่อน...แล้วผู้หญิงนั่นใคร เป็นไรกับ ใครพามา” โรคหึงผมกำเริบนิดๆ เพราะผมรู้มาว่าในมอไอ้โอ๊ตมันป๊อปสุด สาวเพียบ
 
“เมียคนอื่นทั้งนั้น มึงโง่เนอะ” ว่ากูอีก =_=
 
“ปากดี...มานี่ก่อนเลย” ผมดึงแขนร่างบางกลับมาจูบแลกลิ้นกันสองนาทีก่อนจะปล่อยให้โอ๊ตกลับไปหาเพื่อน ส่วนผมก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องช่วยไอ้เซฟดูผับจนผับปิดถึงจะได้กลับ โอ๊ตเล่นเมาซะจนผมต้องแบกมันขึ้นห้อง จากนั้นเราทั้งสองคนก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยล้ากันทั้งคู่
 
 
 
“อื่มมม....” ผมผงกหัวขึ้นก่อนจะค่อยๆลืมตาช้าๆ “โอ๊ต....มึงนอนบนตัวกูทำไมเนี่ย หนัก ลงไปเลย” ผมบอก โอ๊ตมันนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนตัวผมครับ
 
“แม่ง!” มันด่าแล้วก็ลงไปนอนดีๆ ผมหมั่นไส้เลยดึงมันเข้ามากอด “ปล่อยกู กูไม่อยากอยู่ใกล้มึงล่ะ”
 
“โอ่ๆ เค้าขอโทษครับ เอาดีๆนะ มึงแผลที่มุมปากกูยังเจ็บอยู่เลยเนี่ย” ผมทำแก้มป่องให้มันดู รู้มั้ยมันทำไง มันกัดแก้มผมครับแทนที่มันจะห่วงผมบ้าง
 
“สมควรแล้วมึงอ่ะ”
 
“มึงโกรธที่กูไม่มีเวลาให้มึง แต่ถ้ามึงรู้เหตุผล มึงต้องดีใจแน่ๆ อาบน้ำยังเนี่ยเดี๋ยวพาไปเที่ยวไง”
 
“ไหนอ่ะ” มันเงยหน้าขึ้นมาถาม ผมจึงถือโอกาสจูบมันซะเลย “ไอ้เหี้ย เหม็นปากไอ้สัด”
 
“มึงอยากขับรถบ้างมั้ย กูขี้เกียจ” ผมบอก รู้สึกอยากนอน เลยถามโอ๊ตดูเพราะปกติมันก็ไม่ค่อยจะขับเอง และมันก็ขอขับบ่อยๆ แต่ปรากฏว่า
 
“ไม่ กูขี้เกียจ” =_=
 
ผมขับรถออกมาแถวชานเมือง ไม่ไกลนักแวะทานข้าวร้านอาหารข้างทางแปบหนึ่ง เพราะแม่งเมียบ่นหิวไม่หยุดปาก จากนั้นก็มายังจุดหมายที่ผมตั้งใจจะพาโอ๊ตมา
 
“ลงดิ ถึงแล้ว” ผมบอก หลังจากจอดรถหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้น ติดริมทะเลสาบเล็กๆ
 
“นี่มัน.....มึงเอาแปลนบ้านกูมาขายหรอ ไอ้เหี้ยแมน ห๊ะ!!!” เอ้า เมียกูก็คิดไปโน้น กูล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ
 
“ขายพ่องมึง เนี่ยบ้านเรา ชัดป่ะ บ้านมึงอ่ะ มึงกับกู” เมื่อได้ยินผมบอกแบบนั้น โอ๊ตมันนิ่งคิดไปสิบวิก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
 
“มึง.....เมื่อไหร่วะ ทำไมไม่บอกกูล่ะ” มันถามผม เสียงอ่อนลงนิดๆ ผมเลยเดินเข้าไปกอดเอวมันไว้จากด้านหลัง
 
“จริงๆกูกะจะให้เสร็จก่อน ถึงจะบอก แต่ถึงตอนนั้น กูคงอาจถึงตายได้”
 
“ก็จริง...ถ้าบอกช้ากว่านี้ศพอาจไม่สวย”
 
“โหดจริงอะไรจริงครับเมีย ฟอด!!! งั้น มึงอยากตกแต่งภายในเองมั้ย จะได้ถูกใจ” ผมจูงมือโอ๊ตเข้ามาในบ้าน มองไปรอบๆซึ่งตอนนี้ยังวางเปล่าไม่มีของตกแต่ง
 
“กูอยากตกแต่งเอง แต่ไม่ใช่เงินมึง อย่างน้อยกูก็อยู่นี่เหมือนกู ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
 
“อย่าคิดแบบนั้นสิ กูทำเพราะกูทำได้ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ของๆกูก็เหมือนของๆมึงนะโอ๊ต กูพร้อมที่จะทำให้มึงทุกอย่างนอกจาก ให้กูทิ้งมึง กูทำไม่ได้”
 
“ซึ่งตายล่ะ
 
“แล้วหน้าแดงทำไมอ่ะ หึๆ” ฟอดดดดดดด
 
 
หนึ่งเดือนผ่านไป..................
 
 
“พี่โอ๊ตตตตต..........” เสียงใสดังมาจากหน้าบ้านแทนเสียงกดกริ่ง แค่นี้ก็รู้ล่ะครับว่าใครมา
 
“ดีค่ะลีวายส์” ผมออกมารับลีวายส์หน้าบ้านก่อนจะช่วยร่างเล็กถือของในมือ “ไอ้ธารแม่ง ให้ลีวายส์ถือได้ไงมึง”
 
“มันอยากถือเองเหอะ ไอ้เซฟกับไอ้กายยังไม่มาหรอ เดี๋ยวก็ดึกพอดี”
 
“ไม่รู้ ถ้ามันโทรมา ก็บอกให้ซื้อของกินมาเยอะๆ เบียร์ด้วย” ผมเอาของที่ไอ้ธารซื้อมา ไปให้โอ๊ตในครัว “อันนี้เสร็จยัง”
 
“อืม....เอาไปกินดิ” โอ๊ตบอก มันทำกับข้าวเป็นนะครับ อร่อยด้วย
 
“ลีวายส์ช่วยมั้ยฮะ พี่โอ๊ต”
 
“ช่วยให้เสร็จช้าลงน่ะนะ มาเลย กูช่วยเองดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ” ไอ้ธารบอก ก่อนจะดึงลีวายส์ลงไปนั่งตักมัน
 
วันนี้ผมเข้ามาอยู่บ้านวันแรกหลังจากตกแต่งกันมาเกือบๆเดือนก่อนจะย้ายของเข้าเสร็จเรียบร้อย เลยจัดปาร์ตี้กันนิดหน่อย ปิดผับแล้วก็นัดกันมาที่บ้านผม ได้ข่าวว่าไอ้เซฟจะพาแฟนมาด้วยผมก็ยังไม่เคยเห็นหรอกนะ เห็นลีวายส์แอบกระซิบมาว่าน่ารักแต่นิสัยไม่ดี จะเชื่อลีวายส์ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้สิ
 
“โอ้ยเหี้ย ไกลฉิบหายอ่ะ” ไอ้กายครับ มาถึงก็บ่นเลย “ไอ้เซฟมายังวะ”
 
“ถามหาไอ้เซฟทำไม คิดถึงมันหรอ” ไอ้พี่หมอครับ งานหึงพี่แกมาเต็มตลอด ไม่แพ้ผมกับไอ้ธารหรอก
 
“บ้าสิ มันพาแฟนมา เหอะ”
 
“แล้วไป....เออ ไอ้แมนกูซื้อของมาให้มึงอ่ะ อยู่หลังรถ ไปแบกเองนะกูอุตสาห์ซื้อมาล่ะ”
 
“โธ่ ไรวะ” ผมเดินไปเปิดท้ายรถพี่หมอ มันซื้อของแต่งบ้านมาให้ครับ เป็นชุดโฮมเธียเตอร์สุดหรู ผมรู้พี่แก่ตังเยอะแต่ไม่ต้องเยอะกับกูก็ได้ และในระหว่างนั้นเองมีรถโตโยต้าวีออสเข้ามาจอดพอดี
 
“ทำไรมึง โทษทีมาช้า” ไอ้เซฟครับ มากับเด็กคนหนึ่ง เหมือนผมว่าผมเคยเจอแต่ไม่รู้จัก
 
“เออ มึงช่วยขนของเลย ไอ้พี่หมอซื้อมาให้เนี่ย” มาถึงก็ใช้ซะเลย เราเลยช่วยกันขนของเข้าบ้าน เด็กที่มากับไอ้เซฟเดินถือของที่ไอ้เซฟซื้อมาเงียบๆ
 
“มาแล้วๆ เล่นตัวนะมึงเซฟ พาแฟนมาทั้งที มาช้าอย่างกะตัวเองเป็นพระเอก” ไอ้กายพูดขึ้นทันทีที่เห็นไอ้เซฟเข้ามาพร้อมๆกับผม
 
“เหอะนา มึงก็ อย่าแกล้งดิ เดี๋ยวแพ็คอึดอัด” ผมมองเด็กไอ้เซฟ แม่งพิมพ์เดียวกับไอ้โอ๊ตเลย นิ่งๆเงียบๆแล้วก็ไม่ค่อยสนใจใคร
 
“อึดอัดก็ไม่ต้องพามาสิพี่เซฟ รู้มั้ยวันนี้นายแพ็ค โดนเรียนคาบพละไปนอนห้องพยาบาลด้วยล่ะ”
 
“ไอ้เตี้ย หุบปากเลย มึงก็ไปเหอะ”
 
“ปะ...ป่าวนะ ก็พี่เค้า.....เอ่อ....พี่เค้าให้ถือของไปให้ นิดหน่อยเอง” ลีวายส์พูดพรางเหล่มองไอ้ธารไปด้วย
 
“พี่ไหน” ไอ้ธารครับ แผ่รังสีหึงมาแต่ไกล เหอะๆ รายนี้ลีวายส์จะพูดถึงใครไม่ได้เลย
 
“รุ่นพี่มอหก ชื่อไรแล้ววะ........” แพ็คพูด ก่อนจะแลบลิ้นใส่ลีวายส์ที่กำลังนั่งเหงื่อตก สงสัยเด็กไอ้เซฟคงไปอึดอัดล่ะมั่งผมว่า หน้าตามันก็ออกจะกวนๆไปอีกแบบ
 
เราออกไปจัดปาร์ตีกันหน้าบ้าน ยกของปิ้งยางออกไปตั้งโต๊ะแบบง่ายๆ นั่งคุยกันดื่มกันไปเรื่อยเปื่อย ตกดึกลีวายส์เริ่มงอแงง่วงนอน ผมเลยให้ไอ้ธารพาไปนอนบนห้องซึ่งมีอยู่สามห้องรวมทั้งห้องของผมและไม่นานไอ้เซฟก็ไปส่งเด็กมันก่อนจะกลับมานั่งดื่มกันต่อจนถึงเช้า พวกผมสี่ห้าคนนอนกองอยู่ด้านล่างตื่นมาไอ้ธารแม่งหายไปนอนกับลีวายส์ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
 
“โอ๊ต ขึ้นไปนอนข้างบนไป” ผมปลุกโอ๊ตที่นอนอยู่บนโซฟาข้างๆผมให้ตื่น หลังจากปลุกพี่หมอไอ้กายและไอ้เซฟให้กลับ ส่วนไอ้ธารยังนอนอยู่ข้างบน
 
“กลับกันหมดแล้วหรอ ห้าวววว”
 
“ไอ้ธารอยู่ข้างบน” ผมบอกดึงแขนมันให้ลุกตาม เดินขึ้นห้อง โอ๊ตนั่งลงบนเตียงท่าทางงัวเงีย “อ่ะนี่” ผมส่งซองสีน้ำตาลให้มันดูก่อนจะนั่งลงกอดเอวบาง เอาคางเกยไหล่มันไว้
 
“นี่มัน.....ได้ไง....กูไม่เอาหรอก มึงบ้าไปแล้ว” มันโวยวายเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
 
“ของขวัญวันเกิดไง วันนี้วันเกิดมึงนี่ ฟอด!!! เก็บไว้นะนี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่กูให้มึงและก็ชิ้นแรกที่กูให้คนที่กูรัก” โอ๊ตนิ่งเงียบไป ก่อนจะอบยิ้มออกมานิดๆ
 
“มึงบ้าไปแล้ว...จุ๊บ!!!” มันจุ๊บแก้มผมด้วยล่ะ คิคิคิ
 
“ท่าจะบ้าจริง แล้วมึงเคยเห็นป่ะ คนบ้ากำลังเอาเมียอ่ะ” พูดจบ ผมกดร่างบางลงบนเตียงก่อนจะทับทาบตัวเองตามลงไปกดจูบริมฝีปากบางของคนรักอย่างดูดดื่ม
 
ในเมื่อผมสร้างบ้านหลังนี้ให้มัน ผมก็จะให้มันจริงๆ ผมจึงให้บ้านหลังนี้ติดชื่อมัน แต่ไม่สำคัญหรอกว่าสิ่งที่ผมให้จะมากน้อยเพียงใด สิ่งที่สำคัญจริงๆคือความสุขของคนที่ได้รับและคนให้มากกว่า
 
“รักมึง” ถึงแม้จะเป็นแค่เสียงกระซิบแต่คำนี้จากโอ๊ตก็ดังก้องอยู่ในหัว(ใจ)ผม และจะดังอยู่อย่างนี้ตลอดไป
 
...
 
อีธารกับลีวายส์เปิดประตูออกมา หลังจากตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆของวัน อีธารยังคงรู้สึกง่วงนิดๆแต่ก็ยังอยากกลับไปนอนที่บ้านเพราะได้ยินเสียงห้องข้างๆ เลยคิดว่าไม่อยากอยู่รบกวนเวลาเพื่อนรักต่อ
 
“พี่ธาร ไหวมั้ยอ่ะ” ลีวายส์คนรักของอีธารถาม เพราะดูท่าทางร่างสูงยังง่วงอยู่ไม่น้อย
 
“ไหวนา ไปเหอะ”
 
“ไปบอกพี่โอ๊ตก่อนฮะ” ลีวายส์บอกและเดินไปหน้าห้องโอ๊ตทันทีซึ่งอีธารห้ามไว้ไม่ทัน
 
‘อ๊า.....อ่ะๆๆๆ.....ซี๊ดดดด..’ ลีวายส์ชะงักมือที่กำลังจะเคาะประตู หันกลับมามองหน้าอีธารด้วยสีหน้าแดงแป๊ดดดดด
 
“มาเลย หรืออยากโดนมั้ง อืม...ฟอด!!!”
 
“จะบ้าหรอฮะ พี่ธารอ่ะ” >/////<
 
........................................................................................
 
ชอบกันมั้ยเอ่ย คู่ต่อไปจะตามมาเรื่อยๆ รอติดตามนะครัชชชชช จุฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-11-2014 13:08:25
สมหวังกันทุกคู่ละ โล่งใจสุดๆ  :hao6:

ขอเรทแรงๆเลยค่าาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-11-2014 13:33:04
พิเศษจริงๆ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 12-11-2014 15:43:49
ฉลองขึ้นบ้านใหม่

 :hao6:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 12-11-2014 16:29:00
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 12-11-2014 18:02:15
ขอบคุณค่าาาาาาาาา  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-11-2014 22:02:34
ขอบคุณค่ะ >.<
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 12-11-2014 23:54:16
เราตามเรื่องนี้ตั้งแต่เอาลงที่ธัญวลัยละ จำไม่ได้ว่าใครส่งให้อ่าน แต่จำได้ว่า ติดเรื่องนี้มากกกกก
เข้าเชคทุกวัน แต่กว่าคนเขียนจะมาอัพทีนี่ก็เพลีย ตามหลายเดือนอยู่เหมือนกัน จบเร็วไปนะเราว่า สนุกอ่ะ
อยากอ่านต่อเรื่อยๆ เห็นมาลงในเล้า เราก็ตามมาอ่านอีก แต่ไม่ได้เม้นเลย เพราะอ่านในโทรศัพท์ วันนี้เปิดคอม
เลยตั้งใจเข้ามาเม้นเรื่องนี้โดยเฉพาะ เราเป็นคนเขียนไม่เก่ง แต่อยากถ่ายทอดความรู้สึกบางส่วนให้ได้รู้
 ขอบคุณคนแต่งเรื่องนี้นะคะ ที่ทำให้เราได้ฟิน และใจเต้นตุบๆ ในหลายๆตอน พอดีชอบแนวนี้อยู่แล้วด้วย
เลยฟินยกกำลังสอง ชอบวิธีการเขียนของคุณนะ เลยอยากจะถามว่า
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังแต่งเรื่องไหนไว้อีกรึเปล่า จะตามไปอ่านค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-11-2014 02:55:10
มาอีกๆ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-11-2014 07:31:07
ชอบมห้โอ๊ตงอลๆ น้อยใจๆ แบบนี้อ่ะ
น่าร๊ากกกกกก >\\\\<
ถึงจะโหดสำหรับเฮียแมนไปหน่อยก้อเหอะนะ 555555
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-11-2014 13:28:02
สนุกกกกก ชอบ
คู่นี้ฮาร์ดคอร์ แต่เค้าชอบบบ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ1(12/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: I-Icezz ที่ 16-11-2014 12:57:56
ชอบเรื่องนี้อ่ะ  รอตอนของคู้ต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ2 (19/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 19-11-2014 22:15:24
Older Brother.....52
 
เมื่อเวลาผ่านไปอะไรๆก็ย่อมเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน ผมมองใครบางคนในห้องนั่งเล่น จากห้องทำงาน ร่างเล็กอยู่บนโซฟาสีหวาน นั่งพับกระดาษพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย 
 
ผมลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เดินเข้าไปหาร่างเล็ก ก่อนจะนั่งลงกอดเอวบางไว้อย่างห่วงแหงน
 
“ทำไมต้องพับไอ้นี้ทุกวันด้วยนะ”
 
“ก็ลีวายส์รักพี่ธารทุกวันนี้ฮะ” ฟังแบบนี้แล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มคนพูดเข้าให้สักฟอด
 
“ไม่เบื่อหรือไง”
 
“ไม่เลย และก็จะไม่เบื่อแน่ๆ” ตอบได้ดีต้องมีฟอดสองไม่สิ แค่สองคงไม่พอมั่ง ฟอดๆๆ “พี่ธาร พอแล้วฮะ แก้มช้ำหมดแล้ว”
 
“ไม่เห็นช้ำตรงไหนเลย หืม....ฟอด!” คราวนี้หอมแก้มไม่พอ คงต้องมีล่วงเกินกันบางล่ะ ก็ใครใช่ให้ทำตัวน่ารักแบบนี้ว่ามั้ย กดไลน์หน่อย(?)
 
จากที่หอมแก้มไปหลายฟอด เปลี่ยนมาเป็นจุมพิตแทน แต่ปากสีสดอ่อนนุ่มเกินจะขบกัดแรงๆได้ ผมจึงสอดลิ้นเข้าไปภายในแทน รสหอมหวานจนยากเกินจะหยุดยั้งได้ และเชื่อเถอะว่าผมไม่หยุดง่ายๆแน่
 
กริ๊งงง
 
“อ่ะ...พะ...พี่ธาร.....อุ๊บส์”
 
“อื๊ออ.....” แม้จะมีเสียงกริ่งหน้าห้องมารบกวนก็เถอะ ผมไม่ยอมหยุดและไม่สนใจ ในขณะที่ลีวายส์พยายามผละออก ก็ทำไม่ได้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แค่ผมจูบ ร่างเล็กก็อ่อนยวบแล้ว
 
กริ๊งงงง
 
“ชิท์!!!......ใครมาเอาตอนนี้วะเนี่ย!” แต่ คงไม่ลืมกันใช่มั้ยว่าผมน่ะขี้รำคาญเป็นที่หนึ่ง
 
ลีวายส์เม้มปากมองผม มันแลบลิ้นใส่ ผมจึงก้มลงฉกลิ้นหวานด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู
 
“หวัดดีคับ...”
 
“มาผิดห้องแล้ว กูไม่รู้จักมึง” ผมบอกผู้มาเยือนก่อนจะปิดประตูใส่หน้ามัน  ผมไม่รู้จักครับและก็ไม่อยากรู้จักด้วย 
 
Tru..............
 
ในขณะเดี๋ยวกันแม่ผมก็โทรมาพอดี
 
“ครับ”
 
‘ธาร น้องปอนด์ กลับมาจากต่างประเทศสองสามวันแล้ว บ่นว่าอย่าเจอลีวายส์ เลยไปหาแหนะ ฝากไปส่งน้องขึ้นเครื่องด้วยนะ’
 
“ห๊ะ!!! แม่....แต่ผม...”
 
‘แม่มี  ประชุม แค่นี้ก่อนนะไว้จะโทรไปใหม่’ ท่านพูดจบท่านก็ว่าสายไปเลย เยี่ยม! นี่ผมจำต้องเปิดประตูใช่มั้ย เฮ้อออ
 
“เชิญ!!!”
 
“ใครมาฮะ พี่ธาร....โอ๊ะ! พี่ปอนด์” ลีวายส์จำได้แต่ทำไมผมจำไม่ได้วะ ก็ไอ้เด็กที่เจอที่รีสอร์ทไง
 
“หวัดดีคับลีวายส์ สบายดีมั้ยคับพี่มีของมาฝากด้วยนะ นี่คับ” มันนั่งลงข้างๆลีวายส์ด้วยล่ะ
 
“ฮู้ สวยจังฮะ เดี๋ยวจะเอาไปแขวนไว้ที่ระเบียง เนอะพี่ธาร” ผมมองของในมือลีวายส์ด้วยหางตา เป็นโมบายเปลือกหอยสำหรับบานประตูครับ
 
“น่ารำคาญ” ผมนั่งลง ดึงเอวลีวายส์เข้าหาตัว ทำเอาคนให้ทำหน้าไม่ถูก ลีวายส์เห็นแบบนั้นมันเลยตีแขนผม
 
“พี่ธารก็.....แล้วพี่ปอนด์มานี่ มีธุระอะไรหรือเปล่าฮะ”
 
“เปล่าคับ แค่มาหาลีวายส์เฉยๆ อีกสองชั่วโมงพี่ก็ต้องไปสนามบินล่ะ เลยจะมาสุขสันต์วันเกิดลีวายส์ก่อนกลับน่ะ” วันเกิด? จริงสิ วันมะรืนนี้นี่
 
“ขอบคุณฮะ งั้นเราไปส่งพี่ปอนด์กันนะพี่ธาร” ผมพยักหน้ารับ  แต่ในหัวยังคิดเรื่องวันเกิดลีวายส์อยู่เลย
 
คือ...ของที่จะให้น่ะมีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าวันเกิดมันต้องทำอะไรให้บ้าง อย่างที่ผ่านมาก็แค่พาไปเที่ยว กินอาหารอร่อยๆ ตอนอยู่เมืองนอกน่ะนะ ก็แค่นั้น ส่วนของขวัญ ไอ้กายโน้น
 
 
 
“เดินทางปลอดภัยนะฮะพี่ปอนด์  ไว้คุยกัน” ผมกับลีวายส์มาส่งไอ้เด็กปอนด์ถึงสนามบินในเวลาต่อมา
 
“คับลีวายส์ เอ่อ..ขอบคุณครับที่มาส่ง สวัสดีครับพี่ธาร” ผมแค่พยักหน้ารับ จากนั้นรอจนเครื่องออกผมกับลีวายส์ถึงจะกลับ
 
“วันเกิดปีนี้อยากได้อะไร” ผมแค่ลองถามดู ในระหว่างขับรถออกจากสนามบินไปยังผับ
 
“ก็......ได้อยู่กับพี่ธารก็พอแล้ว ของขวัญไม่ต้องหรอกฮะ” ฉิบหายสิทีนี้ ผมก็นะ ลืมคิดไปว่าเดือนนี้วันเกิดมันเลยรับงานไว้ ยกเลิกไม่ได้ซะด้วยสิ
 
“คือ.....วันมะรืนนี้ มีงานต่างจังหวัดน่ะ” ผมมองลีวายส์นิดๆ กลัวว่ามันจะโว้ยเอาแต่ก็เงียบครับ
 
“งั้นหรอฮะ ก็ไม่เป็นไรนี่ เราอยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว”
 
“แน่นะ....งั้นเสร็จงานจะรีบกลับมาล่ะกัน ถ้า....ทัน” ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าวันนั้นจะกลับมาทันหรือเปล่าบางทีอาจจะต้องค้างต่างจังหวัดก็เป็นได้ ไม่น่าเลย แม่ง!!!
 
[ลีวายส์:Part]
 
“เอาล่ะ อยู่กับไอ้กายนะ อย่าซน อย่าดื้อ เข้าใจมั้ย”
 
“รู้แล้วนา ลีวายส์ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะฮะ” ลีวายส์บอกกับพี่ธาร ขณะรอพี่กายมารับ วันนี้พี่ธารต้องไปทำงานต่างจังหวัดอีกแล้ว
 
“ไม่เด็กเลย กูเห็นได้แผลตลอด ให้ไปอยู่กับไอ้กายไปอยู่กับไอ้เซฟดีกว่ามั้ง” คนแก่ขี้บ่นอ่ะ ประจำเลย ได้แผลนิดหน่อยทำเรื่องใหญ่
 
“ไอ้ธารมึงนี่มัน....” ไม่นานพี่กายก็มา
 
“หยุด ไม่ต้องพูดนะมึง กูรู้....กูไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว ดูแลมันดีๆละ ถ้ามีเรื่องมึงโดนคนแรก”
 
“ไอ้.....เออ!!! ไปลีวายส์วันนี้อยากได้อะไร ทำอะไร บอกพี่กายเลย ส่วนมึงถ้ากลับมาเร็วๆได้ยิ่งดี อะไรกันวะแม่ง” เพราะวันนี้วันเกิดลีวายส์น่ะสิฮะ แต่พี่ธารไม่ว่าง พี่กายเลยเคือง
 
“ไปนะ แล้วจะรีบกลับ จุ๊บ!!!” พี่ธารขึ้นรถหลังจากจุ๊บแก้มลีวายส์โดยไม่อายพี่กายสักนิด เพราะถือเป็นเรื่องปกติ
 
“เดินทางปลอดฮะ”
 
 
 
“เฮ้อออ เมื่อกี้ก็ยิ้มอ่ะนะ ไหนตอนนี้หน้าบูดซะแล้วล่ะ” พี่กายโยกหัวลีวายส์ไปมาเบาๆ ตอนนี้เรากำลังจะไปเดินห้างกันฮะ แต่ลีวายส์รู้สึกไม่อยากไปเลย
 
“ไปหาพี่โอ๊ตกันมั้ยฮะ ลีวายส์ไม่อยากไปห้างแล้วอ่ะ”
 
“เอางั้นก็ได้” พี่กายพาลีวายส์มาหาพี่โอ๊ตที่บ้าน วันนี้พี่โอ๊ตอยู่บ้านคนเดียวเพราะพี่แมนก็ไปทำงานเหมือนกัน
 
“มีอะไรหรือเปล่า มาถึงนี้” ปกติลีวายส์จะเจอพี่โอ๊ตที่ผับ น้อยครั้งที่จะมาถึงบ้าน บ้านพี่แมนกับพี่โอ๊ตน่าอยู่มาก ข้างๆมีทะเลสาบกว้างๆด้วยล่ะ ลมเย็นอากาศดีมาก
 
“แค่อยากมาฮะ เราซื้อของกินมาด้วย วันนี้วันเกิดลีวายส์นะ”
 
“รู้แล้ว คิดว่าอยู่กับพี่ธาร” เดี๋ยวนี้เค้าสนิทกันฮะ พี่โอ๊ตเลยเรียกพี่ธารว่าพี่ แต่ก็ยังเรียกพี่แมนว่าไอ้และมึงเหมือนเดิม
 
ลีวายส์ก็เคยอยากจะเรียกพี่ธารแบบนั้นบางตอนอยู่เมืองนอกเพราะพี่กายเรียกก็คิดว่ามันดูสนิทกันดี แต่รู้มั้ยพี่ธารตบปากลีวายส์ด้วยล่ะ เลยเข็ด
 
“ก็ไอ้เหี้ยธารมัน......เออๆช่างเหอะ ทำไมพวกมันแม่ง เอาแต่ทำงานๆๆ เดี๋ยวกูของขึ้นขึ้นมาอีกรอบล่ะจะหนาว” ลีวายส์สบตากันกับพี่โอ๊ตและแอบอบยิ้มออกมา
 
“พี่กายอย่าของขึ้นเลยนา พี่หมอก็งานเยอะใช่มั้ยล่ะ เค้าทำเพื่อพวกเรานะ” ลีวายส์บอก แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ในวันสำคัญแบบนี้ ลีวายส์ก็ยัง....เฮ้อออ คิดถึงพี่ธารจัง T^T
 
“เอางี้ป่ะ จัดงานวันเกิดให้ลีวายส์กันดีกว่า ลีวายส์ชวนเพื่อนมาด้วยสิ”  พี่กายเสนอ
 
“ที่นี้หรอฮะ มันไกลไปหรือเปล่า อีกอย่าง พวกเพื่อนๆจะมาหรอปิดเทอมอยู่อ่ะ”
 
“มาสิ อย่างน้องเพื่อนสนิทต้องมา เอานา จะมีกี่คนก็ช่าง มีแค่เราก็ได้ จัดกันสนุกๆ เดี๋ยวโทรพี่เซฟมาด้วย เนอะ” ลีวายส์ลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่พี่โอ๊ตพยักหน้าเห็นด้วย ลีวายส์เลยตอบตกลง
 
 
 
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นแบบเรียบง่ายในเวลาหนึ่งทุ่มโดยประมาณ พี่กายเป็นแม่งานให้และมีพี่โอ๊ตช่วยจัดการเรื่องอาหารการกิน
 
“น้องลี ว้าวๆๆ ขนมๆเยอะโคตรอ่ะ” นายปอฮะ มากับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างนายไอซ์ คู่นี้เค้าจิ้นกันทั้งโรงเรียนล่ะ
 
“เต็มที แต่ห้ามขโมยกลับบ้านนะ”
 
“ฮ่าๆๆ อ่ะ สุขสันต์วันเกิด นี้ของขวัญหารสองนะรู้ยัง คึคึ”นายไอซ์ส่งกล่องของขวัญมาให้ลีวายส์ แหม ของขวัญชิ้นเดียวแต่สองคนเนี่ยนะ คู่นี้คบกันชัวร์
 
“ลีวายส์.....วู้คิดว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว”
 
“บุ๊คนั่นแหละ เรารอตั้งนานอ่ะ ของขวัญก็ไม่ได้เตรียมมา” บุ๊คกับเรเนสก็มาฮะ สองคนนี้คือเพื่อนสนิทของลีวายส์
 
“ไม่มาได้ไงล่ะ นี้ของขวัญ จริงๆ เตรียมจะเอาไปให้ที่คอนโดแล้วล่ะ ดีจังมีงานวันเกิดด้วย” ลีวายส์รับของขวัญกล่องใหญ่จากบุ๊คก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ
 
“คิดถึงทั้งสองคนเลย กอดๆๆ ขอบคุณนะที่มา เราดีใจมา ดีใจที่สู๊ดดดด”
 
มีเพื่อนๆในห้องมากันเยอะทีเดียว เพราะลีวายส์โพสต์ในไลน์กลุ่มห้องว่าจะจัดงานวันเกิดและมีไลน์กลุ่มชมรมด้วย
 
“ลีวายส์ นั่นพี่กายใช่ป่ะ ถ้าจำไม่ผิด แล้วพี่คนนั้นอ่ะ เค้าเป็นแฟนกันหรอ อ๊าย เขิน” เรเนสถาม หมู่นี้ไม่รู้นางเป็นไร ชอบมองผู้ชายแล้วเขินตลอด
 
“เปล่า นั้นพี่โอ๊ตเจ้าของบ้าน พี่โอ๊ตน่ะ เป็นแฟนกับ.....นั่นไงพี่แมนมาพอดี” ลีวายส์บุ้ยหน้าไปทางพี่แมนที่เพิ่งจะมาถึงก็ตรงดิ่งไปหาพี่โอ๊ตทันที
 
“แบดมาก อย่างกะนายแบบแหนะ งั้นพี่กายกับครูเซฟ...หรือเปล่านะ” >///<
 
“ไม่ใช่ๆ พี่กายมีแฟนแล้ว ส่วนพี่เซฟก็....เอ่อ....โสดมั้ง ไม่รู้สิ” ขืนบอกว่าเป็นแฟนกับนายแพ็คละก็ ลีวายส์ตายแน่ๆ พี่ธารสั่งไว้ว่าห้ามบอกใครให้เป็นเรื่องของเค้าสองคน อีกอย่างนายแพ็คได้กินหัวเอาน่ะสิ
 
“หว้า เสียดายจัง”
 
“ถ้าเห็นแฟนพี่กายล่ะก็ จะไม่พูดว่าเสียดายหรอก....พอๆ ไปเล่นทางโน้นกัน มีดอกไม้ไฟด้วย” ลีวายส์ดึงมือบุ๊คและเรเนสไปริมทะเลสาบที่มีเพื่อนๆ เล่นดอกไม้ไฟกันอยู่ สวยมากเลยฮะ เราก็เลยถ่ายรู้ลง ig กันหลายรูปเลย 
 
“ลีวายส์ พี่ฟิวส์ มาด้วยล่ะ” ลีวายส์มองตามบุ๊ค พี่ฟิวส์มากับเพื่อนจริงๆด้วย
 
“หวัดดีคับลีวายส์  สุขสันต์วันเกิดครับ นี่ของขวัญ”
 
“ขอบคุณฮะ แล้วก็ขอบคุณที่มาฮะ” เพราะพี่ฟิวส์กับลีวายส์อยู่ชมรมเดียวกัน คงเห็นในไลน์กลุ่มแต่ไม่คิดว่าจะมา
 
“ต้องมาสิ น้องพี่ทั้งคน เอ่อ...พี่ชายของลีวายส์คงไม่ว่าใช่ป่ะ” คงหมายถึงพี่ธารล่ะ
 
“พี่ธารไม่อยู่หรอกฮะ พี่ธารติดงาน....ปอกับไอซ์อยู่โน้นน่ะ เชิญฮะพี่ฟิวส์” จริงๆลีวายส์รู้นะว่าพี่ฟิวส์อ่ะชอบลีวายส์แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไปงั้นแหละเลี่ยงๆไป ดีกว่ามองหน้ากันไม่ติด
 
สามทุ่มกว่าๆ นายแพ็คมากับพี่หมอ ไม่รู้ว่ามาด้วยกันได้ยังไงและพี่หมอก็มีเค้กก้อนโตมาด้วย เราเลยเป่าเค้กกัน เพื่อนๆมายืนล้อมวงให้ลีวายส์ด้วยล่ะ ลีวายส์ไม่เคยมีงานวันเกิดนะ ทุกๆปีจะมีแต่ของขวัญจากพวกพี่กายและก็ไปเที่ยว ทานข้าวกับพี่ธารแค่นั้น วันนี้ลีวายส์มีความสุขแต่จะมากกว่านี้ถ้ามี….พี่ธารอยู่ด้วย
 
 
 
“จะนอนที่นี่ก็ได้นะคะลีวายส์ พรุ่งนี้พี่ไปส่งเอง” พี่แมนบอกหลังจากงานเลิกตอนสี่ทุ่ม เพราะที่นี้ไกลจากตัวเมือง กลัวว่าเพื่อนๆจะกลับกันลำบากเลยเลิกเร็ว
 
“ไม่เป็นไรฮะ ลีวายส์อยากกลับไปนอนที่บ้าน” คอนโดก็คือบ้านของลีวายส์นั่นแหละฮะ ป่านนี้พี่ธารคงยังไม่กลับ ลีวายส์ก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากพี่ธารเลย
 
“งั้น พรุ่งนี้เจอกันนะคะ จุ๊บ! ฝันดีคะ”
 
“เยอะ ไปแล้วมึง ถ้าพี่ธารอยู่คงไม่กล้าหรอก” พี่โอ๊ตพูด และไม่ได้โกรธที่พี่แมนจุ๊บหน้าผากลีวายส์ต่อหน้า เพราะรู้ดีว่าพี่แมนอ่ะแค่แกล้งเล่นเฉยๆ
 
“มึงไม่หึงบ้างล่ะ เออๆ กลับดีๆนะพวกมึง” ลีวายส์กลับกับพี่หมอและพี่กาย ส่วนพี่เซฟก็กลับกับแพ็คซึ่งต้องขับรถพี่กายที่พามาก่อนหน้ากลับไปด้วย จึงทิ้งมอไซค์ไว้ที่นี่แทน
 
“เอาล่ะ ลีวายส์นอนคนเดียวได้หรือเปล่า” พี่กายถามและนั่นก็ทำให้ลีวายส์แปลกใจนิดๆ ปกติ พี่กายต้องนอนเป็นเพื่อนลีวายส์ก่อน
 
“อ้าวกาย คุณไม่นอนเป็นเพื่อนลีวายส์ล่ะ เดี๋ยวพี่นอนที่นี่ก็ได้นะ พรุ่งนี้วันหยุดของพี่”
 
“เอ่อ นอนได้ฮะ นอนได้สบายมาก พี่กายกกลับไปพักผ่อนเถอะฮะ ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆนะฮะ ลีวายส์มีความสุขมากเลย รักพี่กายนะ จุ๊บ!”
 
“ครับ ฝันดีนะ พรุ่งนี้พี่มาหานะ” ลีวายส์พยักหน้ารับก่อนจะลงจากรถและขึ้นห้อง วังเวงดีแท้
 
ลีวายส์เปิดประตูห้องเข้ามาก็พบว่าในห้องไม่ใครเลย เงียบมาก มีแต่เสียงโมบายที่ดังอยู่ตรงประตูระเบียง เฮ๊ะ!!! โมบาย ลม ระเบียง
 
ลีวายส์เดินตรงไปยังระเบียงพบว่า....ประตูเปิดอยู่ โมบายถูกแขวนไว้ที่กรอบประตู มีเทียนหอมวางเรียงไปตามพื้น ความมืดทำให้เปลวไฟดูสวยงาม ส่องสว่างให้เห็นร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ ในมือถือเค้กปักเทียนเป็นตัวเลขบอกอายุของเจ้าของวันเกิดไว้
 
“แฮปปีเบิร์ดเดย์” ลีวายส์นิ่งฮะ หัวใจกำลังเต้นแรง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พี่ธารกลับมา มาทันเวลา “เป่าเค้กสิ”
 
ลีวายส์ก้มลงเป่าเค้ก ในมือพี่ธาร ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงไว้แน่น ใจร้ายที่สุดเลย ไม่เห็นโทรมาบอกกันบ้าง
 
“อย่าร้องนะ เด็กอะไร ขี้แยชะมัด” พี่ธารบอก
 
“ป่าวซะหน่อย อึกๆ......ก็พี่ธารอ่ะ”
 
“หึ! พอแล้วๆ ไม่เอานา ก็มาแล้วนี้ไง งานวันเกิดสนุกมั้ยล่ะ” พี่ธารวางเค้กลงกับโต๊ะไม้ตัวยาว ก่อนจะดึงลีวายส์ให้นั่งลงบนตักแกร่ง
 
“สนุก....ถ้ามีพี่ธารอยู่ด้วย”
 
“ถ้ามีกู อาจจะไม่สนุกก็ได้ กินสิ คงหวานน่าดู” พี่ธารใช่นิ้วจิ้มเนื้อเค้กแตะปลายจมูกลีวาย ก่อนจะตักเค้กป้อนให้ เป็นเค้กไอศกรีมฮะ กินตอนกลางคืนหนาวดี อ่าๆๆๆ
 
“พี่ธารอ่ะ....ทำไมไม่โทรมาบอกล่ะ ลีวายส์จะโกรธพี่ธารแล้วรู้ยัง”
 
“ก็รู้ว่าคงไม่ทันไงเลย มารอที่บ้านดีกว่า เพื่อนมาเยอะล่ะสิ ลง ig กันเต็มเลยนะ แต่เอาไว้คิดบัญชีวันหลังก็แล้วกัน”
 
“อะไรอ่ะ ลีวายส์เปล่าทำอะไรเลยนะ”
 
“หรอ ไม่ทำก็ไม่ทำ” แล้วลีวายส์กับพี่ธารก็นั่งคุยกันต่ออีกแป๊บก่อนจะเข้ามาในห้องนอน
 
“ว้าวววว....ลูกโป้ง” ลูกโป้งเต็มห้องเลยฮะลอยอยู่บนเพดานเต็มไปหมด
 
“ชอบล่ะสิ หึ!”
 
“ที่สุด เพิ่งรู้ว่าพี่ธารก็ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยนะ คึคึคึ ฟอด!” ให้รางวัลเป็นหอมแก้มฟอดนึ่ง
 
“เปล่าทำ แค่โทรสั่งแม่บ้านไม่ถึงสองนาทีเอง”
 
“พี่ธารอ่ะ...ไม่รักเล่า!” ดูสิ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครว่าซะหน่อย มันน่าน้อยใจจริงๆเลย
 
“ล้อเล่นนา มานอนเถอะ ง่วงจะแย่” ร่างสูงดึงมือลีวายส์ให้นอนลงบนเตียง และกอดลีวายส์ไว้ในอ้อมแขน อ้อมแขนที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
 
 แหนะ รู้นะคิดไร คืนนี้พี่ธารกระซิบบอกว่า วันเกิดไม่อยากให้เจ็บตัวฮะ เลยแค่นอนเฉยๆ แต่ว่า....ค่อยทบในคืนถัดไปอันนี้ชักกลัวล่ะ ทบนี้คือ.....
 
..................................................................................................
 
 
เช้า.....................
 
“ตื่นแล้วทำไมไม่ลุกล่ะ” ผมผงกหัวมองร่างเล็กในอ้อมแขน ลีวายส์นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในมือ ผมเพิ่งตื่นครับ
 
“ขี้เกียจ วันนี้นอนทั้งวันเลยได้มั้ยฮะ”
 
“ฟอด! ได้ แต่ไม่ให้นอนเปล่าๆนะ หืม.....” ผมพลิกตัวเข้าหาร่างเล็กก่อนจะ หอมแก้มฟอดใหญ่ จากนั้นก็ ทำให้มันหันมาสนใจผมแทนโทรศัพท์ด้วยรสจูบแสนหวาน
 
“พี่ธาร...ไปล้างหน้าก่อน!”
 
“ตัวเองล้างแล้วหรอ ไม่ต้องหรอกนา ออกกำลังตอนเช้าดีต่อสุขภาพ ครูไม่สอนหรอ” ผมยักคิ้วให้แกะที่กำลังจะโดนกิน
 
“ไม่เอา....อุ๊บส์” ก็ต้องเอาสิ หึ! ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก เนื้อติดอยู่ตรงริมฝีปากเสือจะไม่กินก็บ้าแล้ว ยิ่งเนื้อหอมๆล่ะก็ “อ่ะ...พี่ธารจะกินลีวายส์หรอฮะ กัดซะ.....”
 
“พูดมากจริง ปากว่างนี่...หรือจะ.....”
 
“ไม่ๆ ไม่เอานะ...ของพี่ธาร....อ๊ะ!!!” ลีวายส์สะดุ้งเมื่อ มือผมทำพิษ ถอดรูดกางเกงมันออกรวดเดียวเลย
 
“อ้าวหลุดมาได้ไงอ่ะ” ผมแกล้งพูดกับร่างเล็กที่ตอนนี้หน้าขึ้นสีแดงแป๊ด ลีวายส์เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง เบือนหน้าหนี
 
“พี่ธารขี้โกง” >0<
 
“อ่ะๆ ยอมก็ได้ ให้อยู่บนมั้ยล่ะ” แค่นั้นล่ะครับ หันขวับมาทันที
 
“ไม่เอาอ่ะ!!! ไหนบอกไม่อยากให้เจ็บตัวไงฮะ”
 
“จำได้ว่า พูดไว้เมื่อคืนโน้นแหนะ...จุ๊บ....จ๊วบ” ผมจูบริมฝีปากสีสดย้ำๆ
 
“พี่ธาร! ขี้โกง โกรธแล้ว” ลีวายส์ ทำปากยื่นให้ผมและพลิกตัวหนี ผมมองไหล่เนียนใสที่โผล่ออกมาจากคอเสื้อกว้างๆของมัน ก่อนจะจูบลงไล่ไปถึงลำคอ
 
“กล้าโกรธหรอ หืม.....สุขสันต์วันเกิด” ผมหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากโต๊ะข้างเตียงให้ลีวายส์ ทำให้ร่างเล็กพลิกตัวกลับมาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
 
“อะไรฮะ”
 
“อยากรู้ก็เปิดสิ” ลีวายส์เปิดกล่องออกดู ถึงกับโผเข้ากอดผมเกือบหงายหลัง
 
“ขอบคุณฮะ รักพี่ธารที่สุด ที่สุดในโลกเลย รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
 
“พอๆ รู้ว่ารัก โอเค เก็บดีๆล่ะ ถ้างายอีกล่ะก็ โดนแน่” ไม่ใช่แหวนหรอก แต่เป็นรูปของพ่อกับแม่ลีวายส์ที่เอามาจากออสเตรเลียแต่ดันหายไป มันร้องไห้อยู่สามวัน
 
ผมรับปากว่าจะหาให้แต่ก็หาไม่เจอซะที ผมก็เลยต้องให้แม่บ้านส่งมาและใส่ล็อกเก็ตเป็นจี้สร้อยคอให้เรียบร้อย เพราะคิดว่ามีค่ามากสำหรับลีวายส์
 
“รู้แล้วๆ จะเก็บอย่างดีเลย พี่ธาร...รักนะ”
 
“รักแล้วต้องทำไง หืม จุ๊บ!!!” ผมดันร่างเล็กลงบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะ....
 
กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งๆๆๆๆๆ กริ๊งงงงงงงงง
 
“ชิท์!!!!! กดกริ่งแบบนี้จะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้กาย ไอ้เหี้ย! ผมกลอกตาไปมา ก้มลงจูบลีวายส์และก็...ลุกไปเปิด - -+
 
“ช้า มึงทำไรอยู่” ไม่ได้มาคนเดียวพี่หมอก็มา หอบกล่องของขวัญมาเต็ม
 
“ไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่ามาขัด....แต่เช้าเลย เว้ย!!!” ผมหลีกทางให้มันเข้ามา พี่หมอยิ้มนิดหลังจากมองผมลงต่ำ ไอ้เหี้ยพี่หมอ
 
“รีบล้างหน้าเชียวนะ ออกไปก่อน กูอาบน้ำแป๊บ” ผมบอกกับลีวายส์ ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นไม่นานผมก็ออกมา และก็พบว่ามีแขกมาเพิ่มอีก
 
“อาบน้ำหรือทำอะไรวะช้าฉิบ” พี่หมอเล่นกูเลย
 
“จะยกโขยงมาเพื่อ ได้ข่าววันหยุด กูจะพักผ่อน” ผมบอกนั่งลงบนขอบโซฟาข้างๆลีวายส์
 
“เอาของขวัญมาให้เด็กน่ะสิ” ไอ้เซฟบอก มันมากับไอ้เด็กแพ็ค พวกมันคบล่ะ แม่งไอ้เซฟกินเด็ก(คือมันลืมตัว) เอ๊ะ!!! เอ่อ..
 
“พวกมึงจะอะไรกันนักหนา”
 
“ทำไม อ่ะนี่ของพี่แมนกับพี่โอ๊ตนะคะ แกะเลย” ไอ้นี่ก็อีกคน พูดดีเป็นแต่กับเมียกับลีวายส์เนี่ยแหละ
 
“วู้.....” เป็นรองเท้ากับหมวกแบรนด์ดัง คนได้ก็ดีใจใหญ่สิครับ “ขอบคุณฮะ รักพี่แมนกะพี่โอ๊ตที่สุด”
 
“นี่ของพี่กายกับพี่หมอนะ เปิดเลยๆ ลีวายส์ต้องชอบแน่ๆ” กล่องใหญ่ครับเกือบเต็มโต๊ะกลางโซฟา กูอยากเป็นหมอเหมือนกันนะ เดือนหนึ่งมันได้เงินกี่แสนวะเนี่ย
 
กล่องนี่เป็นเซ็ตเสื้อผ้าแบรนด์ดัง มีทั้งเสื้อกางเกงเสื้อนอกพร้อมกับแอคเซสเซอรี่อย่าสร้อยคอต่างหูและอีกมากมายอยู่ในกล่อง เอากันเข้าไป
 
“กูอยากได้” ทุกคนหันไปมองเสียงที่เกิดขึ้น เด็กไอ้เซฟเค้าล่ะ
 
“เดี๋ยวพี่ซื้อให้นะ” ไอ้เซฟกำลังเอาใจแฟนครับ เหอะๆ กูอยากรู้เรื่องมันไปถึงไหนกันแล้ว(นอกเรื่อง) “ส่วนนี้ของพี่ ไม่รู้ลีวายส์ชอบหรือเปล่าอ่ะ”
 
“ลีวายส์ชอบหมดทุกคนเลยฮะ....” ลีวายส์บอกก่อนจะเปิดกล่องของไอ้เซฟ “วู้...นาฬิกา” มีแต่ของแบรนด์ดังทั้งนั้นเลย ไอ้พวกนี้นี่มัน...
 
“พวกมึงเยอะล่ะ มันตัวแค่นี้ จะให้อะไรพอตัวไม่ได้หรือไง”
 
“มึงมีปัญหาอะไร! ลูกกูอ่ะ ลูกจะให้” แม่มันของขึ้นครับ แตะไม่ได้เลยจริงๆ  ลีวายส์ของกูไม่ใช่หรอวะ =_=
 
“รู้ป่ะ ถ้าไม่มีลีวายส์กูก็คงจะไม่ได้เจอกับพี่หมอ ไอ้แมนก็คงไม่ได้เจอกับโอ๊ต ไอ้เซฟก็ด้วย มึงรู้มั้ยการที่มีลีวายส์อยู่มันทำให้เรามีอะไรหลายๆอย่างเข้ามาในชีวิตมากมาย มึงก็ด้วย ถ้าตอนนี้ไม่มีลีวายส์ มึงก็คงยังจะเที่ยวเล่นไปวันๆอยู่เลย ลีวายส์น่ะ ทำให้เราได้รู้จักเป็นห่วงคนอื่น คิดถึงคนอื่น ดูแลคนอื่นเป็นและที่สำคัญ ได้...รักเป็น”
 
“หึ! นั่นสิ ถ้าไม่ใช่เพราะลีวายส์กูคงไม่เจอกับมึงจริงๆ โอ๊ต” ไอ้แมนบอก ในวันนั้นเพราะมันมาช่วยผมสินะ
 
“ใช่ ตอนไปไหน อย่างแรกที่ต้องคิดถึงคือ ลีวายส์จะอยู่กับใคร อยู่ยังไง ทานอะไร จะไม่สบายหรือเปล่า ถ้าไม่เรียกว่าเป็นห่วงคงไม่ได้” ไอ้เซฟ
 
“ขอบคุณไอ้ธาร ที่มึงไม่ทิ้งลีวายส์ ขอบคุณที่มึงทำให้เราได้รู้จักกับเด็กคนนี้ มาเร็วลีวายส์ มากอดที” ลีวายส์แทรกลงนั่งระหว่างไอ้กายกับไอ้แมนแล้วพวกมันก็กอดกัน
 
ไอ้กายพูดถูก ถ้าไม่มีลีวายส์ผมก็คงรักใครไม่เป็นจริงๆ และลีวายส์ก็คือ “ความรักของผม”
 
 
...
 
“เอาล่ะ นี่อะไร” อีธารส่งโทรศัพท์ในมือให้ลีวายส์ดู ทำให้ร่างเล็กเปิดตากว่างกับภาพที่อยู่บนหน้าจอ
 
“คือ...เอ่อ....ก็พี่ฟิวส์อ่ะ แค่ถ่ายรูปเอง ถ่ายกันหลายคนนะแต่ทำไมตัดมาแค่สองคน” ร่างเล็กบอกเสียงแผ่ว
 
“หึๆ งั้นหรอ เคยบอกหรือเปล่าว่าอย่าเข้าใกล้มัน อย่าคุยกับมัน อย่ามองหน้ามัน”
 
“พี่ธาร เยอะไปแล้ว”
 
“เยอะอะไร!!!” ร่างเล็กถึงกับสะดุ้ง ตอนนี้ทุกคนกลับไปแล้วด้วยสิ ไม่มีใครช่วยลีวายส์ได้เลย
 
“ก็.....ลีวายส์ของโทษ แค่รูปเอง นะๆ ลีวายส์ขอโทษๆๆๆ นะๆ จุ๊บ นะ จุ๊บ” ร่างเล็กพยายามทำให้ร่างสูงเย็นลงด้วยการจุ๊บแก้มซ้ายขาวและจูบซับไปทั่วหน้า
 
“ก็ได้.....” และก็ดูเหมือนจะได้ผล อีธารดึงลีวายส์ให้นั่งคร่อมลงบนตัก “บอกรักซิ”
 
“รักที่สุดฮะ”
 
“รักใคร”
 
“พี่ธารอยู่แล้ว”
 
“รักแล้วต้องทำไง”
 
“จุ๊บ...จุ๊บ...จุ๊บๆๆๆ”
 
“ไม่ใช่....รักแล้ว...ต้อง....ยอม!.....ต่างหาก.....อุ๊บส์!” >//////<  (อนุญาตให้มโนตามสบาย ปล.ฆ่าคนอ่าน 55555)
 
 
.........................................................................
 
คู่ต่อไปใคร ตอบ!!! แต่งดีมั้ยน้า

 โอ๊ะ!!! ล้อเล่น จะรีบแต่งนะครัชชชช    :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ2 (19/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-11-2014 00:13:13
ที่รักของทุกคน
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ2 (19/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-11-2014 11:26:36
พี่ธารขี้หวงขี้หึงน้องมาก แต่ละคู่ก็น่ารักดี
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ2 (19/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 20-11-2014 19:04:17
ขอความกรุณาคนเขียน จัดเซฟแพ็คมาให้ซักตอน

ขอบคุณล่วงหน้าเลยข่าาาาา

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ3 (03/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 03-12-2014 20:30:38
Older Brother Special
 
 
 
“นี่ นายแพ็ค มาช่วยหาศัพท์ใหม่หน่อยสิ นอนเล่นอยู่ได้”
 
“ไม่ว่าง....โอ้ย!!!” คำตอบของผม ทำให้ผมถูกหมอนอิงฟาดใส่หน้า ลีวายส์ยืนเท้าสะเอวมองผมอย่างเอาเรื่อง
 
“อะไรของมึง กูไม่ได้บอกว่าจะมาช่วยซะหน่อย รีบทำสิ....กูจะได้รีบกลับ”
 
“ไอ้! นี่แน่ๆ.....ลุกขึ้นเลยนะ งานกลุ่มหกคนทำอยู่คนเดียวเนี่ย ลุกขึ้นๆ อยากตายใช่มั้ย” มันระดมฟาดหมอนใส่ผมจน ผมทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นสู้ สงครามหมอนจึงเริ่มขึ้น ประกอบด้วยเสียงเอะอะดังลั่น
 
วันนี้ผมโดนบังคับให้มาทำงานกลุ่ม ซึ่งก็มีแต่ผมกับลีวายส์เนี่ยแหละ เพราะคนอื่นๆ แม่งกลัวพี่ธารเลยไม่กล้ามา ผมจึงต้องมาทั้งที่ผมก็ไม่ได้คิดจะช่วยมันทำ ปิดเทอมแท้ๆ ยังมีงานให้ทำโคตรขี้เกียจเลย
 
“เฮ้ย!!! พวกมึงเงียบๆหน่อยได้มั้ย ห๊ะ!!! กูทำงานอยู่” เป็นไงล่ะ ผมกับลีวายส์ที่ยื่นฟาดฟันกันอยู่บนโซฟานิ่งค้างเหมือนถูกพี่ธารกดสวิทปิด พี่แกแม่ง มาสายโหดตลอด เพราะงี้ไงไอ้พวกนั้นมันถึงไม่กล้ามา แล้วก็ไม่ต้องคิดจะให้ลีวายส์ออกไปทำข้างนอกนะ ไม่มีทาง ไอ้พวกมีแฟนเด็กแม่งมันขี้หึงขี้หวงกันทุกคนหรือไงวะ!!!
 
“เพราะนายอ่ะ”
 
“มึงแหละ เริ่มก่อน” ผมนั่งลงบนพื้นตรงโต๊ะกลางหลังพิงโซฟา และเริ่มช่วยลีวายส์ทำงาน จะได้เสร็จๆ จากนั้นงานก็เดินไม่ถึงชม.ก็เรียบร้อย ก่อนจะส่งไปให้ยัยเรเนสจัดหน้า
 
“โอ๊ยยยย เมื่อยๆๆ นายนวดให้เราหน่อยดิ ขาอ่ะๆ”
 
“นวดไม่เป็นแต่ถีบเป็น ลองป่ะ” ผมบอกพร้อมกับยกขาขึ้นเตะมันเบาๆ ลีวายส์เลยทำปากยื่นให้ หมู่นี้เราสนิทกันนะ ผมคิดว่า...เพราะผมไปผับพี่เซฟบ่อยเลยเจอมันบ่อยๆด้วย
 
ถามว่าผมกับพี่เซฟไปถึงไหนแล้วหรอก็......ดีนะ แต่เหมือนมันขาดอะไรไป ไม่รู้สิ หรือบางทีผมอาจจะคิดไปเอง ได้ข่าวว่าเทอมหน้าจะออกจากการไปครูแล้วล่ะ ทีนี้ผมจะโดดเรียนก็ไม่ต้องมีใครมาค่อยจับค่อยบ่นล่ะ เหอะๆๆ
 
“จะไปผับพร้อมกันเลยมั้ย หรือจะให้ไอ้เซฟมารับ” พี่ธารถาม ตอนนี้สามทุ่มล่ะ พี่เซฟบอกว่าจะมารับแต่ไปเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เดี๋ยวผมไลน์ไปบอกเอา
 
“ไปเลยก็ได้”
 
“พี่ธาร พรุ่งนี้เราไปซื้อชั้นวางของใหม่ได้มั้ยอ่ะ ลีวายส์อยากได้เพิ่งอีก อันที่มีมันวางของเต็มแล้ว”
 
“อืม....ก็ไปสิ”
 
“งั้นเราไปดูเสื้อด้วยนะ บุ๊คส่งมาให้ดูในเน็ตมาใหม่เยอะเลย มีแบบที่พี่ธารชอบด้วย”
 
อิจฉาเว้ย ลีวายส์มีแต่คนเอาใจจริงๆเลย ไม่ใช่แค่พี่ธาร ทั้งพี่กาย พี่แมน ไม่เว้นแม้แต่พี่เซฟก็ด้วย ผมเข้าใจนะว่าลีวายส์เป็นคนสำคัญของพวกพี่ๆ แต่ก็อดอิจฉาไม่ได้จริงๆ
 
“ขึ้นไปข้างบนกันก่อนนะ” พี่ธารบอก เมื่อเข้ามาในผับ ผมกับลีวายส์เลยขึ้นมาชั้นบน ตอนนี้ผับเปิดมาได้สักพักแล้วคนเลยเริ่มเยอะ
 
“ไปนะคะ ไว้เจอกัน” ผมกับลีวายส์มองหน้ากันเมื่อเห็นผู้หญิงที่ไม่รู้จัก จูบลาพี่เซฟอยู่หน้าห้องพักของพี่มัน ก่อนที่เธอคนนั้นจะเดินจากไป
 
“อะ...อ้าว ทำไมไม่โทรมาบอกล่ะ จะได้ไปรับ” พี่เซฟบอกด้วยท่าทางปกติ ก็....นั่นล่ะ คงไม่มีอะไรหรอก อีกอย่างพวกพี่ๆเพื่อนเยอะแยะ แต่....เฟลนิดๆ
 
“ไลน์มาแล้วนี่” พี่เซฟนิ่งไปสามวิ ก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
 
“อ่า จริงด้วย พอดีโทรศัพท์อยู่ในห้อง โทษทีนะ ไอ้กายอยู่ด้านในน่ะ เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อน ไอ้ธารล่ะ”
 
“ด้านล่าง”
 
 
.................................................................................................
 
“กูว่า มึงหยุดได้แล้ว” ผมลดบุหรี่ในมือลง เงยหน้ามองเจ้าของเสียงเข้มของเพื่อนสนิท ไอ้ธาร
 
“มึงแม่ง! กูอุตสาห์ส่งสัญญาณแล้วแท้ๆ สัด!”
 
“ถ้ามึงแคร์มันขนาดนั้น ทำไมไม่เลิกล่ะวะ” ไอ้ธารมันจับทางเพื่อนเก่งเกิน ก็เมื่อกี้มันเห็นผมออกมาจากห้องกับผู้หญิงน่ะสิครับ แทนที่จะช่วยไม่ให้แพ็คเห็น กลับให้ขึ้นมาเจอเฉยเลย
 
“เลิกหรอ ไม่ไหวหรอก กูไม่ได้ตายด้านซะหน่อย”
 
“มึงก็ทำกับมันสิ” ไอ้เหี้ยธาร แนะนำมาทีแม่ง ดีเหลือเกิน
 
“มึงจะบ้าหรอ แพ็คยังเด็ก อีกอย่าง ถ้าเกิดแพ็คไม่ได้รู้สึกดี....คือ....กูไม่รู้ว่ามันจะคิดยังไง เดาใจยากว่ะ” ผมก็คิดนะ เรื่องที่จะมีอะไรด้วยกันแต่ก็กลัวแพ็ครับไม่ได้ทุกที
 
“มึงยังไม่ลองใช่มั้ยวะแล้วมึงรู้ได้ไง ว่ามันรู้สึกไม่ดี”
 
“ก็........กูไม่ใช่มึงนี่ มีลีวายส์ที่ยอมได้ทุกเวลา”
 
“หยุด!!! อย่าพาดพิง เอาเป็นว่าคิดดูแล้วกัน ก็ดีกว่าให้มันเห็นมึงนอนกับคนอื่น อะไรที่จะรู้สึกไม่ดีกว่ากัน เลือกเอา” เลือกอะไรละ ปวดหัวฉิบ
 
 
 
“ง่วงยัง” ผมขึ้นมาหาแพ็คข้างบน ร่างบางนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงในห้องผม
 
“ยัง ฝนตกหรอ”
 
“อืม....วันนี้เอารถมา เดี๋ยวไปส่งนะ” ผมบอก แพ็คพยักหน้ารับแค่นั้นและหันไปสนใจโทรศัพท์ต่อ
 
เพราะอีกคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเนี่ยแหละ มันเลยทำให้ผมประหม่า ไม่กล้าแม้แต่จะจูบกันนานๆ กลัวหัวใจตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทั้งที่ตอนนี้เราไปด้วยกันได้ดีแล้วแท้ๆ ไอ้เซฟแม่งปอดว่ะ
 
“เป็นไร ทึ่มหัวตัวเองอยู่ได้ ปวดหัวหรือไม่สบาย” ร่างบางลุกขึ้นมาทาบมือลงบนแก้มและลำคอของผม
 
“เปล่าหรอก เอ่อ....นอนเล่นไปก่อนนะเดี๋ยวมา” จุ๊บ ผมจุ๊บแก้มใสก่อนจะออกจากห้องมายืนพิงกรอบประตูอยู่ด้านนอก แม่ง อยากจะโขกหัวตัวเองกับผนังสักสิบรอบ
 
“เป็นไรมึง”
 
“อ่ะ! เปล่า เออกาย....กูถามไรหน่อยสิ”
 
“ว่า....” กายขมวดคิ้วมองผมอย่างสงสัย มันคงไม่ตบผมใช่มั้ยถ้าผมจะถามคำถามนั้นออกไป
 
“ตอนมึงมีอะไรกับพี่หมอครั้งแรก เป็นไงวะ” เพี้ย!!!! เต็มๆบ่องหูเลยครับคุณเพื่อน “กูเจ็บนะเว้ย!”
 
“ไอ้เหี้ยเซฟ มึงบ้าป่ะ! มึงถามอะไรเนี่ย ไม่คุยกับแล้ว” อะ...อ่าว ตบกู แล้วทำไมมันหน้าแดงเอง โธ่ ไม่ได้เรื่องเลย แถมยังโดนตบฟรีอีก แม่ง งี่เง่าสัด!
 
ตีหนึ่งกว่าๆ ผมกับไอ้แมนช่วยกันเปิดร้านเสร็จ ก็ได้เวลาไปส่งแพ็คที่บ้าน ไม่ครับ ไม่เคยค้างที่นี่หรอก ไปส่งทุกครั้งไม่ว่าจะดึกแค่ไหน คนมีพ่อมีแม่นะ
 
“แพ็ค ตื่นครับ เดี๋ยวไปส่งนะ” ผมปลุกแพ็ค ที่ตอนนี้หลับไปแล้ว “แพ็ค ตื่นครับ” ไม่ยอมตื่นแฮะ
 
ผมมองร่างบางพลางส่ายหน้าให้ ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบางเบาๆและผละออก แพ็คลืมตาขึ้นมองช้าๆ คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากัน
 
“กี่ทุ่มแล้วอ่ะ”
 
“ตีหนึ่ง ป่ะ กลับบ้าน”
 
“นอนนี่ไม่ได้หรอ” บางที่นี่อาจจะเป็นโอกาสของผมแต่....ผมไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาส
 
“ไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวพี่สาวจะเป็นห่วงเอา อย่าดื้อสิ” แพ็คยันตัวลุกขึ้นแบบเซ็งๆ เราจึงพากันออกจากร้าน
 
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะเริ่มยังไง ถึงจะเคยผ่านผู้หญิงมาเยอะแต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน ใครจะว่าผมงี่เง่าก็ได้นะ แต่เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนขอบอก ยิ่งแพ็คยังเด็กอยู่ด้วยแล้วแถมยังเดาใจอยากอีก กับไอ้เรื่องอย่างว่ามันก็....เว้ย!!!!  ไม่รู้ว้อยยยยย
 
“ฝนตกหนัก มองไม่ค่อยเห็นทางเลย” อย่างที่แพ็คพูดจริงๆ ตอนนี้เราขับรถฝ่าสายฝนกัน แทบจะมองไม่เห็นถนน
 
“นั่นดิ ขับยากฉิบ คงต้องจอดรถนอนข้างทางกันล่ะมั้ง” แพ็คหันขวับมามองผม “ทำไม มองแบบนี้คิดไรกับเค้าป่ะ”
 
“บ้าสิ จอดเพื่อ? ใกล้ถึงแล้วเนี่ย” หึๆ
 
“แล้วขากลับจะไหวมั้ยเนี่ย......เบาะหลังมีร่มนะ” ผมบอกแพ็คเมื่อถึงบ้านมันในเวลาต่อมา
 
“ฝนยังหนักเลย ค้างนี้ก็ได้นะ....หมายถึง ถ้าเกิดอุบัติเหตุน่ะ” ผมมองคนพูด
 
‘มึงยังไม่ลองใช่มั้ยวะแล้วมึงรู้ได้ไง ว่ามันรู้สึกไม่ดี.....ก็ดีกว่าให้มันเห็นมึงนอนกับคนอื่น อะไรที่จะรู้สึกไม่ดีกว่ากัน เลือกเอา’ เสียงไอ้ธารตามมาหลอกมาหลอนครับ เอาไงดีล่ะ โอกาสกับฉวยโอกาสมีแค่เส้นบางๆกั้นอยู่ผมจะตัดมันดีมั้ย
 
“งั้นฝนดี...”
 
“เดี๋ยว....เออ...กางร่มมารับฝั่งนี้ด้วยดิ” แพ็คพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ วิ่งมารับผมฝั่งคนขับ เหี้ยมั้ยล่ะ ไอ้เซฟ
 
“อาบน้ำป่ะ” แพ็คถาม เมื่อมาถึงห้องติดริมสระน้ำของมัน
 
“อาบก่อนเลย” ผมบอก ร่างบางถอดเสื้อออกเปลี่ยนเป็นใส่ผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ นี่ก็ไม่ได้รู้สถานการณ์กะเค้าเลย
 
ผมได้แต่นั่งถอนหายใจแรงๆออกมา เห็นแค่นี้ของก็ขึ้นล่ะ หรือผมจะกลับบ้านดีวะ ไม่ได้ๆ ไอ้เซฟสู้เว้ย มาถึงนี้แล้วเป็นไงเป็นกันสิวะ หนึ่ง สอง สาม พรึบ!
 
ผมถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาพันเอว และจะตัดสินใจผลัดประตูห้องน้ำเข้าไป เพราะเป็นห้องส่วนตัวเลยเคยชินสินะ ถึงไม่ล็อคประตู
 
แพ็คยืนอยู่ใต้ผักบัวที่น้ำกำลังไหลผ่านลงมา ผมนิ่งค้างไล่มองร่างเปลือยตรงหน้าที่มีเพียงอันเดอร์แวร์สวมใส่ ก่อนจะดึงผ้าขนหนูตัวเองออก ขยับเข้าไปซ้อนทับร่างบางไว้จากด้านหลัง ยกมือซ้ายยันผนังห้องน้ำ
 
“อาบด้วยคน คงไม่เป็นไรนะ” ผมกระซิบบอก แพ็คชะงัก ยืนตัวแข็งเมื่อผมอยู่ในระยะประชิดตัว
 
“ได้ไง...มันแคบ...อ่ะ!” ผมยกมืออีกข้างขึ้นจับเอวคอดเข้าหาร่างบางมากขึ้น ทำเอาอีกคนสะดุ้ง เพราะแกนกายที่แนบกับบั้นท้ายของร่างบาง แน่นนอนว่าแพ็คต้องรู้สึก
 
“ไม่ได้อยากเอาคำว่าแฟนหรือคำว่ารักมาเป็นข้ออ้างหรอกนะ แต่....ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่....พี่ไม่อยาก...”
 
“สระผมมั้ย เอ่อ....ผมสระให้นะ” แพ็คตัดบทผม โดยการเอื้อมมือไปหยิบเอายาสระผมเทลงบนฝ่ามือ
 
ร่างบางมองสบตาผมเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นดึงต้นคอผมลงมา นิ้วเรียวค่อยๆนวดศีรษะเบาๆแพ็คหลบสายตาไม่กล้ามองแต่ก็พยายามไม่แสดงออกว่าตอนนี้กลัวแค่ไหน ผมมองตาก็รู้แล้ว อดซะเถอะไอ้เซฟน้อย
 
“พอเถอะ” ผมปัดมือแพ็คออกและหันหลังให้มัน เพราะยังอดทนได้อยู่ ไม่รู้ว่าอีกคนมีสีหน้าแบบไหน ผมไม่ได้โกรธนะแค่เฟลนิดๆ “รีบอาบนะ รอข้างนอก มันหนาว”
 
“มะ...ไม่” แต่ก่อนจะผมจะก้าวเท้า แพ็คกลับกอดเอวผมไว้ “คือ.....อาบน้ำด้วยกัน เถอะ”
 
เพราะความแนบชิดทำให้ผมสัมผัสได้ว่าอีกคนก็รู้สึกเหมือนกัน ผมจงหันกลับมา พบว่าแพ็คในตอนนี้ หน้าแดงไปถึงหูและยังคงหลบสายตาผม ผมจับปลายคางอีกคนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
 
“ถ้าห้ามแม้แต่คำเดี๋ยว พี่ก็จะหยุด เข้าใจมั้ย” ผมพูดจบไม่รอคำตอบ ทาบริมฝีปากจูบปากบางทันที
 
ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกันแต่ใจก็ยังเต้นแรงได้เสมอ ในเมื่ออารมณ์พลุ่งพล่านมีอยู่ในตัวก็ไม่ยากที่ผมจะทำให้คนตรงหน้าอ่อนยวบลงด้วยสัมผัสจากฝ่ามือร้อน ถึงแม้สายน้ำจากฝักบัวจะอุ่นร้อนเพียงใดแต่ก็สู้ความร้อนในตัวผมไม่ได้
 
รถจูบอ่อนหวานนุ่มลิ้นที่ผมกำลังเกี่ยวตวัดจากโพรงปากของอีกฝ่ายทำให้ยากที่จะละริมฝีปากได้ เราจูบกันนานนับนาที ก่อนที่ผมจะไล่ริมฝีปากลงมาขบกัดต้นคอขาวเบาๆพอให้หายมันเขี้ยว
 
“อ๊า.....อื๊อออ.....” แพ็คกำลังคลั่งเพราะแรงดันส่วนล่างของกันละกัน ผมไล่นิ้วลงต่ำเกี่ยวอันเดอร์แวร์ตัวบางลงก่อนจะเกาะกุมส่วนอ่อนไหวของร่างบางและจัดการปล่อยมันออกมาก่อน
 
“อ๊า....ไม่....อื๊ออ....อ่าๆๆ...” เสียงครางระงมเกิดจากความเสียวซ่านที่ยากจะอดกลั่นได้ แพ็คปล่อยน้ำสีขุ่นไหล่ลงตามต้นขาสู่พื้น เพียงคืผมขยับยับไม่ถึงหนึ่งนาที
 
“จะหยุดก็ได้นะ” ผมกระซิบบอก แพ็คส่ายหน้าให้ ร่างบางยกมือขึ้นโอบรอบคอผมไว้เพราะเริ่มยืนไม่ไหว ถึงตาผมบ้างล่ะ ผมไล่นิ้วเรียวไปตามผิวนุ่มลื่นมือ มาหยุดตรงตุ่มไตยอดอก สะกิดเบาๆ เรียกเสียงครางหวานจากอีกคน
 
“อื๊อออ....อ๊า.....” ผมกดจูบย้ำๆ ตรงต้นคอจนเกิดรอย ก่อนจะไล่ลิ้นลงมาตวัดตุ่มไตสีหวานพร้อมกับขบกัดให้อีกคนเสียวเล่น
 
สัมผัสเนื้อแนบเนื้อไม่มีช่องว่าให้อากาศพัดผ่าน ร่างกายนี้กำลังจะเป็นของผมโดยสมบูรณ์ แกนกายผมตื่นเต็มตัว ถึงขั้นนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าแพ็คจะรับได้หรือเปล่า
 
ผมไล่นิ้วเรียวไปทั่วบั้นท้ายกลมมน บีบเค้นเบาๆให้อีกคนรู้ว่าผมจะทำมัน ผมยกเข่าขึ้นยันกับผนังโดยมีขาเรียวของอีกฝ่ายพาดไว้
 
“อ๊ะ......จะ....เจ็บ” ร่างบางสะดุ้งเฮือก เมื่อผมสอดนิ้วเรียวเข้าไปภายในได้เพียงไม่ถึงครึ่งโดยมีตัวช่วยนำพา
 
“ถ้าไม่ทนจะหยุดนะ” ผมบอกก่อนจะทาบริมฝีปากลงจูบกันอีกครั้ง พร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปจนหมด
 
“อื๊มมม....อื๊ออออ....อ๊าๆๆ” เพราะทางรักที่ไม่เคยถูกรุกมาก่อนเลยไม่แปลกที่จะเจ็บมากในครั้งแรก
 
“ซี๊ดดด....ถ้าจะรัดขนาดนี้.....” ผมจะเสร็จก่อนใส่ก็เป็นได้ ผมขยับนิ้วและสอดเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆจนถึงสามนิ้วขยับจนร่างบางเริ่มชิน “อย่าเกรงคนดี...”
 
“อ๊า....อ๊ะ!!!” จากนั้นก็กัดฟันสอดใส่แท่นร้อนเข้าไปแทนที่ แน่นอนงานนี้ต้องได้เลือด “จะ....เจ็บ...อ๊า...”
 
“อย่าเกรงก็พอ นะครับ...ซี๊ด.....อ๊า...” ผมเองก็ครางออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งอุ่นร้อน ทั้งคับแน่นจนจะยืนไม่ไหว
 
“อ๊ะๆ....อ่า...อ๊ะๆ....พี่.....อ๊ะๆๆๆ......” ผมขยับสะโพกเนิบๆและไม่นานก็เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นตามอารมณ์ เมื่อเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่และไม่สนว่าอีกคนจะเจ็บเพียงใด
 
“ซี๊ดดด.....จุ๊บ...อ๊า....แพ็ค....จ๊วบ...” ผมจูบซับใบหน้าใสไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เสียงหวานหยุดครางได้
 
ผมขยับสะโพกเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนในที่สุดน้ำรักก็ไหลเยิ้มออกมาเต็มโคนขาเรียวเล็ก เราต่างก็ทรุดตัวลงกับพื้น
 
“ไหวมั้ย” ผมถาม แพ็คได้แต่ส่ายหน้าให้ จุ๊บ ผมก้มลงจุ๊บมุมปากบางก่อนจะพูดอีกว่า
 
“หมายถึงถ้าอีกรอบน่ะ” จะห้ามตอนนี้คงช้าไปแล้วเด็กน้อย ในเมื่อร่างกายเรายังเชื่อมต่อกันอยู่ ผมก็ยากที่จะหยุดแค่รอบเดียว เดินหน้าสิคร้าบบบ
 
 
“อ๊าๆๆๆ....ไม่...พะ...พี่เซฟ...” และก็ไม่ใช่แค่สองรอบอย่างที่คิด ผมยังพาร่างเล็กมาต่อบนเตียงอีก เสียงครางหวานเลยกลายเป็นเสียงห้ามไม่หยุดปากทั้งที่ตัวเองก็เสร็จไปมากว่าสามรอบด้วยซ้ำ
 
“ซี๊ดดด....แพ็คทำให้พี่คลั้ง...รู้ตัวมั้ย....อ๊า......” ผมดูดจูบไหปลาร้าคู่สวยจนตอนนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้ทำรอยอีกแม้แต่นิด ก่อนจะลากลิ้นร้อนลงมายอกล้อกับยอดอก ขบกัดเบาๆสลับกันไปมา
 
“คน...บ้า..อ๊า.....อ๊ะๆๆๆๆ......อ๊า....” ผมโยกกายตามจังหวะ เพื่อจะเสร็จในรอบสุดท้ายก่อนจะผละออก ร่างบางหอบหายใจถี่เร็ว ตาเรียวปิดสนิทอย่างไร้เรียวแรง
 
“หึ! จ๊วบ!.....ฝันดีครับ ที่รัก จุ๊บ!!!”
 
เช้า..........ไม่สิสายดีกว่า???
 
“อืมมม......แพ็ค” ผมค่อยๆลืมตาขึ้นจากการตื่นนอน ร่างบางในอ้อมแขนยังคงหลับสนิท ไม่ใช่ว่าตื่นมาแล้วอาละวาดหรอกนะ เหอะ จุ๊บ! จะโทษใครล่ะ ก็ตัวยอมเอง คิคิ?
 
“อ่ะ....โอ้ย....ซี๊ดดด” แพ็คพลิกตัวเมื่อมันตื่นพร้อมกับเสียงโอดโอย
 
“เจ็บมากมั้ย” ผมกระซิบถาม ทำให้คนข้างๆหันขวับมามอง แก้มสองข้างขึ้นสีทันทีเมื่อสบตากับผม
 
“ไม่....นี่” ปากเก่งแฮะ
 
“จะว่าไป เช้าๆก็ดีเหมือนกันจะ หรือจะ....” ผมแกล้งสอดมือเข้าไปในเสื้อแขนยากตัวหลวมๆของมัน ผ่านเอวคอด
 
“มะ....ไม่ๆ บ้านา ชิท์!!!”
 
“ล้อเล่นครับล้อเล่น.....หิวยัง ดูเหมือนจะมีแม่บ้านมาเรียกนะ เมื่อกี้”
 
“ไม่อ่ะ....แต่มันปวดๆท้องยังไงก็ไม่รู้” แพ็คลุกขึ้น นั่งจับท้องให้ผมดู ผมจึงลุกตาม
 
“อืม...จะว่าไงดีล่ะ มันเป็นอาการปกติของคนที่....เพิ่ง....เอ่อ....”
 
“เออๆ....แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อเล่า”มันรีบตอบเมื่อรู้ว่าผมหมายถึงอะไร เลยเปลี่ยนมาถามผมเมื่อเห็นว่าผมใส่แค่กางเกงยีนตัวเดียวอยู่เลย
 
“ทำไมอ่ะ กลัวอดใจไม่ไหวหรอ...โอ๊ย!” โดนกำหมัดทุบเข้าให้ทีนึ่งครับ “ก็....ออกกำลังเยอะไง เลยร้อน”
 
“บ้า!”
 
“บ้าแล้วรักป่ะ.......เมีย” แพ็คมองผมด้วยหางตาก่อนจะสะบัดหัวและเอนหลังนอนต่อ “อ้าวๆ ตอบดิ”
 
“เมียบ้าเด้.....!!!”
 
...
 
เปิดเทอม.............................
 
“ไอ้แพ็ค มึงนอนตรงกลางไม่ได้นะ กูจะนอนข้างไอ้ปอ” ไอซ์เด็กผู้ชายหน้าหวาน มองผมแบบเคืองๆ ทำให้ผมต้องลุกขึ้นจากเตียงพยาบาลและขยับมานอนขอบเตียงแทน ทั้งที่เตียงก็เล็กมาแล้วแท้ๆ
 
“กูบอกแล้วว่าให้พวกมึงเรียน จะตามกูมาทำไม” ปอเพื่อนสนิทอีกคนพูด เพราะมันเริ่มรำคาญนิดๆ
 
“มึงจะโดดคนเดียวสิ” ผมพูด ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงให้พวกมัน “หรือพวกมึงจะมาเอากันที่นี่”
 
“แม่ง กูถีบเลยนี่ มึงอ่ะ” ปอลุกขึ้นผลักไหล่ผม
 
“ก็จริงนี่......เอาเถอะ กูไม่ฟังก็ได้” ผมใส่หูฟัง ฟังเพลงทำเป็นไม่สนใจอีกสองคนข้างๆ ผมรู้ดีว่าทั้งสองคนไม่ใช่แค่เพื่อนกันและรู้อีกว่าใครเป็นฝ่ายรุกฝ่ายรับ
 
ไอ้ไอซ์หน้าหวาน ร่างบาง มันสูงร้อยเจ็ดสิบแปดโดยประมาณ เป็นลูกครึ่งสามสัญชาติไทยญี่ปุ่นสเปน ส่วนไอ้ปอ หน้าหล่อติดเข้ม สูงร้อยเจ็บสิบห้าโดยประมาณ ร่างบางแต่มีกล้ามนิดๆเพราะเป็นนักกีฬา มันเป็นลูกครึ่งขอนแก่นกับกรุงเทพ(ไม่ใช่ล่ะ) แต่ถึงจะหล่อเข้มก็เป็นฝ่ายรับ ที่ใครๆก็คาดไม่ถึง 5555
 
“พวกมึงเอารองเท้าขึ้นมาบนเตียงด้วย” เพราะกลัวโดนจับได้ ว่ามาสุมหัวกันอยู่ที่ห้องพยาบาล ไอ้ปอเลยบอกให้เก็บรองเท้าบนพื้นแต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี เพราะ
 
พรึ่บ!!!
 
“โอ๊ะ.....” เสียงไอ้ไอซ์กับไอ้ปอ แต่ผมไม่สนหรอก ทำไรก็ทำไป
 
“อะไรของพวกมึง” ผมยังคงนอนต่อไม่ยอมลุกขึ้นมอง แม้ว่าจะมีใครบางคนสะกิดตรงหัวไหล่
 
“โดดเรียนหรอครับ เมีย” ฟุ๊บ!! ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ฟังแค่นิดเดียวก็จำได้ ยิ่งคำว่าเมียด้วยแล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
 
“เอ่อ...มะ....มาได้ไงวะ.....ไหนบอกไม่มาสอนแล้วไง” ผมถามในขณะหาทางเอาตัวรอดไปด้วย ฉิบหายเลย
 
“ทำไม ไม่ดีใจหรือไง หืม....จะไปไหน” ร่างสูงคว้าแขนผมไว้ก่อนจะดึงให้นอนลงบนเตียง “เปิดเทอมวันแรก กะจะโดดเรียนเลยนะ ดีจริงๆ”
 
“จะ...ทำอะไรเล่า ปล่อย เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” เพราะสถานะของเราสองคนไม่ใช่แค่ครูกับนักเรียน จึงต้องระวังไม่ให้เกิดเรื่องระหว่างอยู่ในโรงเรียน ไม่งั้นโดนไล่ออกอย่างเดียวเลย
 
“ไม่มีใครเห็นหรอกนา อีกอย่าง ถ้าคราวหน้าโดดเรียนอีกจะโดนทำโทษแบบนี้...อุ๊บส์!” ร่างสูงโน้มหน้าลงมาทาบริมฝีปากจูบผม กับบทลงโทษที่แสบพอกัน
 
“ถ้าโดดเรียนไปอยู่ที่ไหน จะตามทำโทษที่นั้นเลย ค่อยดู....อย่าคิดว่าไม่กล้านะ หึๆ” แม่ง ใครจะกล้าวะ จูบน่ะไม่เท่าไหร่แต่นี้มือแม่งโครตไว้ด้วยน่ะสิ
 
ตอนแรกผมก็คิดว่าไอ้พี่เซฟ คงจะไม่หื่นมากมายเหมือนพี่ธารกับพี่แมน แต่ที่ไหนได้ เข้าขั้นเลเวลเดียวกันเลย สาดดดดดดด
 
 
........................................................................
ไร้สาระอีกนิด(?) : เมื่อลีวายส์เดินผ่านหน้าห้องพยาบาลพอดี
 
ลีวายส์ : โอ๊ะ!! พะ...พี่เซฟ....นะ...นายแพ็ค O.O
แพ็ค : เหี้ย! T.T (ลีวายส์รู้โลกรู้นะรู้ยัง???ปล.พี่ธาร พี่กาย พี่แมน)
เซฟ : ไงลีวายส์ ^__^/ (ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย)
 
ลีวายส์ : ^_^ (เดี๋ยวไลน์หาพี่กายดีกว่า 5555)
 
 
#ขออภัยหากมีคำผิด #อาจจะไม่โดนใจก็ของอภัยด้วยน้าาา
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ3 (03/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-12-2014 22:31:14
ในที่สุดก็ได้กินน้องแพ็คสักที
กลุ่มนี้รุกมันหื่นกันทุกคน ชอบกินเด็กด้วย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ3 (03/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 03-12-2014 22:38:58
คู่นี้เขาได้กันแล้วววว
 :haun4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ4 (05/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 05-12-2014 14:19:37
Older Brother Special
 
 
รักษ์&กาย
 
ยังจำผมกันได้มั้ยครับ หรือว่าลืมกายคนนี้ไปแล้ว ก็คนที่เคยทำให้พวกคุณๆหมั่นไส้กันนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ  แล้วก็อีกอย่าง ตอนนี้ผมกำลังมีปัญหานิดหน่อยครับ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตก
 
สามีผม เฮ้ย! แฟนผม เค้าไม่กลับบ้านครับ ใช้โรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สองไปแล้ว ผมก็ได้แต่แวะไปหา หรือส่งข้าวส่งน้ำพร้อมโอเลี้ยงไปให้ เหอะๆ นี่ผมควรจะหอบผ้าหอบผ่อนตามไปนอนกับแฟนดีมั้ยครับเนี่ย
 
“เฮ้อออออ” ได้แต่นั่นถอนหายใจทิ้งตอนที่คิดถึงเค้าล่ะ
 
“เป็นเหี้ยรัย ผัวไม่กลับบ้าน หรือมีเมียน้อยวะ” ดูเหมือนไอ้ธารอยากจะ งานเข้า นะเนี่ย ผมเหล่มองลีวายส์ที่ผงกหัวขึ้นมาจากโซฟา เหอะๆ
 
“ลีวายส์ เมื่อกี้ไอ้ธาร กอดเอวสาวตรงเก้าอี้บาร์ด้วยล่ะ แหม เห็นสาวๆล่ะไม่ได้เลยนะมึง”
 
“จริงหรอฮะ พี่ธาร!!!” ปากหมาใส่กูดีนัก เนี่ยล่ะครับจุดอ่อนของมัน
 
“ไอ้กาย ไอ้สัด! ที่ไหนกันเล่า มึงก็เชื่อมันไปหมดทุกเรื่อง เล่นไปเลยโทรศัพท์น่ะ ไม่ต้องโผล่หัวขึ้นมา” แล้วมันก็กดหัวลีวายส์ลงกับโซฟาอย่างที่ทำบ่อยๆ แม่งดูมันลูกผม 
 
“มึงเล่นกูก่อนนี่”
 
“ดูมึงเหนื่อยๆนะ มึงกลับไปพักเหอะ เดี๋ยวไอ้แมนก็มา” ไอ้ธารบอก ช่วงนี้มันเข้ามาดูร้านบ่อยขึ้นน่ะ เห็นพวกมันมีแผ่นจะควานซื้อที่แถวๆนี้ บอกว่าจะทำคอนโดกัน ผมก็ได้แต่นั่งฟังไม่ได้ถามอะไร ปล่อยให้ไอ้พวกบ้างานมันทำไป ส่วนผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว
 
“เออ ไปนะลีวายส์”
 
“ฮะ ขับรถดีๆนะฮะ พี่กาย” อิจฉาลีวายส์แฮะ ดูสิ ไอ้ธารแม่งไม่ห่างเลย ถ้าพี่หมอเป็นแบบนี้บ้างก็คงดี
 
“อ้าว กลับแล้วหรอ” ผมมองเพื่อนสนิทอีกคนที่เดินมาพอดี
 
“เออ!!!”
 
“โธ่ กายมึงยังโกรธกูเรื่องนั่นอีกหรอ กูก็แค่...ถามเพื่อ....วิเคราะห์อะไรนิดหน่อยอ่ะ”
 
“ถ้าคำถามมึงมันไม่ใช่เรื่องอย่างว่าอ่ะนะ กูจะไม่โกรธ” เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อคืนก่อนเซฟถามผมว่า....มีอะไรกับพี่หมอครั้งแรงรู้สึกยังไง ทำนองเนี่ย ดูสิ มันถามออกมาได้ยังไง
 
“นะๆๆ อย่าโกรธนะ กูเลี้ยงหนังมึงก็ได้ พาไปทานข้าวด้วย โอเค”
 
“นี่ มึงลืมไปป่ะ ว่าตอนนี้มึงมีอีกคนที่ต้องคิดถึงมากกู” เซฟเงียบ มันทำหน้าลำบากใจ เมื่อผมพูดถึงแฟนของมัน
 
“มึง.....”
 
“เฮ้! อย่าทำหน้าแบบนั้น กูหมายถึง ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว กูจะดีใจมากกว่าถ้ามึงใช่เวลากับแฟนมึงน่ะ กูไม่ได้โกรธมึงแล้วนา สัด! ฮ่าๆๆๆ กูกลับล่ะ”
 
“เออๆ ว่าแต่กลับบ้านหรือไปโรงบาลกันแน่วะมึง”
 
“เออ ไปโรงบาล พอใจยัง” เซฟหัวเราะให้ผม ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
 
ผมอาจจะเคยเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาทุกคน เพราะผมเลือกที่จะเก็บความรู้สึกดีๆ จากเพื่อนคนนี้ไว้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ผมไม่อยากเสียมันไปนี่ มันเคยเกิดขึ้นแล้ว และเราต่างก็รู้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน ที่เราต้องตัดขาดกัน ผมจึงไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านั่นกลับมาทำร้ายเราสองคนอีก
 
แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้ เซฟมีคนรักและรู้ว่ารักจริงๆมันเป็นยังไง ผมดีใจนะที่มันได้เจอคนที่ใช่จริงๆซะที ส่วนผมน่ะหรอ ไอ้พี่หมอแม่ง!!! หายหัว งั้นคงต้องไปหาผัว เฮ้ย!!! หาพี่มันหน่อยแล้วล่ะ
 
ณ โรงพยาบาล.........
 
ที่ๆผมมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ชินกับกลิ่นสารเคมีซะที เลยต้องยกมือขึ้นปิดจมูกและปากไว้ระหว่างเดินมาหาพี่หมอที่ห้องทำงาน
 
“พี่หมอลองนี่สิคะ....” ผมเปิดประตูเข้ามา เจอครับแต่ไม่ใช่เจอแค่พี่หมอนะ ยังมียัยพยาบาลรัตน์อีกคนที่ผมเองก็เจอบ่อยๆและก็ไม่ชินซะที!
 
“กาย! คุณมาได้ไง ร้านปิดหรอ”
 
“ไม่อยากให้มา.....ว่างั้น” ผมถามก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆพี่หมอ พร้อมกับเหล่มองยัยพยาบาลด้วยหางตา
 
“เปล่านี่ กำลังคิดถึงอยู่เลย ดีใจสุดๆ”
 
“นั่นน่ะสิคะ...แต่เสียดายจัง รัตน์ไม่ได้ซื้อโจ๊กมาเผื่อ ก็ไม่คิดว่าจะมานี่” ยัยนี่ปากคอเราะร้ายขอบอก เหน็บผมประจำ
 
“ไม่เป็นไรหรอก ทานกับพี่นะ” พี่หมอตักโจ๊กให้ผม พี่แกป้อนด้วยครับ เหอะๆ
 
“ไม่ล่ะ ไม่ชอบ”
 
“สงสัย คุณกายจะไม่ชอบทานของเหลวๆ คงจะชอบทานแต่ของแข็งๆสินะคะ” นั่นไง มันน่าตบมั้ยล่ะ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะ กูตบล่ะ
 
“ของเหลวมันจะอร่อยได้ยังไง ไม่ทันเคี้ยวให้รู้รสเลยก็ลงคอซะแล้ว สู้ของแข็งไม่ได้หรอก”
 
“งั้นหรอคะ แล้วพี่หมอชอบทานของเหลวหรือของแข็งคะ” งานเข้าแล้วไงมึง ไอ้พี่หมอ ตอบดีๆนะ ไม่งั้นมีเจ็บตัว ผมจ้องพี่หมอเขม็ง พี่มันก็เริ่มเหงื่อตกครับ น้ำท่วมปาก
 
“พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย ทานนะกาย เดี๋ยวพี่ป้อน อ่ะ”
 
“ไม่กิน!!!” =_=
 
“คุณหมอคะ มีคนไข้ฉุกเฉินคะ หมอเวรไม่อยู่”พี่หมอกับยัยพยาบาลรัตน์ลุกขึ้น ก่อนจะวิ่งออกจากห้องอย่างไม่ลังเล นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้
 
“คนไข้เป็นยังไงบ้าง”
 
“เสียเลือดมากค่ะ อวัยวะสำคัญมีปัญหา” ผมเองก็วิ่งตามพี่หมอออกมาด้วยเหมือนกัน ก็แค่อยากเห็นพี่มันตอนทำงานอ่ะ
 
“งั้นตรวจเลือดแล้วก็เช็คดูว่ามีเลือดกรุ๊ปที่เข้ากับคนไข้สำรองไว้หรือเปล่า เราอาจต้องใช้”
 
ทั้งหมอและพยาบาลเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว ผมจึงรอดูอยู่หน้าห้องเพราะแน่นอนว่าคนนอกไม่สามารถเข้าไปได้
 
“อึกๆ....ลูกแม่....อึกๆๆ อื๊ออออออ” หญิงสาวคนหน้าที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งน่าจะเป็นญาติของคนไข้
 
“เอ่อ...คนไข้ถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องกังวลนะครับ” เพราะเธอนั่งอยู่คนเดียวผมเลยเข้าไปคุยด้วย
 
“คุณ.....”
 
“คือ.....ผมเป็นเพื่อนหมอน่ะครับ เอ่อ...คนไข้ต้องปลอดภัยแน่ๆ” เค้าว่ากันว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอสำหรับคนที่เจอปัญหาหรือเรื่องร้ายๆ ผมจึงพูดออกไปแบบนั้น
 
“ฉันมีลูกสาวคนเดียว อึกๆ.....ถ้าไม่มีเค้า ฉันคงอยู่ไม่ได้” นี่สินะที่เค้าเรียกกันว่า หัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่
 
“หมอเก่งนะครับ ผมรับรองเธอต้องปลอดภัยแน่ๆครับ” ผมนั่งลงและค่อยปลอบท่านจนกระทั่งพี่หมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน
 
“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
 
“ใจเย็นๆนะครับ เราต้องผ่าตัดด่วนเพราะอวัยวะภายในมีปัญหา แต่ไม่ต้องห่วง ผมสัญญาว่าคนไข้จะปลอดภัยแน่ๆ” พี่หมอบอกด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว ในขณะเดียวกันพยาบาลก็ย้ายผู้ป่วยไปยังห้องผ่าตัด
 
“เชิญญาติทางนี้ค่ะ”
 
“กายคุณไปรอที่ห้องนะ” พี่หมอบอก ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัด ถึงพี่หมอจะบอกอย่างนั่นแต่ผมก็ยังอยากจะรออยู่หน้าห้องพร้อมๆกับญาติของคนไข้
 
เวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมง มีพยาบาลออกมาแต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไรเธอก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานเธอก็วิ่งกลับมา
 
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพยาบาล”
 
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้คนป่วยเสียเลือดมา ทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดสำรองที่เข้ากับเลือดของคนไข้ได้เลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เรากำลังประสานงานกับโรงพยาบาลใกล้เคียงอยู่”
 
“ผมครับ ผมเลือดกรุ๊ปโอ อาจจะได้” ผมคิดว่า ชีวิตของคนๆหนึ่งมีค่ามากสำหรับอีกคนที่กำลังรอเขาอยู่ ผมมองญาติของคนไข้ ที่กำลังมองมา “ไม่เป็นไรนะครับ”
 
“เชิญทางนี้ค่ะ”
 
 
 
 
“ฮะ!!!” ผมเช็คเลือดและปรากฏว่าเลือดของผมเข้ากับคนไข้ได้ ผมจึงนอนถ่ายเลือดอยู่อีกห้อง และไม่รู้ว่า ผมเผลอหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็เจอยัยพยาบาลรัตน์ยืนอยู่ข้างๆเตียง
 
“ตกใจอะไร ฉันไม่มาทำร้ายคุณหรอก” เธอบอก “อ่ะ ทานนมกับส้มลูกนึ่ง เดี๋ยวคุณอาจจะเพลียนิดๆ”
 
“ขอบใจ”
 
“คุณรู้ตัวหรือเปล่า ว่าฉันน่ะอิจฉาคุณนะ ที่ได้หัวใจของพี่หมอไป” เธอพูดยิ้มๆ ดูเป็นคนล่ะคนกับเมื่อหลายชั่วโมงก่อนเลย
 
“เธอรู้.....”
 
“แน่สิ ฉันอยู่กับพี่หมอประจำ พี่หมอน่ะ ชอบพูดถึงคุณบ่อยๆ....กายจะทานข้าวหรือยังนะ....กายต้องโกรธแน่ๆที่ผมไม่กลับบ้าน...กายทำงานอยู่มั้ยนะ...จะกลับบ้านกับใคร....ไม่เคยเลยสักวันที่พี่หมอจะไม่พูดถึงคุณ”
 
นี่คือสิ่งที่ผมเพิ่งจะรู้ และก็อึ่งมากด้วย ผมคิดว่าพี่หมอจะไม่แสดงออกกับคนอื่นๆ ว่าเราเป็น..คนรักกัน
 
“แล้วคุณก็ควรจะดีใจ ที่ได้เป็นคนรักของคนๆนี้ พี่หมอน่ะ ไม่ใช่หมออย่างคนอื่นๆที่หวังแต่เงิน พี่หมอไม่เคยลังเลที่จะช่วยคน รักษาคน ถึงแม้ว่าคนไข้บางรายจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล แล้วคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าพี่หมอเคยไปเป็นอาสาสมัคร เมื่อสามปีก่อนตั้งสองปีด้วยล่ะ”
 
“อาสาสมัคร....” เมื่อสามปีก่อน ก็คงเป็นตอนที่ผมไปเรียนสินะ
 
“ไงล่ะ แฟนคุณเจ๋งป่ะละ...ฉันอิจฉานะ...เพราะฉันมีแฟนแล้วเหมือนกัน เฮ้อออ ทำไมแฟนฉันไม่เป็นอย่างนี้บ้างนะ”เธอพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
 
ใช่จริงๆ แฟนผม เจ๋งสุดๆไปเลย ไอ้พี่หมอ
 
“กาย....” เสียงพี่หมอ ทำให้ผมหันไปมองทางประตู ร่างสูงถอดชุดกาวออก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่ผมจำได้ว่าเป็นคนซื้อให้เอง “คุณเป็นไงบ้าง”
 
“ประคองหน่อย” พี่หมอประคองผมลุกขึ้นนั่ง ผมมองสำรวจใบหน้าอันหล่อเหล่าที่น่าหลงใหลก่อนจะกอดเอวร่างสูงไว้
 
“อะ...อะไรกันเนี่ย...เป็นอะไรหรือเปล่า มึนหัวหรอ” พี่หมอประคองใบหน้าผมให้เงยหน้าขึ้นมอง
 
“รักพี่นะ...”
 
“อ้อนกันแบบนี้เลยหรือไง กลับบ้านนะ อาทิตย์นี้พี่ยกให้ทั้งอาทิตย์เลยเป็นไง ชดเชยที่ไม่ได้กลับบ้านเลย โอเคนะ” ผมพยักหน้ารับ และไม่ได้พูดอะไรต่อ เราจึงพากันกลับ
 
พี่หมอไม่ได้กลับคอนโด แต่กลับมาที่บ้าน เพราะไม่ได้กลับมาเป็นเดือนแล้วเหมือนกัน เราตกลงกันว่าจะมาหาไข่มุกด้วย กลับมาถึงก็เช้าพอดี
 
“คุณพ่ออออออ.....น้ากายยยยยย” เสียงใสมาเชียวครับ ใส่ชุดนักเรียนแสดงว่ากำลังจะไปโรงเรียนแน่นอน
 
“คุณลูกสาวสุดที่รัก มาจุ๊บทีนึ่งค่ะ” พี่หมออุ้มไข้มุกขึ้นก่อนจะจุ๊บแก้มซ้ายขาว “จุ๊บน้ากายด้วย”
 
“จุ๊บครับ....น้ากายไปส่งมั้ย”
 
“ไม่ค่ะ ดูท่าทั้งสองคนคงจะเหนื่อย พักผ่อนกันนะคะ ไว้ไข่มุกกลับมากวนตอนเย็นดีกว่า คริคริ” เจ้าาเล่ห์เหมือนพ่อมันตอนหนุ่มๆเลย
 
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่ เฮ้ย! น้ากาย คึคึคึคึ” แหนะ นางแสบใช่เล่น
 
“สวัสดีครับแม่/สวัสดีครับ”
 
“จ้า...เดี๋ยวแม่ไปส่งไข่มุก รักษ์กับกายจะเอาอะไรหรือเปล่าลูก แม่จะได้ซื้อเข้ามา” แม่พี่หมอเป็นคนน่ารักเสมอครับ
 
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
 
 
“กาย คุณจะอาบน้ำด้วยกันมั้ย” ไม่ต้องตกใจครับ นี้เป็นเรื่องปกติและทำกันเป็นประจำ อาบน้ำด้วยกัน อย่าคิดไกลว่าจะมีเรื่องอย่างว่ากันตอนอาบน้ำ ก็มัน..มีบ้างแต่ไม่ใช่ทุกครั้งไง .////.
 
“ไม่ล่ะ ผมนอนเลย เหนื่อยชะมัด” ผมบอก นั่นสิ แค่ผมอดนอนคืนเดียวก็เหนื่อยมากขนาดนี้นับประสาอะไรกับพี่หมอที่อยู่โรงพยาบาลหลายๆคืนกันล่ะ……..
 
 
 
 
“อื๊อออ.............” ไม่รู้ว่าผมหลับไปกี่ชั่วโมงแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็โดนร่างสูงกอดไว้จากด้านหลัง พี่หมอนอนหลับ ซุกหน้าอยู่กับต้นคอผม
 
“พี่หมอ พี่หมอครับ.....ไอ้พี่หมอ”
 
“อื๊อออ........ครับ” พี่หมอครางรับทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่ ผมจึงพลิกตัวเข้าหา
 
“ตอนผมไปเรียน ได้ข่าวว่าสาวเพียบเลยหรอ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย” ตาเรียวเบิกขึ้นมองสบตากับผมและพยักหน้ารับ
 
“เยอะมากกกก...นับไม่ไหวเลยล่ะ มีตั้งแต่เด็กทารกยันยายทวดเลย หึๆ” ผมอบยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั่น
 
“ทำไมไม่บอกล่ะ ว่าเคยไปเป็นอาสาสมัคร ตอนนั่นผมคงอยู่อีกซีกโลกสินะ”
 
“ในเมื่อไม่มีคุณ ก็อยู่แบบเดิมไม่ได้ ต้องหาอะไรทำ อยู่แต่ที่โรงพยาบาลก็คิดถึงแต่หน้าคุณนะกาย” พี่หมอเคลื่อนหน้าผากลงมาแตะกับหน้าผากผม
 
“ถ้าพี่หมอพูดสักคำว่าอย่าไป ผมก็จะไม่ไปหรอก รู้มั้ย”
 
“เพราะมันเป็น อนาคตของคุณ ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย พี่ไม่มีสิทธิห้ามหรอก แต่พอมารู้ตัวอีกทีก็แอบโกรธตัวเองเหมือนกัน ว่าปล่อยให้คุณไปได้ยังไง ตอนแรกคิดว่าสองปีไง แต่ที่ไหนได้ สี่ปี พี่แทบจะหาเมียแล้ว”
 
“ก็ลองดูสิ!!!” ผมต่อยท้องพี่หมอด้วยกำหมัดเบาๆ แต่คนตรงหน้าคว้าไปกุมไว้
 
เรามองสบตากัน ก่อนที่ริมฝีปากบางจะมอบจูบอันแสนหวานสลับกับร้อนแรงให้แก่กัน หลายวันมาแล้วที่เราไม่ได้ใช่เวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ต่างฝ่ายก็ต้องการซึ่งกันและกันเป็นธรรมดา ผมจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น
 
“รักกายนะ”
 
“ครับ รักพี่นะ”
 
 
 
 
“น้ากายใส่นี่สิ ไข่มุกว่าต้องสวยแน่ๆเลยล่ะ ไขมุกเห็นคุณแม่ใส่สวยมาก” เอิ่ป บางที่ไข่มุกก็มีความคิดที่บรรณเจิดเกินไป
 
“แต่....น้ากายว่า ให้พ่อใส่ดีกว่า” ผมส่งแฮร์พีชสีน้ำตาลให้พี่หมอ ที่กำลังนั่งต่อโมเดลรถอยู่ งานอดิเรกของพี่มันครับ อาจฟังดูเด็กๆ แต่ชิ้นนึ่งนี่หลักแสนเลยทีเดียว
 
“อะไรกัน ไม่เอา ดูสิ พี่ไม่มีผม” ไอ้บ้านี่ก็ ไม่ได้ช่วยกันเลยดูท่าจะสนุกซะด้วยซ้ำ
 
“นานะ น้ากายคนดี น้ากายคนสวย เดี๋ยวไข่มุกติดกิ๊บให้ด้วย น่ารักๆๆ เนอะ คุณพ่อ” เอาเข้าไป ผมไม่ใช่ตุ๊กตานะ โอเค ผิดที่เกิดมาหน้าสวย กรรมมม
 
และแล้วผมก็โดนสองพ่อลูก จับใส่แฮร์พีชจนได้ แถมติดกิ๊บดอกไม้สีแดงเหมือนลูลู่ ลาล่าให้ด้วย สวยงามมาก!!!
 
“ถ่ายรูปหน่อย แม่กับลูก” เอากับมันสิ ไอ้พี่หมอ
 
“ใช่ๆ เล่นพ่อแม่ลูกกัน นะๆ คุณพ่อก็เป็นคุณพ่อ ไข่มุกเป็นลูกสาว ส่วนน้ากายเป็นแม่ เย้ๆ” =_=
 
“ใช่ๆ เป็นแม่ งั้น ไข่มุกต้องอยากมีน้องแน่ๆ ใช่มั้ยคะ” งานมาล่ะ....
 
“ใช่ค่ะๆ” เอาแล้วไง เข้าเต็มๆ
 
“ไม่ๆ ไม่เล่นแล้ว” ผมลุกขึ้นและกำลังจะเดินหนี
 
“ได้ที่ไหน ดูสิ ไข่มุกอยากมีน้อง ไปทำน้องให้ไข่มุกกัน ราตรีสวัสดีไข่มุกกลับไปนอนได้แล้วนะคะลูก เดี๋ยวพ่อจะทำน้องให้เนอะๆ” เหี้ย มันใช่มุขนี้กับลูกมัน
 
“เอาน้องชายนะคะ ไข่มุกอยากมีน้องชาย” นี่มันไม่ใช่เล่นๆแล้ว
 
“ได้คะตามสั่งค่ะ” ลูกสาวไปแล้ว เฮ้ออออ โล่อก แต่ที่หนักกว่านี่น่าจะเป็นพ่อมันเนี่ยแหละ “กาย....”
 
“ผมไม่เล่น!!!!”
 
“เล่นที่ไหน พี่‘เอา’จริง”
 
 
...............................................................
ตอนกายได้แค่นี้ ขออภัยค่ะ รีบ ได้แค่นี้จริงๆ T^T
 
ขอโทษนะคะที่หายไปนาน

ปล.ย้ายเรื่องไปนิยายที่จบแล้วยังไงคะ ใครทราบช่วยบอกหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ4 (05/12/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 18-12-2014 09:24:00
ขอบคุณค่าาาาา
ชอบลีวายส์ชอบคู่รองทุกคู่แต่แอบหมั่นไส้อีธารกับเชฟ
 :fire:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror วาเลนไทน์(16/02/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 17-02-2015 00:37:42
Older Brother Special
Valentine
 
เพื่อนๆ เปิดเทอมกันหรือยังฮะ แปลนะตอนปิดเทอมรู้สึกว่าอยากมาโรงเรียนมากเป็นพิเศษแต่เมื่อถึงเวลาเปิดเทอมเข้าจริงๆกลับอยากนอนอยู่บ้านซะงั้นอ่ะ ฮ่าๆๆๆ
 
“ลีวายส์” เอ๊ะ นั่นเสียงเรเนสฮะ เพื่อนสนิทของลีวายส์เอง นางมาพร้อมกับบุ๊ค ซึ่งทั้งสองคนนี้นิสัยแตกต่างกันมากเลยล่ะ
 
เรเนสจะเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักแก่นๆ ลุยๆพูดมาก ร่าเริง มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ หมู่นี้นางชอบอ่านหนังสือเยอะแยะไปหมด แต่เป็นพวกนิยายอะไรทำนองนั้น ผิดกับบุ๊ค ที่เป็นเด็กผู้หญิงหน้าหวาน พูดน้อย เรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจเรียนเป็นที่สุด
 
“ปิดเทอมไปไหนมั่งอ่ะ ลีวายส์”
 
“ไม่อ่ะ อยู่แต่บ้าน เรเนสกับบุ๊คล่ะ ไปเที่ยวเมืองนอกสนุกปะ”
 
“สนุกสิ สนุกมาก ป่ะ ไปเมาท์กันในห้องดีกว่า” เพราะวันนี้เปิดเรียนวันแรกมาสเซอร์เลยไม่สอนอะไรมากมาย เราจึงมีเวลาว่างมาก บุ๊คก็เลยชวนกันมานั่งห้องสมุด
 
“โอ๊ะ ลีวายส์ชอบอ่านหนังสือด้วยนี่ เอาเล่มนี้ไปอ่านป่ะ”เรเนสส่งนวนิยายเล่มหนึ่งมาให้
 
“หนังสืออะไรอ่ะ”
 
“เกี่ยวกับเทพอ่ะ ลองเปิดดูสิ เราอ่านแล้วสนุกมากเลยล่ะ” ลีวายส์รับหนังสือที่เรเนสส่งมาดูหน้าปก เป็นหนังสือปกแข็งเล่นหนาด้านหน้ามีรูปปีกสีขาว
 
อีธาร
เทพแห่งความอัปยศ
 
“ไม่เอาอ่ะ แค่ชื่อก็น่ากลัวแล้ว ให้บุ๊คอ่านสิ” ลีวายส์ส่งหนังสือไปให้บุ๊คแทน เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อจับหนังสือเล่มนี้ ไม่รู้สิ หรืออาจจะคิดไปเองก็ได้
 
 
“อ่า ง่วงซะแล้ว” ลีวายส์พูดกับตัวเองหลังจากนั่งอ่านหนังสือเรียนล่วงหน้าได้หนึ่งบท ก่อนจะเข้านอน ลีวายส์มองพระจันทร์กลมโต ผ่านหน้าต่าง คืนนี้มันช่างสวยงามจริงๆ
 
ฟุ๊บ! ผลัก!
 
“อะไรน่ะ” อยู่ๆก็มีเสียงประหลาดดังมาจากระเบียงห้อง คล้ายกับมีอะไรพุ่งตกลงมา ลีวายส์จึงเดินไปเปิดประตูออกดู
 
มีแสงสว่างจ้างสีขาวสาดส่อง จนต้องยกมือขึ้นบังตา ก่อนจะค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงร่างของใครบางคนนอนอยู่บนพื้น ลีวายส์ชะงักฝีเท้า เพราะไม่แน่ใจว่าจะก้าวออกไปดูดีหรือเปล่า แต่ดูเหมือนเขาคนนั้นกำลังบาดเจ็บ
 
“คะ...คุณ.....คุณ นี่ คุณเป็นใครน่ะ”
 
“ชะ....ช่วยข้า...ที” เสียงแหบพร่าที่เค้นออกมาอย่างยากลำบากทำให้แน่ใจได้ว่า เขาคนนี้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
 
ลีวายส์จึงเข้าไปประคองร่างหนาเข้ามาในห้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยบาทแผลและกลิ่นคาวเลือด ผู้ชายคนนี้มีเพียงกางเกงตัวเดียวเท่านั้นที่ติดตัวมา ลีวายส์จัดแจงให้เค้านอนลงบนเตียงก่อนจะหาผ้ามาเช็ดตัวให้
 
“เจ้า....” ดาวตาเรียวคมลืมตาขึ้นมอง “ผู้เยียวยาแห่งข้า”
 
“อะ....อะไรนะ....คุณพูดว่าอะไรนะ....อ๊ะ!!!” ร่างของลีวายส์ถูกผู้ชายคนนี้กดลงบนเตียง ทั้งที่ตอนแรกเขายังนอนแน่นิ่งอยู่เลย นี่มันอะไรกัน!!!
 
“ผู้ครอบครองหัวใจของข้า” ร่างสูงจรดริมฝีปากเย็นเฉียบลงมาบนริมฝีปากของลีวายส์ ก่อนที่ลีวายส์จะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างส่งผ่านมาจากร่างกายคนๆนี้เข้าสู้ร่างกายของตัวเอง
 
“อื๊อออ....” ไม่รู้ว่าไปเอาเรียวแรงมากมายมาจากไหน หรืออาจจะเป็นคนร้ายที่หลอกให้เราตายใจแล้วก็...
 
“...เป็นของข้า” ไม่นะ เค้าคนนี้กำลังจะ...
 
“ปะ...ปล่อยนะ....ไอ้บ้า......อุ๊บส์!!!” ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลีวายส์ ผู้ชายคนนี้มาจากไหน ถึงได้มาทำเรื่องแบบนี้กับลีวายส์ได้
 
แต่เพียงแค่ได้รับสัมผัส จากเขา ทุกๆสัมผัสกลับทำให้ลีวายส์ร้อนรุ่มไปทั่วร่าง และไม่อาจต้านทางคนคนนี้ได้เลย ลีวายส์จึงได้แต่ปล่อยตัวเองให้เค้าเป็นผู้นำพาไปในที่สุด
 
 
 
“อื๊มมม..................” ความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่เป็นอะไรที่รู้สึกดีเมื่อยามตื่น ลีวายส์บิดตัวบนเตียงกว้าง ก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้นมอง
 
เอ๊ะ!!! เมื่อคืนเรา.......จำได้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นนี้ แต่ว่าทำไม ถึงไม่มีร่องรอยอะไรบนตัวลีวายส์เลยล่ะ หรือว่าลีวายส์จะฝันไป โธ่! โล่งอก นั่นสิ เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นมาได้ยังไงมีแต่ในเทพนิยายเท่านั้นแหละ ว่าแต่.......
 
ลีวายส์ยกมือขึ้นแต่ริมฝีปากตัวเอง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอันเย็นเฉียบจากผู้ชายคนนั้น ทั้งต้นคอ ข้อมือ และทุกๆส่วนของร่างกาย แปลกจริง ทั้งๆที่เป็นแค่ความฝันแท้ๆ
 
“โอ๊ะ!!! เอ้ย!!!” มะ....ไม่ใช่ความฝันแล้วล่ะ เพราะว่า ตอนนี้มีคนนั่งอยู่ตรงปลายเตียงของลีวายส์ฮะ
 
“เจ้า ไม่เป็นไรนะ” จะบ้าหรอ ถามออกมาแบบนี้ได้ยังไง แล้วหมอนี่อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “ข้าทำให้ตกใจหรือเปล่า” ไม่ตกใจก็บ้าแล้ว
 
“คะ....คือ...คุณเป็นใคร ขะ...เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงอ่ะ” ลีวายส์รวบผ้าห่มขึ้นมากอดแนบอก หัวใจเต้นตุบๆ เพียงแค่ได้ยินเสียงเขา
 
“ข้าคือ...อีธาร” ห๊ะ! อีธาร
 
เจ้าของชื่อบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และหันหน้ามา เรืองผมสีดำกลับตัดกับผิวขาวจัด ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตคู่คมกริบคล้ายกับนกเหยี่ยว จ้องมองมานิ่งๆแต่กลับรู้สึกน่ากลัว ริมฝีปากสีซีดได้รูป บนใบหน้าแสนสวยราวกับภาพวาดของเทพในนิยาย ผู้ชายคนนี้....อีธาร
 
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
 
“ผมไม่เป็นไร คุณสิเป็น เมื่อคืน บาดเจ็บไม่ใช่หรอกหรอ”  เมื่อคืนบาดแผลยังเต็มตัวอยู่เลยแต่ทำไมตอนนี้ มันหายไปหมด ไม่เหลือแม้แต้น้อย
 
“เจ้า...ช่วยข้าไว้” ห๊ะ! ลีวายส์เนี่ยนะ
 
“เปล่านี่ ก็จะช่วยอยู่หรอกแต่.....คุณ....เอ่อ....คะ....คุณ” >/////<
 
“นั่นแหละที่เรียกว่าช่วย” ร่างสูงเดินมาโน้มตัวลง จูบหน้าผากลีวายส์อย่างแผ่วเบา อะไรกันนี่เราโกรธอยู่ไม่ใช่หรอแต่ทำไม เพียงแค่จูบของเขากลับทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปในปริบตา
 
“ลีวายส์ไม่เข้าใจ..คุณคือ อีธารจริงๆนะหรอ”
 
“ใช่.....หรือเจ้าไม่เชื่อ” ร่างสูงมองลีวายส์นิ่งๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง จากนั้นก็หลับตาลง พรึ่บ......
 
“นั่นมัน.......” ปีกสีขาวดุลหิมะกำลังกางออกมาจากแผ่นหลังของเขา ทำให้ลีวายส์อึ่ง ถึงกับพูดไม่ออก “อีธาร เทพ คุณเป็น......”
 
 
หลังจากที่ลีวายส์เข้าไปอาบน้ำเพื่อจะมาเรียนเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทิ้งไว้แต่ขนปีกสีขาวบนเตียงเท่านั้น ลีวายส์แค่อยากรู้เรื่องราวของอีธาร ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กันแน่
 
 
 
“เรเนส!!!” ลีวายส์พุ่งไปหาเรเนสทันทีที่มาถึงห้องเรียน
 
“อะไรลีวายส์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย” บุ๊คถาม
 
“คือ หนังสือนั่นน่ะ เมื่อวานใครเอาไป” ทั้งสองคนมองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนจะหันมามองหน้าลีวายส์พร้อมกัน
 
“หนังสืออะไร/เล่มไหน”
 
“ก็เรื่องที่เกี่ยวกับเทพไง เมื่อวานเรเนสบอกให้เราอ่านน่ะ บุ๊คเอาไปหรือเปล่า”
 
“เปล่านะ เราไม่ได้เอาไป คงอยู่ที่เดิม ลีวายส์อยากอ่านหรอ” ลีวายส์พยักหน้าตอบ ในขณะเดี๋ยวกัน มาสเซอร์ก็เข้าห้องพอดี
 
“งั้นตอนเที่ยงค่อยไปหาที่ห้องสมุดก็แล้วกัน”
 
 
 
และแล้วลีวายส์ก็หาหนังสือเจอ จึงยืมจากห้องสมุดของโรงเรียนมาอ่าน
 
อีธาร
เทพแห่งความอัปยศ
 
ณ ดินแดนแห่งสรวงสรรค์อันไกลโพ้น เป็นที่ซึ่งเหล่านางฟ้าและทวยเทพผู้ทำความดีทั้งหลายอาศัยอยู่  และแน่นอนว่าบนสรวงสรรค์แห่งนี้ย่อมมีกฎเกณฑ์มากมาย ที่เหล่านางฟ้าและทวยเทพจะต้อง ปฏิบัติอย่างเครงคัดและหากเทพองค์ใดทำผิดกฎก็จะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัส ทำให้เหล่าเทพทวยทั้งหลายเกรงกลัวกฎเกณฑ์แห่งนี้ยิ่งนัก
 
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อนางฟ้าองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นธิดาแห่งองค์เทพตกหลุมรักกับบุตรแห่งนรกโลกันต์ ทั้งสองลักลอบคบหากันอย่างลับๆ แต่ก็ยังมิรอดพ้นต่อเจ้าแห่งเทพได้ เจ้าแห่งเทพเมื่อทราบเรื่องจึงพิโรธยิ่งนัก สาปนางฟ้าและคนรักให้สูญสิ้นเหลือไว้เพียงแต่ตราบาปแห่งความอัปยศ นั่นก็คือ......
 
“อีธาร”
 
เทพผู้มีรูปร่างสง่างดงาม หาผู้ใดมาเปรียบได้ ที่เกิดจากความรักอันบริสุทธิ์ แต่เพราะมีปีกสีดำสนิทของผู้เป็นสายเลือดแห่งนรกโลกันต์ เหล่าเทพทั้งหลายจึงเชื่อว่า อีธาร คือ เทพแห่งความอัปยศ
 
กาลหนึ่ง องค์เทพ ได้รับคำทำนายจากสรวงสวรรค์ว่า เมื่อกาลเวลามาถึงในภายภาคหน้า ความอัปยศจะเกิดขึ้นอีกครา สรวงสวรรค์จะปั่นป่วนด้วยความพิโรธโกรธเคืองของตราบาปแห่งความอัปยศ
 
ด้วยความเกรงกลัวต่อคำทำนาย เจ้าแห่งเทพจึงสร้างปราสาทสูงกะขังอีธารไว้ มิให้ออกมาพบเจอสรรพสิ่งภายนอก ในสวนแห่งสรวงสวรรค์ แต่สิ่งใดเล่าจะปิดกั้นต่อโชคชะตาได้ เมื่อกาลเวลานั้นมาถึง
 
อีธารอยู่ในปราสาทมืด ได้เห็นเพียงแค่พระจันทร์ในยามเต็มดวงเท่านั้น จนกระทั้ง มีเต่าทองน้อยตัวหนึ่งบินเข้ามาในปราสาท และเป็นผู้นำพาอีธารออกมาสู่โลกภายนอก ทำให้อีธารพบกับนางฟ้าสายเลือดบริสุทธิ์ ผู้งดงาม เปรี่ยมไปด้วยความดีงามและความเมตรตา
 
อีธารจึงตกหลุมรักและติดตามนางไปทุกหนทุกแห่ง นางเองก็มีใจให้กับอีธารเช่นเดียวกัน นางเปรียบเสมือนแสงสว่าง ซึ่งต่างกับอีธารที่เปรียบเสมือนมนตราความมืดมิด โดยทั้งสองหารู้ไม่ว่าอีกไม่นานจะต้องเจอกับความเจ็บปวดมากเพียงใด
 
เมื่อเจ้าแห่งเพทล่วงรู้ถึงความอัปยศที่จะเกิดขึ้นอีกครา พระองค์พิโรธนักและสาปแช่งนางฟ้าผู้เป็นที่รักของอีธารให้ทุกทรมานจนไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้
 
“อีธาร หากเจ้ารักข้า ก็จงปลดปล่อยข้าออกจากความทุกทรมานนี้เถอะ ข้าจะกลับมาเป็นผู้เยี่ยวยาแห่งเจ้า ข้ารักเจ้า” นางส่งกริชเงินให้แก่อีธาร
 
“เจ้าคือผู้ครอบครองหัวของข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าเจ็บแม้แต่น้อย”อีธารมิอาจทนเห็นนางทุกทรมานต่อไปได้ จบสิ้นคำพูดนั่น อีธารใช้กริชปลดปล่อยความทุกทรมานให้แก่ผู้เป็นที่รัก
 
ร่างกายของนางสลายกายเป็นเกร็ดทิพรายล้อไปทั่วร่างของอีธาร เปลี่ยนปีกสีดำสนิทให้กลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดังหิมะ ด้วยความพิโรธที่มีต่อเจ้าแห่งเทพ อีธารจึงใช่พลังมหาศาลทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหลายบนสรวงสวรรค์จนมลายสิ้นและหายไปจากสรวงสวรรค์ในกาลเวลานั้น........
 
เช้า..............
 
 
“อื่มม........” ลีวายส์ลืมตาขึ้นปรับม่านตารับกับแสงแดดภายในห้อง ก่อนจะมองไปรอบๆ เอ๊ะ! นี่ลีวายส์นอนฟุบอยู่กับโต๊ะนี่
 
ใช่สิ เมื่อคืนลีวายส์นั่งอ่านหนังสือจนเผลอหลับไปนั่นเอง บ้าจริงๆ แต่จะว่าไป เราก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าสิ่งที่อ่านกับสิ่งที่เจอมันจะมีอยู่จริงๆ ถ้าไม่เห็นมากับตา
 
“โอ๊ะ!!! สายแล้ว” ลีวายส์รีบวิ่งไปอาบน้ำหลังจากพบว่ากำลังจะสายแล้ว
 
อะไรกัน ตกลงฝันหรือไม่ฝันกันแน่ เพราะตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของอีธารเลย ตั้งแต่วันนั้นเค้าก็หายไป แล้วอีธารมีโทรศัพท์ใช่มั้ยอ่ะ เหอะๆ บ้าสิเทพบ้าอะไรใช้โทรศัพท์
 
“เรเนส...”
 
“อะไรลีวายส์”
 
“ผู้เยียวยา หมายถึงอะไรหรอ” เพราะได้ยินอีธารพูดประโยคนี้เลยสงสัย แถมในหนังสือก็มีเขียนไว้ด้วย แต่ไม่ยักจะอธิบายให้ได้เข้าใจ
 
“ก็...เป็นผู้รับษาอะไรแบบนี้น่ะ ยูนิคอนน่ะ ฟิ้วๆ” งั้นหรอ แต่จำได้ว่าลีวายส์ยังไม่ได้ทำอะไรให้อีธารเลยนี่ รักษายังไง รักษาตรงไหน รักษาอะไร อ่ะ
 
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วเมื่อไหร่ อีธารจะมาให้เจออีกนะ หรือจะไม่มาแล้ว เฮ้อออออ
 
 
“วันนี้กลับบ้านคนเดียวหรอลีวายส์” เรเนส
 
“อืม ไว้เจอกัน” ลีวายส์แยกกับเพื่อนหน้าโรงเรียนก็ตรงกลับคอนโดทันที หวังลึกๆว่ากลับไปจะเจออีธารแต่ก็ไม่ ในห้องว่างเปล่าเหมือนเคย จริงสิไม่มีอะไรกินเลยคงต้องไปกินข้างนอกอีกแล้ว
 
ลีวายส์ขับรถไม่เป็นฮะไปไหนมาไหนก็เดินเอา ร้านอาหารใกล้ๆก็มีแต่วันนี้ปิดเลยต้องเดินผ่านไปอีกซอยทำให้ระยะทางไกลขึ้น
 
พรึ่บ!!!!
 
“อ๊ากกกกกกกกกก” ลีวายส์ตกใจเมื่ออยู่ๆ มีตัวอะไรไม่รู้ตกลงมาตรงหน้าลีวายส์ และเมื่อดูดีๆก็พบว่ามีชายร่างสูงสองคนยืนอยู่ตรงหน้า
 
“เจ้าน่ะหรอ ผู้เยียวยาของอีธาร”
 
“พวกนาย...เป็น....” พวกนี้ต้องเป็นผีแน่ๆ หนีก่อนดีกว่า แต่ ทว่า
 
“จะหนีไปไหน มากับเราเถอะ เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว จับตัวไป” พวกมันสองคนจับแขนลีวายส์ไว้  แต่ถูกพลังบางอย่างที่ความเร็วและแรงพุ่งเข้าใส่ ทำให้กระเด็นออกไปจากตัวลีวายส์
 
“อย่าแตะต้องของๆข้า” น้ำเสียงแข็งกร้าวของผู้มาใหม่ทำให้ชายสองคนนั้นมีสีหน้าหวาดหวั่น
 
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งเทพไว้ให้ดีเถอะ อีธาร” พูดจบชายสองคนนั้นก็หายวับไปกับตา
 
“ผะ....ผะ....ผี.....”
 
“มิใช้หรอก....นั้นคือเทพ....เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหรือเปล่า” อีธารถาม สีหน้าหวั่นใจ ลีวายส์ส่ายหน้าไปมาตอบ
 
“จริงสิ แล้วคุณหายไปไหนมาน่ะ ทำไมถึงไม่เห็นเลย...เอ่อ..หมายถึง ลีวายส์คิดว่าตัวเองฝันไปซะอีก”
 
“ไม่หรอก ข้ามองเจ้าอยู่ตลอดมิเคยห่าง จากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ลีวายส์รู้สึกได้ถึงคำพูดของอีธาร ว่าเขาจะดูแลลีวายส์อย่างที่พูดจริงๆ หัวใจของลีวายส์ก็กำลังเต้นแรงกับคำพูดนี้เช่นกัน
 
“ว่าแต่...เทพพวกนั่นจะจับลีวายส์ไปทำไมกัน” ลีวายส์ถาม หลังจากกลับมาถึงคอนโด
 
“พวกมันต้องการตัวข้า”
 
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลีวายส์กันล่ะ” ลีวายส์ยังไม่เข้าใจอีกหลายๆอย่างเกี่ยวกับอีธาร และอยากรู้เรื่องราวของเขาให้มากกว่านี้
 
“เพราะเจ้า สำคัญกับข้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะหัวใจของข้าได้มอบให้เจ้าไปแล้ว ณ ตอนนี้” ลีวายส์ยกมือขึ้นทาบกับอกด้านซ้ายและรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงหัวใจที่เต้นอยู่ภายในอย่างกับมีสองดวงที่กำลังเต้นไปพร้อมๆกัน
 
“มันจะอยู่กับเจ้าตลอดกาล” อีธารทาบฝ่ามือลงกับมือของลีวายส์ ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา
 
 
หลายวันต่อมา.................
 
“ลีวายส์ จะกลับแล้วหรอ ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดก่อนป่ะ” บุ๊คเธอมักจะชวนลีวายส์กับเรเนสไปอ่านหนังสือตอนที่มีคาบว่างหลังหมดคาบเรียนจากตารางเรียน
 
“ไม่ล่ะ เราจะกลับเลยน่ะ”
 
“หมู่นี่รีบกลับเนอะ มีใครรออยู่ที่บ้านหรือเปล่า บอกมาเลยนะ” เรเนสทำท่าจับผิด
 
“บ้าสิ จะมีใครกันล่ะ เราไปนะ เจอกันพรุ่งนี้” ลีวายส์รีบตัดบทก่อนจะโดนซักกันไปใหญ่และรีบตรงกลับคอนโดทันที
 
 
 
“กลับมาแล้วคร้าบบบบ” ทีแรกลีวายส์ก็คิดว่า อีธารจะนั่งดูทีวีอยู่แต่กลับไม่เจอ เพราะดูอีธารชอบดูทีวีเอาซะมากๆ เขาบอกว่ามันแปลกดีที่คนหลอกคนอยู่ในทีวีได้ เอิ่ป...เขาเข้าใจอย่างนั้นน่ะ
 
“จงกลับรับโทษ...ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำลายผู้เยียวยาของเจ้าซะ!!!” ลีวายส์เปิดประตูห้องนอนเข้าไป สิ่งที่เห็นทำให้ลีวายส์ตกใจมาก อีธารถูกจับตัวไว้โดยเทพร่างสูงสอนตนที่เคยมาเล่นงานลีวายส์เมื่อครั้งก่อน และอีกตนที่กำลังออกคำสั่งเสียงดังลั่น
 
“พวกคุณ....เอ่อ...พวกทาน...ปล่อยอีธารนะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด พวกทานต่างหากที่ผิด ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้” ลีวายส์ จะเข้าไปช่วยอีธาร แต่กลับถูกเทพอีกตนใช้ตรีศูล อาวุธคู่กาย ขวางลีวายส์ไว้
 
“นี่สินะ ผู้เยียวยา ของเจ้า....” เทพตนนั้นพูดกับอีธารที่ตอนนี้นัยน์ตาของอีธารกำลังจะกลายเป็นสีเพลิง
 
“อย่างแตะต้อง.....”
 
“พาตัวไป!!!!” สิ้นคำสั่งนั้น สติของลีวายส์คล้ายกับดับวูบลงและไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง
 
“อื่ม.....เป็นอะไรไปเนี่ย....”
 
“เจ้าตื่นแล้ว...เจ็บตรงไหนหรือไม่” ลีวายส์ชะงักกับเสียงที่ได้ยิน และมองไปรอบๆ “ข้าอยู่นี่” หญิงสาวคนหนึ่งออกมาจากหลังม่าน ใบหน้าของเธอสวยดังเทพธิดาในเทพนิยายที่เคยเห็น
 
“คุณเป็นใครอ่ะ....แล้วที่นี่.....” ตอนนี้ลีวายส์นอนอยู่บนเตียงสีทองแต่กลับรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนนุ่นนุ่มๆ รอบๆมีละอ่อนสีขาวล่างลอยไปทั่ว
 
“ข้าคือธิดาแห่งสรวงสรรค์ ที่นี่คือดินแดนแห่งสรวงสวรรค์”
 
“อะไรนะ!!!!” สวรรค์!!! งั้นลีวายส์ก็ตายแล้วน่ะสิ “ไม่นะ ลีวายส์ตายไปแล้วหรอ อีธาร อีธารล่ะ เขาอยู่ไหน”
 
“อยากได้ตื่นตระหนกไป เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ส่วนเทพอีธาร......อยู่ที่สวนแห่งสรวงสวรรค์” ลีวายส์ยังไม่ตาย ตอนนี้อยู่บนสวรรค์ มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย แต่ว่า...ลีวายส์ต้องไปช่วยอีธารก่อน
 
“พาลีวายส์ไปหาอีธารหน่อยได้มั้ย เขากำลังแย่” ลีวายส์รู้สึกถึงอีธารได้ ว่าเขากำลังได้รับบาดเจ็บ
 
“มิได้หรอก เจ้าแห่งเทพ ทรงกำชับมิให้เจ้า ไปเจออีธาร”
 
“ถ้างั้น ขอไปเจอเจ้าแห่งเทพได้มั้ย ขอร้องเถอะนะ” เทพธิดา มีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ารับ
 
 
“เจ้าอยากพบข้ามีอันใดหรือ” ที่แท้เจ้าแห่งเทพก็คือคนที่พาลีวายส์มาที่นี่นั่นเอง
 
“คือ.....ลีวายส์...เอ่อ...อยากพบอีธาร เขากำลังบาดเจ็บ ขอร้องล่ะ”
 
“สมกับเป็นเจ้าจริงๆ ผู้เยียวยาแห่งอีธาร ตามข้ามาสิ” เจ้าแห่งเทพนำลีวายส์ไปยังสวนดอกไม้หลากสี ที่ที่มีฝูงผีเสื้อโบยบินรายล้อมไปทั่ว
 
“ที่นี่คือ......”
 
“เจ้ารู้หรือไม่ ความผิดของอีธาร ไม่มีสิ่งใดลบล้างได้ นอกเสียจากการจองจำ ไปชั่วนิจนิรันดร์เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะส่งเจ้ากลับไป และเจ้าจะลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น” หัวใจของลีวายส์คล้ายกับตกลงวูบลงพื้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น
 
“ไม่นะ อีธารไม่ผิด เขาทำไปเพราะ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มาจากท่าน”
 
“เจ้ากล้ามาก!!!”
 
“ก็มันจริงนี่! ความรักคือสิ่งที่สวยงานไม่ใช่หรอกหรอ ทุกคนล้วนก็ต้องการความรักทั้งนั้นแม้กระทั้ง ท่านเองก็ด้วย” เจ้าแห่งเทพจ้องมองลีวายส์ เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
 
“แต่ไม่ใช่เทพธิดากับอสูรในนรกโลกันต์ กฎย่อมเป็นกฎ”
 
“เพราะกฎของท่านต่างหากที่ทำลายสวรรค์ หากไม่มีกฎ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น หากท่านไม่กลัวและไม่ขังอีธารไว้ ทุกอย่างก็จะไม่เป็นแบบนี้ ท่านคิดเสียใหม่เถอะ ว่าที่ผ่านมาถูกหรือผิดกันแน่”
 
 
เวลาต่อมา............
 
 
“พาไปหาอีธารเถอะนะ รอไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาต้องแย่แน่ๆ” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าบนสวรรค์เขานับช่วงเวลากันยังไง แต่ลีวายส์ก็พยายามขอร้อยให้เทพธิดาที่ค่อยดูแลลีวายส์พาไปหาอีธารหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล
 
“ขอโทษนะ มิได้หรอก”
 
“โธ่เว้ย!!! ทำไมเทพธิดาถึงได้ใจดำอย่างนี้นะ เทพธิดาจริงๆก็ต้องใจดีมีเมตตาสิ” ลีวายส์พูดออกไปด้วยความหงุดหงิด
 
“เจ้า!!! อยากถูกเจ้าแห่งเทพลงโทษหรือไง”
 
“ไม่กลัวหรอก เจ้าแห่งเทพก็ดีแต่จะลงโทษเท่านั้นแหละ ไม่มีเหตุผล ไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย” ลีวายส์เริ่มโมโหแล้วนะ!!!
 
“นี่เจ้า!!!”
 
“เจ้าแห่งเทพทรงเรียกหา ผู้เยี่ยวยาแห่งอีธาร” ก่อนที่จะเกิดสงครามเล็กๆขึ้นก็มีเทพองค์หนึ่งโผล่มาซะก่อน ขอให้ได้เจออีธารด้วยเถอะ
 
ลีวายส์ถูกนำทางมายังห้องโถงใหญ่ๆ มีเหล่าทวยเทพมากมายลายล้อมรอบ ก่อนที่เจ้าแห่งเทพจะปรากฏกาย ณ จุดที่อยู่เหนือกว่าเทพตนอื่นๆ
 
“อีธาร!” ต่อมา อีธารซึ่งถูกพันธนาการด้วยโซ่สีทองก็ถูกเทพสองตนนำตัวเข้ามากลางห้องโถง ร่างกายของอีธารเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด ภาพของเขาทำให้ลีวายส์น้ำตาคลอ
 
“ละ....ลีวายส์....” อีธารพูดชื่อของลีวายส์ออกมา ด้วยเสียงแหบพร่าก่อนจะทรุดลงกับพื้น ลีวายส์จึงวิ่งไปหาเขา
 
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ลีวายส์จะรักษาอีธารยังไง” อีธารส่ายหน้าไปมา เขายกมือขึ้นจับใบหน้าลีวายส์
 
“ลีวายส์ของข้า”
 
“ข้าจะตัดสินโทษของเจ้า กับความผิดที่เจ้าได้กระทำลงไปเมื่อกาลเวลาในอดีต” เจ้าแห่งเทพกล่าว
 
“ไม่นะ.....” อีธารจะต้องถูกจองจำอย่างงั้นน่ะหรอ ลีวายส์กอดร่างอีธารแน่น
 
“ฟ้าจงประทานบทลงโทษ นับตั้งแต่บันนี้ จะไม่มีเทพอีธารแห่งสรวงสวรรค์ อิทธิฤทธิ์และพลังจงหมดสิ้น จงลงไปชดใช้สิ่งที่เจ้ากระทำ ในโลกมนุษย์ทราบจนชีวิตจะสูญสลาย”
 
ทันใดนั้น เจ้าแห่งเทพได้ฟาดสายฟ้าตรงมายังอีธาร ลีวายส์กอดอีธารแน่นขึ้น กลัวว่าอีธารจะถูกทำร้าย แต่ว่าลีวายส์ก็ไม่ได้รับรู้อะไรเลยเมื่อทุกอย่างดับวูบไปในหัว
 
อีธาร......เราไม่จากกันอีกใช่มั้ย......จะไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ย.....
 
 
.......................................................................................
 
 
“อีธาร.....อีธาร......”
 
“ลีวายส์.......เป็นอะไรน่ะ.....ลีวายส์......ลืมตาสิ.....” เสียงนี้มัน....ลีวายส์ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ มองคนตรงหน้าให้ชัดๆ
 
“พี่ธารรร.....อื๊ออออ......พี่ธาร.....” ลีวายส์กอดพี่ธารแน่น
 
“จะร้องทำไมห๊ะ!.......ฝันร้าย?” เอ๊ะ!!! ฝันหรอ (‘.’ ) ( ‘.’) ฝะ....ฝันจริงๆด้วย >[+++]<
 
“ไม่ใช่ซะหน่อย! แค่ตกใจเฉยๆ ว่าแต่ พี่ธารรู้จักเทพอีธารมั้ยฮะ” พี่ธารทำหน้างงๆ และส่ายหน้าแทนคำตอบ
 
“ทำไม....ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็ไปอาบน้ำเลยไป” ลีวายส์จ้องมองพี่ธารใบหน้าเหมือนกับเทพอีธารในฝันเปะ พี่ธารจึงจ้องกลับมา “มองทำไม หรือจะยั่ว” พูดไม่พอ พี่ธารยังรวบเอวลีวายส์มากอด
 
“พี่ธารอ่ะ  มองหน้านิดเดียวเอง”
 
“มองเนี่ยแหละยั่ว....จ๊วบ!!!” คนเจ้าเล่ห์รุกจูบตรงมุมปาก ก่อนที่มือหนาๆของเจ้าตัวจะเลื้อยเข้าไปในเสื้อตัวบางจับนั่นจับนี่
 
“พี่ธาร.....ไม่เอานะฮะ....ไม่น่ารักเลยอ่ะ” ลีวายส์ดัดแผงอกพี่ธารออก ทำปากยื่นใส่ “วันนี้วันอะไร ต้องตามใจลีวายส์สิ”
 
“วันอะไร....วันอะไรก็ช่างเถอะนา....หืม...” โอ้ย!!! จะบ้าตาย ไม่ได้สนใจอะไรกับเค้าเลย
 
“วันแห่งความรักฮะ”
 
“เอ้า...ก็ถูกแล้วไง นี่ก็เป็นการแสดงความรักไม่ใช่หรอ.....พูดมากนา....” ขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้ว มีหรอจะรอด....นี่มันไม่ใช่เทวดาแต่พี่ธารเป็น ซาตานต่างหากกก
 
“อื๊อ.....ทำไมลีวายส์ต้องรักพี่ธารด้วยนะ จุ๊บ!!!”
 
“ก็ลองไม่รักสิ จุ๊บ!!!”
 
“Happy Valentine, I Love You” เสียงกระซิบข้างหูจากพี่ธารฮะ >///<
 
“Will you love me for the rest of my life?” ลีวายส์ถามกลับ
 
“No” ToT ใจร้ายที่สุด “I'll love you for the rest of mine.” >[+++]<
 
“I love you so much.” ^/////^
 
 
<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 
อันนี้แต่งไว้เมื่อปีที่แล้วโน้น (จากตอนที่ปิดเทอมแหนะ) แต่เจอมรสุมงานมหาลัยซะก่อน เลยเอามาลงช่วงวาเลนไทน์

เราเพิ่งว่างเลยเอามาลง ช้าไปหน่อยขอโทษน้า :mew4:  :mew4:  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror วาเลนไทน์(16/02/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-02-2015 18:27:36
สนุกมาก ชอบทุกคู่ทุกคน
ดีใจที้เซฟได้จัดหนักจัดเต็มแพคเสียที
ส่วนคู่พี่หมอน้องกายก็มีน้องไข่มุกคอยอวยแม่?กาย
น่ารักกกกก :mew1:

อยากอ่านต่ออีกคะ ขอตอนพิเศษอีกน่าาา

ปล.ฝันเป็นตุเป็นตะเลยนะลีวาย :m20:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror วาเลนไทน์(16/02/15)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2015 18:58:22
เป็นเรื่องเป็นราวเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror วาเลนไทน์(16/02/15)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-02-2015 01:58:41


            :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirror วาเลนไทน์(16/02/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-02-2015 07:19:44
สนุกมาก ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 29-03-2015 22:51:40
ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามเราโดยเสมอมา :L2:  :L2:  :L2:  :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-03-2015 23:15:43
ถ้าว่างๆก็จัดตอนพิเศษได้อีกนะคะ รออ่านค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 30-03-2015 09:28:16
สนุกมากๆค่ะ
 ตอนพิเศษมาอีกเรื่อยๆเลยก็ได้นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 13-04-2015 16:32:00
เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามตลอดทั้งเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 15-04-2015 23:14:16
 o13
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 02-06-2015 13:17:51
 o13 จุใจมากค่ะ555555 แอร้ยยยยยยยยย
แรกๆเกลี๊ยดเกลียดอีพี่ธาร จะโหดไปไหน นั่นเด็ก10ขวบนะเว้ย เดี๋ยวตะคอก เดี๋ยวตะคอก หยาบที่สุดดด
สงสารน้องมาก มีแม่แม่ก็ไม่ดี เจอน้องแม่ยิ่งไปใหญ่ เป็นเวรเป็นกกรมแท้5555
อินมากพูดเลยค่ะ  :hao7: แต่พอรักน้องนี้หวงได้หวงดี บางทีก็มากไปลูกเอ้ย  :ruready

คู่อื่นเราก็ชอบนะค่ะ น่ารักดีอ่า มีทั้งสายโหด สายกวน สายหวาน  :กอด1:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้ค่า
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-06-2015 17:33:55
 :mew2:

ตาแฉะกันเลยทีเดียว ตามอ่านตั้งเจ็ดหน้า

แต่สนุกมาก อ่านแล้วไม่อยากว่างเลย

ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-06-2015 00:47:29
สนุกมาก น่ารักมาก ตามอ่านแทบไม่ได้หลับได้นอน
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายสนุกและน่ารักแบบนี้
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-06-2015 15:23:33
น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorจบแล้วย้ายได้เลย(29/03/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 18-06-2015 11:07:59
ฟินทุกคู่เลยยยยยย
ลีวายน่ารักมาก ขอแบบนี้มาเลี้ยงสักคน
พี่ธารก็เพอร์เฟค ชอบตอนพี่ธารบอกรัก
เพราะไม่ได้พูดบ่อยๆ เวลาพูดแต่ละครั้งจะฟินมาก
ส่วนพี่เซฟก็ผันตัวมาอยู่สมาคมกินเด็กกับพี่ธาร 55555
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ampmiya^^ ที่ 20-06-2015 18:26:04
Older Brother Special
 
 
“ไหนบอกเลิกเรียนแล้วไง ให้กูมารอมึงตั้งนาน” ผมถามโอ๊ตที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามานั่งในรถร่างบางปลายตามองผมนิดๆ
 
“กูบอกให้มารับหรอ” นิสัยแบบ....แม่ง แก้ไม่หายซะที “แวะร้าน BK ด้วย”
 
“ทำอะไรอีกล่ะ กูจะรีบไปทำงานนะ”
 
“งั้นมึงก็แค่....ทิ้งกูไว้ที่ร้าน แล้วจะไปไหนก็ไป!!!” มันบอกเสียงเรียบ ช่วงนี้ผมยุ่งๆครับ งานเยอะ เวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อยจะมีเลยแต่ก็พยายามตามรับตามส่งมัน
 
“โอ๊ต มึงอย่าหาเรื่องได้ป่ะ ให้กูปวดหัวแค่เรื่องงานได้มั้ย เอาล่ะ เร็วๆ กูจะรอ” ผมจอดรถหน้าร้านพี่รหัสของมัน
 
โอ๊ตเดินหายเข้าไปด้านในและปล่อยให้ผมรออยู่ในรถราวๆสิบนาทีมันก็ยังไม่ออกมา ผมถึงได้ลงจากรถตามมันเข้ามาในร้าน โอ๊ตนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงสองสามคน หนึ่งในนั้นคือพี่รหัสของมันซึ่งเราเคยทำความรู้จักกันแล้ว
 
“เสร็จยัง นานแล้วนะ กูต้องกลับไปทำงาน” ผมบอก ทุกสายตาหันมามองผมพร้อมเพรียงกัน
 
“ไปเหอะ กูกลับเอง” โอ๊ตบอกโดยไม่ได้สนใจจะหันมามองหน้าผม
 
“ก็ได้ งั้น สองทุ่มกูโทรมาถ้ามึงไม่กลับ เจอดีแน่ ฟอด!!!” ผมบอก ทิ้งท้ายด้วยการก้มลงหอมแก้มมันฟอดใหญ่โชว์สาว กันไว้ก่อนครับเพื่อมันมีกิ๊ก หึ!!!
 
ที่ผมทำงานหนักตอนนี้เพราะผมอยากซื้อบ้าน จริงๆอยู่คอนโดมันก็ดีน่ะนะแต่ว่า ผมเห็นแปลนบ้านของโอ๊ตเมื่อสามเดือนก่อนผมจึงคิดว่ามันคงอยากมีบ้านสักหลัง
 
ผมไปดูที่และจ้างชั่งฝีมือดีสร้างบ้านไว้แล้วแถวๆชานเมืองโดยไม่ได้บอกให้โอ๊ตรู้ กำลังให้ไอ้ธารจัดการอยู่ ตอนนี้บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มีแค่ตกแต่งภายในและภายนอก ไม่น่าจะเกินสองเดือน ถึงตอนนั้นผมค่อยบอกโอ๊ต
 
ผมทำงานเป็นMDให้กับบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งและเป็นCEOให้กับบริษัทชื่อดังในประเทศอีกแห่ง เลยไม่ยากที่ผมจะสร้างบ้านได้ในเวลาไม่นาน หลังจากนี้ผมจะลาออกจากการเป็นMDเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับโอ๊ตบ้าง ดูเหมือนช่วงนี้ช่องว่างของเราจะเริ่มเยอะไปหน่อยแล้ว
 
 
 
“โอ๊ต โอ๊ต หลับแล้วหรอ” หลังจากทำงานเสร็จ ผมก็ตรงกลับคอนโดทันที โอ๊ตนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้องเหมือนเคย
 
“ไหนมึงบอกกลับสองทุ่ม สองทุ่มพ่องมึงสิ” นั่นไง จัดกูเลย
 
“ก็งานมันเยอะนี่หว่า กูไม่ได้แวะที่ไหนเลยนะ คิดถึงมึงจะแย่ ฟอด!!!” ผมนั่งลงข้างๆมัน ก้มลงหอมซอกคอร่างบางทีนึ่ง
 
“กูจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” มันลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ผมนั่งมองตามตาละห้อย เหี้ย เป็นอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นเลยอ่ะ
 
Tru…………
 
“โอ๊ต ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์กูก่อนล่ะ หลับแล้วหรอ” ผมออกมาจากห้องน้ำ พบว่าเสียงโทรศัพท์ผมดังอยู่ข้างๆตัวมันแต่มันไม่ยอมรับสาย
 
“ว่าไงไอ้ธาร” ผมดึงแขนโอ๊ตที่นอนอยู่บนเตียงให้มันหันมาหาผมแต่มันขืนตัวไว้ และดึงแขนกลับ “เดี๋ยวนะมึง!!! กูคุยกับไอ้ธารเสร็จก่อน.....”
 
‘เป็นเหี้ยไรกันอีกพวกมึง’
 
“ไม่รู้ว่ะ เหมือนมันจะไม่พอใจอะไรกูเนี่ยแหละ มึงโทรมามีไรล่ะ”
 
‘เรื่องบ้านน่ะ โอเคแล้ว ไว้ว่างๆเราค่อยไปดูอีกที ถ้าไม่มีปัญหาอะไรมึงตกแต่งได้เลย’
 
“เออขอบใจว่ะ ลีวายส์อ่ะ นอนยัง” ผมถามหาลีวายส์ เพราะช่วงนี้ไม่เจอหน้า เลยรู้สึกคิดถึง ปกติลีวายส์ชอบมาอยู่กับโอ๊ตประจำตอนว่างๆ
 
‘ทำไม หมดแรงหลับไปแล้ว’
 
“ไอ้เหี้ยธารกับกูมึงยังหวง เชื่อมึงเลย แค่นี้ล่ะ กูจะไปสยบเมีย ฝันดี” ผมบอก ก่อนจะวางสาย
 
ผมกลับเข้ามาในห้องมองร่างบางบนเตียงกว้าง และค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างๆมัน ผมกอดเอวบางไว้หลวมๆจากด้านหลัง ซูดกลิ่นสบู่หอมๆจากซอกคอขาวเข้าปอด
 
“หลับจริงหรือเปล่าวะ ลักหลับแม่งเลยนี่ หึ”
 
“กล้าก็ลอง” ผมถึงกับผงะเมื่ออยู่ มันหยิบปืนมาจากไหนไม่รู้ สอดผ่านเข้ามาใต้แขน จ่อตรงหน้าอกซ้ายผมพอดี
 
“เล่นแรงนะมึง ถ้าปืนลั่นขึ้นมาจะทำไง เก็บเร็วครับที่รัก ฟอด!!!”
 
“ไม่มีกระสุนไอ้สัด มึงเอาของกูไปซ่อน อย่าให้กูหาเจอนะ กูยิงมึงทิ้งแน่” เมียกูโหดตลอด ผมว่านอนดีกว่า เหอะๆ
 
 
 
“วันนี้มารับกูบ่ายสาม”
 
“กูมีประชุม ช้าหนึ่งชั่วโมงได้มั้ย รอกูที่.......”
 
“งั้นไม่ต้อง!!!” ปึก! โอ๊ตปิดประตูรถเสียงดังด้วยความไม่พอใจ วันนี้มันมีเรียนบ่ายผมเลยกลับไปรับมันที่คอนโด แวะทานข้าวและมาส่งที่มอ
 
“โอ๊ต!” ให้ตายเหอะ ผมว่าคงต้องทะเลาะกันอีกรอบแน่ๆ
 
ตลอดระยะเวลาในการประชุมผมมักจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเรื่อยๆ หวังว่ามันจะจบลงเร็วๆ แต่ก็ไม่ ผมเลิกประชุมเกือบหกโมง ยังไม่พอยังต้องนั่งคุยกับกรรมการบริษัทอีกสองชั่วโมง เหี้ยเลยทีนี้ กลับไปไอ้โอ๊ตหาย กูต้องเป็นบ้าแน่ๆ
 
“โอ๊ต!” กลับมาถึงห้อง ผมก็เรียกหามันเหมือนทุกครั้งนั่นแหละครับถึงมันจะไม่ตอบก็ตาม “นอนหรอ...อ้าว อยู่ไหนวะ”
 
ไม่มีครับ คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหากัน ในระหว่างที่เดินหามันไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอ หรือจะขึ้นไปห้องไอ้ธารนะ
 
“ไอ้ธารโอ๊ตอยู่ห้องมึงหรอ....ว่าไงนะ เหี้ยไม่โทรบอกกูเลย เดี๋ยวกูตามไป” ไอ้ธารบอกว่าโอ๊ตไปที่ผับกับมันแล้ว ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะไปกับไอ้ธารเพราะปกติมันไม่ค่อยทำตัวสนิทกับใคร
 
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบไปที่ผับทันที เดี๋ยวนี้ผับปรับปรุงใหม่คนเลยเยอะขึ้น ด้านล้างเป็นกึ่งผับกึ่งร้านอาหาร ส่วนด้านบนก็เป็นบาร์และมีเวทีของนักดนตรี ผมให้โอ๊ตช่วยงานนิดๆหน่อยๆ เพราะเห็นว่ามันทำออกมาดีเลยให้มันช่วยงานไอ้เซฟต่อ มันชอบพูดว่าจะกลับไปทำงานกับพี่มันผมเลยหางานให้ทำซะเลย
 
“ไอ้โอ๊ตอ่ะ” ผมถามไอ้ธารที่นั่งอยู่ในห้องพักกับลีวายส์
 
“มาถึงก็ถามหาเมียเลยนะ ไอ้แมน กับเพื่อนกับฝูงนี่ข้างหัวเฉย” ไอ้เซฟเหน็บผมครับ ผมไม่เห็นมันจริงๆนะ ก็มันไม่สำคัญนี่ เหอะๆ
 
“อยู่ด้านนอก เห็นพาเพื่อนมาสี่ห้าคน” ไอ้ธารบอก
 
“หรอ ลีวายส์เป็นไรคะ ทำไมหน้างอแบบนั้นล่ะ ไหนบอกพี่แมนซิ” ผมหันไปถามลีวายส์ที่ตอนนี้นั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟา
 
“ก็พี่ธารอ่ะ กอดกับผู้หญิงเมื่อกี้ ถ้าพี่กายไม่พาลีวายส์ไปดูนะ คงไปไกล” ลีวายส์กอดอกมองไอ้ธารตาขวาง
 
“อ้าวไอ้ธาร ได้ไงวะมึง”
 
“มึงก็เชื่อมันนะ บ้าบอตามไอ้กายแม่งสร้างเรื่องให้กูแล้วหนีไปรับไอ้พี่หมอแล้ว”
 
“โกรธพี่ธารแล้ว!!!”
 
“กูตบปากแตก นั่นมันกระเทย เข้าใจมั้ยกระเทย พูดกับมึงไม่รู้เรื่องเลย งั้นกลับบ้านไป.....มึงมาแล้วก็อยู่ดูร้านต่อล่ะกัน” อ้าว ไอ้ธารพูดจบมันลากลีวายส์กลับเลยครับ
 
“ห้ามชิ่งหนีอีกคนนะมึง ไอ้กายก็กลับแล้ว กูดูไม่ทัน” ไอ้เซฟก็แม่งดักทางกูเร็วเกิน
 
“เออๆ งั้นกูไปหาเมียก่อน” ผมบอกและเดินออกมาหาโอ๊ตข้างนอก มันนั่งอยู่กับเพื่อนสี่ห้าคนและก็มีผู้หญิงอีกสองคนนั่งข้างๆ เมียกูกอดเอวนางด้วย
 
“หวัดดีพี่” เพื่อนโอ๊ตหนึ่งในนั้นทักผม เพราะผมไปรับไปส่งโอ๊ตบ่อยๆ เราเลยรู้จักกัน
 
“เออ มานานยัง ไม่โทรบอกกูเลยนะ”
 
“จำเป็นด้วยหรอ” โอ๊ตบอก ในมือมันคีบบุหรี่ ยกขึ้นสูบเป็นระยะ ถ้าใครไม่รู้ว่าเป็นแฟนผมก็คงคิดว่ามันเป็นเพลย์บอยตัวพ่อแน่ๆ
 
“อย่าเยอะ โอ๊ต กูไม่ชอบ” ผมบอกน้ำเสียงจริงจัง เพื่อนมันไม่รู้หรอกว่าเราเป็นแฟนกัน
 
“กูก็ไม่ชอบเหมือนกัน!!!!” ปึก! อยู่ๆโอ๊ตก็ลุกขึ้นพรวดพราดเข้ามาเหวี่ยงหมัดใสผมท่ามกลางความมึนงงของกลุ่มเพื่อนมัน
 
“โอ๊ต!!!” ผมใช้ลิ้นเลียเลือดตรงมุมปากมองโอ๊ต ที่กำลังจ้องเขม่งมองผม “กลับไปคุยกันที่บ้าน”
 
“ไม่กลับ! กูไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียว! ปล่อยกู!!!”
 
“อยู่คนเดียวที่ไหน กูอยู่นี่! มึงเมาหรอห๊ะ!!! กูบอกให้มาไง” ผมดึงแขนมันให้ตามมาแต่มันไม่ฟังครับพยายามปัดมือผมออก
 
“เอ่อ....พี่ใจเย็นกันก่อนมั้ยอ่ะ”
 
“ไม่ต้องยุ่ง!!!” ผมบอกตวาดใส่เพื่อนมัน ก่อนจะลากเจ้าตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน “มึงเป็นเหี้ยอะไร ไหนบอกกูมาซิ” ผมเหวี่ยงร่างบางลงบนโซฟาหลังจากเข้ามาให้ห้องพักของไอ้เซฟ
 
“มึงแหละ เป็นเหี้ยไรกับกู ห๊ะ! ห๊ะ! มึงแม่ง!....เป็นใครห๊ะ” พูดจาไม่รู้เรื่องยังไม่พอ มันยังตบผมด้วยครับ
 
“ไอ้โอ๊ต! มึงพูดไม่รู้เรื่องนะ หยุด...อ่ะ! กูบอกให้หยุดไง....โอ้ย!!!” ตอนนี้มันคว้าอะไรใกล้มือได้มันก็ใช้ตีผมหมดแหละครับ ทำเอาผมหลบกันจ้าละหวั่น
 
“ไอ้แมน ไอ้เหี้ย มึงทิ้งให้กูอยู่คนเดียวมากี่คืนกี่วันแล้วไอ้สัด กูจะฆ่ามึง....” มันผลักผมลงบนเตียงก่อนจะตามมาตบตีผมจนเจ็บไปหมด ก่อนที่ผมจะรวบมือมันไว้ได้
 
“มึงไม่เข้าใจหรอ กูทำงานนะ เอาเลยดิ ตบตีให้กูตายไปเลย เอาปืนมายิงกูก็ได้ จะได้สะใจมึงไง ดูเหมือนเราจะคุยกันดีๆไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ”
 
“ผมอย่าท้ากูนะ!”
 
“ไม่ได้ท้า พูดจริง ลุกขึ้นกูจะไปเอาปืนให้” ผมผลักมันออก ส่งปืนให้กับมัน โอ๊ตมันก็รับไปทันที สงสัยกูคิดผิดจริงๆที่ไปท้ามัน =_=
 
“ไอ้เหี้ย!” ปึก!!! เต็มๆครับ มันต่อยผมกับสันปืนเข้าอย่างจัง เล่นเอาเลือดกบปาก
 
“หยุดบ้าได้ยัง” ผมดึงปืนกลับมาก่อนจะโยนมันทิ้งไปไกลๆ และดึงร่างบางให้นั่งลงบนตัก “กูขอโทษ นะคร้าบบบ”
 
“กูเกลียดมึง”
 
“เออๆ กูรักมึง โอเคกูลาออกจากงานเลยก็ยังได้ ถ้าไม่หายโกรธ เอาป่ะ” มันมองผมด้วยหางตานิดๆ
 
“ก็เอาสิ กูจะได้รู้ว่ากูกับงานมึงจะเลือกอะไร” อุ้ย! เมียกำลังงอน โคตรดีใจจนหายเจ็บเลยว่ะ
 
“คำตอบมันตายตัวอยู่แล้วว่าเป็นมึง มึงเลยแหละ มึงคนเดียว งั้นพรุ่งนี้กูหยุดงานพามึงไปเที่ยวเอามั้ย”
 
“กูไม่ใช่เด็ก”
 
“ไม่เด็กเลยครับ ฟอด!!! คนนี่โตแล้ว เหอะ! ดูหน้ากู มึงดูหน้ากูนะ เสียหล่อหมด รับผิดชอบเลย” ผมบอกเสียงอ้อน
 
“มึงทำตัวเอง ปล่อย กูจะไปเพื่อน” มันผลักผมออกก่อนจะลุกขึ้น
 
“เพื่อน...แล้วผู้หญิงนั่นใคร เป็นไรกับ ใครพามา” โรคหึงผมกำเริบนิดๆ เพราะผมรู้มาว่าในมอไอ้โอ๊ตมันป๊อปสุด สาวเพียบ
 
“เมียคนอื่นทั้งนั้น มึงโง่เนอะ” ว่ากูอีก =_=
 
“ปากดี...มานี่ก่อนเลย” ผมดึงแขนร่างบางกลับมาจูบแลกลิ้นกันสองนาทีก่อนจะปล่อยให้โอ๊ตกลับไปหาเพื่อน ส่วนผมก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องช่วยไอ้เซฟดูผับจนผับปิดถึงจะได้กลับ โอ๊ตเล่นเมาซะจนผมต้องแบกมันขึ้นห้อง จากนั้นเราทั้งสองคนก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยล้ากันทั้งคู่
 
 
 
“อื่มมม....” ผมผงกหัวขึ้นก่อนจะค่อยๆลืมตาช้าๆ “โอ๊ต....มึงนอนบนตัวกูทำไมเนี่ย หนัก ลงไปเลย” ผมบอก โอ๊ตมันนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนตัวผมครับ
 
“แม่ง!” มันด่าแล้วก็ลงไปนอนดีๆ ผมหมั่นไส้เลยดึงมันเข้ามากอด “ปล่อยกู กูไม่อยากอยู่ใกล้มึงล่ะ”
 
“โอ่ๆ เค้าขอโทษครับ เอาดีๆนะ มึงแผลที่มุมปากกูยังเจ็บอยู่เลยเนี่ย” ผมทำแก้มป่องให้มันดู รู้มั้ยมันทำไง มันกัดแก้มผมครับแทนที่มันจะห่วงผมบ้าง
 
“สมควรแล้วมึงอ่ะ”
 
“มึงโกรธที่กูไม่มีเวลาให้มึง แต่ถ้ามึงรู้เหตุผล มึงต้องดีใจแน่ๆ อาบน้ำยังเนี่ยเดี๋ยวพาไปเที่ยวไง”
 
“ไหนอ่ะ” มันเงยหน้าขึ้นมาถาม ผมจึงถือโอกาสจูบมันซะเลย “ไอ้เหี้ย เหม็นปากไอ้สัด”
 
“มึงอยากขับรถบ้างมั้ย กูขี้เกียจ” ผมบอก รู้สึกอยากนอน เลยถามโอ๊ตดูเพราะปกติมันก็ไม่ค่อยจะขับเอง และมันก็ขอขับบ่อยๆ แต่ปรากฏว่า
 
“ไม่ กูขี้เกียจ” =_=
 
ผมขับรถออกมาแถวชานเมือง ไม่ไกลนักแวะทานข้าวร้านอาหารข้างทางแปบหนึ่ง เพราะแม่งเมียบ่นหิวไม่หยุดปาก จากนั้นก็มายังจุดหมายที่ผมตั้งใจจะพาโอ๊ตมา
 
“ลงดิ ถึงแล้ว” ผมบอก หลังจากจอดรถหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้น ติดริมทะเลสาบเล็กๆ
 
“นี่มัน.....มึงเอาแปลนบ้านกูมาขายหรอ ไอ้เหี้ยแมน ห๊ะ!!!” เอ้า เมียกูก็คิดไปโน้น กูล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ
 
“ขายพ่องมึง เนี่ยบ้านเรา ชัดป่ะ บ้านมึงอ่ะ มึงกับกู” เมื่อได้ยินผมบอกแบบนั้น โอ๊ตมันนิ่งคิดไปสิบวิก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
 
“มึง.....เมื่อไหร่วะ ทำไมไม่บอกกูล่ะ” มันถามผม เสียงอ่อนลงนิดๆ ผมเลยเดินเข้าไปกอดเอวมันไว้จากด้านหลัง
 
“จริงๆกูกะจะให้เสร็จก่อน ถึงจะบอก แต่ถึงตอนนั้น กูคงอาจถึงตายได้”
 
“ก็จริง...ถ้าบอกช้ากว่านี้ศพอาจไม่สวย”
 
“โหดจริงอะไรจริงครับเมีย ฟอด!!! งั้น มึงอยากตกแต่งภายในเองมั้ย จะได้ถูกใจ” ผมจูงมือโอ๊ตเข้ามาในบ้าน มองไปรอบๆซึ่งตอนนี้ยังวางเปล่าไม่มีของตกแต่ง
 
“กูอยากตกแต่งเอง แต่ไม่ใช่เงินมึง อย่างน้อยกูก็อยู่นี่เหมือนกู ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
 
“อย่าคิดแบบนั้นสิ กูทำเพราะกูทำได้ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ของๆกูก็เหมือนของๆมึงนะโอ๊ต กูพร้อมที่จะทำให้มึงทุกอย่างนอกจาก ให้กูทิ้งมึง กูทำไม่ได้”
 
“ซึ่งตายล่ะ
 
“แล้วหน้าแดงทำไมอ่ะ หึๆ” ฟอดดดดดดด
 
 
หนึ่งเดือนผ่านไป..................
 
 
“พี่โอ๊ตตตตต..........” เสียงใสดังมาจากหน้าบ้านแทนเสียงกดกริ่ง แค่นี้ก็รู้ล่ะครับว่าใครมา
 
“ดีค่ะลีวายส์” ผมออกมารับลีวายส์หน้าบ้านก่อนจะช่วยร่างเล็กถือของในมือ “ไอ้ธารแม่ง ให้ลีวายส์ถือได้ไงมึง”
 
“มันอยากถือเองเหอะ ไอ้เซฟกับไอ้กายยังไม่มาหรอ เดี๋ยวก็ดึกพอดี”
 
“ไม่รู้ ถ้ามันโทรมา ก็บอกให้ซื้อของกินมาเยอะๆ เบียร์ด้วย” ผมเอาของที่ไอ้ธารซื้อมา ไปให้โอ๊ตในครัว “อันนี้เสร็จยัง”
 
“อืม....เอาไปกินดิ” โอ๊ตบอก มันทำกับข้าวเป็นนะครับ อร่อยด้วย
 
“ลีวายส์ช่วยมั้ยฮะ พี่โอ๊ต”
 
“ช่วยให้เสร็จช้าลงน่ะนะ มาเลย กูช่วยเองดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ” ไอ้ธารบอก ก่อนจะดึงลีวายส์ลงไปนั่งตักมัน
 
วันนี้ผมเข้ามาอยู่บ้านวันแรกหลังจากตกแต่งกันมาเกือบๆเดือนก่อนจะย้ายของเข้าเสร็จเรียบร้อย เลยจัดปาร์ตี้กันนิดหน่อย ปิดผับแล้วก็นัดกันมาที่บ้านผม ได้ข่าวว่าไอ้เซฟจะพาแฟนมาด้วยผมก็ยังไม่เคยเห็นหรอกนะ เห็นลีวายส์แอบกระซิบมาว่าน่ารักแต่นิสัยไม่ดี จะเชื่อลีวายส์ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้สิ
 
“โอ้ยเหี้ย ไกลฉิบหายอ่ะ” ไอ้กายครับ มาถึงก็บ่นเลย “ไอ้เซฟมายังวะ”
 
“ถามหาไอ้เซฟทำไม คิดถึงมันหรอ” ไอ้พี่หมอครับ งานหึงพี่แกมาเต็มตลอด ไม่แพ้ผมกับไอ้ธารหรอก
 
“บ้าสิ มันพาแฟนมา เหอะ”
 
“แล้วไป....เออ ไอ้แมนกูซื้อของมาให้มึงอ่ะ อยู่หลังรถ ไปแบกเองนะกูอุตสาห์ซื้อมาล่ะ”
 
“โธ่ ไรวะ” ผมเดินไปเปิดท้ายรถพี่หมอ มันซื้อของแต่งบ้านมาให้ครับ เป็นชุดโฮมเธียเตอร์สุดหรู ผมรู้พี่แก่ตังเยอะแต่ไม่ต้องเยอะกับกูก็ได้ และในระหว่างนั้นเองมีรถโตโยต้าวีออสเข้ามาจอดพอดี
 
“ทำไรมึง โทษทีมาช้า” ไอ้เซฟครับ มากับเด็กคนหนึ่ง เหมือนผมว่าผมเคยเจอแต่ไม่รู้จัก
 
“เออ มึงช่วยขนของเลย ไอ้พี่หมอซื้อมาให้เนี่ย” มาถึงก็ใช้ซะเลย เราเลยช่วยกันขนของเข้าบ้าน เด็กที่มากับไอ้เซฟเดินถือของที่ไอ้เซฟซื้อมาเงียบๆ
 
“มาแล้วๆ เล่นตัวนะมึงเซฟ พาแฟนมาทั้งที มาช้าอย่างกะตัวเองเป็นพระเอก” ไอ้กายพูดขึ้นทันทีที่เห็นไอ้เซฟเข้ามาพร้อมๆกับผม
 
“เหอะนา มึงก็ อย่าแกล้งดิ เดี๋ยวแพ็คอึดอัด” ผมมองเด็กไอ้เซฟ แม่งพิมพ์เดียวกับไอ้โอ๊ตเลย นิ่งๆเงียบๆแล้วก็ไม่ค่อยสนใจใคร
 
“อึดอัดก็ไม่ต้องพามาสิพี่เซฟ รู้มั้ยวันนี้นายแพ็ค โดนเรียนคาบพละไปนอนห้องพยาบาลด้วยล่ะ”
 
“ไอ้เตี้ย หุบปากเลย มึงก็ไปเหอะ”
 
“ปะ...ป่าวนะ ก็พี่เค้า.....เอ่อ....พี่เค้าให้ถือของไปให้ นิดหน่อยเอง” ลีวายส์พูดพรางเหล่มองไอ้ธารไปด้วย
 
“พี่ไหน” ไอ้ธารครับ แผ่รังสีหึงมาแต่ไกล เหอะๆ รายนี้ลีวายส์จะพูดถึงใครไม่ได้เลย
 
“รุ่นพี่มอหก ชื่อไรแล้ววะ........” แพ็คพูด ก่อนจะแลบลิ้นใส่ลีวายส์ที่กำลังนั่งเหงื่อตก สงสัยเด็กไอ้เซฟคงไปอึดอัดล่ะมั่งผมว่า หน้าตามันก็ออกจะกวนๆไปอีกแบบ
 
เราออกไปจัดปาร์ตีกันหน้าบ้าน ยกของปิ้งยางออกไปตั้งโต๊ะแบบง่ายๆ นั่งคุยกันดื่มกันไปเรื่อยเปื่อย ตกดึกลีวายส์เริ่มงอแงง่วงนอน ผมเลยให้ไอ้ธารพาไปนอนบนห้องซึ่งมีอยู่สามห้องรวมทั้งห้องของผมและไม่นานไอ้เซฟก็ไปส่งเด็กมันก่อนจะกลับมานั่งดื่มกันต่อจนถึงเช้า พวกผมสี่ห้าคนนอนกองอยู่ด้านล่างตื่นมาไอ้ธารแม่งหายไปนอนกับลีวายส์ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
 
“โอ๊ต ขึ้นไปนอนข้างบนไป” ผมปลุกโอ๊ตที่นอนอยู่บนโซฟาข้างๆผมให้ตื่น หลังจากปลุกพี่หมอไอ้กายและไอ้เซฟให้กลับ ส่วนไอ้ธารยังนอนอยู่ข้างบน
 
“กลับกันหมดแล้วหรอ ห้าวววว”
 
“ไอ้ธารอยู่ข้างบน” ผมบอกดึงแขนมันให้ลุกตาม เดินขึ้นห้อง โอ๊ตนั่งลงบนเตียงท่าทางงัวเงีย “อ่ะนี่” ผมส่งซองสีน้ำตาลให้มันดูก่อนจะนั่งลงกอดเอวบาง เอาคางเกยไหล่มันไว้
 
“นี่มัน.....ได้ไง....กูไม่เอาหรอก มึงบ้าไปแล้ว” มันโวยวายเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
 
“ของขวัญวันเกิดไง วันนี้วันเกิดมึงนี่ ฟอด!!! เก็บไว้นะนี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่กูให้มึงและก็ชิ้นแรกที่กูให้คนที่กูรัก” โอ๊ตนิ่งเงียบไป ก่อนจะอบยิ้มออกมานิดๆ
 
“มึงบ้าไปแล้ว...จุ๊บ!!!” มันจุ๊บแก้มผมด้วยล่ะ คิคิคิ
 
“ท่าจะบ้าจริง แล้วมึงเคยเห็นป่ะ คนบ้ากำลังเอาเมียอ่ะ” พูดจบ ผมกดร่างบางลงบนเตียงก่อนจะทับทาบตัวเองตามลงไปกดจูบริมฝีปากบางของคนรักอย่างดูดดื่ม
 
ในเมื่อผมสร้างบ้านหลังนี้ให้มัน ผมก็จะให้มันจริงๆ ผมจึงให้บ้านหลังนี้ติดชื่อมัน แต่ไม่สำคัญหรอกว่าสิ่งที่ผมให้จะมากน้อยเพียงใด สิ่งที่สำคัญจริงๆคือความสุขของคนที่ได้รับและคนให้มากกว่า
 
“รักมึง” ถึงแม้จะเป็นแค่เสียงกระซิบแต่คำนี้จากโอ๊ตก็ดังก้องอยู่ในหัว(ใจ)ผม และจะดังอยู่อย่างนี้ตลอดไป
 
...
 
อีธารกับลีวายส์เปิดประตูออกมา หลังจากตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆของวัน อีธารยังคงรู้สึกง่วงนิดๆแต่ก็ยังอยากกลับไปนอนที่บ้านเพราะได้ยินเสียงห้องข้างๆ เลยคิดว่าไม่อยากอยู่รบกวนเวลาเพื่อนรักต่อ
 
“พี่ธาร ไหวมั้ยอ่ะ” ลีวายส์คนรักของอีธารถาม เพราะดูท่าทางร่างสูงยังง่วงอยู่ไม่น้อย
 
“ไหวนา ไปเหอะ”
 
“ไปบอกพี่โอ๊ตก่อนฮะ” ลีวายส์บอกและเดินไปหน้าห้องโอ๊ตทันทีซึ่งอีธารห้ามไว้ไม่ทัน
 
‘อ๊า.....อ่ะๆๆๆ.....ซี๊ดดดด..’ ลีวายส์ชะงักมือที่กำลังจะเคาะประตู หันกลับมามองหน้าอีธารด้วยสีหน้าแดงแป๊ดดดดด
 
“มาเลย หรืออยากโดนมั้ง อืม...ฟอด!!!”
 
“จะบ้าหรอฮะ พี่ธารอ่ะ” >/////<
 
>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<

ชอบกันมั้ยเอ่ย คู่ต่อไปจะตามมาเรื่อยๆ รอติดตามนะครัชชชชช  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-06-2015 22:45:36
ขอบคุณค่าาาา
คู่รักเลือดท่วมจอ ชอบมากกกก  ^^
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 24-06-2015 14:15:55
โอ๊ตง๊องแง๊งได้โหดมาก
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-06-2015 15:26:30
อิแมน ทำหวาน เอาใจเมียนะ

โอ๊ตโหดตลอด ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร อิแมนมันถึก

ลีวายน่ารักเสมอเลย

แพ็ค ขรึมไปนะ
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-06-2015 01:45:18
ลงตัวที่สุด
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 28-06-2015 19:57:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 05-11-2015 01:50:32
ตามกลับมาอ่านใหม่ หาน้องลีวายส์
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-04-2016 15:27:31
สนุกมาก ๆ ครับ น่ารักทุกคู่เลย ชอบคู่ เซฟ-แพ็ค ที่สุด

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 07-04-2016 16:27:12
น้องน่ารักมากกก :mew1: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 07-04-2016 20:11:04
เนื้อเรื่องสนุกดี มีหลายรสชาติ แต่เราติดใจตรงชื่อพระเอกนี่แหละว่าทำไมตั้งว่า "อีธาร" จริงอยู่ "อีธาร" มันอาจจะมีความหมายในภาษาอื่น แต่เราคิดว่าคนไทยคงไม่มีใครตั้งชื่อโดยมีคำหน้าว่า "อี" แบบนี้หรอก

 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 18-12-2017 10:38:38
555 กรุรัก ลีวายแระ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-08-2018 12:31:07
กลับมาอ่านอีกรอบ สนุกมากๆๆๆ
ชอบทุกคู่เลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 20-09-2018 15:43:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (โชตะค่อน)Older Brother พี่ชาย....ถึงร้ายก็จะรัก by Mirrorตอนที่ 27(18/06/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 25-09-2020 02:38:49

 
 
   
 
ผมคว้าขวดสบู่หรืออะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ๆ มาเทลงบนฝ่ามือ ก่อนจะยกสะโพกกลมมลขึ้นปาดป้ายมันไปทั่วซอกแคบๆด้านหลังของร่างเล็ก ตอนนี้ไม่ได้สนใจแล้วว่าลีวายส์จะรับได้หรือไม่ ถึงแม้จะโกรธตัวเองลึกๆ แต่มันก็หยุดไม่ได้
 
 
 
อยากฝากข้อเท็จจริงให้ใครก็ได้ที่อ่านเจอ นิยายหลายๆเรื่องจะเขียนว่าใช้สบู่ แชมพูเป็นสารหล่อลื่น ขอเตือนไว้เลยว่าอย่าทำนะ มันแสบมาก ตอนทาหรือชะโลมมันไม่แสบหรอกแต่พอขยับหรือเสียดสีแรงๆน้ำตาร่วงเลย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
ปล. แสบทั้งคนรับและคนรุก
หัวข้อ: Re: Older Brother พี่ชายถึงร้ายก็จะรัก by Mirror ตอนพิเศษ แมน&โอ๊ต(20/06/15)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-10-2023 01:37:42
มาอ่านอีกครั้ง ขอบคุณค่ะ ^^