บทที่ 17
เมื่อคืนผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ โดนไอ้หมาธีมมันกอดเอาไว้ตอนไหนก็ไม่รู้สึกตัวเหมือนกัน ตื่นมาก็เห็นมันมากอดแล้ว ผมนอนหันหลังให้มันตอนที่ตื่น มันมาเอาหน้าของมันมาซบที่หลังของผม มือมันก็โอบกอดที่เอวของผมเอาไว้ ขามันก็ก่ายมาที่ขาของผม คือถ้ามันขยับตัวอีกนิดมันก็มานอนบนตัวผมแล้วล่ะ ถึงว่า..เมื่อคืนผมฝันว่าวิ่งหนีกระทิงขวิดทั้งคืนเลย อย่างเมื่อยอะครับ ผมพลิกตัวกลับหันหน้าเข้าหามัน หน้ามันก็เลยอยู่แถวๆอกผม กำลังจะเขยิบตัวออกแต่มันใช้แขนที่กอดผมกดตัวผมเอาไว้ไม่ให้ขยับ แล้วก็เอาหน้าของมันมาซุกๆแถวหน่มน๊มผมอีก ไอ้หื่น!!
“ขาดแคลเซียมแต่เช้าเชียวนะ” ผมว่ามัน รู้ว่ามันตื่นแล้วทำเป็นแกล้งหลับ มันหัวเราะก่อนจะเงยหน้ามาจูบที่คางผมแล้วเขยิบขึ้นมานอนในระดับเดียวกับผมแล้ว
“คิดถึง เมื่อคืนนาวหลับสนิทไม่สนใจพี่เลย”
“เอ๊า นาวผิดที่หลับสนิท?” ผมถามมันก่อนจะคว้ามือมันมากัดเล่น ผมขี้หมั่นเขี้ยวอะ
“ในนิทานนางเอกเขาต้องรอพระเอกกลับบ้านดิวะ” มันทำเสียงตัดพ้อ โถ พอโกนหนวดแล้วทำไมหน้ามันดูอ้อนงี้วะ อ้อนตีนอะ ฮ่าๆๆ
“ในนิทานพระเอกเขาไม่ปล่อยให้นางเอกนอนอย่างเดียวดายต่างหาก พี่แหละผิด” ผมต่อว่ามันมั่ง มันชะโงกหน้ามาหอมแก้มผม
“พี่ขอโทษนะ” มันพูด เอ่อ มันจะมาโหมดไหนวะ ผมปรับตัวไม่ทัน ทีแรกดูจะหื่น แล้วมากวนตีน แล้วก็มาอ้อน แล้วก็มาทำหน้าสำนึกผิด
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“เรื่องที่แม่พยายามจะให้พี่เทคแคร์เจ้าหญิงมากเกินไป”
“พี่ก็รู้เหรอว่าคุณเมคิดยังไง แล้วพี่จะยังไง” ผมถามมัน ก็รู้แหละว่ามันคงเลือกผมในตอนนี้ แต่สักวันหนึ่งมันจะพูดกับผมไหม ว่ามันคิดผิดที่เลือกผม
“ว่าแต่เจ้าชายในนิทานมีเจ้าหญิงได้กี่คนวะ” มันทำหน้าสงสัย ผมนี่ยกมือขึ้นตบแก้มมันเบาๆแต่ดัง ‘เพี๊ยะ’
“โอ้ย พี่เจ็บนะ พี่ล้อเล่น พี่มีเจ้าหญิงของพี่แล้วไง กว่าจะได้มาย๊ากยาก พี่ไม่หาเรื่องเสียนาวไปหรอก ยังไม่ได้ซั่มด้วย” มันตอบ ฟังแล้วผมตบมันอีกทีดีไหม
“แต่ถ้าคุณเมไม่ปลื้มกับเรื่องของเรา พี่จะกล้าขัดใจแม่เหรอ” ผมถามอีก
“แม่เขารักนาวเชื่อสิ นี่เขาไม่รู้ ถ้าเขารู้ เขาจะไม่จับคู่พี่กับคนอื่นหรอก”
“ถึงเขารักนาวไม่ได้หมายความว่าเขาอยากได้นาวเป็นสามีของลูกเขาหรอกนะ” ผมบอกมัน
“หึหึหึ เออ แต่ถ้าเป็นเมียเขาคงโอเค”
“เช๊อะ นาวไม่ยอมเสียอธิปไตยให้พี่หรอก บอกเลย” เพราะมังกรของมันทำให้ผมกลัวมาก
“สักวันนาวจะยอม” มันนอนตะแคงเข้าหาผมเอามือเท้าหัวแล้วยิ้มให้ผม ก็อยากจะเถียงกับมันต่อนะ แต่ว่าผมกำลังเจอมนตร์ซกมกของมันสะกดอยู่เลยได้แต่หุบปากสนิทแล้วสบตามันด้วยความหวั่นไหว
“พี่เคยเกือบถอดใจหลายหน เพราะคิดว่านาวคงไม่มีทางมาชอบพี่ แต่พี่ก็บอกกับตัวเองว่า สักวันนาวจะยอม ยอมให้พี่เข้าไปในชีวิตนาว”
“นาวร้ายกับพี่มากเลยใช่ปะ” ผมถามมัน
“อืม”
“โหย ปฏิเสธหน่อยก็ได้นะ”
“นาวร้ายกาจ แต่พี่รักของพี่มาก ทำไมวะนาว ทำไมพี่ต้องรักนาวมากก็ไม่รู้” มันถามเหมือนจะกวนนะ แต่น้ำเสียงมันไม่กวนเลย ดูอบอุ่นดี ผมงี้เขินเลยนะ น้ำเสียงของมันไม่หวานหูนะ แต่คำพูดตรงๆของมันทำให้ผมรู้สึกดีๆได้ตลอด
“ก็นาวเป็นคนมีเสน่ห์ จิตใจนาวก็ดี ไอ้ที่ร้ายกาจมันแค่การแสดง นาวใฝ่ธรรมมะ หายใจก็พุทธ หายใจออกก็คริสต์”
“ต้องโธไม่ใช่เหรอ หื้ม” มันช่วยแก้มุขให้ผม ผมหัวเราะคิกคัก แต่มันไม่ได้หัวเราะด้วย แค่ยิ้มนิดๆ ยิ้มแล้วมองหน้าผมนิ่งๆจนผมว่าท่าทางมันใกล้จะกลืนกินผมได้แล้วนะ
“พี่จะไม่ทำตามใจแม่ นาวก็อย่างอนสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วหนีไปจากพี่แบบละครน้ำเน่านะ บอกเอาไว้ก่อน” มันพูดขึ้นมาพร้อมกับเอานิ้วมาเกลี่ยๆที่ริมฝีปากของผม รู้เลย มันจะจูบผมแล้วใช่ไหมครับไอ้หื่น
“นาวชอบขัดใจคุณเมตั้งแต่เด็กๆแล้วพี่ก็รู้ พี่บอกตัวเองเหอะ ว่าอย่าทำอะไรให้นาวต้องคิดมาก เพราะ..”
“เพราะนาวขี้มโน พี่รู้” มันแย่งผมตอบ คือผมจะบอกว่าผมเป็นคนคิดมากเฉยๆ มันมาเติมให้เสร็จเลยนะ
“นาวไปแปรงฟันก่อนได้ไหม” ผมถามมัน
“หึหึหึ” มันขำ อ๊าว จะมอร์นิ่งคริสทั้งทีก็อยากหอมๆ ผมผิดเหรอ ไอ้โหดมันจะขำผมทำไม ชิ
“ไม่ต้องหรอก พี่ลักจูบนาวตั้งแต่นาวมาอยู่บ้านนี้ใหม่ๆแล้ว กลิ่นนี้แหละ พี่ชอบ” มันพูดจบก็จูบผมเลยครับ
“อื้ออ...” ผมรีบดันมันออกเพราะเราจะต้องเล่นตัวสักนิดหนึ่ง มันยอมถอนจูบให้แล้วมองหน้าผมว่าผมจะพูดอะไร
“พี่โรคจิตเปล่าเนี่ย” ผมด่ามันเสร็จ มันก็ยิ้มแล้วก็จูบผมต่อ เล่นตัวแค่นี้ก็พอละเนอะ โอะๆๆ มันจูบมาก็จูบตอบสิครับ จะรออะไรว่าแต่..จูบแบบไม่มีหนวดของมันก็ดีไปอีกแบบนะ ไม่จั๊กจี้ดี ยอมๆให้มันจูบไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมันดูดพลังผมเสร็จค่อยถามมันในเรื่องที่ยังค้างคาใจผมอยู่ก็ที่มันบอกว่า มันมาลักจูบฉัน มันจะเป็นไปได้ไง ผมล็อกห้องทุกคืน ไอ้ขี้โม้เอ้ยยยยย
มันนัวเนียเก็บเล็กผสมน้อยกับริมฝีปากผมอยู่ได้แป๊ปเดียวก็ต้องรีบปล่อยให้ผมไปอาบน้ำครับ วันนี้ผมมีงานเช้า เป็นงานของหน่วยงานรัฐ ร่วมบริจาคของใช้จำเป็นให้กับทหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนตอนบ่ายนี่สิ ผมต้องไปอัดเสียงบ้านไอ้พี่นภมันตามกำหนด ผมไม่ได้กลัวมันหรอก แต่ไม่อยากเห็นหน้ามัน จะยกเลิกก็กลัวจะเป็นข่าวไปอีก เดอะโชว์มัสโกออน บังไงก็ต้องไปทำงานให้ลุล่วงครับ
หลังจากเสร็จงานช่วงเช้าแล้ว ผมก็มาถึงหน้าบ้านของไอ้พี่นภในตอนบ่ายสองกว่าๆ ไอ้ธีมมันนำผมเข้าไปด้านใน พี่มิ่งกับพี่เวกออกมารับผมเข้าไปในห้องอัด ผมไม่เห็นไอ้พี่นภเลย แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเห็นคงอารมณ์เสีย ผมวอร์มเสียงเสร็จก็ลองเทสเสียงดูสองสามรอบ จนเริ่มอัดจริง
“พยายามเข้าใจตัวละครเอาไว้นะนาว นึกถึงความรักของพระเอกที่มีต่อนางเอก” พี่มิ่งพูดใส่ไมค์ในห้องคอนโทรลบอกผม ผมพยักหน้าให้เขา
แต่เดี๋ยวนะ ตอนนี้ผมยืนอยู่ในห้องอัด ส่วนพี่มิ่งพี่เวกและไอ้โหดอยู่ในห้องคอนโทรลและผมก็เห็นทุกคนชัดเจนเลย ถ้างั้น..วันนั้นที่ผมมาที่นี่ครั้งแรก ตอนที่ไอ้โหดมันร้องเพลงพี่แจ้แล้วมองมาตรงที่ผมยืน แปลว่ามันก็เห็นว่าผมยืนมองมันอยู่ดิ งั้นมันก็สบตาผมตลอดเลยอะดิ ไอ้เวรเกลือ ไหนมันบอกผมว่า ถ้ามองมาจากห้องอัด จะมองมาในห้องคอนโทรลนี้ไม่เห็นไงโอ้ย วันนั้นผมทำหน้าเคลิ้มตอนฟังไอ้โหดร้องเพลงเสียด้วย เสียฟอร์มหมด
“ตั้งสมาธิด้วยนาว พร้อมไหม” พี่เวกถามเมื่อเห็นผมเหม่ออยู่ แหม่ กำลังมโนย้อนอดีตนี่นา
“ครับ พร้อมครับ”
ผมหลับตาตั้งสติ ค่อยๆถอนลมหายใจ สักพักเสียงอินโทรเพลงดังขึ้น ผมยังหลับตาอยู่ พยายามนึกถึงบทละคร แล้วก็เริ่มร้องไปเรื่อยๆจนเกือบจบเพลง พี่มิ่งสั่งคัทก่อน บอกว่ายังไม่ได้อารมณ์ ผมร้องอยู่สามรอบก็ยังใช้ไม่ได้ เริ่มเครียดแล้วครับ จนไอ้โหดมันขอเวลาให้ผมพักสักห้านาทีแล้วมันก็เดินมาหาผม
“หายใจลึกๆ ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครร้องผ่านในครั้งเดียวหรอก”
“แต่นี่มันสามครั้งแล้วอะ” ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองท้อ กลัวทำคนอื่นเสียเวลา
“เอาใหม่ๆ เมื่อกี้ที่พี่พูดลืมไปนะ หายใจลึกๆ ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครร้องผ่านในสามครั้งแรกหรอก” มันบอกจบผมก็หลุดหัวเราะ
“ขอบคุณนะที่ปลอบใจนาว” ผมบอกมัน มันก็ยิ้มให้ผมพร้อมกับโยกหัวผมเบาๆ
“ตอนร้องไม่ต้องหลับตา มองตาพี่เอาไว้” มันบอก ผมพยักหน้า
แล้วมันก็พาผมเข้าไปในห้องอัดอีกครั้ง ผมสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะบอกพี่เขาว่าพร้อมแล้ว คราวนี้ผมไม่ได้หลับตาอย่างทุกทีผมมองตามัน มันก็มองตาผม ผมเริ่มร้องเพลง เพลงที่พี่นภบอกว่าแต่งเพื่อผม แต่ผมจะร้องเพื่อเจ้าชายของผมครับ เนื้อเพลงที่ถูกผมถ่ายทอดออกมามันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆระหว่างผมกับไอ้หมาธีม ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกเข้าถึงความรักที่มันมีให้ผม ‘แปดปี’ นานนะสำหรับความรักที่คนๆหนึ่งมีให้ผมตลอดมา ผมไม่รู้ตัวหรอกว่ารักมันตั้งแต่เมื่อไหร่จะใช้คำว่ารักได้รึเปล่า มันเร็วไปไหม แต่ผมคิดถึงและมีความสุขเวลาอยู่กับมัน ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ที่รู้ๆ ผมเชื่อคำว่ารักของมันที่มันบอกกับผม
“เยี่ยมมากนาว สุดยอด แบบนี้เลย” พี่มิ่งปรบมือให้ผมทันทีที่เพลงจบ ผมถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจที่มันผ่านไปได้ด้วยดี
“แล้วผมต้องมาที่นี่อีกไหมครับ” ผมถามพี่มิ่ง
“ไม่ต้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่พวกพี่เอง ดีใจนะที่ได้ร่วมงานกับนาว เราเป็นคนมีความสามารถ สมควรแล้วที่เป็นที่รักของแฟนๆ” พี่มิ่งชมผม ส่วนพี่เวกก็ยิ้มให้
“พี่ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะ” พี่เวกเอ่ยออกมา
“ช่างมันเถอะครับ งั้นผมกลับเลยนะครับ ต้องไปซ้อมเดินแบบต่อ ขอบคุณพี่ๆมากนะครับที่ช่วยสอนผมในหลายๆเรื่อง” ผมยกมือไหว้พี่เขาก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพี่นภไป
ตอนที่กำลังเดินมาขึ้นรถรู้สึกเหมือนถูกใครแอบมองเลยมองเข้าไป ผมเห็นผ้าม่านตรงห้องรับแขกแหวกอยู่ ผมว่าผมเห็นพี่นภนะ สภาพเหมือนคนผ่านสงครามมา หัวถูกพันด้วยผ้าก็อต แขนเข้าเฝือกด้วย แล้วม่านก็ถูกปิดลง ผมเลยเลิกใส่ใจแล้วขึ้นรถไปตอนที่ไอ้โหดมันเรียกให้ผมขึ้นรถ
ผมกับไอ้โหดมาถึงโรงแรมที่จะจัดงานการกุศลแล้ว มาถึงปุ๊ปคุณเมพาผมไปลองชุดที่ต้องใส่เดินคู่กับเจ้าหญิงในห้องพักพิเศษที่แยกออกมาจากห้องของคนอื่นๆ ชุดของผมและเจ้าหญิงจะเป็นชุดฟินนาเล่ของงานและคุณเมอยากให้เป็นความลับ ผมเห็นชุดตัวเองแล้วก็อึ้ง มันอลังการงานสร้างมากครับทั้งชุดและเครื่องประดับ ลองชุดเสร็จก็ได้เจอกับเจ้าหญิงมิเชลที่มาลองชุดเหมือนกัน ชุดของเจ้าหญิงสวยงามมาก ถ้าไอ้มีนมาเห็นคงกรี๊ดเพราะอยากใส่ คุณเมบอกว่าสองชุดที่ผมกับท่านหญิงต้องใส่ เป็นชุดที่นำมาจากบัณตรารวมไปถึงเครื่องประดับด้วย คุณเมบอกว่าทั้งหมดคือเพชรแท้ พลอยแท้ ทองแท้ เงินแท้ แต่คนใส่ไม่ใช่ชายแท้ เฮ้ย ไม่ใช่ละแสดงว่าประเทศนี้ไม่ธรรมดา ทรัพยากรที่ว่าอุดมสมบูรณ์คงเป็นพวกเหมืองทองเหมืองเพชรแน่ๆ ไอ้โหด หวังว่าไอ้พี่ธีมมันคงไม่ใช่พวกอยากตกถังข้าวสารหรอกเนอะ
“ผมต้องใส่หมดนี่เลยเหรอครับ” ผมถามคุณเมที่กำลังทยอยเก็บเครื่องประดับเข้ากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวแม่ขอเอาของไปเก็บในเซฟของโรงแรมก่อน น้องนาวอยู่คุยกับเจ้าหญิงก่อนนะคะ” คุณเมกับทีมงานนำชุดและเครื่องประดับไปเก็บเหลือผมอยู่กับเจ้าหญิงสองคน ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร บรรยากาศเลยดูเงียบจนน่าอึดอัด
“เมื่อคืนคุณปารมีน่าจะไปด้วยนะคะ เพลงไทยเพราะดี มิเชลชอบ”เจ้าหญิงมิเชลเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาก่อน
“เรียกผมว่านาวก็ได้ครับท่านหญิง”
“งั้นเรียกหญิงว่ามิเชลก็พอนะคะ”
“ได้ครับคุณมิเชล”
“ไม่ต้องมีคุณสิคะ เรียกเหมือนพี่ธีมก็ได้ เรียกมิเชลเฉยๆ”
“อ๋อ ครับ มิเชล” ผมเริ่มรู้สึกว่า ปล่อยให้บรรยากาศเงียบๆแบบเดิมดูจะดีกว่าไหม
“เมื่อคืนพี่ธีมขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีด้วย ไพเราะมากๆเลย ท่านแม่ของมิเชลเคยบอกว่า เพลงไทยมีความไพเราะมากและลึกซึ้ง มิเชลเห็นว่าไม่เกินจริงเลยกับสิ่งที่ท่านแม่เล่า”
“อ๋อ ครับ” ไหน..ไอ้หื่น ไหนแกบอกว่าร้องให้คนพิเศษฟังได้คนเดียวไง หึ่มมม กลับไปโดนกัดแขนหลุดแน่ ผมได้แต่คาดโทษให้โหดในใจ
“นาวสนิทกับพี่ธีมมากไหม มิเชลรู้มาว่าไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน” รู้สึกเหมือนผมไหมว่าผมเหมือนกำลังถูกประกาศสงครามทางจิตวิทยาหรือผมโนไปเองอีก คือถ้ารู้ลึกไปถึงสายสัมพันธ์ของสายเลือด น่าจะรู้ว่าผมจวนจะได้เสียเป็นผัวเมียกับไอ้โหดแล้วไหมคะ องค์หญิง
“ก็สนิทมั๊งครับ”
“ดีจังนะคะ มิเชลกับพี่ชายก็สนิทกัน อุ้ย..มิเชลจะบอกทำไมไม่รู้ เพราะมิเชลกับพี่ชายสายเลือดเดียวกันก็ต้องสนิทกันอยู่แล้ว จริงไหมคะ คิกๆๆ” ผมมองเจ้าหญิงแห่งบัณตราปิดปากหัวเราะคิกคักดูน่ารัก แต่ผมเห็นก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้เดียงสาอย่างภาพลักษณ์ที่แสดงออกมา
“อ๋อ ครับ”
“เอาไว้นาวไปเที่ยวที่บัณตรานะคะ มิเชลชวนพี่ธีมแล้ว พี่ธีมก็ตกลงว่าจะไป”
“อ๋อ ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ แหมๆ ไอ้หมาธีม นี่ไปตกลงปลงใจจะไปเที่ยวบ้านเขาแล้วเหรอ หนอยแหน่ะ
..ก็อกๆๆ.. เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นเสียงสวรรค์สำหรับผมตอนนี้จริงๆ ผมและมิเชลหันไปดูที่ประตู ปรากฏว่าเป็นไอ้มีนครับ ตามมาด้วยไอ้ยีน ไอ้เกลือ ไอ้จอม ไอ้บูมและน้องทัส ผมรีบลุกไปหาเพื่อนด้วยอาการดีใจจนออกนอกหน้า พวกมันเดินเข้ามาทำความเคารพเจ้าหญิง ผมเลยแนะนำเพื่อนๆของผมให้มิเชลได้รู้จัก มิเชลพยักหน้าน้อยๆให้กับเพื่อนผมทุกคนก่อนจะหันกลับไปนั่งแบบเดิม ท่าทางเหมือนวันที่ผมได้เจอเธอในวันแรก คือเริ่ดหน้าขึ้นน้อยๆ อกตั้งหลังตรงและไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อ
“ผมมาซ้อมคิวงาน ตอนนี้เสร็จแล้ว เลยจะมาชวนคุณนาวไปรับประทานอาหารด้วยกัน เพราะวันนี้ทุกคนคิวว่างหมดแล้ว” ไอ้บูมพูดกับผมครับ ผมอยากจะหัวเราะให้ม้ามสั่น มันคงเห็นมีเจ้าหญิงอยู่ด้วยเลยพูดจาสุภาพกับผม
“ไปๆ คิดถึงพวกคุณทุกคน” ผมเล่นตามมันบ้าง
“ต้องชวนไหม” ไอ้เกลือกระซิบถามผมแล้วบุ้ยใบ้ไปทางมิเชล
“มิเชลอยากไปทานข้าวกับผมและเพื่อนๆไหมครับ” ผมหันไปถาม ไอ้พวกเพื่อนมันดูตกใจที่ผมใช้คำธรรมดา
“ขอตัวดีกว่าค่ะ มิเชลจะไปทานกับพี่ธีม” มิเชลหันมาตอบก่อนจะกันกลับไปนั่งท่าเดิม
“งานเข้าแกกะพี่ธีมแล้วดิท่า” ไอ้บูมกระซิบถาม ผมยักไหล่ให้มันนิดหนึ่งสักพักคุณเมก็เดินกลับเข้ามา
“ขอบใจมากนะจ๊ะเด็กๆที่สละเวลามาช่วยน้า เดี๋ยวไปทานข้าวด้วยกันนะ” คุณเมเอ่ยชวนพวกมัน
“เดี๋ยวผมไปกินที่บ้านบิวกันครับ ขอพาตัวนาวไปด้วยกันนะครับ” ไอ้จอมเป็นคนบอก
“อ๋อ เสียดายจัง น้าก็จัดอาหารของโรงแรมเอาไว้เยอะเลย แต่ไม่เป็นไร แต่คราวหลังห้ามปฏิเสธนะคะ อืม แล้วน้องนาวจะกลับดึกไหมคะ แม่จะได้ให้วินัยไปรอรับ พอดีพี่ธีมต้องอยู่ช่วยแม่ก่อน”
“เดี๋ยวนาวให้เกลือมาส่งได้ครับ” ผมบอก คุณเมที่ตอนแรกดูลังเลใจ แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“แต่เดี๋ยวน้องนาวไปสวัสดีลุงปริณหน่อยนะจ๊ะ ท่านมาตรวจงานอยู่ที่ห้องจัดงาน ถามถึงน้องนาวใหญ่เลย” คุณเมบอก ผมหันไปร่ำลามิเชล พวกเพื่อนผมก็โค้งให้เจ้าหญิงก่อนจะเดินตามผมออกมา
“โคตรหยิ่งเลย” ไอ้ยีนบ่นเมื่อพ้นออกมาจากห้อง
“ก็เขาเป็นถึงเจ้าหญิง เรามันคนธรรมดา” ไอ้บูมบอก
“แกธรรมดาตรงไหนวะบูม ฉันว่าแกไม่ธรรมดา เรียกอีกอย่างว่า ผิดปกติ” ผมหันมากัดมัน ไอ้มีนหัวเราะชอบใจ
“ไม่ถูกชะตา” ไอ้ยีนยังบ่น
“เอาน่า เดี๋ยวก็กลับประเทศไปแล้ว” ไอ้เกลือตบไหล่ไอ้ยีน
“แล้วดูจะติดพี่ธีมเหมือนเหาฉลาม” ไอ้มีนประชดบ้าง
“เออ ยังไงวะ” ไอ้จอมถามผม เดี๋ยวนี้มันเริ่มเป็นคนสอดรู้สอดเห็นติดเชื้อพวกผมแล้วนะไอ้จอม
“ไม่ไงอะ เราเชื่อใจพี่ธีม” ผมบอก
“เจ้าหญิงมิเชลเป็นคนเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจมาตลอด แต่เป็นแค่เด็กดื้อ ไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกครับ” สิ้นประโยคนี้พวกผมก็หันไปจ้องมองคนพูดกันแบบอึ้งๆ
“น้องทัสรู้จักเจ้าหญิงด้วยเหรอ” ไอ้บูมถาม คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆ
“เมื่อกี้ที่พี่พูด พี่ล้อเล่นนะจ๊ะ” ไอ้มีนรีบบอกแล้วหัวเราะแห้งๆ ดพอรู้วง่าน้องทัสรู้จักเจ้าหญิงมันคงกลัวโดนเครื่องประหารหัวสุนัขใช่ไหม พูดดสิไอ้มีน ฮ่าๆ
“ทัสไม่บอกเจ้าหญิงหรอกฮะ เพราะเจ้าหญิงไม่ชอบหน้าทัส ที่ทำปั้นปึ่งเมื่อครู่คงเพราะเห็นทัส ไม่เกี่ยวกับพวกพี่หรอก”
“แล้วทำไมน้องทัสถึงได้รู้จักกับ..” ไอ้มีนจะถามแต่ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“อย่าเพิ่งถามเลย ไปเหอะ ไอ้บิวคงรอแล้ว” เป็นไอ้จอมที่ขัดขึ้น
“แกไปกันก่อนเลย ฉันขอแวะทักลุงปริณก่อน เดี๋ยวฉันตามไปกับไอ้เกลือก็ได้” ผมบอก
“คุณปริณเจ้าของช่องสี่สีทีวีเพื่อประชาชนใช่ไหมนาว” ไอ้ยีนถาม ผมพยักหน้า มันแสดงอาการตื่นเต้นเพราะคุณปริณคือเจ้าของช่องที่มันสังกัดอยู่
“ไปเป็นลุงแกได้ไงวะ” ไอ้บูมถามบ้าง
“เรื่องมันยาวว่ะ เอาไว้ไปเล่าที่บ้านไอ้บิว แกรีบไปกันเลย เดี๋ยวไอ้บิวมันรอนานจะพาลร้องไห้” ผมบอกขำๆ พวกมันเลยแยกย้ายกันไป เหลือผมกับไอ้เกลือที่เดินเข้าไปในห้องจัดงาน ผมเข้าไปสวัสดีคุณปริณ คุณปริณทักทายและถามไถ่เรื่องทั่วไปกับผมพักหนึ่ง ผมถึงได้ขอตัวเพราะลูกน้องคุณปริณบอกว่าได้เวลาอาหารค่ำกับเจ้าชายมิคาเอลแล้วเหมือนกัน
“พรุ่งนี้น้องนาวว่างไหม” ลุงปริณถาม
“พรุ่งนี้น่าจะไม่มีงานนะครับ จะมีก็แค่มาซ้อมงานของคุณเมนี่แหละครับ”
“งั้นดีเลย พรุ่งนี้ไปเที่ยวบ้านลุงไหม ทานอาหารกลางวันด้วยกัน ลุงก็ว่างพอดี”
“ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปฝากท้องกับคุณลุงด้วย อยากไปดูรูปสมัยคุณลุงยังเอ๊าะๆ”ผมบอก คุณปริณหัวเราะชอบใจก่อนจะลูบที่หัวผมเบาๆ
ผมกับไอ้เกลือไหว้ลาคุณปริณก่อนจะเดินไปที่รถ ผมพยายามมองหาไอ้โหดแต่ก็ไม่เห็นมันเลย ไม่รู้มันไปอยู่แถวไหน แต่รถมันก็ยังอยู่ ผมเดินอกมาจวนจะถึงรถของไอ้เกลือแล้ว ได้ยินเสียงไอ้โหดมันเรียกเลยรีบหันไป มันกำลังเดินมาหาผม ผมก็จะเดินข้ามไปหามัน เสียงไอ้เกลือก็ตะโกนมา
“นาว ระวัง!!!” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก
จังหวะนั้นรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับเปิดไฟหน้ารถสว่างจ้า ผมยกมือขึ้นบังแสงไฟที่สาดเข้าตาเต็มๆ อีกนิดเดียวที่รถจะถึงตัวผม ไอ้โหดมันวิ่งมาดึงผมเข้าหาตัวมันอย่างแรงจนล้มไปด้วยกันทั้งคู่ มอเตอร์ไซด์ขับเฉี่ยวตัวผมไป มันทำท่าจะวกกลับมา แต่ไอ้เกลือที่เปิดประตูหยิบปืนจากในรถขึ้นมาส่องไปทางรถมอเตอร์ไซด์ทำให้ไอ้คนขี่มันรีบขับหนีไป
“เป็นไรมากไหม” ไอ้ธีมมันถามผม ไอ้เกลือเดินเข้ามาหาผมกับไอ้โหด
“มีใครเป็นอะไรไหม” ไอ้เกลือถาม ผมส่ายหน้ามีแค่แผลถลอกนิดหน่อย แต่จุกที่ท้องเพราะที่อักเสบอยู่มันยังไม่ทันหายดี
“เลือดออกที่แขนพี่อะ” ผมชี้บอกไอ้โหด มันยกแขนขึ้นมาดู คงล้มไปแรง แขนมันถูกเศษหินบาด
“นิดเดียว นาวละ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ไอ้โหดมันถาม จับแขนผมขึ้นมาดู จับหน้าผมเอียงไปเอียงมาดูความเสียหาย ได้ข่าวผมล้มทับมันนะ ผมสิต้องเป็นห่วงมัน
“ไม่เจ็บ แต่..แม่ง ขับรถภาษาเชี้ยไรวะ มึงซื้อใบขับขี่มาจากนาซ่ารึไง อีกนิดเดียวแกทะยานขึ้นดาวอังคารแล้ว ไอ้ฟวย” ผมตะโกนด่าอากาศ เพราะไอ้คนขี่ที่มันมาเฉี่ยวผมมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ก็มันทำแฟนผมเจ็บ ผมก็โกรธดิ ขอด่าสักหน่อยก็แล้วกัน
“ฉันว่าตั้งใจชนแกเลยมากกว่า ตรงนี้ไม่ใช่ถนน แค่ลานจอดรถ ถนนนี้ก็กว้าง” ไอ้เกลือบอก ผมอึ้งๆไป ก็จริง ลานโคตรกว้าง ทำไมถึงพุ่งมาทางผม
“ไปทำแผลก่อนเถอะ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วประคองไอ้โหดมันให้ลุกขึ้นมา
“จะไปไหนทำไมไม่บอกพี่เลย ถ้าพี่มาช้ากว่านี้จะเป็นยังไง” ไอ้โหดมันบ่นผม
“นาวหาพี่ไม่เจอ คิดว่าคงยุ่งๆ แล้วพี่ต้องไปกินข้าวกับมิเชลอีก นาวเลย..นาวนาวขอโทษนะ” ผมว่าพูดไปก็เท่านั้น ผมผิดเองจริงๆแหละที่ไม่ได้บอกมัน
“พี่จะไปกินข้าวกับนาว ไม่ได้จะไปกับคนอื่น วันหลังถามพี่ก่อนนะ รอพี่แป๊ปนะเดี๋ยวพี่ไปด้วย พี่ขอเอากุญแจรถไปให้ธารก่อน” มันบอก
“นาวขับให้ก็ได้นะ” ผมบอกเผื่อฟลุ๊คได้ขับลูกมัน
“อย่าฝันเลย” มันบอกผมยิ้มๆ
“งั้นนั่งรถผมไปเลย เดี๋ยวผมขับไปวนให้ที่หน้าโรงแรม” ไอ้เกลือบอก ไอ้โหดพยักหน้า
แล้วผมก็เลยพามันเดินขึ้นรถไป ว่าแต่ใครกันที่อยากทำร้ายผม ให้รถพุ่งชนแบบนี้ผมอาจจะตายก็ได้นะ พี่นภงั้นเหรอ อยากทำร้ายผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผมได้แต่คิดในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมาเพราะก็ไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง ไม่อยากโทษใครไปก่อน
โปรดติดตามตอนต่อไป