พิมพ์หน้านี้ - ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Loverouter ที่ 28-12-2014 12:51:19

หัวข้อ: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 28-12-2014 12:51:19
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


หมายเหตุจากผู้แต่ง

นิยายเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน สถานที่ เนื้อเรื่องถูกแต่งขึ้นทั้งหมดจากจินตนาการของผู้แต่ง อาจจะมีคำไม่สุภาพบ้างนิดหน่อยในการแทนตัวของตัวละครหรือคำเขียนที่ผิดเพี้ยนจากคำที่ถูกต้องไปบ้าง เพื่อแสดงอารมณ์ของตัวละครในบทสนทนา แต่จะพยายามให้น้อยที่สุดนะคะ และหากเนื้อเรื่องตอนใดของนิยายเรื่องนี้ไปคล้ายคลึงชื่อใคร สถานที่ใด เรื่องใดก็ตามต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย แต่รับรองว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดมาจากจินตนาการผู้แต่งล้วนๆค่ะ ขอให้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

---------------------


นิยายเรื่องอื่นๆของผู้แต่ง



ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.0)

รักวุ่นดีปีโป้ช่วยลุ้น ภาค 1 และ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45546.0)

จนกว่ารักจะทักทาย (18+) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47582.0)

เคลียร์คิวหัวใจเอาไว้ให้ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52203.0)


ซีรีส์ชาวเกาะ
ปรุงรักให้ลงล็อก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58932.0)
ปลดล็อกให้ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64395.0)
เพลงรักที่หายไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.0)


มนตราแห่งมายัน
ภาค วสันตวิษุวัต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69992.0)
ภาค ครีษมายัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70879.0)


เรื่องสั้น
ผู้โชคดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70401.0)



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)


---------------------
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 28-12-2014 12:59:27
เอ บางทีคุณเมอาจไม่ได้ต้องการอะไรเลยก็ได้นา แต่บางทีอาจเป็นอย่างที่นาวคิดก็ได้ แม่ซินเดอเรลล่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 28-12-2014 13:00:25
กาลครั้งหนึ่งความรัก : ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ

สารบัญ

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2916274#msg2916274) , ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2917483#msg2917483) , ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2918024#msg2918024) , ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2919281#msg2919281) , ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2922346#msg2922346) , ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2924561#msg2924561) , ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2926100#msg2926100)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2927049#msg2927049) , ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2927913#msg2927913) , ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2930153#msg2930153) , ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2931507#msg2931507) , ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2932393#msg2932393) , ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2933623#msg2933623) , ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2935452#msg2935452)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2936593#msg2936593) , ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2938910#msg2938910) , ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2939700#msg2939700) , ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2940948#msg2940948) , ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2942562#msg2942562) , ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2944207#msg2944207) , ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2945478#msg2945478)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2947465#msg2947465) , ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2948409#msg2948409) , ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2950948#msg2950948) , ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2953037#msg2953037) , ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2954189#msg2954189) , ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2956955#msg2956955) , ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2958151#msg2958151)
ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2960226#msg2960226) , ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2963148#msg2963148) , ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2966172#msg2966172) , ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2967789#msg2967789) , ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2969569#msg2969569) , ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2971709#msg2971709) , ตอนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2974243#msg2974243)
ตอนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2975690#msg2975690) , ตอนที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2978399#msg2978399) , ตอนที่ 38 ตอนจบ (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2981009#msg2981009) , ต่อตอนจบ (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.msg2963809#msg2963809)



บทที่ 1


เอาละ ผมขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมให้รู้ ผมชื่อปารมี ปิยดิษฐ์ ลูกชายคนเดียวของ ปิยะ ปิยดิษฐ์ ผู้กำกับละครชื่อดังในอดีต แม่ของผมสมัยวัยขบเผาะมีตำแหน่งเป็นรองนางสาวสยามเชียวนะ พ่อกับแม่แต่งงานกันหลังจากที่แม่ได้รับตำแหน่งเพียงแค่สามเดือนและทั้งคู่มีผมเป็นทายาทเพียงคนเดียว ผมได้เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ ขั้นแรกก็เริ่มจากโฆษณาก่อน พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ผมเป็นที่รักของสื่อมวลชนและประชาชน เพราะผมหน้าตาจิ้มลิ้ม แม่กับพ่อพาออกงานก็ไม่งอแง ยิ้มง่ายและไม่กลัวกล้องเลยสักนิด แต่แม่ก็อยู่กับผมได้ไม่นานแม่ก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ผมจำเรื่องของแม่ไม่ได้เลยเพราะยังเด็กเกินไป ผมรู้จักแม่ผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยซ้ำ แม่เป็นผู้หญิงสวย สวยมาก สวยกว่าคนได้ตำแหน่งนางสาวสยามปีนั้นด้วยซ้ำ ชิ กรรมการตาถั่วจริงๆ รอยยิ้มที่เหมือนนางฟ้า มีลักยิ้มน้อยๆ มีเขี้ยวด้วย ดูเป็นคนใจดี ถ้าแม่ยังอยู่ผมก็คงได้อ้อนแม่ ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นทุกวัน ผมอยากให้แม่กอดผมเวลากลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ แต่มันก็เป็นแค่ฝัน

..เฮ้อ กลับมาสู่โลกแห่งความจริงต่อครับ..

พอผมขึ้นมัธยมปลาย พ่อก็ขายบ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่เกิด แล้วก็พาผมมาที่บ้านหลังหนึ่ง พ่อบอกว่าผมจะมีแม่ใหม่ แม่ที่จะให้ความอบอุ่นกับผมได้ พ่อไม่ได้ถามผมสักคำว่าผมต้องการรึเปล่า แต่ผมไม่ได้โวยวายหรือขัดขวางการแต่งงานใหม่ของพ่อ เพราะผมได้รู้จากพี่ชัช ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผม พี่ชัชเป็นญาติห่างๆของพ่อ พ่อให้พี่ชัชมาคอยดูแลเรื่องงานให้ผม พี่ชัชบอกว่าพ่อกำลังจะล้มละลาย พ่อมีหนี้สินเพราะขาดทุนกับการทำภาพยนตร์ที่พ่อไม่ถนัด เงินที่ได้มาจากการค่าตัวของผมที่สะสมมาตั้งแต่เด็กๆก็หมดไปด้วยกับการลงทุนของพ่อครั้งนี้ พี่ชัชบอกว่าคุณเมธาวีต้องการจะช่วยชำระหนี้พ่อทุกอย่าง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากยินยอมย้ายเข้ามาในบ้านหลังใหญ่หลังนี้แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ผู้หญิงที่ใช้เงินเพราะอยากแต่งงานกับพ่อของผม ผมควรเรียกเธอว่าแม่เหรอครับ

..เอาละ มาถึงครอบครัวของผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาในชีวิตพ่อของผมบ้าง..

คุณเมธาวี กีรติกานต์ นักธุรกิจสาวเจ้าของบริษัทรถยนต์นำเข้าและบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หน้าตาของเธอก็ดูเรียบๆ ผมไม่ได้อคตินะ ผมว่าเธอดูเหมือนแม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง พ่อบอกว่าคุณเมธาวีเป็นแฟนคลับของพ่อตอนยังหนุ่มๆ พ่อตัดสินใจแต่งงานกับเธอเพราะเหตุผลที่พ่อไม่บอกแต่ผมได้รู้ ผมรู้สึกว่าพ่อไม่มีศักดิ์ศรีพ่อแต่งงานกับเธอเพื่อเงิน ผมยอมรับว่าผิดหวังและที่ยิ่งไปกว่าผิดหวังคือความเจ็บปวดเมื่อพ่อบอกว่า ผมจะสบายไม่ต้องทำงานเพราะคุณเมธาวีจะส่งเสียเลี้ยงดูผมเหมือนว่าผมเป็นลูกแท้ๆของเธอ ผมจะมีความสุขและมีอนาคตที่ดีถ้าได้อยู่ที่นี่

“พ่อทำแบบนี้เพื่อลูกนะนาว” พ่อผมได้กล่าวเอาไว้อีกเช่นกัน

แม่เลี้ยงของผมมีลูกติดมาสองคน คนโตเป็นผู้ชาย มันชื่อ ธีรดล หรือ ธีม มันเป็นผู้ชายเซอร์ๆแต่ผมว่ามันซกมก 555 ผมหยักศกสีดำสนิท ไว้หนวดไว้เคราหน่อยๆ หน้าตาคมเข้ม น่าแปลกใจที่ใบหน้ามันไม่เหมือนแม่มันเลยสักนิดเดียว เหมือนฝรั่งด้วยซ้ำ คงจะได้จากพ่อ แอบรู้มาว่าพ่อมันเป็นคนต่างชาติ ผิวของมันสีน้ำผึ้งครับ ไม่ขาวแบบฝรั่งทางยุโรป เลยไม่รู้ว่าพ่อมันเป็นคนชาติไหน แต่ที่แน่ๆตัวมันคงชาติหมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  แค่ได้ด่ามันในใจผมก็มีความสุขแล้วครับ แต่ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่มันเลิกกันเพราะอะไร มีคนเคยชวนมันไปเป็นดาราเหมือนกัน แต่มันปฏิเสธ มีถ่ายแบบบ้าง รูปร่างมันดีนะ ดีมากเลยทีเดียว มันชอบไปออกกำลังกาย คงอยากโชว์สาวๆ ผมยังแอบอิจฉากล้ามที่ท้องมันเลย ผมเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบมีเหงื่อครับ เลยไม่มีกล้ามเนื้อสวยๆอย่างมัน ส่วนดวงตาของมันเวลามองมานี่คมกริบเหมือนตาเหยี่ยว แน่ละ ผมว่า ดวงตาคู่นั้นของมันคงมีไว้เพื่อผมจริงๆ หมายความว่ายังไงเหรอครับ ก็หมายความว่า มันชอบจับผิดผมนะสิ คอยจ้องจับผิดมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ คอยจับตามองผมแทบจะทุกฝีก้าว ตอนผมย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ผมไม่ค่อยยอมมันหรอกครับ มันแรงมาก็แรงไป จนมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมถูกพ่อตีที่ไปทะเลาะกับมัน เป็นครั้งแรกที่พ่อตีผมในเรื่องที่ผมไม่ผิด ผมเสียใจและน้อยใจพ่อมาก ถึงแม้ว่าแม่เลี้ยงของผมจะเข้าข้างผม แต่ผมรู้ว่าเขาทำเพื่อสร้างภาพให้พ่อชื่นชมมากกว่า เวลามีเรื่องกัน พ่อก็เข้าข้างครอบครัวใหม่ของพ่อตลอด ผมจึงเลือกที่จะทำตัวใหม่ ในเมื่อทุกคนชื่นชมกับการแสดงของผม ผมก็จะใช้มันเพื่อแก้คืนคนที่มันร้ายกับผมเช่นกัน ตั้งแต่นั้นมาผมก็ทำตัวหัวอ่อน ต่อหน้าไม่เคยเถียงหรือทำตัวมีปัญหา แต่ลับหลังผมก็พยายามทำเรื่องให้ปวดหัวตลอด ไม่ว่าจะแกล้งเรียนไม่ดีบ้าง แกล้งมีข่าวกับคนนั้นคนนี้บ้างแต่แม่เลี้ยงผมก็ตามเคลียร์ได้ทุกที อำนาจเงินนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆ

พอโตขึ้นมาหน่อยไอ้ธีมกับผมก็ไม่ค่อยทะเลาะกันเหมือนตอนเด็กๆ มันจะออกแนวเมินใส่ผม หน้าก็ไม่ค่อยจะมอง มีปะทะฝีปากกันบ้างตามโอกาสจะอำนวย แต่ไอ้เรื่องคอบจับผิดนี่มีมาตลอด ตอนเด็กๆมันจะรีบฟ้องคุณเม แต่หลังๆมันจะเอามาขู่ผมมากกว่า มันบอกว่าสะสมแต้มรอเวลาสะสางทีเดียว แหม แกเป็นพนักงานเซเว่นเหรอครับ มีสะสมแต้มแลกรางวัลด้วย   
ส่วนคนที่สองเป็นผู้หญิง เธอชื่อ ธีรนี หรือธาร เธอสวยครับ สวยเฉี่ยวๆ สวยแบบไม่ยอมคน แต่ผมกับพี่สาวนอกไส้คนนี้ไม่ค่อยยุ่งกัน ธารเป็นเน็ตไอดอล ชอบแต่งตัว ชอบปาร์ตี้ ไม่ค่อยกลับบ้าน จริงๆผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพี่สาวนอกไส้คนนี้ แต่เวลาที่ผมต้องทะเลาะกับพี่ชายของเธอ เธอชอบทำหน้าเบื่อๆและไม่เคยเข้าข้างผมเลยสักครั้ง มันก็ธรรมดา เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย ในสายตาของเธอผมคงเหมือนกาฝากที่มาเกาะครอบครัวของเธอมั๊ง ธารอายุมากกว่าผมไม่กี่เดือนเอง เอาเป็นว่า ถึงธารจะไม่ชอบผม แต่ไม่หาเรื่องผม ผมก็โอเคนะ ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน

“ถึงธารจะอายุมากกว่านาวไม่กี่เดือน แต่นาวต้องนับถือเขาเป็นพี่ รู้ไหมลูก เรียกเขาว่าพี่ธารนะ” พ่อผมได้กล่าวเอาไว้อีกแล้วครับท่าน

จริงๆแล้วพ่อผมกล่าวไว้หลายคำเลยละครับตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เป็นคำสอนที่ให้ผมคอยสำนึกบุญคุณคุณเมและให้ดีต่อครอบครัวใหม่ที่พ่อหามาให้ผม ราวกับว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่มอบให้ก่อนที่ตัวเองจะจากไป พ่อแต่งงานใหม่ได้ปีกว่าๆก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เสียชีวิตในทันที ผมรู้สึกเคว้งคว้างมากในตอนนั้น ญาติพี่น้องคนอื่นก็ไม่มี มีแค่เพียงพี่ชัชที่ยังคอยดูแลผมในเรื่องงานและสามคนนั้นที่สังคมรับรู้ว่าเป็นครอบครัวผม แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ พวกเขาไม่ใช่ครอบครัว

..ตั้งแต่พ่อตาย ผมก็รู้สึกได้ว่า ผมไม่เหลือใครอีกแล้วจริงๆ...

ในตอนนี้ ถึงผมจะยังมีงานในวงการสม่ำเสมอ มีเงินดูแลตัวเองได้ แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะซื้อบ้านหลังเดิมที่ผมเคยอยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เกิด ผมมารู้ทีหลังว่าพ่อผมขายบ้านหลังนั้นให้กับคุณเมธาวีในราคาที่สูงลิบ สูงกว่าราคาบ้านมากๆ คุณเมยอมซื้อในราคานั้นเพราะอยากช่วยพ่อ แต่ถึงยังไงผมก็ต้องการมันคืน คุณเมธาวีบอกว่าจะคืนให้โดยไม่คิดเงินถ้าผมเรียนจบ แต่ผมไม่เอาหรอก บุญคุณมันจะไม่มีวันหมดเสียที ถึงไอ้เกลือจะบอกว่าผมโง่ที่จะซื้อบ้านในราคาสูงแบบนั้นคืน ซื้อบ้านใหม่เสียดีกว่า แต่สำหรับผมมันเป็นการเรียกศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมา คงอีกไม่นาน เมื่อวันนั้นมาถึงผมคงมีความสุข มีอิสระ และไม่ต้องเสแสร้งเป็นลูกที่ดีแบบทุกวันนี้อีกต่อไป

“แกคงเป็นซินเดอเรลล่าที่ไม่น่าสงสารที่สุดในนิทาน แกมันร้ายกาจ” ไอ้เกลือกล่าวแบบติดตลกเอาไว้ แต่มันไม่ตลกเลยสำหรับผม เพราะผมไม่ได้ร้ายกาจ ชีวิตผมน่ารันทดจะตายไป

เอาเถอะ ถึงผมอาจจะดูไม่น่าสงสารอย่างที่ไอ้เกลือมันบอกก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะผมไม่ได้อยากให้ใครมาสงสารอยู่แล้ว เล่าเรื่องชีวิตผมให้ฟังจบผมก็แต่งตัวเสร็จพอดี ยกนาฬิกาขึ้นดู โอ้..นี่ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไปแค่ชั่วโมงกว่าๆเอง ตั้งใจให้ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ เฮ้อ พี่ชายที่น่ารักของผมคงรออยู่แทบนับวินาทีกันเลยทีเดียว ถึงจะอยากช้ากว่านี้แต่ก็ต้องไปแล้วครับ ไปสายแล้วไอ้เกลือมันตัดความช่วยเหลือเรื่องเรียนผมแย่แน่ ผมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนี่ครับ ก็ต้องมีตัวช่วยกันหน่อย

“กว่าจะเสด็จ” เอาละครับ มันเริ่มแขวะตามความคาดหมายผมเหลือบไปมองมันแล้วนึกเยาะในใจ ‘มันหวีผมบ้างไหมนี่’ เอาใหม่ๆ ผมถามใหม่ดีกว่า‘แกอาบน้ำบ้างไหมครับไอ้ธีม’ แต่จะว่าไปตัวมันก็ไม่เหม็นหรอกนะ ไอ้ที่เหม็นขี้หน้ามันมากกว่า ไม่อยากจะมองให้เสียอารมณ์

“น้องธีม” เสียงปรามของคุณเมทำให้มันส่งเสียงจิ๊จ๊ะแบบหงุดหงิด

“ผมขอโทษครับที่ช้า ไปกันเลยก็ได้ครับ” ผมบอก

“ไม่ต้องมาทำเป็นรีบตอนนี้หรอก กินข้าวให้เสร็จก่อนเลย เดี๋ยวพี่จะเหยียบมิด รับรองว่าน้องนาวไปสอบทันแน่ๆ” มันพูดแล้วยิ้มร้ายส่งมาอย่างเปิดเผย เออ ข้าเชื่อ! ถ้าลองมันจะแกล้งผม มันทำได้ทุกอย่างแหละครับ

“ไม่เอา ขับช้าๆนะธีม อย่าเถียงกัน มากินอาหารเช้าก่อนน้องนาว แม่โทรไปหาอาจารย์ให้แล้วว่าน้องนาวไม่สบายจะไปช้าหน่อย มากินข้าวมาลูก แล้วเดี๋ยวน้องนาวมีงานโชว์ตัวตอนเย็นที่ห้างXX พี่ชัชเขาโทรมาว่าไม่ว่าง แม่จะให้พี่ธีมไปรับนะคะ”

“แม่ ถามผมยังว่าผมว่างรึเปล่า” มันโวยวาย

“ผมไปเองได้ครับคุณเม”

“ไม่ได้ค่ะ พี่ธีมจะไปรับส่ง น้องนาวรอที่มหา’ลัยนะคะ แล้วพี่ธีมก็จะรอรับกลับบ้านด้วยเลย ตามนั้นนะคะ” คุณเมธาวีจบบทสนทนาก่อนจะเดินมารินนมให้ผม ไอ้คนข้างๆมันถอนหายใจและจิ้มไส้กรอกแรงๆเหมือนระบายอารมณ์ ผมก็เซ็งไม่ต่างจากมันหรอกนะ ทำไมต้องจุ้นจ้านโทรไปหาอาจารย์เพื่อเลื่อนเวลาให้ผม ทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกอึดอัดได้ทุกครั้ง ทำไมต้องเจ้ากี้เจ้าการในสิ่งที่ผมไม่ได้ขอร้อง ชีวิตผมเจอแบบนี้มาแทบจะทั้งชีวิต พ่อก็ตายไปแล้ว ไม่รู้จะว่าแสร้งมาทำดีทำไมอีก 

“พี่ไปรอที่รถนะ” มันลุกขึ้นหยิบฉันญแจแล้วเดินออกไปจากบ้าน ผมก้มหน้ากินเงียบๆ มันก็คงเหมือนแม่ของมัน จอมสร้างภาพ ต่อหน้าแม่ตัวเองก็จะแทนตัวเองว่าพี่อย่างนั้นพี่อย่างนี้ บางทีก็มีลงท้ายว่าครับจนผมขนลุก ลับหลังก็ชอบใส่อารมณ์กับผมแทบจะทุกที ผมเล่าให้เพื่อนสนิทในกลุ่มฟัง ทุกคนก็บอกว่า...

“ก็แกกวนตีนใส่พี่เขาตลอด เขาพูดดีๆ แกก็ชอบให้เขาโมโห อีกอย่าง ใครๆก็ดูออกว่าแกไม่ชอบคุณน้า นั่นมันแม่เขานะแก สมควรปะวะที่เขาจะไม่ชอบหน้าแกเหมือนกัน” เพื่อนทั้งกลุ่มได้กล่าวไว้ แม่มมม ไม่มีใครเข้าข้างผมเลย ไหนว่าผมไม่น่าสงสาร ไม่จริงเลยครับ ผมน่าสงสารมาก ถูกรุมสุดๆ มันต่างหากที่ชอบกวนโมโหผม แต่มันชอบทำลับหลัง ต่อหน้าทุกคนมันก็ทำตัวเป็นพี่ที่ดี สักวันจะผมหน้ากากมันออกมาให้ทุกคนได้เห็น

“วันนี้พี่มีงานอัดเสียงที่ห้องอัด งานโชว์ตัวนาวเริ่มหกโมงเย็น นาวสอบเสร็จบ่ายสอง พี่จะไปรับนาวมาที่ห้องอัดก่อน เสื้อผ้าพี่ชัชเอาไปไว้ให้ที่ห้องอัดแล้ว แล้วพี่จะพาไปถึงที่งานตอนใกล้ๆห้าโมง อย่าให้รอนานนะบอกไว้ก่อน” มันสั่งเป็นชุดทันทีที่ผมเข้ามานั่งในรถบีเอมคันงามของมัน อ่อ พูดถึงห้องอัดเสียง มันเป็นนักร้องอินดี้ครับ ทำเพลงเอง อัดเอง ขายงานเอง ผมเคยฟังเพลงมันนะ ก็ออกแนวๆใต้ดิน แต่ก็ไม่เห็นจะดัง ก็งี้แหละครับ คนมันไม่มีวาสนา อยู่ใต้ดินเป็นไส้เดือนต่อไปเหอะแก ฮ่าๆ

“ไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องมาวุ่นวาย” ผมบ่นดังๆตั้งใจให้ได้ยิน

“ชีวิตคุณแค่แปรงฟังอาบน้ำเองได้ผมก็ว่าเก่งแล้วนะครับ อ่อ ยังดีอีกอย่างที่คุณฉี่เองได้ ไม่งั้นแม่ผมคงใส่แพมเพิสให้คุณแล้วละ ฮ่าๆๆๆ” มันพูดจาประชดประชันผมก่อนหัวเราะลั่นใส่ผม นึกแล้วโมโห เอ็งก็ช่วยไปบอกแม่เอ็งให้เลิกมาวุ่นวายกะผมสิครับไอ้คุณธีม

“เอาก็เก่ง อยากลองมะ” ผมยื่นหน้าไปถามใกล้ๆมัน มันหยุดหัวเราะทันทีก่อนจะดันหัวผมออกไปไกลๆตัวมัน

“โรคจิต” มันด่าผม คราวนี้เป็นผมบ้างที่หัวเราะใส่มัน มันมองหน้าผมแบบเกลียดชังก่อนจะออกรถไปแบบเหยียบมิดไมล์ ผมคาดเข็มขัดเรียบร้อย รู้ทางมันแล้วครับว่าพอเอาชนะผมไม่ได้เอะอะก็เหยียบมิด จะว่าไป มันต่างหากที่โรคจิต มันกลัวเกย์ครับ

   ..ทำไมผมรู้นะเหรอ?..


(((มีต่อข้างล่างนะคะ)))

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 28-12-2014 13:01:02
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

...ทำไมผมรู้นะเหรอ...

ก็มันเคยพาเพื่อนคนหนึ่งมานอนที่บ้าน วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านเลย คุณเมกับธารไปเมืองนอก จริงๆผมก็ต้องไปถ่ายโฆษณาที่ภูเก็ต แต่ทีมงานโทรมาขอเลื่อน ผมเลยได้หยุดอยู่บ้าน เพื่อนสนิทของมัน ชื่อพี่อ้น พี่อ้นเป็นคนตัวเล็กๆหน้าตาน่ารัก พูดเก่ง เอาใจเก่ง ขนาดผมที่ไม่เคยชอบอะไรที่เกี่ยวพันกับตัวมัน แต่กับพี่อ้นผมกลับพูดคุยด้วยได้แบบสนิทใจ คืนนั้นผมหิวเลยลงมาข้างล่างตั้งใจว่าจะต้มมาม่ากิน พลันสายตาก็ดันไปเห็นอะไรบางอย่าง ในเงามืดตรงโซฟาที่มีแสงไฟจากโคมไฟในสวนส่องมาให้เห็นลางๆ ผมเห็นมันนั่งพิงโซฟาอยู่ พี่อ้นคุกเข่าตรงหน้ามัน ที่ทำให้ตกใจคือพี่อ้นกำลังกินน้องชายมันอย่าเอร็ดอร่อย แต่ผมไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไง มันนั่งนิ่งเฉย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง แต่ผมรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้อง ความหิวหายไปเลย ไม่อยากจะเชื่อว่ามันกับพี่อ้นจะทำแบบนั้นในห้องรับแขก หรือเพราะมันอาจจะไม่รู้ว่าผมอยู่บ้าน พอตอนเช้าผมตื่นลงมาเจอมันกับพี่อ้นนั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน มันแปลกใจที่เห็นผม แต่พี่อ้นดูตกใจ จากนั้นพี่อ้นก็ขอตัวกลับบ้านไป มันหันมาแขวะผมเรื่องที่ผมโดนนักข่าวเล่นข่าวเรื่องแอบขึ้นคอนโดสาว จากที่ผมว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของมัน เจอมันทำหน้ากวนตีนใส่เลยทนไม่ไหวหันไปแขวะมันเรื่องเมื่อคืนบ้าง หน้ามันซีดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด มันกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะจนผมตกใจ ทีแรกนึกว่าจะโดนมันต่อยแล้วครับเพราะมันดูโกรธมาก มันลุกขึ้นชี้หน้าบอกผมว่า ถ้าผมโกหกมันจะกลับมาต่อยผมให้หน้าแหกจนไปทำงานไม่ได้ แล้วมันก็ผลุนผันออกไป ผมไม่แน่ใจว่ามันไม่รู้เรื่องจริงๆว่าพี่อ้นด๊วบลูกชายมันหรือมันแกล้งไม่รู้เพราะอาย แล้วผมก็มารู้จากไอ้เกลือในตอนเย็นว่ามันทะเลาะอะไรกับพี่อ้นไม่รู้ที่ห้องอัด พี่อ้นร้องไห้แล้ววิ่งออกไปเลย อ่อ..ทำไมไอ้เกลือมันรู้เหรอครับ ก็พ่อมันเป็นเจ้าของห้องอัดที่ไอ้ธีมมันไปใช้บริการจนถึงทุกวันนี้แหละครับ มันอยู่ในเหตุการณ์พอดีเลยมาเล่าให้ผมฟัง จากนั้นมาผมก็ไม่ได้เห็นพี่อ้นมาที่บ้านอีกเลย ลาออกจากวงมันด้วย คุณเมถามถึงพี่อ้นมันก็ไม่ตอบ ได้แต่เหลือบมองผมแบบโกรธๆ เอ้า!..มาโกรธอะไรตูวะ ของๆมันแท้ๆยังให้คนอื่นมาด๊วบได้แล้วมาพาลคนอื่น คิดว่าผมจะสลดไหมครับที่มันส่งสายตาจูออนมาให้ ไม่เลยครับ ผมแลบลิ้นกระดกๆใส่มันอีกต่างหาก ผลคือ มันก็หัวเสียเดินเตะข้าวของออกไปนะสิครับ ฮ่าๆๆๆ นี่แหละ ไม้ตายของผมที่เอาไว้ใช้ยามเถียงสู้มันไม่ได้ จากนั้นมาเวลามันเจอเกย์มาวนเวียนใกล้ๆมันตอนที่ต้องคอยมารับส่งผมตามกองถ่าย มันจะหงุดหงิดทุกครั้งเลยครับ เล่ายาวเลย ถึงมหาวิทยาลัยเสียที

“กว่าจะมาได้นะแก ฉิวเฉียด ฉันนึกว่าคนทั้งห้องต้องมารอแกคนเดียวอีก” ไอ้เกลือสวดจบรีบลากผมขึ้นห้องสอบทันที

“มันไม่ใช่ความผิดฉันแกไปด่าแม่เลี้ยงฉันโน้นไอ้ซอลลลลตี้”ซอลตี้..คือชื่อภาษาอังกฤษของไอ้เกลือที่พวกผมตั้งให้ครับ ซอล์ทตี้ ดีแต่เค็ม เอ้ย เค็มแต่ดี

“ห่าน เรียกผมว่าเกลือเถอะครับ สำเนียงเอ็งฟังแล้วเหมือนโสนนนนตีล” มันค้อน ผมขำเอิ้กอ้าก มันก็เก่งนะ รู้ด้วยว่าผมตั้งใจหมายถึงส้นเท้าจริงๆนั่นแหละ

“ไอ้บูม ไอ้บิวอะกะคนอื่นๆอะ”ผมถามมัน

“ขึ้นห้องไปแล้ว มีฉันคนเดียวแหละที่รอแก เห็นรึยัง ใครเป็นเพื่อนรักแก เดี๋ยวเอารูปน้องแยมพร้อมลายเซ็นมาให้ฉันเป็นค่าตอบแทนด้วยนะ ขอรูปนมล้นๆนะแกนะ” มันทำหน้าเหมือนหมาอ้อนใส่ ผมได้แต่เบ้ปากให้มัน ไอ้หน้าหม้อเอ้ย

“ดูก่อน ถ้าแกทำตัวดีๆฉันจะสงเคราะห์ให้นะได้ซอลลลลตี้”

“แกมันร้ายไอ้นาว เช๊อะ” มันค้อนใส่เหมือนหญิงสาววัยกำดัด แกอย่าทำแบบนั้นอีกเลยไอ้เกลือ..ข้ากลัว ผมได้แต่นึกในใจ ถึงห้องสอบพอดี ผมทักไอ้บูมกับไอ้บิวก่อนจะเข้าที่นั่งและเตรียมตัวในการสอบที่กำลังจะเริ่มอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

...

“โอ้ย เหลืออีกสามตัวก็ปิดเทอมละเว้ย” ไอ้บูมตะโกนลั่นลานชงโคหลังจากการสอบเสร็จสิ้นลงลานชงโคคือที่นั่งประจำของพวกผม ทุกคนหันมาตามเสียงก่อนจะขำท่าเต้นดึงดาวของไอ้บูมมัน

   กลุ่มผมค่อนข้างเป็นที่รู้จักในสังคมมหาวิทยาลัยเรามีกันทั้งหมด 7 คน เพราะทุกคนในกลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานคนในวงการบันเทิงพวกมันต่างก็เป็นดารานายแบบ วนเวียนอยู่ในวงการวงบันเทิงตามรอยพ่อแม่ พวกผมไม่ได้เลือกคบกันเองนะครับ แต่เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ เจอกันตามกองถ่ายบ้าง ตามรายการเกมโชว์บ้าง พ่อแม่เราสนิทกัน พาพวกเรามาเจอกันบ่อยๆตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็มาเรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน ผมจะแนะนำคร่าวๆนะครับ

ไอ้เกลือนี่พ่อมันโปรดิวเซอร์เพลงค่ายดัง เป็นนักแต่งเพลงด้วย มีห้องอัดให้เช่า ส่วนตัวมันเป็นนายแบบครับ  เห็นมันบ้าๆบอๆแบบนี้ มันติด 1 ใน 3 หนุ่มน่ากอดของนิตยสารดังมาสามปีซ้อนแล้วนะครับ

ไอ้บูมนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง แต่ก็เป็นคนมีชื่อเสียง มันเป็นนักบอล ติดทีมชาติตามที่พ่อมันหวังไว้ พ่อมันเป็นโค้ชให้ทีมชาติมาหลายปีแล้วครับ หน้าตามันดีบวกกับความสามารถของมันทำให้มันเป็นขวัญใจแฟนบอลได้ไม่ยากเลย มีตั้งแต่สาวรุ่น สาวใหญ่จนถึงหนุ่มๆก็เยอะ ฮ่าๆ

ส่วนไอ้บิว คนนี้ผมยอม ส่วนใหญ่ผมมักจะเจอคนชมผมว่าผมเป็นผู้ชายหน้าสวย แต่มาเจอไอ้บิวไปผมนี่ยอมเรื่องหน้าตาเลยครับ ถ้าจับเอาวิกผมยาวมาใส่ให้มัน มันก็ผู้หญิงดีๆนี่เอง มันเป็นลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส ตาโตๆ หน้าหวานดี ไม่มีใครเคยชิม ไม่มีใครกล่าวไว้ แต่ผมนี่แหละกล่าวเองในใจ มันเป็นพิธีกรรายการอาหารตั้งแต่ตัวน้อยๆ เพราะพ่อมันเป็นเชฟชื่อดังจากฝรั่งเศส พ่อไอ้บิวมีรายการอาหารที่เรตติ้งสูงที่สุด มันเองก็มาออกรายกับพ่อตั้งแต่ประถมต้นจนถึงตอนนี้ก็เก่งจะเท่าพ่อมันแล้วครับ ผมชอบไปหามันที่บ้านเวลาว่างจากงาน เพราะได้กินของอร่อยๆรสชาติภัตตาคารแต่ราคาเพื่อนฝูง อีกนัยหนึ่งคือกินฟรีครับ แหะๆ

แล้วยังมี ไอ้จอม นี่ก็เน็ทไอดอล หน้าตาดี พ่อแม่มันเป็นดาราดังทั้งคู่ ทุกวันนี้พ่อแม่มันก็เป็นเหมือนตำนานของวงการไปแล้ว ยังออกสื่ออยู่ตลอด ส่วนตัวมันยังไม่ยอมเข้าวงการครับ มันชอบถ่ายรูป พูดน้อย เงียบขรึม แต่ในสายตาผม มันหล่อมากครับ

อีกสองคนเป็นผู้หญิง คนหนึ่งเป็นนางเอกใหม่ไฟแรงช่องน้อยสี มันชื่อ..ยีน มันเป็นคนสวยมนุษย์สัมพันธ์ดี พี่สาวมันก็เป็นดารา ผู้ใหญ่ก็ดันมันสุดตัว มันคงจะเป็นนางเอกลูกรักของเจ้าของช่องในอนาคตแน่ๆครับ อีกคนเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่ชนะประกวดจากรายการเพลงที่กำลังโด่งดัง คนนี้ชื่อมีนครับ มันได้พรสวรรค์มาจากย่ามันมั๊งครับ ย่ามันเป็นนักร้องลูกกรุงที่เคยโด่งดังมากๆในอดีต มันหน้าตาน่ารักมากกว่าสวย และมันนี่แหละครับที่นักข่าวชอบจับเป็นคู่จิ้นของผม เพราะมันชอบชวนผมไปกินข้าวไปเดินซื้อของตั้งแต่มันยังไม่มาประกวดร้องเพลงแล้วครับ

เราทั้ง 7 คนสนิทกันมากครับ เวลาไปไหนทีก็เป็นที่สนใจ แต่เราก็ไม่เคยถือตัวว่าตัวเองดัง ยังคบยังพูดคุยกับเพื่อนคนอื่นๆได้สบายๆ ด้วยความที่เราสนิทและคบหากันมาตั้วแต่เด็กๆ นักข่าวจะตั้งฉายาให้กลุ่มของพวกเราว่า แก๊งค์ลูกไม้ คงมาจากลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอย่างนั้นมั๊งครับ

“ไปกินข้าวกันไหม นานๆจะรวมตัวกันได้ครบกลุ่ม แกมีงานปะไอ้นาว” ไอ้บูมถาม

“มีตอนเย็นว่ะ แต่น่าจะแว๊บได้ เดี๋ยวคนรับใช้ส่วนตัวฉันจะมารับไปรอที่ห้องอัดเสียงบ้านไอ้เกลือ ฉันโทรบอกก่อนว่าจะไปกินข้าวกับพวกแก”

“พี่ธีมจะมารับแกเหรอนาว กรี๊ดด ชวนไปกินด้วยเลยสิ นะๆแก” ไอ้ยีนรีบเข้ามากรี๊ดข้างหูผมเลย

“ยีน แกเป็นนางเอกนะ เจียมตัวหน่อย อย่ามาออกนอกหน้าเกินตำแหน่ง พี่ธีมเป็นของฉันเว้ย คนอะไร โคตรดาร์คทอลแอนด์อยากซั่ม เอ้ย แฮนด์ซั่ม” ไอ้มีนที่เพิ่งเดินมาถึงรีบขัด ไม่รู้ไอ้สองสาวนี่มันหลงอะไรไอ้ธีมนักหนา พูดถึงทีไรเป็นต้องเพ้อ..เจ้อ

“แฮ่ดละแก พักก่อน ให้ไอ้นาวมันเลือกพี่สะใภ้เองดีกว่า” ไอ้บิวพูดไปยิ้มไป ผมอยากจะบอกมันว่า มันจะยิ้มพร่ำเพื่ออะไรนักหนาวะบิว น่ารักชะมัด อ๊ะ! อย่าคิดว่าผมคิดไม่ซื่อกับเพื่อน ให้น่ากินแค่ไหนก็ไม่กินครับ รู้ไส้รู้พุงจนกลัวจะเป็นอันตรายต่อท้องไส้

“มันไม่เลือกหรอก มันจะเก็บเอาไว้เอง” ไอ้เกลือสวนกลับทันทีเลยเจอฝ่ามือนุ่มๆของผมตบกะโหลกมันทันทีเหมือนกัน เป็นรางวัลแด่ความโสมมของปากมัน

“แกคิดจะกินพี่ตัวเองจริงๆหรอวะนาว” ไอ้บูมถาม ผมจะให้รางวัลมันเหมือนกับไอ้เกลือ แต่มันดันหลบได้ เอ็งเป็นนักบอลนะไม่ใช่นักมวย เซ็งครับ มันหลบได้ทุกที

“หรือไม่จริง เจอกันทีไรมันกัดพี่เขาทุกที กัดจนแหว่ง กัดกินจนหมดตัว” ไอ้บูมยังไม่จบ เดี๋ยวมันเจอแจ้งความข้อหาพรากความสุขจากใจผม

“สรุปนาวจะเลือกทางสายนี้แน่แล้วใช่ไหม น่าเสียดาย ผู้ชายหน้าตาดีๆไปสายนี้หมด ผู้หญิงอย่างเราลำบากแล้ววะยีน” ไอ้มีนถอนหายใจหันไปกอดกับยีน ช่วยกันปลอบ เมื่อกี้แกสองคนยังแย่งผู้ชายกันอยู่เลยนะ

“ยังไม่แน่ว่ะมีน เดี๋ยวขอเปิดโลกกว้างไปเจอผู้หญิงคนอื่นก่อน ชีวิตที่ผ่านมาต้องพัวพันกับแกแค่สองคนเลยสับสนในหนทาง” ผมตอบ ไอ้จอมที่นั่งเงียบขรึมมาตลอดถึงกับหลุดหัวเราะพรืด

อันที่จริงผมไม่ได้คิดปิดบังเพื่อนว่าผมมีรสนิยมยังไงผมไม่เคยคบกับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เลยยังบอกไม่ได้ว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นเกย์ชัวร์รึเปล่า ก่อนหน้านี้มันก็มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เข้ามาจีบ แต่มันยังไม่โดนสักคน ที่มองๆว่าน่ารักดีหรือชอบก็มี แต่ก็ยังไม่ได้ชอบขนาดจะคบหาจริงจัง ไม่เคยมีใครสักคนที่จะทำให้รู้สึกรัก

..จนกระทั่ง..

ผมได้เจอกับใครบางคน เขาเป็นนักร้องที่มีอายุมากกว่าผมตั้งเกือบยี่สิบปี ช่วงที่เขากำลังดังถึงขีดสุดผมนี่แฟนคลับตัวเอ้เลยครับ ตามไปทุกคอนเสิร์ตถ้ามีเวลา ไอ้พวกนี้มันก็เคยบอกว่า ถ้าผมชอบพี่เขามากจากผลงาน แปลว่าผมก็ปกติ แต่ถ้าเริ่มชอบที่จะแทะโลมร่างกายพี่เขาเมื่อไหร่ พวกมันขอไว้อาลัยให้กับเอกราชของผมล่วงหน้าเลยแล้วกัน ฮ่าๆๆ เคยให้สัมภาษย์เหมือนกันว่าชื่นชมพี่เขา แต่ส่วนใหญ่จะคิดแค่ว่า ผมเห็นเขาเป็นไอดอลแค่นั้นเอง คงเพราะผมไม่ได้ตุ้งติ้งหรือมีท่าทางแอ๊บแมน ก็เป็นผมที่ดูเหมือนผู้ชายทั่วไป เพื่อนสนิทเองก็ยังสับสนว่าผมจะเลือกทางสายไหนดี ต่างจากไอ้บิวที่ทุกคนลงความเห็นว่า มันควรสละความเป็นชายเอาไว้ฉี่อย่างเดียว มันมีเมียไม่ได้แน่ๆ เพราะมันคงทำไม่เป็น และถึงทำเป็นก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนให้มันทำ คนบ้าอะไรสวยน่ารักเกินเพศจริงๆ ฮ่าๆๆ

“ปากแกงี้ขอให้โดนทะลวงประตูในเร็ววันนะ เพี้ยง” ไอ้ยีนพนมมือบอกกล่าวพร้อมกับจับกระหม่อมผมมาเป่าอวยพร

“แกเป็นคู่จิ้นของฉันนะนาว อย่ามาทำให้ฉันอกหักเพราะรักเกย์นะเว้ย” ไอ้มีนจีบปากจีบคอพูดบ้าง

“สรุปว่าจะไปกินที่ไหน” ไอ้บูมถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบทสนทนาของพวกเราเริ่มออกทะเลกันแล้ว    

“แกคิดเลย เดี๋ยวฉันโทรหาคนรับใช้ส่วนตัวก่อน” ผมบอกมัน ไอ้เกลือส่ายหน้าใส่ผม ใช่ซี๊.. ไอ้ธีมมันลูกค้าชั้นดีของธุรกิจพ่อมันนี่ ชอบเข้าข้างกันนัก แล้วผมก็ต่อสายหาไอ้โหด กว่ามันจะรับสายได้ให้ผมรอตั้งนาน แถมเสียงดนตรียังดังเข้ามาในโทรศัพท์จนผมต้องยืมกุญแจรถของไอ้เกลือเพื่อเดินเข้าไปคุยในรถ ให้แหกปากคุยกลางลานผมก็อายคนอื่นเหมือนกันนะ

“เดี๋ยวจะไปกินข้าวกับเพื่อนนะ ไปกันครบกลุ่มแหละ รู้แล้วๆ ไม่นานหรอก เสร็จแล้วจะกลับพร้อมไอ้เกลือ เดี๋ยวนาย...จิ๊..เออๆ...เดี๋ยวพี่ธีมค่อยไปส่งนาวที่งานนะคร้าบบบ แค่นี้นะ โทรมาบอก ไม่ได้โทรมาขอเว้ย” ผมรีบตัดสายไม่อยากฟังคำสั่งของมัน แค่เผลอเรียกมันว่านาย มันบอกไม่ให้ไปทันที เลยต้องยอมๆพูดเพราะๆกับมันไป ไม่ได้กลัวมันหรอก แต่รำคาญ เพราะถ้าเกิดมันฟ้องแม่ของมัน คุณเมต้องโทรมาคอยตามผมตลอด ว่าอยู่ไหนคะ ไปกับใครคะ จะกลับกี่โมงคะ บลาๆๆ ชีวิตผมคงจะวุ่นวายกว่านี้ ผมวางสายมันได้แป๊ปเดียวพี่ชัชก็โทรเข้ามา พี่ชัชบอกว่าลืมบอกรายละเอียดเวลาที่ต้องไปงาน ผมบอกว่าไอ้ธีมมันบอกผมแล้ว พี่ชัชเลยงงว่าทำไมพี่ชายผมถึงรู้เพราะพี่ชัชยังไม่ได้แฟกซ์ตารางเวลาของผมทั้งหมดไปให้คุณเมเลย ผมไม่แปลกใจหรอก คนอย่างคุณเม อยากรู้อะไรต้องได้รู้ ธีมมันคงรู้จากแม่มันมาอีกทีแน่ๆ

ไอ้เกลือเดินมาเคาะกระจกให้ผมลงมานั่งอีกฝั่ง ส่วนมันมานั่งที่คนขับแทน มีไอ้บูมกับบิวมานั่งข้างหลัง ไอ้จอม ยีนและมีนไปอีกคัน ไอ้บูมบอกว่าอยากกินส้มตำ เราเลยไปร้านเจ้าประจำกัน ชื่อร้านเหมาะกับเรามาก

...ร้านนี้ไม่มีส้มตำ...     

เป็นไงละ แค่ชื่อร้านก็ว่าเด็ดแล้ว รสชาตินี่แซ่บลืมหล่อกันเลยครับ เคยถามป้าเจ้าของร้านว่าทำไมตั้งชื่อนี้ ป้าแกบอกว่า ไปดูดวงมา ดวงป้าห้ามโกหก ไม่งั้นชีวิตจะตกต่ำ แกเลยต้องซื่อสัตย์ ในเมนูป้าแกก็จะเขียนว่ามะละกอตำ ไม่มีคำว่าส้มตำแม้แต่ตัวเดียว เออ แกก็ไม่ได้โกหกจริงๆเพราะที่ร้านแกไม่มีส้มสักใบ

ป้าชูใจเจ้าของร้านจัดมุมที่นั่งให้พวกผมเป็นพิเศษ อยู่ด้านในสุด มีฉากที่ทำจากหวายสานมากั้นอีกที เพราะถ้านั่งตามปกติพวกผมจะไม่ได้กินส้มตำแบบสบายๆได้เลย ไหนจะโดนแอบถ่ายรูป โดนมาขอถ่ายที่โต๊ะเลยก็มี หนักเข้าก็มาชวนคุยจนแทบไม่ได้กิน จริงๆไม่ต้องแอบถ่ายก็ได้ เพราะไอ้พวกเพื่อนผมมันก็ถ่ายลงอินสตาแกรมบ้าง เฟสบุ๊คบ้าง แฟนๆก็ได้เห็นกันอยู่แล้ว แต่ที่จะไม่ได้เห็นคือรูปที่ไม่ผ่านสถาบันเสริมความงามสามร้อยหกสิบองศาเสียก่อน

“เออ นาว แกรู้รึยังวะ ว่าพี่ปอนเขาจะทำโปรเจคโฟโต้บุ๊คของพวกเรา เห็นว่าตอนนี้กำลังเข้าไปเจรจากับผู้ใหญ่ของแต่ละคนอยู่” ยีนเอ่ยถามผม พี่ปอนเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ที่มีหนังสือหัวใหญ่ๆทั้งในและนอกที่มียอดขายมากที่สุดมาหลายปีติดๆกัน ซึ่งพวกผมไม่ได้อยู่ในสังกัดเดียวกัน พี่ปอนเลยต้องทำเรื่องของทางผู้ใหญ่ของแต่ละคน ผมพอจะรู้จากพี่ชัชอยู่บ้าง แต่ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก สำหรับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งได้ทำงานกับเพื่อนแบบนี้ผมชอบ

“พอจะรู้ ก็ดี ได้ทำงานกับเพื่อน เดี๋ยวจะไปอ้อนพี่ปอนขอไปถ่ายไกลๆเลย” ผมคิดแบบนั้นจริงๆไปให้ไกลบ้านได้ยิ่งดี

“แต่ฉันรู้มาว่าเขารอใครอีกคนไม่รู้ รวมทั้งหมดแปดคน” มีนบอก ญาติมันทำงานในวงการบันเทิงหลายคนครับ มีนผู้รอบรู้หรือมีนขาเผือกครับ

“ฉันไม่รู้จะได้ไปรึเปล่า เดี๋ยวต้องเก็บตัวแล้ว” ไอ้บูมบอก มันต้องเตรียมเก็บตัวไปแข่งซีเกมส์ครับ

“พี่ปอนเขาคงดูคิวไว้หมดแล้วละ ว่าแต่คราวนี้คุณจอมจะยอมโดดเข้ามาในวงการมายารึยังคะ” ยีนหันไปถาม ผมรู้ว่ายีนแอบรักไอ้จอมมานานแล้ว แต่ที่ไม่รู้คือไอ้จอมคิดยังไง มันเป็นคนไม่ค่อยแสดงอะไรออกมา แสดงออกแต่ความหล่อครับ ไอ้เกลือประชาสัมพันธ์ของกลุ่มได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า...อย่าให้ไอ้จอมมันแสดงอะไรออกมาน่ะดีแล้ว เพราะเห็นเงียบๆแต่พลังทำลายร้างสูงมากกว่าหน้าตามันครับ ไอ้จอมเป็นคนโลกส่วนตัวสูง มันถึงไม่อยากเข้าวงการ เพราะมันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับมัน อันนี้เข้าใจมันครับ ผมก็เป็นเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ผมเลือกไม่ได้ ผมยังต้องทำงาน เพราะผมยังขาดเงินอีกจำนวนหนึ่งเพื่อไถ่บ้านคืน

“คงไม่”ไอ้จอมมันตอบสั้นๆแบบไม่คิด

“ทำไมวะ ไปไหนไปกันไง เราสัญญากันไว้แล้ว” ไอ้บิวขมวดคิ้วถาม ไอ้นี่มันขี้เหงา ขาดเพื่อนคนไหนไปมันจะคอยโทรตามจิกจนครบให้ได้

“เอาน่า ไว้ถึงเวลาไอ้จอมมันตกลงเองแหละ” ไอ้บูมบอกก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องคุย แต่แล้วทุกคนในกลุ่มต้องหันมามองผมเป็นตาเดียวเมื่อผมเผลอวางช้อนในจานแรงไปหน่อย จะเรียกว่าวางก็ไม่ถูก เรียกว่าหลุดมือเลยจะดีกว่าครับ แล้วไอ้ทุกสายตาที่มองผมอยู่เมื่อกี้ก็หันไปมองตามสายตาของผมที่พุ่งตรงไปข้างหน้าแบบไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย

“พี่นภนี่หว่า เอาละเว้ย ไอ้นาวเจอชายในฝันถึงกับมือไม้อ่อนเลยว่ะ” ไอ้เกลือแซวขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าสายตาผมไปหยุดที่ไหน

“แม่ม อายุจะสี่สิบแล้วยังหล่อโคตรๆ” ไอ้มีนถึงกับเพ้อ แกไม่มีสิทธิ์เพ้อนะเว้ยไอ้มีน ตูฉี่ใส่แสดงความเป็นเจ้าของพี่นภเอาไว้แล้ว

“ของข้าต่างหาก” ผมเพ้อออกไป ทุกคนหันมาเบ้ปากใส่ผม แต่สติผมแทบแตกเมื่อจู่ๆไอ้เกลือตะโกนเรียกชื่อพี่เขาพร้อมกับผายมือเชิญให้มาที่โต๊ะ มันจะเรียกมาทำไม๊ ผมยังไม่พร้อม มะละกอตำใส่ปลาร้าเพิ่งละลายจากปากลงคอเหลือแต่กลิ่นเป็นที่ระลึกในปากอยู่เลย

“สวัสดีครับ” พี่นภพยักหน้าให้พวกเราทุกคนในกลุ่ม พวกเราก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้พี่เขาโดยพร้อมเพียง

“มาทานส้มตำ เอ้ย มะละกอตำเหมือนกันเหรอครับพี่” ไอ้เกลือถาม ทำไมดูมันสนิทสนมกับพี่นภวะ ไม่เคยเห็นบอกผมเลย

“ครับ เดี๋ยวคืนนี้พี่ต้องไปเล่นดนตรีที่เชียงใหม่ กลัวที่นั่นมีร้านไม่ถูกใจ เลยมากินแก้อยากก่อนไป พี่เกื้อสบายดีใช่ไหม” พี่นภถามไอ้เกลือ พี่เกื้อคือชื่อพ่อมันครับ

“สบายดีมากครับ ยังเตะปี๊ปดังครับ” ไอ้เกลือตอบ ที่แท้ก็รู้จักพ่อมัน แล้วทำไมมันถึงไม่ยอมบอกผมว่าตัวมันก็รู้จักพี่เขาเป็นการส่วนตัว ไอ้เพื่อนทรพี เดี๋ยวเอ็งมีคำตอบต้องตอบข้าหลายคำถามเลยครับไอ้เกลือ ตอบให้ดีด้วย ไม่ดีเอ็งอดส่องน้องแยมแน่ๆ ผมส่งสายตามาดร้ายไปให้มัน มันแกล้งทำหน้าสลดก่อนจะเล่นงานผมในทันที

“นี่นาว เพื่อนสนิทผม พี่คงรู้จัก แต่อยากแนะนำครับ ยังโสดซิงๆ”ไอ้เกลือมันแนะนำทุกคน จนมาถึงผมเป็นคนสุดท้าย

...ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงง....

ผมไม่รู้ว่าเสียงรอบตัวผมในตอนนี้เป็นยังไง ผมได้ยินแต่เสียงฆ้องใบใหญ่ๆตีดังอยู่ในหัว หน้าผมในตอนนี้เหมือนใครเอาหิ่งห้อยหมื่นตัวมาเปิดไฟท้ายใส่ แหม ผมก็อยากเปรียบอะไรที่ดูน่ารักๆบ้างนี่ครับ

“โสดแบบนี้ก็จีบได้สิครับ”

........โคร๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม...........

เปล่าครับไม่มีอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่มันเป็นอุบัติเหตุในหัวใจผมนี่แหละครับ สายตาพี่เขาชนหัวใจผมอย่างจัง หลบไม่ทันจริงจริ๊งงง ฮริ้วว ก็แหม พี่นภเล่นตอบกลับแบบนี้ท่ามกลางฝูงไฮยีน่าที่จ้องจะแซวผมแบบนั้น มาจับผมปล้ำกลางลานเซนเวิร์ลเลยดีกว่าครับ

“กรี๊ดดด ไอ้นาว เลือดกำดาวแกไหล” เสียงกรี๊ดไอ้มีนดังสะกิดต่อมรับรู้โลกภายนอกของผม ผมยืนงงทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่าพี่นภยืนผ้าเช็ดหน้ามาให้ สีหน้าสุขุมนุ่มลึกที่อยู่ใกล้แค่มือเอื้อม รอยยิ้มอบอุ่นที่ผมเคยเห็นไกลๆแต่ตอนนี้มันใกล้แค่นิดเดียว

“ขะ ขอบคุณครับ” ผมรู้สึกขายหน้ามาก รีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดจมูกเอาไว้ ไอ้นาว ทำไมวันนี้ต้องเป็นวันแดงเดือดของแกด้วยวะ จบสิ้นแล้วภาพพจน์ดาราดังที่สั่งสมมา

“ไม่เป็นไรครับ ทานให้อร่อยนะ แล้วเจอกันใหม่ครับ” พี่นภบอกกับทุกคนเมื่อเพื่อนของพี่นภเรียกว่าได้โต๊ะที่นั่งแล้ว แต่คำว่าเจอกันใหม่ผมว่าพี่นภตั้งใจจ้องหน้าผมเต็มๆเลย พี่เขาอ่อยฉันปะวะพวกเมิ๊งงง

“สติสตัง สมงสมองไปหมดแล้วแก” ไอ้บูมยกมือขึ้นมาโบกๆตรงหน้าของผมที่ยังยืนมองตามพี่เขาไป ผมทิ้งตัวลงนั่ง ยกมือขึ้นจับหน้าอกตำแหน่งของหัวใจ

“ฉันว่า ฉันรู้แล้วว่าจะเดินทางไหนว่ะพวกแก” ผมพูดสายตายังจับจ้องไปที่พี่นภ
ผมไม่เคยรู้เลยว่าเมื่อเราได้เจอคนที่เราชอบมากๆจะส่งผลให้ร่างกายเราแปรปรวนได้เพียงนี้ ถึงพี่นภอาจจะพูดเล่นๆ แต่มันก็ทำให้ผมดีใจ เห็นทีวันนี้ผมจะขอเป็นเจ้ามื้อให้ไอ้พวกแมวน้อยคิตตี้พวกนี้สักหน่อยแล้วกัน (เลื่อนขั้นจากไฮยีน่าเป็นคิตตี้นี่นะ เสียงในสมองขวาได้กล่าวไว้) (เอ้า ก็คนมีความสุข อะไรก็มุ้งมิ้งไปหมดนี่เนอะ เสียงในสมองซ้ายได้กล่าวเอาไว้เช่นกัน)


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 28-12-2014 14:22:17
สนุกอ่าา
ยังไงเค้าก็เชียร์พี่ธีมนะน้องนาว
หัดลดทิฐิลงซะบ้างนะ
ธีมนี่แอบชอบนาวชัวร์
สนใจนาวอยู่ล่ะซี้
 :laugh3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 28-12-2014 15:19:23
สนุกอ่ะ อ่านตอนเกริ่นเรื่อง ก็นึกว่าจะน่าสงสาร ที่ไหนได้ นางมโนเองล้วน 555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: SecondaryTrauma ที่ 29-12-2014 00:30:42

ไม่ธรรมดา

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 29-12-2014 07:05:47
น่าสนใจ (นางร้ายนางนึ่งได้กล่าวไว้) 555+ :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทนำ + บทที่ 1 (28/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-12-2014 10:36:50
เป็นนางซินที่ขี้มโนถึงความดราม่าในชีวิตตัวเองชัดๆเลยอ่ะ
เชียร์ธีมๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ บทที่ 2 (29/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-12-2014 21:30:54
บทที่ 2


หลังจากท้องอิ่มและเฮฮาปาจิงโกะกันจนได้ที่ ก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปทำงานกันแล้วครับ ผมกำลังไปที่ห้องอัดของพ่อไอ้เกลือ ระหว่างทางผมนั่งจ้องหน้ามันตลอด แรกๆมันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้สุดท้ายคงทนไม่ไหว

“เออๆ ฉันยอมรับผิดที่ไม่ยอมบอกแกเรื่องที่รู้จักกับพี่นภ แกเลิกจ้องหน้าฉันได้แล้ว ฉันรู้สึกสยอง”

“แล้วทำไมแกไม่บอกวะ” ผมถามตรงๆ มันก็รู้ว่าผมชื่นชอบพี่เขาขนาดไหน เป็นเพื่อนผมมาตั้งนานกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ เอ๊ะ หรือว่ามันจะแอบชอบพี่นภเหมือนกัน จะกันท่าฉันละซี๊

“ก็ฉันไม่อยากให้แกเป็นเกย์” มันอึกอักสักพักก่อนจะตอบ ซึ่งคำตอบทำให้ผมอึ้งไปเหมือนกัน

“แกรังเกียจเหรอวะ” ผมถามเสียงจ๋อยๆ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนกัน แต่ทำไงได้ คนที่เราชอบเสือกเป็นเพศเดียวกันนี่นา บางทีผมอาจจะโหยหาความรักจากเพศเดียวกันเพราะผมรู้สึกขาดความรักจากพ่อ แต่ไม่ว่าจะอะไร ผมก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว ผมรู้ว่าไอ้บิวมันก็มีรสนิยมเหมือนกันกับผม แต่ทำไมไอ้เกลือมันไม่เห็นจะอะไรเลย

“หยุดคิดแบบนั้นเลยแกแกเป็นเพื่อนฉัน ต่อให้แกเป็นเชี้ยอะไรหนักกว่านี้ฉันก็รับได้ แต่แกเป็นคนมีชื่อเสียง ก็ไม่อยากให้แกมีข่าวไม่ดี”

“แค่แกบอกฉันว่าแกรู้จักกับพี่นภแค่นั้นเองแกคิดเยอะไปเปล่าวะเกลือ”

“ก็ถ้าแกรู้ว่าฉันรู้จัก แกก็จะต้องให้ฉันช่วย ดูแกวันนี้ดิ๊ไอ้นาว แค่พี่เขาเดินมาใกล้ๆแกถึงกับเลือดพุ่ง เจออีกทีแกไม่ปล้ำเขาเลยเหรอวะ แล้วถ้าแกออกอาการมากๆ นักข่าวต้องรู้จนได้ ไหนแกว่าแกยังก็บเงินไม่พอไง ฉันก็ไม่อยากให้แกมีข่าวไม่ดี เห็นยัง ฉันเพื่อนแท้แก หน้าหล่อ ใจก็หล่อ”

“..................” ผมก็เถียงไม่ออก ก็จริงของมัน ถ้าผมรู้ว่ามันรู้ ผมคงอยากเข้าใกล้พี่เขามากกว่านี้ โดยให้เกลือมันช่วย แต่ไอ้ประโยคท้ายของมันทำเอามะละกอตำที่กินเข้าไปพาลจะไหลออกทางที่ราบสูง

“อีกอย่าง พี่เขาก็ไม่รู้ว่าจะชอบผู้ชายรึเปล่า ถึงเขาจะไม่มีข่าวกับใครก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีใครนะโว้ย เขาอาจจะซุกเมียไว้ที่บ้านก็ได้ อาจจะมีลูกด้วยเหอะ จะสี่สิบแล้วนะแก”

“เฮ้อ ก็จริงของแก” ผมถอนหายใจ ที่เพื่อนมันพูดมาก็ถูก ผมก็แค่อยากมีความสุขบ้าง แต่มันคงยากซะแล้ว

“ถ้าเขาใจตรงกับแก เขาจะเข้ามาหาแกเองแหละนาว”

“ฉันควรใส่รองเท้าแก้วไปงานวันนี้ไหมวะ เผื่อจะทำหลุดแล้วมีเจ้าชายมาตามหา” ผมถามขำๆเพราะรู้สึกว่าไอ้เกลือมันจะซีเรียสเรื่องชีวิตรักของผมไปแล้ว

“บางทีเจ้าชายที่ตามหาแกอยู่อาจจะไม่ใช่พี่นภก็ได้”

“พอเลย ถึงฉันจะชอบพี่นภก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะชอบผู้ชายทุกคนนะแกฉันอาจจะไม่ได้บอร์นทูบีเกย์ แต่บอร์นทูบีพี่นภ” มันทำท่าอ้วกใส่ผมทันที

“แล้วฉันจะคอยดูแก วันไหนปั๋วแกไม่ได้ชื่อพี่นภฉันจะล้อแกยันเหลนบวชเลย” ไอ้เกลือท้าทายผมเสร็จมันก็ขับมาถึงห้องอัดเสียงพอดี

ผมกับไอ้เกลือเดินเข้ามาด้านใน ไอ้เกลือมันพาผมเข้ามานั่งในห้องที่เป็นส่วนควบคุมเครื่องเสียงแล้วมันก็ขอตัวไปคุยกับพ่อมันก่อน ส่วนวงไอ้ธีมอยู่ในห้องตรงกันข้ามกับห้องควบคุม มีเพียงกระจกกั้นระหว่างห้องแค่นั้น พวกมันกำลังเล่นดนตรีกันอยู่ วงมันมีกันห้าคน มันเล่นกีต้าร์ ผมไม่รู้ว่ามันเห็นผมไหม เพราะห้องที่ผมอยู่มองเห็นมันชัดเจนดีเพราะว่าเปิดไฟสว่าง แต่ห้องที่ผมนั่งอยู่นี้มันมืดมีแค่ไฟสีเหลืองสลัวๆ ผมเห็นว่าผมเห็นมันจ้องมาก่อนจะก้มหน้าลงเล่นเพลงของมันต่อ

“โอเค ดีมาก เดี๋ยวพี่ขอเช็คซาวนด์อีกที ตอนนี้พักสักแป๊ปก่อนแล้วกัน” พี่ที่นั่งอยู่ตรงแป้นคอนโทรลเครื่องเสียข้างหน้าผมพูดใส่ไมค์บอกพวกมันเมื่อเล่นเพลงเมื่อสักครู่จบ พอพี่เขาหันมาทางผม ผมยกมือไหว้พี่เขา เขาพยักหน้ารับ แล้วพี่เขาก็เดินออกไปกันหมดเลย แต่ผมไม่รู้จะไปไหนเลยนั่งรอในห้องนี้ตามเดิม หยิบหนังสือเพลงมาอ่านเล่นๆระหว่างรอ มีเสียงกีต้าร์ลอยมาทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ไม่เห็นใครในห้องนั่น ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนชิดกระจกที่กั้นระหว่างห้องคอนโทรลนี้กับห้องเล่นดนตรี แล้วผมก็ได้เห็นต้นตอของเสียง ‘ไอ้ธีมครับ’ มันนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ที่พื้นคนเดียวในห้องอัด


จะเป็นเพียงแววตาของเธอทั้งคู่ฉายมาสะกดรึเปล่า
อาจเป็นดาวดวงใด ใช้เธอมาหลอกเล่นกล เป็นไปไม่ได้
ออกจะงง คงเป็นเพราะเธอทำสับสนโอ๊ย เดี๋ยวอยากรัก เดี๋ยวอยากลืม
....ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเพราะเธอ....
เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน ไม่อาจถอนหัวใจมันคอยแอบๆ มองแบบซึ้งๆ
เธอทำให้ฉันหลงใจอ่อน นอนกอดหมอนทุกคืนจะทนได้นานสักเท่าไร หาก..คิดถึง.. โอ๊ย โอ๊ย
ผมยอมรับว่าเสียงของมันเพราะมากเลยครับ ไม่เคยเห็นมันร้องเพลงแนวนี้เลย ปกติก็อินดี้ๆหน่อย ดนตรีแบบฟังยากนิดหนึ่ง บางทีก็แนวร็อคปู้ยี้ปู้ยำรูหูครับ ฮ่าๆ สงสัยมันกำลังจะมีความรักถึงได้ดูเพ้อละเมอครวญผิดกับหนังหน้ามันชะมัด ใครน้อคือผู้โชคร้ายคนนั้น จริงๆถ้ามันทำเพลงแนวที่มันกำลังร้อง เพลงรักฟังง่ายๆ โกนหนวดหน่อย แต่งตัวให้ดูเท่ห์ๆ มันอาจจะดังไปแล้วก็ได้ แล้วถ้ามันดัง แม่ของมันก็คงดีใจที่ลูกมีชื่อเสียง ดีไม่ดีคุณเมอาจจะไม่มายุ่งกับผมอีกเลยก็เป็นได้ ดีละ ผมยุให้มันเปลี่ยนแนวดีกว่า

..เฮ้ย!!..

ผมสะดุ้งเล็กๆเมื่อไอ้ธีมมันเงยหน้าขึ้นมามองตรงที่ผมยืนอยู่ จะหลบก็ไม่ทัน ผมเลยรีบยกมือขึ้นมาอุดหูเหมือนว่าฉันทนฟังไม่ได้แล้วนะเว้ย หยุดเล่นเลยแก แต่มันก็จ้องแบบเดิม ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เหมือนคนเหม่อลอย มือก็ยังเล่นกีต้าร์ ปากก็ยังร้องเพลงอยู่ ผมเลยทำมือชี้ๆไปที่มัน แล้วเอามืออุดปากตัวเองเหมือนจะบอกให้มันหยุดร้อง ไม่ได้ครับ เดี๋ยวเสียฟอร์มถ้ามันรู้ว่ามายืนฟังเพลงมันอยู่ แต่มันก็ไม่เห็นสนใจผมเลย เหมือนกับว่าไม่เห็นผม เอ๊ะ หรือว่ามันจะมองไม่เห็นจริงๆวะ ผมเคยเข้าไปอัดเสียงตอนร้องเพลงประกอบละครครั้งหนึ่งเหมือนกัน ในห้องนั้นจะเป็นกระจกเงา คนในห้องจะเห็นแต่ตัวเอง น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นคนอย่างมันถ้าเห็นผมยืนดูคงหยุดเล่นไปแล้วแหละครับ


อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น
อยากได้ยินเพียงเสียงของเธอเพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว
กดอารมณ์ทนไปไม่ไหว ใจมันหวิวหวามไม่เจอคงขาดใจ โอ๊ย โอ๊ย
………….โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจังเธอ…โอ๊ย โอ๊ย คิดถึงเธอจัง......


“ไงแก ถูกสะกดเลยเหรอ”

“ห่าเกลือ ฉันตกใจหมด” ผมตกใจจริงๆครับ มัวแต่ฟังเพลงที่ไอ้ธีมมันร้องบวกกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แถมห้องนี้ก็มืดๆอยู่ด้วย มันโผล่มาพูดใกล้ๆใครไม่ตกใจก็ไปออกรายการคนอวดผีเถอะครับ

“อึ้งละซี๊ พี่ชายแกร้องเพราะใช่ไหมละ”

“ก็พอฟังได้ ดีกว่าเสียงหมาหอนนิดนึงว่ะ”

“เหรออออ ฉันเพิ่งรู้ว่าแกฟังเสียงหมาหอนแล้วสีหน้าละมุนละไมได้อีก”

“หน้าฉันละมุนละไมตั้งแต่เกิดเหอะ พอละ ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับแก ว่าแต่ไอ้กระจกข้างในมองมาเห็นเราเปล่าวะ”

“ไม่เห็น”

“ฉันก็ว่างั้น” ผมยักไหล่ก่อนจะเดินมานั่งที่เดิม

“แกจะไปเปลี่ยนชุดก่อนเปล่า” ไอ้เกลือถาม ผมมองดูนาฬิกา อีกตั้งชั่วโมงกว่าๆ

“ยังอะ ขี้เกียจ นั่งรอในนี้นะ เย็นดี เออ ไปไหว้พ่อแกก่อนดีกว่า”

“พ่อไปข้างนอกแล้ว แกรอในนี้แล้วกัน ฉันไปคุยกับศิษย์พี่นนท์ก่อน อยากให้เขาลองฟังเพลงที่ฉันแต่ง เผื่อจะได้เป็นนักแต่งเพลงเหมือนพ่อบ้าง” พี่นนท์คือเพื่อนไอ้ธีมครับ มือเบส ไอ้เกลือมันฝากตัวเป็นศิษย์น้องเขาเรียบร้อย สงสัยมันจะแขวนแคทวอล์คมาเอาดีทางนี้

“เย็นนี้แกว่างเปล่า ฉันอยากกินปิ้งย่างเกาหลี” ผมถามมัน

“ไม่ว่างวะ พ่อสั่งให้ไปกินข้าวด้วยกัน เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะแก”

“เออๆ แกไปเหอะ งั้นเดี๋ยวฉันรอที่นี่แหละ เดี๋ยวถึงเวลาคนรับใช้ฉันก็มาตามฉันเอง” ผมบอกมัน มันส่ายหน้าเบ้ปากให้ผมก่อนจะเดินออกไป


...นาว...
....นาว....
..ไอ้นาว!!....


ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าผาก ยกมือขึ้นลูบหน้าผากโดยอัตโนมัติก่อนจะเลื่อนมาขยี้ตาตัวเอง เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สงสัยเพราะข้าวเหนียวออกฤทธิ์ แถมกลางคืนผมก็ไม่ค่อยจะนอนด้วย ชอบอ่านหนังสือบ้าง เล่นเน็ทบ้าง ก็มันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดนี่ครับ พอผมเริ่มหายจากอาการสะลึมสะลือแล้วก็เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้หน้าผากผมเจ็บ หัวกบาลเหมือนรังนกนี่มีคนเดียวแหละครับ คนรับใช้ส่วนตัวของผมเอง 

“ไอ้พี่ธีม ดีดหน้าผากนาวทำไมนี่ เจ็บนะ” ผมโวยใส่มันทันที นี่แหละครับ ที่มันเคยขู่ผมเรื่องการปลุกแบบวีไอพีของมัน ดีดโพล๊ะเข้าที่หน้าผากรับโชคของผม ตำรวจเขารับแจ้งความเรื่องการดีดหน้าผากทำร้ายร่างกายไหมครับช่วยบอกหน่อย

“ก็นาวก้าวร้าว ไม่เรียกพี่ว่าพี่”

“ตอนไหนเหอะ”

“เมื่อกี้ไง”

“พี่ดีดก่อนนาวเรียกไหม ไอ้.. แม่มมมมเอ้ย” ผมจะด่ามัน มันทำท่าดีดลมขู่ผมเลยต้องหยุด นิ้วของมันได้ฉีดแกรนิตเสริมใยเหล็กรึเปล่านี่ โคตรเจ็บอะ

“ก็พี่รู้อยู่แล้วว่านาวต้องเรียกพี่ว่าไอ้ เลยดีดล่วงหน้าตอนหลับจะได้ไม่เจ็บมาก นี่เรียกว่าปราณีแล้วนะ ขอบใจสักคำยัง”

“เดี๋ยวจุดธูปดอกหนึ่งให้ทีสิ จะได้ไหว้ขอบคุณทีเดียว” จุดเชิญให้มันไปที่ชอบที่ชอบด้วยเลยทีเดียว

“ไปเปลี่ยนชุดครับนาว ได้เวลาแล้ว” บร๊ะเจ้าข้าวต้ม (ต้องข้าวต้มครับ บร๊ะเจ้าโจ้กเดี๋ยวโดนลิขสิทธิ์) มันแสดงละครเก่งกว่าผมอี๊กกก เพราะพวกพี่ๆที่คุมห้องอัดเดินกลับเข้ามา มันรีบเปลี่ยนท่าทีเชียว พูดเพราะจนน้ำในหูผมเกือบไม่เท่ากัน ด๊ายยย เล่นมาก็จัดให้

“พี่ธีม นาวหิวน้ำครับ” ผมบอก มันเหลือบตามองผม คึคึ เดี๋ยวจะใช้แกเดินสักสามรอบ

“ไอ้นนท์ ไปเอาน้ำให้นาวหน่อย” เฮ้ย มันใช้เพื่อนมันครับ พี่นนท์ทำท่าจะเดินออกไปเอาให้จริงๆ

“อ๊ะ พี่นนท์ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวนาวเดินออกไปกินเลยดีกว่า” ผมเกรงใจพี่เขา จิ๊!! ไอ้ธีมมันยิ้มร้ายกาจอีกแล้ว มันรู้ทันผมได้ไง

“เร็วๆนะครับน้องนาว เดี๋ยวไม่ทันงาน” เสียงตะโกนของมันดังตามหลังมา ฝากไว้ก่อนถอะ นี่ผมรีบหลอกนะ ไม่งั้นไม่ยอมหร๊อก


งานที่ผมไปในวันนี้คืองานเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์นอกที่ผมเป็นพรีเซนเตอร์ให้คู่กับดาราสาวอีกคน เธอกำลังมาแรงครับ เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกก็ทำรายได้ถึงร้อยล้านแล้ว น่าจะได้มากกว่านี้เพราะภาพยนตร์ยังไม่ออกจากโรงเลยครับ หน้าตาก็น่ารักดี ท่าทางจะขี้อายเพราะเธอไม่ค่อยกล้าคุยกับผมเท่าไหร่ ได้แต่ส่งยิ้มมาให้ ผมมาถึงก่อนเวลา ตอนนี้กำลังทำผมและแต่งหน้าอยู่ครับ ส่วนคนรับใช้ส่วนตัวผมมันนั่งรออยู่ที่มุมห้องแต่งตัว ผมเห็นดาวแอบมองไอ้ธีมบ่อยๆ ดาวก็คือดาราสาวร้อยล้านนั่นแหละครับ ผมละอยากจะบอกเธอจริงๆว่าอย่าเอาทองไปลู่กระเบื้องเลยครับ ผมเห็นไอ้พี่ธีมมันนั่งจิ้มๆโทรศัพท์ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งไลน์หามัน


ManowTangduud : อย่าเผลอหลับนะ เดี๋ยวคนแถวนี้เขานึกว่าศพ

คึคึ ส่งไปแล้วครับ เสียงไลน์มันดังละ มันกดเปิดอ่านก่อนจะเหลือบตาขึ้นมามองผมแล้วส่งสติ๊กเก้อกลับมา แม่มมม มันไปซื้อจากไหนครับ เป็นรูปการ์ตูนคนผิวดำแต่งตัวแร๊พเปอร์ชูนิ้วกลางมาให้ คิดว่าผมจะยอมเหรอครับ ส่งข้อความกลับมั่งดิ มันเปิดอ่านเสร็จคราวนี้ไม่ส่งอะไรกลับมาครับ ไม่มองมาด้วย หรือผมจะเล่นแรงไปวะ ผมแค่ส่งไปว่า...

ManowTangduud : นายมีเยอะสินะเลยเที่ยวแจก มิน่าละ ถึงได้โดน จุด จุด จุด

“น้องนาว น้องดาวคะ ได้เวลาขึ้นเวทีแล้วค่ะ” ทีมงานมาตามผมกับดาวพอดี ผมเลยเลิกสนใจมัน แค่ล้อเล่นทำงอน ตูไม่ง้อหรอกเว้ยจะบอกให้ แบตโทรศัพท์ก็จะหมดพอดี ผมเลยเก็บแล้วไปเตรียมพร้อมที่ด้านหลังของเวที


งานบนเวทีจบลงด้วยดี ผมทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ เจ้าของงานได้กล่าวให้ผมฟังครับ เมื่อลงมาจากเวทีก็โดนนักข่าวรุมถามเรื่องข่าวที่แฟนๆจิ้นผมกับมีน ผมก็ตอบตามจริงครับว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ดูแล้วไม่มีคนเชื่อเท่าไหร่ จากนั้นก็หันไปสัมภาษณ์ดาว ผมเลยขอปลีกตัวออกมาก่อน ผมเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว ตั้งใจจะบอกให้คนที่รอมันกลับไปก่อนเพราะผมอยากกินปิ้งย่างเกาหลีจะแย่แล้ว ที่สำคัญไม่อยากกลับไปกินข้าวที่บ้าน ต้องพูดกับมันดีๆมันจะได้ไม่มีปัญหา แต่เชื่อผมไหม เดี๋ยวแม่เลี้ยงของผมต้องโทรมาตามให้กลับไปกินข้าวที่บ้านอย่างเคยๆ

“เสร็จแล้วใช่ไหม” มันถามผม

“อืม พี่ธีม นาวจะ..”ผมยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้น

“ครับแม่ เสร็จแล้วครับ เรียบร้อยดีครับ น้องอยู่กับผมแล้ว คือเดี๋ยวผมจะพาน้องไปกินอาหารเกาหลีครับ ผมจองร้านไว้แล้วครับ ครับแม่ ไม่ดึกครับ ครับ” มันวางสายแล้วก็หันมามองหน้าผม

“เมื่อกี้จะพูดอะไร เดี๋ยวค่อยคุยในร้าน พี่หิว” มันบอกผมพร้อมปกับทำหน้ายุ่ง

“คือ..”

“หรือจะกลับไปกินข้าวบ้าน” มันถาม ผมเลยเลือกที่จะเงียบ เอาวะ ถึงจะลดความอร่อยลงเพราะต้องเห็นหน้ามันตอนกินก็ดีกว่าเห็นครอบครัวมันทุกคน

“ไม่มีอะไร ก็ไปดิ นาวจะเลือกร้านเองนะ”

“พี่เลือกแล้ว ร้านXX อย่าเรื่องมาก เร็ว หิว” มันบอกชื่อร้าน เป็นร้านที่ผมอยากกินนี่แหละครับ เกิดจะมาอยากเหมือนกันอีก แต่ก็ดี กินฟรีไม่ต้องจ่าย จะสั่งให้แกกระเป๋าเบาเลยคอยดู

“ก็เดินไปดิหรือต้องให้ควงแขนไป” ผมถาม มันถอนหายใจใส่ผมก่อนจะเดินลิ่วๆออกไปเลย ขำหน้ามัน มันคงจะฝังใจเรื่องพี่อ้นจริงๆ

ตอนนี้โต๊ะที่ผมนั่งแทบจะไม่มีที่ว่างเลยครับ ผมส่งของกินมาจนเต็มโต๊ะ แต่ไอ้ธีมมันไม่แสดงท่าทีอะไรเลย มันก็คีบไปปิ้ง ระหว่างที่กำลังปิ้ง น้องผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดมัธยมปลายเดินเข้ามาแบบเอียงอายๆ ผมหันไปยิ้มให้ ชินแล้วครับ ส่วนไอ้โหดที่นั่งตรงข้ามกับผมมันกำลังจดจ่อทำสถิติปิ้งเนื้อให้กินเนสบุ๊คอยู่มั่งครับ ไม่สนใจโลกแม้แต่น้อย

“พี่คะ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” น้องคนหนึ่งเอยแบบกล้าๆกลัวๆ ผมพยักหน้าให้ เอาจริงๆก็ไม่ได้ชอบหรอกครับ กำลังจะเอาเนื้อใส่ปากอยู่แล้วเชียว แต่เรามายืนตรงจุดนี้ได้ก็เพราะการสนับสนุนจากคนเหล่านี้แหละครับ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง แต่เดี๋ยวก่อน ในเมื่อผมไม่ได้กินแบบมีความสุข ไอ้คนรวมโต๊ะจะเสวยสุขคนเดียวได้ไง

“พี่ธีม ช่วยถ่ายนาวกับน้องเขาหน่อยสิ” ผมบอก มันมองหน้าผม ผมยักคิ้วให้ รู้สึกดีที่ได้ขัดขวางการกินของมัน

“น้องเขาบอกเหรอว่าอยากถ่ายกับนาว” มันถามเสียงดุๆ โถๆ สองสาวหน้าเสียเลย ไม่ได้หรอกครับ ยังไงมันต้องถ่ายให้ผม มาด้วยกันต้องหิวด้วยกัน

“อยากถ่ายกับพี่ไหมครับ” ผมถาม สองสาวมองหน้ามันแบบกลัวๆ ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ่ายพี่นาวคนเดียวพอ”

“ไม่เป็นไรไม่ต้องอาย พี่ชายพี่ฉีดยาแล้ว ไม่ต้องกลัว” ผมบอก น้องสองคนแอบยิ้ม พอเห็นสายตาไอ้โหดน้องเขาก็รีบหุบยิ้ม

“ไม่ได้กลัวพี่หล่อคนนี้หรอกค่ะ แต่หนูจะเอาไปฝากแม่ แม่หนูชอบพี่นาวค่ะ”

..เพล้งงง...

..หึหึหึหึหึหึ...

..แชะ!!...

เสียงแรกคือเศษหน้าผมที่แตกละเอียด เสียงต่อมาคือเสียงขำของไอ้โหดครับ เสียงสุดท้ายคือเสียงจากกล้องโทรศัพท์มือถือของสองสาวที่ทำภารกิจคืนความสุขแก่มารดาเสร็จก็หายตัวไปเลยครับ  ไอ้โหดยังนั่งขำไม่หยุด ผมหรี่ตามองมัน ความแค้นแน่นอก ต้องยกออก

“อันนี้นาวสั่ง ห้ามกิน” ผมโกยๆจานที่ผมสั่งมาไว้ฝั่งผม ซึ่งจริงๆผมก็สั่งแทบทั้งโต๊ะ เหลือแค่จานผักกับกิมจิที่ผมเอาตะเกียบเขี่ยๆไปใกล้ๆมัน

“กินหมด?” มันถาม

“หมด”

“ถ้าไม่หมด?”มันถามสีหน้าเคืองๆ

“ก็แปลว่าเหลือไง” ผมตอบ มันจ้องหน้าผม

“ถ้าเหลือเขาปรับ”

“ก็ปรับไปดิ”

“มีเงิน?” คราวนี้มันถามสีหน้ากวนๆ

“................” ผมอึ้งไปเลย ก็กระเป๋าผมอยู่ในรถมัน ตอนนี้มีแค่ตัวกับโทรศัพท์

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปสั่งใหม่ก็ได้ นาวล้างจานเป็นไหม ลองเปลี่ยนอาชีพดูบ้างไหมละ” มันทำท่าจะลุก ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาไอ้พวกเพื่อนๆให้มาช่วยจ่าย เวรละ ดันแบตหมดซะอีก

“กินด้วยกันก็ได้ ล้อเล่นนิดเดียวเอง” ผมรีบบอก เลื่อนจานกลับไปทางมัน

“ก็แค่นี้” มันบอก ก่อนจะคีบเนื้อย่างไปปิ้งอีกครั้ง โธ่เว้ยยยยย โลกไม่ยุติธรรมกับคนหล่อๆอย่างผมเลย ทำไมผมไม่เคยจะชนะมันได้สักที ทีแรกก็รู้สึกผิดที่แซวมันแรงในไลน์ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมน่าจะเล่นให้แรงกว่านี้คงจะดีไม่น้อย

..ฮึ่ยยยย แค้นนี้ต้องชำระ...


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 2 (29/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-12-2014 00:46:17
รออ่านอีกจ้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 2 (29/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 30-12-2014 09:53:20
ชอบจังเลยอะ ใครหน้อ จิได้เป็นเจ้าชาย  :katai2-1:
แอร้ยยยยยย กล่าวถึงเราด้วย ดีใจจุง :z2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 2 (29/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 30-12-2014 11:49:33
สงสารเจ้าชายในอนาคตจริงๆ
มีนางซิน ขี้มโนแบบนี้เนี้ย
 :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 3 (30/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 30-12-2014 17:01:06
บทที่ 3


ทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้าน คุณแม่เลี้ยงของผมก็รีบเดินออกมารับเหมือนเช่นทุกวัน แปลกใจที่วันนี้เห็นธารนั่งดูทีวีอยู่ด้วย ปกติแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะขอตัวกลับขึ้นห้อง คุณเมก็เรียกให้ผมไปนั่งคุยด้วยกันก่อน ผมแอบเซ็งในใจแต่ก็ต้องเดินตามไป ไอ้ธีมมันก็เดินตามผมมาอีกที

“อยู่บ้านได้เหรอเราวันนี้” ธีมมันถามน้องสาวมัน

“แม่เรียกให้มา บอกมีธุระจะคุยด้วย” ธารตอบก่อนจะหันมามองผม ผมไม่ได้ไหว้ ถึงพ่อจะเคยบอกให้ผมเรียกธารว่าพี่ ผมยอมเรียก แต่ผมไม่ยกมือไหว้เพราะเธอแก่กว่าผมแค่สามสี่เดือนเอง

“นั่งก่อนน้องนาว กินข้าวมาอิ่มไหมคะ อยากกินอะไรอีกไหม แม่สั่งให้สายหยุดทำบัวลอยเอาไว้ น้องนาวอยากทานไหมจ๊ะ” คุณเมถามผม บัวลอยฝีมือป้าสายหยุดอร่อยมากครับ แต่ท้องผมจะระเบิดอยู่แล้ว ก็ไอ้ธีมมันบังคับให้ผมกินที่สั่งมาทั้งหมด แล้วผมสั่งมาตั้งเยอะ แต่ไม่อยากเสียฟอร์มเลยต้องยัดเข้าไปจนแทบคลานกลับบ้านแล้วครับ

“ไม่ครับ นาวอิ่มแล้ว มีอะไรรึเปล่าครับ นาวเพลีย อยากนอนแล้ว” ผมตอบ คุณเมหน้าเสียนิดหน่อย สองพี่น้องนั่นก็เหลือบมองผม สีหน้าไม่ค่อยพอใจที่ผมดูไม่แคร์ความรู้สึกแม่ของมัน

“คือปลายเดือนแม่จะจัดงานการกุศล เป็นงานค่อนข้างใหญ่หน่อย แม่อยากให้น้องนาวมาร่วมงานด้วยได้ไหมจ๊ะ”

“ผมไม่รู้จะมีคิวรึเปล่า” ผมตอบทั้งๆที่รู้ว่าคุณเมคงจะเช็คตารางงานของผมทั้งหมดแล้วแน่ๆ

“แม่เช็คกับคุณชัชแล้ว น้องนาวไม่ติดงานอะไร แม่อยากให้น้องนาวกับเพื่อนๆมาเดินแบบให้แม่ด้วย แม่ติดต่อเพื่อนน้องนาวทุกคนหมดแล้ว ทุกคนก็ตอบตกลงมาแล้ว เหลือแต่น้องนาวนี่ล่ะค่ะลูก”

“ผมปฏิเสธได้เหรอครับ เช็คตารางขนาดนี้แล้ว” ผมถาม คุณเมอึ้งไป

“นาว!” ธารวางหนังสือแล้วเรียกชื่อผมด้วยเสียงแข็งๆ

“ผมล้อเล่น งานสำคัญของคุณเมผมจะไม่ไปช่วยได้ยังไงกันครับ ถ้ายังไงบอกรายละเอียดงานกับพี่ชัชได้เลยครับ งานการกุศลใหญ่ๆแบบนี้ผมยิ่งต้องไป จะได้ได้กุศลแรงๆจริงไหมครับ พี่ธาร พี่ธีม” ผมพูดด้วยเสียงที่ดูอ่อนโยนที่สุด แต่คนฟังทำไมทำหน้าขุ่นมัวกันแบบนั้นนะ

“แค่นี้ใช่ไหมแม่” ธารถามเสียงห้วนๆ

“พี่ธีมก็ต้องเล่นดนตรีให้แม่ด้วย ส่วนพี่ธารก็ต้องมาเดินแบบให้แม่เหมือนกัน” คุณเมบอกลูกสาวกับลูกชาย

“เอาวงพี่ธีมนี่นะแม่ แม่เชิญผิดงานรึเปล่าคะ” ธารถามเสียงดัง ผมได้ยินก็หลุดหัวเราะพรืดเลย ตาย ตาย ตาย คุณหญิงคุณนายจะได้ชูมือขวากันแล้วงานนี้ ดีไม่ดีกระโดดเหยงๆเหวี่ยงหัวกันทั้งงานคงสนุกน่าดู คึคึคึ ฮ่าๆๆ ก๊ากๆๆ ผมแอบกลั้นขำในใจ ไอ้ธีมมันส่งสายตาดุๆมาให้ผม อะไร!! โน้น น้องสาวนายนะที่ดูถูกนายฉันแค่ขำกับนินทาในใจแค่นั้นเองเหอะ

“ก็ตามนี้ งั้นนาวขอตัวไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้นาวต้องไปแคสท์งานแต่เช้า” ผมรีบบอก เมื่อคุณเมพยักหน้าอนุญาต ผมก็รีบเดินขึ้นห้องไป ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาๆเมื่อถึงหน้าห้องของผมเอง ไอ้ที่ว่าเบา ก็เบาจนได้ยินไปถึงข้างล่างโน้นแหละครับ ก๊ากกก

...เฮ้ย ผมได้ยินเสียงมันวิ่งขึ้นบันไดตามมาเลยรีบเปิดประตูเผ่นเข้าห้องแล้วล็อคทันที ก่อนจะไปหัวเราะเยาะมันต่อในห้องให้สาสมกับที่มันแกล้งผมเมื่อตอนกินข้าวละกัน...

ตึ๊งงงง! เสียงไลน์ผมดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นมันที่ส่งมา ข้อความของมันที่ต่อจากอันที่ผมส่งไปกัดมันในห้องแต่งตัวแหละครับ

ManowTangduud : นายมีเยอะสินะเลยเที่ยวแจก มิน่าละ ถึงได้ จุด จุด จุด (ข้อความเก่าของผมเอง)

Theme : พี่มีอันเดียวนี่แหละ จะเก็บเอาไว้ให้นาวแล้วกัน หึหึ

แว๊กกกก ผมรีบหันไปเช็คลูกบิดประตูอีกทีว่าล็อคแน่นหนารึยัง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วก็พรูลมหายใจออก ถึงจะรู้ว่ามันแกล้งแต่ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ก็หน้าตาผมมันอาจจะไปกระตุ้นต่อมเลิกเกลียดเกย์ของมันก็ได้ หน้าตาดีนี่ช่างเป็นภัยจริงๆ คึคึ แต่เอาละ แกจะมาไม้นี่ใช่ไหมไอ้พี่ธีม ด๊ายยยย แล้วจะดูว่าจะปากดีแค่ไหน แต่วันนี้พักยกก่อน ผมอยากอาบน้ำแล้ว หัวหูเนื้อตัวเหม็นกลิ่นเนื้อย่างไปหมดละ ก่อนจะอาบน้ำก็เอาโทรศัพท์ไปเสียบสายชาร์ต เปิดไลน์ดูอีกที กลุ่มแก๊งค์ลูกไม้ มีร้อยกว่าข้อความที่ผมยังไม่ได้อ่าน ก็แบตมันหมด แล้วผมเพิ่งจะชาร์ตในรถตอนขากลับได้แป๊ปเดียวเอง เดี๋ยวค่อยมาอ่านแล้วกัน ไม่รู้มันคุยอะไรกันนักหนา ปกติจะคุยกันดึกกว่านี้เพราะทุกคนต่างก็มีงานยุ่งๆ แต่ตอนนี้เหนียวตัวมากกว่าอยากรู้เลยวางโทรศัพท์บนเตียงแล้วเข้าไปแช่น้ำให้สบายใจก่อนแล้วกัน


อาบน้ำจนตัวหอมฟุ้งก็มานั่งเป่าผมจนแห้งแล้วถึงทิ้งตัวลงนอน ผมหยิบไลน์ขึ้นมาดู ไลน์กรุ๊ปตอนนี้มีถึงสองร้อยกว่า ผมเปิดอ่านไล่ๆไป ส่วนใหญ่จะเป็นสองสาวมีนกับยีนที่เมาท์ๆเรื่องทั่วไป ท่าทางมันคงจะว่าง มีไอ้เกลือกับไอ้บูมที่มาแซวจิกกัดสาวๆบ้าง ไอ้บิวกับไอ้จอมหาย แต่ก็ขึ้นว่าอ่านครบนะครับ ไอ้บิวช่วงเวลานี้มันคงทำกับข้าวกับพ่อมัน ชอบทำตอนดึกๆ ที่รู้เพราะเวลาไปดูอินสตาแกรมของมันจะเห็นอาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แล้วตอนดึกๆแบบนี้โคตรทำร้ายกันเลยไอ้บิวตี้ ส่วนไอจอมก็ต้องไปดูในไอจี(อินสตาแกรม)เหมือนกัน มันชอบถ่ายรูปแล้วมาลงรัวๆตอนกลางคืนแบบนี้แหละครับ จริงๆในกรุ๊ปนี้ก็มี 7 คน แต่เรามีกันคนละสองไอดี จากมือถือเครื่องที่สองบ้าง จากไอแพดบ้างเลยกลายเป็นมี 14 ไอดีในกรุ๊ปนี้ ผมอ่านจนครบแต่ไม่ได้ทักอะไรไปเพราะมันมีไลน์จากไอ้จอมทักแยกมาด้วย ปกติมันไม่ค่อยทักมาหรอกครับ น่าแปลกใจ

จอมทัพ : แกเข้าไอจียัง

(ข้อความนี้ไอ้จอมมันส่งมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว)

ManowTangduud: ยังว่ะ มีไรวะ

(รอพักเดียวมันก็มาอ่าน)

จอมทัพ: แกไปดูเอง 

(ผมออกจากไลน์แล้วไปเข้าไอจี ไปดูของมันก็ไม่มีอะไรนี่หว่า มีรูปตอนไปกินมะละกอตำกับรูปดอกไม้ข้างทางวิวต่างๆที่มันถ่ายเอาไว้)

ManowTangduud: ไม่เห็นมีอะไรเลย แกถ่ายอะไรวะ

(ผมกลับมาถามมันในไลน์)

จอมทัพ : ไม่ได้ให้ดูของฉัน ดูของไอดอลแก

ผมอ่านข้อความของมันจบรีบหยิบไอแพดมาเปิด จะได้เห็นรูปใหญ่ๆ กดไปที่ชื่อพี่นภ เขาลงรูปนี้เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ไอแพดแทบร่วง คนอื่นมาดูคงไม่ได้คิดอะไร แต่ผมคิดครับ มะนาวครับ พี่เขาถ่ายรูปมะนาวฝานเรียงไว้ในจานสวยงาม พร้อมกับข้อความว่า

NopTheSound นักร้องอย่างผมต้องคู่กับมะนาวครับ ชุ่มคอชื่นใจ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ผมวางไอแพดแล้วซอยเท้ารัวๆ แต่ไม่ได้กรี๊ดออกเสียงหรอกนะครับ เดี๋ยวจะดูสาวแตกเกินไป ฮ่าๆ บอกตรงๆว่าดีใจครับ จะหมายถึงผมรึเปล่าไม่รู้ แต่ผมก็ดีใจประหนึ่งได้ถ่ายรูปคู่กับพี่เขาครับ ฮ่าๆๆ ผมรีบแคปภาพในไอจีพี่นภแล้วเปิดไลน์กรุ๊ป กดส่งภาพ ก่อนจะส่งสติ๊กเก้อรูปหัวใจรัวๆ มีคนเปิดอ่านแล้วครับคนหนึ่งแต่ไม่ได้ตอบอะไร อะไรว้า ไม่มีใครมากรี๊ดกับผมเลย วัยรุ่นเซ็ง อุ้ยๆๆ คนอ่านสองคนแล้ว

จอมทัพ : ขี้อวดว่ะ

ManowTangduud: เอ๊า มีให้อวดปะวร๋า 

(มีคนมาอ่านเพิ่มเป็นสี่คนแล้วครับ)

นุ้งมีน : เขาหมายถึงแกปะเหอะ

PrincessYEAN : เออ ใช่ หวายๆ ขี้ตู่วะแก

ManowTangduud: ไม่รู้ ฉันสามารถมโนได้

(คราวนี้ขึ้นอ่าน 7คน ใครมันเล่นสองเครื่องเลยวะถ้าไม่นับตัวผมมันต้องหกดิ)

ManowTangduud: ใครมาอ่านแล้วไม่มายินดีกับฉันฉันแช่งให้งานหด

BoomBaLAKa : แม่ม ไปออกรายการคนอวดผัวเลยไป

( ก๊ากกก กลัวไม่ได้ไปบอลโลกเหรอแก รีบมาตอบเลย)

Supersalt : นี่ถ้าพี่เขาลงรูปคู่กับมันเลย มันคงแถลงข่าว

ManowTangduud : พวกแกขี้อิจฉาว่ะ ว่าแต่ใครเล่นสองเครื่องวะ

ชามมีไอเอนจี: ฉันเอง กำลังจะลงแอพใหม่ แต่มีหมาแม่มอยากให้มาแสดงความยินดี

ManowTangduud : ใครวะ

ชามมีไอเอนจี : เกลือสุดหล่อของน้องนาวไงครับ

(เป็นไอดีไอ้เกลือครับ มันเอาไอดีอีกอันมาตอบ เสือกเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนรูปซะงง)

BoomBaLAKa : ถุย ว่าแต่แกลงแอพหรือแอบส่องนมสาววะไอ้ซอลลลลตี้

ชามมีไอเอนจี: อยากมาส่องด้วยไหมละ

(ไอ้เกลือตอบแล้วส่งสติ๊กเก้อรูปนมมาเต็มเต้าเลย แต่เป็นเต้าของวัวนะครับ ผมขำเลย ช่างสรรหาจริงแก)

BoomBaLAKa : ไม่ นมกลมๆเหมือนบอล ฉันเห็นลูกบอลจนชินแล้ว ฉันชอบแบนๆ

Supersalt : งั้นเชิญไปทางไอ้ยีนเลย

PrincessYEAN : อีเกลอ อิเลวววววว

นุ้งมีน : เกลือ ชื่อแกอีกไอดีคืออะไรวะ งง ชามมีไอเอนจี

Supersalt  : ไม่บอก

BoomBaLAKa : ชื่อเวปโป๊ที่มันชอบไปโหลดอะดิ

ManowTangduud : โหลดพร้อมมันสิท่าไอ้บูม

BoomBaLAKa : ว้ายย ใส่ร้าย ฉันเสียจาย

นุ้งมีน : ว่าแต่ไอ้บิวหายไปไหนนี่ สงสัยทำขนมอยู่แน่เลย

BoomBaLAKa : ปลายจวักทุกวันแบบนี้ มันคงใกล้ออกเรือนแล้วมั๊ง 55555

BoomBaLAKa : จะว่าไป ไอ้บิวมันต้องแอบมีแฟนแน่ๆเลยว่ะ

PrincessYEAN : ทำไมเหรอ แอบเห็นเหรอ แฟนมันหล่อไหม

Supersalt :แกไม่คิดกันเลยเหรอว่าแฟนมันจะสวย

PrincessYEAN : ไม่

นุ้งมีน : ไม่

BoomBaLAKa : ไม่

Supersalt : ฉันก็ว่าไม่

ManowTangduud : ก๊ากกก พวกแกจะตอบพร้อมกันไปไหมวะ ป่านนี้ไอ้บิวมันจามจมูกหลุดแล้ว

JOMTAP : พวกขี้เม้า

(ไอ้จอมใช้ไอดีอีกอันมาตอบ)

BoomBaLAKa : หูยยย แกไม่อยากรู้ว่างั้น

JOMTAP : อยาก

นุ้งมีน : 555555555 ทุเรศว่ะ เจือกพอกัน เร็วบูม แกอย่าออกทะเล ทำไมคิดว่าบิวมันมีแฟน

BoomBaLAKa : อ๋อออ พวกแกตั้งใจฟังให้ดีนะคืองี้นะ

(เงียบกันหมด รออ่านใจจดใจจ่อกันครับ)

BoomBaLAKa : คือ..ฉันเดา

JOMTAP : สัสบูม

BoomBaLAKa : ก๊ากกก แกอยากรู้ แกก็ถามมันดิ

Supersalt : ฟายบูม ฉันก็นึกว่ามีไรเด็ดๆ

ManowTangduud : พวกแกแยกย้ายกันไปนอนไป๊ คุยไรกันเยอะแยะ ไร้สาระนะพวกแก

BoomBaLAKa : ถึงจุดสุดยอดแห่งความสุขแล้วถีบหัวส่งเพื่อนเลยว่ะไอ้มนุษย์ต่างดาว

ManowTangduud : เออ พรุ่งนี้เอาหัวแกมาให้ถีบหน่อยนะ ไปดีกว่า น่ามคานนนพวกแกจริงๆ คึคึ ไปละ ฝันดี จุ๊บุ๊ๆ 555

ผมส่งข้อความสุดท้ายเสร็จก็หยิบไอแพดมาเปิดไอจีอีกรอบ แอบไปส่องไอจีพี่นภอีกครั้ง พี่เขาอยู่เชียงใหม่นี่เนอะตอนนี้ คงกำลังเล่นดนตรีอยู่ คนกดไลค์เยอะพอสมควร ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมเลื่อนไอจีคนอื่นดูบ้าง รูปแก๊งค์ผมที่ไอ้จอมเอาลงไว้คนกดไลค์เยอะมาก ผมก็อยากจะลงบ้าง แต่จะลงอะไรดี ปกติไม่ค่อยลงหรอกครับ เอาไว้ส่องอย่างเดียว เคยอ่านตามเวปแฟนคลับของผม ก็มีบ่นๆว่าผมไม่ค่อยมาอัพเดทบ้างเลย ผมเลือกรูปในโทรศัพท์ว่าจะเอาอันไหนลงดี แล้วก็ตัดสินใจลงรูปเนื้อย่างที่ไปกินวันนี้ ถ่ายได้รูปเดียวเอง แบตมันจะหมด แถมภาพยังเบลอได้อีก

ผมลงภาพในไอจีเสร็จก็ถึงเวลาท่องโลกกว้างของผม ผมชอบตอนกลางคืนแบบนี้ครับ มันเงียบสงบ ไม่มีใครจะก้าวล่วงเข้ามาในโลกส่วนตัวของผม ผมจะจมอยู่กับโลกโซเชียล เป็นใครก็ได้ ไปไหนก็ได้ อยากรู้อะไร อยากเห็นอะไรก็ได้รู้ได้เห็น ผมชอบดูคนที่เขาเล่าเรื่องเวลาไปเที่ยวต่างแดน ไปแบบแบ็คแพ็คเกอร์ ถ้าผมไถ่บ้านคืนได้แล้วก็จะเก็บเงินเที่ยวรอบโลกบ้าง ผมเล่นจนเพลิน ตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะตีสามแล้ว เริ่มจะง่วงแล้วเหมือนกัน ก่อนจะนอนเลยเข้าไอจีอีกรอบ ไอ้พวกเพื่อนผมมันมาก็มาคอมเมนท์แซวว่ากินไม่ชวน ผมเห็นข้อความจากแฟนคลับคนหนึ่งโพสว่า

ปิงปองกระเด้งดึ๋ง: ได้เอารูปให้แม่ดูแล้วนะพี่ แม่ดีใจมาก #แม่ข้าคือสาวกท่านนาว คริๆ..

ผมขำก่อนจะตามกดดูที่ไอจีของน้องเขา รูปแรกเป็นรูปแม่ของน้องเขากำลังดูรูปผมในโทรศัพท์ลูกสาวแล้วยิ้มกว้าง ผมยิ้มตาม ก่อนจะกดไลค์ให้น้องเขา รูปที่สองเป็นรูปหน้าเต็มๆของผมครับที่โดนถ่ายไว้ หน้าเหวอเชียว แต่ผมก็กดไลค์ให้อีกครับ รูปต่อมาเป็นรูปไอ้ธีมครับ น้องสองคนนี่ทำงานเป็นทีมดีมากครับ อีกคนถ่ายผม อีกคนแอบถ่ายไอ้ธีม มาไวไปไว แถมรูปนี่ชัดเป๊ะเชียว รูปมันกำลังปิ้งเนื้อกับรอยยิ้มน้อยๆของมัน พร้อมกับข้อความว่า

ปิงปองกระเด้งดึ๋ง: โอ้ย อยากซบอกพี่เขาจริงๆ อย่างกับเทพบุตร ได้สักทีจะให้ลูกบวชให้เลย...

มีปุ่มอันไลค์ไหมครับพี่น้อง ผมละหมั่นไส้มันจริงๆ นี่เขาแอบถ่ายแกนะ ทำไมแกยิ้มได้องศาเชียว แล้วดูรูปผมนี่ดิ ยังไม่ทันตั้งตัวเลย หน้าเหวอด้วยเหอะ เช๊อะ แต่มันคงไม่ได้มาดูหรอกและผมจะไม่บอกมันด้วย ไม่ได้อิจฉาเลยเหอะ แค่ไม่ใช่เรื่องของผม ผมวางไอแพดลงข้างตัว ลุกขึ้นคุกเข่าบนที่นอนแล้วสวดมนต์บทสั้นๆ กราบกับหมอน แล้วนึกถึงพ่อกับแม่ กราบกับหมอนอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนมองเพดาน จริงๆห้องนี้ถึงจะเป็นห้องใต้หลังคา แต่ไม่ได้เก่าหรือทรุดโทรมเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มันถูกปรับปรุงซ่อมแซมใหม่หมด กว้างมากๆ  ตกแต่งอย่างดี มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เอี่ยมครบครันแสนจะหรูหราด้วยซ้ำ ห้องน้ำนี่เพดานมองดาวได้เลยนะครับ มีอ่างจากุชชี่ให้ด้วย คุณเมธาวีให้สถาปนิกมาออกแบบให้ผมใหม่ทั้งหมด คุณคงจะบอกว่าชีวิตผมไม่เห็นจะเหมือนซินเดอเรลล่าสักนิดเลยใช่ไหมครับ ใช่ครับไม่เหมือนเลย

...ชีวิตผมสบายกว่าซินเดอเรลล่าในนิทานตั้งเยอะ แต่ผมไม่มีความสุขเท่าที่ควรจะเป็น ผมไม่ได้ต้องการนางฟ้าแม่ทูนหัวมาเสกรถฟักทองให้ ไม่ได้ต้องการห้องใหญ่ๆที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ผมแค่ต้องการใครสักคน คนที่ทำให้ผมรู้จักความสุขที่แท้จริง คนๆนั้นจะใช่คนที่ผมคิดไว้รึเปล่าครับ อยากรู้จัง...


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 3 (30/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-12-2014 20:02:54
น้องนาวววว พี่ธีมต้องแอบยิ้มเพราะหนูแน่ๆเลยค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 3 (30/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 30-12-2014 20:07:45
ว้า  เสียใจด้วย
คงไม่ใช่ซะล่ะม้างงง
แอบซุกลูกซุกเมียไว้แน่เลย
หุหุ
 :impress3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 4 (01/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 01-01-2015 09:58:03
บทที่ 4


เช้าวันนี้ผมลงมาข้างล่างก็เจอพี่ชัชมานั่งรออยู่แล้วที่ห้องรับแขก คุณเมเรียกให้ผมไปกินข้าวต้มซี่โครงอ่อนที่ทำเอาไว้ให้เพราะรู้ว่าผมต้องไปแคสท์งานแต่เช้า แต่มันเช้าเกินไปผมยังไม่อยากกิน แต่คุณเมก็คะยั้นคะยอพูดถึงประโยชน์ของอาหารเช้าจนผมต้องกินเพื่อจะได้จบๆ พี่ชัชเองก็มานั่งกินด้วยเพราะคุณเมจัดเอาไว้ให้ด้วย คุณเมเอาตารางงานซ้อมเดินแบบงานการกุศลที่เธอจัดให้แก่พี่ชัช เราสองคนกินเสร็จก็ขอตัวไปทำงาน คุณเมไม่ลืมที่จะกำชับว่าให้ผมกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน เพราะเธอเตรียมเมนูปลาหมึกผัดไข่เค็มกับแกงป่าของโปรดของผมเอาไว้ให้แล้ว ผมไม่ได้ตอบรับอะไร ยกมือไหว้แล้วไปขึ้นรถ พี่ชัชตบบ่าผมเบาๆเพราะรู้ว่าผมกำลังอึดอัด จากนั้นก็พาผมไปยังสตูดิโอแถวๆรังสิตเพราะผมต้องไปไปแคสท์งานที่นั่น

งานที่มาแคสท์ในวันนี้เป็นซีรีย์สั้นๆมีแค่ 8 ตอน พี่ชัชบอกว่าทางผู้จัดต้องการตัวผมเป็นนักแสดงนำชายอยู่แล้ว แต่จะมาแคสท์นักแสดงนำหญิงที่จะคู่กับผม อยากหาคนที่เคมีเข้ากันกับผมมากที่สุด เป็นซีรีย์เกี่ยวกับความรักที่จะฉายเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อผมมาถึงก็เจอคนที่มารอแคสท์งานนี้อยู่หลายคน เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่เคยร่วมงานกับผมเลย ผมยกมือขึ้นไหว้ทีมงานที่ดูว่าจะอายุมากกว่าผม บางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทักทายเสร็จผมก็ไปนั่งรอในห้องที่เขาจัดเอาไว้ให้ อ่านบทที่จะให้ลองแคสท์ในวันนี้คร่าวๆ เป็นบทจีบกันกับฝ่ายหญิง ผมนั่งก้มหน้าอ่านอยู่ก็รู้สึกเหมือนถูกใครจ้องมองอยู่ เงยหน้าขึ้นดูก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะวัยไล่เลี่ยกับผม เธอส่งยิ้มมาให้ผมอยู่ ผมส่งยิ้มกลับไปให้ตามมารยาท

“ยินดีที่รู้จักนะคะนาว” เธอทักขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหา

“ครับ” ผมตอบ

“ปิ่นค่ะ อายุเท่ากับนาวเลย เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่นภ ปิ่นมาแคสท์งานนี้เหมือนกันค่ะ” พอผมได้ยินชื่อลูกพี่ลูกน้องของเธอต่อมตื่นตัวทำงานทันทีเลยครับ แฮ่ๆ

“อ๋อ ครับ ยินดีที่รู้จักครับปิ่น”

“งานนี้เป็นงานแรก ตื่นเต้นจังเลยค่ะ เดี๋ยวต้องเข้าบทกับนาว ปิ่นเลยอยากมาทักทายก่อน เดี๋ยวจะได้ไม่เขินตอนแสดง”

“ครับ ขอให้สมหวังนะครับ “ ผมตอบก่อนจะยิ้มให้ปิ่นอีกครั้ง ผมเห็นคนที่มาแคสท์คนอื่นมองปิ่นกันใหญ่ สายตาก็ไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก แบบนี้แหละครับวงการมายา ไอ้ที่ว่าละครหลังข่าวหรือนิยายที่ว่าน้ำเน่า มันมีจริงทั้งนั้น ผมเจอคนไม่จริงใจมาก็เยอะ ดีว่าอยู่กับวงการนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เลยจะระวังตัวพอสมควร

“ค่ะ ปิ่นเคยอ่านเจอในนิตยสารว่านาวปลื้มพี่นภ เดี๋ยวเย็นนี้ปิ่นต้องไปเจอพี่เขา จะฝากอะไรถึงไหมคะ”

“ฝากความระลึกถึงแล้วกันครับ” ผมไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากนัก ปิ่นทำมือบอกว่าโอเคก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมห้องคนเดียว เธอดูสดใสร่าเริงดี ท่าทางจะเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ดี จะว่าไปอยากให้ปิ่นแคสท์งานนี้ได้เหมือนกันนะ ผมไม่ได้มีแผนอะไรจริงจริ๊ง ฮ่าๆๆ

การแคสท์ผ่านไปด้วยดี ทีมงานกล่าวขอบคุณทุกคนแล้วจะโทรไปแจ้งผลในวันพรุ่งนี้ ผมว่าคนที่มาแคสท์ในวันนี้ฝีมือสูสีกันแทบทุกคน ดูกล้าแสดงออกกันมากกว่าผมตอนแคสท์งานแรกๆเสียอีก ปิ่นเดินมาทักผมอีกรอบก่อนจะขอตัวกลับ ผมเองก็รีบเดินไปหาพี่ชัชที่รออยู่ในห้องแต่งหน้าเพราะเดี๋ยวมีอีเวนท์โชว์ตัวอีกงานหนึ่ง ผมเดินผ่านกลุ่มสาวๆที่มาแคสท์งาน ทุกคนส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ เดินผ่านไปได้นิดเดียวก็ได้ยินเสียงเม้ามอยตามมาติดๆ

“แกเอ้ย เห็นหน้าใสๆ จริงๆมันแอ๊บแบ๊ว เห็นตอนทำไปตีสนิทนาวไหม อย่างกับรู้จักมานาน ฉันเรียนการแสดงที่เดียวกับนางมาหลายปี นางร้ายนะ”

“จริงดิ ดูเหมือนคุณหนูเนอะ เป็นญาตินภวงเดอะซาวน์ใช่ไหมแก”

“เออ ถ้านางได้งานนี้ เผลอๆก็เส้น เพราะซีรีย์นี้พี่นภมาทำเพลงประกอบให้”

“งั้นเราก็ชวดงานกันดิ เซ็งวะแก”

“เอาน่า อย่าเพิ่งพูดไปรอผลพรุ่งนี้ก่อนแล้วกัน”

ผมไม่ได้อยากเผือกเลยนะ เสียงมันลอยมาเข้าหูเอง ผมแค่เดินช้าๆแค่นั้นแหละ ไอ้ที่สาวๆเข้านินทากันมันไม่ได้มีผลอะไรกับผมนักหรอก แต่ไอ้ที่บอกว่าพี่นภจะมาทำเพลงประกอบให้นี่สิ ทำไมผมรู้สึกว่าช่วงนี้ผมจะได้ชื่อพี่เขาบ่อยกว่าปกติ แถมยังรู้สึกว่าจะได้ใกล้ชิดพี่เขามากกว่าเดิมหรือว่าพระเจ้าจะเห็นใจ ส่งเจ้าชายมาคืนความสุขให้ไอ้นาวบ้างแล้ว

“บ้ารึเปล่า ยิ้มคนเดียว” ฟิ้วววววววววววววว ตุ๊บ ไม่ได้มีอะไรตกภายในห้องนี้ครับ มีแค่ความสุขของผมถูกถีบตกจากสวรรค์อย่างแรง

“มาทำอะไร แล้วพี่ชัชละ” ผมถามเมื่อเห็นหน้าไอ้คนที่ถีบความสุขของผมหล่นกระเด็นกระดอนไป

“พี่ชัชคุยกับผู้จัดเรื่องสัญญา แม่ให้มารับนายไปลองชุด” ไอ้ธีมตอบ น้ำเสียงมันดูเซ็งๆ ผมก็เซ็งเหอะ

“เดี๋ยวมีงานต่อจะไปได้ไง ไม่รู้ตารางงานรึไง” ผมถาม

“งานเย็นไม่ใช่เหรอ”

“ต้องลองวันนี้เลย?” ผมเริ่มหงุดหงิด

“นายโทรไปถามแม่ดิ” มันตอบ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถามไม่ถามก็คือต้องไปอยู่ดีเปล่าวะ รีบๆไปจะได้เสร็จๆ แม่มันก็จริงๆเลย บอกเมื่อวาน วันนี้ให้ลองชุด อะไรมันจะเร็วแบบนั้นวะ ท่าทางคงจะเตรียมการไว้นานแล้วมั๊งนี่ แล้วงี้จะมาถามความเห็นทำไมว่าไปงานให้แม่ได้ไหม บังคับเลยก็ไม่ต่างกันเปล่าวะผมกำลังหงุดหงิดสุดๆ

“บอกพี่ชัชก่อน”

“พี่บอกแล้ว ไปได้เลย” มันบอกเสร็จก็เดินนำออกไป

“ว้ายยยย ขอโทษค่ะ” เสียงของปิ่นครับ ตอนที่ไอ้ธีมมันกำลังจะเปิดประตู ปิ่นคงกำลังจะเปิดมาเหมือนกันประตูเลยกระแทกมือมัน

“ไม่เป็นไรครับ” แหมมมม ที่กับสาวๆตอบเสียงนุ่มเชียวนะแก

“ปิ่นลืมของค่ะเลยต้องกลับมาเอา” ปิ่นหันมาพูดกับผม ก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอ้ธีม แก้มปิ่นแดง ดูเขินอายกว่าตอนคุยกับผมอีก สงสัยจะหลงเสน่ห์ความซกมกของไอ้ธีมอีกแล้ว

“ลืมอะไรครับ ผมช่วยหา” ผมถาม

“ผ้าพันคอค่ะ อ๊ะ อยู่ตรงนั้นพอดี ขอบคุณค่ะ” ปิ่นชี้ไป ผมเลยเดินไปเอามาให้

“ไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน” มันหันมาบอกผม ผมเห็นแววตาของปิ่นที่มองมาก็พอจะเดาออกว่าอยากให้แนะนำไอ้โหดให้เธอได้รู้จัก ถึงจะไม่อยากแนะนำว่าเกี่ยวข้องกับมันยังไง แต่ด้วยมารยาทเลยต้องแนะนำ

“ปิ่นนี่พี่ธีม พี่ธีมนี่ปิ่น”

“สวัสดีค่ะพี่ธีม” ปิ่นยกมือไหว้ ไอ้ธีมยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน ผมละอยากจะขำ หน้ามันเหวอๆนิดๆ

“เราต้องขอตัวก่อนนะ มีงานรออยู่” ผมรีบขอตัวเพราะไม่อยากแนะนำว่ามันคือพี่ชาย ปิ่นพยักหน้าให้ก่อนจะหันไปยิ้มกับไอ้พี่ธีมอีก ส่วนไอ้พี่ธีมก็เดินตามออกมา มันสะบัดมือตัวเองบีบๆนวดๆ คงจะเจ็บ เสียงกระแทกดังอยู่เหมือนกัน

“ขับรถไหวเปล่า” ผมถาม

“อย่าหวังจะได้ขับลูกชายพี่เลย”

“นาวไม่ได้คิดจะขับ ที่ถาม เพราะถ้าพี่ขับบไม่ไหวนาวจะได้ไปแท็กซี่ ไม่อยากไปกับคนพิการ” ผมตอบทันควัน รู้ว่ามันหวงรถมากครับ สักวันฉันจะขีดให้เป็นลายไส้เดือนพันต้นตะขบให้รอบคันเลย

“ไม่อยากไปกับพี่ก็ตามใจ เดี๋ยวพี่โทรบอกแม่ แม่คงมารับนาวเอง” มันพูดจบก็เดินไปเลยครับ ผมแค่ได้ยินว่าต้องไปกับแม่ของมันก็รีบเดินตามมันไปติดๆ

“นาย นาย” ผมเรียกมัน แต่มันไม่ได้หยุด

“พี่ธีมครับ” ผมแอบเบ้ปากก่อนจะเรียกมันใหม่ ได้ผล คราวนี้มันหยุดเดิน

“อะไรของนายอีก” แหม ทำมาหงุดหงิด ถ้าแม่คุณไม่ยุ่งกับผม ผมจะต้องมาพบมาเจอนายไหม พูดดด

“ขอไปซื้อขนมไข่หงส์ตรงนั้นก่อนดิ อยากกิน หากินยากอะ” ผมชี้ไป ตอนเด็กๆแถวบ้านผมมีขาย อร่อยมาก ผมชอบ ข้างนอกมันจะเป็นแป้งทอดเคลือบน้ำตาล ข้างในเป็นถั่วบดเอามาผัดเค็มๆหน่อย หอมกลิ่นพริกไทด้วย มันพยักหน้า ผมเลยวิ่งไปซื้อ คุณป้าคนขายจำผมได้ว่าผมเคยเล่นละครที่ป้าแกชอบเลยแถมมาให้อีกสามสี่ลูกด้วยความเสน่ห์หา ผมยกมือไหว้ขอบคุณป้าก่อนจะเดินมาขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี

“กินเปล่า” ผมถามมัน มันส่ายหน้า

“อร่อยนะ” ผมถามอีก แกล้งมันครับ มันไม่ค่อยชอบขนมหวาน แต่คุณเมมักจะทำขนมหวานติดบ้านตลอด เหตุผลคือผมชอบ ไม่รู้เพราะเหตุนี้รึเปล่า มันกับธารถึงไม่ค่อยชอบหน้าผมนัก คุณเมชอบเอาใจผมจนออกนอกหน้า มันเกินพอดีจนดูเหมือนเสแสร้ง

“ไม่กินจริงดิ” ผมเห็นมันขมวดคิ้วแล้วครับ คึคึ แกล้งมัน คือ สนุก

“กิน” มันตอบ อ้าว มันไม่ชอบขนมหวานนี่ มาแย่งผมอีก ผมถามตามมารยาทนะเว้ย

“อะ ลูกเดียวพอนะ” ผมยื่นถุงให้มัน

“ยื่นมาแล้วคิดว่าพี่หยิบถนัดไหม ชวนพี่กินนักก็ป้อนดิ” มันบอก นั่นๆๆ คิดจะแกล้งให้ผมกระอักกระอวนใจเหรอ ไม่ได้ผลหรอก มันนั้นแหละที่จะต้องหนาว อยากได้ก็จัดให้

“อ๊ะ อั้มมมม” ผมยื่นขนมไปถึงปากมันเลย ยิ้มละไมส่งให้ด้วย มันเหลือบมามองผมด้วยหางตา นิ่งอึ้งอยู่นาน คงไม่คิดว่าผมจะป้อนละซี๊ คงคิดว่าผมจะหงุดหงิด ทำปั้นปึงเขินอายเหมือนในละครเหรอ ฝันไปป๊าววววแก

.....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เมื่อกี้ผมยังรู้สึกตัวเองว่าน็อคมันด้วยฮุคขวา หักงวงไอยราแล้วก็เสยปลายคางมันอยู่เลย ทำไมตอนนี้ผมกลับเป็นฝ่ายถูกน็อคแบบไร้ชีวิตไปเลยครับ อ๊ากกก

ก็..

ก็.....

ก็.......

ไอ้พี่ธีมมันงับขนมในมือผม

แล้ว..

แล้ว.....

แล้ว.......

แล้ว..พอผมจะชักมือกลับมันก็เอามือมันมาคว้ามือผมไว้แล้วเอานิ้วผมไปดูดครับ สตั๊น!! บอกเลยว่า สตั๊นไปหลายนาที เหมือนสัตว์ที่ถูกสต๊าฟยังไงยังงั้น จนกระทั่งมันปล่อยมือผมออกแล้วหัวเราะ

“โอ้ยยยย มีเชื้อเอดส์เปล่าวะ ยี้ น้ำลายเหนียวเหมือนหมาปั๊กเลย” ผมรีบเอานิ้วเช็ดกับเบาะรถมันเลย

“นาว!! อย่าเช็ดเบาะรถ แต่อร่อยดีว่ะ เขาเรียกขนมอะไรนะ” มันถามเสียงใสอย่างคนอารมณ์ดี ตั้งใจจะเยาผมใช่ไหมไอ้ธีม

“เขาเรียก ขนมไข่ เหี้ย!!!!!!!!!” ผมตะโกนคำหลังดังๆ มันชะงักไป มองผมดุๆ

“ปากนี่นะ” มันบ่นแล้วก็ยิ้มออกมาอีก

“ไม่เชื่อเหรอ สมัยนี้เขาเรียกไข่หงส์ แต่สมัยก่อนเขาเรียกไข่ เหี้ย!!!” ผมเน้นคำหลังอีก

“เหรอ” มันถามสั้นๆแล้วก็ยิ้มอีก กวนตีนนะแกผมจะถือว่าให้หมามันเลียนิ้ว แม่ม มันเลิกกลัวเกย์แล้วเหรอวะ ผมนึกด่ามันในใจ

“เออ” ผมตอบ

“นาว” มันเรียก

“...” ผมไม่ตอบรับ

“นาว”

“..........”

“นาววววว”

“จิ๊ อะไร!!”

“แล้วนาวไปไข่ให้เขาขายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”มันถามผมพร้อมกับยักคิ้ว

สตั๊นรอบสองครับ ไปต่อไม่ถูก เวลาโมโหสมองตันชั่วขณะ ไอ้ธีมหัวเราะลั่นรถ ผมได้แต่เชิดหน้ามองข้างหน้า พยายามปุจฉา วิสัตว์ธีม เอ้ย วิสัจฉนา คิดๆๆ จะเอาคืนมันยังไงดี ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ให้มันหัวเราะนำไปก่อนเลย เดี๋ยวผมค่อยทบต้นทบดอกอีกทีเดียว

..โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  หงุดหงิดสัสๆเลย.....

“พี่ธีม” ผมนั่งเงียบมาจนถึงห้องเสื้อชื่อดัง ผมเรียกมันก่อนจะลงจากรถ

“อะไร นึกว่าออกไข่จนไม่มีแรงพูด” มันยังไม่เลิกครับ เดี๋ยวก็รู้ หึหึ

“แค่จะบอกว่า...”

“................” มันมองหน้าผมเพราะผมเว้นการพูดไว้แป๊ปนึง

“ไอ้ที่กินเมื่อกี้มันไข่เหี้ยจริงๆ ไม่ใช่ไข่นาว ไข่นาวพี่ธีมไม่ได้แอ้มหรอกครับ แต่ไข่พี่ธีมอะ ถูกเพื่อนแอ้มไปแล้วสินะ”

ผมพูดจบก็รีบเปิดประตูรถออกไปเลย ก่อนจะปิดประตูรถดังปังแล้วเผ่นเข้าไปในร้าน อยากจะระเบิดหัวเราะให้ดังแต่ต้องระงับไว้0เดี๋ยวคนแถวนี้นึกว่าผมเสียสติ หน้ามันในตอนนี้คงจะบูดเบี้ยวไปด้วยความโกรธปนอายเหมือนเคย หึหึหึผมบอกแล้ว เวลาโมโหมันคิดไม่ทันเว้ย พอได้ใช้สมาธิเป็นไงละมุขผม เจ็บจี๊ดเลยไหม สมน้ำหน้า ตอนนี้อยากแก้แค้นผมก็ไม่ได้แล้วสินะ แม่มัน

อยู่แบบนี้ผมไม่กลัวหรอกจะบอกให้ คึคึคึคึ

“น้องนาวมาแล้ว นี่คุณป้าลดา เจ้าของห้องเสื้อลดา คุณป้าลดาร่วมเป็นสปอนเซอร์ให้กับแม่ด้วย แล้วนี่ก็คุณบอย คนที่จะคุมเรื่องแฟชั่นในงานทั้งหมด ส่วนนี่ก็น้องนุ้ย ลูกสาวคุณป้าลดาค่ะลูก” คุณเมเดินมาจูงมือผมไปแนะนำผู้ใหญ่ ผมยกมือไหว้ทุกคนก่อนจะรับไหว้น้องนุ้ย

“ลูกชายคุณเมหล่อมากเลยนะคะ สมแล้วที่เป็นดาราดัง เพิ่งเจอตัวจริงวันนี้เอง ลูกสาวป้าเป็นแฟนคลับน้องนาวเลยนะคะ” คุณลดาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนลูกสาวของเธอยืนหลบหลังแม่ คงจะเขิน แต่ผมนี่สิ เริ่มไม่สบอารมณ์ตรงที่บอกว่าเป็นลูกชายของคุณเม

“อ้าวพี่ธีมมาพอดี มานี่ลูก” คุณเมเรียกไอ้ธีมมาแนะนำกับคุณลดา คุณลดารับไหว้มันแต่ก็มองมันหัวจรดเท้า ก็แหงละ มันมาในชุดกางเกงยีนส์เก่าๆฟอกสี ท่อนบนสวมเสื้อกล้ามแล้วสวมแจ็คเกตหนังดำทับอีกที ที่สำคัญ รองเท้าแตะครับ คุณเมก็เหมือนจะส่งสายตาตำหนิมันนิดหน่อย

“พี่ธีมกับน้องนาวตามพี่บอยไปลองชุดด้านในเลยค่ะ” คุณเมบอก เดี๋ยวนะ มันเดินแบบด้วยเหรอ ไหนว่าร้องเพลงอย่างเดียว เหมือนคุณเมจะรู้ว่าผมคิดอะไร

“พอดีแม่เปลี่ยนใจให้พี่ธีมเดินแบบด้วยค่ะ” ผมฟังเฉยๆไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแล้วเดินตามคุณบอยไป ส่วนมันรีบเดินมาตีคู่กับผม เวรละ มันจะมาแก้แค้นผมรึเปล่าวะนี่ ชักหวาดๆ ผมรีบๆเดินไปถึงห้องลองเสื้อด้านใน

“ราวนี้ของน้องนาวนะฮะ ส่วนราวนี้ของน้องธีม พี่จัดเข้าชุดกันไว้แล้ว ลองเปลี่ยนให้พี่ดูที่ละชุด เราจะเดินแค่สามชุดจากทั้งหมด พี่จะออกไปรอข้างนอกนะคะ” พี่บอยแต่ตัวหัวใจเป็นเกิร์ลจีบปากจีบคอบอกพวกผม ผมพยักหน้า พี่เขาก็เดินออกไปจากห้อง ตายละหว่า อยู่กับมันสองคน ผมรีบยกมือปิดหน้าผากเมื่อเห็นมันเดินเข้ามาใกล้ๆ

“หึหึ พี่ไม่ดีดเหม่งนาวหรอก แต่..” คือนึกภาพตามนะครับ ผมยืนหันหลังให้ราวเสื้อของมันไงครับ ที่นี้มันเดินมาหยิบเสื้อ แต่แทนที่มันจะเลี่ยงตัวของผมไปหยิบตรงอื่น มันมายืนตรงหน้าผม หยิบอ้อมตัวผมไป ผมเลยประจันหน้าและอยู่ในวงแขนของมันแบบระยะเผาขน

“แต่อะไร” ผมยังไม่เอามือลงจากหน้าผาก ปลอดภัยไว้ก่อน แล้วถามเสียงห้วนๆ

“..................” มันเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วมันก็ไม่พูดยืนจ้องหน้าผมแป๊ปนึงแล้วก็หยิบเสื้อที่ราวไปเปลี่ยนในห้องลองชุด

“อะไรของมันวะ สงสัยเมาไข่” ผมบ่นเบาๆ

“พี่ได้ยินนะ” เสียงมันลอดออกมา ผมรีบหยิบชุดของผมไปลองในห้องบ้าง ก็ว่าบ่นเบาๆแล้วนะ หูมันเจือกดีไปอีก

ผมลองสวมใส่ชุดเสร็จก็เดินออกมาจากห้องแต่ก็ไม่เห็นไอ้ธีมแล้ว มันคงเดินออกไปแล้ว ผมเลยเดินออกไปหาพี่บอยที่ด้านนอกบ้าง เดินไปถึงก็ต้องอึ้งไปนิดหน่อย ก็ไอ้ธีมในชุดที่มันใส่เปลี่ยนมันเหมือนคนละคน ถึงใบหน้ามันยังซกมกอยู่ แต่อย่างที่ผมเคยบอก หุ่นมันดี พอใส่ชุดพวกนี้แล้วดูดีทะลุความติสท์แตกของมันจริงๆ มันเกาหัวท่าทางเขินๆเพราะคุณป้าลดายืนชมมันยกใหญ่ต่างจากตอนเจอมันครั้งแรกจากหน้ามือเป็นหลังธีม เอ้ย หลังตีน ส่วนน้องนุ้ยทำหน้าเคลิ้มเลยครับ ทำไมทุกคนต้องนิยมความซกมกครับ ต้องผมนี่สะอาดหล่อละมุน มาเคลิ้มผมนี่ ชิ

“น้องนาวมาแล้ว ดูดีอย่างที่คิดจริงๆ อิจฉาคุณเมเหลือเกินนะคะ ลูกๆหน้าตาดีทุกคนเลย สงสัยวันหลังต้องขอยืมตัวมาถ่ายชุดคอลเลคชั่นใหม่ๆบ้างแล้ว” คุณลดาเดินมาจัดชุดให้ผมก่อนจะหันไปบอกกับคุณเม

“ยินดีค่ะคุณลดา เมื่อไหร่ก็โทรบอกเมได้เลยค่ะ” คุณเมตอบ

“ผมไปลองชุดอื่นก่อนนะครับ” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังไปเลย คงพอจะรู้กันใช่ไหมครับว่าผมหงุดหงิดเรื่องอะไร

ผมลองชุดจนครบเซ็ทที่คุณบอยจัดให้ กำลังจะโทรหาพี่ชัชให้รีบๆมารับ ผมรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่คุณลดาชมผม ไม่ได้รำคาญคำชมนะครับ แต่รู้สึกอึดอัดที่คำชมนั้นส่วนใหญ่จะชมเรื่องผมเป็นลูกคุณเม ยิ่งตอนชมว่าดวงตาผมสวยเหมือนคุณเม ผมอยากตะโกนบอกว่า ดวงตาผมเหมือนแม่ของผมต่างหาก ทำไม ไม่เข้าใจ ผมเป็นลูกของรองนางสาวสยาม ผมเป็นดารามาตั้งแต่เด็กๆ ชื่อเสียงก็มีไม่น้อย ทำไมทุกคนถึงได้ลืมประวัติแท้ๆของผม หรือทุกคนจงใจลืมผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของผมกัน

“นาวจะออกไปกับพี่เลยไหม” มันเดินมาถามผมที่นั่งอยู่ในห้องลองชุด พี่ชัชไม่ยอมรับสายสักที

“รอพี่ชัช” ผมตอบสั้นๆ

“ตามใจ” มันเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด สักพักก็ออกมาเตรียมจะเดินออกไป

“เดี๋ยว ไปด้วย” ผมเปลี่ยนใจ พี่ชัชยังไม่รับสาย ขืนรอนานผมคงต้องไปพร้อมกับคุณเมแน่ ยอมติดรถมันออกไปลงข้างนอกแล้วไปต่อแท็กซี่เอาดีกว่า ผมเดินตามมันออกไป มันบอกคุณเมว่าจะไปส่งผมเอง คุณเมพยักหน้ารับรู้ ผมกับมันไหว้ลาพี่บอยกับคุณลดาก่อนจะเดินไปขึ้นรถมัน

“ส่งตรงนี้ก็ได้” ผมบอกมันเมื่อออกมาถึงถนนใหญ่ที่พอจะเรียกแท็กซี่ได้ง่ายๆ

“มีงานที่XX ไม่ใช่เหรอ” มันถาม

“ไปเองได้”

“พี่ขี้เกียจโดนแม่บ่น เดี๋ยวไปส่ง นาวโทรบอกให้พี่ชัชไปรอนาวที่งานเลยแล้วกัน” มันบอกหรือเรียกอีกอย่างว่า มันสั่ง ผมก็ทำตามที่มันบอก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขัดขืน เอ๊ะ ใช้คำว่าขัดขืนมันทะแม่งๆไหม แหะๆ ยังไม่ทันจะต่อสายหาพี่ชัช พี่ชัชก็โทรเข้ามาพอดี

“ครับ ผมโทรหาพี่ตั้งหลายรอบ อ้าว แล้วเป็นอะไรมากไหมครับ ได้ครับ ไม่ต้องห่วงผมเลย เดี๋ยวเลิกงานแล้วผมจะแวะไปหาพี่นะ หายไวๆนะครับ” พี่ชัชโทรมาบอกว่าอยู่โรงพยาบาลครับ แกท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน แต่มาเป็นเยอะเมื่อสักพัก หมอบอกว่าแกติดเชื้อในทางเดินอาหาร คงต้องนอนที่โรงพยาบาลคืนหนึ่ง


ธีมมันมาส่งผมถึงที่จัดงาน ผมไหว้ขอบคุณมัน ไม่รู้สิครับ ผมเป็นคนมือไม้อ่อน แต่ปัญญาไม่อ่อนนะครับ  ต่อให้ไม่ชอบขี้หน้ามันยังไงหรือไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ถ้าอายุเยอะกว่าผม ผมก็จะไหว้สวัสดี ไหว้ขอบคุณ ขอโทษ แล้วแต่สถานการณ์เสมอ พ่อผมสอนมาดีในเรื่องนี้ครับ สำหรับไอ้ธีม ถ้าเจอกันทุกวันๆตอนเช้าผมไม่ได้ไหว้ แต่จะไหว้ขอบคุณถ้ามันมาส่งหรือทำอะไรให้สมควรแก่การไหว้ก็ไหว้ครับ มันพยักหน้าให้ ผมก็เดินเข้าไปในงานไม่ได้หันมายืนรอส่งมันหรอก เสียเวลา
กว่างานจะเสร็จก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากงานมารอเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะไปเยี่ยมพี่ชัชที่โรงพยาบาล ผมพยายามจะเลี่ยงๆในที่ๆมีผู้คนเยอะๆ เลยว่าจะเดินเลยไปตรงป้ายรถเมลล์อีกนิด แต่ยังไม่ทันที่เดินจะไปไหนก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมเสียก่อน

“น้องนาว” กรี๊ดดดดด ผมแทบกรี๊ดแตกเมื่อคนที่เรียกผมคือคนที่ทำให้ผมหลับอย่างมีความสุขเมื่อคืนนี้

“พี่นภ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ จะไปไหนเอ่ย”

“ผมจะไปเยี่ยมผู้จัดการส่วนตัวที่โรงพยาบาลครับ พี่นภกลับมาจากเชียงใหม่แล้วเหรอครับ”

“ครับ ขึ้นเครื่องมาเมื่อเช้า แล้วจะไปยังไงครับ”

“ว่าจะเรียกแท็กซี่ไปครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่นภพูดจบผมก็รู้สึกเหมือนได้พิชิตยอดเขาเอเวอเลส เยส!! คึคึแสนจะเป็นสุภาพบุรุษสึสๆ

“จะรบกวนพี่นภไปเปล่าครับ”

“พี่ว่าง ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ขอบคุณมากครับ” ผมเดินตามพี่เขาไป รู้สึกว่าหัวใจตัวเองมันเต้นตึกๆๆ ไม่รู้ว่าจะหุบยิ้มยังไงดี อยากซอยเท้าแล้วเต้นบัลเลต์ไปจนถึงรถเลยครับ ฮ่าๆๆ

“ได้ข่าวว่าพี่ได้ทำเพลงให้กับซีรีย์เลิฟด้วยใช่ไหมครับ” ผมชวนพี่นภคุยระหว่างทาง ให้นั่งเงียบๆกลัวพี่เขาได้ยินเสียงหัวใจผม ก๊ากๆ

“ใช่ครับ เมื่อสักพักเจ้าปิ่นก็โทรมาบอกว่าเจอนาว รู้จักกันแล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“พี่ชอบนาวนะ” ห๊ะ ห๊ะ ห๊า พี่นภครับ คือ คือ บับว่า คือ.....

“พี่ชอบการแสดงของนาว พี่ดูทุกเรื่องเลยนะ” โอ้ย พี่นภคร้าบ วันหลังกรุณาทำประโยคให้สมบูรณ์ในประโยคเดียวได้ไหมคร้าบบบ ผมหัวใจจะวาย จริงๆก็วายตั้งแต่เจอพี่แล้วละ ฮริ้ว

“ขอบคุณมากครับ ผมยังต้องพัฒนาอีกเยอะเลย” ผมว่าตัวเองคงหน้าแดงแน่ๆ เพราะรู้สึกว่าผิวหน้ามันร้อนวูบๆ

“ถึงแล้ว เดี๋ยวพี่ขออนุญาตขึ้นไปด้วยได้ไหมครับ ไหนๆก็มาแล้ว เดี๋ยวจะได้ไปส่งนาวที่บ้านด้วยเลย”

“แต่จะไม่เสียเวลาพี่เหรอครับ” ผมเกรงใจพี่เขาจริงๆ

“ไม่หรอกครับ พี่บอกแล้วไงว่าว่าง” ผมส่งยิ้มให้พี่เขา เริ่มต้นวันมีแต่เรื่องเซ็งๆ พอตกกลางคืนแสนจะมีความสุข ชีวิตไอ้นาวมันถูกโฉลกกับพระจันทร์จริงๆ

“ขอบคุณมากครับพี่”

ผมพาพี่นภขึ้นไปเยี่ยมพี่ชัช พี่ชัชคุยกับพี่นภเรื่องเพลงกันจนถูกคอ จริงๆพี่ชัชรู้จักพี่นภมาก่อนแล้ว แต่ไม่ได้สนิทสนม อย่างว่าแหละครับ พี่ชัชอยู่ในวงการนี้มานานกว่าผม นอกจากเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ผมก็ยังมีงานอื่นๆในวงการที่พี่เขาทำด้วยเหมือนกัน ที่เขารับอาสามาดูแล เพราะพ่อของผมเคยช่วยเหลือพี่เขามาก่อน ก็ตอบแทนบุญคุณกันไปครับ เป็นญาติๆกันด้วย ถึงจะญาติห่างๆแต่เขาก็ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กเลย พี่เขาเลยรักผมและดูแลผมเหมือนกับเป็นลูกหลานแท้ๆไปแล้ว คุยกันจนผ่านไปเกือบชั่วโมง นี่ก็ดึกแล้ว ผมกับพี่นภเลยขอตัวกลับเพราะพี่ชัชจะได้พักผ่อน พี่นภมาส่งผมถึงที่บ้าน ไฟในบ้านเปิดสว่างโล่งเลย ผมรู้สึกว่าความสุขมันหดลงทันทีที่ถึงบ้าน

“พี่ขอโทษนะครับที่ไม่ได้เข้าไปสวัสดีผู้ปกครองของน้องนาว พอดีติดธุระด่วนจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง”

“ยินดีครับ”

ผมรู้สึกดีที่พี่นภไม่บอกว่าจะเข้าไปสวัสดีคุณแม่ของผม แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมพี่นภใช้คำว่าผู้ปกครอง จริงๆพี่นภชวนผมไปทานข้าวเพราะรู้ว่าผมยังไม่ได้กิน แต่พอดีมีสายเข้า คงจะมีธุระจริงๆ ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรเพราะที่บ้านคงทำกับข้าวเอาไว้แล้ว ผมไหว้ขอบคุณพี่นภก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ไม่ผิดแบบที่คิด คุณเมยังไม่นอน เธอเห็นผมก็รีบลุกเดินมาหา เดี๋ยวคงโดนซักฟอกยกใหญ่ เพราะผมไม่ยอมรับโทรศัพท์คุณเมเลย เธอโทรหาผมตั้งแต่ตอนเลิกงาน ผมขี้เกียจรับ ขี้เกียจตอบคำถาม

“กลับมาแล้วเหรอคะน้องนาว พี่ชัชเป็นยังไงบ้าง” เธอถาม ผมแปลกใจที่คุณเมรู้ สงสัยจะโทรหาพี่ชัชแล้ว

“ก็รักษาตัวอยู่ครับ”

“ไปกินข้าวเถอะ ยังไม่ได้กินมาเลยใช่ไหมคะ แม่ให้ป้าสายหยุดอุ่นกับข้าวเอาไว้แล้ว ร้อนๆเลย” ผมเดินตามคุณเมไปที่ห้องทานข้าว ชักเริ่มขนลุกเบาๆที่คุณเมเหมือนจะรู้การเคลื่อนไหวของผมทุกอย่างจริงๆ ผมนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เห็นมีจานจัดไว้สองชุด อย่าบอกนะว่าคุณเมรอกินข้าวพร้อมผม นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้ว

“เดี๋ยวแม่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ ทานเสร็จก็รีบขึ้นไปพักไปพักผ่อนนะคะน้องนาว วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” คุณเมบอกผม เธอลูบผมของผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

แล้วคำถามที่ผมสงสัยก็ได้คำตอบ คนที่เดินสวนคุณเมเข้ามาคือไอ้ธีมครับ มาทิ้งตัวลงนั่งตรงกันข้ามกับผม คงจะเพิ่งกลับมาเหมือนกัน มันไม่พูดไม่จากับผม ตักข้าวใส่ปากรัวๆเหมือนคนอดยาก ไม่ส่งสายตากวนตีนให้ผมเหมือนทุกที ผมก็เลยไม่สนใจมัน ต่างคนต่างกินไปแบบเรียบง่าย เรียบร้อย สงบสุข จริงๆนะ ไม่เชื่อเหรอ แหม อะๆ ยอมรับก็ได้ ผมแกล้งมันนิดหน่อย ผมดึงจานปลาหมึกผัดไข่เค็มมาตั้งตรงหน้าผม มันเลยเอื้อมไม่ถึง มันเลยได้แต่กินแกงป่ากับไข่เจียวไปเงียบๆ เงียบจนผมเซ็ง ไม่สนุกเลย ปกติมันต้องเหวี่ยงสายตาอาฆาตมาแล้ว แต่ก็ช่างมัน สงบแบบนี้ก็ดีแล้ว ผมกินจนอิ่มก็ลุกขึ้น มันก็ยังนั่งกินเงียบๆไม่แม้แต่จะมองผม  ผมแอบเบ้ปากใส่มันแล้วเดินขึ้นห้องไป สงสัยมันยังเมาไข่เหี้ยอยู่ครับ ฮ่าๆๆ


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 4 (01/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 01-01-2015 11:21:14
ทำไมนาวชอบแกล้งพี่ธีมแบบนี้
ธีมชอบนาว แน่เลย
เป็นธีมนี่ยากจริงๆนะ จะจีบก็ไม่ได้
จะบอก ก็ไม่ดี  เฮ่อ ถ้าเกิดเป็นลูกคนอื่น นาวคงไม่แอนตี้ขนาดนี้ใช่มะ
คุณเมทำไมต้องอดทนเพื่อนาวขนาดนี้นะ
 :m31:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 4 (01/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-01-2015 11:41:10
พี่ธีมนี่อะไรยังกับน้องนาวครับเนี่ย
อย่าช้านะ เดี๋ยวมีคนอื่นมาจีบน้องไปก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 4 (01/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 03-01-2015 01:45:08
นาวโดนพี่ธีมงอนแล้วแน่ๆ -3-  :hao4:
แฮปปี้นิวเยียร์ค่าาาาา :L2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 5 (04/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 04-01-2015 20:21:59
บทที่ 5


ผมกระโดดขึ้นเตียงนอนนุ่มๆหลังจากที่เป่าผมจนแห้งดีแล้ว  หยิบสารพัดเครื่องมือสื่อสารมากองไว้ข้างตัว วันนี้ไลน์กรุ๊ปเงียบมากครับ สงสัยพวกมันคงยุ่งๆกัน ใกล้จะปีใหม่แล้วด้วย งานเข้ากันทั้งนั้น ผมหยิบไอแพดมาเปิดดูไอจี ส่องของใครคงไม่ต้องบอก แฮ่ๆ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ รูปมะนาวฝานที่พี่นภลงไว้เมื่อคืนก่อนหายไปแล้ว ใจผมห่อเหี่ยวลงในทันที พี่เขาลบออกไปแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า รูปอื่นก็ยังอยู่ครบ ตอนนี้ผมเลยไม่มีอารมณ์จะท่องโลกกว้างผ่านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแล้วครับเลยหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดไลน์กรุ๊ปแทน

ManowTangduud : เงียบจัง ไปไหนกันหมดวะ

เงียบ ไม่มีใครตอบ ผมนั่งจ้องจอไอโฟน หวังเพียงแค่มีใครสักคนตอบกลับมา ในใจตอนนี้มันโหวงเหวงบอกไม่ถูก มันขึ้นว่า มีคนอ่านแล้วหนึ่งคน แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับ จนกระทั่งมีคนทักไลน์มา แต่ไม่ใช่ในกรุ๊ป

ชามมีไอเอนจี: มีไร

(ไอ้เกลือครับ มันทักแยกมา ไอดีอันนี้คือไอดีจากไอแพดมัน คงกำลังส่องสาวอยู่แน่ๆ มันทักแยกมาก็ดีเหมือนกัน ไม่อยากห่อเหี่ยวให้ฝูงไฮยีน่ารุมซ้ำเติม)

ManowTangduud : แก พี่นภเขาลบรูปมะนาวเมื่อวานแล้วว่ะ

ชามมีไอเอนจี: แกรู้ได้ไงว่าเขาลบ

ManowTangduud : ก็มันไม่มีแล้ว ถ้าไม่ลบ ภาพมันจะเล่นอีแอบเองรึไงแก

ชามมีไอเอนจี: ไอจีมันรวนๆอยู่เปล่า

ManowTangduud : ปลอบใจฉันอะดี้

ชามมีไอเอนจี: เออ ฉันสงสาร หน้าแกตอนนี้คงเหมือนหมาเดือนสองที่หาคู่ไม่ได้

(มันพิมพ์มาแล้วส่งสติ๊กเก้อควายหัวเราะตามมาติดๆ เออ แกมันฟาย เหมาะมาก)

ManowTangduud : ....

(ผมส่งแต่จุดไป)

ชามมีไอเอนจี: คิดมากแก รูปเมื่อวานมันอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้ ภาพพวกนี้มันเป็นแค่ภาพนะ มันบอกความรู้สึกที่แท้จริงไม่ได้หรอก เหมือนแกลงรูปเนื้อย่างเมื่อวาน แกนึกอะไร

ManowTangduud : ก็ไปกินมา ก็ลงเฉยๆ

ชามมีไอเอนจี: เออ แกลงเพราะอยากลง แล้ววันนี้แกเกิดอยากลบเพราะแกถ่ายได้ห่วยมาก แปลว่าแกก็ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากลง แล้วก็อยากลบ ถูกไหม

ManowTangduud : ก็จริงของแกฉันดีใจไปเอง เสียใจไปเองเสร็จสรรพเลย 555

ชามมีไอเอนจี: แกชอบพี่เขามากจริงๆเหรอวะ

ManowTangduud : ไม่รู้ดิ แต่พี่เขาทำให้ชีวิตฉันไม่เหมือนทุกวัน

ชามมีไอเอนจี: ยังไง

ManowTangduud : อธิบายไม่ถูกว่ะแก ง่ายๆก็มีความสุขมั๊ง ปกติชีวิตฉันมันจะวนๆซ้ำๆ แต่พอได้เจอพี่เขา มันเหมือนความจำเจมันหายไป เอางี้ แกเคยแอบชอบใครแล้วพอได้ใกล้เขา ชีวิตแกก็ไม่เหมือนเดิมๆเปล่าวะ

ชามมีไอเอนจี: อืม

ManowTangduud : แกเคยเหรอ ใครวะ แกปิ๊งใคร พูดดดด

ชามมีไอเอนจี: ขี้เสือกว่ะ

ManowTangduud : ฉันใส่ใจเพื่อนเหอะ

ชามมีไอเอนจี: คนเดิมๆแหละ

ManowTangduud : น้องมันแกวเหรอ แกยังคิดถึงมันแกวอีกเหรอวะ โคตรรักจริงอะ

ชามมีไอเอนจี: ได้วุ่นวายชีวิตคนอื่นรู้สึกแกจะสดใสขึ้นทันตาเลยนะ

ManowTangduud :  5555 เออ แกควรอกหักบ่อยๆนะไอ้เกลือ เวลาฉันเศร้าฉันจะได้มีเรื่องมาทำให้หายเศร้า

ชามมีไอเอนจี: แกมันสันดานเสีย

(ผมถ่ายรูปตัวเองชูนิ้วกลางไปให้มัน แต่มันส่งไฟล์เสียงกลับมา ผมเลยกดเปิด เป็นเสียงดนตรีสั้นๆประมาณเกือบหนึ่งนาที)

ชามมีไอเอนจี: เพลงที่ฉันหัดแต่ง ยังไม่มีเนื้อร้องเลย

ManowTangduud : เพราะดี แกก็ให้พ่อแกช่วยแต่งเนื้อดิ

ชามมีไอเอนจี: ไม่ ฉันจะแต่งเอง

ManowTangduud : งั้นให้ฉันฟังคนแรกนะแกฉันยอมเสียแก้วหู เห็นไหม ใครเป็นเพื่อนรักแก รู้ยัง 5555

ชามมีไอเอนจี: อืม  แกจะได้ฟังคนแรก อย่าคิดมากนะแก ปากแกเหมาะกับมีรอยยิ้ม....และเอาไว้เก็บหมาก็พอ

ManowTangduud : อีกนิดเดียวฉันจะซึ้งแล้วไอ้ฟายเกลือ

ชามมีไอเอนจี: 555 แกไปนอนเหอะ ดึกแล้ว

ManowTangduud : เค แกก็อย่านอนดึกละ ฉันสงสารอีกา ต้องคอยไปเดินเหยียบหางตาแก 555 ฝันดีเพื่อน

ชามมีไอเอนจี: อืม ฝันดี   

ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย การมีเพื่อนดีมันก็ทำให้ความสบายใจเราเบาบางลงได้ เอาจริงๆแล้วในกลุ่มผมก็สนิทกับไอ้เกลือที่สุด ผมพูดกับมันได้ทุกเรื่อง แล้วมันก็เข้าใจผมมากกว่าคนอื่น เวลาผมทำอะไรไม่ถูก มันก็เป็นคนที่กล้าว่าผมแรงๆให้ผมได้คิด แต่ผมก็รู้สึกว่าลักษณะการคุยในวันนี้ไม่เหมือนมันเท่าไหร่ มันอาจจะสงสารผมมั๊ง ผมเปิดไอจีของผมอีกครั้ง พร้อมกับเดินไปที่หน้าต่างห้อง ถ่ายรูปท้องฟ้าที่แม้มันจะไม่ได้มืดสนิท แต่ก็เห็นแสงดาวเป็นจุดๆกระจายเต็มท้องฟ้า จากนั้นผมก็ใส่ข้อความลงไปก่อนจะกดอัพโหลด

Cinderellaman‘ความคิดถึงไม่มีที่ไป’



วันนี้ผมไม่มีงานช่วงเช้าเลยไม่ต้องรีบตื่น แต่ผมก็ไม่ได้ตื่นสายมาก มันเคยชินแล้วครับกับการต้องไปทำงานเช้าๆ ผมดูนาฬิกาที่แขวนที่ผนังห้อง แปดโมงเช้าแล้ว ผมว่าจะตื่นมาอ่านหนังสือสักหน่อย พรุ่งนี้มีสอบตัวสุดท้าย ผมรับงานน้อยกว่าช่วงที่ไม่มีสอบ ซีรีย์เลิฟก็เริ่มเปิดกล้องหลังปีใหม่ จากนั้นก็คงเป็นโปรเจคโฟโต้บุ๊คของพี่ปอน ต่อด้วยละครยาวที่ผมจะรับแค่ปีละเรื่อง ส่วนงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาก็มีมาเรื่อยๆ ที่เยอะหน่อยก็คงจะเป็นพวกงานอีเวนท์ต่างๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไลน์มีไอ้มีนทักมา แต่ผมยังไม่ได้เปิดอ่านแต่วางโทรศัพท์แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน ทำธุระส่วนตัวเสร็จถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านไลน์ ไอ้มีนมันส่งลิ้งค์มาให้ ผมเลยกดลิ้งค์นั้น เป็นเวปของหนังสือข่าวบันเทิงเล่นหนึ่ง ผมไล่อ่านก็ต้องตกใจ เพราะนักข่าวเล่นข่าวที่ผมไปกดไลค์รูปมะนาวฝานในไอจีของพี่นภ มีรูปแคปมาประกอบด้วย

เอ๊ะๆ ชักจะยังไงกับดาราหนุ่มชื่อดัง คู่จิ้นของนักร้องหน้าใหม่ ที่ปากแข็งปฏิเสธว่าเป็นแค่เพื่อนเพื่อนตลอดหรือจริงๆแล้วแอบเทใจให้นักร้องคนโปรด โสดทั้งคู่เสียด้วย เห็นทีซ้อสิบแปดต้องล้วงแคะแกะเกาเสียแล้วค่ะคุณผู้อ่านที่รัก

..ไม่จริงหรอก อินักข่าวพวกนี้ชอบใส่สีตีข่าว..

.. พี่นาวเป็นแฟนพี่มีนหรอก ฉันเคยเห็นไปเดินช็อปปิ้งกันสองคน..

..ไม่แน่หรอก หนุ่มหล่อสมัยนี้ชอบกินกันเอง..

..พี่นาวต้องการแฟนนะยะ ไม่ได้ต้องการพ่อ..

..ถึงพี่นภจะอายุเยอะ แต่พี่นภเลือกย่ะ..

..กรี๊ดดด ดีค่ะ หนูจิ้น นภนาว NN..

..ใครจะเมะ ใครจะเคะวะ..

..รักพี่นาว พี่นาวรักใครก็รักด้วย..

..เคยเห็นเดินกับผู้ชายคนหนึ่งบ่อยๆ หรือว่าจะชอบผู้ชายจริงๆ..

..ไม่จริง ไม่ ไม่นะ พี่นาวเป็นของฉันนนนน..

..พี่นภก็ของฉันนนนนนนนนน..

..นั่งเทียนเขียนข่าว มั่ว เลิกอ่านอิเพจนี้กันเถอะ..


ผมอ่านคอมเมนท์ได้หน้าเดียวก็กดปิดหรือที่พี่นภลบไอจีเพราะข่าวนี้ ผมทำพี่เขาเดือดร้อนรึเปล่า ผมคิดไปต่างๆนาๆ จะโทรหาพี่ชัชก็คงเกรงใจ พี่เขากำลังไม่สบาย จะโทรไปขอโทษพี่นภก็ไม่มีเบอร์ ผมตัดสินใจโทรหาไอ้เกลือ

“ว่าไงแก” มันรับสายแล้วครับ

“แกฉันแล้วว่าทำไมพี่นภลบรูปนั้น”

“รูปไรวะ”

“ก็รูปไอจีที่ฉันคุยกับแกเหมือนคืนไง” ผมบอกมัน มันนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งถึงได้ตอบกลับมา

“..อ๋อ..เออ ทำไมวะ”

“ก็ฉันไปกดไลค์รูปนั้น นักข่าวก็เล่นข่าวนี้อะดิ”

“แล้ว?”

“พี่เค้าจะเกลียดฉันเปล่าวะ”

“บ้า เรื่องแค่นี้นี่นะ แกต้องใจเย็นๆ อย่าร้อนตามข่าว ปกติแกเจอข่าวแรงๆกว่านี้ แกยังเฉย แต่ถ้าแกร้อนตามไป คนได้รู้แน่ว่าแกชอบพี่เขา”

“เฮ้อ ก็จริง แต่ไม่สบายใจว่ะ อยากขอโทษพี่เขา”

“ฉันถามจริงๆ แกชอบพี่เขาจริงๆเหรอวะ”

“แกจะถามฉันบ่อยๆทำไม เมื่อคืนฉันก็ตอบไปแล้ว”

“อ้าวเหรอ..ก็..ฉันแค่อยากเตือนแก อย่าหวังอะไร ไม่อยากให้แกเจ็บ”

“เออ ขอบใจมาก พรุ่งนี้แกมารับฉันไปสอบได้เปล่า พี่ชัชไม่สบาย ตั้งแต่ฉันขับรถหลับในคราวนั้น คุณเมไม่ให้ฉันแตะรถเลย”

“เออได้ พรุ่งนี้เจอกัน อย่าคิดมาก”

“เค บาย”

“บาย”

ผมพยายามจะไม่คิดอะไรมาก อย่างที่ไอ้เกลือมันบอก ถ้าผมร้อนตัวจะเกินพอดีมันจะยิ่งเป็นข่าว ผมไม่ได้กลัวตัวเองเดือดร้อนเลยจริงๆ ผมกลัวพี่นภเขารู้สึกแย่มากกว่า ปล่อยผ่านไปเดี๋ยวก็คงเงียบไปเหมือนทุกข่าว ผมตัดสินใจหอบหนังสือที่จะอ่านลงไปที่ศาลาหลังบ้าน ท้องก็ร้องประท้วง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก่อนจะเดินออกไปเลยแวะห้องครัวก่อน เสียงที่ลอดออกมาจากในครัวทำให้ผมหยุดเดิน ผมมันมีชื่อของผมอยู่ในบทสนทนาด้วย

“ทำไมต้องโกหกแม่ว่านาวอยู่กับลูกเมื่อคืน ทำไมต้องโกหกว่ารอรับน้องกลับมาจากงานด้วยกัน แม่โทรหาคุณชัช คุณชัชบอกว่าน้องนาวไปกับนักร้องคนนั้น”

“ผมอยากให้แม่ให้อิสระน้องบ้าง”

“ธีมคิดว่าแม่ผิดใช่ไหมหรือธีมไม่ห่วงน้องนาว”

“แม่ นาวมันโตแล้วนะ” เสียงของมันดูหงุดหงิด

“ไม่รู้ละ คราวนี้แม่จะถือว่าเป็นการทำผิดครั้งแรกของธีม แต่ถ้าธีมโกหกแม่อีก รู้ใช่ไหมว่าแม่จะทำยังไง”

“..........”

“ธีม”

“ครับแม่”

ผมรู้สึกอึ้งๆกับสิ่งที่ได้ยิน ที่คุณเมไม่ได้เซ้าซี้ถามผมเมื่อคืนเพราะคิดว่าผมกลับมาพร้อมกับมัน ถ้ามันโกหกว่าผมอยู่กับมันตลอด แปลว่ามันต้องรู้ว่าผมจะกลับเข้าบ้านตอนไหนเพราะมันเดินตามหลังผมมาติดๆเหมือนกับว่ามาด้วยกันจริงๆแหละหรือว่ามันรอผมตลอด ไม่น่าเป็นไปได้ คนอย่างมันไม่เคยญาติดีกับผมสักครั้ง เอ๊ะ หรือว่ามันไปหาสาว แต่กลัวคุณเมจะตามตัวให้ไปรับผม เลยโกหกแม่มันแบบนั้น อันนี้ค่อยน่าเป็นไปได้หน่อย แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับมันขึ้นมาห้าเปอร์เซนต์ก็คือประโยคที่มันบอกกับแม่มันว่า มันอยากให้แม่มันให้อิสระกับผมบ้าง แต่เหมือนว่าแม่ของมันจะไม่คิดแบบนั้นสักนิด ผมแกล้งเดินกลับไปตั้งหลักให้ไกลๆห้องครัว ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่

“มีอะไรกินบ้างครับ” ผมแกล้งตะโกนเสียงดัง ได้ผลครับ คุณเมรีบเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม รอยยิ้มแบบเดิมที่ผมเห็นมาตลอดหลายปี

“ตื่นแล้วเหรอคะน้องนาว แม่ทำต้มจืดปลาหมึกยัดไส้เอาไว้ให้ เพิ่งอุ่นร้อนๆเลย”

“ขอบคุณครับ” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ตั้งใจว่าจะตักไปกินที่ศาลาหลังบ้าน กำลังคิดว่าถ้าเจอหน้ามันจะทำยังไงดี แต่พอเดินเข้าไปก็ไม่เห็นมันแล้ว มันออกไปทางไหนวะนี่

“ไปรอในห้องทานข้าวเลยลูก เดี๋ยวแม่ให้เด็กยกไปให้”

“นาวจะไปกินที่ศาลาหลังบ้าน จะอ่านหนังสือเตรียมสอบพรุ่งนี้ด้วยครับ” ผมตอบ คุณเมทำหน้าประหลาดใจก่อนจะระบายยิ้มเหมือนเดิม แหม คนเรามันต้องมีขยันกันบ้าง

“ได้ค่ะ น้องนาวไปรอเลย เดี๋ยวแม่ให้เด็กยกไปให้ แม่ทำลูกตาลลอยแก้วเอาไว้ด้วย เดี๋ยวยกไปพร้อมกันเลยนะคะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินออกทางประตูด้านหลังของครัว เพราะมันสามารถเดินไปที่สวนหลังบ้านได้เลย คุณเมสร้างน้ำตกจำลองขนาดใหญ่เอาไว้ในพื้นที่สวนหลังบ้านนี้ด้วย ในบ่อก็เลี้ยงปลาเอาไว้หลายตัว แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไรบ้าง ไม่เคยมานั่งมองจริงๆจังๆสักที สวนถูกจัดสวยงาม มีทั้งไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ ความเย็นของสายลมที่พัดผ่านละอองน้ำตกจำลองส่งให้บรรยากาศตรงนี้เย็นสบาย ผมถึงเลือกที่จะมานั่งอ่านหนังสือสอบตรงนี้ แต่พอเดินไปถึงศาลาไม้ที่ตั้งอยู่ตรงกลางบ่อน้ำตกจำลอง ก็เห็นไอ้โหดมันนั่งจับจองพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว มีหนังสืออะไรไม่รู้กองเต็มโต๊ะ ตัวมันกำลังก้มหน้าเล่นกีต้าร์อยู่ ผมเลยชะงักอยู่กับที่ สงสัยต้องขึ้นไปอ่านบนห้อง

“พี่ธีมคะ น้องนาวจะอ่านหนังสือสอบ พี่ธีมย้ายไปเล่นในบ้านดีไหมคะ” เสียงคุณเมดังมาจากด้านหลังของผม มันเงยหน้าขึ้นมามองแป๊ปหนึ่ง ก่อนจะโกยหนังสือของมันรวมๆไว้

“ไม่เป็นไรครับ คือ นาวไปอ่านข้างบนดีกว่า” ผมบอก

“ไม่เป็นไร จะเข้าไปกินข้าวอยู่แล้ว” มันตอบ อ้าว แล้วเมื่อกี้แสดงว่ามันยังไม่ได้กินข้าว

“งั้นก็กินด้วยกัน คุณเมให้เด็กจัดให้พี่ธีมอีกชุดได้ไหมครับ นาวจะได้มีเพื่อนกิน” ผมหันไปถามแม่เลี้ยงของผม คุณเมทำหน้าประหลาดใจอีกครั้ง ก่อนจะระบายยิ้มเหมือนเดิมเป๊ะ เหมือนภาพรีเพลย์ซ้ำๆเชียว

“ได้ค่ะ งั้นพี่ธีมกินข้าวเป็นเพื่อนน้องนาวก่อนนะคะ” คุณเมสั่งมันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว อย่าคิดว่าผมพิศวาสมันเชียว แค่สงสารมันขึ้นมาเล็กน้อยที่โดนให้เสียสละให้ผมตลอด จริงๆห้องใต้หลังคาก็เป็นห้องมันด้วยล่ะครับ

“กินกับพี่จะกินลงเหรอ” มันถามผม

“ก็อาจจะระคายคอบ้างนิดหน่อย” ผมยักไหล่ตอบ

“แต่พี่จะกินลงหรือเปล่า”  มันพูดขึ้นมาลอยๆ อ๊าวววว ไอ้นี่ คนอุตส่าห์พักรบชั่วคราว จะเปิดสงครามใช่ไหม

“ถ้าความหล่อของนาวจะทำให้พี่อิ่มจนกินอะไรไม่ลงก็ขอโทษด้วยแล้วกัน นาวขี้เหล่ไม่เป็น” ผมตอบ

“หึหึ” มันหัวเราะแต่ไม่ต่อกรกับผมอีก คิดมุขแก้ไม่ทันฉันละซี๊ ฮ่าๆ เรื่องมุขหลงตัวเองให้บอก ผมถนัด

มันวางกีต้าร์ลงพิงกับระเบียงศาลา เก็บหนังสือเพลงของมันไปเรียงซ้อนไว้จนโต๊ะไม่รกเหมือนตอนแรก ผมวางหนังสือของผมลงบ้าง ก่อนจะนั่งลงอีกฝั่ง เด็กรับใช้ยกสำรับกับข้าวมาตั้งให้แล้ว ต้มจืดปลาหมึกยัดไส้หมูบ๊ะช่อของโปรดผมส่งกลิ่นหอมจนต้องเผลอกลืนน้ำลาย มีจานผัดผักรวมมิตรใส่พริกขี้หนูมาด้วย ผมกับมันนั่งกินกันเงียบๆจนอิ่มข้าว ผมกินลูกตาลลอยแก้วต่อ แต่มันไม่กิน ผมอิ่มจนท้องตึง เด็กเดินมาเอาจานไปเก็บพร้อมกับทำความสะอาดโต๊ะจนสะอาดเอี่ยม ไอ้โหดมันทำท่าจะลุกไป ผมเลยเรียกไว้ก่อน

“เดี๋ยว...”

“..........”

“เมื่อวานนี้..”ผมตั้งใจจะถามมัน ถ้ามันช่วยโกหกเพื่อผม ผมก็จะขอบคุณมัน

“พี่ไปกินข้าวกับเพื่อนมา เลยโกหกแม่ว่าไปรอรับนาว” มันตอบทั้งที่ผมยังไม่ทันถาม นั่นไง ผมเดาผิดที่ไหน อย่างมันรึจะมาช่วยผม

“ก็คิดงั้นแหละ”

“แม่โกรธมาก คราวนี้พี่เลยต้องไปรับส่งนาวทุกครั้ง แถมยังต้องถ่ายรูปมาให้แม่ดูด้วยว่าอยู่กับนาว”

“เฮ้ย ไม่เอาอะ พี่ชัชรับส่งฉันเหอะ ไม่ต้องเลย”

“พี่ชัชอายุเยอะแล้ว แม่ให้พี่ชัชเขาดูแลแค่คิวงานกับงานเอกสารของนาวก็เยอะแล้ว”

“เดี๋ยวนาวจะไปคุยกับคุณเมเอง” ผมหงุดหงิดทันที

“ไม่ต้อง นาวอย่าเยอะ ไม่สงสารพี่ชัชรึไง ต้องมานั่งรอนาวทั้งวัน บางวันเขาก็ไม่ได้อยู่กับครอบครัวเลย” มันยิ่งพูด ผมยิ่งหงุดหงิด กลายเป็นว่าผมไปไหนต้องหนีบมันไปด้วยใช่ไหม วุ้ย เอาความรู้สึกดีห้าเปอร์เซนต์ของผมคืนมาเลย

“นาวจ้างคนขับรถก็ได้”

“ดี พี่จะคิดราคาถูกๆ กำลังอยากได้กีต้าร์ใหม่พอดี” เฮ้ย มันหน้าด้านไปเปล่าวะ 

“นาวพูดสักคำยังว่าจะจ้างพี่”ผมกับมันต่อปากต่อคำกันแบบไม่มีช่องว่าง ต้องใช้ความสามารถล้วนๆในการโต้ตอบกับมัน

“แล้วพี่ได้พูดไหมว่านาวเลือกได้”

“แล้วนาวได้บอกไหมว่านาวไม่อยากไปไหนมาไหนกับพี่”   

“งั้นพี่จะบอกไว้ เลือก..ระหว่างแม่กับพี่ จะไปกับใคร”

“งั้นนาวก็จะบอกว่า... เลือกพี่ก็ได้ แม่มมมม โว้ยยยยย” ผมเตะโต๊ะเตะเก้าอี้ระบายอารมณ์ ผมต้องตอบแบบนั้นเพราะปากไปไวกว่าสมองครับ

“หึหึ”

“แล้วนาวก็จะบอกว่า ถ้านาวต้องเสียเงินจ้างพี่ พี่ต้องรับใช้นาวทุกอย่างด้วย”ผมยังไม่ยอมแพ้

“เอาที่นาวสบายใจ”

“หึ นาวสบายใจแน่” ผมพูดจบก็จ้องหน้ามัน มันก็จ้องตอบแบบไม่มีใครยอมใคร

“จะให้พี่ไปได้ยัง”

“ยัง พี่ต้องอยู่คอยรับใช้นาวก่อน” ไงล่า ไงล่า อยากเป็นขี้ข้าฉันก็จัดให้

“ต้องนั่งตักพี่แล้วให้พี่อ่านหนังสือให้นาวฟังด้วยไหม”

“กล้าๆหน่อยไหม” ผมท้าทาย

“ดูดนิ้วนาวพี่ยังกล้าเลย”

กริบ......เงียบ....กริบ......เด๊ดแอร์ แด่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนนน ผมเถียงต่อไม่ออก

“หึหึ” มันหัวเราะเยาะผม

“นาวไม่มีสมาธิ จะไปอ่านข้างบนห้อง ขอให้ปลวกแทะศาลาจนพรุนแล้วศาลาหักลงมาทับพี่ตาย!!”
ผมพูดจบก็คว้าหนังสือของตัวเองวิ่งขึ้นห้องไปเลย ได้ยินเสียงมันหัวเราะไล่หลังมา คนกำลังโมโหเว้ย ยังคิดไม่ออก ให้คิดออกก่อนเถ๊อะ มันโดนเอาคืนสาสมแน่ วิ่งขึ้นมาถึงห้องก็กระโดดขึ้นเตียง ทุบหมอนด้วยความเจ็บใจ อุตส่าห์ลืมๆไปแล้วเชียว ผมถอนหายใจก่อนจะยกนิ้วที่โดนมันดูดขึ้นมาดู พร้อมกับได้ยินภาพและเสียงในสมองลอยมาเป็นระยะ

(ภาพมันดูดนิ้วผมจนไม่เหลือเศษขนมมันลอยมา)....คิดซะว่ามันเป็นหมามาเลียเศษอาหารก็ได้วะ..

..หึหึ..(เสียงมันลอยมา)..... แต่หมามันหัวเราะ หึหึ ไม่ได้นี่.. โว้ยย เจ็บใจ

(ภาพปากอิ่มๆของมัน น้ำลายของมันที่ติดนิ้วลอยมา)...งั้นคิดว่ามันคือเมือกปลา ลื่นๆสกปรก น่ารังเกียจก็ได้วะ
ดูดิ๊ ไอ้เมือกปลาซาตาน มันทำให้ผมโมโหจนใจเต้นตึกตักตึกตักเลย แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่าโกรธจนใจสั่นใช่เปล่าครับ ฮึ่ยย!!


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 5 (05/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 04-01-2015 21:03:02
น้องนาวเขิลลลลลล สิน้าาาาาาา ซึนได้อีกอะ  :o8:พีธีมคะ น้องมันเล่นตัวมากอะ จับกดเลยค่ะ  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 5 (05/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 04-01-2015 21:27:31
แอะๆ พี่ธีมมม ชอบน้องนาวก็บอกมาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 06-01-2015 21:00:27
บทที่ 6 
 


สรุปว่าเมื่อวานผมขลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนทั้งวันจนอาหารเย็น อาหารกลางวันป้าสายหยุดก็ยกขึ้นมาให้ จริงๆแล้วผมต้องไปซ้อมเดินแบบให้กับคุณเมในตอนเย็น แต่คุณเมยกเลิกการซ้อมทั้งหมดเพราะอยากให้ผมได้อยู่อ่านหนังสือ ทั้งๆที่ผมบอกคุณเมว่าเกรงใจทีมงานคนอื่นแล้วผมก็อ่านหนังสือมาทั้งวันแล้ว แต่คุณเมก็ยังยืนยันว่าเรื่องเรียนของผมสำคัญกว่า ผมก็เลยไม่ต้องไป มื้อเย็นเลยมีผมนั่งกินข้าวคนเดียวครับ ไม่รู้หายไปไหนกันหมด มีแต่ป้าสายหยุดที่คอยดูแลเรื่องอาหารเย็นให้ผม เรียกว่าอาหารเย็นแต่เอาเข้าจริงตอนนี้ก็ปาไปทุ่มกว่าแล้ว

“คุณเมเธอไปงานแต่งค่ะ คุณธารขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน ส่วนคุณธีมบอกว่าออกไปธุระกับเพื่อนแต่เดี๋ยวจะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้าน น้องนาวจะรอคุณธีมไหมคะ” ป้าสายหยุดถามผม

“ไม่รอครับ นาวหิวแล้ว” ผมตอบ เมื่อก่อนป้าสายหยุดก็เรียกผมว่าคุณนาว แต่ผมไม่ให้เรียก ป้าแกเลยเรียกน้องนาวตั้งแต่นั้นมา ผมสนิทกับป้าแกพอสมควร ตอนที่ถูกพ่อทำโทษ ผมจะประท้วงโดยการไม่กินข้าวเย็น แต่พอตกดึกหิวสิครับ ก็ได้ป้าสายหยุดนี่แหละที่แอบทำกับข้าวแบ่งเอาไว้ให้เสมอ

“ทานเยอะๆเลยนะคะ” ป้าสายหยุดตักข้าวให้ผม วันนี้ผมคงเจริญอาหารแน่ๆแหละป้า ไม่ต้องอึดอัดรวมโต๊ะพร้อมหน้าเหมือนทุกที

“คุณธีมเธอออกไปกับคุณอ้น ป้าไม่เจอคุณอ้นมานานแล้ว เพิ่งเจอวันนี้เอง เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” ป้าสายหยุดเล่าให้ผมฟัง เหมือนได้กินข้าวไปดูรายการก็อซซิบบันเทิงไปด้วย ฮ่าๆ ว่าแต่มันออกไปกับพี่อ้นหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแบบนี้ ธุระของมันคงไม่ใช่.. คึคึ แต่ถึงใช่ก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดีเนอะ

“ป้าครับ ผมมีคำถาม”

“อยากถามอะไรป้าคะน้องนาว”

“ทำไมป้าถึงชื่อสายหยุดอะครับ”

“อ๋อ คุณแม่ของป้าชอบดอกสายหยุดค่ะ”

“อ๋อ.....”

“บอกป้ามาเชียวว่าคิดอะไรในใจ” ป้าสายหยุดรู้ใจผมจริงๆ สงสัยจะคิดดังไป

“คึคึคึ ผมนึกว่าหมายความว่า ไหนๆก็มาสายแล้ว หยุดซะเลยดีกว่า” ผมแซวป้าสายหยุด

“ฮ่าๆๆ ล้อป้าเล่นเรื่อยเลย น่าหยิกนักเชียว” ผมไม่ได้ล้อเล่นนะป้า คิดแบบนั้นจริงๆ แหะๆ

“แล้วดอกสายหยุดเป็นยังไงเหรอครับ”

“มันก็คล้ายๆดอกกระดังงาค่ะ ตอนเช้ามันจะส่งกลิ่นหอมจัดพอสายหน่อยกลิ่นมันจะจางลงและหมดกลิ่นในตอนเที่ยงวัน”

“อ๋อ แบบนี้เอง แต่ป้าสายหยุดของนาวหอมทั้งวันเลยครับ ยิ่งกับข้าวฝีมือป้ายิ่งห๊อมหอม” ผมได้ทีโกยคะแนนความรักจากป้าสายหยุด ป้าสายหยุดรักไอ้พี่ธีม ผมดูออก ผมเลยต้องโกยคะแนนมาจากเยอะระหว่างที่ไอ้พี่ธีมมันไม่อยู่

“ปากหวานจริงพ่อคุณ” ป้าสายหยุดหัวเราะชอบอกชอบใจยกใหญ่ ผมคิดถึงแม่จัง ถ้าแม่ผมยังอยู่ผมคงอ้อนแม่ได้ทั้งวัน แม่ก็คงจะหัวเราะแบบป้าสายหยุด ตอนพ่อยังอยู่พ่อจะเล่าเรื่องแม่ให้ฟังบ่อยๆ มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผม ตอนนี้พ่อก็ไม่อยู่แล้ว อยากฟังเรื่องแม่อีกก็ไม่ได้แล้ว

“พ่อเคยเล่าให้นาวฟังว่า พรรำไพ คือชื่อในการประกวดนางงามของแม่ แต่ชื่อจริงของแม่นาวชื่อพุดซ้อน ดอกพุดซ้อนหอมไหมครับป้า”

“หอมค่ะ หอมมาก กลิ่นหอมหวานๆ” ป้าสายหยุดอธิบาย ผมนึกถึงภาพแม่ไปด้วยก็อดระบายยิ้มกว้างออกมาไม่ได้

“ผมคิดถึงแม่จังครับ” ผมบอก ก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต่อ ป้าสายหยุดเองก็เงียบไปด้วย ผมไม่ได้เศร้าหรอกครับ ความคิดถึงสำหรับผมมันคือการคิดถึงจริงๆ

“จริงๆที่บ้านเรามีต้นพุดซ้อนนะคะ”

“จริงเหรอครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลย ดีเลย ผมอยากเห็นดอกพุดซ้อน”

“ดึกแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ป้าจะพาไปดูนะคะ

“ครับ”

“อ้าว คุณธีมกลับมาพอดี จะทานข้าวเลยไหมคะ” ผมหันหลังไปมองคนที่ป้าสายหยุดทักขึ้น มันมายืนอยู่ข้างหลังผม

“ผมอิ่มแล้วครับป้า ขอโทษที พอดีเพื่อนชวนกิน”รูปประโยคของแกชวนคิดไปได้ไกลจริงๆ เพื่อนชวนกิน ชวนเพื่อนกิน ชวนกินเพื่อน

“อ๋อค่ะ”

“แต่ผมขอกาแฟสักแก้วได้ไหมครับ” มันบอกป้าสายหยุดก่อนจะเดินมานั่งตรงกันข้ามกับผม

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวป้าไปชงมาให้ น้องนาวจะรับกล้วยบวชชีเลยไหมคะ”

“ครับป้า” ผมตอบป้าสายหยุดก่อนจะแอบจับผิดมัน

“เพื่อนชวนกินจนอิ่มเลยเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดาแต่หน้าตามีเลศนัยสุดๆ ฮ่าๆๆ

“..................” มันไม่ตอบครับ แต่นั่งจ้องหน้าผมซะงั้น จนป้าสายหยุดเอากาแฟกับกล้วยบวชชีมาให้ผมกับไอ้พี่ธีมขาโหด ผมกับมันก็นั่งกินกันไปเงียบๆ

“พรุ่งนี้สอบเก้าโมง จะตื่นเองหรือให้ปลุก” มันถามขึ้นทำลายความเงียบ

“ไอ้เกลือจะมารับ” ผมบอก

“พี่จะไปส่ง” มันกินยาผิดเปล่าวะ ไม่กระโชกโฮกฮากเลยเว้ยวันนี้ ทำเสียงนุ่มๆอีกต่างหาก

“นัดเกลือมันแล้ว” ผมบอกมัน มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเดาว่าโทรหาไอ้เกลือแน่ๆ

“ฮัลโหล เกลือ พรุ่งนี้พี่จะไปส่งนาวเองนะ ครับ ขอบคุณครับ” นั่นไง เดาผิดที่ไหน มันพูดกับเพื่อนของผมเสร็จก็หันยักคิ้วให้ผม ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะวางช้อนลง รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที

“ทำไมชอบบังคับวะ” ผมถาม มันอึ้งไปนิดหน่อย

“แล้วทำไมนาวต้องคอยปฏิเสธ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ บ้านเกลือมันอยู่ใกล้มหา’ลัยนิดเดียว ให้มันย้อนมารับทำไม ความหวังดีที่คนอื่นหยิบยื่นให้มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสที่ต้องลำบากใจขนาดนั้น ทำไมไม่ทำให้มันง่ายๆ”คราวนี้มันร่ายยาวเลยครับ ปกติมันเป็นคนไม่ชอบอธิบายอะไรเยอะ เฮ้อ ก็จริงของมันแหละ บ้านไอ้เกลือมันอยู่ใกล้มอ ถ้ามารับผมต้องเสียเวลามันอีก แต่ถ้าคุณลองมาเจอแบบผม ที่ต้องทำทุกอย่างตามที่คนอื่นขีดไว้ซ้ำๆมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงบางครั้งจะโต้แย้งได้ แต่ไม่ทำตามไม่ได้ สุดท้ายมันก็เหมือนการบังคับอยู่ดี เป็นแบบนี้มาหลายปี ถึงมันไม่ใช่เรื่องสาหัส แต่มันน่าหงุดหงิดนี่ครับ

“พรุ่งนี้จะตื่นเอง” ผมตอบ มันยกยิ้มมุมปาก ยิ้มของมันก็ธรรมดาแต่แววตากวนประสาทสุดๆครับ

“อีกอย่าง...”มันพูดค้างไว้

“..........”ผมก็รอฟังว่ามันจะบ่นอะไรอีก

“คือ..พี่กับอ้น..”

“นาวจำเป็นต้องรู้ไหม?” ผมถามแทรกขึ้นมาเลย มันจะคบกันก็เอาที่สบายใจเลย ไม่ต้องรายงานผมหรอกครับ ไม่ได้อยากรู้ แอบสังเกตว่าทันทีที่ผมสวนไป หน้ามันเจื่อนๆครับก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม

“รีบไปนอนไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายจะดีดให้สมองหายเลย” มันบอกแค่นี้ครับ ไม่ได้พูดสิ่งที่มันอยากจะพูด
ผมยักไหล่ใส่มันก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นห้องไป ทำเป็นไม่อยากรู้ เอาจริงๆคิดว่าฉันพลาดละ เพราะความอยากรู้มันไต่ระดับสูงปรี๊ดเลยตอนนี้  แต่แอบเซ็งนิดหน่อย ถ้ามันคบกับพี่อ้นจริงๆ มันเลิกกลัวเกย์ ผมก็ไม่มีไม้ตายมากัดมันนะสิครับ
ขึ้นมาถึงห้องผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาติดริมหน้าต่าง วันนี้ทั้งวันไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลย ตั้งใจอ่านหนังสือจริงๆ สอบตัวนี้เสร็จก็โล่งแล้ว อีกแค่เทอมเดียวผมก็จบแล้วครับ ส่วนไลน์กรุ๊ปเงียบสนิท แน่ละครับ พรุ่งนี้มีสอบ เห็นพวกมันทำงานกันนัก แต่ถ้าเรื่องเรียนมันก็จริงจังกันน่าดู ผมวางโทรศัพท์แล้วหยิบไอแพดขึ้นมาเสิร์ชดูดอกพุดซ้อน ดอกสีขาวดูสง่างามบริสุทธิ์ ไม่รู้ว่ากลิ่นหอมๆที่ได้กลิ่นตอนที่ไปนั่งอ่านหนังสือจะใช่กลิ่นดอกพุดซ้อนรึเปล่า 

ก็อกๆๆ ผมได้ยินเสียงเคาะประตูเลยวางไอแพดลงแล้วเดินไปเปิดประตู เจอไอ้โหดมันยืนอยู่

“นี่สรุปแนวข้อสอบ ลองอ่านดู พอดีเพิ่งหาเจอ แล้วนี่ป้าสายหยุดฝากมาให้” มันยื่นของในมือมันมาให้ผม ผมยกมือไหว้มันก่อนจะรับมา ดอกพุดซ้อนเหมือนที่เห็นในอินเตอร์เน็ตเมื่อกี้เลยครับ ผมรีบยกขึ้นมาดม กลิ่นหอมมากครับ หอมหวานๆเหมือนที่ป้าสายหยุดบอกจริงๆ

“หอมจัง” ผมยิ้มดีใจ ป้าสายหยุดอุตส่าห์ไปเก็บมาให้ผมทั้งๆที่มืดขนาดนี้

“อืม หอม” มันบอก ก่อนจะหันหลังกลับ ผมเห็นหน้ามันแดงๆ คงแอบไปเมามาแหงเลย เมาเหล้าหรือเมาพี่อ้นฟร่ะ หึหึ

“นี่” ผมเรียก มันหันมามอง

“ถ้าขี้เกียจอาบน้ำก็เอาดอกพุดซ้อนเหน็บตามตัวไว้ดิ แต่คงต้องเด็ดสักสี่ต้นนะ” ฮ่าๆ เอาวะ ถ้าเล่นมุขเรื่องมันกลัวเกย์ไม่ได้แล้ว เอาเรื่องมันซกมกมากัดก็ได้เว้ย

“ถ้าพี่เหน็บทั้งตัวจริง นาวจะมาดมไหมละ” มันถาม ชิหัยละ ทำไมพักนี้มันต่อปากต่อคำเก่งนักวะ

“ไม่ เพราะยกพุดซ้อนมาทั้งสวนมาเหน็บพี่ก็เหม็นอยู่ดีว่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมยืนขำมันจนไม่ทันสังเกตว่ามันเดินมาจนชิดตัวผมเลย ย๊าก จะทำร้ายร่างกายผมไม่ได้นะ ค่าตัวผมแพงนะเว้ย ผมมองมันด้วยความหวาดระแวงว่ามันจะมาไม้ไหน

“พี่กับอ้นไม่มีอะไรกันอย่างที่นาวคิด” มันบอกจบก็เดินกลับห้องมันไปเลย

อะไรของมันวะ...ผมคิดอะไรเหรอ เปล๊า ไม่ได้คิดอะไรสักนิด แล้วจะบอกผมทำไม ผมไม่ได้อยากรู้สักหน่อย เออๆ ยอมรับก็ได้ว่าอยากรู้ แต่ทำไมต้องมาบอกก่อนที่ผมถาม กลัวผมจะล้อเรื่องพี่อ้นละสิท่า หึหึ ร้อนตัวแน่ๆ สีหน้าจริงจังแบบนั้นต้องร้อนตัวแน่ๆ เอาล่ะ เห็นแก่ความดีที่เอาแนวข้อสอบมาให้ ผมจะละเว้นไม่ล้อมันเรื่องพี่อ้นสองวันละกัน เห็นรึยัง ใครปราณีมันได้เท่าผมไม่มี หึหึ

ผมเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม หยิบดอกพุดซ้อนมาดมอีกครั้งแล้ววางมันที่ริมหน้าต่าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายดอกพุดซ้อนด้วยความตั้งใจสุดๆ จากนั้นก็จัดการเอารูปลงไอจี อัพโหลดสำเร็จปุ๊ป ไม่นานก็มีแฟนๆเริ่มเข้ามากดไลค์พร้อมกับคอมเมนท์กัน ผมอ่านทุกข้อความนะ ฝากร้านก็ยังอ่าน ผมไม่ได้ห้าม ฝากได้ทุกวันไม่เหนื่อยกันก็จัดไป
แต่!!...ที่ทำให้ต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็ ก็ พี่นภครับ!! พี่นภมาคอมเมนท์ด้วย

NopTheSound พุดซ้อนหอมดีนะ

วี๊ดดดดดบู้มมมม แทบจะลุกขึ้นเต้นวาดมือแอ่นตัวหลังหงายแบบเชียร์ลีดเดอร์เลยครับ อยากจะเมนท์ตอบจริงจริ๊งว่าผมหอมกว่าพุดซ่อนอีกนะ แต่ต้องเป็นกุลบุรุษ เก็บอาการไว้ ฮ่าๆ ผมรีบแคปรูปเก็บเอาไว้ก่อน เดี๋ยวเกิดพี่เค้ามาลบอีก เก็บไว้ดูให้ชื่นหัวใจ ตอนนี้เหมือนคนบ้า นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ อยากจะเอาไปอวดไปพวกฝูงไฮยีน่าจริงๆ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวมันว่าผมแรด ฮ่าๆ ผมนั่งอ่านคอมเมนท์ไปเรื่อยๆ บางคนเข้ามาแซวด้วย ผมชักจะเริ่มกังวลเบาๆ จะทำพี่เค้าดูไม่ดีรึเปล่า แต่ต้องนิ่งอย่างไอ้เกลือมันบอกครับ กำลังตัดสินใจว่าจะตอบกลับให้ดูเหมือนพี่น้องในวงการคุยกันธรรมดาดีรึเปล่า แต่มาสะดุดที่ชื่อของคอมเมนท์หนึ่ง

@Princeslippersพุดซ้อนซ่อนนัยอะไรน้อ ขาวลออให้หวนชวนฝันใฝ่ ซ้อนลงแอบแนบทรวงในดวงใจ กลิ่นอบอวลชวนให้เฝ้าคะนึง 

ผมสะดุดชื่อกับข้อความคอมเมนท์ที่เขามาลงในไอจีของผม ผมเลยแอบตามกดดูโพรไฟล์ว่าเขาเป็นใคร รูปดิสเพลย์เป็นรูปรองเท้าแตะเก่าๆครับ อ่านตรงข้อความบรรยาถึงตัวตนของคนๆนี้ก็ยิ่งแปลกใจ

‘ถ้าคุณเป็น Cinderella ผมนี่แหละ เจ้าชายของคุณ’

ผมชักจะสงสัย เพราะชื่อไอจีของผมคือ Cinderellaman ผมดูคนเขาที่ติดตาม ปรากฏว่ามีเพียงคนเดียว นั่นก็คือ ผม!! หรือจะเป็นพวกคลั่งดาราวะ แต่ผมก็ไม่เคยเจอเลยนะแบบแฟนคลับโรคจิตที่เข้ามาถึงตัวจนดูน่ากลัว ส่วนใหญ่ก็น่ารักเป็นมิตรทั้งนั้น ไม่ก็พวกที่เกลียดผมออกนอกหน้าไปเลย ผมดูรูปที่เขาลง ยิ่งน่าแปลกใจหนักเข้าไปอีก ส่วนใหญ่จะเป็นรูปสิ่งที่ผมชอบแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นของกิน วิวประเทศที่อยากไป เสื้อผ้า รองเท้าที่ผมชอบ มันไม่ธรรมดาแล้วแน่ๆ ผมตัดสินใจกดติดตามคนๆนี้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ใครสักคนได้กล่าวไว้นี่แหละ อาจจะเป็นคนรู้จักมาแกล้งผมก็ได้ เรื่องนี้ต้องขยาย เอาไว้ให้พวกเพื่อนๆช่วยกันสืบ ผมวางโทรศัพท์ลง กำลังคิดว่าว่าผมลืมอะไรไปรึเปล่านะ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเลยคิดว่าไปอาบน้ำดีกว่า จะได้มานอนอ่านแนวข้อสอบต่ออีกสักหน่อยจะได้รีบนอน พรุ่งนี้จะตื่นสายไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนไอ้โหดมันดีดเหม่งผมอีก



การสอบผ่านไปด้วยดีครับ ต้องบอกว่าดีมากกกก ไม่น่าเชื่อว่าแนวข้อสอบที่ไอ้ธีมมันเอามาให้ผมอ่านจะช่วยผมได้มาก รู้สึกทำข้อสอบได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนไอ้พวกเพื่อนผมก็มีบ่นบ้าง สอบเสร็จต่างคนก็ต้องแยกย้ายกันไป ไม่ได้อยู่กินข้าวด้วยกันเพราะมีงานกันต่อกันแทบทุกคน ยีนมันมีละครต้องอยู่ในกองถ่ายแทบทุกวัน มันมาซ้อมเดินแบบให้คุณเมได้แค่วันเสาร์อาทิตย์ ไอ้บูมก็ต้องไปซ้อมครับ นักกีฬาอย่างมันต้องซ้อมตลอดอยู่แล้ว ไอ้เกลือกับไอ้จอมมีสอบตอนบ่ายอีกตัว มันลงเพิ่มวิชาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ก็เหลือ ผม มีน ไอ้บิว สามคนที่ว่าง เลยตกลงว่าจะไปบ้านไอ้บิวกัน มันจะทำของอร่อยๆให้กิน ผมโทรบอกไอ้โหดว่าจะไปบ้านบิว มันบอกให้รอครึ่งชั่วโมงจะมารับ เมื่อเช้ามันก็มาส่ง ก่อนลงจากรถมันถ่ายรูปผมเอาไว้คอยรายงานแม่มัน ดูเอาเถอะครับ นี่ถ้าผมปวดขี้มันจะตามไปถ่ายด้วยไหม

“นาว ให้พี่ธีมเขาแวะห้างให้ก่อนได้ไหม จะซื้อของสด” บิวมันถามผม ผมว่าพักนี้หน้าตามันดูเศร้าๆยังไงไม่รู้

“ได้สิ ฉันสั่งอะไรคนรับใช้ฉันก็ต้องทำตาม” ผมตอบ ก็มันอยากคิดค่าจ้างผม ผมต้องใช้ให้คุ้ม

“สรุปพี่เขาต้องมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แกแทนพี่ชัชเลยเหรอนาว” ไอ้มีนถามบ้าง

“อืม พี่ชัชอายุมากแล้ว คุณเมให้ทำเรื่องงานเอกสาร พวกสัญญางาน ค่าตัว ภาษีอะไรพวกนี้แทน”

“ก็ดีนะ งานแกเยอะ ต้องให้พี่ธีมมาดูแลแทนพี่ชัชก็ดีแล้ว” ไอ้มีนมันว่างี้ครับ

“ดีตรงไหน อย่างกับเป็นนักโทษ” ผมบ่น

“ก็ดีตรง ฉันจะได้เจอพี่ธีมบ่อยๆไง อิอิอิ” มันเริ่มเพ้อเจ้ออีกแล้วครับ

“พี่เขาดูใส่ใจแกออก” ไอ้บิวออกความเห็นบ้างครับ

“แกเรียกใส่ใจ ฉันเรียกว่า จับผิด” ผมว่ามันจับผิดผมทุกเม็ดครับ

“เออ  เมื่อวานใครกันน้าไปคอมเมนท์ดอกพุดซ้อนของแกไอ้นาว” ไอ้มีนทำหน้าตาล้อเลียน

“เฮ้ยยย นึกออกแล้วว่าลืมอะไร” ผมตะโกนขึ้นมาจนไอ้สองคนนั่นตกใจ

“อะไรของแก ตกใจหมด แล้วลืมอะไร” ไอ้มีนถาม

“ฉันว่าจะตอบเมนท์พี่นภเขา มัวแต่ไปเป็นโคนาวสืบเรื่องคนๆหนึ่งอยู่ ลืมเลย เซ็ง” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้จริงๆ รีบหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดไอจีดู คอมเมนท์พี่นภยังอยู่ ไม่ได้ลบเหมือนภาพมะนาว

“แกเป็นแฟนพี่นภเขาแล้วเหรอ” ไอ้บิวถาม

“บ้าดิ ยังเว้ย แต่อนาคตไม่แน่ คึคึ”

“พี่ธีมมาแล้ว” มีนชี้ไปที่ไอ้โหด พวกมันยกมือไหว้ไอ้โหด มันก็รับไหว้

“เดี๋ยวไปห้างXXก่อนนะ บิวมันจะไปซื้อของสด ถ้าพี่มีธุระไปส่งก็พอ เดี๋ยวนาวไปต่อกับเพื่อนเอง”ต่อหน้าเพื่อนก็ให้เกียรติมันนิดหนึ่งครับ ใช้น้ำเสียงดีๆพูดกับมัน

“ว่าง” มันตอบสั้นๆ ผมเลยไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ย้ายร่างไปรวมกันในรถของมัน มันขับพามาถึงห้าง แล้วให้พวกผมเข้าไปกันก่อน เพราะมันจะดูดบุหรี่ อยู่บ้านมันไม่ดูดหรอกครับ คงกลัวคุณเม ผมกับไอ้มีนเดินตามไอ้บิวไป มันหยิบของที่ต้องการใส่รถ

“เลือกของสดโคตรเก่ง เอวนิดเดียว ตัวก็บาง แขนก็เล็ก ฉันละอายใจวะที่เกิดมาไม่น่าทะนุถนอมเท่ามัน” ไอ้มีนกระซิบผม

“เออ แกไปเอาดีทางทอมไหมมีน” ผมกระซิบตอบมัน มันค้อนผมยกใหญ่

“ซื้อไปทำไมเยอะแยะวะบิว” มีนถาม

“ซื้อติดบ้านเอาไว้เลยไง”

“แอะ ซื้อตุนไปทำให้ใครกิน พูดดดด” ผมแซว มันทำหน้าตื่น แหมวุ้ย มันมีพิรุธจริงๆ

“ให้แด๊ดไง” มันตอบ ก้มหน้าเข็นรถงุดๆ โคนาวคุงต้องทำงานอีกซะแล้ว

“พี่เข็นให้ไหม” เสียงไอ้โหดครับ มันเดินมาแย่งรถเข็นจากไอ้บิว ไอ้บิวส่งยิ้มให้มัน ยิ้มโคตรหวานเลย

“ขอบคุณครับพี่ธีม” มันตอบ เอ๊ะๆ ทำไมไอ้บิวดูอายๆอย่างกับสาวแรกรุ่นโดนหนุ่มจีบ

“คิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง” ไอ้มีนกระซิบถาม

“คิดเหมือนกันว่ะบีสอง” ผมกระซิบตอบ

“เสร็จแล้ว ไปจ่ายเงินก่อน” ไอ้บิวบอก

“เดี๋ยวพี่จ่ายเอง” บร๊ะๆๆๆ อาเสี่ยโหดกระเป๋าหนักเสียด้วย ผมขอย้อนกลับไปเหมาของใส่รถเข็นให้ก่อนได้ปะวะ มันจะได้จ่ายจนกระเป๋าฉีก

“ไม่เป็นไรครับพี่ธีม บิวซื้อของเข้าบ้านด้วย เดี๋ยวบิวจ่ายเอง”

“ไม่เป็นไร ใช้เงินค่าตัวนาวจากอีเวนท์วันก่อน เลี้ยงเพื่อนแค่นี้ ชิลเนอะ ใช่ไหมนาว” ไอ้โหดมันหันมาถามผม เหยดดดดดเข้ ไอ้พี่ธีมมมม เล่นมุขนี้เหรอ แต่อุ้ย.. ไอ้บิวหันมามองผมพอดี ต้องรีบยิ้มกว้างให้เพื่อน

“สบายมาก จัดไป” ผมตอบ เอาจริงๆเพื่อเพื่อนแค่นี้สบายมาก แต่ที่อยากด่าคือไอ้คนที่มันทำตัวเป็นป๋า แต่เจือกไม่ออกสักบาทเนี่ยครับ ไอ้หน้าด้านนนน

“ขอบใจนะนาว” ไอ้บิวหันมายิ้มหวานให้ผม เออ ไม่เป็นไรเลย แต่..ฉันขอใส่ถุงกลับบ้านด้วยละกันแก
จ่ายค่าของสดเสร็จ ไอ้หน้าด้านธีมก็ขับรถพาพวกเรามาถึงบ้านไอ้บิวครับ บ้านมันเป็นบ้านชั้นเดียวสไตล์วิคทอเรีย สวยดีผมชอบ มันอยู่คนเดียวครับ พ่อมันเพิ่งย้ายไปอยู่ห้องชุดสุดหรูใจกลางเมือง รู้มาจากไอ้บูมว่าพ่อมันกำลังจะแต่งงานใหม่ พวกผมช่วยกันขนของที่ซื้อมาเข้าไปไว้ในครัว ครัวของมันนี่เวอร์วังอลังการมากครับ ไม่ได้ใหญ่โต แต่มันฟูลออฟชั่นสุดๆ มีอุปกรณ์ครัวที่ทำทั้งของคาวของหวานทุกอย่างครบครัน มันบอกให้พวกผมไปนั่งรอที่ห้องรับแขก รอกินอย่างเดียวครับ ผมอาสาจะช่วย แต่มันรีบบอกว่าอยากกินเร็วๆและอร่อย ผมควรอยู่ไกลๆครัวมัน หนอยยย ผมทำไข่ต้มยางมะตูมเก่งนะไม่อยากจะคุย ยังไม่ทันจะเดินออกจาห้กองครัวแสนรักของไอ้บิว โทรศัพท์ของมันก็มีสายเข้า มันรีบกดตัดสาย ผมเลยเดินออกจากห้องครัวไป คิดว่ามันคงไม่สะดวกจะรับสายนี้ต่อหน้าคนอื่น มั่นใจแล้วแหละครับว่ามันต้องมีใคร แต่ถ้ามันยังไม่พร้อมให้เพื่อนรู้ ผมก็ไม่อยากเจือกหรอกครับ แม้ใจจะใฝ่รู้มากมายก็ตาม

ผมเดินออกมาก็เห็นไอ้มีนมันชวนไอ้ขาโหดคุยจ้อเลย พออยู่กับสาวๆละอ่อนโยนเชียวนะแก  ไอ้มีนชวนผมมานั่งข้างๆมัน มันหยิบกล่องเกมเศรษฐีขึ้นมา จัดแจงกางแผ่นกระดานเกมออก

“แกเอาตัวสีอะไร” มีนถามผม

“ทำไมไม่เล่นในโทรศัพท์วะ” ผมถามมันบ้าง

“เฮ้ย มันไม่คลาสสิก ต้องเล่นแบบทอยเอง ตกลงจะเอาสีอะไร พี่ธีมเอาสีอะไรคะ”

“เอาสีแดง”ผมบอกมัน

“พี่เอาสีดำก็ได้ครับ”

“งั้นมีนเอาสีขาว มาเล่นกัน”

“เน็ทมาเบิ้ลลลลลลลลล” ผมเลียนเสียงแบบเกมเศรษฐีในไลน์ แอบเห็นไอ้โหดมันยิ้มด้วย

“ยินดีต้อนรับค่ะ เริ่มเกมส์ มาดูกันว่าใครจะได้เล่นก่อน” ไอ้มีนเอาบ้างครับ เอาซะเหมือนเป๊ะเชียว ก๊ากกก

“คุณได้เล่นเป็นคนแรกค่ะ” ผมทำเสียงดัดจริตพูดแล้วชี้ไปที่ไอ้โหด มันทอยเต๋า แล้วเดิน เราเล่นกันไปเรื่อยๆ

“ขี้โกงอะ” ผมโวยวายเมื่อเดินไปตกเมืองของไอ้ธีมตลอดเลย จ่ายเงินค่าผ่านทางมันจนจะหมดตูดแล้วเนี่ย

“แกพาลมากไอ้นาว ทอยเองตกเองปะวะ” ไอ้มีนว่าผม

“เล่นคุณไสยชัวร์” ผมยังบ่นต่อ

“สร้างแลนด์มาร์ค” ไอ้โหดมันพูดขึ้นมาบ้าง ผมกับไอ้มีนหลุดหัวเราะเพราะหน้ามันไม่ให้ทำเสียงดัดจริตแบบนั้นเลยจริงๆ

“โอ้ย พี่ธีมฮาอะ มีนไม่คิดเลยนะว่าจะตลกมุ้งมิ้งได้” ไอ้มีนยังขำไม่หยุด ผมว่าควรใช้คำว่าติ๊งต๊องมากกว่ามุ้งมิ้งนะ

“ไม่นะ ฮือๆเมืองถูกยึดไปแล้ว” ผมกรีดร้อง อยากจะบ้า ตกเมืองมันอีกแล้ว หมดตูด ล้มละลาย เลิกเล่น!

“กระจอกว่ะ” มันยักไหล่บอกผม

“อ่อนให้หรอก เลิกๆไม่เห็นจะสนุก” แพ้เป็นพระ ชนะเป็นฟายเว้ย

“เสร็จแล้ว มาช่วยยกหน่อย” เสียงไอ้บิวตะโกนมาครับ

เย้ๆ ผมหิวตั้งแต่ตอนเล่นเกมแล้ว กลิ่นหอมๆมันลอยมายั่วตลอด ผมเห็นอาหารที่ไอ้บิวทำแต่ละอย่างยิ่งรู้สึกทึ่งกับความสามารถของเพื่อนคนนี้ รสชาติไม่ต้องพูดถึง เคยกินฝีมือมันหลายครั้งไม่เคยผิดหวังสักครั้ง เดี๋ยวนี้พัฒนาทั้งการตกแต่งจาน ทั้งการประยุกต์อาหารไทยกับอาหารฝรั่งเศสเข้าด้วยกัน มันลงตัวมาก นี่มันเทียบรสมือกับเชฟดังๆตามโรงแรมหรูๆได้เลยนะครับ ถ้ามันมีแฟน แฟนคงทั้งรักทั้งหลงแน่ๆเลย

“สุดยอดอะแก ยอมน้ำหนักขึ้นเลย” มีนมันทำหน้าพริ้มทุกครั้งที่ตักอาหารเข้าปาก เชื่อแล้วครับว่ามันอร่อยจริง

“น้ำหนักแกเคยลงด้วยเหรอวะ” ผมถาม

“ปากแกนี่นะ ยัดเนื้อแกะเข้าปากไปเลย” ไอ้มีนรีบจิ้มเนื้อแกะป้อนใส่ปากผมเลย

“เราเอาใส่กล่องให้เอากลับบ้านกันด้วย” บิวมันจัดใส่กล่องให้เอากลับไปกินต่อได้อีก น่ารักจริงๆ ส่วนไอ้โหดนี่นั่งกินเงียบเชียวนะ อร่อยฝีมือเพื่อนฉันอะดิท่า

“พี่ไปเติมน้ำก่อน ใครจะเอาน้ำบ้าง” ไอ้โหดมันถามพวกผม

“บิวลืมหยิบน้ำมาให้เลย เดี๋ยวไปเอาให้ครับ”

“ไม่เป็นไร บิวกินไปเถอะ พี่ไปเอาเอง” มันบอกแล้วเดินเข้าไปในครัว

“บิว โทรศัพท์มีสายเข้าครับ” ไอ้โหดมันชะโงกหน้าออกมาบอก ผมไม่เห็นได้ยินเสียงโทรศัพท์เลย ไอ้บิวรีบลุกพรวดเดินเข้าไปในครัวอย่างรับร้อน สักพักไอ้โหดเดินออกมา วางเหยือกน้ำเย็นลงที่โต๊ะ

“วันนี้นาวต้องไปซ้อมเดินแบบรึเปล่า” ผมถามมัน

“ไม่ต้อง พี่บอกแม่ให้แล้วว่าขอไปพรุ่งนี้”

“เออจริงด้วย พี่ธีม มีนรู้มาว่าจะมีเจ้าชายจากประเทศบัณตรามาร่วมงานนี้ด้วยใช่ไหมคะ”

“ประเทศอะไรวะ ไม่เคยได้ยินเลย” ผมหันไปถามเพื่อน ไม่เคยได้ยินจริงๆครับ

“ปกติเขาเป็นประเทศปิดเพราะมีปัญหาเรื่องการเมืองภายในประเทศ ตอนนี้เปลี่ยนการปกครองแล้ว  กษัตริย์องค์ปัจจุบันเตรียมจะสละราชบัลลังก์ให้พระโอรส แก เขาว่าพระโอรสหล่อมากด้วยนะ แล้วประเทศเขาก็สวยมากด้วย เป็นเกาะเล็กๆแต่ทรัพยากรทางธรรมชาติสมบูรณ์มาก”

“ทำไมแกรู้ละเอียดจัง” ผมถามไอ้มีน

“ก็ฉันคือมีนผู้รอบรู้” มันยืดอกภูมิใจในการสอดรู้ เอ้ย รอบรู้ของมัน

“ใช่ครับ มาร่วมงานนี้ด้วย แม่ของเจ้าชายเป็นเพื่อนสนิทแม่พี่เอง”ไอ้โหดบอกกับไอ้มีน นี่คุณเมรู้จักกับเหล่าราชวงศ์ประเทศชื่อแปลกๆนี่เชียวเหรอวะ 

“เขาเรียกพระสหาย เสร่ออะ” ผมค่อนขอดไอ้พี่โหด

“ใครจะลิเกเก่งเหมือนนาวละ” มันย้อน อย่าแปลกใจครับ ต่อหน้าเพื่อน ผมและมันยังพอมีมารยาทไม่ตวาดใส่กันพร่ำเพื่อครับ ไอ้บิวเดินออกมาแล้ว หน้าตามันเครียดๆพิกล ผมกำลังจะเอ่ยถามมัน แต่ไอ้โหดมันแทรกขึ้นมาก่อน

“พี่ว่าเดี๋ยวเรากลับกันเถอะ มากวนน้องบิวนานแล้ว” ผมมองหน้าไอ้โหด รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

“งั้นช่วยบิวล้างจานก่อน” ผมบอก

“ไม่เป็นไรๆ กลับกันได้เลย เดี๋ยวเราจัดการเอง อย่าลืมเอาสเต็กกลับไปด้วยนะ” ไอ้บิวบอก

แปลกมาก ถ้าปกติแล้วผมไม่ได้กลับกันง่ายๆหรอก ก็ไอ้บิวเป็นคนขี้เหงา ถ้าลองได้มาบ้านมัน ยากที่พวกผมจะได้กลับ มันจะหาโน้นหานี้มาให้ทำเพื่ออยู่กับมันนานๆ ผมว่ามันต้องมีอะไรระหว่างไอ้โหดกับไอ้บิวแน่ๆ เมื่อกี้ไม่เห็นได้ยินเสียงโทรศัพท์ แล้วก่อนไอ้โหดจะเดินออกมามันได้คุยอะไรกับบิวรึเปล่า แต่เอาเถอะ ความลับไม่มีในโลกครับ ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้บิวมันมีความลับอะไร จากที่ไม่อยากรู้ ตอนนี้อยากรู้มากแล้วครับ   


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 06-01-2015 21:48:08
สนุกน้าาา ชอบค่ะชอบบ :man1:
ธีมนายมีซัมติงรองกับบิวใช่ม๊ายยยยยยย :katai1: :katai1: ไม่ได้น้าาาาาาา นายรักซินโดเรล่าแมนไม่ใช่หรอ? มันคือไรรรรรรร  :serius2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2015 00:39:02
ความลับเยอะจริงเรื่องนี้ ตามลุ้นไม่ถูกเลยใครจะคู่ใคร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 07-01-2015 01:41:40
ติดใจที่เจ้าชายมากฟ่า อยากเห็นแล้วซี :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 07-01-2015 15:03:49
ธีมมมมม นายแม่งน่ารักอ่ะ!! เป็นได้แค่คนแอบรัก คอยห่วงอยู่ข้างๆ โหววว พระเอก!

อย่างน้อยนาวก็มีหวั่นไหวกับแกนะเว้ย สู้เขาๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 07-01-2015 20:27:43
เฮ้ยย หรือบิวจะชอบธีมว้าาา
ธีม
แกเป็นเจ้าชายรึเปล่าวะ
น่าสงสัย อาจเป็นไปได้ (มั้ง)
 :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 6 (06/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 07-01-2015 23:54:03
น่อวววววววสนุกกกกกก ตัวละครน่าสนใจทุกตัวเลย ติดตามค่าาง :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 7 (08/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 08-01-2015 18:09:00
บทที่ 7


ระหว่างทางกลับบ้านไอ้โหดมันไม่ได้กวนประสาทอะไรผมเลย เงียบผิดปกติ ผมก็ไม่ได้ชวนมันทะเลาะ เพราะกำลังกลายร่างเป็นโคนาวคุงอยู่ครับ ผมเปิดไอจีไอ้บิวดู ไล่ดูผ่านๆก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร มันก็ลงรูปอาหารที่มันทำบ้าง รูปมันเองบ้างตามเรื่องตามราว จนมีสายจากไอ้มีนโทรเข้ามาหาผม เพิ่งจะไปส่งมันที่บ้านเมื่อกี้นี่เอง คิดถึงกันแล้วเหรอวะ

“ว่าไงที่รัก”

“แก ซ้อสิบแปดลงข่าวพวกเราอีกแล้ว อย่างไวอะแก เห็นยัง”เสียงไอ้มีนดูตื่นเต้น

“ยัง ข่าวไรวะ”

“แกไปอ่านเอง เดี๋ยวฉันส่งลิ้งค์ไว้ให้ในไลน์นะ”

“เออได้ บาย” ผมวางสายแล้วรอลิ้งค์จากไอ้มีน มันส่งมาแล้วครับ ผมกดเข้าไปดู ก็เวปของซ้อแกนั่นแหละ

ว้ายๆๆๆ คุณผู้อ่านที่รัก วันก่อนที่ซ้อแอบซุบซิบเรื่องดาราหนุ่มกับนักร้องรุ่นพี่จิ๊จ๊ะไปหมาดปรากฏว่า วันนี้พ่อหนุ่มดาราดังก็ควงสาวคู่จิ้นที่เคยมีข่าวประจำ ไปช็อปปิ้งอาหารสดกันกระหนุงกระหนิงค่ะคุณขาไม่รู้ว่าจะกลบกระแสไม้ป่าเดียวกันรึเปล่า แต่ที่แซ่บไปกว่านั้น พ่อครัวน้อยหน้าหวานทายาทเชฟคนดังควงคู่หนุ่มเซอร์หุ่นเป๊ะเวอร์น่ากินสุดๆร่วมช็อปปิ้งด้วย สองคู่ชู้ชื่น ไม่รู้ว่าป่านนี้กินกันอร่อยเหาะทั้งสองคู่รึเปล่าน้อ ซ้อสิบแปดอยากรู้จริงๆค่ะคุณผู้อ่าน

ผมถอนหายใจ รูปผมกับไอ้มีนตอนกำลังกระซิบกันในห้างที่ไปมาวันนี้เอง ดูแล้วมันก็ไม่มีอะไร แต่คำประกอบภาพมันชวนให้คิดลึกสองแง่สองง่ามสุดๆ ผมไม่ทันได้ระวังตัวเพราะสนิทกับมันและไม่เคยคิดกับมันเกินเพื่อนเลย มันเองก็เคยบอกว่าครอบครัวมันสบายใจมากถ้าเป็นข่าวกับผม เพราะรู้ว่าผมสนิทกับมันแบบเพื่อน ดีกว่าไปเป็นข่าวกับคนอื่น ส่วนอีกรูปก็ตอนที่ไอ้โหดมันเข็นรถเข็นคู่กับไอ้บิว ลำพังผมเป็นข่าวก็ไม่เท่าไหร่หรอก ชินแล้ว แต่เพื่อนต้องมาโดนด้วยผมรู้สึกไม่ดีเลย ไอ้มีนก็กำลังจะมาเป็นนักร้องเต็มตัว ส่วนไอ้บิวยังไม่เท่าไหร่ เพราะคิดว่าพ่อมันเข้าใจมันดี ส่วนไอ้ธีมมันก็ต้องมาถูกโยงไปด้วย นี่ถ้ามันเห็นข่าว มันจะตามไปเตะซ้อสิบแปดมงกุฏนี่เปล่าวะ มันยิ่งไม่ชอบเรื่องเกย์ด้วย

“เป็นอะไร” มันถามผม

“มีข่าวนิดหน่อย” ผมตอบสั้นๆ

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” มันบอกผมสั้นๆเหมือนกัน

“พรุ่งนี้นาวมีงานอะไรบ้าง” ผมถาม

“มีงานเปิดตัวน้ำหอมตอนบ่ายโมง เย็นก็ซ้อมเดินแบบ สามทุ่มต้องไปห้องอัด”

“ห้องอัดอะไร” ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย

“พี่ลืมบอก ตกลงซีรีย์เลิฟ นาวได้เล่นคู่กับปิ่นอนงค์นะ แล้วนาวได้ร้องเพลงประกอบด้วย”

“ร้องเพลงประกอบที่พี่นภทำเหรอ” เสียงของผมตื่นเต้นจนออกนอกหน้าไปไหม

“อืม” มันตอบสั้นๆ

“ห้องอัดของไอ้เกลือรึเปล่า” ผมอยากรู้รายละเอียด

“ไม่ใช่ ที่บ้านของคุณนภ” มันตอบ กรี๊ด ได้เข้าบ้านแบบนี้ไปสู่ขอเลยได้เปล่าครับ คึคึ ผมรู้ตัวเลยว่าหุบยิ้มไม่ได้ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าบ้านพี่นภมีห้องอัดแล้ว หลังๆพี่เขาก็ทำเพลงประกอบละครให้ช่องน้อยสีบ่อยๆ คงจะผันตัวมาทำงานเบื้องหลังมากขึ้นละมั๊ง

“เฮ้ย จะขับเร็วไปไหม นาวยังไม่อยากตายนะ” ผมร้องบอกเมื่อมันเร่งรถเร็วขึ้น ถึงจะรู้ว่ามันขับรถดี แต่ประมาทไม่ได้ครับ สงสัยผีบ้าเข้าร่างมันอีกแล้ว หน้าบึ้งเป็นหมาหมากรุก เอ้ย ม้าหมากรุกเลย มันลดความเร็วลงนิดหน่อย แล้วผมกับมันก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนถึงบ้าน


ผมกลับมาก็ขึ้นห้องเลย อาบน้ำเสร็จก็หลับยาวถึงเช้าเลยครับ สงสัยจะกินอิ่มไปหน่อย ตื่นมาก็เจอดอกพุดซ้อนวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ผมหยิบมาดมก่อนจะสอดไว้ในหนังสือแล้วรีบไปอาบน้ำ ช่วงเช้าผมว่างว่าจะไปทำสีผมสักหน่อยครับ วันนี้จะได้เจอคนสำคัญก็อยากดูดีที่สุดบ้างอะไรบ้าง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปข้างล่าง ไม่รู้ว่าไอ้โหดมันตื่นรึยัง ถ้ายังผมว่าจะนั่งแท็กซี่ไปเอง ผมลงมาถึงชั้นล่างก็ไม่เจอใคร แต่เห็นรถเบนซ์ใครไม่รู้มาจอดอยู่ ผมเดินไปที่ห้องรับแขกก็ไม่มีใครเลยตัดสินใจเดินไปแถวๆห้องทำงานของคุณเมเผื่อไอ้โหดมันคุยอยู่กับแม่

“ทำไมพักนี้นาวเป็นข่าวบ่อย” เสียงของผู้ชายครับ ดังลอดออกมาเพราะประตูห้องปิดไม่สนิท

“ก็พวกนั่งเทียนเขียนค่ะ ข่าวไม่จริงทั้งนั้น”

“ยังไงผมก็ไม่อยากให้เขาเป็นข่าวเสียหายๆ”

“น้องนาวเป็นดารานะคะ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันยาก แต่เมรู้ดีว่าน้องนาวเป็นด็กดี ไม่ได้เป็นอย่างที่ยัยนักข่าวนั่นกล่าวหา คุณก็รู้ว่ายัยนี่จิกน้องนาวไม่ปล่อยเพราะอะไร”

“อืม ยังไงผมจะรีบจัดการให้เรียบร้อย แล้วเรื่องที่ต้องต้อนรับเจ้าชายมิคาเอลเรียบร้อยดีใช่ไหม”

“ค่ะ ไม่ต้องห่วง เมเตรียมทุกอย่างเอาไว้อย่างดี”

“อืม ขอบใจมากนะที่เป็นธุระให้ทุกเรื่อง”

“แล้วคุณตั้งใจจะบอก..”คุณเมกำลังจะพูดอะไร ผมพยายามตั้งใจฟังเพราะเสียงคุณเมเบาลง

“น้องนาวตื่นแล้วเหรอคะ” เสียงป้าสายหยุดทักผม ทำให้เสียงในห้องทำงานเงียบไป ผมรีบเดินออกมาหาป้าสายหยุดกลัวคนในห้องจะรู้ว่าผมมายืนแอบฟัง

“เพิ่งตื่นลงมาเลยครับ ป้าเห็นพี่ธีมไหมครับ”

“อ๋อ คุณธีมอยู่ที่ศาลาในสวนโน้นค่ะ น้องนาวจะทานข้าวเช้าที่สวนเลยไหมคะ ป้าจะยกไปให้”

“อ๋อ ผมอยากจะออกไปสีผม อาจจะไปทานข้างนอกเลย งั้นเดี๋ยวผมไปตามพี่ธีมก่อนครับ” ผมบอกป้าสายหยุดก่อนจะมองเลยไปที่ห้องทำงานคุณเมอีกครั้ง ใครกันที่อยู่กับคุณเม ทำไมต้องพูดถึงผม

“งั้นทานนมสักหน่อยนะคะ เดี๋ยวป้ายกไปให้ที่ศาลาค่ะ”

“ขอบคุณครับป้า”

ผมเดินไปถึงสวนหลังบ้านก็เห็นไอ้ธีมมันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ หนังสือพิมพ์วางอยู่หลายเล่มตรงหน้ามัน มันเลยหน้าขึ้นมาเห็นผมก็ลดหนังสือพิมพ์ลง

“จะไปทำสีผม นาวไปเองก็ได้นะ เสร็จแล้วเดี๋ยวนาวโทรหา” ผมบอกมัน ไม่อยากให้มันไปนั่งรอ

“เดี๋ยวไปส่ง กินข้าวก่อนสิ”

“กินนมก็พอ”

“ตามใจ” มันยกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านต่อ

“นายๆ” ผมเรียกมัน

“เรียกให้มันดีๆ”มันทำเสียงดุๆ เรียกนายไม่ดีตรงไหนฟร่ะ

“คุณนาย” จัดให้ครับ

“เฮ้อ..มีอะไร” คราวนี้มันถอนหายใจก่อนจะพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วมองหน้าผม

“ใครมาหาคุณเม” ผมอยากรู้จริงๆ ฟังจากเสียง ดูคุณเมจะเกรงใจมากๆ

“คนที่ร่วมจัดงานการกุศลด้วย” 

“ใครละ”

“ก็ไปดูเองดิ”

“ไม่เอา บอกเร็ว ใคร ถ้าบอกจะทำตัวดีๆหนึ่งวันเลยเอ้า บอกหน่อย” ผมยอมลดตัวไปเกลือกกลั้วทำดีกับมันเชียวนะครับ 5555

“ผิดคำพูดโดนแน่”

“สัญญาๆ”

“คุณปริณ”

“ปริณ....” ชื่อคุ้นๆจัง

“นมมาแล้วค่ะ ป้าทอดไส้กรอกกับปิ้งขนมปังมาให้ด้วย ทานให้หมดนะคะน้องนาว”

“ขอบคุณครับป้า” ผมจิ้มไส้กรอกใส่ปาก ยังคิดว่าเคยได้ยินชื่อปริณจากที่ไหน

“แขกคุณแม่กลับแล้วเหรอครับป้า” ไอ้โหดมันถาม

“กำลังจะกลับค่ะ”

“เขาเปวคายอะ” (เขาเป็นใครอะ) ผมกัดขนมปังไปด้วย ถามไอ้โหดไปด้วย ไส้กรอกเต็มปากเลยพูดไม่ชัด

“กินเข้าให้เสร็จก่อน เดี๋ยวติดคอ ขี้เกียจเอานิ้วง้างออกให้”

“เจ้าของช่องสองไงคะ ป้าเคยเห็นในข่าวบ่อยๆ”

“อ๋ออออออ ถึงว่า ชื่อคุ้นๆ” ผมลากเสียงยาวเพราะนึกออกแล้ว ปริณ อังควัตทานนท์ นามสกุลดูแพงมากครับ เจ้านายของไอ้ยีนมัน เจ้าของช่องทีวีที่มีคนดูเยอะที่สุดในประเทศ ผมเคยเล่นละครให้ช่องนี้ก็หลายเรื่องนะ แต่ส่วนใหญ่ผมจะเจอกับคุณปรัช ผู้บริหารของช่อง เป็นน้องชายของคุณปริณอีกที เลยนึกไม่ออกในทันทีที่ได้ยินชื่อ ถ้าบอกชื่อคุณปรัชคงนึกออกนานแล้วแต่ผมก็ยังนึกหน้าเขาไม่ออก

“จะไปเลยรึเปล่า พี่จะได้ไปเอาของก่อน”

“อือๆ เดี๋ยวกินเสร็จจะตามไป” ผมบอกมัน แต่ก็ยังนึกถึงบทสนทนาที่แอบได้ยินเมื่อครู่ สงสัยว่าทำซ้อสิบแปดต้องจิกกัดผมไม่ปล่อย ทำไมคุณปริณดูสนใจเรื่องของผม เอาไว้ไปเล่าให้ไอ้เกลือมันฟังดีกว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว


ไอ้โหดมันมาส่งผมที่ร้านทำผมเจ้าประจำ มันบอกจะไปทำธุระแต่จะกลับมารับ ผมไม่ได้ขัดอะไร ไปเจอพี่กุ้ง ช่างทำผมคนโปรดของผมเอง พี่เขาเห็นผมแล้วรีบมากอดทักทาย ผมให้พี่กุ้งช่วยเลือกสีผมที่จะทำ พี่กุ้งแนะนำให้ผมเล็มปลายเพื่อจัดทรงด้วย ผมก็ตามใจช่างเลยครับ ทำกันมานานจนรู้ใจกันไปหมดแล้ว

“พี่เพิ่งได้อ่านข่าวที่ยัยซ้อสิบแปดมันลง ยัยนี้มันจะอะไรกับน้องนาวนักก็ไม่รู้นะคะ” พี่กุ้งทำผมไปก็เมาท์กับผมไปด้วย

“ก็ข่าวน้องนาวขายได้นี่พี่กุ้ง” เด็กผู้ช่วยของพี่กุ้งรีบออกความเห็น เธอชื่ออ๋อยครับ

“มันก็จริงของอ๋อยมันว่านะน้องนาว” อ๋อยที่พี่กุ้งคุยด้วยตัวเล็กๆแต่แต่งตัวจัดจ้านมากครับ

“มันอาชีพเขานี่ครับพี่กุ้ง แต่ถ้าทำให้คนรอบตัวนาวเสียหายหรือเดือดร้อนมาก นาวไม่ปล่อยแน่”

“ดีค่ะ ต้องเจอคนจริงบ้าง นางจิกตั้งแต่รุ่นคุณแม่น้องนาวแล้ว เจ้ากรรมนายเวรจริงๆ”

“อะไรนะครับ พี่กุ้งว่าอะไรนะครับ” ผมถามพี่กุ้งอีกครั้ง คือพี่กุ้งรู้เรื่องของผมดีเพราะแม่พี่กุ้งเป็นเจ้าของสถาบันเสริมความงาม ซึ่งแม่ของพี่กุ้งรู้จักกับแม่ผมด้วย ท่านเป็นคนแต่งหน้าทำผมให้กับแม่ตอนประกวด แต่ตอนนี้แม่พี่กุ้งก็เสียไปแล้วเหมือนกัน

“คือพี่เคยได้ยินจากแม่ของพี่ตอนที่ท่านยังอยู่ ท่านบอกว่ายัยนักข่าวคนนี้ชอบใส่สีตีข่าวให้ร้ายแม่ของนาว เพราะตอนนั้นสื่อต่างๆชอบแม่ของนาวมากกว่าคนที่ได้ตำแหน่ง นางเป็นนักข่าวที่ชอบแหวกแหกคอกจากนักข่าวคนอื่นๆ เลยตามจิกแม่น้องนาวตลอด”

“มีใครเคยเห็นหน้ายัยนี่ไหมคะพี่กุ้ง” อ๋อยที่ยืนฟังอยู่ด้วยถามคำถามที่ผมอยากจะถามพอดี

“ไม่มี สำนักพิมพ์เดิมที่ยัยซ้อนี่ทำงานอยู่นี้ก็ปิดบังข้อมูลให้ หลังๆพอโดนดาราหลายคนขู่จะฟ้อง นางก็ลาออกแล้วมาเปิดเพจเอาเอง แต่ก็ยังใช้ชื่อเพจตามหัวหนังสือที่นางเคยทำงาน คราวนี้แรงกว่าเดิม นึกอยากจะจิกกัดใครก็เต็มข้อ แต่พอได้ยินมาว่าอายุน่าจะพอๆกับแม่ของน้องนาวได้เลยนะ”

“นางต้องเป็นกระเทยที่ร้ายกาจ” อ๋อยพูดจบก็เบ้ปากแสดงออกว่าไม่ชอบอย่างชัดเจน

“นาวนึกว่าเขาเป็นผู้หญิง”

“ปากคอร้ายๆแบบนี้ พี่อ๋อยว่ากะเทยชัวร์ค่ะน้องนาว”

“ไม่แน่หรอกครับ นาวว่าเพศไม่ได้บ่งบอกความต่ำของมนุษย์” ผมคิดแบบนี้จริงๆนะครับ ไม่ใช่ว่าชอบผู้ชายเหมือนกันแล้วจะเข้าข้าง คนเรามันอยู่ที่สันดานแท้ ไม่ว่าเพศไหน ถ้าไม่มีคุณธรรมในใจก็เลวได้เหมือนกันหมด

“ไงละอ๋อย น้องมันยังคิดเป็น หล่อนนี่ชอบเหยียดเพศจริงๆ” พี่กุ้งบ่นผู้ช่วยตัวเอง

“ก็อ๋อยเจอแต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้นนะคะพี่กุ้ง พอพี่อ๋อยอ่านข่าวที่ยัยซ้อมันลง ยังนึกในใจ ขออย่าให้น้องนาวของพี่อ๋อยมีรสนิยมแบบนั้นเลย” คำพูดของพี่อ๋อยเล่นเอาผมไปต่อไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปให้ ก็คงมีคนไม่น้อยที่คิดแบบพี่อ๋อย ถ้าผมเปิดตัวว่าเป็นเกย์ อาจจะหมดที่ยืนในวงการก็ได้

บทสนทนาจบลงเพียงแค่นี้เพราะลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้านมาเรื่อยๆ ระหว่างที่นั่งรอผมก็หยิบนิตยสารที่พี่อ๋อยหยิบมาวางไว้ให้มาอ่าน บางเล่มก็มีผม เพื่อนๆผม บางเล่มก็มีพี่นภ ผมไม่กล้าดูนานแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ มาเจอเล่มสุดท้าย อุ๊บะ ไอ้โหดครับ มันถ่ายแบบกางเกงยีนส์ โนบรา เอ้ย เปลือยบนด้วยครับ หุ่นมันโคตรดีอะ หมั่นไส้จริงๆ ถามว่ามันหล่อไหม ถ้าไม่อคติก็หล่อ แต่ผมอคติครับ แม่ม..ขี้เหร่เหอะ

“เสร็จแล้วค่ะ เป็นไง ถูกใจไหมคะ” พี่กุ้งเซ็ทผมให้เสร็จก็ถามผม ผมชอบสีผมสีนี้มาก ออกเทาเหลือบเขียวหม่นๆ กำลังชื่นชมตัวเองอยู่ สายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผ่านกระจกเงา ไอ้โหดครับ มันยืนจ้องผมอยู่ ไม่ทันสังเกตว่ามานานรึยัง เฮ้ย มันจะเห็นว่าผมนั่งดูรูปมันอยู่เปล่าวะ เสียฟอร์ม

“ผู้จัดการส่วนตัวน้องนาวโสดไหมคะ แต่พี่อ๋อยโสดนะคะน้องนาว” พี่อ๋อยแอบมากระซิบถามผม

“นี่น้อยๆหน่อยนังอ๋อย คนนี้พี่จอง” พี่กุ้งรีบสกัดลูกน้อง พี่อ๋อยเลยได้แต่ทำหน้ายู่ยี่ขัดใจ

“ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ” มันถาม พี่กุ้งพามันไปเดินไปที่เคาท์เตอร์ มันจัดการค่าใช้จ่ายให้เสร็จผมก็เดินมายืนข้างๆมัน

“พี่กุ้ง ถ้าทำผมให้ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนคนปกติ ถึงหมื่นไหมครับ” ผมถาม มันทำหน้าตื่นๆจนผมแทบหลุดขำ

“ว้าย ร้านพี่ไม่โหดขนาดนั้นนะคะ”

“ก็เผื่อพี่ต้องใช้หวีสักสี่ห้าโหล” ผมยังเล่นต่อ คราวนี้มันเหล่ผมหน้าดุๆ

“ถ้ายอมให้พี่ทำ พี่ทำฟรีเลย จะว่าไป น้องเขาหล่ออยู่แล้ว แค่ตกแต่งทรงนิดหน่อย รับรองว่าหล่อกว่าใครๆเลย” พี่กุ้งยิ้มบอก

“เอาไว้คราวหลังแล้วกันครับ” มันตอบแบบสุภาพ น่าหมั่นไส้จริงๆ

“ยินดีต้อนรับทุกเมื่อนะคะ” พี่อ๋อยรีบมาบอกจนโดนพี่กุ้งเอาหวีเคาะหัว

“ครับ” มันยิ้มให้สองสาวที่ยืนตาลอยเพราะโดนมนตร์ซกมกของมันสะกดอีกแล้วครับ

“ไปก่อนนะครับพี่กุ้งพี่อ๋อย” ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินตามไอ้โหดออกไป

“กินข้าวก่อนไหม งานมีตอนบ่าย น่าจะทัน เดี๋ยวจะหิว เมื่อเช้ากินมานิดเดียวนี่” มันหันมาถามผม

“อยากกินก๋วยเตี๋ยวอะ” ผมบอก มันพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผม คงเอาไปรายงานคุณเมอีกตามเคย เฮ้อ เบื่อแม่ลูกคู่นี้จริงจริ๊ง

“ทำหน้าดีๆหน่อย” มันบอก ผมเลยฉีกยิ้มหวาน มันกดถ่าย เห็นมันแอบยิ้มผมเลยแลบลิ้นใส่มันซะเลย คราวนี้มันถ่ายรัวเลย ไอ้บ้า


มันพาผมมากินก๋วยเตี๋ยวหมูทรงเครื่องที่ผมชอบกินมากกกกกกก ร้านนี้อร่อยโคตรๆ ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีร้านนี้อยู่ในประเทศสยาม แต่อย่างว่า มันอยู่ในซอยลึกลับซับซ้อนขนาดนี้ใครจะไปรู้ แต่ก็มีคนตามมากินเต็มร้านเลยนะ หรือผมคนเดียววะที่ไม่รู้ผมสั่งเส้นเล็กต้มยำพิเศษไส้อ่อนกับตับ มันสั่งเหมือนผมเลย มันโง่ไง คิดเองไม่เป็น สรุปผมสั่งไปสองชาม มันสั่งมาชามเดียว แต่ผมกินชามที่สองไม่หมด ไม่คิดว่าพิเศษจะเยอะขนาดนี้ มันเลยเอาของผมไปกินต่อ งกว่ะ ผมปรุงอร่อยละซี๊ กินซะหมดชามน้ำก็ไม่เหลือ

“นั่นพี่นภนี่นา” ผมเผลออุทานเมื่อเห็นพี่นภเดินลงมาจากรถ มันหันหลังไปมองตาม

“อ้าวนาว มากินที่นี่เหมือนกันเหรอ” พี่นภเห็นผมก็เดินตรงเข้ามาทัก ผมยกมือไหว้พี่นภ

“ครับ นาวชอบกินก๋วยเตี๋ยว พี่นภมาคนเดียวเหรอครับ” ผมถาม มาคนเดียวจะได้ชวนนั่งด้วยกันซะเลย อิอิ

“อ๋อ มากับเพื่อนครับ จะสั่งกลับไปกินที่บ้าน เพื่อนรอในรถ” พี่นภตอบ ผมชะโงกไปดู เห็นรถพี่นภจอดอยู่ไม่ห่างจากรถไอ้โหดเท่าไหร่ แต่มองไม่เห็นข้างในเพราะฟิล์มมันมืดมาก

“อ๋อ ครับ”

“งั้นพี่ขอตัวไปสั่งก่อนนะครับ เดี๋ยวคนจะเยอะ แล้วคืนนี้เจอกันนะครับ” พี่นภบอกแล้วยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปสั่ง ไอ้โหดมันวางช้อนดังแคร๊ง

“มือหรือเท้า ทำอะไรให้มันเบาๆหน่อยดิ” ผมบ่นมัน

“คิดเงินด้วยน้อง” มันเรียกเด็กมาเก็บเงิน แต่สีหน้าอย่างกับจะแดกเด็กมันอยู่ละ ผีไส้อ่อนเข้าสิงมันรึไง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

“พีโคน้านจ่าห้าแล” เด็กเสิร์ฟบอกก่อนจะชี้ไปที่พี่นภ สำเนียงโคตรเออีซีอะ ลูกครึ่งซะด้วยแก 55555

“เด็กมันบอกว่า พี่หล่อๆคนนั้นจ่ายให้แล้ว” ผมช่วยแปลภาษาของน้องให้พี่ธีมมัฟัง กลัวมันจะฟังภาษาท้องถิ่นน้องเขาไม่ออก

“มันพูดหล่อตรงไหนของประโยค” มันถามผม

“มันบอกในใจแต่นาวได้ยิน มีปัญหาปะ” ผมถามมัน มันวางเงินให้ผมตรงหน้า

“เอาไปคืนเขา” มันบอก ผมหยิบเงินขึ้นมาแล้วลุกไปหาพี่นภ

“พี่นภ ขอบคุณมากที่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวนาว เอาไว้คราวหน้าให้นาวเลี้ยงพี่บ้างนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่นภ มีข้ออ้างเลี้ยงข้าว เรื่องอะไรจะเอาเงินคืนให้โง่

“แค่นี้เอง คราวก่อนพี่ชวนกินข้าวแล้วต้องรีบไปธุระก็ติดค้างนาวแล้ว” พี่นภส่งยิ้มให้อีก โอ้ย ใจสั่นครับ

“นั่นแหละ คราวหน้านาวเลี้ยงพี่นะ”

“ฮ่าๆ โอเคๆ เดี๋ยวพี่จะล้างท้องรอ”

“ได้เลยครับ งั้นนาวไปก่อนนะครับ”

“นาว”พี่นภเรียกผม

“ครับ”

“ตัดผมใหม่น่ารักนะ”

“....................” คือ บับ ว่า อยาก กรีด ร้อง เป็น ภา ษา ฮิป รู พี่นภคร้าบบบบบ ผมเขินหน้าจะระเบิดเป็นพริกกระเหรี่ยง

“นาว!!!!” เสียงตะโกนเรียกผมมาจากทางด้านหลัง แม่มมมมมม จบ กำลังจะถึงสวรรค์ ไอ้โหดทำผมตกสวรรค์อีกแล้ว โว้ยยยย แกไม่เอาโทรโข่งมาตะโกนเรียกชื่อฉันเลยละ เอาไหม คนหันมามองทั้งร้านแล้ว

“งั้นนาวไปก่อนนะครับ”

“ครับ คืนนี้เจอกัน”

“ครับ สวัสดีครับ” ผมไหว้พี่นภอีกครั้ง ยิ้มหวานอีกนิด พอหันหลังกลับรอยยิ้มของผมเปลี่ยนเป็นขมุบขมิบด่าไอ้โหดในใจ

“จะตะโกนทำไม เสียมารยาท” ผมถามมัน มันไม่ตอบ แต่คว้าข้อมือผมเดินออกจากร้านไป ผมแทบจะหน้าทิ่มต้องโกยขาตามมันให้ทัน พอเดินผ่านรถพี่นภก็พยายามจะมองให้ทะลุเข้าไป เผื่อจะเห็นว่าเพื่อนของพี่นภเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ไอ้โหดมันเดินเร็วมาก ผมสะบัดข้อมือยังไงก็ไม่หลุด มือเหนียวอย่างกับตุ๊กแก แล้วมันจะจับมือผมทำไมวะเนี่ย

“จะรีบไปตามควายรึไง” ผมถามเมื่อมันจับผมยัดในรถเสร็จแล้ว เจ็บข้อมือเลย

“เออ” มันตอบ นึกว่ามันจะยอกย้อนตอบว่ารีบให้ควายตามซะอีก ปกติต้องต่อปากต่อคำนี่นา อารมณ์เสียมาจากไหนวะ

“เจ็บข้อมือเลย” ผมบ่น ชูข้อมือให้มันดู แดงเลยเห็นไหมแก มันหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นรอยแดงที่ข้อมือของผม รู้สึกผิดอะดิ หึหึหึ

“ก็มัวแต่อ่อยผู้ชายอยู่ได้” มันตอบ แต่เสียงไม่ได้แข็งมากเหมือนเดิม ชิ ไอ้ที่ว่ามันจะรู้สึกผิดคงไม่ใช่ละ

“อ๋ออออออ โรคกลัวเกย์กำเริบว่างั้น” ผมหันไปถามมันด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“เออ สงสัยต้องดูดนิ้วนาวอีก จะได้หาย” มันพูดพร้อมกับทำหน้าเจ้าเลฃ่ห์ใส่ผม ชิบเหยยยแล้ว คราวนี้เป็นผมที่ไปต่อไม่ถูกเอง ผมเลยชักมือกลับมาอย่างเร็ว ก่อนจะรีบดึงเข็มขัดมาคาด ค้อนมันเจ็ดตลบให้หายแค้น มันหัวเราะครับ ผีไส้อ่อนต้องออกจากร่างมันแล้วแน่ๆ ผมมั่นใจ


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 7 (08/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 08-01-2015 23:16:35
เราว่า ยัยคุณเม คงเก็บนาวไว้ถวายอิตาองค์ชายแน่ๆ แอร้ยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 7 (08/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 09-01-2015 16:25:22
เห แอบสงสัยพ่อคนอยู่ในรถกับไอ้คุณพี่นภ ว่าเป็นคนเขียนข่าว
ไอ้คุณนภ แอบซุกเมียไว้ในรถเน่เลย
ทีม ชอบนาว ก็รีบบอกนะเว้ย
ก่อนที่มันจะไม่มีโอกาส ถ้าไอ้คุณนภ เล่นด้วย แล้วจะหนาวว
 :hao4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 8 (09/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 09-01-2015 17:36:49
บทที่ 8
     


เสร็จจากงานโชว์ตัวแล้ว เริ่มมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ผมเรื่องพี่นภกับเรื่องที่ผมเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว บางคนก็ถามว่าผมมีเรื่องขัดผลประโยชน์กับพี่ชัชจริงไหม นี่แหละครับ สามารถโยงไปได้ ผมปฏิเสธทุกข่าว ไอ้โหดมันก็โดนสัมภาษณ์ครับ นักข่าวหลายคนจำมันได้จากงานถ่ายแบบ แต่น้อยคนจะรู้ว่ามันเป็นลูกชายคุณเม เพราะคุณเมมักจะพูดถึงแต่ผมเวลาออกงาน นักข่าวแซวว่าผมเปลี่ยนผู้จัดการเพื่อจะดับข่าวคาวกับพี่นภ ผมละอยากจะขำ ก็คิดกันไปได้นะ ส่วนไอ้โหด ผมคิดว่ามันจะโมโหจนเหวี่ยงนักข่าวซะอีก แต่มันกลับตอบคำถามดี ใจเย็น ได้ใจนักข่าวไปเต็มๆเลยครับ กลับไปจะยกรางวัลนักแสดงดีเด่นที่ผมมีให้มันหมดตู้ไปเลย

“จะซื้อไปไหนเยอะแยะ” หลังจากปลีกตัวออกมาจากกลุ่มนักข่าวเสร็จ ผมกับมันก็มากินข้าวที่ร้านดังในห้างที่มาโชว์ตัวนี่แหละครับ ผมกินไปนิดเดียว ยังอิ่มก๋วยเตี๋ยวที่กินไปอยู่เลย แต่ที่ร้านนี้มีเบเกอรี่ขายด้วย ผมเลยหยิบขนมมาหลายถุง เป็นสาเหตุให้มันถามครับ

“ก็จะไปห้องอัด เอาไปฝากทีมงานเขาไง” ผมตอบจริงๆผมต้องไปซ้อมเดินแบบก่อนถึงจะไปที่บ้านพี่นภ แต่พี่นภโทรมาขอเลื่อนเวลาเป็นตอนเย็น เราเลยต้องไปที่บ้านของพี่นภก่อนแล้วถึงกลับมาซ้อมเดินแบบให้คุณเม

“จะเอาไปฝากหมอนั่นว่างั้น” มันย้อนถาม

“ถูก จ่ายให้ด้วย” ผมวางถุงขนมที่เคาท์เตอร์ มันทำท่าหงุดหงิดแต่ก็หยิบเงินมาจ่ายให้ ได้ข่าวว่าเงินผมนะนี่ ทำมาหงุดหงิด ไม่มีน้ำใจ คนเราต้องรู้จักมีของฝากติดไม้ติดมือ

“ชอบเขามากรึไง” มันถามเมื่อผมกับมันมาอยู่ในรถแล้ว ทำไมผมโดนถามแบบนี้อีกแล้ว

“จะชอบหรือไม่ชอบ พี่จำเป็นต้องรู้ไหม” ผมถามกลับ มันเรื่องส่วนตัวของผม

“พี่ต้องรายงานแม่ฉันไหม” มันถามบ้าง ผมอึ้งไป

“ตามใจ แม่พี่ ไม่ใช่แม่ผมเขาไม่มีสิทธิ์ห้ามเรื่องที่ผมจะชอบใครไม่ชอบใคร” ผมเริ่มหงุดหงิด เอะอะเอาแม่มาขู่

“แล้วรู้ได้ไงว่าเขาจะชอบนาว” มันถามคำถามที่โดนใจดำอย่างแรง

“ไม่จำเป็นต้องรู้ แค่นาวชอบเขาไม่ได้หนักหัวใครนี่”

“ถ้าเขามีคนรัก นาวแน่ใจว่าไม่หนักหัวใคร?” คำถามของมันคราวนี้ทำผมนิ่งไป ก็ไม่ได้คิดจะแย่งใครนี่หว่า ถ้าเขามีแฟน ก็ไม่ได้คิดจะยุ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะมีใคร ผมก็มีสิทธิ์

“ไม่ใช่เรื่องของพี่” ผมตอบสั้นๆ มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศเหมือนป่าช้าจนถึงบ้านของพี่นภ ถ้าเขามีเมียก็จะได้รู้คราวนี้แหละ


ผมกับมันจอดรถที่โรงจอดรถภายในบ้านของพี่นภ บ้านของพี่นภหลังใหญ่มาก อาจจะเล็กกว่าบ้านของคุณเม แต่ก็ใหญ่เกินจะอยู่คนเดียว คิดแล้วก็เริ่มห่อเหี่ยว หรือเขาจะแอบมีเมียแล้วจริงๆ พี่นภเดินออกมาต้อนรับผมกับไอ้โหด ก่อนจะพาเดินเข้าไปด้านใน บ้านพี่เขาตกแต่งแบบโมเดิร์นมากๆ เก๋ดี ผมแอบกวาดสายตาสำรวจ ไม่เห็นจะมีรูปคู่ รูปครอบครัวหรืออะไรที่บ่งบอกว่าเขามีใครเลย พี่นภเชิญผมกับไอ้โหดมานั่งในห้องนั่งเล่น ข้างในมีผู้ชายสองสามคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้ทักทายทุกคน

“นี่ทีมงานพี่เอง นี่พี่จ้อย พี่เวก พี่มิ่ง” พี่นภแนะนำ   

“ตัวจริงดูเด็กมากเลยนะ แต่การแสดงไม่ธรรมดาเลย” พี่มิ่งทักผม ผมยิ้มให้ แต่ละคนดูน่าเคารพบูชามากครับ แต่ก็ดูเหมือนคนดุๆ

“ใครจะไปแก่เหมือนพวกเรา” พี่เวกแซวเพื่อน

“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ” ผมถามพี่ๆเขา ชักจะตื่นเต้น ถึงจะเคยร้องเพลงตามงานบ่อยๆ แต่มาเจอมืออาชีพแบบนี้ก็ชักจะหวั่นๆ

“ใจเย็นไอ้น้อง ไฟแรงจริงๆ” คราวนี้พี่จ้อยเป็นคนพูดครับ แกตัวเล็กสมชื่อ ผมเคยเห็นพี่แกตีกลองให้วงร็อกชื่อดังวงหนึ่ง แต่หลังๆไม่เห็นไปเล่นให้วงนั้นแล้วครับ มาทำงานเบื้องหลังกับพี่นภนี่เอง

“วันนี้พี่จะเอาเนื้อร้องให้นาวไปดูก่อน แล้วจะร้องไกด์ใส่เดโมไปให้ฟัง อยากให้นาวทำความเข้าใจกับบทละคร เนื้อเพลงด้วย ก่อนจะอัดจริง จะได้มีอินเนอร์เวลาที่ร้อง พอจะมีเวลาไหนที่ว่างบ้าง สักอาทิตย์ละวัน พี่อยากให้มาเรียนวิธีการใช้เสียงกับพี่มิ่ง” พี่นภอธิบายให้ฟัง ผมหันไปมองไอ้โหดเมื่อถูกถามเรื่องคิว

“คงเป็นวันเสาร์หรืออาทิตย์ ช่วงบ่ายๆ” ไอ้โหดมันตอบ

“งั้นเอาเป็นวันอาทิตย์บ่ายโมงแล้วกัน” พี่นภบอก ไอ้โหดหยิบสมุดคิวขึ้นมาจด

“ผมซื้อขนมมาฝากครับ ลืมเลย” ผมหยิบถุงขนมส่งให้พี่นภ

“พี่กำลังอยากกินเลย” พี่จ้อยร้องบอก ผมยิ้มให้พี่เขา เห็นท่าทางดูดุๆ แต่น่าจะใจดีกันทุกคน

“เป็นไอ้นภนี่ดีจริงๆ มีแต่ของอร่อยๆไม่ขาดเลย” พี่เวกพูดขึ้นมา คงจะได้จากแฟนคลับบ่อยๆ เป็นนักร้องขวัญใจมหาชนก็แบบนี้แหละ ขวัญใจผมด้วย คึคึ 

“แกมันขี้อิจฉา เดี๋ยวพวกพี่ไปที่ห้องอัดก่อน เดี๋ยวนาวได้ตามไปฟังไกด์สดๆสักรอบหนึ่ง” พี่มิ่งบอก

“ครับ” ผมตอบรับ แล้วพี่ๆเขาก็พากันเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

“ขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนครับ” เสียงโทรศัพท์ของไอ้โหดมันดัง ผมแอบเห็นชื่อพี่อ้นโทรเข้า แหม แฟนโทรมารีบรับเลยนะ เอาละสิ ผมอยู่กับพี่นภสองต่อสอง วี๊ดว้าย 5555

“พี่ขอเพื่อนว่าจะเป็นคนแต่งเพลงนี้เองเลยนะ พอรู้ว่านาวจะเป็นคนร้อง” พี่นภบอก ผมดีใจมากเลยครับที่ได้ยิน

“นาวจะตั้งใจร้องให้ดีที่สุดเลยครับ”

“พี่เชื่อว่านาวต้องทำได้ดี”

“ขอบคุณครับ” ผมอยากจะชวนพี่เขาคุยให้มากกว่านี้นะ แต่มันไม่รู้จะพูดอะไร มันเกร็ง กลัวทำอะไรเปิ่นๆต่อหน้าพี่เขา

“ชื่อเพลงอะไรรู้ไหม” พี่เขาถาม

“ไม่รู้ครับ ชื่อเพลงว่าอะไรเหรอครับ”

“รัก”

“....................”

“เพลง..รัก”

“....................”

“นาวครับ”

“............”

“นาว นาวครับ”

“ครับๆ แหะๆ” ผมสติกระเจิงไปสามสิบวินาที เล่นทำหน้าละมุนละไมแล้วพูดว่ารักใส่ผม ผมก็วิญญาณหลุดสิครับ ผมไม่รู้หรอกว่ามันมีความหมายอะไรไหม แต่ดวงตาพี่เขาสะกดผมมาก มันดูอบอุ่นสุดๆไปเลย

“ชื่อเพลงรัก นาวต้องหัดมีความรักแล้วมั๊ง จะได้มีอินเนอร์” พี่นภแซวผม ผมก็อยากจะบอกพี่เขาว่า พี่ก็สอนผมสิคร้าบ ผมอยากหัดกับพี่ที่ซู้ดดด

“นาวไม่มีใครให้รักนี่ครับ” ผมตอบ อุ้ย ดูอ่อยไปไหมครับ ฮ่าๆๆ

“อาจจะมีแต่นาวไม่รู้ก็ได้” พี่นภตอบกลับ โธ่ๆ พี่อย่าพูดแบบนี้ ผมมีความหวังนะคร้าบ เดี๋ยวจับปล้ำในห้องนั่งเล่นซะเลย นึกแล้วก็อารมณ์ดีจนอยากเต้นระบำรอบบ้าน

“แล้วพี่นภละครับ แต่งเพลงรักได้ ต้องมีความรักรึเปล่า” เอาซี้ๆ ได้ทีไอ้นาวหลอกถามบ้างแล้ว โอ้ย ลุ้น ถ้าตอบว่ามีแล้ว ไอ้ที่อยากเต้นๆเมื่อกี้ขาหักเลยนะนั่น

“ก็อยากจะมีเหมือนกันนะ ความรัก” พี่นภจ้องผมนิ่ง ผมรู้สึกใจเต้นมากเลยครับ ทุกอย่างกำลังลงตัว ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์มารผจญหนทางรักของผมเสียก่อนแต่เป็นสายเข้าของพี่นภครับ ไม่ใช่ของผม

“พี่ขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ” พี่นภบอกก่อนจะรีบเดินออกไป ผมแอบถอนหายใจ เพราะมันเกร็งจนรู้สึกเมื่อยร่างกาย ยิ่งกว่าไปยิมอีก

“ฝันสลายเลยสิ” เสียงกระแหนะกระแหนแบบนี้มีคนเดียวครับ

“ไม่ได้ฝัน ถ้าฝันพี่จะแอบดูได้เหรอ เขาเรียกของจริง” ผมยอกย้อนมัน

“แล้วไง แฟนเขาโทรมา เขาก็รีบไป อิ่มไหม ได้กินแห้วน่ะ” ดูมันสิครับ ปากเสียๆๆ อยากตบปากมันจริงๆ

“พี่ไปตรัสรู้ได้ไงว่าแฟนเขาโทรมา ไม่เหมือนพี่หรอก แฟนโทรมารีบออกไปรับเชียว จะชวนไปกินอะไรกันอีกอะคราวนี้ ของหวานหรือของคาว” ผมเน้นคำหลัง อยากมายุ่งเรื่องผมนัก มันชักสีหน้าใส่ผม

“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่กับอ้นไม่มีอะไรกัน”

“ใครจะไปรู้ ปากอย่างใจอย่างทำอีกอย่าง”

“แล้วแต่นาวจะคิด”

“อยู่แล้วละ นาวคิดแน่ คิดลึกด้วย”ผมพูดจบมันก็ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ

“ถ้านาวจะคิดให้ลึกจริงๆ ก็น่าจะรู้ ว่าพี่...”

“อย่ายุ่งเรื่องของนาว นาวไม่ชอบ!!” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพื่อตัดบทสนทนา ไม่อยากให้มันมายุ่งเรื่องของผม แค่แม่ของมันคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว

“ไปที่ห้องอัดกัน” พี่มิ่งออกมาตามพอดีครับ มันเลยไม่ได้พูดต่อได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วผมกับไอ้โหดเลยเดินตามพี่มิ่งไป
ห้องอัดที่นี่ก็คล้ายๆกับของที่บ้านไอ้เกลือ แต่เล็กกว่านิดหน่อย ที่ผนังด้านหลังมีกีต้าร์ห้อยเต็มไปหมด ไอ้โหดตาเป็นประกายเลยครับ มันเดินไปคุยกับพี่เวกเรื่องกีต้าร์ ถูกคอกันเลย ส่วนผมเดินตามไปมิ่งไปนั่งที่โซฟาในห้องคอนโทรล สักพักหนึ่งพี่นภก็เดินเข้ามา สีหน้าดูเครียดๆ พี่เขาเดินเข้าไปในห้องกระจกใส ไปนั่งที่เก้าอี้หัวกลม ก่อนจะส่งเสียงมาทางไมโครโฟน

“พร้อมแล้ว” พี่นภบอก สักพักเสียงดนตรีก็ดังขึ้น พอพี่เขาเริ่มร้องเพลงผมก็เหมือนตกในภวังค์ น้ำเสียงพี่เขายังสะกดผมเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่ผมไม่ได้ไปยืนฟังที่หน้าเวทีหรือหน้าจอโทรทัศน์ ผมได้ฟังพี่เขาร้องอยู่ตรงหน้า เพลงที่พี่เขาบอกว่าแต่งให้ผม เพลง...รัก ผมฟังทุกตัวอักษร ทุกท่วงทำนอง ใจหนึ่งก็ซาบซึ้งกับบทเพลง แต่ทำไมอีกใจหนึ่งกับคิดว่าเพลงนี้มันไม่เหมาะกับผมก็ไม่รู้ สงสัยผมฟังไอ้โหดมันเป่าหูเรื่องที่พี่เขามีแฟนแล้วมาแน่ๆ ว่าแต่..สีหน้าของไอ้พี่ธีมมันดูเศร้าๆตอนที่ผมตวาดมัน หรือผมจะแรงไป ปกติผมก็ตอบโต้กับมันตลอดอยู่แล้วไม่เห็นมันจะเป็นอะไร แล้วทำไมผมต้องมาไม่สบายใจเรื่องมันด้วย ไม่เห็นจะต้องสนใจ อาจจะเพราะหลังๆผมอยู่กับมันบ่อยเกินไป ถึงจะยังไม่ชอบหน้ามันแต่ก็ยอมรับว่ามันก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าไม่ต้องไม่ชอบมัน มันก็คงเป็นเพื่อนสนิทกับผมได้อยู่นะ


แล้วทำไมต้องไม่ชอบมัน? สมองซีกขวาถาม

ก็มันเป็นลูกคุณเม! สมองซีกซ้ายตอบ

แกมันขี้มโน สมองซีกขวาด่าซีกซ้าย


“นาว!!” สมองซีกซ้ายไม่ได้เรียกผมครับ แต่เป็นเสียงพี่จ้อยเรียกผมซะดัง ผมสะดุ้งตกใจ กำลังคิดอะไรเพลินๆเลยไม่รู้ว่าพี่เขาเรียก

“ขอโทษครับ”

“ฟังเพลงจนเคลิ้มไปเลยสิท่า ได้ข่าวว่าไอ้นภมันเป็นไอดอลด้วยใช่ไหม” พี่จ้อยแซว ผมยิ้มเขินๆ พวกพี่เขารู้กันด้วยเหรอวะเนี่ย

“มันร้องไกด์ให้ฟังเฉยๆแต่นาวต้องร้องให้เป็นแบบฉบับนาวเอง เอาเนื้อเพลงกับเดโมไกด์เสียนี้ไปฝึกจำเนื้อเพลงกับทำนองก่อน แล้วพี่จะสอนเทคนิคให้” พี่มิ่งบอกผม

“ขอบคุณครับพี่”ผมไหว้ขอบคุณพี่เขา สักพักพี่นภก็เดินออกมาจากห้องกระจกนั่น

“เป็นไง ชอบไหม” พี่นภถามผม

“ชอบครับ แต่เห็นพี่ร้องซะผมไม่กล้าร้องเลย กลัวทำเพลงพี่เสียหาย” ผมพูดไปอย่างที่รู้สึกจริงๆ

“ไม่หรอก พี่เชื่อว่าเพลงนี้ต้องดัง ถ้านาวดังขึ้นมา คราวนี้พี่ตกงานแน่” พี่นภบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบที่บ่าผม

“ผมจะพยายามครับ”ผมบอก เพลงที่พี่นภอุตส่าห์แต่ง ผมต้องทำให้ดีที่สุด

“งั้นวันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ พอดีพี่มีธุระด่วน เจอกันวันอาทิตย์นะครับ” พี่นภบอก ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้พวกพี่ๆเขาก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถ โดยมีพี่นภเดินมาส่งถึงรถ พี่นภเขายกมือขึ้นบ๊ายบายผมแล้วก็เดินไปขึ้นรถตัวเองเหมือนกัน จากนั้นไอ้โหดมันขับรถพาผมไปที่โรงแรม เพื่อซ้อมคิวงานเดินแบบ งานนี้มีเจ้าชายจากประเทศชื่อแปลกๆมาด้วย คนใหญ่คนโตคงมากันเต็มงาน ท่าทางงานจะใหญ่กว่าที่ผมคิด

“อะ” ไอ้โหดมันส่งถุงกระดาษสีน้ำตาลให้ผม ผมรับมาเปิดดู ข้างในมีขนมปังมันฝรั่งที่ผมชอบกิน แล้วมันก็ส่งขวดโกโก้เย็นยี่ห้อโปรดมาให้อีก มันไปซื้อมาตอนไหน ที่สำคัญรู้ได้ไงว่าผมเริ่มจะหิวขึ้นมานิดหน่อย

“ขอบคุณ” ผมบอกก่อนจะหยิบขนมปังขึ้นมากิน มันก็เงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา

“นายๆ..” ผมเรียกมัน มันไม่ได้หันมามองหรอก แต่ก็หรี่เสียงเพลงลงแทนการรับรู้ว่าผมเรียก

“เมื่อกี้ นาว..” อยากจะพูดต่อ อยากจะขอโทษหากผมก้าวร้าวมันเกินไป แต่ปากมันขยับไม่ได้ ปากมันแข็งงง

“ว่า” มันถามสั้นๆ

“คือ เมื่อกี้ คือนาว”

“นาวตดเหรอ” มันถาม ดู๊ ดูมันกวนตีน

“อย่างพี่ไม่ได้ดมกลิ่นตดนาวหรอกจะบอกให้” ผมงับขนมปังมันฝรั่งใส่ปากต่อ ไม่ขอโทษแกละ กวนตีนนัก มันขำเบาๆ แต่ฉันได้ยินเหอะ

“พี่ขอโทษที่ขอบไปยุ่งเรื่องนาวนะ” มันบอก เออดีเว้ย ผมว่าผมจะขอโทษมัน แต่มันกลับมาขอโทษผมก่อน

“ดีมาก ผิดแล้วรู้จักขอโทษ นาวก็ต้อง..”

“ถ้าสมมุติวันหนึ่งแม่พี่ น้องสาวพี่ ตัวพี่หายไปจากชีวิตนาวจริงๆ นาวจะมีความสุขจริงๆใช่ไหม” มันถามผม เป็นคำถามที่ผมสามารถตอบได้ง่ายๆเลยนะถ้าโดนคนอื่นถาม แต่ทำไมผมกลับพูดไม่ออกเมื่อโดนมันถามต่อหน้า นี่ผมแคร์มันเหรอ

“นาวกินอยู่ เขาไม่ให้พูดไปกินไป” ผมบอกมัน ผมรู้สึกได้ว่ามันหันมามองหน้าผม แต่ผมมองไปข้างหน้า ตั้งใจกินขนมปังสลับกับโกโก้ ทำเป็นไม่สนใจมันชั่วขณะ

“พี่ดีใจนะ ที่นาวไม่ตอบ” มันพูดจบก็เร่งเสียงเพลงให้ดังเหมือนเดิม

“นาวขี้เกียจจ้างคนใช้ใหม่เหอะ ไม่ต้องมาดีใจ” ผมพูดออกไปด้วยเสียงธรรมดา ไม่รู้มันจะได้ยินไหมเพราะเสียงเพลงร็อกกระแทกหูของมันดังจนน่ารำคาญ แต่ผมก็เห็นว่ามันยิ้มไม่หุบ

..หึ แค่นี้ทำเป็นดีใจ มันแอบรักผมเปล่าวะ..

เฮ้ยยยย!!!!!!ผมคิดอะไรแบบนี้ เสนียดสมอง ไม่คิดๆ ปัดๆๆๆๆ ปัดออกจากสมองก่อนวุ้ย ผมรีบกดเปลี่ยนเพลงแกล้งมัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรทุเรศๆแบบนี้อีก มันก็เอื้อมมือมาเปลี่ยนกลับแบบไม่ยอมผม สงครามเปลี่ยนเพลงก็เกิดขึ้น เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมาจนถึงโรงแรมครับ สงครามถึงได้ยุติ



เรามาถึงสถานที่จัดงานแล้วครับ ไอ้พี่ธีมมันพาผมเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับจัดงาน ด้านในยังเป็นห้องโล่งๆอยู่ ก็งานจริงมันอีกตั้งหลายอาทิตย์กว่าจะถึง คุณเมเดินมาจูงมือผมเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงเข้าไปในห้องประชุมด้านใน มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่นั่งล้อมๆกันอยู่ ด้านหน้ามีจอสีขาวขนาดใหญ่ เหมือนกำลังประชุมงานกัน

“มาพอดีเลย จะได้ฟังพร้อมกัน นี่พี่ๆทีมงานจากบริษัทบูมเมอแรงออร์กาไนเซอร์ที่จะช่วยแม่เรื่องงานในครั้งนี้นะคะ” คุณเมแนะนำ

ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้ทุกคน ผมเห็นผู้จัดการส่วนตัวของบรรดาเพื่อนๆผมมากันครบทุกคนเลย แต่พวกมันไม่ได้มากันวันนี้ เชฟปิแอร์ พ่อไอ้บิวก็มาด้วย ผมนั่งฟังแผนงานทั้งหมดอย่างเบื่อๆ ไม่รู้ว่าจะให้ผมมาทำไมถ้าไม่ได้ซ้อมเดิน เท่าที่จับใจความได้ก็คือ พ่อของไอ้บิวจะเป็นคนจัดการรับผิดชอบเรื่องอาหารและเครื่องดื่มในงานทั้งหมด ในงานกำหนดธีมเครื่องแต่งกายของแขกทุกคน คือ แต่งย้อนยุคแบบเรเนซองส์ ที่สำคัญต้องสวมใส่หน้ากากด้วย เพราะจะมีเกมเพื่อชิงรางวัลพิเศษ รายได้จากการขายบัตรไม่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะบริจาคให้องค์กรการกุศลสิบแห่งด้วยกัน ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็คือ คุณปริณ คุณเมและเจ้าชายมิคาเอลแห่งบัณตรา

ในงานจะมีการเดินแบบจากลูกหลานไฮโซ ดารานักร้องและคนที่มีชื่อเสียง มีงานเต้นรำ มีการประมูลของ งานนี้ใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้มากครับและที่ทำเอาผมเหวอไปที่ได้รู้ คือผมต้องเดินแบบในชุดสุดท้ายกับเจ้าหญิงมิเชล พระราชธิดาองค์เล็กแห่งบัณตราที่ติดตามพระเชษฐามาด้วย ทำไมต้องเป็นผมด้วย ถ้าทำผิดพลาดเหยียบขาเจ้าหญิงขึ้นมาจะโดนประหารไหมคร้าบ ในที่สุดการประชุมก็จบลงด้วยดี คุณเมจูงมือผมเดินแยกมาจากกลุ่มทีมงาน

“เดี๋ยวไปกินข้าวกับแม่นะคะ”

“แต่ว่า..” ผมไม่อยากไป แต่ยังไม่ทันจะปฏิเสธคุณเมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“กินในโรงแรมนี่แหละค่ะน้องนาว คุณปริณจะมาร่วมทานด้วยกัน”

“ก็ได้ครับ” ผมตอบเพราะชื่อแขกที่จะมาร่วมทานด้วย อยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้พูดถึงผมทำไม หรือเขาจะเป็นแฟนใหม่คุณเม แต่ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ไม่เห็นต้องพาผมมาทำความรู้จัก โน้น ไปบอกไอ้โหดมันดีกว่ามะ

“แม่จองโต๊ะเอาไว้แล้ว น้องนาวกับพี่ธีมไปรอที่ห้องอาหารก่อนนะคะ แล้วแม่จะตามไป”

“แล้วไม่ต้องซ้อมเดินแบบแล้วเหรอครับ”

“พอดีแม่เปลี่ยนแปลงชุดนิดหน่อย มันเป็นความลับเชียวนะ แม่ต้องพาน้องนาวไปลองชุดใหม่ เอาไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันที่บ้านนะคะ” คุณเมลูบผมของผมก่อนจะเดินหันหลังไปสมทบกับทีมงาน สายตาคนอื่นๆที่เดินผ่านมองมาก็อมยิ้ม คงเป็นภาพแม่ลูกที่ดูน่ารักสินะครับ ส่วนไอ้พี่ธีมมันก็อมยิ้ม ผมเลยเบ้ปากใส่มัน ก็แค่ไม่อยากทำตัวมีปัญหา เพราะนี่งานการกุศล ต้องทำใจให้ใสสะอาด ไม่ได้คิดจะญาติดีอะไรสักหน่อย มันไม่ต้องมายิ้มเหอะ

“ไป ต้องจูงมือไหม” ไอ้โหดเดินมาถามผม

“ไม่ต้อง ไม่มีหมาที่ไหนเขาเดินจูงเจ้าของหรอก” ว่ามันเป็นหมาซะเลย หึหึ

“งั้นนาวก็จูงมือพี่ดิ” มันยื่นมือมาให้ อะไรสิงมันอีกละ ทำยิ้มเล็กยิ้มน้อย ไอ้ทะลึ่ง

“พี่จะยอมเป็นหมารึไง หะ ถึงจะมาให้นาวจูง”

“ถ้านาวจะจูง พี่ยอมเป็นหมาก็ได้” มันบอกแล้วจ้องหน้าผม ผมขมวดคิ้วมองมัน แล้วก็รีบหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้นเลย
สงสัยขนมปังมันฝรั่งกับโกโก้เย็นทำพิษ ทำไมรู้สึกปั่นป่วนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำไมรู้สึกว่าไม่อยากสบตามัน สายตามันแปลกๆไป มันทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวเอง มือไม้ของผมก็ดูจะผิดที่ผิดทางทั้งๆที่มันก็ขนาบอยู่ข้างตัวของผมเหมือนปกติ เอ๊ะ หรือผมจะป่วย หรือ..ร่างกายทำงานหนักไป หรือ หรืออะไรดี นี่ผมเป็นอะไรรรรรรรรร!!!.... ผมเดินจ้ำอ้าวไปห้องอาหารของโรงแรม แล้วไอ้โหดก็มาคว้ามือผม ผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก คือ ผมไม่อยากเป็นหมาและเจ้าของหมาอะไรตอนนี้ ไม่ต้องมาจูงผ๊มมม

“นั่นมันทางไปห้องน้ำ ห้องอาหารทางนี้ หรือนาวจะไปกินในส้วม” มันถามผม เพล้งงง หน้าแตกครับ มัวแต่เดินไม่ได้มอง หึ.. วันนี้มันกวนตีนผมหลายรอบนักนะไอ้เมือกปลา

“นาวจะพาพี่ไปกินของในส้วมต่างหาก อยากเป็นหมานี่ ไปกินขี้เลยไป๊” ผมบอกก่อนจะหันหลังเดินทางห้องอาหาร ได้ยินเสียงของมันหัวเราะตามมา ฝากไว้ก่อนเหอะวันนี้ผมคงป่วย ถึงได้ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงมัน


ผมกับไอ้โหดเดินไปนั่งโต๊ะที่คุณเมจองไว้ พนักงานเอาเมนูเครื่องดื่มมาให้เลือก ผมกับไอ้โหดสั่งไป ส่วนอาหารรอคุณเมกับแขกมาก่อนแล้วกัน ผมกับมันนั่งข้างเดียวกันครับ ก็ดี ไม่อยากมองหน้ามัน มันต้องมีสปีชี่เดียวกับไวรัส ทำให้ผมรู้สึกป่วย ต้องใช่แน่ๆ ผมมั่นใจ


สักพักเดียวคุณเมก็เดินตรงมาที่ผมพร้อมกับผู้ชายที่ดูภูมิฐานคนหนึ่ง พอได้เห็นหน้าชัดๆผมก็เริ่มจะคุ้นขึ้นมาบ้าง ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับไอ้โหดแล้วยกมือไหว้ เขาคือคุณปริณ เขาส่งยิ้มกลับมาให้ผม ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ แต่ยังดูดีมาก เป็นชายรุ่นใหญ่ที่ยังดูดีมากๆล่ะครับรอยยิ้มดูเป็นมิตร ผมรู้สึกถูกชะตา

“ตามสบายเลย สั่งอาหารกันรึยัง” คุณปริณถามพวกผม

“ยังครับ” ผมตอบ

“งั้นเดี๋ยว..เดี๋ยวลุงสั่งให้นะ” เขาคงคิดว่าจะแทนตัวเองว่าอะไรดี แต่แทนว่าลุง คงจะอายุเยอะกว่าคุณเม คุณปริณสั่งอาหารมาให้ ผมโล่งใจเลย เพราะรายการที่คุณปริณสั่งไปผมชอบกิน ขืนสั่งที่ไม่ชอบมาแล้วต้องทนกินเพื่อมารยาทผมต้องตายแน่ๆ

“น้องนาว พี่ธีมคะ นี่คุณปริณ ประธานบริษัทโกลด์ไลน์กรุ๊ปค่ะ น้องนาวอาจจะไม่ค่อยได้เห็น เพราะคุณปริณไม่ค่อยชอบออกสื่อเท่าไหร่” คุณเมแนะนำอย่างเป็นทางการ ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้อีกครั้ง

“เรียกว่าลุงปริณแล้วกัน ลุงสนิทกับพ่อของน้องนาวมาก”

“อ๋อ ครับ” ผมตอบรับ แต่ทำไมพ่อผมไม่เคยพูดถึงคุณปริณให้ผมฟังเลย

“พ่อเราคงไม่ค่อยพูดถึงลุงสิท่า เขาคงโกรธลุงที่มัวแต่ยุ่งเรื่องงาน ไม่มีเวลาไปกินเหล้ากับเขาเหมือนตอนยังวัยรุ่น เมื่อก่อนตอนที่ลุงยังหนุ่มๆ ความรับผิดยังไม่มากเท่านี้ ก็ไปกินเหล้าที่บ้านของน้องนาวแทบทุกวัน ตอนนั้นน้องนาวยังตัวเล็กนิดเดียว” ผมหูผึ่งทันที ยังงี้คุณปริณก็รู้จักแม่ผมอะดิ ผมอยากรู้เรื่องแม่ให้มากกว่านี้จัง

“จริงเหรอครับ ผมคงยังเด็กจริงๆจำคุณลุงไม่ได้” ผมบอกตามจริงและรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาเมื่อรู้ว่าคุณปริณสนิทกับพ่อและแม่ของผม

“เอาไว้ไปเที่ยวที่บ้านลุงสิ ลุงมีรูปพ่อกับแม่ของน้องนาวตอนยังหนุ่มสาวกันอยู่เลย”

“จริงเหรอครับ ผมดีใจจัง อยากเห็นรูปของแม่” ผมรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่สีหน้าของคุณเมดูเจื่อนๆไป คงเห็นผมดีใจที่ได้ยินเรื่องแม่ ไอ้โหดก็นั่งนิ่งๆตามสไตล์มัน

“จริงสิ อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้เลย โทรมาบอกลุงก็ได้ จะให้คนขับรถไปรับ”

“ขอบคุณมากครับคุณลุง”


ช่วงเวลาอาหารค่ำผ่านไป เรียกได้ว่าทั้งโต๊ะมีแต่เสียงผมกับคุณปริณคุยกันอย่างถูกคอ ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางที่ดูน่าเกรงขามกลับใจดีและไม่ถือตัว บางทีก็เล่นมุขวัยรุ่นขำๆจนผมอาหารแทบพุ่ง  คงเพราะสนิทกับครอบครัวผมนี่เอง ถึงได้เป็นห่วงถามไถ่ถึงผม คุณเมก็มีร่วมวงสนทนาบ้างแต่ไอ้โหดนี่สิเงียบเหมือนไม่มีตัวตน

“ยังหายใจอยู่เปล่าวะ” ผมแอบกระซิบถามมัน

อ่อ ยังไม่ตายครับ เพราะมันเหลือบสายตามามองผมแบบเคืองๆ ฮ่าๆ ผมไหว้ลาคุณปริณ คุณปริณลูบศีรษะของผมแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กก่อนจะแยกไปขึ้นรถ คุณเมชวนผมกลับด้วยกัน แต่ผมบอกจะกลับพร้อมไอ้โหดครับ ไม่อยากนั่งเกร็งตลอดทาง ไปกับไอ้โหดดีกว่า ยังได้เถียงกับมันแก้เบื่อ คุณเมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่คนขับรถขับมารอแล้ว

“มีอะไร” ไอ้โหดมันถามเมื่อเห็นว่าผมหันขวับไปมองข้างหลัง

“รู้สึกเหมือนมีใครตามอะ” ผมบอก รู้สึกตั้งแต่นั่งกินข้าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะผมเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องมีคนมองบ้างเป็นธรรมดา แต่นี่มันลานจอดรถ หรือจะเป็นไอ้เจ้าชายรองเท้าแตะที่ตามผมในไอจีคนนั้น

“คิดมาก ไม่เห็นมีใคร” มันเดินไปดูรอบๆก่อนจะบอกผม ผมเลยยักไหล่แล้วเดินขึ้นรถไป

“ก็นาวหล่อมาก ต้องระวังตัว แต่ลืมไป มีหมาดุคุมอยู่ ไม่ต้องกลัวเนอะ ใครมายุ่งกับนาวก็กัดเลยนะ” ผมได้ทีแขวะมัน

“พี่ว่าจะกัดนาวคนแรกนี่แหละ” มันบอก แหนะ หมาขู่เว้ย ผมเลยแกล้งดีดนิ้ว เดาะลิ้น ส่งเสียงเรียกหมา มันเลยดีดเหม่งผมครับ อย่างแรงเลย แม่ม หมาห่านอะไรยกขาหน้ามาดีดหน้าผากคนได้ด้วย ฝากไว้ก่อนเห๊อะ เดี๋ยวรวบยอดทีเดียวไอ้หมาเมือกปลา


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 7 (08/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 09-01-2015 20:55:47
โถๆๆๆๆ น้องนาวคนซึน ไม่หวั่นไหวๆเลยจ้าาา ฮี่ๆๆๆ

ทำไมเรารู้สึกคุณนภเนี่ยแปลกๆ ถ้าในมุมมองของนาวก็เหมือนจะอ่อยเหยื่ออยู่ แต่เหมือนธีมจะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว และถ้าจริงทำไมต้องมาทำเหมือนจะอ่อยใส่นาวด้วยหว่า หรือว่านาวมโนไปเอง?

คุณปรินนี่ต้องเข้ามามีปมใหญ่อะไรแน่ๆ ไม่อยากจะคาดเดาไปก่อน รอคนแต่งเฉลยดีกว่าเนอะ

ปล. น้องนาววว ระวังโดนดูดนิ้วนะ คิคิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 8 (09/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 09-01-2015 23:21:23
บางทีพีธีมก็ไม่ควรยอมน้องนะคะ จับจูบเลยค่ะ น้องชอบอ่อย(มันอ่อยตรงไหน :hao4:) :hao6:เอาเลยค่ะ จับกดเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 8 (09/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 10-01-2015 02:51:07
นังนาว มโนมากไปนะ ท่องนะโมไว้เลย 555+
เจ้าชายรองเท้าอีแตะ ขอฟันธงเลยว่า นั้นคือ อิธีมนะแจ๊ะ
เจ้าชายไม่น่าไปไหนไกล 555+ เพราะอยู่ใกล้ตัวมาตัลหลอด
ส่วนนังคุณเมจะหน้าเจือนทำไม สงสัยคงเพราะ อยากได้พ่อตั่งแต่แรก
แต่ติดว่าพ่อเอาแม่ของนาวงี่หรอ ดูท่าคงจะไม่ชอบแม่ของนาวเอามากๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 9 (10/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 10-01-2015 15:36:34
บทที่ 9 


กลับถึงบ้าน อาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็เลยมานอนกลิ้งเล่นบนเตียง ผมหยิบซีดีเพลงที่ได้มาเปิดฟังอยู่หลายรอบ เพลงรักที่พี่นภแต่งมันหวานลึกซึ้งมากครับ ผมคิดว่าเพลงมันคงต้องเข้ากับบทละครมากกว่าที่จะเป็นตัวผม อันที่จริงพี่เขาอาจจะไม่ได้ต้องการจะสื่ออะไร อาจจะเป็นผมที่คิดไปเองก็ได้ เขาอาจจะแต่งเพื่อตัวละครที่ผมเล่น ไม่ใช่ตัวตนผม แต่เผอิญผมมีต่อมมโนดีเด่นเกาะตามก้านสมองนี่ครับ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ว่าจะโทรหาไอ้เกลือสักหน่อย วันนี้ยังไม่ได้คุยกับมันเลย ต้องอัพเดทชีวิตเพื่อนบ้าง แต่จังหวะนั้นเสียงไลน์ดังขึ้นมาก่อน อ๊ะ!..เป็นพี่นภครับ เขาคงเมมเบอร์โทรศัพท์ผม มันเลยแอดไลน์กันอัตโนมัติ


NoPtheSound : พี่นภเองนะครับ น้องนาวร้องเพลงได้รึยัง

บัดเดี๋ยวนี้: โห ผมเพิ่งได้มาเมื่อเย็นเองนะครับ ใจร้อนนะเนี่ย ^_^

(บัดเดี๋ยวนี้คือชื่อไอดีไลน์ในไอโฟนของผมเองครับ)

NoPtheSound : ก็พี่อยากฟังนาวร้องแล้วนี่ครับ

บัดเดี๋ยวนี้: พี่นภล้างหูรอเลย อ๊ะ เอาสำลีอุดหูรอดีกว่าครับ 555

NoPtheSound : ขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นต้องติวกันหนักหน่อยแล้วมั๊ง

บัดเดี๋ยวนี้: ค่าตัวแพงไหมครับท่านติวเตอร์

NoPtheSound : ไม่คิดเป็นเงิน คิดเป็นอะไรดีนะ..

บัดเดี๋ยวนี้: ติ๊กต๊อกๆๆ คิดนานเรียนฟรีนะครับ

NoPtheSound : ขอเป็นเลี้ยงหนังได้ไหมครับ

(อ๊ากกก นี่พี่เขาขอผมเดทปะ 555)

บัดเดี๋ยวนี้: พี่ไปกับผม ไม่กลัวเป็นข่าวเหรอครับ นักข่าวยิ่งแซวกันอยู่ เดี๋ยวแฟนพี่จะเข้าใจผิดนะ

(ไงล่า แผนการหลอกถามข้อมูลของโคนาวคุง)

NoPtheSound : นาวละกลัวไหม ถ้ามีข่าวกับพี่

บัดเดี๋ยวนี้: ไม่กลัวหรอกครับ ผมมีข่าวจนชินแล้ว

NoPtheSound : งั้นพี่ก็ไม่กลัว อีกอย่าง ไม่มีใครให้เข้าใจผิดหรอกครับ มีแต่อยากให้ใครบางคนเข้าใจถูก

(ผมว่าผมกำลังถูกจีบรึเปล่า ผมคิดไปเองรึเปล่าครับ ต่อมมโนทำงานหนักอีกแล้ว โอ้ย ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงหูแล้วครับ)

บัดเดี๋ยวนี้: อยากให้เขาเข้าใจถูก ก็บอกเขาสิครับ

NoPtheSound : นั่นสิเนอะ พี่คงต้องรีบบอกเขาซะแล้วละ ดึกแล้ว นาวก็พักผ่อนนะครับ

บัดเดี๋ยวนี้: ครับผม พี่นภก็เหมือนกันนะครับ ฝันดีครับ

NoPtheSound : ครับผม พี่คงฝันดีแน่นอน

(พี่เขาส่งสติ๊กเก้อส่งจูบมาให้ด้วยครับ)


ผมอยากจะบ้าตาย มันหุบยิ้มไม่ได้ คนที่เราแอบชอบมาตั้งนาน ตอนนี้ได้บอกฝันดีกันแล้ว สัมผัสได้ถึงความสวยงามของโลก ท้องฟ้ายังเป็นสีชมพู ผีเสื้อบินกระพือปีกเต็มเพดานห้อง สายรุ้งทอแสงตอนเกือบจะเที่ยงคืน เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งเหมือนอยู่บนสวรรค์ พอละ ชักจะเวอร์ แหะๆก็แค่มีความสุขครับ ผมรู้สึกมีความสุข


แล้วชีวิตประจำวันของผมก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ก็ผมสอบเสร็จแล้ว ดูคิวงานแล้วส่วนใหญ่จะเป็นแค่งานโชว์ตัว ซึ่งไอ้โหดมันรับให้แต่งานที่ผู้จัดค่อนข้างคุ้นเคยกันอยู่ ผมก็ตามใจมันเพราะมันบอกว่าปรึกษาพี่ชัชทุกครั้ง งานโฆษณาก็รับให้ผมแค่สองชิ้น มันบอกอยากให้ผมพักก่อนจะต้องลุยงานยาว เพราะหลังจากเสร็จงานการกุศลของคุณเมในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ผมต้องไปถ่ายโฟโต้บุ๊คให้พี่ปอนพร้อมกับเพื่อนๆในช่วงปีใหม่พอดี เยี่ยมเลยครับ ได้เที่ยวกับพวกมันในช่วงปีใหม่ไปในตัว แต่ผมยังไม่รู้ว่าไปที่ไหน แล้วหลังจากนั้นก็อัดถ่ายซีรีย์เลิฟแทบทุกวันตลอดเดือนมกราคม แล้วต่อด้วยละครฟอร์มยักษ์ของช่องน้อยสีที่คุณปริณเป็นเจ้าของนั่นแหละครับ อ่อ แต่ที่บอกว่าไม่น่าเบื่อก็เพราะว่า พอมีคิวว่างมากขึ้น ผมเลยบอกไอ้พี่ธีมขาโหดว่าจะไปเรียนร้องเพลงกับพี่มิ่งเพิ่มเป็นอาทิตย์ละ 3 วัน แทนที่จะเป็นบ่ายวันอาทิตย์วันเดียว ส่วนช่วงเวลาไหนก็แล้วแต่ว่าผมจะว่างตอนไหน เพราะว่าพี่มิ่งอยู่ที่ห้องอัดบ้านพี่นภตลอดเวลาอยู่แล้ว พี่เขาบอกว่าแค่โทรมาล่วงหน้าสักชั่วโมงก็พอ ทีแรกไอ้โหดมันก็ดูไม่ค่อยโอเค แต่ผมงี่เง่าจนมันต้องโอเคครับ



พอได้ไปบ้านพี่นภบ่อยๆ ผมเริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนๆพี่นภมากขึ้น กับพี่นภเองก็เรียกได้ว่าสนิทขึ้นมาก ถ้าวันไหนไอ้โหดมันไปเฝ้าผม พี่นภดูเหมือนจะไม่ค่อยกล้ามาล้อเล่นพูดคุยด้วย แอบมาแซวว่าทำไมพี่ชายหวงน้องชายจัง ผมก็ไม่อยากบอกพี่นภว่ามันเกลียดเกย์ครับ เลยปล่อยให้พี่นภคิดไปแบบนั้น แต่ถ้าวันไหนมันต้องไปทำธุระให้คุณเมแล้วทิ้งผมไว้ พี่นภจะอยู่ใกล้ๆผมตลอด เหมือนอย่างเช่นวันนี้ ไอ้โหดมันมาส่งผม แล้วต้องไปจัดการธุระเรื่องที่พักให้เจ้าชายกับน้องสาวที่จะเดินทางมาที่ไทยก่อนวันงานหนึ่งอาทิตย์ ผมเลยมานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านพี่นภคนเดียว รอพี่มิ่งมาสอนร้องเพลงครับ


“อ้าว วันนี้มาเร็วจัง” พี่นภเดินมาทักผม เหมือนพี่เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เพราะเส้นผมยังดูเปียกๆอยู่เลย กลิ่นสบู่ที่ติดตัวพี่เขามาหอมฟุ้งเลยครับ

“พี่มิ่งยังไม่มาเหรอครับ”

“อืม มันโทรมาบอกว่าขอแวะธนาคาร แต่เดี๋ยวคงมาแล้วละ นาวทานอะไรมารึยังครับ”

“ทานขนมปังมาแล้วครับ”

“จะไปอิ่มอะไร มาทานข้าวต้มกับพี่ดีกว่า แม่ครัวทำเอาไว้เยอะเลย มานี่มา” พี่นภเรียกผมให้เดินตามมาที่ห้องครัว ครัวพี่เขาออกแนวครัวฝรั่ง อุปกรณ์ครัวเป็นไฟฟ้าแทบจะทุกอย่าง มีเคาท์เตอร์ใหญ่ตั้งอยู่กลางครัวแทนโต๊ะกินข้าว กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยเลยครับ พี่นภตักใส่ถ้วยสองถ้วยแล้ววางไว้ที่เคาท์เตอร์ ผมเลยเดินไปนั่งข้างๆพี่เขา

“อ๊ะ” ผมไม่คิดว่าข้าวต้มมันจะร้อนขนาดนี้ ว่าเป่าหลายทีแล้วนะ แต่พอตักเข้าปากมันร้อนจนลิ้นแทบพอง

“พองไหม” พี่นภลุกขึ้นมายืนตรงหน้าผม ใช้นิ้วเกลี่ยที่ริมฝีปากของผมเบาๆ ผมนั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ปลายนิ้วของพี่นภเลื่อนมาเกลี่ยที่แก้มของผม ก่อนจะหยุดที่ปลายคางแล้วเชยคางผมขึ้น ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เหมือนลมหายใจมันสะดุดเมื่อพี่เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของพี่เขา ใบหน้าเราเคลื่อนมาจนริมฝีปากแทบจะสัมผัสกันอยู่แล้วครับ

....โอ้ย.. นี่จะเป็นจูบแรกของผมที่เกิดจากชายในฝันของผมเชียวนะ แต่ทำไมผมถึงกลัวๆบอกไม่ถูก

“ไอ้นภ อยู่ไหนวะ อ่อ อยู่นี่กันเอง” เสียงของพี่มิ่งทำให้พี่นภชะงักแล้วขยับตัวออกไปนั่งที่เดิม

“กินข้าวกันมารึยัง” พี่นภถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงปกติ ส่วนผมนั่งก้มหน้าเป่าข้าวต้ม ไม่กล้าสบตาพี่มิ่งครับ ไม่รู้ว่าเขาเห็นรึเปล่า

“ยังเลย มา ธีม มากินด้วยกัน” พี่มิ่งเรียกชื่อไอ้โหดด้วย ผมตกใจเพราะคิดว่าพี่มิ่งมาคนเดียว เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมันยืนอยู่ข้างๆพี่มิ่ง สายตามันที่มองมาดูผิดหวังหรือมันจะเห็นว่าผมกำลังจะจูบกับพี่นภ มันเลยผิดหวังที่ผมเป็นเกย์จริงๆ

“ผมทานมาแล้วครับ ผมไปรอที่ห้องอัดเลยดีกว่าครับ” มันบอกก่อนจะหันหลังเดินไป พี่มิ่งก็เดินไปตักข้าวต้มในหม้อมานั่งกินด้วย ส่วนผมกับพี่นภก็นั่งฟังพี่มิ่งคุยไปด้วยกินไปด้วยจนได้เวลาเรียนร้องเพลงครับ

“เดี๋ยวพี่ขอคุยธุระกับไอ้นภแป๊ปหนึ่ง นาวไปรอในห้องอัดก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป” พี่มิ่งบอก ผมเลยเดินมาที่ห้องอัดก่อน เห็นไอ้ธีม


มันนั่งเล่นกีต้าร์ร้องเพลงเบาๆของมันอยู่ที่โซฟาตัวยาว ผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม ร้องเพลงงึมงำของมันไป ผมเลยหยิบหนังสือเพลงขึ้นมากางบังหน้าผมเอาไว้ เอาจริงๆไม่เห็นต้องสนใจมันเลยว่ามันจะรู้สึกยังไงที่เห็นผมกำลังจูจุ๊บกับคนที่ผมชอบ มันเรื่องของผม แต่ทำไมผมถึงทำตัวไม่ถูกก็ไม่รู้


ฉันค้นคว้าหาคำตอบ เท่าไหร่ไม่เจอเพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ลืมเธอสักที

หรือต้องรอให้เธอบอก ฉันเป็นส่วนเกินที่บังเอิญผ่านมา แล้วให้เธอกับเขาวุ่นวาย

เธอจะร้ายเพียงใด อดทนไว้เข้าใจโดยดีเคืองไม่มี ยังภักดี โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อยากแสดงให้เธอ รู้ซึ้งถึงความจริงจังจริงใจด้วยยังหวังซักวัน

ฟ้ารู้ถึงคำรำพันของฉันเมื่อไหร่สะกิดใจ บอกเธอให้ช่วยพิจารณา

ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอเพราะยังเจียม และเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน

คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัยทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา

ปรารถนาเวียนวน ตามประสาของคนเคยเคียงจึงร้องเรียนเวียนแวะวน ทนแม้จะถูกหยาม

จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอให้กับฉัน ได้ยืน

รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่นจะทำใจ แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ

..........ให้ฉันนิดนึงพอ………..


ไอ้โหดมันร้องเพลงนี้ครับ เสียงมันเพราะนะ อย่างที่ผมเคยบอก ว่าถ้ามันมาเอาดีถ้าเพลงช้าๆซึ้งๆเพราะๆแบบนี้มันคงดังเป็นพลุแตกไปแล้ว ผมแอบลดหนังสือเพลงลงให้ต่ำกว่าระดับสายตา จะแอบดูมัน ว่ามันไปอกหักมาจากไหน อินเนอร์มาเต็มขนาดนี้ แค่น้ำเสียงยังดูปวดร้าว


..เฮ้ย.. ตายละ มันจ้องมาทางผมพอดี ผมเลยต้องรีบยกหนังสือขึ้นมาบังหน้าผมใหม่ เสียงมันเงียบไปแล้วครับ แต่มีเสียงปรบมือขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผมต้องวางหนังสือเพลงลงเพื่อดูว่าใคร


“สุดยอดเลยธีม สนใจเป็นนักร้องในสังกัดพี่ไหม เสียงแบบนี้เลยที่พี่ค้นหา” พี่มิ่งครับ เดินปรบมือเข้ามาก่อนจะตบบ่าไอ้ธีม

“ไม่ครับ ปกติผมไม่ร้องเพลงแบบนี้” มันบอกพี่มิ่งทันทีแบบไม่คิด นั่งไง ขุดมันไม่ขึ้นหรอกครับพี่มิ่ง ให้มันเป็นไส้เดือนใต้ดินต่อไปเถอะครับ

“ทำไมละ น่าเสียดาย เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังมากเลย” พี่นภถาม

“เพลงแบบนี้ ผมตั้งใจร้องให้คนสำคัญฟังคนเดียวพอครับ” บร๊ะๆๆ เมือกปลาอย่างมันก็โรแมนติกเป็นอะ หึหึหึ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมทุกคนมองผมละ อ่อ..สงสัยผมจะหัวเราะดังไปหน่อย

“มา! นาว วันนี้วอร์มเสียงเสร็จ พี่จะลองอัดเสียงนาวสักรอบหนึ่ง”พี่มิ่งพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อครู่

“เอาเลยเหรอพี่มิ่ง” ผมยังไม่มั่นใจเท่าไหร่เลยอ่า กลัวทำออกมาไม่ดี

“เอาเลย” พี่มิ่งบอก

“เอาก็เอาครับ สู้โว้ย” ผมบอก ทำท่าฮึดสู้ พี่มิ่งกับพี่นภหัวเราะผม แต่มีคนเดียวที่ยังไม่ยอมยิ้ม ก็ไอ้ขาโหดคนเดิมที่เพิ่มติมคือหน้าหมาหงิก สงสัยเหงือกมันจะบวมครับ


กว่าผมจะเสร็จจากการลองอัดเสียงก็ปาไปสี่โมงเย็น พี่มิ่งชมว่าผมร้องดีขึ้น แต่ยังทำให้เชื่อไม่ได้ว่าผมมีความรักได้แบบในเพลง ผมต้องทำให้คนเชื่อให้ได้เมื่อร้องออกมา ผมก็ไม่รู้ว่ามันต้องออกมาเป็นแบบไหน ก็ผมยังไม่เคยมีความรักที่หวานหยดย้อยอะไรขนาดนี้ สีหน้าของผมอาจจะดูว่ากังวล พี่นภเดินมาแตะไหล่ผมเบาๆ


“พี่เชื่อว่านาวทำได้ ไม่ต้องกังวลหรอก ซ้อมบ่อยๆเดี๋ยวก็ทำได้ วันนี้แค่นี้ก่อนแล้วกัน” ผมส่งยิ้มให้พี่นภแทนคำขอบคุณ ไอ้โหดมันไม่ได้อยู่ในห้องอัดแล้วครับ ผมไหว้ลาพี่นภกับพี่มิ่งก่อนจะเดินออกมาตามหามัน มันยืนพิงรถอยู่ ดูดบุหรี่ด้วยครับ

“อยากตายไวรึไง” ผมถามมัน มันโยนบุหรี่ลงพื้น ใช้เท้าขยี้ก่อนจะก้มลงเก็บเศษบุหรี่ที่ดับแล้วไปทิ้งขยะ

“ต้องไปลองชุดที่จะเดินแบบอีกรอบ หิวรึเปล่า” มันถามผม

“หิว” ผมตอบ จริงๆไม่ได้หิวมากหรอกครับ แต่เห็นมันอารมณ์ไม่ค่อยดี เผื่อมันกินข้าวแล้วจะหายบ้า

“จะกินอะไร”

“ชาบู” ผมตอบ มันพยักหน้า แล้วมันก็พาผมมาร้านชาบูชื่อดังซึ่งอยู่ไม่ไกลร้านเสื้อของคุณลดาเท่าไหร่ มันส่งเมนูมาให้ผมสั่ง ส่วนมันนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ครับ ผมเริ่มอึดอัด ให้มันต่อล้อต่อเถียงกับผมเหมือนเดิมยังดีกว่า

“จะกินอะไร” ผมถาม

“กินที่สั่งแหละ” มันตอบแล้วนั่งจิ้มโทรศัพท์ต่อ ระหว่างรออาหารมาผมก็เลยหยิบโทรศัพท์มาจิ้มบ้าง ผมแชทไลน์กับไอ้พวกเพื่อนๆแก๊งค์ลูกไม้ แต่ไม่ค่อยมีคนตอบ มีไอ้จอมที่ตอบมาบ้าง มันคงทำงานกัน แล้วก็มีไลน์พี่นภทักเข้ามา ผมยิ้มเมื่อได้อ่านเสร็จ พี่นภชวนไปดูหนังพรุ่งนี้ครับ

“พรุ่งนี้ค่ำๆคิวว่างไหม” ผมถามไอ้โหดก่อนที่จะตอบพี่นภ คิดว่าเดี๋ยวมันคงถามว่า ถามทำไม

“ถ้าอยากให้ว่างก็จะว่างให้” คำตอบมันผิดคาดผมมากครับ มันไม่ได้สบตาผมเลยตั้งแต่บ้านพี่นภแล้ว รังเกียจเกย์ขนาดนี้เลยเหรอวะ

“ถ้าไม่อยากทำงานให้นาว พี่ก็หาผู้จัดการคนใหม่มาก็ได้นะ” ผมบอกมัน มันถอนหายใจครับ

“พูดรึยังว่าไม่อยาก” มันย้อนถาม

“ก็พี่ไม่สบตานาวเลย รังเกียจมากรึไงที่นาว.. ที่นาวจะจูบกับผู้ชาย” ผมเริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมาบ้าง คราวนี้มันไม่หลบตาเลยครับ จ้องตาผมเลย สายตามันที่จ้องมาผมอ่านไม่ออก เดี๋ยวก็ดูดุดัน เดี๋ยวก็ดูเหมือนคนผิดหวัง

“อะไรที่ทำให้นาวคิดว่าพี่รังเกียจนาว” มันถามผม คราวนี้สายตามันดูอ่อนลง

“ก็..ก็หลายอย่าง” ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะว่าไป การแสดงออกของมันก็ไม่เชิงว่ารังเกียจผม แต่มันชอบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนผมตามอารมณ์มันไม่ทัน

“แล้วที่นาวแสดงกับพี่ละ นาวทำเหมือนไม่อยากหายใจร่วมกับพี่ ไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะ ไม่อยากนอนบ้านเดียวกัน ไม่อยากพูดดีๆกับพี่นาวแค่รอเวลาที่จะไปจากบ้านพี่ แบบนั้น พี่จะเรียกว่านาวรังเกียจพี่ได้รึเปล่า” มันร่ายยาวมาเลย ส่ววนผมอึ้งไปเลยครับกับสิ่งที่มันสาธยายออกมา คราวนี้แววตามันดูเจ็บปวดแบบชัดเจน

“คือ นาว..”ผมอ้ำอึ้ง ก็ไม่รู้ว่าควรต้องตอบมันว่าอะไร อะไรคือความรู้สึกแท้ๆของผม มันมองหน้าผมนิ่ง แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ ก็มันพูดไม่ออกนี่ครับ

“เอาเถอะ ต่อไปนี้พี่จะไม่ยุ่งเรื่องของนาวให้นาวต้องรู้สึกอึดอัดอีกนาวอยากทำอะไรก็แค่บอก พี่จะช่วยปิดบังแม่ให้ สำหรับพี่นาวจะรังเกียจพี่ยังไงก็ได้ แต่พี่แค่อยากบอก แม่พี่เขารักนาวจริงๆ ห่วงนาวจริงๆ นาวคงต้องทนให้พี่รับส่งนาวอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน”


บอกตามตรงเลยครับ ชาบูมื้อนี้มันฝืดคอผมจริงๆ มันก็นั่งกินเงียบๆ ผมเองที่กินไม่ลง ผมควรดีใจไม่ใช่เหรอที่มันจะไม่ยุ่งกับผม ผมควรดีใจไม่ใช่เหรอที่มันรู้ว่าผมไม่ชอบมัน ผมควรดีใจไม่ใช่เหรอที่ผมจะทำอะไรตามที่ผมอยากทำ แล้วทำไมผมไม่ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น ผมก้มลงมองมือถืออีกครั้ง เพราะพี่นภทักไลน์มาอีกว่าทำไมเงียบไป ผมตัดสินใจกดตอบกลับไป


บัดเดี๋ยวนี้: ผมว่างครับ คืนพรุ่งนี้เจอกัน


หลังจากลองชุดเสร็จก็ตรงกลับบ้านเลยครับ ส่วนเรื่องซ้อมเดินแบบ คุณเมเปลี่ยนแผนอีกแล้ว คุณเมให้ผมรอซ้อมพร้อมกับเจ้าหญิงมิเชลเลยทีเดียวครับ แต่คนอื่นๆก็มีทยอยกันไปลองชุดและใครว่างก็สลับกันไปซ้อมคิวบ้างแล้ว ผมกลับขึ้นห้องมาก็โทรหาไอ้เกลือเลย แต่ผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังหรอก คุยสัพเพเหระไปเรื่อย มันก็ถามผมนะว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่าเพราะดูน้ำเสียงผมไม่กวนตีนเหมือนปกติ มันก็เวอร์เนอะ ปกติผมออกจะสุภาพเหอะส่วนพรุ่งนี้ผมมีฟิตติ้งงานโฆษณาตั้งแต่เช้า บ่ายก็ว่างแล้ว เลยนัดไอ้เกลือไปหาอะไรกิน แล้วค่ำๆค่อยออกมาดูหนังกับพี่นภ อยากเล่าเรื่องพี่นภให้ไอ้เกลือมันฟังด้วยครับ แต่อยากคุยตอนเห็นหน้ากันมากกว่า วางสายจากมันเสร็จผมก็เหลือบไปเห็นดอกพุดซ้อนที่ป้าสายหยุดเก็บมาให้ มันเหี่ยวซะแล้ว ตั้งใจจะไปดูต้นพุดซ้อนหลายทีก็ไม่ได้ไปซะที คืนนี้เลยตัดสินใจเดินลงไปดูดีกว่า ไฟในสนามก็มี คงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกผมเดินลงไปถึงศาลาไม้ที่ปกติจะสว่างไสว แต่วันนี้มันมืด มีเพียงแสงเรืองๆจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะภายในศาลาไม้นั่น ผมเดินไปดูใกล้ๆ คิดว่าน่าจะเป็นคอมของไอ้โหดเพราะมีกีต้าร์วางพิงอยู่ไม่ไกล คอมเปิดค้างอยู่ครับ แต่ตัวเจ้าของคอมไม่รู้ไปไหน เสียงเพลงจากคอมก็ยังเล่นคลอเบาๆ เพลงที่กำลังเล่นเป็นเพลงเดียวกับที่มันร้องเมื่อบ่ายเลย สงสัยมันจะอกหักจริงๆ


ผมเดินออกจากศาลาเพื่อไปในสวน พยายามมองหาดอกพุดซ้อน เดินตามกลิ่นเลยครับ ยิ่งดึกยิ่งได้กลิ่นชัดเจน แต่แล้วผมก็เห็นเงาคนตะคุ่มๆอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างหน้า ตรงนี้แสงไฟส่งมาไม่ค่อยถึงเลยค่อนข้างจะมืดพอควร ผมแอบหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ เงานั้นหันหลังกลับมาแล้ว และกำลังจะเดินมาทางผม ผมเลยย่อตัวลงหลบในความมืด เผื่อเป็นโจรขึ้นมาจะโดนเสียบพุงเอาได้ครับ พอเดินใกล้เข้ามาก็เริ่มเห็นชัดว่าเป็นไอ้พี่ธีมนั่นเอง จนมันเดินผ่านผมไป จนลับสายตาไปแล้วผมก็เดินไปดูพุ่มไม้ที่มันไปยืนด้อมๆมองๆอยู่เมื่อกี้นี้ครับ


“นี่มันต้นพุดซ้อน แล้วมันมาทำอะไรวะ หรือมันมาแอบฉี่ ต้องขี้เกียจไปเข้าส้วมในบ้านแน่เลย“ ผมพูดกับตัวเองครับ แต่ เดี๋ยวนะ ถ้ามันมาฉี่จริง ไม่เท่ากับผมดมฉี่มันทุกวันรึไง แว๊กกก ผมจัดการเดินจ้ำอ้าวไปหามันที่ศาลา บังอาจมาฉี่รดต้นไม้ชื่อแม่ของผม อภัยให้ไม่ได้ครับ

“อ้าว ไปไหนอีกวะ” ผมเดินมาถึงศาลาที่ว่างเปล่า ก็ยังคงไม่มีมันอยู่ตรงนี้ มีแต่คอมที่ยังคลอเพลงไปเรื่อยๆเหมือนตอนผมเดินมาครั้งแรก กำลังจะชะโงกดูหน้าจอคอมมันว่ามันทำอะไรอยู่ แต่ก็รู้สึกเหมือนใครมาจ้องอยู่ทางด้านหลัง

“ทำอะไร”

“เฮ้ย ตกใจหมด” ผมสะดุ้งสุดตัว ในศาลายิ่งมืดๆอยู่ แล้วมันมาพูดใกล้ๆผมเลย

“ลงมาทำอะไร”

“ก็..นาวก็มาตรวจตราบ้านช่องไง พี่เหอะ แอบมาโหลดหนังโป๊แน่ๆ นาวมั่นใจ มีลับลมคมใน” ผมบอกเสร็จรีบเดินไปตรงหน้าคอม กำลังจะเอื้อมมือไปแตะคอมมัน แต่มันเดินมาคว้ามือของผม แรงจนตัวผมเสียหลักเซถลาไปปะทะกับอกของมัน มืออีกข้างของมันก็เกี่ยวเอวผมไว้เพื่อไม่ให้ไปกระแทกกับขอบโต๊ะ


...นึกภาพตามณัชชานะคะ!!... เซไปปะทะอก เกี่ยวเอวไว้เหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดนะคะ ...ดูปากณัชชาอีกครั้งนะคะ.. เหมือนตกอยู่ในอ้อมกอด

เอาละไง เพลงในคอมเปลี่ยนจากเพลงอกหักเป็นเพลง How Deep Is Your Love อีกต่างหาก แล้วผมก็ตกอยู่กับมันในท่าล่อแหลม บรรยากาศช่างเหมือนตอนพระเอกนางเอกเข้าฉากเลิฟซีนยังไงยังงั้นเชียว ผมก็ว่าผมไม่ใช่คนตัวเล็กนะ แต่ทำไมมาเทียบกับมันใกล้ๆแบบนี้ผมดูแคระไปเลย แต่เฮ้ย นี่มันใช่เวลามาวัดส่วนสูงไหม

“นาว..นาว..จะมาเก็บดอกพุดซ้อนด้วย พี่ ปล่อยนาวดิ อึดอัด นาวไม่ล้มแล้ว”

“แล้วเก็บได้ไหม” มันถาม ทำไมต้องทำเสียงนุ่มๆใส่ผมด้วยอ่า ผมเคลิ้ม เฮ้ย ผมไม่คุ้น

“ไม่ทันได้เก็บ ก็ ก็ นาวเห็นพี่ฉี่รดใส่ต้นไม้แม่ของนาวพี่ผิด” ผมบอกมันแบบตะกุกตะกัก ก็..ก็..มือมันรัดเอวผมแน่นกว่าเดิมอีก

“พี่จะฉี่ใส่ทำไม” มันถาม เสียงมันจะนุ่มไปไหน แหน่ะ แถมสายตายังจะวิบวับๆ

“ก็จะไปรู้เหรอ ก็ ก็ พี่เป็นหมาไง ปล่อยดิ บอกว่าไม่ล้มแล้ว” ผมตอบ คราวนี้มันปล่อยมือมันที่คว้ามือผมออก แต่ไม่ได้ปล่อยมือที่เกี่ยวเอวผมเอาไว้แถมยังรั้งเอวผมไปชิดตัวมันกว่าเดิม ชิดจนผมจะสิงร่างมันได้อยู่แล้วนะเว้ย ผมเลยยกมือขึ้นยันอกมันไว้

“หมามันปลูกต้นพุดซ้อนไม่ได้หรอกนะ” มันบอกผม หมายความว่าไง มันเป็นคนปลูกเหรอ

“พี่ปลูกเหรอ” ผมตัดสินใจถาม

“อืม”

“ทำไม”

“นาวไม่รู้จริงเหรอว่าทำไม” มันถามเสียงเบา สายตายังจ้องผมไม่กระพริบ เพลงในคอมก็ยังบรรเลงไป กลิ่นดอกพุดซ้อนก็ลอยตามลมมา ผมส่ายหน้าให้มัน หัวใจผมตอนนี้เต้นดังมากครับ แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือมือของผมที่ทาบอยู่กับอกมันรับรู้ได้ว่าใจมันก็เต้นแรงไม่แพ้กันเลย

“พี่รู้จากพ่อของนาวว่าแม่ของนาวชื่อพุดซ้อน แล้วพี่ก็รู้ว่านาวคิดถึงแม่ พี่เลยแอบมาปลูกเอาไว้ให้ แต่ไม่อยากบอก กลัวนาวจะโกรธที่พี่มาปลูกแล้วจะมาตัดทิ้งอีก” ฟังมันแล้วผมก็อึ้งไปเลยครับ ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆผมเคยเอามีดมาฟันต้นลีลาวดีของมันจนเหลือแต่โคนเพราะโกรธที่พ่อเข้าข้างมัน นึกแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองร้ายไม่เบา แหะๆ

“พี่แอบถามชื่อแม่จากพ่อ พี่จะล้อชื่อแม่นาวใช่ไหม บอกมาเลย” ผมแถไปเล่นมุข เพราะทำตัวไม่ถูก รู้สึกว่าร่างกายเริ่มร้อนกรุ่นๆ สุกพร้อมทาน แฮร่ ไม่ใช่ละ

“ทำไมคิดว่าพี่คิดร้ายแบบนั้นตลอด” มันถาม

“ก็ ก็ ถ้าไม่คิดว่าพี่คิดร้ายจะให้คิดว่าพี่รักนาวเหรอ” พอคำถามหลุดปากไปก็รู้ตัวว่าพลาดแล้ว ย๊ากกกกก ผมถามอะไรออกไป ปากมันไวกว่าความคิดนี่ครับ ส่วนไอ้โหดมันอึ้งตะลึงตะลึงตึ่งตึ๊งไปเลย คึคึคึ มุขหลงตัวเองของผมยังใช้ได้ คึคึคึ คึ..อุปส์!!


ผมไม่รู้เลยว่านานแค่ไหนที่ริมฝีปากของมันทาบทับอยู่บนริมฝีปากของผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมผมถึงไม่ผลักมันออก  ผมไม่รู้ว่าผมกำลังรู้สึกยังไงกับสิ่งที่มันทำและที่มันแสดงออกมา มารู้ตัวอีกทีคือตอนที่มันละริมฝีปากของมันออกมาหอมที่หน้าผากของผมแทน แถมมือของผมเองก็ไปโอบรอบคอมันเรียบร้อยอีกต่างหาก สติมาปุ๊ป ผมรีบชักมือกลับมาผลักมันออกเบาๆ รู้สึกวูบวาบไปหมด หัวใจที่ว่าเต้นแรงตอนนี้มันเต้นแรงกว่าเดิม ผมรีบเดินแทรกตัวมันออกมาแล้วรีบเดินขึ้นห้องไป มันคงแกล้งผมเหมือนตอนที่มันเอานิ้วผมไปดูดแน่ๆ มันคงได้หัวเราะผมสมใจ เพราะเมื่อครู่ผมไม่ได้มีปฏิกิริยารังเกียจมัน ผมปิดประตูพร้อมกับล็อคห้อง นึกโกรธตัวเองที่ปล่อยให้มันมาขโมยจูบแรกไปง่ายๆ จูบที่ไม่รู้ความหมายจากคนที่วางตัวเป็นคู่กัดกันมาตลอดด้วยซ้ำ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตีกันอยู่ในหัวของผมต้องหยุดลงเมื่อผมหันไปเห็นดอกพุดซ้อนวางเรียงกันอยู่ในตะกร้าหวายเล็กๆ พร้อมกับการ์ดที่เขียนเอาไว้ว่า ‘นิดนึงพอ’

 
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 9 (10/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-01-2015 19:14:13
น้องนาวอย่าไปหลงกลคนแก่ค่ะ คนแก่หนังเหนียวกินยาก  :z2:กินหนุ่มๆแบบพี่ธีมดีกว่า   o13เนี่ยรุกขนาดนี้ น้องนาวยอมเลยค่ะ   :-[ :mc4::hao6: พี่ธีมคะ สู้ๆค่ะ หนูเชี่ยพี่นะคะ  o13 จับน้องนาวกดเลยค่ะ :hao6: :z1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 9 (10/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2015 19:27:08
ติดตามอ่านอยู่ครับ สนุกดีครับ จะรออ่านต่อไปครับบ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 9 (10/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 10-01-2015 22:05:27
หวานอ่ะ ฟินนนน :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 9 (10/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-01-2015 12:09:24
อ่านตามทันแล้ว เย้!
พี่ธีมจะรุกแล้วใช่มั้ยยย ดีมากๆ อย่าปล่อยให้คุณนภทำคะแนนกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 10 (12/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 12-01-2015 12:41:24
บทที่ 10
     


“นาว”

“.........”

“นาว”

“............”

“ไอ้นาว!!”

“หูย..แก ตกใจหมด เรียกเบาๆก็ได้”

“ฉันเรียกแกสองรอบแล้ว มีอะไรในใจวะ ชวนฉันออกมากินข้าวแต่เสือกมาจมกับตัวเอง เล่ามาเลยแก”


ไอ้เกลือครับที่กำลังโวยใส่ผมอยู่ ผมเพิ่งเสร็จจากฟิตติ้งโฆษณาแล้วเลยมากินข้าวต่อกับไอ้เกลือ เมื่อเช้าไอ้โหดมันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังกวนตีนผมเหมือนเดิม จากที่คิดว่าจะมองหน้ามันยังไงเลยต่อล้อต่อเถียงกับมันได้เหมือนเดิม แต่เพราะแบบนี้ผมยิ่งคิดหนัก มันทำแบบนั้นเพราะอะไร ชอบผมงั้นเหรอ แต่ที่ผ่านมามันไม่เคยแสดงออกว่าชอบผมเลยสักครั้ง จะว่าบรรยากาศพาไปให้โดนจูบ ผมก็ไม่ใช่สาวๆที่มีริมฝีปากอวบอิ่มน่าลิ้มลองขนาดนั้น แถมมันยังเกลียดเกย์ขนาดนั้น คำตอบเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือมันอยากแกล้งผม ต้องใช่แน่ๆเลย มันคงสะใจที่ได้แกล้งผม


“ยัง ยังจะเหม่อนะแก เดี๋ยวตบสมองแตก”

“เออๆ ฉันแค่เครียดๆเรื่องละครเว้ย”

“ทุ่มเทขนาดนั้นเชียว ไหนเล่าสิ บทละครอะไรที่ทำให้แกต้องทำหน้าเหมือนควายสับสน”

“แกเชี่ยวชาญเรื่องควายสินะไอ้ฟายเกลือ” หนอยยย เจือกหลอกด่าผมก่อน 55

“55555 ฉันรอฟัง ให้ไว”

“ก็ ก็ แบบ คือ ในบทใช่ปะ”

“ไม่ใช่”

“เชี้ย ไม่ได้ถามแค่ประโยคบอกเล่า แกอย่าเพิ่งเล่นมุขดิวะ”

“เคๆ ฮ่าๆๆ ต่อๆ”

“คือแบบ ในบทอะ นางเอกแอบรักคนๆหนึ่งและคนๆนั้นก็ทำเหมือนว่ามีใจ มันก็ควรจะแฮปปี้เอนดิ้งใช่มะ แต่ทีนี้ ก็มีอีกคน ที่แบบ เคยเป็นคู่กัดกันมาตลอด ไม่ได้มีวี่แววว่าจะมาชอบนางเอก จู่ๆมันก็มาเปลี่ยนไป แบบไงอะ แบบมาทำเหมือนว่าชอบนางเอก แล้วมันก็ลักจูบนางเอกด้วย แกว่า นางเอกโดนมันแกล้งเปล่าวะ”

“ห๊ะ แกโดนพี่ธีมจูบแล้วเหรอ”

..แกโดนพี่ธีมจูบแล้วเหรอ..

..แกโดนพี่ธีมจูบแล้วเหรอ..

..แกโดนพี่ธีมจูบแล้วเหรอ..


เดี๋ยวนะ!!! ผมกำลังช็อกกับประโยคคำถามของเพื่อนรัก ผมว่า ผมยกตัวอย่างเป็นละครปะวะ ผมว่า..ผมไม่ได้พูดชื่อใครออกไปเลยนะ ผมมั่นใจ


“แหะๆ เอาใหม่ๆ นางเอกโดนลักจูบแล้วเหรอวะ”ไอ้เกลือมันหัวเราะแห้งๆก่อนจะถามผมใหม่

“ไม่ทันแล้วไหมแก” ผมยกมือขึ้นลูบหน้า ไอ้เกลือมันรู้ไงวะเนี่ยยยยยยยย

“เอาน่า เราเพื่อนกันนะ ถ้าแกไม่ปรึกษาฉันแกจะไปปรึกษาหมาที่ไหน”

“แกก็เหมือนหมาอยู่แล้วปะ”ผมย้อนมันแบบเคืองๆที่มันรู้ดีไปซะทุกเรื่อง

“เอาน่า มา ต่อๆ แต่ฉันถามคำหนึ่งก่อน ถ้าพี่เขาแอบลักจูบแกแกจะรู้ตัวได้ไง ถ้าแกรู้ตัวตอนเขาจูบ แปลว่าไม่ได้ลัก แต่แกเต็มใจ จริงไหม”

“ก็ ฉันไม่ทันรู้ตัวโว้ย ก็ต้องเรียกลักขโมย ถูกแล้ว”

“งั้นอีกคำถาม แกตบพี่เขาไหมพอพี่เขาขโมยจูบแกเสร็จแล้วอะ”

“เปล่า ฉัน ต้องตบด้วยเหรอวะ”

“อ๊าว ถ้าแกโดนโจรลักขโมยของแกแกจะยืนปรบมือให้มันไหมละ”

“ก็ฉันไม่ชอบใช้ความรุนแรง ฉันรักสงบ”

“งั้นอีกคำถาม แกขัดขืนไหม” ไอ้เกลือมันถาม ชิบเหยละ นอกจากจะไม่ขัดขืนยังโอบรอบคอไอ้โหดมันอีก แต่ผมไม่มีวันบอกไอ้เกลือเรื่องนี้แน่ๆ ต้องปิดปากให้สนิท

“โอ้ย แกจะมาถามอะไรฉันนักหนาวะ” ผมแกล้งโวยวาย

“ฉันจะบอกอะไรแกให้นะนาว แกกลับไปถามตัวเองให้ดี ว่าความสุขของแกคืออะไรแน่ พี่นภเขาเป็นไอดอลแก เขาดูอบอุ่น แต่มันก็แค่ภาพมายาที่แกหลงใหลรึเปล่า”

“ฉันชอบพี่เขาจริงๆ ใจฒํฯเต้นเวลาใกล้ชิดเขา”

“แล้วใจแกเต้นเวลาอยู่ใกล้พี่ธีมไหม”

“................”

“เอางี้ เรื่องที่แกยกตัวอย่างมาตอนแรก ถ้าแกคิดว่าพี่นภคือคนที่แกรักมาก ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟังว่า นางเอกแอบรักพระเอก แล้วพระเอกก็มีใจ แต่มีตัวร้ายเข้ามาลักขโมยจูบแก”

“ก็...ก็...”

“แกยังไม่แน่ใจเลยว่าใครคือพระเอกตัวจริงของแกแกไม่ต้องตอบฉันหรอก ฉันเข้าใจที่แกสับสน แต่แกอยากรู้ไหม ทำไมฉันรู้ทันทีว่าแกพูดถึงพี่ธีม”

“อือ” ผมพยักหน้าให้มัน

“เพราะแกชอบมโนว่าพี่เค้าเป็นคู่กัดแก แต่คนรอบตัวแกเขารู้กันแทบจะหมดแล้ว ว่าพี่ธีมรู้สึกยังไงกับแก”

“รู้สึกอะไรไอ้โหดธีมมันจะมารู้สึกอะไรนอกจากอยากแกล้งฉัน” ผมบอกเสียงเบา

“สิ่งแรกที่แกควรทำนะ เอาอคติออกจากสมอง แล้วมองทุกอย่างให้ชัดๆ แล้วค่อยให้คำตอบตัวเอง ว่าแกอยู่กับใครแล้วแกสบายๆเป็นตัวเองได้มากที่สุด คิดให้ดีว่าความสุขแกคืออะไรกันแน่ ฉันเป็นเพื่อนแก ไม่ว่าแกจะรักใครฉันก็เป็นกำลังใจให้ แต่ที่ฉันให้แกทบทวนดีๆ เพราะฉันไม่อยากให้แกเสียใจทีหลัง”

“ฉันชอบพี่นภ” ผมรีบตอบมัน อย่ามาสะกดจิตผมให้หวั่นไหว ไม่ได้ ผมต้องชอบพี่นภ ไอ้เกลือมันถอนหายใจ ผมว่าไอ้เกลือนั่นแหละที่สับสน ตรงไหนที่มันเห็นว่าไอ้ธีมรักผม ตัวผมที่อยู่กับไอ้โหดแทบจะตลอดเวลายังไม่เคยเห็นเลยว่ามันรักผม

“ตามใจแก คืนนี้แกบอกจะไปดูหนังกับพี่นภ ใช่ไหม”

“อืม”

“ดูแลตัวเองด้วยนะแก”

“กลัวพี่เขาปล้ำฉันรึไง”

“เปล่า ฉันกลัวแกปล้ำพี่เขาต่างหาก ฮ่าๆ”

“ไอ้บ้า” ผมด่ามัน แล้วผมกับมันก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้อีก


ระหว่างที่กำลังนั่งคุยกับมันผมก็รู้สึกเหมือนถูกใครมองอีกแล้ว หันไปดูรอบๆก็ไม่มีใครที่ผิดสังเกต คงจะเป็นนักข่าวอีกตามเคย นั่งคุยกับไอ้เกลือเกือบสี่ชั่วโมง จนมันขอตัวกลับเพราะมีนัดกับสาวต่อ อีกชั่วโมงกว่าๆจะถึงเวลาที่นัดกับพี่นภ พี่เขาบอกว่าให้ผมเข้าไปในโรงหนังก่อน แล้วพี่เขาจะตามเข้าไป เพราะเขาไม่อยากให้ผมเป็นข่าว ส่วนตัวเขาไม่แคร์สื่อ แต่แคร์ถ้าผมจะต้องมาเสียชื่อ เห็นไหมครับ นี่แหละ พระเอกตัวจริงของผม สุภาพบุรุษสุดๆ ไม่เหมือนไอ้วายร้ายเมือกปลาที่มาขโมยจูบผมหรอก นี่ผมให้มันมาส่งหลังจากเสร็จงานฟิตติ้ง แล้วไล่มันกลับเพราะอยากคุยกับไอ้เกลือตามลำพัง แต่มันบอกว่า ดูหนังเสร็จให้โทรหามันว่าจะให้ไปรับที่ไหน มันจะเป็นคนมารับเอง เพราะขี้เกียจตอบคำถามแม่ของมัน แล้วตอนที่ผมบอกมันว่าจะมาดูหนังกับพี่นภ สีหน้ามันดูเฉยๆ ไม่เห็นจะแสดงออกว่าเสียใจ ถ้ามันชอบผม มันก็ต้องมีอาการให้เห็นบ้างจริงไหมครับ ไอ้ที่ผมคิดว่ามันจะแกล้งผม ต้องใช่แน่ๆ มั่นใจรอบสอง


เวลายังเหลือ ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี ขี้เกียจกลับบ้านก่อน ผมเลยเดินเล่นในห้างฆ่าเวลา มีคนวิ่งมาขอถ่ายรูปเป็นระยะ พอเริ่มมีคนเดินตามเยอะขึ้นสุดท้ายก็เลยตัดสินใจเข้าไปนั่งรอใน lounge ของโรงภาพยนตร์แห่งนี้เลยดีกว่า โรงภาพยนตร์สมัยนี้หรูหราพอๆกับโรงแรมเลยครับ สะอาดสะอ้านดูดี มีเครื่องดื่มมีอาหารให้สั่ง โซฟาที่นั่งรอก็นุ่มนั่งสบาย ผมนี่แทบจะหลับ ปกติผมก็ดูโรงธรรมดาทั่วๆไป แต่นี่พี่นภเขาเป็นคนจัดการทั้งหมด เขาบอกเพื่อนเขาเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ที่นี่ หนังที่เลือกดูเป็นหนังรักโรแมนติกสุดๆ หนังแนวนี้ผมก็ดูบ้างแต่ไม่บ่อย แต่ชอบดูพวกหนังไซไฟ หนังสืบสวน แต่พี่นภเป็นคนเลือก ผมเลยตามใจพี่เขาครับ ได้เวลาที่หนังจะฉายแล้ว พนักงานคนหนึ่งเดินมาเชิญผมไป ผมเดินตามไป เข้าไปถึงข้างในก็ต้องตะลึงไปอีกรอบ คือมันเหมือนเตียงเลยครับ ทั้งโรงมีไม่กี่ที่นั่ง ที่นั่งเหมือนเตียงสี่เหลี่ยมๆ มีหมอนใบเล็กใบน้อย มีหมอนข้าง ผ้าห่มพร้อม นี่ถ้ามีม่านด้วยคงไม่ต้องดูหนังกันแล้วครับ


ผมเดินไปนั่งที่เขาจัดเอาไว้ให้ สักพักก็มีเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ มีอัลมอนด์อบเกลือใส่ถ้วยมาให้ด้วย อย่างหรูอะ หนังตัวอย่างเริ่มฉายแล้วแต่พี่นภยังไม่มาเลย จนตอนนี้หนังเริ่มฉายแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววของพี่นภ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ขอเสียมารยาทโทรหาพี่นภหน่อย แต่ว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบว่าพี่นภโทรมาหาผมหลายสาย ไลน์มาหาด้วย ที่ผมไม่ได้ยินเพราะปิดเสียงไปแล้วครับ


NoPtheSound : นาว พอดีงานของพี่มีปัญหาด่วนนิดหน่อย พี่โทรหาหลายสายแล้ว แต่นาวคงไม่ได้ยิน พี่ต้องขอโทษที่ไปไม่ได้ อย่าโกรธพี่นะครับ พี่ขอโทษจริงๆ


ผมกดตอบไปว่า ไม่เป็นไรครับ รอสักพักพี่เขาก็ยังไม่อ่าน เลยเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเหมือนเดิม พี่เขาคงติดธุระด่วนจริงๆ จอสีขาวขนาดใหญ่เบื้องหน้าก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป แต่ผมไม่อยากดูต่อแล้วครับ เพราะไม่ใช่หนังที่ชอบด้วยเลยตัดสินใจเดินออกมาเลย แต่เดินออกมาแค่หน้าประตูก็เห็นไอ้โหดมันยืนอยู่


“ไม่ดูต่อเหรอ” มันถามผม

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามมันแทน

“พี่นภโทรหาพี่เพราะเขาโทรหานาวแต่นาวไม่ได้รับ เขาบอกว่ามาไม่ได้ พี่เลยมารอนาว”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ แต่มันคว้าข้อมือของผมเดินกลับเข้าไปในโรงหนัง แต่เป็นคนละโรงกับที่ผมเข้าไปครั้งแรก โรงนี้เป็นที่นั่งแบบโซฟายาวมีหมอนอิงเหมือนนั่งดูอยู่บ้าน ก็ยังดูหรู แต่น้อยกว่าโรงแรกที่ผมเข้าไป

“ดูเป็นเพื่อนพี่หน่อย” มันบอก

“ไม่เอา จะกลับบ้าน” จริงๆผมอยากดูมากครับ เรื่องนี้เลยที่อยากดู ชวนไอ้พวกเพื่อนๆมาแต่ไม่มีใครว่างตรงกับผมสักที แต่ไม่อยากทำท่าว่าอยากดู เสียหน้าหมด แค่มันรู้ว่าผมมาเก้อคนเดียวนี่ก็เซ็งแล้วครับ

“จำสัญญาว่าถ้าพี่บอกชื่อคุณปริณนาวจะทำตัวดีกับพี่หนึ่งวันได้ไหมนาวยังไม่ได้ทำเลยนะ” มันทวงสัญญาที่ผมลืมไปแล้วนะเนี่ย  ความจำเจือกดีอีก

“เออๆ ดูก็ได้ ไม่อยากผิดสัญญาหรอกนะ” ผมบอก มันยิ้มกว้างเลย ไม่ต้องมายิ้มใส่ผมผมต้องตบมันด้วยซ้ำที่มันมาลักจูบผมด้วยเหอะ ไอ้เกลือได้บอกไว้

“ปล่อยมือนาวด้วย” ผมบอก มันไม่ปล่อยครับ จูงผมไปหาที่นั่ง แถวบนสุดที่ผมนั่งมีโซฟายาวสามตัว ตัวหนึ่งนั่งได้สองคนเป็นคู่ครับ แต่มีคนคู่หนึ่งนั่งไปแล้วริมฝั่งซ้าย คงเป็นคู่รัก เพราะนั่งซบอิงกันไม่แคร์สื่อเลยครับ

“นั่งเฉยๆเหอะ เงียบๆด้วย” มันบอกผม มือก็ยังจับมือผมไว้ ผมพยายามจะดึงออกแต่มันจับแน่นกว่าเดิม

“คิดว่าเมื่อยไหม” ผมกระซิบถาม

“ไม่” มันตอบสั้นๆ

“แต่นาวเมื่อย”

“นาว..อย่าผิดสัญญา ผิดสัญญาเป็นควาย” มันบอก โอ้โห..นี่มันคิดว่าผมกลัวเป็นควายงั้นเหรอ

“เออ อยากจับก็จับไปเลย ถ้าปล่อยโดนแน่” ผมไม่กลัวเป็นควายเว้ย แต่แค่ไม่อยากเป็น

“ชู่วๆ” มันหันมาทำเสียงให้ผมเงียบๆเพราะหนังกำลังเริ่มฉายแล้วครับ ผมเลยนั่งเงียบๆ สักพักมันปล่อยมือ ผมกำลังจะหันไปถากถางมันว่าไม่แน่จริง แต่มันหยิบผ้าห่มมาคลี่ห่มให้ผมก่อนจะสอดมือเข้ามาจับมือผมใหม่ ผมเลยได้แต่ทำปากขมุบขมิบบ่นว่ามันเรื่องเยอะก่อนจะหันไปดูหนังต่อ ทั้งที่ในใจอยากถามว่ามันจะทำแบบนี้ทำไม สนุกมากไหมที่ได้แกล้งผม
แล้วผมก็ไม่ได้สนใจมันอีก หนังสนุกมากครับ สนุกทุกตอน ดูแบบละสายตาไปไม่ได้ จนใกล้จะจบ มือมันที่จับมือผมไว้เริ่มคลายออก พอหันไปมองก็เห็นว่ามันหลับสนิทเลยครับ หางลู่หูตก ฮ่าๆ มันคงจะเหนื่อย ตื่นก่อนนอนทีหลังผมตลอด ไหนจะขับรถรับส่งผมทั้งวัน ว่างปุ๊ปไปทำธุระให้แม่มันต่ออีก ผมมองหน้ามันตอนที่สงบนิ่งไร้ความกวนตีน มันก็หล่อดีนะ

“ถ้าโกนหนวดหน่อยคงเหมือนคนมากขึ้นนะนาวว่า พี่นี่หน้าเหมือนหมาเมือกปลาจริงๆ คึคึคึ” ผมพูดเบาๆใส่มันที่หลับอยู่ก่อนจะนึกขำ เพราะมันสัปหงกครับจนหัวตกไปข้างตัว แล้วมันก็กลับมานั่งตัวตรงใหม่ แต่ตาก็ยังปิดสนิท   


….สิ่งแรกที่แกควรทำนะ เอาอคติออกจากสมอง แล้วมองทุกอย่างให้ชัดๆ แล้วค่อยให้คำตอบตัวเอง ว่าแกอยู่กับใครแล้วแกสบายๆเป็นตัวเองได้มากที่สุด...


เสียงของไอ้เกลือลอยมาเข้ามาในสมองของผมอีกรอบ เอาอคติออกคือยังไง ต้องยอมรับคุณเม ยอมรับมันและธารเป็นครอบครัวเดียวกันกับผมงั้นเหรอ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมกับมันก็คือพี่น้องกัน สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี คุณเมอาจจะเกลียดผมจริงจังเลยก็ได้ถ้าผมทำให้ลูกเขาเป็นเกย์ แต่ไม่ว่าจะลงเอยกับใคร ก็คงไม่มีคนยอมรับสักเท่าไหร่ เห็นไหมครับ ชีวิตไอ้นาวน่าสงสารกว่าซินเดอเรลล่าอีก จะชอบจะรักใครสักคนยังยากเลย ไม่มีรองเท้าแก้วเอาไว้อ่อยเจ้าชายเสียด้วย


“หน้าพี่สนุกกว่าหนังเหรอ” ไอ้หมาธีมมันถามผม เวรเลย ผมมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยจนไม่รู้ว่ามันตื่นแล้ว จ้องหน้ามันอยู่ด้วยจะหลบก็ไม่ทันแล้ว

“นาวแค่สงสัยว่าพี่เสียเงินมาหลับทำไม ต้องด่าว่าโง่ไหม” ผมรีบแขวะมันทันทีแก้เขินที่ไปจ้องหน้ามันจนมันรู้ตัว

“ไม่ใช่เงินพี่ เงินนาวนั่นแหละ” มันตอบ นั่นปะไร ไอ้เมือกปลาสลิดหน้าหมา มันมีสิทธิ์อะไรมาใช้เงินของผมตามอำเภอใจ หื้อออออ ร้ายมาก

“นาวจะหักเงินเดือนพี่ เดือนนี้พี่เหลือสามบาทแน่” ชิ คอยดูนะ พ่อจะหักให้เรียบเลย

“คราวหน้าพี่เลี้ยงก็ได้ มาดูกับพี่อีกนะ” มันบอกครับ พร้อมกับส่งสายตาแปลกๆมาให้ แปลกที่ว่านี่คือมันเชื่อมๆยังไงก็ไม่รู้ดิ นี่ขนาดในที่มืดนะ

“ก็..ก็ดี คือแบบ ของฟรีนาวชอบ” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มนิดหน่อย

“นาว”

“อะไร นาวจะดูหนัง จะจบแล้วเนี่ย” บอกตรงๆ สะหมงสมองตอนนี้ดูหนังไม่รู้เรื่องแล้วครับ ดูดิครับ ตาก็เชื่อม ยังมาทำน้ำเสียงนุ่มใส่อีก นจะสะกดจิตผมใช่ไหม

“งั้นดูให้จบก่อน” มันบอก อ้าว อ้าว มาทำให้อยาก(รู้)แล้วจากไป

“จิ๊ พูดๆมาเลย รำคาญเหอะ” ผมทำเป็นรำคาญมัน แต่จริงๆอยากรู้ว่ามันจะพูดอะไร

“พี่จูบนาวเพราะอยากจูบนะ ไม่ได้จูบเพราะแกล้ง ถ้าย้อนกลับไปอีก พี่ก็จะจูบอีก จูบให้นานกว่านี้ด้วย”


ฟริ้งงงงงง!!! เสียงสัญญาณภาพขาดหายไปชั่วขณะ สายตาผมหันกลับไปมองจอภาพด้านหน้า แต่สติตอนนี้ไปร่วมกันอยู่ตรงหัวใจครับ เพราะผมแทบนับจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองได้เลย ผมรับรู้ได้ว่า มือของมันสอดประสานกับมือผมแล้วบีบกระชับจนแน่น และรับรู้ได้อีกว่ามันกำลังจ้องหน้าผมจนหนังจบ


“คนลุกออกไปหมดแล้ว” มันบอก

“พี่ก็..ก็ปล่อยมือนาวได้แล้ว”

“นาวเป็นคนจับมือพี่อยู่นะ” เอ่อ ผมยกผ้าห่มออก ชิบหัยละ ผมเป็นคนจับมือมันจริงๆด้วย ตอนไหนวะ ทำไมไม่รู้ตัวเลย แหะๆ ผมรีบปล่อยมือตัวเองออก มันหัวเราะครับ ผมเลยเอามือดันหน้ามันแรงๆจนมันหงายหลังไปพิงโซฟา

“นาวจะหักเงินเดือนพี่ให้หมด สามบาทก็ไม่ให้ เพราะพี่ทำให้นาวดูหนังไม่รู้เรื่อง” ผมพูดใส่มันจบก็รีบเดินออกมาเลยครับ รู้สึกได้เลยจริงๆว่าหน้าของผมร้อนผ่าวลามไปถึงคออีกนิดก็ลามไปถึงสะดือละ มันเดินตามมาจนทันผม

“กินข้าวกัน พี่เลี้ยงเอง” มันบอกครับ

“เงินเดือนพี่หมดเกลี้ยงแล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงนาว พูดดด” ผมเบ้ปากใส่มัน จนแล้วไม่เจียม

“ก็โบนัสไง จะสิ้นปีแล้ว นาวต้องให้โบนัสพี่ สิบเดือน”

“อะ ไอ้เมือกปลาเค็ม ทำงานได้ไม่ถึงเดือนจะเอาโบนัส นาวไล่พี่ออก ไม่จ้างพี่แล้ว ไอ้งก ไอ้ ไอ้..”

“จะกินไม่กิน”

“กิน!!” เพราะคนเริ่มมองมาหรอกนะผมถึงได้หยุดด่ามัน เออ ผมจะกินให้พุงแตกเลย กินให้เงินเดือนมันหมดไปสิบเดือนเลย คอยดูเหอะ

“อ้าว เกลือมันโทรเข้ามาเครื่องนี้ นาวยังไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์เหรอ” ไอ้โหดหันมาถามผม ผมลืมเปิดจริงๆ ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ไอ้เกลือโทรเข้าเต็มอัตราแสดงโชว์เลยครับ เป็นห่วงว่าผมจะปล้ำพี่นภขนาดนั้นเลยเหรอมันถึงโทรมาถี่ขนาดนี้

“แล้วเป็นอะไรมากไหม อยู่โรงพยาบาลอะไร โอเค เดี๋ยวพี่พานาวไป” ไอ้โหดมันรับสายไอ้เกลือแล้ว ฟังจากที่ไอ้โหดมันพูดกลับไป ผมใจไม่ดีเลย ใครเป็นอะไร

“ใครเป็นอะไรอะ” ผมรีบถามมันทันทีที่มันวางสาย

“บิวโดนรถเฉี่ยว แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลแล้ว หมอให้แอดมิทคืนหนึ่งดูอาการ”

“งั้นรีบไปเถอะ” ผมบอกมัน นึกห่วงไอ้บิวมาก ตัวมันก็เล็ก ผอมจนแทบจะปลิวแล้ว โดนรถเฉี่ยวยังไงก็ต้องเจ็บตัวอยู่แล้ว ไม่นานไอ้โหดพาผมขับมาถึงโรงพยาบาลที่ไอ้บิวรักษาตัวอยู่ รีบเดินขึ้นไปที่ห้องตามที่ไอ้เกลือบอก

“แกเป็นไงบ้าง” ผมเปิดประตูเข้ามาก็เจอไอ้บิวมันนอนอยู่บนเตียง ที่หน้าผากด้านซ้ายมันแปะผ้าก๊อซเอาไว้ ส่วนตามแขนขาก็มันก็มีแผลถลอก หน้ามันซีดมาก ในห้องมีไอ้เกลือ ไอ้บูม ไอ้จอมนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ไม่เป็นอะไรมากหรอก บอกเกลือแล้วไม่ต้องโทร แกอาจ..อาจจะยุ่งอยู่” ไอ้บิวมันตอบเบาๆ ทำไมมันไม่ยอมสบตาผม

“ฉันเพื่อนแกนะ ถ้าไม่บอกฉันดิ ฉันจะโกรธ แล้วไปโดนเฉี่ยวได้ไง” ผมเดินไปแตะที่แขนมันเบาๆ

“มันไปเดินซื้อของ ยืนรอแท็กซี่ แล้วดันหน้ามืดเซลงไปบนถนน ดีว่ารถเขาขับมาช้าๆเพราะจะจอดรับคนพอดี เลยเฉี่ยวมันจนล้ม หัวแตก แล้วก็มีแผลถลอกอีกนิดหน่อย หมอให้รอเช็คหัวมันก่อน” ไอ้เกลือแถลงข่าวแทนครับ

“แกหน้าซีดมากนะ” ผมบอกไอ้บิว

“แล้วเดทเสร็จแล้วเหรอแก” ไอ้เกลือถามโพล่งขึ้นมา ไอ้บูมกับไอ้จอมมองหน้าผม ก็พวกมันไม่รู้เรื่องของผมกับพี่นภและไอ้โหด

ไอ้เวรเกลือ แกจะถามอะไรตอนนี้

“หิวว่ะ สั่งพิซซ่ามากินในโรงพยาบาลได้ไหม” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง แอบเห็นไอ้โหดมันมองไอ้บิวสายตาเศร้าๆ มันต้องมีอะไรกันแน่เลยระหว่างสองคนนี้

“เดี๋ยวนะอย่าเปลี่ยนเรื่อง ไอ้จอมแกสั่งพิซซ่าให้นาวมัน ไอ้นาว แกตอบมา ไปเดทที่ไหนกับใคร” ไอ้บูมครับ ทำมาตีหน้าเข้มถามผม กับการซ้อมบอลแกทุ่มเทแบบนี้ไหมคะลูก อาจารย์แม่ได้กล่าวคล้ายๆแบบนี้ไว้ครับ

“นาวไปดูหนังกับพี่เอง ไม่ได้ไปเดทหรอก” ไอ้โหดมันตอบแทนผม ผมแอบสังเกตสีหน้าไอ้บิว ดูกังวลใจเห็นได้ชัด

“โธ่ นึกว่าไปแอบมีใครไม่รายงายฉัน” ไอ้บูมมันพูดครับ

“ฉันเป็นลูกแกรึไง ต้องคอยรายงาน” ผมถามมันครับ

“ถ้าแกเป็นลูกฉัน หน้าตาแกจะดีกว่านี้เยอะ” จบประโยคนี้ที่ไอ้บูมพูด ผม ไอ้เกลือ ไอ้จอมส่งเสียงพร้อมกันว่า ถุยยยย

“ฉันสั่งเสร็จแล้ว ไอ้บิว แกก็กินให้มันเยอะๆหน่อย เป็นเชฟอะไรวะ ผอมลงทุกวันๆ” ไอ้จอมมันบ่นไอ้บิว ปกติมันไม่ค่อยพูด ครั้งนี้มันคงเห็นควรว่าต้องสั่งสอนไอ้บิวแล้วครับ

“แกมีอะไรในใจก็บอกพวกฉันได้นะบิว” ผมบอก มันชะงักนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ช่วยพ่อเตรียมงานต้อนรับเจ้าชายเลยไม่ค่อยได้นอน” ไอ้บิวมันตอบ

“พี่ว่าเดี๋ยวเราเอาพิซซ่าไปกินต่อที่บ้านพี่กันเถอะ บิวจะได้พักผ่อนให้เต็มที่” ไอ้โหดมันบอก น้ำเสียงดูห่วงใยไอ้บิวมาก แถมเหมือนรู้ว่าบิวต้องการอะไร พวกผมเลยหันไปมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้บิว ปกติมันเป็นคนขี้เหงา ยิ่งไม่สบายแบบนี้มันอาจจะอยากให้พวกผมอยู่

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก พี่กานลงไปกินข้าว เดี๋ยวก็มาเฝ้าฉันฉันกินยาไปแล้วด้วย เดี๋ยวก็หลับแล้ว” มันบอก พี่กานคือแม่บ้านที่ดูแลคอนโดให้พ่อมันครับ ส่วนผมก็อึ้งๆไป อยากจะถามว่าสาเหตุที่มันดูเศร้าแบบนี้เพราะไอ้โหดรึเปล่า ผมเหมือนจะรู้สึกว่าไอ้พี่ธีมกับบิวมีอะไรปิดบังผมทั้งคู่ ถ้าสมมุติไอ้บิวมันรักไอ้โหดจริงๆ ผม..คือผม...ผมจะจัดการให้ก็ได้ สมองผมก็คิดไปเรื่อย แต่ทำไมรู้สึกมันชาๆที่หัวใจชอบกล

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนาว” มันย้ำกับผมเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร ผมพยักหน้าให้มัน แล้วไอ้เกลือก็ตัดบทด้วยการเล่าเรื่องตลกๆระหว่างที่รอพิซซ่ามาส่ง พอพี่กานกลับขึ้นมาแล้ว พิซซ่าก็มาแล้ว พวกผมถึงได้เอาพิซซ่าไปกินกันที่บ้านของผมครับ เอ้ย บ้านของคุณเมดิ ไม่ใช่ของผม


..แต่ไอ้โหด มันกับผมมีเรื่องต้องคุยกันแน่ๆ...



โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 10 (12/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-01-2015 22:35:20
 :pig4: :pig4:  เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยคนจ้า 
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 10 (12/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 12-01-2015 23:05:52
อ๊อยยยยยยยย น้องนาว ลูกคะ อย่าได้เกรงใจใครหน้าไหนค่ะลูก อิพี่ธีม มันอ่อยหนูขนาดนี้ ตาเชื่อมขนาดนี้ อยากจูบหนูขนาดนี้ อยากกดหนูขนาดนี้(?)  ลุยเลยค่ะ :oni3: o3  ยอมให้พี่ธีมกดเลยค่ะ!!  :jul1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 13-01-2015 16:55:51
บทที่ 11


จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้มีโอกาสถามไอ้โหดเรื่องไอ้บิว เพราะไอ้เกลือกับไอ้บูมมันสาระแนมานั่งรถคันเดียวกับผม ส่วนไอ้จอมรีบไปรับไอ้ยีนมาสมทบด้วย ไอ้มีนมาไม่ได้ครับ อยู่ในห้องอัดยาวถึงเช้า พวกผมนั่งกินกันที่ศาลากลางน้ำ นั่งคุยกันยาวจนเลยเที่ยงคืน ไอ้เกลือกับไอ้บูมมันเลยตัดสินใจค้างที่ห้องผม แต่ไอ้จอมกับไอ้ยีนกลับครับ ไอ้สองคนนี้ก็ท่าทางจะลงเอยกันรึเปล่าต้องเสือก เอ้ย ต้องสืบครับ แต่ผมขอจัดการเรื่องที่ค้างคาใจผมก่อน คือเรื่องของพี่ธีมกับไอ้บิว


พอตะวันขึ้นไอ้เกลือกับไอ้บูมก็กลับบ้านกันแล้วครับ มันมีงานกันต่อ ส่วนผมก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียนร้องเพลงกับพี่มิ่ง ไอ้โหดมันมาส่งผมแล้วบอกจะไปซื้อบุหรี่ แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่แวะซื้อเลยวะ มีลับลมคมนัย ต้องออกไปโทรศัพท์แน่เลยๆ ผมเดินเข้ามาในบ้านของพี่นภและนั่งรอที่มิ่งที่ห้องอัดตามลำพัง พี่มิ่งโทรมาบอกแล้วว่าให้ผมวอร์มเสียงรอไปก่อน ส่งลูกสาวเสร็จจะรีบมา ผมนั่งอ่านหนังสือรอเพลินๆจนมีคนเดินเข้ามา


“นาว เมื่อวานพี่ขอโทษทีนะ พอดีลูกค้าเขามีปัญหาเรื่องเพลง แล้วเขาต้องใช้ด่วน” พี่นภเดินมานั่งข้างๆผม สีหน้าพี่เขารู้สึกผิดจริงๆจนผมต้องส่งยิ้มไปให้พี่เขา

“ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่ต้องกังวลเลย ผมไม่ได้โกรธ เป็นผมก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกันครับ” ผมบอก

“ขอบคุณมากที่เข้าใจพี่” พี่นภเอื้อมมือมาลูบมือผมเบาๆ แล้วพี่เขาก็จ้องตาผมจนผมเขินเลย

“นาวรู้ตัวไหมว่าทำให้พี่ไม่เป็นตัวเอง” พี่นภถามผม ผมก็เหมือนพี่เลย ตอนนี้เกร็งมากครับ น้ำเสียงพี่เขาอบอุ่น สายตาก็อ่อนโยนชะมัดเลย

“ผม...คือผม”

“พี่ชอบนาวนะ พี่ดีใจที่รู้ว่านาวปลื้มพี่ แล้วยิ่งดีใจมากที่มีโอกาสได้มาใกล้ชิดกับนาวเสียที พี่ตามดูละครนาวตลอด อยากจะขอเบอร์นาวจากเกลือก็ไม่กล้า กลัวจะคิดว่าพี่เป็นตาแก่โรคจิต” นี่พี่นภกำลังสารภาพความในใจกับผมใช่ไหมหรือผมมโนไปเองอีก โอ้ย รู้สึกหายใจติดขัด พี่นภขยับเข้ามาจนชิดผม ผมว่า อีกสองนาทีผมต้องถูกพี่เขาจูบแน่ๆ เหลือหนึ่งนาทีแล้ว ครึ่งนาที สิบห้าวิ หนึ่งวิ

“พี่นภครับ เอ่อ คือผมขอไปห้องน้ำแป๊ปนึงนะครับ” ผมขยับตัวออกก่อนที่ริมฝีปากพี่นภจะสัมผัสริมฝีปากของผม ผมไม่ได้รักนวลสงวนตัวขนาดนั้นหรอกครับ แต่หน้าใครบางคนมาลอยมากวนใจ ไม่ได้ ผมจะให้ไอ้ใบหน้านั้นมาทำให้ผมสับสนไม่ได้ ขอไปล้างหน้าก่อน เดี๋ยวผมมาให้จูบใหม่นะครับพี่นภ

“ฉันชอบพี่นภ ฉันชอบพี่นภ ฉันชอบพี่นภ” ผมออกมาล้างหน้าให้มันเย็นโล่งไปถึงสมอง พยายามพูดกับตัวเองในกระจกซ้ำๆว่าผมชอบพี่นภ เว้ยยย ผมต้องโดนคุณไสยจากไอ้เมือกปลา บวกกับคำสะกดจิตของไอ้เกลือแน่ๆเลย มันต้องเล่นกันเป็นทีม ผมมั่นใจ

“นาว นาวครับ ไม่สบายรึเปล่า” พี่นภมาเคาะห้องน้ำถามผม ผมรีบปรับสีหน้า พรูลมหายใจ ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกมาหาพี่นภ

“เปล่าครับ พอดีนาวนอนน้อย มันง่วง เลยอยากให้สดชื่นหน่อย”

“ถ้าไม่สบายต้องบอกพี่นะครับ พี่เป็นห่วง” พี่นภหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำที่ยังติดบนใบหน้าให้ผม มือเบ๊าเบา เช็ดเสร็จพี่เขาก็เดินเข้ามาใกล้จนชิดตัวผมเลย

“พี่นภครับ นาว..” ผมว่าวันนี้พี่เขารุกผมมากเลย ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่มันก็ ก็ ก็ ก็บอกไม่ถูกอ่าว่ารู้สึกยังไง ผมควรจะดีใจ แต่ผมกลับรู้สึกไม่พร้อมที่จะให้พี่นภเข้าใกล้ผมเร็วแบบนี้

“ถ้านาวไม่มีใคร แล้วถ้าใจเราตรงกัน คบกับพี่ไหมครับ” พี่นภถาม ผมถูกชายในฝันขอคบแล้ว นี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ทำไมมันรวดเร็วจนตั้งรับแทบไม่ทัน แอบชอบมาตั้งหลายปี บทได้รู้จักก็ได้เป็นแฟนกันเลยเหรอวะ คิวปิดติดสปีดกว่าเครือข่ายสี่จีแถวบ้านผมอีก พระเจ้า ผมรอเวลานี้มาตลอดนี่นา ตอบตกลงไปสิไอ้นาว พี่เขาขอคบแล้วนะเว้ย จะช้าทำไม

“คือ นาวก็ไม่ได้มีใคร คือ”

“แต่ถ้านาวไม่ชอบพี่ก็ไม่เป็นไรครับ พี่จะกลับไปเป็นพี่ที่ดีให้นาวให้ได้ แต่อย่ารังเกียจพี่ก็พอ” โธ่ๆๆ พ่อพระเอกของผม ทำเสียงน่าสงสารแบบนี้ผมใจอ่อนยวบเลย

“คือ..ลองคบกันดูก็ได้ครับ”


ปัง!!.. เสียงดังทำให้ผมกับพี่นภเด้งตัวออกจากกันโดยอัตโนมัติ ผมกับพี่นภเดินออกมาจนถึงห้องรับแขกต้นตอของเสียงดังเมื่อครู่ ก็เห็นไอ้โหดมันนั่งอยู่ที่โซฟา หน้ามันตอนนี้เหมือนคนประจำเดือนไม่มาสักสี่ปีได้


“ประตูมันหลุดมือ” มันบอก โหยแก..หลุดมือดังขนาดนี้ หลุดไปถึงอาบูดาบีเลยเปล่าวะแก ให้ผมเดา มันคงเข้ามาเห็นพี่นภขอคบกับผม แล้วไง ทีมันยังแอบคบกับไอ้บิวเลย แล้วมาปิดบังผม มาหลอกจูบผมมันมีสิทธิ์อะไรมาทำประตูหลุดมือส่งเสียงดังขัดขวางความรักของผม

“งั้นเดี๋ยวนั่งรอพี่มิ่งกันไปก่อนนะ พี่ขอตัวไปธนาคารหน่อย นาวอยากทานอะไรไหมครับ เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้” พี่นภหันมาถามผม สายตาหวานส่งมาแบบเปิดเผย

“ไม่เอาอะไรครับ ขับรถดีๆนะ นาวเป็นห่วง” ผมบอก พี่นภส่งยิ้มหวานขั้นสุดให้ผมก่อนจะเดินออกไป ไงละ ผมเหลือบไปมองไอ้ก้างขวางคอที่ทำหน้าบึ้งตึง อิจฉาละสิ ไอ้หมาหน้าโหด


พอพี่นภไปแล้วมันก็เดินออกไปดูดบุหรี่ สักพักถึงเดินกลับเข้ามาพร้อมพี่มิ่ง ผมเรียนร้องเพลงกับพี่มิ่งเสร็จ พี่มิ่งก็นัดว่า อีกสามวันให้มาอัดจริงได้เลย ระหว่างสามวันให้ผมวอร์มเสียงทุกเช้า ดื่มแต่น้ำอุ่น นอนให้ไวๆ ออกกำลังกายได้ทุกวันจะดีมาก ผมก็รับปากพี่เขาว่าจะซ้อมทุกวัน นี่ผมจะกลับบ้านแล้วแต่พี่นภก็ยังไม่กลับมาเลย สงสัยจะมีธุระอื่นต่อ แล้วตอนนี้ผมตกลงคบกับพี่เขาแล้วผมต้องทำไงยังไงบ้าง ต้องโทรหาพี่เขาวันละกี่ครั้งดี แล้วพี่เขาจะบอกเพื่อนเขาไหมว่าคบกับผมแล้ว แล้วผมละ ต้องบอกพวกเดอะแก๊งค์ไหม แล้วไอ้ธีมละ ถึงมันอาจจะเห็นแล้ว ผมต้องบอกมันไหม ว่าผมคบกับพี่นภแล้ว ตอนนี้ผมก็กำลังมีคำถามกับตัวเองว่า อารมณ์คนๆหนึ่งที่ถูกคนที่ชอบมาขอคบมันควรจะเป็นยังไง มันควรจะดีใจจนเนื้อเต้น โลกทั้งโลกสวยงาม เบิกบานสำราญใจ ในสมองจะต้องมีแต่ภาพเขา คำพูดเขา มันต้องเป็นแบบนั้นใช่ไหม แล้วทำไมผมถึงไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น ทำไมผมยังมีเรื่องกังวลใจตั้งมากมาย โดยเฉพาะเรื่องไอ้บิวกับไอ้หมาธีม


“วันนี้ไม่มีงานแล้ว จะไปไหนต่อ ถ้าไม่ไปไหนพี่จะไปส่งที่บ้าน พี่มีธุระต่อ” มันถามผมแต่ไม่ยอมมองหน้าผม

“ไปส่งที่บ้าน อยากนอน” ผมบอกมันแบบนี้แต่จริงๆผมไม่ได้อยากนอนหรอกครับ ผมจะไปสืบหาความจริงอะไรสักหน่อย
มันขับมาส่งผมแค่หน้าประตูรั้วแล้วก็ออกไปต่อเลย ผมเห็นรถมันลับสายตาไปแล้วก็เรียกแท็กซี่ จุดหมายคือโรงพยาบาลครับ ถึงที่หมายแล้ว ผมเดินขึ้นไปห้องที่ไอ้บิวพัก แล้วถ้าผมเจอไอ้ธีมมันที่นี่ มันอาจจะพิสูจน์อะไรได้ แล้วถ้ามันบอกแค่มาเยี่ยม ผมก็จะถามมันว่าแล้วทำไมไม่บอกผม แล้วถ้ามันยอมรับว่ามันกับไอ้บิวเป็นแฟนกันละ...ว่าแต่..ผมจะกังวลไปทำไม ผมเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกันนี่นา เฮ้อ ทำไมผมเลิกคิดเรื่องของมันสองคนไม่ได้เลย


“ทำไมไม่เข้าไปวะ”

“เฮ้ย ไอ้ห่าจอม ตกใจหมด” ผมยืนด้อมมองๆอยู่หน้าห้องของไอ้บิวแต่ยังไม่ได้เข้าไป ไม่รู้ว่าทำไมยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนี่เหมือนกัน จนไอ้จอมมันมาทักผมถึงสะดุ้งสุดตัวเลย

“แกกับไอ้บิวมีอะไร ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว น่าสงสัยทั้งคู่” มันถาม ผมถอนหายใจ จะเล่ายังไงดี มันซับซ้อน

“ฉันกับไอ้บิวไม่มีอะไรกันหรอก แต่ไอ้บิวมันเหมือนมีอะไรในใจ เหมือนคนมีความทุกข์”

“มันอกหัก”

“ห๊ะ แกรู้เหรอ” ผมไม่คิดว่าไอ้จอมจะรู้ ปกติมันไม่ยุ่งเรื่องใคร ไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำ

“อืม เห็นตอนมันถูกบอกเลิกพอดี ฉันตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าพี่เขาเป็นแฟนกับมัน”

“แม่ง มันเลว” ผมนึกด่าไอ้ธีมในใจ อยากด่ามัน ผมรู้สึกเจ็บ เจ็บเพราะ...เพราะ..ผมว่า ผมคงเจ็บแทนเพื่อน

“คนมันหมดรักแล้วทำไงได้ เขาบอกกับไอ้บิวว่าเขารักคนอื่น”

“ไอ้บิวมันรักเขามาก ถ้าเขาไม่รักไอ้บิวเพราะ เพราะแม่งมีคนใหม่ ก็ถือว่าเลว”

“แกรู้ว่าเขาเลวก็ดี แกจะได้ไม่เสียใจทีหลัง” ไอ้จอมมันตบบ่าผม

ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมเดินตามมันเข้ามา นี่ไอ้จอมมันรู้เหรอว่าคนที่ไอ้ธีมมาวุ่นวายด้วยคือผม อาจจะเป็นไอ้เกลือที่เล่าให้มันฟัง เดินเข้ามาในห้องก็เห็นไอ้บิวมันนอนตะแคงหันหลังให้พวกผม แต่ไม่เห็นมีไอ้โหดเลย ผมกับไอ้จอมเดินไปใกล้ๆไอ้บิว แผ่นหลังของมันสั่นเทา มีเสียงสะอื้นที่พยายามจะกลั้น แต่ก็ยังเล็ดลอดให้ได้ยิน มันร้องไห้ครับ

“บิว” ผมเรียกมัน มันตกใจรีบเช็ดน้ำตา แต่ไม่ทันหรอกแก ตาแกบวมมากจนปิดไม่มิด แกเจ็บมากใช่ไหม แกรักมันมากใช่ไหมบิว

“พอดีฉันเจ็บแผล” ไอ้บิวบอก ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

“ทำไมแกไม่บอกฉันแกจะทนเจ็บทำไม แกรักเขามากเหรอ” ผมถาม มันเบิกตาโตหันไปมองไอ้จอม ไอ้จอมพยักหน้าให้มันเหมือนจะบอกว่าผมรู้แล้ว มันเลยปล่อยโฮเลย

“ฉัน ไม่อยากให้แกลำบากใจ เขา ฮึก ไม่ได้รักฉัน แต่รักแก” มันบอก ดูดิ มันยังมานึกถึงผม ผมเกลียดไอ้คนที่ทำให้เพื่อนผมร้องไห้ที่สุด ทำไมมันต้องทำแบบนี้ ทำไมทำให้เพื่อนผมเจ็บ ทำไม..คบกับเพื่อนผมแล้วยังมาทำให้ผมคิดว่าตัวผมสำคัญมำหรับมัน..

“ขอโทษนะ” ผมลูบผมไอ้บิวมัน

“พี่เขาหมดรักฉันแล้ว ถ้าจะผิด ก็ผิดที่ใจฉันเองที่ยังตัดใจไม่ได้ แต่เรื่องของฉันกับพี่เขาจบไปแล้ว ไม่เกี่ยวกับแก” มันบอกพร้อมกับสะอื้นดูน่าสงสาร ผมทนไม่ไหวนั่งร้องไห้ไปกับมัน ทำไมผมรู้สึกเจ็บปวดไปกับมันขนาดนี้

“ไปล้างหน้าเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นก็ยาวอีก แกอย่าคิดอะไรเลยบิว ทิ้งความเจ็บไว้ที่นี่ รักษาตัวแล้วก็รักษาใจด้วยเลย” ไอ้จอมมันปลอบเพื่อน ผมอยากเถียงมันว่าแผลใจมันรักษายาก แต่ก็เห็นด้วยที่อยากให้ไอ้บิวมันลืมๆไป ผมควรช่วยมันให้หายได้เร็วขึ้น

“แก คือ..ฉันตกลงคบกับพี่นภแล้ว” ผมเอ่ยขึ้นขณะที่ไอ้บิวกำลังจะลุกไปล้างหน้า อยากให้มันรู้ว่าผมไม่ได้คบกับคนที่มันรักถึงแม้เขาจะบอกเลิกมัน อย่างน้อยมันจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้ มันหยุดเดินแล้วหันมายิ้มให้ผม

“อืม ดีแล้ว ฉันดีใจด้วยนะ” มันบอกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ไอ้จอมหันมามองหน้าผมแบบอึ้งๆ ใช่สิ มันคงแปลกใจเพราะมันรวดเร็วมากที่พี่เขากับผมจะมาคบกัน จากนี้ไปผมจะไม่หวั่นไหวอีกแล้ว ที่เสียจูบให้ไอ้โหดไปถือว่าหมาเลียปากครับ


ผมนั่งคุยกับไอ้บิวและไอ้จอมได้ไม่นาน พี่นภก็โทรเข้ามาบอกจะพาผมไปกินข้าวด้วยกัน ผมบอกให้พี่เขามารับที่โรงพยาบาล ผมถามไอ้บิวกับไอ้จอมว่าอยากกินอะไรไหม แต่มันสองคนปฏิเสธ สักพักพี่นภโทรมาว่ามาถึงแล้ว ผมเลยบอกมันสองคนว่าไปกินข้าวแต่เดี๋ยวจะกลับมาอีก เพราะไอ้บิวมันคงจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ผมอาสาว่าจะไปส่งมัน ตั้งใจว่าจะโทรตามไอ้โหดให้มารับแล้วไปส่งไอ้บิวด้วยกัน ผมอยากคุยกับไอ้โหดให้รู้เรื่องกันไปเลย แต่พอเดินลงไปถึงที่ตึกจอดรถ ผมเห็นไอ้ธีมมันกำลังง้างมือจะต่อยพี่นภอยู่ครับ ผมตกใจรีบวิ่งเข้าไปขวาง ที่ปากพี่นภมีเลือด แก้มก็มีรอยแดงๆ มันต่อยพี่เขาไปกี่หมัดแล้ววะ


“พี่เป็นบ้าอะไร” ผมตวาดถามไอ้ธีม

“ไม่เป็นอะไร เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” พี่นภบอก

“ไม่เป็นได้ไงครับ พี่ปากแตกเลย ผมจะแจ้งความ” ผมบอกก่อนจะมองไอ้ธีมด้วยสายตาหมางเมินสุดๆ แต่ผมดูออกว่ามันมองผมด้วยแววตาเจ็บปวด มันจะมาเจ็บทำไม เพื่อนของผมสิเจ็บกว่ามันหลายเท่ามันยังไม่สนใจเลย

“แจ้งเลยสิ” มันท้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทร แต่พี่นภคว้ามือผมไว้

“เดี๋ยวจะเป็นข่าว มันไม่ดีหรอก เราไปกันดีกว่า” พี่นภให้เหตุผล ผมเลยเก็บโทรศัพท์แล้วประคองพี่นภให้ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปขึ้นรถพี่เขา

“นาวเกลียดพี่มาก เกลียด” ผมพูดกับมันตอนที่เดินผ่านมันไป ถ้ามันมีใจให้ผมจริงๆ ผมก็อยากให้มันเจ็บเหมือนที่ไอ้บิวมันเจ็บ สีหน้าของมันเรียบเฉย ผมไม่รู้ว่ามันเจ็บไหม แต่ทำไมตัวผมเองถึงได้รู้สึกเจ็บในใจ อาจจะเป็นคำถามที่ผมรู้คำตอบ แต่กำลังหลอกตัวเองอยู่ก็เป็นได้


พี่นภพาผมมาทานข้าวที่ร้านของพี่เวก ภรรยาพี่เวกชื่อพี่หน่อยเป็นคนดูแลร้านนี้ให้ พี่หน่อยจัดที่ให้เรานั่งด้านในสุด พี่นภยกมือขึ้นคลึงๆที่มุมปากของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมไอ้โหดมันถึงได้ทำร้ายพี่เขา พี่เวกที่เพิ่งเดินเข้ามาก็วางถุงผ้าที่ใส่น้ำแข็งให้พี่นภประคบ


“ผมขอโทษแทนพี่ชายผมด้วย ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงทำร้ายพี่” ผมบอกกับพี่นภ ถึงจะไม่อยากนับญาติกับมัน แต่ไม่อยากอธิบายกับพี่นภมากมายเรื่องความสัมพันธ์

“ไม่เป็นไรครับ เข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่พี่เห็นหน้านาวพี่ก็หายเจ็บแล้ว” พี่นภยิ้มให้ผม

“แกคบกันแล้วเหรอ” พี่เวกถาม เสียงพี่เขาดุจัง ในบรรดาเพื่อนพี่นภสามคน พี่เวกนี่ดูดุที่สุดแล้วครับ

“อืม” พี่นภตอบ ผมทำหน้าไม่ถูกเพราะภรรยาพี่เวกมองหน้าผมตลอดเลย

“เอาให้ดีแล้วกัน อย่าให้มีปัญหาทีหลัง” พี่เวกบอกเสียงห้วนๆ พี่เขาคงจะกลัวเพื่อนเขาเสียหายถ้าเรื่องนี้มีนักข่าวรู้ แน่ละครับ พี่เขาไม่มีเคยมีข่าวเสียหายเลย จะมาเสียเพราะผมก็น่าให้เพื่อนเขาไม่พอใจ

“ฉันรู้ว่าทำอะไรอยู่” พี่นภพูดกับเพื่อน

“รู้ก็ดี” พี่เวกบอก พี่หน่อยเดินเอาข้าวมาเสิร์ฟผมสั่งแค่ข้าวผัดปูง่ายๆ เพราะอยากจะไปเคลียร์กับไอ้โหดเรื่องไอ้บิว

“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปนั่งเล่นที่บ้านพี่ก่อนนะ” พี่นภบอกผม

“ผมต้องไปรับเพื่อนออกจากโรงพยาบาล เอาไว้วันหลังนะครับ” พี่นภพยักหน้าให้ผม ก็แปลกนะ ทำไมไม่เห็นพี่เวกถามพี่นภเลยว่าไปโดนอะไรมาถึงได้ปากแตกเขียวช้ำแบบนี้

“เพื่อนไม่สบายเหรอคะ ฝากนี่ไปเยี่ยมเพื่อนด้วยนะจ๊ะ” พี่หน่อยเดินเอาข้าวต้มเครื่องๆร้อนใส่ถุงมาให้ผม ผมไหว้ขอบคุณพี่เขา พี่เขามีน้ำใจจัง ขนาดไม่รู้จักเพื่อนผมยังมีของฝากเยี่ยมไปให้


ผมทานข้าวเสร็จก็บอกพี่นภว่าเดี๋ยวจะกลับแท็กซี่เอง เพราะพี่เวกบอกว่ามีเรื่องงานจะคุยกับพี่นภต่อ ผมเกรงใจพี่เขาที่ต้องเทียวไปเทียวมา ทีแรกพี่นภก็จะไม่ยอม แต่ผมยืนยัน พี่เขาเลยยอมให้ผมกลับแท็กซี่เอง ผมกลับมาถึงโรงพยาบาลก็เห็นไอ้โหดมันถือกระเป๋าให้ไอ้บิวอยู่ ไอ้บิวมันเปลี่ยนชุดแล้ว คงกำลังจะกลับบ้านกันพอดี ไอ้โหดมันเดินประคองไอ้บิวโดยที่มันไม่ทักผมสักคำ มีแต่ไอ้บิวที่ถามผมว่ามายังไง ผมไม่ได้ตอบคำถามไอ้บิว แต่บอกกับมันว่าจะไปส่งมันที่บ้านด้วย ไอ้จอมมันกลับไปแล้วครับ ไอ้บิวให้ไอ้จอมไปส่งพี่กานที่คอนโดพ่อของมัน เลยเหลือแค่ผม ไอ้บิวและไอ้โหด ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังรู้สึกอย่างไรที่เห็นไอ้โหดมันใส่ใจไอ้บิวอย่างที่ควรจะเป็น ผมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ


“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านก่อนดีกว่า” ไอ้โหดมันพูดกับผม ดูมันแทนตัวดิ ไม่ต้องทำเป็นห่างเหินผม เพราะผมก็ไม่ได้อยากใกล้ชิดมันอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร จะไปอยู่เป็นเพื่อนบิวก่อน อ่อ แล้วนี่เพื่อนพี่นภเขาฝากมาเยี่ยมแกด้วย” ผมบอกก่อนจะชูถุงข้าวต้มร้อนๆให้มันดูไอ้บิวมันพยักหน้ารับรู้ นึกว่ามันจะถามว่าใครซะอีก

“พรุ่งนี้แกมีงานรึเปล่า ฉันอยู่ได้ พี่ธีมครับ ส่งบิวแล้วพี่กลับไปพร้อมกับนาวเหอะ บิวอยู่ได้”

“ไม่เป็นไร พี่จะอยู่เป็นเพื่อนบิวเอง พรุ่งนี้จะได้พามาทำแผล ส่วนนาวพี่บอกแม่แล้วว่าให้พี่ชัชกลับมาดูแลเหมือนเดิม”ไอ้โหดมันพูดออกมา ผมอึ้งไปเหมือนกันที่ได้รู้ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ มันควรจะเป็นแบบนี้

“งั้น..งั้นส่งผมลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมกลับบ้านเอง” ผมบอกมัน รู้สึกเหมือนกำลังเป็นส่วนเกิน ถ้าไอ้โหดมันกลับมาดูแลบิวก็ดีแล้ว บางทีสองคนนี้อาจจะกลับมาคบกันเหมือนเดิม

“พี่ธีม ไปส่งนาวเถอะ” บิวมันบอกเมื่อไอ้โหดมันจอดรถครับ ผมก็อึ้งเป็นรอบสอง ไม่คิดว่ามันจะจอดให้ผมลงกลางทางจริงๆ ถึงผมจะบอกแบบนั้นก็เถอะ

“ไม่เป็นไร ฉันไปได้ แกพักผ่อนเยอะๆนะ หายไวๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันโทรหา” ผมเปิดประตูรถออกไปยืนริมฟุตบาท อยากไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไอ้บิวดูมีสีหน้าลำบากใจ แต่ไอ้โหดมันทำหน้าเรียบเฉย พอผมลงรถได้มันก็ขับรถออกไปเลย
ทำไมผมรู้สึกเจ็บ ทำไมผมถึงรู้สึกไม่มีความสุขเลย รถแท็กซี่หลายคันชะลอความเร็ว แต่ผมไม่ได้โบกเรียก แต่เดินหันหลังกลับไปนั่งอยู่ตรงป้ายรถเมล์ คนที่ผ่านไปมาเริ่มมองผมก่อนจะหันไปมองรอบๆ คงนึกว่าผมมาถ่ายละครมั๊ง มีเริ่มตกเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมเลยลุกขึ้นเดินออกจากตรงนั้น เดินไปเรื่อยๆนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ในหัวมันคิดแต่เรื่องของไอ้บิวกับไอ้โหด มันไปคบกันตอนไหน เพราะคบบิวแบบนี้หรือเปล่ามันถึงไม่ยอมคบกับพี่อ้น แล้วถ้ามันชอบผมจริงๆ ทำไมถึงเพิ่งจะมาชอบผมจนต้องทิ้งไอ้บิว มันเจอผมก่อนไอ้บิวด้วยซ้ำ ไม่มีทีท่า มีแต่จะคอยกัดกันเรื่อยหรือมันอยากให้ผมกับเพื่อนผิดใจกัน 


ปิ๊นๆ...เสียงแตรรถทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง รถของไอ้โหดมันมาจอดขนาบข้างผม มันลดกระจกลงก่อนจะบอกให้ผมขึ้นรถ ผมยืนมองหน้ามันอยู่นาน อยากจะถามว่ามันกลับมาทำไม ทำไมไม่ไปแล้วไปเลย ช่วยออกไปจากสมองฉันด้วย แค่เห็นสายตามันที่มองมาทำไมผมถึงสะเทือนใจ รู้สึกว่าขอบตามันร้อนผ่าวๆ แต่ผมไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ

“ขึ้นรถ” มันบอกอีกครั้ง ผมเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง อย่าถามว่าคิดอะไรถึงยอมขึ้นมานั่งง่ายๆ เพราะไม่ได้คิดถึงขึ้นมานั่ง รู้สึกเบลอๆงงๆ

“ทำกระเป๋าเงินหล่นไว้รู้ตัวไหม” มันถามก่อนจะส่งกระเป๋าเงินคืนให้ผม อ่อ แบบนี้เองถึงได้ย้อนกลับมา ผมรับกระเป๋าเงินจากมัน เตรียมตัวจะลง แต่มันดึงผมกลับมานั่งแล้วเอื้อมตัวมาคาดเข็มขัดให้ผม

“มีเงินแล้วกลับเองก็ได้” ผมบอกมัน

“พี่รู้ว่านาวเกลียดพี่จนไม่อยากร่วมทางด้วย แต่ให้พี่ได้เห็นว่านาวถึงบ้านปลอดภัย พี่จะพยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุด นาวจะได้ไม่อึดอัด” มันบอกผม

น้ำเสียงของมันทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองกำลังเจ็บ ไม่ได้เจ็บปวดแบบคนได้รับบาดแผล มันเป็นความเจ็บหนึบที่มีผลต่อความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ผมควบคุมเอาไว้ไม่ได้เลย ผมหันหน้าไปมองวิวทิวทัศน์ด้านข้างทั้งที่มีแต่แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องธรรมดา มันใช้เวลารวดเร็วอย่างที่มันบอกก็พาผมมาถึงบ้าน ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ผมจะไม่ได้นั่งรถคันนี้แล้วสินะ


“ดูแลไอ้บิวให้ดี มันเป็นเพื่อนสนิทนาว อย่าทำให้มันเสียใจ นาวขอร้อง” ผมบอกมัน ก่อนจะปลดเข็มขัดออก

“พี่ทำที่นาวข้อร้องไม่ได้หรอก” มันบอก ผมหันมามองหน้ามัน รู้สึกโกรธที่มันพูดแบบนี้ มันจะเอายังไงกันแน่ เมื่อกี้ก็ทำดีกับไอ้บิวให้มันมีความหวัง แล้วตอนนี้มาบอกว่าทำไม่ได้

“ทำไมพี่เชี้ยแบบนี้วะ ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ นี่ใช่ไหมตัวจริงของพี่ ถ้าพี่ต้องการให้นาวกับบิวทะเลาะกัน มันไม่ได้ผลหรอกนะ พี่มันเลว” ผมตวาดมันเสียงดัง

“เกลียด เหี้ย เลว ในสายตาแกมีแต่คำพวกนี้ให้พี่ใช่ไหม”

“ใช่” ผมบอก

“นาวลงไปได้แล้ว” มันบอกเสียงเฉยชา

“แม่ง..” ผมทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่สบถออกมา เปิดประตูรถมันออกมายืนแล้วปิดประตูรถมันดังลั่นให้หายแค้น

“ถ้าไม่อยากให้บิวเสียใจ ขอร้องตัวเองเถอะนาว ว่าอย่าทำร้ายเพื่อน” มันลดกระจกบอกผมก่อนจะขับออกไป


ผมยืนงงกับคำพูดมัน มันหมายความว่ายังไง มันมาโทษผมทั้งๆที่มันมาจูบผมเอง มันมาทำเหมือนว่ามีใจให้ผมโดยที่ปิดบังว่าคบกับเพื่อนผมอยู่ แล้วมาบอกว่าผมทำให้บิวมันเสียใจงั้นเหรอ แกบ้ารึเปล่าไอ้หมาเมือกปลา พรุ่งนี้ผมจะไปหาไอ้บิวแต่เช้า ผมจะถามไอ้บิวต่อหน้ามันเลยว่าใครกันแน่ที่ทำให้บิวเสียใจ


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-01-2015 22:40:33
 :katai5: คลานเข้ามาอ่านตอนใหม่  :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragonassist ที่ 13-01-2015 22:40:46
ลุ้นๆ เรื่องโพคาฮอนทัสกับบิวตี้แอนท์บี้ทเป็นของใคร
ชอบเรื่องนี้นะคะ รออยู่ว่าเมื่อไรนางซินจะหายซึน ถถถถถถถถถ :L2: :L2:






หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2015 23:15:03
น้องนาวนี้ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยย. เฮ้อออออ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 13-01-2015 23:34:24
นาวเอ๊ยนาววววว  :z3: :ling2: :katai1:
ตอนหน้านาวจะได้รู้ความจริงมั้ย ฮือออออออ อยากให้นาวได้รู้เร็วๆ
บิวตี้แอนเดอะบีส เดาว่าเป็นบิวกับพี่นภรึเปล่า อยากอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-01-2015 04:00:06
 :sad4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2015 10:36:31
ตอนนี้เข้าใจละหลังจากตะงิดใจกับสองตอนที่ผ่านมาเรื่องแฟนพี่นภกับท่าทีแปลกๆของเพื่อนของบิว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 11 (13/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 14-01-2015 12:36:30
รอๆๆๆ
เมื่อไหร่นาวจะรู้ตัวสักที
วู้วววว

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 14-01-2015 13:54:53
บทที่ 12


เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย อยากจะโทรไปคุยกับไอ้บิว แต่ถ้าตอนนี้มันอยู่กับไอ้โหด ผมก็ไม่อยากโทรไปกวนมัน จะโทรหาไอ้เกลือ ก็ไม่มีอารมณ์จะเล่าหรือพูดอะไร มันหงุดหงิดใจ หันไปมองตะกร้าดอกพุดซ้อนที่วางไว้ยิ่งรู้สึกนอนไม่หลับ หยิบทิ้งขยะไปรอบหนึ่งแล้ว สุดท้ายก็เก็บขึ้นมาอีก เมื่อคืนพี่นภก็โทรมาหา เราคุยกันเกือบสองชั่วโมง หลายคำหวานที่พี่เขาพูดกับผม ชวนผมไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกัน มันทำให้ผมคลายหงุดหงิดลงได้บ้าง แต่ก็ไม่หายสนิท ผมกำลังหงุดหงิดอะไร เป็นคำถามที่ผมก็หาคำตอบให้ตัวเองอยู่เหมือนกัน พอตีห้าผมก็ลุกอาบน้ำเลย ไม่นอนมันละ เกือบหกโมถึงได้ลงไปข้างล่าง ก็เห็นพี่ชัชมานั่งรอแล้ว ผมไม่เห็นรถไอ้โหด มันคงค้างกับไอ้บิวจริงๆ

“พี่ชัช แวะบ้านบิวให้ผมแป๊ปหนึ่งนะ ผมจะเอาโจ้กที่ฝากป้าสายหยุดทำไปให้มัน เรามีเวลาพอใช่ไหมครับ” ผมถามพี่ชัช สงสารพี่เขาเหมือนกันที่ต้องมารอผมแต่เช้า

“ได้สิ อืม นาวทะเลาะกับธีมเหรอ” พี่ชัชถามผม

“ทำไมครับ เขาฟ้องพี่เหรอ” ผมถาม

“นาว ธีมเขาไม่เคยคิดร้ายนาวหรอกนะ” หึ พี่ชัชไม่รู้หรอกว่าตัวจริงมันเป็นคนยังไง

“ก็ไม่แน่หรอกครับ”

“แน่สิ เรื่องนี้พี่แน่ใจ” พี่ชัชบอก คงจะโดนมนตร์ซกมกมันของมันอีกคนแล้ว ผมไม่ได้พูดอะไรพี่ชัชอีก เหนื่อยเปล่า สักวันเขาจะเห็นเองว่าไอ้โหดเป็นคนยังไง


พี่ชัชขับมาถึงบ้านไอ้บิว แต่ไม่ยักกะมีรถไอ้โหดจอดอยู่หรือมันจะกลับไปแล้ว ผมบอกให้พี่ชัชรอในรถเพราะอยากจะคุยกับไอ้บิวเป็นการส่วนตัว ผมเคาะประตูตั้งนานแต่ไม่มีใครเปิด ได้ยินแต่เสียงเพลงลอยมาจากในบ้าน ไอ้บิวคงไม่ได้ยิน กดโทรหามันมันก็ปิดเครื่อง ผมลองยกกระถางต้นไม้ต้นเล็กๆที่ตั้งอยู่ข้างประตูบ้าน ลูกกุญแจวางอยู่ที่เดิม ที่ผมรู้เพราะไอ้บิวเคยบอกผมไว้ตอนที่ผมมาหามันแล้วมันยังมาไม่ถึงบ้าน มันบอกที่ซ่อนลูกกุญแจแล้วให้ผมเข้าไปรอมันข้างใน ผมยังเคยบอกว่าระวังขโมยจะรู้ทัน
ผมตัดสินใจถือวิสาสะไขกุญแจเข้าไปข้างในเพราะกลัวว่าทีเรียกมันแล้วไม่มาเปิดประตูให้เพราะมันอาจจะเป็นลม เสียงเพลงดังมาจากเครื่องเล่นในห้องรับแขก แต่ไม่มีใครอยู่ห้องนี้ ผมเดินไปทางห้องนอนก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน มันเบามาก ด้วยความใส่ใจเพื่อนหรือเรียกอีกอย่างว่าเผือก ผมเลยแนบหูฟัง แหะๆ ก็หน้าบ้านไม่มีรถใครจอด แล้วไอ้บิวมันคุยกับใคร


“พี่อย่าทำแบบนี้ พี่ไม่รักบิวแล้ว อย่าทำแบบนี้”

“ก็เพราะบิวไม่เคยยอมให้พี่เลย พี่ต้องการ บิวก็พยายามจะบ่ายเบี่ยงมาตลอด บิวต่างหากที่รังเกียจพี่”

“พี่อยากได้แค่ร่างกายบิวใช่ไหม”

“พี่รักบิว ถึงได้ต้องการบิว”

“พี่ให้ความสำคัญกับร่างกายมากกว่า นี่หรือคำว่ารักของพี่”

“บิวครับ คนดีของพี่ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนรักกันนะ พี่รักบิวมากถึงอยากครอบครองบิว”

“แล้วพี่ไปยุ่งกับเพื่อนบิวทำไม พี่ทำแบบนี้ทำไม บิวรักนาวมันมากนะ พี่กลับไปเถอะ อย่าทำแบบนี้กับบิวเลย”

“บิว พี่แค่ทำประชดบิวนะ พี่รักบิว ขอพี่เถอะนะ แล้วเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม นะ ถ้าพี่ไม่รักบิวแล้วพี่จะมาง้อบิวทำไม นะครับ คนดีของพี่”

“แต่บิวกำลังไม่สบายนะครับ แค่นี้บิวก็เจ็บไปหมดแล้ว”

“แค่หัวแตกเอง พี่สัญญาจะทำเบาๆ นะครับ”

“ไม่เอาครับ พี่อย่า พี่ หยุดเถอะ ฮือ อย่าทำบิว”

“จะอะไรกันนักหนาวะ ฉันขอดีๆแล้วนะ แกฉันรู้ว่าเวลาฉันอยากฉันต้องได้ ฉันอดทนให้แกมามากพอแล้ว ถ้าแกไม่ให้ฉันฉันจะไปเอาเพื่อนแกแทน ดีไหม”

“อื้อ..พี่..พี่ ไม่เอา ปล่อย อื้อ.ออ..ออออออ บิวเจ็บ”


แกร๊ก...ผมลองบิดลูกบิดประตู ผมเปิดได้ มันไม่ได้ล็อก


โครม!! พอบิดลูดลบิดได้ก็ถีบประตูเข้าไปจนมันไปชนกับผนังห้องส่งเสียงดัง


“แกปล่อยเพื่อนฉันนะ ไอ้เชี้ย..ธี........” ผมเตรียมจะลุยไอ้ธีม แต่..อ้าว ไม่ใช่ไอ้ธีม ผมอ้าปากค้างพูดไม่จบประโยค ปล่อยถุงโจ้กหล่นจากมือเมื่อเห็นชัดๆว่าคนที่ค่อมร่างกายขาวจั๊วะของเพื่อนผมเป็นใคร

“นาว!!”คนที่ผมนึกไม่ถึงตกใจที่เห็นผม

“พี่นภ..ทำไม พี่ถึง..ถึง” ผมยังคงยืนอึ้งอยู่กับที่ พูดจาแทบไม่รู้เรื่อง สมองกำลังเรียบเรียงเรื่องราว มองไปทางไอ้บิว เนื้อตัวมันมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำๆไปทั่ว แก้มมันบวมแดง ปากเจ่อช้ำ ตาสวยๆของมันแดงกล่ำน้ำตาคลอเต็มสองตา ผมมองมันสลับกับพี่นภที่ตอนนี้ลุกจากเตียงกำลังมาเขย่ามือของผมอยู่

“พี่มาเคลียร์กับบิวเรื่องของเรา พี่เลิกกับบิวแล้วไปบ้านพี่กัน พี่จะเล่าให้ฟังทั้งหมดเลย นะครับ”พี่นภรีบบอกผม จะจูงมือผมออกไป ส่วนไอ้บิวยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ไอ้เหี้ยเอ้ย แกทำเพื่อนฉัน” ผมตาสว่างแล้วว่าใครกันที่ทำเพื่อนผมเจ็บ ผมกำหมัดแน่นแล้วปล่อยเต็มแรงไปที่หน้าของพี่นภ จนพี่เขาล้มลงไปนั่งเอ้งเม้งกับพื้น ผมวิ่งไปหาไอ้บิว ดึงผ้าห่มมาห่มตัวมันแล้วกอดมันเอาไว้

“ดี รู้แล้วก็ดี งั้นเป็นเมียกูทั้งสองคนเลยแล้วกัน” พี่นภลุกขึ้นเดินไปล็อกประตูห้องแล้วก้าวมาหาผมกับไอ้บิวที่นั่งกันอยู่บนเตียง

“อยากโดนอีกทีก็เข้ามาสิ” ผมขู่ แต่พี่เขาจู่โจมเข้ามาคว้าข้อมือผม กระชากอย่างแรงจนผมแทบปลิว แม่ง ทำไมแรงเยอะงี้วะ จากนั้นเขากดผมลงกับเตียง ไอ้บิวลุกมาทุบพี่เขาร้องให้ปล่อยผม

เอ่อ.. ไอ้บิว แกต่อยดิต่อย ทุบแค่นี้พี่เขาจะสะเทือนไหมแก แต่ต่อให้มันต่อยมือมันจะเจ็บเปล่าๆ หน้าไอ้เชี้ยนี่คงหนากว่าหนังตีนช้าง

พั๊วะ!!..เฮ้ย ไอ้เชี้ยนภมันตบไอ้บิวจนล้มลงไปเลย ตัวมันยิ่งนิดเดียวอยู่ ผมพยายามจะดิ้นให้หลุด พี่เขาชกท้องจนผมตัวงอเลย โอ้ย เพิ่งเคยโดนฮุคท้องเต็มๆก็คราวนี้ โดนจริงไม่ได้ใช้แสตนอินเหมือนในละคร นี่พูดเลย

...ผมเจ็บบบบบบบบบบบบสัสๆ!!!!!!!....

ไอ้พี่นภพลิกตัวผมให้กลับมานอนหงาย ต่อยท้องผมอีกรอบ เชี้ยเอ้ย รอบเดียวผมก็ลุกไม่ไหวแล้วไหม ไอ้สราดดด ผมเจ็บแบบดับเบิ้ล ไม่มีแรงจะขัดขืนเลยจริงๆ ไอ้เลวมันกระชากเสื้อผมออกแล้วก้มลงมาเลียหน้าอกของผม ดูดดุนขบกัดตุ่มไตของผมอย่างแรงจนผมคิดว่ามันจะหลุดออกจากหน้าอกผมแล้ว แล้วคิดว่าผมมีอารมณ์ไหมต่อยผมขนาดนี้ กัดผมขนาดนี้ ผมไม่ได้ซาดิสนะครับย


ฮือ...ใครก็ได้ช่วยผมที ผมไม่อยากได้มันเป็นปั๋วแล้ว ไม่เอาแล้ว กลัว ผมยอมรับว่ากลัว เชื่อไหมว่าใบหน้าที่ลอยมาในสมองของผมในตอนนี้คือไอ้ธีม ผมอยากให้มันมาช่วยผม มาช่วยนาวทีนะพี่ธีม ช่วยนาวด้วย


“ปล่อยเพื่อนฉัน” คราวนี้ไอ้บิวลุกขึ้นมากระชากเสื้อพี่เขา เลือดที่ปากมันจากที่โดนตบครั้งแรกยังไม่หยุดเลย มันถูกพี่เขาตบร่วงไปอีกแล้ว ไอ้สัตว์นภ ซาดิสแท้ๆ ถ้ามันข่มขืนผม ขอให้มันขี้หักในคาตูดมันร้อยวันลำไส้ตันจนขี้ออกทางปากด้วยเถิด


โครมมมมมมมมมมๆๆๆๆ!!!!!!!!!!  ฟิ้วววว ผั๊วะ ผลั๊กกกก ตุ้บบบบบบบบบ แง่ง..แฮ่


เสียงแรกคือเสียงประตูถูกถีบหลายๆทีจนถูกเปิดออก   

เสียงที่สองคือตัวพี่นภถูกกระชากขึ้นมาจากตัวผม

เสียงที่สามกับสี่คือเสียงไอ้พี่นภถูกต่อยดั้งจมูกอย่างจัง ตามด้วยถูกเตะเข้าที่ท้อง

เสียงที่ห้าคือพี่นภร่วงลงสู้พื้น

เสียงที่หกคือเสียงไอ้โหดมันมันขู่กรรโชกพี่นภครับ แหะๆ อันนี้เสียงในมโนผมเอง


ไอ้โหดมันมาช่วยผมแล้ว เย้ เย้

ผมยังไม่เสียเอกราช เย้

ตอนนี้ไอ้โหดมันตามไปต่อยพี่นภจนหน้าพี่เขายับเยิน พี่ชัชคงกลัวไอ้พี่นภมันจะตายเลยมาดึงไอ้โหดมันออก บอกให้พอ ก่อนจะเดินเอาผ้าไปห่มให้ไอ้บิวแล้วประคองไอ้บิวให้ลุกขึ้นจากพื้น ส่วนไอ้โหดมันเดินมานั่งข้างๆผมแล้วดึงผมมากอดเอาไว้


“เจ็บไหมนาว ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว โง่จริงๆคิดจะสู้ไอ้เหี้ยนั่นคนเดียวเนี่ยนะ” เสียงมันสั่นมากครับ สมองผมในตอนนี้ยังประมวลอะไรไม่ได้มากหรือผมจะโง่แบบที่มันบอก

“คุณรีบกลับไปซะคุณนภ คุณจะแจ้งความว่าโดนทำร้ายร่างกายก็ได้ ผมก็จะแจ้งความว่าคุณจะข่มขืนและทำร้ายร่างกายผมเหมือนกัน” ไอ้บิวครับที่เป็นคนพูด สีหน้ามันดูเด็ดเดียวกว่าที่เคย น้ำเสียงมันบ่งบอกว่ามันเอาจริง

“หึ คนอ่อนแออย่างแกจะทำอะไรได้” ไอ้พี่นภมันพูดใส่ไอ้บิว ปากแตกหมอจะรับเย็บรึเปล่าไม่รู้ยังจะมาปากดีอีก

“ก็ลองดูครับ ผมไม่มีอะไรจะเสีย แต่คุณมีแน่” ไอ้บิวบอก  มันพูดจบ พี่เวกก็วิ่งเข้ามาพอดี พี่เขาเห็นสภาพไอ้บิวก็หน้าเสีย พอหันไปเห็นเพื่อนตัวเองก็ส่ายหน้าก่อนจะประคองเพื่อนตัวเองลุกขึ้น

“พี่ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะบิว แกทำเกินไปแล้วนภ น้องมันแสนดีกับแกขนาดนี้ แกทำร้ายน้องเขาได้ยังไง แกมันเหี้ยเกินคน” พี่เวกบอกไอ้บิวด้วยสีหน้าที่ดูรู้ว่าเสียใจจริงๆ ก่อนจะหันไปด่าเพื่อน

“ไม่เป็นไรครับ สิ่งดีๆสิ่งเดียวที่ผมได้มาจากพี่นภก็คือได้รู้จักคนๆดีแบบพี่เวกกับพี่หน่อยนะครับ พาเพื่อนพี่กลับไป แล้วอย่าให้เขามายุ่งกับผมและเพื่อนผมอีก” ไอ้บิวมันบอกเสียงสั่นๆ พี่เวกพยักหน้าให้มันก่อนจะประคองพี่นภออกไป สีหน้าไอ้พี่นภดูอาฆาตแค้นพวกผมมาก

“พี่แคนเซิลงานให้นาวแล้ว พี่ว่าไปหาหมอไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า บิวด้วย ไปหาหมอเถอะ ไอ้หมอเพื่อนพี่ก็ได้ มันไม่เอาไปพูดที่ไหนหรอก พี่รับปาก”พี่ชัชเป็นคนบอก

“ครับ พาผมไปตรวจ ผมอยากได้หลักฐานที่เขาทำกับผม เผื่อจำเป็นต้องใช้” ไอ้บิวบอก มันดูมีสติมาก ใจเย็นกว่าผมเสียอีก ใครว่ามันอ่อนแอ ผมว่ามันเข้มแข็งมาก ถ้าเป็นผมโดนคนรักทำร้ายแบบนี้คงฟูมฟายตายไปแล้ว

“บิว แกแกโดนเขา..” ผมถามมันเสียงเบา สงสารมันจับใจ

“เกือบน่ะ” มันบอก ผมพูดไม่ออก ชายในฝันที่ผมเฝ้าเพ้อหา ผู้ชายที่เพิ่งบอกรักผมเมื่อคืนไม่รู้กี่ครั้ง ผู้ชายที่ผมอยากจะได้เขามาเป็นแฟน คือคนที่หักหลังเพื่อนผม ทำร้ายเพื่อนผม แล้วยังจะกล้ามาหลอกลวงผม คนที่ผมมองว่าดีกลับเลวได้ชนิดที่คาดไม่ถึง แม่งเลว เชี้ย ผมเกลียดมัน


แต่ ..เดี๋ยวนะ เลว เชี้ย เกลียด นึกถึงสามคำนี่ได้ ผมรู้สึกว่าผมติดค้างใครบางคนอยู่ ผม...ผม..ทำผิดกับคนที่ผมไม่เคยมองมันว่าดีเลย


“ถ้างั้นพี่ชัชพาบิวไปหาหมอเถอะ ส่วนนาวผมจัดการเอง พาไปหมอจะเป็นข่าวแน่ๆ” ไอ้โหดมันคลายอ้อมกอดของมันออกจากตัวผมก่อนจะบอกพี่ชัช


ไอ้บิวลุกไปแต่งตัว เสร็จแล้วมันก็ส่งหลอดยาให้ไอ้โหดมาทาให้ผมก่อนจะบอกให้ผมรออยู่ที่นี่ มันอยากคุยอะไรกับผมเยอะเลย ผมพยักหน้าแทนคำตอบ จนมันกับพี่ชัชออกจากบ้านไป เหลือแต่ผมกับคนที่ผมติดค้างความผิดอยู่กันสองคน


“พี่..คือ นาว” ผมติดอ่างเลย ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

“เจ็บตรงไหน” มันถาม น้ำเสียงแม่งโคตรอ่อนโยนเลย

“ตรงนี้” ผมถอดกระดุมที่ยังเหลือออกแล้วชี้ไปที่ท้อง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เริ่มจากตรงนี้ละกันไอ้นาว

“เจ็บมากไหม” มันลูบที่ท้องผมเบา คือตอนนี้มันยังไม่เขียวช้ำอะไรนะ ผมเจ็บๆปนชาๆหน่วงๆ ถ้ากดโดนก็เจ็บ แต่ตอนนี้มันเสียวมากกว่านะเพราะมือไอ้โหดมันลูบไปมาเบาๆ

“คือ..แบบ..ไม่ต้องลูบก็ได้” ผมรีบบอกมันก่อนที่มันจะลูบเยอะไปกว่านี้

“ถอดเสื้อออกเลย เดี๋ยวฉันเช็ดตัวกับทายาให้”

“ไม่ต้องเช็ดตัวหรอก ..คือ นาวไม่มีไข้ พี่ธีมทายาให้นาวก็พอ” สิ่งแรกที่ผมควรทำ ลบล้างความผิดคือการเรียกมันดีๆ ให้เกียรติมัน เพราะมันอายุเยอะกว่า

“ต้องเช็ด!! มันดูดนมนาว แม่ง โว้ยยยยยยย” มันหันมาเสียงดังใส่จนผมตกใจก่อนจะลุกไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมอึ้งๆไปอีกรอบ มันสติแตกที่ผมโดนทำร้าย มันหงุดหงิดที่รู้ผมชอบพี่นภ มันโกรธที่นมผมโดนล่วงล้ำ มันทำหน้าเศร้าตอนผมบอกว่าเกลียดมัน มันห่วงผมที่ผมลืมกระเป๋าตัง สารพัดที่มันใส่ใจผม แต่ผมใจบอดที่รู้แต่มองข้ามไปเอง
มันชอบผมจริงๆใช่ไหม?

ก็ใช่อะสิ..สมองซีกขวาตอบ

ไม่ใช่มั๊ง แหม..แค่นี้ก็ดูไม่ออก โคตรโง่..สมองซีกซ้ายตอบ

อ้าวเฮ้ย คราวนี้สมองสองซีกไม่แย้งกันเองแล้วเร๊อะ จะมาสามัคคีอะไรกันตอนนี้ เออ ผมผิดก็ได้

สรุป มันชอบผม ผมมันโง่เซ่อบ้า ผมต่างหากที่คอยคิดร้ายๆ ผมต่างหากที่เป็นคนทำร้ายจิตใจไอ้บิวกับมัน คิดแล้วหางลู่หูตกจริงจัง มันเดินออกมาแล้วพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำและเสื้อยืดของไอ้บิว ผมก้มหน้า รู้สึกเสียใจจริงๆกับคำพูดแย่ๆที่พูดกับมัน คำพูดแรงๆของผมคงทำให้มันเสียใจไม่น้อยเลย มันเช็ดตัวให้ผม จับคางผมให้เงยหน้าขึ้น เช็ดๆๆๆๆๆ เน้นเช็ดตรงนม ย้ำอีกครั้งว่า เน้นนม

“สะอาดแล้ว นมนาวจะหลุดแล้ว” ผมบอกมัน มันหยุดเช็ดก่อนจะถอนหายใจ

“อยากให้หลุดไปเลย” มันตอบ

“ถ้าหลุดแล้วไม่มีให้ดูดแล้วนะ” ผมจะเล่นมุข แต่..ชิบเหยยยยยยยย ปากไวกว่าความคิดอีกแล้วครับ ผมพลาด ผมพลาดไปแล้ว  ตบปากสามที เล่นมุขสองแง่สองง่ามตอนอยู่กับผู้ชายสองต่อสองได้ไง

“หึหึหึ เรานี่นะ” มันหัวเราะครับ

เอาวะ มุขติดเรทแบบพล่อยๆแต่ทำให้มันหัวเราะได้ผมก็โอเค๊ แต่ ที่จะไม่โอเคก็ตรงมันจ้องนมผมนิ่งเลย เอาละสิ ผมกำลังเจ็บอยู่นะ อย่ามาทำหน้ามีอารมณ์ตอนนี้ เดี๋ยวผมคล้อยตามมันจะไม่งาม


“อย่าจ้องนาน  คือ เดี๋ยวนาวเก็บตังนะ” ผมบอกแต่ก็มิได้นำพา มันดันตัวผมนอนลงราบกับเตียง จ้องตาผมนิ่งเลย ผมต้องหันหน้าหนีสายตามัน อยากจะบอกว่าอย่าทำผมเลย อย่านะ ผมกลัว แต่ปากมันขยับไม่ได้จริงจริ๊ง สักพักรู้สึกเย็นวาบที่หน่มน๊ม ขนลุกซู่ หลังแอ่นขึ้นโดยอัตโนมัติ 

“พี่ธีม..หยุด” ผมร้องเรียกมันเสียงสั่นเลยเพราะมันกำลังสาละวนกับยอดอกของผมครับ ข้างเดียวกับที่ไอ้พี่นภมันล้วงล้ำไปเมื่อครู่ ผมเสียววาบไปถึงปลายเท้าเลยให้ตายเหอะ สักพักมันก็หยุด ดึงผมขึ้นมานั่งเหมือนเดิมแล้วหยิบเสื้อไอ้บิวมาใส่ให้ผมใหม่เพราะเสื้อผมเหลือแค่กระดุมสองเม็ด คือไอ้บิวตัวมันเล็กกว่าผม แต่ผมก็ใส่ได้นะ แต่เสื้อมันแนบตัวนิดหน่อย โชว์หัวนมเด้งเด้งเลย ฮ่าๆ

“ของๆ พี่ พี่ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง ต้องลบรอยแบบนี้ถึงจะสะอาดจริง” มันตอบแล้วชี้ไปที่นมอัดเม็ดของผม หน้ามันหนาจริงๆ มาขี้ตู่ นมของผม จะไปเป็นของมันได้ไง แล้วนี่ผมควรตบมันไหมที่มาทำตามอำเภอใจแบบนี้ ถึงผมไม่ใช่ผู้หญิง แต่ผมก็ต้องรักนวลเสนอตัว เอ้ย สงวนตัวนะ

“เหมือนหมา มีฉี่กลบรอยเดิมด้วย ว่าแต่นาวไม่ใช่คนที่พี่คิดอยากจะมาทำอะไรก็ทำได้นะ สันดานไม่ดีอะ” ผมเขินมากบอกตรงๆ สิ่งเดียวที่ทำมาตลอดคือเวลาเขินต้องด่าครับ ด่าแล้วจะได้ดูแพง ดูไม่ใจง่าย ดูไม่เต็มใจเล็กน้อย

“หมาแบบพี่ไม่ฉี่กลบรอยแต่จะเลียแม่งทั้งตัวเลย จำไว้” มันขู่ บร๊ะๆๆๆ ได้ทีเอาใหญ่นะไอ้หมา มาขู่ผมเหรอ ไอ้เมือกปลาอินทรีย์แดดเดียว

“ใครบอกจะเป็นของพี่นาวพูดเหรอ”

“ถ้าไม่อยากเป็นของพี่ก็บอกมาเลย พี่จะได้ตัดใจจริงๆ” มันทำน้ำสียงจริงจังใส่ผม แนะๆๆๆๆ มันเล่นรุกแรง สมกับหน้าโหดๆของมันจริงๆ เรื่องราวยังไม่ทันจะเคลียร์ ยังไม่เคยบอกชอบผมจริงๆจังๆ จะมาตู่ให้ผมเป็นของมันเลยเหรอ คิดว่าคนอย่างผมจะใจง่าย จะยอมมันง่ายๆไหม คิดสิคิด สมองผมคิดแบบนั้น แต่ปากผมตอบแบบนี้ครับ

“พี่ก็ลองตัดใจดิ จะฟ้องคุณเมว่าพี่หลอกกินนมนาวแล้วชิ่ง” ไงล่าๆ ผมไม่ได้ใจง่ายนะ แค่ต้องเรียกสิทธิ์ที่พึงมี

“หึหึ”

“ขำไร ไม่ต้องมาขำ นาวก็แค่สงสารหมาหรอกนะ”

“เรียกพี่ว่าพี่ธีมได้เกินประโยคไหม” มันถามไปทายาที่ท้องให้ผมไปด้วย

“อยากให้เรียกเหรอ” ผมถามเสียงอ่อย ก็มันเคยตัวแล้วนี่นา

“อืม..เอาไว้เรียกตอนซั่มกันก็ได้”

“ไอ้ทุเรศ” ผมด่ามัน มันจะลัดขั้นตอนไปมากเกินไปละ ขอผมเป็นแฟนสักคำยัง แต่เดี๋ยวนะ พูดถึงแฟน ทำไมผมไม่เจ็บเลยที่รู้ว่าพี่นภคบกับไอ้บิวแล้วมาหลอกผม ถ้าจะเจ็บก็เจ็บใจที่หลงชื่นชมคนเลวๆที่ทำร้ายร่างกายเพื่อนผม เมื่อวันก่อนผมยังปลื้มที่เป็นแฟนพี่นภอยู่เลย ตอนนี้ผมกลับมานั่งเขินที่ไอ้โหดมาแสดงออกว่าชอบผมหรือผมจะเป็นคนใจง่ายจริงๆวะ

….สิ่งแรกที่แกควรทำนะ เอาอคติออกจากสมอง แล้วมองทุกอย่างให้ชัดๆ แล้วค่อยให้คำตอบตัวเอง ว่าแกอยู่กับใครแล้วแกสบายๆเป็นตัวเองได้มากที่สุด...

ผมนึกถึงคำพูดของไอ้เกลืออีกครั้ง นั่งทบทวนตัวเองช้าๆ ที่ผ่านมาผมเป็นตัวเองมากๆเวลาอยู่กับไอ้โหด สมองผมคิดแต่จะคอยด่ามันก็จริง แต่ผมไม่เคยเหงาเลยถ้าได้อยู่กับมัน ถึงปากจะคอยบ่นด่ามันว่ามันมาวุ่นวาย แต่ก็สนุกเวลามันต่อล้อต่อเถียงกับผม ถึงท่าทางจะแสดงว่ารังเกียจมัน แต่เวลามันกอดผมรู้สึกดีจัง

...คิดให้ดีว่าความสุขแกคืออะไรกันแน่......

ไอ้เกลือ ฉันมีคำตอบแล้วว่ะ ความสุขของฉันคือการมีไอ้ธีมมันอยู่ในชีวิตของฉันผมชอบมัน..แต่มาคิดอีกที ถึงจะรู้ตัวว่าชอบมันแล้ว แต่มันคงไม่ดีถ้าจะบอก มันจะดูว่าพอพลาดจากพี่นภผมก็คว้ามันไว้ ผมไม่อยากทำให้มันรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว ที่เคยมองมันในแง่ร้าย ด่ามันต่างๆนาๆก็ไม่รู้จะขอโทษมันยังไงเลย ตอนนี้จะมาตอบรับความรู้สึกของมัน มันจะดีเหรอ

“นิ่งแบบนี้มโนอะไรอีกละ” เสียงของมันสะกิดให้ผมหลุดออกจากความคิด

“เปล่า ออกไปนั่งรอข้างนอกกันเหอะ” ผมบอก น้ำเสียงไม่ได้กวนตีนมันเหมือนก่อนหน้านี้

“เฮ้อ คิดอะไรก็บอก อย่ามโนดินาว อยากรู้ว่าพี่คิดยังไงก็ถาม”

“..นาวไม่ได้อยากรู้สักหน่อย..” ผมก้มหน้าหลบสายตาของมัน

“ถ้าคิดเรื่องที่นาวเคยชอบไอ้เชี้ยนั่นมาก่อนแล้วจะทำให้พี่รู้สึกแย่ พี่บอกเลยว่าไม่เคยรู้สึกแย่ เพราะถึงไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นพี่ก็จะขัดขวางทางรักของนาวให้ถึงที่สุด เพราะมันไม่คู่ควรกับนาว ที่พี่เสียใจที่สุดคือ..” มันเว้นไว้ให้ผมคาใจเล่นๆ ไอ้โหด นายนี่นะ ทำเหมือนพวกเล่าเรื่องในพันทิพย์ มีต่อตอนหน้า เดี๋ยวตบจูบเลย

“อะไร คืออะไร” ทนไม่ได้ต้องถามครับ

“คือนาวไม่เคยรับรู้เลยว่าพี่ชอบนาวแค่ไหน นาวรู้ไหม ทำไมพี่ถึงชอบพูดจาห้วนๆกับนาว ทำไมถึงได้ไม่พูดดีเหมือนพี่น้องคนอื่นๆเขาพูดกัน”

“ทำไม”

“พี่ไม่อยากนาวรู้สึกว่าพี่เป็นแค่พี่ชาย พี่ไม่อยากเป็นพี่ชายของนาวพี่รักนาว” มันพูดจบ ผมก็รู้สึกว่า สติมาปัญญาเกิด ใครสักคนได้กล่าวเอาไว้ ผมมันโง่จริงๆที่ไม่เคยรับรู้เลยว่าไอ้โหดมันคิดยังไงกับผม ไอ้เกลือบอกคนอื่นๆรับรู้กันหมด แม้กระทั่งพี่ชัช ผมคิดว่าก็คงรู้ อคติมันบังตาจริงๆ เจ้าชายอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เสือกไปหลงปลื้มตัวร้าย เฮ้อ นางเอกต้องโง่ก่อนจะฉลาด อภัยให้ผมหน่อยแล้วกัน

“คุณเมละ ถ้าคุณเมรู้ ว่าพี่กับนาว..”

“พี่ไม่สน นาวจะรักพี่ไหม พี่อยากรู้แค่นี้”

“.............”

“นาวคงยังไม่รู้ว่าที่บ้านของเรามีต้นพุดซ้อนกี่ต้น”

“มันเกี่ยวกันตรงไหน”

“มันคือจำนวนปีที่พี่หลงรักนาวนะ”

“......”ผมอึ้งรอบที่ร้อย มันซึ้งนะ แต่ใครจะบ้านับต้นไม้ในบ้านวะ แต่ผมจะกลับไปนับแน่ๆ อยากรู้ว่าพี่ธีมมันรักผมมานานแค่ไหน

“โอเค พี่ไม่คาดคั้นนาวแล้ว ถ้านาวรักพี่คงรักไปนานแล้วละ” มันถอนหายใจ ทำท่าจะลุก แต่ผมดึงมือมันไว้

“นาวไม่รู้ว่านาวรักพี่ไปรึยัง ถ้ารักแล้ว..นาวไปรักตอนไหนนาวก็ตอบได้ไม่ละเอียดเหมือนพี่หรอกนะ แต่....” ไงเล่า เจอผมเว้นให้มนค้างคาหงุดหงิดบ้าง คึคึคึ

“...ช้าพี่จูบ”มันพูดออกมา หนอย ขู่ผมเหรอ!!

“แต่นาวไม่อยากให้พี่ไปรักคนอื่น นาวคิดแต่เรื่องของพี่ตอนที่คิดว่าพี่คบกับไอ้บิว นาวนอนไม่หลับ นาวหงุดหงิดไปหมด นาวน้อยใจที่พี่ทำไม่สนใจนาว แล้ว..แล้วฉันก็รู้สึกดีตอนที่พี่จูบนาว กอดนาวนาวดีใจมากที่เห็นหน้าของพี่โผล่มาตอนที่นาวกำลังจะเสียท่าให้ไอ้พี่นภ นาวดีใจมากสุดๆที่พี่บอกว่ารักนาวเมื่อกี้นี้” เฮือกก เกือบหมดลม ผมรีบตอบมันรัวๆแบบไม่หายใจ เพราะกลัวว่ามันจะงอนผม

“หึหึหึ เขาเรียกว่ารักแล้ว..นาว เรามันโง่ พี่จะช่วยบอกให้” มันพูดแล้วขำ ชิ เออ ผมรักมัน.. ผมไม่ได้โง่ แค่รู้ช้าโว้ย

“เออ นาวรักพี่” ผมพูดออกไป มันที่กำลังหัวเราะอยู่ก็หยุดชะงักแล้วมาเล่นเกมจ้องตากับผมแทน มันคลี่ยิ้มให้ผมก่อนจะจับคางผมส่ายไปมาอย่างกับผมเป็นหมาแหน่ะ

“นาวน่ารักมากรู้ตัวไหม น่ารัก..เลยรัก..” มันบอกก่อนจะทาบริมฝีปากของมันมาบนริมฝีปากของผม เหมือนครั้งแรก ต่างกันที่คราวนี้มันดูดดื่มกว่ามากนัก มันกำลังใช้วิชาดูดลมปราณและสูบพลังงานของผมไปจนจะหมดแล้วนะไอ้เมือกปลานีโม่ เอาน่า คนกำลังมีความสุขขอเปลี่ยนชื่อมันให้มุ้งมิ้งหน่อยแล้วกันครับ


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 14-01-2015 15:00:36
อ๊ากกกกกกกก

เขิน

นาวรู้ละว่ารักธีม

ลุ้นตั้งนาน

รอตอนต่อไป

ฟ้าวเด้อๆ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 14-01-2015 15:23:45
พี่ธีมตอนนี้คือที่สุดดดดดดด !!! กรี๊ดดดดดดดดด  ปาหัวใจใส่พี่ธีมรัวๆ #ทีมพี่ธีม
น้องนาวก็หายซึนแล้ว  ปูเสื่อรอฉากสวีทค่ะ พี่นภจากเทพบุตร(ในสายตานาว)กลายเป็นตัวร้ายขั้นเทพ
ตอนแรกไม่คิดว่าจะร้ายขนาดนี้  พอมาอ่านตอนนี้ นี่หมดคำจะกล่าวจริงๆค่ะพี่คะ พี่ธีมน่าจะซัดให้หนักกว่านั้นอีก
ดีใจที่หนูบิวเข้มแข็งและหลุดพ้น ขอยกเลิกจากเม้นก่อนที่แอบทายคู่บิวกับพี่นภไว้  มาตบบิวได้ยังไง!!  ทำร้ายบิวสุดๆ โกรธ!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2015 15:24:57
รุกแรงรุกเร็ว สรุปเป็นแฟนกันแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 14-01-2015 17:59:00
อ้าววว
ธีมพอได้ท่าก็จับรวบหัวรวบหาง
กลายมาเป็นแบบนี้ซะแล้วว
ไอ้พี่นภนี่ จริงๆเลย แล้วไปซุกบิวไว้ตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี้ย
แล้วบิวทำไมไม่บอกนาวสักหน่อยล่ะ
เฮ่อ มันใช่เวลามั้ยนิ  มันต้องดีใจซี้ เวลาแบบนี้มาถึงแล้วนี่
ขอเดาว่า ที่ตั้งเป็นนางซิน คงไม่ใช่แค่เรื่องที่นาวมโนไปเองแน่
อาจจะเกี่ยวเนื่องกับคุณเมย์ แม่ยาย  จะกลายร่างเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายรึเปล่านะ
ถ้ารู้เรื่องลูกตัวเอง คอยลุ้นกันต่อไป
 :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2015 18:54:02
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 14-01-2015 20:03:15
ว้า มาช้าค่ะ เลยต้องควบสองตอนเลย :mew4: ในที่สุดพี่ธีมก็มีความสุขซักที :impress2: :กอด1: แต่ พี่ธีมคะ กินแค่นมมันจะไปอิ่มอะไร มันต้องทั้งตัวค่ะ  :z1: :hao6: นาวอ่อยขนาดนี้ จับกดเลยค่ะ!!!!  :haun4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragonassist ที่ 14-01-2015 22:59:04
ขอสมัครเป็นโคมไฟห้องคุณนาวจะทันมั้ยคะ  :z10: :z10:


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 15-01-2015 00:48:59
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนลูกสาวออกเรือนเลยคะ แอร้ยยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 12 (14/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 15-01-2015 11:34:16
เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะ เสียดายไอ้พี่นภคนเลว  :m16: แต่ไม่งั้นธีมต้องเศร้านานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 15-01-2015 20:36:09
บทที่ 13


“ผมมาขัดจังหวะรึเปล่าครับ” เสียงที่แทรกเข้ามาในโสตประสาททำให้ผมรีบดันตัวไอ้โหดมันออก เอ็งไม่ได้ต้องมาทำหน้าสอดรู้เลยไอ้เกลือ เรายังไม่ได้ซั่มกันเว้ย ผมรู้จักยับยั้งชั่งใจเหอะเมื่อกี้ก็แค่ถูกมันจูบแล้วตัวอ่อนล้มลงไปนอนให้มันจูบจนหนำใจแค่นั้นเอง แต่ไอ้เกลือที่โผล่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลาทำให้ผมตกใจจนดันตัวไอ้โหดออกซะแรงเลย

“แกจะรีบส่งเสียงทำไมวะไอ้เกลือ ข้ากำลังดูเพลินๆ พี่ธีมแม่งลิ้นสว่าน บูมขอฝากตัวเป็นศิษย์” ไอ้บูมทำท่าคุกเข่า ทำท่าคารวะอยู่ข้างเตียง ไอ้โหดหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะจับหน้าผมไปหอมแก้มแรงๆโชว์พาวอีกรอบ ส่วนผมทำยังไงนะเหรอ เหวอสิครับ นั่งหน้าแดงเขินสุดพลัง เป็นคู่กัดกับมันมาตลอด อยู่ดีถูกมันหอมแก้มโชว์ผมก็เขินและเสียฟอร์มหมด

“วี๊ดวิ้วววว ต้องฉลอง ไอ้นาวจะมีผัวแล้วครับบบบ” ไอ้เกลือตะโกนเสียงดังจนผมรีบลุกไปอุดปากมัน แต่แล้วก็ต้องงอตัวเพราะยังรู้สึกจุกที่ท้องจากการโดนไอ้พี่นภมันชก

“ยังเจ็บเหรอ” พี่ธีมมันรีบลุกมาถาม

“ทนให้ได้แก เดี๋ยวต่อไปตอนเข้าหอ แกจะจุกกว่านี้ แต่จะมีสยิวเพิ่มมาเป็นอ๊อฟชั่นพิเศษ” ไอ้บูมยังพูดต่อ ถ้าไม่เจ็บท้อง ผมจะลุกถีบมันเดี๋ยวนี้เลย

“หยุดพูดเลย ยังไม่มีผัวไม่มีเมียทั้งนั้นแหละ พูดมากเดี๋ยวกัดหูหลุด” ผมหันไปแว๊ดๆพวกมัน ไอ้โหดมันพาผมเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น พวกเพื่อนๆผมมันเลยเดินตามกันออกมาด้วย

“เดี๋ยวไอ้จอมมันตามมา” ไอ้เกลือบอก ผมพยักหน้ารับรู้ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครโทรไปตามพวกมันให้มา

“แกรู้กันได้ไงอะแต่กว่าจะมา ฉันเกือบโดนอังวะตีเมืองไปแล้ว” ผมด่าพวกมันแก้เขิน

“ถ้าพวกฉันมาเร็วพี่ธีมจะได้เป็นพระเอกเหรอวะ แกก็ถามไม่คิด” ไอ้บูมบอก

“ไอ้บิวมันโทรตามพวกฉัน มันเล่าคร่าวๆแล้ว พอรู้เรื่องฉันแทบจะตามไปกระทบไอ้เชี้ยนั่น หลงไหว้มานาน เสียมือชิบหาย”ไอ้เกลืออารมณ์ขึ้น มันคงโกรธจริงๆเพราะมันรู้จักคุ้นเคยกับพี่นภมากกว่าคนอื่นๆ มันคงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่เขาจะร้ายกาจขนาดนี้

“ไอ้บิวก็เก็บเงียบมันน่าจะบอกฉันฉันเลยกลายเป็นคนที่ทำร้ายมัน” ผมบอก มันน่าจะบอกว่ามันคบกับพี่เขาอยู่

“อย่าไปคิดแบบนั้นเลย คนไม่รู้ก็คือไม่ผิด” ไอ้เกลือมันปลอบผม

“ใช่ คนไม่รู้คือโง่” ไอ้บูมมันก็ปลอบผม แต่ปลอบแบบน่าถีบมากครับ

“แล้วสรุปแกกะพี่ธีมนี่ยังไงกันยังไง พูด” ไอ้เกลือชี้ไปที่ไอ้พี่ธีมสลับกับชี้มาที่ผมมันจะย้อนกลับมาเรื่องนี้ทำไม ผมยังไม่พร้อมจะสาธยายโปรดอย่าสาระแน

“พี่ธีม ผมให้พี่คิดใหม่นะ เพื่อนผมคนนี้งานมโนคืองานหลัก งานรักคืองานรอง มันคิดว่าตัวเองเป็นนางซินแต่แท้จริงมันคือลูกเลี้ยงใจร้ายยยย” ไอ้บูมมันกำลังสรรเสริญผมไม่หยุดปาก

“เออฉันมันร้าย อย่ามารักฉันแล้วกัน” ผมด่าเพื่อนผมกระทบไปถึงอีกคน

“พี่ได้ว่านาวสักคำยัง” ไอ้โหดมันหันมาถามผม

“หูย ข่มปั๋วตั้งแต่ยังไม่เข้าหอ” ไอ้บูมมันยังไม่หยุด ผมเลยเอาขายันมัน แต่แล้วก็ต้องมาปวดหน่วงๆที่หน้าท้องเลย

“โอ๋ๆ น้องนาวที่น่าสงสาร ไอ้บูมแกหยุดแกล้งมันเลย รอมันหายเราค่อยกัดมันต่อ” ไอ้หมาเกลือรีบบอกหมาบูมให้หยุดเห่าผม ดีมากที่เตือนมัน แต่เลวมากที่นัดแนะวางแผนกัดผมในอนาคต

“งั้นไม่คุยกับแกแล้วนาว คุยกับพี่ธีมดีกว่า พี่ธีมคร้าบ บอกหน่อย ไปชอบเพื่อนผมตอนไหน” ไอ้บูมทำหน้าทะเล้นถามพี่ธีม คนถูกถามมันยิ้มตาเยิ้ม จะเหม่อไปไหนครับไอ้เมือกปลา รีบเล่าดิ๊ ผมก็อยากรู้นะ


..


..กาลครั้งหนึ่งของธีม..


“พี่ธีมคร้าบ บอกหน่อย ไปชอบเพื่อนผมตอนไหน”

คำถามนี้ของบูมทำให้ผมย้อนนึกไปเมื่อแปดปีที่แล้ว ตอนที่ผมได้เห็นนาวครั้งแรก ตอนนั้นผมอายุเพียง 18 ปี ผมรู้จักนาวผ่านทางจอโทรทัศน์ ผมจำโฆษณาบริษัทประกันชีวิตนั้นได้ดี เด็กชายตัวน้อยกำลังกอดตุ๊กตาหมี น้ำตาไหลรินสะอึกสะอื้นดีใจตอนที่ได้รับตุ๊กตาจากพ่อ ถึงมันจะเป็นแค่โฆษณา แต่เด็กคนนั้นก็แสดงออกมาราวกับว่ามันเป็นชีวิตจริงๆของเด็กนั่น ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาคู่นั้นสะกดให้ผมหยุดการกระทำต่างๆได้ทุกครั้งไป แม่กับเจ้าธารรู้ดี ถ้ามีโฆษณาตัวนี้มาเมื่อไหร่ ทุกคนต้องห้ามเปลี่ยนช่อง ต้องปล่อยให้ผมนั่งดูโฆษณาตัวนี้ให้จบเสียก่อน

จนกระทั่งผมเข้ามหาวิทยาลัย เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 แม่ก็พาผู้ชายคนหนึ่งมาแนะนำให้ผมกับน้องสาวได้รู้จัก เขาคือคุณลุงปิยะ ผมพอจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมาเป็นพ่อใหม่ให้กับผมและน้อง ผมค่อนข้างจะแปลกใจที่แม่มีความรักอีกครั้ง แม่ไม่เคยพาเขามาให้ผมกับน้องได้รู้จักเลยจนวันนี้ แต่ที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจยิ่งกว่า ถึงยืนนิ่งไม่ไหวติงจนลืมที่จะยกมือขึ้นสวัสดีคุณลุงปิยะ ก็คงเป็นเพราะเด็กชายคนที่เดินตามลุงปิยะเข้ามา เด็กผู้ชายที่ผมจำใบหน้านี้ได้ไม่เคยลืมเลือน

“สวัสดีคุณเม พี่ธีมพี่ธารสิน้องนาว” ลุงปิยะสะกิดเตือนเด็กชายคนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าดวงตาคู่งามที่ผมหลงใหลมีแววรั้นฉายชัดเมื่อมองมาทางครอบครัวของผม บ่งบอกว่าไม่ชอบครอบครัวของผมอย่างไม่ปิดบัง และเมื่อน้องนาวของลุงปิยะโดนตำหนิเรื่องมารยาท เด็กน้อยนั้นก็ชี้มาที่ผม แล้วบอกว่าทีผมยังไม่ไหว้พ่อของเขาเลย นั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าตกเป็นผู้ร้ายในสายตาน้องนาวคนดื้อเข้าเสียแล้ว


หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์แม่กับลุงปิยะก็แต่งงานกัน นาวไม่ยอมมางานแต่ง แต่ยอมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของผม แม่ถามผมว่าผมยินดีจะยกห้องใต้หลังคาให้น้องได้ไหมเพราะน้องชอบ ผมทำเป็นหงุดหงิดเพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง แต่เอาเข้าจริง ผมนี่แหละครับที่เป็นคนไปช่วยแม่บ้านทำความสะอาดห้อง จัดการสั่งของตกแต่งห้องให้นาวใหม่ ไม่รู้นาวได้สังเกตรึเปล่า ที่ขอบหน้าต่าง ผมแอบเขียนตัวหนังสือเล็กๆเอาไว้ว่า..

‘ดีใจที่ได้เจอกัน’

นานไป..ความสัมพันธ์ของผมกับนาวยิ่งดูแย่ลง เมื่อลุงปิยะคอยเข้าข้างผมทุกครั้งที่ผมมีเรื่องให้ต้องต่อล้อต่อเถียงกับนาว ผมยอมรับว่าหลายครั้งที่ผมเข้าไปแหย่ให้นาวโกรธก่อน ก็ผมไม่รู้จะเข้าหาน้องยังไง กำแพงของน้องสูงเกินกว่าที่จะยอมให้ใครปีนข้ามไป พอลับหลังคนอื่นๆผมจะแกล้งน้องตลอด ชอบทำเสียงดังใส่เพราะไม่อยากให้น้องคุ้นเคยความสัมพันธ์ในรูปแบบพี่น้องกับผม

‘ยอมเป็นศัตรูในสายตาดีกว่ามีค่าแค่พี่ชายที่ไม่น่าสนใจ’

แต่อย่าคิดว่านาวจะเป็นเด็กที่ยอมให้คนมาแกล้งง่ายๆ ผมถูกเอาคืนหลายครั้ง โดนเอารองเท้าคู่เก่งไปซ่อนบ้าง แอบไปตัดต้นไม้ของผมทิ้งบ้างหรือบางทีก็แอบเอาน้ำร้อนไปราดที่โคนต้นไม้เมื่อนาวรู้ว่าผมเป็นคนปลูก เอากบมาในรองเท้าผมบ้าง พอผมตกใจก็แอบขำจนออกนอกหน้าและยังแกล้งร้องไห้เรียกคะแนนสงสารจากแม่ผมเป็นประจำ แสบนัก แต่ยิ่งแสบผมก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข ผมมีความสุขที่นาวก้าวเข้ามาในชีวิต

แต่มุมที่น่าสงสารของเจ้าตัวแสบก็มีเยอะ หลายครั้งที่โดนลุงปิยะทำโทษ นาวจะประชดด้วยการไม่กินข้าว ผมต้องแอบแบ่งกับข้าวแล้วไปซ่อน บอกป้าสายหยุดให้เรียกนาวมากินตอนดึกๆ กลางคืนแอบย่องไปมองหน้าในห้องนอน ผมแอบเก็บกุญแจสำรองเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้ ผมไม่ได้โรคจิตลักหลับน้องหรอกนะครับ แค่ได้มองหน้าตอนตัวแสบสิ้นฤทธิ์บ้างก็มีความสุขแล้ว บ่อยครั้งที่นาวนอนละเมอร้องไห้หาแม่ ผผมสงสารจับใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างยังไง จนผมสืบรู้ว่าแม่ของนาวชื่อพุดซ้อน ผมจึงปลูกต้นพุดซ้อนเอาไว้ในสวนหลังบ้านด้วยมือของผมเอง อย่างน้อยอาจจะช่วยให้นาวหายคิดถึงแม่ได้บ้าง ถึงมันจะแทนกันไม่ได้ก็ตาม

แล้วหลังจากที่ลุงปิยะเสีย นาวยิ่งเป็นเด็กที่พูดน้อย ชอบคิดอะไรแล้วเก็บเอาไว้ ชอบหรือไม่ชอบก็ค่อยแสดงออกให้ใครได้เห็น นาวต่อต้านแม่ของผมมากขึ้นเพราะแม่ชอบไปวุ่นวายในชีวิตของนาว นาวประชดด้วยการชอบทำตัวให้เป็นข่าว แต่แม่ก็ช่วยทำให้ข่าวหายไปได้ทุกครั้ง ก็ยอมรับว่าแม่ของผมออกจะหวงนาวเกินไป ผมรู้ว่านาวอึดอัดมากขึ้นทุกที หลายทีที่ผมพยายามพูดกับแม่ให้อิสระกับนาวบ้าง แต่มักจบลงที่แม่คิดว่าผมไม่รักน้อง แม่คงคิดว่าผมอิจฉานาว ผมเลยทำได้แค่ไปตอแยแหย่นาวเรื่อยๆ อย่างน้อยนาวจะได้ไม่เหงาและรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร ให้แยกเขี้ยวด่าผมก็ยังดีกว่าทำหน้าเหมือนคนไม่มีความสุขแบบนั้น มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจไปด้วย

นาวยังคงทำงานในวงการบันเทิงโดยมีพี่ชัชญาติห่างๆของนาวดูแล ผมตีสนิทกับพี่ชัชจนสามารถรู้ตารางงานของนาวได้หมด วันไหนนาวทำงานดึก ผมก็จะรอ แต่รอแบบเนียนๆนะครับ ผมไม่รู้เลยว่านั่นทำให้นาวคิดว่าผมคอยจับผิดเขา แต่วันที่ทำให้ผมหัวเสียที่สุดในชีวิต คือวันที่นาวเห็นไอ้อ้นมันกำลังแอบมายุ่งกับมังกรตัวเขื่องของผมตอนที่ผมเมาไม่ได้สติ ผมมารู้ตัวว่าโดนอ้นมันทำอะไรกับผมเพราะนาวเอาเรื่องนี้มาจิกกัดผม ผมจำได้ว่าวันนั้นผมไปต่อยไอ้อ้นจนหน้ามันยับเลย แล้วผมก็เลิกคบกับมัน ไม่ยอมรับคำขอโทษจากมัน มันเองก็เสียใจ มันทำไปเพราะเมาเหมือนกัน จากนั้นมันก็ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ผมก็ไม่ได้ติดต่อมันอีกเลย แต่เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ทำให้นาวมันเอามาแขวะผมได้ตลอดและมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดได้ทุกครั้งที่ได้ยินจากปากมัน เพราะผมไม่อยากให้นาวคิดว่าผมจะทำอะไรกับใครก็ได้ ผมรักมัน ต้องเป็นมันคนเดียวเท่านั้นที่ผมจะยอมให้เห็นขาอ่อน

ส่วนอีกเรื่องทีทำให้ผมหงุดหงิดใจเช่นกันก็คือเรื่องที่นาวมันแอบปลื้มนักร้องรุ่นใหญ่คนนั้น ผมสนิทกับเกลือเพื่อนของนาว ช่วงแรกที่แอบสืบเรื่องของนาวจากเกลือ เกลือมันเริ่มสงสัยว่าทำไมผมต้องสนใจนาวนัก สุดท้ายผมต้องยอมสารภาพว่าผมคิดยังไงกับเพื่อนสนิทของมัน เกลือมันให้ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้นาวเสียใจ ผมยินดีสัญญาเพราะมันเป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันทำให้นาวเสียใจอยู่แล้ว จากนั้นมา มันก็คอยช่วยผมตลอด  คอยกันท่านักร้องคนนั้นให้ ให้ผมสมัครไลน์แล้วลากผมไปในห้องรวม โกหกเพื่อนว่าเป็นไอดีอีกอันของมัน แต่มันแอบบ่นผมเรื่องชื่อไลน์ที่ผมใช้ มันบอกมันเลี่ยนเหลือเกินกับชื่อของผม

..ชามมีไอเอนจี.. มันมาจาก Charming เจ้าชายชาร์มมิ่งของซินเดอเรลล่า

นี่เป็นที่มาของชื่อไอดีไลน์ของผมเองผมถึงได้รู้ความเป็นไปของนาวในกลุ่มเพื่อน ตัวจริงของนาวที่ผมไม่ค่อยได้เห็นคือนาวเป็นคนร่าเริง เป็นคนตลก เป็นที่รักของเพื่อน เป็นคนช่างมโนก็จริงแต่ก็คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนทุกครั้งที่เพื่อนต้องการ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านข้อความต่างๆของนาว ทำไมคนๆนี้ถึงทำให้ผมรักมากขึ้นทุกวัน ผมจะต้องทำยังไงถึงจะกลายเป็นเจ้าชายตัวจริงของนาวได้บ้าง ในเมื่อนาวไม่เคยทิ้งรองเท้าแก้วให้ผมได้เก็บเลยสักครั้ง

แล้วโอกาสของผมก็มาถึงเมื่อพี่ชัชไม่สบาย ผมรีบบอกกับแม่ว่าจะเป็นคนดูแลนาวเอง แม่ดีใจมากเพราะอยากให้ผมออกจากงานที่ทำประจำอยู่แล้ว ผมมาดูแลนาวเต็มตัว ได้ดูมันทำงาน ได้กินข้าวกับมัน ได้นั่งในรถด้วยกัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น มันยังคงเถียงผมได้ตลอด แต่ผมไม่เคยโกรธเลย ยิ่งนาวเป็นตัวเองกับผมได้มากเท่าไหร่ มันก็หมายถึงกำแพงในใจของนาวเริ่มจะสั่นคลอนได้มากเท่านั้น ผมอ้างว่าต้องถ่ายรูปมันมารายงานแม่ แต่ความจริงแล้วบรรดารูปของมันมาอยู่ในคอมผมทุกรูป นั่งดูได้ทุกวัน มีความสุขครับ ผมเป็นติ่งของดาราหนุ่มที่ชื่อ ปารมีแล้วใช่ไหมครับ

จะได้ไหมครับ วันที่นาวมาปรึกษาผมเรื่องไอ้นักร้องนั่นในไลน์เพราะนาวคิดว่าผมคือเกลือ เห็นมันเสียใจที่เขาลบรูปมะนาวออก ผมเกือบถอดใจเพราะคิดว่านาวรักหมอนั่นจริงๆ หากไม่บังเอิญได้เห็นว่าหมอนั่นพาบิวเพื่อนสนิทของนาวไปกินข้าวกันสองต่อสองและผมยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่าหมอนั่นคบหากับบิว เพราะวันที่ผมไปกินข้าวที่บ้านของบิวกับนาวและมีน บิวลืมโทรศัพท์เอาไว้ในครัว โทรศัพท์สั่นระรัวอยู่ที่เคาท์เตอร์ตอนที่ผมเข้าไปเอาน้ำดื่ม บิวคงปิดเสียงเอาไว้ ผมตั้งใจจะหยิบออกไปให้ บังเอิญสายตาเหลือบไปเห็นรูปของนักร้องคนนั้นโชว์ขึ้นพร้อมกับชื่อที่บิวเมมไว้ว่า ‘ที่รัก’

ผมตัดสินใจโทรถามบิวหลังจากที่พานาวกลับมาบ้านแล้ว บิวยอมเล่าเรื่องของบิวกับไอ้นภให้ผมฟัง บิวบอกว่าไอ้นภกำลังจะขอเลิกกับบิว บิวยอมเลิกถ้าหมอนั่นรักนาวจริง แต่ที่บิวเป็นห่วงเพราะไอ้นภมีรสนิยมทางเพศที่รุนแรง บิวโดนทำร้ายร่างกายบ่อยๆเวลาที่หมอนั่นโมโหหรือมีความต้องการทางเพศ แต่ดีที่มันยังมีจิตสำนึกไม่ถึงกับข่มขืนบิวเพียงแต่บิวก็ช่วยให้มันปลดปล่อยความต้องการจนสำเร็จด้วยมือ เพื่อนสนิทของมันรู้ดีว่ามันเป็นยังไง ทุกคนก็พยายามช่วยบิวตลอด มันขู่ว่าถ้าบิวเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร มันจะเอารูปเปลือยของบิวที่มันแอบถ่ายเอาไว้ไปให้นักข่าว ผมสงสารบิวมาก พยายามจะหาทางช่วย แต่ในขณะเดียวกันไอ้ตัวแสบก็พาตัวเองไปใกล้ชิดกับไอ้วายร้ายแบบไม่รู้ตัวเอาซะเลยว่ากำลังเจอกับอะไร

จากที่เคยท้อคิดว่านาวรักไอ้นภจริงจังและคิดว่านาวมันคงเกลียดผม แต่ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป ตอนที่ผมได้จูบมัน ผมรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของมัน มือมันโอบรอบคอของผม อาการเขิน ใบหน้าที่แดงจัด คำพูดตะกุกตะกักของมัน มันทำให้ผมมีความหวัง ผมบอกกับตัวเอง ว่าจะไม่มีวันปล่อยนาวไปให้ไอ้นภ คนที่มันไม่คู่ควรกับนาว

..ซินเดอเรลล่าตัวแสบอย่างนาวต้องคู่กับเจ้าชายรองเท้าแตะอย่างผมนี่แหละครับ.. 

มาถึงวันที่มันต้องไปออกเดทดูหนังกับไอ้หมอนั่น เป็นวันที่บิวเกิดอุบัติเหตุพอดี ผมบังเอิญได้เจอกับไอ้นภและบิวที่โรงพยาบาล เพราะไอ้อ้นนัดเจอผมที่นี่ มันต้องมาหาหมอพอดี ผมเอาของขวัญมาตอบแทนมันที่มันทำแนวข้อสอบของนาวให้ผม มันเป็นคนเรียนเก่งมาก ที่ได้ติดต่อกับมันอีกก็เพราะมันเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ มันมาขอโทษผมที่บ้าน ขอให้ผมอภัยให้มัน ผมยอมยกโทษให้มันเพราะเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วและคิดว่ามันคงเข็ดไปอีกนาน พอมันรู้ว่าผมกำลังจะออกไปหาแนวข้อสอบให้นาวมันเลยอาสาทำให้ ผมเลยต้องออกไปกับมัน ไปนั่งรอมันทำให้ที่บริษัทของมันจนได้มา ไอ้นภมันตกใจเหมือนกันที่เห็นผม มันคงกลัวว่าผมจะเอาเรื่องของมันกับบิวไปบอกนาว บิวบอกให้ผมไปตามหานาวที่โรงภาพยนตร์เพราะไอ้นภมันติดต่อนาวไม่ได้ ไอ้นภทำท่าหัวเสียที่ไม่ได้ไปดูหนังกับนาวแต่ก็ไม่กล้าแสดงอะไรมากเพราะพ่อของบิวอยู่ด้วย ผมคิดว่าท่านคงพอจะรู้เรื่องบิวกับหมอนี่ ดูมันเกรงใจพ่อของบิวพอสมควร

เมื่อผมเอาของขวัญให้ไอ้อ้นเสร็จก็รีบตรงไปที่โรงภาพยนตร์ ผมไปดักยืนรอนาวที่หน้าโรงภาพยนตร์ผมคิดว่าตอนนาวมันเดินออกมาหน้าตาจะเศร้าแค่ไหนที่ไอ้นภมันผิดนัดปล่อยให้รอเก้อ แต่พอมันเดินออกมา หน้าตามันเอ๋อมากที่เห็นผม ผมทั้งขำทั้งโล่งใจที่มันไม่ได้เศร้าอย่างที่ผมคิด ผมชวนมันไปดูหนังต่อ มันยอมไปดูหนังกับผม แถมยังแอบนั่งจ้องหน้าผมตอนผมกำลังจะเผลอหลับอีก จากที่ง่วงๆพอแอบเห็นว่ามันจ้องผมเลยตาสว่าง อยากจะจับมันฟัดตรงนั่นเลยแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่จับมือมันเอาไว้ ผมดีใจที่มันไม่ขัดขืน ผมมีความสุขมากครับ ไม่รู้ว่ามันมีความสุขเหมือนผมรึเปล่า แต่แค่มันไม่สะบัดมือผมทิ้งแล้วตบผมก็ถือว่าบุญแล้วครับ

เช้าวันถัดมา ผมไปส่งนาวที่บ้านไอ้นภก่อนจะออกไปนั่งรอในรถ ผมอยากรู้ว่าไอ้นภมันจะทำยังตอนที่ผมไม่อยู่ แล้วมันก็รุกนาวจริงๆ ถ้าผมกะเวลาไม่ดี นาวมันคงเสียจูบให้ไอ้นภแน่ แต่ที่ทำให้อารมณ์ผมเดือดได้อีกคือไอ้ตัวแสบของผมดันไปยอมเป็นแฟนกับไอ้เลวนั่น ผมอยากจะบอกความจริงกับมันให้ตาสว่าง แต่บิวขอไว้ บิวบอกว่าอยากจะเป็นคนบอกกับนาวเอง ผมเห็นบิวแล้วยิ่งนึกสงสาร ถ้านาวโดนทำแบบนี้ผมคงฆ่าไอ้นภมันแน่ๆ ขนาดตอนที่ผมเจอกับไอนภที่ลานจอดรถ มันยังปากเสียเรียกผมว่าพี่เมีย มันเยาะเย้ยผมว่าอยากจะทำผิวขาวๆของนาวเป็นรอยทั้งตัว ผมได้ยินแค่นั้นก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ รู้ทั้งรู้ว่ามันยั่วโมโหก็อดไม่ได้ ผมต่อยมันสองสามหมัด ชีวิตช่างเหมือนกับนิยายจริงๆเพราะนาวมันลงมาเห็นพอดี ผมเลยกลายเป็นตัวร้ายเต็มตัวในสายตานาว ไอ้นภมันโดนต่อยก็จริง แต่คนที่เจ็บแทบขาดใจคือผม เพราะคำว่าเกลียดของนาวที่มอบให้ผมพร้อมกับสายตาที่ดูออกว่าผิดหวังในตัวผมชัดเจน

จนมาถึงวันนี้ เรื่องราวทุกอย่างถูกเปิดเผย นาวมันได้เห็นกับตาว่าพระเอกในฝันของมันตัวจริงร้ายกาจแค่ไหน แต่ผมไม่ได้อยากให้มันตาสว่างด้วยการเจอเหตุการณ์แบบนี้ มันโดนล่วงเกินและโดนทำร้าย  ถ้าพี่ชัชไม่เข้ามาห้ามผม ไอ้เลวนั่นคงตายคามือผมแน่ โชคดีว่าเมื่อคืนผมมาส่งบิวเสร็จ ดูแลจนบิวหลับ ผมถึงได้ไปค้างบ้านเกลือ บอกตรงๆว่าน้อยใจนาวเลยไม่อยากกลับบ้าน พอเช้าพี่ชัชโทรมาบอกว่านาวให้แวะบ้านบิวผมเลยรีบตามออกมา อยากจะปรับความเข้าใจกับมัน ผมนึกขอบคุณความใจร้อนของผมก็วันนี้ ถ้าผมไม่ใจร้อนอยากเคลียร์กับมัน มันคงโดนทำร้ายมากกว่านี้ แต่เรื่องเลวร้ายทุกอย่างจบลงแล้ว แต่เรื่องดีๆกำลังจะเริ่มต้น

..ผมได้บอกมันแล้วว่าผมรักมันและได้ยินว่ามันบอกว่ารักผม.. 

ผมรู้ว่านิทานของผมกับมันยังไม่จบ มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเอง แต่ผมก็ดีใจครับ ที่ได้เป็นเจ้าชายชองมันเสียที..นี่แหละครับ เรื่องราวความรู้สึกของผม เจ้ารองเท้าแตะที่หลงรักซินเดอเรลล่าแมนตัวแสบ


กลับมาที่กาลครั้งหนึ่งของนาว


“งั้นฉันไม่คุยกับแกแล้วนาว คุยกับพี่ธีมดีกว่า พี่ธีมคร้าบ บอกผมหน่อย ไปชอบเพื่อนผมตอนไหน” ไอ้บูมทำหน้าทะเล้นถามไอ้โหด คนถูกถามมันยิ้มตาเยิ้ม มันจะเหม่อไปไหนครับไอ้เมือกปลา รีบเล่าดิ๊ ผมก็อยากรู้นะ

“อ้าว ถามไม่ตอบ เดินทางไปดาวอังคารแล้วมั๊ง ยู้ฮู หมาธีม เหม่อขนาดนี้เอาสติไปฝากธนาคารแล้วไหม” ผมยกมือโบกไปโบกมาเพื่อเรียกสติพี่ธีมที่นั่งเหม่ออยู่ ผมคิดผิดไหมที่ไปรักคนสติไม่ดี นั่งยิ้มคนเดียวตั้งนานแล้ว ไอ้เรารึก็รอฟังว่าชอบเราตั้งแต่เมื่อไหร่

“จะรู้ไปทำไม เรื่องแบบนี้ต้องเล่าตอนเราอยู่กันสองคน” มันตอบผมครับ

“งั้นพวกแกกลับกันไปเลย” ผมรีบไล่ไอ้เพื่อนสองตัว เอ้ย สองคน จนโดนไอ้บูมมันตบเหม่งเบาๆ

“ถ้าฉันกลับแกก็ปล้ำพี่ธีมอะดิ ฉันยอมไม่ได้ พี่ธีมเป็นของฉัน” ไอ้เกลือทำน้ำเสียงดัดจริตใส่ แรดจริงๆเลยเพื่อนผม

“พี่ธีมเขาทศนิยมดี เขาไม่เอาแกหรอกไอ้เกลือ” ไอ้บูมแปรพักตร์แล้วครับ เริ่มกัดกันเอง

“รสนิยมไหมแก” ผมแก้แทนให้ กลัวมุขมันจะแป๊ก

“ขอบใจที่ช่วยแก้ผ้า”

“แก้ให้!!” คราวนี้ผมกับไอ้เกลือช่วยแก้พร้อมกัน ไอ้โหดมันนั่งขำ ตลกละซี่ รู้ยัง พวกผมไม่ได้มีดีแค่หน้าตาหรอกนะ แต่เป็นพวกพกมุขมาเต็มกระเป๋า เล่นกันเข้าไป ขำบ้างไม่ขำบ้างขอให้ได้เล่น

“ไอ้นาว แกเป็นไงบ้าง แล้วไอ้บิวละ” ไอ้จอมที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านรีบเอ่ยปากถาม แต่พวกผมไม่ได้ตอบมันหรอกครับ เพราะสายตาของพวกผมกำลังมองไปยังคนที่เข้ามาพร้อมกับมัน

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี ผิวสีน้ำผึ้ง คิวคมเข้ม ดวงตาเรียวยาวแต่สุกใส จมูกโด่งสวย มุมปากหยักขึ้นเหมือนคนที่ยิ้มตลอดเวลา ฟันขาวเหมือนไข่มุกเรียงสวยงาม เขาคือใครกัน ไอ้จอมมันพาใครมา

“เรื่องมันยาวอะพวกแก เอาไว้ค่อยเล่าที่มาที่ไป รอไอ้บิวมาก่อน แต่รู้จักเอาไว้ก่อนแล้วกัน นี่พี่ธีม ไอ้เกลือ ไอ้บูม ไอ้นาว” ไอ้จอมมันแนะนำพวกผม น้องเขายกมือขึ้นไหว้ พวกผมรับไหว้กันแทบไม่ทัน รอยยิ้มใสซื่อที่ส่งมา ผมรู้สึกถูกชะตาในทันที

“ส่วนนี่ น้องทัส ไททัส” ไอ้จอมแนะนำเสร็จน้องเขายิ้มให้พวกผมอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากทักทายพวกผม ซึ่งคำทักทายของน้องทัส ทำให้พวกผมอ้าปากค้างไปต่อไม่ถูกเลย

“มา โต อา คา”


..อะไรคือ มา โต อา คา ไอ้จอม!!!  แกไปเก็บน้องคนนี้มาจากไหนวะ พูดดดดดดดดดด...........



โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2015 21:29:49
กำลังซึ้งกับพี่ธีมอยู่ดีๆ คุณจอมไปลากอะไรมาอย่างฮาอะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 15-01-2015 21:42:13
ไม่ได้เข้ามาอ่านแปบเดียว
เขารักกันแล้ววววววว เย่ๆ
ชูป้ายไฟให้พี่ธีม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 15-01-2015 23:30:11
โอ๊ยยยยยย ถ้าพี่ธีมจะดีขนาดนั้นนะ  :-[ :o8: :impress2:นาว! ถ้าหนูไม่เอานี่ขอนะ :z1: ฉะนั้นรีบปล้ำพี่ธีมเร็วเข้า!! :hao6: :hao7: เดี๋ยวโดนแย่งนะ! :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 16-01-2015 00:10:41
เดี๊ยนว่าแล้ว ว่าอีเจ้าชายซกมกนี้แหละ ตัวจริง รอวันที่ อิเจ้าชายถอดรูปเด้อ :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 16-01-2015 14:39:37
เจ้าชายป่ะ
มา โต อา คา คือไรอ่ะ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 13 (15/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Check ที่ 16-01-2015 18:19:54
เพิ่งมีโอกาสได่เข้ามาอ่าน อยากบอกว่าสนุกมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 17-01-2015 12:38:47
บทที่ 14
   


“มาโตอาคา อืม ม.ต.อ.ค เฮ้ย หรือว่าน้องเขาคงอยากบอกแกว่า มึงเตี้ยอ้ายควาย มั๊งเกลือ” ไอ้บูมกระซิบไอ้เกลือ แต่ผมได้ยินก็ขำจนเจ็บท้องไปหมด ก็คิดได้นะไอ้บูมเอ้ย

“เตี้ยพ่องงง..ดิ เขาพูดว่า โต สระโอไหมแก ไม่ใช้สระเอี้ย” ไอ้เกลือหันไปด่าไอ้บูม

“มาโตอาคา หมายถึง สวัสดี เป็นภาษาพื้นเมืองของบ้านทัสเองครับ” เจ้าตัวเฉลยพวกผมเลยถึงบางอ้อ ว่าแต่ไอ้บ้านน้องเขานี่มันใกล้ดาวนาเม็กไหมวะ ภาษาของน้องเขาออกจะไกลเกินสมองผมจะหยั่งถึง

“สรุปว่า แกเป็นยังไงบ้างนาว” ไอ้จอมหันมาถามผมอีกรอบ

“ก็เกือบเสียเอกราช แต่ด้วยความสามารถของฉันฉันเลยรอด” ผมบอกกับไอ้จอม

“ความสามารถอะไรมิทราบ” ไอ้โหดมันย้อนถามผม

“ก็สามารถส่งกระแสจิตให้หมาบางตัวให้รีบมาช่วยไง”

“ถุยยยยยย” ไอ้เกลือกับไอ้บูมกลับมาสมานฉันท์กันทันทีที่ผมพูดจบ

“พี่มีพลังจิตด้วยเหรอ” น้องทัสทำหน้าสนใจ ขยับเข้ามาถามผมใกล้ๆ ผมชักอยากจะรู้ขั้นสุดแล้วนะว่าไอ้จอมมันไปพาน้องคนนี้มาจากไหน กิริยาท่าทางหรือสำเนียงการพูด ดูซื่อๆใสๆแบบไม่มีจริตคนกรุงเลยสักนิดเดียว นี่ถ้าบอกเป็นชาวเขาสักเผ่าผมก็เชื่อนะ

“ไม่มี พี่พูดเล่น แหะๆๆ” ผมไม่คิดว่าน้องเขาจะเชื่อคำพูดประชดของผมนี่นา จะว่าไป ผมสังเกตเห็นน้องเขาดูจะสนใจทุกอย่างรอบตัว เหมือนกับว่ากำลังจดจำทุกอย่างรอบๆตัว

“ได้ยินเสียงรถ สงสัยบิวมาแล้ว” ไอ้โหดมันบอกก่อนจะเดินไปที่ประตูบ้าน ไอ้บิวกลับมาแล้วจริงๆ พอมันเดินเข้ามาไอ้จอมก็เดินไปกอดมันเลยครับ มันมีสีหน้าตกใจนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตา

“เราไม่เป็นอะไรแล้ว” มันบอก ไอ้เกลือกับไอ้บูมก็ลุกขึ้นเดินไปโอบไอ้จอมเอาไว้อีกที ผมเห็นแล้วน้ำตาจะร่วง ลุกขึ้นเดินไปกอดพวกมันอีกทีเหมือนกัน


นึกภาพตามนะครับ ผู้ชายสี่ห้าคนยืนกอดกันกลมโลกคงดูสวยงามราวกับภาพวาดของเซอร์ไอแซคนิวตัน ว่าแต่เซอรืไอแซคนิวตันนี่เขาเป็นจิตรกรใช่ไหม อ้าว ไม่ใช่เหรอครับ


“จริงๆเราอยากกอดบิวนานกว่านี้นะ แต่ถ้าเราต้องกอดผ่านไอ้เกลือ เราทำใจลำบากจริงๆ” ไอ้บูมคลายอ้อมกอดออกแล้วบ่นขึ้นมา ไอ้เกลือหันมาตบหัวมันเบาๆ ไอ้บิวเลยหลุดหัวเราะทั้งน้ำตา

“ฉันดีใจที่มีพวกแกนะ” ไอ้บิวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา พวกผมเลยพามันกลับมานั่งที่โซฟาอีก ส่วนไอ้จอม พอมันเห็นสภาพไอ้บิวแล้วกัดกราม กำมือแน่น ท่าทางจะโกรธจัดจริงๆ จอมมันเป็นคนรักเพื่อนสุดๆอยู่แล้วด้วย

“พี่ขอตัวไปทำธุระต่อก่อนนะครับ” พี่ชัชบอกกับผม พวกผมยกมือไหว้พี่ชัชก่อนพี่เขาจะเดินออกไป คราวนี้เป็นไอ้บิวที่มองน้องไททัสด้วยความสนใจ น้องเขาตัวบางๆเหมือนไอ้บิวเลย แต่สูงกว่านิดหน่อย

“ทัส นี่พี่บิว บิว นี่น้องทัส เขาจะมาอยู่กับเราที่บ้าน แต่อย่าเพิ่งถาม เราอยากรู้เรื่องบิวก่อน” ไอ้จอมแนะนำน้องทัสเสร็จก็ถามไอ้บิวต่อ

“ถ้าบิวยังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรนะ” ผมบอกมัน เข้าใจว่าบางทีมันอาจจะอยากลืม

“เราโอเค” บิวตอบ

“เดี๋ยวพี่พาน้องทัสไปซื้ออะไรมาให้พวกเรากินดีกว่า” ไอ้โหดบอกกับพวกผม มันคงอยากให้พวกผมคุยกันตามประสาเพื่อน น้องทัสลุกขึ้นเมื่อไอ้โหดมันพูดจบ แต่น้องเขาเดินมายืนตรงหน้าไอ้บิว ก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนอยู่ที่แก้มของไอ้บิว

“นี ตู กา โค....ทัสว่าใบหน้าของพี่ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะ” พูดจบน้องเขาก็เดินนำไอ้โหดออกไป ทิ้งให้พวกผมก็อึ้งกิมกี่กันไปหมด ออร่าความอ่อนโยนใสซื่อของน้องเขาโคตรจะเปล่งประกายดังพลังจันทราของเซเลอร์มูนเลยครับ แต่ไอ้ นี ตู กา โค มันคืออะไรอี๊ก

“น้องเขาคงอยากบอกแกว่า นีตูกาโค น.ต.ก.ค. แปลไทยได้ว่า น้ำตาแกเค็มว่ะบิว โอ๋ๆ อย่าร้องเลยนะ” ไอ้บูมทำหน้าเหมือนคนที่เชี่ยวชาญด้านภาษาที่สามช่วยแปลด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ไอ้บูม ฉันว่านะแกเอาดีทางบอลน่ะดีแล้ว ถ้าแกเป็นล่าม ชีวิตคนที่จ้างแกไปแปลให้คงพัง” ผมด่ามัน จะไม่ทนกับมันแล้ว มันแปลอะไรของมัน ขำจนท้องผมปวดไปหมดแล้ว

“แกพร้อมเล่าแน่นะ” ไอ้จอมถามย้ำไอ้บิว ทำไมดูไอ้จอมมันจริงจังกับไอ้บิวจังวะ นี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า

“ฉันเจอกับพี่เขาตอนที่ไปช่วยพ่อทำรายอาหาร พี่เขามาทำเพลงประกอบรายการให้พ่อ ตอนนั้นฉันกำลังจะจบมอหก แรกๆพี่เขาก็มาชวนคุยธรรมดา พอเริ่มสนิทกันพี่เขาก็มารับไปกินข้าว ดูหนัง เขาเข้าทางพ่อ ฉันเห็นเขาเป็นคนอบอุ่นดี ก็เลยยอมคบกับเขาเรื่อยมา จนฉันเข้ามหาลัย เขาถึงได้เริ่มขอมีอะไรกับฉัน แต่ฉันไม่ยอม” ไอ้บิวมันเริ่มเล่า ก่อนจะหยุดนิดหนึ่ง

“มันทำร้ายแกเลยเหรอ” ไอ้เกลือถาม

“ยัง ฉันปฏิเสธ เขาก็ยอมนะ ยังไม่ทำอะไรก็แค่จูบกันบ้าง พอได้อยู่ใกล้ฉันบ่อยๆเข้า เขาก็เริ่มแสดงความต้องการอย่างชัดเจน ฉันก็ปฏิเสธตลอดเขาก็ยังอดทนให้ฉันเห็น ฉันก็เริ่มสงสารเขา ก็เลย..เลยช่วยเขาบ้าง แต่ฉันไม่ได้ให้ลึกซึ้งแบบนั้นนะ” ไอ้บิวบอก น้ำเสียงมันเริ่มสั่นๆ

“เล่าไหวไหมวะ” ไอ้จอมถามไอ้บิว มันพยักหน้า

“พอฉันเริ่มช่วยเขา เขาก็เริ่มเรียกร้องมากขึ้น คราวนี้พอฉันไม่ยอมเขาก็เริ่มใช้ความรุนแรง” น้ำตาไอ้บิวมันเริ่มคลอแล้ว

“แกไม่ต้องเล่าก็ได้นะบิว” ผมบอกมัน สงสารมันครับที่ต้องนึกถึงแต่มันส่ายหน้าแล้วเล่าต่อ

“พอเขาสงบสติได้ เขาก็จะร้องไห้ขอโทษฉันทุกครั้ง เขาเล่าให้ฉันฟังว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาเคยไปหาจิตแพทย์ที่เมืองนอกเพราะไม่กล้าไปหาหมอในเมืองไทย เขากลัวเป็นข่าว ฉันก็อดสงสารเขาไม่ได้ ที่ฉันยอมเพราะคิดว่าเขาป่วย ฉันคิดว่าเขาต้องการกำลังใจ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันก็เกือบจะโดนแล้วล่ะ แต่พี่เวกมาช่วยฉันทัน จากนั้นฉันก็ไม่ยอมไปเจอกับเขาตามลำพัง จนเขามาบอกกับฉันว่าเขาชอบแก เขาอยากเลิกกับฉัน” ไอ้บิวมันหันมาพูดกับผม ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เสียใจที่ทำร้ายใจเพื่อนแต่อีกใจก็ดีใจที่ผมเป็นสาเหตุให้ไอ้บิวมันหลุดพ้น

“ถือว่าเป็นโชคดีของแกทั้งสองคน จากนี้ไปแกไม่ต้องเจ็บอีกแล้วบิว ส่วนไอ้นาว แกรู้แล้วใช่ไหม ว่าใครเป็นเจ้าชายตัวจริงของแก” ไอ้เกลือมันบอก ผมกับไอ้บิวพยักหน้าพร้อมกัน

“ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแกฉันคิดว่าแกชอบพี่เขาจริงๆก็จะยอมเลิกกับพี่เขาให้ อีกใจก็ห่วงว่าแกต้องมาเจอแบบฉันก็ไม่อยากให้แกรักเขา” ไอ้บิวเอื้อมมือมาแตะมือผม

“ช่างมันเถอะ มันจบลงด้วยดีแล้ว แต่จากนี้ไป เรามาสัญญากันนะ มีอะไรต้องไม่ปิดกัน เราจะไม่มีความลับกัน เราจะปรึกษาและระบายให้กันฟังทุกเรื่อง โอเคนะพวกแก”ผมยื่นมือไปข้างหน้า

“โอเค แกซั่มกับพี่ธีมก็ต้องเล่าให้ฉันฟังด้วยนะ ฉันอยากรู้ถึงประสบการณ์ของชายเหนือชาย” ไอ้บูมบอกพร้อมกับยื่นมือมาวางบนมือผม ผมชักมือหนีแล้วยกขึ้นมาตบหัวมันแทนไอ้พวกที่เหลือยื่นมามาทับๆกันแทนคำสัญญา

“ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอก” ไอ้บิวมันเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พวกผมหันไปมองมันมันยังมีอะไรอีก อย่าบอกนะว่ามันท้อง

“หลังจากถ่ายแบบให้พี่ปอนเสร็จ ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่บัณตรา” พอไอ้บิวบอกจบผมก็นั่งทวนสถานที่ที่มันบอก ชื่อคุ้นๆติดหูแต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน

“อ๋อ ประเทศที่ไอ้มีนมันเล่าให้ฟัง ที่เจ้าชายเขาจะมางานการกุศลของคุณเมใช่ไหม” ผมนึกออกปุ๊ปก็รีบถามไอ้บิว

“อืม” ไอ้บิวตอบสั้นๆ

“แกจะไปทำไม” เสียงไอ้จอมดูเครียดๆ ชักยังไงละนะ ดูมันจะห่วงไอ้บิวจนออกนอกหน้า คือผมมันเป็นประเภทอยากรู้อะไรแล้วต้องรู้

“ฉันไปแทนพ่อ ส่วนรายละเอียดเอาไว้ฉันค่อยเล่าได้ไหม” ไอ้บิวบอก มันคงเพลียๆ ตามันยังแดงๆ อยู่เลย ผ่านการร้องไห้มาเยอะ จังหวะนั้นไอ้โหดมันก็กลับมาพร้อมกับน้องทัสที่ถือถุงผ้ามาเต็มไม้เต็มมือ

“น้องเขาไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก เขาพกถุงผ้าไปด้วย” ไอ้ธีมรีบอธิบาย ไอ้เกลือรีบเดินเข้าไปช่วยรับของจากน้องเขา

“ดีครับ รู้จักยืดอกพกถุง พี่บูมขอชื่นชม” ไอ้บูมก็วิ่งมาช่วยไอ้เกลือถือของอีกที ก่อนจะแซวน้องทัส

“งั้นทัสยกถุงให้พี่ใบหนึ่ง เดี๋ยวทัสตัดเอาใหม่ได้ ช่วยกันทำให้โลกน่าอยู่” น้องทัสยิ้มหวานให้ไอ้บูมก่อนจะเดินตามไอ้เกลือเข้าไปในครัว ไอ้บูมมองถุงผ้าแล้วทำหน้าทึ่งๆเมื่อได้รู้ว่าน้องทัสตัดเย็บถุงผ้านี้เอง

“งั้นเดี๋ยวบิวขอไปดูพวกมันก่อนครัวบิวจะพัง ขอบคุณพี่ธีมนะครับสำหรับทุกเรื่อง” ไอ้บิวยกมือไหว้ไอ้โหด มันยกมือขึ้นลูบผมไอ้บิวเบาๆ โคตรดูอบอุ่น แฟนใครวะ คิกๆ ส่วนไอ้จอมก็เดินตามไอ้บิวเข้าครัวไปติดๆ ตอนนี้ ห้องรับแขกเลยเหลือแต่ผมกับไอ้โหดสองคน

“ยังเจ็บอยู่ไหม” มันถาม

“เจ็บ แต่ทนได้” ผมบอกตามจริง

“แวะหาหมอหน่อยดีกว่า กลัวข้างในจะช้ำ” มันเดินมานั่งข้างๆผม

“นาวไม่มีมดลูก ไม่ต้องห่วง” ผมทำปากดีแก้เขิน ก็สายตามันที่จ้องมา มันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

“ทำตัวให้เหมือนเดิมก็ได้ สำหรับเราไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไป มีแค่ความรู้สึกที่มากขึ้นเท่านั้นเอง” มันบอกกับผม

“ถ้าพี่ไม่กวนตีนนาว นาวก็จะพูดดีกับพี่ แต่ถ้าพี่กวนตีนนาวนาวก็กวนตีนพี่กลับ” ผมตอบมัน มันหัวเราะ

“หึหึหึ เกรียนดี”

“แล้ว...แล้วพี่จะกลับมาเป็นผู้จัดการให้นาวเหมือนเดิมรึเปล่า” ผมถามมัน

“ใครจะทนรับใช้นาวได้เท่าพี่”

“นาวก็ว่างั้นแหละ หมาจะเปลี่ยนเจ้าของได้ไง” ผมตอบ มันเอามือมาโยกหัวผม

“ว่าแล้วว่าดีได้ไม่นาน ฮ่าๆ” มันหัวเราะชอบใจ ไอ้โหดมันท่าจะโรคจิต ชอบให้ผมด่า ได้ ฉันจะจัดให้แกเป็นโปรฟรีด่าตลอดชีวิตเลย

“ไม่ต้องบอกเรื่องเรากับคุณเมนะ” ผมบอกมัน มันมองหน้าผมนิ่งๆก่อนจะพยักหน้า

“อืม พี่ไม่บอก แต่ถ้าเขารู้เองก็ช่วยไม่ได้นะ”

“ถ้าพี่ไม่พูดเขาจะรู้ได้ไง”

“ก็พี่จะย้ายไปนอนห้องนาว”

“ห๊ะ..ไม่เอา เพิ่งจะจีบก็จะมาขอนอนด้วยแล้ว” ผมรีบโวยวายมัน

“พี่จีบนาวมาหลายปีแล้วนะ ถ้านาวไม่โง่นานขนาดนี้ก็เป็นแฟนพี่ไปนานแล้วไหม”

“จีบแบบพี่ใครจะไปรู้ ทำเป็นเกลียดเกย์งี้”

“ก็พี่ไม่ได้ชอบเกย์พี่แค่รักนาว” อุ่ยๆๆๆมันตอบแบบนี้แล้วผมจะพูดอะไรต่อได้ครับ อย่าให้ผมเขินบ่อย สมองผมมันรวน

“จูบเลย จูบเลย จูบเลย” เสียงไอ้บูมลอยมาแต่ไกล ผมหันไปชี้หน้ามัน ขมุบขมิบปากด่า อย่ามายุ ผมกลัวเคลิ้ม

“กินข้าวกัน” ไอ้บิวเรียก ผมกับไอ้โหดเลยเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว


พวกผมกินกันไปคุยกันไป ใช้เวลาหมดไปหนึ่งวันแบบยังไม่จุใจเลย แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ไอ้บิวขอบคุณพวกผมที่ยอมเสียงานมาอยู่เป็นเพื่อนมัน ผมย้ำถามมันอีกครั้งว่าอยู่คนเดียวได้แน่รึเปล่า มันเลยบอกว่าจะไปค้างกับพ่อสักอาทิตย์ พวกผมเลยเบาใจ ไอ้จอมก็ดูจะออกอาการเป็นห่วงไอ้บิวมากกว่าปกติ จากที่คิดว่ามันจะอิ๊อ๊ะกับไอ้ยีน ผมต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้วว่ามันจะเลือกเดินทางไหนกันแน่


พอแยกย้ายกันออกมาจากบ้านไอ้บิว ไอ้โหดมันก็พาผมไปหาหมอที่คลินิกของเพื่อนมันก่อนกลับบ้าน มันบอกว่าไม่อยากพาไปโรงพยาบาล คนเยอะไป พอกลับมาถึงบ้านก็เจอแต่ธารที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก ธารมองพี่ชายของตัวเองก่อนจะสลับมามองหน้าผม ผมว่าผมเห็นธารยกยิ้มนิดๆก่อนจะก้มหน้าไปสนใจหนังสือในมือต่อ ป้าสายหยุดมาถามผมว่าจะกินบัวลอยไหม ผมเลยบอกว่าจะขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วจะลงมากิน ป้าสายหยุดยิ้มดีใจเมื่อไอ้โหดบอกจะกินฝีมือของป้าสายหยุดด้วย ก็ปกติมันไม่กินของหวานนี่เนอะ


“ชีวิตพี่มีนาวแล้วยังต้องการความหวานอีกเหรอ” ผมแอบกระซิบถามตอนที่เดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับมัน

“มาก” มันตอบ อ้าว ตอบงี้เดี๋ยวต่อยเลย ผมหยุดเดิน หน้าหงิกใส่มัน มันหัวเราะแล้วคว้าข้อมือผมให้เดินต่อ ห้องมันอยู่ชั้นสอง ของผมต้องเดินขึ้นไปอีก เป็นห้องใต้หลังขา เล่นยกระดับขึ้นมาประมาณครึ่งชั้น เห็นไหม ผมกับมัน มันคนละระดับ

“ขอบใจที่มาส่งนะ กลับห้องพี่ไปได้แล้ว” ผมไล่มันเมื่อมันจูงมือผมมาถึงห้องของผม

“พี่บอกว่าขาดความหวาน ไม่เข้าใจรึไง” มันปิดประตูพร้อมกับล็อกห้อง ผมหน้าตื่นเลยสิ ฉันยังไม่พร้อมนะ ขอศึกษาขั้นตอนการเสียเอกราชนิดหนึ่งก่อนเหอะแก

“ไม่เอา อย่ามาทำเหมือนพี่นภดิวะ” ผมรีบบอกมัน ผมหมายถึง อย่ามารุกเร็วจนผมทำตัวไม่ถูก แต่ไม่รู้ว่ามันจะแปลประโยคของผมว่าอะไร เพราะมันชะงักไปเลย ไอ้รอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อครู่ลาไปพักร้อนแล้วรึไง ตอนนี้ถึงได้หน้าบูดเป็นตูดม้าลายแทน

“อย่าอาบน้ำนานละ เผื่อมีไข้” มันบอกก่อนจะวางถุงยาลงที่เตียงของผมแล้วเดินไปที่ประตู

“โกรธนาวเหรอ” ผมรีบถามมัน

“เปล่า แต่พี่ไม่เหมือนไอ้เชี้ยนั่น เมื่อกี้พี่ล้อเล่น พี่แค่จะอยู่ทายาให้นาว” มันบอกแล้วเดินออกจากประตูไปเลย
ผมก็จ๋อยสิครับ ก็ใครใช้ให้มันทำตาวิบๆวับๆใส่ผมตลอด แถมยังชอบพูดให้ผมคิดลึก มันก็น่าจะรู้ว่าผมขี้มโน อีกอย่าง ผมไม่เคยเรื่องแบบนั้น กลัวใบหน้าที่หล่อเหลาและท่าทางละมุนละไมของผมมันจะไปยั่วไอ้โหดจนอดใจไม่ไหวขึ้นมา ผมต้องถ่างขาไปเดินแบบให้คุณเมก็แย่กันพอดี

‘พี่ไม่เข้าใจดาวเลย ไม่เข้าใจดาวววว’

ผมอาบน้ำเสร็จก็หยิบถุงยากับไดร์เป่าผมเดินไปหาไอ้โหดมันที่ห้อง ผมเป็นคนรักสงบ จิตใจงาม ไม่อยากทำให้ใครมาขุ่นข้องหมองใจเพราะตัวผม ผมไม่ได้มาง้อมันนะบอกเอาไว้ก่อน ผมเคาะประตูสองสามทีจนมันเดินมาเปิดให้

“จะยืนอีกนานไหม” มันถามเมื่อเห็นว่าผมยังไม่เดินเข้าไปสักที เดี๋ยวนะ ใครใช้ให้มันถอดเสื้อเหลือแต่บ็อกเซอร์แบบนี้ มันรู้จักละอายใจบ้างไหม แขกมาถึงห้องไม่รู้จักแต่งตัวให้มันมิดชิด แล้วคิดว่าแขกอย่างฉันจะมองอะไรของแกไหม ก็ต้องมองอะดิ ฮ่าๆๆ

“พี่ธีม..ทายาให้หน่อย” ผมบอก มันดึงมือผมให้เดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู

“อย่ามองเยอะ เดี๋ยวมักลุกมาสู้นะ” มันบอกผมเพราะผมมัวแต่เพ็งไปที่อะไรบางอย่างที่มันล่อสายตา พอได้ยินมันพูดผมเลยต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามันแทน

แม่มมมม เจือกเห็นอีกว่าผมแอบมองลูกมัน ผมไม่ได้ทะลึ่งนะ อย่าคิดแบบนั้นเชียว ก็ ก็ ก็แค่คิดว่าทำไมถึงได้อลังการงานสร้างแบบนั้นวะ สรุปพ่อมันเป็นคนชาติไหน ผมว่าผมเปลี่ยนใจไม่เป็นแฟนมันทันไหมวะ ฉันกลัว...

“เป่าผมให้นาวด้วยนะ” ผมสั่งมัน มันจับผมนั่งลงบนเตียง แล้วเลิกเสื้อผมขึ้นแบบไม่ให้ผมได้ตั้งหลัก พอร่างกายสัมผัสความเย็นจากเครื่องปรับอากาศขนก็ลุกดิครับ

“กินยารึยัง” ปากมันถาม มือก็เอายามาทาที่ท้องผมให้ด้วย มือมันเบาจังชีวิตดีดี๊ มีคนดูแล ฮ่าๆ

“กินแล้ว แก้ปวดกับแก้อักเสบ” ผมบอกมัน

“หันหลัง” มันทายาเสร็จก็เอาเสื้อผมลงแล้วสั่งผม ผมหันหลังให้มัน มันเอาไดร์เป่าผมไปเสียบปลั๊กตรงหัวเตียง ก่อนจะเป่าผมให้ผม

“โอ้ย ร้อนหู แกล้งนาวเหรอ” ผมยกมือขึ้นลูบที่หู

“หึหึ ไม่ได้แกล้ง โทษที” มันบอก แต่เสียงหัวเราะแกมันดูสะใจนะไอ้เมือกปลา มันนั่งเป่าผมให้ผมจนแห้งแล้วถึงเอาไดร์ไปวางไว้ที่โต๊ะ

“พรุ่งนี้มีงานอะไรบ้าง” ผมถาม

“พี่แคนเซิลหมดเลย ท้องนาวเขียวช้ำขนาดนี้ คืนนี้ไข้ขึ้นแน่” มันบอก

“แล้ว...แล้วจะมีคนเฝ้าไข้นาวรึเปล่า” ผมถามมันเบาๆ เขินโว้ยได้ยินเสียงน้ำมันเดือดไหม ผมกำลังทอดสะพาน เกรียมกำลังน่า
กินเชียว ฮ่าๆ

“เดี๋ยวให้ป้าสายหยุดมานอนเป็นเพื่อนก็ได้” มันตอบ ผมนี่ลุกขึ้นยืนเลย นี่มาง้อแล้วนะ เออยอมรับก็ได้ว่าง้อ ถ้าอยากงอนก็เชิญ ผมไปละ แต่ยังไม่ทันไปมันก็ดึงมือผมให้นั่งลงข้างหน้ามันเหมือนเดิมแล้วสวมกอดรอบเอวผมเอาไว้ เกยคางที่ไหล่ของผมก่อนจะเอียงหน้ามาหอมแก้มผมเบาๆ

“พี่ไม่อยากให้นาวกลัวพี่พี่ไม่อยากเหมือนไอ้นภ”

“นาว..ขอโทษ นาวไม่ได้ตั้งใจจะหมายความแบบนั้น นาวแค่...แค่เขินที่พี่มาทำโรแมนติกใส่” ผมยอมขอโทษมัน มันหอมแก้มผมอีกหลายครั้งเลย ได้ทีเลยนะไอ้หมาธีมผมยอมเพราะไม่อยากให้มันงอนหรอกนะ ไม่ได้เต็มใจอะไรหรอก

“พี่ยอมรับนะว่าอยากได้นาวจะแย่” มันบอก นั่นปะไร! ผมว่าแล้วว่าเสน่ห์ของผมมันยากเกินห้ามใจ

“คือ...แต่..” ผมยังไม่พร้อมจริงๆนะ แต่ไม่กล้าพูด กลัวมันจะคิดว่าผมรังเกียจ

“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ทำอะไรหรอกถ้านาวไม่พร้อม รอมาได้ตั้งนานแล้วนะ แต่ไอ้กอดๆ จูบๆ มันก็ต้องมีมั่ง นาวจะมาห้ามทุกอย่างไม่ได้หรอก พี่รักของพี่นาวไม่มีสิทธิ์มาห้าม เข้าใจปะนาว” มันบอก

“...........................” ผมกำลังประมวลผลข้อมูลที่ไอ้โหดมันกำลังยัดเยียดใส่หัวผม เดี๋ยวนะ นี่ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามมันให้มาปู้ยี้ปู้ยำตัวผมใช่ไหม ผมขอไปเรียนกฎหมายแป๊ปนะ ผมว่า..มันไม่ใช่นะ

“แต่ถ้านาวไม่อยากให้พี่แตะต้องตัวนาวพี่ไม่ทำก็ได้” มันกำลังจะคลายอ้อมกอดออก นี่มันเป็นญาติกับพี่ป้างปะวะ โคตรใจน้อยเลย

“นาวพูดสักคำยังว่าไม่ให้จูบไม่ให้กอดหรือห้ามโดนตัว อิตอนมาจุ๊บๆนมนาวนาวยังไม่ได้ห้ามเลย” ด้วยความที่กลัวมันน้อยใจก็เลยพล่ามออกไป แต่เฮ้ยยย ผมพลาดอีกแล้ว ปากมันชอบไปไวกว่าความคิดทุกทีเวลาที่มันใช้มุขน้อยใจแบบนี้ผมเสียเปรียบทุกที แง พ่อจ๋าแม่จ๋า ไอ้โหดมันดึงผมไปนอนราบกับที่นอนและค่อมตัวผมแล้ว ผมพลาดไปแล้ว

“พี่รักนาวนะพี่ไม่ฟันนาวแล้วทิ้งหรอก รับรอง” แล้วมันก้มลงมาจูบผม ดูดดื่มจนลูกผู้ชายอย่างผมจะกลายเป็นลูกผู้หญิงแล้ว

นาว แกควรจะยกมือขึ้นมาทุบไหล่มัน!! ดีดดิ้น!! น้ำตาคลอ!! ขัดขืน!! สมองซีกซ้ายบอกบทผม

นาว แกยกมือขึ้นมาโอบรอบคอมัน ตอบรับจูบมัน ให้มันอึ้งว่าแกก็มีดี น้ำตงน้ำตาเก็บไปเลย แกไม่ใช่สาวน้อยวัยใสนะ ที่จะมาทำไม่ประสีประสาอะไร สมองซีกขวารีบแย้งทันที

แล้วคิดว่าผมควรเชื่อสมองซีกไหน!!

แหะๆๆ พอดีผมถนัดขวาอะครับ ...

“นาว” มันผละริมฝีปากออกมาเรียกชื่อผมก่อนจะกดจูบลงไปใหม่ มันคิดว่าคนอย่างผมจะจูบไม่เป็นละซี๊ ผมไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะ รู้ยัง

“เดี๋ยวๆ” ผมพยายามดันมันออกเมื่อเห็นว่าลูกชายของมันมาทิ่มๆโดนตัวผม มันยอมละริมฝีปากออกแล้วพลิกตัวมานอนหงายข้างๆผม มันหลับตาเม้มริมฝีปากเหมือนคนกำลังอดกลั้นสุดๆ ผมแอบเหลือบตาลงดูธีมน้อยยที่ตอนนี้ไม่น้อยเลยสักนิด!

บร๊ะเจ้าช่วยยย!!!!  โปรดจงฟังคำอ้อนวอนของลูกช้างด้วย

ธีมน้อยเอ้ย จงสงบ จงเสงี่ยม จงหลับใหล จงคืนสู่สามัญ ผมรีบสะกดจิตลูกชายของมันก่อนที่จะโดนมันยกทัพมาตีค่ายพรหมจรรย์ เอ้ย ค่ายบางระจันของผม

“นาวลงไปรอข้างล่างก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป” มันบอก ผมพยักหน้าแล้วรีบลุกไปก่อนมันจะเปลี่ยนใจ ก่อนจะไปก็วิ่งกลับมาหอมแก้มมันอีกทีแล้วโกยตีนหมาลงข้างล่างไปเลยครับ ได้ยินเสียงแว่วๆของมันก่อนจะออกจากห้องของมันว่า

“เรานี่มันจริงๆ เลย มายั่วแบบนี้ คราวหน้าจะไม่ทนแล้วนะ หึหึ”


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2015 16:36:53
อารมณ์ที่ดูดราม่าเมื่ออ่านตอนแรกหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่จอมหื่น แรดยั่วขนาดนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-01-2015 17:57:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 17-01-2015 18:10:06
น้องนาวคะ นี่หนูไม่รู้หรอลูกว่า มันมีกฎหมายที่ให้พี่ธีมทำอะไรกับร่างกายน้องนาวก็ได้ โดยที่น้องนาวไม่มีสิทธิ์ห้ามมม ฉะนั้น!! อย่าขัดขืน แต่ยัดเยียดให้พี่ธีมเลยค่ะ ฮี่ฮี่  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 17-01-2015 21:29:28
จงสงบ จงสเหี่ยม  จงหลับใหล จงกลับสู่สามัญ คาถานี้เอาไม่อยู่หรอก ต้องนี้ KYอยู่หัวเตียง  คอนด้อม ในลิ้นชัก แล้วนาวจะเปิดประตูรอ  ยอมๆๆไปเถอะม่ายต้องกลัว ป้าอยากฟิน เอิ้กๆ :oo1: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-01-2015 23:23:26
สนุกจัง เพิ่งได้อ่าน ท่าทางจะมีหลายคู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 17-01-2015 23:59:04
สนุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยอมพี่เขาเถอะลูก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-01-2015 02:31:22
อ่านตาแฉะรวดเดียวตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ
เขียนได้สนุก น่าติดตาม อ่านไปเชียร์พี่ธีมไป ในที่สุดก็มาวิน แบบว่าชอบพระเอกแนวนี้แหละ  :mew1:

เหมือนยังมีปมอีกหลายเรื่องที่ค้างคาอยู่ รออ่านตอนต่อไป รีบมาต่อนะจ๊ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 18-01-2015 10:06:57
เค้าอ่อยกันแล้ว
อีกไม่นานสินะ
ไอ้น้องนั่นที่ไปอยู่กับจอม นี่รู้จักครอบครัวจอมเป็นการส่วนตัวรึเปล่าเนี้ย
เหหห
 :ruready
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 14 (17/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 18-01-2015 12:04:14
ตามอ่านจากห้องแนะนำ

คือดีงาม น้องนาวมโนเก่ง พี่ธีมแสนดี
เป็นแฟนกันแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-01-2015 13:49:10
บทที่ 15


ธารยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเมื่อผมเดินลงมาข้างล่าง ธารเปิดทีวีเอาไว้แต่ไม่ได้ดู ทีแรกผมตั้งใจจะเดินเข้าไปหาป้าสายหยุดในครัวแต่ก็เปลี่ยนใจเดินเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นแทน ผมก็แค่อยากลองเปิดใจให้กับครอบครัวของไอ้โหดมันดูบ้าง ผมก็พอจะรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองสร้างกำแพงเอาไว้ ไม่อยากให้คุณเมเข้ามาแทนที่แม่พุดซ้อน เลยพาลตั้งแง่ให้กับไอ้โหดและธารด้วย แต่ตอนนี้ ในเมื่อผมรับไอ้โหดมันเข้ามาในชีวิตแล้ว ผมก็ควรเปิดใจให้กับคนสำคัญของมัน แล้วมันก็ดีกับผม ผมก็ไม่อยากให้มันลำบากใจ


“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ” ผมทำเป็นถามลอยๆ แต่ในห้องนี้มีแค่ผมกับธาร มันก็เลยลอยไปหาธารนั้นแหละ  ธารลดหนังสือลงก่อนจะทำหน้าแปลกใจ ท่าทางจะแปลกใจมากด้วย

“ไม่สบายรึเปล่า” เสียงอีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก คงเพราะผมไม่เคยทักธารก่อนเลยสักครั้ง พอเริ่มต้นทักครั้งแรกคงคิดว่าผมสมองกลับแหงๆ

“ก็แค่อยากทัก..เอ่อ..พี่ธาร...แค่นั้นเอง” ผมบอกเสียงเบา ธารวางหนังสือลงแล้วลุกจากที่นั่งของตัวเองมานั่งข้างๆผม ยกมือขึ้นอังที่หน้าผาก นี่ประหลาดใจจนต้องทำแบบนี้กับผมเลยเหรอหรือการทำดีของผมมันทำให้เขาคลางแคลงใจ

“ตัวร้อนจริงด้วย หน้าซีดมากเลยรู้ตัวเปล่า พี่ธีมไปไหนเนี่ย ว่าแล้วเชียวต้องไม่สบาย เห็นหน้าซีดตั้งแต่กลับมาแล้ว แม่รู้รึเปล่าว่านาวป่วย ไปหาหมอรึยัง พี่ธีม..พี่ธี..”

“พี่ธาร..ไม่เป็นไร นาวไม่ได้เป็นอะไรมาก” ผมรีบบอกเพราะธารดูกังวลจนผมกลัวจะทำให้ทุกคนตกใจ บอกตรงๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองเลวร้ายไปเลยเมื่อเห็นว่าสายตาและน้ำเสียงของธารดูเป็นห่วงผมจริงๆ ไม่คิดว่าท่าทางที่เมินเฉยที่แสดงกับผมมาตลอดกลับมองออกว่าผมไม่สบาที่ผ่านมาผมคงอคติไปเองว่าโดนจับผิด

“จู่ๆ เป็นไข้ได้ไง” ธารขมวดคิ้ว สักพักก็เอื้อมมือมากดที่ท้องของผม

“โอ้ย” ผมสะดุ้งก่อนจะร้องออกมาเพราะตอนนี้มันระบมมากกว่าตอนแรกๆ แตะโดนนิดเดียวก็เจ็บแล้ว

“ว่าแล้ว เห็นเดินตัวงอๆ ไหนดูสิ ตายแล้ว ไปโดนอะไรมา!!!” ธารเล่นเปิดเสื้อผมแบบไม่ปรึกษากันเลย ผมได้แต่อึ้งกับปฏิการสายฟ้าแล่บของธาร แย่แล้ว ต้องรู้ถึงหูคุณเมแน่ เรื่องชักจะยาวแล้ว ไอ้โหด ลงมาสักที ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อดีแล้ว

“คือ..นาว คือ...” ผมจะตอบว่าอะไรดี

“โอเค ไม่ต้องตอบ เดี๋ยวถามพี่ธีมเอง แต่ไปหาหมอมาแล้วใช่ไหม เหมือนเห็นพี่ธีมถือถุงยาตอนกลับเข้ามาด้วย” ธารถามผม

คุณพระ! คนบ้านนี้เขาจบจากฮอกวอตรึเปล่า ทำไมสายตาคมกริบจับรายละเอียดได้ดีอย่างกับเป็นศิษย์เอกของศาสตราจารย์สเนป

“ไปหาแล้วครับ”

“ไม่ต้องเรียกพี่หรอก ไม่ต้องสุภาพจนไม่ธรรมชาติก็ได้ เรายังไม่อยากแก่ เรียกธารก็พอ แล้วนึกยังไงถึงได้มาทัก” ธารบอกกับผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม บทจะคุยก็คุยเก่งดีนะผู้หญิงคนนี้ ผ่านมาตั้งหลายปี พูดกันนับคำได้เลยแล้วถ้าอยากให้ผมเป็นธรรมชาติ เรียกแกเลยได้เปล่า ผมล้อเล่น กับสาวๆผมต้องสุภาพสิ

“ก็..ไม่รู้สิ” ผมไม่รู้จะตอบว่าไง จะตอบว่า ก็นาวสอยพี่ชายธารมาเป็นแฟนแล้ว เลยอยากฝากเนื้อฝากตัวก็ดูแรดไปนะ

“ไปตัดผมที่ไหนมา ดูดีนะ สีผมสวย” ธารคงเห็นว่าผมทำตัวไม่ถูกเลยเปลี่ยนเรื่องดีมาก ควรเปลี่ยนเรื่องเสียที

“ร้านแฮร์ดีไซน์สตูดิโอ ทำกับช่างประจำ เขาเก่งนะ” ผมบอก

“เอาไว้พาไปหน่อยนะ แต่ธารอยากทำสีนี้ ว่าทำแล้วจะสวยไหม” ธารหยิบหนังสือแล้วลุกมานั่งข้างๆผมอีกครั้ง ผมดูสีผมของนางแบบในหนังสือที่ธารชี้ให้ดู

“เออ สวยจริงด้วย เดี๋ยวนาวพาไป พรุ่งนี้เลยไหม แต่นาวว่าธารลองทำผมทรงนี้ดูมะ” ผมชี้ไปที่นางแบบอีกคน ตอนนี้ผมธารยาวแล้วและมันดูไม่เป็นทรงเท่าไหร่ ทรงผมที่ผมชี้ให้ธารดูเป็นผมสั้นยาวประบ่านิดหน่อย ดัดปลายแค่พอมีลอนสวย

“จะเหมาะไหมอะ จริงๆชอบผมสั้นแบบนี้นะ แต่กลัวไม่เข้ากับหน้า”

“เหมาะดิ ตาธารสวย น่าจะเข้ากันนะ”

“สวยจริงเหรอ พูดดี เดี๋ยวเลี้ยงข้าว” ธารบอกก่อนจะหัวเราะชอบใจ

“แต่นาวไม่ชอบที่ธารกรีดอายไลน์เนอร์หนาๆ มันเข้มไป ตาสวยๆแต่งอ่อนๆก็พอ” ผมก็ไม่รู้อะไรดลใจให้กล้าแสดงความคิดเห็นกับคนที่เพิ่งจะเริ่มคุยกันเป็นเรื่องเป็นราววันนี้เอง แต่ธารกลับตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมบอก

ผมได้คุยกับธารก็เหมือนได้คุยกับไอ้มีน เหมือนได้เพื่อนมาเพิ่มอีกคน ธารดูเหมือนสาวมั่นใจในตัวเองแต่พอคุยแล้วกลับเหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ แล้วธารก็ถามผมอีกว่า แต่งตัวแบบนี้ดีไหม ชุดที่ธารชี้ให้ดูเป็นชุดกระโปรงที่ดูเรียบร้อยหน่อย ผมแปลกใจนิดหน่อย เพราะปกติธารจะแต่งตัวเหมือนสาวมั่นๆ แต่ผมก็ชอบนะถ้าธารจะแต่งตัวหวานๆแบบนี้ ผมไม่ชอบให้ธารแต่งโป๊ๆแบบที่เคย

ผมกับธารคุยกันถูกคอจนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากด้านหลัง ไม่ต้องบอกเลยว่าเสียงใคร ไอ้ที่ชอบหัวเราะ ‘หึหึหึ’ แต่คิดอีกที ถ้ามันหัวเราะ ‘ก๊ากๆๆ’ ตีนกาคงขึ้นเร็วๆ งั้นจง ‘หึหึหึ’ ต่อไปนะดีแล้ว ผมมั่นใจ  ผมกับธารหันไปมองตามเสียง ก็เห็นไอ้โหดมันยืนพิงราวบันได้แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว แหม ดูดิ มันต้องกอดอกพิงราวบันได้ให้ดูเท่ห์ด้วยเหรอ แต่ขอโทษนะ ไอ้ชุดนอนที่แกสวม เสื้อยืดขาวเก่าๆคอย้วยกับกางเกงนอนลายสก็อตสีซีดจนเกือบจะมองไม่เห็นความเป็นสก็อตทำให้ความเท่ห์ของมันลดลงไปแปดระดับ


“พี่ธีม ใส่ผ้าขี้ริ้วลงมาทำไม” ธารถาม ผมได้ยินนี่หัวเราะก๊ากจนน้ำตาจะไหล ไอ้ที่จะไหลเพราะเจ็บท้องครับ T_T เกร็งหน้าท้องมากไปหน่อย ก็ชุดนอนมันคงเป็นญาติของผ้าขี้ริ้วจริงๆ

“ซี๊ดด เจ็บ” ผมร้องครางเบาๆ ไอ้โหดรีบเดินมานั่งตรงที่ว่างข้างๆผมอีกข้าง

“พี่ธีมเล่ามาเลย นาวไปโดนอะไรมา เจ็บจนไข้ขึ้นด้วย แล้วแม่รู้รึยัง” ธารรีบถามพี่ชายตัวเอง

“ยังไม่รู้” ไอ้โหดมันตอบ ผมไม่อยากให้มันเล่าให้ธารฟังเลย เพราะไม่อยากให้รู้ถึงคุณเม แต่สีหน้าของธารก็ดูเป็นห่วงผมมากจนผมไม่อยากโกหก

“โดนชกมา แต่เคลียร์เรียบร้อยแล้ว” ผมตอบแทนไอ้โหดที่กำลังทำหน้าลำบาก

“ใคร” ธารถาม ผมนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบ

“ไอ้นภ”

“นภ..นภนักร้องที่นาวแอบชอบเหรอ” ธารขมวดคิ้วถาม เฮ้ย นี่ธารรู้ได้ไงว่าผมแอบชอบไอ้พี่นภ

“รู้..ด้วยเหรอ..” ผมถามเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“รู้ดิ แล้วทำไมมันมาชก หรือว่า.. ห๊ะ ไอ้สัตว์นั้นมันกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ” ธารทำหน้าสงสัยอยู่แป๊ปหนึ่ง พอเหมือนจะเรียบเรียงเรื่องราวได้ก็ส่งเสียงดังเหมือนคนโกรธจัด

“ชู่ๆๆ เบาๆก็ได้” ผมรีบบอก ธารถึงได้ถอนหายใจ

“แม่งเลว แล้วเคลียร์ยังไง” ธารถาม ไอ้โหดก็เล่าให้ฟังคร่าวๆว่าจัดการไอ้พี่นภจนน่วม แต่มันไม่ได้เล่าถึงไอ้บิวเลยแม้แต่น้อย ผมนึกขอบคุณมันในใจ

“อ้าว ลงมากันแล้วก็ไม่บอกป้า ป้ากำลังจะขึ้นไปตามเลย งั้นป้าเอาบัวลอยมาให้เลยนะคะ” ป้าสายหยุดเดินเข้ามาพอดี เราสามคนถึงได้หยุดพูดเรื่องนี้

“ไปกินที่ศาลาหลังบ้านได้ไหม” ผมถาม

“ไม่ได้”

“ไม่ได้!”

สองพี่น้องตัว ธ ประสานเสียงกันเลยครับ เสียงดังใส่ผมทำไมเนี่ย ผมยิ่งขวัญอ่อนอยู่ ตกใจหมดเลย

“มีไข้อยู่นะนาว” ไอ้โหดบอกเบาๆที่หูขวา

“ไม่เจียมตัวเลย เดี๋ยวโดนน้ำค้างก็จะไข้หนักอีก” ธารขู่เสียงเบาที่หูซ้าย

“รู้แล้วกินในบ้านก็ได้!!” แต่ผมตะโกนเสียงดังกลับใส่ ก็มาดุผมทำไม ผมงอน!!

“ดูทำปากยื่นอย่างกับเป็ด ฮ่าๆๆ” ธารหัวเราะผมก่อนจะเอามามือมาจิ้มที่ปากผม ผมรีบเม้มปาก ไอ้โหดโยกหัวผมเบาๆแล้วก็หัวเราะตามน้องสาวมัน นี่ผมไม่ใช่ตัวตลกของคุณสองพี่น้องนะครับ ฮึ่ยย

“เสียงดังอะไรกันจ๊ะ ใครแกล้งน้องนาว” เสียงของคุณเมดังเข้ามาก่อนตัว

ผมหันไปมองก็เห็นสีหน้าคุณเมฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ก็คงต้องประหลาดใจแหละ ก็ผมนั่งอยู่ตรงกลางท่ามกลางลูกสาวลูกชายของเธอ อีกคนยังโยกหัวผมค้างเอาไว้ อีกคนกำลังจิ้มปากผม ภาพแบบนี้คุณเมคงไม่เคยได้เห็นตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ผมมั่นใจ

“อ๋อ พอดี นาวไม่..” ธารกำลังจะพูดแต่ผมแอบส่งสายตาขอร้องธารไม่ให้พูด

“พอดีนาวไม่ยอมรับว่าทำปากยื่นค่ะแม่ ธารเลยจิ้มให้ดูบอกว่ายื่นจริงๆ” ธารตอบ นี่ไปเล่นละครได้ทั้งบ้านเลยนะผมว่า พรสวรรค์สุดๆ เนียนได้ธรรมชาติมากๆ

“แล้ว..” คุณเมเหมือนจะพูดไม่ออก แต่ผมเห็นว่าเธอน้ำตาคลอๆ นี่ผมบอกตรงๆเลยนะ ผมเริ่มรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองร้ายกาจจริงจัง แค่ผมลงมานั่งเล่นกับบรรดาลูกๆของคุณเม ก็ทำให้คุณเมดีใจขนาดนี้เลยจริงๆเหรอ

“มาทานบัวลอยด้วยกันไหมครับ” ผมถามขึ้น ไอ้โหดกับธารหันมามองหน้าผม รวมไปถึงป้าสายหยุดด้วย คุณเมยืนอึ้งก่อนจะพยายามเงยหน้ากลั้นน้ำตา

“ทานค่ะ แม่ขอทานด้วยคนนะคะ” คุณเมพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มกลับมาให้

...รอยยิ้มที่ผมไม่เคยมอง ไม่เคยอยากจะมอง แต่มันฉายชัดให้ผมได้มองเต็มตาแล้วในวันนี้..ที่เห็น ไม่ใช่เพราะผมเปิดตามอง แต่คงเป็นเพราะผมเปิดใจต่างหาก...


บรรยากาศปาร์ตี้บัวลอยของป้าสายหยุดก็ผ่านไปแบบจะอบอุ่นดูเป็นครอบครัวแสนรักเลยก็ยังไม่เชิงแต่จะอึดอัดแบบแต่ก่อนก็ไม่ใช่ คงเป็นเพราะผมยังรู้สึกเขินๆที่จะแสดงออก คุณเมเองก็ดูจะยังไม่ค่อยกล้าแสดงออกถึงความสนิทสนมกับผมได้เท่าไอ้โหดกับธาร เธออาจจะยังกลัวว่าผมอาจจะดีแตกแล้วกลับไปเฉยชากับเธออีกก็ได้มั๊ง เลยยังเว้นระยะให้ผมนิดนึง

เราคุยกันเรื่องเจ้าชายมิคาเอล เจ้าชายจากประเทศบัณตรา ผมได้รู้จากคุณเมว่า ประเทศนี้เป็นหมู่เกาะเล็กๆที่อยู่ทางเหนือขึ้นไปจากประเทศไทย แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ยินชื่อเพราะบัณตราเป็นประเทศที่ปิดตัวจากโลกภายนอก ขนาดผมเป็นคนชอบเล่นอินเตอร์เน็ต ชอบไปดูสถานที่สวยงามต่างๆทุกมุมโลก ผมยังไม่เคยได้ยินชื่อประเทศนี้คุณเมเล่าต่อว่า เจ้าชายมิคาเอลเสด็จมาถึงไทยพร้อมกับน้องสาวได้สี่ห้าวันแล้ว แต่เป็นการมาแบบส่วนพระองค์ ตอนนี้ท่านประทับอยู่ที่ห้องพักสุดหรูในโรงแรม โดยมีคุณเมเป็นธุระจัดการดูแลในทุกๆเรื่องระหว่างที่สองพระองค์พำนักอยู่ที่ประเทศไทย พี่ธีมกับธารได้เจอทั้งสองพระองค์แล้ว เหลือแต่ผมที่ยังไม่ได้เจอ ไม่เห็นไอ้โหดมันเล่าให้ผมฟังเลยว่าเจอเจ้าชายเจ้าหญิงมาแล้ว และในคืนพรุ่งนี้ ผมกับคนในครอบครัวนี้ต้องไปรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเจ้าชายและเจ้าหญิงเป็นการส่วนตัว ผมรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ คนธรรมดาอย่างไอ้นาวจะได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าชายเชียวนะเว้ยผมกำลังสงสัยว่าเรากับเขาจะคุยภาษาอะไรกัน จากที่ตื่นเต้นผมว่าผมชักเกร็งๆขึ้นมาแล้ว แต่ความสงสัยผมก็ถูกเฉลยทั้งที่ผมยังไม่ได้ถามออกไป สงสัยคนบ้านนี้จบจากฮอกวอตจริงๆ ผมมั่นใจ!


“ราชวงศ์นี้พูดไทยได้ทุกพระองค์นะคะ เพราะท่านคุ้นเคยกับคนไทยดี” สิ้นคำที่คุณเมบอกผมถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมเขาถึงพูดไทยได้ ทำไมถึงได้พูดได้ทุกพระองค์ แล้วถ้าพูดไทยได้ เราก็ต้องใช้คำราชาศัพท์สินะ

“คำราชาศัพท์ที่เราเคยได้ยินตอนดูลิเกนี่เราใช้ได้เหมือนกันไหมอะ” ผมกระซิบถามไอ้โหด มันพยักหน้าพร้อมกับกลั้นขำ มันขำแบบนี้ผมไม่ไว้ใจมันเลยจริงๆ

“แต่ไม่ต้องกังวลนะ แม่เป็นพระสหายกับท่านโมนัฟ ท่านเป็นท่านพ่อของเจ้าชาย ท่านชอบให้เราพูดกับท่านเหมือนกับคนทั่วไป ไม้ต้องใช้คำราชาศัพท์”คุณเมพูดแบบนี้ผมค่อยโล่งใจหน่อย แต่ผมก็ยังสงสัยอีก

“ทำไมท่านถึงคุ้นเคยกับคนไทยดีละครับ”

“ก็องค์ราชินีเป็นคนไทยค่ะน้องนาว ท่านเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง แม่ถึงได้รู้จักกับท่านโมนัฟ”

“โห งั้นเจ้าชายมิคาเอลก็เป็นลูกครึ่งมีเชื้อสายไทยด้วยใช่ไหมครับ” ผมถาม ข้อมูลใหม่ที่ผมมั่นใจว่าไอ้มีนไม่รู้ ผมก็เอาไปคุยข่มมันได้แล้วคราวนี้

“ใช่ค่ะ แต่เธอเสียไปแล้ว เสียไปเมื่อปีก่อนนี่เอง ตอนนี้ประเทศบัณตราเป็นประเทศเปิดแล้ว เพราะเจ้าชายทั้งสองพระองค์สามารถจัดการเด็ดขั้วอำนาจมืดที่เคยทำให้บัณตราตกต่ำ ตอนนี้กลายเป็นประเทศที่มีแต่นักท่องเที่ยวอยากไป เพราะทรัพยากรธรรมชาติที่นั่นสมบูรณ์มาก เป็นประเทศที่มีวิวทิวทัศน์สวยมากจริงๆ ไม่แพ้ญี่ปุ่นหรือเกาหลีเลย” คุณเมบรรยายให้ฟังจนผมอยากไปเลย แต่ผมก็มีเรื่องสงสัยอีก

“เจ้าชายสองพระองค์?” ผมขมวดคิ้วถาม นึกว่ามีแค่เจ้าชายกับเจ้าหญิง

“ท่านโมนัฟมีโอรสสองพระองค์กับพระธิดาอีกหนึ่งค่ะน้องนาว แต่โอรสองค์รองไม่ชอบออกสังคม ถนัดแต่การทหาร เป็นคนเก็บตัว น้อยคนจะรู้จักและได้เห็นหน้าท่าน”คุณเมตอบคำถามของผม

“คงต่างจากองค์โตนะคะ ท่าทางจะเจ้าชู้” ธารบอก ทีแรกจะถามว่าธารรู้ได้ไง แต่นึกได้ว่าธารเคยเจอแล้ว

“เรานี่ อย่าพูดแบบนี้นะ ไม่ดีเลย” คุณเมดุลูกสาว แต่ธารยักไหล่

“แยกย้ายกันไปพักดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ธารไม่สวย เผื่อความสวยจะได้เข้าตาเจ้าชายบ้าง” ธารพูดติดตลก

“ยัยธาร เรานี่จริงๆเลยนะ” คุณเมทำท่าจะตีลูกสาว แต่ธารรีบลุกหนี ผมแอบขำ แต่ก็รู้สึกอยากไปนอนจริงๆแล้วละ ผมรู้สึกหนาวและเริ่มปวดท้องมากขึ้นด้วย

“งั้นแม่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน วันนี้วุ่นทั้งวันเลย น้องนาวก็พักเยอะๆนะคะ ดูหน้าซีดๆ คือ..แม่..แม่ขอบคุณนะคะที่ชวนแม่กินบัวลอยด้วย” คุณเมยิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบ จากนั้นคุณเมก็เดินขึ้นข้างบนไปพร้อมกับธาร

“เดินไหวไหม” ไอ้โหดมันหันมาถามผม

“ถ้าไม่ไหวให้ขี่คอเปล่าละ” ผมถาม

“พี่ไม่ใช่พระเอกเกาหลีนะ ถ้าไม่ไหวพี่จะขนผ้าห่มลงมาให้นอนที่นี่ต่างหาก” ไอ้ธีมมันตอบ กวนทรีนละ

“นาวก็ว่างั้นแหละ เพราะหน้าอย่างพี่หล่อยังหล่อไม่ได้เท่าม้ามของพระเอกเกาหลีเลยเหอะ” ผมค้อนใส่มันก่อนจะเดินขึ้นห้อง มันหัวเราะแล้วเดินตามผมมาติดๆ

“พี่ก็อยากอุ้มนาวขึ้นห้องนะ แต่นาวเป็นคนไม่อยากให้แม่รู้เองนะ” มันบอก ผมหันมามองมัน หน้าของผมจากหน้าที่บึ้งๆใส่มันอยู่ก็ยิ้มออกมาแทน

“นาวก็ไม่ได้อยากให้อุ้ม แต่นาวอยากขี่คอ ถ้าคุณเมเห็นนาวก็จะบอกว่า นาวกำลังเล่นเกมขี่ควายส่งเมือง” ผมบอก

“เขาเรียกขี่ม้าส่งเมืองไหม” มันถามจบก็ดีดหน้าผากผมเบาๆก่อนจะย่อตัวลงให้ ฮิห้ายะหู้ววว มันยอมให้ผมขึ้นขี่หลังมัน ผมจะขี่มันละนะ

“อย่าเดินแรงนะ นาวเจ็บท้อง” ผมกำชับมันเมื่อขึ้นขี่คอมันแล้ว

“นาวต่างหาก อยู่เฉยๆ อย่าเอาอะไรมาทิ่มหลังพี่นะ” มันบอก นี่ไอ้โหดมันพูดอะไรของมัน ผมจะเอาอะไรไปทิ่มมันได้ ผมนึกทบทวนอยู่สักพักแล้วก็ต้องหน้าแดง ไอ้เมือกปลา ไอ้กวนตีน ไอ้ทะลึ่ง

“โอ้ย” มันร้องครับ เพราะผมกัดไหล่มัน

“นาวไม่มีอารมณ์กะพี่หรอก” ผมพูดจบก็กัดมันอีก จนมันพามาถึงห้อง ผมถึงได้ลงจากตัวมัน

“เห็นกับที่ไม่สบายหรอกนะ ไม่งั้นฉันจะทำให้แกดูว่านาวจะมีอารมณ์รึเปล่า” มันยิ้มเยาะผม

“รู้ว่านาวป่วยก็ดีแล้ว เนี่ยๆ ตัวก็ร้อนเห็นเปล่า จับหน้าผากฉันดิ ปวดท้องตรงนี้ด้วย เห็นไหมๆ เขียวเลย” ผมรีบบอกมันก่อนที่ความหื่นของมันจะถึงสมอง ผมบอกว่าผมป่วย มันยังจะมายิ้มตาเยิ้มอีก

“ชอบอะ โคตรอ้อนเลยว่ะนาว” มันบอก คือผมอ้อนมันตรงไหนวะ ผมแค่กำลังสาธยายอาการป่วยผมแค่นั้นเอง

“นาวว่าพี่น่าจะป่วยกว่านาวแล้วแหละ” ผมจิ้มที่หน้าผากของมันแรงๆก่อนจะเดินหนีไปนั่งห้อยขาที่เตียงของผมเอง

“นาว พี่ขอบคุณนะที่ทำให้แม่ฉันดีใจ” มันมายืนตรงหน้าผม ผมเห็นมันดีใจผมก็ดีใจนะ

“นาวมีบุญคุณกับพี่แล้วนะ รู้ยัง อย่าลืมตอบแทนบุญคุณ” ผมบอกมัน มันหัวเราะแล้วดึงผมให้มาซบที่ท้องมัน ผมเลยยกมือขึ้นสวมกอดเอวมันเอาไว้ สำหรับคนที่ไม่เหลือใครอย่างผม การมีใครสักคนที่รักผมหรือทำให้ผมรักเขาได้ โดยเฉพาะคนๆนั้นเป็นคนเดียวกัน มันดีแบบนี้เองครับ ผมมีความสุขจัง ทำไมผมถึงได้ปล่อยเวลาให้ผ่ายไปตั้งเนิ่นนานก็ไม่รู้สิ

“พี่จะตอบแทนบุญคุณนาวให้สาสมเลย” มันบอก แต่เดี๋ยวก่อน คำว่าสาสมมันใช้ขยายคำว่าตอบแทนบุญคุณได้ด้วยเหรอวะ

“รูปประโยคแกแปลกๆ นะนาวว่า” ผมเอาหน้าส่ายไปมาที่ท้องของมัน แกล้งมันซะเลย มันรีบดันหัวผมออก มันบ้าจี้นี่เอง ก๊ากก เสร็จผมแน่ ให้ผมหายเจ็บท้องก่อนเถอะ กลัวไปจั๊กจี๊มันในตอนนี้ มันเผลอถีบท้องผมให้ คราวนี้ผมได้เข้าไอซียูแน่

“นอนเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้อดไปกินข้าวกับเจ้าชายนะ อยากเป็นซินเดอเรลล่าไม่ใช่เหรอ ได้เจอเจ้าชายสมใจแล้วนี่” มันขู่ผม

“เออจริงด้วย เดี๋ยวไม่หล่อ” ผมบอกก่อนจะทิ้งตัวลงนอน แล้วตบที่นอนข้างๆของผม มันยิ้มก่อนจะเดินไปล็อกห้องแล้วปิดไฟ ผมรู้ว่ามันไม่ทำอะไรผมหรอก ผมมั่นใจ มันเดินมานอนข้างผม ดึงผมให้มานอนหนุนแขนมัน

“อยากเห็นเจ้าชายจริงๆเหรอ” มันถามผม

“ก็ใช่ดิ เจ้าชายเชียวนะเว้ย”

“เสียใจด้วยนะ พี่ปิดไฟไปแล้ว นาวเลยอดเห็นหน้าเจ้าชายตัวจริงเลย” มันบอก

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เพ้ออะไร อย่างพี่เป็นเจ้าชาย นาวก็เป็นเทพเจ้าแล้ว” ผมบอก หนอย คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายเหรอ ไอ้เมือกปลาชะโด

“หัวเราะเยอะเหรอ เดี๋ยวได้เป็นเจ้าหญิงนิทราแน่” มันขู่ผมเหรอ เอะอะก็ขู่ เออ ผมไม่ขำมันออกนอกหน้าแล้วก็ได้ คึคึคึ ขำในใจก็ได้วะ

“นาวเป็นเจ้าหญิงนิทรา พี่จะได้จูบปลุกนาวตอนเช้า” มันกระซิบข้างหู นั่นไง ไอ้หื่น ผมก็นึกว่ามันโกรธที่ผมขำ สมองมันโกรธไม่เป็น เป็นแต่หื่นกับน้อยใจใช่ไหม งั้นผมไม่เรียกมันไอ้โหดละ เรียกไอ้หื่นดีกว่า

“พี่ว่าไหม ซินเดอเรลล่ามันต้องมีแม่เลี้ยงใจร้ายกับพี่เลี้ยงที่คอยแกล้งดิวะ แล้วทำไมทุกคนถึงดีกับผมจัง” ผมถามไอ้โหดมันรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนมันจุมพิต พอมันจุมพิต มังกรร้ายในตัวมันอาจจะลุกขึ้นมาพ่นไฟใส่ผม

“เฮ้อ” มันถอนหายใจ

“ถอนหายใจทำไมอะ รำคาญนาวเหรอ”

“เปล่า แต่พี่แค่คิดว่านาวกล้าดียังไงคิดว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่า แสบแบบนี้นี่นะ”

“นาวไม่ได้คิด แต่ไอ้เกลือมันบอก”

“งั้นนาวอยากเหมือนในนิทานไหมละ” มันถาม น้ำเสียงมันดูไม่น่าไว้ใจ

“ยังไง”

“พี่จะได้โบยนาว ใช้แส้กับนาว ให้นาวทุรนทุราย น่าสงสารเหมือนนางซิน” มันตอบ นั่นเลย! ไอ้หมาธีม แกมันต่ำจริงๆไ ต่ำกว่าสะดือตลอด ไอ้หื่นซาดิส

“พักเลย หยุดความคิดตรงนี้เดี๋ยวนี้” ผมบอกมัน มันขำพร้อมกับหอมแก้มผมซะแรงเลย มันนอนกอดผมเงียบๆอยู่พักหนึ่ง ผมถึงได้พูดขึ้นมาก่อน

“นาวก็รู้ว่าบรรยากาศมันโรแมนติกนะนอนกอดกันแบบนี้ แต่..”

“ทำไม” มันถาม

“นาวนอนหนุนหมอนได้เปล่า ท่านี้มันเมื่อย” ผมบอกมันเสียงอ่อยๆ กลัวมันน้อยใจ

“นั่นสิ พี่ก็เมื่อย” มันตอบแล้วค่อยๆชักมือออก แล้วดึงหมอนมาให้ผมหนุนแทน แล้วผมกับมันก็นอนหัวเราะสองคน

..ก็อยากจะนอนกอดกันให้โลกอิจฉานะ แต่ว่ามันไม่ได้จริงๆครับ ตอนนี้ต่างคนต่างหันตูดจนจะชนกันแล้ว ผมก็คลุมโปงมิดเลย หนาวครับ ได้ยินเสียงมันบอกว่าฝันดีนะ ผมแอบยิ้มอยู่ในโปงผ้าห่มก่อนจะโผล่หน้าออกมาบอกมันมั่ง..

“ส่วนพี่ก็อย่าฝันเปียกนะ ผ้าปูที่นอนของนาวมันแพง ถ้าคึกก็ไปห้องน้ำโน้นไป๊” ผมพูดจบก็หัวเราะใส่มัน มันก็เลยมาหอมแก้มผมอีกรอบ



โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-01-2015 13:52:47
ตามคุณ iforgive มาจากห้องแนะนำ

สนุกดี ยาวสะใจมาก
นาวนี่งานมโนตลอด พี่ธีมก็น่ารักแบบโหดๆ
เรื่องนี้มีหลายคู่
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-01-2015 14:09:42
น้องนาวทำดีแล้วลูก เริ่มต้นนี้ก็ยังไม่สาย แต่เที่ยงแล้วค่ะ  :laugh: :laugh: :laugh: //กฎหมายประเทศพี่ธีมค่ะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 18-01-2015 14:39:16
ชอบสนุกๆๆ. ตามมาจากกระทูเแนะนำ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2015 14:50:36
อะไรๆกำลังจะดีขึ้นใช่ไหม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-01-2015 19:03:16
เย้ๆๆๆๆ
นาวน่ารักจัง
ธีมอดทนไว้
แต่คุณป้ารอNCอยู่นะ
ไม่ได้วอนนะแต่นีดเลยละ
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 18-01-2015 20:50:14
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!! พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง
สนุกมากกกกกกกกกกกก(ก ไก่ ล้านตัว)

แบบว่าครบรส น่าชัง ฮาอีกต่างหาก ชอบนายเอกขี้มโนแบบนาวมาก พี่ธีมก็โคตรพระเอกแห่งปี
หลงรักเรื่องนี้สุดๆ
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ

 o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 19-01-2015 16:34:56
ตามมาจากกระทู้แนะนำค่าาาา
ไล่ตามอ่านทั้งวันเลย เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี้ย แต่งได้สนุกมากเลยค่ะ
ขอตามต่อยาวๆเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 19-01-2015 16:49:31
อ้าววววววว
เจ้าชายยย เฮ้ยย
เป็นใครฟะ
แล้วมีบทบาทยังไงกับเรื่องมากแค่ไหนกันนะ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 19-01-2015 19:53:41
สนุกอ่ะ เป็นเรื่องที่ ทำเราน้ำตาซึม เพราะสงสารพระเอก (อ่านรวดเดียวเลยค่ะ)

น้องที่จอมพามาแน่เลย เจ้าชายองค์รอง ฮันเน่ๆ จะมีคนมาดามใจน้องบิวมั๊ยคะ?

คนแต่งสู้ๆ :L2: :กอด1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 19-01-2015 22:47:54
สนุกมากกกกกก พลาดเรื่องนี้ไปหลายตอนเลย นั่งอ่านซะจุใจเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: firstlove ที่ 20-01-2015 13:00:28
น่าสนุกมากเลยค่ะ จะรอติดตามนะคะ ><
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 20-01-2015 15:05:47
เพิ่งได้มาตามเรื่องนี้ติดใจน้องนาวขี้มโน กับเจ้าชายอย่างพี่ธีมจริง นอกจากน้องนาวจะขี้มโนแล้ว ยังขี้อ้อย(อ่อย+อ้อน 555) และแอบแรดหลบในนะคะ ฮ่าาๆ ชอบพี่ธีมเวลาปราบเด็กขี้มโนอย่างนาวจัง เพื่อนๆแก๊งนาวก็ตลกทุกคน ชอบมิตรภาพที่ให้กันอ่ะ ติดตามต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 15 (18/01/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-01-2015 15:18:12
ตามมาจากนิยายแนะนำค่ะ

สนุกดี อ่านไปขำไป น้องนาวขี้มโนกับเจ้าชายซกมก  :m20:

นาวโชคดีที่ได้มาอยู่กับครอบครัวน่ารักๆ และพี่ธีมที่รักน้องมาตั้งแต่ก่อนเจอกันอีก

เกลียด อิลุงนภจริงๆ แก่ก็แก่ หลอกเด็ก แล้วยังซาดิสต์อีก อ่านแล้วอยากเข้าไปร่วมด้วยช่วยสหบาทาจริงๆ :m16:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 20-01-2015 16:21:04
บทที่ 16


สรุปว่าเมื่อคืนผมกับไอ้โหดไม่ค่อยได้นอนกันหรอกครับ เพราะมันลูบไล้ตัวผมทั้งคืน ผมเองก็ครางหงิ๋งๆตลอดเหมือนกันแหม่..กรุณาเอาความคิดติดเรทออกไปจากหัวกันด้วยกันด้วยครับ ผมแค่ไข้ขึ้นและปวดท้องจนต้องร้องเหมือนหมา ส่วนเจ้าชายซกมกของผมก็เลยต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืน ผมละอยากถามไอ้พี่นภมันจริงๆ ว่ามันไปลบหลู่ไมค์ไทสันมารึเปล่า เขาถึงมาเข้าสิงมันตอนจะทำร้ายผม แม่ง หมัดหนักชิหาย ผมมันคนตัวบางร่างน้อยเสียด้วย

“สงสัยคืนนี้ไปไม่ไหวหรอก” ไอ้โหดมันยกข้าวต้มขึ้นมาให้ผมบนห้อง มันไม่อยากให้คุณเมสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่สบาย ทำไมมีไข้ เพราะถ้าผมนอนอยู่แต่บนห้อง คุณเมจะไม่ค่อยกล้ามายุ่ง

“อยากไป อยากไป อยากไป” ผมบอกมัน ก็อยากไปเห็นเจ้าชายตัวเป็นๆบ้าง ใครจะไปรู้ เผื่อจับพลัดจับผลูผมอาจจะเป็นน้องที่พลัดพรากของเจ้าชาย แบบถูกลักพาตัวมาจากประเทศนั้นก็ได้

“มโนอะไรอีกละ” ไอ้โหดมันถามผม

“รู้ได้ไงว่านาวมโนอยู่”

“ก็ยิ้มค้างตาลอย อีกนิดก็เหมือนคนบ้าแล้ว หึหึ”

“แล้วคนประเภทไหนที่มาหลงรักคนบ้าวะ” เอาซี่ๆ ตอบมา

“คนที่เสียสละแทนมนุษย์ชาติคนอื่นๆไง” มันตอบพร้อมกับประคองผมให้ลุกขึ้นมานั่ง แล้วดูมันตอบดิ 

“นาวเกลียดขี้หน้าพี่จริงๆ” ผมสะบัดมือมันเพราะคิดคำเถียงมันไม่ออก แต่มันขำแล้วโยกหัวผมเล่นอีก นี่ผมเป็นคนนะ ไม่ใช่เกียร์กระปุกรถ โยกอยู่ได้

“อยากให้ป้อนไหม” มันลากเก้าอี้มาข้างเตียงแล้วยกชามข้าวต้มมาคนๆให้หายร้อน

“แค่เจ็บท้องไม่ได้พิการนะ ไม่ต้องมาทำเหมือนในละครน้ำเน่า” ผมแกล้งประชดมันไปอย่างนั้นแหละแต่ก็รอให้มันคนข้าวต้มให้เย็นก่อน

“สรุปว่าจะไปเหรอคืนนี้” มันถามก่อนจะตักข้าวต้มมาเป่าๆก่อนจะจ่อที่ปากของผม เอ๊ะ บอกว่าไม่ต้องป้อนไง แต่..ไหนๆมันก็ตักมาจ่อปากผมแล้วเดี๋ยวจะเสียน้ำใจ ผมเลยอ้าปากรับข้าวที่มันป้อน

“อยากไป” ผมกลืนข้าวลงคอแล้วตอบมัน มันก็ตักมาป้อนอีก เออดีเหมือนกัน ชีวิตช่างดีเหลือเกิน จะว่าไปก็เหมือนเจ้าชายมากกว่าซินเดอเรลล่าอีกนะ

“หน้านาวตอนกินข้าวนี่เหมือนปลาทองเลยว่ะ ปากจู๋ๆรองับอาหาร”

“แค่กๆๆๆๆ” ผมสำลักเลย แหม่..อีกนิดเดียวผมจะนั่งบนบัลลังก์อยู่แล้วเชียว จู่ๆดันมาถีบผมตกบ่อปลาทอง ไอ้หมาธีมมันร้ายนัก

“เอามานี่นาวกินเอง พี่จะไปไหนก็ไปเลย” ผมแย่งถ้วยข้าวต้มมาถือเอง สะบัดบ๊อบใส่มันให้รู้ว่าผมงอน มันก็ขำผมอีก ชีวิตมันจะบันเทิงไปแล้วนะ

“งั้นกินเสร็จแล้วกินยานะ” มันบอก

“อ้าว พี่จะไปไหน ไม่ง้อนาวก่อนเหรอ” ผมเผลอถามมันออกมา ก็ปกติมันต้องง้อก่อนทุกที แล้วนี่จะหนีไปง่ายๆ ผมก็ต้องถามดิ

“งั้นมาหอมทีก่อน” มันบอก ผมชูนิ้วกลางให้มัน หนอย ฉันให้ง้อเจือกมาขอหอม

“ไปไหน พูด”ผมถามซ้ำ

“ไปเตรียมชุดให้นาวใส่คืนนี้ไง แม่ให้ลงไปเอาตั้งนานแล้ว รีบกินข้าวกินยา ถ้านาวไม่หายไข้ พี่ไม่ให้ไป เข้าใจไหม แต่ถ้านาวยอมให้พี่หอมภายในสามนาทีนี่ พี่จะหยวนๆให้” มันตอบผมแบบนี้ นั่นแน่ๆ เดี๋ยวนี้มีลูกล่อลูกชน ผมไม่ใช่เด็กนะ จะมาหลอกกันง่ายๆ เรื่องแบบนี้มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสมน้ำสมเนื้อ

“ถ้าพี่หอมนาวทีหนึ่ง พี่ต้องยอมให้นาวขับรถของพี่ โอเคเปล่า” ไงล่าๆ มันหวงรถครับ หวงมากกกกกผมฉะนั้นมันปฏิเสธผมแน่ๆ

“ตกลง” มันตอบ

อ้าวเฮ้ย ทำไมมันยอมง่ายจังวะ ปกติมันแทบจะเอารถทำเมียอยู่แล้วนะ แค่ผมจิ้มเครื่องเสียงในรถมีนเล่น มันก็ขู่แง่งๆใส่ผมตลอด สงสัยตอนนี้คงจะรักผมมากกว่ารถแล้วใช่ไหมละ โฮะๆๆๆ ดูมัน มันกระดิกนิ้วเรียกผมให้ไปใกล้ๆ ผมขมวดคิ้วชั่งใจอยู่แป๊ปนึง เอาวะ ได้ขับรถมันแลกกับหอมแก้มทีนึง คุ้ม ผมเลยเอียงตัวไปหามันพร้อมกับป่องแก้ม มันโน้มตัวลงมาหอม

ฟอด..ฟอด...ฟอด...ฟอด...

“เฮ้ย หอมตั้งสี่ทีอะ”

“ก็ใช่ไง นาวบอกถ้าหอมทีหนึ่งต้องให้นาวขับรถ แต่นี่พี่หอมนาวตั้งสี่ที พี่ผิดข้อตกลง งั้นถือว่าโมฆะ รีบกินยาด้วยนะ เดี๋ยวพี่มาดู” มันบอกจบก็เดินออกไปเลย ทิ้งผมนั่งถือถ้วยข้าวต้ม สมองเออเร่ออยู่บนเตียงคนเดียว

“ทำไมมันฉลาดขึ้นวะ เอ๊ะหรือเราโง่ลง โหย! ฝากไว้ก่อนเถอะ” ผมนั่งเจ็บใจที่ถูกมันเอาเปรียบแต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ขอกินข้าวก่อนละกันค่อยคิดว่าจะเอาคืนมันยังไงดี


ผมกินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำแล้วมากินยา นั่งเล่นไลน์กับเดอะแก๊งค์สักพักก็ง่วงอีกเลยนอน หลับยาวไปจนบ่าย ที่ตื่นเพราะธารขึ้นมาปลุกให้ผมกินข้าวและกินยาอีกรอบ ผมถามหาไอ้ธีมเพราะเห็นชุดของผมถูกแขวนเอาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้ว ธารบอกว่าไอ้โหดมันไปธุระกับแม่ ธารถามว่าผมไปไหวไหม ผมว่าผมรู้สึกสบายตัวขึ้น ไข้ก็ลดลงแล้ว เลยตอบไปว่าไหว ผมนั่งคุยกับธารเพลินเลย ธารเม้าเรื่องเจ้าชายกับเจ้าหญิงจากประเทศบัณตราให้ฟัง จนธารได้รับโทรศัพท์ของคุณเม เธอบอกให้ผมกับธารเตรียมตัวเอาไว้เลยเพราะอีกหนึ่งชั่วโมงจะมารับ ธารจึงขอตัวกลับห้องไป ส่วนผมก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวไปดินเนอร์เหมือนกัน
เฮ้อ..ห่างไอ้โหดแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำไมต้องคิดถึงมันด้วยไม่รู้สิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย..
ผมแต่งตัวเสร็จลงมาก็เจอธารนั่งอยู่ในห้องรับแขก วันนี้ธารสวยมากครับ แปลกตากว่าทุกที ธารทำผมรวบตึงหางม้า แต่งหน้าอ่อนๆ ชุดกระโปรงบานสั้นเสมอเข่าลายดอกไม้สีหวาน ผมชอบลุคนี้ของธารมากๆ

“นาวหล่ออะ” ธารทักผมคุณเมเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงผ้าพอดีตัวสีดำกับสูทเข้ารูปน้ำเงินให้ผม แต่เป็นสูทรูปทรงทันสมัย ดูเข้ากับวัยผมดี

“ธารก็สวยนะ นาวชอบ แต่งแบบนี้บ่อยๆนะ” ผมบอก ธารดูเขินที่ได้ยินคำชมจากผม

“หล่อสวยทั้งคู่เลยค่ะ” ป้าสายหยุดยืนยิ้มมองผมกับธารสลับไปมา

“เสียงรถมาแล้ว” ธารชะเง้อมองไปที่หน้าบ้าน ผมมองหาไอ้โหด มันอาบน้ำรึยัง ไปธุระมาทั้งวัน แต่คนที่เดินเข้ามาก่อนคือคุณเม

วันนี้คุณเมแต่งชุดผ้าไหมไทยแบบร่วมสมัยสีน้ำตาลอ่อน

“พี่ธีมละคะ” ธารถามในสิ่งที่ผมอยากรู้เหมือนกัน คุณเมหันไปมองที่ประตู จังหวะนั้นไอ้โหดมันก็เดินขึ้นมาพอดี

ฟรุ้งฟริ้ง!!!!! วิ๊ง ปิ๊งๆๆๆๆ

โอ้....แสงอะไรแยงตาผมกันนะ ผมได้ยินแต่เสียง ‘ว้าวววววววววว’ ของธาร และเสียง ‘คุณพระ!!..คุณเจ้า!’ ของป้าสายหยุด ออร่าแสงสว่างแวววาวดุจคริสตันของชวารอสกี้ค่อยๆจางลง ปรากฏภาพชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวข้างใน สวมเสื้อสูทหนังเข้ารูปสีน้ำตาทับ กางกงยีนส์สีเข้ม คือชุดมันก็...ก็ไม่เท่าไหร่ แต่..ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา ผมตัดสั้นเป็นทรงนี่สิครับ

‘ว้าวววว..คุณพระคุณเจ้า!!!!’ ผมขอพูดตามธารกับป้าสายหยุดด้วยคนนะ

“พี่ธีมโคตรหล่ออะ โอ้ย เพิ่งรู้ว่าพี่ชายตัวเองหล่อขนาดนี้” ธารร้องออกมา เออ ผมก็คิดงั้นเลย นี่มันไปตกหลุมอากาศแถวไหนมา ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้

“แม่ก็ตกใจตอนที่พี่ธีมไปรับแม่ที่โชว์รูม แม่ต้องเดินไปดูใกล้ๆว่าใช่ลูกของแม่รึเปล่า”

“แล้วใช่รึเปล่าครับ อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมา” ผมถามเพราะก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

“ฮ่าๆๆๆๆ” ธารหัวเราะขำ

“ไม่รู้อะไรดลใจให้พี่ธีมยอมเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ พี่ธารก็สวยที่สุด ส่วนน้องนาวหล่อมากๆอยู่แล้ว แม่รู้สึกว่าพักนี้แม่มีความสุขจังเลย ลูกๆแม่น่ารักทุกคน เอาละๆ ไปกันเถอะ เราควรไปก่อน อย่าให้เจ้าชายรอนาน” คุณเมหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถตู้นำเข้าสุดหรูจากโชว์รูมของคุณเมเอง ธารเดินตามไป ส่วนไอ้โหดมันยิ้มเขินๆก่อนจะเดินเข้ามาหาผม

“ชอบไหม ก็นาวอยากให้พี่โกนหนวดกับตัดผมไม่ใช่เหรอ” มันถาม ผมใจเต้นตึกตักๆ ไอ้ใจที่เต้นระส่ำระสายเพราะความหล่อมันก็ใช่ แต่อีกเหตุผลคือ ผมดีใจที่มันใส่ใจในทุกคำพูดของผม

“อืม หล่อมาก” ผมชมมันตรงๆ มันหน้าแดงเลยครับ แถมส่งสายตาวาบวามมาให้อีกต่างหาก ไอ้หื่นเอ้ย

“ตัดผมแบบนี้ดีไหม” มันถามเหมือนไม่มั่นใจ ที่ตอนซกมกลพดันมั่นใจเต็มร้อยนะ

“ตัดผมดูทันสมัย แต่ถ้าตัดใจละโดนดี ฮ่าๆ แต่นี่..นาวจะบอกอะไรให้นะ ถึงจะหล่อแต่ก็น้อยกว่านาวอยู่ดี” ผมกระซิบบอกมันก่อนจะรีบเดินนำมันไปเพราะเขินสายตามันที่จ้องมา ป้าสายหยุดก็อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวถ้าเกิดมันเผลอตัวดึงผมไปจูบแล้วผมก็เผลอจูบตอบมันจะยุ่งกันไปใหญ่ ฮ่าๆ

“หึหึหึ” มันหัวเราะไล่หลังมา แล้วเดินขึ้นไปนั่งในรถด้านในสุดข้างๆผม มันแอบนั่งจับมือผมไปตลอดทาง ผมจะดึงออกเพราะกลัวคุณเมจะเห็น แต่มันไม่ยอม

..ตามใจมันวันหนึ่งละกัน ไหนๆก็ตัดผมเอาใจผมทั้งทีเนอะ..


เรามาถึงห้องอาหารของโรงแรมแล้ว คุณเมบอกว่า..โรงแรมนี้คุณปริณเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย มันหรูหราที่สุดในประเทศไทย คุณปริณสั่งให้ผู้จัดการโรงแรมจัดห้องพิเศษส่วนตัวเอาไว้ ผมก็เพิ่งรู้ว่าพ่อของไอ้บิวเป็นคนดูแลอาหารสำหรับค่ำคืนนี้ด้วย พวกเรามาถึงก่อนเวลา คุณเมเลยให้พวกผมเข้าไปนั่งรอในห้องก่อน ผมขอตัวไปห้องน้ำ ตั้งใจจะไปแวะสวัสดีพ่อไอ้บิวด้วย เผื่อจะได้เจอไอ้บิว คิดว่ามันคงมาช่วยพ่อแน่ๆ ฝีมือมันจะเทียบเท่าพ่อได้อยู่แล้ว ผมจำได้ว่ามันบอกว่ามันจะต้องไปเป็นเชฟที่บัณตราแทนพ่อมัน มันก็น่าจะมาเพื่อทำความรู้จักเจ้าชายมิคาเอลด้วยแน่ๆ


ผมเดินไปเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็ถามพนักงานในโรงแรมว่าห้องครัวของโรงแรมไปทางไหน จากนั้นก็เดินไปตามคำบอกเล่า ผมเห็นห้องครัวอยู่ข้างหน้าแล้ว กำลังจะเดินเข้าไป แต่สายตาเหมือนจะเห็นหลังไอ้บิวไวๆทางประตูหนีไฟด้านข้าง กำลังจะตามออกไปก็เจอพ่อไอ้บิวเดินออกมาจากในครัวพอดี

“นาว มาทำอะไรตรงนี้” พ่อเค้าทักผมเป็นภาษาไทยแต่สำเนียงออกไปทางฝรั่งเศส ผมยกมือไหว้

“ตั้งใจจะมาทักทายพ่อแหละครับ บิวมาด้วยหรือเปล่าครับ”

“มาๆ น่าจะอยู่ในครัว เข้าไปดูสิ พ่อขอตัวไปดูของที่สั่งพิเศษมาก่อนนะ” พ่อไอ้บิวบอกกับผมก่อนจะเดินไป

ผมเดินเข้าไปในครัว หลายๆคนมองผมแล้วก็ยิ้มให้ สาวๆในครัวบางคนที่จำผมได้ถึงกับส่งเสียงกรี๊ดเบาๆเมื่อเห็นผม ผมเลยได้แต่ยิ้มให้ พยายามมองหาไอ้บิวก็ไม่เห็นจะเจอ ผมเลยตัดสินใจเดินออกจากครัวไปที่ประตูหนีไฟ ยังไม่ทันเดินออกไปก็เจอไอ้บิวเดินเปิดประตูหนีไฟเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน

“แกไปไหนมาบิว” ผมถามแล้วมองเลยไปด้านหลังของไอ้บิว ซึ่งตอนนี้มีชายคนหนึ่งเดินเปิดประตูหนีไฟตามเข้ามา

ผู้ชายคนนี้หน้าตาคมเข้มแต่ดูดุดันมาก รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแขนเป็นมัด ด้านข้างแก้มซ้ายมีรอยแผลเป็นยาวไปถึงใต้กกหู ผมรีบดึงมือไอ้บิวให้มาหลบด้านหลังผม ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมจะสู้ใครได้แต่ผมว่าผมก็ดูแข็งแรงกว่าไอ้บิวมันแน่ๆ ภาวนาให้ไม่มีอะไร เพราะถ้ามีต่อยกันอีก ลำไส้ผมคงไหลมากองข้างนอกแน่ๆคราวนี้รอยช้ำเก่ายังไม่ทันหายจะมีรอยใหม่อีกไหมเนี่ย

“ไม่มีอะไรแล้ว แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำไม เจ้าชายเสด็จมาแล้วนี่” ไอ้บิวถามผม ผมยังมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไอ้บิวด้วยความระแวง

“ใครวะ” ผมกระซิบถามไอ้บิว

“เขาเป็นองครักษ์ของเจ้าชายมิคาเอล พอดีเมื่อกี้พี่นภมาหาเรื่องฉัน แล้วคุณมาคัสมาช่วยเอาไว้” ไอ้บิวกระซิบตอบผม ผมรู้สึกโล่งอกมากเลยครับ จากที่ระแวงอยู่ผมเลยส่งยิ้มไปให้แทน แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มตอบแต่กลับเดินหันหลังออกไปทางประตูหนีไฟเหมือนเดิม

“ท่าทางดุชิบเลย ว่าแต่ไอ้พี่นภไม่ได้ทำอะไรแน่นะ” ผมถาม

“อืม คงไม่กล้าแล้วละ เอาไว้ค่อยเล่าให้ฟัง แกรีบไปเถอะ ป่านนี้คุณเมหาตัวแกแย่แล้ว” พอไอ้บิวบอกแบบนั้นผมก็รีบเลยสิครับ
ผมเดินกลับไปถึงห้องอาหารก็เห็นทุกคนนั่งกันครบหมดแล้ว ผมรีบโค้งทำความเคารพให้กับเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งบัณตราก่อนจะรีบเดินไปนั่งข้างๆไอ้โหด คุณเมแนะนำผมให้กับเจ้าชายและเจ้าหญิงได้รู้จัก ผมไม่รู้ต้องทำยังไงก็เลยยกมือไหว้แบบไทยๆ 

“ลูกของน้าเมหน้าตาดีทุกคนเลยนะครับ” เสียงของเจ้าชายมิคาเอลดูนุ่มนวลดีจัง ทำไมท่านไม่ถือตัวเลย เรียกคุณเมว่าน้าด้วย แถมภาษาไทยก็ชัดเจนราวกับเป็นคนไทย แม้ผมจะไม่ค่อยกล้าสบตาเจ้าชายเต็มตาเท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นแวบหนึ่งก็ยอมรับว่าเจ้าชายมิคาเอลดูดีทีเดียว แต่ดูอายุไม่มากเท่าไหร่เลย น่าจะพอๆกับพี่ธีมได้ผิวขาว ดูสง่า พูดจาเนิบนาบน่าฟัง ยิ้มง่าย ดูสุภาพประดุจคุณชายรองแห่งบ้านจุฑาเทพ ส่วนเจ้าหญิงมิเชลก็ดูดี แต่ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ ดูถือองค์กว่าพี่ชาย

“องค์ชายก็ชมเกินไปค่ะ” คุณเมหัวเราะน้อยๆ นั่นดิ ผมว่าชมเกินไป ไอ้โหดหล่อน้อยกว่าผมตั้งเยอะ

“คนเล็กชื่อปารมีเหรอครับ” เจ้าชายหันมามองผม คุณเมคงบอกกับทางนั่นว่าเป็นลูกคนเล็ก

“ครับ” ผมตอบ ว่าจะตอบว่า พะยะค่ะก็กลัวไอ้โหดมันหัวเราะใส่ แต่เจ้าชายก็ดูเจ้าชู้แบบที่ธารบอกจริงๆ

“คุณเมบอกว่าอายุเท่าน้องหญิงพอดี น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ ปารมีคนนี้ที่จะเป็นคนเดินแบบคู่กับน้องหญิงนะคะ” เจ้าชายหันไปพูดกับน้องสาว ซึ่งผมแอบเห็นว่าเจ้าหญิงมองไอ้โหดตาไม่กระพริบเลย ท่าทางจะชอบของแปลก

“ยินดีที่รู้จักนะคะ” เจ้าหญิงพูดกับผมก็กรุณามองผมด้วยสิครับ มองแต่ไอ้โหดตลอด

“ครับ” ผมพูดได้แค่นี้แหละ ไม่อยากหน้าแตกเพราะใช้คำศัพท์ไม่ถูก ถึงจะบอกว่าให้พูดธรรมดาได้ แต่ก็ไม่กล้าอยู่ดี กลัวเหาในหัวไอ้โหดมันจะมาย้ายสำมะโนครัวมากินหัวผม

แล้วบริกรก็มาเสิร์ฟอาหารโดยมีไอ้บิวในชุดเชฟคอยมาดูแลความเรียบร้อยแทนพ่อ ผมเพิ่งเห็นว่าองครักษ์หน้าดุคนนั้นยืนมองไอ้บิวตาเขม็ง กลัวจะโดนลอบวางยารึไง ส่วนบรรยากาศทั่วไปในการดินเนอร์มื้อนี้ก็เรียบง่าย เจ้าชายให้พวกผมพูดกับท่านเหมือนสามัญชนทั่วไป ส่วนใหญ่ท่านก็เล่าเรื่องการเมืองในประเทศที่เพิ่งจะเปลี่ยนระบอบมาเป็นประชาธิปไตย พูดถึงแนวทางการบริหารประเทศแบบเปิดกว้าง ผมฟังดูแล้วก็เห็นว่าเจ้าชายเป็นคนวิสัยทรรศกว้างไกลดี ดูเป็นคนมีเมตตา น่าจะนำพาประเทศให้เติบโตขึ้นได้ไม่ยากแต่ที่สายตาอันเฉียบคมของผมจับความผิดปกติได้ก็คือ สายตาของเจ้าชายที่มองธารมันดูมีอะไรในกอไผ่ ว่าแต่ทำไมต้องกอไผ่ด้วยวะ กอหญ้าได้ไหม เตี้ยหน่อยค้นหาง่าย คึคึ

“ปวดท้องอยู่ไหม” ไอ้โหดกระซิบถามผม

“ไม่ปวด แต่อยากกลับบ้านแล้ว” ผมบอกมัน

“ไหนบอก อยากมาๆ”

“ก็อยากมาแต่ไม่ได้บอกว่าอยากอยู่นาน ไม่เห็นสนุกเลย” ผมบ่นเบาๆกลัวใครได้ยิน

“อยากสนุกไปดรีมเวิร์ลไหม นี่ตัวรุ่มๆอีกแล้วนะ” มันเอื้อมมาจับมือผมข้างใต้โต๊ะหลังจากกวนตีนผมเสร็จ

“ธีม เจ้าชายมิคาเอลกับน้องสาวอยากไปนั่งฟังเพลง ลูกเป็นไปเพื่อนองค์ชายหน่อยนะ แม่โทรไปจองให้แล้ว น้องธารก็ไปกับพี่เขานะลูก จะได้เป็นเพื่อนท่านหญิงด้วย” คุณเมเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางโต๊ะอาหาร ไอ้โหดมันอึกอักนิดหน่อยคงเพราะห่วงผม

“ครับ” มันตอบ ผมกำลังจะบอกว่าขอกลับบ้านดีกว่า คุณเมก็เอ่ยขึ้นมาก่อน

“น้องนาวกลับบ้านพร้อมแม่นะคะ พรุ่งนี้มีงานเช้า”  ไอ้โหดมันมองหน้าแม่มันนิดหนึ่ง

“ครับ” ผมตอบแบบนี้เพราะคงตอบอย่างอื่นไม่ได้แล้วนี่

“พี่จะรีบกลับนะ” มันกระซิบผม ผมพยักหน้า แม้จะเซ็งๆที่ต้องกลับไปนอนคนเดียวแต่ก็เข้าใจว่ามันต้องดูแลแขกให้แม่ของมัน
อาหารค่ำกับราชวงศ์แห่งบัณตราผ่านพ้นไปด้วยดี ผมเดินขึ้นไปนั่งบนรถตู้พร้อมกับคุณเม แอบมองไอ้โหดมันกำลังเปิดประตูรถให้ท่านหญิงมิเชลอยู่ ส่วนธารก็เดินไปนั่งรถขององค์ชายมิคาเอล ผมเห็นไอ้บิวมันเดินออกมานั่งรถไปกับองค์รักษ์คนนั้นด้วย ถ้ารู้ว่าไอ้บิวไปด้วยผมขอตามไปด้วยดีกว่า แต่คงไม่ทันแล้ว คนขับรถของคุณเมปิดประตูรถเรียบร้อยแล้ว

“อาหารฝีมือหนูบิวอร่อยมากเลยนะจ๊ะ เพื่อนน้องนาวคนนี้ต้องไปเป็นเชฟประจำให้กับราชวงค์แห่งบัณตราด้วย” คุณเมชวนผมคุยระหว่างทางกลับบ้าน คงเห็นบรรยากาศในรถเงียบกว่าตอนขามา

“อ๋อ เห็นบิวบอกอยู่เหมือนกันครับ”

“ท่านโมนัฟอยากได้เชฟเก่งๆไปสอนคนที่นั่นทำอาหารไทย ปกติองค์ราชินีจะเป็นคนดูแลเรื่องอาหารทั้งหมด พอท่านสิ้นไปก็ไม่มีใครทำได้” คุณเมเล่าพลางถอนหายใจ

“ท่านคงคิดถึงภรรยา” ผมนึกแล้วก็พาลนึกถึงพ่อกับแม่ของผมเหมือนกัน

“อืม..น้องนาวว่าพี่ธีมกับท่านหญิงจะเข้ากันได้ดีไหมคะ” สิ้นคำถามคุณเมผมก็รู้สึกปั่นป่วนในท้องขึ้นมาทันที ประโยคเดียวที่ถามมันทำให้ผมพอจะเข้าใจได้เลยว่าคุณเมกับกษัตริย์แห่งบัณตราอาจจะอยากให้ลูกชายกับลูกสาวได้เป็นคู่หมายกัน

“ไม่ทราบครับ” ผมตอบสั้นๆ

“แม่เห็นพี่ธีมเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แม่คิดว่าคงเป็นเพราะน้องนาว พี่ธีมชื่นชมน้องนาวตั้งแต่ยังไม่รู้จัก แม่คิดว่าน้องนาวคงบอกให้พี่ธีมไปโกนหนวดกับตัดผมแน่ๆ ใช่ไหมคะ”

“ครับ” ผมตอบสั้นๆกลัวแสดงพิรุธอะไรออกไป

“น้องนาวพอจะช่วยอะไรแม่สักหน่อยได้ไหมคะ” คุณเมเกริ่นมาซะดี แต่ไอ้คำถามล่าสุดมันอยากให้ผมกระโดดลงรถตู้เลยซะเดี๋ยวนี้เลย ผมว่าผมพอเดาออกว่าคุรเมจะให้ผมช่วยทำอะไร แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบรถตู้ก็มาจอดที่หน้าบ้านพอดี คนขับรถมาเปิดประตูให้ คุณเมยังไม่ลงแต่นั่งมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ

“ผมช่วยไม่ได้หรอกครับ” ผมตอบก่อนจะเดินผ่านหน้าคุณเมลงไปจากรถก่อน ไม่ได้สังเกตด้วยว่าคุณเมมีสีหน้ายังไง

ผมไม่อยากได้ยินว่าคุณเมจะขอให้ผมช่วยอะไร แม้จะพอรู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมคงทำตามคำขอร้องนั่นไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่ไอ้โหด มันคงต้องเลือกเองว่ามันต้องการอะไรในชีวิต จะให้ผมไปช่วยเป็นพ่อสื่อพ่อชักช่วยชงให้ก็คงไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เกิดปีชงพอดี สำหรับผม ผมไม่โกรธคุณเมเลยที่จับคู่ให้ลูก ทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตัวเอง มันคงเป็นเวรกรรมของผมเองถ้าไอ้โหดมันอยากจะไปเป็นเจ้าชายจริงๆ เพราะพ่อผมก็แต่งงานกับคุณเมเพราะเงิน คิดว่าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกโดยไม่คิดเหมือนกันว่าสิ่งนั้นมันเอาเปรียบใครรึเปล่า

ผมกลับขึ้นมานอนมองเพดานห้อง ยอมรับว่าในหัวมันหนักอึ้งไปหมด ไอ้เกลือเคยบอกแล้วว่ารักแบบนี้มันยาก สำหรับผมมันคงยากเข้าไปอีก เพราะคนที่อาจจะพรากไอ้โหดไปจากผมเป็นถึงเจ้าหญิง เจ้าหญิงจริงๆไม่ใช่ซินเดอเรลล่ากำมะลออย่างผมคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

เฮ้อ..ผมโดนต่อยที่ท้อง แต่ทำไมตอนนี้มันปวดที่ใจแทนแล้วล่ะ..


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-01-2015 16:45:56
อ่า!! อุปสรรค
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-01-2015 17:05:49
 :o11: ทำไม ชอบคิดอะไร แทนลูกกันจัง

สงน้องนาวเลยตอนนี้ พอได้เริ่มรัก ก็เริ่มเจ็บเลย ยังไม่ทันจะมั่นคงทางความรู้สึกเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-01-2015 17:08:50
อุปสรรคมาแว้ว กลมกล่อมมาเชียว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-01-2015 17:18:07
น้องนาวสู้ๆ แล้วทุกอย่างขะผ่านไปด้วยดีนะคะ พี่ธีมไม่ทิ้งหนูหรอกค่ะ รอมาตั้งนาน ยังไม่ได้กดน้องนาวเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-01-2015 17:50:25
อะไรคือสิ่งที่ขอให้ช่วย
ขอให้นาวมโนเอง
ขอให้ทำให้พี่ธีมดีขึ้นหรือป่าว
คืออันนี้ป้ามโนเองค่ะ
ถ้าให้ช่วยจับคู่นะ
จะไม่ให้นาวดีด้วยเลย
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-01-2015 18:10:46
คุณเมจะให้ช่วยอะไร จับคู่กับองค์หญิง?
อย่าให้สถานการณ์ที่เพิ่งจะดีขึ้นมาแย่ลงเพราะจะคลุมถุงชน

ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด สงสารธีมนาวกว่าจะรักกันได้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 20-01-2015 19:47:13
น้องนาว ขี้มโนได้น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ โถ น้องนาวของพี่ธีม พี่เค๊ารักหนูมาตั้งนาน

หนูอย่าไปหวั่นไหวค่ะลูก คนรอเชียร์หนูเยอะแยะ  :really2:

แอบดีใจ น้องบิวก็มีองครักษ์ มาคอยพิทักษ์ไอโรคจิตแล้ว (องครักษ์จริงๆด้วย)

ขอบคุณคนแต่งเหมือนกันนะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 20-01-2015 20:15:42
ตอนใหม่มาแล้ว(วิ่งฝุ่นตลบ)

รออยู่ๆ

เราอ่านในโทรศัพท์เวลาจะเม้นก็ย๊ากยาก

สู้ๆนะ อย่าท้อ มาต่อให้จบเด้อ

ติดตามอยู่จ้าๆ

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 20-01-2015 20:31:28
น้องนาวตอบตรงนี้นะ    แต่เชื่อในตัวพี่ธีมได้เลย รอมาได้น้านนาน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 20-01-2015 21:07:25
มาม่าก้อนใหญ่แบบนี้กลืนไม่ไหวแน่คะ :hao5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 20-01-2015 21:10:43
หวาาาาาา เพิ่งจะคบกันไม่นาน อุปสรรคก็มาซะแล้ว
แต่เชื่อว่ายังไงพี่ธีมก็เลือกนาวอยู่แล้วล่ะนะ คนขี้มโนอย่างงี้ หาไม่ได้ง่ายๆ 5555  :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 20-01-2015 23:44:43
งานนี้เราว่าเจ้าหญิงกี่คนก็สู้นาวของพี่ธีมคนเดียวไม่ได้หรอกก
นาวอย่าหวั่นๆไหวน๊า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 16 (20/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2015 00:45:47
ง่าาาา. พี่ธีมจะรู้ไหมนะว่าโดนจับคู่  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 21-01-2015 12:09:05
บทที่ 17


เมื่อคืนผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ โดนไอ้หมาธีมมันกอดเอาไว้ตอนไหนก็ไม่รู้สึกตัวเหมือนกัน ตื่นมาก็เห็นมันมากอดแล้ว ผมนอนหันหลังให้มันตอนที่ตื่น มันมาเอาหน้าของมันมาซบที่หลังของผม มือมันก็โอบกอดที่เอวของผมเอาไว้ ขามันก็ก่ายมาที่ขาของผม คือถ้ามันขยับตัวอีกนิดมันก็มานอนบนตัวผมแล้วล่ะ ถึงว่า..เมื่อคืนผมฝันว่าวิ่งหนีกระทิงขวิดทั้งคืนเลย อย่างเมื่อยอะครับ ผมพลิกตัวกลับหันหน้าเข้าหามัน หน้ามันก็เลยอยู่แถวๆอกผม กำลังจะเขยิบตัวออกแต่มันใช้แขนที่กอดผมกดตัวผมเอาไว้ไม่ให้ขยับ แล้วก็เอาหน้าของมันมาซุกๆแถวหน่มน๊มผมอีก ไอ้หื่น!!

“ขาดแคลเซียมแต่เช้าเชียวนะ” ผมว่ามัน รู้ว่ามันตื่นแล้วทำเป็นแกล้งหลับ มันหัวเราะก่อนจะเงยหน้ามาจูบที่คางผมแล้วเขยิบขึ้นมานอนในระดับเดียวกับผมแล้ว

“คิดถึง เมื่อคืนนาวหลับสนิทไม่สนใจพี่เลย”

“เอ๊า นาวผิดที่หลับสนิท?” ผมถามมันก่อนจะคว้ามือมันมากัดเล่น ผมขี้หมั่นเขี้ยวอะ

“ในนิทานนางเอกเขาต้องรอพระเอกกลับบ้านดิวะ” มันทำเสียงตัดพ้อ โถ พอโกนหนวดแล้วทำไมหน้ามันดูอ้อนงี้วะ อ้อนตีนอะ ฮ่าๆๆ

“ในนิทานพระเอกเขาไม่ปล่อยให้นางเอกนอนอย่างเดียวดายต่างหาก พี่แหละผิด” ผมต่อว่ามันมั่ง มันชะโงกหน้ามาหอมแก้มผม

“พี่ขอโทษนะ” มันพูด เอ่อ มันจะมาโหมดไหนวะ ผมปรับตัวไม่ทัน ทีแรกดูจะหื่น แล้วมากวนตีน แล้วก็มาอ้อน แล้วก็มาทำหน้าสำนึกผิด

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“เรื่องที่แม่พยายามจะให้พี่เทคแคร์เจ้าหญิงมากเกินไป”

“พี่ก็รู้เหรอว่าคุณเมคิดยังไง แล้วพี่จะยังไง” ผมถามมัน ก็รู้แหละว่ามันคงเลือกผมในตอนนี้ แต่สักวันหนึ่งมันจะพูดกับผมไหม ว่ามันคิดผิดที่เลือกผม

“ว่าแต่เจ้าชายในนิทานมีเจ้าหญิงได้กี่คนวะ” มันทำหน้าสงสัย ผมนี่ยกมือขึ้นตบแก้มมันเบาๆแต่ดัง ‘เพี๊ยะ’

“โอ้ย พี่เจ็บนะ พี่ล้อเล่น พี่มีเจ้าหญิงของพี่แล้วไง กว่าจะได้มาย๊ากยาก พี่ไม่หาเรื่องเสียนาวไปหรอก ยังไม่ได้ซั่มด้วย” มันตอบ ฟังแล้วผมตบมันอีกทีดีไหม

“แต่ถ้าคุณเมไม่ปลื้มกับเรื่องของเรา พี่จะกล้าขัดใจแม่เหรอ” ผมถามอีก

“แม่เขารักนาวเชื่อสิ นี่เขาไม่รู้ ถ้าเขารู้ เขาจะไม่จับคู่พี่กับคนอื่นหรอก”

“ถึงเขารักนาวไม่ได้หมายความว่าเขาอยากได้นาวเป็นสามีของลูกเขาหรอกนะ” ผมบอกมัน

“หึหึหึ เออ แต่ถ้าเป็นเมียเขาคงโอเค”

“เช๊อะ นาวไม่ยอมเสียอธิปไตยให้พี่หรอก บอกเลย” เพราะมังกรของมันทำให้ผมกลัวมาก

“สักวันนาวจะยอม” มันนอนตะแคงเข้าหาผมเอามือเท้าหัวแล้วยิ้มให้ผม ก็อยากจะเถียงกับมันต่อนะ แต่ว่าผมกำลังเจอมนตร์ซกมกของมันสะกดอยู่เลยได้แต่หุบปากสนิทแล้วสบตามันด้วยความหวั่นไหว

“พี่เคยเกือบถอดใจหลายหน เพราะคิดว่านาวคงไม่มีทางมาชอบพี่ แต่พี่ก็บอกกับตัวเองว่า สักวันนาวจะยอม ยอมให้พี่เข้าไปในชีวิตนาว”   

“นาวร้ายกับพี่มากเลยใช่ปะ” ผมถามมัน

“อืม”

“โหย ปฏิเสธหน่อยก็ได้นะ”

“นาวร้ายกาจ แต่พี่รักของพี่มาก ทำไมวะนาว ทำไมพี่ต้องรักนาวมากก็ไม่รู้” มันถามเหมือนจะกวนนะ แต่น้ำเสียงมันไม่กวนเลย ดูอบอุ่นดี ผมงี้เขินเลยนะ น้ำเสียงของมันไม่หวานหูนะ แต่คำพูดตรงๆของมันทำให้ผมรู้สึกดีๆได้ตลอด

“ก็นาวเป็นคนมีเสน่ห์ จิตใจนาวก็ดี ไอ้ที่ร้ายกาจมันแค่การแสดง นาวใฝ่ธรรมมะ หายใจก็พุทธ หายใจออกก็คริสต์”

“ต้องโธไม่ใช่เหรอ หื้ม” มันช่วยแก้มุขให้ผม ผมหัวเราะคิกคัก แต่มันไม่ได้หัวเราะด้วย แค่ยิ้มนิดๆ ยิ้มแล้วมองหน้าผมนิ่งๆจนผมว่าท่าทางมันใกล้จะกลืนกินผมได้แล้วนะ

“พี่จะไม่ทำตามใจแม่ นาวก็อย่างอนสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วหนีไปจากพี่แบบละครน้ำเน่านะ บอกเอาไว้ก่อน” มันพูดขึ้นมาพร้อมกับเอานิ้วมาเกลี่ยๆที่ริมฝีปากของผม รู้เลย มันจะจูบผมแล้วใช่ไหมครับไอ้หื่น

“นาวชอบขัดใจคุณเมตั้งแต่เด็กๆแล้วพี่ก็รู้ พี่บอกตัวเองเหอะ ว่าอย่าทำอะไรให้นาวต้องคิดมาก เพราะ..”

“เพราะนาวขี้มโน พี่รู้” มันแย่งผมตอบ คือผมจะบอกว่าผมเป็นคนคิดมากเฉยๆ มันมาเติมให้เสร็จเลยนะ

“นาวไปแปรงฟันก่อนได้ไหม” ผมถามมัน

“หึหึหึ” มันขำ อ๊าว จะมอร์นิ่งคริสทั้งทีก็อยากหอมๆ ผมผิดเหรอ ไอ้โหดมันจะขำผมทำไม ชิ

“ไม่ต้องหรอก พี่ลักจูบนาวตั้งแต่นาวมาอยู่บ้านนี้ใหม่ๆแล้ว กลิ่นนี้แหละ พี่ชอบ” มันพูดจบก็จูบผมเลยครับ

“อื้ออ...” ผมรีบดันมันออกเพราะเราจะต้องเล่นตัวสักนิดหนึ่ง มันยอมถอนจูบให้แล้วมองหน้าผมว่าผมจะพูดอะไร

“พี่โรคจิตเปล่าเนี่ย” ผมด่ามันเสร็จ มันก็ยิ้มแล้วก็จูบผมต่อ เล่นตัวแค่นี้ก็พอละเนอะ โอะๆๆ มันจูบมาก็จูบตอบสิครับ จะรออะไรว่าแต่..จูบแบบไม่มีหนวดของมันก็ดีไปอีกแบบนะ ไม่จั๊กจี้ดี ยอมๆให้มันจูบไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมันดูดพลังผมเสร็จค่อยถามมันในเรื่องที่ยังค้างคาใจผมอยู่ก็ที่มันบอกว่า มันมาลักจูบฉัน มันจะเป็นไปได้ไง ผมล็อกห้องทุกคืน ไอ้ขี้โม้เอ้ยยยยย
มันนัวเนียเก็บเล็กผสมน้อยกับริมฝีปากผมอยู่ได้แป๊ปเดียวก็ต้องรีบปล่อยให้ผมไปอาบน้ำครับ วันนี้ผมมีงานเช้า เป็นงานของหน่วยงานรัฐ ร่วมบริจาคของใช้จำเป็นให้กับทหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนตอนบ่ายนี่สิ ผมต้องไปอัดเสียงบ้านไอ้พี่นภมันตามกำหนด ผมไม่ได้กลัวมันหรอก แต่ไม่อยากเห็นหน้ามัน จะยกเลิกก็กลัวจะเป็นข่าวไปอีก เดอะโชว์มัสโกออน บังไงก็ต้องไปทำงานให้ลุล่วงครับ


หลังจากเสร็จงานช่วงเช้าแล้ว ผมก็มาถึงหน้าบ้านของไอ้พี่นภในตอนบ่ายสองกว่าๆ ไอ้ธีมมันนำผมเข้าไปด้านใน พี่มิ่งกับพี่เวกออกมารับผมเข้าไปในห้องอัด ผมไม่เห็นไอ้พี่นภเลย แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเห็นคงอารมณ์เสีย ผมวอร์มเสียงเสร็จก็ลองเทสเสียงดูสองสามรอบ จนเริ่มอัดจริง

“พยายามเข้าใจตัวละครเอาไว้นะนาว นึกถึงความรักของพระเอกที่มีต่อนางเอก” พี่มิ่งพูดใส่ไมค์ในห้องคอนโทรลบอกผม ผมพยักหน้าให้เขา

แต่เดี๋ยวนะ ตอนนี้ผมยืนอยู่ในห้องอัด ส่วนพี่มิ่งพี่เวกและไอ้โหดอยู่ในห้องคอนโทรลและผมก็เห็นทุกคนชัดเจนเลย ถ้างั้น..วันนั้นที่ผมมาที่นี่ครั้งแรก ตอนที่ไอ้โหดมันร้องเพลงพี่แจ้แล้วมองมาตรงที่ผมยืน แปลว่ามันก็เห็นว่าผมยืนมองมันอยู่ดิ งั้นมันก็สบตาผมตลอดเลยอะดิ ไอ้เวรเกลือ ไหนมันบอกผมว่า ถ้ามองมาจากห้องอัด จะมองมาในห้องคอนโทรลนี้ไม่เห็นไงโอ้ย วันนั้นผมทำหน้าเคลิ้มตอนฟังไอ้โหดร้องเพลงเสียด้วย เสียฟอร์มหมด

“ตั้งสมาธิด้วยนาว พร้อมไหม” พี่เวกถามเมื่อเห็นผมเหม่ออยู่ แหม่ กำลังมโนย้อนอดีตนี่นา

“ครับ พร้อมครับ”

ผมหลับตาตั้งสติ ค่อยๆถอนลมหายใจ สักพักเสียงอินโทรเพลงดังขึ้น ผมยังหลับตาอยู่ พยายามนึกถึงบทละคร แล้วก็เริ่มร้องไปเรื่อยๆจนเกือบจบเพลง พี่มิ่งสั่งคัทก่อน บอกว่ายังไม่ได้อารมณ์ ผมร้องอยู่สามรอบก็ยังใช้ไม่ได้ เริ่มเครียดแล้วครับ จนไอ้โหดมันขอเวลาให้ผมพักสักห้านาทีแล้วมันก็เดินมาหาผม

“หายใจลึกๆ ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครร้องผ่านในครั้งเดียวหรอก”

“แต่นี่มันสามครั้งแล้วอะ” ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองท้อ กลัวทำคนอื่นเสียเวลา

“เอาใหม่ๆ เมื่อกี้ที่พี่พูดลืมไปนะ หายใจลึกๆ ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครร้องผ่านในสามครั้งแรกหรอก” มันบอกจบผมก็หลุดหัวเราะ

“ขอบคุณนะที่ปลอบใจนาว” ผมบอกมัน มันก็ยิ้มให้ผมพร้อมกับโยกหัวผมเบาๆ

“ตอนร้องไม่ต้องหลับตา มองตาพี่เอาไว้” มันบอก ผมพยักหน้า

แล้วมันก็พาผมเข้าไปในห้องอัดอีกครั้ง ผมสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะบอกพี่เขาว่าพร้อมแล้ว คราวนี้ผมไม่ได้หลับตาอย่างทุกทีผมมองตามัน มันก็มองตาผม ผมเริ่มร้องเพลง เพลงที่พี่นภบอกว่าแต่งเพื่อผม แต่ผมจะร้องเพื่อเจ้าชายของผมครับ เนื้อเพลงที่ถูกผมถ่ายทอดออกมามันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆระหว่างผมกับไอ้หมาธีม ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกเข้าถึงความรักที่มันมีให้ผม ‘แปดปี’ นานนะสำหรับความรักที่คนๆหนึ่งมีให้ผมตลอดมา ผมไม่รู้ตัวหรอกว่ารักมันตั้งแต่เมื่อไหร่จะใช้คำว่ารักได้รึเปล่า มันเร็วไปไหม แต่ผมคิดถึงและมีความสุขเวลาอยู่กับมัน ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ที่รู้ๆ ผมเชื่อคำว่ารักของมันที่มันบอกกับผม

“เยี่ยมมากนาว สุดยอด แบบนี้เลย” พี่มิ่งปรบมือให้ผมทันทีที่เพลงจบ ผมถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจที่มันผ่านไปได้ด้วยดี

“แล้วผมต้องมาที่นี่อีกไหมครับ” ผมถามพี่มิ่ง

“ไม่ต้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่พวกพี่เอง ดีใจนะที่ได้ร่วมงานกับนาว เราเป็นคนมีความสามารถ สมควรแล้วที่เป็นที่รักของแฟนๆ” พี่มิ่งชมผม ส่วนพี่เวกก็ยิ้มให้

“พี่ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะ” พี่เวกเอ่ยออกมา

“ช่างมันเถอะครับ งั้นผมกลับเลยนะครับ ต้องไปซ้อมเดินแบบต่อ ขอบคุณพี่ๆมากนะครับที่ช่วยสอนผมในหลายๆเรื่อง” ผมยกมือไหว้พี่เขาก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพี่นภไป

ตอนที่กำลังเดินมาขึ้นรถรู้สึกเหมือนถูกใครแอบมองเลยมองเข้าไป ผมเห็นผ้าม่านตรงห้องรับแขกแหวกอยู่ ผมว่าผมเห็นพี่นภนะ สภาพเหมือนคนผ่านสงครามมา หัวถูกพันด้วยผ้าก็อต แขนเข้าเฝือกด้วย แล้วม่านก็ถูกปิดลง ผมเลยเลิกใส่ใจแล้วขึ้นรถไปตอนที่ไอ้โหดมันเรียกให้ผมขึ้นรถ


ผมกับไอ้โหดมาถึงโรงแรมที่จะจัดงานการกุศลแล้ว มาถึงปุ๊ปคุณเมพาผมไปลองชุดที่ต้องใส่เดินคู่กับเจ้าหญิงในห้องพักพิเศษที่แยกออกมาจากห้องของคนอื่นๆ ชุดของผมและเจ้าหญิงจะเป็นชุดฟินนาเล่ของงานและคุณเมอยากให้เป็นความลับ ผมเห็นชุดตัวเองแล้วก็อึ้ง มันอลังการงานสร้างมากครับทั้งชุดและเครื่องประดับ ลองชุดเสร็จก็ได้เจอกับเจ้าหญิงมิเชลที่มาลองชุดเหมือนกัน ชุดของเจ้าหญิงสวยงามมาก ถ้าไอ้มีนมาเห็นคงกรี๊ดเพราะอยากใส่ คุณเมบอกว่าสองชุดที่ผมกับท่านหญิงต้องใส่ เป็นชุดที่นำมาจากบัณตรารวมไปถึงเครื่องประดับด้วย คุณเมบอกว่าทั้งหมดคือเพชรแท้ พลอยแท้ ทองแท้ เงินแท้ แต่คนใส่ไม่ใช่ชายแท้ เฮ้ย ไม่ใช่ละแสดงว่าประเทศนี้ไม่ธรรมดา ทรัพยากรที่ว่าอุดมสมบูรณ์คงเป็นพวกเหมืองทองเหมืองเพชรแน่ๆ ไอ้โหด หวังว่าไอ้พี่ธีมมันคงไม่ใช่พวกอยากตกถังข้าวสารหรอกเนอะ

“ผมต้องใส่หมดนี่เลยเหรอครับ” ผมถามคุณเมที่กำลังทยอยเก็บเครื่องประดับเข้ากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม

“ใช่ค่ะ เดี๋ยวแม่ขอเอาของไปเก็บในเซฟของโรงแรมก่อน น้องนาวอยู่คุยกับเจ้าหญิงก่อนนะคะ” คุณเมกับทีมงานนำชุดและเครื่องประดับไปเก็บเหลือผมอยู่กับเจ้าหญิงสองคน ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร บรรยากาศเลยดูเงียบจนน่าอึดอัด

“เมื่อคืนคุณปารมีน่าจะไปด้วยนะคะ เพลงไทยเพราะดี มิเชลชอบ”เจ้าหญิงมิเชลเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาก่อน

“เรียกผมว่านาวก็ได้ครับท่านหญิง”

“งั้นเรียกหญิงว่ามิเชลก็พอนะคะ”

“ได้ครับคุณมิเชล”

“ไม่ต้องมีคุณสิคะ เรียกเหมือนพี่ธีมก็ได้ เรียกมิเชลเฉยๆ”

“อ๋อ ครับ มิเชล” ผมเริ่มรู้สึกว่า ปล่อยให้บรรยากาศเงียบๆแบบเดิมดูจะดีกว่าไหม

“เมื่อคืนพี่ธีมขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีด้วย ไพเราะมากๆเลย ท่านแม่ของมิเชลเคยบอกว่า เพลงไทยมีความไพเราะมากและลึกซึ้ง มิเชลเห็นว่าไม่เกินจริงเลยกับสิ่งที่ท่านแม่เล่า”

“อ๋อ ครับ” ไหน..ไอ้หื่น ไหนแกบอกว่าร้องให้คนพิเศษฟังได้คนเดียวไง หึ่มมม กลับไปโดนกัดแขนหลุดแน่ ผมได้แต่คาดโทษให้โหดในใจ

“นาวสนิทกับพี่ธีมมากไหม มิเชลรู้มาว่าไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน” รู้สึกเหมือนผมไหมว่าผมเหมือนกำลังถูกประกาศสงครามทางจิตวิทยาหรือผมโนไปเองอีก คือถ้ารู้ลึกไปถึงสายสัมพันธ์ของสายเลือด น่าจะรู้ว่าผมจวนจะได้เสียเป็นผัวเมียกับไอ้โหดแล้วไหมคะ องค์หญิง

“ก็สนิทมั๊งครับ”

“ดีจังนะคะ มิเชลกับพี่ชายก็สนิทกัน อุ้ย..มิเชลจะบอกทำไมไม่รู้ เพราะมิเชลกับพี่ชายสายเลือดเดียวกันก็ต้องสนิทกันอยู่แล้ว จริงไหมคะ คิกๆๆ” ผมมองเจ้าหญิงแห่งบัณตราปิดปากหัวเราะคิกคักดูน่ารัก แต่ผมเห็นก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้เดียงสาอย่างภาพลักษณ์ที่แสดงออกมา

“อ๋อ ครับ”

“เอาไว้นาวไปเที่ยวที่บัณตรานะคะ มิเชลชวนพี่ธีมแล้ว พี่ธีมก็ตกลงว่าจะไป”

“อ๋อ ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ แหมๆ ไอ้หมาธีม นี่ไปตกลงปลงใจจะไปเที่ยวบ้านเขาแล้วเหรอ หนอยแหน่ะ

..ก็อกๆๆ.. เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นเสียงสวรรค์สำหรับผมตอนนี้จริงๆ ผมและมิเชลหันไปดูที่ประตู ปรากฏว่าเป็นไอ้มีนครับ ตามมาด้วยไอ้ยีน ไอ้เกลือ ไอ้จอม ไอ้บูมและน้องทัส ผมรีบลุกไปหาเพื่อนด้วยอาการดีใจจนออกนอกหน้า พวกมันเดินเข้ามาทำความเคารพเจ้าหญิง ผมเลยแนะนำเพื่อนๆของผมให้มิเชลได้รู้จัก มิเชลพยักหน้าน้อยๆให้กับเพื่อนผมทุกคนก่อนจะหันกลับไปนั่งแบบเดิม ท่าทางเหมือนวันที่ผมได้เจอเธอในวันแรก คือเริ่ดหน้าขึ้นน้อยๆ อกตั้งหลังตรงและไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อ

“ผมมาซ้อมคิวงาน ตอนนี้เสร็จแล้ว เลยจะมาชวนคุณนาวไปรับประทานอาหารด้วยกัน เพราะวันนี้ทุกคนคิวว่างหมดแล้ว” ไอ้บูมพูดกับผมครับ ผมอยากจะหัวเราะให้ม้ามสั่น มันคงเห็นมีเจ้าหญิงอยู่ด้วยเลยพูดจาสุภาพกับผม

“ไปๆ คิดถึงพวกคุณทุกคน” ผมเล่นตามมันบ้าง

“ต้องชวนไหม” ไอ้เกลือกระซิบถามผมแล้วบุ้ยใบ้ไปทางมิเชล

“มิเชลอยากไปทานข้าวกับผมและเพื่อนๆไหมครับ” ผมหันไปถาม ไอ้พวกเพื่อนมันดูตกใจที่ผมใช้คำธรรมดา

“ขอตัวดีกว่าค่ะ มิเชลจะไปทานกับพี่ธีม” มิเชลหันมาตอบก่อนจะกันกลับไปนั่งท่าเดิม

“งานเข้าแกกะพี่ธีมแล้วดิท่า” ไอ้บูมกระซิบถาม ผมยักไหล่ให้มันนิดหนึ่งสักพักคุณเมก็เดินกลับเข้ามา

“ขอบใจมากนะจ๊ะเด็กๆที่สละเวลามาช่วยน้า เดี๋ยวไปทานข้าวด้วยกันนะ” คุณเมเอ่ยชวนพวกมัน

“เดี๋ยวผมไปกินที่บ้านบิวกันครับ ขอพาตัวนาวไปด้วยกันนะครับ” ไอ้จอมเป็นคนบอก

“อ๋อ เสียดายจัง น้าก็จัดอาหารของโรงแรมเอาไว้เยอะเลย แต่ไม่เป็นไร แต่คราวหลังห้ามปฏิเสธนะคะ อืม แล้วน้องนาวจะกลับดึกไหมคะ แม่จะได้ให้วินัยไปรอรับ พอดีพี่ธีมต้องอยู่ช่วยแม่ก่อน”

“เดี๋ยวนาวให้เกลือมาส่งได้ครับ” ผมบอก คุณเมที่ตอนแรกดูลังเลใจ แต่สุดท้ายก็พยักหน้า

“แต่เดี๋ยวน้องนาวไปสวัสดีลุงปริณหน่อยนะจ๊ะ ท่านมาตรวจงานอยู่ที่ห้องจัดงาน ถามถึงน้องนาวใหญ่เลย” คุณเมบอก ผมหันไปร่ำลามิเชล พวกเพื่อนผมก็โค้งให้เจ้าหญิงก่อนจะเดินตามผมออกมา

“โคตรหยิ่งเลย” ไอ้ยีนบ่นเมื่อพ้นออกมาจากห้อง

“ก็เขาเป็นถึงเจ้าหญิง เรามันคนธรรมดา” ไอ้บูมบอก

“แกธรรมดาตรงไหนวะบูม ฉันว่าแกไม่ธรรมดา เรียกอีกอย่างว่า ผิดปกติ” ผมหันมากัดมัน ไอ้มีนหัวเราะชอบใจ

“ไม่ถูกชะตา” ไอ้ยีนยังบ่น

“เอาน่า เดี๋ยวก็กลับประเทศไปแล้ว” ไอ้เกลือตบไหล่ไอ้ยีน

“แล้วดูจะติดพี่ธีมเหมือนเหาฉลาม” ไอ้มีนประชดบ้าง

“เออ ยังไงวะ” ไอ้จอมถามผม เดี๋ยวนี้มันเริ่มเป็นคนสอดรู้สอดเห็นติดเชื้อพวกผมแล้วนะไอ้จอม

“ไม่ไงอะ เราเชื่อใจพี่ธีม” ผมบอก

“เจ้าหญิงมิเชลเป็นคนเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจมาตลอด แต่เป็นแค่เด็กดื้อ ไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกครับ” สิ้นประโยคนี้พวกผมก็หันไปจ้องมองคนพูดกันแบบอึ้งๆ

“น้องทัสรู้จักเจ้าหญิงด้วยเหรอ” ไอ้บูมถาม คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆ

“เมื่อกี้ที่พี่พูด พี่ล้อเล่นนะจ๊ะ” ไอ้มีนรีบบอกแล้วหัวเราะแห้งๆ ดพอรู้วง่าน้องทัสรู้จักเจ้าหญิงมันคงกลัวโดนเครื่องประหารหัวสุนัขใช่ไหม พูดดสิไอ้มีน  ฮ่าๆ

“ทัสไม่บอกเจ้าหญิงหรอกฮะ เพราะเจ้าหญิงไม่ชอบหน้าทัส ที่ทำปั้นปึ่งเมื่อครู่คงเพราะเห็นทัส ไม่เกี่ยวกับพวกพี่หรอก”

“แล้วทำไมน้องทัสถึงได้รู้จักกับ..” ไอ้มีนจะถามแต่ถูกขัดขึ้นเสียก่อน

“อย่าเพิ่งถามเลย ไปเหอะ ไอ้บิวคงรอแล้ว” เป็นไอ้จอมที่ขัดขึ้น

“แกไปกันก่อนเลย ฉันขอแวะทักลุงปริณก่อน เดี๋ยวฉันตามไปกับไอ้เกลือก็ได้” ผมบอก

“คุณปริณเจ้าของช่องสี่สีทีวีเพื่อประชาชนใช่ไหมนาว” ไอ้ยีนถาม ผมพยักหน้า มันแสดงอาการตื่นเต้นเพราะคุณปริณคือเจ้าของช่องที่มันสังกัดอยู่

“ไปเป็นลุงแกได้ไงวะ” ไอ้บูมถามบ้าง

“เรื่องมันยาวว่ะ เอาไว้ไปเล่าที่บ้านไอ้บิว แกรีบไปกันเลย เดี๋ยวไอ้บิวมันรอนานจะพาลร้องไห้” ผมบอกขำๆ พวกมันเลยแยกย้ายกันไป เหลือผมกับไอ้เกลือที่เดินเข้าไปในห้องจัดงาน ผมเข้าไปสวัสดีคุณปริณ คุณปริณทักทายและถามไถ่เรื่องทั่วไปกับผมพักหนึ่ง ผมถึงได้ขอตัวเพราะลูกน้องคุณปริณบอกว่าได้เวลาอาหารค่ำกับเจ้าชายมิคาเอลแล้วเหมือนกัน

“พรุ่งนี้น้องนาวว่างไหม” ลุงปริณถาม

“พรุ่งนี้น่าจะไม่มีงานนะครับ จะมีก็แค่มาซ้อมงานของคุณเมนี่แหละครับ”

“งั้นดีเลย พรุ่งนี้ไปเที่ยวบ้านลุงไหม ทานอาหารกลางวันด้วยกัน ลุงก็ว่างพอดี”

“ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปฝากท้องกับคุณลุงด้วย อยากไปดูรูปสมัยคุณลุงยังเอ๊าะๆ”ผมบอก คุณปริณหัวเราะชอบใจก่อนจะลูบที่หัวผมเบาๆ


ผมกับไอ้เกลือไหว้ลาคุณปริณก่อนจะเดินไปที่รถ ผมพยายามมองหาไอ้โหดแต่ก็ไม่เห็นมันเลย ไม่รู้มันไปอยู่แถวไหน แต่รถมันก็ยังอยู่ ผมเดินอกมาจวนจะถึงรถของไอ้เกลือแล้ว ได้ยินเสียงไอ้โหดมันเรียกเลยรีบหันไป มันกำลังเดินมาหาผม ผมก็จะเดินข้ามไปหามัน เสียงไอ้เกลือก็ตะโกนมา

“นาว ระวัง!!!” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก

จังหวะนั้นรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับเปิดไฟหน้ารถสว่างจ้า ผมยกมือขึ้นบังแสงไฟที่สาดเข้าตาเต็มๆ อีกนิดเดียวที่รถจะถึงตัวผม ไอ้โหดมันวิ่งมาดึงผมเข้าหาตัวมันอย่างแรงจนล้มไปด้วยกันทั้งคู่ มอเตอร์ไซด์ขับเฉี่ยวตัวผมไป มันทำท่าจะวกกลับมา แต่ไอ้เกลือที่เปิดประตูหยิบปืนจากในรถขึ้นมาส่องไปทางรถมอเตอร์ไซด์ทำให้ไอ้คนขี่มันรีบขับหนีไป

“เป็นไรมากไหม” ไอ้ธีมมันถามผม ไอ้เกลือเดินเข้ามาหาผมกับไอ้โหด

“มีใครเป็นอะไรไหม” ไอ้เกลือถาม ผมส่ายหน้ามีแค่แผลถลอกนิดหน่อย แต่จุกที่ท้องเพราะที่อักเสบอยู่มันยังไม่ทันหายดี

“เลือดออกที่แขนพี่อะ” ผมชี้บอกไอ้โหด มันยกแขนขึ้นมาดู คงล้มไปแรง แขนมันถูกเศษหินบาด

“นิดเดียว นาวละ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ไอ้โหดมันถาม จับแขนผมขึ้นมาดู จับหน้าผมเอียงไปเอียงมาดูความเสียหาย ได้ข่าวผมล้มทับมันนะ ผมสิต้องเป็นห่วงมัน

“ไม่เจ็บ แต่..แม่ง ขับรถภาษาเชี้ยไรวะ มึงซื้อใบขับขี่มาจากนาซ่ารึไง อีกนิดเดียวแกทะยานขึ้นดาวอังคารแล้ว ไอ้ฟวย” ผมตะโกนด่าอากาศ เพราะไอ้คนขี่ที่มันมาเฉี่ยวผมมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ก็มันทำแฟนผมเจ็บ ผมก็โกรธดิ ขอด่าสักหน่อยก็แล้วกัน

“ฉันว่าตั้งใจชนแกเลยมากกว่า ตรงนี้ไม่ใช่ถนน แค่ลานจอดรถ ถนนนี้ก็กว้าง” ไอ้เกลือบอก ผมอึ้งๆไป ก็จริง ลานโคตรกว้าง ทำไมถึงพุ่งมาทางผม

“ไปทำแผลก่อนเถอะ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วประคองไอ้โหดมันให้ลุกขึ้นมา

“จะไปไหนทำไมไม่บอกพี่เลย ถ้าพี่มาช้ากว่านี้จะเป็นยังไง” ไอ้โหดมันบ่นผม

“นาวหาพี่ไม่เจอ คิดว่าคงยุ่งๆ แล้วพี่ต้องไปกินข้าวกับมิเชลอีก นาวเลย..นาวนาวขอโทษนะ” ผมว่าพูดไปก็เท่านั้น ผมผิดเองจริงๆแหละที่ไม่ได้บอกมัน

“พี่จะไปกินข้าวกับนาว ไม่ได้จะไปกับคนอื่น วันหลังถามพี่ก่อนนะ รอพี่แป๊ปนะเดี๋ยวพี่ไปด้วย พี่ขอเอากุญแจรถไปให้ธารก่อน” มันบอก

“นาวขับให้ก็ได้นะ” ผมบอกเผื่อฟลุ๊คได้ขับลูกมัน

“อย่าฝันเลย” มันบอกผมยิ้มๆ

“งั้นนั่งรถผมไปเลย เดี๋ยวผมขับไปวนให้ที่หน้าโรงแรม” ไอ้เกลือบอก ไอ้โหดพยักหน้า

แล้วผมก็เลยพามันเดินขึ้นรถไป ว่าแต่ใครกันที่อยากทำร้ายผม ให้รถพุ่งชนแบบนี้ผมอาจจะตายก็ได้นะ พี่นภงั้นเหรอ อยากทำร้ายผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผมได้แต่คิดในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมาเพราะก็ไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง ไม่อยากโทษใครไปก่อน


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 21-01-2015 12:43:02
เพราะเราคือไอ้โหดที่ปลอมตัวมา  :laugh: ใช่ซะที่ไหนล่ะ  :hao7: ชักจะไม่ชอบหน้ามิเชลแล้วสิ มิเชลใช่มั้ยที่ส่งคนมาทำร้ายน้องนาว  :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-01-2015 13:03:23
พี่ธีมชัดเจนดีนะ ชอบเวลาที่คู่นี้เขาคุยกัน แบบกวนๆไม่หวานเลี่ยน
แล้วมอเตอร์คันนั้น ใครกันที่ต้องการทำร้ายนาว

ปล. ชอบๆ มาต่อบ่อยนะ เป็นติ่งพี่ธีมนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 21-01-2015 13:35:08
พี่ธีมชัดเจนมาก
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ใครนะที่ไม่หวังดีกับนาว
จะใช่คนที่คิดหรือป่าวนะ
รอรอรอรอค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-01-2015 13:48:34
ปริศนาฆาตกรรม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 21-01-2015 14:34:38
น้องนาวนางตลก ฮาตลอด ขนาดเกือบโดนชน นางยังด่าอากาศเฉย :laugh:

นี่ถ้าไม่ได้พี่โหดเอาตัวเข้าแลก น้องนาวมีเจ็นหนักแน่นอน

เรื่องนี้มันต้องมีเงี่ยนงำ!! อ่อ เงื่อน แน่ๆ เกี่ยงกับยัยมิเชล รึเปล่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 21-01-2015 15:08:45
ดูท่าว่าอุปสรรคจะไม่ได้มีแค่เรื่องเดียวซะแล้วสิ
ใครนะที่จ้องจะทำร้ายน้องนาวดาวมโนของเรา   :ruready
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 21-01-2015 15:30:24
พี่ธีมมั่นคงมาก ๆ น้องนาวยังคงมโนเก่งเหมือนเดิมนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 21-01-2015 16:48:51
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายตอน อ่านทีจุใจมว๊ากกกก ขอบคุณนะคะที่ลงบ่อยๆ :)

จะเริ่มเม้นตั้งแต่ตอนที่หายไปนะ XD

อิตอนที่ไปดูหนังกับพี่นภ ทำให้เราหยุดอ่านไปพักนึงเลย แบบนึกว่าจะมีดราม่า ชั้นทำใจเห็นธีมเสียใจไม่ได้~~
พอมาอ่าน กูพลาดดดดดดดดดดดด เพราะท้ายตอนเขาจูบกันอ่ะๆๆๆๆ มุ้งมิ้งน่ารักเลยเชียว แบบนาวนี่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ธีมเต็มที่ ฮ่าๆๆๆ

พอตอนต่อมานาวนี่แม่งขี้มโนจริงๆ ในหัวแกเนี่ยคิดไปเองไม่พอ ยังมาบอกว่าเกลียดธีมอีก เดี๋ยวตีเลย! มาทำธีมชั้นเสียใจ
แต่ดีแล้วละที่ธีมมาช่วยทัน และนาวไม่ปล่อยให้อะไรค้างคาในใจนาน ทำให้ดราม่าไม่นาน ฮ่าๆๆๆๆ แล้วเขาทั้งคู่ก็รักกันสวีทกัน~
จริงนะนาว เอ็งแม่ง ตั้งแต่รู้ใจตัวเองแล้วนะ ขี้อ่อย ขี้ยั่วมากอ่ะ แรดนะเราอ่ะ XD

ส่วนอิพี่นภ แกร๊~~ ถ้าแกจะโดเอสขนาดนี้นะ คือแบบไปหามาโซคนอื่นไป๊ แถวนี้ไม่มีให้แกเฟ้ยยยย
สงสารบิวน้อย แต่คิดว่าทัสคงเข้ามาดูแลแน่ๆอ่ะ

ส่วนตอนล่าสุด ใครจะมาทำร้ายนาวกันละเนี่ยยย พี่นภจะเป็นคนทำเหรอ? ไม่ม้างง

ปล. อ่านชื่อบริทิเนียทีไร ทำให้เรานึกถึงลูลูซทุกที (ไม่รู้ว่าคนแต่งรู้จักรึเปล่านะคะ จากเรื่อง Code geass อะค่ะ)
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2015 19:20:56
เจ้าหญิงนี้ยังไงๆๆๆๆ มีลับลมคมใน. ใครสั่งคนมาทำร้ายนาวอะ มันร้ายมากกกกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 21-01-2015 20:31:59
เค๊าอยากรู้ น้องทัสคือใคร อยากรู้ๆๆๆ นี่ยังขำความมโนของน้องนาวไม่หาย 5555  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 21-01-2015 22:27:09
ความรู้สึกของนาวที่เหมืิอนมีคนจ้องมองไรเงี้ย จะเป็นคนร้านรึป่าวน้าา แล้วจอมน้องทัสนี่มีลับลมคมในอะไรกันอ่ะ อยากรู้ๆ มิเชลนางจะมาเป็นมือที่สามหรอ   ติดตามตอนต่อไปค่ะ คึคึ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 21-01-2015 23:18:41
เรื่องชักวุ่นวายๆ ยังไงไม่รู้ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

เท่าที่จำได้คนเขียนยังไม่เคยบอกอายุตัวละครเลยเน๊อะ

พี่ธีม อายุ 18 ปี ตอนดูโฆษณาประกันชีวิตที่นาวแสดงแล้วตกหลุมรัก + พี่ธีมรักนาวมา 8 ปีแล้ว
ดังนั้น  พี่ธีมนี่อายุ 18+8 = 26 ปี
ส่วนนาว อายุ 21 ปี ใช่ไหมคะ เพราะเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย
ลองคำนวณดูถูกไหมคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 22-01-2015 00:05:31
อ่านรวดเดียวตาแฉะเลย เรื่องน่ารักมาก สนุกคับ
ชอบนายเอกแบบนี้เลย ขอบคุณคนแต่งน้าาาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 17 (21/01/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 22-01-2015 11:08:04
คนที่คิดร้ายกับนาว  เกี่ยวข้องกับเจ้ที่ชอบเขียนข่าวจิกๆ คนนั้นรึเปล่านาาาาาา
 :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 22-01-2015 21:29:02
บทที่ 18


“ฉันว่าไอ้พี่นภแน่เลยแก” ไอ้บูมทำหน้าตาขึงขังหลังจากที่ได้รู้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผมและไอ้โหด คนอื่นๆ ก็พลอยวิตกกังวลไม่แพ้กัน โดยเฉพาะไอ้บิว

“แต่ฉันว่าไม่น่าใช่ คนที่เพิ่งจะมีเรื่องกันไม่น่าคิดเอาคืนเลยเพราะถ้าไอ้นาวมันเจ็บหนักขึ้นมามันจะโดนสงสัยเป็นคนแรกแบบที่เราสงสัยมันอยู่” ไอ้จอมพูดมีเหตุผล

“หรือจะเป็นพวกคลั่งไอ้นาว” ไอ้มีนพูดบ้าง

“ไอ้มีน แกพูดไม่มีเหตุผล ฉันอยู่ในวงการมาจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลย ข้อสงสัยนี้ไม่ผ่าน” ผมบอก

“ฉันว่าก็ไม่น่าใช่ เพราะอย่างไอ้นาว จะมีใครคลั่งกว่ามัน” ไอ้สัสบูมที่เป็นคนพูด มันจะขึงขังจริงจังได้เกินสิบนาทีไหม

“ฉันว่าไม่น่าใช่พี่นภนะ คนอย่างพี่นภ ถ้าจะแค้น เขาน่าจะแค้นพี่ธีมมากกว่านาว” ไอ้ยีนออกความเห็น มันพูดมีเหตุผล

“หรืออิซ้อสิบแปดส่งมา” ไอ้เกลือเริ่มเดาส่ง

“ไอ้ซอลตี้ แกไม่มีเหตุผล เขาเป็นแค่นักข่าว ดีแต่ใช้ปากกาทำร้ายคน ไม่น่าลงทุนจ้างใครหรอก ข้อนี้ไม่ผ่าน” ผมแย้ง

“ว่าแต่ แกพกปืนด้วยเหรอวะเกลือ” ผมถามไอ้เกลือเมื่อนึกขึ้นได้

“ปืนปลอม ฉันเอาติดรถไว้ยามฉุกเฉิน แล้วก็มีเหตุฉุกเฉินจริงๆ” ไอ้เกลือบอก

“ยังไงก็ต้องระวังตัวแล้วละ ถ้าเหตุการณ์นี้มีผู้ไม่ประสงค์ดีกับแกมันจะต้องมีครั้งที่สอง” ไอ้จอมบอกผมก่อนจะดึงหนังสือออกจากมือน้องทัสแล้วเลื่อนจานข้าวไปให้แทน

“พี่ล่ะ เงียบเลย มีข้อสงสัยอะไรไหม” ผมหันไปถามไอ้โหดเห็นมันหน้าเครียดๆ นั่งเงียบๆ อยากรู้ว่ามันคิดอะไร

“ดูจากเหตุการณ์มันเป็นการตั้งใจทำร้ายร่างกายจริงๆ ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่พี่นึกไม่ออกว่าใครจะอยากทำร้ายนาวขนาดนั้น ถ้าเป็นไอ้นภพี่ว่ามันไม่น่าอยากทำร้ายนาวแบบนี้หรอก ถ้าดักพาไปปล้ำก็ไม่แน่” ไอ้โหดออกความคิดเห็น

“ฉันจะทำยังไงกับเสน่ห์ฉันดีวะ พวกแก” ผมรีบถาม พวกมันเบะปากเป็นรูปสะพานแขวน

“ฉันว่าไม่น่าใช่พี่นภหรอก เขาไม่กล้าทำอะไรพวกเราแล้ว” ไอ้บิวที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นมาบ้าง

“แกรู้ได้ไง” ไอ้เกลือถาม

“เอาเป็นว่าฉันรับรองได้ว่าเขาไม่กล้าหรอก คือ พ่อฉันจัดการให้แล้ว” ไอ้บิวบอก แต่ผมว่ามันไม่น่าใช่พ่อไอ้บิวที่จัดการให้น่าจะเป็นใครบางคนที่ไอ้บิวไม่อยากเอ่ยนามมากกว่า ผมนึกไปถึงพี่บอดี้การ์ดตัวใหญ่หน้าดุที่ผมไปเจอไอ้บิวกับเขาที่บันไดหนีไฟของโรงแรมในวันนั้น

“ช่างมันคิดไปก็ปวดหัว สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดี ฉันจะระวังตัวก็แล้วกัน” ผมตัดบทไม่อยากให้พวกมันเครียดมากไปกว่านี้ มันทำงานกันมาทั้งวันแล้วเจอกันก็อยากให้สนุกสนานมากกว่า

“ในหนังสือที่ทัสเคยอ่านเขาเขียนเอาไว้ว่า คนที่มีเจตนาทำให้ใครคนหนึ่งบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต้องเป็นคนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดถ้าคนที่เขาอยากทำร้ายไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว พี่นาวลงนึกดูนะฮะ ใครที่จะได้ประโยชน์ถ้าพี่นาวไม่มีตัวตน” น้องทัสที่กำลังจดจ้องอยู่ขวดพริกไทแบบหมุนๆ อยู่แสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง ซึ่งพวกผมถึงกับทึ่งในเหตุผลนี้ของน้องเขา มันมีหลักการสมเหตุสมผลที่สุดแล้วตั้งแต่นั่งถกเรื่องนี้กันมา ตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบไปสนิทใจผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าใครอยากให้ผมหายไปจากโลกใบนี้ ผมไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไร ไม่มีผลประโยชน์อะไรให้ใคร จะมีคนเกลียดผมถึงขนาดนั้นเลยจริงๆ เหรอ  แต่ถ้ามี..

“แล้วใครกัน” ผมถามตัวเองเบาๆ


หลังจากกลับมาจากบ้านไอ้บิวแล้วผมก็ตรงขึ้นห้องเลย ส่วนไอ้ธีมมันแวะไปหาคุณเมเพราะคุณเมโทรไปหามันบอกว่ามีธุระจะคุยด้วย ผมขอมันเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับผม มันก็รับปาก ผมอาบน้ำเสร็จก็มานั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง ในหัวยังคิดไม่ตกว่าใครที่เกลียดผมถึงขนาดนั้น จนผ่านไปพักใหญ่ไอ้โหดมันถึงเดินขึ้นมา อาบน้ำมาเรียบร้อยพร้อมนอน มันชวนผมเข้านอนและก็นอนกอดผมเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้บ่นว่าเมื่อยแล้ว ช่วงเวลานี้ผมอยากให้ใครสักคนกอดผม และแน่นอนว่าก็อยากให้คนๆ นั้นเป็นมัน แม้มันไม่มีคำปลอบใดๆ ให้ผมคลายกังวล เพราะผมคิดว่าตัวมันเองก็กังวลไม่ต่างจากผม แต่แค่มันอยู่ข้างๆ ผมแบบนี้ ผมกลับรู้สึกว่าความกังวลของผมมันค่อยๆ หายไป

“พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนาวหรอก” มันบอกกับผม ผมซุกๆ เข้าไปใกล้ๆ มันอีกนิด

“พี่เป็นซุปเปอร์แมนรึไง ถ้าวันนี้รถชนพี่แทนนาวพี่คิดว่านาวจะดีใจไหมที่พี่ต้องมาเจ็บ”

“นาวดีใจรึเปล่าพี่ไม่รู้หรอก แต่ถ้าพี่ปล่อยให้นาวเจ็บ พี่คงเสียใจ”

“พี่เจ็บนาวก็เสียใจ” ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“ถ้าไม่อยากให้พี่เจ็บ นาวต้องดูแลตัวเองดีๆ ไปไหนก็ต้องบอกพี่ เข้าใจไหม”

“อืม”

“พรุ่งนี้พี่จำเป็นต้องเป็นคนพาเจ้าชายไปพบท่านทูตเป็นการส่วนตัว นาวอยู่บ้านนะ”

“นาวนัดลุงปริณเอาไว้ พี่ไปส่งนาวที่นั่น คงไม่มีอะไรหรอก แล้วนาวก็จะรอพี่มารับ” ผมบอก

“ไปวันอื่นไม่ได้เหรอ อยากให้นาวอยู่บ้าน”

“นาวจะซ่อนตัวเพราะความกลัวตลอดไปไม่ได้หรอก ชีวิตก็ต้องดำเนินไป แต่นาวจะระวังตัว พี่เองก็ด้วยนะ” ผมบอกมัน

“อืม งั้นรอพี่ไปรับนะ เสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา”

“ครับ”

“หึหึ เวลาไม่ดื้อนี่ก็ดีนะ”

“นาวดีทุกเวลาเหอะ”

“กู๊ดไนท์คริสซิ” มันบอกพร้อมกับทำปากจู๋ ผมเลยกัดปากมัน มันร้องโอ้ยก่อนจะงับปากผมบ้าง จากงับก็เปลี่ยนเป็นกู๊ดไนท์คริสแทน คริสแบบลึกล้ำเหลือเกิน

..สงสัยผมต้องแจ้งทางการซะแล้ว แถวนี้มีสิ่งเสพติดร้ายแรงซุกซ่อนอยู่ ดูดิ...ถ้าผมไม่ได้เสพรสจูบมันคืนไหน คืนนั้นผมจะนอนหลับไหมนะ อยากรู้จริงๆ...

...

"โหมันใหญ่มาก" ผมถึงกับอุทานออกมาเมื่อมาถึงบ้านของคุณปริณ ว่าบ้านของคุณเมใหญ่โตมากแล้วมาเจอสิ่งก่อสร้างตรงหน้านี่บ้านคุณเมเล็กลงไปถนัดตา ผมคงต้องเรียกที่นี่ว่า ‘คฤหาสน์’ ส่วนไอ้โหดมันมาส่งผมและรอจนผมเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ของคุณปริณแล้วมันถึงได้ออกรถไป

“เชิญด้านในเลยค่ะ คุณปริณรออยู่แล้ว” หญิงสาวคนหนึ่งออกมาต้อนรับผม ผมเดาว่าคงเป็นแม่บ้าน ผมเดินตามพี่แม่บ้านเขาเข้ามาด้านใน ข้างนอกว่าอลังการแล้ว ข้างในนี่ดูแพงยิ่งกว่า ไม่ว่าจะของแต่งบ้านหรือเฟอนิเจอร์ล้วนแต่เป็นสีทองอร่ามตามาก นี่ถ้าพี่เขาไม่พูดภาษาไทยกับผม ผมคงนึกว่าอยู่ดูไบ ผมเดินมาถึงโถงใหญ่ก็ได้ยินเสียงขู่จากตัวอะไรสักตัวอยู่ที่ด้านหลัง

แง่งงงงงง.งงงงง...งงงงง

“เฮ้ยพี่ หมาจะกัดผมไหม” ผมรีบวิ่งไปหลบด้านหลังพี่เขา แต่ไอ้หมาตัวดำมะเมือมมันวิ่งพุ่งเข้ามาก่อนจะกระโจนใส่ผม ผมก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งกับพื้นเพราะไม่ทันจะตั้งหลัก เจอแรงโถมจากไอ้หมายักษ์นี่ใครจะไปเอาอยู่ ไอ้ตัวดำกำลังจ้องตาผมไม่กระพริบ

แผล่บๆ..โฮ่ง...แผล่บๆๆ

“ฮ่าๆๆ มาม่อน ไปแกล้งพี่นาวเขาทำไม มานี่” เสียงคุณปริณเรียกไอ้หมาตัวที่มันกำลังเลียมือผมที่ยกขึ้นมาบังหน้าเอาไว้ มันวิ่งกระดิกหางดุ๊กดิ๊กไปหาคุณปริณ

แต่เดี๋ยวนะ! หมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์สีดำเขี้ยวงี้แหลมเปี๊ยว เห่าทีสะเทือนถึงไต ดูน่ากลัวยิ่งกว่าไอ้โหดพันเท่า แต่คุณปริณเรียกมันว่า ‘มาม่อน’ อู้ว...ภาพขนมเค้กนุ่มๆ โรยหน้าด้วยฝอยทองลอยมาเลย มันใช่เหรอ มันถูกต้องเหรอครับ

“แหะๆ ชื่อน่ารักดีนะครับ มาม่อน สงสัยอบนานไปหน่อย เกรียมเชียว แหะๆ” ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ เพราะยังกลัวไอ้หมาดำอยู่ ไอ้มาม่อนมันวิ่งกลับมาหาผมพร้อมกับเอาขาหน้าตะกุยๆ มือผม

“มันชอบน้องนาวนะ ปกติถ้ามันไม่คุ้นหรือไม่ถูกชะตา มันกัดเลยนะ” คุณปริณพูดจารับแขกมากครับ ผมนี่แทบอยากกลับบ้านเลย ไอ้มาม่อนงาดำนี่ก็ตะกุยไม่เลิก ผมเลยเอามือลูบหัวมัน เฮ้ย ได้ผลมันหยุดตะกุยพร้อมกับกระดิกหางกุดๆ ของมันดูน่ารักน่าชังขึ้นมาห้าสิบเปอร์เซ็นต์

“ยังพอมีเวลาก่อนอาหารเที่ยง ลุงจะพาไปเดินดูรอบบ้าน”

คุณปริณพาผมเดินดูรอบบ้าน มันกว้างมากสำหรับบ้านที่อยู่เกือบจะใจกลางกรุงเทพแบบนี้ ที่นี่มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า ห้องออกกำลังกาย ห้องมินิเธียร์เตอร์ ห้องจัดปาร์ตี้ สวนขนาดใหญ่ตกแต่งได้สวยงามมาก แต่ผมไม่ยักกะเห็นมีใครเลยนอกจากคุณปริณ นอกจากคุณปริณก็เห็นเด็กรับใช้และไอ้มาม่อนเท่านี้เอง

“ลุงอยู่คนเดียวเหรอครับ”

“ครอบครัวนายปรัชอยู่บ้านหลังนั้น แต่หลังนี้ลุงอยู่คนเดียว” คุณปริณชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน ขนาดก็ใหญ่พอๆ กับบ้านคุณเม อย่างที่เคยบอก ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับคุณปรัชมากกว่าคุณปริณเพราะได้เจอบ่อยกว่า คุณปรัชเป็นคนทำงานเก่ง เป็นคนเนี๊ยบเรื่องงานมาก แต่ก็ดูเป็นคนใจดีนะ

“ลุงก็อยู่กับเจ้ามาม่อนนี่ไงครับ นาวว่าลุงคงไม่เหงาแน่ๆ” ผมรู้ดีว่าการรู้สึกอยู่คนเดียวมันเหงาแค่ไหนผมเลยอยากแซวคุณปริณเพราะไม่อยากให้บทสนทนามันดูหม่นๆ

“ข้างนอกนี่ร้อนแล้ว ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า ลุงจะได้ให้นาวดูรูปพ่อกับแม่ของนาว”

“ครับ ผมก็อยากดูแล้ว”

ผมนั่งดูอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่คุณปริณยกมาให้ผมเลือกดู ไม่น่าเชื่อเลยว่าลุงปริณจะมีรูปเก่าๆ ของพ่อกับแม่เยอะขนาดนี้ ผมเสิร์ชเน็ตก็เจอแต่รูปตอนแม่ประกวดนางงาม ในอัลบั้มนี้มีรูปที่ผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นแม่ของผมในอริยาบถสบายๆ รอยยิ้มของแม่ดูสดใสจัง ดวงตาของแม่ก็สวย แม่ดูเหมือนดอกพุดซ้อนยามเช้าจริงๆ สวยหวาน ผมอยากกอดแม่จัง ถ้าแม่ยังอยู่ในตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้เป็นดารา อาจจะเป็นแค่เด็กธรรมดาที่กำลังไปมหา’ลัยกับเพื่อน กลับบ้านมาเจอแม่ทำกับข้าวรอและคงไม่มีใครเกลียดผมถึงกับไม่อยากให้ผมอยู่บนโลกนี้แบบตอนนี้แน่ๆ

“นาว” คุณปริณแตะไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าให้ น้ำตาของผมเกือบจะหยดลงบนรูปของแม่ ดีว่าได้ผ้าเช็ดหน้าจากคุณปริณก่อน

“ผมขอโทษครับ เกือบทำรูปเปื้อนเลย” ผมพยายามจะยิ้ม ไม่รู้ทำไมถึงได้กล้าร้องไห้ออกมาทั้งที่ปกติผมจะเป็นคนไม่ค่อยยร้องไห้ให้ใครเห็น อาจเพราะผมแอบรู้สึกว่าคุณปริณคงจะเข้าใจความคิดถึงที่ผมกำลังรู้สึกได้เป็นอย่างดี

“ถ้าคิดถึงก็แสดงออกมาเถอะ ลุงเองก็คิดถึงพ่อกับแม่ของนาวบ่อยๆ ตอนเขายังอยู่ลุงทำแต่งาน ตอนนี้ลุงเลยโดนลงโทษให้ต้องอยู่คนเดียว”

“ฮึก..ผม ผมอยากเจอแม่สักครั้ง อยากกอดแม่ อยากรู้ว่าอ้อมกอดของแม่พุดซ้อนเป็นยังไง” ผมชันเข้าขึ้นมากอดและซบหน้าร้องไห้กับเข่า นี่เลยครับที่เขาเรียกว่า น้ำตาเช็ดหัวเข่า ลุงปริณก็ลูบศีรษะผม ท่านคงอยากจะปลอบผมทั้งที่ผมเองสัมผัสได้ว่ามือของลุงก็สั่นไม่แพ้ตัวผมเลย

ผมใช้เวลาอยู่กับลุงปริณเกือบทั้งวัน เพลินครับ ไม่เบื่อเลย คุณปริณเล่าเรื่องของแม่หลายเรื่อง ผมรู้สึกมีความสุขมาก แถมยังรู้สึกว่าเวลามันหมดเร็วจัง เมื่อบ่ายคุณเมก็โทรมาบอกว่าวันนี้ผมไม่ต้องไปซ้อมแล้วเพราะมิเชลไม่ค่อยสบายและอยากพัก ผมก็เลยว่างยาวไม่มีงานอะไรอีก คุณปริณเลยชวนผมทานข้าวเย็นด้วยกันอีกมื้อ ผมตอบตกลงเพราะยังไงก็ต้องรอไอ้โหดมันมารับอยู่ดี สักพักเลขาคุณปริณมาขอพบคุณปริณเลยขอตัวสักครู่ ผมเลยออกมาเดินเล่นในสวน

“อ้าวปารมีไม่นึกว่าจะได้เจอที่นี่” ระหว่างที่ผมนั่งเล่นกับเจ้ามาม่อนอยู่ที่ชิงช้าในสวน คุณปรัชที่เพิ่งเดินมาจากบ้านของตัวเอง ผ่านมาเห็นผมเลยเดินเข้ามาทัก

“สวัสดีครับคุณปรัช พอดีลุงปริณชวนผมมาทานข้าวด้วยครับ” ผมยกมือสวัสดีคุณปรัช เจ้ามาม่อนเงยหน้ามามองคุณปรัชก่อนจะกลับไปนอนหงายให้ผมเกาท้องมันต่อ

“ดีเลย พี่ปริณพูดถึงคุณบ่อยๆ ท่าทางจะชอบผลงานของคุณ แต่อีกไม่นานก็เปิดกล้องละครของช่องแล้วนะ ผมดีใจนะที่คุณตกลงรับเล่น”

“ผมต่างหากที่ต้องดีใจที่ได้รับเกียรตินั้นครับ”

“แล้วนี่พี่ปริณไปไหน ทำไมทิ้งแขกไว้คนเดียว”

“ลุงปริณขอตัวไปคุยกับเลขาครับ ผมเลยพาเจ้ามาม่อนมาวิ่งเล่น แต่มันคงขี้เกียจ ไม่ยอมลุกเลย”

“มันคงติดนาวซะแล้ว แปลกนะ ปกติไม่คุ้นกับใครง่ายๆ กับผมยังไม่ยอมให้แตะตัวมันเลย อืม..งั้นผมขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระกับพี่ปริณนิดหน่อย”

“อ๋อ ครับ” ผมยิ้มให้คุณปรัช พอคุณปรัชเดินไปผมก็เล่นกับเจ้ามาม่อนต่อ


ผมทานมื้อเย็นกับคุณปริณเสร็จไอ้โหดก็ยังไม่มาสักที คุณปริณจะให้คนขับรถไปส่งผม ผมเลยขอโทรไปหาไอ้โหดก่อน แต่มันก็ไม่ได้รับสาย ผมเริ่มเกรงใจคุณปริณ ผมมากวนทั้งวันแล้ว ท่านอาจจะอยากพัก ผมเลยตัดสินใจว่าจะกลับแท็กซี่เองโดยบอกคุณปริณว่าเดี๋ยวเพื่อนจะมารับและขอออกไปรอที่หน้าบ้าน คุณปริณส่งอัลบั้มอันใหญ่ที่มีรูปแม่กับพ่อให้ผม ท่านบอกว่ายกให้เป็นของขวัญวันปีใหม่ล่วงหน้า ผมดีใจมากรีบยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะรับมา


ระหว่างทางที่เดินออกมาหารถแท็กซี่ ก็พยายามโทรหาไอ้โหดมันตลอดแต่มันก็ไม่รับสักที เดินออกมาจนถึงถนนใหญ่แล้วเลยเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดลงแล้วด้วยจนผมก็เริ่มกลัว ไมได้กลัวใครปล้ำนะ กลัวตัวเองโดนแสงจันทร์แล้วกลายร่าง ฮ่าๆ

ผมเห็นแท็กซี่แล่นผ่านมา กำลังจะโบกเรียก แต่จู่ๆ ก็มีคนวิ่งมาผลักผมอย่างแรงจนผมเซไปที่ถนน ยังดีที่ไม่ล้มและโชคดีที่ไม่มีรถขับมาใกล้ๆ ไม่งั้นผมคงถูกรถชนแน่ๆ พอตั้งหลักได้ก็หันไปมองคนที่ผลักผม มันคลุมหน้าเป็นไอ้โม่งและกำลังหยิบมีดพกขึ้นมา มันเดินมาหาผมก่อนจะพุ่งมีดใส่ ผมยกอัลบั้มรูปที่ถือติดมาบังตัวเอาไว้ มีดกระแทกปกของอัลบั้มรูปอย่างแรงจนมีดหลุดออกจากมือมัน แท็กซี่คันที่ผมกำลังจะโบกเรียกขับมาใกล้บีบแตรดังช่วยผมจนคนร้ายมันวิ่งหนีไปคนขับแท็กซี่ลงมาถามผมว่าเป็นอะไรไหม ผมส่ายหน้าพร้อมกับก้มลงเก็บมีดที่ตกก่อนจะบอกให้พี่เขาไปส่งที่บ้าน


..

ผมกลับมาถึงบ้านก็เจอแต่ป้าสายหยุด ยังไม่มีใครกลับบ้านสักคน ป้าสายหยุดถามผมว่าจะกินข้าวไหม แต่ผมปฏิเสธก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง ผมหยิบอัลบั้มรูปมาดู หน้าปกมีรอยมีดกรีดยาวเลย เปิดดูข้างในไม่มีเสียหาย เจอรูปแม่กำลังยิ้มสดใสพอดี

“ขอบคุณครับแม่ที่ช่วยผม” ผมเชื่อแบบนั้น ถ้าผมไม่มีอัลบั้มรูปอันใหญ่อันนี้ มีดมันคงทะลุท้องไปเต้นรำกับไส้ติ่งผมแล้วก็เป็นได้ พูดถึงมีด ผมหยิบขึ้นมาดู มันคมมากเลย เนื้อดีเงาวับ แต่ที่ด้ามมันสลักอักษรแปลกๆ เอาไว้ ผมอ่านมันไม่ออกเลยเก็บมีดใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อนไม่อยากให้ไอ้โหดมันถามว่าเอามาจากไหน

‘จะพยายามให้เธอ..เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ ให้กับฉัน ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น’ 
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น เสียงรอสายนี้ผมบังคับให้ไอ้โหดมันร้องแล้วเอามาตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเฉพาะเบอร์มัน ได้ยินก็จะได้รู้ว่าเป็นมันที่โทรมา

“ฮัลโหล พี่ไปพบท่านทูตที่หลุมดำมารึไงถึงไม่ยอมรับสายนาว” ผมไม่รอให้มันพูดหรอกครับ ด่ามันก่อนเลย

“โทษทีนะ พี่ปิดเสียงเอาไว้ตอนเขาประชุมกัน นี่พี่กำลังจะไปรับนาวแล้วนะ”

“ไม่ต้อง นาวอยู่บ้านแล้ว”

“อ้าว คุณปริณมาส่งเหรอ”

“นาวกลับแท็กซี่ ไม่ต้องมาโกรธนาวด้วยนะ พี่ไม่รับสายนาวเอง”

“พี่..ขอโทษนะ” เสียงมันหงอยเลย

“พี่ธีมคะ แวะร้านขนมนี้ร้านนี้ให้มิเชลหน่อยได้ไหมคะ แล้วก็...มิเชลอยากขอดูเครื่องประดับร้านตรงนั้นด้วย นะคะพี่ธีม” เสียงของมิเชลดังลอดเข้ามา ผมอึ้งไปนิดหนึ่ง ไหนคุณเมบอกว่ามิเชลไม่สบายอยากพักผ่อนไง แล้วไหนมันว่ามันไปรอเขาประชุม

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเจ้าหญิงเสร็จจะรีบกลับนะ”

“เอาที่สบายใจเลย” ผมตอบก่อนจะกดวางสาย

‘จะพยายาม..ให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ ให้กับฉัน ได้ยืนรกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น จะทำใจ แบ่งใจ ให้ฉัน..นิดนึงพอ’

พี่ธีมมันพยายามโทรเข้ามาอีกครับแต่ผมไม่ได้รับ นั่งมองโทรศัพท์ที่มีรูปมันแสดงบนหน้าจอ ฟังเสียงเรียกเข้าที่เป็นเสียงของมันซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนมันหยุดโทรมาในที่สุด

ถึงจะรู้ว่ามันรักผม ถึงจะรู้ว่ามันจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีเพราะเขาเป็นแขกบ้านแขกเมือง ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้เต็มใจไปกับเขา ถึงแม้มันจะเคยบอกผมว่าผมอย่างอนไร้สาระเหมือนในละคร แต่ผมก็อยากบอกมันว่าถ้าเป็นในละคร ผมคงไม่รู้สึกน้อยใจหรือรู้สึกปวดใจหนึบๆ เท่านี้เลย มันต้องไปดูแลคนที่แม่ของมันอยากให้เป็นคู่หมายกัน มันต้องไปดูแลคนที่เหมาะสมกับมันทุกอย่าง มันต้องไปดูแลคนที่สังคมจะยอมรับได้ มันต้องไปดูแลเขาในขณะที่ผมเกือบตายโดยที่ไมมีใครรู้เลย

..ผมรู้สึกเจ็บหน่วงๆ ชะมัดเลย ผมรู้สึกแบบนี้ ผมอยากถามมันว่า ผมมีสิทธิเจ็บได้ไหม..


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 22-01-2015 21:56:25
สงนางซินจริงๆตอนนี้ ถ้านางตายก็ตายแบบโดดเดี่ยวเลยนะ

ข้างถนนเลย ไหนบอกว่าห่วงนักห่วงหนาไงไอ้โหด ชิส์ดีแต่ลมปาก :angry2: ถึงเวลาข้ออ้างล้านแปด

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-01-2015 22:03:33
ไม่เป็นไรนะนาว  อดทนไว้ พี่ธีมรักหนูนะลูก และรักในซิงหนูด้วยนะลูก :hao6: ฉะนั้นอย่าคิดมากๆ เจ้าหญิงนางก็เป็นแค่อากาศที่พี่ธีมไม่สนใจ น้องนาวอย่าไปซีค่ะลูก  :hao3: :haun5: :mew6: //ชิส์  o12 นางเจ้าหญิง  :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 22-01-2015 22:06:48
ไอ้พี่ธีม รีบ ๆ กลับมาเลย ไหนบอกจะปกป้องไง  :fire:  น้องจะโดนมีดแทงตายละ รู้ปะเนี้ย  :angry2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 22-01-2015 22:17:58
:angry2: :angry2: :angry2: :angry2: ธีม
นี่หรอที่บอกว่าจะดูแล
ถึงแม่ไม่เห็นด้วยก็จะไม่ยอม
ดูแกทำสิ
ทำไมฉันรู้สึก :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2015 00:06:40
 :z3: ปวดใจไปกับน้องนาว เรื่องคุณปริญเนี่ยแค่เอ็นดูเฉยๆหรือมีอะไรมากกว่าน้ัน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-01-2015 00:17:41
ครั้งที่สองแล้วนะ ธีมทำไมเวลาทีเกิดเหตุไม่ดีจะต้องไม่อยู่ด้วย
ดูแลนาวยังไง เกือบตายแล้วนะ แถมตัวธีมยังอยู่องค์หญิงอีก
น่าน้อยใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2015 00:27:12
เดาไม่ออกเลยจริงๆ. ยากอะ. ใบ้หน่อยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-01-2015 00:46:30
ใครทำร้ายนายเอกชั้น  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 23-01-2015 01:58:04
ตัวละครโผล่มาครบยังน้าาา
ปริณ  ชักจะน่าสงสัย มาทำดีกับนาวทำไม เป็นแค่แฟนคลับจริงเร้อออ
เคยมีซัมติ้งอะไรกับแม่นาวมาก่อนเปล่าา
ปรัช  ก็โผล่มีอีก ชักน่าสงสัย
 :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-01-2015 02:57:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 23-01-2015 17:51:07
แงงงง นุ้งนาวอย่ามาม่าาาาาาา
เก๊ากินบ่อยจนผมร่วงหมดแล้ว ไม่เอาๆ หยุดมโนแล้วกลับมาฮาเดี๋ยวนี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 18 (22/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 23-01-2015 20:27:59
ฮืออออ เสียใจอ่ะ

นาวเกือบโดนฆ่า พี่ธีมดันไปอยู่กับองค์หญิงอีก สงสารนาว

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 24-01-2015 10:33:43
บทที่ 19


‘อ๊อดแอ๊ดอ๊อด แอ๊ด อ๊อด แอ๊ด อ๊อด~ขี้หูเธอมี พี่ก็จะแคะ แงะ แงะ แงะ ขี้ตาเธอแฉะ พี่ก็ไม่อยู่เฉย เช็ด เช็ด เช็ด’
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้เป็นเพลงอ๊อดแอ๊ดของเท่งเทิดเทิง ผมตั้งเพลงนี้สำหรับไอ้พวกเดอะแก๊งของผมโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้มันโคตรคนละฟีลกับอารมณ์หม่นๆ ของผมจริงๆ เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรันทดแล้วถูกกระชากมาเต้นกาโวๆ ไลฟ์โชว์ในยูทูปเลยทีเดียว

“ว่าไงไอ้เกลือ” ผมถามมันทันทีที่รับสาย รูปที่ผมตั้งเอาไว้โชว์เวลาไอ้เกลือโทนมา คือรูปนมตู้มๆ ครับ บ่งบอกถึงสันดานรักการดื่มนมของมัน แต่เป็นเต้าอวบอิ่มของน้องวัวนะครับ ไม่ใช่ของสาวๆ ฮ่าๆ

“แกเป็นไรวะ เสียงโคตรเหี่ยวแห้ง”

“ง่วง” ผมแถไป

“แกอย่ามาแหล งอนไรพี่ธีมวะ”

“มันโทรหาแกให้แกโทรมาละสิ” ผมดักคอมัน

“เออ รู้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเนียนถาม”

“แค่เซ็งๆ เดี๋ยวก็หาย ขี้เกียจเล่า” ผมบอก

“แน่ใจว่าไม่อยากเล่า”

“เออ น้องนาวหัวสูง ดื่มแต่ไวน์ไม่อยากเหล้าเว้ย”

“แหม หัวสูง ตอนปีหนึ่งใครกระดกแสงโสมเพียวๆ วะ โชว์พาวไง เมาเหมือนหมาเป็นเกลื้อนนอนไถกับดิน”

“ไอ้เกลือ แกเป็นคนยึดติดกับอดีตนะ แกต้องรู้จักมองไปข้างหน้าได้แล้ว” ผมรีบบอกมัน เรื่องเชี้ยๆ ของผมนี่จำแม่นดีนัก

“ฮ่าๆ เรื่องทุเรศๆ ของแก ฉันไม่มีวันลืม ว่าแต่แกโอเคแน่นะ” มันถามผมอีกครั้ง

“อืม”

“พี่ธีมเขารักแกมากนะ”

“ฉันรู้”

“รู้ก็ดี ทำตัวดีๆ ล่ะ โดนเขาจับกดเพราะงอนมากๆ ขี้ไม่ต้องเบ่งแน่”

“ไอ้เวร ไปนอนเลยไป๊”

“เออ  งั้นแค่นี้นะ ฉันเป็นห่วงแกนะนาว”

“อืม ขอบใจ บาย” ผมกดวางสายปุ๊ป เสียงลูกบิดประตูห้องก็ดังก็อกแก็กๆ มันคงจะกลับมาแล้ว ทำไมเร็วจังวะ แต่ผมไม่เปิดให้มันหรอก ผมจะงอน

‘แกร๊ก’ เสียงไขกุญแจดังพร้อมกับประตูที่เปิดออก ผมหน้าเหวอเลยเมื่อเห็นมันเข้ามาได้ มันเอากุญแจมาจากไหนวะไอ้เมือกปลากะพง

“เข้ามาทำไม” ผมถามมัน

“นี่ห้องพี่เหมือนกัน” มันบอก หน้ามันตอนนี้เหมือนยักษ์เลยครับ

“ไม่อยากคุยตอนนี้” ผมหันหน้าหนีมัน มันเดินเข้ามาจับหน้าผมให้หันมาจ้องหน้ามัน

“นาวจะโกรธพี่ทำไม พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย พี่แค่ทำ..”

“นาวไม่ได้โกรธ นาว..นาวแค่..น้อยใจ..” ผมรีบบอกมัน ไม่อยากให้มันอธิบายเพราะผมรู้อยู่แล้วว่ามันทำเพราะอะไร แต่ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ให้น้อยใจไม่ได้เหมือนกันนี่หว่า เอาดิ มันอยากจ้องตาผม ผมก็จะจ้องมันบ้าง ตอนนี้สีหน้าของมันอ่อนลง เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลยครับ

“พี่ไม่มีโอกาสหยิบโทรศัพท์มาหานาวเลย มันอาจจะฟังดูเว่อร์ แต่พี่พูดจริงๆ พอออกมาจากสถานทูตได้พี่ก็รีบโทรหานาวก่อนเลย ก่อนจะออกมาแม่ก็ฝากให้ไปส่งมิเชลที่โรงแรมอีก”

“ถ้าพี่รู้ว่าตัวเองจะยุ่งก็ไม่น่าบอกให้นาวรอ” ผมบอกมัน ไอ้ที่น้อยใจอยู่ก็หายแล้วละครับ พอเห็นท่าทีร้อนรนของมัน มันก็คงอึดอัดใจไม่ต่างกับผมตอนที่ต้องทำตามคำสั่งของคุณเม

“พี่ไม่คิดว่าที่ไปวันนี้จะเป็นเรื่องสำคัญ มันสำคัญมากจนไม่สามารถปลีกตัวได้จริงๆ เอาไว้พี่ค่อยเล่าให้ฟัง แล้วพี่ก็อยากให้นาวรอจริงๆ ไม่อยากให้นาวกลับเอง”

“แต่นาวรอพี่นานแล้ว เกรงใจคุณปริณ”

“จำเอาไว้นะ นาวต้องรอพี่ มันอาจจะนาน ไม่ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้พี่มาช้า แต่พี่อยากให้รู้ว่าพี่จะมาแน่นอน” เสียงมันจริงจังมากเลยครับ สายตามันก็ดูมั่นคงมาก ผมตัดสินใจขยับไปหามันแล้วสวมกอดเอวมันเอาไว้ ซบหน้ากับท้องมัน มันก็ลูบหัวผม

“นาว...กลัว”

“กลัวอะไร”

“ไม่รู้ดิ แม่ก็ไปจากนาว พ่อก็ไปจากนาว พี่จะไปจากนาวอีกคนไหม คือ..นาว.. นาวไม่ได้หมายถึงพี่จะตายหรอกนะ”

“พี่ไม่ไปจากนาวง่ายๆ หรอก”

“รับปากแล้วนะ”

“อืม นาวละ จะไปจากพี่ไหม”

“ถ้าเจอที่ดีกว่าก็คงไป” ผมตอบ มันรีบดึงตัวผมออกจากตัวมัน หรี่ตามองผม ผมกลั้นขำแทบตาย หน้ามันตอนไม่มีหนวดนี่เหมือนปลานี่โม่ชัดๆ ความโหดมันไม่เหลือแล้วบอกตรงๆ

“สงสัยคงต้องรีบจับทำเมียซะแล้วมั๊ง” มันบอกเสียงเข้มเลย ได้ทีเอาเรื่องนี้มาอ้างเลยนะ ฝันไปเหอะไอ้หื่น

“ไม่เอา รอก่อน รอให้งานการกุศลของคุณเมผ่านไปก่อน” ผมบอกมัน มันทำหน้ามุ่ยเลย

“ทำไมอะ ไม่อยากรอแล้ว”

“ขอดูก่อนว่าจะจัดการเรื่องเจ้าหญิงตังเมยังไง” ผมบอก ส่วนมันหลุดขำเลยที่ผมตั้งฉายาให้มิเชล

“รับปากแล้วนะ” มันถามย้ำ

“เออน่า ไปอาบน้ำดีกว่า ร้อน” ผมบอกมัน

“อาบด้วย”

“ไม่เอา เดี๋ยวพี่ตบะแตก ส่วนสัดนาวยิ่งอวบอิ่มอยู่ด้วย” ผมรีบห้ามมัน

“ไม่หรอก นะ นะ” มันอ้อน คิดว่าคนอย่างผมจะยอมเหรอ คนอย่างผม แค่มันตีหน้าเศร้า ทำเสียงอ้อนใส่ คิดว่าผมจะยอมให้มันเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของผมเหรอ ฝันไปเหอะ เรื่องอะไรจะให้มันเห็นกันง่าย เดี๋ยวผมขอใส่กางเกงว่ายน้ำก่อนนะ

“ก็ได้ แต่ถ้าพี่ตบะแตกโดนแน่ พูดเลย“ ผมบอก มันยิ้มกว้างเหมือนหมาตอนได้กระดูกเลยครับ มันรีบดันผมเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อกประตู ทีแบบนี้ไม่ต้องให้รอเลยนะ ไอ้หมาธีม

อย่าคิดว่าผมอ่อยเชียว ผมแค่อยากได้คนขัดขี้ไคล้ข้างหลังให้แค่นั้นเอง ไม่ได้มีนัยยะใดๆ ทั้งสิ้น ผมมั่นใจ

“ซี๊ดดดดดดด เบาๆ ดิพี่ธีม”

“แบบนี้ดีไหม”

“อืม ดีๆ...ลงไปอีกหน่อย นั้นแหละ ซี๊ด ดีจัง ทีนี่ ขึ้นมาหน่อย อีกนิดๆ”

มันกำลังเอาใยบวบขัดหลังให้ผมอยู่ครับ นั่งในอ่างจากุชชี่กลมๆ กันสองคน น้ำก็อุ่นกำลังดี เพดานก็เป็นกระจกใสๆ มองเห็นท้องฟ้าประดับดาววิบวับ แต่ผมกับมันใส่กางเกงว่ายน้ำทั้งคู่ อย่าได้คิดจะฟินกันง่ายๆ ผมกำลังบอกตำแหน่งให้มันขัดหลังให้อย่างเมามัน แต่สักพักทำไมบวบมันเริ่มไถลงต่ำวะ ตูว่าบอกให้ขึ้นบนนะเว้ย

“ไอ้พี่ธีม นาวบอกให้ขึ้นเหนือ พี่ลงใต้ทำไม”

“ก็มันยังไม่สะอาด” มันบอกพร้อมกับขัดบริเวณเหนือช่องแคบมะละกาของผม ผมว่าสถานการณ์จะไม่ปลอดภัยละ เลยรีบหมุนตัวหันหน้าเข้าหามัน

“พอเลย พี่ลุกไปล้างตัวในตู้เลย นาวจะอาบในอ่างคนเดียว” ผมชี้ไปที่ตู้อาบน้ำ

“จูบได้ไหม” มันถาม ทำหน้าละมุนละไมมาเชียว

“ไม่เอา เดี๋ยวพี่หยุดไม่ได้” ผมบอกตรงๆ ยังไม่พร้อม ถึงไอ้อารมณ์ร่วมจะมีเหมือนกับปุถุชนคนธรรมดา แต่คุณลองมาเป็นฝ่ายถูกกดมั่งดิ แค่นึกก็สยองกว่าตอนโนต่อยท้องแล้ว

“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่ทำให้นาวมีความสุขนิดๆ หน่อยๆ” มันบอก หน้ามันมีความหื่นระดับสิบริกเตอร์โชว์แบบนี้ ผมจะเชื่อมันได้ไง

“พี่หรือนาวกันแน่ที่จะสุข ถามตรงๆ อยากเหรอ”

“อืม แต่พี่ไม่ทำหรอกถ้านาวไม่พร้อม” มันบอก คือผมก็อยู่กับมันสองคนในห้อง ไม่ต้องกระซิบข้างหูผมก็ได้ มันขนลุก

ผมกำลังชั่งใจอยู่ ไม่ได้คิดหรอกครับว่าเร็วไปไหม ง่ายไปไหมกับเรื่องแบบนี้ ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ แค่คนที่ผมรักมันก็ดันมีอะไรเหมือนผม อาจจะแปลกในสังคมที่เราโตมา แต่มันไม่แปลกหากเราเปิดใจว่ามันก็แค่คนสองคนรักกัน เราคบกัน เรื่องแบบนี้มันก็ต้องเกิดขึ้นสักวัน มันก็เป็นการบอกรักทางภาษากาย ใครคนหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้นี่แหละ ผมเดาว่าคนบอกคงกำลังของขึ้นสุดๆ แต่หาเหตุผลให้ดูสวยงาม แต่ที่ผมกลัว คือกลัวมันจะหยุดไม่ได้ ผมยังไม่ได้ศึกษาดีพอเลย ผมไม่อยากเจ็บอะ ผมผิดเหรอ

“อย่าทำหน้ายั่วพี่ดิ” มันบอก เฮ้ย นี่ผมกำลังใช้สมองอย่างหนัก หน้าของผมกำลังเครียด แต่มันดันบอกว่าหน้าผมยั่วยวนมัน ผมทำใจลำบากจริงๆ กับฟีโรโมนของผม

“นะ แค่จูบ” มันขออีก ผมเลยพยักหน้า มันยิ้มเลยครับ ไอ้พี่ธีมมันดึงผมเข้าไปจูบ มันอ่อนโยนกับผมมากๆ แต่ผมว่า มือไม้ของไอ้หมาธีมมันชักจะแปะป่ายไปทั่วตัวผมละ ผมพยายามจะดันตัวมันออก แต่ทำไมไม่มีแรงเลยก็ไม่รู้ สงสัยผมอาจจะโดนเชื้อโปลิโอแบบฉับพลัน

“พี่ธีม พอก่อน” ผมบอก แต่มันไม่ได้หยุด มันซุกไซร้ที่ลำคอของผม ผมก็อยากจะผลักมันออกนะ แต่มันก็เพลินๆดีอะ ฮ่าๆ

“อยู่เฉยๆ นะ พี่ไม่ทำอะไรอย่างที่นาวกังวลหรอก” มันกระซิบบอก ผมไม่ได้ตอบเพราะยังเมาน้ำลายมันอยู่ รู้แต่มันจับตัวผมยกขึ้นไปนั่งบนขอบอ่าง รูดกางเกงผมลง นาวน้อยของผมก็ตั้งท่าสู้เลย ผมหันหน้าหนี เห็นผมตลกทะลึ่งทะเล้น แต่เอาจริงๆ ผมก็อายเป็นนะ มันหัวเราะในลำคอให้ผมตายใจก่อนจะต้องมาสะดุ้งวาบเมื่อนาวน้อยของผมโดนบุกรุก มันกำลังจูปาจุ๊บลูกชายของผม

“พี่ธีม...” ผมได้แต่เรียกชื่อมัน บอกตรงๆ ว่าก็คล้อยตามแต่ก็กลัว ถึงผมจะไม่ใช่คนใสๆ ที่จะไม่รู้เรื่องแบบนี้เลย แต่ผมก้ไม่เคยกับใครนี่นา พอถึงเวลาจริงๆ ผมก็กลัวอยู่ดี แต่ด้วยความที่ผมรักไอ้หมาธีม อารมณ์ที่ถูกมันนำพาก็เลยถูกชักจูงไปง่ายๆ ตอนนี้ผมได้แต่หลับตาแล้วกัดริมฝีปากเพื่อเก็บกดความรู้สึกไม่ให้ส่งเสียงออกมา ไอ้หมาธีมมันกำลังทำในสิ่งที่คนรักเขาปฏิบัติให้กัน แต่ผมจะไม่ไหวแล้ว หัวสมองเบลอไปหมดแล้วโว้ย ถ้าผมเป็นลมแล้วจมน้ำในอ่างตายจะทำยังไง

ผมไม่ไหวแล้ว สุดท้ายต้องปล่อยความสุขออกมาหมดเลย ไอ้หมานธีมมันก็เก็บความสุขของผมจนหมดเลยครับ ผมได้แต่หอบแฮ่กๆ เหนื่อยจากการเกร็งร่างกายนี่มันอย่างกับไปวิ่งมาสิบรอบเลยครับ ไอ้คนที่บอกว่า เวลาใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้วเหมือนมีผีเสื้อนับพันมาบินอยู่ในท้องนี่คงจะเป็นคนที่มโนเก่งกว่าผมพันเท่า เพราะผมไม่มีภาพผีเสื้อสักตัว มีแต่หน้าหื่นๆ ของไอ้โหดที่เอาแต่ก้มๆ เงยๆ สาละวนจูปาจุ๊บลูกน้อยกลอยใจของผมอย่างเมามัน ยิ่งนึกภาพนั้นผมนี่อายจนไม่กล้ามองหน้ามันเลย มันปฏิบัติภารกิจสร้างสุขให้ผมเสร็จก็ดึงผมลงมานั่งในอ่าง จูบผมอีกรอบก่อนจะถอนริมปากมาหอมแก้มผมต่อ

“นาวต้องทำให้พี่ไหมอะ” ผมถามแบบกล้าๆ กลัวๆ เคยอ่านหนังสือ เคยดูหนังอย่างว่ามาเหมือนกัน แต่ว่า..ไม่เคยทำ มันต้องทำยังไง เริ่มยังไง มันเขินวุ้ย ว่าแต่ ทำไมไอ้หมาธีมมันดูชำชองเหลือเกิน มันเคยไปทำแบบนี้กับใครมาบ้างรึเปล่านะ

“มโนอะไรอีกละ พูด” พี่ธีมมันถามผม

“ทำไมเก่งจัง เคยลองกับใครรึเปล่า” ผมถามตรงๆ

“ไม่เคย.....กับผู้ชาย” แหน่ะ ผมเกือบดีใจแล้วเชียว ถ้ามันไม่มีต่อท้าย

“ห๊ะ พี่เคยกับผู้หญิงเหรอ ตอนไหน ไหนว่าแอบรักนาวมาตั้งแปดปี เอาเวลาไหนไปโป๊ะหญิง” ผมคาดคั้นถามมัน

“พี่ก็คนนะ มันก็ต้องมีมั่ง แต่แค่ครั้งสองครั้งแหละ นานแล้วด้วย สมัยวัยอยากรู้อยากลอง”

“นาวก็คนอะ ทำไมนาวไม่ได้ทำกับใครเลย พี่ขี้โกงว่ะ ไรอะ ไม่แฟร์”

“เอ้า ตอนนั้นพี่ยังไม่ได้คบกับนาวนะ แต่หลังจากนี้ไป พี่ไม่มีใครหรอกนอกจากนาวคนเดียว”

“นาวไม่จูปาจุ๊บไอ้มังกรของพี่แล้ว พี่มันแก่แดดแต่เด็ก ชิ” ผมเบ้ปากใส่มันเลย มันยิ้มก่อนจะดึงมือผมให้มาจับไอ้มังกรตัวเขื่องของมัน โอ้ย ไอ้หมาธีม แกมันหน้าด้านจริงๆ ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอลำบากเลยพอได้สัมผัสมังกรของมัน

“มันง้อนาวอยู่นะ” มันบอก ผมงอนมันอยู่นะ เดี๋ยวบีบให้หน้าเขียวเลยนิ

“ห้ามไปทำแบบนี้กับใครอีกนะ” ผมบอกมัน

“พี่ไม่มีวันทำให้นาวเสียใจหรอก” มันบอกพร้อมกับจ้องตาผม ผมตัดสินใจดึงกางเกงมันลง แล้วบางอย่างก็กระจ่างแก่สายตาเต็มๆ

เฮือก! คุณพระ!  ผมดึงกางเกงมันลงไปปิดเหมือนเดิม ก่อนจะมองหน้ามัน มันยักคิ้วให้ ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะเกี่ยวขอบกางเกงมันลงมาอีกครั้ง

คุณเจ้า!!! โอ้ยโย้ยโหย๋ ไอ้นั่นของแกมันดูโหดกว่าหน้าแกอีกนะไอ้หมาธีม ผมกำลังจะเอากางเกงมันกลับขึ้นไปอีกรอบแต่มันพูดกับผมก่อน

“ไม่เป็นไร กลัวก็ไม่ต้องนะ” มันยิ้มให้ผมและหอมแก้มผม ผมตัดสินใจแล้วว่าถึงยังไงผมกับมันก็คือแฟนกัน มันก็ต้องมีวันที่เราแสดงความรักต่อกันอยู่ดี วันนี้แค่ซ้อมใหญ่แบบจิ๊บๆ ไปก่อน

เมื่อตัดสินใจว่าจะคืนความสุขให้มันบ้าง ผมก็เลยจัดการจูปาจุ๊บเจ้ามังกรตัวเขื่องของมันแบบที่มันทำให้ผม มันดูจะพึงพอใจ ผมก็เลยภูมิใจเล็กๆ ที่ทำให้มันมีความสุขได้เหมือนกัน คนอย่างมะนาวก็ไม่ธรรมดานะเว้ย เก่งไปเสียทุกเรื่องนะรู้ยัง หึหึ

“นาว..พอแล้ว” มันร้องบอก ผมก็งง มันไม่อยากแล้วเหรอ หรือว่าผมไม่ได้เรื่อง คิดแล้วก็ยอมไม่ได้ ผมเลยรีบจัดการจูปาจุ๊บให้มันเร็วกว่าเดิม พี่ธีมมันพยายามดันปากผมออก แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็มีบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมาจนผมสำลัก ไอ้หมาธีมมันรีบเช็ดปากให้ผมและมาปลอบผมยกใหญ่

“พี่ขอโทษ ก็พี่บอกนาวว่าพอแล้ว” มันขอโทษผม ผมค้อนมัน ใครจะไปรู้ว่าที่ให้พอแล้วคือมันจะปล่อยลูกมังกรมันออกมากันเล่า

ฮือ...ผมเผลอกินลูกมันไปบ้างรึเปล่านะ ผมฆ่าเด็กตายไปกี่คน ฮือ...

“มโนอะไรอยู่อีกละ ดูทำหน้าเข้าสิ” มันถามผม ผมค้อนมันอีกรอบ

“ไปอาบน้ำในตู้กันเถอะ นาวว่าน้ำในอ่างนี้ลูกของพี่คงแหวกว่ายเล่นกันเพลินไปละ เยอะสัดๆ” ผมค่อนขอดมัน

“หึหึหึ พี่ละแทบอดใจรอหลังงานการกุศลไม่ไหวเลย” มันหอมแก้มผมก่อนจะดึงมือผมไปที่ตู้อาบน้ำ มันอาบน้ำให้ผมจนตัวหอมฟุ้ง ถามว่ามันมานัวเนียกับผมแล้วจะไม่อยากอีกเหรอ ก็คงอยากมั๊ง แต่ผมบอกว่าถ้ามันมายุ่งกับนาวน้อยอีกรอบ ผมจะไม่ให้มันแตะตัวผมอีกเลย มันเลยได้แค่จิ๊ปากขัดอกขัดใจและอาบน้ำให้ผมอย่างเดียวจนเสร็จ

“ตัวนาวหอมจัง” จนมานอนที่เตียงแล้ว มันยังนอนหอมแก้มผมไม่เลิกเลย

“เข้าใจรึยังว่าการอาบน้ำมันดียังไง ซกมกมาได้ตั้งนาน” ผมแกล้งด่ามัน บอกแล้ว ถ้าเขินต้องด่าเอาไว้ก่อน เอาจริงๆ มันก็คงอาบน้ำเหมือนคนปกติแหละ แต่ตอนนั้นอคติไง เลยต้องหาเรื่องด่าว่ามันซกมก

“อืม เข้าใจตอนได้อาบในอ่างกับนาวนี่แหละ ต้องอาบบ่อยๆ จะได้นิพพาน”

“เฮ้อ นี่หื่นได้ตลอด” ผมทำเป็นระอาใจ แต่จริงๆ แล้วผมอาย

“นาวไม่ชอบเหรอ” มันถามพร้อมกับหอมแก้มผมอีก ให้มันตัดเอาแก้มผมไปแปะกับจมูกมันเลยไหม หอมจนช้ำไปหมดแล้ว

“ชอบ แต่ไม่ให้บ่อยๆ หรอก เดี๋ยวพี่เบื่อนาว”

“เดี๋ยวจูบให้ลิ้นขาด” มันทำมาเป็นดุผม

“ถ้านาวลิ้นขาดพี่แหละจะเดือดร้อน” ผมเบ้ปากใส่มัน

“ก็จริง งั้นไม่กัดแล้ว หึหึ” มันหัวเราะ ผมเลยคว้ามือมันมากัดเบาๆ แก้หมั่นเขี้ยวบ้าง

“นอนแล้วนะ” ผมบอกมัน ตาผมจะปิดแล้ว

“อืม พี่รักนาวนะ”

“อืม นาวรู้”

“นาวละ”

“อืม รัก” ผมอยากตอบบยาวกว่านี้นะ แต่ปากมันหนัก ตาก็หนัก รู้สึกว่าร่างกายมันอุ่น หัวใจก็อุ่นจนลืมตาไม่ขึ้น หลับสนิทแบบสบายใจ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาก็จะยังเห็นว่ามันก็คงจะกอดผมอยู่เหมือนกับทุกๆ วัน



โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 24-01-2015 10:41:59
นาวทำไมไม่บอกพี่ธีมว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นห่วงนะ
ต้องบอกนะ
พี่ธีมอย่าทำแบบนี้กับน้องอีกนะ
แต่ชแบที่มีอะไรธีมก็บอกตรงๆ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-01-2015 10:52:13
เวลาที่นาวอยู่กับธีมแล้วน่ารักมาก มีอะไรก็บอกธีมตรงๆ
น้อยใจก็บอกน้อยใจ รักก็บอกรัก  ส่วนธีมไปจัดการองค์หญิงตังเมให้เรียบร้อย
กลัวว่าเวลาที่นาวน้อยใจ นางจะมโนขึ้นมาอีก

แอบส่องในห้องน้ำ นาวถึงกับตกใจเมื่อเจอน้องชายธีม เตรียมใจไว้เลย
เจอของใหญ่แน่ๆ ซ้อมไว้ซ้อมไว้ หลังงานของคุณเมจะได้มีเวลาพักยาว

ปล. เหมือนธีมจะทิ้งปมอะไรไว้นะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-01-2015 11:34:17
แทบจะอดใจรอไม่ไหว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 24-01-2015 11:48:09
ทำไม นาว ไม่บอก ธีมหล่ะ ว่าเจอไรมา ถึงได้งอนเนี่ย ถึงมันจะห่วง แต่กันไว้ดีกว่าแก้นะ

ใครวะมันจ้องจะทำร้ายนายเอกขี้มโนของฉัน แมร่งจิด่าให้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 24-01-2015 12:05:04
น้องนาวนี่นางตลกได้ทุกสถานการณ์ ทันอิพี่ทุกเม็ด
เวลานางฟิน หน้าคงจะยั่วอิพี่น่าดู ดีแล้วที่รอหลังงาน กลัวนางจะเดินผิดคอนเซ็ปงาน :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-01-2015 14:41:59
และแล้วน้องนาวก็ได้พบเจอมังกรยักษ์  :hao6: :hao6: :hao6: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 24-01-2015 14:57:18
อรั๊ยยย ๆ
ธีมนี่ล่ะก็ ไอ้ขี้ขอ อิอิ
ธีมจะจัดการยังไงกับองหญิงตังเมน้าา จะว่าไปองหญิงก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่
ที่แน่ๆ รีบแก้ไขอะไรก่อนที่มันจะเลยเถิด เถอะ ธีมเอ้ยย
 :m31:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-01-2015 19:32:37
เมื่อไหร่ จะได้กันอะ. อิอิ อิอิอิออ อ.  รอฉากนั้น.
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: หยาดน้ำค้าง ที่ 25-01-2015 00:14:28
อร้ายฉันฟินนนน อดใจรอตอนที่พวกเขาจะได้กันไม่ไหวละ
ส่วนเรื่องโดนทำร้ายนี่ฉันว่าคนที่บงการต้องเป็นนางเจ้าหญิงมิเชล มิหอย อะไรนั่นแน่ๆ ตั้งแต่เรื่องผลประโยชน์ละถ้านาวเป็นอะไร นางก็จะได้พี่ธีมไปเพราะคุณเมก็แลดูอยากให้สองคนนี้เป็นดองกัน อีกอย่างคือมีดที่มีลวดลายภาษาอะไรนั่นอ่ะ ต้องเป็นภาษาของประเทศนางแน่ๆ
#ฉันนี่ขี้มโนกว่านาวอีกนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 25-01-2015 00:48:29
ฟินเล็กน้อยถึงปานกลาง ครึครึ :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 25-01-2015 05:45:10
นังคุณเมแน่ๆ หึหึ เริ่มเผยไต๋ออกมาแล้วซินะ o18
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 25-01-2015 09:06:17
โอ้ยยยยย ชอบเรื่องนี้จัง
สู้สู้นะคะคนแต่ง ♥
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 19 (24/01/58) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 25-01-2015 13:21:55
พี่ธีมอย่างหื่นจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 25-01-2015 17:18:03
บทที่ 20


หลังจากวันนั้นไอ้โหดมันก็ไม่ปล่อยให้ผมไปอยู่ไกลตัวมันเลย ถ้าวันไหนที่มันจำต้องทำหน้าที่รับแขกแทนคุณเม มันก็ให้พี่ชัชมาอยู่กับผม แต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องที่ถูกคนทำร้ายให้ใครฟังเลยรวมถึงมันด้วย ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะต้องทำงานตลอด ผมก็ไปทำงานตามตารางงานปกติ ตอนเย็นก็มาซ้อมเดินแบบและเต้นรำงานการกุศลของคุณเม ผมต้องเต้นรำกับมิเชลเป็นการเปิดฟลอร์ด้วย หลังจากที่ผมกับมิเชลเปิดฟลอร์เสร็จคนอื่นถึงจะเริ่มเต้นรำ ใครก็ตามที่สามารถหาเจ้าชายมิคาเอลเจอและสามารถเต้นรำกับเจ้าชายในเพลงสุดท้าย คนๆ นั้นจะได้รับของขวัญพิเศษจากเจ้าชาย ทุกคนในงานจะไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะต้องใส่หน้ากากด้วยนะครับ ส่วนเรื่องคนที่มันคิดทำร้ายผม ตอนนี้ก็หายเงียบไปเลย แต่ผมก็ระวังตัวตลอดนะ ยิ่งเงียบยิ่งต้องระวัง แต่ถามว่ารู้สึกไหมว่ามีคนตาม บอกเลยว่ารู้สึกตลอดเวลา ผมพยายามไม่ไปไหนคนเดียว ไม่ไปในที่ๆ ไม่ค่อยมีผู้คน ทำงานเสร็จก็กลับบ้านเลยเพื่อความสบายใจของผมเองและของไอ้โหดมัน

แล้วในที่สุดวันงานการกุศลก็มาถึง เรียกได้ว่าเป็นงานรวมตัวของบรรดาคนมีอันจะกิน ดาราดัง นักร้องนักแสดงทั้งไทยและต่างประเทศที่มีชื่อเสียงหลายคนก็มาร่วมงานนี้ด้วย ที่ขาดไม่ได้ก็คือนักข่าว เรียกได้ว่าไม่ใช่งานช้างธรรมดา แต่เป็นโคตรช้างแมมมอธชุบแป้งชุบไข่แล้วชุบเกล็ดขนมปังไปทอดอีกที มันใหญ่เวอร์วังอลังการดาวล้านดวงสุดๆ

ผมกับมิเชลแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จแล้วก็มานั่งรออยู่ในห้องรับรองพิเศษที่ด้านหลังของเวที ส่วนคนอื่นๆ ก็ต้องไปแต่งตัวในห้องที่คุณเมจัดเอาไว้ให้ ผมไม่เห็นไอ้โหดกับธารเลย มาถึงงานผมก็ถูกคุณเมลากมาห้องนี้แล้ว เสียงดนตรีดังลอยเข้ามาในห้องผมเลยนึกขึ้นได้ว่าไอ้ธีมมันเล่นต้องเล่นดนตรีในงานด้วย มันคงไปเตรียมตัวเหมือนกัน ผมเห็นมิเชลพยายามจะชะเง้อคอมองไปข้างนอกตลอด คงจะมองหาไอ้โหดอยู่เหมือนกัน ผมเดาเอานะ

“อีกสองวันมิเชลก็จะกลับบัณตราแล้ว” มิเชลเอ่ยขึ้นมาก่อน

“ไม่อยู่เที่ยวที่นี่ต่อเหรอครับ” ผมถาม แต่จริงๆ รีบไปรีบกลับก็ดีนะ คนเราไม่ควรห่างบ้านนานๆ เนอะ

“ท่านพี่ไม่ยอมให้มิเชลอยู่ นาวขออนุญาติท่านพี่ให้มิเชลหน่อยสิ” งานเข้าไอ้นาวแล้วทีนี่

“เอ่อ คือ..”

“นาวคงอยากให้มิเชลรีบกลับเพราะนาวไม่อยากให้เราไปไหนมาไหนกับพี่ธีมใช่ไหม”

“องค์หญิงไม่ควรพูดเช่นนั้นกับแขก เป็นการเสียมารยาทนะครับ” เสียงเข้มๆ ดังแทรกบทสนทนาระหว่างผมกับมิเชล ผมสะดุ้งเลยเพราะไม่รู้ว่าองค์รักษ์หน้าดุคนนั้นมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนไหน แถมยังกล้าทำเสียงดุเจ้าหญิงอีกต่างหาก

“มิเชลแค่พูดความจริง” มิเชลเถียงเสียงเบา ดูแล้วคงจะเกรงองค์รักษ์คนนี้ไม่น้อย

“ความจริงคือท่านหญิงต้องกลับบัณตราตามกำหนด” องค์รักษ์หน้าดุพูดจบมิเชลก็ถอนหายใจก่อนจะหันไปนั่งเล่นโทรศัพท์ของตัวเองเงียบๆ พอเห็นท่าทางแล้วผมก็อดสงสารไม่ได้ แต่ผมไม่กล้าพูดอะไรหรอกครับ กลัวท่านองค์รักษ์จะบั่นคอผม ผมจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเล่นบ้าง แต่ดันซุ่มซ่ามทำกระเป๋าหล่น ยังไม่ทันที่ผมจะก้มเก็บของที่หล่น มือขององค์รักษ์ก็มาหยิบมีดพกที่ตกอยู่ที่พื้น

“คุณได้มาจากที่ใด” เสียงที่ถามเบานะ แต่น้ำเสียงทรงไปด้วยอานุภาพทำลายล้างขวัญสั่นประสาทของผมมาก

“เอ่อ คือ..คือ ผมเก็บได้” ผมไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไง องค์รักษ์มองจ้องผมอยู่สักพักก็ส่งมีดคืนผม

“เก็บเอาไว้ให้ดีนะ” เขาบอก ผมพยักหน้าก่อนจะรีบเก็บใส่กระเป๋า แต่องค์รักษ์คนนี้กลับแตะที่มือผมก่อนจะพูดเบาๆ ให้ผมได้ยินเพียงลำพัง ผมฟังแล้วมองหน้าเขา ก่อนจะพยักหน้าอีกรอบ

“ได้เวลาแล้วค่ะ ท่านหญิงพร้อมไหมคะ น้องนาวละ พร้อมไหม เดินแบบเสร็จแรกเสร็จแล้ว การประมูลก็เพิ่งจะเสร็จไป เดี๋ยวน้องนาวกับท่านหญิงไปเดินชุดฟินนาเล่เสร็จแล้วช่วงต่อไปคืองานเต้นรำแล้ว อย่าลืมใส่หน้ากากกันด้วยนะคะ” คุณเมเดินมาบอก
ผมกับมิเชลลุกขึ้นเตรียมตัว คุณเมเดินนำเราสองคนออกไปด้านหลังของเวที ผมกับมิเชลออกไปเดินในชุดฟินนาเล่ เรียกเสียงฮือฮาจากแขกในงาน แสงแฟลชวูบวาบอยู่เบื้องล้าง มีความรู้สึกว่ามือของมิเชลสั่นเล็กน้อย อาจจะตื่นเต้น ส่วนผมมันเจนเวทีตั้งแต่เด็กเลยกระชับมือของมิเชลเพื่อเป็นกำลังใจ ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการเดินแบบจนเสร็จจากนั้นเสียงพิธีกรก็บอกกติกาของเกมส์ตามหาเจ้าชายมิคาเอลแห่งบัณตรา แขกผู้มีเกียรติที่เป็นผู้ชายก็สามารถขอเต้นกับผู้ชายเหมือนกันได้เพื่อตามหาเจ้าชายมิคาเอลตัวจริง เพราะรางวัลนี้เจ้าชายอยากให้ทุกคนมีสิทธิ์ คนทุกเพศทุกวัยก็เล่นเกมส์นี้ได้ หลังจากนั้นพิธีกรก็พูดเปิดงานเต้นรำ

ผมยื่นมือไปให้มิเชล เพราะเราทั้งสองคนต้องเปิดฟลอร์เต้นรำ เธอก็วางมือบนมือผม แล้วผมก็นำมิเชลเดินออกไปอยู่ที่กลางฟลอร์ เสียงดนตรีจังหวะวอลซ์ดังขึ้น แสงไฟส่องมาที่ผมกับมิเชล ผมกับเจ้าหญิงแห่งบัณตราเริ่มวาดเท้าไปตามเสต็ป เสียงปรบมือดังขึ้น ดนตรีเล่นไปสักพัก หลายๆ คู่ก็เริ่มทยอยเข้ามาในฟลอร์เต้นรำ สายตาผมเริ่มมองหาไอ้โหดบนเวที แต่ทุกคนใส่หน้ากากหมด แถมไฟก็สลัวเลยมองไม่ถนัด ผมเลยต้องหันกลับมาสนใจคู่เต้นของผม เพราะถ้ามัวแต่สนใจอย่างอื่นผมอาจจะเหยียบเท้าเธอให้อายได้ จนกระทั่งนักดนตรีเปลี่ยนเพลงเป็นสัญญานบอกว่าให้เปลี่ยนคู่เต้นรำได้ เจ้าหญิงรีบผละออกจากตัวผม คาดว่าคงจะเดินตามหาไอ้โหดแน่ๆ ผมกำลังจะเดินออกไปนอกฟลอร์แต่จู่ๆ ก็มีคนดึงผมไปเต้นรำด้วย พอได้เห็นใกล้ๆ ก็รู้ว่าเป็นไอ้มีนครับ

“แก คนไหนเจ้าชายวะ บอกมาดิ๊” ไอ้มีนกระซิบถามผม

“เฮ้ย จะไปรู้ได้ไง” ผมบอกมัน

“แกนี่ไม่ช่วยเพื่อนเลย แกพาฉันเต้นไปรอบๆ ก่อน เจอใครคล้ายเจ้าชายก็บอกด้วย ฉันพนันกับไอ้ยีนเอาไว้ว่าใครจะชนะ”

“เออๆ ได้รางวัลหารสองด้วย” ผมบอก มันเบ้ปากใส่ผม ผมพามันเต้นวนไปรอบๆ แต่ผมก็ไม่เห็นใครสักคนที่ดูจะคล้ายเจ้าชาย จนเพลงเปลี่ยนเป็นครั้งที่สอง ไอ้มีนเลยต้องเปลี่ยนคู่เต้น คราวนี้ผมรีบเดินออกจากฟลอร์เลย ไม่อยากเต้นกับใครแล้ว

“จะรีบไปไหน เต้นด้วยกันก่อนสิครับ” ใครคนหนึ่งคว้ามือของผมไปเต้นรำและใครคนนั้นเป็นผู้ชายสวมหน้ากากปิดบังใบหน้ามิดชิด แต่ผมว่าผมรู้ว่าเป็นใคร ซึ่งมันทำให้ผมเกร็งสุดๆ

“คือฝ่าบาท..คือ กระหม่อม คือ”

“ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบาย เราขอยืมตัวนาว เต้นรำกับเราจนจบเพลงจะได้หรือไม่”

“แต่ว่า..มันจะ..คือ มันจะไม่ดีครับ นาวเคยเจอฝ่าบาทมาก่อน ถ้าได้รางวัลไป คุณเมจะถูกตำหนิ” ผมรีบหาทางชิ่งก่อน

“ฉลาด”

“อะ..อะไรนะครับ”

“นาวฉลาดพูด เช่นนั้น ขอเราเต้นรำกับนาวจนกว่าเพลงจะเปลี่ยนแล้วกัน”

“......”

“ไม่เต็มใจหรือ” น้ำเสียงนุ่มนวลของเจ้าชายมิคาเอลดูเกรงอกเกรงใจผมจนผมไม่กล้าปฏิเสธ

“เปล่าครับ แต่มันเขินๆ ผู้ชายมาเต้นด้วยกัน” ผมพูดจบเจ้าชายมิคาเอลก็ใช้มือดันหลังของผมให้ไปชิดตัวของพระองค์มากขึ้นแล้วพาผมวาดเท้าไปทั่วฟลอร์

ถามว่ามีคนสนใจไหม คงจะมี เพราะผมยังอยู่ในชุดเต็มยศซึ่งมันอลังการมากก็เด่นอยู่แล้ว แถมตอนนี้กำลังเต้นรำกับผู้ชายเหมือนกัน แต่ในเมื่อเจ้าชายยังวางเฉย ผมก็เลยต้องเฉยไปด้วย

“อยากไปเที่ยวบัณตราบ้างไหม” เจ้าชายถามผม

“คิดว่าคงได้ไปในสักวันแน่นอนครับ” ผมตอบ

“ที่นั่นสวยงามมากนะ บางทีนาวอาจจะติดใจจนไม่อยากกลับ” เจ้าชายพูดกับผมเหมือนปกติ แต่ผมว่ามันดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

“อ๋อ ครับ” ผมตอบได้แค่นี้ ไม่อยากมโนไปว่าเจ้าชายอาจจะมีรสนิยมเหมือนผม จะเป็นการมโนที่จาบจ้วงจนเกินไป

เจ้าชายยังคงชวนผมคุยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนักดนตรีเปลี่ยนเพลง เจ้าชายถึงได้ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ผมรีบเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ไม่อยากใส่ชุดนี้แล้ว มันเด่นเกินไป แต่ระหว่างทางที่จะเดินกลับไปที่ห้อง ผมรู้สึกว่ามีคนเดินตามผมอยู่ ผมเร่งฝีเท้าก่อนจะรีบหลบเข้ามุมทางเดินเมื่อมีโอกาส เสียงฝีเท้าเงียบลง แต่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงอีก ผมหยิบมีดพกที่พกติดตัวเอาไว้ขึ้นมา

“แกเป็นใคร!!!!” พอเสียงฝีเท้ามาถึงตัวผม ผมก็กระโจนออกมาพร้อมกับชูมีดเอาไว้

“แฟนคุณไง” เสียงคนที่เดินตามมาตอบผม ผมลดมีดลงก่อนจะเป่าปากโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่เดินตามมาคือไอ้โหดนั่นเอง

“เดินตามมาเงียบๆ ถ้านาวเสียบพุงพี่จะทำยังไง” ผมถามมันที่ทำหน้าตกใจที่เห็นมีดในมือผม   

“นาวก็เป็นหม้ายไง” มันตอบก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วดึงมือผมให้เดินตามมันไป

มันพาผมเดินอ้อมไปทางบันไดหนีไฟ แล้วก็พาเดินขึ้นไปจนผมหอบเลย ไม่ใช่ไม่แข็งแรงนะครับ ก็ไอ้ชุดพร้อมกับเครื่องประดับที่อยู่บนร่างกายผมมันหนักมาก ผมสงสัยจริงๆ ว่าราชวงศ์นี้เขาไม่เมื่อยกันรึไงถ้าต้องใส่ชุดแบบนี้เดินไปเดินมาทั้งวัน แล้วดูชุดไอ้พี่ธีมสิ สูทธรรมดา ถึงว่า...เดินตัวปลิวเชียวนะแก

มันพาผมขึ้นมาบนดาฟ้าของโรงแรม บนดาดฟ้านี้ไม่มีอะไรหรอกครับ มีเพียงต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่หนึ่งต้น มีไฟกระพริบประดับอยู่ตามกิ่งก้าน ยังมีโต๊ะอีกหนึ่งตัวรองรับขวดแชมเปญกับแก้วเอาไว้ มันจูงมือผมเดินไปถึงโต๊ะมันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาวาง กดเล่นเพลง แล้วมันก็โค้งให้ผม

“เต้นรำกับพี่นะ”

“พี่ไม่ต้องไปเล่นดนตรีเหรอ” ผมถาม

“พี่บอกแล้วไง ว่าจะเล่นเพลงเพราะๆ ให้คนที่รักฟังเท่านั้น” ผมได้ยินแล้วอยากจะย้อนถามมันว่า แล้วที่มันเล่นให้มิเชลฟังละ แปลว่ารักมิเชลสินะ แต่ไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ ที่มันอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ผม ที่ว่ามันตั้งใจคือ ไอ้ต้นไม้ที่ประดับไฟ มันคือต้นพุดซ้อน ผมจำกลิ่นได้ดี อุตส่าห์ไปแบกมาเพื่อเซอร์ไพรส์ผม

“หายหน้ามาเพื่อการนี้เหรอ แล้วไปหัดเต้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“จะถามพี่อีกนานไหม” มันถาม ผมแอบขำ มันยื่นมือมา ผมส่งมือให้มัน แล้วมันก็โอบเอวผมให้ไปชิดกับตัวมัน

“ทีแรกก็จะชวนมาดื่มแชมเปญชมจันทร์เฉยๆ ไม่ได้จะอยากมาเต้นรำอะไรหรอก แต่นาวเต้นรำกับเจ้าชาย พี่เห็นนะ” มันบอก ทำเสียงงอนๆ ใส่ผมด้วยนะไอ้เมือกปลา

“ก็เขามาขอเต้น ว่าแต่เห็นเขาเต้นกับนาว เลยต้องเต้นทับรอยว่างั้น” ผมขำความขี้หวงเหมือนหมาของมันจริงๆ

“แต่ทำไมต้องเบียดกันด้วย”

“อ๊าว เต้นรำนะ ไม่ใช่เต้นกังนัมสไตล์ จะได้ยืนโยกไกลๆ กัน ถามไม่คิด”

“พี่หวง”

“ทีพี่ละ”

“พี่ทำไม”

“ก็พี่ยังได้เสียกับผู้หญิงตั้งสองครั้ง”

“งั้นพี่จะทำนาวพันครั้งเลย จะได้มากกว่าคนอื่น ดีไหม หึหึหึ” มันถามก่อนจะขำ

“ไอ้เมือกปลาหน้าหมาหื่นเอ้ย” ผมว่ามันไปอย่างนั้นแหละ เขินอยู่นี่นา

“พี่บอกกับแม่ไปแล้วนะ ว่าพี่รักนาว”

“ห๊ะ...พี่บอกทำไม” ผมตกใจ หยุดเต้นเลย แต่มันดึงผมให้เต้นรำกับมันต่อ

“ก็แก้ปัญหาเจ้าหญิงตังเมไง”

“แต่ว่า..คือ..แล้ว คุณเมว่ายังไงบ้าง..”

“แม่ไม่ได้พูดอะไร อึ้งไปเลยล่ะ แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้อยู่ดี”

“ถ้าคุณเมเกลียดนาวละ”

“เขาไม่เกลียดนาวหรอก”

“ไม่แน่หรอก”

“ฟังนะ ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดนาว แต่พี่จะรักนาว เพียงพอไหม พี่จะรักนาวมากขึ้นจนมันมากขึ้นไม่ได้แล้ว” มันบอกกับผม ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าให้มัน มันหยุดเต้นแล้วถอดหน้ากากของผมออก ก่อนจะถอดของมันออกเหมือนกัน

“นาวรับปากพี่ได้ไหม ว่านาวจะฝ่าฟันทุกอุปสรรคไปกับพี่” มันถาม

“แล้วมันจะมีอุปสรรคเยอะไหม” ผมถามมัน ยอมรับตรงๆ ว่ากลัว ผมกลัวการสูญเสีย ถึงผมจะเจอกับความสูญเสียมาหลายครั้ง แต่มันไม่ชินหรอกครับ มันยิ่งเป็นปมในใจ

“พี่ก็ไม่รู้ แต่พี่ไม่กลัวอะไรเลย ยกเว้นอุปสรรคเดียว”

“พี่กลัวอะไร”

“นาวไง พี่กลัวนาวไม่เข้าใจ ถอดใจ กลัวความคิดของนาวที่สุดแล้ว”

“โหย นาวจะพยายามมโนให้น้อยลงก็ได้ แต่นาวขี้น้อยใจ พี่ก็อย่าพยายามให้นาวงอนบ่อยๆ ล่ะ นาวก็เหนื่อยนะเวลาที่ต้องงอน พี่เป็นคนง้อเหนื่อยไม่เท่านาวหรอก นาวมั่นใจ เข้าใจไหมไอ้หื่น”

“ครับ..” มันตอบก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบผม จูบกันเนิ่นนานเลยจนขาของผมแทบจะหมดแรงมันถึงยอมผละริมฝีปากออกแล้วมาสบตาผมแทน

“หมาธีม ไม่มีพลุเหรอแบบ จูบกันเสร็จต้องมีพลุจุดเป็นพื้นหลังไง พี่ไม่ลงทุนเลยว่ะ” ผมด่า เป็นนาวสไตล์จำได้ไหม เขินต้องด่าไว้ก่อน

“เอาไว้เราได้กันวันไหน พี่จะจุดพลุให้นะ” มันบอก

“โหย สมองพี่นี่บรรจุแต่เรื่องอย่างว่านะ”

“เปล่า บรรจุแต่เรื่องนาวต่างหาก มีแต่นาว” มันบอกผม ทำไมมันถึงได้เป็นคนโรแมนติกขัดกับบุคคลิกของมันจัง

“พอแล้ว ไม่ต้องทำหน้าละมุนใส่ เขิน” เขินจริงๆ แต่ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาด่ามันแล้วครับ

“หึหึ” มันหัวเราะก่อนจะก้มลงมาจูบผมอีก สายตาผมเหลือบไปเห็นแสงไฟดวงเล็กๆ สว่างวาบมาจากตึกสูงฝั่งตรงกันข้ามกับดาดฟ้าที่ผมยืนอยู่ ผมสะกิดพร้อมกับชี้ให้ไอ้โหดมันดูก่อนจะเดินไปดูใกล้ๆ แต่เดินไปไม่ถึงไหนก็เสียหลักล้มเพราะชุดมันหนักมากเลย พี่ธีมมันรีบมาดึงตัวผมเอาไว้ก่อนจะหยิบหน้ากากมาใส่ให้ผม มันก็เองก็ด้วย แล้วรีบพาผมลงจากดาดฟ้าไป

“มีอะไร” มันพาผมวิ่งลงมาแบบทุลักทุเลเพราะชุดของผมมันรุ่มร่ามมาก แต่แล้วจู่ๆ มันก็หยุดวิ่ง

“ไม่มีอะไร รีบลงไปเร็ว” มันบอก แต่ชุดที่ผมใส่มันหนาและหนัก ผมเลยวิ่งไม่ถนัด กลัวจะตกบันได้เลยคว้าแขนมัน

“โอ้ย” มันร้องออกมาจนผมตกใจ ที่แขนของพี่ธีมมันเปียกด้วย

“เฮ้ยเลือดนี่ ทำไมแขนพี่มีเลือด” ผมถามมันเมื่อเห็นเลือด แต่มันยังไม่ทันตอบก็มีผู้ชายสวมชุดดำมีหมวกคลุมหน้าคนหนึ่งวิ่งขึ้นมา ไอ้โหดมันรีบดึงมือผมให้ไปหลบข้างหลังมัน

“แกไม่เกี่ยว ถอยไป” ไอ้ชุดดำตวาดเสียงดังใส่ไอ้โหดมัน

“ถ้าแกทำอะไร แกไม่รอดแน่ ตำรวจอยู่ข้างล่างเต็มไปหมด” ไอ้โหดมันขู่

“กูเข้ามาได้ทำไมจะออกไปไม่ได้ หลีกไปไม่งั้นตายทั้งคู่” ไอ้ชุดดำมันบอกพร้อมกับชูปืนส่องมาทางพวกผม

“โอเคๆ ต้องการฉันคนเดียวใช่ไหม จะจับเป็นรึจับตายละ” ผมถาม ต้องถ่วงเวลาด้วยการชวนมันคุย

“เงียบไปเลยนาว” ไอ้โหดบอกพร้อมกับบังตัวผมจนมิด

“มึงปล่อยมันมา” ไอ้ชุดดำบอกไอ้โหด ผมชะโงกหน้าออกมาจากแผ่นหลังไอ้โหด

“ฉันไปกับแกก็ได้ แต่ฉันจะรู้ได้ไงว่าแกจะปล่อยเพื่อนฉัน” ผมถามมัน

“มึงมีทางเลือกรึไง พูดมาก เดี๋ยวกูยิงให้ตายห่าทั้งสองคนเลย” ไอ้ชุดดำมันตวาดมาอีก

“งั้นมึงก็ยิงเลย ยิงมันก่อนนะ ส่วนกูขอแต่งหน้าก่อน กูเป็นดารานะ จะตายหน้าซีดๆ ได้ไง คิดสิคิด” ผมชี้ไปทางไอ้โหดก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มึงหยาบคายมาผมก็หยาบคายกลับไม่มีโกง

“กูจะยิงมึงคนเดียว” ไอ้ชุดดำบอกผม

“วะ มาสองคนจะยิงคนเดียว กูเหงานะ ตายคนเดียว” ผมแกล้งบ่น

“ยังมีอารมณ์ขำอีกเหรอนาว” ไอ้โหดมันหันมากระซิบถามผม ขำพ่องงงงแกสิ ปืนจ่อหน้าเนี่ย ตูกำลังถ่วงเวลาต่างหากเว้ยไอ้หมาธีม

“พี่หลีกไป มันจะไม่ฆ่าพี่ มันต้องการแต่นาวคนเดียว” ผมบอกไอ้ธีม แต่มันไม่ยอม ยืนบังตัวผมไว้อยู่นั่นแหละ
ผมตัดสินใจผลักหลังไอ้โหดอย่างแรงจนมันล้มลง ชายชุดดำเอี้ยวตัวหลบมาทางผมเพราะไอ้โหดมันเซล้มไปตรงหน้าของมัน จังหวะนั้นผมหยิบมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งเข้าหาไอ้ชุดดำมันอย่างเร็ว ตวัดมีดไปที่มือข้างที่ถือปืนของมัน มันร้องเสียงดังพร้อมเลือดที่ข้อมือมันพุ่งเต็มหน้าผมเลย ปืนตกลงไปที่พื้น ไอ้โหดหยิบปืนขึ้นแล้วลุกมายืนข้างๆ ผม ส่วนผมกำลังยืนอึ้งรับประทานอยู่

“แก ฉัน..ฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่ามีดมันจะคมขนาดนี้ พี่ธีม มือมันจะขาดไหมอะ” ผมพูดกับชายชุดดำที่กุมข้อมือตัวเอง ใบหน้ามันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด

ผมไม่ได้ขอโทษเอาฮานะ คือข้อมือมันเหวอะจนเห็นกระดูกเลย ไอ้คนร้ายมันทรุดตัวลงนั่งร้องโอดครวญ เลือดทะลั่กไม่หยุด ไอ้โหดเดินเข้าไปเอาด้ามปืนทุบท้ายทอยมันจนมันล้มลงนอนกับพื้นนิ่งไปเลย ผมรีบเอามีดตัดเสื้อของคนร้ายให้ขาดเป็นเส้นยาวๆ เพื่อเอามาพันที่ข้อมือของมัน ผมรัดที่แผลแน่นๆ เพื่อห้ามเลือด ผมไม่ได้เป็นคนดีห่วงอะไรมันนะ แต่ถ้ามันตายผมจะรู้ได้ไงว่ามันเป็นใคร แล้วผมก็ไม่อย่ากฆ่าใครตาย ส่วนไอ้โหดโทรศัพท์หาใครไม่รู้ สักพักเดียวตำรวจก็ขึ้นมากันเต็มไปหมด ไอ้โหดและคนร้ายถูกพาไปโรงพยาบาล ส่วนผมอยู่ให้การกับตำรวจก่อนจะถูกพาลงมาที่ห้องพัก

“นาว แกเป็นอะไรไหม” ไอ้เกลือวิ่งเข้ามาในห้อง หน้าของมันซีดมากเลย จากนั้นเดอะแก๊งก็ทยอยกันเข้ามา

“กรี๊ดดดด ไอ้นาว เลือดเต็มหน้าแกเลย พามันไปโรงพยาบาลสิเกลือ” ไอ้มีนเห็นผมก็ร้องกรี๊ดดังลั่น ผมรีบยกมือห้ามมัน

“ไม่ใช่เลือดฉัน ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะไปหาพี่ธีม พาฉันไปหน่อย” ผมบอกพวกมัน ผมห่วงพี่ธีมเพราะว่าแขนของพี่ธีมมีแผลจากการโดนยิง ตำรวจบอกผมว่าไอ้หมาธีมมันถูกยิง

“แกไปล้างหน้าอาบน้ำก่อนเถอะ ไปแบบนี้ ใครเห็นก็ตกใจกันหมด” ไอ้จอมบอก ผมพยักหน้าแต่พอลุกขึ้นยืนเสียงประตูห้องก็เปิดออก คุณปริณเดินเข้ามา พอเห็นผมก็เดินตรงเข้ามากอดผม

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ลุงตกใจแทบแย่”

“ครับ นาวไม่เป็นไรแล้ว นาวไม่ปล่อยให้ลุงอยู่กับไอ้มาม่อนหรอกครับ” ผมเป็นฝ่ายปลอบคุณปริณเพราะผมสัมผัสได้ว่าแขนที่กอดผมสั่นมากๆ คุณปริณเสียเพื่อนที่รักไปสองคนแล้ว ผมเหมือนตัวแทนของพ่อกับแม่ คุณปริณคงใจไม่ดีที่ผมได้รับอันตราย

“ลุงดีใจที่นาวปลอดภัยนะ”

“ครับ ผมขอตัวไปอาบน้ำล้างเลือดออกก่อนนะครับ ดูสิครับเลือดเปื้อนเสื้อลุงปิณหมดแล้ว” ผมบอก ลุงปริณยอมคลายอ้อมกอดออก

“คุณเมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวน้องนาวอาบน้ำเสร็จลุงจะพาไป” ลุงปริณบอก

ผมพยักหน้าแล้วรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด
กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมด ผมนึกแล้วยังสยองไม่หาย นึกถึงคำพูดของคุณมาคัสที่กระซิบบอกผม คุณมาคัสบอกว่าให้ผมเอามีดเล่มนี้ติดตัวไปตลอดอย่าทิ้งไว้ในกระเป๋า นึกขอบคุณในใจเพราะถ้าไม่มีมีด ป่านนี้เลือดที่คละคลุ้งอยู่คงเป็นของผมแน่ๆ ผมสงสัยว่าใครยิงพี่ธีม ทำไมผมไม่ได้ยินเสียงปืนเลย คนร้ายที่โดนผมปาดข้อมือมันวิ่งมาจากข้างล่าง แต่ไอ้โหดน่าจะโดนยิงตั้งแต่บนดาดฟ้า เอ๊ะ..แสงไฟดวงเล็กที่ผมเห็นจากตึกร้างข้างโรงแรมอาจจะเป็นปืนเก็บเสียง ถ้ายิงมาจากที่นั่นไอ้คนร้ายที่ตำรวจจับได้ก็ไม่น่าวิ่งมาถึงตัวผมได้เร็ว แสดงว่าพวกมันต้องมีมากกว่าหนึ่งคน แล้วทำไมมันถึงอยากฆ่าผมคนเดียว ถ้ามันตั้งใจยิงผม อาจจะเป็นตอนที่ผมล้มเสียหลักเพราะชุด ไอ้โหดเข้ามาหาประคองผมเลยรับวิถีกระสุนแทน ถ้าผมไม่ล้มเพราะชุดรุ่มร่ามนั่น ผมอาจจะถูกกระสุนเจาะที่หัวใจไปแล้ว ผมไม่อยากบอกว่าเป็นโชคดีเพราะไอ้โหดมันต้องมาเจ็บตัวแทนผมแบบนี้
ผมปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวราดรดมาบนหัวอยู่นาน เผื่อความเย็นของน้ำจะช่วยให้ผมหายฟุ้งซ่านได้บ้าง ถ้าอยากทำร้ายกันขนาดนี้ มันต้องมีที่มาที่ไปซับซ้อนมากกว่าที่ผมคิด ผมต้องรู้ให้ได้ว่าแรงจูงใจในการฆ่าผมมันคืออะไร

ผมอาบน้ำเสร็จแต่งตัวเสร็จแล้วก็ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาลในทันทีเพราะตำรวจมาขอสอบปากคำเพิ่ม ผมเลยเล่าเหตุการณ์ไปตามจริงแต่ แต่มีที่ไม่จริงนิดหน่อย ผมบอกตำรวจไปว่าผมจะเป็นลม ผู้จัดการส่วนตัวผมก็คือพี่ธีมเลยพามาสูดอากาศบนดาดฟ้า ขืนบอกว่าผมมาเต้นรำสวีทกับพี่ธีมคงได้เป็นข่าวใหญ่อีกแน่ ส่วนงานการกุศลยังดำเนินต่อไป ไม่มีใครทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเพราะคุณปริณจัดการเก็บข่าวได้เงียบกริบ เสร็จจากให้ปากคำผมก็เตรียมตัวไปโรงพยาบาล คุณปริณต้องอยู่รับรองแขกในงานแทนคุณเมเลยให้คนขับรถไปส่งและให้บอดี้การ์ดติดตามผมไปสามคน ไอ้เกลือบอกว่าจะไปกับผมด้วย ส่วนเพื่อนผมคนอื่นยังต้องอยู่ในงานเพื่อไม่ให้ผิดปกติ

ผมมาถึงโรงพยาบาลก็ทราบว่าไอ้โหดมันปลอดภัยดีและเข้าพักที่ห้องพิเศษแล้ว ผมกับไอ้เกลือมาถึงห้องพักก็เห็นคุณเมกำลังคุยอะไรกับไอ้โหดอยู่ แต่พอทั้งคู่เห็นผมก็หยุดการสนทนาทันที คุณเมรีบเดินมาหาผมแล้วดึงผมไปกอด นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเมกอดผม เธอกอดผมแน่นเลย ผมว่าผมได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากคนที่กำลังกอดผมอยู่ ผมไม่ได้ขัดขืน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ผมก็อธิบายไม่ถูก

..คนที่ผมไม่เคยยอมรับว่าเขาเป็นครอบครัว  คนที่ผมชิงชังเพราะเขาชอบแทนตัวเองว่าแม่กับผม คนที่ผมไม่เคยเปิดตาเปิดใจมองสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อผมตลอดมา มาถึงตอนนี้ เธอกำลังกอดผม ร้องไห้เพราะเป็นห่วงผม แล้วผมยังรู้สึกแบบเดิมอยู่หรือเปล่า..ผมกำลังถามตัวเองในใจ

“คือ แม่ แม่เป็นห่วงน้องนาว” คุณเมคลายอ้อมกอดผมก่อนจะดึงทิชชู่มาซับน้ำตาของตัวเอง

“นาวไม่เป็นอะไรครับ แต่พี่ธีม..ต้องมาเจ็บเพราะนาว”

“พี่ธีมก็ปลอดภัยแล้วค่ะ งั้นเด็กๆ คุยกันไปก่อน แม่ขอตัวไปคุยกับคุณหมอนะคะ” คุณเมบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมเดินเข้าไปหาไอ้โหดที่นอนยิ้มให้ผมอยู่

“เจ็บมากไหม” ผมถามมัน

“ตอนนี้ชาอยู่ นาวละ เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”

“ตรงนี้” ผมชี้ไปที่หัวใจ

“นาว” มันเรียกผมเสียงอ่อน คงสงสารผม

“พี่เจ็บแทนนาวสองครั้งแล้วนะ ถ้า...ถ้า ฮึก....” ผมพยายามจะใช้แขนเช็ดน้ำตา พยายามจะกลั้นแล้วนะครับ แต่พอเห็นภาพมันนอนบนเตียงแล้วมีผ้าพันแผลผมก็รู้สึกตื้อขึ้นมาทันที ถ้าวันนี้กระสุนไม่ได้โดนแค่ที่แขนของมันล่ะ

“พี่รับปากนาวแล้วไงว่าจะไม่ตาย จะไม่ทิ้งนาวไป” พี่ธีมมันรีบปลอบผม

“นาว..ฮึก..นาวไม่อยากให้ใครเกลียดนาวเลย ฮึก นาวกลัวว่าคนที่นาวรักจะรับเคราะห์แทนนาวอีก ฮึก..” ผมร้องไห้ออกมา ไอ้เกลือเดินเข้ามาโอบไหล่ผม

“คนดีๆ ไม่มีใครเขาเกลียดหรืออยากทำร้ายแกหรอก แต่พวกนั้นมันคือคนเลว เราควบคุมความเลวของมันไม่ได้ ถ้าวันนี้เป็นแกที่เจ็บ พี่ธีมเขาจะเสียใจยิ่งกว่าแกนะ” ไอ้เกลือพยายามให้สติผม ผมรับทิชชู่จากมันมาเช็ดน้ำตาพร้อมกับสูดน้ำมูกออกแรงๆ เผื่อความทุกข์มันจะออกมากับน้ำมูกด้วย แต่ดูดิ พี่ธีมกับไอ้เกลือดันมาหัวเราะขำผม

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ผู้ชายในชุดสูทสามสี่คนเดินเข้ามายืนอยู่ปลายเตียง สักพักเจ้าหญิงมิเชลเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ดูร้อนรน ตามาด้วยเจ้าชายมิคาเอลและองค์รักษ์มาคัส เจ้าชายยกมือเหมือนจะห้ามน้องสาวแต่ไม่ทันแล้ว เจ้าหญิงเดินไปกุมมือไอ้โหดขึ้นมาพร้อมกับหันมาพูดกับพี่ชายของเธอ

“มิเชลไม่ยอมปิดบังอีกแล้วนะคะ พอกันที เรามาที่นี่เพื่อมารับองค์รัชทายาทของท่านอากลับไปบัณตรา แต่ท่านพี่มัวแต่รีรอ เห็นไหมคะ พี่ธีมเกือบได้รับอันตรายถึงชีวิต”เจ้าหญิงมิเชลพูดจบ ผมกับไอ้เกลือก็มองหน้ากันก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าชายมิคาเอลที่สีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นผมก็หันไปมองไอ้โหดที่ทำหน้าตาเหมือนหมาลำบากใจ

เดี๋ยวนะ! ขอเรียบเรียงข้อมูลในสมองแป๊ปหนึ่ง

‘มารับองค์รัชทายาทอีกองค์ของบัณตรางั้นเหรอ’

‘องค์รัชทายาทที่เกือบได้รับอันตรายถึงชีวิตงั้นเหรอ’

มิเชลหมายถึง ‘ไอ้หมาธีมของผม’ งั้นเหรอ ผมงงไปหมดแล้ว นี่...ไอ้โหดมันเป็นองค์รัชทายาท แปลว่ามันเป็นเจ้าชายใช่ไหม ผมเข้าใจถูกใช่ไหม มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน

ไอ้เกลือ!!..แกช่วยตบหน้าฉันที ฉันไม่ได้มโนหรือฝันไปใช่ไหมวะแก...   


โปรดรอการรีไรท์ค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 25-01-2015 17:35:00
รอเสร็จงานการกุศลด้วยคนค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 25-01-2015 17:35:32
ฮืออออออออออ พี่ธีม ค้างมากอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-01-2015 17:42:16
เฮ้ยยย!! ใช่หรอ? จริงๆหรอ? เป็นพี่ธีมหรอ ไม่ใช่น้องนาวหรอ ที่เป็นรัชทายาทอะ ตกจายยยยย o22 :a5: :a5: :z13:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 25-01-2015 18:10:23
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยาย
สนุกมาก อ่านแรกนี่หมั่นน้องนาวมากนะ จะอะไรกันนักกันหนานะ ไรงี้
อ่านไปอ่านมา เออนางก็น่ารักในความขี้มโนของนางนะ 555555555555

ปล. ตอนล่าสุดนี่เราขอเดาว่า นังน้องนาวขี้มโนไปเองอีกแน่นอน
คนที่เป็นรัชทายาทนั่นต้องเป็นนาวเองแน่ๆ
ไม่ก็ทัส อ่ะให้แค่ 2 ช้อยส์
มั่นมากด้วยว่าเดาถูกค่ะ (เราไม่ใช่คนขี้มโนนะ เราติดนิสัยน้องนาวมาเฉยๆ)

ปล2. โพคาฮอนทัส นี่ก็ทัสใช่มั้ยคะ ส่วนบิวตี้แอนด์เดอะบีสต์นี่ก็บิว ชัวร์
หลักฐานคือชื่อ ทัส กับ บิว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-01-2015 18:46:42
ง่าาาาา. ถ้าพี่ธีมเป็นเจ้าชายแล้วคนร้ายจะมาฆ่านาวทามไมอะ.  งงงงงงงงง.   รีบมาต่อให้หาย งง นะครับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 25-01-2015 18:47:38
พี่ธีมซกมก เป็นเจ้าชาย :a5: จริง รึ

ที่นี้ นาว ได้เป็นนางซิน สมใจแน่ๆ รึเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2015 19:15:36
อึ้งกันเป็นแถบ คือคิดมาตลอดน่ะว่าเป็นทัสอะ ความน่าจะเป็นมันมากกว่า มาเป็นพี่ธีมหรืออาจจะผลิกโผ่อีกก็ได้ ปริศนาเต็มไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-01-2015 19:27:10
มารับรัชทายาท แต่ตามล่านาวเนี่ยะนะ ผิดคนหรือเปล่า เพ่
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-01-2015 19:30:14
ใครเป็นรัชทายาท เราว่าน่าจะเป็นนาวมากกว่านะ
คนที่โดนปองร้ายคือนาว
นาวก็ใจเย็นๆ อย่างเพิ่งมโนไปไกล รอความจริงเปิดเผยก่อน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 25-01-2015 19:44:18
 :a5: เจ้าชายยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 25-01-2015 19:47:17
นาวหรือธีมนะที่เป็น
ค้างมากเลยยยยยยยยยยยยย
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 25-01-2015 22:51:21
นี่มันอะไร ยังไง  :o ตอนหน้าคงเคลียร์นะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kakax ที่ 26-01-2015 00:16:30
จิ้มก่อนนะ  :z13:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-01-2015 00:23:52
โอว น้องนาวค่ะ หนูจะได้เป็นพริ้นเซสตัวจริงแล้วค่ะ
ใครจะทำร้ายนาวหนักหนา เครียดจริงจัง เล่นแรงตลอด หรือเพราะนาวเป็นคนรักของเจ้าชาย
พี่ธีม พี่เป็นองค์ชายเหรอคะ อะไรยังไง คนอ่านนี่มึนติ้วๆๆ
ชอบความรักของคู่นี้มาก ธีมคืออดทนกับน้องรักมานานมาก นาวก็น่ารักมาก นางฮาทุกหยด

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 26-01-2015 08:22:15
พี่ธีมเป็นเจ้าชายได้ไงเนี้ย 5555555+
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 26-01-2015 09:29:26
รู้สึกว่าน้องนาวจะเป็นรัชทายาท รึเปล่านะ? อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 26-01-2015 10:04:33
แล่วๆๆๆ เจ้าชายรองเท้าแตะ กลายเป็นเจ้าชายจริงๆด้วย :a5: o22

งี้มีโอกาสที่ คนที่รอบทำร้าย น้องนาวอาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้นาวอยู่ใกล้ธีมด้วยรึป่าว?

ประมาณว่ากลัวธีมจะแปดเปื้อน เพราะรู้ว่าสองคนนี้รักกัน เรื่องนี้ นอกจากจะสนุกจากความมโนที่น่ารักของนาวแล้ว

คือเราก็เดาไปเรื่อยเลย  :hao4: เอ๊ะ ลุงปริณนี่ไม่ได้เป็นญาติสืบสายเลือดกันมากะนาวใช่มั๊ย?

แต่ ธีมต้องรู็ตัวเองอยู่แล้วแน่ๆเลยว่า เป็นเจ้าชาย เพราะมันคอยบอกให้นาวอย่าท้อ อย่าทิ้งมัน

ปล. รักคนเขียนเหมือนกันนะจ๊ะ จุ๊บๆๆ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 26-01-2015 10:41:33
นี่มันอะไรก๊านนนนนนนนนนนนนนนน  :a5:
ค้างมากค่ะ ตอนต่อไปลงเย็นนี้เลยได้ไหมเนี้ย แงงงง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 26-01-2015 11:02:37
ว่าแล้ววว  คิดไว้ตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่มีหลักฐานพอจะจับผิด(?)ธีมได้
นาวววววววววววววววววววววววววววว
อย่ามโนอะไรอีกเด้อออออออออออออออออ
 :angry2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 20 (25/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 26-01-2015 16:51:41
ตอนนี้ยังเพิ่งอ่านถึงตอนที่10 ขอมาเม้นท์ก่อนอยากบอกว่าสนุกมากค่ะ
ลุ้นไปเรื่อยๆ ตอนที่9 สงสารพี่ธีมมาก น้ำตาหยดแหมะๆ
อีกเรื่องที่ชอบนิยายเรื่องนี้ เค้าชอบเพลงที่พี่ธีมร้องให้น้องนาวฟัง
เขาชอบเพลงเก่าๆ ซึ้งๆ อย่างนี้ หวังว่าจะมีอีกหลายเพลง >"<
เป็นกำลังใจให้นะคะ นิยายสนุกมาก คนแต่งก็สู้ๆนะคะ
รออ่านตอนต่อไป (แต่ขออ่านให้ทันก่อน555)  o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 26-01-2015 19:15:30
บทที่ 21

(กาลครั้งหนึ่งของธีม)

“แม่...ผมรักนาว ผมหมายถึง..ผมกับนาวคบกัน เป็นแฟนกัน”

“ธีม...ธีมล้อแม่เล่นใช่ไหม”

“ผมพูดจริงครับ ผมกับน้อง เรารักกัน”

ผมยังจำวันนั้นได้ดี วันที่แม่เรียกให้ผมเข้าไปคุยด้วยเนื่องจากผมปฎิเสธไม่ยอมไปทานข้าวกับมิเชล ผมไม่ได้บอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาว เพราะถ้าแม่รู้ นาวจะยิ่งโดนคุมตัวแจ ซึ่งผมไม่อยากให้นาวมันอึดอัด เสียงของแม่สั่น ใบหน้าของแม่ก็ซีดลงเมื่อได้ยินคำสารภาพของผม ผมไม่หวังให้แม่ยอมรับได้ในครั้งแรกที่รับรู้ แต่ก็หวังว่าแม่จะเข้าใจได้ในที่สุด แต่สิ่งที่ผมได้รับรู้กลับมาจากแม่มันทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายที่พูดไม่ออกแทน

“ไม่ได้ ธีม เลิกกับน้องเสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะ ไม่งั้นน้องนาวจะต้องเสียใจ”

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับแม่ ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องทำให้นาวเสียใจ”

“มีสิ” แม่บอกพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของแม่เหมือนคนที่หมดแรง

“ผมขอทราบเหตุผลของแม่ได้ไหมครับ”

“ลูก...ลูกไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาที่จะทำอะไรก็ได้อีกต่อไปแล้ว”

“ผมไม่เข้าใจ” ผมบอก

แม่ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะหยิบกุญแจมาไขลิ้นชักโต๊ะทำงาน จากนั้นก็หยิบกล่องไม้แกะสลักสวยงามกล่องหนึ่งออกมาพร้อมกับซองสีครีมที่ดูค่อนข้างซีดจางมาให้ผม แม่เปิดฝากล่องไม้แล้วหยิบเข็มกลัดสีทองประดับเพชรเม็ดโตตรงกลางที่ถูกล้อมไปด้วยอัญมณีหลากสีที่อยู่ข้างในมาวางตรงหน้าผมพร้อมกับซองสีครีม ผมรับซองสีครีมมาเปิดดูก็พบรูปอยู่ในซองสองใบ
ภาพแรก มีภาพบุคคลทั้งหมดสี่คนในภาพ หนึ่งในนั้นคือผมเอง แต่ผมในภาพก็ดูเด็กมาก ผมแปลกใจว่าผมไปอยู่ในรูปนี้ได้ยังไง อีกอย่างหนึ่งที่ผมแปลกใจ ผมเคยถามแม่ว่าทำไมผมไม่มีรูปตอนเป็นทารกหรือช่วงยังเป็นเด็กเล็กบ้างเลย ที่บ้านนี้มีแค่รูปของธาร ส่วนรูปของผมที่มีอยู่ที่นี่ก็น่าจะอายุมากกว่าในรูปที่อยู่ในมือของผมในตอนนี้เล็กน้อย แต่ตอนนั้นแม่ก็บอกว่าแม่ทำอัลบั้มตอนที่ผมยังเป็นทารกหายไป

ผมมองภาพถ่ายในมืออีกครั้ง มองดูบุคคลทั้งสามที่เหลือในภาพถ่าย คนแรกเป็นชายวัยกลางคน หน้าตาเหมือนคนต่างชาติ ผมว่าหน้าตาของเขาคล้ายผมในปัจจุบันมากเลย ดูสง่าผ่าเผย เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศคล้ายกับที่เจ้าชายมิคาเอลใส่ ในรูปเขายืนอยู่ด้านหลังของผม ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ข้างกันคือหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับผู้ชายที่ใส่ชุดทหาร หน้าตาสะสวยแบบคนไทย เกล้าผมและสวมมุงกุฏเพชร ในอ้อมกอดมีเด็กทารกผิวสีแทนหน้าตาจิ้มลิ้มดูน่ารัก ส่วนรูปภาพใบที่สองเป็นรูปหมู่ ผู้ชายในรูปล้วนแต่แต่งกายเต็มยศ ส่วนผู้หญิงก็ใส่ชุดราตรีสวยงาม จากการแต่งกายดูก็รู้ว่าแต่ละคนน่าจะเป็นบุคคลจากชนชั้นสูง ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาทั่วไป ซึ่งในรูปหมู่ที่ผมกำลังดูอยู่ก็มีชายหญิงที่ถ่ายรูปกับผมในภาพใบแรกด้วย

“ทำไมผมถึงไปอยู่ในรูปนี้ครับ พวกเขาเป็นใคร”   

“เขาคือพ่อและแม่แท้ๆ ของลูกนะธีม เจ้าชายนาทีค องค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งบัณตราคือเสด็จพ่อของลูก” แม่เมบอกผม

ผมยืนนิ่งอึ้งไปพร้อมกับยกรูปถ่ายใบแรกขึ้นมาดูอีกครั้ง มิน่า.. นาวมันถึงชอบแซ็วว่าผมเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เพราะผมหน้าตาไม่เหมือนแม่เมเลย รูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทน ไม่ขาวเหมือนแม่เมและธาร หน้าตาของผมกระเดียดไปทางชาวต่างชาติด้วยซ้ำ

“แล้วทำไมผมถึงมาอยู่กับแม่ที่นี่ครับ”

“ธีมเห็นรูปหมู่ไหมลูก ทั้งหมดที่ลูกเห็นในภาพนั่นคือสมาชิกราชวงค์แห่งบัณตรา องค์เหนือหัวสเตฟานกษัตย์แห่งบัณตรามีโอรสสองพระองค์และพระธิดาอีกสองพระองค์ โอรสองค์โตคือท่านนาทีค องค์ที่สองคือท่านโมนัฟ ส่วนพระธิดาอีกสองพระองค์คือ เจ้าหญิงนาตาลีและเจ้าหญิงแฮแทนตามลำดับ” แม่เล่าถึงตรงนี้ก็ลุกมานั่งข้างผมก่อนจะเล่าต่อ

 “ท่านนาทีคและท่านโมนัฟถูกส่งมาศึกษาที่เมืองไทยตั้งแต่ยังเล็ก คงเป็นโชคชะตานำพา เพราะแม่ คุณปริณ คุณปิยะ ได้ศึกษาที่เดียวกันกับทั้งสองพระองค์และเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา พอจบการศึกษา ท่านโมนัฟและท่านนาทีคก็พาคนรักที่เป็นสาวไทยกลับไปที่บัณตราด้วย ทั้งคู่กลับไปจัดงานแต่งงานและมีทั้งโอรสและพระธิดา ชีวิตที่เรียบง่ายน่าจะมีความสุข แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้นเพราะไม่นานบัณตราก็มีการก่อกบฏขึ้นโดยพระสวามีของท่านหญิงนาตาลีบุตรีคนที่สาม องค์เหนือหัวสเตฟานถูกกลุ่มกบฏจับขังคุกพร้อมกับองค์ราชินี ท่านโมนัฟเกิดไหวตัวทัน ก่อนที่จะถูกพวกคนร้ายจับขังคุกก็พาครอบครัวของตัวเองและธีมหนีมาเมืองไทยได้ก่อน ส่วนท่านนาทีคท่านพ่อของธีมก็พลัดหลงกันไป ท่านหายสาบสูญไปพร้อมกับแม่และน้องชายของลูก”

“แล้ว..ราชวงศ์คนอื่นล่ะครับ”

“องค์หญิงนาตาลีและองค์หญิงแฮแทนก็ถูกวางยาพิษจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา พระสวามีขององค์หญิงนาตาลีหรืออาเขยของลูกซึ่งเป็นคนที่ก่อกบฏได้ยื่นข้อเสนอให้ท่านโมนัฟและครอบครัวกลับไปที่บัณตรา”

“ทำไมครับ”

“คงกลัวประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านเพราะตัวเองเป็นแค่เขย เลยสร้างภาพโดยให้ท่านโมนัฟนั่งบัลลังก์แต่ก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิด แลกกับการไว้ชีวิตองค์เหนือหัวสเตฟานก็คือท่านปู่ของลูก รวมไปถึงท่านย่าของลูกด้วย ท่านโมนัฟจำต้องกลับไปและตัดสินใจฝากลูกเอาไว้กับแม่เพราะพวกกบฏมันไม่รู้ว่าลูกยังมีชีวิต จนกระทั่งในเวลาหนึ่ง...เจ้าชายมิคาเอลและน้องชายรวบรวมกองกำลังที่ยังจงรักภัคดียึดอำนาจคืนมาได้และเด็ดขั้วอำนาจของอาเขยได้สำเร็จ”

“แล้ว..ตอนนี้พ่อกับแม่และน้องของผม ยังมีชีวิตอยู่ไหมครับ”

“ทีแรกทุกคนก็นึกว่าท่านนาทีคเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่นานข่าวกรองก็รายงานว่าพบท่านพ่อของลูกแล้ว ท่านหนีไปอยู่ที่หมู่บ้านบนเขา หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย อาศัยอยู่กับชาวพื้นเมืองแท้ๆ ของบัณตรา ชนกลุ่มเล็กที่ปกครองตนเอง แต่ตอนนี้ท่านโมนัฟไปเชิญพระเชษฐาลงมาที่เมืองหลวงแล้วและท่านอยากพบลูกเป็นที่สุด เพราะ..เพราะท่านนาทีคพ่อของธีมกำลังป่วยหนัก ท่านอยากเจอลูก”

ผมได้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ภายในใจ มันทั้งสับสนและรู้สึกหนักอึ้งกับสิ่งที่ได้รู้ ถ้านาวมันได้รู้เรื่องของผม มันคงจะบอกว่า ชีวิตผมไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่มันชอบมโนเลย ชีวิตของผมมันซับซ้อนจนผมตามแทบไม่ทัน ต่อไปผมคงไม่กล้าว่านาวอีกแล้วว่ามันขี้มโน เพราะชีวิตของผมมันยิ่งกว่าละครเสียอีก

“ถึงสิ่งที่แม่เล่าให้ผมฟังจะทำให้ผมมีเรื่องต้องคิด แต่ผมขอยืนยันนะครับ ไม่ว่าผมจะเป็นใคร แต่คนที่ผมอยากให้อยู่ข้างๆ ผมคือนาวเท่านั้น และแม่ก็ยังเป็นแม่ของผม ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับแม่ วันนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน” ผมบอกกับแม่ก่อนจะขึ้นไปหาตัวแสบของผม ผมรู้ว่าแม่คงเข้าใจว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไรเพราะท่านก็ไม่ได้พูดอะไรให้ผมลำบากใจอีก ส่วนในคืนนั้นผมก็นอนกอดนาวทั้งคืน ปกติมันจะบ่นว่าเมื่อย แต่หลังจากนี้ไปผมไม่สนใจอีกแล้วว่ามันจะบ่นยังไง ขอแค่ได้กอดมันเอาไว้อย่างนี้ทุกคืน และไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรผมก็จะพามันข้ามผ่านไปให้ได้ด้วยกัน



เช้าวันถัดมา มันขอไปเที่ยวบ้านของลุงปริณ ผมก็ไม่อยากขัดใจมันทั้งที่ในใจรู้สึกไม่อยากให้มันไปไหนไกลผม แต่ผมจำเป็นต้องไปพบเจ้าชายมิคาเอลและท่านทูตเพราะวันนั้นท่านโมนัฟท่านพ่อของเจ้าชายมิคาเอลเสด็จมาแบบลับๆ เพื่อมาพบกับผม ท่านขอร้องให้ผมกลับไปที่บัณตรา เพราะผมคือองค์รัชทายาทที่จะต้องขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านปู่ เพราะตามประเพณี พ่อของผมมีศักดิ์เป็นโอรสองค์โตขององค์เหนือหัวสเตฟาน ก่อนที่ท่านปู่จะที่โดนยึดอำนาจ พ่อของผมคือคนที่จะต้องรับตำแหน่งสืบทอดราชวงศ์ แต่เมื่อมีการก่อกบฏ ท่านโมนัฟจำต้องดำรงค์ตำแหน่งเพื่อเป็นหุ่นเชิดให้พวกกบฏ ท่านคิดจะสละตำแหน่งนี้คืนให้พ่อของผม แต่พ่อของผมกำลังป่วยหนัก ผมจึงเป็นรัชทายาทคนต่อไปที่จะต้องรับตำแหน่งนี้ แม้ผมจะปฏิเสธ แต่ท่านอาก็ขอให้ผมได้กลับไปบัณตราสักครั้งเพื่อจะได้กลับไปพบกับครอบครัวที่แท้จริง ส่วนผมจะตัดสินใจยังไงก็ค่อยว่ากัน ผมไตร่ตรองสักพักก่อนจะรับปากว่าผมจะกลับไป

วันนั้นทั้งวันผมรู้สึกไม่สบายใจเอาเลย เป็นห่วงนาว แต่ผมปลีกตัวไม่ได้จริงๆ เพราะต้องฟังเรื่องราวหลายอย่างเกี่ยวกับครอบครัวที่แท้จริงของผม ท่านโมนัฟได้รับข่าวกรองมาว่า ยังมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่ร่วมมือกับอาเขยผู้ก่อกบฏ พวกมันพยายามจะรวบรวมคนไปช่วยอาเขยที่ถูกคุมขังอยู่ในตอนนี้ พวกมันร่วมกันส่งยาเสพติดและค้าอาวุธสงคราม ซึ่งท่านโมนัฟมาที่นี่เพื่อจะหาตัวหัวหน้าคนไทยคนนี้ให้เจอ ท่านได้รับความร่วมมือจากทางการของไทยเพื่อที่จะจับคนร้ายมารับโทษให้หมดสิ้น ไม่ให้เหลือเครือข่ายในประเทศไทยอีก จนการประชุมพูดคุยเสร็จสิ้น ผมดีใจมาก ใจมันร้อนจนแทบทนไม่ไหว อยากจะไปรับนาวเลยแต่แม่ก็ยังรบกวนให้ผมไปส่งมิเชลเพราะเธอแวะมาหาท่านพ่อของเธอ แม่บอกว่ายังไม่มีใครว่างไปส่งมิเชลจริงๆ ผมเลยปฏิเสธไม่ได้ แต่นั้นก็ทำให้นาวมันน้อยใจ และทำให้ผมรู้สึกผิดมากเพราะมันเกือบได้รับอันตรายถึงชีวิตโดยที่ผมไม่ได้อยู่ปกป้องมันเลย
ผมอยากจะเล่าเรื่องราวของผมให้มันฟัง แต่ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ผมกลัวมันจะหนีผมไปถ้ารู้ว่าสิ่งที่ผมเป็นอาจจะทำให้มันเสียใจในภายภาคหน้า แต่ผมคงจะดูถูกความรักของมันเกินไป พอเห็นมันร้องไห้ที่เห็นผมเจ็บเพราะโดนยิงก็รู้ว่ามันคงรักผมไม่ต่างจากที่ผมรักมัน เท่าที่อยู่กับมันมา ผมนับครั้งได้เลยที่เห็นมันร้องไห้ ถ้าไม่สุดๆ จริงๆ มันจะไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาเลยว่ามันเสียใจ แต่สุดท้ายแล้ว ผมยังไม่ทันจะได้เล่าเรื่องของตัวเองให้มันฟัง ทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยออกมาเสียก่อน


ตอนนี้ ในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล เจ้าชายมิคาเอลกำลังเล่าเรื่องราวของผมให้ผมและทุกคนในห้องฟังอีกรอบ เพียงแต่ละเอียดกว่าตอนที่แม่เมเล่า ทีแรกนาวกับเกลือมันจะออกไปรอข้างนอกเพราะมันกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท แต่ผมบอกให้มันอยู่ด้วย นาวคือคนสำคัญของผม มันมีสิทธิ์รับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม คุณรู้ไหมครับ ผมอยากจะจับมันมาจูบให้หายหมั่นเขี้ยวเพราะหน้ามันตอนที่กำลังฟังเรื่องราวของครอบครัวที่แท้จริงของผมนั้น เดี๋ยวก็ดูเศร้า เดี๋ยวก็ทำหน้าทำตาตื่นเต้น เดี๋ยวก็ย่นคิ้ว เดี๋ยวก็ปากยื่น เดี๋ยวก็อ้าปากค้างทำหน้าเหวอ ตาโตๆ ของนาวกระพริบปริบๆ ฟังอย่างตั้งใจ มันรู้ตัวไหมว่ามันน่ารักขนาดไหน แล้วมันจะรู้ตัวไหม ว่าทำให้ผมตกหลุมรักมันซ้ำไปซ้ำมาได้ถึงแปดปี

“สรุปว่าพี่ธีมจะกลับไปพร้อมกับมิเชลเลยไหมคะ ไปพร้อมกันนะคะ ท่านลุงกับท่านป้ารอเจอพี่ธีมอยู่นะคะ” มิเชลพยายามอ้อนวอนผม ส่วนเจ้าชายมิคาเอลไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มองหน้าผมเหมือนจะรอคำตอบ

“ผมขอเวลาอีกสักหน่อย” ผมตอบพร้อมกับมองไปที่นาว มันดูมีสีหน้าเครียดจนผมเริ่มกังวล

“เอาเป็นว่าให้คุณธีมพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ” มาคัสแสดงความเห็น ซึ่งมันคือสิ่งที่ผมต้องการ เพราะตอนนี้ผมอยากคุยกับนาวตามลำพัง

“พี่ธีมไม่ใช่พี่ธีมอีกแล้ว หากแต่เป็นเจ้าชายธีมัส องค์รัชทายาทแห่งบัณตรา กรุณาเรียกให้ถูกด้วย” มิเชลเชิดหน้าบอกมาคัสแต่ก็ดูว่ายังมีแววเกรงกลัวมาคัสอยู่บ้าง

“มิเชล อย่าเสียมารยาท” เจ้าชายมิคาเอลดุน้องสาว ซึ่งผมเห็นมาคัสส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนไม่ถือสา ดูทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งบัณตราจะเกรงใจองค์รักษ์ผู้นี้อยู่ไม่น้อย

“ผมมีคำถาม” เสียงของนาวดังแทรกขึ้นมา

“เรายินดีตอบทุกคำถามที่ตอบได้” เจ้าชายมิคาเอลส่งยิ้มหวานให้นาว ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มหงุดหงิด

“แล้ว เอ่อ.. น้องชายราชาศัพท์ต้องใช้ว่าอะไรวะเกลือ” นาวมันหันไปกระซิบเพื่อนสนิท แต่คนในห้องได้ยินกันหมด ผมเห็นว่าทุกคนแอบอมยิ้มกันหมดไม่เว้นแม้กระทั่งบอดี้การ์ด

“พูดธรรมดาเถอะ สำหรับเรา เมืองไทยก็คือครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวน้าเมคือผู้มีพระคุณของบัณตรา”

“อ๋อ แหะๆ ได้ยินด้วยเหรอครับ คือ ผมสงสัยว่า น้องชายของพี่..เอ่อ  ของเจ้าชายธี..ธีมาดากัสก้า ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมครับ แล้วใช่...เอ่อ...ใช่น้องทัสรึเปล่า” นาวมันถามขึ้น ผมหลุดขำชื่อที่แท้จริงของผมที่มันเรียก รู้ว่ามันประชดมิเชลแน่ๆ ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะกล้าถาม เห็นทำหน้าเครียดไอ้ผมก็นึกว่ามันเครียดเรื่องตำแหน่งของผม ที่แท้เครียดเพราะอยากรู้อยากเห็นนี่เอง คนอย่างนาวนี่นะ มันอยากรู้อะไรก็ต้องได้รู้

“นาวประชดเราใช่ไหม เจ้าชายธีมัส ไม่ใช่ ธีมาดากัสก้า เรียกให้ถูกด้วย” มิเชลหันมาส่งเสียงงอนๆ ใส่นาว แต่มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“อย่ามากความน่ามิเชล ถ้าเจ้ายังยุ่งไม่หยุด พี่คงให้เจ้ากลับพร้อมเสด็จพ่อวันนี้เลย” เจ้าชายดุน้องสาวอีกรอบ คนถูกดุนั่งหน้ามุ่ยไม่พอใจแต่ก็ยอมสงบปากสงบคำ ผมคิดว่ามิเชลไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่คงเป็นคนเอาแต่ใจไม่น้อยเลย

“ถ้านาวอยากถามว่า ทัสคือน้องชายของธีมใช่ไหม คำตอบคือ..ใช่ ทัสคือเจ้าชาย ‘ทัสสินา’ โอรสองค์เล็กของท่านลุง”

“นั่นปะไรไอ้เกลือ ว่าแล้วว่าหน้าตาน้องทัสคล้ายไอ้ เอ้ย พี่ เอ้ย เจ้าชายธีมเลย” นาวมันหันไปพูดกับเกลือ แต่ผมชักระแวงเพราะมันกำลังประชดผมด้วยการที่ไม่ยอมเรียกชื่อผมแบบปกติ

“พูดน้อยๆ ก็ดีนะคุณนาว” เกลือบอกเพื่อนสนิทของมันพร้อมกับหัวเราะเจื่อนๆ แต่คนถูกเตือนไม่เห็นจะสลด

“อืม ผมหมดข้อสงสัยแล้ว ถ้างั้นข้อตัวกลับก่อนนะครับ ครอบครัวจะได้คุยกัน” นาวมันลุกขึ้น ทำท่าจะออกจากห้องไป

“เดี๋ยว ห้ามไปไหน อยู่ก่อน เอ่อ ทุกคนครับ ผมขอคุยกับนาวตามลำพังก่อนนะครับ ส่วนเรื่องอื่น ผมขอให้ผมหายดีก่อนแล้วผมจะให้คำตอบ” ผมรีบบอก เจ้าชายมิคาเอลพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นบ้าง บอดี้การ์ดเริ่มทยอยออกไป เจ้าชายก็เดินตามไป ยังเหลือมาคัสและมิเชล

“ทุกคนเสียสละเลือดเนื้อ เสียสละความสุขเพื่อบัณตรา หวังว่าท่านพี่คงรู้ว่าจากนี้ไปหน้าที่ของท่านพี่คือต้องทำอะไรนะคะ” มิเชลทิ้งระเบิดเอาไว้ให้ผมก่อนจะเดินออกไป มาคัสส่ายหัวอีกครั้งก่อนจะเดินตามมิเชลออกไปติดๆ

“งั้นฉันกลับก่อนนะ” ไอ้เกลือบอกกับนาวและหันมาไหว้ผม ผมพยักหน้าให้ ตอนนี้เลยเหลือผมกับนาวแค่สองคนเสียที

“นาว” ผมเรียกมัน มันถอนหายใจก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม ผมขยับตัวลุกขึ้นมาสวมกอดมัน

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไร นาวขอทบทวนความเข้าใจอีกทีก่อน สรุปก็คือ ปู่แท้ๆ ของพี่ชื่อสเตฟาน ย่าของพี่ชื่อนารา เป็นพระราชาและราชินีของบัณตรา ปู่ของพี่มีลูกสี่คน คนแรกคือท่านนาทีคเป็นพ่อของพี่ แต่งงานกับแม่ของพี่ซึ่งเป็นสาวไทยชื่อเนตรนภา ทั้งคู่มีลูกสองคนคือพี่ธีมกับน้องทัส คนต่อมาคือท่านโมนัฟแต่งงานกับสาวไทยเหมือนกัน แต่นาวจำชื่อไม่ได้ มีลูกสามคนคือ มิคาเอล แอชตัน แล้วก็มิเชล คนที่สามคือท่านหญิงนาตาลี แต่งงานกับคนชื่อทารัสตัวร้ายที่เป็นคนก่อกบฏ ไม่มีลูกด้วยกัน ญาติคนสุดท้ายของพี่คือท่านหญิงแฮแทน เป็นอาสาวคนเล็กของพี่ถูกไหม โอ้ย ญาติเยอะมากเลยนะไอ้หมาธีม จำแทบไม่ไหว”

“นี่ขนาดจำไม่ไหวนะ” ผมนึกขำกับความช่างจดช่างจำของนาว

“นาวว่า..พี่ควรกลับไปนะ อย่างน้อย พี่ก็จะได้กลับไปกอดพ่อกับแม่แท้ๆ” มันบอก แต่น้ำเสียงมันหงอยมากครับ

“นาวไปกับพี่นะ”

“ไม่ไป จะบ้าเหรอ นาวจะไปในฐานะอะไร กี่ปีแล้วที่พี่ไม่ได้เจอพ่อแม่แท้ๆ จะให้ท่านช็อคตั้งแต่เจอหน้าลูกชายเลยรึไงที่จู่ๆ พาคนรักที่เป็นผู้ชายไปด้วย”

“งั้นพี่ก็ไม่ไป”

“ไอ้พี่ธีม อย่ามางี่เง่า มิเชลพูดถูกนะ ทุกคนเสียสละเพื่อรักษาชีวิตพี่ พี่จะทำเป็นไม่สนไม่ได้หรอก เลือดในตัวพี่ก็เป็นบัณตราครึ่งหนึ่ง” นาวมันพูดกับผม ผมกอดมันแน่นกว่าเดิม

“พี่ไม่ใช่คนที่ควรได้ครองราชย์ พี่แค่มีสายเลือด มีศักดิ์และสิทธิ์ แต่พี่ไม่ขอรับสิทธิ์นี้ คนที่คู่ควรคือคนที่ควรปกป้องดูแลบัณตราได้ ซึ่งไม่ใช่พี่ เข้าใจไหมนาว แต่พี่จะกลับไปหาพ่อกับแม่แท้ๆ ถึงยังไงนาวต้องไปบัณตราด้วย ถ้านาวไม่ไป พี่ก็ไม่ไป แล้วพี่บอกก่อนนะ ถ้าคิดทิ้งพี่ไป พี่จะสั่งคนมาจับโบยให้ตาย”

“หนอย ได้เป็นเจ้าชายแป๊ปเดียวบ้าอำนาจแล้วเหรอ จิ๊! แต่นาวรู้ว่าพี่ไม่ฆ่านาวหรอก”

“ทำไมมั่นใจ หื้ม” ผมถามมันก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเพื่อจะมองหน้ามัน

“ก็พี่ยังไม่ได้ซั่มนาวเลย พี่มันหื่น ไม่เหมาะกับจะดูแลประเทศหรอก กลับมาเป็นไอ้หมาธีมของนาวเหมาะกว่า นาวมั่นใจ” มันบอก ผมหัวเราะเลยครับ ทำเป็นสั่งให้ผมกลับไปบัณตรา เอาจริงๆ มันคงไม่อยากให้ผมกลับไป ผมหอมแก้มมันแรงๆ แล้วกอดมันอีกครั้ง

“นาว ไม่ว่าเราต้องเจอกับอะไร อย่าคิดแทนพี่นะ เราจะผ่านไปด้วยกัน รับปากพี่ พี่อยากเป็นแค่ธีรดลของนาว ไม่ใช่เจ้าชายธีมาดากัสก้าอะไรนั่น”

“อืม..ชื่อพี่เห่ยมาก” มันทำเป็นว่าผม แต่ตัวมันก็กอดตอบผมแน่นไม่แพ้กันเลย

“นาวต้องเป็นซินเดอเรลล่าของพี่ แต่ไม่ต้องทิ้งแต่รองเท้าแก้วไว้นะ ขี้เกียจไปตามหา ข้ามขั้นไปเป็นเจ้าหญิงของพี่เลย ข้ามไปตอนเข้าหอเลยก็ได้” ผมบอกมัน มันกัดไหล่ผมเบาๆ มันชอบว่าผมเป็นหมา มันนี่แหละหมา ชอบกัดผมจริงๆเลย

“ถ้านาวมีรองเท้าแก้วจริงๆ นาวไม่ทิ้งให้พี่หรอก เอาไปขายทางอีเบย์ดีกว่า ได้เงินด้วย”

“หึหึ ไอ้งกเอ้ย ว่าแต่..นาว..งานการกุศลจบแล้วนะ” ผมบอกมัน เป็นการทวงสิ่งที่มันรับปากผมเอาไว้

“เออ พี่ธีมนาวมีข้อสงสัยอีกแล้ว แล้วคนที่ทำร้ายนาว ทำไมไม่ยอมฆ่าพี่หรือจะรู้ว่าพี่เป็นเจ้าชาย”

“ไม่รู้สิ ตอนนี้ตำรวจน่าจะกำลังสืบอยู่ ว่าแต่งานการกุศลจบแล้วนะ”

“เออ!! พี่ แล้วไอ้จอมมันจะรู้รึยังว่าน้องทัสคือเจ้าชายเหมือนพี่ เห็นมันชอบดุน้องเขาจัง ไอ้จอมเอ้ย แกหัวกุดแน่ คึคึคึ”

“นาว...”

“เออ แล้วพี่รู้ไหม ใครเป็นคนได้รางวัลที่เต้นรำกับเจ้าชายคนสุดท้าย”

“พี่ไม่รู้ รู้แต่จบงานการกุศลแล้วนาวต้องเป็นของพี่เต็มรูปแบบ” ผมบอกกับมันก่อนที่มันจะแถออกทะเลไปอีก

“โหย พี่โดนยิงอยู่ รอแผลหายสนิทก่อน จริงๆ รอพี่กลับมาจากบัณตราก่อนดีกว่า”

“ไม่ พรุ่งนี้พี่จะขอหมอออกจากโรงพยาบาล พรุ่งนี้โดนแน่” ผมขู่มัน มันรีบเด้งตัวออกจากตัวผมแล้วไปยืนข้างเตียง

“พี่เจ็บอยู่ เอางี้ ให้นาวทำพี่ก่อนไหม” มัยื่นข้อเสนอให้ผม หึหึหึ..หน้ามันเจ้าเล่ห์มาก นาวเอ้ย พี่ไม่โง่หรอกนะ คิดจะกดพี่เหรอ ให้มันมโนไปก่อนแล้วกัน

“จะดีเหรอ” ผมแกล้งถามมัน

“ดีดิ ตามนี้นะ จบ ห้ามแย้ง”

“ก็ได้ แต่คืนนี้นาวมานอนเฝ้าพี่ด้วยนะ พรุ่งนี้นาวไม่มีงาน” ผมบอกมัน มันพยักหน้าและยิ้มกว้าง หึหึ ยิ้มไปก่อนนะน้องนาวของพี่

“เออ งั้นธารก็ไม่ใช่น้องแท้ๆ ของพี่อะดิ ป่านนี้จะรู้รึยังนะ” นาวมันห่วงไปถึงธาร แต่ผมว่าธารเข้าใจอะไรง่าย ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ห่วงแต่นาวนี่แหละ ถึงดูมันจะเข้าใจ แต่ผมก็ยังอดกังวลไม่ได้ เพราะนาวมันชอบเก็บความรู้สึก

“เดี๋ยวแม่คงบอกกับธารเอง มานั่งนี่มา” ผมเรียกมัน มันกลับมานั่งบนเตียงข้างๆ ผมเหมือนเดิม

“พี่รักนาวนะ”

“อืม รู้”

“พี่ขอเป็นแค่เจ้าชายรองเท้าแตะของนาวนะ”

“จะได้เป็นเจ้าชายที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่ชอบนะ อยากเป็นเจ้าชายตกอับ โง่เปล่าเนี่ย” มันถามผม

“นาวว่าพี่โง่ไหมล่ะ”

“ก็ โง่นะ แต่นาวก็รักของนาว” มันตอบ ผมยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติเลยที่ได้ยินคำว่ารักจากมัน ดึงมันมากอดอีกรอบ

“อยากออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

“นาวขอไปบอกหมอแป๊ปนะ ว่าให้ทำหมันให้พี่หน่อย เผื่อความหื่นจะลดลง” มันค้อนผม

“เอาสิ หมอฉีดยาพี่ พี่ก็ฉีดยาให้นาว”

“โอ้ย นี่ รู้ตัวไหม เข็มพี่อันเท่านี่” มันยกแขนมันขึ้นมาให้ผมดูขนาด ผมหลุดขำเพราะมันทำตาโต

“พ่อแม่ให้มา ทำไงได้”

“อืมมมมม”

“นี่..ทำหน้าแบบนั้น มโนอะไรอีก” ผมเห็นมันทำหน้าครุ่นคิดเลยถาม เรื่องมโนยกให้มันเลย

“พี่ว่าผู้ชายบัณตราเขาจะเหมือนพี่หมดทุกคนไหม...คึคึ นาวตกลงไปกับพี่ก็ได้ อยากไปเห็นกับตา คึคึคึ” มันหัวเราะเจ้าเล่ห์

“ทะลึ่ง พอเลย เอาผ้ามาเช็ดตัวให้หน่อย พี่ร้อนแล้ว  เหงื่อออกด้วย” ผมบอกมัน มันหรี่ตามองผมแบบระแวง

“แอร์เย็นจะตาย มีแผนอะไรปะ สารภาพมาเลย”

“แผนเผินอะไร ไม่มี ร้อนจริงๆ เหนียวตัว มาเช็ดให้หน่อย ไม่อยากให้พยาบาลเช็ด”

“ก็ได้” มันบอก แต่ก็ยังเหลือบสายตามาจับผิดผม ผมได้แต่ทำหน้าขึงขังใส่มัน มันเดินไปเอาน้ำใส่กาละมังพร้อมกับถือผ้าขนหนูมาตั้งไว้ที่โต๊ะหัวเตียง

“ปิดม่านดิ เดี๋ยวใครมาเห็นพี่โป๊” ผมบอกมัน

“แค่ถอดแค่เสื้อ จะมาโป๊อะไร”

“เออน่า อาย เร็วดิ” ผมเร่ง

มันส่งเสียงจิ๊แบบรำคาญก่อนจะเดินไปรูดม่านสีฟ้าอ่อนให้ปิดรอบเตียงให้แล้วเดินกลับมาแก้เชือกที่ชุดคนไข้ของผมออก แอบเห็นว่ามือมันสั่นนิดหน่อยคงจะเกร็ง จากนั้นมันก็บิดผ้าขนหนูที่เปียกน้ำชุ่มให้หมาด แล้วเริ่มเช็ดที่ใบหน้าผม ผมอยากยิ้มนะ แต่กลัวมันอายแล้วงอแงเลิกเช็ดตัวให้เลยต้องทำหน้าเฉยๆ มันเอาผ้าจุ่มน้ำแล้วบิด คราวนี้เช็ดคอและหน้าอกของผม อันที่จริงผมไม่ได้ร้อนหรอก แต่อยากให้มันเช็ดตัวให้ แอร์ก็เย็น เจอน้ำอีก ผมนี่ขนลุกเลย มันเช็ดถึงนมของผมก็หยุดก่อนจะเลี่ยงไปเช็ดกลางอกแทน

“เช็ดนมด้วยดิ” ผมบอกมัน

“หนาวจนนมตั้งเป็นปิรามิดแล้วยังจะให้เช็ดอีกเหรอ” มันเถียง หน้ามันเริ่มแดงแล้วครับ คุณคงไม่รู้ว่าการแกล้งนาวให้เขินมันคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ของผมเลย

“เออ เช็ดให้ด้วย เร็วดิ” ผมบอก มันจิ๊ปากอีกก่อนจะเช็ดแรงๆ ผมแกล้งร้องเจ็บ มันเลยเบามือลง

“ไอ้หมาธีม จะทำหน้าเคลิ้มทำไมอะ” มันถามผม เวลามันเขินแล้วปากจัดตลอด

“เอ้า ก็ปลายนิ้วนาวมาโดนนมพี่ พี่ก็เพลินไง” ผมแกล้งมัน มันรีบเอาผ้าขนหนูมาห่อมือมันแล้วเช็ดให้ผมใหม่ จากนั้นมันก็เช็ดลงไปถึงหน้าท้อง หน้ามันก็แดงขึ้นเรื่อยๆ

“ข้างล่างพี่ก็เช็ดเองดิ” มันบอก

“แขนเจ็บเห็นไหมละ” ผมแกล้งมองไปที่แขนของผมที่ถูกพันแผลเอาไว้

“มืออีกข้างไง”

“ไม่ถนัด รังเกียจเหรอ” ผมถามมัน

“ถ้ารังเกียจ จะจับไหมวันนั้นอะ เต็มมือเชียว ชิ” มันรีบต่อว่าผม แล้วหน้ามันก็แดงหนักกว่าเดิม พอผมแอบยิ้มมันก็เอาผ้ามาเช็ดปากผมแรงๆ แก้เขิน

“นาว เร็วดิ เดี๋ยวพยาบาลมา” ผมเร่งมัน มันทำปากยู่ก่อนจะเอาผ้าไปชุบน้ำอีกรอบ

“พี่หลับตาเลย ไม่ต้องมองหน้านาว ห้ามยิ้มด้วย” มันบอก ผมยอมทำตามมัน มันล้วงผ้าเข้าไปในกางเกง เช็ดที่หน้าขา เช็ดเลี่ยงไปเลี่ยงมาตรงส่วนสำคัญของผมอยู่นาน แต่สุดท้ายมันก็เช็ดมังกรจนได้ มือมันไม่เบานะแต่ไม่ได้แรงมาก แต่มันก็แรงพอจะปลุกอะไรๆ ของผมให้ตื่น แอบลืมตาดูมัน ก็มันเล่นหลับตาเช็ดสะเปะสะปะไปมาแบบนั้นมันเลยเป็นการปลุกมังกรน้อยของผมให้ตื่นน่ะสิ

“นาว..”

“อะไร”

“ลืมตาดิ” ผมบอก มันลืมตามาข้างหนึ่งก่อนจะลืมตาอีกข้างตาม จากนั้นก็เบิ่งตาโตมองตามตำแหน่งนิ้วของผมที่ชี้ไปที่ส่วนกลาง

“นาว เอ่อ นาว ..”

“นาวปลุกมันทำไม” ผมถามก่อนจะมองไปที่ธีมน้อยของผมที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

“บ้าเหรอ นาวไม่ได้ปลุกเหอะ ไอ้มังกรของพี่มันจะมาชี้หน้านาวทำไม ไปห้องน้ำเลย เร็วดิ มันโด่เด่แบบนี้ เดี๋ยวพยาบาลมานาวอาย พี่นี่นะ..ไอ้เมือกปลาหน้าหมาขี้หื่น พี่มันหน้าด้านจริงๆ เจ็บป่วยแบบนี้ยังจะมามีอารมณ์อีก ไอ้หมาบ้าเอ้ย” มันโวยวายรัวเลยก่อนจะประคองให้ผมยืนแล้วพาไปห้องน้ำ

อันที่จริงผมยืนเองได้ แต่ก็ยอมให้มันประคองไปห้องน้ำนั่นแหละ ไปถึงห้องน้ำก็แอบอ้อนให้มันจัดการลูกผมให้สลบที  แต่มันบอกจะตบผมให้สลบมากกว่า ผมถึงได้หัวเราะแล้วสั่งให้มันไปรอข้างนอก ผมไม่ได้ทำอะไรตัวเองหรอกครับ ทำธุระส่วนตัวธรรมดาจนมันสงบไปเองถึงได้ออกมา เห็นมันนั่งหน้าแดงค้อนผมอยู่นั่นแหละถึงได้เดินไปหอมแก้มมันหลายฟอดเพราะอดใจไม่ได้จริงๆ ผมมีความสุขนะ มีความสุขมากๆ หวังว่ามันคงจะมีความสุขเหมือนกับที่ผมมี ผมเสียคนๆ นี้ไปไม่ได้หรอกครับ

...ผมยอมถูกตราหน้าว่าเนรคุณแผ่นดินเกิด แต่จะไม่ยอมทรยศต่อหัวใจตัวเองแน่นอนครับ ผมมั่นใจ...


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 26-01-2015 19:35:54
โหยยยยยย เค้าเดาผิดอ่ะ 5555
ยังมีอีกเรื่องที่คาใจ ทำไมคุณเมถึงดีกับนาวเป็นพิเศษ ? อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-01-2015 19:43:23
โอ๊ะ! นี่เข้าหลงเข้าใจมาตลอดเลยนะว่าน้องนาวอาจจะได้เป็นเจ้าชาย ตั้งแต่แรกๆตอนจะมีเจ้าชายมาประเทศ ต้องเป็นเพราะติดน้องนาวมาแน่ๆเลยค่ะ พลังมโนแกร่งกล้า นั้นข้าได้จากน้องนาวมา  :laugh: :laugh: :laugh:
พี่ธีมคะ พี่หื่นได้ใจหนูมากเลยค่ะ  :hao6: :hao6: :hao7: :z1: :m25:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-01-2015 19:49:39
พี่ธีมเป็นเจ้าชาย  อุปสรรคเริ่มมา
ธีมกับนาวจะทำยังไงต่อไป
ตอนท้ายธีมยังแกล้งนาวให้อายได้ตลอด

ปล.แล้วคนร้ายมาทำร้ายนาวทำไมนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 26-01-2015 19:56:20
หายค้างแล้วค่ะ
ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกก
 o15 o15 o15 o15 o15
ชอบจัง
ยังไงพี่ธีมก็ไม่ทิ้งนาว
นาวไม่ต้องรอเจ้้าชายตามหานะ
ถวายตัวเลย
ป้าเชียร์อยู่
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-01-2015 20:15:51
ป้าด!!!! กลายเป็นเจ้าชายธีมาดากัสก้าแล้ว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 26-01-2015 20:16:39
เจ้าชาย มาดากัสก้า :laugh:

เลือกความสุขตัวเองดีกว่า ส่วนเจ้าชายรัชทายาทให้คนที่เค้าพร้อมจะรับผิดชอบบ้านเมืองไปเถอะ

กลับมาเป็นเจ้าชายรองเท้าแตะ ที่หื่นๆของหนูซินขี้มโนดีกว่าเนาะ :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 26-01-2015 20:32:32
ชอบนิสัยพี่ธีมอ่า  :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2015 20:59:13
โหห.  เจ้าชายมาดากัสก้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 26-01-2015 21:54:46
ขออย่ามาม่าเลยนะคะ ทำตาปิ๊งๆ  o18
องครักษ์มาคัสต้องคู่กับบิวแน่ๆ อยากอ่านคู่เน้~~~~ อยากอ่านคู่จอมกับทัสดัวย โฮะโฮะโฮะ
ที่สำคัญก็คือ...ต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ เจ้าชายมิคาเอลกับเจ้าหญิงมิเชลถึงเกรงใจขนาดนั้น
คนเขียนแต่งสนุกมากเลยค่ะ  นี่อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-01-2015 21:56:29
เก็บมิเชลไปเถอะ รำคาญนาง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 26-01-2015 22:34:50
เรื่องพี่ธีมเคลียร์แล้ว แต่ยังค้างคาใจเรื่องนาวอยู่
บางทีนาวอาจจะไม่ธรรมดาเหมือนกันก็ได้ รอๆตอนต่อไปค่ะ
ปล.คนเขียนจัดให้รวดเร็วทันใจแบบนี้ รักตายเลย มาๆ ขอจุ๊บนึงที :impress2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-01-2015 23:33:32
ยังคงกลัวดราม่า น้องนาวของพี่ไม่เหมาะกับดราม่าด้วนประการทั้งปวง
พี่ธมก็เนอะ เขาเล่าเรื่องซีเรียสกันอยู่ก็มามองหน้าน้องแล้วอยากปล้ำ ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีกแปดปีจริงจังอย่างที่แกว่า
แล้วดูธีม ฮาไหม เจ้าชายธีมมาดากัสก้า 55555 ประชดเก่งล่ะที่หนึ่ง
น้องนาวสู้นะ พี่ธีมต้องหาทางออกที่ดีให้กับสองคนได้แน่ๆ คนอ่านมั่นใจ
ชอบตอนอยู่กันสองคนมากค่ะ น่ารัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 27-01-2015 01:01:23
โอ้ ถวายบังคม เพคะ พระองค์ชาย ธีมาดากัสก้า :impress2:
เชื่อว่าคนเขียนเตรียมมาม่าแพ็คใหญ่ไว้รอแล้วซินะ คึคึ :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 21 (26/01/58) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 27-01-2015 18:43:21
รอคอย  ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ต่อจากนี้ไป
 o18
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 28-01-2015 16:00:08
บทที่ 22


กาลครั้งหนึ่งของนาว

เอาล่ะ..กลับมาที่กาลครั้งหนึ่งของนาวดีกว่า เรื่องของพี่ธีมมีแต่หื่นๆ น่าเบื่อเนอะ

เมื่อคืนผมบอกคุณเมว่าขอเป็นคนนอนเฝ้าไอ้โหดที่โรงพยาบาลเอง ที่หน้าห้องพักมีตำรวจนอกเครื่องแบบจากบัณตรามาเฝ้าไอ้โหดตั้งสองคน แถมด้วยบอดี้การ์ดของคุณปริณอีกสองคน ถึงมันจะบอกว่าอยากเป็นแค่คนธรรมดาสำหรับผม แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเพียงข้ามคืน ใครมันจะไปคิดว่าคนที่กัดกับผมมาเกือบตลอดชีวิตจะกลายไปเป็นเจ้าชายจริงๆ ถึงประเทศนั้นจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่มันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชาย ผมคิดว่าจากนี้ต่อไปมันคงไม่ง่ายอย่างที่ไอ้โหดมันคิดแน่ๆ ก็มันเป็นถึงองค์รัชทายาทสายตรง มันเป็นเจ้าชายที่จะต้องสืบราชสันตติวงศ์ ปกครองคนทั้งประเทศ ดูแลผืนแผ่นดินบ้านเกิดแท้ๆ ของมันให้อุดมสมบูรณ์ หน้าที่ของมันติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิดแล้ว มันนึกจะปฏิเสธและคิดว่าทางโน้นคงจะยอมแต่โดยดี ผมมั่นใจว่าไม่มีทาง

ถามว่าผมรู้สึกยังไงในตอนนี้ หลังจากที่เห็นว่ามันโดนยิงแล้วยังมีลมหายใจมาหื่นใส่ผมได้ การจากกันชั่วคราวคงไม่ทรมานเท่าไหร่มั๊ง ไม่รู้สิ ตราบใดที่มันยังยืนอยู่บนแผ่นดินไทย ยังเป็นไอ้หมาธีมของผม ผมก็จะเป็นนาวสุดหล่อของมัน หลังจากนั้นคงรอให้ถึงเวลาของอุปสรรคจะมาเสียก่อน ผมคงจะบอกได้เองว่าผมรู้สึกยังไง

วันนี้ห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลกำลังกลายเป็นห้องประชุมลับย่อยๆ ของแก๊งลูกไม้หรือเหล่าหมาไฮยี่น่าของผมเอง แต่ไม่ครบองค์ประชุมนะครับ มีแค่ไอ้บูม ไอ้เกลือ ไอ้ยีน ส่วนไอ้มีนอัดเสียงเสร็จจะตามมา ไอ้บิวกำลังมาเหมือนกันพร้อมกับกองทัพอาหารที่มันทำส่งส่วยให้พวกผม ไอ้จอมไปส่งแม่มันที่กองถ่ายละคร น้องทัสก็ตามมันไปด้วยครับแต่เดี๋ยวคงมากันครบ

“ไอ้นาว สรุปตำรวจเขาว่ายังไงวะ” ไอ้บูมเอ่ยปากถามผม

“เขาบอกว่าคนร้ายยอมสารภาพแล้ว มันบอกว่ามีคนจ้างมันมาอีกที แต่มันไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนที่จ้างมันจะสวมหมวกคลุมหน้าปิดบังตัวตน แต่มันเคยได้ยินคนที่ว่าจ้างมันคุยโทรศัพท์แล้วพูดถึงลิขสิทธิ์หนังของพ่อฉัน ตำรวจเลยกำลังมุ่งเป้าไปเจ้านายเก่าของพ่อ คนที่เคยขอตามซื้อลิขสิทธิ์ละครของพ่อ แต่พ่อไม่ยอมขายให้ ตอนนี้กรรมสิทธิ์ก็ตกเป็นของฉันแทน”

“แล้วเขาเคยติดต่อแกมาไหม” ไอ้เกลือถามต่อ

“เคย แต่ฉันเห็นพ่อไม่ขาย ฉันเลยยังไม่ขาย เขาก็ตื้ออยู่พักหนึ่ง แต่ฉันไม่ขาย เขาก็เลยเงียบไป”

“ฆ่าแกแล้วจะได้อะไรวะ” ไอ้ยีนมันถามด้วยความสงสัย เออ ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน

“มันอาจจะทำสัญญาซื้อขายปลอมเตรียมไว้ก็ได้ ถ้าไม่มีแกก็ไม่มีพยานใดๆ เพราะแกไม่มีญาติที่ไหนแล้ว มันก็ได้กรรมสิทธิ์ไป” ไอ้เกลือพูดมาก็มีเหตุผล

“แล้วงี้จะมีหลักฐานอะไรไปจับมันวะ” ไอ้บูมยังสงสัย เออ ผมก็สงสัย

“เห็นว่ามันหนีออกนอกประเทศไปแล้วนี่” ไอ้โหดพูดบ้าง เอ๊ะ มันก็นอนเจ็บอยู่แล้วมันรู้ได้ไง

“พี่รู้ได้ไง” ผมถามมัน อยากรู้อะไรต้องถามครับ

“แกหัดอ่านข่าวออนไลน์บ้างก็ดีนะ ดูพี่ธีมดิ๊ นอนเจ็บยังรู้จักใส่ใจสิ่งรอบตัว” ไอ้ยีนตอบแทนไอ้โหด แหมแหม แหม เห็นมันเป็นเจ้าชายหน่อยเข้าข้างมันน่าดูนะไอ้ยีน

“แต่ก็ดีแล้วละ มันคงไม่กล้าทำอะไรแล้วเพราะถูกตั้งข้อสงสัย แถมตำรวจน่าจะออกหมายเรียกมัน มันอาจกลัวจนจะหนีไปถาวรเลยก็ได้” ผมบอก

“หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะแก แถมยังจะได้เป็นเจ้าหญิงอีก ทำไมฉันไม่โชคดีเหมือนแกมั่งวะ” ไอ้ยีนบ่น

“จะว่าไปก็เหลือเชื่อนะ อยู่ดีๆ พี่ธีมก็กลายเป็นเจ้าชายอย่างกับนิยาย แกว่า ฉันจะเจอเรื่องอัศจรรย์แบบนี้มั่งไหมวะ” ไอ้บูมถาม โถๆๆ ไอ้บูม ผมว่าผมมโนเยอะแล้วนะ วันนี้ผมจะยกแชมป์มโนดีเด่นให้มันเลย

“ก็อาจจะเป็นไปได้ แบบ ครอบครัวเขารังเกียจแก เลยลอยแกมากับขยะ แล้วภาวนาให้แกจมน้ำตายอย่าได้เติบโต” ไอ้เกลือพูดจบไอ้บูมก็ซัดไปที่กบาลคนพูดหนึ่งดอก ผมเลยได้แต่กลั้นขำ มือมันหนัก ขืนโดนมันตบกระโหลกผมแตกพอดี

“เฮ้ย ไอ้มีนมันส่งไลน์มาว่ามันกำลังจะมา มันบอกมีข่าวสองข่าวที่จะมาเม้าและสำคัญมาก ห้ามทุกคนกลับ” ไอ้ยีนกดโทรศัพท์ของมันไปพูดกับพวกผมไปด้วย

“ไอ้มีนนี่ก็น่าพกกลับไปบัณตราด้วยนะพี่ธีม ตั้งมันให้เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง” ไอ้บูมนินทา แต่ไอ้ยีนพิมพ์ฟ้องไอ้มีนเรียบร้อย

“ไอ้มีนมันบอกว่า ขอให้น้องจินนี่สลัดรักแกวะบูม ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้ยีนอ่านให้เพื่อนฟัง ไอ้บูมรีบยกมือไหว้เลย

“ไอ้บิว ฉันดีใจที่เห็นแกจริงๆ เลย” ผมบอกเมื่อเห็นไอ้บิวหอบหิ้วถุงผ้ากับตะกร้าหวายใบใหญ่เข้ามา กลิ่นหอมๆลอยออกมาแตะจมูกทันที

“เห็นแก่กินนะแก” ไอ้เกลือว่าผมก่อนจะลุกไปรับของจากไอ้บิว ผมเบ้ปากใส่มัน ก็ผมหิวอะ อาหารที่นี่อย่างจืด

“แก ให้พี่ธีมก่อน” ไอ้บิวส่งกล่องข้าวให้ผม เป็นข้าวผัดทะเล โคตรน่ากิน ผมเปิดกล่องแล้วหยิบช้อนไปวางที่โต๊ะล้อเลื่อน แล้วลากไปที่เตียงของท่านชายธีม ไอ้บิวเดินตามมาเอาน้ำซุปมาวางให้ด้วย

“กินกับพี่ดิ ป้อนด้วย” มันบอก

“โหย พี่ก็กินเองดิ นาวก็หิวนะ ขืนป้อนพี่ก็กินไม่ทันไอ้พวกนี้กันพอดี” ผมบอกมัน ไม่ได้ขี้เกียจหรอกครับ แต่เดี๋ยวโดนฝูงไฮยีน่ารุมกัดผมแน่ ผมไม่อยากอาย

“แกมันบกพร่องในหน้าที่มาก เดี๋ยวฉันตามองค์หญิงมิเชลมาป้อนพี่ธีมก็ได้” ไอ้เกลือบอก

“เออๆ ป้อนให้ก็ได้ แกวางโทรศัพท์ลงเลยไอ้โซลที้” ผมค้อนไอ้เกลือก่อนจะหันกลับมาเห็นไอ้โหดมันยิ้มแฉ่ง

“บิว แกลดน้ำตาลมาเปล่าวะ ข้าวผัดแกคงจะหวานเจี๊ยบบบ” ไฮยีน่าตัวแรกเริ่มกัดผมแล้วครับ ไอ้หมาบูม

“ไม่ต้องห่วง พี่ธีมเขากินตุนไว้ กลับบ้านก็จะออกกำลังกายในร่มเพื่อเบิร์น” ไฮยีน่าสาวตัวที่สองครับ ไอ้ยีนแกเป็นกุลสตรีนะ ทะลึ่งลามกแบบนี้ฉันจะฟ้องพ่อแกให้ตัดแกออกจากกองมรดก

“อย่าไปแซวมัน เดี๋ยวมันทนไม่ได้ด่าพวกเราอีก” ไอ้เกลือพูดครับ ผมขอร้องไห้ก่อน ไอ้เกลือคือเพื่อนที่รักผมจริงรู้จักกาละเทศะในการแซวจริงๆ

“มันจะเป็นเมียเจ้าชายแล้ว อย่าไปฝึกให้มันด่า เดี๋ยวทหารกลัวหัวหด” ไอ้เกลือพูดต่อ แม่ม..ผมเปลี่ยนใจแล้ว ขอเก็บน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจคืนแล้วสั่งขี้มูกป้ายหน้ามันแทนได้ไหม ไอ้เพื่อนเวร

“ใครๆ ก็รุมนาว พี่ดูดิ สั่งทหารจับพวกมันไปขังดิ๊” ผมบอกไอ้ธีม มันได้แต่หัวเราะแล้วจะหยิบช้อนมากินเอง

“พี่ล้อเล่น นาวไปกินข้าวเถอะ พี่กินเองได้” มันบอก แต่ผมชักมือกลับไม่ให้มันแย่งช้อนไป

“จะป้อน” ผมบอกมัน

“ให้มันป้อนเถอะพี่ธีม มันกลัวไอ้เกลือโทรตามเจ้าหญิงตังเม” ไอ้ยีนบอก

“เขาเป็นน้องสาวเหอะพวกแก ฉันไม่หึงแล้วเว้ย อย่ามาเสี้ยม” ผมหันไปบอกพวกมันพร้อมกับยักไหล่

“นี่แหละน๊า ไม่เคยศึกษาเรื่องประเทศของแฟนตัวเองบ้าง แกไม่รู้รึไง ว่าประเทศบัณตรา พี่น้องแต่งงานกันได้ แถมยังเป็นประเพณีด้วย เรือล่มในหนอง” ไอ้เกลือบอก ผมฟังแล้วหน้าเหวอเลย หันไปมองหน้าไอ้โหด มันหลบตาผม ผมวางช้อนลงเลย กำลังจะอ้าปากถามมัน แต่มันหลุดยิ้มมาซะก่อน จากนั้นไอ้ไฮยีน่าสามตัวก็หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ส่วนผมนะเหรอ ‘มออออ’ เขางอกบนหัวกลายเป็นวัวโง่ๆ ทันที ผมโดนหมาหมู่รุมแกล้ง ช่วยผมด้วย

“พวกแกแม่งขี้แกล้ง ฉันจะฟ้องไอ้จอม” ผมทำปากยื่นใส่พวกมันเลย ที่รู้ว่ายื่นเพราะไอ้โหดมันเอานิ้วมาคีบปากผมแล้วดึงเล่นจนผมต้องปัดมือของมันออก

“พอๆ กินข้าวกัน กลิ่นฟุ้งห้องหมดแล้วแก เดี๋ยวพยาบาลเขาจะเอือม” ไอ้บิวคือนางฟ้าตัวน้อยๆ ของผม นอกนั้นพวกแกเลวหมด
พวกผมนั่งกินอาหารแสนอร่อยที่ไอ้บิวทำมาจนหมด หลังอาหารพวกมันขอลงไปกินกาแฟนกันต่อข้างล่างระหว่างรอไอ้มีนมา ส่วนผมก็จับไอ้โหดมันเช็ดตัว คราวนี้ไม่พลาด ไม่ได้เช็ดโดนมังกรมันแม้แต่น้อย ปล่อยให้เน่าในไปเลย ไม่งั้นมาชี้หน้าผมอีก หื่นไม่รู้เวล่ำเวลา


ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกมันก็ขึ้นมากันครบ รวมถึงไอ้จอมและน้องทัสด้วย อ่อ ผมลืมบอกไป น้องทัสมาเยี่ยมไอ้โหดเมื่อคืนพร้อมกับขอร้องว่าห้ามบอกใครเรื่องฐานะที่แท้จริงของน้อง ผมเลยต้องโทรไปสั่งไอ้เกลือให้มันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ผมไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ในเมื่อน้องขอมา ผมว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาเราก็ต้องทำตาม ผมปล่อยให้ไอ้โหดได้คุยกับน้องทัสตามลำพังด้วยการขอกลับไปอาบน้ำที่บ้านและเอาเสื้อผ้าของใช้มาเพื่อเฝ้าไอ้โหด มันยอมให้ผมกลับเพราะคนที่พาไปคือตำรวจนอกเครื่องแบบหน้าห้องนี่แหละครับ พอกลับมาถึงโรงพยาบาลอีกทีผมเห็นน้องทัสตาแดงๆ ไอ้โหดก็ด้วย พี่น้องเพิ่งได้เจอกันนี่เนอะ คงจะได้เล่าความเป็นมากัน สะเทือนใจหรือซาบซึ้งก็ว่ากันไป ผมอยากรู้ไหมนะเหรอว่าทำไมเขาถึงตาแดงๆ ถามมาได้ อยากดิ คนอย่างนาว อยากรู้อะไรต้องได้รู้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามมันเลย

“มีนเหยี่ยวข่าวมาแล้ว อ่อ เดี๋ยวก่อน เจ้าชายพี่ธีมเพคะ ทรงเจ็บไหมเพคะ ถ้าเจ็บน้องมีนจะเป่าให้” ไอ้มีนเปิดประตูเข้ามาได้ก็ส่งเสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว มันรีบย่อตัวทำความเคารพพี่ธีม ผมขำมันจริงๆ

“เจ้าชายทรงสบายดี แต่แกนั่นแหละเพคะท่าจะเสียสติ” ไอ้บูมหันมาแขวะไอ้มีน ไอ้มีนเลยเอาหนังสือในมือฟาดไปที่ไหล่ไอ้บูมแต่ไม่แรงเลย ตีให้แรงกว่านี้สิมีน เราสนับสนุน

“ไหนข่าวอะไร ฉันจำเป็นต้องรู้ไหม” ไอ้เกลือถาม

“แหม ความเสือกของพวกแกมีเยอะกว่าสาขาชายสี่หมี่เกี๊ยวอีก มีเหรอจะไม่อยากรู้ ฉันพูดถูกไหมไอ้นาว” ไอ้มีนหันมาถามผม

“ใช่ ถูก พวกมันขี้เสือก” ผมสนับสนุนไอ้มีน เอาคืนพวกมันมั่ง

“น้องทัสมานั่งข้างพี่บูมนะจ๊ะ” ไอ้บูมรีบเขยิบเพื่อหาที่ว่าง น้องทัสส่งยิ้มให้มันก่อนจะเดินไปนั่ง ไอ้จอมทำเหมือนไม่สนใจแต่ผมเห็นนะว่าเหลือบมองน้องเขา ส่วนไอ้โหดที่นั่งเก้าอี้เดี่ยวคนเดียว มันก็ไม่ได้พูดอะไรกับน้องของมัน

“จอมมานั่งนี่มา” ไอ้ยีนเรียก แต่ไอ้จอมกลับทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้บิว ไอ้ยีนหน้าเสียเล็กน้อย ส่วนไอ้บิวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

“จะมีใครชวนฉันนั่งไหม” ไอ้มีนเท้าเอวถาม ทุกคนพร้อมใจชี้ไปที่พื้น ไอ้มีนเลยหันเอาขาไปยันไอ้เกลือแบบพาลๆก่อนจะไปนั่งข้างไอ้ยีนแทนไอ้จอม

“ทำไมถีบฉันคนเดียววะ” ไอ้เกลือบ่น แหม ก็แกอยู่ในรัศมีตีนมันเห็นๆ ถามไม่คิดนะ

“เร็ว อยากรู้ บอกมาๆ” ผมเร่ง

“ข่าวแรก พี่ปอนกำหนดมาแล้วว่าพวกเราจะได้ไปถ่ายแบบกันที่ ที่ไหนรู้ไหม” ไอ้มีนถาม

“ไม่รู้” พวกผมพร้อมใจกันตอบ

“บัณตราเลยนะเว้ย ไปสิบห้าวัน ได้คิวพวกเรามาหมดแล้ว แล้วอีกคนที่จะได้ไปร่วมถ่ายกับพวกเราด้วยก็คือน้องทัสนี่เอง เป็นโปรเจคร่วมกับทางบัณตรา เพื่อช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวให้เขาด้วย พวกเราคือคนกลุ่มแรกที่จะได้วีซาเข้าประเทศและทางราชวงศ์จะเป็นสปอนเซอร์เลี้ยงรับรอง ให้ที่อยู่ที่กินตลอดทริป เที่ยวอย่างราชา ราคาไม่เสีย แถมได้ค่าตัวด้วย เลิศไหมแก” ไอ้มีนร่ายยาวจนจบพวกมันส่งเสียงร้องดีใจกันจนไอ้บิวทำท่าเตือนให้เบาเสียงลงเพราะนี่คือโรงพยาบาล

“ดีจัง เขาว่าสวยมาก สวยกว่าโบราโบร่าอีก” ไอ้ยีนทำหน้าเพ้อฝันเชียว

“เหมือนไปส่งฉันพอดี” ไอ้บิวบอกอย่างดีใจ ผมรู้มาว่าหลังจากถ่ายแบบเสร็จ บิวมันต้องอยู่ที่บัณตราเลย พวกผมเงียบกันเล็กน้อยเพราะไม่มีใครอยากให้มันไป มันต้องไปอยู่คนเดียวในประเทศที่ห่างไกลแบบนั้น ผมก็ห่วงมันเหมือนกัน

“แล้วข่าวอื่นละ” ไอ้จอมถาม ไอ้มีนวางหนังสือที่มันถือมาแล้วฟาดไอ้บูมเมื่อครู่ลงกลางโต๊ะ ก่อนจะชี้ให้ดูกรอบข้อความสั้นๆ อยู่ซ้ายด้านล่างของปก ไอ้บูมเป็นคนอ่านออกเสียงให้ได้ยินทั่วกัน

“ความลับที่ถูกเปิด ดาราคนดัง จากใจซ้อสิบแปด”

“นาว เดี๋ยวฉันจะอ่านรายละเอียดข้างในให้ฟัง แล้วแกก็ต้องมีสติ โอเคไหม” ไอ้มีนบอกผม ผมเริ่มเครียดตอนได้ยินคำเตือนที่มันบอกนี่แหละครับ ทำไมมันถึงกลัวผมจะสติแตก ยัยซ้อสิบแปดมันโจมตีผมประจำอยู่แล้ว แล้วเรื่องอะไรที่จะทำให้ผมสติแตกได้หรือจะเรื่องไอ้โหดกับผม ผมเริ่มใจไม่ดีเลย

“เออ ให้ไว” ผมบอกมัน มันหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดหน้าที่ต้องการแล้วก็อ่านให้พวกผมฟัง

“คอลัมน์ลำโพงดาราวันนี้มีเรื่องแซ่บมาให้คุณผู้อ่านได้ร่วมตะลึงไปด้วยกัน ข่าวนี้วงในอย่างซ้อสิบแปดเป็นผู้เปิดเผยค่ะคุณขา ก็ดาราดัง ชื่อย่อ ตัว ป ชื่อเล่นเปรี้ยวจี๊ดแซ่บหลายที่ใครๆ ก็อยากจะชิม นอกจากหน้าตาที่ดี พรสวรรค์มากมี ที่เด็ดสุดที่ซ้อสิบแปดยอมไขความลับให้ชาวประชาได้รู้ก็คือ เรื่องราวของผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของดาราหน้ามนคนดังคนนี้ ซ้อสิบแปดเปิดใจว่า เรื่องนี้รู้มานานแล้ว แต่ถูกข่มขู่ตลอดมาว่าห้ามเปิดเผย แถมยังโดนอำนาจมืดทำให้คุณซ้อแทบไม่มีที่ยืนในวงการ แต่ตอนนี้ซ้อจะวางปากกาแล้ว ก็ไม่อยากให้ความลับนี้ตายไปพร้อมกับซ้อ ความจริงที่น่าสงสารที่ดาราคนนั้นควรได้รับรู้ ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงไม่ใช่ผู้กำกับละครหรือเจ้าของผลงานนิยายชื่อดังอย่างที่เรารู้ๆ กัน แต่เป็นอภิมหาเศรษฐีเจ้าของสถานีโทรทัศน์ ที่แอบไปมีสัมพันธ์ลับนางงามจนท้องโย้แล้วสั่งให้เพื่อนรักคือผู้สร้างหนังรับผิดชอบแทนตัวเพราะกลัวจะไม่ได้มรดกจากตระกูล วี๊ดว้ายค่ะคุณขา พูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานเดี๋ยวจะว่าลำโพงดารารวมมือกับซ้อสิบแปดใส่ร้าย เราเลยเอารูปเซ็ทนี้มาให้ดูเป็นน้ำจิ้มแล้วกันนะคะ ขอจบการล้วงแคะแกะเกาเพียงเท่านี้ก่อน ติดตามคอลัมน์นี้ให้ดี มีของเด็ดมาแฉ เอ้ย มาเปิดเผยอีกอย่างแน่นอนเจ้าข้าเอ๊ย” ไอ้มีนอ่านจบภายในห้องก็เงียบสนิทชนิดถ้าใครแอบตดนี่คิดว่าชี้ตัวผู้ต้องหาได้เลย

ผมดึงหนังสือไอ้มีนมาอ่านเองอีกรอบพร้อมกับดูรูป ในรูปคือภาพชายคนหนึ่งกำลังหอมแก้มหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องอยู่ที่ริมทะเล อีกรูปคือคนคู่เดิมกำลังหยอกล้อเด็กทารกในอ้อมกอด ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ถึงแม้จะรูปจะทำเส้นคาดใบหน้าแต่ผมก็จำรูปร่างลักษณะสองคนนั้นได้ดี เพราะผมเคยเห็นบุคคลทั้งสองตอนยังวัยรุ่นจากอัลบั้มรูปของแม่ที่ผมได้มาจากคุณปริณ

‘คุณปริณกับแม่พุดซ้อนของผม’

“นาว..” ไอ้โหดมันลุกเดินเข้ามาหาผม ไอ้เกลือลุกขึ้นเพื่อให้ไอ้โหดมันมานั่งข้างๆ ผมแทนมัน

“คุณเมจะรู้เรื่องนี้ไหม คงรู้..เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน” ผมพูดออกไปแต่ไม่ได้มองหน้ามันหรอก มองรูปในหนังสือ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยมโนเอาไว้เลย ถึงผมจะชอบคิดว่าพ่อไม่รักผม แต่ก็ไม่เคยจะคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อ ถ้าเรื่องนี้มันจริง ผมบอกไม่ถูกเลยว่าควรรู้สึกยังไง ผมตำหนิพ่อมาตลอดเรื่องที่พ่อขายศักดิ์ศรีเพื่อเงิน แต่พ่อที่ผมตำหนิเป็นคนที่เลี้ยงผมมาด้วยความยากลำบาก เลี้ยงลูกที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเองด้วยซ้ำ ผมก็ยังไปตำหนิแถมยังคอยประชดประชัน ทำตัวดื้อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่ผมอยากร้องไห้จริงๆ กับสิ่งที่ผมทำพลาดไป

“เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้หรอกนะ พี่ก็เหมือนกัน แต่เราเลือกได้นะว่าจะเดินไปข้างหน้ายังไง” ไอ้โหดมันจับมือผมพร้อมกับบีบเบาๆ

“มิน่า นาวสร้างข่าวอะไรก็ถูกเก็บหายหมด คงจะกลัวว่าถ้าวันหนึ่งคนรู้ว่านาวคือลูกเขา นาวอาจจะทำให้เขาเสียหาย” ผมรู้สึกเหมือนถูกลุงปริณหักหลังความรักความไว้ใจที่ผมให้เขา แม้จะในเวลาไม่นานผมก็รักและนับถือเขาเหมือนญาติแท้ๆ

“มันอาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้นะแก หรือถ้าจริง เขาอาจจะไม่ได้กลัวเสียหาย เขาอาจจะทำเพราะรักแกนะนาว ไม่อยากให้แกมีข่าวไม่ดี” ไอ้บิวปลอบใจผม

“รักฉันเหรอ ฉันถูกทิ้งไปอยู่บ้านนั้นที บ้านนี้ที ถ้าเขาเป็นพ่อฉัน เขารักฉัน เขาทนดูฉันอยู่กับคนอื่นได้ยังไง หรือเป็นเขาที่ไม่อยากให้ฉันมีตัวตน” ผมวางหนังสือลง บอกกับตัวเองในใจว่าจะไม่เสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้เด็ดขาด

“แกอย่าเพิ่งคิดแบบนั้นดิวะ ทุกคนย่อมมีเหตุผล รับฟังเขาก่อน ถ้าฟังไม่ขึ้นจะโกรธก็ไม่สาย” ไอ้ยีนมันบอกกับผม

“แกก็เข้าข้างเขาเพราะเขาเป็นเจ้านายแกนี่” ผมพูดไม่ทันคิด แต่หน้าไอ้ยีนเจื่อนไป ผมรู้สึกอยากตบปากตัวเอง แต่ความร้อนรุ่มที่เกิดในใจมันทำให้ผมไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษเพื่อน

“แกอย่าพาลดินาว ไอ้ยีนมันพูดถูก ลองฟังคำอธิบายเขาก่อน” ไอ้เกลือมันดุผม

“แกลองมีพ่อที่ทำแม่ท้องแล้วปล่อยให้แม่อยู่กับผู้ชายคนอื่นดูไหมไอ้เกลือ” ผมกำลังพาลจริงๆ ก็ทุกคนดูเห็นใจและเข้าข้างคนใจร้ายคนนั้นกันหมด

“ฉันกลับก่อนแล้วกัน หายไวๆ นะคะพี่ธีม ฉันไปก่อนนะนาว” ไอ้ยีนลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าออกไป

“งั้นพวกฉันกลับก่อนดีกว่า ให้แกได้คิด ได้ใจเย็นลงก่อน” ไอ้บูมเดินมาตบบ่าผม ทุกคนลุกขึ้นตามกันหมด พวกมันลาผมกับไอ้โหดก่อนจะพากันออกไป แต่ยังเหลือน้องทัสที่ยืนลังเลอยู่ แล้วน้องเขาก็เดินมานั่งข้างๆ ผม หยิบนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมาดู

“พี่นาว พี่นาวเห็นรูปนี้ไหมฮะ” น้องทัสชี้ไปที่รูปในนิตยสาร รูปที่ผมเพิ่งดูไป ผมเหลือบดูตามที่น้องทัสชี้แล้วมองหน้าน้องเขา

“ถ้าคุณคนนี้ไม่รักพี่ รูปครอบครัวแบบนี้คงไม่มีให้พี่ได้เห็นหรอกฮะ ถ้าเขาไม่อยากให้พี่มีตัวตน เขาคงไม่ปล่อยให้พี่ลืมตาดูโลกหรอก คนที่ไม่รักพี่คือคนที่เขียนเรื่องนี้ต่างหาก คนที่อยากให้พี่หายไปจากโลกที่พี่เคยมี คือคนที่ทำให้พี่เกลียดครอบครัวที่เหลืออยู่ของตัวเองมากกว่า ทัสแค่อยากให้พี่นาวให้โอกาสคนที่ยังอยู่เหมือนกับที่ขอให้พี่ธีมให้โอกาสพ่อกับแม่ได้เจอพี่ธีมเหมือนกัน ทัสรู้ดีว่าคนที่เฝ้าคิดถึงลูกตัวเองมันทรมานยังไง ทัสเห็นพ่อทรมานที่เฝ้าแต่คิดถึงพี่ธีมแล้วก็ไม่อยากเห็นพ่อคนไหนทรมานเหมือนกัน ทัสไปก่อนนะครับ พี่จอมมารอแล้ว” น้องทัสวางหนังสือลงตรงหน้าของผม ก่อนจะเดินไปหาไอ้จอมที่เปิดประตูรออยู่ ผมนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของน้องทัส

“ไอ้พี่ธีม น้องชายของพี่เรียนการทูตมารึเปล่าวะ” ผมถามพร้อมกับมองไปรูปครอบครัวของผมอีกครั้ง ไอ้โหดมันโอบบ่าผม

“หึหึ พี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน พูดเรื่องนาว แต่ทำให้พี่รู้สึกผิดได้ด้วย”

“เฮ้อ พี่ธีม..นาวโกรธเขา” ผมบอกความรู้สึกกับไอ้โหดก่อนจะมองไปที่รูปของคุณปริณ

“แต่พี่อยากขอบคุณเขา” มันบอก ผมหันขวับมามองมันเลย

“ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น แปดปีของพี่คงแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย รู้ไหมนาว การที่ได้อยู่ใกล้นาว เห็นความเป็นไปของนาวทุกวันมันทำให้พี่มีความสุขมาก ซึ่งความสุขนั้นลุงปริณไม่เคยได้รับ พี่ว่าเขาก็ถูกลงโทษมากพอแล้วนะที่ไม่ได้เห็นคนน่ารักอย่างนาวเติบโตมายังไง” ผมรู้ว่าพี่ธีมมันอยากปลอบใจผม ผมยอมรับว่าฟังคำปลอบใจของมันแล้วรู้สึกดีขึ้น

“นาวไม่รู้ว่าจะมองหน้าเขาแล้วยอมรับเขาได้รึเปล่า เขาไม่คิดจะบอกนาวด้วยซ้ำ นาวรู้เพราะข่าว”

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะมาพูด นาวลองนึกตอนที่นาวไปหาเขาที่บ้านสิ ตอนนั้นนาวรู้สึกยังไง แล้วเขาทำให้นาวรู้สึกยังไง” ไอ้โหดมันบอกพร้อมกับลูบหัวผม

ผมยอมรับว่ารู้สึกอบอุ่นตอนที่ได้พูดคุยกับคุณปริณ รู้สึกสงสารที่เขาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่แบบเหงาๆ คนเดียว รู้สึกเป็นตัวเองได้แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ที่ผมรู้สึกแบบนั้นอาจเป็นเพราะคิดว่าเขาคือเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่ มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกตามสัญชาติญาณก็ได้นี่นา แต่แล้วความฟุ้งซ่านในหัวก็ถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงคนเถียงกันข้างนอก สักพักบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ” ไอ้โหดมันถาม

“ทูลองค์ชาย มีนักข่าวพยายามจะขอเข้าพบคุณปารมีขอรับ กระหม่อมขอให้ตำรวจช่วยกันนักข่าวออกไปแล้วขอรับ”

“ขอบคุณมากครับ ถ้ายังไง มีใครมาหาผมให้ถามผมก่อน ฝากแจ้งคุณหมอให้ด้วยว่าผมจะกลับบ้านคืนนี้” ไอ้โหดมันบอก บอดี้การ์ดของมันก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป มันหันมามองหน้าของผม

“เราคงเป็นเนื้อคู่กันว่าไหม ชีวิตคล้ายกันเลย บทจะพลิกผันก็เจอพร้อมกัน พี่ดันจับพลัดจับพลูได้เป็นเจ้าชาย นาวก็ได้เป็นทายาทอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทยแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย เราสองคนจะรวยไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย” ไอ้โหดมันแซว ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมคิดมาก

“นาวอยากหนีไปบัณตรากับพี่แล้วอะ” ผมบอกมัน

“นาวจะกลัวอะไร อิซ้อนั่นมันพยายามทำร้ายนาวมาตลอด แต่มันไม่เคยทำสำเร็จ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรื่องที่มันลงมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย คนที่แก้ปัญหานี้คือลุงปริณ ไม่ใช่นาว ส่วนปัญหาของนาวมีอย่างเดียว นาวจะยอมรับเขาได้รึเปล่าแค่นั้นเอง” ไอ้โหดมันบอกผม ผมฟังมันแล้วก็ทบทวนตามก่อนจะถอนหายใจ มันหยิบโทรศัพท์ส่งให้ผม ผมมองหน้ามันก่อนจะพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์มากดโทรออก จนอีกฝ่ายรับสาย

“ฮัลโหล ยีน ฉันขอโทษนะที่พาลใส่แก อืม ขอบใจนะที่เข้าใจ นักข่าวมาเต็มเลย อืม พี่ธีมว่าจะกลับบ้านคืนนี้แต่รอหมอก่อน ไอ้เกลืออยู่ด้วยเหรอ งั้นขอคุยกับมันหน่อย เออ ฉันขอโทษนะแกที่อารมณ์เสียใส่แก เชี้ย ฉันคิดได้เองโว้ย ไอ้โหดมันไม่ได้เตือนสติอะไรสักหน่อย ฉันเก่งเอง ฉันมีสามัญสำนึกเว้ย จริงเหรอ พวกแกจะไปค้างด้วยเหรอ เออ ได้ๆ ถ้าได้ออกจากโรงพยาบาลคืนนี้ฉันจะโทรบอก บอกไอ้บิวว่าจัดเต็มเลยนะ ฉันเลี้ยงเอง แฟนฉันเป็นเจ้าชาย รวยเวอร์ๆ เออๆ สัดเหอะ ยังไม่ได้ซั่มกันโว้ย แค่แฟนพอ เออ เค บาย” ผมวางสายเสร็จก็หันมายิ้มให้ไอ้โหดที่มันรู้ใจผมว่าผมอยากขอโทษเพื่อนพอดี ผมส่งโทรศัพท์คืนให้มัน แต่หันไปเจอมันนั่งหน้าบูดเลยงงว่าผมทำอะไรผิด

“พี่เป็นไรอะ”

“เพื่อนนาวจะไปค้างที่บ้านด้วยเหรอ” มันถาม

“อือ ทำไมอะ”

“งั้นพี่ไม่ออกจากโรงพยาบาลดีกว่า” มันทำเสียงงอนๆ ใส่ผม ตั้งแต่มันโกนหนวดออกนี่รู้สึกจริตเยอะนะ

“เป็นอะไรอีก” ผมถามมัน

“ก็พี่ตั้งใจว่าจะกลับไปเข้าหอกับนาวนาวรับปากพี่แล้วนะ” มันทวง

“ฮ่าๆๆๆๆ ที่แท้ก็หงุดหงิดที่อดผสมพันธ์ สมน้ำหน้า” ผมหัวเราะเยาะมัน มันลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตูห้อง ผมนึกว่ามันงอน แต่มันพูดอะไรกับบอดี้การ์ดของมันเสร็จแล้วกดล็อกประตูห้อง

“พี่ออกไปดูนักข่าวเหรอ ไปบอกให้เขากันนักข่าวออกเหรอ” ผมถามมัน

“เปล่า”

ผมมองหน้ามันงงๆ แต่ก็เดินตามมันไปถึงเตียงคนไข้ มันรูดม่านปิดรอบเตียงก่อนจะเดินขึ้นไปนอนพักแบบเดิม

“พี่ไปสั่งเขาว่า ห้ามใครเข้ามาจนกว่าพี่จะสั่ง ไม่เว้นแม้แต่หมอ พี่จะเช็ดตัว ชั่วโมงหนึ่ง” มันบอก ผมอ้าปากค้างเลย

“ไอ้ ไอ้ ไอ้หมาธีม บ้าไปแล้ว ไอ้บ้ามกาม เช็ดเองเหอะ ไอ้ทะลึ่ง” ผมด่ามันทันทีที่รู้ว่ามันคิดอะไรหื่นๆ อยู่

“ถ้านาวไม่เช็ดตัวพี่ พี่จะปล้ำนาวให้คนข้างนอกได้ยินเลย เอาดิ” มันบอก ผมรีบหันหลังจะโกยแน่บ แต่ไม่ทันครับมันคว้าแขนผมดึงไปนั่งที่เตียง

“นี่หมอเขาฉีดยาชาให้แกหรือฉีดยาบ้าให้แกวะ” ผมถาม มันหัวเราะก่อนจะหอมแก้มผม

“อยากกอด เมื่อคืนก็ไม่ได้กอด อยากจูบด้วย” มันบอกเสียงนุ่มอย่างกับฟองเบียร์ ผมไม่เคยกินเบียร์หรอก แต่ได้ยินคนอื่นเขาพูดมา

“นาวขอไปหาหมอแป๊ปหนึ่งได้ไหม”

“จะให้หมอมาทำหมันพี่เหรอ ไม่ได้ผลหรอก ยาตัวไหนก็ห้ามความรักของพี่ไม่ได้” มันทำหน้าหื่นใส่ผม

“เปล่า นาวแค่จะไปตรวจสักหน่อย”

“นาวไม่สบายเหรอ” มันดูตกใจ

“นาวว่านาวอาจจะเป็นภูมิแพ้ เลยว่าจะไปขอยาแก้แพ้...แพ้ไอ้หมาธีม ทำหน้าละมุนใส่นาวทีไร ใจอ่อนทุกที คึคึ” ผมขำ มันคงไม่คิดว่าผมจะเล่นมุกนี้ละซี๊ อึ้งไปเลย มันส่งยิ้มให้ผม ยิ้มเหมือนคนดีใจ ยิ้มกว้างๆ เหมือนหมาเห็นเพชรดีกรี

“เอาไว้ถ่ายรูปให้พี่ดูหน่อยนะ ว่าพี่ทำหน้าละมุนยังไง พี่จะได้ซ้อมทำตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย” มันบอกผมพร้อมกับหอมแก้มผมอีก

“พูดมาก จะจูบได้ยัง เดี๋ยวครบชั่วโมง พยาบาลมาไม่รู้ด้วย” ผมบอกมัน ผมไม่ได้แรดนะ แต่เวลาทุกนาทีมีค่า ครูคนหนึ่งเคยสอนเอาไว้ผมจำได้ คิดว่าผมพูดประโยคสุดท้ายจบแล้วจะได้พูดอะไรอีกไหม คงได้คำตอบกันแล้ว ปากผมถูกปิดด้วยปากนุ่มๆ ของไอ้หมาธีมเรียบร้อยแล้วน่ะสิครับ


สิ่งหนึ่งที่เกิดในวันนี้เป็นสิ่งดีๆ อีกครั้งที่ผมได้รับ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคทยอยเข้ามาพิสูจน์จิตใจของผม เพื่อนผมทุกคนก็ยืนอยู่เคียงข้างไม่ทิ้งกัน ไอ้โหดมันก็ยังอยู่ดูแลจิตใจผมไม่ห่าง ความกังวลหรือความทุกข์ในใจของผมมันเบาบางลงได้รวดเร็วก็เพราะผมยังมีเพื่อนและไอ้โหดคอยให้กำลังใจ พวกมันเตือนสติและไม่ปล่อยผมเอาไว้กับปัญหาตามลำพัง ผมก็ไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้ ผมจะจัดการเรื่องของตัวเองยังไง เรื่องพรุ่งนี้ก็เอาไว้พรุ่งนี้ แต่วันนี้ขอดื่มด่ำกับจูบของไอ้โหดที่กำลังทำให้ผมดำดิ่งสู่ความสุขก่อนแล้วกัน

...คนเรามีสิทธิ์ที่จะมีความสุข อย่าทิ้งสิทธิ์นั้นเพราะคนอื่น.. ใครสักคนบนโลกนี้แหละได้กล่าวเอาไว้   

โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-01-2015 17:24:11
เรื่องนี้มีกี่คู่หว่าาาา.   22,3,4เอะหรือ 5 อิิออิิออิิิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-01-2015 17:55:32
ทำไมถึงพากันเชื่อข่าวทันทีเลยนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 28-01-2015 17:58:05
ชอบความคิดน้องนาวนะ มีความสุขไปก่อน ถ้าปัญหา อุปสรรคมันจะเกิดเราค่อยๆแก้ไปก็ได้

เรารอชั่วโมงนึงที่เหลือนะ หวังว่าน้องนาวกับพี่ธีมจะไม่ทำให้ผิดหวัง  :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 28-01-2015 18:14:44
จะได้เป็นเจ้าชายแล้ว  โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย


 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-01-2015 18:17:58
นาวโชคดีที่มีแต่เพื่อนดีๆ คนปริณเป็นพ่อจริงเหรอเนี่ย ก็ว่าอยู่ว่าดูรักน้องนาว
ขำพระเอกค่ะ ขัดใจเพื่อนจะไปนอนด้วย นี่ต้องเอาใช้ได้ใช่ไหม! ใช่!!! พี่ธีมตอบ 5555
นาวน่ารักน่าปล้ำจริงจัง แก๊งค์เพื่อนไฮยีน่าก็กัดเพลินมาก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 28-01-2015 18:42:32
ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ "คนเรามีสิทธิ์ที่จะมีความสุข อย่าทิ้งสิทธิ์นั้นเพราะคนอื่น"
ตั้งหน้าตั้งตาคอยพี่ธีมกับน้องนาวนะคะ :hao6:
แล้วก็อยากอ่านคู่จอมทัสด้วยค่ะ ฮิฮิฮิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 28-01-2015 19:49:18
ว่ะฮ่า
เค้าหวานกันจริงจริ๊งง
ไอ้คุณปริณทำไมกล้าปล่อยลูกตัวเองให้คนอื่นเลี้ยงวะ
 :ruready
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 28-01-2015 19:56:41
ไม่ได้แรดค่ะ
แต่ 1 ชั่วโมงมีค่านะ
เร็วเลยยยยยยยยยย
จะทำไรก็ทำ
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-01-2015 20:42:17
ลุงปริณเป็นพ่อนาวจริงเหรอ  อยากรู้ความจริง
พี่ธีมหื่น เพื่อนนาวเยอะอดซั่ม เลยมีการชดเชยเช็ดตัวแบบส่วนตั้วส่วนตัว

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-01-2015 21:53:16
ตั้งชั่วโมงนึงจะทำแค่จูบจริงๆหรอคะน้องนาว :hao4: เวลา 1 ชม มันทำอะไรๆได้เยอะแยะเลยนะคะ :hao6: :z1: อะไรๆที่ต้องให้ความร่วมมือทั้งสองฝ่าย เหนื่อยเสียเหงื่อ หัวใจเต้นเเรง อิอิ  :hao6: :katai2-1: :katai2-1:  :katai3: กระโดดเชือกคู่ไงคะ  :katai5: นี่เลย พี่ธีมจะได้แข็ง    แรงงงงงง  :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 28-01-2015 22:14:15
อะไรนะ ฮันนีมูนทริปที่บริทาเนีย? 555555
แต่ว่า... 1 ชม. ที่เช็ดตัว แน่ใจว่าทำแค่นั้นจริงๆ? อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 22 (28/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 29-01-2015 08:13:12
เชื่อข่าวที่เขียนกันเลยทันทีเหรอ   :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-01-2015 16:08:04
บทที่ 23

เมื่อคืนที่ผ่านมามีนักข่าวมารออยู่ที่บริเวณชั้นล่างของโรงพยาบาลเต็มไปหมด แต่คุณปริณแจ้งไปทุกสำนักข่าวว่าจะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวเองในอีกสองวันข้างหน้า โดยให้เหตุผลว่าการที่มารอกันที่โรงพยาบาลเป็นการรบกวนผู้ป่วยท่านอื่น นักข่าวถึงยอมกลับกันไปก่อน จากที่ผมยังไม่มั่นใจว่าข่าวที่ยัยซ้อแปดมาแฉจะเป็นการนั่งเทียนเขียนข่าวเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า แม้ในข่าวจะมีรูปมาเป็นหลักฐานแต่มันก็บอกความจริงไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ตอนนี้ผมชักจะมั่นใจแล้วว่ามันเป็นความจริงเพราะคุณเมได้โทรมาบอกกับพี่ธีมว่าจะมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเอง

คุณเมมาถึงที่โรงพยาบาลหลังจากที่นักข่าวกลับกันไปหมดแล้ว ดูจากใบหน้าและท่าทางของคุณเม ผมว่าท่านคงจะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แววตาดูไม่สดใสจนผมรู้สึกเห็นใจเธออยู่เหมือนกัน ถ้าข่าวมันเป็นความจริง ปัญหาต่างๆ ที่คุณเมแบกรับเอาไว้ตลอดหลายปีทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเธอก็ถือว่าหนักหนาสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้านี่คือนิทานเรื่องซินเดอเรลล่าจริงๆ คุณเมคงจะเป็นแม่เลี้ยงที่น่าสงสารที่สุดแล้ว

“น้องนาว แม่..แม่ขอโทษนะคะ” คุณเมนั่งอยู่ตรงหน้าของผม ดวงตาที่อิดโรยเริ่มจะคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง เหมือนคุณเมจะเอื้อมมือมาจับมือของผม แต่ก็เปลี่ยนใจชักกลับไปวางบนตักตัวเองเหมือนเดิม

“ขอโทษผมเรื่องอะไรครับ” ผมถาม

“ทุกเรื่อง ทุกเรื่องที่ทำให้น้องนาวต้องเสียใจ” เธอบอกผม ผมมองน้ำตาที่กำลังไหลรินบนใบหน้าผู้หญิงที่ผมไม่เคยคิดอยากจะมอง ก่อนจะขยับตัวไปหาแล้ววางมือของผมที่มือของคุณเม

“สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ถ้าผมทำได้ ผมจะดีกับคุณเมให้มากกว่านี้” ผมพูดตามที่ใจรู้สึก เพียงแค่นั้นคุณเมก็ยกมือของตัวเองขึ้นมาปิดหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาเลยครับ ผมหันไปมองหน้าไอ้โหด มันพยักหน้าให้ผมก่อนจะขยับปากบอกกับผมว่า ‘ขอบคุณนะ’ จริงๆ แล้วมันไม่ต้องขอบคุณผมเพราะเป็นสิ่งที่ผมควรทำ คุณเมเองก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษเพราะว่าเธอไม่ได้ผิดอะไรเลย

“คุณเมไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่เคยทำตัวไม่ดีให้คุณเมหนักใจ ผมไม่รู้จริงๆ ว่า..”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร แม่ไม่เคยโกรธลูกเลยเพราะแม่รู้ดีว่าลูกรู้สึกยังไง แต่แม่อยากบอกน้องนาวนะคะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อปิยะ แม่หรือแม่พุดซ้อนของลูก รวมไปถึงคุณปริณ ทุกคนไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้ ทุกคนรักหนูมาก สำหรับแม่และปิยะ หนูก็เป็นเหมือนกับลูกในไส้ของเรา แม่ไม่รู้ว่าหนูจะเชื่อแม่รึเปล่า แต่แม่อยากให้หนูรับรู้ว่าคุณปริณไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่ดี ไม่ใช่พ่อที่ทิ้งลูก แต่เพราะอยากปกป้องลูกถึงต้องทำแบบนี้” คุณเมพยายามจะอธิบาย ถามว่าผมเชื่อไหมในสิ่งที่คุณเมพูด ผมเชื่อนะ หลายปีที่ผ่านมาทั้งพ่อปิยะและคุณเมดูแลผมเป็นอย่างดี แต่สำหรับคุณปริณผมไม่รู้จริงๆ ว่าการทิ้งผมนั้นเพื่อปกป้องผมจากอะไร   

“ปกป้องผมจากอะไรครับ” ผมถาม ผมก็อยากจะรู้ เหตุผลที่คนๆ หนึ่งจะทอดทิ้งลูกตัวเองได้มันคืออะไร

“เรื่องนี้แม่อยากให้ลูกได้รับรู้จากคุณปริณเอง อยากให้ลูกเปิดใจรับฟัง แล้วค่อยตัดสินใจ”

“แล้ว..นาวต้องไปแถลงข่าวด้วยไหมครับแม่” ไอ้โหดถามขึ้นมา

“ไม่ต้องค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้ประมาณหนึ่งทุ่ม ธีมกับน้องนาวจะเดินทางไปบัณตราพร้อมเพื่อนๆ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวของคุณปริณ เป็นการเดินทางลับๆ ไม่มีใครรู้และคุณปริณจะแถลงข่าวตามลำพัง”

“ไปพรุ่งนี้เลยเหรอครับ” ผมถาม แม้ในใจจะยังไม่ยอมรับคุณปริณ แต่ก็อดนึกห่วงไม่ได้ที่ผู้ชายคนนั้นต้องจัดการกับปัญหาตามลำพัง

“ค่ะ ก่อนเดินทางคุณปริณอยากขอคุยกับลูก แต่แม่ให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าพร้อมจะคุยรึเปล่า” คุณเมเช็ดน้ำตาก่อนจะบอกกับผม

ผมเงียบไป รู้ว่าไม่ควรหนีปัญหา แต่ผมพร้อมรึยังที่จะได้คุยกับคุณปริณในฐานะพ่อ

“นาว...จำที่ทัสพูดได้ไหม” ไอ้โหดมันถามผม ผมพยักหน้าให้มัน

“ครับ ผมจะไม่หนีปัญหา” ผมหันไปตอบคุณเม

“ขอบคุณนะลูก ขอบคุณ” คุณเมยิ้มออกมาได้ก่อนจะดึงผมไปกอด ผมปล่อยให้คุณเมกอดก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นกอดตอบ แล้วผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นของคุณเมอีก

“พุดซ้อนต้องภูมิใจในตัวของลูก แม่ก็ภูมิใจในตัวน้องนาวนะคะ” คุณเมบอกด้วยเสียงที่อู้อี้

“ครับ ขอบคุณที่อดทนกับผมมาตลอด ขอบคุณที่ดูแลผมมาหลายปี ขอบคุณครับ..แม่” ผมพูดเสียงเบากว่าเดิมแต่ก็ชัดเจนทุกคำ คุณเมสะอื้นจนตัวสั่นไปหมด พูดขอบคุณไปสะอื้นไป พาลเอาผมจะร้องไห้ไปด้วย เห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้ครับ ผมมันคนขี้สงสาร ผมไม่รู้ว่าคุณเมจะดีใจขนาดนี้ที่ผมเรียกเธอว่าแม่

“พี่ก็ภูมิใจในตัวนาวนะ” เสียงไอ้โหดมันพูดมาให้ได้ยิน

“แม่ครับ” ผมเรียกคุณเมอีกครั้ง คุณเมคลายอ้อมกอดออก หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา

“คะ” คุณเมถามเพราะรู้ว่าผมมีเรื่องอยากบอก ดวงตาที่อิดโรยเมื่อครู่ดูสดใสขึ้นกว่าเดิม

“เวลาลับหลังแม่ พี่ธีมชอบตวาดนาวครับ แกล้งขับรถเร็วๆ จนนาวกลัว แล้วก็ชอบดีดหน้าผากนาวจนแดงบ่อยๆ” ผมฟ้อง ไอ้โหดทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะฟ้องคุณเม ก็แน่ละ อยู่ในช่วงดราม่าแท้ๆ ผมยังจะมีมุกตลกมาเล่น ก็ผมไม่ชอบอยู่ในบรรยากาศที่มันตึงเครียดนี่นา

“พี่ธีมนี่จริงๆ เลย นี่ถ้าไม่ติดว่าโตแล้วแม่จะหยิบไม้เรียวมาตีให้ก้นลายเลย ถึงจะเป็นเจ้าชายแต่ก็คือลูกแม่อยู่ดีนะคะ” คุณเมดุไอ้โหด คราวนี้ผมปล่อยหัวเราะก๊ากเลย ไงละแก สม!! เมื่อกี้อยากแกล้งจูบผมจนเกือบขาดใจตาย

“แม่! มันก็ทำนะ” ไอ้โหดรีบฟ้อง

“ก็พี่ธีมทำก่อน เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี น้องถึงทำตาม ห้ามทำอีกนะคะ เอาล่ะ..ได้เวลาแล้ว รีบเปลี่ยนชุด แม่เตรียมรถเอาไว้แล้ว เดี๋ยวรับกลับบ้านกันก่อน ไปเก็บของ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้ว ไปอยู่ตั้งเดือนหนึ่งแม่คงคิดถึงทั้งสามคนเลย” คุณเมเข้าข้างผมเหมือนเคย ผมแลบลิ้นใส่ไอ้โหดอย่างเป็นต่อ แต่เดี๋ยวนะ สามคนเหรอ

"ธารไปด้วยเหรอครับ" ผมถาม

“ค่ะ พี่ธารงอแงร้องตามไปด้วย บอกว่าจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้น้องนาวแทนพี่ธีมที่ต้องพักงานไปเป็นเจ้าชายมือใหม่ก่อน” คุณเมพูดถึงลูกสาวตัวเองแล้วก็แอบขำ

“ดีครับ ดีจัง เหมือนได้ไปชาร์ตพลัง” ผมบอกอย่างอารมณ์ดี คุณเมส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผมก่อนจะหันไปพูดกับไอ้โหด

“พี่ธีม ไม่ว่าลูกจะต้องเจอกับอะไร ลูกต้องใช้สติ ลูกเป็นขัตติยะ มีสายเลือดแห่งบัณตราอยู่ครึ่งหนึ่ง มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ อย่าเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ แม่รู้ว่าลูกรู้สึกอย่างไร แม่พร้อมจะเข้าใจลูกเสมอนะ แม่ก็ขออวยพรให้สิ่งที่ลูกตัดสินใจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน”

“ครับแม่” ไอ้โหดมันยกมือไหว้คุณเม

“ส่วนน้องนาว อย่ากังวลว่าแม่จะคิดยังไงกับเรื่องของน้องนาวกับพี่ธีม ทั้งสองคนคือคนที่แม่รักสุดหัวใจ แต่ในเมื่อเลือกเส้นทางนี้ แม่อยากให้รู้ว่ามันยากกว่าเส้นทางที่คนส่วนใหญ่เดิน แม่ขอให้น้องนาวอดทนกับหลายๆ อย่างที่จะเข้ามาทดสอบ เป็นกำลังใจให้กับพี่ธีม หน้าที่ของพี่ธีมบางทีก็เหมือนอยู่บนที่สูง อาจจะดูเหนือกว่าคนอื่น แต่ที่สูงมันก็หนาวและเสี่ยงที่จะตกได้ทุกเมื่อ แต่แม่เชื่อว่าถ้าน้องนาวอยู่ข้างๆ พี่เขา พี่เขาจะยืนอยู่ได้โดยไม่ย่อท้อ”

“ขอบคุณครับแม่ นาวจะปกป้องพี่ธีมเอง” ผมบอกพร้อมกับทำหน้ามาดมั่นที่จะปกป้องไอ้หมาธีมอย่างดีที่สุด คุณเมหัวเราะก่อนจะลูบผมของผมเบาๆ และโอบกอดผมอีกครั้ง

ผมมันโง่จริงๆ ทั้งโง่ ทั้งบ้า อ้อมกอดและมือของผู้หญิงคนนี้อบอุ่นเหลือเกิน แต่ที่ผ่านมา ผมกลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เฝ้าโหยหาอ้อมกอดของแม่พุดซ้อนทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ กลัวว่าคุณเมจะมาแทนที่แม่ ซึ่งวันนี้ผมรู้แล้วว่าคุณเมไม่ได้มาแย่งที่แม่พุดซ้อนเลย แต่มาเพื่อทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกเวลาถูกแม่กอดมันเป็นยังไง มันอบอุ่นและรู้สึกดีแบบนี้เอง ถ้าผมกลับมาจากบัณตรา ผมจะกลับมากอดคุณแม่เมทุกวันเลย ผมจะขอแก้ตัวกับสิ่งไม่ดีที่ผมแสดงกับเธอตลอดมา ผมจะเขียนนิทานของตัวเองขึ้นมาใหม่ แม่เลี้ยงใจร้ายเหมือนในนิทานของผมไม่มีอีกแล้ว มีแต่แม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงที่จะรักกันจนโลกอิจฉา ผมมั่นใจ



แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องหรือดวงไฟจากถนนค่อยๆ เล็กลงเมื่อเครื่องบินกำลังไต่ความสูงขึ้นเรื่อยๆ จนได้ระดับ ผมกับไอ้โหดและเพื่อนๆ กำลังเดินทางไปที่บัณตราตามกำหนด ผมนั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทพร้อมกับนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ได้คุยกับคุณปริณก่อนที่จะออกเดินทางเมื่อครู่

“น้องนาว” คุณปริณเป็นฝ่ายเรียกชื่อผมก่อนหลังจากที่ต่างคนต่างเงียบกันมาหลายนาที ผมบอกไม่ถูกว่าตัวเองควรทำตัวยังไง ถามว่าโกรธไหม ผมไม่ได้โกรธ ไม่มีอารมณ์ที่อยากจะโวยวายตัดพ้อว่าทำไมถึงทิ้งผม เพราะที่ผ่านมา ชีวิตที่ไม่มีคุณปริณมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมลำบากน่ารันทดอะไรเลย ผมเลยไม่รู้ว่าจะเหวี่ยงวีนไปทำไม อาจจะมีบ้างที่หงุดหงิดเพราะโดนปิดบังมาตลอด มันเสียความรู้สึกที่ผมให้ความไว้ใจเขา ผมรู้สึกถูกชะตากับเขาโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาซ่อนความลับอะไรไว้ ถึงไม่โกรธแต่จะให้รู้สึกว่าเขาคือพ่อผู้ให้กำเนิดเลย ผมก็ยังไม่รู้สึกแบบนั้น

“ครับ ลุงอยากพูดอะไรก็พูดเถอะครับ” ผมไม่อยากใช้เวลาให้นานไปกว่านี้ รู้สึกว่าบรรยากาศมันชวนให้อึดอัด เมื่อคุณปริณเห็นว่าผมยอมรับฟังแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องในอดีต

“ตอนที่ลุงได้เจอพุดซ้อนครั้งแรกคือตอนที่พุดซ้อนเข้ามากรอกใบสมัครการประกวดนางงามล้านนาที่เชียงใหม่ แม่ของลุงได้เป็นกรรมการการตัดสินในครั้งนั้นด้วย ลุงโดนแม่บังคับให้ไปร่วมงานนี้ด้วยกัน ลุงหลงรักพุดซ้อนตั้งแต่แรกเห็น พยายามเข้าไปชวนคุยเลยได้รู้ว่าพุดซ้อนเรียนอยู่ที่เดียวกันกับลุง รวมถึงปิยะและเมธาวี พุดซ้อนกลับมาประกวดนางงามที่บ้านเกิดในครั้งนี้เพราะนี่เป็นความฝันของเธอ ถ้าเธอชนะเวทีนี้ เธอก็จะได้เป็นตัวแทนไปประกวดนางสาวสยามที่กรุงเทพ แล้วพุดซ้อนก็ชนะได้เป็นนางงามล้านนาอย่างที่หวัง หลังจากการประกวดเราก็ยังติดต่อกันเรื่อยมา จากนั้นมาลุงกับพุดซ้อนก็แอบคบหากัน ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ ลุงไม่อยากให้พุดซ้อนตกเป็นข่าวก่อนที่พุดซ้อนจะเข้าประกวดนางสาวสยาม ในสมัยนั้นผู้คนคงยังไม่ยอมรับเหมือนในสมัยนี้ แต่จนแล้วจนรอดพุดซ้อนก็ยังไม่ยอมไปประกวดเสียทีทั้งที่มันเป็นความฝันของเธอ ลุงรู้ว่าเธอกลัวว่าจะต้องห่างไกลจากลุง พอเราเรียนจบ ลุงกับพุดซ้อนแอบไปจดทะเบียนสมรสกันโดยที่ไม่มีใครรู้นอกจากเพื่อนสนิท ตั้งใจว่าหลังรับปริญญา ลุงจะพาพุดซ้อนเข้าไปกราบพ่อกับแม่ของลุง แต่แล้วปีนั้นพี่เลี้ยงนางงามก็มาตื้อขอให้พุดซ้อนเข้าประกวด ลุงก็อยากให้เขาสมหวังในความฝัน เลยสนับสนุนให้เขาไป เรื่องของลุงกับพุดซ้อนเลยต้องปิดบังอยู่อย่างนั้น”

“แล้วยังไงต่อครับ” ผมถามเพราะเห็นว่าลุงปริณเงียบไป อยากให้รู้ว่าผมตั้งใจฟังอยู่ 

“อันที่จริงพุดซ้อนจะต้องได้ตำแหน่งนางสาวสยามในปีนั้น แต่แม่ของลุงบังเอิญรู้เรื่องที่ลุงแอบจดทะเบียนกับพุดซ้อน ท่านโกรธมากและใช้เงินยัดให้กับกรรมการกองประกวด พุดซ้อนเลยได้แค่ตำแหน่งรองอันดับหนึ่งทั้งที่จริงๆ แล้วเธอควรได้ตำแหน่งนางสาวสยาม จากนั้นมาพุดซ้อนก็โดนกลั่นแกล้งตลอดมา ลุงเลยพาพุดซ้อนหนีไปอยู่ด้วยกันสองคนที่บ้านของปิยะ อยู่ที่นั่นได้สักพักก็หนีลงใต้ไปทำสวนยาง ลุงใช้ชีวิตกับพุดซ้อนแบบครอบครัวได้แค่เดือนเดียว ปิยะก็ส่งข่าวมาบอกว่า พ่อของลุงกำลังป่วยหนักมากอาจจะไม่รอด ลุงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อไปดูใจพ่อ  ในสุดพ่อของลุงก็เสียชีวิต หลังจากงานศพพ่อผ่านไป ลุงยังยืนยันกับแม่ว่าจะกลับไปอยู่กับพุดซ้อนเหมือนเดิม แต่แม่ของลุงให้คนลงไปจับตัวพุดซ้อนไปซ่อนเอาไว้ ยื่นเงื่อนไขว่าลุงต้องแต่งงานกับคนที่แม่เลือกให้ แต่งงานเสร็จแล้วแม่ของลุงจะยอมปล่อยพุดซ้อนและจะยอมให้พามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียรองได้ แต่ถ้าลุงไม่ตกลง ลุงจะไม่ได้พบกับพุดซ้อนอีกเลย ลุงจำเป็นต้องตกลงเพราะรู้นิสัยแม่ของตัวเองดี แม้รู้ว่าการที่ลุงยอมแต่งงาน พุดซ้อนจะต้องเจ็บปวด แต่ในเวลานั้นลุงไม่รู้จะทำยังไง ลุงกลัวพุดซ้อนจะไม่ปลอดภัย หลังงานแต่งงานผ่านพ้นไป ปิยะมาบอกบางอย่างกับลุง ซึ่งทำให้ลุงเสียใจอย่างที่สุดที่ตัดสินใจแต่งงานกับหญิงคนอื่นเพราะว่าขณะนั้นพุดซ้อนตั้งท้องได้เกือบสามเดือนแล้ว” ลุงปริณเล่าถึงตอนนี้ก็ถอนหายใจ แววตาดูเศร้าหมองอย่างที่ผมเห็นแล้วยังอดสงสารไม่ได้

“แล้วยังไงต่อครับ” ผมถามอีก

“ลุงกลัวว่าถ้าแม่ของลุงรู้ แม่คงไม่ยอมให้พุดซ้อนเก็บเด็กเอาไว้แน่ ลุงเลยวางแผนให้ปิยะกับพุดซ้อนแต่งงานกันและอยู่กันในฐานะของสามีภรรยาแต่ในนามจนกว่าจะคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งปิยะก็ยอมทิ้งคนรักเพื่อมาแต่งงานกับพุดซ้อน ปิยะเสียสละเพื่อครอบครัวเรา ส่วนชีวิตแต่งงานของลุงก็กำลังจะพังลงอย่างที่ลุงตั้งใจ ลุงทำตัวแย่ๆเพื่อให้ภรรยาแต่ในนามทนไม่ได้ ออกไปเมาหัวราน้ำทุกวัน ทำตัวเหมือนคนอกหัก แกล้งทำเป็นว่าเสียใจที่โดนพุดซ้อนหักหลังจนแม่ของลุงเชื่อว่าพุดซ้อนรักกับปิะยะจริงๆ ลุงปล่อยเวลาให้ผ่านมาหลายปีเพื่อให้แม่ตายใจ แต่ในขณะเดียวกันก็แอบไปหาน้องนาวกับพุดซ้อนตลอด จนกระทั่งมีนักข่าวแอบถ่ายรูปมาได้ นักข่าวคนนั้นเอารูปมาขู่เพื่อจะเรียกร้องเงิน ลุงเลยต้องยัดเงินเพื่อปิดข่าวและยอมห่างจากพุดซ้อนและน้องนาวอีกครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อรักษาเกียรติของพุดซ้อนและปิยะ ลุงไม่เคยหลับนอนกับภรรยาที่แม่หามาให้ ลุงรู้ว่าทำให้เธอเสียใจที่รักเธอไม่ได้ แต่มันคงดีกว่าลุงเอาเปรียบเธอทั้งกายและใจ แต่สุดท้ายเธอก็หนีไปเพราะว่าไปพบทะเบียนสมรสที่ลุงจดกับพุดซ้อนก่อนหน้าเธอ แม่ของลุงก็เสียใจมากที่ชีวิตแต่งงานของลุงพังไม่เป็นท่า แต่พอลุงสารภาพความจริงเรื่องของน้องนาว เอารูปน้องนาวให้แม่ดู แม่ของลุงก็เริ่มใจอ่อน แม่ให้ลุงพาน้องนาวกับพุดซ้อนเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ยังไม่ทันที่ลุงจะได้บอกข่าวดีกับพุดซ้อน เธอก็มาประสบอุบัติเหตุและจากพวกเราไปเสียก่อน” คุณปริณเล่าได้ถึงตอนนี้ก็ยกมือขึ้นบีบที่หัวคิ้ว แต่ผมว่าผมเห็นน้ำตาของคุณปริณ ผมได้ฟังแล้วอยากจะตะโกนให้ก้องฟ้าว่า เรื่องจริงในชีวิตผม มันยิ่งกว่าสิ่งที่ผมมโนเพ้อเจ้อไร้สาระมาทั้งชีวิต ทั้งเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ เรื่องโดนคลุมถุงชน เรื่องทำร้ายกันเพื่อบีบบังคับให้ลูกไปแต่งงาน นี่มันละครที่ผมเล่นหรือเคยได้ดูมาตั้งแต่เด็กทั้งนั้น แต่มันก็เกิดขึ้นจริงแล้ว มันเกิดขึ้นกับผม เกิดขึ้นกับครอบครัวของผม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วครับว่าอำนาจของเงินนั้นใช้จัดการอะไรได้เกือบทุกอย่าง

“หลังจากงานศพของพุดซ้อนผ่านไป ลุงจะรับนาวไปอยู่ด้วยกัน แต่ว่าลุงได้รับจดหมายขู่ว่าจะฆ่านาวให้ตายตามพุดซ้อนไป ทีแรกลุงก็คิดว่าอาจจะเป็นแค่คำขู่ แต่นาวเกือบโดนลักพาตัวไปจริงๆ ดีที่ว่าปิยะเห็นได้ทันก่อน แม้จะแจ้งตำรวจไปแต่ก็ไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ปิยะเลยตัดสินใจขอเลี้ยงดูนาวก่อนเพื่อความปลอดภัยเพราะเราไม่รู้ว่าใครคือคนที่ปองร้ายนาว ถ้าคนร้ายไม่พอใจกับการที่ลุงจะเปิดตัวลูกชายคนเดียว การปองร้ายจะต้องมีขึ้นอีกแน่ๆ ลุงเลยตกลงที่จะให้ปิยะเป็นพ่อของน้องนาวต่อไปอีกสักระยะ หลังจากตกลงกันแล้ว ปิยะก็เลี้ยงดูนาวเรื่อยมา จากนั้นก็พานาวเข้าไปอยู่กับเมธาวี ปิยะกับเมธาวีบอกให้ลุงพยายามหาตัวคนร้ายให้ได้ก่อนจะมารับนาวไป เพราะทั้งคู่เชื่อว่าการตายของพุดซ้อนน่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ” คุณปริณพยายามเล่าต่อด้วยเสียงที่แหบพร่าลงกว่าเดิม ผมก็พูดไม่ออก สงสารแม่พุดซ้อนจับหัวใจ และผมก็สงสารคุณปริณด้วย นึกถึงว่าถ้าเป็นผมต้องโดนกีดกันบีบคั้นแบบนี้ ยิ่งถ้าต้องมาเห็นคนที่รักจากไปผมจะอยู่ต่อไปยังไงดี

“มีคนอยากทำร้ายผม หมายความว่า...” ผมกำลังจะพูดในสิ่งที่สงสัย แต่คุณปริณก็พูดออกมาก่อน

“คนที่ตามทำร้ายนาวน่าจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ฆ่าพุดซ้อน ลุงกับปิยะคิดว่าอาจจะเป็นบงกช ภรรยาที่ลุงแต่งงานด้วยหรือไม่ก็คนรักเก่าของปิยะ อาจจะแค้นที่ปิยะทิ้งเธอไปแล้วมาแต่งงานกับพุดซ้อนแทน”

ผมเงียบไปอีกครั้งเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมากับบทชีวิตที่เบื้องบนกำหนดมาแบบนี้

“ลุงขอโทษนะที่ทำให้น้องนาวเดือดร้อน ลุงขอโทษที่ทำให้หนูต้องเสียแม่ ลุงขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ขอโทษ..ที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อให้กับหนูเลย” คุณปริณพูดพลางกลั้นสะอื้น ผมว่าคนตรงหน้าผมกำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งกำลังได้รับอยู่

“มันไม่ใช่ความผิดของลุงหรอกครับ มันเป็นความผิดของโชคชะตา นาวเสียใจที่เสียแม่ไป แต่ลุงก็เสียคนที่ลุงรักไปเหมือนกัน นาวไม่ได้เจ็บปวดคนเดียว นาวเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วครับ นาวเชื่อว่าลุงเล่าความจริง แต่นาวขอเวลาสักหน่อยนะครับ คือ...มัน คือ นาวขอโทษนะครับ” ผมยังไม่สามารถเรียกเขาว่าพ่อได้จริงๆ

“ไม่เป็นไร..แค่น้องนาวอภัยให้พ่อคนนี้ อภัยในความขี้ขลาดไม่กล้าพอที่จะลุกมาปกป้องแม่ของลูกและลูกได้ ถึงลูกจะไม่พร้อมจะเรียกพ่อว่าพ่อในวันนี้ แต่พ่อจะรอ”

“ครับ ผมไม่โกรธลุง ผม..ผมไม่ได้เกลียดลุง”

“พ่อยังมีโอกาสที่จะได้แก้ตัวไหม” คุณปริณถามผม แต่ผมยังไม่ได้ตอบ จนคุณเมเข้ามาตามว่าได้เวลาเดินทางแล้ว คุณปริณเช็ดน้ำตาก่อนจะพยักหน้าให้คุณเม

“เดินทางปลอดภัยนะลูก” คุณปริณอวยพรพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

ผมยกมือไหว้คุณปริณก่อนจะเดินลงมาจากรถลิมูซีนที่จอดอยู่ในสนามบิน ไอ้โหดยืนรอผมอยู่ไม่ไกล ผมเดินไปหามัน มันจับมือผมเอาไว้แล้วพาผมเดินไปขึ้นเครื่อง เดินไปได้นิดเดียวผมก็หันหลังกลับไปมอง ผมเห็นคุณเมยืนโบกมือให้ผมอยู่ข้างๆ คุณปริณ ผมตัดสินใจป้องปากตะโกนเสียงดัง

“แม่อย่านอนดึกนะครับ นาวเป็นห่วง ลุงปริณครับ พาไอ้มาม่อนมารับนาวตอนนาวกลับมาด้วยนะครับ งานแถลงข่าวก็สู้ๆ นะครับ นาวเป็นกำลังใจให้!” ผมตะโกนจบก็โบกมือให้คุณปริณกับคุณเมก่อนจะหันกลับมาจับมือไอ้โหดอีกครั้ง มันหันมายิ้มให้ผม แต่ผมกำลังร้องไห้ไปยิ้มไป

มันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้เวลาต่อจากนี้ไปเพื่อความทุกข์ การที่ผมยังไม่เรียกคุณปริณว่าพ่อไม่ได้หมายความว่าผมจะกลายเป็นคนอื่นสำหรับเขา ผมก็ยังมีสายเลือดของคุณปริณกับแม่พุดซ้อนไหลเวียนยู่ในร่างกาย คิดบวกๆ ผมเก๋จะตาย มีตั้งสองนามสกุล ทั้งอังควัตทานนท์และปิยะดิษฐ์ อ่อ นามสกุลแท้จริงของไอ้โหดคืออะไรน่ะ เดี๋ยวต้องถามมันสักหน่อย ใช้นามสกุลของมันด้วยก็คงเท่ห์ไม่หยอก


“มโนอะไรอีกละ” มันถามผมที่เห็นผมนั่งหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวกับหน้าต่างของเครื่องบินลำหรู ผมเลยหลุดออกมาจากภวังค์ แหม คนกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการนึกถึงชีวประวัติของต้นตระกูลตัวเองอยู่เว้ย ไม่ได้มโน

“ไม่บอก หิวละ เอาเข็มขัดออกได้ยัง” ผมถามมัน นี่ก็บินมาได้ระยะหนึ่งแล้วนะ

“โน้น เพื่อนๆ กินของอร่อยๆ กันจนจะหมดแล้ว มัวแต่มโนอยู่ได้ ช้า อดแน่” ไอ้หมาธีมมันบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง ผมรีบปลดเข็มขัดแล้วเด้งตัวเพื่อยืนดูให้เห็นกับตา

“หนอย ไอ้เดอะแก๊ง สุขสำราญบนเครื่องบินของพ่อข้าแต่ไม่คิดจะเรียกกันเลยนะ”

“พูดว่าอะไรนะ” ไอ้โหดมันถามผม

“บอกว่ามันไม่เรียกนาวไปกินด้วยเลย”

“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น”

“ก็บอกว่า พวกมันสุขสำราญบนเครื่องบินของ...” ผมนึกขึ้นได้ว่าหลุดพูดอะไรออกไปเลยหยุดชะงัก

“นาวบอกว่า ของพ่อข้า หึหึหึ ยอมรับคุณปริณแล้วสินะ” พี่ธีมมันพูดต่อให้แล้วหัวเราะครับ

“นาวไม่ได้พูด พี่หูฝาด ไปกินข้าวดีกว่า เบื่อขี้หน้าไอ้หมาธีมจริงๆ”

“เดี๋ยว”

“อะไรอีก”

“อยากลองอะไรดีๆ บนฟ้าไหม น่าจะเสียวดีนะ”

“โอ้ย ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้ ไอ้..ชิ” ผมไม่รู้จะด่ามันยังไง ยิ่งด่ามันยิ่งยิ้ม ไอ้โรคจิต ผมสะบัดมือมันออกแล้วเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่กำลังปาร์ตี้กันอย่างเมามัน

‘บนฟ้ามันเสียวกว่าจริงเหรอวะ มันรู้ได้ไง ห๊ะ หรือมันเคยฟัดกับใครบนเครื่องบิน’ ผมนึกในใจ ชักจะสงสัยว่าไอ้หมาธีมมันต้องผ่านอะไรมามากกว่าสองครั้งอย่างที่มันเคยบอกแน่ๆ

“แกมโนอะไรอยู่ไอ้นาว!!!” เสียงตะโกนดังขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันของฝูงไฮยีน่า ทำเอาผมสะดุ้งออกจากภวังค์อีกรอบ

แม่ม ตกใจหมด ขอแวะมโนบ้างอะไรบ้างจะมาแซวอะไรกันนัก เอาไว้พวกมันอย่าเผลอมโนบ้างแล้วกัน ผมจะตบหัวเรียงตัวเลย ผมแอบจดบัญชีแค้นในใจก่อนจะเดินไปสมทบกับพวกมัน แต่ไอ้โหดเดินตามผมจนทัน มันยัดอะไรบางอย่างใส่ในมือของผม ผมแบมือออกดูก็พบว่ามันคือเข็มกลัดเพชรที่ล้อมไปด้วยพลอยหลายสี เพชรเม็ดโต๊โต แวววาวดูแพงจนผมต้องหยุดเดินแล้วมองหน้ามันด้วยความสงสัย

“อะไรอะ ไปขโมยจากโรงลิเกไหนมา พูด” ผมถามมัน

“เครื่องประดับของแม่พี่เอง แม่แท้ๆ ให้พี่เอาไว้ คุณเมบอกว่า แม่ได้จากพ่อตอนแต่งงาน”

“แล้ว”

“เก็บให้ดีนะ”

“เฮ้ย ไม่เอา ของสำคัญของพี่ เดี๋ยวหาย”

“ผิดแล้ว นี่ต่างหากคือของสำคัญของพี่ แล้วพี่จะไม่มีวันทำหายด้วย” มันจิ้มมาที่ตัวผมก่อนจะโอบไหล่ผมให้เดินต่อ แต่ผมยังคงมองหน้ามัน แล้วผมก็ยิ้มสิครับ เดินอมยิ้มแล้วเอาเข็มกลัดกลัดไว้ที่ด้านในของเสื้อ กลัดตรงตำแหน่งเดียวกับหัวใจ ฝูงไฮยีน่าเป่าปากแซวเจี้ยวจ้าวเชียวแต่คราวนี้ผมไม่อายหรอก แถมหอมแก้มพี่ธีมโชว์พวกมันด้วยครับ นอกจากเป็นภูมิแพ้ไอ้โหดแล้ว สงสัยหน้าจะด้านขึ้นด้วย มีแฟนหน้าด้านเลยต้องด้านตามแฟนครับ เพราะผมเป็นคนเคารพความเท่าเทียมนี่นา ฮ่าๆๆๆ


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-01-2015 16:41:45
เปลี่ยนชื่อมะนาว เป็น มโน ยังทันอยู่นะ 5555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 29-01-2015 17:12:06
คุณปิยะ คือคนที่เสียสละที่สุดเลย ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองเลย

พุดซ้อนน่าสงสารมากๆ คุณปริณแก้ปัญหาไปผิดทางจนกู่ไม่กลับ ทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปหมด

ดีที่นาวเป็นคนคิดบวก มองในทางดีที่เป็นสุข พี่ธีมคงรักที่น้องมโนเป็นแบบนี้ด้วยแหล่ะ

ดีใจกับคุณเม ปิดทองหลังพระมาตั้งนาน จนลูกๆทุกคนยอมรับในความเป็นแม่ของเธอ

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-01-2015 17:45:29
ยิ่งอ่่านยิ่งชอบน้องนาวจจอมมโน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 29-01-2015 18:13:05
บอกแล้วนี่คือพี่ธีมปลอมตัวมาอ่าน อิอิ  :m4: :m19:

น้องนาว ชีวิตนิยายยิ่งกว่าละคระค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 29-01-2015 19:29:34
55555
โรคนี้แก้ไม่หายแน่เลยน้องนาว
ทำไงดีนะ
ชอบจังที่สูงน่าจะเสียวเนี่ยไม่เกี่ยวกับโรคแพ้พี่ธีมนะ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-01-2015 20:03:41
เรื่องพ่อนาวมองโลกในแง่ดี
เดี๋ยวนี้นาวอัพตัวเอง ไม่เขินต่อหน้าฝูงไฮยีน่าทั้งหลาย
เข้าทางพี่ธีมพอดี ฟินกันไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-01-2015 20:23:48
ประเด็นนาวตามฆ่าก็ยังไม่เคลียร์เท่าไหร่. เดากันต่อไป อิอิ
รอฉากนาวเสียตัวด้วยคน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 29-01-2015 20:26:26
คู่แรก : แหมมมมมมมพี่โหดกับน้องนาวพอใจตรงกันแล้วหวานซะมดขึ้นจอเลยนะเนี่ย ฮิ้ววววววววววว

คู่ต่อมา : โธ่!น้องทัสของเจ้ ไปรักคนที่เค้ารักคนอื่นแล้ว มาซบอกเจ้มาๆ 
และคู่ต่อมาของต่อมา : โอ้วววววววววว น้องบิวของเราจะรับพ่อองครักษ์ไหวมั้ยนะ  :hao6: 

 //กอดขาอ้อนวอนคนเขียน อย่ามาม่าเลยนะคะ พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :sad4: :sad4: :sad4:

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 29-01-2015 21:32:30
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

รอต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-01-2015 23:41:13
ความรักไม่ใช่เรื่องบนเตียง ลองบนเครื่องบินบ้างก็ได้ 55555 คนอ่านที่หื่นกว่าพระเอกกล่าวค่ะ
เรื่องแม่น้องนาวเหมือนละครจริงจัง คุณย่าหนูร้ายมาก ใครทำร้ายนาวยังจับไม่ได้สินะ
ซึ้งกับแม่เมอ่ะ เธอเป็นคนดีคนประเสริฐมากๆ นาวต้องบอกรักแม่เมเยอะๆ นะ แม่จะได้ชื่นใจ
ชอบตอนแม่ดุพี่ธีม เข้าข้างน้องนาวตลอดกาลค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 31-01-2015 08:55:53
สนุกฮะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 31-01-2015 09:38:59
บอกแล้ว น้องนาว ลูกสาวเจ๊ คิดบวก ตลอด เห็นได้จากสกิลการมโน :hao7:
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล พ่อปริณขา :hao5:
ดูท่าปมเริ่มจะคลายออกบ้างแล้วซีนะ
จากการสันนิฐานของเรา
1. ถ้าคนฆ่าแม่ กะ คนที่จะฆ่านาวคือคนเดียวกัน มันก็อาจจะสมรู้ร่วมคิดกะอิคนที่ต้องการหนังแน่ๆ หรืออาจจะเผลอพร้อมใจกัน ก็เป็นด้าย
2. ปมที่ บริทีเนียก็ยังคลุมเครือ คาดว่าอาจ จิได้มาม่าชามโตเป็นแน่
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 31-01-2015 12:24:01
ยิงยาวเลยยยย เพิ่งมาเปิดเจออ สนุกมากกๆค่ะ สู้ๆ
น้องนาวอย่างขี้มโนเลย 
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: banazjj ที่ 31-01-2015 15:39:39
มารอน่าาาาาาา  :mew2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 23 (29/01/58) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 31-01-2015 19:03:42
วันนี้จะมามั๊ยน้อ น่าติดตามทุกคู่เลยอ่ะ อ๊ายยยยยยย รอๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 01-02-2015 12:25:41
บทที่ 24

เราใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงกว่าจากเมืองไทยมาถึงที่สนามบินของบัณตรา เทียบเวลากันแล้วที่นี่เร็วกว่าไทยสองชั่วโมง ตอนนี้ที่นี่ก็ตีสามกว่าแล้ว พวกเราลงจากเครื่องบินก็มีรสบัสขนาดเล็กมารับพวกผม ไอ้พวกเดอะแก๊งถึงกับส่งเสียงฮือฮาเมื่อก้าวขึ้นมาบนรถ ภายนอกตัวรถก็เหมือนรถบัสธรรมดา แต่ข้างในนี่ตกแต่งหรูหรามาก คนที่มารับพวกผมก็คือมาคัส มาคัสบอกว่าจากที่นี่ไปถึงที่พักใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า มาคัสเตรียมอาหารว่างเอาไว้ให้ทานรองท้องก่อนที่พวกเราจะได้ไปทานอาหารเช้าที่วัง แต่พวกผมไม่ได้ทานกันหรอกครับ ต่างก็ไปจับจองเก้าอี้ปรับเอนนอนยาวได้เหมือนเตียงขนาดพอดีตัวกันใหญ่ เพราะตอนอยู่บนเครื่องบินก็กินกันจนจุก มัวแต่เม้ากันจนไม่ได้หลับได้นอน พอมาถึงตอนนี้ก็หมดแรงอยากหลับกันมากกว่า ส่วนไอ้โหด มาคัสเดินนำมันให้เข้าไปด้านในสุดของตัวรถ มันมีห้องแยกต่างหากอยู่ส่วนท้ายรถ คิดว่ามันจะไปคนเดียวเหรอครับ มันก็ลากมือผมไปด้วย เปิดเข้าไปแล้วรู้สึกว่างานจะเข้า เพราะภายในห้องมีเตียงนอนนุ่มๆ น่านอน แต่ผมเกรงว่าผมอาจจะไม่ได้นอน

“เตียงไม่ใหญ่มาก พี่นอนไปคนเดียวเหอะ นาวเกรงใจ” ผมบอกมันหลังจากที่มาคัสออกไปแล้ว แถมนายบอดี้การ์ดหน้าดุยังกดล็อกห้องให้เสร็จสรรพเลย บอกมาเลยนะไอ้หมาธีม แกให้ใต้โต๊ะองค์รักษ์หน้าดุคนนี้ไปกี่บาท ยอมรับมาซิ

“ดี จะได้นอนเบียดๆ กัน” มันตอบ พร้อมกับดึงผมลงมานอนบนเตียง

“ไม่เอา น่าเกลียด เดี๋ยวเพื่อนล้อ”

“เดี๋ยวก็หลับสนิทกันหมดแล้ว”

“พี่ธีม...” ผมเรียกได้แค่ชื่อมัน แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อหรอกเพราะมันจูบผมแล้ว มันอดอยากปากแห้งมาจากไหนกันวุ้ย แล้วคิดว่าผมจะได้หลับได้นอนเหมือนเพื่อนๆ ไหมครับ ถูกต้อง ผมก็โดนไอ้หมาธีมมันโรมรันพันตูเหมือนอย่างคืนวันนั้นนั่นแหละ เพียงแต่มันก็ยังคงไม่ได้ตีเมืองผม มันคงรู้ว่าผมกลัว มันก็เก่งนะ อดใจได้ ผมออกจะน่ารักปานนี้ ผมเห็นตัวเองยังอดใจไม่ไหวเลย ฮ่าๆๆ เสร็จภาระกิจจูปาจุ๊บกันและกันผมก็ผล็อยหลับไปเลย มันก็กอดผมเอาไว้ อากาศที่นี่หนาวมาก แต่อยู่ในอ้อมกอดไอ้หมาธีมแบบนี้ผมอุ่นไปถึงหัวใจเลย


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอของทะเล ผมรีบปลุกไอ้โหดก่อนจะลุกขึ้นมองไปทางหน้าต่างของรถบัส ทะเลจริงๆ ด้วย รถบัสที่ผมนั่งมากำลังขับเลียบถนนติดชายหาด มองจากบนนี้ยังเห็นถึงความใสสะอาดของน้ำ น้ำทะเลสีฟ้าใสตัดกับขอบสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นโผล่พ้นขอบของน้ำทะเล ผมหยิบนาฬิกาที่ปรับเวลาให้เป็นเวลาของบัณตราขึ้นมาดู

“ตีห้าแล้ว สวยจังเลย นี่เรากำลังขึ้นเขาใช่ไหม” ผมถามไอ้โหดที่กำลังงัวเงียอยู่เพราะหลับไปได้ไม่เท่าไหร่เอง

“คงงั้น” มันตอบสั้นๆ ทำมาเป็นเพลีย ผมสิต้องเพลีย ถูกมันสูบพลังงานไปหลายรอบ

“นอนต่อไปก่อนก็ได้ นาวขอไปออกไปปลุกพวกข้างนอกก่อนนะ” ผมบอกมัน มันพยักหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนต่อ

ไม่ได้หรอกครับ ต้องรีบออกไปก่อนที่ฝูงไฮยีน่าจะตื่น ขืนให้มันตื่นก่อนพวกมันกัดผมแหว่งยับเยินที่ผมมานอนกอดกับไอ้หมาธีมในห้องตามลำพัง ตื่นก่อนแล้วเนียนว่าออกนอนข้างนอกตั้งนานแล้วมันก็จะได้แซ็วไม่เต็มปาก ฮ่าๆ เมื่อคิดแผนในใจได้แล้วก็รีบเดินลงจากเตียง สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมก่อนจะเปิดประตูออกไป พอเปิดประตูออกไปได้แค่นั้นแหละ ก็เจอสายตานับสิบมองมา ผมรีบปิดประตูกลับมาเหมือนเดิมแล้วยืนพิงเอาไว้

“ไม่ทันแล้วแก ออกมาเหอะ เดินไหวเปล่า ไม่ไหวเดี๋ยวฉันไปอุ้ม” เสียงไอ้หมาบูมเห่ามาแล้วครับ

“ฮิ้วววววววววววววว น้องนาวของฉันเป็นเจ้าสาวไปแล้ว” ไอ้เกลือเห่ารับครับ

“แธ่น แทแด แด่นนนน แธ่น แท้ แด่ แด่นนนนนน” เสียงหอนของไอ้มีนครับ หอนเป็นเพลงงานแต่ง

“พวกแกเงียบๆ เลย” เสียงไอ้บิวห้ามเพื่อนครับ บิวจ๋า นางฟ้าของผม ฮือ ฉันรักแกที่สุด ไงเล่า เจอไอ้บิวกำราบจนเสียงคนอื่นๆ เงียบไปเลยตามคำสั่งของนางฟ้าของผม

“นาว ออกมาเถอะ ฉันทำไข่ลวกให้แล้ว ของแกฟองเดียว ของพี่ธีมสองฟอง ต้องโด๊ปหน่อย ท่าทางจะพักผ่อนน้อย” ไอ้บิวพูดต่อท่ามกลางความเงียบ

หนึ่งนาทีให้หลังจากที่ไอ้บิวพูดจบ ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะโห่ฮิ้วตามมา โธ่โว้ย กับพวกมันผมก็ไม่อายเท่าไหร่หรอก แต่พวกมันลืมไปรึเปล่ามีคุณมาคัสอยู่ด้วย ฮือ ผมจะกลับบ้านแล้ว ผมขอปลดไอ้บิวลงมาจากฟ้าเลย

“ไม่คิดเลยว่าน้องชายจะกลายมาเป็นพี่สะใภ้” ธารก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย ผมแทบจะมุดรถหนีแล้ว

“หึหึ ออกไปเถอะ จะอายทำไม คนรักกัน” ไอ้หมาธีมมันลุกจากเตียงมายืนอยู่ตรงหน้าของผม ชิ ไอ้โหดแกตื่นมาทำไม นอนตายไปเลย ถึงผมจะเริ่มมีความด้านขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่ด้านเท่ามันเหอะ มันดึงตัวผมที่พิงประตูออกแล้วเปิดประตู ผมเลยเอาหน้าซุกหลังมันแล้วเดินตามหลังมันไป

“ฮ่าๆ ทีอย่างนี้มาอาย เมื่อคืนละโคตรเสียงดังไม่เกรงใจกันเลย” ไอ้บูมต่อว่าผม ผมเอาหัวโขกหลังไอ้โหดรัวๆ เพราะมันคนเดียวทำให้ภาพพจน์หนุ่มหล่อมาดแมนของผมพังทลายลง

“อย่าไปล้อมัน หึหึ” ไอ้ธีมมันบอกเพื่อนๆ ผม นี่คือมันปกป้องผมแล้วใช่ไหม แล้วมันจะหัวเราะทำพ่องเร๊อะ อุ้ย.. แหะๆ ผมแค่คิดในใจนะครับ ขืนด่ามันว่าพ่องออกสื่อคุณมาคัสอาจจะถีบผมตกรถตายแน่ๆ โทษฐานลบหลู่พระบิดาขององค์รัชทายาท

“ห้องนั้นเก็บเสียง” เสียงคุณมาคัสพูดลอยๆ ออกมา ผมถึงกับอึ้งไป นี่พวกมันอำผมงั้นเหรอ

“พวกแก เลว” ผมชะโงกหน้าออกมาจากหลังพี่ธีมแล้วกวาดนิ้วด่าเรียงคน ยกเว้นไอ้จอมกับน้องทัสเอาไว้ ถึงแม้ทั้งคู่จะแอบยิ้มก็ยังพอให้อภัยได้นิดหน่อย

“เอาน่า ถึงไงแกก็ต้องโดนสักวัน มาๆ กินไข่ลวก” ไอ้เกลือกวักมือเรียกผม

“ยังไม่โดนเว้ย ไอ้โหดมันอ่อน เข้าไปถึงก็หลับเหอะ” ผมรีบบอก ทุกคนส่งเสียงถุยใส่ผมเกือบพร้อมกัน

“พอถึงที่พระราชวังแล้ว ผมขอให้พวกคุณระมัดระวังเรื่องการเรียกเจ้าชาย ถึงองค์เหนือหัวจะอนุญาติให้พวกคุณไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ได้แต่คุณจะเรียกองค์รัชทายาทด้วยคำหยาบคายไม่ได้อีก” มาคัสบอกเสียงดุๆ ผมตัวลีบเลย ไอ้โหดมันกุมมือผมแล้วบีบเบาๆ

“ผมจะบอกเองว่าอะไรควรไม่ควรสำหรับผม ผมมาเพื่อเยี่ยมพ่อกับแม่ ไม่ได้มาเพื่อรับตำแหน่ง” ไอ้โหดมันพูดกับมาคัส องค์รักษ์หน้าดุไม่ได้โต้ตอบแต่โค้งหัวให้ไอ้โหดมันแทน ไอ้ไฮยีน่าที่ส่งเสียงล้งเล้งเมื่อคู่กลายเป็นไฮยีน่าใบ้แดกกันถ้วนทุกคน

“ผมขอโทษครับคุณมาคัส ผมไม่ระวังเอง ผมจะระวังให้มากขึ้น พี่ธีม คุณมาคัสเตือนถูกต้องแล้ว ยังไงก็ต้องให้เกียรติพ่อกับแม่ของพี่และสถานที่ด้วย” ผมไม่ได้ประชดนะ ผมไม่ได้ระวังจริงๆ

“ผมแค่ทำตามหน้าที่” มาคัสพูดแต่ไม่ได้หันมามองผม


จากนั้นพวกผมก็นั่งชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ คุยกันเรื่องสรรพเพเหระทั่วไปจนกระทั่งมาถึงพระราชวังที่ประทับของเหล่าราชวงศ์แห่งบัณตรา พวกผมเดินลงมาจากรถก็ต้องตะลึงอึ้งกันทุกคน ในรถที่นั่งมาก็ว่าหรูแล้ว สถาปัตยกรรมตรงหน้ามันวิจิตรสวยงามตระการตามากๆ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสไตล์การก่อสร้างนี้ว่ายังไง มันเหมือนการผสมผสานหลายๆอย่างไว้ด้วยกัน แต่เท่าที่สังเกตดู ที่นี่จะเน้นสีทอง สีขาวไข่มุก สีดำ สีแดงเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสีที่มีในธงชาติของบัณตรา  บันไดหินอ่อนสีขาวเหมือนไข่มุกตรงหน้าทอดตัวยาวขึ้นไปจนสุดที่บานประตูสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ด้านบนประตูเป็นโดมสีทองเหมือนกับหลังคาของวัง ที่ผมมโนไว้คือพระราชวังของที่นี่คงจะเป็นแบบปราสาทเก่าแก่ดูขลังๆ แต่นี่มันไม่ใช่เลย มันสวยงามหรูหราและดูแพงสุดๆ น่าแปลกใจว่าที่นี่หลบซ่อนตัวจากผู้คนภายนอกมาได้ยังไงตั้งนาน

“ที่พักของพวกคุณคือที่นั่น” มาคัสชี้ไปที่สิ่งปลูกสร้างอีกหลังหนึ่งเป็นสีขาวทั้งหลัง ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี เล็กกว่าวัง แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านธรรมดาหลายเท่านัก อยู่ห่างจากวังนี้ประมาณหนึ่งกิโลได้ ดูไกลๆ จากตรงนี้ยังเห็นว่าสวยไม่ต่างจากที่นี่เลย ใหญ่พอๆ กับบ้านของคุณปริณ

“เดี๋ยวทหารจะนำสัมภาระของพวกคุณไปไว้ยังที่พัก ส่วนพวกคุณเชิญด้านใน องค์เหนือหัวรอพวกคุณอยู่” มาคัสบอกจบก็เดินนำไป


ด่านแรกที่เจอเมื่อเข้ามาด้านในก็คือห้องโถงเพดานสูง มีบันไดสีมุกเหมือนด้านหน้าพระราชวัง มันทอดขึ้นไปที่ชั้นสอง บันไดนี้คั่นกลางทางเดินสองทาง คุณมาคัสนำพวกผมไปทางด้านขวา การตกแต่งคงไม่ต้องอธิบาย มันสวยมากยิ่งกว่าด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของวังก็วิจิตรตระการตาไปเสียหมด เสาทุกต้นสลักลวดลายงดงามและเป็นสีทองเงาวับ แชนเดอเลียที่ประดับอยู่ด้านบนตามแนวทางเดินก็วิบวับเหมือนทำมาจากเพชรแท้ ไม่อยากจะเชื่อว่าประเทศเล็กๆ แห่งนี้จะมีดีซ่อนอยู่มากมาย ธรรมชาติสองข้างทางที่ได้เห็นจนมาถึงที่นี่มันดูสมบูรณ์แบบไปหมด มิน่า ทีนี่ถึงมีการกบฏแย่งอำนาจเกิดขึ้น ความโลภมีอยู่ทุกที่จริงๆ
คุณมาคัสนำพวกผมเดินผ่านโถงใหญ่มาตามทางเดินเรื่อยๆ ผมเห็นทหารยืนอยู่เป็นระยะ เครื่องแบบสีดำสนิทที่ไหล่ห้อยพู่สีแดงบ้าง สีหลืองบ้าง สีขาวบ้าง และทุกครั้งที่มาคัสและไอ้โหดเดินผ่านทหารจะโค้งตัวลงต่ำขนานกับพื้น ถ้าเจอกับบรรดาหญิงรับใช้ก็จะก้มหน้าย่อตัวต่ำ ย่อจนเกือบจะถึงพื้นอยู่แล้ว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนที่นี่รู้ว่าไอ้โหดคือใคร ทั้งที่มันไม่เคยได้มาเลยตั้งแต่ไปอยู่เมืองไทย องค์เหนือหัวคงประกาศให้ทุกคนในวังได้รู้และเตรียมรอรับมันกลับคืนสู่ราชวงศ์ ผมสังเกตสิ่งรอบตัวไปเรื่อยๆ จนคุณมาคัสนำพวกผมมาจนถึงหน้าห้องๆ หนึ่ง

“องค์เหนือหัวและพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ทรงอยู่ด้านหลังประตูบานนี้ ทรงอนุญาตให้พวกคุณไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์และไม่ต้องกังวลเรื่องการวางตัว พระองค์รู้ว่าประเทศเราทั้งคู่มีขนบธรรมเนียมที่แตกต่างกันและทุกพระองค์สามารถใช้ภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงประทานเลี้ยงอาหารเช้าแก่พวกคุณทุกคนเป็นการต้อนรับ” มาคัสบอกจบพวกผมก็สูดหายใจเข้าปอดเกือบจะพร้อมๆ กัน หันไปดูไอ้โหดก็เห็นมันนิ่ง อยากรู้จังว่ามันตื่นเต้นบ้างไหม ส่วนผมตื่นเต้นจะตายแล้ว

“ท่านพ่อของคุณไม่ได้เสด็จมาร่วมอาหารเช้าด้วย ท่านไม่สบายและผมจะพาคุณไปเข้าเฝ้าหลังจากอาหารเช้า” มาคัสหันมาบอกไอ้โหด มันพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นมาคัสก็พยักหน้าให้ทหารองค์รักษ์ที่เฝ้าประตูอยู่

ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พรมสีแดงเลือดนกที่ปูพื้นอยู่เป็นสิ่งแรกที่ผมเห็น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบโต๊ะอาหารสีดำตัดทองอร่าม เก้าอี้จำนวนมากตั้งรายล้อมโต๊ะอาหารจากการประเมิณคร่าวๆ ก็น่าจะยี่สิบกกว่าตัวได้ บนโต๊ะประดับด้วยชุดจานชามสีขาวมุกขลิบทอง ทุกอย่างดูหรูหราจนผมแทบไม่กล้านึกว่า ถ้าซุ่มซ่ามทำแตกผมจะมีเงินมาซื้อคืนไหม แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ ทุกคนในห้องใส่ชุดธรรมดา ไม่ได้แต่งตัวแบบเต็มยศเหมือนที่ผมมโนเอาไว้ ขอย้ำว่าธรรมดามาก ผมนึกว่าจะเป็นชุดอลังการเหมือนตอนที่ผมใส่เดินแบบกับมิเชลเสียอีก

“มากันแล้ว มาๆ มานั่งกันก่อน” ชายสูงวัยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อกั๊กสีครีม สวมกางเกงสแล็คสีดำ เดินตรงเข้ามายังกลุ่มพวกผม คนที่เหลือในห้องที่ยืนกระจัดกระจายพูดคุยกันต่างก็หันมามองทางกลุ่มพวกผม พวกผมที่เป็นผู้ชายโค้งทำความเคารพส่วนผู้หญิงก็ก้มหน้าย่อตัวตามแบบที่ได้ซ้อมกันมาบ้าง

“โอ้ ธีมัสหลานย่า” หญิงสาวสูงวัยผมสีดอกเลารวบตึง เธอสวมชุดกระโปรงแซคสีขาวเข้ารูปยาวคลุมเข่าเดินตรงเข้ามากอดไอ้โหดพร้อมกับร้องไห้ สำเนียงไทยดูแปร่งๆ แต่ก็ฟังออก ส่วนเจ้าชายมิคาเอลที่เดินตามมาส่งยิ้มมาให้พวกผม

“ดูสิท่านปู่ ท่านย่ากับท่านป้าร้องไห้แล้ว” เจ้าชายมิคาเอลพูดจบก็เดินเลยไปตบไหล่มาคัสเบาๆ พร้อมกับกระซิบบางอย่าง มาคัสก้มหัวให้แล้วเดินออกจากห้องไป

ระหว่างนั้น ผมแอบสังเกตคนที่อยู่ในห้องนี้ทั้งหมด ชายสูงวัยในชุดเสื้อกั๊กสีครีมน่าจะเป็นองค์เหนือหัวสเตฟาน ท่านปู่ของพี่ธีม ท่านสูงใหญ่เหมือนพี่ธีมและยังดูแข็งแรงแต่ก็มีริ้วรอยของวัยปรากฏให้เห็น ส่วนหญิงสูงวัยที่กอดพี่ธีมอยู่คงเป็นท่านย่าหรือองค์ราชชินีนารา แม้ท่านจะผอมบางและมีริ้วรอยของวัยไม่ต่างจากสามี แต่ก็ยังคงความงามให้เห็น ผมว่าเธอดูสง่างามมากๆ แม้วัยล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ ไอ้โหดมันเล่าว่าท่านทั้งคู่อายุแปดสิบต้นๆ แต่ดูท่านทั้งคู่อ่อนกว่าวัยมาก

ส่วนสตรีอีกคนที่กำลังยืนเช็ดน้ำตาอยู่ด้านหลังขององค์ราชินี คนที่มีดวงตาเรียวยาวเหมือนไอ้โหดและขนตาที่เป็นแพสวยเหมือนกับน้องทัสราวกับพิมพ์เดียวกัน จมูกโด่งมน ริมฝีปากเป็นกระจับบนใบหน้ารูปไข่รับกันดี เรียกได้ว่าเป็นความงามที่ลงตัวจริงๆ นี่สินะ..ท่านแม่ของไอ้โหด สาวไทยที่ได้มาเป็นมเหสีของที่นี่ ผมว่า คนที่ได้รับสืบทอดความงามแบบไทยๆ ของท่านดูจะเป็นน้องทัสมากกว่าไอ้โหด แสดงว่ามันคงจะคล้ายพ่อมากกว่าแม่ ส่วนผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันก็น่าจะเป็นท่านโมนัฟ เป็นพ่อของเจ้าชายมิคาเอลและเจ้าหญิงมิเชล ผมเคยเห็นในอัลบั้มของคุณเมมาก่อนเลยจำได้ แต่เอ๊ะ ไหนคุณเมว่าท่านมีลูกชายคนรองอีกคน แต่ผมไม่เห็นใครอีกในห้องนี้

เมื่อองค์ราชินีนารายอมปล่อยตัวไอ้โหดออกจากอ้อมกอดแล้วมันก็โค้งทำความเคารพปู่กับย่า รวมถึงอาโมนัฟและอาสะใภ้ของมัน จากนั้นท่านแม่ของไอ้โหดก็เดินมาหามัน

“ลูกแม่” แม่ของพี่ธีมเดินเข้ามาหามัน ผมเห็นแววตาที่ดูนิ่งเฉยของมันไหววูบนิดหนึ่งก่อนที่มันก้มลงไปกราบที่เท้าของแม่มัน เป็นการทำความเคารพแบบคนไทยที่น่าชื่นชม แม่มันย่อตัวลงประคองมันขึ้นมาแล้วกอดมัน มันก็กอดตอบ ผมแอบน้ำตาคลอไปด้วย ดีใจกับมันที่มันได้กอดแม่แท้ๆ ของมันแล้ว

“ท่านพ่อคงดีใจไม่ต่างจากแม่ที่ได้เห็นลูกอีกครั้ง แม่ดีใจที่ลูกปลอดภัย แม่รักลูกนะ ธีมัส”

“วันนี้เป็นวันดีจริงๆ เชิญนั่งกันก่อน ป่านนี้คงหิวกันแย่แล้ว” องค์ราชินีหันมาบอกเป็นภาษาไทยสำเนียงอังกฤษกับพวกผม นางข้าหลวงต่างก็รีบเดินกันมาดึงเก้าอี้ออกให้พวกผม ผมพวกก็เดินไปนั่งกันจนครบ

“ไอ้ตัวเล็กของปู่ละอยู่ไหน ยังไม่เห็นเลย” ท่านสเตฟานพูดขึ้น

“นั่นสิ ทัสสินาไปไหน” องค์ราชินีนาราถามขึ้นแล้วมองหา

พวกผมก็มองไม่เห็นเหมือนกัน เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย แล้วสักพักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มหน้าเข้มรูปร่างสูงใหญ่กว่าไอ้โหดของผมนิดหน่อย ผมยาวปรกตา ปลายผมละลำคอดูยุ่งๆ นิดหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเข้มลดลงได้เลย วัดจากสีหน้าเคลิ้มๆ ของไอ้ยีนและไอ้มีน แปลว่าความหล่อทะลุใจพวกมันไปแล้ว ดวงตาเรียวยาวเหมือนเหยี่ยวคล้ายไอ้โหดแต่ดูจะดุดันกว่ากันเยอะ ริมฝีปากหยักไม่ยิ้มให้กับใครแต่กลับยิ้มให้กับคนตัวเล็กกว่าที่เดินเคียงข้างมาด้วย บ่งบอกถึงความสนิทสนมและเห็นได้ชัดเจนถึงความเอ็นดูที่มีต่อคนตัวเล็กกว่า

“นี่ถ้าทัสไม่ไปตามท่านพี่คงไม่เสด็จมาสินะคะ” มิเชลพูดใส่คนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ตามสไตล์คุณหนูเอาแต่ใจ แต่ใครคนนั้นกลับส่งสายตาดุๆ มาแทนจนมิเชลต้องก้มหน้า ดูมิเชลจะกลัวคนๆ นี้มากกว่ามาคัสเสียอีก

“ท่านปู่ ท่านย่า ทัสคิดถึงท่านปู่กับท่านย่าจังเลย” น้องทัสโค้งทำความเคารพทุกคนในห้องก่อนจะวิ่งไปหาองค์เหนือหัวแล้วสวมกอดจากนั้นถึงหันมากอดองค์ราชินี ท่าทางจะเป็นหลานคนโปรด แกตกกระป๋องแล้วไอ้หมาธีม แต่นึกภาพไอ้ธีมไปทำแบบน้องทัสแล้วผมยิ่งขำ ขืนมันกระโจนไปกอดปู่ย่าแบบนั้น ท่าทางองค์สเตฟานคงจะล้มหงายหลังตึง

“แกมโนอะไรอีก” ไอ้เกลือกระซิบถามผม ผมหันไปค้อนให้มัน เป็นการเตือนว่าอย่ามายุ่งกับการมโนของผม

“แกดูหน้าไอ้จอม ไอ้ยีน ไอ้มีน ไอ้บูมดิ เหวอเลย คึคึ” ไอ้เกลือกระซิบผมต่อ

“เออ คงสติแตกที่เพิ่งรู้ว่าร้องทัสเป็นใคร โดยเฉพาะไอ้จอม” ผมยังกระซิบกับไอ้เกลือก่อนจะมองไปที่น้องทัสกับองค์เหนือหัวต่อ

“ปู่กับย่าก็คิดถึงเราจะแย่ เราไม่อยู่วังเงียบไปเสียสนิท” องค์เหนือหัวลูบผมน้องทัสเบาๆ

“นี่คือเจ้าชายแอชตัน โอรสองค์รองของเราเอง” ท่านโมนัฟแนะนำผู้ที่เดินมากับน้องทัสให้พวกผมได้รู้จัก พวกผมลุกขึ้นทำความเคารพ แต่เจ้าชายไม่แม้แต่จะมองพวกผม พวกผมเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะนั่งลงตามเดิม

“แล้วมาคัสละ” ท่านโมนัฟถามขึ้น

“ลูกสั่งให้ไปพักเองท่านพ่อ ครอบครัวมาคัสคงคิดถึงเขาเหมือนกัน” เจ้าชายมิคาเอลบอก ท่านโมนัฟถึงได้พยักหน้ารับรู้

“เอาละ ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยถามไถ่ชื่อเสียงกัน ไวโอเลตจัดอาหารได้แล้ว”

องค์เหนือหัวสเตฟานรับสั่งกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ท่าทางจะเป็นหัวหน้านางข้าหลวงทั้งหลาย ไม่นานบรรดาอาหารก็ถูกยกมาวางตรงหน้า อาหารหน้าตาแปลกๆ แต่ดูน่ากินมากๆ ผมเห็นไอ้บิวมองด้วยความสนใจและในขณะเดียวกันก็เห็นเจ้าชายแอชตันมองไอ้บิวไม่วางตา ส่วนเจ้าชายมิคาเอลก็มองธารแล้วลอบยิ้มตลอด

พวกผมนั่งทานข้าวกันเงียบๆ นึกขำตัวเองและผองเพื่อนอยู่เหมือนกัน ปกติถ้ารวมตัวกันเมื่อไหร่เป็นต้องเม้าไปกินไปจนไม่รู้จะฟังใคร แต่นี่ต้องนั่งกินร่วมกับกษัตริย์และบรรดาพระญาติพระวงศ์ แม้ว่าทุกพระองค์จะเป็นกันเองมากๆ ทั้งการแต่งองค์ที่ธรรมดาไม่ได้เต็มยศให้ดูน่าเกรงขามจนพวกเราต้องเกร็ง การชวนคุยด้วยบทสทนาแสนจะธรรมดา ด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ บ้างภาษาอังกฤษบ้างหรือการวางตัวเป็นกันเองให้ดูเหมือนญาติผู้ใหญ่ชวนลูกหลานคุย แต่ผมคิดว่ายังไงไอ้ไฮยีน่าทั้งหลายคงจะกลืนข้าวกันลำบากไม่มากก็น้อยทั้งที่รสชาติอาหารจะอร่อยไม่แพ้อาหารไทยเลยก็ตาม

หลังจากทานข้าวกันเสร็จ องค์เหนือหัวก็ชวนไปดื่มกาแฟที่ห้องรับรองใกล้ๆ กับโถงใหญ่ ห้องที่ผมเดินผ่านมาในตอนแรก ท่านให้พวกผมแนะนำตัว จากนั้นท่านก็แนะนำเรื่องสถานที่เที่ยวต่างๆ ในบัณตรา พวกผมหายเกร็งกันไปเยอะเลยเพราะท่านดูใจดีเหมือนเป็นคุณปู่ของพวกเราไปด้วย แต่ตัวผมก็ยังเกร็งมากอยู่ดี เพราะท่านแม่ของไอ้โหดคอยลอบมองผมอยู่ตลอดเวลา ผมว่าผมไม่ได้มโนนะ เพราะทุกครั้งที่ผมหันไปทีไร ท่านก็สบตามาทุกทีแต่ก็ทรงยิ้มให้ผมตลอด คุยกันได้พักใหญ่องค์เหนือหัวก็รับสั่งให้พวกผมกลับไปพักผ่อนที่วังขาวให้หายอ่อนเพลียจากการเดินทางก่อน ท่านเรียกที่พักที่พวกผมพักว่าวังขาว ท่านยังตรัสกับพวกผมอีกว่า มื้อกลางวันท่านสั่งให้ข้าหลวงจัดให้พวกผมได้ทานที่วังขาวเลย ส่วนดินเนอร์ ท่านเชิญพวกผมมาทานด้วยกันที่นี่อีกครั้ง วันพรุ่งนี้ก็จะให้พวกผมก็จะได้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ โดยให้มาคัสเป็นคนพาพวกผมไป

ไอ้โหดมันถูกท่านแม่ของมันพาไปพบท่านนาทีคพ่อของมัน มันหันมาสบตาผมเพราะไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ผมส่งยิ้มให้มันพร้อมกับชูสองนิ้วให้ อยากให้มันสบายใจไม่ต้องห่วงผมและไปทำหน้าที่ของมันให้ดีที่สุด มันส่งยิ้มกลับมาให้ผมก่อนจะเดินตามแม่แท้ๆ ของมันไป โดยมีมิเชลวิ่งไปควงแขนของมันและหันมายิ้มเย้ยผม ไอ้ยีนที่เห็นขมุบขมิบปากจะด่า แต่ผมรีบสะกิดมันก่อนจะโดนประหารเจ็ดชั่วโคตร แล้วพวกผมก็ถูกพาไปยังวังขาว วังที่ทาสีขาวทั้งหลังสมชื่อและถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวไข่มุกทุกชิ้น แค่เดินเข้ามาก็นึกว่าอยู่บนสวรรค์เสียแล้วสิครับ



โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-02-2015 13:02:45
เจ้าชายแอชตัน ... เปลี่ยนเป็นเจ้าชายศิลาดีกว่ามั๊ย แหม่ ...
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-02-2015 13:26:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 01-02-2015 13:28:04
เจ้าชายแอชตันกับมาคัสนี่คนเดียวกันเปล่า? หึหึหึ เริ่มมโนตามน้องนาวมาติดๆ
ยัยมิเชล!!  เธอไม่ได้แอ้มพี่โหดหรอก เชอะ!!!!
.
.
.
ขอร้องคนเขียนอีกครั้ง.....หวังว่าจะไม่มาม่านะคะ พลีส พลีส
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-02-2015 13:55:34
เข้ามาในวังแล้ว พี่ธีมกับนาวจะมีเวลาได้เจอกันไหม
คงมีอะไรๆ มาให้ตื่นเต้นอีกแน่

ตัวละครเริ่มมา เริ่มจะงงกับชื่อและลำดับญาติ 555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 01-02-2015 13:58:11
เหมือนจะยิ่งห่างกันออกไปเรื่อยๆ

น้องนาวพี่ธีมสู้ๆ รอวันน้องนาวถูกตีประตูแตก :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-02-2015 14:12:57
พี่ธีมสู้ๆๆๆ
คือไม่ได้ทำอะไร ห้องก็เก็บเสียง
แล้วอายทำไมจ๊ะน้องนาว

เจ้าชายแอชตัน น่าสนใจจัง
ไม่สนใจใคร นิ่งๆ
รอรอรอจะคู่ใครน้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 01-02-2015 14:17:33
ท่านแม่มองนาวตลอดแบบนี้ สงสัยคงรู้ตัวลูกสะใภ้แล้วหรือเปล่าคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2015 17:16:39
จะมีอุปสรรคอะไรมาอีกหนอ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-02-2015 17:33:43
ธีมจะตกลงกับที่บ้านได้ไหม พลอยลุ้นไปด้วย
น้องนาวปล่อยไก่ 5555 ฮาตรงอีห้องเก็บเสียงนี่หล่ะ กร้ากกกก เพื่อนๆ แสบมาก
ทุกคนดูใจดี แต่ก็ดูมีอะไร น้องนาวสู้ๆ นะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-02-2015 17:50:46
เจ้าชายแอชตันคู่ใครหว่าาาาาาาาาาา :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 01-02-2015 21:59:02
โหหห น้องนาว เล่นท่ายากเลยนะ หกเก้าซะด้วย กิ้วๆๆ  :hao6: :hao7: :z1: :m25: :jul1: :katai2-1: :hao7: o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 01-02-2015 22:25:33
หวั่นวันมาม่า...
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 01-02-2015 23:36:18
อ่านรวดเดียว สนุกมากกกก ชอบมะนาวต่างดุ๊ดที่สุดอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 02-02-2015 19:24:08
ท่านแม่ของธีมนี่จ้องนาวตาเป็นมัน
อาจจะเริ่มเคลือบแคลงสงสัยแล้วสินะ
หรือมีใครโทรมาบอกเอ่ย
เริ่มสนใจเจ้าชายแอชตัน ขึ้นมาแล้วสิ
แล้วพ่อของมิเชลเป็นใครนะ ทำไมมีแต่ชื่อแม่ที่ตายไปแล้ว
หรือพ่อมิเชล เกี่ยวข้องกับ ท่านทารัสรึเปล่านิ
หรือเรื่องมันเป็นรักสามเศร้าของพี่น้องเจ้าหญิงสองคนกันนะ
เพราะทารัสกับนาตาลี ก็ไม่มีลูกซะด้วยสิ
ชักจะอยากรู้แล้ว
 o18
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 24 (01/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 02-02-2015 21:48:57
ตอนท้ายเดี๋ยวมาอ่านต่อนะ นาวดราม่าแล้วยังรั่วได้อีกนะสามารถ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-02-2015 17:37:33
บทที่ 25

พวกผมเดินสำรวจภายในวังขาวกันอยู่พักใหญ่ จับจองห้องนอนพร้อมกับเอาของไปเก็บที่ห้องจนเสร็จก็มานั่งรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ ภายในห้องมีโซฟาหนังสีขาวทรงกลมล้อมพรมสีขาวผืนหนาที่ปูอยู่ที่พื้น โต๊ะกระจกใสที่ตั้งอยู่บนพรมนั้นใสแจ๋วจนนึกว่าไม่มีกระจกวางอยู่ บนโต๊ะมีโทรศัพท์วางอยู่เท่ากับจำนวนพวกผมทุกคน ทุกเครื่องมีชื่อกำกับเอาไว้แล้ว

“ดีเลย กำลังจะขาดใจเพราะขาดโซเชียล” ไอ้มีนหยิบโทรศัพท์เครื่องที่มีชื่อมันมากดเปิด พวกผมก็หยิบกันบ้าง

“พวกแกอย่าเผลอตัวอัพรูปลงโซเชียลนะโว้ย คุณปริณขอเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งให้รู้ว่าเรามาที่ไหนกัน ถ่ายเก็บเอาไว้อย่างเดียวก่อน” ไอ้บูมเตือน

“เออเกือบลืมเลย ขอบใจที่เตือน แต่ที่นี่สวยจนอยากจะอวดเนอะแก สวยมาก” ไอ้มีนบอกพร้อมกับวางโทรศัพท์ลง

“แกเห็นยัยตังเมเมื่อกี้ไหมนาว ฉันละอารมณ์เสียแทนเลย” ไอ้ยีนหันมาพูดกับผม

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจเลย ว่าแต่พวกพี่ปอนเขาจะมาวันไหน” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้พวกมันพูดถึงมิเชล หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นเรา ควรระวังเอาไว้จะดีที่สุด

“มาวีคหน้าพร้อมทีมงาน แต่พวกฉันถ่ายโฟโต้บุ๊คเสร็จก็ต้องกลับเลย แต่แกต้องอยู่ต่อก่อน” ไอ้เกลือบอกผม

“รู้แล้ว คุณเมบอกแล้ว” ผมตอบมันไป คุณเมอยากให้ข่าวของผมเงียบไปก่อนเลยให้ผมอยู่ที่นี่ไปสักพัก น่าจะประมาณเดือนหนึ่งได้

“ก็ดี แกได้อยู่เป็นเพื่อนไอ้บิวไปก่อน” ไอ้จอมบอกผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลองถ่ายรูป

“อากาศโคตรดีเลย เห็นคุณมาคัสบอกว่าที่นี่เริ่มเข้าหน้าหนาว แต่ดีนะยังไม่หนาวมากจนปากสั่น เย็นเหมือนเปิดแอร์กำลังสบาย น่าซ้อมบอลที่สุด” ไอ้บูมทำหน้าเสียดายที่ไม่ได้แบกลูกบอลมาด้วย

“ฉันจะไปเดินเล่นหน่อยนะ” ไอ้บิวบอก

“เราไปเป็นเพื่อน” ไอ้จอมรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาไอ้บิว ผมเห็นไอ้ยีนหน้าเศร้าๆ มันคงพอจะรู้แล้วว่าไอ้จอมคิดยังไงกับไอ้บิว แต่ผมแปลกใจ ไอ้จอมมันไม่มีทีท่าว่าจะมีรสนิยมแบบนี้มาก่อนเลย

“พวกแกไปด้วยกันไหม ธารไปไหม” ไอ้บิวชวน

“ฉันขอนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า เดี๋ยวตื่นแล้วค่อยไป” ไอ้เกลือบอก ไอ้บูมกับสามสาวก็ส่ายหน้าแทนการปฎิเสธ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนกันหมดเชียวนะ เมื่อไม่มีใครไป ไอ้บิวกับไอ้จอมเลยเดินออกจากวังขาวไปด้วยกันแค่สองคน

ส่วนผมก็ตั้งใจว่าจะรอไอ้โหดมันก่อน แต่เบื่อๆ เลยตัดสินใจออกไปเดินเล่นบ้าง ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ออกไปด้วย ในเครื่องถูกเมมเบอร์ทุกคนเอาไว้แล้วเสร็จสรรพ ส่วนโทรศัพท์ของผมที่เอามาจากเมืองไทยไร้สัญญาณเก็บตายเอาไว้ในกระเป๋าไปแล้ว ผมดินออกมาจากวังขาวก็เจอกับทหารองค์รักษ์สองคน

‘ตายละ ผมจะพูดภาษาอะไรกับเขาวะ’ ผมเริ่มกังวลในใจ

“ต้องการอะไรรึเปล่าครับ” ทหารองครักษ์คนหนึ่งถามขึ้นเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วจนผมเลิกคิ้วขึ้นเพราะประหลาดใจ

“พวกผมหัดเรียนภาษาไทยตั้งแต่เด็กๆ ทหารและนางข้าหลวงที่จะต้องอยู่ดูแลพวกคุณที่วังขาว ทุกคนใช้ภาษาไทยได้ดีครับ” เหมือนเขารู้ว่าผมกำลังสงสัยเลยอธิบายจนผมกระจ่าง ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะส่งยิ้มไปกระชับมิตรก่อน ดูจากหน้าตาแล้ว อายุน่าจะพอๆ กับผม ท่าทางก็ดูไม่มีพิษภัย ดูซื่อๆ ดี ถ้าตีสนิทได้จะได้เอาไว้ถามอะไรที่อยากรู้  จะว่าไปท่านปู่ของไอ้โหดก็ละเอียดรอบคอบดีที่เอาคนพูดภาษาไทยได้มาดูแลพวกผม

“ผมไปเดินเล่นได้รึเปล่าครับ” ผมถาม กลัวว่าจะไม่ควรเดินเตร่ไปเตร่มาถ้าไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อน

“ผมจะเป็นคนพาไปเองครับ ที่นี่กว้างมาก เกรงว่าคุณจะหลงทางเพราะยังไม่คุ้น” หนึ่งในองค์รักษ์ตอบผม

“แล้วคุณไม่ต้อง..เอ่อ ไม่ต้องอยู่ดูแลที่นี่เหรอครับ” ผมถาม

“ไม่เป็นไรครับ พระชนนีเนตรนภารับสั่งให้ผมดูแลคุณปารมีโดยเฉพาะ” ผมฟังแล้วนิ่งไปสักสิบวินาทีกับคำว่า ‘โดยเฉพาะ’

“อ๋อ ครับ งั้นรบกวนคุณ...” ผมเว้นเอาไว้เพราะไม่ทราบชื่อองค์รักษ์คนนี้

“เรียกผมว่าอลันก็ได้ครับคุณปารมี”

“ได้ครับคุณอลัน งั้นเรียกผมสั้นๆ ว่ามะนาวต่างดุ๊ดนะครับ” ผมบอก อลันขมวดคิ้วทันทีก่อนจะพยายามพูดตาม

“มะ นาว ต่าง ดุ๊ด”

“เยี่ยมเลยครับ” ผมบอกก่อนจะแอบขำ อลันยังคงทำหน้างงแต่ก็เดินนำผมไป ผมว่าผมได้ยินเสียงอลันทวนชื่อผมซ้ำไปซ้ำมาเบาๆ

อลันพาผมเดินไปตามทางที่โรยด้วยหินกรวดก้อนกลมๆ ที่ทับกันเป็นทางเดินทอดยาวไปข้างหน้า ผมยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของถนนกรวดสายนี้ สองข้างทางเต็มไปทำต้นไม้เขียวชอุ่มดูคล้ายกันไปหมด อลันเดินนำผมไปเรื่อยๆ พร้อมกับอธิบายชื่นต้นไม้แปลกๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ทางข้างหน้าเริ่มชันขึ้นกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยปากถามว่าจะพาผมไปไหน ก็ยังเดินตามไปพร้อมกับพยายามจำเส้นทาง ผมว่าผมเริ่มได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ข้างหน้า ตอนนี้ตรงด้านหน้าของผมเป็นทางแยกไปสามทาง

“ทางโน้นคือทางขึ้นไปบนผาสายรุ้งครับ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็จะขึ้นไปไม่ได้ เพราะเป็นสถานที่ส่วนพระองค์ของเจ้าชายแอชตัน ถ้าตรงไปข้างหน้าคือพระตำหนักนงนุช เป็นพระตำหนักของเจ้าชายแอชตัน เป็นสถานที่ต้องห้ามอีกเหมือนกัน แต่ผมจะพาคุณมะนาวต่างดุ๊ดไปทางซ้าย ทางนี้ครับ มันคือทางไปน้ำตกสายหมอก เดินอีกไม่ไกลก็จะเจอธารมรกตครับ”

“ดีเลย งั้นไปกันต่อเถอะครับ” ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ กับชื่อสถานที่ มันดูอลังการอย่างกับวรรณกรรมของไทย

อลันนำผมเดินไปอีกสักระยะ ผมเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นและละอองน้ำที่ลอยมาปะทะใบหน้า อลันพาผมมาหยุดยืนที่แผงเถาวัลย์หนา มันห้อยลงมาจากด้านบนจนเหมือนม่าน ดูเผินๆ เหมือนว่าเป็นทางตันแล้ว แต่อลันก็เดินนำไปพร้อมกับแหวกม่านเถาวัลย์ออก พอผมก้าวพ้นเถาวัลย์ที่ห้อยมาปิดทางด้านหน้ามาได้ก็ต้องตื่นตากับภาพตรงหน้า ธารน้ำสีฟ้าอมเขียวมรกตขนาดกว้างงดงามราวกับภาพที่ถูกตกแต่งด้วยโปรแกรมโฟโต้ช็อป เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นสายน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงด้านบนที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ มันไหลลงมาสุดที่โขดหินขนาดใหญ่ตรงหน้า ปลายสายน้ำตกกระทบกับธารน้ำจนเกิดเป็นละอองน้ำกระจายฟุ้งไปทั่วอย่างกับมีหมอก

“สวยจังเลยครับ สวยมากๆ กลิ่นหอมนี่กลิ่นอะไรเหรอครับ” ผมถามอลันเนื่องจากได้กลิ่นหอมบางอย่าง

“ไม่มีใครทราบครับว่ามันคือกลิ่นอะไร เดิมธารแห่งนี้เป็นเพียงบ่อน้ำพุร้อน แต่เมื่อสิบปีก่อนน้ำตกจากผาสายรุ้งก็เปลี่ยนเส้นทางมาไหลลงที่นี่ ที่นี่เลยกลายเป็นธารน้ำอุ่นที่มีน้ำเต็มตลอดไม่เคยแล้ง แล้วเกิดกลิ่นหอมๆ นี้ขึ้นมาเองจนเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเลยครับ อันที่จริงที่นี่เป็นเขตหวงห้ามของเจ้าชายแอชตัน แต่เจ้าชายแอชตันทรงอนุญาตให้พวกคุณปารมีมาเที่ยวที่นี่ได้”

“มาเดินเล่นถึงที่นี่เลยเหรอครับ” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง

“คุณมาคัส” ผมทักคุณมาคัสที่อยู่ในชุดพื้นเมืองแล้วก็รู้สึกแปลกตา แต่ก็ยอมรับว่าคุณมาคัสก็หล่อไม่เบาในชุดนี้

“อลันไปเถอะ เราจะดูแลคุณนาวเอง” มาคัสหันไปสั่งอลัน ซึ่งอีกฝ่ายทำหน้างงๆ

“คุณนาว” อลันทำหน้างงเมื่อคุณมาคัสเรียกผมแค่สั้นๆ

“แหะๆๆ คือ ชื่อเล่นของผมเองครับ ชื่อมะนาวต่างดุ๊ดเป็นชื่อของผมเวลาอยู่ที่ต่างประเทศ” ผมรีบหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเกาท้ายทอย รู้สึกผิดเบาๆ ที่ไปแกล้งอำอลันทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน

“ไม่เป็นไรครับ คุณมะนาวต่างดุ๊ด” อลันโค้งให้ผมกับมาคัสก่อนจะถอยหลังแล้วเดินกลับไปยังทางที่มา ผมแอบเห็นมาคุณคัสยิ้มแล้วส่ายหัวช้าๆ คงระอาที่ผมไปแกล้งอลัน ผมเลยหันไปหัวเราะแห้งๆ ให้คุณมาคัสอีกรอบ

“น้ำที่นี่เล่นได้รึเปล่าครับ” ผมถามคุณมาคัสที่เดินไปนั่งที่โขดหินใหญ่

“ได้ แต่ไม่ค่อยมีใครเล่นครับ”

“ทำไมครับ” ผมถามด้วยความสงสัย

“ถ้าเดินลอดม่านน้ำตกนี้ไปก็จะเจอกับสวนดอกไม้ สนใจไปดูไหมครับ” มาคัสไม่ตอบคำถามผมแต่ชี้ไปที่ด้านหน้า สงสัยเพราะเป็นเขตหวงห้ามเลยไม่อยากจะตอบอะไรมาก ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกแล้ว หลังม่านน้ำตกยังมีสวนดอกไม่อีกเหรอ ที่นี่ดูลึกลับซับซ้อนจริงๆ

“ไปครับ” ผมรีบตอบรับ

คุณมาคัสนำผมเดินเหยียบก้อนหินใหญ่ที่อยู่ในธารน้ำตกแห่งนี้ มันเว้นระยะห่างกันเป็นทอดๆ เหมือนกับจงใจสร้างเอาไว้เพื่อให้เป็นทางเดินไปยังหลังม่านน้ำตกนี้ คุณมาคัสยื่นมือมาให้ผมจับแล้วพาผมก้าวข้ามไป คงจะกลัวผมลื่นล้ม ข้ามมาจนถึงหน้าม่านน้ำตกที่บังทางเข้าอยู่ ผมยืนลังเลเพราะถ้าข้ามไปช้าคงจะเปียกทั้งตัวแน่ๆ แต่ถ้ารีบก็กลัวจะตกน้ำโชว์คุณมาคัสอีก แต่คุณมาคัสดึงผมไปยืนใกล้ๆ ก่อนจะถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมาคลุมศีรษะของผมเอาไว้แล้วจูงมือพาข้ามไปด้วยความเร็ว ในที่สุดผมก็ข้ามมาได้อย่างปลอดภัยและไม่เปียกอย่างที่ผมกังวล

“โอ้โห สวยจังเลยครับ สวยมาก” ผมอยากให้ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมมาเห็นจังเลย ไม่น่าเชื่อว่าหลังธารน้ำตกแห่งนี้จะมีสวนสวยอย่างนี้อยู่ พื้นปกคลุมไปด้วยหญ้านุ่มๆ สีเขียวสด พันธุ์ไม้ดอกแข่งกันประชันสีสันไปทั่วบริเวณ ผมเดินตรงไปเรื่อยๆ แต่คุณมาคัสก็ห้ามเอาไว้ก่อน

“หญ้ามันลื่นครับ ข้างหน้านี้เป็นหน้าผา ถึงจะไม่สูงมากแต่ถ้าตกไปก็เป็นอันตรายได้”

“อ๋อ ขอบคุณครับ ดอกไม้พวกนี้มันขึ้นเองเหรอครับ” ผมถาม ผมว่ากลิ่นหอมที่ธารมรกตมันมาจากดอกไม้พวกนี้แน่เลย

“เจ้าหญิงแฮแทนทรงทำสวนนี้ขึ้นมาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไม่นาน ท่านทรงทำเอาไว้ให้ลูกสาวของท่าน” คุณมาคัสเล่าด้วยสีหน้าที่ผมอ่านไม่ออก ใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงดูเศร้ากว่าปกติ

“ลูกสาวของเจ้าหญิงแฮแทน..” ผมพยายามนึกว่าลูกสาวของเจ้าหญิงแฮแทนคือใคร เท่าที่ฟังคุณเมเล่าถึงประวัติของพระธิดาองค์เล็กของท่านสเตฟานก็ไม่เห็นบอกว่าท่านมีลูก ผมนึกว่าท่านโสดเสียอีก

“ผมว่าเรากลับกันดีกว่า องค์ชายธีมัสอาจจะทรงห่วงที่คุณหายมานานแล้ว” มาคัสบอกกับผม จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาพอดี ผมหยิบขึ้นมาดู พบข้อความเข้าเลยกดดู ปรากฏว่าเป็นรูปคู่ของไอ้โหดกับมิเชลในลักษณะที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน

“ผมไม่อยากให้คุณถือสาองค์หญิง” มาคัสคงจะเหลือบเห็นรูปที่ผมเปิดดูเลยพูดแทรกขึ้นมา

“ครับ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลง อยากจะถามเหมือนกันว่าใครเมมเบอร์ท่านหญิงตังเมให้ผม ถามผมสักคำยังว่าต้องการรึเปล่า ชิ

มาคัสนำผมกลับไปไปทางเดิมที่เข้ามา และยื่นมือมาให้ผมจับเหมือนเดิม พอผมผ่านม่านน้ำตกออกมายืนด้านนอกได้แล้วก็ต้องตกใจเพราะมีร่างของใครบางคนก้าวพรวดมายืนประชันหน้ากับผมพอดีพร้อมกับดึงมือของผมออกจากมือของมาคัสอย่างรวดเร็ว

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ” ผมถามไอ้โหดที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยอยู่ตรงหน้าผม

“ทำไมออกมาคนเดียว” มันถามผม

“คนอื่นมันอยากนอนกันอะ” ผมบอกมัน มันพยักหน้ารับรู้

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลคนของผม” มันบอกกับมาคัส เน้นเสียงตรงคำว่าคนของผม

อ่อ...นี่มันหึงผมใช่ไหม ทำเก็กมาดเข้มเชียวนะไอ้หมาธีม มาคัสก้มหัวให้มันนิดนึง ไอ้หมาธีมจูงมือผมเดินกลับไปทางเดิมที่ผมมา เดินออกมาจนจะถึงวังขาวอยู่แล้วมันกลับพาเดินเลยมาที่ลานโล่งที่อยู่ด้านหน้าของวังขาว ซึ่งตรงนั้นมีรถเอทีวีสีดำจอดอยู่สี่ห้าคัน มันพาเดินมาถึงรถก็หยิบเอาหมวกกันน็อคมาสวมใส่ให้ผม

“จะไปไหน” ผมถามมันด้วยความตื่นเต้น อยากขี่มานานแล้วรถแบบนี้

“ไปเดทกัน” มันบอกก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้ตัวเอง เดทเหรอ ผมชอบคำนี้จัง

“ให้นาวขับนะ” ผมบอก มันรีบส่ายหน้า ผมเลยได้แต่เบ้ปากใส่มัน มันขึ้นไปนั่งบนรถผมเลยขึ้นไปนั่งซ้อนมัน

“แล้วไปถูกเหรอ พานาวหลงป่าไม่เอานะ”

“เอาน่า ทีพี่หลงอยู่ในใจนาวตั้งนานพี่เคยบ่นไหม” มันพูดแบบนี้คิดว่าผมจะพูดอะไรได้อีก ก็ได้แต่แอบยิ้มอยู่ข้างหลังมัน เสี่ยววะ แต่ก็ชอบ

“แล้วองค์รักษ์ของพี่ล่ะ ยืนมองกันตาแป๋วเลย” ผมถาม ด้านหลังผมมีองค์รักษ์ยืนอยู่ห้าหกคน รวมอลันด้วย แต่ละคนเปลี่ยนจากชุดทหารมาเป็นชุดพื้นเมืองธรรมดากันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“ตามเราห่างๆ ก็พอ” มันหันไปบอก องค์รักษ์มันรีบโค้งให้แล้ววิ่งไปขึ้นนั่งบนรถเอทีวีที่เหลือ

“โหย มาที่นี่ได้แป๊ปเดียวราคีเจ้าชายจับเลยอะ” ผมชมมัน

“ราศี ไม่ใช่ราคี” มันแก้ให้ผม ผมหัวเราะและกอดเอวมัน

“เจ้าชายจะพากระหม่อมไปไหน จะไปพาขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกระหม่อมก็ยินดี แต่ยินดีไปแต่สวรรค์ นรกกระหม่อมขอให้พระองค์เสด็จโดยลำพังนะพะยะค่ะ” ผมบอกมัน

“หึหึ สวรรค์อะ ได้ไปแน่” มันหัวเราะก่อนจะพูดเบาๆ ให้ผมได้ยินกันแค่สองคน แล้วมันก็ขับรถออกไปโดยมีองค์รักษ์มันขับตามมาห่างๆ องค์รักษ์ของมันจะรู้ไหมว่าเจ้าชายองค์นี้โคตรจะหื่น ทะลึ่งลามกได้ตลอด

มันขับรถพาผมมาตามถนนด้วยความเร็วที่ไม่มากเท่าไหร่ สองข้างทางของบัณตราเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวสด ผมจำได้ว่ามาคัสบอกว่าทีนี่เป็นเกาะ ไม่มีผืนแผ่นดินที่ติดต่อกับประเทศไหนเลย มาได้เพียงสองทางคือเครื่องบินและเรือ ผมก็ไม่ได้ศึกษามาหรอกว่าจริงๆ แล้วประเทศนี้มันอยู่ตรงไหนเพราะไม่คิดว่าจะได้มาเร็วขนาดนี้ รู้แต่ว่ามันอยู่ขึ้นมาทางเหนือจากประเทศไทย แนวๆ เดียวกับญี่ปุ่นเกาหลี แต่เป็นเกาะที่ถูกซ่อนตัวจากโลกเพราะปิดประเทศมานาน หรือเพราะเป็นประเทศที่เล็กจนคนภายนอกคิดว่าไม่มีอะไรน่าดึงดูใจจนประมาณนั้น

ลมเย็นมาปะทะตัวผมจนผมต้องกอดไอ้โหดมันแน่นกว่าเดิมเพราะรู้สึกหนาว ขับมาได้สักพักก็เริ่มเห็นบ้านคนเรียงรายอยู่สองข้างทาง มันขับเลี้ยวเข้ามาตามเส้นทางที่ป้ายเขียนบอก มีลูกศรชี้บอกทางเข้าด้วย แต่ผมอ่านไม่ออกหรอกครับ คงเป็นภาษาบัณตรา
“อลันบอกว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านที่กำลังเริ่มพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว” มันบอกผมหลังจากที่มาจอดรถตรงที่ทำไว้ให้จอด ผมลงจากรถแล้วถอดหมวกส่งให้มัน องค์รักษ์มันก็ขับตามมาจอดใกล้ๆ แล้วเดินตรงมาหาไอ้โหด

“เราจะเดินเล่นที่นี่” มันบอกกับองค์รักษ์ อลันหันไปพูดกับคนอื่นก่อนจะจะเดินหายกันไปเหลืออลันเอาไว้คนเดียว

“ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เรียกเราว่าธีม ส่วนนี่..”

“มะนาวต่างดุ๊ด” อลันชิงพูดขึ้นมาก่อน ไอ้ธีมทำหน้าอึ้งไป แต่ผมหัวเราะขำ

“เรียกนาวเฉยๆ ดีกว่าอลัน” มันบอก

“ขอรับกระหม่อม เรียกว่า คุณธีม คุณนาว” มันทวนอีกครั้ง ไอ้ธีมมันโยกหัวผมที่ผมไปแกล้งอำองค์รักษ์ของมัน

อลันพาผมเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ พูดภาษาบัณตรากับชาวบ้านแล้วถึงหันมาแปลให้พวกผมฟังถึงรายละเอียดของสินค้าต่างๆ ผมอยากซื้อขนมพื้นเมืองไปฝากบรรดาไฮยีน่าที่รักของผม แต่ผมไม่ได้พกเงินมาเลย ไม่รู้เขาใช้สกุลเงินอะไรกัน อลันเหมือนจะรู้เลยส่งถุงกำมะหยี่สีดำมาให้ผม ผมเปิดดูก็พบเงินสกุลลขอลบัณตราจำนวนหนึ่ง ผมเลยหันไปมองหน้าไอ้โหด

“พระชนนีเตรียมเอาไว้ให้แล้วครับ” อลันบอก

“ไม่เป็นไรดีกว่า” ผมปฏิเสธ

“รับเถอะครับ ไม่เช่นนั้นกระหม่อม เอ้ย ผมจะโดนทำโทษที่ทำหน้าที่บกพร่อง” อลันยื่นถุงเงินมาให้ผมอีกครั้ง ไอ้โหดพยักหน้า ผมเลยรับมาถือเอาไว้ อลันยิ้มแล้วพาผมเดินต่อ เดินมาเจอร้านไอศกรีมผลไม้ ผมดูจากรูปเอาครับ ผมอยากกินมากเลยดึงเสื้อไอ้โหดให้มันหยุดเดิน

“มา โต อา คา” ผมทักคุณป้าคนขาย อลันหันมามองผมแบบอึ้งๆ ที่ผมพูดภาษาบัณตราได้ แหะๆ ผมจำมาจากน้องทัสที่ทักพวกผมในครั้งแรกที่ได้เจอกันแหละครับ ก็ได้แค่นี้แหละ

“##%$&^)(*_)())#@$#%$%$%6!” คุณป้าร่ายกลับมายาวจนผมยิ้มค้าหน้าเหวอไปเลย อลันแอบปิดปากหัวเราะผม ส่วนไอ้โหดก็ยืนขำไม่ต่างกัน

“คุณป้าบอกว่า คุณป้าจำหน้าคุณนาวได้ ลูกสาวคุณป้าชอบดูละครของคุณ” อลันแปลเสร็จผมก็เกาท้ายทอยแก้เขิน มันทั้งเขินทั้งแปลกใจสุดๆ หันไปพูดกับไอ้โหดมันเบาๆ

“นาวอินเตอร์ขนาดนี้เลยเหรอ เป็นไปได้ยังไง เขาดูละครนาวจากที่ไหนอะ”

“แม่ของพี่กับควีนนงนุชพระมารดาของเจ้าชายแอชตันเป็นคนไทย ประชาชนที่นี่รักทั้งสองพระองค์มาก ทั้งสองพระองค์เป็นเจ้าหญิงที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านและเข้ามาช่วยพัฒนาด้านอาชีพให้ คนที่นี่เลยเห็นคนไทยเหมือนเป็นพี่น้องกัน แต่เพราะก่อนหน้านี้เป็นประเทศปิด คนไทยเลยไม่รู้จักที่นี่นัก คงจะมีแต่คนที่นี่ที่รู้จักประเทศไทยดี” ไอ้โหดมันอธิบาย ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมกับสงสัยว่าทำไมมันรู้เรื่องราวละเอียดดีจัง

“นาวอยากดูละครของตัวเองเวลาพากย์เป็นภาษาบัณตราจัง” ผมนึกขำ

“คุณป้าให้คุณ” อลันหยิบไอศกรีมจากคุณป้ามาส่งให้ผม ผมหยิบเงินจะส่งให้ อลันรีบส่ายหน้า

“ถ้าเราจ่ายเงิน คนที่นี่จะถือว่าเราไม่รับน้ำใจจากเขา ถ้าเขาตั้งใจให้คือเราต้องรับเอาไว้ครับ” อลันอธิบาย ผมเลยยกมือไหว้คุณป้า หวังว่าคงจะรู้ว่าเป็นการขอบคุณของคนไทย เพราะคุณป้าทำท่าไหว้ผมตอบเป็นการรับไหว้ คนที่นี่คงจะรู้เรื่องประเทศเราเยอะจริงๆ ผมเห็นบางร้านมีธงชาติไทยแปะคู่กับธงชาติของบัณตราด้วย

“อร่อยภาษาบัณตราพูดว่ายังไงอะอลัน มันอร่อยมาก สุดยอด หอมผลไม้ รถอมเปรี้ยวอมหวาน อร่อยมากอะพี่ธีม” ผมยื่นไอศกรีมไปให้ไอ้โหดมันชิม มันก็ก้มลงมาชิมไอศกรีมในมือผมก่อนจะกระซิบที่หูผม

“ถ้าไม่ติดว่านาวจะอาย จะชิมที่ปากนาวแล้ว คงจะอร่อยกว่า”

“นี่ ทำหน้าให้มันบางหน่อยก็ได้นะ เป็นถึงปริ๊นซ์แต่หื่นไม้เว้นแม้แต่ในตลาด” ผมกระซิบกลับ

“หึหึ ไปเดินทางโน้นต่อกัน” ไอ้โหดหัวเราะก่อนจะชวนผมเดินไปข้างหน้าต่อ

“เออโรมันโย มาตาอาคา” ผมหันมาชมไอศกรีมว่าอร่อยและขอบคุณป้าเขาอีกทีด้วยภาษาบัณตราที่อลันสอนก่อนจะเดินตามไอ้โหดมันไป


อากาศทีนี่ดีมากจริงๆ เย็นสบาย ลมไม่แรงมาก สะอาด บ้านหรือร้านค้าแต่ละหลังจะทาด้วยสีเปลือกไข่ไก่ตัดกับสีน้ำตาล ส่วนใหญ่คนทีนี่จะผิวออกสีน้ำผึ้งแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านดี คงจะเหมือนกับผิวของไอ้หมาธีม ผิวมันเนี๊ยนเนียน เวลาลูบแล้วลื่นมือ ผมชอบลูบหน้าท้องมัน ถึงเป็นลอนกล้ามเนื้อแข็งแรงแต่ก็ถือสุขภาพผิวมันดีมาก น่าอิจฉา

“กินข้าวเที่ยงที่นี่ไหม” มันถามผม ผมคิดอยู่แป๊ปนึงก็ส่ายหน้า

“กลับไปกินกับเพื่อนๆ ดีกว่า เอาไว้ค่อยมาพร้อมพวกมันใหม่” ผมบอก

“งั้นกลับกัน”

มันจะพาผมกลับ แต่ผมดึงมือมันเอาไว้ก่อน แล้วจูงมันเข้าไปในร้านเสื้อผ้า ผมอยากใส่เสื้อผ้าพื้นเมือง ผมเลือกดูชุดจนได้ชุดที่ถูกใจ ผมอยากจะเปลี่ยนชุดเลยเลยบอกกับอลัน อลันคุยเจ้าของร้าน เจ้าของก็ชี้ให้ผมเดินเข้าด้านหลังของร้าน ผมจูงมือไอ้โหดเข้ามาก็สั่งให้มันเปลี่ยนด้วยเพราะซื้อให้มันด้วย เราเข้าไปเปลี่ยนชุดกันคนละห้อง ผมเปลี่ยนเสร็จแล้วก็เดินออกมารอ สักพักมันก็เดินออกมา ผมยิ้มออกมาเลยเมื่อเห็นมัน ชุดพื้นเมืองที่ผมเลือกให้มันช่างเข้ากับตัวมันจริงๆ เสื้อเป็นเนื้อผ้าไหมพรมถักลายดำแดง ผ่าหน้ายาวโชว์ช่วงอกนิดๆ มีผ้าพันคอทรงกลมอันใหญ่คล้องรอบคอเอาไว้ กางเกงสีดำพองตรงสะโพกนิดๆ ยาวแค่เข่า ช่วงจากหน้าแข้งลงมาก็รัดรูปพอดีขา ส่วนของผม เสื้อข้างในเป็นสีขาวคอปีน ส่วนเสื้อคลุมตัวนอกเป็นเสื้อถักแขนยาวตัวใหญ่ๆ ปลายเสื้อแหลมเป็นทรงวี ช่วงปลายผ้าจะกรุยๆ เป็นเส้น แต่กางเกงของผมเป็นขาจั้มสามส่วนสีดำ เนื้อผ้าใส่สบายมากๆ อลันบอกว่า นี่เป็นเสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาว เพราะหน้าหนาวที่นี่จะหนาวมากสุดๆ

“พี่หล่ออะ” ผมบอก มันยิ้มที่ผมชมมันเพราะนานๆ ผมจะชมมันสักที

“นาวก็น่ารักมาก” มันก็ชมผม เออดีนะ ยอกันเอง

“ไปเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันข้าวเที่ยง” ผมรีบบอก กลัวมันอดใจไม่ไหว สายตานี่หื่นเต็มขั้นแล้ว กลัวเจ้าของร้านเข้ามาเห็นจะช็อกเสียก่อน

ผมกับมันจ่ายเงินเสร็จก็พากันเดินกลับไปที่รถ เดินธรรมดาไม่ได้จับมือกันหรอกครับ แต่รู้สึกว่าตั้งแต่ใส่ชุดพื้นเมือง คนจะมองผมกับไอ้โหดมากกว่าตอนใส่ชุดธรรมดาแบบตอนขามา อลันบอกว่าผมกับองค์รัชทายาทของมันดูหล่อมากๆ สงสัยผมต้องซื้อชุดพื้นเมืองหน้าหนาวที่นี่ไปใส่ทุกวันเสียแล้ว

ผมซ้อนรถมันกลับไปที่วัง แต่อ้อนมันว่าไม่อยากใส่หมวกกันน็อค อยากสัมผัสอากาศของบัณตราให้เต็มปอด มันเหมือนจะชั่งใจอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ยอม ตัวมันเองก็ไม่ใส่ตาม แล้วมันก็ขับรถช้าๆ ผมก็พยายามซึมซับทั้งอากาศ ทั้งกลิ่นของมันเข้าเต็มจมูก ก็กลิ่นตัวมันก็หอมดี แบบนี้รึเปล่าที่เขาว่ายามรักตดยังห๊อมหอม เมื่อก่อนยังว่ามันซกมกอยู่เลย ผมอยากซบหน้ากับแผ่นหลังมันนะ แต่ก็ไม่กล้าเพราะมีองค์รักษ์ขับตามมาข้างหลัง ถึงมันจะแสดงว่าไม่แคร์ใครแต่ผมก็ไม่อยากให้ใครมาว่ามันได้ ถึงเราจะรักกันแต่เราต้องอยู่ร่วมในสังคมของกันและกันให้ได้ด้วย นี่ผมก็ไม่ได้ถามมันว่าไปหาพ่อแล้วเป็นยังไงบ้าง ถามว่าผมกลัวไหมหากทางโน้นรู้แล้วอาจจะกีดกันมันกับผม ก็กลัวนะแต่ไม่ได้กังวลมากเท่าไหร่ ผมแคร์ความรู้สึกผู้ชายที่ผมกำลังกอดเอวมันอยู่มากกว่า ความรู้สึกมันสำคัญที่สุดสำหรับผม ไม่ว่ามันจะเลือกทางไหน ขอแค่มันบอกเป็นทางที่มันคิดว่าดีที่สุด ผมก็จะยอมรับด้วยดี

“นาว” มันเรียกผม

“หืม”

“คิดอะไรอยู่ กอดพี่ซะแน่นเชียว”

“นาวชอบแผ่นหลังพี่” ผมตอบ แผ่นหลังมันกว้างดี

“พี่ก็ชอบข้างหลังนาว” มันบอก ผมยันตัวขึ้นไปกัดไหล่มันจนมันร้องโอ้ย ทะลึ่งไปแล้วไอ้เจ้าชายหน้าหมาเอ้ย

“พี่มีความสุขไหม” ผมถามมัน

“มีมาก”

“นาวก็มาก”

“อยู่ที่นี่กันเลยไหม” มันถามผม ผมได้ฟังแล้วก็พูดไม่ออก จริงๆ อยู่ที่นี่กับมันก็ดีนะ ไม่มีนักข่าวมาตาม ไม่ต้องอยู่ในสังคมที่พร้อมโจมตีผมเสมอ แต่มันไม่ใช่แค่นายธีรดลเหมือนที่เมืองไทย ผมจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร

“พี่อยากอยู่ที่นี่เหรอ” ผมถามมัน

“พี่อยากอยู่ทุกที่ที่มีนาว” มันบอก

“พี่ให้องค์รักษ์ขับนำไปก่อนได้ไหม” ผมถามมัน มันค่อยๆ ชะลอรถ อลันพร้อมกับองค์รักษ์คนอื่นๆ ขับมาขนาบข้างๆ

“นำเราไปก่อน ไม่ต้องเป็นห่วง ใกล้ถึงวังแล้วไม่น่าจะมีอะไร ฝากไปบอกเพื่อนๆ เราว่าเรากำลังจะกลับไปทานข้าวเที่ยงด้วย” มันบอกจบ องค์รักษ์ทุกคนก็ก้มหัวรับคำสั่งมันแล้วขับนำมันไป จนเหล่าองครักษ์เกือบลับตามันถึงได้เร่งเครื่องขับต่อ ผมกระชับเอวมันไว้แล้วแนบหน้าซบกับแผ่นหลังของมัน แผ่นหลังมันอบอุ่นจริงๆ ด้วย แผ่นหลังนี้เป็นของผม คนในอ้อมกอดก็เป็นของผม เหมือนกับที่มันบอกกับคุณมาคัสว่า ผมคือคนของมัน ดูท่ามันก็อยากใช้เวลานี้กับผมนานๆ เพราะมันขับอย่างกับเต่าคลานเลยครับ เอ่อ ไอ้หมาธีม เดินดีไหมถ้าจะช้าขนาดนี้

“พี่เป็นเจ้าชาย จะพานาวเข้าไปอยู่ในปราสาทเหรอ แต่นาวไม่ใช่ซินเดอเรลล่านะ ชีวิตจริงคงจะเหมือนที่เรามโนไม่ได้หรอก” ผมบอกกับมัน

“บัณตราไม่มีพี่เป็นเจ้าชายเขาก็ปราบกบฏกันมาได้ แต่นาวไม่มีพี่ไม่ได้หรอก พี่มั่นใจ” มันบอกผม มั่นหน้ามากนะไอ้หมา

“โหย เข้าข้างตัวเองว่ะ” ผมเอาหัวโขกหลังมัน ทั้งที่คำที่มันพูดนั้นไม่ผิดเลย

“ที่พี่มั่นใจ เพราะพี่เองก็ไม่มีนาวไม่ได้เหมือนกัน”

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่กอดมันเอาไว้ ได้แต่นึกในใจว่ามันกำลังทำให้ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว จากที่คิดว่า ถ้ามันเลือกครอบครัวมันผมก็จะยอมรับ ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว ไอ้หมาธีม..ผมเสียมันไปไม่ได้จริงๆ มันทำให้ผมหลงทางในใจมันเหมือนกัน ผมหาทางออกไม่เจอและไม่คิดจะหาด้วย ถ้ามันทิ้งผมเมื่อไหร่ผมจะหั่นมังกรมันทิ้งให้ไอ้มาม่อนเอาไปกัดเล่น ผมนึกแล้วก็แอบหัวเราะ ก่อนจะได้ยินเสียงมันถามคำถามเดิมๆ

“มโนอะไรอีก”

“นาวรักพี่ธีมจัง คึคึคึ” 

...นี่แหละครับ คำโบราณที่ว่า ไปไหนมาสามวาสองศอก ต่อไปถ้ามันถามผมว่าผมมโนอะไรอีก ผมก็จะบอกว่าผมรักมัน เอาให้มันพูดไม่ออกไปเลยแบบที่มันกำลังเป็นตอนนี้ดีไหม อึ้งไปเลยละซี่..

เอ๊ะ!แต่ผมว่าผมลืมอะไรไปนะ ผมว่าผมมีเรื่องจะจัดการไอ้โหดมันนะ แต่ลืมไปแล้วว่าเรื่องอะไร ช่างมัน หลังมันอุ่นจนสมองผมตันไปละ ไว้นึกได้ค่อยว่ากันอีกทีเนอะ เพราะตอนนี้ผมมีความสุขกับเดทที่เป็นเดทของ 'เรา' จังเลยครับ


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-02-2015 20:55:34
นาวชอบแผ่นหลังธีม แต่ธีมชอบเข้าหลังนาว
ไม่ค่อยหื่นเลยนะเจ้าขายธีม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 03-02-2015 21:02:32
ตลกอลันอ่ะโดนมะนาวต่างดุ๊ดแกล้งง   :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2015 21:40:30
มะนาวต่างดุ๊ด.  หรือ. มนุษย์ตุ๊ดมะนาว. อิอิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-02-2015 21:56:18
มโนได้ทุกที่ทุกเวลาสิน่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-02-2015 22:15:25
มะนาวก็ช่างแกล้ง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 03-02-2015 23:08:30
เจ้าชายธีมัสจะพาน้องนาวไปขึ้นสวรรค์หวันๆๆๆๆๆ  :hao6: :hao6: :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 03-02-2015 23:23:56
 :ling1: :ling1: :ling1:  แอบชอบมาคัสนะเนี่ยยยยยยยยย  แต่เจ้าชายก็ได้ค่ะ หึหึหึ 

ติดตามตอนต่อไปนะค้าาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-02-2015 23:31:23
คุณเจ้าชายที่แสนขี้หึง น่าระกมาก แฟนหาย ต้องรีบออกหาเลย
นาวร่าเริงอ่ะ แกล้งอลัน แหม่ พอแฟนเปลี่ยนชุดนี่พุ่งเข้าไปจูบเลยพระเอกฉัน รักมาก หลงมาก
แล้วดูนาว กูรักมึง โอ๊ย น่ารัก แค่นี้เขาก็รักจะแย่แล้วลูก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 04-02-2015 00:03:31
เอาอีกๆ เราชอบให้พี่ธีมหึงนาวเยอะๆอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไร 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-02-2015 09:11:28
ขี้หึงจังนะจ้าชาย
เหมือนเห็นอุปสรรครำไร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 04-02-2015 09:22:38
อุ่นๆ ดีนะครับ หวานด้วย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-02-2015 10:03:40
น้องนาวน่ารักมากๆ :-[ ไม่แปลกที่พี่ธีมจะหลง

รออยู่นะคะ พี่ธีมที่บอกนาวว่า "มึงได้ขึ้นแน่ๆสวรรค์อ่ะ"  :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-02-2015 10:36:53
น้องมะนาว ต่างดุ๊ด ของเจ้ 55555 นางมีความสุขทุกโอกาสจริงๆ น้องนาวเนี่ย น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 25 (03/02/58) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 04-02-2015 15:46:12
ตอนองครักษ์คนนั้นเริ่มพานาวไปน้ำตก
หวั่นใจจริงๆ เสียวหวิวๆกลัวนาวตาย
หรือโดนลอบทำร้าย (คิดแง่ร้ายไปแล้ว)
นี่ที่บริทิเนีย นำเข้าหนังจากไทยหรือนี่!!
ขนาดเราคนไทยเรายังไม่ดูละครทีวีเลย หุหุ
ไม่รู้สินะ
 :really2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 04-02-2015 16:22:13
บทที่ 26


(กาลครั้งหนึ่งของธีม)

ผมกับนาวกลับมาถึงวังขาวทันเวลาอาหารเที่ยงพอดี หลังอาหารเที่ยงมันก็คุยจ้อกับเพื่อนไม่หยุดถึงความสวยงามของที่ๆ มันไปเที่ยวมา มันก็ยังคงโดนเพื่อนๆ รุมแกล้งเหมือนเคย โทษฐานที่หนีไปเที่ยวกับผมแค่สองคน ผมได้แต่นั่งขำที่มันทำหน้ามุ้ยมาทางผมบ้างค้อนเพื่อนตัวเองบ้าง ผมรู้ว่ามันเป็นที่รักของเพื่อนทุกคนและมันก็รักเพื่อนของมันมาก เลยทำให้ผมมานั่งคิดว่า ถ้ามันต้องอยู่กับผมที่นี่ตามลำพัง ไม่ได้กลับไปอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนที่เติบโตมา ไม่ได้เจอเพื่อนสนิท มันจะร่าเริงได้แบบนี้ไหม ผมลอบถอนหายใจก่อนจะย้อนนึกถึงตอนที่ไปเข้าเฝ้าท่านพ่อของผม

ครั้งแรกที่ผมได้เห็นพ่อผู้ให้กำเนิดของผมมันทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจ ท่านผอมมาก หน้าตาของท่านก็ซีดเซียวอิดโรย ท่านกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้าง เมื่อท่านเห็นผมท่านก็ร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร ผมยอมรับว่าผมเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เจอกับท่านตอนที่ท่านสุขภาพไม่สู้ดีนัก ท่านกอดผมและพูดซ้ำๆ ว่าดีใจที่ผมปลอดภัย เราพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่พักใหญ่ตามลำพัง แล้วท่านพ่อถึงได้พูดบางอย่างกับผม

“พ่อพอจะรู้เรื่องของลูกกับลูกของพุดซ้อน ลูกมั่นใจใช่หรือไม่ที่จะเลือกเส้นทางนี้” ผมไม่แปลกใจที่ท่านจะรู้ แต่ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจที่ท่านถามผมตรงๆ แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะผมไม่อยากปิดบังเรื่องของนาว

“ครับพ่อ ผมขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง แต่ผมรักนาวมาก ผมมั่นใจว่าความรักของเราสองคนไม่ได้ทำให้ผมมีความประพฤติที่ชั่วร้ายหรือทำตัวไม่ดีให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน แต่เรื่องของผมกับนาวอาจจะทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งผมยินดีที่จะสละตำแหน่งใดๆ ก็ตามที่ผมได้รับเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา ผมกลับมาครั้งนี้เพื่อมาพบพ่อกับแม่แค่นั้นครับ” ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้กับพ่อบังเกิดเกล้าได้ฟัง หวังว่าท่านคงจะเข้าใจผมไม่ต่างจากที่แม่เมเข้าใจ

“พ่อไม่เคยผิดหวังในตัวลูก อันที่จริงพ่อไม่เคยคิดอยากให้ลูกทุกคนมาอยู่ในจุดที่พ่อเคยอยู่ การมีอำนาจไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับพ่อ มันทำให้ท่านปู่ท่านย่าต้องถูกจองจำในคุกนานหลายปี ท่านอาหญิงของลูกทั้งสองต้องมาสิ้นชีพเพียงเพราะคนบ้าอำนาจคนเดียว ธีมัส..พ่อยอมรับในตัวคนที่ลูกรักได้เสมอ แต่พ่ออยากขอร้องลูกเพียงเรื่องเดียว อยู่ที่นี่กับพ่อจนกว่าพ่อจะหมดลมหายใจได้หรือไม่” คำขอร้องของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อทำให้ผมปฏิเสธท่านไม่ออก น้ำเสียงที่อ่อนแรง แววตาที่ฉายแววขอร้องคู่นั้นยังติดอยู่ในใจผมจนถึงตอนนี้

“คือ..ผม.....”

“ชวนปารมีอยู่ด้วยกันที่นี่ พ่อขอใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตได้อยู่กับเนตรนภา ลูก ทัสสินาและคนที่ลูกรัก พ่อคงใช้เวลาไม่นานนัก”

“พ่ออย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ถ้าใจของพ่อไม่สู้ ร่างกายก็จะยิ่งแย่ ส่วนเรื่องนี้ ผมขอเวลาตัดสินใจอีกสักหน่อยได้ไหมครับ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด”

“ขอบคุณมากลูก พ่อเองก็จะพยายามรักษาตัวเองเพื่อให้ได้อยู่กับลูกให้นานที่สุด” พ่อจับมือผมแน่น ผมประคองท่านลงนอนพักและนั่งคุยกับท่านต่ออีกพักหนึ่งจนกระทั่งท่านหลับลงอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา

“เหม่ออะไร คิดอะไรอยู่” นาวเดินมานั่งลงบนที่เท้าแขนของโซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่ ผมหลุดออกจากความคิดและเงยหน้าไปยิ้มให้มัน

“คิดถึงนาว” ผมบอกออกไปตรงๆ บรรดาเพื่อนๆ มันส่งเสียงแซ็วกันจนมันทำท่าจะลุกหนีไป ผมเลยดึงตัวมันมานั่งที่ตักของผมเลย มันดิ้นดุ๊กดิ๊กจนผมต้องกอดตัวมันไว้ให้อยู่เฉยๆ

“พี่ก็ชอบทำให้พวกมันแซ็วนาวจัง” มันบ่นผมแต่ก็ยอมนั่งเฉยๆ เพราะตอนนี้เพื่อนมันต่างก็หันไปสนใจกับสถานที่เที่ยวต่างๆ ในหนังสือที่อลันเอามาให้ดู

“ยิ่งอายเพื่อนก็ยิ่งแซ็ว” ผมบอก

“ใครจะไปหน้าหนาเหมือนพี่ละ” มันพูดไปก็หยิบมือผมที่กอดเอวมันอยู่ไปจับเล่น

“ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า” นาวถามผม

“เปล่า แค่สงสารพ่อ เขาดูป่วยกว่าที่พี่คิด ตอนแรกพี่ก็คิดว่าการที่เราไม่ได้ผูกพันกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ คงไม่ทำให้เรารู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่เอาจริงๆ เราก็รับรู้ได้ว่าเขาคือพ่อ คือคนให้กำเนิดเรา ก็อดสะเทือนใจไม่ได้ที่เห็นเขาดูป่วยขนาดนั้น”

“นาวเข้าใจ” มันบอกผม ผมเชื่อตามที่มันพูด มันคงไม่ได้จะพูดเพื่อปลอบใจ แต่มันก็คงรู้สึกกับคุณปริณแบบนี้เหมือนกัน ทั้งผมและมันตกอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน

“พรุ่งนี้นาวไปหาพ่อกับพี่นะ พ่อเขารู้จักกับแม่ของนาวด้วย เขาอยากเจอนาว” ผมพูดจบมันก็ลุกออกจากตักของผมแล้วทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นตรงหน้าผม

“เขารู้เรื่องเราไหม” สีหน้านาวดูกังวล ผมโยกหัวมันเบาๆ แบบที่เคยทำบ่อยๆ ผมมันนิ่มและหอมมาก เวลาผมโยกหัวมันเล่นทีไรรู้สึกดีเพราะมันชอบทำหน้าเหมือนเด็ก

“รู้ เขายอมรับได้ พี่พูดจริงนะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หึหึ” ผมบอกมัน แต่มันหรี่ตามองผม ผมไม่ได้โกหกมัน แต่มันคงไม่เชื่อ

“ใครจะมายอมรับกันง่ายๆ” มันเถียง

“แม่เมยอมรับเรื่องเราไหม” ผมย้อนถามมัน

“ก็นั่นเขารักนาว” มันยังเถียงต่อ

“นี่เขาก็จะรักนาว เชื่อพี่สิ พ่อกับแม่ดูไม่ใช่คนร้ายกาจหรอก ไม่งั้นเขาจะเลี้ยงทัสให้เป็นเด็กขาวสะอาดแบบนั้นได้ไง” ผมบอก มันพยักหน้าคล้อยตาม

“ปู่กับย่าพี่ละ”

“เขามีหลานตั้งหลายคน ผิดหวังจากพี่สักคนคงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง” ผมบอก แต่นาวมันทำปากยื่นๆ แบบที่มันชอบทำ ผมเลยถือโอกาสที่ไม่มีใครสนใจโน้มลงไปจูบปากมันอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับมานั่งเหมือนเดิม ไอ้คนที่โดนผมลักจูบรีบหันไปมองเพื่อนมัน พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจมันถึงได้หันมาทุบขาผมเบาๆ นี่ดีว่าผมให้องค์รักษ์ออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด ไม่อย่างนั้นผมคงโดนนาวมันทุบหนักกว่านี้แน่

“พูดดูง่ายไปหมดเลยนะ” มันยังบ่นกระปอดกระแปด อยากจับมันฟัดจริงๆ เลยครับ

“เอาน่า อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย พาพี่ไปดูห้องนอนหน่อยสิ พี่ยังไม่รู้เลยว่าต้องนอนห้องไหน” ผมบอกมัน คราวนี้มันหรี่ตาลงมองผมด้วยความระแวงอีกรอบ รู้สึกมันชักจะฉลาดขึ้นนะ ผมต้องหามุกใหม่ๆ มาหลอกมันแล้ว

“นาวไม่ไปกับพี่หรอก ขืนพาขึ้นไปคงได้พาพี่ชมเตียงมากกว่าห้อง เพิ่งจะกินข้าวเที่ยงเสร็จด้วย ขี้เกียจจุก เพราะโดนพาออกกำลังกายในร่ม ฮ่าๆๆ” มันบอกเองแล้วก็หัวเราะเอง

สักพักอลันก็เดินเข้ามาแล้วบอกกับผมว่าถึงเวลาแถลงข่าวของคุณปริณแล้ว ผมพยักหน้า อลันเดินไปเปิดโทรทัศน์จอใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าให้ ทุกคนเลยละความสนใจจากสิ่งที่ทำอยู่แล้วมองไปที่จอโทรทัศน์แทบจะพร้อมกัน ผมดึงนาวขึ้นมานั่งข้างผม สักพักการแถลงข่าวของคุณปริณก็ถูกแพร่ภาพเข้ามา  จอโทรทัศน์แสดงภาพคุณปริณนั่งอยู่ที่โต๊ะยาว โดยมีแม่เมนั่งอยู่ข้างซ้าย คุณปรัชนั่งอยู่ด้านขวา เสียงชัตเตอร์รัวดัง แสงแฟลชก็สว่างวูบวาบแข่งกับเสียงลั่นชัตเตอร์ สักพักคุณปริณยกมือขึ้นขยับไมค์ เสียงกล้องและแสงแฟลชถึงได้เงียบและหยุดไป

“ขอบคุณสื่อทุกสำนักที่มาในงานแถลงข่าวของผมในวันนี้ กับข่าวที่ออกมานั้น ทุกท่านคงอยากจะทราบความจริงที่เกิดขึ้น ผมเองก็ต้องการจะแถลงถึงความจริงจากปากของผมเอง ไม่ใช่การเขียนออกมาโดยไม่รู้ว่าทำความเสียหายให้กับใครบ้างจากบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี ผมนาย ปริณ อังควัตทานนท์ และ นางพุดซ้อน อังควัตทานนท์ เป็นผู้ให้กำเนิดนายปารมี ปิยดิษฐ์ นี่คือหลักฐานการจดทะเบียนสมรสและการรับรองการเป็นบุตรที่ถูกต้องตารมกฏหมายทุกประการ” เสียงฮือฮาและเสียงคำถามของนักข่าวดังแทรกแซงเข้ามา คุณปริณยกมือห้ามอีกรอบ

“ผมกับพุดซ้อนเราจดทะเบียนกันตั้งแต่ก่อนที่พุดซ้อนจะเข้าประกวดนางสาวสยาม แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ผมกับพุดซ้อนต้องปิดบังความจริง ปารมีคือลูกที่ผมและพุดซ้อนรักเท่าชีวิต ส่วนเพื่อนของผม นายปิยะและเมธาวีคือผู้ที่มีพระคุณของผม ทั้งคู่เสียสละความเป็นส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของภรรยาและลูกชายคนเดียวของผม”

“หมายความว่ามีคนปองร้ายคุณพุดซ้อนและคุณปารมีเหรอคะ” นักข่าวคนหนึ่งชูมือถาม

“ครับ” คุณปริณตอบ เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบ

“การเสียชีวิตของคุณพุดซ้อนเกิดจากการฆาตกรรมเหรอคะ”

“ผมขอไม่ตอบคำถามนี้ครับ ผมคิดว่า ในตอนนี้ผู้ไม่ประสงค์ดีต่อผมและลูกชายของผมก็ยังคงลอยนวลอยู่ ที่ผมอยากแถลงข่าวในวันนี้เพราะอยากถือโอกาสประกาศถึงผู้ไม่ประสงค์ดีให้ทราบ กรุณาหยุดการกระทำของคุณเสีย แต่ถ้าคุณไม่หยุดและยังคิดทำร้ายลูกชายคนเดียวของผม ผมจะยอมแลกกับคุณด้วยชีวิตที่มีเพื่อปกป้องลูกชายคนนี้ของผม และจากวันนี้ไป ผมขอประกาศว่า ปารมี ปิยะดิษฐ์เป็นทายาทคนเดียวของอังควัตทานนท์ เขาจะมีสิทธิ์และเป็นเจ้าของทุกอย่างที่เป็นของผมนายปริณ อังควัตทานนท์ และสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากพูดให้ทุกคนได้รับรู้ ปารมี..เกิดจากความรักของผมและพุดซ้อน ไม่ใช่ความผิดพลาด เขาเกิดมาด้วยความตั้งใจของผมและพุดซ้อน เป็นบุตรชายที่เกิดจากความรักของเราทั้งคู่ ไม่ใช่การลักลอบใดๆ อย่างที่มีข่าวลือออกมา เขาคือความภูมิใจและลมหายใจของผมตั้งแต่เขาถือกำเนิดจนถึงทุกวันนี้และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป” ฟังคุณปริณพูดจบผมก็เอื้อมมือไปบีบมือของมัน

“พอจะบอกได้ไหมคะว่าใครคือผู้ต้องสงสัย” มีคำถามดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมขอไม่พูดเรื่องนี้นะครับ”

“แล้วปารมียอมรับในตัวคุณไหมคะ เพราะคุณไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ” คำถามนี้ทำให้คุณปริณเงียบไป

“ตอนนี้น้องนาวอยู่ไหนคะ จะยังใช้นามสกุลลของคุณปิยะหรือนามสกุลลของคุณปริณคะ” นักข่าวอีกสำนักถามต่อ

“จริงหรือเปล่าครับที่ผ่านมาคุณปารมีติดยาแล้วคุณช่วยปิดข่าวให้ ซ้ำยังคอยให้เงินลับๆ กับนักข่าวเพื่อให้ดันปารมีให้มีชื่อเสียงในสายงานบันเทิง”

นักข่าวยังถามไม่หยุดแถมยังเริ่มพาออกนอกประเด็น คุณปรัชรีบเข้ามาขอจบการแถลงการณ์ แต่จู่ๆ นาวมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ผมเดาว่ามันคงต่อสายไปที่เมืองไทยแน่ๆ แล้วก็จริงดังคาด ภาพแม่เมยกมือขึ้นห้ามคุณปรัชและบอกกับนักข่าวว่านาวต่อสายตรงเข้ามาเพื่อต้องการคุยกับพี่นักข่าวๆ ปรากฏในจอโทรทัศน์ นักข่าวพร้อมใจกันเงียบกริบไม่ต่างกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ บรรดาเพื่อนๆ ของนาวหันมามองนาวกันทุกคน

“สวัสดีครับพี่สื่อมวลชนที่มาในวันนี้ นาวขอโทษนะครับที่ไม่ได้มาแถลงข่าวด้วยเพราะติดงานสำคัญ นาวเองก็ตกใจเหมือนกันเพราะเพิ่งได้รู้ความจริงทั้งหมด นาวอยากตอบคำถามของพี่ๆ ทุกคน ประเด็นแรกคือ นาวยอมรับในตัวพ่อปริณครับ นาวเข้าใจถึงเหตุผลของท่านทั้งหมดแล้ว มันก็อาจจะต้องใช้เวลาสักนิดที่ต้องปรับตัวกับสถานะใหม่ของผมกับพ่อ แต่มันไม่ใช่เรื่องยากเลยครับเพราะยังไงเราก็คือพ่อลูกกัน” นาวมันพูดผ่านโทรศัพท์

“น้องนาวคะ แล้วน้องนาวจะเปลี่ยนนามสกุลไหมคะ” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น

“ผมยังตอบไม่ได้ครับ มันไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไม่ว่านามสกุลไหนผมคือปารมีคนเดิม เอาเป็นว่า ผมได้เปรียบพวกพี่ๆ แล้วล่ะครับ ผมมีพ่อตั้งสองคน มีทั้งพ่อปริณกับพ่อปิยะ มีแม่อีกสองคน คือแม่เมและแม่พุดซ้อน แถมทุกคนก็รักผมมากด้วย ส่วนเรื่องผมติดยาหรือพ่อจะช่วนดันผมหรือเปล่า ผมว่าผมอยู่ในวงการนี้มานาน พี่ๆ คงรู้จักผมดีพอนะครับ เอ๊ะ ผมเห็นป้ายไฟพ่อปริณลูกนาวสู้ๆ อยู่ที่ด้านหลังพี่ๆ ด้วย ใช่ไหมครับ พ่อของผมจะแย่งแฟนคลับผมแล้วเหรอครับ” นาวมันพูดจบภาพนักข่าวในจอโทรทัศน์ก็หัวเราะกันใหญ่ เสียงแฟนคลับของมันตะโกนรักนาวดังไปหมด บรรยากาศดูผ่อนคลายขึ้นถนัดตา

“ผมต้องขอจบการแถลงข่าวแค่นี้ก่อนนะครับ ผมขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับที่มาในวันนี้” คุณปริณยกมือไหว้ แสงแฟลชและเสียงรัวชัตเตอร์ดังมาอีกครั้ง นาวมันยังไม่ได้วางโทรศัพท์ มันน่าจะคุยกับแม่เมต่อ แต่การถ่ายทอดตัดจบไปแล้ว

“ครับ สบายดีครับ อากาศดีมาก แม่ละครับ แม่ตามมาเที่ยวที่นี่สิครับ อ๋อ พี่ธีมก็ยังแกล้งผมตลอดเลย ได้ครับ  ผมจะรอให้แม่มาจัดการให้นะครับ คิดถึงแม่ครับ เอ่อ..ฝาก..ฝากบอกให้..พ่อ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ครับ สวัสดีครับ” มันวางสายแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา มันไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ก็คงกลั้นไม่อยู่ คงรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่ได้รับและสิ่งที่ตัวเองทำไป ผมนับถือมันเลย มันเข้มแข็งและมีเหตุผล เพราะมันเป็นแบบนี้ผมถึงถอนตัวจากมันไม่ได้เลย

“นาวมานี่หน่อย” มีนเอาทิชชู่เช็ดน้ำตา ผมยอมปล่อยมือนาวออก มันลุกไปหาเพื่อนมัน เพื่อนมันรุมกันเข้ามากอดกันกลมไม่เว้นแม้แต่ธาร ปกติน้องสาวของผมคนนี้เป็นคนแข็งๆ ก็ยังอดตาแดงๆ ไปด้วยไม่ได้ ธารไปรุมกอดนาวเหมือนอย่างคนอื่นด้วย

“พวกฉันภูมิใจในตัวแกจังไอ้นาว ต่อไปช่วยบอกพ่อแกให้ถ่ายทอดสดทุกนัดที่ฉันแข่งเลยนะ” บูมบอกพร้อมกับตบหลังเพื่อนมัน

“ของานละครฉันเยอะๆ ด้วยนะนาว” ยีนพูดตาม

“ฉันขอร้องเพลงประกอบละครทุกเรื่องที่ไอ้ยีนเล่นแล้วกันนะ” มีนเอาบ้าง

“ฉันขอให้มาอัดเพลงละครที่ไอ้ยีนเล่นแล้วไอ้มีนเป็นคนร้องที่ห้องอัดของฉันแล้วกัน” เกลือร่วมสมทบ

“ฉันขอเพิ่มเวลาให้รายการอาหารพ่อฉันด้วยนะ” บิวที่ดูเรียบร้อยก็ยังเล่นมุกเหมือนคนอื่นไปด้วย

“แกละ จะเอาอะไรไหม” นาวหันไปถามจอม

“ฉันไม่อยากได้อะไรจากพ่อแก” จอมตอบกลับไป

“แกเป็นคนดีนะ” นาวทำหน้าซึ้งส่งให้จอม

“แต่ฉันขอตังแกซื้อกล้องตัวละแสนได้ไหม” จอมพูดต่อ เพื่อนในกลุ่มพากันหัวเราะ ยกเว้นนาวที่ยื่นเบะปากอยู่ตรงกลาง แต่แป๊ปเดียวมันก็ยิ้มเหมือนเดิม

“พวกแกดูรักฉันกันมากและรักเงินฉันกันมากด้วย พวกแกจริงใจสุดๆ ฉันขอนับถือในความละโมลโลภมากที่ติดในกมลสันดานพวกแกจริงๆ เฮ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่เอา อย่าจั๊กจี้ฉัน ก๊าก ไอ้บูม ไอ้เวร หยุด!”

ผมเห็นพวกเพื่อนๆ แกล้งนาวแล้วก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้ รวมถึงอลันที่ก้มหน้าลอบยิ้มไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้ผมต้องทบทวนการตัดสินใจของตัวเอง ผมจะทำยังไงดีให้ทุกอย่างดีสำหรับทุกคน พอนาวมันหนีออกมาจากวงล้อมเพื่อนๆ ได้ก็รีบเข้ามาดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วกระโดดขี่หลังผม

“ขี่พานาวขึ้นข้างบนหน่อย รำคาญฝูงไฮยีน่าที่รุมแกล้งนาว” นาวมันบอกกับผม เพื่อนมันตะโกนแซ็วมันอีกรอบ แต่คราวนี้มันไม่ได้หันไปต่อล้อต่อเถียงเหมือนเคย แต่ขยับขาตีสีข้างผมทำเหมือนผมเป็นม้าจริงๆ ผมเลยต้องยอมให้มันขี่หลังขึ้นไปบนห้อง

‘ได้เลย นาวจะได้ขี่พี่สมใจแน่ เจ้ามะนาวต่างดุ๊ด’ ผมนึกในใจนะครับ ขืนพูดไปไก่ตื่นพอดี

ผมพามันขึ้นบนห้องตามคำขอของมัน ห้องที่เราพักกว้างมากๆ เตียงสี่เสามีม่านสีขาวฉลุเป็นลวดลายใบไม้และลายเถาวัลย์ปักด้วยไหมสีทองและสีเขียวสด เฟอร์นิเจอร์สีขาวทำให้ห้องดูสว่างและสะอาดตา มันโดดลงจากตัวผมก็จูงมือผมเข้ามาดูในห้องน้ำ ซึ่งกำแพงห้องเป็นกระจกใสทั้งหมด มองไปเห็นยอดเขาลิบๆ บนยอดเขาลูกนั้นเริ่มมีหิมะปกคลุมเหมือนภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่นเลย อ่างจากุซชี่ขนาดใหญ่มากตั้งอยู่ตรงกลางของห้อง

“ห้องน้ำยังใหญ่ขนาดนี้ แอบมาสั่งทำเอาไว้ปะ สารภาพมา” นาวมันถามผมพร้อมกับเอามือมาจับคางผมส่ายไปมา

“ถ้าพี่สั่งทำ คงไม่ให้ทำกระจกใสล้อมรอบขนาดนี้หรอก ทำอะไรไม่สะดวก” ผมบอก มันจิ๊ปากก่อนจะโอบเอวผมไว้

“ชีวิตเหมือนฝันเลยพี่ว่าไหม พี่ธีม...พี่ว่าเมื่อกี้นี่นาวทำถูกไหม” มาถามผม

“ถ้าทำแล้วสบายใจมันก็คือสิ่งที่ถูกแล้ว พี่ภูมิใจในตัวนาวนะ”

“พี่ก็เหมือนกันนะ เรื่องของพี่ พี่ก็ต้องเอาที่สบายใจที่สุดนะ มีอะไรพูดกับนาวได้เลย พูดได้หมด นาวจะเข้าใจพี่ทุกอย่าง นาวมั่นใจ”

“อืม ถ้าพี่ไม่สบายใจพี่จะบอก” ผมบอกมัน

“ดี แต่ถ้ามีอะไรอยากปรึกษา นาวก็ยินดีนะ” มันบอกผมอีก ทำหน้าทำตาน่าฟัดมากๆ ผมว่าผมจะไม่ทน

“อืม รู้แล้ว”

“ดี รู้ก็ดี สมมุติว่าพี่ตัดสินใจไม่ถูกก็ลองบอกนาวก็ได้ นาวอาจจะช่วยตัดสินใจได้ดีก็ได้นะ” ผมหัวเราะเลย สรุปคือที่มันทำเป็นหวังดีเพราะมันอยากรู้เรื่องของผม ผมรู้ทางมันแล้ว แต่ผมยังไม่ได้คุยกับมันหรอก มีเรื่องต้องทำก่อนในตอนนี้ เข้าถ้ำหมาอย่าคิดว่าจะออกไปได้ง่ายๆ เลย

“พี่ง๊วงง่วง” ผมบอกมัน มันค้อนให้ผมเลย คงเซ็งที่หลอกถามผมไม่สำเร็จ มันน่ารักจริงๆ นะครับ เวลาทำตาค้อนประหลับประเหลือก ปากยู่ๆ คิ้วขมวด มันดูน่ารักมากๆ ผมรีบจูงมือมันออกมาที่เตียงก่อนจะกระโดดลงไปบนที่นอนนุ่มๆ ตบที่นอนเป็นการบอกว่าให้มันลงมานอนข้างๆ แต่โดยดี มันก็ยอมกระโดดมานอน ผมเลยเอาขาก่ายตัวมันเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้

“ง๊วงง่วงหรือ..ว่า...” มันพูดคาเอาไว้ แต่ผมรู้ว่ามันว่าผม ผมกัดจมูกมันเบาๆ เพราะหมั่นเขี้ยว

“ก็รู้อยู่แล้ว ไม่น่าถาม”

“นาวก็ว่างั้นแหละ ไม่เอาจัดเต็มนะ เอาแค่น้ำจิ้มพอ เดี๋ยวต้องไปดินเนอร์ เข้าใจไหมไอ้หมาหื่น” มันบอก

“ขอรับกระหม่อม เจ้าหญิงว่าไง เจ้าชายก็ว่างั้น”
   
ผมทนความน่ารักของมันไม่ได้แล้ว ปากสีสดที่โต้ตอบผมอยู่ตรงหน้ามันทำให้ผมต้องทาบริมฝีปากของตัวเองลงไปสัมผัส ผมบดเบียดริมฝีปากของตัวเองกับปากนุ่มๆ ของนาวอยู่พักใหญ่ก่อนจะเลื่อนไปซุกไซร้ที่ลำคอที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมัน มือของผมก็อยู่ไม่สุขเพราะอดไม่ได้ที่จะสัมผัสทุกตารางนิ้วบนร่างกายนี้ ร่างกายของคนที่ผมหลงรัก นาวมันส่งเสียงฮึมฮัมเบาๆ ผมยิ่งได้ใจอยากจะได้ยินเสียงของนาวให้ดังกว่านี้  ได้ผล..เมื่อผมเคลื่อนริมฝีปากของผมไปครอบครองที่เม็ดน้อยๆ สีทับทิม ที่ชูเด่นอยู่ที่กลางอกขาวเนียน นาวแอ่นอกขึ้นโดยอัตโนมัติหลังจากโดนผมฉกชิมความหวานจากเม็ดทับทิมคู่นั้น

“พี่ธีม..” มันร้องเรียกชื่อของผมแล้วก็กัดริมฝีปาก มือมันจิกอยู่ที่แผ่นหลังของผมจนผมเริ่มรู้สึกแสบ มันคงจะทรมานจากรสสัมผัสของผม ตอนนี้ผมไม่ได้หยุดเพียงแค่ได้ชิมเม็ดทับทิมหวาน ผมกำลังกำลังจะจัดการกับเจ้านาวน้อยที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ ทันทีที่ผมสัมผัสเจ้านาวน้อย เจ้าของมันก็บิดกายไปมาพร้อมกับส่งเสียงครวญครางจนดูน่าสงสาร

“ทรมานเหรอ พี่หยุดนะ” ผมแกล้งถามมัน มันมันไม่ยอมสบตาผมแต่ก็ส่ายหน้า ผมนึกขำ จนป่านนี้ยังจะอายผมอยู่อีก ผมเลิกแกล้งแล้วจัดการกับเจ้านาวน้อยตรงหน้าต่อ ผมรักมันเหลือเกิน อยากจะกินกลืนมันทั้งตัวอย่างในเพลงที่ผมร้องให้มันฟัง ไม่อยากให้ใครได้เห็นมันหรือสัมผัสมัน อย่างที่ผมเห็นและสัมผัสมันอยู่ในตอนนี้ ผมทั้งหวงทั้งห่วง อยากกอดมันให้แน่นไม่ให้มันไปไกลจากผมเลย
   
นาวมันเกร็งตัวพร้อมกับส่งเสียงครวญครางดังกว่าเดิมเมื่อผมปรนเปรอมันจนถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ ผมดีใจที่ให้ความสุขมันได้ ในฐานะคนรัก ใครบ้างจะไม่อยากทำให้คนรักมีความสุขทั้งทางใจและทางกาย มันเป็นธรรมดาขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายหรือคนธรรมดา เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าคุณยังเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจและมีอารมณ์ความต้องการ เรื่องแบบนี้มันไม่แปลกเลย
   
“ตานาวมั่งนะ” หลังจากที่มันนอนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้มันพลิกตัวมาพูดกับผมด้วยท่าทางทะเล้น ทำอย่างกับว่ามันกำลังจะปล้ำผม ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางขี้เล่นของนาว แบบนี้จะไม่ให้รักได้ยังไง เจ้าตัวแสบกำลังทำอย่างที่ผมทำให้มัน ผมยอมรับว่ามันเรียนรู้ไว มันทำให้อารมณ์ของผมไต่ขึ้นจนแทบทนไม่ได้ อยากจะจับมันกินแบบเต็มขั้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมจะรอ รอจนกว่านาวจะพร้อม ผมรอได้ รอมันได้ตลอดชีวิตที่ผมมี
   
“ทำไมไม่เห็นพี่ส่งเสียงร้องมั่งเลย” มันยังชะโงกหน้ามาถามผมในขณะที่ผมกำลังจะถึงจุดหมาย ผมต้องกดหัวมันให้กลับลงไปที่เดิม ได้ยินเสียงมันหัวเราะคิกคักก่อนจะจัดการเจ้ามังกรของผมใหม่ คราวนี้ผมเลยต้องยอมส่งเสียงเบาๆ ให้มันดีใจว่ามันทำได้
ซึ่งเอาตรงๆ นาวมันเก่งครับ แต่ถ้าไปเก่งกับคนอื่นผมเอามันตายแน่ ผมมั่นใจ

สรุปว่า หลังจากภาระกิจบอกรักผ่านภาษากายลุล่วงไปด้วยดีทั้งคู่ เราสองคนยังนอนแกล้งกันไปมา ด้วยความช่างต่อปากต่อคำของมัน มันก็เลยโดนผมพาขึ้นสวรรค์ชั้นน้อยๆ ไปอีกรอบก่อนที่ผมจะพามันไปแช่น้ำอุ่น ผมอาบน้ำให้มัน มันก็ชวนผมคุยไปเรื่อยๆ มันน่ารัก ไม่ใช่ว่าเพราะผมรักมันถึงได้เฝ้าแต่พูดว่ามันน่ารัก ผมเชื่อว่าคนรอบตัวที่ได้ใกล้ชิดมันก็จะรู้สึกเหมือนผม พรุ่งนี้ผมจะลองคุยกับพ่อและแม่ดู ผมจะพาท่านและทัสไปอยู่เมืองไทยด้วยกัน ผมว่าผมสามารถดูแลท่านได้ดีแม้จะในฐานะนายธีรดลคนธรรมดา ผมเห็นการตัดสินใจของนาวที่แสดงต่อพ่อบังเกิดเกล้าในวันนี้ ผมรู้สึกนับถือในหัวใจ ผมรู้ว่าลึกๆ นาวยังไม่ได้รู้สึกยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตมันแบบท่าทางที่มันแสดงออก แต่มันเลือกที่จะทำให้ตัวเองและคนรอบข้างทุกข์ให้น้อยที่สุด เพราะเมื่อทุกข์น้อยลง ความสุขมันคงจะมากขึ้นเอง เห็นทีผมคงต้องเชิญมันมาเป็นที่ปรึกษาปัญหาครอบครัวจริงๆ เสียแล้ว

“พี่รักนาวมากกว่าชีวิตพี่เองอีกนะ...มะนาวต่างดุ๊ดของพี่” ผมบอกมัน มันก็ยิ้มให้ผม

“นาวก็รักหมาธีมของนาวเหมือนกัน พรุ่งนี้นาวจะซื้อกระดูกให้แทะเล่นนะ เฮ้ย..พอแล้ว ไอ้หมาธีม อย่าแทะนมนาว ทะลึ่งแล้ว บอกให้พอไง! อืม..พี่ธีม...”



โปรดรติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 04-02-2015 17:08:36
อ่านๆไปก็ใจเต้นตึกตักคาดว่าเค้ากำลังจะได้กันแล้ว!!! เย้~~~~~~
.
.
.
 แต่แล้วก็จุดจุดจุด  :z3: เค้ายังไม่ได้กัน เศร้าเลย TT^TT
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-02-2015 17:31:14
อ๊ายยยยยยยยยยยย
ฟินตอนท้าย
คือตอนหน้านาวคงไม่เหลือแล้วแหละ
ใครกันนะที่ประสงค์ร้าย
ยิ่งอ่านยิ่งเดาไม่ถูกเลย
ปรากฎตัวเดี่ยวนี้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-02-2015 17:52:03
 :hao6: นี่ขนาดยังไม่ถึงที่สุด ยังแซ่บขนาดนี้
อีกไม่นาน นาวต้องใจอ่อนให้พี่ธีมแน่ๆ  (นาวก็ใช่ย่อย หื่นพอกัน)

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 04-02-2015 17:54:21
 :jul1: :jul1:  น้องนาวน่ารัก น่ารัก  :z3: :z3:  คิดว่าเข้าใจความรู้สึกพี่ธีมแล้วล่ะ แบบนี้ใครจะอดไว้ อย่าลืมนะคะพี่ธีม ตอนกลางจัดเต็ม ฮิๆ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2015 18:30:31
ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม อ่านเรื่องนี้แล้้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-02-2015 19:02:15
เมื่อไหร่นาวจะโดนเสียบอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 04-02-2015 19:19:04
เค้าก็รักมะนาวต่างดุ๊ดกะหมาธีมเหมือนกันนะเอ้อ รักกันสองคนได้งายยยย :mew1: :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 04-02-2015 21:31:28
อ่านเรื่อยๆเพลินๆ
ชอบจัง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-02-2015 21:51:20
ฟินนนนนนน

อะไรจะมีความสุขเท่าอยู่กับคนที่เรารัก

ถึงอยู่กับเพื่อนจะเฮฮาแต่ถ้าต้องห่างกับคนรักก็ฮาไม่สุดอยู่ดี มันจะ อึน อึน 55555555+

พี่ธีมจะเลือกอะไรปรึกษานาวด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 26 (04/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-02-2015 23:07:36
น้องนาวน่ารัก คิดว่านาวจะอ่อนแอกว่านี้ ที่จริงเข้มแข็งมาก เหมาะกับเจ้าชายมาก
พูดทีบรรยากาศเครียดๆ ผ่อนคลายเลย เพื่อนๆ นาวก็น่ารักฮาแต่ละคนจะเอาโน่นเอานี่ 555
บนเตียงก็แซ่บอีกค่ะ พี่ธีมไม่หลงทนไหวเหรอ ชมน้องน่ารักประโยคเว้นประโยค คนอ่านก็ด้วยค่ะ
ใครคิดร้ายกันนะ อยากรู้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 07-02-2015 12:14:42
บทที่ 27


กาลครั้งหนึ่งของนาว

ถ้าเรื่องเข้าพระเข้านางผมให้ไอ้ธีมมันเล่าดีกว่าครับ ผมไม่ถนัด ผมถนัดแต่เรื่องสวยงาม เรื่องใสๆ ตอนนี้..ผมขอเล่าเรื่องราวชีวิตของผมต่อแล้วกันนะครับ

ก็.....หลังจากที่ผมโดนไอ้หมาธีมนัวเนียจนหนำใจมันแล้ว ผมกับมันก็ลงมานั่งคุยกับเพื่อนๆ ต่อจนถึงเวลาอาหารค่ำ พวกผมแต่งตัวธรรมดาไม่ได้เป็นทางการอะไรมากมาย แต่ก็ดูเรียบร้อยถูกกาลเทศะแน่นอน พวกเราทุกคนไปถึงที่วังใหญ่ก่อนเวลาพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังช้ากว่าบรรดาพระญาติของไอ้โหดที่มากันครบหมดแล้ว และในงานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ก็ยังมีคนอื่นมาร่วมด้วย มาคัสกระซิบบอกกับไอ้โหดว่า คนที่มาร่วมงานด้วยคือบรรดาทหารและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องการมาแสดงความยินดีกับไอ้โหดที่มันได้กลับคืนสู่บัณตรา

อาหารค่ำดำเนินไปแบบเรียบง่าย ท่านปู่แนะนำพี่ธีมให้กับบรรดาทหารและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานได้รู้จัก ทุกคนดูชื่นชมมันอย่างออกนอกหน้าจนผมแปลกใจ จะว่าไปมันไม่ได้มีส่วนร่วมในการปราบปรามกบฏด้วยสักหน่อย แต่ทำไมทุกคนดูให้ความสำคัญกับมัน ราวกับมันคือผู้ที่ยึดอำนาจคืนมาได้ ผมว่ามันคงคิดเหมือนผม ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อไอ้เกลือสะกิดผม

“องค์ราชินีทรงคุยกับแกอะไอ้นาว เหม่ออยู่ได้” ไอ้เกลือกระซิบบอก ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองหน้าเหวอมาก ผมมัวแต่มโนอยู่ เลยไม่ได้ยินว่าท่านรับสั่งอะไร แต่เหมือนท่านย่าของไอ้โหดมันจะรู้ว่าผมสติหายอยู่เลยพูดซ้ำประโยคที่ผมไม่ตั้งใจฟัง

“ประชาชนที่นี่ชื่นชอบหนูปารมีมาก ได้มาเจอตัวจริงวันนี้ก็ไม่แปลกใจเลย ลูกชายคุณปริณหล่อเหลาสมคำร่ำลือ” ย่าของพี่ธีมพูดจบทุกสายตาในวงสนทนาก็หันมามองผม ‘สมคำร่ำลือ’ ผมฟังแล้วได้แต่คิดว่าผมเป็นที่รู้จักขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมได้แต่โค้งคำนับแทนคำขอบคุณ ผมลืมบอกไปว่า พวกเราสนทนากันโดยใช้ภาษาอังกฤษ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในงานนี้จะพูดภาษาไทยได้ แล้วพวกผมก็ไม่เข้าใจภาษาของบัณตรา เราจึงต้องใช้ภาษากลางที่ทั้งสองฝ่ายจะสื่อสารกันเข้าใจ

“ที่นี่ไม่มีละคร ไม่มีรายการบันเทิงมานานแล้ว มีแต่ข่าวทั่วไป ยิ่งช่วงที่พวกกบฏครองอำนาจ ชาวบัณตราไม่สามารถรับสื่อใดๆ จากภายนอกได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการนำของจากเมืองไทยเข้ามาขาย เช่นพวกแผ่นวีซีดีละครหรือรายการบันเทิงต่างๆ คนที่นำเข้ามาก็เป็นพวกทหารที่ได้มีโอกาสเดินทางไปที่เมืองไทย พวกนั้นมักจะหารายได้เสริมเอาแบบนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีเพียงเมืองไทยที่ทางเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นเหมือนบ้านพี่เมืองน้อง” เจ้าชายมิคาเอลอธิบายเพิ่ม พวกผมก็พยักหน้ารับรู้ แบบนี้นี่เองคนที่นี่ถึงรู้จักผมและดูจะคุ้นเคยกับเรื่องของประเทศไทย

“ไม่คิดจะทำละครหรือรายการบันเทิงเองหรือครับ” ไอ้บูมครับที่ถามเจ้าชายมิคาเอล มันกล้ามาก ผมเห็นสายตาบรรดานายทหารที่มายืนอยู่ในวงสนทนาด้วยก็เกร็งจนฉี่จะปริบแล้ว แต่ไอ้บูมมันกลับดูสบายๆ ผมเห็นสาวสูงวัยคนหนึ่งมองไอ้บูมแล้วก็ส่งยิ้มให้มันตลอด มันได้ดูดวงมารึเปล่าวะ มันอาจจะมีดวงเสียพรหมจรรย์ให้สาวสูงวัย

“สนใจสิ เราสนใจมาก ท่านย่าก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไหมครับ” เจ้าชายมิคาเอลพูดก่อนจะหันไปถามองค์ราชินี

“อืม เราสนใจมาก เห็นทีจะต้องเชิญคุณปริณมาเป็นที่ปรึกษา แล้วหนูปารมีสนใจจะมาเป็นพระเอกละครเรื่องแรกของบัณตราหรือไม่” ย่าของพี่ธีมหันมาถามผม ผมแอบเหลือบมองพี่ธีม เห็นมันเอาแต่ยิ้ม แต่คนที่นั่งข้างมันดูจะเอาใจใส่มันเหลือเกิน ชวนมันคุย จิ้มโน้นจิ้มนี้ให้มันตลอด จิ้มอาหารนะครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้นั้นก็คือเจ้าหญิงตังเมคนเดิมที่เพิ่มเติมคือการแสดงความเป็นเจ้าของ ถึงผมจะรู้ว่าไอ้โหดไม่ได้คิดอะไรแต่ก็อดรำคาญสายตาไม่ได้

“ถ้าเห็นว่ากระหม่อมเหมาะสมกับบทก็ยินดีขอรับ” ผมตอบเป็นภาษาไทย เพราะองค์ราชินีหันมาพูดภาษาไทยกับผม

“พูดธรรมดาเถอะ คนกันเองทั้งนั้น” องค์เหนือหัวรับสั่งกับผมเสร็จก็เรียกนางข้าหลวงให้มาเสิร์ฟอาหารต่อ

“ถูกปากไหม..น้องนาว” เจ้าชายมิคาเอลถามผม คำว่าน้องนาวดูเสียงอ่อนเสียงหวานชอบกล แต่พูดกับผมจบก็หันไปยิ้มให้ธาร แต่ธารทำเมินใส่เจ้าชาย ผมว่าเจ้าชายมีออร่าความเจ้าชู้อย่างที่ธารบอกจริงๆ ดูมองใครก็ตาเยิ้มไปหมด

“ว่าไง ถูกปากไหม” เจ้าชายมิคาเอลถามซ้ำ

ผมยังจำศัพท์ที่อลันสอนผมได้ คำว่า ‘อร่อยมาก’ อลันสอนตอนที่ผมอยากบอกกับป้าคนขายไอศกรีมไงครับว่าอร่อยมาก ตอนนี้เลยอยากโชว์นิดหนึ่งว่าผมพูดภาษาบัณตราได้ เอาซี๊ ต้องให้รู้ว่าผมก็ใส่ใจประเทศนี้ ไม่ใช่แค่สนใจเจ้าชายหมาธีมอย่างเดียว

“เออโรมันโย มาตาอาคา” ผมพูดจบก็ยิ้ม เสียงสนทนาบนโต๊ะเงียบกริบ

“คิ...คิกๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” มิเชลหลุดหัวเราะมาหน่อยนึง แต่สุดท้ายก็ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย

จากนั้นผมก็เห็นว่าคนในโต๊ะต่างก็พาก็หัวเราะกันหมด รวมถึงปู่และย่าของไอ้โหดด้วย คงมีแต่พวกเพื่อนๆ ผมที่นั่งทำหน้าเป็นหมางงไม่ต่างจากผมเลย เพราะพวกมันก็คงไม่เข้าใจว่าผมพูดอะไรไป ผมหันไปมองอลัน อลันทำหน้าเสียก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผม ผมเลยรู้ได้ทันทีว่าคงจะโดนอลันแกล้งเข้าให้แล้ว ผมเหมือนตัวตลกมากเลยในตอนนี้

แต่ยังมีอีกหนึ่งคนนอกจากกลุ่มเพื่อนผมที่ไม่ได้ขำตามคนอื่นไปด้วย คนผู้นั้นก็คือเจ้าชายแอชตัน ผมนึกขอบคุณที่เจ้าชายคนนี้ยิ้มยากก็ตอนนี้แหละครับ ผมนี่แทบอยากมุดหน้าลงใต้โต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด สรุปว่า..ไอ้เออโรมันโยมาตาอาคา มันแปลว่าอะไรกันแน่

“ไปหัดมาจากไหนจ๊ะ” แม่ของพี่ธีมถามผมเป็นภาษาไทยก่อนจะส่งยิ้มให้ผม ผมมองหน้าพี่ธีม ดูมันก็เริ่มไม่พอใจที่คนอื่นพากันหัวเราะเยาะผม ผมส่งสายตาบอกมันว่าไม่เป็นไร หวังว่ามันคงจะเข้าใจนะ ผมไม่อยากให้บรรยากาศมาคุ ยอมเป็นตัวตลกไปเสียดีกว่า

“เอ่อ คือ..ผมขอโทษครับ..ผมคงจำผิดมา คือ ผม...”

“ไม่เห็นจะน่าตลกตรงไหน การหัวเราะเยาะแขกที่พยายามให้เกียรติด้วยการใช้ภาษาของเรา มันเสียมารยาทมากนัก”

สิ้นประโยคนี้คนทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ ต้องบอกว่า..คนทั้งห้องสิถึงจะถูก เงียบชนิดว่ามดจามยังได้ยิน คิดดูนะครับ ขนาดองค์เหนือหัวสเตฟานและองค์ราชินีเองก็ยังเงียบ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แต่ผมไม่เข้าใจเพราะคนพูด พูดเป็นภาษาบัณตรา ผมอยากจะกินวุ้นแปลภาษาจริงๆ ว่าเจ้าชายแอชตันพูดอะไรออกไป ทำไมทุกคนถึงได้หยุดหัวเราะแล้วเงียบกันหมด

“เราอิ่มแล้ว ขอตัวก่อน” เจ้าชายแอชตันพูดต่อหลังจากที่พูดประโยคดุดันเมื่อครู่ออกมา ผมเห็นเจ้าชายแอชตันจ้องมองมองเจ้าหญิงมิเชลตาเขม็ง คนถูกมองก็เริ่มจะตาแดงๆก่อนจะเงยหน้าหันมามองผม

“เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจหัวเราะออกมา” มิเชลเอ่ยขอโทษผมเสียงเบา ส่วนเจ้าชายแอชตันเห็นมิเชลพูดขอโทษผมแล้วก็วางผ้าเช็ดปากลงก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีมาคัสและองค์รักษ์ร่วมสิบคนเดินตามไปด้วย บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ดูผ่อนคลายลงไปถนัดตาเมื่อเจ้าชายหน้าดุเดินออกจากห้องไป ถ้าผมไม่ได้มโนเอาเอง เจ้าชายแอชตันคงช่วยแก้หน้าให้ผมใช่ไหม ไม่เช่นนั้นมิเชลคงไม่ขอโทษผม

“ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกกับมิเชล

“เราก็ต้องขอโทษด้วยนะ เราเสียมารยาทไปจริงๆ” ท่านปู่ของไอ้โหดตรัสกับผมบ้าง พอได้ยินองค์เหนือหัวพูดกับผมแบบนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเจ้าชายแอชตันคงจะตำหนิทุกคนที่หัวเราะผม

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่..ที่ผมพูดไปเมื่อครู่ มันแปลว่าอะไรเหรอครับ” ผมถามเพราะอยากรู้ ทุกคนดูอึกอัก สุดท้ายคนที่ตอบคือเจ้าชายมิคาเอล

“แปลว่า ผมชอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้าครับ” พอเจ้าชายพูดจบ คนในบัณตราก็ไม่กล้าหัวเราะอีก แต่...บรรดาไอ้ฝูงไฮยีน่าเพื่อนของผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ไอ้โหดเองมันคงไม่กล้าขำ แต่หน้ามันเหมือนคนทุรนทุรายแบบจะหัวเราะก็ไม่กล้าแต่ก็กลั้นแทบไม่ไหว แม่งไอ้หมาธีม...หัวเราะมาเหอะ ผมทรมานแทนมัน มันคงกลัวผมงอนมันล่ะสิ

คราวนี้ผมหันไปมองอลันคนที่สอนประโยคนี้กับผมอีกครั้ง คนถูกมองหน้าซีดเป็นไก่ต้ม สักพักผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะตามเพื่อนๆ ผม อลันหน้าเอ๋อไปเลย คงไม่คิดว่าผมจะหัวเราะ ทุกคนในห้องก็ทำหน้างงกันยกใหญ่ที่เห็นผมกับเพื่อนหัวเราะกันจนหน้าดำหน้าแดง โธ่..ผมไม่โกรธหรอกครับ ตอนแรกนึกว่ามันเป็นคำสัปดนเสียอีก พอเข้าใจคำแปลผมก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้ขำ

หนอย อลัน!! บังอาจมาแกล้งมะนาวต่างดุ๊ดคนนี้เหรอ คิดจะเอาคืนผมละซี๊ อย่าคิดว่าคนอย่างไอ้มะนาวจะใจดีนะอลัน พรุ่งนี้ผมจะประกาศสงครามกับนายทหารหน้าอ่อนคนนี้ ผมนึกในใจแล้วก็ขำตัวเองต่อจนเหนื่อย

บรรยากาศที่ดูตึงเครียดกลับมาสดใสเหมือนเดิม องค์เหนือหัวทรงชวนคุยและเล่าเรื่องขำๆ ของภาษาบัณตราต่อจนพวกผมขำกับไม่หยุด จากนั้นทุกคนก็ย้ายไปคุยกันต่อในห้องรับแขกอีกห้องเพื่อทานชาและขนม ท่านย่าและท่านแม่ของไอ้โหดก็ชวนผมกับไอ้ยีนคุยเรื่องละคร เจ้าชายมิคาเอลก็คุยอยู่กับธารและไอ้มีน ส่วนไอ้โหด ไอ้เกลือ ไอ้บูม ไอ้จอม คุยกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่สองสามคนอย่างออกรส ผมไม่รู้เขาคุยเรื่องอะไรกัน อยากเม้าด้วยมากเลยแต่ยังหาช่องทางไปจากตรงนี้ไม่ได้ ว่าแต่ผมไม่เห็นไอ้บิวเลย มันหายไปไหนไม่รู้ ผมมองหาไอ้บิวจนสายตาไปหยุดอยู่คนๆ หนึ่ง คนที่นั่งเงียบอยู่ตรงมุมห้อง ซึ่งก็คือเจ้าหญิงมิเชล ผมจึงขอตัวออกมาหาเธอ

“ไม่ดื่มชาเหรอ” ผมถาม ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี

“ไม่ เราไม่ชอบ” มิเชบตอบเสียงห้วนๆ

“นาวทำอะไรให้มิเชลไม่พอใจก็บอกนะ” ผมถามตรงๆ มิเชลได้ยินก็หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่ต้องสงสารเราหรอก ไม่ต้องมาชวนเราคุย เราเหมือนหมาหัวเน่าจนชินแล้ว” มิเชลบอก

“ทีแรกก็ไม่ได้สงสาร แต่จะสงสารตอนที่มิเชลบอกว่าตัวเองเป็นหมาหัวเน่านี่แหละ” ผมพูดจบมิเชลก็เงยหน้าขึ้นมามองผมแบบไม่พอใจ ก่อนจะหันหน้าหนีไป

“พรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวชายหาด อยากไปลองเล่นเซิร์ฟ ไปด้วยกันไหม อยู่คนเดียวหัวจะเน่าหนักกว่าเดิมนะ” ผมบอก มิเชลค้อนผมแล้วเงียบไป

“เราเป็นเพื่อนกันได้นะ ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นศัตรูกันเลย เคืองเราเรื่องของพี่ธีมเหรอ เราไม่ห้ามมิเชลหรอกนะถ้าจะรู้สึกอะไรกับพี่ธีม เพราะเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ แต่มิเชลจะห้ามเรากับพี่ธีมให้เลิกรักกันไม่ได้เหมือนกัน เข้าใจนะ ถ้าจะไป พรุ่งนี้มาที่วังขาวหลังอาหารเช้าแล้วกัน” ผมพูดจบก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไป ผมรู้ว่ามิเชลรู้เรื่องของผมกับพี่ธีม ผมก็อยากจะพูดกับเธอตรงๆ ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปข้อมือของผมถูกมิเชลดึงเอาไว้ ผมหันกลับไปมอง เห็นมิเชลเอาแต่ก้มหน้าแต่มือของมิเชลก็ยังดึงมือผมเอาไว้

“เราไม่ได้..ไม่ได้ชอบพี่ธีม เราเป็นน้องสาว จะคิดแบบนั้นได้ไง” มิเชลบอก ผมไม่รู้ว่ามิเชลคิดอย่างที่บอกจริงๆหรือเปล่า

“อ๋อ ครับ” ผมตอบได้แค่นั้น เพราะไม่รู้จะพูดว่าอะไรต่อ มิเชลปล่อยมือผมแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเลย ผมเกาหัวงงๆ ก่อนจะเดินกลับไปสมทบกับกลุ่มของพี่ธีม

“กลับกันไหม” ผมกระซิบถามพี่ธีม มันพยักหน้าให้ผมก่อนจะพาพวกผมเดินไปไปกล่าวลาบรรดาพระญาติและเหล่าทหาร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทุกคน แล้วงานเลี้ยงก็เลิกราและจบลงด้วยดีไปอีกหนึ่งวัน


เมื่อคืน..เมื่อกลับมาถึงวังขาวแล้วพวกผมก็ยังมานั่งคุยกันต่อจนเกือบตีสาม ส่วนไอ้บิวกลับเข้ามาก็ประมาณตีหนึ่งกว่าๆ มันบอกว่ามันไปดูที่ทำงานมันมาครับ มันบอกว่าแอบไปดูพวกห้องเครื่องเขาเตรียมอาหารกัน แต่ผมอยากบอกมันว่า มันโกหกไม่เนียนเลย ห้องเครื่องประเทศไหนเขาจะเปิดถึงตีหนึ่งแข่งกับเซเว่น แต่ก็ไม่อยากจะกดดันมัน ถ้ามันโกหก แปลว่ายังไม่อยากให้ใครรู้ คุยกันจนเริ่มง่วงก็แยกย้ายกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำให้ท่า เฮ้ย ไม่ใช่ อาบน้ำอาบท่า! เสร็จแล้วผมก็หลับสนิทเลย มันเพลียนี่ครับ ผมหลับยาวจนเช้าก็ยังไม่อยากตื่น แต่ก็ต้องตื่นเพราะถูกหมาเลียปากอยู่

“นาวง่วงนะ” ผมงัวเงียบอกหมาตัวที่กำลังวุ่นวายอยู่กับปากผม ท่าทางมันจะเป็นหมากลับชาติมาเกิดจริงๆ เลียปากผมอยู่ได้ ผมก็เพลินไปสิ เอ้ย ไม่ใช่ ผมก็รำคาญนะ

“เช้าแล้ว ตื่นสิ” มันบอกก่อนจะหอมแก้มผมอีก

“อีกหน่อยนะ” ผมอ้อนมัน

“อ๋อ ได้” มันจูบผมอีกจนผมต้องหันหน้าหนี

“หมายถึงจะนอนอีกหน่อย ไม่ใช่จูบอีกหน่อย ไอ้หมาหื่น” ผมโวยวายมัน

“อ้าว พี่นึกว่าติดใจ ให้จูบอีกหน่อย”

“จิ๊” ผมส่งเสียงรำคาญมัน มันก็หอมแก้มผมต่อ หอมเบาๆ แต่ก็หอมไม่เลิก

หึ..จะเล่นงี้ใช่ไหมไอ้หมาธีม ผมลืมตาแล้วพลิกตัวขึ้นไปนอนทับมัน เอามือจับแก้มมันทั้งสองข้าง แล้ว จูบรัวๆ จูบปาก จูบตา จูบแก้ม จูบคาง จูบหน้าผาก จูบจมูก จูบเสร็จก็จับหัวมันโขกหมอนเล่นอีก มันหัวเราะลั่นเลย..ไอ้หมาซาดิสเอ้ย

“แกมันเสพติดความรุนแรง” ผมด่ามัน มันกดท้ายทอยผมให้ลงมารับจูบมัน

“เสพติดนาวรุนแรงมากกว่า”

“เป็นแบบนี้ให้ตลอดด้วยนะ เสพติดก็ต้องติดให้ตลอด” ผมกลัวมันจะหลงผมแค่ช่วงแรก ซึ่งเป็นปกติของคนส่วนใหญ่ อะไรใหม่ๆ ก็เห่อทั้งนั้น

“บอกตัวเองเหอะ” มันย้อนมาว่าผม

“พี่ก็ต้องทำตัวดีๆ อย่าให้นาวเบื่อ เข้าใจไหม” ผมยักคิ้วให้มัน มันเลยกัดปากผมเบาๆ ไอ้หมาธีมชอบหมั่นเขี้ยวรุนแรงทุกที เห็นท่าว่า..ถ้ายังนอนนัวเนียกับมันแบบนี้ ผมคงไม่ได้กินข้าวเช้าแน่ๆ

“ไปอาบน้ำ พี่ไปอาบก่อน สายแล้วเดี๋ยววันนี้ไปเที่ยวทะเลนะ เร็วๆ” ผมไล่มันให้มันไปอาบก่อน ผมจะได้แอบงีบอีกนิด

“อาบพร้อมกันเลย เพราะถ้าพี่ไปอาบก่อนนาวนอนต่อแน่ แล้วปลุกก็ยาก” มันบ่น แม่ม เจือกรู้ทันอีก

“งั้นอาบอย่างเดียวนะ ห้ามนัวเนียนาว” ผมกำชับมัน มันไม่ได้ตอบแต่ลุกขึ้นดึงผมไปอาบน้ำพร้อมกับมัน

ผมไม่คิดว่ามันจะยอมอยู่เฉยหรอก ความหื่นระดับแอดวานซ์แบบอันลิมิเต็ดมีหรือที่มันจะยอม แต่ปรากฏว่ามันไม่ได้กระทำการใดๆ ที่เป็นการแทะโลมผมเลยจนอาบน้ำเสร็จ มันแค่บีบยาสีฟันให้ แถมยังมานั่งสั่งผมให้อ้าปากอีก ผมโวยวายว่าแปรงฟันเองได้ แต่มันก็ดุให้ผมนั่งเฉยๆ ผมขำมันนะที่ทำอย่างกับผมเป็นเด็กๆ แต่ก็ขี้เกียจขัดใจมัน มันแปรงฟันให้ผม แทงซ้ายแทงขวา ทุกซอกทุกมุมแถมยังแปรงลิ้นให้ด้วย ดูมันตั้งใจมากๆ เลยครับ แล้วก็ฟอกตัวให้ผม ทุกซอกทุกมุมจนหอมไปทั้งตัว เกือบจะซาบซึ้งถึงขีดสุดแล้ว เกือบจะรู้สึกผิดที่ไปคิดว่ามันหื่นตลอดเวลาถ้ามันไม่พูดอะไรออกมาในขณะที่เช็ดตัวให้ผมเสียก่อน

“มาเช็คหน่อยว่าสะอาดยัง” แล้วมันก็จูบผม ลิ้นมันนี่ชิมไปทั่วปากผมเลย จากนั้นมันก็หอมซอกคอ หอมไปทั่วตัวจนมันพอใจแล้วถึงได้ลุกขึ้นมายิ้มให้ผม หึ สุดท้ายก็โดนมันแทะโลมอยู่ดี ซึ่งผมด่ามันไม่ได้ด้วย เพราะตอนอาบน้ำมันไม่ได้ทำอะไรผมจริงๆ มันมาเจ๊าะแจ๊ะผมตอนอาบเสร็จแล้วต่างหาก มันไม่ผิด

“พี่นี่นะ ทำดีหวังผลตลอด” ผมบ่นมัน มันหยิบเสื้อมาสวมให้ผม วันนี้อากาศไม่หนาวเท่าไหร่แต่มีลมแรงพอควร เมื่อวานมาคัสบอกพวกผมว่าวันนี้น่าจะมีคลื่นลมดี เหมาะกับจะพาพวกผมไปเล่นเซิร์ฟ

“เมื่อวานนาวคุยอะไรกับมิเชล” มันถามผม นึกว่าไม่เห็นเสียอีก ผมเห็นมันคุยกับกลุ่มนายพลนั่นตั้งนาน

“ก็ไปชวนคุย เห็นนั่งคนเดียว เลยชวนไปเที่ยวด้วยกันวันนี้อะ” ผมบอกมัน

“รู้รึเปล่าว่ามิเชลไม่ใช่ลูกของท่านอาโมนัฟกับอานงนุช” มันถามผม ผมส่ายหน้า รู้สึกสนใจกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ ผมไม่ใช่คนขี้เสือกนะ แค่เป็นคนตั้งใจฟังเวลาที่คนอื่นพูด

“แสดงว่ามิเชลไม่ใช่น้องแท้ๆ ของเจ้าชายมิคาเอลกับเจ้าชายแอชตันเหรอ” ผมถาม

“อืม มิเชลเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านอาแฮแทน น้องสาวคนเล็กของพ่อพี่” พี่ธีมเล่าต่อ ผมได้ยินก็นึกไปถึงสวนสวยหลังม่านน้ำตกที่มาคัสพาผมไปดู เจ้าหญิงแฮแทนทำสวนดอกไม้แห่งนั้นเอาไว้ให้ลูกสาวซึ่งคือมิเชลนี่เอง

“อ้าว..แล้วพ่อของมิเชลล่ะ” ผมถามไอ้โหดแล้วก็เป็นฝ่ายติดกระดุมเสื้อให้มันบ้าง

“พ่อของมิเชลคือทารัส ซึ่งเป็นสามีของท่านอานาตาลี อานาตาลีก็คือน้องสาวคนที่สามของพ่อพี่ไง เป็นพี่สาวแท้ๆของอาแฮแทน” มันอธิบายให้ผมฟังจบผมก็อึ้งไปเลย เงยหน้าขึ้นไปมองมัน มันก้มลงมาหอมหน้าผากผมแล้วถึงเล่าต่อ ได้แทะโลมนิดนึงก็เอานะไอ้หมาธีม

“อาแฮแทนรักกันกับทารัสมาก่อน แต่ตามประเพณีทารัสคือคู่หมั้นคู่หมายของอานาตาลี ทารัสกลัวตัวเองจะถูกปลดออกตระกูลหากไม่ยอมแต่งกับอานาตาลี ทารัสเลยยอมทิ้งอาแฮแทนเพื่อมาแต่งกับอานาตาลี แต่เมื่อแต่งงานไปแล้วก็ยังแอบกลับคบหากับอาแฮแทนลับๆ จนตั้งท้องมิเชล ท่านปู่โกรธมากเพราะไม่รู้ว่าอาแฮแทนท้องกับใคร อาแฮแทนพยายามจะฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกในท้องเพื่อลบล้างความผิด แต่ทารัสไม่ยอม สุดท้ายก็ก่อการกบฏจนสำเร็จและแต่งตั้งอาแฮแทนขึ้นมาเป็นภรรยาอีกคน”

“แม่ของพี่เล่าให้ฟังเหรอ” ผมถาม มันพยักหน้า

“แล้วที่แม่เมเคยเล่าว่า เจ้าหญิงทั้งสองถูกวางยาพิษจนตาย ใครวางยาพิษกัน ทารัสเหรอ ถ้าทารัสรักแม่ของมิเชล ทำไมถึงวางยาล่ะ” ผมถามไอ้โหด ฟังแล้วก็ยิ่งนึกสงสารมิเชล ไม่รู้ว่ารู้เรื่องของตัวเองรึเปล่า ถ้าผมเป็นมิเชลคงอยู่ยากแน่ๆ

“หลังจากที่ก่อกบฏยึดอำนาจมาได้สำเร็จ มันประกาศกับประชาชนว่าท่านปู่กับท่านย่าและพ่อของพี่เป็นโรคติดต่อขั้นรุนแรง ซึ่งทั้งสามพระองค์ได้รับเชื้อมาจากการเสด็จเยือนหมู่บ้านบนเขา ทารัสแต่งตั้งอาโมนัฟขึ้นมาเป็นกษัตริย์แต่ในนาม แต่อำนาจอยู่กับมัน อานาตาลีโดนทารัสวางยาพิษหวังให้ตายเพื่อจะได้ยกอาแฮแทนขึ้นมาเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียว อาแฮแทนทนกับความเลวของทารัสที่ทำกับพ่อแม่พี่น้องของตัวเองไม่ได้จึงวางยาพิษให้ทารัสกินทุกวัน เป็นยาพิษที่สกัดจากต้นไม้พิษที่ท่านอาปลูกขึ้นมาเอง ไร้สี ไร้กลิ่น ด้วยความรักที่ทารัสมีให้อาแฮแทนเลยไม่ได้ระแวงอะไร จนร่างกายค่อยๆ ทรุดโทรมลงและเริ่มเพ้อเหมือนคนคุ้มดีคุ้มร้าย ใครๆ ต่างก็เข้าหน้ามันไม่ติด

“แล้วไงต่อ เล่าเร็วๆ” ผมเร่งพี่ธีมเมื่อมันหยุดเล่าแล้วมาหอมแก้มผมอีก

“ส่วนเจ้าชายมิคาเอลกับเจ้าชายแอชตันที่ถูกส่งไปอยู่ในค่ายทหารตั้งแต่ยังเล็กเพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้ท่านอาโมนัฟกระด้างกระเดื้อง คนเก่าคนแก่ที่ยังจงรักภัคดีกับท่านปู่เลยช่วยดูแลและฝึกการต่อสู้ให้ทั้งสองคน เจ้าชายแอชตันเป็นคนมีความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของเหล่าทหารในค่ายโดยที่ทารัสไม่ได้ระแคะระคายอะไร กอปรกับทารัสเริ่มป่วยด้วยพิษของยาความเข้มงวดจึงลดน้อยลง หลายปีที่มิคาเอลและแอชตันอยู่ในค่ายจนโตเป็นหนุ่ม ทั้งคู่ก็สะสมกองกำลังของตัวเองได้และติดต่อหาคนช่วยสนับสนุนเรื่องเงินซื้ออาวุธที่จะใช้ยึดอำนาจกลับมาได้ ทั้งคู่ยึดอำนาจคืนมาได้ในที่สุด ทั้งคู่ช่วยกันฟื้นฟูประเทศต่ออีกหลายปีจนสวยงามเหมือนที่เราเห็น”

“แล้วใครวางยาเจ้าหญิงแฮแทนละ”

“ท่านดื่มยาพิษด้วยตัวเอง ท่านรู้ว่าทารัสรักท่านมาก ท่านเองก็รักทารัสมาก แต่ก็ทนให้ทารัสทำแบบนี้กับคนในครอบครัวไม่ได้จึงยอมตาย”

“เฮ้อ...ความรักมันร้ายกว่าสิ่งใดๆ เลยนะ ถ้าพี่เป็นอาทารัสจะทำแบบนั้นไหม”

“ไม่ พี่คงยอมโดนปลดออกจากตระกูลตั้งแต่แรกแล้ว ในชีวิตของพี่ พี่ไม่ได้อยากอะไรเลย นอกจากนาว” มันบอกผม ผมยิ้มให้มันก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นเพื่อจะโอบรอบคอมันเอาไว้  วางคางบนไหล่ของมัน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเขย่งทำไมให้เมื่อย แต่อยากโอบกอดมันเหมือนอย่างที่มันชอบกอดผมบ่อยๆ ผมรู้สึกดีและคิดว่ามันก็น่าจะรู้สึกเหมือนกัน ผมเลยเป็นฝ่ายกอดมันก่อน แต่มันดันสูงกว่าผมไง ผมเลยต้องเขย่งเท้าน่ะสิ

“ที่พี่เล่าให้นาวฟังเพราะอยากให้นาวเห็นใจมิเชลใช่ไหม อีกอย่าง พี่จะบอกว่า เจ้าชายมิคาเอลกับเจ้าชายแอชตันเสียสละชีวิตมากกว่าพี่ สมควรจะได้ครองราชย์มากกว่าพี่..ถูกไหม พี่ไม่ได้อยากได้รับตำแหน่ง ไม่อยากเป็นเจ้าชายแค่อยากมีนาว ใช่ไหม เอาดีๆ พี่อยากจะพูดอะไรกับนาว” ผมถามมัน สีหน้าของพี่ธีมในตอนนี้มันแสดงออกว่ามันทึ่งที่ผมรู้ทันมัน มันโอบเอวผมแล้วยกตัวผมจนขาลอยจากพื้น เดินไปจนถึงเตียงมันวางผมลง จับผมนั่งแล้วมันก็นั่งข้างๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับผม แต่...



       
โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-02-2015 12:43:46
ไปคุยกับพี่ธีมก่อนนะนาว อย่าเพิ่งประชุมแล้วทำอะไรแปลกๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 07-02-2015 13:51:03
เอาแหล่ววว ชีวิตเริ่มไม่ง่าย นาวเครียด

ภาคีขุนทองออกปฏิบัติการ แล้วจะทำยังไง

ห้ามจบจนกว่าน้องนาวจะโดนตีเมืองนะคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 07-02-2015 15:19:05
ภาคีนกขุนทอง 55555555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 07-02-2015 15:21:16
ดูเหมือนเรื่องจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พี่ธีมจะจัดการยังไงเนี้ย อุปสรรคนี้ช่างยากนัก  :hao5:
ปล.ชอบอลันจัง น่ารักน่าแกล้ง5555  :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-02-2015 15:22:50
พี่ธีมคะ ปล่อยน้องนาวรอดไปได้ยังไงคพ
ะ :hao6: :hao6:   แล้วน้องนาวอาจจะได้เป็นองค์ราชินีองค์ต่อไปแล้ว  :laugh: :laugh:

เค้ามารอคนเขียนที่เล้าทุกวันเลยนะ :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 07-02-2015 16:51:30
แล้วจะยังไงต่อละที่นี้น้องนาว
ที่ว่าพี่ธีมจะสละตำแหน่งก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
ไม่เป็นไร
เรื่องนั้นไว้ทีหลัง
พี่ธีมน่ารักเกินไปแล้วนะ
ชอบพี่ธีมจังงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-02-2015 17:52:26
นาวน่ารักมากกกกกกก

แล่วๆๆๆ ยังไงเนี่ยพี่ธีม เอาให้เคลียร์!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-02-2015 18:00:59
งานเข้าแล้วนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-02-2015 19:36:15
เรียกประชุมเร็ว

วาระเร่งด่วน !!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-02-2015 22:04:57
ไม่อยากให้จบเลย.    คิดถึงนาว พี่ธีม. 
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 07-02-2015 22:32:06
น้องนาวดราม่าไม่เป็น......ซึ่งดีแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา :mc4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-02-2015 22:33:57
น้องนาวน่ารักมาก เธอไม่เคยเครียดจริงจัง อลันทำเรื่องซะแล้ว ฮาาาา แต่น้องก็ไม่โกรธน่ารักมาก
แต่มีแค้นอลัน ดัดหลังซะ กร้ากกกกก
ธีมปลุกน้องแบบหวานมาก น่าอิจฉามาก แบบนี้เขาจะทนห่างกันได้ไหม
น้องนาวฉลาด ความคิดดี เหมาะเป็นคู่ครองเจ้าชาย แต่บางทีก็อยากให้กลับไปอยู่กันที่ไทยมากกว่า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-02-2015 10:15:52
ในที่สุดเราก็ตามอ่านจนทัน :laugh:

แปลกใจมากที่เรื่องนี้คนอ่านน้อย เราชอบมากๆๆ

เราอ่านแล้วอมยิ้มทั้งเรื่องเลย น่ารักสุดๆ

มะนาวน่ารัก เกรียน ขี้มโนสุดๆ555555

พี่ธีมเป็นผู้ชายที่น่ารักมากอ่ะ คนดีเฟ้ออ อิจฉานาวที่สุด เค้าอยากได้แบบนี้บ้าง :hao7:

ติดตามต่อไปค่ะ มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 27 (07/02/58) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 08-02-2015 12:24:35
อ่าฮะ
จะทำยังไงหว่าาา
แค่สละบัลลังค์ มันจะไปยากอะไร๊
เนอะ
 :katai5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 08-02-2015 13:50:22
บทที่ 28

ก๊อกๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆ

“ท่านพี่ ตื่นรึยังคะ มิเชลมาปลุกไปทานอาหารเช้าด้วยกัน ท่านพี่คะ เปิดประตูให้มิเชลหน่อย” เสียงของมิเชลดังมาจากหน้าประตูห้อง ไอ้โหดมันส่ายหน้าน้อยๆ ทำท่าจะพูดอะไรอีกแต่ยังไม่ทันพูด เสียงเคาะประตูก็ดังอีก

“เอาไว้กลับมาคุยแล้วกัน ขืนไม่ไปเปิดประตูคงจะพัง” ผมบอก มันพยักหน้าก่อนจะเดินไปเปิดประตู มิเชลในชุดสีส้มสดสีเดียวกับลิปสติกบนปากของเธอกำลังยืนยิ้มให้ไอ้โหดก่อนจะหันมามองผมแล้วเมินไปเหมือนทุกที

“ไปกันค่ะ วันนี้ท่านพี่ของมิเชลหล่อจังเลย” มิเชลดึงแขนไอ้โหดจนมันต้องยอมตามลงไป ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ของผมใส่กระเป๋ากางเกง กำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่บรรจุชุดเตรียมไปเปลี่ยนตอนเล่นน้ำทะเลแต่อลันก็เดินเข้ามาก่อนแล้วมาคว้าเอาไปถือแทน

“คุณนาว เมื่อวานผมขอโทษนะครับ” อลันยกมือไหว้ผมอีก สงสัยจะศึกษามาดีว่าการขอโทษแบบไทยๆ ต้องทำอย่างไร แต่อายุเท่ากันมาไหว้แบบนี้ ผมจะอายุสั้นไหม อ๊ะ!!ผมนึกอะไรออกแล้ว

“อายุเท่ากันเขาไม่ไหวขอโทษกันหรอก มันไม่ดี คนไทยไม่ชอบ” ผมบอก

“ผมต้องทำอย่างไรครับ” อลันถาม สีหน้าที่รู้สึกผิดดูดีขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อผมยอมพูดดีด้วย

“ดูนะ มันเป็นประเพณีเก่าแก่ของไทย ทำแล้วคนที่โกรธจะยกโทษให้” ผมบอกจบก็ยกมือขึ้นตั้งวง แล้วรำกรีดกรายไปมาก่อนจะวาดสองมือไปด้านข้างตัวแล้วยกขึ้นไปค้างที่เหนือศีรษะ ย่อเข่าลงแบะขาออกสองข้าง ทำเหมือนพญาครุฑนึกออกไหม อลันวางกระเป๋าของผมลงแล้วทำท่าตามแบบเก้ๆ กังๆ ผมนี่อยากจะขำให้ไส้พุ่งออกมาจากสะดือเลยครับ แต่ต้องฝืนทำหน้านิ่งๆ เอาไว้ คิดทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง

“แบบนี้ ถูกไหมครับคุณนาว” อลันทำท่าให้ผมดูอีกครั้ง

“อืม ดี เยี่ยม ผมยกโทษให้ ต่อไปถ้าเผลอทำผิดกับคนไทย ให้ทำท่านี้ เขาจะได้รู้ว่าอลันรู้สึกผิดจริงๆ” ผมบอก อลันยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า ผมเดินนำลงไปก่อนจะยิ้มจนปากจะฉีกแทนการหัวเราะ

..ไอ้มะนาวไม่ได้คิดแค้น แต่แค่จำแม่นว่าต้องเอาคืนแค่นั้นเองนะอลัน ฮ่าๆๆๆ..

พวกเราทุกคนนั่งรถบัสคันเดิมเพื่อเดินทางไปที่ชายหาด ตอนแรกผมนึกว่าเราจะไปชายหาดที่ผมผ่านตอนที่มาจากสนามบิน แต่มาคัสพาเราไปทางอื่น ซึ่งไม่ใช่ทางเดียวกับตอนที่เราลงเครื่องมา พวกผมดูวิวข้างทางไปเรื่อยๆ เพราะมันสวยจริงๆ ขับออกจากวังขาวมาได้เกือบหนึ่งชั่วโมงรถบัสก็มาจอดเลียบชายหาดในที่สุด พวกผมลงมาจากรถก็ต้องส่งเสียงตื่นเต้นกันยกใหญ่ ชายหาดที่นี่ดูสวยงามมากกว่าหาดแรกที่เห็น ทรายเป็นสีขาวละเอียดและนุ่มเท้ามากๆ น้ำทะเลใสมาก มากจนคิดว่าเป็นน้ำกรองเลยละครับ ผมมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครมาเล่นแถวนี้เลย

“ที่นี่เป็นเขตพระราชฐานของเจ้าชายมิคาเอลครับ นั่นคือพระตำหนักฤดูร้อนของพระองค์ท่าน” อลันแอบกระซิบบอกผมแล้วชี้ไปที่บ้านหลังสีฟ้า ขนาดไม่ใหญ่มาก เหมือนบ้านพักตากอากาศที่เห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย

“ประเทศนี้เป็นเกาะเล็กๆ แต่สมบูรณ์แบบมาก” ไอ้มีนพูดกับผม

“ฉันอยากดำน้ำว่ะ” ไอ้บูมดูจะตื่นเต้นที่สุด เรื่องกีฬาหรือการได้ออกกำลังกายคือความสุขที่สุดของมันแล้วครับ

“ถ้าอยากดำน้ำต้องไปอีกที่หนึ่งครับ ตรงนี้ไม่ค่อยมีแนวประกาลังสวยๆ” อลันบอกกับไอ้บูม

“งั้นเซิร์ฟก็ได้ วู้ๆ ทะเลจ๋า บูมมาแล้ว” ไอ้บูมพูดจบก็วิ่งตะโกนลงไปชายทะเล คนอื่นๆเ ลยพากันวิ่งตามลงไปบ้าง ไอ้โหดก็ถูกมิเชลลากไปแล้ว เหลือผมที่ยืนทาครีมกันแดดโดยมีอลันยืนข้างๆ

นอกจากพวกผมจะได้ลองหัดเล่นเซิร์ฟแล้ว มาคัสยังเตรียมเจ๊ทสกี พาราชูท บานาน่าโบ๊ทเอาไว้ให้ด้วย เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมาก ไม่คิดว่าคนที่นี่จะชอบกีฬาผาดโผนแบบนี้เหมือนกัน ถามอลัน อลันก็เล่าว่า เมื่อก่อนก็ไม่มีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ในประเทศบัณตราหรอก แต่ประเทศกำลังจะเปิดกว้างให้โลกได้รู้จัก เจ้าชายมิคาเอลทรงศึกษางานด้านการพัฒนาประเทศและทรงบริหารงานทุกอย่างเอง ผมได้ฟังแล้วก็เข้าใจไอ้โหดมันนะ ที่มันไม่อยากรับตำแหน่ง เพราะมันคงรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรเพื่อบัณตราเลย มันคงไม่อยากขึ้นชื่อว่าจับเสือมือเปล่า

“นาวว่าถ้าปล่อยให้สวยงามตามแบบฉบับเดิมก็ดีนะ ถ้าต้องมีโรงแรมสูงๆ มาตั้งบังภูมิทัศน์สวยๆ ก็น่าเสียดาย” ผมบ่นไปงั้นแหละตามความรู้สึก

“อืม เราจะเอากลับไปพิจารณา”

“อุ้ย เจ้าชาย!! แหะๆๆ” ผมไม่คิดว่าเจ้าชายมิคาเอลจะมายืนอยู่ข้างหลัง อลันนะอลัน ทำไมไม่เตือนกันเลย

“มีความเห็นอื่นอีกไหม” เจ้าชายถามก่อนจะส่งยิ้มให้

“นาวว่า ที่นี่มีธรรมชาติที่งดงามมากๆ ถ้าจะโปรโมทประเทศก็ควรโปรโมทการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ กินอยู่แบบชนพื้นเมืองแท้ๆ เพราะบางทีความศิวิไลซ์ก็ทำให้ความงดงามที่เคยมีลดลง อีกอย่างสถานที่เที่ยวแบบสมัยนิยมมันมีเยอะแยะในหลายประเทศแล้ว พระองค์ควรแหวกแนว รักษาของเดิมเอาไว้ดีกว่า รับรองว่าทีนี่จะเป็นเหมือนสวรรค์บนดินแน่ๆ” ผมเผลอตัวร่ายยาว พูดจบหันมาอีกทีก็เห็นว่าเจ้าชายมิคาเอลจ้องหน้าผมนิ่งเลย ผมพูดอะไรผิดหูไปรึเปล่า หรือว่าอวดรู้มากไป ซวยละไอ้นาว

“ไม่แปลกใจเลย ทำไมธีมถึงจะยอมสละทุกอย่างเพื่อนาว” เจ้าชายพูดกับผมแล้วก็มองไปด้านหน้า สีหน้าของเจ้าชายดูเศร้าหมองลง ผมเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก

“ไม่เกี่ยวกับผมหรอกครับ ผมว่าพี่ธีมแค่คิดว่ามีคนที่เหมาะสมกว่า สมควรที่จะได้ยืนท่ามกลางประชาชนของบัณตรามากกว่าเขา ซึ่งนาวก็เห็นด้วยนะครับ พระองค์กับเจ้าชายแอชตันเหมาะสมกว่าพี่ธีมทุกประการ คือ นาวไม่ได้พูดเพื่อเอาใจหรือกลัวว่าจะ..คือ แบบ” ผมไม่กล้าพูดว่ากลัวจะเสียไอ้หมาธีมไป เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะน่ามาประกาศว่าผมกับไอ้ธีมเป็นอะไรกัน

“ผิดแล้ว คนที่เหมาะสมที่คู่ควรกับราชบัลลังก์แห่งบัณตรามีแต่เจ้าชายธีมัสเพียงองค์เดียวเท่านั้น” เจ้าชายมิคาเอลหันมาบอกกับผมแล้วยิ้มให้

“ทำไมครับ” ผมถาม ทำไมทุกคนถึงคิดแบบนั้น เจ้าชายมิคาเอลและเจ้าชายแอชตันไม่ได้มีข้อด้อยตรงไหนเลย หนำซ้ำยังทำเพื่อประเทศขนาดนี้ แต่ทำไมทุกคนยังยืนยันว่าไอ้โหดเท่านั้นที่คู่ควร

“ก็บิดาของเรากับเจ้าชายแอชตันเป็นเพียงบุตรบุญธรรมของท่านปู่”

ผมได้ยินแล้วก็ถึงกับอึ้งไป มิน่าละ ที่เคยสงสัยว่าทำไมไอ้โหดถึงโดนทิ้งให้อยู่เมืองไทยคนเดียว ในขณะที่ท่านโมนัฟต้องพาลูกของตัวเองกลับไปลำบากอยู่ในค่ายทหาร อะไรมันจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายก่ายกองสมองหมุนขนาดนี้ครับ มันจะมีอะไรหักมุมให้ผมต้องเซอร์ไพรส์อีกไหม แล้วนี่ไอ้ธีมมันรู้เรื่องนี้รึยัง หรือที่มันอยากพูดกับผมเมื่อเช้าคือเรื่องนี้ ในเมื่อมันคือสายเลือดแท้เพียงหนึ่งเดียวแห่งบัณตรา ท่านปู่ท่านย่าของมันจะยอมให้มันสละตำแหน่งองค์รัชทายาทได้ยังไง มันอาจจะบอกผมว่า มันต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างนั้นรึเปล่า

..งานเข้าครับ งานเข้าแล้วจริงๆ.. เห็นทีคืนนี้ผมต้องเรียกเดอะแก๊งให้มาประชุมลับภาคีนกขุนทองซะแล้วครับ!..   

...

“ฉันว่านะ ฉันพอจะมีทางเลือกให้แกนะนาว” หลังจากที่ผมถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดที่รู้มาให้ชาวภาคีนกขุนทองฟังแล้ว ไอ้บูมเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นออกมา ซึ่งผมบอกตรงๆ ว่า ‘ผมละกลัวทางเลือกของมันจริงๆ’

“ยังไง” ผมถาม

“แกต้องแปลงเพศ หน้าแกก็หวานได้อยู่นะ ถ้าแกแปลงเพศซะก็คงไม่มีใครรู้ แล้วแถลงข่าวว่าเป็นลูกสาวอีกคนของคุณปริณที่เพิ่งลอกคราบจากดักแด้มาเป็นผีเสื้อ โอ้ย! เชี้ยเกลือ บูมเจ็บบบบ” ไอ้บูมทำหน้าจริงจังก่อนจะร้องลั่นเป็นหมาถูกน้ำร้อนเพราะโดนไอ้เกลือโบกกบาลเข้าให้อย่างแรง แหม ผมขอซ้ำอีกสักทีเหอะ บอกแล้วว่าไว้ใจมันไม่ได้

“ฉันพูดผิดตรงไหนวะ ถ้ามันเป็นผู้หญิงก็จบ พ่อมันก็รวยอภิมหารวย ใครจะไม่อยากดองกับมันวะ ติดแค่เพศ ที่เป็นปัญหา” ยังครับ..ไอ้บูม มันยังไม่หยุด แต่จะว่าไป มันก็ถูกของไอ้บูม ติดแค่เรื่องนี้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ง่ายๆ อย่างที่มันคิดหรอก

“ฉันว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับเรื่องที่แกถูกลอบทำร้ายแน่เลย” ไอ้จอมพูดขึ้นมาบ้าง ทุกคนขมวดคิ้วแทบจะพร้อมกัน

“แล้วพี่ธีมไปไหน เขาถึงปล่อยแกมาอยู่นี่ได้ ปกติไม่ยอมให้ห่างเลย” ไอ้เกลือถามผม เพราะหลังจากที่เล่นน้ำทะเลกันจนตัวจะเปื่อย พวกผมก็กลับมาที่วังขาวเลยครับ แต่ไอ้ธีมมันถูกท่านแม่ของมันตามตัวให้ไปพบ ส่วนธารขอตัวไปงีบเพราะเล่นเซิร์ฟมากกว่าคนอื่น คงจะเพลีย น้องทัสก็ไปกับไอ้หมาธีมด้วย ตอนนี้เลยเหลือแต่พวกผมครับ

“ไปหาพ่อกับแม่เขาดิ ว่าแต่ มันเกี่ยวยังไงกับเรื่องของฉันวะจอม” ผมตอบคำถามไอ้เกลือก่อนจะหันมาถามไอ้จอมต่อเพราะยังคงสงสัยข้อสันนิษฐานของไอ้มัน

“ที่ฉันคิดก็มีสองประเด็น ประเด็นแรกคือพรรคพวกของทารัสที่เป็นคนไทย ทางการไทยยังจับตัวไม่ได้ อีกประเด็นคืออาจจะมีคนที่สนับสนุนทางเจ้าชายมิคาเอลหรือเจ้าชายแอชตัน แล้วไม่อยากให้พี่ธีมขึ้นครองราชย์” ไอ้จอมมันพูดต่อ

“แล้วเกี่ยวกับฉันยังไง เขาก็ต้องทำร้ายไอ้โหดดิวะ ไม่ใช่ฉัน” ผมก็ยังคงไม่เข้าใจ

“ที่ฉันได้คุยกับท่านนายพลเนลสันเมื่อคืนวาน ท่านหลุดบอกฉันว่า คนที่สนับสนุนการเงินช่วยกองกำลังของเจ้าชายมิคาเอลและเจ้าชายแอชตันยึดอำนาจคืนคือพ่อของแก ตอนนั้นราชวงศ์ทุกคนถูกยึดทั้งอำนาจและเงิน เลยต้องขอให้พ่อแกช่วยเรื่องกำลังทรัพย์ เท่าที่ฉันแอบสังเกต ทุกคนดูจะต้อนรับแกดีมากๆ ท่าทางพ่อแกน่าจะมีอิทธิพลในประเทศนี้พอสมควร เพราะฉะนั้น ทารัสอาจจะรู้ว่าแกคือลูกของคุณปริณ เลยอยากกำจัดแกเพื่อแกแค้นไง” ไอ้จอมพูดจบผมก็เริ่มคล้อยตามมันจริงจัง

“แล้วนายพลเขายอมบอกแกได้ไงวะ” ผมสงสัยอีก

“เขาชอบเล่นกล้องเหมือนฉัน พอคุยถูกคอแถมยังดื่มเยอะด้วย ฉันถามอะไรก็หลุดบอกฉันหมด ป่านนี้จะรู้ตัวรึยังไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมาบ้าง” ไอ้จอมตอบข้อสงสัยของผม

“แม่ง ไม่ไหว เป็นนายพลได้ไงวะ แบบนี้ข้าศึกหลอกถามข้อมูลได้หมด” ไอ้เกลือส่ายหน้า

“เขาคงวางใจในตัวพวกเรา เพราะเห็นพวกเราคือพระสหายคนสนิทของเจ้าชายธีมัสมั๊ง” ไอ้ยีนคาดเดา

“หมายความว่า ยังมีคนที่อาจจะเป็นพวกของทารัสแฝงตัวอยู่ในเมืองไทย ต้องการทำร้ายฉันเพื่อขู่พ่อฉันงั้นเหรอ อันนี้ก็พอเข้าใจ แต่ในเมื่อพ่อฉันช่วยเจ้าชายมิคาเอล แล้วฝ่ายนี้จะทำร้ายฉันทำไม” ผมยังคงสงสัยต่อ

“ก็เพราะคดีพลิกไง แกเสือกไปเป็นเมียพี่ธีม เท่ากับพี่ธีมเป็นลูกเขยพ่อแก แล้วพ่อตาก็ต้องช่วยลูกเขย เพราะลูกไปเป็นเมียเขา อำนาจก็จะเปลี่ยนมือ เลยต้องลอบทำร้ายลูกของพ่อตา เพื่อให้พ่อตากลัว ก็ต้องกีดกันให้ลูกเลิกกับลูกเขย ลูกเขยก็..”

“พอ!!!!!” พวกผมทุกคนตะโกนใส่หน้าไอ้บูมก่อนมันจะทำให้ปวดหัวไปกว่านี้ แต่มันหาได้สลดไม่ กลับหัวเราะจนตัวงอ ภูมิใจในมุกของตัวเอง

“สัสเหอะ ฉันยังไม่ได้เป็นเมียใครเว้ย” ผมเอาหมอนปาใส่หน้าไอ้บูมมัน

“แต่ที่ไอ้บูมกับไอ้จอมพูดมาก็มีเหตุผลนะแก แต่เราก็ยังไม่ควรตัดสินใคร รู้เอาไว้เพื่อจะได้ระวังตัวมากขึ้นไปก่อน ระหว่างที่พวกเรายังอยู่ที่นี่ เราต้องช่วยไอ้นาวมันสังเกตพฤติกรรมของทุกคน ส่วนไอ้บิว แกต้องเป็นพ่อครัวส่วนตัวให้เจ้าชายแอชตัน ทางนั้นให้เป็นหน้าที่แก ไหวไหมวะ” ไอ้มีนพูดจบก็หันไปถามไอ้บิว คนถูกถามกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

“แค่ดูห่างๆ ก็พอ ไม่ต้องเข้าไปสืบหาอะไรจนเขาจับได้ ท่าทางหมอนั่นไม่น่าไว้ใจ เป็นคนชอบใช้กำลังสู้รบแบบนั้นด้วย” ไอ้จอมหันไปเตือนไอ้บิว

“แค่เจ้าอารมณ์ไปบ้าง แต่ลึกๆ คงไม่ได้ใจร้ายหรอก” ไอ้บิวตอบ พวกผมหันไปมองมัน ประโยคที่มันพูดมาเหมือนรู้จักเจ้าชายแอชตันดี

“ก็...คือ ฉันหมายถึงตอนที่ไอ้นาวถูกหัวเราะ เขาก็ช่วยไง ก็ไม่น่าจะเลวร้ายอะไร” ไอ้บิวรีบแก้ตัว แต่เรื่องแกเอาไว้ก่อนนะไอ้บิว สะสางเรื่องตัวเองเสร็จ นาวต้องรู้นาวต้องเห็นเรื่องของน้องบิวบ้างซะแล้ว

“แกต้องปรึกษาพี่ธีมด้วยนะ เล่าให้เขาฟัง” ไอ้ยีนบอกกับผม ตอนนี้ทุกคนดูเคร่งเครียดจนผมรู้สึกผิด เพื่อนมาเที่ยวแทนที่จะสนุกกลับต้องมากังวลเรื่องของผม

“เออ เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัว แต่เท่าที่เราเห็นกันๆ ฉันว่า ฉันให้น้ำหนักไปทางพวกของทารัสมากกว่าเจ้าชายทั้งสอง ฉันว่าเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร” ผมบอกตามที่รู้สึก

“แกเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นแค่คนอื่น แกอย่าไว้ใจใครเป็นดีที่สุด” ไอ้จอมบอกกับผม ผมพยักหน้า

“ขอบใจพวกแกมากนะ งั้นวันนี้เราปิดประชุมภาคีนกขุนทองก่อน ฉันชักจะหิวแล้ว” ผมบอกพวกมัน ไม่อยากให้พวกมันเครียดกับเรื่องที่ยังไม่มีอะไรแน่ชัดทั้งนั้น ที่เล่าเพราะอยากให้ช่วยกันคิด หลายหัวดีกว่าหัวเดียว โดยเฉพาะหัวผม ถนัดแต่มโนเรื่องไร้สาระ

“แกแม่งตั้งชื่อกลุ่มได้ทุเรศมากไอ้นาว แมนๆ อย่างฉัน เสือกตั้งชื่อเครือข่ายเป็นนกขุนทอง งี้ตอนเปิดประชุมแกไม่ร้องเพลงอรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิย ออกหากินร่าเริงแจ่มใสด้วยเลยวะ” ไอ้บูมบ่นพร้อมกับทำท่านกบินไปด้วย ท่าทางมันน่าเกลียดกว่าชื่อเครือข่ายผมอีกครับไอ้เวรบูม

“แล้วแกจะให้ฉันตั้งว่าอะไร” ผมถามมัน

“ต้องภาคีนก..น้อยอุไรพรเว้ย” มันพูดจบก็ส่งเสียงเพลงหมอรำจนพวกผมต้องรุมเอาหมอนตีมันให้มันหายเกรียน

ปิดการประชุม พวกผมเดินลงมาจากห้องของไอ้เกลือที่ใช้เป็นห้องประชุมลับ แต่ไอ้โหดก็ยังไม่กลับมา มีแต่อลันกับนางข้าหลวงสองสามคนที่กำลังเตรียมอาหารเย็นให้พวกผมอยู่ สักพัก ไอ้โหดมันโทรมาบอกผมว่ามันอยู่ช่วยดูแลพ่อของมันคงไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็นด้วย พวกผมเลยกินกันเลยไม่ได้รอมัน เพราะทุกคนหิวจนจะแทะโต๊ะกันอยู่แล้ว ผมเข้าใจมันนะ ไม่ได้น้อยใจอะไรเลย ครอบครัวของมันได้ใช้เวลากับมันน้อยกว่าผมเสียอีก ผมควรให้มันได้อยู่กับพ่อแม่และน้องชายเยอะๆ และผมก็ตั้งใจว่าถ้ามันกลับมาก็จะเล่าให้มันฟังทุกเรื่องที่รู้มา ถึงคิดว่ามันคงจะรู้แล้ว แต่ถึงยังไงก็ต้องคุยกัน

อิ่มจากอาหารเย็นพวกผมก็นั่งเล่นไพ่กันจนเกือบสี่ทุ่ม ผมง่วงมากเลยขอตัวไปนอนก่อน เลยไม่รู้ว่าไอ้โหดมันกลับมาตอนกี่โมงกี่ยาม รู้แต่ว่าผมรู้สึกตัวนิดหน่อยตอนที่มันมานอนกอดผมเอาไว้ ผมอยากจะลืมตามาคุยกับมันนะ แต่ลืมตาไม่ไหว แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลยจนกระทั่งเช้า

“ตื่นได้แล้วเหรอ” ไอ้โหดมันนอนตะแคงมองผมอยู่ ไม่รู้มันนอนมองผมนานเท่าไหร่แล้ว ผมรีบเอามือไปจับที่ปากของตัวเอง เช็คว่านอนน้ำลายไหลรึเปล่า เสียภาพพจน์หมด แต่มันดึงมือผมออก

“ไม่มีหรอก พี่จัดการเช็ดให้แห้งหมดแล้ว ด้วยลิ้นพี่เนี่ย” มันยักคิ้วบอก

“อาการหนักมาก แอบกินแม้กระทั่งน้ำลายนาว” ผมด่ามันแต่ก็แอบเขินกับสายตาของมันที่จ้องมา

“นาว” มันเรียกผม สงสัยคงถึงเวลาที่มันจะบอกผมว่ามันคิดอะไรอยู่เสียที ผมเลยลุกขึ้นนั่งแล้วดึงมือมันให้ลุกมาประจันหน้ากับผม

“มา นาวพร้อมแล้ว” ผมบอกมัน มันทำตาโตแล้วจับมือผม

“นาวพร้อมยอมเป็นของพี่แล้วเหรอ” มันถามผมด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น ผมกระพริบตาปริบๆ มองมันแล้วสมองก็เริ่มประมวลผลกับท่าทางของมัน ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร

“นาวหมายถึงพร้อมฟังพี่ต่างหาก! เร็ว ให้ไว” ผมตบเหม่งมันเบาๆ เมื่อเข้าใจว่า ‘พร้อม’ ของมันคืออะไร มันทำหน้าเซ็งใส่ผม พอเห็นว่าผมทำหน้าจริงจังมันก็ลอบถอนหายใจ ราวกับว่ามันมีเรื่องหนักอกที่จะต้องพูดกับผม พอผมเขย่ามือมัน มันก็เลยยอมเปิดปาก

“นาว ถ้าพี่ต้องอยู่ที่นี่สักระยะ นาวอยู่ที่นี่กับพี่ได้ไหม” มันถามผม สีหน้ามันเครียดมากเลยครับ

“ตกลง” ผมตอบในทันที มันอึ้งไป อึ้งจริงๆ ครับ ชะงักค้างเลยเพราะผมตอบกลับมันทันทีไม่ได้รอเว้นจังหวะมันให้ลุ้นเลย พอสติมันกลับมามันก็คว้าตัวของผมไปกอดแน่นเลยครับ

“พูดจริงนะ ไม่ได้เมาขี้ตาใช่ไหม” มันถามผม ผมเลยดันตัวมันออกแล้วจับไหล่มัน

“ดูปากปารมีอีกครั้งนะคะ ตกลงค่ะ ไอ้หมาธีม ภาษาอังกฤษพูดว่า โอ้วเค๋ ภาษาจีนพูดว่า ห่าววว” ผมบอกมัน มันยิ้มกว้างก่อนจะหอมที่หน้าผากของผม

“พี่นึกว่านาวจะคิดหนักซะอีก นึกว่านาวต้องถามเหตุผลมากมาย รู้ไหม พี่เดินคิดคำพูดทั้งคืนเลยว่าจะพูดยังไงให้นาวเข้าใจและยอมอยู่ที่นี่กับพี่  พี่รู้ว่าถ้านาวตัดสินใจอยู่ที่นี่นาวก็จะไม่ได้ทำงานที่นาวรัก ไม่ได้เจอเพื่อน พี่รู้ว่าพี่เหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่โดยไม่มีนาว” มันบอกกับผมเสียยืดยาว

“นาวแค่รอให้พี่ถาม คิดเอาไว้แล้วว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่ ทีแรกนาวก็คิดนะว่าตัวเองคงจะคิดหนัก ไม่ใช่แค่พี่คนเดียวที่คิดว่าจะขอร้องนาวยังไง นาวเองก็คิดว่าพี่จะเลือกทางไหน แต่พ่อของพี่ป่วยขนาดนี้ ถ้าพี่ดึงดันกลับไปโน้นก็คงเป็นลูกที่อกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดอีก แล้วก็มาคิดอีก ถ้านาวอยู่ จะอยู่ในฐานะอะไร จะมีคนยอมรับไหม นาวไม่อยากดราม่ากับครอบครัวของพี่” ผมบอกกับมันในสิ่งที่ผมรู้สึก

“แล้วเพราะอะไรนาวถึงตอบตกลง นาวคิดอะไร”

“ไม่รู้ดิ เมื่อกี้ที่ตอบไปไม่ได้คิด นาวไม่ค่อยได้ใช้สมองในเรื่องหนักๆ อยู่แล้ว สมองนาวแค่มโนเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็เต็มพื้นที่สมองละ แค่ตอบแบบที่ใจอยากตอบ” ผมอธิบายมันแบบนั้น แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงหรอกครับ คำตอบจริงๆ ก็คือ ผมเสียแม่ไปตั้งแต่ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมนึกเสียดายอยู่ทุกวัน เฝ้ามโนว่าถ้าแม่ยังอยู่กับผมจนถึงตอนนี้ผมจะเป็นยังไงนะ ผมคงมีความสุขขนาดไหน ได้แต่หลับตานึกถึงภาพแม่หรือฟังเรื่องของแม่ที่ถูกถ่ายทอดจากคนอื่น ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้กับไอ้หมาธีม ผมอยากมีมันในชีวิตจริงๆ ทุกความทรงจำระหว่างผมกับมันจับต้องได้จริง ไม่ใช่แค่ภาพฝัน

“ขอบคุณนะนาว ไม่ว่าใครจะยอมรับนาวหรือไม่ พี่ก็ไม่สน พี่ตัดสินใจอยู่ที่นี่เพื่อทำหน้าที่ลูก” มันบอกผม

“แต่มีเรื่องที่นาวจะขอพี่สี่เรื่อง” ผมพูดขึ้นก่อนที่มันจะจูบผม มันเลยกลับไปนั่งดีๆ หยุดนัวเนียรอฟังผมพูด

“โอเค ว่ามา”

“หนึ่ง นาวจะไม่เป็นแฟนเก็บของพี่แต่ก็ไม่ได้อยากให้พี่ประกาศให้โลกรู้ แต่ไม่เอาแบบว่า พี่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่ปู่ย่าพี่หามาให้ หรือแต่งแต่ในนามเพื่อสร้างภาพแล้วมามีนาวเอาไว้ในหอคอยเงียบๆ นาวไม่อยากเป็นแบบแม่ของนาวและแม่ก็คงไม่อยากให้นาวมีชีวิตเหมือนท่าน”

“แน่นอนอยู่แล้ว พี่ไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ ที่พี่อยู่ที่นี่เพราะพ่อขอร้องไว้ ให้อยู่กับท่านจนกว่าท่าน...”

“อืม นาวเข้าใจ” ผมไม่ได้ให้มันพูดออกมา เข้าใจในสิ่งที่มันรู้สึก มันก็คงไม่อยากให้พ่อของมันป่วยแบบนี้

“ขอบคุณที่เข้าใจ”

“สอง ไม่ว่าจะมีอะไรก็ตาม ห้ามโกหกปิดบัง ต้องเล่าให้หมด”

“ไม่มีปัญหา พี่จะไม่ตั้งภาคีลับๆ เหมือนนาวหรอก”

“ห๊ะ พี่รู้ด้วยเหรอ ใครบอกอะ ไม่ได้จะปิดสักหน่อย แค่ยังไม่ได้เล่าต่างหาก” ผมถามมันเสียงอ่อยๆ มันไม่ตอบ ต้องเป็นคนในแน่ๆ เพราะผมส่งไลน์ในกรุ๊ปบอกพวกมันให้ไปประชุมลับที่ห้องไอ้เกลือ ไม่ได้พูดออกมาด้วยซ้ำ คนนอกจะได้ยินได้ยังไง ไม่มีทาง

“ต่อๆ” มันไม่ยอมตอบว่ารู้ได้ไง แต่เร่งผมให้พูดต่อ

“สาม นาวจะออกจากวงการบันเทิง แต่นาวขอกลับไปแถลงข่าว ต้องไปขอโทษผู้จัดที่ต้องถอนตัวจากซีรีย์เลิฟ เสร็จแล้วนาวจะรีบกลับมาเลย” คราวนี้มันนิ่งไป

“พี่จะกลับไปกับนาว แล้วเรามาที่นี่พร้อมกัน พี่ไม่ให้นาวไปคนเดียว ข้อสุดท้ายละ” มันถามผม

“อย่าทิ้งนาวในทุกกรณี ไม่ใช่เพราะนาวยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่อพี่ แต่เพราะ นาว...นาวไม่มีพี่ในชีวิตไม่ได้แล้ว” ผมบอกมัน มันดึงผมมากอด ลูบหัวผมแล้วก็หอมแก้ม

“พี่รักนาว รักมาก นาวจะมโนอะไรก็ได้ แต่อย่ามโนว่าพี่จะเลิกรัก มันไม่มีวัน”

“พี่ก็อย่าทำอะไรให้นาวต้องมโนดิ นาวไม่ได้มโนมั่วๆ แบบไม่มีข้อมูลนะเว้ย นาวมโนแบบมีตรรกกะ มีที่มาที่ไปเหอะ”

“หึหึ ครบแล้วใช่ไหม”

“ใช่ นาวจะไปอาบน้ำละ” ผมบอก สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แรงกล้ามาก

“เดี๋ยวค่อยอาบ” มันดึงข้อมมือผมไว้

“อย่านะ นาวมีพระ” ผมบอกมัน ผีหื่นสิงตัวมันแล้วแน่ๆ พลังงานช่างรุนแรงจนผมขนลุก

“หึหึ พระเจ้า..เข้าไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ มันบาป มานี่เลย” มันดึงผมจนล้มไปนอนแผ่บนเตียงแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนเกยตัวผมไว้

“วันนี้ต้องไปปีนเขานะ มันต้องไต่ๆ แยกขาปีนด้วย พี่ไม่ควรสร้างความเสียหายให้กับบั้นท้ายของนาว” ผมบอกมันเสียงอ่อย

“ปีนตัวพี่สนุกกว่า เชื่อดิ” มันบอกพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมว่ายกพระทั้งวัดมาสวดไล่ผีหื่นของมันคงจะไม่ได้ผลแน่ หน้าของมันโน้มลงมาแล้วครับ ผมหลับตา เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ยังไงก็ต้องโดนอยู่ดี ลองปีนเขาของมันตามโฆษณาชวนเชื่อที่มันบอกดูก็ได้ แต่แล้ว...

ก๊อกๆๆๆๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ

“ท่านพี่คะ ตื่นรึยังคะ ตอนนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้วนะคะ ตื่นเถอะค่ะ” เสียงของมิเชลดังมาขัดจังหวะ เวลาเดิมเป๊ะเลยอะ เธอสามารถมาก มีดวงในการขัดจังหวะที่แข็งแกร่ง

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เฮ้อ..น่าสงสาร บุญมีแต่กรรมบังนะไอ้หมาธีม เอาน่า ไม่ต้องทำหน้าเหมือนหมาอดอยาก ไปๆอาบน้ำกันนะ ขืนช้าน้องสาวของพี่ไขกุญแจมาอุ้มพี่ไปอาบน้ำแน่ๆ” ผมบอกก่อนจะจูบที่แก้มของพี่ธีมเป็นการปลอบใจ มันทิ้งตัวลงนอนราบกับที่นอนและทุบที่นอนด้วยความขัดใจ ผมลุกไปเปิดประตูออกแบบแง้มๆ เพราะไอ้โหดมันใส่แต่บ็อกเซอร์อยู่ตัวเดียว

“เราขออาบน้ำก่อนหรือมิเชลจะเข้ามาอาบให้” ผมถาม มิเชลทำหน้าตกใจที่เห็นผม รีบเบือนหน้าหนี เพราะผมใส่ชุดนอนคือเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงบ็อกเซอร์แค่นั้น

“บ้า ทะลึ่ง ปลุกท่านพี่ให้ด้วย เร็วๆ นะ ทุกคนรออยู่ ถ้าช้า เราจะขึ้นมาตามอีก” มิเชลบอกก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินหนีไป ผมหัวเราะก่อนจะปิดประตูแล้วเดินไปดึงมือไอ้โหดให้ลุกขึ้นมา แต่มันก็ยังไม่ยอมลุก

“สงสารจัง เดี๋ยวนาวปลอบใจชุดเล็กนะ” ผมบอกมัน มันถึงยิ้มออกมาได้แล้วรีบเด้งตัวลุกจูงมือผมเข้าห้องน้ำไปเลย ดูมันดิครับ ถ้าผมมีมดลูกท่าทางลูกจะดกน่าดู มีแฟนหื่นต้องทำใจครับ เฮ้อ..


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย มาคัสก็พาพวกผมไปปีนเขา แต่วันนี้เซอร์ไพรส์มาก เพราะมาคัสบอกว่า เจ้าชายมิคาเอลและเจ้าชายแอชตันร่วมเดินทางไปด้วย เจ้าชายมิคาเอลรับสั่งว่า ให้พวกผมเตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวแค่ที่จำเป็นไปด้วย เพราะจะพาไปตั้งแคมป์บนเขากันหนึ่งคืน มาคัสบอกว่าบนนั้นจะหนาวมาก แต่มาคัสก็เตรียมเสื้อหนาวสำหรับทุกคนให้แล้วเพราะเสื้อหนาวที่พวกผมมีคงเอาไม่อยู่ ไอ้บูมดี้ด้าออกนอกหน้ามาก ผมเองก็ดีใจ ปกติไม่ค่อยได้เที่ยวทำแต่งาน เมื่อกลับไปเอาของใช้จำเป็นเสร็จก็เดินทางไปด้วยรถจี๊บของทหาร รวมทั้งหมดห้าคันด้วยกัน ขบวนของพวกเราออกเดินทางแล้วแต่ผมยังไม่เห็นเจ้าชายแอชตันกับน้องทัสเลย


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 08-02-2015 14:21:43
ไอ้หมาธีมโด๊บกระเทียมเข้าไปอีก คืนนี้เจ้าต้องโดนพลังกระเทียมแน่ๆ เจ้ามะนาวต่างดุ๊ดเอ๋ยยยย   :m20:  :pigha2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2015 15:26:42
ตอนนี้มโนไปก่อนนาวแล้ว  :hao7: อะไรจะรอนาวอยู่   :z1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 08-02-2015 16:13:05
ชอบเรื่องนี้จัง เพิ่งมาอ่าน ตามอ่านเพราะชื่อเรื่องวัน1วัน1คืนตามอ่านจนตามทัน รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ ชอบนาวมากกกกก รอนาวโดนกินอิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 08-02-2015 16:40:45
ฮ่าๆๆๆๆๆ น่ารักอ่ะ น้องนาวฮามาก พี่ธีมโคตรหื่น

 ชอบเรื่องนี้มากกกกก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 08-02-2015 16:41:12
น้องนาวก็ชอบ
แต่คือแบบพี่ธีมชอบกินกระเทียมไง
แล้วชอบกินหมู
เราต้องแย่งกันกินหมูแล้วละน้องนาว
จะได้มีแรงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-02-2015 17:33:09
รักนางจริงๆมะนาว จิตใจดี มีอารมณ์ขัน ขี้มโน น่ารักแถมฉลาดอย่างนี้พี่ธีมก็หลงสินะ  :impress2:

คืนนี้มะนาวคงไม่รอด อย่าโทษใคร โปรดโทษกระเทียมอย่างเดียว :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-02-2015 19:17:55
มีโด๊บกระเทียมด้วยพี่ธีม ไม่ค่อยเลยนะ
นาวระวังตัวให้ดี พี่ธีมจะตีเมืองแล้ว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-02-2015 19:19:29
นาวจ๋ามโนผิดเรื่องแล้ว คึๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-02-2015 19:23:46
นาวจ๋ามโนผิดเรื่องแล้ว คึๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 08-02-2015 19:58:22
นัลล๊ากก
บิวไปแอบปลื้มเจ้าชายแอลตอนไหนน๊ออออ
อยากไปเที่ยวด้วยจัง
 :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 08-02-2015 20:25:56
จุ๊บๆค่ะ คึคึคึ
จะตั้งหน้าตั้งตาคอยตอนหน้านะคะ  บนภูเขาวิวน่าจะสวยยยยยยย  :hao6:
อยากรู้จังว่าโฉมงามไปตกหลุม(รัก)เจ้าชายอสูรตอนไหน หึหึหึ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-02-2015 21:21:00
คิดถึงคนแต่งด้วยครับบบบ.  อิอิ. รออ่านฉากสำคัญ ตอนหน้า.  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-02-2015 13:52:30
พี่หล่ะ รักหนูจริงๆเลยน้องนาว น่ารัก ใสซื่อ แล้วหนูก็มีความคิด แต่ก็ยังไม่หลุดมโน  :katai2-1:

เม้นต์บ้างไม่เม้นต์บ้าง ขอโทษคนเขียนด้วยนะคะ แต่เรารักเรื่องนี้ ติดตามตลอดนะ  :กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 09-02-2015 18:52:35
สงสัยจอมคงจะต้องอกหักแน่เลย

บิวท่าทางจะมีใจให้เจ้าชาย

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-02-2015 22:19:46
ชอบตอนนาวตอบปั๊บว่าอยู่ น่ารักโคตรรรร ธีมก็ปลื้มแฟนโคตร
เอ มิเชลนี่ยังไง จ้องแต่จะขัดจังหวะอยู่ได้ ฮุ้ว 5555 คนอ่านหื่นกว่าพระเอกค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-02-2015 08:42:40
หลงรักนาวเพราะชื่อมะนาวต่างดุ๊ดเลยค่ะ555 :laugh:

คือรู้สึกเลยว่าชื่อเนี้ย ถ้าคนไม่รั่วเขาไม่ตั้งกันแน่ๆ

น่ารักน่าหยิกที่สุดเลยพ่อซินเดอเรลล่า555555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-02-2015 12:11:40
โอ๊ยยยยยย :ling1: :ling1: :ling1:  น้องนาวจะไม่รอดแล้วสินะ ฮิๆ พี่ธีมคะจัดหนักๆนะ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 28 (08/02/58) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-02-2015 12:24:29
นาวน่ารักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 10-02-2015 13:58:49
ตอนที่ 29

รถจี๊บมาจอดส่งพวกผมอยู่ที่เชิงเขา มาคัสบอกว่าที่ๆ เราจะไปพักสามารถเอารถขึ้นไปได้ แต่เจ้าชายแอชตันต้องการพาพวกผมเดินเที่ยวเลาะธารน้ำตกขึ้นไปแทน เราเลยต้องลงกันตรงนี้ ด้านบนมีจุดแวะพักทานอาหารตอนกลางวัน มีทหารบางส่วนขึ้นไปเตรียมเตนท์และอาหารเอาไว้ในส่วนที่พักให้แล้ว คืนนี้เราจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิวกันท่ามกลางแสงจันทร์ ส่วนกระเป๋าสัมภาระของพวกผม รถจะนำขึ้นไปให้ ระหว่างที่พวกผมกำลังทยอยลงจากรถและเอาน้ำดื่มใส่เป้สะพายหลังติดไป รถจี๊บของเจ้าชายแอชตัสก็เพิ่งมาจอด น้องทัสก็มาพร้อมกับเจ้าชายด้วย

“วันนี้อากาศดีมากเลยนะฮะ ทัสรับรองว่าพี่ๆ ทุกคนจะต้องติดใจการเดินป่าครั้งนี้” น้องทัสเดินมาทักพวกผม วันนี้น้องแต่งตัวน่ารักดี กางเกงพื้นเมืองเหมือนที่ผมเคยซื้อมาใส่กับเสื้อหนาวตัวใหญ่ๆ ถักด้วยไหมพรมสีเหลืองมะนาว ส่วนคนร่างใหญ่ที่เดินตามน้องมาก็เท่ห์สุดๆ ดูหล่อแบบดุดิบโหดเถือนและไม่ค่อยยิ้มอย่างเช่นเคย อากาศเย็นแบบนี้แต่ใส่แค่เสื้อกล้ามสีดำพอดีตัว โชว์รูปร่างจนไอ้ยีนกับไอ้มีนถึงกับเคลิ้ม แต่ผมว่าสำหรับผม ไอ้หมาธีมหล่อที่สุดแล้วล่ะ

“นี่..มองจนจะทะลุตัวเขาแล้ว” ไอ้โหดมันกระซิบที่หูผม หน้ามันหงิกเชียว

“ก็แค่มองเหอะ ถึงเขาจะแซ่บแค่ไหน แต่นาวก็คิดนะ นาวก็มีคนที่แซ่บอยู่แล้ว จะอยากมีอีกไปทำไมกัน มันจำเป็นไหม แค่นี้ก็จะเขมิบเช้าเขมิบเย็นอยู่แล้ว มีแค่พอสมควรก็ได้ไม่เป็นไร” ผมทำเสียงแบ้วๆ ให้เหมือนน้องแม็คในโฆษณารถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง

“หึหึ ได้ยินที่มาคัสบอกไหม” ไอ้โหดถามผม

“เขาบอกตั้งหลายอย่าง จะเอาประโยคไหนละ”

“ที่เขาบอกข้างบนมันหนาวมาก ต้องนอนกอดกันแน่นๆ”

“นาวว่าคุณมาคัสบอกไม่ยาวแบบนี้เปล่าวะ อิประโยคหลังมาได้ไง มั่วเหอะ” ผมพูดจบก็เบ้ปากใส่มัน มันก็ยกมือขึ้นมาคล้องคอผมแล้วเดินตามคนอื่นๆ ไป แสดงความเป็นเจ้าของสุดๆ เลยนะไอ้หมาธีม

เจ้าชายแอชตันพาพวกผมทั้งปีนทั้งไต่ไปตามโขดหิน บางจุดก็ชันมากๆ เล่นเอาหมดแรง แต่เจ้าชายแอชตัน  เจ้าชายมิคาเอล ไอ้หมาธีม น้องทัส มาคัสและบรรดาทหารองค์รักษ์เดินกันตัวปลิวไม่มีอาการเหนื่อยให้เห็นสักนิด ธารกับมิเชลก็ดูว่าล้าๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแสดงอาการว่าหมดแรง แถมยังนั่งหลังตรงหน้าเชิดแข่งกันไปอีก ส่วนไอ้มีนกับไอ้ยีนที่แต่งตัวมาปีนเขาเต็มยศอย่างกับเดินบนแคทวอล์ค ตอนนี้สภาพพวกมันไม่ใช่แคทวอล์คแล้วครับ มาแนวแรคคูนวอล์คดีๆ นี่เอง เหนื่อยจนถุงใต้ตาดำเลยแกเอ้ย ฮ่าๆๆๆ

แล้วในที่สุด พวกผมก็ดั้นด้นจนมาถึงจุดแวะพักทานข้าวกลางวันจนได้ ทหารเดินเอาข้าวที่ห่อด้วยใบไม้ใบใหญ่คล้ายๆ ใบบัวบ้านเรามาแจกพร้อมกับน้ำผลไม้ที่ใส่กระบอกน้ำแสตนเลสแช่เย็นเจี๊ยบชื่นใจ ผมเดินมายังลำบาก ทหารที่ต้องขนขึ้นมาคงเหนื่อยกว่าหลายเท่า

“คุณมาคัสบอกว่าเรามาได้แค่ครึ่งทางเอง” ไอ้มีนนั่งทุบน่องของตัวเอง

“เอาน่าแก คิดซะว่าออกกำลังกาย” ผมปลอบมัน แต่รู้ว่าพวกมันอึดไม่ถอยอยู่แล้ว แต่ขอให้ได้บ่นบ้างตามประสา

“โคตรอร่อยอะ ข้าวเหนียวนุ่มๆ หุงกับถั่วดำกินกับหมูทอดน้ำปลากรอบนอกนุ่มใน โรยด้วยกระเทียมทอดกรอบๆ ฝีมือแกใช่ไหมไอ้บิว” ไอ้บูมถาม ผมก็ว่างั้น รสชาติคุ้นเคยมาก ผมเห็นเจ้าชายแอชตันหยิบหมูทอดเข้าปากแล้วทำหน้าทึ่งในรสชาติ ที่ผมมองเจ้าชายแอชตันเพราะสายตาไอ้บิวมันจ้องไปที่เจ้าชายอยู่ ผมเลยจ้องตามมัน

“บิว” ไอ้จอมเรียกเมื่อเห็นว่าไอ้บิวไม่ได้ตอบไอ้บูม ไอ้บิวรีบหันกลับมา

“อ๋อ อืม ฉันลุกไปทำเมื่อเช้า ดูว่าน่าจะกินง่ายดี” ไอ้บิวตอบ ก่อนจะก้มลงไปเขี่ยๆ เนื้อหมู ผมเห็นมันอมยิ้มด้วย

“พี่บิว อร่อยมากเลยครับ” น้องทัสเดินมานั่งข้างๆ ไอ้บิว ผมหันไปป้อนกระเทียมไอ้โหดเพราะผมไม่กินก่อนจะขยับๆ มานั่งข้างๆ ไอ้บิวด้วย เผื่อจะได้ข้อมูลดีๆ

“ทัสไม่เห็นพี่แอลเจริญอาหารแบบนี้มานานแล้ว วันนี้กินตั้งสองห่อ ฝีมือพี่บิวสุดยอดเลยนะฮะ” น้องทัสพูดเบาๆ กับไอ้บิว แต่หูผมดี ได้ยินชัดทุกคำ คนถูกชมยิ้มกว้าง ผมเลยแอบลอบมองเจ้าชายแอชตันดูสักหน่อย นั่นปะไร! เจอรอยยิ้มพิฆาตของไอ้บิวถึงกับอึ้งกว่าตอนชิมหมูทอดอีก ส่วนเจ้าชายแอชตันพอรู้ตัวว่าถูกผมมองก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่น

“พี่แอลคือชื่อเล่นเจ้าชายแอชตันเหรอ” ผมถามน้องทัส น้องพยักหน้าให้

“ทำไมแกต้องใส่ถั่วดำ” ผมหันมาถามไอ้บิวต่อ

“พี่แอลชอบครับ ทัสเป็นคนบอกพี่บิวเอง” น้องทัสตอบแทน

“อ่อ อืมมม ชอบถั่วดำเสียด้วย อืม” ผมส่งเสียงฮึมฮัมก่อนจะพยักหน้ารับรู้

“ครางอะไรของแก ไปโน้นเลย พี่ธีมมองแล้ว นาว..ให้พี่ธีมกินกระเทียมเยอะๆ นะ อะ..เอาไปอีก” ไอ้บิวหยิบกระเทียมทอดในห่อของมันมาใส่ให้ผมอีก ผมเลยต้องขยับกลับไปนั่งข้างๆ ไอ้หมาธีมเหมือนเดิม

“อะ กิน ไอ้บิวให้พี่กินกระเทียมเยอะๆ” ผมบอกก่อนจะหยิบกระเทียมทอดไปไว้ในห่อข้าวเหนียวของมัน แต่มันอ้าปากรอ ผมเลยต้องป้อนมัน ได้ยินเสียงไฮยีน่าแถวนี้ส่งเสียงกิ้วก้าวลอยมากระทบหูผมประปรายเลยต้องหยิบกระเทียมไปใส่ในห่อมันแทน ไม่ป้อนแล้ว กินเองนะไอ้หมาธีม ผมขี้อาย มันต้องทำใจ

“น้องบิวรู้ใจพี่จริงๆ นาวก็กินเยอะๆ” มันบอกก่อนจะหยิบกระเทียมทอดใส่ปากแล้วหยิบหมูมาให้ใส่ในห่อผม

“ทำไมอะ” ผมไม่เข้าใจมัน

“กระเทียมช่วยให้อึด ส่วนหมูมันให้โปรตีน นาวจะได้ไม่หมดแรงง่ายๆ” มันบอก

“อ๋อ นาวเดินไหวอยู่แล้ว นาวแข็งแรงกว่าที่พี่คิดเหอะ” ผมยักไหล่ ถึงผมจะผอมบางแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอนะจะบอกให้

“หึหึ” มันหัวเราะแถมทำหน้าเจ้าเล่ห์จนผมชักจะเอะใจ

... เดี๋ยวนะ... มันหัวเราะแบบนี้ คงไม่ได้ห่วงว่าผมจะไม่มีแรงปีนเขาใช่มะ..หรือยังไง? ผมล่ะสงสัยจริงๆ

...

“โอ้โหหหหหหหหหหหหหห”

นี่คือเสียงของพวกผมเอง ดังขึ้นพร้อมเพรียงกันเมื่อพวกเราขึ้นมาถึงจุดหมายปลายทาง เป็นจุดที่พวกเราต้องพักค้างคืนกันในคืนนี้ พื้ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ราบบริเวณกว้าง มาคัสบอกว่าถ้าขึ้นไปสูงกว่านี้จะยิ่งสวยงามมากกว่าที่เห็นอยู่ตอนนี้ แต่เส้นทางมันชันและลำบากกว่ามาก เจ้าชายแอชตันเลยตัดสินใจให้หยุดพักแค่บริเวณนี้ก็พอ

พวกผมกำลังยืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานและมองไปข้างหน้าเพื่อซึมซับภาพวาดจากธรรมชาติ ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับกลับไปพักก็ทอดแสงสีส้มไปทั่วผืนฟ้า ความเขียวขจีที่กางอณาเขตไปสุดลูกหูลูกตามันบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่นี่ แสงจากพระอาทิตย์ยังทอดยาวไปทาบทับภูเขาลูกที่สูงที่สุดที่อยู่ไปทางทิศเหนือจากจุดที่ผมยืนอยู่ ยอดบนสุดของภูเขาลูกนั้นมีสีขาวที่เกิดจากหิมะที่เริ่มตกลงมาปกคลุม ผมคิดว่าภูเขาลูกนั้นคงจะเป็นภูเขาลูกเดียวกับที่ผมเห็นในห้องน้ำที่ห้องนอนของผม อลันเคยพูดให้ผมฟังว่าภูเขาลูกนั้นมีความสำคัญกับบัณตรา เป็นแหล่งต้นน้ำและเป็นที่สถิตย์ของเหล่าเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ให้คุ้มครองประเทศตามความเชื่อของบรรพบุรุษที่เล่าต่อๆ กันมา มันเพิ่งจะปกคลุมด้วยหิมะแรกของฤดูก่อนที่พวกผมจะมาได้อาทิตย์เดียวเอง และอีกไม่กี่อาทิตย์มันก็จะขาวโพลนไปหมด ภูเขาลูกที่พวกผมมาพักนี้ก็จะมีหิมะปกคลุมด้วยเช่นกัน สวยมากครับ..สวยเหมือนภูเขาไฟฟูจิในญี่ปุ่นเลย จากที่เหนื่อยและล้ากว่าขึ้นมาถึงจุดที่พักได้ แต่พอได้เห็นความงามตรงหน้าแบบนี้มันทำให้ความเหนื่อยหายไปเลยครับ

“แกเห็นไหม ปารมีจัง ระยิบระยับอย่างกับเพชรตอนแสงไปกระทบกับหิมะอะ” ไอ้มีนถามผม นี่มันคงมโนว่าอยู่ญี่ปุ่นใช่ไหม ถึงมาเรียกผมแบบนี้ ไอ้มีนโกะเอ้ย แกก็ขี้มโนพอกะข้าล่ะวะ

“เห็น แล้วภาณุจังละเห็นไหม” ผมก็เอากับไอ้มีนมันบ้างจึงหันไปถามไอ้เกลือที่ยืนอยู่ทางขวามือของผม

“เห็น แล้วแกละ ชินจัง ตะลึงเลยไหม” ไอ้เกลือเล่นมุกต่อด้วยการหันไปถามไอ้บูมที่ยืนอยู่ด้านขวามันอีกที

“เชี้ย กำลังเคลิ้มเลย มาเรียกชินจัง อารมณ์พัง หน้าตาแบบฉันต้องโกโบริเท่านั้น” ไอ้บูมโวยวาย พวกผมพากันหัวเราะ

“ฉันลืมไป แกมีชื่อญี่ปุ่น” ผมบอก

“ชื่อไรวะ” ไอ้บูมถามผม

“อาสุจิ ไควะ” ผมทำเสียงยานคางออกสำเนียงญี่ปุ่น คนอื่นๆ พากันหัวเราะกับชื่อของไอ้บูมที่ผมตั้งให้

“โหย ไอ้นาว แกไม่ต้องมาเล่นมุกนี้ อยากรู้เหรอว่า อสุจิใครวะ ฉันว่าคืนนี้มีของแกแน่ สามลูกควบเต็มๆ ตุงตาข่ายเน้นๆ เผลอๆ มีต่อเวลา จริงไหมพี่ธีม” ไอ้บูมชะโงกไปถามไอ้หมาธีม คราวนี้คนอื่นๆ พากันหันมาขำผมบ้าง แม่ม ผลักคนตกหน้าผาที่นี่ติดคุกกี่ปีวะ ชิ!

“แกพูดอะไรให้มันเบาๆ น้องทัสก็อยู่” ไอ้ยีนบ่นเพราะว่าน้องธัสยืนอยู่ด้วย มันคงจะกลัวว่าน้องทัสผู้ใสซื่อจะเสพสื่อในทางที่ไม่ถูกไม่ควร

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเบาหรอกฮะ ทัสไม่ถือ มาที่นี่ต้องพูดดังๆ พวกพี่ๆ ลองตะโกนดูสิ จะมีเสียงสะท้อนกลับมาจากอีกฝั่งด้วย ส่งพลังดีนะฮะ ลองดูสิ” น้องทัสหันมายิ้ม ไอ้โหดมันขำน้องมันที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย

“นาวสามลูกควบบบบบบบบบบบบบบบ)))))))))” ไอ้บูมตะโกนดังแบบที่น้องทัสแนะนำ สักพักเสียงสะท้อนก้องกลับมาจากภูเขาอีกฝั่ง ผมได้ยินเสียงเจ้าชายมิคาเอลหัวเราะขำมาจากด้านหลัง ไอ้บูมทำท่าจะตะโกนต่อ ผมเลยไล่เตะมันเลยครับ แต่ก็ต้องเบรกตัวโก่งเมื่อวิ่งไปเจอเจ้าชายแอชตันที่กำลังแบกฟืนมาก่อกองไฟด้วยตัวเอง

“ระวังหน่อย น้ำค้างลง มันจะลื่น” พูดเสียงเข้มจบท่านก็เดินไปนั่งแถวๆ กองไฟ คนอะไรจะเท่ห์ได้ตลอดเวลา

“เอากระเป๋ามาเก็บเต็นท์ได้แล้วทุกคน ทหารจัดการกางเต็นท์ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว” เจ้าชายมิคาเอลเดินมาบอก ผมเลยไปบอกพวกเพื่อนๆ ให้เอาของไปเก็บก่อน ทุกคนแยกย้ายกันไปที่เต็นท์ของตัวเอง มีแต่ผมที่ตอนนี้ยืนมองเต็นท์ของตัวเองอยู่ด้วยความสงสัย

“เข้าไปดิ” ไอ้โหดบอกผม ผมหันไปมองหน้ามัน

“ให้ใต้โต๊ะทหารไปเท่าไหร่ พูด” ผมถาม

“หึหึ ป๊าว” มันทำเสียงสูงครับ แต่ผมไม่เชื่อ

ลองคิดดูนะ ผู้หญิงนอนรวมเต็นท์ใหญ่เต็นท์เดียวกันหมด ส่วนไอ้จอม ไอ้บูม ไอ้เกลือ ไอ้บิว น้องทัสก็นอนเต็นท์เดียวกัน เจ้าชายทั้งสองพระองค์ก็มีเต็นท์เดี่ยวคนละเต็นท์ แล้วทำไมผมกับไอ้โหดถึงได้อภิสิทธิ์แยกนอนกันสองต่อสอง ทั้งที่เต็นท์รวมผู้ชายก็นอนพอ แถมแยกออกมากางตรงมุมที่เงียบสงบห่างจากคนอื่นอีก มันดูวีไอพีเกินไปแล้ว

“นาวไม่เชื่อพี่หรอก” ผมบอกมัน มันเอาแต่ยิ้มก่อนจะดันหลังผมให้เข้าไปในเต็นท์ ผมเอากระเป๋าเข้าไปเก็บ นั่งเถียงกับไอ้โหดเรื่องใครจะนอนซ้ายนอนขวา แต่มันสรุปให้เสร็จสรรพเลยว่า

“พี่นอนทับนาวแล้วกัน เสมอภาค” มันพูดจบผมล่ะอยากเอานิ้วเข้าไปล้วงคอมัน ให้มันอ้วกเอากระเทียทอดออกมาให้หมดเลยเชียว ซุปเปอร์หื่นอย่างมันคงไม่ต้องโด๊ปแล้วล่ะ

สักพักมาคัสมาตามผมกับไอ้โหดไปกินอาหารเย็น เพราะถ้าดึกมากกว่านี้จะมองไม่อะไรค่อยเห็นแล้ว อันที่จริงจุดที่พักไม่ได้ไกลจากเชิงเขามากนัก แต่มันก็คงจะหลายกิโลอยู่นะ แต่ที่พวกเราขึ้นมาถึงก็ตกเย็นแล้วก็เพราะพอเจอจุดชมวิวตรงไหนสวยก็แวะถ่ายรูปกันตลอด เป็นการเดินป่าปีนเขาที่สบายใจกันมาก ทีแรกก็เกรงใจเจ้าชายทั้งสองพระองค์เหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็ดูสบายๆ ไม่ได้เร่งพวกผม แถมเจ้าชายมิคาเอลยังคอยเล่าประวัตินั่นนี่ให้ฟังเป็นความรู้ด้วย ส่วนเจ้าชายแอชตันก็ไม่เปิดปากคุยง่ายๆ เหมือนเดิม แต่แค่ท่านยืนกอดอกเท่ห์ๆ ก็เหมือนเป็นรางวัลชีวิตให้ไอ้ยีนกับไอ้มีนแล้วครับ ส่วนที่พวกเราเหนื่อยล้าเพราะทางมันชันมาก
ผมกับไอ้หมาธีมจัดข้าวของเสร็จก็เดินออกไปสมทบกับเดอะแก๊งที่กำลังช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวกันอย่างสนุกสนาน และที่ทำให้ประหลาดใจมากก็คือ มิเชลดูให้ความสนิทสนมกับไอ้บูมเป็นพิเศษ ช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวให้กัน แถมมิเชลยังหัวเราะกับมุกตลกของไอ้บูมยกใหญ่ ปกติมิเชลจะไม่ยอมสุงสิงกับใครนอกจากพี่ธีมและธาร

“บีหนึ่งเห็นเหมือนที่บีสองเห็นไหม” ผมถามไอ้เกลือที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงหน้ากองไฟที่จุดขึ้นเพื่อไล่ความหนาวและให้แสงสว่าง

“เห็น แกว่า เจ้าหญิงญาติดีกับไอ้บูมแบบนี้ หิมะจะย้ายมาตกภูเขานี้ไหมวะ บีสอง”

“ฉันกลัวอุกาบาตรจะตกมากกว่า”

“แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของแกนะ ที่น้องตังเมจะย้ายสัมปทานไปสนับสนุนนักกีฬาแทน”

“ฉันก็ว่างั้นละ บีหนึ่ง คึคึ”

“แต่อาจจะเป็นความซวยของไอ้บูม” ไอ้เกลือพูดจบ ผมกับมันก็แอบหัวเราะกันสองคน ที่ว่าซวยก็คือไอ้บูมมันชอบทำเป็นหยอดไปทั่ว นี่เจ้าหญิงเชียวนะโว้ย เล่นของสูงซะแล้ว โดนโทษประหารขึ้นมา ผมจะหัวเราะซ้ำ

“พี่ธีม พี่บิวให้เอากระเทียมหมักเกลือย่างมาให้ครับ” น้องทัสเดินเอาจานกระเทียมย่างมาให้พี่ชายของตัวเอง ผมรีบรับเอาไว้แล้วเอาไปหลบข้างหลังผม ไม่ให้มันกินหรอก คิดจะโด๊ปมันเหรอไอ้บิว

“พอเลย” ผมบอกไอ้โหด ก่อนจะกระซิบน้องทัสว่า

“กระเทียมย่างของพี่บิวอร่อยมาก รสชาติดีสุดๆ น้องทัสเอาไปให้เจ้าชายแอชตันเสวยดีกว่านะ บอกว่า พี่บิวทำให้เป็นพิเศษ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น” ผมบอกจบก็ยื่นจานคืนให้น้องทัส น้องทัสทำหน้าสงสัยนิดหน่อยแต่ก็ยอมลุกเอาไปให้เจ้าชายแอชตัน ผมเห็นเจ้าชายทำหน้าเฉยๆ ตอนที่น้องทัสส่งให้ แต่พอน้องทัสลุกออกมาผมเห็นว่าเจ้าชายเลื่อนจานกระเทียมย่างเข้าไปไว้ใกล้ๆ ตัว คึคึ ไอ้นาวพอจะเข้าใจอะไรนิดหน่อยแล้วล่ะ

“ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเลย รีบกิน จะได้รีบนอน”ไอ้หมาธีมมันว่าผม

“นาวไม่รีบ นาวไม่ง่วง กะว่าจะนอนสักตีห้า” ผมบอก หึหึ ผมไม่ใช่คนที่จะยอมพลีกายง่ายๆ นะเว้ย

“พี่จะรอดูว่านาวจะได้นอนกี่โมง” มันบอก ผมยักไหล่ให้มัน จากนั้นสาวๆ ก็ยกบาร์บีคิวที่ปิ้งจนสุกแล้วไปแจกจ่ายให้ทุกคน ส่วนที่เหลือเดินตรงมาทางผมแล้วนั่งล้อมวงกันโดยมีอลันเป็นคนอาสาไปปิ้งบาร์บีคิวต่อให้

“ท่านพี่ มิเชลให้เดนนิสนำกีต้าร์มาด้วย ท่านพี่เล่นเพลงให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ แต่ไม่เอาเพลงแบบวันนั้นนะ” มิเชลเรียกทหารองค์รักษ์ของตัวเองให้นำกีต้าร์มาส่งให้ไอ้หมาธีม

“แกรู้เปล่า คืนวันนั้นที่พี่ธีมต้องพาเจ้าชายกับเจ้าหญิงไปฟังเพลงต่อที่ผับ พี่ธีมเล่นเพลงอะไรให้เจ้าหญิงมิเชลฟัง” ไอ้บิวกระซิบถามผมเบาๆ เออใช่...คืนนั้นไอ้บิวมันไปฟังเพลงต่อกับพวกนั้นด้วยนี่หว่า ผมก็ลืมไปเลย ไม่งั้นผมแอบถามไอ้บิวนานแล้ว

“เพลงไรวะ เห็นมิเชลมาคุยข่มฉันว่า พี่ธีมร้องเพลงเพราะมากเลย” ผมดัดเสียงเลียนแบบมิเชล ไอ้บิวแอบขำ

“เพราะมากไรละ พี่ธีมเล่นเพลงบัวลอยของคาราบาวเลยแก แสบแก้วหูกันไปทั้งผับ ฮ่าๆ นึกแล้วยังขำไม่หาย” ไอ้บิวเล่าจบผมก็หันไปมองหน้าไอ้โหด มันรักษาสัญญาจริงด้วยที่บอกว่าจะร้องเพลงเพราะๆ ให้ผมฟังคนเดียว

“นะคะท่านพี่ มิเชลอยากฟัง” มิเชลยังอ้อนไอ้โหด

“เล่นเหอะ นาวก็อยากฟัง” ผมบอกมัน มันเลยรับกีต้าร์จากเดนนิสและนั่งปรับเสียงอยู่แป๊ปนึง

เจ้าชายมิคาเอลเดินมานั่งบนโขดหินใกล้ๆ กับธารแล้วส่งถุงมือของตัวเองให้ธารด้วย คู่นี้ก็คงจะปิ๊งกันแล้วแน่ๆ ส่วนเจ้าชายแอชตันนั่งดื่มเหล้าพื้นเมืองกับมาคัสอยู่ไม่ไกล แล้วไอ้โหดมันก็ขยับท่าทางให้ถนัดก่อนจะมองหน้าผม แล้วมันก็เริ่มบรรเลงเพลงขับกล่อมให้ทุกคนได้ฟัง ผมรู้สึกเขินมาก ดูก็รู้ว่ามันจงใจทำให้ทุกคนรู้ว่ามันร้องเพลงนี้ให้ผม อีกนิดก็เกือบจะซึ้งถ้าไอ้บูมมันไม่มานั่งกินกระเทียมย่างใกล้ๆ แล้วบอกกับผมทุกสามนาทีว่า ‘คืนนี้แกโดนแน่’

ไอ้บูม แกคือตัวทำลายบรรยากาศแท้ๆ ผมเลยลุกไปนั่งข้างน้องทัสแทน แล้วไอ้โหดมันก็เริ่มร้องเพลงใหม่เมื่อเพลงเมื่อครู่นี้จบ

เสียงนุ่มๆ ของพี่ธีมเคล้ากับเสียงกีต้าร์ใสๆ ท่ามกลางแสงจันทร์นวลนั้นสะกดให้ผมตกอยู่ในบรรยากาศอุ่นขึ้นได้ทั้งที่มีลมเย็นพัดแผ่วๆ มาตลอด สายตามันไม่ได้ละไปไหนเลย ยังคงจ้องผมอยู่ตลอดเวลา ผมเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแล้วเหมือนกัน ทุกถ้อยคำจากบทเพลงที่มันถ่ายทอดถูกส่งผ่านเข้ามาถึงหัวใจของผมทุกตัวอักษรราวกับว่าผมกำลังอ่านจดหมายรักของมันที่เขียนให้ผมซ้ำไปซ้ำมา

มันเล่นเพลงนี้จบ ทุกคนก็ยังเงียบเหมือนถูกสะกดไปตามๆ กัน จนกระทั่งเจ้าชายมิคาเอลปรบมือให้ บรรดาทหารคนสนิทก็ปรบมือตาม ไอ้บูมเป่าปากส่งเสียงชื่นชมพี่ธีมราวกับมันเป็นติ่งพี่ธีมไปแล้ว ถ้ามันหาป้ายไฟทันมันคงจัดเต็มแน่ๆ แต่น้องทัสนี่สิครับ เอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาจนไอ้บิวต้องส่งผ้าเช็ดหน้าให้แทน พี่ธีมมันกำลังจะวางกีต้าร์ลงแต่เสียงของเจ้าชายแอชตันดังขึ้นมาเสียก่อน

“เพลงนี้มีชื่อว่าอะไร”

“คนสุดท้าย” พี่ธีมตอบ เจ้าชายแอชตันฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับรู้

“ร้องอีกรอบได้ไหม” เจ้าชายแอชตันถาม ผมกับมันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ มันหันไปพยักหน้าให้กับเจ้าชายแอชตัน แล้วมันก็เริ่มร้องเพลงนี้อีกหน คราวนี้น้องทัสชันเข่าขึ้นซบหน้าร้องไห้จนผมต้องลุกไปนั่งไปโอบไหล่ของน้องเอาไว้ ไม่รู้น้องเสียใจเรื่องอะไร แต่คงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจพอสมควร

“เพลงนี้เป็นเพลงโปรดท่านอานงนุช..แม่ของพี่แอล ทัสจำได้จากวีดีโอที่พี่แอลชอบดูบ่อยๆ ทัสสงสารพี่แอลจัง” น้องทัสเงยหน้ามาพูดเบาๆ กับผมและไอ้บิว ผมกับไอ้บิวได้ยินแล้วรู้สึกสะเทือนใจตาม ผมแอบลอบมองเจ้าชายแอชตันที่นั่งทำหน้านิ่งๆ และมองไอ้หมาธีมเล่นเพลงนี้อยู่อย่างตั้งใจ คนที่ผมเคยแอบนินทาในใจว่าดีแต่ทำหน้ายักษ์ แต่พอได้สังเกตจริงจังในตอนนี้ ผมว่าดวงตาคู่นั้นกำลังซ่อนความปวดร้าวเอาไว้ภายใต้ความเฉยชา

“ฉันเข้าใจเลย เวลาคิดถึงแม่นี่มันทรมานบรรยายไม่ถูก” ผมบอกกับไอ้บิว ไอ้บิวมองไปที่เจ้าชายก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
ไอ้โหดยังถูกขอให้ร้องเพลงอีกหลายเพลง มันเปลี่ยนมาร้องเพลงสนุกๆ บ้าง เลยทำให้บรรยากาศอุ่นๆ เมื่อครู่สดใสขึ้นมา ตอนนี้ไอ้บูมกับไอ้จอมไปนั่งร่วมวงกับเจ้าชายแอชตันและมาคัสแล้ว มันไปขอชิมเหล้าพื้นเมืองจนหน้าเริ่มแดงไปหมด ไอ้โหดมันเปลี่ยนให้ไอ้เกลือเล่นกีต้าร์ต่อบ้าง โดยมีไอ้มีนเป็นคนร้องเพลงขับกล่อม ไอ้บิวก็พาน้องทัสไปร่วมวงด้วย จากนั้นไอ้โหดมันก็เดินมานั่งข้างผมแล้วส่งเหล้าให้ผมดื่มอีกแก้ว เมื่อกี้ผมได้ดื่มไปหนึ่งแก้วแล้วล่ะ อลันเอามาให้แต่ผมไม่ได้บอกมันหรอก

“ไม่ขมเลยอะ หวานนิดๆ เหมือนน้ำผลไม้เลย อร่อยดีเหะ” ผมบอกมันเมื่อชิมเสร็จ

“มาคัสบอกว่าเขาหมักจากผลทรีส ผลไม้ที่ปลูกอยู่ในบัณตราเท่านั้น หวานอร่อย แต่ดื่มไปสักพักจะทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น ส่วนใหญ่จะหมักเอาไว้ดื่มในช่วงหน้าหนาว”

“ไม่น่าจะเมาได้” ผมบอกก่อนจะกระดกดื่มรวดเดียวหมดแล้ว

“หึหึ เดี๋ยวก็รู้” มันบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเจ้าเล่ห์สุดๆ

คึคึคึคึ มันต่างหาก ที่ไม่รู้อะไรเล๊ยยย ไอ้หมาธีมเอ้ย


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-02-2015 14:27:15
พรุ่งนี้ต้องโดนแซวกระจุย อิอิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2015 14:46:06
มันใช่แต่พี่ธีมหรือที่หื่นน่ะ ดูมะนาวสิเตรียมการมาดีเหมือนกันเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-02-2015 15:03:01
ต้องยกความดีความชอบให้อลัน รู้ใจนาวดีจริงๆ
ช่วยได้เยอะ (เยอะจนพี่ธีมถึงกับอึ้ง)

ธีมให้กางเต็นท์ออกมาไกล คงเก็บเสียงนาวธีมไม่อยู่
ตื่นเช้ามาโดนฝูงไฮยีน่ารุมทึ้งแน่ นาวเอ้ย
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 10-02-2015 16:31:49
555+ นาวเตรียมพร้อมมาดีจริงๆ

อลันนี่รู้ใจจริงๆ พี่ธีมต้องให้รางวัลเยอะๆน่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 10-02-2015 16:33:55
อืมหืมมม
เตรียมการกันพร้อมเชียวว
 :ruready
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 10-02-2015 16:48:30
ในที่สุดมะนาวต่าวดุ๊ดเสียเมือง  :mc4: ว่าแต่อลันสมควรได้รับรางวัลสักหน่อยนะ :m26:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 10-02-2015 17:04:16
พี่ธีมถึงกับตามไม่ทัน
นาวเตรียมพร้อมมาเต็มที่  ทำงานกันเป็นขบวนการ 555 :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-02-2015 17:05:20
55555  สรุปน้องนาวเตรียมมาเสียตัวพร้อมกว่าพี่ธีมอีกนะเนี่ยะ  ไงล่ะ ๆ พี่ธีม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 10-02-2015 17:24:39
เตรียมมาอย่างดีเลยนะหนูนาว :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-02-2015 17:42:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-02-2015 17:55:54
เฮ๊ยยยยยย น้องนาว อย่างแซ่บอะ  โถวๆๆๆ เตรียมการเสียตัวพร้อม  :hao6: :hao6:  พี่ธีม อิ่มมั้ยคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2015 19:26:12
เตรียมตัวมาพร้อมกว่าธีมอีกนะน้องนาว.  อิอิอิ. ผงนี้มีจริงไหมอะ อยากได้บ้าง 55555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 10-02-2015 20:39:13
หนูนาวเตรียมพร้อมได้ดีมากค่ะลูก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 11-02-2015 09:05:40
น้องนาวหนูพร้อมมากจริงๆ  o13 ไหนๆจะเป็นสาวแล้ว เราต้องเป็นอย่างมั่นใจ และสวยงาม

ไม่มีหรอกค่ะ ล่งเลือดอะไร เจ็บอะไร ไม่มี๊ ต้องสุขอย่างเดียว ครึ ครึ อึ้งดิ  o22 พี่ธีม พี่พร้อมน้อยกว่ามาก :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 29 (10/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-02-2015 09:37:10
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

ตามทันซะที อ่านมา 4 วันติด

ตาแฉะหมดแล้ว  :impress:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 13-02-2015 18:45:30
บทที่ 30
   
 
กาลครั้งหนึ่งของธีม

...ผมขอเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไปให้ทุกคนได้ฟังเองครับ...

“ห้าโหล ฮ้าโหลลล ฮ้าลโหลลล  หนึ่ง สอง สาม โอเค๊ อาร์ ยู เรลดี้” บูมมันส่งเสียงร้องอ้อแอ้อยู่กับพวกเดอะแก๊ง คงกำลังเมาได้ที่ ไอ้ตัวยุ่งของผมก็เหมือนกัน ผมให้มันดื่มไปแค่แก้วเดียวเองนะแต่ตอนนี้มันเอาแต่ยิ้มตาเยิ้ม พิงไปทางนี้ทีทางนั้นทีแล้วครับ คิดว่ามันไม่ถึงกับเมามากหรอก แต่คงกึ่มๆ พอตัว เพราะปกติมันไม่ดื่มของมึนเมา มันเป็นคนรักตัวเอง ดูแลตัวเองจะตาย อะไรที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมมันจะไม่ทำ ขนาดมันเป็นผู้ชาย ผิวมันยังขาวผ่องเนียนละเอียดกว่าผู้หญิงบางคนอีก น่าสัมผัสไปทุกส่วน

“เดินไหวไหม” ผมถามมัน มันหันมายิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่ไหว ไม่หวาย ขาหายไปหมดแล้ว พี่ธีมดูดิ เห็นเปล่า ขาวนาวหายไปล้าวววว” มันพูดจาอ้อแอ้ก่อนจะลุกไปนั่งยองๆ ดึงเสื้อกันหนาวของตัวเองมาคลุมขามันจนมิดไม่เห็นแม้กระทั่งรองเท้า 

“หึหึ เรานี่นะ” ผมค่อยๆ ดึงมันลุกขึ้นยืนก่อนจะหน้ามืดปล้ำมันตรงนี้เพราะทนความน่ารักของมันไม่ไหว

“เห็นป่าวว ขานาวหายไปแล้ว” มันยังเล่นซ่อนขาใต้เสื้อต่อ

“งั้นขี่หลังพี่ไป ไปนอนได้แล้วนะ” ผมบอกมัน มันยิ้มให้ผมอีกรอบก่อนจะยอมลุกขึ้นแล้วปีนป่ายขึ้นไปขี่หลังผม ผมไม่สนหรอกว่าใครจะมองยังไง นี่คือความจริงที่ทุกคนต้องรับรู้ ไม่ว่าผมจะมีศักดิ์และสิทธิ์สูงส่งแค่ไหน ผมก็เป็นแค่ม้าให้ไอ้มะนาวต่างดุ๊ดคนนี้ขี่ได้เสมอด้วยความเต็มใจ

“นาวมีความสุข” มันเอาคางมาเกยที่บ่าของผมและบอกผม มันจะรู้ไหมว่าลมร้อนๆ จากปากมันที่เป่าหูผมอยู่มันกระตุ้นอะไรในตัวผมบ้าง

“พี่ดีใจที่นาวมีความสุข” ผมเอียงหน้าไปหามัน จมูกเราชนกันนิดหน่อย มันเอามือดันหน้าผมให้หันกลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิมก่อนจะหอมแก้มผม ดูสิครับ นี่มันยั่วผมเองนะ จะมาว่าผมหื่นได้ยังไง

“ชีวิตของคนๆ หนึ่งได้อบอุ่นใจ และได้รู้ตัว..ว่าเป็นคนที่โชคดี ขอบคุณนะที่ทำ ให้ทุกๆ นาที ได้มี..ความหมายที่สำคัญ” มันร้องเพลงท่อนนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนผมพามันมาถึงเต็นท์

“ให้เพลงนี้เป็นเพลงประจำตัวเรานะ ห้ามไปร้องเพลงนี้ให้ใครฟังนะ” มันบอก หน้ามันอ้อนมากครับ น้ำเสียงมันก็อ้อนสุดๆ ผมพยักหน้าก่อนจะพามันเข้าไปด้านใน

ผมหันมารูดปิดเต็นท์ให้สนิทเพราะลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ หันกลับมาอีกทีไอ้ตัวดีถอดเสื้อออกหมดเหลือแต่กางเกง มันนั่งกอดอกตัวสั่นอยู่ ผมรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวมัน แต่มันกลับโถมตัวมาหาผมแล้วเป็นฝ่ายจูบผมก่อน ผมสัมผัสได้ถึงรสหวานของเหล้าผลไม้จากลิ้นของนาว ผมกับมันแลกจูบกันแบบไม่มีใครยอมใคร ระหว่างนั้นมันก็จับปลายเสื้อผมขึ้นและลูบไล้ไปทั่วตัวผม ผมพลิกตัวกลับมาค่อมตัวมันแล้วถอดเสื้อตัวเองออก มันนอนมองผม ตามันเยิ้มมากครับ ริมฝีปากของนาวแดงจัดและเจ่อขึ้นเล็กน้อยเพราะจูบที่เร้าร้อนเมื่อครู่

นาวส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อผมตวัดปลายลิ้นไปแตะที่ติ่งน้อยๆ สีทับทิม มือของนาวบีบอยู่ที่ไหล่ของผม ทุกครั้งที่ผมลากลิ้นสากๆ ของผมผ่านตุ่มไตเล็กๆ นั่นแบบเน้นๆ นาวก็จะบีบไหล่ผมแทนการส่งเสียงคราง มันคงกลัวใครจะได้ยิน แต่ผมอยากได้ยินเสียงของมัน เลยแกล้งใช้ริมปากเม้มแรงๆ มันแอ่นตัวขึ้นและจิกที่ไหล่ของผม ยิ่งจิก ผมก็ยิ่งเม้มปาก ในที่สุดมันก็ยอมส่งเสียงออกมา มันคงจะทรมาน ผมรู้สึกเห็นใจเลยเลิกแกล้งมัน

ผมเลื่อนไปจูบปากมันอีกครั้งก่อนจะซุกไซร้ตามแนวลำคอ ผมอยากสัมผัสทุกตารางนิ้วของร่างกายนี้ ทุกครั้งที่ผมสัมผัส มันก็จะสะดุ้งน้อยๆ และส่งเสียงครางให้ผมรับรู้ถึงความพึงพอใจที่เกิดขึ้น ผมไล่ชิมร่างกายของมันมาถึงส่วนสำคัญ ค่อยๆ ถอดกางเกงมันออก นึกแล้วก็ขำที่นาวมันตั้งชื่อภาระกิจนี้ว่า ‘จูปาจุ๊บกระชับความสัมพันธ์’ หึหึ นอกจากมันจะมโนเก่งแล้วยังตลกอีกด้วย น่ารักที่สุดแฟนผม

ผมจัดการปฏิบัติภาระกิจจูปาจุ๊บจนนาวมันบิดตัวไปมา ส่งเสียงครวญแผ่วๆ เสียงของนาวยิ่งกระตุ้นให้ผมต้องการมันมากขึ้น ผมช่วยให้มันถึงฝั่งฝันเรียบร้อยแล้วก็ขยับขึ้นมาหอมแก้มมัน แก้มมันแดงระเรื่อน่ารักมากเลย

“ขอนะ” ผมอ้อนมัน มันนอนหายใจระทวยพร้อมกับปลายตามามองผม

“จะเจ็บมากไหม”

“คนราต้องมีครั้งแรก”

“แต่นาวไม่ใช่คนแรก” มันทำเสียงงอนๆ

“คนแรกสิ พี่ไม่เคยนอนกับผู้ชาย บั้นท้ายแรกเลยนะขอบอก” ผมบอก มันหลุดขำก่อนจะพยักหน้า

“นาวต้องดีใจไหม ที่บั้นท้ายนาวจะได้เขมิบมังกรพี่เป็นคนแรก” มันถามติดตลก

ผมไม่ได้ตอบ รู้ว่ามันทำตลกกลบเกลื่อนความกลัว ผมเริ่มปรนเปรอมันร่างกายของนาวอีกรอบให้มันมีอารมณ์คล้อยตามและไม่เกร็ง นาวน้อยเริ่มคึกคักอีกครั้ง ผมขึ้นไปทาบทับบนตัวมัน เราใช้ร่างกายบดเบียดกันอยู่สักพักแล้วค่อยๆไปสาละวนที่บั้นท้ายของมัน นาวชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามผมแต่อย่างใด ผมพยายามอ่อนโยนกับนาวที่สุดจนตัวเองก็รู้สึกทรมาน ผมพยายามเล้าโลมเพื่อให้นาวลืมๆ ไปว่าผมกำลังจะทำอะไร นาวก็ดูจะคล้อยตามและเริ่มส่งเสียงแสดงความพึงพอใจอีกรอบ ผมเริ่มปฏิบัติการ ‘สองกายเป็นหนึ่งเดียว’ ขอพี่ตั้งชื่อภาระกิจนี้บ้างก็แล้วกันนะเจ้ามะนาวต่างดุ๊ด

“อ๊ะ พี่ธีม เข้าไม่ได้หรอก” มันรู้ตัวจนได้ มันร้องบอกผมเมื่อเข้าไปในร่างกายมันได้นิดหนึ่งแล้ว สีหน้ามันกังวลเห็นได้ชัด

“ทนได้ไหม พี่ต้องการนาวจริงๆ” ผมบอกมัน มันสบตาผมก่อนจะกัดริมฝีปากแล้วพยักหน้าให้

ในที่สุดผมก็ได้นาวมาเป็นของผมอย่างเต็มรูปแบบ นึกขอบคุณที่มันอดทนเพื่อให้ผมได้ทำอย่างที่ทำ ผมหลงรักนาวมาแปดปี อยากครอบครองคนๆ นี้ทั้งตัวและหัวใจ ความรักและความต้องการของผมที่มีให้นาวไม่เคยลดน้อยลงเลย นาวอาจจะไม่ใช่คนแรกที่ผมมีสัมพันธ์ทางกายด้วย แต่นาวเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมมีความสุขอย่างที่สุด ไม่ใช่แค่สุขสมตามกลไกของร่างกาย ไม่ใช่แค่อิ่มทางเพศรส แต่มันอิ่มไปถึงหัวใจ คนๆ นี้เป็นของผม ผมได้กอด ได้สัมผัส ได้เป็นหนึ่งเดียวกับเขาแล้ว คนที่ผมรักมาก มากเท่าชีวิตตัวเอง ไม่สิ มากกว่าชีวิตของผมเองอีก

“มีความสุขไหม” ผมทิ้งตัวลงนอนข้างมันและหอมแก้มที่ชื้นเหงื่อเต็มไปหมดหลังจากที่เราทั้งคู่ไปถึงจุดหมายพร้อมกัน

“พี่มาเต็มมาก นาวหายใจหายคอไม่ทันเลย” ดูสิครับ นาวมันยังปากดีอีก เป็นคนอื่นคงบอกรักกันหวานหู แต่คงไม่ใช่กับมะนาวคนนี้ของผม

“ต่อไหม”

“โอ้ย ถ้าพี่จะต่อ พรุ่งนี้ถีบนาวลงเขาเลยละกัน นาวคงเดินไม่ได้แล้ว” มันบ่น

“หึหึ เดี๋ยวพี่อุ้มก็ได้”

“ไม่เอาแล้ว นาวเหนื่อย แต่นาวมีความสุขมากนะ รู้งี้ยอมมานานละ” มันพลิกตัวกลับมากอดผม ผมแปลกใจที่เห็นว่ามันไม่บ่นเจ็บหลังจากโดนผมทำประตูไปแล้วอย่างที่คาดการณ์เอาไว้

“เจ็บมากไหม” ผมถาม

“ไม่เท่าไหร่” มันตอบ ผมขมวดคิ้ว

“แปลก” ผมบอก มันขยับตัวมันขึ้นมานอนทับผมเอาไว้

“นาวมีตัวช่วย”

“ยังไง” ผมขมวดคิ้วถาม มันนอนดุ๊กดิ๊กไปมาบนตัวผม เออ..มานอนแบบนี้เดี๋ยวมังกรผมก็ตื่นอีกจนได้

“อลันบอกว่า ให้นาวผสมผงจากผลทรีสบดแห้งกับเหล้าพื้นเมืองแล้วเอามาดื่ม จะช่วยให้ไม่เจ็บ แถมยังช่วยให้สยิ๋วกิ๋วมากกว่าปกติอีกด้วย” ผมอึ้งไปเลยเมื่อมันยอมเฉลยเคล็ดลับ

“นี่นาวไปปรึกษาคนอื่นเรื่องนี้ด้วยเหรอ” คนหน้าบางอย่างนาวเนี่ยนะ ผมไม่อยากจะเชื่อหูจริงๆ

“นาวมีทางเลือกที่ไหนละ ยังไงพี่ก็จะตีเมืองนาวแตกแน่ๆ ผดหื่นของพี่ขึ้นมาสองสามวันแล้สนี่ อย่าคิดว่านาวไม่รู้นะ นาวก็ต้องหาหนทางให้เมืองของนาวเสียหายน้อยที่สุด อีกอย่าง..นาวไม่ได้เล่าเหอะ อลันเอามาให้เอง แถมยังปลอบใจว่า ภาระที่ยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง คุณมะนาวต้องอดทน” มันร่ายยาวให้ผมฟังก่อนจะซุกหน้าลงกับอกของผม นี่ผมคิดถูกไหมที่ให้อลันมาเป็นองค์รักษ์คนสนิทของมัน ท่าทางจะเข้ากันดีเกินไปแล้ว

“งั้นพี่คงต้องหาซื้อเหล้าพื้นเมืองกับผงทรีสบดแห้งไปตุนเอาไว้ ต้องตุนเยอะๆ โอ้ย” ผมพูดจบ มันก็ทุบหน้าอกผม สักพักก็กลิ้งลงมานอนแผ่ข้างๆ

“เช็ดตัวให้หน่อยได้ไหม อลันเอาถังน้ำมาตั้งไว้ให้ข้างๆ เต็นท์แล้ว นาวนอนไม่หลับหรอก เหนียวตัว” มันอ้อนผม ซึ่งผมก็อึ้งไปอีกที่มันเตรียมพร้อมทุกอย่างขนาดนี้

...สรุปว่า ที่ผมเตรียมการมากินมัน ยังดีไม่เท่ามันเตรียมการมาให้ผมกินเลยนะเนี่ย แล้วจะไม่ให้ผมรักมันได้ไงตัวแสบเอ้ย...

“พี่รักนาวโคตรๆ เลย” ผมจูบที่หน้าผากของนาวแล้วลุกออกมาทำหน้าที่คนรับใช้มันต่อไปด้วยความเต็มใจอีกเช่นเคยครับ...

.....
 
กาลครั้งหนึ่งของนาว

บอกแล้วไงครับ ว่าถ้าเรื่องหื่นๆ ต้องให้ไอ้หมาธีมมันเล่า ผมมันคนหน้าบาง เรื่องแบบนี้ผมไม่ถนัดเลย งั้นมาฟังนิทานกาลครั้งหนึ่งในส่วนของผมต่อครับ

หลังจากที่ผมได้รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าชายมาดากัสก้าแล้ว ในเช้าวันรุ่งขึ้น มันก็นอนกอดผมเอาไว้ด้วยความรัก หรือไม่ก็อาจจะกำลังเตรียมอาหารเช้ามาให้ผมถึงที่นอน ปลอบประโลมที่ผมต้องยอมทนเจ็บเพราะความรัก มันคุกเข่ามอบดอกไม้และยกมรดกทั้งหมดที่มีของมันให้ผมด้วยความเสน่หา

“ฉันว่ามันกำลังมโนอยู่แหงๆ”

เสียงใครวะ ผมพยายามเงี่ยหูฟัง

“ฉันก็ว่างั้น นอนยิ้มพริ้มขนาดนี้”

ดูดิ ใครมาคุยกันแถวนี้ รบกวนผมจริงๆ

“แกว่ามันโดนกี่ประตู”

นี่ผมฝันอยู่ใช่ไหม ทำไมรู้สึกว่าเสียงหมาไฮยีน่ามาเห่าอยู่ใกล้ๆ

“ฉันว่า..อย่างน้อย สาม”

“แล้วมันจะเดินลงเขาไหวเหรอวะ”

“โถ เพื่อนฉัน ในที่สุดก็เป็นสาวเต็มตัวแล้ว”

ผมว่าผมคงไม่ได้ฝันแล้วล่ะ แล้วผมก็จะไม่ยอมตื่นด้วย เพราะผมสัมผัสได้ถึงพลังงานชั่วร้ายบางอย่างที่รายล้อมตัวผมอยู่ แต่ผมมีคำถามว่า ไอ้อังวะหมาธีมที่ตีเมืองผมเมื่อคืนมันหายหัวไปไหน มันปล่อยให้ฝูงไฮยีน่ามารุมจิกทึ้งผมแต่เช้าแบบนี้ได้ยังไง ไอ้ที่ผมบรรยายเอาไว้สวยหรูในตอนแรกว่ามันกำลังเตรียมเอาใจผมอยู่นี่คือผมมโนล้วนๆ เลยใช่ไหมครับ ฮึ่ม..

“ฉันรู้ว่าแกแอบหลับ”

แหน่ะ เสือกรู้ดีอีก อย่าหวังว่าผมจะยอมลืมตาง่ายๆ

“พี่นาวเป็นอะไรเหรอฮะ ทำไมถึงจะลงเขาไม่ไหว” เสียงของน้องทัสถามเหล่าไฮยีน่าที่ชั่วร้าย

โธ่ นี่น้องทัสก็อยู่ด้วยเหรอ ผมละอยากร้องไห้จริงๆ ไอ้หมาธีม แกหายไปไหน

“แกมัวแต่หลับ พี่ธีมไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นกับมิเชลแล้ว”

สิ้นคำพูดของหมาตัวไหนสักตัวผมก็เด้งตัวลุกขึ้นโดยอัตโนมัติทันที ลุกขึ้นมานั่งได้ก็เห็นไอ้เกลือ ไอ้บูม ไอ้มีนและน้องทัสนั่งล้อมตัวผมอยู่ในเต็นท์ พอผมเห็นสายตาพวกมันมองมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ผมก็แกล้งล้มตัวลงไปนอนแบบเดิม

“ไม่ทันแล้วแก ไม่ต้องแกล้งหลับ ลุกเร็ว พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น” ไอ้เกลือดึงข้อมือผมให้ลุกขึ้นหลังจากที่ผมแกล้งหลับอีกรอบ

“ฉันหลับอยู่” ผมหลับตาพูด

“แกจะลุกไปดีๆ หรือให้ฉันออกไปตะโกนแบบเมื่อวาน” ไอ้บูมถาม แม่ม พวกแกมันร้ายกาจมาก ฉันจะขอนอนแบบมีความสุขบ้างก็ไม่ได้

“เออๆ ลุกแล้ว แต่ฉันบอกว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนไหนวะ” ผมแกล้งทำหัวเสียกลบเกลือนความอาย

“ลุกไหวไหม เดินไหวเปล่าแก” ไอ้มีนถาม

“จิ๊ ไหวดิ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ผมแกล้งส่งเสียงรำคาญก่อนจะลุกขึ้น แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บร้าวที่บั้นท้าย บวกกับรู้สึกเมื่อยล้าช่วงล่างไปหมด เลยเผลอทำหน้าเหยเกออกมา

“พี่นาวไม่สบายเหรอจ๊ะ” น้องทัสถามผม ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ แต่ไอ้สามตัวปิดปากหัวเราะกันคิกคัก

“สงสัยอากาศมันหนาวจนกล้ามเนื้อตึง” ผมบอกน้องทัส น้องพยักหน้าก่อนจะขยับเข้ามาช่วยประคองผม

“ไม่เป็นไร เมื่อกี้พี่ลุกเร็วไปหน่อย ออกไปรอกันข้างนอกก่อนนะ พี่ขอแต่งตัวให้ดีก่อน” ผมบอก น้องทัสกับพวกไฮยี่น่าที่รุมผมเมื่อครู่ยอมออกไปรอข้างนอก

หนอย..ไอ้โหด แกฟันฉันแล้วทิ้งเหรอ ออกไปได้มันโดนผมถีบตกเขาแน่ๆ ผมนึกแค้นในใจก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตา สวมเสื้อหนาวตัวหนา จัดระเบียบร่างกายให้ดีแล้วค่อยๆ แหวกเต็นท์ออกมา ท้องฟ้าข้างนอกนี่ยังมืดอยู่เลย มีแต่แสงจากกองไฟที่ยังคงให้ความสว่างอยู่ ผมพยายามเดินให้เป็นปกติ เมื่อคืนอารมณ์มันพาไป ไม่ได้ระวังเลยว่าเสียงจะเล็ดลอดออกมารึเปล่า แต่เต็นท์ของผมก็อยู่ไกลจากคนอื่นพอสมควร คิดบวกว่าคงไม่มีใครได้ยิน

ผมเดินไปถึงลานกว้างที่พวกมันตั้งเต็นท์นอนกันเมื่อคืนแต่ก็ไม่เห็นมีใครสักคน อ้าว...แล้วไอ้พวกที่มาปลุกผมเมื่อกี้มันเดินหายไปไหนกันหมด ไหนจะเจ้าชายและทหารองค์รักษ์อีก ทำไมไม่มีใครอยู่เลย

“อรุณสวัสดิ์” ใครบางคนมาสวมกอดผมจากทางด้านหลังแล้วกระซิบข้างหู ไอ้หมาธีมนั่นเอง

“หายไปไหนมา” ผมถามมัน จากที่ตั้งใจว่าเจอมันแล้วจะต่อว่าสักหน่อย แต่พอโดนมันมากอดแบบนี้ ต่อมร้ายกาจของผมมันฟ่อไปเลยครับ

“ตามมานี่” มันคลายอ้อมกอดออกแล้วจูงมือผมให้เดินตามมันแทน

“พวกนั้นไปไหนกันหมด” ผมถาม

“ไปดูนกยูงทอง”

“นกยูงทองเลยเหรอ นาวก็อยากดูอะ ทำไมไม่รอกันเลย” ผมหน้างอทันที มันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพาผมมานั่งที่โขดหินใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าผา เบื้องหน้าของผมยังมืดสนิทอยู่เลย ไม่รู้เพื่อนผมมันจะรีบปลุกผมมาทำไมกัน ไอ้พี่ธีมมันมานั่งซ้อนหลังผมพร้อมกับสวมกอดเอวของผมเอาไว้

“เอาไว้พี่จะพาไปดูทีหลัง” มันบอกผม

“แล้วพานาวมานั่งตากลมทำไม หนาวนะ ถ้านาวป่วยขึ้นมาทำไง” ผมแกล้งบ่นมันไปอย่างนั้นแหละครับ รู้ว่ามันคงมีอะไรมาทำให้ผมประหลาดใจแน่ๆ

“ห้า สี่ สาม สอง..” มันนับถอยหลัง ผมเริ่มตื่นเต้นจริงๆ แล้ว

“หนึ่ง...”

ฟิ้ววววววว....... ปังงงงง ฟิ้ววววววว ปังงงงง

ผมต้องตะลึงเมื่อแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า แสงไฟระยิบระยับวิบวับจากดอกไม้ไฟสว่างไสวโดยมีผืนฟ้าสีดำสนิทที่เป็นพื้นหลัง ดอกไม้ไฟที่ผมเห็นในตอนนี้ไม่ได้อลังการเหมือนที่เขาจุดเฉลิมฉลองกันในงานใหญ่ๆ เป็นเพียงดอกไม้ไฟดวงเล็กๆ แต่มันก็สวยงามมากแล้วสำหรับผม ผมได้ยินเสียงนกร้อง พวกมันกระพือปีกบินกันเป็นฝูงจากทางด้านหลังของผม พวกมันคงตกใจเสียงพลุ ผมละความสนใจจากเสียงนกป่าเพราะรู้สึกว่านิ้วนางซ้ายของผมเย็นวาบขึ้นเมื่อถูกสัมผัสกับอะไรบางอย่าง

“จุดได้แค่สองลูกนะ เดี๋ยวสัตว์ป่าจะตื่น” ไอ้โหดมันกระซิบบอกผม

มันเคยบอกผมว่า ถ้าได้ซั่มผมเมื่อไหร่จะจุดพลุให้ ไม่คิดว่ามันจะทำจริงๆ คือมันมั่นใจมากใช่ไหมว่าจะได้ซั่มผมที่นี่แน่ๆ มันถึงได้หอบพลุขึ้นเขามาด้วย มือของมันก็ยังลูบที่นิ้วนางของผมอยู่ ผมยกมือขึ้นมากางดู ก็เห็นแหวนใสๆ วงหนึ่งที่สวมอยู่ที่นิ้ว

“ทำจากแก้วเหรอ” ผมถามมัน

“ทำจากหินภูเขาไฟที่ถูกหล่อหลอมจนกลายเป็นผลึกแก้วใส ด้านในมีไหมทองด้วยนะ เป็นเครื่องลางให้แคล้วคลาดจากสิ่งชั่วร้าย ตั้งใจจะให้รองเท้าแก้ว แต่นาวคงไม่กล้าใส่ หึหึ” มันบอกผม ผมเลยยกมือของตัวเองมาดูใกล้ๆ แต่ก็ไม่ค่อยเห็นเพราะท้องฟ้ายังมืดอยู่

“นี่ขอนาวแต่งงานเหรอ” ผมถามมันและหันไปมองหน้ามันด้วย เลยถูกมันจูบจนได้ เนิ่นนานกว่ามันจะยอมถอนริมฝีปากออก

“ได้กันแล้วไม่ต้องแต่งหรอก” มันบอกผม กวนตีนแต่เช้าเลยนะไอ้หมาธีม

“ไม่แต่งได้ไง สินสอดนาวก็ยังไม่ได้เลย คิดจะกินฟรีเหรอไอ้หมาธีม” ผมเอาศอกกระทุ้งท้องมันเบาๆ

“หึหึ งั้นก็..แต่งงานกับพี่นะ ขอแต่งแบบง่ายๆ แบบนี้ไปก่อน แล้วจะจัดขันหมากใหญ่ๆ ให้อีกทีนะ” มันพูดที่ข้างหูก่อนจะหอมแก้มผม

“คึคึคึ ตลกดีเนอะ ผู้ชายมาขอแต่งงานกันเอง” เอาเข้าจริงก็อดจั๊กจี้ไม่ได้เหมือนกัน

“อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ นาว” มันบอกพร้อมกับกระชับกอดผม

“อืม ตกลง ตลอดไป” ผมบอกมัน แล้วเอี้ยวตัวเพื่อหันกลับไปสบตามัน แล้วเราก็จูบกันอีกรอบ จนได้ยินเสียงโวกเวกโวยวายมาแต่ไกล ผมกับพี่ธีมถึงผละริมฝีปากออกจากกัน

“มาขัดจังหวะรึเปล่า” เสียงไอ้บูมถาม

“ขัด” ผมตอบ

“ฉันถามพี่ธีม” มันย้อน

“หึหึ” ไอ้หมาธีมหัวเราะตามสไตล์

จากนั้นบรรดาเดอะแก๊งรวมถึงน้องทัสและธารก็เดินมาหาผม ทุกคนพากันนั่งจับจองพื้นที่ใกล้ๆ กับที่ผมนั่งอยู่ เพราะจุดนี้เป็นจุดที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุด ลมหนาวยังคงพัดมาเอื่อยๆ ทำให้ขนลุกได้เป็นระยะๆ

“เห็นนกยูงทองไหมแก” ผมถามพวกมัน

“เห็น” ไอ้เกลือตอบ

“เหรอ สวยไหม กี่ตัววะ” ผมถาม ก็อยากเห็นบ้างนี่

“สองตัว” ไอ้มีนตอบ

“จริงดิ เป็นไงบ้างวะ” ผมถามต่อ

“นกยูงผัวเมีย ขอกันแต่งงาน สวมแหวน แล้วจูบกันด้วย” ไอ้บูมบรรยาย

ผมกระพริบตาปริบๆ เพราะสมองกำลังประมวลผล ไอ้นกยูงที่มันว่านี่คุ้นๆ นะ เสียงไอ้โหดหัวเราะ หึหึ อยู่ที่ข้างหู ผมเลยเก็ทเลยว่า ไอ้นกยูงทองผัวเมียที่ไอ้บูมว่ากำลังนั่งกอดกันอยู่ตรงนี้ใช่ไหมวะ นกยูงที่หน้าตาหล่อๆ เหมือนผมกับไอ้หมาธีมนี่ใช่ไหมไอ้บูม

“กวนตีนอะ มาแอบดูคนอื่น” ผมว่าพวกมันก่อนจะดึงฮู๊ดมาคลุมหัว รูดซิปขึ้นมาปิดหน้าให้โผล่มาแต่ตาเพราะรู้สึกอายที่พวกมันมาแอบดูผมสวีทกับพี่ธีม เสียงหัวเราะของพวกมันทำลายร้างความหนาบนใบหน้าผมเกลี้ยงเลย ไอ้โหดเอ้ย มันทำให้ผมอายอีกแล้วนะ

“ไม่แอบได้ไง แกคิดว่าพลุมันจุดตัวเองได้เหรอไอ้นาว ทำดีให้แล้วยังมาว่าพวกฉันอีก เนอะ พวกฉันมันเพื่อนพระเอกที่น่าสงสาร” ไอ้บูมพูดก่อนจะรีบหันไปหาพวก ผมอึ้งไปเหมือนกัน สรุปว่าพวกมันลุกมาแต่เช้า ฝ่าความหนาวมาเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้ผมนี่เอง

“ขอบใจพวกแกนะ” ผมบอกมันด้วยความซาบซึ้ง

“ไม่เป็นไร เพราะฉันไม่ทำฟรีหรอก ฮ่าๆ” ไอ้เกลือตอบ ก่อนจะหันไปไฮไฟว์กับเดอะแก๊ง หึ คิดไว้แล้วเชียวว่าพวกมันดีได้ไม่นานจริงๆ สงสัยไอ้โหดคงจะตอบแทนหนักเอาการละซี๊

“น้องทัส สวัสดีพี่สะใภ้รึยังจ๊ะ” ไอ้บิวถามน้องทัส น้องทัสมองหน้าผมนิ่งๆ เหมือนจะสงสัยก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มแล้วยกมือไหว้ผม

“พวกแกมันเลว..” ผมด่ามันแต่ก็แอบซ่อนยิ้มอยู่ในฮู๊ด มันยังไม่สลด ยังคงเป่าปากแซวผมต่อ

“แต่ฉันรักพวกแกชะมัดเลย” ผมพูดต่อ พวกมันหยุดหัวเราะแล้วหันมายิ้มให้ผมแทน

“ดูนั่น” น้องทัสชี้ไปข้างหน้า พวกผมมองตามนิ้วน้องทัสไป

แสงสีส้มอมม่วงทาบท้องฟ้าเบื้องหน้าเป็นแนวยาว พระอาทิตย์สีส้มสดเพิ่งจะโผล่ขึ้นเหนือสันเขาได้เพียงนิดเดียว ฝูงนกออกบินเป็นรูปตัววีรักษาระยะห่างได้อย่างน่าทึ่ง ไอ้โหดมันกระชับเอวผมและหอมแก้มผมโดยไม่สนใจใคร แต่ตรงนี้ก็มีแต่พวกผม ผมก็เลยหันกลับไปหอมมันตอบบ้าง นี่คงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ผมจะไม่มีวันลืมได้เลย ผมได้อยู่กับคนที่ผมรักในช่วงเวลาดีๆ ผมเชื่อว่าพ่อปิยะและแม่พุดซ้อนก็คงดูผมอยู่จากบนฟ้านั่น มันคงจะสมบูรณ์ถ้าพ่อปริณกับแม่เมมาอยู่ที่นี่ด้วย

“เอาไว้เรามากันอีกนะ” ผมบอกกับไอ้โหด

“อืม” มันตอบผมสั้นๆ แล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก นั่งมองดวงตะวันที่กำลังขึ้นทีละน้อยด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข

..จบบริบูรณ์....

แหะๆ ผมล้อเล่น นิทานในมโนของผมจบลงอย่างสวยงาม แต่ชีวิตจริงต้องดำเนินต่อไปหากลมหายใจยังมีอยู่ ดังนั้น..หลังจากที่นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้ว มาคัสก็มาตามพวกผมกลับ ขากลับเรากลับด้วยรถจี๊บทหารไม่ได้เดินเหมือนอย่างขาขึ้นมา เจ้าชายมิคาเอลจะพาพวกผมไปทานอาหารเช้าที่หมู่บ้านใกล้ๆ เชิงเขา ส่วนเจ้าชายแอชตันเสด็จกลับไปก่อนแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ไอ้บิวก็ดูไม่ค่อยแจ่มใส ไอ้จอมก็เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่ามันโกรธอะไรกันรึเปล่า เพราะมันดูเย็นชาใส่กันผิดปกติ พวกผมได้เดินเที่ยวและซื้อของพื้นเมืองที่น่าสนใจกันอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญฟรีตลอดงานเพราะเจ้าชายมิคาเอลขอเป็นสปอนเซอร์ในการเที่ยวครั้งนี้ เราเพลินเพลินกันมากจนได้เวลากลับวัง

“อะไรนะ โฟโต้บุ๊คถูกระงับไปก่อนงั้นเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อเดินทางกลับมาถึงวังขาวแล้ว องค์รักษ์คนสนิทของท่านโมนัฟเป็นคนมาแจ้งข่าวนี้ให้พวกผมได้ทราบ

“เมื่อครู่ฉันได้คุยกับพี่น้อยแล้ว พวกฉันคงต้องเดินทางกลับพรุ่งนี้เลยเพราะพอยกเลิกโฟโต้บุ๊ค พี่เขาก็รับงานอื่นให้ต่อเลย ส่วนเรื่องที่พี่ปอนยกเลิกโฟโต้บุ๊ค พวกเราจะได้รับค่าเสียเวลากันทุกคน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน ถ้ากลับแล้วจะลองไปสืบดู” ไอ้มีนบอกกับผม พี่น้อยคือผู้จัดการส่วนตัวของมันครับ ผมรู้สึกใจหายเมื่อรู้ว่าพวกมันต้องเดินทางกลับกันพรุ่งนี้แล้ว ทั้งที่นึกว่าจะได้อยู่ด้วยกันอีกตั้งหลายวัน

“อืม ถ้านาวกลับไปจัดการเรื่องแคนเซิลซีรีย์เลิฟพร้อมเพื่อนเลยได้เปล่า” ผมหันไปถามไอ้หมาธีม แต่มาคัสพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“เรื่องของคุณ คุณปริณจัดการให้หมดแล้วครับ ทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน คุณปริณไม่อยากให้คุณทั้งสองคนกลับเมืองไทยจนกว่าจะจับคนที่ปองร้ายคุณได้ก่อน” มาคัสอธิบายให้ฟัง ผมพยักหน้ารับรู้ ถึงจะใจหายยังไงก็พยายามจะไม่แสดงออกมาเยอะ ไม่อยากให้พี่ธีมลำบากใจ

“เดี๋ยวสอบเสร็จ เคลียร์งานได้ พวกฉันจะมากันอีก ยังเที่ยวไม่จุใจเลย ไม่ต้องห่วง” ไอ้บูมตบไหล่ผมเบาๆ

“แกสองคนดูแลตัวเองด้วยละ” ไอ้จอมบอกผมกับไอ้บิว ยังดีที่ยังมีไอ้บิวอยู่ด้วย มันก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม

“งั้นคืนนี้ปาร์ตี้กันนะ ไม่เช้าไม่เลิก ดีไหม” ไอ้โหดถาม พวกมันร้องเย้กันใหญ่ มาคัสโค้งให้ไอ้ธีมก่อนจะขอตัวไปจัดเตรียมอาหารสำหรับคืนนี้ให้ ผมหันไปหาธารที่นั่งเงียบอยู่

“ธารอยู่ก่อนนะ” ผมบอก

“กลับด้วยเลยดีกว่า เป็นห่วงแม่” ธารบอกกับผม

“งั้นกลับไปรับแม่มาอยู่ที่นี่ไหม” ไอ้โหดมันถามน้อง

“ไม่รู้แม่จะยอมทิ้งบ้านมารึเปล่า จะลองถามดู” ธารบอก ผมรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ แต่ก็พยายามคิดว่าตัวเองคงคิดมากไป

“ไปอาบน้ำกันก่อนเถอะ เมื่อคืนก็ซักแห้งกันทุกคนแล้ว” ไอ้ยีนบอก พวกมันเห็นด้วยเลยแยกย้ายกันขึ้นห้องไป รวมทั้งผมกับไอ้โหดด้วย


ดั่งคำที่ว่า..งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ในที่สุดผมก็มายืนส่งพวกมันกลับเมืองไทยในเช้าวันถัดมา พวกมันกำชับผมกับไอ้บิวให้ดูแลตัวเองและพวกมันจะสไกป์มาคุยด้วยทุกคืน



โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-02-2015 19:04:01
อืมมมม ที่​เมือง​ไทยมี​อะไร​หรือเปล่าหว่า แปลก ๆ เนาะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-02-2015 19:05:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 13-02-2015 19:08:36
พี่ธีมถึงกลับหอบพลุขึ้นเขาเลย  :m20: นาวเป็นสาวแบบอลังการจริงๆ

เริ่มไม่ไว้ใจ นายแม่แหล่ะ แปลกๆตั้งแต่ให้แยกห้อง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-02-2015 19:13:15
อ่านแล้วรู้สึกว่า มันต้องมีอะไร ทำไมถึงยกเลิกถ้ายโฟโต้บุค
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 13-02-2015 19:15:30
จะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2015 20:05:07
 :mc4:  :mc4: :mc4: จุดพลุฉลองให้ทั้งคู่อีกรอบหวานซะเรากลัวดราม่าเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-02-2015 20:12:48
ตอนแรกตกใจหมดเลย เจอ จบบริบูรณ์แล้วงี้ ตกกระจายยยยยยย เกือบแล้วๆๆ หัวใจจะวายตามน้องนาวที่แทบเหาะได้  :heaven :hao7: :hao7:  พี่ธีมคนเก่งสามารถทำให้น้องนาวเหาะได้  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 13-02-2015 20:56:05
ขอแต่งงานกันด้วย >/////<

พี่ธีมจุดพลุฉลองจริงๆสิน่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 13-02-2015 21:15:06
มาให้กำลังใจจ้า

เพิ่งเห็น และเป็นแนวที่ชอบด้วย

กำลังตามอ่านอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 13-02-2015 21:15:52
จริงๆมิเชลชอบนาวรึเปล่า? ฮ่าๆๆๆ

ไม่ไว้ใจแม่ธีมอ่ะ มันพิกลๆ รู้สึกแปลกๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 13-02-2015 21:39:10
พอขึ้นจบบริบูรณ์แล้วใจหายแวบบบบบเลยค่ะ

คุณเมจะเป็นอะไรรึเปล่านะ?  :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2015 21:54:21
ง่าาาา. จะจบแล้วเหรอออ. ยังสนุกอยู่เลยยยยยย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 13-02-2015 23:01:41
ตอนหน้าน่าลุ้นสุดๆ !!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 30 (13/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-02-2015 11:11:57
คุณแม่พี่ธีมคะ จะให้ของรับขวัญลูกสะใภ้ใช่มั๊ยคะ? คึคึ มโนบ้าง ติดเชื้อน้องนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 14-02-2015 11:49:09
ตอนพิเศษสั้นๆต้อนรับวัน วาเลนไทน์


โปรดรอการรีไรท์ค่ะ ขอบคุณค่ะ


“No matter how your heart is grieving, If you keep on believing, the dream that you wish will come true.”

“ไม่ว่าคุณจะเศร้าโศกแค่ไหน ถ้าคุณไม่หยุดที่จะเชื่อ วันหนึ่ง ความฝันของคุณจะเป็นจริง”

– Cinderella
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-02-2015 12:03:05
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ นะจ๊ะ น้องมะนาวต่างดู๊ดดดดดดด ของเจ้ เจ้าหญิงของเจ๊

เจ้าชาย มันทำเรื่องให้น่า กรี๊ดได้ตลอดเลยสิน่า ชอบ เขิน อยากมีงี้บ้าง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-02-2015 12:36:12
Happy Valentine's day

เมื่อหลายปีก่อนได้รองแก้วมาเป็นของขวัญ
ตอนนี้ได้เจ้าของรองเท้ามากอดเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 14-02-2015 12:36:28
ฟินจิกหมอนกระจายเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 14-02-2015 12:36:56
สุขสันต์วันวาเลนไทน์นักเขียนค่ะ

พี่ธีมน่ารักกับน้องนาวตลอดเลย

แล้ววันนี้น้องซินนาวก็ได้เจ้าชายตัวจริงมาอยู่ใกล้ๆแล้วน้า  :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 14-02-2015 12:37:43
HVD~~~~ ขอให้คนแต่งมีความสุขมากกกกกก

รักธีมภัทร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2015 13:19:17
เจ้าชายตัวจริงของนาวในทุกๆโอกาส
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-02-2015 13:47:00
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:    พี่ธีร์รักนาวมากๆเลย.  ขอมโนว่าเป็นนาวได้ไหม อิจฉาๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-02-2015 14:01:44
โถ น่าสงสารเจ้าชายจริง ๆ รักออกสื่อไม่ได้  ต้องเก็บไว้ตั้งหลายปี
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 14-02-2015 14:34:59
วรั๊ยยยยยยยยยยยย กรี๊ดตัวแตก
ทำไมพี่ธีมโรแม้นและทุ่มเทขนาดนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 14-02-2015 16:43:20
สุขสันต์วาเลนไทน์คนแต่งจ้าาาา  :hao7: :hao7:
พี่ธีมเป็นยิ่งกว่าผัวววว  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 14-02-2015 17:47:24
Happy Valentine's Day
เหมือนกันค่ะ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 14-02-2015 18:38:11
พี่ธีมรักนาวสุดๆเลยอ่ะ อิจฉานาวเบาๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-02-2015 19:31:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-02-2015 23:02:37
เอากำลังใจมาใหจ้า

ยังอ่านไม่ทัน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 15-02-2015 00:16:06
ชอบนิยายเรื่องนี้จังเลยค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน
อยากเป็นกำลังใจให้คนแต่ง
มาอัพบ่อยๆนะคะ อิชั้นอ่านไปยิ้มไปค่ะ
สนุกมว๊ากกกก
นุ้งนาวขี้บ่น ..ชอบบบ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 15-02-2015 14:34:31
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP ตอนพิเศษ Valentine (14/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 15-02-2015 15:02:17
ไอ้หมาธีมมันน่ารักม๊วกๆเนอะมะนาวต่างดุ๊ดเนอะ   :-[
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 16-02-2015 11:34:40
บทที่ 31

เมื่อส่งพวกเพื่อนกลับเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้รับรู้ข่าวใหม่ว่าผมต้องย้ายออกจากวังขาวมาพักที่วังใหญ่ แต่จะอยู่ทางปีกซ้ายของพระราชวัง ซึ่งเป็นที่พักของครอบครัวพี่ธีม ส่วนฝั่งขวาจะเป็นครอบครัวของท่านโมนัฟ ส่วนไอ้บิวต้องไปอยู่ที่พระตำหนักของเจ้าชายแอชตัน อลันจะเป็นองค์รักษ์ที่จะคอยติดตามและดูแลผม องค์เหนือหัวสเตฟานขอร้องให้ไอ้โหดออกปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ในเรื่องของการเยี่ยมเยียนประชาชน เพราะเจ้าชายมิคาเอลท่านทรงมีภาระกิจดูแลเรื่องการทูตกับทางต่างประเทศแล้ว เจ้าชายแอชตันก็ทรงงานเรื่องทางทหารอย่างเดียว งดงานสังคมทุกประเภท ผมบอกให้โหดให้มันทำตามประสงค์เพราะผมก็อยากตามมันไปเที่ยวในที่ต่างๆ เหมือนกัน ดีกว่าอยู่เฉยๆ ในวัง ซึ่งมันก็ยอมรับปากกับท่านปู่ของมันว่ามันจะทำหน้าที่แทนพระองค์ในส่วนนี้ ผมนึกเสียดายห้องในวังขาวเหมือนกันนะ มันดูส่วนตัวดี แต่ที่นี่ก็สวยไม่ต่างกัน จะต่างก็ตรงที่ผมมีห้องส่วนตัวแยกกับไอ้หมาธีมมัน แต่เชื่อหัวไอ้นาวเลย ไอ้โหดมันไม่ปล่อยผมนอนคนเดียวแน่

“นาวย้ายของไปห้องโน้นเลย” นั่นไงล่ะ คิดยังไม่ทันเสร็จมันมาแล้ว หน้าตาบูดบึ้งมาเชียว เมื่อครู่มันไปเข้าเฝ้าพ่อมัน มันเลยเพิ่งรู้ว่าผมถูกแยกมาพักห้องนี้คนเดียว

“ไม่เอา เอาไว้ที่นี่แหละ แต่เดี๋ยวกลางคืนค่อยเดินไปนอนกับพี่” ผมบอก ไม่อยากมีปัญหาตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามา อลันบอกว่า แม่ของพี่ธีมสั่งให้พาผมมาพักที่ห้องนี้ ถึงท่านจะรับรู้เรื่องของผมกับไอ้โหด แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะยินดีที่เห็นผมกับไอ้โหดนอนด้วยกันแบบคนรักหรอก

“แล้วจะต่างกันยังไงถ้านาวจะขนของไปอยู่กับพี่เลย” มันดูหงุดหงิดมากครับ

“ใจเย็นดิไอ้หมา” ผมเดินไปสวมกอดเอวมันไว้แล้วเอาหน้าไถๆ กับอกมัน มันจะได้อารมณ์ดีๆ

“หึหึ อ้อนเหรอ” มันก้มลงมาหอมที่ผมของผม ผมเงยหน้ามองมัน เห็นไหมละ มันแพ้ทางผมตลอดแหละ

“นาวไม่อยากให้พี่หงุดหงิดหรือโวยวายเรื่องของนาว ถึงเราไม่จำเป็นต้องปิด แต่เราก็ไม่ควรทำให้คนอื่นไม่สบายใจจะดีกว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรแค่แยกห้องเก็บเสื้อผ้ากัน ดีซะอีก ถ้านาวงอนพี่นาวจะได้มีที่หนีมาหลบพี่ไง” ผมบอกเหตุผลกับมัน
“ก็ดี พี่จะได้มีที่ง้อนาวได้ถึงสองเตียง” มันบอก ผมเอาหัวโขกหน้าอกมันเลยครับ ลากไปเรื่องใต้สะดือได้ตลอดนะ

“เหงาหน่อยนะ” มันลูบหลังผมเบาๆ

“มีพี่ นาวไม่เหงาหรอก” ผมตอบมัน

“แล้ว..ที่พี่ทำให้ ชอบไหม” มันถาม

“ก็..ดี..”

“รู้สึกยังไง”

“เหมือนเหาะได้เลย”

“จริงเหรอ”

“อืม” ผมรู้สึกเขินขึ้นมาซะงั้น จู่ก็มาถามเรื่องอย่างว่า นี่ผมยังด้านไม่เท่ามันหรอกนะ

“นาวชอบพลุขนาดนี้เลยเหรอ” มันถาม ผมสตั๊นไปสิบวิ เอ่อ มันหมายถึงเรื่องพลุหรอกเหรอ แหะๆ สรุป ผมหรือมันวะ ที่ลงใต้สะดือตลอด

“อ๋อ เอ่อ ชอบดิ” ผมรีบตอบ หน้าแตกละเอียดเลย

“หึหึ หน้านาวตลกว่ะ แต่ถ้าชอบเรื่องนั้นด้วยคืนนี้พี่ซ้ำให้นะ พี่อยากให้นาวเหาะได้” ไอ้โหดมันพูดจบก็หอมแก้มผมอีกครั้ง

“จิ๊ นาวว่าละ” สรุปคือมันก็ถามเรื่องนั้นแหละครับ แต่มันแกล้งผม วันๆ คิดแต่จะลวนลามผม แล้วผมจะเอาเวลาไหนไปเหงากันเล่า จริงไหมครับ

ก็อกๆๆๆๆ

“ท่านพี่คะ อยู่ห้องนี้รึเปล่าคะ ท่านพี่”

ผมกับโหดมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาแทบจะทันที ผมคงจะต้องแต่งคำพังเพยใหม่เสียแล้ว‘ที่ใดมีรัก สักพักมีมิเชล’ ประโยคนี้เพื่อเธอเลยจริงๆ ไอ้โหดมันก้มลงมาจูบผม มิเชลก็เคาะเรียก แต่มันไม่สนใจ จนผมเองต้องเป็นฝ่ายดันตัวมันออก เสียงเคาะรัวมาขนาดนี้ ผมแทบอยากจะตามตัวไอ้บูมกลับมาเลยจริงๆ ไอ้โหดถอนหายใจก่อนจะเดินไปเปิดประตู ปรากฏว่าไม่ได้มีแค่มิเชลที่ยืนอยู่ แต่มีพระชนนีเนตรนภายืนอยู่ด้วย ผมเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างไอ้โหดมัน

“ท่านปู่ให้มาตามท่านพี่ไปเข้าเฝ้าค่ะ” มิเชลบอกกับไอ้หมาธีม

“ลูกไปพบท่านปู่เถอะ ส่วนน้องนาวไปกับน้านะจ๊ะ น้ามีอะไรจะให้ดู” แม่ของไอ้โหดพูดแบบเป็นกันเองกับผมพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม

“ครับ” ผมตอบ

“เดี๋ยวเราจะตามไปครับ” ไอ้โหดบอกกับแม่ของมัน ท่านเลยเดินออกไปก่อน มิเชลเดินตามพระชนนีออกไปด้วย ไอ้โหดมันเอามือมาโยกหัวผมเบาๆ

“พี่เข้าเฝ้าเสร็จแล้วจะรีบไปรับนะ”

“อืม”

“อย่าเกรียนจนแม่ของพี่หัวใจวายละ หึหึ” มันบอก

“หืม นาวไม่เคยเกรียนเหอะ พี่ไปเถอะ เดี๋ยวเขารอ นาวอยู่ได้สบายมาก ไม่ต้องห่วง” ผมดันหลังมันให้ออกมาจากห้อง มันยิ้มให้ผมก่อนจะเดินตรงไปทางตำหนักขององค์เหนือหัว ส่วนผมหันไปมองอลันแล้วพยักหน้าให้อลันตามมาด้วย 

ถึงมันจะบอกว่าแม่ของมันใจดี แต่ผมก็ยังเกร็งอยู่ดี ได้แต่ภาวนาว่า ถ้าจะเกิดปัญหาก็ให้มีปัญหาน้อยที่สุดก็แล้วกัน มิเชลหันกลับมามองผม ผมอ่านแววตาของมิเชลไม่ออก เหมือนจะผิดหวังก็ไม่ใช่ จะไม่พอใจก็ไม่เชิง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง เพราะมิเชลคงเห็นเหตุการณ์บนเขาทั้งหมดแล้ว อาจจะรู้สึกผิดหวังที่ผมกับไอ้โหดรักกันและไม่พอใจที่คนรักของไอ้โหดเป็นผู้ชายก็เป็นได้

...

ผมมาหยุดยืนอยู่ที่ห้องรับแขกของพระตำหนักฝั่งซ้าย พระชนนีรับสั่งให้นางข้าหลวงคนสนิทไปเตรียมอาหารว่างมาให้ผมกับมิเชล ท่านให้ผมนั่งลงตรงโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะเดินไปหยิบอัลบั้มภาพมาวางตรงหน้าของผม จากนั้นท่านก็ลงมานั่งข้างๆ ผม

“นี่คือรูปธีมัสตอนเล็กๆ ก่อนที่จะไปอยู่ที่เมืองไทย”

พระชนนีเปิดอัลบั้มรูปให้ผมดูพร้อมกับเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ผมดูแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หน้าตาไอ้หมาธีมจิ้มลิ้มต่างจากตอนนี้จริงๆ ถ้าเอารูปตอนเด็กๆ ไปประกาศตามหาตัวมันตอนโตผมว่าไม่มีทางเจอ เสียงนุ่มนวลน่าฟังของพระชนนีที่กำลังถ่ายทอดเรื่องราวของไอ้หมาธีมกับน้องทัสทำเอาผมเพลินจนลืมอาการเกร็งไปเลย ท่านเป็นหญิงไทยที่ดูอ่อนโยนและใจดี ท่านชวนผมพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม สักพักมิเชลก็ขอตัวกลับไปที่ตำหนักของตัวเอง คงรู้สึกเบื่อที่ไม่มีใครคุยด้วย ผมก็ลืมเธอไปเลยจริงๆ พอมิเชลไปแล้ว พระชนนีก็จับมือผมให้ลุกตามเธอไป ผมเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านใน เมื่อเดินเข้าไปก็พบชายสูงวัยหน้าตาอิดโรยนอนอยู่บนเตียงสี่เสาสีทองที่ตั้งอยู่กลางห้อง ผมรีบโค้งทำความเคารพเพราะรู้ว่านี่คือท่านนาทีค เสด็จพ่อของพี่ธีม

“ลูกของพุดซ้อนหรือ” น้ำเสียงแหบพร่าถามขึ้นก่อนจะพยายามขยับตัวลุกขึ้น พระชนนีรีบเดินเข้าไปประคองสามีให้ลุกขึ้นนั่งพิงหมอน ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง

“ดวงตาเหมือนพุดซ้อนเลย เนตรว่าไหม” ท่านนาทีคหันไปถามพระชนนีเนตรนภา

“ค่ะ เหมือนมาก” พระชนนีตอบพร้อมกับยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกนอกห้องไป

“คิดถึงแม่ไหม” ท่านนาทีคถามผมเมื่ออยู่กันตามลำพัง

“คิดถึงกระหม่อม” ผมตอบแบบเกร็งๆ ใบหน้าที่ผอมซูบของคนตรงหน้าแทบไม่มีสีของเลือดให้เห็น ทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนพี่ธีม ผมเข้าใจมันเลยที่มันไม่อยากปฏิเสธคำขอร้องของพ่อ ท่านดูอ่อนแรงกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก

“พูดธรรมดากับลุงก็ได้” ท่านบอกผม

“ครับ แล้วคุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามถึงอาหารป่วยของท่าน

“ลุงไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว ยังดีที่ยังมีโอกาสได้เจอลูก ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง”

“คุณลุงอย่าท้อนะครับ ถ้าใจสู้ ร่างกายก็จะสู้ไปด้วย” ผมบอกท่าน

“ขอบใจมาก เห็นนาวแล้วลุงก็คิดถึงพุดซ้อนนะ”

“ผมเหมือนกับแม่มากเหรอครับ”

“ใช่ ทั้งหน้าตาและจิตใจ พุดซ้อนเป็นคนจิตใจดี กล้าหาญมากด้วย มากจนน้องนาวคิดไม่ถึงเชียวละ”ผมฟังแล้วก็อดคิดอีกไม่ได้ว่า ถ้าผมได้เจอแม่สักครั้งก็คงดี ใครๆ ก็ชื่นชมแม่พุดซ้อนให้ฟัง ยิ่งทำให้ผมคิดถึงท่าน

“ผมอิจฉาคุณลุงจังครับ ที่ได้เจอแม่ของผม”

“นาว..ลุง..”

“ท่านพี่คะ” เสียงพระชนนีแทรกเข้ามาก่อน ท่านนาทีคที่ดูเหมือนมีอะไรจะบอกผมก็เลยไม่ได้พูดต่อ

“ได้เวลาทานยาอีกแล้วสินะ” ท่านนาทีคเห็นพระชนนีถือถาดยาเข้ามาก็บ่นเบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“เห็นพี่ธีมบอกว่า คุณลุงเบื่ออาหาร” ร่างกายท่านดูผอมมาก ผมว่าที่ร่างกายทรุดโทรมลงเพราะทานอาหารไม่ได้นี่แหละครับ

“ลุงทานไม่ลงจริงๆ”

“อืม เพื่อนผมที่มาที่นี่ด้วยเป็นคนที่ทำอาหารได้หลายอย่าง แล้วเขาก็ทำอร่อยมากๆ คุณลุงลองทานดูไหมครับ นาวจะให้เขาจัดอาหารเพื่อสุขภาพมาให้ เผื่อคุณลุงจะทานได้มากกว่าเดิม” ผมลองเสนอความคิด พระชนนีหันมามองผม ด้วยความสนใจ

“ก็ดีเหมือนกันนะคะท่านพี่”

“ก็ดีเหมือนกันนะ ลองดูก็ได้ ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงลุง” ท่านนาทีคและพระชนนีต่างก็เห็นด้วย ผมรู้สึกดีใจที่ได้ทำอะไรให้พ่อกับแม่ของพี่ธีมมันบ้าง

“งั้นเดี๋ยวผมขออาสาดูแลเรื่องนี้ให้นะครับ เริ่มจากพรุ่งนี้เลย คุณลุงต้องทานเยอะๆ นะครับ จะได้มีแรงเล่าเรื่องแม่พุดซ้อนให้ผมฟังเยอะๆ” ผมบอก ทั้งสองพระองค์ยิ้มให้ผม ผมเลยถือโอกาสขอตัวในขณะที่พระชนนีถวายโอสถ ผมว่าจะแวะไปหาไอ้บิวเพื่อจะไปขอให้มันช่วยทำอาหารให้ท่านนาทีคได้ทาน


เมื่อออกมาจากพระตำหนักแล้วผมรู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า ไอ้ที่แอบมโนไปก่อนมันไม่ได้ใกล้เคียงเลย ทั้งสองพระองค์ใจดีกับผมและดูเมตตาผมอย่างที่พี่ธีมมันบอกเอาไว้ ผมชวนอลันไปหาไอ้บิวที่ตำหนักสายรุ้ง อลันหน้าเสียเมื่อรู้ว่าผมชวนไปที่ไหน

“ทำไม กลัวอะไร” ผมถาม

“คือ เจ้าชายแอชตัสไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายที่ตำหนักของพระองค์” อลันบอกเสียงเบา

“ก็ไม่ได้วุ่นวายนี่ ไปหาเพื่อน เพื่อนนาวไม่ได้ติดคุกนะถึงจะไปเยี่ยมไม่ได้” ผมเดินนำอลันไป อลันพยายามจะห้ามแต่สุดท้ายก็ยอมตามผมมาเมื่อเห็นว่าห้ามผมไม่ได้

ผมเดินมาจนถึงทางสามแยกที่เคยมา กำลังคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ธารน้ำตกก่อนดีหรือจะขึ้นไปหาไอ้บิวที่พระตำหนักดี แต่ยังไม่ทันจะตัดสินใจว่าจะไปทางไหนก็ได้ยินเสียงตู้มเหมือนคนตกน้ำดังมาจากทางธารน้ำตก ผมวิ่งำแยังต้นเสียง เมื่อไปถึงก็เห็นไอ้บิวยืนอยู่บนโขดหิน ส่วนคนที่ลอยคออยู่ในนั่นน้ำตกก็คือเจ้าชายแอชตัน ผมมองไอ้บิวสลับกับมองเจ้าชาย จนไอ้เพื่อนของผมมันเดินมาหาผม ท่าทางมันแปลกๆ จนน่าสงสัย

‘ยังไงกันเนี่ย ยังไง ต่อมอยากรู้ของผมกระดิกระรัวแล้ว’

“มาหาฉันเหรอ” ไอ้บิวถามผม พอมันเห็นสายตาของผมที่จับจ้องอยู่ที่ปากของมัน มันก็รีบดึงมือผมเดินออกมาให้ไกลจากจุดที่เจ้าชายแอชตันอยู่ จะไม่ให้ผมจ้องที่ปากของมันได้ไง ปากมันแดงและเจ่อขึ้นอย่างกับไปโดนใครจูบมา ผมเหลียวหลังกลับไปมองเจ้าชาย ก็เห็นสายตาดุดันที่มองมา ผมเลยรีบหันกลับ โคตรน่ากลัวอะ

“มีไรวะแก เกิดอะไรขึ้น” ผมถามมันเมื่อเดินออกมาพ้นบริเวณน้ำตกแล้ว

“มีอุบัติเหตุนิดหน่อย แล้วแกมีอะไร”

“อุบัติเหตุรักเปล่าวะ” ผมถามต่อ ไอ้บิวอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูปกติ

“บ้า ฉันยังเข็ดกับเรื่องพี่นภอยู่ ไม่หาเหาใส่หัวหรอกแก”

“แกระวังแล้วกัน ท่าทางเหาตัวนี้จะเกาะไม่ปล่อย เลือดแกอาจจะหมดตัวได้ คึคึ” ผมขู่มันแบบขำๆ

“สรุปแกมาหาฉันมีอะไร” มันรีบตัดบท ผมเลยเล่าเรื่องทำอาหารให้ท่านนาทีคให้มันฟัง มันก็พยักหน้ารับรู้

“ขอฉันถามเจ้าชายก่อนนะ ว่าฉันจะแบ่งเวลาไปทำให้อาหารที่พระตำหนักของเจ้าชายนาทีคได้รึเปล่า ถ้าไม่ได้ ฉันจะทำที่นี่แล้วแกก็ให้อลันมาเอาไป” มันบอกกับผม

“แกไม่ได้มาที่นี่เพียงแค่รับจ้างมาเป็นเชฟแทนพ่อแกใช่ไหมบิว ทำไมดูแกไม่อิสระเท่าที่ควรวะ” ผมถาม มันนิ่งอึ้งไปแล้วพยักหน้าช้าๆ

“พ่อฉันเคยมาที่นี่เมื่อปีก่อน ตกลงเซ็นสัญญาว่าจะมาเป็นเชฟให้กับเจ้าชายแอชตัน แต่พ่อฉัน..”

“แกอย่าบอกนะว่าพ่อแกมามีเมียที่นี่” ผมชิงถาม เพราะรู้ว่าพ่อของไอ้บิวเจ้าชู้มาก มันถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้าให้ผม

“แล้วยังไงวะ ทำไมพ่อแกให้แกมาแทน ห๊ะ หรือว่า ผู้หญิงที่พ่อแกไปจิ๊จ๊ะด้วยคือผู้หญิงต้องห้ามของวังเหรอ” ผมถามมันอีกรอบ ไม่อยากจะคุยหรอกนะแต่เรื่องของชาวบ้านสมองผมทำงานเร็วครับ มันก็พยักหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง นั่นปะไร ผมเดาถูกจริงๆ ด้วย

ผมถอนหายใจไปพร้อมกับมัน พอจะรู้จากอลันว่านางข้าหลวงคนใดที่เต็มใจถวายตัวเข้ารับใช้เป็นฝ่ายในแล้ว ห้ามแต่งงาน ห้ามมีคนรัก ถึงจะไม่ต้องถวายตัวเป็นนางสนม แต่ก็จะมีพันธะกับผู้อื่นไม่ได้ เป็นกฎที่มีมานานแล้ว ความผิดนี้ถือว่าร้ายแรงมากนะครับ

“ฉันเลยเจรจาขอให้เอาฉันมาแทนพ่อ เมื่อทางนี้ตกลง พ่อฉันถูกปล่อยกลับ แต่ฉันต้องมาแทนท่าน”

“ต้องอยู่ถึงเมื่อไหร่” ผมถาม

“ไม่มีกำหนด” มันตอบ ผมใจหายเลย นี่ถ้าไอ้จอมรู้คงมีดราม่าหนัก

“มีทางไหนจะช่วยแกได้ไหมวะ” ผมถาม

“อย่าเลย แกก็เพิ่งมาอยู่เหมือนฉัน ถ้าเราเรื่องมากจะลำบากพี่ธีมเปล่าๆ”

“เอาน่า แกหัดมโนอย่างฉัน การมาที่นี่อาจจะเปลี่ยนชีวิตแกตลอดกาล” ผมปลอบมัน

“แล้วแกละ โอเคไหม” มันถามผม

“ก็โอว่ะ บิว ฉันชักสงสัย แกมาทำอาหารให้เขาหรือมาเป็นอาหารให้เขาวะ” ผมถาม สีหน้าสงสัยสุดๆ

“แกจะบ้าเหรอ” ไอ้บิวรีบว่าผมแต่หลบตาผม หึหึ ขอหัวเราะแบบไอ้โหดหน่อย เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองฉลาด มองอะไรทะลุปรุโปร่ง

“บ้าอะไร แกดูโน้น สายตาเขาจะกินหัวฉันอยู่แล้ว เขาไม่รู้หรือไงว่าฉันกับไอ้โหดเป็นอะไรกัน หึงไม่ดูเลย” ผมนินทาเจ้าชายแอชตันที่เดินตัวเปียกมายืนจ้องพวกผมอยู่แบบเนียนๆ โดยทำทีสั่งงานทหารอยู่ไม่ไกล

“แล้วแกเป็นอะไรกับพี่ธีม” ไอ้บิวย้อนถามผม แน่ะๆ เดี๋ยวนี้มียอกย้อนเพื่อเปลี่ยนเรื่องนะแก

“ฉันไปดีกว่า เดี๋ยวว่าที่สามีของแกจะสั่งตัดหัวฉัน แล้วถ้าแกขออนุญาตว่าที่สามีแกเรื่องทำอาหารให้พ่อไอ้โหดได้แล้วโทรบอกฉันด้วย” ผมบอกไอ้บิวก่อนจะเรียกอลันที่ยืนตัวลีบเพราะเกรงกลัวเจ้าชายแอชตันอยู่ที่ด้านหลังผม

“แกจะโดนสั่งประหารเพราะปากเสียเนี่ยไอ้นาว” ไอ้บิวว่าผมแต่หน้ามันแดงแปร๊ดเลยครับ ผมหัวเราะก่อนจะหันไปโค้งให้เจ้าชายแอชตันที่มองมาพอดี พอเห็นว่าผมโค้งให้ ท่านก็พยักหน้าให้ แล้วผมก็ชวนอลันกลับตำหนักเพราะดูท่าสองคนนี้เขาคงมีเรื่องจะเคลียร์กัน

เดินกลับมาจนเกือบจะถึงวัง ผมเห็นไอ้โหดมันมายืนรอผมอยู่ที่หน้าพระตำหนักตั้งแต่ไกลๆ แล้ว นี่ถ้ามันยืนรออยู่ที่ท่าน้ำ ผมจะจับมันใส่โจงกระเบนแล้วให้อุ้มลูกเป็นแม่นาคไปแล้วครับ แต่คราวนี้ไม่ได้หน้าบึ้งเหมือนอย่างตอนที่ผมไปเดินเล่นเมื่อครั้งก่อน เพราะผมส่งข้อความไปบอกมันเรียบร้อยว่าไปไหนทำอะไรบ้าง นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในวัง ผมจะวิ่งเข้าไปกระโดดขี่หลังมันแล้ว ก็เดินจนเมื่อยไปหมดทั้งสองขาแล้ว แต่ละตำหนักอยู่ห่างกันเหลือเกิน

“หนาวไหม ทำไมไม่ใส่เสื้อหนาว” มันถามขึ้นเมื่อผมเดินมาถึงมันแล้ว

“ไม่หนาวเท่าไหร่ พี่ธีม นาวอยากได้รถเอทีวีสักคัน เวลานาวไปหาบิว เดินไกลชะมัดเลย เมื่อยอะ” ผมบอกกับมัน อย่าแปลกใจที่ผมพูดจาไพเราะ ก็ทหารองค์รักษ์ของมันยืนหน้าสลอนเต็มไปหมด

“จักรยานดีกว่า” มันบอก ผมยู่หน้าใส่มันเลย เข้าใจคำว่า ‘เมื่อย’ เปล่าวะ ปั่นมันก็เมื่อยเหมือนกัน

“โหย รับรองว่าไม่ขับเร็วหรอก นะ นะครับบบบ” ผมอ้อนมัน มันเดินมาชิดตัวผมแล้วกระซิบเบาๆ

“อ้อนแบบนี้จะไม่ทนนะ”

“กล้ารุ่มร่ามต่อหน้าทหารเหรอ หัดอายบ้างดิ” ผมกระซิบตอบ

“หึหึ ถ้าไม่มีทหารก็รุ่มร่ามได้ใช่ไหม งั้นขึ้นห้องกัน”

“จิ๊.. ไม่เอาอะ นะ นะ ให้นาวหัดขับนะ พี่หัดให้นาวก็ได้ ตอนนี้เลย นะๆ” ผมอ้อนมันต่อ มันยิ้มก่อนจะพยักหน้า ผมเกือบลืมตัวกระโดดกอดมัน ดีว่าหันไปเห็นอลันยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ถึงทำได้แค่ปรบมือดีใจ มันสั่งให้อลันไปเอารถเอทีวีมาที่ลานกว้างแล้วแตะหลังผมให้เดินไปที่ลานพร้อมกับมัน

“แม่เล่าให้พี่ฟังแล้วนะ เรื่องที่จะให้บิวทำอาหารให้พ่อ ขอบคุณนะ” มันบอก

“นาวก็อยากทำอะไรดีๆ ให้พี่บ้าง”

“ชื่นใจ” มันบอก ผมก็ยิ้มตอบ รู้สึกดีที่ทำให้มันชื่นใจ สักพักอลันก็ขับรถเอทีวีมาจอดให้ที่ลาน ผมรีบเดินไปขึ้นนั่ง ไอ้หมาธีมมันก็นั่งซ้อน

“สตาร์ทเลยนะ” ผมบอก

“เดี๋ยวเราจะพานาวไปหัดขับรถ ไปรอเราที่ตำหนัก ไม่ต้องตาม” มันหันไปบอกองค์รักษ์คนอื่นๆ ก่อนจะหันมาสอนวิธีขับให้ผม
อันที่จริงดูแล้วไม่น่าจะขับยากอะไร แต่พอเอาเข้าจริงรถมันหักเลี้ยวยากเอาการ เกร็งมือเกร็งแขนจนเมื่อยไปหมด ผมก็ว่าผมขับไม่เร็วนะ แต่ไอ้คนซ้อนมันกอดผมแน่นเหมือนผมขับอยู่ในสนามแข่งรถเชียว มันชวนผมให้หัดขับออกไปแถวบริเวณถนนด้านหลังของวัง เพราะบริเวณนั้นเป็นเส้นทางตรงจะขับง่ายกว่าถนนหน้าวังซึ่งมีทางคดเคี้ยวเยอะ ผมก็ค่อยๆ ขับออกไปอย่างช้าๆ เพิ่มความเร็วขึ้นนิดหน่อย

“ผมนาวหอมจัง” มันบอก

“ก็ยี่ห้อเดียวกับที่พี่ใช้นะ”

“แต่ทำไมอยู่บนผมนาวแล้วหอม” มันคลอเคลียจมูกอยู่แถวๆ ท้ายทอยของผม

“พี่ อย่านัวเนีย นาวไม่มีสมาธิ” ผมบอกมัน แต่ยิ่งว่ามันก็ยิ่งแกล้ง ซุกไซ้หูผมอีก จังหวะที่ผมกำลังจะปล่อยมือข้างหนึ่งไปหยิกมันก็มีคนวิ่งตัดหน้ารถ ผมหักเลี้ยวและเบรกกะทันหันจนเสียงล้อเสียดสีกับพื้นถนนดังลั่น รถไถลยาวไปเฉี่ยวคนที่วิ่งมาขวางตรงหน้าเมื่อครู่ พอผมจอดรถได้สนิทไอ้โหดก็รีบวิ่งลงไปดู ผมก็รีบตามลงไป

“เขาเป็นอะไรมากไหมอะ” ผมถาม ใจยังเต้นเร็วเพราะตกใจมาก ดีที่ว่าขับมาไม่เร็วมากไม่อย่างนั้นรถคงจะพลิกคว่ำและชนแรงเขากว่านี้แน่ๆ

“หมดสติไปแล้ว น่าจะเป็นชาวบ้านแถวนี้” ไอ้โหดพลิกตัวคนที่โดนรถของผมเฉี่ยวอย่างเบามือ คงเพราะไม่รู้ว่าร่างกายเขามีส่วนไหนที่หักหรือเปล่า คนที่หมดสติอยู่เป็นผู้หญิงที่รูปร่างผอมบางมากๆ ดูจากหน้าตาแล้วเด็กกว่าผมอีก ผมยาวละใบหน้าและลำคอ ผิวสีน้ำผึ้งเหมือนคนพื้นเมืองทั่วไปในบัณตรา หน้าตามอมแมม เสื้อผ้าขาดและเปื้อนไปหมด

“โอสคาโต บาบี อนูเท นา ชะเลมันตา!!!” ผมเงยหน้าเพราะได้ยินเสียงใครตะโกนมาจากด้านหลัง เห็นทหารสองสามคนวิ่งเข้ามา แล้วผมกับผมด้วยภาษาบัณตรา

“ชะเลมันตา ชะเลมันตา” ทหารพยายามจะตะโกนบอกแล้วชี้ไปที่สาวน้อยที่ยังสลบอยู่ แต่ผมฟังภาษาบัณตราไม่ออก ผมตัดสินใจกดโทรศัพท์หาอลัน แล้วเล่าให้อลันฟังก่อนจะส่งโทรศัพท์ของผมให้ทหารคนที่ยืนโวยวายอยู่ ทหารคนนั้นโวยวายใส่โทรศัพท์ได้ไม่กี่ประโยคก็หน้าซีด ก่อนจะทิ้งตัวลงคุกเข่าตรงหน้าไอ้โหดและหันไปพูดกับเพื่อนทหารด้วยกัน คราวนี้ทั้งหมดรีบคุกเข่าลงก้มหน้าตัวสั่น ผมรับโทรศัพท์คืนมา

“ว่าไงอลัน อะไรนะ เด็กคนนี้ขโมยของเหรอ” ผมฟังอลันบอกแล้วก็มองไปรอบๆ เห็นถุงกระดาษที่กระเด็นอยู่ไม่ไกล ผมเลยหยิบขึ้นมาดู ด้านในไม่ได้มีของมีค่าอะไร มีห่อผงอะไรสักอย่างสีเหลืองๆ กับสียาเม็ดสีขาวสี่ห้าเม็ด

“อลัน แค่ยาเองนะ ทำไมไม่ถามเขาก่อนว่าเอาไปทำไม ทำไมต้องเอามีดมาวิ่งไล่ขู่เขา เขาอาจจะจำเป็นก็ได้ ไม่รู้ล่ะ อลันเอารถออกมา นาวจะพาเด็กคนนี้กลับวัง นาวเป็นคนทำเขาเจ็บ โอเค แค่นี้นะ” ผมวางสาย ไอ้โหดลุกขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะมองไปที่ทหารที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นกันอยู่

“จะอากลับวังเหรอ พาไปหาหมอแล้วไปส่งเขาที่บ้านดีกว่า” พี่ธีมบอกผม

“โรงพยาบาลไกลกว่าวังนะ เอากลับไปก่อน จะได้สอบถามว่าทำไมต้องขโมย เขาอาจจะมีความจำเป็นก็ได้ พี่เป็นองค์รัชทายาทนะ ประชาชนเดือดร้อนก็ต้องช่วยดิ” ผมบอกเหตุผล

พี่ธีมฟังแล้วยิ้มออกมาก่อนจะเดินมาโยกหัวผมเบาๆ มันทำมือให้ทหารลุกขึ้น ไม่นานอลันก็ขับรถจี๊บมาพร้อมกับหมอทหาร หมอทหารตรวจดูว่ามีส่วนไหนหักบ้างรึเปล่าก่อนจะเคลื่อนย้ายคนเจ็บไปขึ้นรถ เมื่อเห็นว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เป็นอะไร มีเพียงรอยถลอกและคงหมดสติเพราะตกใจ ผมเลยให้อลันอุ้มขึ้นรถไป ส่วนผมก็นั่งซ้อนรถเอทีวีโดยมีไอ้โหดเป็นคนขับ เพราะมันไม่ยอมให้ผมขับแล้ว ดูดิ มันความผิดผมที่ไหน เพราะมันนั่นแหละ หื่นไม่รู้เวลา ชิ!

สาวน้อยคนนี้ถูกทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว เธอยังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ห้องรับแขกของวังฝั่งซ้าย เมื่อเห็นว่าเปลือกตาของคนเจ็บขยับไปมาแล้วอลันก็เรียกผม ผมเดินมานั่งใกล้ๆ จนกระทั่งเธอลืมตา เมื่อเธอเห็นผมกับไอ้โหดก็เบิกตาโตแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรีบถดตัวลงไปนั่งที่พื้นแล้วหมอบราบลง มือทั้งสองข้างกุมข้อเท้าผมเอาไว้ ส่งเสียงพูดภาษาบัณตราพร้อมกับสะอึกสะอื้นไปด้วย อลันเข้ามาดึงสาวน้อยคนนี้ออกแล้วพูดกับเด็กเป็นภาษาบัณตรา เด็กนั่นถึงรีบเช็ดน้ำตาแล้วยกมือไหว้ผม

“พูดไทยหรือภาษาอังกฤษได้รึเปล่า” ผมถาม ไอ้โหดยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ ผม

“ได้ค่ะ หนูเรียนภาษาไทยมาจากแม่” สาวน้อยพูดแต่ไม่เงยหน้ามาสบตาผม คงจะกลัวไอ้โหด ผมรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เด็กคนนี้พูดภาษาไทยได้ชัดขนาดนี้

“ชื่ออะไร” ผมถาม

“ราณี”

“ไม่ต้องกลัว ไม่ได้จะทำโทษ ไหนบอกสิ ว่าขโมยยาไปทำอะไร” ไอ้โหดถาม มันไม่ให้เขากลัวแต่เสียงมันจะดุไปไหน เด็กนั่นกลัวจนตัวสั่นหมดแล้ว

“ไม่ต้องกลัวนะ ตอบมาเถอะ เจ้าชายจะช่วย ไม่ได้จะทำโทษหรอก” ผมบอก เด็กสาวที่ชื่อราณีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสาร

“แม่ตัวร้อน แม่ไม่สบาย คนที่นั่นบอกว่าแม่ผีป่าเข้าสิงแม่ เอาน้ำเย็นๆ มาราดแม่ แม่หนาว แม่จะตายไหม หนูกลัวแม่..ตาย.. ฮึก..” ราณีเล่าไปสะอื้นไป ผมนึกสงสารเลย ถ้าใครมาทำกับแม่ผมแบบนี้มีต่อยปากแตกแน่

“แม่เราอยู่ที่ไหน” ไอ้โหดถาม

“หมู่บ้านท้ายวังค่ะ ช่วยแม่หนูด้วย ช่วยด้วย” ราณีขยับเข้ามาหมอบแล้วกุมข้อเท้าผมอีกรอบ ผมเงยหน้ามองไอ้โหด ทำหน้าอ้อนมัน อยากให้มันช่วย

“อลัน ไปสอบถามรายละเอียดแล้วให้คนไปดู พาแม่เขาไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วมาแจ้งเราด้วย” ไอ้โหดบอกอลัน อลันรับคำสั่งแล้วแตะหลังให้ราณีลุกขึ้น

“เดี๋ยวก่อน” ผมเรียกเอาไว้ ราณีหันมามองผม ผมยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ ราณีส่ายหน้าปฏิเสธ แต่พอหันไปเห็นว่าไอ้โหดพยักหน้า ราณียกมือไหว้ผมแล้วรับเงินเอาไว้

“ขอบคุณมากค่ะ”

“เอาไปซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่ เวลาไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลจะได้ไม่มีใครว่า ต้องดูแลแม่ให้ดี เข้าใจไหม” ผมบอก ราณียกมือไหว้ผมอีกครั้ง ผมเห็นเด็กสาวนั่นเดินเช็ดน้ำตาออกไปด้วยก็สงสารและยังนึกห่วง เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวจะอยู่ยังไงกัน

“เป็นเจ้าหญิงนาวเต็มตัวแล้วนะเราน่ะ” ไอ้โหดโอบไหล่ผม

“นาวแค่ไม่อยากให้เด็กนั่นเสียแม่ไปเหมือนนาว ถ้าการช่วยเหลือของเราทำให้เด็กคนนั้นยังมีแม่ มันก็ดีใช่ไหม” ผมบอกเหตุผลกับพี่ธีม ไม่ได้อยากจะดราม่านะ แต่บางทีเรามีพร้อมทุกอย่าง อะไรที่เราช่วยคนอื่นบ้างก็เป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะช่วยชีวิตคน

“พี่ภูมิใจในตัวนาวจริงๆ แม่พุดซ้อนก็คงภูมิใจในตัวนาวเหมือนกัน” มันพูดจบก็ดึงผมไปกอด

“เห็นยัง นาวเหมาะสมกับเจ้าชายอย่างพี่แล้วใช่เปล่า” ผมถาม

“มีใครบอกว่านาวไม่เหมาะกับพี่อย่างนั้นเหรอ” มันรีบถามเสียงห้วนๆ

“เปล่าๆ นาวแค่ถามเฉยๆ” ใจร้อนจริงนะไอ้หมาธีม

“นาวกับพี่สมกันเหมือนสะเดากับน้ำปลาหวานจะตาย”

“นาวหาแฟนใหม่ดีกว่า ไม่อยากเป็นน้ำปลาหวาน” ผมเบ้ปากใส่มัน มันบีบก้นผมเบาๆ แต่ผมตกใจผลักมันออกแล้วรีบมองซ้ายมองขวากลังใครมาเห็น มันหัวเราะขำผม

“กลัวใครเห็นเหรอ” มันดึงผมไปกอดอีกรอบ

“นาวกลัวตูดนิ่มตะหาก” ผมกัดไหล่มันคืน อยากมาบีบก้นผมทำไมละ

“พรุ่งนี้พี่ต้องออกไปหมู่บ้านท้ายวัง อยากไปไหม”

“ไปๆ เผื่อจะได้เจอราณี”

“ดูจะติดใจเด็กคนนี้จังนะ”

“ก็สงสารอะ รู้สึกถูกชะตา” ผมบอกมัน

“ถูกชะตาไม่ว่า ถูกใจเอาตายแน่”

“คึคึ หึงเหรอ”

“อืม” มันตอบรับในลำคอก่อนจะโน้มใบหน้ามาหอมแก้มผม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสด็จย่าของมันเดินเข้ามาพอดี

“ว้าย” นางข้าหลวงคนสนิทที่ติดตามย่าของพี่ธีมร้องขึ้น คงเห็นไอ้ธีมกำลังหอมแก้มผมพอดี นี่ดีนะแค่หอมแก้ม ถ้าเมื่อครู่ไอ้โหดมันจูบผม ท่านย่าและนางกำนัลคงจะหัวใจวายกันเป็นแน่ ผมเด้งตัวออกโดยอัตโนมัติเลย นึกตำหนิตัวเองที่ไม่ห้ามมัน  แต่ไอ้หมาธีมมันยืนเฉยไม่สะทกสะท้าน แถมยังจับข้อมือผมไม่ยอมปล่อย

“ออกไปก่อน” ย่าของไอ้โหดไล่นางข้าหลวงออกไปก่อนจะเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้

ผมกับไอ้โหดโค้งทำความเคารพ ท่านพยักหน้าให้ ไอ้โหดดึงมือผมให้มานั่งที่โซฟายาวข้างๆ มัน สายตาของควีนนาราแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจอย่างชัดเจน ผมเลยหน้าเจื่อนไป บรรยากาศที่ไม่อยากเจอในที่สุดก็ได้เจอ ไอ้โหดบีบมือผมเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องกลัว เป็นผมเองที่ค่อยๆ ดึงมือออกมาวางที่ตักของตัวเอง จะไม่ให้กลัวได้ไง สายตาตำหนิผมชัดเจนเสียขนาดนั้น



โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-02-2015 11:54:31
องค์หญิงนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 16-02-2015 12:21:26
องค์หญิงนาว เหมาะกับเจ้าชายโหดมาก มังคะ 555555+

ท่านย่าจะดราม่ารึเปล่า มโนตามนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-02-2015 12:49:29
โดนดุแหงเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-02-2015 14:46:20
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkish ที่ 16-02-2015 15:29:31
ดูท่าองค์หญิงนาวจะเจออุปสรรคซะแหละ  :mew2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 16-02-2015 16:04:25
โดนดุแหงๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 16-02-2015 17:27:14
น้องนาวจะเป็นองค์หญิงหรือนางสาวไทยตามแม่คะ รักเด็กยิ่งนัก เอ๊ะ! แต่พี่ธีมไม่เด็กนี่ ฮี่ๆๆ :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 16-02-2015 18:55:27
กลายเป็นองหญิงนาวไปซะแล้ว

ท่านย่าจะว่ายังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2015 18:59:53
อะ เสด็จแม่ธีม จะว่าไรไหมอะ กลัวนาวจะโดนว่าจัง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-02-2015 21:39:00
น้องนาวใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น
จะมีดราม่าอะไรอีกไหม ท่านย่าของธืมเหมือนจะไม่ชอบนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 16-02-2015 22:11:43
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่าาาา
รู้สึกพลาดมากที่ไม่ได้เข้ามาอ่าน

เห็นแวบสาบตาไปแวบสายตามาในบอร์ดมานานแล้ววว

น้องนาวน่ารักมากกกกกกกกก ขอสมัครเป็นติ่ง

ปล.ขอให้พ้นอุปสรรคทุกประการนะเคอะๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 17-02-2015 03:37:20
ย่าอย่าทำดราม่านะ ขอร้อง
คนอ่านกะลังฟิน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 31 (16/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-02-2015 20:00:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-02-2015 11:38:43
บทที่ 32
           


“ทำไมไม่ระมัดระวังองค์บ้าง ธีมัส” ควีนนาราตำหนิไอ้โหดทันทีที่บรรดาสาวใช้ออกไปหมดแล้ว ผมรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหดลงสองนิ้วเมื่อได้ยินเสียงดุของท่านย่า

“ที่นี่เป็นตำหนักส่วนตัวของผม ผมไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาโดยไม่ได้บอกก่อน” ไอ้โหดมันตอบท่านย่า ผมว่า...ตอนนี้ตัวผมหดเพิ่มอีกห้านิ้วเพราะคำตอบของไอ้โหดมันทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดมากกว่าเดิม

“หลานหมายถึงย่าเป็นฝ่ายบุ่มบ่ามเข้ามาเห็นเอง เป็นความผิดของย่าสินะธีมัส” ย่าของไอ้โหดเสียงดังกว่าเดิม แถมยังตวัดสายตาหันมามองผมด้วย ผมว่า ตอนนี้..ตัวผมน่าจะหดลงอีกสิบนิ้วแล้วละครับ

“ท่านย่าน่าจะทราบว่าหลานไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หลานกับนาวเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันเหมือนที่หลานได้เรียนให้ทราบแล้วก่อนหน้านี้ การที่เราแสดงความรักต่อกันมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หลานไม่ได้ทำอะไรที่มันดูน่าเกลียดไม่น่ามองเลยสักนิด ท่านปู่เองก็ตรัสกับหลานว่าพระองค์ยอมรับได้ที่หลานเป็นแบบนี้ หรือหลานเข้าใจผิดไปครับ” ไอ้โหดมันย้อนถามท่านย่าของมัน สีหน้าของท่านย่าดูโกรธจัด ผมว่าตัวของผมควรจะหดจนหายเป็นอากาศไปเลยจะดีกว่า

“ย่าจะคิดอย่างไรก็คงจะไม่มีความหมายต่อเจ้าหรอก ธีมัส สำหรับหลาน ย่าคงเป็นแค่คนอื่นไปเสียแล้ว” ท่านย่าของไอ้โหดลุกขึ้น ผมลุกขึ้นตามแล้วโค้งให้ย่าของมัน

“ผมขอโทษครับ ผมผิดเองที่ไม่ทันระวังตัว ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก พระองค์อย่าโกรธเจ้าชายเลยนะครับ” ผมรีบบอก อีกฝ่ายเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกชื่อนางข้าหลวงคนสนิทของตัวเองให้เข้ามา

“ไวโอเลต..นำซุปที่เราทำมาฝากเจ้าชายธีมัสไปอุ่นให้เจ้าชายด้วย” ท่านพูดจบก็เดินออกไปเลย ไม่มองผมเลยด้วยซ้ำ ผมลอบถอนหายใจ วันงานเลี้ยงยังพูดดีกับผมอยู่เลย เอาจริงๆ พอได้เห็นผมกับไอ้โหดอยู่ด้วยกัน ท่านคงทำใจไม่ได้อยู่ดี

“เอาวางไว้ตรงนั้นไวโอเลต เดี๋ยวเราให้นางข้าหลวงของเราจัดการต่อเอง” ไอ้โหดบอกจบก็ดึงมือผมขึ้นไปบนห้องโดยที่ไม่สนใจสายตาใครเลย

ขึ้นมาถึงบนห้อง มันก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มันใส่ออกเป็นชุดผ้าขี้ริ้วตัวโปรดที่มันเอามาด้วย ผมแอบยิ้มตอนที่มันยีผมตัวเอง นึกสงสารมันอยู่เหมือนกันที่ต้องเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผมเดินเข้าไปหามันแล้วสวมกอดมันเอาไว้

“อดทนหน่อยดิ ถึงพี่จะอึดอัดแต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ดันเกิดมามีสายเลือดที่สูงส่งไหลเวียนอยู่ในตัวพี่ พี่ไม่ใช่นายธีรดลคนซกมกคนเดิมแล้วนะ”

“เฮ้อ..ไม่ทนไม่ได้หรอกกับที่ต้องทำหน้าที่เจ้าชายที่ดี แต่ถ้าพี่ต้องเป็นเจ้าชายที่ดีแล้วเป็นคนรักที่ปกป้องคนรักของตัวเองไม่ได้ แสดงความรักกับคนรักตัวเองไม่ได้ เอาพี่ไปติดคุกตั้งแต่ตอนโดนก่อกบฏแบบคนอื่นๆ ดีกว่า” มันถอนหายใจแล้วระบายกับผม

ผมเข้าใจมันนะว่าสิ่งที่ติดค้างในใจคือการที่ราชวงศ์ทุกคนปกป้องมัน ส่งมันไปอยู่อย่างสุขสบายที่เมืองไทย ส่วนคนอื่นต้องมาติดคุกหรืออยู่อย่างยากลำบากตั้งหลายปี สิ่งนั้นทำให้มันรู้สึกผิด ยิ่งทุกคนพยายามจะให้มันขึ้นครองราชย์มากเท่าไหร่ มันก็คงลำบากใจและยิ่งกดดัน เพราะผมเข้าใจว่ามันจะรู้สึกยังไงผมถึงอยากอยู่กับมันที่นี่ ไม่ได้อยากเป็นเจ้าหญิงอะไรเลยครับ แต่เพราะมันบอกว่าผมคือความสุขของมัน ผมเลยอยากให้มันมีความสุข อย่างน้อยก็ช่วยปลอบใจมันได้อย่างเช่นตอนนี้ เราสองคนได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ผมจะจับมือกับมันให้แน่นที่สุดและจะเป็นกำลังใจให้มันให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้


หลังจากวันนั้นมา ท่านย่าของไอ้โหดก็ไม่ได้มาที่ตำหนักฝั่งซ้ายอีก แต่ไอ้โหดมันก็ไปเข้าเฝ้าท่านปู่กับท่านย่าที่พระตำหนักของท่านแทนทุกวันเป็นปกติ ผมถามมันว่าท่านหายโกรธรึยัง มันก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ส่วนผมก็มีหน้าที่ไปเอาอาหารที่ไอ้บิวทำมาจัดให้ท่านลุงนาทีคทานทุกวัน เจ้าชายแอชตันไม่อนุญาตให้ไอ้บิวมาทำอาหารที่นี่ แต่ให้ทำที่ตำหนักสายรุ้งและให้ทหารนำมาให้ที่นี่แทน ผมอาสาไปเอาอาหารเองเพราะอยากหาเรื่องไปเจอไอ้บิวทุกวัน ที่น่าดีใจที่สุดคือท่านลุงนาทีคเสวยอาหารได้มากกว่าเดิม ท่านป้าดีใจมาก ไอ้โหดก็ดีใจมากเช่นกันที่เห็นพ่อของตัวเองทานข้าวได้มากขึ้น

ส่วนภารกิจของพี่ธีมก็คือต้องออกไปเยี่ยมประชาชน ไปคอยรับฟังปัญหาแล้วกลับมารายงานเหนือหัวสเตฟาน แรกๆ ผมก็ตามมันไปตลอด แต่พอผมรับรู้จากมิเชลว่าท่านย่าไม่โปรดให้ผมตามไอ้โหดไปด้วย ผมก็เลยไม่ไปอีก ผมให้เหตุผลกับไอ้โหดไปว่าขี้เกียจ ไม่ได้บอกความจริงกับมันหรอก ไม่อยากให้มันคิดมาก ส่วนเวลาว่างหลังจากที่จัดอาหารให้ท่านลุงนาทีคเสร็จ ผมก็ขับรถเอทีวีเล่นแก้เบื่อบ้าง เดินไปสำรวจตรงนั้นตรงนี้บ้างแต่ก็อยู่ในเขตพระราชฐาน มีอลันคอยติดตามและมีมิเชลติดตามใกล้ชิดยิ่งกว่า ตามผมแทบจะทุกฝีก้าว ที่น่าแปลกใจคือมิเชลไม่ได้ประชดประชันหรือมีท่าทีไม่ดีต่อผม กลับชวนคุยหรือชวนผมทำกิจกรรมสนุกๆ ไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งผมก็นึกขอบคุณเธอนะทำให้ผมไม่เหงาเวลาที่ไอ้โหดมันต้องออกไปราชการแทนท่านปู่ของมัน
วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากเสร็จจากหน้าที่ประจำของผมแล้ว ผมก็ออกมาขับรถเอทีวีกับอลันแค่สองคน มิเชลไม่ได้มาด้วยเพราะพระชนนีให้มิเชลไปหัดเรียนจัดดอกไม้กับพระองค์ ท่านบอกว่าต่อไปมิเชลก็ต้องแต่งงาน จะมัวมาเล่นซนเป็นเด็กไม่ได้แล้ว ซึ่งทำเอามิเชลคอตกไปเลย

ผมแอบชวนอลันขับรถออกมาที่หมู่บ้านท้ายวัง วันนั้นที่ผมตามไอ้โหดไปเยี่ยมประชาชนที่หมู่บ้านท้ายวัง ผมไม่เจอราณี เดาเอาว่าเธอคงไปเฝ้าแม่อยู่ที่โรงพยาบาล วันนี้ผมนึกถึงเด็กคนนั้นเลยอยากจะไปเยี่ยมสักหน่อย ทีแรกอลันก็ไม่ยอมเพราะผมไม่ได้ขออนุญาตพี่ธีมก่อน แต่พอเห็นผมหน้าจ๋อยๆ อลันก็คงสงสาร บอกให้ผมโทรไปขอพี่ธีมก่อน ผมไม่ได้โทรหรอกครับ ส่งข้อความไปแทน กว่ามันจะอ่านผมก็คงออกไปแล้ว มันจะได้ปฏิเสธไม่ทัน

“อลัน ทำไมบ้านของราณีเงียบจัง” ผมขับรถออกมาถึงหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท้ายวัง จอดรถที่หน้าบ้านของราณีและเดินไปชะโงกมองอยู่ที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่เลย จริงๆ ควรเรียกว่ากระท่อมมากกว่า หลังคามุงใบไม้เป็นตับ ตัวบ้านก่อจากอิฐก้อนใหญ่ๆ มันเก่าใกล้พังมาก

“มีเสียงเอะอะมาจากทางโน้น ไปดูกันไหมครับคุณมะนาวต่างดุ๊ด” อลันถามผม ผมยิ้มขำกับชื่อของตัวเอง อลันขอเรียกชื่อนี้ต่อบอกว่าดูเท่ห์ดีผมก็เลยตามใจ

“นั่นมันราณีนี่ ทำไมโดนรุมตีแบบนั้นละ อลัน ไปเร็ว” ผมเดินตามเสียงมาก็เห็นราณีนอนขดตัวคุดคู้กอดเข่าตัวเองอยู่กับพื้นดิน มีชาวบ้านสองสามคนกำลังเอาหวายฟาดตัวราณีอยู่ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนดูไม่ได้ช่วยเหลือ อลันวิ่งเข้าไปห้าม ชาวบ้านชี้ไปที่ราณีแล้วก็ส่งเสียงดัง

“เขาบอกราณีพยายามจะจุดไฟเผาบ้านเขาก่อน” อลันบอกผม ผมประคองราณีขึ้นมา ชาวบ้านมากระชากแขนผม แต่อลันจับมือชาวบ้านให้ปล่อยก่อนจะพูดเสียงดังใส่ ชาวบ้านแสดงสีหน้าตกใจก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น

“เราเป็นคนธรรมดา ให้เขาลุกขึ้นเถอะอลัน” ผมบอก

“ให้เข้าใจไปก่อนครับว่าเป็นพระญาติ ไม่เช่นนั้นจะช่วยราณีไม่ได้” อลันบอกผมด้วยภาษาไทย

“เฮ้ย มันหลอกเรา ฉันฟังภาษาไทยออก มันไม่ใช่พระญาติ #%$%^#%$^%$#%^$^%$#%^$#” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนออกมาเป็นภาษาไทยก่อนจะจะหันไปพูดภาษาบัณตรากับชาวบ้านคนอื่นๆ อลันหน้าเสียเมื่อชาวบ้านบริเวณนั้นพากันเดินเข้ามาหาผม เวรแล้ว! ผมไม่ได้พกหลวงพ่อมาสักองค์ หนังของผมจะเหนียวสู้ตีนคนที่นี่ไหวไหม ลำพังตัวผมใช้คาถาหลวงพ่อโกยคงไม่ยาก แต่ราณีนี่สิ ผมทิ้งเขาไม่ได้หรอก โดนตีจนเลือดซึมออกมาขนาดนี้

“ปล่อยหนูเอาไว้ที่นี่เถอะค่ะ” ราณีบอกผม

“ไม่ได้” ผมตอบพร้อมกับดันตัวราณีให้ไปยืนข้างหลังของผม

“อลัน บอกเขาไปว่าเขาต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ เราจะจ่ายให้” ผมบอก อลันรีบพูดตามผม ชาวบ้านหยุดเดินหันไปคุยกันแล้วหันมาตอบอลันอลันทำหน้าตกใจก่อนจะตวาดกลับ

“เขาว่าอะไรเหรอ” ผมถาม

“เขาต้องการตัวคุณนาวแทน”

“ห๊า ทำไงดีวะไอ้นาว คิดสิคิด” ผมพูดกับตัวเอง

ราณีทำท่าจะเดินออกมาจากทางด้านหลังของผม ผมดันตัวเด็กนั่นกลับไปยืนด้านหลังของผมแบบเดิมก่อนจะกระซิบอลัน อลันฟังผมจบก็รีบพูดตาม ชาวบ้านมองมาที่หน้าอกของผม บางคนหน้าเสียพอสมควร บางคนมีท่าทีลังเล แต่บางคนเดินหนีไปเลย สุดท้ายคนที่เป็นหัวโจกก็ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจก่อนจะเดินหนีกันไปหมด ผมถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาเลย โชคดีที่วันนี้ผมกลัดเข็มกลัดของพระชนนีที่ไอ้โหดให้ผมไว้มาด้วย พระชนนีเคยรับสั่งให้ผมกลัดทุกวัน ผมเพิ่งเข้าใจประโยชน์ของมันวันนี้เอง คนพวกนั้นถึงยอมเชื่อว่าผมเป็นพระญาติและไม่กล้าเข้ามาทำร้าย

“พาราณีกลับตำหนักเราก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน” ผมบอก อลันเลยโทรหาเพื่อนทหารองค์รักษ์ให้เอารถมารับผมกับราณีกลับวัง ส่วนอลันเป็นฝ่ายขับรถเอทีวีกลับวังแทนผม

ผมให้อลันช่วยพาราณีไปหานางข้าหลวงเพื่อเช็ดตัวและทำแผล อลันรับคำสั่งโดยไม่ถามว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้ นี่คือข้อดีของอลันที่ผมชอบ เขาไม่เคยเกี่ยงหรือแสดงอาการไม่พอใจเลยถ้าผมใช้เขาทำอะไรนอกหน้าที่ ผมรู้สึกเหมือนมีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกคนที่เข้าใจผม ผมให้ไดแอน นางข้าหลวงประจำตัวของผมจัดอาหารและห้องพักให้ราณีชั่วคราวก่อน แต่ไม่ได้พักในตำหนักหรอกครับ พักในส่วนของคนงานที่อยู่ถัดออกไปทางด้านหลังของตำหนักปีกซ้ายนี่แหละ ไดแอนเป็นนางข้าหลวงที่พี่ธีมจัดมาให้ดูแลผม ครั้งแรกที่ผมเห็นไดแอน ผมรู้เลยว่าพี่ธีมมันจงใจเลือกคนนี้มาให้ผม ไดแอนเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วม อายุน่าจะสี่สิบได้ แต่เธอเป็นคนยิ้มเก่งและเป็นผู้หญิงตลก ไดแอนพูดไทยได้และไม่สุงสิงกับนางข้าหลวงคนอื่นๆ สรุปคือใจดีมีมารยาทและไม่ขี้นินทานั่นเอง

“ทำไมต้องไปเผาบ้านคนอื่นละ” ผมถามราณีที่เพิ่งเดินเข้ามาหาผม อลันพาไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวทำแผล ไดแอนก็ให้กินข้าวกินยาจนเรียบร้อย

“พวกมันทำให้แม่หนูต้องตาย” ผมตกใจมากเมื่อได้รับรู้ว่าเด็กสาวคนนี้เสียแม่ไปแล้ว ไหนอลันมารายงานผมว่าคุณหมอรักษาให้จนอาการดีขึ้นและกลับบ้านได้แล้ว

“อลัน ไหนว่า...” ผมหันไปถาม อลันเองก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน

“หมอรักษาหายแล้ว แต่ชาวบ้านยังเชื่อว่าแม่มีวิญญาณผีร้ายครอบงำ ทุกคนไม่ยอมให้แม่อยู่ในหมู่บ้าน หนูต้องพาแม่ออกไปนอนในป่า แล้ว..แม่ก็..” เสียงสั่นๆ ที่พยายามเล่าขาดหายไป ผมนึกโกรธขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้จนทำให้คนๆ หนึ่งต้องตาย

“นาวไม่เข้าใจเลยอลัน ทำไมคนที่นี่ต้องเชื่อเรื่องเหลวไหลที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วย”

“อย่าพูดเช่นนั้นนะคะคุณนาว คนที่นี่เชื่อเรื่องผีป่ามาก” ไดแอนรีบเตือนผม เรื่องความเชื่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้มีอยู่ทุกประเทศจริงๆ แต่ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ จะมีคนอีกมากเท่าไหร่ที่ต้องโดนไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะว่าป่วยเป็นไข้ป่า ไม่ใช่ผีเข้าอย่างที่เข้าใจกัน

“ทำไมไม่มาหาเรา” ผมถอนหายใจก่อนจะถามราณี

“มาแล้วแต่ทหารไม่ให้เข้า” ผมอึ้งไปเมื่อได้รับฟังคำตอบ จะโทษใครก็ไม่ได้ ที่นี่คือเขตพระราชฐาน คงจะยากที่คนนอกจะมาขอเข้าพบง่ายๆ

“ทำไมไม่แจ้งตำรวจหรือบอกเหตุผลกับทหาร” ผมถามขึ้นอีก

“ไม่มีใครช่วยหรอกครับ ทุกคนกลัวผีป่าทั้งนั้น” อลันตอบแทน ผมรู้เลยว่าตัวเองกำลังทำหน้างอเพราะไม่พอใจ ขนาดคนที่เป็นที่พึ่งของประชาชนยังไม่คิดช่วยด้วยเหตุผลที่งี่เง่าขนาดนี้แล้วใครจะช่วย

“อาจเป็นเพราะเราหยุดให้ความเคารพผีป่า ตั้งแต่ยึดอำนาจคืนจากท่านทารัสสำเร็จและเปลี่ยนการปกครอง เจ้าชายแอชตันสั่งให้ยกเลิกการสังเวยผีป่า” ไดแอนพูดอย่างกลัวๆ

“สังเวย..ที่นี่มีการสังเวยด้วยงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าเครื่องสังเวยคือชีวิตคน” ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู อยากให้เดอะแก๊งได้มาฟังจริงๆ พวกมันจะได้รู้ว่าการที่ผมชอบมโนเนี่ยมันธรรมดาไปเลยเมื่อเจออะไรแปลกๆ ของประเทศนี้

“เครื่องสังเวยก็มีทั้งคนบริสุทธิ์ ทอง อาวุธ” อลันบอก อู้ย ดีนะที่ผมไม่บริสุทธิ์แล้ว ไม่งั้นเข้าข่ายบุคคลที่ผีป่าต้องการ

“ห๊ะ ผีป่าจับปืนได้ด้วยเหรอวะ” ผมบ่นเบาๆ แต่ไดแอนหน้าซีดเผือก

“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะคะ” ไดแอนรีบคุกเข่าบอกกับผม ผมเลยหยุดพูดเรื่องนี้ไปก่อน แต่ผมไม่เชื่อหรอก มันต้องมีอะไรแน่ๆ ผีบ้าอะไรสะสมทองแถมใช้ปืนได้ด้วย

“โอเค ไดแอนมีอะไรก็ไปทำเถอะ” ผมบอก ไดแอนรีบยกผ้าเช็ดหน้าปาดเหงื่อตัวเองแล้วเดินออกไป

“อยู่ที่นี่ไปก่อน ช่วยไดแอนหยิบจับงานในครัวนะ ส่วนเรื่องนี้เราจะต้องหาคำตอบให้ได้” ผมบอก

“แต่ว่า...”อลันทำท่าจะค้านผม

“ถ้าเกิดแม่ของอลันถูกทำแบบนั้น อลันจะไม่เสียใจใช่ไหม ไม่อยากทวงความยุติธรรมให้แม่อย่างนั้นเหรอ” ผมถามเมื่ออลันจะห้ามผม อลันพอได้ฟังก็เลยเงียบไป

“ขอบคุณค่ะ” ราณีมองผมแล้วยกมือไหว้ ผมรีบห้าม ไม่อยากแก่ครับ ถึงราณีจะเด็กกว่าผม แต่ดูแล้วไม่น่าห่างกันเท่าไหร่ พอพาไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วผมว่าราณีเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยทีเดียว

“ไม่ต้องห่วงนะอลัน นาวจะปรึกษาพี่ธีม ไม่ได้คิดจะทำอะไรเองหรอก ไหนๆ ก็จะพัฒนาประเทศให้ทั่วโลกรู้จัก ความเชื่อที่ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนแบบนี้ก็ควรถูกแก้ไขนะ จริงไหม” ผมถาม อลันพยักหน้าตามแบบคนไม่มีทางเลือก

“เฮ้ย อย่าป๊อดดิ..อลัน” ผมตบบ่าอลันให้กำลังใจ แต่ดูท่าอลันคงต้องการกำลังใจมากกว่านี้เพราะยังหน้าเจื่อนๆไม่เลิกเลย

“เราเสียใจด้วยนะเรื่องแม่ แต่อย่าไปทำอะไรแบบนั้นอีก มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ถึงความเป็นจริงน่าจะเผาให้สำเร็จก็เถอะ” ผมตบไหล่ราณีเบาๆ เป็นผมเหรอ ถ้าทำกับแม่ผมแบบนี้ผมจะจัดการให้น่วมเลย แม่ใครๆ ก็รัก แต่ด้วยความที่ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ดีที่คู่ควรกับไอ้หมาธีม ผมจะคิดอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้ว สงสัยผมต้องเรียกประชุมภาคีนกขุนทองอีกครั้ง

“ค่ะ หนูจะเชื่อฟังท่าน” ราณีตอบรับ

“ท่านอะไรกัน ดูแก่ ไม่เอาหรอก เรียกเราว่าพี่นาวดีกว่า ไปพักเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ตอนเจ้าชายธีมัสกลับมาแล้ว” ผมให้อลันพาราณีไปพักก่อน ดูท่าทางคืนนี้ราณีคงจะไข้ขึ้นแน่ๆ สะบักสะบอมไม่ใช่เล่น นึกแล้วก็เคืองคนป่าเถื่อนพวกนั้น ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้ยังทำได้ขนาดนี้

ส่วนผมก็รอไอ้โหดมันกลับมา อยากจะเล่าให้มันฟังจะแย่อยู่แล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มันยังไม่อ่านข้อความที่ผมส่งไปขออนุญาตมันเลย สงสัยจะไม่มีสัญญาน เมื่อไม่รู้จะทำอะไรก็เลยแอบขึ้นไปนอนเล่นบนห้อง แล้วก็เผลอหลับไป จนกระทั่งรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนโดนใครบีบคอ ผมพยายามจะขยับตัวแต่ขยับไม่ได้ พยายามจะลืมตาก็รู้สึกว่าเปลือกตามันหนักมาก พยายามฮึดออกแรงที่มีดิ้นๆจนเหนื่อยแต่ก็ยังไม่สามารถลุกได้

‘...แกต้องคำสาป...แกจะต้องตาย...แกต้องตาย....’

ผมได้ยินเสียงขู่อยู่ข้างหู อยากจะตะโกนร้องเรียกอลันแต่ก็ขยับอะไรไม่ได้เลย พยายามจนจะหมดแรง สุดท้ายผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

“นาว...นาว ตื่นเถอะ ค่ำแล้ว ไปกินข้าวกันนะ” ผมได้ยินเสียงพี่ธีมเรียกผม ผมลืมตาขึ้นมาแล้วลุกพรวดขึ้นทันที นึกว่าตายไปแล้วเสียอีก

“พี่ธีม..นาวฝันร้ายอะ ขยับไม่ได้เหมือนโดนใครบีบคอเลย” ผมลูบหน้าตัวเอง ดีใจที่เมื่อครู่เป็นแค่ความฝัน พี่ธีมมันโยกหัวผมก่อนจะกอดผมเอาไว้

“ไปป่วนที่ไหนมาละถึงได้ฝันร้ายขนาดนี้” มันถามผม ผมหันไปมองอลัน อีกฝ่ายหลบตาวูบทันที คงจะเล่ากันฟังหมดแล้วละซี๊ เซ็งเลย เล่นแย่งรายงานหมดแล้วจะเอาอะไรเม้ากับไอ้หมาธีมมันล่ะ

“นาวกำลังทำคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้บัณตราต่างหาก พี่ธีม..แต่ฝันเมื่อกี้นี้มันเหมือนจริงมากเลย” ผมบอกก่อนจะกอดตอบไอ้โหดมันเหมือนกัน ซุกหน้ากับอกมัน งานอ้อนก็มา งานทำคะแนนต้องมี ฮ่าๆ แต่ผมยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย สงสัยโดนผีอำ เฮ้ย! หรือจะผีป่าอาฆาตผมโทษฐานไปลบหลู่ท่าน

“คงจะเพลีย เหนื่อยมากจนตะคริวกินมากกว่า พี่มาอยู่ในห้องนี้ตั้งนานแล้ว เห็นนาวหลับปุ๋ย โดนทำอะไรยังไม่รู้ตัวเลย” มันบอกผม เอ๊ะ หรือว่าผีอำตัวเมื่อกี้คือผีหมาธีม มันต้องแอบทับตัวผมแน่เลย ผมถึงหายใจไม่ออก หนอย ไอ้ผีหื่น

“อลันให้ไดแอนเตรียมอาหารเลย เดี๋ยวเรากับนาวลงไป” มันหันไปสั่ง

“อลัน ตามราณีมาด้วยนะ” ผมบอก อลันโค้งให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

พออลันปิดประตูปุ๊ป ไอ้โหดมันก็โถมตัวมาทับผมเลยครับ ก่อนจะกดจูบผม ผมเหมือนลูกแกะโดนหมาป่าขย้ำ ลูกแกะกลัวจะเสียเกียรติแห่งสกุลแกะเลยไล่จูบหมาป่าบ้าง หมาป่าก็เลยร้องครางเป็นหมาขี้เลื้อนธีมเหมือนเดิม

“อืม” ไอ้หมาธีมมันส่งเสียงพึงพอใจที่ผมจูบกลับแบบไม่มียอมมันเลย

“พี่ธีม อืม ไม่กินข้าวแล้วเหรอ..อืม.มม” ผมร้องท้วงมันเมื่อมือของมันเลื้อยเข้าไปในเสื้อของผมแล้วครับ ปลายนิ้วของไอ้หมาธีม มันสะกิดเบาๆ ก่อนจะหยอกเย้าด้วยการบีบปั่นอย่างกับนมผมเป็นของเล่น สนุกมือเขาละ

“กินนาวอร่อยกว่าตั้งเยอะ” มันละออกจากการซุกต้นคอของผมมาตอบก่อนจะเลิกเสื้อของผมขึ้นกำลังจะเตรียมเพิ่มแคลเซียมในร่างกายด้วยการดื่มนมของผม แต่ทันใดนั้น..

“อาหารค่ำพร้อมแล้วนะครับ” เสียงอลันดังมาจากหน้าห้อง

“อีกสิบนาที ห้ามใครกวน” มันตะโกนบอก อลันเงียบไปแล้ว หมดกัน คงจะรู้ว่าในห้องกำลังมีสงครามย่อยๆ อยู่แน่ๆ

“พี่ธีม นาวอายนะ” ผมบอกมัน

“ยังอายอลันอีกเหรอ บนภูเขายังเตรียมพร้อมให้กันขนาดนั้น” มันถามผม

“นาวอายทุกคนแหละ ใครจะหน้าด้านเหมือนพี่ พี่นี่นะ อ่า...อืมมม” ผมว่ามันไม่ทันจบประโยคหรอกครับ มันก็จัดการผมต่อทันที
คิดว่าที่มันขอสิบนาทีมันจะแค่จูบผมเหรอครับ หื่นๆ อย่างไอ้หมาธีมมันคงไม่หยุดแค่นั้น ผมก็ตามใจมัน เห็นมันเหนื่อยมา ถ้าการที่ได้กินผมแล้วทำให้มันอิ่มผมก็ยินดีตกเป็นอาหารอันโอชะของมัน แต่ผมยอมรับเลยว่าพี่ธีมมันอ่อนโยนกับผมมาก ไม่ใช่มีแต่มันที่มีความสุข ผมก็มีความสุขกับช่วงเวลานี้ไม่ต่างจากมัน ยิ่งมันดูจะพึงพอใจในสิ่งที่ผมตอบกลับ มันก็ทำให้ผมภูมิใจตัวเองอยู่เหมือนกันนะที่มีฝีมือจัดการเจ้าชายให้อยู่หมัดได้ ฮ่าๆ

“กินข้าวบนนี้ไหม จะให้อลันยกมาให้” มันถามผมหลังจากที่ตีเมืองผมแตกเรียบร้อยแล้ว มันคงรู้ว่าคราวนี้ไม่เหมือนกับคราวบนเขา ผมไม่มีตัวช่วย มันเลยคิดว่าผมอาจจะเดินไม่ไหว

“ก็ดีเหมือนกัน” ผมบอก ไม่อยากเดินแล้ว

“งั้นนอนรอก่อนนะ เดี๋ยวไปบอกอลันก่อน”

“เดี๋ยว เช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้นาวก่อนดิ” ผมรีบบอกมัน ก็ผมโป๊อยู่จะให้อลันขึ้นมาได้ไง

“ไม่ต้อง ห่มผ้าดิ กินเสร็จจะได้ออกกำลังต่อเลย”

“ห๊ะ นี่กะให้นาวตายคาเตียงรึไง ไอ้หมาธีม ไม่เอาอะ มาเช็ดตัวให้ก่อน อู้ย ซี๊ดด” ผมขยับตัวแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ประตูเมืองเลยโวยวายใส่มัน แต่มันไม่ฟังสักนิด สวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปเลย ผมจะลุกตามไปแต่เริ่มแสบๆ ยอกๆ ที่บั้นท้ายเลยต้องลงไปนอนคว่ำอย่างเดิม ก็มันเล่นยิงปืนใหญ่ไม่ยั้งเลยนี่นา ผมก็ไม่ได้กึ่มๆ ชาๆ แบบตอนอยู่บนเขานะไอ้หมาธีม

ฮึ่ย!! สงสัยต้องพกเหล้าพื้นเมืองกับผงทรีสบดแห้งติดตัวเอาไว้ไม่ให้ขาด ดูท่าช่วงข้าวใหม่ปลามันแบบนี้ผมจะต้องรับใช้ชาติแทบทุกวัน หึ..ชาวบัณตราเขาจะรู้ไหมนะ..ว่าเจ้าชายที่แสนเท่ห์ของพวกเขาหื่นมากแค่ไหน แต่คงไม่รู้หรอก เพราะมันคงหื่นกับผมคนเดียวแหละ  โอเค งั้นผมยอม

“มโนอะไรอีกละ ยิ้มตาเยิ้มเชียว” มันเดินกลับมาเห็นผมกำลังยิ้มน้อนยิ้มใหญ่เลยถามผม

“นาวรักพี่ธีมม๊ากมาก” ผมตอบ แบบที่ผมเคยบอกเอาไว้ ถ้ามันถามผมว่าผมมโนอะไร ผมจะบอกว่ารักมันแทน มันหัวเราะชอบใจก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงมานอนกอดผมเอาไว้ มันก็บอกว่ารักผมม๊ากมากเช่นกัน

ว่าแต่ผมลืมอะไรไปรึเปล่า..ตายแล้ว ผมลืมราณี แต่วันนี้ผมไม่มีแรงแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันค่อยว่ากันอีกที


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-02-2015 12:03:10
เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่!!!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 18-02-2015 12:11:17
ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ ร่ำรวย มั่งมี ศรีสุข ค่ะ o15 นักเขียน

นาวนางต้องเป็นคนแจกอั่งเปา แทนนะคะ พ่อก็รวย ปั๋วยิ่งรวยใหญ่ :laugh:

สงสัยต้องเป็นไดแอน แน่ๆเลยที่บีบคอนาว คำสั่งควีนด้วยรึเปล่า น่าคิดนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-02-2015 12:50:58
นาวจะโดนผีป่าทำไรป่าวนะ.  สู้กะผีเลยนะเนี่ยะะะ. อิอิ. เอาใจช่วยนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-02-2015 12:59:51
นาว เจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ใช่ผีจริงเหรอ
เจ้าชายธีมัสไม่ค่อยหื่นเลยนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 18-02-2015 14:39:32
นอกจากเรื่องท่านย่าแล้วยังมีเรื่องผีป่าเข้ามาอีก
วุ่นวายดีแท้  :hao4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-02-2015 15:05:17
ใครมาทำอะไรนาวอะ ต้องเป็นคนทึ่คิดปองร้ายนาวแน่เลย หรือนาวจะฝันจริงๆอะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 18-02-2015 16:19:22
ใช่ผีจริงรึป่าวเนี่ย

คนแน่ๆ แต่ไม่รู้คนไหนน่ะสิ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-02-2015 16:28:38
นักสืบนาวต้องทำงานด่วน แต่ตอนนนี้รับใช้หมาธีีมปก่อนน่ะต
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 18-02-2015 16:47:56
อะไรของย่าเนี่ย ย่าไปคุยกับปู่ก่อนมั้ยก่อนจะมาเวิ่นเว้อกะน้องนาว
รออ่านว่าตกลงอีผีเนี่ย เป็นใครกันแน่
เดายังไม่ออกเลย
ปล.อยากให้น้องนาวฟ้องธีมเล้ยว่ามีคนลามปาม บังอาจจะเอาตัวนาว เชอะ!
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 18-02-2015 18:09:41
คุณย่าคะ........... :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-02-2015 11:18:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 19-02-2015 11:52:14
เจอของดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 32 (18/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 19-02-2015 23:09:10
โอ้ยชอบบบบบ รักนาวง้ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 20-02-2015 12:21:51
บทที่ 33
   


อีกอาทิตย์กว่าก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว ผมใช้โปรแกรมสไกป์โทรหาพวกเดอะแกงค์แต่ก็ไม่ค่อยมีใครว่างคุยกับผมเลย ผมก็เลยยังไม่มีโอกาสเล่าเรื่องผีป่าให้พวกมันฟัง แต่ผมเล่าให้พี่ธีมฟังแล้ว มันก็บอกว่าจะลองปรึกษาท่านปู่ของมันดูว่าจะทำอะไรได้บ้างและสั่งกำชับผมว่าห้ามทำอะไรโดยที่ไม่บอกมันก่อนเด็ดขาด ส่วนเรื่องของราณี มันให้เด็กสาวคนนั้นมาช่วยดูแลผมคู่กับอลัน และรับปากว่าจะให้ความยุติธรรมเรื่องแม่ของราณีให้ด้วย ราณีมาอยู่กับผมได้อาทิตย์หนึ่งพอดี สอบถามแล้วก็รู้ว่าเธอเพิ่งจะอายุสิบแปดเอง เธอเป็นเด็กน่ารักเรียบร้อยและเข้ากันได้ดีกับผมและอลัน ช่วงแรกๆ ก็นั่งซึมตลอด เธอคงจะคิดถึงแม่ของเธอ แต่พอผมได้พาไปตระเวนตรงนั้นทีตรงโน้นที ช่วยหาอะไรสนุกๆ ให้ทำ เธอก็ดูจะร่าเริงขึ้นมาบ้าง

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมชวนอลันและราณีมาเที่ยวที่เหมืองเพชร แต่พวกเราไม่ได้มากันแค่สามคนนะครับ พี่ธีมเป็นคนพามาและมิเชลก็ตามมาด้วย มิเชลไม่ค่อยชอบราณีเท่าไหร่และไม่พอใจที่ผมปล่อยให้คนนอกได้เข้ามาอยู่ในวัง แต่ผมก็ปลอบใจราณีและบอกให้อดทน ความดีจะเอาชนะทุกอย่างเอง ปลอบเสร็จก็ยืดอกภูมิใจ ผมดูโคตรพระเอกเลย

“เดินระวังนะนาว” พี่ธีมบอกก่อนที่มันจะโดนเชิญให้ไปพูดคุยให้กำลังใจคนงานในเหมืองที่มาเฝ้ารอรับมัน ผมมองดูหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกขุดลึกลงไปใต้ดิน ปากหลุมมีขนาดกว้างกว่าก้นหลุมและถูกขุดเป็นชั้นๆ ไล่ลงไป

“ไปเปลี่ยนชุดก่อนครับ” อลันพาผมและคนอื่นๆ ไปเปลี่ยนชุด เราต้องใส่หมวกป้องกันดินถล่ม แล้วก็ต้องพกพวกไฟฉาย น้ำดื่ม เชือก อุปกรณ์พวกนี้ห้อยมากับชุดด้วย จากนั้นก็มีไกด์พาพวกผมไปชมขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ขุดค้นหาจนเจียระไนกลายมาเป็นเพชรสวยงาม ผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดูตลอด อยากจะเอาไปอวดไอ้บิวที่ไม่ได้มาด้วย สงสารมันเหมือนกัน มันไม่มีอิสระอย่างผมสักเท่าไหร่

ตอนนี้ผมถูกพากลับมาที่จุดพักแล้วเพื่อรอไอ้โหด เดี๋ยวไกด์จะพาไปดูโรงงานที่ผลิตอัญมณีส่งออกไปขายนอกประเทศ ระหว่างที่รอ ผมเลยไปเดินเล่นใกล้ๆ แถวนั้น ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปอีกหน่อย ผมแอบปีนลงไปตรงแผ่นเหล็กที่คนงานปูเอาไว้เป็นทางลงไปในหลุม ด้วยความที่ไม่ได้สนใจรอบข้าง มัวแต่ตั้งท่าเตรียมถ่ายรูปด้านล่างของหลุมใหญ่ตรงหน้า ผมได้ยินเสียงคนงานตะโกนมาจากทางด้านหลัง พอผมหันไปมองก็เห็นว่าลังสีน้ำตาลใบใหญ่ที่ตั้งซ้อนๆ กันเอาไว้ที่ปากหลุมกำลังเอนมาทางผม ผมรีบเอี้ยวตัวหลบและจะหันตัวกลับแต่ก็เสียหลักเพราะหมุนตัวเร็วเกินไป รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหงายหลังและตกลงไปด้านล่าง โชคดีที่มีมือหนึ่งมาดึงข้อมือของผมเอาไว้ได้ก่อน แต่เพราะคนที่ดึงตัวเล็กกว่าผมแถมยังเป็นผู้หญิง เธอเลยจำเป็นต้องกระชากมือผมอย่างแรงเพื่อให้ตัวผมพ้นลังใบใหญ่ที่กำลังหล่นลงมา แรงดึงทำให้เราทั้งคู่เซไปอีกทางและล้มลงไปกระแทกกับแผ่นเหล็ก ผมเจ็บจี๊ดที่ข้อเท้าเพราะขาผมมันไปปะทะกับแผ่นเหล็กอย่างแรง ส่วนคนที่ช่วยผมเอาไว้คือราณี นอนหมดสติอยู่ข้างๆ ผม ที่หัวของราณีเริ่มมีเลือดออกมา

“อลัน ช่วยราณีด้วย” ผมตะโกนบอก มิเชลวิ่งตามอลันมาก็ร้องกรี๊ดก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผมแล้วสำรวจเนื้อตัวผมยกใหญ่

“เจ็บตรงไหนนาว” มิเชลถาม สีหน้าของเธอซีด ดวงตามีน้ำตาคลอ

“ตรงข้อเท้า สงสัยจะหัก” ผมบอก แต่ก็ยังนึกห่วงราณีที่ยังไม่ได้สติ

“นาว!” พี่ธีมวิ่งมาถึงตัวผมก็รีบสำรวจร่างกายผมก่อนจะช้อนตัวผมขึ้นแล้วอุ้มไปที่รถ ส่วนอลันอุ้มราณีตามมา

“ไปโรงพยาบาล” พี่ธีมสั่งองค์รักษ์แล้วถึงได้หันมามองผม

“นาวไม่ได้ซนเลยนะ” ผมรีบบอกมันด้วยเสียงหงอยๆ แค่แอบปีนลงไปดูนิดเดียวเอง อันนี้ไม่ได้บอก แต่สารภาพในใจแทน

“ใจแทบขาด” พี่ธีมบอกผม ประโยคสั้นๆ ที่ผมฟังแล้วรู้สึกปวดใจ สีหน้ามันดูไม่ดีเอาเลย ผมรู้สึกผิดอย่างแรงที่ไม่ระวังตัวทำให้มันเป็นห่วงขนาดนี้ กลับกันถ้าเป็นมัน ผมคงด่าไปแล้วที่ทำให้ห่วง

“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” ผมบอกก่อนจะพิงหัวไปซบที่ไหล่ของมัน มันถอนหายใจก่อนจะเอือมมือมากุมมือของผมเอาไว้

“เจ็บมากไหม” มันถาม ผมส่ายหน้าและยิ้มให้มัน แต่ในใจผมนะเหรอ...ปวดข้อเท้าจะตายอยู่แล้ว ฮือๆๆๆๆ

“ราณีฟื้นแล้วครับ” อลันบอก ผมชะโงกไปดูที่นั่งแถวหลัง ราณีที่อยู่ในอ้อมกอดอลันกำลังกระพริบตาช้าๆ แล้วยกมือขึ้นจับที่หัวของตัวเอง แต่อลันใช้ผ้ากดปิดแผลเอาไว้อยู่

“เป็นยังไงบ้าง อดทนหน่อยนะเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว โอ้ย” ผมถามราณีก่อนจะแหกปากร้องเพราะข้อเท้าของผมเจ็บจี๊ดอย่างรุนแรง ทหารรีบกล่าวขอโทษที่ขับรถไปเหยียบก้อนหินจนรถกระเทือน

“หึหึ” ไอ้โหดมันรีบลูบหลังผมไปหัวเราะไป

“ชิ เออ นาวเจ็บก็ได้ ไม่ปากแข็งแล้ว” แล้วผมก็ซบไหล่มันใหม่ มันยกมือของผมที่มันกุมเอาไว้ขึ้นมาหอมเบาๆเป็นการปลอบผม โอเค ผมหายเจ็บนิดหนึ่งก็ได้วะ

แล้วเราก็มาถึงโรงพยาบาลในที่สุด ผมและราณีถูกพาไปตรวจ กระดูกข้อเท้าผมร้าวต้องใส่เฝือกอ่อนและงดการลงน้ำหนักที่เท้าไปสักระยะ ให้เดินบนพื้นนุ่มๆ และใช้ไม้เท้าช่วยไปก่อน ส่วนราณีก็เย็บแผลที่หัวไปห้าเข็ม หมอให้แสกนสมองให้ ผลออกมาว่าปกติดีไม่มีเลือดคั่ง คุณหมอตรวจเสร็จแล้วก็อนุญาตให้เราทั้งคู่กลับวังได้

ผลของความที่ผมหาเรื่องใส่ตัว นี่ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย ไอ้โหดสั่งห้ามผมไปไหนเด็ดขาด สั่งมิเชลให้จับตาดูผมอย่าได้คาดสายตา มิเชลเข้มงวดกับผมมากกว่าอลันพันเท่า ผมรู้สึกหงุดหงิดถึงกับตวาดมิเชลไปเมื่อวานนี้ วันนี้มิเชลเลยไม่ได้มาดูแลผม ราณีเดินถือชามข้าวต้มมาให้ผม ที่หัวของราณียังพันผ้าอยู่ แต่สีหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“พี่นาวกินข้าวก่อน”

“อลันไปไหน” ผมถาม

“ไปเอากับข้าวที่ตำหนักสายรุ้งมาถวายท่านนาทีคค่ะ” ราณีตอบผมก่อนจะยกชามข้าวต้มมาเป่าให้เย็น

“บิวไม่เห็นมาเยี่ยมเลย พี่ธีมก็ไม่เคยอยู่สักวัน” ผมบ่นขึ้นมา รู้สึกน้อยใจที่ทุกคนปล่อยผมให้อยู่บนห้องมาสามวันแล้ว

“คุณบิวคงยุ่งมากๆ เพราะที่ตำหนักสายรุ้งจะมีงานเลี้ยงขอบคุณเหล่าทหารที่ช่วยกู้บัลลังก์กลับคืนมาค่ะ ส่วนพี่ธีมกลับมาสองรอบแล้วแต่พี่นาวก็หลับสองรอบเลย” ราณีเล่าให้ผมฟัง ผมมาสะดุดตรงคำว่า ’พี่ธีม’ ที่ราณีพูดออกมา ปกติราณีจะเรียกไอ้โหดว่า เจ้าชายธีมัส ทำไมตอนนี้มาเรียกพี่ธีมอย่างสนิทสนม ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า

“แล้วเราไม่กลัวเจ้าชายแล้วเหรอ” ผมแกล้งถาม

“กลัวค่ะ แต่พี่ธีมใจดีกับหนูมากเลย สั่งให้หนูเรียกว่าพี่ธีมเหมือนที่หนูเรียกพี่นาว พี่ธีมบอกว่า ถ้าหนูไม่ช่วยพี่นาวเอาไว้ พี่ธีมคงใจขาดแน่ๆ พี่ธีมรับหนูเป็นน้องสาวอีกคน ให้หนูย้ายขึ้นมาอยู่ห้องข้างๆ พี่นาวด้วยจะได้คอยช่วยดูแลพี่นาว พี่ธีมรักพี่นาวมากๆ เลยนะคะ ตอนพี่นาวหลับก็มานั่งลูบผมพี่นาวตลอดเลยครับ” ราณีเล่าให้ผมฟัง ผมเริ่มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีที่ได้ยินว่าไอ้โหดมันรักและห่วงผมขนาดไหน

“งั้นต่อไปนี้เราก็เป็นพี่น้องกันแล้วนะ” ผมบอก ราณีวางชามข้าวต้มแล้วยกมือขึ้นไหว้ผม

“ถ้าพี่นาวไม่ช่วยเหลือหนู หนูคงเป็นเด็กจรจัดคนหนึ่ง ขอบคุณนะคะที่ใช้ชีวิตใหม่กับหนู”

“ไม่เป็นไร เราคงมีชะตาต่อกัน” ผมตอบ จำมาจากบทละครอีกที แต่ก็เห็นด้วยว่ามันคงจะเป็นเพราะโชคชะตาจริงๆ

“พี่นาวกินข้าวต้มก่อนนะคะ จะได้กินยา”

“หรือว่าผีป่าจะเสกให้ลังมันหล่นใส่พี่” ผมครุ่นคิด

“พี่เชื่อว่าผีป่ามีจริงเหรอคะ” ราณีย้อนถามผม

“ไม่อะ พูดไปยังงั้นแหละ เอาไว้ให้หายก่อนเถอะ จะจับผีมาลงโทษให้เข็ด” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ

“ว้าย คุณนาว ไม่เอาค่ะ อย่าพูดแบบนี้ ฮือๆ ไม่ควรเลย ไม่ควรพูดนะคะ” ไดแอนที่กำลังถือถ้วยยาเข้ามาพอดีก็ร้องเสียงดัง พูดไปร้องไห้ไป เธอรีบมานั่งกับพื้นข้างเตียงแล้วกุมมือผมเอาไว้

“แหะๆ โอเค นาวขอโทษครับ นาวจะไม่พูดแล้ว” ผมรีบบอก ไม่อยากให้ไดแอนร้องไห้ นางข้าหลวงสูงวัยรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะลูบมือผมเบาๆ ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ ผมกินข้าวกินยาเสร็จก็เริ่มง่วง เลยให้ราณีไปพักเพราะผมจะนอนพักเหมือนกัน

...แกต่ำช้า...แกต้องตาย...แกจะต้องตาย...

“แค่กๆๆ ฮึก...กกก อึก...” ผมดิ้นพล่าน รู้สึกว่ามีคนมาบีบคอผมอยู่ ผมขยับร่างกายไม่ได้ ลืมตาก็ไม่ขึ้น

...แกจะต้องสูญเสีย...สูญเสียทุกอย่างที่มี...เพราะแกมันต่ำช้า.....

ผมดิ้นจนหมดแรงเฮือกสุดท้าย แล้วผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีภายในห้องก็มืดไปหมดแล้ว ผมค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมานั่ง รู้สึกปวดที่ข้อเท้ามาก มองหาอลันและราณีก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ ผมค่อยๆ ขยับตัวมานั่งห้อยขากับเตียง เอื้อมมือหยิบไม้เท้ามาช่วยพยุงตัวเองให้เดินไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ผมเหลือบดูนาฬิกา สองทุ่มแล้วเหรอ ผมหลับไปจนถึงสองทุ่มแล้วทำไมไม่มีใครมาปลุกผมเลย ผมเดินกระเผกๆ ออกมาที่ระเบียงห้องนอน อยากออกมารับลมจากธรรมชาติบ้าง อากาศเริ่มหนาวมากขึ้น ผมกระชับเสื้อคลุมแล้วกอดตัวเองเอาไว้ พรูลมหายใจออกมายังเป็นไอ

“อ๊ะ...นั่นมัน..” ผมลุกขึ้นยืนเกาะขอบระเบียงก่อนจะเพ่งไปที่สนามหญ้าที่อยู่ข้างห้องของผม ผมเห็นพี่ธีมมันยืนคุยอะไรอยู่กับใครบางคน ผมยังมองไม่ถนัดเพราะตัวพี่ธีมมันบังอยู่ สักพักก็เห็นไอ้โหดมันดึงคนๆ นั้นมากอด ผมบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลย ที่แน่ๆ คือผมกำลังหงุดหงิดมากที่สุด ยืนดูอยู่สักพักก็ต้องหันไปมองในห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู พอหันกลับไปมองที่สนามอีกที ทั้งสองคนนั่นก็หายไปแล้ว

“คุณมะนาวต่างดุ๊ด ออกไปทำอะไรข้างนอกครับ อากาศเย็นมาก เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ” อลันรีบเข้ามาประคองผมกลับไปนั่งที่เตียง

“พี่ธีมละ” ผมถาม

“เข้าเฝ้าองค์นาทีคอยู่ครับ”

“แน่ใจเหรอ” ผมถามย้ำพร้อมกับจ้องหน้าอลัน

“ครับ มีอะไรเหรอครับ”

“เปล่าไม่มีอะไร คอแห้งจัง ขอน้ำหน่อย” ผมบอกอลัน อลันรีบเดินไปรินน้ำให้ผม ผมรับมาดื่มก็ต้องพ่นออกมาเพราะน้ำมันร้อนมาก แก้วก็หลุดมือตกลงไปแตกกระจายที่พื้น

“จะบ้าเหรอ น้ำร้อนขนาดนี้เอามาให้ดื่มได้ไง” ผมตวาดอลัน อลันรีบคุกเข่าแล้วโค้งให้ผม สักพักราณีก็วิ่งเข้ามา พอเห็นแก้วแตกเกลื่อนพื้นก็รีบเดินเข้ามาช้อนขาผมให้ห่างจากเศษแก้ว ราณีขยับหมอนให้ผมพิงแล้วก้มลงไปเก็บเศษแก้วที่แตก

“ผมขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ” อลันก้มหน้าพูดคำว่าขอโทษไม่หยุด

“หยุดพูดได้แล้ว! ออกไป” ผมบอกเสียงแข็งจนอลันหน้าเสีย แต่ก็โค้งให้ผมแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ผมรู้ว่าเองกำลังพาล กำลังหงุดหงิดมาก

“ปากบวมแดงหมดแล้ว ประคบผ้าเย็นนี่ก่อนนะคะ” ราณีเก็บเศษแก้วไปทิ้งแล้วกลับเข้ามาพร้อมกับผ้าเย็น ผมนั่งกอดอกไม่พูดอะไร ราณีเลยยกมือไหว้ขออนุญาตก่อนจะเช็ดปากให้ผมเบาๆ

“ไปตามพี่ธีมมาให้หน่อย” ผมบอก

“พี่ธีมเข้าเฝ้าองค์นาทีคอยู่ ยังไม่กลับมาเลยค่ะ” ราณีบอก ผมขมวดคิ้วทันที แล้วเมื่อกี้ที่ผมเห็นที่สนามคือใคร

“พาพี่ไปที่ตำหนักของท่านนาทีคที” ผมขอร้องราณี คนถูกขอร้องทำหน้าลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า ราณีประคองผม พาลงไปข้างล่างอย่างทุลักทุเลเพราะตัวราณีเล็กกว่าผม อลันเห็นผมเดินลงมาก็รีบเข้ามาหา แต่พอเห็นสีหน้าของผมก็ได้แต่หยุดอยู่กับที่แล้วก้มหน้ามองพื้น ผมรู้ว่าทำตัวไม่ดีใส่อลันแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้หงุดหงิดนัก อลันเดินตามหลังผมไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าตำหนักขององค์นาทีค ยังไม่ทันที่ทหารองค์รักษ์จะเข้าไปรายงาน พี่ธีมก็เดินออกมาจากห้องพอดีพร้อมกับพระชนนีเนตรนภา

“นาว มาทำอะไร หมอสั่งไม่ให้เดินไง” มันรีบเข้ามาประคองผม ผมอึ้งไปเหมือนกันที่เจอมันที่นี่ แล้วเมื่อกี้ที่ผมเห็นคือใครกัน ผมไม่ได้ฝันนี่นา ผมว่าผมเห็นมันกอดกับใครสักคนในสนามแน่ๆ พอเจอสายตาของมันกับพระชนนีมองมาก็เริ่มเหงื่อแตกเพราะไม่รู้จะบอกว่าผมมาทำไม

“เอ่อ คือ นาวอยากมาเยี่ยมท่านลุง ไม่ได้มานานแล้ว อีกอย่าง นอนมาทั้งวัน อยากออกมาสูดอากาศนอกห้องบ้าง” ผมแถไป พระชนนียิ้มให้ก่อนจะเข้ามาลูบศรีษะของผมอย่างอ่อนโยน

“เจ็บขาแล้วยังนึกห่วงคนอื่นอีก” พระชนนีชมผมจนผมรู้สึกผิดที่โกหก

“พี่เพิ่งส่งท่านพ่อเข้านอน เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะพามาพร้อมกันดีไหม” ไอ้โหดมันบอกกับผม ผมพยักหน้าก่อนจะทูลลาพระชนนี พี่ธีมเป็นคนประคองผมเดินกลับมาที่ตำหนัก

“อลัน นาวขอโทษนะที่ทำอาการไม่ดีใส่” ผมเอ่ยปากขึ้นเมื่อเดินมาถึงห้องแล้ว คงเพราะไม่ได้ออกไปไหนเลยทำให้ผมเครียด กอปรกับภาพที่เห็นทำให้ผมหงุดหงิดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผมผิดจริงๆ ครับ ไม่ทันตรวจดูว่าน้ำมันร้อน เห็นว่าดึกแล้ว อุณหภูมิน้ำในกระบอกน่าจะลดลง” อลันคุกเข่าขอโทษผมอีกครั้ง

“ลุกขึ้นเถอะ นาวหงุดหงิดไปหน่อย กลับไปพักกันได้แล้ว ขอบคุณมากนะทั้งอลันและราณี” ผมบอก ทั้งคู่โค้งให้ผมก่อนจะพากันออกไป เหลือผมกับไอ้โหดอยู่กันสองคน ผมคงนั่งเงียบจนผิดสังเกต ไอ้โหดเลยเดินมายืนตรงหน้าผมแล้วโยกหัวผมเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน

“อย่าโกหกนาวนะ ขอร้อง” ผมพูดกับมัน มันขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า

“เมื่อครู่พี่กอดกับใครที่สนามหญ้านี้รึเปล่า” ผมตัดสินใจถามเลย ไม่อยากค้างคาใจ

“พี่เข้าเฝ้าท่านปู่ รายงานข้อมูลต่างๆ ที่ไปเจอในวันนี้ให้ท่านฟัง กลับมาเจอนาวหลับ หลับสนิทเชียว พี่ก็เลยไปเข้าเฝ้าท่านพ่อก่อน จะได้รีบกลับมาปลุกนาวไปกินบัวลอยด้วยกัน บิวอุตส่าห์ทำมาให้ เมื่อหัวค่ำบิวมาหานาวนาวก็หลับ” ไอ้โหดมันบอก ผมจ้องหน้ามันนิ่ง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ ผมถอนหายใจ สับสนกับสิ่งที่เจอ ผมตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้มันฟัง ตั้งแต่ที่รู้สึกเหมือนถูกบีบคอจนมาเห็นมันที่สนาม

“นาวกินยาเยอะไปรึเปล่า กินเกินที่หมอให้รึเปล่า” มันหน้าเครียด อังมือที่หน้าผากของผม

“เปล่า กินตามที่หมอสั่งแหละ นี่นาวหลอนไปเองจริงๆ เหรอ” ผมเกาหัวตัวเอง สับสนหนัก หรือจะเห็นคนอื่นเป็นไอ้หมาธีมมันจริงๆ มันไม่น่าโกหกหรอก

“หรือจะโดนผีป่าเล่นให้แล้ว” มันถาม ผมเบิกตาโต

“หึหึ พี่ล้อเล่น พี่ว่านาวคงเครียดที่ไม่ได้ออกไปไหน นอนเยอะไปด้วย หรือไม่ยาที่หมอให้ก็อาจจะแรงไป พรุ่งนี้พี่จะให้อลันเอายาไปให้หมอเช็คดู แล้วพรุ่งนี้พี่จะอยู่กับนาวทั้งวันเลย ดีไหม” มันบอกก่อนจะจับคางผมส่ายไปมา ผมซุกหน้ากับหน้าท้องของมันและกอดมันเอาไว้

“นาวรู้สึกแย่มากเลย ขนาดภาพหลอนนาวยังรู้สึกเจ็บมากเลย อย่าทำนะ อย่าทำแบบนั้น” ผมบอก น้ำตาซึมออกมาทั้งที่ปกติไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายๆ แต่มันบรรยายไม่ถูกจริงๆ หัวใจมันร้อนเป็นไฟพร้อมจะถูกเผาไหม้ให้สลายหายไปเลยครับ

“พี่รักนาวจะตาย จะไปกอดคนอื่นทำไม” มันบอกก่อนจะเชยคางผมให้มองมันแล้วเช็ดน้ำตาให้

“ไม่รู้อะ นาวกลัวเสียพี่ไป” ผมยังจำเสียงแหบๆ นั่นได้ดี เสียงที่บอกว่าผมจะสูญเสีย

“อย่าคิดมากนะ นาวไม่มีวันเสียพี่ไปหรอก” มันบอกแล้วลงมานั่งข้างผมพร้อมกับจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะสวมกอดผมเอาไว้

“อยากกินบัวลอยแล้ว” ผมอ้อนมัน 

พี่ธีมหัวเราะก่อนจะโทรบอกไดแอนให้ยกบัวลอยขึ้นมา ผมนั่งกินบัวลอยกับมันแล้วฟังมันเล่าเรื่องที่มันไปเจอมา ผมฟังมันจนเพลิน รู้สึกดีที่ยังมีมันอยู่ด้วยกันแบบนี้ เพิ่งจะรู้ว่าความหึงมันทำให้คนไร้สติแบบเมื่อครู่นี่เอง..


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-02-2015 13:16:45
เรื่องน้องน้ำหอมก็ผีหล่อ เรื่องนี้ก็ผีป่า.   อิอิอิ ลี้ลับทั้งสองเรื่องเลยยยย.
เอาใจช่วยนาวให้เอาชนะผีป่า.
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-02-2015 13:48:17
ชักแปลกๆ สิ่งทึ่ได้ยินสิ่งที่ได้เห็นคืออะไร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-02-2015 15:29:29
งง  :really2: แทนนาว หรือพี่ธีมจะมีแฝด

แล้วใครที่คอยบีบคอตลอด แต่บีบไม่ให้ตาย

คนที่เฝ้าก็มีแต่คนใน แต่เรื่องแปลกๆเกิดตั้งแต่โอลาริกเข้ามา น่าสงสัยๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-02-2015 15:31:06
แผนการของใคร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-02-2015 16:17:07
สงสัยใครดี ยังมีตัวละครที่ยังไม่โผล่หรือเปล่า
ควรสงสัยโอลาริกกับอลันไหมนะ
ไดแอนล่ะ จะเป็นคนที่มาแอบบีบคอนาวหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 20-02-2015 16:26:13
ใคร เป็น คน ทำ !?
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 20-02-2015 16:27:36
ชักกลัวแล้วสิ ตกลงผีป่าคืออะไรกันแน่ ฮือออ :sad4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-02-2015 16:47:54
สงสัยโอลาริกนี่พูดเลย -.-
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-02-2015 17:06:22
สงสัยโอลาริกนี่พูดเลย -.-
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-02-2015 18:35:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-02-2015 19:48:56
ผีจริงๆหรอ o22 o22 o22  ไม่นะม่ายยยยยยยยย จริงงะ นาวแกประสาทหลอนรึป่าว?  :serius2: :serius2:

อิๆ ได้8ซองเองงงง  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 20-02-2015 21:40:48
สนุกๆ แต่อั่งเปาได้แค่20บาทเอง555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 20-02-2015 21:57:59
นาวเห็นภาพหลอนจริงเหรอ

มันแปลกๆน่ะ เกิดอะไรขึ้น

โอลาริกน่าสงสัยสุดๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 21-02-2015 12:30:58
ใครเป็นผีป่ามาทำร้ายมะนาวต่างดุ๊ดอ่ะ คาใจมากขอบอก :m31: :serius2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 33 (20/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 21-02-2015 21:02:11
หลังจากต่อมฟินแตกซ่าน ต่อมหลอนก็ตามมาทันที เรื่องมีเงื่อนงำแปลกๆแฮะ จะมีมาม่ารึเปล่าคนแต่ง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 22-02-2015 15:34:46
บทที่ 34 
   


“พักนี้แกดูหงุดหงิดง่ายนะนาว หน้าแกก็ซีด แกได้กินข้าวบ้างเปล่าวะ” ไอ้บิวบอกกับผมในบ่ายวันหนึ่ง วันนี้เจ้าชายแอชตันยอมปล่อยให้มันมาหาผมได้ อีกไม่ถึงห้าวันก็จะเข้าสู่ปีใหม่แล้ว องค์เหนือหัวรับสั่งให้มีการจัดงานให้ประชาชนได้เฉลิมฉลองกันเต็มที่หลังจากที่ต้องถูกลิดรอนอิสระกันมาหลายปี

“ฉันนอนไม่ค่อยหลับว่ะบิว ฝันร้ายตลอดเลย” ผมบอกมัน

“ฝันว่าอะไรวะ”

“ฝันว่ามีคนมาบีบคอ ไดแอนบอกว่าเพราะฉันไปลบหลู่ผีป่า”

“เจ้าชายแอลบอกฉันว่าเรื่องผีป่าคือเรื่องไร้สาระ เป็นอุปทานหมู่ มันไม่มีจริง” ไอ้บิวบอกผม ผมก็เห็นด้วยกับเจ้าชายแอชตัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันก็เป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกัน ผมแน่ใจว่าการฝันร้ายทุกวันมันไม่ใช่เรื่องปกติ

“ฉันก็ว่างั้น”

“แล้วพี่ธีมงานยุ่งตลอดเลยเหรอ” มันถาม ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าให้มัน

“เขาบอกฉันว่าอยากรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จให้หมด เขาจะได้มีเวลาพาฉันกลับเมืองไทยไปเยี่ยมพ่อปริณกับแม่เม แกไปกับฉันไหม” ผมถามไอ้บิว มันหน้าเศร้าก่อนจะส่ายหน้า

“ฉันไปไม่ได้หรอก”

“ทำไมวะ แกจะไม่มีวันหยุดเลยเหรอ”

“เพิ่งจะมาเองแก ก่อนจะไปบอกฉันหน่อยแล้วกัน จะฝากซื้อของที่เมืองไทยด้วย” มันบอกผม ผมนึกสงสารมันที่ไม่มีอิสระเท่าที่ควร ขณะที่ผมกำลังคุยกับไอ้บิว อลันก็เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยา ผมถอนหายใจแรงๆ ไม่อยากกินเลย

“เมื่อไหร่จะเอาเฝือกออกได้ละอลัน” ผมถามอลันเพราะรู้สึกอึดอัดกับการต้องสวมเฝือกอยู่แบบนี้

“อีกสองวันครับ แต่ถ้าคุณมะนาวต่างดุ๊ดยังเดินไปเดินมาไม่หยุด หมออาจจะต้องให้ใส่ต่อ” อลันบอก หนอยแน่ะ เดี๋ยวนี้รู้จักขู่ผมด้วย สงสัยให้โหดสั่งกำชับอลันห้ามผมไปไหน

“รู้แล้วน่า แล้วพี่ธีมกลับมาจากข้างนอกรึยัง” ผมถาม

“กลับมาแล้วครับ ไปเข้าเฝ้าท่านนาทีค อีกสักครู่คงมาที่นี่ครับ”

“วันนี้กลับมาเร็วจัง” ผมดีใจ ปกติกว่ามันจะกลับมาผมก็หลับแล้วทุกที

“งั้นฉันกลับก่อนนะ มานานแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะทำซุปมาให้ แกผอมลงเยอะเลย” ไอ้บิวบอกผม ผมขอบใจมันและให้อลันไปส่งมันที่ตำหนักสายรุ้ง ส่วนตัวผมก็เข้าไปล้างหน้าล้างตาให้ดูสดชื่น ไม่อยากดูโทรมตอนที่ไอ้โหดมันกลับมา

ผมนั่งมองนาฬิกาพร้อมกับความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ จากที่อลันบอกว่ามันกลับมาแล้วจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปห้าชั่วโมงแล้วแต่ธีมมันยังมาไม่ถึงห้องเลย วินาทีที่ตัดสินใจจะลงไปตามหามัน มันก็เปิดประตูห้องเข้ามาเสียก่อน พอมันเห็นผมหน้าบึ้งก็รีบเข้ามาสวมกอดผมอย่างเอาใจ

“พี่เปลี่ยนน้ำหอมเหรอ” ผมถาม เพราะกลิ่นตัวมันเปลี่ยนไป

“อ๋อ เปล่า เมื่อกี้พี่กอดกับแม่มา คงเป็นกลิ่นน้ำหอมของแม่มั๊ง อย่าบอกนะว่าระแวงพี่อีกแล้ว” มันถามผม ผมยังคงจ้องหน้ามัน ยอมรับว่าระยะหลังผมหึงมันมากขึ้นและงอนมันบ่อยๆ

“ก็อลันบอกว่าพี่มาถึงตั้งนานแล้ว”

“พี่คุยข้อราชการกับพ่อนานไปหน่อย พี่บอกแล้วไง อยากเคลียร์งานที่ท่านปู่สั่งให้หมดไวๆ” มันโยกหัวผมเบาๆก่อนจะคลายอ้อมกอดออกแล้วเดินไปยืนที่หน้าตู้กระจก

“ขออาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวมากเลย” มันบอกผมก่อนจะถอดเสื้อออก ผมจะหันไปอ้อนมันว่าขอไปอาบให้แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าที่แผ่นหลังของมันมีรอยถลอกเป็นทางยาวเหมือนถูกข่วนมา แต่คราวนี้ผมไม่ได้โวยวายถามมันจนกระทั่งมันเดินเข้าห้องน้ำไปผมถึงได้แสดงสีหน้าว่าไม่สบายใจออกมา สักพักมันเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้วมันถึงได้เดินไปนั่งที่โซฟา ผมเดินไปหามันแล้วนั่งลงข้างๆ เห็นมันหยิบเอกสารรายงายการจัดงานปีใหม่ขึ้นมาดู

“เออ พี่ว่าจะเอาราณีไปช่วยงาน เพิ่งรู้ว่าน้องมันมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของบัณตราดี ท่านปู่อยากให้พี่รู้เรื่องของบัณตราให้ลึกซึ้งมากกว่านี้”

“พี่ดูเป็นเจ้าชายเต็มตัวแล้วเนอะ” ผมบอกมัน

“พี่อยากให้นาวภูมิใจในตัวพี่” มันบอกผม ผมยิ้มให้มันก่อนจะเหม่อมองไปที่นอกหน้าต่าง

“พี่คงไม่อยากเป็นไอ้ธีมคนธรรมดาแล้วมั๊ง” ผมพูดต่อ มันหันมามองหน้าผมก่อนจะวางเอกสารลง

“งอนอะไรพี่อีก ไหนพูดซิ” มันถอนหายใจ

“แล้วนาวควรจะงอนพี่เรื่องอะไรบ้างละ”

“นาวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ” น้ำเสียงของมันดูเหนื่อยๆ คงจะผิดหวังที่ผมงอนมันแบบไม่มีเหตุผล

“แล้วแผลที่หลังของพี่คืออะไร” ผมถามมันเสียงดัง มันดูตกใจที่ผมเสียงดังใส่มัน ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบถุงยาออกมาให้ผมดู

“หมู่บ้านที่พี่ต้องขึ้นไปวันนี้มันไม่มีถนน รถเข้าไม่ถึง พี่ต้องเดินขึ้นเขาไป แล้วแผลเนี่ยคือพี่โดนกิ่งของเถาวัลย์มันเกี่ยว เมื่อกี้แม่ให้หมอมาดูอาการ กลัวติดเชื้อไข้ป่ามาด้วย พี่ถึงได้มาช้าเพราะรอหมออยู่ แล้วนาวคิดว่าพี่ไปทำอะไรมา” มันถามผม ผมอึ้งไปเมื่อได้รับรู้

“ก็...นาว...”

“ถ้าขานาวหายดีพี่จะพานาวไปด้วยทุกทีเลยนะคราวนี้ คิดว่าพี่ไม่คิดถึงนาวรึไงที่ต้องห่างกัน” มันลูบที่แก้มผมเบาๆ ผมรู้สึกผิดขึ้นมาเลย

“นาวขอโทษ” ผมจับมือมันที่ลูบแก้มผมมาหอม แล้วขยับเข้าไปสวมกอดมัน มันกดจูบที่หน้าของผมเบาๆ ผมซุกหน้าเข้าไปหอมที่ซอกคอของมัน แล้วผมก็เด้งตัวออกก่อนจะดึงคอเสื้อมันลง

“นี่รอยเถาวัลย์ด้วยใช่ไหม” ผมถาม ที่คอมันมีรอยห้อเลือดกลมๆ สองวง มันหน้าเสียก่อนจะดึงมือของผมออกจากคอเสื้อมัน

“ไม่รู้ว่ามีรอยตั้งแต่เมื่อไหร่” มันบอกก่อนจะเดินไปส่องกระจก ดูรอยที่คอมัน

“โกหกนาวทำไม” ผมถาม ในใจของผมเหมือนมีน้ำร้อนราดลงมาเต็มๆ ในตอนนี้

“พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ารอยอะไร” มันเดินเข้ามาหาผม ผมดันตัวมันออก ไม่ยอมให้มากอดผม

“พี่ไม่รู้นาวจะบอกให้ รอยดูดไง” ผมตวาดมัน

“ใครจะมาดูดพี่ พี่ไม่ได้นอนกับใครนอกจากนาวนะ”

“อ๋อ พี่จะบอกว่านาวดูดคอพี่แล้วจำไม่ได้สินะ”

“ก็ถ้านาวมั่นใจว่านี่เป็นรอยดูด ก็ต้องเกิดจากนาวเท่านั้น” มันยังปากแข็งไม่ยอมรับ ผมรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก

“นาวจะไปนอนห้องนาว” ผมบอก ก่อนจะลุกขึ้น มันคว้าข้อมือผมไม่ให้ผมเดินไป

“อย่าทำแบบนี้ มีเหตุผลหน่อยสินาว” มันดุผม

“เออ นาวไม่มีเหตุผล ส่วนพี่คนที่มีเหตุผลก็กลับไปทบทวนให้ดี ถ้าพี่เบื่อนาวแล้วก็บอกตรงๆ นาวก็ไม่อยากทนอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรสำหรับพี่” ผมสะบัดมือมันออก มันลุกขึ้นมาสวมกอดผมเอาไว้จากข้างหลัง

“เชื่อพี่สินาว พี่ไม่ได้มีคนอื่นจริงๆ” ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา

“นาวเจ็บนะ แค่สงสัยยังเจ็บขนาดนี้ พี่ไม่ใช่คนที่เจ็บไม่เข้าใจหรอก” ผมบอกมัน รู้เลยว่าเสียงของตัวเองสั่นมาก

“นาวต้องเชื่อใจพี่สิ” มันบอก

“นาวให้อีกครั้งเดียวนะ มีอะไรต้องเล่าให้นาวฟัง อย่าให้นาวระแวงคิดไปเอง”

“ตกลง” มันกระชับกอดผมแล้วพาผมไปลงไปกินข้าว ผมเองก็พยายมจะลืมเรื่องที่ระแวง เพราะมันอาจจะไม่ได้โกหกผมก็ได้ ผมพยายามนึกถึงแปดปีที่มันเฝ้าหลงรักผม ผมจะเชื่อใจมัน


วันนี้มิเชลมาร่วมทานอาหารค่ำด้วยกัน เพราะต้องการมาคุยเรื่องการจัดงานปีใหม่ ไอ้โหดเองมันพยายามเล่าเรื่องที่มันออกไปเจอประชาชนของมันมา มันบอกว่าคนที่นี่อยากเจอผม มันบอกว่าผมดังกว่ามันเสียอีก แถมยังแหย่ผมว่า มีคนเป็นติ่งปารมีแข่งกับมันเยอะแยะไปหมด มันชวนผมคุยไปเรื่อยจนผมอารมณ์ดีขึ้น มิเชลก็ยืนยันว่าคนที่นี่รักผม เธอเสนอว่าน่าจะให้ผมทำการแสดงอะไรบางอย่างเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้แก่ชาวบัณตรา ซึ่งไอ้โหดก็เห็นด้วย ผมถามหาราณี อลันบอกว่าราณีไม่ค่อยสบาย ผมเลยสั่งให้ไดแอนไปดูแลราณีให้ดี มิเชลทำหน้าไม่พอใจก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า ให้ระวังคนใกล้ชิดให้ดีจะโดนหักหลัง ไอ้โหดดุมิเชลทันทีที่พูดอะไรที่ทำให้ผมไม่สบายใจ ผมเองก็คิดเหมือนไอ้โหด มิเชลไม่ชอบหน้าราณีอยู่แล้วและคอยหาเรื่องตลอด ผมเลยไม่ได้เอาคำมิเชลมาใส่ใจ โดยที่ผมไม่คิดเลยว่าคำเตือนนั้นจะเป็นความจริงที่ทำให้ผมเจ็บปวดที่สุด

เช้าวันถัดมา หลังจากที่ไอ้โหดมันออกไปทำงานแล้ว ผมก็ให้อลันพาลงมานั่งเล่นในสวน ถามถึงอาการป่วยของราณี อลันก็บอกว่าราณีดีขึ้นและก็ออกไปทำงานกับไอ้โหดแล้ว จู่ๆ คำพูดของมิเชลก็ลอยมาในหัว ผมเลยบอกให้อลันพาผมกลับไปที่ห้องพร้อมกับใช้ให้อลันไปเอาอาหารที่ตำหนักสายรุ้งไปให้ท่านนาทีค เมื่อปลอดคนแล้วผมก็เดินเข้าไปที่ห้องของราณีห้องที่อยู่ติดกันกับห้องนอนของผม ภายในห้องก็ไม่มีอะไรมาก ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ในใจก็รู้สึกผิดที่เข้ามายุ่มย่ามกับของๆ คนอื่น แต่สุดท้ายลางสังหรณ์ในใจก็ชนะความรู้สึกผิด ผมเลยถือวิสาสะเปิดลิ้นชักหน้าตู้กระจกของราณีออก ในนั้นมีกล่องไม้ที่ค่อนข้างเก่าวางอยู่หนึ่งใบ ผมหยิบกล่องไม้ขึ้นมาเปิดดู ในนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งกับแหวนหนึ่งวง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเอาไว้ จากนั้นก็เก็บใส่ลิ้นชักเหมือนเดิม ผมเหลือบเห็นขวดน้ำหอมวางอยู่ ผมหยิบน้ำหอมมาดมก่อนจะวางขวดน้ำหอมลงด้วยความรู้สึกที่อ่อนแรง กลิ่นเดียวกับที่ติดตัวพี่ธีมมาในวันนั้นเลย แล้วทำไมพี่ธีมต้องโกหกผมว่าเป็นกลิ่นของพระชนนีเนตรนภา ผมหันไปมองรอบๆ ห้องอีกหน เห็นตระกร้าผ้าที่ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำ มีผ้าปูที่นอนยัดอยู่ในนั้น ผมเดินไปหยิบมาดู หัวใจผมเต้นแรงและขอให้ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แต่แล้วคำภาวนาก็ไม่เป็นผล ผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดเป็นวงและมีคราบขาวเปรอะปะปนกับเลือดเต็มไปหมด ผมทิ้งมันลงไปในตระกร้าอย่างเดิม ก่อนจะเดินไปที่เตียง นั่งลงแล้วเปิดลิ้นชักหัวเตียงออกดู ผมเห็นผ้าเช็ดหน้าของไอ้โหดวางอยู่ในลิ้นชัก ใกล้ๆ กันนั้นมีถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้ยี่ห้อเดียวกับที่ไอ้โหดมันซื้อมาใช้กับผมวางอยู่ ผมปิดลิ้นชักลงก่อนจะเดินออกมาจากห้องของราณีด้วยหัวใจที่มันเริ่มชา ชาไปถึงสมอง ผมกลับมาถึงห้องก็เดินไปเปิดลิ้นชักของตัวเอง ถุงยางของไอ้โหดหายไปแล้ว ผมปิดลิ้นชักลงแล้วบีบมือของตัวเองเอาไว้เพราะตอนนี้มันสั่นมาก ในสมองตีกันไปหมดไม่รู้ว่าควรคิดอะไรก่อน สุดท้ายก็ได้แต่ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ขดตัวกอดเข่าตัวเองเอาไว้ อย่างน้อยก็จะได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนปลอบโยนให้หายจากความเจ็บปวดที่กำลังก่อตัวขึ้นรุนแรงในขณะนี้


จนกระทั่งถึงเวลาอาหารค่ำ ผมทำตัวปกติราวกับว่าไม่ได้รับรู้อะไรมา ผมเป็นนักแสดง แต่การแสดงว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งที่เจ็บปวดแทบขาดใจมันเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิตของผมแล้ว ผมแอบลอบสังเกตพี่ธีมกับราณี ทั้งคู่คุยกันถูกคอและดูสนิทสนมกันดี รอยยิ้มที่ไอ้โหดยิ้มให้ราณีมันเหมือนกับที่มันเคยยิ้มให้ผม ราณีเองก็ดูสดใสมากขึ้นกว่าเดิมและผมสังเกตเห็นว่า แขนของราณีมีรอยม่วงจางๆ ปรากฏอยู่

หลังจากอาหารค่ำผมก็ขอตัวขึ้นไปนอน โดยบอกกับไอ้โหดว่าผมรู้สึกเพลีย มันก็เดินขึ้นมานอนกอดผม จนผมเผลอหลับไปจริงๆ มารู้สึกตัวกลางดึกเพราะได้ยินเสียงขู่ฆ่าเหมือนทุกคืนที่หลับ แต่พอตกใจลุกขึ้นมาที่นอนข้างๆ ก็ว่างเปล่า พี่ธีมหายไป ผมรู้สึกใจไม่ดี มองไปที่ห้องน้ำก็ไม่มีแสงไฟ ในใจภาวนาว่าอย่าให้สิ่งที่ผมคิดเป็นจริงเลย ขอให้เป็นแค่เรื่องที่ผมมโนไปเอง ผมนั่งอยู่นิ่งๆ อย่างนั้นสักพักก็ยังไม่มีวี่แววของไอ้โหดจะเดินกลับมา สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกเดินไปที่ห้องของราณี ไม่ลืมที่จะหยิบกุญแจสำรองที่ขอจากไดแอนมาด้วย ผมเดินมาถึงหน้าห้อง รู้สึกว่ามือของตัวเองเย็นเฉียบ กว่าจะไขกุญแจได้ก็ใช้เวลานอนพอสมควรเพราะมือของผมสั่นมาก ผมพยายามแง้มเปิดประตูให้เบาที่สุด

“ซี๊ด อืม” เสียงครางจากในห้องดังมาให้ได้ยิน ขาผมนิ่งสนิทก้าวไม่ออก ผมแง้มประตูให้กว้างพอจะเห็นได้

เงาลางๆ ของคนสองคนบนเตียงกอดรัดกันจนเป็นเหมือนร่างเดียวกัน ก่อนอีกฝ่ายจะพลิกตัวขึ้นมา แผ่นหลังกว้างที่ผมคุ้นเคยทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น เจ้าของแผ่นหลังใหญ่จับขาขออีกฝ่ายให้แยกออกก่อนจะเสือกตัวเข้าไปอยู่ที่หว่างขาของคนนอนราบ คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงครวญครางเมื่ออีกฝ่ายกระแทกตัวเข้าใส่แรงๆ เสียงเนื้อกระแทกกันดังเป็นจังหวะ แล้วร่างเล็กกว่าชันตัวขึ้นมาโอบกอดไอ้โหด ก่อนจะเป็นพลิกตัวเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนแล้วเคลื่อนไหวตัวขึ้นลงเสียเอง เมื่อทั้งคู่ต่างใส่กันอย่างถึงพริกถึงขิง ร่างเล็กกว่าก็กัดที่ไหล่ของไอ้โหดก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงครางดังกว่าเดิม ไอ้โหดเองก็บีบเคล้นตามเนื้อตัวของคนร่างเล็กอย่างแรง หัวใจของผมกำลังจะแตกสลาย มือของผมผลักบานประตูออกอย่างแรง ร่างเล็กที่นอนราบสะดุ้งตกใจก่อนจะร้องเรียกชื่อผม แล้วผมก็รู้สึกเหมือนโดนใครสักคนเอาผ้ามาปิดจมูกของผม ผมพยายามจะดิ้น แต่สุดท้าย ผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

“นาว...นาว แกเป็นยังไงบ้าง” เสียงของไอ้บิวทำให้ผมลืมตาขึ้นมา ผมรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงเลยหลับตาลงอีกครั้ง สักพักสัมผัสได้ถึงความเย็นที่หน้าผาก ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้บิวกำลังเช็ดหน้าให้ผมอยู่

“บิว ฉันปวดหัว” ผมบอกมัน

“แกมีไข้สูง พี่ธีมบอกว่าเมื่อคืนแกเพ้อทั้งคืนเลย เขาเฝ้าแกทั้งคืนเพิ่งจะยอมลงไปกินข้าวเมื่อกี้นี่เอง ไอ้บิวช่วยประคองให้ผมลุกขึ้นมานั่ง พอผมนั่งพิงถนัดแล้วถึงได้เห็นว่าราณีนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ผมจ้องมองจนอีกฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาของผม

“ให้มันออกไป” ผมบอก อลันตกใจที่ผมตวาดเสียงดัง ราณีเองก็หน้าตื่นตกใจที่ผมตะโกนไล่เธอ

“พี่นาว...” ราณีเรียกชื่อของผม

“ให้มันออกไป บิว ให้มันออกไป” ผมบอกเสียงสั่น บิวหันไปพยักหน้ากับอลัน อลันเลยรีบพาราณีออกไปก่อน

“แกเป็นอะไรนาว” ไอ้บิวถามผม ผมส่ายหน้า ก่อนจะปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิด

“นาว เป็นยังไงบ้าง” ไอ้โหดมันรีบเข้ามานั่งข้างผม ผมรีบผลักมันออกไป

“ไป อย่ามาใกล้นาว ออกไป” ผมรีบเช็ดน้ำตาตัวเอง

“นาวเป็นอะไร” มันถาม ผมตวัดสายตามองมัน

“พอเถอะ อย่าแสดงละครอีกเลย” ผมบอก มันขมวดคิ้ว

“พี่ไม่เข้าใจ นาวพูดสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น” มันถาม ผมหมดความอดทน กระชากเสื้อมันจนกระดุมหลุด รอยกัดที่ไหล่ยังคงชัดเจน ไอ้บิวทำหน้าตกใจก่อนจะมองไปที่ไอ้โหด

“ก็...นาวเป็นคนกัดพี่เมื่อคืน..ตอนที่ เรา..” มันหน้าเจื่อนนิดหนึ่งก่อนจะบอก ผมถึงกับอึ้ง มันทำร้ายผมแล้วยังโกหกหน้าด้านๆ นี่เหรอวะคนที่ผมรัก

“หึ...นาวละเมอสินะหรือผีป่าสิงร่างดี นาวถึงไม่รู้เรื่องเลยว่าทำอะไรเอาไว้ พี่นอนกับมัน พี่เอากับมันเมื่อคืนนี้ นาวเห็นกับตา ต้องให้บอกไหม ว่าทำกันท่าไหนบ้าง มันนั่งบนตัวพี่แล้วพี่ก็.ฮือ....ฮึก..ก็..ฮึก” ผมหมดความอดทน ร้องไห้ออกมา ไอ้บิวรีบมากอดผมเอาไว้ ไอ้โหดถึงกับยืนอึ้งไปเมื่อผมระเบิดคำพูดออกมา

“มันไม่ใช่เลยนะ” ไอ้โหดบอกกับผม พยายามจะจับมือของผม ผมสะบัดมือมันออก

“นาวจะกลับเมืองไทย ไม่อยู่แล้ว” ผมบอก

“พี่ไม่ให้นาวกลับ” มันตวาดบ้าง

“ฮือ..บิว พาฉันไปด้วย ฉันไม่เอาแล้ว...” ผมร้องบอกไอ้บิว ราณีวิ่งเข้ามานั่งข้างเตียงก่อนจะกอดขาของผมเอาไว้

“หนูขอโทษนะ พี่นาว มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด..” ราณีละร่ำละลักบอกกับผม

“ออกไป ออกไป อลัน เอามันออกไป บิว พาฉันไป พาฉันไปที ได้โปรด” ผมร้องบอก ไอ้บิวรีบพยุงผมลุกขึ้น ไอ้โหดเดินเข้ามาคว้าข้อมือผมหน้าเครียด

“มันยังร้อนอยู่ ให้มันไปกับบิวก่อนนะพี่” ไอ้บิวบอกพี่ธีม มันถึงยอมปล่อยมือผม

“พี่รักนาวนะ” มันบอกเมื่อผมเดินผ่านตัวมัน

คำว่ารักของมันเหมือนกับมีด ยิ่งมันพูดก็ยิ่งกรีดใจผม รักที่ทำร้ายกันผมไม่อยากได้ยิน ผมไม่ได้มองหน้ามันเลยสักนิด กลัวว่าจะใจอ่อน กลัวว่าตัวเองจะโง่ซ้ำๆ ที่กลัวที่สุดคือ กลัวสายตาของมันจะแสดงออกมาว่าไม่ได้รักผมจริงๆเหมือนที่คำพูดของมัน นั่นก็เพราะว่าผมยังไม่อยากตายทั้งที่ยังมีลมหายใจครับ


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 22-02-2015 15:42:04
ค้างมากกกกกกกกกกกกกก รีบมาต่อนะค้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 22-02-2015 16:01:42
ขอตอนต่อไปเลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-02-2015 16:06:58
มีคนเหมือน ... ลูกของญาติ  จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร
แต่ใจอยากให้ธีมตัวจริงนั่นแหละ จะได้ดราม่าให้สาแก่ใจ
เลิกกันไปเลย...แม่มม ... อินเว่อร์
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 22-02-2015 16:07:33
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 22-02-2015 16:12:19
 :a5: :a5: ช็อค.....มาก....อยากอ่านต่อแล้ววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2015 16:37:48
อร๊ายยยยยยย. สรุปเรื่องเป็นไงกันแน่. มาต่อไวๆๆๆๆ. อยากรู้แล้วววววว. สงสาร นาว  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 22-02-2015 16:52:44
มันช่างมีเงื่อนงำ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

ค้างมากกกก ขอตอนต่อไปด่วนๆค่า :serius2:

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 22-02-2015 17:01:43
เลิกกันไปเลย  :fire:

ทำขนาดนี้แล้ว ขอให้อยู่ด้วยไม่ดูแล แล้วยังจะนอกใจอีก ถ้าบอกว่าโดนของก็ให้แม่งโดนกันไปตลอดเลยละกัน

นาว กลับบ้านลูก เสียแล้วเสียไป ดีกว่าต้องเสียตัวตนของเราไปด้วย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 22-02-2015 17:31:39
นาวดูประสาทหลอนนิดๆนะ ใครเอาอะไรใส่ให้กินรึเปล่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 22-02-2015 17:32:24
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!! //ลงไปนอนชักดิ้นชักงอที่พื้น
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-02-2015 18:07:05
มันคืออะไร อันไหนจริง อันไหนลวง
ตอนนี้สงสารนาวมาก เข็มแข็งไว้นะนาว
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 22-02-2015 18:57:09
อย่าใจอ่อนนาว
นึกถึงความเจ็บปวดนี้ไว้ แล้วอย่าให้โอกาสมันทำร้ายเราอีก
สมมุติว่าถ้าอิธีมไปเอาจะโอลาริกเพราะเข้าใจว่าเป็นมะนาว เราก็ยังรับไม่ได้อ่ะ
ทั้งเสียงทั้งรอยมาเต็มขนาดนั้น
หาผัวใหม่ดีกว่า สรุป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 22-02-2015 20:22:18
ตอนหน้าต้องเคลียร์นะ T________T
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 22-02-2015 21:54:53
ฮือออออ มาต่อเลย สงสารนาวแง่
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-02-2015 12:08:09
 :a5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 23-02-2015 13:16:10
ใครทำอะไรอยู่ลับหลังหรือเปล่านี่  ดูทุกอย่างเป็นไปตามแผนซะหมด
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-02-2015 16:04:53
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 23-02-2015 17:43:58
ยังไม่ได้อ่านเห็นเม้นต์แต่ละคนนี่ไม่อยากอ่านเลย ทำใจไม่ได้ :ling1:
ไว้มาม่าหมดเมื่อไหร่ค่อยมาตามอ่านอีกทีนะมะนาวต่างดุ๊ด :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 24-02-2015 22:41:08
บทที่ 35
   

หลังจากออกมาจากตำหนักปีกซ้าย ผมก็มาอยู่ที่วังขาว โดยมีอลันตามมาคอยดูแลผมตามคำสั่งของพระชนนี ผมยืนยันกับองค์เหนือหัวว่าจะกลับเมืองไทยหลังจากที่งานเฉลิมฉลองจบลง เพราะผมรู้ดีว่าถ้าผมเดินทางกลับไปในตอนนี้ ไอ้โหดมันก็คงตามกลับไปด้วย ประชาชนที่รองานนี้มาหลายปี รอที่จะเจอองค์รัชทายาทก็คงจะผิดหวังหากมันทิ้งงานไป ผมเลยอดทนอยู่แม้ในใจจะไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วก็ตาม

ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเด็กๆ ไม่ควรให้ผู้ใหญ่ต้องมาเดือดร้อนด้วย ผมไม่ได้เล่าให้แม่เมหรือพ่อปริณฟัง ไม่ได้เล่าให้พวกเดอะแก๊งฟัง ผมห้ามไม่ให้ไอ้บิวไปเล่าด้วย ต่อหน้าทุกคนที่นี่ผมไม่ได้แสดงอาการอ่อนแอให้ใครเห็นเลย แต่ถ้าผมได้อยู่คนเดียวเมื่อไหร่ ไม่รู้น้ำตามันมาจากไหนนัก ไหลอย่างกับก๊อกแตก ก็ไม่ได้อยากจะร้องไห้นักหรอกครับ แต่พอนึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่ผมกับมันมีด้วยกัน มันก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

“เรามากวนรึเปล่า” เสียงที่ทักขึ้นมา ทำให้ผมต้องรีบเช็ดน้ำตาให้หมดไปจากใบหน้าก่อนที่จะหันกลับมามองคนที่ทัก

“เจ้าชาย..” ผมลุกขึ้นทำความเคารพเจ้าชายมิคาเอล อีกฝ่ายรีบโบกมือห้าม

“อยู่กันเอง เรียกเราว่าพี่เถอะนะ”

“ครับ”

“ขาเป็นอย่างไรบ้าง”

“เอาเฝือกอ่อนออกแล้วครับ แต่หมอยังไม่ให้ออกแรงกดเยอะ” ผมบอก นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วที่ผมไม่ได้เจอกับไอ้โหดเลย แต่เป็นความต้องการของผมเองที่ไม่ต้องการจะเจอหน้ามันและคิดว่าอาจจะเป็นความต้องการของมันด้วย เพราะไม่เห็นว่ามันจะดึงดันจะมาหาผมเลย

“นาว อยากออกไปนั่งรถเล่นไหม” เจ้าชายถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยน ผมยิ้มให้เขาพร้อมกับส่ายหน้า

“นาวอยากกลับบ้านมากกว่า” ผมบอกกับเจ้าชายไปตรงๆ

“นาว พี่ไม่เชื่อว่าธีมจะกล้าทำแบบนั้นนะ” เจ้าชายพยายามเกลี่ยกล่อมผม สองวันที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับผม ก็มีเจ้าชายมิคาเอลนี่แหละ เป็นคนแรกที่พูดกับผมเรื่องของไอ้โหด

“ผมก็ไม่คิดว่าผมจะฝันหรือเห็นภาพหลอน” ผมยังยืนยัน

“ทำไมไม่ลองเปิดโอกาสให้ธีมได้อธิบาย”

“ถ้าเขาอยากมาเขาคงมาแล้วครับ นาวรู้จักเขาดี ต่อให้องค์รักษ์ร้อยคนมาขวาง ถ้าเขาอยากมาหานาวก็ขวางเขาไม่ได้”

“แล้วนาวจะ..จะ..เลิกกับธีมแน่แล้วใช่ไหม” เจ้าชายมิคาเอลมองผมเพื่อรอคำตอบ ผมพยายามค้นหาสายตาตรงหน้าว่าคิดอย่างไรเพราะผมไม่คิดว่าเจ้าชายจะแค่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของผม ถึงกับยอมลดองค์มาถามตรงๆ แบบนี้

“คงแบบนั้นครับ” ผมตอบ

“อืม..ถ้านาวไม่อยากไปนั่งรถเล่น เช่นนั้น ไปดูลูกเสือขาวกับพี่ไหม มันเพิ่งจะคลอดได้เดือนเดียวเอง” เจ้าชายมิคาเอลชวนผมอีกครั้ง ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที อยากเล่นกับลูกเสือมานานแล้ว เคยได้ถ่ายแบบกับลูกเสือขาว มันน่ารักมาก แต่พี่ชัชไม่ยอมให้เล่นกับมันนาน เพราะกลัวผมจะโดนข่วนหน้า ผมรีบตอบตกลงแบบไม่คิดนาน เจ้าชายเห็นท่าทีของผมก็ยิ้มให้ก่อนจะพาผมไปยังตำหนักของพระองค์


ทหารองค์รักษ์อุ้มเจ้าเสือขาวตัวน้อยอายุหนึ่งเดือนมาให้ผม ผมรับมาอุ้มไว้แล้วก็ยกชูตัวมันขึ้นให้มาจ้องหน้าผม มันอ้าปากหาวโชว์เขี้ยวเล็กๆ ก่อนจะเลียปากตัวเอง ผมหัวเราะชอบใจก่อนจะปล่อยมันลงที่พื้นหญ้าแล้วผมก็นั่งลงลูบหัวของมัน ขนมันนิ่มดี เจ้าลูกเสือตัวเล็กทิ้งตัวลงมานอน เอาหัวเกยที่ข้อเท้าของผม ผมเกาที่หัวมันเบาๆ มันทำตาปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ สงสัยคงจะถูกปลุกให้ตื่นมาเพราะผมแน่ๆ

“มันมีชื่อไหมครับ”

“พี่ยังไม่ได้ตั้งเลย นาวตั้งให้พี่หน่อย” เจ้าชายให้ผมช่วยตั้งชื่อ ผมเลยนั่งนึกว่าจะให้มันชื่ออะไรดี

“ชื่อน้องเมือกปลา” ผมบอก เจ้าชายมิคาเอลทำหน้าเหวอๆ จนผมหลุดขำ

“อะไรคือเมือกปลา”

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่น พี่มิคตั้งเองดีกว่า”

“ไม่เอา เอาชื่อเมือกปลานั่นแหละ แต่มันมีความหมายอย่างไรบอกพี่หน่อย” พอถูกถามแบบนี้ผมก็พูดไม่ออก หน้าของไอ้เมือกปลาตัวพ่อลอยมาในหัวทันที พอหัวมีภาพมัน หัวใจก็เจ็บแปลบๆ

...โฮก!...

เสียงคำรามดังจนผมสะดุ้งสุดตัว ผมก้มลงมองไอ้ตัวเล็กแต่มันก็นอนหลับนิ่งๆ ไม่ได้ลุกมาคำรามขู่แต่อย่างใด แล้วเสียงมาจากไหนวะ ผมเหลี่ยวไปมองรอบๆ ก็เจอกับต้นตอของเสียง เวรแล้ว! พ่อหรือแม่ของไอ้ตัวเล็กเนี่ย ตัวเบอเริ้มเลยครับ พี่เสือจ๋า คือฉันไม่ได้จะตั้งชื่ออุบาทว์ๆ ให้ลูกของแกเลยนะ อย่าโกรธกันเลย

“นาว อยู่เฉยๆ” เจ้าชายมิคาเอลบอกผม องค์รักษ์หน้าเสียเมื่อเห็นว่าเสือขาวตัวโตหลุดออกมาจากกรง

“เฉยหรือเผ่นครับ เอาให้แน่” ผมถามเจ้าชายให้ชัดๆ อีกครั้ง

คือ ตอนนี้ไอ้ผู้ปกครองของเจ้าตัวเล็กมันเยื้องย่างมาหาผมแล้ว ผมควรอยู่เฉยๆ ให้มันขย้ำจริงเหรอ ทำไมดวงผมมันซวยขนาดนี้ ขาหัก แฟนมีกิ๊ก ยังจะตายแบบสภาพศพไม่สวยอีก ฮือ ใครก็ได้ ช่วยผมด้วย

...โฮก!...

เสียงคำรามดังขึ้นอีก เจ้าสัตว์หน้าขนกระโจนเข้ามาหาผม ผมอุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นมากอดแล้วซุกหน้ากับมัน ผมได้ยินเสียงตุ๊บข้างๆ ตัว ตามมาด้วยเสียงคำรามและเสียงคนตะโกนโวกเวก แต่ผมไม่กล้าลืมตา กลัวว่าจะเห็นเขี้ยวแหลมของเจ้าเสือขาวตัวใหญ่มาอยู่ตรงหน้า แต่พอใบหน้าของผมถูกเจ้าตัวเล็กเลียจนเปียกผมถึงได้ลืมตามอง ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือภาพของเจ้าเสือขาวตัวใหญ่นอนสงบอยู่ที่พื้น โดยมีเจ้าชายมิคาเอลยืนอยู่ข้างๆ มัน เลือดอาบแขนของเจ้าชายแดงฉานดูน่ากลัว

ทหารองค์รักษ์รีบเข้ามาประคองเจ้าชายมิคา ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กไปส่งให้ทหารองค์รักษ์ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าชายมิคาเอล ผมเห็นรอยแผลยาวประมาณหนึ่งคืบที่ต้นแขนซ้ายของเจ้าชายเลยตัดสินใจฉีกชายเสื้อยืดตัวในของตัวเองออก จากนั้นถอดเสื้อของเจ้าชายออกแล้วเอาเสื้อยืดของผมมาพันต้นแขนให้เจ้าชายมิคาเอลเอาไว้ก่อนเพื่อห้ามเลือด ทหารองค์รักษ์รีบรายงานว่ารถมาจอดรอรับแล้ว ผมเลยประคองพาเจ้าชายมิคาเอลไปที่รถเพื่อจะได้พาไปที่โรงพยาบาล เจ้าชายนั่งจับมือของผมตลอดทาง บีบมือผมเป็นระยะ ผมคิดว่าพระองค์คงจะเจ็บแผลเลยไม่ได้ท้วง ถ้าไม่มีพระองค์ผมคงตายไปแล้ว

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เจ้าชายเข้าไปทำแผลจนเสร็จก็ออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ผมรีบเดินเข้าไปรับพระองค์และพากลับ เมื่อกลับมาถึงวัง ทหารองค์รักษ์ที่ดูแลเจ้าเสือขาวก็นั่งคุกเข่ารอรับโทษอยู่ที่หน้าตำหนัก

“พี่มิค” ผมเรียกเจ้าชาย พระองค์หันมามองผมแล้วก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง

“อยากให้พี่ยกโทษให้ทหารพวกนี้ใช่หรือไม่”

“ได้ไหมครับ” ผมถาม

“ได้สิ ไม่มีอะไรที่นาวต้องการแล้วพี่ทำให้ไม่ได้” เจ้าชายพูดประโยคชวนสงสัยจบก่อนหันไปมองทหารที่นั่งคุกเข่าอยู่

“ยังไม่รีบขอบคุณคุณนาวอีกหรือ” สิ้นคำของเจ้าชายมิคาเอล ทหารที่นั่งคุกเข่าอยู่ก็ลุกมาโค้งคำนับให้ผม

“นาว!” เสียงของไอ้โหดเรียกผมพร้อมกับกระชากแขนของผมอย่างแรง จนตัวของผมเซไปปะทะตัวมัน

“ปล่อย” ผมบอก

“อย่าทำอย่างนี้เลย ธีมัส” เจ้าชายมิคาเอลบอกกับไอ้หมาธีม แต่มันส่งสายตาไม่พอใจกลับไป

“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน” พี่ธีมมันพูดกับเจ้าชายมิคาเอล

“ผมไม่ใช่คนของคุณ” ผมรีบเถียง

“ทำไมไม่ฟังพี่บ้าง” พี่ธีมหันมาถามผม เสียงของมันดูเจ็บปวด แล้วผมละ เจ็บปวดยิ่งกว่ามันหลายเท่า ตั้งหลายวันทำไมมันไม่พยายามจะอธิบายอะไร ปล่อยให้ผมต้องร้องไห้อยู่คนเดียว

“หมดเวลาที่คุณจะพูดแล้ว ปล่อย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย พยายามทำตัวห่างเหินกับมัน มันไม่ยอมปล่อย แต่ดึงแขนผมให้เดินตามมันมา ผมสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดออกจากการเกาะกุมของมัน

“นาว พี่ขอร้อง ฟังพี่ก่อน” มันบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนล้า ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจหาย ในใจก็ยังโกรธมัน แต่อีกใจก็อยากให้โอกาสมันได้พูด

“พี่ธีม..” ราณีวิ่งมาหามันพร้อมกับจับที่แขนมัน พอเห็นสายตาของผมที่จ้องไป ราณีก็หลบตา

“ถ้าพี่อยากให้นาวฟังพี่ต้องไล่มันออกไปจากวัง” ผมยืนคำขาด ราณีหน้าเสีย เจ้าชายมิคาเอลก็เดินเข้ามายืนข้างๆ ผม

“นาว มันไม่เกี่ยวกันเลย พี่กับราณีไม่ได้มีอะไรกัน”

“ไล่มันไป” ผมบอก

“หนูจะไปเองค่ะ” ราณีปล่อยแขนไอ้ธีม ผมเพิ่งเห็นว่าที่แขนและขาของราณีมีรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด พอเห็นร่างผอมบางคอตกเดินหันหลังไปผมก็อดสงสารไม่ได้ แต่แล้วความสงสารที่มีในใจก็กลับกลายเป็นความเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อไอ้โหดมันคว้าข้อมือบางๆ นั้นให้หยุดเดิน

“นาว พี่ไล่น้องมันไปไม่ได้ มีเหตุผลหน่อยสิ ฟังพี่อธิบายก่อน”

“พอเถอะ การที่พี่ให้เด็กนั่นอยู่ เท่ากับพี่เลือกแล้ว” เสียงของผมสั่นแล้ว

“นาว..”

“ถ้าพี่ปล่อยมือเขาไม่ได้ ก็ปล่อยนาวเถอะนะ ฮึก..อย่า.. อย่าทำให้นาวขาดใจตายเลย..ไปซะ ทั้งคู่ ฮึก..” ผมหมดความอดทน  มันปล่อยมือราณี แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาหาผม ผมหันหลังให้มัน เจ้าชายมิคาเอลมาแตะที่แผ่นหลังของผมและพาผมเดินออกมาจากตรงนั้น ผมแอบคาดหวังว่ามันจะวิ่งมารั้งตัวผมเอาไว้ แต่ก็พบว่าความคาดหวังได้พังทลายลง ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกของมัน มันไม่คิดจะรั้งผมเอาไว้เลย

ผมกลับมาถึงวังขาว ร้องไห้จนรู้สึกว่าไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา เจ้าชายมิคาเอลยังคงนั่งอยู่เป็นเพื่อนผม ท่านไม่ได้พูดปลอบโยน แต่ก็ไม่ยอมไปไหน อลันเองก็ยืนอยู่เงียบๆ ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

“นาวรู้ไหม ว่าที่จริงแล้วเราเคยเจอกันมาก่อน” เจ้าชายมิคาเอลพูดขึ้นมาหลังจกที่เห็นว่าผมสงบลงแล้ว

“เมื่อไหร่เหรอครับ” เสียงของผมอู้อี้ ตอนนี้ตาคงจะบวมไปหมดแล้ว

“ตอนที่นาวยังเล็กมากๆ ตอนนั้นแม่ของพี่พาพี่ไปเที่ยวที่เมืองไทย พี่ได้เจอกับนาวและน้าพุดซ้อน ท่านให้พี่ลองอุ้มนาวดู นาวชูมือชูไม้มาจับแก้มของพี่แล้วก็หัวเราะเอิ้กอ้าก ตอนนั้นพี่ถามท่านพ่อว่า พี่อยากเลี้ยงนาวได้หรือเปล่า แต่น้าพุดซ้อนบอกว่า นาวไม่ใช่แมวตัวเล็กๆ ที่ยอมให้พี่เลี้ยงแน่ๆ ต่อไปนาวคงจะซนและดุเหมือนเสือ รับรองว่าพี่ไม่อยากเลี้ยงนาวหรอก น้าพุดซ้อนพูดไปก็หัวเราะไป รอยยิ้มที่เหมือนนางฟ้ายังคงฉายชัดในความทรงจำของพี่ รอยยิ้มนั้นถูกถ่ายทอดมาถึงเสือน้อยคนนี้ พี่ไม่อยากเห็นเสือน้อยตัวนี้ร้องไห้เลย” เจ้าชายมิคาเอลยกมือขึ้นมาเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ผม พอพูดถึงแม่น้ำตาผมก็เลยกลับมาอีกรอบ เจ้าชายสบตาผม ลูบแก้มผมเบาๆ และโน้มใบหน้ามาใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของเจ้าชายจะสัมผัสโดนริมฝีปากของผม ผมก็หันหน้าหนี แต่ไปเจอสายตาของไอ้โหดที่ยืนมองมาด้วยแววตาที่ดูผิดหวังส่งมาที่ผมเต็มๆ

“พี่เพิ่งไปขอให้ท่านปู่ถอดยศพี่ พี่ไม่ได้อยากเป็นเจ้าชาย แค่อยากเป็นใครก็ได้ที่มีนาวอยู่ข้างๆ ถ้านาวฟังพี่สักนิด ถ้าเชื่อใจพี่นาวจะรู้ว่าพี่ไม่มีวันนอกใจนาว แต่สำหรับนาวพี่คงไม่มีค่าพอจะได้โอกาสให้ได้อธิบาย ก็ได้ ถ้านาวอยากจบเรื่องของเราจริงๆ พี่จะจบให้” มันพูดจบก็เดินออกไปเลย เจ้าชายมิคาเอลรีบลุกเดินตามไอ้โหดมันออกไป ส่วนผม นั่งมองแผ่นหลังมันไปจนลับสายตาพร้อมกับใจที่แตกสลายลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผมตัดสินใจต่อสายโทรศัพท์หาพ่อปริณ พอได้ยินเสียงท่าน ผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ท่านตกใจมาก พยายามจะถามผมแต่ผมก็พูดไม่ออก นานพอดูกว่าที่จะตั้งสติได้ เสียงที่อ่อนโยนของพ่อทำให้หัวใจที่เจ็บปวดของผมถูกเยียวยาขึ้นมาได้บ้าง

“พ่อครับ นาวอยากกลับบ้าน” ผมบอก

“ตกลง พ่อจะขึ้นเครื่องไปรับลูกเลย” พ่อปริณไม่ได้ถามสาเหตุ แต่ตอบตกลงคำขอของผมในทันที

“ไม่เป็นไรครับ รอเช้าก่อนก็ได้”

“นาว เข้มแข็งนะลูก พ่อไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร แต่จำเอาไว้ว่าพ่อจะอยู่ข้างลูกเสมอ และแม่เขาก็มองดูลูกอยู่เสมอเหมือนกัน”

“ฮึก...ครับ..นาวจะ ฮึก เข้มแข็ง ครับ..”

“เจ้ามาม่อนมันก็อยากให้กำลังใจลูกนะ ฟังนะ”

..โฮ่ง..โฮ่ง...

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินเสียงเจ้ามาม่อนมันเห่าใส่มาในโทรศัพท์อย่างหมาที่รู้งาน คุยกับพ่ออีกสักพักผมก็วางหู ผมไม่ได้โทรหาแม่เม ไม่อยากให้ท่านเครียด ท่านรับภาระเรื่องของผมกับไอ้ธีมมามากพอแล้ว

หลังจากที่วางสายของพ่อ ผมก็ขึ้นไปอาบน้ำ ผมนั่งแช่น้ำอุ่นอยู่ที่อ่างจากุชชี่ เปิดม่านโล่งและมองฝ่าความมืดตรงไปที่ภูเขาสูงที่อยู่ลิบๆ ลูกนั้น เพราะผ่านการร้องไห้มาทั้งวัน บวกกับน้ำที่อุ่นสบาย ผมเลยเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

อุปส์....บุ๋ม แฮ่ก..กก บุ๋ม....

ผมถลึงตัวขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะขาดอากาศ แต่แล้วศีรษะของผมก็ถูกกดลงไปในอ่างน้ำอีกครั้ง ผมพยายามดิ้นและดึงข้อมือของคนที่กำลังกดศรีษะผมออก แต่แรงของคนร้ายเยอะกว่าผม ผมเลยหยุดออกแรงแต่กลั้นหายใจแทน คนร้ายใช้อีกมือมาอุดปากผม คราวนี้ผมเลยไม่สามารถหายใจได้ พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายดิ้นจนหลุดจากการถูกกดขึ้นมาจนสูดอากาศได้อีกเฮือกหนึ่ง ผมเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าคนที่ทำร้ายผมเป็นใคร แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ร้องขอความช่วยเหลือ ศีรษะของผมก็ถูกกดลงไปใหม่ ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะขาดอากาศเต็มทนจึงหลับตาลงแล้วเลิกออกแรงดิ้น ในใจนึกถึงหน้าของไอ้โหด ผมอยากเจอมัน อยากกอดมัน อยากให้มันรู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากนี้ไป ความรักที่ผมมีนั้นไม่มีใครที่จะได้ไปอีกนอกจากมันเพียงคนเดียว ก่อนที่จะสิ้นสติผมเห็นแสงไฟสว่างขึ้นและได้ยินเสียงคนร้องกรี๊ด ผมพยายามใช้สติที่มีอยู่น้อยนิดมองผ่านผิวน้ำขึ้นไป แล้วผมก็หลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม

...ผมดีใจจังที่เห็นมันอีกครั้ง...ผมรักมัน รักมันที่สุดในโลกเลย...


โปรดรอการรีไรท์ค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 34 (22/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-02-2015 23:05:36
อ่าาาาา.  รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ.   สรุปเนื่องเป็นไงกันแน่ ยังไม่เคลียร์ มาต่อเร็วๆนะ ใจจะขาดละ :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-02-2015 23:56:29
 :ling1: :ling1: มาต่อเถอะ มันค้างมาก
มันจะมีอะไรเหนือคาดอีกไหม
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkish ที่ 25-02-2015 00:05:27
ขออีกตอนได้มั้ย ใจจะขาดค้างมากตอนนี้  :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2015 00:07:46
อธิบายด่วนๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 25-02-2015 00:32:50
คนร้ายคือ.........
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 25-02-2015 01:10:57
o22 นาวอย่าเป็นอะไรน้าาาาา
เรื่องนี้ใครอยู่เบื้องหลังกันแน่
ปล.ปูเสื่อนอนรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-02-2015 02:40:27
ใคร!!!!

 :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 25-02-2015 06:38:40
เจ้าชายมิคาเอลกับโอลาริกนี่ร่วมมือกันเปล่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-02-2015 06:51:28
ตัดแบบนี้ฆ่ากันเลยเถอะค่ะ 55555

ค้างอย่างที่สุดเลย

มาอีกเร็วนะค้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-02-2015 07:28:31
นาวววววววว หนูเป็นอะไรลูก ทำมั้ยสติแตกแบบนี้ ฮือออออ :katai1: :katai1: :hao5: :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-02-2015 08:51:34
น่าจะเป็นมิคคอเอลแหงเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 25-02-2015 10:13:43
เบื่อไอ้พวกเจ้าชายทั้งแหล่มากๆเลย  :z6:

กลับบ้านเหอะนาว เซ็ง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 25-02-2015 10:27:14
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 25-02-2015 10:33:31
เจ้าชายมิคคาเอลน่าสงสัยมาก ดูสร้างภาพสุดๆ

อยากให้นาวฟังธีมบ้างจัง

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 25-02-2015 12:28:41
ไม่เบื่อจ้ะ คนเขียนใจดีมาก ที่ลงเรื่องให้อ่านต่อไวมาก รอตอนหน้าคลี่คลาย  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 25-02-2015 12:41:21
ใครเป็นคนทำ

ไม่น่าให้อภัย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 35 (24/02/58) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-02-2015 23:17:21
สงสารอะ เจ้าชายมิคาเอลป่าวอะหรือท่านย่ากัน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 26-02-2015 16:00:09
บทที่ 36


..กาลครั้งหนึ่งของ..ราณี

เพี๊ยะ!

เสียงฝ่ามือของคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่ตบกระทบลงบนใบหน้าฉันอย่างแรง จนใบหน้าของฉันหันไปตามแรงมือ และมันก็แรงพอที่จะทำให้ฉันเสียการทรงตัวล้มลงไปนั่งกับพื้น ฉันยกมือขึ้นมาลูบที่มุมปากของตัวเองเพราะรู้สึกถึงความเหนอะหนะของเลือดที่ไหลออกมา และเนื่องจากฉันไม่ได้ทานข้าวมาตั้งแต่เมื่อวาน มีเพียงน้ำเปล่าและกล้วยหอมเพียงลูกเดียวที่แม่ให้กินเป็นการลงโทษที่ฉันไม่ยอมทำตามสิ่งที่แม่ขอ เลยทำให้ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นมายืน

“จำเอาไว้นะ อย่าใจอ่อน มันแย่งชิงทุกสิ่งที่เป็นของแกไป ทุกอย่างมันควรเป็นของแก แม่มันกับมันทำให้เราสองแม่ลูกต้องลำบาก พ่อแกก็ไม่เคยจะมาตามหาเรา แกอยากให้แม่ลำบากจนตายรึไง”

“ในเมื่อพ่อไม่รักเรา ทำไมเราไม่ทิ้งความทรงจำแย่ๆ ไปละแม่ เราไปเริ่มต้นกันใหม่ก็ได้นี่จ๊ะ” ฉันถามแม่ รู้ดีว่าคำถามของฉันคงทำให้แม่โกรธเหมือนทุกครั้ง

“ทำไมแกมันโง่แบบนี้ แกจะทิ้งสิ่งที่ควรเป็นของแกไปได้ยังไงกัน แกต้องทำตามที่แม่บอก จำเอาไว้นะ ถึงเวลาที่แกควรจะลุกขึ้นมาทวงของๆ แกกับฉันคืน แกควรตอบแทนบุญคุณฉันเสียทีที่เลี้ยงแกมาจนโต”

แม่ของฉันพูดจบก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูกระแทกดังปัง ด้วยความที่ประตูมันเก่ามาก เมื่อโดนกระแทกแรงๆ บานพับด้านบนสุดเลยหลุด ส่งผลให้ประตูเอียงหลุดออกมาจากกรอบ ฉันแอบมองลอดผ่านรอยโหว่ของประตู แม่ของฉันกำลังคุยอยู่กับผู้ชายสองคน หนึ่งในนั้นฉันไม่รู้จัก แต่แม่เรียกเขาว่า ‘คุณปรัช’ ส่วนอีกคนทำให้ฉันต้องรีบขยับตัวไปใกล้ๆ ประตูเพื่อขอดูให้ชัดๆ ว่าตาของตัวเองไม่ได้ฝาดไป ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับแผนการณ์เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย เขาคนนั้นก็คือ 'เจ้าชายโมนัฟ' บุตรชายคนที่สองแห่งองค์เหนือหัวสเตฟาน

แล้วฉันก็ย้อนนึกกลับไปถึงเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังตั้งแต่จำความได้

‘ราณี ลูกเป็นคนไทย พ่อของลูกเป็นคนไทย เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมาก แต่เขาเป็นคนไม่ดีเพราะเขาทิ้งแม่ที่เป็นเมียแต่งไปหาผู้หญิงสารเลว เขาหลอกลวงแม่ หลอกให้แม่แต่งงานกับเขาทั้งที่เขามีเมียเก็บเอาไว้แล้ว หลอกให้แม่รักแต่สุดท้ายก็เลือกผู้หญิงคนนั้นกับลูกของมัน แม่บอกพ่อว่าตั้งท้องลูก แต่พ่อเขาไม่ยอมรับรู้การมีตัวตนของลูก เขารังเกียจเราสองแม่ลูก แม่ไม่เหลืออะไรเลย คุณตาก็ล้มละลายและปล่อยเราสองคนลอยแพ จนกระทั่งมีผู้มีพระคุณคนหนึ่งส่งแม่มาอยู่ที่นี่ หาที่อยู่และคอยส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ เขาให้สัญญากับแม่ว่าจะทวงทุกอย่างคืนให้แม่และลูก เราแค่รอเวลา และเมื่อถึงเวลานั้น ลูกต้องเอาทุกอย่างของเราคืนมา จำเอาไว้นะลูก ทุกอย่างควรเป็นของเรา’

รูปของพ่อและเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกส่งมาให้ฉันดู แม่บอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือพี่ชายของฉัน เป็นลูกของหญิงสารเลวที่มาแย่งทุกอย่างของฉันไป เป็นลูกของพ่อกับผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น แต่เชื่อไหม ตั้งแต่ฉันได้เห็นรูปพี่ชายของตัวเอง ฉันไม่เคยนึกโกรธหรือเกลียดเขาเลย กลับกัน ฉันเฝ้าติดตามเฝ้าดูเขาผ่านทางโทรทัศน์ของคนข้างบ้านที่ซื้อละครของพี่นาวจากเมืองไทยมาดู ฉันแอบขโมยรูปของเขาจากหนังสือนิตยสารต่างๆ ที่ได้มาจากร้านค้าเอามาเก็บเอาไว้ พี่ชายฉันเป็นดารา เขาดูดีมาก เขาคนนี้เป็นคนที่ฉันอยากเจอที่สุด


ตั้งแต่เด็กๆ ฉันถูกส่งไปฝึกเรียนรู้เรื่องการวางยา การใช้อาวุธปลิดชีวิตอย่างมืออาชีพในฐานทัพลับแห่งหนึ่งที่อยู่บนยอดเขาลีทัน ยอดเขาลีทันคือยอดเขาที่ชาวบัณตราคิดว่ามีผีป่าสถิตอยู่ ทุกๆ ปีต้องมีการนำคน ทองคำและอาวุธมาสังเวยให้ผีป่า ถ้าผู้ใดไม่ศรัทธาก็จะถูกแอบลอบทำร้ายจนตายด้วยยาพิษ เป็นพิษที่ไม่ทิ้งหลักฐาน ไม่สามารถพิสูจน์หาสาเหตุการตายได้จนเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน ทุกคนคิดว่าเกิดจากอำนาจของผีป่า ไม่มีใครกล้าลบหลู่และเชื่ออย่างสนิทใจว่าผีป่ามีจริง แต่ผีป่าไม่มีจริง มีแต่คนเลวทั้งนั้นที่อยู่ที่นี่ ที่นี่เป็นแหล่งค้าอาวุธของท่านโมนัฟโดยมีคนไทยคนหนึ่งที่เป็นหุ้นส่วนด้วย แม่บอกว่า คนๆ นั้นเป็นอาแท้ๆ ของฉัน เป็นน้องชายของพ่อ เขาคือ ‘ปรัช อังควัตทานนท์’ คนๆ นี้คือผู้มีพระคุณที่ส่งเสียฉันมาตั้งแต่ฉันเกิด

ฉันได้ยินอาปรัชคุยกับแม่ว่า ถ้าพี่นาวและคุณปริณตาย สมบัติของคุณปริณจะเป็นของอาปรัช เมื่อนั้นอาปรัชจะแบ่งสมบัตินั้นให้แม่ครึ่งหนึ่ง และหลังจากที่คุณปริณและพี่นาวเสียชีวิต อาปรัชก็จะลอบฆ่าเจ้าชายธีมัสเช่นกัน แต่จะทำให้ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายเพราะเสียใจที่เสียคนรักไป ท่านโมนัฟก็จะเป็นผู้ที่ขึ้นครองราชย์แทนองค์รัชทายาทธีมัส ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลตอบแทนจากการให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน 

อาปรัชพยายามลอบฆ่าพี่ชายของฉันหลายครั้งที่เมืองไทยแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะฉันแอบส่งข่าวนี้ให้กับใครคนหนึ่งได้รู้ เขาคนนั้นเป็นคนสำคัญของฉันเอง คนที่ฉันมอบหัวใจให้เขาไป เป็นคนที่ฉันรักอย่างสุดหัวใจ เขาช่วยส่งคนไปแอบคุ้มครองพี่นาว รวมถึงคุ้มครองเจ้าชายธีมัสซึ่งเป็นองค์รัชทายาทตัวจริงอย่างลับๆ มาเป็นเวลาหลายปี เขาก็แฝงตัวอยู่กับท่านโมนัฟมานานเพื่อเป็นสายลับให้กับเจ้าชายแอชตันโดยที่ท่านโมนัฟก็ไม่ได้เอะใจ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อแม่ที่คอยส่งข่าวแผนการทั้งหมดเพื่อให้เขาช่วยพี่นาวได้ทันท่วงที ถึงจะรู้สึกผิดแต่ฉันไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของแม่ด้วยการทำร้ายพี่ชายของตัวเองได้จริงๆ

วันที่ฉันได้รู้ว่าพี่ชายของฉันกำลังเดินทางมาที่บัณตราพร้อมกับเจ้าชายธีมัส ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เจอเขา แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ให้ลึกสุดใจ ฉันจะให้แม่ อาปรัชหรือท่านโมนัฟรู้ไม่ได้ว่าในใจของฉันรู้สึกเช่นไร ฉันต้องทำตัวเชื่อฟังพวกเขาเพื่อที่จะได้ล่วงรู้แผนการของพวกเขาฉันจะได้ช่วยพี่ชายคนเดียวของฉันได้ พี่ชายที่ฉันภูมิใจในตัวเขาเหลือเกิน แล้วคนที่ฉันภูมิใจก็ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง เพราะในวันนั้น วันที่ฉันต้องเริ่มแผนการที่ทำให้พี่นาวได้เจอกับฉัน ฉันแกล้งวิ่งออกมาให้รถที่พี่นาวขับมาชน พี่นาวไม่รอช้า รีบเข้ามาช่วยเหลือและพาฉันไปที่วังเพื่อสอบถามเรื่องราวและให้ความช่วยเหลือทั้งที่ฉันเป็นแค่คนแปลกหน้า ทั้งที่เขตพระราชฐานนี้เป็นสถานที่ที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ แถมยังมีคนของเจ้าชายแอชตันคอยสังเกตการณ์อยู่ทุกที่ แต่ด้วยน้ำใจของพี่นาวทำให้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของแม่ เจ้าชายธีมัสตามใจพี่นาวอย่างที่อาปรัชบอก เมื่อพี่นาวเป็นคนสำคัญขององค์รัชทายาท คงจะไม่มีผู้ใดกล้าขัดใจ พี่ชายของฉันคนนี้ดูใสบริสุทธิ์ ฉันรู้ได้ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาของเขา เขามีน้ำใจและไม่คิดทอดทิ้งคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างฉันทั้งที่เพิ่งจะได้เจอกันครั้งแรก

แล้วไม่นาน ฉันก็ได้เข้าไปอยู่ในวังตามแผนที่อาปรัชและท่านโมนัฟวางเอาไว้โดยอาศัยความใจดีที่พี่นาวมี เมื่อเข้าไปอยู่ในวังแล้ว ฉันได้เจอกับเจ้าชายมิคาเอลผู้ที่จะเป็นคนนำยาพิษมาให้ฉันใส่ในอาหารเพื่อให้พี่นาวทานตามคำสั่งของท่านโมนัฟ แต่ฉันแอบเปลี่ยนยาโดยใช้สมุนไพรที่ปรุงเอง ซึ่งสมุนไพรนี้เจ้าหญิงแฮแทนได้ปลูกเอาไว้หลังม่านน้ำตก คนรักของฉันเป็นผู้ที่นำสมุนไพรนี้มาให้ ยาสมุนไพรที่ฉันปรุงให้พี่นาวทานเป็นคล้ายยากล่อมประสาท จะทำให้เห็นภาพต่างๆ เสมือนเกิดขึ้นจริง ตัวยาจะไม่ทำอันตรายร่างกายส่วนอื่น แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความที่ท่านโมนัฟไม่ไว้ใจฉันเป็นทุนเดิม ท่านกลัวฉันจะพลาดและทำไม่สำเร็จเลยแอบให้คนของท่านใส่ยาพิษในอาหารเพื่อทำลายระบบการหายใจของพี่นาวอีกทาง โชคดีที่ฉันเรียนรู้เรื่องยาพิษมาจนเชี่ยวชาญถึงได้สังเกตเห็น ฉันแอบเทอาหารที่มียาพิษทิ้งแล้วเปลี่ยนให้ใหม่แทน ซึ่งวันนั้นเจ้าหญิงมิเชลมาเห็นฉันเทอาหารของพี่นาวทิ้งพอดี เธอพยายามจับผิดแต่ฉันก็เอาตัวรอดไปได้ หลังจากวันนั้นฉันก็รู้ว่าเจ้าหญิงมิเชลเริ่มไม่ไว้ใจและคอยจับตาดูฉันตลอดมา

อันที่จริงยังมีอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในฉันได้อยู่ใกล้ชิดพี่นาว คนๆ นั้นก็คือคนรักของพี่นาวนั่นเอง ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับเจ้าชายธีมัสฟังตั้งแต่ตอนที่ได้เข้ามาอยู่ในวังเป็นวันแรก และขอให้ท่านยอมเชื่อใจและร่วมมือทำตามแผนของฉัน เจ้าชายฟังคำสารภาพของฉันแล้วพูดกับฉันว่า

“พี่จะเชื่อใจเธอเพราะนาวเชื่อใจเธอ พี่เชื่อว่าคนที่พี่รักมองคนไม่ผิด”

ฉันดีใจแทนพี่นาวที่พี่นาวมีคนที่พร้อมจะปกป้องเขาด้วยชีวิตและรักเขามากขนาดนี้ มันสมควรแล้วที่คนอย่างพี่นาวจะได้รับความรักแบบนั้น ส่วนตัวฉัน ฉันรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วถ้าท่านโมนัฟรู้ว่าฉันทรยศท่านฉันจะต้องถูกฆ่าตาย แต่อย่างน้อยฉันก็โล่งใจแล้วว่าเจ้าชายธีมัสคนนี้จะเป็นคนที่ปกป้องพี่ชายของฉันได้

แผนการต่อมาที่ฉันได้รับรู้ก็คือท่านโมนัฟต้องการให้คุณปริณเดินทางมาที่บัณตรา จากแผนการที่คุณปรัชวางเอาไว้คือการทำให้คุณปริณเสียชีวิตด้วยเครื่องบินส่วนตัวของคุณปริณเอง คุณปรัชจะทำให้เครื่องขัดข้องและร่วงลงสู่ท้องทะเล ทุกคนจะคิดว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุธรรมดา แต่การที่จะทำให้คุณปริณยอมเดินทางมาที่บัณตราแบบกะทันหันก็ต้องอาศัยพี่นาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นฉันต้องเป็นคนที่เข้าไปเป็นมือที่สามระหว่างพี่นาวและเจ้าชายธีมัส ฉันต้องทำให้พี่นาวเข้าใจผิดกับคนรัก พี่นาวจะเสียใจและโทรให้คุณปริณมารับที่บัณตรา

ในคืนนั้นวันที่ต้องลงมือ ฉันวางยากล่อมประสาทและยากระตุ้นอารมณ์ให้พี่นาวกิน เพื่อที่พี่เขาจะได้เห็นในสิ่งที่ฉันต้องการให้เห็น พี่นาวมีอะไรกับเจ้าชายธีมัสตามฤทธิ์ของยากระตุ้น แต่ฤทธิ์ของยากล่อมประสาท ทำในมโนภาพในสมองของพี่นาวนั้นเห็นว่าคนที่มีอะไรกับเจ้าชายธีมัสนั้นคือฉันเอง

‘ไอ้เด็กนั้นจะต้องเสียใจฟูมฟายโทรให้พ่อมันมารับ’ นั้นคือสิ่งที่ท่านโมนัส อาปรัชและแม่ต้องการให้เป็น แต่ความเป็นจริงคือ คุณปริณและคุณเมธาวี ได้เดินทางมาถึงบัณตราหลายวันแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองคนอยู่ไหน ในใจก็แอบหวังว่าก่อนตาย ฉันจะได้เจอหน้าคนๆ นั้นสักครั้ง คนที่แม่บอกว่า ‘เขาเป็นพ่อของฉัน’

ด้วยความที่ท่านโมนัฟไม่เคยไว้ใจฉัน ท่านส่งคนของท่านให้มาจับตาดูว่าฉันได้ทำตามแผนการที่วางเอาไว้หรือเปล่า คนที่ท่านมอบหมายให้จับตาดูฉันก็คือลูกชายของท่านเอง ‘เจ้าชายมิคาเอล’

เจ้าชายมิคาเอลแอบลอบเข้ามาหาฉันที่ห้องก่อนจะรุ่งสาง เขาบอกกับฉันว่าเขารู้ว่าฉันหักหลังพ่อของเขามาโดยตลอด เขารู้ว่าฉันแอบเปลี่ยนยา แต่เขายื่นข้อเสนอให้ฉัน เขาขอให้ฉันทำให้พี่นาวเข้าใจผิดกับเจ้าชายธีมัสจริงๆ แลกกับการที่เขาจะเป็นคนปกป้องพี่นาวเอง เขาจะขอให้ท่านโมนัฟไว้ชีวิตพี่นาวเพราะเขาแอบหลงรักพี่นาวมานานแล้วและต้องการได้พี่นาวมาเป็นคู่ชีวิต แต่ฉันปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รักพี่นาว เขาต้องการแค่ทรัพย์สมบัติของพี่นาวต่างหาก เขาเกลียดเจ้าชายธีมัส อยากจะแย่งทุกอย่างมาเป็นของตน ฉันยอมตายดีกว่าให้พี่นาวได้คนอย่างเขามาเป็นคู่ครอง แล้วในคืนนั้นเอง การที่ฉันไม่ตอบรับข้อเสนอของเขา ฉันก็ถูกเขาทำร้ายร่างกายและถูกเขาข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่มีใครรู้เลยแม้กระทั่งคนรักของฉัน แต่ไม่เป็นไร..ฉันถูกฝึกมาให้รองรับความรุนแรงอยู่แล้ว ฉันจะถือว่ามันเป็นบทลงโทษของลูกอกกตัญญูที่ทรยศต่อแม่บังเกิดเกล้า แม้ลึกๆ แล้ว หัวใจของฉันจะแตกสลายเพราะไม่สามารถรักษาตัวให้กับคนสำคัญของฉันได้

แผนการดำเนินไป พี่นาวก็มีปากเสียงกับเจ้าชายธีมัสจริงๆ ตอนที่ฉันเห็นน้ำตาของพี่นาว หัวใจของฉันก็เจ็บปวดตามไปด้วย ฉันเป็นคนทำให้พี่ชายของฉันเสียใจ ฉันรู้ว่าพี่นาวคงเสียใจมากที่โดนคนที่ไว้ใจหักหลัง ในตอนที่พี่นาวออกปากไล่ฉัน หัวใจของฉันก็เจ็บเจียนตายไม่แพ้กัน ‘ราณีขอโทษนะคะ แต่ราณีจำเป็นต้องทำแบบนั้น’ ฉันได้แต่พูดอยู่ในใจ ฉันยังไม่อยากให้ท่านโมนัฟส่งใครมาทำร้ายพี่นาวแทนฉัน อยากยืดเวลาให้ได้นานที่สุดก่อนที่จะถึงเวลาให้คนร้ายทุกคนได้แสดงตัวออกมา เจ้าชายแอชตันอยากได้หลักฐานที่จะสามารถมัดตัวคนร้ายทั้งหมดได้ในคราวเดียว ท่านต้องการกำจัดพวกค้าอาวุธให้สิ้นซาก ไม่มีละเว้นแม้คนๆ นั้นจะเป็นพ่อหรือพี่ชายของตัวเอง

หลังจากนั้นฉันก็ถูกส่งตัวไปพบกับแม่ของฉันอีกครั้งเพราะเจ้าชายมิคาเอลได้รายงานกับคุณปรัชว่าฉันไม่ยอมมีอะไรกับเจ้าชายธีมัสจริงๆ ตามแผน ถึงแม้ว่าฉันจะทำให้พี่นาวจะทะเลาะกับเจ้าชายธีมัสได้จริงแต่มันก็แสดงให้เห็นว่าฉันใจอ่อน ฉันถูกแม่เฆี่ยนตีไปทั้งตัวที่ทรยศกับแม่ แม่ยื่นคำขาดว่าแผนสุดท้ายที่จะมาถึงนี้ ถ้าฉันไม่ฆ่าพี่นาว แม่จะเป็นฝ่ายฆ่าตัวตายแทน แม่ให้ฉันเลือกเอาระหว่างลมหายใจของพี่ชายที่แย่งทุกอย่างของพวกเราไปกับลมหายใจของแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูฉันมาจนโต แผนสุดท้ายก็ถูกวางเอาไว้โดยให้ฉันเป็นผู้ที่ลงมือ

‘ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต’ แม่บอกกับฉันอย่างนั้น

แผนการสุดท้ายได้เริ่มต้นในเช้าวันนี้ เจ้าชายมิคาเอลเริ่มเข้าหาพี่นาวด้วยตัวเอง ใช้อุบายช่วยชีวิตพี่นาวจากเจ้าเสือขาวเพื่อให้พี่นาวไว้ใจ ส่วนฉันมีหน้าที่ต้องทำให้พี่นาวเข้าใจผิดกับเจ้าชายธีมัสมากขึ้น เจ้าชายมิคาเอลฉวยโอกาสเข้ามาเป็นฝ่ายทำให้เจ้าชายธีมัสเข้าใจผิดพี่นาวซ้ำเข้าไปอีก พี่นาวโทรหาคุณปริณให้มารับตามที่อาปรัชคาดเอาไว้ไม่ผิด ส่วนฉันก็เตรียมไปตัวซ่อนอยู่ในวังขาว รอจนไม่เหลือใครแล้ว ฉันต้องปลิดชีวิตพี่นาวด้วยพิษร้ายแรงสุดที่ได้ฝึกมา พิษนั้นถูกฉาบอยู่ที่ริมฝีปากของฉันเอง ก่อนอื่นฉันจะต้องทำให้พี่นาวมีแผล แผลเล็กๆ ขอแค่ให้มีเลือดออกมาก็พอ ฉันจะต้องจุมพิตลงไปที่แผลนั้น พิษถึงจะถูกถ่ายไปสู่อีกคนในทันที แต่ถ้าฉันไม่ทำ พิษนั้นจะซึมเข้าสู่ตัวฉันเอง

นี่ต่างหาก ‘ชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิต’ แบบที่แม่บอก ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะพี่นาวและแม่สำคัญสำหรับฉันทั้งคู่ ฉันไม่อยากเสียใครไป

“ได้เวลาแล้ว” คนของท่านโมนัฟเตือนฉัน ฉันยังคงนั่งนิ่งๆ

“ราณี อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่อยากทำร้ายคุณ” คนของท่านโมนัฟพยายามพูดกับฉันดีๆ

“นายไม่เห็นความดีของพี่นาวเลยใช่ไหม พี่เขาดีกับนายแค่ไหน ถ้านายทำร้ายพี่เขา นายจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตนะ..อลัน” ใช่แล้ว อลันคือคนของท่านโมนัฟที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ที่ตำหนักซ้าย พี่นาวไว้ใจอลันมาก มากจนฉันนึกสงสารพี่ชายของตัวเองที่รอบตัวมีแต่คนที่คอยจะหักหลัง

“ผมไม่มีทางเลือก” อลันตอบด้วยสีหน้าที่ดูหนักใจ

“มีสิ นายมีแต่นายไม่ทำ ถ้านายอยากฆ่าก็ฆ่าฉันก่อนเลย ฉันทำร้ายพี่ชายของตัวเองไม่ได้จริงๆ”

“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก ถึงอย่างไรคุณก็ต้องตายด้วยพิษนั่นอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณไม่ทำ ผมคงต้องลงมือฆ่าคุณนาวเอง”

“อลัน ฉันขอร้อง กลับตัวกลับใจเถอะนะ นายเคยบอกว่าน่าเสียดายหากเจ้าของรอยยิ้มที่ดูสดใสต้องตาย นายเลือกได้นะ อลัน ได้โปรด” ฉันอ้อนวอนขอ อลันดูลังเล

แต่สุดท้ายแล้ว อลันก็ไม่ฟังคำอ้อนวอนของฉัน เขากำลังจะเดินออกจากห้องไป ฉันรีบกอดขาอลันเอาไว้ แต่ก็โดนอลันสะบัดออก ฉันยังคงดึงรั้งยื้อเขาเอาไว้ จนกระทั่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง จิกหัวฉันและตบอย่างแรงจนฉันหน้าหงายหลังล้มไป ฉันถูกตบหน้าจนเลือดกบปาก ท่านโมนัฟกับอาปรัชแสยะยิ้มให้ฉันก่อนที่อาปรัชจะตบฉันซ้ำอีกครั้ง แม่รีบวิ่งเข้ามากอดฉัน

“ทำไมทำร้ายหลานอย่างนี้คุณปรัช ราณีมันเป็นผู้หญิงนะ เด็กมันแค่สับสน” นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ปกป้องฉัน มันทำให้ฉันดีใจมาก

“มันไม่ใช่หลานฉัน” อาปรัชตะคอกใส่แม่

“ทำไมพูดแบบนั้นละ” แม่ผมหน้าเสีย

“พี่ปริณบอกว่าไม่เคยหลับนอนกับแก แกคิดว่าตัวเองฉลาดสินะที่มาหลอกคนอย่างฉัน ไอ้เด็กนี่มันเป็นลูกใครก็ไม่รู้ พวกแกมันโง่ที่เชื่อฉันเอง ฉันไม่มีทางให้ทั้งแกและอีพุดซ้อนได้สมบัติของพี่ชายฉันอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ” อาปรัชระเบิดหัวเราะก่อนจะทำหน้าเหยียดหยามผมกับแม่เต็มที่

“แกหลอกใช้ฉัน แกมันเลว แกมัน..โอ้ยย” แม่ของฉันถูกตบอย่างแรงหลายครั้งจนปากแตก ฉันรีบลุกมากอดแม่เอาไว้ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่มีแรง

“แกสองแม่ลูกไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยให้ตายเถอะ ไม่ได้เรื่อง! นี่ถ้าพวกเราไม่มาเอง เห็นทีวันนี้ไอ้เด็กนาวนั่นก็คงไม่ตาย อลัน..ไปจัดการให้เรื่องมันจบๆ ส่วนแกสองคน เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการ” ท่านโมนัฟต่อว่าฉันกับแม่ก่อนจะหันไปสั่งอลัน ผมใช้สายตาวิงวอนอลัน อลันสบตาฉันแวบหนึ่งก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับท่านโมนัฟและอาปรัช โดยให้ทหารสองสามคนเฝ้าผมอยู่

“แม่ขอโทษ แม่ขอโทษนะลูก ฮือ” แม่กอดฉันพร้อมกับร้องไห้

“ไม่เป็นไรแม่ แม่จ๊ะ คุณปริณกำลังมา คุณปริณรับปากฉันว่าจะรับแม่ไปอยู่ด้วย จะดูแลแม่อย่างดี แม่อย่าทำผิดอีกเลยนะเรามาเริ่มต้นกันใหม่ หนูรักแม่นะ” ฉันกระซิบบอกแม่ ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มรู้สึกแสบร้อนที่มุมปาก แม่มองหน้าฉันด้วยแววตาสับสน แม่คงไม่คิดว่าคุณปริณจะยอมรับท่านง่ายๆ แต่แล้วท่านยิ้มให้ฉันและลูบใบหน้าฉันด้วยความอ่อนโยน ความอ่อนโยนที่ฉันเพิ่งจะเคยได้รับจากแม่

“เขาเป็นพ่อของลูกนะ อย่าไปฟังไอ้ปรัชมัน แม่ขอโทษนะที่ทำในสิ่งที่ผิดมาตลอด แม่จะเชื่อลูก แม่จะไม่ทำผิดอีกแล้ว” แม่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง

“หนูดีใจจัง แม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะจ๊ะ แม่จ๋า พี่นาวเป็นคนดี พี่นาวจะรักและนับถือแม่เหมือนอย่างที่หนูรัก หนูเชื่ออย่างนั้น เริ่มต้นชีวิตใหม่นะจ๊ะ วางความโกรธเกลียดทิ้งไปนะจ๊ะแม่ หนูรักแม่นะ” ฉันบอกรักแม่อีกครั้งก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก ฉันรู้ว่าพิษที่ฉาบริมฝีปากของฉันกำลังออกฤทธิ์ มันแสบร้อนไปหมด แม่ยกมือขึ้นมาแตะปากตัวเองที่โดนตบจนเลือดไหล ทันใดนั้นแม่ก็คว้าคอฉันไปใกล้ๆ ก่อนจะออกแรงกดต้นคอของฉันเข้าหาตัวจนริมฝีปากฉันทาบกับบาดแผลที่มุมปากของท่าน ฉันตกใจพยายามจะผลักแม่ออก แต่แม่ก็กอดคอฉันเอาไว้แน่น สักพักใหญ่แม่ถึงยอมปล่อยมือ  แผลที่ปากของแม่มีสีม่วงเข้มจัดก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นแผลปกติตามเดิม

“แม่จ๋า ฮือ ทำไมทำแบบนี้ แม่ ฮึก...แม่จ๋า แม่อย่าทำแบบนี้กับหนูสิ อย่าทิ้งหนูไป” ฉันร้องไห้เจียนขาดใจ แม่ยอมรับพิษไปจากฉัน ดวงตาของแม่เริ่มจะเลื่อนลอย ร่างกายกระตุกน้อยๆ ใบหน้าของแม่เริ่มมีสีม่วงคล้ำ ดวงตาขึ้นเส้นเลือดจนแดงกล่ำ

“จำเอาไว้ ลูกคือลูกของพ่อปริณ” นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่แม่พูดกับฉัน

“แม่ แม่!”

ฉันตะโกนเรียกแม่แต่แม่ก็ไม่ยอมตอบ ดวงตาของท่านยังมองฉันแต่ลมหายใจของท่านไม่มีแล้ว ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ฉันมองออกไปเห็นว่าทหารของท่านโมนัฟที่เฝ้าหน้าห้องถูกคุมตัวเอาไว้หมด เจ้าชายธีมัสและเจ้าชายแอชตันวิ่งเข้ามาหาฉัน ฉันรีบชี้บอกไปยังตำแหน่งห้องที่พี่นาวอยู่ เจ้าชายธีมัสและเจ้าชายแอชตันพร้อมทหารจำนวนหนึ่งวิ่งตามไปทางที่ฉันบอก ส่วนอีกคนที่วิ่งสวนเข้ามาหาฉันคือคนที่ฉันเฝ้ารอมานาน ท่านดูดีกว่าในรูปตั้งเยอะ ท่านมองจ้องฉันก่อนจะมองไปยังร่างที่ไร้ลมหายใจของแม่

‘คุณปริณ’ คนที่ฉันเคยเห็นเขาแต่ในรูปเป็นคนเอื้อมมือมาลูบปิดเปลือกตาให้แม่

“พ่อขอโทษนะที่มาไม่ทัน พ่อขอโทษ” เขาพูดกับฉัน คำว่าพ่อมันทำให้ฉันร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง แพทย์ทหารมาอุ้มร่างของแม่ออกไป คุณปริณเข้ามาโอบกอดฉันแทน ฉันยังไม่กล้ากอดตอบท่าน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันใช่ลูกแท้ๆ ของท่านหรือเปล่า แม่อาจจะบอกแบบนั้นเพื่อให้ฉันดีใจ

ทันใดนั้น..เสียงปืนก็ดังขึ้นจาด้านนอกหลายนัด คุณปริณรีบลุกไปปิดประตูและประคองฉันไปหลบอยู่ด้านใน จนกระทั่งเสียงปืนเงียบไป ประตูห้องที่ฉันอยู่ก็ถูกเปิดอีกครั้ง คนสำคัญของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับทำหน้าโล่งใจที่เห็นว่าฉันยังมีลมหายใจอยู่

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” พ่อถามคนสำคัญของฉัน

“ครับ จับตัวคนร้ายได้หมดแล้ว เคลียร์พื้นที่อยู่ครับ” เขาตอบพ่อ แต่สายตาเขาจ้องมองฉันอยู่ตลอด

“ฝากราณีด้วยนะ..มาคัส ผมขอไปดูนาวก่อน” พ่อบอกเขา ท่านลูบศีรษะของฉันก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความร้อนใจ คนสำคัญของฉันเดินเข้ามาแล้วรีบสวมกอดฉันเอาไว้

“ราณียังไม่ตาย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ” ฉันบอกกับเขา

“ขอบคุณนะที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณ” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นน้ำตาของเขา

คนสำคัญที่ฉันพูดถึงบ่อยๆ ก็คือพี่มาคัส พี่มาคัสเป็นคนที่ฉันรักจนหมดหัวใจ ครั้งแรกที่เจอกัน พี่มาคัสดูเป็นคนเย็นชารักใครไม่เป็น แข็งกระด้างและดุดัน พี่เขาไม่ยิ้มตั้งแต่เจ้าหญิงแฮแทนซึ่งเป็นหญิงสาวที่เป็นรักแรกและรักข้างเดียวของพี่มาคัสสิ้นลมไป เขาเป็นแบบนั้นจนทุกคนคิดว่าเขาไม่มีหัวใจ ฉันเองก็เคยคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้เจ็บปวดเป็น เขากระชับกอดฉันจนตัวฉันจมหายไปในอ้อมกอดของเขา ฉันดีใจที่เขาเปิดใจให้ฉันและยอมให้ฉันเข้าไปเยียวยาความเจ็บปวดในอดีตของเขา ไม่ต่างกัน เขาเองก็ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในใจให้ฉันเช่นกัน

“แม่เสียสละชีวิตแทนราณี” ฉันสะอื้นบอกกับเขา

“อย่าเสียใจเลย ท่านได้ทำหน้าที่ของแม่จนลมหายใจสุดท้าย จงภูมิใจว่าเนื้อแท้ท่านไม่ใช่คนเลวร้าย เพียงอำนาจแห่งความโกรธเกลียดที่ทำให้ท่านหลงผิด”

“ราณีไม่เหลือใครแล้วนอกจากพี่”

“มีสิ พี่ชายของราณียังไงละ”

“แล้ว..พี่นาวเป็นยังไงบ้างคะ”

“ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าชายธีมัสช่วยได้ทัน ตอนนี้ไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ”

“ดีจัง” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ส่วนมัน คนที่ทำร้ายราณีของพี่ มันจะต้องชดใช้”

“พี่อย่าฆ่าเขานะ ราณีไม่อยากให้พี่ฆ่าใคร” ฉันรีบบอก

“พี่ไม่ได้ฆ่าเขา แต่เจ้าชายแอชตันส่งตัวเขาไปอยู่ในกรงเสือขาว ซึ่งไอ้เสือตัวนั้นท่าทางคงจะกำลังหิวน่าดู”

“พี่...” ฉันหน้าซีด แค่คิดก็ขวัญแทบกระเจิงแล้ว ถึงเจ้าชายมิคาเอลจะข่มขืนและทำร้ายร่างกายของฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาตายน่าสยดสยองแบบนั้น

“หึ พี่ล้อเล่น แต่ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเขาแบบนั้น พี่ไม่ชอบ” พี่มาคัสหน้าบึ้ง ฉันเลยหอมแก้มของพี่เขาเป็นการง้อ เขาจะจูบฉันตอบ แต่ฉันหันหน้าหนี

“ให้เลยยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน ราณีกลัวว่าพิษจะยังอยู่”

“พี่ยอมตาย ดีกว่าต้องทนไม่ได้จูบเราอีกนะ ราณี”

ฉันไม่เคยห้ามเขาได้เลยจริงๆ แต่อันที่จริงพิษที่ริมฝีปากของฉันคงไม่เหลือแล้ว ฉันปล่อยให้พี่มาคัสได้จูบฉันตามที่เขาต้องการ เขายอมเสียสละความสุขของตัวเองมาคอยช่วยเหลือครอบครัวของฉัน ยอมปล่อยให้ฉันมาทำอะไรเสี่ยงๆ โดยไม่เคยพูดหรือห้ามให้ฉันลำบากใจ เขาไม่เคยเห็นแก่ตัวหรือกดดันให้ฉันต้องเลือกระหว่างเขากับภารกิจที่ฉันต้องทำ เขารู้ว่าฉันอยากช่วยครอบครัวด้วยตัวฉันเอง แต่ฉันได้ให้สัญญากับเขาว่า ถ้าจบเรื่องนี้แล้วฉันยังมีชีวิตมีอยู่ ฉันกับพี่มาคัสจะไปอยู่ด้วยกันตามลำพังที่หมู่บ้านบนเขา ส่วนพี่มาคัสก็ให้สัญญากับฉันว่า ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้ฉันตาย ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขารักไปตลอดกาล

นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน ฉันเคยคิดน้อยใจในโชคชะตาเสมอมา แต่วันนี้ฉันกลับได้รู้ว่าฉันมีแม่ที่หัวใจยิ่งใหญ่ ยอมสละลมหายใจเพื่อฉัน มีพี่ชายที่จิตใจสะอาดบริสุทธิ์แสนดี และฉันยังมีพี่มาคัสที่ช่วยทำให้ฉันได้รู้ว่า ลมหายใจของฉันมีค่าสำหรับเขาเหลือเกิน ฉันไม่น้อยใจในโชคชะตาตัวเองอีกแล้ว อยากขอบคุณโชคชะตาด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันได้มาเจอพวกเขา


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 26-02-2015 16:20:24
ดีละที่คลี่คลาย  ว่าแต่นาวนี่ต้องง้อพี่ธีมหนักน่ยล่ะงานนี้  ขอบคุณมากเลยจ้าคุณคนเขียน :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-02-2015 16:27:09
อืมมม ซับซ้อน ๆ ๆ แล้วตกลงเป็นพี่น้องกันจริง ๆ หรือเปล่าเนี่ยะ
อลันจะโดนอะไรบ้างฟระ ... น่าจะโดนอะไรซักอย่างนะ  มิคคาเอลด้วย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-02-2015 16:37:19
 :a5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 26-02-2015 17:09:52
สงสารนาวอะ จริงๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkish ที่ 26-02-2015 17:15:56
ไม่นะ....อลัน!!!  :a5:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 26-02-2015 17:16:19
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 26-02-2015 17:24:09
นาวก็ไม่ผิดนะ ก็ทุกคนทำให้นาวต้องคิดไปในแนวทางนั้นเอง

แล้วอิเจ้าชายธีมก็รู้อยู่แล้ว ว่าเพราะอะไร นาวถึงเข้าใจแบบนั้น แล้วมึงจะโกรธทำดวกส์อะไร  :z6:

แล้วมาบอกว่าถ้านาวต้องการเลิกก็เลิก คือรู้ทุกอย่างอยู่กับใจก็พูด เผื่อ :beat:

สงสารนาวที่สุด เป็นเหยื่อ คนที่ไม่รู้อะไรเลยน่าสงสารที่สุด เป็นเครื่องมือของทุกคน เป็นตัวล่อเอาไว้จับทุกคน หึ หึ

นี่ รึ คือคนที่บอกว่ารัก ว่าแคร์ แต่ทนได้เวลาเห็นคนที่เรารัก เศร้า เข้าใจ ผิด #หาปั๋วใหม่ท่าจะดี  o18


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 26-02-2015 17:36:13
จบด้วยดี~~~~~~~~
แต่คงไม่ใช่กับเจ้าชายมิคาเอลล่ะมั้ง หึหึหึ o18
.
.
ว่าแต่ว่า..............โอลาริกกับมาคัสไปปิ๊งกันตอนไหนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-02-2015 18:05:32
โอ๊ยยยยยยย.   ดุเดือดมากๆ ยิ่งกว่าละครช่อง 3,7 อิอิ
นาวจะเป็นไรมากไหมนะ.  ง้อพี่ธีร์เลยนะ. คริคิร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 26-02-2015 19:47:24
ซับซ้อนมาก มีแต่คนอันตราย

ขอให้นาวปลอดภัย เข้าใจกันเร็วๆน่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 26-02-2015 20:11:18
อย่างน้อยๆก็จบลงได้ด้วยดี
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 26-02-2015 21:01:48
สงสารนาวอ่ะ พูดเลยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-02-2015 21:26:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-02-2015 22:53:44
เบื้องหลังช่างน่ากลัว ฉากหน้าช่างแสนดี
ยังดีที่นาวปลอดภัย  คนที่น่าสงสารและเห็นใจอีกคนคือโอลาลิก
พี่ธีร์รีบไปเคลียร์กับนาวนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 27-02-2015 01:34:03
ในที่สุดเรื่องก็คลี่คลาย ลุ้นแทบแย่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 27-02-2015 05:02:43
ในที่สุดเราก็รู้ความจริง :sad4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 36 (26/02/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-02-2015 04:35:50
ในที่สุดก้อคลี่คลาย ดีใจที่น้องนาวไม่เป็นอะไร
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 01-03-2015 11:47:56
บทที่ 37


..กาลครั้งหนึ่งของนาว..

มาฟังนิทานกาลครั้งหนึ่งของนาวต่อดีกว่าครับ..จากเหตุการณ์ในห้องน้ำ ผมไม่รู้สึกตัวเลย จนกระทั่ง..

เฮ้อ...ทำไมผมถึงรู้สึกสบายเหลือเกิน ผมบิดตัวไปมา ขี้เกียจลุกออกจากเตียงและไม่อยากจะตื่นเลย ผมว่าผมไม่ได้นอนเต็มอิ่มยาวๆ แบบไม่ฝันร้ายแบบนี้มานานแล้ว วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ขอหลับตานอนอีกหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวไอ้หมาธีมมันก็มาจูบปลุกเองนั่นแหละ คึคึ แต่ผมรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองผมอยู่ ผมสัมผัสได้ถึงเสียงซุบซิบนินทาผมแถวๆ นี้

“แกเชื่อฉันดิ มันต้องแอบไปสักยันต์หนังเหนียวมา”

“ไม่หรอกแก”

“ดูมันดิ ตายยากนะแก โดนปองร้ายไม่รู้กี่ครั้ง รอดตลอด”

“แกคิดดู ถ้ามันสักยันต์หนังเหนียว พี่ธีมจะแทงมันได้ไงวะ หึหึหึ”

“ฮ่าๆ ไอ้บูม แกคิดได้ไงวะ”

“คิกๆ เออ จริงของแกว่ะไอ้บูม”
   
“แกว่ามันฟื้นมา มันจะงอนพี่ธีมอยู่ไหมวะ”

“ฉันว่าชัวร์ มันโดนหลอกขนาดนั้น ถึงจะทำเพื่อมัน แต่มันไม่ชอบให้ใครมองมันว่าโง่ ถึงมันจะโง่จริงๆ ก็เหอะ”

“แต่ปกติมันเป็นคนมองโลกแง่ดีนะเว้ย”

“แต่เรื่องความรัก ต่อให้มันเป็นพ่อพระมาเกิดก็กลายเป็นปิศาจได้ในพริบตา พวกแกว่าจริงไหม”

“จริง แต่พ่อพระที่หน้าตางดงามหาที่ติไม่ได้อย่างฉัน ไม่โง่และไม่ได้ถูกหลอกเว้ย ไอ้เพื่อนเชี้ย” ผมลืมตามาตอบพวกมัน ไอ้บูม ไอ้เกลือกับไอ้มีนถึงกับสะดุ้งที่เห็นผมตื่นขึ้นมานั่งตอบคำถามมัน หนอย มานินทาผมระยะเผาขนแบบนี้ ผมคงจะนอนให้มันนินทาผมต่อหรอกนะ

“แกฟื้นแล้ว นาว ฮือ...ฮึก ฉันเปนห่วงแกจะแย่” ไอ้มีนโผมากอดผมแล้วก็น้ำตาแตกทันที ผมต้องลูบหลังมันเป็นการปลอบโยน

“ฉันยังไม่ตาย ไม่ต้องร้อง” ผมบอก ไอ้เกลือโยกหัวผม ส่วนไอ้บูมตบไหล่เบาๆ พวกมันยิ้มให้ผม

“ขอต้อนรับกลับโลกมนุษย์ ฉันนึกว่าแกจะไปเป็นมนุษย์ต่างดาวถาวรซะแล้ว” ไอ้เกลือบอกผม

“พวกแกมาได้ยังไง แล้วคนอื่นๆ ละ” ผมถาม

“คุณปริณให้คนไปรับพวกฉันมา คนอื่นอยู่ข้างล่าง กำลังเตรียมงานเฉลิมฉลอง แกหลับยาวไปเกือบวันหนึ่งเลย”

“ไอ้หมาธีมละ”  ผมถามหา มันควรจะอยู่ตอนผมฟื้น แต่มันคงต้องไปช่วยดูการเตรียมงานแน่ๆ เลย

“แก แกอย่าโกรธพี่ธีมเขาเลยนะ ฟังเขาอธิบายก่อน” ไอ้มีนรีบบอกผม

“ไม่เห็นต้องฟัง” ผมบอก

“แกอย่ารั้นดิวะ” ไอ้เกลือดีดหน้าผากผมเบาๆ

“ก็ไม่ได้รั้น ฉันพูดจริง ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรต้องฟังพี่ธีมมันอธิบาย”

“แล้วแกจะเลิกกับเขาทั้งที่เขาทำเพื่อแกรึไง” ไอ้บูมถามผม

“พวกแกต่างหากที่ต้องฟัง ไม่ใช่ฉัน” ผมบอก พวกมันทำหน้างงๆ

“ยังไง” ไอ้บูมถาม

“พวกแกลงไปรอข้างล่างก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันขออาบน้ำแล้วจะตามลงไป คงมีเรื่องต้องคุยกันหลายอย่าง”

พวกมันก็ยอมลงไปรอข้างล่าง ส่วนผมก็เข้าไปอาบน้ำล้างหน้าให้ความขี้เกียจมันถูกชะล้างไปก่อน หนอย แค่ผมแกล้งโง่หน่อยเดียวมาใส่ความว่าผมโง่จริง เดี๋ยวพวกมันได้เงิบกันแน่ แกรู้จักมะนาวน้อยไปเสียแล้ว


ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปข้างล่าง ปรากฏว่าทุกคนมานั่งรอกันหมดเลยรวมถึง พ่อปริณ แม่เมและมิเชลด้วย แม่เมรีบลุกมาหาผมแล้วกอดผมเอาไว้ ผู้หญิงแกร่งคนนี้ร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร ตั้งแต่ผมรู้จักคุณเมมา ยังไม่เห็นครั้งไหนว่าเธอจะร้องไห้หนักขนาดนี้

“ขวัญเอ้ยขวัญมา ต่อไปแม่ไม่ให้น้องนาวทำอะไรแบบนี้แล้วนะลูก” คุณเมลูบหลังผม ผมก็กอดตอบครับจนเธอสงบลงถึงได้ยอมปล่อยผมให้อิสระ คราวนี้ก็เป็นพ่อปริณบ้างที่มากอดผม

“พ่อภูมิใจในตัวลูก ลูกรู้ไหม ลูกกล้าหาญเหมือนแม่ไม่มีผิด” พ่อปริณลูบศีรษะของผมเบาๆ ผมมองไปรอบๆ พวกเดอะแก๊งอยู่ครบ ธาร น้องทัสก็อยู่ แต่ไอ้หมาธีมมันหายไป

“พี่ธีมไปไหนครับ” ผมถาม เพื่อนผมทำหน้าเจื่อนๆ แล้วก็หันไปมองกันเองด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน คงกลัวว่าผมจะอาละวาดไอ้หมาธีมมัน

“มานั่นแล้ว” น้องทัสชี้ไปทางประตูห้องโถง ไอ้โหดเดินคู่กันมากับราณี

“ใจเย็นๆ นะนาว” ไอ้ยีนบอกกับผม ผมหันไปมองพวกเดอะแก๊ง ดูพวกมันกลัวว่าผมจะเหวี่ยงพี่ธีมกับราณีกันหมด ผมหันกลับไปมองไอ้โหดอีกครั้ง มันส่งยิ้มให้ผม สายตาของผมเลื่อนไปที่เด็กสาวที่ก้มหน้ามองพื้นอยู่ข้างๆ ตัวไอ้โหด

“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ผมเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ ไอ้โหดมันส่ายหน้า แต่อีกคนยังคงก้มหน้าไม่ตอบ

“พี่ถามเราด้วยนะราณี” ผมบอก ราณีค่อยๆ เงยหน้ามองผม ดวงตามีน้ำคลอตา ผมยิ้มให้ก่อนจะดึงราณีมากอดเอาไว้ เพียงแค่นั้นคนในอ้อมกอดของผมก็ร้องไห้จนตัวสั่น

“หนูขอโทษที่ทำให้พี่เสียใจ ฮึก..”

“พี่ไม่ได้เสียใจ นั่นเป็นแค่การแสดง” ผมบอก ราณีหยุดร้องไห้พร้อมกับทำหน้างงๆ คราวนี้ได้ยินเสียง ’ห๊ะ!’ ดังมาจากทางด้านหลังผมพร้อมกัน ผมหันไปมองพวกเพื่อนของผม แต่ละคนทำหน้าเหมือนหมาไฮยีน่างุนงงกันหมด

“เอาดีๆ ยังไงแก เล่าเลย” ไอ้บูมถามพร้อมกับมีเสียงสนับสนุนตามมา

“แม่เราละ” ผมหันกลับมาถามราณีก่อน น้องส่ายหน้าน้ำตาคลออีกหน ผมพอจะเดาออก ผมถอนหายใจแล้วก็ลูบหลังคนที่น่าสงสารคนนี้เพื่อปลอบโยน

“พี่เสียใจด้วยนะ แต่แม่เรายังอยู่ในใจ เชื่อพี่นะ พี่มีประสบการณ์มาก่อน ถึงจะไม่มีแม่แล้ว แต่เราสองคนยังมีพ่อกับแม่เม เรามาเริ่มต้นใหม่นะ พี่ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำเพื่อพี่” ผมบอกน้องสาวคนเดียวของผม

ผมไม่รู้ว่าที่แท้จริงราณีจะมีสายเลือดเดียวกับผมไหม แต่หัวใจของเธอยิ่งใหญ่และผมไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนอื่นตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว ราณีพยักหน้า ผมคลายอ้อมกอดน้องออกแล้วจับบ่าน้องให้หันไปหาพ่อปริณ พ่อปริณอ้าแขนออกรับ ราณีเดินเข้าไปกราบที่อกแล้วสวมกอดพ่อปริณเอาไว้ ผมก็เดินตามไปกอดอีกที ไอ้บูมลุกขึ้นยืนปรบมือจนทุกคนหันไปมองมัน

“ฉันซาบซึ้งอะ ผิดเหรอวะ” ไอ้บูมมันพูดเบาๆ ก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิม ทุกคนก็ขำท่าทางเล่นใหญ่รัชดาลัยของมัน

“ถ้ายังไงพ่อกับคุณเมขอตัวไปคุยกับองค์เหนือหัวสเตฟานและท่านนาทีคก่อนนะ เด็กๆ คุยกันไปก่อน แล้วเจอกันตอนอาหารค่ำ” พ่อปริณบอกก่อนจะออกไปพร้อมกับคุณเม พอพ่อกับแม่เมออกไป พวกก็หันมาถามผมต่อ

“สรุปคือ แกรู้เรื่องทั้งหมดว่างั้น” ไอ้เกลือถามผม ผมยังไม่ได้ตอบมัน เดินไปหาไอ้หมาธีมแล้วสวมกอดมันเอาไว้ มันจูบที่หน้าผากของผมแล้วก็กอดตอบ เสียงวี๊ดวิ้วดังมาจากฝูงหมาไฮยีน่าตามเคย แซวไปเหอะ ผมว่าผมพร้อมจะหน้าด้านมากๆ แล้วล่ะหลังจากที่ตัวเองเกือบผ่านความตายมา

“แกแสดงเก่งไปแล้ว ทำเอาฉันใจไม่ดีเลยรู้ไหม” ผมแอบตัดพ้อไอ้หมาธีมมัน ตอนที่มันแสดงว่างอนผมแล้วจะยอมเลิกกับผม มันแสดงเนียนมากเลยจนใจผมหายวาบ

“พี่ไม่ได้แสดง หึงจริงๆ นาวจะจูบกับมันอยู่แล้ว” มันบอกแบบคนหัวเสีย ผมกระพริบตาปริบๆ มองมัน พอเห็นว่ามันงอนจริงก็รีบซุกอกมัน ถ้าอยู่กันสองคนผมจะปล้ำมันเลยให้ตายเหอะ

“โอ้ย คัท!! เปลี่ยนฉากๆ ฉันอยากรู้จนต่อมเจือกจะระเบิดแล้วไอ้นาว เล่าเร็ว” ไอ้มีนโวยวาย ผมหัวเราะแล้วก็จูงมือไอ้โหดข้างหนึ่ง จูงราณีข้างหนึ่งไปนั่งที่โซฟา

เอาล่ะ ก่อนที่ความเสือกของพวกมันจะทำให้พวกมันขาดใจตาย ผมจะเล่าให้มันฟังก็แล้วกัน

“คืองี้..”

“อ๋ออออ”

“ฉันยังไม่ได้เล่า” ผมหันไปว่าไอ้บูมที่ร้องอ๋อ มันโดนไอ้เกลือตบหัวเพราะดันมาเล่นมุกจนขัดจังหวะ สมน้ำหน้ามัน    

“ฉันเป็นคนโทรไปบอกให้พ่อปริณยกเลิกการถ่ายโฟโต้บุ๊คเอง ตอนนั้นฉันรู้แล้วว่าใครที่คอยทำร้ายฉัน ถ้าพวกแกยังอยู่ คนร้ายก็คงยังไม่ลงมือ ฉันใจร้อน อยากจะเคลียร์ให้มันจบ อยากให้คนร้ายแสดงตัวเสียที ฉันก็เลยเล่าเรื่องที่รู้มาให้ไอ้หมา..เอ้ยให้พี่ธีมฟัง”

“แล้วแกรู้ได้ไง” ไอ้จอมถามผม

“คนที่บอกให้ฉันระวังตัว คนที่คอยตามฉันทุกฝีก้าว ฉันนึกว่าเขาคอยจับผิดแต่จริงๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาเป็นห่วงฉันจากใจ เขาเป็นอีกคนที่ช่วยเหลือฉันตลอด  เขาเป็นคนบอกฉันเพราะบังเอิญไปได้ยินแผนการของคนที่คิดทำร้ายคุยกัน นาวขอบคุณนะ” ผมเล่าให้เพื่อนฟังแล้วหันไปที่คนๆ นั้น พวกมันมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองที่มิเชล มิเชลยิ้มเขินๆ แต่ดวงตาก็ดูเศร้าๆ คงรู้สึกเศร้าที่ท่านโมนัฟและเจ้าชายมิคคาเอลต้องอยู่ในคุก ถึงยังไงสองคนนั่นก็เป็นคนในครอบครัวที่เธอโตมา

“เราแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง พ่อแท้ๆ ของเราก็ทำผิดต่อบ้านเมืองมากพอแล้ว มิเชลไม่อยากเป็นคนไม่ดีเหมือนพวกท่าน  มิเชลอยากให้แม่แฮแทนภูมิใจในตัวมิเชลเหมือนกัน” มิเชลคงจะรู้ความจริงแล้วว่าพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองคือใคร สายตาของมิเชลแอบเหลือบมองไปทางไอ้บูม

“ผมก็ภูมิใจในตัวคุณ” ไอ้บูมทำเสียงพระเอกทันที ผมแทบหลุดหัวเราะแล้วถ้าไม่เห็นว่ามิเชลหน้าแดงจริงๆ เธอนั่งเขินไอ้บูมอย่างปิดไม่มิด เอาวะ เพื่อนผมคนนี้อาจจะได้เป็นเจ้าชายก็คราวนี้

“แล้วยังไงต่อ” ไอ้จอมถามอีก

“แต่มิเชลไม่รู้ถึงแผนที่คุณปรัชวางเอาไว้ ราณีเป็นคนมาบอกแผนนี้กับพี่ธีม พี่ธีมก็เลยมาปรึกษากับฉันว่าจะเชื่อราณีได้แค่ไหน แต่ฉันมั่นใจว่าฉันมองคนไม่ผิด แต่ฉันไม่ให้พี่ธีมบอกกับราณีว่าฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทุกอย่างต้องแนบเนียน ฉันให้พี่ธีมทำตามแผนที่ราณีวางเอาไว้ ฉันจะเล่นตามน้ำเพื่อให้ทางท่านโมนัฟและคุณปรัชเชื่อว่าราณีทำได้ ราณีจะได้ไม่โดนทำร้าย โดยฉันซ้อนแผนเอาไว้อีกที”

“ยังไง” ไอ้ยีนทำหน้าอยากรู้สุดๆ

“อันดับแรก ฉันต้องใช้เสน่ห์ที่มี ทำภารกิจแรกให้สำเร็จ นั่นคือทำให้โจรกลับใจก่อน”

“แสดงว่าเสน่ห์แกไม่ได้ผลละสิ เจ้าชายมิคาเอลถึงกลับใจไม่ได้” ไอ้เกลือทำหน้าเยาะเย้ยผม หนอย...แกดูถูกฉันไปแล้วไอ้เกลือ ชิ

“ฉันไม่ได้หมายถึงเจ้าชายหื่นกามนั่น” ผมบอก แต่พอเห็นหน้ามิเชลหน้าเจื่อนเลยหัวเราะแห้งๆ ไป ลืมไปว่าถึงยังไงเจ้าชายมิคาเอลก็โตมาด้วยกันกับมิเชล

“แล้วแกหมายถึงใคร” ไอ้บูมถาม

“อลันใช่ไหมฮะ” น้องทัสโพล่งขึ้นมา ผมนี่ถึงกับปรบมือให้ดังๆ ฉลาดแบบนี้สิ สมแล้วที่เป็นน้องชายของแฟนของพี่

“ถูก ฉันพยายามไปไหนกับอลันบ่อยๆ เพื่อสร้างความสนิทสนม ให้อลันได้เห็นว่าตัวตนฉันเป็นคนดี เป็นคนน่ารักแค่ไหน แต่คุณมาคัสก็คอยตามไปดูแลฉันแบบลับๆ ฉันว่าอลันก็คงไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่คงต้องมีอะไรที่ทำให้อลันต้องทำตามคำสั่งของฝ่ายนั้น สุดท้ายอลันก็ยอมบอกฉันว่าท่านโมนัฟจับน้องสาวอลันเอาไว้ ถ้าอลันงานไม่สำเร็จน้องสาวของอลันก็จะตาย ฉันเลยรับปากว่าจะช่วยน้องสาวของอลันขอแค่กลับตัวกลับใจเพราะถึงยังไงฉันจะไม่ยอมตายให้อลันทำสำเร็จอยู่แล้ว ให้อลันลองคิดดูว่าเลือกทำแบบไหนจะดีต่อตัวเองและน้องสาว สุดท้าย ฉันก็ได้อลันมาอยู่ข้างฉัน ฉันให้อลันทำตามแผนของท่านโมนัฟต่อไป พอใกล้ถึงเวลาที่ทางโน้นจะลงมือตามแผนสุดท้าย ฉันก็เลยตัดสินใจเข้าไปหาเจ้าชายแอชตัน เล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟัง วัดใจกันไป ถึงจะระแวงว่าคนที่คิดร้ายกับฉันเป็นถึงพ่อและพี่ชายของท่าน แต่ฉันก็เชื่อที่น้องทัสและคุณมาคัสบอกว่าเจ้าชายเป็นคนดีและรักความถูกต้องที่สุด”

“แล้วยังไงอีก อย่างสนุกอะแก น่าจะเอาไปทำละคร คนดูติดงอมแงมแน่ๆ” ไอ้ยีนทำหน้าลุ้น คือ นี่ความเป็นความตายของผมนะ มันเสือกมาสนุก

“พี่แอลต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วฮะ” น้องทัสทำหน้ามั่นใจ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

“เจ้าชายรวบรวมกำลังทหารและเริ่มวางแผนสุดท้าย ท่านให้คนไปรับคุณปริณกับแม่เมมาก่อนโดยที่ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งคุณปรัช ท่านรู้ว่าราณีไม่มีทางลงมือ เลยสั่งให้อลันเป็นคนลงมือฆ่าฉันเอง โดยให้ฉันใช้ว่านพิเศษที่เจ้าหญิงแฮแทนปลูกทาในจมูก มันจะช่วยกันไม่ให้น้ำเข้าไปได้ แต่มันจะมีฤทธิ์แค่สิบกว่านาที ทุกอย่างต้องเสร็จให้เร็วที่สุด โดยมีทหารที่ถูกฝึกมาเป็นพิเศษซ่อนตัวอยู่ในห้องนั้นด้วยเผื่ออลันทำไม่สำเร็จ ถ้าอลันถูกฝ่ายนั้นจับได้ก่อน แผนจะถูกเปลี่ยนทันที ทหารพิเศษเหล่านั้นจะจับตายฝ่ายท่านโมนัฟทุกคน เมื่ออลันให้สัญญาณว่าทำสำเร็จจนฝ่ายนั้นตายใจ ที่พวกมันเชื่อเพราะตอนที่ฉันจมลงไปไม่มีฟองอากาศลอยขึ้นมา ทุกคนคิดว่าฉันตายจริงๆ พี่ธีมและเจ้าชายแอชตันพร้อมกับทหารก็เข้ามาจับกุมตัวฝ่ายท่านโมนัฟไปได้หมด แต่ตอนนั้นฉันสลบจริงว่ะไม่ได้แสดง เล่นใหญ่ไปหน่อย โกยอากาศเข้าไม่ทัน เลยไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างต่อจากนั้น รู้แต่ว่าเห็นหน้าพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยฉันก่อนสลบ” ผมพูดจบก็หันไปยิ้มหวานให้ไอ้หมาธีม เพื่อนพากันทำหน้าเลี่ยนในความหวานของผม ไม่รู้ละ ชีวิตที่เหมือนจะตายจริงๆ มันทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ควรอายที่จะแสดงความรักอีกแล้ว

“แบบนี้นี่เอง เฮ้อ ความโลภทั้งนั้น เหมือนในหนังไม่มีผิด” ไอ้ยีนกล่าว

“แล้วเจ้าชายแอชตันจะทำยังไงกับพ่อและพี่ชายตัวเอง” ไอ้เกลือถามต่อ

“ท่านก็ให้ขึ้นศาลทหาร ลงโทษตามจริง แต่พี่ขอโทษประหารชีวิตเอาไว้ ถึงอย่างไรเราทุกคนก็คือครอบครัว” ไอ้โหดเป็นฝ่ายตอบ

“แบบนี้พี่ธีมก็ต้องขึ้นครองราชย์จริงๆ ใช่ไหมฮะ” น้องทัสถาม

“ไม่ พี่ขอท่านปู่ถอดยศแล้ว หลังจากงานเฉลิมฉลองเสร็จ เจ้าชายแอชตันจะเป็นผู้ที่ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งบัณตราองค์ต่อไป ส่วนพี่จะพานาวกลับไปแถลงข่าว”

“แถลงข่าวแต่งงานใช่ไหมพี่” ไอ้เกลือแซว

“แต่งพ่องสิไอ้เกลือ ได้เสียกันขนาดนี้ ต้องแถลงข่าวท้องโว้ย โอ้ยย..” ไอ้บูมพูดจบก็โดนลูบตบอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมลุกไปตบหัวมันด้วยตัวเอง

“ฉันจะแถลงข่าวรับสืบทอดบริษัทของพ่อปริณ แล้วก็โกอินเตอร์มาเป็นเป็นผู้จัดละครที่นี่ด้วยเว้ย ฉันจะบูมประเทศนี้ให้เป็นเมืองสวรรค์ ให้คนทั้งโลกได้รู้จัก” ผมตอบมันพร้อมกับยักคิ้ว ไงเล่า ผมจะเป็นผู้สร้างแบบพ่อปิยะของผมแล้วก็เป็นอภิอัครมหาเศรษฐีของโคตรเศรษฐีด้วยนะพวกแก ประจบฉันให้ไวเลย

“ให้ฉันเป็นนางเอกนะ” ไอ้ยีนรีบทำหน้าอ้อน นั่นไง ผมมองเพื่อนผมไม่ผิดจริงๆ

“ฉันร้องเพลงประกอบละครนะ” ไอ้มีนอ้อนต่อ

“ฉันเป็นคนทำเพลงประกอบให้ไอ้มีนร้องนะ” ไอ้เกลือเอากับเขาด้วย

“งั้นฉันจะเสียสละเป็นพระเอกให้แล้วกัน” ไอ้บูมยืดตัวพร้อมกับตบอกตัวเองเบาๆ

“เจ๊งตั้งแต่ยังไม่สร้างเพราะแกเลยไอ้บูม” ไอ้บิวที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นมา เท่านั้นทุกคนก็หัวเราะกันยกใหญ่
บรรยากาศแบบที่ผมปรารถนาอยากให้มีแบบนี้ทุกวันกลับมาแล้ว จากนี้ไปผมคงไม่ต้องระแวงอีกแล้วว่าใครจะมาทำร้าย แต่ก็ยังมีเรื่องที่ผมต้องจัดการทำอีกสองสามอย่างก่อนจะกลับเมืองไทย

องค์เหนือหัวสเตฟานทรงยกวังขาวให้ผมกับพี่ธีม มิเชลจะถูกสถาปนาให้เป็นเจ้าหญิงรัชทายาทองค์ต่อไปจากเจ้าชายแอชตัน อันที่จริงต้องตำแหน่งนี้ต้องเป็นพระโอรสหรือพระธิดาของเจ้าชายแอชตัน แต่พระองค์คงไม่มีเพราะอะไรผมคงไม่ต้องบอกใช่ไหมครับ ส่วนน้องทัสก็ขอสละสิทธิ์ฐานะองค์รัชทายาทเหมือนกับพี่ธีม น้องทัสจะขึ้นไปสอนหนังสือเด็กบนเขา หมู่บ้านที่เคยช่วยเหลือครอบครัวตัวเองเอาไว้ ท่านปู่ยกที่ดินบนเขานั่นให้น้องทัสทั้งหมด แม่เมกับธารก็คงจะไปๆ มาๆ ที่นี่ ผมสงสารธารนะ เธอหลงรักเจ้าชายมิคาเอล แต่ธารก็คือหญิงใจเด็ด เป็นหญิงแกร่งเหมือนแม่เม ไม่แสดงออกให้ใครได้รู้ว่าเธอเสียใจ ส่วนพ่อปริณก็คงไปๆ มาๆ เหมือนกัน

ภารกิจที่ผมจะทำอย่างแรกก็คือให้พ่อปริณจัดงานแต่งงานให้ราณีกับคุณมาคัส ทีแรกคุณมาคัสจะปฏิเสธและจะขอไปอยู่บนเขากับราณีสองคน แต่ผมขอร้องให้คุณมาคัสอยู่ที่นี่ อยากให้ราณีได้ใกล้ชิดกับพ่อปริณให้มาก ท่านก็อายุมากแล้ว คงอยากอยู่ใกล้ชิดกับลูกๆ คุณมาคัสเลยยอม และตกลงรับตำแหน่งสูงสุดทางการทหารแทนพรรคพวกของท่านโมนัฟที่เจ้าชายแอชตันกวาดล้างจนไม่เหลือ ภารกิจที่สองคือผมต้องทำทุกอย่างให้ท่านย่ายอมรับในตัวผมให้ได้ ถึงไอ้โหดมันจะไม่ได้เป็นเจ้าชายแล้ว แต่มันก็ยังเป็นหลานของท่าน ผมจะไม่ยอมให้คนในครอบครัวมันรังเกียจผม ทูบีคอนทินิวเลยนะครับท่านย่า เจอมะนาวต่างดุ๊ดบุกวังแน่ๆ ส่วนภารกิจสุดท้ายที่คิดได้ในตอนนี้ คือทำความเชื่อเรื่องผีป่าให้หายไปจากคนที่นี่ให้ได้ ทุกคนจะต้องเข้าสู่ยุคที่เชื่อในเหตุและผล เชื่อในความดี ถึงจะเป็นเรื่องยาก แต่ผมจะลงมือทำ โดยมีเลขามือขวาที่รู้ใจอย่างอลันคอยติดตามช่วยงานครับ


โปรดรติดตามตอนต่อไป



หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 01-03-2015 12:04:48
อร้ายยยนาวร้ายแต่จะจบละใจหายง้า รออ่านเรื่องต่อไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2015 12:37:48
มะนาวไม่โง่น่ะ มะนาวบอกแล้ว 55555 สมกับเป็นมะนาวต่างดุ๊ด
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 01-03-2015 12:40:08
นาว  :a5: คุณหลอกดาว แล้วที่ผ่านมาชั้นโวยวายไปเพื่อ  :z3:

เอาเถอะให้อภัย ก็มันรักไปแล้วนี่นา หึ หึ นาวธีม :กอด1:

ตอนนี้ขำบูม ที่สุดเลย แย่งซีนตลอดๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 01-03-2015 12:43:14
นาวร้ายจริงๆ แสดงได้แนบเนียนมากกกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 01-03-2015 12:48:19
กรี๊ดดนาวเล่นใหญ่มากค่า เล่นเอาซะเราเชื่อสนิทใจเลย

ตอนหน้าจะจบซะแล้ว ยังไม่อยากให้จบเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 01-03-2015 12:48:34
มะนาวเจ๋งจริงๆ  o13
อยากอ่านตอนของน้องทัสเเล้ววววววววววววววววววว  :call: :call: :call:

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 01-03-2015 12:53:59
คนอ่านน่าสงสารสุดละเรื่องนี้ 5555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 01-03-2015 13:05:18
พลิกล็อกมาก น้องนาวเก่งสุดๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-03-2015 13:14:08
เนียนมากน้องนาว และก็เก่งมากด้วยเช่นกัน
ขอให้เอาใจคุณย่าได้เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-03-2015 14:09:33
จะจแล้วววววว. นาวก็รู้เห็นด้วยหรือเนี่ยะ. ทำคนอ่านด่าพี่ธีมซะไม่เหลือดีเลย 55555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkish ที่ 01-03-2015 16:21:33
เฮ้อ โล่งอกไปที  :เฮ้อ:
อยากอ่านตอนของบิวอ่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-03-2015 16:31:10
น้องนาวแอนด์เกอะแกงค์เรียนจบแล้วเหรอ หรือเค้าอ่านข้าม
เพื่อนๆช่วยบอกหน่อย  :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-03-2015 17:24:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 01-03-2015 18:35:35
เรื่องคลี่คลายซะที เอ้อตอนก่อนหน้า อ่านไปหน่วงไปจิงๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 01-03-2015 22:44:36
น้องนาวผู้ชาญฉลาดและแสนรู้!!! :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 02-03-2015 02:41:51
น่ารักดี นาวฉลาด แสดงเก่ง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 03-03-2015 03:52:22
ตอนแรกก็ว่าจะอ่านแค่ตอนสองตอนดูว่าสนุกไหม ที่ไหนเพลินมาสามสิบตอนเลย มโนของนาวนี้มันเด็ดจริงๆ

ขอแบ่งเรื่องนี้เป็นสองช่วง ช่วงแรกที่นาว ธีมยังเป็นคนธรรมดาอยู่ ช่วงนั้นสนุกสุดๆพีคมาก กัดกันซ่อนรัก เหมือนดูละคร
ปมเรื่องครอบครัวปริณ ปิยะ พุดซ้อน ซับซ้อนแต่เป็นไปได้ อ่านแล้วยังอินมากกกกก

ช่วงสอง พอมาเปิดบริทาเนีย เจ้าชายธีมาดากัสกา ไม่ค่อยอินครับ อาจจะเพราะมันดูไกลมาก
อาณาจักรสมมุติ ที่ภาษาไทยคล่องมากทั้งเกาะ มันดูห่างไกลจนไม่อิน แต่สนุกไหมสนุกอยู่

ปมคนร้าย การซ่อนแผนตลบของธีม-นาวดีงามมาก ตอนแรกนึกว่านาวไม่รู้อะไรเลยที่ไหนได้เป็นคนชักใยเองเลย
คงเพราะมโนบ่อย เลยวางแผนได้คล่องแน่ๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ และเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 37 (01/03/58) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-03-2015 19:09:51
อ่านรวดหลายๆตอนที่เราจากไป โอ๊ย น้องนาวนอกจากจะบ๊องแล้ว หนูยังฉลาดด้วย ป้าภูมิใจในตัวหนูจริงๆ

สงสาร น้องโอลจังเลย โดนข่มแหงด้วยอ่ะ :sad4:

มาติดตามคู่อื่นๆต่อ ติดตามเรื่องนี้ต่ออยู่นะคะ  :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-03-2015 22:51:05
บทที่ 38

และแล้วงานเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ของชาวบัณตราก็ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม องค์เหนือหัวสเตฟานทรงเปิดเขตพระราชฐานรอบนอกของวังเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาร่วมชมงานมหรสพที่ทางพระราชวังได้จัดขึ้น มีการแสดงพื้นเมืองต่างๆ การโชว์รำกระบี่กระบอง มีการโชว์การฝึกเสือและสิงโต มีมุมให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ตามซุ้ม มีเครื่องดื่มและของทานเล่นให้กินดื่มฟรีตลอดงาน ส่วนงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่จะจัดที่ริมทะเล  จะมีการแสดงดนตรี ชาวบ้านจากทุกหมู่บ้านจะนำอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของแต่ละหมู่บ้านมาแจกจ่ายให้ทุกคนได้ได้ดื่มกินฟรีโดยทางพระราชวังจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เมื่อเห็นว่ามีประชาชนมาเยอะกว่าที่คิดเอาไว้มาก ผมว่าชาวบัณตราก็มีหน้าตาคล้ายคนไทยเพียงแต่สีผิวจะเข้มกว่า ผมเดินเข้าซุมโน้นออกซุ้มนี้ด้วยความสนใจ ปกติอยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้ไปงานแบบนี้ ตอนนี้สามารถทำได้แบบสบายๆ เลยสนุกใหญ่ พวกเพื่อนๆ ผมก็เหมือนกัน ตอนนี้มันแยกย้ายกันเดินเที่ยวรอบงาน ส่วนผมก็เดินเล่นอยู่กับพี่ธีมแค่สองคน ดูมันสบายใจมากขึ้นที่ไม่ต้องเป็นเจ้าชายแล้ว

“พี่ธีม พี่แน่ใจเปล่าว่าชาวบัณตราฝึกเสือเป็น วันนั้นนาวเกือบตาย” ผมกระตุกเสื้อไอ้หมาธีมเมื่อเดินมาถึงกรงเสือขาว เด็กๆ นั่งดูกันเต็มเลย

“ไม่รู้เหรอว่าวันนั้นเสือมันแสดงนะ มันไม่ได้โดนทำร้ายจริง” พี่ธีมเฉลยให้ผมฟัง

“จริงดิ สุดยอดอะ! แสดงเก่งกว่านาวอีก เล่นเอาหัวใจจะวาย แกล้งตายเหมือนด้วย เฮ้ย นั่น เจ้าเมือกปลา” ผมเห็นลูกเสือขาวที่ผมเคยเล่นกับมันผมเลยรีบเดินเข้าไปหามัน ทหารส่งมันมาให้ผมอุ้ม ผมอยากพามันไปเดินเล่นด้วย แต่ผมจะบอกเขายังไง พูดภาษาอังกฤษไปแต่ดูเหมือนเขายังไม่เข้าใจ ผมพยายามทำมือทำไม้สุดท้ายเขาก็พยักหน้า แต่พอผมจะเดินออกไป ทหารก็ส่ายหน้าผมเลยยืนงง

“เขาคงนึกว่านาวจะเข้าไปแสดงกับเสือให้เด็กๆ ดู” ไอ้โหดมันเดา ซึ่งถ้ามันเดาถูกผมเห็นทีต้องกลายร่างเป็นเสือเผ่น ผมรีบส่งเจ้าเมือกปลาคืนทหารไป นึกเสียดายเพราะมันเลียมืออ้อนผมด้วย แต่ให้เล่นกับแม่มันผมไม่เอาดีกว่า

“พี่ธีมๆ นั่นอะไรอะ” ผมกระตุกชายเสื้อให้โหดแล้วชี้ไปที่กระโจมเล็กๆ สีส้ม

“กระโจมหมอดูมั๊ง” มันตอบ

“จริงดิ แถวยาวมาก คนที่นี่ก็เชื่อเรื่องพวกนี้เหมือนคนไทยเลยเนอะ เรื่องผีป่าก็อีก”

“อาจเพราะที่ผ่านมาคนที่นี่มีความสุขน้อยกว่าความทุกข์เลยหาอะไรยึดเหนี่ยว”

“แล้วถ้าไปดูแล้วหมอดูทายว่าจะทุกข์กว่าเก่าไม่แย่เหรอ”

“นาวไม่เชื่อว่าผีป่ามีจริง แล้วจะเชื่อคำหมอดูรึไง” มันย้อนถามผม

“นาวหมายถึงคนอื่นดิ”

“นั่นแหละ นาวว่าหมอดูเขาเห็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ เขาก็พูดไปตามหลักเกณฑ์ความน่าจะเป็น แต่ก็ต้องมีคำพูดให้คนที่ไปดูสบายใจมากกว่าทุกข์ใจไง คนถึงชอบดู ไม่เชื่อลองเข้าไปดูกัน” มันดึงมือผมให้ไปต่อแถว

“ไม่เอา ไม่อยากดู” ผมไม่ยอมตามมันไป

“กลัวแม่นเหรอ” มันถาม สีหน้าท้าทายมาก

“ไม่ได้กลัว แค่ขี้เกียจ อืม..แต่ดูก็ได้ สบายอยู่แล้ว หมอดูคู่หมอเดา กลัวที่ไหนกัน” ผมยักไหล่ ส่วนพี่ธีมมันยิ้มๆ ระหว่างนั้นผมก็โทรตามอลันให้มันช่วยแปลให้ด้วย เดี๋ยวก็รู้ว่าจะแม่นหรือจะมั่ว

ผมยืนรอนานพอสมควรจนกระทั่งถึงคิวของผมกับพี่ธีม ผม พี่ธีมและอลันเข้าไปในกระโจมด้วยกัน พอมีผู้ชายสามคนเข้าไปนั่งข้างในกระโจมก็ดูคับแคบไปถนัดตา เราสามคนนั่งลงบนเก้าอี้ปูพรมนุ่ม ที่ด้านหน้ามีโต๊ะกลางความสูงระดับหน้าท้องตั้งอยู่ ด้านบนของโต๊ะปูด้วยผ้าสีเทาเหลือบเงิน ส่วนด้านหลังของโต๊ะมีผ้าม่านสีดำสนิทกั้นเอาไว้ ที่ปลายด้านบนผูกอยู่กับหลังคากระโจม ปลายด้านล่างละพื้น ซึ่งมันกั้นบังหมอดูเอาไว้จนไม่สามารถเห็นได้ว่าหน้าตาของหมอดูเป็นยังไง

“โอ้..สาแวนด้า มารีบูอันตา โคระมานูเอลล่า บายันมารีกูเตอารา” เสียงทุ้มทรงพลังภาษาบัณตราของผู้หญิงดังผ่านลอดผ้าม่านสีดำออกมา

“เขาอนุญาตให้คนที่ดูกับล่ามเท่านั้นครับ” อลันแปลให้ฟัง ผมหันไปมองไอ้โหด อยากให้มันอยู่ด้วยนี่

“หรือจะไม่ดู” ไอ้โหดถามผม ผมชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจ

“ไม่ดูดีกว่า” ผมบอก

“แต่พี่อยากดู งั้นนาวไปรอข้างนอก” มันบอก ผมมองหน้ามัน ไม่คิดว่ามันจะอยากลองของขนาดนี้

“อย่าช้านะ ถ้าช้านาวหนีไปซุ้มอื่นด้วย” ผมบอกมัน มันพยักหน้า ผมเลยเดินออกไปรอข้างนอก

ผมเดินออกมารอข้างนอกอยู่พักใหญ่จนเริ่มจะหงุดหงิด ก็มันหนาวนี่นา เห็นคุณมาคัสบอกว่าคืนนี้หิมะน่าจะตกที่นี่ด้วย ระหว่างที่รอก็มีชาวบัณตราบางคนที่เข้ามาทักผม มาขอถ่ายรูป บางคนก็พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยเป็นคำทักทาย เช่น สวัสดีค่ะ สบายดีไหม ทำนองนี้ ส่วนใหญ่ใช้ภาษามือกับผม แปลออกมั่งไม่ออกมั่ง

“เสร็จแล้ว” พี่ธีมเดินมาสะกิดผมที่นั่งยองๆ รออยู่หน้ากระโจม ผมลุกขึ้นมามองหน้ามัน ทำไมสีหน้าของมันไม่ค่อยดีเลย

“หมอดูว่ายังไงบ้าง” ผมรีบถาม

“ไม่แม่นหรอก ไปเดินดูอย่างอื่นกันเถอะ” มันไม่ยอมเล่าแล้วก็จูงมือผมเดินออกไป ผมหันไปมองอลัน แต่สีหน้าของอลันก็เจื่อนๆ มันยิ่งทำให้คนที่ขี้สงสัยอย่างผมอยากรู้ใจจะขาด

“ไม่แม่นก็เล่าได้ เล่าหน่อย” ผมเขย่าแขนมัน

“ก็แค่บอกว่าแฟนพี่เป็นคนใจเย็น ไม่ชอบคิดอะไรมาก ไม่มโนสักนิด เห็นไหม ไม่แม่นแล้ว” มันบอก ผมหน้างอเลย เออ ไม่แม่นจริงๆ ด้วย แต่เหมือนมันประชดผมเบาๆ นะไอ้หมาธีม

“หลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ พี่ธีม นาวหิวน้ำ” ผมบ่นหมอดูก่อนจะอ้อนมัน

“เดี๋ยวผมไปเอาให้ครับ” อลันอาสา

“ไม่ต้อง! เอ่อ คือนาวจะให้อลันไปเอาขนมที่ซุ้มนั้นให้หน่อย” ผมเผลอตัวรีบห้ามไปหน่อย แต่ไอ้โหดก็ไม่ได้สงสัยอะไร มันให้ผมรอตรงนี้ ส่วนมันจะเดินไปหาจุดที่แจกน้ำให้ อลันทำท่าจะเดินไปเอาขนมแต่ถูกผมห้ามเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยว อลัน บอกมา หมอดูว่าอะไร” ผมทำหน้าที่คิดว่าเหี้ยมที่สุดเป็นการขู่กลายๆ ตั้งใจให้พี่ธีมไปที่อื่นก่อนจะได้เค้นถามอลัน

“เอ่อ คือ...”

“ถ้าไม่เล่า เราจะไม่ให้ไลน์ยีนนะ” นี่คือคำขู่ที่ดูน่ากลัวที่สุดที่ผมคิดได้ อลันทำหน้าตื่นทันที บอกแล้วว่าคำขู่ผมน่ากลัว

“ก็ได้ครับ หมอดูบอกว่า.....”

แล้วอลันก็ถ่ายทอดคำทำนายของหมอดูให้ผมฟัง หลายสิ่งมันตรงจนน่าขนลุก ทั้งนิสัยและสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับไอ้โหดที่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้ เพราะมันตรงมากๆ พออลันเล่าถึงคำทำนายสุดท้ายมันทำเอาผมถึงกับอึ้งไปเลย

‘ดวงของเจ้าจะต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่พรั่งพร้อมไปด้วยหน้าตาและฐานะ หญิงที่สูงศักดิ์ เป็นคนที่ฟ้าส่งมาให้ แม้เป็นคนที่เจ้าไม่ได้รัก แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ต้องได้นางมาเป็นภรรยาและผู้ให้กำเนิดบุตรของเจ้า นอกเสียจากว่า...’

“ว่าอะไรเหรอ” ผมรีบถามอลันหลังจากที่อลันเล่าค้างเอาไว้

“ไม่รู้ครับ เจ้าชาย เอ้ย คุณธีมไม่ยอมฟังต่อ ลุกออกมาเลย ท่าทางจะหงุดหงิดไม่ใช่น้อย”

“โหย ไอ้หมาธีม ทำไมไม่ฟังให้จบ จะได้รู้ว่าต้องแก้ไขยังไง”

“ไหนว่าไม่เชื่อหมอดูไง!”

“เฮ้ย โผล่มาเงียบๆ ตกใจหมด” ผมสะดุ้งเมื่อไอ้หมาธีมมันมาพูดอยู่ข้างหลังของผม ก็ไม่เชื่อไง แต่เราก็ควรฟังเอาไว้บ้าง

“สรุปคือไม่ได้อยากกินน้ำ แต่อยากรู้” มันถามผมก่อนจะโยกหัวผมไปมา

“ขอกลับไปถามหมอดูก่อนว่าแก้ไขยังไง พี่มันไม่ได้เรื่องเลย ไหนๆ ก็ฟังแล้วน่าฟังให้จบ” ผมว่ามันก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม แต่ปรากฏว่ากระโจมถูกเก็บไปแล้ว ผมให้อลันไปถามหาว่าหมอดูไปไหน คำตอบคือไม่มีใครรู้ แล้วก็ไม่มีใครเห็นหน้าตาของหมอดูด้วย ผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่อยากให้ไอ้หมาธีมมันกังวลไปด้วยเลยทำเป็นว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้ว

เมื่อเดินไปจนทั่วงานแล้วก็เลยชวนมันกลับวังขาว ผมเมื่อยขาไปหมดแล้ว กลับไปถึงวังพวกเดอะแก๊งก็ยังไม่กลับมากัน แต่ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงถึงจะเป็นเวลาที่ต้องไปงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันต่อที่ชายทะเล ไอ้เกลือกับไอ้มีนจะขึ้นไปร้องเพลงโชว์ด้วย เดี๋ยวพวกมันกลับมาก็คงมาเรียกผมเอง ผมกับไอ้หมาธีมเดินขึ้นมาถึงบนห้อง มันก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักก็ออกมาแล้วจับผมถอดกางเกงเหลือแต่บ็อกเซอร์

“ไอ้หมาหื่น เดี๋ยวต้องไปงานต่อนะห้ามเจ๊าะแจ๊ะ” ผมรีบโวยวาย ขืนโดนมันกินตับ ผมต้องเมื่อยไปทั้งตัวแน่ๆ มันไม่ฟังพาผมเดินเข้ามาถึงห้องน้ำ มันเปิดน้ำอุ่นเอาไว้ กลิ่นมินท์ที่ลอยมาพร้อมกับไอน้ำหอมทั่วห้องเลย

“เอาขาแช่ลงไป เมื่อยไม่ใช่เหรอ” มันถาม ผมทำตามที่มันบอก แต่ทำเกินกว่าที่มันบอกนิดหน่อยคือแก้ผ้าออกหมดเลย ก่อนจะหย่อนร่างกายลงไปในน้ำอุ่นๆ หอมๆ

‘อืมม..แสนจะสบาย’ ผมรู้สึกสบายมากขึ้นมื่อไอ้โหดมันก็นั่งลงข้างๆ อ่างจากุชชี่แล้วนวดไหล่ให้ผม

“เอาใจแบบนี้อยากได้อะไรแน่ๆ พูดดิ๊” ผมถาม มันส่ายหน้า

“พี่แค่อยากให้นาวมีความสุข” มันตอบ ผมหันไปมองมันก่อนจะพลิกตัวเอาแขนไปวางที่ขอบอ่างแล้วเกยคางไว้ที่แขนอีกที

“นาวมีความสุขมาก” ผมบอกมัน มันจะได้สบายใจ

“ไม่ต้องไปสนใจคำทำนายรู้ไหม เชื่อการกระทำของพี่ก็พอ” มันบอกก่อนจะวักน้ำมาราดที่หัวไหล่ของผม

“ใครบอกว่านาวเชื่อ เปล่าสักหน่อย พี่ไม่มีทางมีคนอื่นหรอก หลงนาวจะตาย” ผมยื่นหน้าไปหอมที่หน้าผากมัน

“เรานี่ก็ช่างยั่วพี่จริงๆ” มันดีดหน้าผากผมก่อนจะยิ้มให้

“อดทนระงับความหื่นหน่อยนะ เพราะตอนนี้นาวอยากแช่น้ำอุ่นเฉยๆ” ผมลอยหน้าลอยตาแกล้งมัน

“งั้นคืนนี้เอาแบบคืนนั้นนะ” มันยิ้มกริ่ม มันคงหมายถึงคืนที่ผมต้องแกล้งว่าตัวเองโดนวางยาแล้วมีอะไรกับมัน ผมออนท็อปแถมยังกัดที่ไหล่ของมันด้วย มันต้องเป็นพวกมาโซชอบความรุนแรงแน่ๆ คืนนั้นมันเลยส่งเสียงครางฮึมฮัมพึงพอใจใหญ่เลยครับ

“ติดใจละซี่ นาวบอกแล้ว ว่านาวเก่งทุกอย่าง ลองให้นาวรุกพี่บ้าง เอาไหม เผื่อจะชอบ” ผมถามมัน

“ไม่ได้” มันรีบตอบ

“ทำไมอะ ไม่เชื่อฝีมือนาวเหรอ”

“ไม่ใช่”

“แล้วทำไมกลัวเจ็บเหรอ นาวจะค่อยๆ ทำก็ได้”

“เปล่า”

“แล้วทำไมล่า บอกเหตุผลหน่อย” ผมเซ้าซี้มัน มันลุกขึ้นยืนถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินลงมาแช่น้ำกับผม มันดึงผมให้ไปนั่งพิงหน้าอกมัน แล้วมันก็จูบไซร้ที่ซอกคอจนผมต้องส่งเสียงฮึมฮัมออกมาเบาๆ

“พี่ไม่อยากให้นาวรุกเป็น เดี๋ยวอยากไปทำกับคนอื่น เดี๋ยวอยากไปลองกับผู้หญิง แค่รอให้พี่เป็นฝ่ายสร้างความสุขให้ก็พอ เข้าใจไหม” มันกระซิบบอกผมก่อนจะงับที่หูผมเบาๆ

“ขี้หึงว่ะ ขี้มโนด้วย แล้วมาว่าแต่นาว” ผมว่ามัน

พี่ธีมเอื้อมมือมาสัมผัสนาวน้อยก่อนจะสร้างความสุขให้ผมอย่างที่ปากมันพูด ผมจะห้ามได้เหรอ มันเล่นแก้ผ้าลงมาในอ่างขนาดนี้แล้ว มันก็จัดการถวายงานให้ผมจนผมลอยละลิ่วไปกับความสุขด้วยน้ำมือมัน เรานัวเนียนคลอเคลียจนน้ำอุ่นแทบจะไม่อุ่นแล้วมันถึงได้พาผมขึ้นจากน้ำ แต่เราสองคนไม่ได้ทำอะไรต่อหรอกนะครับเพราะได้เวลาที่ต้องไปที่ริมทะเลแล้ว พี่ธีมต้องไปช่วยดูความเรียบร้อยให้ท่านปู่

ผมเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานแล้ว อลันมาตามไอ้โหดบอกว่าท่านปู่ต้องการพบ ส่วนผมไม่ยอมไปกับมัน เพราะกลิ่นอาหารตามซุ้มต่างๆ ลอยมาจนท้องร้องประท้วงแล้วครับ ไอ้เกลือกับไอ้มีนไปเตรียมตัวที่หลังเวทีแล้ว โดยมีไอ้ยีนตามไปอยู่เป็นเพื่อนไอ้มีนด้วย มิเชลพาไอ้บูมไปเดินเล่นก่อนการแสดงจะเริ่ม น้องทัสก็พาไอ้จอมไปถ่ายรูปดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าตรงจุดชมวิว ธารก็อยู่กับแม่เม คุณมาคัสก็พาราณีไปพบญาติๆ ที่มาร่วมงานด้วย ก็เลยเหลือผมกับไอ้บิวที่เดินไปชิมอาหารด้วยกันแค่สองคน ไอ้บิวมันอยากลองชิมอาหารฝีมือชาวพื้นเมืองแท้ๆ มานานแล้ว ระหว่างที่เดินไปหาของกิน ผมก็เล่าเรื่องหมอดูให้ไอ้บิวฟัง

“หมอดูกระโจมส้มๆ ใช่ไหม” ไอ้บิวมันถามผม

“ใช่”

“ฉันว่าเขาดูแม่นมากอะ พูดเรื่องฉันอย่างกับตาเห็น” ไอ้บิวเล่าให้ผมฟัง โอ้โห ไอ้บิวก็ไปดูกับเขาด้วย แต่คำยืนยันของมันเล่นเอาผมเริ่มไม่สบายใจอีกแล้ว

“งั้น พี่ธีมก็ต้องมีเมียมีลูกดิวะ” ผมถามไอ้บิว

“แต่เรื่องของพี่ธีมอาจจะไม่แม่นก็ได้” ไอ้บิวปลอบผม

“แกว่าหมอดูเขาจะสองมาตรฐานเหรอวะ ฉันก็เซ็งที่มันไม่ยอมฟังให้จบ” ผมบ่นไปถึงไอ้หมาธีม ไม่งั้นคงจะรู้วิธีแก้ไข แล้วผมกับมันหยุดสนทนาเรื่องนี้ แล้วเดินไปหาอะไรอร่อยๆ กินต่อจะได้ลืมเรื่องคำนาย


ตอนนี้การแสดงบนเวทีเริ่มขึ้นแล้ว สมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์มานั่งร่วมชมอยู่ด้านหน้าสุดของเวที ร่วมถึงเสด็จพ่อของไอ้หมาธีมด้วย ท่านดูแข็งแรงขึ้นมาก เจ้าชายแอชตันไม่ยอมออกงานตามเคย พ่อผมกับแม่เมก็นั่งอยู่ด้วย ผมไม่ได้เดินไปนั่งข้างหน้าหรอก นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ ที่ด้านหลัง ดีที่พี่ธีมมันบังคับให้ใส่เสื้อหนาวตัวที่หนาที่สุดมา เพราะตอนนี้หนาวมาก ยิ่งมีลมทะเลพัดมาปากผมสั่นกึกๆ เลย การแสดงจากชาวบัณตราดำเนินไป จนมาถึงคิวของไอ้มีน มันร้องเพลงภาษาบัณตราด้วยครับ สำเนียงอย่างกับคนท้องถิ่น ไพเราะมาก มันมีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆ

“นาว เมื่อกี้ฉันไปเข้าห้องน้ำ ฉันเจอกระโจมหมอดูด้วย” ไอ้บิวมากระซิบผม ผมดีใจมากที่ได้ยิน

“จริงดิ พาฉันไปหน่อย”

ผมรีบเดินออกมาจากฝูงชนพร้อมกับไอ้บิวและชวนราณีมาด้วยเพราะต้องอาศัยให้เป็นล่าม บิวพาผมมาถึงหน้ากระโจมหมอดู ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครต่อคิวดู คงไปดูการแสดงบนเวทีกันหมด ผมชวนทั้งสามคนเข้าไปในกระโจม ให้ราณีช่วยถามหมอดูเรื่องชะตาของไอ้โหดและขอฟังคำแก้ไข แม่หมอไม่ยอมบอกเพราะว่าไม่ใช่เจ้าของชะตาเอง ผมเลยบอกว่างั้นให้ดูดวงให้ผม แม่หมอขอมือของผมให้ยื่นเข้าไปในผ้าดำที่เป็นม่านบังตัวแม่หมออยู่ มือของผมโดนจับดูอยู่ครู่หนึ่งแม่หมอก็เริ่มพูด โดยมีราณีคอยช่วยแปลให้พื้นชะตาทั่วไปค่อนข้างตรงกับตัวผมมากๆ จนมาถึงเรื่องความรัก

“แม่หมอบอกว่าพี่นาวจะต้องเสียคนรักให้กับหญิงสูงศักดิ์” ราณีบอกผม ผมอึ้งไปเมื่อคำทำนายมันตรงกับดวงของพี่ธีม

“มีวิธีแก้ไหม” ผมถาม ราณีหันไปถามแม่หมอ อีกฝ่ายก็ตอบมายาวพอสมควร ผมใจเต้นตึกตักลุ้นคำตอบ จากที่บอกว่าไม่เชื่อๆ เอาจริงๆ ก็อดหวั่นไหวไปกับคำทำนายไม่ได้

“พี่นาวต้องรีบแล้วนะคะ แม่หมอบอกว่าพี่มีเวลาก่อนจะข้ามเข้าสู่ปีใหม่ พี่ต้องหาคนรักให้เจอ แล้วจุมพิตพร้อมกับบอกเขาว่าจะรักเขาตลอดไป ถ้าหลังจากนั้น ชะตาจะแก้ไขไม่ได้อีกเลย” ราณีบอกผม

ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้ห้าทุ่มสี่สิบแล้ว ผมมีเวลาแค่ยี่สิบนาทีเอง ผมรีบวิ่งออกมาจากกระโจมแม่หมอเพื่อกลับไปที่เวทีการแสดง เดินฝ่าฝูงชนไปจนถึงด้านหน้าเวที แต่ผมไม่เห็นพี่ธีมนั่งอยู่กับบรรดาพระญาติของมันเลย ผมเลยต้องเดินอ้อมออกมาแล้วลองไปดูที่ด้านหลังของเวทีแต่ก็ไม่เจอ ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สิบกว่านาที ผมกดโทรศัพท์หาพี่ธีมแต่มันก็ไม่รับสาย ในใจของผมตอนนี้ร้อนรนไปหมด ไม่รู้ว่าคำทำนายนั่นจะแม่นหรือมั่ว แต่ก็อยากลองทำดู ผมยอมทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้รู้สึกว่าผมจะไม่มีวันเสียไอ้โหดมันไปให้กับใคร ตอนนี้เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ ความหวังของผมก็ริบหรี่ลง จนกระทั่งได้ยินเสียงดนตรีที่คุ้นหูดังขึ้นผมรีบวิ่งออกจากหลังเวทีมาที่ด้านหน้า ไฟที่ประดับในงานถูกปิดหมดจนมืดสนิท

‘ตั้งแต่วันที่ฉันได้คุย เคียงคู่สองคนกับเธอครั้งก่อนกลับมานอนครวญครางละเมอคอยพร่ำหาเธอเหมือนจะอ้อนวอนเกิดอะไรขึ้นมาละเออ มันอยากรู้นักเปลี่ยนฉันไปจากเดิม โอ๊ย...จะเป็นเพียงแววตาของเธอทั้งคู่ฉายมาสะกดรึเปล่าอาจเป็นดาวดวงใด ใช้เธอมาหลอกเล่นกล เป็นไปไม่ได้ออกจะงง คงเป็นเพราะเธอทำสับสนโอ๊ย เดี๋ยวอยากรัก เดี๋ยวอยากลืม...โอ๊ย โอ๊ย... ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเพราะเธอ เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน ไม่อาจถอนหัวใจมันคอยแอบๆ มองแบบซึ้งๆ เธอทำให้ฉันหลงใจอ่อน นอนกอดหมอนทุกคืนจะทนได้นานสักเท่าไร หากคิดถึง โอ๊ย โอ๊ย...อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นอยากได้ยินเพียงเสียงของเธอเพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียวกดอารมณ์ทนไปไม่ไหว ใจมันหวิบหวามไม่เจอคงขาดใจ โอ๊ย โอ๊ย...โอ่ย โอ๊ย... คิดถึงจังเธอ’

มีเพียงแสงไฟหนึ่งดวงที่ส่องไปที่บนเวที คนที่ผมวิ่งตามหามันจนเกือบถอดใจยืนร้องเพลงอยู่บนนั้น สายตามันจ้องมาที่ผมตลอดเวลาที่มันขับร้องเพลงนี้ ผมจำวันแรกที่มันร้องเพลงนี้ได้ มันก็จ้องผ่านกระจกที่ห้องอัดเสียงมาที่ผมแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันมองเห็นผม ผมได้ฟังเพลงเดิมเพลงนี้ จากคนๆ เดิม แต่สิ่งที่ผมรู้สึกต่างจากวันนั้นคือ ผมเข้าใจความหมายของเพลงนี้มากขึ้น เข้าใจแล้วว่ามันรู้สึกอย่างไรตอนที่ร้องเพลงนั้นให้ผม ที่เข้าใจเพราะผมก็กำลังรู้สึกแบบนั้นแล้วในวันนี้

‘เกิดอะไรขึ้นมาละเออ มันอยากรู้นักเปลี่ยนฉันไปจากเดิม’

...หมาธีม มันรู้ไหมว่ามันก็ทำให้ผมเปลี่ยนไป จากที่เคยคิดว่าไม่เหลือใครอีกแล้วบนโลกใบนี้ มันทำให้ผมอยากขอบคุณที่ตัวเองยังหายใจได้ในทุกๆ วันเพราะผมรู้ว่าผมจะตื่นมาเจอมัน...

‘จะเป็นเพียงแววตาของเธอทั้งคู่ฉายมาสะกดรึเปล่า’

..หมาธีม มันรู้ไหม ทุกครั้งที่ผมหันไปแล้วเห็นว่ามันก็มองมา ผมอบอุ่นเหลือเกิน ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่า ผมยังเป็นคนในสายตาของมันตลอดเวลา...

‘เธอทำให้ฉันหลงใจอ่อน นอนกอดหมอนทุกคืนจะทนได้นานสักเท่าไร หากคิดถึง’

...หมาธีม มันจะรู้ไหม ผมทรมานมากจริงๆ นะตอนที่ต้องอยู่ห่างจากมันแค่เพียงวินาที มันก็ทำให้ผมก็คิดถึงมันแล้ว ผมยอมไม่มี
หมอนเหลือสักใบ แต่ขอแค่ได้กอดมันก็พอ....

‘อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นอยากได้ยินเพียงเสียงของเธอเพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว’

...หมาธีม มันจะรู้ไหม ผมก็หึงมันนะ หึงมากๆ ด้วย แต่ผมไม่อยากงี่เง่า ไม่อยากให้มันรำคาญหรือเบื่อผมเลย ทุกครั้งที่หึงหรือหวงมัน ผมจะพยายามทำตัวให้ดี ทำให้มันรักผมจนอยากเก็บผมเอาไว้คนเดียวเหมือนที่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นของใคร...

‘กดอารมณ์ทนไปไม่ไหว ใจมันหวิบหวามไม่เจอคงขาดใจ โอ๊ย โอ๊ย’

...รู้ไหม ตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว เวลาของคำทำนายใกล้จะหมดแล้ว ผมจะไม่รอมันร้องเพลงจนจบหรอกนะ หลายคำที่ผมอยากบอกมันทั้งหมด ผมแค่พูดได้เพียงสั้นๆ ก่อนจะไม่ทันการแล้วโว้ย โอ๊ย โอ๊ย..

“หยุด!” ทันทีที่ผมตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีออกไปแสงไฟก็สว่างขึ้นขึ้นพรึ่บ พี่ธีมมันก็หยุดร้องเพลงในทันที ตอนนี้ทุกสายตาของผู้คนที่อยู่ในงานหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว แต่ผมไม่มีเวลาอายแล้วครับ ผมยอมให้คนทั้งโลกแซว ด่า ว่า จิกกัด รังเกียจ หรืออะไรก็ได้ แต่ผมต้องบอกมันวันนี้และเดี๋ยวนี้ก่อนจะสายเกินไป!

“พี่ธีม นาวรักพี่ธีม นาวจะรักพี่ธีมตลอดไป ตลอดชีวิตเลย ฮึก..จนกว่าจะหมดลมหายใจเลยนะ..ฮึกนาวรักพี่ธีมนะ รักมาก รัก ได้ยินเปล่าครับ ฮึก” ผมตะโกนออกไป ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะร้องไห้ มันไม่ใช่เรื่องเศร้า แต่มันตื้นตันมันซาบซึ้งกับสิ่งทำลงไปและสิ่งที่เคยได้รับจากคนที่ผมรักตลอดมา ไอ้หมาธีมมันกระโดลงมาจากเวที เดินตรงมาหาผม แล้วจู่ๆ ไฟก็ดับพรึบจนมืดสนิทลงไปอีกครั้ง ตัวของผมถูกดึงไปจนไปอยู่ในอ้อมกอดมัน มันบรรจงจูบผมอย่างนุ่มนวล ผมได้ยินเสียงเฮดังขึ้นก่อนจะมีเสียงคนนับถอยหลังเป็นภาษาอังกฤษ

“...ห้า.....สี่......สาม......สอง.....หนึ่ง.......นาโตรคราสิทิเนีย...แฮปปี้นิวเยียร์...สุขสันต์วันปีใหม่..เฮ้....เฮ้..~!”
ดอกไม้ไฟถูกจุดจนสว่างไสว เสียงคลื่นซัดเข้ามากระทบผืนทรายแข่งกับเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชน ผมถูกพี่ธีมจูงมามือของผมมาที่ริมทะเล มันกอดผมและจูบเบาๆ ที่หน้าผาก จู่ๆ ละอองเกล็ดน้ำแข็งเกล็ดเล็กๆ ร่วงลงมากระทบกับใบหน้าทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้ามืดมิดนั่น

“หิมะตกแล้ว หิมะแรกของฤดู” ผมเช็ดหิมะออกจากใบหน้าแล้วโอบรอบคอของไอ้โหดมัน รู้สึกดีใจที่ภารกิจแก้คำทำนายสำเร็จลุล่วงลงด้วยดีและทันเวลา

“มีคนบอกพี่ว่า ถ้าเจอหิมะแรกของฤดู เราต้องมีอะไรกับคนที่เรารัก จะเสริมให้รักมั่นคงตลอดไป” ไอ้โหดมันบอกกับผม หึหึ
หึ..มันคิดว่าคนอย่างผมหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอไอ้หมาธีม มุกหื่นๆ ของมันไม่เคยพัฒนาเลย แต่วันนี้เป็นวันดี ผมจะยอมเล่นตามมันก็แล้วกัน

“จริงเหรอ..งั้นกลับวังกันนะ เดี๋ยวไม่ทัน” ผมแกล้งทำเสียงตื่นเต้น มันยกยิ้มก่อนจะจับมือพาผมเดินออกไป

มันเดินพาผมมาถึงรถมันก็บอกว่ามันลืมโทรศัพท์เอาไว้ มันขอตัวไปเอาโทรศัพท์ก่อนและให้ผมรออยู่ในรถ ผมเลยบอกให้มันมาเร็วๆ ไม่งั้นผมอาจจะหมดอารมณ์ได้ มันรีบทำท่ารับคำสั่งก่อนจะวิ่งออกไป ผมยิ้มเมื่อเห็นมันวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เฮ้อ มันนี่หลอกง่ายจริงๆ แสดงสู้ผมก็ไม่ได้ ไอ้โหดเอ้ย...ก็มันเป็นหมานี่นะ ไม่ใช่ดาราอย่างผม จะมาสู้กันได้ไง แต่ถึงยังไงผมก็รักที่มันเป็นแบบนี่แหละ



มีต่ออีกนิดหนึ่งค่ะ --> หน้า 17
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-03-2015 23:18:05
 :impress2: มะนาวน่ารักๆๆๆๆๆๆๆ  หื่นตลอดอ่ะ รออ่านตอนน้องทัสต่อเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 03-03-2015 23:20:01
จบซะแล้ววว แฮปปี้เอนดิ้ง <3
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ  :L2: :L2:
รอตอนพิเศษๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-03-2015 23:22:41
เรื่องนี้มีแต่คนเจ้าแผนการณ์ พี่ธีมสุดยอด
จนได้นะจนได้ ทำเป็นขบวนการแกล้งซินเดอนาวนองเราได้
แต่ก็หวานกันปิดท้ายด้วย

รอเรื่องของน้องทัส
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 04-03-2015 00:38:56
ทีี่แท้ก็แผนบีบให้บอกรัก พี่ธีมแอนด์เดอะแก๊งค์นี้ร้ายกันทุกคนจริงๆ

อนึ่งขัดใจนิดเดียวจริงๆ หิมะตก เกาะกลางทะเล ดูคำบรรยายทำให้นึกถึง มัลดีฟ โบราโบร่า โอเชียเนีย
มันเขตร้อนชื้นนะ แบบหิมะจะตกเหรอ? สะดุดนิดเดียวจริงๆนะ
ผมว่าเรื่องนี้ส่วนที่อยู่เมืองไทย นาวแอนด์เดอะแก๊งสมจริงมากไม่สะดุดเลย แต่พอมาบริทาเนีย ราชวงศ์แล้ว สะดุกกึ๊กหลายจังหวะมาก
ชื่อเจ้าชายเจ้าหญิงแต่ละพระองค์ ผสมทั้งแนวชีคอาหรับ เจ้าฝรั่ง เรื่องในวัง เรื่องในเกาะ
เข้าใจว่ามันค่อนข้างไกลตัว แต่ถ้าคุณนักเขียนหาข้อมูลแน่นๆ ปรับชื่อให้ไปทางเดียว จะเจ้าแขกหรือฝรั่งดี จะได้อรรถรสมากขึ้น
บอกตรงๆว่าชอบเรื่องนี้มันน่ารักดี ไม่ได้ชอบจับผิดนะครับ แค่อยากเห็นมันสนุกมากขึ้น

รอตามชมโพคาฮอนทัสต่อ สงสัยจะเป็นของบิวหรือเปล่านะ จอม-ทัสก็น่าสน แอบจิ้นไปแล้ว
เดอะแกงค์ที่เหลือก็น่าสนใจ รอชมขอรับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-03-2015 01:00:58
มความสุขจริงๆโว้ย ได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากชอบตัวละครทุกตัวเลยโดยเฉพาะมะนาวต่างดุ๊ดของหมาธีมเนี่ย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-03-2015 01:24:45
จบแว้ววววว.  หลอกได้ทุกตอนจริงๆอิอิ รอตอนพิเศษครับบบบบ ขอบคุณคนแต่งมากๆนะครับบ.
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-03-2015 09:31:18
ขนาดจบยังแฮปปี้เลย 5555 ไหงตอนจบพี่ธีมติดเชื่อมโนจากนาวไปได้เนี่ย?  :m20:

รักอ่ะ รักเรื่องนี้รักตัวละครแล้วก็ความคิดของตัวละครด้วย :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เย้  :mc4: :mc4: :mc4:  ลงชื่อรอน้องทัสต่อ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 04-03-2015 09:52:20
จบแย้วววววววววว รออ่านเรื่องต่อไปนะคะเรื่องนี้สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 04-03-2015 10:04:54
จะตามอ่านต่อจ้าาาาาาาาาาาาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-03-2015 10:31:14
ชอบเรื่องนี้ อ่านสนุก มีมุขตลกแทรกให้ได้ขำตลอดๆ

ชอบน้องนาว ถึงนางจะขี้มโนแต่นางก็มีอารมณ์ขัน น่ารัก ใจดี

ชอบพี่ธีม ตอนแรกออกแนวขี้เก็ก แต่ก็รักจริงนะเออ เจ้าเล่ห์ด้วย ไม่งั้นจะคุมนาวอยู่เหรอ

ชอบเพื่อนๆทุกคน ตลก ฮา แต่พร้อมช่วยเหลือกัน

ชอบนักเขียน  :กอด1: ยิ้มเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 04-03-2015 11:36:33
Happy Ending ขอบคุณค้าบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 04-03-2015 17:05:31
จบซะแล้ว แฮปปี้กันสุดๆไปเลย

รักพี่ธีมคนเจ้าเล่ห์ รักน้องนาวเด็กขี้มโนรักคนแต่งด้วย :กอด1:

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 04-03-2015 17:29:25
เดี๋ยวเหอะพี่ธีม นาวรู้ละก็โดนแน่เลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-03-2015 18:35:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-04-2015 23:09:11
สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าว) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-04-2015 20:44:51
ขอสอบถาม อยากอ่านอีกสองเรื่องในซีรีย์นี้กันไหมคะ สองจิตสองใจแล้ววว หรือแต่งเรื่าองใหม่ดีน้า
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella UP บทที่ 38 (จบตอน) 03/03/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-04-2015 20:45:29
ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะคะ ต้องขอโทษที่ต้องจบกาลครั้งหนึ่งความรักไว้ที่ตอน Cinderella นะคะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 18-04-2015 21:42:28
เฮ้อ... จอมทัพนิสัยไม่ดีเลย สงสารน้องทัส :z3:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-04-2015 21:56:49
แววดราม่ามาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 18-04-2015 22:06:43
จอมทำไมนิสัยแบบนี้ :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจนายจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-04-2015 15:39:42
พี่จอมอย่าร้ายกับน้องทัสนักเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจนายจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 21-04-2015 19:43:49
พี่จอมใจร้าย เจอน้องทัส เวอร์เข้มแข็งขึ้นไม่ใสเดียงสาเหมือนแต่ก่อน พี่จอมจะหนาว

ดีใจที่จะได้อ่านน้องทัสต่อนะคะ  :mc4:  :กอด1:  :L2: แล้วก็ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

มาลงชื่อรอน้องทัส รอรัก รอหลงหน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจนายจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-04-2015 22:06:28
ได้กลิ่มมาม่ามาแต่ไกล
พี่จอมเย็นชากับน้องจัง ตอนนี้ยังไม่รักสินะ ขอให้รักเร็วๆนะ ไม่อยากให้น้องเจ็บนาน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ปล.มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะ อยากอ่านต่อมากๆ   :mew2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจนายจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 23-04-2015 18:26:05
 :เฮ้อ: ถอนใจแรง จอมไม่เหมาะจะเป็นพระเอกที่สุดแล้ว

ที่สำคัญคือไม่คู่ควรกับน้องทัสอย่างแรง

มีคนในใจแล้ว /เคยมีอะไรทั้งคืนแต่กับจำไม่ได้ อ้างว่าเมา เหตุผลนี้ตกไปได้เลย ทั้งคืนนะเฮ้ย! แกต้องมีสติและเห็นหน้าบ้างแหล่ะ

ยกเว้นแต่ จิตใต้สำนึกชั่วๆจะบอกว่า ทำเป็นไม่รู้เรื่อง หน่ะดีแล้ว/ แถมสุดท้ายจะเข้าหาเพื่อผลประโยชน์อีก

ไม่ปลื้มอย่างแรง แต่ชอบน้องทัส เปลี่ยนพระเอกได้ไหมค่ะ ไม่มีแรงเชียร์เลยกับจอมคนนี้
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจนายจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 29-04-2015 08:37:04
จบลงด้วยดี  ขอบคุณฮะ



ชอบมากๆคับ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Pocahontas จอมใจนายจอมทัพ บทนำ 18/04/58 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 07-11-2015 02:47:33
เรื่องนี้หวังว่าจะไม่หน่วงจิตนะ 555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 23-01-2016 18:25:34
แจ้งข่าวหน้า 16 นะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 03-03-2016 21:57:37
สนุกมากๆ เลยค่า ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆ แบบนี้ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 09-03-2016 19:01:05
เพิ่งอ่านจบหน้าแรกค่ะ ถึวตอนไหนไม่อาจทราบเพราะลืมดู...
แฟนบิวตี้นี่ใช่เพื่อนของธีมป๊ะ เจ้าชายจากบริทาเนีย เอ๊ย บริทิเนีย
  :L2:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 27-03-2016 22:16:52
สนุกมากค่ะ มีหลายปม ลุ้นสุดๆ อิอิ แต่ชอบนายเอกเรื่องนี้อ่ะ นาว แรงมากไม่งี่เง่า ทันคน ชอบค่าาา  o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-05-2016 20:01:30
 o13
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 27-05-2016 11:30:19
เคยอ่านอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเลิกอ่านไปเพราะคิดว่าพระเอกเป็นพี่นภ (เราไม่ค่อยชอบพระเอกแก่) ต้องขอโทษด้วยค่ะ 5555 จำได้ตอนนั้นนิยายยังไม่จบดีด้วย ไอ้เรานี่โคตรพลาดเลยจริงๆ สนุกมากจริงๆค่ะ หยุดอ่านไม่ได้ อยากย้อนเวลาไปตบหัวตัวเองตอนนั้นเลย ชอบน้องนาวมาก ไม่งี่เง่า คือดี แต่ตอนแรกๆนี่อยากกระโดดตยนางค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 29-05-2016 12:04:44
ฟินไกลไปดาวอังคาร  :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 29-05-2016 21:56:30
เนื้อเรื่องน่าติดตามครับ หักมุมหลายอย่างดี ตัวละครไม่น่าเบื่อ ภาพรวมดีครับ สนุก
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderalla กับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 04-06-2016 16:53:59
(ต่อจากตอนที่แล้ว)


..กาลครั้งหนึ่งของธีม..

ผมขอกลับมาเล่าเรื่องราวสั้นๆ ของตัวผม..นายธีม อีกสักครั้งนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าแฟนชของผมน่ารักแค่ไหน เรื่องมันก็มีว่า ผมโกหกนาวว่าลืมโทรศัพท์ก่อนจะวิ่งกลับมาที่ด้านหลังของเวที เมื่อมาถึงก็พบกลุ่มคนที่มารอผมอยู่ก่อนแล้ว ผมยิ้มให้พวกเขาก่อนจะเดินเข้าไปหา

“พี่ธีม อย่าลืมที่เราสัญญากันเอาไว้นะ” เกลือทวงสัญญาผม

“ไม่ลืมๆ ขอบคุณทุกคนมากนะ เดี๋ยวพี่กลับมาจะตอบแทนทุกคนเลย โดยเฉพาะไดแอน แสดงเป็นหมอดูได้เนียนมาก นาวมันเชื่อสนิทเลย แต่ขอกำชับทุกคนว่าห้ามให้นาวมันรู้เชียวนะว่าทั้งหมดคือแผนของพี่ ไม่งั้นพี่ได้นอนนอกห้องแน่ๆ” ผมบอกกับเพื่อนๆ ของนาวทุกคนที่ช่วยทำแผนคำทำนายนี้ให้สำเร็จ รวมถึงไดแอนและราณีด้วย

จากนั้นผมก็เดินออกมาหาท่านปู่ ท่านย่า ผมไหว้พวกท่าน แม้ท่านจะย่าจะมีสีหน้าที่ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่ท่านปู่หัวเราะชอบใจแล้วบอกว่าผมเหมือนท่านตอนหนุ่มๆ เปี๊ยบเลย เป็นคนเจ้าแผนการปู่ถึงได้ย่ามาเป็นคู่ครอง จากนั้นผมเดินไปไหว้ท่านพ่อกับท่านแม่ รวมไปถึงพ่อปริณกับแม่เมด้วย

“เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงโบราโบร่าแล้วโทรมาด้วยนะ แม่เป็นห่วง” แม่เมบอกกับผม

“ครับ ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจผม ขอบคุณมากครับที่ให้เราได้รักกัน”

แล้วผมก็วิ่งกลับมาที่รถ จากนั้นผมสั่งให้ทหารออกรถ นาวมันเอนตัวมาซบที่ไหล่ของผม ผมไม่ได้อยากแกล้งมันหรอกนะครับ แต่มันชอบกังวลกลัวคนอื่นจะมองผมไม่ดีแล้วก็ไม่แสดงออก ผมเลยจัดละครฉากเล็กๆ ให้มันกล้าแสดงสิ่งที่รู้สึกมากขึ้น แล้วตอนนี้มันก็แสดงออกมากขึ้นจริงๆ ด้วย ตอนที่มันตะโกนบอกรักผมทั้งน้ำตา ผมเองก็แทบจะร้องไห้ตามมัน ผมโตมากับมันทำไมจะไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกแบบไหนถึงได้มีอาการแบบนั้น ผมอยากจะกอดมันให้จมหายเข้าไปอยู่ในตัวของผมเลย ผมรักมันมากและดีใจมากเข้าไปอีกที่รู้ว่ามันก็รักผมขนาดนี้

“นี่ไม่ใช่ทางกลับวังขาวนี่นา” มันบอกแล้วชะเง้อไปนอกรถ   

“อืม เราจะไปโบราโบร่ากัน ไปฮันนิมูนไง” ผมบอก มันทำหน้าอึ้งๆ ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ ผมพลอยใจเสียไปด้วย ก็นึกว่ามันจะดีใจเสียอีก

“พี่อะ ทำไมไม่บอกนาวก่อนเลย”

“โกรธเหรอ” ผมถามเสียงอ่อยๆ

“เปล่า แต่นาวไม่ได้เตรียมครีมกันแดด ไหนจะชุดว่ายน้ำอีก ดูดิ กล้องอะไรก็ไม่ได้เอามา ไม่รู้ละ ซื้อให้นาวใหม่หมดเลยนะ” มันพูดจบผมก็โล่งใจเลย จากที่กังวลนึกว่ามันโกรธกลับอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แทน ไอ้หมานาวเอ้ย ทำไมแกน่ารักแบบนี้วะ

“ตกลง พี่จะซื้อให้หมดเลย สัญญา แต่ชุดว่ายน้ำไม่ต้องซื้อหรอก”

“ทำไมอะ ไปโบราโบร่าทั้งที นาวอยากดำน้ำ”

“แต่พี่ว่านาวคงไม่ได้ออกจากห้องแน่ๆ”

“โอ้ย ไอ้หมาธีม หื่นมากไปแล้ว คึคึ แต่ก็ โอเค ให้ไหวแล้วกัน” มันตอบแล้วก็หัวเราะคิกคักๆ

ผมอดใจไม่ไหว ดึงมันมาจูบอีกรอบ ไม่ได้สนใจว่าทหารที่ขับรถมาให้จะมองรึเปล่า ส่วนนาวเองก็ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อว่าผมเหมือนทุกครั้ง มันปล่อยให้ผมจูบแถมยังจูบตอบกลับมาแบบร้อนแรงแบบไม่มียอมกัน หึหึ มันคงคิดว่าการที่ผมบอกมันไปว่ามันจะไม่ได้ออกจากห้องคงจะเป็นการล้อเล่นใช่ไหม เตรียมตัวโดนผมดูดพลังได้เลย ผมจะทำให้มันกลับดาวอังคารไม่เป็นเลย

‘เจ้ามะนาวต่างดุ๊ด ซินเดอเรลล่าของผม’

“พี่ธีม มโนอะไรอยู่ พูด” นาวถามผม คงเห็นผมอมยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่หลังจากที่ถอนจูบจากมันแล้ว

“พี่รักนาว” ผมตอบแถไปแบบที่มันเคยแถตอบผมบ้าง แล้วเราก็ต่างฝ่ายต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข

นิทานเรื่อง..กาลครั้งหนึ่งความรักของซินเดอเรลล่านาวกับเจ้าชายรองเท้าแตะแบบผมอาจจะจบแบบสวยงามตามแบบฉบับนิยายรักทั่วไป แต่ความสำคัญของมันคือผมกับนาวไม่ได้มีนางฟ้าแม่ทูลหัวมาคอยช่วยให้ทุกอย่างสวยงามแบบที่เห็น มันเกิดจากความรัก เกิดจากความเชื่อใจที่เราสองคนมีให้กัน เราพร้อมที่จะฝ่าฟันทุกอย่างโดยไม่ทิ้งให้ใครต้องเป็นฝ่ายให้แต่เพียงฝ่ายเดียว แปดปีที่เจ้าชายรองแตะคนนี้หลงรักนายซินขี้มโนเพียงข้างเดียวมันจบลงแล้ว ผมได้รับความรักกลับมาแล้วครับ เป็นความรักที่ผมขอสาบานว่า ผมจะรักษาความรักนี้ให้มันคงอยู่...ตลอดกาล...


จบบริบูรณ์





สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่านนนนนนน

ผู้แต่งมีเรื่องจะขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน 555

เรื่องกาลครั้งหนึ่งความรัก พาร์ท ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะนี้ ตอนนี้ผู้แต่งมี สนพ.มาทาบทามไปรวมเล่มแล้วนะคะ
ซึ่งในฉบับรวมเล่มจะมีการปรับปรุงเนื้อหาและการใช้ภาษาให้มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีการเพิ่มและลดอะไรบางอย่างให้มันดีขึ้น
มีตอนพิเศษด้วยน้าาา น้องมะนาวขี้มโน จะมโนเรื่องอะไรอีก พี่ธีมจะรับมือไหวไหมน้อ จะมีความฟินปนความฮาเพิ่มให้นะคะ
ต้องติดตามในตอนพิเศษฉบับรวมเล่มที่เพิ่มขึ้นนะคะ ก็เลยขอมาฝากเนื้อฝากตัวเผื่อใครต้องการจะมีผลงานของผู้แต่งวางเอาไว้
บนชั้นหนังสืออีกสักเล่ม อ้อนนนนน ตอนนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง ถ้ามีการอัพเดทจะรีบมาแจ้งนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


 :o8:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: TYKKK_HY ที่ 07-06-2016 17:35:55
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ตามมาจากเรื่องพี่โขน
สนุกมากเลยค่ะ เราชอบพี่ธีมมาก อยากแย่งจากนาวผู้ขี้มโนเลยค่ะ555555
ตอนต้นสงสารพี่ธีมมาก เจ็บไปกับพี่ธีมเลย รักนาวมาก ส่วนนาวก็ไม่รู้เรื่องอะไรเล๊ยย
พอรักกันแล้วนี่อิจฉานางมากค่ะ พี่ธีมแม้จะหื่นแต่น่ารักตลอดเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 12-06-2016 14:46:36
น้องนาวขี้มโนมาก ตลกกก 555555555
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 15-06-2016 21:34:42
มาแปะไว้ก่อน ตอนนี้กำลังติดพันอยู่กับเรื่องของก้ากับน้ำหอมอยู่ จบเมื่อไหร่จะรีบตามมาเรื่องนี้ทันใด

ขอบคุณผู้แต่งมาก ๆ อ่านสนุกติดพันไม่กินไม่นอนทุกเรื่องเลย  o13  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 19-06-2016 18:45:14
เพิ่งอ่านจบค่ะ ชอบมากกกกกขอบอก อยากได้รวมเล่มจัง
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-06-2016 21:14:44
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 o13 o13 o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 28-06-2016 23:27:10
น้องนางขี้มโนน่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: memomeme ที่ 08-07-2016 21:45:01
ตามมาจากเรื่องหอมกับพี่ก้าค่า ชอบอีกแล้วววว หักมุมเหมือนเดิมเลย แต่ชอบมากๆเลยค่ะ เดาไม่ได้อีกเหมือนเคย5555
จริงๆก็พอจะรู้สึกได้ว่าเจ้าชายมิคาเอลมีอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าฟันธง
พี่ธีมน่ารักกกกกกมากกกกกก ทำทุกอย่างเพื่อนาวตลอด ทุกอย่างจริงๆ
ทั้งรักทั้งห่วง ชีวิตนาวนี่ดีจริงๆเลย คุณแม่เลี้ยงก็ดี55555

หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-10-2016 21:37:36
เรื่องนี้ดีงาม เสียดายไม่ได้อ่านตอนออนแอร์
คนแต่งเขียนได้ดีอ่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 13-12-2016 21:40:39
สนุกมากกกกกกกกกกก  อยากอ่านคู่บิวต่อเลย
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 16-12-2016 18:14:20
เรื่องนี้ดีมากๆๆๆๆ  เกือบพลาด

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก:Cinderallaกับเจ้าชายรองเท้าแตะ (แจ้งข่าวหน้า 17) 04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: kawaiineko ที่ 20-01-2017 21:15:11
สนุก......สายมโนมากเลยน้องนาว......เอาใจพี่ปายเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ แจ้งข่าวหน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 15-03-2017 16:45:59
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน

ขออนุญาตรีไรท์นิยายเรื่องนี้นะคะ เพราะอยากแก้ไขคำผิดและเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางตอนด้วย
ผู้แต่งจะขอลบตอนเดิมออกหมดแล้วจะมาลงให้จนจบแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ไม่ทราบว่าทำผิดกฎอะไรหรือเปล่า ถ้าทำผิดรบกวนเตือนได้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ แจ้งข่าวหน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 25-03-2017 18:47:00
ไม่ทันนนน :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพถึงตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Naiikratai ที่ 30-04-2017 15:57:52
เสียใจจจจจจจ กำลังอ่านได้หกตอนเอง  ฮื่อออ ต้องรออีกนานไหมเอ่ย กลัวจะไม่ได้ย้อนกลับมาอ่าน
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพถึงตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Premo1492 ที่ 10-05-2017 08:06:49
 :hao5: จะรอนะ :heaven
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 6-8 10/05/60
เริ่มหัวข้อโดย: -i z e l i z e- ที่ 10-05-2017 21:05:01
มาไม่ทัน ค้างเติ่งเลยค่ะ T^T
หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่งความรัก : Cinderella เจ้าชายรองเท้าแตะ UP บทที่ 9 (10/01/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Arya_987 ที่ 31-05-2017 18:19:59
บทที่ 9 

รอ รอ รอ


 
โปรดรอการรีไรท์ค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 6-8 10/05/60
เริ่มหัวข้อโดย: สบายสบาย ที่ 02-06-2017 03:20:42
เราได้อ่านถึงตอนที่ 8 เองอ่าาาา
กระซิกๆเรามาช้ารออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 6-8 10/05/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-06-2017 22:05:06
พี่ธี หึๆๆ
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 9-11 08/06/60
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 08-06-2017 14:19:01
มารีไรท์ต่อให้อีก 3 บทแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 18-20 04/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 05-12-2017 06:09:35
ตามมาจากปรุงรักให้ลงล็อค อ่านเรื่องนั้นเป็นเรื่องแรก สนุกมาก เรื่องนี้ก็สนุกมาก จะตามอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ รออ่านรีไรท์นะคะ
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 18-20 04/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-12-2017 01:11:22
รอจ้า
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 21-23 29/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-01-2018 07:23:14
กำ ค้างเลย
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 21-23 29/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 15-01-2018 20:00:29
 :katai5:ไม่เห็นรีไรท์แล้วมาลงอีก อ่านค้างเลยกำลังสนุก
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 24-26 18/01/61
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-01-2018 09:47:12
มาลงให้ก่อน 3 ตอนก่อนนะคะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Rewrite กาลครั้งหนึ่งความรัก:ซินเดิเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ อัพ 24-26 18/01/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2018 23:42:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 23-03-2019 02:46:12
เรื่องนี้ไม่สงสารใคร  สงสารตัวเองตามใครไม่ทันเล้ยยยย ทำกันได้ พาลทุกคนเลยวู้้้้ :angry2:
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 28-03-2019 04:16:25
เคยเข้ามาอ่านครั้งนึงตอนที่นักเขียนลบเนื้อหาไปพอได้กลับมาอ่านรู้สึกดีมากค่ะ ผูกเรื่องต่างๆได้ดีชอบ
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-09-2019 23:21:43
 :กอด1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 07-09-2019 12:22:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 08:46:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 08-07-2021 22:19:52
น่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: ~ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ~ จบบริบูรณ์ อัพเดทรวมเล่มค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 10-07-2021 17:00:36
 :pig4: