มาแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ สวัสดีวันแห่งความรักค่ะ
12
อธิปพงศ์ยังนอนไม่หลับ เขาพลิกตัวกระสับกระส่ายและก่ายหน้าผากมาพักใหญ่แล้ว ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขาปล่อยตัวมากไปหรือเปล่า
ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้หญิง แต่การปล่อยให้ผู้ชายเดินจับมือก็ทำให้อธิปพงศ์รู้สึกว่าตัวเองเสียหายไม่น้อย ถึงแม้จะรู้สึกดีแค่ไหนก็ตาม
หรือว่าเขาเผลอใจให้นิธินเสียแล้ว ไม่หรอกน่า...เรื่องของเขากับนิธินก็เป็นแค่มิตรภาพระหว่างผู้ชายสองคนทึ่มีให้กันในฐานะเพื่อน หนำซ้ำยังเป็นเพื่อนใหม่ที่รู้จักกันไม่นานเสียด้วย
ทว่านิธินก็เข้าอกเข้าใจเขาทุกอย่างและยังดูแลเขาเป็นอย่างดี
ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป อธิปพงศ์รู้สึกเหมือนว่านิธินเอง มีใจให้เขาแบบคนรัก และลึกๆแล้วเขาก็รู้สึกประทับใจในสิ่งที่ชายหนุ่มมอบให้เสมอมา
แต่เขาก็รับไม่ได้ที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน เขาพร่ำบอกตัวเองว่าเขาเป็นผู้ชาย ยังชอบผู้หญิง และไม่หวั่นไหวกับผู้ชายรูปหล่อนิสัยดีแบบนี้ง่ายๆ
คิดแล้วอธิปพงศ์ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกเฮือก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามีหลายสายจากนิธินที่เขาไม่ได้รับ อธิปพงศ์รู้สึกผิดที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ก็คงไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้เขารู้สึกดีได้อีก เผื่อบางครั้งความรู้สึกฟุ้งซ่านในใจจะหายไป
นิธินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูแล้วก็วางลง เขาโทรไปหาอธิปพงศ์ห้าครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบรับจากเจ้าตัวแต่อย่างใด เลยไม่โทรอีกเพราะคิดว่าเจ้าตัวคงต้องการอยากพักผ่อนจริงๆ นิธินจึงส่งข้อความไปว่า
"Good night, have a sweet dream"
อธิปพงศ์ที่กำลังใจลอยสะดุ้งโดยพลันเมื่อเสียงโทรศัพท์เตือนว่ามีข้อความเข้า เขาหยิบมาดูก็พบว่าเป็นนิธิน เขาเผลอยิ้มและเปิดอ่าน พอรู้ว่าเจ้าตัวส่งมาว่าอย่างไรก็ยิ้มกว้างขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ก็ถอนใจกับตัวเอง นี่เขาเป็นอะไรกันนี่ ทำไมเขาถึงอดรู้สึกดีกับเรื่องแบบนี้ไปได้ อธิปพงศ์นึกย้อนถึงตอนที่ในใจเขาเดือดปุด เมื่อเห็นป๊อกกี้แสดงออกว่าชอบนิธิน ก็ยิ่งทำให้ในใจเขาตอนนี้ยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ เพราะนานแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกหึงใครอย่างนี้
อธิปพงศ์สะดุดกับคำว่า "หึง" นี่เราหึงเขาทำไม...
ชายหนุ่มพลิกตัวไปอีกด้านและพยายามหลับตาลง เขาจะพยายามลืมความรู้สึกนี้ให้ได้ และจะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจกับนิธินอีก
นิธินที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังออนไลน์พูดคุยข้ามประเทศกับเพื่อน และครอบครัว โดยที่ตอนนี้เขากำลังคุยกับดารามดัส พี่ชายคนเดียวของเขา
"ไง ไอ้น้องชาย ยังไม่นอนเหรอเนี่ย" ดารามดัสหมายถึงเวลาที่กรุงเทพเร็วกว่ามุมไบสองชั่วโมง เช่นนั้นเวลาห้าทุ่มที่กรุงเทพอย่างนี้ก็ถือว่าดึกพอสมควรกับคนทำงาน
"ยัง พี่เป็นไงมั่ง"
"เรื่อยๆ หล่ะ แกอ่ะ เป็นไง”
“ก็ดีครับ งานที่นี่ก็คล้าย ๆ มุมไบนั่นหล่ะ ตอนนี้งานเข้านิดหน่อยหน่ะ แต่ก็โอเค อืม วิจัย กับ ปรียาล่ะ สบายดีมั๊ย”
นิธินถามถึงหลานชายวัยสองขวบและพี่สะใภ้
“อ่อ ปรียาสบายดี ส่วนวิจัยก็กำลังซนเลย ฮ่ะๆๆๆๆ แล้วแกอ่ะ กับคุณคนนั้นคืบหน้ามั่งป่าว"
ดารามดัสถามน้องชายอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้เรื่องเกย์จะเป็นเรื่องที่สังคมอินเดียรับไม่ได้ แต่เขาไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะด้วยความสนิมสนมกับน้องชายมากๆ ดารามดัสจึงไม่เคยรังเกียจน้องตัวเองแม้แต่น้อย
"ก็ดีครับ เจอกันเกือบทุกวัน อ่อ วันนี้ผมไปร้องคาราโอเกะกับเค้าด้วย"
"เหรอๆ อืมก็ดีสิ" เจ้าตัวส่งยิ้มร่าเริงตอบกลับ
"แล้วพ่อกับแม่ล่ะ เป็นไงมั่ง" นิธินถามออกไปด้วยความรู้สึกกล้า ๆ กลัวๆ
"ก็ดี" พี่ชายตอบกลับ "พ่อกับแม่บ่นคิดถึงแกทุกวันเลยนะ"
ดารามดัสยิ้มจริงใจ เพื่อจะบอกว่าเขาไม่ได้โกหกน้อง เพราะหลังจากที่นิธินบอกกับพ่อแม่ว่าเขาไม่อยากแต่งงานเพราะไม่ชอบผู้หญิงแล้วนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าพ่อกับแม่ที่เคยรักเขา มากๆ กลับรักเขาน้อยลง ถึงแม้ว่าท่านทั้งสองจะไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดใดๆออกมา แต่ชายหนุ่มก็เจ็บปวดทุกครั้งกับความเย็นชาของผู้ให้กำเนิด
"พ่อกับแม่รักแกมาก รักแกเหมือนเดิม จริงๆนะ"
ดารามดัสยังคงยืนยันทุกครั้งที่เห็นน้องรู้สึกแย่เพราะเรื่องดังกล่าว
"อืม ผมรู้ครับพี่"
นิธินก็ตอบเหมือนเดิม พร้อมกับยิ้มกลบเกลื่อนให้พี่ชายสบายใจ ดารามดัสรู้ว่าน้องชายยังรู้สึกแย่จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
"เออ ที่เมืองไทยเป็นไงมั่ง เค้าจัดงานไหว้พระแม่ทุรคารึเปล่า"
"เห็นเพื่อนผมบอกว่ามีจัดนะ แต่คงไม่ใหญ่เหมือนบ้านเราหรอก"
"อืมๆ บ้านเรานี่ฉลองกันตายไปเลย5555"
นิธินค่อยยิ้มออกกับคำพูดของพี่ และพูดคุยเรื่องอื่นกันตามประสาพี่น้อง
สักพักนิธินก็ต้องขอตัวเพราะรู้สึกง่วงนอนเหลือเกิน
วันรุ่งขึ้น อธิปพงศ์มาทำงานด้วยความอ่อนเพลียเพราะทั้งคืนที่ผ่านมาเขาคิดไม่ตกกับความรู้สึกของตัวเอง พี่กุ้งสังเกตุเห็นท่าทางอ่อนแรงของลูกน้องก็ไม่ได้ว่าอะไรจนกระทั่งเห็นอธิปพงศ์ยืนเหม่อลอยโดยที่กำลังจะล้างถ้วยน้ำยาเปลี่ยนสีผมในอ่างที่มีน้ำเปิดแรงจนกระเซ็นเปียกเสื้อ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มีอาการใดๆ นอกจากใจลอยไปกับสิ่งที่คิด
"หมู...นี่จะแช่มืออยู่ตรงนั้นอีกนานมั๊ย"
อธิปพงศ์รู้สึกตัวทันที จึงรีบปิดน้ำและเอามือเช็ดผ้าที่แขวนไว้ พี่กุ้งเห็นอย่างนั้นก็คาดเดาว่าลูกน้องกำลังมีปัญหาหัวใจอยู่แน่ๆ
"วันนี้หมูเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า"
"ปะ เปล่าครับ ผม ไม่เป็นไร"
"แต่หมูรู้มั๊ยว่าวันนี้เราหน้าซีดมากเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า หรือว่าเมื่อคืนไม่ได้นอน"
อธิปพงศ์มองหน้าพี่กุ้ง ไม่มีคำตอบใดๆ แต่พี่กุ้งก็คิดว่าตัวเองพูดถูก
"หมู มีอะไรไม่สบายใจหมูเล่าให้พี่ฟังได้นะ"
พี่กุ้งพูดอย่างเป็นห่วง ทำให้อธิปพงศ์ลังเลว่าควรจะเล่าให้พี่กุ้งฟังดีไหม
"เล่ามาเถอะ หมูจะได้สบายใจขึ้น"
เมื่ออธิปพงศ์เห็นพี่กุ้งมองอย่างเป็นห่วงจึงเปิดปากเล่า
"ผม....ผมนอนคิดมาทั้งคืนเลยครับ"
พี่กุ้งพยักหน้าเบา ๆรับฟัง อธิปพงศ์พูดต่อ
"คือผม สับสนนิดหน่อยหน่ะครับ"
"มีอะไรเหรอหมู"
"คือผม ผมรู้สึกแปลกๆ กับนิธินหน่ะครับ"
พี่กุ้งแอบยิ้ม แต่ก็ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี
"อืม ยังไงล่ะ"
"คือ ตั้งแต่ผมรู้จักกับเค้า เค้าดูแลผมดีมาก มากจนผมรู้สึกว่า เค้า เอ่อ เค้ากำลังคิดกับผมมากว่าเพื่อน"
"อื้ม แล้ว"
"ก็มีหลายครั้งนะครับที่ผมสัมผัสได้ว่าเค้าคิดยังไงกับผม แต่ผมก็พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด"
"อืม แล้วหมูรู้สึกดีมั๊ย"
อธิปพงศ์ตอบทันทึ
"แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์นะครับ"
"หึหึ พี่รู้ แต่พี่ถามว่าเราชอบที่เค้าทำอย่างนั้นกับเรารึเปล่าล่ะ"
อธิปพงศ์เงียบไป พี่กุ้งเลยพูดต่อว่า
"หมูฟังนะ ชีวิตคนเราจะหาใครสักคนมารักมาดูแลเราอย่างจริงใจเนี่ยมันไม่ง่ายหมูก็รู้"
"แต่ ผมไม่ชอบผู้ชายนะครับ"
"อืม พี่เข้าใจ" แต่หมูคิดว่าที่ผู้ชายเดี๋ยวนี้หันมาคบกันเองมากขึ้นเพราะอะไรล่ะ"
อธิปพงศ์ไม่รู้ เขาจึงถามกลับว่า
"ทำไมเหรอครับ"
"ก็เพราะว่า ผู้ชายหน่ะจริงๆแล้ว ไม่ได้ต้องการแค่ความรักอย่างเดียวหรอกนะ ผู้ชายมองหาความเข้าอกเข้าใจและการเอาใจใส่จากแฟนมากกว่า ในเมื่อบางครั้งผู้หญิงไม่เข้าใจและไม่ปรับตัวให้เข้ากับผู้ชายได้ ผู้ชายจึงหันมาคบผู้ชายด้วยกัน"
อธิปพงศ์อึ้งไปเล็กน้อย เพราะอย่างนี้เองเหรอที่ทำให้คนสมัยนี้หันมารักเพศเดียวกันมากขึ้น เขาก็เพิ่งจะเข้าใจ
พี่กุ้งทิ้งท้ายไว้ว่า
"บางครั้งเรื่องของหัวใจ ไม่ต้องใช้สมองคิด ทำตามหัวใจดูบ้างแล้วจะมีความสุข"
เขายิ้มให้กำลังใจลูกน้องพร้อมกับตบไหล่เบาๆ ก่อนจะออกไป ส่วนอธิปพงศ์ ที่ได้ยินพี่กุ้งแนะนำอย่างนั้นก็ค่อยสบายใจ แต่ทว่าก็ยังมีความกังวลใจอยู่ดี ถึงแม้จะรู้สึกดีที่มีนิธินอยู่ด้วย แต่เขาไม่พร้อมจริง ๆ กับการคบหากับผู้ชายแบบคนรัก นั่นเท่ากับว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ ที่เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
ด้านนิธินที่ทำงานทั้งวัน แล้วยิ่งช่วงนี้เขาต้องเร่งทำงาน เพื่อต้อนรับวันหยุดยาวของบริษัทในเทศกาลนวราตรีที่จะถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกคนในบริษัทพร้อมใจกันทำงานถึงดึกดื่น ทำให้เย็นนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้ไปหาอธิปพงศ์อย่างที่เคย แต่นิธินตั้งใจว่า จะทำงานของตัวเองให้ดีเสียก่อนเพราะเขาตั้งใจว่าวันหยุดยาวนี้ เขาจะใช้เวลาไปดูแลอธิปพงศ์ทุกวัน
อธิปพงศ์ทำงานต่อทั้งวัน จนเลิกงานเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับนิธิน แต่อธิปพงศ์ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะถ้าวันไหนไม่ว่าง นิธินก็จะโทรมาก่อนเสมอ เย็นนี้เขาตัดสินใจที่จะไปกินข้าวเย็นที่ร้านของลูกค้าที่ชื่อเขียว เพื่อที่จะได้ปรับทุกข์กับหญิงสาวไปด้วย
ในเวลาที่จิตใจอึมครึมเช่นนี้ เขาคิดว่าหากเขาได้อยู่กับคนที่สดใสและมองโลกอย่างมีสีสันบนความเป็นจริงอย่างเขียวก็คงทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
"สวัสดีค่ะพี่หมู วันนี้อยากทานอะไรคะ" เขียวยิ้มตาหยีเมื่อเห็นว่าอธิปพงศ์มาอุดหนุนถึงร้าน ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะเพราะใกล้เวลาปิดร้านแล้ว เจ้าของร้านอย่างเขียวจึงสามารถมาดูแล
"อืม พี่อยากกินเฟตตูชินี่ไวท์ชอสหน่ะ" เขาตอบยิ้มๆ
"ได้เลย...รอแป๊บนะคะ ว่าแต่รับน้ำอะไรดีคะ"
"น้ำเปล่าเย็นๆก็พอครับ"
"ค่า"
เธอรับคำและไปหยิบน้ำเปล่ากับน้ำแข็งส่งให้พนักงาน ก่อนจะหายไปหลังร้านพักใหญ่และกลับมาอีกครั้งพร้อมขนมหวานในถ้วยเล็กๆ
"พี่หมู เขียวมีอะไรจะรบกวนพี่นิดนึงค่ะ"
"ครับ"
"นี่ค่ะ เจลลี่ส้มกับซอฟเค้ก เขียวรบกวนพี่หมูชิมให้หน่อยนะคะ มันเป็นไงก็เม้นท์มาตรงๆ นะ"
"ได้สิ" เขายิ้มรับคำ แล้วตักขนมในถ้วยขึ้นมาชิม
"อื้มอร่อยดีหนิ"
"เหรอคะ" หญิงสาวที่รอลุ้นโล่งอก
"เมนูใหม่เหรอ"
"ค่ะ ใช่แล้ว ยังไม่กล้าทำขาย ก็ลองทำดูหน่ะคะ พี่หมูว่าใช้ได้ แสดงว่าสูตรนี้คงโอเคแล้ว"
"สูตรนี้คิดเองเหรอครับ"
"ช่วยกันคิดกับมาร์โค่หน่ะค่ะ"
"แล้วนี่คุณมาร์โค่ไปไหนหรอครับ เลี้ยงน้องอยู่บ้านเหรอ"
"ค่ะ ผลัดกันเลี้ยง ตอนเช้าเค้ามาทำงานเขียวดูลูกที่บ้านส่วนตอนเย็นเขียวมาทำงานที่ร้าน ให้เค้ากลับไปอยู่กับลูกหน่ะค่ะ"
"อ่อ ดีเนอะ" ชายหนุ่มยิ้มรับ เพราะมีความสุขที่ได้พบเจอเรื่องดีๆ
แต่จู่ๆหญิงสาวก็ถามขึ้นมา
"ว่าแต่ ช่วงนี้พี่หมูผอมไปรึเปล่าคะ วันนี้พี่หมูดูซีดๆไปนะเขียวว่า"
อธิปพงศ์ยิ้มน้อย ๆ และตอบกลับ
"อืม...พี่เครียดๆ นิดหน่อยหน่ะ"
"มีอะไรรึเปล่าคะ" หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง
"เกี่ยวกับแฟนพี่รึเปล่า"
อธิปพงศ์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ "ไม่ใช่หรอก พี่เลิกกับเค้าแล้ว"
"อ่าวแล้ว ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่เหรอคะ"
"ก็ คือว่า พี่กำลังรู้สึกสับสนนิดหน่อยหน่ะ"
"ยังไงคะ"
"ก็ พี่ไม่แน่ใจว่า ตอนนี้พี่...พี่ชอบผู้ชายรึเปล่า"
เขียวตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินประโยคนั้นจากผู้ชายรูปหล่อตรงหน้า แต่ก็ยังคงนิ่งเพื่อไม่ให้อธิปพงศ์รู้สึกแย่ไปกว่านี้ เธอจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
"ยังไงคะ"
อธิปพงศ์เลยเล่าและระบายความรู้สึกต่างๆ ให้เขียวฟัง โดยที่เธอก็พร้อมรับฟังอย่างไม่มีอคติ
หญิงสาวอิงหลังพิงพนักเก้าอี้เมื่อฟังจบ ส่วนอธิปพงศ์เองก็ดูสบายใจขึ้นมากที่ได้เล่าให้ใครสักคนที่เขาไว้ใจฟัง เขียวยิ้มอ่อนโยนให้เพื่อนรุ่นพี่ แต่มองด้วยแววตาที่จริงใจ
"เรื่องนี้เขียวว่าขึ้นอยู่กับพี่หมูแหล่ะค่ะว่าจะลองเปิดใจให้เค้ารึเปล่า เขียวว่าก็ไม่แย่นะที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ก็ลองคบดูว่าเค้าจะจริงจังอย่างที่พี่หมูจริงจังรึเปล่า"
"แต่เค้ายังไม่ได้ขอคบกับพี่จริงจังเลยนะ"
"ก็ดูกันไปก่อนไง ไม่ได้จำกัดว่าคบเป็นแฟน เป็นเพื่อนกันและเป็นอย่างที่พี่เป็นเนี่ยะหล่ะ ให้เค้าเห็นตัวจริงของพี่ และพี่ก็จะได้เห็นตัวจริงของเค้าค่อยๆ ดูกันไป ถึงตอนนั้นถ้าไม่ใช่ยังไง ก็ค่อยว่ากัน"
"อืมมม" อธิปพงศ์คิดตาม ก็จริงอย่างที่เขียวว่า ลองดูนิสัยใจคออย่างนี้ไปก่อนก็คงดีกว่าคบกันแบบแฟน เขาจะได้ค่อยๆ เรียนรู้ชีวิตอีกด้านที่กำลังจะพบเจอ
"ทั้งหมดนี้แล้วแต่พี่หมูนะคะ แต่สำหรับเขียว ถ้าเรามีความสุขโดยไม่เดือดร้อนตัวเองกับคนอื่น เขียวก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้วหล่ะค่ะ"
หญิงสาวยิ้มจริงใจให้เพื่อนรุ่นพี่ตรงหน้า เธอหวังว่าอธิปพงศ์จะรู้สึกดีและสามารถตัดสินใจกับความรู้สึกของตัวเองได้เสียที
ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้น ในแววตาปรากฎความมั่นใจเหมือนเดิม
"ขอบคุณมากนะครับคุณเขียว"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องเล็กน้อย"
เขียวส่ายหน้าและยิ้มตาหยี "ถ้ายังไงวันหลังพามาให้เขียวรู้จักหน่อยนะคะ อยากรู้จัง ใครน้าจะเป็นผู้โชคดี"
อธิปพงศ์อมยิ้มเขินๆ "อื้ม วันหลังนะ"
ความวุ่นวายบนถนนเบาบางลงสำหรับเวลาห้าทุ่มในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับปัญหาคาใจของอธิปพงศ์ที่ได้รับการคลี่คลาย หลังจากไปปรับทุกข์กับคนอื่นที่รักและหวังดีต่อเขา ชายหนุ่มรู้สึกเข้าใจตัวเองมากขึ้น ที่เหลือก็แค่คอยดูว่านิธินจะทำยังไงกับเขาต่อไป ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเมล์มองไปนอกกระจก เขาอยากรู้เหมือนกันว่านิธินคิดกับเขาอย่างไร และเป็นคนจริงจังกับความรักเหมือนกันหรือเปล่า
พลันคิดถึง โทรศัพท์ของอธิพงศ์ก็ดังขึ้นทันที พอรู้ว่าเป็นนิธินเขาก็รีบกดรับ
"ฮัลโหล"
"ฮัลโหล คุณหมู นอนหรือยังครับ"
"ยังครับ คุณอ่ะยังไม่นอนเหรอ มีอะไรหรือเปล่า"
"ผมเพิ่งเลิกงานหน่ะครับ"
"อืม วันนี้ทำโอ เอ่อ...โอเวอร์ไทม์เหรอครับ"
"ครับ"
"อืม เหนื่อยหน่อยนะครับ"
"ครับ ก็นิดหน่อย"
"ว่าแต่ มีอะไรรึเปล่าครับ โทรมานี่"
"ผมอยากชวนคุณหมูไปงานนวราตรีด้วยกันหน่ะครับ"
อธิปพงศ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัย
"งานอะไรอ่ะครับ"
"เป็นงานไหว้พระแม่ทุรคาที่ถนนสีลมหน่ะครับ วันพฤหัสนี้"
"อืมม เหรอครับ"
"ครับ"
"ถ้างั้น เจอกันวันพฤหัสนะครับ"
"ครับ"
"งั้นแค่นี้นะครับ"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อน คุณหมูครับ"
"ครับ?"
"Good night ครับ"
"ครับ กู๊ดไนท์"
อธิปพงศ์วางสายไปด้วยหัวใจที่ชุ่มฉ่ำ ลักยิ้มบนแก้มขาวนั้นปรากฎขึ้นพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นในใจ อย่างที่เขียวแล้วพี่กุ้งบอก ต่อไปนี้เขาจะลองเปิดใจให้ผู้ชายคนนี้ดูบ้าง เผื่อว่าความรักในแบบที่เขาใฝ่หาจะหยุดอยู่ตรงหน้าเสียที
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ