ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่กันไปแล้ว ผมถอนหายใจออกมาตอนที่หลับตาลงอีกสักพักเพื่อหวังให้มันหลับอีกครั้งแต่ก็ไม่รู้สึกว่าง่วงอีกแล้ว หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาที่ตอนนี้ก็บอกว่ามันเข้าสู่ช่วงบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว แต่ที่ชวนให้เบิกตากว้างตื่นเต็มตาตอนนี้กลับไม่ใช่แค่เวลา มันกลับเป็นข้อความไลน์มากมายที่ถูกส่งมาให้ผม รวมทั้งสายโทรเข้าที่ก็ไม่ได้รับอีกเป็นสิบสายจากน้องชายตัวเอง
[ พี่เมด ไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหนตอนนี้ ] นี่เป็นข้อความแรกที่วิวมันส่งมาหาผม ก่อนจะตามมาด้วยข้อความยาวๆ ที่ส่งเรียงกันมาแบบไม่ขาดสาย สลับไปมากับการโทรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
[ พี่เมดติดต่อกลับมาหน่อยนะ นี่พี่มึงอยู่ไหน กูลงมาถามยามว่าเห็นมึงมั้ย เค้าบอกเห็นผู้ชายตัวสูงๆหน้าขาวๆ เอาดอกไม้มาให้มึง คุยกันสักพัก แล้วมึงก็นั่งรถออกไปเลย ]
[ พี่เมดทำไมไม่รับสายว่ะ นี่วิวเป็นห่วงนะ คืนดีกับมันแล้วจริงๆเหรอ ไอ้เชี้ยนั่นน่ะ ]
[ รับสายหน่อย นี่จะโทรไปแจ้งตำรวจแล้วนะ มันลักพาตัวมึงไปใช่มั้ย อะไรยังไง ]
[ พี่เมดเว้ยยยยย นี่เที่ยงแล้วนะ ยังไม่รับสายวิวอีกเหรอ มันทำอะไรมึงอะไร ทำไมมึงเงียบไป ]
[ พี่เมดนี่จะบ่ายสองแล้วนะ วิวเป็นห่วงนะ วิวต้องโทรบอกพ่อมั้ย ]
[ พี่เมดถ้าบ่ายสี่ พี่เมดยังไม่ติดต่อมา วิวจะโทรหาพ่อแล้วนะ ใจไม่ดีเลย พี่เมดมึง ]
[ พี่เมดอยู่ไหน วิวคิดถึงพี่เมดแล้วนะ พี่เมด ]
[ อีพี่เมด กูโทรไปหามึงจะร้อยสายแล้วนะ มึงรับหน่อยเถอะ กูไหว้แล้ว พี่เมด พี่เมดจ๋า ]
[ วิว กูขอโทษ ] ผมกดส่งข้อความตอบกลับมันไปคนที่รอข้อความตอบกลับอยู่นานแล้วก็ส่งกลับมาด้วยความรวดเร็ว
[ ไอ้พี่เมดดดด มึงอยู่ไหน ไอ้เหี้ยยยยย มือสั่นไปหมดแล้วกู ฮือ ทำไมมึงไม่กลับห้อง แล้วนี่มึงอยู่ไหน ขอโทษกูทำไม ไม่เอา อย่าเพิ่งพูดนะ จะพูดอะไร ] น้องชายผมเริ่มโวยวาย ให้เดามันต้องคิดแน่ๆว่าผมกลับไปคืนดีกับไอ้บินแล้ว ก็ฟังจากยามเล่ามันก็เดาได้อยู่ทางเดียว [ ให้กูทำใจก่อน แต่ไม่อะ กูทำใจไม่ได้หรอก พี่เมดมึงไม่เอาแบบนี้ดิ ไหนบอกว่าจะไม่กลับไปไง อย่าโง่ดิ มึงบอกกูไว้แล้วนะ สัญญากับกูแล้วไง ]
[ อะไรของมึงเนี้ย คิดอะไรของมึงอยู่ ฟังกู ]
[ ไม่เอา ไม่ฟังได้มั้ย บอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่กูจะรับได้ ถ้าเป็นเรื่องที่กูไม่อยากจะฟัง ก็ไม่ต้องบอก กูไม่อยากรับรู้ ] สติกเกอร์ปิดหูที่ถูกแนบมา ผมถอนหายใจกับความตื่นตระหนกของน้องชายตัวเอง พลิกตัวเองจัดท่านอนให้พิมพ์สบายๆ
[ มึงคิดอะไรของมึงวะวิว กูไม่ได้จะกลับไปคืนดีกับไอ้บินนะ ]
[ อ้าว แล้วนี่พี่เมดอยู่ไหน ไม่ได้กลับไปคืนดีกับมัน แล้วเมื่อคืนไปนอนไหนวะ ]
[ ใจเย็นๆ ขอกูเล่าก่อน ให้กูโทรมั้ย ]
[ กูเรียนอะ แต่มึงพิมพ์มาเถอะ กูไม่ไหวแล้ว ใจจะขาด อยากรู้มาก เล่ากูเลย ] ผมถอนหายใจอกมากับคำขอร้องของน้อง พร้อมด้วยสติกเกอร์ออดอ้อนของมัน [ นี่กูแบบ คิดไปต่างๆนานาแล้วว่า มึงกลับไปคบกับไอ้เชี้ยบิน จากที่ยามเล่าอะนะ ]
[ ไม่ คือเมื่อคืนอาฟก็ไปส่งกูที่คอนโดตามปกตินั่นแหละ ]
[ อ้าว รถมึงอะ ยังซ่อมไม่เสร็จเหรอ ]
[ คือว่ากูต้องให้ไอ้อาฟยืมรถไปขับ เพราะมันจะเอารถมันเข้าไปซ่อมรอยที่กูไปทำไว้บนรถมันอะ นั่นแหละมึง ไอ้อาฟมันก็มาส่งกู คราวนี้ก็เจอไอ้บินมายืนง้อกูที่หน้าคอนโด มันเอาดอกไม้มาง้อ ]
[ สัด แค่คิดสภาพก็อยากจะวิ่งลงไปตบ มึงก็น่าจะโทรเรียกกูนะพี่เมด แล้วไงต่อ ]
[ ตอนนั้นกูคิดว่า เออ ลงไปคุยกันให้จบๆไปเลยดีกว่า คือถ้ากูยังหนี ยังพูดปัด แม่งก็ยังง้อกูอยู่แบบนี้ ซึ่งกูรู้สึกว่าพอแล้วว่ะ กูอยากเริ่มต้นใหม่แล้ว ไม่อยากมานั่งหงุดหงิดทุกวันที่เห็นมันอะมึง ]
[ ความคิดเยี่ยมมาพี่กู เจอแล้วจะหอมหัวสักสิบที ]
[ กูเลยลงไปคุยกับมัน บินมันก็ง้อกู ก็อธิบายกูแหละ กูก็ฟังนะ ฟังจนจบแล้วก็บอกเลิกมันเลย เขวี้ยงดอกไม้ใส่มันด้วย ]
[ เยี่ยม ละไง แล้วทำไมไม่กลับห้องวะ ไปกับพี่อาฟต่อทำไม ]
[ กูก็กำลังงงอยู่ว่าทำไม คือพอกูบอกเลิกบินเสร็จ กูก็เดินไปหาไอ้อาฟที่ยืนอยู่ คือจริงๆ กูคงจะเดินไปเอากระเป๋าในรถ แต่ว่าพอไอ้อาฟมันเห็นกูเดินไปหา มันก็จูงมือกูเข้าไปนั่งในรถเลย บรรยากาศตอนนั้นมันชวนให้กูนิ่ง แล้วรถก็ขับออกมาเลย รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่แม่งขับกลับมาที่คอนโดมันได้ครึ่งทางแล้ว ก็เลย เลยตามเลยแล้วกัน ตีห้ากว่าๆแล้วด้วยตอนนั้น ]
[ สรุปมึงบอกเลิกไอ้เชี้ยนั่นเป็นทางการแล้ว และตอนนี้มึงกำลังนอนอยู่ที่คอนโดพี่อาฟเจ้าของ throw up เจ้านายมึง ]
[ อื้ม โทษทีไม่ได้รับสายโทรศัพท์มึง ไม่ได้ติดต่อไปบอก คือกูก็ง่วงมากเลยตอนนั้น จัดการอาบน้ำสระผม ปิดเสียงมือถือแล้วหลับไปเลยลืมโทรบอกมึงด้วย โทษทีนะวิว ]
[ ไม่เป็นไรหรอก มึงปลอดภัยก็ดีแล้ว โล่งอกไปที รู้มั้ยกูนี่แทบจะโทรไปแจ้งตำรวจ โทรไปบอกพ่อ กลัวมึงโดนไอ้เชี้ยนั่นลักพาตัว คือฟังจากยามกูนี่ใจสั่นไปหมด คิดไปถึงว่าที่มึงไม่ติดต่อมา มึงอาจจะโดนมันยึดโทรศัพท์ ไม่ก็โดนปล้ำไปแล้ว จริงๆนะ กูนี่แทบจะร้องไห้แล้ว เพื่อนกูแต่ละคนก็บอกให้โทรไปบอกพ่อ คือกูกลัวโทรไปบอกพ่อแล้วมันจะเรื่องใหญ่ไง มันต้องเล่าเรื่องพี่บินด้วย ซึ่งกูไม่อยากเล่า เดี๋ยวพ่อก็เป็นห่วงพี่เมดอีก ]
[ เออดีแล้ว ไม่ต้องบอกหรอก แต่มึงแม่งดูหนังเยอะเกินไปแล้วนะ ]
[ ความผิดมึงนั่นแหละอีพี่เลว ]
[ กูขอโทษนะวิว ขอโทษจริงๆ กูสะเพร่าเอง ซอรี่ๆ ]
[ เออ มึงปลอดภัย แล้วก็ไม่กลับไปรักกับคนเหี้ยๆแบบนั้นกูก็พอใจแล้ว ]
[ อื้ม ]
[ แล้วนี่พี่เมดเพิ่งตื่นเหรอ ]
[ เออ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน เกือบเช้าแล้ว หลับเป็นตายเลย โคตรเหนื่อย ]
[ นอนเยอะๆก็ดี ช่วงนี้พี่เมดไม่ค่อยได้นอนเลย ] วิวบอกผมก็ยิ้มผ่าหน้าจอนั้น [ แล้วนี่เรื่องงานเป็นอะไรยังไงบ้างอะพี่เมด โอเคมั้ย ]
[ โอเคกว่าที่คิด นี่กูได้เงินเดือนสองหมื่นเลยนะ เพราะทำอยู่หลายตำแหน่ง อาฟมันเลยขึ้นเงินเดือนให้กู ]
[ เออดีว่ะ จะได้ปลดหนี้แล้วออกมาใช้ชีวิตตัวเองเร็วๆ คิดถึงพี่เมดคนที่นอนเร็วๆ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ไม่ชินเลยนี่พี่ผู้แสนน่ารักเรียบร้อยของกู คนที่เหล้ายังไม่แดก แต่กลับไปทำงานผับ แล้วตื่นสายขนาดนี้ ]
[ อื้ม ] ผมตอบอีกคนสั้นๆ ยังจำตอนที่อาฟบอกว่าจะขึ้นเงินเดือนให้ได้ ตอนนั้นจะว่าดีใจมันก็ดีใจนะที่จะได้เงินเยอะขึ้น แต่อีกใจมันก็คิดขึ้นมาเหมือนกันว่า เสียดาย
ส่วนตัวการทำงานที่ผับนั่นสำหรับผมมันก็ไม่ได้แย่ แม้จะเข้ามาทำงานเพราะแค่ต้องจ่ายหนี้ แต่เอาเข้าจริง คนที่ทำงานในนั้นทุกคนก็นิสัยดีกันทั้งนั้น แม้จะโดนม่อแต่ก็ดูเหมือนเรื่องขำๆกันมากกว่าจะจริงจัง
รู้สึกตัวเลยว่าตัวผมสำหรับสองสามวันที่ผ่านมาชีวิตสนุกขึ้นมาก สนุกจนเผลอลืมเรื่องทุกอย่าง สนุกจนคิดว่าถ้าได้ทำงานต่อไปเรื่อยๆก็คงดี ได้เงินเดือนตั้งสองหมื่น สำหรับเด็กจบใหม่แบบผมได้เงินเดือนเท่านี้ก็นับว่าสูงอยู่ แต่ไม่รู้เพราะยังไม่มีปัญหาน่าปวดหัวเข้ามาแถมยังได้อยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจรึเปล่า มันถึงรู้สึก ไม่อยากจะจากไปไหนแบบนี้
[ ตอบสั้นแปลกๆเว้ย อย่าบอกนะว่า เปลี่ยนใจชอบทำงานที่ผับนั่นไปแล้ว ]
[ มันก็ไม่ได้แย่ ] ตอบอีกคนไปตามตรง [ เงินเดือนตั้งสองหมื่น ]
[ ความคิดเปลี่ยนไปขนาดนี้ เพราะเงินอย่างเดียวจริงๆเหรอ ตัวบุคคลด้วยเปล่า ] รู้สึกถึงคำแซวที่ออกมาจากประโยคนั้นของน้องชาย ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้า
[ คิดว่าน่าจะเงินอย่างเดียว ตัวบุคคลไม่น่าเกี่ยวเพราะไอ้เชี้ยอาฟกวนตีนกูเหลือเกิน ]
[ ยังทันบอกเลยว่าคนไหน ร้อนตัวจังว่ะคนเรา ] วิวบอก [ น้องหมายถึง เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ สังคมโดยรวม ไม่ได้หมายถึงพี่อาฟเลยสักนิด ]
[ เริ่มไม่ค่อยอยากจะคุยกับมึงแล้ววิว ]
[ คุยกันก่อนไม่แซวก็ได้ วิวแค่เห็นพี่เมดไปไหนมาไหนกับพี่อาฟบ่อยๆไง คุยกันทีไรก็บอกอยู่กับพี่อาฟตลอด พี่อาฟมารับ พี่อาฟพาไปเรียน กินข้าวก็กินกับพี่อาฟ แถมยังไปนอนคอนโดเค้าอีก ]
[ แค่สองสามวันเองมั้ยมึง ไปไหนมาไหนด้วยกันแค่สองสามวัน มันจะแปลกอะไรวะ ]
[ มันแปลกนะ ที่แค่สองสามวันแต่พี่ก็ไปนอนคอนโดเค้าแล้ว ปกติพี่เมดไม่เป็นแบบนี้ไง ] ก็จริงอยู่ที่ปกติผมไม่เป็นแบบนี้ ผมสนิทกับคนยากเพราะงั้นกับอาฟอะไรๆก็เลยดูเร็วไปหมด ถ้าเทียบกับนิสัยที่เคยเป็น [ พี่เมดเป็นพวกไม่สนิทกับใครจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับชีวิต อย่างเรื่องไปนอนบ้านคนอื่น ไม่สนิทก็ไม่เคยไปนอนปะ แต่ตอนนี้ที่ไปนอนคอนโดพี่อาฟได้ก็ต้องรู้สึกสบายใจที่จะอยู่กับเค้าในระดับแล้วรึเปล่าวะ ]
[ อื้ม กูก็สบายใจที่ได้อยู่กับมันนะ ] ผมตอบรับน้องชายตัวเองออกไปตรงๆ มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถึงมันจะปากไม่มีหูรูด พูดจาอะไรไม่เคยเข้าหู แต่ตอนนี้มันคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะอยู่ด้วยมากที่สุดแล้ว เป็นคนที่ผมรู้สึกไว้ใจที่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างในใจที่รู้สึกให้ฟัง แม้มันจะไม่ค่อยอยากฟังเท่าไหร่ก็เถอะ
[ ฝนตกแน่ๆ พี่เมดยอมรับออกมาตรงๆขนาดนี้ ]
[ ก็พูดให้มึงฟังคนเดียวไง เลยพูดออกมาตรงๆได้ อยู่กับอาฟกูไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เรื่องหนักสุดก็มีแค่เรื่องงาน กลางๆก็เรื่องของกิน เรื่องนิดๆหน่อยๆก็คงอยากตีปากเจ้านาย แต่ก็มองดูรวมๆแล้วก็ไม่ได้แย่อะไร ถ้าเทียบจากคนที่ปากแบบมัน อาฟก็ดูเป็นห่วงกูด้วยซ้ำ ]
[ เป็นห่วงเหรอ ? อะไรที่ทำให้พี่เมดคิดว่าเค้าเป็นห่วงพี่เมดเหรอ ] ชิบหาย เหมือนจะพูดอะไรที่ควรพูดออกไปแล้ว
[ ก็อย่างเมื่อวานยีนส์กับจิงมันเข้ามาคุยกับกู ยีนส์ส่งข้อความมาขอโทษกูบอกให้กูคืนดีกับไอ้จิง มันบอกไอ้จิงไม่เกี่ยว ]
[ เดี๋ยวนะ อีเชี้ยนั่นหน้าด้านขนาดนั้นเลย ]
[ เออ ช่างมันกูก็ไม่ตอบอะไรหรอก แต่ตอนนั้นกูเฟลไงมึงเลยแบบเซ็งสุดๆ ไอ้อาฟก็ส่งข้อความมาพอดี กูเลยงอแงให้มันฟัง มันก็ฟังกูนะแล้วพอกูพูดจบมันก็ไม่พูดอะไร บอกแค่ให้กูไปค้นร้านข้าวอร่อยๆ จะได้เลิกคิดเรื่องเหี้ยๆ คือกูก็มองว่า เออ มันก็จริงนะ เราควรเลิกคิดอะไรแบบนั้นควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ปกติถ้าเล่ามึงคงด่ากันมันส์ แต่เล่ามัน..ก็ดีไปอีกแบบ ]
[ เหมือนบอกว่า เลิกคิดเรื่องนี้ไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า เหมือนเค้าให้กำลังใจมึงว่าอย่าใส่ใจเรื่องนั้น ]
[ อื้ม ใช่ แล้วคราวนี้พอจะปิดมือถือกูก็บอกมันว่า เออรีบมารับไม่อยากอยู่คนเดียว มันก็บอกว่า ครับ รู้แล้ว คือตอนนั้นแบบ เอาตรงๆนะมึง โคตรอุ่นใจ กูรู้เลยอาฟไม่ปล่อยให้กูรอนานแน่ๆอะ ]
[ เชี้ย ชักแปลกๆ แล้วไงต่อ ]
[ เออจะเล่าเรื่องตลกให้มึงฟัง เมื่อวานกูไปทำงานที่ผับ แล้วช่วงพักก็ออกไปกินข้าวกับอาฟแล้วก็พวกคนที่ผับนี่แหละ แต่ว่าขากลับอะ กูต้องกลับกับไอ้อาฟสองคน คนอื่นเค้ากลับก่อน แล้วตอนนั้นฝนมันก็ตกแบบโปรยๆเม็ดเล็กๆ อาฟมันก็ลากกูไปยืนหน้าเซเว่นแล้วมันก็เข้าไปเซเว่นเว้ย ก่อนจะออกมาพร้อมกับทิชชูแพ็คหกม้วน ]
[ เพื่ออออ ]
[ กูถามว่าเอาไปทำอะไรมันก็บอกเอาไปใช้ ทั้งๆที่ในผับก็มี ]
[ อ่าห๊ะ แล้วไงต่อ ] น้องชายผมตอบรับ
[ คราวนี้พอจะเดินต่อมันก็ถุงเซเว่นที่ใส่ของนั่นมาครอบหัวกู กูก็บอกไม่ครอบ พูดไปพูดมา เถียงกันไปเถียงกันมา มันก็หลุดความจริงออกมาว่า มันไปซื้อทิชชูมาเพื่อเอาถุงมาครอบหัวให้กูเลยนะ ใส่ซะ ฝนตกกลัวกูเปียกแล้วไม่สบาย มึงดูความบ้าของมัน ตลก ฮ่าๆๆ คือถ้าจะซื้อ ก็ซื้อร่มไปเลยดีกว่ามั้ย เก็กสัด ]
[ พี่อาฟชอบมึงรึเปล่าพี่เมด ] คำถามของคนที่ไม่ได้ตลกไปกับเรื่องเล่าของผมเอ่ยถามขึ้นมา
[ บ้า ไม่หรอกมึงอย่าคิดอะไรอย่างงั้น ]
[ มึงอะ ถามตัวเองก่อนมั้ยว่าอย่าคิดอย่างงั้น กูรู้ว่ามึงก็แอบคิดเหมือนกัน ว่าพี่อาฟจะชอบมึงรึเปล่า มึงถึงมาเล่ากูให้กูทักว่าพี่อาฟชอบมึงรึเปล่า เป็นแบบที่มึงคิดมั้ย ]
[ มึงแม่ง ]
[ การกระทำชัดขนาดนี้ มึงดูไม่ออกจริงๆเหรอวะ อย่าหลอกตัวเองพี่เมด นี่วิวแค่ฟังไม่ได้เห็นท่าทางยังรู้สึกเลย เค้าดูห่วงพี่เมดมากอะ เกินที่คนรู้จักกันแค่ไม่กี่วันจะทำให้กันอะ ]
[ วิว ]
[ มึงก็แอบคิดใช่มั้ยพี่เมด ว่าเค้าคงจะชอบมึง ]
[ เออก็คิด ] ผมสารภาพมันไปตามตรง ก็อย่างที่มันเดาถูก ผมเล่าเพื่อให้มันย้ำความคิดของผมว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองคนเดียวกับการกระทำแปลกๆที่อีกฝ่ายมอบให้ [ กูสับสน แต่กูก็ไม่อยากจะคิดไปไกลไง ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองด้วย ก็อย่างที่มึงบอก เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน แต่การกระทำของอาฟที่ทำให้กูมันแบบ เออ ก็พอคิดได้แหละ ว่ามันคงชอบ ]
[ นั่นไง แล้วมาตอแหลทำเป็นไม่รู้ให้กูทัก ]
[ มึง คือกูก็ไม่อยากหลงตัวเองเปล่าวะ แต่มันเล่นเลี้ยงข้าวกูทุกวัน เลี้ยงแบบคนหาเรื่องเลี้ยง ขับรถพากูไปนู้นนี่ทั้งๆที่จะส่งแค่บีทีเอสก็ได้ แต่มันจะเลือกมาส่งกูให้ถึงที่ด้วยตัวเอง ซึ่งเอาจริงๆอาฟไม่ใช่คนที่นิสัยแบบนั้น มันเลยทำให้กูคิด ]
[ แต่ละเรื่องที่มึงเล่าให้ฟัง เป็นใครใครก็คิด กูยังคิด ] วิวมันย้ำ [ แล้วเค้าเคยพูด หรือสื่ออะไรว่าเค้าชอบมึงมั้ยละ ]
[ ก็มีบ้างมั้ง อย่างกูก็เคยถามนะว่าแบบ เลี้ยงข้าวกูแบบนี้ เหมือนคนมาจีบเลย แล้วมันก็ตอบว่า อื้ม ]
[ สัด กูว่าใช่ละ ]
[ แล้วอย่างเมื่อวาน มันมีปัญหาที่ผับนิดหน่อย กูก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าเรื่องอะไร แต่อาฟมันก็แค่ดึงกูออกมาจากตรงนั้น มันพูดกับกูตอนที่กูกำลังเถียงว่าแบบ มันหวงกู อย่าให้ตรงพูดยาว คือมึงมันแบบ คำนี้คนไม่ชอบกันเค้าไม่พูดเปล่าวะ ] ผมถามน้องชายตัวเองรู้สึกหน้าร้อนยังไงก็ไม่รู้ ผมที่เม้มปากตัวเองไว้แน่นด้วยความเขิน ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ทำให้ทุกเรื่องก็ยิ่งเขิน ผมถามย้ำน้องชายตัวเองอีกทีเพื่อความมั่นใจ [ มึงว่ามันชอบกูเหรอวะ ]
[ ชัวร์ พี่อาฟชอบพี่เมดแน่ๆ ร้อยล้านเปอร์เซ็น ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่คนคนนึงต้องหวงกัน ถ้าไม่รู้สึกดีต่อกันมั้ยจริงมั้ย ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวลูกน้องทุกวันปะ แล้วก็ไม่ต้องไปรับไปส่งมั้ย คือสิ่งที่เค้าทำให้พี่เมดแต่ละเรื่องมันไม่ใช่ที่คนทั่วไปเค้าทำกันไง มันเป็นเรื่องที่คนเค้าชอบกันเค้าทำให้กัน ]
ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านประโยคนั้น มันก็จริงอย่างที่วิวพูด ผมก็รู้สึกได้แต่ตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังพยายามไม่ยอมรับความคิดพวกนั้นมากกว่า ไม่ยอมรับว่ากำลังโดนอีกฝ่ายค่อยๆจีบ ทั้งๆการกระทำทุกอย่างมันก็โคตรจะชัดเจน
[ ว่าแต่พี่เมดเถอะ คิดยังไงกับเค้าวะ ]
[ หมายถึง ? ]
[ พี่ชอบเค้ามั้ย ]
[ กูไม่รู้ว่ะ ตอนนี้กูรู้สึกแค่ว่า อาฟมันเป็นคนที่กูอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันทำให้กูลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นแล้วก็ให้กำลังใจกู อยู่กับมัน แม้จะหงุดหงิดกับปากเสียๆไปบ้างแต่กูก็ยิ้มได้ ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง คงต้องบอกว่า กูสบายใจที่มีมันอยู่กับกูละมั้ง แล้วกูก็อยากจะให้ความรู้สึกตอนนี้มันหยุดอยู่แค่ตรงนี้ก่อน ให้มันเป็นแค่ความสบายใจของกันและกันไปก่อน ]
[ ทำไมวะ ทำไมต้องหยุดความรู้สึกไว้แค่นั้นวะ จากที่ฟังมึงก็ดูชอบพี่เค้านะ ]
[ กูเพิ่งอกหักมานะวิว ] ผมสารภาพออกไปตามที่คิด [ เพิ่งเลิกกับแฟนมายังไม่ถึงเดือนนึงเลย กูรู้สึกดีกับอาฟนะ แต่ว่ากูก็ไม่รู้ว่าไอ้ความความรู้สึกดี สบายใจ ที่กูเป็นอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ไง เพราะกูชอบมันจริงๆ หรือมันเพราะหัวใจกูอ่อนแอแล้วก็กำลังต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆรึเปล่า อาฟอาจจะแค่เข้ามาในเวลาที่ประจวบเหมาะ กูกำลังต้องการที่พึ่ง กูเลยชอบมัน ซึ่งกูไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น ไม่อยากจะให้อาฟมาเป็นตัวแทนของใคร กูว่ามันไม่แฟร์กับอาฟเท่าไหร่ ]
[ ก็คิดดูดีๆ แต่พี่เมด การที่พี่เมดแคร์ความรู้สึกของพี่อาฟขนาดนี้ นั่นมันก็บอกแล้วนะ ว่าพี่อาฟก็สำคัญกับพี่เมดเหมือนกัน ก็คนเรามันจะแคร์คนที่เราไม่รู้สึกชอบไปทำไมวะ จริงมั้ย ]
[ อื้ม คงงั้น ] ก็คงจริงอย่างที่อีกคนพูด ผมคงชอบมันนั่นแหละ แต่แค่ไม่รู้ว่าความชอบตอนนี้ มันชอบเพราะอะไร จะเพราะอยากได้ที่พึ่งพิงจากใครสักคน หรือชอบเพราะชอบมันจริงๆกันแน่
[ เอาเถอะ อย่าคิดอะไรให้มันมากเลย ปล่อยๆมันไปเถอะ ] วิวบอกปัดให้ผมเลิกคิดมาก [ แต่ที่วิวอยากจะบอกพี่เมดก็คือ ไม่ต้องไปคิดว่า กูเพิ่งเลิกกับแฟนจะมาคบกับคนใหม่ได้ไง แล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าที่ตัวเองรู้สึกดีตอนนี้มันแย่ มันเหมือนว่าเอาเค้ามาดามใจในตอนที่ตัวเองอกหัก เพราะวิวว่าคนเรา ถ้ามันจะรัก มันก็รักอยู่ดี เข้ามาตอนไหนช่วงเวลาไหน มันก็รัก แต่ถ้าคนมันไม่รัก เข้ามาตอนไหนยังไงมันก็ไม่รัก พยายามยังไงก็ไปกันไม่ได้อยู่ดี ]
[ อื้ม ] ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่อ่านข้อความนั้น [ ก็จริงของมึงว่ะ ]
[ อย่าคิดมากนะ ถ้าเค้าใช่เค้าก็แค่ใช่ สุดท้ายพอถึงเวลาที่เหมาะสมมันก็คงหาคำตอบได้เอง ]
[ กูก็คงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน กูไม่อยากจะคิดว่ามันชอบหรือไม่ชอบ ถึงแม้ความคิดกูจะเทไปทางหลงตัวเองว่าเค้าชอบมากกว่าก็เถอะนะ ] ยิ้มแห้งๆผ่านหน้าจอ [ แต่ว่ากูก็สบายใจกับการที่ทั้งกูทั้งมันอยู่ในจุดนี้ สบายใจที่มีอาฟอยู่ด้วย แล้วกูก็เชื่อว่าถ้ามันจะเปลี่ยน เวลาจะบอกเราเองว่าตอนไหน ]
[ อื้ม คิดแบบนั้นก็ดี สบายใจอะไรก็ทำแต่ถ้าฝ่ายนั้นรุกก็อีกเรื่องนะ ]
[ คงไม่หรอก มั้ง ] ผมก็ไม่มั่นใจหรอก ไม่สามารถคาดคะเนนอะไรกับผู้ชายคนนี้ได้ทั้งนั้น เหมือนคลื่นในทะเลนั่นแหละ ไม่รู้ลูกไหนจะใหญ่ ลูกไหนจะเล็ก
[ ท่องไว้เราโสดแล้ว อย่าปิดกั้นตัวเองเพราะแค่เพิ่งเลิกกับแฟน แล้วมันจะดูไม่ดีถ้ามีแฟนใหม่เร็วไป ไอ้เชี้ยนั่นมันไม่ได้มีค่าอะไรให้พี่ต้องแคร์ ถ้ามันตายก็ว่าไปอย่าง ]
ผมยิ้มกับข้อความของมัน ก่อนจะส่งสติกเกอร์เป็นการปิดข้อความสนทนากับน้องชายของตัวเองไป มันมีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่กล้าเล่าวิว มันน่ากลัวอยู่สำหรับความรู้สึกของคนที่เพิ่งเจอกันแค่สองสามวันแต่กลับทำให้เป็นได้ถึงขนาดนี้
เรื่องที่เมื่อคืนผมหึงอาฟกับผู้หญิงคนนั้น หรือแม้แต่ตอนที่ใจเต้นโครมครามตอนที่ได้อยู่ใกล้มัน ‘ พี่เมด พี่อาฟน่ะ น่ากลัวนะ ระวังตัวด้วย ‘ ก็อย่างที่วิวบอก มันเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้จะลืมบอกว่าน่ากลัวที่ตรงไหนก็เถอะ แต่ผมว่าตอนนี้ก็รู้บ้างแล้ว
มันน่ากลัวตรงการกระทำที่อบอุ่นของมันทั้งๆที่เป็นคนที่ดูเหมือนเจ้าชู้แล้วก็ไม่สนใจโลก คนที่ใช้สายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่เราคนเดียวราวกับคนสำคัญที่สุดของเค้า นั่นแหละ ..ความน่ากลัวของมัน
“ อื้ออ “ เสียงครางเบาๆดังขึ้นมาจากคนที่นอนอยู่ข้างกัน ฟูกที่นอนบอกถึงการเคลื่อนไหวของใครอีกคน
ผมล็อคหน้าจอมือถือวางลงข้างตัว หลับตาลงอีกครั้งทำทีเป็นว่ายังไม่ไม่ตื่น ก็ยอมรับว่าไม่รู้จะพูดอะไร หรือแสดงสีหน้าแบบไหนในช่วงเวลาที่เราลืมตาขึ้นมาแล้วเจอกันและกันเป็นคนแรก ผมเลยคิดว่าจะรอให้อีกคนตื่นก่อน แล้วพออาฟออกไปจากห้องผมก็ค่อยตื่นตาม แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ง่ายแบบนั้น
มือหนาเอื้อมมากอดที่เอวก่อนจะดึงให้ร่างทั้งร่างของผมถอยลงไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน อาฟที่เหมือนจะนอนอยู่ในระดับที่สูงกว่ามันก้มหน้าหายใจเข้าออกอยู่ใกล้ใบหน้าของผม เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอที่เป่ารดแก้มและใบหู ผมที่กำลังนอนนิ่งพร้อมพยายามสงบจิตสงบใจให้เข้มแข็งไว้ ก่อนเสียงทุ้มของคนที่คิดว่าหลับก็ดังขึ้น
“ ตื่นแล้วแต่ยังนอนให้กูกอด คิดอะไรกับกูอยู่ปะ “
“ คิด “ ตอบออกไปสั้นๆ มือที่กำลังกอดอยู่นั้นก็คลาย ผมพลิกตัวหันไปหามัน ใบหน้าคมที่ลืมตามองกันอยู่ สายตาคมดูอึ้งไปเล็กน้อยที่เห็นผมจู่โจมมันแบบนั้น “ คิดว่ามึงกวนตีนกูไง ไอ้สัด “
เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่ในแบบที่ชอบ แต่ทำไม ตอนนี้ใจมันถึงได้เต้นแรงนักว่ะ
.................................................................................
ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของเมดมั้ย เรามองคนทุกคนถ้าเริ่มรักใหม่ในเวลาที่เพิ่งเลิกกับแฟนมาใหม่ ๆมันต้องมีความรู้สึกอะไรแบบนี้ เลยหยิบยกมาเขียน อยากให้คนอ่านได้เห็นถึงมุมมองจริงๆของน้องเมดที่มีต่อพี่อาฟบ้าง
สวัสดีปีใหม่ไทย สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ
ขอให้เป็นปีที่ดีกันถ้วนหน้านะคะ
แล้วก็เรื่องที่อยากจะประกาศทิ้งท้ายคือ
นิยายเรื่องนี้ ขอเปลี่ยนจากอัพทุกวันศุกร์ อาทิตย์ เป็น วัน ศุกร์ วันเดียวนะคะ
ด้วยเหตุผลที่ว่า หนมเขียนไม่ทันแล้วค่า คือความยาวปกติของนิยายที่เคยเขียน มันคือ สองตอน ต่อ หนึ่งตอนของเรื่องนี้
เรื่องนี้ตอนนึงค่อนข้างยาวมากกกก จนเราเขียนไม่ทันแล้วค่ะ เลยอัพได้แค่อาทิตย์ละตอน
แต่สัญญาว่า เขียนทันเมื่อไหร่ จะอัพให้อาทิตย์ละสองตอนเหมือนเดิมค่ะ
สำหรับใครที่ลุ้นว่า เมื่อไหร่จะรักกันสักที #กรีดหน้า
อีกไม่นานเธอ รวมทั้งปริศนาธรรมของนมช็อก ได้รู้เร็วๆนี้ ติดตามกันต่อไปยาวๆนะคะ
และนี้ก็ทางไปนิยายแชทจอยลดา ::
http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่า