เพราะนายคือของฉัน [ll] : 12
ในวันที่อาจารย์นัดคุยงานเช้า ผมเดินทำหน้างงเข้ามานั่งข้างไอ้ทู พอจะอ้าปากถาม มันก็รีบส่ายหัวส่ายหน้ายิกๆ อย่างกับรู้ว่าผมจะถามอะไร
“มึงรู้เหรอ ว่ากูจะถามเรื่องอะไร”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วส่ายหน้าก่อนทำไม กวนตีนสัด” ง้างมือตบหัวเพื่อนสนิท แต่มันกลับหลบได้ซะงั้น พอดีกับไอ้สักเดินอ้อยอิ่งถือถุงไก่ปิ้งเข้ามานั่งข้างๆ เลยลองถามในสิ่งที่สงสัยดู “กูขอถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไร”
“อีเข็มคุยกับมึงหรือเปล่า”
“ถามทำไม?”
“ก็เมื่อกี้กูเจอมันใต้ตึก อุตส่าห์ทัก แม่งเมินกูเฉย แถมมันยังทำเหมือนกูเป็นอากาศอีก”
“อ๋อ เหรอ”
“อ๋อเหรออะไรของมึง ว่าไง มันคุยกับมึงป่ะ?”
“ก็ปกตินะ”
“หรือมันโกรธกูเรื่องหมูกระทะวันนั้น? แต่กูก็จ่ายเงินนี่หว่า ไม่ได้กินฟรีสักหน่อย”
“กูว่าไม่น่าใช่”
ทันทีที่ไอ้สักพูดจบ ผมก็หูตั้งเลยทีเดียว
“มึงรู้อะไรมาใช่ไหม?”
“รู้อะไร ไม่รู้” ปฏิเสธเสียงสูงเว่อร์
“อย่ามาตอแหล บอกกูหน่อย ว่ากูทำอะไรผิด” พูดไม่ทันจบ ไอ้ทูก็โบกเข้าเต็มหัว พออ้าปากจะด่า ปรากฏว่าอาจารย์เข้ามายืนหน้าห้องแล้ว
เกือบโดนหมายหัวซะแล้วไอ้กลอย
และหลังจากทนความอยากรู้ของตัวเองมานานเกือบสองชั่วโมงก็ถึงเวลาเลิก พออาจารย์ออกห้องปุ๊บ ผมรีบล็อกคอไอ้สักปั๊บ โดยที่หางตาเหล่มองไปยังอีเข็มที่สะบัดหน้าใส่ผมแทบจะทันที มันมีพิรุธแบบนี้ไม่ให้ผมสงสัยได้ยังไง
“มึงบอกกูมาตอนนี้เลย ต่อมเสือกกูสั่นหมดแล้ว”
“บอกเรื่องอะไรวะ” ไอ้เคยื่นหน้ามาถามเพราะอยากสอดรู้ด้วย
“อีเข็มไม่คุยกับกู แถมเมินกูด้วย” ผมว่า ไอ้เคย่นคิ้วก่อนหันไปมองคนที่ผมเอ่ยถึง
“วันแดงเดือดของมันหรือเปล่า มึงคิดมาก”
“กูไม่ได้คิดมาก” ตอบไอ้เคไป แล้วหันมาคาดคั้นไอ้สักผู้ที่มีท่าทางเหมือนจะรู้เบื้องหลัง “บอกกูมาเร็วๆ อย่าลีลา”
“มึงจะอยากรู้ไปทำไม มันไม่มายุ่งกับมึง ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้สักพยายามงัดแขนผมออกจากคอตัวเอง แต่คงยากหน่อย เพราะผมมือตุ๊กแก
“ไอ้ดีก็ดี แต่กูอยากรู้เหตุผล เมื่อก่อนกูไล่แทบตาย มันก็ยังไม่ไปเลย” คราวนี้ทุกคนเริ่มเห็นด้วยกับประโยคของผม โดยเฉพาะไอ้ต๋องที่พยักหน้าจนคอแทบหลุด “มึงบอกกูมาเถอะ กูอยากรู้จริงๆ”
“กูก็อยากรู้ด้วยคน” ไอ้ต๋องเสนอหน้าตอบ
“จะบอกก็รีบบอก กูหิวไอ้ห่า” ไอ้ทูหน้างอ สมกับที่พี่จอมเรียกมันว่าปลาทู
“เออๆ ก็ได้ แต่ต้องรอให้ไอ้พวกข้างหลังออกห้องก่อน เพราะมันเป็นความลับขั้นยอดอ่อน” ไอ้สักปรายตามองเพื่อนร่วมห้องด้านหลัง แต่พอหันมา ก็เจอพวกผมทำตาพริบๆ ใส่ “ทำหน้าตาตอแหลมองกูทำไม”
“ขั้นยอดอ่อนของมึงคือมุกอะไร” ถามด้วยความสงสัยเลยถูกฝ่ามือเท่าใบตาลฟาดเข้าให้
“ยอดอ่อนก็คือสุดยอดไง”
“แล้วมันเกี่ยวกับสุดยอดยังไง”
“ช่างยอดอ่อนมัน กูเหนื่อยจะอธิบายให้มึงฟังไอ้กลอย”
ผมขมวดคิ้วแทบชนกันอย่างไม่เข้าใจ...ผมผิดตรงไหนที่ไม่เข้าใจมุกแป้กๆ ของไอ้สัก มีใครเข้าใจแล้วบอกผมได้ไหม ช่วยให้คนโง่แบบผมกระจ่างที และกว่าเพื่อนจะออกห้องหมด ผมก็ผุดลุก ผุดนั่งอยู่หลายรอบ ทั้งเรื่องมุกยอดอ่อนกับเรื่องของอีเข็ม พอทางสะดวกพวกเราก็เริ่มสุมหัวกันอีกรอบ พร้อมๆ กับไอ้สักล้วงโทรศัพท์เครื่องแพงตัวเองออกมา นิ้วมือมันเลื่อนสไลด์หน้าจออย่างชำนาญ ก็แน่ล่ะ โทรศัพท์ของมันนี่
“รู้แล้วเหยียบเลยนะพวกมึง” กำชับเสร็จ เจ้าของเครื่องก็กดเปิดไฟล์เสียงขึ้นมา ทำเอาผมหูตั้ง รอฟังอย่างตั้งใจ ไม่รู้หรอกว่าเสียงอะไร แต่น่าจะเด็ดพอตัว
‘โอย ร้อนจังเลย’
“เชี่ย ผิดอันๆ”
เสียงจากคลิปทำเอาพวกผมเบิกตาแทบถลน เสียงผู้หญิงแม่งโคตรเอ็กอะ
“มึงไปอัดเสียงใครมา หรือว่ามึง....” ผมรีบล้อทันที ไอ้สักทำท่าจะลุกหนี จนผมต้องรีบคว้าตัวมันไว้ “โอเคๆ กูจะทำเหมือนไม่ได้ยิน พวกมึงด้วย”
แม้จะสั่งแบบนั้น แต่ทุกคนก็ทำหน้าตาอยากรู้ขั้นสุด คงต้องรอให้รู้เรื่องราวของผมก่อน เรื่องเจ้าของเครื่องค่อยซักก็ได้ ไม่รีบ และเมื่อเจอไฟล์คลิปเสียงของจริง ไอ้สักก็ยกนิ้วขึ้นมาจ่อปากส่งสัญญาณให้เงียบ
‘พี่โชมีอะไรจะคุยกับเข็มเหรอคะ’
ทันทีที่ได้ยิน ผมก็ตัวชาไปหมด ไม่ใช่เพราะเสียงอีเข็ม แต่เพราะชื่อที่เพื่อนสาวร่วมรุ่นเรียกต่างหาก และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกส่งคำถามออกมา
‘น้องรู้จักคนชื่อไบร์ทไหม’
คำถามของพี่โช ทำเอาพวกไอ้ทูหันมามองหน้าผมทันที โดยเฉพาะไอ้เคที่ยื่นหน้าสอดรู้จนจมูกจะทิ่มหน้าผมแล้ว
‘รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ หรือพี่โชก็รู้จัก’
น้ำเสียงอีเข็มยังฟังดูสดใส ไม่รับรู้ถึงกระแสเสียงนิ่งๆ โหดๆ จากคำถามของพี่โชเลย ขนาดผมได้ยินยังขนลุกเกรียวกราว ยิ่งถ้าได้เห็นหน้าด้วยนะ คงร้องไห้แน่
‘ครับ รู้จัก...รู้จักจากข้อความในเฟซบุ๊กของกลอย’ เสียงสบถดังจากบรรดาพวกที่สุมหัวฟังอยู่ โดยเฉพาะไอ้ทูใช้นิ้วจิ้มหัวผมหลายจึ๊ก
‘น้องรู้จักคนชื่อไบร์ทก่อน หรือกลอยรู้จักก่อนเหรอครับ?’ เสียงนุ่มแบบนี้พี่ซันแน่นอน
“ไบร์ทที่พี่เขาพูดถึงนี่ใครวะ” ไอ้ต๋องถูกฝ่ามือฟาดเข้าเต็มหัว โทษฐานที่พูดกวนเสียงคลิป แม้มันจะทำหน้ายุ่งแต่ก็ยื่นหน้ามาฟังต่อ
‘เข็ม...รู้จักก่อนค่ะ’
‘ก็เลยพาไปหากลอย อย่างนั้นใช่ไหม’ โอย ผมอยากจะเป็นลม นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงพี่โชโหมดนิ่งแบบนี้ เคยได้ยินไหมครับ ไม่ได้ขู่ ก็เหมือนขู่ อย่างนั้นเลยที่ผมรู้สึก ‘น้องเป็นคนติดต่อกลอยให้เด็กคณะนี้ รวมถึงเรื่องร้านหมูกระทะเมื่อวานด้วยใช่ไหม’
คำถามที่ทำเอาผมหันไปมองหน้าเพื่อนทุกคน ประโยคยาวๆ นี้ สะดุดหูตั้งแต่คำว่า ‘เด็กคณะนี้’ มันหมายความว่ายังไงวะ แล้วยังจะเรื่องร้านหมูกระทะอีก
‘คะ?’
‘สักไม่ได้อยากบอก แต่พี่สั่ง’
ไอ้สักเกือบทำโทรศัพท์ตัวเองร่วง หลังจากได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากพี่โช ผมยื่นหน้าไปจนชิดกับหน้ามันเป็นการคาดคั้นเรื่องราวทั้งหมด แต่กลับถูกดันออกมา พร้อมเสียงกระซิบว่าเดี๋ยวจะบอก ผมเลยขยับออกห่าง
‘เรื่องร้านเมื่อวาน เข็มแค่จะไปกิน แล้วเจอน้องไบร์ท ก็เลย...ลองชวน เข็มก็ไม่รู้ ว่าน้องเขาจะไปด้วย...’
‘พี่ต้องเชื่อแบบนี้ใช่ไหม’
“อูย” ทุกคนรวมผมพร้อมใจกันสบถคำนี้ออกมา หลังจากพี่โชขัดประโยคการอธิบาย ให้เดา ผมว่าตอนพี่โชพูด เพื่อนสาววายของผมต้องน้ำตาแตกแน่ๆ
‘เอาเถอะ พี่จะจบเรื่องไว้แค่นี้ เพราะพี่ถือว่าเตือนน้องแล้ว โตขนาดนี้คงคิดเองได้ ว่าเรื่องไหนควรทำ เรื่องไหนไม่ควร น้องอาจสนุก แต่พี่...ไม่สนุกด้วย!’
“โหดสัดฝรั่งเศส” หลังจากคลิปเสียงตัดไป ไอ้ต๋องก็ร้องทันที “ว่าแต่ ไอ้ไบร์ทนี่ใครวะ ตอบกูหน่อย กูอยากรู้บ้าง”
“ไอ้โง่” ไอ้เคขัดขึ้นมา “กูก็โง่เพราะกูก็ไม่รู้”
หลุดขำท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด ผมหันไปมองหน้าเจ้าของคลิป เพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดที่มันไม่ได้อยู่ในคลิปนี้ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘เด็กคณะนี้’ ของพี่โช
“ไอ้สัก มึงไปเจอพี่โชที่ไหน” เค้นถาม คนถูกเค้นทำอ้อยอิ่งจนผมอยากกระชากคอแล้วเขย่า “ไอ้สัก”
“กูไปซื้อไก่ทอด...”
“จะไปซื้อห่าอะไรตอนนี้ กูอยากรู้เรื่องพี่โช”
“ไอ้สัดกลอย กูหมายถึงก่อนเจอผัวมึง ไม่ใช่จะไปซื้อไก่ตอนนี้ไอ้ห่า” รีบยิ้มแห้งๆ ส่งให้เพื่อนไป ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า พี่โชเล่นไม่มีอาการหรือทำตัวแปลกไปกว่าเดิมเลยด้วย “วันนั้นกูจะไปซื้อไก่ทอดที่โรงอาหารสถาปัตย์ เจอผัวมึงกับเพื่อนพี่เขากำลังชะเง้อมองหา...”
“ใต้ตึกสถาปัตย์? มหาลัยเรานี่นะ?”
“เออสิ จะให้ไปที่ไหนล่ะแม่ง” ไอ้สักจิ๊ปากที่ถูกผมขัด ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “พี่เขามาหาไอ้ไบร์ทเว้ย กูเอ๋อเลย”
“ไอ้ไบร์ทไหนวะ” ยังครับ ไอ้ต๋องก็ยังไม่เลิกถาม
“ก็ไอ้เด็กที่นั่งข้างมึงร้านหมูกระทะอะ ที่หล่อๆ” ไอ้ทูตอบด้วยความรำคาญ คงอยากให้หยุดขัด คนไม่รู้ก็ร้องอ๋อพลางตั้งใจฟังต่อ “เล่าต่อๆ”
“มึงเอ๊ย พอไปเจอหน้าเกือบมีเรื่องไอ้สัด เพื่อนไอ้ไบร์ทแทบลุกมายำตีน แต่กิ๊กมึงบอกจะเคลียร์เอง”
“กิ๊กพ่อมึงสิ แล้วยังไงต่อ รีบๆ เล่า”
“พอได้ที่คุย พี่โชแม่งก็ชี้นิ้วสั่งไม่ให้ไอ้ไบร์ทยุ่งกับมึง แต่ไอ้เด็กนั่นก็ดื้อเว้ย มีเถียงจนพี่โชเกือบต่อย ยังดีที่มีคนมาห้ามทัน กูโคตรลุ้น”
“มึงลุ้นกลัวว่าเขาจะตีกันเหรอ”
“ลุ้นว่ากูจะตามน้ำได้สักหมัดไหม ไอ้ห่า ก็กลัวเขาจะตีกันสิวะ ถามได้” คราวนี้พากันหลุดขำหมด ยกเว้นผมคนเดียวที่ตีหน้ายุ่งเหมือนถ่ายไม่ออก “ไงไอ้ต้นเรื่อง เงียบเลยนะมึง” ถูกสะกิดแขนยิกๆ
“กูต้นเรื่องยังไง” ถามกลับอย่างเคืองๆ
“ที่พี่โชมาหาเรื่องไอ้ไบร์ทเพราะเขาหึงกูเหรอ ถามแบบไม่ใช้สมอง” โดนด่ารัวๆ จนฟังแทบไม่ทัน “แล้วนี่ มึงไม่รู้อะไรเลยเหรอ พี่เขาไม่พูดหรือถามเหรอ”
“ฮื่อ” ส่ายหน้าตอบ “พี่เขาก็ปกติดีทุกอย่างนะ กินข้าว ดูทีวี คุยกับกูปกติ”
“พี่เขาคงไม่อยากให้มึงคิดมาก” ไอ้สักตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนประโยคของไอ้เคจะทำให้ทุกคนขำ ยกเว้นผม
“ไอ้กลอยมันน่ารักขนาดที่พี่เขาลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอวะ สงสัยพี่เขาต้องไปตัดแว่นใหม่ว่ะ”
“ไอ้สัดเค” ไม่ด่าเปล่า ยังแถมฝ่าเท้าเข้าเต็มหน้าแข้งจนไอ้เคโอดโอยอย่างเจ็บปวด
“กลับไป มึงก็ลองถามพี่เขาดูสิ” ไอ้ทูออกความคิดเห็น
“ไม่รู้จะเมากลับมาหรือเปล่าสิ วันนี้พี่โชไปวันเกิดเพื่อน กลับดึก” บอกอย่างเซ็งๆ ตอนแรกผมอยากจะไปด้วย แต่พี่โชไม่ให้ไป บอกว่าเพื่อนกลุ่มนี้เมาแล้วชอบรุ่มร่าม กับผมจะมีใครกล้าจับนู้น ล้วงนี่วะครับ ผู้ชาย มีเหมือนๆ กันหมด ต่างกันก็แค่ขนาด...ผมหมายถึงขนาดตัวน่ะ
ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งเงียบอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงทักก็ดังมาจากประตู เป็นรุ่นน้องปีสามที่จะใช้ห้องต่อ พวกผมเลยต้องรีบลุกแล้วพากันออกไปหาอะไรกิน หากแต่พวกไอ้สัก ไอ้เค ไอ้ต๋องดันอยากกินส้มตำ แต่ผมไม่อยาก เลยล็อกคอไอ้ทูออกมากินชาบูในห้าง
จะว่าไป ไอ้ทูก็เหมือนจะรู้เรื่องที่ผมไม่รู้ เดี๋ยวกินชาบูเสร็จ ผมค่อยคาดคั้นเอา แน่นอนว่ามันต้องบอก เพื่อนกันย่อมไม่มีความลับต่อกันจริงไหมครับ...แต่พอเอาเข้าจริง ความหิวก็ครอบงำทุกอย่างจนลืมเรื่องที่จะถาม อิ่มเสร็จก็แยกย้าย มานึกได้อีกทีก็ต่างคนต่างไปแล้ว ถ้าไม่กลัวเจ็บ ผมคงตบหัวตัวเองแรงๆ ไปแล้วโทษฐานที่ขี้ลืม ให้มันได้แบบนี้สิวะ
ขับรถกลับมาคอนโด ห้องยังว่างเปล่า เพราะเจ้าของห้องยังไม่กลับ พี่โชจะออกจากที่ทำงาน แล้วตรงไปงานวันเกิดเลย ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนักว่างานของใคร เพราะคนไปไม่ได้บอกอะไรเลย บอกแค่ว่า หวง อยากให้ผมอยู่ห้องมากกว่า ตอนพูดไม่รู้เมาขี้ตาหรือเปล่า หรือจะเมาความรักที่ผมมอมทุกวัน...ว่าไปนั่น
พอไม่มีอะไรทำก็นั่งเล่นโซเชียลไปเรื่อยๆ สลับกับเล่นเกมส์ ดูทีวี ก็พอรู้อยู่ ว่าการรอคอยอะไรบางอย่าง เวลาจะเดินช้า แต่ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้ มองนาฬิกาตั้งหลายที เข็มมันก็ไม่ยอมขยับ กว่าจะรู้ตัวว่านาฬิกาถ่านหมด ก็ตอนพี่โชกลับห้อง
“ทำไมกลับไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง” ปากก็ถาม ตาก็มองตามคนที่เพิ่งเข้ามา
“นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้ว สามทุ่มที่ไหน” พี่โชพูดจบ ผมก็รีบชี้ไปที่นาฬิกาแขวนผนัง ซึ่งมันบอกว่าสามทุ่ม พี่โชขำในลำคอก่อนเดินมาโยกหัวผมทีหนึ่ง “ตลกว่ะ”
“มันตายได้ไง กลอยเพิ่งเปลี่ยนถ่านไปเองนะ”
“เพิ่งเปลี่ยนเมื่อไหร่?”
“เมื่อสองเดือนที่แล้ว” อุตส่าห์ซื้อถ่าน ดับเบิ้ลเอมาเลยนะ ทำไมแม่งไม่ทนเลย “พี่โชเมาหรือเปล่า กินกี่แก้ว” ถามอย่างทุกทีที่พี่โชออกไปเที่ยว เพราะผมก็ถูกถามแบบนี้ทุกครั้งเหมือนกัน
“ไม่เมาหรอกน่า พี่กินนิดเดียว”
“นิดเดียวจริงอะ?” กลิ่นหึ่งมาก
“อืม”
พี่โชยิ้มหวานตาหยีมาให้ผม ก่อนสายตาอันแสนสั้นของผม จะสังเกตอะไรบางอย่าง เลยต้องรีบรั้งแขนคนจะเดินหนีเข้าห้องไว้
“ปากพี่ไปโดนอะไรมา” รีบผุดลุกขึ้นยืนบนโซฟาทันที พลางเพ่งมองมุมริมฝีปากแดงที่มีแผลอยู่ “ไปมีเรื่องมาใช่ไหม” แถมที่เสื้อเชิ้ตมีรอยเลือดด้วย
“นิดหน่อย” พูดจบก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผม “พี่ไปอาบน้ำก่อน เหล้ากระเด็นใส่ เหม็นไปหมด”
“มีเรื่องกับใคร พี่โชอ่ะ”
ถามไปก็เท่านั้น เพราะคนถูกถามเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว ผมเลยรีบเดินตามพลางทิ้งตัวนั่งปลายเตียงมองพี่โชถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำ
“กินข้าวหรือยัง” พี่โชถามขณะถอดกางเกง
“กินแล้ว พี่โชไปมีเรื่องกับใครเหรอ” ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก เคลียร์หมดแล้ว ไม่ต้องกังวล”
“ต่อไปห้ามมีเรื่องอีกนะ กลอยเป็นห่วง”
“ครับๆ” พี่โชเดินมาจุ๊บหน้าผากผมทีหนึ่ง ก่อนโชว์ฟันขาว “พี่อาบน้ำได้หรือยัง”
“เจ็บไหม” เลือกที่จะยื่นมือไปลูบรอยแผลที่มุมปากพี่โชแทน “มีแผลที่อื่นอีกไหม”
“มือเคล็ดนิดหน่อย สงสัยไม่ได้มีเรื่องซะนาน”
“ไม่ตลกเลยนะ”
พี่โชหัวเราะเสียงดังทำเอาผมหน้างอ
“กลอยก็รู้ ว่าพี่ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน” จะดูดีอยู่แล้วเชียว หากไม่มีประโยคถัดมา “ยกเว้น...เมีย”
“ไปอาบน้ำเลยไป”
ได้แหย่ผมละจะอารมณ์ดีตลอด คนอะไรนิสัยเสีย สมแล้วที่ได้รับฉายา ปีศาจสองพันปี! และพอพี่โชเข้าห้องน้ำปุ๊บ ผมก็รีบวิ่งออกมาหยิบโทรศัพท์ปั๊บ ปลายสายคือคนที่ไปงานกับพี่โชด้วย รออยู่นานกว่าจะรับ
(โทรมาทำพ่อง)
เป็นคำทักทายที่ดูกันเองมากๆ
“พี่จอมกลับถึงห้องหรือยัง” ต้องขอบคุณการเรียนทำอาหาร ที่ทำให้ผมสนิทกับพี่จอมมากขึ้น “ผมมีเรื่องจะถาม”
(เรื่องไอ้โชปากแตกใช่ไหม...ซี๊ด ไอ้ซันกูเจ็บ เบาๆ สิวะ) เสียงซี๊ดปากจากปลายสาย ทำให้ผมแทบมีดาวที่หางตา (มันถึงห้องแล้วก็ดี)
“พี่โชไปมีเรื่องกับใครมา พี่จอมรู้หรือเปล่า” เกือบลืมคำถามหลังจากได้ยินคำบ่นว่าเจ็บ
(จะมีเรื่องกับใครได้ นอกจากกลุ่มกิ๊กมึง ไอ้ซัน กูเจ็บ ทำเบาๆ เป็นไหม ชอบรุนแรงตลอด)
“เอ่อ นี่ผมโทรมาขัดจังหวะอะไรพวกพี่หรือเปล่า” กระดากปากที่จะถาม แต่ก็ต้องถามเป็นมารยาท
(ถ้ากูเอากับไอ้ซัน กูไม่รับโทรศัพท์มึงมาขัดจังหวะหรอกไอ้ห่า กูทำแผลอยู่เว้ย) สมแล้วที่เป็นพี่จอม ตอบได้ตรงและชัดเจน (แม่ง โคตรหมาหมู่ ไอ้ห่า)
“หมาหมู่?”
(เออสิ พวกกูกำลังกินเหล้าเพลินๆ แม่งเข้ามาหาเรื่อง ไอ้โชกลัวคนอื่นโดนลูกหลง เลยพาพวกหมาหมู่ออกไปหลังผับ)
“กิ๊กผมที่ว่านี่...”
(ก็ไอ้เด็กถาปัตย์มหาลัยมึงไง หรือมึงมีกิ๊กคนอื่นอีก ระวังไอ้โชฆ่าตาย)
“จะบ้าเหรอ ผมไม่มีกิ๊กที่ไหนเลย” รีบออกตัวล้อฟรีจนพี่จอมแขวะ “ว่าแต่ พวกพี่มีใครถูกรุมบ้างเหรอ”
(ก็มีกู ไอ้โชแล้วก็ไอ้แทม)
“คนมารุมมีกี่คน?”
(หก ไม่ก็เจ็ดนี่แหละ กูจำไม่ได้ว่ะ แต่ที่กูจำได้ดีคือพวกมันเละ) จบประโยคด้วยการเค้นเสียงขำในลำคอ (คิดจะวัดฝีมือ โคตรทารกเลยสัด)
“แล้วพี่กับพี่แทมเจ็บเยอะไหม” เจ็ดรุมสามเลยนะ
(กูถูกไอ้เหี้ยพวกนั้นใช้ขวดปากฉลามแทงแขน แต่ก็แค่เฉียดๆ เพราะกูหลบทัน ไอ้แทมคิ้วแตก ส่วนไอ้โชก็อย่างที่มึงเห็น) ลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอหลังจากได้ยิน (แต่กูขัดใจตอนไอ้โชหิ้วกิ๊กมึงขึ้นรถไปหาหมอนี่แหละ เป็นกูจะปล่อยให้นอนตายอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ)
“หา? พี่ว่าพี่โชหิ้วใครนะ”
(ไอ้เด็กที่แชทคุยกับมึงบ่อยๆ นั่นไง โคตรโง่ขอตัวต่อตัวกับไอ้โช สุดท้ายก็น็อกคาตีน เป็นกูจะกระทืบให้จมดินไปเลย ไอ้สัด กูเจ็บ/ ปากดีนะมึง) เสียงทุ้มของพี่ซันแทรกเข้ามา พร้อมกับเสียงโวยวายของพี่จอม แล้วสายก็ถูกตัดไป
ทำแผลหรือทำสงครามกันวะ โหดฉิบหาย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งนึกถึงเรื่องคนอื่น ผมควรนึกถึงเรื่องตัวเองถึงจะถูก นี่ไอ้ไบร์ทถึงกับพาพวกไปรุมพี่โชเลยเหรอวะ กล้ามากไปแล้ว ถึงแม้พี่โชจะไปหาเรื่องที่คณะมันก่อนก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ลงมือต่อยตีทำให้เจ็บตัว แบบนี้มันทำเกินกว่าเหตุ ผมคงต้องจัดการอะไรให้มันชัดเจนสักหน่อย
คิดเสร็จก็เดินกลับเข้าห้อง กะจะไปทำแผลให้คนเจ็บ แต่พี่โชดันนอนหลับบนเตียงไปแล้ว ยาก็ยังไม่ได้กิน หรือกลัวว่าผมจะถามก็ไม่รู้ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมก็เลือกที่จะนอนหลับ เก็บแรงไว้ถามพรุ่งนี้ดีกว่า ยังไงซะ พี่โชก็อยู่ข้างผมตลอดอยู่แล้ว
ซะที่ไหน...
ตื่นเช้ามา คนข้างๆ ก็ไปทำงานแล้ว มีติดกระดาษโน้ตไว้ด้วย ว่าคืนนี้จะกลับบ้านเพราะพ่อเรียก แล้วแบบนี้ ผมจะได้ถามเมื่อไหร่ละเนี่ย ที่แน่ๆ วันนี้ ผมต้องไปเคลียร์กับตัวต้นเรื่องก่อน ต้องทำให้เรื่องมันจบไวที่สุด ให้ตามสโลแกน มาด่วน เคลมเร็ว จบไว
แต่กลับไม่เป็นดั่งใจ เมื่อรู้ข่าวว่า ไอ้ไบร์ทนอนป่วยอยู่ แน่นอนว่าผมไม่ได้ปริปากบอกใคร เรื่องที่มันพาพวกไปรุมพี่โช เพราะเนื้อข่าวที่ได้ยินปากต่อปากคือมันรถล้ม ก็เอาตามที่ข่าวว่ามานั่นแหละ เรื่องจะไม่ได้ยาว ไม่งั้นคนเดือดร้อนจะเป็นพี่โชแทน
“อีกลอย มีคนอยากคุยด้วย” ระหว่างนั่งคิดสารพัดปัญหา อีเข็มก็เดินเอาโทรศัพท์ตัวเองยื่นมาให้ ผมจ้องหน้าเพื่อนร่วมรุ่น แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหนี “เร็วๆ”
“เออๆ” รับมาอย่างมึนงง ก่อนเสียงปลายสายจะทักมา ทำเอาผมนิ่งไป “ไอ้ไบร์ท?”
(ครับ) ผมย่นคิ้วให้กับเสียงตอบรับนั่น (ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมชอบรอยยิ้มของพี่มาก มันเหมือนมีแสงเล็กๆ ลอยอยู่รอบๆ ตัวตอนพี่ยิ้ม ผมรู้ตัวดี ว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็แค่อยากมอง...)
“กูอยากให้มึงมองข้ามกูไป หรือจะมองกูเป็นแค่ฝุ่น แค่อากาศอะไรก็ได้ มึงเป็นคนดี สักวัน มึงจะเจอคนที่มึงชอบเขาจริงๆ แต่มึงต้องมองข้ามกูไปก่อน”
(พี่รู้เรื่องผมแล้วใช่ไหม ว่าทำไมผมถึงมานอนโรงพยาบาล)
“มึงพาพวกไปรุมแฟนกู” บอกเสียงเครียด “ถ้าพี่โชกับเพื่อนสู้พวกมึงไม่ได้ เขาไม่ต้องเจ็บ ต้องตายเหรอวะ สติมึงดีหรือเปล่า แล้วมันคุ้มกับอนาคต กับการเจ็บตัวไหม มันใช่เรื่องไหมวะ กูโคตรไม่โอเคเลยว่ะ”
(ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีเพื่อนผมจำคนที่มาหาเรื่องใต้ตึกได้ เลยเข้าไปหา ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนั้น)
“เพราะมึงไม่คิดไง เรื่องถึงเกิด กูขอพูดตรงๆ แบบไม่อ้อม สุนิสาเลยนะ”
(พี่ยังกล้าเล่นมุกอีกนะ)
“กูจริงจังสัด ไอ้ไบร์ท กูขอเลยนะ ขอมึงอย่ามายุ่ง มาวนเวียนรอบกูอีก บอกตามตรง กูอึดอัด กูเห็นมึงเป็นแค่น้องร่วมสถาบันแค่นั้น ไม่เคยคิดอย่างอื่นได้อีก กูไม่ได้ใจง่ายนอนกับคนอื่นไปทั่ว สำหรับกู แค่แฟนกูคนเดียวเท่านั้น ซึ่งมึงก็น่าจะรู้จักแล้ว”
(ครับ รู้จัก แล้วก็ตีนหนักด้วย)
“นั่นแหละ ฉายาเขาล่ะ แล้วมึง...”
(พี่ไม่ต้องห่วง ผมคุยกับแฟนพี่แล้ว เข้าใจแล้วว่าควรอยู่ตรงไหน ที่จะไม่ทำให้พี่หรือคนอื่นเดือดร้อนลำบากใจเพราะตัวผม)
“ขอบใจที่เข้าใจกู ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้คุยกัน หายไวๆ นะมึง” ถอนหายใจออกมายาวๆ หลังพูดในสิ่งที่คิดไปหมด พอผมตัดสายปุ๊บ เจ้าของเครื่องก็เดินหน้าบูดมาดึงกลับปั๊บ “โกรธกูทำไมเนี่ย มึงทำตัวเองทั้งนั้น”
“เรื่องของกูอีดอก อีสวยเลือกได้ รำคาญมึงอีกลอย!” ถูกกรี๊ดใส่หูส่งท้าย เอาซะเส้นประสาทหูสะเทือน ผมมองตามหลังอวบๆ ของเพื่อนไปจนลับตา พร้อมๆ กับไอ้ทูเดินเข้ามาให้เห็นพอดี
“ทำหน้าเหมือนไม่ขี้ เป็นไรวะ”
“ก็เรื่องเมื่อคืน...” แค่เกริ่นมา ผมก็พยักหน้าอย่างรู้ทัน “พี่เบแม่งลากกูไปเต้นหน้าเวที เลยไม่รู้เรื่องพี่โชถูกรุม”
“มึงก็ไปเหรอ” ตาโตสิผม ไอ้ทูได้ไปด้วย “แล้วมึงรู้อะไรบ้างป่ะ เล่าให้กูฟังหน่อย”
“พี่โชไม่เล่าให้มึงฟังเหรอ? แต่ก็สมควรแล้วล่ะ มึงมันตัวต้นเหตุ”
“ไอ้ห่า แค่นี่กูก็รู้สึกผิดจะตายอยู่แล้ว”
“มึงต้องรู้สึกผิดเยอะๆ เพราะมึงทำให้คนอื่นเจ็บตัวโดยใช่เหตุ” ไอ้ทูใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมรัวๆ “เมื่อคืนคนอื่นสนุกแทบตาย แต่พี่โชแม่งโคตรนิ่ง ทำหน้าหงิกตลอด ขนาดมีเด็กมานั่งตักยังโดนไล่แทบลุกไม่ทัน”
“มีเด็กมานั่งตัก?” ทำไมตากระตุกรัว
“เด็กเพื่อนพี่เขานั่นแหละ หล่อ รวย ใครก็อยากได้ แต่ตอนโดนไล่ กูละสะใจฉิบหาย”
ผมก็สะใจ แต่ไม่อยากแสดงออก
“ตอนกลับห้องก็ดูปกติ ยังจุ๊บปากกูอยู่เลย” เผลอหลุดปากจนโดนไอ้ทูขำเยาะ “ก็นั่นแหละ ดูปกติทุกอย่าง มีแค่ปากแตก”
“เพราะพี่เขาห่วงความรู้สึกมึง ไม่อยากให้มึงคิดมาก แล้วมึงล่ะ เคยนึกถึงความรู้สึกพี่เขาบ้างไหม ชอบทำแต่เรื่องให้พี่เขาคิดมาก ไอ้เลว”
“มึงก็ด่าจนกูรู้สึกผิดไม่ทันแล้วเนี่ย”
“ต่อหน้ามึงเขาอาจยิ้ม แต่ลับหลังมึง พี่เขาอาจจะเสียใจ น้อยใจอยู่ก็ได้”
ไอ้นี่ก็บิ้วอารมณ์ผมจังเว้ย
“แล้วกูต้องทำยังไง”
“คิดเองสิ พี่โชเป็นผัวมึง ไม่ใช่ผัวกู”
“แล้วถ้าเป็นผัวมึงๆ จะทำยังไง”
“ก็ง้อสิวะ”
“ง้อยังไง”
“แล้วกูจะรู้ไหมล่ะ ว่าต้องง้อพี่โชแบบไหน เพราะถ้าเป็นพี่เบ แค่อ้อนหน่อยเดียวก็หายแล้ว” ไอ้ทูโคตรมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง เอาซะอยากมองบนใส่ “ถ้ามึงคิดไม่ได้ ก็แค่ไปขอโทษก็จบแล้วป่ะ”
“กูไปขอโทษเรื่องอะไร เชี่ย” ถูกตบหัวจนเส้นผมปลิวเลย นั่นมือหรือฝาหม้อวะ โคตรเจ็บ
“แรงเมื่อกี้ กระตุ้นต่อมสมองของมึงไหม รู้หรือยังว่าทำอะไรผิด”
“เออๆ รู้ แม่ง เกิดเป็นไอ้กลอยก็ผิดตลอด”
“รู้ก็ดี”
ชูนิ้วกลางส่งคืนไอ้ทูไป พลางกลับมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี จะไปขอโทษด้วยวิธีไหน จะไปหาพี่โชที่ทำงานหรือที่บ้านดี แค่คิดก็ปวดหัวไปหมด ก่อนจะมีบางอย่างแวบเข้ามาทำให้ฉุกคิดได้ เอาล่ะ ผมรู้แล้วว่าจะง้อยังไงดี ในเมื่อผมคือกลอยประเกรียน จะง้อวิธีธรรมดาก็คงไม่ใช่ผมสิ ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาหาชื่อใครสักคน
“ฮัลโหล มึงอยู่ไหนไอ้เค กูมีเรื่องจะให้มึงช่วย เดี๋ยวกูไปหา แค่นี้นะ”
หวังว่าแผนการง้อขอโทษที่ผมคิดไว้ จะสำเร็จได้ด้วยดี ไม่มีล่มกลางคันไปซะก่อน...แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด ขอให้ได้ให้โดนด้วยเถิด สาธุ
....
ก้มกราบงามๆ เลยค่า มาช้าตลอด T^T อย่าเพิ่งเบื่อ อย่าเพิ่งทิ้งพี่โชกับกลอยนะคะ นะๆๆๆๆ (ทำตาวิ้งๆ)
แล้วพบกันตอนหน้าค่า มาดูแผนการง้อของกลอยว่าจะเริ่ดแค่ไหน รักกกกกก <3 <3