,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]  (อ่าน 74470 ครั้ง)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
โอ๋ ๆ นะกลอยเราปลอบ ๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบซึ้ง..รอน้องกลอยนวดพี่โช 555   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ปีศาจยังคงหึง หวงกลอยคงเส้นคงวา เหลือเชื่อที่กลอยคุมหมาในปากได้ ไม่งั้นอาจมีคนช้ำในตายได้นะ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน : 4





        บ่ายแก่จนท้องฟ้าเป็นสีส้มเต็มฝืน ผมขยับตัวลุกนั่งบนเตียงอย่างงัวเงีย คนข้างๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนหน้าไม่นาน หลังออกจากบ้านย่ามาถึงโรงแรมที่พี่โชจองไว้ คนขับรถทางไกลหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ส่วนผมนั่งนวดยาคลายกล้ามเนื้อที่ขาพี่โช นวดไปนวดมา หลับตามซะงั้น 

   “หิว” ความรู้สึกแรกหลังจากตื่นนอน “พี่โชหิว” อ้อนคนเพิ่งล้างหน้า ล้างตาออกมาจากห้องน้ำ
 
   “ไปล้างหน้าแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” พี่โชเดินมาใกล้กับเตียงเพราะผมกวักมือเรียก พอมาหยุดปลายเตียง ผมก็ขยับเข้าไปหาพลางกอดเอวแล้วซบหน้าที่ท้อง “อ้อนจะเอาอะไรหืม”

   “คิดถึงไง ไม่ได้เหรอ”

   “ได้เสมอ”

        เงยหน้ารับจูบเบาๆ ที่โน้มลงมาสัมผัส แล้วเสียงท้องร้องก็ทำให้พี่โชหัวเราะ...ไอ้ท้องไม่รักดี!

   เดินออกจากโรงแรม ข้ามถนนมาร้านฟาสต์ฟู้ดที่อยู่ตรงข้าม ผมสั่งข้าวไก่แซ่บพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ไป ส่วนพี่โชก็เอาแค่แฮมเบอร์เกอร์ แน่นอนว่าไอ้ก้อนนั้นมันไม่พอสำหรับท้องของผม

   “อยากไปเที่ยวดอยจัง”

   “ไปไหมล่ะ”

   “ถ้าไปก็ต้องพรุ่งนี้ แต่มันวันอาทิตย์ เราต้องกลับนี่” แอบเสียดาย ถ้าหยุดยาวกว่านี้ ผมคงจะมีเวลาเที่ยว “ไว้คราวหน้าก็ได้”

   “วันจันทร์กลอยไม่มีเรียนนี่ ใช่ไหม” พยักหน้าแทนคำตอบ เพราะข้าวเต็มปากไปหมดกับความหิวระดับสิบ  “งั้นก็ไม่เป็นไรมั้ง”

   “แต่พี่โชต้องทำงาน” แม้จะขัด แต่ใจเต้นรัวไปแล้ว

   “งานวันศุกร์ชดเชยวันจันทร์ไปแล้ว ไม่ต้องห่วง” พอพี่โชว่าแบบนั้น ผมก็สบถเสียงหลงจนคนหันมามอง “พรุ่งนี้ไปเช้าหน่อย รถจะได้ไม่ติด”

   “อื่อๆ”  รีบยัดข้าวเข้าปากเพราะจะได้ไปเตรียมตัวเที่ยวพรุ่งนี้ ตอนแรกว่าจะไปถนนคนเดินวัวลายที่มีเฉพาะวันเสาร์ ตอนออกจากโรงแรมมาเมื่อกี้ พี่ที่แผนกต้อนรับของโรงแรมแนะนำมา แต่ถ้าพี่โชจะพาขึ้นดอยละก็ กลับไปนอนเอาแรงดีกว่า “ว่าแต่ พี่โชจะไปดอยไหนเหรอ” ใจจริงอยากกลับไปเที่ยวดอยอินทนนท์อีกรอบ หลังจากคราวนั้นมีเรื่องไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เป็นประสบการณ์ที่ย่ำแย่มาก ทั้งทะเลาะกับพี่โช ไหนจะโดนชนจนล้ม และป่วยจนไม่ได้ไปเที่ยวที่อื่นอีก โคตรแย่

   “กลอยอยากไปที่ไหนล่ะ” ผมทำท่าคิด แม้ในใจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตาม พี่โชมองผมยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาหยิบเอาข้าวที่ติดมุมปากผมออก “ดอยอินทนนท์ไหม คราวนั้นเที่ยวไม่สนุกเลย” 

   “ไปๆ พี่โชนี่รู้ใจจริงๆ”

   “รู้ใจแล้วรักไหมล่ะ”

   “มากๆๆๆ ที่สุด”

   “น่ารักว่ะ”

   ยิ้มตาจนแทบปิด ในหัวผมตอนนี้ กำลังคิดภาพการเที่ยวพรุ่งนี้ ผมจะเปลี่ยนอดีตที่ขมขื่น ให้เป็นปัจจุบันและอนาคตที่สดใส สนุกแน่....





******

   นาฬิกาตอนนี้บอกเวลาตีสามกว่าๆ ที่ต้องออกเช้าเพราะพี่โชอยากไปเก็บภาพหมอกจางๆ กับภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ปลายยอดดอย ไอ้ผมยังไงก็ได้ เพราะไม่ได้ขับรถอยู่แล้ว

   “พี่โชอ้ำๆ” จิ้มขนมจีบร้อนๆ ที่แวะซื้อร้านสะดวกซื้อไปจ่อปากคนขับ พี่โชงับไม่ถึงวินาทีก็รีบคายเพราะมันร้อน
 
   “โคตรร้อน” คนโดนขนมจีบลวกปากโวยวาย ก่อนเป่าลูกที่คายไว้บนฝ่ามือให้เย็น แล้วเอากลับเข้าปากใหม่ “เป่าด้วยสิ”

   “ขอโทษ ลูกใหม่รับรองไม่ร้อนแน่นอน”

   “ไม่เอาน้ำลายด้วยนะ”

   “พูดซะกลอยดูเป็นคนนิสัยไม่ดี”

   “หรือไม่เคย?”

   “แค่ครั้งสองครั้งเอง”

        ปีศาจจับได้ด้วยว่ะ มีตาวิเศษเห็นนะหรือเปล่า

   แล้วผมก็ถูกมือผลักหัวจนแทบชนกระจก ชอบใช้ความรุนแรงตลอดคนๆ นี้ ผมนั่งจ้อเรื่องย่าให้พี่โชฟังตลอดทาง แก้ง่วงด้วยส่วนหนึ่ง พี่โชทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วยิ้ม หรือไม่ก็ตอบคำถามแบบกลางๆ โดยไม่ได้ลงรายละเอียดและความเห็นมากนัก ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนพี่โชเลยไม่ค่อยอยากยุ่งสักเท่าไหร่

   “เปิดกระจกได้ไหม” ถามระหว่างรถวนขึ้นเขา “จะอ้วก”

   “กินเยอะแล้วก็พูดมาก” แม้จะโดนด่า แต่พี่โชก็กดเปิดกระจกให้ เถียงไม่ไหวหรอก เพราะขนมจีบตีขึ้นมาจ่อที่คอหอยแล้ว และพอได้ลมเย็นๆ โต้เข้าหน้าก็เริ่มดีขึ้น แม้ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาว แต่อากาศเช้าตรู่แบบนี้ก็หนาวเย็นเอาเรื่องเหมือนกัน “เสื้อกันหนาวพี่อยู่เบาะหลัง”

   “เตรียมพร้อมตลอด”

   “ก็มีคนชอบไม่เตรียมอะไรน่ะสิ”

   “ก็กลอยรู้ไง ว่าพี่โชจะต้องเตรียมมา”

   ไม่มีคำโต้ตอบนอกจากการส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ผมเอี้ยวตัวไปเบาะหลังหยิบเสื้อแขนยาวมาสวม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเจ้าของเสื้อทำให้รู้สึกสบายใจ คล้ายกำลังถูกกอดอยู่ ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของพี่โชที่กำลังตั้งใจขับรถ ทางคดเคี้ยววนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มีรถขับนำหน้าประมาณสองคัน ที่คงคิดจะไปเก็บภาพความสวยบนยอดเขาแน่นอน

   ขับตามไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ พี่โชค่อยๆ ถอยรถเข้าจอดพลางคว้าหมวกมาสวมให้ผม จะถอดออกก็เจอสายตาดุจ้อง เลยจำเป็นต้องสวมไปแบบนั้น พอลงจากรถปุ๊บก็จามทันที อากาศชื้นและเย็นมาก ขนาดมีเสื้อกันหนาวยังรู้สึกขนลุก

   “พี่โชไม่ใส่เสื้อกันหนาวอะ” ถามขณะเจ้าตัวง่วนอยู่กับการขนอุปกรณ์กล้องมาประกอบ “พี่โช”

   “ครับๆ” รับปากไปงั้น แต่ก็ไม่เห็นทำ ผมเลยหยิบเสื้อมาคลุมให้แทน พี่โชหันมามองนิ่งๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาจุ๊บปาก ทำเอาผมตาโต “ขอบคุณครับ”

   ขนาดคบกันมานาน พี่โชก็ยังทำให้ผมใจเต้นเร็วได้อยู่ดี

   แม้ตอนนี้สภาพโดยทั่วไปจะยังมืดมิด แต่ก็มีคนมาอยู่รอแสงแรกของพระอาทิตย์ พี่โชแบกกล้องกับขาตั้งไปอยู่ริมทาง ข้างๆ มีคู่รักกำลังจิบกาแฟไป มองตากันไป หวานอะไรเช่นนี้

   “มองอะไร” อยู่ๆ ก็มีมือมาจับหน้าแล้วหันไปอีกด้าน เอาซะตกใจ

   “ก็มองเรื่อยๆ” ตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ พี่โชปรายตามองคู่รักที่ผมมองเมื่อกี้ พลางเลิกคิ้วขึ้น “อยากทำแบบนั้นบ้าง?”

   “ไม่ใช่เถอะ แค่ได้กลิ่นกาแฟเฉยๆ”

   “จริงอะ”

   “เออ” รีบหันหน้าหนีเมื่อถูกหัวเราะ ผมไม่ได้อยากทำตัวหวานกับพี่โชแบบนั้นเลยนะครับ แต่ที่มองเพราะดูเขารักกันดีไม่แพ้ผมกับพี่โชเลย “กี่โมงแล้วเนี่ย เมื่อไหร่พระอาทิตย์จะขึ้น”

   “เดี๋ยวก็ขึ้น” พี่โชว่า พลางดึงผมมายืนซ้อนตรงหน้า แล้วหมุนตัวผมไปหากล้องที่วางบนขาตั้ง “เห็นอะไรไหม” ถามขณะบังคับให้ผมมองผ่านช่องถ่ายภาพ

   “เห็น”

   “เห็นอะไร”

   “เห็นความมืด” บอกไปตรงๆ พี่โชขำออกเสียงจนผมต้องส่งค้อนวงใหญ่ไปให้ ก่อนจะถูกบังคับให้มองอีกรอบ คราวนี้เหมือนจะไม่ใช่ความมืดแล้ว

   “เห็นอะไรไหม”

   “เห็น”

   “อะไร”

   “คำว่ารัก” ไม่ใช่ผมพูดเสี่ยวอะไรนะครับ เพียงแต่ผมเห็นจริงๆ คำว่า รัก อยู่ปลายกระบอกเลนส์ ผมขยับตัวออกมาเห็นพี่โชยิ้มหล่อส่งมาให้ “เดี๋ยวนี้เสี่ยวนะเราน่ะ” พูดแก้เขิน

   “ยังไม่ชินอีกเหรอ” พี่โชพูดปนเสียงขำ ก่อนมือจะยื่นไปหยิบกระดาษที่เขียนคำว่ารักออกจากหน้าเลนส์กล้อง

   “ใครสอนให้ทำเนี่ย”

   “พี่คิดเองสิ”

   “โม้ป่ะ?”

   “ไม่ได้โม้ครับน้องกลอย”

   เถียงกันไปมา จนได้ยินเสียงคนอื่นคุยกันว่าเห็นแสงสีส้มรำไร เราทั้งคู่เลยรีบหันไปจ้องมองปลายยอดเขาที่อยู่อีกฝั่ง รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้ไปนั่งริมทะเลเลย พี่โชตอนนี้จ้องภาพด้านหน้าผ่านช่องมองภาพ เพื่อจะเก็บความทรงจำสวยๆ ส่วนผมก็โทรศัพท์มือถือนี่แหละครับ อยากไลฟ์สด แต่กลัวไม่มีคนดู เช้าขนาดนี้ เพื่อนผมคงยังไม่ตื่นกันหรอก เผลอๆ เมาไม่รู้ความด้วย วันอาทิตย์แบบนี้

   รออยู่นานมากกว่าแสงสีส้มจะค่อยๆ กระจายเต็มผืน คราวนี้ได้ยินเสียงคนแถวนั้นรัวชัตเตอร์คล้ายกับเสียงปืนกล รวมทั้งคนข้างผมด้วย พระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ โผล่ขึ้นจากยอดเขา และไม่นานก็อวดความสวยเต็มดวงบนท้องฟ้า ถือว่าคุ้มค่ามากกับการมาในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เข้าไปถึงกิ่วแม่ปานอย่างที่ดูในเว็บแนะนำ แต่ด้านหน้าทางเข้าตรงนี้ก็น่าพอใจแล้ว

   “กลอย มายืนตรงนี้” มัวดื่มด่ำกับความงามตรงหน้า จนถูกสะกิดเลยเดินไปยืนแบบงงๆ เพียงแป๊บเดียว เสียงชัตเตอร์ก็รัวอย่างกับผมถูกยิง

   “ไม่บอกก่อนว่าจะถ่ายรูป” ผมหน้างอเมื่อถูกถ่ายรูปทีเผลอ ไม่รู้ทำหน้ายังไงบ้าง 

   “ธรรมชาติจะตาย”

   “ธรรมชาติลงโทษน่ะสิ ห้ามพี่โชเอาไปลงก่อนที่กลอยจะเห็นนะ”

   ไม่ได้หรอกนะครับ ต้องสั่งแบบนี้ พี่โชชอบแอบถ่ายรูปผมแล้วเอาไปลงเฟสบุ๊คตัวเอง จนพี่จอมมาถามว่าผมยึดเฟสบุ๊คของพี่โชแล้วหรือเปล่า เพราะมีแต่รูปผมทั้งนั้น

   หลังจากได้รูปภาพสวยๆ ของแสงแรกแล้ว ผมกับพี่โชก็เก็บของเตรียมขึ้นไปถ่ายรูปบนยอดเจดีย์ ชดเชยครั้งที่แล้ว ที่ไม่ได้อะไรเลยเพราะความงี่เง่าของผมเอง นักท่องเที่ยวยังเยอะเหมือนเดิม มีทั้งต่างชาติและคนไทย ผมกวักมือเรียกพี่โชให้ถ่ายรูปที่ซุ้มดอกไม้ แต่ตากล้องกลับหันไปถ่ายเด็กตัวน้อยที่กำลังหัวเราะแทน ไอ้เราก็อุตส่าห์เก๊กหน้าหล่อ...ทำกันได้ลงคอนะคนเรา

   “เอ๊า ไม่ถ่ายแล้วเหรอ”

   ยังมีหน้ามาถามอีก

   “ไม่เอาแล้ว” พูดจบก็เดินหนี พี่โชหัวเราะร่วนเดินตามหลัง ก่อนผมจะหยุดเดิน จนคนเดินตามสงสัย

   “อะไร?”
 
   “พี่โชว่า ถ้ากลอยกลิ้งลงไป เวลาถ่ายรูปออกมามันจะสวยไหม” ผมมองทางขึ้นลงเจดีย์ที่แสนชันแล้วก็คิดได้ พี่โชกระพริบตาปริบๆ มองทางที่เราเพิ่งเดินขึ้นมาอย่างยากลำบาก พลางหันมามองหน้าผม

   “ถ้าถามว่าสวยไหม คงตอบไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าได้ใช้ไหม ได้ใช้แน่นอน ใช้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์” พูดจบพี่โชก็ตวัดแขนยาวคล้องคอผม “ช่วยคิดอะไรธรรมดาๆ ให้พี่ชื่นใจหน่อย น้องกลอย...ประเกรียน” แล้วหัวผมก็ถูกมือใหญ่ขยี้ซะเละ

   ผมผิดตรงไหน ก็แค่ถามความเห็น ไม่ได้คิดจะทำเสียหน่อย ใครจะไปบ้ากลิ้งลงกัน มีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นแหละ ที่คิดจะทำน่ะ...ว่าแต่ ผมด่าตัวเองทำไมวะ 




   
   ผมกับพี่โชเดินขึ้นบันไดไปไหว้พระธาตุเจดีย์ทั้งสององค์ ก่อนเดินลัดเลาะด้านข้างไปถ่ายรูปดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกรายล้อมไว้ คนชอบถ่ายรูปก็สนุกเขาล่ะ สนุกจนลืมว่าผมมาด้วย

   สรุป ผมอยากมา หรือพี่โชอยากมาวะ 

   “พี่คะ ถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหม” ระหว่างแต่งรูปดอกไม้ในโทรศัพท์เพื่อจะเอาลงไอจี อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหา พลางยื่นโทรศัพท์ให้ผม “เอามุมนี้นะคะ ถ่ายให้เห็นยอดเจดีย์แล้วก็ท้องฟ้า”

   “อ่าครับ” รับมาแบบงงๆ ก่อนก้มๆ เงยๆ ขยับซ้ายที ขวาทีเพื่อหามุมที่เขาอยากได้ นี่ถ้านอนถ่ายได้คงทำไปแล้ว พอได้รูปอย่างใจก็เอาไปคืน เจ้าของเครื่องยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนไปยังชมว่าผมน่ารักอีก

   จะดีกว่านี้ถ้าบอกว่าหล่อพ่วงท้ายด้วย

   “ไปอ่อยอะไรอีกล่ะ” ยิ้มค้างหลังมีเสียงนิ่งๆ ดังมาจากด้านหลัง พอหันไป ก็เจอพี่โชยืนเท้าเอวมองมา “เผลอเป็นไม่ได้”

   “เขาขอให้ถ่ายรูป ไม่ได้อ่อยอะไรเลย อย่ามาหาเรื่อง ใส่ร้าย ทำตัวเป็นปีศาจ โอ๊ย” ถูกดึงปากจนต้องขยับตัวหนี

   “พูดมาก ไปยืนตรงนั้น พี่จะถ่ายรูป”

   “นี่กลอยยืนขวางเหรอ”

   “เออ”

   ยกขาเตะก้นพี่โชแล้วรีบวิ่งหนี ปีศาจถลึงตาใส่แต่ก็ไม่ได้วิ่งไล่ตาม ถ้าเป็นห้องที่คอนโด ผมถูกจับหักขาไปแล้ว ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เคยมาแล้ว ขาแทบหมดแรง

   เราสองคนถ่ายรูปต่อกันอีกไม่นานก็เห็นตรงกันว่าควรกลับ เพราะเห็นเมฆฝนสีดำลอยอยู่ด้านบน หากฝนตกคงจะไม่ค่อยดีสำหรับการเดินทางสักเท่าไหร่ พี่โชยังทำหน้าที่คนขับเหมือนเดิม ส่วนผมก็นั่งข้างแต่งรูปที่ถ่ายไป ที่จริงแอบถ่ายรูปตอนพี่โชเผลอๆ มาหลายรูปเหมือนกัน ไว้ค่อยแต่งแล้วเอาลงไอจีเรียกยอดไลค์

   แต่ถึงแม้จะเป็นมุมเผลอๆ ความหล่อของพี่โชก็ไม่มีลดลงเลย เริ่มอิจฉาแล้วเนี่ย

   “หิวไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ผมก็รีบพยักหน้ารัวๆ “ทนหน่อย เดี๋ยวไปกินในห้าง”

   “ชาบูได้ป่ะ?”

   “มาเชียงใหม่ยังจะกินชาบู” บ่นไปงั้น แต่พอถึงจริง พี่โชก็ต้องตามใจผมอยู่แล้ว

   “ขอบคุณที่พี่โชตามมา” อยู่ๆ ก็อยากพูดออกมา พี่โชปรายตามามองนิดๆ “ถ้าพี่โชไม่มา กลอยคงจะเหงาน่าดู”

   “ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่จะไม่ตามมา” ได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มปากแทบจะถึงรูหู “กลอยมีคนเดียวในโลกนี่”

   “แน่นอน หล่อระดับตำนานแบบนี้” ยืดเบาๆ

   “ตำจนนานน่ะสิ”

   “พี่โช”

   หน้ายู่บู้บี้ ยิ่งพอถูกฝ่ามือใหญ่ยื่นมาขยี้ผมจนฟูก็ยิ่งหน้ามุ่ย

   “กินข้าวเสร็จก็กลับไปเก็บของกัน”

   “ยังไม่ได้ซื้อของฝากเลย” เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าลืมซื้อของฝาก พี่โชพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ เป็นอันรู้กันว่า กินข้าวเสร็จก็ไปซื้อของฝากต่อ เพราะยังไงซะ โรมแรมที่พักก็อยู่ไม่ไกลจากตลาดของฝากอยู่แล้ว

   ลงดอยมาก็เข้าห้างต่อ อาจเพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย คนเลยเยอะมากกว่าปกติ หรือว่าปกติผมก็ไม่รู้ แต่ร้านชาบูที่คิดไว้คนเต็มต้องรอคิว ดังนั้นผมเลยเปลี่ยนไปกินอะไรง่ายๆ แถวฟู้ดคอร์ทแทน ไม่อยากใช้เวลานานเพราะต้องเดินทางไกลอีก พออิ่มแล้วจุดหมายต่อไปก็ตลาดวโรรส ต้องเรียกว่าโชคดีที่มีที่ว่างคันสุดท้ายเหลือไว้ให้ พี่โชถึงกับขำเมื่อเห็นผมสวดมนต์ภาวนาขอให้มีที่จอด เพราะวนไปหลายที่กว่าจะได้

   “อยากได้อะไร” คำถามดังขึ้น ขณะผมถูกดึงแขนเพื่อให้หลบรถที่วิ่งมาจากด้านหลัง

   “บอกพี่กิ่งจะซื้อกาละแมไปฝาก” ผมว่า มือก็ปาดเหงื่อที่เริ่มไหล อยากได้อากาศบนดอยมาปล่อยที่นี่มาก “พี่โชอยากได้อะไรไหม”

   “เห็นพี่ชีสบ่นอยากกินไส้อั่ว” ผมพยักหน้าเมื่อได้ยิน เมื่อคืนถามชื่อร้านจากพี่โอ๊ตมาหมดแล้ว ร้านไหนอร่อยขึ้นชื่อในตลาดนี้ แต่ประเด็นคือ ร้านมันอยู่ตรงไหนวะ “เดินนำนี่รู้จักร้านใช่ไหม” พี่โชถาม

   “แน่นอน” มั่นไปงั้น แต่สายตาสอดส่องหาร้านสุดๆ

   กว่าจะได้ของที่อยากได้ครบ ก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะที่ตลาดไม่มีป้ายบอกทางหรือบอกชนิดสินค้าแบบในห้าง ใช้ความเดาล้วนๆ อีกอย่าง ตลาดมีสองฝั่ง ผมกับพี่โชเดินข้ามไป ข้ามมาด้วยความไม่รู้

   “ปวดขา” ขึ้นรถได้ พี่โชก็รีบเปิดแอร์ดับร้อน ส่วนผมก็นวดขาตัวเองไปมา “พี่โชจะเช็คเอ้าท์กี่โมงเหรอ” ถามขณะดูดน้ำจากหลอดที่พี่โชยื่นมาให้

   “ก็คงบ่ายแก่ๆ ถ้าเรากลับตอนเย็น ถึงนู้นก็คงเช้าพอดี”

   “เดี๋ยวเปลี่ยนกันขับ...”

   “พี่ขับไหว”

   รีบออกตัวเร็วเชียวนะ

   “กลอยขับเก่งแล้วพี่โชก็รู้”

   “ก็เพราะรู้น่ะสิ”

   ผมหน้ามุ่ยเมื่อถูกหัวเราะ ตั้งแต่ได้เรียนขับรถแบบเข้มข้น ผมก็ไม่เคยเสยถังขยะอีกเลย ขับแบบมือโปรด้วย เข้าโค้งนี่อย่างนิ่ม ขึ้นลูกคลื่นก็แบบนุ่มนวล

   “กินส้มไหม แม่ค้าบอกว่าหวานมาก” พูดไป มือก็แกะเปลือกส้มไป ส้มสีทองสวยจนอดที่จะซื้อไม่ได้ “พี่โชอ้ำๆ” ยื่นส้มไปจ่อปาก พี่โชงับแล้วเคี้ยวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แปลว่าต้องอร่อยแน่

   “หวานไหม” ถูกถามตอนฟันกัดเข้าที่กลีบส้มในปาก “ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

   “หวานโคตรๆ” ตอบก่อนคายส้มใส่ฝ่ามือ มันเคี้ยวต่อไม่ไหวจริงๆ ขนลุกไปหมด

   “ต่อไปอย่าเชื่อแม่ค้ามาก” พี่โชว่าขำๆ ผมกระพริบตาถี่ๆ เพราะยังรู้สึกเปรี้ยวในปาก

   “เอาไปคืนได้ไหม ในฐานะที่ถูกหลอก” ผมว่า พี่โชยิ่งขำใหญ่



   หน้าตาผมเหมือนคนที่หลอกง่ายเหรอวะ หรือว่าผมดูโง่ เอ่อ อันนี้ค่อยน่าคิด



   พอถึงโรงแรม พี่โชของีบเอาแรงก่อนเดินทางช่วงเย็น ส่วนผมก็จัดของใส่กระเป๋าแล้วเหลือบไปเห็นสมุดบัญชีเงินฝากที่อยู่ในช่องกระเป๋าด้านใน หยิบออกมาดูอีกรอบ นับจำนวนเลขศูนย์ซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่มีลดเลย อยากดีใจแต่ก็ไม่สุด เพราะเงินนี้เป็นของพ่อที่ผมเคยโกรธมากๆ เพราะทิ้งแม่ให้อยู่อย่างลำบาก แถมต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังอีก เรื่องสมุดบัญชีนี้ ผมส่งรูปไปให้พี่กิ่งดูด้วย ขึ้นอ่านแล้วแต่ไม่มีคำตอบหรือคำใดๆ ตอบกลับ

   “ดูอะไร” เสียงงัวเงียจากคนบนเตียง ผมเดินไปนั่งข้างๆ พลางยื่นของที่ย่าให้มาให้พี่โชดู “สมุดบัญชี? ชื่อกลอย?”

   “อืม ย่าบอกว่า พ่อเปิดไว้ให้ตั้งแต่กลอยเด็กๆ” พี่โชขยับตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อผมเริ่มเล่า “ย่าบอกว่า พ่อขอให้คนรู้จักส่งไปให้แม่ แต่ย่ารู้เข้าซะก่อน เลยแอบเก็บไว้ พ่อไม่รู้เลยโอนเงินเข้าให้ทุกเดือน มีของพี่กิ่งกับแม่ด้วย” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบอีกเล่มมา “ของแม่ย่าเผาทิ้งเพราะโกรธ แต่ให้คนรู้จักทำเรื่องย้ายมาไว้ของพี่กิ่ง”

   พี่โชเปิดดูสมุดบัญชีสองเล่มอย่างเงียบๆ ไม่มีความคิดเห็นใดๆ หลุดออกมาเหมือนเดิม ส่วนผมได้แต่เม้มริมฝีปาก เพราะรู้สึกอึดอัด

   “พ่อตั้งไว้ให้กลอยๆ ก็เก็บไว้สิ” สุดท้าย พี่โชก็พูดออกมา รอยยิ้มที่ผมชอบกำลังถูกส่งมาให้ผม “งี้กลอยก็รวยแล้วน่ะสิ” รู้ว่าที่พี่โชพูดเพราะอยากให้ผมขำ ซึ่งผมก็ยิ้มออกมาจริงๆ

   “รวยแต่ไม่เท่าพี่โช ดังนั้นเกาะต่องี้แหละ” ไม่ว่าเปล่า ผมยังตะครุบเกาะเข้าที่แขนแน่น พี่โชหัวเราะลั่นพลางดึงผมเข้าไปกอด “รักโคตรๆ”

   จากที่คิดว่าจะงีบหลับ สุดท้ายผมก็ชวนพี่โชคุยนั่นนี่ โดยเฉพาะเรื่องพี่โอ๊ต ถูกสั่งให้ลบเบอร์ด้วย แต่พอผมบอกพี่โอ๊ตมีแฟนแล้ว ใกล้แต่งงานด้วย ก็เลยยอม สำหรับพี่โชล่ะก็นะ ความหล่อเป็นที่หนึ่ง เรื่องขี้หึงเป็นเบอร์สองเลยล่ะ แต่ถามว่ารักไหม ก็อย่างที่บอก


   โคตรจะรักเลยว่ะ


...TBC

ต่อไปก็เข้าสู่วงจรเกรียนอย่างเต็มรูปแบบค่า หมดเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาสักที ไม่ค่อยสมเป็นกลอยสักเท่าไหร่

ขอบคุณสำหรับการติดตาม และกำลังใจค่าาา

พบกันตอนหน้าค่าา

รักกกกก

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รักกกกกก  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
นี่ก็ร๊ากกกกก..พี่โชด้วย.. :hao7:

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รักกกกก คิดถึงเดอะแก๊งพี่โชด้วยน๊าา

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
เตรียมตัวเอ็นดูความล้นของน้องกลอย  o13

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องกลอยน่ารัก

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ้างถึง
   “ขอโทษ ลูกใหม่รับรองไม่ร้อนแน่นอน”

   “ไม่เอาน้ำลายด้วยนะ”

   “พูดซะกลอยดูเป็นคนนิสัยไม่ดี”

   “หรือไม่เคย?”

   “แค่ครั้งสองครั้งเอง” 

กลอยจะถ่ายทอดทายาทความเกรียนเหรอ  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 ขนาดตอนซึ้งก็ยังเกรียนไม่เลิก
น่ารักมาก มีโมเมนท์บอกรักหวานแหวว
กว่าจะมาถึงตอนนี้ได้ ไม่ธรรมดา

ชอบนะที่โชห่วงน้อง หวงน้อง
ชอบโมเมนท์ที่กลอยอ้อน
โชคงทั้งเอ็นดู ทั้งมันเขี้ยว

เรื่องอดีตก็ปล่อยมันไปเนาะ
พ่อก็ไม่อยู่แล้ว ย่าก็ไม่ค่อยได้เจอ
ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้ชีวิต


ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
 พีโชๆๆทำไมน่ารักขนาดนี้   o13  อิจฉาเกรียนน้อย


 :กอด1: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
สมเป็นกลอยประเกรียน เกรียนมันแทบทุกตอนจริงๆ o13

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โคตรรักเลย :กอด1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
วันนี้กลอยคงพักเหนื่อยจากการเดินทางสินะ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 5




        “ไหนของฝากกู” โผล่หน้ามามหาลัย ก้นยังไม่ทันถึงเก้าอี้ก็ถูกทวงของฝากซะแล้ว ผมกระแทกถุงกะละแม ลงบนโต๊ะ ไม่ถึงนาทีของก็หมด ไม่ใช่เฉพาะพวกไอ้ทู ไอ้สัก แต่เป็นเพื่อนเกือบทั้งรุ่นที่นั่งรอเรียนใต้ตึก “มึงซื้อมาน้อยอะไอ้กลอย”

   “กูเห็นมึงเอาไปซ่อนในกระเป๋ากางเกงไอ้ต๋อง อย่ามาทำงุบงิบ” ผมว่า ไอ้คนแอบเก็บลอยหน้าลอยตาแกะเปลือกใบตองของกะละแมออกแล้วโยนเข้าปาก

   “แบบห่อใบตองหอมว่ะ” ไอ้สักว่า

   “เออจริงของมึง รสชาติอร่อยกว่าอีก” ไอ้เคเสริม ส่วนไอ้ทูกินอย่างเดียว ไอ้คนบริโภคเงียบ

   “ละเป็นไงบ้าง มึงไปที่นู้น มีใครทำร้ายร่างกายมึงไหม” พอหยุดกิน ปากก็ถาม ผมส่ายหน้าช้าๆ ส่งให้ แต่พอคิดอีกทีก็พยักหน้าลง “อะไรของมึง เดี๋ยวใช่เดี๋ยวไม่ใช่ไอ้ห่ากลอย”

   “ไม่มีคนทำร้ายร่างกายกูไง มีแต่แซะกู”

   “ใครวะ ย่ามึงเหรอ”

   “เปล่า หลานย่ากู”

   “หลานย่ามึง? น้องต่างแม่มึงนั่นน่ะนะ”

   “เออ” พยักหน้ารับส่งๆ “สงสัยเกลียดกู”

   “ทำไมมึงไม่บอกไปล่ะ กูก็เกลียดมึงเหมือนกันงี้” ไอ้เคว่าไม่ทันจบก็ถูกมือไอ้ต๋องฟาดเข้าเต็มหัว  “ตบหัวกูทำพ่อง”

   “มึงพูดไม่เพราะไอ้ห่า นั่นผู้หญิง จะให้ไอ้กลอยไปด่าแบบนั้นได้ไง” แล้วทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนพากันหันหน้าหนี “มึงต้องพูดเพราะๆ ว่า ผมก็เกลียดคุณเหมือนกันนั่นแหละงี้สิวะ”

   “มันต่างกันตรงไหน” ถามอย่างสงสัย

   “ก็ผมคุณ กับกูมึง ความรุนแรงมันต่างกันเว้ย”

   “เอาตามที่มึงสบายใจ” ทุกคนพากันเปลี่ยนเรื่อง ส่วนไอ้คนอวดความต่างก็สนใจขนมของฝากต่อ

   “แต่กูว่า ลูกใหม่พ่อมึงอาจกลัวมึงมาแย่งสมบัติหรือเปล่าวะ ย่ามึงรวยนี่” ไอ้สักเปิดประเด็นใหม่ ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์ “กูว่าคงใช่แหละ ไม่งั้นจะเกลียดมึงทำไม”

   “กูว่าช่างมันเถอะ ปล่อยให้เขาเกลียดไป ยังไงกูกับพี่กูก็ไม่เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมดีที่สุด” รีบปิดประเด็นจนพวกอยากเผือกโอดโอยกัน เย็นนี้ผมก็จะไปหาแม่ด้วย จะไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ไม่อยากเล่าผ่านโทรศัพท์ “ว่าแต่ พวกอีเข็มมันรวมกลุ่มดูอะไรวะ หรือหวย”

   “หวยห่าอะไรล่ะ ดูผู้ชายตามเคย” ไอ้สักส่ายหน้าอย่างระอา ลืมไปว่าเจ้าพ่อหวยมันต้องไอ้นี่

   คุยต่อกันไม่นานพวกผมก็ยกโขยงขึ้นเรียน วิชาป้าแหม่มเป็นแบบบรรยาย สงสัยจะหลับอีกตามเคย ตอนกลับมาถึงเมื่อวาน ผมกับพี่โชก็หลับเป็นตาย เหนื่อยกับการเดินทางไม่พอ ยังมาเหนื่อยกับการจราจรอีก จากที่พี่โชจะขับคนเดียว กลายเป็นผมต้องสลับบางช่วงที่เป็นทางตรง ต่อให้คนเราแกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีช่วงเวลาเหนื่อยจนอยากวูบ พี่โชก็เป็นครับ ตอนนั้นรถเหวี่ยงนิดๆ จนผมสะดุ้ง โชคดีมีปั๊มเลยแวะพัก แล้วผมก็เปลี่ยนขับ ประมาทเพียงนิดเดียว ท่านยมก็แทบมายืนรอเลยนะครับ อย่าลืมว่า เหนื่อยก็พักอย่าฝืน

   และโชคดีที่วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า ผมคิดจะกลับไปหาแม่ ระหว่างถอยรถออกจากลาน เสียงโทรศัพท์ก็ดัง ปลายสายเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะโทรมา

   “ฮัลโหล น้องบีม” ทักทายเสียงร่าเริงเข้าไว้ แต่ปลายสายกลับเงียบ “น้องบีมได้ยินน้ากลอยไหม”

   (ได้ยินค่ะ) น้ำเสียงเบาหวิวอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน ปกติจะเป็นเด็กร่าเริง พลังเยอะ

   “น้องบีมมีอะไรให้น้ากลอยช่วยหรือเปล่าคะ” แอบขนลุกเวลาต้องพูดเพราะกับเด็ก 

   (น้ากลอยทำอะไรอยู่เหรอคะ) จากคำถาม ถูกถามกลับมาแทน ผมย่นคิ้วลงพลางสงสัย ว่าเด็กตัวเล็กจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจได้ (เลิกเรียนแล้วเหรอคะ)

   “เลิกแล้วค่ะ” เป็นอาภาพรเลยกู ผมขยับมือถือออกมาดูเมื่อหลานพี่โชเงียบไป คิดว่าวางสาย แต่มันก็ไม่ใช่ “น้องบีมมีอะไรบอกน้ากลอยได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองอยู่แล้ว...” พูดไม่ทันจบดีปลายสายก็สะอื้นคล้ายกับร้องไห้ออกมาซะงั้น เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก กลัวไปพูดจี้จุดอะไร “ร้องไห้ทำไม น้ากลอยพูดไม่ดีกับน้องบีมเหรอคะ เดี๋ยวน้าจะตีมือตัวเองให้” ว่าแล้วก็ตีมือตัวเองเฉย การบ้าจี้มักจะเกิดขึ้นโดยง่าย ยามเราขาดสติ ยังดีที่ว่าตีมือ ถ้าต่อยหน้า รับรอง เห็นดาวตอนกลางวันแน่นอน

   (ไม่มี) หา อะไรไม่มีวะ (ทำไมไม่มีใครว่างเลย) เสียงพูดปนสะอื้นหนัก จนผมต้องตั้งสติเพื่อจะฟัง (พ่อก็ไม่ว่าง แม่ก็ไม่ว่าง น้าโชก็ไม่ว่าง ไม่มีใครว่างเลย)

   “พ่อแม่แล้วก็น้าโชต้องทำงานไงครับ เลยไม่ว่าง” พยายามพูดเป็นกลางเพื่อให้หลานพี่โชใจเย็นขึ้น โดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริงที่น้องบีมว่ามา เพราะปกติแล้ว พี่อัลกับพี่ชีสก็ยุ่งอยู่ตลอด จากที่คิดว่าพูดกลางๆ แต่อีกฝั่งกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้น แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ “น้องบีมอยู่ที่โรงเรียนเหรอคะ ให้น้ากลอยไปหาไหม” วิญญาณคนรักเด็กเข้าสิง ผมนึกหน้าน้องบีมตอนร้องไห้หนักๆ ออกเลย หน้าขาวจะแดงจนเหมือนระเบิดได้

   (น้ากลอยจะมาหาน้องบีมเหรอคะ) จับเสียงได้ว่าสะอื้นน้อยลง ยิ่งพอผมรับคำ น้องบีมก็หยุดร้อง (น้องบีมจะรอนะคะ รีบๆ มา) กำลังจะอ้าปากพูด หลานพี่โชก็ตัดสายทิ้งไปซะงั้น งานเข้าเลยกู ผมเกาหัวตัวเองไปมาอย่างงงๆ มึนๆ เอาวะ พูดว่าไปแล้วคืนคำคงไม่ได้ จะเสียหมาเอา ปกติทุกทีก็เป็นหมาอยู่ละ


   และเพื่อความกระจ่างแจ้ง เลยโทรไปหาพี่โช ได้ใจความว่า วันพรุ่งนี้โรงเรียนมีงาน แต่พี่ชีสกับพี่อัลสามีดันมีงานด่วนเลยไปไม่ได้ ปลายสายของผมก็ด้วย คงไม่คิดว่าหลานตัวเองจะโทรมาหาผม เพราะน้องบีมเป็นคนบอกแม่ตัวเองว่า ไม่เป็นไร น้องบีมไม่โกรธใครที่ไปงานไม่ได้ แล้วไหงโทรมาร้องห่มร้องไห้กับผมได้ ถึงแม้จะพอรู้ความบ้างแล้ว แต่ผมก็ขับไปหาน้องบีมที่โรงเรียนตามที่บอกอยู่ดี ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมงกว่าจะถึง เห็นน้องบีมมาเกาะรั้วประตูรอกลางแดด ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงคงเพราะอากาศร้อน คิดถูกแล้วที่มา

   “น้ากลอยๆ” มือเล็กๆ ยื่นผ่านซี่กรงประตูรั้วกวักเรียกผม เห็นพี่ยามที่อยู่ตรงประตูมองด้วย ผมไม่ใช่แก๊งลักเด็กสักหน่อย ไม่ต้องมองตาขวางแบบนั้นก็ได้ “น้องบีมรอตั้งนาน”

   “รถมันเยอะ แล้วน้องบีมทำไมไม่ไปรอน้ากลอยในร่มล่ะ ตากแดดแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยเอานะ”

   “ไม่เอา เดี๋ยวน้ากลอยไม่เห็นแล้วจะกลับบ้าน”

   เหมือนเห็นตัวเองในวัยเด็ก เวลามีงานโรงเรียนทีไร ผมจะไปยืนรอแม่ที่หน้าโรงเรียน กลัวว่าแม่จะไม่มาหรือมาแล้วไม่เห็นผม

   “น้ากลอยรู้เรื่องงานโรงเรียนวันพรุ่งนี้แล้วนะ” พอผมพูด น้องบีมก็ทำหน้ามุ่ย “เดี๋ยวน้ากลอยมางานแทนเอง” หวังว่าพรุ่งนี้คาบเช้าของป๋าเปาจะไม่เช็คชื่อ “ไม่รู้จะมาแทนได้ไหมนะ”

   “มาได้ค่ะ มาได้ เดี๋ยวน้องบีมบอกคุณครูให้ แต่น้ากลอยจะมาแน่ๆ นะคะ”

        ได้เห็นรอยยิ้มกว้างแล้วรู้สึกดี แม้ตอนแรกที่โทรไปปรึกษาพี่โช ได้คำตอบว่าไม่ต้องไปเพราะไม่อยากให้ผมขาดเรียน แต่พอได้เห็นหน้าเศร้าของน้องบีม มันก็อดไม่ได้จริงๆ 

   “ครับ แต่รายละเอียดงานน้ากลอยไม่รู้เลย”

   “เดี๋ยวน้องบีมให้แม่เอาจดหมายไปให้น้ากลอยนะคะ น้องบีมดีใจ”

   ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้างดูน่ารัก จนภาพวันวานตอนน้องกัดเอวผมค่อยๆ เลือนไปทีละนิด พอจะคุยกันอีก น้องบีมก็ถูกเรียกจากด้านใน หลานพี่โชโบกมือให้ผมก่อนจะวิ่งไปรวมกับเพื่อน ดวงตากลมโตฉายแววเป็นประกายยามที่รู้ว่าผมจะมางานโรงเรียนแทน จะว่าไป ผมก็เป็นคนขี้ใจอ่อนเหมือนกันนะครับ แบบนี้ขอด่าตัวเองแรงๆ หน่อยเถอะ



        ...ไอ้คนดี ไอ้คนหล่อ ไอ้เทพบุตรกลับชาติมาเกิด   





   หลงตัวเองพอประมาณก็กลับไปขึ้นรถ แล้วมุ่งหน้าไปหาแม่ที่ร้าน บอกพี่กิ่งไว้แล้ว ว่าจะรอตอนพี่กิ่งกลับค่อยคุย ดังนั้นช่วงที่รอ ผมก็ต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีในการช่วยงาน แต่พอมาถึง ร้านดันปิดซะงั้น ไฟในการทำงานมอดลงไปทันที ผมเดินผ่านชั้นล่างขึ้นบันไดไป เห็นแม่นั่งนับเงินตากแอร์เย็นช่ำในห้องนอนตัวเอง ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปกอด แต่แม่คงคิดว่าผมเป็นขโมย เลยคว้าตะกร้าฟาดใส่เต็มหน้า

   “ตายแล้ว” แม่โวยวายเมื่อเห็นว่าเป็นผม ที่ตอนนี้ลงไปนั่งพื้นกุมหน้าตัวเองครึ่งซีก

   “ยังไม่ตายแม่ แค่หน้าช้ำ”

   “ยังมาพูดติดตลกอีก ไหนแม่ดูหน่อย”

   ผมยันตัวลุกขึ้นเอามือออก รู้สึกแสบหน้าเบาๆ คงเพราะถูกฟาดอย่างแรง ไม่รู้หน้าแหกเสียโฉมหรือเปล่า
 
   “ทำไมแม่ปิดร้านเร็วล่ะ หรือไม่สบาย” ถามขณะแม่ลูบตรงหางตาตรงที่แสบ

   “วันนี้ขายดีจะตาย ไม่เห็นแม่นับเงินเหรอ” แม่พูดติดตลก พลางหยิบเงินมากรีดแล้วพัดโบก

   “แม่เป็นคนตลกตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมว่า ก่อนจะพากันขำ “คิดถึง” ว่าแล้วก็กอดร่างอวบๆ ของแม่แน่น

   “ตัวแม่เหม็นนะ”

   “เหม็นอะไรหอมจะตาย” ครับหอม กลิ่นหอมติดเสื้อเลย
 
   “อ้อนอะไรเรา ไปเชียงใหม่เป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่า”

   “พี่กิ่งบอกให้รอด้วย ไม่อยากรู้ทีหลัง” พูดเสร็จก็แอบดึงแบงค์สีเทาออกมาจากกอง แต่ถูกแม่ฟาดเข้าที่หลังมือ “แม่อะ นิดๆ หน่อยๆ”

   “เผลอเป็นไม่ได้ แล้วก็หัดใช้เงินให้มันน้อยๆ หน่อย”

   “ไม่ได้ใช้เยอะเลย พี่โชฟ้องใช่ไหม นิสัยไม่ดี”

   “ไปว่าพี่เขาอีก ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว แม่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เหนียวตัวไปหมด”

   ก่อนไปแม่ยังขยี้หัวผม เอาซะทรงที่เซ็ทมากลายเป็นรังนก ระหว่างรอแม่อาบน้ำ ผมก็แต่งรูปพี่โชที่แอบถ่ายไปเรื่อยๆ และด้วยความหล่อใส ผมเลยแอบเพิ่มเขาเดวิลเข้าไป เสร็จแล้วก็อัพโหลด เพียงแค่ไม่กี่วินาที คนก็เริ่มกดไลค์ และมีคอมเม้นเข้ามาอย่างพี่จอมที่เอาแต่ส่งเลขห้ามารัวๆ พี่แทมบอกระวังตีนเจ้าของรูป คิดว่าผมจะกลัวเหรอ แต่คอมเม้นที่เด็ดสุดก็คงเป็นเจ้าของรูปนั่นแหละ พี่โชตอบกลับแค่คำเดียวสั้นๆ ว่า ลบ แต่ผมก็ไม่สน หัวเดวิลที่ถูกส่งมาก็ไม่ทำให้ผมกลัวแต่อย่างใด


   บอกแล้วว่านี่...กลอยประเกรียนครับผม


   อยู่ที่ร้านจนเย็นกว่าพี่กิ่งจะกลับมา ผมยกมือไหว้พี่ผิงที่เข้ามาทักทาย ก่อนจะกลับห้องเพราะรู้ว่าผมกับพี่กิ่งแล้วก็แม่มีเรื่องคุยกัน

   “ว่ามา” พี่กิ่งนั่งไขว่ห้างทำหน้านิ่ง ส่วนแม่ก็นั่งมองหน้าผมสลับกับพี่สาวไปมา

   “มีอะไรกันหรือเปล่า” แม่ถามออกมา ผมเลยหยิบสมุดบัญชีสองเล่มออกมาวางบนเตียง พี่กิ่งทำหน้าเคร่งเครียดมาก ต่างจากแม่ก็ยังไม่รู้อะไร “สมุดบัญชีใครน่ะ เราให้โชเปิดให้อีกเหรอ”

   “ย่าให้มาครับ” ผมบอกแม่ เพียงเท่านั้นแม่ก็ตีหน้านิ่ง มือที่กำลังยื่นไปจะหยิบก็ถูกดึงกลับไปไว้บนตักตามเดิม “ย่าบอกว่า พ่อเปิดบัญชีไว้ให้กลอยกับพี่กิ่ง” คราวนี้ทุกคนพากันเงียบหมด “มีของแม่ด้วย แต่ย่าเผาทิ้งไปเพราะ...”

   “เพราะไม่ชอบแม่” พี่กิ่งเป็นคนเติมประโยค “แกไม่ควรเอาของๆ เขามา”

   “แต่ย่าบอกว่า พ่อตั้งใจให้พวกเรา” ผมเถียงพี่สาวไป และก็ได้ยินเสียงฮึดฮัดจากทางจมูก “สมุดแม่โดนเผา แต่เงินในนั้น ย่าให้คนรู้จักทำเรื่องแล้วโอนเข้าบัญชีชื่อพี่กิ่ง” ว่าแล้วผมก็ยื่นสมุดทั้งสองเล่มให้แม่ “ย่าฝากบอกว่า ขอโทษ ย่าขอโทษที่ตอนนั้นขัดขวางพ่อกับแม่”

   “มันไม่สายไปหน่อยเหรอ เพิ่งมาสำนึกได้เนี่ย” พี่กิ่งแทรกออกมา “พวกเราลำบากมาขนาดไหน กว่าจะถึงวันนี้ แม่ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อเลี้ยงลูกสองคน ฉันต้องมองเพื่อนๆ กินขนมเพราะตัวเองไม่มีเงินซื้อ หรือพอได้มา ฉันก็ต้องเก็บไว้ให้แกกิน แกอาจไม่สน แต่ฉันไม่มีวันลืม” พูดกิ่งพูดด้วยความโกรธจนน้ำตาไหล แต่เจ้าตัวก็รีบปาดทิ้งอย่างไม่ใยดี “ถามว่าโกรธไหม คงไม่ แต่ให้อภัยไหม ก็ไม่เหมือนกัน!”

   “กิ่ง” แม่ยื่นมือไปจับมือของพี่กิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ ติดอยู่ “โกรธไปก็มีแต่ลูกที่ทรมานนะ”

   “แต่เขาทำให้เราลำบากนะคะแม่” โหมดอ่อนไหวของพี่กิ่งไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ แต่มันก็พาลให้ผมอ่อนไหวไปด้วย

   “นั่นมันอดีต ตอนนี้เราก็ไม่ได้ลำบากแล้วจริงไหม กิ่งคิดแค้นไป ชีวิตเขาหรือเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สู้ทำทุกวันให้เป็นวันที่ดี เขาก็อยู่ของเขา เราก็อยู่กันแบบนี้เหมือนเดิม มีกิ่ง กลอย แม่ ก็พอแล้วนี่จริงไหม” พี่กิ่งไม่ได้ตอบอะไรนอกจากโผเข้าไปกอดแม่พร้อมร้องไห้สะอื้น “กลอยล่ะ ยังโกรธไหม”

   “ไม่ฮะ” ส่ายหน้ารัวๆ แต่พอพี่กิ่งปรายตามองก็รีบพยักหน้า “นิดๆ ก็ได้” ตอบปุ๊บ แม่ก็ขำออกเสียง

   “ดีแล้วลูก คิดมากไปก็ปวดหัวซะเปล่าๆ”

   “จริง คิดเรื่องอดีตปวดหัวจะตาย มาคิดเรื่องอนาคตดีกว่า” พอผมพูดจบ พี่กิ่งก็ผละจากอ้อมกอดของแม่ มือยกปาดน้ำตาตัวเองออกจากแก้ม “เงินเยอะแบบนี้ ไปเที่ยวรอบโลกกันไหม” พูดไม่ทันจบดี ก็โดนกระดาษทิชชู่เปียกน้ำตาปาเข้าเต็มหน้า ผมมองค้อนพี่สาวที่อุกอาจทำร้ายต่อหน้าแม่

   “เก็บเงินไว้ใช้ตอนจำเป็นบ้าง” โดนดุแต่ผมไม่สะทกสะท้านหรอก เพราะมันชินไปแล้ว

   “งั้นซื้อบ้านกันไหม ย่าบอกพ่อเคยจองบ้านเดี่ยวให้แม่ด้วย แต่สัญญาถูกยกเลิกไป”

   “ถ้าแม่อยากได้ ฉันก็ซื้อให้ได้ ไม่ต้องพึ่งบ้านนั้น”

   “ลืมไปว่าพี่สาวสุดสวยทำงานธนาคาร” พูดจบก็ต้องลุกหนี พี่กิ่งไล่กวดรอบห้องจนแม่ต้องห้าม พลางไล่ให้แยกย้าย ผมแลบลิ้นส่งท้ายก่อนพี่กิ่งจะออกจากห้องแม่ “แม่ไม่โกรธย่าจริงๆ เหรอ”

   “แม่รู้ ว่าที่เขาทำ เพราะอยากให้ลูกเขาได้กับคนที่ดีและเพียบพร้อม ไม่มีใครอยากให้ลูกของตัวเองต้องมาทนทุกข์ ตกระกำลำบากหรอก” แม่ลูบศีรษะผมขณะพูด แววตาอบอุ่นทอดมองจนผมกอดแม่แน่น “เหมือนที่แม่ อยากให้กลอยมีชีวิตที่ดี มีความสุข”

   “แต่แม่ก็ไม่ได้ห้ามที่กลอยคบกับพี่โช...”

   “เพราะแม่รู้ว่าโชจะไม่ทำให้ลูกแม่ต้องเสียใจ”

   “แล้วถ้าเสียใจล่ะ แม่จะทำยังไง”

   “แม่จะไปต่อยเลยดีไหม” ฟังก็รู้ว่าแม่พูดให้ตลก และผมก็ขำออกมาจริงๆ “รักที่ดีไม่ได้หาง่ายๆ เหมือนกับคนดีและรักเรา ก็หาไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน กลอยต้องดูแลสิ่งที่ลูกรักให้มากๆ อย่าดื้อ อย่าซน พี่เขาพูดหรือห้ามอะไรก็ให้ฟังบ้าง โดยเฉพาะเรื่องแอบไปกินเหล้า”

   “โหย”

        เถียงไม่ออกเลยทีเดียว นี่พี่โชฟ้องแม่ผมกี่เรื่องวะเนี่ย ร้ายกาจเกินไปแล้วนะปีศาจ

   “แล้วจะนอนที่นี่หรือกลับล่ะ แต่ดูแล้วคงไม่นอนใช่ไหม” ยิ้มแห้งๆ ส่งให้แม่ที่รู้ทัน ผมก็อยากจะนอนอยู่หรอก แต่ไม่ได้บอกพี่โชเอาไว้ บอกแค่ว่าจะเอาของฝากมาให้เฉยๆ

   ผมเอาของฝากที่ซื้อมาให้แม่กับพี่กิ่งเสร็จก็ขอตัวกลับ พี่โชโทรมาหาหลายรอบช่วงที่ผมกำลังอ้อนแม่ ไม่รู้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พอโทรกลับไปก็ไม่มีใครรับสายซะงั้น หรือจะปวดหัว ตัวร้อน ไม่สบาย มีไข้ คิดแบบนี้ผมก็เหยียบความเร็วเพิ่ม แต่ก็ไม่ให้เกินกำหนดของกฎจราจร เพราะกลัวถูกจับแล้วก็ถูกยึดรถไปอีก

   จอดรถใต้คอนโดได้ก็รีบวิ่ง จะผอมก็คราวนี้แหละ ในหัวสมองมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับพี่โช จนลิฟต์เปิดประตูชั้นที่กดไว้ ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้อง เปิดประตูเข้าไปก็ต้องผงะ เมื่อถูกจู่โจมจนตัวเซ

   “น้ากลอย”

   “น้องบีม?”

   ใช่ครับ เปิดประตูปุ๊บ เอวผมก็ถูกรวบกอดแน่นจากน้องบีมทันที หลานพี่โชยิ้มแป้นแล้นมองหน้าผม ดวงตาใสเป็นประกายวิบวับ

   “น้ากลอยมาช้าจัง น้องบีมจะหลับอยู่แล้ว”

   “น้องบีมมีอะไรกับน้ากลอยเหรอครับ” เข้าห้องมาก็รีบยกมือไหว้พี่ชีส พี่สาวของพี่โชที่นั่งไขว้ห้างจิบไวน์ขวดแพงกับน้องชายตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาคิ้วผมกระตุก “โทรหาไม่รับ ไอ้เราก็คิดว่าเป็นอะไร” พูดลอยๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงได้ยิน 

   “น้ากลอยลืมที่คุยกันเมื่อเช้าแล้วเหรอคะ? ปลาทองจัง” มัวแต่ฉุนพี่โชจนโดนน้องบีมแขวะเข้าให้ ปากเล็กยื่นคล้ายกับงอน จนผมต้องรีบยิ้มส่งให้

   อยากติดเครื่องปรับอารมณ์ไว้ตรงหน้าผากตัวเองจริงๆ

   “หัวน้ากลอยไม่มีวุ้นสักหน่อย เป็นปลาทองได้ไง อีกอย่าง น้ากลอยก็จำได้อยู่แล้ว” ไม่หรอก ผมจำไม่ได้ หากน้องบีมไม่พูดถึงเรื่องที่คุยกันไว้ละก็นะ “แล้วไหนล่ะ รายละเอียดที่จะให้น้ากลอยดู”

   พูดจบ น้องบีมก็วิ่งไปหาแม่ตัวเองพลางหยิบซองสีขาวมาให้ผม เปิดออกดูก็เจอแผ่นกระดาษที่บอกรายละเอียดของงาน รวมทั้งกำหนดการต่างๆ

   “ขอบใจนะ ที่กลอยไปงานแทนพี่กับพี่อัล ไม่งั้นน้องบีมคงงอนพี่ไปอีกนาน” พี่ชีสว่า ก่อนจะลุกมาหาผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร “แต่งานมีการแสดงด้วยนะ”

   “การแสดง?” ถามกลับเสียงเบา เริ่มรู้สึกถึงภัยร้ายที่ออกมาจากสายตาของพี่ชีส

    “ใช่จ้ะ เป็นการแสดงที่ผู้ปกครองจะต้องแสดงพร้อมเด็กนักเรียน” มือเรียววางบนบ่าผมปุ๊บ น้ำตาก็แทบจะไหล ยิ่งประโยคถัดมา ทำเอาผมแทบอยากถอนตัว “ไม่ต้องห่วง วันนี้น้องบีมจะสอนกลอยเอง รับรอง พรุ่งนี้ทุกอย่างราบรื่นแน่นอน”


   มิน่าพี่โชถึงบอกให้ผมปล่อยผ่าน มันมีแบบนี้นี่เอง ผมถอนตัวตอนนี้ยังทันไหม ไม่น่าเกิดมาเป็นคนดีเลยจริงๆ



...TBC

มาแล้วค่าาา ขอโทษที่หายไปไม่บอกกล่าว พอดีติดงานนิดหน่อย ได้โปรดให้อภัยด้วยค่า (ก้มไหว้ย่อ)

ตอนนี้ดราม่าเรื่องอดีตตอนสุดท้ายแล้ว ตอนหน้ามาสนุกกับงานโรงเรียนน้องบีมกันค่า

แล้วพบกันค่ะ

รักกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ถอนตัวไม่ทันแล้วกลอย​ ตกหลุมน้องบีมแล้ว

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พ่อกลอยปะเกรียน..คนดีของพี่โช   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รักกกกก  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :jul3: :jul3: น้ากลอยงานงอกซะละ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
กลอยประเกรียนงานเข้าอย่างแรงงงงงง :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
งานเข้าแล้วกลอยปะเกรียน  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
จะแสดงอะไรกับหลานน้อน้ากลอย


 :กอด1: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 กลอยประเกรียน เป็นไงล่ะ
โดนหลานเกรียนใส่กว่าไปอีก
ทำไมน้องบีมร้ายตาใสแบบนี้คะลูก
 
กลอยเป็นคนดีไม่ถูกเวลานะ
โชก็ไม่บอกน้องยาวๆ ทำน้องสละชีพเลย

สงสารครอบครัวกลอย แต่แม่เป็นคนคิดดี
ถึงเลี้ยงลูกมาได้ขนาดนี้ กิ่งเจอมาเยอะเลยเจ็บเยอะ


ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 6




        ผมถูกน้องบีมโทรปลุกตั้งแต่ตีสี่ ใช้เวลาอาบน้ำไม่กี่นาทีแต่นั่งหลับในส้วมเกือบครึ่งชั่วโมง ลงจากคอนโดมาตีห้านิดๆ ก็เห็นรถของพี่อัล สามีพี่ชีสมาจอดรอ คนโทรปลุกผมดูตื่นเต้นโบกไม้โบกมือไม่หยุด อะไรจะคึกขนาดนั้น

        และจากที่คิดว่างานเด็กเล็กอะไรจะต้องไปเช้าขนาดนี้ แต่พอมาถึงจริง เหล่าบรรดานักเรียนและผู้ปกครองต่างก็มากันจนเต็มโรงเรียนไปหมด บางรายก็ซ้อมการแสดงอย่างขะมักเขม้น บางรายก็นั่งแต่งหน้าทำผม มันต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ งานโรงเรียนเด็กประถมเนี่ย

   “น้องบีม ทางนี้ๆ” ตัวผมแทบปลิว เมื่อน้องบีมไม่ยอมปล่อยมือผมขณะจะวิ่งไปหาเพื่อน แรงเยอะสมกับเป็นลูกพี่ชีสและหลานพี่โช “มาช้าจัง”

   “เราขอโทษนะ สวัสดีค่ะคุณป้า” น้องบีมก็ยกมือสวัสดีผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า ทำให้ผมต้องยกตาม แม้จะไม่รู้จัก

   “นี่ใครหรือจ๊ะน้องบีม” คุณป้าที่น้องบีมเรียกชี้มาทางผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   “น้ากลอยค่ะ” น้องบีมแนะนำผม ก่อนรอยยิ้มผมจะค่อยๆ เจื่อน เมื่อมีประโยคต่อท้ายมาด้วย “แฟนของน้าโช น้าของน้องบีมเองค่ะ”


   ไม่ต้องลงรายละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง


   “แหม หน้าตาน่ารักเชียว ว่าแต่ หนูซ้อมมาแล้วใช่ไหมจ๊ะ เพลงน่ะ” คุณป้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งมาให้ผม คงจะรู้จักพี่โชสินะ
 
   “ก็เพิ่งซ้อมเมื่อคืน...”

   “ตายจริง แบบนี้ต้องรีบซ้อมด่วนๆ ถ้าเราเต้นไม่พร้อมกันจะแย่เอานะ”

   โดนขัดทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค เมื่อคืนผมถูกกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะน้องบีมที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง จะดูผมซ้อมท่าให้เป๊ะก่อน จนพี่ชีสงีบหลับไปหลายรอบ หากพี่โชไม่ออกปากว่าพรุ่งนี้จะไม่สวย เด็กตัวเล็กคงไม่ยอมกลับแน่
นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า ตอนนี้อยากได้เครื่องดื่มชูกำลังสักโหลจริงๆ
 
        แล้วผมก็เพิ่งรู้ก่อนมาถึงโรงเรียน ว่าน้องบีมต้องเต้นกับเพื่อนแล้วก็ผู้ปกครองของเพื่อนรวมเป็นสี่คน จากที่คิดว่าไม่ไหวตอนนี้คูณสองไปอีก 

   ผมถูกแม่ของเพื่อนน้องบีมลากมาด้านหลังตรงที่ว่าง พลางเปิดคลิปเพลงที่จะต้องใช้เต้นวันนี้ เป็นคลิปสอนเต้นในยูทูป ที่เมื่อคืนผมเก็บไปฝัน จนละเมอยกมือ ยกไม้ด้วย พี่โชโดนลูกหลงหนีไปนอนริมเตียง สงสารเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ตัวนี่นา ผมยืนนิ่งดูสามสาวต่างวัยโยกย้ายตามจังหวะ ก่อนจะถูกคุณป้าดึงให้มาซ้อมท่าด้วย

   วันนี้ เหตุการณ์นี้ และเพลงๆ นี้ จะอยู่ในความทรงจำของไอ้กลอยตลอดไป

       “น้ากลอยต้องตั้งใจเต้นนะคะ” หลานพี่โชจับมือผมข้างหนึ่ง เพื่อนน้องจับอีกข้างหนึ่ง ทั้งคู่ส่งสายตาวิบวับมาจนผมวางตัวไม่ถูก “น้องบีมอยากได้รางวัลที่หนึ่ง”

   “มีรางวัลด้วยเหรอ”

        จากที่กังวลเมื่อกี้ พอได้ยินคำว่ารางวัล ตาก็โตโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้ยินเสียงหัวเราะจากคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็นะ ผมเป็นนักล่ารางวัลนี่นา ของฟรีมีที่ไหน ต้องมีไอ้กลอยที่นั่น 

   “มีสิคะ รางวัลที่หนึ่งได้ของเยอะเลยนะ น้ากลอยต้องเต้นให้ดีๆ นะคะ” น้องบีมว่า

   “น้องอายก็อยากได้ที่หนึ่งค่ะ” เสียงใสอีกฝั่งบอก ผมหันไปยิ้มพรายส่งให้

   “ไว้ใจน้ากลอยคนนี้ได้เลยค่ะ” บอกอย่างมั่นใจ ยิ่งเพิ่มแสงเป็นประกายในแววตาของเด็กๆ


   เต่างอยก็เต่างอยเถอะ ต้องแพ้ไอ้กลอยประเกรียนคนนี้แน่นอน โคตรมั่นใจ ให้ร้อยไม่มีลด
   


   แต่พอถึงเวลาจริง ขาก็แอบสั่นเหมือนกันนะครับ หลังจากผ่านการเปิดงานไปเมื่อกี้ ซึ่งดูเป็นงานใหญ่กว่าที่ผมคิด ดูจากจำนวนคนที่มางานกับกล้องที่แต่ละคนถือ ร้อยหนึ่งเมื่อกี้ ขอลดลงเหลือห้าสิบได้ไหม ตอนนี้เหงื่อเริ่มผุดจนเหมือนเป็นโรคร้าย ต่างจากสามสาวที่ยังซ้อมเต้นกันอยู่ ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกันบ้างเลยเหรอวะเนี่ย บนเวทีคู่แรกเริ่มขึ้นไปเต้นแล้ว ผมแอบชะเง้อมองอยู่ด้านข้าง อยากขำหน้าของผู้ปกครองเด็กที่เหมือนจำใจเต้นเพลงคุ้กกี้ฯ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องขึ้นไปเต้นแบบนั้น

   “มายืนอะไรตรงนี้จ๊ะ ไปซ้อมๆ หนูยังเต้นไม่พร้อมพวกเราเลยนะ”

   “ยังต้องซ้อมอีกเหรอครับ”

   “ซ้อมจ้ะ”

   ยิ้มแห้งๆ พร้อมยอมเดินไปซ้อมกับเด็กอีกสองคนที่ชูมือชูไม้หัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน เป็นเด็กมันก็ดีตรงไม่ต้องคิดมาก เอาวะ ถอนตัวไม่ได้ก็ลุยหน้าไปให้สุด ท่องไว้ เพื่อรางวัล เพื่อของฟรี

   ทีมอื่นๆ ทยอยขึ้นไปแสดงโชว์ ส่วนทีมของผมนั้น เป็นทีมสุดท้ายจากการจับฉลาก มือใครจับช่างแม่นจริงๆ ผมพยายามใช้รอยหยักในสมองที่มีอยู่จดจำท่าทาง ทั้งมือ ทั้งเท้า ทั้งจังหวะเพลง ฟังซ้ำๆ ดูซ้ำๆ จนแทบตัดการรับรู้ทุกอย่างออกจากหัว ขนาดน้องบีมตะโกนเรียกยังไม่ได้ยิน จนถูกเขย่าแขนถึงสะดุ้ง

   “หา?”

   “น้ากลอยไม่สนใจน้องบีมเลย เขาเรียกกลุ่มเราแล้วค่ะ”

   “อ๋อ ครับๆ”

   ผมวางแล็ปท็อปของแม่น้องอายไว้เก้าอี้ข้างๆ กำลังจะลุกขึ้น น้องบีมก็ยื่นของบางอย่างมาให้
 
   “นี่คือ?”

   “หมวกเต่างอยค่ะ”

   “หา?”

   หมวกเต่าสีเขียวมีสายรัดที่คาง น้องบีมสวมของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เหมือนๆ กับน้องอายและแม่ของเขา นี่ผมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรวะ มิน่าถึงไม่มีการแต่งหน้า ทำผมแบบทีมอื่นๆ เพราะมีหมวกนี่เอง ผมกลั้นใจสวมหมวกเต่าพลางเดินตามหลังทีมตัวเองไปที่เวที ว่าแต่ทำไมขามันสั่นแบบนี้วะ จะก้าวแต่ละทีต้องใช้มือช่วยยก ยิ่งพอมายืนบนเวที เห็นคนมากมายต่างจ้องมองมาทำเอาลนไปหมด เนื้อเพลง ท่าเต้นทุกอย่าง หายออกจากสมองไปหมด ถึงแม้ผมจะเป็นพวกหน้าด้านพอประมาณก็เถอะ 




        **** (ขออนุญาตพาดพิงคลิปสอนเต้นเพลงเต่างอย ในยูทูปนะคะ เป็นคลิปของ The Inner studio เพราะคิดว่าเป็นท่าเต้นที่เหมาะกับกลอยจริงๆ แนะนำให้ดูก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านค่ะ (-/l\-) ) ***




   เมื่อมีเสียงอินโทรของเครื่องบรรเลงดนตรีอีสาน สามสาวก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ผมที่มัวแต่มองนั่นนี่เลยยกช้า คนด้านล่างขำกันใหญ่ น้องบีมหันมาเบะปากจะร้องไห้ คงกลัวผมทำล่ม ยิ่งดนตรีเริ่มมา ต้องออกท่าเต้น ผมก็เต้นช้าไม่พร้อมคนอื่น พอมองไปด้านล่างเวที คนชี้มาที่ผมแล้วหันไปซุบซิบกัน


   ‘สาว เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่า เต่า เต่า เต่า เต่างอย เต่างอย เต่างอย เต่า เต่า เต่างอย’ เพลงเริ่มร้อง ผมก็รีบดึงวิญญาณนักล่ารางวัลเข้าสิงร่าง จากที่เต้นช้า เต้นไม่พร้อม ตอนนี้ขอจัดเต็ม ผมใส่ลีลา ใส่จริต ใส่ยิ่งกว่าครูสอนเต้นในคลิปเสียอีก

   เอาวะ งานมีครั้งเดียว อายครั้งเดียว จะไปกลัวอะไร

   ‘สาว เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่า เต่า เต่า เต่างอย เต่างอย เต่างอย เต่า เต่า เต่างอย’ เด้งอก ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคนนั่งดู รู้แค่ว่า ผมเต้นพร้อมคนอื่นแน่นอน และดูเหมือนแม่ของน้องอายจะฮึกเหิม เพราะเริ่มเต้นแรงเหมือนกันกับผม คราวนี้เสียงปรบมือตามเพลงก็ดังคลอตลอด มีเสียงกรี๊ดด้วย
 
       จนเพลงจบ เราสี่คนก็จบท้ายด้วยท่าเต่า จากนั้นเสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น นี่ว่าดังกว่าทีมอื่นด้วย รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่มีความสามารถขนาดนี้

      “น้ากลอยสุดยอดมากค่ะ” น้องอายชูนิ้วโป้งให้ผมสองข้าง พอๆ กับน้องบีมที่ยิ้มไม่หุบ

      “แบบนี้ เรามีหวังได้รางวัลแน่เลยค่ะ” น้องบีมว่า แววตาดูเปล่งประกาย

   อยากจะตอบเด็กๆ เหมือนกัน แต่แรงพูดแทบไม่มี เหนื่อยมากถึงมากที่สุด เราสี่คนโค้งศีรษะก่อนพากันเดินลงเวที ขาผมก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายก็เจอกับกล้องวีดีโอที่จ่อถ่ายตรงหน้า ตอนแรกเกือบด่าไปแล้ว ยังดีที่คนถ่ายลดกล้องลงทำให้เห็นว่าคนถือยิ้มกว้างแค่ไหน

   “น้าโช” น้องบีมโผเข้ากอดน้าตัวเอง ก่อนจะอวดว่าผมเต้นเก่งมาก

   “น้าถ่ายไว้หมดแล้วด้วย” พี่โชว่าพลางปรายตามองผม รู้เลยว่าจะถูกล้อแน่นอน “แต่น้องบีมก็เต้นดีมากเหมือนกันนะ น้องอายด้วย”

   “แล้วน้าล่ะจ๊ะ ไม่ชมเลย”

   “คุณน้าก็เต้นสุดยอดเลยครับ”

   แล้วทุกคนต่างก็หัวเราะกัน ผมเดินหน้างอตามหลังไป ระหว่างนั้นมีเด็กหลายคนวิ่งมาขอจับมือ บ้างก็มาขอถ่ายรูป แต่จะติดหน่อยก็ตรงที่เด็กๆ เรียกผมว่าลุงนี่แหละ ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น พอหลุดมาได้ก็เจอพี่โชยืนรออยู่ ปากแดงมีรอยยิ้มอยู่ตลอด

   “ยิ้มอะไร ไหนบอกไม่มา”

   “พอดีงานเลื่อนกะทันหันน่ะ”

   “ไม่อยากมาเต้นเต่างอยล่ะสิ รู้ทันหรอก” ทั้งพี่ชีส พี่อัล รวมทั้งพี่โชด้วย นึกภาพไม่ออกเลยถ้ามาเต้นอะไรแบบนี้ “แล้วพี่มาคนเดียวเหรอ”

   “อืม” คุยอีกไม่กี่ประโยค เด็กตัวเล็กก็มาขอผมถ่ายรูปอีก พี่โชเลยกลายเป็นตากล้องจำเป็น “ขวัญใจเด็กว่ะ” ถ่ายไปก็ยังแซวได้ ผมยักไหล่เบาๆ

   “คนมันฮอต”

   ไม่นานบนเวทีก็เริ่มประกาศรางวัล ผมยืนจับมือน้องบีมอยู่หลังเวที ตื่นเต้นไปด้วยกับทุกคน ทุกทีม โดยเฉพาะอยากรู้ว่า ทีมไหนจะได้รางวัลที่หนึ่ง และที่อยากรู้มากกว่า ว่ามันคือรางวัลอะไร ทำไมเด็กๆ ดูอยากได้กันจัง หรือจะเป็นเงินก้อนโตแบบที่ผมแอบคิดไว้

   “ทีมเราจะได้หรือเปล่าคะน้ากลอย” น้องบีมถามผมเสียงสั่น ผมบีบมือน้องพลางส่งยิ้มให้

   “ต้องได้แน่นอน ที่หนึ่งด้วย เชื่อเซ้นส์ของน้ากลอยได้เลย” ใช่ครับ ตามฉายาเลย สุดหล่อแม่นเว่อร์อื่อฮือคือไอ้กลอยประเกรียนคนนี้นี่เอง

   รางวัลสุดท้ายแล้ว ผมลุ้นจนตัวเกร็งไปหมด ไม่ใช่ตื่นเต้นนะ กลัวตัวเองทายผิด...ล้อเล่น ผมก็ตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นๆ นั่นแหละ อุตส่าห์กลายร่างเป็นเต่าหัวแหลมขนาดนี้ แถมเต้นไม่เกรงใจชาวบ้านอีกด้วย

   “รางวัลที่หนึ่งได้แก่ทีม.....เต่างอยค่า” เสียงประกาศสิ้นสุด เสียงปรบมือก็ดังทันที พร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดของสามสาวที่กระโดดโลดเต้นกอดกันอย่างดีใจสุดขีด

   ก็บอกแล้วว่าเซ้นส์ผมมันแรง (ขอยืดหน่อย)

   เราสี่คนเดินเรียงกันขึ้นไปบนเวที ทุกสายตาต่างมองมาอย่างชื่นชม ในที่สุดก็จะได้เห็นรางวัลที่หนึ่งแล้ว ซึ่งมีแค่สำหรับเด็กเท่านั้น นั่นยังไม่พอ เพราะรางวัลที่ผมวาดฝันว่าจะเป็นเงิน กลับกลายเป็นชุดดินสอระบายสีแบบเซ็ทใหญ่พร้อมสมุดรูปภาพหลายเล่ม

   เดี๋ยวนะ นี่คือรางวัลที่หนึ่งเหรอ

   ทั้งน้องบีมกับน้องอายยิ้มแป้นแล้นกอดรางวัลของตัวเอง เอาวะ อย่างน้อยก็ทำให้เด็กมีความสุข แม้จะต้องซ่อนน้ำตาไว้ภายใน ก่อนที่ผมจะเดินลงเวที ผู้อำนวยการของโรงเรียนเดินมาจับมือผม พลางเอ่ยชม ว่าผมเต้นดีมาก แถมยังใจดี ยื่นขนมให้ผมถุงหนึ่งเป็นของรางวัล สำหรับขวัญใจเด็กและผู้ปกครอง  แบบนี้ค่อยภูมิใจในตัวเองหน่อย ได้ขนมมาถุงใหญ่คุ้มค่ากับการเต้น แต่พอลงเวทีมาแล้ว ขนมที่ผมได้ก็ยื่นให้กับเด็กสองคนที่มองตาละห้อย

   “เอาน่า เดี๋ยวพี่ซื้อขนมให้แทน” พี่โชคงจะเห็นใจเลยพูดปลอบ ก่อนจะตีหน้านิ่งแล้วเดินหนี

   “เปลี่ยนเป็นเงินได้ไหม ในฐานะคนเต้นแทนพวกพี่ พี่โช!!”




******
   
   ผ่านพ้นยามเช้ากับการเต้นเต่างอยมา ผมก็มาเรียนในช่วงบ่าย ขอบอกว่า ไม่มีอะไรเข้าหัวมาสักอย่าง นอกจากเพลงที่ยังดังคลออยู่ในหู ขนาดง่วงแทบตาย แต่หูก็ยังแว่วเสียงเพลง อาการผมท่าจะหนักมากจริงๆ

   “ไอ้กลอย มึงนี่อินเนอร์แม่งได้ว่ะ” รู้ว่าตอนนี้อาจารย์ออกห้องไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ จนไอ้ทูพูดพาดพิงถึงเงยหัวขึ้นมาดู

   “ดูอะไรกันวะ” ถามพลางยื่นหน้าไปดูด้วย พวกไอ้ทู ไอ้สักรวมหัวกันดูคลิปในแท็บเล็ต ภาพหน้าจอเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็น ก็แน่ล่ะ จะเห็นได้ไง ในเมื่อผมอยู่บนเวที “เชี่ย เอามาจากไหนวะ” สิ่งที่เห็นทำเอาตื่นเต็มตา มิน่าทำไมเพลงมันไม่ยอมหลุดจากหู เพราะไอ้พวกนี้มันเปิดดูกันนี่เอง

   “จากเฟซบุ๊กพี่โชไง” ไอ้ต๋องตอบ ก่อนมือมันจะกดรีเฟรชให้เล่นอีก “ว่างๆ สอนพวกกูหน่อยสิ กูอยากลดความอ้วน”

   “สอนเหี้ยอะไร เปิดดูในยูทูปเองสิวะ” ปากก็ด่า มือก็กดโทรศัพท์ “พี่โชแม่งไม่ยอมรับโทรศัพท์”

   “มึงก็เต้นดีนี่หว่า เอวใช้ได้” ไอ้เคว่า

   “เอวมันก็ต้องดีสิวะ ไม่งั้นผัวจะติดใจเหรอ” มีไอ้สักคอยเสริม

   จากนั้นพวกมันสี่คนก็หัวเราะเยาะผมดังลั่นห้อง ทำเอาคนอื่นๆ สนใจแห่มารุมดู แต่คิดว่าผมจะอายเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก เพราะอายมาแล้วเมื่อเช้า ที่แน่ๆ กลับไปเย็นนี้ พี่โชเจอดีแน่นอน ไอ้กลอยต้องจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เน้นๆ กล้าหักหลังกันได้ บอกว่าจะเก็บไว้ดูเอง เอาลงเฟซบุ๊กนี่เหรอไว้ดูเอง แม่ง ไอ้ปีศาจตัวร้าย!!!




****

   กลับถึงห้อง สมองประมวลคำด่าไว้มากมาย แต่พอเปิดประตูเข้าไป กลิ่นบางอย่างก็พุ่งเข้ารูจมูกจนความคุกรุ่นของอารมณ์เมื่อกี้จางหายไปแทบจะทันที เจ้าของห้องเดินหน้าหล่อออกมาต้อนรับ พี่โชสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่ซื้อไว้ให้ผม ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มเท่อยู่ตลอด

   “ชาบูเหรอ” เหมือนตัวลอยมาจนถึงโต๊ะอาหาร

   “เน้นหมูกับเบค่อนแบบที่กลอยชอบด้วยนะ” น้ำเสียงนุ่มบอก มือก็ขยับเก้าอี้ให้ผมนั่ง แถมยังจัดแจงถ้วย ช้อน ตะเกียบให้ผมเสร็จสรรพ “พี่สั่งชุดใหญ่มาให้คนเต้นดี เต้นเก่งเลยล่ะ”

   พอได้ยิน มือที่กำลังคีบหมูในหม้อก็ชะงัก ผมวางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดัง ปากจะอ้าด่า ก็มีหมูนุ่มยื่นมาจ่อปากเลยจำใจต้องงับก่อน

   “อร่อยไหม พี่กะเวลากลอยกลับมาถึงห้องเลยนะ”

   “เนียนมาก”

   “หมูใช่ไหม”

   “พี่โชนั่นแหละ เนียนมาก” คล้ายกับจังหวะสามช่า แต่มันไม่ตลก ผมตีหน้าบึ้งจนคนรู้ตัวรีบยื่นมือมาจับ “ไหนพี่โชบอกจะเก็บวีดีโอนั่นไว้ดูเองไง แล้วไหงเอาลงเฟซบุ๊กล่ะ”

   “ก็พี่ลงไว้ดูเองไง”

   “ดูเองที่ไหน เพื่อนกลอยก็ดูกันหมด”

   “อ่าว พี่ไม่ได้บังคับให้เขาดูสักหน่อย”

   “พี่โชอะ” เดี๋ยวนี้เหมือนเครียดจากงานจนเพี้ยนหนัก พี่โชคนขรึมหายไปไหนแล้ว พอเถียงไม่ได้ ผมก็คีบหมูเข้าปากแทน “เพราะต้องเต้นเต่างอยใช่ไหม พวกพี่ถึงรีบออกตัวว่าติดธุระกันหมด” พี่โชหัวเราะพลางพยักหน้ารับ “แล้วกรรมก็มาตกอยู่ที่กลอย”

   “พี่เตือนกลอยแล้ว แต่กลอยไม่ฟังเอง มาโทษกันแบบนี้ไม่ได้นะ”

   เออว่ะ ผมรับปากน้องบีมเองนี่หว่า

   “ก็นั่นแหละ”

   “แต่ว่า ฟีดแบคดีเลยนะ พวกเพื่อนๆ พี่ชอบใจกันใหญ่ มีเพื่อนกลอยด้วยนี่”

   “ก็ดีอยู่หรอก ถ้าไม่มีคอมเม้นของพวกพี่จอมอะ”

   ตอนแรกที่ดูกับพวกไอ้ทูก็ดีๆ อยู่ แต่พอเริ่มอ่านคอมเม้นใต้คลิป ผมก็แทบอยากปาแท็บเล็ตทิ้ง พี่แทมบอกผมเต้นแรงได้ใจจนอยากดวลเต่ากันสักรอบ ว่าแล้วก็เหมือนได้กลิ่นเปรี้ยวลอยเข้าจมูก พี่ตินแซวเรื่องเต่าหัวแหลม ซึ่งผมก็เพิ่งเคยเห็นหมวกเต่าหัวแหลมเหมือนกัน ดีหน่อยที่พี่ซันคนดีชมว่าเต้นดี เต้นเก่ง และปิดท้ายด้วยพี่จอม ที่บอกให้พี่โชเอาผมไปปล่อยลงทะเล

   ผมคนนะครับ ไม่ใช่เต่า บ้าจริง

   “แล้วพี่ชีสไม่ว่ายังไงเหรอ” ถามขณะคีบผักกาดขาวสุกแล้วใส่ถ้วยพี่โช แต่ดูเจ้าของถ้วยจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ตาดุคู่นั้นเอาแต่จ้องโทรศัพท์ที่มีคลิปผมอยู่ “พี่โชเป็นอะไร”

   “ไอ้ BBright136 นี่ใคร”

        พอพี่โชถามจบ ผมก็ชะโงกหน้าไปดู เห็นชื่อที่พี่โชว่า ส่งรูปหมาหัวเราะมาใต้คลิป รูปโปรไฟล์ก็เป็นรูปครึ่งหน้าแต่เป็นแบบสะท้อนแสง เลยเห็นแค่เงาดำๆ

   “พี่โชก็กดเข้าไปดูสิ”

   “ดูแล้ว แต่มันให้ดูเฉพาะเพื่อน”

   “อ่าว แล้วมาคอมเม้นพี่ได้ไง”

   “ก็มันขึ้นว่าเป็นเพื่อนของกลอย ไม่รู้จักเหรอ”

   “ไม่เลย” ส่ายหน้ารัวๆ “อาจเป็นแฟนคลับหรือเปล่า ช่วงก่อนมีคนแอดเฟรนมาหากลอยโคตรเยอะ”

   “อย่ารับมั่ว เดี๋ยวก็เจอพวกมิจฉาชีพหรอก”

   “ครับๆ”

   ผมรีบคีบหมู คีบผักใส่ถ้วยพี่โชอีกรอบ คราวนี้คนขี้ระแวงวางโทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจอีก พอๆ กับผม ที่ไม่ได้สนใจว่าไอ้เจ้าของชื่อนั้นเป็นใคร ในเมื่อวันๆ หนึ่ง ผมเจอคนแปลกหน้าคอมเม้นเยอะแยะ มันอาจจะเป็นเพื่อน เป็นน้องร่วมสถาบันก็ได้

   “พี่โชๆ”

   “อะไร”

   “กลอยสอนเต้นเต่างอยเอาป่ะ อยากเห็นพี่โชเต้นบ้าง”

   “ไม่เอา”

   “ทำไมล่ะ”

   “พี่กลัวเต้นดีกว่า แล้วกลอยจะเสียใจ”


   ความหล่อให้ห้า ความมั่นหน้าให้ล้านไปเลยครับผู้ชายคนนี้ ไอ้กลอยขอยอมแพ้



...TBC

ถ้าดูคลิปก่อนมาอ่านจะได้เห็นภาพท่าเต้นของกลอยเลยค่ะ แต่ไม่รู้พาดพิงได้ไหม หากไม่ได้จะได้เอา ** ออก

ต้องขอโทษล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (ก้มกราบ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2018 19:01:52 โดย aiaea83 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด