พิมพ์หน้านี้ - ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aiaea83 ที่ 09-11-2018 19:01:52

หัวข้อ: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 09-11-2018 19:01:52
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


,, เพราะนายคือของฉัน [II] ,,


สวัสดีค่า เนื่องจากวันนี้เป็นวันดี เลยอยากจะขอเปิดเรื่องใหม่

แต่ก็ไม่ได้ใหม่ซะทีเดียว เพราะเป็นภาคต่อของนิยายเรื่องแรกของเราที่ผ่านมาค่ะ

นั่นคือนิยายเรื่อง "Just you and I เพราะนายคือของฉัน" ที่เพิ่งตีพิมพ์ไป

ยังไงแล้ว ขอฝากพี่โชกับน้องกลอยประเกรียนภาค2 ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ


ปล. ภาค1 ยังสามารถอ่านได้อยู่นะคะ ตามลิ้งค์ผลงานที่ผ่านมาได้เลย

ขอบคุณมากๆ ค่า




ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

 Just you and I เพราะนายคือของฉัน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54801.msg3425771#msg3425771) [จบแล้ว] (โช x กลอย)
 No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3448636#msg3448636) [จบแล้ว] (ฟลอยด์ x ต้อม)
 คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55178.msg3445594#msg3445594) [จบแล้ว] (พี่ใหญ่ x น้องอัด)
 พี่ครับ...ไอเลิฟยู  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56100.msg3493194#msg3493194) [จบแล้ว] (เม่น x ม่าน)
 Hello Daring คนนั้น ที่รักของผม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61239.msg3676214#msg3676214) [จบแล้ว] (ป๋ากร x ปูน)
 รักนี้ แค่นาย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64636.msg3758291#msg3758291) [จบแล้ว] (ไฮท์ x ขมิ้น)


**หมายเหตุ : ตัวละคร สถานที่ และเหตุการณ์ทุกอย่าง เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งหมด**
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 09-11-2018 19:07:01

บทนำ


       เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาช่วงก่อนหน้านี้ มันทำให้ผม นายกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์ รู้สึกโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคิด การใช้ชีวิต การเรียน รวมไปถึงความรัก ช่วงเวลาปีกว่าๆ ผมต้องผ่านความยุ่งยาก ความลำบาก และความคิดขัดแย้งในใจตัวเองมาอย่างหนัก กับความรักในรูปแบบที่ผมไม่เคยคิดไว้ หรือวางแผนล่วงหน้ามาก่อน แต่พอก้าวข้ามมาเจอความสุข ผมก็เลยอยากรักษา อยากเก็บความรักนั้นไว้ให้ดี

        ดังนั้น ต่อจากไปนี้ ผมจะทำให้ทุกวันของผม มีแต่เรื่องดีๆ และจะเป็นคนดีที่น่ารักกับทุกคน

   ยกเว้น คนที่ร้ายกับผมก่อน....

       “มัวแต่จิ้มโทรศัพท์ รายงานก็ไม่เสร็จสักที” เสียงนิ่งๆ โหดๆ มาพร้อมแรงควายๆ ผลักหัวผมซะกระเด็น ตอนรักใหม่ๆ แทบจะอุ้ม มาตอนนี้ทำอย่างกับผมเป็นตุ๊กตา ถ้าไม่รักมีนัดเคลียร์หลังเซเว่นปิดแน่นอน

        ผมหรี่ตามองหน้าผู้ชายตาดุที่ยืนเท้าเอวจ้องหน้าผม ผู้ชายที่กระทืบคนนับสิบด้วยสองมือเปล่า ผู้ชายที่หิ้วผมออกจากกองขยะ ไม่สิ หิ้วจากข้างถังขยะเข้าไปในผับ ผู้ชายที่เอาจูบแรกของผมไป ผู้ชายที่จีบผมด้วยการรุกอย่างหนักถึงขั้นมานั่งรอหลังเลิกเรียน ผู้ชายที่ยอมดมตดผมเวลาผมยัดข้าวมื้อหนักๆ ผู้ชายที่ขี้หึง แม้กระทั่งตัวเงินตัวทองในมหาวิทยาลัย ผู้ชายที่พร้อมจ่ายหากผมอยากได้สิ่งไหน แต่ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ก็จะไม่ได้แตะเงินเขาสักบาท ผู้ชายที่หวงกับข้าวทุกจาน ทุกมื้อ แม้จะเหลือข้ามวันเขาก็กินอย่างมีความสุข ผู้ชายที่สามารถขอกอดได้ตลอดเวลาหากมีเรื่องไม่สบายใจ ผู้ชายที่บอกว่ารักผม โดยในประโยคไม่มีคำว่ารัก และผู้ชายคนนั้น....คือคนที่ผมเรียกเขาว่า


   ปีศาจ เอ๊ย คุณความรัก!!!


   “ไม่ได้จิ้มเล่นๆ สักหน่อย คุยกับไอ้สักเรื่องรายงานอยู่ ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย” ตอบโต้ไปแบบเบาๆ พร้อมส่งสายตาอาฆาต แต่คิดว่าคนที่ดุผมเมื่อกี้จะกลัวเหรอครับ ไม่เลย นู้น เดินตัวปลิวไปเปิดตู้เย็น หยิบเอาจานมะม่วงที่ผมปอกออกมากินหน้าตาเฉย “เหลือให้ด้วย” ตะโกนบอกพี่โช

   “ทำให้เสร็จ ถึงจะให้กินนะน้องกลอย” ดูคำที่ย้อนกลับมาสิครับ มันใช้ได้ที่ไหนวะ แถมลอยหน้าลอยตาอีก
 
   “แต่มะม่วงจานนั้นกลอยเป็นคนปอกนะ มีดเกือบเข้ามือด้วย” ชูนิ้วชี้ให้ดู มีรอยเล็กๆ เป็นเครื่องยืนยัน พี่โชเดินถือจานมะม่วงมาใกล้ ก่อนยื่นหน้ามาดู “เห็นป่ะ ไม่ได้โกหก”

   “ให้คำหนึ่ง” พูดพร้อมยื่นมะม่วงมาจ่อที่ปากผม

   “แต่กลอยปอก” ตอบเสร็จก็อ้าปากงับมะม่วงเขียวเสวยแสนอร่อย

   “กลอยปอก แต่พี่ซื้อ” ยอกย้อนตลอดปีศาจคนนี้

   “พี่ซื้อ แต่กลอยสั่ง” และผมจะไม่มีทางยอมเหมือนกัน

   “ถ้าสั่งแล้วพี่ไม่ซื้อ น้องกลอยคิดว่า ตัวเองจะได้กินไหมครับ”

   “พี่โชอะ แกล้งเถียงแพ้หน่อยก็ไม่ได้ โคตรใจร้ายเลย”

   สุดท้ายก็สู้ไม่ได้ เพราะอำนาจเงินที่ซื้อมะม่วงแท้ๆ เชียว แล้วก็นะ หลังๆ มานี้ ผมเถียงสู้พี่โชไม่เคยจะได้ โต้ตอบกันทีไร ไอ้กลอยแพ้ทุกที สมแล้วที่ได้รับฉายาปีศาจแห่งปี แต่คอยดูเถอะ ผมจะไปลับฝีปากมาสู้ ไปขุดหมามาสะสมให้เยอะๆ พี่โชจะได้สู้ไม่ได้

   “ขออีกคำ” อ้าปากรอ แต่กลับถูกส่ายหน้าตอบกลับ

   “ทำให้เสร็จก่อนนะครับน้องกลอย...ประเกรียน” พี่โชกำลังตีรวนกวนบาทาผมเข้าให้แล้ว แต่ก็ตอบโต้อะไรมากไม่ได้ เลยได้แต่มองจานมะม่วงที่ถูกยกลอยไปลอยมาล่อ “อยากกินก็รีบทำ ไม่งั้นพี่กินหมดนะเออ”

   “ก็เร่งทำอยู่เนี่ย...แต่ขอคำหนึ่ง อ้า” ตามองพี่โช มือพิมพ์แป้นคอม ปากก็อ้ารอมะม่วง ไม่รู้ว่าประโยคที่พิมพ์จะถูกหรือผิดเพราะไม่ได้มอง พี่โชคงทนไม่ไหวเลยเอามาให้กัดคำใหญ่ “ปีศาจสองพันสิบเก้า”

   “ทำงานไปๆ อย่าบ่น”

   “เออ รู้แล้ว ย้ำจริง” ตีหน้ามุ่ยบอก ก่อนจะเงยหน้าไปมองคนกินมะม่วงอย่างสบายอารมณ์อีกรอบ “พี่โชมานั่งตรงนี้หน่อย แอร์เย็น มือแข็ง” ทำเป็นฉีกยิ้มให้ปีศาจตายใจ จนพี่โชเดินมานั่งข้างๆ ผมก็แอบใช้ทีเผลอหยิบมะม่วงในจานออกมา แต่....
 
   “ไม่เนียน ไปเรียนอนุบาลมาใหม่นะน้อง จานนี้ของพี่ครับ”

   “ปีศาจโหดร้าย ใจร้าย จานนั้นกลอยปอกนะเว้ย”

   “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ”

   หนอย ใครนะ ใครกันที่เคยชมพี่โชว่าใจดี สปอร์ต อยากกอดทั้งคืน ผมอยากจะบอกให้คนเหล่านั้นฟังว่า...พวกคุณกำลังถูกหลอก สิ่งที่เห็นเป็นเพียง ดา เอ็นโดฟิน ผมหมายถึง ภาพลวงตา (รู้ว่ามุกแป้ก แต่ก็อดเล่นไม่ได้) พี่โชคนนี้ กำลังอัพเลเวลสูง ความร้ายมาที่หนึ่ง ความกวนวิ่งตีคู่ขึ้นมา ถ้าไม่อยากปวดหัวตาย อย่าได้เข้ามาใกล้ ไอ้กลอยขอเตือน

   “เซเว่นปิดไหมล่ะ สักรอบไหม” ท้าครับท้า
 
   “ไปไหมล่ะ สาขาซอยถัดไปเพิ่งสร้างเสร็จยังไม่เปิด สักรอบไหม คนจริงไหมล่ะ”

   เฮ้ย มีงี้ด้วยเหรอวะ

   “คนจริงอะไร จะทำรายงาน วู้ พี่โชอย่ามากวนได้ป่ะ ไม่มีสมาธิ”

   ผมไม่ใช่คนไม่จริงนะครับ แต่งานจะต้องส่งแล้ว ต้องทำครับ ต้องทำ

   “ไอ้กลอยเอ้ย” ถูกปีศาจผลักหัวอีกแล้ว แต่เราจะไม่ตอบโต้ ไม่งั้นอาจถูกลากไปหลังเซเว่นปิด ฉายาตีนโหดของพี่โชไม่ได้มาเพราะจับฉลาก ดังนั้น ควรเอาตัวรอดก่อน

   ว่าแต่ เซเว่นสาขานั่นเมื่อไหร่จะเปิด จะได้ท้าปีศาจได้

   “บอกว่าไม่มีสมาธิไงเล่า ไปไกลๆ เลยไป๊ มานั่งกวนอยู่ได้”

   แอบมองพี่โชด้วยหางตา เห็นส่ายหัวรัวๆ พลางสบถว่าผมให้มานั่งแท้ๆ มันก็จริงของพี่เขา แต่ตอนนี้ผมต้องทำอารมณ์ฉุนเฉียวไง ไม่อยากมีถูกนวดหน้าด้วยฝ่าเท้า พี่โชลุกกลับห้องทำงานตัวเอง โดยวางจานมะม่วงไว้ที่โต๊ะ ตอนแรกผมก็อยากจะเรียก แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ


   มะม่วงจานนี้เป็นของไอ้กลอยแล้วครับ


   ว่าแล้วก็รีบยัดๆ เคี้ยวๆ จนเต็มแก้ม ก่อนประตูห้องทำงานพี่โชจะเปิดออก ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกรีบกลืนแม้ยังเคี้ยวไม่ละเอียด

   “พี่จะบอกว่า มะม่วงเอาไว้กินเลย พี่ไม่กินแล้ว...แล้วทำไม” พูดไม่ทันจบ พี่โชก็หัวเราะจนทรุดลงไปกองที่พื้น มือกุมท้องตัวเองดิ้นไปดิ้นมาเมื่อเห็นผมอ้าปากปล่อยให้มะม่วงร่วงลงมาเต็มพื้น



   ก็ทำไมไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้วะ ไอ้คุณปีศาจความรัก แม่งเอ๊ย!!!! 


...TBC

ขอฝากภาคที่สอง ของกลอยประเกรียนด้วยนะคะ
แก๊งความฮายังอยู่ครบ
และหากผิดพลาดประการไหน ต้องขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยค่า
จะพยายามพัฒนาให้มากกว่านี้ค่าาา

รักกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-11-2018 19:28:04
ติดตามจ้า คิดถึงความเกรียนของเดอะแก๊งทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-11-2018 19:42:13
ว้าว ว้าว ว้าว  :mc4: :mc4: :mc4: กลอยก็ยังเป็นกลอย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 09-11-2018 20:11:52
 :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 09-11-2018 20:54:16
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-11-2018 21:11:25
ขำน้องกลอย..ยยยยย  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 09-11-2018 21:42:22
 :mew1: คิดถึงน้องกลอย...  :mew1: ภาคนี้ขอ sweet moments ของทั้งคู่เยอะๆยาวๆ ฮาๆ นะค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-11-2018 21:55:18
เริ่มมาก็ฮาเลย ทำเป็นจะนัดจัดพี่โชหลังเซเว่นปิดเจอตอกกลับไปนี่รีบทำรายงานไม่ทันเลยนะ สมฉายากลอยประเกรียนจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 10-11-2018 07:13:16
คิดถึงน้องกลอย พี่โชและเพื่อนๆๆมาก   :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-11-2018 08:27:40
โอ๊ยยยย ดีต่อใจ มารอเลยค่ะ

5555 กลอยไม่เคยทิ้งความเกรียน ความงอแง ความอ้อนนี้
พี่โชมีเกราะเยอะขึ้น แพ้ทางแต่ไม่ระทวยเหมือนทุกที

แล้วดูแกล้งน้องทำไม
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-11-2018 18:00:22

เพราะนายคือของฉัน : 1




         สวัสดีเช้าวันที่แสนสดใส ถ้าผมรู้ว่า ปีสี่วิชาเรียนจะน้อยละก็ จะขอเข้าเรียนก่อนละค่อยกลับไปเรียนปีหนึ่ง และเช้านี้ ผมพาสุดที่รักมาอวดโฉม ซึ่งกว่าจะได้จับกุญแจ ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะผมถูกพี่โชส่งไปเรียนขับรถที่โรงเรียนในเครือญาติอะไรสักอย่างของแฟนพี่ชีส ไอ้เราก็คิดว่าจะง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา ที่ไหนได้ ครูคนสอนกลายเป็นพี่โชเฉย กะขอครูคนสอนที่เป็นผู้หญิงสวยๆ ซะหน่อย เซ็งเลยไอ้กลอย

   “โหว นี่มึงเอารถออกมาใช้ได้แล้วเหรอวะ” ไอ้ทูทำตาโต หลังจากลงจากรถมันมา “จอดตรงเส้นด้วย เก่งแล้วนี่หว่า”

   “กว่ากูจะได้ขนาดนี้ พี่โชแม่งด่าจนกูแทบร้องไห้ไอ้ห่า” ไม่ว่าจะจอดชิดเส้น จอดในช่องจอด การเบรก การเลี้ยว ทุกอย่างถูกสอนแบบย้ำๆ เน้นหนักทุกอย่าง ชนิดที่ว่า ผมขยาดการเรียนขับไปหลายอาทิตย์เลยทีเดียว

   “ก็พี่เขาห่วงมึง” ไอ้ทูขำพลางยื่นมือมาตบบ่า “ถ้าคราวนั้นมึงไม่เสยถังขยะ พี่เขาก็คงไม่โหดกับมึงขนาดนี้”

   “เพราะพวกมึงชวนกูไปกินเหล้า พวกมึงผิด” โยนขี้ไปให้พ้นตัวเลยโดนฝ่ามือเน้นๆ ที่กลางหัว ตอนแรกก็จะซัดคืน แต่เพราะมีรุ่นน้องผู้หญิงกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหา ทำเอาผมกับไอ้ทูวางหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว “มีอะไรหรือเปล่าครับ” สุภาพไว้ก่อน อย่างน้อยก็ต้องให้ดูดีสมกับเป็นพี่ปีสี่

   “คือ พวกหนูถูกใช้ให้มาขอเบอร์กับชื่อของรุ่นพี่ค่ะ” สาวหน้าหมวยเป็นตัวแทนของกลุ่ม ผมกับไอ้ทูมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “หนูเป็นรุ่นน้องคณะศิลปกรรม...”

   “อ๋อ” ร้องขึ้นมาเมื่อเริ่มเข้าใจ คงเพราะผมไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องช่วงก่อนเปิดเทอมอย่างปีก่อนๆ หน้าที่ส่วนใหญ่ ก็อยู่ที่ปีสามกับปีสี่บางกลุ่ม ที่มีหน้าที่ดูแลและควบคุม พวกปลาซิวปลาสร้อยแบบผม ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับเขาหรอก “แล้วรู้ได้ยังไง ว่าพวกพี่เรียนคณะนี้”

   “ก็พี่จอดรถหน้าตึกคณะ”

   “เออว่ะ”

   อยากตบปากตัวเองที่โชว์โง่ออกมา ทันทีที่ถูกรุ่นน้องตอบ ก็ได้ยินเสียงขำเล็ดลอดให้ได้ยิน แต่ที่ชัดสุดก็ไอ้คนข้างๆ ผมนี่แหละ

   “พอดีพวกพี่มีเรียน ไว้ค่อยมาขอหลังเลิกก็แล้วกันนะ แถวๆ ใต้ตึกนี่แหละ” ไอ้ทูพยายามหุบยิ้มแล้วบอก ก่อนมันจะลากผมขึ้นตึกไปด้วย “ไอ้กลอยเอ๊ย มึงนี่นะ”

   “ก็กูลืม” คนลืมความผิดลดครึ่งหนึ่งนะเออ “มึงทำให้เช้าวันสดใสของกูต้องหมองหม่น”

   เข้าห้องเรียนมา บรรยากาศในห้องก็ไม่ค่อยต่างจากปีก่อนๆ สักเท่าไหร่ เพื่อนร่วมรุ่นอาจมีหล่นหายตามทางไปบ้างตั้งแต่ปีหนึ่ง ดังนั้น พวกที่เหลือก็จะรักกันมากกว่าปกติ...

   “ไอ้สัด นี่ขนมกู”

   “กูซื้อไอ้ห่า”

   เอ่อ...ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ได้ไหม

   “พวกมึงจะทะเลาะกันเรื่องขนม ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่หรือไงวะไอ้สัก ไอ้เค” ไอ้ทูส่ายหน้าเอือมก่อนวางกระเป๋าจองเก้าอี้นั่ง ส่วนผมก็ลงไปนั่งเรียบร้อย “ไปดูเขารับน้องมา เป็นไงบ้างวะ”

   “ก็ดีนะเว้ย ปีนี้เด็กเยอะดี แถมน่ารักก็มีด้วย” ไอ้เคว่าตาเป็นประกายอย่างน่าหมั่นไส้

   “สมองมึงคงมีแต่เรื่องต่ำตมสินะ” ผมแขวะเข้าให้ ก่อนจะถูกขนมปาเข้าใส่หัว ดีที่คว้าทันก่อนตก เลยเอาเข้าปากซะเลยจะได้ไม่ทำให้ห้องสกปรก

   “แล้วจะทำไม ก็กูโสด ไม่ได้มีผัวแบบมึงไอ้ห่ากลอย” ถูกตอกกลับมาเอาซะขนมติดคอ “ว่าแต่ ปีนี้มึงไม่คิดจะเป็นพี่เนียนอีกปีเหรอวะ เป็นครบสี่ปี จะได้เป็นที่จดจำ”

   “ถ้าไอ้กลอยเป็นอีก เดี๋ยวแม่งก็ถูกจับได้ เป็นสามปี โดนจับได้สามปี ไม่มีใครทำได้ มึงควรภูมิใจนะเว๊ย” ไอ้สักว่าไปขำไป ไม่สนหน้าตูมๆ ของผมเลย

   “ก็นั่นแหละ มันจะได้เป็นที่จดจำของคณะ” ว่าแล้วพวกมันก็หัวเราะกันจนงอหงาย รวมทั้งไอ้ทูด้วย
 
   กัดฟันกรอดๆ จ้องหน้าไอ้พวกว่าร้ายผม อยากกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมันมาก แต่ติดที่พวกมันมีสามคน นับขารวมกันก็หกขา ส่วนผมมีแค่สอง ขาดทุนไปตั้งสี่ ไม่คุ้มๆ

   “ว่าแต่ พวกอีเข็มมันสุมหัวดูอะไรกันวะ” พอเถียงไม่ได้ ผมก็เปลี่ยนประเด็น ไอ้สักเบ้ปากทำหน้าเอือมสุด “ทำไมวะ หรือดูหนังโป๊”

   “ดูผู้ชาย” ไอ้เคตอบแทน

   “ผู้ชาย? ที่ไหนวะ” ขนาดไอ้ทูยังสงสัย หรือมันจะสนใจก็ไม่รู้

   “ในบอร์ดกระทู้ห่าอะไรไม่รู้ เห็นว่าตามล่าหาเด็กปีหนึ่งสุดหล่อในมหาลัย” ผมพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อน แต่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจต่อ ก็ผู้ชายจะไปมีอะไรน่าดูกันล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงน่ารักจะไม่ว่า

   เสียงวี๊ดว๊ายจากกลุ่มสาวๆ หายไปเมื่ออาจารย์เดินเข้าห้อง ตอนแรกก็แปลกใจทำไมพวกผู้ชายในห้องถึงจับจองหน้าห้อง เพราะอาจารย์ประจำวิชาสวยนี่เอง แถมอารมณ์ดี ยิ้มแย้มอยู่ตลอด มิน่าละ ไอ้พวกที่ชอบโดดคาบแรกถึงแหกขี้ตามานั่งหน้าสลอนตั้งแต่เช้า ส่วนคาบแรกๆ ก็ไม่มีอะไร นอกจากแนะนำรายวิชาที่จะเรียนทั้งเทอม กับคะแนนที่จะให้ตลอดการเรียน สิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน คือต้องทำเปเปอร์ปึกใหญ่เกี่ยวกับวิชา ซึ่งผมโคตรไม่ชอบ

   อย่างที่บอก คาบแรกของการเปิดเรียนมักจะใช้เวลาไม่นาน ทำให้ตอนนี้พวกผมมาเสนอหน้าอยู่ใต้ตึก ท่ามกลางบรรดาเด็กปีอื่นๆ ที่เดินผ่านก็พากันยกมือไหว้ราวกับเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกลัวตัวเองแล้วเหมือนกัน

   “ปีนี้เราก็จะจบแล้วใช่ไหมวะ” ไอ้ต๋องที่มาไม่ทันวิชาแรกนั่งกินลูกชิ้นปิ้งอย่างสบายอารมณ์ โชคดีของมันที่อาจารย์ไม่เช็คชื่อ “แม่งโคตรไว”

   “แน่ใจว่ามึงจะจบไอ้ต๋อง” โทษฐานปากดี ไอ้เคเกือบถูกไม้จิ้มลูกชิ้นทิ่มหน้า

   “กูต้องจบอยู่แล้ว หากมีพวกมึงคอยช่วย ไอ้กลอย เปเปอร์มึงกูอยู่กลุ่มด้วยนะ” นั่นไง อุตส่าห์เงียบ มิวายยังมายุ่งกับผมอีก “นะมึง”

   “มึงคิดว่ากูจะทำไวเหรอ” บอกอย่างเซ็งๆ

   “ถึงไม่ไว แต่ก็เสร็จ” ประโยคโคตรกำกวม “กูจะช่วยให้มันเสร็จไวเอง”

   “กูเสร็จไวไม่ไวก็เรื่องของกู แล้วมึงจะขำทำไมไอ้สัก” ถามเพราะได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมา แต่ดูจากแววตาและมุมปากที่ยกยิ้มของมัน ต้องกำลังคิดเรื่องหื่นๆ กับประโยคสนทนาอยู่แน่

   คุยกันอยู่ไม่นาน โต๊ะของผมก็ถูกเด็กปีหนึ่งรุมขอชื่อ ขอเบอร์ แต่แน่นอนว่าไม่ได้ให้กันง่ายๆ คนสั่งก็ดูสนุกกับการแกล้งน้อง โดยสั่งให้ไปซื้อขนมบ้าง ไปยืนตะโกนแนะนำตัวหน้าตึกบ้าง เจอเด็กหน้าตาน่ารักหน่อยก็ให้ไปยืนบอกรัก แล้วก็มานั่งยิ้มกริ่มชอบใจ สงสัยจะบ้า

   “วันศุกร์นี้มึงจะไปยังไง” ท่ามกลางการแกล้งรุ่นน้องของพวกไอ้สัก ผมถูกสะกิดถามจากไอ้ทู “รถทัวร์หรือเครื่องบิน?”

   “พี่โชจองตั๋วเครื่องบินให้กูแล้ว” ผมบอกเรียบๆ นี่ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทำให้วันเปิดภาคเรียนของผมไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไหร่ ต้องแบ่งสมองอันน้อยนิดไปคิดเรื่องนี้ จนต่อมความสุขหดหาย “กูโคตรไม่อยากไป” ตอนนี้หน้าผมคงบูดมากกว่านมค้างปีเสียอีก

   “ก็พี่มึงไม่ว่างไป หรือมึงจะให้แม่มึงไปล่ะ” ส่ายหน้าทันทีที่ไอ้ทูถาม ใครจะอยากให้แม่ไปอยู่ท่ามกลางคนไม่ชอบหน้าแบบนั้น ไม่เอาหรอก “ก็นั่นแหละ มึงไปดีที่สุด”

   “เออ งั้นมั้ง”



   เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ๆ ก็มีสายตรงจากต่างจังหวัดมาหาแม่ผม ซึ่งคนโทรมาคือย่าแท้ๆ ของผม เป็นคนที่เคยเกลียดแม่และพรากพ่อของผมไปในอดีต สาเหตุที่ท่านโทรมาหา เพราะอยากให้แม่ ผมแล้วก็พี่กิ่งไปงานทำบุญคล้ายวันเกิดของท่าน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเรา ไม่มีใครรู้สึกดี หลังจากได้ยินคำชวนนี้เลยสักคน

        คงเพราะการเจอกันแบบบังเอิญ ตอนไปไหว้พระเก้าวัดที่เชียงใหม่พร้อมครอบครัวพี่โชคราวนั่น ผมไม่รู้ว่าแม่ให้เบอร์ย่าไปหรือเปล่า ท่านถึงโทรมาหาแบบนี้ แต่ถ้าไม่ให้ จะโทรมาถูกได้ยังไงล่ะ การเจอกันคราวนั้น สีหน้าและแววตาของย่าที่มองผม แสดงออกอย่างชัดเจนว่าท่านเสียใจและรู้สึกผิดจริงๆ แต่คนรอบตัวของย่า แสดงออกมาตรงๆ ว่าไม่ชอบพวกเราเอามากๆ แล้วแบบนี้จะให้ผมญาติดีด้วยเหรอ ฝันว่านกออกลูกเป็นควายยังจะง่ายเสียกว่าอีก อีกอย่างผมก็คงจะไม่คิดมากขนาดนี้ หากแม่ไม่ตอบรับคำชวนนั้นไป และคนที่ต้องไปจะมีใคร นอกจากคนไม่มีเรียนแบบผม? ซึ่งแน่นอนถ้าผมไป ผมจะไม่พาแม่ไปด้วย เพราะไม่อยากให้แม่ต้องทนสายตาของญาติฝั่งพ่อ ดังนั้น ผมขอรับสิ่งเหล่านั้นไว้เอง

       ไอ้กลอยจะยืนหนึ่งเท่านั้น!!! ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมรอดพ้นจากความเกลียดชังด้วยนะครับ


   “พี่คะ” ระหว่างที่กำลังคิดย้อนถึงเรื่องวันนั้น เสียงใสก็ดังเสียงสติ เด็กแว่นปากแดงฉีกยิ้มโชว์ฟันเหล็ก ในมือเธอถือสมุดเขียนชื่ออยู่ “ช่วยเซ็นชื่อให้หนูหน่อยได้ไหมคะ เพื่อนพี่เซ็นหมดแล้ว” ตามที่น้องเขาบอก หน้ากระดาษมีชื่อของพวกที่นั่งกับผมทุกคน “นะคะ”

   “น้องชื่ออะไรนะ” มัวแต่ย้อนเรื่องดราม่าของตัวเองจนไม่ได้ฟังการแนะนำตัว แต่แล้วก็เหมือนถูกปีนเกลียว เมื่อเด็กแว่นตรงหน้า ชูแผ่นป้ายชื่อที่ห้อยคอมาให้ดูแทนคำตอบ ทำเอาคิ้วผมกระตุกยิกๆ “พอดีพี่โง่ อ่านชื่อน้องไม่ออกว่ะ ขอโทษด้วยนะ พี่เซ็นให้ไม่ได้”

   “พี่คะ หนูขอโทษ หนูชื่อ....”

   “กูไปซื้อขนมก่อน” ปกติแล้วผมเป็นคนอารมณ์ดีนะ แต่บางทีหน้าตาดีอารมณ์ไม่ได้ดีด้วยไง ยิ่งมีเรื่องกวนใจแบบนี้อีก เจอคนกวนตีนเข้าไปเลยขออยู่ให้ห่างก่อน ไม่อยากกลายร่างเป็นตัวร้ายอย่างในละคร

   ที่จริงกับพี่โชผมก็เหวี่ยงใส่บ่อยๆ ช่วงนี้อารมณ์ผมค่อนข้างแปรปรวนง่าย ขึ้นๆ ลงๆ อย่างกับเครื่องเล่นไวกิ้ง กรี๊ดได้กรี๊ดไปแล้ว แต่อารมณ์ความโกรธก็ค่อยๆ ลดลงเมื่อได้ของหวานๆ เข้าสู่ร่างกาย มิน่าล่ะ พี่โชถึงซื้อไอศกรีมมาตุนไว้เต็มตู้เย็น เห็นผมโมโหทีไรเอาไอศกรีมมาเปิดล่อทุกที ปีศาจนี่ร้ายไม่เบาเลยนะครับ ระหว่างเดินดูดนมเย็นแก้วโตกลับคณะ อยู่ๆ ก็เจอกองทัพเด็กปีหนึ่งต่างคณะยืนขวางเป็นกำแพงสูง หน้าตาแต่ละคนยิ้มเหมือนเจอเหยื่ออันโอชะ


   พวกมันจะกระทืบผมหรือเปล่าวะ

   “มะ มีอะไร” ถามเสียงตะกุกตะกัก เผลอบีบแก้วชาเย็นจนกระฉอกออกมา คือมันกลัวจริงๆ นะครับ แม้ผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็หัวเดียว สองตีน หนึ่งมือ (อีกหนึ่งมือถือแก้วชาเย็น) ต่างจากตรงหน้าที่มีตีนห้าคู่ สิบข้าง มืออีกสิบ ถีบมาทีคงตายอย่างเดียวไม่มีอุทธรณ์ด้วย “ถ้าไม่มีอะไรก็...”

   “มีครับ!” ห้าคนที่ยืนขวางตอบพร้อมกันเอาผมสะดุ้งโหยงจนเกือบวิ่งหนีแต่ขาไม่ยอมขยับ

   “คือพี่ ไม่ได้อยู่คณะสถาปัตย์ของน้องนะ” รีบออกตัวแรงเมื่อเห็นป้ายห้อยคอบ่งบอกชื่อคณะและชื่อแต่ละคน “โอเคนะ”

   “ไม่โอเคครับ!” ทำไมต้องพูดพร้อมกันแบบนี้อีกแล้ววะ ผมย่นคิ้วตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคืองใส่เด็กพวกนี้ ก่อนคนหน้าสุดจะชี้นิ้วไปด้านซ้ายที่มีนักศึกษาชายสองคนยืนอยู่ คงจะเป็นรุ่นพี่มันแน่ และสองคนนั้นก็ยิ้มมาให้ผม “พวกพี่เขาให้ผมมาขอเบอร์กับชื่อของพี่ครับ ไม่งั้นเขาไม่เซ็นชื่อให้”

   แทบอยากถวายขาสองข้างเข้ายอดอกไอ้สองคนนั้น แต่ก็กลัวโดนรุมกระทืบแทน เลยได้แต่ด่าในใจ

   “พี่ชื่ออะไรครับ!” เสียงดังตะโกนถามชื่อ

   กินโทรโข่งเป็นอาหารว่างหรือเปล่าเนี่ย

   “บอกพวกผมหน่อยนะครับ!”

   นี่ก็แทะไมโคโฟนเล่นแน่ๆ

   “พี่...”

   “โอเคๆ ไม่ต้องตะโกน พี่สงสารเส้นเสียงพวกน้อง” รีบยกมือห้ามก่อนเอามาขยี้รูหูตัวเอง “พี่ชื่อกลอย อยู่ศิลปกรรม ปีสี่ จบนะ แยกย้าย” พอจะเดินหนีก็ยังถูกเดินมาขวาง “อะไรอีก”

   “เบอร์โทรล่ะครับ”

   “ไม่ให้โว๊ย! อยากได้ไปเปิดกูเกิลเอาเอง”

   “ถ้ากูเกิลไม่รู้ แล้วพวกผมจะทำยังไงครับ!”

   “เรื่องของพวกมึงโว๊ย!”

   รีบเดินหนีทันที แม้ขาจะไม่ยาวมากแต่ก็สาวไวอยู่ ไม่นานก็กลับมาถึงโต๊ะ เพื่อนผมยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่สีหน้าพวกมันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

   “เป็นอะไรกันวะ” หันรีหันขวางมองหน้าเพื่อนขณะหย่อนก้นนั่ง

   “ก็น้องแว่นเมื่อกี้ร้องไห้ไม่หยุดเลยไอ้ห่า ตั้งแต่มึงไปอะ” ไอ้ต๋องว่า นิ้วก็ชี้ไปด้านหลังที่อยู่ไกลๆ “มึงก็ไปอารมณ์เสียใส่น้องมัน”

   “กูผิดเหรอ?”

   “ที่จริงมึงก็ไม่ได้ผิด น้องมันกวนตีนมึงก่อน” อย่างน้อยไอ้สักก็เข้าข้างผม

   “รีบเข้าข้างกะจะอยู่กลุ่มงานไอ้กลอยล่ะสิ ฉลาดนักนะมึงไอ้สัก” ไอ้ทูพูดอย่างรู้ทัน ทำเอาผมแทบสำลักชาเย็นที่เพิ่งดูดไป

   โธ่เอ๊ย ไอ้เราก็นึกว่าจะมีคนเข้าใจ

   “กูต้องไปขอโทษน้องเขาไหมวะ” เริ่มรู้สึกผิด ปกติแล้ว ผมเป็นรุ่นพี่ที่ดี ไม่ขึ้นเสียงกับรุ่นน้อง (ถ้าไม่จำเป็น) คิดว่างั้นนะ “หรือพวกมึงว่าไง”

   “อยู่เฉยๆ นี่แหละ ก็น้องมันปีนเกลียวมึงก่อน พวกกูก็เห็น” ไอ้ทูตบบ่าผมเบาๆ ในขณะที่ผมกำลังจะลุก เลยทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม “เรื่องแค่นี้ยังร้องไห้เป็นเผาเต่า พอเข้าห้องเชียร์จะไหวเหรอวะแบบนี้”

   “ไอ้ทูๆ” ระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดตามที่ไอ้ทูว่า ไอ้เคก็สะกิดเรียกเจ้าของชื่อยิกๆ

   “อะไรของมึง”

   “เผาเต่านี่ ผิดพรบ เกี่ยวกับสัตว์ แบบนี้เราต้องไปแจ้งตำรวจไหมวะ”

   เงียบครับ ไม่มีใครตบมุกแป้กๆ ของไอ้เค จนเจ้าตัวต้องฟุบหน้าแกล้งหลับแทน อยากจะขำนะ แต่ไม่รู้ต้องขำตรงไหนของประโยค เอาเป็นว่า มุกนี้ไม่ผ่าน ตึ๊ด ตึ๊ด

   นั่งอยู่ใต้ตึกอีกไม่นาน พวกเราก็ยกกลุ่มไปหาอะไรกินโรงอาหารคณะ ไม่อยากไปโรงอาหารกลางเพราะคนเยอะ ยิ่งเปิดเทอมใหม่ๆ แบบนี้ด้วยแล้ว อย่างกับแจกข้าวฟรี แถมที่นั่งก็น้อยอีก โรงอาหารคณะดีที่สุด แม้เด็กปีหนึ่งจะเยอะ กับข้าวก็รสชาติธรรมดาๆ ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเบียดกับคณะอื่น

   ช่วงที่กำลังรอข้าวมันไก่เจ้าร้านประจำ กระเป๋ากางเกงก็สั่น ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู หน้าจอโชว์รูปคนโทรเข้า นี่พี่โชแอบเอามือถือผมไปเปลี่ยนรูปตั้งแต่ตอนไหน ปกติแล้ว ถ้าพี่โชโทรเข้ามา จะเป็นรูปติ่งหูที่ผมแอบถ่าย แต่นี่มาซะเต็มหน้าจนแทบล้นขอบ เลือกเอารูปตัวเองหล่อด้วยนะ

   “ฮัลโหลพี่โช” มือข้างหนึ่งกดรับ อีกข้างยื่นไปรับจานข้าวที่สั่งพลางเดินกลับไปที่โต๊ะ “มีอะไรกับกลอยเหรอ”

   (คือพี่...) คำขึ้นต้นกับน้ำเสียงแผ่วๆ เริ่มทำให้ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง (คือพี่ติดงานด่วนศุกร์นี้ พี่คงไปกับกลอยไม่ได้) จานข้าวในมือร่วงลงบนโต๊ะ ดีที่ไม่สูงมาก ทำให้ข้าวยังเรียงตัวสวย ไก่ก็ยังอยู่ครบทุกชิ้น มีแค่ผักชีหนึ่งใบที่ปลิวหายไป

        “หมายความว่า พี่โชจะให้กลอยไปคนเดียวเหรอ” บอกตรงๆ ตอนนี้รู้สึกจุกมาก คล้ายกับอยากจะร้องไห้ออกมาดื้อๆ “พี่จะทิ้งกลอยเหรอ”

   (พี่ไม่ได้ทิ้ง แต่มันเป็นงานด่วนของพ่อ พี่ปฏิเสธไม่ได้ แต่พี่จะรีบทำงานให้เสร็จไวๆ แล้วรีบขับรถตามไปหากลอยที่เชียงใหม่) แม้จะบอกแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีมากสักเท่าไหร่ (กลอยได้ยินพี่ไหม)

   “ได้ยิน งั้นพี่โชไม่ต้องไปก็ได้ กลอยไปคนเดียวได้ สบาย” พยายามทำเสียงให้ร่าเริงแม้จะขึ้นจมูกไปสักหน่อย ตอนนี้พวกไอ้ทูเริ่มทำหน้าตาเหลอหลาที่เห็นผมสูดขี้มูก ทำตาแดง “กลอยกินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวโดนไอ้ต๋องแย่งไก่” ว่าแล้วก็กดวางสาย ผมเงยหน้ากระพริบตาถี่ๆ ให้น้ำที่เอ่อคลอมากลับลงไปที่เดิม

   “มึง...โอเคไหมวะ” ไอ้เครีบยื่นกระดาษทิชชู่มาให้ผม พลางขยิบตาให้คนอื่นๆ พูดบ้าง

   “กูไม่ชินกับไอ้กลอยเวอร์ชั่นขี้แยเลยว่ะ มึงช่วยกลับมาเกรียนแตกเหมือนเดิมได้ไหม กูกลัว” ผมมองไอ้สักตาขวาง แต่ก็อย่างที่มันพูด ผมอยากกลับไปเกรียนนะ แต่ตอนนี้สภาพจิตใจไม่โอเคเลย


   อยากร้องไห้จนน้ำท่วมมหาลัย

   “เอาน่ามึง ไปแค่สามวันสองคืน แถมที่ไปก็ไม่ใช่ป่าช้าสักหน่อย มึงจะกลัวทำไมวะ” ไอ้ทูพยายามลูบหัว ลูบหลังผมเพื่อปลอบ “ถ้าเขาทำอะไรมึงละก็ จดไว้แล้วมาบอกพวกกู เดี๋ยวพวกกูไปลุยให้”

   “ไปลุยยังไงวะ ตั้งเชียงใหม่” เพราะความปากไวของไอ้ต๋อง เลยถูกฝ่ามือเน้นๆ เข้าหัวไปสองรอบติด แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา

   “เออดี กูจะจดตั้งแต่วันแรกที่เหยียบบ้านนั้นเลย” บอกไปแบบนั้น แต่ก็ยังหนักใจอยู่ดี จากที่คิดหนักอยู่แล้ว ต้องมาคูณร้อยอีก “เครียด! ปวดหัว! แดกข้าว!”

   นี่ถ้าพวกผมไม่ได้อยู่ปีสี่ละก็ อาจถูกซ่อมจากรุ่นพี่แน่ๆ เพราะตอนนี้คนทั้งโรงอาหารต่างก็เหลือบมองกลุ่มผมเป็นระยะๆ คงจะสงสัยปนความอยากเสือกเต็มแก่ แต่ก็ทำได้เพียงแค่มอง






   คาบบ่ายกำลังจะมาถึง ซึ่งก็คงไม่ต่างจากช่วงเช้าสักเท่าไหร่ ผมเดินกอดคอไอ้ทูไปที่ตึกคณะเรียน ก่อนสะดุดตากับท้ายรถที่คุ้นเคยที่จอดอยู่ด้านหน้า คนในรถคงเห็นผมผ่านกระจกมองหลังเลยรีบเปิดประตูออกมา พี่โชอยู่ในชุดทำงาน เพียงแค่ไม่ได้สวมสูท ขายาวๆ สาวมาไม่กี่ก้าวก็ถึงที่พวกผมยืนอยู่

   “สวัสดีครับ พี่ครับ”

        พวกที่ยืนอยู่กับผม ต่างก็ยกมือไหว้ แล้วพากันเดินหนีขึ้นตึก ทิ้งให้ผมยืนหลบสายตาดุที่จ้องมา

   “พี่โทรหาทำไมไม่รับ” เสียงเข้มเข้ากับใบหน้า “เคยบอกแล้ว ว่าจะโกรธ จะงอนก็ต้องรับ”

   “ก็กลอยกินข้าวอยู่” แถครับ ที่จริงไม่อยากรับเอง

   “โกหก กลอยก็รู้ว่า ตัวเองโกหกไม่เก่ง” พี่โชใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมหลายจึ๊ก ก่อนจะปรายตาคล้ายออกคำสั่งให้ขึ้นรถโดยไม่ต้องเอื้อนเอื่อย ซึ่งผมก็ยอมเดินอ้อมรถไปอีกฝั่งแต่โดยดี และพอขึ้นมานั่ง ปิดประตูดังปัง ก็ถูกดึงเข้าไปกอด “พี่รู้ว่ากลอยโกรธ”

   “ไม่ได้โกรธสักหน่อย”

   “ไม่โกรธ แต่น้อยใจใช่ไหม” คราวนี้ผมไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะถ้าพูด น้ำตาที่คลอหน่วยตาต้องไหลแน่ “พี่ก็เสียใจที่ไปพร้อมกลอยไม่ได้ ทั้งที่บอกพ่อไว้แล้ว แต่มันเป็นงานด่วนซึ่งพ่อของพี่ไปไม่ได้” พี่โชพยายามอธิบาย ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอยู่ที่บ่า “แต่พี่สัญญาว่าจะรีบตามไปทันทีที่งานเสร็จ ดึกแค่ไหนก็จะไป”

   “กลอยรู้ ว่าพี่ไม่ทิ้งกลอย” จนได้ น้ำตาไหลลงเปื้อนเสื้อเชิ้ตของพี่โชจนชุ่มเป็นวงกว้าง “แต่กลอยไปเองได้ แค่วันสองวัน กลอยอยู่ได้”

   “กลอยอยู่ได้ แต่พี่อยู่ไม่ได้” ตัวผมถูกดึงให้มาประชันหน้า ไม่รู้หน้าตาผมบู้บี้แค่ไหน แต่ที่รู้ๆ คือ รอยยิ้มของพี่โชที่ส่งมาให้ โคตรเท่เลย “รอพี่อยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง แล้วพี่จะไปรับ”

   “ต้องมารับจริงๆ นะ”

   “เออ ไอ้เด็กขี้แยเอ๊ย” ถูกขยี้ผมที่เซ็ทมาจนฟูฟ่อง
 
   “ปีศาจ”

   กว่าผมจะหยุดร้องไห้จนใบหน้ากลับมาหล่อเหมือนเดิมก็เกือบถึงเวลาเรียน ไอ้ทูเดินมาส่องกระจกทึบเหมือนพวกถ้ำมอง พอพี่โชเลื่อนกระจกลงก็ผงะจนถอยหลัง ผมหัวเราะงอหงายพลางลงจากรถ พี่โชพยายามกลั้นยิ้มก่อนขับรถออกไป เห็นว่าต้องเคลียร์เอกสารของลูกค้า

   “นึกว่าเล่นจ้ำจี้กันในรถซะแล้ว” ผมใช้ฝ่ามือพิฆาตเป็นคำตอบแทน จนไอ้ทูตีหน้ายู่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ “ตกลงกันได้แล้วใช่ป่ะ”

   “เออ พี่โชจะไปรับกูทีหลัง”

   “ไปกลับเองก็ได้ มึงไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย ตอแหลสัด”

   “ก็ใช่ แต่พี่โชเขารักกู เขาเต็มใจไปรับกู” ยืดสุด อวดสุดจนคนที่เดินคู่ แซงหนีขึ้นตึก

   โธ่ ไอ้ทู ไอ้ขี้อิจฉา

   จังหวะที่ขาผมกำลังจะก้าวถึงบันไดขั้นบนสุด อยู่ๆ เด็กแว่นก็โผล่มาจนผมแทบหงายหลัง เด็กสาวปีหนึ่งค่อยยกมือไหว้ขอโทษผมช้าๆ ใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ที่แก้ม

   “หนูขอโทษพี่กลอยด้วยนะคะ ที่หนูทำกิริยาไม่ดี” แค่เกริ่นมา น้ำตาเด็กแว่นก็พร้อมจะร่วง “ขอโทษจริงๆ นะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ...”

   “ไม่เป็นไร พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ พอดีพี่อารมณ์ไม่ดีเหมือนหน้าตาน่ะ ก็เลยขึ้นเสียงใส่” พยายามพูดติดตลก ซึ่งก็เหมือนได้ผลครึ่งหนึ่ง แม้รุ่นน้องปีหนึ่งตรงหน้าจะขำ แต่น้ำตาก็ยังไหล “ร้องไห้ทำไมเนี่ย เดี๋ยวคนแถวนี้ก็หาว่าพี่แกล้งหรอก”

   “หนูเสียใจ”

   “พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ต้องเสียใจนะ หยุดร้องไห้ด้วย ดูดิ่ หน้าแดง ปากบวม ไม่สวยแล้ว”

   “พี่ตลกอะ” แล้วเด็กนั่นก็ขำออกมาลั่นตึก ทั้งที่น้ำตาก็ยังทะลัก ไม่รู้รหัสอะไร ที่แน่ๆ พวกสายรหัสคงต้องเตรียมยาแก้ปวดเป็นกระปุก “หนูชื่อน้ำนะคะ เป็นหลานรหัสของพี่กลอย ฝากตัวด้วยนะคะ”

   นั่นไง งานเข้าไอ้กลอยทุกปีกับสายรหัส หรือจะเป็นปีชงวะ สงสัยต้องไปแก้ชงที่ร้านหลังมอ เอาใจช่วยให้ผมขอปีศาจเพื่อไปแก้ชงได้ด้วยเถอะครับ...ไอ้กลอยเครียด!



...TBC

*หมายเหตุ ช่วงที่เจอคุณย่าอยู่ในตอนพิเศษที่อยู่ในเล่ม ภาคแรกนะคะ ไม่สามารถนำมาลงในเว็บได้ ต้องขออภัยจริงๆ ค่า หากอ่านแล้วงงหรือสงสัยต้องไหน รบกวนด้วยนะคะ จะนำไปปรับปรุงให้ดีกว่านี้ค่ะ

ขอฝากพี่โชกับกลอยประเกรียนตอนแรกด้วยนะคะะะะ ขอบคุณค่า (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: npsp2555 ที่ 12-11-2018 19:21:59
กลอยมาแล้ว :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-11-2018 20:31:17
โถ ๆ กลอยปะเกรียนเราขี้แงซะแล้ว  :กอด1: ว่าแต่ภาคนี้คงไม่มีเรื่องราวที่กลอยเจอกับขมิ้นสินะ เพราะตอนนี้นกลอยปี3นี่หน่า  o18 
  ป.ล. คาดหวังว่าไม่มีดราม่านะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-11-2018 20:58:49
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 12-11-2018 21:21:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-11-2018 21:24:40
คนอะไรเอาภาพติ่งหูแฟนขึ้นหน้าจอ ถ้าไม่ใช่กลอยประเกรียนคิดไม่ได้นะเนี้ย :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-11-2018 21:29:11
กลอยควรเตรียมพาราไว้สัก 10 กระปุกนะ แค่เริ่มความน่าปวดหัวก็จู่โจมไม่ยั้งแล้วนิ 55555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 12-11-2018 21:38:04
งื้ออยากให้กลอยเป็น​พี่เนียน อดเลย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 1 [UP!!] [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 13-11-2018 00:39:05
 :hao3: คิดถึงน้องกลอยมากกกก ตอนนี้เป็นพี่กลอย(หรือเปล่า?) ปีสี่ซะแล้วววว  :hao3: ภาคนี้ ขอน่ารักหวานๆกวนๆอีกนะค่ะ  :hao3:  no drama please  :mew2:  :call:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 2 [UP!!] [13/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 13-11-2018 20:38:42

เพราะนายคือของฉัน [II] : 2





        ทำไมเวลามันผ่านไปไวแบบนี้ล่ะเนี่ย ผมยืนหน้าบูดอยู่ในสนามบิน แม่กับพี่กิ่งพยายามลูบหัว ลูบหลังผมเพื่อปลอบ ส่วนพี่โชไม่ได้มาส่ง เพราะต้องไปทำงานแทนพ่อตัวเอง อันนั้นผมก็เข้าใจ แต่เล่นหายเงียบไม่มีแม้แต่ข้อความสักอัน ไอ้กลอยของอนได้ไหม ในฐานะคนน้อยใจก็ได้

   “ไปดีมาดีนะลูก” แม่อวยพรพลางลูบแก้มผมเบาๆ “อย่าไปก่อเรื่องที่นั่นด้วยนะ”

   “กลอยไม่ได้นิสัยแบบนั้นสักหน่อย” รีบกอดประจบแม่ทันที ยังจำสีหน้ากระอักกระอ่วนของแม่ได้ตอนคุณย่าโทรมา “กลอยจะซื้อแคบหมูมาฝากนะ”

   ผมกอดแม่ แต่สายตาจ้องมองพี่สาวตัวเองอยู่ตลอด พี่กิ่งไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่พวกเราถูกติดต่อมาหา แต่เพราะแม่ไม่อยากให้เกิดปัญหา อีกอย่าง ย่าก็ไม่ได้ร้ายแบบแต่ก่อน ผมว่าคงมีเรื่องจะคุยมากกว่าชวนไปงานวันเกิดเฉยๆ อย่างแน่นอน

   “ฝากแม่ด้วยนะพี่กิ่ง”

   “พูดเป็นลางไอ้นี่” ถูกจิ้มหน้าผากไปที “ปกติฉันก็ดูแลแม่มาตลอด”

   “เดี๋ยวซื้อกาละแมมาฝาก”

   “ติดฟันจะตาย...เอาสองโหล”

   “ฝากลมได้ลมนะครับ”

   ก่อนที่ผมจะถูกพี่สาวเตะ แม่ก็รีบห้ามซะก่อน แม้เราจะเถียงกันแบบนี้แต่สายตาของพี่กิ่งที่มองผมดูห่วงใย ผมโบกมือลาแล้วเดินเข้ามาด้านใน รู้สึกใจสั่นแปลกๆ ก็เคยอยู่หรอก ไปเที่ยวคนเดียว แต่ครั้งนี้ปลายทางที่ไป มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว และไม่ใช่ที่ๆ ผมอยากจะไป แทบอยากร้องเพลงพี่โป่ง ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธา ไม่มีท้อ...ไอ้กลอยสู้โว๊ย!!


   ใช้เวลานั่งเครื่องบินชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงจุดหมาย ตอนนี้ผมยืนเอ๋อมองซ้าย มองขวาอยู่ตรงหน้าประตูทางออก แม่บอกว่า ย่าจะให้คนมารับ แล้วไหนล่ะ คนที่จะมารับ ถ้าให้ผมนั่งรถไปเองคงอธิบายทางไม่ถูก ถึงแม้จะฝึกพูดภาษาคำเมืองมาแล้ว รับรองต้องได้นั่งรถแดงยี่สิบบาทแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็อธิบายทางไปบ้านย่าไม่ถูกอยู่ดี 

   “น้องกลอยใช่ไหม” ระหว่างยืนหันรีหันขวาง เสียงทักมาจากด้านข้าง ผมหันไปมองเจอผู้ชายตัวสูง ผิวขาวซีดๆ ยิ้มแป้นแล้นมาให้ “ใช่น้องกลอยที่มาจากกรุงเทพหรือเปล่าครับ?” ถามย้ำอีกรอบพลางยื่นรูปมาให้ดู ซึ่งมันก็คือรูปผมนั่นแหละ

   “ใช่ก็ได้ครับ” ตอบแบบมึนๆ พลางเงยหน้ามองคนตรงหน้า “มารับผมเหรอ” กำลังคิดว่าคนตรงหน้าเป็นใครในครอบครัวของพ่อ หรือจะเป็นญาติ เป็นหลานคนใดในบ้าน แต่ก็ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ อยู่แค่ไม่กี่วันก็กลับแล้ว

   “ครับ” รอยยิ้มแสนพิมพ์ใจทำเอาผมต้องหลุดยิ้มตาม “ตัวจริงดูดีกว่าในรูปอีกนะ”

         ยิ้มแห้งๆ รับคำชมนั้น แน่ล่ะ รูปนั้นถ่ายวันงานเลี้ยงวันเกิดตอนผมอายุสิบแปด ที่ยิ้มไม่เต็มที่นั่นก็เพระปวดขี้แต่พี่กิ่งบังคับให้ถ่ายก่อนไปห้องน้ำ แทบไม่ต้องเดาว่าใครเป็นคนส่งรูปนี้มาให้ คงไม่ใช่แม่อย่างแน่นอน พี่กิ่งทำกันได้ลงคอ ผมเดินหน้ามุ่ยนึกค่อนขอดพี่สาวในใจตามหลังคนมารับไปที่ลานจอดรถ วัดด้วยสายตาแล้วน่าจะตัวสูงพอๆ กับพี่โช แต่รูปร่างผอมกว่า และพอได้เข้ามานั่งบนรถ คนขับก็หันมาจ้องหน้าทันที

   “มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ?” ถามด้วยความสงสัย อยู่ๆ ก็หันมาจ้องหน้าเขม็งอย่างกับมีเรื่องจะถาม 

   “เปล่า” คนมองปฏิเสธก่อนจะออกรถ ผมเหลือบมองหน้าคนข้างๆ เป็นระยะ หน้าตาก็อยู่ในขั้นกึ่งกลาง จะว่าหล่อระดับปีศาจก็ยังไม่ใช่ แต่ไม่หล่อก็ไม่ใช่ “จ้องขนาดนี้ อยากสิงผมล่ะสิ”

   “ถ้าหล่อกว่านี้ก็อยากจะสิงอยู่หรอก” กวนมากวนกลับไม่โกง ผมเลิกสนใจคนแล้วหันไปมองธรรมชาตินอกรถ ภาพการจราจรหนาแน่นช่วงออกจากสนามบินค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นทุ่งนา แอบเสียดายบางส่วนที่ถูกนำไปสร้างเป็นบ้านจัดสรร แต่ก็นะ สมัยนี้ธุรกิจบ้านมันขายง่าย ยิ่งเมืองที่มีความสวยงามแบบนี้ คนก็อยากจะมาอยู่ ไม่ก็ซื้อไว้สำหรับมาพักผ่อน ไม่นานความเร็วของรถก็ค่อยๆ ลดลง จนรถกระบะสี่ประตูเลี้ยวเข้าจอดในบริเวณบ้านไม้ทรงไทย “หลังนี้เหรอ” ถามขณะมองไปรอบๆ

   “ครับ”

   เปิดประตูลงไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้โชยมาเข้าจมูก ผมละสายตาจากสวนข้างบ้านไปมองบ้านไม้หลังใหญ่ตรงหน้า บ้านรวยแบบนี้นี่เองถึงดูถูกแม่ของผมตอนนั้น คนที่ไปรับผมกวักมือเรียกยิกๆ อยู่ตรงทางเข้าประตูบ้าน พอผมเดินเข้าไปใกล้ ก็เจอหลานรักของบ้านที่เคยหาเรื่องผมตอนนั้น ผู้หญิงที่น่าจะอายุไม่ห่างจากผมเท่าไหร่ กับเด็กผู้ชายตัวเท่าไหล่ของผม ทั้งคู่ยืนกอดอกตัวเองมองหน้าผมอย่างหาเรื่อง สายตาที่จ้องมาดูไม่เป็นมิตรอย่างเคย ยิ่งเพิ่มเติมความไม่พอใจเพราะนี่คือถิ่นของเขา

   จ้องแบบนี้ จะกัดผมไหมวะ

   “ทำไมมองหน้าพี่เขาแบบนี้ล่ะ” คนพาผมมาขัดขึ้น “พี่เราสองคนไม่ใช่เหรอ”

   “ไม่นับญาติ” เสียงแข็งของผู้หญิงคนนั้นทำเอาผมตวัดสายตามอง

   “นั่นสิ คนแปลกหน้าชัดๆ” เด็กผู้ชายเสริม แต่แล้วสองคนนั่นก็ถูกเขกหัวจากคนที่พาผมมา ทำเอาผมแอบตกใจเล็กๆ ที่กล้าทำการอุกอาจแบบนั้น “ทำไมพี่โอ๊ตต้องเข้าข้างคนอื่นด้วย อุ่นจะฟ้องคุณย่า”

   “พี่โอ๊ตเห็นคนอื่นดีกว่าน้องตัวเองเหรอ!” เสียงแหลมเล็กแหวจนแสบแก้วหู

   “ไปกันใหญ่แล้ว พี่ไม่ได้เหก็นใครดีกว่าใครทั้งนั้นแหละ” คนชื่อโอ๊ตว่า แต่ดูเหมือนเด็กสองคนจะยังไม่พอใจ กระทืบเท้าไปมาราวกับเด็กโดนขัดใจ

   “อ้อนเป็นน้องพี่โอ๊ตนะ!”

   “เสียงดังเอะอะอะไรกัน อ่าว มาแล้วทำไมไม่เข้ามาในบ้านล่ะ”

   ระหว่างที่ผมยืนดูคนน้องโวยวายคนพี่ เสียงนุ่มก็แทรกดังขัดขึ้น ทำเอาทุกคนเงียบลง ก่อนผู้หญิงสูงวัยหน้าตาดูน่าเกรงขามจะเดินย่างกรายออกมา คุณย่าสวมชุดลำลองดูสบาย ใบหน้าติดรอยยิ้มส่งมาให้ผมทันทีที่เห็นหน้า

   “คุณย่าขา พี่โอ๊ตตีอ้อนค่ะ”

   “อุ่นด้วย”

   แขนสองข้างของคุณย่ากำลังถูกยึดจากหลานรักทั้งสอง ใบหน้าหงิกงอทำท่าทางออเซาะอย่างน่าหมั่นไส้จนผมต้องกรอกตามองบนใส่ หาเรื่องคนอื่นก่อนแท้ๆ 

   “เราสองคนไปแกล้งพี่เขาก่อนใช่ไหม” แต่ดูเหมือนแผนการฟ้องจะไม่เป็นผล เมื่อคุณย่ารู้ทัน “คิดซะว่า บ้านนี้ก็เป็นบ้านของกลอยก็แล้วกันนะ”

   “คุณย่าทำไมพูดแบบนั้นละคะ นี่บ้านของอ้อนนะคะ จะให้คนอื่นคิดว่าเป็นบ้านตัวเองได้ยังไง” เสียงเล็กแหวดัง ก่อนแขนจะถูกหยิกจนคนโวยวายนิ่วหน้า “อ้อนเจ็บนะ”

   “คนอื่นที่เราว่า เป็นพี่ชายเรานะ” ย่าดุเสียงแข็ง

   “พี่ชายของอ้อนมีแค่พี่โอ๊ต คนอื่นไม่ใช่!” หน้าเล็กสะบัดเชิดขึ้น ก่อนปรายตามามองผมนิดๆ “ก็แค่เชื้อของพ่อตัวสองตัว”

   ได้ยินแบบนั้น กระเป๋าในมือผมแทบร่วง ไม่ได้เสียใจหรอกนะครับ แต่อยากพุ่งไปต่อยมากกว่า ปากคอเราะร้าย ไม่สมกับที่เป็นลูกคนรวยเลย แทบอยากมอบประโยคหนึ่งให้

        ...พูดออกมาได้ เฮงซวย!! 

   “อ้อน ทำไมเป็นคนปากร้ายแบบนั้น ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้” คราวนี้เป็นเสียงทุ้มดุแทน ใบหน้าขึงขังดูน่ากลัวจนผมแอบผวาเล็กๆ “ไม่งั้นพี่จะโกรธนะ”

   “แค่ไอ้นี่มา คุณย่ากับพี่โอ๊ตก็เข้าข้างแล้ว อ้อนเสียใจ น้อยใจ อ้อนไม่ชอบ!!” เสียงเล็กแหลมกรีดร้องจนผมรีบยกมืออุดหูแทบไม่ทัน เสียงกรี๊ดๆ ดังจนคนในบ้านวิ่งออกมาดู “อ้อนเกลียดมัน!!”

   “อ้อน!”

   ผมยืนทำตาปริบๆ หลังจากเรื่องสงบลง คนชื่ออ้อนวิ่งเข้าไปด้านในโดยมีน้องชายวิ่งตาม คุณย่ารีบปรับสีหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม

   “ขอโทษแทนน้องด้วยนะ ย่าเลี้ยงไม่ดีเอง”

   “ไม่เป็นไรครับ พอจะทำใจมาไว้แล้ว”

   ผมมองไปตามทางว่างๆ ที่เด็กคนนั้นวิ่ง แบบนี้เรียกพ่อแม่รังแกฉันหรือเปล่านะ 

   “โอ๊ตพาน้องไปที่ห้องไป เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยลงมาทานข้าว” คุณย่าหันไปบอกคนที่พาผมมา ก่อนป้าผู้หญิงวัยกลางคนจะเดินออกมา พลางประคองย่ากลับเข้าไปด้านใน


   เป็นการต้อนรับที่แสนคึกคักเสียจริงๆ ยิ่งกว่าเอาแตรวงมารับซะอีก


   “พี่ขอโทษแทนอ้อนกับอุ่นอีกทีนะครับ ทั้งคู่ถูกเลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยเอาแต่ใจแบบนี้” เสียงทุ้มบอกขณะเดินนำผมขึ้นบันไดไปชั้นบน “กลอยต้องนอนห้องเดียวกับพี่นะ นอนได้ใช่ไหม”

   “ผมนอนห้องไหนก็ได้ครับ” ที่ไม่ใช่ห้องเด็กสองคนนั่น “ว่าแต่ พี่ เอ่อ...”

   “เรียกพี่ว่าพี่โอ๊ตก็ได้ เพราะอายุพี่เยอะกว่ากลอยแน่นอน เรียนจบมาหลายปีแล้ว” ยิ้มแห้งๆ เมื่อโดนเดาความคิดถูก ก็แค่สงสัยว่าคนตรงหน้าอายุเท่าไหร่เอง “ว่าแต่ กลอยเรียนมหาลัยปีอะไรแล้วล่ะ”

   “ปีสี่ครับ” ปากก็ตอบ ตาก็มองห้องที่ถูกพาเข้ามา ผมยืนอยู่บนพื้นไม้สีทองขัดเงาวับ ฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าจะเป็นตู้ เตียง โต๊ะเก้าอี้ในห้องล้วนเป็นไม้ทั้งหมด ดูๆ แล้วคงไม่ใช่ไม้ไก่กาแน่นอน ว่าแล้วก็อดลูบโต๊ะหนังสือห้องพี่โอ๊ตไม่ได้ มันไม่ใช่โต๊ะเดี่ยวแบบที่มีขายตามร้านตามห้าง หากมองผ่านๆ คงคิดว่าเป็นตู้ธรรมดา แต่พอดึงที่จับออกมาก็จะกลายเป็นโต๊ะหนังสือ “ไม้นี่เป็นไม้อะไรเหรอครับ”

   “ไม้สักน่ะ”

   “ทองไหม”

   “ทองม้วนเหรอ”

   “หมายถึงไม้สักทองไหม ไม่ใช่ทองม้วน” ผมว่า พี่โอ๊ตหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีที่ตีรวนผมได้ กวนตีนใช่ย่อยนะครับเนี่ย จะว่าไป ก็อยากกินทองม้วนเหมือนกันนะ ใช่ ผมกำลังหิว.. “พี่ให้ผมนอนตรงไหนเหรอ” เพราะห้องนี้มีเตียงห้าฟุตวางอยู่กลางห้องแค่นั้น ไม่มีฟูกหรือผ้าปูอะไรเลย

   “ก็บนเตียงกับพี่นี่ไง หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ไอ้ที่มีปัญหาสำหรับผมก็คงไม่มี แต่ถ้าคนที่จะตามมารู้ ปัญหานี้คงจะใหญ่มากน่าดู “ผ้าปูพี่เพิ่งเปลี่ยน รับรองไม่เหม็นแน่นอน”

   “อ่าครับ ผมนอนได้ หอพักผมสภาพเละก็นอนมาแล้ว” ตอบไปส่งๆ ถึงห้องนี้จะเป็นไม้ แต่มุมห้องก็มีแอร์ติดอยู่ “เอ่อ...”

   “มีอะไรจะถามพี่อีกหรือเปล่า”

   “พี่ก็เป็นลูกพ่อผมเหรอ” ที่ถามก็เพราะดูจากอายุคงพอๆ พี่กิ่ง ถ้าเป็นแบบนั้นพ่อผมก็ต้องมีแม่ผม พร้อมกับเมียอีกคน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพ่ออยู่กับแม่ ย่าพาพ่อมาหลังจากแม่คลอดผม ระหว่างที่รอคำตอบ คนที่จัดของในห้องก็หันมายิ้มบางๆ ส่งให้

   “ไม่ใช่หรอก พี่เป็นลูกติดแม่มาน่ะ” ใบหน้าซีดติดยิ้มให้ผมโดยไม่มีท่าทีน้อยใจหรือเศร้าใจใดๆ ยามพูดถึงเรื่องนี้ แน่ล่ะ ดูย่าก็รักไม่ได้รังเกียจอะไรนี่นา จะมาทุกข์ใจได้ยังไง “เดี๋ยวพี่ต้องลงไปช่วยงานข้างล่าง น้องกลอยก็พักผ่อนในนี้ไปก่อน เดี๋ยวถึงเวลาพี่จะขึ้นมาเรียก”

   “ครับ” ใจจริงก็อยากลงไปด้วยนะ แต่กลัวไปเจอเด็กสองคนนั่น หากไปเจออีกแล้วดดนพูดแย่ๆ ใส่ ผมก็กลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะห้ามปากหมาๆ เถียงกลับไม่ได้ ดังนั้นอยู่ในห้องแบบนี้น่าจะดีที่สุด

   ผมจัดของส่วนตัวที่ต้องใช้สำหรับคืนนี้ โดยไม่ได้ดึงเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เพราะที่ตกลงไว้กับพี่โช คือผมจะค้างแค่คืนนี้คืนเดียว ถ้าพี่โชมาถึง เราจะเข้าไปนอนโรงแรมในตัวเมืองแทน ระหว่างจัดนั่น จัดนี่ ประตูห้องก็เปิดออก ผมมองหน้าเจ้าของห้องที่ยกยิ้มมาให้

   “วันนี้มีบุฟเฟ่ต์ทะเลนะ” คนพูดเดินไปหยิบของ ก่อนจะออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งเหวอ ไม่รู้ว่าจะให้ลงไปตอนไหน แต่ไม่กี่นาทีประตูก็เปิดออกอีกรอบ “ลงไปด้วยกันไหม เผื่อกลอยจะเบื่อที่ต้องอยู่ในห้องเฉยๆ”

   “แล้วสองคนนั่น...” พูดไม่เต็มปาก เพราะยังไงซะ เด็กสองคนนั่นก็น้องแท้ๆ ของพี่โอ๊ต

   “ถ้าหมายถึงอ้อนกับอุ่น เขาไม่ออกห้องมาหรอก ว่าไง สนใจลงไปกับพี่ไหม” คำเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มหวานทำให้ผมพยักหน้าแทบจะทันที

   สนามหญ้ากว้างข้างตัวบ้านตั้งเตาปิ้งของทะเลไว้ บนเตามีทั้งกุ้ง ปู ปลา เหมือนเหมามาทั้งทะเลก็ว่าได้ ยิ่งกว่าไปกินชิดชายหาดซะอีก ผมเดินเลียบๆ เคียงๆ พี่โอ๊ตไปที่เตา มือหยิบคีมพลางช่วยกลับกุ้งบนตะแกรงจนคนข้างๆ หันมายิ้มให้ 

   “นี่เหรอคะลูกพี่ชัยกับเมียเก่า” มือที่กำลังจะพลิกกุ้งหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำถาม “หน้าตาไม่ค่อยเหมือนพี่ชัยเลยนะคะ”

   “ก็เหมือนแม่เขานั่นแหละ” คุณย่าที่นั่งอยู่ไม่ไกลตอบ “แม่เขาสวย”

   คราวนี้ผมเหลือบตามองย่าทันที หมายถึงย่าชมผมสวยเหมือนแม่ใช่ไหม

   “ก็เพราะสวย พี่ชัยถึงทิ้งคุณป้าไปอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอคะ” คนพูดจีบปากจีบคอ ไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่ถูกเอ่ยถึง จะหน้าบึ้งสักแค่ไหน “ชื่ออะไรเหรอเรา”

   “กลอยครับ”

   “ไม่เคยได้ยินคนชื่อแบบนี้มาก่อน”

   “ก็ผมเพิ่งแนะนำไปเมื่อกี้”

   หลังจากผมพูดจบก็พาเงียบกันหมด เป็นย่าที่หัวเราะออกมาก่อนคนแรก ตามด้วยอีกหลายคน ยกเว้นผมที่กำลังงงอยู่ว่า พวกเขาหัวเราะอะไร ส่วนคนถามผมทำหน้าตึงยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม พี่โอ๊ตกระซิบว่าเป็นลูกของน้องสาวย่า ชอบพูดค่อนแคะคนอื่นเป็นประจำ เลยไม่ค่อยมีใครถือสา

   ทำไมผมรู้สึกดีใจที่แม่ไม่ได้มาด้วย เพราะถ้าแม่ต้องมา ก็ต้องเจอประโยคพวกนี้ กับสายตาดูถูกของบรรดาญาติของพ่อ ดีใจที่ผมคิดถูก ที่ยืนหนึ่งมาคนเดียว   






   ท้องฟ้าทั้งผืนเริ่มมืดสนิท แต่สนามนี้มีไฟสปอร์ตไลท์ติดไว้ เลยทำให้พื้นที่สว่างไปทั้งผืน และตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด ผมที่ปิ้งกุ้ง ปิ้งปลาก็ได้กินบ้างเมื่อถูกพี่โอ๊ตป้อน จะไม่กินก็ไม่ได้ เมื่อถูกจ่อปากแบบประชิดพร้อมกับสายตากดดันให้กิน

   “โอ๊ต ไปเรียกอ้อนกับอุ่นออกมาได้แล้วไป” ย่าบอกคนที่ง่วนอยู่กับการแกะกุ้งยัดปากแกล้งผม พี่โอ๊ตหัวเราะที่แก้มผมเต็มไปด้วยของที่พี่แกยัด นี่ถ้าอ้าปากกุ้งร่วงแน่นอน เลยได้แต่ถลึงตาใส่แทน “ดูไปแกล้งน้องอีก” ผมหันไปมองย่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย จากเดิมที่คิดเรื่องการรับมือความร้ายเอาไว้ตามที่พี่กิ่งสอน พอมาเจอจริงๆ กลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิด ย่าส่งยิ้มมาให้ คงรู้สึกว่าผมมองอยู่ละมั้ง พอเห็นแบบนั้น ผมก็ยิ้มตอบแล้วก้มหน้าปิ้งกุ้งที่เหลือต่อ

   ผมต้องทำยังไงต่อละทีนี้

   ไม่นานเด็กสองคนก็เดินหน้างอตามหลังพี่โอ๊ตออกมา สายตาตวัดมองผมก่อนเพื่อน ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจมาก พอมื้อเย็นเริ่ม ก็ตัวใครตัวมัน มือใครยาวก็หยิบ ก็จองกันตามสะดวก ซึ่งจานของผมก็เต็มไปด้วยกุ้ง แน่นอนว่าส่วนหนึ่งผมหยิบ อีกส่วนเป็นของคนข้างๆ ที่แกะแล้ววางมาให้

   “พี่ไม่ต้องแกะให้ผมก็ได้ ผมแกะเองได้” กระซิบบอกไปแบบนั้น แต่ก็หยิบกุ้งที่พี่โอ๊ตแกะเปลือกออกให้เข้าปาก “กินกุ้งจนหน้าจะเป็นกุ้งแล้ว”
 
   “ก็พี่เห็นกลอยหยิบแต่กุ้ง ก็เลยคิดว่าชอบ กินเยอะเหมือนกันนะเรา” พูดไป ขำไป ทำเอาผมแทบอยากคายกุ้งออกมาคืน

   “ด่าว่าอ้วนเลยเถอะแบบนี้” ว่าจบพี่โอ๊ตก็ขำหนักกว่าเดิม คนรอบโต๊ะพากันมองด้วยความสงสัย

   กองทะเลเผายังวางอยู่บนจานอีกเยอะ แต่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมองหน้ากันแทน บ้างก็เขี่ยเศษกุ้ง เศษก้าง จะมีแค่ผมนี่แหละ ที่ยังงับขาปูอยู่

   “กินเยอะขนาดนี้ เอาไปไว้ไหนหมด” พี่โอ๊ตถาม พลางกวาดสายตามองตัวผม “อ่อ ตรงพุง” ไม่ว่าเปล่า ยังยื่นมือมาจับอีก ผมก็รีบแขม่วพุงหนีทันที

   “มือเปื้อน” บอกไปงั้น แต่ที่จริงไม่ชอบให้คนแปลกหน้าจับมากกว่า

   “โทษที ลืมตัว”

   ย่ามองผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะขอตัวขึ้นห้อง ส่วนคนที่เกลียดหน้าผม อย่างสองพี่น้องก็สะบัดหน้า สะบัดตูดตามหลังย่าไป ส่วนญาติคนอื่นๆ ก็ขอตัวกลับบ้านที่อยู่ถัดกัน ทั้งโต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับพี่โอ๊ต

   “อิ่มแล้ว” พูดจบก็เรอเป็นเครื่องยืนยันอย่างลืมตัว “ขอโทษครับ” 

   “ไม่เป็นไร พี่เข้าใจว่ากลอยอิ่มจริงๆ” พูดเสร็จก็ขำออกมา

   “แต่มันยังเหลือ...”

   “เดี๋ยวพี่เอาเข้าตู้เย็น พรุ่งนี้ค่อยเอาออกมาอุ่นใหม่”

   พยักหน้าเป็นคำตอบ พลางอยู่ช่วยพี่โอ๊ตกับแม่บ้านเก็บข้าวของที่เหลือ ไม่อยากจะบอก ว่าตอนนี้อยากตดมากถึงมากที่สุด แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้จนรู้สึกปวดท้องไปหมด ถ้าอยู่กับพี่โชผมคงสะดวกใจกว่านี้เยอะ

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”

   “กลอยขึ้นห้องก่อนได้ไหม ปวดท้อง”

   สุดทนจริงๆ ผมก็รีบบอก พี่โอ๊ตเลิกคิ้วก่อนพยักหน้า ผมเลยรีบวิ่งขึ้นห้อง ของที่กินไปเริ่มออกฤทธิ์เดช สงสัยน้ำจิ้มซีฟู้ดนั่นแน่ๆ อร่อยแต่ฤทธิ์รุนแรง ปลดปล่อยของเสียเสร็จผมก็อาบน้ำต่อมันซะเลย พอออกมาก็เจอเจ้าของห้องกำลังนั่งเล่นแลปท็อปอยู่ที่โต๊ะหนังสือ

   “เข้าห้องน้ำโคตรนาน” เจ้าของห้องบ่น ผมได้แต่โค้งศีรษะขอโทษ พี่โอ๊ตหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็เดินมาทิ้งตัวนั่งบนเตียง พลางเช็ดผมที่เปียก

   เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังจากกระเป๋าเป้เรียกความสนใจ พอเดินไปหยิบออกมาดู ก็เจอรูปติ่งหูของคนโทรมาแสดงอยู่ (แอบเปลี่ยนกลับคืน หลังจากพี่โชเปลี่ยนเป็นรูปหน้าตัวเอง) นิ้วกดรับ ยังไม่ทันได้อ้าปากทักทาย ก็ถูกเสียงตวาดแทรกมาซะก่อนจนต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู

   (หายหัวไปไหนมา! กูโทรหาเป็นร้อยสาย!)

   “ผมไปกินข้าวมาแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง” พี่โชขึ้นเสียงแบบนี้ ผมไม่ควรงี่เง่าใส่ครับ ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดผมเองที่ไม่เอาติดตัวลงไปด้วย แอบได้ยินเสียงหอบของพี่โช คงเพราะโมโหจริงๆ “พี่โชเลิกงานแล้วเหรอ” พยายามทำให้อีกฝั่งอารมณ์ดีขึ้น

   (เออสิ) มีสะบัดเสียงใส่ด้วย

   “แล้วทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง”

   (ยัง กำลังเก็บเสื้อผ้า) แม้จะตอบแบบห้วนๆ แต่ก็อ่อนลงมานิดหนึ่ง (กลอยกินหรือยัง)

   “อืม พี่โชนั่นแหละ ทำไมยังไม่กินอีก กี่โมงแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนเลย” พยายามทำน้ำเสียงให้สดชื่น ได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจออกมา น่าจะควบคุมความโมโหของตัวเองได้แล้ว

       (พี่เก็บของอยู่ เดี๋ยวค่อยแวะกินระหว่างทาง) พอได้ยินเช่นนั้น ผมก็หันไปมองนาฬิกาบนผนัง (แล้วกลอยเป็นไงบ้าง มีใครพูดหรือทำอะไรให้หรือเปล่า)

   “ตอนนี้มันดึกแล้วนะ ถ้าพี่มาตอนนี้เดี๋ยวได้หลับพอดี เมื่อเช้าก็ตื่นเช้านี่นา” เลือกที่จะไม่ตอบ เพราะรู้สึกห่วงมากกว่า “พรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้”

   (พี่ไหว)

   “กลอยรู้ว่าพี่โชไหว แต่มันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี นะๆ กลอยอยู่ได้” ผมมองไปรอบๆ ห้องพลางตอบ ได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสายกลับมาอีกรอบ

   (กลอยอยู่ได้ แต่พี่อยู่ไม่ได้ ห้องมันกว้างขนาดนี้ พี่จะอยู่ได้ยังไง) อยากเห็นหน้าตอนพูดแบบนี้เลย ต้องน่ารักมาแน่ๆ โหมดง้องแง้งของพี่โชเนี่ย (พี่ต้องกอดกลอยถึงจะหลับ กลอยก็รู้)

   “อย่ามาเว่อร์ ตุ๊กตาหมีก็อยู่ กอดมันไปก่อน มีกลิ่นกลอยเหมือนกัน” พูดไปยิ้มไป ถ้ามีหญ้าละก็ ถูกดึงหมดสนามแล้ว

   (มีกลิ่นแต่ม่อุ่น ไม่นุ่ม ไม่หอมเหมือนกอดเมียจริงๆ) ตอนนี้ปวดแก้มไปหมดเพราะยิ้ม ไม่ว่าจะคบกันนานเท่าไหร่ พี่โชก็ยังทำให้ผมเขินอยู่ตลอด

   “ก็นอนกอดไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมากอดกลอย”

   (เออ จะกอดให้จมอกเลย)

   คำพูดคำจาสมฉายาปีศาจจอมหื่น

   “น้องกลอยลืมนาฬิกาข้อมือในห้องน้ำนะ”

   ระหว่างคุยกับพี่โช พี่โอ๊ตก็ตะโกนเสียงดังออกมาจากห้องน้ำ ผมตกใจตาเหลือก อุตส่าห์ดีใจที่พี่โชโทรมาตอนอยู่คนเดียว
 
   (เสียงใคร) เอาแล้วไง ปีศาจเริ่มกลืนพี่โชคนน่ารักอีกแล้ว ตอนนี้น้ำเสียงเย็นยิ่งกว่าน้ำแช่ฟิตเสียอีก (ไอ้กลอย)

   “พี่เขาเป็นหลานย่า” พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
 
   (หลานย่า? แสดงว่าไม่ใช่ลูกพ่อมึง?) เป็นคำถามจริง แต่คงไม่ต้องการคำตอบ ผมลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ (แล้วเวลานี้ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน) นั่นสิ ผมจะหาคำตอบสวยๆ แบบไหนดี (เปิดกล้อง เดี๋ยวนี้) กำลังจะอ้าปากแถ พี่โชดันสั่งให้เปิดกล้องเฉย ตอนนี้พี่แกก็เปิดกล้องรอไว้แล้วด้วย

   “พี่โช” ผมยิ้มโบกมือให้คนปลายสาย “ทำไมยังไม่ไปกินข้าว”

   (ถ่ายรอบๆ ที่มึงอยู่ดิ๊) ไม่สนคำถามผมเลย อยากจะร้องไห้ (มึงนอนกับมันเหรอ) 

   “พอดีห้องมันไม่มี” สุดท้ายก็ต้องบอกไป สายตาพี่โชโคตรดุ ขนาดผ่านกล้องมานะครับ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจอตรงๆ จะถูกฆ่าด้วยรังสีแบบนั้นกี่รอบ “แต่ก็แค่คืนนี้ พรุ่งนี้ก็ไปนอนกับพี่โชไง”

   (แล้วมึงนอนตรงไหน อย่าบอกว่าบนเตียง) พี่โชก็ยังคงไม่สนคำพูดของผม (กูไม่อนุญาต!)

   “พี่โช” เสียงอ่อนเลยผม

   (ออกไปนอนโรงแรมเดี๋ยวกูจองให้) น้ำเสียงและสรรพนามของพี่โชไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะครับ ตอนนี้พี่โชกำลังจริงจัง (เดี๋ยวโทรเรียกรถไปรับ)

   “ได้ไง พรุ่งนี้กลอยต้องอยู่ทำบุญวันเกิดย่านะ”

   (พรุ่งนี้ค่อยมา)

   “พี่โชไม่ไว้ใจกลอยเหรอ”

   (กูไว้ใจมึงเสมอ แต่คนอื่นไม่)

   “พี่คิดว่ากลอยง่ายหรือเปล่า”

   (ไม่)

   “งั้นกลอยจะนอนนี่แหละ” พี่โชกำลังจะอ้าปากพูด แต่ผมชิงตัดบทไปก่อน “เชื่อใจกันก็พอ โอเค?” รู้สึกลุ้นเหมือนกันหลังพูดจบ พี่โชเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพยักหน้าตกลง “พี่ไปหาข้าวกินก่อน พรุ่งนี้ค่อยออก กลอยจะรอ”

   (เออ ก็ได้ แต่ขอสั่งห้าม! ห้ามนอนใกล้ ห้ามให้มันแตะตัว เข้าใจไหม)

   “เข้าใจแล้ว รีบๆ ไปหาอะไรกินเลย”

   (อย่าให้รู้) มีการหรี่ตาชี้นิ้วใส่หน้าด้วย

        จังหวะที่พี่โชจะพูดต่อ พอดีกับพี่โอ๊ตเดินออกจากห้องน้ำออกมาพอดี ผมเลยรีบกดตัดสาย รู้ว่าอาจจะโดนด่าแต่ก็ต้องทำ ขืนให้พี่โชเห็นพี่โอ๊ตพันแค่ผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ มีหวังระเบิดลงอย่างแน่นอน เผลอๆ ขึ้นเครื่องบินมาหาแทบจะทันที
 
   “คุยโทรศัพท์เหรอ” พี่โอ๊ตเช็ดผมที่เปียก พลางเดินโชว์รูปร่างไปมา เราสนิทกันขนาดนี้เหรอวะ “ได้สระผมค่อยดีหน่อย เมื่อกี้เหม็นควันมาก”

   “ผมนอนก่อนนะ” ตัดบททุกอย่างพลางล้มตัวนอนบนเตียง ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเจ้าของห้อง จะว่าไปเตียงนี่ก็นุ่มพอใช้ได้ แม้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไม่หอมติดจมูกแบบห้องพี่โชก็เถอะ “พรุ่งนี้พี่เรียกผมด้วยนะ เผื่อไม่ตื่น”

   “ได้สิ นอนเถอะเดี๋ยวพี่ปลุกพรุ่งนี้”

   “ขอบคุณครับ ฝันดี”

   “ครับ ฝันดี”

   คราแรกกลัวว่าจะนอนไม่หลับเพราะเปลี่ยนที่นอน แต่พอหัวถึงหมอนไม่นานสติผมก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา คงเพราะท้องตึง หนังตาเลยหย่อน...ราตรีสวัสดิ์เชียงใหม่


...TBC

ตอนที่ 2 มาแล้วค่าา ดราม่าไหม ก็ไม่นะ แต่กลอยอาจจะเกรียนน้อยลง เพราะอยู่ต่างถิ่นเพียงลำพัง เดี๋ยวคนจะไม่กล้าเข้าใกล้เอา 55555

แล้วพบกันตอนหน้าค่าาาา

ขอบคุณค่าาา (ไหว้ย่อ)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 2 [UP!!] [13/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-11-2018 20:43:50
ว้าว ว้าว ว้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1: มาเจอก่อนอัพด้วยแหละ
พี่โชเกรี้ยวกราดมาก  o18 o18 o18 กลอยจะเป็นยังใงต่อไปละเนี่ย  :z1: :z1: :z1:
ปอลิง มาถี่ ๆ นะคะ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 2 [UP!!] [13/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 13-11-2018 21:39:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 2 [UP!!] [13/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 13-11-2018 21:57:34
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 2 [UP!!] [13/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 13-11-2018 22:34:43
ถึงจะนิดๆ..แต่ก็เกรียน..555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 2 [UP!!] [13/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-11-2018 22:35:40
เอาใจช่วยน้องกลอย...ยยยยย  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 14-11-2018 19:28:01
เพราะนายคือของฉัน [II] : 3





        “น้องกลอยตื่นได้แล้ว!” เสียงตะโกนดังเอาซะผมสะดุ้งขึ้นมานั่ง แต่ก็ต้องล้มตัวลงไปนอนใหม่เพราะหัวหมุน “ตื่นได้แล้ว” ระหว่างรอปรับตัว พี่โอ๊ตก็ย้ำอีกรอบ คราวนี้ผมหันไปมองนาฬิกาบนผนัง

   “เพิ่งตีห้าเองนะ” บอกอย่างงัวเงีย มือก็ขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความง่วง

   “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตรกับย่านะ” เจ้าของห้องดึงผ้าห่มที่ผมถีบไว้ปลายเท้ามาพับซะเรียบร้อย “เร็วๆ เดี๋ยวสาย”

   “ครับๆ” ขานรับอย่างช่วยไม่ได้ ผมค่อยๆ คลานลงเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว ใช้เวลาไม่นานก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อม “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”

   “รออยู่ข้างล่างกันหมดแล้ว” พี่โอ๊ตที่นั่งรอผมขำ ตอนเห็นผมเดินหัวเปียกออกมา “ถ้าจะไปสภาพนี้ พี่แนะนำให้เป่าผมให้แห้งก่อน”

   “แต่เดี๋ยวจะไม่ทัน” ส่ายหน้ารัวๆ พลางตอบ คนนั่งรอพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางลุกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วโยนผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้

   “งั้นก็เช็ดผมอีกหน่อย ดูสิ น้ำหยดเต็มพื้นเลย” ก้มมองก็เห็นน้ำหยดที่พื้นตามที่ได้ยิน ผมรีบขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆ เพื่อลดเวลาในการทำให้ผมแห้ง พอน้ำไม่หยดก็เดินไปตากผ้าขนหนูในห้องน้ำ

   “เสร็จแล้ว”

   “ยิ่งกว่าเครื่องปั่นแห้งอีก” พูดจบก็ขำ “ลงไปกันเถอะ” 

   ผมเดินตามหลังพี่โอ๊ตลงไปชั้นล่าง เจอย่ากับน้องต่างแม่ นั่งง่วงตาปรืออยู่หน้าบ้าน พอเด็กสองคนนั้นเห็นผมเดินเข้าไปหา ก็พารีบขยับหนีไปกองกันอยู่อีกฝั่ง ทำอย่างกับผมอยากจะอยู่ใกล้นักนี่ ย่ากวักมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ ส่วนพี่โอ๊ตไปนั่งอยู่ด้านหลัง ตรงหน้าหน้าประตูรั้วบ้านตอนนี้มีโต๊ะยาวตั้งอยู่ บนโต๊ะมีกับข้าวที่ไว้สำหรับตักบาตรวันเกิดของย่า ช่วงที่นั่งรอผมก็หาวน้ำตาเล็ดไปหลายรอบติด

   “ง่วงขนาดนั้นหรือเรา” คำถามมาจากย่า ท่านขำเมื่อเห็นผมพยักหน้าตอบ

   “นิดนึงครับ” ตอบโดยที่ดวงตายังไม่พร้อมเปิดกว้าง มันเหมือนมีตุ้มลูกเหล็กห้อยที่ขนตา แต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะของย่าให้ดังขึ้น

   “เป็นคนกรุงตื่นสายสินะ” นี่ย่าด่าผมหรือเปล่าวะ

   “ก็แล้วแต่เวลาไปเรียนครับ” ตอบความจริงไป “แต่ถ้าอยู่บ้านกับแม่ก็จะตื่นเช้ามาช่วยแม่จัดของที่ร้าน”

   “ร้านเราขายดีไหม”

   “ดีสิครับ คงเพราะทำเลของร้านด้วย คนผ่านเยอะ แล้วก็ แม่ผมทำกับข้าวอร่อยที่สุดในย่าน”

   “ขนาดนั้นเชียว”

   ย่าคงอยากให้ผมตื่นตัวเลยชวนคุย ซึ่งมันก็ได้ผลพอประมาณ เพราะผมเริ่มตื่นเต็มตา จากนั้นพวกเราก็คุยกันได้ไม่กี่ประโยค เพราะป้าแม่บ้านเดินมาบอกว่าพระมาแล้ว ผมลุกขึ้นยืน พลางมองพี่โอ๊ต ที่รีบวิ่งเข้ามาพยุงย่าให้ลุกจากเก้าอี้ ท่านมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มบางๆ คงรู้ว่าผมอยากเข้าไปช่วยเหมือนกัน แต่ความห่างเหินมันทำให้ผมหยุดยื่นมือไป

   หลังจากตักบาตรตอนเช้าเสร็จ ผมก็ช่วยป้าแม่บ้านกับคนอื่นๆ เก็บของ แอบเห็นเด็กที่ชื่ออุ่นมองหน้าผมบ่อยๆ หรือกลัวผมจะขโมยทัพพี? ขอโทษทีที่ผมไม่นิยมกินของแปลก แม้จะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าก็เถอะ เก็บของเรียบร้อยทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร มื้อเช้าเป็นข้าวต้มเปล่ากับหมูหยอง ย่าบอกเมื่อคืนเรากินมื้อหนักไป มื้อเช้าเลยต้องเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่งั้นท้องจะผูก ซึ่งแน่นอนว่าท้องผูกไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย เพราะมื้อหนักนั่น ออกจากตัวผมไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

   “ลุงอ้อบอกสายๆ จะมารับคุณย่านะคะ” เสียงแหลมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ น้องสาวต่างแม่ของผมตีหน้านิ่ง คงเพราะเกลียดผมจริงๆ นั่นแหละ “แต่ไม่รู้รถจะพอนั่งหรือเปล่า มีคนไม่ได้เชิญด้วย”

   คงไม่ใช่ผมหรอก ก็ย่าโทรไปชวนผมเอง

   “ถ้าไม่พอ ก็ให้โอ๊ตขับตามไป” ย่าหันมามองพี่โอ๊ตที่ยิ้มรับ และทันทีเสียงฮึดฮัดก็ดังแทรก “ว่าแต่ คืนนี้เราจะทำอะไรกินกันดีล่ะ กลอยอยากกินอะไร ขันโตกไหม ชอบอาหารเหนือหรือเปล่า?”

   “เอ่อ” พอถูกถาม อาการใบ้ก็แทบกินเสียง จะตอบยังไงเพื่อไม่ให้คนชวนเสียน้ำใจดี “พอดีวันนี้พี่โชจะมารับผมแล้ว” แต่ผมเป็นพวกชอบพูดความจริงเสียด้วย เลยบอกไป ย่ากดคิ้วลงนิดๆ ส่วนพี่โอ๊ตก็หันมามอง “พี่โชจะมารับผมเข้าไปนอนในเมือง”

   “ทำไมเป็นงั้นล่ะ” พี่โอ๊ตถามออกมา ผมเลยหันมายิ้มให้ “หรือกลอยไม่พอใจอะไรพี่หรือเปล่า”

   “ไม่ใช่ๆ” ยกมือโบกเป็นพัลวัน ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้ย่า “ผมชอบที่นี่นะ ชอบมากกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ”

   “อ่าว แล้วทำไม...”

   “ไม่เป็นไร ไว้มาคราวหน้า หาที่พักไม่ได้ก็มาพักบ้านย่า ไม่ต้องเปลืองเงินไปพักโรงแรมหรอก” ย่ายิ้มบางๆ ส่งมาให้ผม ด้วยความที่ย่าเคยเจอและรู้สถานะของผมกับพี่โชจากคราวนั้น เลยไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงให้มากความ “แล้วพี่เขามาถึงกี่โมงล่ะ”
 
   นั่นสิ จะว่าไปผมก็ไม่ได้หยิบโทรศัพท์ลงมาด้วย ป่านนี้กระหน่ำโทรเหมือนเมื่อคืนอีกแน่ พอคิดแบบนี้แล้วผมก็ขอตัวขึ้นไปด้านบน โทรศัพท์วางคว่ำหน้าที่โต๊ะหัวเตียง หยิบมากดดูก็ไร้ข้อความและมิสคอล

   “แปลก” พึมพำกับตัวเอง ผมลองกดโทรออก รอสายไม่นานพี่โชก็กดรับ “พี่โชออกมาหรือยัง”

   (อืม อยู่ครึ่งทางแล้ว) ได้ยินคำตอบทำเอาโทรศัพท์แทบร่วง

   “ครึ่งทาง? พี่โชออกมาตั้งแต่กี่โมงเนี่ย” หันไปมองนาฬิกาแทบจะทันที

   (ประมาณตีสองไม่ก็ตีสามนี่แหละ พักสายตาแป๊บเดียวพี่ก็ออกมาเลย กลัวถึงช้า ว่าแต่ เราทำอะไรอยู่) ได้ยินเสียงดูดน้ำที่คงจะเหลือแต่น้ำแข็ง พาลทำให้มุมปากยกยิ้ม (กาแฟเย็นนี่รสชาติแปลกๆ)

   “แปลกเพราะเหลือแต่น้ำแข็งล่ะสิ ทำไมพี่โชไม่สั่งแบบร้อนล่ะ”

   (ก็กินแบบร้อนไปตั้งสองแก้ว ก็เลยเปลี่ยนบ้าง)

   “กินแบบนั้นคืนนี้จะหลับไหมเล่า ทำไมพี่ไม่กินน้ำอย่างอื่นบ้าง” ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ปกติพี่โชกินแค่สองแก้วยังนอนพลิกไปพลิกมาเลย นี่ฟาดไปสามแก้วแล้ว “แล้วกินข้าวหรือยัง”

   (พี่แวะซื้อขนมปังกินรองท้องมาแล้วๆ ถ้าคืนนี้นอนไม่หลับ เราก็...)

   “คิดถึง” รีบพูดขัดประโยคล่อแหลม ได้ยินเสียงขำเบาๆ จากปลายสาย “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย ไม่ได้กอดพี่โช”
 
   (ทำมาเป็นพูดดี พี่กอดทีไรถีบพี่ออกตลอด นอนดิ้นเกิน)

   “ใส่ร้ายอีกละ ถ้าพี่ง่วงก็รีบจอดพักเลยนะ ห้ามฝืนขับมา กลอยเป็นห่วง” ผมอยากจะคุยต่อ หากพี่โอ๊ตไม่มายืนกอดอกพิงกรอบประตูมองมา “แล้วเจอกัน”
 
   (ครับ) ได้ยินเสียงจูบโทรศัพท์ทำเอาผมยิ้มกว้าง (พี่โคตรคิดถึงกลอยเลย)

   เพราะปีศาจมุ้งมิ้งแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ผมรักมากได้ยังไง ผมวางสายพร้อมรอยยิ้ม ที่จริงเมื่อคืนผมก็หลับสบายอยู่นะในช่วงแรก แต่พอตื่นไปเข้าห้องน้ำ กลับมานอนอีกทีก็นอนไม่หลับ ปกติถ้าผมขยับพลิกตัว พี่โชจะดึงผมเข้าไปกอดเสมอ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวคนกอดจะทำให้ผมจมดิ่งสู่นิทราอีกรอบ แต่เมื่อคืนไม่มี

   “พี่โชที่ว่านี่ ใช่พี่สาวของกลอยไหม ไหนบอกไม่มาไง” คำถามจากคนที่เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อเชิ๊ตลายสก็อตออกมาสวมทับเสื้อยืดสีขาว “หรือเปลี่ยนใจอยากมาเที่ยว?”

   “พี่สาวผมชื่อพี่กิ่ง” บอกเรียบๆ พลางลอบมองหน้าคนที่พับแขนเสื้อ “ส่วนพี่โชเป็นแฟนผมเอง”

   “เพิ่งรู้ ว่ากลอยชอบผู้หญิงแก่กว่า” พี่โอ๊ตว่าพลางขำออกมาเบาๆ ก่อนจะเงียบลงเมื่อเห็นผมส่ายหน้า

   “พี่โชที่ว่า ไม่ใช่ผู้หญิง” คราวนี้คนจ้องหน้าผมย่นคิ้วอย่างสงสัย ผมเลยฉีกยิ้มกว้างก่อนบอกออกไป “พี่โชเป็นผู้ชาย”
 
   “ผู้ชาย? แฟน? กลอยคบผู้ชายเหรอ” ดูท่าคนได้ยินจะตกใจไม่น้อย พี่โอ๊ตเบิกตาโตตกใจ ก่อนจะค่อยๆ สงบลงพลางยกมือจับคางแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง “แต่ก็...กลอยหน้าตาน่ารักแบบนี้ ไม่แปลกที่จะมีผู้ชายมาชอบ”

   “ผมหล่อเหอะ” ขอเถียงหน่อย แต่พี่โอ๊ตกลับหัวเราะออกมาเฉย

   “หล่อก็หล่อ เตรียมตัวได้แล้ว ย่าจะไปแล้ว”

   “ครับๆ”

   ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋า พลางเงยหน้ามองนาฬิกาเพื่อคำนวณเวลาที่พี่โชจะมาถึง คาดว่าจะถึงบ้านย่าผมประมาณเที่ยงๆ แน่ ไม่รู้ว่าเวลานั้นผมจะกลับมาถึงบ้านหรือยัง เดินลงจากชั้นบนมาหน้าบ้านไม่เห็นรถตู้ที่บอกจะมารับ แต่เห็นแค่พี่โอ๊ตยืนพิงรถกระบะทำเท่อยู่

   “ป่ะ”

   “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”

   “ไปกันแล้วเมื่อกี้” ทันทีที่พี่โอ๊ตพูดจบ ผมก็ทำหน้าสลด “กลอยไม่ได้ลงมาช้าหรอก แต่ย่าบอกให้เอารถไปอีกคัน เผื่ออึดอัด แล้วก็นะ เผื่อแฟนกลอยมาถึง เราจะได้ออกมาก่อนถ้างานยังไม่เสร็จ”

   “ครับ”

   ผมเดินขึ้นรถด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนมาที่นี่ พี่กิ่งเตือนผมเกือบร้อยรอบว่าให้ผมดูแลตัวเองให้ดี เพราะบ้านของพ่อไม่ชอบแม่ ดังนั้น เขาอาจทำไม่ดีกับเรา หรือทำร้ายความรู้สึก หากกลับไปแล้ว ผมคงต้องไปบอกพี่กิ่งให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่

   เวลาผ่านมานานแล้ว ความรู้สึกของคนก็เปลี่ยนไปด้วย

   พี่โอ๊ตขับรถความเร็วปานกลาง เหมือนอยากให้ผมชมวิวข้างทาง แต่ดูเหมือนผมจะง่วงมากกว่าอยากดูวิวนะ จนแล้วจนรอดก็ผล็อยหลับไปจริงๆ มารู้สึกตัวก็ตอนถูกเขย่าแขน สะลึมสะลือตื่นพลางลงจากรถ เหมือนหัวตื้อๆ ตาลายๆ ผมเดินลอยๆ ตามหลังพี่โอ๊ตไปที่ศาลา
 
   ทันทีที่เหยียบเข้าไปก็เจอกับสายตาคนแปลกหน้าหลายคู่จ้องมอง ดีที่พี่โอ๊ตตัวหนาพอที่ผมจะอาศัยหลบได้ คนเดินนำหน้าดูเหมือนจะรู้ก็คอยขยับตัวบังผมอยู่ตลอด จนนั่งลงที่พื้นปูนเย็นเหยียบ

   “นี่หรือคะคุณป้า ลูกของพี่ชัยน่ะ” คำถามคล้ายกับเมื่อวาน แต่ดังมาจากอีกคน ความคล้ายคลึงของหน้าตา ให้ผมเดา คงจะเกี่ยวดองอะไรกับคนเมื่อวานแน่ “หน้าตาผิวพันธ์อย่างกับไม่ใช่ผู้ชายแท้อย่างงั้นแหละ” พูดจบเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น ผมรีบเม้มปากกำมือไว้ที่ตัก ข่มความโมโหตัวเองเอาไว้ ไม่อยากปล่อยหมาในวัด เดี๋ยวบาป

   “ก็ใช่น่ะสิคะคุณอา อ้อนเจอครั้งแรกตอนนั้น เห็นมีผู้ชายเดินจับมือถือแขนด้วย ขนลุก” เหล่ตามองน้องต่างแม่ ก่อนปรายตามองคนอื่นที่พากันขำ “แถมเป็นในวัดด้วยนะคะ ไม่กลัวบาปเอาเสียเลย”

   “บาปน่ะ ไม่ว่าจะเป็นในวัดหรือข้างนอก มันก็มีอยู่ทั้งนั้นนั่นแหละ” ความอดกลั้นผมกำลังจะหมดจนอ้าปากจะพูด แต่ย่าพูดขัดออกมาก่อน “อย่างที่โบราณเขาว่า นรกอยู่ในใจ ลมที่ออกจากปากก็เป็นดั่งเชื้อไฟ ยิ่งพูดมาก ไฟนรกในใจก็มาก”

   เงียบครับ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ตอบกลับ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ไม่กล้าพูดต่อความยาวอีก แม้ประโยคของย่าไม่ได้ด่าออกมาตรงๆ แต่ก็จี้ได้ตรงจุด ไม่นานพระก็เดินเข้ามาในศาลา ย่าประเคนของขึ้นถวายก่อนทุกคนจะรับพร ผมตั้งใจก้มหน้ารับพร เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำบุญ โดนน้ำมนต์ทีขนลุกทั้งตัว

   หลังจากรับพรจากพระเสร็จ ทุกคนก็เตรียมตัวไปเลี้ยงข้าวเด็กยากไร้ที่วัดอุปการะ ก๋วยเตี๋ยวกลิ่นหอมยั่วน้ำย่อยให้กระเพาะผมให้ร้องโครกคราก มีไอศกรีมแบบตักเอง โดยมีทั้งแบบใส่ในขนมปังหรือถ้วยเล็กๆ ทำไมมันดูน่ากินแบบนี้ล่ะ เด็กที่นี่ไม่ได้ดูมอมแมม แต่ละคนแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ผมนั่งมองเด็กงับขนมปังด้วยความรู้สึก...หิว

   “อ่ะ” อยู่ๆ ก็มีขนมปังสอดไส้ไอศกรีมยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้น เห็นพี่โอ๊ตมองแบบขำๆ

   “ให้ผมทำไม” ถามด้วยความใสซื่อ แต่แอบลอบกลืนน้ำลายลงคอไปแล้ว

   “ก็เห็นมอง คิดว่าอยากกิน หรือไม่เอา?”

   “เอาก็ได้ เดี๋ยวพี่จะเสียน้ำใจ”

   รีบยื่นมือออกไปรับ พร้อมกับเสียงหัวเราะของพี่โอ๊ต ไงล่ะไอ้เด็กน้อย ฉันก็มีเหมือนกันนะเฟ้ย ผมยักคิ้วให้เด็กที่มากินยั่ว พอเห็นว่าผมก็มี เด็กนั่นก็เริ่มขยับมาใกล้เหมือนอยากท้ากินกับผม อยากจะบอกว่า...ท้าคนผิดแล้วไอ้น้อง

   ตอนนี้ไม่ได้สนเลยว่าใครจะแจกข้าว แจกน้ำ แจกขนม เพราะผมมัวแต่กินไอศกรีมแข่งกับเด็กตัวเล็กประมาณเอว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องแข่ง กินหมดต่างก็แยกย้าย แล้วผมทำไปเพื่ออะไรวะเนี่ย

   “กลอยหิวไหม” ผมส่ายหน้าเมื่อย่าถามขณะที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างผม “ถ้าหิวก็บอกพี่โอ๊ต ให้พี่เขาทำให้”

   “ขอบคุณครับ” ยิ้มส่งให้ย่า ผมรู้ว่าการที่เราจะสนิทกับใครสักคน มันต้องใช้เวลา ซึ่งนั่นก็รวมทั้งผมกับย่าด้วย แม้ไม่ได้อึดอัดเท่าที่คิด แต่ก็ไม่ได้สนิทใจกันขนาดที่จะคุยจ้อ “เด็กเยอะดีนะครับที่นี่”

   “เป็นเด็กบนเขาน่ะ เจ้าอาวาสรับอุปการะส่งให้เรียนหนังสือ” ย่าตอบก่อนสายตาจะทอดมองไปตรงหน้า “เมื่อก่อน ย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว” อยู่ๆ ย่าก็เริ่มต้นประโยคขึ้นมา ทำให้ผมหันไปสนใจ “ย่ามีลูกชายเพียงคนเดียว เลยหวังพึ่งให้สืบทอดดูแลทุกอย่างของครอบครัว ย่าเจ้ากี้เจ้าการ วางทางเดินให้ลูกชาย ตั้งแต่เด็ก พ่อของกลอยก็เป็นเด็กดี เชื่อฟังโดยที่ไม่เคยทำให้ย่าผิดหวังเลยสักครั้ง”

   ผมจ้องมองใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามเวลา แอบเห็นนัยน์ตาคู่นั้นมีน้ำใสๆ เอ่อคลอขึ้นมาเวลาเล่าเรื่องอดีต ย่าคงเจ็บปวดไม่น้อยกับเรื่องเก่าๆ

   “พ่อของกลอยต้องไปทำงานที่กรุงเทพ แล้วเกิดผูกใจสมัครรักใคร่กับผู้หญิงที่นั่น แม้หลายครั้งที่ย่าไปหา พ่อเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาแนะนำ แต่ย่าก็ไม่คิดจะมอง เพราะย่ามีคนที่หาไว้ให้แล้ว”

   “ผู้หญิงที่พ่อพามา...แม่ผมเหรอครับ” ไม่อยากขัด แต่ก็ต้องถามออกมา ย่าพยักหน้าลงช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม

   “ตอนนั้นแม่ของกลอยสวยมาก แต่เป็นย่าเองที่มีอคติ ไม่สนใจว่าพ่อเขาจะรักแม่กลอยมากแค่ไหน ถึงแม้ย่าไม่ยอมรับแต่พ่อของกลอยก็ยังไม่ฟัง แอบแต่งงานกันเงียบๆ โดยที่ย่าไม่รู้เรื่อง จนมีพี่ของกลอย ย่าถึงได้ไปโวยวายเอาเรื่อง ไปยื่นคำขาดให้พ่อเขากลับมา ตอนนั้นพ่อของกลอยก็ยังดื้อรั้นไม่ยอม จนย่าต้องไปเอาเรื่องที่ต้นสังกัดที่พ่อเขาทำงานอยู่ จนพ่อเขาถึงถูกย้ายกลับมาเชียงใหม่ ซึ่งย่าไม่รู้เลยว่าตอนนั้น แม่เขากำลังท้องกลอยอยู่”

   รู้สึกจุกจนตีตื้นขึ้นมาที่อก ผมเม้มริมฝีปากตั้งใจฟังเรื่องราวในอดีต รู้สึกสงสารแม่ขึ้นมาจับใจ แต่จะให้โมโหย่าก็ไม่ได้ ผมเข้าใจว่าย่าหวังไว้กับพ่อเยอะมาก เพราะท่านมีลูกชายเพียงคนเดียว ไม่แปลก ที่จะไม่ชอบแม่ของผม

   “พ่อเขาก็ไปๆ มาๆ จนย่าทนไม่ได้ เลยไปหาแม่ของกลอยที่กรุงเทพ ไปออกคำสั่งให้เลิกยุ่ง ก่อนย่าจะจับพ่อเราแต่งงานใหม่ พ่อของกลอยไม่ได้มีความสุขในชีวิตคู่ที่ย่าเลือกให้เลย ย่าแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มของลูกชายย่าอีก สุดท้าย พ่อของกลอยก็เริ่มป่วย หมอบอกว่าคนไข้ไม่มีใจจะรักษา อาการเลยค่อยๆ ทรุดลงเรื่อยๆ ย่าทุกข์ใจไม่รู้จะทำยังไง ช่วงที่อาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล พ่อของกลอยละเมออยู่ตลอด ย่าหาทางติดต่อแม่ของกลอยไม่ได้เลย ทั้งที่อยู่หรือเบอร์โทรก็ไม่มี”

   “พ่อผม ป่วยเป็นอะไรเหรอครับ” พยายามกลั้นเสียงสะอื้นตัวเองจนแสบจมูกไปหมด รู้สึกอยากต่อยตัวเองที่เผลอโกรธและเกลียดพ่อไป

   “หมอบอกอาจจะป่วยเพราะตรอมใจน่ะ แม้จะมีอุ่นกับอ้อนพ่อคอยเอาใจก็ตาม ใต้หมอนของพ่อกลอย มีรูปครอบครัวที่เขารักและปรารถนาจะอยู่ด้วยกัน เป็นรูปที่ทำให้ย่าโทษตัวเองมาถึงทุกวันนี้”

   “รูปพ่อแม่ พี่กิ่งแล้วก็ผมเหรอครับ?”

   “น่าจะถ่ายก่อนที่ย่าจะไปหาแม่ของกลอย ในรูปทุกคนยังยิ้ม ยังดูมีความสุข” ย่ายื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆ สายตาฝ้าฟางตามกาลเวลามองผมอย่างอ่อนโยน “ย่ารู้สึกผิดทุกครั้งที่มองรูปพ่อของกลอย ย่าพยายามให้คนออกตามหาแม่ของกลอย แต่ก็ไม่เจอ”

   “แม่พาผมกับพี่กิ่งย้ายที่อยู่บ่อย เพราะเราไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า แล้วแม่ไม่อยากใช้เงินของตากับยาย แต่สุดท้ายก็ต้องใช้เพื่อซื้อตึกแถว เพราะแม่อยากเปิดร้านขายอาหารที่เป็นหลักแหล่ง แม่ไม่อยากให้ผมกับพี่กิ่งย้ายโรงเรียนบ่อย” ผมบอกย่าตามความเป็นจริง “พวกเราลำบากกันมาก กว่าจะมาถึงวันนี้ ผมก็...”

   “ย่ารู้ ว่ากลอยกับพี่สาวเกลียดย่ามาก ย่าฝากขอโทษพี่สาวเราด้วยนะ” ย่าพูดจบก็รีบยกมือเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงมา “ย่าขอโทษจริงๆ”
 
   ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็ดังขึ้น พอหยิบออกมาดูปลายสายโชว์รูปติ่งหูขาวๆ ของเจ้าของเบอร์ ย่าเห็นแล้วยิ้มออกมาบางๆ

   “ไปรับโทรศัพท์เถอะ พี่เขาอาจใกล้ถึงแล้วก็ได้”

   “ครับ” แยกตัวออกมาพอประมาณถึงกดรับ พี่โชบอกผ่านตรงนั้น ตรงนี้ผมก็ได้แต่ทำหน้างง “แป๊บนะพี่โช” ผมเดินไปสะกิดพี่โอ๊ตคนที่น่าจะรู้ทางดีที่สุด พลางยื่นโทรศัพท์ไปให้ คนรับไปก็ทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมคุย ผมยืนมองพี่โอ๊ตกับพี่โชคุยกัน ไม่นานก็วางสาย “ว่าไง”

   “เขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แต่พี่บอกทางแล้ว เดี๋ยวคงถึง” พี่โอ๊ตบอกพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม

   “ขอบคุณครับ”

   “เสียงหล่อนะ ดูท่าหน้าตาจะหล่อ”

   “ก็ไม่เท่าไหร่”

    v
         v

     (มีต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 14-11-2018 19:28:52
.
.
        ตอบไปแบบนั้นทำเอาพี่โอ๊ตหัวเราะ ผมเดินเลี่ยงๆ ไปยืนรอหน้าประตูวัด ชะเง้อชะแง้มอง จนเห็นรถคันใหญ่สีขาวขับตรงเข้ามาหา ป้ายทะเบียนคุ้นตาทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาพลางโบกมือโบกไม้

   “ถามทางหน่อยครับ” ทันทีที่รถมาจอดเทียบ กระจกด้านคนขับก็เลื่อนลงพร้อมกับคนขับเอ่ยทัก แต่นั่นทำเอาผมหน้าตึง

   “ขับเลยไปทางนู้นเลยครับ” พูดพลางชี้ไปทางอื่น พี่โชหัวเราะร่วนก่อนจะขับผ่านผมเข้าไปด้านใน โดยที่ผมเดินตาม รถฟอร์จูนเนอร์เข้าจอดข้างรถกระบะของพี่โอ๊ต คนขับเปิดประตูรถลงมายืนพลางบิดตัวซ้ายขวาไล่อาการเมื่อยขบ ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบด้วย “พักบ้างไหมเนี่ย”

   “ไม่เลย กลัวถึงช้า” พี่โชตอบผม แต่สายตามองหาอะไรสักอย่าง “คนที่คุยกับพี่คือใคร ใช่คนที่กลอยนอนกับเขาไหม”

   “อืม ชื่อพี่โอ๊ต” พี่โชพยักหน้าเบาๆ ก่อนผมจะพาเดินเข้าไปหาย่ากับคนอื่นๆ ที่นั่งคุยกันที่ใต้เต็นท์ พอทุกคนเห็นผมพาคนอื่นมาด้วย ต่างก็หยุดคุยแล้วหันมาสนใจ “ย่าครับ”

   “อ่าว มาถึงแล้วเหรอ” ย่าเงยหน้าขึ้นมามองหลังจากผมเรียก พร้อมกับพี่โชที่ยกมือไหว้ ก่อนจะไหว้รอบทิศโดยที่ผมไม่ได้แนะนำอะไร เพราะผมก็ไม่รู้จัก “ทานอะไรมาหรือยังล่ะ ก๋วยเตี๋ยวก็ยังมีนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว” ตอบแบบหล่อๆ แต่ผมรู้ว่าขี้โม้ แอบเห็นน้องต่างแม่อย่างอ้อนมองพี่โชตาค้าง คงจำหน้าได้ละมั้งครับที่วัดตอนปีใหม่น่ะ “เอ่อใช่” อยู่ๆ พี่โชก็เดินกลับไปที่รถ แล้วกลับมาพร้อมกระเช้าผลไม้อันใหญ่ “สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้คุณย่าสุขภาพแข็งแรง”

   “ขอบใจนะ” พี่โอ๊ตรีบเข้าไปช่วยถือ และเป็นครั้งแรกที่สายตาของพี่โชปะทะกับอีกคน

   ทำไมรู้สึกมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกจากสายตาของพี่โชวะ

   “ใครเหรอคะคุณป้า” คำถามที่ใครหลายคนอยากรู้ ถูกถามขึ้น เห็นลูกสาวของป้าแกส่งสายตาเชื่อมมาให้คนข้างตัวผมด้วย “ลูกของพี่ชัยอีกคนหรือเปล่า แต่หน้าตาหล่อมากเลยนะคะเนี่ย อย่างกับดาราในทีวีเลย”

   “ไม่ใช่หรอก เขาเป็น...”

   “คู่ขา”

   เสียงขัดแบบลอยๆ ดังออกจากปากน้องต่างแม่ของผม ทำเอาทุกสายตาหันไปมอง

   “คู่ขาอะไรน่ะอ้อน อาไม่เห็นเข้าใจ”

   “ก็คู่เกย์ไงคะ ชายกับชาย อี๋”

   หน้าตึงเลยผม ต่างจากพี่โชที่ยังยิ้มให้กับทุกคนโดยไม่สนสายตาใคร มืออุ่นที่คุ้นเคยยื่นมาจับมือผมไว้ 

   “ครับ ผมเป็นแฟนกับกลอย” คำบอกเล่าที่ทำให้ผมหันไปมองคนพูด “ผมไม่ได้สนว่าคนที่ผมรัก จะเป็นชายหรือหญิง แค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แค่นี้ก็พอ” พี่โชตอบแบบพระเอกสุดๆ ผมแทบอยากปรบมือให้รัวๆ

   “นั่นสิ จะมีเมียหรือมีผัว มันก็เรื่องส่วนตัวของเขา” เสียงดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างย่า พี่โอ๊ตเงยหน้าขึ้นมา ก่อนสะดุ้งเมื่อถูกทุกคนจ้อง “ผมคิดออกเสียงไปเหรอ”

   คราวนี้ย่ากับผมหลุดขำออกมาเลย ซึ่งทุกคนต่างก็เข้าใจความหมายประโยคของพี่โอ๊ต ยกเว้นเด็กอย่างอุ่นที่ยังมองหน้าคนโน้นคนนี้อย่างไม่รู้ความ

   ทุกคนเริ่มแยกย้ายไปเก็บของกลับบ้าน ส่วนผมก็ต้องไปเก็บของเพื่อไปพักในเมืองกับพี่โช ซึ่งตอนนี้คนขับรถมาไกล คงอยากนอนเหยียดยาวพักหลัง เห็นยืดๆ งอๆ หลังอยู่หลายรอบก็สงสาร

   “เดี๋ยวกลอย” ย่ารั้งผมไว้ พี่โชเลยลุกออกไปรอที่รถก่อน “ย่ามีของจะให้เราน่ะ”

   “ให้ผมเหรอครับ” ถามอย่างสงสัย พลางมองพี่โอ๊ตกับคนอื่นๆ ทยอยเก็บของขึ้นรถ “อะไรเหรอครับ”

   มองย่าที่เปิดกระเป๋าสะพายส่วนตัว มือล้วงเข้าไปหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะดึงของที่หาออกมา เป็นสมุดบัญชีเล่มเล็กสองเล่ม

   “นี่จ้ะ”

   “สมุดบัญชี? ให้ผมเหรอครับ?” มองของในมือย่า ที่ยื่นมาให้ “ให้ผมทำไมเหรอครับ”

   “เป็นของพ่อเราน่ะ เขาฝากไว้ให้ ชื่อสองบัญชีก็เป็นของกลอยกับพี่สาวเรา” มองหน้าย่าสลับกับสมุดบัญชี สุดท้ายก็ยื่นมือไปหยิบมาเปิดดู “ที่จริงพ่อเราจะส่งไปให้ แต่ย่ารู้เลยเก็บไว้เอง” ผมมองสมุดบัญชีที่มีชื่อตัวเองอยู่ด้านหน้า “พ่อเราโอนเข้าทุกเดือนมาตลอด เพราะคิดว่าแม่เราต้องใช้ดูแลลูก”

   ผมเม้มปากมองยอดเงินแต่ละหน้า วันที่แรกที่เงินเข้าตอนนั้น ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กเลยด้วยซ้ำ จนหน้าสุดท้ายที่อัพเดต เงินเป็นล้านเลยนะครับ

   “พ่อให้ผมกับพี่กิ่งเหรอครับ”

   “ที่จริงมีสามเล่มน่ะ เป็นชื่อของแม่เรา ตอนนั้นย่าโมโหเลยเผาสมุดทิ้ง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ย่าให้คนที่รู้จักเขาทำเรื่องให้ พร้อมโอนเงินเข้าบัญชีของพี่สาวเราแทน” ย่าพูดจบ ผมก็รีบเปิดสมุดบัญชีอีกอัน เป็นชื่อพี่กิ่งจริงๆ ด้วย และเงินหน้าสุดท้าย เป็นเลขแปดหลักเลยนะครับ “ย่าขอโทษนะ ที่ทำให้ครอบครัวของกลอยต้องลำบาก”

   “มันนานมากจนผม พี่กิ่งแล้วก็แม่ลืมไปหมดแล้วครับ ย่าไม่ต้องห่วง” ไม่รู้จะปลอบหรือพูดยังไงกับสิ่งที่กำลังเกิด ถามว่าโมโหไหม ก็คงมีนิดๆ เพราะถ้ามีเงินนี้ แม่คงไม่ต้องลำบากอย่างที่ผ่านมา แต่ก็นั่นแหละ มันผ่านมาแล้ว จะโกรธหรือโมโหไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

   “ตอนนี้ย่ากำลังรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำ อ้อนกับอุ่นถูกเลี้ยงมาแบบผิดๆ จากแม่ของเขาแล้วก็ย่า กลอยอย่าไปถือโทษโกรธน้องเลยนะ”

   “ครับ ผมไม่ถือ จะถือไปทำไม มันหนักจะตาย” พยายามพูดติดตลกจนย่ามีรอยยิ้ม ผมยกมือไปวางบนมือของย่า “ขอบคุณครับ”

   สายสัมพันธ์ของสายเลือด คล้ายกับเส้นด้าย ที่แม้จะบางเบาแต่ก็รู้สึก ความเจ็บปวดต้องใช้เวลาในการเยียวยา ถึงจะจางจงแต่ก็ยังฝังลึกอยู่ในจิตใจ คงแล้วแต่ว่าใครที่จะนำความเจ็บปวดขึ้นมาทำร้ายตัวเองก็เท่านั้น แต่หากไม่อยากเจ็บปวด ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง

   นี่ผมพูดอะไรลึกซึ้งขนาดนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย ขนลุก


   หลังจากเก็บของขึ้นรถเสร็จ ผมเดินไปส่งย่าที่รถ ส่วนตัวเองก็เดินกลับมาหาพี่โชที่ผล็อยหลับหลังพวงมาลัย คงจะเพลียหนักแหงๆ

   “พี่โช” แตะที่แขนเบาๆ คนหลับสะดุ้งทำตาปรือ “เดี๋ยวกลอยขับให้”

   “ไม่เป็นไร พี่ไหว” เสียงขึ้นจมูกสุดๆ
 
   “กลอยขับเก่งแล้วพี่ก็รู้ ไม่จูบเสาหรือเสยถังขยะอีกแน่นอน” ตบอกตัวเองเบาๆ คนง่วงถึงกับขำออกมา “เร็วๆ เดี๋ยวหลงกับคนอื่นนะ” เพราะรถคันที่ย่านั่งขับวนออกวัดไปแล้ว เหลือแค่รถพี่โอ๊ตที่ยังจอดรอ

   “ครับๆ”

   พี่โชลงจากรถเพื่อให้ผมขึ้นประจำที่คนขับแทน จากที่บอกว่าจะคุยด้วย ตอนนี้กลับกรนเบาๆ คลอมาตลอดทาง ผมขับตามรถพี่โอ๊ตไปเรื่อยๆ การจราจรของเมืองเชียงใหม่ก็หนาแน่นพอๆ กับเมืองหลวง แต่ที่ดีบ้านของย่าออกนอกตัวเมือง รถเลยน้อยลง
 
   เมื่อรถจอดนิ่งสนิทในรั้วบ้าน พี่โชก็ค่อยๆ ขยับลุก ดูท่าคืนนี้คงมีการนวดยาคลายกล้ามเนื้อแน่ ผมเดินนำพี่โชเข้าไปในตัวบ้าน จะปลีกตัวไปเอากระเป๋า แต่คนที่ควรรอด้านล่างกลับขึ้นมาด้วย ยังดีที่เจ้าของห้องไม่ว่าอะไร หลายครั้งผมเห็นพี่โชมองพี่โอ๊ตตาขวางๆ แต่ก็ไม่ได้พูดหรือทำกิริยาที่ไม่ดีออกมา ต่างจากอีกคนที่ยืนยิ้มอย่างเดียว

   “ขอบคุณพี่โอ๊ตที่แบ่งเตียงให้ผมนอน” พูดท่ามกลางเสียงกระแอมหนักๆ “ไว้คราวหน้าค่อยเจอกันใหม่”

   “ถ้าพี่มีโอกาสลงไปเที่ยว จะแวะหานะ”

   “เดี๋ยวจะพาเที่ยวเลย”

   “พี่ว่ารีบลงไปเถอะ เดี๋ยวจะมีคนคออักเสบ”

   ผมหัวเราะออกเสียงเมื่อพี่โอ๊ตแหย่คนกระแอมจนคอจะพัง พี่โชยกยิ้มมุมปากให้ตามมารยาท ก่อนเดินนำออกห้อง ส่วนผมยกมือไหว้ลาพี่โอ๊ต ถึงแม้จะรู้จักแค่สองวัน แต่พี่โอ๊ตก็เป็นพี่ที่นิสัยดีมากคนหนึ่ง พอลงมาชั้นล่างก็เจอกับย่าที่รออยู่ ในมือย่าถือเชือกสายสิญจน์สีขาวรอไว้

   “มานั่งนี่สิ ทั้งคู่เลย” ผมมองหน้าพี่โชนิดๆ พลางเดินนำไปนั่ง “ยื่นข้อมือมา เดี๋ยวย่าจะผูกให้”

   สายสิญจน์สีขาวค่อยๆ หมุนรอบแขนของผม พร้อมคำอวยพรที่เป็นมงคล ผมมองหน้าของย่าด้วยความรู้สึกดีใจปนตื้นตัน อยากให้พี่กิ่งมาอยู่ตรงนี้ด้วยจัง แม่ด้วย อยากให้ทั้งหมดมาอยู่ด้วยกัน รับรู้ความรู้สึกด้วยความสุขแบบผมในตอนนี้

   “กลอยไปก่อนนะครับย่า”

   “โชคดีนะ ว่างๆ ก็มาเที่ยวหาย่าบ้าง พาพี่สาวกับแม่เรามาด้วย”

   “ครับ”

   โบกมือลาย่าส่งท้าย ก่อนบ้านไม้หลังสวยจะค่อยๆ หายไปจากสายตา ผมขยับตัวมานั่งตรงๆ มองทางข้างหน้า พยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำที่เอ่อขึ้นมา

   “ไว้เราค่อยมาอีก วันหยุดหน้าอยู่ยาวๆ เลยก็ได้” เสียงทุ้มดังคล้ายปลอบ ฝ่ามืออุ่นๆ กำลังลูบศีรษะผมเบาๆ ก่อนไล้มาตรงแก้มเพื่อเช็ดคราบน้ำตา “ขี้แยว่ะ”

   “ใครร้องไห้ ไม่มี” ขยับหน้าหนีพลางเช็ดน้ำตาบนแก้มอย่างลวกๆ “แพ้ฝุ่นต่างหาก รถคันนี้พี่โชเอาไปล้างแอร์บ้างปะ? ฝุ่นเยอะ”

   “แถไปให้สุดนะคนเรา” พี่โชขำออกมา โดยไม่สนว่าผมจะตวัดสายตามองอย่างเคืองขุ่นแค่ไหน “อยากร้องก็ร้อง ไม่ต้องเก็บไว้ เดี๋ยวพี่เช็ดน้ำตาให้”

   “เป็นแบงค์ วงแคลชเหรอ”

   “อะไรคือแบงค์ วงแคลช นักร้องเหรอ”

   เมื่อพี่โชไม่เข้าใจ ผมเลยร้องเพลงขอเช็ดน้ำตา ของวงแคลชออกมาซะเลย จากเศร้าๆ อยู่ ตอนนี้เริ่มยิ้มออก แต่ไม่รู้ว่าพี่โชจะยิ้มออกไหมนะ เพราะต้องทนฟังเสียงเพี้ยนๆ ของผม


   แต่มันก็ดีกว่าเสียงของพี่แทมเถอะ ไม่อยากจะเปรียบเทียบ


...TBC


ขอฝากพี่โชกับกลอยด้วยนะคะะะ

พบกันตอนหน้าค่าาา (ถอนสายบัว ไหว้ย่อ)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 14-11-2018 20:14:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-11-2018 20:33:18
กลอยเก่งอยู่แล้ว​ เรื่องราวที่ผ่านมาก็ประสบการณ์ชีวิตละกัน​ คิดบวกสบายใจ​
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-11-2018 20:46:54
โอ๋ ๆ นะกลอยเราปลอบ ๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 14-11-2018 21:05:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-11-2018 21:09:23
แอบซึ้ง..รอน้องกลอยนวดพี่โช 555   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 3 [UP!!] [14/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-11-2018 23:16:14
ปีศาจยังคงหึง หวงกลอยคงเส้นคงวา เหลือเชื่อที่กลอยคุมหมาในปากได้ ไม่งั้นอาจมีคนช้ำในตายได้นะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-11-2018 19:02:45

เพราะนายคือของฉัน : 4





        บ่ายแก่จนท้องฟ้าเป็นสีส้มเต็มฝืน ผมขยับตัวลุกนั่งบนเตียงอย่างงัวเงีย คนข้างๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนหน้าไม่นาน หลังออกจากบ้านย่ามาถึงโรงแรมที่พี่โชจองไว้ คนขับรถทางไกลหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ส่วนผมนั่งนวดยาคลายกล้ามเนื้อที่ขาพี่โช นวดไปนวดมา หลับตามซะงั้น 

   “หิว” ความรู้สึกแรกหลังจากตื่นนอน “พี่โชหิว” อ้อนคนเพิ่งล้างหน้า ล้างตาออกมาจากห้องน้ำ
 
   “ไปล้างหน้าแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” พี่โชเดินมาใกล้กับเตียงเพราะผมกวักมือเรียก พอมาหยุดปลายเตียง ผมก็ขยับเข้าไปหาพลางกอดเอวแล้วซบหน้าที่ท้อง “อ้อนจะเอาอะไรหืม”

   “คิดถึงไง ไม่ได้เหรอ”

   “ได้เสมอ”

        เงยหน้ารับจูบเบาๆ ที่โน้มลงมาสัมผัส แล้วเสียงท้องร้องก็ทำให้พี่โชหัวเราะ...ไอ้ท้องไม่รักดี!

   เดินออกจากโรงแรม ข้ามถนนมาร้านฟาสต์ฟู้ดที่อยู่ตรงข้าม ผมสั่งข้าวไก่แซ่บพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ไป ส่วนพี่โชก็เอาแค่แฮมเบอร์เกอร์ แน่นอนว่าไอ้ก้อนนั้นมันไม่พอสำหรับท้องของผม

   “อยากไปเที่ยวดอยจัง”

   “ไปไหมล่ะ”

   “ถ้าไปก็ต้องพรุ่งนี้ แต่มันวันอาทิตย์ เราต้องกลับนี่” แอบเสียดาย ถ้าหยุดยาวกว่านี้ ผมคงจะมีเวลาเที่ยว “ไว้คราวหน้าก็ได้”

   “วันจันทร์กลอยไม่มีเรียนนี่ ใช่ไหม” พยักหน้าแทนคำตอบ เพราะข้าวเต็มปากไปหมดกับความหิวระดับสิบ  “งั้นก็ไม่เป็นไรมั้ง”

   “แต่พี่โชต้องทำงาน” แม้จะขัด แต่ใจเต้นรัวไปแล้ว

   “งานวันศุกร์ชดเชยวันจันทร์ไปแล้ว ไม่ต้องห่วง” พอพี่โชว่าแบบนั้น ผมก็สบถเสียงหลงจนคนหันมามอง “พรุ่งนี้ไปเช้าหน่อย รถจะได้ไม่ติด”

   “อื่อๆ”  รีบยัดข้าวเข้าปากเพราะจะได้ไปเตรียมตัวเที่ยวพรุ่งนี้ ตอนแรกว่าจะไปถนนคนเดินวัวลายที่มีเฉพาะวันเสาร์ ตอนออกจากโรงแรมมาเมื่อกี้ พี่ที่แผนกต้อนรับของโรงแรมแนะนำมา แต่ถ้าพี่โชจะพาขึ้นดอยละก็ กลับไปนอนเอาแรงดีกว่า “ว่าแต่ พี่โชจะไปดอยไหนเหรอ” ใจจริงอยากกลับไปเที่ยวดอยอินทนนท์อีกรอบ หลังจากคราวนั้นมีเรื่องไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เป็นประสบการณ์ที่ย่ำแย่มาก ทั้งทะเลาะกับพี่โช ไหนจะโดนชนจนล้ม และป่วยจนไม่ได้ไปเที่ยวที่อื่นอีก โคตรแย่

   “กลอยอยากไปที่ไหนล่ะ” ผมทำท่าคิด แม้ในใจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตาม พี่โชมองผมยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาหยิบเอาข้าวที่ติดมุมปากผมออก “ดอยอินทนนท์ไหม คราวนั้นเที่ยวไม่สนุกเลย” 

   “ไปๆ พี่โชนี่รู้ใจจริงๆ”

   “รู้ใจแล้วรักไหมล่ะ”

   “มากๆๆๆ ที่สุด”

   “น่ารักว่ะ”

   ยิ้มตาจนแทบปิด ในหัวผมตอนนี้ กำลังคิดภาพการเที่ยวพรุ่งนี้ ผมจะเปลี่ยนอดีตที่ขมขื่น ให้เป็นปัจจุบันและอนาคตที่สดใส สนุกแน่....





******

   นาฬิกาตอนนี้บอกเวลาตีสามกว่าๆ ที่ต้องออกเช้าเพราะพี่โชอยากไปเก็บภาพหมอกจางๆ กับภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ปลายยอดดอย ไอ้ผมยังไงก็ได้ เพราะไม่ได้ขับรถอยู่แล้ว

   “พี่โชอ้ำๆ” จิ้มขนมจีบร้อนๆ ที่แวะซื้อร้านสะดวกซื้อไปจ่อปากคนขับ พี่โชงับไม่ถึงวินาทีก็รีบคายเพราะมันร้อน
 
   “โคตรร้อน” คนโดนขนมจีบลวกปากโวยวาย ก่อนเป่าลูกที่คายไว้บนฝ่ามือให้เย็น แล้วเอากลับเข้าปากใหม่ “เป่าด้วยสิ”

   “ขอโทษ ลูกใหม่รับรองไม่ร้อนแน่นอน”

   “ไม่เอาน้ำลายด้วยนะ”

   “พูดซะกลอยดูเป็นคนนิสัยไม่ดี”

   “หรือไม่เคย?”

   “แค่ครั้งสองครั้งเอง”

        ปีศาจจับได้ด้วยว่ะ มีตาวิเศษเห็นนะหรือเปล่า

   แล้วผมก็ถูกมือผลักหัวจนแทบชนกระจก ชอบใช้ความรุนแรงตลอดคนๆ นี้ ผมนั่งจ้อเรื่องย่าให้พี่โชฟังตลอดทาง แก้ง่วงด้วยส่วนหนึ่ง พี่โชทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วยิ้ม หรือไม่ก็ตอบคำถามแบบกลางๆ โดยไม่ได้ลงรายละเอียดและความเห็นมากนัก ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนพี่โชเลยไม่ค่อยอยากยุ่งสักเท่าไหร่

   “เปิดกระจกได้ไหม” ถามระหว่างรถวนขึ้นเขา “จะอ้วก”

   “กินเยอะแล้วก็พูดมาก” แม้จะโดนด่า แต่พี่โชก็กดเปิดกระจกให้ เถียงไม่ไหวหรอก เพราะขนมจีบตีขึ้นมาจ่อที่คอหอยแล้ว และพอได้ลมเย็นๆ โต้เข้าหน้าก็เริ่มดีขึ้น แม้ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาว แต่อากาศเช้าตรู่แบบนี้ก็หนาวเย็นเอาเรื่องเหมือนกัน “เสื้อกันหนาวพี่อยู่เบาะหลัง”

   “เตรียมพร้อมตลอด”

   “ก็มีคนชอบไม่เตรียมอะไรน่ะสิ”

   “ก็กลอยรู้ไง ว่าพี่โชจะต้องเตรียมมา”

   ไม่มีคำโต้ตอบนอกจากการส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ผมเอี้ยวตัวไปเบาะหลังหยิบเสื้อแขนยาวมาสวม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเจ้าของเสื้อทำให้รู้สึกสบายใจ คล้ายกำลังถูกกอดอยู่ ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของพี่โชที่กำลังตั้งใจขับรถ ทางคดเคี้ยววนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มีรถขับนำหน้าประมาณสองคัน ที่คงคิดจะไปเก็บภาพความสวยบนยอดเขาแน่นอน

   ขับตามไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ พี่โชค่อยๆ ถอยรถเข้าจอดพลางคว้าหมวกมาสวมให้ผม จะถอดออกก็เจอสายตาดุจ้อง เลยจำเป็นต้องสวมไปแบบนั้น พอลงจากรถปุ๊บก็จามทันที อากาศชื้นและเย็นมาก ขนาดมีเสื้อกันหนาวยังรู้สึกขนลุก

   “พี่โชไม่ใส่เสื้อกันหนาวอะ” ถามขณะเจ้าตัวง่วนอยู่กับการขนอุปกรณ์กล้องมาประกอบ “พี่โช”

   “ครับๆ” รับปากไปงั้น แต่ก็ไม่เห็นทำ ผมเลยหยิบเสื้อมาคลุมให้แทน พี่โชหันมามองนิ่งๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาจุ๊บปาก ทำเอาผมตาโต “ขอบคุณครับ”

   ขนาดคบกันมานาน พี่โชก็ยังทำให้ผมใจเต้นเร็วได้อยู่ดี

   แม้ตอนนี้สภาพโดยทั่วไปจะยังมืดมิด แต่ก็มีคนมาอยู่รอแสงแรกของพระอาทิตย์ พี่โชแบกกล้องกับขาตั้งไปอยู่ริมทาง ข้างๆ มีคู่รักกำลังจิบกาแฟไป มองตากันไป หวานอะไรเช่นนี้

   “มองอะไร” อยู่ๆ ก็มีมือมาจับหน้าแล้วหันไปอีกด้าน เอาซะตกใจ

   “ก็มองเรื่อยๆ” ตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ พี่โชปรายตามองคู่รักที่ผมมองเมื่อกี้ พลางเลิกคิ้วขึ้น “อยากทำแบบนั้นบ้าง?”

   “ไม่ใช่เถอะ แค่ได้กลิ่นกาแฟเฉยๆ”

   “จริงอะ”

   “เออ” รีบหันหน้าหนีเมื่อถูกหัวเราะ ผมไม่ได้อยากทำตัวหวานกับพี่โชแบบนั้นเลยนะครับ แต่ที่มองเพราะดูเขารักกันดีไม่แพ้ผมกับพี่โชเลย “กี่โมงแล้วเนี่ย เมื่อไหร่พระอาทิตย์จะขึ้น”

   “เดี๋ยวก็ขึ้น” พี่โชว่า พลางดึงผมมายืนซ้อนตรงหน้า แล้วหมุนตัวผมไปหากล้องที่วางบนขาตั้ง “เห็นอะไรไหม” ถามขณะบังคับให้ผมมองผ่านช่องถ่ายภาพ

   “เห็น”

   “เห็นอะไร”

   “เห็นความมืด” บอกไปตรงๆ พี่โชขำออกเสียงจนผมต้องส่งค้อนวงใหญ่ไปให้ ก่อนจะถูกบังคับให้มองอีกรอบ คราวนี้เหมือนจะไม่ใช่ความมืดแล้ว

   “เห็นอะไรไหม”

   “เห็น”

   “อะไร”

   “คำว่ารัก” ไม่ใช่ผมพูดเสี่ยวอะไรนะครับ เพียงแต่ผมเห็นจริงๆ คำว่า รัก อยู่ปลายกระบอกเลนส์ ผมขยับตัวออกมาเห็นพี่โชยิ้มหล่อส่งมาให้ “เดี๋ยวนี้เสี่ยวนะเราน่ะ” พูดแก้เขิน

   “ยังไม่ชินอีกเหรอ” พี่โชพูดปนเสียงขำ ก่อนมือจะยื่นไปหยิบกระดาษที่เขียนคำว่ารักออกจากหน้าเลนส์กล้อง

   “ใครสอนให้ทำเนี่ย”

   “พี่คิดเองสิ”

   “โม้ป่ะ?”

   “ไม่ได้โม้ครับน้องกลอย”

   เถียงกันไปมา จนได้ยินเสียงคนอื่นคุยกันว่าเห็นแสงสีส้มรำไร เราทั้งคู่เลยรีบหันไปจ้องมองปลายยอดเขาที่อยู่อีกฝั่ง รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้ไปนั่งริมทะเลเลย พี่โชตอนนี้จ้องภาพด้านหน้าผ่านช่องมองภาพ เพื่อจะเก็บความทรงจำสวยๆ ส่วนผมก็โทรศัพท์มือถือนี่แหละครับ อยากไลฟ์สด แต่กลัวไม่มีคนดู เช้าขนาดนี้ เพื่อนผมคงยังไม่ตื่นกันหรอก เผลอๆ เมาไม่รู้ความด้วย วันอาทิตย์แบบนี้

   รออยู่นานมากกว่าแสงสีส้มจะค่อยๆ กระจายเต็มผืน คราวนี้ได้ยินเสียงคนแถวนั้นรัวชัตเตอร์คล้ายกับเสียงปืนกล รวมทั้งคนข้างผมด้วย พระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ โผล่ขึ้นจากยอดเขา และไม่นานก็อวดความสวยเต็มดวงบนท้องฟ้า ถือว่าคุ้มค่ามากกับการมาในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เข้าไปถึงกิ่วแม่ปานอย่างที่ดูในเว็บแนะนำ แต่ด้านหน้าทางเข้าตรงนี้ก็น่าพอใจแล้ว

   “กลอย มายืนตรงนี้” มัวดื่มด่ำกับความงามตรงหน้า จนถูกสะกิดเลยเดินไปยืนแบบงงๆ เพียงแป๊บเดียว เสียงชัตเตอร์ก็รัวอย่างกับผมถูกยิง

   “ไม่บอกก่อนว่าจะถ่ายรูป” ผมหน้างอเมื่อถูกถ่ายรูปทีเผลอ ไม่รู้ทำหน้ายังไงบ้าง 

   “ธรรมชาติจะตาย”

   “ธรรมชาติลงโทษน่ะสิ ห้ามพี่โชเอาไปลงก่อนที่กลอยจะเห็นนะ”

   ไม่ได้หรอกนะครับ ต้องสั่งแบบนี้ พี่โชชอบแอบถ่ายรูปผมแล้วเอาไปลงเฟสบุ๊คตัวเอง จนพี่จอมมาถามว่าผมยึดเฟสบุ๊คของพี่โชแล้วหรือเปล่า เพราะมีแต่รูปผมทั้งนั้น

   หลังจากได้รูปภาพสวยๆ ของแสงแรกแล้ว ผมกับพี่โชก็เก็บของเตรียมขึ้นไปถ่ายรูปบนยอดเจดีย์ ชดเชยครั้งที่แล้ว ที่ไม่ได้อะไรเลยเพราะความงี่เง่าของผมเอง นักท่องเที่ยวยังเยอะเหมือนเดิม มีทั้งต่างชาติและคนไทย ผมกวักมือเรียกพี่โชให้ถ่ายรูปที่ซุ้มดอกไม้ แต่ตากล้องกลับหันไปถ่ายเด็กตัวน้อยที่กำลังหัวเราะแทน ไอ้เราก็อุตส่าห์เก๊กหน้าหล่อ...ทำกันได้ลงคอนะคนเรา

   “เอ๊า ไม่ถ่ายแล้วเหรอ”

   ยังมีหน้ามาถามอีก

   “ไม่เอาแล้ว” พูดจบก็เดินหนี พี่โชหัวเราะร่วนเดินตามหลัง ก่อนผมจะหยุดเดิน จนคนเดินตามสงสัย

   “อะไร?”
 
   “พี่โชว่า ถ้ากลอยกลิ้งลงไป เวลาถ่ายรูปออกมามันจะสวยไหม” ผมมองทางขึ้นลงเจดีย์ที่แสนชันแล้วก็คิดได้ พี่โชกระพริบตาปริบๆ มองทางที่เราเพิ่งเดินขึ้นมาอย่างยากลำบาก พลางหันมามองหน้าผม

   “ถ้าถามว่าสวยไหม คงตอบไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าได้ใช้ไหม ได้ใช้แน่นอน ใช้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์” พูดจบพี่โชก็ตวัดแขนยาวคล้องคอผม “ช่วยคิดอะไรธรรมดาๆ ให้พี่ชื่นใจหน่อย น้องกลอย...ประเกรียน” แล้วหัวผมก็ถูกมือใหญ่ขยี้ซะเละ

   ผมผิดตรงไหน ก็แค่ถามความเห็น ไม่ได้คิดจะทำเสียหน่อย ใครจะไปบ้ากลิ้งลงกัน มีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นแหละ ที่คิดจะทำน่ะ...ว่าแต่ ผมด่าตัวเองทำไมวะ 




   
   ผมกับพี่โชเดินขึ้นบันไดไปไหว้พระธาตุเจดีย์ทั้งสององค์ ก่อนเดินลัดเลาะด้านข้างไปถ่ายรูปดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกรายล้อมไว้ คนชอบถ่ายรูปก็สนุกเขาล่ะ สนุกจนลืมว่าผมมาด้วย

   สรุป ผมอยากมา หรือพี่โชอยากมาวะ 

   “พี่คะ ถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหม” ระหว่างแต่งรูปดอกไม้ในโทรศัพท์เพื่อจะเอาลงไอจี อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหา พลางยื่นโทรศัพท์ให้ผม “เอามุมนี้นะคะ ถ่ายให้เห็นยอดเจดีย์แล้วก็ท้องฟ้า”

   “อ่าครับ” รับมาแบบงงๆ ก่อนก้มๆ เงยๆ ขยับซ้ายที ขวาทีเพื่อหามุมที่เขาอยากได้ นี่ถ้านอนถ่ายได้คงทำไปแล้ว พอได้รูปอย่างใจก็เอาไปคืน เจ้าของเครื่องยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนไปยังชมว่าผมน่ารักอีก

   จะดีกว่านี้ถ้าบอกว่าหล่อพ่วงท้ายด้วย

   “ไปอ่อยอะไรอีกล่ะ” ยิ้มค้างหลังมีเสียงนิ่งๆ ดังมาจากด้านหลัง พอหันไป ก็เจอพี่โชยืนเท้าเอวมองมา “เผลอเป็นไม่ได้”

   “เขาขอให้ถ่ายรูป ไม่ได้อ่อยอะไรเลย อย่ามาหาเรื่อง ใส่ร้าย ทำตัวเป็นปีศาจ โอ๊ย” ถูกดึงปากจนต้องขยับตัวหนี

   “พูดมาก ไปยืนตรงนั้น พี่จะถ่ายรูป”

   “นี่กลอยยืนขวางเหรอ”

   “เออ”

   ยกขาเตะก้นพี่โชแล้วรีบวิ่งหนี ปีศาจถลึงตาใส่แต่ก็ไม่ได้วิ่งไล่ตาม ถ้าเป็นห้องที่คอนโด ผมถูกจับหักขาไปแล้ว ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เคยมาแล้ว ขาแทบหมดแรง

   เราสองคนถ่ายรูปต่อกันอีกไม่นานก็เห็นตรงกันว่าควรกลับ เพราะเห็นเมฆฝนสีดำลอยอยู่ด้านบน หากฝนตกคงจะไม่ค่อยดีสำหรับการเดินทางสักเท่าไหร่ พี่โชยังทำหน้าที่คนขับเหมือนเดิม ส่วนผมก็นั่งข้างแต่งรูปที่ถ่ายไป ที่จริงแอบถ่ายรูปตอนพี่โชเผลอๆ มาหลายรูปเหมือนกัน ไว้ค่อยแต่งแล้วเอาลงไอจีเรียกยอดไลค์

   แต่ถึงแม้จะเป็นมุมเผลอๆ ความหล่อของพี่โชก็ไม่มีลดลงเลย เริ่มอิจฉาแล้วเนี่ย

   “หิวไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ผมก็รีบพยักหน้ารัวๆ “ทนหน่อย เดี๋ยวไปกินในห้าง”

   “ชาบูได้ป่ะ?”

   “มาเชียงใหม่ยังจะกินชาบู” บ่นไปงั้น แต่พอถึงจริง พี่โชก็ต้องตามใจผมอยู่แล้ว

   “ขอบคุณที่พี่โชตามมา” อยู่ๆ ก็อยากพูดออกมา พี่โชปรายตามามองนิดๆ “ถ้าพี่โชไม่มา กลอยคงจะเหงาน่าดู”

   “ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่จะไม่ตามมา” ได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มปากแทบจะถึงรูหู “กลอยมีคนเดียวในโลกนี่”

   “แน่นอน หล่อระดับตำนานแบบนี้” ยืดเบาๆ

   “ตำจนนานน่ะสิ”

   “พี่โช”

   หน้ายู่บู้บี้ ยิ่งพอถูกฝ่ามือใหญ่ยื่นมาขยี้ผมจนฟูก็ยิ่งหน้ามุ่ย

   “กินข้าวเสร็จก็กลับไปเก็บของกัน”

   “ยังไม่ได้ซื้อของฝากเลย” เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าลืมซื้อของฝาก พี่โชพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ เป็นอันรู้กันว่า กินข้าวเสร็จก็ไปซื้อของฝากต่อ เพราะยังไงซะ โรมแรมที่พักก็อยู่ไม่ไกลจากตลาดของฝากอยู่แล้ว

   ลงดอยมาก็เข้าห้างต่อ อาจเพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย คนเลยเยอะมากกว่าปกติ หรือว่าปกติผมก็ไม่รู้ แต่ร้านชาบูที่คิดไว้คนเต็มต้องรอคิว ดังนั้นผมเลยเปลี่ยนไปกินอะไรง่ายๆ แถวฟู้ดคอร์ทแทน ไม่อยากใช้เวลานานเพราะต้องเดินทางไกลอีก พออิ่มแล้วจุดหมายต่อไปก็ตลาดวโรรส ต้องเรียกว่าโชคดีที่มีที่ว่างคันสุดท้ายเหลือไว้ให้ พี่โชถึงกับขำเมื่อเห็นผมสวดมนต์ภาวนาขอให้มีที่จอด เพราะวนไปหลายที่กว่าจะได้

   “อยากได้อะไร” คำถามดังขึ้น ขณะผมถูกดึงแขนเพื่อให้หลบรถที่วิ่งมาจากด้านหลัง

   “บอกพี่กิ่งจะซื้อกาละแมไปฝาก” ผมว่า มือก็ปาดเหงื่อที่เริ่มไหล อยากได้อากาศบนดอยมาปล่อยที่นี่มาก “พี่โชอยากได้อะไรไหม”

   “เห็นพี่ชีสบ่นอยากกินไส้อั่ว” ผมพยักหน้าเมื่อได้ยิน เมื่อคืนถามชื่อร้านจากพี่โอ๊ตมาหมดแล้ว ร้านไหนอร่อยขึ้นชื่อในตลาดนี้ แต่ประเด็นคือ ร้านมันอยู่ตรงไหนวะ “เดินนำนี่รู้จักร้านใช่ไหม” พี่โชถาม

   “แน่นอน” มั่นไปงั้น แต่สายตาสอดส่องหาร้านสุดๆ

   กว่าจะได้ของที่อยากได้ครบ ก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะที่ตลาดไม่มีป้ายบอกทางหรือบอกชนิดสินค้าแบบในห้าง ใช้ความเดาล้วนๆ อีกอย่าง ตลาดมีสองฝั่ง ผมกับพี่โชเดินข้ามไป ข้ามมาด้วยความไม่รู้

   “ปวดขา” ขึ้นรถได้ พี่โชก็รีบเปิดแอร์ดับร้อน ส่วนผมก็นวดขาตัวเองไปมา “พี่โชจะเช็คเอ้าท์กี่โมงเหรอ” ถามขณะดูดน้ำจากหลอดที่พี่โชยื่นมาให้

   “ก็คงบ่ายแก่ๆ ถ้าเรากลับตอนเย็น ถึงนู้นก็คงเช้าพอดี”

   “เดี๋ยวเปลี่ยนกันขับ...”

   “พี่ขับไหว”

   รีบออกตัวเร็วเชียวนะ

   “กลอยขับเก่งแล้วพี่โชก็รู้”

   “ก็เพราะรู้น่ะสิ”

   ผมหน้ามุ่ยเมื่อถูกหัวเราะ ตั้งแต่ได้เรียนขับรถแบบเข้มข้น ผมก็ไม่เคยเสยถังขยะอีกเลย ขับแบบมือโปรด้วย เข้าโค้งนี่อย่างนิ่ม ขึ้นลูกคลื่นก็แบบนุ่มนวล

   “กินส้มไหม แม่ค้าบอกว่าหวานมาก” พูดไป มือก็แกะเปลือกส้มไป ส้มสีทองสวยจนอดที่จะซื้อไม่ได้ “พี่โชอ้ำๆ” ยื่นส้มไปจ่อปาก พี่โชงับแล้วเคี้ยวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แปลว่าต้องอร่อยแน่

   “หวานไหม” ถูกถามตอนฟันกัดเข้าที่กลีบส้มในปาก “ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

   “หวานโคตรๆ” ตอบก่อนคายส้มใส่ฝ่ามือ มันเคี้ยวต่อไม่ไหวจริงๆ ขนลุกไปหมด

   “ต่อไปอย่าเชื่อแม่ค้ามาก” พี่โชว่าขำๆ ผมกระพริบตาถี่ๆ เพราะยังรู้สึกเปรี้ยวในปาก

   “เอาไปคืนได้ไหม ในฐานะที่ถูกหลอก” ผมว่า พี่โชยิ่งขำใหญ่



   หน้าตาผมเหมือนคนที่หลอกง่ายเหรอวะ หรือว่าผมดูโง่ เอ่อ อันนี้ค่อยน่าคิด



   พอถึงโรงแรม พี่โชของีบเอาแรงก่อนเดินทางช่วงเย็น ส่วนผมก็จัดของใส่กระเป๋าแล้วเหลือบไปเห็นสมุดบัญชีเงินฝากที่อยู่ในช่องกระเป๋าด้านใน หยิบออกมาดูอีกรอบ นับจำนวนเลขศูนย์ซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่มีลดเลย อยากดีใจแต่ก็ไม่สุด เพราะเงินนี้เป็นของพ่อที่ผมเคยโกรธมากๆ เพราะทิ้งแม่ให้อยู่อย่างลำบาก แถมต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังอีก เรื่องสมุดบัญชีนี้ ผมส่งรูปไปให้พี่กิ่งดูด้วย ขึ้นอ่านแล้วแต่ไม่มีคำตอบหรือคำใดๆ ตอบกลับ

   “ดูอะไร” เสียงงัวเงียจากคนบนเตียง ผมเดินไปนั่งข้างๆ พลางยื่นของที่ย่าให้มาให้พี่โชดู “สมุดบัญชี? ชื่อกลอย?”

   “อืม ย่าบอกว่า พ่อเปิดไว้ให้ตั้งแต่กลอยเด็กๆ” พี่โชขยับตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อผมเริ่มเล่า “ย่าบอกว่า พ่อขอให้คนรู้จักส่งไปให้แม่ แต่ย่ารู้เข้าซะก่อน เลยแอบเก็บไว้ พ่อไม่รู้เลยโอนเงินเข้าให้ทุกเดือน มีของพี่กิ่งกับแม่ด้วย” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบอีกเล่มมา “ของแม่ย่าเผาทิ้งเพราะโกรธ แต่ให้คนรู้จักทำเรื่องย้ายมาไว้ของพี่กิ่ง”

   พี่โชเปิดดูสมุดบัญชีสองเล่มอย่างเงียบๆ ไม่มีความคิดเห็นใดๆ หลุดออกมาเหมือนเดิม ส่วนผมได้แต่เม้มริมฝีปาก เพราะรู้สึกอึดอัด

   “พ่อตั้งไว้ให้กลอยๆ ก็เก็บไว้สิ” สุดท้าย พี่โชก็พูดออกมา รอยยิ้มที่ผมชอบกำลังถูกส่งมาให้ผม “งี้กลอยก็รวยแล้วน่ะสิ” รู้ว่าที่พี่โชพูดเพราะอยากให้ผมขำ ซึ่งผมก็ยิ้มออกมาจริงๆ

   “รวยแต่ไม่เท่าพี่โช ดังนั้นเกาะต่องี้แหละ” ไม่ว่าเปล่า ผมยังตะครุบเกาะเข้าที่แขนแน่น พี่โชหัวเราะลั่นพลางดึงผมเข้าไปกอด “รักโคตรๆ”

   จากที่คิดว่าจะงีบหลับ สุดท้ายผมก็ชวนพี่โชคุยนั่นนี่ โดยเฉพาะเรื่องพี่โอ๊ต ถูกสั่งให้ลบเบอร์ด้วย แต่พอผมบอกพี่โอ๊ตมีแฟนแล้ว ใกล้แต่งงานด้วย ก็เลยยอม สำหรับพี่โชล่ะก็นะ ความหล่อเป็นที่หนึ่ง เรื่องขี้หึงเป็นเบอร์สองเลยล่ะ แต่ถามว่ารักไหม ก็อย่างที่บอก


   โคตรจะรักเลยว่ะ


...TBC

ต่อไปก็เข้าสู่วงจรเกรียนอย่างเต็มรูปแบบค่า หมดเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาสักที ไม่ค่อยสมเป็นกลอยสักเท่าไหร่

ขอบคุณสำหรับการติดตาม และกำลังใจค่าาา

พบกันตอนหน้าค่าา

รักกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 15-11-2018 19:17:13
รักกกกกก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 15-11-2018 19:28:50
นี่ก็ร๊ากกกกก..พี่โชด้วย.. :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 15-11-2018 19:54:49
รักกกกก คิดถึงเดอะแก๊งพี่โชด้วยน๊าา
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-11-2018 21:25:23
เตรียมตัวเอ็นดูความล้นของน้องกลอย  o13
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 15-11-2018 21:54:16
 o13
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-11-2018 22:07:14
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-11-2018 22:59:40
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-11-2018 23:36:58
น้องกลอยน่ารัก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-11-2018 23:39:25
อ้างถึง
   “ขอโทษ ลูกใหม่รับรองไม่ร้อนแน่นอน”

   “ไม่เอาน้ำลายด้วยนะ”

   “พูดซะกลอยดูเป็นคนนิสัยไม่ดี”

   “หรือไม่เคย?”

   “แค่ครั้งสองครั้งเอง” 

กลอยจะถ่ายทอดทายาทความเกรียนเหรอ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-11-2018 02:37:48
55555 ขนาดตอนซึ้งก็ยังเกรียนไม่เลิก
น่ารักมาก มีโมเมนท์บอกรักหวานแหวว
กว่าจะมาถึงตอนนี้ได้ ไม่ธรรมดา

ชอบนะที่โชห่วงน้อง หวงน้อง
ชอบโมเมนท์ที่กลอยอ้อน
โชคงทั้งเอ็นดู ทั้งมันเขี้ยว

เรื่องอดีตก็ปล่อยมันไปเนาะ
พ่อก็ไม่อยู่แล้ว ย่าก็ไม่ค่อยได้เจอ
ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้ชีวิต

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-11-2018 13:11:14
 พีโชๆๆทำไมน่ารักขนาดนี้   o13  อิจฉาเกรียนน้อย


 :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-11-2018 13:28:26
สมเป็นกลอยประเกรียน เกรียนมันแทบทุกตอนจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-11-2018 21:19:04
โคตรรักเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 4 [P.2] [UP!!] [15/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-11-2018 21:24:41
วันนี้กลอยคงพักเหนื่อยจากการเดินทางสินะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-11-2018 20:08:52

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 5




        “ไหนของฝากกู” โผล่หน้ามามหาลัย ก้นยังไม่ทันถึงเก้าอี้ก็ถูกทวงของฝากซะแล้ว ผมกระแทกถุงกะละแม ลงบนโต๊ะ ไม่ถึงนาทีของก็หมด ไม่ใช่เฉพาะพวกไอ้ทู ไอ้สัก แต่เป็นเพื่อนเกือบทั้งรุ่นที่นั่งรอเรียนใต้ตึก “มึงซื้อมาน้อยอะไอ้กลอย”

   “กูเห็นมึงเอาไปซ่อนในกระเป๋ากางเกงไอ้ต๋อง อย่ามาทำงุบงิบ” ผมว่า ไอ้คนแอบเก็บลอยหน้าลอยตาแกะเปลือกใบตองของกะละแมออกแล้วโยนเข้าปาก

   “แบบห่อใบตองหอมว่ะ” ไอ้สักว่า

   “เออจริงของมึง รสชาติอร่อยกว่าอีก” ไอ้เคเสริม ส่วนไอ้ทูกินอย่างเดียว ไอ้คนบริโภคเงียบ

   “ละเป็นไงบ้าง มึงไปที่นู้น มีใครทำร้ายร่างกายมึงไหม” พอหยุดกิน ปากก็ถาม ผมส่ายหน้าช้าๆ ส่งให้ แต่พอคิดอีกทีก็พยักหน้าลง “อะไรของมึง เดี๋ยวใช่เดี๋ยวไม่ใช่ไอ้ห่ากลอย”

   “ไม่มีคนทำร้ายร่างกายกูไง มีแต่แซะกู”

   “ใครวะ ย่ามึงเหรอ”

   “เปล่า หลานย่ากู”

   “หลานย่ามึง? น้องต่างแม่มึงนั่นน่ะนะ”

   “เออ” พยักหน้ารับส่งๆ “สงสัยเกลียดกู”

   “ทำไมมึงไม่บอกไปล่ะ กูก็เกลียดมึงเหมือนกันงี้” ไอ้เคว่าไม่ทันจบก็ถูกมือไอ้ต๋องฟาดเข้าเต็มหัว  “ตบหัวกูทำพ่อง”

   “มึงพูดไม่เพราะไอ้ห่า นั่นผู้หญิง จะให้ไอ้กลอยไปด่าแบบนั้นได้ไง” แล้วทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนพากันหันหน้าหนี “มึงต้องพูดเพราะๆ ว่า ผมก็เกลียดคุณเหมือนกันนั่นแหละงี้สิวะ”

   “มันต่างกันตรงไหน” ถามอย่างสงสัย

   “ก็ผมคุณ กับกูมึง ความรุนแรงมันต่างกันเว้ย”

   “เอาตามที่มึงสบายใจ” ทุกคนพากันเปลี่ยนเรื่อง ส่วนไอ้คนอวดความต่างก็สนใจขนมของฝากต่อ

   “แต่กูว่า ลูกใหม่พ่อมึงอาจกลัวมึงมาแย่งสมบัติหรือเปล่าวะ ย่ามึงรวยนี่” ไอ้สักเปิดประเด็นใหม่ ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์ “กูว่าคงใช่แหละ ไม่งั้นจะเกลียดมึงทำไม”

   “กูว่าช่างมันเถอะ ปล่อยให้เขาเกลียดไป ยังไงกูกับพี่กูก็ไม่เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมดีที่สุด” รีบปิดประเด็นจนพวกอยากเผือกโอดโอยกัน เย็นนี้ผมก็จะไปหาแม่ด้วย จะไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ไม่อยากเล่าผ่านโทรศัพท์ “ว่าแต่ พวกอีเข็มมันรวมกลุ่มดูอะไรวะ หรือหวย”

   “หวยห่าอะไรล่ะ ดูผู้ชายตามเคย” ไอ้สักส่ายหน้าอย่างระอา ลืมไปว่าเจ้าพ่อหวยมันต้องไอ้นี่

   คุยต่อกันไม่นานพวกผมก็ยกโขยงขึ้นเรียน วิชาป้าแหม่มเป็นแบบบรรยาย สงสัยจะหลับอีกตามเคย ตอนกลับมาถึงเมื่อวาน ผมกับพี่โชก็หลับเป็นตาย เหนื่อยกับการเดินทางไม่พอ ยังมาเหนื่อยกับการจราจรอีก จากที่พี่โชจะขับคนเดียว กลายเป็นผมต้องสลับบางช่วงที่เป็นทางตรง ต่อให้คนเราแกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีช่วงเวลาเหนื่อยจนอยากวูบ พี่โชก็เป็นครับ ตอนนั้นรถเหวี่ยงนิดๆ จนผมสะดุ้ง โชคดีมีปั๊มเลยแวะพัก แล้วผมก็เปลี่ยนขับ ประมาทเพียงนิดเดียว ท่านยมก็แทบมายืนรอเลยนะครับ อย่าลืมว่า เหนื่อยก็พักอย่าฝืน

   และโชคดีที่วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า ผมคิดจะกลับไปหาแม่ ระหว่างถอยรถออกจากลาน เสียงโทรศัพท์ก็ดัง ปลายสายเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะโทรมา

   “ฮัลโหล น้องบีม” ทักทายเสียงร่าเริงเข้าไว้ แต่ปลายสายกลับเงียบ “น้องบีมได้ยินน้ากลอยไหม”

   (ได้ยินค่ะ) น้ำเสียงเบาหวิวอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน ปกติจะเป็นเด็กร่าเริง พลังเยอะ

   “น้องบีมมีอะไรให้น้ากลอยช่วยหรือเปล่าคะ” แอบขนลุกเวลาต้องพูดเพราะกับเด็ก 

   (น้ากลอยทำอะไรอยู่เหรอคะ) จากคำถาม ถูกถามกลับมาแทน ผมย่นคิ้วลงพลางสงสัย ว่าเด็กตัวเล็กจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจได้ (เลิกเรียนแล้วเหรอคะ)

   “เลิกแล้วค่ะ” เป็นอาภาพรเลยกู ผมขยับมือถือออกมาดูเมื่อหลานพี่โชเงียบไป คิดว่าวางสาย แต่มันก็ไม่ใช่ “น้องบีมมีอะไรบอกน้ากลอยได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองอยู่แล้ว...” พูดไม่ทันจบดีปลายสายก็สะอื้นคล้ายกับร้องไห้ออกมาซะงั้น เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก กลัวไปพูดจี้จุดอะไร “ร้องไห้ทำไม น้ากลอยพูดไม่ดีกับน้องบีมเหรอคะ เดี๋ยวน้าจะตีมือตัวเองให้” ว่าแล้วก็ตีมือตัวเองเฉย การบ้าจี้มักจะเกิดขึ้นโดยง่าย ยามเราขาดสติ ยังดีที่ว่าตีมือ ถ้าต่อยหน้า รับรอง เห็นดาวตอนกลางวันแน่นอน

   (ไม่มี) หา อะไรไม่มีวะ (ทำไมไม่มีใครว่างเลย) เสียงพูดปนสะอื้นหนัก จนผมต้องตั้งสติเพื่อจะฟัง (พ่อก็ไม่ว่าง แม่ก็ไม่ว่าง น้าโชก็ไม่ว่าง ไม่มีใครว่างเลย)

   “พ่อแม่แล้วก็น้าโชต้องทำงานไงครับ เลยไม่ว่าง” พยายามพูดเป็นกลางเพื่อให้หลานพี่โชใจเย็นขึ้น โดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริงที่น้องบีมว่ามา เพราะปกติแล้ว พี่อัลกับพี่ชีสก็ยุ่งอยู่ตลอด จากที่คิดว่าพูดกลางๆ แต่อีกฝั่งกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้น แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ “น้องบีมอยู่ที่โรงเรียนเหรอคะ ให้น้ากลอยไปหาไหม” วิญญาณคนรักเด็กเข้าสิง ผมนึกหน้าน้องบีมตอนร้องไห้หนักๆ ออกเลย หน้าขาวจะแดงจนเหมือนระเบิดได้

   (น้ากลอยจะมาหาน้องบีมเหรอคะ) จับเสียงได้ว่าสะอื้นน้อยลง ยิ่งพอผมรับคำ น้องบีมก็หยุดร้อง (น้องบีมจะรอนะคะ รีบๆ มา) กำลังจะอ้าปากพูด หลานพี่โชก็ตัดสายทิ้งไปซะงั้น งานเข้าเลยกู ผมเกาหัวตัวเองไปมาอย่างงงๆ มึนๆ เอาวะ พูดว่าไปแล้วคืนคำคงไม่ได้ จะเสียหมาเอา ปกติทุกทีก็เป็นหมาอยู่ละ


   และเพื่อความกระจ่างแจ้ง เลยโทรไปหาพี่โช ได้ใจความว่า วันพรุ่งนี้โรงเรียนมีงาน แต่พี่ชีสกับพี่อัลสามีดันมีงานด่วนเลยไปไม่ได้ ปลายสายของผมก็ด้วย คงไม่คิดว่าหลานตัวเองจะโทรมาหาผม เพราะน้องบีมเป็นคนบอกแม่ตัวเองว่า ไม่เป็นไร น้องบีมไม่โกรธใครที่ไปงานไม่ได้ แล้วไหงโทรมาร้องห่มร้องไห้กับผมได้ ถึงแม้จะพอรู้ความบ้างแล้ว แต่ผมก็ขับไปหาน้องบีมที่โรงเรียนตามที่บอกอยู่ดี ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมงกว่าจะถึง เห็นน้องบีมมาเกาะรั้วประตูรอกลางแดด ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงคงเพราะอากาศร้อน คิดถูกแล้วที่มา

   “น้ากลอยๆ” มือเล็กๆ ยื่นผ่านซี่กรงประตูรั้วกวักเรียกผม เห็นพี่ยามที่อยู่ตรงประตูมองด้วย ผมไม่ใช่แก๊งลักเด็กสักหน่อย ไม่ต้องมองตาขวางแบบนั้นก็ได้ “น้องบีมรอตั้งนาน”

   “รถมันเยอะ แล้วน้องบีมทำไมไม่ไปรอน้ากลอยในร่มล่ะ ตากแดดแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยเอานะ”

   “ไม่เอา เดี๋ยวน้ากลอยไม่เห็นแล้วจะกลับบ้าน”

   เหมือนเห็นตัวเองในวัยเด็ก เวลามีงานโรงเรียนทีไร ผมจะไปยืนรอแม่ที่หน้าโรงเรียน กลัวว่าแม่จะไม่มาหรือมาแล้วไม่เห็นผม

   “น้ากลอยรู้เรื่องงานโรงเรียนวันพรุ่งนี้แล้วนะ” พอผมพูด น้องบีมก็ทำหน้ามุ่ย “เดี๋ยวน้ากลอยมางานแทนเอง” หวังว่าพรุ่งนี้คาบเช้าของป๋าเปาจะไม่เช็คชื่อ “ไม่รู้จะมาแทนได้ไหมนะ”

   “มาได้ค่ะ มาได้ เดี๋ยวน้องบีมบอกคุณครูให้ แต่น้ากลอยจะมาแน่ๆ นะคะ”

        ได้เห็นรอยยิ้มกว้างแล้วรู้สึกดี แม้ตอนแรกที่โทรไปปรึกษาพี่โช ได้คำตอบว่าไม่ต้องไปเพราะไม่อยากให้ผมขาดเรียน แต่พอได้เห็นหน้าเศร้าของน้องบีม มันก็อดไม่ได้จริงๆ 

   “ครับ แต่รายละเอียดงานน้ากลอยไม่รู้เลย”

   “เดี๋ยวน้องบีมให้แม่เอาจดหมายไปให้น้ากลอยนะคะ น้องบีมดีใจ”

   ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้างดูน่ารัก จนภาพวันวานตอนน้องกัดเอวผมค่อยๆ เลือนไปทีละนิด พอจะคุยกันอีก น้องบีมก็ถูกเรียกจากด้านใน หลานพี่โชโบกมือให้ผมก่อนจะวิ่งไปรวมกับเพื่อน ดวงตากลมโตฉายแววเป็นประกายยามที่รู้ว่าผมจะมางานโรงเรียนแทน จะว่าไป ผมก็เป็นคนขี้ใจอ่อนเหมือนกันนะครับ แบบนี้ขอด่าตัวเองแรงๆ หน่อยเถอะ



        ...ไอ้คนดี ไอ้คนหล่อ ไอ้เทพบุตรกลับชาติมาเกิด   





   หลงตัวเองพอประมาณก็กลับไปขึ้นรถ แล้วมุ่งหน้าไปหาแม่ที่ร้าน บอกพี่กิ่งไว้แล้ว ว่าจะรอตอนพี่กิ่งกลับค่อยคุย ดังนั้นช่วงที่รอ ผมก็ต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีในการช่วยงาน แต่พอมาถึง ร้านดันปิดซะงั้น ไฟในการทำงานมอดลงไปทันที ผมเดินผ่านชั้นล่างขึ้นบันไดไป เห็นแม่นั่งนับเงินตากแอร์เย็นช่ำในห้องนอนตัวเอง ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปกอด แต่แม่คงคิดว่าผมเป็นขโมย เลยคว้าตะกร้าฟาดใส่เต็มหน้า

   “ตายแล้ว” แม่โวยวายเมื่อเห็นว่าเป็นผม ที่ตอนนี้ลงไปนั่งพื้นกุมหน้าตัวเองครึ่งซีก

   “ยังไม่ตายแม่ แค่หน้าช้ำ”

   “ยังมาพูดติดตลกอีก ไหนแม่ดูหน่อย”

   ผมยันตัวลุกขึ้นเอามือออก รู้สึกแสบหน้าเบาๆ คงเพราะถูกฟาดอย่างแรง ไม่รู้หน้าแหกเสียโฉมหรือเปล่า
 
   “ทำไมแม่ปิดร้านเร็วล่ะ หรือไม่สบาย” ถามขณะแม่ลูบตรงหางตาตรงที่แสบ

   “วันนี้ขายดีจะตาย ไม่เห็นแม่นับเงินเหรอ” แม่พูดติดตลก พลางหยิบเงินมากรีดแล้วพัดโบก

   “แม่เป็นคนตลกตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมว่า ก่อนจะพากันขำ “คิดถึง” ว่าแล้วก็กอดร่างอวบๆ ของแม่แน่น

   “ตัวแม่เหม็นนะ”

   “เหม็นอะไรหอมจะตาย” ครับหอม กลิ่นหอมติดเสื้อเลย
 
   “อ้อนอะไรเรา ไปเชียงใหม่เป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่า”

   “พี่กิ่งบอกให้รอด้วย ไม่อยากรู้ทีหลัง” พูดเสร็จก็แอบดึงแบงค์สีเทาออกมาจากกอง แต่ถูกแม่ฟาดเข้าที่หลังมือ “แม่อะ นิดๆ หน่อยๆ”

   “เผลอเป็นไม่ได้ แล้วก็หัดใช้เงินให้มันน้อยๆ หน่อย”

   “ไม่ได้ใช้เยอะเลย พี่โชฟ้องใช่ไหม นิสัยไม่ดี”

   “ไปว่าพี่เขาอีก ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว แม่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เหนียวตัวไปหมด”

   ก่อนไปแม่ยังขยี้หัวผม เอาซะทรงที่เซ็ทมากลายเป็นรังนก ระหว่างรอแม่อาบน้ำ ผมก็แต่งรูปพี่โชที่แอบถ่ายไปเรื่อยๆ และด้วยความหล่อใส ผมเลยแอบเพิ่มเขาเดวิลเข้าไป เสร็จแล้วก็อัพโหลด เพียงแค่ไม่กี่วินาที คนก็เริ่มกดไลค์ และมีคอมเม้นเข้ามาอย่างพี่จอมที่เอาแต่ส่งเลขห้ามารัวๆ พี่แทมบอกระวังตีนเจ้าของรูป คิดว่าผมจะกลัวเหรอ แต่คอมเม้นที่เด็ดสุดก็คงเป็นเจ้าของรูปนั่นแหละ พี่โชตอบกลับแค่คำเดียวสั้นๆ ว่า ลบ แต่ผมก็ไม่สน หัวเดวิลที่ถูกส่งมาก็ไม่ทำให้ผมกลัวแต่อย่างใด


   บอกแล้วว่านี่...กลอยประเกรียนครับผม


   อยู่ที่ร้านจนเย็นกว่าพี่กิ่งจะกลับมา ผมยกมือไหว้พี่ผิงที่เข้ามาทักทาย ก่อนจะกลับห้องเพราะรู้ว่าผมกับพี่กิ่งแล้วก็แม่มีเรื่องคุยกัน

   “ว่ามา” พี่กิ่งนั่งไขว่ห้างทำหน้านิ่ง ส่วนแม่ก็นั่งมองหน้าผมสลับกับพี่สาวไปมา

   “มีอะไรกันหรือเปล่า” แม่ถามออกมา ผมเลยหยิบสมุดบัญชีสองเล่มออกมาวางบนเตียง พี่กิ่งทำหน้าเคร่งเครียดมาก ต่างจากแม่ก็ยังไม่รู้อะไร “สมุดบัญชีใครน่ะ เราให้โชเปิดให้อีกเหรอ”

   “ย่าให้มาครับ” ผมบอกแม่ เพียงเท่านั้นแม่ก็ตีหน้านิ่ง มือที่กำลังยื่นไปจะหยิบก็ถูกดึงกลับไปไว้บนตักตามเดิม “ย่าบอกว่า พ่อเปิดบัญชีไว้ให้กลอยกับพี่กิ่ง” คราวนี้ทุกคนพากันเงียบหมด “มีของแม่ด้วย แต่ย่าเผาทิ้งไปเพราะ...”

   “เพราะไม่ชอบแม่” พี่กิ่งเป็นคนเติมประโยค “แกไม่ควรเอาของๆ เขามา”

   “แต่ย่าบอกว่า พ่อตั้งใจให้พวกเรา” ผมเถียงพี่สาวไป และก็ได้ยินเสียงฮึดฮัดจากทางจมูก “สมุดแม่โดนเผา แต่เงินในนั้น ย่าให้คนรู้จักทำเรื่องแล้วโอนเข้าบัญชีชื่อพี่กิ่ง” ว่าแล้วผมก็ยื่นสมุดทั้งสองเล่มให้แม่ “ย่าฝากบอกว่า ขอโทษ ย่าขอโทษที่ตอนนั้นขัดขวางพ่อกับแม่”

   “มันไม่สายไปหน่อยเหรอ เพิ่งมาสำนึกได้เนี่ย” พี่กิ่งแทรกออกมา “พวกเราลำบากมาขนาดไหน กว่าจะถึงวันนี้ แม่ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อเลี้ยงลูกสองคน ฉันต้องมองเพื่อนๆ กินขนมเพราะตัวเองไม่มีเงินซื้อ หรือพอได้มา ฉันก็ต้องเก็บไว้ให้แกกิน แกอาจไม่สน แต่ฉันไม่มีวันลืม” พูดกิ่งพูดด้วยความโกรธจนน้ำตาไหล แต่เจ้าตัวก็รีบปาดทิ้งอย่างไม่ใยดี “ถามว่าโกรธไหม คงไม่ แต่ให้อภัยไหม ก็ไม่เหมือนกัน!”

   “กิ่ง” แม่ยื่นมือไปจับมือของพี่กิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ ติดอยู่ “โกรธไปก็มีแต่ลูกที่ทรมานนะ”

   “แต่เขาทำให้เราลำบากนะคะแม่” โหมดอ่อนไหวของพี่กิ่งไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ แต่มันก็พาลให้ผมอ่อนไหวไปด้วย

   “นั่นมันอดีต ตอนนี้เราก็ไม่ได้ลำบากแล้วจริงไหม กิ่งคิดแค้นไป ชีวิตเขาหรือเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สู้ทำทุกวันให้เป็นวันที่ดี เขาก็อยู่ของเขา เราก็อยู่กันแบบนี้เหมือนเดิม มีกิ่ง กลอย แม่ ก็พอแล้วนี่จริงไหม” พี่กิ่งไม่ได้ตอบอะไรนอกจากโผเข้าไปกอดแม่พร้อมร้องไห้สะอื้น “กลอยล่ะ ยังโกรธไหม”

   “ไม่ฮะ” ส่ายหน้ารัวๆ แต่พอพี่กิ่งปรายตามองก็รีบพยักหน้า “นิดๆ ก็ได้” ตอบปุ๊บ แม่ก็ขำออกเสียง

   “ดีแล้วลูก คิดมากไปก็ปวดหัวซะเปล่าๆ”

   “จริง คิดเรื่องอดีตปวดหัวจะตาย มาคิดเรื่องอนาคตดีกว่า” พอผมพูดจบ พี่กิ่งก็ผละจากอ้อมกอดของแม่ มือยกปาดน้ำตาตัวเองออกจากแก้ม “เงินเยอะแบบนี้ ไปเที่ยวรอบโลกกันไหม” พูดไม่ทันจบดี ก็โดนกระดาษทิชชู่เปียกน้ำตาปาเข้าเต็มหน้า ผมมองค้อนพี่สาวที่อุกอาจทำร้ายต่อหน้าแม่

   “เก็บเงินไว้ใช้ตอนจำเป็นบ้าง” โดนดุแต่ผมไม่สะทกสะท้านหรอก เพราะมันชินไปแล้ว

   “งั้นซื้อบ้านกันไหม ย่าบอกพ่อเคยจองบ้านเดี่ยวให้แม่ด้วย แต่สัญญาถูกยกเลิกไป”

   “ถ้าแม่อยากได้ ฉันก็ซื้อให้ได้ ไม่ต้องพึ่งบ้านนั้น”

   “ลืมไปว่าพี่สาวสุดสวยทำงานธนาคาร” พูดจบก็ต้องลุกหนี พี่กิ่งไล่กวดรอบห้องจนแม่ต้องห้าม พลางไล่ให้แยกย้าย ผมแลบลิ้นส่งท้ายก่อนพี่กิ่งจะออกจากห้องแม่ “แม่ไม่โกรธย่าจริงๆ เหรอ”

   “แม่รู้ ว่าที่เขาทำ เพราะอยากให้ลูกเขาได้กับคนที่ดีและเพียบพร้อม ไม่มีใครอยากให้ลูกของตัวเองต้องมาทนทุกข์ ตกระกำลำบากหรอก” แม่ลูบศีรษะผมขณะพูด แววตาอบอุ่นทอดมองจนผมกอดแม่แน่น “เหมือนที่แม่ อยากให้กลอยมีชีวิตที่ดี มีความสุข”

   “แต่แม่ก็ไม่ได้ห้ามที่กลอยคบกับพี่โช...”

   “เพราะแม่รู้ว่าโชจะไม่ทำให้ลูกแม่ต้องเสียใจ”

   “แล้วถ้าเสียใจล่ะ แม่จะทำยังไง”

   “แม่จะไปต่อยเลยดีไหม” ฟังก็รู้ว่าแม่พูดให้ตลก และผมก็ขำออกมาจริงๆ “รักที่ดีไม่ได้หาง่ายๆ เหมือนกับคนดีและรักเรา ก็หาไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน กลอยต้องดูแลสิ่งที่ลูกรักให้มากๆ อย่าดื้อ อย่าซน พี่เขาพูดหรือห้ามอะไรก็ให้ฟังบ้าง โดยเฉพาะเรื่องแอบไปกินเหล้า”

   “โหย”

        เถียงไม่ออกเลยทีเดียว นี่พี่โชฟ้องแม่ผมกี่เรื่องวะเนี่ย ร้ายกาจเกินไปแล้วนะปีศาจ

   “แล้วจะนอนที่นี่หรือกลับล่ะ แต่ดูแล้วคงไม่นอนใช่ไหม” ยิ้มแห้งๆ ส่งให้แม่ที่รู้ทัน ผมก็อยากจะนอนอยู่หรอก แต่ไม่ได้บอกพี่โชเอาไว้ บอกแค่ว่าจะเอาของฝากมาให้เฉยๆ

   ผมเอาของฝากที่ซื้อมาให้แม่กับพี่กิ่งเสร็จก็ขอตัวกลับ พี่โชโทรมาหาหลายรอบช่วงที่ผมกำลังอ้อนแม่ ไม่รู้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พอโทรกลับไปก็ไม่มีใครรับสายซะงั้น หรือจะปวดหัว ตัวร้อน ไม่สบาย มีไข้ คิดแบบนี้ผมก็เหยียบความเร็วเพิ่ม แต่ก็ไม่ให้เกินกำหนดของกฎจราจร เพราะกลัวถูกจับแล้วก็ถูกยึดรถไปอีก

   จอดรถใต้คอนโดได้ก็รีบวิ่ง จะผอมก็คราวนี้แหละ ในหัวสมองมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับพี่โช จนลิฟต์เปิดประตูชั้นที่กดไว้ ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้อง เปิดประตูเข้าไปก็ต้องผงะ เมื่อถูกจู่โจมจนตัวเซ

   “น้ากลอย”

   “น้องบีม?”

   ใช่ครับ เปิดประตูปุ๊บ เอวผมก็ถูกรวบกอดแน่นจากน้องบีมทันที หลานพี่โชยิ้มแป้นแล้นมองหน้าผม ดวงตาใสเป็นประกายวิบวับ

   “น้ากลอยมาช้าจัง น้องบีมจะหลับอยู่แล้ว”

   “น้องบีมมีอะไรกับน้ากลอยเหรอครับ” เข้าห้องมาก็รีบยกมือไหว้พี่ชีส พี่สาวของพี่โชที่นั่งไขว้ห้างจิบไวน์ขวดแพงกับน้องชายตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาคิ้วผมกระตุก “โทรหาไม่รับ ไอ้เราก็คิดว่าเป็นอะไร” พูดลอยๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงได้ยิน 

   “น้ากลอยลืมที่คุยกันเมื่อเช้าแล้วเหรอคะ? ปลาทองจัง” มัวแต่ฉุนพี่โชจนโดนน้องบีมแขวะเข้าให้ ปากเล็กยื่นคล้ายกับงอน จนผมต้องรีบยิ้มส่งให้

   อยากติดเครื่องปรับอารมณ์ไว้ตรงหน้าผากตัวเองจริงๆ

   “หัวน้ากลอยไม่มีวุ้นสักหน่อย เป็นปลาทองได้ไง อีกอย่าง น้ากลอยก็จำได้อยู่แล้ว” ไม่หรอก ผมจำไม่ได้ หากน้องบีมไม่พูดถึงเรื่องที่คุยกันไว้ละก็นะ “แล้วไหนล่ะ รายละเอียดที่จะให้น้ากลอยดู”

   พูดจบ น้องบีมก็วิ่งไปหาแม่ตัวเองพลางหยิบซองสีขาวมาให้ผม เปิดออกดูก็เจอแผ่นกระดาษที่บอกรายละเอียดของงาน รวมทั้งกำหนดการต่างๆ

   “ขอบใจนะ ที่กลอยไปงานแทนพี่กับพี่อัล ไม่งั้นน้องบีมคงงอนพี่ไปอีกนาน” พี่ชีสว่า ก่อนจะลุกมาหาผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร “แต่งานมีการแสดงด้วยนะ”

   “การแสดง?” ถามกลับเสียงเบา เริ่มรู้สึกถึงภัยร้ายที่ออกมาจากสายตาของพี่ชีส

    “ใช่จ้ะ เป็นการแสดงที่ผู้ปกครองจะต้องแสดงพร้อมเด็กนักเรียน” มือเรียววางบนบ่าผมปุ๊บ น้ำตาก็แทบจะไหล ยิ่งประโยคถัดมา ทำเอาผมแทบอยากถอนตัว “ไม่ต้องห่วง วันนี้น้องบีมจะสอนกลอยเอง รับรอง พรุ่งนี้ทุกอย่างราบรื่นแน่นอน”


   มิน่าพี่โชถึงบอกให้ผมปล่อยผ่าน มันมีแบบนี้นี่เอง ผมถอนตัวตอนนี้ยังทันไหม ไม่น่าเกิดมาเป็นคนดีเลยจริงๆ



...TBC

มาแล้วค่าาา ขอโทษที่หายไปไม่บอกกล่าว พอดีติดงานนิดหน่อย ได้โปรดให้อภัยด้วยค่า (ก้มไหว้ย่อ)

ตอนนี้ดราม่าเรื่องอดีตตอนสุดท้ายแล้ว ตอนหน้ามาสนุกกับงานโรงเรียนน้องบีมกันค่า

แล้วพบกันค่ะ

รักกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-11-2018 20:35:03
ถอนตัวไม่ทันแล้วกลอย​ ตกหลุมน้องบีมแล้ว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-11-2018 20:41:03
พ่อกลอยปะเกรียน..คนดีของพี่โช   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 18-11-2018 21:47:47
รักกกกก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-11-2018 22:00:13
 :jul3: :jul3: น้ากลอยงานงอกซะละ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-11-2018 22:03:35
กลอยประเกรียนงานเข้าอย่างแรงงงงงง :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-11-2018 23:39:13
งานเข้าแล้วกลอยปะเกรียน  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 19-11-2018 16:10:06
จะแสดงอะไรกับหลานน้อน้ากลอย


 :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-11-2018 19:11:07
5555 กลอยประเกรียน เป็นไงล่ะ
โดนหลานเกรียนใส่กว่าไปอีก
ทำไมน้องบีมร้ายตาใสแบบนี้คะลูก
 
กลอยเป็นคนดีไม่ถูกเวลานะ
โชก็ไม่บอกน้องยาวๆ ทำน้องสละชีพเลย

สงสารครอบครัวกลอย แต่แม่เป็นคนคิดดี
ถึงเลี้ยงลูกมาได้ขนาดนี้ กิ่งเจอมาเยอะเลยเจ็บเยอะ

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 5 [P.2] [UP!!] [18/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 19-11-2018 20:58:55
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 21-11-2018 18:58:06

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 6




        ผมถูกน้องบีมโทรปลุกตั้งแต่ตีสี่ ใช้เวลาอาบน้ำไม่กี่นาทีแต่นั่งหลับในส้วมเกือบครึ่งชั่วโมง ลงจากคอนโดมาตีห้านิดๆ ก็เห็นรถของพี่อัล สามีพี่ชีสมาจอดรอ คนโทรปลุกผมดูตื่นเต้นโบกไม้โบกมือไม่หยุด อะไรจะคึกขนาดนั้น

        และจากที่คิดว่างานเด็กเล็กอะไรจะต้องไปเช้าขนาดนี้ แต่พอมาถึงจริง เหล่าบรรดานักเรียนและผู้ปกครองต่างก็มากันจนเต็มโรงเรียนไปหมด บางรายก็ซ้อมการแสดงอย่างขะมักเขม้น บางรายก็นั่งแต่งหน้าทำผม มันต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ งานโรงเรียนเด็กประถมเนี่ย

   “น้องบีม ทางนี้ๆ” ตัวผมแทบปลิว เมื่อน้องบีมไม่ยอมปล่อยมือผมขณะจะวิ่งไปหาเพื่อน แรงเยอะสมกับเป็นลูกพี่ชีสและหลานพี่โช “มาช้าจัง”

   “เราขอโทษนะ สวัสดีค่ะคุณป้า” น้องบีมก็ยกมือสวัสดีผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า ทำให้ผมต้องยกตาม แม้จะไม่รู้จัก

   “นี่ใครหรือจ๊ะน้องบีม” คุณป้าที่น้องบีมเรียกชี้มาทางผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   “น้ากลอยค่ะ” น้องบีมแนะนำผม ก่อนรอยยิ้มผมจะค่อยๆ เจื่อน เมื่อมีประโยคต่อท้ายมาด้วย “แฟนของน้าโช น้าของน้องบีมเองค่ะ”


   ไม่ต้องลงรายละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง


   “แหม หน้าตาน่ารักเชียว ว่าแต่ หนูซ้อมมาแล้วใช่ไหมจ๊ะ เพลงน่ะ” คุณป้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งมาให้ผม คงจะรู้จักพี่โชสินะ
 
   “ก็เพิ่งซ้อมเมื่อคืน...”

   “ตายจริง แบบนี้ต้องรีบซ้อมด่วนๆ ถ้าเราเต้นไม่พร้อมกันจะแย่เอานะ”

   โดนขัดทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค เมื่อคืนผมถูกกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะน้องบีมที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง จะดูผมซ้อมท่าให้เป๊ะก่อน จนพี่ชีสงีบหลับไปหลายรอบ หากพี่โชไม่ออกปากว่าพรุ่งนี้จะไม่สวย เด็กตัวเล็กคงไม่ยอมกลับแน่
นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า ตอนนี้อยากได้เครื่องดื่มชูกำลังสักโหลจริงๆ
 
        แล้วผมก็เพิ่งรู้ก่อนมาถึงโรงเรียน ว่าน้องบีมต้องเต้นกับเพื่อนแล้วก็ผู้ปกครองของเพื่อนรวมเป็นสี่คน จากที่คิดว่าไม่ไหวตอนนี้คูณสองไปอีก 

   ผมถูกแม่ของเพื่อนน้องบีมลากมาด้านหลังตรงที่ว่าง พลางเปิดคลิปเพลงที่จะต้องใช้เต้นวันนี้ เป็นคลิปสอนเต้นในยูทูป ที่เมื่อคืนผมเก็บไปฝัน จนละเมอยกมือ ยกไม้ด้วย พี่โชโดนลูกหลงหนีไปนอนริมเตียง สงสารเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ตัวนี่นา ผมยืนนิ่งดูสามสาวต่างวัยโยกย้ายตามจังหวะ ก่อนจะถูกคุณป้าดึงให้มาซ้อมท่าด้วย

   วันนี้ เหตุการณ์นี้ และเพลงๆ นี้ จะอยู่ในความทรงจำของไอ้กลอยตลอดไป

       “น้ากลอยต้องตั้งใจเต้นนะคะ” หลานพี่โชจับมือผมข้างหนึ่ง เพื่อนน้องจับอีกข้างหนึ่ง ทั้งคู่ส่งสายตาวิบวับมาจนผมวางตัวไม่ถูก “น้องบีมอยากได้รางวัลที่หนึ่ง”

   “มีรางวัลด้วยเหรอ”

        จากที่กังวลเมื่อกี้ พอได้ยินคำว่ารางวัล ตาก็โตโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้ยินเสียงหัวเราะจากคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็นะ ผมเป็นนักล่ารางวัลนี่นา ของฟรีมีที่ไหน ต้องมีไอ้กลอยที่นั่น 

   “มีสิคะ รางวัลที่หนึ่งได้ของเยอะเลยนะ น้ากลอยต้องเต้นให้ดีๆ นะคะ” น้องบีมว่า

   “น้องอายก็อยากได้ที่หนึ่งค่ะ” เสียงใสอีกฝั่งบอก ผมหันไปยิ้มพรายส่งให้

   “ไว้ใจน้ากลอยคนนี้ได้เลยค่ะ” บอกอย่างมั่นใจ ยิ่งเพิ่มแสงเป็นประกายในแววตาของเด็กๆ


   เต่างอยก็เต่างอยเถอะ ต้องแพ้ไอ้กลอยประเกรียนคนนี้แน่นอน โคตรมั่นใจ ให้ร้อยไม่มีลด
   


   แต่พอถึงเวลาจริง ขาก็แอบสั่นเหมือนกันนะครับ หลังจากผ่านการเปิดงานไปเมื่อกี้ ซึ่งดูเป็นงานใหญ่กว่าที่ผมคิด ดูจากจำนวนคนที่มางานกับกล้องที่แต่ละคนถือ ร้อยหนึ่งเมื่อกี้ ขอลดลงเหลือห้าสิบได้ไหม ตอนนี้เหงื่อเริ่มผุดจนเหมือนเป็นโรคร้าย ต่างจากสามสาวที่ยังซ้อมเต้นกันอยู่ ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกันบ้างเลยเหรอวะเนี่ย บนเวทีคู่แรกเริ่มขึ้นไปเต้นแล้ว ผมแอบชะเง้อมองอยู่ด้านข้าง อยากขำหน้าของผู้ปกครองเด็กที่เหมือนจำใจเต้นเพลงคุ้กกี้ฯ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องขึ้นไปเต้นแบบนั้น

   “มายืนอะไรตรงนี้จ๊ะ ไปซ้อมๆ หนูยังเต้นไม่พร้อมพวกเราเลยนะ”

   “ยังต้องซ้อมอีกเหรอครับ”

   “ซ้อมจ้ะ”

   ยิ้มแห้งๆ พร้อมยอมเดินไปซ้อมกับเด็กอีกสองคนที่ชูมือชูไม้หัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน เป็นเด็กมันก็ดีตรงไม่ต้องคิดมาก เอาวะ ถอนตัวไม่ได้ก็ลุยหน้าไปให้สุด ท่องไว้ เพื่อรางวัล เพื่อของฟรี

   ทีมอื่นๆ ทยอยขึ้นไปแสดงโชว์ ส่วนทีมของผมนั้น เป็นทีมสุดท้ายจากการจับฉลาก มือใครจับช่างแม่นจริงๆ ผมพยายามใช้รอยหยักในสมองที่มีอยู่จดจำท่าทาง ทั้งมือ ทั้งเท้า ทั้งจังหวะเพลง ฟังซ้ำๆ ดูซ้ำๆ จนแทบตัดการรับรู้ทุกอย่างออกจากหัว ขนาดน้องบีมตะโกนเรียกยังไม่ได้ยิน จนถูกเขย่าแขนถึงสะดุ้ง

   “หา?”

   “น้ากลอยไม่สนใจน้องบีมเลย เขาเรียกกลุ่มเราแล้วค่ะ”

   “อ๋อ ครับๆ”

   ผมวางแล็ปท็อปของแม่น้องอายไว้เก้าอี้ข้างๆ กำลังจะลุกขึ้น น้องบีมก็ยื่นของบางอย่างมาให้
 
   “นี่คือ?”

   “หมวกเต่างอยค่ะ”

   “หา?”

   หมวกเต่าสีเขียวมีสายรัดที่คาง น้องบีมสวมของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เหมือนๆ กับน้องอายและแม่ของเขา นี่ผมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรวะ มิน่าถึงไม่มีการแต่งหน้า ทำผมแบบทีมอื่นๆ เพราะมีหมวกนี่เอง ผมกลั้นใจสวมหมวกเต่าพลางเดินตามหลังทีมตัวเองไปที่เวที ว่าแต่ทำไมขามันสั่นแบบนี้วะ จะก้าวแต่ละทีต้องใช้มือช่วยยก ยิ่งพอมายืนบนเวที เห็นคนมากมายต่างจ้องมองมาทำเอาลนไปหมด เนื้อเพลง ท่าเต้นทุกอย่าง หายออกจากสมองไปหมด ถึงแม้ผมจะเป็นพวกหน้าด้านพอประมาณก็เถอะ 




         **** (ขออนุญาตพาดพิงคลิปสอนเต้นเพลงเต่างอย ในยูทูปนะคะ เป็นคลิปของ The Inner studio เพราะคิดว่าเป็นท่าเต้นที่เหมาะกับกลอยจริงๆ แนะนำให้ดูก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านค่ะ (-/l\-) ) ***




   เมื่อมีเสียงอินโทรของเครื่องบรรเลงดนตรีอีสาน สามสาวก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ผมที่มัวแต่มองนั่นนี่เลยยกช้า คนด้านล่างขำกันใหญ่ น้องบีมหันมาเบะปากจะร้องไห้ คงกลัวผมทำล่ม ยิ่งดนตรีเริ่มมา ต้องออกท่าเต้น ผมก็เต้นช้าไม่พร้อมคนอื่น พอมองไปด้านล่างเวที คนชี้มาที่ผมแล้วหันไปซุบซิบกัน


   ‘สาว เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่า เต่า เต่า เต่า เต่างอย เต่างอย เต่างอย เต่า เต่า เต่างอย’ เพลงเริ่มร้อง ผมก็รีบดึงวิญญาณนักล่ารางวัลเข้าสิงร่าง จากที่เต้นช้า เต้นไม่พร้อม ตอนนี้ขอจัดเต็ม ผมใส่ลีลา ใส่จริต ใส่ยิ่งกว่าครูสอนเต้นในคลิปเสียอีก

   เอาวะ งานมีครั้งเดียว อายครั้งเดียว จะไปกลัวอะไร

   ‘สาว เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่างอยรอคอยอ้าย เต่า เต่า เต่า เต่างอย เต่างอย เต่างอย เต่า เต่า เต่างอย’ เด้งอก ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคนนั่งดู รู้แค่ว่า ผมเต้นพร้อมคนอื่นแน่นอน และดูเหมือนแม่ของน้องอายจะฮึกเหิม เพราะเริ่มเต้นแรงเหมือนกันกับผม คราวนี้เสียงปรบมือตามเพลงก็ดังคลอตลอด มีเสียงกรี๊ดด้วย
 
       จนเพลงจบ เราสี่คนก็จบท้ายด้วยท่าเต่า จากนั้นเสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น นี่ว่าดังกว่าทีมอื่นด้วย รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่มีความสามารถขนาดนี้

      “น้ากลอยสุดยอดมากค่ะ” น้องอายชูนิ้วโป้งให้ผมสองข้าง พอๆ กับน้องบีมที่ยิ้มไม่หุบ

      “แบบนี้ เรามีหวังได้รางวัลแน่เลยค่ะ” น้องบีมว่า แววตาดูเปล่งประกาย

   อยากจะตอบเด็กๆ เหมือนกัน แต่แรงพูดแทบไม่มี เหนื่อยมากถึงมากที่สุด เราสี่คนโค้งศีรษะก่อนพากันเดินลงเวที ขาผมก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายก็เจอกับกล้องวีดีโอที่จ่อถ่ายตรงหน้า ตอนแรกเกือบด่าไปแล้ว ยังดีที่คนถ่ายลดกล้องลงทำให้เห็นว่าคนถือยิ้มกว้างแค่ไหน

   “น้าโช” น้องบีมโผเข้ากอดน้าตัวเอง ก่อนจะอวดว่าผมเต้นเก่งมาก

   “น้าถ่ายไว้หมดแล้วด้วย” พี่โชว่าพลางปรายตามองผม รู้เลยว่าจะถูกล้อแน่นอน “แต่น้องบีมก็เต้นดีมากเหมือนกันนะ น้องอายด้วย”

   “แล้วน้าล่ะจ๊ะ ไม่ชมเลย”

   “คุณน้าก็เต้นสุดยอดเลยครับ”

   แล้วทุกคนต่างก็หัวเราะกัน ผมเดินหน้างอตามหลังไป ระหว่างนั้นมีเด็กหลายคนวิ่งมาขอจับมือ บ้างก็มาขอถ่ายรูป แต่จะติดหน่อยก็ตรงที่เด็กๆ เรียกผมว่าลุงนี่แหละ ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น พอหลุดมาได้ก็เจอพี่โชยืนรออยู่ ปากแดงมีรอยยิ้มอยู่ตลอด

   “ยิ้มอะไร ไหนบอกไม่มา”

   “พอดีงานเลื่อนกะทันหันน่ะ”

   “ไม่อยากมาเต้นเต่างอยล่ะสิ รู้ทันหรอก” ทั้งพี่ชีส พี่อัล รวมทั้งพี่โชด้วย นึกภาพไม่ออกเลยถ้ามาเต้นอะไรแบบนี้ “แล้วพี่มาคนเดียวเหรอ”

   “อืม” คุยอีกไม่กี่ประโยค เด็กตัวเล็กก็มาขอผมถ่ายรูปอีก พี่โชเลยกลายเป็นตากล้องจำเป็น “ขวัญใจเด็กว่ะ” ถ่ายไปก็ยังแซวได้ ผมยักไหล่เบาๆ

   “คนมันฮอต”

   ไม่นานบนเวทีก็เริ่มประกาศรางวัล ผมยืนจับมือน้องบีมอยู่หลังเวที ตื่นเต้นไปด้วยกับทุกคน ทุกทีม โดยเฉพาะอยากรู้ว่า ทีมไหนจะได้รางวัลที่หนึ่ง และที่อยากรู้มากกว่า ว่ามันคือรางวัลอะไร ทำไมเด็กๆ ดูอยากได้กันจัง หรือจะเป็นเงินก้อนโตแบบที่ผมแอบคิดไว้

   “ทีมเราจะได้หรือเปล่าคะน้ากลอย” น้องบีมถามผมเสียงสั่น ผมบีบมือน้องพลางส่งยิ้มให้

   “ต้องได้แน่นอน ที่หนึ่งด้วย เชื่อเซ้นส์ของน้ากลอยได้เลย” ใช่ครับ ตามฉายาเลย สุดหล่อแม่นเว่อร์อื่อฮือคือไอ้กลอยประเกรียนคนนี้นี่เอง

   รางวัลสุดท้ายแล้ว ผมลุ้นจนตัวเกร็งไปหมด ไม่ใช่ตื่นเต้นนะ กลัวตัวเองทายผิด...ล้อเล่น ผมก็ตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นๆ นั่นแหละ อุตส่าห์กลายร่างเป็นเต่าหัวแหลมขนาดนี้ แถมเต้นไม่เกรงใจชาวบ้านอีกด้วย

   “รางวัลที่หนึ่งได้แก่ทีม.....เต่างอยค่า” เสียงประกาศสิ้นสุด เสียงปรบมือก็ดังทันที พร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดของสามสาวที่กระโดดโลดเต้นกอดกันอย่างดีใจสุดขีด

   ก็บอกแล้วว่าเซ้นส์ผมมันแรง (ขอยืดหน่อย)

   เราสี่คนเดินเรียงกันขึ้นไปบนเวที ทุกสายตาต่างมองมาอย่างชื่นชม ในที่สุดก็จะได้เห็นรางวัลที่หนึ่งแล้ว ซึ่งมีแค่สำหรับเด็กเท่านั้น นั่นยังไม่พอ เพราะรางวัลที่ผมวาดฝันว่าจะเป็นเงิน กลับกลายเป็นชุดดินสอระบายสีแบบเซ็ทใหญ่พร้อมสมุดรูปภาพหลายเล่ม

   เดี๋ยวนะ นี่คือรางวัลที่หนึ่งเหรอ

   ทั้งน้องบีมกับน้องอายยิ้มแป้นแล้นกอดรางวัลของตัวเอง เอาวะ อย่างน้อยก็ทำให้เด็กมีความสุข แม้จะต้องซ่อนน้ำตาไว้ภายใน ก่อนที่ผมจะเดินลงเวที ผู้อำนวยการของโรงเรียนเดินมาจับมือผม พลางเอ่ยชม ว่าผมเต้นดีมาก แถมยังใจดี ยื่นขนมให้ผมถุงหนึ่งเป็นของรางวัล สำหรับขวัญใจเด็กและผู้ปกครอง  แบบนี้ค่อยภูมิใจในตัวเองหน่อย ได้ขนมมาถุงใหญ่คุ้มค่ากับการเต้น แต่พอลงเวทีมาแล้ว ขนมที่ผมได้ก็ยื่นให้กับเด็กสองคนที่มองตาละห้อย

   “เอาน่า เดี๋ยวพี่ซื้อขนมให้แทน” พี่โชคงจะเห็นใจเลยพูดปลอบ ก่อนจะตีหน้านิ่งแล้วเดินหนี

   “เปลี่ยนเป็นเงินได้ไหม ในฐานะคนเต้นแทนพวกพี่ พี่โช!!”




******
   
   ผ่านพ้นยามเช้ากับการเต้นเต่างอยมา ผมก็มาเรียนในช่วงบ่าย ขอบอกว่า ไม่มีอะไรเข้าหัวมาสักอย่าง นอกจากเพลงที่ยังดังคลออยู่ในหู ขนาดง่วงแทบตาย แต่หูก็ยังแว่วเสียงเพลง อาการผมท่าจะหนักมากจริงๆ

   “ไอ้กลอย มึงนี่อินเนอร์แม่งได้ว่ะ” รู้ว่าตอนนี้อาจารย์ออกห้องไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ จนไอ้ทูพูดพาดพิงถึงเงยหัวขึ้นมาดู

   “ดูอะไรกันวะ” ถามพลางยื่นหน้าไปดูด้วย พวกไอ้ทู ไอ้สักรวมหัวกันดูคลิปในแท็บเล็ต ภาพหน้าจอเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็น ก็แน่ล่ะ จะเห็นได้ไง ในเมื่อผมอยู่บนเวที “เชี่ย เอามาจากไหนวะ” สิ่งที่เห็นทำเอาตื่นเต็มตา มิน่าทำไมเพลงมันไม่ยอมหลุดจากหู เพราะไอ้พวกนี้มันเปิดดูกันนี่เอง

   “จากเฟซบุ๊กพี่โชไง” ไอ้ต๋องตอบ ก่อนมือมันจะกดรีเฟรชให้เล่นอีก “ว่างๆ สอนพวกกูหน่อยสิ กูอยากลดความอ้วน”

   “สอนเหี้ยอะไร เปิดดูในยูทูปเองสิวะ” ปากก็ด่า มือก็กดโทรศัพท์ “พี่โชแม่งไม่ยอมรับโทรศัพท์”

   “มึงก็เต้นดีนี่หว่า เอวใช้ได้” ไอ้เคว่า

   “เอวมันก็ต้องดีสิวะ ไม่งั้นผัวจะติดใจเหรอ” มีไอ้สักคอยเสริม

   จากนั้นพวกมันสี่คนก็หัวเราะเยาะผมดังลั่นห้อง ทำเอาคนอื่นๆ สนใจแห่มารุมดู แต่คิดว่าผมจะอายเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก เพราะอายมาแล้วเมื่อเช้า ที่แน่ๆ กลับไปเย็นนี้ พี่โชเจอดีแน่นอน ไอ้กลอยต้องจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เน้นๆ กล้าหักหลังกันได้ บอกว่าจะเก็บไว้ดูเอง เอาลงเฟซบุ๊กนี่เหรอไว้ดูเอง แม่ง ไอ้ปีศาจตัวร้าย!!!




****

   กลับถึงห้อง สมองประมวลคำด่าไว้มากมาย แต่พอเปิดประตูเข้าไป กลิ่นบางอย่างก็พุ่งเข้ารูจมูกจนความคุกรุ่นของอารมณ์เมื่อกี้จางหายไปแทบจะทันที เจ้าของห้องเดินหน้าหล่อออกมาต้อนรับ พี่โชสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่ซื้อไว้ให้ผม ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มเท่อยู่ตลอด

   “ชาบูเหรอ” เหมือนตัวลอยมาจนถึงโต๊ะอาหาร

   “เน้นหมูกับเบค่อนแบบที่กลอยชอบด้วยนะ” น้ำเสียงนุ่มบอก มือก็ขยับเก้าอี้ให้ผมนั่ง แถมยังจัดแจงถ้วย ช้อน ตะเกียบให้ผมเสร็จสรรพ “พี่สั่งชุดใหญ่มาให้คนเต้นดี เต้นเก่งเลยล่ะ”

   พอได้ยิน มือที่กำลังคีบหมูในหม้อก็ชะงัก ผมวางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดัง ปากจะอ้าด่า ก็มีหมูนุ่มยื่นมาจ่อปากเลยจำใจต้องงับก่อน

   “อร่อยไหม พี่กะเวลากลอยกลับมาถึงห้องเลยนะ”

   “เนียนมาก”

   “หมูใช่ไหม”

   “พี่โชนั่นแหละ เนียนมาก” คล้ายกับจังหวะสามช่า แต่มันไม่ตลก ผมตีหน้าบึ้งจนคนรู้ตัวรีบยื่นมือมาจับ “ไหนพี่โชบอกจะเก็บวีดีโอนั่นไว้ดูเองไง แล้วไหงเอาลงเฟซบุ๊กล่ะ”

   “ก็พี่ลงไว้ดูเองไง”

   “ดูเองที่ไหน เพื่อนกลอยก็ดูกันหมด”

   “อ่าว พี่ไม่ได้บังคับให้เขาดูสักหน่อย”

   “พี่โชอะ” เดี๋ยวนี้เหมือนเครียดจากงานจนเพี้ยนหนัก พี่โชคนขรึมหายไปไหนแล้ว พอเถียงไม่ได้ ผมก็คีบหมูเข้าปากแทน “เพราะต้องเต้นเต่างอยใช่ไหม พวกพี่ถึงรีบออกตัวว่าติดธุระกันหมด” พี่โชหัวเราะพลางพยักหน้ารับ “แล้วกรรมก็มาตกอยู่ที่กลอย”

   “พี่เตือนกลอยแล้ว แต่กลอยไม่ฟังเอง มาโทษกันแบบนี้ไม่ได้นะ”

   เออว่ะ ผมรับปากน้องบีมเองนี่หว่า

   “ก็นั่นแหละ”

   “แต่ว่า ฟีดแบคดีเลยนะ พวกเพื่อนๆ พี่ชอบใจกันใหญ่ มีเพื่อนกลอยด้วยนี่”

   “ก็ดีอยู่หรอก ถ้าไม่มีคอมเม้นของพวกพี่จอมอะ”

   ตอนแรกที่ดูกับพวกไอ้ทูก็ดีๆ อยู่ แต่พอเริ่มอ่านคอมเม้นใต้คลิป ผมก็แทบอยากปาแท็บเล็ตทิ้ง พี่แทมบอกผมเต้นแรงได้ใจจนอยากดวลเต่ากันสักรอบ ว่าแล้วก็เหมือนได้กลิ่นเปรี้ยวลอยเข้าจมูก พี่ตินแซวเรื่องเต่าหัวแหลม ซึ่งผมก็เพิ่งเคยเห็นหมวกเต่าหัวแหลมเหมือนกัน ดีหน่อยที่พี่ซันคนดีชมว่าเต้นดี เต้นเก่ง และปิดท้ายด้วยพี่จอม ที่บอกให้พี่โชเอาผมไปปล่อยลงทะเล

   ผมคนนะครับ ไม่ใช่เต่า บ้าจริง

   “แล้วพี่ชีสไม่ว่ายังไงเหรอ” ถามขณะคีบผักกาดขาวสุกแล้วใส่ถ้วยพี่โช แต่ดูเจ้าของถ้วยจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ตาดุคู่นั้นเอาแต่จ้องโทรศัพท์ที่มีคลิปผมอยู่ “พี่โชเป็นอะไร”

   “ไอ้ BBright136 นี่ใคร”

        พอพี่โชถามจบ ผมก็ชะโงกหน้าไปดู เห็นชื่อที่พี่โชว่า ส่งรูปหมาหัวเราะมาใต้คลิป รูปโปรไฟล์ก็เป็นรูปครึ่งหน้าแต่เป็นแบบสะท้อนแสง เลยเห็นแค่เงาดำๆ

   “พี่โชก็กดเข้าไปดูสิ”

   “ดูแล้ว แต่มันให้ดูเฉพาะเพื่อน”

   “อ่าว แล้วมาคอมเม้นพี่ได้ไง”

   “ก็มันขึ้นว่าเป็นเพื่อนของกลอย ไม่รู้จักเหรอ”

   “ไม่เลย” ส่ายหน้ารัวๆ “อาจเป็นแฟนคลับหรือเปล่า ช่วงก่อนมีคนแอดเฟรนมาหากลอยโคตรเยอะ”

   “อย่ารับมั่ว เดี๋ยวก็เจอพวกมิจฉาชีพหรอก”

   “ครับๆ”

   ผมรีบคีบหมู คีบผักใส่ถ้วยพี่โชอีกรอบ คราวนี้คนขี้ระแวงวางโทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจอีก พอๆ กับผม ที่ไม่ได้สนใจว่าไอ้เจ้าของชื่อนั้นเป็นใคร ในเมื่อวันๆ หนึ่ง ผมเจอคนแปลกหน้าคอมเม้นเยอะแยะ มันอาจจะเป็นเพื่อน เป็นน้องร่วมสถาบันก็ได้

   “พี่โชๆ”

   “อะไร”

   “กลอยสอนเต้นเต่างอยเอาป่ะ อยากเห็นพี่โชเต้นบ้าง”

   “ไม่เอา”

   “ทำไมล่ะ”

   “พี่กลัวเต้นดีกว่า แล้วกลอยจะเสียใจ”


   ความหล่อให้ห้า ความมั่นหน้าให้ล้านไปเลยครับผู้ชายคนนี้ ไอ้กลอยขอยอมแพ้



...TBC

ถ้าดูคลิปก่อนมาอ่านจะได้เห็นภาพท่าเต้นของกลอยเลยค่ะ แต่ไม่รู้พาดพิงได้ไหม หากไม่ได้จะได้เอา ** ออก

ต้องขอโทษล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-11-2018 20:01:07
ช่วงนี้เพลงนี้ฮิตจริงๆ​
กลอยประเกรียนเก่งอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 21-11-2018 20:53:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-11-2018 21:28:35
ความอายทำอะไรกลอยประเกรียนไม่ได้หรอกกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-11-2018 21:47:54
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-11-2018 22:08:13
นึกถาพกลอยเด้งหน้าเด้งหลังแล้วฮา  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-11-2018 12:15:10
เต่ากลอยพลาดล่ะ พี่โชเตือนแล้วไม่เชื่อ55555 แต่งานนี้ถ้าไม่ใช่กลอยก็ไม่มีใครเหมาะอีกแล้วนะ :laugh: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 6 [P.2] [UP!!] [21/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-11-2018 22:28:19
ทำไมโชร้าย แกล้งน้องตาใสเลย
แล้วเอาของกินมาหลอกล่อน้องไปอีก

กลอยก็หลงทางไปเหอะ ยอมให้พี่พาเป๋
แล้วคืออะไรจะสอนเต้น แต่ตลกกว่าคือโชไม่หลงทาง

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงฯ [P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-11-2018 23:40:06

เพราะนายคือของฉัน [ll] ตอนพิเศษ : สนุกกันจริงวันลอยกระทง




       
          สวัสดีวันลอยกระทงครับ ปีนี้เป็นปีที่ไม่เหมือนคราวก่อนๆ นั่นเพราะผมไม่ต้องไปช่วยงานที่คณะ อย่ามองผมด้วยสายตารู้ทันว่าผมอู้ เปล่าครับ แค่ปีนี้มันมีที่จัดงานแสนพิเศษที่ห้ามพลาดเลยจริงๆ พี่โชยังคอนเฟิร์มว่าพิเศษมาก ซึ่งที่ๆ ว่า นั่นคือ...บ้านของพี่แทมครับ (ปรบมือ)

   ที่จริงบ้านพี่แทมก็มีการจัดงานพิเศษอยู่มากมาย แต่ที่บอกว่าพิเศษก็เพราะ ลอยกระทงปีนี้ มันมีของรางวัลสุดเซอร์ไพรส์นั่นเอง คนมางานส่วนใหญ่ก็เพื่อนของแม่พี่แทม และเพื่อนของลูก นั่นก็คือพวกผม ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะไปมหาลัยเล่นเกมส์ตามซุ้มก็มีรางวัลเหมือนกัน แต่ที่ต้องสนเพราะของรางวัลที่ว่า มันยิ่งใหญ่ ล่อตา ล่อใจนักล่ารางวัลแบบผม

   เงินสดหนึ่งหมื่นบาท!!!

   ฟังแล้วมันก็ไม่มาก แต่อย่าลืมว่า สำหรับนักล่ารางวัล มันคือศักดิ์ศรีหากเราได้ที่หนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆ สิ่งที่อยากได้ ต้องแลกด้วยการใช้สมอง เพราะธีมงานคือ ชุดไทย ดังนั้น ทุกคนรวมทั้งผม ต้องคิดค้นหาชุดที่จะโดดเด่น ที่จะเอาชนะใจแม่ของพี่แทม

   งานนี้ไอ้กลอยต้องได้!

   “ถ้ากลอยอ่านหนังสือจริงจังอย่างที่คิดเรื่องงานลอยกระทงบ้างคงจะดี” พี่โชยืนเท้าเอวดูผมนั่งขีดๆ เขียนๆ รายละเอียดสำหรับของที่ต้องเตรียม

   “มันเหมือนกันซะที่ไหน พี่โชเถอะ รีบๆ ไปแต่งตัวเลย” ผมดันต้นขาคนยืนชิดเตียง อาบน้ำเสร็จก็ไม่ยอมไปแต่งตัว นุ้งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวโชว์อยู่ได้ “กลอยวางชุดพี่ไว้ที่เก้าอี้นั่นนะ”

   “เจ้ากี้เจ้าการ” ถูกนิ้วจิ้มหน้าผากจนหงาย “ถ้าชุดแบบกลอย พี่ไม่ใส่นะบอกเลย”

   “รู้หรอกน่า” แลบลิ้นใส่คนยืนดูชุดตัวเอง ก่อนสนใจรายละเอียดตัวเองต่อ

   ผมต้องเป็นผู้ชนะ นะ นะ นะ (ทำเสียงสะท้อนเพื่อความมั่นหน้า)

   “แล้วไปเช่าชุดที่ไหนมา”

        คำถามดังมาจากคนที่เริ่มแต่งตัว ผมเงยหน้าขึ้นมอง ชุดที่เช่ามา ดูเหมาะกับพี่โชจริงๆ สายตาผมโคตรดี และที่สำคัญ เจ้าตัวก็ดูชอบ เดินมาส่องกระจกหมุนไปมาอยู่หลายรอบ

   “ร้านพี่สะใภ้ไอ้เค ราคาพิเศษด้วยนะ” ผมตอบ

   “จะหกโมงแล้ว ไม่รีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก” ตอนแรกว่าจะเงยหน้าขึ้นเถียงซะหน่อย แต่นาฬิกาบอกแบบนั้นจริง ๆ ผมก็ตาลีตาเหลือกลงจากเตียง แต่เพราะนั่งทับขาตัวเองนานไปหน่อย เลยลงไปนอนกองที่พื้นแทน “บอกให้ไปอาบน้ำ ยังนอนเล่นข้างเตียงอีก”

   “เหน็บกินขา ไม่ได้นอนเล่น!” โวยวายพลางกวักมือเรียกพี่โชมาช่วย ขาสองข้างไร้ความรู้สึก แต่พอเริ่มรู้สึกคือโคตรทรมาน เหมือนถูกเข็มจิ้มจนพรุน

   กว่าจะดีขึ้นก็ใช้เวลาพอสมควร พี่โชจะบีบขาให้อย่างเดียว แต่ผมปัดออก ขนาดเอานิ้วจิ้มยังจี๊ดน้ำตาไหล ปัดโธ่ อาบน้ำขัดขี้ไคลจนสะอาดเอี่ยมอ่องก็ออกมาด้านนอก แล้วก็ต้องหรี่ตาลง เมื่อเจอแสงออร่าความหล่อของพี่โชพุ่งเข้าตา

   “หล่อเว่อร์ๆ” ชมซะหน่อย แม้พี่โชไม่ได้แสดงอาการ แต่ดูก็รู้ว่าชอบ ขี้เก๊กก็แบบนี้แหละ

   “รีบๆ แต่งตัว เดี๋ยวไปสาย อดได้รางวัลนะ” คนชอบคำชมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอน โธ่ ชอบก็บอกมาเถอะ

   ผมเดินร่อนอกแบนๆ ไปทั่วท้อง ประแป้ง ทาครีม ใส่น้ำหอมให้ฟุ้ง ก่อนเดินมาหยิบชุดที่จะทำให้ผมได้เงินรางวัลของวันนี้ มันเด็ดจริงขอบอกเลย ไม่มีใครคิดแต่งแบบนี้แน่นอน หึๆ

   ใช้เวลาแต่งตัวไม่นาน ก็เดินออกไปอวดโฉมให้คนรอได้ชื่นชม พี่โชมัวแต่กดโทรศัพท์ยิกๆ ไม่สนใจเสียงกระแอมคอหอยแทบหลุด เลยต้องเดินไปสะกิดแทน

   “เชี่ย!”

   เป็นคำอุทานที่...ช่างเป็นฤกษ์ดีจริงๆ

   “เด็ดแบบที่กลอยว่าใช่ป่ะ”

   ไร้คำตอบใดๆ จากคนที่นั่งตาค้าง อ้าปาก ผมเดินนำออกจากห้อง พี่โชรีบเก็บมือถือที่หล่นพื้นก่อนวิ่งตามออกมา ระหว่างยืนรอลิฟต์เพื่อจะลงไปชั้นล่าง เพื่อนร่วมชั้นคอนโดเดินมากับลูกสาวที่ผมชอบเอาอมยิ้มให้ทุกครั้งที่เจอ แต่วันนี้พอ เด็กน้อยเห็นผมก็ร้องไห้จ้า แถมวิ่งหนีกลับห้องตัวเองเฉย รวมทั้งคนเป็นแม่ที่ยิ้มแห้งๆ พลางเดินถอยหลังสามก้าวแล้วหันหลังหนีทันที

   “เขากลัวอะไรอะพี่โช”

   “ไม่น่าถาม”

   ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ พอดีประตูลิฟต์เปิด คนเดินออกมาสะดุ้ง ข้าวของในมือร่วงหมด ผมจะช่วยเก็บ พี่เขาก็ไม่ยอม ได้ของครบก็เดินเลี่ยงๆ แล้ววิ่งหนี...อะไรของพวกเขา มันมีอะไรน่ากลัววะ และมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำๆ จนผมเริ่มไม่มั่นใจ ตั้งแต่ล่างคอนโด ลุงยาม หรือแม้กระทั่งคนที่จอดรถติดไฟแดง

   ผมทำอะไรผิด

   “พี่โช...” เสียงอ่อยจนคนข้างๆ หันมายิ้มบางๆ ส่งให้

   “อย่าไปมองก็จบ” พยักหน้าให้กับคำปลอบนั่น ผมเลือกที่จะสนใจเฟซบุ๊กแทน อยากรู้ว่าคนที่ไปงานแล้วแต่งตัวยังไง แต่ไม่มีหลุดมาสักกะคน “ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

   “แล้วที่เป็นอยู่ไม่ดีตรงไหน”

   “ถ้าคิดว่าดี ก็แล้วแต่”

   เหล่ตามองพี่โชที่กวนโมโห พยายามข่มความเกรี้ยวกราดตัวเองไว้ เดี๋ยวเสียฤกษ์ดีหมด รถคันงามของพี่โชฝ่าการจราจรแสนคับคั่งมาจนถึงบ้านหลังใหญ่ ที่ตอนนี้มีรถจอดอยู่สองข้างทางเต็มไปหมด ไหนพี่แทมบอกงานเล็กๆ มีเพื่อนแม่ไม่กี่คนไง แล้วทำไมรถเยอะขนาดนี้

   พี่โชจอดเสร็จ ไฟรถจากด้านหลังก็สาดเข้ามา ได้ยินคนข้างผมพูดว่ารถของพี่ซัน อยากเห็นจริงๆ ว่าพี่จอมจะแต่งตัวแบบไหน แน่ๆ ต้องจัดเต็มเหมือนผมแน่นอน ผมนั่งรออยู่ในรถ รอจนคนในรถด้านหลังลงมาก่อน พี่ซันแต่งตัวคล้ายพี่โช เสื้อผ้าไหมสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงผ้าสีดำ ตอนแรกผมเช่าโจงกระเบนแบบสำเร็จรูปมาด้วย แต่พี่โชไม่ใส่

   “มาถึงแล้วไม่ลงนะมึงน่ะ” เสียงเคาะกระจกมาพร้อมคำทักทาย พี่จอมทำหน้านิ่งอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าพี่เขาไม่เห็นผม เพราะรถของพี่โชติดฟิล์มดำ ที่จริงก็ไม่อยากเปิดเผยตัว เดี๋ยวจะพลาดรางวัล แต่ถ้าไม่ลง ก็ไม่ได้รางวัลเหมือนกัน ผมค่อยๆ เปิดประตูแล้วก้าวขาลงจากรถ พี่จอมละสายตาจากเพื่อนตัวเองมามอง “มึง...”

   “สวัสดีวันลอยกระทงครับผม” ทักทายตามประเพณีสักหน่อย พี่จอมกระพริบตาปริบๆ ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “พี่แต่งตัวจัดเต็มเหมือนกันนะ” พี่จอมมาในชุดราชประแตนครับ เต็มยศ แถมติดหนวดด้วย

   “กูเต็ม แต่มึงไม่เต็ม ไอ้เกรียน” พูดแค่นั้นก่อนขยับหนีผมไปหาแฟนตัวเอง พี่ซันมองผมก่อนยิ้มบางๆ ส่งมาให้ “กูกลัวมัน คืนนี้กูฝันร้ายแน่ว่ะ” ได้ยินประโยคแว่วๆ มาจากคนเดินนำ

   เราสี่คนเดินเข้ามาที่งาน ที่จัดอยู่ริมสระว่ายน้ำ เอาจริงๆ บ้านหลังนี้ใหญ่โตหรูหราราวกับบ้านคนรวยในละคร บ้านหลังใหญ่กว่าพี่โชสองเท่าด้วยซ้ำ แถมบ้านหมาก็ใหญ่กว่าห้องนอนที่หอพักผมสองเท่าด้วย พูดแล้วก็นึกถึงหมาของผม สีนวล สีนิล ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง

   “มาช้าว่ะ...เชี่ย” พี่ตินเดินเข้ามาหา ก่อนจะเบิกตาโตมองผม “ไอ้กลอย มึง...”

   “ดูดีใช่ไหมล่ะ พี่ตินไม่ต้องพูดผมก็รู้” ว่าแล้วก็ขอยืดสักหน่อย แต่คนทักใหม่กลับหลุดหัวเราะจนผมต้องหน้ามุ่ย “พี่ขำอะไรนักหนาวะ”

   “ขำเพราะ...” พี่ตินไม่ยอมพูดให้จบ มัวแต่ชะเง้อมองหาอะไรสักอย่าง “เดี๋ยวกูมา เซอร์ไพรส์สัดๆ”

   ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน แต่พี่จอมกลับผลักหน้าผมออก ผมทำผิดอะไรเนี่ย ไม่นานคนที่หายไปก็กลับมา และไม่ได้มาคนเดียว ยังลากเพื่อนคู่หูตัวเองมาด้วย

        ...ด้วยสภาพเดียวกับผม!!

   “ไอ้กลอย มึงก็อบกูเหรอ” พี่แทมมาถึงก็โวยวาย ส่วนคนอื่นๆ มองผมกับพี่แทมสลับกันไปมา

   “พี่แหละก็อบผม” โคตรขี้โมเม มาว่าผมก็อบได้ไง ผมคิดชุดนี้ ไปเลือกชุดนี้ตั้งนาน

   “กูแต่งก่อนมึง อยู่งานก่อนมึง ดังนั้นมึงนั่นแหละ ก็อบกู”

   “ก็จัดบ้านพี่ๆ ก็ต้องอยู่งานก่อน เพี้ยนป่ะ”

   “ไอ้กลอยอยากด่ามึงว่าโง่ป่ะ มากกว่า” พี่ตินแทรกเข้ามา ก่อนโดนสายตาโหดของผมตวัดมอง แต่เจ้าตัวกลับไม่สน ดึงผมกับพี่แทมมายืนข้างกันแทน “พวกมึงยืนคู่กันแบบนี้ โคตรเหมือน”

   “เหมือนอะไรวะ” พี่จอมถาม

   “ลักกับยม ไอ้เชี่ย โคตรใช่”

   แล้วทุกคนก็หัวเราะออกมา ยกเว้นคนถูกว่าเป็นลักกับยม มันเหมือนตรงไหนอยากจะถาม ก็แค่สวมโจงกระเบนสำเร็จรูปสีทอง กับเสื้อสีเนื้อแขนยาว สะพายสร้อยสังวาลสองเส้นคาดเป็นกากบาท แขนกับขามีกำไลสีทอง ที่หัวผมมัดจุกน้ำพุ มีกิ๊บสีทองติดปิดยางรัดผม พี่แทมต่างจากผมก็แค่ทรงผมที่มัดจุกตรงกลาง กับหน้าที่ทาให้ขาว แถมเขียนคิ้วโก่งดั่งคันศรอีก ถามจริง ใครทำให้พี่แบบนี้วะ

   “ใครทาหน้าขาวให้พี่วะ” ว่าแล้วก็ถามซะเลย พี่แทมยกมือสองข้างขึ้นทำท่าคล้ายเป็นกลีบดอกไม้แนบคาง พลางกระพริบตาปริบๆ เอาจริงๆ ก็เริ่มหลอนเหมือนกันนะ

   “แม่กู น่ารักป่ะ”

   “แม่พี่กะไม่ให้เงินรางวัลใครเลยใช่ไหม”

   “แม่กูรู้ประสิทธิภาพของลูกตัวเองไง ว่าต้องเป็นที่หนึ่ง”

   “ถ้าคืนนี้กูฝันร้าย กูจะตามไปกระทืบพวกมึง”

        ก่อนเราจะคุยกันมากกว่านี้ พี่จอมรีบผลักผมกับพี่แทมให้ห่างจากกัน พลางเดินหนีเข้างานไป โดยมีคนอื่นๆ เดินตามหลัง ขนาดพี่โชยังไม่สนใจผมเลย

   “เข้างานกัน” มัวแต่มองตามหลังกลุ่มพี่โช จนพี่แทมตวัดแขนยาวพาดมาที่คอ “จะว่าไป มึงก็ลงทุนดี อยากได้รางวัลมากขนาดนั้นเชียว?”

   “ก่อนถามผม พี่ถามตัวเองก่อนดีกว่า” เหล่ตามองคนที่กอดคอ “หน้าลอยเชียว” คอของพี่แทมไม่ได้ทาสีขาว เลยตัดกับสีหน้าอย่างชัดเจน โคตรตลก แต่มองใกล้นานๆ ก็แอบหลอนเหมือนกัน

    งานลอยกระทงบ้านพี่แทมไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างสถานที่อื่นๆ แต่ก็สนุกคึกครื้น มีดนตรีในฟัง มีเครื่องดื่ม อาหารให้อย่างอิ่มหนำ ซึ่งทุกคนที่อยู่ในงาน ล้วนแล้วแต่สวมชุดไทยตามคอนเซ็ปทั้งหมด เจ้าของบ้านอย่างพ่อพี่แทม สวมชุดราชประแตนเหมือนพี่จอม ต่างแค่สีของโจงกระเบนและพร็อพไม้เท้า ส่วนคนคิดงานอย่างแม่พี่แทม อยู่ในชุดไทยประยุกต์ซึ่งสวยงามมาก คล้ายกับชุดผู้หญิงโบราญที่เคยดูในละครสมัยอยุธยา

   แต่ขอเกลียดฉายาที่คนในงานให้ผมกับพี่แทมได้ไหม ในฐานะที่ผมไม่ได้เหมือนพี่แทมขนาดนั้น หน้าผมไม่ได้ลอยด้วย
 
   “อ่าว ไอ้ยม ฝาแฝดมึงไปไหน” พี่เบพูดไปหัวเราะไป เหมือนๆ กับไอ้ทูที่กำลังเช็ดน้ำที่หางตา

   “อย่าล้อมันสิพี่เบ เดี๋ยวไอ้กลอยก็ร้องไห้หรอก” แม้ไอ้อัธจะปกป้องผม แต่มันนั่นแหละ สะกิดพี่เบให้ถามผมยิกๆ ไอ้เพื่อนแอบเลว! “แล้วมึงไม่ไปอยู่กับพี่โชล่ะ”
 
   “ถ้ากูอยู่ได้ ก็อยู่ไปแล้ว” ว่าแล้วก็โมโห พี่จอมสั่งไม่ให้ผมเข้าใกล้ เพราะกลัวภาพติดตา “กูไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นสักหน่อย ใช่ป่ะ”

   “ใช่ กูว่ามึงตลกมากกว่า แม่งคิดได้ไงแต่งตัวแบบนี้” พี่เบยังไม่หยุดขำ ถ้าแช่งได้ อยากแช่งให้สำลักน้ำลายจนตาตั้ง

   “เพราะมันอยากได้รางวัลจนตัวสั่นถึงลงทุนขนาดนี้” ไอ้ทูว่า มันคือคนที่ผมให้ไปช่วยเลือกชุด ตอนแรกจะให้มันแต่งด้วย แต่มันไม่เอา

   “แค่หมื่นเดียว ขี้เล็บไอ้โชเลย”

   “พี่ไม่เข้าใจ” ผมขัดพี่เบ

   “เออ กูก็ไม่อยากเข้าใจ เพราะถ้ากูเข้าใจ กูคงเหมือนไอ้แทม ไม่สิ ไอ้ลักใช่ไหม ไอ้ยม”

   ผมไม่ได้ตอบ แต่เดินหนีกลุ่มคนหัวเราะออกมา อยากหันไปชูนิ้วกลางให้แต่ก็ดูรุนแรงไป เลยหันไปชูนิ้วโป้งแทน กลุ่มนั้นยิ่งขำกว่าเดิม โมโหๆ ระหว่างทางการเดินไปโต๊ะของกิน ผมถูกบรรดาป้าๆ ในงานเรียกขอถ่ายรูปคู่ด้วย ยิ้มจนเหงือกแห้ง รู้สึกเป็นที่รักของทุกคน...ขอเกลียดคำว่า รักกับลักได้ไหมเนี่ย (ช่วยขีดเส้นใต้คำว่ารัก และกรุณารัวลิ้นด้วยนะครับเพื่อความแตกต่าง)

   ที่โต๊ะอาหาร ผมกินนั่น กินนี่อย่างเต็มที่ แม้ปริมาณที่ให้มาแต่ละอย่างจะน้อยนิดก็ตาม ช่วงกินอยู่ เพลงที่ดังขึ้นมาเป็นจังหวะเร็กเก้สกา คนในงานพากันเต้นกันหมด คนที่ชอบแนวนี้อย่างพี่จอมก็ใส่ไม่ยั้งเหมือนกัน และแน่นอนผมก็ไม่พลาด มือข้างหนึ่งถือน่องไก่ อีกข้างถือขนมปังหน้าหมู ขาก็ขยับส่ายไปมาตามจังหวะ มีความสุขจริงๆ แค่นั้นไม่พอ ช่างภาพประจำงานยังมาขอถ่ายรูปผมอีก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ แล้วมีเขาเป็นช่างภาพประจำตัวเพราะตามติดผมเหลือเกิน
 

   แบบนี้รางวัลมันก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว!!





   เวลางานผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลาประกาศผลรางวัลชุดไทยยอดเยี่ยม ก่อนจะลอยกระทงเป็นอย่างสุดท้าย ผมขยับไปยืนกับพี่โชอีกรอบเพราะพี่จอมปลีกตัวไปอยู่กับกลุ่มพี่เบ และตอนนี้ท้องผมป่องสุด อิ่มจนคุ้ม

   “กินขนาดนั้น อย่าปวดขี้กลางทางนะ” ประโยคลอยๆ ดังมาจากคนข้างๆ แน่นอนว่าผมแค่ปรายตามอง ก็เรื่องนี้รับปากไม่ได้นี่นา ผมสั่งท้องตัวเองไม่ได้นี่ ว่าห้ามปวดนะ ห้ามหิวนะ สั่งได้ก็แฮรี่พอตเตอร์แล้ว

   ตอนนี้ทุกคนภายในงานกำลังลุ้นว่าใครจะไป ซึ่งหลังจากพ่อพี่แทมกล่าวคำขอบคุณคนมาร่วมสนุกในงานกับอวยพรวันลอยกระทงทุกคนแล้ว ต่อไปก็หน้าที่ของแม่พี่แทมที่จะประกาศรางวัล

   “ที่จริงแล้วนั้น รางวัลมีเพียงแค่รางวัลเดียว” คำเกริ่นของแม่พี่แทม ทำเอาหลายคนมองกันไปมา “แต่ว่างานนี้ ดิฉันเห็นว่า มีคนแต่งตัวโดดเด่นอยู่สองคน ดังนั้น เงินรางวัล เราก็จะแบ่งครึ่ง ขอเชิญ ลักกับยมมาตรงนี้หน่อยค่า”

   ผมหน้าบูดเมื่อได้ยิน ต่างจากพี่แทมที่ยิ้มหน้าบานเดินเข้าไปหาแม่ตัวเอง แต่พอผมไม่ไป คู่แฝดผมก็รีบวิ่งมาหาแล้วดึงไปด้วย พี่โชก็ไม่คิดจะช่วยผมเลย นอกจากบอกว่า ดีใจที่ได้อย่างที่หวัง ใช่ ผมหวังรางวัล แต่มันถูกแบ่งครึ่งไง! พอไปยืนขนาบข้างแม่ของพี่แทม ท่านก็ยิ้มหวานส่งมาให้

   “นี่ถ้ามีดิฉันเห็นคู่นี้อยู่คนเดียว คงหลอนพิลึกนะคะ” พูดจบ คนทั้งงานก็หัวเราะออกมา บ้างก็บอกเห็นด้วย ผมไม่ได้น่ากลัว บอกอีกรอบ!!!! “สุขสันวันลอยกระทงนะลูกๆ” ผมโค้งศีรษะไหว้ขอบคุณแม่พี่แทม ที่ยื่นแบงค์สีเทาให้ผมห้าใบ เหมือนๆ พี่แทมก็ได้เท่ากัน “สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะทุกคน ต่อไป เรามาลอยกระทงกันดีกว่า”

   ลอยกระทงอะไรผมไม่ได้สนใจแล้ว อยากกลับมาก ไม่ใช่เพราะปวดขี้หรอกนะครับ แต่ไม่อยากถูกเรียกว่ายม พี่โชไม่สนใจอารมณ์บูดของผม เอาแต่ดึงให้มาลอยกระทงที่แม่บ้านของพี่แทมเอามาให้

   “ไม่อยากลอยกับพี่เหรอ” เจอประโยคนี้ ผมก็รีบส่ายหน้ายิกๆ

   “มาลอยกันเนอะ” รีบทำตัวร่าเริง ผมจะอารมณ์เสียใส่พี่โชไปทำไมกัน อยากตบกะโหลกตัวเอง

   ผมกับพี่โชยกกระทงขึ้นแล้วต่างคนต่างอธิฐาน พอผมลืมตา พี่โชยังหลับตานิ่งอยู่ ขนตายาวสวยจริงๆ อิจฉา พอเจ้าตัวลืมตาขึ้น เราก็ค่อยๆ วางกระทงสวยลงในสระน้ำที่มีของคนอื่นลอยเต็มสระ

   “สุขสันต์วันลอยกระทงครับ” ยิ้มหล่อของพี่โชผมโคตรชอบเลย

   “อื่อ มาลอยด้วยกันทุกๆ ปี จนแก่เลยเนอะ” ตอบรอยยิ้มด้วยรอยยิ้ม พี่โชยกมือมาขยี้หัวผมเบาๆ จนผมน้ำพุหลุด แล้วคนทำก็ขำ เพราะผมด้านหน้ามันชี้ไม่เป็นทรง “เนี่ย ชอบแกล้งกันแบบนี้เนี้ย”

   “ต่อไป ไม่เอาแบบนี้นะ พี่หลอนเหมือนกัน”

   “มันก็ไม่ได้มีบ่อยๆ นี่นา ปีละหนเอง”

   “ถึงจะปีละหนก็เถอะ ขอเป็นคนดีๆ บ้างนะ”

   “แล้วนี่ไม่เป็นคนตรงไหน” พี่โชไม่ตอบ เหยียดยิ้มให้เสร็จก็ลุกหนี “กวนตีนมากคนๆ นี้”

   จังหวะที่ผมลุกขึ้นยืน จะเดินตามพี่โช ไหล่ก็ถูกแขนยาวหนักๆ วางพาด หันไปดูคนกระทำอุกอาจก็คือคนที่แบ่งเงินรางวัลของผม

   “มึงอยากได้เงินเพิ่มไหม” พี่แทมกระซิบเบาๆ หลังจากทุกคนในงานเริ่มกลับกัน ผมหันไปมองหน้าคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ “มึงเห็นนั่นไหม” ว่าแล้วก็หันไปดูตามนิ้วที่ชี้ “กระทงของแม่กูกับพวกเพื่อน ใส่เงินโคตรเยอะ”

   “อย่ามาหลอกผมหน่อยเลย ผมไม่ได้โง่” รีบดักไว้ พี่แทมตบหัวผมฉาดใหญ่จนหน้าแทบคะมำ

   “กูไม่ได้หลอก มึงมาดูนี่” ว่าแล้วพี่แทมก็พาผมเดินอ้อมไปที่กระทงอันหนึ่งที่ลอยไม่ไกลจากขอบสระ ลูกเจ้าของบ้านใช้มือกวักน้ำเพื่อให้กระทงลอยเข้ามาหา “กูไม่ได้หลอก”

   กระทงที่พี่แทมเอามา ในนั้นมีแบงค์สีม่วงครับ ไม่อยากจะเชื่อ

   “ทำไมเขาใส่เยอะ” ตาโตหลังจากพี่แทมยัดเงินไว้ที่โจงกระเบนตัวเอง

   “เพราะเพื่อนแม่กูให้ทิปคนเก็บกระทงไง” กระพริบตาปริบๆ ฟัง ไม่ได้เชื่อมากหรอกนะ แต่หลักฐานมันคาตาขนาดนี้ “สนใจลงไปเก็บไหม”

   “ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเปียก....เชี่ย” ไม่ทันแล้วครับ จังหวะที่ผมผละออกมา รู้สึกถึงแรงกระแทกที่กระทบก้นจนตัวร่วงลงไปในสระน้ำเสียงดังสนั่น “ไอ้พี่แทม!!” ตบน้ำจนกระทงคว่ำเกือบครึ่ง จะอ้าปากด่าอีก หางตาดันเหลือบไปเห็นกระทงอันสวยลอยมาใกล้ ปลายเหลี่ยมแบงค์สีเทาโผล่พ้นขึ้นมาจนลังเล

   “กระทงเมื่อกี้ของกู แบงค์ห้าร้อยนี่ก็ของกู” พี่แทมชูแบงค์สีม่วงไปมาราวกับหลอกผมได้

   “แต่แบงค์พันนี่ของแม่พี่ใช่ป่ะ” ว่าแล้วก็หยิบเงินออกจากกระทง คนเห็นแบงค์สีเทาก็ทำตาโต ให้เดา เรื่องที่บอกผมคงโกหก แต่พอดีแม่พี่แทมใส่ไปจริงๆ “หลายใบด้วย” ผมว่า พี่แทมยืดคอมองอย่างสนใจ

   “ไอ้กลอย เอามาแบ่งกูด้วย ไอ้สัด!!!!” พูดไม่ทันจบดี ร่างของพี่แทมก็ปลิวร่วงลงมาในสระ ดำน้ำอยู่นานกว่าจะโผล่ ถึงอย่างนั้น สีขาวบนหน้าก็ยังไม่หลุด “ไอ้เหี้ยโช ถีบกูทำพ่อง”

   “มึงถีบเมียกูก่อน”

   ปรบมือให้พี่โชเลยครับ แก้แค้นคืนผมได้สาสมมาก เหลือผม ที่กำลังจะเอาคืนอย่างสาสมเช่นกัน

   “ไอ้เหี้ย เห็นเมียดีกว่าเพื่อน...ไหนไอ้กลอย กระทงแม่กูใส่เงินเท่าไหร่” พี่แทม เดินเข้ามาหาผมๆ ก็ยื่นแบงค์ที่เอาออกจากกระทงให้ทั้งหมด “มึงให้กูหมดเลย?”

   “ผมให้พี่หมดเลย”

   “ดีมา...ไอ้สัดกลอย แบงค์ปลอม”

   “ก็แบงค์ปลอมไง”

   “หลอกกู มึงตาย!!”

   ผมรีบว่ายน้ำหนี แม้ช่วงตัวจะสั้นกว่า แต่ผมก็ว่ายน้ำเร็วจนหมาต้องเรียกพี่นะเออ

   “พวกมึงไปลอยคอในน้ำทำไม กูหลอน คืนนี้กูนอนไม่หลับแน่ ไอ้ชั่ว!!”

        เสียงโวยวายของพี่จอมปะปนมากับเสียงของพี่โชที่ตะโกนเรียกผม นี่ถ้าพี่ซันไม่จับไว้ ปีศาจร้ายลงมาช่วยผมแล้ว ทำไมค่ำคืนวันลอยกระทงของผม จะต้องวุ่นวายแบบนี้ทุกปีด้วย ไอ้กลอยไม่เข้าใจ



   “พี่แทม ผมขอโทษ”

        รีบบอกหลังจากขึ้นมานั่งขอบสระน้ำได้ เมื่อกี้ผมรีบว่ายน้ำหนี จนเตะขามั่วซั่วไปโดนจุดยุทธศาสตร์ของคนไล่ พี่แทมกุมเป้าตัวเองทำหน้าเขียว พลางลอยคอในน้ำอย่างน่าสงสาร

   “มึง...ทำ...ร้าย...กู...ทำ...ไม”

   ผมรีบยกมือไหว้ปลกๆ ก่อนขำออกมา ลองนึกสภาพคนแต่งตัวคล้ายกุมารทอง หน้าขาว คิ้วโก่ง ปากแดงลอยคอในสระน้ำดูนะครับ จะว่าตลกก็ใช่ หลอนก็ไม่เชิง

   “สุขสันต์วันลอยกระทงนะพี่ ผมกลับก่อนละ”

   “มาช่วยกูก่อน!!!”

        ได้ยินเสียงคำว่าก่อนสะท้อนดังตามหลังมา พี่โชหัวเราะเอาเป็นเอาตาย ยังดีที่คนงานในบ้านรีบเข้าไปช่วย ไม่งั้นคงต้องลอยคอจนกว่าไข่จะรู้สึกดีขึ้น


   แต่ผมไม่ได้ตั้งใจเตะจริงๆ นะ เชื่อผม



   ส่วนเงินรางวัลห้าพันที่ได้มา ถูกจ่ายเป็นค่าเสียหายที่ทำชุดเปียก แถมขาดอีก ยังดีที่เป็นญาติของเพื่อน ไม่งั้นผมคงโดนหนักกว่านี้แน่ เพราะพี่แทมคนเดียวเลย อุตส่าห์ได้เงินรางวัล

        ไอ้กลอยเศร้า

   “ฮัลโหล พี่โชครับ กลอยขอเงินหน่อย กลอยไม่มีเงินกินเหล้า เอ๊ย กินข้าว พี่โชอย่าเพิ่งวาง!!!”


   ชีวิตทำไมมันต้องโหดร้าย!!   


...

สวัสดีวันลอยกระทงค่าาา ตอนพิเศษมาชั่วโมงสุดท้ายของวัน (ก้มกราบ)

แต่มาช้า ยังดีกว่าไม่มาเนอะ (หาพวก)

ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจค่าาา

รักกกก

แล้วพบกันตอนที่ 7 ค่า   
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-11-2018 00:25:55
กลอยปะเกรียนเอ้ย แต่ละสิ่งแต่ละอย่างดี ๆ ทั้งน้าน  :laugh: :laugh: :laugh: ดีแค่ใหนที่ไม่มีใครใจกล้ามาขอหวย  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-11-2018 02:11:20
สมเป็นกลอยจริงๆ​ คิดเหนือตลอด
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-11-2018 09:23:50
55555 โชถึงกับอึ้ง คนอื่นถึงหลอน
แต่ทำไมกลอยคิดได้ ความเกรียนนี้ไม่มีใครเกิน

แล้วคืออะไร ลงไปว่ายน้ำเล่นกันหรอ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-11-2018 16:37:48
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 24-11-2018 17:37:40
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-11-2018 18:28:06
โอ๊ยยยยย กลอยยยยยยย  :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สนุกกันจริงวันลอยกระทง[P.3] [UP!!] [23/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-11-2018 09:41:14
 :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7 [P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 29-11-2018 21:38:40

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 7





        กลับเข้าสู่วงจรการเรียนแบบเต็มรูปแบบ ทั้งที่ไม่ได้เรียนเจ็ดวิชารวดเหมือนตอนปีหนึ่ง แต่กลับเข้าออกห้องสมุดยิ่งกว่าอีก เพียงแค่ได้กลิ่นหนังสือ ผมก็แทบอยากนอน สงสัยกลิ่นมันเป็นยานอนหลับชนิดหนึ่งแน่ๆ

   “อีกลอยๆ” ระหว่างพักสายตาจากการอ่านหนังสือ ไหล่ของผมก็ถูกสะกิดยิกๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เจอเพื่อนสาวร่างอวบส่งยิ้มที่ค่อนไปทางสยองให้ “ไปแดกข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย”

   “กูอิ่มแล้ว” บอกปัดด้วยความขี้เกียจพลางฟุบหน้าลงที่โต๊ะอีกรอบ

   “แต่กูเลี้ยงนะมึง” เหมือนมีปุ่มอะไรสักอย่างถูกกดทำให้ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรง คาดว่าจะเป็นคำว่าเลี้ยงนั่นแหละ “สนไหม กูเลี้ยงทั้งข้าว ทั้งน้ำเลยนะเว้ย”

   “พูดจริง?”

   “กูเคยหลอกมึงเหรอ”

   “ประจำ เพราะมึงเป็นผี”

   “ไอ้ห่า ครั้งนี้กูไม่หลอกมึงแน่นอน”

   “ชัว?”

   “ไม่มั่วนิ่ม”

   “กู...”

   ระหว่างที่โต้ตอบกันไปมา หัวผมก็ถูกทำร้ายด้วยกระดาษก้อนที่ถูกขยำ คนทำคือไอ้สักที่นั่งโต๊ะตรงข้าม มันยกนิ้วขึ้นแตะปากคล้ายบอกให้เงียบ พอได้มองไปรอบตัว เลยได้เห็นว่าตอนนี้ทุกคนก็มองมาที่ผมจริงๆ

   “ว่าไง มึงจะไปไหม” คราวนี้เป็นเสียงกระซิบ ผมจ้องหน้าเพื่อนก่อนจะพยักหน้าลง

   “เห็นเพื่อนมึงไม่อยู่หรอกนะ ก็ถึงตกลงน่ะ”

   “ไม่ใช่เพราะกูเลี้ยงเหรอวะ”

   “พูดงี้กูไม่ไปก็ได้”

   “ล้อเล่นน่าเพื่อนกลอยผู้แสนดี หล่อสุดในโลก”

   ก็อยากเถียงอยู่หรอก แต่หลักฐานบนหน้ามันทนโท่ 

   เข็มหรือที่คนทั้งห้องเติมคำนำหน้าด้วยความรักให้ว่าอี เธอคือเพื่อนสาวร่วมชั้นที่ชื่อชอบและหมกมุ่นอยู่กับผู้ชายหน้าตาดี ยิ่งถ้าเกิดมันได้มโนภาพถึงความรักระหว่างชายกับชายยิ่งแล้วใหญ่ มันจะมีอาการเพ้อ ตาลอยๆ ยิ้ม หัวเราะคนเดียวจนผมและเพื่อนในห้องพากันกลัว และเพื่อนสาวคนนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มเปิดเพจคู่ของผมกับพี่โชด้วย สมัยผมคบกับพี่โชใหม่ๆ ซึ่งไม่รู้ตอนนี้เพจจะร้างแค่ไหน เพราะคนทำเพจดันทิ้งไปหาคนอื่นอีกเป็นสิบเป็นร้อย ใจง่ายเหลือเกิน

   ระหว่างทางไปโรงอาหารกลาง ผมขมวดคิ้วเป็นพันๆ รอบ เพราะทางเดินมานี้มันอ้อมโลกชัดๆ ทั้งที่มีทางใกล้กว่า แต่คนเดินนำ มันกลับเลือกที่จะเดินผ่านหน้าตึกคณะสถาปัตย์ ดูมีนัยยะแอบแฝง พอเดินมาจนถึงตึกที่ตอนนี้มีคนมุงดูอะไรกันจนเต็มลานด้านหน้าไปหมด ด้วยความสงสัยเลยจะอ้าปากถาม แต่แขนกลับถูกดึงไปรวมกับกลุ่มคน จนได้เห็นว่าในวงล้อมนั้น มีวงดนตรีเล็กๆ ตั้งอยู่ คนเล่นก็คงเป็นเด็กในคณะ

   “ไหนบอกจะไปกินข้าวไง” ถามอีเข็มที่ชะเง้อคอยืดยาวมองผ่านฝูงชนในวงล้อม

   “รอแป๊บสิ กูเลี้ยงข้าวแน่นอน มึงไม่ต้องกลัวไป” ยังดีที่มันตอบผม ก่อนจะโบกมือโบกไม้เมื่อคนถือไมค์อยากเห็น โคตรบ้าบอที่สุด

   และด้วยความหมดอารมณ์อยากกินของฟรี ผมตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่ด้านหลังกลับมีคนมายืน แถมเบียดจนผมต้องขยับหนี

   “ขอทางหน่อยครับ” โดนเบียดจนตัวลีบแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออกไป “ขอทางด้วยครับ ขอออกไปหน่อย”

   “อีกลอย มึงอย่าทิ้งกู” เสียงมาพร้อมแรงดึงคอเสื้อจนแทบหงายหลัง อีเข็มมันตัวอวบแถมแรงมหาศาล ดึงทีเดียว ผมแทบปลิว “อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน”

   “กูไม่ได้บ้าผู้ชายแบบมึง” ด่าใส่หน้า แต่อีกคนกลับไม่ยอมสนใจ เอาแต่กรี๊ดๆ เมื่อดนตรีเริ่มเล่น “หนวกหูเว๊ย”

   ผมยกมืออุดหูเมื่อทนเสียงไม่ไหว ในใจพยายามภาวนาให้ดนตรีรีบๆ จบ อยากกลับไปนอนเต็มแก่ รู้งี้ไม่มาด้วยซะก็ดี ระหว่างนึกโมโหตัวเองในใจที่ชอบของฟรี แขนผมก็ถูกฟาดเอาๆ

   “อีกลอย กรี๊ด” เรียกชื่อผมแล้วก็กรี๊ด มันคืออะไรวะ “น้องไบร์ทขา ทางนี้ค่า”

   ผมเบ้ปากให้เพื่อนสาวร่วมรุ่น ก่อนเบนสายตาไปมองคนที่อีเข็มเรียก แล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ไอ้คนที่ชอบยิ้มเรี่ยราดถือกล่องรับบริจาคร่อนไปหาคนนู้นที คนนั้นที ฮอตจริง หน้าตาก็งั้นๆ

   “หล่ออะมึง อีกลอย” แขนผมตอนนี้คงเลยคำว่าแดงไปไกล เล่นตบไม่ยั้ง ไม่น่าหลวมตัวยอมมาด้วยเลย อันที่จริงควรพูดว่า ไม่น่าเห็นแก่ของฟรีเลยน่าจะถูกมากกว่า “น้องไบร์ทขา มาทางนี้ด้วยค่า พี่เข็มรออยู่ตรงนี้”

   “มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย” หูจะแตกอยู่แล้ว

   “ถ้ากูไม่ตะโกน น้องเขาจะหันมาเหรออีห่า มึงดูแฟนคลับน้องเขา” พูดจบมันก็กรี๊ดต่อ มือก็กวักเรียกไอ้คนที่โปรยยิ้มที เสียงกรี๊ดก็มาที สงสัยจะมั่นหน้าในความหล่อตัวเองมาก น่าหมั่นไส้ “มึงๆ น้องเขาหันมาแล้ว อีกลอย”

   “กูเจ็บอีเข็ม” โวยวายพลางขยับถอยห่างเพื่อน “ไม่เห็นหล่อเลย” พูดจบก็เหมือนจะรู้สึกว่า ประโยคเมื่อกี้มันมีเสียง ไม่ได้อยู่ในความคิดอย่างเช่นทุกที และสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี คืออาการของผู้หญิงคนข้างๆ ที่หยุดกรี๊ดแล้วมองผมตาขวาง ผมยิ้มแห้งๆ พลางโค้งศีรษะขอโทษ ก่อนรีบขยับไปชิดอีเข็มตามเดิม


   จะโดนกระทืบคาวงล้อมนี้ไหมเนี่ย


   “อีกลอย น้องไบร์ทน่ารักมาก” พอมาอยู่ใกล้ เสียงชื่นชมไอ้เด็กถือกล่องก็ลอยมาอีก ผมเหล่ตามองเพื่อนตัวเองอย่างเอือมๆ

   “ไม่เห็นหล่อเลย” คราวนี้ผมกระซิบเอา กลัวตายด้วยฝ่าเท้าของบรรดาสาวๆ ที่ล้อมอยู่ อีเข็มหยุดโบกมือ ดวงตารีๆ ของมันค่อยๆ ตวัดมามอง

   “สายตามึงแบบ ถั่วมาก น้องเขาทั้งขาว ทั้งสูง หน้าตาระดับพระเอกเกาหลีแบบนี้มึงว่าเขาไม่หล่อ? ถั่วมากเพื่อนกู”

   ถั่วเป็นคำด่าที่ผมควรจะเจ็บไหม แต่ถ้าเป็นอาหารมันอร่อยดี แม้ตดเหม็นไปหน่อยก็เถอะ เอ๊ะ หรือมันด่าเพราะเหตุผลหลังวะ ระหว่างเล่นสงครามเย็นผ่านสายตากับอีเข็ม เสียงกรี๊ดของคนด้านหลังก็ดังเพิ่มขึ้น ผมเลยละสายตาจากหน้าบานๆ ของเพื่อนไปมอง เจอหน้าคนที่ผมหมั่นไส้ถือกล่องมายืนยิ้มตาหยีอยู่ตรงหน้า

   ไอ้เด็กนี่ส่งยิ้มให้ผมหรือคนด้านหลังวะ

   “น้องไบร์ทขา พี่ร่วมทำบุญด้วยค่า ชาติหน้าเราจะได้เจอกันอีก” ผมหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาเอือมระอา อีเข็มหย่อนแบงค์พันลงกล่องไปด้วยความกระดี๊กระด๊า ยิ่งเด็กถือกล่องเอ่ยคำขอบคุณ ยิ่งดีดดิ้นใหญ่

   อยากได้ข้าวสารเสกมาก เผื่อผีบ้าจะออกจากร่างเพื่อนผม

   “น้ำลายมึงไหลแล้ว” ยื่นหน้าไปกระซิบเพื่อนที่จ้องเด็กถือกล่องแทบไม่วางตา แต่กลับถูกอีเข็มตีแขนเมื่อมีคำถามดังขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะถามผม?

   “ไม่ทำบุญด้วยหรือครับ” ทันทีที่หันไปมองคนถาม หน้าไอ้เด็กนั่นก็ยิ้มจนตาปิด แถมคนรอบข้างตอนนี้ก็ดูจะกดดันผมซะเหลือเกิน “ร่วมทำบุญกันวันนี้ ได้บุญไม่พอ ชาติหน้าเราอาจจะได้เจอกันอีกนะครับ ไม่สนใจเหรอ” ไม่ว่าเปล่า ยังยื่นกล่องมาจนจะทิ่มหน้าผมอยู่แล้ว

       แต่ทำไมน้ำเสียงมันอ่อนโยนกว่าตอนพูดกับอีเข็ม? หรือผมคิดไปเองวะ

   “พี่มีเงินสิบบาท” พูดพลางล้วงเหรียญจากกระเป๋าเสื้อมาให้ดู เป็นเงินทอนตอนไปซื้อน้ำเมื่อเช้า แต่ดูเหมือนจะน้อยไปสำหรับคนรอบข้างเพราะมีเสียงหัวเราะดังออกมา นี่ถ้าไม่ติดว่ามีแบงค์พันใบเดียวในกระเป๋านะ จะให้เยอะกว่านี้แล้ว
 
   “ไอ้เชี่ยกลอย มึงอย่าขี้เหนียวสิวะ ใจๆ หน่อย” กำลังจะหย่อนเหรียญลงกล่อง อีเข็มดันพูดแทรกขึ้นมา ทำเอาทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย

   “กูไม่มีแบงค์เล็กๆ ไง” ที่จริงอยากตอบไปว่า ทำบุญด้วยใจ จะกี่บาทก็ได้บุญเว๊ย แต่ก็กลัวถูกรุมเลยแกล้งเฉไฉไป

   “อย่ามาตอแหล กูเห็นมึงซื้อขนมกับน้ำไปเมื่อเช้า” มันควรจะจบ แต่อีเพื่อนตัวดีดันไม่ยอมจบ ผมกำลังจะอ้าปากเถียง ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   “พี่ยืมผมก่อนก็ได้นะครับ” หันไปมองคนพูด ไอ้เด็กนี่ยิ้มทีมองเห็นทางข้างหน้าไหมเนี่ย ผมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนไอ้เด็กนั่นจะล้วงกระเป๋าเงินตัวเองออกมาแล้วยื่นให้ผม

   “อะไร” มองกระเป๋าตังค์ที่ยื่นมาตรงหน้า

   “ก็ให้พี่เลือกเองไง ผมถือกล่องอยู่ คงหยิบให้พี่ไม่ได้” ฟังดูแล้วเป็นเหตุผลที่ดี ผมมองหน้าเจ้าของกระเป๋า แล้วไล่ลงมาที่มือขาวของมัน “เร็วๆ ครับ” มีเร่งด้วยว่ะ

   “เออๆ” ดึงกระเป๋าออกจากมือแล้วเปิดดู เห็นหลายคนยืดคอมาส่องดูด้วย โดยเฉพาะอีเข็มที่อยากรู้กว่าใครเพื่อน แทบจะช่วยผมแหกกระเป๋าเงิน “แล้วจะรีบเอามาคืน” พูดจบผมก็ดึงแบงค์สีเขียวออกมาหย่อนลงไปในกล่อง ก่อนยัดคืนในมือเจ้าของกระเป๋าตามเดิม

   “ไม่ต้องรีบ ผมรอได้ครับ” ตอบมาพร้อมรอยยิ้มทำเอาสาวๆ แถวนี้ครางฮือกันหมด

   “เรื่องของมึง” พูดจบผมก็รีบชิ่งหนีออกมาจากวงล้อม อับอายเป็นที่สุด ไอ้กลอยจะถูกนินทาไปสามวันแปดวันแหงๆ เห็นมีคนถ่ายคลิปด้วย ขอแค่อย่าถ่ายติดหน้าผมเป็นพอ

   ต่อไปจะไม่เห็นแก่ของฟรีอีก

   ผมเดินลัดเลาะกลับคณะ ไม่สนใจว่าคนที่ไปด้วยอย่างอีเข็มจะกลับมาตอนไหน ทิ้งมันไว้ที่นั่นก็คงไม่หลงผู้ชายจนกลับคณะไม่ถูกหรอก แต่พอเดินใกล้ถึงตึก ผมเลือกจะเดินเลยออกไปหลังมหาลัยแทน รู้สึกหิว เหมือนใช้พลังงานไปเยอะเลยต้องมาหาอะไรรองท้องสักหน่อย ยังดีที่ฝากไอ้ทูเอากระเป๋ากับหนังสือกลับมาใต้ตึกด้วย ไม่งั้นคงต้องย้อนไปที่ห้องสมุดอีก

   ร้านลูกชิ้นเจ้าประจำยังตั้งขายอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือมีร้านน้ำ ร้านขนมเพิ่มมาอีกมาก สงสัยต้องหาเวลามาเดินเที่ยวสักหน่อยแล้ว แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่วันนี้ เพราะสุดที่รักดันยางแบน พี่โชเลยอาสามาส่ง แถมจะมารับอีก ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ แถมแฟนก็ต้องเป็นคนดีมากๆ ด้วยแน่นอน (งานอวยตัวเองขอให้บอก)

   ได้ลูกชิ้นเสร็จผมก็เดินกลับคณะ ตอนผ่านสวนต้นไม้เยื้องคณะแล้วก็อดนึกถึงพี่ทองไม่ได้ ตอนปีสามผมชอบซื้อไก่ปิ้งมาฝากอยู่ตลอด ไม่รู้ช่วงปิดเทอมพี่ทองหายไปไหน ลุงยามบอกอาจถูกรถเหยียบ ไม่ก็ถูกจับไปปล่อยที่อื่น เพราะพี่ทองเคยไล่งับขาเด็กปีหนึ่งที่หลงไปเดินข้างสระน้ำตอนโพล้เพล้ ตอนนี้เลยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะมีความเป็นอยู่เช่นไร ถ้าบ้านพี่แทมรับฝากได้เหมือนแม่สีครีมกับลูกๆ ผมคงอุ้มไปให้แล้ว

   “อ่าว พวกไอ้สักล่ะ” ถามไอ้ทูขณะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้

   “กลับหมดแล้ว ถ้ากูไม่เฝ้าของให้มึง ก็คงกลับแล้วเหมือนกัน” ไอ้ทูว่าพลางหาว ผมยื่นลูกชิ้นปิ้งให้มันไปหนึ่งไม้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่เอา ที่ไหนได้ คว้าไปไวราวกับโจรปล้นทอง “แล้วมึงกลับยังไง รอพี่โชหรือให้กูไปส่ง”

   “รอพี่โช เมื่อกี้ส่งข้อความบอกกู ว่าใกล้ถึงแล้ว” บอกพลางกัดลูกชิ้น

   “แล้วอีเข็มลากมึงไปตึกถาปัตย์ทำไม” คำถามที่ทำเอาผมขมวดคิ้ว ไอ้ทูรู้ได้ไงว่าผมไปที่ตึกนั้น และดูเหมือนมันจะตรัสรู้ได้เอง รีบแจงต่อ “ตอนกูนั่งรอมึง กูได้ยินเด็กในคณะมันพูดกัน”

   “อีเข็มแม่งใช้ของฟรีล่อกูไปดูผู้ชายที่มันคลั่งไคล้เป็นเพื่อน...โคตรชั่ว”

   “อีเข็มเหรอ?”

   “กูนี่แหละที่ชั่ว เห็นของฟรีเลยโดนเล่นเข้าให้”

   ไอ้ทูหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนมันจะยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ

   “นิสัยชอบของฟรีของมึง แก้ไม่หายหรอกว่ะ เพราะไม่มีใครไม่ชอบของฟรี”

   “มึงพูดถูก” ใช้ไม้จิ้มลูกชิ้นชี้หน้าเพื่อน ไอ้ทูส่ายหน้าก่อนเก็บข้าวของตัวเอง “จะกลับแล้วเหรอ ไม่อยู่รอพี่โชเป็นเพื่อนกูเหรอ” พยายามส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อนรัก แต่ไอ้ทูกลับจิ้มหน้าผากผมจนหงายหลัง

   “กูไม่ใช่พี่โช ไม่หลงสายตาน่าสงสารแบบตอแหลของมึงหรอก” เบ้ปากใส่คนรู้ทัน ไอ้ทูรวบเป้ขึ้นสะพายก่อนโบกมือลา รู้หรอกว่านัดพี่เบแฟนมันเอาไว้

   เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน เอ๊ะ เหมือนด่าตัวเองด้วย



   ผมนั่งเท้าคางกัดลูกชิ้นรอคนที่บอกใกล้จะถึง ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่ พี่โชดูจะตามใจผมมากกว่าเดิม หรือกลัวผมรวยแล้วจะหนี? บ้าเหรอ ใครจะเห็นแก่เงินแค่นั้น ก็พี่โชมีเยอะกว่านั้นเยอะ...ล้อเล่น ความรักผม มีเงินเป็นหมื่นล้านก็ซื้อไม่ได้นะจะบอกให้ ไม่ได้โม้ด้วย ระหว่างนั่งขำคนเดียว เสียงคุยกึ่งหัวเราะก็ดังจนผมต้องหันไปมอง รุ่นน้องผู้หญิงสองคนที่เดินเข้ามาดูจะตกใจนิดๆ ก่อนทั้งคู่จะรีบยกมือไหว้ผม พลางนั่งเก้าอี้ด้านหลัง

   “เอ่อใช่ เมื่อกี้กูไปเจอพ่อของลูกกูในอนาคตมาแหละมึง” ประโยคคำบอกเล่าที่ดังจนหูผมแอบกระดิก ไม่ได้สอดรู้นะ แต่น้องเขาพูดเสียงดังเอง

   “จริงอะ? ใครวะ เรียนที่นี่เหรอ คณะอะไร กูเคยเจอหรือเปล่า” ถามซะจนฟังแทบไม่ทัน ผมหมายถึง คนไปเจอมาอาจฟังไม่ทันอะไรแบบนี้

   “มึงไม่เคยเจอแน่นอน” พูดโอ้อวดไปอีก ผมแกล้งมองนกที่บินผ่านหน้าตึก แต่หางตาเหลือบมองคนพูด ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
 
   “แล้วมึงเจอที่ไหน ทำไมไม่เรียกกู อีห่า” นั่นสิ ทำไมไม่เรียกวะ ผมก็อยากเห็น เพราะคนพูดหน้าตาน่ารักขนาดนั้น คนที่ชอบก็คงหล่อขั้นแทพแล้วล่ะ

        “จะให้เรียกมึงได้ไง กูเจอเขาตอนติดไฟแดงทางแยกตรงหน้ามหาลัย ตอนแรกกูก็ไม่ได้สนใจ แต่เขาเลี้ยวรถเข้ามาในนี้ กูก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตาม คลาดกันตรงหน้าตึกบริหารอะ เสียดาย รถอย่างสวย คนขับก็ต้องหล่อ”

   “มึงเห็นคนขับด้วยเหรอ?”

   “ไม่อะ กูเห็นแค่เงาลางๆ แต่กูว่าเขาต้องหล่อมากแน่ๆ”

   เกือบหลุดขำให้กับประโยคสนทนาของรุ่นน้อง นี่น้องเขาหลงรักคนที่เห็นแค่รถโดยไม่เห็นหน้าแบบนี้ก็ได้เหรอ จะหาคนที่ใช่ทั้งที มันต้องเลือกให้ดีสิ คนสมัยนี้หลอกเก่งยิ่งกว่าผีเสียอีก บางคนหน้าตาดี ฐานะเลิศ แต่นิสัยโคตรแย่ก็ถมเถ ช่วงจังหวะที่ผมจะจิ้มลูกชิ้น เสียงกรี๊ดก็ดังจนผมสะดุ้งเอาไม้แหลมจิ้มถุงซะทะลุแทน แล้วก็ไม่กล้าดึงออกด้วยนะ กลัวน้ำจิ้มไหลออกมา ลูกสุดท้ายแล้วด้วย

   “มึงๆ คันนั้นไง”

   “คันไหนวะ”

   นั่นสิ คันไหน? แล้วทำไมผมต้องหันตามด้วยเนี่ย

   “ที่เพิ่งจอดนั่นไง รถสีดำสวยๆ นั่นน่ะ” คำบอกเล่าของน้องคนที่เจอ ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ ยิ่งตอนคนขับรถเปิดประตูลงมา น้องสองคนด้านหลังก็ยิ่งวี๊ด กรี๊ดกันใหญ่ “สัญชาตญาณกูบอกว่าหล่อ ก็ต้องหล่อ พ่อของลูกกูในอนาคตอย่างหล่ออะ”

   ครับ ผมเห็นด้วย ว่าหล่อจริงๆ ไม่ใช่หล่อขั้นเทพนะ หล่อขั้นอวกาศเลยล่ะ

   “อีเหี้ย เดินขึ้นตึกมาแล้วมึง”

   น้องสองคนลุ้นจนผมรู้สึกลุ้นไปด้วย

   “ขอให้มาหาเพื่อนทีเถอะ อย่ามาหาแฟนเลย”

   ผมส่ายหน้าช้าๆ ให้กับคำอธิฐานนั่น ก่อนตัดสินใจใช้มือล่วงหยิบลูกชิ้นลูกสุดท้ายในถุงมากิน เพียงแค่เอาเข้าปาก คนที่น้องด้านหลังกรี๊ดกร๊าดก็เดินมาหยุดข้างโต๊ะผม พลางยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

   “มือสกปรก หยิบกินแบบนั้นได้ยังไง” มาปุ๊บก็โหดปั๊บ

   “ก็ไม้มันอุดรูรั่วถุงอยู่ ดึงออกน้ำจิ้มก็ไหล” อธิบาย แต่สายตาที่มองมาราวกับด่าว่าผมเถียง

   “แล้วนี่ทำไมนั่งอยู่คนเดียว” พี่โชถามพลางหันไปหันมา “คนอื่นกลับหมดแล้วเหรอ”

   “อืม ไม่มีใครรอเป็นเพื่อนเลย มันน่าตัดเพื่อนให้หมด”

   “ถ้าตัดแล้ว จะมีเพิ่มเหรอ เพื่อนเราน่ะ” แล้วคนว่าก็ขำออกมา ต่างจากผมที่หน้าตูมยิ่งกว่าดอกบัว

   “เพื่อนกลอยมีเยอะจะตาย ใครก็อยากเป็นเพื่อนด้วย พี่โชก็รู้ ว่ากลอยประเกรียนเนี่ย เป็นคนฮอต”

   “ฮอต? ฮอตดอกอะเหรอ”

   “ใช่ อร่อยด้วย ตลกไหมเนี่ย”

   ช่วงที่ผมกับพี่โชเล่นมุกแป้กกัน แอบเห็นคนพูดถึงพี่โชพากันหลบตาผมสุดชีวิต ซึ่งคงไม่ทัน น้องพลาดแล้วล่ะ

   “หิวไหม” พี่โชถามพลางเหลือบตามองถุงเปล่าที่วางอยู่ “หรืออิ่มลูกชิ้นแล้ว?”

   “หิวมาก รอตั้งนาน ดีที่ได้ลูกชิ้นรองท้อง” แน่นอนว่าลูกชิ้นแค่นี้ ไม่ได้ครึ่งของกระเพาะผมด้วยซ้ำ พี่โชยื่นมือมาขยี้หัวจนผมที่เซ็ทฟูฟ่อง

   “โทษทีนะ งานมันเสร็จช้า”

   “ก็กะแบบนั้นอยู่แล้วๆ พี่โชหิวไหม” ถามปุ๊บ คนตรงหน้าก็พยักหน้าลงช้าๆ ผมเลยเปิดมือถือให้ดูเว็บร้านอาหารบุฟเฟ่ “ชาบูมีโปรโมชั่นด้วยนะ ดูสิ มาสาม จ่ายแค่สอง”

   “แล้วถ้าไปสองล่ะ จะจ่ายยังไง”

   “ก็จ่ายสอง”

   “แล้วมันต่างจากปกติยังไง”

   “เออว่ะ” ยกมือเกาท้ายทอยตัวเองหนักๆ จนพี่โชจับออก “งั้นไปกินอย่างอื่นก็ได้”

   “อย่างอื่นก็ได้จริงเหรอ?” ปากพูด แต่มือยื่นมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ “หน้าบูดขนาดนี้ ชาบูก็ชาบู” ได้ยินปุ๊บผมก็ยิ้มแป้น
 
   พี่โชส่ายหน้าช้าๆ พลางขำ มือแย่งเป้ผมขึ้นสะพายไหล่ ผมเลยเดินเอาถุงขยะไปทิ้ง และไม่ลืมปรายตามองรุ่นน้องในคณะที่ก้มหน้าอยู่ตลอด สงสัยกลัวว่าผมจะเอาเรื่อง ไม่หรอก พี่กลอยคนนี้ หล่อแถมใจดีจะตาย แต่ถึงจะใจดียังไง ก็คงยกปีศาจสุดหล่อให้เป็นพ่อของลูกในอนาคตไม่ได้ เพราะคนๆ นี้ เป็นรุ่นลิมิเต็ด หายากยิ่งกว่างมหาเศษขี้มดในมหาสมุทรเสียอีก




   “กลอยซื้อขนมปังแล้วกินไม่หมด พี่โชกินรองท้องก่อนไหม” ถามขณะพี่โชคาดเข็มขัด ผมหยิบขนมปังที่ว่าออกมา “กินไหม”

   “กินไม่หมด หรือไม่อร่อย?”

   “รู้ทันอีก”

   “ถ้ารู้ไม่ทันเมียตัวเอง ก็แย่ละ คิดเหมือนคนอื่นซะที่ไหน”

   “กลอยจะถือว่าเป็นคำชมนะ”

   “เอาตามที่สบายใจ”

   รำคาญคนรู้ทัน ผมเลยยัดขนมปังใส่ปากพี่โช คนถูกกระทำถลึงตาใส่ แต่ก็ยอมกินต่อจนหมด อันที่จริงมันอร่อยนะ แต่ก้อนนี้ได้ไส้หมูหยองนิดเดียว และผมก็ดึงออกมากินจนหมดแล้ว ในก้อนขนมปังนั้นเลยเหลือแค่แป้งเปล่าๆ

   “อร่อยไหม”

   “กลอยอร่อยกว่า”

       สายตาพี่โชกรุ้มกริ่มสุดๆ

   “กลอยไม่ใช่ของขนมสักหน่อย”

   “แต่ก็กินได้”

   “พูดจาบัดสีที่สุด กลางวันแสกๆ”

   “นี่มันเย็นแล้วเถอะ อีกอย่าง ใช่ว่ากลางวันจะไม่เคย” ไม่พูดเปล่า มือยังเลื้อยไปมาแถวต้นขาผมอีก

   “งั้นไม่ต้องกินมันละชาบู กลับห้องไปกินกันเลยไหม...พี่โชไม่เลี้ยวเข้าห้างล่ะ!!” ผมโวยลั่นเมื่ออยู่ๆ รถก็เปลี่ยนไฟเลี้ยว แล้วตรงกลับคอนโด เนี่ย คนเรามันเป็นแบบเนี้ย “พี่โช!”





   อ๊ะๆ อย่าคิดว่ากลับห้องมา ผมจะถูกจับกินแทนข้าว เพราะถึงห้องปุ๊บ ท้องคนหื่นก็ร้องออกมาเฉย ผมเลยต้องทำข้าวไข่เจียวกุ้งสับให้กิน พออิ่มก็หนีไปนอนตีพุงอยู่ที่โซฟา

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ล้างจานเสร็จก็เดินมานั่งข้างขายาวๆ พี่โชขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพลางยื่นแท็ปแล็ตตัวเองมาให้ดู “อะไร”

   “ก็รูปกลอย”

   “รูปกลอย?” ย่นคิ้วเมื่อได้ยิน “ฉิบหายแล้ว” สบถหลังจากดูรูปที่ว่า เป็นรูปตอนผมอยู่หน้าตึกสถาปัตย์ ช่วงที่ยืมเงินไอ้เด็กถือกล่อง ซึ่งน่าจะดีกว่านี้ ถ้ารูปถัดมา คนถ่ายไม่จงใจซูมหน้าไอ้เด็กนั่น แล้วเขียนแคปชั่นด้านล่างว่า ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ “กลอยไม่รู้จักไอ้คนนี้นะ” รีบบอก พี่โชจ้องหน้านิ่งไม่พูดไม่จา “จริงๆ”

   “พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร”

   “พี่ไม่ได้ว่า แต่ตาพี่กำลังว่าไง” ใช้นิ้วแตะที่ตาดุๆ สองข้างของพี่โช “เนี่ย ตาดุเกิน กลัว”

   “ก็อย่าทำอะไรให้พี่ต้องดุ” นิ้วผมถูกมือใหญ่จับเอาไว้ ก่อนดวงตาที่ผมบอกว่าดุ จะค่อยๆ เคลื่อนมาใกล้ จนแทบนับเส้นขนตาได้ “เข้าใจไหม” แม้คำถามจะบางเบา แต่แววตาที่มีผมสะท้อนอยู่ในนั้นกลับดูจริงจัง

   “เข้าใจครับ คุณปีศาจ” ผมโฉบจุ๊บปากแดงตรงหน้า ก่อนรีบผละออกมาก่อนที่จะถูกแขนรัด แต่กลับหลบขายาวไม่ได้ เอวผมถูกตวัดเกี่ยวเอาไว้ พี่โชแกล้งออกแรงดึงจนผมหงายหลัง แต่แล้วก็ต้องตกใจที่ได้ยินเสียงกระดูกก้นกบผมกระทบพื้น คงกะให้ร่วงบนโซฟาสินะ แต่แรงเหวี่ยงมันไม่พอ ผมเลยลงมานั่งกองที่พื้นแทน

   “กลอย พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” ถูกช้อนอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโซฟา แต่ก้นที่เจ็บทำเอาต้องนั่งเอียงคล้ายกับเป็นริดสีดวง “ไปหาหมอไหม”

   “ไม่เอา ทายาก็พอ” เบะปากยามรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

   “ถ้ากระดูกหักล่ะ”

   “ไม่หักหรอก ทายาก็พอ”

   “ดื้อ”

   “แต่พี่โชทำ”

   หมดคำเถียงเลยทันทีเพราะคือความจริง พี่โชลุกไปที่ตู้ยาพลางหยิบยานวดแก้ปวดมาด้วย

   “ถอดกางเกงสิ พี่จะทายาให้” กระพริบตาปริบๆ มองหลอดยาในมือ “อะไร อายเหรอ น่าจะเลิกอายได้แล้วมั้ง”

   “ไม่ได้อาย ก็แค่...ยังไม่ได้อาบน้ำ” อยู่ๆ พี่โชก็หัวเราะออกมาจนผมอยากถีบ แต่แค่ขยับขาก็ร้าวมาจนถึงก้นกบ “อูย”

   “งั้นก็...”

   ก็อะไรผมยังไม่ได้รู้ เพราะผมถูกอุ้มพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำแทน ถูกขัดสีฉวีวรรณทุกซอกทุกมุม พอตัวสะอาดก็ถูกพาออกมาปะแป้งจนตัวขาววอกราวกับเด็กเล็ก สนุกเหลือเกินกับการได้แกล้งผมเนี่ย ส่วนยานวดแก้ปวดก็ถูกป้ายที่ก้นจนร้อนไปหมด
 
   “ไม่ใส่กางเกงเหรอ” พี่โชถามหลังจากเอายานวดไปวางบนโต๊ะ

   “มันร้อน รอเย็นก่อน” ตอบอู้อี้เมื่อหน้าแนบกับเตียง ผมนอนคว่ำปล่อยก้นเปลือยเปล่าตากแอร์ให้ดับความร้อนของยา พี่โชคงจะรำคาญลูกตาหรืออะไรไม่รู้ เล่นตบก้นผมซะเสียงดังป๊าบ สะเทือนจนน้ำตาเล็ด “เจ็บ”

   “สำออยป่ะเนี่ย”

   “ลองดูไหมล่ะ”

   “ถ้ากล้าก็ลองดู” ผมรีบวางขาที่ยกขึ้นเตรียมถีบพี่โช ใครจะไปกล้าทำจริง เกิดถูกสวนมา ไอ้กลอยตายอย่างเดียว แค่ความยาวของขาก็สู้ไม่ได้แล้ว “คนไม่จริงนี่หว่า”

   “คนจริง แต่ตอนนี้เจ็บอยู่ไม่เห็นเหรอ”

   “ไอ้กลอยเอ๊ย”

   หน้ายู่ใส่คนที่ล้มตัวนอนข้างๆ จะดีกว่านี้ถ้าไม่ยื่นมือมาตบก้นผมเล่นเนี่ย ก่อนเลิกสนใจเมื่อมีคอมเม้นรูปหน้าหัวเราะส่งมาใต้โพสเจ็บก้นของผม คนโพสคือคนที่พี่โชเคยถามไปคราวนั้น พอลองกดเข้าไปดูรูป ก็ไม่ได้เรื่องอะไร จนเลื่อนดูอย่างอื่นๆ ด้วยความอยากรู้ ก็ได้เห็นสิ่งที่เพื่อนมันแท็กมา หน้าไอ้เด็กถือกล่องนั่น...มันคือเจ้าของเฟซบุ๊กนี่ ว่าแต่ ผมไปรับเพื่อนมันตอนไหนวะ หรือจะรับตอนเมา? ช่างมัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว


   “พี่โชๆ” สะกิดคนที่นอนอยู่ข้างๆ

   “หืม?”

   “สั่งปูดองมากินไหม อยากกินปูดอง พี่โช....”

   ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อคนข้างผมหลับไปแล้ว ทำไมหลับง่ายแบบนี้วะ ไอ้กลอยอยากกินปูดอง หรือพรุ่งนี้จะซื้อปูมาดองเองดีวะ เกิดอร่อยก็ทำให้แม่ขายที่ร้าน เป็นความคิดที่ดีแถมรวยอีก ยิ้มย่องได้แป๊บเดียว แขนยาวก็ตวัดมาตบเข้าที่หัวจนหน้าฟุบกับที่นอน


   หลับก็ได้วะ พรุ่งนี้ค่อยคิดอีกที แต่เหมือนผมจะลืมอะไรไป....


...TBC

มาแล้วค่าา หายไปหลายวัน ไม่เห็นขยันเหมือนตอนลงแรกๆ เลย (ด่าให้ค่า T^T)

น้องไบร์ทเริ่มละ เริ่มหาเรื่องให้กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์อีกแล้ว

ว่าแต่ กลอยลืมอะไรไปหนอ? 5555

พบกันตอนหน้าค่าาา (ขยิบตาส่งวิ้งค)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 29-11-2018 22:13:47
เนี้ยน้องไบรท์เริ่มละ เริ่มหาเรื่องให้พี่หงุดหงิดหนูเหมือนกันค่า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหากมีอะไรน้องกลอยของเราจะไม่งี่เง่า พี่โชต้องมาก่อนเนอะะะะ

ยังไงก็ตาม #ทีมพี่โช ไว้ก่อนจ้า

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอค่ะ(^^)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-11-2018 23:08:38
เอ๊ะยังไง...เค้าลางของปัญหาเริ่มปรากฏ  :ruready
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-11-2018 23:35:27
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 30-11-2018 01:33:26
น้องไบรท์ลูกกก พี่กลอยมีแฟนแล้ว แต่ป้ายังว่างงงง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-11-2018 06:26:43
55555 กลอยจะนอนแบบนี้ไม่ได้
ชอบโชว์ก็ไม่บอกนะคนเรา

โชเป็นคนตลกที่หวงกลอยมาก อย่าได้แหยมเข้ามานะ
กลอยก็เกรียนมาก อดกินชาบูเลย เป็นแผนของโชแน่เลย
ยั่วให้เปลี่ยนเรื่องแบบเนียนๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-11-2018 09:51:11
พี่ทองไม่อยู่แล้วเหรอ  :z1: แต่ปวดตับกับการกินขนมปังของกลอยปะเกรียนจริง ๆ เลย555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 30-11-2018 12:19:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-11-2018 13:27:06
แววงานเข้ามาลางๆ กลอยประเกรียนคนเดิมจะใครล่ะน่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 7[P.3] [UP!!] [29/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-11-2018 18:54:27
แววความวุ่นวายมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-12-2018 21:09:15

เพราะนายคือของฉัน2 : 8





        “พวกมึงหาที่ฝึกงานได้หรือยัง” ไอ้เคถาม ขณะนั่งสูบบุหรี่หน้าโกดังวาดรูป ถามเสร็จก็อัดควันเข้าเต็มปอดแล้วปล่อยใส่หน้าผม โคตรกวนตีน “แม่ง กูไม่เข้าใจ ทำไมต้องให้พวกเราไปฝึกงานเทอมสุดท้ายของปีด้วย”

   “ก็คงเพราะ วิชาเรียนน้อยละมั้ง” ไอ้สักตอบ มือมันตวัดพูกันบนผืนผ้าใบ แน่นอนว่ามันไม่ได้ขยัน แต่รับจ๊อบวาดรูปนั่นเอง “กูว่าจะไปฝึกที่แกลลอรี่ต่างจังหวัด ป้ากูรู้จักเขา”

   “ดีว่ะ” ผมว่า “กูไม่รู้จะฝึกที่ไหนเลย”

   “ก่อนมึงจะหา ควรถามพี่โชก่อน” ไอ้ทูขัดแทบจะทันที ผมหน้ามุ่ยเมื่อถูกหัวเราะเยาะ

   “คณะเราเลือกได้หลากหลาย มึงก็ไปฝึกที่บริษัทผัวมึงสิ” ไอ้ต๋องแทรกออกมา ก็จริงของมัน บริษัทของพี่โชรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านอย่างครบวงจร คงมีที่ให้ได้แฝงตัวอยู่สักแผนก

   “แต่กูว่าไม่ดี” กำลังจะอ้าปากพูด ดันโดนไอ้สักขัดออกมา ทุกคนต่างมองไปยังคนที่ไม่เห็นด้วย

   “ทำไมวะ” ไอ้ทูถาม ซึ่งผมก็อยากรู้ด้วย ไอ้สักใช้พูกันที่จุ่มสีเขียวชี้มาที่พวกผมนั่งอยู่

   “มึงลองใช้สมองอันน้อยนิดคิดดู ถ้าไอ้กลอยไปฝึกงานที่บริษัทผัวมัน คิดเหรอว่าจะได้ฝึก คนในที่ทำงานจะมีใครกล้าใช้ เผลอๆ ผัวมันจะเอาไปนั่งเป็นตุ๊กตาประดับห้องทำงานด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ จะไปฝึกงานเพื่ออะไร ประสบการณ์ก็ไม่ได้ เสียเวลา”

   “ก็จริงของมึง” เหมือนเบลอๆ เลยคล้อยตาม แต่พอคิดอีกที ก็สบายดีนะ “แต่กูว่า....”

   “คนเราก็อยากโชว์ฝีมือ โชว์สิ่งที่เรียนมา มึงคิดจะเกาะผัวมึงไปทั้งชาติหรือไง” ไอ้สักพูดโดยไม่ได้มองผมด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับมันทุกอย่าง

   “กูเพิ่งรู้ ว่ามึงก็มีความคิด” ผมชม แต่ไอ้สักดันส่งนิ้วกลางคืนมา ผมเลยส่งคืนบ้าง ก่อนจะขอบุหรี่จากไอ้เคมาสูบบ้าง เครียดเลยแบบนี้ ผมจะหาที่ฝึกงานที่ไหนดี ที่ๆ พี่โชจะโอเค “แดกเหล้ากันไหมวะ”

   “ก่อนชวน ถามผัวมึงก่อน”

   ทำไมทุกคนทำเหมือนผมกลัวพี่โชวะ ผมกลอยประเกรียนนะ

   “ได้!” ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาหาชื่อแล้วกดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็รับ “พี่โช” เรียกชื่อเสียงแข็ง พวกไอ้ทูจ้องหน้าผมเขม็งด้วยความเสือก “กลอยไป...เอ่อ ไปไหนดี” หัวเราะแห้งๆ พร้อมๆ กับพวกสอดรู้เบือนหน้าหนีกันหมด “ไม่มีอะไร แค่นี้นะ คิดถึงเลยโทรมา”

   “กูนึกว่าจะแน่ไอ้สัด” คำด่ามาพร้อมแรงฟาดเข้าที่หัว

   อยากจะเถียงกลับ แต่มันคือความจริง แค่พี่โชถามกลับเสียงนิ่งๆ ว่าไปไหน ผมก็ต้องรีบหาคำแก้ตัวที่จะได้ลงสวยๆ ช่วงนี้พี่โชมาแปลก คอยเช็ค คอยถามผมอยู่ตลอด เกิดอยากเป็นผู้ปกครองของผมแทนแม่หรือเปล่า


   อยู่เอ้อระเหยได้เป็นชั่วโมงก็ถึงเวลาเข้าเรียน แต่คลาสดันถูกยกเลิกเพราะอาจารย์ท้องเสียฉับพลัน นี่ผมตื่นเช้ามาเพื่ออะไรครับ อุตส่าห์ตั้งใจมาเรียนแท้ๆ เสียใจ

   “กูกลับไปนอนละ” ไอ้ต๋องอ้าปากหาววอดๆ ก่อนเดินจากไป

   “งั้นกูไปวาดรูปให้เสร็จดีกว่า” ไอ้สักหนีไปอีกคน เหลือผม ไอ้เค แล้วก็ไอ้ทู

   “ไปไหนดีวะ” ผมถาม แต่ละคนส่ายหน้าอย่างไร้จุดหมาย ระหว่างนั้นโทรศัพท์ไอ้ทูก็ดัง รับแป๊บเดียวก็หน้าบานเป็นจานสังกะสี พี่เบโทรมาหาอย่างแน่นอนแบบนี้ “เหลือเราสองคน มึงจะไปนอนไหม” พอไอ้ทูโบกมือลา ผมก็หันไปถามไอ้เคที่ยืนทำหน้าเบื่อ

   “ไม่ว่ะ กูหิวมากกว่า”

   “กูก็หิว”

   “งั้น ไปแดกข้าวตึกเภสัชกัน เห็นพวกสาวๆ บอกมีร้านใหม่มาเปิด อร่อยสัดๆ”

   “ร้านสลัดเหรอวะ”

   “อร่อยสัด ไม่ใช่ผักสลัด หัดจูนสมองมึงบ้างนะไอ้กลอย”

   แค่กวนตีนดันถูกด่าเฉย ไอ้เคยกแขนกอดคอผม แล้วเราก็เดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารคณะเภสัช จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เริ่มเบื่อโรงอาหารคณะตัวเองกับโรงอาหารกลางเต็มทน เดินลัดเลาะมาไกลจนถึงโรงอาหารใต้ตึกคณะเภสัช เหงื่อท่วมยิ่งกว่าเพิ่งอาบน้ำอีก รู้แบบนี้ขอติดรถไอ้ทูมาลงก็ดี ผมเดินมานั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ สายตามองไปที่ร้านไก่ย่างที่เคยมากิน

   “กินอะไรดีวะ” ไอ้เคถาม แต่สายตามันไม่ได้มองร้านอาหารสักนิด

   “กูอยากกินส้มตำ” ผมว่า ไอ้เครีบหันหน้ามามองผมพร้อมรอยยิ้ม เพียงแค่นั้นผมก็รู้ว่า เพราะอะไรมันถึงชวนมาที่นี่ ถึงแม้สมองผมจะเยอะกว่าปลาทองไม่มาก แต่ก็จำได้อยู่ รูปสาวที่ไอ้เคชอบที่มันเคยให้ผมดู ซึ่งตัวจริงเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้

   “เดี๋ยวกูไปซื้อให้ เอาอะไรอีกไหม” อยากชมความมีน้ำใจ แต่มันมีอะไรแอบแฝงนี่สิ

   “ซื้อไก่ย่างมาด้วยนะ” พูดไม่จบดี ไอ้คนอาสาก็รีบลุกออกจากโต๊ะไป สงสัยใจจะลอยตามคนแอบชอบไปแล้ว พอนั่งอยู่คนเดียว ก็เลยถือโอกาสเหล่คนน่ารักของคณะนี้สักหน่อย บางคนสวยทะลุแว่นตาออกมาเลย แก้มใส ตัวขาว สเปคผมเลย “ไอ้เชี่ยนี่ขายถั่วหรือไงวะ” จังหวะหมายตาคนน่ารัก ก็ถูกแผ่นหลังใครสักคนขวางเอาไว้ “ยังๆ ยังไม่หลบกูอีก ไอ้สัดนี่” พึมพำกับตัวเอง ไอ้ขายถั่วหรือไอ้คนที่บังกำลังยืนเลือกร้านอาหาร แต่มันควรไปยืนที่อื่น

   ผมละความสนใจจากแผ่นหลังไอ้คนขายถั่ว พลางยืดคอมองคนที่มันยืนขวางอยู่ ดูสิ เวลายิ้มน้องเขาโคตรน่ารัก อยากได้ไลน์ ได้เฟส แต่ไม่เอาทวิตได้ไหม เดี๋ยวเห็นด้านดาร์กไซด์

   “อ่าว พี่เรียนคณะนี้เหรอครับ” เหมือนมีใครสักคนถาม แต่ไม่รู้ว่าถามใคร “ยืดคอขนาดนั้น เป็นยีราฟเหรอครับ”

   “มึงคุยกับกูเหรอ” เพราะถูกขยับซ้ายขวาปิดการมองเห็น เลยจำใจต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ผมขมวดคิ้วมองคนที่ยิ้มแป้นตรงหน้า “รู้จักกันเหรอ กูว่าไม่นะ”

   “โหยพี่ ลืมผมแล้วเหรอ น่าน้อยใจชะมัด” ทำเสียงเล็กเสียงน้อย โคตรตอแหลไอ้ห่านี่

   “มึงน้อยใจ กูจำเป็นต้องสนใจเหรอ”

   “ปากร้ายว่ะ” ผมยักไหล่ให้กับคำชมนั่น ไอ้เด็กขายถั่วถึงกับขำออกมา “พี่จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ” คราวนี้ผมจ้องหน้ามันกลับบ้าง จะว่าไปก็คุ้นๆ เหมือนกันนะ “สมองปลาทองว่ะ”

   “อ่าว ไอ้ขายถั่ว ด่ากูทำไม” เผลอหลุดคำเรียกที่ด่าไอ้เด็กนี่ในใจออกไป

   “ขายถั่ว?” ไอ้เด็กตรงหน้ากดหัวคิ้วลง ก่อนขยับตัวตามสายตาที่ผมมอง กวนตีนขั้นแอดว๊าดซ์ซะด้วย “เข้าใจละ” แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง

   “เข้าใจอะไร แม่ง เป็นบ้าหรือสติไม่ดีวะ” ด่าเสียงเขียว แม้หน้าตาผมจะดี แต่อารมณ์ไม่ได้ดีตามนะเออ

   “ก็เข้าใจเรื่องขายถั่ว เพราะผมบังพี่ส่องสาวสินะครับ”
 
   “รู้แล้วก็ขยับ”

   “ผมขยับไม่ได้น่ะสิครับ”

   “ทำไม เหน็บกินขามึงหรือไง”

   “พี่นี่โคตรกวนตีนเลยอะ” ไอ้เชี่ยนี่ด่าผมหลายรอบละ

   “อยากโดนตีนด้วยไหมละ” ไม่ว่าเปล่า ผมยกขาเตรียมจะถีบ ที่จริงก็ขู่ไปงั้นเพราะมันยืนอยู่อีกฝั่ง ถีบยังไงก็ไม่ถึงแน่นอน
 
   “อยากโดนอย่างอื่นมากกว่า” ประโยคกำกวมที่ทำเอาผมอยากแจกนิ้วกลางให้ ติดตรงที่นี่คนพลุกพล่าน เดี๋ยวจะทำให้ชื่อเสียงที่แสนดีต้องมัวหมอง

   “มึงมีอะไร”

   “พี่ยังไม่ได้คืนเงินผม”

   “คืนเงินอะไร กูไม่เคยมีหนี้...ใช่ไหมวะ” ประโยคหลังผมเบาเสียงลง ก่อนจะได้ยินเสียงฮัมเพลงออกมาจากปากไอ้เด็กคนข้างหน้า ทำให้ภาพบางอย่างลอยเข้ามาในหัว จนต้องร้องอ๋อเสียงลากยาว

   “จำได้แล้วสิ ดีใจจัง” ด่ามันด้วยสายตาไปรอบหนึ่ง แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ ผมล้วงกระเป๋าสตางค์ในเป้เพื่อจะเอาเงินคืน ไอ้เด็กขายถั่วตรงหน้าก็ยืนยิ้มแป้นพลางถามคำถาม “พี่เรียนคณะเภสัชเหรอ ทำไมผมไม่เคยเห็นล่ะ”

   “แล้วมึงเรียนเภสัชเหรอ ถึงต้องรู้”

   “ยอกย้อนตลอดว่ะ”

   อยากรีบๆ ตัดปัญหา ผมเลยหยิบแบงค์ห้าสิบบาทวางบนโต๊ะ

   “เอาไป ไม่ต้องทอน ที่เหลือกูให้เป็นดอกเบี้ย”

   “ใจดีจังนะครับ” ตอนแรกคิดว่าจะไม่เอา ที่ไหนได้ มันหยิบแบงค์ที่ผมคืนใส่กระเป๋าอย่างไว จังหวะที่ไอ้ขายถั่วจะถามผมต่อ ไหล่มันก็ถูกแขนยาวพาดวาง ผมหันไปมองไอ้คนแปลกหน้าคนที่สองอย่างงงๆ “ช้านะมึง” มันทักเพื่อนของมัน

   “โทษที ว่าแต่ นี่ใครวะ” ถูกมองด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย โคตรอยากกระโดดถีบ

   “กูก็กำลังทำความรู้จักนี่ไง”

   “แต่กูไม่อยากรู้จัก เจอเพื่อนแล้วก็ถอยไป ไอ้ขายถั่ว” พูดอย่างหงุดหงิด ผมยืดคอมองหาไอ้เคที่หายไปจะเป็นชาติ ไปซื้อส้มตำไก่ย่างนอกโลกหรือไงถึงนานขนาดนี้

   “โห ปากคอเราะร้ายไม่เข้ากับหน้าตาที่น่ารักเลยนะครับเนี่ย” เพื่อนไอ้ขายถั่วมันว่า ก่อนพวกมันจะหัวเราะ ผมรีบยกมือสะบัดมือไล่

   “ไสหัว ไสตัวพวกมึงไปได้แล้วไป๊”

   “เอาซะผมรู้สึกตัวเองเป็นงูเลย ต้องไสตัวไปเนี่ย”

   “งูมันเลื้อยไม่ใช่เหรอวะ” แล้วทำไมผมต้องมาสงสัยถามมันตอนนี้ด้วย ไอ้เด็กสองคนตรงหน้าหันไปมองตากัน ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “ขำอะไรของพวกมึง”

   “ไสกับเลื้อยก็คล้ายๆ กันแหละครับ พี่เข้าใจถูกแล้ว มันไปข้างหน้าเหมือนกัน”

   “กูไม่ได้ต้องการคำอธิบาย กูเกิลกูมี กูเปิดดูเองได้” รีบแถแม้สีข้างจะถลอกนิดๆ หน่อยๆ ก็ตาม “ไปไป๊”

   “ครับๆ ไปก็ได้” ไอ้ขายถั่วมันว่า ก่อนไปมันจ้องหน้าผมนิ่ง “คนเราตัดสินนิสัยจากหน้าตาอย่างเดียวไม่ได้สินะครับ ต้องดูคำพูดด้วย” พูดจบมันก็เดินกอดคอเพื่อนมันไป


   ว่าแต่ ประโยคยาวๆ เมื่อกี้ มันด่าผมหรือเปล่าวะ



   มัวแต่คิดเรื่องประโยคยาวๆ แบ่งตอน ตัดคำยังไงก็เหมือนจะเป็นคำด่า มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้เคยกจานไก่ย่างผ่านหน้ามาวางบนโต๊ะ

   “เป็นอะไรมึง ทำหน้าตาตอแหลสัด”

   “หน้าตาตอแหลบ้านพ่อมึงสิ หายไปเป็นชาติ ไปช่วยป้าเขาปิ้งไก่หรือไงวะ” อารมณ์โมโหค้างจากการโดนด่าแบบไม่รู้ตัวไม่พอ ยังมาโมโหหิวอีก ว่าแล้วก็งับน่องไก่ย่างไปสองสามทีก็เหลือแต่กระดูก

   “ความหิวทำให้เพื่อนกูกลายร่างเป็นหมาไปแล้ว กินกระดูกด้วย กินให้หมดนะ”

   "ไอ้อั๊ด" ด่าทั้งที่ไก่เต็มปาก ไม่อยากอารมณ์เสีย เดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย ส่วนไอ้เด็กขายถั่ว คิดซะว่ามันมาทวงหนี้ คืนแล้วก็จบ อย่าพบ อย่าเจอ อย่ามายุ่งกันอีก แต่ถ้าได้เจออีกที ไอ้กลอยคนนี้กระโดดถีบหน้าแน่ อย่าคิดว่าผมขาสั้นจะถีบไม่ถึง ตัวช่วยอย่างเก้าอี้ก็มี รับรอง เละ!




   หลังจากฟาดส้มตำไก่ย่างเสร็จ ผมก็แยกกับเพื่อนเพื่อกลับห้องพัก ระหว่างทางยังแวะซื้อของสดสำหรับติดห้องเผื่อหิวแบบกะทันหันตอนดึก จังหวะที่ยื่นมือไปหยิบน่องไก่แพคสุดท้าย ดันมีมือยาวกว่าแย่งไปเฉย ผมรีบหันไปมองด้วยความขุ่นเคือง ก็ผมจองไว้แล้ว

   “นั่นของผม” พยายามพูดให้สุภาพ แม้หน้าตาจะฉุนไปไกล แต่แล้วก็ต้องปรับสีหน้าใหม่ เมื่อเห็นคนแย่งของ

   “อ่าว” คนถือน่องไก่ร้องออกมา แม้ริมฝีปากจะไม่มีรอยยิ้มกว้างส่งมาให้ แต่ก็รู้สึกว่าเขายิ้มทักทาย “มาคนเดียวเหรอ”

   “ครับ พี่ก็มาคนเดียวเหรอ” ถามพลางหันซ้าย หันขวา ก่อนจะได้คำตอบจากสายตาตัวเอง เมื่อมีอีกคนเดินหอบขนมถุงใหญ่เข้ามาหา “สวัสดีครับพี่เนิร์ส” ทักทายรุ่นพี่ต่างคณะที่รู้จัก พี่เนิร์สโยนขนมใส่รถเข็นก่อนยิ้มกว้างส่งมาให้ผม

   “ไม่คิดว่าจะเจอกลอยที่นี่ มาคนเดียวเหรอ” ไม่ว่าเปล่า ยังเดินเข้ามากอดคอผมอีก

   “ครับ” ตอบไป สายตาก็เหล่มองคนด้านหลังไป “เพื่อนพี่ฉีดโบท็อกซ์มาหรือเปล่า” แอบกระซิบถาม

   “ทำไม”

   “ก็หน้านิ่งตลอด”

   หลังจากผมพูดจบ พี่เนิร์สก็หัวเราะเสียงดังจนคนถูกนินทาอยากรู้ รุ่นพี่สองคนนี้ เรียนคณะสัตวแพทย์ปีสุดท้าย ที่ผมรู้จักก็เพราะเคยพาแมวจรจัดที่เจ็บ ไปรักษาที่โรงพยาบาลของมหาลัยในช่วงที่พี่เขาฝึกอยู่ ก็เลยได้รู้จัก แต่ที่น่าจะบังเอิญกว่านั้นคือ พี่เนิร์สย้ายเข้าพักห้องเก่าที่หอของผม

   “ว่าแต่ พวกพี่ทำไมซื้อของเยอะกันจัง จะไปไหนกันเหรอครับ” รถเข็นที่พี่เทสจับ มีของแทบล้น แถมมีน่องไก่ที่ผมจองด้วย

   “พอดีจะไปค่ายต่างจังหวัด” พี่เนิร์สว่า ก่อนปรายตามองคนด้านหลังที่ส่งตาเขียวมาให้ “เทสมันเป็นพวกกินอะไรยาก เลยต้องซื้อติดไปด้วย”

   “อ๋อ”

   “เลิกนินทากูให้คนอื่นฟังได้แล้ว” เสียงเข้มดังมา พี่เนิร์สกลับหัวเราะไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ผมละความสนใจจากพี่เนิร์สแล้วหันไปมองคนโมโห “จ้องหน้ากูทำไม”

   “แมวตัวนั้นเป็นยังไงบ้างครับ สบายดีไหม” พี่เทสเป็นคนขอรับแมวตัวที่ผมเก็บมาไปเลี้ยง หล่อ ใจดี แต่ดุ คล้ายๆ คนที่ผมรู้จักเลย นิสัยแบบนี้

   “ก็ดี” พี่เทสตอบเสียงนิ่ง

   “อยากเห็น” ผมว่า ก่อนจะมีโทรศัพท์ยื่นมาตรงหน้า “ครับ?”

   “รูปแมว”

   “มึงก็เอาไอจีมึงให้น้องเขาไปสิ” พี่เนิร์สว่าออกมา ผมก็ตาวาวเลยทีนี้

   “เออๆ”

   พอได้เห็นแมวที่เคยเก็บมาก็นึกชอบ อยากเลี้ยงแต่กลัวพี่โชจะฆ่าเอา ไม่ใช่ฆ่าแมวนะ ฆ่าผมนี่แหละ ดังนั้น ขอรักแมวแบบ JPG ก็พอ ผมแยกกับพี่เนิร์สแล้วก็พี่เทสเพื่อกลับห้อง ไปถึงก็เจอพี่โชที่กลับมาก่อนนั่งกินแตงโมอยู่หน้าทีวี

   “ทำไมวันนี้กลับไว” ถามขณะวางถุงของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะ

   “งานเสร็จไว กลอยเถอะ ทำไมกลับช้า” ไม่ถามเปล่า ยังกวักมือเรียกผมเข้าไปหาอีก พอไปยืนก็ถูกดึงให้นั่งข้างๆ “ทูบอกวันนี้ยกเลิกคลาสไม่ใช่เหรอ”

   “ไอ้ทูบอก? พี่เจอมันตอนไหน”

   “พี่คุยโทรศัพท์กับไอ้เบ แล้วทูอยู่ด้วยพอดีก็เลยรู้”

   “กลอยแวะไปซื้อของสดเข้าห้องไง หมูก็หมด ไข่ก็หมด”

   “ไข่พี่ก็มีนะ ไม่มีวันหมดอายุด้วย”

   “ไข่พี่มันทอดไม่ได้ไง”

   “แต่กินได้”

   “ไม่พูดด้วยละ”


   รีบชิ่งหนีเมื่อถูกลวนลาม พี่โชแม่งเอามือผมไปจับของๆ ตัวเองเฉย เดี๋ยวนี้ชอบทำอะไรที่มันถึงเนื้อถึงตัวตลอด สงสัยจะทำงานหนักจนสมองเพี้ยน

   “กลอยไปฝึกงานกับพี่ไหม ที่บริษัทเปิดรับอยู่” คำถามที่ทำเอาผมหันขวับไปมอง “สนไหม”
 
   “ฝึกตำแหน่งอะไร แผนกไหนเหรอ” ลองถามดูเผื่อน่าสนใจ

   “ตำแหน่งเลขาส่วนตัวของพี่ไง” พอได้ยินผมก็ส่ายหน้ารัวๆ “อ่าว ไม่สนเหรอ”

   “พี่ก็มีเลขาตัวเองแล้ว อีกอย่าง กลอยไม่รู้เรื่องงานเลขา”

   “แล้วกลอยอยากไปฝึกที่ไหนล่ะ” เสียงเบากระซิบชิดใบหู แขนยาวรัดช่วงเอวคล้ายกับเชือกที่จะไม่มีวันปล่อยให้ผมไปไหน “พี่ไม่ให้ไปไกลจากพี่นะ”

   “กลอยก็กำลังหาอยู่” ตอบไปด้วย ย่นคอไปด้วย ถูกกอดไม่พอ ยังมาปลุกอารมณ์หื่นผมอีก “จักจี้” บอกเมื่อถูกคางที่มีไรหนวดเล็กซุกไซร้ตามซอกคอ “พี่โช กลอยไม่เล่น”

   “พี่ก็ไม่ได้จะเล่น” ใช่ครับ ไม่ได้เล่น เพราะมือสอดเข้ามาในเสื้อผมแล้ว “ไม่ได้กอดกลอยมาหลายวัน โคตรคิดถึง” กอดในที่นี่ คงไม่ใช่กอดแบบธรรมดาสินะ ผมพยายามดึงมือที่ลูบปลุกอารมณ์ออก ทั้งบนและล่าง ไม่ใช่รังเกียจ แต่ตัวผมเหม็นเหงื่อมาก แถมเหนียวตัวด้วย ตั้งแต่ตอนเดินไปคณะเภสัช แม้จะได้แอร์จากรถดับความร้อนมาแล้วก็เถอะ

   “ไปอาบน้ำก่อน” ยื่นคำขาด แต่ก็ได้เห็นปีศาจกระตุกยิ้มที่โคตรน่ากลัว

   “อาบพร้อมกัน ประหยัดน้ำดี”

   พูดจบ ตัวผมก็ถูกอุ้มพาดบ่า แม่งปีศาจเอาจริงเว้ยเฮ้ย ไม่รู้ไปโดนตัวอะไรมาถึงคึกขนาดนี้ หรือเพราะเราไม่ได้สวีทหวานแหววกันมาหลายวัน ก็ใครใช้ให้ทำงานหนักล่ะ ผมไม่ได้เป็นคนผิดเลยนะครับ

   สายน้ำอุ่นจากฝักบัวไหลลงสู่พื้นกระเบื้อง ไอร้อนทำเอาตู้กระจกขึ้นฝ้าจนมองไม่เห็นด้านนอก อันที่จริง ถึงแม้ฝ้าของไอน้ำไม่มี ผมก็มองไม่เห็นอยู่ดี เพราะสิ่งเดียวที่ผมเห็นตอนนี้คือหน้าขาวๆ ของพี่โช ที่ตอนนี้มีสีแดงระเรื่อ สายตาที่เคยดุกลับอ่อนโยนดูจริงจัง ริมฝีปากแดงจนผมอดที่จะยื่นหน้าไปจูบไม่ได้ แต่ก็เหมือนเพิ่มเชื้อไฟให้เผาผลาญตัวเองจนแทบมอดไหม้

   ทำตัวเองแท้ๆ ไอ้กลอย

   กว่าจะได้อาบน้ำจริงๆ ขาแข้งผมก็อ่อนไปหมด ต่างจากอีกคนที่ดูสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส ชอบนักที่ได้แกล้งผมเนี่ย พี่โชใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวเช็ดหัวผมจนแห้ง ก่อนจะทาแป้งให้ราวกับผมเป็นเด็ก คือถ้าจะทาเยอะขนาดนี้ แนะนำให้เปิดฝาแล้วเทแป้งจากหัวผมลงมาเลยดีกว่า

   “เอาไปทอดต่อเลยไหม” พูดเสียงเรียบๆ แต่พี่โชกลับหัวเราะออกมา
 
   “น่ารักจะตาย” ว่าแล้วก็เอาแป้งที่ฝ่ามือสองข้างมาโปะแก้มผมอีก

   “งั้นพี่ก็ทาบ้าง จะได้น่ารัก” ผมจะเอาคืน แต่ดันถูกมือยาวดันหัวไว้ แขนเลยคว้าอากาศไปมา “ขี้โกง” พี่โชเห็นผมหน้างอเลยดึงแขนตัวเองกลับ ได้ทีผมก็เอาแป้งโปะหน้าคืนบ้าง แต่คงจะเยอะไปหน่อย หน้าเลยขาววอกเหมือนตูดลิง

   “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม”

   “น่ารักจะตาย” ย้อนคำเดิม แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ โชคดีที่หลบทัน ไม่งั้นมีเจ็บตัวอีกแน่ ผมเดินออกมาแต่งตัว พลางเตรียมชุดนอนไว้ให้คนที่ยังล้างแป้งที่หน้าตัวเองในห้องน้ำ กระโดดขึ้นเตียงได้ สิ่งแรกที่ทำคือคว้าโทรศัพท์มากดดู “ไอ้เด็กนี่”

   หน้าเฟซบุ๊คเตือนคนกดถูกใจโพสของผม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแอคของไอ้เด็กขายถั่ว ผมพิมพ์ข้อความไปถามอีเข็มเพื่อนสนิท ว่าไอ้เด็กนี่ชื่ออะไร ก็ได้คำตอบมากกว่าชื่อ คือการกรี๊ดกร๊าดอย่างบ้าบอ ชักจะเพี้ยนหนักขึ้นทุกวันนะเพื่อนผม ได้ข้อมูลมานิดหน่อยก็กดเข้าไปดูอีกรอบ เห็นการบ่นขิงข่าของไอ้เด็กนี่ก็เฉยๆ ในเมื่อผมก็บ่นเหมือนกัน จะว่าไป คนติดตามมันโคตรเยอะ สงสัยจะหลงหน้าตาจืดๆ ช่วงกำลังจะกดปิด สายตาดันเห็นโพสคำย่อ ‘ก.ศิลป์’ พร้อมกับเพลง ยิ้มก็พอ เอาซะคนขี้เสือกอย่างผมอยากรู้ไปด้วยเหมือนคนอื่นๆ ที่พากันโพสถาม

   ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นหลังจากลองรีเฟรชดู ไอ้เจ้าของแอคนี้ลงรูปใหม่ ซึ่งผมคงจะไม่เดือดร้อนหากไม่ใช่รูปของผม แถมโคตรอุบาท มันถ่ายตอนผมแทะกระดูกไก่อย่างเมามัน ไอ้นี่ชักจะเกินเลยมากไปแล้ว ลงรูปแป๊บเดียว ยอดคนกดถูกใจก็ขึ้นรัวๆ พร้อมกับคอมเม้นของอีเข็มที่มาก่อนใครเพื่อนว่า ตลก เออสิ กูตลก ถ้ามันถ่ายกูตอนหล่อ กูก็จะหล่อ

   ว่าแล้วก็เปิดแมสเซนเจอร์เพื่อส่งข้อความไปหาไอ้เด็กขายถั่ว ผมพิมพ์ด่ามันไปเป็นชุด เอาให้กระอักเลือดตายไปข้างหนึ่ง ข้อหาแอบถ่ายรูปผมโดยไม่รับอนุญาต แต่เมื่อบ่าย ไอ้เด็กนี่นั่งกินตรงมุมไหนถึงได้ถ่ายรูปผมโคตรชัดแบบนี้ หรือเพราะผมมัวแต่สนใจไก่ย่างเลยไม่ได้มองวะ

   “ทำอะไรน่ะ” คำถามดังมาจากหน้าห้องน้ำ ผมรีบกดมาที่หน้าเพจตัวเองแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่พี่โชดูจะไม่ค่อยเชื่อ ผมเลยแกล้งอ้าปากหาว

   “ก็ดูอะไรไปเรื่อย กลอยง่วงแล้ว นอนก่อนนะ” ทำไมรู้สึกไม่ดีเลยวะ ไม่ได้อยากโกหกพี่โชหรอกนะ แต่เพราะไม่อยากมีเรื่องวุ่นวาย อีกอย่าง ไอ้เด็กนี่ก็ไม่ได้ยุ่งกับผมสักหน่อย พี่โชพยักหน้าส่งๆ พลางเดินไปปิดไฟแล้วสอดตัวเข้ามานอนในผ้าห่มผืนเดียวกับผม “ตัวหอม” ว่าแล้วก็งับคางที่อยู่ชิดหน้าตัวเองเบาๆ

   “ยั่วแบบนี้ ไม่อยากนอนหรือไง” คำถามติดขำทำเอาผมรีบหลับตา “รีบแกล้งหลับเชียวนะ”

   “ห้ามลักหลับด้วย” ตาปิดแต่ปากยังขยับ พี่โชถึงกับหัวเราะออกมา

   “พี่ชอบทำตอนมีสติมากกว่า ชอบฟังเสียงของเมียตัวเองคราง...”

   “หยุดหื่นแล้วนอนเลยนะ” ผมจุ๊บปากปิดประโยคปีศาจ ก่อนจะถูกจุ๊บคืน กลิ่นหอมจากตัวพี่โชเป็นยิ่งกว่ายานอนหลับ เพียงแค่ได้กลิ่นก็รู้สึกเคลิ้ม ผมขยับตัวซุกอกอุ่น เหมือนกับอีกคนที่โอบรัดตัวผมไว้แน่น แล้วผมก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา


       เสียงเตือนที่โทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เป็นสัญญาณบางอย่างที่ถูกส่งเข้ามา
       (ด่าผมเป็นชุดแบบนี้ กะไม่ให้ผมแก้ตัวเลยนะครับเนี่ย ใจร้ายจัง///ฝันดีครับพี่)


...TBC



การเจอกันของกลอย พี่เนิร์สกับพี่เทสจะอยู่ในพาร์ทตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บไซส์นะคะ แต่ก็จะประมาณนั้น กลอยเอาแมวไปหาหมอก็เลยเจอ

ขอโทษที่หายไปนานค่าา เพราะคอมตายสนิทนั่นเอง T^T ทำให้ต้องเสียเวลานาน ขอโทษจริงๆ ค่า (ก้มกราบ)
ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เลย ฮือออ ... แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา

ปล. ภาคนี้ พี่โชไม่นกแล้วนะคะ ฉายา โชนก จะหายไปแล้ววว -.,-
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 12-12-2018 21:42:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 12-12-2018 21:45:57
คล้ายๆกลอยปะเกรียนงานจะเข้า..  :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-12-2018 22:31:46
กลอย ช่างกล้า กลอยน่ะ ไม่มีอะไร
แต่คนอื่นเค้าอยากมีไง

โชได้เดือดอีกรอบแน่
แล้วจะยิ่งกว่าแม่ ตามเฝ้าตามจิกชัวร์

โดนเขม่นไปวันก่อน ยังอยากลองของ
โชต้องจัดให้บ้างละมั้ง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 12-12-2018 22:45:24
กลอยเอ้ยยยยย หนูคิดน้อยไปนะลูก

การปิดบังในเรื่องที่จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้คิดอะไรนี่ มันเหมือนการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆเลยะนะ ชอบตรงคนเขียนบอกด้วยนี่ล่ะว่ากลอยตั้งใจกดปิด

เข้าใจล่ะว่าเราคงคิดว่าน้องมันยังไม่ได้ทำอะไร แต่คนเราต้องรอให้มันทำหรือสร้างเรื่องก่อนหรอลูกกกกกก แล้วก็นะ เกรียนลูก คนไม่สนิทกันเค้าไม่ลงรูปหรือถ่ายรูปคนอื่นมาลงหรอก ทำขนาดนี้หนูก็น่าจะเอะใจหน่อยนา นี่ปีสุดท้ายแล้วหนาไม่ใช่เด็กน้อย(>//<)

แอบปวดหัวแทนพี่โชในอนาคต รู้สึกว่าคนทำงานเหนื่อยๆไม่น่าจะต้องมาวุ่นวายเพราะอะไรแบบนี้อีก เอ้าพี่โชสู้เด้อออออ

คิดถึงคนเขียนน้า ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอจ้ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-12-2018 22:56:07
เด็กขายถั่ว..เริ่มหึงแทนพี่โชแล้วนะ   :ling2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-12-2018 23:41:38
กลอยคิดน้อยไปเยอะเลยอ่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 13-12-2018 09:44:33
เพิ่งเห็นว่ากลอย 2 มาแล้ว  อ่านรวดเดียวเลย
ความเกรียนก็ยังมีอยู่แต่อาจจะลดลง ที่เพิ่งเติมคือ
ความรักของพี่โชกับกลอย อยากได้อย่างปีศาจสักคนรักเมียเวอร์
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-12-2018 14:58:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-12-2018 15:17:31
งานจะเข้ากลอยไหม่  ปิศาจยิ่งโคตรหวง​อยู่
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-12-2018 16:03:29
ไอ้เราก็นึกตั้งนานว่าทำไมต้องไอ้เด็กขายถั่ว  :laugh: กลอยก็ยังเป็นกลอยอ่าว่าแต่ระวังจะงานเข้านะจ๊ะกลอยจ๋า  o18
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 8 [P.3] [UP!!] [12/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-12-2018 22:39:09
กลอยเอ๊ยยย ถ้าพี่โชเห็นเสร็จแน่
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 20-12-2018 12:12:34

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 9





       “ไอ้เกรียน โหระพากับกะเพราต่างกันยังไงวะ” คำถามดังมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ วันหยุดของผมแท้ๆ คิดจะนอนกินบ้านกินเมืองสักหน่อย ดันถูกลากออกมาตลาดสดช่วงเที่ยงซะงั้น ขอพี่โชช่วยก็ไม่เคยได้ เพราะดันต้องยุ่งกับโปรแกรมใหม่เลยไม่สนใจผมเลย “ไอ้เกรียน”

   “พี่ก็ลองดมกลิ่นดูสิ”

   “กูไม่ใช่หมา”

   “เป็นคนก็ดมได้ หรือพี่ไม่มีจมูก” ด้วยความปากไว เลยถูกมือพิฆาตฟาดเข้าหัวจนแม่ค้าสะดุ้ง ชอบใช้ความรุนแรงเหมือนกันทั้งแก๊ง “กลิ่นมันจะไม่เหมือนกัน พี่ลองดมดู” ผมว่า

   “ยังไงวะ”

   ว่าแล้วผมก็หยิบผักสองกำให้พี่จอมดมดู ป้าคนขายแอบยิ้มเป็นกำลังใจให้ห่างๆ เพราะถ้าเมื่อกี้ไม่เห็นฝ่ามือพิฆาตไป ป้าแกก็คงอยากจะช่วย พอพี่จอมดมผักในมือขวาก็ย่นจมูก พอย้ายไปดมผักอีกข้างก็ยังย่นจมูก

   “ได้กลิ่นป่ะ มันต่างกัน”

   “ไม่เห็นจะต่าง กลิ่นแม่งเหมือนกันทั้งคู่” เกือบทำผักกาดขาวในมือร่วง ผมลองยื่นจมูกไปดมผักสองกำในมือพี่จอม จึงได้รู้ปัญหาว่าทำไมกลิ่นมันเหมือนกัน

   “โทษทีพี่ ผมหยิบโหระพาทั้งสองมัดเลย” ว่าเสร็จก็โยกหัวหลบมือเท่าไม่พายที่ฟาดลงมา ก่อนจะให้ป้าคนขายหยิบให้ พอพี่จอมดมก็พยักหน้าเพราะเริ่มรับรู้ถึงกลิ่นที่แตกต่าง “กลิ่นนี้กะเพรา กลิ่นนี้โหระพา” ผมว่า

   “เอาไปทั้งสองอย่างนั่นแหละ” พี่จอมสั่งเสร็จก็เอื้อมมือไปหยิบแครอท และด้วยความปากไวบวกกับอยากกวนตีนเลยแกล้งแซวไปแบบเบาๆ ก่อนวิ่งหนี

   “นั่นมันฟักทองหรือเปล่าพี่ ลองดมดูสิ”

   “ดมพ่อง นี่แครอทไอ้สัด ตากูมี กูเรียนหนังสือมาไม่ได้โง่”

   กวนพี่จอมก็สนุกไปอีกแบบ แต่ต้องมีทักษะในการหลบหลีกที่ดี ไม่งั้นอาจเละคามือ คาตีนได้ พอได้ผักที่ต้องการ เราทั้งคู่ก็ไปเลือกเนื้อสัตว์ พี่จอมอยากทำต้มยำกุ้ง แต่มายืนหน้าเขียงหมู แล้วถามหากุ้ง ยังดีที่ลุงคนขายแกใจดียิ้มแย้มก่อนชี้บอกร้าน นี่ถ้าเจอคนดุ มีหวัง ได้เห็นฤทธิ์มีดอีโต้บินแน่

   ได้กุ้ง ได้ผัก ได้เครื่องปรุงรวมทั้งหมู ที่พี่จอมย้อนไปช่วยซื้อ บอกเห็นแก่ความดีของลุง เป็นคนน้ำใจงามแต่มารยาทอาจทรามไปสักนิด

   “พี่ไม่คิดจะถือของช่วยผมเลยเหรอวะ” นี่แหละครับที่ต้องบ่น สองมือของผมหิ้วของพะรุงพะรังอย่างกับคนบ้าหอบฟาง

   “กูจ่ายตังค์จ้างมึงสอนไปแล้ว แพงกว่าโรงเรียนสอนทำอาหารซะอีก ไม่ต้องบ่น”

   “ห้าร้อยเนี่ยนะมากกว่า พี่ไปถามโรงเรียนไหนมา”

   ไม่มีคำตอบ พี่จอมแม่งเดินหนีไปเฉย ก่อนจะทำทีเป็นซื้อแอปเปิ้ลตีเนียนเปลี่ยนเรื่อง เอาซะผมต้องยอมใจ ไม่รู้พี่ซันทนอยู่ได้ยังไง หรือชินแล้วก็ไม่รู้

   ได้ของทุกอย่างครบก็ถึงเวลากลับ จุดหมายคือคอนโดของพี่จอมครับ ตอนแรกพี่โชไม่ยอมที่จะให้ผมมาสอนที่อื่น แต่พอเจอลูกตีเนียนตีมึนเลยต้องยกธงขาว คล้ายๆ กับผมเมื่อกี้เลยเหอะ คนอยากเรียนทำอาหารขับรถผิวปากอย่างอารมณ์ดี ต่างจากผมที่จับเบาะแน่น ความเร็วทางตรงตอนนี้เรียกได้ว่าเหยียบไม่ยั้ง ไม่แปลกใจทำไมพี่ซันถึงบ่นว่ามีใบค่าปรับจนล้นห้อง

   กว่าจะถึงคอนโด ผมก็เกือบหัวใจวายตาย ตอนเลี้ยวจะเข้าปากซอยเมื่อกี้ มีมอเตอร์ไซค์พุ่งออกมา พี่จอมไม่มีเหยียบเบรกสักนิด แถมพี่แกยังบีบแตรลากยาวเปิดกระจกออกไปด่าอีก นี่ถ้ามอเตอร์ไซค์หัวร้อน อาจมีสงครามปากซอยเกิดขึ้น

   “ไอ้เกรียน แน่ใจนะว่าไม่ลืมซื้ออะไร” คำถามดังขณะลิฟต์ทยายขึ้นชั้นบน

   “ก็ซื้อตามที่จดหมดแล้ว ไม่น่าขาดละมั้ง” ไม่มีเวลาสำรวจพูดเลย ในมือผมตอนนี้มีอะไรบ้างยังไม่รู้เลย รู้อย่างเดียวคือ โคตรหนัก

   ถึงห้องปุ๊บ คนด้านในก็รีบเปิดประตู พี่ซันโบกมือทักทายผม ก่อนปรี่เข้ามาช่วยยกของ และไม่ลืมปรายตามองพี่จอมที่ไม่ยอมทำอะไร เข้าห้องได้ก็พุ่งไปเปิดตู้หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม

   “มึงไม่คิดจะช่วยน้องมันถือเหรอ” พี่ซันเริ่มบ่น

   “ก็กูจ่ายเงินจ้างมัน” พี่จอมเถียง ผมรีบแตะแขนพี่ซันที่กำลังจะอ้าปากขัดอีก “รีบๆ เรียน เดี๋ยวไอ้โชมารับไว กูจะทำกับข้าวไม่เสร็จเหมือนคราวนั้น”

   พี่ซันได้แต่ถอนหายใจ ส่วนผมก็ต้องรีบเข้าไปช่วย ก่อนที่กุ้งจะเละคามือ ผมสาธิตการแกะเปลือกกับเลาะเอาขี้กุ้งออกให้ดูเป็นรอบที่สิบ พอพี่จอมเริ่มทำถนัดมือ กุ้งก็เริ่มเป็นตัวมากขึ้น พี่ซันยังคงไม่ไปไหน ยังเกาะติดสถานการณ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมว่าน่าจะอยู่คอยระวังไม่ให้ไฟไหม้ห้องมากกว่า เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่จอมหิวเลยเปิดเตาต้มบะหมี่ แล้วปวดขี้กะทันหัน ออกห้องน้ำมาก็ดันลืมเลยไปนอนดูทีวี หม้อต้มบะหมี่น้ำแห้งจนกลิ่นออก พอดีพี่ซันกลับมาจากข้างนอกได้กลิ่นไหม้ เลยปิดเตาทัน โคตรโชคดี

   “พี่จะทำน้ำข้นหรือน้ำใส” ถามไป มือก็ล้างเห็ดไป ต้มยำกุ้งใส่เห็ดหูหนู เพิ่งเคยเห็นก็คราวนี้

   “น้ำไหนอร่อยกว่าก็อันนั้นนั่นแหละ” คนตอบไม่ได้สนใจผมสักเท่าไหร่ เพราะพี่จอมกำลังแกะหอยนางรมเพื่อเตรียมใส่ในต้มยำด้วย “ไอ้เกรียน ถ้าเราลวกหอยแครงใส่ด้วย มึงว่าจะอร่อยไหมวะ”

   “อร่อยหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ พี่อาจได้ไปนอนในห้องน้ำ” ผมตอบตามความจริง แค่เครื่องที่จะใส่ก็แปลกกว่าสูตรของชาวบ้านไปไกล มีทั้งฟักทอง แครอท สารพัดมะเขือ แถมใส่สาหร่ายคอมบุกับสาหร่ายพวงอีก ดีที่ผมแอบหยิบมายองเนสออก แทบจะคิดหารสชาติต้มยำกุ้งไม่ออกเลยจริงๆ 

   “มึงมันหัวโบราญ ไม่รู้จักอาหารไทยฟิวชั่นเหรอวะ มันต้องประยุกต์ของที่มี”

   “ถ้าพี่คิดว่ามันคือฟิวชั่นก็ตามนั้น” พยักหน้าตามคนอยากทำไป เอาตามที่พี่จอมสบายใจแล้วกัน ส่วนจะกินได้หรือไม่นั้น ให้ดวงทำนายกัน

   เตรียมวัตถุดิบทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาทำ ผมยืนติดตัวคนหน้าเตา บอกรายละเอียดและขั้นตอนว่าอะไรใส่ก่อนใส่หลัง หลายครั้งต้องรีบห้ามเมื่อพี่จอมอยากจะปรับสูตรเอง อย่างเช่น จะเอานมข้นหวานมาเทใส่แทนนมข้นจืด พี่บ้าไปแล้ว

   หลังจากปรุงเสร็จสรรพก็ถึงเวลาชิม แน่นอนว่าผมให้คนทำเป็นคนชิมคนแรก พี่จอมชิมไป ยิ้มไป ดูภูมิใจในฝีมือ ก่อนเจ้าตัวจะตักไปให้พี่ซันชิมบ้าง แม้สีหน้าหลังจากชิมน้ำต้มยำจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็มีรอยยิ้มบางๆ ส่งให้คนตั้งใจทำ

   “มึงลองชิมดิ๊ไอ้เกรียน”

   “ผมจะท้องเสียอีกไหม”

   “อย่าป๊อดไอ้ห่า”

   ผมค่อยๆ ตักน้ำต้มยำน้ำข้นมาชิม ทันทีที่เอาเข้าปาก รสแรกที่ลิ้นได้สัมผัสคือความเผ็ด ต่อมาคือเค็มตาม แล้วก็แค่นั้น
 
   “เผ็ดว่ะพี่” ผมไอค่อกแค่กบอก พี่ซันรีบพยักหน้าเห็นด้วย

   “กูว่าเฉยๆ นะ” แล้วพี่จอมก็ตักมาชิมอีกรอบ คราวนี้ตักแบบเน้นๆ จนเจ้าตัวรีบบ้วนออกมาที่ช้อนตามเดิม “แม่งเผ็ดสัด มึงปรุงยังไงวะไอ้เกรียน”

   โยนขี้ให้กันเฉย

   “พี่ปรุงเอง มาโทษผมได้ไง”
 
   เงียบ ไร้การตอบสนองใดๆ เพราะตัวเองทำจริง ผมขยับเบียดพี่จอมแล้วปรุงใหม่ เพิ่มน้ำตาลสักนิด น้ำมะนาวสักหน่อย ปรับเบสของรสชาติ ชิมไป ปรับไปจนเริ่มดีขึ้น คราวนี้ผมลองให้เจ้าของห้องชิม ดูจะเป็นที่น่าพอใจมากทีเดียวเพราะเห็นจ้วงกุ้งเข้าปากไปด้วย

   “มึงทำยังไงวะ” ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ก็ยืนดูผมนะ

   “พี่ก็ต้องค่อยๆ ปรุง ไม่ใช่ใส่ตามอารมณ์ อย่างเมื่อกี้ผมบอกว่าพริกเผามันเยอะแล้ว พี่ยังใส่พริกป่นเพิ่มอีกตั้งสามช้อน ทุกอย่างมันต้องพอดี” ปากก็พูด มือก็คนน้ำแกง

   “ยุ่งยากชิป” คนเรียนเริ่มบ่น แต่สายตาพี่จอมก็ยังดูจะสู้ ผมรู้ว่าที่พี่จอมอยากทำกับข้าวเป็น ก็เพราะอยากทำไว้ให้พี่ซันเวลาที่กลับมาจากข้างนอก

   เห็นปากเสีย นิสัยทรามแบบนั้น แต่ก็โรแมนติกเป็นนะครับนั่น

   “ทำไข่ข้นด้วย ผมว่าน่าจะเข้ากัน”

   “ทำยังไงวะ”

   ได้ทีเลยใช้ให้หยิบไข่ไก่ในตู้เย็น แม้จะมีอาการฟึดฟัดบ้าง แต่ก็ยอมไปหยิบ ผมตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกไปนิดๆ แล้วยืนรอให้ร้อน พี่จอมมาอยู่ชิดจ้องตาไม่กระพริบ


   “มึงจะสิงเมียกูหรือไงวะ” เสียงนิ่งๆ ดังมาจากด้านหลัง เจ้าของเสียงปรี่เข้ามาดึงเพื่อนตัวเองให้ออกห่าง
 
   “มาถึงโรคลมขี้หึงก็กำเริบเลยนะมึง” พี่จอมบ่นพลางสะบัดตัวออกจากมือของพี่โช

   “เขามีแต่ลมบ้าหมูไม่ใช่เหรอพี่” ผมก็บ้าจี้ถามกลับ คราวนี้ทุกคนพากันหัวเราะกันหมด มันตลกตรงไหน 

   “เสร็จยัง ค่ำแล้วนะจะได้กลับ” พี่โชถามขณะยืดคอมองไปในหม้อที่ผมเพิ่งปิดไฟเตาทั้งสองฝั่ง “ต้มยำเหรอ”

   “มึงลองชิมดู กูทำเอง อร่อยสุด” พี่จอมเดินมาเบียดผม ก่อนจะรีบกุลีกุจอหาช้อน หาถ้วยตักต้มยำกุ้งให้เพื่อนตัวเองลองชิม พี่โชรับไปด้วยความชั่งใจ คงกลัวรสชาติล่ะสิ แต่พอตักเข้าปาก สีหน้าแววตาก็เป็นประกาย “ไง อร่อยใช่ป่ะ?”

   “เออว่ะ มึงเก่งนะเนี่ย” พี่โชยกนิ้วโป้งให้เพื่อน คนถูกชมยิ้มหน้าบาน ก่อนจะเขวี้ยงผ้าเช็ดมือใส่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดที่เคลมความเก่ง

   “กลอยปรุงใหม่ต่างหาก เมื่อกี้อย่างกับต้มยำพริกเกลือ” พี่ซันขำไป หลบตีนพี่จอมไป

   “ไม่ช่วยก็อยู่เฉยๆ ไอ้เชี่ยนี่ปากวอนตีนตลอด” พี่จอมชี้หน้าใส่ แต่คนโดนไม่ได้เกรงกลัว ยังหัวเราะต่อได้อีก

   “ปากวอนตีนจริงๆ เหรอ กูว่าวอนอย่างอื่นมากกว่ามั้ง” พี่โชทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ แถมพูดกำกวม เอาซะผมตีหน้ามึนอย่างไม่เข้าใจ

   “ปากของกู จะวอนอะไรมันก็เรื่องของกู ส่วนปากมึง เก็บเอาไว้คาบหนอนไอ้เกรียนเถอะไอ้สัดโช” จากที่ผมขำๆ อยู่ถึงกับหยุด มือยกกุมเป้าตัวเองอัตโนมัติ
 

   ต่ำตมไม่หยุด


   “ของผมไม่ใช่หนอนเถอะ” ขอเถียงหน่อย

   “แต่ก็เล็กกว่ากู” พี่จอมว่า เอาผมตาโต

   “พี่รู้ได้ไง”

   “งั้นมึงก็ถอดกางเกงสิ เอามาสู้กัน ว่าใครหนอนในมังกร”

   แม่ง พี่จอมทำท่าจะปลดกางเกงตัวเองจริงๆ ยังดีที่พี่ซันโผเข้าไปจับไว้ทัน ส่วนพี่โชดึงผมไปยืนซ้อนหลังคล้ายกับจะปกป้อง หากไม่มีประโยคนี้ตามหลังมา

   “ของเมียกู จะหนอน จะมังกือ กูก็เห็นได้คนเดียว” ผมสะกิดพี่โชยิกๆ คนด้านหน้ายิ้มส่งกลับมา แต่คือผมไม่ได้จะขอบคุณไง จะขัดตรงที่หาว่ากลอยน้อยของผมเป็นหนอนมากกว่า


   หยามหน้าตาไม่หล่อได้ แต่กลอยน้อยของผมหยามไม่ได้นะเออ


   กว่าจะหยุดกวนกันไปมา ต้มยำกุ้งก็เกือบเย็น พี่จอมตักแกงที่ตัวเองทำใส่ถ้วย ส่วนผมกลับมาทอดไข่ข้นใหม่ ใช้เวลาไม่นานกระทะก็ร้อน ผมตีไข่ในถ้วย ปรุงพริกไทยกับเกลือก่อนเทใส่กระทะ พี่จอมรีบปรี่เข้ามายืนดู พลางถามนั่นนี่ด้วยความอยากรู้ ผมเลยยกตะหลิวให้ แม้จะแอบลุ้นกลัวไข่ไหม้ แต่หน้าตาที่ได้ก็ไม่ได้แย่ แม้ไข่ข้นจะกลายเป็นไข่เจียวแห้งๆ โดยสมบูรณ์แบบก็ตาม

   ตอนแรกพี่โชไม่อยากจะอยู่กินข้าวด้วย แต่พอได้กลิ่นหอมๆ กระเพาะก็ร้อง พวกเราเลยนั่งล้อมวงกินข้าว พี่โชมองเห็ดหูหนูในถ้วยอย่างงงๆ แต่ก็เอาเข้าปาก มีลูกชิ้นปลาเก่าๆ ที่ค้างตู้เย็นด้วย คนนั้นตัก คนนี้ตัก กับข้าวสองอย่างก็หมด ผมยกจานไปวางในซิงค์น้ำเพื่อให้เจ้าของห้องล้างเอง พอออกมาเห็นพวกพี่ๆ นั่งคุยกันเงียบๆ


   “คุยอะไรกันเหรอ” มีพิรุธว่ะ พอผมมา สามคนก็รีบปรับสีหน้า แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “อะไรเหรอ” นั่งข้างพี่โชแล้วถามอีกรอบ คนถูกถามส่ายหน้าช้าๆ พลางส่งยิ้มมาให้

   “ไม่มีอะไร คุยเรื่อยเปื่อย” แม้พี่โชจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่เชื่อ “จริงๆ”

   “คุยเรื่องเรียนพี่น่ะ” พี่ซันรีบเสริม ผมเลยพยักหน้าส่งๆ ไป

   “จะว่าไป อาทิตย์หน้ากูอยากทำผัดไทกุ้งสด” พี่จอมแทรกขึ้นมาอีก ผมเลยละสายตาจากหน้าพี่โชไปมอง “มาเร็วๆ ด้วยล่ะ อย่าอืดอาดเพราะกูขี้เกียจไปรับ แล้วเดี๋ยวไอ้โชจะมาขัดอีก”

   “บอกตัวมึงเถอะ ทำอะไรช้าเอง” พี่โชแย้ง

   “เมียมึงนั่นแหละช้า”

   “มึงนั่นแหละ”

   “พอๆ” พี่ซันทนไม่ไหวรีบห้าม ก่อนจะยกมือไหว้พี่โชให้ออกจากห้อง เพราะพี่จอมไม่ยอมหยุดถลึงตา เผลอๆ ตาจะหลุดออกจากเบ้าแล้วมั้งนั่น “ไว้เจอกันนะน้องกลอย”

   ผมรีบดึงพี่โชที่ยังชี้หน้าใส่เพื่อนตัวเอง คู่นี้กัดกันไม่หยุดจริงๆ ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะเป็นคู่หูพากันไปตีชาวบ้านแท้ๆ ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ตลอดทางจนถึงรถ พี่โชก็ยังบ่นนิสัยเพื่อนตัวเองไม่หยุดปาก

   “พี่บ่นพี่จอมไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา” ผมว่าอย่างเอือมๆ ขนาดพี่ซันนอนเตียงเดียวกันพี่จอมยังไม่เคยจะเชื่อฟังเลย คนนอกแม้จะเป็นเพื่อนซี้ก็อย่าหวัง

   “เข้าข้างมันเหรอ” มาพาลใส่ผมอีก

   “ไม่เข้าได้ข้างเลย ประโยคไหน คำไหนที่ว่าเข้าข้าง” รีบเถียง พี่โชหน้างอก่อนจะสตาร์ทรถ และก่อนที่ผมจะง้อคนแก่ขี้น้อยใจ เสียงข้อความในโทรศัพท์ก็ดัง ผมเลยเลือกที่จะหยิบออกมาดู เผื่อจะเป็นคอมเม้นตลกๆ จากเจ้าของรูป ผมแอบถ่ายรูปพี่จอมตอนตั้งใจทำไข่ข้น ผมว่าก็ไม่ได้แย่นะ หน้าตาของไข่จานนั้น

   “เสียงอะไร” คนขับรถที่ตามองทาง แต่ก็ยังอยากรู้

   “ไม่มีอะไร แค่ข้อความธรรมดาๆ คนมากดไลค์คนฮอต” รีบพูดกลบเกลื่อนให้ตลก ผมรีบยักโทรศัพท์ตัวเองใส่กระเป๋าแล้วทำตัวให้เป็นปกติสุข พี่โชหันมามองนิดๆ ก่อนหันไปมองทางตามเดิม

   “แค่นั้น?” น้ำเสียงนิ่งๆ ที่ทำเอาผมลอบกลืนน้ำลาย

   “อืม”

   จะให้บอกพี่ได้ไง ว่าไอ้เด็กขายถั่วมันส่งรูปแก้วเหล้ายั่วผ่านข้อความในเฟซบุ๊ก ตามจริงผมกับไอ้เด็กนั่นไม่ได้สนิทกันเลย หรือมันจะส่งผิดวะ? ทั้งที่ผมด่ามันสารพัด แต่มันก็ยังทักมา หลายครั้งผมถึงกับต้องปิดเสียงโทรศัพท์ กลัวว่าพี่โชจะสงสัย

   แล้วทำไมผมต้องกลัวพี่โชด้วยวะ ในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ถ้าลักลอบเล่นชู้ค่อยคิดกลัวสิ

   พอกลับมาถึงห้อง ผมก็เก็บผ้าในตะกร้าไปซัก ที่จริงแค่เอาไปใส่เครื่องซักผ้าแค่นั้น แต่ด้วยความที่ตัวเหม็นเลยอาบน้ำไปด้วยเลย ออกมาเห็นพี่โชนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปที่โต๊ะหนังสือ
 
   “ดูอะไร” ถามไป เช็ดผมเปียกไป

   “หนังโป้” น้ำเสียงนิ่งมากจนผมรีบขยับเข้าไปหา

   “จริงป่ะ เจ้าไหน ค่ายไหน” ถามยังไม่ทันขาดคำ ฝ่ามือก็ฟาดเข้าเต็มหัว “เจ็บนะเนี่ย”

   “น้อยๆ หน่อย ผัวมึงนั่งอยู่ตรงหน้า ยังกล้าถามหาหนังโป้อีก”

   “ก็พี่บอกดูหนังโป้เองอะ” ลูบหัวป้อยๆ ทำหน้างอ พี่โชยังหน้านิ่งไม่สนแม้ผมจะใช้หัวทุยที่เปียกถูไถที่บ่า “พี่โชอย่าโกรธสิ” ยังไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ “พี่โชครับ หายโกรธกลอยหน่อยนะครับ เดี๋ยวเต้นเพลงเต่างอยดู”

   “เพลงช้าง”

   “หา?”

   “เต้นเพลงช้างแล้วโชว์หนอนแบบชินจังสิ พี่ถึงจะหาย”

   “งั้นก็โกรธต่อไป” สะบัดหน้าจนคอแทบเคล็ด แต่ก้าวขาได้แค่ก้าวเดียว แขนก็ถูกดึงจากด้านหลังจนเซลงนั่งบนตักนุ่ม พี่โชวางคางลงที่ไหล่ของผม ลมหายใจอ่อนๆ เป่ารดที่ต้นคอ “พี่เป็นอะไร ยังโมโหพี่จอมเหรอ”

   “เปล่า”

   “งั้นวัยทอง?”

   “พี่ยังไม่แก่ขนาดนั้น”

   “แล้วพี่เป็นอะไร ใครแกล้งบอกกลอยมา เดี๋ยวกลอยไปกระทืบให้”

   “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”

   รีบขยับตัวหนีเมื่อถูกงับเข้าต้นคอ แขนสองข้างที่รัดเอวเพิ่มแรงจนผมต้องเอี้ยวคอไปมองคนด้านหลัง พี่โชหลับตาเลยไม่ได้เห็นว่าสายตาเป็นยังไง

   “ง่วงก็ไปอาบน้ำ”

   “แล้วถ้า...” ผมรีบตีมือที่ลูบต้นขาลามไปหากลอยน้อย
 
   “ถ้าหื่นก็ไปอาบน้ำเหมือนกัน”
 
   “คนเรานี่นะ”

   พี่โชหัวเราะออกมาก่อนจะอุ้มผมจนขาลอยไปทิ้งบนเตียง ขอย้ำว่าทิ้ง เล่นเอาจุกจนตัวงอ

   “คนเรานี่นะ” ก็อบประโยคคนโยนจนโดนถีบปลีน่อง พี่โชเดินส่ายหน้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ผมชะเง้อคอมองดูเห็นว่าปิดประตูสนิทก็รีบเอาโทรศัพท์ตัวเองที่วางหัวเตียงมาเปิดดู ข้อความแชทของไอ้เด็กไบร์ทขายถั่วยังถูกส่งมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีการตอบจากผม แน่ล่ะ ด่าไปมันก็ยังไม่หยุด ผมเลยเลือกที่จะเงียบใส่แทน

   มันต้องการอะไรจากผมวะ หรือเหงา? เห็นผมเป็นศาลาคนเศร้าหรืออย่างไรกัน

   ลองกดเข้าไปดูหน้าส่วนตัวของมัน ข้อความบ่นเรื่องเรียน เรื่องงานเต็มไปหมด เห็นเพื่อนตัวเองอย่างอีเข็มเข้ามาคอมเม้นตลอด ทีกับเพื่อนกดไลค์ยังไม่เคย นี่กับผู้ชายอื่นขยันจริง มีหยอดอีก สงสัยจะหวังผล แต่ที่น่าสนใจในการตอบของอีเข็มคือ ไอ้เด็กขายถั่วโพสลอยๆ ว่าลูกชิ้นหรือไอศกรีม เพื่อนผมดันโพสตอบว่าลูกชิ้น ก็ไม่เข้าใจหรอก เพียงแค่อยากเสือกแค่นั้น เพราะถ้าให้ผมเลือก ผมก็เลือกลูกชิ้น

   เสียงเครื่องซักผ้าดังเตือนว่าใกล้จะเสร็จ ผมรีบวางโทรศัพท์ตัวเองแล้วเดินไปดู พอดีกับพี่โชเดินออกจากห้องน้ำ สายตาดุจ้องมาเพียงแวบเดียว ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูบังหน้าตัวเองไว้

   ทำไมรู้สึกหนาวไปถึงไขสันหลังวะ

   ยืนรอเครื่องซักผ้าอีกไม่นานก็ดึงเอาผ้าออกไปตากที่ระเบียง เข้ามาพี่โชก็นอนหลับบนเตียงไปแล้ว ทั้งที่หัวยังเปียกอยู่แท้ๆ ผมกุลีกุจอหยิบไดร์เป่าผมไปเป่าให้ พลางดึงคนตาปิดให้ลุกมานั่ง

   นี่แฟนหรือลูกวะครับ

   พอเป่าผมจนแห้ง ก็คิดจะเดินเอาไดร์ไปเก็บ แต่มือพี่โชดึงข้อมือเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างแตะที่หน้าผากตัวเองทั้งที่ตายังปิด ผมขำท่าทางแบบเด็กน้อย แต่ก็ก้มลงไปจุ๊บหน้าผากพี่โชย้ำๆ หลายที
 
   “น้ำลายว่ะ” แม้จะบ่นแต่ปากก็ติดรอยยิ้มกว้าง

   “กี่ขวบแล้วเรา” แกล้งถามไปงั้น แต่พี่โชดันยกมือขึ้นมาชูเก้านิ้ว “เก้าขวบเหรอ”

   “ของพี่เก้านิ้วต่างหาก”

   “นอนไปเลย”

   คราวนี้คนหลับตาค่อยๆ ปรือตาขึ้น พี่โชดึงผมที่ล้มตัวนอนให้ไปชิดตัว โดยสอดท่อนแขนมาให้ผมหนุน

   “จำที่เราเคยสัญญา ว่าจะไม่มีความลับต่อกันได้ไหม” คำถามที่ทำเอาผมตาเหลือก “มีอะไรที่พี่ต้องรู้ แต่กลอยไม่ได้บอกไหม”

   “ไม่มี” รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ เมื่อสบตากับแววตาดุ “เรื่องที่ฝึกงาน กลอยอยากไปฝึกต่างจังหวัด” พูดจบก็ถูกดีดหน้าผากดังปัก

   “บอกแล้วไง ว่าไม่ให้ไปไกล” เสียงเข้มดังอยู่ข้างหู ผมขยับไปกอดคนตัวอุ่นพลางซบหน้าที่อกกว้าง “พี่เป็นห่วง ไปอยู่ไกลแบบนั้น จะกินจะนอนยังไง กลอยยิ่งเป็นคนเข้ากับคนง่ายอีก”

   “เข้ากับคนง่ายมันก็ดีไม่ใช่เหรอ”

   “ไอ้ดีมันก็ใช่ แต่เหมือนไปอ่อยคนอื่นมากกว่า” แทบหลุดขำเลยผม พี่โชหน้างอคล้ายกับเด็กเอาแต่ใจ “ทำไมชอบไปอ่อยคนอื่นนักฮะ อยู่เฉยๆ ไม่เป็นหรือไง”

   “ก็คนมันหน้าตาดี” รีบยิ้มกริ่มก่อนจะถูกบีบจมูก

   “อย่าอ่อยเรี่ยราด พี่ยังไม่อยากฆ่าคนตาย” แอบสะดุ้งเหมือนกันกับประโยคนี้ แต่ผมไม่ได้มีใครอื่นนี่หว่า

   “รู้ว่าฉายาตีนโหดไม่ได้มาเพราะฟลุ๊กหรือโชค” พยายามแถไปเรื่องอื่น พี่โชเค้นเสียงขำในลำคอเบาๆ คงรู้ว่าผมกำลังเปลี่ยนเรื่อง “กลอยไม่เคยอ่อยคนอื่นพี่โชก็รู้” รีบบอกเสียงอ่อน

   “ก็ดี เพราะถ้าอ่อย พี่จะฝังชิปในตัวกลอยไว้กันหนี”

   “ฝังชิปนั่นมันหมาไม่ใช่เหรอ” เพราะหมาบ้านพี่แทมฝังชิปทุกตัว “พี่เห็นกลอยเป็นหมาเหรอ”

   “จะหมาจะคน พี่ก็รัก”

   “ถ้ากลอยเป็นหมา พี่ก็หมา เพราะเราคุยกันรู้เรื่อง”

   “หมาก็ได้ ถ้ากลอยอยากให้พี่เป็น”

   “ต้องเขินไหมแบบนี้”

   “ไม่เขินแล้วมั้ง ด้านขนาดนี้”

   “พี่โช”

   ด่าเสร็จก็หัวเราะเสียงดังจนน่าถีบ แต่ติดตรงที่โดนขาหนักๆ พาดเอาไว้อย่างรู้ทัน ในเมื่อขาไม่ได้ มือก็ได้วะ ผมบิดหัวนมพี่โชไปจนเจ้าของร่างโอดโอย ก่อนคนเจ็บจะใช้แขนข้างที่สอดมาใต้คอผมตวัดล็อกจนหน้าหงาย

   นี่คือการออกกำลังกายบนเตียงอย่างหนึ่ง ความหวานอย่างแต่ก่อนไม่ค่อยมี จะมีก็คือความโหด เถื่อนที่มาพร้อมการเจ็บตัว

   “พี่โช ยอมแล้วๆ”

   และสุดท้ายผมต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกที โคตรไม่ยุติธรรม คอยดูเถอะ ถ้าผมมีค้อนของเทพเจ้าธอร์เมื่อไหร่ พี่โชแพ้ผมแน่นอน

   “ต่อไปอย่าหือกับพี่นะไอ้น้อง เรามันกระดูกคนละเบอร์” มีอวดตัวไปอีกว่ะ ผมเบ้ปากยกมือนวดคอตัวเองเบาๆ ไม่รู้เคล็ดหรือเปล่า “ไหนดูหน่อย เจ็บไหม”

   “เจ็บสิถามได้ ไม่ผ่อนแรงบ้างเลย เกิดกลอยตายไปทำไง”

   “ก็ทำศพไง ไม่ยาก”

   ผมตอบแทนประโยคง่ายๆ ของพี่โชด้วยการใช้หัวโหม่ง ผลคือเลือดทะลักไหลออกจากจมูกพี่โชอย่างน่ากลัว คืนนี้คงไม่ได้หลับกันง่ายๆ แน่

   “กลอยขอโทษ”

   “ไอ่อ้องอูดเอย” (ไม่ต้องพูดเลย) เสียงอู้อี้ตอบในขณะที่เจ้าตัวยังต้องเงยหน้าใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก

   กว่าเลือดจะหยุดไหลก็นานหลายนาที ผมยังยกมือขอโทษปลกๆ จนพี่โชดึงให้นอนแล้วกอด นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ผมทำให้พี่โชเลือดออกเยอะขนาดนี้ ปกติก็มีบ้างแบบซิปๆ จากรอยเล็บข่วน...ไม่ใช่เล็บข่วนขณะฟิชเชอริ่งกัน ทุกคนอย่าทำจมูกบาน รอยเล็บที่ว่าก็ช่วงดึงแขนบ้าง ลากแขนบ้างโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละ

   “เรื่องบางเรื่อง กลอยอาจคิดว่ามันเล็กน้อย แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่ กลอยเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” คำถามดังมาจากคนนอนหลับตาข้างๆ ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นคางมนมีไรหนวดขึ้นบางๆ ผมรู้ว่าพี่โชเป็นห่วงผมในทุกๆ เรื่อง แต่บางที บางเรื่อง มันก็ไม่ควรเอาเก็บมานั่งคิด นั่งพูดกัน เพราะมันอาจไม่มีผลอะไรต่อชีวิตส่วนตัวของเรา

   “กลอยเข้าใจ” ตอบออกไปพลางยกขาพาดน่องของพี่โช มือก็โอบรอบเอวคนตัวอุ่นแน่น พอได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยตาก็ค่อยๆ ปรือจนปิดสนิท แต่หูเหมือนจะได้ยินเสียงพี่โชพูดประโยคที่แสนบางบางจนจำไม่ได้ในยามตื่น


   ‘เข้าใจแต่ไม่ยอมทำ’ 


...TBC

มาแล้วค่าาาาา ก้มกราบขอโทษทุกคนอีกตามเคย อย่าเพิ่งเบื่อหรือหนีหายไปนะคะ ได้โปรดดด (อ้อนวอนด้วยสายตาอันละห้อยสร้อย) (-/l\-)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 20-12-2018 12:57:31
เข้าใจกลอยนะ
แต่ก็ต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่ารำคาญหนูอยู่มากเหมือนกัน(>//<)

คนเราถ้าลองใช้ชีวิตคู่กันแล้ว
มันไม่มีหรอกเรื่องของเราที่เกี่ยวแค่เรา
หรือเรื่องของเขาที่เกี่ยวแค่เขา
มันเป็น "เรื่องของเรา" ไปเสียทุกอย่างนั่นล่ะ

บางเรื่อง เราอาจไม่ให้ความสำคัญ
แต่ถ้าคนที่เรารักเค้า Concern เรื่องนี้
เราก็ต้องใส่ใจ ถ้าเรารักที่จะอยู่ด้วยกัน

การปิดบังแม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ
มันไม่ควรให้เกิดขึ้น
เพราะมันกัดกร่อนความเชื่อใจ
ซึ่งจำเป็นอย่างมากในชีวิตคู่

กลอยเองไม่ใช่ไม่รู้นะ
แต่ใจจะดื้อแพ่งในแบบของตัวเองก็เข้าใจล่ะ
ก็ได้แต่รอวันที่หนูจะโตขึ้นนะคะ

เอาใจช่วยพี่โช ให้จัดการได้ไวไว
มั่นใจว่าจะต้องทำได้ดี
และดีกว่าเดิมเพราะพี่โชโตเป็นผู้บริหารแล้วเนอะ
ชอบมากที่พี่โชเป็นพระเอกที่ฉลาด
เพราะนี่เบื่อเรื่องที่พระเอกไม่ค่อยฉลาดมากค่ะ แหะๆ

ส่วนไอ้เจ้าเด็กขายถั่วนี่
บอกตรงๆพี่ไม่ชอบเราเลย
คือนี่เป็นพวกไม่ชอบยุ่งกับของคนอื่น
และถ้าจะสนใจใครก็ต้องดูอย่างดี
ว่าเค้ามีเจ้าของหรือไม่ ไม่ลุยดุ่มๆท่าเดียวแน่ๆ
การยุ่งกับคนมีเจ้าของ ไม่ท้าทายใดใดสำหรับเราเลย กลับน่ารังเกียจด้วยซ้ำ

บอกตามตรงว่ากลัวเหมือนกันที่จะกดเข้ามาอ่าน
เพราะอินค่ะ ดันเข้าใจพี่โชเลยแบบเฮ่อออ
ไม่อยากเข้ามาแล้วยิ้มได้ไม่เต็มแก้มแถมคิ้วขมวด
แต่ก็อดใจไม่ไหว ชอบเรื่องนี้และการเขียนของคุณคนเขียนมาก เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
แต่งดีทั้งเนื้อเรื่องและภาษา ทำให้เราอินได้ตลอดเลย

ไม่รู้จะได้เจอกันอีกรอบก่อนปีใหม่รึป่าว
ยังไง สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ(^^)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-12-2018 15:13:32
บางทีกลอยก็มองข้ามความรู้สึกพี่โชไปหน่อยนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-12-2018 17:22:16
แสดงว่าพี่โชรู้แล้ว
เพราะการไม่พูดกันก็ทำให้มีปัญหาไม่ใช่เหรอ?
มันอาจจะไร้สาระในวันนี้แต่ถ้าข้างหน้ามันไม่ใช่อย่างนี้ขึ้นมาจะทำยังไง?  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 20-12-2018 18:02:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-12-2018 19:57:54
กลอยจ๋าทบทวนดูใหม่นะอย่าคิดว่าเล็กน้อยแล้วไม่ใส่ใจ หรือปล่อยเบลอคนอื่นเขาไม่คิดเหมือนเราหรอกนะ ถึงพี่โชจะขึ้หึงแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเหตุผลนะ หวังว่าความรู้สึกของพี่โชที่มันอึน ๆ อยู่ตอนนี้จะมาจากไอ้เด็กขายถั่วคนเดียวนะ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-12-2018 22:54:42
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-12-2018 23:16:15
พี่โชรู้เรื่องเด็กขายถั่วแน่เลย..ยยยยย      :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-12-2018 16:54:37
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2018 21:28:50
กลอยจ๋าทบทวนดูใหม่นะอย่าคิดว่าเล็กน้อยแล้วไม่ใส่ใจ หรือปล่อยเบลอคนอื่นเขาไม่คิดเหมือนเราหรอกนะ ถึงพี่โชจะขึ้หึงแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเหตุผลนะ หวังว่าความรู้สึกของพี่โชที่มันอึน ๆ อยู่ตอนนี้จะมาจากไอ้เด็กขายถั่วคนเดียวนะ  :call: :call: :call:

เพราะคิดต่างกัน..........
มันเลยเป็นเรื่องไง...........
กลอย คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ปิดบัง ทำเหมือนมีพิรุธนะ  :hao3:
กลอย....คุยเรื่องร้อยแปดกับพี่โชได้ทุกเรื่อง
ทำไมเรื่องไอ้เด็กขายถั่ว ถึงไม่คุยล่ะ
นี่ตอนนี้พี่โชคิดมาก ขนาดไปคุยกับพี่ซัน พี่จอมแล้ว
ดีไม่ดี.....ไอ้เด็กขายถั่วโดนยำตีนแน่
แต่ที่แน่ๆ.........กลอยทำให้พี่โชคิดมาก เสียใจไปแล้ว   :เฮ้อ: :mew2:

พี่โช  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 22-12-2018 00:03:20
กลอยน่าจะบอก พี่โช กลอยไม่ใส่ใจแต่พี่โชคิดมากไง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2018 04:08:59
เฮ้ออ คนนึงก็ไม่คิดอะไร อีกคนก็คิดมาก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 9 [P.4] [UP!!] [20/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-12-2018 08:01:33
กลอย พี่โชเตือนแล้วนะ เพราะรักนะ
กลอยไม่คิดว่าจะมีอะไร แต่ระวังไว้ก็ไม่ดีกว่าหรอ
ขนาดเคยเจอตอนโชไปรับ ยังกล้าทักมาแบบนี้อีก
อยากลองของก็ไม่บอก โชต้องจัดให้ซะละมั้ง

กลอยทำไร ระวังโชเสียใจ ไม่เท่ากลอยจะเสียใจเองนะ

โชเอ้ยย นอยด์หนักไปอีกจ้า บอกน้องก็แล้ว ถามก็แล้ว
ได้แต่รอเวลาล่ะเนาะ กลอยบอกไม่มี แต่ทำไมต้องรอให้มี

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 24-12-2018 22:41:54

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 10




        บ่ายวันนี้มาเรียนด้วยความเครียด มือถือผมหายครับ ไม่รู้เอาไปวางไว้ที่ไหน จะโทรหาพี่โชก็ไม่ได้ เพราะรู้ว่าหลังเที่ยงพี่เขาต้องไปดูงานกับพ่อ เลยได้แต่นั่งหน้าเครียด ไม่ใช่เพราะเครื่องแพงหรืออะไรหรอกนะครับ ผมเสียดายรูปในนั้นมากกว่า มันเป็นรูปความทรงจำมากมาย รู้แบบนี้น่าจะเอาลงคอมให้หมดเสียก็ดี ไม่น่าขี้เกียจเลยให้ตาย

   “ไงมึง หน้าบูดเป็นตูด ไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรือไง” ไอ้ทูตบไหล่ผมตักปึกพร้อมกับคำทักทาย ผมหน้างอส่งไปให้จนมันเลิกคิ้วมอง “อะไรวะ”

   “มือถือกูหาย” บอกสั้นๆ แต่ได้ใจความ

       “มึงแน่ใจว่าหาดีแล้ว?”

        “กูหาดีแล้ว ตอนเช้ากูก็ไม่ได้ถือไปไหน ตอนขี้กูก็ไม่ได้เอาเข้าไป”

   “แล้วล่าสุดมึงใช้ที่ไหน” เงียบครับ ไม่มีคำตอบให้ ก็เพราะจำไม่ได้นี่ไงเล่าถึงมาเครียดแบบนี้ “หายตอนไหนไม่รู้ แต่เพิ่งมารู้ตอนนี้?” รีบพยักหน้าตามที่เพื่อนถาม “ไอ้โง่กลอยเอ๊ย งั้นเดี๋ยวกูลองโทรให้” พูดจบมันก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดหาชื่อผมแล้วโทรออก “มึงบอกพี่โชยังวะ” ระหว่างรอสายมันก็ถาม ผมรีบส่ายหน้าช้าๆ พอจะพูดอะไรต่อมันก็รีบยกมือขึ้นห้าม “ฮัลโหล นั่นมือถือของกลอยใช่ไหมครับ”

   (ใช่) น้ำเสียงนิ่งตอบกลับมา ที่ผมได้ยินเพราะไอ้ทูเปิดลำโพง (ทูเหรอ?)

   “อ่าว พี่โชเหรอ” ไอ้ทูถามกลับอย่างงงๆ

   “มือถือกลอยไปอยู่กับพี่โชได้ไง” รีบแทรกเข้าไป

   (เมื่อคืนใครมาเล่นเกมส์ข้างกระเป๋าพี่ล่ะ) พอได้ยินผมก็หันมองหน้าเพื่อน ก่อนสมองจะเริ่มทวนความจำช่วงสั้นๆ จำได้ว่าเมื่อคืนนั่งเล่นเกมส์อยู่ที่โซฟา กระเป๋าพี่โชวางอยู่ข้างๆ สงสัยผมจะง่วงจัดเลยเอาสอดเข้าไปแน่ๆ (นึกออกหรือยัง)

   “นึกออกแล้ว” อยากตบหัวตัวเองแรงๆ เครียดมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้แทบปล่อยโฮเมื่อรู้ว่าโทรศัพท์ไม่ได้หายไปไหน “กลอยเครียดแทบตาย”

   (ต่อไปก็เล่นเกมส์ให้น้อยๆ หน่อย จะได้มีสติมากกว่านี้) โดนด่าเลย แถมถูกไอ้ทูหัวเราะเยาะด้วย โชคดีพวกไอ้สักยังไม่มา ไม่งั้นขายขี้หน้าแหงๆ (แค่นี้นะ พี่ต้องออกไปข้างนอก)

   ถูกบ่นเสร็จสายก็ตัดไป ส่วนผมก็ถูกไอ้ทูโบกเข้าหัว โทษฐานที่ทำให้มันตกใจไปด้วย ผมต่างหากที่ควรตกใจมากกว่า มีทั้งรูปตัวเอง แล้วก็รูปพี่โชที่หายากๆ กว่าจะแอบถ่ายมาได้ต้องใช้เวลานาน เมื่อก่อนพี่โชชอบแอบเอาไปลบด้วย ผมเลยต้องเอาลงแล็ปท็อปกันเหนียวอีกชั้น

   “มึงทำงานจารย์ป้าเสร็จยังวะ” ถามอย่างเซ็งๆ กว่าจะปั่นจนเสร็จ ใช้พลังแรงกายไปเยอะ

   “หน้าอย่างกู ถ้าทำเสร็จก็คงไม่ใช่เพื่อนมึงแล้ว” ไอ้ทูว่า ก่อนจะดึงหนังสือกับสมุดออกมาทำต่อบนโต๊ะ

   จังหวะที่กำลังจะถามถึงพวกที่เหลือ มันก็โผล่หน้ามาซะครบแก๊ง ไอ้สัก ไอ้เค ไอ้ต๋องโบกมือทักทายด้วยท่าทางอิดโรย
 
   “พวกมึงไปทำอะไรมาวะ” ถามด้วยความสงสัย

   “หรือทำวิชาจารย์ป้า? งั้นกูขอลอกหน่อย” ไอ้ทูรีบเสริม พลางทำตาแวววาว

   “ทำเสร็จเหี้ยอะไรล่ะ ไอ้ต๋องแม่งกวนกูทั้งคืน” คำตอบของไอ้สัก ทำเอาผมมีดาวที่หางตาแบบหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น “ไม่ต้องทำจมูกบานคิดอะไรใต้สะดือเลยไอ้ห่ากลอย ที่มันกวนเพราะแดกเหล้าไปเยอะ เดี๋ยวอ้วก เดี๋ยวขี้ กูไม่ได้นอนไอ้สัด” เสียงบ่นยาวเหยียดที่คนถูกบ่น กลับไม่ได้สนใจ นอกจากฟุบหน้าหลับที่โต๊ะ

   “พวกมึงไปแดกเหล้าไม่ชวนเลยนะ”

   “ชวนแล้วมึงจะได้ไปหรือไง”

   “เออว่ะ” หน้าสลดเลยผม ก่อนที่จะอ้าปากคุยต่อ เสียงแปดหลอดเรียกชื่อผมก็ดังมาแต่ไกล อีเข็มพาร่างอันอวบอัดปรี่เข้ามาหา มือมันถือถุงบางอย่างมาด้วย พอมาถึงหน้าตาก็บานเป็นจานสังกะสี “อะไรของมึง”

   “ไอ้กลอย” อีเข็มเรียกชื่อผมอีกรอบ ก่อนจะโชว์ถุงที่มันถือมา “มีคนใจดีซื้อลูกชิ้นเจ้าประจำมาให้ สน? ไม่สน?” ไม่พูดเปล่า ยังแกว่งถุงลูกชิ้นไปมา ทำให้ผมต้องมองตามจนปวดลูกตาไปหมด

   “โหย ใครซื้อให้วะ กูกินมั่ง” ไอ้ต๋องจากที่ฟุบเพราะแฮงค์เหล้าก็รีบโผเข้าหา แต่โดนมืออวบฟาดเข้าให้จนหน้าเสีย “มึงเอาขาหน้าตีมือกูทำไม”

   “มึงชื่อกลอยเหรอไอ้ห่า ถ้าไม่ใช่ก็หดหัวกลับไปที่เดิม” คำด่าช่างเจ็บแสบ ไอ้ต๋องสะบัดหน้าอย่างงอนแล้วนั่งลงฟุบหน้าหลับตามเดิม ส่วนอีเข็มหันกลับมาแกว่งถุงลูกชิ้นบริหารสายตาผมต่อ “สนไหม อร่อยนะมึง”

   “ไม่” ปฏิเสธแม้จะลอบกลืนน้ำลายก็เถอะ

   "ไม่สนจริงดิ่ ของฟรีนะมึง ร้านที่มึงชอบด้วย หมูเน้นๆ เด้งดึ๋งๆ เคี้ยวคงจะฟิน..."

   ฟังไม่จบ มือก็ไวกว่าสมองคว้าถุงลูกชิ้นมาเปิดดู จากจำนวนแล้วคงหลายสิบบาทอย่างแน่นอน และสภาพลูกชิ้นกับน้ำจิ้มมันคือเจ้าประจำหลังมอผมจริงๆ 

   “แบ่งกูด้วย” ทันทีที่ผมถือ ไอ้ต๋องก็รีบปรี่เข้ามาหาอีกรอบ พร้อมกับกินลูกชิ้นล่อหน้าล่อตาอีคนเคยห้ามจนถูกฟาดด้วยขาหน้า เอ๊ย มือไปเต็มหลัง "อีเข็ม ใครซื้อให้ไอ้กลอยวะ หรือมึงถูกหวย" 

   “กูไม่เล่นการพนันเว๊ย”

        “ตอแหล” ห้าเสียงประสานกันทั้งโต๊ะ เพราะมันก็บ้าหวยพอๆ ไอ้สักเลย

   “ด่ากู แต่ก็กินของที่กูเอามาให้ ไอ้พวกคนเลว” โดนด่าจนชินเลยไม่รู้สึกอะไร ผมงับลูกชิ้นเคี้ยวตุ้ยๆ เต็มปาก อีเข็มยิ้มหน้าบานก่อนจะดึงโทรศัพท์ที่สอดไว้ที่เอวออกมา

   “ทำอะไรวะ” ไอ้ทูถาม มันเงยหน้าจากเกมส์พอดี

   “ถ่ายคลิปวีดีโอไง” อีเข็มว่า

   “คลิป? เอาไปทำไม อย่าบอกว่าหลงชอบไอ้กลอย”

   แทบสำลักลูกชิ้นตอนไอ้ทูว่า อีเข็มตวัดสายตาโหดมองโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร ผมจ้องหน้าเพื่อนสาวร่างอวบก่อนสะดุ้งเมื่อมันหันมามองพอดี

   “อย่างไอ้กลอยไม่ใช่สเปคกูเลย มันไม่มีทางได้เห็นขาอ่อนของกูหรอก”

   “โชคดีของกู” เผลอคิดออกเสียง เลยถูกฝ่ามือฟาดเข้าหลังดึงปัก
 
   “ปากดีอีห่า” ยักไหล่ไม่แคร์ ผมยัดลูกชิ้นเข้าปากหลังจากไอ้ต๋องขโมยกินเกือบหมด ไอ้นี่ไว้ใจไม่ได้เลย ส่วนอีเข็มก็ยังมุ่งมันถ่ายวีดีโอหน้าผม บางทีแทบเอามือถือมันมาทิ่มหน้า ดีที่หน้าผมดี ไร้รูขุมขน ดังนั้นซูมยังไงก็ไม่กลัว “เรียบร้อย”

   “อะไรเรียบร้อยวะ” ไอ้ทูถามอีกรอบ แต่ไม่ได้คำตอบอะไร

   “กูขึ้นห้องก่อน รีบๆ ตามมานะมึง อย่าช้า เดี๋ยวโดนป้าเชือดด้วยสายตา” พูดเสร็จอีเข็มก็พาร่างอวบอัดขึ้นบันไดไป ส่วนผมรีบยัดลูกชิ้นกลัวไม่ทันไอ้คนขี้แย่ง พอหมดมันก็ลุกหนี

   ไอ้เพื่อนกิน!



   ใกล้ถึงเวลาเรียน ผมกับพวกไอ้สักก็เก็บของเตรียมขึ้นตึก หลังจากรับไหว้เด็กปีสองไปแล้ว เดินมาได้ไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงลอยเข้าหูที่ทำเอาผมต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัย

   “มึงได้ยินป่ะเมื่อกี้” สะกิดไอ้ทูที่ยืนอยู่ข้างๆ มันหันมามองแล้วทำหน้างง “ก็ที่น้องเขาพูดเมื่อกี้ คลิปกูอะไรสักอย่าง”

   “ไม่ได้ยินว่ะ คลิปอะไร”

   “ถ้ากูรู้จะถามมึงเหรอ”

   “เอ๊า ไอ้นี่”

   ผมยักไหล่ก่อนจะดึงแขนเพื่อนขึ้นบันไดต่อ อาจจะหูแว่วเองก็ได้ไม่น่ามีอะไร พอขึ้นห้องได้ บรรดากลุ่มสาวๆ ที่รวมกลุ่มก็หันมามองหน้าผมเป็นระยะ จนต้องก้มมองสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ซิปก็รูดปกติ หรือลูกชิ้นจะติดฟันวะ
 
   “ไอ้ทู” สะกิดได้คนข้างๆ ก่อนยิงฟันให้มันดู “มีไรติดฟันกูป่ะ”

   “มี”

   “อะไรวะ ลูกชิ้นเหรอ”

   “เหงือกไง”

   “ขอบใจไอ้สัด”

   ไอ้ทูหัวเราะงอหงาย ก่อนอาจารย์ป้าจะเข้าห้อง กลุ่มที่รวมหัวก็รีบกลับไปนั่งที่ตัวเอง นั่งฟังสิ่งที่ต้องทำกับหนังสือที่ต้องค้นหา ทำเอาไมเกรนจะขึ้น ปีสี่แม้เรียนไม่หนักแต่ทำผมหงอกไปเกือบหมดหัว เปลืองเงินไปย้อมผมอีก ผ่านไปเกือบๆ สองชั่วโมงก็เลิก พอดีกับฝนเทลงมาทั้งที่กรมอุตุฯ ไม่ได้แจ้งเตือน แล้วใครจะไปเตรียมตัว เตรียมร่มทันวะครับ ได้เปียกอีกแล้ว

   “ไอ้เหี้ย ฝนตก” ไอ้สักโวยวาย เพราะมันวางแผนจะไปนั่งวาดรูปริมบึงในสวนข้างตึก

   “หิว” ไอ้ต๋องพูดไปลูบท้องตัวเองไป ซึ่งผมก็เริ่มรู้สึกหิวเหมือนกัน “ไปหาอะไรกินไหมวะ”

   “หมูกระทะไหมพวกมึง” เอ่ยชวนออกไป ทำเอาพวกเพื่อนหันมามองตาโต

   “ก่อนชวนได้ถามผัวหรือยัง” ไอ้เคถามเสียงนิ่ง ผมส่ายหน้าตอบช้าๆ ไป “จอ บอ จบ”

   “กูถามเดี๋ยวนี้แหละ” ว่าแล้วก็ตบกระเป๋ากางเกงสองข้าง “มือถือกูหาย” และก่อนจะมีเสียงโวยวายจากคนอื่น ไอ้ทูก็ขัดขึ้นมา

   “อยู่ที่พี่โชไงไอ้ควาย”

   “เออว่ะ งั้นกูยืมโทรศัพท์มึงหน่อย” ว่าแล้วก็แบมือไปตรงหน้าไอ้ทู

   “แล้วทำไมต้องเป็นของกู”

   “เพราะมึงมีเบอร์พี่โชไง”

   “พวกไอ้สักก็มี”

   “แต่มึงเป็นแฟนพี่เบ เพื่อนพี่โช”

   “จะเอาให้ได้สินะ” ไอ้ทูถอนหายใจก่อนวางมือถือเครื่องแพงใส่มือผม “จ่ายเงินค่าโทรกูด้วย”

   “ไอ้ขี้งก”

   ผมเดินหนีมาอีกมุมเพราะจะได้คุยสะดวก รอสายไม่นานก็มีเสียงตอบรับ

   (ทู?)

   “กลอยเอง” รีบออกตัวจนปลายสายครางรับ “คือฝนตก”

   (แล้ว?)

   “กลอยหิว”

   (แล้ว?)

   “ขอไปกินหมูกระทะกับเพื่อนได้ไหม” ขอไปเสร็จ ใจเต้นอย่างระทึกกับคำตอบที่จะได้ยิน เอาจริงๆ เกือบกลั้นหายใจจนจะตายเลยด้วยซ้ำ “ได้ไหม น้า” เพิ่มเสียงอ้อนไปสักหน่อย

   (ให้กลับไม่เกินสองทุ่ม)

   “เย้”

   (แต่อย่าลืมกฎที่พี่เคยบอก ไม่เกิน 5 แก้วเท่านั้น เข้าใจไหม)

   “รับทราบ กลอยจะรีบกลับก่อนสามทุ่ม...”

   (สองทุ่มเว๊ย อย่ามาเนียน)

   “นั่นแหละ รักนะปีศาจ”

   (เออ!)

   เนี่ย ปีศาจน่ารักจะตายไป ใครหน้าไหนบอกโหด ไอ้กลอยจะไปต่อยหน้าคว่ำเลย ผมรีบปรับสีหน้าตัวเองให้ดูเศร้านิดๆ ก่อนเดินย้อนกลับไปหาพวกเพื่อนที่รอลุ้นผล

   “พี่โชว่าไงวะ” ไอ้ทูถามขณะยื่นมือรับโทรศัพท์ที่ผมส่งคืน

   “กูว่าไม่ได้ชัวร์”

   “ไม่เกินสองทุ่ม” ว่าเสร็จผมก็ยิ้มพรายออกมา “ไปโลด”

   “ไม่น่าเชื่อ” ไอ้ต๋องส่ายหน้าอย่างอึ้งๆ

   “นี่ใคร นี่กลอยประเกรียนไง ว่าแต่ ร้านไหนดีวะ”

   “หน้ามหาลัยมีร้านหมูกระทะเปิดใหม่ ลดราคาสำหรับนักศึกษาด้วยนะ” เสียงแหลมพูดแทรกขณะพวกผมกำลังคิดหาร้าน พอหันไปดูก็เจอร่างอวบๆ เดินนวยนาดเข้ามาหา “กูเคยไปลองแล้ว น้ำจิ้มเด็ด หมูนุ่มด้วย มีของเยอะมาก”

   “ก็น่าสนนะ งั้นตามนั้น” ไอ้เคปิดการสนทนา

   “โอเค” อีเข็มยิ้มส่งท้ายก่อนจะเดินผ่ากลางไป เอาซะพวกผมกระเด็นคนละทิศละทางยิ่งกว่าแผ่นดินไหวเสียอีก น่ากลัวจริงๆ



   และเมื่อได้ร้านก็ถึงเวลาเดินทาง ผมขับสุดที่รักตามหลังไอ้ทูจนถึงร้าน โชคดีที่ร้านเพิ่งเปิดเลยมีโต๊ะนั่ง จะว่าไปบรรยากาศร้านนี้ใช้ได้เลยนะ แถมมีที่จอดรถเยอะด้วย ไม่แปลกที่จะมีคนเต็มแทบทุกวัน ได้ยินมาจากพนักงานว่าคนแน่นจนต้องมีบัตรคิว

   “เดี๋ยวกูจองโต๊ะให้” ไอ้ต๋องว่า ก่อนมันจะสั่งเบียร์กับพนักงาน สงสัยจะถอนของเมื่อคืนออก

   “ขี้เกียจล่ะสิมึงน่ะ” ไม่วายถูกไอ้สักแขวะ แต่คนโดนกลับทำเฉย

   “ช่างมัน” ผมตัดบท ก่อนเดินนำหน้าไปที่โซนของสด

   จริงอย่างที่อีเข็มบอก ของที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งหมู ไก่ เนื้อ รวมทั้งของทะเลก็สด ยิ่งไม่จำกัดเวลานั่งด้วย ยิ่งดีไปใหญ่ ผมเลือกหมูสไดล์ หมูสามชั้น ไก่หมัก

   “มึงไม่คิดจะเอาผักเหรอวะ” ไอ้ทูถาม ในมือมันมีเนื้อกับตะกร้าผัก

   “ก็มึงเอาไปแล้วไง” พูดเสร็จก็คีบไก่ต่อ

   “ระวังขี้ไม่ออกนะมึง”

   อยากเห็นตัวเองขี้ไม่ออกเหมือนกัน ทุกวันนี้แทบขี้หลังอาหารสามเวลาอยู่แล้ว

   ผมเลือกของเสร็จก็กลับไปที่โต๊ะ เตาปิ้งย่างก็พร้อมแล้ว แถมมีแบบหม้อชาบูอีก อร่อยจนฟินก็คราวนี้แหละ เวลาเริ่มผ่านไปเรื่อยๆ คนในร้านก็เริ่มแน่น โต๊ะผมก็พากันได้ที่กันหมด เบียร์จากหนึ่งค่อยๆ เพิ่มหลายขวด แน่นอนว่าผมมีลิมิตแค่ห้าแก้ว ถึงแม้พี่โชไม่อยู่ แต่ผมก็ไม่อยากผิดคำพูด เลยได้แต่มองพวกเพื่อนชนแก้วกัน

   “พวกมึง!” เสียงแหลมแหวกอากาศมาพร้อมกับร่างอวบๆ อีเข็มโบกมือทักทายก่อนปรี่เข้ามาหาโต๊ะพวกผม “กูนั่งด้วยสิ”
   
    “ถ้ามึงจะนั่งโดยไม่รอคำตอบแบบนี้ ก็ไม่ต้องเสือกถามไหมอีห่า” ไอ้ต๋องใช้ตะเกียบชี้หน้าด่า แต่อีเข็มกลับไม่สนใจ เพราะมันเอาแต่กวักมือเรียกกลุ่มคนที่น่าจะตามมันมาด้วย “ใครวะ”

   “รุ่นน้องถาปัตย์ที่กูรู้จัก พอดีเขาอยากมากินหมูกระทะ” เสียงดัดเล็ก ดัดแหลมอย่างน่าหมั่นไส้ “พี่คะ ขอต่อโต๊ะให้ด้วยค่ะ” ว่าแล้วอีเข็มมันก็ตะโกนเรียกพนักงานให้มาต่อโต๊ะ

   “มึงจะต่อโต๊ะทำไมวะ ทำไมไม่ไปนั่งกับพวกรุ่นน้องมึง” ไอ้สักโวยเพราะตอนนี้วุ่นวายสุด ทั้งขยับเก้าอี้ ขยับของ ขยับจาน
 
   “กูอยากนั่งกินกับพวกมึงนี่” ไม่มีท่าทางสลดแม้แต่น้อย พอต่อโต๊ะเสร็จ อีเข็มก็จัดแจงชี้นิ้วสั่งเด็กๆ ของมันให้นั่งประจำที่ “เดี๋ยวกูจะแนะนำน้องๆ เขาให้พวกมึงรู้จัก” ว่าแล้วมันก็ใช้นิ้วอวบๆ เริ่มชี้ “ข้างกูนี่ชื่อน้องต็อป ถัดน้องต็อปชื่อออย และคนสุดท้ายข้างไอ้กลอยชื่อไบร์ท”

   ผมเหล่ตามองคนที่มานั่งข้างๆ ไอ้เด็กขายถั่วมันยิ้มแป้นมาให้ แต่ผมทำเมินยื่นมือไปคีบหมูบนเตามาเข้าปาก แล้วหมูชิ้นนั้นดันร้อนจนลวกลิ้นทำเอาต้องรีบคายออกมา

   “โง่” นี่คำชมของไอ้ทู ผมตวัดสายตาโหดใส่เพื่อนตัวเองที่นั่งตรงข้าม แต่มันไม่ได้มองผม สายตาไอ้ทูมองไปที่คนข้างๆ ของผมแทน “รีบๆ กิน จะได้กลับ”

   “รู้แล้วน่า” รับอย่างเคืองๆ ผมเป่าปากตัวเองดับความแสบร้อน ก่อนมองมือขาวที่คีบน้ำแข็งยื่นมาตรงหน้า “อะไร?”

   “อมน้ำแข็งไว้ ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับ” ขมวดคิ้วมองความหวังดี “รับไปสิครับ เดี๋ยวเป็นแผลนะ”

   “เออๆ” ว่าแล้วก็หยิบน้ำแข็งก้อนพอดีเข้าปาก “ขอบใจ”

   “ครับ”

   “กี่โมงแล้ววะ”

   ระหว่างมองหน้าไอ้ไบร์ท เสียงลอยๆ ของไอ้ทูก็ดังขึ้นมาอีก ผมพลิกดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เกือบทุ่มแล้ว เหมือนมานั่งแค่ไม่นานแท้ๆ เวลาผ่านไปโคตรไว

   “จะกี่โมงก็ช่าง เด็กๆ ไปตักของเลยน้า แล้วก็ ตักเผื่อพี่ด้วย” อีเข็มรีบสั่ง พลางยิ้มหวานส่งให้เด็กข้างผม “ตักหมูมาเยอะๆ นะน้องไบร์ท มีคนชอบ”

   “ได้ครับพี่”

   ไอ้นี่ก็แสนรู้ สั่งอะไรก็ทำตามหมด หรือมันจะคบกับอีเข็มแล้ววะ ด้วยความอยากรู้ ผมเลยยื่นปากยาวไปถามขณะที่เด็กต่างคณะลุกไปตักของสด

   “มึงคบกับไอ้เด็กไบร์ทนี่เหรอวะ” ทันทีที่ถามจบ น้ำที่อีเข็มเพิ่งเอาเข้าปากก็พ่นกระจายใส่หน้าไอ้เคที่นั่งอยู่ติดกัน คนถูกน้ำพ่นรีบโวยวายหากระดาษมาเช็ดหน้า เช็ดแขน

        “โสโครกสัดๆ”

   “มึงต้องด่าไอ้กลอยนู้น มันทำให้กูพ่นน้ำ”

   “กูไม่เกี่ยว”

   รีบออกตัวก่อนยัดหมูเข้าปากอีก นานๆ ได้มากินกับเพื่อน บรรยากาศก็จะต่างเวลาไปกินกับพี่โชแค่สองคน หรือแม้แต่มีเพื่อนพี่โชด้วยก็เถอะ พูดแล้วก็คิดถึงเลยว่ะ

   “ไอ้กลอย” ระหว่างนึกถึงหน้าหล่อๆ ของคนรัก เสียงไอ้ทูก็ลอยเข้ามา “เปลี่ยนที่นั่งกับกูไหม”

   “ทำไมวะ?”

   “ก็...” พูดไม่ทันจบ เด็กที่มาพร้อมอีเข็มก็กลับมาที่โต๊ะพร้อมของสดกับของหวาน “ช่างเถอะ มึงก็รีบๆ กินจะได้กลับ”

   “รู้แล้วๆ”

   วันนี้ไอ้ทูมาแปลกจริงๆ ตอนมานั่งแรกๆ ยังเฮฮาบ้าบอชนแก้วรอบวงอยู่เลย ตอนนี้กลับดูนิ่งจนผมแปลกใจ ที่สำคัญ มันเอาแต่จ้องไอ้เด็กข้างผมนี่แหละ

   “พี่กินกุ้งไหม” มัวแต่มองไอ้ทู พอมีคนถามก็หันไปมอง “เอาไหม”

   “มึงไม่กินเหรอ” ถามเพราะมีกุ้งแกะเปลืองแล้วยื่นมาตรงหน้า พอมันพยักหน้าแทนคำตอบ ผมก็ใช้ตะเกียบคีบกุ้งมาจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปาก “แต้งกิ้ว”

   “พี่กินจุนะเนี่ย”

   “เขาเรียกกินตามวัยเว้ย”

   “เพิ่งรู้นะครับ” ตวัดสายตาโหดใส่ไอ้เด็กกล้าหัวเราะผม “ผักติดฟันน่ะพี่”

   “ไอ้สัด อย่ามาอำกู” ไม่รู้ว่ามันโกหกหรือพูดจริง แต่ผมก็หันไปถามไอ้สักแล้ว มันพยักหน้ายืนยันผมเลยรีบเอาออก
 
   “กูจำได้ละ” ไอ้สักยืดแขนที่มือคีบปูอัดผ่านหน้าผมไป “มึงเป็นน้องรหัสไอ้จอยใช่ป่ะ กูก็ว่าเคยเห็นหน้ามึงที่ไหน”

   “ครับพี่” ไอ้เด็กข้างผมรับคำพร้อมรอยยิ้ม ส่วนผมหันซ้าย หันขวาด้วยความสงสัย

   “ไอ้จอยไหนวะ” ผมถาม เพราะรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่ตรงกลางโดยที่ไม่รู้อะไร

   “ไอ้จอย ทอมถาปัตย์ มันเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่ากู มันชอบโม้ตอนกินเหล้าว่าน้องรหัสมันเป็นเดือน แถมเป็นคนฮอตของมหาลัย”

   “เป็นทอม?”

   “เออ เอารูปไอ้เด็กนี่ให้กูดูตลอดตั้งแต่ปีที่แล้ว จนปีนี้เวลาเมาแม่งก็ยังเอาออกมาอวด กูโคตรเบื่อ”

   “เหรอ”

   แล้วผมก็ต้องหันไปดูหน้าไอ้เด็กที่ชื่อไบร์ทอีกรอบ หน้าตาจัดว่าดีระดับหนึ่ง คงเพราะช่วงนี้คนชอบสไตล์เกาหลีละมั้ง อย่างพี่โชก็ใช่ แต่คนนั้นหล่อจนต้องยอมรับ ขืนพูดว่าไม่หล่อ มีหวังถูกดัดขาอีก หล่อแบบปีศาจเขาล่ะ พอหลังจากได้รู้เรื่อง ผมก็ลงมือกินหมูต่อ โดยมีไอ้คนข้างๆ คอยคีบมาวางให้

   “ผมช่วยปิ้งให้” พูดพลางยิ้มส่งมา

   “กูมีมือ ปิ้งเองได้ อย่ายุ่งได้ป่ะ” บอกอย่างตัดบท
 
   เอาจริงไหม ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดดูไม่ออก จากการได้นั่งข้าง ได้เห็นสายตาของมัน ทำไมจะไม่รู้ ว่ามันคิดจะปีนเกลียว ความรู้มันชัดเจนพอๆ กับไอ้รอน น้องรหัสของผม รวมทั้งไอ้เม่นที่ผมส่งไปให้เพื่อนรักอย่างไอ้ม่าน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ผมไม่ตอบข้อความผ่านเฟซบุ๊กมันอีก ส่งฝันดีมาทุกวัน สวัสดีตอนเช้าอีก โคตรจะบ้าบอ

   “ผมรู้ว่าพี่มีมือ ก็เห็นอยู่ว่าจับตะเกียบ”

   “ไอ้...”

   โดนกวนตีนอีก ผมถลึงตาใส่ไอ้เด็กรุ่นน้องต่างคณะ ไม่อยากจะเสวนาให้มากความ เลยรีบๆ กิน แถมตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้วด้วย ผมต้องกลับตามที่ได้ตกลงกับพี่โชเอาไว้ ขืนผิดคำพูด คราวหลังผมคงไม่ได้ออกมาแบบนี้อีก

   “พี่กลอยกลับยังไงเหรอครับ” คำถามที่มีชื่อผมทำเอาชะงักมือที่ยกน้ำขึ้นดื่ม

   “ขับรถกลับเองสิ จะให้กูบินไปหรือไง” ต้องรีบขุดหมาในปากมาใช้ เพื่อจะให้ไอ้เด็กนี่ห่างจากผมมากที่สุด

   “กวนได้โล่จริงนะพี่เนี่ย”

   “ขอบใจที่ชม” ได้ยินเสียงขำขึ้นจมูกของไอ้เด็กคนข้างๆ พร้อมๆ กับสายตาของไอ้ทูที่ส่งรังสีโหดมาให้ “พวกมึง กูกลับก่อนนะ” ว่าแล้วก็ยื่นเงินให้ไอ้สักสำหรับค่าหมูกระทะตัวเอง

   “ทำไมรีบกลับวะ” อีเข็มที่เม้าท์แตกฟองกับคนอื่นรีบหันมาถาม มันมองหน้าผมสลับกับเด็กข้างๆ “หรือมึงน้อยใจที่กูไม่สนใจมึง?”

   “สำคัญตัวเองสูงมาก” ผมว่า เพื่อนร่างอวบยักไหล่ทำไม่แคร์

   “จะสองทุ่มแล้วนี่หว่า” เป็นไอ้ต๋องที่ขัดขึ้น

   “สองทุ่มอะไรวะ?”

   “ก็มันขอผัวมันได้แค่นั้นไง ไม่น่าถามเลยอีเข็ม” พอได้ความกระจ่างจากไอ้ต๋อง คนอยากรู้ก็ร้องอ๋อลากยาว “กลับดีๆ นะมึง อย่าไปปีนฟุตบาทเล่นอีกล่ะ”

   “ไอ้สัด” อวยพรเพื่อนสนิทไปแบบเบาๆ จนได้นิ้วกลางกลับมา ผมออกจากร้านโดยมีไอ้ทูตามออกมาทีหลัง ทั้งๆ ที่มันน่าจะอยู่ต่อแท้ๆ “อ่าว มึงก็กลับเหรอวะ”

   “อืม” ตอบรับสั้นๆ และก่อนที่มันจะเดินผ่านผมไป ไอ้ทูหยุดเดินพลางปรายตานิ่งๆ มอง “กูว่า มึงควรอยู่ห่างๆ ไอ้เด็กนั่นมันให้มากที่สุด” คำเตือนที่ผมค่อนข้างเห็นด้วย

   “กูรู้น่า”

   “มึงรู้ก็ดี แล้วระวังพี่โชด้วย มึงก็น่าจะรู้ ว่าพี่เขาเป็นคนยังไง” คราวนี้ผมเงียบ ไอ้ทูยกมือขึ้นมาตบบ่าเบาๆ “มึงควรบอกพี่โชด้วย”

   “ทำไมกูต้องบอกวะ ไอ้ไบร์ทมันก็ไม่ได้ทำอะไรหรือมาวุ่นวายกับกู...”

   “ก็แล้วแต่มึง กูแค่เตือน”
 
   ไอ้ทูขัดทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ มันเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถตัวเอง ปล่อยผมให้ยืนคิดในสิ่งที่มันเตือน...ผมควรบอกเรื่องนี้กับพี่โชเหรอวะ? ทั้งที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นเนี่ยนะ มันจะดูตื่นตูมไปหรือเปล่า อีกอย่าง พี่โชใจร้อนด้วย เกิดรู้แล้วพุ่งมาหาเรื่องโดยที่ยังไม่รู้เรื่องจริงจะลำบาก หากไอ้เด็กไบร์ทนั่นไม่ได้คิดอะไรกับผม พี่โชจะเป็นฝ่ายเดือดร้อนซะเอง

   ว่าแต่ ทำไมวันนี้ผมไม่ถูกโทรตามหว่า...อ่อ ลืมไป โทรศัพท์อยู่ที่พี่โช สงสัยต้องกินปลาเยอะๆ ซะแล้ว จะได้ไม่ความจำปลาทองแบบที่น้องบีมหลานพี่โชชอบว่าผม แต่ถึงผมจะความจำปลาทอง ก็เต้นเพลงเต่างอยได้เป๊ะเถอะ คนมันมีของก็งี้แหละ (อวดตัวเองไปอีก) นี่กลอยประเกรียนไง จะใครล่ะ หล่อขนาดนี้....


...TBC

ตอนที่แล้วพี่โชเตือน ตอนนี้ทูเตือนอีก ระดับความรุนแรงน่าจะมากแล้วนะเกรียน!!! อย่าให้พี่โชได้ออกโรงเอง... 

//

สวัสดีวันคริสมาสอีพค่าาา อากาศเปลี่ยนแถมไม่ค่อยดีมากนัก อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ เดี๋ยวจะเที่ยวปีใหม่ไม่สนุก

รักทุกคนเหมือนเดิมค่าาาา

ตอนหน้าเป็นพี่โชนะคะ ขอฝากปีศาจด้วยค่าาา (>/l\<)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 24-12-2018 22:59:35
รีบบอกพี่โชเถอะ อิชั้นใจบ่ดี :katai5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 24-12-2018 23:30:48
ก็คือแม่ไม่รู้จะบ่นยังไงแล้วอ่ะลูก
โคตรเข้าใจพี่โชเลย
คำว่าเข้าใจของกลอนเนี่ย
เข้าใจแต่ไม่ทำ รู้แต่ไม่แคร์
ได้อ่อลูกเอ้ยยยยยยยยยยย

ทูเจอแค่แป๊ปๆยังรู้เลยอะไรควรทำไม่ควรทำ
เอาจริงๆนะกลอยเอ้ย
ถ้าหนูบอกพี่โชตั้งแต่แรก
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ใหญ่หรอก
เพราะมันจะอยู่ในสายตา
แต่หนูเล่นทำแบบนี้ก็นะ
เหมือนไม่ไว้ใจคนของตัวเองว่าจะคุมอารมณ์อยู่
แต่ดันไว้ใจเด็กเมื่อวานซืนที่คิดไม่ซื้อเนี่ยนะ

แล้วคือ แค่ไหนหนูจะเรียกว่ามีเรื่อง
แค่ไหนหนูจะเรียกว่ามีคนมาวอแวหนู
ต้องรอให้เด็กมาสารภาพรักกับหนูก่อนหรอลูก
หนูต้องตัดไฟแต่ต้นลมไหมนะ(>//<)

แม่ขออนุญาตปวดหัวค่าาาา
ขอยื่นมือไปตบเกรียนสักสองที
เพลียจริงลูกเอ้ยยยย

รู้สึกว่าพี่โชคงเฟล
แบบว่าเออปวดหัวและรู้สึกคันยิบๆในใจแน่

ปล. พี่โชสู้นะลูก แม่กอดแน่น
ปล.2 เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอน้า(^^)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-12-2018 23:34:23
กลอยจะปล่อยเบลอไปแบบนี้จริงเหรอเราว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้เลยนะ  :เฮ้อ: พูดให้พี่โชฟังเหมือนเป็นการบอกเล่าเก้าสิบกันก็ได้นิเหมือนพูดเรื่องทั่วไปใงเฮ่อแต่ก็เพราะเป็นกลอยละนะถึงได้วางเฉยแบบนี้เพราะเรื่องของเม่นก็จัดการได้ด้วยตัวเองคราวนี้เลยคิดแบบนั้นอีกหรือเปล่า เฮ่อเอาเป็นว่าเราเอาใจช่วยให้รอดพ้นมือปีศาจไปได้นะ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-12-2018 00:19:55
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2018 04:55:24
กลอยต้องรอให้เกิดเรื่องก่อนหรือถึงจะบอกพี่โช   :hao4:
เรื่อง พี่ฟลอยด์ รอน เม่น ที่เคยมาเกาะแกะกลอย  :z3:
ก่อนหน้านี้พี่โชหัวร้อน หึงกลอยขนาดไหน  :fire: :m31: :serius2: 
กลอยลืมแล้วเหรอ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ
ดูท่าเข็ม ขายเพื่อนกลอย เพราะหลงไบรท์หมดใจ
ส่วนทู จับประเด็นได้ เตือนกลอยแล้ว
แต่ท่าทางกลอยประเกรียน จะมึน เอ๋อ คิดไม่ออกนะ   :really2: :really2: :really2:

พี่โชเห็นมือถือกลอย คงเห็นความลับที่กลอยแอบถ่ายแต่รูปพี่โช  :mew1:
คงรู้ว่ากลอยรักแต่พี่โชนะ  :impress2:
แต่พี่โชต้องเห็นคลิปที่เข็มถ่ายรูปกลอยกินลูกชิ้นของไบรท์แล้ว  o22

พี่โช  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-12-2018 05:22:12
กลอยรู้ กลอยเห็น แต่กลอยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
กลอยคิดน้อยไปนะ แค่บอก โชไม่บื้อลูก

แล้วคลิปน่ะ โชคงเห็นไปละตอนนี้
รอโชระเบิด มาลุยเองก็ได้ค่ะ แต่ไม่ขอดราม่า 5555

คือเข็มคะ อยากอยู่ต่อไหม หรือยังไง ทำไมชงจัง
ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลิกราเนาะ บอกขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 25-12-2018 07:32:27
เข็มคือยังไงเป็นเพื่อนกลอยยังไงอยากเห็นเพื่อนมีปัญหางี้หรอ   ส่วนกลอยก็ต้องรอให้มีปัญหาก่อนงี้หรอ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-12-2018 09:50:45
คนเตือนสองคนแล้วนาาาาาาา
ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะว่าพี่โชก็ยากนาาาา
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 25-12-2018 11:03:28
เข็มนี่ยังไงอ่ะ ก็รู้ว่าเพื่อนมีแฟนแล้ว ทำไมยังติดต่อประหนึ่งเป็นแม่สื่อ เล่นกับใจไบร์ทให้มีหวังแถมทำให้กลอยทะเลาะกับแฟนอีก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 25-12-2018 12:19:55
เข็มเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมทำแบบนี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-12-2018 12:48:10
เห็นปัญหามาแต่ไกล...เข็มทำไม่ถูกอ่ะ พี่โชโซโล่ด้วย  :m16:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-12-2018 23:30:01
กลอยก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ เป็นคนไม่คิกมากเพราะตัวเองไม่สนใจเด็กขายถั่วอยู่แล้วเลยไม่สนใจจะบอกพี่โช แต่ระวังไว้นะกลอยความหึงไม่เข้าใครออกใคร บอกพี่โชไว้ก่อนก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 26-12-2018 00:06:30
ไม่มีดราม่าใช่ไหมมมม กลอยรีบบอกพี่โชเลย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 10 [P.4] [UP!!] [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 26-12-2018 19:10:24
กลอยน่าจะใส่ใจมากกว่านี้นะ แล้วเข็มเป็นไรนักหนาวะ ก็รู้ว่ากลอยมีแฟนแล้วยังจะมาเชียร์ออกหน้าอีกนะ บางทีรู้สึกมากจนน่าเกลียดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 31-12-2018 23:53:47

เพราะนายคือของฉัน ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่




          วันสุดท้ายของปีสำหรับผมก็เหมือนวันธรรมดา เพียงแค่วันพรุ่งนี้ผมต้องเขียนเลขท้ายจากแปดเป็นเก้าก็เท่านั้น ซึ่งความคิดผมก็คงไม่ต่างจากคนที่กำลังดูหนังแฮรี่เป็นรอบที่ล้าน ดูจนผมจะกลายร่างเป็นด๊อบบี้อยู่แล้ว แถมคนตั้งใจดูยังมีพร๊อบเป็นเสื้อคลุม ผ้าพันคอ ไม้กายสิทธิ์อีก จะต่างก็ตรงที่แว่นตาเป็นของตัวเอง ของทั้งหมดนี้ได้มาจากพี่ชีสที่คลั่งไคล้ไม่ต่างจากน้องชายตัวเอง

   แล้วทำไมผมถึงเป็นด๊อบบี้น่ะเหรอ ง่ายๆ เลยคือ ผมเป็นคนรับใช้ยังไงล่ะ

   “พี่โชยกขาดิ๊” พูดไป มือก็โยกเครื่องดูดฝุ่นไปใต้โซฟา มีสายตาดุตวัดมองชั่วครู่ คงเพราะผมไปขัดการดูฉากสำคัญ

   อะไรจะอินปานนั้นครับพี่ครับ

   ดูดฝุ่น ปัดกวาดเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกไปซื้อของ แม้จะไม่ได้เฉลิมฉลองอย่างคนอื่น แต่ก็ต้องมีอะไรกิน ของสดก็พอมี ผักก็เหลืออยู่ แต่ผมอยากกินอย่างอื่นมากกว่า

   “จะไปไหน” เสียงลอยมาหลังจากผมหยิบกุญแจรถ

   “ไปซื้อของไง ก็ที่บอกไปเมื่อเช้า” ตอบเสร็จจะก้าวขาเดิน คนนั่งดูแฮรี่รีบกดปิดแล้วลุกพรวดขึ้นจนผมตกใจ “ไม่ดูแล้วเหรอ”

   “เออ” พูดจบพี่โชก็ใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้สั่งให้ผมรอ ไม่นานก็ออกมาในชุดธรรมดา นี่ถ้าเป็นผมนะ จะออกไปทั้งชุดแฮรี่นั่นแหละ ให้สมกับฤดูตอนสิ้นปี

   ระหว่างนั่งรถผมก็เช็ครายการที่จดมา พี่โชฮัมเพลงคลอไปกับวิทยุดูอารมณ์ดี สาเหตุคงมาจากถนนที่โล่งต่างจากทุกที แถมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้างซุปเปอร์มาเก็ต

   “พี่อยากกินกุ้งแช่น้ำปลา” คำบอกเล่าดังมาจากคนที่กำลังลากรถเข็นข้างผม

   “งั้นไปซื้อกุ้งกัน” แอบชำเลืองมองคนอยากกินนั่นนี่ ปกติเป็นคนประเภทอะไรก็ได้ถ้าผมจะกิน “เอาหอยแครงด้วยไหม?”

   “ปูด้วย”

   “ปลาล่ะ?”

   “เบื่อแล้ว เอาปลาหมึกไปยำ”

   หยิบของตามคำสั่ง พลางหันไปมองพี่โชที่ยิ้มแย้มต่างจากปกติ มื้อเช้าก็กินข้าวต้มปลาปกตินะ ส่วนผสมไม่ได้ผิดเพี้ยน ไม่มีกัญชาด้วย ทำไมดูคึกแปลกๆ

   หลังจากเลือกของสดแล้ว ก็ไปแผนกอื่นต่อ ซึ่งแน่นอนที่ขาดไม่ได้คือของมึนเมา พี่โชยืนเลือกยี่ห้อเบียร์ สุดท้ายก็ยกใส่รถเข็นสองลัง หวานไอ้กลอยอีกแล้ว

   “ทีงี้ตาเป็นประกายเชียวนะ” โดนล้อแต่ผมไม่แคร์ แถมยังใช้แก้มถูแขนพี่โช ที่ทำหน้าที่เข็นรถเข็น “วันนี้ให้กินตามใจชอบ” กำลังจะอ้าปากร้องดีใจ ดันโดนขัดซะได้ “แค่วันนี้ วันเดียว”

   “พี่โชอะ ทำไมต้องห้ามกลอยด้วย” หน้างอไปเถอะ ปีศาจไม่เห็นใจหรอก

   “เพราะพี่เป็นห่วง”

   “ที่อื่นไม่เท่าไหร่ แต่บางทีที่ห้องทำไมพี่โชยังห้ามล่ะ” ว่าจะถามมานาน วันนี้เห็นอารมณ์ดีเลยรีบถาม พี่โชมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนยื่นนิ้วมาดีดเข้าหน้าผาก

   “อยากรู้ ไว้คืนนี้จะบอก” หน้านิ่งๆ เริ่มแสยะยิ้ม

   อยู่ดีๆ ก็ไม่อยากรู้เฉย

   รีบเดินหนีไปแผนกขนม พี่โชหัวเราะตามหลังมาไม่มีท่าทีอารมณ์บูดแต่อย่างใด ผิดกับตอนดูหนังเมื่อเช้าเลย แทบจะบ่นผมเวลาถูกขัด หรือผมจะเอาแผ่นหนังไปซ่อนดีวะ

   “ไอ้จอมโทรมา” รีบหยุดเดินเมื่อได้ยินพี่โชว่า เจ้าของเครื่องจะกดรับ แต่ผมพุ่งหลาวไปแย่ง “อะไร?”

   “ถ้ารับเกิดพี่จอมมาที่ห้องล่ะ” พอได้ยินผมว่า พี่โชก็นิ่งไป “ไหนพี่บอกอยากอยู่กันสองคนไง”

   “เอาโทรศัพท์มา” พี่โชว่าเสียงนิ่ง ผมหน้างอวางเครื่องสื่อสารแสนบางในบนมือกว้าง เสียงริงโทนดังขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้เจ้าของเครื่องมองหน้าผมพลางกดปิด “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

   “แล้วถ้าพวกเขาแอบมาที่ห้องล่ะ”

   “ก็ไม่ต้องเปิด”

   “จะรอดู”

   ถูกมือใหญ่ผลักหัวจนเซไปด้านหน้า เกือบชนกองขนมด้วย ปีศาจยังไงก็คือปีศาจ ชอบใช้กำลังอยู่เรื่อย

   ซื้อของที่ลิสรายการเสร็จก็กลับห้อง ผมเดินตัวเบาเข้าลิฟต์เพราะมีคนใจดีหิ้วของทั้งหมด แม้จะดูพะรุงพะรังมากไปหน่อยก็เถอะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากไปกว่าการมองหารถหรือคนแปลกปลอม กลัวพวกเพื่อนพี่โชมาห้องมาก กลัวจะมาเซอร์ไพรส์อย่างทุกที แล้วคนที่ซวยคือผมเองที่ต้องเป็นคนเก็บกวาดห้อง

   “พวกมันไม่มาหรอก” พี่โชพูดติดขำ

   “พี่รู้ได้ไง เกิดแอบอยู่ตามซอกคอนโดทำไง”

   “พวกมันไม่ลงทุนขนาดนั้น” ส่ายหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ “ไอ้แทมกินเลี้ยงกับครอบครัวมัน ไอ้ตินไปต่างจังหวัด ส่วนไอ้เบก็กินเลี้ยงกับญาติแล้วก็แฟนมัน”

   “แล้วพี่จอมกับพี่ซันล่ะ” คู่นี้คือห่วงสุด โดยเฉพาะคนแรกที่เอ่ยถึง

   “เห็นไอ้ซันซื้อของขวัญเตรียมเซอร์ไพรส์อยู่ ไม่มาหรอก”

   “ถ้าไม่มา แล้วเมื่อกี้โทรหาพี่ทำไม” ขึ้นมาถึงห้องก็ต้องชำเลืองซ้ายขวา หลบอยู่ข้างกระถางต้นไม้หรือเปล่าวะ ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปส่องดู “เป็นคนที่เดาอะไรไม่ได้อะ พี่จอม”

   “คงโทรมาเพื่ออวดของมั้ง” พี่โชเดินลิ่วเข้าห้องก่อน เพราะผมไขกุญแจไว้แล้ว “ไอ้จอมมันขี้อวด”

   “อวดอะไรเหรอ” อยากรู้เหมือนกัน

   “ไม่รู้ ก็เมื่อกี้ไม่ได้รับ”

   “พี่โชอะ”

   “พูดมาก รีบๆ ไปเตรียมของ เดี๋ยวไม่ทันพอดี”

   พอกลับมาถึงห้อง ไอ้กลอยคนนี้ก็กลายร่างเป็นด๊อบบี้ตามเดิม เพราะพี่โชไปเปิดแฮรี่ดูต่อจากเมื่อกี้ นี่มันคนอะไรกันวะ

   ผมจัดการของทะเลที่ซื้อจากห้างมาโดยการล้างทำความสะอาด ของที่เปลืองแรงกินเวลาสุดก็คงเป็นหอยแครงที่ต้องล้างโคลนออก ระหว่างทำก็นึกถึงแม่แล้วก็พี่สาวที่ตอนนี้คงเริงร่าอยู่สักที่ในญี่ปุ่น แทบไม่อยากจะเชื่อตอนแม่โทรมาหาบอกว่าจะไปต่างประเทศกับครอบครัวของพี่โช ปกติแล้วแม่ผมไม่ชอบนั่งเครื่องบินไปไกลๆ ครั้งนี้มาแปลกสุด หรืออยากชดเชยชีวิตที่แสนยากลำบากสมัยก่อนก็ไม่รู้

   อันที่จริงผมก็อยากไปด้วย แต่พี่โชดันไม่อยากไปผมเลยอด น่าเศร้านัก

   ของสดทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ต้องทำอาหารเที่ยงก่อน เป็นกับข้าวง่ายๆ อย่างไข่เจียวหมูสับ คนติดหนังเวทมนต์กินไปตาก็ดูไป ไม่คิดจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง...เอาให้เต็มที่เลยครับพี่ หลังจากทำงานอย่างหนักมา ปลดปล่อยให้เต็มที่!

   “กินเบียร์ได้ป่ะ” ถามหลังจากจัดการข้าวจนอิ่ม พี่โชปรายตามองนิดๆ ก่อนพยักหน้าลง ผมยิ้มร่าไปทึ้งลังเบียร์ และไม่ลืมรินใส่แก้วมาให้คนติดหนัง “ชน”

   พี่โชไม่ตอบแต่ก็ยื่นแก้วมาชน รสชาติขมไหลลงคอแต่กลับรู้สึกดี ฟองฟอดสีขาวติดตามปากจนต้องใช้ลิ้นแลบเลียอย่างช้าๆ 

   “มีอะไรเหรอ” มัวแต่สนใจน้ำสีเหลืองในมือ พอหันไปมองอีกทีพี่โชก็จ้องหน้าแล้ว

   “มึงนี่นะ” โดนเหวี่ยงใส่เฉยเลย ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรสักนิด

   ผมเลือกที่จะเดินกลับไปหน้าเตาตามเดิม พี่โชแม่งอารมณ์แปรปรวนตามสภาพอากาศแน่ๆ ดังนั้นไม่ควรไปยุ่ง เดี๋ยวจะทำให้อารมณ์การกินเบียร์ต้องสะดุด จากแก้วแรกค่อยๆ เพิ่มจนหมดเป็นขวด อย่าดูถูกว่าผมเมานะครับ แค่นี้ไม่สะกิดต่อมเมาผมได้หรอก คอผมแข็งจะตาย แต่ไม่ต้องเอาอะไรมาตีทดสอบนะครับ เดี๋ยวผมจะตายก่อนเมา

   สายตาเหลือบดูนาฬิกาเป็นระยะเพราะจะได้กะเวลาทำมื้อเย็น เสร็จไวเดี๋ยวอาหารเย็นชืด เสร็จช้าไม่ทันกินพาลจะปวดท้อง เราต้องหาเวลาที่เหมาะสมกับอาหารครับ ระหว่างรอก็จัดเบียร์ไปอีกขวด ขนมกรุบกรอบเป็นกับแกล้มได้อย่างดี กินไปก็เพลินไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกพี่โชแย่งแก้วในมือไปดื่มรวดเดียวจนหมด

   “แย่งแก้วกลอยทำไม”

   “กินเยอะไปแล้ว เดี๋ยวก็เมาก่อนเคาท์ดาวน์พอดี”

   “ไม่เมาหรอกน่า กลอยคอแข็ง”

   “ไอ้ขี้โม้”

   เนี่ย ชอบมาดูถูกความคอแข็งของผม ขนาดพวกไอ้สักยังต้องเรียกผมอาจารย์ อ้อ ไม่นับการปีนฟุตบาธคราวนั้นนะครับ ไม่นับนะ และพี่โชคงเห็นผมยกเอาๆ เลยมานั่งคุมแถมสั่งให้ทำมื้อเย็นอีก โคตรใจดำ หวงเบียร์กับผมได้ไง

   “พี่หั่นมะระให้หน่อย” มาอยู่เฝ้าก็ใช้ซะเลย แม้จะมีเสียงฮึดฮัดแต่ก็ยอมทำ พอมีลูกมือแบบนี้อะไรก็ดูง่ายไปหมด “พี่โชปั่นน้ำจิ้มให้ด้วยนะ”

   “ได้ทีใช้ใหญ่เลยนะ” ปีศาจบ่นครับ แต่มือก็หยิบนั่นนี่ใส่เครื่องปั่น พี่โชทำเป็นและอร่อยด้วยนะครับ ครูดีและหล่อก็งี้แหละ (อวยตัวเอง)

   ทำมื้อเย็นเสร็จฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืด แสงไฟจากนอกตึกดูสวยงามไปอีกแบบ แน่นอนว่าอีกไม่นาน ฟ้ามืดมิดจะมีแสงพลุสว่างไปทั่วแน่นอน

   “ดีจัง ปีนี้ได้อยู่กันสองคน” ผมพูดกับตัวเองระหว่างรอพี่โชไปอาบน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าผมอาบเสร็จก่อน ตอนแรกว่าจะซักแห้งสักหน่อย แต่ตัวเหม็นเกินไปรับไม่ไหว พออยู่คนเดียวกับอาหารบนโต๊ะก็เริ่มหิว แต่ยังแตะไม่ได้ ผมเลยเลือกจะเบนความสนใจตัวเองไปที่โลกโซเชียลสักหน่อย

   แก๊งพี่โชทุกคนเป็นอย่างที่ได้ยินจริงๆ พี่ตินโพสรูปตัวเองสวมเสื้อโค้ทยาว ดูจากบรรยากาศแล้วน่าจะเป็นทางภาคเหนือ แต่มันหนาวขนาดนั้นเลยเหรอวะ พี่เบถูกไอ้ทูแท็กรูป หน้าตาเมาได้ที่เลยทีเดียว ส่วนพี่แทมถ่ายรูปหมาตัวเองใส่หมวกแดงกับที่คาดมีเขากับหู ไหนบอกกินเลี้ยงกับที่บ้านไง ไหงมาอยู่กับหมาได้ แต่คู่ที่หวานไม่แคร์คงจะเป็นพี่จอมที่กล้าลงรูปตัวเองจุ๊บปากกับพี่ซัน แบบนี้ต้องมีล้อสักหน่อยแล้ว

   “ดูอะไร” เสียงทุ้มมาพร้อมกลิ่นหอมๆ ผมเงยหน้ามองพี่โชพลางหันหน้าจอโทรศัพท์ไปให้ดู “โคตรกล้า”

   “ไม่เห็นต้องใช้ความกล้าเลย อยากลงก็ลง” ตาโตหลังจากได้ยิน จะว่าไปพี่โชก็ลงรูปกับผมบ่อยๆ เป็นผมเองที่ไม่ค่อยโพสรูปเท่าไหร่ ไม่ใช่ไม่กล้าหรืออายหรอกนะครับ แต่ผมอยากเก็บรูปไว้ดูเองมากกว่า ถึงเรื่องอื่นผมจะขี้อวด แต่ความรักของผม ไม่ชอบอวดให้ใครหรอก ไม่อยากให้ทุกคนมาอิจฉาในความรักของผมกับพี่โช

   พูดไปงั้น

   เราสองคนเลิกสนใจเรื่องคนอื่นแล้วลงมือจัดการมื้อเย็นแสนอร่อย ก่อนกินผมกับพี่โชไม่ลืมที่จะบันทึกภาพแสนสวยไว้เพื่อลงอวดบ้างว่าคู่เราก็ไม่ไชยา มิตรชัยเหมือนกัน (ไม่ธรรมดานั่นเอง)

   “กุ้งอร่อย” พี่โชจัดการสิ่งที่ตัวเองอยากกินเรียบ กินไปจิบเบียร์ไปโคตรดีเลย แต่เหมือนขาดอะไรไป

   “กลอยเปิดเพลงได้ป่ะ” ใช่ครับ มันเงียบไปหน่อย พี่โชไม่ตอบแต่กลับลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องนอน ออกมาอีกทีพร้อมกีต้าร์โปร่งตัวเอง “โหย จะเล่นให้กลอยร้องเหรอ”

   “ไม่เป็นไรพี่เกรงใจ เดี๋ยวพี่ร้องเอง” พูดจบก็ขำออกมาเฉย ไม่สนหน้าผมจะงอเป็นปลาทูแค่ไหน

   “กลอยเสียงเพราะจะตาย พี่โชอะ”

   “ใช่ กลอยเสียงเพราะ...เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น”

   “พี่โช!”

   อยากจะงอนแต่ก็ดูแปลกไปสักหน่อย เลยได้แต่ยกเบียร์ขึ้นดื่ม พี่โชเริ่มดีดกีต้าร์เป็นเพลงช้าๆ โดยมีผมป้อนกุ้ง ป้อนปลาหมึก เสียงร้องของพี่โชนุ่มทุ้มแม้ไม่ไพเราะจนจับใจแบบพี่ซัน แต่ก็ฟังโคตรเพลิน...


   เสียงให้ห้า หน้าตาให้คูณล้านๆ


   ระหว่างนั่งเคลิ้มกับหน้า เอ๊ย เสียงของพี่โช ริงโทนโทรศัพท์ของผมก็ดังขัด พอหยิบมาดูกลับไม่ใช่เพื่อนของผม เลยต้องยื่นให้เพื่อนของคนที่โทรมา

   “ใคร?”

   “พี่จอม”

   ให้เดาคงจะเห็นกับข้าวที่ผมโพสลงโซเชียลแน่ พี่โชกดรับปุ๊บก็รีบตะโกนบอกไม่ต้องมา รู้เลยว่าสิ่งที่ผมเดามันถูก คนกินจุต้องอยากมาร่วมวงแน่นอน

   “กูกินหมดทุกอย่างแล้วโว๊ย พวกมึงไม่ต้องมา” พี่โชหน้านิ่งสุด น้ำเสียงเกรี้ยวกราดก็สุด “เออ กูอยากอยู่กับเมียสองคน มึงไม่ต้องเสนอหน้ามา”

   (กลัวกูไปขัดตอนพวกมึงเอากันหรือไง) เสียงดังทะลุออกมาจนผมได้ยิน เป็นประโยคที่โคตรจะตรงเลยให้ตาย

   “เออ รู้ก็ดี ไม่ต้องเสนอหน้ามา”

   (ไอ้เหี้ยโช!!)

   เสียงตะโกนด่าของพี่จอมมาพร้อมกับเสียงพลุที่จุดขึ้นมาพอดี ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจจนต้องรีบหันไปดูนาฬิกา นี่มันห้าทุ่มแล้วนี่หว่า ทำไมเวลาผ่านไปไว เหมือนเพิ่งกินข้าวเย็นตอนสองทุ่มเอง พี่โชกับผมช่วยกันเก็บจานข้าวไปใส่อ่างรอล้างพรุ่งนี้ ตอนนี้ต้องเตรียมตัวสำหรับเคาท์ดาวน์ก่อน

   “ตรงไหนดี” ผมถามขณะยกลังเบียร์เตรียมย้ายที่

   “ห่วงแต่เบียร์นะคนเรา”

        โดนแขวะแต่ไม่สน พี่โชส่ายหน้าขำๆ ก่อนเดินนำไปที่ระเบียง เพิ่งเห็นว่าเอาเสื่อรองคลานของเด็กมาปูไว้ คงเตรียมตอนผมอาบน้ำแน่นอน มีหมอนรองนั่งกับผ้าห่มเตรียมไว้พร้อมด้วย ได้สถานที่เราสองคนก็เริ่มชนแก้วอีกรอบ

   “จะข้ามปีอีกแล้วเนอะ” ผมพูดขึ้นมา นึกถึงปีที่แล้วที่ป่วยจนต้องไปนอนโรงพยาบาล
 
   “ดีใจที่ปีนี้กลอยไม่ป่วย” พี่โชบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน แต่ผมว่าเมามากกว่า

   “กลอยก็ดีใจ ที่ปีนี้มีพี่โชอยู่ด้วยอีกปี”

   “ปีหน้าพี่ก็จะอยู่ ปีโน้นอีก ปีถัดๆ ไปอีก”

   “รักกลอยมากล่ะสิ” แกล้งล้อไป โดนตีหน้าผากดังแป๊ะ

   “ถ้าไม่รัก ไม่ได้มานั่งเสนอหน้าที่นี่หรอก”

   ผมหัวเราะขึ้นมาหลังจากได้ยิน เป็นการบอกรักแบบฮาร์ดคอเสียจริง

   “ขอบคุณที่พี่โชยังอยู่ข้างกลอยนะ” ยกแก้วชนไปหนึ่งรอบเป็นการขอบคุณ

   “จะซึ้งเหรอ” ดูพี่โชพูดสิครับ ขัดการสร้างความซึ้งของผม แล้วเจ้าตัวก็ยกมือมาขยี้หัวผม “ถึงกลอยไล่พี่ก็ไม่ไป เพราะพี่จองกลอยไว้แล้ว”

   “เห็นกลอยเป็นสินค้าเหรอถึงจองได้ด้วย”

   “ไม่เคยเห็นเป็นสินค้าเลย” กำลังจะยิ้มต้องรีบหุบเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “เป็นตุ๊กตามากกว่า”

   “ตุ๊กตายางสินะ” แล้วพี่โชก็หัวเราะจนแทบหงายหลัง “คนเรานะ ไม่ว่าจะปกติหรือเมาก็คิดมันอยู่เรื่องเดียวนี่แหละ” พึมพำระหว่างจรดแก้วเบียร์ที่ปาก

   “มานั่งนับวันที่หนึ่งมกราคมกับพี่ทุกปีนะ” น้ำเสียงทุ้มแต่หนักแน่นทำเอาผมต้องรีบเม้มริมฝีปาก “ตกลงไหม”
ผมไม่ตอบอะไรเพราะยื่นหน้าไปจูบปากแดงๆ นั่นแทน เพราะบางทีการกระทำ สำคัญกว่าคำพูด พี่โชขำน้อยๆ หลังจากผมผละออกมานั่งตามเดิม

   “ห้ามหนีกลอยไปไหนด้วย ไม่งั้นจะตามไปทุกที่เลย” มีขู่ครับ พี่โชยิ่งขำ

   “ก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่ให้รักได้ไงวะ” ถูกมือใหญ่ดึงให้ไปนั่งบนตัก หลังผมพิงกับอกกว้างที่แสนอบอุ่น แขนสองข้างรัดรอบเอวผมไว้แน่น มีคางแหลมวางซบอยู่บนบ่า

   “กลอยน้ำหนักลดล่ะ” เพราะไม่อยากให้เงียบผมเลยพูดขึ้น

   “ลดกี่กิโล?” เสียงเบาชิดลำคอจนขนแอบลุก ยิ่งลมหายใจอุ่นๆ ปะทะมาด้วยยิ่งไปกันใหญ่

   “สองขีด” บอกปุ๊บคนกอดผมก็หัวเราะออกมาจนบ่าผมสั่น “ถึงจะน้อยแต่ก็ลด”

   “ลดเพราะขี้หรือเปล่า”

   “ออกกำลังกายต่างหาก” ดูถูกผมเฉย

   “ออกกำลังกาย..บนเตียงกับพี่น่ะเหรอ”

   “ไม่ใช่เว้ย” โวยวายไปก็เท่านั้น ขยับหนีก็ไม่ได้เมื่อแขนยังรัดเอวไว้อยู่

   “ผอมก็ได้ อ้วนก็ดี ไม่ว่ายังไงพี่ก็ชอบ” ไม่พูดเปล่า มือยังมาบีบพุงผมเล่นอีก “พุงกี่ชั้นเนี่ย”

   “ด่าอ้วนเลยดีกว่า”

   พูดจบก็พากันขำ ก่อนเราทั้งคู่จะเงียบ ปล่อยให้เสียงพลุกับเสียงเพลงจากสถานที่ต่างๆ ดังคลอไป

   “ทำไมเงียบ” พี่โชพูดขึ้นก่อน ผมเหม่อมองไปที่ยอดตึกที่มีไฟสว่าง “คิดอะไรอยู่”

   “คิดถึงเรื่องของเรา เหมือนเราเพิ่งเจอกันเองเนอะ” อดที่จะนึกถึงความหลังไม่ได้ “แทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันผ่านมาสองปีแล้ว”

   “นั่นสินะ” เป็นคำเห็นด้วยที่สั้นไปหน่อย ผมเอี้ยวคอไปมองคนด้านหลัง สายตาพี่โชมองไปที่อื่นก่อนจะหันมาสบตากับผม “พี่รักกลอยมาสองปีแล้ว”

   “พี่ซันเคยบอกผมว่า ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่โชจะอยู่กับผมได้นานแบบนี้”

   “ไปแอบคุยกับมันตอนไหน” เสียงแข็งมาเชียว ผมรีบขยับเอนไปซบอกอุ่นเพื่ออ้อน

   “ไม่ได้แอบคุยเลย” บอกเสร็จก็ช้อนตาขึ้นมอง “ห้ามทิ้งกลอยนะ”

   “ไม่มีวันนั้นแน่นอน” น้ำเสียงหนักแน่นเหมือนดวงตาที่ไม่สั่นไหว “เพราะกลอยคือของขวัญปีใหม่ของพี่ในทุกๆ ปี”

   “พี่โชก็เป็นของขวัญปีใหม่ของกลอยในทุกๆ ปีเหมือนกัน”

   “เลียนแบบว่ะ”

   “ไม่ได้เหรอ”

   “ได้เสมอ”

   แล้วหน้าขาวๆ ก็ใกล้เข้ามาจนไร้ช่องว่าง จูบที่แสนหวานท่ามกลางแสงสีของพลุที่สว่างไปทั่วท้องฟ้า เป็นจูบแรกของปีใหม่ที่เรามอบให้แก่กัน เป็นจูบที่ผมมอบให้แก่พี่โชเพียงคนเดียว

   “สวัสดีปีใหม่พี่โชของกลอย” กระซิบบอกเบาๆ เมื่อจมูกกับปากของพี่โชยังคลอเคลียไม่ยอมห่าง

   “สวัสดีปีใหม่ กลอยของพี่” พูดจบปากผมก็ถูกประกบอีกรอบ คราวนี้ยาวนานจนแทบขาดใจ “ไปแกะของขวัญปีใหม่กัน”

   “แกะของขวัญ? ที่ไหน?”

   “ก็ของขวัญปีใหม่” พี่โชไม่ว่าเปล่า ยังพามือเลื้อยเข้ามาในเสื้อยืดผมเป็นคำตอบ “แกะที่นี่ ตอนนี้”


   การกระทำ สำคัญกว่าคำพูดสินะ


   “แกะ...บนเตียงได้ไหม ตรงนี้...เจ็บหลัง”

   พี่โชขำออกมาก่อนช้อนตัวผมขึ้นแนบอก ขายาวสองข้างก้าวเข้าห้องอย่างมั่นคง ก่อนโน้มตัววางผมลงบนเตียงนุ่ม ไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเปล่าถึงทำให้จูบหวานกว่าทุกที แม้ปกติจะหวานมากอยู่แล้วก็ตาม

   “พี่จะแกะของขวัญทั้งคืนเลย”

   “จะไหวแน่เหรอ ขี้โม้ว่ะ” พูดจบพี่โชก็หัวเราะชุดใหญ่

   “พรุ่งนี้กลอยไม่มีแรงเดินแน่”
 
   “คิดว่ากลัวที่ขู่เหรอ”

   ผมโน้มคอพี่โชลงมาประกบจูบ คนอย่างไอ้กลอยไม่กลัวคำขู่อยู่แล้ว


        ...คนจริงไม่กลัว กลัวคนไม่จริงมากกว่า


   สวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกคนสุขกาย สบายใจ ร่ำรวยกันถ้วนหน้านะครับ ตอนนี้ไอ้กลอยคนนี้ขอพิสูจน์คนจริงสักหน่อย อยากรู้ว่าจะมีแรงสักแค่ไหนกันเชียว...ผมหมายถึงตัวผมเองนี่แหละ ไม่ได้หมายถึงปีศาจแรงมหาศาลนั่น ที่พูดว่าผมคือตุ๊กตามันคือเรื่องจริงสินะ ไม่มียั้งอย่างกับเก็บกดมาเป็นปี จับตรงไหนได้เป็นขย้ำขยำไปหมด


   นี่แหละคือคนจริงที่ไม่พูดมากเดี๋ยวเจ็บคอ...มันเป็นแบบนี้นี่เอง


   พี่โชเว้ย ถนอมร่างกายผมหน่อย เดี๋ยวปีหน้าไม่มีของขวัญให้แกะนะเว้ย (บ่นได้แค่ในใจเพราะแค่หายใจยังลำบาก)



.........

สวัสดีปีใหม่ ปี 2019 ค่าาา พากลอยกับพี่โชมาสวัสดีปีใหม่ทุกคนค่ะ

ปีใหม่นี้ขออวยพรทุกคน ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทองและความสุข ขอให้สมหวังดังใจทุกอย่างค่า ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับเพื่อนๆ ทุกคนค่าา หากใครกำลังท่องเที่ยว ขอให้เดินทางปลอดภัย และเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ไร้ปัญหาใดๆ ค่ะ

ปีหน้าจะพยายามทำให้ตัวเองมีพลังให้มากกว่าเดิมค่ะ จะพยายามพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ นะคะ

สวัสดีปีหมูทองค่า (-/l\-)       
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-01-2019 00:38:19
อ่านไปก็ระแวงแทนกลอยไปด้วยกลัวเพื่อน ๆ พี่โชจะบุกมาถึงห้อง  :laugh: :laugh: :laugh:
แล้วก็อิจฉากลอยที่น้ำหนักลดตั้งสองขีด  :katai1: :katai1: :katai1:
แต่ยังใงก็สวัสดีปีใหม่นะกลอยปะเกรียนและผองเพื่อน  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-01-2019 08:25:44
สวัสดีปีใหม่ 2562 รักพี่โชและกลอยปะเกรียน    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-01-2019 16:55:44
อ่านไปก็ระแวงแทนกลอยไปด้วยกลัวเพื่อน ๆ พี่โชจะบุกมาถึงห้อง  :laugh: :laugh: :laugh:
แล้วก็อิจฉากลอยที่น้ำหนักลดตั้งสองขีด  :katai1: :katai1: :katai1:
แต่ยังใงก็สวัสดีปีใหม่นะกลอยปะเกรียนและผองเพื่อน  :mc4: :mc4: :mc4:

คิดเหมือนกันเลย .....ฮ่าๆๆๆๆๆ

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะ ไรท์ 
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต......
ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรงนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:

พี่โชข  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-01-2019 17:21:49
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 01-01-2019 18:09:12
หวานข้ามปี
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2019 21:21:27
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 01-01-2019 22:16:21
กลอยกลายเป็นของขวัญให้ปีศาจเปิดต่อไป
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-01-2019 13:32:54
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-01-2019 15:51:16
55555 ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตลกตลอด สวัสดีปีใหม่กลอย พี่โช
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-01-2019 19:50:28
หวานไปอีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-01-2019 00:53:15
ที่กลอยทำแต่ละอย่างคือน่ากินมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2019 15:19:29
อยู่ฉลองปีใหม่กันทุกปีเลยนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ [P.5] [UP!!] [01/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 04-01-2019 10:05:10
น่ารักสม่ำเสมอเลยนะคู่นี้

HNY คุณ aiaea83 ขอให้มีความสุขมากๆๆ :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [09/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 19-01-2019 14:11:51

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 11





(โช)
   

   เขาว่ากันว่า คนทำผิดมักจะมีอาการบางอย่างที่ต่างจากเดิม ซึ่งแน่นอนว่าคนข้างๆ ผมกำลังเป็น หลังจากกลอยกลับมาตอนค่ำด้วยกลิ่นเหม็นควันจากการย่างหมู ผมก็คืนโทรศัพท์ให้ น้องมองหน้าผมแวบหนึ่งก่อนรีบเดินเข้าห้องนอน ปากบอกจะอาบน้ำ แต่ผมว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

   ระหว่างรอคนอาบน้ำ ผมก็นั่งดูหนังไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ ไม่ได้คาดคั้นอะไรน้อง เพราะรู้ดีถึงนิสัยการไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนกับเรื่องของตัวเอง แต่บางทีน้องก็ควรรู้ ว่าผมพร้อมเดือดร้อนกับทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเล็กเท่าขี้มดไปจนถึงขี้ปลาวาฬ

   และแล้วคนอาบน้ำก็ค่อยๆ เดินอ้อยอิ่งออกมาด้วยเสื้อกล้ามของผมกับบ็อกเซอร์เน่าๆ ที่ผมเคยเอาทิ้ง แต่เจ้าตัวก็ยังไปคุ้ยกลับมาซัก กลอยเดินมาล้มตัวนั่งข้างๆ พลางขยับมาจนชิด ดวงตากลมช้อนมองดูออดอ้อนอย่างผิดปกติ สงสัยจะเห็นข้อความที่ผมพิมพ์ตอบไอ้เด็กนั่นแน่ ทำตัวแบบนี้

   “อะไร?” ลองถามดู ไอ้เด็กนั่งข้างยิ้มแป้นโชว์เศษผักติดซอกฟัน “ผัก”

   “พี่โชอะ” กลอยหน้างอก่อนวิ่งไปส่องกระจก

   สงสัยร้านนั้นจะอร่อยจริง

   “กินเหล้ามากี่แก้ว?”

   “สามแก้ว” กลอยชูนิ้ว โชว์ยิ้มยิงฟันไร้ผัก “พี่โชกินข้าวหรือยัง”

   “พี่เวฟข้าวกล่องกินแล้ว” กลอยไถลตัวนั่งเอาแก้มป่องถูแขนผมคล้ายกับอ้อน “แน่ใจว่าสามแก้ว?”

   “จริงๆ กลอยไม่โกหกอยู่แล้ว” พูดไปทำตาใสมองหน้าผม “เดี๋ยวกลอยอุ่นเกี๊ยวหมูให้ไหม”
 
   “กินหมูฉีดยามาหรือเปล่า อ้อนพี่ขนาดนี้” เด็กขี้อ้อนไม่ยอมมองหน้า เอาแต่ถูแก้มที่ต้นแขนผมไปมา “หรือมีอะไรจะถาม?” ลองถามดู คราวนี้กลอยเริ่มมีปฏิกิริยานิดๆ ตาโตๆ ที่ผมชอบมองช้อนขึ้นมา “มีอะไรอยากจะบอก หรืออยากจะถามพี่ไหม” จ้องหน้ากดดันไปนิดๆ “ว่าไง”

   “หิวจัง อุ่นเกี๊ยวกินดีกว่า” ว่าแล้วก็ลุกหนีไปเฉย ให้มันได้อย่างนี้สิน่า

   ผมส่ายหน้าอย่างเนือยๆ มองร่างอวบหาหม้อ หาเกี๊ยวในตู้เย็น ก่อนแสงหน้าจอโทรศัพท์ผมจะสว่างเมื่อมีข้อความเข้าจากคนที่ผมกำลังรอ

   ‘กูนัดไอ้เบนแล้ว เจอพรุ่งนี้ที่มหาลัยเลย’

   ไอ้เบนที่ไอ้ซันว่า คือเพื่อนคณะรุ่นเดียวกับผมเอง จากข้อมูลที่ผมสืบมา ไอ้เด็กที่ชื่อไบร์ทเป็นน้องของเพื่อนผม ซึ่งนั่นก็คือเบน ไอ้ซันเลยติดต่อไปหา ถามไถ่กันมาหลายวัน เนื่องด้วยไอ้เบนไปทำงานต่างจังหวัด ดังนั้นต้องใช้เวลาอยู่หลายวันพวกผมถึงจะไปเจอไอ้เด็กที่มายุ่งกับกลอยได้ ใจจริงผมอยากไปตั้งแต่วันแรกที่รู้ แต่ไอ้เบนขอร้องไว้ คงกลัวว่าผมจะไปกระทืบน้องมันมั้ง


   ผมไม่ได้เลวขนาดนั้นสักหน่อย จะกระทืบใครก็มีเหตุผลตลอด


   ‘มึงมารับกูด้วย’ ตอบไป ไอ้ซันส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับมา

   “นั่นแน่ แอบคุยกับใคร มีกิ๊กเหรอ” เสียงลอยมาพร้อมกลิ่นหอมๆ ของเกี๊ยวน้ำ กลอยทำตาเล็ก ตาน้อยจนผมอยากมอบฝ่าเท้าเป็นการตอบแทน มันกวนผมอยู่

   “คุยไอ้ซัน”

   “พี่กิ๊กกับพี่ซันแล้วเหรอ พี่จอมรู้ป่ะ”

   การตอบของผมคือการอัดเสียงแล้วส่งผ่านไลน์ไปให้ไอ้ซัน อีกฝั่งตอบมาเป็นคำพูดเช่นกันว่า ‘ไอ้ควาย’ แน่นอนว่าเป็นไอ้จอมที่ตอบแบบนี้

   “กลอยล่ะ แอบมีกิ๊กหรือเปล่า” ถามเข้าประเด็นจนคนตักเกี๊ยวเข้าปากชะงัก “มี หรือไม่มี”

   “ไม่มี!” เสียงสูงมาก “พี่โชก็รู้ ว่ากลอยรักปีศาจคนเดียว เทวดาหน้าหล่อที่ไหนก็สู้ไม่ได้” ไม่ว่าเปล่า ยังยื่นเกี๊ยวมาจ่อที่ปากผม “คนอื่น แค่หางตากลอยยังไม่แลเลย...อ้ำ”

   “กวนตีน” ไม่ได้ด่าเพราะคำพูด แต่ด่าเพราะผมอ้าปากจะงับเกี๊ยว แต่คนป้อนดันวกเอาเข้าปากตัวเองเฉย

   “เอ๊า ชอบกินลมเหรอ...” พูดทั้งที่เกี๊ยวเต็มปากเลยสำลัก อยากสมน้ำหน้าแต่ก็ทำไม่ลง ได้แต่ลูบหลังตบหลังให้หยุดไอ “เกือบตาย”

   “นรกยังไม่ต้องการต่างหาก”

   “โห ปีศาจแรงว่ะ”

   ผมถลึงตาใส่ หลังจากถูกหน้าผากเหม่งๆ พุ่งมาชน

   “ไหนบอกอุ่นเกี๊ยวให้พี่ไง” เอาไปกินเองเฉยจนต้องแย่งกินบ้าง แม้ผมจะกินข้าวแล้วก็เถอะ พอได้กลิ่นหอมๆ ลอยเข้าจมูก ท้องก็ร้องอยู่เหมือนกัน “กลอย ขอพี่กินคำหนึ่ง กลอยครับ”

   “เต้นเต่างอยให้ดูก่อน ถึงจะให้กิน”

   “งั้นไปอุ่นเองก็ได้”

   “ล้อเล่น ใครจะไปใจร้ายกับพี่โชที่แสนหล่อเหลาขนาดนี้ได้” ว่าแล้วกลอยก็ตักเกี๊ยวเข้าปาก ก่อนคายลงมาไว้ที่ช้อน “อะ คำหนึ่ง”

   “ถ้าจะขนาดนี้ เคี้ยวให้พี่เลยไหม”

   “อ๋อ ได้ๆ”

   “ประชด”

   ผมมองหน้าคนรักที่หัวเราะงอหงาย รู้ว่ากลอยคงเดาออก ว่าผมคงเห็นทุกข้อความหมดแล้ว แต่ที่ยังไม่กล้าถาม เพราะกลัวว่าผมจะเค้นเรื่องราวจนเรื่องบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เอาเถอะ รอให้ผมไปเจอไอ้เด็กนั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน

   “ใครวะ บ่นอ้วนอยากลดน้ำหนัก กินหรือยัดวะ” ตอนเข้าห้องมาแรกๆ ยังบ่นว่าท้องจะแตกเพราะหมูย่างอยู่เลย

   “ก็พี่โชบอกเองว่าชอบกลอยมีพุง แล้วจะลดไปทำไม จริงมะ”

   “เออ”

   กลายเป็นผมผิดซะงั้น อะไรวะ แต่ก็เอาเถอะ ถึงกลอยจะเป็นยังไง ผมก็ชอบอยู่ดี มีคนเดียวในโลกขนาดนี้นี่นะ

   “พี่โชๆ”

   “อะไร?”

   “ขอตดได้ป่ะ”

   ไม่ทันได้ตอบ ก็มาทั้งเสียงและกลิ่นจนผมต้องลุกหนีเข้าห้อง ต้นเหตุกลิ่นนั่งขำสนุกใหญ่

   ...ขอคืนคำที่บอกเมื่อกี้ได้ไหมครับ????






***



   ผมออกมาทำงานเฉกเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้ผมทำแค่ครึ่งเช้า เพราะครึ่งบ่ายผมมีนัด พอนาฬิกาผนังบอกเวลาใกล้เที่ยง คนที่นัดก็มานั่งยิ้มอยู่ตรงหน้า ยังดีที่มันไม่พาไอ้จอมมาด้วย

   “มึงทำยังไงไอ้จอมถึงยอมอยู่ห้องวะ” ถามหลังจากปิดแฟ้มสุดท้าย ตอนผมไปคุยที่ห้องมันคราวนั้น ไอ้จอมร่ำๆ ว่าจะเกาะไปด้วยให้ได้

   “กูก็แค่บอกดีๆ เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ” ไอ้ซันตอบอย่างสบายๆ แต่ภายใต้รอยยิ้มมุมปากนั่น มันแฝงถึงความโหดเอาไว้ ขนาดผมที่กลอยเรียกปีศาจอยู่ทุกวี่วัน ไอ้จอมยังไม่กลัว แต่มันกลับสยบให้ไอ้ซันที่กลอยเรียกเทพบุตร

   แค่นี้ก็รู้แล้วว่ากลอยเรียกผิด

   “ก็ดี ขืนมันมาด้วย กลัวว่าเรื่องจะไปจบที่โรงพักเหมือนทุกที” พูดไป มือก็เก็บของไป ไอ้ซันขำออกมาอย่างเห็นด้วย “แล้วไอ้เบนล่ะ”

   “มันบอกเจอที่มหาลัยเลย ว่าแต่ น้องกลอยล่ะ มึงได้บอกไหมว่าจะไป”

   “ไม่ได้บอก”

   “แล้วน้องมันไม่สงสัยเหรอวะ เรื่องข้อความ...”

   “กูว่าคงรู้ตัวแล้ว แต่ไม่ยอมคุย”

   “น้องมันคงกลัวมึงเอาระเบิดไปลงคณะเหมือนคราวก่อนๆ”

   “กูไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”

   “ใช่ เพราะมึงมันอำมหิต เลือดเย็น”

   “พูดถึงตัวมึงเองหรือเปล่า”

   “เออ ไอ้คนดี ไอ้ตีนเบา”

   “กูรู้ไม่ต้องชม”

   “มึงติดกลอยมาแล้วล่ะแบบนี้ มุ้งมิ้งสัด”

   ขอบคุณคำชมเพื่อนด้วยการถีบปลีน่องมันไปที ไอ้ซันหัวเราะเสียงดังทำเอาคนหันมามอง ก่อนจะรีบโปรยยิ้มใส่บรรดาพนักงานบริษัทพ่อผม แน่นอนว่าเสน่ห์เหลือร้ายของมันทำคนหลงได้อยู่แล้ว หากเป็นเมื่อก่อน อ่อยแบบนี้คงได้เบอร์ไปสักคนสองคน แต่พอมีไอ้จอม กลับทิ้งลายไว้เฉย...

   เราสองคนใช้เวลาบนท้องถนนยามเที่ยงอยู่นานกว่าจะถึง ไอ้ซันวนรถไปที่ตึกคณะสถาปัตย์โดยที่ผมไม่ต้องบอกทาง ก็เพราะมันเคยมีคนควงอยู่คณะนี้มาก่อน ไอ้นี่ฟาดเรียบทุกที่จริงๆ

   “จะลงไปก่อน หรือรอไอ้เบน?” ซันถามขณะดับเครื่องยนต์ ผมมองผ่านกระจกหน้าต่างไปใต้ตึกที่มีนักศึกษาเดินให้ควั่ก “เดี๋ยวกูโทรหาไอ้เบนก่อน”

   ระหว่างซันโทรหาคนที่นัด ผมก็เริ่มมองหาคนที่อยากเจอโดยการเอารูปที่แอบเซฟมาเทียบ แต่ก็ไม่เห็น จนไอ้ซันสะกิดถึงได้หันไปมอง

   “ไอ้เบนว่าไง?”

   “อีกสองแยกไฟแดง”

   “งั้นลงไปก่อน” พูดเสร็จผมก็เปิดประตูลงไป ไอ้ซันบ่นบ้าบอแต่ก็ยอมลงตามมา “กูว่าไปหาก่อน ไม่ต้องรอหรอก”

   “ใจเย็นสิวะ ไหนมึงบอกใจเย็นเป็นพ่อพระแล้วไง”

   “ถ้ากูใจร้อนอย่างเมื่อก่อน ไอ้เด็กนั่น คงโดนตีนกูตั้งแต่วันแรกแล้ว”

   “เออๆ กูเชื่อ”

   ผมเดินนำหน้าเพื่อนสนิทขึ้นไปใต้ตึกโดยไม่ได้สนใจสายตาของบรรดานักศึกษาของที่นี่ เพราะมัวแต่มองหาคนที่ตามหา อยู่ไหนวะ

   “อ่าวพี่?” เสียงทักที่ทำให้ผมละสายตาจากตรงหน้าหันไปมอง “สวัสดีครับ”

   “สัก? เพื่อนของกลอย?” ถามอย่างไม่แน่ใจ ไอ้เด็กตรงหน้ารีบพยักหน้าลงรัวๆ “กลอยอยู่ที่นี่เหรอ” ไม่รู้ทำไมเสียงถึงแข็งขึ้นมา ผมกวาดตามองเผื่อจะเจอ หากคำตอบจากเพื่อนกลอยทำให้ผมถอนหายใจออกมา

   “ไม่อยู่ครับ ผมมาคนเดียว ว่าแต่ พวกพี่มาหากลอยเหรอ?”

   “รู้จักคนที่ชื่อไบร์ทไหม” ผมเลือกที่จะถามในสิ่งที่ตั้งใจมา สักทำตาเลิ่กลักมองผมสลับกับไอ้ซัน “เห็นไปด้วยกันเมื่อวานนี่” ผมเห็นเพราะเสียงเตือนคนแท็กรูปดังจากมือถือของกลอยที่อยู่กับผมทั้งวัน

   “พี่...มีอะไรกับมันหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามดูเบาลง สักมองซ้ายมองขวา “ถ้าให้ผมเดา เพราะมันยุ่งกับไอ้กลอยใช่ไหม”

   “อืม” ตอบเรียบๆ จนสักตบมือตัวเองเสียงดัง “พาไปหาหน่อย”

   “ผมก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน” ไอ้ซันแทบเซหลังจากได้ยิน ก่อนจะตั้งหลักได้ก็ช่วยกันมองหา “เดี๋ยวผมลองถามให้”

   ว่าแล้วร่างใหญ่ๆ ของเพื่อนกลอยก็เดินเข้าไปหากลุ่มนักศึกษาที่นั่งอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนกลุ่มนั้นจะคอยหันมามองผมกับไอ้ซันเป็นระยะอยู่แล้ว

   “ไอ้เบนกำลังวนหาที่จอด” ซันกระซิบเบาๆ ผมได้แต่พยักหน้า

   “ไอ้ไบร์ทอยู่ตรงสวนน่ะพี่ เดี๋ยวผมพาไป”

   “ขอบใจ”

   “ไม่รอไอ้เบนเหรอวะ” ทันทีที่จะก้าวขา ไอ้ซันก็รีบดึงแขนพลางถาม ผมส่ายหน้าช้าๆ เป็นคำตอบให้เพื่อนไป “ใจร้อนสัด”

   “จะได้จบไวไง มึงชอบไม่ใช่เหรอ”

   “เออ”

   ผมเดินตามเพื่อนกลอยไปที่ๆ ไอ้เด็กนั่นอยู่ คนรอบข้างมองอย่างสงสัยและยิ่งสงสัยหนักเข้าไปเมื่อผมเดินนำหน้าไปหาเป้าหมายที่นั่งในวงล้อมของกลุ่มคน

   “ขอคุยหน่อย” แม้ไม่ได้ออกชื่อ แต่เจ้าตัวก็น่าจะรู้ เพราะสายตาของผมจ้องไปที่คนๆ เดียว ไอ้เด็กไบร์ทเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้าลง ก่อนคนที่นั่งด้วยจะรีบลุกขึ้นยืนทำท่าหาเรื่อง

   “มึงมีไรวะไอ้ไบร์ท แล้วพวกนี้ใคร”

   “นั่นดิ่ หาเรื่องเพื่อนกูถึงถิ่นแบบนี้ อยากตายเหรอวะ”

   ก่อนจะมีคนโวยวายมากไปกว่านั้น ไอ้เด็กไบร์ทก็ยกมือห้ามเพื่อน

   “ไม่เป็นไรพวกมึง กูจัดการเอง ไปคุยที่ไหนดีครับ”

   “ตรงไหนก็ได้”

   ไอ้เด็กไบร์ทพยักหน้า ก่อนเดินนำพวกผมผ่านทางเชื่อมตึกเข้าไปด้านใน สถานที่ที่มันพามา แทบไม่มีใครเดินผ่าน อาจเพราะเป็นมุมตึกแคบๆ

   “ตรงนี้ได้ใช่ไหมครับพี่?”

   น้ำเสียงดูปกติ แต่สายตามันโคตรท้าทายผมว่ะ

   “สำหรับกู ตรงไหนก็ได้”
 
   “ใจเย็นไอ้โช”

   มือไอ้ซันวางแปะที่ไหล่ของผม แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าไอ้เด็กตรงหน้ากำลังจ้องผมเขม็ง

   “พี่คือคนที่ตอบข้อความผมผ่านเฟซบุ๊กพี่กลอยใช่ไหม”

   “เออ”

   “โคตรไร้มารยาท”

   “ไอ้!”

   ถ้าไอ้ซันกับไอ้สักเพื่อนกลอยไม่จับผมไว้ละก็ ไอ้เด็กปากดีนี่คงได้สักแผล

   “ไอ้ไบร์ท มึงก็รู้ว่าเพื่อนกูมีผัว เอ๊ย มีแฟนอยู่แล้ว จะไปยุ่งกับมันทำส้นตีนอะไรวะ”

   “ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับพี่กลอยนี่ครับ” ไอ้ไบร์ทละสายตาจากผมไปจ้องคนที่ถาม ตอบเสร็จก็เสตามองมาทางผมตามเดิม “ผมก็แค่คุยตามประสาพี่น้อง”

   “พี่น้องพ่อมึงสิ” กำลังจะอ้าปาก แต่เพื่อนกลอยดันโพล่งออกไปก่อน “ไอ้กลอยไม่ได้เล่นด้วยเลย มึงอย่าทำให้เพื่อนกูเดือดร้อน”

   “ผมก็ไม่เห็นว่า การที่ผมไปยุ่ง พี่กลอยจะเดือดร้อน”

   “กลอยไม่เดือดร้อน แต่กูนี่แหละ เดือดเอง” ผมตัดบท “กูเคยเตือนมึงในข้อความแล้วว่าให้เลิกยุ่ง เลิกติดต่อกับกลอย แต่มึงก็ยังทำ มึงต้องการอะไร?”

   “ผมไม่ได้ต้องการอะไร ผมก็แค่ชอบพี่กลอยเฉยๆ”

   “ชอบเฉยๆ ของมึงนี่เป็นยังไง” ผมสะบัดตัวออกจากการจับของเพื่อน พลางเดินไปจ้องหน้ากับไอ้ไบร์ทตรงๆ “ไหนมึงลองบอกกูหน่อย ว่าชอบเฉยๆ ของมึง มันเป็นยังไง”

   “ก็ชอบแบบ...” เงียบครับ ไอ้เด็กตรงหน้าเม้มริมฝีปากตัวเอง สายตาเริ่มกรอกไปมาคล้ายกำลังคิดหาเหตุผลมาตอบผม “ชอบก็คือชอบป่ะวะพี่”

   “มึงชอบ แต่กูไม่ชอบไง กูไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของกู ไม่ชอบให้หมาตัวไหนมาตอดเล็ก ตอดน้อยขอความเห็นใจ ไม่ชอบให้หมาตัวไหนมาออดอ้อน รอคำว่าฝันดีทุกคืน กูไม่ชอบแม้แต่ให้หมาตัวไหนมาแตะตัวคนของกู” ผมบอกช้าๆ และชัดเจนทุกประโยค

   “พี่กลอยเป็นคน ไม่ใช่สิ่งของ พี่จะมาห้ามคนอื่นไม่ให้เข้าใกล้แบบนี้ได้ยังไง เป็นแค่แฟน ไม่ใช่เจ้าชีวิต”

   “ไอ้เชี่ย!” เสียงอุทานของไอ้ซัน หลังจากผมพุ่งเข้าคว้าคอเสื้อไอ้ไบร์ทจนหลังของเด็กนี่ กระแทกเข้ากับผนังตึก “ไอ้โชใจเย็น”

   “กูเตือนมึงดีๆ มึงไม่ชอบเหรอวะ” แม้เสียงเตือนของซันจะลอยผ่านเข้าหูมา แต่ร่างกายกับสมองของผมกลับไม่ทำตาม ก็จะให้ทำตามได้ยังไง ในเมื่อคนตรงหน้ามันวอนหาเรื่องขนาดนี้

   “จะรุมกูเหรอวะ”

        ผมแสยะยิ้มทันทีที่ไอ้เด็กตรงหน้าเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเอง แบบนี้สิวะ ถึงจะสนุกหน่อย

   “กูไม่รุมมึงหรอก เพราะแค่กูคนเดียว มึงก็ตายคาตีนกูอยู่แล้ว” ผมเพิ่มแรงแขนที่กดลำคอให้เด็กนี่ลงไปจนหน้ามันเริ่มเบ้ ไม่ได้ตั้งใจจะรุนแรง เพราะผมมาเพื่อเตือนเฉยๆ “อย่ายุ่งกับเมียกูอีก! เพราะถ้ามึงยังไม่ฟัง มึงจะได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของกู”

   “ไอ้โช! ไอ้ไบร์ท” เสียงโวยวายตรงทางเดิน ก่อนเจ้าของเสียงจะรีบวิ่งเข้ามาผลักตัวผมออก พลางลูบหลังน้องชายตัวเองที่มีอาการไอ จากการที่ผมใช้แขนกดคอ “ไอ้เหี้ย กูวิ่งตามหาจนเหนื่อย”

   “ช้ากว่านี้ น้องมึงคงกลายเป็นซากไอ้ห่า” ผมเหล่ตามองไอ้ซันที่เพิ่งเก็บมือถือตัวเอง คงเป็นคนโทรเรียกไอ้เบนสินะ “กลับเถอะกูว่า อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวเรื่องจะบานปลายนะมึง”

   “ผมก็เห็นด้วยนะพี่” ไอ้สักเพื่อนกลอยรีบออกความเห็น เมื่อกี้ยังทำหูตาตั้งอยู่เลย

   “เตือนน้องมึงด้วย ก่อนที่กูจะมาเตือนเป็นครั้งที่สอง” ผมจ้องหน้าคนที่มองผมอย่างวาวโรจน์ ก่อนเสไปมองไอ้เบน “มึงน่าจะรู้ ว่ากูเลวได้มากแค่ไหน”

   “เออๆ กูรู้ กูจะเตือนมันเอง”

   “ทำไมพี่ต้องยอมมันด้วยวะ”

   “หุบปากเลยมึง ทำกูเดือดร้อนต้องรีบมาหา เชี่ยเอ๊ย กูจะเตือนน้องกูเอง”

   “โชคดี”

   ผมเดินนำออกมาก่อน ได้ยินไอ้ซันบอกทิ้งท้ายซึ่งไม่รู้ว่าบอกใคร แน่นอนคงบอกไอ้เบน หวังว่าผมคงไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ระหว่างเดินผ่านใต้ตึก สายตาเหลือบไปเห็นร่างผู้หญิงตัวอวบอ้วนที่เคยเจออยู่บ่อยๆ

   “อะไรวะ” คงเพราะผมหยุดเดิน ไอ้ซันเลยยื่นหน้ามาถามด้วยความสงสัย

   “คนนั้นชื่ออะไรนะ” หันไปถามไอ้สักแทน คนถูกถามมองตามนิ้วชี้ของผม ก่อนกระพริบตาปริบๆ “เพื่อนคณะมึงใช่ไหม”

   “ใช่พี่ มันชื่ออีเข็ม เป็นแฟนคลับพี่กับไอ้กลอยไง”

   “เหรอ...”

   “ทำไมวะ” ไอ้ซันโพล่งถาม คงอยากมีส่วนร่วม

   “พี่มีอะไรกับอีเข็มเหรอครับ”

   “อยากคุยอะไรด้วยหน่อย ไปเรียกให้หน่อยได้ไหม จะรอที่ลานจอดรถ”

   “อีเข็มเหรอครับ?”

   “อืม”

   “อ่า ครับๆ”

   ผมมองตามหลังเพื่อนกลอยไปจนไอ้ซันแตะไหล่ถึงได้หันกลับมา

   “มึงนี่นะ”

   ไม่ได้ตอบเพื่อน แต่ก้าวขาเดินเพื่อไปที่รถ ผมไม่ได้อยากดุหรือหาเรื่องผู้หญิงหรอกนะครับ แค่อยากคุยด้วยดีๆ ก็เท่านั้น ก็ผมไม่ใช่คนใจร้ายสักหน่อย รอไม่นานคนที่ผมอยากคุยก็มา ตอนแรกก็ยิ้มแย้มปกติ แต่ผมคงทำหน้านิ่งเกินไป รอยยิ้มที่ส่งมาให้เลยค่อยๆ เจื่อนลง

   “พี่โชมีอะไรจะคุยกับเข็มเหรอคะ?”

   “น้องรู้จักคนชื่อไบร์ทไหม” ถามอย่างตรงประเด็นที่สุด ไม่อยากอ้อมค้อมเสียเวลา

   “รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ หรือพี่โชก็รู้จัก?” ท่าทางของเด็กสาวตรงหน้าดูตื่นเต้น

   “ครับ รู้จัก” ผมเหยียดยิ้มส่งคืนให้นิดๆ ก่อนคนถูกส่งยิ้มจะรีบเม้มริมฝีปากพลางก้มหน้า “รู้จักจากข้อความในเฟซบุ๊กของกลอย”

   “ข้อความในเฟซ...”

   “น้องรู้จักคนชื่อไบร์ทก่อน หรือกลอยรู้จักก่อนเหรอครับ?” ไอ้ซันคงเห็นผมเสียงแข็งเกินไปเลยรีบโพล่งขัดขึ้น

   “เข็มรู้จักก่อนค่ะ...”

   “ก็เลยพาไปหากลอย อย่างนั้นใช่ไหม” พยายามถามอย่างสุภาพและใช้น้ำเสียงนิ่งที่สุด เด็กตรงหน้าเริ่มมีน้ำใสๆ คลอที่ตา ไอ้ซันเลยตบไหล่ผมเบาๆ เชิงเตือน “น้องเป็นคนติดต่อกลอยให้เด็กคณะนี้ รวมถึงเรื่องร้านหมูกระทะเมื่อวานด้วยใช่ไหม” ถามเสร็จ เข็มก็หันไปมองเพื่อนตัวเองที่สะดุ้งโหยง “สักไม่ได้อยากบอก แต่พี่สั่งเอง”

   “เรื่องร้านเมื่อวาน เข็มแค่จะไปกินแล้วเจอน้องไบร์ท ก็เลยลองชวน เข็มก็ไม่รู้ ว่าน้องเขาจะไปด้วย...”

   “พี่ต้องเชื่อแบบนี้ใช่ไหม?”

   “คือเข็ม...”

   “เอาเถอะ พี่จะจบเรื่องไว้แค่นี้ เพราะพี่ถือว่า เตือนน้องแล้ว โตขนาดนี้คงคิดเองได้ ว่าเรื่องไหนควรทำ เรื่องไหนไม่ควร น้องอาจสนุก แต่พี่...ไม่สนุกด้วย!” พูดจบผมก็แทรกตัวเข้าไปนั่งในรถทันที เหลือแค่ไอ้ซันที่ยังยิ้มส่งให้พร้อมประโยคปลอบ

   “อย่าคิดมากนะน้อง ไอ้โชก็งี้แหละ เรื่องกลอยแม้จะเล็กน้อย แต่ก็ใหญ่สำหรับมัน ต่อไปจะทำอะไรก็คิดเยอะๆ หน่อยก็แล้วกันนะ อย่างที่เพื่อนพี่บอก มันไม่สนุกด้วย”

   “เข็มขอโทษค่ะ ต่อไปเข็มจะไม่ทำอีก”

   “ดีแล้ว มีเรียนต่อไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ”

   พูดจบไอ้ซันก็กลับขึ้นมาบนรถแล้วออกตัวโดยที่ผมไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลัง ก็อย่างที่ไอ้ซันว่าไว้ เรื่องเล็กของกลอย เป็นเรื่องใหญ่ของผมเสมอ แต่เจ้าตัวดันไม่ยอมเข้าใจ กลัวผมจะมีปัญหา กลัวนั่นนี่ตลอด

        ...ถ้าผมกลัว ผมคงไม่ใช่ ‘โช’ อย่างทุกวันนี้หรอก



...TBC

กราบขอโทษสักล้านๆ ครั้งค่า ที่หายหัวไปนานนม ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เลยจริงๆ (ก้มกราบ) จะพยายามไม่หายอีกแล้วค่า ToT

ปล. ตอนที่ 11 นี้คือพี่โชโหมดคนดี ใจเย็นและพ่อพระที่สุด >w<

แล้วพบกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2019 14:40:36
ถ้าช้าอีกนิดก็เละแล้วละ เล่นกะใครไม่เล่น
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 19-01-2019 15:49:34
โอ๊ยยยยยย ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอยู่ข้างกายพี่โชขนาดนี้มาก่อน

พี่โชคือใจเย็นมาก มากกกกกก
เป็นอิแม่คือต้องได้เสยปากอ่ะ
แต่เข้าใจ ว่าไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
แล้วกลอยจะไม่สบายใจ

แต่ขอโทษที คำว่าชอบเฉยๆอ่ะ
ถ้าเป็นนี่จะสวนกลับทันทีว่า
"ชอบเฉยๆคือการเอาตัวเข้ามายุ่ง มาตอดเล็กตอดน้อยเท่าที่เป็นไปได้งี้หรอ ไอ้เด็กเวร!!!"

เกลียดพวกอยากได้ของคนอื่น
ชอบจริงๆก็รอสิวะ
ถ้าเค้าเลิกกันแล้ววันนั้นเรายังรัก เออมันคือเวลาของเรา การทำแบบนี้เค้าเรียกเห็นแก่ตัว และรักแค่ตัวเอง จำไว้นะคุณน้องไบรท์

และนังน้องเข็ม
ทำไมอย่างนี้ไม่ปากเก่งล่ะลูก
อยากให้ผู้ชายได้กันหรืออยากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างให้ได้ใกล้ชิดผู้ชายคะลูก?

หนู ชั่วโมงบินหนูน้อยไปอ่ะเอาจริงๆ
การกระทำหนูไม่ฉลาด
้เออจะบอกว่าฆ่าตัวตายและลากเพื่อนมาตายด้วยก็ใช่ รักตัวเองไม่รักเพื่อน

ไม่ต้องบอกว่ายังไม่เกิดอะไรขึ้น
ไม่ว่าเรื่องไหนก็มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆน้อยๆมาก่อนทั้งนั้นล่ะค่ะ

น้องคนเขียนเขียนได้ดี พี่อินค่ะ อินมาก(>//<)
พี่รู้สึกเหมือนเดินไปกับพี่โชพี่ซันด้วย
แต่ก็รู้สึกว่าเบาไปหน่อย
เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้ต้องเดือดกว่านี้555

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
ทั้งเรื่องนิยายและเรื่องอื่นๆเลยน้า
แล้วขออนุญาตแบนนังน้องเข็มนะลูก

ปล. สักทำดี อย่างนี่สิถึงเรียกว่า...อยู่เป็น
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-01-2019 16:33:19
ชอบพี่โชอ่ะ ชัดเจน ตรงประเด็น  o13
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-01-2019 19:42:02
พี่โชคนจริง  o13 o13 o13 ลงโทษกลอยปะเกรียนให้หนัก ๆ เลยนะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-01-2019 20:14:39
พี่โชคือของจริง เคลียร์จริง ตรงประเด็น แก้ที่ต้นตอของจริง
จะบอกว่าเราไม่ชอบที่เข็มทำแบบนี้เลยอ่ะ คือนางฟินแต่คนอื่นเดือดร้อน ถูกหรอ เพื่อนกันจริงป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-01-2019 02:04:50
พี่โชใจเย็นแบบเท่าที่จะเย็นได้แล้ว
ไม่น่าจะจบง่ายๆมั้ยนายคนนั้น ดูท้าทาย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 20-01-2019 09:29:19
พี่โช คนจริง รักแรง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 20-01-2019 11:21:04
ทุกอย่างนี่มาจากอีเข็มเลย น่าตบสัก 2 ที
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-01-2019 16:23:11
พี่โชไม่ต้องทำอะไรมากก็กลัวหัวหดแล้วจ้า :ling3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-01-2019 19:16:56
เด็ดมากค่ะ ตามหาจนเจอ และบุกมาถึงถิ่นค่ะ ไม่ธรรมดา
สมคำโฆษณา ว่าโหดจริงไม่ติงตัง ไม่งั้นไม่เป็นโชแบบทุกวันนี้

กลอยเอ้ยย ถ้ายังทำเป็นเล่นตัว ไม่ยอมเล่านะ มีเฮแน่
ไม่งั้นอาจจะได้เสียน้ำตากันสักก๊อก ดีนะที่โชดูเข้าใจ
แต่จะให้ใจเย็นต่อ คงทำยาก

น้องคะ ถ้ายังพยายามอยู่ คงเจอโหมดดาร์คของจริง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 11 [P.5] [UP!!] [19/01/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-01-2019 21:33:00
โอ๊ยยยยยย ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอยู่ข้างกายพี่โชขนาดนี้มาก่อน

พี่โชคือใจเย็นมาก มากกกกกก
เป็นอิแม่คือต้องได้เสยปากอ่ะ
แต่เข้าใจ ว่าไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
แล้วกลอยจะไม่สบายใจ

แต่ขอโทษที คำว่าชอบเฉยๆอ่ะ
ถ้าเป็นนี่จะสวนกลับทันทีว่า
"ชอบเฉยๆคือการเอาตัวเข้ามายุ่ง มาตอดเล็กตอดน้อยเท่าที่เป็นไปได้งี้หรอ ไอ้เด็กเวร!!!"

เกลียดพวกอยากได้ของคนอื่น
ชอบจริงๆก็รอสิวะ
ถ้าเค้าเลิกกันแล้ววันนั้นเรายังรัก เออมันคือเวลาของเรา การทำแบบนี้เค้าเรียกเห็นแก่ตัว และรักแค่ตัวเอง จำไว้นะคุณน้องไบรท์

และนังน้องเข็ม
ทำไมอย่างนี้ไม่ปากเก่งล่ะลูก
อยากให้ผู้ชายได้กันหรืออยากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างให้ได้ใกล้ชิดผู้ชายคะลูก?

หนู ชั่วโมงบินหนูน้อยไปอ่ะเอาจริงๆ
การกระทำหนูไม่ฉลาด
้เออจะบอกว่าฆ่าตัวตายและลากเพื่อนมาตายด้วยก็ใช่ รักตัวเองไม่รักเพื่อน

ไม่ต้องบอกว่ายังไม่เกิดอะไรขึ้น
ไม่ว่าเรื่องไหนก็มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆน้อยๆมาก่อนทั้งนั้นล่ะค่ะ

น้องคนเขียนเขียนได้ดี พี่อินค่ะ อินมาก(>//<)
พี่รู้สึกเหมือนเดินไปกับพี่โชพี่ซันด้วย
แต่ก็รู้สึกว่าเบาไปหน่อย
เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้ต้องเดือดกว่านี้555

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
ทั้งเรื่องนิยายและเรื่องอื่นๆเลยน้า
แล้วขออนุญาตแบนนังน้องเข็มนะลูก

ปล. สักทำดี อย่างนี่สิถึงเรียกว่า...อยู่เป็น

อย่างใจ.......ใช่เลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 06-02-2019 00:01:27
เพราะนายคือของฉัน [ll] : 12




        ในวันที่อาจารย์นัดคุยงานเช้า ผมเดินทำหน้างงเข้ามานั่งข้างไอ้ทู พอจะอ้าปากถาม มันก็รีบส่ายหัวส่ายหน้ายิกๆ อย่างกับรู้ว่าผมจะถามอะไร

   “มึงรู้เหรอ ว่ากูจะถามเรื่องอะไร”

   “ไม่รู้”

   “ไม่รู้แล้วส่ายหน้าก่อนทำไม กวนตีนสัด” ง้างมือตบหัวเพื่อนสนิท แต่มันกลับหลบได้ซะงั้น พอดีกับไอ้สักเดินอ้อยอิ่งถือถุงไก่ปิ้งเข้ามานั่งข้างๆ เลยลองถามในสิ่งที่สงสัยดู “กูขอถามอะไรหน่อยสิ”

   “อะไร”

   “อีเข็มคุยกับมึงหรือเปล่า”

   “ถามทำไม?”

   “ก็เมื่อกี้กูเจอมันใต้ตึก อุตส่าห์ทัก แม่งเมินกูเฉย แถมมันยังทำเหมือนกูเป็นอากาศอีก”

   “อ๋อ เหรอ”

   “อ๋อเหรออะไรของมึง ว่าไง มันคุยกับมึงป่ะ?”

   “ก็ปกตินะ”

   “หรือมันโกรธกูเรื่องหมูกระทะวันนั้น? แต่กูก็จ่ายเงินนี่หว่า ไม่ได้กินฟรีสักหน่อย”

   “กูว่าไม่น่าใช่”

   ทันทีที่ไอ้สักพูดจบ ผมก็หูตั้งเลยทีเดียว

   “มึงรู้อะไรมาใช่ไหม?”

   “รู้อะไร ไม่รู้” ปฏิเสธเสียงสูงเว่อร์

   “อย่ามาตอแหล บอกกูหน่อย ว่ากูทำอะไรผิด” พูดไม่ทันจบ ไอ้ทูก็โบกเข้าเต็มหัว พออ้าปากจะด่า ปรากฏว่าอาจารย์เข้ามายืนหน้าห้องแล้ว

   เกือบโดนหมายหัวซะแล้วไอ้กลอย


   และหลังจากทนความอยากรู้ของตัวเองมานานเกือบสองชั่วโมงก็ถึงเวลาเลิก พออาจารย์ออกห้องปุ๊บ ผมรีบล็อกคอไอ้สักปั๊บ โดยที่หางตาเหล่มองไปยังอีเข็มที่สะบัดหน้าใส่ผมแทบจะทันที มันมีพิรุธแบบนี้ไม่ให้ผมสงสัยได้ยังไง

   “มึงบอกกูมาตอนนี้เลย ต่อมเสือกกูสั่นหมดแล้ว”

   “บอกเรื่องอะไรวะ” ไอ้เคยื่นหน้ามาถามเพราะอยากสอดรู้ด้วย

   “อีเข็มไม่คุยกับกู แถมเมินกูด้วย” ผมว่า ไอ้เคย่นคิ้วก่อนหันไปมองคนที่ผมเอ่ยถึง

   “วันแดงเดือดของมันหรือเปล่า มึงคิดมาก”

   “กูไม่ได้คิดมาก” ตอบไอ้เคไป แล้วหันมาคาดคั้นไอ้สักผู้ที่มีท่าทางเหมือนจะรู้เบื้องหลัง “บอกกูมาเร็วๆ อย่าลีลา”

   “มึงจะอยากรู้ไปทำไม มันไม่มายุ่งกับมึง ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้สักพยายามงัดแขนผมออกจากคอตัวเอง แต่คงยากหน่อย เพราะผมมือตุ๊กแก

   “ไอ้ดีก็ดี แต่กูอยากรู้เหตุผล เมื่อก่อนกูไล่แทบตาย มันก็ยังไม่ไปเลย” คราวนี้ทุกคนเริ่มเห็นด้วยกับประโยคของผม โดยเฉพาะไอ้ต๋องที่พยักหน้าจนคอแทบหลุด “มึงบอกกูมาเถอะ กูอยากรู้จริงๆ”

   “กูก็อยากรู้ด้วยคน” ไอ้ต๋องเสนอหน้าตอบ
 
   “จะบอกก็รีบบอก กูหิวไอ้ห่า” ไอ้ทูหน้างอ สมกับที่พี่จอมเรียกมันว่าปลาทู

   “เออๆ ก็ได้ แต่ต้องรอให้ไอ้พวกข้างหลังออกห้องก่อน เพราะมันเป็นความลับขั้นยอดอ่อน” ไอ้สักปรายตามองเพื่อนร่วมห้องด้านหลัง แต่พอหันมา ก็เจอพวกผมทำตาพริบๆ ใส่ “ทำหน้าตาตอแหลมองกูทำไม”

   “ขั้นยอดอ่อนของมึงคือมุกอะไร” ถามด้วยความสงสัยเลยถูกฝ่ามือเท่าใบตาลฟาดเข้าให้

   “ยอดอ่อนก็คือสุดยอดไง”

   “แล้วมันเกี่ยวกับสุดยอดยังไง”

   “ช่างยอดอ่อนมัน กูเหนื่อยจะอธิบายให้มึงฟังไอ้กลอย”

   ผมขมวดคิ้วแทบชนกันอย่างไม่เข้าใจ...ผมผิดตรงไหนที่ไม่เข้าใจมุกแป้กๆ ของไอ้สัก มีใครเข้าใจแล้วบอกผมได้ไหม ช่วยให้คนโง่แบบผมกระจ่างที และกว่าเพื่อนจะออกห้องหมด ผมก็ผุดลุก ผุดนั่งอยู่หลายรอบ ทั้งเรื่องมุกยอดอ่อนกับเรื่องของอีเข็ม พอทางสะดวกพวกเราก็เริ่มสุมหัวกันอีกรอบ พร้อมๆ กับไอ้สักล้วงโทรศัพท์เครื่องแพงตัวเองออกมา นิ้วมือมันเลื่อนสไลด์หน้าจออย่างชำนาญ ก็แน่ล่ะ โทรศัพท์ของมันนี่

   “รู้แล้วเหยียบเลยนะพวกมึง” กำชับเสร็จ เจ้าของเครื่องก็กดเปิดไฟล์เสียงขึ้นมา ทำเอาผมหูตั้ง รอฟังอย่างตั้งใจ ไม่รู้หรอกว่าเสียงอะไร แต่น่าจะเด็ดพอตัว

   ‘โอย ร้อนจังเลย’

   “เชี่ย ผิดอันๆ”

   เสียงจากคลิปทำเอาพวกผมเบิกตาแทบถลน เสียงผู้หญิงแม่งโคตรเอ็กอะ

   “มึงไปอัดเสียงใครมา หรือว่ามึง....” ผมรีบล้อทันที ไอ้สักทำท่าจะลุกหนี จนผมต้องรีบคว้าตัวมันไว้ “โอเคๆ กูจะทำเหมือนไม่ได้ยิน พวกมึงด้วย”

   แม้จะสั่งแบบนั้น แต่ทุกคนก็ทำหน้าตาอยากรู้ขั้นสุด คงต้องรอให้รู้เรื่องราวของผมก่อน เรื่องเจ้าของเครื่องค่อยซักก็ได้ ไม่รีบ และเมื่อเจอไฟล์คลิปเสียงของจริง ไอ้สักก็ยกนิ้วขึ้นมาจ่อปากส่งสัญญาณให้เงียบ

   ‘พี่โชมีอะไรจะคุยกับเข็มเหรอคะ’

   ทันทีที่ได้ยิน ผมก็ตัวชาไปหมด ไม่ใช่เพราะเสียงอีเข็ม แต่เพราะชื่อที่เพื่อนสาวร่วมรุ่นเรียกต่างหาก และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกส่งคำถามออกมา

   ‘น้องรู้จักคนชื่อไบร์ทไหม’

   คำถามของพี่โช ทำเอาพวกไอ้ทูหันมามองหน้าผมทันที โดยเฉพาะไอ้เคที่ยื่นหน้าสอดรู้จนจมูกจะทิ่มหน้าผมแล้ว

   ‘รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ หรือพี่โชก็รู้จัก’

   น้ำเสียงอีเข็มยังฟังดูสดใส ไม่รับรู้ถึงกระแสเสียงนิ่งๆ โหดๆ จากคำถามของพี่โชเลย ขนาดผมได้ยินยังขนลุกเกรียวกราว ยิ่งถ้าได้เห็นหน้าด้วยนะ คงร้องไห้แน่

   ‘ครับ รู้จัก...รู้จักจากข้อความในเฟซบุ๊กของกลอย’ เสียงสบถดังจากบรรดาพวกที่สุมหัวฟังอยู่ โดยเฉพาะไอ้ทูใช้นิ้วจิ้มหัวผมหลายจึ๊ก

        ‘น้องรู้จักคนชื่อไบร์ทก่อน หรือกลอยรู้จักก่อนเหรอครับ?’ เสียงนุ่มแบบนี้พี่ซันแน่นอน

   “ไบร์ทที่พี่เขาพูดถึงนี่ใครวะ” ไอ้ต๋องถูกฝ่ามือฟาดเข้าเต็มหัว โทษฐานที่พูดกวนเสียงคลิป แม้มันจะทำหน้ายุ่งแต่ก็ยื่นหน้ามาฟังต่อ

   ‘เข็ม...รู้จักก่อนค่ะ’

   ‘ก็เลยพาไปหากลอย อย่างนั้นใช่ไหม’ โอย ผมอยากจะเป็นลม นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงพี่โชโหมดนิ่งแบบนี้ เคยได้ยินไหมครับ ไม่ได้ขู่ ก็เหมือนขู่ อย่างนั้นเลยที่ผมรู้สึก ‘น้องเป็นคนติดต่อกลอยให้เด็กคณะนี้ รวมถึงเรื่องร้านหมูกระทะเมื่อวานด้วยใช่ไหม’

   คำถามที่ทำเอาผมหันไปมองหน้าเพื่อนทุกคน ประโยคยาวๆ นี้ สะดุดหูตั้งแต่คำว่า ‘เด็กคณะนี้’ มันหมายความว่ายังไงวะ แล้วยังจะเรื่องร้านหมูกระทะอีก

   ‘คะ?’

   ‘สักไม่ได้อยากบอก แต่พี่สั่ง’

   ไอ้สักเกือบทำโทรศัพท์ตัวเองร่วง หลังจากได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากพี่โช ผมยื่นหน้าไปจนชิดกับหน้ามันเป็นการคาดคั้นเรื่องราวทั้งหมด แต่กลับถูกดันออกมา พร้อมเสียงกระซิบว่าเดี๋ยวจะบอก ผมเลยขยับออกห่าง

   ‘เรื่องร้านเมื่อวาน เข็มแค่จะไปกิน แล้วเจอน้องไบร์ท ก็เลย...ลองชวน เข็มก็ไม่รู้ ว่าน้องเขาจะไปด้วย...’

   ‘พี่ต้องเชื่อแบบนี้ใช่ไหม’

   “อูย” ทุกคนรวมผมพร้อมใจกันสบถคำนี้ออกมา หลังจากพี่โชขัดประโยคการอธิบาย ให้เดา ผมว่าตอนพี่โชพูด เพื่อนสาววายของผมต้องน้ำตาแตกแน่ๆ

   ‘เอาเถอะ พี่จะจบเรื่องไว้แค่นี้ เพราะพี่ถือว่าเตือนน้องแล้ว โตขนาดนี้คงคิดเองได้ ว่าเรื่องไหนควรทำ เรื่องไหนไม่ควร น้องอาจสนุก แต่พี่...ไม่สนุกด้วย!’

   “โหดสัดฝรั่งเศส” หลังจากคลิปเสียงตัดไป ไอ้ต๋องก็ร้องทันที “ว่าแต่ ไอ้ไบร์ทนี่ใครวะ ตอบกูหน่อย กูอยากรู้บ้าง”

   “ไอ้โง่” ไอ้เคขัดขึ้นมา “กูก็โง่เพราะกูก็ไม่รู้”

   หลุดขำท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด ผมหันไปมองหน้าเจ้าของคลิป เพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดที่มันไม่ได้อยู่ในคลิปนี้ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘เด็กคณะนี้’ ของพี่โช

   “ไอ้สัก มึงไปเจอพี่โชที่ไหน” เค้นถาม คนถูกเค้นทำอ้อยอิ่งจนผมอยากกระชากคอแล้วเขย่า “ไอ้สัก”

   “กูไปซื้อไก่ทอด...”

   “จะไปซื้อห่าอะไรตอนนี้ กูอยากรู้เรื่องพี่โช”

   “ไอ้สัดกลอย กูหมายถึงก่อนเจอผัวมึง ไม่ใช่จะไปซื้อไก่ตอนนี้ไอ้ห่า” รีบยิ้มแห้งๆ ส่งให้เพื่อนไป ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า พี่โชเล่นไม่มีอาการหรือทำตัวแปลกไปกว่าเดิมเลยด้วย “วันนั้นกูจะไปซื้อไก่ทอดที่โรงอาหารสถาปัตย์ เจอผัวมึงกับเพื่อนพี่เขากำลังชะเง้อมองหา...”

   “ใต้ตึกสถาปัตย์? มหาลัยเรานี่นะ?”

   “เออสิ จะให้ไปที่ไหนล่ะแม่ง” ไอ้สักจิ๊ปากที่ถูกผมขัด ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “พี่เขามาหาไอ้ไบร์ทเว้ย กูเอ๋อเลย”

   “ไอ้ไบร์ทไหนวะ” ยังครับ ไอ้ต๋องก็ยังไม่เลิกถาม

   “ก็ไอ้เด็กที่นั่งข้างมึงร้านหมูกระทะอะ ที่หล่อๆ” ไอ้ทูตอบด้วยความรำคาญ คงอยากให้หยุดขัด คนไม่รู้ก็ร้องอ๋อพลางตั้งใจฟังต่อ “เล่าต่อๆ”

   “มึงเอ๊ย พอไปเจอหน้าเกือบมีเรื่องไอ้สัด เพื่อนไอ้ไบร์ทแทบลุกมายำตีน แต่กิ๊กมึงบอกจะเคลียร์เอง”

   “กิ๊กพ่อมึงสิ แล้วยังไงต่อ รีบๆ เล่า”

   “พอได้ที่คุย พี่โชแม่งก็ชี้นิ้วสั่งไม่ให้ไอ้ไบร์ทยุ่งกับมึง แต่ไอ้เด็กนั่นก็ดื้อเว้ย มีเถียงจนพี่โชเกือบต่อย ยังดีที่มีคนมาห้ามทัน กูโคตรลุ้น”

   “มึงลุ้นกลัวว่าเขาจะตีกันเหรอ”

   “ลุ้นว่ากูจะตามน้ำได้สักหมัดไหม ไอ้ห่า ก็กลัวเขาจะตีกันสิวะ ถามได้” คราวนี้พากันหลุดขำหมด ยกเว้นผมคนเดียวที่ตีหน้ายุ่งเหมือนถ่ายไม่ออก “ไงไอ้ต้นเรื่อง เงียบเลยนะมึง” ถูกสะกิดแขนยิกๆ

   “กูต้นเรื่องยังไง” ถามกลับอย่างเคืองๆ

   “ที่พี่โชมาหาเรื่องไอ้ไบร์ทเพราะเขาหึงกูเหรอ ถามแบบไม่ใช้สมอง” โดนด่ารัวๆ จนฟังแทบไม่ทัน “แล้วนี่ มึงไม่รู้อะไรเลยเหรอ พี่เขาไม่พูดหรือถามเหรอ”

   “ฮื่อ” ส่ายหน้าตอบ “พี่เขาก็ปกติดีทุกอย่างนะ กินข้าว ดูทีวี คุยกับกูปกติ”

   “พี่เขาคงไม่อยากให้มึงคิดมาก” ไอ้สักตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนประโยคของไอ้เคจะทำให้ทุกคนขำ ยกเว้นผม

   “ไอ้กลอยมันน่ารักขนาดที่พี่เขาลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอวะ สงสัยพี่เขาต้องไปตัดแว่นใหม่ว่ะ”

   “ไอ้สัดเค” ไม่ด่าเปล่า ยังแถมฝ่าเท้าเข้าเต็มหน้าแข้งจนไอ้เคโอดโอยอย่างเจ็บปวด

   “กลับไป มึงก็ลองถามพี่เขาดูสิ” ไอ้ทูออกความคิดเห็น

   “ไม่รู้จะเมากลับมาหรือเปล่าสิ วันนี้พี่โชไปวันเกิดเพื่อน กลับดึก” บอกอย่างเซ็งๆ ตอนแรกผมอยากจะไปด้วย แต่พี่โชไม่ให้ไป บอกว่าเพื่อนกลุ่มนี้เมาแล้วชอบรุ่มร่าม กับผมจะมีใครกล้าจับนู้น ล้วงนี่วะครับ ผู้ชาย มีเหมือนๆ กันหมด ต่างกันก็แค่ขนาด...ผมหมายถึงขนาดตัวน่ะ

   ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งเงียบอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงทักก็ดังมาจากประตู เป็นรุ่นน้องปีสามที่จะใช้ห้องต่อ พวกผมเลยต้องรีบลุกแล้วพากันออกไปหาอะไรกิน หากแต่พวกไอ้สัก ไอ้เค ไอ้ต๋องดันอยากกินส้มตำ แต่ผมไม่อยาก เลยล็อกคอไอ้ทูออกมากินชาบูในห้าง

   จะว่าไป ไอ้ทูก็เหมือนจะรู้เรื่องที่ผมไม่รู้ เดี๋ยวกินชาบูเสร็จ ผมค่อยคาดคั้นเอา แน่นอนว่ามันต้องบอก เพื่อนกันย่อมไม่มีความลับต่อกันจริงไหมครับ...แต่พอเอาเข้าจริง ความหิวก็ครอบงำทุกอย่างจนลืมเรื่องที่จะถาม อิ่มเสร็จก็แยกย้าย มานึกได้อีกทีก็ต่างคนต่างไปแล้ว ถ้าไม่กลัวเจ็บ ผมคงตบหัวตัวเองแรงๆ ไปแล้วโทษฐานที่ขี้ลืม ให้มันได้แบบนี้สิวะ



   ขับรถกลับมาคอนโด ห้องยังว่างเปล่า เพราะเจ้าของห้องยังไม่กลับ พี่โชจะออกจากที่ทำงาน แล้วตรงไปงานวันเกิดเลย ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนักว่างานของใคร เพราะคนไปไม่ได้บอกอะไรเลย บอกแค่ว่า หวง อยากให้ผมอยู่ห้องมากกว่า ตอนพูดไม่รู้เมาขี้ตาหรือเปล่า หรือจะเมาความรักที่ผมมอมทุกวัน...ว่าไปนั่น

   พอไม่มีอะไรทำก็นั่งเล่นโซเชียลไปเรื่อยๆ สลับกับเล่นเกมส์ ดูทีวี ก็พอรู้อยู่ ว่าการรอคอยอะไรบางอย่าง เวลาจะเดินช้า แต่ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้ มองนาฬิกาตั้งหลายที เข็มมันก็ไม่ยอมขยับ กว่าจะรู้ตัวว่านาฬิกาถ่านหมด ก็ตอนพี่โชกลับห้อง

   “ทำไมกลับไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง” ปากก็ถาม ตาก็มองตามคนที่เพิ่งเข้ามา

   “นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้ว สามทุ่มที่ไหน” พี่โชพูดจบ ผมก็รีบชี้ไปที่นาฬิกาแขวนผนัง ซึ่งมันบอกว่าสามทุ่ม พี่โชขำในลำคอก่อนเดินมาโยกหัวผมทีหนึ่ง “ตลกว่ะ”

   “มันตายได้ไง กลอยเพิ่งเปลี่ยนถ่านไปเองนะ”

   “เพิ่งเปลี่ยนเมื่อไหร่?”

   “เมื่อสองเดือนที่แล้ว” อุตส่าห์ซื้อถ่าน ดับเบิ้ลเอมาเลยนะ ทำไมแม่งไม่ทนเลย “พี่โชเมาหรือเปล่า กินกี่แก้ว” ถามอย่างทุกทีที่พี่โชออกไปเที่ยว เพราะผมก็ถูกถามแบบนี้ทุกครั้งเหมือนกัน

   “ไม่เมาหรอกน่า พี่กินนิดเดียว”

   “นิดเดียวจริงอะ?” กลิ่นหึ่งมาก

   “อืม”

   พี่โชยิ้มหวานตาหยีมาให้ผม ก่อนสายตาอันแสนสั้นของผม จะสังเกตอะไรบางอย่าง เลยต้องรีบรั้งแขนคนจะเดินหนีเข้าห้องไว้

   “ปากพี่ไปโดนอะไรมา” รีบผุดลุกขึ้นยืนบนโซฟาทันที พลางเพ่งมองมุมริมฝีปากแดงที่มีแผลอยู่ “ไปมีเรื่องมาใช่ไหม” แถมที่เสื้อเชิ้ตมีรอยเลือดด้วย 

   “นิดหน่อย” พูดจบก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผม “พี่ไปอาบน้ำก่อน เหล้ากระเด็นใส่ เหม็นไปหมด”

   “มีเรื่องกับใคร พี่โชอ่ะ”

   ถามไปก็เท่านั้น เพราะคนถูกถามเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว ผมเลยรีบเดินตามพลางทิ้งตัวนั่งปลายเตียงมองพี่โชถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำ

   “กินข้าวหรือยัง” พี่โชถามขณะถอดกางเกง

   “กินแล้ว พี่โชไปมีเรื่องกับใครเหรอ” ถามอย่างเป็นห่วง

   “ไม่มีอะไรหรอก เคลียร์หมดแล้ว ไม่ต้องกังวล”

   “ต่อไปห้ามมีเรื่องอีกนะ กลอยเป็นห่วง”

   “ครับๆ” พี่โชเดินมาจุ๊บหน้าผากผมทีหนึ่ง ก่อนโชว์ฟันขาว “พี่อาบน้ำได้หรือยัง”
 
   “เจ็บไหม” เลือกที่จะยื่นมือไปลูบรอยแผลที่มุมปากพี่โชแทน “มีแผลที่อื่นอีกไหม”

   “มือเคล็ดนิดหน่อย สงสัยไม่ได้มีเรื่องซะนาน”

   “ไม่ตลกเลยนะ”

   พี่โชหัวเราะเสียงดังทำเอาผมหน้างอ

   “กลอยก็รู้ ว่าพี่ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน” จะดูดีอยู่แล้วเชียว หากไม่มีประโยคถัดมา “ยกเว้น...เมีย”

   “ไปอาบน้ำเลยไป”

   ได้แหย่ผมละจะอารมณ์ดีตลอด คนอะไรนิสัยเสีย สมแล้วที่ได้รับฉายา ปีศาจสองพันปี! และพอพี่โชเข้าห้องน้ำปุ๊บ ผมก็รีบวิ่งออกมาหยิบโทรศัพท์ปั๊บ ปลายสายคือคนที่ไปงานกับพี่โชด้วย รออยู่นานกว่าจะรับ

   (โทรมาทำพ่อง)

   เป็นคำทักทายที่ดูกันเองมากๆ

   “พี่จอมกลับถึงห้องหรือยัง” ต้องขอบคุณการเรียนทำอาหาร ที่ทำให้ผมสนิทกับพี่จอมมากขึ้น “ผมมีเรื่องจะถาม”

   (เรื่องไอ้โชปากแตกใช่ไหม...ซี๊ด ไอ้ซันกูเจ็บ เบาๆ สิวะ) เสียงซี๊ดปากจากปลายสาย ทำให้ผมแทบมีดาวที่หางตา (มันถึงห้องแล้วก็ดี)

   “พี่โชไปมีเรื่องกับใครมา พี่จอมรู้หรือเปล่า” เกือบลืมคำถามหลังจากได้ยินคำบ่นว่าเจ็บ

   (จะมีเรื่องกับใครได้ นอกจากกลุ่มกิ๊กมึง ไอ้ซัน กูเจ็บ ทำเบาๆ เป็นไหม ชอบรุนแรงตลอด)

   “เอ่อ นี่ผมโทรมาขัดจังหวะอะไรพวกพี่หรือเปล่า” กระดากปากที่จะถาม แต่ก็ต้องถามเป็นมารยาท

   (ถ้ากูเอากับไอ้ซัน กูไม่รับโทรศัพท์มึงมาขัดจังหวะหรอกไอ้ห่า กูทำแผลอยู่เว้ย) สมแล้วที่เป็นพี่จอม ตอบได้ตรงและชัดเจน (แม่ง โคตรหมาหมู่ ไอ้ห่า)

   “หมาหมู่?”

   (เออสิ พวกกูกำลังกินเหล้าเพลินๆ แม่งเข้ามาหาเรื่อง ไอ้โชกลัวคนอื่นโดนลูกหลง เลยพาพวกหมาหมู่ออกไปหลังผับ)

   “กิ๊กผมที่ว่านี่...”

   (ก็ไอ้เด็กถาปัตย์มหาลัยมึงไง หรือมึงมีกิ๊กคนอื่นอีก ระวังไอ้โชฆ่าตาย)

   “จะบ้าเหรอ ผมไม่มีกิ๊กที่ไหนเลย” รีบออกตัวล้อฟรีจนพี่จอมแขวะ “ว่าแต่ พวกพี่มีใครถูกรุมบ้างเหรอ”

   (ก็มีกู ไอ้โชแล้วก็ไอ้แทม)

   “คนมารุมมีกี่คน?”

   (หก ไม่ก็เจ็ดนี่แหละ กูจำไม่ได้ว่ะ แต่ที่กูจำได้ดีคือพวกมันเละ) จบประโยคด้วยการเค้นเสียงขำในลำคอ (คิดจะวัดฝีมือ โคตรทารกเลยสัด)

   “แล้วพี่กับพี่แทมเจ็บเยอะไหม” เจ็ดรุมสามเลยนะ

   (กูถูกไอ้เหี้ยพวกนั้นใช้ขวดปากฉลามแทงแขน แต่ก็แค่เฉียดๆ เพราะกูหลบทัน ไอ้แทมคิ้วแตก ส่วนไอ้โชก็อย่างที่มึงเห็น) ลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอหลังจากได้ยิน (แต่กูขัดใจตอนไอ้โชหิ้วกิ๊กมึงขึ้นรถไปหาหมอนี่แหละ เป็นกูจะปล่อยให้นอนตายอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ)

   “หา? พี่ว่าพี่โชหิ้วใครนะ”

   (ไอ้เด็กที่แชทคุยกับมึงบ่อยๆ นั่นไง โคตรโง่ขอตัวต่อตัวกับไอ้โช สุดท้ายก็น็อกคาตีน เป็นกูจะกระทืบให้จมดินไปเลย ไอ้สัด กูเจ็บ/ ปากดีนะมึง) เสียงทุ้มของพี่ซันแทรกเข้ามา พร้อมกับเสียงโวยวายของพี่จอม แล้วสายก็ถูกตัดไป

       ทำแผลหรือทำสงครามกันวะ โหดฉิบหาย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งนึกถึงเรื่องคนอื่น ผมควรนึกถึงเรื่องตัวเองถึงจะถูก นี่ไอ้ไบร์ทถึงกับพาพวกไปรุมพี่โชเลยเหรอวะ กล้ามากไปแล้ว ถึงแม้พี่โชจะไปหาเรื่องที่คณะมันก่อนก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ลงมือต่อยตีทำให้เจ็บตัว แบบนี้มันทำเกินกว่าเหตุ ผมคงต้องจัดการอะไรให้มันชัดเจนสักหน่อย

   คิดเสร็จก็เดินกลับเข้าห้อง กะจะไปทำแผลให้คนเจ็บ แต่พี่โชดันนอนหลับบนเตียงไปแล้ว ยาก็ยังไม่ได้กิน หรือกลัวว่าผมจะถามก็ไม่รู้ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมก็เลือกที่จะนอนหลับ เก็บแรงไว้ถามพรุ่งนี้ดีกว่า ยังไงซะ พี่โชก็อยู่ข้างผมตลอดอยู่แล้ว





   ซะที่ไหน...




   ตื่นเช้ามา คนข้างๆ ก็ไปทำงานแล้ว มีติดกระดาษโน้ตไว้ด้วย ว่าคืนนี้จะกลับบ้านเพราะพ่อเรียก แล้วแบบนี้ ผมจะได้ถามเมื่อไหร่ละเนี่ย ที่แน่ๆ วันนี้ ผมต้องไปเคลียร์กับตัวต้นเรื่องก่อน ต้องทำให้เรื่องมันจบไวที่สุด ให้ตามสโลแกน มาด่วน เคลมเร็ว จบไว

   แต่กลับไม่เป็นดั่งใจ เมื่อรู้ข่าวว่า ไอ้ไบร์ทนอนป่วยอยู่ แน่นอนว่าผมไม่ได้ปริปากบอกใคร เรื่องที่มันพาพวกไปรุมพี่โช เพราะเนื้อข่าวที่ได้ยินปากต่อปากคือมันรถล้ม ก็เอาตามที่ข่าวว่ามานั่นแหละ เรื่องจะไม่ได้ยาว ไม่งั้นคนเดือดร้อนจะเป็นพี่โชแทน

   “อีกลอย มีคนอยากคุยด้วย” ระหว่างนั่งคิดสารพัดปัญหา อีเข็มก็เดินเอาโทรศัพท์ตัวเองยื่นมาให้ ผมจ้องหน้าเพื่อนร่วมรุ่น แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหนี “เร็วๆ”

   “เออๆ” รับมาอย่างมึนงง ก่อนเสียงปลายสายจะทักมา ทำเอาผมนิ่งไป “ไอ้ไบร์ท?”

   (ครับ) ผมย่นคิ้วให้กับเสียงตอบรับนั่น (ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมชอบรอยยิ้มของพี่มาก มันเหมือนมีแสงเล็กๆ ลอยอยู่รอบๆ ตัวตอนพี่ยิ้ม ผมรู้ตัวดี ว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็แค่อยากมอง...)

   “กูอยากให้มึงมองข้ามกูไป หรือจะมองกูเป็นแค่ฝุ่น แค่อากาศอะไรก็ได้ มึงเป็นคนดี สักวัน มึงจะเจอคนที่มึงชอบเขาจริงๆ แต่มึงต้องมองข้ามกูไปก่อน”

   (พี่รู้เรื่องผมแล้วใช่ไหม ว่าทำไมผมถึงมานอนโรงพยาบาล)

   “มึงพาพวกไปรุมแฟนกู” บอกเสียงเครียด “ถ้าพี่โชกับเพื่อนสู้พวกมึงไม่ได้ เขาไม่ต้องเจ็บ ต้องตายเหรอวะ สติมึงดีหรือเปล่า แล้วมันคุ้มกับอนาคต กับการเจ็บตัวไหม มันใช่เรื่องไหมวะ กูโคตรไม่โอเคเลยว่ะ”

   (ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีเพื่อนผมจำคนที่มาหาเรื่องใต้ตึกได้ เลยเข้าไปหา ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนั้น)

   “เพราะมึงไม่คิดไง เรื่องถึงเกิด กูขอพูดตรงๆ แบบไม่อ้อม สุนิสาเลยนะ”

   (พี่ยังกล้าเล่นมุกอีกนะ)

   “กูจริงจังสัด ไอ้ไบร์ท กูขอเลยนะ ขอมึงอย่ามายุ่ง มาวนเวียนรอบกูอีก บอกตามตรง กูอึดอัด กูเห็นมึงเป็นแค่น้องร่วมสถาบันแค่นั้น ไม่เคยคิดอย่างอื่นได้อีก กูไม่ได้ใจง่ายนอนกับคนอื่นไปทั่ว สำหรับกู แค่แฟนกูคนเดียวเท่านั้น ซึ่งมึงก็น่าจะรู้จักแล้ว”

   (ครับ รู้จัก แล้วก็ตีนหนักด้วย)

   “นั่นแหละ ฉายาเขาล่ะ แล้วมึง...”

   (พี่ไม่ต้องห่วง ผมคุยกับแฟนพี่แล้ว เข้าใจแล้วว่าควรอยู่ตรงไหน ที่จะไม่ทำให้พี่หรือคนอื่นเดือดร้อนลำบากใจเพราะตัวผม)

   “ขอบใจที่เข้าใจกู ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้คุยกัน หายไวๆ นะมึง” ถอนหายใจออกมายาวๆ หลังพูดในสิ่งที่คิดไปหมด พอผมตัดสายปุ๊บ เจ้าของเครื่องก็เดินหน้าบูดมาดึงกลับปั๊บ “โกรธกูทำไมเนี่ย มึงทำตัวเองทั้งนั้น”

   “เรื่องของกูอีดอก อีสวยเลือกได้ รำคาญมึงอีกลอย!” ถูกกรี๊ดใส่หูส่งท้าย เอาซะเส้นประสาทหูสะเทือน ผมมองตามหลังอวบๆ ของเพื่อนไปจนลับตา พร้อมๆ กับไอ้ทูเดินเข้ามาให้เห็นพอดี

   “ทำหน้าเหมือนไม่ขี้ เป็นไรวะ”

   “ก็เรื่องเมื่อคืน...” แค่เกริ่นมา ผมก็พยักหน้าอย่างรู้ทัน “พี่เบแม่งลากกูไปเต้นหน้าเวที เลยไม่รู้เรื่องพี่โชถูกรุม”

   “มึงก็ไปเหรอ” ตาโตสิผม ไอ้ทูได้ไปด้วย “แล้วมึงรู้อะไรบ้างป่ะ เล่าให้กูฟังหน่อย”

   “พี่โชไม่เล่าให้มึงฟังเหรอ? แต่ก็สมควรแล้วล่ะ มึงมันตัวต้นเหตุ”

   “ไอ้ห่า แค่นี่กูก็รู้สึกผิดจะตายอยู่แล้ว”

   “มึงต้องรู้สึกผิดเยอะๆ เพราะมึงทำให้คนอื่นเจ็บตัวโดยใช่เหตุ” ไอ้ทูใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมรัวๆ “เมื่อคืนคนอื่นสนุกแทบตาย แต่พี่โชแม่งโคตรนิ่ง ทำหน้าหงิกตลอด ขนาดมีเด็กมานั่งตักยังโดนไล่แทบลุกไม่ทัน”

   “มีเด็กมานั่งตัก?”  ทำไมตากระตุกรัว

   “เด็กเพื่อนพี่เขานั่นแหละ หล่อ รวย ใครก็อยากได้ แต่ตอนโดนไล่ กูละสะใจฉิบหาย”
 
   ผมก็สะใจ แต่ไม่อยากแสดงออก

   “ตอนกลับห้องก็ดูปกติ ยังจุ๊บปากกูอยู่เลย” เผลอหลุดปากจนโดนไอ้ทูขำเยาะ “ก็นั่นแหละ ดูปกติทุกอย่าง มีแค่ปากแตก”

   “เพราะพี่เขาห่วงความรู้สึกมึง ไม่อยากให้มึงคิดมาก แล้วมึงล่ะ เคยนึกถึงความรู้สึกพี่เขาบ้างไหม ชอบทำแต่เรื่องให้พี่เขาคิดมาก ไอ้เลว”

   “มึงก็ด่าจนกูรู้สึกผิดไม่ทันแล้วเนี่ย”

   “ต่อหน้ามึงเขาอาจยิ้ม แต่ลับหลังมึง พี่เขาอาจจะเสียใจ น้อยใจอยู่ก็ได้”

   ไอ้นี่ก็บิ้วอารมณ์ผมจังเว้ย

   “แล้วกูต้องทำยังไง”

   “คิดเองสิ พี่โชเป็นผัวมึง ไม่ใช่ผัวกู”

   “แล้วถ้าเป็นผัวมึงๆ จะทำยังไง”

   “ก็ง้อสิวะ”

   “ง้อยังไง”

   “แล้วกูจะรู้ไหมล่ะ ว่าต้องง้อพี่โชแบบไหน เพราะถ้าเป็นพี่เบ แค่อ้อนหน่อยเดียวก็หายแล้ว” ไอ้ทูโคตรมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง เอาซะอยากมองบนใส่ “ถ้ามึงคิดไม่ได้ ก็แค่ไปขอโทษก็จบแล้วป่ะ”

   “กูไปขอโทษเรื่องอะไร เชี่ย” ถูกตบหัวจนเส้นผมปลิวเลย นั่นมือหรือฝาหม้อวะ โคตรเจ็บ

   “แรงเมื่อกี้ กระตุ้นต่อมสมองของมึงไหม รู้หรือยังว่าทำอะไรผิด”

   “เออๆ รู้ แม่ง เกิดเป็นไอ้กลอยก็ผิดตลอด”

   “รู้ก็ดี”

   ชูนิ้วกลางส่งคืนไอ้ทูไป พลางกลับมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี จะไปขอโทษด้วยวิธีไหน จะไปหาพี่โชที่ทำงานหรือที่บ้านดี แค่คิดก็ปวดหัวไปหมด ก่อนจะมีบางอย่างแวบเข้ามาทำให้ฉุกคิดได้ เอาล่ะ ผมรู้แล้วว่าจะง้อยังไงดี ในเมื่อผมคือกลอยประเกรียน จะง้อวิธีธรรมดาก็คงไม่ใช่ผมสิ ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาหาชื่อใครสักคน

   “ฮัลโหล มึงอยู่ไหนไอ้เค กูมีเรื่องจะให้มึงช่วย เดี๋ยวกูไปหา แค่นี้นะ”

   หวังว่าแผนการง้อขอโทษที่ผมคิดไว้ จะสำเร็จได้ด้วยดี ไม่มีล่มกลางคันไปซะก่อน...แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด ขอให้ได้ให้โดนด้วยเถิด สาธุ   



....

ก้มกราบงามๆ เลยค่า มาช้าตลอด T^T อย่าเพิ่งเบื่อ อย่าเพิ่งทิ้งพี่โชกับกลอยนะคะ นะๆๆๆๆ (ทำตาวิ้งๆ)

แล้วพบกันตอนหน้าค่า มาดูแผนการง้อของกลอยว่าจะเริ่ดแค่ไหน รักกกกกก <3 <3
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-02-2019 00:34:02
อีกลอยวางแผนทำไรอีกละ ไม่เคยสำเร็จเหรอก พี่โชรู้ทันตลอดๆ 5555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 06-02-2019 00:42:58
 o13. แผนการง้อของน้องกลอย กลังจะรั่วมากกว่าเริ่ดนะเนี่ย  o13  o13  o13 แต่ยังไงก็รักน้องกลอยค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-02-2019 06:42:48
พี่โช... :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 06-02-2019 08:20:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 06-02-2019 08:54:11
เย่มาแล้วววววววววว
สวัสดีปีใหม่จีนค่าาา

ขอให้เป็นปีที่ดียิ่งขึ้นของทุกคนนะคะ

มาค่ะขอจัด
ก่อนอื่นเลยคือนังน้องเข็ม คือแบบว็อต???
มีหน้ามาเมินกลอยเฉย ทำโกรธเพื่อนเฉย
งงมาก นอกจากไม่มาขอโทษแล้วยังทำเป็นว่าเพื่อนผิดอีก!? รอยหยักในสมองและความรู้สึกสำนึกในตัวมันหายไปไหนหมดคะลูกกกก เสียชื่อสายวายหมด พังพินาศหมดล้าวววว

เอาจริงๆเหตุการณ์นี้เพลียนังน้องเข็มสุด คือตัวชงนี่ล่ะตัวดี ปั่นนัก ทำให้ความหวังเด็กไบรท์ คนเป็นเพื่อนอ่ะมันก็ต้องบอกไหมว่าเพื่อนตัวมีแฟนแล้ว น้องอย่ามาหวังมาทำให้เรื่องยุ่งเลย นี่อะไร ยุยงส่งเสริม หลงผู้บ้าผู้ที่ก็ไม่ได้จะเป็นของตัวเองด้วยนะ ไปลูกไปนั่งสมาธิสัก7วันสิ เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง

ส่วนพี่โช เยี่ยมมาก แม่ปลื้ม แม่นับถือ
นี่ล่ะคนจริง ตัวๆไม่เจ็บเท่าไหร่ไม่พอ
ยังมีน้ำใจพาเด็กผีไปหาหมออีก เพอร์เฟค!

ส่วนนังน้องไบรท์ ยังมีความอ้อนตีนอยู่สม่ำเสมอนะ
แหมบอกว่าชอบรอยยิ้มพี่อยากมองอยู่ตรงนี้
คือถ้า​แค่อยากมองยูไม่ทำทุกวิถีทางที่จะเข้ามามีตัวคนหรอก ที่ทำที่ผ่านมามันคือลองของ มั่นหน้าว่าตัวเองมีดีที่จะชนะใจกลอยได้ คือก็ไม่ได้บอกว่ายูไม่เจ๋งนะ แต่คนมีสำนึกที่ไหนจะเข้าหาแฟนคนอื่นวะ!? พูดแล้วขึ้น แล้วคุมเพื่อนไม่อยู่หรือลึกๆในใจอยากวัดกับพี่โชอยู่แล้วเลยปล่อยให้เพื่อนเข้าไปรุม ทุเรศสิ้นดี เพื่อนก็ไม่ได้มีหัวคิดเล้ยยยย พอก่อนนะ ไว้ไปเป็นพระเอกเรื่องอื่นแล้วกัน เจ้เพลียเรามาก

พี่จอมนี่ขาไฟว์ตลอด แทบยั้งขาไม่ทันเลยใช่ไหมคะ
เพลาๆหน่อยนะลูกพี่ซันเหนื่อย55555

เป็นกำลังใจให้น้องคนเขียนเสมอนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆและรอยยิ้มที่มอบให้เสมอมาจ้ามี

ปล สักนี่อยู่เป็นตลอดศกเลยนะ ดีย์ค่ะ!
ปล2 เอ็นดูน้องทู เต้นลืมตายเลยไหมนั่น หุหุ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-02-2019 10:48:12
ขอให้แผนกลอยไม่ล่มนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-02-2019 12:37:08
การง้อครั้งนี้จะสำเร็จหรือจะโป๊ะแตก รอชม :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-02-2019 12:47:57
คราวนี้จะใส่ชุดอะไรละเจ้ากลอยปะเกรียน  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-02-2019 18:41:56
กลอย ก็ยังเป็นกลอยประเกรียน นั่นเอง   :katai2-1: :mew1:
ชอบบบบ พี่โช น่ารัก  กลัวกระทบกระเทือนใจกลอย   :mew1:

เกลียดนังเข็ม........... :z6:  :m16: :fire:
เรื่องเกิดเพราะนาง อยากใกล้ชิดละอ่อนหล่อ
พาเพื่อนไปหา เพราะความสนุก ความฟิน ความจิ้นของนาง  :angry2:
พอเกิดเรื่องมาทำโกรธกลอย เมินกลอย  ตัวเองผิดแท้ๆ มันใช่เหรอ   :m16: :ling2:
กลอย น่าจะตัดเพื่อน....ซะเลย    :z6:
พี่จอม ซี้ดดด......เบาๆหน่อยซ้า คิดลึกเลย ทั้งที่กำลังทำแผล  :m20: :laugh:
พี่โช   กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-02-2019 19:03:11
ทำไมเริ่มเห็นแววความวุ่นวายมาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-02-2019 22:16:44
ต้องรอให้เรื่องมันเกิดเนาะกลอย จนได้
จะบอกว่ากลอยทำโชคิดมาก จนต้องออกโรง ก็ส่วนนึง
แต่จะว่ากลอยไม่ยุ่ง ก็ใช่ เพราะความไม่คิดอะไรกับเค้า

การไม่พูด ทำให้โชน้อยใจ และใจเสีย
ไม่ได้กลัวกลอยเปลี่ยนใจนะ แต่กลัวคนเข้ามาหา
หวงมาก รักมาก รังแกได้คนเดียวไง คนอื่นห้าม

โชคงเจ็บพอตัว และคงยังเคืองอยู่
ถึงจะทำตัวปกติได้ แต่ใจก็ยังมีสั่นบ้างล่ะ

กลอยเอ้ยยย เรื่องบางเรื่องก็คิดน้อยไป
หวังว่าวิธีง้อที่แบบประเกรียน จะรอดนะ





หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 12 [P.6] [UP!!] [06/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 08-02-2019 23:29:27
แผนง้อจะแตกก่อนไหม
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-02-2019 21:55:33
เพราะนายคือของฉัน2 : 13




        “จะได้ผลเหรอคะ” เสียงกระซิบกระซาบถาม ขณะผมย่องเบาผ่านสนามหญ้าสีเขียวที่เพิ่งถูกรดน้ำจนชุ่ม

   “ได้ผลสิครับ เชื่อผม” กระซิบตอบกลับอย่างมั่นใจ พร้อมแบกร่างหนักๆ บนตัวเดินไปตามทางที่อยู่ในแผน “ทำตามที่ตกลงเลยนะครับ แยกย้าย”

   “ค่ะ/ค่า”

   สั่งเสร็จทุกคนก็แยกไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ส่วนผมก็ต้องเดินไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ แม้จะลำบากสักแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ามันทำให้พี่โชหายโกรธได้ละก็ ไอ้กลอยคนนี้จะสู้ ว่าแต่ พี่โชโกรธผมจริงๆ อย่างที่ไอ้ทูบอกแน่เหรอ คนโกรธยังสามารถจูบปาก หอมแก้มกันได้ปกติเหรอ ผมละสงสัยจริงๆ

   “ระวังค่ะ!”

   ไม่ทันแล้วกับคำเตือนที่ได้ยิน เพราะผมสะดุดกับทางต่างระดับจนล้มหน้าคว่ำไปแล้ว โชคดีที่ตัวผมมีสิ่งป้องกันอยู่ เลยไม่ได้บาดเจ็บเลือดออก แต่แน่ๆ คือช้ำ

   “ผมไม่เป็นไรครับ” บอกขณะถูกดึงให้ลุกขึ้น

   “ไหวแน่นะคะ พี่ละปวดแทน”

   “แค่นี้ผมไหว”

   ตอบไปพร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆ ตอนนี้ไม่เจ็บ อีกเดี๋ยวปวดแน่

   ผมลากขาเดินไปยังจุดหมายต่อ พอถึงก็ส่งสัญญาณให้ผู้ร่วมมือทั้งหลายเตรียมพร้อม ผมให้พี่แม่บ้านของพี่โชช่วยดูสภาพตัวเองว่าโอเคหรือยัง ก่อนพี่เขาจะพูดผ่านวิทยุสื่อสารประจำบ้าน

   ขอให้สำเร็จทีเถิด

   ตอนแรกที่จะมา ผมโทรเข้ามาเช็คที่บ้านก่อน รู้ว่าครอบครัวพี่โชออกไปงานเลี้ยงวันเกิดคนรู้จักกันหมด เหลือแค่พี่โชคนเดียวที่อยู่ นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเองมีความผิดติดตัว คงมีงอนไปแล้ว ก็พี่โชบอกเอง ว่ากลับบ้านเพราะพ่อเรียก แล้วไหงคนเรียกกลับไม่อยู่ คนอยู่กลายเป็นคนถูกเรียก

   อยากหลบหน้ากันก็บอก โธ่

   ‘ป้าจะเรียกแล้วนะคะ’ เสียงจากวิทยุสื่อสารดังเรียกสติ ผมรีบยกมือเป็นสัญญาณให้พี่คนที่ถือให้ป้าเรียกได้เลย ตอนนี้หัวใจผมกำลังทำงานอย่างหนัก ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว สายตาจ้องไปยังห้องที่ปิดผ้าม่านที่เห็นเพียงแสงไฟสะท้อนให้รู้ว่ามีคนอยู่ ‘คุณโชคะ’ เสียงเรียกดังแว่วเข้ามา ทำเอาใจแทบกระเด็นออกมาเต้นนอกอก ยิ่งได้ยินเสียงตอบรับของพี่โช มือ ขา แข้งก็พาลสั่นไปหมด ‘ป้าเหมือนเห็นตัวอะไรไม่รู้อยู่ที่สระน้ำ คุณโชลองไปดูหน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้เลยค่ะ โอเค ไปแล้ว’

   พอเห็นเงาลางๆ ของพี่โชเดินมาใกล้ ผมก็รีบยกมือบอกลุงยามให้กดเปิดเพลงที่เตรียมมาในแล็ปท็อป และทันทีที่ผ้าม่านถูกกระชากเปิดออก ก็ตรงจังหวะอินโทรเพลงเต่างอยก็ดังขึ้นพอดี อาจเพราะเป็นเพลงที่เคยเต้น เคยฝึกมาก่อน ทำให้ครั้งนี้ดูพลิ้วไม่ต่างจากเดิม แม้ชุดที่ผมสวมใส่จะเกะกะไปหน่อยก็ตาม ช่วงที่เต้น ผมก็พยายามมองผ่านรูดวงตาของชุดไปยังคนที่ยืนดูอยู่ที่หน้าต่าง แม้จะลำบากก็ตาม แต่ผมอยากแน่ใจว่าคนที่ผมมาง้อ เขากำลังดูอยู่

   แน่นอนว่าคนอย่างกลอยประเกรียน ไม่มาเต้นประกอบเพลงเต่างอยแบบธรรมดาอย่างที่งานโรงเรียนน้องบีมหรอก มันต้องขั้นแอดวานซ์กว่านั้น ต้องขอบคุณไอ้เค ที่พาผมไปยืมชุดมาสคอตหมีที่ร้านพี่สะใภ้มัน แถมยังให้ราคาพิเศษอีก ก็นะ คนอย่างกลอยประเกรียนจะง้อคนรักทั้งที จะให้มาแบบเรียบๆ ง่ายๆ อย่างคนอื่นคงไม่ได้ มันผิดวิสัยของผมไป แล้วมันก็จะดูเหมือนเราไม่พยายามทำ ดังนั้น การง้อของผมที่ผ่านการใช้สมองคิดแล้วคิดอีกอย่างวิธีนี้คือดีที่สุด

        แต่ถ้าให้ย้อนไปคิดอีกที ผมละอยากใส่ชุดนอนเต้น พอใส่ชุดมาสคอตเต้นแบบนี้ มันช่างอบอ้าว แถมหายใจไม่ทันอีก เพิ่งรู้ซึ้งถึงความยากลำบากของคนที่รับจ้างสวมมาสคอตไปเต้นสะบัดในงานต่างๆ พวกเขาคือคนเก่งที่แสนอดทน

   และกว่าเพลงเต่างอยจะจบ ผมก็เต้นซวนเซไปหลายรอบ เกือบตกสระน้ำตรงหน้าด้วย เหตุเพราะเต้นนานๆ เข้ารู้สึกเหมือนมีลูกตุ้มถ่วงไปทั่วตัว แทบยกแขนขาไม่ขึ้น นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อพี่โชนะ ผมไม่ทำหรอก

   “อ่าว” เผลอร้องออกมาหลังจากเสียงเพลงจบ เพราะเงยหน้าขึ้นไปดูที่หน้าต่าง กลับเจอแค่ความว่างเปล่า คนที่ยืนอยู่กลับหายไปพร้อมหน้าต่างที่ปิดสนิทเหมือนตอนแรก

   เคยไหมครับ ที่อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง โดยที่เราไม่รู้สึกตัว ตอนนี้ผมกำลังเป็น ภายใต้หัวหมีสีน้ำตาลอันใหญ่นี้ น้ำตากำลังไหลอาบแก้มโดยที่ไม่สามารถเช็ดได้ เพราะยกมือเช็ดทีไรก็เจอแต่หน้าหมี 

   “ทำอะไรน่ะ” เสียงทุ้มดังมาจากสักที่ทำให้ผมรีบหันซ้าย หันขวามองหา ก่อนรูสายตาแคบๆ จะโฟกัสไปที่คนที่ยืนอีกฝั่งของสระว่ายน้ำ พี่โชเท้าเอวเลิกคิ้วมองมาที่ผม “ไปเอามาสคอตหมีมาจากไหน”

   “ยืมมา”

   “หา?”

   “ยืมมา!”

   ตะโกนข่มเสียงสะอื้นผ่านหัวหมีไป เห็นพี่โชหลุดขำออกมา ก่อนปรับสีหน้าให้นิ่ง

   “แล้วมาทำอะไรที่นี่”

   แว๊บหนึ่งคิดอยากพูดประชด แต่ไม่ดีกว่า ไม่อยากเพิ่มเรื่องปวดหัว

   “ก็มาง้อ”

   “ฟังไม่รู้เรื่อง”

   “มาง้อโว้ย!” พูดจบผมก็ยกหัวหมีออก ไม่ไหวแล้ว รำคาญไม่พอ ยังหนักอีก “มาง้อไง” พูดเสร็จก็ปาดคราบน้ำตาที่แก้มออกอย่างลวกๆ

   “ง้อ? ง้อใคร?”

   “ง้อคนที่น้อยใจ ง้อพี่โชนั่นแหละ” น้ำตาพาลจะไหลอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งปาดออกจากแก้มไป “พี่โชโกรธกลอยเหรอ”

   “พี่ไปโกรธกลอยเรื่องอะไร”

   “ก็เรื่อง....” อยู่ดีๆ ก็พูดไม่ออก “มาคุยตรงนี้” เริ่มเจ็บคอเพราะต้องตะโกนคุย แต่พี่โชดันส่ายหน้าเฉย
 
   “ว่าไง พี่โกรธกลอยเรื่องอะไร?”

   “ก็เรื่องไอ้ไบร์ท” พอได้ยินชื่อปุ๊บ พี่โชก็เปลี่ยนท่า จากเท้าเอว มากอดอก แม้จะอยู่ไกลแต่ก็รู้ว่าสายตาน่ากลัว “กลอยรู้ว่าตัวเองผิดที่ไม่ได้บอก แต่มันไม่มีอะไรให้บอกจริงๆ นี่”
 
   “ถ้าคิดว่าไม่มีอะไรให้บอก แล้วทำไมคิดว่าพี่โกรธ?”

   “ก็...”

   เออว่ะ แต่ก่อนจะอ้าปากพูดต่อ คำของไอ้ทูก็ลอยเข้ามากระแทกหน้า ว่าผมเป็นคนทำให้ทุกคนเดือดร้อน โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของสระน้ำ

   “ก็อะไร แล้วทำไมยังไม่ถอดชุด ไม่ร้อน....”

   “กลอยขอโทษที่ทำให้พี่โชเจ็บตัว” พูดโพล่งขัดออกไป พี่โชถึงกับเงียบ “กลอยรู้แล้ว ว่าพี่โชถูกรุมยำตีนเพราะกลอย พี่ปากแตกเพราะกลอยๆ ขอโทษ!” ทำไมวันนี้ต่อมน้ำตาผมตื้นจังวะ กลั้นสะอื้นจนแสบจมูกไปหมดแล้วเนี่ย “กลอยมันสมองกลวง สมองน้อยทำให้คิดน้อย ไม่สนใจความรู้สึกของพี่โช ทั้งที่พี่เอาแต่คิดเรื่องกลอยอยู่ตลอด กลอยมันไม่ได้เรื่อง มีดีแค่หน้าตาก็เท่านั้น” ยกแขนขึ้นปาดเอาน้ำตากับขี้มูกออก ได้ยินเสียงขำลอยมาจากด้านหน้าและด้านหลัง ลืมไปว่าพี่ๆ แม่บ้านก็ยังอยู่ “ยกโทษให้กลอยนะ ต่อไปนี้ กลอยจะไม่คิดแทนพี่โช จะไม่คิดแทนใครอีก”

   “ขี้แยว่ะ” พี่โชยิ้มพรายออกมาพลางถอนหายใจ มือยกกวักเรียกผมยิกๆ อย่างกับนางกวักหน้าร้านแม่ผม

   “พี่โช กลอ...”

   เรียกได้แค่นั้น เพราะเพียงผมก้าวขาแค่สองก้าว ภาพตรงหน้าของผม ก็กลายเป็นมวลน้ำมหาศาลที่กำลังดึงผมดำดิ่งลงก้นสระ แม้พยายามถีบขาตัวเองเพื่อให้ลอยขึ้นจากน้ำ แต่ชุดมาสคอตที่เปียกทำให้ผมขยับตัวได้อย่างยากลำบาก แถมความหนักก็ยิ่งถ่วงร่าง ก่อนที่จะขาดอากาศหายใจ แรงกระชากแขนฉุดดึงให้ตัวผมโผล่ขึ้นไปเกาะขอบสระว่ายน้ำ

   “มาค่ะ เดี๋ยวพวกพี่ช่วย”

   เกาะขอบสระได้ ผมก็ไอจนตัวโยก พยายามโกยอากาศเข้าปอด ก่อนแขนสองข้างจะถูกพี่ๆ แม่บ้านช่วยกันดึงขึ้นจากสระพร้อมชุดมาสคอตหมี ส่วนพี่โชคอยดันก้นผมอีกที พอผมขึ้นได้ ก็กระโดดขึ้นมานั่งข้างๆ พลางลูบหน้า ลูบหัวผมอยู่ตลอด

   “ไหวไหม” ตอบคำถามพี่โชโดยการพยักหน้าแทน “ถอดชุดสิ จะใส่ทำไมเนี่ย”

   “อื่อๆ” ตอบไปแบบนั้น ก่อนจะให้พี่โชช่วยรูดซิปด้านหลัง “ชุดเปียกหมดเลยอะ”

   “ตกน้ำก็ต้องเปียกสิ”

   “โดนปรับอีกแล้ว” เงยหน้าทำตาปริบๆ ใส่พี่โช ตอนชุดน้องจุก ที่ถูกพี่แทมผลักตกน้ำก็ถูกปรับจนกระเป๋าแบนมารอบหนึ่ง นี่ชุดมาสคอตหมีที่น่าจะแพงกว่า ไอ้กลอยตายแน่ แบบนี้คงต้องหาตัวช่วย “พี่โช...”

   “เรียกเสียงอ้อนแบบนี้ จะให้พี่ช่วยออกค่าปรับให้ล่ะสิ”
 
   นี่ไง ปีศาจรู้ทันเสมอ และพอผมพยักหน้าก็ถูกดีดหน้าผากเสียงดัง ทำเอาพี่ๆ แม่บ้านขำคิกคักกันใหญ่

   “หายโกรธกลอยแล้วใช่ป่ะ”

   “พี่ไม่เคยโกรธกลอยสักหน่อย” แต่พอถูกผมจ้องหน้าหนักเข้า ก็ยอมรับออกมา “นิดหนึ่ง”

   “แต่หายโกรธแล้วใช่ป่ะ เนี่ย กลอยคิดและทำทุกอย่างเพื่อมาง้อพี่โดยเฉพาะเลยนะ คนอื่นไม่มีทางได้แบบนี้บอกเลย” มันน่าอวดตรงไหนวะ แต่ก็ขอให้ได้โม้สักนิด 

   “แต่งมาสคอตหมี แต่เต้นเพลงเต่างอยคือผ่านการคิดมาแล้วจริงๆ เหรอ” พี่โชพูดจบปุ๊บ เสียงหัวเราะก็ดังรอบตัว จนผมต้องกระแอม

   “ก็...ก็มันไม่มีมาสคอตเต่านี่ ถ้ามีกลอยก็เช่าแล้วสิ” แก้เก้อไปแบบเนียนๆ พี่โชถึงกับขำออกมาเสียงดัง “กลอยขอโทษ”
 
   “อ้อนเก่งนะคะเนี่ย” เสียงล้อมาตอนที่ผมใช้หัวเปียกๆ ถูไถไปตามต้นแขนของพี่โช “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะคะ แล้วชุดหมี เดี๋ยวเอาไปเป่าแห้งให้ แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหนนะคะ”

   “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม” ยกมือไหว้พี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ ทุกคนที่ช่วยแผนการง้อของผม พอทุกคนไปแล้ว ร่างเทพบุตรก็หายไป องค์ปีศาจก็ลงทันที

   “คิดนานไหมเนี่ย” พี่โชนั่งจุ้มปุกอยู่ข้างๆ เพื่อให้ผมพิง “การง้อแบบเพี้ยนๆ เนี่ย”

   “คิดไม่นานเลย เพื่อพี่โช กลอยทำได้ทุกอย่าง เชี่ย” ถูกตีหัวจนหลุดสบถคำหยาบเลยโดนเคาะอีกรอบ

   “ทีเรื่องแบบนี้คิดเก่ง ทีเรื่องจริงจังคิดไม่ได้ คนอะไรวะ”

   “นี่ด่า?”

   “เปล่า พี่แค่บ่นลอยๆ ให้หมามันได้ยิน”

   “อ๋อ เดี๋ยวนี้ด่ากลอยเป็นหมาเหรอ”

   “ขอขาหน้าหน่อย” แล้วผมก็บ้าจี้ยกมือวางจริงๆ พี่โชถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “เก่งมากไอ้หมา”

   “ยัง”

   “ยังอะไร?”

   “ยังไม่หยุดขำอีก หนาวแล้วเนี่ย” นี่ขนาดไม่ใช่หน้าหนาวนะ

   “หนาวก็ลุก”

   “ดึงหน่อย เหน็บกินขา”

   เห็นพี่โชส่ายหน้าช้าๆ ก่อนยื่นมือมาดึงผมให้ลุก แต่พอจะจูงมือเข้าบ้าน ผมก็รั้งตัวเองไว้จนคนเดินนำหันมามอง

   “อะไร?”

   “หัวหมี”

        เพราะชุดหมีพวกพี่ๆ เขาเอาไปแล้ว เหลือหัวหมีที่มันกำลังจ้องหน้าผมตาแป๋ว

   “ช่างหัวหมีมัน”

   “ช่างไม่ได้ กลอยต้องเอาไปคืนทั้งชุด”

   “เดี๋ยวให้พวกเขามาเก็บ” พี่โชดึงแขนผมให้เข้าบ้าน โดยที่ตาสองข้างของผมยังสบตากับหัวหมี จนผมต้องรั้งแขนตัวเองอีกรอบ “อะไรอีก”

   “สงสารหมี”

   “หา?”

   “มันจะร้องไห้ เพราะคิดว่าเราทิ้งมันแน่”

   “ดึงสติหน่อย ไปอาบน้ำ”

   น้ำเสียงดุเอาซะผมรีบเดินนำหน้า ส่วนหัวหมีอาบน้ำเสร็จค่อยลงมาเก็บก็ได้ ว่าแต่ คนอะไรไม่มีความเห็นอกเห็นใจหัวหมี พี่โชเป็นคนยังไงกัน และทันทีที่เข้าห้อง ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวของพี่โช ที่วางพาดอยู่ที่ราวตาก จนเจ้าของห้องรีบมาดึงออก

   “ใช้ผืนใหม่ ผืนนี้มันเปียก” ว่าเสร็จผมก็ได้ผ้าขนหนูผืนใหม่ ที่นุ่มและหอม

   “พี่โชไม่อาบเหรอ” เพราะคนตรงหน้าก็เปียกม่อลอกม่อแลกเหมือนกัน

   “อ่อยเหรอ” ในตอนแรกก็ไม่เข้าใจความหมาย แต่ได้เห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มแล้ว ผมก็รีบเดินฉับๆ เข้าห้องน้ำอย่างไว เรื่องหื่นมาเป็นที่หนึ่งล่ะ ปีศาจน่ะ

   ใช้เวลาอาบน้ำอยู่ไม่นานก็ออกมา แต่เจ้าของห้องกลับไม่อยู่ เช็ดผมไป มองรอบๆ ห้องไป นานแล้วที่ไม่ได้เข้าห้องนี้ ปกติจะอยู่ที่คอนโดซะส่วนใหญ่ ห้องนี้ที่จริงก็สวย ฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ขัดมันวาววับ มีตู้โชว์โมเดลรถเล็กๆ กับรูปถ่ายสมัยเด็กของเจ้าของห้อง

   “ดูอะไร” เสียงทุ้มๆ ดังจากหน้าประตู พี่โชถือแก้วนมเดินเข้ามาหา “จะหารูปอุบาทพี่ไปแบล็กเมล์ละสิ”

   “รู้ทันตลอด” ผมจำได้ว่า เคยเห็นรูปโป๊สมัยเด็กของพี่โชวางอยู่ในชั้นด้วย แต่สงสัยเจ้าตัวจะเอาไปซ่อน รู้แบบนี้แอบถ่ายรูปเก็บไว้ซะก็ดี “ไปอาบน้ำ เดี๋ยวก็เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล”

   “ขี้บ่นว่ะ” 

   มองตามหลังคนตัวเปียกเข้าห้องน้ำไป ก็นึกออกว่าลืมหัวพี่หมีไว้ พอเปิดผ้าม่านดู ของที่ลืมก็ไม่ได้อยู่ที่สระน้ำแล้ว หัวหมีหาย!! หรือหมาจะคาบไป แต่บ้านนี้มีหมาด้วยเหรอ ช่วงสมองกำลังคิด ปากก็ดื่มนมจนหมดแก้ว พอดีกับพี่โชออกมาจากห้องน้ำ

   “หมีหาย”

   “หา?”

   “หัวหมีหายไป พี่โชลงไปเก็บเหรอ” ถามปุ๊บ คนตรงหน้าก็พยักหน้าลง “กลอยว่าแล้ว ว่าพี่โชต้องใจดี ไม่ทิ้งหมี”

   “เพราะกลัวเสียค่าปรับเยอะต่างหาก”

   “โหย”

   “พูดมาก มานั่งนี่”

   ทำหูทวนลมไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ถูกดึงให้มานั่งปลายเตียง โดยที่คนดึง หยิบผ้าขนหนูผืนใหม่มาขยี้หัวผมอย่างมันมือ ก่อนจะค่อยๆ เบามือลง

   “กลอยขอโทษที่ทำให้พี่โชคิดมากอยู่คนเดียว” อยู่ๆ ก็อยากพูดความผิดตัวเอง พี่โชชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะออกแรงเช็ดผมของผมต่อ “ขอโทษที่กลอยคิดน้อย เห็นว่ามันไม่สำคัญเลยไม่อยากบอก กลอยคิดเอง เออเองว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกับเราตรงไหน ก็เลยไม่ได้บอก”

   “เรื่องของกลอย สำคัญกับพี่ทุกเรื่อง กลอยก็น่าจะรู้...หรือไม่รู้?”

   “รู้สิ แต่กลอยแค่คิดว่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไอ้เด็กนั่นก็คงเหมือนกับพวกคนอื่นๆ ที่เข้ามากวนตีนเฉยๆ”

   “ถ้ากลอยเห็นข้อความที่พี่คุยตอบกลับไปก็น่าจะรู้ ว่ามันไม่เหมือนคนอื่นๆ” รีบพยักหน้าลงอย่างจำนน “เห็นแล้ว แต่ก็ยังเงียบ”

   “ก็พี่โชไม่ถาม กลอยก็เลย...”

   “พี่ต้องถามเหรอ?” รีบส่ายหน้ารัวๆ “อันที่จริง พี่ก็เคยถามไปแล้ว...”

   “ถามตอนไหน” โพล่งขัดออกมา

   “ก็ถามตลอด ว่ามีอะไรจะบอกพี่ไหม”

   “อ๋อ”

   “อ๋อนี่คือจำได้?”

   “ไม่ได้”

   “ไอ้!!”

   ผมยื่นแขนโอบรอบเอวพี่โช พลางให้แก้มถูกับอกอุ่นๆ

   “พี่โชจะโกรธกลอยก็ได้ แต่ห้ามโกรธนานนะ”

   “พี่ไม่เคยโกรธ แต่น้อยใจที่กลอยเห็นพี่ไม่สำคัญ”

   “พี่โชสำคัญกับกลอยมาก”

   “มากเท่าชาบูไหม”

   “ชาบูมากกว่านิดหนึ่ง...ล้อเล่น ใครจะมาสำคัญมากกว่าปีศาจสุดหล่อล่ะ” อ้อนเก่ง ปากหวาน คืองานถนัดของผมล่ะ “ต่อไปกลอยจะบอกพี่โชทุกเรื่องเลย จะพยายามคิดเยอะๆ ฝึกสมองประลองปัญญาบ่อยๆ”

   “ประลองปัญญา?” พอถูกถามกลับ โดยที่ยังไม่ทันได้คิดเตรียมมุกต่อ เลยถูกขำใส่ พี่โชใช้คางแหลมๆ โขกกับหัวผมเบาๆ “ไอ้เกรียนเอ๊ย”

   “หายโกรธ เอ๊ย หายน้อยใจกลอยแล้วใช่ป่ะ เนี่ย กลอยไม่เคยง้อใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ”

   “ก็ลองไปง้อคนอื่นดูสิ พี่ไปกระทืบไอ้เชี่ยนั่นตายแน่” พอพูดเรื่องกระทืบผมก็นึกขึ้นได้ ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอด พลางจ้องไปที่มุมริมฝีปากที่มีคราบแห้งของเกร็ดเลือด “มองทำไม หรืออยากให้พี่จูบ?”

   “กลอยไม่ได้หื่นขนาดนั่น” ว่าจบก็ยื่นมือไปแตะแผล พี่โชจะขยับหน้าหนี แต่ผมยกมืออีกข้างกุมแก้มไว้ “กลอยรู้เรื่องที่พี่เจ็บตัวแล้วนะ ขอโทษที่กลอยทำให้พี่เจ็บ”

   “ไม่ใช่เพราะกลอยหรอก”

   “ทำไมจะไม่ใช่ ก็เพราะกลอย พี่โชถึงไปหาไอ้บะ...ไอ้นั่นที่มหาลัยกลอย แล้วมันก็พาพวกไปรุมพี่ ทุกอย่างเพราะกลอยทั้งนั้น เพราะความหล่อของกลอย”

   “มันจะซึ้งอยู่แล้วเชียว” ถูกเขกหัวจนหน้างอเพราะความเจ็บ “พี่คุยกับไอ้เด็กนั่นแล้ว พวกที่อยากรุมเป็นเพื่อนมัน เห็นสาวโต๊ะพวกพี่เยอะก็เลยหมั่นไส้”

   “ไอ้ทูบอก มีคนมานั่งตักพี่โชเหรอ” ถามเสียงกระด้าง ก่อนยกมือขึ้นกอดอกจ้องหน้าอย่างคาดคั้น

   “ทูบอกแค่นั้นเหรอ?” ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เดี๋ยวเสียฟอร์มความโหด พี่โชขำออกมา มือก็ยื่นมาขยี้หัวผม “ตักพี่มีให้เมียนั่งคนเดียว”

   “พูดดี”

   “มีรางวัลให้หรือเปล่าล่ะ”

   ไม่ได้พูด แต่พุ่งเข้าคลุกวงในพี่โชเป็นคำตอบ และถึงแม้ผมจะเป็นคนเริ่ม ก็ใช่ว่าจะได้คุมเกมส์ตลอด มันน่าเจ็บใจก็ตรงถูกพลิกนี่แหละ ทั้งที่ผมควรจะเป็นฝ่ายได้เปรียบแท้ๆ แถมพี่โชไม่ยอมปราณีผมอีก รู้ว่าพี่โชแข็งแรง แต่ช่วยเก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นบ้าง เพราะพรุ่งนี้ผมยังอยากเดินปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป



         ได้ยินไหมปีศาจ!!! 


....TBC


มาแล้วค่าาาาาาาาาาาา  และมาช้าอีกตามเคย (ยกมือไหว้ปลกๆ)

จะลงหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลง มันน่านัก!!

แผนการง้อของกลอยเกรียนมาแบบเรียบๆ ง่ายๆ มากค่ะ ถถถ หวังว่าร้านที่ยืมชุดจะให้ยืมต่ออีก 555

แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา (ก้มกราบ)



หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-02-2019 22:16:27
แหมมมมมมม.......... อ่านตอนนี้สนุกกกกก ใช้สมอง ประลองคำผวน
ก็ไรท์ให้กลอยแต่งมาสคอตหมี.......ไรท์คงไม่ได้ตั้งใจโน้ะ  :o8:
ไม่งั้นกลอยคงได่แต่งชุดนินจาเต่า....มาเต้นเต่างอยจริงๆ   :katai2-1:
แล้วหมีถอดหัว.......หัวหมีหาย....เอิ่ม..... หัวหมี....เยอะเลย  :serius2:

กลอย ง้อ อ้อน น่ารักมาก   :mew1:
สุดท้ายก็แพ้พ่าย ทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน    :-[
พี่โช  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-02-2019 22:25:28
ร้องไห้เลยไหมล่ะกลอยปะเกรียนโอ๋ ๆ นะ อีกอย่างพี่โชต้องสำคัญกว่าชาบูสิเพราะพี่โชเป็นคนจ่ายตังค์นะอย่าลืม  :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-02-2019 22:37:59
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 18-02-2019 23:31:22
ไม่เสียแรงที่เคยได้รางวัลมา
แต่หมีตกน้ำนี่ดูไม่จืดเลยลูกเอ้ยยย

ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนนะกลอยเอ้อ
พูดเองก็จำด้วยนะลูก คิดเยอะๆ ละเอียดหน่อยยย

พี่โชยังคงรักเจ้ากลอยเสมอต้นเสมอปลาย
ระดับความรักพุ่งสูงสุดคงเส้นคงวามาก

เป็นกำลังใจให้เสมอนะค้า
เจอกันตอนหน้าเน้ออออ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-02-2019 00:11:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-02-2019 02:49:31
มาสคอตหมี โอ๊ยยยย ไม่ใช่กลอยทำไม่ได้จริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-02-2019 03:04:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-02-2019 08:54:05
สมเป็นกลอยประเกรียนจริงๆ ช่างคิดได้~~~
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 19-02-2019 12:23:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 19-02-2019 19:59:43
ง้อธรรมดาก็ไม่ใช่กลอยปะเกรียน
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2019 00:48:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 20-02-2019 02:02:00
งงเข็มนิดหน่อยก็รู้ไม่ใช่หรอว่ากลอยมีแฟนล้วยังจะเป็นแม่สื่อให้อีกหรอ ไบร์ทก็เหมือนรู้ทั้งรุ้มีผัวแล้วยังจะเข้ามายุ่งอีกนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-02-2019 02:40:04
ธรรมดา​ก็​ไม่​ใช่​กลอย​ปะ​เกรียน​แล้ว​
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-02-2019 05:46:38
55555 เอ็นดูกลอย ไม่ธรรมดา แล้วก็ได้เรื่องด้วย
ดีนะ พี่โชรักมาก ไม่งั้นจะงอนอีกนิดนึงแน่นอน
แต่แค่เห็นหน้าก็ใจอ่อนแล้ว มีหรอโชงอนได้นาน

กลอยก็รู้ตัวนะ แต่เรื่องไม่เกิดเลยไม่คิดว่าจะมีอะไร
โชเจ็บตัว แถมรู้เรื่องด้วย กลอยเลยเดือด

ลงโทษแบบจัดหนักจัดเต็มมาก สมกับที่มาง้อ
ต้องอ้อนเบอร์ไหน แม่บ้านและคนอื่นถึงบอกแบบนั้นได้

อยากรู้ความคิดเข็ม คิดได้ยังไง ทำไปเพื่ออะไร

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 13 [P.6] [UP!!] [18/02/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-02-2019 11:37:41
 :laugh: :laugh: :laugh: เข้าอิหรอบเดิม
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 04-03-2019 23:15:59
เพราะนายคือของฉัน[ll] : 14




       “พี่โช กลอยเหนื่อยแล้วเนี่ย ปวดหลังด้วย” บ่นเป็นหมีกินผึ้งมาหลายนาที แต่คนถูกบ่นกลับยังทำเฉย “พี่โช ออกแรงหน่อยได้ไหม กลอยจะไม่มีแรงแล้ว ปวดขา ปวดหลังด้วย”

   “พี่เหนื่อยกว่ากลอยอีก ทำเองตั้งนาน” แล้วไหงกลายเป็นผมถูกบ่นกลับได้ “พักก่อนๆ ไม่ไหว เหนื่อย”

   “เพราะใครล่ะที่โชว์ความฟิตจะทำเอง” ใช้เท้าเขี่ยขาขาวๆ ของพี่โชให้ขยับ ก่อนหย่อนก้นนั่งข้างๆ “ฟิตจนเครื่องพังหมด”

   “ก็กลอยไปเออออกับพี่ชีสทำไม”

   “พี่โชนั่นแหละที่เออออ กลอยถามก็ไม่ยอมออกความเห็น” ถ้าถามแล้วไม่ออกความเห็น มันก็คือการเห็นด้วยไม่ใช่เหรอ “เหนื่อย”

   “พักก่อน เดี๋ยวค่อยทำต่อ” พี่โชเร่งเครื่องปรับอากาศจนเหลือเลขแค่ตัวเดียวดับความร้อน ส่วนผมนอนเหยียดยาวหนุนขาขาวของพี่โช “ตอนเย็นสั่งทะเลถังมากินดีไหม”

   “ยังต้องถามเหรอ”

   “หรือไม่กิน?”

   “เอาห้าถัง เน้นกุ้งกับหอย” ใครไม่กินก็บ้าแล้ว เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดขนาดนี้ ไม่มีแรงทำกับข้าวหรอก ว่าแต่ มันต้องมีบางอย่างด้วยนี่นา “พี่โช...”

   “เบียร์เย็นๆ มาแกล้มด้วยท่าจะเหมาะ”

   รู้ใจดั่งมานั่งอยู่กลางสมองไอ้กลอย

   “เหมาะมาก เหมาะที่สุด”

   “ทีงี้ละออกตัวไวเชียว”

   แม้จะถูกเขกหัวแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะผมไปงับขาพี่โชก่อน คนอะไรขาขาวเกินหน้า ส่วนขนขาก็ไม่มี ไม่ใช่ไม่มี ต้องเรียกว่าเคยมี แต่เพราะถูกพี่ชีสบังคับให้ไปใช้บริการเพื่อนสนิทที่เปิดร้านเสริมสวยครบวงจรอะไรสักอย่าง เลยถูกแว็กขนขาซะเนียนสวย โชคดีของผมที่ไม่ได้ไปด้วย ไม่งั้นคงโดนกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ตั้งแต่หัวจรดเล็บเท้าแน่

   และที่เราเหนื่อยหอบ ปวดหลัง ปวดขากันอยู่ตอนนี้ ก็มาจากพี่ชีสอีก ไม่รู้ไปแอบถามพวกพี่แม่บ้านมาหรือเปล่า ถึงได้รู้ว่าผมไปง้อพี่โชถึงที่บ้าน เลยรีบโทรมาสั่ง ขอย้ำพร้อมขีดเส้นใต้ว่าสั่ง พี่ชีสสั่งให้น้องชายตัวเองขยับสับเปลี่ยนข้าวของในห้องนอนเป็นเคล็ด เผื่อฮวงจุ้ยไม่ดีทำให้ทะเลาะกัน

        มันเกี่ยวด้วยเหรอวะ 

   แต่ถ้าตามความเห็นของผม คนเราจะทะเลาะกัน ฮวงจุ้ยหรืออะไรไม่น่าจะเกี่ยว มันอยู่ที่คนมากกว่า ในกรณีของผม เป็นเพราะสมองน้อยๆ ที่มันคิดได้แค่น้ำระดับข้อเท้า...ตึ่งโป๊ะ คิดอะไรตื้นๆ นั่นล่ะ และถึงแม้เรื่องโชคลางฮวงจุ้ยที่พี่ชีสว่า ผมกับพี่โชจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ต้องทำตาม ไม่อย่างนั้น คนที่แนะนำ จะต้องพุ่งมาหา แล้วจัดการเองแน่

        แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

   อย่างแรกที่พี่ชีสบอกให้ขยับคือเตียงนอน โดยให้ขยับออกจากจุดเดิม แต่พื้นที่ของห้องนอนมันถูกจัดวางอย่างลงตัวอยู่แล้ว ไม่สามารถย้ายไปมุมนั้น มุมนี้ได้ พี่โชเลยเลือกที่จะขยับจากที่เดิมแค่สิบเซ็น ซึ่งถ้าจะขยับเท่านี้ ผมว่า ควรเอาไว้ที่เดิมน่าจะดีกว่า เตียงอะไรก็ไม่รู้ โคตรจะหนัก ลากแรงก็ไม่ได้ เดี๋ยวพังลำบากต้องไปซื้อใหม่อีก เลยต้องช่วยกันขยับทีนิด กว่าจะได้เล่นเอาหลังแทบเคล็ด

   เราสองคนใช้เวลาครึ่งค่อนวัน กว่าการเคลื่อนย้ายของทุกอย่างจะเสร็จ และก่อนที่พี่โชจะหนีไปอาบน้ำ ได้ทิ้งเงินไว้ให้ผม เผื่อพนักงานร้านทะเลถังมาถึงก่อน ผมขยับสมุดขึ้นลงเพื่อคลายความร้อน นี่ขนาดเปิดแอร์เย็นสุด เหงื่อก็ยังไหล หวังว่าวันนี้จะทำให้น้ำหนักผมลงไปหลายขีด นั่งผงกศีรษะด้วยความง่วงไม่นานก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อหน้าห้องก็มีคนกดเรียกรัวๆ

   “ครับๆ”

   ตบแก้มเรียกสติตัวเองพลางวิ่งไปเปิดประตูด้วยความไวที่เร็วกว่าแสง แต่พอเปิดดูก็แทบอยากปิดคืน หากคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งใช้ฝ่าเท้าถีบมาเสียก่อน เพราะมือข้างหนึ่งถือถุงของกิน ส่วนอีกมือมีผ้าพันแผลที่แขน

   “เพื่อนกูอยู่ไหน” มาถึงก็ถามหาเพื่อนตัวเอง สายตาสอดส่ายไปทั่วห้อง ยังดีที่ไม่ทำท่าแบบในหนังตอนถามหาช้างด้วย แบบนั้นคงตลกพิลึก “ขำอะไรของมึงไอ้เกรียน” ผมรีบส่ายหน้าตอบ กลัวโดนตีนถีบ

   “พี่โชอาบน้ำอยู่” พูดไป มือก็ค้นของกินในถุงไป แต่ดันถูกมือใหญ่ฟาดจนแสบ “ตีมือผมทำไมเนี่ย”

   “มึงควรเอาน้ำ เอาท่ามาให้แขกก่อน ไม่ใช่มารื้อถุงหาของฟรีแดก ผัวไม่สอนเหรอ” โดนเป็นชุด แทบไม่รู้จะเจ็บปวดกับประโยคไหนดี

   “เพิ่งรู้ว่าพี่จอมเป็นแขก นึกว่าเป็นคนไทยซะอีก เชี่ย” อุตส่าห์ขยับหนีมาซะไกลยังโดนถีบได้ ยังดีที่พี่ซันช่วยห้าม ไม่งั้นผมโดนกระทืบซ้ำจนปลิวติดกำแพงแน่ “พวกพี่มาทำไม”

   “เห็นไอ้โชบอกจะจัดห้องใหม่ พวกพี่เลยจะมาช่วย” พี่ซันตอบแบบนุ่มๆ “แล้วนี่ทำกันเสร็จแล้วเหรอ”

   “ก็...”

   “มึงไม่น่าถาม พวกมันเสร็จกันไปเป็นหมื่นรอบแล้วมั้งไอ้ห่า”

   ตอนแรกผมก็ทำหน้าเอ๋อเป็นหมางงเพราะไม่เข้าใจ ก่อนพี่ซันจะตบหัวแฟนตัวเองแล้วด่าว่าต่ำตม นั่นล่ะ ผมถึงร้องอ๋อจนโดนมอง

   “เอ่อ...แขนพี่เป็นไงบ้าง” ไม่ถามก็คงไม่ดีเพราะผมเป็นต้นเหตุให้พี่จอมเจ็บ

   “แค่นี้ไม่ระคายผิวกูหรอก” พี่จอมยืดตัวเชิ่ดหน้า หากโดนคนที่มาด้วยดักทาง เอาซะหน้างอ

   “ไม่ระคายผิว แต่ตอนทำแผลร้องอย่างกับควายโดนเชือดไอ้ห่า” พี่ซันไม่ไว้หน้าแฟนตัวเองสักนิด

   “อย่ามาใส่ร้ายกู”

   “แต่ผมก็ได้ยิน....” ตาเหลือกก่อนกระโดดไปอยู่หลังพี่ซัน เมื่อขายาวๆ ของพี่จอมง้างขึ้นเตรียมฟาดเข้าก้นผม พอดีกับพี่โชเดินหัวเปียกโชว์กล้ามท้องออกมาจากห้องนอน ผมเลยรีบวิ่งไปหลบหลังพี่โชแทน

   “ทะเลถังมาแล้วเหรอ” พี่โชมองหน้าเพื่อนตัวเองที่ยืนหัวโด่ในห้อง ก่อนหันมาถามผมที่ยังเกาะหลังไม่ปล่อย

   “ยังไม่มา มีแต่เพื่อนพี่มา” พูดจบก็ตีเข้าท้องแน่นๆ ไปที อิจฉาว่ะ ทำไมผมทำกล้ามท้องแบบนี้ไม่ได้บ้าง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ “กลอยไปอาบน้ำนะ”

   “อืม” พี่โชตอบรับ ก่อนโน้มหน้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบข้างหู “ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยก่อนออกมา”

   “รู้แล้ว”

   เดินกลับเข้าห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำ ไม่ไหว เหงื่อเยอะเกิน ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ตัวหอมฉุย พอเปิดประตูห้องนอนออกไปปุ๊บ จากที่มีแค่สาม เพิ่มมานับสิบ นั่งเรียงรายอยู่เต็มห้อง

   “มึงจะยืนโชว์ความเอ๋ออีกนานไหม มานั่งข้างกูนี่” ไอ้ม่านกวักมือเรียกผม ทั้งที่สับปะรดยังเต็มปาก

   “มาทำไมกันเยอะแยะ” ผมพูดกับตัวเอง แต่ดันออกเสียง เลยถูกพี่จอมปาขนมใส่หัว “ขยับไปดิ๊ไอ้ม่าน” ใช้เท้าเขี่ยเพื่อนตัวเองแล้วหย่อนก้นนั่ง “มาคนเดียว เด็กมึงไม่มาหรือไง”

   “มึงเห็นมันไหมล่ะ ถ้าไม่เห็น ก็แปลว่ามันไม่มา ไม่น่าโง่เลย” โดนด่าอีกแล้ว

   “ปากดีขึ้นนะมึง” กัดฟันด่าเพื่อนตัวเอง ก่อนหันไปหาพี่แทม ที่นั่งกินข้าวตังหน้าหมูหยองอย่างอร่อย “พี่แทม ผมขอโทษที่ทำให้พี่หัวแตก” มองผ้าก๊อซบนหน้าผากพี่แทมแล้วรู้สึกผิด

   “มึงไม่ได้ตีหัวกู ไม่ต้องขอโทษหรอก” น้ำตาแทบไหลเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ดันมาสะดุดประโยคต่อท้าย “แต่ต่อไปถ้าจะเล่นชู้ ก็หาที่มันแมนๆ หน่อย นี่แม่งหมาหมู่สัด”

   “ไอ้สัด” พี่โชด่ากลางวงจนทุกคนขำ มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่ขำ ใครจะกล้า ก็สายตาปีศาจขู่มาซะอย่างนั้น ไม่กล้าเสี่ยงจริงๆ
 


   เสียงแข่งกันพูด แข่งกันเล่าจนไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร เรื่องงานปนเรื่องเรียน ผมนั่งเงียบมองทุกคนแล้วก็พาลนึกถึงช่วงแรกๆ ที่คบกับพี่โช ถึงแม้จะวุ่นวายและตอนสุดท้ายผมจะเหนื่อยทำความสะอาดอยู่คนเดียว แต่มันก็สนุกดี ยกเว้นตอนเก็บกวาดอ้วกน่ะนะ

   ไม่นานทะเลถังก็มา กว่าจะมาส่งได้ก็เกือบลืมว่าสั่งไป ผมหิ้วถุงของกินมา ยังไม่ทันได้วาง พี่จอมก็มาคว้าไปแล้วใช้ให้พี่ซันแกะอีก ขอให้ทุกคนนึกถึงภาพสารคดีนกอีแร้งเป็นฝูงที่บินอยู่บนท้องฟ้า ก่อนพวกมันจะบินถลาลงมาแย่งกันกินซากศพ นั่นล่ะ สภาพทุกคนในตอนนี้ ใครดีใครได้ แล้วชั่วพริบตาทะเลถังห้าถุงก็หมดเกลี้ยง

   “แดกไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลยพวกมึงเนี่ย” พี่ตินค่อนแคะ ทั้งที่ปากยังแทะฝักข้าวโพด

   “กูเห็นด้วยกับมึงไอ้ติน ว่าแต่ ไอ้อัธ ข้าวตังยังมีอีกไหมวะ อร่อยสัด” พี่แทมหันไปถาม แต่คนที่ซื้อกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ “อะไรวะ ซื้อมานิดเดียว งกกับรุ่นพี่มึงเหรอ”

   “มีคนให้มา ผมไม่ได้ซื้อ”

   “อ่าวเหรอ แต่อร่อยว่ะ ขนาดป้ากูทำขายยังไม่อร่อยเท่านี้”

   “คนทำคงจะดีใจที่มีคนชอบ”

   “นั่นแน่ะ สาวคณะไหนให้มึงมา บอกพวกกูมาเดี๋ยวนี้” พี่เบยังทำตามฉายาที่เพื่อนๆ มอบให้ได้เป็นอย่างดี ส่วนฉายาอะไรนั้นคงต้องไปย้อนอ่านตั้งแต่แรกเริ่ม

   “มึงจะมีความลับกับใครก็ได้ ยกเว้นพวกกู เล่ามา” พี่แทมรีบเสริม ซึ่งแน่นอนว่าผมหูตั้งตาโตรอฟังเหมือนกัน

   “แม่ของเพื่อนให้มา ไม่ใช่สาวๆ หรอกครับ” ไอ้อัธแก้ตัว แต่ผมไม่ค่อยเชื่อ สายตาจับจ้องจนคนถูกมองหันมาสบตา “มองกูทำไมไอ้กลอย”

   “กูกำลังอ่านใจจากสายตามึงอยู่” พูดยังไม่ทันจบดี ก็ถูกฝ่ามือพิฆาตของใครสักคนฟาดเข้าเต็มหัว หันไปจะเหวี่ยงก็เจอสายตาพี่โชจ้องมาอย่างโหด “ไม่อ่านก็ได้” คนตีผมคือไอ้ทูที่นั่งข้างๆ ส่วนไอ้ม่านทำตัวยุกยิกลุกลี้ลุกลนแปลกๆ “เป็นไรไอ้ม่าน เด็กโทรตามเหรอ”

   “นิดนึง” ตอบพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีข้อความไลน์ส่งมาแต่เพื่อนผมปิดเสียงไว้ “ไม่รู้ควายหายหรือเปล่า ส่งมารัวขนาดนี้...อ่าว กูด่าตัวเองทำไม”

   ผมนั่งขำไอ้ม่านที่คุยกับตัวเอง ไอ้นี่ชักเพี้ยน มีแฟนเด็กก็ยิ่งเพี้ยน ตอนแรกผมก็แอบกังวลเหมือนกันที่ผลักภาระไปให้ แต่เห็นมันมีความสุขแบบนี้ผมก็รู้สึกเบาใจ

   “ไอ้เม่นดีกับมึงมากไหม” ถามพร้อมรอยยิ้ม ไอ้ม่านส่ายหน้ารัวๆ ก่อนจะเริ่มเล่าความบ้าบอของแฟนเด็กตัวเองให้ฟังเรื่องการมารอหน้าห้องเรียน หลายครั้งไอ้เม่นถูกเพื่อนร่วมรุ่นมาลากไปเข้าห้องเชียร์ เพราะถ้าคนขาดจะโดนทำโทษ “มันคงหลงมึงมาก”

   “เพราะมึงนั่นแหละ กูเลยโดนถูกด่าว่ากินเด็ก”

   “มึงกินเด็ก หรือเด็กกินมึง เอาดีๆ” หัวเราะงอหงายกับประโยคของตัวเอง ไอ้เม่นส่งฝ่าเท้ามาถีบเข้าที่ต้นขา แต่ผมก็ยังไม่หยุดขำ จนไอ้ทูยื่นหน้ามาสอดเพราะความอยากรู้ “กูดีใจที่มึงมีความสุข เหลือแค่ไอ้อัธใช่ไหม กูละอยากเห็นหน้าว่าที่แฟนเพื่อนอัธจริงๆ” พอผมพูดจบปุ๊บ ในห้องก็เงียบ เอาซะผมกระพริบตามอง “ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า” เริ่มลุกลี้ลุกลน หากพี่แทมไม่ลุกพรวดทำตาโต

   “กูลืม กูพกของมาด้วย”

   แทบจะถอนหายใจออกมาหลังจากกลั้นไว้ พี่แทมเดินไปหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋า ก่อนสั่งให้เอาจานกับแก้วเหล้าออก แล้ววางสิ่งที่เตรียมมาไว้กลางวงแทน

   “อะไรวะ” พี่ซันถามอย่างสงสัย

   “บิงโกไง วันนี้กูเจ็บคอ กลัวร้องเพลงแล้วเพี้ยน พวกมึงหัวเราะทำไม”

   อยากจะตอบแทนทุกคนจริงๆ ว่าเพราะอะไรถึงได้หัวเราะออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ส่วนคนไม่รู้เรื่องก็นั่งแจกแจงของที่ขนมาจากบ้านอย่างขมักเขม่น

   “มึงซื้อมาเหรอวะ ดีว่ะ” พี่ตินออกปากอย่างสนใจ

   “ขโมยของหลานมา ไอ้สัด กูก็ซื้อสิวะ” พูดจบพี่ตินกับพี่เบก็แท็กมือกัน คงเตรียมการไว้อยู่แล้วสำหรับคำถาม “เล่นตาละบาท”

   “อ่าว ไม่ได้เล่นฟรีเหรอพี่” ไอ้ม่านรีบเอ่ย

   “ถ้าเล่นเฉยๆ ก็ไม่สนุกสิวะ”

   “แต่การพนันเป็นสิ่งผิดกฎ...” พูดไม่ทันจบ ปากไอ้ม่านก็ถูกพี่ตินโฉบมาปิด

   “ไม่เล่นก็อยู่เฉยๆ ของมึงไปไอ้ม่าน ว่าแต่ ใครเล่นบ้าง กูจะแจกกระดาษเลขแล้ว”

   ผมยกมือคนแรก แต่พี่โชดันไม่ให้เล่น นอกนั้นก็ล้อมวงอย่างกระดี้กระด้า อ้อ มีไอ้ม่านอีกคนที่ไม่เล่น มันบอกถ้าฟรีไม่พลาดแน่

   “แล้วใครจะจับเลขวะ” พี่ตินถามขึ้นมา

   “ให้ไอ้เกรียนจับ ขืนให้ไอ้แทมจับ มันก็เอาแต่เลขบนกระดาษของมัน” พี่จอมออกความเห็น ซึ่งก็ทำให้ทุกคนตกลง กลายเป็นว่า ผมถูกห้ามเล่นไม่พอ ยังโดนใช้จับเลขอีก โคตรไม่ดีเลย “จับดีๆ นะมึง”

   ก่อนผมจะจับเลขในกล่องที่พี่แทมเตรียม เหรียญบาทของแต่ละคนก็ถูกวางลงตรงกลางวง พอเริ่มเกมส์แรก บางคนก็เฮ บางคนก็ด่า เอาใจยากชะมัด

   “กูบิงโก” เสียงทุ้มๆ ของพี่โชแทรกขณะผมบอกตัวเลขที่จับได้

   “มึงโกงป่ะไอ้กลอย” มาแล้วหนึ่งเสียงของพี่เบ

   “นั่นดิ่ โกงให้ผัวมึงหรือเปล่า” ตามด้วยพี่จอม

   “ส่งซิกให้กันแน่ไอ้สัด” พี่ตินก็โวยวายไม่ต่าง

   “เอาใหม่ๆ ตานี้ของกูแน่” พี่แทมรีบเปลี่ยนแผ่นกระดาษตัวเลข ในขณะที่คนอื่นๆ ก็สับเปลี่ยนเหมือนกัน ส่วนพี่โชก็กวาดเหรียญบาทไปไว้พลางขยิบตาส่งให้ผม

   นี่ผมไม่ได้โกงให้พี่โชเลยนะ มันจับได้เองจริงๆ

   แต่ก็แปลก พี่โชบิงโกเยอะกว่าคนอื่นๆ จนผมถูกเฉดหัวจากการจับตัวเลข ไอ้ม่านเลยซวยได้จับแทน คราวนี้ถูกแต่คนละแยกเขี้ยวใส่ด้วย ผมเลยถือโอกาสย้ายมานั่งข้างพี่โชซะเลย พลางเก็บเหรียญที่พี่โชได้มาเก็บ เกมส์บิงโกดำเนินไปเรื่อยๆ เหมือนๆ กับเบียร์ที่ถูกเปิดขวดแล้วขวดเล่า จากหนึ่งกล่อง เพิ่มเป็นสอง และเกือบจะได้เปิดเป็นกล่องที่สาม หากพี่จอมไม่โวยวายว่าปวดฉี่แต่ไม่กล้าลุก พี่แทมเลยเก็บเกมส์ตัวเอง ที่จริงเพราะตาหลังๆ นี้พี่แทมฟาดเรียบ ได้ถอนทุนคืนต่างหากถึงยอมหยุด จะมีก็พี่เบ แล้วก็พี่ตินที่ไม่ได้บิงโกกับเขาเลยสักครั้ง

   สงสารนิดหน่อย แต่สมน้ำหน้ามากกว่า

   หลังจากไม่มีอะไรให้เล่น พวกรุ่นพี่ก็พากันทยอยกลับ เหลือพี่จอมที่ยังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา พี่ซันนั่งคุยกับพี่โชพลางเปิดไวน์ขวดที่ผมอุตส่าห์เอาไปซ่อน พี่จอมตาโคตรดี ไอ้กลอยนับถือ ส่วนเพื่อนของผมก็เหลือไอ้อัธที่นั่งดีดกีต้าร์ของพี่โชอยู่ข้างๆ ผม

   “มึงมีแฟนเหรอวะ” ถามตรงประเด็น เพื่อนผมชะงักเล็กน้อย ก่อนจะดีดกีต้าร์ต่อ “ไอ้อัธ มึงมีความลับกับกูเหรอ” ต้องทำเสียงให้ดูเหมือนงอนๆ เข้าไว้ เมื่อก่อนเวลาผมทำเสียงแบบนี้ ไอ้อัธจะรีบวางทุกสิ่งที่ทำแล้วมานั่งลูบหัวลูบหลังผม มันก็รู้ว่าผมตอแหล แต่ก็ยังทำ

   ขอย้ำว่าเมื่อก่อน ตอนนี้เหรอ แค่ปรายตามองก็เท่านั้น ใช่สิ ความสำคัญของผมมันน้อยนิด (แล้วผมจะน้อยใจมันทำไม)
 
   “กูไม่ได้มีใคร” กว่าจะตอบมาได้

   “แล้วมึงไม่คิดอยากมีแฟนเหรอ กู ไอ้ทู ไอ้ม่านก็มีหมด เหลือแค่มึงคนเดียว พวกกูเป็นห่วงมึง อยากเห็นมึงมีความสุขบ้าง” ร่ายยาวออกมา ไอ้อัธยกยิ้มบางๆ ก่อนส่ายหน้าช้าๆ “กูพูดจริง”

   “กูก็ไม่ได้ทุกข์อะไร” ดูมันตอบ “ทุกวันนี้แค่กูไปเรียน ไปสอบ ก็กินเวลาชีวิตเกือบหมดแล้ว”

   “มึงชอบแบบไหน”

   “อะไรของมึง ชอบแบบไหน” พอผมจะอ้าปากพูด ไอ้อัธก็แทรกขึ้นมาเอาซะผมหน้าชา “ถ้าคิดจะหาให้กูแบบไอ้ม่านละก็ เอาเวลาไปใส่ใจพี่โชของมึงจะดีกว่า วีรกรรมมึงใช่ย่อยนะ” หน้าบูดเลยผม ไอ้อัธจี้จุดเอาซะไปไม่เป็น “แล้วนี่ มึงกับไอ้ต่างคณะนั่นยังไง”

   “ก็ไม่อะไร ต่างคนต่างอยู่จบ”

   “ให้มันจบจริงๆ เถอะ พวกพี่ตินเกือบไปยำตีนไอ้พวกนั้นอีกรอบ ดีที่พวกมันนอนหยอดน้ำเกลือในโรงพยาบาล แล้วพี่โชก็ขอให้มันจบ เรื่องเลยหยุด”

   “เรื่องนี้กูก็รู้สึกผิดสัดๆ” หน้าสลดอีกแล้วผม “ว่าแต่ คุยเรื่องมึงอยู่ แล้วไหงวกมาเรื่องกูได้วะ”

   “จะไปรู้ได้ไง” แล้วไอ้อัธก็หัวเราะออกมา เฉไฉเก่งไอ้นี่ “กูกลับดีกว่า” อ่าว ยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลยนะเนี่ย หนีเฉยเลย

   “มึงยังไม่ได้บอกสเปคเลยว่าชอบแบบไหน” แม้จะคบกับมันมานาน แต่ผมก็ไม่ได้รู้ความชอบของไอ้อัธเลย มันควงคนนั้นคนนี้ไม่เคยมีบุคลิกซ้ำ

   “ไม่เสือกครับน้องกลอย” ไอ้อัธยกนิ้วชี้ส่ายไปมาพลางยื่นมาจิ้มหน้าผากจนผมหงายหลัง “ผมกลับนะพี่ ไว้เจอกันใหม่”
 
   ผมมองตามหลังเพื่อนสนิทจนประตูปิด ก่อนพี่ซันจะหิ้วพี่จอมกลับ ไม่ได้เมาหรอกนะครับ แต่หลับ เมื่อกี้ยังหัวร้อนกับเกมส์ในโทรศัพท์อยู่เลย เผลอแบบเดียวหลับเฉย ปลุกก็ยาก พี่ซันเลยต้องแบกขึ้นหลัง

   โชคดีจริง จีบทีได้แฟนแถมลูก

   “และแล้วก็สงบ” ผมทิ้งตัวนอนบนโซฟามองซากของกินที่ยังวางอยู่ที่พื้น “ได้เวลาทำความสะอาดแล้ว” กำลังจะลุก แต่ดันถูกนอนทับเสียก่อน “พี่โช หนัก”

   “เรายังไม่ได้ลองเตียงใหม่เลย” ลมหายใจที่ชิดหน้ามีกลิ่นเบียร์อ่อนๆ ลอยมากระทบ

   “พอได้ที่ก็หื่นเลยนะ แล้วเตียงมันก็ไม่ได้ใหม่” แย้งเสร็จก็ถูกงับปาก ดีที่งับไม่แรง

   “ถึงไม่ใช่เตียงใหม่ แต่เราขยับมันไง จะได้ลององศาใหม่ด้วย”

   “องศาใหม่? อะไร?”

   “ก็...”

   “พอเลย กลอยต้องเก็บของ”

   “แก้วกับจานมันไม่ละลายหายไปหรอก เก็บตอนไหนก็ได้”

   “นี่จะเอาให้ได้เลยใช่ไหม”

   “ใช่”

   โคตรตรงดีจริงๆ

   “เอาก็เอา”

   ตรงมา ตรงกลับ เสมอกันไม่มีโกง

   แต่...

   “พี่โช เดี๋ยวๆ” รีบยกมือดันหน้าคนที่แทบจะดูดกลืนคอผมเข้าท้อง

   “อะไร” น้ำเสียงติดหงุดหงิดสุด

   “ปวดขี้”

   “มึงจะมาปวดขี้ทุกครั้งเวลาจะเอากันไม่ได้”
   “แต่มันปวดจริงๆ” กลัวพี่โชไม่เชื่อ เลยตดให้ดู กลิ่นทะลุทะลวงขนาดกลั้นหายใจยังดันเข้ามาให้ได้กลิ่น “เชื่อยัง”

   “เออๆ รีบๆ ไป แม่ง”

   “ขอโทษ ไว้ขี้แล้วค่อยเอาใหม่ก็ได้”

   “กูหมดอารมณ์แล้ว”

   “เอาน่า เดี๋ยวกลอยช่วยปลุกมังกรให้ใหม่ กลอยปั้นเก่ง” พูดไป มือก็ทำท่าขย้ำลมไป เอาพี่โชขำออกมาได้

   “ปากดีนะมึง รีบๆ ไปขี้”

   “เก็บห้องรอด้วยนะ”

   “เออ”

   ผมว่า ความรักไม่จำเป็นต้องปั้นแต่งตัวเองให้ดูดี เป็นตัวเองนั่นแหละดีที่สุด ทั้งเขา ทั้งเรา อยู่ที่ว่า ต่างคนต่างจะรับนิสัยจริงๆ ของกันได้ไหม อย่างผมกับพี่โช เราเผยนิสัยจริงๆ ออกมาตั้งแต่แรกที่คบกัน พี่โชสามารถดมตดผมได้ อย่างที่ผมสามารถทนต่อความเอาแต่ใจตามฉบับคุณหนู รวมถึงข้อเสียต่างๆ ถามว่ามันยากไหม ก็ยากแหละ แต่ผมก็พยายามเข้าใจและค่อยๆ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน บางเรื่องปรับได้ เปลี่ยนได้ก็ค่อยๆ ลองกันไป ก็นะ ไม่มีใครเกิดมาแล้วสมบูรณ์แบบมันอยู่ที่เส้นทางการดำเนินชีวิตมากกว่า เข้าใจ ให้อภัย แก้ไข คือเบื้องต้นของความรักของผม

   นี่ผมคิดเรื่องที่มีสาระก็เป็นนะ ไม่ได้คิดเป็นแต่เรื่องเกรียนๆ

   คนจะหล่อ หล่อที่ใจ ใช่เล็บตีน ตึ่งโป๊ะ!

   ขอเวลาขี้แป๊บ เพราะเดี๋ยวต้องไปปั้นมังกรให้พี่โชอีก ผมหมายถึงปั้นมังกรจากดินน้ำมัน นี่คิดทะลึ่งกันล่ะสิ ไม่ได้เลยนะ เผลอไม่ได้ คิดแต่เรื่องหื่นๆ กันตลอด ไม่ดีนะครับทุกคน


...TBC


หากผิดพลาดตรงไหน จะรีบกลับมาแก้ไขค่าาาา

อย่าเพิ่งลืมกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์นะคะ (ก้มกราบบบบบ)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-03-2019 23:39:12
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-03-2019 00:09:07
สงสารพี่โชแล้วสิอดเพราะกลอยปะเกรียนปวดขี้หลายรอบแล้วนะ  :laugh:   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-03-2019 00:16:31
กลอย โอ๊ยยย มีกลิ่นด้วยนะ 555555555555555
คนปริศนาของอัธคือใครกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-03-2019 00:53:53
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-03-2019 06:30:36
จบตอนพร้อมสาระซะงั้น 555 รอนุ้งกลอยปั้นมังกร  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 05-03-2019 10:39:10
กลอยเอ้ยยยยยยย
เอ็งดูจริงลูก

เรื่องน้องอัธนี่
เหมือนทุกคนรู้กันแล้วเลย
ยังไงอ่ะ คนที่จะมาเป็นแฟนน้องอัธนี่มีประเด็นเรอะ
ตื่นเต้นแฮะะะะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ(^^)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-03-2019 14:59:04
จะขอดูด้วยก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-03-2019 15:32:55
พี่โชคือคำนิยาม รับกลอยปานแหกตูดดม (ตด)555555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-03-2019 15:43:38
ไรท์มากับความฮากระจาย  ชอบบบบบ   :m20: :laugh: :pigha2:

ทุกคนรู้กันแน่ว่าแฟนอัธคือใคร เพราะนิ่งกันหมด  :hao3:
ชอบกลุ่มเพื่อนพี่โช กลุ่มเพื่อนกลอย  :mew1:
พอเจอกันมีแต่ความเข้าขา ฮา มีแต่ความรักของเพื่อนๆ  :katai2-1:
พี่จอม พี่ซันก็น่ารัก ตลอด  :o8:
กลอย มาพร้อมกลิ่นก่อนเข้าส้วมประจำ สมเป็นกลอยประเกรียน  :z3:
พี่โช  กลอย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 05-03-2019 16:45:52
ชอบกลอยจังเลยตลกมาก๕๕๕
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 05-03-2019 18:51:49
ดีต่อใจ  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 05-03-2019 21:47:15
สงสารพี่โช จะหวานสักหน่อย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-03-2019 21:46:16
จะหวานทีไร ไม่ตดก็ขี้ต้องมาทุกทีเลยนะกลอย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 14 [P.7] [UP!!] [04/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-03-2019 06:12:12
5555 ตลกกลอย บ้าบอตลอดเวลา แต่เพราะกลอยเป็นแบบนี้
ปีศาจเลยหวงนัก หวงหนา ขนาดรมด้วยกลิ่น ยังรอดมาได้

กลอยเด๋อมาก ขนาดเค้าเล่นมุกกันยังตามไม่ทัน
แล้วจะไปเค้นเอาอะไรกับอัธ ยิ่งไม่มีทาง

โชตามใจกลอยใจมากเลย ปลื้มมากจ๊ะ
รอกลอยไปปลดปล่อยสักแปบ
แล้วพามาปั้นให้ด้วยนะ จะรอด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-03-2019 21:35:41

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 15





       จากที่คิดว่าจะไม่มีเรื่องอะไรให้กลุ้มแล้ว กลับมาเจอเรื่องที่น่าหนักใจยิ่งกว่าความรักเสียอีก นั่นคือการเลือกสถานที่ไปฝึกงาน แอบอิจฉาบางคณะที่ไม่มี แต่คิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อมันต้องไปก็ต้องตามนั้น

   “สรุปมึงไปต่างจังหวัดจริงๆ เหรอวะ” ผมถามไอ้สักที่นั่งอัดบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะตอนบ่ายมีพรีเซนงานชิ้นสุดท้าย

   “เออสิ” พูดจบก็โยนบุหรี่ลงพื้นแล้วขยี้จนเละ “มึงล่ะ หาได้หรือยัง”

   “กูไปกับมึงได้ป่ะ” เพราะขี้เกียจจะหา

   “ไปได้ ถ้าผัวมึงอนุญาต” เอาซะผมไปไม่เป็นหลังจากได้ยิน “แล้วนี่ บอกพี่โชของมึงหรือยัง”

   “ยังเลยว่ะ ว่าจะบอกเร็วๆ นี้แหละ”

   “แล้วมึงเลือกที่ไหน”

   “พี่รหัสกูแนะนำที่ๆ เขาเคยไปฝึกว่ะ”

   “ที่ไหนวะ”

   “โรงเรียนสอนศิลปะอะไรสักอย่าง”

   “หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะไปสอนคน”

   “ทำไม หน้าหล่อๆ อย่างกูทำไมจะสอนคนไม่ได้”

   “เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูงไอ้นี่ “แล้วพวกไอ้ทูไปไหนวะ”

   “ไปซื้อชานมไข่มุก ไอ้นี่ก็เสพติดเกิน กินมันได้ทุกวัน”

   พูดไม่ทันจบดี ไอ้ทูก็เดินนำหน้าไอ้ต๋องกับไอ้เคมาที่โต๊ะ สามสหายดูดชานมไข่มุกอย่างเอร็ดอร่อย ที่จริงผมก็ชอบนะ แต่ผมเคยดูดแล้วไข่มุกมันพุ่งเข้าไปในคอ พี่โชตบหลังผมแทบหัก กว่ามันจะย้อนออกมา เกือบได้ไปโรงพยาบาลเพราะไข่มุกติดคอแล้ว จากนั้นมา ผมก็ไม่เคยกินอีก เข็ดมากบอกตามตรง แค่เห็นตอนไข่มุกสีดำลอยขึ้นตามหลอด ขนแขนก็ลุกแล้ว

   “เย็นนี้แดกเหล้ากัน กูได้บัตรฟรีมิกเซอร์ว่ะ” ไอ้เคสะบัดการ์ดแข็งโชว์ เอาซะพวกผมตาลุกวาว “สนไหมๆ”

   “สนสิไอ้สัด” ไอ้ต๋องตอบก่อนใครเพื่อน

   “กูก็สนนะ” ตอบพลางมองตามบัตรในมือเพื่อนตาละห้อย “แต่เย็นนี้กูต้องไปกินข้าวบ้านพี่โชว่ะ”

   “อ่าว มีอะไรพิเศษเหรอวะ” ไอ้ทูหันมาถาม ทั้งที่ยังดูดมุกเข้าปากอยู่ตลอด ถ้าติดคอนะมึงเอ๊ย กูจะสมน้ำหน้าให้

   “ไม่รู้ว่ะ” ตอบไปงั้น ที่จริงก็เพราะเพื่อนของสามีพี่ชีสได้เนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมมา ที่บ้านพี่โชเลยจะทำชาบูกัน แถมมีอาหารทะเลด้วย มีหรือที่ไอ้กลอยจะพลาด “ไว้คราวหน้าแล้วกัน”

   “ตามใจ สรุปมีแค่สี่นะ”

   “เออ”

   เม้มปากอย่างเสียดาย แต่ชาบูบ้านพี่โชน่าจะแพงกว่า หากพลาดคราวนี้ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กินอีก ในเมื่อมันต้องเลือก ผมก็เลยต้องทิ้งเพื่อน ขอโทษจริงๆ เพื่อนเอ๋ย
 
   ว่าไปนั่น...



   พอหลังจากเลิกเรียน ผมก็ขับรถตรงไปยังบ้านของพี่โชเลย เพราะทุกคนรออยู่ที่บ้านหมดแล้ว กว่าผมจะถึงท้องฟ้าก็เริ่มมืด คนแรกที่วิ่งเข้ามาหาคือหลานสาวตัวน้อยของพี่โช น้องบีมยิ้มร่าเข้ามาจับมือผม บนศีรษะมีหมวกสตอเบอรี่ด้วย น่ารักดี

   “น้ากลอยชอบหมวกน้องบีมไหมคะ” แล้วน้องก็ส่ายหัวดุ๊กดิ๊กทำให้ผมพยักหน้าลงพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่ายหน้ารัวๆ เมื่อน้องจะถอดมาให้ผม “น้องบีมให้ค่ะ เพราะของน้องบีมมีอีก”

   “น้ากลอยไม่ได้สระผม เดี๋ยวหมวกน้องบีมเหม็น” ข้ออ้างที่น่าจะฟังขึ้นที่สุด เด็กตัวเล็กพยักหน้าลงเบาๆ อย่างเข้าใจ “เดี๋ยวน้ากลอยไปช่วยคนอื่นดีกว่าเนอะ”

   “น้องบีมไปด้วย”

   จากที่คิดว่าอยู่กับเด็กไม่ได้ ตอนนี้น้องบีมเกาะติดผมอย่างกับตังเม คงตั้งแต่ไปเต้นงานโรงเรียนให้ละมั้ง ที่ทำให้ผมเลิกระแวงฟันของน้อง ว่าจะมาจมในผิวเนื้อของผมส่วนไหนอีก พี่โชหาว่าผมประสาทหลอน ก็แน่ล่ะ ไม่เคยโดนเด็กกัดจมเขี้ยวก็พูดได้

   ผมเดินตามน้องบีมมาจนถึงสวนหลังบ้าน เห็นสระว่ายน้ำแล้วทำให้นึกถึงวันที่มาง้อพี่โช นึกแล้วโคตรจะขำ ไม่รู้ทำไปได้ยังไง จังหวะที่ยืนเหม่อ มือก็ถูกกระตุก น้องบีมบีบมือผมแล้วพาเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคน ผมยกมือไหว้รอบโต๊ะตามมารยาทของคนอายุน้อยสุด พี่โชก็รีบขยับให้ผมนั่ง

   “หิวไหม” เสียงนุ่มถามในระยะประชิด ผมก็พยักหน้ารับ “เดี๋ยวพี่ตักให้”

   มองหม้อชาบูบนโต๊ะยาวอย่างน่าตื่นเต้น ยิ่งข้าวของที่วางเรียงรายรอเวลาต้มกับลวกยิ่งใจเต้น โดยเฉพาะปูตัวใหญ่สีแดงมีหนามแหลมที่ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว เสร็จไอ้กลอยแน่

   “ทำไมเลิกช้าล่ะเรา” แม่พี่โชถาม ขณะที่ผมคีบลูกชิ้นปลาใส่ปาก อยากบอกว่าร้อนมาก แต่ก็พยายามเป่าปากคลายร้อน เป็นที่ขำขันให้กับคนทั้งโต๊ะ “ค่อยๆ กินก็ได้”

   “ขอโทษครับ” ตอบหลังจากของในปากเริ่มเคี้ยวได้ “พอดีต้องพรีเซ็นงาน เลยเลิกช้าครับ”

   “ว่าแต่ อีกเทอมเดียวก็จบแล้วใช่ไหม” เปลี่ยนเป็นพ่อพี่โชถามบ้าง คราวนี้เกร็งพอดู

   “ครับ เหลือฝึกงานเทอมสุดท้าย” พูดปุ๊บ มือพี่โชที่กำลังลวกเนื้อก็ชะงัก

   “จะฝึกที่ไหนเหรอ หรือจะมาฝึกกับโช?” พี่ชีสถามบ้าง ผมหันหน้ามายิ้มให้กับพี่สาวของพี่โชบางๆ พลางส่ายหน้า “อ่าว ทำไมไม่มาฝึกที่บริษัทล่ะ หรือที่เรียนมันคนละสาย?”

   “พอดีผม...”

   “กลัวว่าจะฝึกงานไม่เต็มที่ใช่ไหม” ถูกพ่อพี่โชขัดกลางปล้อง แต่มันก็ถูก ทำให้ผมพยักหน้าลง “ดีแล้วล่ะ จะฝึกงานทั้งที ก็ต้องเลือกที่เราได้โชว์สิ่งที่เรียนมา”
 
   “พ่อพูดดี แม่ยกผักบุ้งให้”

   การหยอกล้อของพ่อแม่พี่โชทำให้บรรยากาศมาคุเมื่อกี้ผ่อนคลายลง ใช่ครับ คนข้างผมนี่แหละทำให้มันดูอึมครึม พี่โชเงียบไม่ยอมคุยอะไรกับใคร นอกจากลวกหมู ลวกเนื้อให้ผม ก่อนจะชะงักจนตะเกียบร่วงเมื่อได้ยินหลานสาวเอ่ยประโยคคำสั่งออกมา

   “ถ้าน้าโชไปเรียนเมืองนอก อย่าลืมโทรมาหาน้องบีมนะคะ ไม่งั้นน้องบีมจะงอนแล้วก็สั่งให้น้ากลอยงอนด้วย” พี่ชีสรีบยกมือปิดปากลูกตัวเองอย่างไว แต่เหมือนจะไม่ทันซะแล้ว เพราะผมได้ยินเต็มสองรูหู

   “พี่โชจะไปเรียนเมืองนอกเหรอ” ถามเสียงเบา หัวใจเริ่มสั่น

   “ไม่ไปหรอก” ตอบเสียงหนักแน่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมหายใจสั่น “กินปูไหม เดี๋ยวพี่แกะให้” รีบเฉไฉอย่างไว ผมพยักหน้าลงช้าๆ ไม่อยากให้ทุกคนอึดอัดเลยกลับมาบ้าบอ หยอกแม่ของพี่โช แกล้งแซวพี่ชีส แม้มือที่ถือตะเกียบจะสั่นก็ตาม

   ตอนนี้ทั้งเสียงคุย เสียงเพลงคึกคักกว่าเดิม ยิ่งพ่อพี่โชสั่งให้คนหอบแลปท็อปออกมาต่อไมค์ด้านนอก เพื่อจะร้องคาราโอเกะก็ยิ่งสนุก เอาจริงๆ หากย้อนกลับไปตอนเริ่มคบพี่โชใหม่ๆ ผมไม่เคยรู้เลยว่าท่านจะมีโมเม้นน่ารัก เฮฮาแบบนี้ คิดว่าจะนิ่งๆ ดุๆ อย่างกับพวกเศรษฐีในละครทีวีอย่างเดียว

   “น้ากลอยร้องเพลงไหมคะ”

   “ได้ละ....”

   ยังไม่ทันได้ตอบรับ ไมค์ที่น้องบีมยื่นมาก็ถูกพี่โชแย่ง แล้วส่งกลับคืนหลานตัวเอง แต่ยังไม่น่าเจ็บใจเท่าประโยคนุ่มๆ กับเสียงทุ้มๆ ดูไม่มีพิษมีภัยใดๆ แต่ทำไมมันถึงจี๊ด

   “น้าเขาร้องไม่ตรงจังหวะ น้องบีมร้องเถอะ”

   นี่ไง มันเจ็บ

   “น้ากลอยร้องเพลงไม่ตรงจังหวะ ทำไมล่ะคะ”

   ยัง

   “น้าโชก็ไม่รู้เหมือนกัน”

   ยังอีก

   “หรือน้ำในหูไม่เท่ากันคะ น่าสงสารแย่เลย น้ากลอยไม่ต้องเสียใจนะคะ ไว้ไปหาหมอแล้วค่อยไปเรียนร้องเพลงกับน้องบีม คุณครูสอนร้องเพลงที่น้องบีมไปเรียน ร้องเพราะมาก แม้จะแก่แล้วแต่ก็ยังเรียนได้นะคะ”

   เจ็บปวดรวดร้าวในทรวงอก ผมจ้องหน้าพี่โชจนตาแทบถลนออกจากเบ้า แต่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจเพราะเอาแต่หัวเราะกับหลานสาวที่ใสซื่อ (แม้คำพูดจะฟังแล้วเจ็บปวดไม่น้อยก็ตามกับประโยคยาวๆ เมื่อกี้)

   อาหารบนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด พ่อกับแม่พี่โชก็ขอตัวเข้าบ้าน ไม่ต่างจากครอบครัวของพี่ชีสที่ต้องพาน้องบีมเข้านอน ส่วนผมกับพี่โชยังนั่งแกะเปลือกกุ้งปิ้งกันอยู่ โดยที่มีเสียงจิ้งหรีดร้องขับกล่อมเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป

   “พี่โชอยากไปเรียนต่อเมืองนอกเหรอ” คาใจมานานมันก็ต้องถาม เพราะผมเป็นพวกอยากรู้ก็ต้องถาม ไม่อยากเก็บไว้ให้เปลืองเนื้อที่สมองอันน้อยนิด “พี่โช”

   “พ่อพี่อยากให้ไป ไม่ใช่พี่อยากไป” สุดท้ายก็ตอบมา แม้จะรอนานสักหน่อย “แต่พี่ก็ปฏิเสธไปแล้ว”

   “ทำไมล่ะ คนส่วนใหญ่เขาก็อยากไปเรียนต่อเมืองนอกทั้งนั้น” ถามในสิ่งที่เคยคิดเอาไว้สมัยก่อน แต่หมายถึงตัวผมเองนะ ที่เคยฝันว่าอยากไปเรียนต่อเมืองนอกถ้ามีเงิน

   “นั่นมันคนส่วนใหญ่”

   “พี่คนส่วนน้อยเหรอ”

   พยายามไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดเกินไป พี่โชยิ้มพรายออกมาพลางยกมือมาขยี้หัวผม ลืมไปเลยว่ามือที่ยื่นมาเปื้อนกุ้ง กับปู

   “พี่ไม่ใช่คนส่วนน้อยหรอก”

   “อ่าว แล้วทำไม...”

   “ที่นั่นไม่มีกลอยนี่นา”

   “พูดให้ซึ้งป่ะเนี่ย”

   แต่ก็ซึ้งจริงๆ นั่นแหละ อยากยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ค่อยเต็มที่

   “พี่พูดจริงๆ อะกุ้ง”

   “เกือบซึ้งกว่านี้แล้ว”

   พี่โชหัวเราะเสียงดังหลังจากยื่นกุ้งมาในจานของผม ก่อนจะเงียบไปอีก เอาซะผมอึดอัดไปหมด ตั้งแต่ความรู้สึกต่ำลงไปที่พุง แล้วก็กางเกง สุดท้ายถึงกับต้องปลดตะขอกางเกงนักศึกษาออกเพราะมันไม่ไหวจริงๆ
 
   “กลอยอยากไปกับพี่ไหม” อยู่ๆ ก็มีคำถาม ที่ทำเอาผมหันขวับไปมอง พี่โชไม่ได้มองหน้าผม ดวงตาจ้องอยู่ที่กุ้งในมือที่กำลังแกะเปลือก แต่พอผมเงียบ ดวงตาคู่นั้นถึงเงยขึ้นมามอง “ว่าไง อยากไปกับพี่ไหม ถ้ากลอยไป พี่ก็...”

   “จะไปยังไง กลอยยังเรียนไม่จบ เดี๋ยวก็ฝึกงานแล้วด้วย”

   “ก็รอให้จบก่อน แล้วค่อยไป”

   “แบบนั้นพี่โชก็เสียเวลาแย่”

   “ไม่หรอก”

   “กลอยดีใจที่พี่อยากให้กลอยไปอยู่ด้วย ซึ้งอีกที่บอกจะรอ แต่มันอนาคตพี่เลยนะ ถึงกลอยไม่ได้ไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ย้ายออกไปไหน ยังอยู่รอพี่ที่เดิม” ผมพยายามทำให้มันติดตลก เพราะไม่ชอบอารมณ์เทาๆ อย่างตอนนี้เลย “อีกอย่าง โทรศัพท์ก็มี ไลน์ก็เล่น คิดถึงเมื่อไหร่ก็ติดต่อมา แค่ตุ๊ดเดียวกลอยก็รับแล้ว”

   “ไอ้ขี้โม้ วันนี้พี่โทรไปตั้งหลายรอบ ไม่เห็นจะรับ” แล้วคนหน้านิ่งก็ยิ้มออกมา ยังดีที่ผมจับข้อมือพี่โชไว้ทัน ก่อนที่ความมันเยิ้มนั่นจะมาแปะอยู่บนหัวของผม

   “วันนี้มันสุดวิสัย พี่โทรมาตอนกลอยขี้อยู่”

   “จะมีสักวันที่ไม่ขี้ไหม”

   “ไม่ขี้ก็ตายสิ” คนระบบขับถ่ายดีไม่ได้น่าชื่นชมหรอกนะครับ การกินข้าวปุ๊บ แล้วอยากขี้ปั๊บน่ะ มันโคตรเป็นกรรมเลย “พี่โชไปเถอะ เผื่อกลับมาแล้วได้ดี จะได้มีเงินเยอะๆ ไว้ขุนกลอยไง” ว่าแล้วก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ
 
   “พูดง่าย”

   “ทำก็ง่าย พี่โชนั่นแหละ พูดยาก ทำยาก” ก่อนพี่โชจะอ้าปาก ผมก็รีบยกมือขึ้นห้าม “ที่จริงกลอยก็ไม่อยากให้พี่ไป ตอนพี่ไม่อยู่ห้อง กลอยจะอยู่คนเดียวในห้องกว้างๆ นั้นได้ยังไง ถ้าคิดถึงอกแน่นๆ ตอนจะหลับจะทำยังไง คำถามมันตีกันมั่วไปหมด”

   “พี่ถึงจะไม่ไปไง...”

   “แต่พอมาคิดอีกที กลอยกลับดีใจมากกว่า การที่พี่โชไปเรียนต่อ ไม่ได้ทำให้แค่ตัวเอง ยังทำเพื่อครอบครัว เพื่อบริษัท พี่โชเก่งขนาดนี้ ถ้าได้ความรู้มาพัฒนาเพิ่มเติม มันน่าจะดีมากขึ้นไปอีก” แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะคิดได้ขนาดนี้ “ไปเรียนแค่ไม่กี่ปีเองด้วย”

   “ไม่อยากให้พี่อยู่ด้วยเหรอ ไม่คิดถึงพี่เหรอถ้าพี่ไม่อยู่”

   “คิดถึงสิ” ผมยกมือขึ้นจับแก้มของพี่โช พลางสบตากับดวงตาคู่ตรงหน้า “คิดถึงทุกนาทีที่อยู่คนเดียว”

   “ร้องเลยไหม”

   “ก็อยากอยู่ แต่เสียงไม่ถึง ปั๊ดโธ่ อย่าเพิ่งขัดสิ” แล้วพี่โชก็ยิ้มพรายออกมา “กลอยรอได้ พี่ก็รีบๆ เรียน แล้วก็รีบๆ กลับมา แต่ ขีดเส้นใต้หลังคำว่าแต่เอาไว้ ว่าห้ามหอบคนอื่นติดมือไม่ว่าจะที่ไหน ไม่งั้นกลอยจะ...”

   “จะ?”

   “จะใส่กางเกงว่ายน้ำเดินร่อนทั่วคอนโดเลย”

   “อยากเห็นซะแล้วสิ”

   “ไม่ตลกนะพี่โช”

   “พี่ก็ไม่ได้จะตลก”

   “ไม่ตลกแล้วขำทำไม”

   “ก็ขำคนที่ทำให้พี่สบายได้ทุกครั้ง ที่มีเรื่องหนักสมองให้คิดเยอะ”

   “เห็นคุณค่าของกลอยแล้วล่ะสิ”

   “มากที่สุด”

   พูดจบก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมไปหนึ่งที พลางส่งรอยยิ้มหวานมาให้ ที่จริงผมก็อยากดราม่านะ อยากห้ามพี่โชด้วย แต่ก็นั่นแหละ ผมเป็นคน ไม่ใช่จระเข้ที่ชอบขวางทางของใคร (มุกอะไรของผมวะเนี่ย) ผมอยากเห็นคนที่ผมรักได้ดี กลับกัน หากเป็นผม พี่โชก็คงให้ไป เพราะอยากให้ผมมีชีวิตที่ดี

   “สรุปแล้ว พี่โชจะไปที่ไหนเหรอ”

   “พี่ปฏิเสธพ่อไปแล้วไง”

   “อ่าว รีบไปบอกใหม่เลย”

   “ขอคิดดูก่อน”

   “อ่าว แล้วที่ลากดราม่ายาวๆ มานี่คือ?”

   ไม่มีคำตอบให้ นอกจากกุ้งที่แกะเปลือก ผมส่งค้อนให้พี่โชวงใหญ่ แต่ก็ไม่ลืมหยิบกุ้งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วยัดปาก

   ถ้าถามความรู้สึกจากใจจริงๆ คงบอกได้ว่า ไม่มีใครดีใจที่คนรักจะไปอยู่ไกล จะห่างเราไป แต่จะให้ผมเห็นแก่ตัว ยึดพี่โชไว้ตลอดก็คงไม่ได้ ผมรู้ ถ้าผมเอ่ยปากว่าไม่อยากให้ไป แน่นอนว่าพี่โชก็จะไม่ไป แต่เพราะชีวิตของพี่โช ยังมีครอบครัว มีพี่น้อง มีบริษัทที่ต้องดูแล อย่างกับผม ที่ยังมีแม่ มีพี่กิ่ง และแม่ก็พร่ำสอนผมมาเสมอว่าอย่าเห็นแก่ตัว ซึ่งผมก็ทำตามมาตลอด

   ยกเว้นเรื่องกินที่ทำไม่ค่อยจะได้





*****

   และจากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์ ผมกับพี่โชยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม จนเมื่อสองวันก่อน ระหว่างที่เรานอนคุยกันบนเตียง อยู่ๆ พี่โชก็บอกตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อ ครั้งแรกที่ผมได้ยินก็อึ้งและเงียบไป ก่อนจะรีบกอดแล้วตักตวงอ้อมกอดอุ่นๆ เพราะไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กอด ได้กลิ่นแบบนี้อีก

   “ฮึบไว้ไอ้เกรียน” เสียงดังมาจากด้านหลัง แน่นอนว่าผมก็บ้าจี้ทำตามจนพี่จอมขำ

   ทุกอย่างที่เกิดในช่วงนี้ดูรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน จากที่ได้ยินว่าพี่โชจะไป ก็มาถึงวันไป ทั้งที่ทำใจไว้ตั้งแต่ตอนไปกินข้าวบ้านพี่โชวันนั้น พอเอาเข้าจริงก็รู้สึกใจแป้ว

   “ผมไม่ร้องหรอกน่า” หันไปบอกพี่จอม เพราะตอนช่วยพี่โชเก็บของ ผมร้องไห้จนต่อมน้ำตาแห้งหมดแล้ว ร้องจนพี่โชเก็บเอาของในกระเป๋าออกไปไว้ที่เดิม นั่นล่ะ ถึงหยุดร้อง “พี่เถอะ อย่าร้องไห้ล่ะ”

   “ไอ้ห่า ผัวกูก็ไม่ใช่ จะร้องทำไม” พี่จอมใช้หัวเข่ากระแทกปลีน่องผม เอาซะแข้งขาอ่อนเกือบล้ม

   “แล้วถ้าพี่ซันไปเมืองนอกบ้าง พี่จะร้องไหม”

   “ไม่ร้อง”

   “โหย เก่งว่ะ”

   “เพราะกูจะไปด้วย”

   เกือบดีอยู่แล้วเชียว คราวนี้พี่จอมหัวเราะเสียงดังทำเอาคนรอบๆ ตัวหันมามอง รวมทั้งพี่โชที่ยืนคุยกับครอบครัวตัวเองแล้วก็แม่ของผม ประเทศที่พี่โชจะไปนั้น มีญาติของพี่เขาเปิดร้านอาหารอยู่ ก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง ว่าไม่ต้องพึ่งอาหารสำเร็จรูป
 
   พี่โชผละจากครอบครัวแล้วตรงมาหาเพื่อนตัวเองที่กองอยู่ด้านหลังของผม พี่แทมโผเข้ากอดซุกหน้าเข้าซอกคอเลยโดนถีบออก สร้างเสียงหัวเราะให้แก่คนรอบข้าง

   “จะเรียนโททั้งที่ ถ่อไปไกลเลยนะมึง เมืองไทยก็มี” พี่ตินทักทายเพื่อน แต่ฟังกลายๆ แล้วเหมือนอิจฉาหรือเปล่า

   “ไอ้ห่าติน ไปเมืองนอกดีจะตาย” พี่แทมรีบขัด

   “ดียังไงวะ” ตามด้วยพี่เบที่ถามด้วยความอยากรู้

   “ไอ้ห่าเบ กูคิดมุกไม่ทัน”

   ผมหัวเราะกับความเข้าขาของพวกพี่ๆ แบบนี้พอพี่โชไม่อยู่ ผมคงไม่ค่อยได้เจอแน่ๆ ห้องคงจะเงียบเหงาน่าดู คิดแล้วขอบตาก็ร้อนขึ้นมาอีก

   “แล้วนี่มึงจะให้ไอ้กลอยไปอยู่ที่ไหนวะ” พี่แทมเปลี่ยนคำถามพลางปรับโหมดมานิ่ง คนถูกถามหันมามองผมพลางดึงเข้าไปกอดไหล่ “หรือจะให้มันกลับไปอยู่บ้าน?”

   “ถ้ากลอยอยากอยู่ไหนกูก็ตามใจ” ผมหันไปยิ้มให้กับทุกคน แม้จะพยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อสกัดกั้นน้ำตาที่มันจะไหลออกมา “ไม่อยากไปแล้วว่ะ”

   “กูเข้าใจ” พี่ซันยื่นมือตบบ่าพี่โชเบาๆ ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานมาให้ผม “ยังไงซะ กูกับไอ้จอมจะช่วยดูให้ ไม่ต้องห่วง”

   “ผมห่วงตัวผมเองได้ไหม” พูดพลางเหล่หางตามองพี่จอม เลยถูกโบกหัวไปที เอาซะน้ำตาที่กั้นไว้ไหลเลย “เจ็บ” แต่ก็ได้ทีในการแถ

   “มึงนี่นะ ชอบแกล้งเมียกูตลอด” พี่โชง้างขาทำท่าจะเตะ แต่ก็ไม่เตะ ส่วนพี่จอมได้แต่ยักไหล่ “ซื้อตั๋วแล้วไปกับพี่ไหม ไม่อยากจากเลยว่ะ”

   “พี่โชอย่าเว่อร์” ทำเป็นเก่งไปงั้น ก่อนพูดยกมือเช็ดน้ำตาไปแล้ว

   “จากเป็นเดี๋ยวก็เจอ”

   “ไอ้ติน มึงอย่าพูดเป็นลาง ตบปากมึงเดี๋ยวนี้”

   “กูลืมไปไอ้จอม ซอรี่นะเพื่อนโช” ว่าแล้วพี่ตินก็ยกมือจะตบปากตัวเอง แต่ความไวเร็วแสงของพี่จอมที่ฟาดเข้าปากพี่ตินไปก่อนเสียงดังฟังชัดสุดๆ ทำเอาเจ้าตัวร้องโวยวายด้วยความแสบ

   “อย่าลืมโทรมาหานะ” ผมบอกเสียงอู้อี้ พี่โชยื่นหน้าผากมาแตะกับหน้าผากของผม “แต่ถ้าอ่านหนังสือหรือง่วงก็ไม่ต้องโทรมา”

   “ครับ”

   “อย่าลืมกินข้าวด้วย เดี๋ยวปวดท้อง”

   “รับทราบ”

   “แล้วก็...”

   “จะไปฝึกงานก็ดูแลตัวเองดีๆ ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนได้ แต่ห้ามขับรถเอง ห้ามกลับห้องหลังห้าทุ่ม ห้ามให้คนอื่นเข้าห้อง ที่สำคัญ ห้ามไปนอนห้องไอ้จอม” เกือบหลุดขำกับข้อห้ามสุดท้าย “พูดจริงๆ นะ ไม่อยากไปแล้ว”

   “กลอยรู้ ว่าพี่โชเรียนเก่ง แป๊บเดียวก็จบ” งานอวยขอให้บอก ไอ้กลอยถนัด “รีบๆ กลับมานะ”

   “ครับ พี่จะรีบกลับ” จู่ๆ น้ำตาก็ทะลักออกมาโดยที่ยั้งไม่อยู่ พี่โชยกมือเช็ดแล้วเช็ดอีกก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหล “ร้องแบบนี้ พี่ไม่อยากไปแล้วเนี่ย”

   “ไม่ร้องแล้วก็ได้” ตอบเสียงสะอื้น ตอนนี้แสบหน้าไปหมด

   “พี่โอนเงินใส่บัญชีกลอยไว้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ใช้ได้เลย ส่วนบัตรเครดิต พี่เพิ่มวงเงินให้แล้ว พี่ไม่อยู่แบบนี้อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สินค้าออนไลน์ก็เพลาๆ ลงบ้าง เห็นนะว่าเพิ่งสั่งของไปน่ะ”

   อูย อุตส่าห์แอบไปแล้ว ทำไมยังจับได้อีก

   ผมยิ้มแห้งๆ ส่งคืน คราบน้ำตาบนแก้มก็ถูกชายแขนเสื้อของพี่โชเช็ดออกจนหมด ระหว่างที่เราคุยกันอยู่ เสียงประกาศบอกเที่ยวบินของพี่โชก็ดังขึ้น ผมกับพวกพี่จอมเดินตามหลังพี่โชไปหาครอบครัว คนจะเดินทางยกมือไหว้พ่อกับแม่ตัวเอง ก่อนหันมาไหว้แม่ของผมพร้อมกับพี่กิ่ง และไม่ลืมเดินมากอดผมแล้วจูบปากส่งท้าย

   “ดูแลตัวเองด้วยนะ”

   “พี่โชด้วย เดินทางปลอดภัยนะ รีบๆ กลับมา”

   “ครับ” ส่งยิ้มให้ผม ก่อนหันไปหาพ่อตัวเอง “ฝากด้วยนะครับพ่อ”

   “ไม่ต้องห่วง จะดูแลให้”

   ทุกคนโบกมือโบกไม้ส่งให้พี่โชที่เดินหายเข้าไปด้านใน...แค่นี้ก็คิดถึงแล้วอะ แล้วอีกกี่วัน กี่ปีถึงจะได้เจอ ไอ้กลอยขอดราม่าสักวันได้ไหม แต่คงไม่ได้ เดี๋ยวไม่ตรงคอนเซ็ปของตัวเอง

   “เดี๋ยวพี่เขาก็กลับมาแล้วลูก” แม่ผมโอบเอวเพื่อปลอบ

   “ถ้าคิดถึงก็บินไปหาก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน อยากช็อปอยู่พอดี” พี่ชีสพูดจบก็ถูกสามีตัวเองมองแรง “ก็ปลอบใจน้องมันไง คุณก็”

   “เหรอ” ไม่ใช่แค่พี่อัล สามีพี่ชีสหรอกนะครับที่ส่งเสียงออกมา แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้บ้าง แต่จะไม่เต็มปากก็เถอะ



   รีบๆ กลับมา กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้รออยู่ ได้ยินไหมปีศาจ...



...TBC

ไม่อยากดราม่าเลย แต่ก็ต้องทำ เป็นดราม่าที่เป็นสไตล์ของกลอยเกรียน ให้สมกับคอนเซ็ป ความเกรียนได้ห้า ความบ้าให้ล้าน

และแน่นอนว่า ยังเหลืออีกหลายๆๆๆ ตอน ยังไม่จบนะคะ แม้จะดราม่าแบบเบาๆ ซึ่ง เรื่องนี้ ไม่มีดราม่าหนักหน่วงแน่นอน ได้เท่านี้ก็สงสารกลอยแล้ว T^T

แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการติดตาม ขอบคุณทุกๆ ยอดวิวเลยค่า (ก้มกราบงามๆ ที่ตัก)

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-03-2019 21:47:39
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-03-2019 22:05:13
อ้าวพี่โช เห็นกันอยู่ลัดๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 12-03-2019 22:08:45
พี่โช ไม่อยู่ กลอยต้องเกรียนแบบจัดหนักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 12-03-2019 22:15:24
จิ้มๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-03-2019 22:25:49
โอ๋ ๆ นะกลอยปะเกรียน ถ้าเหงามาอยู่กับเรานะ  :z1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-03-2019 23:19:02
 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2019 23:56:25
พี่โชไม่อยู่กลอยจะก่อวีรกรรม​อะไร​อีก​หนอ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-03-2019 00:20:45
เอาล่ะรักทางไกล  :ling2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-03-2019 10:14:32
พี่โชไม่อยู่ กลอยหงอยแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 13-03-2019 12:14:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-03-2019 12:45:44
กลอยเกรียน  ความเกรียนได้ห้า ความบ้าให้ล้าน    ชอบบบบบบบ

ขนาดพี่โชอยู่ ยังมีคนเข้ามาแวะเวียนชอบ จีบกลอย  :serius2:
แล้วนี่ไม่อยู่ จะขนาดไหน  o22 :really2: :เฮ้อ:
พี่โช   กลอย    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 13-03-2019 20:11:30
รู้สึกใจหายที่พี่โชต้องไปเรียน
ไม่รู้สิ จริงๆก็อยากให้พี่โชไปนะ แต่แบบก็กลัวคนที่จะเข้ามาในชีวิตกลอย

คนไปอยู่ต่างบ้านอ่ะไม่ค่อยมีอะไรหรอก
คนที่อยู่บ้านในสภาพใหมนี่สิน่าห่วงกว่าเยอะ
เป็นกำลังใจให้กลอยนะ
และก็ขอให้ไม่มีมาญมาผจญ
บอกเลยว่าเข็ดกับเคสเด็กผีก่อนหน้านี้ไม่หาย

แต่ก็โอเค คิดว่าพ่อพี่โชคงสัญญากับพี่โชไว้
แลกว่าถ้าพี่โชไปจะดูแลจัดการเรื่องกลอยให้
เอาเถอะอย่างน้อยก็ขอให้กลอยคิดให้เยอะขึ้น
มีอะไรก็เล่าก็พูดออกมาน่าจะโอเคแล้วล่ะ

ไม่รู้ว่าดราม่าและความหน่วงนี้จะยาวนานแค่ไหน
แต่ถ้าน้องคนเขียนบอกว่าจะไม่ดราม่าในประเด็นแรง เราก็จะไม่หนีไปพักใจ จะอยู่ไปเรื่อยๆอ่านทุกตอนตามติดเกรียนไปแบบนี้ล่ะะะะะ

เป็นกำลังใจให้เสมอนะจ้ะ(^^)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 14-03-2019 09:32:00
อ่านตอนล่าสุดแล้วเศร้าเลย55555มาต่ออีกนะคะเป็นกำลังใจให้กลอยประเกรียนนะ555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-03-2019 19:59:21
โอ๊ยยย เสียใจค่ะ น้ำตามาแล้ว
สงสารทั้งคู่ แต่เป็นช่วงเวลาพิสูจน์กันไปในตัวนะ
ขนาดอยู่ใกล้ยังมีคนเข้ามา อยู่ห่างก็ต้องเข้มแข็งล่ะ

ตอนแรกยังคิดว่าโชจะรอกลอยก่อน แต่คงมีเหตุผล
กลอยน่าเอ็นดูมาก รักขนาดนี้ อย่าไปเผลอสนิทใครเข้าล่ะ

เชื่อว่าโชคงฝากคนทางนี้ดูแลไม่ห่างแน่นอน
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 15 [P.7] [UP!!] [12/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-03-2019 22:03:31
ถึงเวลาทำหน้าที่ของตัวเองเพื่ออนาคตของกันและกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 19-03-2019 21:04:09

เพราะนายคือของฉํน [ll] : 16




         หลังจากพี่โชไม่อยู่ ภาพที่เคยเกิดก็ค่อยๆ ทยอยโผล่ขึ้นมา... ห้องที่เคยเดินชนกันบ่อยๆ เตียงนอนคิงไซส์ที่ตื่นมาแขนขาพันกันทุกครั้ง ไหนจะห้องน้ำที่ผมชอบตดทิ้งไว้หลังอาบน้ำเพื่อให้พี่โชเข้าต่อ โซฟาที่ชอบมีคนขายาวๆ นอนพาดจนผมต้องลงไปนั่งที่พื้น โทรทัศน์ที่มีไว้สำหรับดูหนังพ่อมดซ้ำๆ แถมชอบด่าเวลาที่ผมกวน
 
   วันนี้ไม่มีแบบนั้นแล้ว และไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะได้เป็นแบบนั้นอีก

   นี่ผมดราม่า น้ำตาคลอทำไหมเนี่ย

   อันที่จริง พอพี่โชถึงที่นู้นก็โทรมาหา บ้างก็เฟซไทม์มา แม้เจ้าตัวจะง่วงสักแค่ไหนก็ตาม แต่ก็พยายามถ่างตาดูหน้าผม ก็แบบนี้จะไม่ให้รักปีศาจในคราบเทพบุตรได้ไงเล่า อีกอย่าง เดี๋ยวนี้เวลาผ่านไปไวจะตาย แป๊บๆ ก็ปี อย่างที่ผมคบกับพี่โช เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ พอได้ลองนับนิ้วทีตาแทบบอด เพราะเอานิ้วจิ้มตา แฮ่ (มุกบ้าบอ) เวลามันผ่านไปไวจริงๆ นะครับ

   เช่นตอนนี้ ผมมายืนอยู่หน้าโรงเรียนสอนศิลปะที่รุ่นพี่แนะนำ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตอบรับจดหมายขอเข้าฝึกงานของผมด้วย และก่อนจะมาถึงจุดนี้ ผมแทบอยากลงไปกราบไอ้สักเพื่อนรัก ที่มันช่วยปั่นรายงานสำหรับพรีเซ็นต์ให้ ถ้าไม่ได้มันละก็ ผมคงไม่มีหน้ามาเสนออยู่ที่โรงเรียนนี้หรอก

   ทันทีที่ยื่นขาก้าวแรกเข้าโรงเรียนไป เหมือนกำลังจะผ่านเข้าไปในสวรรค์ เพราะอากาศเย็นเฉียบ ต่างจากด้านนอกที่ดั่งนรกกำลังสุมไฟรอเผาผมอยู่ ความเงียบทำเอาขาแขนเกร็งไปหมด จะเดิน จะยิ้มก็ติดๆ ขัดๆ พอคนที่นั่งด้านหน้าเคาน์เตอร์เงยขึ้นมาสบตากับผม เธอส่งยิ้มหวานมาให้พลางเอียงคอมอง

   “สนใจคอร์สเรียนไหน ถามได้นะคะ” คงเพราะเป็นแพทเทิร์นในการทักทาย ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนโบกมือปฏิเสธไป “อ่าว แล้วมารับใครหรือเปล่าคะ?”

   “พอดีผมเป็นนักศึกษาที่จะมาฝึกงาน...”

   “อ๋อ” ลากเสียงยานครางซะผมทำหน้าไม่ถูกเลย “นึกว่าอยู่มัธยมซะอีก หน้าเด็กนะคะ”

   “ขอบคุณที่ชมครับ”

   ไม่มีการถ่อมตัวใดๆ ทั้งนั้น รู้หรอกว่าชมไปงั้นๆ เพราะผมสวมชุดนักศึกษามาซะเต็มขนาดนี้ พี่พนักงานขำออกมา ก่อนขอเอกสารผมไปตรวจสอบ พลางให้นั่งรอคุณเจ้าของที่กำลังเดินทางมา ระหว่างรอผมก็ฆ่าเวลาด้วยการมองนั่นนี่ เป็นโรงเรียนไม่ใหญ่มาก แต่ภาพคนมาเรียนที่ติดผนังมันเยอะซะจนติดทับซ้อนๆ กัน

   “อีกเดี๋ยวจะมีน้องอีกคนมาฝึกด้วยนะ” อยู่ๆ ก็มีคำบอกเล่า ทำให้ผมหันไปมอง “เป็นผู้หญิง”

   “อ่า ครับ” พยักหน้ารับไป แน่ๆ ไม่ใช่มหาลัยผม เพราะผมไล่ถามมาจนแน่ใจแล้ว “เอ่อ ที่นี่เปิดสอนเด็กตั้งแต่อายุเท่าไหร่เหรอครับ” ใช้ความตีเนียนสอบถาม พี่พนักงานยิ้มส่งคืนพลางยื่นเอกสารแผ่นพับมาให้

   “ที่นี่เปิดรับเด็กตั้งแต่ 5 ขวบ ไปจนถึงคนมีอายุเลย มีหลายคอร์สให้เลือก แล้วก็มีแบบตัวต่อตัวด้วย”

        โรงเรียนแบบนี้ สมัยตอนอยู่มัธยมผมก็อยากเรียนนะ แต่ไม่มีเพื่อนเรียนด้วย ไม่งั้นฝีมือผมคงเก่งกว่าไอ้สักแน่ๆ มันบอกว่าเคยเรียนตั้งแต่ขึ้นมอปลาย ฝีมือไอ้สักเลยสวยกว่าใครเพื่อนบวกพรสวรรค์ของมันนั่นแหละ

   “แล้วเด็กฝึกงานต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ” รู้ก่อน ได้เปรียบ

   “ส่วนใหญ่ก็จะช่วยครูผู้สอนดูแลเด็กในคลาสนั่นแหละ พี่ก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก”

   “ขอบคุณครับ”

   ยิ้มหวานส่งคืนไป ก็แหม คนออกตัวว่าไม่รู้นี่แหละ คือรู้มากที่สุด ผมขอบอกตรงนี้ไว้เลย รอไม่นานประตูก็เปิดออก คราวนี้เป็นผู้หญิงสวมชุดนักศึกษาท่าทางดูรีบร้อน คงคิดว่าตัวเองมาสายแน่ๆ

   “ขอโทษนะคะ พอดีรถติด”

   “ไม่เป็นไรค่ะ นั่งรอกับเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวเจ้าของโรงเรียนกำลังมา”

   ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังมาจากคนข้างๆ และเธอคงรู้ว่าผมมองอยู่ เลยหันมายิ้มแห้งๆ ส่งให้

   “มาฝึกที่นี่เหมือนกันเหรอ” น้ำเสียงใสถามผม ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบ “ดีจัง อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุย ไม่งั้นคงเหงาแย่”

   “นั่นสิครับ” ดูเป็นคนเข้ากับคนง่ายดีนะครับ วางใจได้ อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเหงาเป็นเด็กฝึกงานคนเดียว คิดแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย

   รออีกไม่นาน เจ้าของโรงเรียนก็มา พลางเรียกผมกับอีกคนเข้าไปคุย ส่วนใหญ่จะเป็นรายละเอียดยิบย่อยของที่นี่ พร้อมการฝึกงานว่ามีอะไรบ้าง ก็เคลียร์ดี จะได้รู้หน้าที่ของกัน ซึ่งแน่นอนว่าผมกับผู้หญิงอีกคนจะได้ช่วยครูของที่นี่ดูแลเด็กในห้องที่กำลังเรียน โดยที่แต่ละสัปดาห์ เราสองคนจะถูกครูผู้สอนเทสด้วย ซึ่งแต่ละรุ่นก็ฝึกแบบนี้ เอาวะ ในเมื่อมาแล้ว จะไปกลัวอะไร ไอ้กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์ซะอย่าง ช่วงกำลังเดินลงมาถึงชั้นสอง ขาที่ก้าวลงบันไดต้องหยุดชะงัก เมื่อมีแรงกระตุกข้อศอกเสื้อด้านหลัง พอหันไปมองเจอเด็กผู้ชายตัวอ้วนจ้ำม่ำทำหน้าซีดอยู่

   “เป็นอะ...”

   “ปวดขี้”

   “ฮะ?”

   “ปวดขี้ พาผมไปหน่อย เร็วๆ”

   “ห้องน้ำอยู่ไหนวะ”

   พึมพำกับตัวเอง แต่ขาก็ต้องรีบจูงมือเด็กไปหาห้องน้ำ วันแรกก็เจอเด็กปวดขี้ซะแล้ว

   “ห้องน้ำ”

   เด็กอ้วนก็ร้องหาห้องน้ำ ไอ้ผมก็ไม่รู้ โชคดีที่เดินมั่วๆ ไปก็เจอ ทันทีที่เห็นว่ามันคือที่ปลดทุกข์ เด็กอ้วนก็วิ่งปรู๊ดเข้าไป ก่อนไปยังฝากกลิ่นอันน่าพิศวงไว้ด้วย เอาซะขมคอเลยเชี้ยเอ้ย รู้สึกเหมือนกรรมเริ่มจะตามทันเวลาแกล้งพี่โชแบบนี้ ผมลังเลว่าจะลงไปชั้นล่างเลยไหม หรือต้องอยู่รอก่อน พอจะก้าวขา ก็ชักกลับ แต่ถ้ารอแล้วจะได้อะไร ก่อนตัดสินใจว่าลงไปเถอะ แต่ดันมีแรงกระตุกที่แขนเสื้ออีกรอบ

   “ขี้เสร็จแล้ว” ยิ้มแป้นโชว์แก้มยุ้ยๆ เอาซะผมพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะความน่ารักหรอกนะครับ แต่เพราะกลิ่นที่ลอยตามหลังออกมา

   กินข้าวบูดมาหรือเปล่าวะ เหม็นเกิน

   “กลับห้องได้” กลั้นหายใจอยู่นานกว่าจะพูดได้ และพอพูดจบ เด็กอ้วนก็ยักคิ้วกวนผมไปทีแล้ววิ่งปรู๊ดกลับไปทางที่เดินมา
 
   อ่าว วันแรกก็โดนเด็กเล่นแล้วไหมล่ะไอ้กลอย

   เดินลงมาชั้นล่าง เจอผู้หญิงที่จะมาร่วมฝึกกับผม อ่อ เธอชื่อมะยม นี่ถ้าเป็นผู้ชายนะ ผมจะขอเรียกมันว่า ไอ้ยมเลยทีเดียว แต่พอเป็นผู้หญิง ดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ มะยมเป็นสาวรูปร่างผอมสูงที่สูงเกือบจะตัวเท่าผมแล้วซะด้วยซ้ำ หน้าตาก็จัดว่าน่ารักดี แต่เรื่องที่ต้องยกนิ้วให้คือการตีสนิทที่ทำอย่างกับเรารู้จักกันมาเป็นปี 

   ความตีเนียนให้ห้า ความบ้า (กว่าผม) ให้สิบ ต้องบอกว่า เหนือกลอยประเกรียน ยังมีมะยมโคตรเพี้ยนมาจุติบนโลก




   และแล้ววันแรกก็ผ่านพ้นไปอย่างงงๆ ผมกะจะเก็บทุกอย่างไปเล่าให้พี่โชฟัง แต่คนอีกฝั่งกลับงัวเงียอยู่บนที่นอนผมเลยยกยอดความแสบของเด็กอ้วนเอาไว้ก่อน

   “พี่โชจะตื่นกี่โมง” ถามไป ตาก็มองถนนไป วันนี้มีนัดกับพวกไอ้ทูที่ร้านยาดองหลังมหาลัย ไม่ใช่เพราะอยากไปกิน แต่เพราะเป็นวันเกิดของเพื่อนร่วมรุ่น แน่นอนว่าผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นสายโครหัสกัน ง่ายๆ ก็ดองรหัสกันตั้งแต่สมัยรุ่นก่อนๆ นั่นแหละครับ “พี่โช”

   (เดี๋ยวก็ตื่นแล้ว) ตอบทั้งที่ตายังปิด (ห้ามกลับดึก ห้าแก้วอย่าลืม)

   “ไม่ลืมหรอกน่า กลอยเคยลืมที่ไหนกัน” ทำตาลอกแลกสุด พี่โชขำออกมาก่อนลุกขึ้นมานั่ง ทรงผมชี้ตั้งอย่างกับรังนก “พี่ตื่นสายนะวันนี้ ไม่ไปเทคคอร์สเหรอ” เทคคงเทคคอร์สอะไรนี่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง พี่โชเล่ามายาวๆ ก็ฟังไปงั้นๆ ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่มันไม่รู้เรื่อง

   (มีตอนบ่าย นี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง)

   “เมื่อคืนนอนกี่โมง”

   (ช่วยป้าเก็บร้านถึงตีสอง)

   “ร้านขายอาหารอะไรเปิดถึงตีสอง” บ่นแต่ออกเสียง พี่โชขำออกมาพลางยกมือขยี้ผมตัวเอง “รีบไปอาบน้ำ แล้วกินข้าว ห้ามลืมกินข้าวให้ครบทุกมื้อนะ ถ้ากลับมาแล้วผอม กลอยจะ...” จะอะไรดีวะ “จะกินหมูกระทะให้อ้วนแทนเลย”

   (ไอ้เพี้ยน)

   คิดถึงพวกคำด่าแบบนี้เวลาถูกด่าใส่หน้าจัง แล้วเบื่อตอนขับรถจะมองหน้าพี่โชอย่างเต็มตาก็ไม่ได้ เดี๋ยวไปจูบท้ายคันข้างหน้าอีก

   “คิดถึง”

   (คิดถึงมากกว่าอีก)

   “รีบๆ เรียนแล้วรีบๆ กลับมา กลอยเหงา”

   (อย่าพูดแบบนี้สิ เดี๋ยวพี่ก็เก็บของกลับหรอก)

   “ทำให้ได้อย่างที่พูดก่อน”

   (เอาไหมล่ะ วันนี้เลย)

   ท้าไม่ได้นะครับบอกเลย ผมรีบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ โชคดีหน่อยตอนนี้ติดไฟแดง ทำให้มองหน้าคนห่างไกลได้อย่างถนัดตา พี่โชผมยาวขึ้นเยอะ จากกันไม่นานแท้ๆ

   “จะถึงแล้ว เดี๋ยวกลอยต้องวาง...”

   (ตอนกลับโทรมาหาพี่ด้วย แล้วตอนถึงห้องก็ต้องส่งข้อความมาบอกด้วย โอเคไหม)

   “รับทราบครับท่านครับ พี่ก็รีบไปอาบน้ำกินข้าว อ่อ อย่าแต่งตัวหล่อมาก เดี๋ยวสาวๆ จะเข้ามาจีบ”

   (หวงเหรอ)

   “พอดีเป็นคนขี้หึงมาก”

   (เตือนตัวเองเถอะ)

   ทำไมผมถึงโดนตลอดวะ

   “แค่นี้นะ เดี๋ยวกลอยโทรหาใหม่”

   พี่โชไม่ได้ตอบนอกจากยิ้มแล้วจูบผ่านกล้องมา ผมเลยจูบกลับบ้าง โคตรคิดถึงเลยให้ตาย แต่ยังตายไม่ได้ เพราะต้องอยู่รอให้กลับมา คนรักจริงก็แบบนี้แหละ (อวยตัวเองไปอีก)

   ผมถอยรถเข้าจอดข้างรถไอ้ทูที่มันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน โชคดีที่ไม่ต้องเดินเด๋อด๋าเข้าไปคนเดียว ไอ้ทูมันไปฝึกงานบริษัทของเพื่อนพ่อ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า มันไปฝึกงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะเอาที่เพื่อนสะดวกจะเล่านั่นแหละ แต่ถ้าเรื่องไหนที่ต้องรู้ ผมก็ต้องรู้ แปลง่ายๆ คือ ขี้เผือกเฉพาะเรื่องนั่นเอง

   เสียงเพลงเพื่อชีวิตดังออกมาถึงนอกร้าน วันนี้ปิดร้านเพื่อเลี้ยงฉลองเลยนะครับ ก็แน่ล่ะ เจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่คณะของผม เด็กในคณะคนไหนจะจัดงานแล้วมาร้านแกๆ จะปิดร้านเลี้ยงแทบทุกครั้ง โคตรใจป้ำเลยจริงๆ

   “ไอ้กลอย ไอ้ทู ทางนี้ๆ” ไอ้ต๋องกวักมือเรียกยิกๆ เพราะมันนั่งจ๋องอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
 
   “ไอ้เคล่ะ” ผมถามขณะหย่อนก้นนั่ง มือก็ยกรับไหว้บรรดารุ่นน้อง ที่มากันแน่นร้าน พอของฟรีละรีบเชียวไอ้พวกนี้ “คนเยอะจริงสัด”

   “ไอ้เคถูกพี่ขุนลากไปดวลเหล้านู้น พวกมึงมาโคตรช้า” ไอ้นี่บ่นเก่ง

   “กว่ากูจะเลิกก็ค่ำแล้วไหมล่ะไอ้ห่า” ผมตอบ ส่วนไอ้ทูก็พยักหน้าเห็นด้วย “เสียดายไอ้สัก ไปต่างจังหวัด”

   “ถ้ากลัวมันไม่ได้แดกเหล้าละก็ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้มันก็อยู่ร้านเหล้า” ไอ้ต๋องว่าอย่างขำๆ

   “ไอ้นี่ขาดผู้หญิงได้ แต่ขาดเหล้าไม่ได้” ไอ้ทูสรุป

   คุยกันได้ไม่นาน ไอ้เคก็หอบสังขารครึ่งๆ กลางๆ มานั่ง หน้ามันเริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด ผมว่า ที่บอกถูกลากไปดวลคงไม่ใช่แล้วล่ะ สภาพนี้คงโดนลากไปมอมมากกว่า

   “มาช้าไอ้เหี้ย” เจอหน้าก็สาดคำด่าเลยไอ้นี่

   “เมาแล้วเหรอมึง” ลองหยอดไป ไอ้เครีบยกนิ้วชี้ส่ายไปมาพลางเล่นหูเล่นตาอย่างตอแหล

   “คนอย่างกู ยาดองทำอะไรกูไม่ได้” อยากถีบความมั่นใจนี้จริงๆ แต่ผมทำได้แค่คิด เพราะไอ้ทูถีบมันแทนไปแล้ว เกือบตกเก้าอี้ ยังดีที่ไอ้ต๋องคว้าไว้ทัน

   และทันทีที่โหลยาดองมา ก็ถึงเวลาแจกแก้ว บนโต๊ะมีสารพัดยำมาวางเป็นกับแกล้ม มีถั่วกับข้าวเกรียบกุ้งที่ผมชอบด้วย เมื่อก่อนตอนมากิน ผมจะพกถุงก๊อบแก๊บมาด้วย เพื่อขอข้าวเกรียบกลับหอ ด้านได้ อายอด คือคติผมเอง

   ไอ้ทูทำหน้าที่แจกยาดอง ผมก็ยกจิบไปนิดๆ เพราะไม่อยากรีบ กลัวครบกำหนดห้าแก้วไว ต่างจากคนอื่นที่ดื่มเอาๆ เดี๋ยวเถอะ ต้องมีคนเมาเหมือนหมา บรรยากาศภายในร้านก็คึกคัก เด็กรุ่นน้องบางคนพาแฟนมาด้วย อย่างไอ้รอนที่ควงแฟนบัญชีมานั่งด้วย ตอนเข้าร้านมาเมื่อกี้ เห็นมันยักคิ้วให้ผมทีหนึ่งคล้ายอวด แต่ผมก็ไม่ได้แคร์ แค่ส่งนิ้วกลางคืนกลับไปก็เท่านั้น

   กวนมากวนกลับไม่โกง

   “ไอ้กลอย” เสียงเรียกชื่อผมยางคางมาแต่ไกล “มาดวลกับพวกพี่ๆ เร็ว”

   “ผมขับรถมา ไม่อยากมีถังขยะเดินตัดหน้าอีก” รีบออกตัว แม้แขนจะถูกฉุดกระชากให้ลุก แต่ก็พยายามจับเก้าอี้ไว้

   “ป๊อดเหรอมึง เมื่อก่อนไม่เมาไม่กลับไม่ใช่เหรอวะ”

   “ให้มันเถอะพี่ เดี๋ยวผัวด่า” ถลึงตาใส่ไอ้ทู ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำ เมื่อมันซวยถูกลากไปแทน

   โชคดีเพื่อนทูของกลอย

   พอไอ้ทูถูกลากไป ผมก็คุยเรื่องฝึกงานวันแรกให้เพื่อนฟัง ไอ้ต๋องส่ายหัวรัวๆ เพราะมันไม่ค่อยถูกกับเด็ก ส่วนไอ้เคขำอย่างเดียว อย่างว่า ยาดองในเส้นเลือดมันสูงเกินไป สติเลยมาครึ่งๆ กลางๆ

   “โชคดีที่กูไม่ต้องอยู่กับเด็ก ไม่งั้นกูคงได้แดกยาพาราวันละกระปุก” ไอ้ต๋องว่า

   “พรุ่งนี้ฝึกแล้วจบเลยได้ไหมวะ แม่ง” ผมว่าอย่างหัวเสีย ไอ้ต๋องยักไหล่พลางชูแก้วยาดองมาชนกับผม

   “คิดมาก ฝึกๆ ไปเดี๋ยวก็จบ”

   “ก็จริงของมึง ไอ้เค ตามึงเยิ้มเกินไปนะสัด”

   “ตากูไม่ได้เยิ้ม ตากูมันหวานต่างหาก มึงดูน้องขวัญสิ โคตรน่ารัก” ไอ้เคทำตาลอยๆ ชี้ไปทางโต๊ะรุ่นน้องปีสองที่นั่งหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ยิ่งมองยิ่งน่ารัก”

   “น่ารักแต่ห้ามแตะ เดี๋ยวมึงได้โดนตีนผัวน้องเขา” เตือนเพื่อนด้วยความหวังดี

   “มึงไปเอาข่าวที่ไหนมา น้องเขาไม่มีผัว” ไอ้เคเถียงเสียงสูง

   “ไม่ได้เอาข่าวไหนมา แต่กูเห็นมากับตา ว่าเขาควงผัวไปดูหนังไอ้สัด แทบจะจูบปากกันในโรงอยู่แล้ว”

   “มั่ว”

   “พี่โชก็เห็น”

   “ไอ้สัด กูเสียใจ อยากร้องไห้”

   “ตอแหลสัดหมา”

   ไอ้ต๋องด่าเสร็จก็ยกยาดองดื่ม ไอ้เคมองตาขวาง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากตักยาดองใส่แก้วตัวเองแล้วยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว หากเป็นเมื่อก่อน ผมก็ทำแบบพวกนี้แหละ ตักแล้วเท แล้วดื่ม โหลหนึ่งไม่เคยพอ ต้องต่อด้วยโหลสอง โหลสาม คอแข็งจนรุ่นพี่ต้องยกนิ้วให้ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้แตะ แค่แก้วเดียวยังมึนๆ เลย (ไม่นับแอลกอฮอล์อื่น)
 
   อยากคืนสังเวียน แต่คำสัญญาค้ำคอ...ห้าแก้ว

   เวลาเริ่มดึกเท่าไหร่ ทั้งเพลงและคนก็เริ่มคึก หน้าเวทีที่มีดนตรีสดก็เต็มไปด้วยพวกสติครึ่งๆ กลางๆ สองในนั้นคือไอ้ต๋องกับไอ้เค ส่วนไอ้ทูนั่งคอพับอยู่ข้างๆ ผม ถูกมอมไปหลายโหล โชคดีของผมแล้วที่ไม่ได้ไป แต่ถึงแม้ไม่ไปร่วมก๊งกับรุ่นพี่ แต่ก็ยังมีคนเดินมาชนไม่ขาดสาย คนฮอตก็งี้แหละ อยู่เฉยๆ ก็มีคนเข้ามาหา (วอนหาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้ว)

   “มึงขับรถกลับไหวหรือเปล่าไอ้ทู” สะกิดถามเพื่อน ไอ้ทูยกมือโบกแทบจะทันที “งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง”

   “กูส่งข้อความให้พี่เบมารับ มึงจะได้ไม่ต้องวนไปวนมา” ไอ้ทูบอกอู้อี้ ตาคงจะหนักเพราะยกไม่ขึ้น “เชี้ยเอ้ย พรุ่งนี้กูจะไหวไหมเนี่ย”

   “สู้ๆ เพื่อน”

   “เพราะมึงนั่นแหละ”

   “กูผิดอะไร”

   “ก็กูปกป้องมึง เลยซวย”

   ผมไม่ตอบอะไรนอกจากหัวเราะ ไอ้ทูง้างมือจะตบหัวผม แต่พอยกปุ๊บก็ร่วงปั๊บ...อาการหนักมากจริงๆ ผมขำเพื่อนสนิทไม่นานโทรศัพท์ไอ้ทูก็ดังเลยล้วงออกมารับให้แทน พี่เบโทรถามไม่เยอะเพราะกำลังขับรถมารับ ก่อนวางมีบ่นว่าขี้เกียจขับรถด้วย แหม ปากแข็ง ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าห่วงเพื่อนผม

   “พี่กลอย ชนแก้วหน่อย” เสียงห้วนๆ โดยคนพูดเดินเก็กหล่อมาหา

   “มึงเตรียมตัวนอนเลยเหรอวะไอ้ไม้” ยกแก้วชนพลางหยอก สภาพกางเกงบอลกับเสื้อยืดย้วยๆ มันชุดนอนชัดๆ

   “เผื่อเมาก็ขอนอนร้านนี้เลยไง” มันว่ายิ้มๆ “ไม่เจอนาน พี่ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะครับ”

   “แน่นอน หมาในปากกูมีเป็นฟาร์ม เกิดมาเรื่อยๆ ไม่มีวันตาย รู้จักไหมคำว่าเนเวอร์ดายส์” ร่ายยาวเป็นชุดจนได้นิ้วโป้ง ไอ้ไม้ขำก่อนขอตัวกลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง แต่พอเห็นหน้ามันแล้วก็พาลนึกถึงแก๊งเก่าตอนปีหนึ่ง ที่ตอนนี้หนึ่งในกลุ่มมันย้ายไปเรียนอีกที่ เพื่อจะสะดวกเฝ้าแฟนตัวเองอย่างไอ้เม่น

   ยอมใจในความทุ่มเทจริงๆ

   ชนแก้วไปเรื่อยๆ จนพี่เบเดินเข้ามาสะกิดไอ้ทู ผมยกมือไหว้พลางไล่มองคนบอกว่าขี้เกียจที่แต่งตัวจัดเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “รถจอดที่นี่ได้ใช่ไหม” ถามขณะหิ้วไอ้ทูขึ้น ผมพยักหน้าลงรัวๆ “เมาเหมือนหมาเลยไอ้ห่า”

   “เมียพี่เป็นหมา งั้นพี่ก็ เชี่ย” ถูกตีนถีบเข้าเต็มน่อง ยาดองกระฉอกเลย

   “มึงก็รีบๆ กลับ อย่ามานั่งอ่อยให้เพื่อนกูหึง”

   “อ่อยที่ไหนวะ”

   “หรือจะให้กูไปส่ง?”

   “ไม่เป็นไร ผมเพิ่งยกแก้วที่สามเอง”

   “เออดี งั้นกูกลับล่ะ แม่ง ไอ้นี่ก็หนักเกิน แดกควายลงท้องหรือเปล่าสัด”

   ผมขำตามหลังพี่เบที่บ่นไอ้ทู คนอะไร ปากบ่นแต่สายตาโคตรเป็นห่วง ไม่เหมือนปีศาจของผมเลย เพราะถ้าบ่น ตาก็ดุ ไม่มีมองแบบนี้หรอก นึกได้ก็อยากกลับ ผมเดินซุยๆ เข้าไปด้านในเพื่ออวยพรเจ้าของวันเกิดที่เมาหลับไปแล้วๆ ก็ต้องรีบชิ่งหนีออกมา ก่อนจะถูกจับมอมเหล้าไปด้วย สภาพโซนด้านหน้าเหมือนสงครามเลย ฟาดฟันกันด้วยจำนวนโหลและการเต้น คนรับกรรมก็รุ่นน้อง โดยเฉพาะปีหนึ่ง การรวมตัวของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วแบบนี้ มันคือขุมนรกดีๆ นี่เองถ้ามีแอลกอฮอร์ในวง

   ใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึงคอนโดของพี่โช ห้องแสนกว้างแต่อยู่คนเดียวความเหงาก็วิ่งเข้าชน ทั้งที่เมื่อก่อนตอนอยู่หอผมก็อยู่คนเดียวได้แท้ๆ เข้าห้อง อาบน้ำ แล้วขึ้นเตียงเตรียมตัวนอน แต่ยังไม่ง่วงเลยหยิบหนังสือการ์ตูนมาอ่านสายตามองไปยังโทรศัพท์ที่นิ่งสนิท ส่งข้อความไปบอกพี่โชแล้วแต่ยังเงียบ สงสัยจะยุ่งอยู่... อยากคุยจังเว้ย

   ไอ้กลอยกำลังอาการหนักครับพี่น้องทั้งหลาย

   “ไอ้เชี่ย ทำไมตลก” ทั้งที่การ์ตูนมันตลก แต่น้ำตากลับไหล “แม่งเอ้ย”

   ผมปิดหนังสือการ์ตูน ปิดไฟ ข่มตาให้หลับ ดึงหมอนข้างที่มีกลิ่นพี่โชมากอด คิดถึงมากๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเริ่มนับตัวเลขโดยใช้พี่โชเป็นตัวแปลให้กระโดดข้ามรั้ว นับไปขำไป แล้วสติก็ค่อยๆ ลดลงจนหลับไปในที่สุด

   วิธีนี้ดีจริง สงสัยต้องทำทุกวันแล้ว ปล่อยให้ตาเป็นแพนด้ามาตั้งนาน (แล้วยายจะเป็นอะไร แป๋ว แว่ว แว่ว)


   พี่โช...รีบๆ กลับมานะ 



...TBC

กลอยประเกรียนในยามเศร้าช่างน่าสงสารจริงๆ (ตีหน้าเศร้าแต่ปากฉีกยิ้ม)

ขอบคุณทุกคนที่รักกลอยค่าาา (ก้มกราบงามๆ) แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ (>/l\<)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 19-03-2019 21:37:07
กลอยน่ารักกกกกมาต่ออีกนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-03-2019 21:48:23
สงสารกลอยประเกรียนจัง  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-03-2019 21:51:53
โอ๋ ๆ นะกลอยปะเกรียน เตรียมแรงไว้ไปรับมือกับเด็ก ๆ ในที่ฝึกงานดีกว่านะจ๊ะ  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 19-03-2019 21:52:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-03-2019 22:07:02
กลอย เจอกงกรรมกงเกวียน ที่เึยแกล้งพี่โช  :z3:
เลยโดนเด็กอ้วนมาตดให้ดม   o22 :really2:
สงสารกลอย คิดถึงพี่โช   :mew2:
ถ้ากลอยมีประตูมิติผ่านตลอดแบบโดเรม่อน
คงผลุบเข้าไปหาพี่โชอน่เลย  :-[
พี่โช  กลอย    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-03-2019 22:43:39
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-03-2019 22:45:53
บอกพี่โชไปสิว่ามีคนมาจีบกลับอย่างไวแน่
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-03-2019 23:30:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 20-03-2019 01:11:01
สงสารกลอยที่ต้องาห่างจากโชแต่ก็ขำที่ไปฝึกงานวันแรกโดนเด็กปีนเกลียว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-03-2019 01:35:58
กว่าจะปี T____T
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-03-2019 17:53:29
อะไรคือตดทิ้งไว้ในห้องน้ำเพื่อให้พี่โชเข้ามาใช้ห้องน้ำพอดี  o13 ไม่ใช่กลอยทำไม่ได้นะ555555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-03-2019 19:03:09
 :3123: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-03-2019 20:08:37
โอ๋นะ กลอยใจของพี่โช เอ็นดูจังเลย
น้องก็เหงาแต่เพื่ออนาคตของพี่เนาะ

อย่ามีเหตุไม่ปกติอะไรเลยนะคะ
แค่นี้น้ำตาก็มาแล้วนะ

โชคงหนักพอกัน เพราะแทบไม่เคยห่างกันเลย
แถมความหวง ความห่วง เข้าขั้นหนักมากด้วย

เอิ่มมม ไปฝึกงานคงไม่ต้องไปรบกับเด็กน้อยเนาะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 21-03-2019 10:15:36
กลอยเอ้ยยยย
กอดนะลูก มาให้หอมเหม่งมา
เก่งมากๆ สู้ๆนะ
รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีดี

พี่โชเองก็สู้ๆ
แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ
เจอกันจ้าาาา(^^)

ปล. เอ็นดูความโดนเด็กเล่นของกลอย เอาน่ะกลอยดูเข้ากับเด็กที่สุดแล้วในเรื่องงงง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 16 [P.8] [UP!!] [19/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 21-03-2019 13:42:29
พี่โชไม่อยู่ คงไม่มีใครมาจีบกลอยนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 26-03-2019 21:13:19

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 17




        “พี่ครับๆ เหลาดินสอให้หน่อย” เสียงเจื้อยแจ้วมาพร้อมแรงดึงชายเสื้อด้านหลัง ผมหันไปมองยิ้มๆ ก่อนเอาดินสอทู่ๆ ของเด็กในคลาสไปเหลาที่โต๊ะมุมห้อง เหลาเสร็จก็เอามาคืน “พี่ครับๆ”

   “อะไรอีกครับ?”

   “เหลาแท่งอื่นให้ด้วย” คราวนี้มาเป็นกล่อง ผมมองหน้าเด็กอ้วนอย่างนิ่งๆ แต่ก็ยอมเอาไปเหลาให้ รู้ว่ากำลังถูกกวนอวัยวะเบื้องล่าง แต่ก็ต้องนิ่งเข้าไว้ “พี่ครับๆ”

   “อะไรอีก?” ตอบรับเสียงห้วน

   “เรียกเฉยๆ”

   นั่นไง เด็กมันกวนผมจริงๆ ปล่อยกลิ่นตดให้ผมดมตั้งแต่ครั้งแรก ผ่านไปเป็นอาทิตย์ ความกวนยิ่งเพิ่ม แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก นอกจากหมั่นเขี้ยวนิดๆ อยากเตะหน่อยๆ บ่อยครั้งที่ทนไม่ไหวก็จะดึงแก้มยุ้ยๆ นั่น จนเจ้าตัวหน้างอ ผ่านไปไม่นานก็กลับมากวนผมใหม่

   เป็นเด็กที่งอนง่าย หายเร็วจริงๆ

   คลาสที่ผมช่วยดูเป็นคลาสของเด็กเล็กสลับกับผู้ใหญ่ ส่วนมะยมได้ไปดูคลาสของเด็กมัธยมที่มาเรียนสำหรับการไปสอบความถนัด ไม่รู้คนแบ่งคลาสตัดสินจากอะไร ทั้งที่ผมเป็นผู้ชายควรได้ไปดูฝั่งนั้นมากกว่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่ามะยมเรียนคณะสถาปัตย์มาโดยตรงก็ไม่รู้

   จากที่วันแรกๆ ผมเอาแต่มองนาฬิกาติดผนังอยู่ตลอด เพราะรู้สึกเวลาเดินช้า แต่พอผ่านไปเป็นอาทิตย์ก็เริ่มปรับตัวได้ ยิ่งเจอเด็กกวนประสาทก็ยิ่งทำให้รู้สึกเวลาเดินเร็วขึ้น อาจเพราะความเบื่อมันหายไปด้วย อีกอย่างเด็กคลาสที่ผมดูล้วนแล้วแต่แสบๆ ทั้งนั้น ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่มียอมกัน แต่ถึงแม้จะร้ายกันแค่ไหน ฝีมือวาดกับการจินตนาการก็เด็ดดวงชนิดที่ว่าผมยังต้องยกนิ้วโป้งให้เกือบทุกคน

   เอาซะไฟในการฝึกงานลุกโชนขึ้นมา
 
   “พี่ขา” จังหวะยืนเหม่อ เสียงเรียกก็ดังขึ้น ผมหันไปยิ้มให้น้องผู้หญิงที่เรียบร้อยที่สุดในคลาส “หนูขอไปดื่มน้ำด้านนอกได้ไหมคะ”

   “ได้ครับ”

   กฎของคลาสคือห้ามนำของกินทุกชนิดเข้าห้อง แม้แต่น้ำก็ไม่ได้ ผมเดินไปเปิดประตูให้น้อง ก่อนกลับเข้ามานั่งประจำโต๊ะด้านข้างของตัวเอง ไม่ใช่ผมจะเดินลอยไปลอยมาหรอกนะครับ แต่หน้าที่อีกอย่างคือตรวจดูงานของเด็ก ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำบ้างเท่าที่ทำได้ในบางทีที่ครูผู้สอนไม่อยู่ในห้อง อย่างวันนี้ที่ครูไม่มา ผมเลยรับหน้าที่ไปเต็มๆ
 
   “พี่ครับๆ” เสียงเดิมเรียกอีกแล้ว ผมเงยหน้าจากกระดาษวาดรูปตัวเอง “ผมวาดเสร็จแล้ว ตรวจให้หน่อย”

   “สวยนะเนี่ย”

   “ยังไม่ได้ดูเลย”

   “อ่าวเหรอ”

   ผมหัวเราะเด็กอ้วนที่ตีหน้างอเป็นปลาทู แกล้งเด็กนี่มันสนุกจริงๆ พอเลิกขำก็ถึงเวลาตรวจงาน ขอบอกว่างานดีทีเดียว ตัวการ์ตูนที่มาจากจินตนาการของเด็กอ้วนคนนี้

   “เป็นไง”

   “สวยดีนะ” ได้ยินคำชมปุ๊บ แก้มยุ้ยก็แทบปริ ผมหยิบปากกามาเซ็นต์ด้านหลังกระดาษให้อย่างทุกครั้งที่ต้องตรวจงานแทน “ถ้าลงสีด้วย จะสวยมาก”

   “จริงเหรอ”

   “อืม ลายพวกนี้เอาไปสกรีนทำเป็นลายเสื้อขายได้เลยนะเนี่ย”

   “จริงเหรอ”

   คราวนี้ผมพยักหน้าให้ เด็กตรงหน้าทำตาเป็นประกายแวววาวจนผมขำออกมา

   “เก่งมากไอ้หนู กลับบ้านได้”

   ไม่มีคำตอบนอกจากการพยักหน้า เด็กอ้วนยกมือไหว้ผมก่อนเดินถืองานตัวเองกลับไปที่โต๊ะแล้วหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง ผมมองตามแผ่นหลังใหญ่ๆ จนประตูปิดลง ก่อนความสนใจจะกลับเข้ามาในห้องเมื่อเด็กคนอื่นๆ เริ่มเอางานมาให้เซ็นต์ คงเพราะใกล้เลิกคลาสเต็มที วันนี้ทั้งวันผมวนอยู่กับคลาสเด็กสลับกับคลาสผู้ใหญ่ ใช้พลังงานชีวิตเยอะมาก แถมงานที่ต้องสอบทุกอาทิตย์ก็ยังไม่ถึงครึ่งอีก ตายแน่ๆ

   ผมปิดไฟในห้องหลังจากเด็กๆ ออกไปกันหมดแล้ว เดินลงบันไดด้วยเรี่ยวแรงโรยรา เริ่มเห็นใจและเข้าใจครูอาจารย์ที่ต้องคอยดูแลนักเรียน นักศึกษาแล้ว ว่ามันเหนื่อย ลำบากแค่ไหน ต่อไปไอ้กลอยจะไม่ดื้อแล้วครับ

   “เพิ่งเลิกเหรอ” เดินเจอมะยมที่กำลังออกจากห้อง เพื่อนร่วมฝึกงานทำหน้าตาโรยแรงไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ นึกถึงวันแรกที่เธอมา กระดี้กระด๊าคึกคักสุด “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

   “ง่วงมากมึง” นั่นแหละครับ พอเริ่มสนิท ภาษาพ่อขุนรามก็มา “หิวด้วย”

   “นั่นดิ่ หิวเหมือนกัน”

   “ไปแดกหมูกระทะกันไหม”

   “ก็ได้อยู่”

   เราสองคนคุยกันขณะลงไปชั้นล่าง ส่วนใหญ่ก็เรื่องของกิน พอเท้าเหยียบชั้นล่างสุดก็เจอบรรดาเด็กที่เพิ่งเลิกยืนออกันอยู่ บ้างก็ซื้อขนมกิน บ้างก็รอผู้ปกครองมารับ มะยมเดินไปนั่งข้างพี่ที่เคาน์เตอร์ ส่วนผมเดินมาหาเด็กในคลาสที่ลงมาก่อนตั้งนานแต่ก็ยังนั่งอยู่

   “พ่อยังไม่มารับอีกเหรอ” ถามขณะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เด็กอ้วนหันมามองหน้าผมพลางส่ายหน้า

   “วันนี้พ่อติดธุระ” เด็กอ้วนตอบเสียงหงอยๆ

   “อ่าว แล้วกลับยังไง ใครมารับ”

   “พี่ชายฮะ แต่บอกจะมาช้าเพราะติดดูหมาอยู่”

   “ดูหมา?”

        คล้ายๆ ดูหมอหรือเปล่าวะ

   “ก็ดูหมาที่ป่วยไง”

   “สัตวแพทย์?”

   “อื่อๆ”

   “ว้าว”

   “พี่ของผมเก่งมาก หล่อด้วย”

   “จะหล่อกว่าพี่เหรอ” ว่าแล้วก็เก็กให้ดู เด็กอ้วนหัวเราะออกมาแทบจะทันที เอาความมั่นใจลดนิดๆ มามากจนประโยคที่ตอบกลับมานี่แหละ

   “หล่อกว่าเยอะเลย”

   “ขี้โม้หรือเปล่า”

   “ไม่ได้โม้ เดี๋ยวรอดูเลย”

   เห็นความทะเล้นแล้วก็อดยกมือขยี้หัวเด็กอ้วนไม่ได้ ที่จริงเด็กนี่ชื่อแทน แต่ผมชอบเรียกเด็กอ้วนมากกว่า พุงยื่นๆ นั่นนุ่มดี ผมชอบตีบ่อยๆ ระหว่างนั้นคนก็เริ่มทยอยกลับกันจนหมด เหลือแค่พี่พนักงาน มะยม ผมแล้วก็เด็กอ้วนที่นั่งชะเง้อคอยื่นหน้ามองหาคนมารับ

   “หิวไหม” ว่าแล้วก็ยื่นช็อกโกแลตที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อให้

   “เมื่อไหร่พี่ผมจะมา” พูดไป เคี้ยวไป “หรือจะลืม”

   “โทรไปหาสิ”

   “เผื่อดูหมาอยู่จะทำยังไง”

   “เออว่ะ”

   คุยๆ อยู่ ประตูบานกระจกก็เปิดออก พร้อมๆ กับมีคนเดินเข้ามาและเด็กก็รีบลุก จะว่าไปคนที่เพิ่งมาหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน

   “พี่มาแล้ว” เด็กอ้วนปรี่เข้าไปหาจนลืมหยิบกระเป๋า ผมเลยต้องเอาไปให้

   “อ่าว” เผลอสบถออกมาหลังจากเห็นหน้าพี่ชายของเด็กอ้วนอย่างถนัดตา ซึ่งคงจะไม่ต่างจากอีกฝั่งที่ดูชะงักตอนเห็นหน้าผม “พี่เป็นพี่ของน้องอ้วนเหรอ”

   “อืม” สั้นๆ แต่ได้ใจความ ว่าแล้วเด็กอ้วนก็รีบลอยหน้าลอยตา “มาฝึกงานหรือมาเรียน?”

   “ถามผมเหรอ”

   “ถามหมามั้ง ก็มีมึงยืนอยู่”

   “ฝึกงาน” พี่เทสพยักหน้าบางๆ ก่อนคว้ากระเป๋าเป้น้องตัวเองไปถือ “กลับดีๆ นะครับ” โบกมือลาส่งท้าย ไม่วายเด็กอ้วนยังยกนิ้วโป้งไปยังพี่ชายตัวเอง คล้ายกับจะอวดความหล่อ

   เออ! พี่มึงหล่อจริงไอ้อ้วน

   “มึงรู้จักเหรอกลอย” ประตูยังปิดไม่สนิทดี ไหล่ผมก็ถูกมือพุ่งมาจับ ทำเอาสะดุ้งโหยง “หล่ออะ กูชอบ”

   “ก็รู้จักนิดหนึ่ง เป็นพี่ร่วมมหาลัยอะไรทำนองนี้แหละ” ตอบเสียงสั่นๆ เพราะสายตาวิบวับของมะยมทำให้ผมขนลุก “แต่เขามีแฟนแล้วนะ”

   “ไหงงั้นล่ะ”

   “ไม่รู้”

   “ไอ้กลอย!”

   “เอ้า ก็กูไม่รู้”

   “มะยมอารมณ์เสีย” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าจนปลายผมหางม้าปลิว ก่อนเดินย้อนไปนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์แทน


   อารมณ์ผู้หญิงนี่เหมือนน้ำทะเลเลยนะครับ ขึ้นๆ ลงๆ เอาซะผมมึนงงตามไม่ทัน



   หลังจากปิดประตูโรงเรียน ผมกับมะยมรวมทั้งพี่พนักงานต่างพากันยกโขยงไปนั่งกินหมูกระทะที่อยู่ไม่ไกล เพียงแค่เดินข้ามถนนมาสองซอยก็ถึง ร้านไม่ใหญ่แต่คนเยอะสุดๆ เห็นว่าน้ำจิ้มเด็ด ซึ่งผมไม่รู้ว่าเด็ด ไม่เด็ดคืออะไร เพราะเวลาหิวก็กินได้หมด

   “น้องๆ ฝึกจบแล้วพี่คงเหงาแย่เลย” พี่หน้าเคาน์เตอร์ชื่อพี่หญิงครับ คุยเก่งมาก ขนาดผมที่ว่าคุยเก่งยังต้องยอม พี่เขาพูดจนผมหลับในตอนนั่งฟังคอร์สของโรงเรียน “โดยเฉพาะน้องกลอย พี่ต้องเหงามากแน่ๆ”

   “พี่จะสบายหูมากกว่า มะยมว่า” นี่ถ้าไม่ติดว่าหมูเต็มปาก มีเถียงกลับแน่นอน “แต่พี่น้องคนเมื่อกี้หล่อมากจริงๆ นะคะ มะยมใจสั่นเลย”

   “เรียนสัตว์แพทย์ด้วยนะ หล่อ รวย เก่งหายากนะแบบนี้” พี่หญิงรีบบอกรายละเอียด

   ที่จริงมีคนเพอเฟกที่ผมรู้จักแบบนั้นอยู่อีกเยอะ โดยเฉพาะปีศาจสุดที่รักของผม ที่เห็นแล้ว ทั้งใจ ทั้งตัวสั่นรัวๆ เลยล่ะ ที่พูดนี่ ไม่ได้อวดแฟนเลยนะครับเนี่ย ไม่งอก ไม่เส้น ความจริงล้วนๆ (ยังจะเล่นมุกแป้ก)

   “แล้วมึงรู้จักได้ไง เขาเรียนหมอไม่ใช่เหรอ” อุตส่าห์ทำเงียบแล้ว ยังวกกลับมาหาอีกจนได้ “ว่าไงมึง”

   “กูเคยเอาแมวไปรักษาที่คลินิกของมหาลัย เขามาฝึกงานมั้ง” บอกอย่างไม่ใส่ใจ แต่คนฟังกลับอยากใส่ใจ “รู้จักแค่นั้น”

   “แล้วมึงไปรู้ว่าเขามีแฟนได้ยังไง” คำถามเจาะลึก แต่ผมเลือกที่จะยัดหมูใส่ปากแทน มันเป็นความไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็น่าจะใช่ที่พี่เทสกับพี่เนิร์ดแอบคบกัน...ก็แหม สายตาของคนมีความรัก ปิดยังไงก็ไม่มิด เซ้นส์เรื่องนี้ไว้ใจไอ้กลอยได้ “อีหอย แดกเงียบสัด”




   หลังจากอิ่มกันจนเต็มที่ก็แยกย้าย ผมขับรถกลับคอนโดสภาพเหงื่อตก ไม่ใช่ร้อน แต่เพราะปวดขี้ น้ำจิ้มซีฟู้ดออกฤทธิ์เร็วเหลือเกิน พอถึงลานจอดใต้คอนโดปุ๊บ ผมก็รีบพุ่งเข้าลิฟต์ ยืนเขย่าขาบิดไปมากลัวข้าศึกทะลุด่าน พี่เอ้ย น้องเอ้ย ทรมานอย่างที่สุด เข้าห้องได้กระเป๋าถูกเหวี่ยงไปตรงไหนไม่ได้สน ห้องน้ำเท่านั้นที่ต้องการ

   ตอนแรกคิดแค่ว่าจะปลดทุกข์ แต่ถอดกางเกงแล้วเลยเปลี่ยนใจอาบน้ำซะให้รู้แล้วรู้รอด ท้องโล่งสบายตัวเดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากที่ไหนสักที่ กว่าจะหาเจอสายก็ดับไปแล้ว พอจะตีหน้าเศร้าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก หน้าพี่โชโชว์หลาอยู่ทำให้ผมยิ้มออกมาทันที

   “ฮัลโหล”

   (รับช้า ทำอะไรอยู่) เสียงเขียวมาเชียว หน้าก็บึ้งด้วย

   “ขี้อยู่” บอกปุ๊บ พี่โชก็ยกมือปิดจมูก “อย่ามาเว่อร์ ไม่ได้เหม็นทะลุจอขนาดนั้น”

   (กินข้าวแล้วสินะ ถึงขี้แบบนี้) พี่โชขำออกมารัวๆ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ (แล้ว..)

   “แล้วอะไร”

   (ไปแต่งตัวดีๆ ไป) อยู่ๆ พี่โชก็เปลี่ยนเรื่องเฉย ผมเอียงคอมองอย่างสงสัย แถมตอนนี้พี่โชก็ตีคิ้วยุ่งอีก (กลอย ไปแต่งตัว)

   “ทำไมอะ?” ถามอย่างสงสัย พลางก้มมองดูตัวเองถึงได้เข้าใจ ว่าบนตัวผมไม่มีผ้าขนหนูที่พันเอวนี่เอง “ตอนอยู่พี่โชเห็นออกจะบ่อย” ไม่มีคำว่าอาย ก็อย่างที่บอก เห็นๆ กันอยู่แทบทุกวัน

   (ก็นั่นมันตอนอยู่ ไอ้กลอย ไปแต่งตัวดีๆ ไป) มีหงุดหงิดด้วยว่ะ ผมยังลอยหน้า ลอยตาเดินโทงๆ ร่อนไปทั่วห้อง จนได้ยินเสียงตะคอกผ่านโทรศัพท์ออกมานั่นแหละ (ไอ้กลอย เดี๋ยวนี้โว๊ย!)

   “ก็ได้ๆ อะไรเนี่ย ทำไมต้องจริงจัง” ผมว่ายิ้มๆ “อย่าเก็บเอากลอยน้อยไปฝันเชียว เดี๋ยวฝันจะเปียกเอา” ว่าจบก็หัวเราะรัวๆ พี่โชถึงขั้นชูนิ้วกลางส่งมาให้ นี่ถ้าอยู่ด้วยกัน ผมอาจได้กินฝ่าเท้าคุณพี่เขาไปแล้ว

   ใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็กลับมานอนมองหน้าพี่โชอีกรอบ คนฝั่งนั้นกำลังสาระวนจัดของทำอะไรสักอย่าง แต่ที่เห็นๆ คือกองหนังสือด้านหลังมันสูงมาก ผมละกลัวจะหล่นลงมาทับพี่โชจริงๆ

   “พี่ทำอะไร ยุ่งเหรอ” มองพี่โชเงียบๆ หลายนาทีกว่าจะลองถาม พี่โชหันมายิ้มพลางชูหนังสือเล่มหนาที่เกี่ยวกับการบริหารอะไรสักอย่าง เห็นแบบนี้ผมก็พอรู้คำภาษาอังกฤษนะครับ ไม่ได้โง่มาก แต่ก็โง่
 
   (จัดหนังสือที่ต้องใช้น่ะ)

   “ทั้งหมดเลย?”

   (ครับ ต้องใช้ทั้งหมด)

   “อ่านกี่วันจะจบ เล่มหนากว่าวิชากฎหมายของไอ้อัธซะอีก”

   (ถ้าตั้งใจแล้วก็มีสมาธิ ไม่อ่านไปเล่นไปแบบกลอย วันสองวันก็จบ)

   นั่นไง มันต้องมาลงที่ผมอีกจนได้

   “แล้วพี่โชกินข้าวหรือยัง ที่นั่นเช้าอยู่ใช่ไหม”

   (กินแล้วครับ ตอนนี้เกือบๆ เที่ยงแล้วล่ะ)

   “ที่นี่มืดมาก...แล้วก็คิดถึงพี่โชมาก” อดที่จะหยอดไม่ได้ คราวนี้คนจัดนั่น จัดนี่ถึงกับชะงักก่อนเดินมานั่งตรงหน้าโทรศัพท์ตัวเอง สายตาที่มองมานั่นผมโคตรคิดถึง “คิดถึง”

   (พี่ก็คิดถึงมากเหมือนกัน)

   พอถึงตรงนี้ เราทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เพราะสายตาที่มองผ่านกล้องกับสัญญาณไร้สายมันสื่อสารแทนได้หมด

   “รัก” บอกก่อนที่พี่โชจะกดปิด เนื่องจากมีเสียงเคาะประตูเรียก พี่โชบอกให้ผมยกมือถือแนบแก้ม ก่อนตัวเองจะจูบผ่านกล้องมา

   (โคตรรักเลย)

   ใจโหวงๆ อีกแล้วหลังจากวางสาย มันเป็นแบบนี้แทบทุกวันและทุกครั้งเวลาที่ต้องวางสายจากพี่โช เวลาที่เราจะได้คุยกันก็มีแค่เวลานี้ เพราะผมต้องฝึกงาน ช่วงเวลาที่ผมฝึกงาน ฝั่งพี่โชก็จะเรียนบ้าง ทำงานบ้าง หรือแม้แต่นอน ช่วงเวลาที่ต่างกัน มันทำให้ทุกอย่างยาก แต่แน่นอนว่าไม่มีผลกระทบต่อความรักของผม...อวดไปอีก

   วางสายพี่โชไปแล้ว ผมก็กดเข้าเช็คข่าวคราวบนโลกโซเชียล เห็นไอ้สักเช็กอินที่ร้านเหล้าทุกวัน ไม่รู้ไปฝึกงานหรือไปกินเหล้ากันแน่ พวกเพื่อนคนอื่นๆ ก็บ่นบ้าบอตามประสา แต่ที่เห็นโอดครวญสุดก็ไอ้เม่นที่โพสดราม่าเศร้าซึม บางทีก็โพสเฮฮา หรือมันจะเป็นไบโพล่าวะ หลายอารมณ์เกิน นี่ถ้าไม่ติดว่ามันคบกับไอ้ม่านละก็ ผมไม่รับมันเป็นเพื่อนหรอก

   ว่าแล้วผมก็ลองอัพเดตบ้าง พิมพ์สั้นๆ ง่ายๆ ว่า ‘เหงา’ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็มีคนมากดถูกใจพร้อมคอมเม้นสองคำที่แปลความหมายได้ตรงตัวว่า ‘ตอแหล’ นี่พี่จอมไม่คิดว่าผมจะมีความรู้สึกเหงาจริงๆ บ้างเหรอวะ แม่ง จะว่าไป พรุ่งนี้วันหยุดนี่หว่า สงสัยที่คิดว่าจะนอนเป็นผักอยู่ในห้องคงโดนรบกวนแน่ พอไม่มีพี่โชแบบนี้ ชีวิตไอ้กลอยคนนี้ ช่างมีเดียมแรร์จริงๆ หมายถึงสุขไม่เต็มที่ (มุกแป้กข้ามไปอย่าใส่ใจ)


   เอาเป็นว่า ขอนอนก่อน พรุ่งนี้จะเป็นไงค่อยว่ากัน เพราะไอ้กลอยคนนี้...เอาอยู่ (รึเปล่าวะ) กู๊ดไนท์ครับผม


...TBC

ช่วงนี้ก็มาแบบเรื่อยๆ นะคะ ถ้าน่าเบื่อก็ขออภัยด้วย พยายามใส่มุกแล้ว แต่แป้กตลอด (เสียใจจจจ)

ส่วนยังมีดราม่าไหม ก็ไม่น่าจะมีแล้ว...มั้งคะ เพราะแค่กลอยอยู่คนเดียวก็เศร้าพอแล้ว สงสารแทบขาดใจ (สะอื้น)

ขอบคุณสำหรับที่ชื่นชอบ และรักกลอยประเกรียนกับพี่โชค่าาา ขอบคุณทุกคนเลย แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว ทำให้รู้สึกหายเหนื่อยจริงๆ

แล้วพบกันตอนหน้าค่า (วันรวมแก็งสายย่อ)

รักกกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 26-03-2019 21:37:41
รักกกกกกก   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 26-03-2019 21:59:09
กลอยนี่น่ารักน่าหยิก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2019 22:21:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 26-03-2019 22:41:58
เจ้ากลอยน่าเอ็นดูเสมอเลย
อยู่กับเด็กนี่เข้ามากกกกก

พี่ชอบความเรื่อยๆปนฮานี่ล่ะค่ะ
เป็นเสน่ห์ของคู่นี้เลย

เป็นกำลังใจให้เสมอนะจ้ะ(^^)

ปล.พี่เทสนี่คูลตลอดเลยนะครัชชชชช
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2019 22:54:43
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-03-2019 22:58:10
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 26-03-2019 23:56:05
น้องกลอยกับพี่โชสู้ๆนะคะ :mew6:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-03-2019 00:14:15
เดี๋ยวพี่โชก้กลับมาแล้ว  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-03-2019 02:24:40
ตลกกลอย จะเศร้าก็เศร้าไม่สุด
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-03-2019 08:37:56
กลอยจะเหงาก็ไม่วายมีความเกรียนมาด้วยอีกนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-03-2019 10:58:12
สักวันนึงกลอยจะขรี้แตกบนรถไหมเนี่ยคนอะไรระบบขับถ่ายทำงานดีเกิ้น   :laugh: :laugh: :laugh:
แต่ด้วยประสปการณ์จริงของเราการปวดขรี้บนรถมันเป็นอะไรที่โคตรทรมานเลย  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2019 20:02:56
กลอย เหงามากกกกกกกก........คิดถึงพี่โช  :impress2:
พี่โช ก็คิดถึงกลอย  :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 27-03-2019 20:16:19
ถึงคราวเกรียน เหงา  คิดถึงพี่โช
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-03-2019 22:48:37
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 17 [P.8] [UP!!] [26/03/62]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-03-2019 21:54:32
สงสารเกรียนกลอย คงเหงามากแน่ๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 02-04-2019 20:54:11

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 18





        คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก ต้องให้เธอแก้ รู้ก็รู้ว่าชอบ แต่ใจมันพูดไม่ได้ แต่ถ้าเธอช่วยมันก็ง่าย อะไรก็คงไม่แย่...ขอทักทายเป็นเพลงซะหน่อย ไม่ใช่อะไร แต่เพราะคนที่มารับผมกำลังเปิดเพลงเก่าฟัง แถมอินสุดๆ ทั้งร้อง ทั้งออกมือออกไม้จนผมกลัวว่า รถแพงจะจุ๊บท้ายรถคันข้างหน้าก่อนถึงที่หมาย

   ผมถูกโทรเรียกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางดีให้เตรียมตัว อยู่รอนานเป็นชั่วโมงกว่าจะมีคนมารับ ขอไปเองก็ไม่เอา ทั้งที่พี่จอมก็อ้าปากหาววอดๆ แต่ก็ยังดันทุรังมารับ

   “วันนี้พี่จะให้ผมสอนทำแกงอะไร?” ถามคนที่กำลังอินกับเพลงย้อนยุค

   “ไม่ต้องสอน วันนี้กูขี้เกียจเรียน” คำตอบที่ดูไม่ค่อยกระจ่างจิตสำหรับผมเท่าไหร่

   “พี่ไม่เรียน แล้วไปรับผมมาทำไมเนี่ย” เริ่มขยี้ผมตัวเองรัวๆ หลังจากถูกโทรปลุกก็รีบดีดตัวไปอาบน้ำ ด้วยประโยคที่ว่า แปบเดียวถึง เอาจริงรอเป็นชั่วโมงๆ “พี่จอมแม่ง”

   “ถึงกูจะไม่เรียน แต่มึงก็ต้องมา ในเมื่อไอ้โชเพื่อนรักฝากมึงไว้ให้พวกกูดูแล”

   “พี่เป็นคนอาสาเองไม่ใช่เหรอ”

   “เหมือนกันนั่นแหละ”

   “โคตรแถ”

   “กูไม่สน”

   ส่ายหน้าให้กับความไอด้อนแคร์ของพี่จอมเลยครับ รู้จักวันแรกเป็นยังไง วันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น นับถือ ผมถอนหายใจรัวๆ พลางปิดเปลือกตาลง ถามว่าหลับไหม ขอตอบเลยว่าไม่ เสียงร้องเพลงดังลั่นรถขนาดนี้ หลับลงได้ก็บ้าแล้วๆ ถ้ามันเพราะผมก็คงพอรับได้ แต่นี่พี่จอมร้องคนละคีย์ ไอ้กลอยปวดหูสุดๆ

   กว่าจะหยุดร้องก็ตอนจอดซุปเปอร์มาเก็ตสีส้ม พี่จอมลากรถเข็นฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ มือขาวๆ หยิบนั่น หยิบนี่ใส่รถเข็นจนผมต้องรีบห้าม

   “พี่น่าจะอ่านก่อน” ผมบอกพลางหยิบของในรถเข็นออกมาอ่าน

   “เสียเวลา” พี่จอมบ่น แต่ก็ยืนกอดอกรอผมอ่านฉลากบนสินค้า ผมว่า ของบางอย่างมันมีหลายแบบ หลายยี่ห้อ บางอันดีด้วย ถูกด้วย ก็น่าซื้อกว่าถ้าไม่ติดยี่ห้อนะ “กุ้งแม่น้ำว่ะ” อยู่ๆ คนยืนรอก็เดินผ่านหน้าผมไปที่ตู้แช่แข็งของทะเล “แม่ง ถูกด้วย”

   “แพง” รีบเถียงทันควันจนพี่จอมหันมามอง “แต่ก็ถูกกว่าที่ร้านอาหาร”

   “ใช่ไง ไอ้ซันพากูไปกินคราวนั้น สองตัวแม่งสองพันกว่าบาท แพงสัดหมา”

   “กุ้งมันตัวใหญ่รึเปล่าก็เลยแพง”

   “คนอย่างกู ต้องไซส์ใหญ่ๆ เท่านั้น” พี่จอมบอกเสียงเข้ม มือก็หยิบกุ้งแม่น้ำแช่แข็งหลายแพค ส่วนผมยังยืนทำหน้ากรุ้มกริ่มอยู่กับที่ “หน้าตาตอแหลนะมึงไอ้เกรียน”

   “ผมไม่ได้คิดอะไรเลย” รีบปฏิเสธเสียงสูง พี่จอมหยุดเดินแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง “จริงๆ” ไม่ได้คิดเรื่องไซส์ใหญ่ๆ หรือเรื่องใต้สะดืออะไรเลยจริงๆ นะครับ เชื่อผม

   “ไม่คิดก็ช่วยกูขน ยืนเป็นหลักกิโลไปได้”

   พยักหน้ารับ มือก็ช่วยขนสิ่งที่พี่จอมหยิบออกมา ทั้งกุ้ง ทั้งหอย มีแซลมอนด้วย ของโปรดด้วย นี่แหละนะ มากับคนรวยก็จะได้กินของดีๆ แม้อาจต้องแลกด้วยการเป็นพ่อครัวหลังจากนี้ก็ตาม


   เริ่มมองเห็นอนาคตอันใกล้ของตัวเองแล้ว


   จ่ายเงินเสร็จสรรพก็ถึงเวลากลับ ตอนนี้มีทั้งของแช่แข็ง ของสด ของสุก คงไม่ได้จะกินแค่สามคนหรอกใช่ไหม ปริมาณมันเยอะเกินไป หรือจะซื้อเก็บไว้ทำให้พี่ซันกินทีหลัง? แต่ไม่น่าจะใช่

   “พี่ซื้อไปทำไมเยอะแยะวะ” ถามไป มือก็คาดเข็มขัดไป

   “ก็วันนี้วันเกิด” ตาโตหลังจากได้ยิน

   “วันเกิดพี่เหรอ” เมื่อกี้ก็ไม่ได้ซื้อของขวัญด้วย

   “ใช่ วันเกิดอยากจะแดก” พูดจบก็หันมาฉีกยิ้มให้ เอาซะผมอยากพ่นน้ำลายใส่หน้าจริงๆ แม่ง “แล้วที่ซื้อไปเยอะ เพราะพวกไอ้แทมจะมาด้วย”

   “อ่าว พวกพี่แทมก็มาเหรอ”

   “ไอ้นี่ ก็กูเพิ่งพูดไป” รีบยกมือไหว้เลย พึมพำกับตัวเองออกเสียงหน่อยเป็นไม่ได้ “แล้วเงินที่ซื้อก็มาจากเงินไอ้โช”

   “เงินพี่โช? ยังไง”

   “ก็ก่อนไป มันโอนตังค์ให้กู บอกให้กูดูแลมึง พามึงไปกินของดีๆ บ้าง กูก็เลยซื้อแต่ของดีๆ มานี่ไง”

   “ของดีๆ สบายเงินในกระเป๋าตัวเองสินะ พี่จอมแม่ง...”

   ผมนึกค่อนขอดโมโหพี่โชอยู่ในใจที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ แต่พอคิดอีกทีก็เพราะเป็นห่วง กลัวว่าผมจะเหงา เอาจริงๆ โอนเงินมาให้ผมตรงๆ เลยดีกว่า แบบนี้โคตรเสียดุล ไม่นานรถราคาแพงฝ่าการจราจรแออัดมาจนถึงคอนโด เพราะของเยอะ พี่จอมเลยต้องช่วยยก ปกติเวลามาสอนทำอาหาร ผมจะเป็นคนยกทุกครั้ง

   “ลืมซื้อน้ำจิ้ม” พี่จอมพูดขึ้นตอนออกจากลิฟต์

   “ผมทำเป็น” รีบบอกเพราะตอนนี้นิ้วผมชาดิก ไร้ความรู้สึกใดๆ ของมันหนักมาก แล้วก็เยอะมาก “พี่เคาะห้องเร็วๆ”

   ยังไม่ทันได้เคาะ ประตูก็เปิดออกพอดี พร้อมๆ กับคนด้านในที่โผเข้ามาดึงถุงจากมือผมไป พี่ซันหน้ายุ่งมองของที่ซื้อมา แต่ก็ไม่ได้พูดหรือบ่นอะไร เพราะถึงบ่นไป พี่จอมก็ไม่ฟังอยู่ดี อันนี้ไอ้กลอยโคตรเข้าใจ

   “กินข้าวเช้ามาหรือยัง” พี่ซันถามเสียงนุ่ม ผมส่ายหน้าช้าๆ “อ่าว ไอ้จอม มึงไม่ได้ซื้ออะไรให้น้องมันรองท้องมาเหรอ” เอาแล้วครับ เสียงนุ่มเมื่อกี้เริ่มแข็งกระด้าง พี่จอมเดินหน้านิ่งเข้ามาหา

   “มันไม่บอกกูนี่ว่าหิว แล้วกูจะตรัสรู้เองไหมล่ะ”

   “ก็มึงไปรับน้องมันเช้าแบบนั้น ก็น่าจะคิดเองได้”

   “มึงด่ากูไม่มีสมองเหรอ”

   “ผมกินนมกล่องรองท้องมาแล้วครับ” รีบห้ามก่อนจะเกิดศึกสงครามกลางห้อง พี่จอมมองผมตาขวางเอาซะหดหัวแทบไม่ทัน “ผมยังไม่หิวครับ” รีบหันมาบอกพี่ซันที่ยังยืนนิ่งมองหน้าแฟนตัวเอง “ทำกับข้าวดีกว่าเนอะ พี่จอม” สถานการณ์มึนตึงสุด เริ่มรู้สึกผิดจริงๆ

   ผมดึงพี่จอมเข้าไปที่หน้าซิงค์ล้างจาน แม้อีกคนฮึดฮัดไม่เต็มใจ แต่ก็ตามมา ส่วนพี่ซันจากที่ปรายหางตามอง ตอนนี้กำลังเอาของที่ซื้อออกมาวางกองบนโต๊ะอย่างเงียบๆ โคตรรู้สึกไม่ดีสุดที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน จนกระทั่งกลุ่มพี่แทมมา ห้องถึงกลับมาคึกคักอีกรอบ

   “กูซื้อไก่ย่างแปดดาวมาฝากด้วย” พี่ตินชูถุงไก่ย่างหอมฉุยให้ดู “น้ำจิ้มเด็ดมาก”

   “แม่ค้าก็เด็ด”

   “เด็ดยังไงเหรอพี่” เห็นสายตาวับวาวเลยรีบถาม

   “ตรงนี้ไง” พี่แทมวาดรูปทรงองเอวเอสให้ดู แต่ที่ดูจะชอบคงเป็นช่วงบนที่นึกว่าเต้นไท้เก็กท่าแตงโมผลใหญ่ “เด็ดสัด”

   “ต่ำตมไม่หยุด” พี่เบส่ายหน้าอย่างระอาให้กับเพื่อนตัวเอง

   “ทำมาปากดีไอ้เบ เมื่อกี้หมาตัวไหนบ่นอยากไปซื้อเพิ่ม” พี่ตินย้อนแทน เอาไอ้ทูชะงักมือที่กำลังล้วงขนม ส่วนพี่เบตาลีตาเหลือกยิ้มประจบเพื่อนผมอย่างไว “ไอ้อ่อนกลัวเมีย”

   “เชี่ยเอ้ย พอมาอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้ อดนึกถึงไอ้โชไม่ได้ สะกิดกูทำแมวอะไรไอ้ติน” พี่แทมตีหน้ายุ่งใส่เพื่อน แต่ก็โดนถลึงตาใส่ “เจ็บตาเหรอสัด”

   “เจ็บตาพ่อมึงสิ นู้น” ผมยิ้มแห้งๆ ส่งให้ทุกคนที่มองตามนิ้วของพี่ติน แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจความหมาย

   “ไอ้กลอยทำไม หรือมันเจ็บตา” ว่าแล้วผมก็ต้องรีบโยกหัวหลบเมื่อพี่แทมยื่นมือมาจะจับหัวแหกตา จนสุดท้ายพี่จอมคงทนไม่ไหว มอบฝ่ามือใหญ่ๆ ฟาดป๊าบเข้าให้ “มือหรือตีนวะ หนักฉิบหาย”

   “มือกู หรืออยากได้ตีนก็ไม่มีปัญหา” พี่จอมแม่งคนจริงยกขาลอยขึ้นมาพร้อมถีบ ยังดีที่พี่เบรับไว้ก่อนถึงตัวพี่แทม ที่จริงน่าจะกลัวถูกลูกหลงมากกว่า

   “กลอยมันไม่ได้เจ็บตาหรอก แต่มึงไม่น่าจะพูดถึงไอ้โช เดี๋ยวน้องมันเศร้า ไอ้โง่” เหมือนประโยคพี่ซันจะฟังดูดีสุด แต่มาสะดุดตรงท้ายประโยคนี่แหละ

   “เอ้า กูก็ลืม โทษทีนะไอ้น้อง” ผมยิ้มรับให้พี่แทม แม้จะอยากปัดมือหนักๆ ที่ตบบ่าออกก็ตาม

   หลังจากคุยกันจบก็ถึงเวลาทำอาหาร ไม่งั้นมื้อเที่ยงอาจได้รวมมื้อเย็นได้ ซึ่งกับข้าวที่ทำก็ง่ายๆ เพราะมีไก่ย่างอยู่แล้ว ผมเลยทำข้าวผัดแซลมอนเพิ่ม ตอนแรกว่าจะทำข้าวผัดหมู แต่พี่จอมดันอยากกินอะไรที่มันแปลกใหม่ เลยจัดให้ไปตามคำขอ แม้เงินที่ซื้อของทุกอย่างจะมาจากพี่โชก็ตาม

   มีเคลียร์แน่นอนวันนี้

   ระหว่างผมผัดข้าว คนอื่นๆ ก็นอนดูหนังเอเลี่ยนอะไรสักอย่างที่มันน่าเกลียด น่ากลัว อ้าปากทีมีตัวเล็กยื่นออกมาด้วย แต่ที่น่ากลัวคือตอนมันฝังตัวอ่อนในร่างกายของมนุษย์ พอถึงเวลาพุงก็จะระเบิดออกพร้อมกับมีตัวอ่อนของเอเลี่ยนวิ่งยั้วเยี้ยไปหมด ที่จำได้แม่นเพราะพี่โชเคยเปิดดูก่อนนอน ขนาดผมดูบ้างปิดตาบ้างยังเก็บไปฝัน ก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกตบแก้มจนชาดิก ลืมตาตื่นมาเห็นพี่โชไอหอบอย่างหนัก เพราะผมละเมอบีบคอพี่โชที่คิดว่าเป็นตัวเอเลี่ยน มันหลอนจริงๆ นะครับ ไอ้กลอยคอนเฟิร์ม

   “แล้วพวกกุ้งจะทำตอนไหน” พี่ซันถามขณะผมวางจานข้าวผัดให้แต่ละคน

   “ต้องถามพี่จอม เพราะกลอยก็ไม่รู้” โบ๊ยไปหาอีกคน อยากให้คุยกันมากกว่า เพราะยังมึนตึงใส่กันอยู่ “พี่จอม พี่ซันถามว่าจะย่างกุ้งตอนไหน”

   “ใครจะไปย่างกุ้งวะ กูฝากซื้อของหน่อย” พี่แทมหูดีประหนึ่งใส่เครื่องช่วยฟัง

   “ย่างกุ้งที่เป็นสัตว์ ไม่ใช่ที่เป็นประเทศ ไอ้โง่” โดนพี่จอมด่าไปหนึ่งดอก พี่แทมยักไหล่ตักข้าวเข้าปากอย่างไม่แคร์อะไร “ตอนบ่ายๆ ค่อยทำ” พี่จอมปรายตามองพี่ซันก่อนจะตอบออกมา น้ำเสียงแข็งไปนิด แต่ก็ทำใจชื้นขึ้นบ้าง

   “ห้องพี่มีเตาย่างใช่ป่ะ เหมือนกลอยจะเห็นในตู้”

   “อืม ไอ้ซันซื้อ”

   เน้ มีพูดชื่อกันแล้ว

   “คงซื้อไว้ให้พี่จอมนั่นแหละเนอะ”

   “ชงเก่งสัด”

   ถูกพี่จอมฟาดหัวไปที แต่ก็ได้นิ้วโป้งจากพี่ซันเป็นรางวัล เรื่องชงไว้ใจไอ้กลอยได้ บาริสต้ายังต้องหลบให้กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้

   “ไอ้โชติดต่อมึงบ่อยไหม” พี่ตินถามขึ้นมา ผมยิ้มตอบกลับไปบางๆ “ไม่บ่อยเหรอ หรือมันจะแอบมีชู้?”

   “ชู้พ่อมึงสิไอ้ห่าติน พูดอะไรใช้สมองด้วย เดี๋ยวไอ้เกรียนก็คิดมาก น้ำตาแตกพอดี” พี่จอมปกป้องผมอีกแล้ว ประทับใจจริงๆ

   “เอ้า กูแค่สมมติ”

   “มึงไม่ได้พูดคำว่าสมมติสักคำ” คราวนี้พี่แทมรีบเสริม คงเอาคืนจากที่โดนไปแน่

   “ก็คุยกันเกือบทุกวันครับ ถ้าพี่โชตื่นเร็วหรือเรียนสาย แล้วก็ถ้าผมเลิกฝึกงานไว”

   “แย่เนอะ ที่นี่เช้า ที่นู่นค่ำ พอที่นี่ค่ำ ที่นู้นเช้า เอาใจเวลายากฉิบหาย” ความเห็นแบบแปลกๆ ของพี่เบแต่ก็ทำให้ทุกคนเห็นด้วย “แล้วนี่มึงกับไอ้ทูฝึกงานเสร็จวันไหน”

   “อีกไม่นานก็ฝึกเสร็จแล้ว เร็วเหมือนกัน เหมือนเพิ่งเริ่มฝึกไปเอง” ผมว่า แต่ไอ้ทูรีบแทรกขึ้นมาแทบจะทันที

   “แต่ของผมเป็นช่วงเวลาที่โคตรจะนาน อยากฝึกจบเร็วๆ”

   “ทำไมวะ”

   “ก็ชอบมีมนุษย์ป้าวุ่นวาย จับผิดตลอด น่าเบื่อ”

   “กูเห็นใจมึงไอ้ทู” ตบบ่าเพื่อนสนิทไป แต่พี่เบกลับขำออกมา “พี่หัวเราะเยาะเพื่อนผมเหรอ” ชงเก่งไม่พอ เสี้ยมก็เก่งนะผมน่ะ

   “กูให้มาช่วยก็ไม่ยอม สม” พี่เบพูดเยาะจนไอ้ทูหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลอง

   “ฝึกจบแล้วไงต่อวะ” พี่แทมถามผม ในขณะที่คู่พี่เบงอนง้อกันอยู่

   “ต้องส่งเปเปอร์ที่ฝึกงานกับวิทยานิพนธ์ตอนเทอมแรก” บอกอย่างเซ็งๆ อยากฝึกแล้วจบเลย มีแบบนี้ที่ไหนบ้าง

   “มีอะไรให้ช่วยก็บอก” ตาโตหลังจากพี่แทมว่า “ยกเว้นเรื่องวิทยานิพนธ์อะไรนั่น แค่ของกูยังแทบกระอักเลือด”

   “ไอ้เราก็นึกดีใจ ปั๊ดโธ่”

   “มึงก็โง่เชื่อไอ้แทมมัน” ถูกพี่จอมด่าไม่พอ ยังถูกขำใส่หน้าอีก

   เออ ผมมันคนใจง่าย หลงเชื่อคนง่าย เกิดมาเป็นคนดีก็แบบนี้ ชอบโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว

   ข้าวเที่ยงผ่านพ้นไปก็อยู่ในช่วงว่าง พี่ตินคว้ากีต้าร์โปร่งมาดีดให้พี่แทมร้อง ก็หัวเราะแก้ง่วงกันไปได้ ส่วนผมก็ง่วนอยู่กับการเตรียมกุ้ง เตรียมหอย ยังดีที่มีลูกมืออย่างพี่จอม มีไอ้ทูมาอีกคน สบายหน่อย

   “เวลาย่างแล้ว จะมีมันกุ้งเหมือนที่ร้านไหมวะ” ไอ้ทูถามอย่างสนใจเมื่อผมผ่ากุ้งแม่น้ำ

   “ก็คงเหมือนมั้ง แต่ของเขากุ้งเป็น นี่กุ้งแช่แข็ง ถ้ามีคงไม่เยิ้มว่ะ” ตอบไป มือก็ทำไปไม่หยุด พี่จอมก็แกะหอย ล้างหอย เมื่อก่อนโคตรเงอะงะ ตอนนี้เริ่มคล่องทำอะไรก็ไวขึ้น ความรักมันทำให้เราอยากพัฒนาตัวเอง รวมทั้งเพิ่มความพยายามของเราได้จริงๆ นะครับ พี่จอมเป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว

   “แต่ซื้อเยอะโคตร แพงไหมวะ” ไอ้คนขี้สงสัยหยิบกุ้งที่ยังไม่ได้แกะออกจากแพคมาดูพลางทำตาโตเป็นลูกปิงปอง “เชี่ย อย่างแพง พี่จอมลงทุนซื้อขนาดนี้เลยเหรอพี่”

   “แน่นอน” เจ้าของชื่อขานรับอย่างยืด แต่ผมก็รีบขัด

   “ตังค์พี่โชต่างหาก”

   “ไอ้นี่”

   ก่อนผมจะถูกทำร้ายร่างกาย เสียงเพลงถูกคีย์แถมนุ่มก็ดังคลอเคล้าเสียงกีต้าร์โปร่ง คนร้องได้เปลี่ยนมือแล้ว จากพี่แทมเป็นพี่ซัน แบบนี้ค่อยลื่นหูน่าฟังหน่อย เมื่อกี้แทบอยากเอาเก้าอี้ไปให้พี่แทมขึ้นปีนตามหาคีย์ เลือกเพลงที่มีแต่เสียงสูงด้วย ไม่สงสารลำคอตัวเอง กับหูคนในห้องเลย

   “ขอเพลงซ่อนกลิ่นได้ป่ะครับ” รีบตะโกนไปบอก พี่ตินยกมือเป็นสัญลักษณ์โอเค ไม่นานเพลงโปรดของพี่โชก็ดังขึ้นพร้อมเสียงนุ่มๆ ของพี่ซัน

   แต่จริงๆ ผมชอบฟังพี่โชร้องมากกว่า

   ได้ฟังเพลงที่ขอ ก็มีกำลังใจในการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด ปั่นพริก กระเทียม รากผักชีให้แหลกพอประมาณ ก่อนตักออกมาใส่ถ้วย เติมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ปรับรสชาติจนถูกใจทุกคน อร่อยไม่อร่อยพี่ตินถึงขั้นขอแบ่งกลับบ้านคิดดู พอน้ำจิ้มเสร็จก็ได้เวลาย่างกุ้ง เตาไฟฟ้าทำให้ทุกอย่างสะดวกสบายขึ้นมาก ยิ่งมีคนยืนย่างให้ยิ่งสบายไปใหญ่

   “ดูยังไงว่ามันสุกวะ” พี่จอมออกปากอาสาย่างกุ้งให้ คงอยากย่างให้พี่ซันกินวันหลังแน่ๆ

   “เนื้อมันจะเด้งๆ ขึ้นมา” ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่คนย่างก็พยักหน้าเออออเพราะสายตาจ้องกุ้งบนเตาอย่างใจจดใจจ่อ “หอยเชลล์พี่จะทำยังไง ย่างเฉยๆ เหรอ”

   “ไอ้ซันอยากกินอบชีสอะ”

   “แหม”

   “แหมพ่อมึงสิ” พี่จอมรีบถลึงตาใส่ผมกับไอ้ทูหลังจากหลุดฟอร์มออกมา “รีบๆ ทำเลยมึง ไอ้เชี่ยทู มึงมาช่วยกูเลย”

   “เขินก็บอกว่าเขินสิพี่” ไอ้ทูว่าขำๆ

   “ไม่ได้เขิน”

   ไม่เขินก็ไม่เขิน แค่หูแดงเท่านั้นเอง 

   หยอกเย้าไปพอประมาณก่อนกลับมาทำหอยเชลล์อบชีส หอยทำแล้ว เหลือหน้าที่จะโปะ เริ่มจากสับกระเทียมจนละเอียดแล้วเอามาผสมกับเนย พริกไทยดำ ออริกาโน่สักหน่อย คนจนส่วนผสมเข้ากันก็วางบนตัวหอยที่อยู่ในฝา

   “แล้วชีสล่ะ” พี่จอมถาม

   “เดี๋ยวตอนเราย่างค่อยโรยหน้ามัน”

   “มึงจดสูตรให้กูด้วย กูไม่ได้มอง”

   “ผมรู้หน่า ว่าพี่อยากจะทำให้พี่ซันกินเองในวันข้างหน้า เดี๋ยวจดให้” พูดไปพร้อมโยกหัวหลบเศษหางกุ้งที่ไหม้เกรียม “เดี๋ยวก็ไม่จดให้ซะหรอก”

   “เดี๋ยวกูจะฟ้องไอ้โชว่ามึงคุยกับคนอื่น”

   “พี่จอมเอาที่ไหนมาพูด มั่ว”

   “กูเห็นว่ามึงไปแดกไอศกรีมกัน”

   “ไอติมเหรอพี่” พี่ทูยื่นหน้าเข้ามาเสือกเต็มที่

   “ไอศกรีมที่ร้าน ไม่ใช่ไอติมใต้สะดือ ไอ้ต่ำตม” ผมรีบแก้ไขความคิดเพื่อน เผลอหน่อยเป็นไม่ได้ “แล้วพี่จอมก็มั่ว ผมไม่ได้ไปสองคนซะหน่อย มีคนอื่นด้วย”

   “มึงมีชู้อีกแล้วเหรอ!”
 
   “ใครมีชู้? ไอ้กลอยมีชู้เหรอ”

   “ใครชู้ ไหน คนไหน”

   ผมแทบอยากเอาเท้าอุดปากเพื่อนสนิทที่มันโวยวาย แถมตอนนี้กลุ่มที่ร้องเพลงก็ยกโขยงเข้ามาจนแน่นโซนครัวไปหมด โดยเฉพาะพี่แทมที่เอาหน้ามาซะใกล้ นิ้วก็ยกขึ้นชี้หางคิ้วตัวเองที่ยังมีแผลเป็นหลังจากถูกเย็บไป คล้ายเตือนเรื่องที่ผ่านมา

   “ผมไม่ได้มีชู้โว้ย!”

   “แล้วมึงไปแดกไอติมกับใคร บอกกูมา ก่อนกูจะโทรไปฟ้องเพื่อนกู”

   “ไปกินกับเพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกัน”

   “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

   “ผู้หญิง”

   “ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี”

   “เขามีแฟนอยู่แล้ว”

   “โกหกหรือเปล่าวะ”

   “พี่แทมก็ ผมจะโกหกไปทำไมเล่า”

   “กูจะไปรู้มึงเหรอ”

   “พอๆ จบๆ พวกมึงมูฟออกจากครัวกูด้วย กุ้งย่างจะไหม้แล้วโว๊ย” พี่จอมโวยวายใช้ที่คีบชี้หน้าทุกคน ยกเว้นพี่ซันที่มองเฉยๆ ผมรู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็เพราะความตาไวปนความขี้เสือกนั่นแหละ “กี่โมงถึงซื้อเบียร์ได้วะ”

   “ห้าโมงเย็นพี่” ไอ้ทูตอบอย่างไว รู้ดีจริงๆ เรื่องนี้

   “รู้งี้แวะซื้อก่อนเข้ามาดีกว่า เสียเวลาแม่ง”

   “มันก็ไม่ได้อยู่ดี เขาให้ซื้อสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสอง”

   “ตอนนี้บ่ายสองสามสิบ ทำไมมึงไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้ไอ้ทู”

   “ผมผิดเหรอเนี่ย”

   “เออ”

   “กูผิดตรงไหนวะ”

   ผมยื่นมือตบบ่าเพื่อนสนิทที่ตีหน้างง

   “ถ้ามึงเถียงกับพี่จอม มึงจะไม่มีวันเป็นคนถูก”

   “เอาแต่ใจสัด เชี่ย”

   ทั้งผมกับไอ้ทูหลบพริกขี้หนูที่ถูกปามาเกือบทั้งถุง เป็นพวกที่ชอบขว้างปาข้าวของจริงๆ ไม่ควรทำตามนะครับ จะเสียของเอา และพอทุกอย่างก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง ยกเว้นเสียงร้องที่ผิดคีย์จนอยากจะเอาสำลีอุดหู ผมเปลี่ยนหน้าที่ในการมาย่างกุ้ง ย่างหอยแทน เพราะพี่จอมย่างจนไหม้ไปหมด ขืนยังให้ย่างต่อ คงไม่ได้กินพอดี แล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วราวกับนิยาย พวกพี่แทมถูกใช้ไปซื้อเบียร์ที่ซุปเปอร์มาเก็ตด้วยเงินที่พี่โชโอนมาให้ มันน่าเจ็บใจอีกแล้ว
 
   “ฝึกจบแล้ว มึงอยากทำอะไร” พี่จอมถามผมในขณะที่กำลังจัดเรียงอาหารและกับแกล้ม

   “ก็เร่งทำรายงานต่อ”

   “กูหมายถึงถ้ามึงทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว”

   “ผมอยากไปนั่งโง่ๆ ตกหมึกดู”

   “ตกหมึก? ที่ทะเลเหรอ”

   “แล้วน้ำตกมีปลาหมึกไหมล่ะพี่ ถามไม่คิด ปั๊ดโธ่”

   ด้วยความปากดีเลยถูกเตะก้นไปหนึ่งรอบหนักๆ พอดีกับพวกไปซื้อของข้างนอกกลับมา ก็ถึงเวลาสนุกสนาน เสียงเพลงยังคงพึ่งกีต้าร์โปร่งอยู่ เห็นพี่ซันว่า ห้องข้างๆ เพิ่งคลอดลูกกลับมา ไม่อยากเสียงดังรบกวน ก็ว่าทำไมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้แว่วๆ เข้าหู ถ้าไม่รู้คงนึกว่ากำลังเจอดีเข้าให้

   “ไม่เมาไม่กลับ ชน”

   ชนก็ชน ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ชุ่มคอสุดๆ ตอนอยู่ห้องก็ชอบซื้อมาดื่มบ้าง แต่ดื่มคนเดียวมันรู้สึกกร่อยๆ แต่นี่มีคนเยอะทำให้ดื่มจนลืมสัญญาห้าแก้ว เอาง่ายๆ ดื่มจนลืมชื่อตัวเอง แล้วก็ลืมไปว่าพรุ่งนี้ต้องไปฝึกงาน แทบไม่ต้องเดาว่าพรุ่งนี้ผมจะมีสภาพยังไงไปที่โรงเรียนสอนศิลปะ

   “ไอ้กลอยชนๆ”

   “ชนอะไร ผมไม่ได้ชนอะไร ผมนั่งอยู่กับที่” เมาแล้วเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ปกติผมคอแข็งแท้ๆ ไม่รู้เบียร์ผสมกับอะไรโคตรเมาเลยตอนนี้ “ทำไมพี่แทมมีสองหัว แม่งไม่น่าคบสัด”

   “กูคนไม่ใช่นกเว้ย”

   “นกบ้านพี่มีสองหัวเหรอ อยากเห็น”

   “มึงด่ากู หรืออยากเห็นจริงๆ ไอ้สัดกลอย”

   “ผมด่าพี่ตรงไหน แค่สงสัย ว่านกบ้านพี่มีสองหัวเหรอ”

   “ด่าตรงนี่แหละไอ้ห่านี่”

   เสียงหัวเราะจากทุกคนยังดังอยู่ตลอดรวมทั้งผมด้วย แม้จะนั่งคอหัก คอพับแต่ก็ยังขำ แม้ภาพในความคิดตอนนี้จะเห็นหน้าพี่โชลอยไปลอยมาก็ตาม

   “คิดถึงพี่โชอะ”

   “อ่าว ร้องไห้เฉย”

   “เมื่อไหร่พี่โชจะกลับมาวะพี่”

   “ดราม่าร้องไห้ ฉิบหายแล้ว”

   “ผมไม่ได้ดราม่า ผมแค่คิดถึง มันผิดเหรอวะ คิดถึงอะ รู้จักไหม สะกดเป็นไหม”

   “ด่ากูโง่ กูยังรู้สึกดีกว่านี้ไอ้ห่า”

   “พี่แทมแม่งโง่”

   ประโยคสุดท้ายที่พูดออกไปก่อนภาพและเสียงจะถูกตัดไป นี่ผมไม่ได้คออ่อนเลยนะ แค่จิบๆ เอง ไม่มีใครที่ไหนเมาหรอก สงสัยเพราะ....เพราะอะไรดีวะ หาข้อแก้ตัวยากเลยทีนี้ แต่เอาเป็นว่า ผมไม่ได้เมา ทุกคนโปรดเข้าใจตามนี้นะครับ




***


 
   “ไอ้เชี่ยติน มึงไปเอายาดองจากไหนมาผสมเบียร์วะแม่ง”

   “ร้านข้างๆ ห้างนั่นไง โคตรเด็ด”

   “เออเด็ดจริง เอาไอ้คออ่อนน็อกไปแล้วเนี่ย”

   “ไอ้เด็กพวกนี้แม่งไม่ได้ดั่งใจ กูแค่ผสมครึ่งๆ เอง”

   “มึงนี่นะ”

   “เอาน่า นานๆ ให้เมากันที มันจะได้ลืมความเหงาคิดถึงไอ้โชไง”

   “จริง แม่งโทรจิกจนกูคิดว่า ชาติที่แล้วไอ้โชเกิดเป็นไก่ไอ้สัด สั่งกูก็เก่ง ใช้กูพาไอ้กลอยไปนั่นนี่อีก เมียกูก็ไม่ใช่”

   “เอาน่า ก็มันห่วง มันรักของมัน พวกมึงก็ช่วยๆ กันดูแลให้หน่อย”

   “ไอ้ซัน มึงนี่มันพ่อพระจริงๆ”

   “กูคนดี”

   “ดีแตกน่ะสิ”

   “เรื่องผัวเมีย นอกเวลาค่อยเคลียร์ไอ้สัด แล้วนี่จะเอายังไงกับไอ้กลอย?”

   “ให้นอนนี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยไปส่ง”

   “เกิดไอ้โชรู้ มันได้บินมากระทืบพอดี”

   “กล้าก็ลองดู กูกลัวที่ไหน”

   “มันต้องอย่างนี้ ไอ้จอมคนจริง เพื่อนกูครับเพื่อนกู”

   “แน่นอน กูคนจริงทุกเรื่อง”

   “ยกเว้นเรื่องผัว”

   “พวกมึงออกจากห้องกูไปเลยไอ้แทม พาเพื่อนมึงออกไปด้วย”

   “เพื่อนกูคนไหน? ถ้าหมายถึงไอ้คนดีพ่อพระนี่ มันผัวมึงไม่ใช่เหรอ”

   “ไอ้สัด...”

   “จะเคลียร์อะไรละก็ เบาเสียงหน่อยนะเว้ย ถึงไอ้กลอยจะเมา แต่ก็อาจได้ยิน อู้ว อ๊า”

   “ไอ้สัดแทม รีบๆ ออกจากห้องกูไปเลย มึงด้วยไอ้ซัน หัวเราะกู”

   “แต่นี่ก็ห้องกู”

   “กูจะนอนกับไอ้เกรียน”

   “ก็นอนด้วยกันนั่นแหละ”

   “ให้ไอ้เกรียนนอนที่โซฟานี่แหละ”

   “หวงผัวนี่หว่า”

   “ยังไม่ออกจากห้องกูไปอีกไอ้เพื่อนเลว”

   “เออๆ ไล่พวกกูอยู่ได้ อยากกินกันก็บอก พวกกูไม่ขวางหรอก แต่เบาๆ หน่อย ข้างห้องมีเด็ก”

   “ไอ้เหี้ย!”

   หลังจากบรรดาเพื่อนสนิทกลับไปกันหมด จอมก็แสร้งทำเป็นเก็บจานชามที่วางอยู่บนโต๊ะ แม้หางตาจะปรายมองคนรักที่เดินไปหาผ้า หาหมอนมารองคดแฟนเด็กของเพื่อนสนิทที่ฝากเอาไว้ก่อนไปเรียนต่อ

   “ยังไม่หายโกรธกูเหรอ” น้ำเสียงนุ่มกระซิบชิดใบหู พร้อมกับอ้อมแขนที่โอบรัดเอว “หายโกรธกูได้หรือยัง”

   “กูไม่ได้โกรธสักหน่อย” ปลายเสียงสะบัดแต่บอกไม่ได้โกรธ ซันขำออกมาเบาๆ ทำเอาคนในอ้อมกอดหน้างอ “กูจะล้างจาน”

   “เดี๋ยวกูช่วย จะได้เสร็จไวๆ”

   “ถ้าจะช่วยก็ไปยืนดีๆ”

   “แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหน”

   ประโยคยียวนตีรวนจนคนปากร้ายเถียงไม่ออก ตอนนี้ซันช่วยล้างจานก็จริง แต่ก็ยืนซ้อนด้านหลังของจอม ดูแล้วจะเป็นการรบกวนมากกว่าช่วยเสียอีก

   “เป็นหมาเหรอ กัดคอกูอยู่ได้” จะขยับหนีก็ไม่ได้เพราะถูกโอบรัดไว้ทั้งตัว

   “ด่าผัวเป็นหมาเหรอ” เสียงทุ้มที่ทำให้จอมต้องย่นคอหนี

   “เมาแล้วเสี้ยนเหรอมึง” ทำปากดีกลบเกลื่อนไปอย่างนั้นเอง

   “เสี้ยนโคตร จานพวกนี้พรุ่งนี้ค่อยล้าง” พูดไม่ทันจบดี ก็ดึงร่างคนในอ้อมกอดเข้าห้องนอนพร้อมกับลงกลอนกันคนเมาด้านนอกเผลอเข้ามาขัดจังหวะ “พร้อมที่จะถูกกูง้อหรือยัง”

   “พร้อม”

   “มึงนี่นะ”

   “ทำไม กูทำไม”

   “ทำให้กูรักมากกว่าเมื่อวานอีก”

   “ปากดี คืนนี้จัดมาหนักๆ กูชอบ”

   “จัดไปครับ”

   ท่ามกลางความดุเดือดของสงครามความรักภายในห้องนอน ด้านนอกมีคนเมากำลังดราม่าละเมอร้องไห้คิดถึงคนไกล มือไม้วาดไปในอากาศอย่างต้องการฝ่ามืออุ่น


       ...เมื่อไหร่ถึงจะกลับมาสักที


...TBC

สวัสดีเดือนเมษายนค่าาา ใกล้สงกรานต์แล้ว เพื่อนๆ คนไหนที่วางแผนจะเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เมาไม่ขับ ง่วงแวะปั๊มนอน ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ >w< แล้วก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย โดยเฉพาะเพื่อนๆ ทางภาคเหนือที่กำลังเจอฝุ่น pm25 อย่าลืมใส่หน้ากากป้องกัน เพราะมันอันตรายจริงๆ

แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา ...

ปล. ที่จริงจะลงเมื่อวาน แต่เป็นวันโกหก กลัวลงไปแล้วจะโดนเล่นมุกแกล้ง เลยมาลงวันนี้แทน (หัวเราะทั้งน้ำตา)
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2019 21:21:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-04-2019 21:28:07
สงสารกลอยประเกรียน.......... :hao5: :mew2: :monkeysad:
พี่โชอยู่ไกล เป็นห่วงกลอย จนโทรจิกเพื่อนๆ ให้ดูแลกลอย
กลอยเลยเป็นพ่อครัวทำอาหารอร่อยๆให้ทุกคนกิน  :mew1:

พี่จอม พี่ซัน รักกันดี ชอบบบบบ  :katai2-1:
พี่โช  กลอย    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 02-04-2019 21:30:27
คิดถึงพี่โช  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-04-2019 21:37:33
ชอบเดอะแก็ง เฮฮา รักกันดี โถๆสงสารคนคิดถึงแฟนจนร้องไห้ 55
 :katai2-1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-04-2019 21:40:02
คิดถึงพี่โช....   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-04-2019 22:55:29
รวมกลุ่มทีไรก็ฮาทุกที  :laugh:  :laugh: :laugh: 
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 02-04-2019 23:50:28
เกรียนน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2019 23:54:46
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 03-04-2019 00:01:02
มาต่ออีกเด้อสงสารน้องกรอยแต่ชอบพี่ผซนกับพี่จอม555  :katai3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-04-2019 00:12:34
โอ๋นะกลอย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-04-2019 21:39:09
โอ๋เอ๋นะหนูกลอย เดี๋ยวพี่โชก็กลับ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 18 [P.9] [UP!!] [02/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 05-04-2019 14:20:17
 :katai4: :katai4:
ไรท์รีบมาค่ะ.. อยากอ่านต่อแล้ววว..
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 06-04-2019 22:58:46

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 19





        “เมื่อคืนหนักล่ะสิ” มะยมทักผมพร้อมกับวางกาแฟร้านสะดวกซื้อไว้ตรงหน้า “กินสิ เผื่อจะดีขึ้น”

   “ขอบใจนะ” ตอนนี้ปวดหัวสุดๆ เหมือนมีคนเอาลูกตุ้มมาถ่วงเอาไว้

   “ไปฉลองอะไรกันวะ ถึงได้หนักขนาดนี้” คนถามจิ้มไส้กรอกเข้าปากพลางเคี้ยวตุ้ยๆ “ปกติกูไม่เห็นมึงเมา”

   “พูดอย่างกับเคยไปแดกเหล้าด้วยกัน” ผมขัดขึ้นพลางยกกาแฟขึ้นดื่ม “ปกติกูกินเบียร์ก็ไม่เคยเมาขนาดนี้ ไม่รู้ไปกินอะไรแสลง ถึงได้เมา” อันนี้ก็โคตรงง ผมกินเบียร์เป็นลังก็ยังไม่หนักขนาดนี้

   “กินแสลงหรือคออ่อนเอาให้แน่”

        มีหยามว่ะ

   “ฉายากู ทองแดงยังเรียกพ่อเว้ย”

   “ทองแดงเรียกพ่อ? นี่มึงมีลูกแล้วเหรอ”

   “เออ มีแล้ว สองลูก พอใจยัง”

   ต่อมุกให้จนมะยมหัวเราะงอหงาย ผมสะบัดศีรษะอยู่หลายรอบให้หายมึน แต่สะบัดแรงมากก็ไม่ได้เพราะคอเคล็ด สงสัยจะนอนดิ้นจนตกโซฟา เพราะผมจำได้ว่า ตอนเมาผมยังนอนอยู่บนโซฟาอยู่เลย ตอนเช้าลงมากองที่พื้นเฉย แถมเจ้าของห้องไม่ออกมาดูดำดูดีแขกเลย ใจดำชะมัด

   “กินไส้กรอกป่ะ?”

   “ขอบใจ อีเหี้ย”

   ที่ด่าก็เพราะมันเหลือแค่น้ำจิ้มให้ ไส้กรอกไม่มีเหลือ นับวันน้ำใจยิ่งลด ที่จริงแล้วมะยมแก่กว่าผมหนึ่งปี แต่เพราะดรอปไป เลยเรียนช้ากว่าคนอื่น ถามว่าดรอปไปไหน ไม่ใช่เรียนไม่เก่ง แต่เพราะอยากไปเที่ยวรอบโลกกับแฟน โคตรจะอินดี้ ผมนี้ยกนิ้วโป้งให้เลย

   “ถ้าฝึกจบแล้ว กูคงคิดถึงปากหมาๆ ของมึงแน่เลย”

   “ในปากมึงก็มีมะยม”

   “มันไม่เหมือนกัน ของกูร็อตไวเลอร์ แต่ของมึงมันพุดเดิ้ล”

   “เปรียบซะกูน่ารักเชียว”

   “น่ารำคาญต่างหาก หมาอะไรแม่งขี้เห่าสัด”

   “ขี้เห่านี่เหมือนขี้เอาหรือเปล่าวะ”

   “ไอ้สัด”

   ผมหัวเราะหลังจากปล่อยมุกควายๆ ไป แต่ก็ทำให้มะยมยิ้มออกมา จะว่าไปก็รู้สึกโหวงๆ เหมือนกัน นี่ขนาดเพิ่งรู้จักนะ แล้วพวกที่เรียนมาด้วยกันอย่างพวกไอ้สักล่ะ คิดแล้วก็ใจหาย...หายไปเลย หายไปในอากาศ ลอยไปกับสายลม ไปสู่ความเหงา...เชี่ย มันได้






   จากที่คิดว่าจะไม่โศก ไม่ดราม่า สุดท้ายก็เป็นอยู่ดี เมื่อการฝึกงานเดินทางมาถึงวันสุดท้าย ผมยกมือไหว้ครูในโรงเรียนทุกคน เจ้าของที่ใจดีซื้อขนมมาฝากตลอด พี่ที่หน้าเคาร์เตอร์ที่หาเรื่องดารา นักร้องมาเล่าสู่กันฟัง รวมทั้งมะยม เพื่อนผู้หญิงที่คบไปคบมานึกว่าผู้ชาย นี่ถ้ามันไม่มีแฟนเป็นผู้ชายละก็ ผมคงคิดว่าชอบผู้หญิงด้วยกันแหง แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือเด็กๆ ที่ผมอยู่ดูแลตั้งแต่แรก แม้บางคนจะจบคลาสไป แต่คนเก่าๆ หรือคนใหม่ๆ ก็รู้สึกผูกพันอยู่ดี

   “พี่ฝึกงานเสร็จแล้วจริงๆ เหรอ” เด็กอ้วนถามพลางเบ้ปากคล้ายจะร้องไห้ ผมยื่นมือไปขยี้ศีรษะอย่างเอ็นดู

   “ร้องไห้เดี๋ยวไม่หล่อนะ” ปลอบไป เด็กอ้วนก็รีบยกมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาหลังจากผมทัก “ขี้แยว่ะ”

   “ไม่ได้ขี้แย”

   “เชื่อ”

   “ขอเฟซบุ๊กของพี่หน่อย”

   “ตัวแค่นี้มีเฟซบุ๊กด้วยเหรอ”

   “แน่นอน ถึงเด็กแต่ก็ทันสมัย”

   “ทันสมัยหรือแก่แดด”

   ขำกับความน่ารักแบบกวนๆ ของเด็กอ้วนไป และไม่ลืมรับเป็นเพื่อน ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยอัพเดตอะไร เพราะเอาไว้แค่ส่องชีวิตเพื่อนๆ แต่จำนวนเพื่อนผมก็เยอะนะ รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ก็เอาตามคนที่แอดเพื่อนมาสบายใจ

   “ถ้ามึงว่าง ไปช่วยกูตัดโมที่มหาลัยด้วยนะ” มะยมเข้ามากอดผมส่งท้าย “ถ้ามึงไป เดี๋ยวกูแนะนำผู้ชายหล่อๆ รวยๆ ให้”

   “ขอบใจ แต่ไม่ต้องหาเรื่องให้กู” ตบหลังเพื่อนต่างมหาลัยไป มะยมรู้ครับว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ตอนผมบอกพร้อมเอารูปพี่โชให้ดู เธอโวยวายเป็นบ้าเป็นหลังบอกเสียดาย ก็นะ คนมันหน้าตาดี ก็ต้องได้แบบดีๆ (เรื่องอวยตัวเองขอให้บอก) “ไว้เดี๋ยวนัดแดกเหล้ากัน”

   “กูต้องคิดถึงมึงแน่ๆ เลย”

   “อย่าดราม่าเว้ย เดี๋ยวกูร้องไห้ไปด้วย” ตอนนี้มะยมร้องแล้วครับ น้ำตาไหลพรากเลย

   “เพื่อนที่มหาลัยกูยังไม่สนิทเท่านี้อีกลอย”

   “ก็กูมันนิสัยดีเหมือนหน้าตา”

   “เออ”

   “พวกน้องอย่าลืมแวะมาหาพี่ๆ บ้างนะ”

   “ขอบคุณที่ดูแลพวกผมครับ”

   ค่ำคืนสุดท้ายที่จะได้ฝึกงานมันช่างแตกต่างจากวันแรกที่เข้ามา ความผูกพันกับทุกอย่างมันค่อยๆ เพิ่มเติม แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่น ความจริงใจจากทุกคน แม้แต่เด็กหรือพี่ๆ ลุงๆ ป้าๆ ที่มาเรียน ล้วนแล้วแต่ทำให้ที่นี่อบอุ่นเป็นกันเอง ว่าจะไม่ดราม่าแล้วนะ แต่น้ำตามะยมทำเอาผมน้ำตาคลอ

   เปล่าขี้แยนะ แค่ฝุ่นมันเข้าตาเฉยๆ





***


   พอผ่านช่วงฝึกงานมาได้ ก็ถึงเวลาปั่นงานเฮือกสุดท้าย ไอ้สักกลับมาจากต่างจังหวัดหนวดครึ้มเชียว แต่ก็เท่ตามความติสของมัน และที่สำคัญ มันยังช่วยผมปั่นงานด้วย โคตรหล่อ แถมยังโคตรใจดี นี่ผมเรียนจบได้ ต้องยกเป็นความดีความชอบให้แก่คุณเขาเลยนะครับ ต้องพาไปเลี้ยงเหล้าเป็นการตอบแทนซะแล้ว

   แต่เลี้ยงเหล้า เท่ากับแช่งหรือเปล่าวะ งั้นพาไปเลี้ยงข้าวก็พอ

   “ไอ้เหี้ย ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะจบกันแล้วสัด” ไอ้เคแหกปากอยู่ใต้ตึก หลังจากกำหนดการส่งงานชิ้นสุดท้ายจบลง

   “ก็จริง แม้พวกที่เหลือรอด จะน้อยกว่าตอนเข้ามาก็เถอะ” ไอ้ต๋องรีบเสริม แถมยังตีเนียนล้วงขนมในถุงของไอ้ทูอีก “แล้วนี่ พวกเราต้องทำยังไงต่อวะ”

   “ก็ไปทำเรื่องจบที่สโมไง ตื่นเต้นว่ะ กูเรียนจบสี่ปีได้ แม่กูต้องภูมิใจ”

   “แม่มึงคงภูมิใจจริงๆ แหละ ที่ส่งควายเรียนจบได้” แล้วผมก็ได้ฝ่ามือเน้นๆ ของไอ้เคเข้าเต็มหัว “แล้วคืนนี้ไปฉลองที่ไหนดีวะ”

   “เรียนจบก็คิดแต่เรื่องแดกเหล้านะมึงไอ้กลอย ผัวไม่อยู่นี่ทำซ่าส์ตลอด”

   “ไอ้เหี้ย” สาดสัตว์โลกผู้น่ารักให้เพื่อนเรียงตัว โทษฐานที่หัวเราะเยาะความป๊อด เอ๊ย ความเกรงใจของผมที่มีต่อพี่โช มันก็ถูกแล้วไง เราต้องมีความเกรงใจให้กับคนที่เรารัก นี่ผมไม่ได้แถนะ พูดความจริงล้วนๆ

   “งั้นคืนนี้ไนท์คลับแถวXXX นะเว้ย” ไอ้สักนัดแนะ พลางโชว์บัตรวีไอพีสีดำเคลือบทอง

   “เชี่ย มึงได้เป็นสมาชิกวีไอพีเลยเหรอวะ” ไอ้เคทำตาโตไม่ต่างจากผมหรือไอ้ทู ไอ้ต๋องเลย “มึงทำไงให้ได้วะ”

   “พี่ที่กูรู้จักตอนไปฝึกงาน เขาสนิทกับเจ้าของ เลยเอาบัตรมาให้” ได้ทีอวดใหญ่ แถมยืดอีกต่างหาก

   “เขาสงสารที่มึงได้บัตรสมาชิกปลายแถวหรือเปล่าวะ”

   “อิจฉากูละสิไอ้กลอย ถึงพูดแบบนี้”

   ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าในใจ แม้จะอิจฉาอย่างที่มันพูดก็เถอะ แต่ก็มีบางเรื่องที่พี่ป๋อ ณัฐวุฒิมาก ไม่ฮาเหรอ เอาใหม่ คัทๆ คือผมหมายถึง มีบางเรื่องที่สะกิดใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็มองข้ามมันไป ไม่อยากให้เพื่อนที่กำลังคึกคักอยู่รู้สึกไม่ดีไปด้วย อย่างน้อยคืนนี้ ผมจะได้เมา ต้องร่าเริงสิ จะเมาโว้ย

   แต่ก่อนจะเมาคืนนี้ ผมก็กลับบ้านไปหาแม่ ซื้อของไปให้ พร้อมกับไหว้ขอบคุณแม่ที่ส่งเสียเลี้ยงดูผมอย่างดี แม้ผมจะเกเร แต่แม่ก็ไม่เคยไล่ผมออกจากบ้าน ถามว่าแม่เคยตี เคยด่าไหม ตอบเลยว่าบ่อยมาก แต่แม่จะมีเหตุผลทุกครั้งว่าทำไมถึงต้องตี ต้องด่า หลายครั้งที่พี่กิ่งขอให้ทำโทษตัวเองด้วย สาเหตุเพราะเป็นพี่ไม่ดูแลน้องให้ดี ผมโคตรซึ้งใจ อาจจะเห็นว่าเราเถียงกัน ทะเลาะกันบ่อย ที่จริง ผมโคตรรักพี่สาวผมเลย

   “แล้วคืนนี้จะนอนกับแม่ไหม” แม่ถามขณะที่ถูกผมนวดไหล่คลายเส้นให้ นี่ขนาดพี่โชหาคนมาช่วยทำงานให้แล้วนะ แม่ผมยังแอบทำงานอยู่เลย คงเพราะเคยชิน ไม่ทำก็เหงา “ว่าไง”

   “คือกลอย...”

   “เริ่มต้นมาแบบนี้ จะไปกินเหล้าใช่ไหม”

   “แม่รู้ทันตลอดเลย”

   รีบยิ้มประจบพลางโอบร่างอวบอัดของแม่ด้วยความรัก ผมชอบอ้อนแม่นะ ไม่อายลูกค้าที่มานั่งกินข้าวในร้านด้วย แอบเห็นบางคนยิ้มบางคนหัวเราะ แต่ผมก็จะทำ รักแม่นี่นา

   “ถ้ารู้ไม่ทัน ก็ไม่ใช่แม่ของกลอยสิ จริงไหม” ถูกแม่ดึงหูจนยาน...ว่าไปนั่น ดึงเบาๆ แหละครับ แต่ผมทำเป็นเจ็บร้องลั่นไปงั้น “เพลาๆ บ้างนะ กินเหล้าเนี่ย พี่เขาไม่อยู่ กินบ่อยล่ะสิ”

   “แม่ใส่ร้าย” ทำตาเลิ่กลั่กสุด ทำไมมีแต่คนรู้ทันผมอยู่เรื่อยเลย แค่แอบกินวันละกระป๋องเอง

   “พูดจริงทำเป็นรับไม่ได้นะเรา” แล้วก็โดนแม่หยิกแขนไปอีกที “ไปกินก็อย่ากลับดึก แล้วก็อย่าเมามาก เดี๋ยวถูกตำรวจจับ”
 
   “กลอยนั่งรถไป ตัดปัญหาเมาแล้วขับแน่นอน”

   “ฉลาดนี่นา”

   “แม่ด่ากลอยว่าโง่ยังดีกว่าอีก”

   “แม่ชมว่าฉลาดไม่ชอบเหรอ”

   “กลอยรู้ว่าแม่ประชด”

   “อ่าวเหรอ นี่แม่ประชดเราเหรอ พึ่งรู้นะเนี่ย”

   “แม่อะ”

   หากใครสงสัยว่าผมได้ความกวนและยียวนนี้มาจากไหน ตอนนี้คงรู้แล้วใช่ไหม ว่าผมเหมือนใคร แม่ต้องถ่ายทอดความกวนผ่านพันธุกรรมมาแน่ๆ คล้ายๆ กับสไปเดอร์แมนหรือเปล่าวะ หรือผมจะมีใย ปิ้วๆ

   “แม่อย่าลืมกินวิตามินที่กลอยเอามาให้นะ พี่ชีสซื้อมาจากเมืองนอก ให้เอามาฝาก” ที่จริงผมก็จะซื้อให้เหมือนกัน แต่พี่ชีสตัดหน้าซื้อก่อนซะได้ “บำรุงเยอะๆ แล้วก็หยุดทำงานหนักด้วย คนงานก็มี”

   “แม่ทำเองง่ายกว่า สั่งไปเดี๋ยวไม่ถูกใจอีก”

   “อำนาจมีก็หัดใช้บ้าง ชี้ๆ ก็พอ”

   “คนมีอำนาจ ไม่จำเป็นต้องเผด็จการ คนเราจะเป็นเจ้าคน นายคนที่ดี ต้องมีเหตุผล รู้จักช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และต้องมีน้ำใจให้เขาก่อน”

   “มันเกี่ยวกันตรงไหนแม่”

   “ถ้าเราเป็นผู้นำที่ดี เขาก็จะตั้งใจทำงานให้เราอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เอะอะก็ใช้ เอะอะก็ด่า พอไม่ถูกใจก็ไล่ออก มันไม่ดี เอาใจเขา มาใส่ใจเรา ขนาดเราไม่ชอบ แล้วเขาจะชอบหรือ”

   “ปีหน้าแม่จะลงเลือกตั้งใช่ไหม เดี๋ยวกลอยช่วยกาบัตรให้” แล้วก็ถูกแม่หยิกเข้าที่แขนอีกรอบ โทษฐานกวนเกินเหตุ “แล้วพี่กิ่งจะกลับกี่โมง”

   “ถามหาทำไม คิดถึงเหรอ” ถามยังไม่จบ เจ้าของชื่อก็เดินเข้ามาพลางยกขาเตะข้อพับน่องผมอีก ทั้งที่ตัวเองสวมกระโปรงแท้ๆ “ไม่เห็นหัวเลยนะ”

   “คนนะไม่ใช่กระสือ ที่จะมาแค่ตัว” เล่นมุกไป แต่ทุกคนกลับเงียบ...ปล่อยไปครับ มุกแป้กๆ แบบนี้อย่าไปสน “พี่ผิงซื้อขนมมาเหรอ น่ากิน” เข้าหาแฟนพี่กิ่งดีกว่า ใจดีกว่าตั้งเยอะ

   “ไม่ต้องมาเนียน นี่ของแม่เว้ย อยากกินไปซื้อเอง” ถึงพี่กิ่งจะโวยวายแบบนั้น พี่ผิงก็ยื่นให้ผมอยู่ดี คนห้ามได้แต่มองค้อนเพราะไม่กล้าด่า


   คนไม่จริงนี่หว่า


   ผมออกจากบ้านแม่ กลับมาที่คอนโดเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ใกล้ถึงเวลานัดพวกเพื่อนแล้ว วันนี้จะขอเมาหัวราน้ำสักหน่อย รถก็ไม่ได้ขับเอง ดังนั้น ไม่ห่วงการกลับบ้านสักเท่าไหร่ ห่วงแค่จะมีพี่แท็กซี่คันไหนรับผมกลับมาแค่นั้น พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ลงไปโบกรถ โชคดีเจอคันที่ใช่ตั้งแต่คันแรก เลยไปถึงตามเวลานัดเป๊ะ ตรงเวลากว่านาฬิกาก็ไอ้กลอยประเกรียนนี่แหละครับ (ปาดผมแบบเท่ๆ)

   “โห เชี่ยกลอย ดูไม่รู้เลยว่าอยากแดกเหล้า มาก่อนใครเพื่อนสัด” ไอ้ทูเดินลงจากรถมาเท่ๆ แต่ไม่ได้ครึ่งของผมหรอก แค่รองเท้าผมก็กินขาดแล้วป่ะ...ขาดเป็นรูกว้างเลย น้ำตาจะไหล ไอ้ไม้ลูกชิ้นทำพิษมาก เดินผ่านดันเสียบเข้ารองเท้าเฉย ขาดเลย

   “แล้วนี่พี่เบมึงไม่ลงมากินด้วยกันเหรอ” ใช่ครับ ไอ้ทูมีสารถีมาส่งถึงที่

   “เห็นว่ามีธุระ”

   “มีธุระหรือมีกิ๊กเอาดีๆ”

   “มึงนั่นแหละ จะเอาตีนหรือมือกูไอ้สัด” ไม่ว่าเปล่า มันยังง้างมือเตรียมตบหัวผมด้วย “แล้วพวกไอ้สักยังไม่มาเหรอ”

   “นั่นไง แม่งตายยากสัดๆ”


   พูดถึงพวกเพื่อนผมก็ยกแก็งมากันสามคน สงสัยหารค่าแท็กซี่แหงๆ จากการเดินทางมาที่นี่วันนี้ของทุกคน เป็นเครื่องบ่งบอกถึงระดับการดื่มได้เป็นอย่างดี ว่าคืนนี้เมาเหมือนหมากันทุกคนแน่ เลยไม่มีใครขับรถมา เมาอย่างคนดี คืออย่าไปเป็นภาระให้แก่คนอื่นครับ หากเราไม่ตาย คนอื่นบนท้องถนนอาจจะตายได

   ดังนั้น เมาห้ามขับดีที่สุด

   พอรวมตัวกันครบก็ถึงเวลาเคลื่อนพล ไอ้สักชูบัตรวีไอพีให้กับการ์ดหน้าร้าน ก่อนจะเดินนำอย่างเท่ๆ เข้าไปโซนวีไอพีชั้นล่าง ถึงแม้จะเป็นสมาชิกระดับวีไอพี ค่ามิกเซอร์ก็ไม่มีลดนะครับ จะว่าไปแพงกว่าครั้งแรกที่มาอีก

   “แพงว่ะ” ไอ้ทูออกปากคนแรก ซึ่งทุกคนดูจะเห็นด้วย

   “คราวนั้นถูกกว่านี้ตั้งห้าสิบบาท” ไอ้เคเสริม

   “หรือเพราะเป็นวีไอพีวะ” ผมออกความเห็น

   “ถ้าใช่นี่คือข้อเสียสัดๆ” ไอ้ต๋องอยากพูดบ้าง ซึ่งก็ตรงใจทุกคน ยกเว้น..

   “มึงก็ให้เขาหน่อย ที่ดีๆ แบบนี้ดีกว่าไปแย่งโต๊ะ แย่งเก้าอี้คนอื่นนะเว้ย” ไอ้สักทำหน้าที่เป็นฝ่ายคัดค้านจากเสียงส่วนใหญ่
 
   นี่ผมจะวกเข้าการเมืองทำไมเนี่ย


   ถึงจะบ่นนั่นแพง นี่แพง แต่ก็สั่งมาอยู่ดี ผมยกดื่มเป็นแก้วที่สามหลังจากโดนเพียวๆ ไปแก้วแรก ก่อนจะลดระดับลงมา เสียงเพลงกระหึ่มจนต้องลุกขึ้นเต้น เสียงเบสคล้ายกับเป็นเครื่องกระตุ้นหัวใจบังคับให้เต้นเป็นจังหวะตาม โดยเฉพาะแนว EDM ยิ่งเสียงดนตรีเร้า ยิ่งเต้น ไม่สนเหงื่อที่ไหลอาบทั่วตัว
 
   “สาวๆ กลุ่มนั้นโคตรแจ่ม” เสียงไอ้สักทะลุดนตรีมาเข้าหู ผมเหล่มองนิดๆ แต่ก็เท่านั้น มีสเปคผมนะ แต่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว “ไอ้กลอย ไม่สนเหรอวะ คนตัวเล็กๆ ขาวๆ นั่นมึงชอบนี่”

   “อย่าหาความตายมาให้กู” แทบพ่นเหล้าใส่หน้าไอ้สัก พวกมันก็พากันหัวเราะ

   หมดเรื่องคุยก็ดื่ม ก็เต้นต่อ นานแล้วที่ไม่ได้ใส่แบบสุดๆ จำได้ปีหนึ่งเทอมสองหลังจากสอบ พวกผมก็ไปเมาที่ร้านยาดองจนต้องขอนอนที่พื้นในร้าน ส่วนร้านนี้ เคยมาตอนปีสองแล้วก็เจอกับ...คนที่คุณรู้ว่าใครครั้งแรก ถึงบอกว่ามันมีเรื่องที่พี่ป๋อสุดๆ


   ยัง ยัง ยังไม่หยุดเล่นมุกพี่ป๋ออีก!!


   “ไอ้กลอย มือถือมึงสั่นหรือเปล่าวะ” ไอ้ทูสะกิด ผมหันไปมองพลางจับกระเป๋ากางเกงตัวเองซึ่งมันก็สั่นจริง

   “มึงรู้ได้ไงวะ”

   “ก็เสียงแว่วๆ เข้าหู”

   มองหน้าไอ้ทูอย่างไม่ค่อยเชื่อ ก็เสียงเพลงดังขนาดนี้ ขนาดเสียงคุยกันยังไม่ค่อยได้ยิน ถ้าไม่แหกปากตะโกนดังๆ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ชื่อของแม่โชว์หลาขึ้นมา ผมเลยขอแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ แน่นอนว่าต้องหาที่สงบๆ ให้พ้นเสียงดนตรี เลยเดินออกไปด้านหลังที่มีไว้สำหรับสูบบุหรี่

   ผมเดินห่างจากประตูด้านหลังเพราะเสียงยังเล็ดลอดเข้ามา พอรับปุ๊บ แม่ก็บอกว่าลืมเอาของให้ ถ้าพรุ่งนี้ผมว่างก็ให้เข้าไปเอา

   “เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่ายๆ กลอยเข้าไปเอาครับ”

   (เมาแล้วสินะ พูดเสียงอ่อน เสียงหวานกับแม่น่ะ)

   “แม่รู้ทันกลอยอยู่เรื่อยเลย”

   (อย่าเมาให้มากล่ะ เดี๋ยวกลับคอนโดไม่ถูก เกิดเจอคนไม่ดีปล้นอีก)

   “แม่อย่าพูดเป็นลางสิ กลอยจะพยายามไม่เมาครับ”

   (เชื่อได้ไหมเนี่ย)

   “เชื่อได้สิ นี่ใคร นี่กลอยประเกรียนลูกแม่นะ”

   (เพราะแบบนี้แหละ ถึงเชื่อไม่ได้)

   “แม่อะ...”

   พูดไม่ทันจบดี ก็ได้ยินเสียงประตูถูกกระแทก ผมกดตัดสายแม่ ก่อนสัญชาตญาณการเอาตัวรอดจะทำให้ผมกระโดดหลบหลังกองขยะ ฮื่อฮือ กลิ่นส้มตำแบบเปรี้ยวสุดๆ หลบได้แล้วก็ต้องเงี่ยหูฟัง เหมือนตอนนี้จะมีคนทะเลาะกันหน้าประตูครับ สงสัยมีเรื่องจากด้านในมาแหง คงอยากพามากระทืบที่ไม่มีคน แล้วต่อมความขี้เสือกก็เริ่มทำงาน ผมทำท่าจะยืดคอขึ้นไปแอบดู แต่ดันมีสายโทรเข้า ทำเอามือสั่นจนโทรศัพท์เกือบร่วง


   ไอ้เชี่ยทูโทรมาได้เวลาสุดๆ 


   ผมรีบกดตัดสายทันทีเพราะกลัวถูกลูกหลง ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เกือบไปแล้วไหมล่ะ พอจะเงยหน้าขึ้นไปเผือก สายโทรเข้าก็ดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้ตาลีตาเหลือกกดปิด พร้อมๆ กับมีเสียงพูดดังขึ้น...



   “ทำไมมึงไม่รับ”



...TBC

จะว่าไป ใกล้ถึงวันที่เราจะลาจากแล้ว ภาค 2 ใกล้จบแล้วววววว จุดพลุ ปังๆๆ จบไวไปไหม ก็ไม่นะ (ใช่ไหมคะ T^T)

ขอบคุณทุกๆ กำลังใจค่า ทุกคนคือแรง และพลังทำให้นักเขียนตัวน้อยๆ มีแรงพัฒนาตัวเองต่อ ขอบคุณมากๆ ค่าาา

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ (ยังไม่ใช่ตอนจบนะ) >w<

ร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-04-2019 23:26:57
พี่โช.......... พี่โช กลับมาแน่เลย
แล้วที่สักได้บัตร ก็บัตรของพี่โช
พี่โช มาเซอร์ไพรส์กลอย   o22 :a5: :z3:
พี่โช  กลอย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 06-04-2019 23:31:37
จะว่าไปก็เร็วเนอะ แป๊ปๆกลอยฝึกงานจบแล้ว น้องมะยมนี่ก็เฮี้ยวน่าดูววว

กลอยเอ้ยเหงาไม่ลูก ไม่ได้เหงานานหรอกรออีกแป๊ปเดี๋ยวพี่เค้าก็มาละ

จะว่าไปฉากจบนี่คุ้นๆนะ ยังไงหว่าาา สายที่สองนี่พี่โชไหม หรือพี่โชมาเซอร์ไพร์สตัวเป็นๆ ยังไงดียังไงดี เดาไม่ถูกแฮะ นับวันรอตอนหน้าเลยละกัน!

เป็นกำลังใจให้เสมอเน้อออ ยังไม่อยากให้จบเลย ยังอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ขอเพิ่มอีกสักนิดสักหน่อยน้าาาา ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายที่ฮีลลิ่งพี่ได้ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-04-2019 00:37:38
มีใครมาป่าวน้าาา
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 07-04-2019 00:51:36
เสียงนั้นจะเป็นของใครน้ารอติดตามนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 07-04-2019 00:54:28
รีพี่โชกลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-04-2019 01:15:56
จะเป็นพี่โชหรือพี่จอมหว่า  :z1: แต่ยังไม่อยากให้จบเลย  :call:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-04-2019 11:06:26
เสียงใครมาทักน้องเกรียน
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-04-2019 11:29:13
เซอร์ไพรส์อ่อ    :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-04-2019 17:55:22
ฮัลโล ไรท์ รีบมาเด้อ.. :katai4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-04-2019 20:58:24
ใคร? พี่โชป่าว???
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-04-2019 01:18:58
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-04-2019 09:01:41
กลอยน่าเอ็นดู งอแงร้องไห้คิดถึงพี่โชด้วย
ถ้าถ่ายคลิปให้โชดู คงรีบพุ่งกลับมาเลย

แล้วทูโทรมาจริงหรอ สายสองเป็นโชหรือเปล่า

คิดถึงโชกลอยแล้วค่ะ อยากมีโมเมนท์หวานแหววแล้ว

ขอบคุณมากนะคะที่มีภาคสองมาให้ได้อ่าน
คิดถึงเรื่องนี้เสมอ อ่านแล้วทั้งยิ้มได้ มีน้ำตาซึมได้

รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-04-2019 13:03:14
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-04-2019 22:02:32
จะกลับไปจุดที่เคยเจอกันมั๊ย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 19 [P.9] [UP!!] [06/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-04-2019 22:02:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 20-04-2019 23:52:41

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 20




       “ทำไมมึงไม่รับ”


   เสียงทุ้มถามจบ ผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ทันทีที่เผลอสบตากับดวงตาคู่สวย ผมถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก

   “เอาไงดีมึง” คำถามที่ไม่น่าจะถามผม เพราะสายตาคนถาม หันไปมองคนข้างตัว “ทิ้งมันไว้ข้างกองขยะเปียกตามเดิม หรือว่าไง”

   “กูว่า...” แทบกลั้นหายใจกับประโยคที่ขาดหาย “เดี๋ยวกูหิ้วมันเข้าไปดีกว่า สงสาร ไม่รู้โดนใครทิ้ง”

   “โดนหมาทิ้งแน่ๆ เชี่ย” ออกความเห็นไม่ทันจบดี คนพูดก็ถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าเต็มหัว

   คงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าผมจะสมน้ำหน้า...

   “มึงจะนั่งเป็นขยะเปียกอีกนานไหม ลุก!”

   “ก็มองอยู่นี่ไง” ผมตอบทำหน้าจริงจัง แต่อีกฝ่ายกลับตีหน้านิ่ว กดคิ้วขมวด

   “มองอะไรของมึงวะ” เป็นอีกคนที่ยืนข้างๆ ถามแทน

   “ก็พี่บอกให้ผมลุค ก็มองอยู่นี่ไง” พูดอีกรอบ แต่อีกสองคนก็ยังไม่เข้าใจ ผมเลยต้องอธิบายเพิ่มเติม “แอล ดับเบิ้ลโอ เค อ่านว่าลุค แปลว่ามอง เชี่ย” กลิ้งตัวหลบฝ่าตีนแทบไม่ทัน โหดเหี้ยๆ

   “กวนตีนนะมึง”

   “นี่คือการทักทายของพี่เหรอวะ” ตวัดดวงตามองคนที่ยื่นขามาจะถีบ “น่าน้อยใจฉิบ...เฮ้ย” พูดไม่จบ ร่างอวบๆ ก็ถูกยกขึ้นพาดบ่า ท้องที่เต็มไปด้วยน้ำเมาแทบพุ่งตามจังหวะคนแบกที่ก้าวเดินฉับๆ “ค่อยๆ เดิน ปวดท้อง”

   “พูดมากจริง”

   “พี่โช!”

   แหกปากโวยวายแข่งกับเสียงเพลง พี่แกเล่นตบก้นผมหลายทีโดยไม่สนสายตาคนอื่นที่มองเลย จนมาถึงโต๊ะในตำนาน นั่นคือโต๊ะที่ผมเคยถูกหิ้วมานั่งครั้งแรกสมัยเมื่อก่อนนู้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพื่อนร่วมแก็งของคนที่หิ้วผมมา แต่ที่เพิ่มเติมคือแก็งเพื่อนของผมนั่นเอง ไอ้เชี่ยสักชนแก้วไม่ยั้งกับพี่ติน ไอ้ต๋องกับไอ้เคก็ขำมุกแป้กๆ ของพี่แทม ไอ้ทูกำลังออเซาะพี่เบ ส่วนพี่จอมกับพี่ซันกำลังนั่งมองผมอยู่ โดยที่ผมไม่ได้สนใจ นอกจากสายตาดุคู่ที่ไม่ได้จ้องมานาน

   “มองทำไม” ถามเสียงขุ่น

   “กลอยมองพี่ก่อน” มีเถียงด้วยว่ะ

   “ถ้าพี่ไม่มองก่อน จะรู้ได้ไงว่ากลอยมอง” นี่ผมกลายเป็นคนขี้ประชดไปตั้งแต่ตอนไหนวะ “คนเรานี่นะ....” ตอนนี้ทั้งคำพูด ทั้งความรู้สึกเหมือนถูกดึงปลั๊กจนสติหลุด ขนาดเสียงเพลงกระหึ่มยังหายไปจากการได้ยิน มีเพียงการรับรู้อย่างเดียวที่รู้สึกคือ


        ...รสจูบของพี่โช ยังหวานและอ่อนโยนเหมือนเดิม


   “เบาๆ หน่อยไอ้เหี้ย เดี๋ยวมดจะมากัดตีนกู” เสียงแบบนี้ พี่แทมแน่นอน

   “จูบไปได้ไงวะ เพิ่งหิ้วมาจากกองขยะแท้ๆ” นี่ก็พี่จอมแน่นอน ผู้ที่บอกว่าผมโดนหมาทิ้ง

   “ไอ้เหี้ย เดจาวูสัด ไดอาล็อกเดิมเป๊ะ ครั้งแรกก็ข้างขยะ ตอนนี้ก็ข้างขยะ ไอ้กลอย มึงมันไอ้เด็กขยะจริงๆ” เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว กับประโยคของพี่ติน ทำเอาพี่โชถึงกับรีบผละออกไปตบหัวเลยทีเดียว “ตบหัวกูทำพ่อง”

   “ด่าเมียกูทำไม”

   “แหม ไอ้เหี้ย ด่านิด ด่าหน่อยไม่ได้”

   “ไม่ได้”

   “ไอ้สัด กูจะอ้วก” พี่จอมหันไปโก่งคอทำท่าจะอ้วกจริง แต่ข้างๆ ดันเป็นพี่ซัน เลยถูกผลักจนหน้าหงาย

   “พี่ท้องแล้วเหรอ ดีใจด้วย” พูดเสร็จก็รีบดึงพี่โชเป็นโล่กำบังของฝ่ามือที่ง้างมา

   “ผัวอยู่ละปากดีเลยนะมึง วันก่อนยังนอนเมาละเมอร้องไห้เป็นหมาเหงาอยู่เลย” พี่จอมแขวะผมทั้งคำพูดและสายตา ก่อนสะดุ้งเมื่อถูกพี่โชจ้องหน้า “มองกูทำไม”

   “กูให้มึงพากลอยไปกินข้าว ไม่ได้ให้กินเหล้า โอนเงินกูคืนมาด้วย”

   “ไอ้สัดโช กูอุตส่าห์ดูแลให้ รู้งี้ปล่อยให้มันไปแดกเหล้ากับชู้ดีกว่า”

   นั่นไง เปิดประเด็นแบบนี้มา สายตาดุเลยพุ่งมาทางผมแทน รีบยกมือโบกรัวๆ ส่ายหัว ส่ายหน้าจนจะหลุดจากบ่าอยู่แล้ว

   “พี่จอมพูดมั่ว อย่าไปเชื่อ” พี่โชยังนิ่ง มือยกขึ้นกอดอก อาการแบบนี้ต้องรีบเคลียร์ด่วนๆ “กลอยไปกินหมูกระทะกับเพื่อนแล้วก็พี่ที่ทำงานที่กลอยไปฝึกไง พี่จอมชอบพูดใส่ร้ายกลอย” แน่นอนว่าไม่พูดโดยไร้หลักฐาน ผมล้วงโทรศัพท์มากดให้ดูรูปมะนาวกับพี่ที่ทำงาน รวมทั้งรูปที่มะนาวถ่ายที่ร้านหมูกระทะ ที่สำคัญไปกว่านั้น ผมรีบเปิดรูปแฟนมะนาวให้ดูด้วย เพื่อให้พี่โชมั่นใจมากขึ้น

   “มึงใส่ร้ายกลอยทำไม” พอเจอความจริงเข้า พี่โชก็หันไปไล่บี้เพื่อนตัวเองแทน พี่จอมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นี่ว่าคงไปเล่าเรื่องผิดๆ ให้ฟังมาก่อนแน่ ไม่ใช่แค่เพิ่งพูดหรอกเชื่อสิ “มีอะไร...ครับ” ผมแอบสะดุ้งตอนพี่โชหันมามองตาแข็ง แต่พอเห็นหน้าผม น้ำเสียงและท่าทางก็อ่อนลง แถมรอยยิ้มหวานส่งมาให้ด้วย

   “กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมกลอยถึงไม่รู้” จ้องหน้าคนที่อยู่ๆ ก็โผล่มา พี่โชยื่นมือมาหยิกแก้มผมแล้วดึงจนยืด สนุกมือเขาล่ะ

   “น่ารักขึ้นป่ะเนี่ย” อยากจะยิ้มแต่แก้มถูกดึงอยู่ “คิดถึงว่ะ”

   “โคตรๆ”

   ผมยื่นมือไปดึงแก้มพี่โชคืน เราดึงกันไปมาอย่างนั้นพลางจ้องตากัน ก่อนพี่โชจะลุกขึ้นยืน เรียกสายตาจากทุกคนให้มอง

   “อะไร ปวดขี้เหรอ” พี่ซันถาม เห็นเมื่อกี้แอบสะดุ้งด้วย คงเพราะกำลังยื่นแก้วเหล้ามาเพื่อจะขอชน

   “กูกลับดีกว่า” ไม่ว่าเปล่า มือพี่โชยังดึงแขนผมให้ลุกด้วย หรือเห็นผมแอบยกแก้วเข้าปากวะ

   “อะไร เพิ่งมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จะกลับได้ไงวะ” พี่แทมโวยวายก่อนใครเพื่อน

   “นั่นดิ่ พวกกูอุตส่าห์เคลียร์ทางให้มึงเลยนะ” พี่ตินรีบเสริม

   “ใช่ กูอุตส่าห์ให้ทูเอาบัตรวีไอพีกูไปให้ไอ้สักมัน มึงจะมาแค่นี้ไม่ได้ พวกกูลงทุน เสียเวลาไปเยอะ” พี่เบบ่นยาวกว่าใครเพื่อน แต่ดูจะมีประเด็นที่ผมจับใจความได้สุด

   “บัตรวีไอพีของพี่เบ? งั้นก็....”

   “พูดมาก เดี๋ยวกูจ่ายให้ ไอ้สัด” พี่โชรีบตัดบทและพยายามจะเมินสายตาคาดคั้นของผม

   “ดีมาก อย่างนี้ค่อยกินอย่างสบายใจหน่อย” พี่จอมยิ้มร่า เตรียมยกมือเรียกพนักงาน โดยไม่สนคนข้างตัวจะแอบแขวะเบาๆ
 
   “สบายกระเป๋ามากกว่ามั้ง”

   “แดกเงียบๆ ของมึงไปเลยซัน”

   “เอ้า”

   “คู่นี้ก็กลับไปทะเลาะกันที่บ้านไป เหล้าพวกกูเสียรสชาติหมด” พี่แทมขัดขึ้น พลางยืดแขนไปชนแก้วเหล้ารอบวง กว่าจะถึงผมก็หมดรอบเสียก่อน

   อดเมาเลยวันนี้

   ผมถูกจูงมือออกมานอกไนต์คลับ เมื่อกี้ตอนเบียดกับกลุ่มนักเที่ยว พี่โชใช้ตัวเองบังผมทุกวิถีทาง เรื่องนี้แอบเคืองเบาๆ เห็นสาวๆ พยายามลวนลามพี่โชด้วย (ไม่ได้เคืองที่เขาลวนลามพี่โชนะครับ แต่เคืองที่ไม่ลวนลามผม อย่าให้พี่โชได้รู้ความคิดนี้เชียว จมให้มิดนะครับ)

   “กลับบ้านกัน”

   “พี่เอารถมาเหรอ”

   รถคันงามของพี่โชถูกเอาไปเก็บที่บ้าน เพราะกลัวทิ้งไว้ที่คอนโดมันอาจจะเสีย หรือมีคนมือบอลมาขูด คนรักรถยิ่งชีพเลยเอาไปไว้ที่บ้าน

   “ก็รู้ว่ากลอยจะไม่เอามาไง”

   “วางแผนกันมาอย่างดีเลยนะ ทั้งพี่ ทั้งเพื่อนผมน่ะ” ค่อนแคะไปเบาๆ เรียกน้ำจิ้ม เพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล “รวมหัวกันหลอกผมได้”

   “พี่ไม่ได้หลอกสักหน่อย” แล้วตัวผมก็ถูกยัดเข้ามานั่งในรถ เจ้าของรถรีบวิ่งอ้อมไปประจำที่ตัวเอง นานแล้วที่ไม่ได้นั่งรถคันนี้ ตั้งแต่เจ้าของไปอยู่ที่อื่น “กลับบ้านเรากัน”

   “บ้านที่ไหน คอนโดต่างหาก”

   “กวนตีนมากขึ้นนะเนี่ย”

   “เวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน”

   “อย่างอ้วนมากกว่าเดิมงี้เหรอ”

   “ตอกย้ำ”

   ว่าแล้วก็ก้มดูพุงตัวเอง แม้จะมีเสื้อปกปิด แต่ก็รู้ ว่ามันย่นทับกันเป็นชั้นอยู่ ก็เพราะกับข้าวบนโลกมันน่ากินไปหมดทุกอย่าง ผมเลยจัดเต็มตลอด มันผิดด้วยเหรอครับที่เป็นคนชอบกิน


   ฝ่ารถติดจนกลับมาถึงคอนโด รถคันงามก็ถอยเข้าจอดที่ประจำซึ่งเป็นที่ๆ ถูกกั้นไว้เฉพาะลูกบ้านวีไอพีป้ายทะเบียนนี้เท่านั้น แต่ผมว่า เพราะจ่ายเพิ่มเลยมีที่จอดของตัวเองมากกว่า พี่โชเดินนำผมเข้าตัวตึก ระหว่างขึ้นลิฟต์ เราทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบ ผมมองคนที่มาด้วยผ่านกระจกด้านข้าง ดูเหมือนพี่โชจะง่วง อ้าปากหาวมาตลอดทางรวมถึงขณะนี้ด้วย

   “พี่โชมาถึงเมื่อไหร่” ถามหลังจากออกจากลิฟต์มาแล้ว ผมแตะการ์ดห้องก่อนผลักบานประตูเข้าไป “กระเป๋า?” ไฟห้องติดปุ๊บ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็อยู่กลางห้อง จำได้ว่า ก่อนออกจากห้องเมื่อเย็น มันไม่มีอะไร

   “เพิ่งลงเครื่องไม่กี่ชั่วโมงนี้” เสียงทุ้มชิดใบหู ตัวผมถูกโอบกอดจากด้านหลัง แขนยาวรัดเอว คางแหลมวางบนบ่า “โคตรเหนื่อยเลย”

   “ลงเครื่องแล้วก็ไปผับเลย?” เอี้ยวคอจะมองหน้าคนด้านหลัง แต่ดันถูกฉกหอมแก้มไปฟอดใหญ่ แต่ถ้าจะหอมแบบดูดขนาดนี้ กินแก้มผมไปเลยดีกว่างั้น

   “ก็คิดถึง”

   “แล้วรู้ได้ไงว่ากลอยไปที่นั่น...อ่อ ลืมไป ว่าวางแผนกันไว้แล้ว” หน้าบูดเป็นตูดเลยผม หัวเสียสุดที่ถูกเพื่อนหลอก ก็ว่าอยู่ ทำไมไอ้สักถึงมีบัตรวีไอพี แล้วพวกมิกเซอร์ เหล้า เบียร์ ทุกอย่างในนั้นคือแพงมาก เงินที่จ่ายเอาไปร้านยาดองได้หลายรอบ

   “พี่ไม่ได้เป็นคนวางแผน” เบ้ปากให้กับคำปฏิเสธนั่น ก่อนจะย่นคอหนีเมื่อถูกจมูกคลอเคลีย ไรหนวดอ่อนๆ ของพี่โชทำเอาขนแขนผมลุก “โคตรคิดถึงเลย”

   “สุดๆ” ผมขยับตัวหันไปกอดพี่โชแน่น แม้จะไม่นานเท่าไหร่ที่จากกัน แต่สำหรับผม มันเหมือนเป็นปีๆ ที่ไม่ได้ไออุ่นของอ้อมกอดนี้ “กลิ่นหอมเหมือนเดิมเลย” พูดจบก็จุ๊บหน้าอกพี่โชไปเบาๆ

   “อ่อยพี่ใช่ไหม หืม” น้ำเสียงกรุ้มกริ่ม กับมือที่ลูบก้นผมวนไปมา

   “อ่อยคืออะไรไม่รู้จัก” ว่าแล้วผมก็รวบเอวพี่โช ออกแรงยกคนตัวใหญ่กว่าด้วยพลังที่มี พี่โชขำออกมาแต่ก็ยอมให้ผมยก ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเดินลิ่วๆ เข้าห้อง ทุ่มคนตัวหนักลงบนเตียง ก่อนจะล้มตัวนอนตาม “ปวดหลังเลย”
 
   “ใครบอกให้ยกล่ะ” เหล่หางตามองคนที่หัวเราะเยาะใส่ ก่อนจะเงียบลงแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ มือขาวยื่นออกมาแตะที่คิ้วของผม ไล่ลงมาที่ตา จมูกแล้วก็ปาก “ไม่ได้จับแบบนี้มานานแล้ว”

   “พี่โชจะอยู่นานไหม” รู้สึกใจสั่นที่ต้องถาม

   “ก็ประมาณสองอาทิตย์” ยิ่งเจอคำตอบ หัวใจสั่นยิ่งกว่าเดิมร้อยเท่า

   “ที่นู้นหยุดเหรอ พี่ถึงกลับมา”

   “พี่ขอลาเอง ไอ้จอมบอกกลอยเรียนจบแล้ว พี่ก็อยากกลับมา อยากมาพูดแสดงความยินดีต่อหน้ากลอย” ผมถูแก้มตัวเองกับฝ่ามือที่ยื่นมาจับ ความรู้สึกตอนนี้กำลังตีกันมั่วไปหมด แน่ๆ คือน้ำตารื้น ขี้มูกก็จะไหลจนต้องสูดกลับเข้ารูเหมือนเดิม พี่โชขำออกมาเสียงดัง “เป็นคนขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

   “ก็ตั้งแต่พี่โชไม่อยู่” ตอบไป มือก็ยกปาดขี้มูกตัวเองไป “ขอบคุณนะ ที่กลับมา”

   “พี่ต้องมาอยู่แล้ว”

   “โคตรรักเลย” ผมวาดทั้งแขนและขาไปวางบนตัวพี่โช “โคตรคิดถึงด้วย”

   “เรียนจบแล้ว อยากทำอะไร อยากไปไหนไหม”

   “อยากทำเยอะแยะ อยากไปหลายที่ด้วย” ยิ่งพี่โชกลับมาแบบนี้ ไอ้กลอยคนนี้ยิ่งมีที่จะไปเยอะ คิดแล้วน้ำตาจะไหล

   “สองอาทิตย์นี้ พี่จะตามใจทุกอย่าง โอเคไหม” รีบพยักหน้า ทำตาพราววิบวับ แต่กลับถูกดับฝันไปหนึ่งอย่าง “ยกเว้นเรื่องเมา พี่ยังต้องไปเคลียร์กับไอ้จอมก่อน ให้กลอยเมาแบบนั้นได้ยังไง”

   “กลอยอยากเมาเอง พี่จอมไม่ได้บังคับ” ออกตัวช่วยสุดๆ

   “อ๋อ นี่กลอยทำเองเหรอ ดี พี่จะได้ลงโทษถูกคน”

   งานเข้าไอ้กลอยจนได้

   “แค่ครั้งเดียวเอง” รีบแก้ตัวเป็นพัลวันจนลิ้นแทบพันกัน “จริงๆ” พยายามแก้ตัว แต่พี่โชกลับไม่ยอมเชื่อ แถมยังพลิกตัวมาคร่อมผม โดยใช้แขนสองข้างยันเตียงนุ่มไว้ “สองก็ได้...สาม สี่ ห้า โอเคๆ ยอมรับผิด”

   “โดนลงโทษแน่ ไอ้เกรียน” รีบหลับตาปี๋เมื่อเห็นมือพุ่งมาตรงหน้า แต่ความอุ่นวาบที่ริมฝีปากทำให้ผ่อนคลายลง

   “ไหนบอกเหนื่อยไง” พูดทั้งที่ยังมีริมฝีปากพี่โชคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
 
   “เหนื่อยเมื่อกี้ ตอนนี้หายแล้ว” เสียงแผ่วเบาตอบกลับมา

   “ขี้โม้ป่ะเนี่ย”

   “ชู่ว” อยู่ๆ พี่โชก็ยกนิ้วชี้มาแตะที่ปากของผม “ไม่อยากได้ยินเสียงพูดแล้ว” ด้วยความที่ปากขยับยาก เลยย่นคิ้วเป็นสัญลักษณ์ของคำถามแทนว่าทำไม “อยากได้ยินเสียงครางมากกว่า” พอได้ยินประโยคถัดมาปุ๊บ ผมถึงกับขึ้นเลย หมายถึงอารมณ์นะที่ขึ้น นั่นแน่ คิดทะลึ่งกันอยู่ละสิ

   “คนเรานี่นะ...”

   “พี่ขอโทษนะ” อยู่ๆ ก็ถูกขัดทั้งที่ยังพูดไม่จบ

   “ขอโทษทำไม” เอาซะใจแป้วเลย

   “พี่ขอโทษ ที่พรุ่งนี้จะทำให้กลอยเดินลำบาก มันต้องเคล็ดมากแน่ๆ”

   “ไม่เจอกันนาน พี่ก็ยังหื่นเหมือนเดิมเลยนะ”

   “มันมากกว่าเดิมต่างหาก กลอยจะได้รู้ไง ว่าพี่คิดถึงมากขนาดไหน เตรียมใจแล้วใช่ไหม” ตอนนี้ไม่ได้ห่วงการเตรียมใจอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องห่วงคือร่างกายของผมนั่นแหละ

   “พี่จะจัดเต็มแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบเหรอ” ถามทั้งๆ ที่มือยุบยับบนตัวไปหมด
 
   “เดี๋ยวกลอยก็รู้”

   อยากจะถาม อยากจะกวนต่อ แต่ปากผมดันไม่ว่างซะแล้ว แถมสติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีก งั้นตอนนี้ ผมขอตัวตอบรับความคิดถึงของพี่โชก่อน ไม่เจอกันนานแบบนี้ ไอ้กลอยก็ต้องจัดเต็มเหมือนกัน ไม่มีทางน้อยหน้าแน่นอน




   “พี่โช ถ้าจะคิดถึงกันขนาดนี้ เอามีดมาแทงเลยดีกว่า”

   “ของๆ พี่ดีกว่ามีดเยอะ”

   “ไม่มีอะไรจะพูด!”

        เพราะหลักฐานยังคา เอ้ย ยังทนโท่อยู่

   “งั้นก็ไม่ต้องพูด”

   ครับ ไม่ต้องพูด เลยต้องมาครางแทน ไอ้เชี่ยเอ้ย ชุดใหญ่ไฟกระพริบมันน่ากลัวจริงๆ แต่ถามว่าชอบไหม กดหัวใจรัวๆ ไปเลยครับผม




   “ไหนพี่บอกจะพักก่อนไง” รีบถามตาเหลือก หลังจากผ่านศึกรบมาอย่างหนัก แม้ระหว่างทางจะได้พักบ้าง แต่พอหายเหนื่อย ศัตรูดันบุกเข้ามาทำลายกำแพงเมืองต่อ หน้าด่านพังไม่พอ ยังบุกรุกเข้ามาในเขตที่ลึกล้ำอีก “พี่โช” เรียกชื่อเสียงอ่อน แต่ดูไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

   “ก็พี่นอนไม่หลับ สงสัยจะเจ็ทแลค”

   “พี่เจ็ทแลคแล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหน”

   “ก็นอนไม่หลับ แล้วเมียก็นอนโป๊ยั่วอยู่ข้างๆ ใครจะไปทนได้”

   “งั้นเดี๋ยวกลอยไปใส่ชุดนอน”

   “กลอยใส่ เดี๋ยวพี่ก็ถอดให้อีก”

   “คนจะหื่นนี่เนอะ ลืมไปเลย”

   “งั้น มาบอกคิดถึงกันต่อ”

   “พี่ควรสงสารร่างกายกลอยบ้าง อย่างเช่น เบาๆ แรงลงหน่อย ปวดหลังหมดแล้วเนี่ย”

   “งั้นรอบนี้เบาๆ”

   “พูดงี้มากี่รอบแล้ว”

   “ไม่ได้นับ งั้นรอบต่อไปเดี๋ยวพี่นับ”

   “พี่โช!”

   แหกปากไปก็เท่านั้น คุณพี่ตีหน้าด่านเข้ามาได้ก็บุกไม่ยั้งตามเดิม ไปกินยาโด๊ปจากไหนมาวะ เรี่ยวแรงดีเหลือเกิน สงสัยพรุ่งนี้ผมคงต้องยกเลิกนัดรุ่นพี่ที่จะเลี้ยงยาดองซะแล้ว ขืนไปคงเดินเป๋ไป เป๋มาเป็นปูแน่

   “พรุ่งนี้พี่จะพากลอยไปที่ๆ หนึ่ง”

   “ที่ไหนเหรอ”

   “ไม่บอก”

   “ขัดใจคนขี้เสือกอย่างกลอยอีกแล้ว”

   “แต่กลอยจะต้องชอบมากแน่ๆ”

   “ให้จริงเถอะ”

   “จริงสิ”

   “แน่นะ”

   “แน่สิ”

   “ไม่มั่วนะ”

   “ไม่มั่วสิ...มันใช่เวลามาต่อเพลงกันไหมเนี่ย”

   “ก็พี่โชมาพูดต่อทำไมเล่า”

   “ไม่พูดก็ได้ งั้นทำต่อ รอบที่สองใช่ไหม”

   สองบ้า สองบออะไรวะ พี่โชแม่งต้องสอบตกวิชาคณิตศาสตร์แน่ๆ

   “ไม่ได้นับโว้ย”

   “งั้นพี่นับเอง”

   “ไม่ต้องนับแล้ว พอ จบ เลิก หายคิดถึงแล้ว แยกย้าย”

   “อะไรวะ”

   “ไม่มีวะ มีเวอะอะไรทั้งนั้น นอน!”

   จะนอนหันหน้า หันหลัง นอนหงาย นอนคะแตง นอนคว่ำ นอนท่าไหนก็อันตรายต่อร่างกายหมด ผมเลยเลือกที่จะกลิ้งลงมานอนที่พื้นแทน ส่วนพี่โชโผล่หน้ามามองแล้วหัวเราะ

   “นอนก็นอน แต่ขึ้นมานอนบนเตียงดีๆ ก่อน” ได้ยินเสียงตบฟูกปุๆ “กลอย”

        ถูกเรียกชื่อซ้ำๆ เลยจำใจต้องลุกขึ้น แข้งขาตอนนี้อ่อนแรงสุด คล้ายกับไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลสักร้อยรอบ หลังก็เหมือนกัน ปวดเหมือนเล่นม้วนหน้า ม้วนหลังสมัยอนุบาล ผมดึงผ้าห่มผืนหนาลงที่พื้น พี่โชมองอย่างสงสัย แต่พอเห็นผมเดินไปหยิบผ้าปูเตียงผืนใหม่มาถึงกับยิ้ม
 
   “ลุก”

   “ก็ลุคอยู่นี่ไง” ตอนแรกก็ทำหน้าเอ๋อ แต่พอคิดออกก็เก็ทเลย ผมโดนมุกแป้กของตัวเองย้อนกลับมาเล่นซะแล้ว จำมุกที่เจอพี่โชตอนเย็นได้ใช่ไหม นั่นล่ะ มันกำลังย้อนมาหาผมนี่ล่ะ “โอเคครับ ไม่แกล้งแล้ว เมียใครวะ ขี้งอน”

   “เมียปีศาจ”

   ไม่ใช่ปีศาจธรรมดานะ ปีศาจหื่น

   “ก้นช้ำว่ะ”

   “เพราะใครกัดล่ะ” เหล่ตามองคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองตัวเปล่าเปลือยของผม พอปูผ้าผืนใหม่เสร็จ ตัวผมก็ถูกดันเข้าห้องน้ำ “ทำอะไรพี่โช?” เริ่มระแวงกลัวจะมีศึกในน้ำอีก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเพราะเริ่มเหนื่อยมากแล้ว และทันทีที่ขึ้นเตียงได้ หนังตาผมก็ปรือลงทันที

   “ฝันดีครับ” จบประโยคก็มีความอุ่นวาบมาที่หน้าผาก 

   และค่ำคืนที่สงครามดุเดือดจบลง เหตุการณ์ทุกอย่างก็ค่อยๆ สงบ ผมกอดพี่โชที่ขยับมาซุกตัวที่อกตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยยิ่งทำให้ผมนอนหลับได้อย่างง่ายดาย


   ....แค่มีพี่โชอยู่ข้างๆ ผมก็นอนหลับฝันดีแล้ว


...TBC

ทุกคนเดาถูกค่า ปรบมือ (แปะๆๆๆ)

ออกตัวเลยว่า ไม่ถนัดแต่ง nc เอามากๆ เลยมาแบบเกรียนๆ กลัวจัดเต็มแล้วตัวเองจะหัวใจวายตาย ต้องขอโทษด้วยค่า (>/l\<)

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่า ความฮาต้องมา ความบ้าต้องมี และความหวานก็ไม่ขาดค่า

ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้กลอยประเกรียนค่ะ (ไหว้ย่องามๆ) >w<
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-04-2019 00:06:34
พ่อปิศาจสุดหื่นกลับมาแล้ว..วววววว      :mc3: :mc2: :mc3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2019 00:24:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-04-2019 00:41:56
กลับมาก็จัดซะคุ้มเลยนะพี่โช  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-04-2019 01:24:08
เบาๆเพ่ วันอื่นยังมีให้จัดอีกเยอะ เดี๋ยวคนเกรียนเดี้ยงซะก่อนหรอก :hao6:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-04-2019 02:45:04
พากลอยกลับไปด้วยดีมั้ยพี่โช ฮืออออออออออออออออ
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-04-2019 03:18:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 21-04-2019 06:58:51
 :pig4: :ling1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 21-04-2019 12:22:13
พี่โชน่ารักมากกกกกรือดีอะชอบๆๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-04-2019 13:28:42
กลับมาแล้ว พี่โชคนหื่นนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-04-2019 13:57:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 21-04-2019 14:35:16
น่ารักกก.. คิดถึงพี่โช กะ น้องกลอยยย.
ไรท์อย่าหายไปนาน คิดถึงเหมือนกานนนน..
รีบมาๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 21-04-2019 16:05:35
ปีศาจชอบหื่น
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-04-2019 17:41:55
เพื่อนกลุมพี่โช กลุ่มกลอย รักใคร่สามัคคีกันดี ชอบบบบบ  :katai2-1:
พี่โช ปีศาจหื่น ปะทะ กลอยประเกรียน  :-[
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-04-2019 08:14:08
กรีดร้องเลยค่ะ โชกลับมาแล้ว พาน้องไปด้วยเลยนะ
ไม่ต้องทิ้งไว้ให้ร้องไห้แล้ว

เอ็นดูกลอยใจ คิดถึงมาก ก็ยอมมาก เป็นปกติของคนรักกันเนาะ
โชเนียนมาก และทำดีมากค่ะ มาตอนเวลาที่น้องพีค ให้สมกับที่รอ

ทีมพี่ทีมเพื่อน รวมตัวกันทำดีเนาะ อยากให้ระลึกความหลังหรอ

หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 20 [P.10] [UP!!] [20/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-04-2019 16:47:12
 o13 o13 o13 ไม่เจอะกันนานคิดถึงจังเลยยยย จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลยจ้า
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 30-04-2019 22:59:45
เพราะนายคือของฉัน [ll] : 21




        แค่คิดว่าจะได้ไปเที่ยว ผมก็รู้สึกดี...ดีตรงไหนวะ ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แถมคนปลุกก็ดูกระตือรือร้น ผมเลยพูดไม่ออก ได้แต่นั่งมองพี่โชจัดนั่นจัดนี่ตาปริบๆ ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่แขนกับขายังมีอาการล้าอยู่มาก อาการคล้ายกับไปเต้นแอโรบิกที่หน้าห้างวันแรกแบบนั้น

   “พี่โชจะพากลอยไปไหน” ถามเกินห้ารอบแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ

   “เดี๋ยวก็รู้” นี่ก็ตอบแบบเดิมอีก

   นั่งรอสักพัก เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมมองหน้าพี่โชอย่างสงสัย ก็เวลาตีสาม ตีสี่ ใครจะมาหา หรือจะเป็นสิ่งเร้นลับวะ แต่ถ้าเป็นผีจริง ก็น่าจะเดินผ่านกำแพงเข้ามาได้เลย

   “ใครมาไม่รู้” รีบเดินไปอยู่ข้างพี่โชทันที แต่อีกฝ่ายกลับเดินหนีไปเปิดประตูซะงั้น ผมเลยต้องรีบกระโดดขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุม “พี่โช” ลองเรียกดู แต่กลับเงียบ ใจเสียแล้วเนี่ย แต่จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างพุ่งมารัดตัวผมไว้ ด้วยความที่สมองจินตนาการไปไกล เลยดิ้นสุดพลัง ทั้งมือทั้งขาถูกยืดไปหมด จนได้ยินเสียงโอดโอยถึงได้สงบลง

   “ถีบกูทำเหี้ยอะไรเนี่ย โดนน้องกูเต็มๆ สัด” ทันทีที่เปิดผ้าห่มออก ผมก็เห็นร่างอันคุ้นตานอนกุมน้องตัวเองอยู่ที่พื้น “จะเป็นหมันไหมเนี่ยกู”

   “ผมขอโทษนะพี่แทม” ตอบพลางหัวเราะแห้งๆ แต่ถ้ารู้ว่าเป็นใครในตอนแรก ผมจะออกแรงให้มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก “พี่มาทำไมตั้งแต่เช้า”

   “นั่นสิ กูก็อยากรู้ ว่านัดทำไมตอนนี้” พี่แทมเริ่มปีนขึ้นมานั่งบนเตียง แม้หน้าจะขึ้นสีอยู่บ้าง แต่อาการปวดคงจะเริ่มทุเลาแล้ว “พวกไอ้จอมยังไม่มาเหรอ”

   “ยัง” กำลังจะอ้าปากตอบ พี่โชดันพูดขึ้นมาก่อน พลางเดินมาใกล้แล้วใช้ขาเขี่ยเพื่อนตัวเองให้ออกห่างผม “ไหนไอ้ตินจะมากับมึงไง”

   “มา แต่มันนอนในรถ กูเรียกก็ไม่ตื่น สงสัยจะซ้อมตายก่อนวัย” หลุดขำเมื่อได้ยิน พี่แทมเดินไปที่กระเป๋าที่พี่โชจัดไว้ มือเริ่มรื้อดูของ “ไปแค่วันสองวัน พวกมึงขนเสื้อผ้าอย่างกับไปอยู่เป็นเดือน”

   “เขาเรียกเตรียมพร้อม”

   “ก็ดี เผื่อกูไม่มีอะไรใส่”

   “ตลอดอะมึง”

   แล้วผมก็ปล่อยให้พี่โชกับพี่แทมคุยกันไป ส่วนตัวเองก็เดินออกมานั่งโซฟาด้านนอก ตอนแรกคิดว่าจะได้ไปเที่ยวกับพี่โชแค่สองคน ที่ไหนได้ ไปยกแก็งซะงั้น เผลอๆ พวกไอ้อัธก็คงไปเหมือนกัน ทีนี้ละ สถานที่ๆ นั้นคงได้บันเทิงเริงใจกันสุดๆ

   และสิ่งที่ผมคิดไว้ก็เป็นจริง เมื่อพี่จอมโทรมาบอกว่ารออยู่ข้างล่างให้รีบลงไป ใจจริงผมก็อยากรีบ แต่กล้ามเนื้อขามันล้าไง เลยเดินไปทีละนิด แน่นอนว่าพี่โชต้องเข้าใจ แต่คนที่ไม่เข้าใจคือพี่แทมที่คอยจะยื่นมือมาฉุดให้ผมเดินไว แต่ก็โดนกระเป๋าสะพายตีที่มืออยู่ทุกครั้ง ไม่ใช่ผมหรอกที่ทำ คนที่คุณก็รู้ว่าใครต่างหากที่เป็นคนตี

   พอลงมาถึงด้านล่าง ก็เจอบรรดาชายวันฉกรรจ์นับสิบ นั่งแย่งไส้กรอกจากร้านสะดวกซื้อกัน โดยพี่แทมก็เดินเข้าไปแย่งกินกับเขาด้วย ถ้าจะดีกว่านี้ เอามาแบ่งให้ผมกินบ้าง

   “ทำไมช้าวะ” พี่จอมบ่น ทั้งที่ปากยังมีไส้กรอกอยู่เกือบล้น

   “พวกมึงนั่นแหละช้า” พี่โชตีหน้ายุ่ง “แล้วนี่ จะไปกันยังไง”

   “รถตู้ไง” พี่ตินตอบ ท่าทางไม่เหมือนคนง่วงอย่างที่พี่แทมบอกเลยสักนิด

   “จะยัดไปกันหมดไหมวะ” พูดลอยๆ แต่คงดังไป เลยถูกมอง “ผมก็แค่สงสัยไง ไม่ได้เหรอ” กลุ่มพี่โชก็ปาไปหก กลุ่มผมมีสี่ แล้วยังมีปลิงเกาะไอ้ม่านมาอีกหนึ่ง “มึงจะเกาะเพื่อนกูอีกนานไหมวะ” เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะว่า ไอ้เม่นหยักไหล่ แถมกระชับมือมันที่ไหล่เพื่อนผมอีก “กวนสัด”

   “ปากดีนะมึงไอ้กลอย” อยู่ดีๆ ก็ถูกพี่จอมตบหัว ก่อนคนตบจะถูกกระเป๋าสะพายฟาดหลังคืน “ไอ้เหี้ยโช”

   “มึงตีกลอยก่อน” อยากปรบมือให้เลย

   “ไอ้โชแม่ง ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย” พี่แทมว่า สงสัยจะเคืองเรื่องถูกตีมือไปหลายที

   “ก็มันหวงของมัน มึงก็อย่าไปแตะสิ” พี่ซันยักคิ้วส่งมาให้เพื่อนตัวเอง คงตอบได้ถูกใจละมั้งนะ ก่อนจะโกยทุกคนไปขึ้นรถตู้สีขาว “กูขับคนแรกละกัน”

   “ดีๆ กูจะได้นอนต่อ” พูดจบ พี่ตินก็หลับตาแล้วกรนออกมาเลย นี่คือหลับจริงๆ หรือแกล้งวะ



   จากนั้นล้อก็เริ่มหมุน พี่จอมไปนั่งข้างหน้าคู่พี่ซัน ส่วนผมนั่งเบาะหน้าด้านในติดกับกระจก มีพี่โชนั่งข้างๆ ถัดไปเป็นไอ้อัธที่กำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ทำเสียงเล็กเสียงน้อยด้วย ทำเอาต่อมเผือกสั่นรัวๆ แต่ดันมีพี่โชนั่งคั่นกลาง เลยทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากเงี่ยหูรอฟังอย่างเงียบๆ ฟังไปฟังมาดันหลับไปซะอย่างนั้น รู้ตัวอีกทีก็ถูกปลุก

   “ถึงแล้วเหรอ” ยกมือขยี้ตาตัวเอง ปากก็อ้าหาววอดๆ

   “ยัง แต่แวะปั๊ม กลอยจะเข้าห้องน้ำหรือซื้ออะไรไหม” เสียงทุ้มของพี่โชดังอยู่ชิดหู นั่นเพราะผมนอนพิงพี่โชมาตลอดทางนั่นเอง

   “อยากเข้าห้องน้ำ” บอกอย่างงัวเงียจนพี่โชต้องเป็นคนพาไป ได้ยินเสียงด่าว่าสำออยตามหลังมาด้วย แต่คิดว่าผมจะสนใจพี่จอมเหรอครับ ไม่มีทางเสียหรอก เข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จ พี่โชก็พาเข้าร้านสะดวกซื้อต่อ “อยากกินซาลาเปา”

   “เอาอันไหนก็ไปเลือก” คนจ่ายเงินบอก ก่อนจะแยกไปที่เคาน์เตอร์ร้านที่ขายกาแฟสด มันก็ดูสะดวกดีนะครับ มีร้านขายแบบนี้ ผมเดินวนหาตู้ของกิน เจอไอ้ม่าน ไอ้เม่นยืนเลือกของอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปหา แต่ก็ทนความหวานของพวกมันไม่ได้ เลยรีบหนีออกมา

   “เป็นอะไรวะ” ไอ้อัธที่ยืนเลือกน้ำในตู้แช่ถาม คงเห็นผมทำหน้าเหม็นเบื่อละมั้ง

   “เบื่อคนสวีท” ตอบไป แต่ไอ้อัธกลับขำออกมา “หัวเราะอะไรของมึง”

   “ว่าแต่คนอื่น คู่มึงก็ใช่ย่อย” ว่าแล้วผมก็เตะข้อพับขาไอ้อัธไปทีหนึ่ง ก่อนเดินหนีออกมาอีก จนมาเจอพี่โชที่มองมาที่มือของผม

   “ไหนว่าอยากกินซาลาเปาไง ไม่เอาแล้วเหรอ”

   “เดี๋ยวปวดขี้” ตอบเสร็จก็ขอลองจิบกาแฟที่พี่โชถือ แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อมันมีแต่รสชาติขม “พี่กะไม่นอนเลยเหรอ”

   “พี่ต้องเปลี่ยนขับกับไอ้ซันมัน” ถึงบางอ้อทันที ว่าทำไมต้องซัดกาแฟเข้มซะขนาดนี้ งั้นผมก็ควรหาอะไรไปตุนไว้ เพราะต้องไปนั่งคู่พี่โช “นี่จะซื้อไปกินหรือไปแจกน่ะ”

   “กินสิ” ตอบไป มือก็หยิบถุงขนมขบเคี้ยวใส่ตะกร้าไป แน่นอนว่าพี่โชเป็นคนจ่ายทั้งหมด เพราะถ้าผมเป็นคนจ่าย ถุงเดียวก็เกินพอ


   ไม่ได้งกนะ แค่ใช้เงินเป็น


   หลังจากทุกคนพร้อม พี่โชก็สับเปลี่ยนกับพี่ซันไปนั่งประจำคนขับแทน โดยที่ผมรีบไปเสนอหน้าอยู่เบาะหน้าด้วย ตอนนี้ท้องฟ้าสดใส เหมาแก่การไปท่องเที่ยวเสียจริง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ เมื่อคืนผมควรได้พักผ่อนให้เต็มอิ่ม ไม่ใช่หลับๆ ตื่นๆ เพราะถูกรุกรานจากผู้กลับมาเยือน

   “พี่โชกินไหม” ยื่นซาลาเปาไปให้ แต่พี่โชกลับส่ายหน้า

   “มันไม่อร่อยล่ะสิ” พูดไป พลางเหล่หางตามามองผม มุมปากติดรอยยิ้มหยัน

   “รู้ทันอีก” เป็นผมที่ต้องทำหน้าบูด นี่ถ้าพวกด้านหลังไม่นอนหลับกันหมด ผมคงส่งต่อไปให้คนอื่นได้ “แล้วนี่จะไปไหน”

   “ไปทะเล” เสียงนุ่มบอก ทำเอาผมตาโต “กลอยอยากไปไม่ใช่เหรอ”

   “รู้ได้ไงว่าอยากไป” หรือพี่โชจะเป็นอับดุล รู้ เห็น อนาคตได้วะ ขอหวยได้ป่ะเนี่ย

   “ก็ไอ้จอมบอก” ถ้าตอนนี้หน้าผมเป็นอิโมติคอนได้ คงเป็นตัวตาขีดๆ นั่นแหละ พี่โชหันมามองยิ้มๆ ก่อนจะคว้าซาลาเปาที่เหลือในมือผมไปกิน คงสงสารที่เห็นผมกล้ำกลืนฝืนยัดเข้าปาก


   ไอ้กลอยถูกใจสิ่งนี้ครับ!


   ตอนแรกซื้อขนมมาเพราะกลัวจะหลับ สุดท้ายขนมไม่ได้ช่วยอะไร เพราะหลับไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัว มาสะดุ้งอีกทีก็ตอนมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นรถ ปรือตาขึ้นมาก็เห็นถนนที่มีต้นไม้

   “ไอ้เชี่ยเบแย่งขนมกูสัด” เสียงแรกที่จับใจความได้ คือด้านหลังมีการตบตีแย่งชิงขนมกัน

   “ขนมมึงเหี้ยไร นี่เมียกูซื้อมาเว้ย” พี่เบรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ได้ยินเสียงไอ้ทูยืนยันเบาๆ ด้วย

   “เมียมึงซื้อ แต่ให้กูแล้ว” นั่นสิ ให้แล้วนี่หว่า

   “กูไม่สน” คนแบบนี้ก็มีว่ะ และก่อนที่จะโต้ตอบกันไปมากกว่านี้ เสียงเหี้ยมๆ ก็ดังขึ้น ทำเอาทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาวะปกติสุขตามเดิม

   “หนวกหู เดี๋ยวกูแม่งถีบลงรถทั้งคู่ไอ้สัด”

   ให้ทายว่าใครเป็นเจ้าของประโยค....

   ปิ๊งป่องๆๆๆๆ แน่นอนว่าทุกคนต้องคิดว่าเป็นพี่จอมแหง แต่ไม่ใช่เลย คนพูดคือพี่ซัน เทพบุตรสุดใจดีของผมนั่นเอง คงฟิวขาดแล้วจริงๆ หรือปกติก็โหดแบบนี้วะ?

   “ใกล้ถึงหรือยัง” ถามคนขับที่มุ่งมั่นในการขับรถมาก สายตามองตรงอย่างเดียว

   “ใกล้แล้ว” พี่โชละสายตาจากถนนมาที่ผมแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปมองทางต่อ

   “ไม่รู้หลับไปตอนไหน” หัวเราะแห้งๆ ส่งไปให้ พี่โชยื่นมือมาขยี้หัวผมจนยุ่ง ก่อนขำออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินท้องผมร้อง

   “ตื่นมาก็หิวเลยนะ”

   “ก็วัยกำลังโต”

   “นี่ยังจะโตได้อีกเหรอ”

   เถียงไม่ออกเลยจริงๆ เพราะผมคงโตไปมากกว่านี้ไม่ได้ นอกจากอ้วน

   หลังจากทำอะไรไม่ได้ก็กินอย่างเดียว ขนมที่ซื้อมาผมก็เปิดกิน พลางแบ่งปันคนที่ขับรถด้วย พี่โชแม้จะล้อผม แต่ก็อ้าปากรับขนมกรุบกรอบที่ผมยื่นไปตรงหน้า ถ้าจะอ้วน ก็อ้วนไปด้วยกันนี่แหละวะ และไม่ถึงชั่วโมง รถตู้คันงามก็วิ่งเข้าจอดหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่ง บรรยากาศร่มรื่นมาก แต่ก็ได้กลิ่นเค็มอ่อนๆ ของทะเล ไม่ได้จมูกดีเหมือนหมาหรอกนะครับ แต่เพราะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าอยู่ไกลๆ

   “หน้าระรื่นเลยนะมึงไอ้กลอย” เสียงกระเซ้าเย้าแหย่จากไอ้ม่านไม่ทำให้ผมสลดได้ ในเมื่อผมเป็นอยู่จริงๆ ยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้วเนี่ย

   “มึงควรกราบกูด้วยซ้ำ ถ้ากูไม่อยากมา มึงก็ไม่ได้มา”

   “รอมึงบวชก่อน กูค่อยกราบ”

   “ไอ้...”

        ด่าแบบไร้เสียงเพราะเกรงใจบรรดาลูกค้าคนอื่นๆ ตอนนี้พวกเราทุกคนเช็คอินกันหมดแล้ว ห้องก็แล้วแต่ความสะดวกใจ พวกมีคู่ก็อยู่กันไป พวกมาคี่ก็รวมๆ กัน จนมาถึงห้องพัก ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูระเบียงเพื่อรับลมทะเล อยากได้ความสดชื่นมาเติมเต็มความเหนื่อย แต่เพียงแค่โผล่หน้าออกไปปุ๊บ ก็ต้องผลุบเข้าห้องแทบไม่ทัน ลมเย็นที่เฝ้ารอกลายเป็นลมร้อนตีเข้าหน้าจนแทบไหม้

   “แดดแบบนี้ ไม่อยากออกไปเลย” บ่นครับ พี่โชที่กำลังจัดของขำออกมาเสียงดัง “หิว”

   “ครับๆ ไม่เจอกันนาน บ่นเก่งขึ้นเยอะนะเราน่ะ” พี่โชขำออกมา มือก็กวักเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ บนเตียงนุ่มสีขาว ก่อนจะมีกล่องสี่เหลี่ยมสีสวยยื่นมาตรงหน้า “พี่ให้เป็นของขวัญสำหรับเรียนจบ”

   “อะไรอะ” ยื่นมือออกไปรับพลางจ้องหน้าคนให้ ถามว่าลุ้นไหม ก็มากอยู่ หัวใจตอนนี้ถูกเขย่านับริกเตอร์ไม่ได้ “นาฬิกา!?” ตาโตจนแทบทะลุออกจากเบ้า เป็นนาฬิกาเรือนหรู ยี่ห้อแสนแพงที่ผมเคยเล็งไว้เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งถ้าให้ผมซื้อคงต้องรอชาติหน้า “พี่โชให้กลอยจริงๆ เหรอ มันแพงนะ”

   “สำหรับกลอย ไม่มีอะไรแพง” แทบอยากมอบโล่แฟนดีเด่นสายเปย์แห่งปีให้

   “ต้องซึ้งใช่ป่ะ” แกล้งพูดขำๆ เพื่อให้น้ำตาที่คลอไหลย้อนกลับลงไป “แต่ให้ง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ”

   “ตอนแรกคิดจะให้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ก็...”

   “ก็อะไร?”

   “จะให้พี่พูดจริงๆ เหรอ”

   ตอนแรกไม่ได้มองหน้า เพราะเอาแต่ลูบคลำนาฬิกา แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็ต้องรีบส่ายหน้ารัวๆ หน้าพี่โชตอนนี้โคตรเจ้าเล่ห์ แถมรอยยิ้มก็ดูจะกรุ้มกริ่มจนไม่อยากได้ยินคำอธิบายอีก


   คิดต่างเชิญทางอื่น คิดหื่นต้องพี่โชคนเดียว นี่คือสโลแกนใหม่ประจำตัวพี่เขาล่ะ


   “ใส่ให้หน่อย”

   “ไม่ได้ใส่ให้กลอยเหรอ”

   “ไปเล่นมุกนอกระเบียงเลยไป”

   แล้วคนเล่นมุกแป้กก็หัวเราะจนตัวงอ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมพลางสวมนาฬิกาใส่ข้อมือให้ผม โคตรปลื้มใจ ไม่เคยคิด และไม่เคยคาดหวังด้วยว่าพี่โชจะซื้อของแพงมาให้ ที่จริง แค่เลี้ยงข้าวกระเพราหมูกรอบ ผมก็ดีใจสุดๆ แล้ว

   “พอดีข้อมือเลย” สวมเสร็จก็จับข้อมือผมพลิกไปมา

   “รู้ขนาดข้อมือกลอยได้ไง”

   “จับทุกวัน ไม่รู้ก็แปลก”

   “ทุกวันที่ไหน ไม่ได้จับมาตั้งหลายเดือน แล้วก็จะอีกหลายปี...”

   “ไหนบอกไม่ชอบดราม่าไง ขี้แยนะเรา” หน้ามุ่ยทันทีที่ถูกดึงเข้าไปกอด “ไปกินข้าวกัน พวกไอ้จอมคงรออยู่ข้างล่างแล้ว”
 
   “ขอบคุณสำหรับนาฬิกา” ผละออกมาแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่โชฟอดใหญ่ “แล้วก็ ขอบคุณที่พี่กลับมา” คราวนี้ขยับจากแก้มมากเป็นปากจ๊วบใหญ่

   “ถ้ามากกว่านี้ ข้าวอาจไม่ได้กินแล้วนะ”

   แล้วผมก็ต้องรีบดีดตัวออกห่างทันทีเมื่อมีมือมาลูบๆ วนๆ ที่ก้น พี่โชขำออกมาชุดใหญ่ ก่อนจะลุกไปหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนผมก็เดินตัวปลิวตามหลังออกจากห้อง พอลงมาด้านล่าง ก็เจอคนกลุ่มใหญ่นั่งโวยวายอยู่ที่สวนด้านนอก

   “ช้านะพวกมึง” พี่จอมบ่นเป็นคนแรกหลังจากผมกับพี่โชก้าวขาออกจากประตู

   “นั่นดิ่ พวกกูหิวจนท้องจะทะลุละ” พี่เบเสริมออกมา มือลูบท้องเป็นเครื่องยืนยันว่าหิว

   “มัวทำอะไรกันอยู่วะ” กำลังจะอ้าปากตอบคำถามพี่แทม แต่เจ้าตัวดันพูดขัดออกมาก่อน “หรือเอากัน?”

   “แค่ไม่กี่นาที เอากันได้เหรอพี่” ไอ้อัธโพล่งออกมา เรียกสายตาจากทุกคู่ “ผมหมายถึง มันต้องบิ้วอารมณ์ด้วยไง ปุ๊บปั๊บไม่น่าได้”

   “ได้ดิ่วะ ไอ้โชซะอย่าง อยากปุ๊บ จัดปั๊บ แป๊บเดียวรู้เรื่อง” พี่ซันพูดจบก็ยกมือแท็กกันกับพี่โชที่ยิ้มร่า

   เป็นบุคคลที่น่ากลัวกว่าที่คิดเยอะ พี่เทพบุตรสุดหล่อของไอ้กลอย     

   เมื่อทุกคนพร้อม เราก็ออกเดินทางไปหาข้าวมื้อเที่ยง ร้านที่เลือกก็เป็นร้านอาหารติดทะเล แต่ถึงอย่างนั้น ที่นั่งที่พวกเราเลือกก็เป็นด้านในของตัวร้าน ขืนเวลานี้ออกไปนั่งด้านนอก คงได้ไหม้เกรียมไปทั้งตัวแน่ และของที่สั่งมาก็เน้นอาหารทะเล เอาจริงนะ ผมว่าราคาร้านอาหารติดทะเล มันแพงกว่าร้านแถวบ้านอีก

   “ปูแม่งโคตรสดว่ะ” พี่แทมนั่งแกะ นั่งแงะปูจนเปลือกกองเต็มจานไปหมด

   “ผมก็ว่าดีนะพี่ เนื้อหวานมาก” ไอ้ม่านออกความเห็น โดยที่มือยังจับเนื้อปูเข้าปาก

   “หวานไม่เท่าความรักของมึงมั้งไอ้ห่าม่าน ดูแลดีจนพวกกูคิดว่ามึงเป็นง่อย” ไอ้กลอยและทุกคนถูกใจสิ่งนี้ครับ แล้วพวกเราก็พากันหัวเราะ แม้แต่ไอ้เม่นก็ยังขำไปด้วย มีแต่คนถูกล้อที่หน้าบึ้งเป็นตูด

   “รู้จักพามาเปิดตัวกับพี่กับพวกแบบนี้ค่อยดีหน่อย หลบๆ ซ่อนๆ เกิน” พี่ตินใช้หัวกุ้งชี้หน้าไอ้ม่านระหว่างพูด

   “กูว่า ไม่กล้าพามามากกว่า ต้องมาเจอโจทย์เก่า” แล้วทุกสายตาก็พุ่งมาที่ผมกับพี่โช

   “หมายถึงข้อสอบเหรอพี่”

   “ใช่ ตอบแบบนี้พอใจมึงไหมไอ้อัธ”

   บรรยากาศสีเทาจางหายทันทีที่ไอ้อัธเล่นมุกแป้ก เอาจริงๆ ก็รู้แหละว่าไอ้เม่นต้องอึดอัด แม้จะเคยไปเที่ยว ไปกินเหล้ากันมาบ้าง แต่การมาเที่ยวไกลๆ แบบนี้ แถมมีค้างคืนอีก มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ก็นะ ในเมื่อคบกับไอ้ม่านแล้วก็ต้องปรับตัวอยู่กับพวกเราให้ได้ อีกอย่าง พี่โชเป็นคนมีเหตุผลจะตาย แถมใจดีอีกต่างหาก

   “คืนนี้เอาไงวะ” พี่ซันเปิดประเด็นเรียกความสนใจจากทุกคน “เมาหรือว่าไง”

   “กูจองเรือไว้แล้ว” พี่โชรีบบอก “ประมาณหกโมงขึ้นเรือ”

   “ขึ้นเรือไปไหนเหรอ” ถามด้วยความสงสัย

   “ตกหมึกไง” ได้ยินปุ๊บ ผมรีบหันไปมองพี่จอมทันที วันที่ไปเมาคราวนั้น ผมพูดไว้ว่าอยากตกหมึก

   “พี่จอมบอกพี่โชเหรอ”

   “เปล่า”

   “อ่าว แล้ว?”

   “ก็คราวนั้น กลอยบอกพี่เองว่าอยากไปตกหมึกสักครั้ง”

   “กลอยบอกเหรอ”

   นั่นไง ความสมองปลาทองทำให้ผมจำคำพูดตัวเองไม่ได้ พยายามนั่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
 
   “ไอ้กลอย มึงนั่งคิดเฉยๆ ไม่มีใครว่า แต่ถ้าอยากอวดนาฬิกาละก็ เอาแขนวางพาดโต๊ะเลยเถอะ แสงมันสะท้อนมาเข้าหน้ากูไอ้เหี้ย” พี่จอมโวยวายออกมา หลังจากเห็นผมยกมือขึ้นลูบคาง

   “ใครอวด ผมไม่ได้อวด” เสียงสูงไปอีก มีคนรู้ทันด้วยว่ะ อุตส่าห์ทำแบบเนียนๆ

   “โหว นาฬิกาท่าจะแพง เมื่อเช้ากูยังไม่เห็นเลย” ไอ้ทูรีบยื่นหน้ามาดู ผมเลยถือโอกาสยกอวดไปตรงๆ “สวย”

   “ขี้อวดว่ะ กูก็มียังไม่เห็นอวดเลย” พี่แทมขัดทั้งที่เคี้ยวปลาหมึกทอดตุ้ยๆ

   “แล้วตกหมึกต้องเอาอะไรไปบ้างพี่” ไอ้อัธรีบเปลี่ยนเรื่อง พี่แทมเลยจิ๊จ๊ะในลำคอ “ต้องซื้อเบ็ดตกปลาป่ะ?”

   “เรือเขามีให้หมด” พี่โชตอบเรียบๆ ก่อนทุกคนจะสนใจอาหารมื้อเที่ยงต่อ กว่าจะอิ่มกันก็ปาไปค่อนบ่าย ไม่รู้กินหรือยัด ดีที่มื้อนี้แชร์กันออก ขืนมีเจ้ามือละก็ กระเป๋าแบนแน่นอน “เจอกันห้าโมงเย็นนะ”

   หลังจากอิ่มเสร็จก็กลับรีสอร์ท จากนั้นก็ถึงเวลาแยกย้าย ใครอยากไปไหนก็ตามสะดวก ส่วนผมกับพี่โชขอไปนอนก่อน พอหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ยิ่งมีแอร์เย็นฉ่ำด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ความเหนื่อยมันทำให้เราทั้งคู่นอนหลับได้อย่างง่ายดาย

.
.
.
.
(มีต่อด้านล่างค่ะ) >w<


   
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 30-04-2019 23:01:02

(ต่อจากด้านบน)

.
.
.


        กว่าจะตื่นก็ตอนที่มีเสียงโทรศัพท์เรียก ผมงัวเงียลุกขึ้นมานั่งขยี้ตา เห็นพี่โชควานหาโทรศัพท์ตัวเองมากดปิด คงตั้งปลุกไว้สินะ และพอมองออกไปนอกระเบียง ท้องฟ้ากำลังสาดแสงสีส้มเต็มทะเลทั้งผืน จนคนที่เพิ่งตื่นอย่างพี่โชรีบหยิบกล้องแล้วออกไปเก็บภาพความงามไว้ที่เป็นระลึก

   “สวยเนอะ” ผมเดินออกไปยืนข้างๆ พี่โชที่กำลังรัวชัตเตอร์ ก่อนตกใจที่อยู่ๆ เลนส์กล้องหันมาทางผมพร้อมกับเสียงกดดังแชะ “พี่โช ถ่ายไรเนี่ย”

   “ถ่ายกลอยไง” คนถ่ายรูปทีเผลอขำ ผมกำลังจะโวยวาย แต่พอเห็นรูปผ่านหน้าจอของกล้องถึงกับพูดไม่ออก “รูปดี”

   “ก็นายแบบหล่อ” ยืดนิดๆ มันสวยจริงครับ แม้หน้าผมจะเหวอๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่แสงมันสวยจริงๆ

   “กล้าพูดว่ะ”

   “แน่นอน” ยกหางตัวเองสุด ก่อนผมจะเดินกลับเข้าห้องเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาเก็บรูปบ้าง และไม่ลืมแอบถ่ายพี่โชขณะตั้งใจถ่ายรูปทะเล




   เมื่อเวลานัดมาถึง ผมกับพี่โชก็ลงไปด้านล่าง บรรดาพวกพี่แทมก็ทยอยมาเหมือนกัน คนช้าสุดคงเป็นพี่ซันกับพี่จอม ทั้งคู่ปั่นจักรยานกลับมาด้วยความเร่งรีบ มาถึงก็หอบกันใหญ่ และเมื่อพร้อม เราทุกคนก็มุ่งหน้าไปท่าเรือที่พี่โชไปจองไว้...ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

   “วันนี้เราจะได้ปลาหมึกไหมลุง” พี่แทมถามด้วยความอยากรู้

   “ก็ไม่แน่นะครับ อาจจะได้” ลุงเจ้าของเรือตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ กลัวออกตัวแรงแล้วไม่เจอ 

   “ได้หรือไม่ได้ก็ช่างมัน อย่างน้อยก็ได้มา” พี่ตินปิดท้ายก่อนเราจะพากันลงเรือ

   เรือออกไปตกหมึกก็เป็นเรือหาปลาของชาวประมง อุปกรณ์ทุกอย่างครบครันไปหมด มีเบ็ด มีเหยื่อ รวมทั้งมีเครื่องปรุงรสและน้ำจิ้ม ผมถามลุงเจ้าของเรือแล้ว ลุงแกบอกว่า เผื่ออยากกินแบบสดๆ ซึ่งมันก็น่าลองมาก

   “อ่ะ เอาไป” ระหว่างนั่งโต้คลื่นไปยังจุดจอดเรือ พี่แทมก็ยื่นถุงพลาสติกใบกลางมาให้

   “เอามาให้ผมทำไม?” งงสิครับ อยู่ๆ ก็ยื่นมาให้ แถมคนให้ก็กำลังใช้หูของถุงคล้องไปที่หูตัวเองทั้งสองข้าง “พี่แทมทำอะไร”

   “ถุงอ้วกไงไอ้ห่า” พูดจบก็ถูกทุกคนหัวเราะเยาะใส่ “ไม่ต้องมาหัวเราะกู รอดูเถอะ มีอ้วกแน่พวกมึงน่ะ”

   “มึงคนเดียวละมั้งที่เมาเรือ กูไม่เห็นใครจะมีอาการ” ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่เบว่าจริงๆ ทุกคนยังปกติดีอยู่ทั้งนั้น...

   “ก็ตามใจมึง แต่อย่ามาขอถุงกูทีหลังนะ แล้วมึงจะเอาไหมไอ้กลอย”

   “เอาก็ได้” กันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย

   “เชื่อกูแล้วจะดี” พูดจบก็เดินเซๆ ไปนั่ง ก่อนควักยาดมยัดจมูกตัวเอง สภาพโคตรตลก แต่พี่แทมแม่งโคตรเตรียมพร้อมจริงๆ นะครับ มีพกถุงกันอ้วกด้วย

   หลังจากนั้นไม่นาน อาการที่พี่แทมบอกก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเรือที่เรานั่งมาจอดหยุดอยู่กับที่ แรงคลื่นในทะเลทำให้เรือโคลงไปมา เสียงลมหวีดดังแข่งกับเสียงโอ้กอ้ากของคนบนเรือ หนึ่งในนั้นก็คือผมเอง ขนาดพี่โชพาไปนั่งตรงที่มีลมตีหน้าแล้วนะ ยังไม่ไหวเลยให้ตาย

   “อ้วกแล้วดีขึ้นไหม” พี่โชถาม มือคอยลูบหลังผมอยู่ตลอด

   “ดีขึ้นมั้ง” ตอบแบบเบลอๆ หลังจากอ้วกอาหารมื้อเที่ยงจนหมดกระเพาะ ความรู้สึกตอนนี้ เหมือนมีอะไรมาบีบหัวอยู่ตลอด ตาก็ลาย ยาดมไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ “กลับเลยได้ป่ะ ไม่อยากอยู่แล้ว”

   “ไม่อยากอยู่ก็ต้องอยู่ เพราะกูยังไม่ได้ปลาหมึก” พี่จอมหันมาบอกผมเสียงเข้ม มือขาวๆ นั่นคอยชักเบ็ดให้เหยื่อขยับ เป็นการล่อให้ปลาหมึกมางับนั่นเอง 

   หากรู้ว่า การมาตกหมึกจะมีอาการทรมานแบบนี้ ผมจะไม่มาเลย ทำไมภาพที่ผมดู มันน่าสนุกวะ ตอนดูรายการต่างๆ ที่พามาตกหมึก พวกเขาดูมีความสุข เฮฮา ไม่เห็นมีใครมีอาการแบบนี้ หรือผมจะอ่อนแอเลยแพ้วะ

   “เชี่ยเอ้ย แผ่นดินไหวหรือเปล่าวะเนี่ย” พี่แทมพูดออกมาหลังจากอ้วกเป็นรอบที่สอง

   หายซ่าไปเยอะ สงสารพี่เขานะครับ

   “แผ่นดินไหวบ้านมึงสิ เราอยู่ในทะเล” ตอนแรกเห็นพี่ตินเตรียมจะฟาดเข้าหัวเพื่อนตัวเอง แต่คงนึกได้ว่า ฟาดไปแล้ว พี่แทมอาจน็อคได้ เลยกลับไปลูบหลังตามเดิม

   “แผ่นดินไหว แต่ผมไม่ไหวว่ะพี่ เหมือนจะตายเลย” ไอ้ม่านถึงกับน้ำตาไหลในความทรมาน

   “เมาเรือมันเป็นแบบนี้นี่เอง” ไอ้ทูก็เอาด้วย มันผุดลุก ผุดนอน ผุดนั่ง สลับไปมา เพราะเวียนศีรษะ จนพี่เบต้องคอยห้ามไม่ให้มันขยับตัว

        จังหวะที่คนเมาเรือพากันบ่นกันขรม มีอยู่คนหนึ่งกำลังใจจด ใจจ่ออยู่ที่ผืนน้ำ เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังรอคอย ไม่นานก็...

   “เชี่ย กูได้แล้ว อ่าวเฮ้ย” อยู่ๆ พี่โชที่นิ่งเงียบไปนานก็ร้องขึ้น พลางลุกยืนเมื่อปลาหมึกติดเบ็ด แต่พี่เขาคงลืมนึกไปว่าผมพิงไหล่อยู่  ลุกปุ๊บ ผมก็ล้มคว่ำสิครับ ล้มจนหัวโขกกับที่นั่งดังโป้ก ดาวขึ้นตาเลย “พี่ขอโทษ เจ็บไหม”

   “เจ็บนิดหน่อย ค่อนไปทางมาก” ยังดีที่สนใจผมมากกว่าปลาหมึก 

   “ยังทำตลกอีก” 

   พี่โชลูบหน้า ลูบหัวผมใหญ่ คงรู้สึกผิดจริงๆ ก็นะ เสียงหัวโขกกับที่นั่งดังออกอย่างนั้น ขนาดพี่จอมที่นั่งอยู่ห่างไกลยังได้ยิน พอเห็นผมไม่เป็นอะไรมาก พี่โชก็หันไปสนใจปลาหมึกที่ฝากลุงเจ้าของเรือถือต่อ ไอ้กลอยขอน้อยใจได้ไหม ในฐานะคนที่อิจฉาปลาหมึกก็ได้ แต่ก็ไม่นานเมื่อมีปลาหมึกสดๆ หั่นเป็นท่อนๆ ใส่จานมาให้ พร้อมน้ำจิ้มสีแดงยื่นมาตรงกลางวง 

   “มานี่ๆ กูอยากลอง” พี่แทมที่นั่งพิงเสาเรือกวักเรียกคนถือ คงลุกไม่ไหวจริงๆ พี่โชขำสภาพเพื่อนตัวเองแต่ก็ยอมเดินไปหา ทันทีที่คนเมาเรือได้ลอง สีหน้า ท่าทางก็ดีขึ้นมาทันที ดวงตาเป็นประกายแข่งกับแสงสีเขียวในน้ำเลย “กรึบๆ แต่อร่อยว่ะ”

   “ตอแหลหรือเปล่าวะ” พี่ตินลุกจากที่นั่งตัวเองมา มือก็ยื่นไปหยิบปลาหมึกเข้าปากบ้าง “เจ๋งสัด อย่างกับกินอ็อคโทพุส”

   “ก็มันเป็นปลาหมึก!” แทบจะทุกคนที่พูดประโยคนี้ พี่ตินตีหน้าซื่อหยิบปลาหมึกกินต่อ แต่หูแดงนะครับนั่น คงอาย 

   “ผมรู้ ว่าพี่อยากเล่นมุก” พูดพลางยกนิ้วให้พี่ติน แม้จะกลั้นขำสุดชีวิตก็ตาม

   “กูโง่จริงไอ้ห่ากลอย” แล้วพี่ตินก็เดินหนีไป ตอนนั้นแหละ ที่ทุกคนปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างเต็มเสียง ขนาดพี่ๆ ลุงๆ เจ้าของเรือยังขำ

   “คนไม่รู้ ย่อมไม่ผิดนะพี่” ไอ้อัธพยายามจะช่วย แต่พี่ตินยกมือปิดหู

   “อย่ามาช่วยกู เพราะกูอายไอ้เหี้ย”

   “คู่ซี้กูไปซะแล้ว” พี่แทมส่ายหัวอย่างขำ คงอยากช่วยเหมือนกัน แต่สมองทำงานได้ไม่เยอะ เนื่องจากอาการเมาเรือ
   
   เสียงเฮดังอีกรอบเมื่อพี่จอมบอกว่าได้ปลาหมึก พร้อมๆ กับพี่ตินที่สาวคันเบ็ดยิกๆ ไม่นานก็มีปลาหมึกในจานเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังหมดไวราวกับมันหายตัวได้ หลังจากทุกคนได้ลองก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย แม้รสชาติมันต่างจากตอนสุก แต่ก็อร่อยดี จากที่คิดว่าน่าจะมีกลิ่นคาว กลับไม่รู้สึก และด้วยความอร่อยนั่นเอง ก็ทำให้พี่แทมต่อสู้กับอาการเมาเรือลุกไปตกหมึก


   ใจสู้ แม้ร่างกายจะไม่ไหว ไอ้กลอยนับถือ


   และถือว่าเป็นโชคดีของพวกเราก็ว่าได้ เมื่อลุงเจ้าของเรือเล่าว่า ไม่บ่อยที่นักท่องเที่ยวจะตกหมึกได้เยอะขนาดนี้ ปกติสองสามตัวก็กินเวลาหลายชั่วโมง แต่พวกเราได้เป็นสิบ ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ ก็กลับเข้าฝั่ง ส่วนปลาหมึกที่ได้ก็ถูกจัดการตั้งแต่บนเรือ ไม่เหลือรอดกลับเข้าฝั่งด้วยสักตัว

   “ไปไหนต่อวะ” พี่ตินถาม หลังจากขึ้นฝั่ง

   “ตลาดโต้รุ่งไหม กูหิวว่ะ” พี่จอมว่า

   “ปลาหมึกเมื่อกี้ไม่อิ่มเหรอพี่” ไอ้อัธขัดคนหิว ก็จริงอย่างไอ้อัธมันพูด พี่จอมกินปลาหมึกคนเดียวเป็นตัวๆ สายโหดของจริง

   “แค่นั้นไม่ได้เศษเสี้ยวในกระเพาะกูหรอก” นี่ก็เห็นด้วยกับพี่จอมอีก เพราะเป็นคนกินจุอยู่แล้ว นี่ขนาดลดลงมามากแล้วนะ “ว่าไง ใครไปบ้าง”

   “กูไม่ไปว่ะ ไอ้ทูน่าจะไม่ไหว” พี่เบรีบออกตัว ตอนนี้พี่เขากำลังแบกเพื่อนผมอยู่บนหลัง ซึ่งไม่ต่างจากไอ้เม่นที่ประคองไอ้ม่านไว้ไม่ให้ล้ม สงสัยอยากแบกเหมือนกัน แต่ไอ้ม่านขัดขืน ต่อหน้าก็แบบนี้แหละ ลับหลังใครจะไปรู้

   “งั้นก็ ตามนี้ ใครไปก็ไป ใครไม่ไปก็กลับที่พัก โอเค?”

   “ตามนั้นเพื่อนจอม”

   “ขึ้นฝั่งแล้วปากดีนะมึงไอ้แทม”

   “ในน้ำอาจแพ้ แต่บนบก กูของจริงครับ...อ่าวพวกมึง รอกูด้วย ปล่อยให้กูพล่ามอยู่คนเดียว สัด”

   นั่นแหละครับ คนไม่ไปมีสี่โดยจ้างรถรับจ้างไปส่งกลับ ส่วนที่เหลือคือบุกตลาดโต้รุ่ง ผมเดินไป ดมยาดมไป ถามว่าดีขึ้นไหม ก็ดี แต่ถามว่าไหวไม่ ก็ไม่ สรุป ความหิวชนะทุกสิ่งนั่นเอง (มันเกี่ยวกันตรงไหนวะ) พวกเราทั้งหมดนั่งรถของรีสอร์ทมาจนถึงตลาดโต้รุ่งที่ทั้งของและคนเยอะมาก แต่ที่ดึงดูดพวกผมมากที่สุด คือกลิ่นหอมของร้านขายของกินต่างๆ ที่เริ่มทำให้ท้องร้อง

        “ซื้อเสร็จแล้วมาเจอกันตรงนี้นะเว้ย” นัดแนะสถานที่เสร็จก็แยกย้ายกันเดิน

        ตอนแรกที่ถึงคือเดินด้วยกันหมด แต่เสียงโวยวาย หน้าตา ความสูงที่โดดเด่นของทุกคนนั้น ได้เรียกสายตาของชาวบ้านชาว เมืองเขาเยอะเกินไปหน่อย เลยตกลงว่าแยกกันเดินน่าจะดีกว่า เป้าสังเกตจะได้ลดน้อยลง ตอนแยกกัน ผมแอบได้ยินป้าขายน้ำปั่นกระซิบกันว่า พวกพี่โชอาจจะเป็นนักร้อง ดารา นักแสดงหรืออะไรสักอย่าง เพราะความหล่อเด่นเกินหน้ากันขนาดนี้ ผมว่า ไม่คิดก็คงแปลกล่ะ ขนาดผมที่มองหน้าพี่โชทุกวัน ยังคิดว่าหล่อเลย (เรื่องอวยแฟนของให้บอก ไอ้กลอยถนัดนัก) ผมเดินตีคู่กับพี่โช เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ซื้อขนมติดไม้ ติดมือมาเต็ม 

   “อยากกินข้าวโพดปิ้ง” เดินผ่านแล้วกลิ่นมันยั่วยวนชวนให้เลี้ยวเข้าร้านสุด ผมชี้นิ้วเลือกข้าวโพดสีเหลืองที่ถูกปิ้งบนเตาจนมีรอยไหม้ “เอาไม้นึงครับ” บอกเสร็จ พี่โชก็ยื่นเงินให้ ป้าคนขายถึงกับมองแล้วยิ้มเขิน 

   ขอหึงได้ไหมเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกร้านที่เข้าเลย

   “อร่อยไหม” คนจ่ายเงินถาม ขณะผมกำลังกัดข้าวโพดปิ้ง

   “หวานมาก” ตอบทั้งที่ของกินยังเต็มปาก

   “หวานเหรอ?” พอพี่โชไม่เชื่อ ผมก็ยื่นให้กัดดู “เหมือนราดน้ำเชื่อมเลยว่ะ” พี่โชถึงกับคายส่วนที่กัดไปใส่ถุงของกินที่หมด สำหรับคนติดหวานแบบผม มันก็อร่อยดี แต่พี่โชไม่ค่อยชอบหวานแบบเลี่ยน

   “ก็เมื่อกี้เห็นป้าเขาเอาจุ่มน้ำเหนียวๆ ด้วย พี่โชๆ ซื้อผัดไทย” 

   “ยังจะซื้อเพิ่มอีกเหรอ”

   พี่โชยกถุงในมือพลางพูดขัด แต่ก็เท่านั้น ในเมื่อผมเดินนำเข้าร้านขายผัดไทแล้ว พอยืนหน้าร้านปุ๊บ สาวฝรั่งตาสีฟ้าก็หันมามองแล้วยิ้มให้พี่โชปั๊บ หมดอารมณ์จะกินเลย

   “ไม่อยากกินแล้ว” ยื่นหน้าไปกระซิบพี่โชเบาๆ กลัวโดนคนขายด่าเพราะเพิ่งสั่งไป พี่โชย่นคิ้วมองอย่างงงๆ จนผมบอกเหตุผลไป ว่าทำไมถึงไม่อยากกิน “มองพี่โชทั้งร้านเลย ไม่ชอบ หึง” พูดจบพี่โชถึงกับหลุดขำออกมา ก่อนพี่แกจะยกแขนขึ้นพาดคอผม พลางยื่นหน้ามากระซิบชิดใบหู

   “แบบนี้คงไม่มีคนมองแล้วมั้ง”

   “มากกว่าเดิมน่ะสิ”

   จริงๆ ครับ คนมองมากกว่าเดิมอีก แถมยังซุบซิบนินทาด้วย แต่คนข้างตัวผมกลับไม่สนใจสักนิด จนผัดไทที่สั่งได้ เราก็เดินออกมา คราวนี้ได้ยินเต็มสองรูหูเลยว่า...เสียดาย

   ผมก็เสียดายเหมือนกันครับ เสียดายที่ทุกคนไม่ได้พี่โชไป ก็เพราะ...พี่เขารักผมครับ (ขอยืดหน่อย)

   “อยากกินหรืออยากซื้ออะไรอีกไหม เราน่ะ”

   “ขอเดินดูก่อน”
   
   ตอบไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่ม แค่ที่ถืออยู่ในมือ คืนนี้ก็คงกินไม่หมด เราทั้งคู่เดินดูของไปสักพักก็เริ่มเมื่อย แถมเริ่มจุกด้วย สงสัยจะกินมากเกินไป ดังนั้นผมกับพี่โชเลยตกลงว่าจะกลับไปที่จุดนัดพบ เพราะอยากนั่งพักขา แต่พอมาถึง กลับเจอไอ้อัธนั่งจิ้มปลาหมึกย่างรออยู่ก่อนแล้ว

   “ไงมึง ไม่มีคนคบเหรอ ถึงมานั่งอยู่คนเดียว” ถามพลางอ้าปากรอกินปลาหมึกที่ไอ้อัธกำลังจิ้มจะเข้าปาก ตอนแรกเหมือนจะเอาให้ผม แต่สุดท้ายก็วกเอาเข้าปากตัวเองเฉย

   กวนตีนมาก ณ.จุดนี้

   จากนั้นผมก็ปล่อยให้พี่โชกับไอ้อัธคุยกัน ส่วนตัวเองก็มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา หลายสายตามองมาที่พวกเรานั่งอยู่ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะมองไปที่สองหนุ่มที่คุยกันมากกว่า คือแบบ พี่ๆ น้องๆ ป้าๆ น้าๆ ครับ มองมาที่ไอ้กลอยสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้บ้าง ถามจริง ผมหล่อน้อยกว่าไอ้อัธแล้วก็พี่โชตรงไหน นึกค่อนขอดอยู่ไม่นานพวกที่เดินซื้อของก็กลับมา ช้าสุดก็คู่เดิมเลย พี่จอมกับพี่ซัน ที่ตอนนี้ในมือมีถุงจนล้น ผมว่าผมซื้อเยอะแล้วนะ ต้องยอมกระเพาะของพี่จอมจริงๆ

   “พี่ซื้อมาเยอะขนาดนี้ จะกินหมดเหรอวะ” ถามด้วยความอยากรู้ 

   “ระดับกูไม่เหลือแน่นอน” พี่จอมยิ้มร่าตอบ ไม่สนสายตานิ่งๆ ของพี่ซันที่กำลังมองไป “กลับกันเถอะ กูปวดตีน”

   “ผมปวดตูด”

   “ถูกไอ้โชจัดมาละสิ”

   “นั่งรอพวกพี่ต่างหากเว้ย แม่ง”

   หน้าร้อนไปอีก ไอ้อัธขำจนตัวโยก ส่วนพี่โชเอาแต่ยิ้มไม่ช่วยหรือพูดอะไรสักนิด พึ่งพาได้สักคนไหมเนี่ย โว้ย

   พวกเรานั่งรถตู้มาจนถึงรีสอร์ทก็ถึงเวลาแยกย้ายกับเข้าห้องพัก ผมเดินตามพี่โชไปอย่างเอื่อยๆ เพราะแน่นท้อง แม้จะแวะซื้อมาลดกรดมาแล้ว แต่ก็ต้องรอเข้าห้องก่อนถึงจะกินได้ และพอเข้าห้องได้ สิ่งแรกที่ทำคือกินยา เกือบกรอกเข้าปากอยู่แล้ว หากพี่โชไม่ดึงแขนเอาไว้

   “อยากให้ยาฟูมปากออกมาเหรอ”

   “ลืมไป”

   หัวเราะแห้งๆ ส่งให้ ก่อนเทน้ำใส่แก้วแล้วค่อยเทยาตามลงไป คนจนยาละลายถึงยกเข้าปาก ส่วนพี่โชก็ขอเข้าไปอาบน้ำก่อน เพราะรู้สึกเหนียวตัว ช่วงที่รอคนอาบน้ำ ผมก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ จนคนในห้องน้ำเดินออกมา

   “ตัวหอมหรือยัง” ถามกวนไปงั้น แต่พี่โชก็เดินมาตรงหน้า แล้วยื่นมือมาดันหัวผมเข้าไปชิดกับหน้าท้องแข็งๆ “ทำไรเนี่ย”

   “ก็ให้ดมไง ว่าหอมไหม” น้ำเสียงโคตรกวนเลยขอบอก แต่แกล้งมาแบบนี้ มีเหรอที่ผมจะยอม “เป็นหมาเหรอ” ถูกถามก็เพราะผมงับเข้าท้องพี่โช แม้จะมีเสื้อคลุมอาบน้ำก็ตาม

   “ล็อตไวเลอด้วย”

   “ล็อตไวเลอร์? พี่ว่าพุดเดิ้ลก็พอมั้ง” อื่อหือ โคตรดูหมิ่น เหยียดหยามไอ้กลอยมาก “ไหนลองเห่าซิ”

   “โฮ่งๆ พอใจไหม” พี่โชหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากผมประชดด้วยการเห่า “ไปอาบน้ำดีกว่า ไม่อยากพูดกับคนนิสัยไม่ดี”

   “หมายถึงพี่เหรอ?”

   “กลอยมั้ง”

   “อ่าว รู้ตัวเองด้วย”

   แล้วผมก็ยกขาเตะเข้าปลีน่องพี่โชไป ก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำจนเกือบลื่น แต่ก็หลบขายาวๆ ของพี่โชที่ยื่นมาได้ทัน ถ้าไม่ทัน มีล้มอะบอกเลย กับฉายาตีนโหด ยังจำได้ ไม่มีวันลืมเลือน...คอยเตือนตัวเองไว้

   ใช้เวลาอาบไม่ถึงสิบนาทีก็คลุมผ้าออกมา เห็นพี่โชสวมเสื้อยืดกางเกงบอลนอนหลับอยู่บนเตียง ขนาดผมเรียกยังไม่ตอบรับ สงสัยจะหลับไปแล้วจริงๆ ผมจัดการเก็บของกินใส่ตู้เย็น ปิดไฟแล้วคลานขึ้นเตียง ใจจริงอยากกอดคนที่นอนหลับ แต่กลัวว่าจะเป็นการปลุกให้ตื่น เลยเลือกที่จะนอนห่างๆ แทน จังหวะที่ตาปรือ รู้สึกถึงแรงสะกิดแขนเบาๆ

   “ขยับมา” เสียงพูดเบาบาง แต่เพราะความเงียบทำให้ได้ยินชัด

   “หลับแล้วไม่ใช่เหรอ”

   “หลับแล้ว”

   พี่โชหลับ แล้วใครพูดวะ ขนลุกแล้วเนี่ย ห้องก็มืดด้วย

   “พี่โชพูดเหรอ” รีบถามเพราะสมองกำลังจินตนาการเรื่องน่ากลัว อยู่ๆ ก็มีเสียงขำขึ้นมา จนผมต้องรีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมหัว โดนของดีเข้าแล้วไอ้กลอย ยิ่งไปกว่านั้น ผมรับรู้ได้ถึงแรงยุบของเตียง ก่อนจะมีอะไรมารัดตัวจนแน่น อำ! โดนผีอำแน่ๆ ขยับไม่ได้ หายใจไม่ออกด้วย

   “พี่เอง ไม่ใช่ผี” น้ำเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้น ลดความวิตกและความคิดน่ากลัวๆ ไปจนเกือบหมด แต่ก็ยังคงเหลือไว้นิดๆ จนผมต้องโผเข้ากอดพี่โชแน่น “กลัวผีเหรอ” ไม่ตอบ แต่เลือกที่จะซุกหน้ากับอกแน่นแทน พี่โชขำเบาๆ พลางกระชับกอดตัวผมเอาไว้ มือใหญ่คอยลูบศีรษะเพื่อปลอบ “พี่อยู่ตรงนี้ ไม่ยอมให้ผีหรือคนมายุ่งกับกลอยหรอก นอนนะครับ”

   “กลอยโคตรรักพี่โช”

   “พี่รู้” แล้วพี่โชก็หอมหัวผมไปฟอดหนึ่ง “หัวเหม็นว่ะ”

   “เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยสระ”

   “พรุ่งนี้สระไม่มีอยู่จริง”

   “รู้ทันตลอด”

   “ดึกแล้ว นอนเถอะ หรือให้พี่ตบตูดกล่อมด้วย?”

   “นอนเฉยๆ นี่แหละ ฝันดีครับพี่โช”

   “ฝันดีครับ น้องกลอยใจ”

   ก็อย่างที่เคยบอก กลิ่นหอมจากตัวของพี่โชนั้น ยิ่งกว่ายานอนหลับ ยิ่งกว่าการอ่านหนังสือ เพราะอยู่ใกล้ทีไร รู้สึกถึงความสบายใจและความปลอดภัย มันทำให้ผมจมดิ่งอยู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย


   “อยู่กับกลอยไปนานๆ นะ”


...TBC

มาแล้วค่าาาา พากลอยไปเที่ยวว ก่อนพี่โชจะลาไปอีก เราต้องเก็บเกี่ยวความสุขไว้ก่อน

ตอนนี้อาจยาวไปสักหน่อย ตอนแรกว่าจะแบ่งเป็น จุดหนึ่ง จุดสอง แต่ลงรวดเดียวเลยดีกว่า จะได้ไม่ติดขัด

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า อยู่กันไปแบบนี้จนกว่าพี่โชกับกลอยจะจบนะคะ

รักกกกกก (ส่งมินิฮาร์ททึ) >w<
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-04-2019 23:34:14
ตาลุกเป็นไฟ​
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-05-2019 00:23:25
ให้กลอยไปกับพี่โชด้วยได้มั้ยอ่าาาา พอพี่โชไม่อยู่ กลอยหงอยทุกทีเลย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-05-2019 00:24:01
ทำไมพี่โชอบอุ่นมากเลยอิจฉากลอยปะเกรียนอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 01-05-2019 00:53:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:อิจฉากลอยวุ้ยยยยยหลัวรักหลัวหลง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-05-2019 02:12:24
น่ารัก o18
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-05-2019 10:24:21
อบอุ่นจริงๆ เที่ยวเป็นหมู่คณะ ตอนนี้อิจฉาน้องเกรียนสุดๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 01-05-2019 10:50:34
มีที่ไหนอีกไหม คนแบบพี่โชว์รักเมีย เปย์เมียหนักมาก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-05-2019 11:02:43
ชอบบบบบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบยกแก๊งเลย   :mew1: :mew1: :mew1:
จะได้เห็นแฟนอัธมั้ยนะ :z3:

พี่โช  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-05-2019 12:49:21
อยากให้พี่โชเรียนจบเร็วๆ สงสารนังกลอย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-05-2019 20:35:22
พี่โชหนีบกลอยไปด้วย..ยยยยยย    :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 02-05-2019 13:23:37
น่ารักอ่ะ..
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-05-2019 15:24:35
อิจฉาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-05-2019 20:30:26
ตลกกลอยใจ คนดีของพี่โช ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้
จะยอมทำใจห่างไปไกล ก็ทำใจได้ยากอีกแน่เลย

อยากหิ้วกลอยใส่กระเป๋าโชไปด้วยเลยจ้า
ถ้าแยกกันอีก ก็จะสงสารกลอยมาก

ชอบความชัดเจนของโช รักมาก ห่วง หวง มาก
มีความเอาคืนแทนน้องด้วย คนดีของกลอย

กลับมารอบนี้ ตามใจน้องหนักมากจ้า

เอ็นดูคงามเมาเรือของแต่ละคน แต่เรื่องกินก็สู้ยิ่งกว่าอีก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-05-2019 14:38:28
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-05-2019 20:41:43

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 22





        ก่อนนอนเมื่อคืน ผมได้ตกลงกับพี่โชไว้แล้วว่า เราจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นริมชายหาด เพราะอยากเก็บบรรยากาศและความอบอุ่นก่อนที่พี่โชจะต้องไปอีก และก็เป็นแบบนั้น เมื่อนาฬิกาในโทรศัพท์ดังปุ๊บ ผมกับพี่โชก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปนั่งที่ชายหาด

   เวลานี้ภาพด้านหน้ายังคงมืดสนิท มีเพียงเสียงลมซัดคลื่นเข้าฝั่งฟังดูน่ากลัว ถ้ามีซาวน์เพลงเกี่ยวกับผีนี่โคตรเข้ากันเลย เห็นภาพตรงหน้าแบบนี้แล้ว ก็พาลย้อนไปนึกถึงละคร ที่แม่ผมติดสมัยก่อนนู้น ผมจำได้เลาๆ ว่า มีละครเกี่ยวกับผีปะการังอะไรสักอย่างที่ปรากฏตัวอยู่กลางทะเล ก่อนผีนั่นจะเดินลากชุดเดรสสีดำยาวขึ้นมาบนชายหาด เพื่อมาตามของกลับไป แม้จะจำเรื่องราวได้ไม่มาก แต่รู้ว่ามันน่ากลัว มันทำให้ผมไม่อยากมาทะเลอยู่หลายปี

   “พี่โชว่า ทะเลมีผีไหม”

   “ไม่รู้สิ”

   “แต่กลอยว่ามี เห็นป่ะ แค่พูดยังขนลุกเลย” ว่าแล้วก็ยื่นแขนไปให้ดูเป็นหลักฐาน

   “ขนลุกเพราะปวดขี้หรือเปล่า เมื่อคืนไม่ได้ขี้นี่” แล้วความน่ากลัวก็หมดไป เมื่อได้ยินประโยคนี้ แต่มันก็จริง เมื่อคืนผมคงจะรีบเข้านอน เลยไม่ได้ทำธุระหนัก “ไอ้กลอยเอ้ย” คงเห็นผมนิ่งไป พี่โชเลยขำ มือใหญ่ดันศีรษะผมให้พิงไหล่ของตัวเอง “รออีกหน่อย เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมา”

   “อื่อ กลอยจะรอ แต่ถ้านานมากจะไปหาคนอื่นแล้วนะ”

   “ก็ลองดู”

   น้ำเสียงพี่โชตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าผีปะการังซะอีก

   “พูดเล่นน่า ใครจะกล้า มีแฟนดีแบบนี้อยู่ทั้งคน ทิ้งไปก็โง่แล้ว”

   “อ้อนเก่ง”


   ผมยิ้มกว้างกอดแขนของพี่โชแน่น อยากซึมซับความอบอุ่นแบบนี้ไว้ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนมีค่า ทุกนาที ทุกวินาที ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องมีความสุข

        ...แต่

   “เชี่ยเอ้ย เหน็บแดกขากู”

   “ยุงโคตรเยอะ ไหนมึงบอกมีลมจะไม่มียุงไง หลอกกูเหรอไอ้สัด”

   “ใครจะไปรู้ละพี่ ว่ายุงที่ทะเลชอบโต้ลม”

   “กวนตีนกูไอ้เชี่ยอัธ”

   “ซัน กูว่าเราไปนอนเถอะ พระอาทิตย์ขึ้นดูเมื่อไหร่ก็ได้ กูง่วง”

   “กูเห็นด้วยกับไอ้จอม เมื่อคืนดวลกับไอ้เชี่ยเบเกือบสว่าง”

   “พวกพี่ทำให้ผมไม่ได้นอน เสียงดังเกิน”

   “แล้วทำไมมึงไม่ไปนอนห้องไอ้ม่าน”

   “โธ่ พี่ ผมไม่อยากไปเป็น กขคงจฉ คู่มัน เชี่ย ถีบเอวกูทำไมไอ้สัดม่าน”

   “มึงจะได้หุบปาก”

   และ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ

   ทุกอย่างที่ผมกับพี่โชคิดและวางแผนไว้นั้น มันเกือบจะดีอยู่แล้ว เกือบ มันแค่เกือบ...

   “พวกมึงกลับไปทั้งหมดเลยไป หนวกหูสัด!” พี่โชคงทนไม่ไหว ตะโกนด่าเลยครับ แต่คิดเหรอ ว่าคนกลุ่มนั้นจะสนใจ ทุกคนแค่เพียงหยุดคุยพร้อมปรายตามองมา ก่อนหันกลับไปคุยกันต่อเหมือนเดิม

   บางทีการมาเป็นกลุ่มก็ไม่ได้ดีเสมอไปนะครับ ไอ้กลอยบอกเลย

   เมื่อพวกนั้นไม่ใส่ใจ เราสองคนเลยเลือกจะเป็นฝ่ายไปเอง พี่โชดึงให้ผมลุกพลางก้มเก็บเสื่อขึ้นมาจากพื้นทราย ก่อนจะเดินจูงมือผมไปนั่งไกลจากจุดเดิมประมาณสามร้อยเมตร คงหัวเสียจริงๆ ก็นะ เวลาที่จะอยู่ด้วยกันมันน้อยลงทุกวันนี่นา เดี๋ยวก็ต้องห่างกันอีก

   นึกถึงแล้วน้ำตาจะไหล...เปล่าซึ้ง แต่ทรายเข้าตา พี่โชสะบัดเสื่อแรงไปหน่อย เศษทรายปลิวเข้าตาจนผมต้องโวยวาย เกือบชวดการดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วไหมล่ะ

   “ยังอยากไปตกหมึกอีกไหม” อยู่ๆ พี่โชก็พูดขึ้น มีเจือเสียงขำด้วย ล้อผมอยู่แน่ๆ

   “ก็อยากนะ แต่ไม่ชอบเมาเรือ” ผมถึงกับต้องกินยาแก้เมารถเลยนะครับ ไอ้ทู ไอ้ม่านก็ไม่ต่างจากผม แต่พี่แทมดวลเหล้าแก้เมาเรือ (พี่แกบอกแบบนี้) กับพวกพี่เบ พี่ตินทั้งคืน ยอมใจจริงๆ “ว่าแต่ พี่โชรู้ได้ไงว่ากลอยอยากตกหมึก” ในเมื่อพี่จอมไม่ได้บอก

   “นึกให้ออกสิ” คนพูดเหม่อมองไปยังพื้นน้ำทะเล ที่ตอนนี้เริ่มเห็นแสงส้มอยู่รำไร ตรงระหว่างเส้นขอบฟ้ากับขอบน้ำ

   “นึกเหรอ...” ตอนนี้คิ้วผมเกือบผูกเป็นโบว์ คิดแล้วคิดอีก ยิ่งคิดก็คิดไม่ออก จนหางตาเห็นอะไรบางอย่าง ทำให้ผมรีบหันไปมอง “จำได้แล้ว”

   “อะไร?”

   “ก็ที่หาดทรายนี่ไง” พี่โชละสายตาจากภาพความสวยตรงหน้า เพื่อหันมามองผม “ตอนวันแรกที่เราตกลงคบกัน ตรงหาดทราย กลอยบอกพี่โชว่าอยากตกหมึก เพราะมีเรือไดหมึกผ่าน”

   “แล้วตอนนั้น เรากำลังทำอะไรกันอยู่?” สีหน้าและแววตาตอนพี่โชพูด ช่างดูกรุ้มกริ่มซะนี่กะไร

   “กำลังนอนคุยกัน”

   “ใช่เหรอ”

   แล้วพี่โชก็ขำออกมาเมื่อผมกลิ้งหน้ากับต้นแขนพี่เขา เห็นผมหน้าด้าน ปากหมาแบบนี้ก็อายเป็นนะเออ

   “นู้น พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว”

   “เปลี่ยนเรื่องว่ะ”

   “ไม่ได้เปลี่ยน...”

   พูดไม่จบประโยคเพราะโดนดึงเข้าไปจูบ แล้วเสียงโห่ เสียงโวยวายที่ได้ยินก็ถูกตัดออกจากโสตประสาททันที หรือแม้แต่พระอาทิตย์ที่รอการขึ้นยังหมดความน่าสนใจไปชั่วขณะ

   “จูบนานขนาดนี้ เข้าห้องเลยไหม” ผมประชดทันทีที่พี่โชผละออก

   “ได้นะ ป่ะ”

   “ประชดต่างหากเล่า”

   พี่โชก็หัวเราะเสียงดัง พอๆ กับเสียงโห่แซวจากกลุ่มคนไกลที่ยังไม่ลดละ ถามว่าอายไหม ตอบเลยว่าไม่...ไม่เหลือครับพี่ครับ

   พอหลังจากเสียงตะโกนล้อจบลง ก็ถึงช่วงเวลาที่เฝ้ารอคอย เมื่อแสงรำไรสุดขอบท้องฟ้าและผืนน้ำเริ่มมีแสงสีส้มเด่นชัดขึ้นทั้งผืน พี่โชก็ตั้งหน้า ตั้งตากดรัวชัตเตอร์ บ่อยครั้งจะหันมาทางผม ซึ่งแน่นอนว่ารูปต้องไม่ดี เพราะแสงน้อย (คิดไปเอง) จนล่วงเลยมา ก้อนกลมอันร้อนแรงก็เริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ เป็นภาพที่สวยงามและคุ้มค่ากับการรอคอย ซึ่งตอนนี้มีคนอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มพวกเรามารอดูและรอเก็บภาพที่แสนประทับใจนี้ด้วย

   “พี่โช” พอคนที่ผมเรียกหันมา นิ้วก็กดถ่ายรูปจากกล้องโทรศัพท์ทันที เผื่อจะได้รูปแบบไม่หล่อ แต่ที่ไหนได้ หล่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแสงสีส้มที่เป็นแบล็กกราวคือเข้ากันสุดๆ “หล่อเกิน”

   “แน่นอนอยู่แล้ว” ว่าแล้วพี่โชก็กดถ่ายรูปผมไปทีหนึ่งพลางยื่นให้ดูที่หน้าจอของกล้อง “ดูกลอยสิ”

   “พี่โช ลบเลยนะ” ต้องโวยวายครับ เพราะรูปที่ถ่ายนั้น ปากผมกำลังอ้าจะพูด โคตรน่าเกลียด “อย่าให้เห็นว่าเอาลงเฟซนะ มีเจ็บแน่นอน”

   “จะต่อยพี่เหรอ”

   “กัด”

   “เพิ่งรู้ว่าเป็นหมา”

   “ถ้ากลอยเป็นหมา พี่ก็มีเมียเป็นหมา” แล้วผมก็ถูกตบเข้าหัวมาทีหนึ่ง



   เมื่อกี้ยังจูบ ยังบอกรักผมอยู่เลย แม่ง ปีศาจ!





   หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง พวกเราทุกคนก็กลับเข้าห้องพัก และสิ่งแรกที่พี่โชทำคือการโหลดรูปที่เพิ่งถ่ายลงแล็ปท็อปแล้วแต่งรูป ผมอยู่รอจนผล็อยหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนถูกสะกิด

   “ไปกินข้าวกัน”

   “กี่โมงแล้ว” ยกมือขยี้ตาอย่างงัวเงีย

   “จะเที่ยงแล้ว”

   ได้ยินปุ๊บตาผมแทบถลน มิน่าทำไมท้องมันร้องหนักขนาดนี้

   “แล้วข้าวเช้าล่ะ กลอยยังไม่ได้กิน”

   “พี่เรียกแล้วกลอยไม่ตื่น”

   “แล้วพี่ได้ไปกินไหม” พี่โชส่ายหน้าพลางส่งยิ้มบางๆ มาให้ “อ่าว ทำไมล่ะ”

   “ก็กลอยไม่ตื่น” ย่นคิ้วหน้านิ่วหลังจากได้ยิน “รีบไปล้างหน้า ล้างตาเร็ว พี่หิวแล้ว”

   “พี่โชไม่ได้กินข้าวเช้าเหรอ...”

   “พูดมาก เร็วๆ พี่หิวแล้วเนี่ย”

   ความรู้สึกผิดพุ่งเข้ากระแทกหน้าอย่างแรงจนยิ้มไม่ออก สงสัยฤทธิ์ยาแก้เมารถยังค้างอยู่ ผมถึงไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เดินเข้าห้องน้ำแบบลอยๆ ก่อนวักน้ำล้างหน้าแล้วออกมา เห็นพี่โชนั่งไขว้ห้างรอบนเตียง

   “ทำไมไม่เช็ดหน้าด้วย” พี่โชเดินตรงเข้ามาหา แล้วเบี่ยงตัวเข้าห้องน้ำ พอผมจะเดินกลับถูกดึงแขนไว้ “เช็ดหน้าก่อน” พูดจบก็มีผ้าขนหนูนุ่มๆ ซับทั่วหน้า

   “ขอโทษที่ทำให้พี่โชไม่ได้กินข้าวเช้า”

   “รู้สึกผิดเหรอ?” รีบพยักหน้ารัวๆ แต่อีกฝ่ายกลับขำออกมา “พี่ไม่เป็นไรหรอก กินบ้าง ไม่กินบ้างก็เรื่องปกติ เมื่อก่อนก็เป็นบ่อย จำไม่ได้เหรอ”

   ถึงพี่โชจะพูดแบบนั้น ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ตอนเดินลงจากห้อง ผมเกาะแขนพี่โชไม่ปล่อย ลงมาถึงห้องอาหารด้านล่างก็ยังเกาะ แม้จะมีคนมองด้วยสายตาสงสัยแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ จนมาเจอพวกพี่ซันที่กวักมือเรียก

   “เป็นอะไรของมึง หรืออยากอวดผัว?” ทันทีที่หย่อนก้นนั่งกับเก้าอี้ ไอ้ทูก็รีบแซะทันที

   “อวดผัวบ้านมึงสิ กูแค่รู้สึกผิดที่หลับเพลินจนพี่โชไม่ได้ลงมากินข้าวเช้า” ตอบเพื่อนสนิทไป มันก็พยักหน้าส่งๆ รับ “มีอะไรอร่อยบ้างวะ” เพราะบนโต๊ะตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารนานาชาติ

   “เด็ดทุกอย่าง” ไอ้ม่านยื่นหน้ามาตอบแทน มือถือน่องไก่อันโตที่ถูกกัดจนแหว่ง

   “ของฟรีมันก็อร่อยหมดนั่นแหละ” ประชดเพื่อนไป ไอ้ม่านยักไหล่อย่างไม่แคร์ “พี่โชจะกินอะไร เดี๋ยวกลอยไปตักให้”

   “มึงตักแกงเขียวหวานมาด้วยนะ”

   “พี่ชื่อพี่โชเหรอ”

   ความที่ปากไวเลยโดนมะเขือพวงจากจานพี่จอมเข้าเต็มหน้า พี่โชถึงกับโวยวายดึงผมลุกจากโต๊ะก่อนพาไปนั่งอีกที่ คงไม่อยากมีเรื่อง อารมณ์คนหิวยิ่งน่ากลัวอยู่ด้วย จากนั้นผมก็โดนสั่งให้นั่งเฉยๆ ส่วนพี่โชก็ลุกไปตักกับข้าวที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ เลือกตักได้ตามสะดวก






   และหลังจากมื้อเที่ยงจบลง พวกพี่แทมก็อยากเล่นน้ำทะเลก่อนกลับ ทั้งที่แดดแรงขนาดนี้ยังคิดจะลงเล่นน้ำ แต่ก็นะ มาถึงทะเลทั้งที่ ไม่เล่นน้ำก็เหมือนกับมาไม่ถึง แต่สุดท้าย ความระอุของเปลวแดดก็ทำให้พวกเราเปลี่ยนสถานที่ จากทะเลเป็นสระน้ำของรีสอร์ทแทน แม้จะกลางแจ้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่แผดเผาเท่าที่ชายหาด

   “ทาครีมกันแดดหรือยัง” พี่โชถามขณะที่ผมกำลังจะลุกจากที่เตียงริมสระ

   “ทาแล้วสิ” ยิ้มแป้นบอก พลางลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นพวกพี่แทมที่ว่ายเล่นอยู่ในสระกำลังสนุก แต่พอก้าวขา แขนกลับถูกดึงไว้ หันไปก็เห็นพี่โชกำลังดมมืออยู่” ทำไรอะ”

   “ก็ดมพิสูจน์ดู ว่าทาจริงหรือโกหก”

   “นี่ใคร นี่กลอยประเกรียน ไม่โกหกอย่างแน่นอน เชี่ย” คำลงท้ายนั่นไม่ได้ด่าพี่โชครับ แต่ด่าพี่จอมที่นอนที่เตียงข้างๆ พี่แกยกตีนขึ้นมาถีบต้นขาผม “พี่โช พี่จอมถีบกลอย”

   “ไอ้ขี้ฟ้อง”

   ผมแลบลิ้นใส่พี่จอมไปทีก่อนวิ่งไปหยุดที่ขอบสระเพื่อจะโชว์สกิลการกระโดดลงสระน้ำแบบมืออาชีพ แต่คงกะจังหวะขาพลาดไปหน่อย เลยเอาหน้าลง โคตรแสบเลยให้ตาย แต่ไม่อายเท่าโดนหัวเราะรอบสระ ที่ไม่ได้มีแค่พวกผม ยังมีลูกค้าอื่นๆ ของรีสอร์ทอีก

   “มึงทำอะไรวะ ตลกสัด” ไอ้ม่านขำปากกว้าง ข้างๆ มีไอ้เม่นที่ขำไม่ต่างกัน

   “เรื่องของกู” ทำโมโหตีเนียน ผมจ้วงว่ายน้ำหนีพี่แทมที่ใช้ขาตีกระทบน้ำใส่ โดยที่ตัวเองนั่งอยู่ในห่วงยางโพนี่อันโต ไม่รู้ไปเอาของใครมาเล่น ก่อนจะถูกพี่ตินดำน้ำลงไปแล้วโผล่ขึ้นคว่ำ คนตกห่วงยางขึ้นจากใต้น้ำได้ก็โวยวายเป็นบ้าเป็นหลัง ส่วนผมน่ะเหรอ ได้ห่วงยางโพนี่มาแบบงงๆ พลางลากเข้าขอบสระก่อน   
   
   “สวัสดีครับ” สำเนียงทักทายแบบแปร่งๆ กับแรงสะกิดทำให้ผมหันไปดูด้านหลัง เจอฝรั่งโผล่มาจะเอ๋เอาสะดุ้งเฮือกจนเกือบปล่อยห่วงยาง

   “พี่โชเล่นอะไรเนี่ย” ตกใจจริงๆ นะครับ พี่โชเอาฝรั่งทั้งลูกมาจ่อหน้า

   “กินไหม”

   “กิน” แม้จะแอบโกรธที่ทำให้ตกใจ แต่ก็อ้าปากรอกิน พี่โชยิ้มขำออกมา มือก็หยิบฝรั่งที่สับแล้วเข้าปากผม “พี่โชไม่ลงมาเล่นเหรอ”

   “ไม่ล่ะ ว่าแต่เอาห่วงยางนี่มาจากไหน” พี่โชชี้นิ้วไปที่ของที่ผมใช้แขนหนีบเอาไว้ “เมื่อกี้พี่เห็นไอ้แทมเล่น”

   “ก็พี่แทมไม่เล่นแล้ว กลอยก็เลยเอามา” พูดไปเคี้ยวฝรั่งไป บางทีพี่โชก็ป้อนไวเกิน ล้นปากผมแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่พี่โชป้อนละก็ ผมพ่นทิ้งจริงๆ ด้วย “เคี้ยวไม่ทัน”

   “ต้องเคี้ยวเหรอ”

   “กลอยก็คนไหมล่ะ” พี่โชหัวเราะงอหงายจนผมหน้างอ “พี่โชแม่งกวนตีน” พูดจบผมก็ปีนขึ้นขอบสระ แต่กระโดดไม่ขึ้นเลยต้องให้พี่โชช่วย ขึ้นได้แล้วก็ขอให้พี่โชช่วยจับห่วงยางเพื่อที่ผมจะลงไปนั่งตรงกลางห่วง เห็นพี่แทมเล่นแล้วก็อยากเล่นบ้าง
 
   “ระวังนะ” เสียงลอยมาจากด้านหลัง

   “ระวังอะไรของมึงไอ้จอม” สิ่งที่ผมสงสัยนั้น พี่โชได้ถามแทนแล้ว

   “ห่วงยางจะแตกเพราะไอ้เกรียนมันอ้วน” เกือบตกจากห่วงยางแล้วไหมล่ะ พี่โชมัวแต่ขำที่เพื่อนพูดจนลืมจับห่วงยาง ดีที่ผมใช้วิชาตัวเบาโดดลงไปนั่งได้ทัน

   “มึงอย่าเอาความจริงมาพูดเล่นไอ้จอม”

   “พี่โช!”

   โวยวายเสร็จก็ใช้ขาดีดตัวเองกับขอบสระให้ห่วงยางลอยออกไปตรงกลาง จะว่าไป แบบนี้ก็สนุกเหมือนกัน เอามือพายพร้อมกับขาราน้ำไปเรื่อยๆ เสียอย่างเดียวแดดแรงไปหน่อยแล้วก็ห่วงยางชอบหมุนวนไปมาชวนเวียนหัว

   “Hi” ระหว่างใช้มือวักน้ำเล่น เสียงทักก็ดังจากด้านข้าง หันไปก็เจอกับฝรั่ง คราวนี้ฝรั่งตัวเป็นๆ ไม่ใช่ผลไม้แล้ว “you...”

   “I can’t speak English” รีบพูดตัดบทด้วยสำเนียงแปร่งๆ แล้วรีบหนี แต่ด้วยห่วงยางที่ใหญ่ทำให้มันค่อยๆ ขยับ “จับไว้ทำไมเนี่ย”

   “ผมพูดไทยได้”

   “ก็ไม่พูดตั้งแต่แรก” อุตส่าห์พึมพำกับตัวเองแท้ๆ แต่คงออกเสียงคนที่อยู่ใกล้เลยได้ยินแล้วหัวเราะออกมา “มีอะไร เราไม่ได้รู้จักกัน คนไม่รู้จักก็ไม่ควรคุยกัน จบ”

   “อย่าเพิ่งจบสิครับ ผมยังไม่ได้เริ่มเลย...หมายถึงเริ่มคุย” คงเห็นผมหน้าเหวอเลยรีบอธิบายเพิ่มเติม “มากับเพื่อนเหรอครับ”

   “งั้นมั้ง”

   “เพื่อนกลุ่มใหญ่เลยนะครับ”

   “งั้นมั้ง”

   “กวนตีนเหมือนกันนะครับ”

   “ขอบใจที่ชม” แล้วไอ้ฝรั่งพูดไทยมันก็หัวเราะ “มีอะไรอีกไหม”

   “ถ้าผมจะขอเล่นน้ำด้วยได้ไหม”
 
   “มาขอผมทำไม สระน้ำนี้ไม่ใช่ของผมสักหน่อย” พยายามงัดสกิลความปากหมาออกมา เผื่อไอ้คนตรงหน้าจะล่าถอย แต่มันก็ยังไม่ยอมไปสักที ผมก็ไปไม่ได้เพราะมันดึงไว้ ลองเผลอเมื่อไหร่โดนเตะเสยคางแน่มึง

   “คุณเป็นคนจังหวัดนี้เหรอครับ?”

   “ไม่ใช่ มาเที่ยวเฉยๆ” ก็ยังไปตอบมันอีก อยากตบหัวตัวเอง

   “ดูจากหน้าตาแล้ว น่าจะยังเรียนอยู่ใช่ไหม”

   “อืม” พยักหน้าส่งๆ สายตาก็มองหาเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้กำลังทำสงครามสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนานไม่สนใจผมเลยว่ากำลังถูกคนแปลกหน้าคุกคาม “ปล่อยห่วงยางได้ปะ”

   “ถ้าปล่อย คุณก็หนีน่ะสิ”

   รู้ทันอีก ไอ้ฝรั่งนี่

   “ฟังนะ ขอพูดครั้งเดียวไม่มีกรอกลับ ผมมีแฟนแล้วๆ เขาก็อยู่บนนุ...” กำลังชี้นิ้วไปขอบสระ สายตาดันเจอกับปีศาจยืนเท้าเอวมองมาทางผม แม้ดวงตาจะมีแว่นกันแดดปิดอยู่ แต่รังสีความโหดทะลุออกมาจนผมต้องยอมพลิกตัวเองลงจากห่วงยาง


   ความซวยมาเยือนแล้ว


   โผล่ขึ้นจากน้ำมา ได้ก็ยังเจอหน้าไอ้ฝรั่งหน้าขาวยิ้มแป้นอยู่ ไม่รู้สึกถึงพลังอำมหิต ที่ส่งมาจากขอบสระสินะ ถึงยังดูสบายได้อยู่ ผมรีบว่ายน้ำไปหาไอ้ทูทันที มันก็งงๆ แต่พอผมส่งซิกให้มองไปด้านหลัง มันถึงกับร้องอ๋อเมื่อเห็นคนตามผมมา

   “ผัวอยู่ ยังกล้าอ่อยอีกนะมึง แถมคราวนี้เป็นฝรั่งด้วย”

   “อ่อยพ่อมึงสิ มันมาทักกูเอง” ผมพยายามอยู่ติดกับไอ้ทู มันขยับผมก็ขยับตาม

   “แล้วนี่พี่โชไม่รู้...อูย” ไอ้ทูกะจะถาม แต่พอมองไปขอบสระมันถึงร้องออกมา ไงล่ะ ความโหดของพี่โชไอ้ทูยังรับรู้ได้ “กูว่ามึงรีบๆ ขึ้นไปเถอะ ก่อนที่พี่โชจะเป็นฝ่ายลงมาหา แล้วเรื่องคงไม่จบลงง่ายๆ แน่” รีบพยักหน้าเห็นด้วย พอผมจะไป แขนก็ถูกดึงไว้

   “ทำหน้าตาตอแหล เป็นอะไรวะ” ไอ้ม่านถามผม ด้านหลังมันมีไอ้เม่นเกาะอยู่เหมือนเห็บ

   “ตอแหลห่าอะไร” สะบัดเสียงใส่จนคนถามหน้าเหวอ ยังดีที่ไอ้ทูยื่นหน้าไปกระซิบ ไอ้ม่านถึงร้องอ๋อออกมา

   “งั้นมึงก็รีบๆ ขึ้นไป เดี๋ยวจะซวยกันหมด”

   “ผมว่าไม่ทันแล้วว่ะพี่ นู้น แฟนพี่กลอยลงน้ำแล้ว”


   วงแตกสิครับ!


   ผมรีบว่ายน้ำไปหาพี่โชที่กำลังมุ่งหน้าไปหาคนที่คุกคามผมเมื่อกี้

   “พี่โช กลอยอยากขึ้นแล้ว” รีบเข้าไปหา แต่พี่โชแม่งแรงเยอะ “พี่โช”

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” อุตส่าห์ไม่ให้พี่โชเข้าไปหา แต่อีกฝ่ายกลับเข้ามาซะเอง แล้วผมก็ถูกดันออกไปด้านข้างพร้อมๆ กับพี่โชไปยืนประชันหน้าฝรั่งนั่น “มีอะไรกับผมใช่ไหม?”

   “อย่ายุ่งกับคนของกู” สั้นๆ นิ่งๆ แต่ได้ใจความสุดๆ หน้าพี่โชตอนนี้นิ่งจนผมขนลุก กรามที่นูนขึ้นบ่งบอกได้เลยว่ากำลังข่มความโกรธของตัวเองไว้อย่างที่สุด

   “คนของคุณ? คนนี้น่ะเหรอ” ไอ้ฝรั่งคนนั้นชี้มาที่ผม พี่โชไม่ได้หันมามอง เพราะดวงตาดุจ้องหน้าฝ่ายตรงข้ามเขม็ง “แฟนที่ว่า คนนี้เหรอครับ” มีถามผมกลับอีก

   “กูบอกว่า อย่ายุ่งกับคนของกู!” ตาแทบถลนที่อยู่ๆ พี่โชก็พุ่งพรวดไปบีบคอไอ้ฝรั่งนั่น ผมโผเข้าไปกอด ออกแรงดึง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยแรงที่น้อยกว่า ก่อนพวกพี่แทม พี่ติน รวมทั้งพี่ซันลงน้ำมาช่วยห้าม คนทั้งสระต่างก็มองมาด้วยความสงสัยปนอยากรู้

   “ใจเย็นๆ ไอ้โช” พี่ซันดึงร่างเพื่อนตัวเองออกห่างได้ก็พยายามทำให้สงบ

   “นั่นดิ่ อย่าใจร้อนมึง น้ำเย็นจะตาย”

   “น้ำเย็นเกี่ยวอะไรกับใจร้อนวะไอ้แทม”

   “ก็ตัวเย็น ใจจะได้เย็นไง โง่นี่ไอ้ติน”

   “มันใช่เวลาที่พวกมึงจะเถียงกันไหมวะ!” พี่ซันตะคอกเสียงดังเอาผมสะดุ้ง “กลับห้องเถอะ” พี่ซันออกแรงลากพี่โชที่แทบไม่ยอมขยับ มือชี้ไปที่ฝรั่งตรงหน้าอย่างหาเรื่อง อีกฝ่ายก็ดูไม่ได้กลัวอะไร “ใจเย็นๆ มึง”

   “ก่อเรื่องตลอดนะมึง” พอขึ้นจากสระ ผมก็ถูกพี่จอมแขวะทันที

   “ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มสักหน่อย” พูดได้แค่นั้นก็ถูกพี่โชดึงกลับห้อง “พี่โช”

   “ยังไม่ต้องพูด กูอารมณ์ไม่ดี”

         ถูกสั่งห้ามปุ๊บ ก็รีบหุบปากตัวเองทันที ผมเดินตามหลังแรงฉุดพี่โชไปอย่างเงียบๆ ถามว่ารู้สึกผิดไหม ผมก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองทำผิดอะไร เรื่องคุยกับไอ้ฝรั่งนั่นเหรอ ผมก็ไม่ได้อยากคุย แต่มันก็หนีไม่ได้ อีกอย่าง ผมก็ออกตัวไปแล้วว่ามีแฟน ไม่ได้อ่อย ปากหมาใส่ตลอด แล้วแบบนี้ผมผิดเหรอครับ 

   “ใจเย็นยัง” พอถึงห้องปุ๊บ ผมก็รีบถาม พี่โชเหล่ตามองนิ่งๆ ไม่ยอมตอบ “แปลว่ายัง” แล้วผมก็ยิ้มแห้งๆ ส่งให้

   “ไปคุยกับไอ้เหี้ยนั่นทำไม” คำถามไม่โหดเท่าดวงตา นี่ถ้ามีแสงได้ คงเป็นแสงสีแดงเลือดแน่นอน “กูถามเนี่ย!”

   “จะตะคอกทำไมเล่า” ขี้หูเต้นเลยทีนี้ “กลอยไม่ได้อยากคุย”

   “ไม่อยากคุย แล้วคุยทำไม” น้ำเสียงลดลงมาหน่อย แต่ก็ยังกระด้างอยู่

   “ก็มันดึงห่วงยางไว้ กลอยหนีไม่ได้”

   “มือ ตีนมึงเป็นง่อยเหรอ”

   แรง!

   “ไม่ง่อย แต่มัน....” ผมเดินไปเกาะแขนพี่โช ใช้แก้มแนบลงไปพลางช้อนตามอง “กลอยขอโทษที่หนีมันช้า แต่กลอยก็บอกไปแล้วว่ามีแฟน”

   “แล้วมันถอยไหมล่ะ” ผมส่ายหัวรัวๆ จนพี่โชต้องใช้มืออีกข้างจับศีรษะผมไว้พลางดันให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง “ต่อไปถ้าเจอแบบนี้ให้เรียกพี่ เข้าใจไหม” ใจชื้นสุดๆ ตรงได้ยินพี่โชแทนตัวเองว่าพี่

   “เข้าใจ แต่ถ้าพี่โชไม่อยู่ล่ะ กลอยจะเรียกใคร” พี่โชทำหน้าเครียดทันทีที่ผมพูดจบ “รู้แล้ว กลอยจะเรียกตำรวจเลย” พยายามพูดติดตลกเพื่อให้พี่โชผ่อนคลายและมันก็ได้ผล เพราะพี่โชขำออกมา
 
   “คิดได้นะเราเนี่ย แต่พี่ว่า กลอยนั่นแหละที่จะโดนจับ”

   “งั้นเปลี่ยนแผน เอางี้ปะ กลอยไว้หนวดไว้เครา ทำตัวซกมก อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง เป็นไง แบบนี้รับรองว่าไม่มีใครอยากเข้ามาแน่นอน”

   “อืม ก็ดีนะ”

   “พูดจริง พูดเล่นเนี่ย”

   “ล้อเล่น ขืนเป็นแบบนั้น พี่อาจจะไปคนแรก”

   “โห อะไร รักกลอยแค่เปลือกเหรอ ไหนบอกรักเพราะเป็นกลอยไง”

   “ก็ใช่”

   “แล้วไหงจะทิ้ง งอนว่ะ”

   “พอๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว อีกเดี๋ยวจะกลับแล้ว”

   “พี่โชไม่อาบเหรอ?”

   “นี่ชวนพี่อาบด้วยเหรอ?”

   เปิดช่องให้ไม่ได้เลยเชียว ผมรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำโดยมีพี่โชเดินตามเข้าไป ด้วยเวลาอันน้อยนิดทำให้ปีศาจจอมหื่นไม่ได้ทำอะไรนอกจากตอดเล็ดตอดน้อยพอให้อารมณ์ดีแค่นั้น อาบน้ำก็แต่งตัวจัดกระเป๋าพร้อมลงไปข้างล่าง ที่ล็อบบี้รีสอร์ท พี่แทมนั่งอืดอยู่ที่โซฟากับไอ้อัธแล้วก็พี่ติน

   “คนอื่นละวะ” พี่โชเอ่ยถามเพื่อนตัวเอง

   “ยังไม่ลงมาเลยพี่” ไอ้อัธรีบตอบแทนเพราะรุ่นพี่อีกสองคนนั่งหลับตานิ่ง อย่าบอกว่านั่งหลับ ผมเดินอ้อมไปนั่งข้างเพื่อนตัวเอง ส่วนพี่โชก็ไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าไม่ได้ออกเพียงคนเดียว ทริปนี้เก็บเงินก่อนออกเดินทางแล้ว “นึกว่ามึงจะลงมาช้ากว่านี้” คำถามจากไอ้อัธทำเอาผมตีหน้าเป็นหมางง

   “ทำไมวะ?”

   “เอ้า ก็แบบโดนจัดหนัก”

   “หนักพ่อมึงสิ” แล้วผมก็ถูกหัวเราะเยาะใส่ “อย่างกูเคลียร์ได้ทุกเรื่องเว้ย”

   “เก่งว่างั้น”

   “แน่นอน กูกลอยประเกรียนซะอย่าง”

   “ชักอยากเห็นมึงโดนพี่โชกระทืบจริงๆ”

   “อย่าแช่งเพื่อนผู้แสนดีของมึงครับเพื่อนอัธ”

   “แน่ใจว่าแสนดี ขอมือดิ๊”

   “กูไม่ใช่หมา”

   “กูยังไม่ได้พูดเลย”

   “พี่โช ไอ้อัธด่ากลอยเป็นหมา”

   “ขี้ฟ้องว่ะ”

   แล้วไอ้อัธก็ถูกพี่โชตบหัว ก็บอกแล้วว่าเล่นผิดคน นี่กลอยประเกรียนไง ผู้อยู่เหนือปีศาจ (ยกเว้นเวลานอนที่ไม่ได้นอน) ไม่นานพวกที่เหลือก็ทยอยลงมา และพร้อมเดินทางกลับ ขากลับพี่ซันยังเป็นคนขับคนแรก และพี่โชเป็นคนที่สอง คนอื่นๆ ยังคงกิน นอน เข้าห้องน้ำตามปั๊มโดยที่ไม่คิดจะเปลี่ยนอีก สบายเสียจริง

   กว่าจะถึงห้องก็บ่ายคล้อยเพราะมัวแต่แวะปั๊ม ผมช่วยพี่โชแบกกระเป๋าขึ้นห้องแล้วก็ต้องเจอเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ที่บอกเลยว่า...ไชยา มิตรชัยมากๆ (ไม่ธรรมดา อะฮ้า ไม่ธรรมดา)


   แล้วภาพเตียงนอนที่คิดไว้ตั้งแต่อยู่ในรถ คงเป็นได้แค่ความฝัน โอ้ สไปเดอร์แมน ปิ้วๆ (เสียงปล่อยใย)



...TBC

ขอฝากน้องกลอยผู้อยู่เหนือปีศาจ (คิดว่างั้น) ด้วยนะคะะะะ (ก้มกราบบบ)

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะอากาศร้อน อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

แล้วพบกันตอนหน้าค่า >w<
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-05-2019 21:30:02
เรารักเพื่อนพ้องกลุ่มนี้จริง ๆ เลย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 21 [P.10] [UP!!] [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 12-05-2019 21:33:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-05-2019 22:43:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2019 22:47:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-05-2019 22:52:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2019 23:50:42
กลอยไปไหนเป็นได้ติดไม้ติดมือ​มา​ตลอด​
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 13-05-2019 00:00:13
กลอยนี่HOTจริงๆนะเนีย555 :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-05-2019 00:51:02
กลอยฮอตจริงงงง
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-05-2019 08:02:35
แดดดี้พี่โชหึงโหด..ดดดดด    :hao3:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-05-2019 09:30:33
ป๊าดดดด พี่โชคือหึงหนักแท้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-05-2019 10:04:27
กลอย น่ารักซะหนุ่มฝรั่งมาจีบเลย  :z3:
ทั้งที่กลอยเกรียนใส่ฝรั่งซะขนาดนี้  :เฮ้อ: :really2: :a5:

เพื่อนๆกลุ่มนี้ปากไม่มีงางอกจริงๆ
เห็นกลอยหน้าตาตื่นหลบพี่โช ยังทักทำไมมึงทำหน้าตอแหล ขำก๊ากกกก...เลย  :z3:

ถึงคอนโด กลอยก็ยังไม่ได้นอน  o22
แสดงว่าเพื่อนๆยังมามะรุมมะตุ้มต่อที่คอนโดใช่ไหม  :hao3:
พี่โช  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 13-05-2019 19:17:00
พี่โชนี่หึงโหดตลอด
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-05-2019 22:41:29
นึกว่ากลอยจะโดนจัดหนักซะแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-05-2019 01:38:32
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-05-2019 14:52:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 22 [P.11] [UP!!] [12/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-05-2019 20:09:58
กลอยประเกรียนซะอย่าง เคลียได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 17-06-2019 11:44:18

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 23





       “พี่เขาเข้าห้องเราได้ยังไง” ผมยื่นหน้าไปกระซิบถามพี่โชที่ก็คงสงสัยเหมือนกัน เพราะกุญแจสำรองของคอนโดนั้น พี่โชได้ขอมาไว้หมดแล้ว “หรือพี่ชีสจะแอบเอากุญแจไปปั๊ม?”

   “ก็เป็นไปได้” น้องชายผู้บุกรุกพยักหน้าเห็นด้วย

   ผมกับพี่โชได้แต่นั่งเก้าอี้มองห้องถูกแปลสภาพ เพราะพี่ชีสกับลูกสาวไม่ยอมให้พวกผมหยิบจับอะไรเลย ของหนักส่วนใหญ่ก็ให้สามีตัวเองเป็นคนทำ แม้เจ้าตัวจะบ่นอยู่ตลอดแต่มือก็หยิบจับไม่หยุด ตอนนี้ห้องนั่งเล่นถูกจัดใหม่จนไม่เหลือเค้าเดิม พื้นที่ๆ มีฟอนิเจอร์ถูกลูกโป่งมาวางแทนที่ มีทั้งแบบวางพื้น และลอยติดเพดาน นั่นยังไม่รวมกระดาษเปเปอร์ชู๊ตที่ปลิวว่อนทั่วห้องหลังถูกปล่อยตอนผมกับพี่โชโผล่หน้าให้เห็น

   หวังว่าผมคงไม่ต้องเก็บห้องหลังจากงานเลิกหรอกนะ

   “พี่จะทำอะไร” พี่โชเริ่มทนไม่ไหวเลยถามออกไป พี่ชีสเงยหน้าจากถาดอาหารว่างแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ “แล้วห้องมาได้ยังไง”

   “ก็ฉันจัดงานให้กลอยไง”

   “งานให้ผม?” แทรกขึ้นมาจนถูกมอง ผมรีบยิ้มพลางโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษ แต่พี่ชีสกลับเดินเข้ามาหา มือยื่นมากอดผมไว้

   “ก็เลี้ยงฉลองที่กลอยเรียนจบไง” พี่ชีสพูดน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนสะบัดคอมองน้องชายตัวเองด้วยสายตาแข็งกร้าว “เพราะถูกใครบางคนพาไปที่อื่นก่อน”

   “ขอบคุณครับ” รีบเอ่ย พี่ชีสเลยกลับมาเป็นนางฟ้าเหมือนเดิม ผมยังไม่อยากเจอพายุนางมารกับปีศาจฟาดฟันความโหดจากสายตาใส่กัน มันสยอง ขนลุกขนพอง

   “น่ารักจริงๆ นั่งรอพี่แปบนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

        พูดจบก็เดินกลับไปจัดน้ำ จัดขนมตามเดิม ก่อนหลานสาวของพี่โชจะสลับเดินเข้ามาหาผม มือเล็กยื่นกล่องขนาดกลางมาให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง

   “น้องบีมให้น้ากลอยค่ะ”

   “ให้น้ากลอยเหรอ?”

   “ค่ะ ให้น้ากลอยที่เรียนจบ แฮปปี้เบิร์ดเดย์...” เสียงแหลมเริ่มร้องเพลงได้นิดเดียว ก็ถูกมือของแม่ตัวเองโฉบเข้ามาปิดปาก

   “ไม่ใช่วันเกิดน้ากลอยค่ะ”

   “งั้นก็ร้องเพลงนี้ไม่ได้เหรอคะ”

   “ใช่ค่ะ”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมฟังได้”

   “เนอะ”

   หลังจากเนอะของน้องบีมเสร็จเสร็จ ผมก็ได้ฟังเพลงวันเกิดเกือบสิบรอบ จนพี่โชต้องยื่นเงินรางวัลให้ น้องบีมถึงหยุด ถึงว่าร้องไม่หยุด มันมีอะไรแอบแฝงแบบนี้นี่เอง ไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ของที่จัดเตรียมก็เสร็จ งานปาร์ตี้เล็กๆ ก็เริ่มขึ้น โดยมีน้องบีมเป็นเมนหลักในการเอนเตอร์เทรนทั้งร้อง ทั้งเต้นอย่างสนุกสนานทำเอาบรรยากาศคึกคัก การเป็นเด็กมันก็ดีแบบนี้นี่แหละ ไม่ต้องคิดมากเรื่องยากๆ พอเริ่มอิ่ม งานก็ค่อยๆ ลดความครื้นเครงเหลือแค่เพลงเบาๆ เปิดคลอ ผมนั่งมองพี่โชคุยกับพี่สาวตัวเองอย่างสนุก ก่อนจะมีคำถามดังมาจากคนที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งข้างๆ

   “จบแล้ว อยากเรียนต่อหรือทำงานล่ะ” แค่พี่อัลเปิดเรื่องมาก็เครียดซะแล้ว สมกับที่เป็นมือขวาของพ่อพี่โช งานเป็นหลัก รักเป็นรอง สโลแกนจากพ่อพี่โชครับ แต่เท่าที่เห็น มันขึ้นอยู่ที่สถานการณ์นั้นๆ มากกว่า เพราะบางทีความรักก็นำโด่งมาไกลเชียว

   “ตอนแรกก็อยากเรียนต่อครับ แต่คิดไป คิดมา ก็อยากทำงานหาประสบการณ์ก่อน” ตอบตามความจริงไป ผมยกน้ำอัดลมสีส้มขึ้นจิบ แม้สายตาจะมองไปทางขวดแพงที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็งก็ตาม
 
   “แล้วจะไปทำงานอะไร? อยากมาทำด้วยกันไหมล่ะ เห็นคุณพ่อก็เคยชวนนี่” ผมส่ายหัวเป็นพัลวัน “อ่าว แล้ว...”

   “พอดีพี่รหัสผมชวนไปทำงานด้วยน่ะครับ”

   “ทำไมกลอยไม่บอกพี่” นั่นไง พูดไม่ทันจบดีก็มีคนแทรกขึ้นมา พี่โชปรี่เข้ามาหา สายตาดุจ้องซะผมไม่กล้าขยับตัว “ไอ้พี่รหัสมันชื่ออะไร พี่รู้จักไหม มันทำงานอะไร แล้ว...”

   “ถามรัวขนาดนั้น น้องมันจะตอบได้ไหมเล่า” ยังโชคดีที่พี่ชีสปรามน้องตัวเองไว้ ไม่งั้นผมคงได้ขอคำถามใหม่อีกรอบ เพราะแค่นี้ยังเรียงที่จะตอบไม่ได้เลย “ว่าแต่ กลอยจะไปทำที่ไหนเหรอ”

   “เป็นบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ รับทำพวกตัดต่องานวีดีโออะไรแบบนี้ครับ” อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นบริษัทของแฟนพี่รหัสผมถึงจะถูก พี่เขาเรียนด้านนั้นมาโดยตรง ส่วนพี่รหัสผมก็อาศัยทำอาร์ตเวิร์ค ออกแบบนั่นนี่แบบงูๆ ปลาๆ ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างจากผมสักเท่าไหร่ “เป็นบริษัทเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียงอะไรหรอกครับ”

   “ทำที่เล็กๆ แบบนั้นมันก็ดีนะ”

   “ดียังไงคะคุณ ไปทำที่เล็กๆ ใครจะจ้าง เดี๋ยวนี้เขาก็ต้องเลือกบริษัทใหญ่ๆ ทั้งนั้น”

   “ที่เล็ก เราจะได้พิสูจน์ฝีมืองานของเราไง ถ้าดีก็ได้งาน แถมได้เครดิตดีกว่าที่ใหญ่ๆ ซะอีก”

   ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับที่พี่อัลว่า ก่อนจะนั่งตัวตรงเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างๆ ที่ยังจ้องไม่วางตา พี่โชกำลังทำให้ผมกลัว ไม่ได้กลัวจะโดนถีบหรอกนะครับ แต่กลัวจะตายเพราะรังสีที่ออกมาจากสายตา มันช่างน่าสยองเหลือเกิน

   “แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดีนั่นแหละ กลอยน่าจะมาทำที่บริษัทของเรานะ”

   “แต่ผมว่า...”

   “ทำไมต้องทะเลาะกันด้วยคะ น้องบีมไม่ชอบเลย”

   แล้วสงครามความคิดก็หยุดลง ต้องขอบใจหลานสาวพี่โชที่ทำให้เรื่องจบเร็ว ไม่งั้น งานปาร์ตี้มีกร่อยแน่นอน ผมแท็กมือกับน้องบีมไปที แต่ก็ยังไม่พ้นพี่โชที่ยังจ้องไม่วางตา

   “มีเคลียร์หลังจากนี้แน่” เสียงกระซิบชิดใบหู ทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว กลัวเหรอ เปล่าเลยแค่หนาวจากแอร์แค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ นี่พูดปกติไม่ได้เสียงสูงเลยนะเออ


   เมื่อทุกอย่างสงบ งานก็กลับมาสนุกเหมือนเดิม คราวนี้เปลี่ยนคนเอนเตอร์เทรน จากลูกส่งต่อให้แม่ โดยที่พี่ชีสเป็นคนที่ครองไมโคโฟนมากที่สุด เพลงที่เลือกส่วนใหญ่ก็แนวผู้หญิง ซึ่งผมก็ฟังได้นะครับ แต่ปกติแล้ว แนวที่ชอบมันต้องฮาๆ บ้าๆ นี่ถ้ามีพวกพี่แทมละก็ สายย่ออาจเกิดขึ้น เพราะมีทั้งไมค์ ทั้งลำโพง แสงสีเสียงจัดเต็มขนาดนี้

   “น้ากลอยเปิดของขวัญที่น้องบีมให้สิคะ น้องบีมอยากรู้ ว่าน้ากลอยจะชอบไหม”

   “ได้สิ เดี๋ยวเปิดตอนนี้เลย เฉพาะของน้องบีมด้วย พิเศษแบบสุดๆ”

   “เย้” เด็กน้อยยิ้มตาหยี ก่อนหันไปแลบลิ้นใส่น้าแท้ๆ ของตัวเอง “น้าโชห้ามอิจฉาด้วยนะ”

   “น้าไม่อิจฉาหรอกครับ” พี่โชยิ้มส่งให้หลานตัวเองอย่างอ่อนโยน แล้วตาดุก็หันมามองผมต่อ “เปิดสิ”

   “เสียงแข็งเหมือนสายตาเชียว” พึมพำเบาๆ แน่นอนว่าคนอยู่ใกล้ต้องได้ยิน ผมเลยถูกตีหน้าผากไปที แต่พี่โชก็ถูกเอาคืนอย่างทันท่วงทีจากน้องบีม “กรรมได้ตามท่านแล้ว”

   “เดี๋ยวจะโดน”

   ผมค่อยๆ แกะกระดาษห่อของขวัญออก แอบลุ้นเหมือนกัน ว่าของข้างในจะเป็นอะไร ไม่ได้หวังของมีค่ามากมายหรอก แค่ความรู้สึกยินดีที่ส่งมาให้ ก็มีค่ามากพอแล้ว โหย คนดีสุดๆ ผมเนี่ย ระหว่างแกะของ น้องบีมยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่เอาซะผมตื่นเต้น ส่วนพี่โชก็นั่งมองอย่างสนใจ

   “กระเป๋า?” ทันทีที่เอาของออกจากกล่อง ผมถึงกับกระพริบตาปริบๆ ต่างจากคนให้ที่ยื่นมือมาหยิบของไปแล้วพรีเซ็นต์ของอย่างดี

   “น้องบีมเลือกให้น้ากลอยเองเลยนะคะ สวยไหม”

   “สวย...ก็ได้ครับ” ยิ้มแห้งๆ ส่งคืนไป พี่โชถึงกับกลั้นขำ

   “กระเป๋าเป็ด เหมาะกับน้ากลอยที่สุดค่ะ”

   “เหมาะจริงๆ” พี่โชรีบเสริมพลางปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อน้องบีมให้ผมลองสะพายขึ้นบ่าดู

   ครับ กระเป๋าผ้าลายเป็ดสีเหลือง มีรูปหน้าเป็ดปากส้มอยู่ตรงกลาง มันช่างเข้ากับไอ้กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้สุดๆ

   “น้องบีมตั้งใจเลือกให้กลอยเลยนะ พี่ยืนรอตั้งนาน” พี่ชีสยิ้มส่งมาให้ลูกสาวตัวเองและเผื่อแผ่มาให้ผมด้วย เอาซะผมรู้สึกผิดที่แอบคิดว่าจะยัดใส่ตู้ไม่มีวันใช้ แววตาของเด็กตัวเล็กที่ส่งมาเป็นประกายจนผมตัดสินใจว่าจะใช้หลังจากนี้

   “น้ากลอยจะใช้ทุกวันเลย”

   “เย้ น้องบีมรักน้ากลอย”

   แล้วผมก็ถูกโผเข้ากอด นี่ถ้าลืมเรื่องที่ผมเคยถูกกัดไป น้องบีมก็เป็นเด็กที่น่ารักมาก พี่โชเคยบอกว่าพี่อัลอยากส่งลูกสาวไปเรียนโรงเรียนประจำ เพื่อฝึกให้ดูแลตัวเอง จะได้ไม่เอาแต่ใจมาก ซึ่งไม่รู้พี่ชีสจะยอมหรือเปล่า

   “น้องบีมขา เดี๋ยวเราต้องกลับแล้วนะ พรุ่งนี้ใครนะ ต้องไปเรียน”

   “น้องบีมค่ะ แต่น้องบีมไม่อยากไปเรียนเลย ไม่สนุก” เด็กตัวเล็กหน้างอ แต่ก็แปบเดียวเมื่อมีประโยคถัดมา “แต่ถ้าไม่ไป น้องบีมก็ไม่ได้เจอเพื่อน งั้นน้องบีมอยากไปค่ะ”

   “ดีมากค่ะ ลูกแม่เก่งมาก”

   ผมมองพี่ชีสกอดลูกสาวตัวเองแล้วก็พาลนึกถึงแม่ เมื่อก่อนผมก็เป็นเด็กน่ารักแบบนี้แหละ เชื่อฟังทุกอย่าง เนี่ย ผมเป็นคนดีจริงๆ นะครับ ไม่ได้หล่ออย่างเดียว (เรื่องอวยตัวเองต้องให้ผมครับ) และหลังจากน้องบีมกินเค้กหมด พี่ชีสก็พาครอบครัวกลับ แล้วสิ่งที่ผมคิดไว้ตั้งแต่เหยียบห้องก็เกิดขึ้นจริง ทั้งผม ทั้งพี่โช ยืนมองสภาพห้องที่เปลี่ยนไปแล้วพากันถอนหายใจ



   สุดท้าย...ก็ต้องเก็บห้องสินะ


   “พรุ่งนี้ค่อยเก็บดีไหม” พี่โชออกปากถาม ขณะที่ผมเริ่มเก็บจานของกิน ใจจริงก็อยากจะเห็นด้วย แต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวเศษอาหารแห้งจะล้างออกยาก อีกอย่าง พื้นก็เปียกและเปื้อนไปหมด

   “พี่โชไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวกลอยจัดการเอง เรื่องใช้แรงงานนี่งานถนัด” บอกติดตลก พี่โชขำออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ผมบอก แถมยังลากโซฟากลับมาเอง จนผมต้องรีบวางของในมือเผื่อไปช่วย “อวดเก่ง” ด่าปุ๊บ โดนขายาวๆ ยื่นมาถีบปั๊บ แต่เพราะความห่างทำให้โดนแค่เฉียดๆ

   “บอกได้หรือยัง ว่าไอ้พี่รหัสที่กลอยว่าเป็นใคร พี่เคยเจอไหม” พี่โชเปิดคำถามที่แสนตรงคล้ายหมัดฮุกเข้าท้องเต็มๆ กะไม่ให้พักหายใจจากการยกของหนักเลยว่างั้น

   “พี่โชก็เคยเจอ ตอนไปกินยาดองตอนนั้นไง” บอกสั้นๆ ไม่อยากย้อนถึง เพราะวันนั้นทำให้พี่รหัสผมแทบไม่อยากมาจับ มาแตะตัว กลัวโดนพี่โชลากออกไปกระทืบ ดีที่วันนั้นแค่เกือบ

   “จำไม่ได้” พี่โชบอกกลับเสียงนิ่ง โดยที่คิ้วยังขมวด

       “งั้นรอแป๊บ” รีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มาค้นหารูปพี่รหัสตัวเอง พอเจอก็ยื่นไปให้คนขี้หึงขั้นสุดดู “คนนี้ไง หนวดๆ เนี่ย แล้วก็ไม่ต้องห่วง พี่เขามีเมียแล้ว ไม่มายุ่งกับกลอยแน่นอน ฟันธง คอนดอม”

   “คอนเฟิร์มก็พอ ส่วนคอนดอมถ้าอยาก เดี๋ยวจัดให้” ถูกผลักหัวจนตัวเซ แต่ก็ทำให้พี่โชยิ้มออกมาได้

        “เออจริง เรื่องวันนี้” ปรับโหมดมาจริงจังจนพี่โชหุบยิ้มรอฟัง “ที่พี่โชไปหาเรื่องไอ้ฝรั่งที่สระน้ำ กลอยอยากให้พี่โชใจเย็นกว่านี้ ถ้าเกิดมีเรื่องขึ้นหรือไอ้นั่นมันไปแจ้งความ พี่โชจะเดือดร้อน” พูดยาวๆ โดยที่ไม่มีคำพูดใดโต้ตอบกลับมา “กลอยรู้ ว่าพี่โชเป็นคนขี้หึง ขี้หวงมากถึงมากที่สุด แต่บางทีก็ต้องใช้เหตุผลมากกว่ากำลัง อีกอย่าง ทำแบบนั้น เหมือนพี่โชไม่ไว้ใจกลอย”

   “พี่ไว้ใจกลอยเสมอ แต่ไอ้นั่น...”

   “แค่ไว้ใจกลอยก็พอ เหมือนกับที่...” ผมยื่นมือทั้งสองข้างไปจับแก้มพี่โชเอาไว้ พลางสบตากับดวงตาดุ พี่โชเลือกที่จะเงียบรอฟังคำพูดของผม “กลอยก็ไว้ใจพี่โชเหมือนกัน”

   พูดจบ พี่โชก็เบิกตาโต มือสองข้างยกขึ้นมาจับแก้มผมคืนบ้าง “อย่าทำให้หลงมากกว่านี้ได้ไหม” แล้วมือที่จับก็เปลี่ยนเป็นดึงจนแก้มผมแทบยืด แน่นอนว่าผมต้องรีบโต้ตอบเอาคืนเช่นเดียวกัน ยืดมายืดกลับไม่โกง “ไม่อยากกลับไปแล้วว่ะ ลาออกเลยดีไหม”

   “ถ้าออกแล้ว ถูกไล่ออกจากกองมรดก ใครจะมาเลี้ยงกลอยล่ะ”

   “นี่อยู่กับพี่ เพราะพี่รวยเหรอ”

   “ใช่ เพิ่งรู้เหรอ เชี่ย” 

   กะจะหนี แต่กลับถูกแขนใหญ่รัดตัวเอาไว้แน่นจนดิ้นแทบไม่ได้ แต่ไม่นานแรงที่รัดก็ผ่อนลง เหลือเพียงความอบอุ่นจากอ้อมกอด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวพี่โช ทำให้ผมกอดกลับด้วยความรู้สึกไม่อยากให้ห่างกันไปอีก แต่ก็คงเป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น เพราะไม่กี่วันที่จะถึง พี่โชก็ต้องกลับไปเรียนต่อ คิดแล้วเศร้า...

   “ไม่อยากไปเลยว่ะ” เสียงทุ้มนุ่มดังชิดใบหู ผมพยักหน้าอยู่แนบอก เมื่อรู้สึกแบบเดียวกัน “อยู่ที่นั่นมีแค่รูปในโทรศัพท์ กอดก็ไม่ได้ จูบก็ไม่ได้” หลุดขำออกมาเมื่อได้ยินเสียงเง้างอด แต่ผมก็อาการเดียวกับพี่โชนี่แหละ

   “ทำไมกลอยจูบได้ล่ะ” ว่าแล้วก็ยื่นมือหมายจะหยิบโทรศัพท์มาทำให้ดู หน้าจอเป็นรูปพี่โชตอนหลับอ้าปากหวอในตำนานด้วยนะ มือที่ยืดไปยังไม่ถึงของ กลับถูกมือใหญ่ของพี่โช ดึงไปจับแก้มตัวเองซะงั้น ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าเพราะไม่อยากเห็นพี่โชเศร้า เลยทำเป็นพูดตลกกลบเกลื่อน “ทำไมขี้แงจัง เป็นปีศาจต้องสตรองรู้ไหมฮะ ฮึบเร็ว ฮึบ” อ้าปากอมลมจนแก้มพองเป็นอึ่งอ่าง 

   “เกรียนสัด”

   “แน่นอน นี่ใคร นี่กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่น...” พูดยังไม่จบดีก็ถูกปากแดงประกบลงมา จูบย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่เนิ่นนาน รู้ตัวอีกทีก็ตอนหลังชนกับประตูห้องนอน พี่โชผละออกพลางขำเมื่อเห็นผมหอบหนักเพราะหายใจไม่ทัน “จูบหรือดูดพลังชีวิตฮะ” บ่นไปก็ยังถูกจูบไป ผมเลยเลือกที่จะหลบโดยการซุกหน้ากับอกพี่โชแทน “ของยังเก็บไม่เสร็จเลยแท้ๆ” บ่นเสร็จก็กัดอกแน่นไปทีด้วยความหมั่นไส้

        “ขี้อ่อยว่ะ” พูดจบตัวผมก็ถูกยกเข้าเอว มือใหญ่สองข้างขยำก้อนซาลาเปาสองลูกอย่างมันมือ

   “อ่อยตรงไหน พี่โชมั่ว...อื้อ” ถูกปิดปากอีกรอบ คราวนี้คล้ายกับถูกดูดวิญญาณของจริง ชนิดที่หายใจแทบไม่ทัน “ของยังไม่ได้เก็บ” ขยับตัวนอนราบบนเตียงหลังจากถูกวางลง พี่โชรีบเหวี่ยงเสื้อตัวเองทิ้ง “ทำไมรีบร้อน”

   “ไม่ได้รีบร้อน แต่รุ่มร้อน”

   “ก็เห็นรุ่มร้อนตลอดเวลา”

   “เมียเร้าร้อน ผัวก็ต้องรุ่มร้อนสิจริงไหม”

   “จริงก็ได้”

   ความง่วงนอนจากตอนแรกๆ หายไปทันทีที่ถูกจู่โจม สมองที่นึกถึงเตียงนอน ตอนนี้ก็ได้นอนจริงๆ แต่ไม่ได้หลับ แน่ล่ะ โดนจับ โดนจูบ โดนลูบ โคนคลำขนาดนี้ หลับลงก็เพี้ยนแล้ว สติที่หลงเหลือพยายามเพ่งมองขมับพี่โชที่มีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ พอยื่นมือจะไปเช็ดกลับถูกดึงไปจูบอย่างแผ่วเบา แต่เอวพี่โชแม่งไม่เบาเลย บอกให้ช้าดันเร่งให้เร็ว ผมเลยเลือกที่จะเสหน้ามองไปทางกระจกแทนพลางดึงปลายหมอนมากัด ไม่ใช่อะไร เพราะในตอนนี้พี่โชดูเซ็กซี่เกินไป

   “เชี่ยเอ้ย” อยู่ๆ พี่โชก็สบถออกมา เอวก็หยุดคลอนไปซะดื้อๆ ทำให้ผมหันไปมอง

   “มี...เชี่ย” จบแค่คำแรก คำต่อไปเป็นผมสบถแทน เมื่อขาสองข้างถูกจับให้พาดบ่า จากนั้นพี่โชแกก็ตั้งหน้าตั้งตาคลอนเอวใส่ไม่ยั้ง ไอ้กลอยแทบขาดใจตายซะให้ได้พี่เอ้ย

   กว่าสงครามจะสงบ ก็รบกันไปหลายรอบ รบจนแม่ทัพเหนื่อยนั่นแหละ ส่วนเชลยอย่างไอ้กลอยคนนี้ได้แต่เป็นผู้ตาม พูดขัดมากไม่ได้ เพราะอ้าปากทีมีแต่เสียงคร่ำครวญจวนจะขาดใจ (เว่อร์ไปงั้น) และตอนนี้แม่ทัพก็หลับไปแล้ว เชลยผู้อ่อนแอแต่มากด้วยความหล่อ ก็ต้องจำใจลุกไปเก็บของข้างนอก อยากนอนแทบขาดใจ แต่ขืนปล่อยไว้พื้นจะเสียหมด น้ำที่น้องบีมทำหกเช็ดไม่สะอาด เดี๋ยวมดขึ้นจะลำบากไปอีก

   “ไปไหน” แค่ขยับ แขนผมก็ถูกรั้งไว้ พี่โชลืมตามองมา มุมปากส่งรอยยิ้มบางๆ มาให้

   “ก็ไปเก็บของข้างนอกไง” ผมบอก คราวนี้คนนอนขยับลุกขึ้นมาพิงหัวเตียง โชว์อกขาวๆ สะท้อนแสงไฟให้อิจฉา “พี่โชนอนเถอะ เดี๋ยวกลอยไปเก็บเอง”

   “จะไหวเหรอ” ถามเหมือนหยาม ผมยืดหน้ายืดคอขยับก้าวขาลงเตียง พอเท้าเหยียบพื้นถึงได้รู้ว่าแข้งขาอ่อนไม่มีเรี่ยวมีแรง “พรุ่งนี้ค่อยเก็บ”

   “เพราะพี่โชนั่นแหละ” ว่าให้พลางชี้หน้าคาดโทษคนหัวเราะ

   “กลอยเป็นต้นเหตุนะ”

   “กล่าวหาว่ะ กลอยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง พี่โชนั่นแหละ ใส่เอาๆ ถ้ากลอยตายขึ้นมาทำไง”

   “พี่ไม่ทำให้ถึงตายหรอกน่า” พูดไม่พอ ยังดึงแขนให้ผมขยับไปนอนเกยอกอีก “ถ้าตายจริง พี่ก็จะตายตาม”

   “ละครน้ำเน่าสุด...อะๆ อย่าต่อมุกเห็นเงาจันทร์เด็ดขาด เพราะมันเชย” รีบออกตัวเมื่อพี่โชเตรียมอ้าปาก พอถูกขัด คนอยากเล่นมุกก็ขำออกมา “ขำได้แต่มืออย่าลูบก้น”

   “ก็มันนุ่ม จะว่าไปกลอยอ้วนก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย ก้นเต็มมือดี”

   “เกือบจะดีอยู่แล้ว” หรี่ตามองคนที่เหมือนจะกึ่งชมกึ่งแขวะ พี่โชขำก่อนค่อยๆ หลับตาลง แต่ผมรีบยกมือขึ้นไปถ่างตาไว้ “อยากอาบน้ำ” ดูเหมือนคนที่ผมบอกจะไม่เข้าใจ เลยต้องเพิ่มคำขยายความเข้าไปอีก “แค่พยุงไปส่งที่หน้าห้องน้ำก็พอ”

   “พี่อาบให้ด้วยก็ได้ เพราะพี่ทำให้กลอยไม่มีแรง”

   “รู้ตัวก็ดี อ้อ อาบอย่างเดียวนะ กลอยง่วง”

   “ครับๆ พี่ก็ง่วง ใช้แรงหมดแม็กแล้ว”

   “สมน้ำหน้า”

   ถูกดีดหน้าผากก่อนพี่โชจะช้อนตัวผมขึ้นแนบอก ความเย็นของแอร์เป่ารดร่างที่ไร้อาภรณ์จนขนลุก แต่พอได้น้ำอุ่นๆ ก็รู้สึกดีขึ้น แม้กระทั่งความเหนื่อยอ่อนจากศึกเมื่อครู่ก็ดีขึ้นมาก ผมแช่น้ำในอ่างกับพี่โชอยู่นาน ถูกขัดๆ ถูๆ ทุกซอกจนสะอาดก็ถึงเวลานอน และตอนนี้ตัวผมเต็มไปด้วยแป้งสีขาวยิ่งกว่าตอนเป็นผีแคสเปอร์ พี่โชดูจะสนุกกับการเล่นกับร่างกายของผม คือผมหมายถึงว่า ผมถูกจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตา ไม่ได้หมายถึงเรื่องอย่างว่า

   “ฝันดีนะ” พี่โชบอกผมพลางโน้มหน้ามาจุ๊บหน้าผาก ผมก็เลยหอมแก้มกลับแล้วบอกฝันดีคืน “ทำให้หลงอีกแล้ว”

   “หลงเยอะๆ พี่โชจะได้หาทางออกไม่เจอ จะได้อยู่กับกลอยไปนานๆ”

   “นานทั้งชีวิตเลยก็ได้”

   “พูดดี”

   “พูดมาก นอนๆ”

   ผมหยิกเข้าท้องพี่โชก่อนจะวางพาดแขนไป ความอบอุ่นที่คิดถึงมานาน อ้อมกอดที่คุ้นเคย กลิ่นหอมที่ชอบ ไอ้กลอยคนนี้จะตักตวงให้หนำใจ ก่อนจะต้องทนนอนเปล่าเปลี่ยวเดียวดายไปอีกเป็นปีๆ

   “ฝันดี พี่โชของกลอย”





****

   จากวันนั้น พี่โชก็พาผมไปเที่ยว ทั้งที่ๆ ผมอยากไป หรือที่พี่โชอยากไป โดยไม่ลืมที่จะใช้กระเป๋าสะพายเป็ดน้อยที่น้องบีมเอาให้ แม้พี่โชจะขำก็ตาม อันที่จริงมันก็เข้ากับผมดีนะ พอเที่ยวจนหนำใจก่อนวันสุดท้าย พี่โชก็พาผมกลับบ้านไปไหว้แม่ของผม รวมทั้งครอบครัวของพี่โช ทุกคนรู้ดีว่าเราทั้งคู่อยากเก็บความทรงจำต่ออายุความคิดถึง เลยไม่มีใครทักท้วงให้หลับนอนที่บ้าน แม้ผมจะให้พี่โชกลับไปนอนที่บ้าน แต่แม่ของพี่โชกลับสั่งห้าม แล้วแบบนี้ไอ้กลอยจะไม่รักได้ไง รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเสียจริง



   “ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อย่าดื้อ” หน้ามุ่ยเมื่อถูกสั่ง มือใหญ่ก็ขยี้หัวซะผมฟู

   “พี่โชนั่นแหละ อยู่ไกล ดูแลตัวเองเยอะๆ” กำชับเสร็จก็โผเข้ากอด ไม่สนใจสายตาคนเดินไปมา แน่นอนว่าพี่โชก็ไม่สนเช่นกัน “ตั้งใจเรียนแล้วรีบกลับมาขอกลอยนะ”

   “ดูพูดเข้า” ยิ้มแป้นรับคำชม ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ผมรับได้หมด “พี่ไปนะ แล้วจะรีบกลับ”

   “อื่อ เดินทางปลอดภัย ถึงแล้วก็โทรมาบอกด้วย”

   “ขับรถกลับดีๆ ล่ะ อย่าใจร้อน”

   “ใจไม่ร้อน แต่รุ่มร้อนได้ป่ะ”

   “ได้ แต่รอพี่กลับมาก่อน” พี่โชขำออกมา คงกลัวผมจะร้องไห้ “พี่ไปนะ”

   “อื่อ”

   ยืนโบกมือส่งพี่โชเข้าไปด้านใน วันนี้มีแค่ผมคนเดียวที่มาส่ง คนอื่นอยากมาแต่ถูกห้าม หลังจากพี่โชเข้าไปแล้ว ผมก็รีบยกมือปาดน้ำตาที่คลอ ฮึบสิ ฮึบไว้ จะมาร้องไห้กลางสนามบินไม่ได้ ฮึบ! ฮึบโว๊ยไอ้กลอย!



...TBC

กราบสวัสดีและกล่าวคำว่าขอโทษที่หายไปค่าาาาา ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหน แต่เพราะกำจัดความรู้สึกบางอย่างของตัวเองไม่ได้ เลยต้องแก้ที่ตัวเองก่อน จนสุดท้ายก็...กลายเป็นโกโกครั้นซ์ ตู้มมมม (มุกแป้ก T^T)

อาจจะดูเร็วหรืองงๆ แต่ตอนหน้าคือตอนสุดท้ายแล้ว ขอบคุณทุกๆ คนที่คอยเป็นกำลังใจให้สู้กับตัวเอง ขอบคุณมากๆ ค่ะ

เพราะทุกคนทำให้เราพยายามพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับนิยายของเรา

หากเรื่องนี้ผิดพลาดตรงไหน หรือมีอะไรให้แก้ไข ต้องขออภัยมากๆ ด้วยค่ะ จะพยายามพัฒนาให้มากกว่านี้อีก

แล้วพบกันตอนหน้า ตอนสุดท้ายค่าาา

ปล. แม้จะเป็นตอนสุดท้าย แต่ตอนพิเศษยังมีอีกเพียบ

ขอบคุณมากๆ ค่าาา รักกกกก จ๊วฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-06-2019 12:12:29
 :man1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-06-2019 13:10:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-06-2019 13:49:06
นึกว่าพี่โชจะหนีบกลอยไปด้วยซะอีก ตอนหน้าจะจบแล้วอ่ะ ฮีบ ฮึบ   :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-06-2019 21:49:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-06-2019 22:32:48
จะจบแล้วหรอ??? :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-06-2019 02:31:26
ไม่อยากให้จบเลย  :mew6:  เราอิจฉากลอยปะเกรียนจริง ๆ ที่พี่โชรักมากมายขนาดนี้ แต่ก็มีความสุขไปด้วยที่กลอยเป็นที่รักของพี่โชและผองเพื่อน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-06-2019 07:00:25
มีความสุขมากกกกก ได้อ่านกลอย พี่โช  :mew1: :mew1: :mew1:
แอบคิดว่า  กลอยขึ้นเครื่องตามพี่โข
ไปศึกษาคอร์สสั้นๆ เซอร์ไพรส์พี่โช  :katai2-1:
พี่โช  กลอย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-06-2019 01:15:54
อีกนิดเดียวพี่โชก้กลับแล้ว  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-06-2019 14:18:19
เดี๋ยวก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-06-2019 23:28:32
ไม่ผิดหวังใดๆ เลยค่ะ มีแต่กำลังใจที่จะส่งให้
เขียนนิยายต่อๆ ไป มีตอนพิเศษหลายๆ ตอน ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ
ติดตามมาหลายเรื่อง ต่อเนื่องมากมาย ดีใจมากที่มีภาคสอง

ใจบางมากเลยค่ะ เอ็นดูกลอย เข้าใจโช
อยากพกใส่กระเป๋าไปด้วย แต่คนเราต้องเติบโตเนาะ

แหนะ จัดหนักมากนะคะ เก็บตุนไว้งี้หรอ
ชอบความตามใจของกลอย และความเอ็นดูของโช
รักมาก หวงมาก ฝากเพื่อนไว้ให้ทั่วจ้า กว่าจะกลับมาอีกรอบ
โชต้องหมดตังค์ไปอีกเท่าไหร่น่ะ 5555

เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ นิยายยังสนุกและน่าติดตามเสมอ
รอเรื่องต่อไป และถ้าเรื่องนี้จะจบ ก็ขอตอนพิเศษ สิบแปดตอนแทนค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 21-06-2019 09:44:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 21-06-2019 19:55:08
รอพี่โช...
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 21:10:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-06-2019 21:08:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 23 [P.11] [UP!!] [17/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-06-2019 09:51:09
อิจความรักของกลอยจริงๆ แม้จะเกรียนไปบ้างแต่รึ่นนี้ลิมิเตตอิดิชั่นสุดๆ พี่โชหลงจนไม่รุ้จะหลงยังไงแล้ว
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 05-07-2019 21:06:55
เพราะนายคือของฉัน [ll] : 24 [END]





        เคยได้ยินมาว่า เวลาของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน มันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อตัวเลขที่ผมเห็นมันก็มีแค่นั้น ไม่ได้มีเลขสิบสาม สิบสี่ สิบห้าเกินมาสักหน่อย แต่แล้วไม่นานมานี้ผมก็ได้ค้นพบ ว่าคำนิยามนั้นมันมีอยู่จริง เวลาบนนาฬิกาของผม ไม่เคยจะตรงกับคนอื่น อย่างเช่นตอนนี้ เพียงแค่ผมเอนศีรษะลงบนหมอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังปลุกจนต้องแหกตามารับ

   “กลอยสุดหล่อรับสาย” 

   (กวนตีนนะมึง)

   “พี่โทรมาทำส้น...อะไรตอนนี้ครับ ผมจะนอนแล้วเนี่ย” เพราะเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์จะยิ้มแฉ่งแล้ว

        (มึงยังนอนไม่ได้โว้ย ลูกค้าเขาดูงานแล้วๆ อยากเปลี่ยนเพลง เขาจะขอดูพรุ่งนี้เช้าตอนแปดโมง)

   “พี่พูดจริงพูดเล่นเนี่ย” ตาสว่างแทบจะทันทีที่ได้ยิน “แต่งานนั้นคือไฟนอลแล้วนะ”

   (ก็ใช่ แต่ลูกค้าแม่งเรื่องมาก เมียกูก็บ่นอยู่เนี่ย มึงทำได้ใช่ไหม)

   “เคยตอบว่าไม่ได้ด้วยเหรอ”

   (ดีมาก เดี๋ยวเสร็จงานกูให้เมียพาไปเลี้ยงปิ้งย่าง)

   “ให้มันจริง แค่นี้นะ ผมรีบ”

   หลังจากวางสาย ผมถอนหายใจไปหลายเฮือก ก่อนพาร่างไร้แรงลุกออกไปที่ห้องทำงานเก่าของพี่โช ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องทำงานของผม ข้าวของ หนังสือวางระเกะระกะไร้ระเบียบ หากพี่โชอยู่ผมอาจหูชาได้ แต่ถึงแม้พี่เขาจะอยู่ ผมก็คงไม่ให้เก็บอยู่ดี เพราะกลัวจะหาของไม่เจอ

   กดเปิดจอคอมเครื่องแรงราคาแพง ระหว่างรอเครื่องเซ็ทโปรแกรม ผมส่งยิ้มให้กับปีศาจหน้าหล่อที่ทำหน้าตาติ๊งต๊องอยู่ในกรอบรูป ทั้งตาเหล่ แลบลิ้น ปลิ้นตา แต่ก็ยังดูดี เห็นแล้วก็พาลนึกถึงตัวเป็นๆ ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน พอขยับสายตาไปอีกนิดจะเจอปฏิทินตั้งโต๊ะที่ถูกปากกาขีดทับวันที่ในทุกๆ วัน

   ใกล้กลับมาแล้วสินะ ปีศาจของไอ้กลอย

   เมื่อคราวนั้นที่พี่โชมาตอนผมเรียบจบ พอกลับไปเราก็เริ่มคุยกันน้อยลง แต่เราก็ไม่ได้ห่างหายกันไปไหน ถึงแม้ไม่ได้คุย แต่ก็ยังส่งรูปพร้อมแนบข้อความบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละคนอย่างเนืองๆ อาจเพราะเวลาเราต่างกันด้วย แถมตอนนั้นผมก็เพิ่งเริ่มทำงาน พี่โชกลับไปก็เรียนหนัก ทำให้ช่วงเวลาของเราค่อยๆ น้อยลง จนผ่านไปเป็นปี รูปสุดท้ายที่ผมได้จากพี่โชก็เมื่อสองเดือนที่แล้ว เป็นรูปรองเท้าพร้อมข้อความว่า คิดถึง ก็น่าจะซึ้งใจอยู่หรอกถ้าอ่านแค่ข้อความ...

   หน้าผมกับรองเท้า...เหมือนกันเหรอวะ   

   “คิดถึงว่ะ” ใช้มือเขี่ยรูปพี่โชไปมา อยู่ๆ ก็อยากโทรหา แต่ไม่รู้ตอนนี้อีกฝั่งจะทำอะไรอยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่าที่นั่นกี่โมงแล้ว เกิดโทรไปหา พี่โชยุ่งอยู่จะทำยังไง เป็นแฟนที่ดีต้องอดทนเป็น ฮึบไว้ไอ้กลอย ฮึบไว้ “ทำงานโว๊ย ทำงาน” เรียกแรงฮึดให้ตัวเองแล้วลงมือแก้งานต่อ

   วกเข้าเรื่องงาน เอาจริงๆ เพลงในวีดีโอของลูกค้านั้น ผมเคยบอกพี่ฝ่ายเออี (ฝ่ายติดต่อประสานงานลูกค้า) ไปแล้ว ว่าเพลงที่ลูกค้าเลือกมันไม่โอเค แต่พี่เขาบอกให้ทำตามที่ลูกค้าบอก แล้วไหงสุดท้ายมาให้ผมเปลี่ยนเป็นเพลงที่ผมเคยเสนอไป ไอ้กลอยปวดหัวครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อสโลแกนที่ถูกพูดกรอกหูอยู่เช้าเย็นคือ ลูกค้า คือพระเจ้า แล้วแบบนี้จะบ่นอะไรได้...โอ้ มาย ลูกค้า!!!!! (เพราะลูกค้าคือพระเจ้า พระเจ้าอ่านว่า ก็อด .... ขอโทษที่เล่นมุกแป้กครับ)
 
   แต่นี่ก็ยังไม่เลวร้ายเท่าตอนส่งงานไปแล้วถูกลูกค้าแคนเซิลแบบดื้อๆ เพียงเพราะได้งานจากที่อื่นในราคาถูกกว่า แฟนพี่รหัสผมแทบอยากเอาระเบิดไปบอม เพราะงานนั้นทุกคนช่วยกันจนแทบไม่ได้นอน บรีฟวันนี้ เอาพรุ่งนี้ พอได้กลับไม่เอา บ้าบอคอแตกที่สุด

   เสียงนาฬิกาเดินของมันอย่างทุกวัน ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาแก้งานตามคำสั่ง จะว่าไป ตอนนี้ผมเริ่มใส่แว่นแล้ว สงสัยจ้องจอคอมนานสายตาเริ่มสั้น แถมยังติดกาแฟอีก ปกติก็กินแต่ไม่ได้โหยหาอย่างทุกวันนี้ เข้าใจหัวอกคนติดคาเฟอีนเลย ไม่ได้กินมันจะทรมาน ปวดหัว กระสับกระส่ายอยู่ตลอด

   โปรแกรมพรีเมียโปรที่ไม่ค่อยจะถนัด แต่การเรียนรู้ บวกกับประสบการณ์การผิดพลาดทำให้เริ่มชินมือ ดังนั้นไม่ยากเลยที่จะแก้งาน แต่ถ้าให้ดี ควรบอกให้เร็วกว่านี้สักนิด ขอเวลานอนให้ผมบ้าง อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ ผมนอนไม่ถึงแปดชั่วโมงด้วยซ้ำ
จากตีสาม ใช้เวลาเกือบๆ สองชั่วโมงงานก็เสร็จ ผมส่งไฟล์ตัวจริงไปให้พี่รหัส เสร็จสรรพก็เตรียมเข้านอน แค่ได้พักสักงีบก็เป็นบุญมากแล้ว เพราะต้องเข้าออฟฟิตอีก นี่ผมคิดถูก คิดผิดวะเนี่ย ที่มาทำงานที่นี่

   หลังจากงีบหลับได้ไปตื่นหนึ่ง ผมก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน วันนี้จะมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาคุยรายละเอียดงาน บอกอยากได้วีดีโอบอกรักแฟนแบบโรแมนติก แน่นอนว่าผมถนัด เห็นแบบนี้ ไอ้กลอยก็เป็นผู้ชายอบอุ่นนะครับ (ไขมันเยอะนั่นเอง)
 
   “ไงมึง หัวฟูมาเลยนะ” เสียงทักของพี่ที่ทำงาน หลังจากผมลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จอดหน้าตึก

   “รีบมากไปนิด” บอกพลางหัวเราะแห้งๆ เพราะสระผมเลยไม่อยากใส่หมวกกันน็อค “ลูกค้ามายังพี่”

   “ยัง” คนตอบอัดบุหรี่เข้าปอดไปเฮือกใหญ่ก่อนพ่นออกมา “นี่มึงยังกล้านั่งมอเตอร์ไซค์อีกเหรอวะ”

   “อ่าว ทำไมผมจะนั่งไม่ได้ล่ะ”

   “ก็มึงเคยหลับในแล้วตกลงถนนไม่ใช่เหรอ อันตรายสัด”

   “แต่มันก็ดีกว่าผมขับมาเอง เผลอๆ อาจตายตอนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”

   “ก็จริงของมึง”

   ผมส่ายหน้าปฏิเสธมวนบุหรี่ที่พี่เขายื่นมาให้ ส่วนเรื่องตกมอเตอร์ไซค์นี่ก็ประมาณช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มทำงาน เพราะไม่ค่อยได้นอน ความง่วงเลยสะสม ซ้อนพี่วินติดไฟแดงอยู่ดีๆ รู้ตัวอีกทีก็นอนโรงพยาบาล มานึกตอนนี้แล้วก็ตลกดี แต่ตอนนั้นตลกไม่ออก เพราะข้อศอกถลอกปอกเปิกไปหมด ดีที่สวมหมวกกันน็อค หัวเลยปลอดภัยไม่มีส่วนไหนบุบสลาย

   “พี่อัดแต่เช้าเลยนะ กินข้าวหรือยัง”

   “กูอัดล่วงหน้าเผื่อเครียดเว้ย ส่วนข้าวกูไม่ซี” ไม่ซีของพี่แกคือไม่ซีเรียล เอ้ย ไม่ซีเรียสต่างหาก (มุกแป้กครับ โปรดอ่านข้ามไป) “มึงเถอะ แดกข้าวบ้างหรือเปล่า ผอมสัด”

   “ถ้างานน้อยกว่านี้ ผมคงมีเวลากินข้าวครับ” ตอบตามความจริง ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นด้วยพลางหัวเราะออกมา “ผมเข้าไปก่อนนะ”

   บริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์เล็กๆ แต่ก็อบอุ่น ทุกคนในที่นี้แม้หน้าตาจะโหดไปสักหน่อย หนวดเคราขึ้นเพราะขี้เกียจโกน แต่กลับใจดี สอนงานผมอย่างใจเย็น ถามว่ามีผู้หญิงไหม ตอบเลยว่ามี แต่สถานะไม่โสดสักคน

   “ไอ้กลอยน้องเลิฟ” พี่รหัสผมโผเข้ามากอดไหล่ “ขอบใจเรื่องแก้งานนะเว้ย ลูกค้าเซย์เยสแล้ว เดี๋ยวกูเลี้ยงปิ้งย่าง”

   “อ่าว แล้วพวกผมล่ะ”

   “เมียกูเลี้ยงทุกคนอยู่แล้วน่า”

   “ปากดีนะมึง”

   ช่วงทำงานทุกคนจะเครียดจนแทบไม่คุยกัน แต่พองานผ่านพ้น ความสนุกและเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ

   “ว่าแต่ไอ้กลอย เมื่อไหร่มึงจะเปลี่ยนกระเป๋าสักทีวะ เห็นเป็ดเหลืองมึงแล้วกูขี้ไม่ออก”

   “ผมไม่ได้เอากระเป๋ายัดตูดพี่ ถึงขี้ไม่ออก เชี่ย” โดนตบปากไปทีจากพี่รหัส ชอบนักการใช้ความรุนแรงเนี่ย “ถ้าพี่ทำร้ายผมอีกที ผมจะฟ้อง...”

   “ฟ้องใคร ฟ้องศาลหรือผัว กูไม่กลัวเว้ย แน่จริงก็มา”

   “ปากดีนะมึง คราวนั้นกูเห็นมึงยกมือไหว้ด้วย”

   “นี่ผัวมึงนะ หัดไว้หน้ากูซะบ้าง”

   ผัวเมียง้องแง้งใส่กันพอประมาณ แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะได้ดี ผมรีบใช้โอกาสนี้เดินหนีไปนั่งโต๊ะประจำ หน้าที่หลักคือช่วยงานพี่ฝ่ายอาร์ตไดเรกเตอร์ที่ควบคุมงานด้านความคิดสร้างสรรค์ทุกอย่างของบริษัท ฟังดูเหมือนง่ายแต่มันโคตรยากเลยสำหรับผม การที่ต้องคิดงาน สร้างสรรค์งานในรูปแบบต่างๆ ที่ลูกค้าอยากได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งกว่าผมจะอยู่รอดมาได้ถึงวันนี้ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียนรู้งาน โชคดีที่ทุกคนใจเย็นสอน

   “ลูกค้าจะเข้ามากี่โมงพี่” พี่ต้น ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนอาจารย์อีกคนของผมเอ่ยถาม หลังจากหาวเป็นรอบที่ล้าน สงสัยผมต้องติดโรคใต้ตาดำมาจากพี่แกแน่ๆ

   หรือผมจะเป็นญาติกับแพนด้าวะ

   “เดี๋ยวก็มาละมั้ง นั่นไง” ลูกค้ารายใหญ่ที่ทุกคนพูดถึง เป็นหญิงสาวท่าทางมั่นใจในตัวเอง ใบหน้าที่มีเครื่องสำอางฉาบไว้ เชิดขึ้นเล็กน้อยยามเดินมาหยุดตรงหน้าพวกผม “สวัสดีครับคุณพิมพ์อักษร”

   “ค่ะ” น้ำเสียงแข็งกระด้างจนรุ่นพี่ผมถึงกับหน้าเสียไป “เข้าเรื่องเลยนะคะ งานวีดีโอที่ดิฉันต้องการนั้น...” แล้วก็เหมือนเดตแอร์เมื่อเธอหยุดพูดไปซะดื้อๆ แต่แล้วดวงตาคู่สวยนั่นก็หันมาจ้อง เอาซะผมหันรีหันขวาง “งานของฉันเป็นงานใหญ่ ไม่อยากได้เด็กฝึกงานทำนะคะ”

   เหมือนถูกน้ำกรดผสมมะนาวสาดหน้า ความชาดิกทำให้ผมยิ้มค้างแบบเก้อๆ ไม่ต่างจากทุกคนที่เงียบสนิท ชนิดได้ยินเสียงมดเดิน

   “นี่ผู้ช่วยของผมเอง ดูหน้าเด็ก แต่ทำงานดี” พี่ต้นโพล่งออกมา ดังเทพบุตรขี่ไก่ขาวมาช่วย (พี่แกเกิดพี่ระกา ข้าวของส่วนใหญ่ก็เป็นรูปไก่ทั้งนั้น)

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันอยากได้มืออาชีพทำจริงๆ คุณช่วยเอาเด็กกระเป๋าเหลืองนั่นออกไปก่อนได้ไหม หรือถ้าไม่ได้ ฉันก็จะ...”

   “ได้ครับๆ กลอย มึงออกไปรอข้างนอกก่อน”

   พี่รหัสผมทั้งกระพริบตา ทำปากขมุบขมิบจนผมต้องยอมจำนนเดินคอตกออกห้อง แล้วทำไมถึงเป็นผมคนเดียว ในเมื่อฝ่ายอื่นก็มีเด็กใหม่เหมือนกัน สองมาตรฐานชัดๆ

   พอออกมาได้ผมก็มานั่งแกร่วอยู่หน้าออฟฟิต ระหว่างนั้นสังเกตเห็นรถที่ลูกค้านั่งมามันช่างคุ้นตา แต่ก็นะ คนรวยจะขับรถคล้ายๆ กัน สีเหมือนๆ กันก็คงไม่แปลกอะไร อย่างกลุ่มเพื่อนพี่โชก็มีรถที่เหมือนกันอยู่

   นานมากกว่าลูกค้าจะเดินออกมาพร้อมกับแฟนพี่รหัสผม เธอปรายหางตามองผมนิดๆ ก่อนสะบัดหน้าเดินขึ้นรถไป ชาติที่แล้วผมอาจหักอกเขามา ชาตินี้เขาเลยไม่ชอบขี้หน้าแน่ คนเกิดมาหล่อมันผิดตรงไหนวะครับ

   “งานที่เขาอยากได้ เป็นไงบ้างเจ๊” ลองแอบถามเจ้าของบริษัทดู แต่ก็ได้แค่ยักไหล่เป็นคำตอบ อะไรวะ “พี่ต้น งานเขา...”

   “มึงไม่ต้องถามมาก เอางานอื่นไปทำไป งานนี้กูกับไอ้มิ่งต้องลุยเอง แม่งยุ่งยากฉิบหาย” พี่ต้นบ่นๆ แต่ก็ไม่วายหันมามองผมเป็นระยะ แล้วก็หันกลับไปบ่นอีก อะไรของเขาอีกคนวะ

   วันนี้ทุกคนเป็นอะไรกันหมด หรือผมจะลืมรูดซิปถึงมองกันจัง ไม่แน่ อาจสงสารที่ผมโดนด่าออกอากาศขนาดนั้น อยากบอกว่าไอ้กลอยประเกรียนคนนี้ยังไหว ใครไม่ไหว กลอยไหว




***

   แล้วชีวิตของผมก็วนลูปเหมือนเดิม ทำงาน คิดงาน ตัดต่องาน โชคดีที่ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปทำข้างนอก ไม่อย่างนั้น ตายพอดี แต่ก็คงเฉพาะผมนั่นล่ะ เพราะทั้งออฟฟิตเหลือผมนั่งหน้าจอคอมอยู่คนเดียว คนอื่นออกไปทำงานให้ลูกค้าข้างนอกหมด เป็นงานอะไรก็ไม่มีใครบอก รู้แค่ว่าลับแบบสุดๆ

   “ไงมึง เฝ้าออฟฟิตคนเดียว เหงาป่ะ” เสียงทักดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะมีแก้วกาแฟปั่นวางลงตรงหน้าผม “กูซื้อมาฝาก”

   “พี่นี่ใจดีสุดๆ ใครได้เป็นแฟนนะ สบายไปทั้งชาติ” พูดเสร็จก็ดูดกาแฟเข้าปาก ความเย็นแล่นปรี๊ดขึ้นสมองจนต้องนิ่วหน้า “แล้วคนอื่นล่ะ”

   “เดี๋ยวก็คงถึง” พี่มิ่งเดินไปนั่งประจำที่ตัวเอง แต่มิวายโผล่หน้ามาหาผมอีกรอบ “งานที่พี่ต้นให้ เอาพรุ่งนี้นะเว้ย”

   “รู้แล้วน่า รีบให้อยู่” ผมตอบออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงขำเบาๆ กลับมา “แค่งานตัดต่อ ไอ้กลอยคนนี้เอาอยู่”

   “กูจะรอดู”

   “ได้เห็นแน่นอน”

   อวดไปอีก พี่มิ่งส่ายหน้ารัวๆ พลางหันกลับไปทำงานของแกต่อ แต่เห็นผมแซวเรื่องแฟนแกแบบนั้นน่ะ ที่จริงสาวที่พี่แกคุยๆ ไว้โคตรเด็ดดวงเลย ส่วนเว้าส่วนโค้งมีครบ ติดอยู่อย่างเดียว พี่มิ่งแกไม่มีเวลาให้ สาวสวยเลยให้สถานะแค่เพื่อน น่าเห็นใจเลยแบบนั้น

   หลังจากพี่มิ่งเข้ามาไม่นาน คนอื่นๆ ก็ทยอยกลับเข้าประจำโต๊ะตัวเอง พอผมชะโงกหน้าจะไปถามพี่ต้น แกก็รีบหันหน้าหนี หันไปถามพี่อีกฝ่าย เขาก็ลุกไปซะอย่างนั้น งานอะไรจะเป็นความลับขนาดนั้นครับ หรือในงานจะมีเพชรพันล้าน? บ้าน่า ถ้างานระดับนั้นก็ต้องเป็นบริษัทใหญ่ๆ นู้น

   แล้วมันงานอะไรกันเนี่ย ไอ้กลอยอยากรู้ ต่อมเสือกสั่นจนอยากจะบ้าตายแล้ว

   ถึงอยากรู้ไปก็เท่านั้น เพราะไม่มีใครปูดรายละเอียดอะไรเลย จนก่อนวันงาน ผมถูกพามาช่วยจัดฉาก เก็บของ เก็บไฟ สถานที่ถ่ายทำพรุ่งนี้เป็นห้องสูทของโรงแรม พื้นพรมสีแดงมีกลีบกุหลาบสีขาวโรยเป็นทางยาวตั้งแต่หน้าประตูมาถึงหน้าเวที บรรยากาศรอบๆ ดูเหมือนจะเป็นงานแต่งงาน แค่ไม่มีพร็อบซุ้มดอกไม้ กับป้ายชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวทีก็เท่านั้น ดอกกุหลาบสีขาวที่กำลังถูกตกแต่งมีทั้งถูกมัดเป็นช่อๆ กับที่ปักอยู่ในแจกัน

   “ไอ้กลอย ยกไฟมาหน้าเวทีดิ๊” พี่รหัสผมตะโกนสั่งงานมาจากบนเวที

   “เมื่อกี้พี่บอกให้ผมยกมาหน้าประตูไม่ใช่เหรอ” รีบตะโกนตอบ เพราะตอนนี้ผมก็ยืนอยู่หน้าประตูนี่แหละ

   “นั่นมันเมื่อกี้ แต่ตอนนี้มึงยกมาหน้าเวที เร็วๆ”

   “เออๆ”

   แม่ง เอาแต่ใจฉิบหาย

   ผมยกเสาไฟที่มีสปอร์ตไลท์ดวงโตไปหน้าเวที ถูกสั่งให้ขยับซ้ายที ขวาทีจนเหนื่อย กว่าพี่ท่านจะพอใจผมก็หอบ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผมผอม ออกกองทีไรถูกใช้ยิ่งกว่าเด็กฝึกงานทุกที

   “พี่มิ่งๆ” เดินไปสะกิดขณะพี่มิ่งกำลังเช็คการรันคิว “งานนี้มันงานอะไรเหรอ เราต้องถ่ายอะไร?”

   “ก็ถ่ายงานลูกค้าไง” ตอบแบบขอไปที แถมไม่มองหน้าผมอีก คงเพราะกำลังยุ่ง

   “นั่นแหละ งานอะไร ทำไมผมไม่เห็นหน้าเจ๊คนจ้างเลย” ตั้งแต่เช้ามืดที่ผมมาแล้ว ไม่เห็นหน้าใครเลย เห็นแต่ทีมงานกับพนักงานของโรงแรม

   “เดี๋ยวมึงก็เห็นเอง ไอ้ตูนๆ” แล้วพี่มิ่งก็รีบเดินไปหาเจ้าของชื่อที่นั่งอยู่หลังแผงควบคุมไฟ

   แล้วผมต้องทำงานอะไรนอกจากแบกหามเนี่ย ปกติจะมีหน้าที่หลักๆ แต่นี่กลายเป็นตัวลอย แม้ดูงานสบายแต่มันก็วางตัวลำบาก เดินไปไหนก็มีแต่คนทำงาน จะนั่งเฉยๆ ก็ดูไม่ดี เลยได้แต่เนียนไปขอช่วยงาน หยิบจับอะไรบ้างไม่ให้ดูว่างจนเกินไป

   งานช่วงเช้าผ่านไปไว พอเข้าช่วงบ่ายดูทุกอย่างช้าลง อาจเพราะเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยรอแค่ถ่ายทำวีดีโอพรุ่งนี้ก็จบงาน ผมเดินร่อนไปทั่ว คอยมองหางานที่คาดว่าจะช่วยได้ แต่บรรดาพี่ๆ ทุกคนก็ดูจะไม่ใส่ใจร้องเรียกให้ช่วย

   “เฮ้อ” ถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ

   “เดี๋ยวอายุสั้นหรอกมึง” เสียงทักกวนๆ มาจากด้านหลัง ผมเลยถอนหายใจโชว์ไปอีกรอบ “กวนตีน”

   “เราจะกลับกันกี่โมงอะพี่”

   “งานยังไม่เรียบร้อยเลย มึงจะรีบกลับไปไหน” พี่ต้นทิ้งตัวนั่งเก้าอี้ข้างๆ ผม สายตามองไปรอบงานแล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าผม รอยยิ้มที่ผมเห็นตรงหน้าดูมีพิรุธแถมพึมพำเบาจนหูผมแทบไม่ได้ยิน “มึงนี่นะ ทำยุ่งยากฉิบ”

   “พี่พูดไรอะ” เริ่มหวาดระแวงนิดๆ กลัวจะเรื่องของตัวเอง

   “กูไปทำงานต่อดีกว่า” พี่ต้นยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงตัวเอง ก่อนไปยังมิวายพูดลอยๆ ทิ้งท้าย พลางใช้กระดาษที่ม้วนตีเข้าหัวผม “กูจะหาเด็กกวนตีนแบบนี้ได้จากที่ไหนอีกเนี่ย”

   อะไรของพี่เขาวะ 

   หลังจากนั่งเฉยๆ ความง่วงก็คืบคลานเข้ามาหาจนได้ จากการถอนหายใจกลายเป็นหาว ผมหาวจนน้ำตาไหล หาวจนจะวูบกลางอากาศ ตอนนี้ก็เริ่มบ่ายแก่เต็มที งีบสักนาทีคงไม่มีใครว่า ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วๆ ถ้างานเสร็จพร้อมกลับบ้านคงมีคนมาปลุกเอง

   ขอพักสายตาสักแปบนะครับ....





[มีต่อด้านล่างค่ะ]
v
v
v

   
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END][P.12][UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 05-07-2019 21:08:28
  [ต่อจากด้านบนค่ะ]

v
v


       ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก เสียงเหมือนนาฬิกาเดินแต่ทำไมมันดังกว่าปกติ เอ๋ ผมงีบไปนี่หว่า ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ ทำไมไม่มีใครปลุกสักคน หรือผมจะเพิ่งหลับ? คำถามมากมายกำลังเกิดขึ้น แม้ตอนนี้ผมจะฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่ก็ตาม พอขยับเปลือกตา เงยหน้าขึ้น กลับพบแค่ห้องมืดๆ ที่ปิดไฟหมดทุกดวง หรือทุกคนจะทิ้งผมวะ

   ก่อนจะลุกยืน เสียงชู่วก็ดังขึ้นพร้อมมีแสงสว่างวาบที่หน้าเวที พอหันไปมองก็เห็นจอผ้าขนาดใหญ่มีภาพเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งมันจะไม่น่าสนใจเลย หากคนในวีดีโอนั้น ไม่ใช่คนที่ผมคิดถึงอยู่ทุกเวลา แถมยังส่งยิ้มหวานจนผมเผลอยิ้มตามออกมา

   ‘จะพาไปดูเด็กนอนน้ำลายยืด’ เสียงจากคลิปทำให้ผมน้ำตารื้นด้วยความคิดถึง ในคลิปพี่โชหมุนกล้องตัวที่ใช้ถ่ายไปหาไอ้เด็กนอนอ้าปากกรนอยู่บนเตียง พลางส่งเสียงหัวเราะคลอเคล้าเสียงกรน ‘นอนยังไงให้ตลกวะ’ ประโยคที่ดังแทรกเข้ามา ก่อนคนถือจะเอากล้องไปวางบนหมอน ทำให้ภาพบนนั้นเห็นทั้งคนนอนและคนตื่น สายตาอ่อนโยนกำลังจ้องมองคนนอนไม่รู้เรื่องราว ‘แต่แม่งโคตรน่ารักเลย’ พูดจบก็ก้มฟัดแก้มกลมๆ ไปหลายรอบ จนคนนอนขยับ ‘ฉิบหาย’ แล้วภาพก็ตัดไป

   ผมต้องรู้สึกยังไงดีก่อนในตอนนี้ แล้วจู่ๆ ก็มีแสงวาบขึ้นมาหน้าจออีก

   ‘มีเด็กโข่งกำลังงอนว่ะ’ แม้จะพูดแบบนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มขำ ‘แค่ไม่พาไปกินบุฟเฟ่เองนะเว้ย ตลกสัด เมียกูเนี่ย’ แล้วกล้องก็ค่อยๆ หันไปทางคนงอนที่กำลังนั่งหน้าง้ำกอดตุ๊กตาควายอยู่บนโซฟา ‘ปากเป็ดได้อีก’ พี่โชขำ แต่ผมไม่ขำเว้ย ‘เดี๋ยวจะทำให้หายงอนให้ดู’ พูดจบก็วางกล้องไว้แล้วเดินไปสะกิดคนงอน บอกจะพาไปกินปิ้งย่างแทนชาบู แค่นั้นไอ้คนอ้วนก็หายงอน

   ทำไมผมแม่งเห็นแก่กินจังวะ

   แม้ภายในห้องสูทของโรงแรมนี้จะมืด แต่แสงที่ลอดผ่านใต้ประตูก็ทำให้พอรู้เส้นทางและการเคลื่อนไหว ซึ่งตอนนี้ผมว่าผมกำลังนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพังอย่างแน่นอน ว่าแต่ ใครเป็นคนเปิดคลิปนี้...หรือพี่โช?? แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ จนความสนใจถูกดึงไปอยู่ที่หน้าจอบนเวทีอีกรอบ เมื่อมีคลิปวีดีโอถูกเปิดอีก

   ก็แล้วทำไมไม่เปิดรวดเดียวให้จบฟะ ดึงอารมณ์กันอยู่ได้

   ‘มีเด็กงอแงอีกแล้ว’ เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะวางกล้องไว้ในมุมที่สามารถมองเห็นทั้งผมและคนถ่าย หากจำไม่ผิด ผมว่าคลิปนี้มันไม่ดีต่อผมแน่นอน ‘ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย’
 
   ‘พี่โชไปตั้งเป็นปีนี่นา กลับมาลืมหน้ากลอยแล้วมั้ง’ นั่นไง ผมยังจำได้ทุกคำที่พูด

   ‘ใครจะไปลืมได้ลง หน้าแบบนี้มีอยู่คนเดียวในโลก’
 
   ‘หล่อใช่ป่ะ’

   ‘หน้าด้านต่างหาก’ คนด่าผมหัวเราะร่วน ก่อนจะดึงหน้าผมเข้าไปฟัดแก้มซ้ายที ขวาที ‘ด้านไหนก็นุ่ม ด้านไหนก็น่าหอมไปหมด’
 
   ‘มุกนี้ผ่าน’
 
   แล้วเสียงก็หายไปเหลือเพียงแค่ภาพเคลื่อนไหวตอนผมออดอ้อน จำได้ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นช่วงก่อนพี่โชกลับไปเรียน ใช่ครับ คลิปพวกนี้ผมถูกแอบถ่ายตอนพี่โชกลับมาวันผมเรียนจบ แต่ที่สงสัยคือ ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวสักนิด อาจจะเห็นแต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าพี่โชแค่สนใจกล้อง เช็ด ทำความสะอาดอย่างทุกที ที่ไหนได้ แอบถ่ายกันนี่เอง (ที่จริงหลังจากออดอ้อนมันมีอะไรมากกว่านั้น แต่คงถูกตัดออกไปโดยฝีมือคนถ่าย แหงล่ะ เปิดได้ก็บ้าแล้ว ยิ่งกว่าสามสิบบวกๆๆๆ อีก)

   จากคลิปออเซาะหวานแหววผ่านไป วีดีโอตรงหน้าก็กลายเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมวันที่เดินทางในต่างช่วงเวลา ก่อนตัดกลับมาที่โต๊ะไม้สีน้ำตาล บนโต๊ะมีสมุดบันทึกวางอยู่ แล้วหน้ากระดาษก็ถูกมือขาวพลิกทีละหน้า แม้จะเห็นแค่ผ่านๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องราวที่เขียนถึงผม บางหน้ามีรูปวาดประกอบคำบรรยายด้วย และพอถึงหน้าสุดท้าย มือขาวๆ นั่นก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียน

   ‘คิดถึง’

   เสียงพูดของเจ้าของลายมือดังก้องห้องจัดงาน ผมลุกพรวดพลางหรี่ตามองรอบห้องที่แสนมืดมิด จนเห็นเงาลางๆ กำลังเคลื่อนไหวบนเวที เพียงแค่นั้นก็ทำใจเต้นแรงยิ่งกว่าลุ้นหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก

   “พี่...จอม” ทันทีที่มีไฟสปอร์ตไลค์สาดไป ผมถึงกับยืนนิ่ง พี่จอมมองตรงมาพลางหัวเราะยามที่เห็นผมทำหน้าตาผิดหวัง

   “ดูทำหน้าเข้า กูไม่ใช่ขี้นะเว้ย” พี่จอมขำ แต่ผมไม่ขำด้วยหรอก “ผิดหวังล่ะสิ ที่เป็นกูมายืนตรงนี้แทน”

   “ไม่เลย” ตอบเสียงสูงไปหน่อย แต่มันก็เป็นเสียงปกติของผมอยู่แล้ว (เหรอวะ)

   “เพื่อนรักกูฝากมาให้” ผมมองสมุดเล่มที่เห็นในวีดีโอเมื่อกี้อยู่ในมือของพี่จอม “แล้วก็ มันมีอะไรมาบอก” พูดจบ พี่จอมก็ขยับไปยืนด้านข้าง ก่อนหน้าจอจะปรากฏวีดีโอที่มีพี่โชนั่งปลายเตียง ใบหน้ายิ้มแย้มจนผมต้องเผลอยิ้มตามอีก

   ‘สวัสดีน้องกลอย’ คนพูดดูขัดเขินจนผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แต่ในใจก็คิดถึงแหละ คิดถึงมากด้วย ‘ตอนนี้กำลังเขินอยู่ใช่ไหม พี่ก็เขินว่ะ รู้สึกเหมือนกลับไปจีบใหม่ๆ เลย’ เอ้า ผมเพิ่งรู้ว่าตอนจีบผมใหม่ๆ พี่โชแม่งเขิน เห็นพี่แกโหดและชอบบังคับอย่างเดียว ‘พี่ขอโทษนะ ที่ไม่ได้โทรหา พี่ยุ่งเรื่องเรียนจริงๆ แต่กลอยรู้ใช่ไหม ว่าพี่คิดถึงกลอยทุกวัน’ ผมพยักหน้ารัวๆ พลางยกมือปาดน้ำตาที่จู่ๆ ก็ไหลออกมาซะอย่างนั้น ‘กลอยคิดถึงพี่ไหม’

   “คิดถึง” แม้รู้ว่าพี่โชไม่ได้ยิน แต่ผมก็พูดออกมา

   “อะไรนะ” เสียงถามซ้ำระหว่างที่ปาดน้ำตา

   “บอกว่าคิดถึง!” ตะโกนตอบไป แล้วก็นึกแปลกใจ วีดีโอมันถามกลับได้ด้วยเหรอวะ? หรืออัดทิ้งไว้เพราะรู้ล่วงหน้า แต่จะบ้าหรือเปล่า ไม่ใช่หรอกมั้ง

   “ดีใจจัง”

   แล้วความขัดแย้งภายในสมองก็ค่อยๆ คลี่คลาย เมื่อมีเสียงคล้ายกระซิบแต่ดังชัดเจนที่ข้างหู ผมหมุนตัวกลับหลังหันไป คนที่นั่งยิ้มอยู่ในวีดีโอเมื่อครู่ กำลังมายืนตรงหน้า ใบหน้า ทรงผม หรือแม้แต่เสื้อผ้ายังเหมือนกันเป๊ะ

   “พี่โชออกมาจากวีดีโอเหมือนหนังทวิภพเหรอ” คงเพราะสมองตื้อๆ เลยหลุดถามแบบโง่ๆ พี่โชหัวเราะร่วน แต่สายตาอบอุ่นยังคงจ้องมองผม

   “ดูละครมากไปนะเราเนี่ย” ถูกเคาะหน้าผากไปที แต่ก็ทำให้รู้ว่า คนที่ยืนตรงหน้า ไม่ได้ออกมาจากความฝันหรือในวีดีโอแต่อย่างใด

   “ไหนพี่บอกจะกลับมาเดือนหน้าไง” ถามตามความสงสัย ข้อความที่ได้เมื่อต้นเดือนเป็นแบบนั้น

   “ก็คิดถึง รอเดือนหน้าไม่ไหว”

   “เลี่ยนว่ะ”

   “แล้วไม่ชอบ?”

   “ชอบ ชอบมาก ชอบที่สุด โคตรชอบเลย”

   ถึงเวลานี้ มันไม่มีคำอื่นใดในสมองที่คิดได้ ผมกระโดดเกาะตัวพี่โชเอาไว้ ใช้ขาเกี่ยวเอวเหมือนเด็กชอบทำ คนอุ้มตกใจในคราแรก ก่อนจะกระชับกอดตัวผมไว้ไม่ให้ตกพื้น ตอนนี้น้ำตาลูกผู้ชายกำลังไหลอาบบ่าของพี่โชจนเสื้อเปียกเป็นวงกว้าง

   “นั่นมันลิงหรือปลิงวะ” เสียงพูดคุยดังจากหน้าประตูทางเข้า เรียกสายตาผมให้มองไป เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้ไฟในห้องถูกเปิดแล้ว และมีคนนับสิบยืนอออยู่ที่ประตูทุกด้าน

   “ตัวประกอบอย่างพวกเราเข้าไปได้หรือยังวะ” พี่แทมแน่นอน เสียงแบบนี้

   “นั่นสิ กูยืนจนน่องปูดแล้วเนี่ย” พี่ตินรีบเสริม

   “น่องมึงมันปูดอยู่แล้ว” แต่ดันถูกพี่เบขัด

   “กูเปรียบเทียบไอ้สัด” จนต้องรีบซัดกลับแบบรวดเร็ว

   ผมรูดตัวลงจากตัวพี่โชมายืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทุกคนเดินเข้ามายืนล้อมตัวผมกับพี่โช ก่อนทุกคนจะดึงพลุกระดาษเสียงดังสนั่นห้องจนผมกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ แม้ใบหน้าทุกคนจะดูเอือมๆ กับความรักของคู่ผมก็ตาม สงสัยจะถูกพี่โชบังคับมาแน่นอน

   “ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” พี่จอมบ่นออกมาคนแรก

   “เพื่อความรักของเพื่อน ทำให้ไม่ได้เหรอ” ผมแกล้งแหย่ เลยโดนฝ่าตีนเข้าเต็มก้นจนตัวเซ ดีที่พี่โชรับไว้ทันก่อนก้นผมจะจูบพื้น “พวกพี่ทุกคนรู้เรื่องนี้หมดเลยเหรอ พวกมึงด้วยเหรอไอ้ทู” พอโดนถีบ สมองถึงได้แล่น ผมปรายตาไล่มองทุกคนที่ยืนล้อมอยู่ “พี่โชจ้างบริษัทผมจัดงานนี้เหรอ” สุดท้ายก็จ้องไปยังคนน่าจะเป็นต้นเรื่อง คนถูกจ้องเลยพยักหน้าอย่างจำนน “จ้างทำไม เปลืองเงิน”

   “ผัวมึงรวย จำไม่ได้เหรอ แค่นี้ขน...หน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” แทบกลั้นหายใจรอฟังประโยคเต็มของพี่แทม

   “ไม่เจอนาน พี่ยังพูดจา...เหมือนเดิมเลยนะครับ”

   “มึงด่ากูว่าเหี้ยเลยเถอะไอ้ม่าน พูดมาขนาดนั้นแล้ว”

   ผมนี่ปรบมือให้กับเพื่อนสนิทเลยครับ ไอ้ม่านรีบยกมือไหว้ขอโทษ แต่หน้ามันก็ยิ้ม ส่วนคนอื่นๆ ไม่เหลือ...หัวเราะไม่เหลือ ว่าแต่ พวกพี่ๆ ทีมงานหายไปไหนวะ

   “มองหาใคร” เสียงนิ่งๆ ของพี่โชทำให้ผมรีบยิ้มประจบ

   “ก็พี่ที่บริษัทกลอยไง หายไปไหนหมดไม่รู้”

   “อยู่ข้างนอก” เสียงเย็นได้อีกครับพี่ “เห็นนะ ไอ้หนวดนั่นนั่งมองกลอยตอนหลับ”

   “ไอ้หนวดไหน พี่โชมั่ว เดี๋ยวสิ พี่โชแอบดูอยู่นานแล้วเหรอ”

   “ก็ตั้งแต่แรก”

   “กลับมาไม่บอกเลยนะ”

   “ก็อยากเซอไพรส์ไง ไม่ชอบเหรอ”

   “ชอบ แต่เปลือง เอาเงินไปซื้อ...”

        “ชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่างกินจะดีกว่า!!” 

        ยังพูดไม่ทันจบประโยค ทุกคนก็พูดต่อท้ายให้เฉย

   “ทำไมทุกคนรู้ทัน” ว่าอย่างเขินๆ จนพี่โชดึงไปหอมแก้มหลายฟอด “ว่าแต่ งานนี้ไม่เห็นมีอะไรเลยอะ มีแค่ดอกไม้”

   “งานจริงมีพรุ่งนี้ต่างหาก” พี่โชพูดจบไม่นาน พวกพี่ๆ ที่บริษัทก็เดินเข้ามา มีพนักงานของโรงแรมเริ่มจัดโต๊ะ เก้าอี้ ปูผ้าเหมือนห้องจัดเลี้ยงทั่วๆ ไป “พรุ่งนี้วันเกิดแม่พี่ พ่อเลยจะจัดงานให้ พี่เลยบอกให้จ้างบริษัทที่กลอยทำมาถ่ายวีดีโองานพรุ่งนี้”

   “พี่โชเลยใช้โอกาสนี้จัดเซอร์ไพรส์กลอยโดยไม่ต้องออกเงินว่างั้น?” เกือบซึ้งละ ไอ้กลอยเกือบตื้นตันแล้ว พี่โชยิ้มอ่อนพยักหน้าออกมาอย่างเสียมิได้ “คนเรานี่นะ...”

   “รู้เรื่องแล้วใช่ไหม งั้นแยกย้ายได้ยัง กูอยากไปร้องคาราโอเกะแล้วเนี่ย” พี่แทมโวยวายทำเอาผมหันไปมอง “งานฟรี กินไม่อั้นแบบนี้กูชอบ ยิ่งมีให้กูโชว์ลูกคอด้วยยิ่งชอบ”

   “ผมขอไม่ฟังพี่ร้องได้ป่ะ” ไอ้อัธรีบออกตัวจนโดนพี่แทมล็อคคอออกจากห้องไปปรับทัศนคติ

   “เชี่ยเอ้ย กูอยากกินยำปูม้า ร้านจะมีไหมวะ” ก่อนพี่จอมจะเดินหน้านิ่วคิดหาเมนูที่อยากกิน มีพี่ซันส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ตามหลัง รวมทั้งคนอื่นๆ ก็ทยอยเดินตามออกไป
 
   “นี่เราจะจบกันแบบนี้เหรอ” ผมถาม ท่ามกลางพนักงานของโรงแรมที่กำลังจัดห้องอย่างขมักเขม่น รวมทั้งพี่ๆ ที่บริษัทผมกำลังเตรียมงานสำหรับพรุ่งนี้ “ว่าไงพี่โช”

   “ก็ตามใจกลอย อยากจบแบบไหน พี่ตามใจหมดแหละ”

   “งั้น...ยังไม่จบดีกว่า ไม่อยากจบอะ ได้ไหม” กระโดดขึ้นหลังพี่โช ความอุ่นแบบนี้ ความหอมที่ชอบ นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัส “กลอยรักพี่โชนะ” กระซิบข้างๆ หู ไม่เห็นว่าพี่โชทำหน้ายังไง แต่เห็นแก้มขยับคงจะยิ้มอยู่แน่นอน
 
   “บอกบ่อยๆ พี่ชอบ” เสียงนุ่มตอบกลับยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้าง “ต้องขุนให้อ้วนแบบเดิม แบบนี้ผอมไป จับไม่เต็มมือเลย” ไม่เต็มมือที่ว่าคงจะเป็นก้นผมละมั้ง เนี่ย ไม่เจอกันนานยังหื่นเหมือนเดิม

   “พี่โชจะไม่กลับไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม ไม่ได้กลับมาแปบๆ แล้วกลับไปใช่ไหม”

   “พี่จะอยู่กับกลอยทุกวัน ทุกคืนเลย จะไม่ไปไหนอีก”

   “ขี้โม้ป่ะเนี่ย”

   “พี่เคยขี้โม้เหรอ”

   “บ่อยไป”

   “ใส่ร้ายว่ะ”

   “ใส่รักต่างหาก”

   “พูดดี น่าให้รางวัล”

   “ขอแพงๆ ได้ไหม”

   “หัวใจพี่ แพงพอไหม”

   “ทำไมเลี่ยนจัง ไปอยู่นู้นกินเนย กินชีสเยอะใช่ไหม”

   “คิดถึงกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือกลอยมาก อยากกินไข่เจียวหมูสับหอมๆ ผัดผักบุ้งไฟแดงสูตรเกรียน ยำทะเลรวมเปรี้ยวๆ”

   “กลอยจะทำให้พี่โชกินทุกอย่างที่พี่อยากกินเลย น่ารักป่ะ”

   “มาก”

   “พูดดี น่าให้รางวัล”

   “เลียนแบบพี่นี่นา”

   “ไม่ได้เหรอ”

   “สำหรับกลอย ได้ทุกเรื่อง”

   ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่โชเป็นรางวัล โดยคนที่อุ้มหัวเราะร่าเพราะหอมคืนไม่ได้

   “พวกมึงจะอ้อล้อจีบกันอีกนานไหม พวกกูหิวแล้ว”

   สวีทหวานกันจนลืมว่ามีคนรอ พี่โชยกเท้าขึ้นใส่ แต่ทุกคนไม่สนใจ ยังทำหน้าทำตาเหม็นเบื่อใส่พวกผมอีก พวกขี้อิจฉาก็งี้แหละ

   “มึงไม่มีตีนเดินเหรอ เกาะเพื่อนกูจัง”

   “ผมเกาะพี่โช ไม่ได้เกาะพี่จอมสักหน่อย เดือดร้อนทำไม เนอะ”

   “กูว่า กูคงได้ฆ่าไอ้เกรียนก็วันนี้แหละ”

   “พี่โช เพื่อนพี่จะทำร้ายกลอย”

   “นี่พวกมึงอายุกี่ขวบวะเนี่ย โวยวายหนวกหู”

   “แต่ผมว่า พี่วอร์มเสียงหนวกหูกว่านะ อูย”

   “ไอ้ม่าน มึงวอนโดนตีนกูตั้งแต่เมื่อกี้ละ มานี่เลย ผัวมึงก็ช่วยไม่ได้ มานี่”

   ผมเกาะหลังพี่โชหัวเราะเพื่อนสนิทที่ถูกพี่แทมวิ่งไล่ แม้มันพยายามใช้ตัวแฟนเด็กเป็นเกาะกำบัง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในเมื่อไอ้เม่นเอาแต่ขำ ก็นะ เห็นไปกินเหล้ากับแก๊งพี่แทมเกือบทุกวัน สนิทกันถึงขั้นนั้นไปแล้ว

   “กลอยว่า เรากลับไปทำข้าวไข่เจียวที่ห้องดีกว่าไหม” กระซิบข้างหูพี่โชในช่วงที่ทุกคนโวยวาย พี่โชพยักหน้าเห็นด้วยพลางพาผมย่องหนีออกไปจากความวุ่นวาย

   “กะเพราทะเลด้วยนะ พี่อยากกิน”

   “จะทำทุกอย่างที่พี่โชอยากกินเลย”

   “ท้องร้องแล้ว”

   “รีบเดินเลย ไปเร็ว โกๆ”

   หลายคนเคยบอกว่า ความรักมักจะสวยงามแค่ตอนเริ่มต้น ผมว่ามันก็จริง แต่ช่วงสำคัญที่ควรใส่ใจน่าเป็นตอนกลางของเรื่อง นั่นคือความเข้าใจ เมื่อใดที่ความรักค่อยๆ ลดลง ความเข้าใจและความอดทนนั้นจะพาเราประคับประคองความรักให้ไปต่อได้ ซึ่งแน่นอนไม่มีใครรู้จุดสิ้นสุดว่าอยู่ตรงไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลางทางเราจะเจอพายุ เจอเรื่องร้ายแรงอะไรบ้างที่ทำให้หวั่นไหว แต่ที่แน่ๆ ตอนกลางเรื่องผมกับพี่โช เรายังจับมือกันอยู่ และเราเริ่มเรียนรู้ที่จะผ่อนแรงบ้างในบางเวลาที่เมื่อย เพื่อไม่ให้มืออีกคู่อึดอัด ส่วนปลายทางความรักนั้นให้มันเป็นเรื่องของอนาคต อาจจะสั้นหรือยาวก็ตาม เพียงแค่วันนี้มือเรายังจับมือกัน เรายังเดินข้างกัน เพียงแค่เท่านั้นก็พอ...




   ……

   บทส่งท้าย


   “อร่อยไหม” ถามด้วยความตื่นเต้น เพราะตั้งแต่ทำงานก็ไม่มีเวลาทำอาหารเลย ส่วนใหญ่จะซื้อแบบสำเร็จรูปมากินมากกว่า “พี่โชอย่าทำนิ่งสิ อร่อยไหม”

   “อร่อย...แต่น้อยกว่าตัวกลอยนะ”

   “เวลากินข้าว อย่าหื่นครับปีศาจ”

   ผมถลึงตาใส่พี่โชที่ไม่รู้ไปเก็บกดมาจากไหน สามวันมาแล้วกับการที่ผมกินๆ นอนๆ ไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้ถูกจับกินตับทั้งวัน ทั้งคืนแบบที่ทุกคนเข้าใจ ที่บอกไม่ได้ออกไปไหนก็เพราะความขี้เกียจนั่นเอง อีกทั้งความเหนื่อยสะสม ทำให้คืนแรกที่พี่โชกลับมา แล้วเราอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มกับท่าล่อแหลมบนเตียง โดนปลุกปั่นในเตลิดอยู่ๆ ดี สติผมชัตดาวน์โดยไม่รู้ตัว อาจเพราะไม่ได้นอนติดๆ กันนานเลยสติหลุดง่าย และพอตื่นเช้ามาก็โดนทบดอกไปแบบเถียงไม่ได้ (อยากเถียงแต่ปากไม่ว่างเลยนี่สิครับ)

   ส่วนเรื่องงานที่เป็นกังวลนั้น เพิ่งมารู้วันที่สอง ว่าพี่โชแอบไปคุยกับพี่รหัสผม ว่าถ้าเขากลับมา ผมจะออกทันที ไม่รู้ว่าเอาเวลาไหนไปตกลงกัน ที่แน่ๆ โดนผมงอนไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ที่ทำอะไรไม่ปรึกษา แต่ก็ต้องยอมรับในเมื่อผมเคยรับปากเรื่องงานไปแบบนั้นจริงๆ ว่าหากพี่โชกลับมาก็จะออก แม้จะรู้สึกผิดมากแต่ก็ต้องรับผิดชอบคำพูด ส่วนงานที่ค้างไว้ผมจะขอทำให้เสร็จก่อน ไม่อยากโดนตราหน้าว่าทิ้งงานและไม่มีความรับผิดชอบ

   “มองอะไร” ถลึงตาใส่อีกรอบ หลังจากหันไปมอง พี่โชไม่ตอบ แต่ยื่นมือมาจับก้นผมแทน “กินข้าวสิ ไหนบ่นว่าอยากกินกะเพราไง”

   “ทำไมดุจัง อ่อนโยนกับพี่เหมือนเมื่อคืนหน่อยสิครับ” ทำเสียงเล็กเสียงน้อย คิดเหรอว่าไอ้กลอยจะหลงกล

   “ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวตีนะ ห้ามอมข้าวด้วย” ชี้นิ้วสั่ง แต่พี่โชกลับหัวเราะออกมา

   “ไม่อมข้าว แต่อมอย่างอื่นแทนได้ป่ะ”

   “ตีนเหรอ เชี่ย” กวนมากไปเลยถูกช้อนเคาะหน้าผากไปที

   “กวนตีนเก่งขึ้นนะ พี่ไม่อยู่แปบเดียวเนี่ย”

   “คนเราน่ะนะ เวลาเปลี่ยน มันก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนกันบ้าง”

   “แต่ทำไมพี่ยังรักกลอยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนล่ะ”

   หันไปโก่งคออ้วกเพราะเลี่ยนกับประโยคนั่น พี่โชหลุดขำออกมาสงสัยจะทนสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ไหวเหมือนกัน

   “กินข้าวให้หมดนะ กลอยตั้งใจทำให้พี่โดยเฉพาะ ใส่หมูเยอะมากด้วย”

   “พี่ก็อยากกินแบบตั้งใจเหมือนกัน แต่กลอยทำให้พี่กินช้า”

   “กลอยไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่แหละ กินช้าเอง”

   “ทำสิ”

   “ทำอะไร”

   “ก็กลอยเล่นแต่งตัวแบบนี้ พี่จะกินข้าวลงได้ยังไง”

   หลังพี่โชพูดจบ ผมก็ก้มมองตัวเอง ก็แค่ทั้งตัวสวมแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวยาวคลุมกางเกงใน มันก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติสักนิด ก็ใครล่ะ บ่นหิวๆ จนผมรีบไม่มีเวลาใส่กางเกง

   “ไม่เห็นมีอะไรเลย”

   “มีสิ ยิ่งมาก้มๆ เงยๆ โชว์อก โชว์ก้นแบบนี้ ใครจะไปกินข้าวลงวะ”

   “ทีพี่โชเดินโทงๆ ไม่ใส่อะไรมานั่งกินข้าวเนี่ย กลอยยังไม่บ่นเลยนะ” เริ่มถอยครับ คนบ่นลุกขึ้นยืนโชว์อกล่ำๆ ท้องเป็นลอนกับ...ขายาวๆ ที่ก้าวเดินเข้ามาหาผมอีก “ถ้าไม่กิน พรุ่งนี้ไม่ทำไข่เจียวโคตรปูให้กินนะ”

   “ไม่เป็นไร เพราะพี่กินไข่เมียแทนได้”

   แล้วตัวผมก็ถูกปีศาจหน้าเหี้ยมตะครุบลากเข้าห้อง ทั้งที่เพิ่งออกจากห้องมาทำอาหารไม่ถึงชั่วโมงดีด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่า เราคิดถึงกันมาก ทั้งผมและพี่โชต่างก็โหยหาอ้อมกอดของกันและกัน การห่างกันเป็นปีๆ มันทำให้รู้ว่า เรารักกันมาก แม้ช่วงแรกจะต้องใช้ความเข้าใจ ความไว้ใจ ก้าวข้ามความระแวงมากสักหน่อย แต่พอผ่านมาได้ก็ถือว่าคุ้ม

   เพราะอ้อมกอดของพี่โช...เป็นของผม

   และอ้อมกอดของผม...ก็เป็นของพี่โชเพียงคนเดียว


   ...รักพี่โช (วงเล็บใส่หัวใจดวงโตๆ) ... จากกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์



...... THE END .......


รู้สึกใจหายจริงๆ ที่เห็นคำว่า The End จากปี 59 จนมาถึง 62 กลอยประเกรียนกับพี่โชเดินทางมาไกลมากจริงๆ ค่ะ
แน่ๆ เลย เรื่องนี้จะเดินทางมาถึงภาค 2 ไม่ได้ หากขาดทุกคน ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่อยู่ข้างๆ กัน เป็นกำลังใจให้กัน
ทุกคนเป็นคนผลักดันให้นักเขียนตัวอ้วนๆ มีแรงฮึดในยามที่รู้สึกท้อใจ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ แม้บางครั้งจะมาๆ หายๆ ไปบ้าง
แต่ทุกคนก็ยังรอ ยังคอยแวะเวียนมาพูดคุย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ รักทุกคน เราจะพยายามพัฒนาตัวเอง
พัฒนางานเขียนในดีมากกว่านี้ หากมีตรงไหนผิดพลาดหรือไม่เป็นดังหวัง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่า จะเดินต่อให้แข็งแกร่ง
เพื่อให้ไม่ทุกคนผิดหวัง .... ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดค่า ขอบคุณที่รักกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์ ขอบคุณที่รักพี่โช
ขอบคุณที่รักเดอะแก๊ง หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มได้ในเวลาที่รู้สึกเครียด

...รักกกกกก...

...aiaea...
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-07-2019 22:05:09
ใจหายไม่อยากให้จบเลย เราคงคิดถึงกลอยปะเกรียนกับเดอะแกงค์มากแน่เลย แต่ก็ยินดีด้วยที่ทุกคนมีความสุข แล้วก็ขอบคุณคุณนักเขียนที่ทำให้เรายิ้มได้ทุกตอนและทุกเรื่องที่ได้อ่าน เป็นกำลังใจให้กับเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-07-2019 22:16:05
ใจหาย...ตามมาตั้งแต่แรก
    รักเน้อ...อออออออออออออ     :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2019 22:27:55
รักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-07-2019 22:30:29
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-07-2019 23:05:56
หวานปนหื่นตลอดๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-07-2019 01:52:39
น่ารักมากๆๆ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 06-07-2019 12:25:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-07-2019 15:15:28
เสียดายมากที่จบซะแล้ว คงคิดถึงกลอยประเกรียนแน่เลย
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-07-2019 17:11:02
 :mew6: จบแล้ว เสียดายจังเลยค่ะ คิดถึงโชกลอยอีกแน่

เอ็นดูกลอยหนักมาก เพื่องานคือทุ่มเทสุดไรสุด ผอมหนัก
แล้วก็ยังเด๋อเหมือนเดิม ความอยากรู้ก็ยังมีเยอะ
ความเกรียนก็ไม่เคยหาย ไม่ได้ลดลงด้วย

โชเซอร์ไพรส์ได้เวอร์วังมากจ้า ชอบสินะ ทำให้น้องตื่นเต้นน่ะ
ก็ทำไงได้เนาะ รักมาก ห่วงมาก หวงมากด้วย แค่นี้เอง ทำได้อยู่แล้ว
แต่ใช้สถานที่งานได้คุ้มนะคะ ทำเนียนมากและทำดีมาก

ไม่โดนตามเนาะ ตอนหนีกลับไปสวีทกันสองคน
ชอบความบ่นง้องแง้งของกลอย แต่ยอมพี่ตลอด
ชอบความฟัดหนักมือมากของโช คือคิดถึงมาก ห้ามยาก

ขอบคุณมากนะคะ ที่มีภาคสองมาให้อ่านหลายตอนเลย
เราชอบมากค่ะ อินตลอดทุกตอนที่อ่าน
ส่งกำลังใจให้คนเขียนนะคะ รอเรื่องต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-07-2019 17:50:35
 :pig4: :pig4:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-07-2019 21:25:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 07-07-2019 01:40:48
พี่โช กับ น้องกลอยน่ารักที่สุด  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-07-2019 08:17:14
พี่โชมีมาเซอร์ไพร์สกลอยด้วยน่ารัก  หลังจากนั้นคือโดนปีศาจจับกินยาวไป555 มีความสุขเนอะกลอย ไม่อยากให้จบเลย ขอบคุณค่ะรอเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่ 24 [END] [P.12] [UP!!] [05/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-07-2019 08:10:15
 :L2: :L1: :pig4:

ตีสองตีสามนั่งอ่านไปขำไป ตลกแต่ละมุกกับแต่ละคน :m20:
ขอบคุณมากมายสำหรับเรื่องสนุกๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-07-2019 23:24:03
เพราะนายคือของฉัน [ll] : ตอนพิเศษ ปีศาจขี้หึง




        กลางดึกที่แสนเงียบสงัด เสียงโทรศัพท์ปลุกผมให้ตื่นจากนิทรา แม้จะมีเสียงบ่นจากคนที่นอนข้างๆ ไปบ้าง แต่ก็ต้องรับ แสงหน้าจอทำให้ต้องหรี่ตาดู แต่สายตาดันพร่ามัวเลยกดรับทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร

   “ใคร” กรอกเสียงแหบๆ ไป

   (พี่เอง) คำตอบที่ได้ ไม่ได้กระจ่างในความคิดเลย

   “พี่เองไหนวะ”

   (พี่โอ๊ตเอง)

   “โอ๊ตไหน ไม่มีพี่ชื่อโอ๊ต” จะว่ากวนตีนก็คงไม่ใช่ ความง่วงทำให้สมองผม ไม่รับรู้และไม่นึกคิดอะไรสักอย่าง “แค่นี้นะ ไม่รู้จัก”

   (ลืมพี่ไปแล้วเหรอ พี่โอ๊ตจากเชียงใหม่ไง น้องกลอยใจร้ายจัง) น้ำเสียงดูเง้างอด แต่ตอนนี้ผมง่วงมากกว่า (ที่บ้านพ่อของกลอย พี่โอ๊ตที่หล่อๆ ผิวขาวๆ)

   “จากบ้านพ่อเหรอ...เชี่ย” สะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง พี่โชถึงกับหันหลังหนีเสียง ผมนั่งกระพริบตาปริบๆ ก่อนดึงหน้าจอมาดูชื่อ แล้วเอากลับไปแนบแก้มแบบเดิม “พี่โทรมาทำไมดึกดื่นแบบนี้เนี่ย” จำหน้าได้แล้วครับ อวยตัวเองเก่งใช่ย่อยพี่คนนี้

   (พี่เพิ่งลงเครื่องมา แล้วนึกถึงกลอยพอดี) ปลายสายมีเสียงพูดคุยดังแทรกเป็นระยะ แต่ที่ชัดสุดคงเป็นเสียงเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องละมั้ง

   “พี่อยู่สนามบินเหรอ ไปเที่ยวที่ไหน” ผมขยับตัวเอนหลังพิงหัวเตียง พี่โชก็ค่อยๆ ขยับเอาศีรษะมาซบตรงหัวไหล่ของผม ขี้เซาเกินไปแล้ว “อย่าลืมของฝาก”

   (ไม่ลืมหรอก พี่เอาของฝากจากเชียงใหม่มาให้กลอยด้วยนะ)

   “ดีๆ แต่เดี๋ยว ของฝากจากเชียงใหม่เหรอ? พี่อยู่ที่ไหน”

   (อยู่จังหวัดเดียวกับกลอยนี่แหละ พอดีพี่มาอบรม)

   “แล้วพี่จะมาหากลอยเหรอ?” แค่หลุดการเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ เสียงกระแอมก็ดังขึ้น แม้คนส่งเสียงจะหลับตาทำเป็นหลับ

   (ถ้าพี่อบรมเสร็จจะโทรหาอีกทีนะ จะได้เอาของที่ย่าฝากมาให้ด้วย)

   “แบบนั้นก็ได้ ถ้าพี่โอ๊ตอบรมเสร็จก็โทรมานะ กลอย เออ ผมจะรอ” ผมนิ่วหน้าเมื่อถูกหยิกเอว

   “วางได้แล้ว กี่โมงกี่ยาม คนจะนอน” พี่โชเอ่ยแทรกขึ้น พี่โอ๊ตถึงกับขำ คงได้ยินละนะ

   (งั้นพี่ไม่รบกวนกลอยแล้ว ฝันดีครับ แล้วเจอกัน)

   “ครับ ไว้เจอกัน อย่าลืมโทรมานะ”

   (ครับ)

   “พี่โชจะหยิกให้ผิวกลอยหลุดเลยเหรอ เจ็บนะเนี่ย” หลังจากวางสายก็ถึงเวลาโวยวาย พี่โชเดี๋ยวก็หยิก เดี๋ยวก็ดึง ถามว่าคนทำสำนึกไหม ก็ไม่ ยังแกล้งนอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่ไม่เนียนบอกเลย “พี่โช”

   “ก็ใครใช้ให้พูดแบบสนิทกันมัน ญาติแท้ๆ ก็ไม่ใช่ ไม่ต้องไปอ้อล้อเลยนะ”

   “พี่โชเห็นกลอยชอบอ้อล้อเหรอ”

   “เออสิ ชอบนัก ยิ้มให้คนอื่นไปทั่ว ไม่รู้ตัวเหรอ ว่าเพราะกลอยยิ้มให้ พวกนั้นถึงหวังน่ะฮะ”

   “ยังขี้หึงเหมือนเดิมเลยนะ” ผมขยี้ศีรษะพี่โชจนหัวที่ฟูยุ่งกว่าเดิม ก่อนถูกรวบมือชูไว้

   “ถ้ายังไม่นอนอีก กลอยจะไม่ได้นอนละนะ” ถลึงตาใส่ปีศาจขี้หึงที่กำลังทำตาเจ้าชู้ใส่ ผมรีบหลับตาแล้วไถลตัวลงไปนอนตามเดิม “ก็แค่นี้” เสียงพูดข้างๆ หูทำให้ผมขยับเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปกอดรัดด้วยความหมั่นเขี้ยว “น่ารักแบบนี้ ไม่ให้หวงได้ไง”

   พอได้กลิ่นหอมจากตัวพี่โชก็ทำให้ค่อยๆ เคลิ้มแล้วหลับไปอีกครั้ง ผมว่า ผมเสพติดกลิ่นตัวพี่โชแน่ๆ ได้กลิ่นปุ๊บ หลับปั๊บ น่ากลัวจริงๆ กลิ่นของผู้ชายคนนี้





**

   
   หลังจากพี่โอ๊ตโทรมาหาคืนนั้น ก็เงียบหายเป็นอาทิตย์ จนผมคิดว่าเขาอาจจะกลับไปแล้ว แล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผมอยากนอนเล่นอยู่บนเตียงโง่ๆ แต่ดันมีสายเข้า คนปลายสายคือคนที่ผมรอมาตลอด นี่ให้พี่โชรู้ไม่ได้เลยนะครับว่าผมรอ ไม่งั้นไอ้กลอยโดนเตะแน่

   “ใครโทรมา” นั่นไง แค่คิดยังโผล่มาเลย พี่โชทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ยื่นหน้ามาดูชื่อคนโทรเข้า ก่อนสายตาจะมองผมแบบนิ่ง เอาซะไม่กล้ารับต้องปล่อยให้มันดับไป แต่ก็ดังขึ้นมาอีกรอบ “รับสิ”

   “อืม” เกร็งๆ ที่ถูกจับตามองระยะใกล้ กดรับปุ๊บ ปลายสายก็ทักทายเสียงร่าเริง

   (วันนี้กลอยว่างไหม เพราะพี่จะกลับค่ำนี้แล้ว)

   “ผมคิดว่าพี่โอ๊ตกลับไปแล้วซะอีก เงียบไปเลย”

   (พอดีอบรมเลิกดึกทุกวัน จะโทรหาก็เกรงใจแฟนของกลอย)

   พี่โชถึงกับแสยะยิ้มหลังจากได้ยิน ผมถูกบังคับให้เปิดลำโพง ไม่แปลกหากคนข้างๆ จะได้ยินไปด้วย

   “สักสิบเอ็ดโมงไหม ไปกินข้าวกันที่ห้างxxx พี่โอ๊ตรู้จักป่ะ”

   (ครับ ตามนั้น)

   “ถ้าถึงแล้ว พี่โอ๊ตโทรหาผมด้วยนะ”

   (ครับ เจอกันนะ)

   ผมรีบกดวางสายเมื่อเห็นว่าพี่โชกำลังจะอ้าปากพูด และผมก็คิดถูก เมื่อสิ่งที่พี่โชพูดออกมา มันอาจทำให้มองหน้าอีกฝ่ายไม่ติด

   “ทำไมต้องพูดเสียงอ่อน เสียงหวานด้วยวะ”

   “ก็พูดปกติไหมล่ะ เสียงกลอยก็เป็นแบบนี้”

   “เจอหน้าอย่ายิ้มให้มันเยอะ เอาของฝากก็กลับ”

   “แต่กลอยบอกจะกินข้าวด้วยไง”

   “นั่นไง อ้อล้อ”

   “พี่โช”

   ผมเอาศีรษะดันท้องแข็งๆ ของคนขี้หึง พี่โชตบหัวมาที แม้ไม่แรงมาก แต่ผมสำออยเจ็บหนักจนโดนหนักไปหนึ่งฉาด คนทำจ้องหน้าก่อนหลุดหัวเราะออกมา ตอนเห็นผมหน้างอกุมหัวตัวเอง

   “ไปอาบน้ำแปรงฟันไป เหม็นขี้ฟัน”

   “เหม็นเหรอ กล้าเหม็นกลอยเหรอ”

   ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ ผมจับหน้าพี่โชทำปากจู๋จะเข้าไปจูบ ไปหอม แต่พี่โชใช้ฝ่ามือดันหน้าผมไว้จนแก้มแทบเบี้ยว จะลุกหนีก็ไม่ได้ เพราะผมลดมือลงไปกอด

   “ไอ้กลอย กูถีบนะเว้ย”

   “ไหนบอกรักไง รังเกียจกลอยเหรอ”

   “ถ้าไม่หยุด กูจะเอามึงละนะ”

   ไม่ต้องให้พูดซ้ำเลย ผมหยุดทุกการกระทำ แล้วเดินลงเตียงไปเข้าห้องน้ำอย่างง่ายดาย เพราะพี่โชเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าเกิดถูกเอาตอนนี้ละก็ เวลาที่นัดพี่โอ๊ตไม่ทันแน่นอน หากเป็นเมื่อก่อนอาจทัน แต่เดี๋ยวนี้ ใช้เวลาเยอะ บอกว่าห่างนาน ความคิดถึงก็เลยเยอะ ผมว่า ไม่ใช่แค่ความคิดถึงที่เยอะหรอก ความหื่นก็เยอะ เผลอๆ อันหลังจะเยอะกว่าอีก

   นอกจากจะเป็นปีศาจขี้หึงแล้ว ยังเป็นปีศาจขี้หื่นอีกด้วย เหมาฉายาไปคนเดียวตั้งสองอัน ไม่ธรรมดา โอ้โห ไม่ธรรมดา (ไชยา ไข่เค็มก็มา แฮ่)



   ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็เสร็จ พี่โชเรียบร้อยก่อนนานแล้ว แถมใจดีทำขนมปังทาแยมไว้ให้ด้วย อยู่เมืองนอกคงกินแต่แบบนี้สินะ ไม่เหมือนผม อยู่เมืองไทยกินดีอยู่ดี กินอาหารญี่ปุ่นเป็นประจำ (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นเอง)

   “ทำอะไร เอาอะไรใส่เป๋าเป็ดน่ะ” ระหว่างเก็บของใส่กระเป๋าสะพายลายเป็ด (เพิ่งซักเลยไม่เน่าอย่างที่พี่โชเรียกแรกๆ) ก็ถูกทัก ผมเลยต้องยกของที่เอาใส่ให้ดู “เอาช็อกโกแลตไปทำไม เดี๋ยวก็ละลาย”

   “กลอยจะเอาไปฝากพี่โอ๊ต”

   “แต่นั่น พี่ซื้อมาให้กลอยนะ”

   “อันเดียวเอง นะๆ”

   แม้อีกฝ่ายจะไม่พูดอะไร แต่ก็เหมือนตกลงกลายๆ ผมยิ้มร่าเดินตามหลังพี่โชออกห้อง พอลิฟต์เลื่อนลงไปแค่ชั้นเดียวก็จอด คนเข้ามาเป็นผู้ชายตัวผอมใส่แว่น สูงพอๆ พี่โชเลยด้วยซ้ำ คนๆ นั้นยิ้มส่งมา ผมก็ยิ้มตอบ แต่แค่แปบเดียวก็มีแขนยาวพาดบ่าของผมตามด้วยฝ่ามือใหญ่ๆ กดปิดปาก พร้อมทั้งออกแรงดันหน้าผมให้หันเข้าไปหา นี่ถ้าปากไม่ถูกปิด ผมคงร้องเพลงพี่ก็อตแล้ว

   ปิดปากคุณได้ ก็จะปิดปาก เดี๋ยวคุณรับฝาก ความรักจากใคร ปิดจมูกไม่ให้ได้กลิ่น ปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงใคร (เฉียบ! งานลูกคอเน้นๆ ครับ)


   ระหว่างการเดินทางที่แสนจะติดขัด ผมแทบอยากหาอะไรอุดหู เมื่อพี่โชเล่นบ่นๆๆๆ จนผมจำเรื่องที่บ่นเรื่องแรกไม่ได้ ไม่น่าเชื่อ ว่าพี่แกจะบ่นเก่งขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่มาก ตอนนี้ไม่รู้สรรหาอะไรมาบ่น สงสัยอายุมากขึ้น เลยขี้บ่น ไม่นานเราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัด ผมโทรหาพี่โอ๊ต รอสายไม่นานก็มีเสียงตอบกลับบอกว่าใกล้ถึง ผมเลยบอกจะรอแถวๆ ร้านไอศกรีม

   “เอาแบบโคนครับ” สั่งเสร็จก็แบมือขอเงินจากคนข้างๆ พี่โชขำขึ้นจมูกก่อนยื่นแบงค์สีแดงมาให้ “พี่โชไม่เอาเหรอ” ถามขณะรอพนักงานบีบไอศกรีมใส่โคน

   “รอแย่งกลอยกิน” ดีจริงคนเรา พอได้ไอศกรีมมาผมก็รีบเลียมันทุกด้าน พี่โชกระพริบตาปริบๆ มอง ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “อายเด็กบ้าง เลอะเต็มแก้มเลย” แม้จะขำ แต่มือก็ยื่นมาเช็ดคราบที่เลอะออกไปใส่ปากตัวเอง แอบได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆ ด้านหลัง หันไปดูก็เจอนักเรียนผู้หญิงสามคนยิ้มเขินอายส่งมา ผมก็ยิ้มตอบกลับ แต่ดันมีเสียงนิ่งๆ บอกให้รีบเดิน

   แยกออกมาไม่ไกลก็ถูกดึงไอศกรีมในมือไปกิน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ดีแท้ สงสัยเมื่อคืนจะนอนน้อย เพราะมัวแต่ดูแบบแปลนงานก่อสร้างตึกโครงการอะไรสักอย่าง เห็นว่าได้เป็นผู้ช่วยพี่อัลก่อน

   “เมื่อกี้หึงเหรอ” ลองแหย่ดู เจอตาดุตวัดมอง แค่นี้ก็ได้คำตอบที่ถามแล้ว

   “อย่าโปรยยิ้มให้คนอื่น พี่หวง”

   “คนอะไร หวงแม้กระทั่งรอยยิ้ม”

   “ทุกอย่างที่เป็นกลอยนั่นแหละ”

   “พ่อคนขี้หึง”

   “ผัว ไม่ใช่พ่อ”

   “โอ้โห ใช้คำแรงว่ะ”

   “หรือไม่จริง?”

   “จริงครับผม เหมาะสมกับท่าน”

   ด้วยความที่ลืมคิดไป ยกมือขึ้นตะเบะแต่มือข้างนั้นดันถือไอศกรีม ผลปรากฏว่า ไอศกรีมแปะเข้าขมับแล้วไหลย้อยลงมาที่แก้ม พี่โชหัวเราะจนตัวงอ แต่ก็ช่วยเช็ดออกพลางก้มลงเช็ดที่พื้นด้วย เพราะกลัวจะมีใครมาเหยียบแล้วลื่น คนดีสุด

   ถึงแม้จะใช้ผ้าเช็ดออกจนหมด แต่ความเหนียวเหนอะก็ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ผมขอไปล้างในห้องน้ำ เช็ดๆ ถูๆ เสร็จ ออกมาก็เจอพี่โอ๊ตยืนยิ้นแป้นอยู่ข้างพี่โช ในมือถือถุงของฝากพะรุงพะรังจนเราต้องเอาไปฝากที่เคาน์เตอร์ ก่อนเราสามคนจะไปหาร้านบุฟเฟ่นั่ง เข้าทางผมสุดๆ   

   “เสียดายที่พี่รีบกลับ” เริ่มเปิดประเด็นการสนทนา พี่โชปรายตามองนิดๆ แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้พูดแทรกอะไร

   “พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน ไม่กลับวันนี้ก็คงไม่ได้” พี่โอ๊ตพูดน้ำเสียงเสียงเรียบๆ มือคอยหยิบผักใส่หม้อชาบูตัวเอง ส่วนผมมีพี่โชคอยหาของโปรดเทใส่หม้อให้ “กลอยล่ะ ไม่ไปเที่ยวหาคุณย่าเหรอ เรียนจบแล้วนี่” พอพี่โอ๊ตพูดจบ ผมก็ยิ้มค้าง ก่อนคนพูดจะหัวเราะแห้งแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไป กลอยผอมลงนะ”

   “รู้สึกดีที่มีคนบอกผอม” ยิ้มร่าทันที งานหนักมันก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย ส่วนพี่โอ๊ตก็ขำ ต่างจากพี่โชที่นั่งนิ่งๆ หยิบจานผักใส่หม้อของผมซะล้น “พี่โช กลอยไม่ใช่วัวนะ ที่กินแต่ผัก เอาหมูบ้าง”

   “ก็เห็นอยากผอมนัก ก็กินแต่ผักนี่แหละ” ป๊าด โดนปีศาจกัดเข้าให้ อยากให้เห็นสายตาตอนพี่โชตวัดมองผมจริงๆ แม้จะแค่แวบเดียวก็ทำเอาหนาวขึ้นหัว

   ผมได้แต่บ่นในใจก่อนหันไปยิ้มให้พี่โอ๊ตอีกรอบ เราสามคนนั่งแบบเคาน์เตอร์แยกหม้อกันครับ ขืนให้รอหม้อรวมคงอีกนาน ซึ่งผมนั่งคั่นตรงกลาง ตอนแรกพี่โชถลึงตาใส่จนแทบหลุดจากเบ้า แต่ผมก็ไม่ยอม แน่ล่ะ ลองปล่อยให้พี่โอ๊ตนั่งข้างพี่โช มีหวังอาหารไม่ย่อยแน่  ขนาดตอนนี้ยังมีแค่เสียงผมกับพี่โอ๊ตเท่านั้นที่คุยเล่นกัน

   “คุณ...ย่าสบายดีไหมครับ” คิดอยู่นานว่าจะถามดีไหม สุดท้ายก็ถามออกไป พี่โอ๊ตยิ้มส่งมาพลางพยักหน้าลง “แล้วควันพิษหมดหรือยังครับ”

   “อากาศสดใสแล้วล่ะ กลอยไม่ต้องห่วงนะ” พี่โอ๊ตยกมือตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะรีบลดมือลง เมื่อมีเสียงกระแอม “ถ้าว่างก็ไปเที่ยวที่นู้นบ้างนะ ย่าคงดีใจที่ได้เจอกลอยอีก”

   “ย่าอาจดีใจ แต่คนอื่นอาจเหม็นขี้หน้า”

   “คิดมาก”

   “ไม่ได้คิด แต่เห็นกับตา พี่โอ๊ตก็รู้นี่ น้องพี่โอ๊ตน่ะ” ค่อนขอดในใจยามนึกไปถึงหน้าของน้องต่างแม่ “อยู่แบบนี้สบายใจทั้งคู่ ดีที่สุดแล้ว”

   “ก็เอาที่เราสบายใจนั่นแหละเนอะ”

   “ใช่เลย”

   “รีบๆ กิน มัวแต่คุยเดี๋ยวก็หมดเวลา”

   เสียงนิ่งๆ เย็นๆ ที่ทำให้ผมหยุดคุยแล้วรีบยัดของกินในหม้อลงท้อง ลืมไปเลยว่าร้านนี้จำกัดเวลา กินน้อยเดี๋ยวไม่คุ้มเงิน พออิ่มจนท้องแน่นช่วงล่างก็เริ่มหน่วงๆ ผมกระตุกแขนพี่โชพลางกระซิบว่าปวดท้อง พี่โอ๊ตยิ้มๆ ตอนเห็นผมกุมท้องตัวเอง คงรู้แหละ ถึงแม้ไม่ได้บอก แอบกังวลเหมือนกันที่ปล่อยให้พี่โอ๊ตอยู่กับปีศาจ แต่ข้าศึกมันมาอยู่ที่ประตูเมืองแล้ว มันไม่ไหวที่จะกลั้นจริงๆ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย และหลังจากปล่อยข้าศึกออกจากประตูเมืองเสร็จ ผมก็รีบย้อนกลับไปหาคนที่รอ แต่กลับเจอพี่โชแค่คนเดียว พอหันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาพี่โอ๊ต


   หรือพี่โชจะเขมือบพี่โอ๊ตไปแล้ว?


   “เขากลับแล้ว ต้องไปเก็บของอีก” เหมือนพี่โชจะรู้ ว่าผมกำลังคิดร้ายใส่เลยรีบบอก ผมยิ้มแห้งๆ ส่งให้ก่อนจะถูกซองสีขาวตบหัว “เขาฝากนี่ให้ด้วย”

   “ซองอะไรอะ ผ้าป่าเหรอ”

   “ก็เปิดดูเอง” รับมาเปิด แต่ก็มิวายเงยมองหน้าพี่โชที่ทำหน้านิ่งๆ อย่างหวาดระแวง “อะไร”

   “ไม่ได้เอาอะไรใส่แกล้งกลอยใช่ไหม”

   “เห็นพี่เป็นคนยังไง”

   “ปีศาจไง”

   โดนเข่าเข้าข้อพับจนแข้งขาอ่อน ดีที่คนทำคว้าทันก่อนที่ตัวผมจะร่วงลงพื้น แม้จะหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ผมก็ไม่ยกโทษให้ง่ายๆ หรอกนะครับ ปีศาจขี้หึงต้องเจอของแข็งซะบ้าง ให้รู้ว่ากลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้ก็ไม่ได้ง่าย

   ผมนั่งนิ่งไม่ยอมพูด ยอมจา ตั้งแต่ห้างถึงห้อง พี่โชพยายามหลอกล่อยังไงผมก็เงียบใส่ตลอด หลายครั้งใจอ่อนเกือบหลุดคุย แต่ดีที่รีบชิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปซะก่อน ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน ออกมาก็เห็นพี่โชกึ่งนั่ง กึ่งนอนพิงหัวเตียง ในอ้อมกอดมีกีต้าร์ตัวโปรด พอเห็นผมปุ๊บ นิ้วก็เริ่มดีดบรรเลงเป็นเพลง คลอเคล้าเสียงนุ่ม

   “ยิ้มให้กับฉันหน่อย แค่หึงเล็กน้อย แค่คอยรัก ได้โปรดอย่าโกรธฉัน ขนาดนั้น อีกนานคงขาดใจ” แววตาที่มองทอดมาทำแข้งขาผมอ่อน ดีที่ยืนเก๊กพิงตู้เสื้อผ้า ไม่งั้นมีล้ม “และไม่ใช่ไม่ไว้ใจ ใจฉันร้อน หากใครมองนาน ก็เธอดันน่ารัก ขนาดนั้น ให้มองอยู่ได้ไง” ผมพยายามทำหน้าให้ตึง เหมือนเพิ่งฉีดโบท็อกซ์ เพราะกลัวหลุดยิ้มออกมา กลั้นจนตะคริวจะขึ้นหน้าอยู่แล้วเนี่ย “ช่วยเอียงมาหาหน่อย ฉันเฝ้าคอยที่จะบอกรัก ได้โปรดอย่าโกรธฉัน ที่ทำไปนั้น จะไม่ทำอีกต่อไป” ทำเสียงที่ร้อง เหมือนอ้อนวอนขอคืนดี เอาซะใจสั่น มือสั่นไปหมด “บางทีฉันก็ยั้งไม่อยู่ บางทีฉันก็รู้ แต่ทนไม่ไหว บางทีฉันใจร้อนเกินไป โปรดจงเข้าใจ ที่เป็นไปนะ เป็นไปด้วย...” มีเว้นช่วงด้วย พี่โชฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยน แค่นั้น ฟอร์มที่กั๊กไว้ก็หลุด มือขาวๆ กวักเรียกผมให้ไปนั่งข้างๆ ก่อนจะเริ่มร้องต่อ “...รัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไป...”

   “หายโกรธแล้ว พอแล้ว” เขินจนแขน ขาม้วนไปหมด สายตาปีศาจนี่มันน่ากลัวจริงๆ มีพลังทำลายหัวใจที่แข็งให้อ่อนลงได้ในพริบตาเดียว

   “เขินว่ะ” อยู่ๆ พี่โชก็พูดออกมา หูแดงไปหมดโคตรตลก

   “ทำเอง เขินเอง”

   “แล้วกลอยชอบไหม”

   “ชอบ”

   “พี่หรือเพลง?”

   “เพลง”

   “ไอ้...”

   “ล้อเล่นน่า กลอยก็ต้องชอบคนร้องสิ”

   “ดีมาก”

   ถูกขยี้ผมจนฟูฟ่อง ก่อนหน้าขาวๆ จะค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้

   “อยากกินไอศกรีม” พูดออกมาก่อนที่ปากแดงจะชิด พี่โชถึงกับชะงัก ผมเลยใช้จังหวะนั้นวิ่งออกห้องนอน ได้ยินเสียงหัวเราะไล่หลังมาด้วย แต่ไม่สน ผมเปิดตู้เย็นเอาไอศกรีมแบบถ้วยไปนั่งกินหน้าทีวี เปิดซีรี่ส์ดูไปด้วย ไม่นานพี่โชก็ตัวหอมฉุยออกมา ก็ว่าทำไมตามมาช้า ที่แท้หนีไปอาบน้ำ 

   “อร่อยไหม” ถามเสร็จก็หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ผม แต่ที่ว่างก็เยอะ ทำไมต้องเบียดด้วยเนี่ย

   “อืม รสนมอร่อยกว่าช็อกโกแลตอะ” พูดจบก็ตักเข้าปาก “แต่กินคู่กันก็อร่อยดี” 

   “กินเหมือนเด็ก ดูดิ๊ เลอะปากไปหมด”

   “กินแบบอ่อยไง ไม่รู้เหรอ” หัวเราะร่วน หลังจากพี่โชใช้นิ้วปาดคราบไอศกรีมที่มุมปากผมออก “พี่โชว่ากลอยต้องไปไหม” ถามขณะยื่นช้อนไอศกรีมไปจ่อปากคนข้างๆ แต่พี่โชกลับส่ายหน้า ผมเลยเอากลับเข้าปากตัวเองแทน

   “ไม่เห็นต้องไป”

   “แต่งานแต่งพี่โอ๊ตทั้งทีนะ”

   “หรือกลอยอยากไปล่ะ” คำถามนี้เอาผมนิ่งไปนาน ก่อนส่ายหัวตอบ “งั้นก็ไม่ต้องไป อีกอย่าง เขาก็คงรู้ ว่ากลอยไม่ไป”

   “แต่เขาให้การ์ดมาด้วยนี่สิ”

   “พี่เอาช็อกโกแลตที่กลอยเอาไป ให้เขาไปแล้ว บอกเป็นของขวัญวันแต่งงาน”

   “แบบนี้ก็ได้เหรอ”

   “ถ้าเราคิดว่าได้ ก็ต้องได้”

   “เหรอ”

   มัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยกับมือที่ตักไอศกรีมเข้าปาก จนลืมมองคนข้างๆ ที่กำลังจ้องอยู่ ผมลืมบอกไป ว่าคนข้างผมน่ะ สวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว ข้างในไม่ใส่อะไรเลย ที่รู้เพราะการนั่งของพี่โชมันเปิดเผยซะเหลือเกิน

   “จะกินอีกนานไหม” พี่โชคงเหลืออดที่ผมกินไม่ยอมหยุด เลยจัดการแย่งช้อนในมือผมไป แล้วรวบตัวผมขึ้นพาดบ่า

   “พี่โชทำอะไรเนี่ย กลอยตกใจนะเว้ย” ทำอะไรไม่บอก ไม่กล่าวเลยให้ตาย แถมไอศกรีมก็ยังไม่หมดด้วย “พี่โชโว๊ย”

   “ก็กลอยบอกเองว่าอ่อย”

   “พี่เลยจะเอาเหรอ”

   “เออ”

   “ตรงมาก”

   “ไม่ดีเหรอ”

   “ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน”

   “ปากดีแบบนี้ ต้องจัดให้หนัก”

   อยากจะเถียงเหลือเกิน ว่ามันก็หนักทุกคืน ไม่มีเบา มีผ่อน มีดาวน์ แฮ่ (มุกแป้กโปรดจงข้ามไป) เรื่องพี่โอ๊ตแต่งงาน ผมก็ยินดีด้วยจริงๆ ใจหนึ่งก็อยากไปร่วมงาน แต่อีกใจมันก็แย้ง ผมไม่อยากไปแล้วถูกสายตาจ้องมอง แน่นอนว่าคนพวกนั้นต้องพูดถึงเรื่องแม่ผมแน่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบและไม่อยู่เฉยแน่ หากได้ยิน ดังนั้น ผมคงได้แต่ส่งความยินดีผ่านข้อความไป แบบนั้นคงจะดีที่สุด




   “พี่โชๆ กลอยปวดขี้”

   “มึงมาปวดขี้อะไรตอนนี้วะ!!!”



.....

ตอนพิเศษสั้นๆ กับความขี้หึงของพี่โชค่า โปรดให้อภัยมุกแป้กๆ ด้วยนะคะ ต้องบอกให้กลอยพัฒนามุกตัวเองสักหน่อย ลับมุกให้คมกว่านี้ จะได้ไม่แป้ก 555

หากผิดพลาดจุดไหน ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า

ขอบคุณสำหรับความรักที่มีให้กับพี่โชและกลอยประเกรียน...ขอบคุณค่า

รักกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-07-2019 00:02:38
ปีศาจยังคงขี้หึงขี้หวงกลอยไม่เปลี่ยน ส่วนกลอยนอกจากตดทำลายบรรยากาศ ยังมีขี้ทำลายอารมณ์อีกนะ ไม่รู้ควรส่งสารพี่โชดีมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 12-07-2019 01:02:40
กลอยก็คือกลอยเนอะ55555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 12-07-2019 07:43:06
กลอยนี่ก็คือกลอยจริงๆ5555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 12-07-2019 11:11:23
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-07-2019 19:17:04
น่ารักจริง ๆ ดีใจกับกลอยที่มีคนที่รักเราได้มากมายขนาดนั้น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-07-2019 21:28:14
#ทีมพี่โช   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-07-2019 22:36:14
กลอยจะมาปวดขี้ตอนจะเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ตลอดไม่ได้นะ5555 มีอะไรเข้าปุ๊บก็จะออกปั๊บเลยหรา
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-07-2019 23:39:14
คงจะคิดถึง​น่าดูเลยนะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-07-2019 21:49:59
ขี้หึงเว่อวังจริ๊งๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 17-07-2019 10:16:40
น้องกลอยยยยย คิดถึงมากกกกกกก
คิดถึงความเกรียนของน้อง

รักเรื่องนี้กลับมาอ่านทีไรก็ยังสนุกเหมือนเดิม  :-[
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-07-2019 19:42:50
5555 ใส่ผักให้เยอะดีนัก เจอกลอยเกรียนใส่เลยจ้า
เอ็นดูความอ้อล้อของกลอยที่โชว่า

เป็นคนขี้บ่นตั้งแต่ตอนไหนล่ะนั่น ไม่ได้บ่นมานานอะเนาะ
แต่ความหื่นทุกเวลา ทุกนาที ก็ไม่ได้ลดลงกว่าเดิม
เพิ่มเติมเพราะห่างหายไปนาน เอ็นดูกลอยใจ
แต่กลอยก็ชอบยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะแค่เป็นโช

ความหึงไม่เข้าใครออกใคร แล้วโชก็ออกอาการได้บ้าบอดี
ความซื่อตรงนี้ กลอยเกรียนยอมใจเลยมั้ง

ขอบคุณมากนะคะที่มีตอนพิเศษมาเติมความคิดถึง
มาอีกนะคะ เราจะมาตามอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-07-2019 23:04:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 05-08-2019 05:13:44
 o13   :m20: สนุกมากๆๆ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 10-08-2019 23:10:41
 :mew4:พี่โชน่ารักมมากก

 :pig4: :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 14-08-2019 00:44:37
พี่โชเค้าขี้หึงขี้หวงก็เพราะน้องกลอยเค้าน่ารักอ่ะเนอะ ถึงจะเกรียนสมฉายาก็เถอะ ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ปีศาจขี้หึง [P.12] [UP!!] [11/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-08-2019 14:22:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่า? [P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 29-08-2019 14:42:59

เพราะนายคือของฉัน[ll] ตอนพิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?




   วันหยุดที่พี่โชจะมีเวลาว่างสักที ผมกระดี้กระด๊าตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ เพราะคนได้หยุดรับปากว่าจะพาผมไปเที่ยว ไปในทุกที่ๆ ผมอยากไป จะเอาใจทุกอย่าง มันโคตรจะดีเลย...แต่

   “ไม่เกินชั่วโมงนะ” เสียงพูดเรียบๆ ที่ทำเอาภาพความสนุกในสมองหดหาย

   “อืม ก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา” ตอบกลับอย่างเสียไม่ได้

   “เอาน่า แปบเดียว พี่จะรีบทำให้เสร็จไวๆ โอเค?”

   “ไม่โอเคได้ด้วยเหรอ” พี่โชยิ้มออกมา มือขาวยื่นมาขยี้หัวของผมซะผมฟูฟ่อง “กลอยรอข้างนอกนะ”

   “ครับ”

   แล้วผมก็ยืนมองพี่โชเดินเข้าไปในตัวโครงสร้างของตึกขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้เสร็จไปแล้วเกินกว่าครึ่ง ใช่ครับ วันหยุดที่เหมือนไม่ได้หยุดทำเอาผมหน้าแห้งเลยทีเดียว อุตส่าห์วางแผนซะดิบดี สุดท้ายโดนโทรศัพท์สายด่วนให้มาดูหน้างาน เพราะเจ้าของอยากเปลี่ยนบางอย่าง พ่อของพี่โชก็ไม่อยู่ พี่อัลสามีพี่ชีสก็ไม่อยู่ ทุกอย่างเลยมาที่พี่โชแทน
 
   ไอ้กลอยเซ็ง กว่าจะมีวันหยุดให้ได้เที่ยวเต็มอิ่มบ้าง

   แต่เรื่องงานจริงๆ ผมก็เข้าใจครับ ว่ามันปฏิเสธไม่ได้ รู้ดีและรู้ซึ้งกับงานเร่งด่วน เคยเจอมาแล้วกับตัวในช่วงที่ทำงานที่เก่า ลูกค้าอยากเปลี่ยนตอนนี้ เราก็ต้องทำตอนนี้ ไม่ว่าเราจะกินข้าว อาบน้ำ หรือแม้แต่นอนหลับอยู่ก็ต้องลุกขึ้นมาทำ ไอ้กลอยรู้ดีทุกอย่าง

   แต่ก็อยากหยุดบ้าง!

   ผมยืนพิงกับตัวรถ ขายกเตะฝุ่นไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอะไรทำ ตอนแรกจะตามเข้าไปด้วย แต่ถูกสั่งห้าม สาเหตุคงเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากห่วงและหวง ห่วงเพราะกลัวผมเดินซุ่มซ่ามชนนั่นนี่ ไม่ก็ไปเกะกะคนงานเขา ส่วนหวงก็...พอดีผมเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเลยผูกมิตรกับพี่ๆ ที่บริษัทพี่โชไปทั่ว โดนเฉพาะแผนกออกแบบ แล้ววันนี้พี่รองหัวหน้าแผนกที่เคยพาผมไปกินข้าวเป็นคนมาดูหน้างานเอง คงเดากันได้แล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมผมถูกสั่งห้าม..

   คุยเก่งไปก็อยู่ยากมากจริงๆ นะครับ

   ด้วยความเบื่อผมเลยเดินดูนั่น ดูนี่ จนมาเจอกองทรายกองใหญ่ ข้างๆ มีเด็กหลายวัยกำลังเล่นกันอยู่ ด้วยความเป็นคนรักเด็ก (?) เลยเดินเข้าไปหา พอทุกคนเห็นหน้าผมก็หยุดนิ่งทำตาปริบๆ มอง เอาซะผมรู้สึกเหมือนเอเลี่ยนที่เด็กไม่เคยเห็น ผมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อยนะเฮ้ย

   “ทำอะไรกันอยู่” อยากทำลายความเงียบเลยถามออกไป ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงตอบ

   “เล่นไง คิดว่ากินข้าวเหรอ” เสียงแหลมแทรกขึ้น เด็กที่พูดเป็นผู้หญิง อายุน่าจะพอๆ หลานพี่โชแน่ๆ “แล้วลุงเป็นใคร”
 
   อื่อฮือ โดนสวนเมื่อกี้ ยังไม่เจ็บปวดเท่าถูกเรียกว่าลุง

   “พี่ก็พอ ลุงที่ไหนจะหนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยวขนาดนี้” นี่ถ้ากลุ่มตรงหน้าเป็นพวกพี่แทมละก็ มีเต้นเข้ามุกเพลงไปแล้ว แต่นี่เป็นเด็ก กลัวไม่เข้าใจแล้วจะพาลกลัว “แล้วนี่ทำไมไม่ไปเรียน หรือว่าขี้เกียจ ไม่ดีนะเนี่ย”

   “วันนี้วันหยุดต่างหาก ลุงไม่รู้เหรอ”

   เหมือนโดนด่าว่าโง่กลายๆ แต่ช่างเถอะ ไอ้กลอยปล่อยเบลอได้ไม่ถือสา

   “ก็แค่ลืม...แล้วนี่เล่นอะไรกันอยู่ ขายของเหรอ หรือสร้างปราสาททราย”

   “พวกเราเล่นพ่อแม่ลูกครับ” เด็กผู้ชายน่าจะโตกว่าตอบบ้าง ผมก็พยักหน้าเข้าใจ “ลุงอยากเล่นด้วยไหม”

   “ไม่ล่ะ” ลุงอีกแล้ว นี่ผมแก่ขนาดโดนเรียกว่าลุงจริงๆ เหรอ อายุยี่สิบนิดๆ เองนะ

   “ทำไมล่ะ พวกเราขาดคนพอดี”

   “ขาดคน? ขาดยังไง” เพราะเท่าที่เห็นก็หกคนแล้ว พ่อแม่ลูกก็แค่สามหรือเปล่าวะ

   “ก็คนใช้ไง” เสียงแหลมชิงพูด ก่อนเด็กทุกคนจะพากันหัวเราะ ส่วนผมได้แต่ยืนข่มความเจ็บช้ำ

   ทั้งลุง ทั้งคนใช้ นี่ชีวิตผมเคยมีอะไรดีๆ บ้างไหม ตั้งแต่เรียนแล้ว ละครเวทีก็เป็นตัวประกอบ ไอ้กลอยอยากเป็นคนหล่อ อยากเป็นพระเอกบ้าง

   “เล่นพ่อแม่ลูกเบื่อจะตาย มาเล่นอย่างอื่นดีกว่า สนใจไหม” พอสู้เด็กไม่ได้ ผมก็เริ่มเปลี่ยนวิธี พูดจบมีหลายคนมองอย่างสนใจ ยกเว้นเด็กน้อยเสียงแหลม “เป็นเกมส์ทายปริศนา ใครทายถูก มีขนมให้ด้วยนะ” หลอกล่อให้สุด เรื่องนี้ผมถนัดนัก

   “ไหนล่ะขนม” นั่นแหน่ะ เริ่มสนใจแล้ว

   “รอแป๊บ”

   ว่าแล้วผมก็ย้อนกลับไปที่รถ พลางเปิดท้ายรถแล้วหยิบขนมห่อใหญ่ออกมา ดีนะก่อนมาที่นี่ได้แวะห้างซื้อของมาก่อน ไม่งั้นไม่มีของแลกเปลี่ยน ผมกลับมาอีกที เด็กทุกคนก็หันมาสนใจ แต่สายตาพุ่งที่ขนมในมือผมมากกว่า

   “ไง ใครสนใจอยากเล่นเกมส์ทายปริศนาบ้าง” ผมลองแหว่งห่อขนมไปมา เด็กๆ ต่างก็มองตามกันเป็นแถว “ยกมือให้ดูหน่อย” ว่าแล้วทุกคนก็ยกมือกันให้พรึ่บ รวมทั้งเด็กเสียงแหลมด้วย “แต่ก่อนจะเล่น เราต้องรู้จักกันก่อน ใช่ไหม”

   “ใช่ๆ” ตอบแทบจะพร้อมกันหมด ค่อยใจชื้นมาหน่อย

   “งั้นพี่จะบอกชื่อก่อน พี่ชื่อกลอย” ฉีกยิ้มให้ดูเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กๆ ทุกคนก็เริ่มบอกชื่อ บ้างก็ชื่อไทยจำง่าย บ้างก็มีชื่อแปลก คงเป็นภาษาถิ่นของเขา ผมคงไม่กล้าถามที่มา ส่วนเด็กที่ปากดีกับผมชื่อมาลี ระหว่างที่ทุกคนบอกเชื่อ ผมก็ยื่นอมยิ้มให้ก่อน เมื่อกี้เอาใส่กระเป๋ากางเกงมาด้วย

   “ไหนล่ะเกมส์” เด็กมาลีรีบถาม มือยัดอมยิ้มใส่กระเป๋ากางเกง

   “ใจร้อนจริง งั้นมาเริ่มดีกว่า” ผมเดินไปลากถังเปล่ามาเพื่อเป็นที่นั่ง ยืนนานๆ ก็เมื่อย อีกอย่าง เด็กๆ เงยหน้ามองผมคงจะปวดคอเหมือนกัน “ใครท่องกอไก่ถึงฮอนกฮูกได้ ไหนยกมือหน่อย” แล้วก็พากันยกหมด “ดีมาก เกมส์นี้เล่นง่ายๆ ไม่ยาก” ยิ้มพรายเมื่อเด็กดูสนใจ (ขนม)

   ผมลองให้เด็กทุกคนท่องพยัญชนะของไทยแบบธรรมดาไปเรื่อยๆ แม้บางตัวผมจะขมวดคิ้วเพราะที่เรียงลำดับในสมองผิด แต่ก็ทำเนียนๆ เหมือนเป็นเซียนไปงั้น จนมาถึงตัวสุดท้าย เด็กๆ ถึงกับร้องดีใจคิดว่าได้ขนม

   “มันง่ายไปนะ” บอกหลังจากมีฝ่ามือเล็กๆ หลายคู่ยื่นมาตรงหน้า

   “อ่าว แล้วให้ท่องทำไม งี้แหละ ถึงไม่อยากโต” ผมหันไปมองเด็กมาลีที่ทำหน้าง้ำงอ

   “ทำไมถึงไม่อยากโตล่ะ”

   “ก็ถ้าโตไปแล้วขี้โกง เป็นเด็กดีกว่า”

   เหมือนถูกเข็มแหลมพุ่งมาปักเต็มหน้าจนชาดิก ด่าได้เจ็บแสบชะมัด ผมอ้าปากพยายามหาเสียงตัวเองจนเจอ พยายามตีหน้าเริงร่าต่อ แม้ในอกจะเจ็บแปลบเหมือนฟ้าแลบแปล๊บๆ มาใส่

   “เขาไม่เรียกว่าโกงสักหน่อย เขาเรียกว่าลองเชิงดูต่างหาก”

   “แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะได้ขนมล่ะ พูดมากเหมือนแม่เลย”

   “ก็ได้ๆ งั้น ต่อไปนี้ ตอบในสิ่งที่พี่ถาม ใครยกมือตอบถูกคนแรก เอาขนมไปเลย โอเคไหม”

   “โอเค”

   “ดีมาก จะเริ่มแล้วนะ”

   แล้วรอยยิ้มพร้อมความกระตือรือร้นของเด็กๆ ก็กลับมาใหม่ ผมฉีกยิ้มพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เด็กพวกนี้ฉลาดพอดู ดังนั้น คำถามต้องสร้างสรรค์สักหน่อย

   “คำถามที่หนึ่ง” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมา “ใครรู้บ้าง ว่าแพะร้องยังไง” แป๊บเดียวก็มีเด็กผู้ชายยกมือขึ้นคนแรก “ร้องว่าไง”

   “แพะร้องแบะๆ ครับ” ตอบด้วยความมั่นใจพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   “ถูกไหมน้า” ทำท่าครุ่นคิดจนคนตอบเริ่มหน้าเสีย เรื่องแกล้งเด็กขอให้บอก ไอ้กลอยถนัด (ขี้โม้ไปเรื่อย)

   “ถูกๆๆ” เสียงมาจากทุกคนที่ช่วยลุ้น และพอผมพยักหน้า ไม่เพียงแค่คนตอบถูก แต่เป็นทุกคนที่ร้องอย่างดีใจกับเพื่อนที่ได้

   มิตรภาพมักสวยงามเสมอ

   “คำถามที่สอง ยังไม่ได้ถาม มาลีเอามือลงก่อน” แค่เกริ่นเด็กมาลีก็ยกมือรอ ทำเอาทุกคนขำกันใหญ่ แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้โกรธเคือง นอกจากยิ้มอายๆ ที่ใจร้อน “ไก่ร้องยังไง ยกมือ”

   “ไก่ร้องกระต๊ากๆ ค่ะ” เด็กผู้หญิงคนข้างๆ มาลียกมือได้ก่อน ทำเอาคนเคยยกรอหน้าบูดเมื่อไม่ได้ขนม

   “คำถามที่สาม แมวร้องยังไงใครรู้บ้าง”

   “แมวร้องเหมียวๆ เดี๋ยวก็มาครับ” แล้วก็มีคนยกตัดหน้าเด็กมาลีอีกจนได้ ผมได้แต่กลั้นขำเมื่อเด็กน้อยตีหน้ายุ่งใส่เพื่อน

   มิตรภาพเริ่มสั่นคลอน เพราะผมเลวที่แกล้งใช่ไหม...ตอบเองเลยว่าใช่

   ทายไปทายมาจนเหลือคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ขนม ตอนแรกก็คิดจะแจก แต่ก็ดูไม่แฟร์กับคนอื่นที่แย่งตอบคำถาม หลังจากถูกตัดหน้ายกมือไปหลายรอบ เด็กมาลีก็ไม่ยกอีกเลย จนมาคนสุดท้าย ท้ายสุดนี่แหละ

   “เหลือซองสุดท้าย สำหรับคนสุดท้ายพอดี” ผมว่า เด็กมาลีค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ดวงตากลมจ้องผมเป็นมัน “คำถามง่ายๆ เลย”

   “ถามมาเลย” คนอยากได้ขนมรีบลุกขึ้นยืน

   “ควายร้องยังไง” ถามไปปุ๊บ เด็กมาลีก็เชิ่ดหน้า ปากเล็กๆ ยิ้มกว้างออกมาทันที

   “ง่ายๆ ควายก็ร้องว่า มอๆ ไง” ตอบอย่างมั่นใจ ผมเม้มปากไม่อยากหัวเราะให้เด็กหมดความมั่นใจ แต่ก็นะ มันอดไม่ได้จริงๆ “ลุงขำอะไร ไหนล่ะขนมของมาลี”

   “มาลีตอบผิด พี่จะให้ขนมได้ยังไง” เด็กทุกคนพากันมองมาลีอย่างงงๆ ก่อนหันมามองผมอย่างสงสัย

   “ตอบผิด? ผิดยังไง ก็ควายร้องมอๆ ก็ถูกแล้ว ลุงแหละมั่ว”

   ยังไม่เลิกเรียกลุงอีก

   “ไม่ได้มั่ว ควายไม่ได้ร้องมอๆ สักหน่อย วัวต่างหากที่ร้องมอๆ น่ะ” พอผมบอกปุ๊บ เด็กทุกคนก็พากันพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วย ต่างจากคนตอบที่ยังไม่ยอมรับความจริง

   “งั้น ถ้าวัวร้องมอๆ แล้วควายร้องว่ายังไงล่ะ ไหนลุงร้องบอกหน่อยสิ” มีย้อนถามกลับซะด้วย ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางเดินอ้อมไปด้านข้าง ใช้ความตัวใหญ่เข้าข่มเด็ก

   “ควายก็ร้องว่า...โอ๊ย”

       แทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ขา พอถลกขากางเกงขึ้น ถึงได้เห็นว่ามดแดงเต็มหน้าแข้งไปหมด มันคงจะอยู่ใต้ถังเปล่าที่ผมไปลากมา แล้วก็แอบมุดไปในกางเกงโดยที่ผมไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมเต้นเท้าไฟสุดเพื่อเขย่ามดออก มือข้างหนึ่งปัด อีกข้างหนึ่งพยายามไล่บี้ตัวที่มันอยู่ต้นขา กว่าจะปัดออกหมดเล่นเอาเหงื่อตก คันก็คัน แสบก็แสบ ทรมานได้อีก

        และพอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เจอสายตาเด็กหลายคู่จ้อง ผมพยายามส่งยิ้มเพราะเด็กอาจเป็นห่วง แต่เปล่าเลย สิ่งที่กำลังถูกถามมา เล่นเอาผมใบ้กิน

   “มาลีเพิ่งเคยได้ยิน ว่าควายมันร้องว่าโอ๊ย” ดูเหมือนเป็นคำถามใสซื่อ แต่สำหรับผม เหมือนด่าเลยว่ะ

   “ไม่ใช่ ควายไม่ได้ร้องว่าโอ๊ย เมื่อกี้มัน...”

   “ก็ลุงบอกเอง ทุกคนก็ได้ยิน ว่าควายมันร้องว่าโอ๊ย”

   “ไม่ใช่...”

   ก่อนที่ผมจะป้าปากอธิบาย เสียงหัวเราะก็ดังแทรกเข้ามา แน่นอนว่าไม่ใช่เด็กที่นั่งมองหน้าผมแน่ เพราะทุกคนกำลังสงสัยเรื่องเสียงร้องของควาย พี่โชเดินเม้มริมฝีปากมากับพี่รองหัวหน้าแผนก แล้วก็มีลุงที่เป็นช่างอีกสองสามคน ซึ่งทุกคนพากันขำหมด

   ได้ยินเมื่อกี้หมดใช่ไหมเนี่ย

   “เล่นอะไรอยู่” พี่โชถาม แม้จะพยายามทำเสียงดูเป็นปกติ แต่เจือเสียงสั่นของการกลั้นขำอยู่

   “เสร็จแล้วเหรอ” รีบเอาขนมถุงสุดท้ายให้เด็กมาลีไป ก่อนจะเดินมาหาพี่โช แม้จะดูลำบากไปบ้างก็ตามเพราะต้องก้มเกาขาตัวเองทั้งสองข้าง

   “เป็นอะไร” จากที่ขำเมื่อกี้เริ่มนิ่ง ดวงตาดุตวัดมองขาผม ที่ตอนนี้ขากางเกงถูกถลกขึ้นมากองบนน่อง จนเห็นรอยแดงกับตุ่มพองๆ อย่างชัดเจน “ไปโดนอะไรมา”

   “มดกัด พี่โชคัน” ว่าแล้วก็นั่งยองๆ แล้วเกาอย่างมันมือจนเลือดติดเล็บออกมา พี่โชถึงกับฉุดให้ผมยืนแล้วดึงไปที่รถโดยไม่ได้บอกลาหรือทักทายใครเลย

   โดยเฉพาะ ไม่ได้แก้ให้เด็กๆ รู้เลย ว่าควายไม่ได้ร้องว่าโอ๊ย!


   มาถึงรถผมก็ถูกจับยัดเข้าไปนั่ง โดยที่พี่โชรีบวิ่งอ้อมไปนั่งหลังพวงมาลัยแล้วออกรถอย่างเร็วจนผมตกใจ แต่พูดมากไม่ได้เพราะต้องเกา ตอนนี้เหมือนความรับรู้ทุกอย่างจะพุ่งไปที่ขาทั้งสองข้าง ยิ่งต้นขาที่ไม่สามารถเกาตรงๆ ได้ยิ่งคัน จนผมทนไม่ไหวต้องถอดกางเกงมันในรถ พี่โชตกใจในคราแรก แต่พอเห็นรอยแดงมากมายเต็มขาก็เงียบไป พลางเพิ่มความเร็วจนผมกลัวตำรวจจะจับเอาสักแยก

   นานพอสมควรว่ารถคันสวยจะจอด ผมหันหน้าไปดูนอกหน้าต่างรถ ป้ายคลินิกที่เคยมาสมัยล้มหัวเข่าเจ็บยังเหมือนเดิม ว่าแต่ พาผมมาที่นี่ทำไม

   “พี่โช เดี๋ยวๆ” มัวแต่คิดเลยลืมดูว่าพี่โชเดินอ้อมมาเปิดประตู ผมรีบรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมออก แม้จะเจอสายตาดุอยู่

   “เร็วๆ เกาจนเลือดเต็มขาไปหมดแล้วน่ะ” น้ำเสียงดุจนผมอ้าปากค้าง นานแล้วที่ไม่ถูกกดเสียงต่ำแบบนี้ แต่ใบหน้ากับนัยน์ตาที่มองมาทำเอาผมเม้มริมฝีปาก “กลอย รีบออกมา”

   “ใส่กางเกงก่อนได้ป่ะ” ตอนนี้ท่อนล่างผมเหลือแค่บ็อกเซอร์ ซึ่งถ้าเป็นลายธรรมดาๆ ละก็ ผมคงลงเพราะหน้าทนอยู่แล้ว แต่นี่ลายเป็ดสีเหลืองเด่น แม้หน้าจะหนาเพียงใด แต่ยางอายก็ยังพอหลงเหลือบ้าง แต่สิ่งที่ผมขอ ดูจะไม่เป็นผล เมื่อพี่โชสอดตัวเข้ามาช้อนขากับตัวผมขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกอุ้มเรียบร้อย เหมือนเดจาวูเมื่อท่าอุ้มเหมือนกับครั้งแรกที่มา “พี่โชเดี๋ยวๆ”

   ไม่มีการตอบโต้ใดๆ นอกจากการใช้เท้าปิดประตูรถเสียงดังสนั่น แล้วก้าวยาวๆ พาผมเข้าคลินิก ผู้คนที่มารอรับการรักษาต่างพากันมองอย่างสนใจ บ้างก็คิดว่าผมอาการหนักถึงกับหลีกทางให้พี่โชเดิน เอ่อ ผมยังแข็งแรงดีครับ  เลือดเต็มขาก็มาจากการเกา ไม่ได้หักหรือขาดแต่อย่างใด

   “อ่าวโช น้องเป็นอะไรน่ะ” พี่สา หมอสาวสวยญาติสนิทของพี่โชทักอย่างตกใจ เธอรีบเรียกให้พี่โชตามเข้าไปในห้องตรวจ

   นี่ผมแซงคิวคนอื่นอีกแล้ว

   “ไปโดนอะไรกัดมาคะเนี่ย เลือดแดงเต็มขาไปหมด” พี่พยาบาลมองอย่างตกใจ พอๆ กับคุณหมอที่กำลังพลิกขาผมไปมาเพื่อดูร่องรอย

   “มดแดงกัด” คนตอบเป็นคนที่ยืนข้างผม พี่โชขมวดคิ้วมองอย่างกังวล อาจเพราะขาผมมีเลือดด้วยละมั้ง เกาเพลินจนลืมสนใจไปหน่อย “จะเป็นอะไรมากไหมพี่”

   “ปกติแล้วกลอยแพ้มดกัด หรือแมลงชนิดอื่นกัดไหม” คุณหมอคนสวยไม่ตอบพี่โช แต่เลือกที่จะถามผมแทน ซึ่งผมก็รีบส่ายหน้าบอก “งั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เดี๋ยวจะให้ยาทาไป ตรงที่บวมเอาน้ำแข็งประคบน่าจะยุบลง แต่ถ้ากลับไปแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ให้รีบไปโรงพยาบาลด่วนๆ เลยนะ”   

   “แล้วไม่ต้องฉีดยาแก้แพ้เหรอ” พี่โชถามเพราะยังห่วง มือใหญ่คอยยื่นมาตบมือผมไม่ให้เกาขา

   “ถ้าไม่มีอาการแพ้รุนแรงแบบเฉียบพลัน หรือไม่มีประวัติแพ้แมลงกัดก็ไม่ต้อง บางจุดมันจะหายบวมเอง” ว่าแล้วพี่หมอคนสวยก็ชี้ไปตรงตาตุ่มของผม ที่อาการบวมเริ่มยุบเหลือเพียงรอยจุดแดง “ต่อไปก็ระวังๆ หน่อย จะยืนหรือทำอะไรดูพื้นก่อน เกิดเป็นตัวที่มีพิษจะอันตราย”

   “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้เมื่อได้พูดบ้าง ปล่อยให้พี่โชพูดอยู่คนเดียวหาที่แทรกแทบไม่ได้ ตอนนี้พี่พยาบาลใช้น้ำเกลือชุบสำลีแล้วล้างขาผมทั้งสองข้าง ก่อนเอาขี้ผึ้งสีเหลืองๆ มาทาทับอีกรอบ รู้สึกหายคันไปพอสมควร แม้จะยังมีอาการจี๊ดๆ บ้างเล็กน้อยถึงปานกลางก็เถอะ

   ระหว่างทายาผมมองหาพี่โชที่เดินตามหลังพี่หมอออกไป และพอทายาเสร็จ คนหายไปก็กลับมาพร้อมกางเกงขาสั้นในมือ
 
   “ใส่ตัวนี้ก่อน”

   “ของใคร?”

   รับมาเสร็จก็รีบกางดู
 
   “ของอาพี่เอง”

   “ของอาหมอ? กลอยจะใส่ได้ไง ไม่เอา”

   “กลอย”

   เสียงเรียกชื่อที่โทนเสียงต่ำมาก จนผมต้องรีบพยักหน้าแล้วสอดขาใส่กางเกงทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็เดินตามพี่โชออกไปด้านนอก ไม่ลืมยกมือไหว้คุณอาหมอที่ออกมาทักทาย แอบเห็นคุณอาหมอมองกางเกงที่ผมใส่ด้วย ไม่รู้ไปหยิบมาเฉยๆ หรือเอ่ยปากยืมมากันแน่ พี่โชเนี่ย

   ออกจากคลินิกมาแล้ว ปลายทางคือกลับห้อง แพลนเที่ยวทุกอย่างถูกพับโครงการหมด ต้องโทษมดแดงพวกนั้นที่ทำให้ผมอดเที่ยว คอยดูเถอะ เจอที่ไหนจะเอาน้ำร้อนไปราดให้ตายยกรังเลย และช่วงที่รถติดไฟแดง ผมยกกางเกงตัวเดิมขึ้นมาดู ยังเห็นมดที่ไม่ตายเดินไปมา เลยบี้ให้มันเละด้วยความแค้น

   “พี่โช รู้ไหมว่ามดสามตัวร้องว่ายังไง” แล้วก็มีคำถามไปให้คนที่นั่งเงียบมาตลอดทาง แม้บ่อยครั้งจะก้มมองขาของผมที่ยังเป็นจุดแดง

   “ไม่รู้” แม้จะตอบเสียงแข็ง แต่ก็เริ่มมีส่วนร่วมบ้าง

   “ง่ายจะตาย มดสามตัวมันก็ร้องว่า แอ่น แอ๊น แอ้น ไง” พูดจบก็ขำออกมา พอหันไปมองคนข้างๆ กลับตีหน้านิ่ง พี่โชเบ้ปาก กรอกตามองบนเอาซะผมขำแห้ง “มุกนี้ไม่ขำเหรอ”

   “ไม่ขำ” เสียงตอบกลับเอาซะอกแฟบ ก่อนจะทำตาโตเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “ไม่ขำเท่าควายร้องว่าโอ๊ยเมื่อกี้” แล้วคนพูดก็หลุดหัวเราะออกมา “ไหน ควายลองร้องโอ๊ยให้ฟังหน่อย”

   “นี่ก็ไม่ขำ” ยกมือของพี่โชมางับเป็นการแก้แค้น แต่คนโดนกลับยังหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย “พี่โช หยุดขำเลยนะ”

   “ก็มันตลก เกิดมายี่สิบกว่าปี เพิ่งเคยได้ยินควายร้องโอ๊ย กลอยร้องเหมือนมาก”

   “ยัง ยังไม่หยุดอีก เลิกซ้ำเติมสักที”
 
        มดแดงนั่นอีกแล้ว ที่ทำให้ไอ้กลอยคนนี้ดูแย่

   “ว่าแต่ พี่โชรู้ไหม ว่าควายร้องว่ายังไง”

   “ก็ร้องโอ๊ยไง”

   “พี่โช”

   “โอเคๆ ไม่ขำแล้ว” ไม่ขำแต่ยังยิ้มอะ “พี่ไม่รู้ แล้วกลอยรู้เหรอ”

   “ไม่รู้อะ”

   “อ่าว แล้วเอาไปถามเด็กทำไม”

   “ก็แค่อยากแกล้ง...นิดหน่อยเอง”

   “อยากแกล้งคนอื่น เลยโดนเล่นซะเอง” รีบพยักหน้าเห็นด้วยที่สุด “แต่จังหวะมันได้จริงๆ ควายร้องโอ๊ย”

   “พี่โชหยุดขำเลยนะ ห้ามยิ้มด้วย”

   “แม่งควายร้องโอ๊ย คิดได้ไงวะ”

   อยากบอกว่าไม่ได้คิดโว๊ย มดมันกัดตอนนั้นก็ร้องออกมา จังหวะแม่งโคตรซิทคอม

   “ปีศาจ ห้ามหัวเราะกลอย!”

   “ครับๆๆ”

   แม้จะรับปากแต่ก็ยังไม่หยุดหัวเราะ พอแผลมดกัดของผมดีขึ้น ก็ออกฤทธิ์ ออกเดชเลยนะปีศาจโช มันน่าเอามดที่เหลือดีดใส่ให้ไปกัดซะจริง

   “ถ้าหัวเราะอีก กลอยจะไม่คุยด้วยละนะ”

   “หยุดแล้วครับ พอใจไหม”

   “ไม่พอใจ ต้องเลี้ยงข้าวด้วยถึงจะพอใจ”

   “วกกลับมาเรื่องกินตลอดนะเราเนี่ย”

   “แน่นอน ควายต้องเดิน เอ้ย กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิ” ได้ยินคำว่าควายบ่อยจนติดปาก พี่โชหลุดขำออกมาอีก คราวนี้หน้าดำ หน้าแดง หัวเราะไม่ยอมหยุด “ห้ามหัวเราะ พี่โชโว๊ย” ในเมื่อไม่มีมดเหลือ เลยควักขี้มูกออกมาดีดใส่ พี่โชโวยวายทันทีแต่ผมไม่สน ให้รู้ซะบ้าง ว่าอย่าลองดีกับท่านกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้...ว่าแต่

   ...มีใครรู้บ้างครับ ว่าควาย...มันร้องว่ายังไง 

   กดหนึ่ง...มอๆ

   กดสอง...อุแอ๊ อุแอ๊

   กดสาม...อะแอ๊ อะแอ๊

   หรือกดสี่...ควายมันจะร้องยังไง ก็เรื่องของควายสิ 



...


มาแบบสั้นๆ ค่า หวังว่ายังไม่ลืมน้องกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้ (ทำตาเว้าวอน)

หวังว่าทุกคนจะมีรอยยิ้มได้ไม่มากก็น้อย หรืออาจไม่มีเลย (น้ำตา)

แล้วพบกันใหม่ค่าาาา

ว่าแต่...ควายร้องว่ายังไงน้อ???
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-08-2019 19:36:54
เราก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าควายมันร้องว่าโอ๊ย  :laugh: :laugh: :laugh: กลอยเอ้ยกลอย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-08-2019 21:54:40
จะแกล้งเด็กดันโดนดีซะเองงงง กลอยเอ๊ยยยย กรรมตามทันใช่ม่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-08-2019 21:55:20
 แพ้เด็กอ่ะกลอย   :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-08-2019 22:54:56
กลอยเอ้ยอดเที่ยวไม่พอ กลายเป็นควายไปอี๊ก 55
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 30-08-2019 08:06:22
พึ่งเห็นว่าคนเขียนแอบมาลงตอนพิเศษให้
ขอบคุณมากๆนะคะ สนุกมากกกก
คิดถึงพี่โชกับน้องกลอยที่สุด
ว่าแต่ ควาย ร้องโอ้ย เนี่ยสมเป็น้องกลอยดีนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-08-2019 16:09:15
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 10-10-2019 17:44:33
สนุกมาก ๆ ครับ พี่โชก็ยังขี้หึงเหมือนเดิม ส่วนกลอยก็เกรียนแต่น่ารักเหมือนเดิม



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2019 16:36:35
ไม่วายมีเรื่องเนอะกลอย
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-10-2019 06:56:24
5555555 น่ารักมาก
ตลกในความเกรียนของกลอย
ได้กลับมาอ่านเรื่องนี้ภาคต่อแล้วดีต่อใจ
ชอบผองเพื่อนมากๆ รวมกลุ่มกันที่ไรเฮฮาตลอด
โดยส่วนตัวเราชอบตัวละครซันมากเลย ชอบมาตั้งแต่ภาคแรกเลย
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบมากๆ อิอิ แต่ชอบมาก
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ น่ารักสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ : ควายร้องว่ายังไง?[P.13][UP!!] [29/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Khongsak ที่ 16-10-2019 20:50:42
ตามมาตั้งแต่ภาค1  มาต่อภาค2  ขอภาค3ต่อ​ ได้มั้ยคะ​ สนุกดี​ เบาสมองคลายเครียด​ ชอบกลอยและผองเพื่อน​  :mew2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอน..[P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-11-2019 16:04:48

เรื่องหลอนๆ ในคืนวันเพ็ญ



    เป็นเพราะวันสิ้นเดือนตุลาคมต่างคนต่างติดภารกิจส่วนตัว งานวันฮาโลวีนที่ตั้งใจไว้เลยจำเป็นต้องพับเก็บโปรเจคไปแบบน่าเสียดาย แต่แล้วก็ได้ผู้ใหญ่ใจดีอย่างแม่ของพี่แทม ที่คิดจัดงานย้อนหลังให้ โดยงานจะจัดขึ้นที่บ้าน ซึ่งเป็นการจัดแบบรวบสองงานในวันเดียว นั่นคือวันฮาโลวีนและวันลอยกระทง ดังนั้นธีมที่ถูกบรีฟผ่านสายโทรศัพท์มา คือการแต่งตัวเป็นผีมาลอยกระทงที่สระน้ำอย่างปีก่อน ผมละอยากรู้จริงๆ ว่างานมันจะไปไหนทางไหน ไทยกับเทศมารวมกันจะกลมกล่อมหรือฮาขนาดไหน
 
   ที่แน่ๆ เงินรางวัลชุดยอดเยี่ยมต้องเป็นของผมคนนี้เช่นเดิม ฟันเฉาะ เอ้ย ฟันธง ฟันเฟิร์ม
   
   “พี่โชว่ากลอยจะได้รางวัลไหม” แม้จะมั่นใจในคอสตูมของตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม ผมเหล่หางตามองไปยังคนที่กำลังขับรถด้วยใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดเป็นปมตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้อง แถมยังเอาเสื้อแขนยาวตัวเองมาคลุมหัวผมตลอดการเดินออกจากคอนโดอีก ไม่รู้เป็นอะไรของเขา ผมเกือบล้มตอนออกลิฟต์ด้วย นึกแล้วก็ยังเคืองไม่หาย “พี่โช กลอยถามได้ยินไหม”

   “น่าจะได้มั้ง” คำตอบที่ได้ ดูเหมือนตอบไปทีจนแทบอยากยื่นมือไปตี แต่ติดที่ว่าทำไปแล้ว อาจโดนทบต้นทบดอก เลยได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดจนพี่โชถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตาคู่ดุหันมามองผมในขณะที่รถจอดติดไฟแดง “ทำถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ได้ให้มันรู้ไป”

   “พูดแบบนี้น่าให้รางวัล” ว่าแล้วก็จะทำท่ายื่นหน้าไป ติดตรงพี่โชรีบชี้นิ้วสั่งพร้อมถลึงตาใส่แทบจะทันที

   “อย่าขยับนะ นั่งนิ่งๆ ไปดีแล้ว”

   “นี่พี่โช...รังเกียจกลอยเหรอ”

   “เออ”

   ตอบซะไม่รักษาน้ำใจกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้เลย น้อยใจชะมัด พอเห็นผมทำปากเป็ด พี่โชก็ขำออกมาพลางยื่นมือมาจะขยี้หัว แต่ก็ชะงักแล้วชักมือกลับ นี่รังเกียจจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

   ผมเบ้ปากพลางเสหน้ามองแสงไฟท้ายรถด้านหน้าที่จอดรอการจ่ายเงินค่าทางด่วนแทน ค่ำคืนที่รถรายังแออัดราวกับปลากระป๋องตราสามพ่อครัว แม้จะน่าเบื่อแต่ก็ต้องทำใจให้ชินเพราะเจอแบบนี้มาทุกวัน เมื่อรถคันข้างหน้าออกตัวไปแล้ว พี่โชก็ค่อยๆ เลื่อนรถตัวเองไปจอด ด้วยความสงสัยว่าทำไมพี่พนักงานในตู้ถึงก้มๆ เงยๆ หรี่ตามองเข้ามาในรถหลายครั้ง ผมเลยขยับตัวยื่นหน้าไปฝั่งพี่โช พอพี่พนักงานที่นั่งในตู้หันมาเห็นถึงกับเบิกตาโตแล้วอุทานลั่นตู้จนผมสะดุ้ง พี่โชเหลือบมามองก่อนยกฝ่ามือดันหัวผมให้กลับไปนั่งที่ตามเดิม แล้วออกรถมา   

   “พี่เขาเป็นอะไรอะ” เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย พี่โชปรายตามองผมนิดๆ ก่อนส่ายหน้า “สงสัยจะปวดขี้”

   “พี่เขาไม่ใช่กลอยนะ”

   “กลอยมันทำไม พูดดีๆ นะ”

   “ก็ปวดขี้ตลอด”

   “ไม่ได้ปวดตลอดสักหน่อย บางครั้งแค่นั้น”

   “เหรอ”

   “ใช่ พี่โชพูดมากว่ะ รีบๆ ไปเลย ป่านนี้คนเต็มงานแล้ว” พูดไปงั้นแหละ เพราะหาคำพูดมาเถียงไม่ได้ในเมื่อมันคือเรื่องจริง ก็คนปวดขี้มันห้ามได้ที่ไหนเล่า

   กว่าจะขับรถถึงบ้านพี่แทมก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง บ้านหลังใหญ่ที่แสนคุ้นเคย เมื่อก่อนมาบ่อยมาก ทั้งมากับพี่โชและแอบมาคนเดียว (อันหลังนี่ห้ามบอกปีศาจเชียวนะครับ) ตอนนี้หน้าบ้านตกแต่งแสงไฟเป็นสีๆ รวมทั้งไฟกระพริบ ตรงหน้าบ้านมีป้ายที่เขียนชี้บอกทางที่ใช้สีแดงเขียนดูเหมือนงานฮาโลวีน แต่มีรูปกระทงอยู่รอบๆ ดูแปลกแต่ก็เข้ากัน

   “ไงพวกมึง มาช้านะ” เสียงทักดังจากด้านหลัง ผมที่เพิ่งลงจากรถก็หันไปยิ้มแป้นพลางโบกมือทักทาย แต่กลับได้คำอุทานตอบกลับมาพร้อมใบหน้าตื่นตกใจ “เหี้ย!”

   “นี่กลอยไม่ใช่เหี้ย” พี่โชถึงกับขำพรืด คนทักดูลังเลนิดๆ ก่อนจะเดินมาวนรอบตัวผม (แบบห่างๆ)

   “นี่ไอ้กลอยจริงๆ เหรอวะเนี่ย แม่งเอ้ย ขนลุกสัด” พูดจบก็ยื่นแขนมาให้ดูเป็นภาพประกอบว่าไม่ได้โม้

   “เข้างานได้แล้วมึงน่ะ มาช้ายังพูดมากอีก”

   “มึงก็ไม่ต่างจากกูเลยไอ้โช”

   “กูจอดรถก่อนมึง”

   “มึงแซงกูตรงปากซอยไอ้สัด”

   “มึงมันอ่อนเอง”

   “อ่อนพ่อมึงสิ”

        ผมเดินตามหลังพลางขำออกมา เมื่อมองพี่โชเถียงกับเพื่อนตัวเอง เป็นคนไม่ยอมใครเหมือนเดิม แม้แต่ผมบางทีก็เถียงจนตัวเองชนะ เอาใจยากนะครับบอกเลย พวกเราสามคนเดินเข้ามาในงานตามป้ายบอกทาง ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นคนที่มางานแต่งตัวเป็นผีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย ทั้งเทศ บางคนก็น่ากลัว บางคนก็น่ารักคิกขุ เป็นวันลอยกระทงที่มีผีเยอะจริงๆ

   “ไงเพื่อนๆ ท่านยมสุดหล่อมากแล้ว”

        ผมละความสนใจจากบรรยากาศรอบตัวไปมองคนที่พี่ตินทัก คนกลุ่มใหญ่ยืนคุยกันอย่างออกรสรวมทั้งเพื่อนๆ ของผมด้วย ซึ่งแต่ละคนแต่งตัวจัดเต็มสุด คงหวังเงินรางวัลเหมือนกันสินะ ผมบอกแล้วว่าวันนี้จะมีเงินรางวัล แต่จำนวนมากกว่าปีที่แล้วหนึ่งเท่า ที่หนึ่งได้ตั้งสองหมื่นเชียวนะครับ ไม่ใช่น้อยๆ เพราะแบบนี้ผมเลยต้องจัดคอสตูมแบบท็อปฟอร์ม เข็ดกับลอยกระทงปีก่อนที่ถูกพี่แทมแบ่งครึ่งไป แถมเงินที่ได้ยังต้องเอาไปใช้คืนค่าชุดที่ทำเปียกอีก ดังนั้น ปีนี้ต้องเป็นของผมคนเดียว (ชูกำปั้นดั่งเทพีสันติภาพ)    

   “มาช้านะพวกมึง แล้วมึงเป็นผีอะไรไอ้ติน” พี่ซันทักเพื่อนตัวเอง วันนี้เทพบุตรแสนใจดีแต่งเป็นซอมบี้ด้วยเสื้อผ้าขาดๆ หน้าขาวถูกป้ายให้ขาวกว่าเดิม มีการแต้มสีแดงให้เหมือนเลือดไหลออกจากปากสองข้าง ซึ่งแน่นอนว่าพี่จอมก็ต้องแต่งเหมือนกัน

   “กูเป็นท่านยมเว้ย ระวังให้ดี กูจะลากผีเหี้ยๆ อย่างพวกมึงลงนรก”

   “ลากตัวมึงลงไปก่อนเถอะไอ้ห่า แล้วมึงเป็นผีอะไร กูไม่เห็นมึงแต่งอะไร เห้ย!” พี่ซันเปลี่ยนมาถามพี่โช ก่อนเบิกตาโตเมื่อเห็นผมยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลัง “นั่น...”

   “มึงตกใจเหมือนกูเลยไอ้ห่า” พี่ตินเสริม และนั่นก็ทำให้กลุ่มที่ยืนคุยหันมาสนใจ โดยพี่จอมเดินปรี่เข้ามาหาผม มือยื่นมาจะจับ แต่ก็ชักกลับอยู่หลายรอบ อาการเดียวกับพี่โชเป๊ะ
 
   “นี่มึงจัดเต็มเกินไปไหมวะไอ้เกรียน แม่งกูขนลุกสัด” พี่จอมเบะปากทำหน้าตาขยะแขยงผมสุด

   “มึงลงทุนเกินไปแล้ว” ไอ้ทูเดินแทรกเข้ามา หน้าตาดูน่ากลัวกว่าปกติ คงเพราะมันแต่งหน้าเป็นโครงกระดูก บนหัวมีตะปูอันใหญ่ปักอยู่ (มันคือที่คาดผมตะปู)

   คู่แข่งผมน่ากลัวกันทุกคนเลยว่ะ

   “มึงก็ลงทุนไม่ต่างจากกูเลยไอ้ห่า” ผมว่าอย่างเซ็งๆ โดยมีมือไอ้อัธมาตบบ่าเบาๆ พอหันไปหากลายเป็นมือผีที่มีหนอนปลอม เอาซะผมสะดุ้งกระโดดหนี คนทำหัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งผมได้ “ไอ้เพื่อนชั่ว”

   “มึงกลัวหนอนปลอมกูทำไม ในเมื่อหน้ามึง หัวมึง ตัวมึงมีหนอนจริงอยู่ไอ้ห่ากลอย” ไอ้อัธว่าอย่างขำๆ “มันกินได้หรือเปล่าวะ”

   “ได้ดิ่ กูกินมาตลอดทาง” ว่าแล้วก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านในแล้วหยิบออกมา

   “เชี่ย มึงเอามาจากไหน” คราวนี้ไอ้ทูปรี่เข้ามาหยิบ รวมทั้งพี่ตินที่โผล่มาแจมแบบเงียบๆ ต่างจากพี่จอมที่มองอย่างกลัวๆ
 
   “จากเชียงใหม่” ตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เจื่อนลงเมื่อรู้สึกถึงกระแสพลังบางอย่างกำลังจ้องมองมา และก็จริงเมื่อมองไปยังคนที่ยืนข้างผีซอมบี้หน้าขาว พี่โชตีหน้านิ่ง คิ้วเริ่มขมวด จนผมต้องรีบเปิดประเด็นใหม่ “มึงว่าหน้ากูควรเพิ่มอีกไหมวะ”

   “แค่นี้ก็น่ากลัวแล้วไอ้สัด กูว่ากูจัดหนักแล้วนะ เจอมึงเข้าไป กูยอม” ไอ้ทูออกความเห็นคนแรก

   “ถ้าเจอที่มืดๆ กูวิ่ง” ไอ้อัธเสริม มันเหมือนเป็นคำชมที่ทำเอาผมใจชื้นขึ้นมา “แต่งหน้าเละเหมือนจริงโคตรๆ มีหนอนด้วย กูยอมเลย” ไม่ว่าเปล่า ยังใช้นิ้วจิ้มๆ แผลที่แก้มผมอีก และมันคงจะจิ้มนานกว่านี้หากไม่มีเสียงกระแอมดังขัด

   “กูให้พี่ผิงแฟนพี่กิ่งแต่งให้เว้ย พี่เขาโคตรเก่ง”

   “แล้วชุดนอนกระโปรงขาวนี่ล่ะ”

   “นี่พี่เขาก็หาซื้อมาให้กู”

   “อยากได้รางวัลแต่แม่งไม่ลงทุนเลยไอ้ห่า” พี่ตินพูดแขวะทั้งที่หนอนทอด (รถด่วน) ของผมยังอยู่เต็มปาก ก่อนโวยวายเมื่อผมเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม “ไอ้กลอยอย่างก”

   “นี่มันพร๊อบของผม ถ้าพี่กินหมดแล้วจะเอาที่ไหนมาเติม”

   “มึงมันขี้งกเหมือนไอ้โช” หาเรื่องเพื่อนตัวเองเฉย ดีที่พี่โชไม่ได้สนใจเพราะกำลังคุยกับพี่ซันอยู่

   จะว่าไปผมยังไม่เห็นพี่แทมเลย ไม่รู้จะเป็นผีชาติไหน นี่ผมไม่ได้พูดหาเรื่องนะครับ แค่อยากรู้ว่าจะเป็นผีชาติไหนเท่านั้นเอง นี่ไม่ได้ด่านะ

   “เข้าไปที่จัดงานเถอะ กูหิวแล้ว” พี่จอมพูดจบก็รีบเดินปาดซ้ายปาดขวาหนีผมที่เดินเข้าไปใกล้ ปากตะโกนด่าอยู่ตลอด “มึงอยู่ไกลๆ ตีนกูเลยไอ้ห่าเกรียน อย่ามาใกล้กู!”

   “พี่กลัวผมเหรอ” เหมือนเห็นประกายดาวอยู่ตรงหางตาตัวเอง (โม้ไปงั้น) “พี่จอมครับ” กลัวนักก็แกล้งซะเลย ยิ่งเดินหนี ผมก็ยิ่งซอยเท้ายิกๆ เข้าไปใกล้อ้าแขนทำท่าจะรวบกอด “พี่จอม”

   “หนอนมึงหล่นเต็มพื้นแล้วไอ้เหี้ย” คนวิ่งหนีชี้มือมั่วซั่วไปหมด และพอผมหยุดวิ่งแล้วหันหลังไปดูก็เห็นหนอนรถด่วนทอดร่วงเต็มพื้นจริงๆ “มึงจัดการเด็กมึงด้วย แกล้งกู”

   “ก็มึงไปแหย่กลอยทำไม” เน้ พี่โชเข้าข้างผมเว้ย ผมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แต่ก็ต้องรีบงับเมื่อมีคำถามเย็นๆ ดังข้างหู “เอาของฝากจากเชียงใหม่มาจากไหน”

   “ก็...จากพี่โอ๊ต” ส่งยิ้มแหยๆ ส่งให้ แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งอย่างเดียวเลยต้องรีบอธิบายเพิ่มเติม “พอดีพี่โอ๊ตมาประชุมเลยแวะเอามาให้”

   “ตอนไหน ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง”

   “เมื่อวานตอนเที่ยง”

   “กลอยไม่เห็นบอกพี่เลย”

   “พี่โชไม่อยู่นี่นา แล้วก็เจอกันแป๊บเดียวเอง”

   “จะแป๊บเดียวหรือว่านาทีเดียวก็ต้องบอก”

   “โอเค รับทราบ” ทำท่าตะเบะเหมือนทหารจนพี่โชขำ “พี่โชเอาหนอนแปะหน้าเพิ่มให้หน่อย” เมื่อกี้ตอนวิ่งไล่พี่จอมร่วงไปเยอะ

   ผมล้วงหนอนรถด่วนทอดออกมาให้พี่โชแปะไว้ที่หน้า พี่ผิงลงทุนหาวิธีแต่งหน้าเละจากในเน็ตเพื่อมาแต่งให้ผม ซึ่งก็เหมือนจริงจนผมเห็นครั้งแรกยังตกใจหน้าตัวเอง ทั้งแก้ม หน้าผาก คอ แล้วก็แขน ล้วนแล้วแต่มีแผลจากการตกแต่งให้เป็นแผลเหวอะ ตอนแรกก็มีแค่นั้น พอดีเห็นกระปุกหนอนรถด่วนที่ได้จากพี่โอ๊ตเลยเพิ่มแผนความสยอง แผลเน่าก็ต้องคู่กับหนอน จะใช้หนอนจริงก็ดูน่ากลัวมากไปหน่อย ใช้รถด่วนนี่แหละ แถมอิ่มท้องด้วย หิวก็จับกิน แน่นอนว่าแผลพวกนี้พี่โชเห็นครั้งแรกก็อึ้งจนพูดไม่ออก ก็บอกแล้วว่าปีนี้ผมนอนมาแน่นอน

   ส่วนชุดผีก็เป็นชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวถูกป้ายด้วยสีแดงสดคล้ายกับเลือด และแขนเสื้อถูกกรีดให้ขาดเพราะจะได้เห็นแผล ตอนแรกมีวิกผมยาวด้วย แต่พี่โชว่ามันเยอะเกินไปเลยไม่เอา บอกแค่นี้ก็พอแล้ว

   ผมกับพี่โชเดินเข้าสถานที่จัดงานช้าสุด เพราะมัวเอาหนอนแปะหน้าเพิ่ม และพอเข้ามาถึง เหมือนผีทุกชาติกำลังเมามันส์กับแสง สี เสียง รวมทั้งอาหารที่ถูกแยกไว้สามฝั่ง  ฝั่งแรกแบบไทยรองด้วยกระทงใบตอง ฝั่งที่สองก็แนวหลอนๆ ดูแล้วไม่ค่อยกล้าจะหยิบสักเท่าไหร่ เยลลี่สีแดงที่ทำให้เหมือนไส้กองอยู่ในจาน มีวุ้นลูกตาที่ทำเหมือนซะขนลุก ยังดีที่ฝั่งตรงกลางเป็นอาหารธรรมดาๆ ที่หน้าตาดูน่ากิน ไม่งั้นผมคงหิวโซกลับห้องแน่นอน

   อ้อ มีเรื่องแปลกๆ จะเล่าด้วย ตั้งแต่ผมเข้างานมา ไม่มีใครยิ้มให้ผมสักคน บางคนถึงขั้นก้มหน้า ก้มตารีบเดินหนี ไม่รู้เป็นอะไร จะว่าผมลืมรูดซิบก็ไม่ใช่ เพราะชุดนอนไม่มีซิบ 

   “พี่โชๆ” เริ่มสะกิดเรียกคนข้างๆ เมื่อความมั่นใจเริ่มลด

   “หืม?”

   “ทำไมทุกคนมองกลอยแปลกๆ อ่ะ มีอะไรติดหน้ากลอยหรือเปล่า”

   “ติดหน้า? ก็หนอนไง”

   ...ก็ถูกของพี่โช

   “ไอ้ทู มึงดูนั่นดิ่ มีผีขนมปังด้วย” ผมหันไปสะกิดเพื่อนตัวเองยิกๆ ไอ้ทูรีบหันไปมอง ปากยังคาบน่องไก่ซอสเผ็ด “สงสัยจะเป็นผีขนมปังที่ตายแล้ว”

   “ขนมปังบ้านมึงตายได้ด้วยเหรอวะ”

   “มีสิ ก็มันเสีย”

   “เขาเรียกบูด”

   “แล้วมันเสียป่ะล่ะ”

   “กูไม่อยากเถียงกับผีหน้าหนอนแบบมึง” แล้วมันก็ยัดน่องไก่เข้าปากจนแก้มตุ่ย แถมยังยื่นมือมาหยิบหนอนรถด่วนจากหน้าผมไปกินด้วย ตลกแดกจริงๆ ไอ้นี่

   “แล้วไอ้ม่านล่ะ กูไม่เห็นหน้ามันมานานแล้วเนี่ย”

   “เด็กมันไม่ให้มา” ไอ้ทูตีหน้าเซ็ง “กูโทรหาแม่งงอแงตลอดเด็กมัน ชวนไปไหนก็ไม่ให้ไป ไอ้ม่านก็ตามใจทุกครั้ง ไม่รู้หลงอะไรกันนัก กันหนา”

   “เพราะรักไง รักชนะทุกสิ่ง”

   “น้ำเน่า”

   “แต่ก็เห็นเงาจันทร์”

   ผมพูดจบไอ้ทูก็หันไปโก่งคออ้วก ก่อนจะกลับไปกินน่องไก่ต่อ ส่วนผมก็มองรอบๆ งาน มาตั้งนานแล้วนะยังไม่เห็นพี่แทมเลย เมื่อกี้เห็นแม่พี่แทมแวบๆ แต่งเป็นแม่ชีในหนังสยองขวัญ เป็นหนังที่ทำให้ผมไม่กล้าหลับตาเกือบอาทิตย์ แล้วนี่มาเจอในงานแบบนี้ ผมจะนอนยังไงล่ะ

   “นั่นไอ้แทมหรือเปล่าวะ” เสียงพี่ซันทำเอากลุ่มพวกเราหันไปมอง และทุกคนก็พร้อมใจกันอุทานคำหยาบต่างๆ รวมถึงพาสัตว์เลื้อยคลานออกมาเพ่นพ่านให้พรึ่บ 

   “ไงเพื่อนๆ” พี่แทมโบกมือทักทาย แต่ไม่มีใครทักกลับสักคน เพราะมัวแต่ตะลึงกับสิ่งที่เห็น คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไร้หัวสวมชุดคลุมสีขาวมีคราบคล้ายเลือดสีแดงไหลยาวไปทั่วตัว มือขวาถือหัวปลอมที่ดูเหมือนหัวเจ้าตัวจริงๆ เอาไว้ “นี่กูว่ากูจัดเต็มแล้วนะ เจอหน้าหนอนของไอ้กลอยเข้าไป สยองสัด”

   “พี่น่ากลัวกว่าผมเยอะว่ะ” พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้พลางยื่นมือไปแตะๆ ที่ตัว แล้วลูบขึ้นจนคนถูกจับโวยวาย เมื่อกี้เจอหน้าพี่แทมแล้วครับ ซ่อนอยู่ในชุดคลุมสีขาว

   “หัวปลอมนี่แม่งโคตรเหมือนไอ้ห่า” พี่จอมเข้ามาสำรวจบ้าง แต่ก็ยืนห่างกับผมพอสมควร สงสัยจะกลัวหนอน

   “กูสั่งทำไง แพงด้วย”

   “เพื่อ?”

   “รางวัลไง”

   “ก็เงินของแม่มึงเองไม่ใช่เหรอ”

   “มันคือศักดิ์ศรีด้วย ใช่ไหมไอ้กลอย”

   “ถูกต้อง”

   “ไอ้พวกหน้าเงิน”

   “หน้าหนอนต่างหาก แบร่” ยื่นหน้าไปแกล้งพี่จอมจนเกือบโดนหมัดชก ดีที่พี่โชดึงผมออกทัน ไม่งั้นคงน็อกคาที่แน่ และพอทำร้ายผมไม่ได้ก็หันไปทำร้ายแฟนตัวเองแทน เอาซะพี่ซันส่ายหน้าอย่างระอาในความดื้อของแฟน “ปวดฉี่” กระซิบบอกคนข้างๆ ที่ยังจับแขนผมอยู่

   “ให้พี่ไปส่งไหม”

   “กลอยไปเองได้”

   ว่าแล้วผมก็เดินเตร่ๆ เข้าไปในตัวบ้านที่ถูกหรี่ไฟลงให้ดูสลัวๆ โดยตามทางเดินเปิดไฟตะเกียงเอาไว้ เพิ่มความหลอน ถ้าไม่มีซุ้มประตูต้นกล้วยแล้วก็กระทงสำหรับลอยคืนนี้ จะคิดว่างานนี้คืองานฮาโลวีนอย่างเดียวแล้วนะเนี่ย บรรยากาศแบบนี้หวังว่าจะไม่มีผีอะไรโผล่มาเซอร์ไพร์สแบบบ้านผีสิง ยิ่งคิดสมองยิ่งจินตนาการจนต้องรีบเดิน พอถึงห้องน้ำก็รีบทำธุระส่วนตัว ล้างมือล้างไม้หลังจากเสร็จกิจ พอเงยหน้ามาเห็นตัวเองในกระจกก็สะดุ้งเฮือก นี่ผมน่ากลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย โดยเฉพาะแผลเละจากปากไปถึงหู ในแผลเหวอะมีหนอนรถด่วนแสนอร่อยแปะอยู่ เกือบใช้หนอนจริงแล้วหากพี่ผิงไม่กลัวเสียก่อน คิดแล้วก็เติมหนอนเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า

   ระหว่างที่กำลังแปะหนอนลงที่แผล เสียงเคาะประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น สงสัยจะมีคนปวดท้อง ผมเช็คความเรียบร้อยของตัวเองพลางเก็บหนอนที่เหลือ แต่พอเปิดประตูออกไปปุ๊บ คนด้านนอกกลับยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมเบิกกว้าง ปากแดงสดอ้าค้างจนผมต้องเรียกอีกรอบ

   “ขอโทษที่เข้าไปนานนะครับ” พูดไม่ทันจบหนอนที่แปะใหม่ข้างปากก็ร่วง คนยืนตะลึงตรงหน้าค่อยๆ ก้มมองหนอนบนพื้นแล้วเงยหน้ามามองผมอีกที “คุณ....เชี่ย”

   พูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก เพราะความรู้สึกตอนนี้ มีให้คำเดียวเลยว่า...จุก...ฝ่าตีนเน้นๆ เข้าเป้าหมายจังๆ จนผมลงไปนั่งกองที่พื้น หนอนที่ถือในมือก็ปลิวไปตามแรง และคงไปตกใส่ตัวของคนข้างนอก เธอถึงกับกรี๊ดบ้านแทบแตก จะว่าไป ผมควรเป็นฝ่ายกรี๊ดนะ ถีบมาได้ 

   “เกิดอะไรขึ้น! อะไร” คนด้านนอกคงได้ยินเสียงเลยวิ่งกรูเข้ามาเต็มหน้าห้องน้ำไปหมด ผู้หญิงคนที่ถีบผมเธอชี้มั่วซั่วมาทางผมที่นั่งกองอยู่ที่พื้น มือกุมเป้าตัวเองเอาไว้

   “ไอ้เชี่ยนี่มันลวนลามเหรอ” ถามจบก็มีเสียงด่าสารพัดดังขึ้น และมีคนเลือดร้อนสักคนพุ่งมาจะต่อยผม ยังดีที่พี่โชจับไว้แล้วเหวี่ยงออกไป ก่อนขายาวจะก้าวเดินเข้ามาพยุงผมให้ยืน ดวงตาคู่ดุตวัดมองกราดไปทั่วเสียงประณามเลยค่อยๆ เงียบลง ไม่รู้เรื่องราวจริงๆ กลับถูกด่าซะงั้น

   “ผมไม่ได้ลวนลามเธอนะ ไม่ได้แตะต้องอะไรเลยด้วย” รีบปฏิเสธเสียงแข็ง
 
   “เจ็บตรงไหน” พี่โชก้มหน้ามาถามอย่างเป็นห่วง ไม่สนใจคนอื่นที่ยืนอออยู่เต็ม แอบเห็นพวกพี่จอมเพิ่งแทรกตัวมาถึงหน้าห้องน้ำด้วยใบหน้าใคร่รู้

   “โดนถีบเข้าเป้าเมื่อกี้” บอกพร้อมชี้จุดเกิดเหตุที่เจ็บอยู่ “จังๆ แบบจุกๆ”

   “ยังจะทำตลกอีก” โดนดุไปถึงกับต้องรีบงับปาก คราวนี้พี่โชเงยหน้าไปมองคนที่ถีบผม เธอยืนทำหน้าเสียข้างผู้ชายที่จะต่อยผม “กลอยทำร้ายคุณหรือเปล่า?” แล้วเธอก็ส่ายหน้าตอบ ดวงตากลมโตกวาดมองไปยังทุกคนก่อนจ้องมองมาที่ผม ปากแดงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา

   “เขาไม่ได้ทำร้ายฉันหรอกค่ะ พอดีเขาเปิดประตูออกมาแล้วฉันตกใจคิดว่าผีก็เลย...”

   “ถีบผมเหรอครับ” เจ็บปวด

   “ค่ะ” แล้วเธอก็ส่งเสียงขำแห้งๆ ทำเอาคนมุงส่ายหน้าแล้วสลายตัวกลับไปที่งานด้านนอกต่อ “ขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันตกใจจริงๆ ก็คุณน่ากลัว แถมมีหนอนด้วย”

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกพร้อมรอยยิ้ม และคงมีหนอนร่วงที่พื้น เพราะดวงตากลมตรงหน้าก้มมอง “หนอนรถด่วนครับ ทอดแล้วกินได้”

   “ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี ขอโทษจริงๆ นะคะ”

   “ครับ”

   ผมยิ้มให้ก่อนพี่โชจะดึงออกจากหน้าห้องน้ำ พวกพี่ตินหัวเราะอย่างชอบใจที่ผมถูกทำร้าย ขนาดพี่จอมยังขำ แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้

   “ผมเจ็บเนี่ย เคยสงสารไหม”

   “มึงอยากจัดเต็มเอง กูจะสงสารทำไม” พี่แทมออกตัวคนแรก ตอนนี้เอาหัวปลอมไปวางแล้วเปิดหัวจริงคุยแทน สงสัยจะเมื่อยมือ

   “แต่เป็นผมเจอแบบนี้ที่มืดๆ ผมก็วิ่งนะพี่” ไอ้อัธยังยืนยันตามเดิม

   “งั้นวันนี้มึงเอารางวัลไปเถอะ ขนาดโดนถีบเนี่ย ต้องไม่ธรรมดา อะฮ้า ไม่ธรรมดา”

   “ไชยาไข่เค็มก็มา”

   “มึงพูดซะกูอยากกินเลยไอ้ทู”

   เพื่อนผมกับเพื่อนพี่โชมีใครเต็มร้อยแบบผมบ้างครับเนี่ย หายากจริงๆ


   แล้วงานก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม เพลงลอยกระทงถูกผลัดกันร้องทั้งที่มีอยู่เพลงเดียว แม่พี่แทมเลยสั่งให้เปิดคาราโอเกะหาเพลงไทยแบบสนุกเปิด คราวนั้นละ ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุงเปิดสลับกันอย่างจัดเต็ม แต่ที่ไม่เข้าใจคือ เวลาเปิดเพลงลูกกรุงแนวสามช่า ทำไมกลุ่มเพื่อนๆ ของแม่พี่แทมต้องจับคู่ลีลาศด้วย มันทำให้พวกผมต้องเต้นตาม ถามว่าเป็นไหม...ถนัดเลยแหละ

   “เหยียบตีน” ไอ้อัธด่าใส่หน้าผมรอบที่สิบ

   “ก็กูมองไม่เห็นตีนมึง” เถียงไป

   “งั้นมึงไปเต้นกับพี่โชของมึงไป”

   “ถ้าพี่โชยอมเต้น กูคงไม่ลากมึงมาหรอก ทำไม หรือกลัวคนในความลับมึงจะรู้ อย่าให้กูสืบได้นะ ว่ามึงคบใครอยู่” ยื่นหน้าจนจะชิดกับไอ้อัธ มันหลุบตาต่ำลงไม่กล้าสบกับผมตรงๆ นี่ล่ะ อาการพิรุธของมัน

   เกือบจะหาจุดอ่อนของเพื่อนตัวดีได้แล้ว หากไม่ถูกพี่โชดึงคอเสื้อจนแทบหงายหลัง ตาดุๆ ถลึงใส่ ปากก็เตือนว่าใกล้เกินไป ไอ้อัธได้ทีรีบชิ่งหนี ผมส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
 
   งานหลอนๆ ในคืนวันเพ็ญถึงช่วงท้ายนั่นคือการร่วมกันลอยกระทงในสระน้ำ กระทงต้นกล้วยถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ใบตอง มีธูปและเทียนปักอยู่ดูสวย ผมกับพี่โชเลือกมาแค่กระทงเดียว เราสองคนจับพร้อมกันพลางชูขึ้นอธิษฐาน ไม่นานก็ปล่อยให้ลอยไปตามแรงน้ำที่ถูกลมตีให้กระเพื่อม

   “ปีหน้าเราไปลอยที่เชียงใหม่ไหม เพื่อนกลอยมันบอกสนุก”

   “ครับ”

   ผมคลี่ยิ้มยามพี่โชยิ้มกว้างส่งมาให้ และแล้วสิ่งที่ดึงความสนใจจากหน้าหล่อๆ ของพี่โชก็คือเงินรางวัล แม่ของพี่แทมพูดออกไมค์ถึงผลประกาศคนชนะชุดที่ใส่มา แน่นอนแล้วว่าเป็นไอ้กลอยคนนี้ ผมเกือบกระโดดกอดพี่โชแล้วหากไม่ถูกฝ่ามือดันหน้าเอาไว้ ผมรีบเดินไปหน้าเวที ก้มไหว้รับซองเงินมาถือ รางวัลชนะเลิศมันช่างหอมหวานนัก

   “ปีนี้หนูท็อปฟอร์มมากนะ” แม่พี่แทมชมผม ซึ่งผมก็ยิ้มแป้น “แล้วก็ไม่ต้องยิ้มกว้างมากก็ได้ ป้ารู้สึกคืนนี้น่าจะนอนไม่หลับ”

   “อ่าว”

   แล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาทั่วสารทิศ ผมโบกมือให้กับทุกคนราวกับไอ้มงกุฎนางงาม (ว่าไปนั่น) พองานเลิกจริงๆ เราสองคนก็คิดจะกลับคอนโด ตอนแรกจะแวะที่วัดเพื่อลอยกระทงที่แม่น้ำจริงๆ แต่เวลาดึกขนาดนี้เขาคงปิดหมดแล้วเลยตรงกลับห้องดีกว่า

   “พี่โช กลอยหิว”

   “กินไปเมื่อกี้ยังไม่อิ่มเหรอ”

   “ยัง กลอยอยากกินบะหมี่เกี๊ยว เอาร้านใกล้ๆ คอนโดก็ได้ ร้านที่เราไปกินบ่อยๆ อะ” เป็นร้านที่เปิดดึกแต่ปิดเช้า อร่อยมากๆ ด้วย เวลาไหนที่พี่โชกลับดึก ผมมักจะให้ซื้อมาประจำ “นะๆ”

   “ครับๆ”

    พี่โชชะลอจอดรถเมื่อถึงหน้าร้าน ผมเปิดประตูออกไปไม่ทันฟังพี่เขาเรียกหรือจะพูดอะไร ด้วยความหิวตอนนี้ไม่สามารถหยุดผมได้แล้ว ทันทีที่ผมเดินไปถึงหน้าร้านเตรียมสั่ง ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เสียงโวยวายดังลั่นจนผมตกใจ พร้อมๆ กับทุกคนแถวนั้น ทั้งคนขาย คนนั่งกินด้านในวิ่งหนีหายกันหมด ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมยืนหน้าเหวอหน้าร้าน

   “นี่ไง” เสียงพี่โชดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง “ไม่ฟังพี่เรียกเลย”

   “เขาเป็นอะไรกัน” ตีหน้างงอย่างสงสัย “เหมือนพวกเขากลัวอะไรสักอย่างแหละ”

   “ก็กลัวกลอยไง” แล้วพี่โชก็ขำออกมา แต่ผมก็ยังตีหน้าโง่อยู่ “เพิ่งถูกถีบมาจำไม่ได้เหรอ”

   “อ๋อ ลืมไป” และผมก็หลุดหัวเราะออกมาเอง “สงสัยได้กลับไปกินบะหมี่ถ้วยที่บ้าน”

   “ไม่ต้องสงสัยหรอก”

   “พี่โชอะ”

   “กลับ”

   ผมยังชะเง้อคอหาคนขายแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเลยได้แต่ถอดใจเดินตามพี่โชไปขึ้นรถ ก็แค่อยากกินบะหมี่เกี๊ยวเอง ผมผิดตรงไหน โธ่

   “พี่โชแวะร้านลูกชิ้นทอดให้หน่อย”

   “อยากให้เขาวิ่งหนีอีกเหรอ”

   “ไม่กินก็ได้ โมโหหิว!”

   พี่โชไม่ตอบโต้เพราะเอาแต่หัวเราะ จนถึงคอนโด แล้วก็เกิดเดจาวูอีกรอบ เมื่อทุกคนที่อยู่ชั้นล่าง รวมทั้งเพิ่งออกจากลิฟต์ร้องลั่นแล้ววิ่งหนีไปคนละทิศละทาง


   นี่กลอยไง กลอยสุดหล่อแม่นเว่อร์ไง ทุกคน!!!!


   ช่างเป็นวันหลอนๆ ในคืนวันเพ็ญที่โกลาหลที่สุด



......

สวัสดีวันลอยกระทงค่าาาาาาาา มาช้าตลอดๆ จะมาตั้งแต่ฮาโลวีนแต่ติดงานนิดหนึ่งเลยเลื่อนมารวมกันเลย ได้โปรดให้อภัยด้วยค่าาา (คุกเข่ายอมรับการถูกแส้วินัยตี) อาจจะมึนๆ เบลอๆ ไปบ้าง ขออภัยด้วยค่า จะรีบแก้ไขให้ดีขึ้น

ปล.รู้สึกตัวเองหายไปนานเหลือเกิน ยังคิดถึงทุกคนอยู่เสมอ จูบุ๊ จูบุ๊

ไปลอยกระทงแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองและทรัพย์นะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขในคืนวันเพ็ญค่า รักกกกกกก
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Khongsak ที่ 11-11-2019 17:06:53
ฮ่าๆๆๆๆ​ กลอยเอ้ย​ ยังเกรียนเหมือนเดิมเลย​ ขอบคุณ​ผู้แต่งที่ยังแวะเวียนมาแถมตอนพิเศษ​นะคะ​ ถ้ามีต่อภาค3  จะดีมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-11-2019 20:00:51
เหนือสิ่งอื่นใดสงสารคนเก็บค่าทางด่วนป่านนี้คงทอนเงินมั่วไปหมดแล้ว  :laugh: :laugh: :laugh:
 ป.ล. ยินดีกับรางวัลที่หนึ่งด้วยนะกลอยปะเกรียน  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 11-11-2019 20:17:25
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-11-2019 22:36:48
อย่าว่าคนอื่นเลย นี่ถ้าเจอก็เผ่นเหมือนกันน
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-11-2019 22:37:05
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-11-2019 21:33:58
 กลอบประเกรียน เกรียนเท่ากลอยไม่มีอีกละ55555
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 13-11-2019 07:58:26
กลอยประเกรียน นี่เกรียนได้ทุกงานจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:48:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 08-05-2020 20:59:53
 :katai2-1: