,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]  (อ่าน 74554 ครั้ง)

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ช่วงนี้เพลงนี้ฮิตจริงๆ​
กลอยประเกรียนเก่งอยู่แล้ว

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ความอายทำอะไรกลอยประเกรียนไม่ได้หรอกกกกก

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
นึกถาพกลอยเด้งหน้าเด้งหลังแล้วฮา  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เต่ากลอยพลาดล่ะ พี่โชเตือนแล้วไม่เชื่อ55555 แต่งานนี้ถ้าไม่ใช่กลอยก็ไม่มีใครเหมาะอีกแล้วนะ :laugh: :กอด1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ทำไมโชร้าย แกล้งน้องตาใสเลย
แล้วเอาของกินมาหลอกล่อน้องไปอีก

กลอยก็หลงทางไปเหอะ ยอมให้พี่พาเป๋
แล้วคืออะไรจะสอนเต้น แต่ตลกกว่าคือโชไม่หลงทาง


ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน [ll] ตอนพิเศษ : สนุกกันจริงวันลอยกระทง




       
          สวัสดีวันลอยกระทงครับ ปีนี้เป็นปีที่ไม่เหมือนคราวก่อนๆ นั่นเพราะผมไม่ต้องไปช่วยงานที่คณะ อย่ามองผมด้วยสายตารู้ทันว่าผมอู้ เปล่าครับ แค่ปีนี้มันมีที่จัดงานแสนพิเศษที่ห้ามพลาดเลยจริงๆ พี่โชยังคอนเฟิร์มว่าพิเศษมาก ซึ่งที่ๆ ว่า นั่นคือ...บ้านของพี่แทมครับ (ปรบมือ)

   ที่จริงบ้านพี่แทมก็มีการจัดงานพิเศษอยู่มากมาย แต่ที่บอกว่าพิเศษก็เพราะ ลอยกระทงปีนี้ มันมีของรางวัลสุดเซอร์ไพรส์นั่นเอง คนมางานส่วนใหญ่ก็เพื่อนของแม่พี่แทม และเพื่อนของลูก นั่นก็คือพวกผม ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะไปมหาลัยเล่นเกมส์ตามซุ้มก็มีรางวัลเหมือนกัน แต่ที่ต้องสนเพราะของรางวัลที่ว่า มันยิ่งใหญ่ ล่อตา ล่อใจนักล่ารางวัลแบบผม

   เงินสดหนึ่งหมื่นบาท!!!

   ฟังแล้วมันก็ไม่มาก แต่อย่าลืมว่า สำหรับนักล่ารางวัล มันคือศักดิ์ศรีหากเราได้ที่หนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆ สิ่งที่อยากได้ ต้องแลกด้วยการใช้สมอง เพราะธีมงานคือ ชุดไทย ดังนั้น ทุกคนรวมทั้งผม ต้องคิดค้นหาชุดที่จะโดดเด่น ที่จะเอาชนะใจแม่ของพี่แทม

   งานนี้ไอ้กลอยต้องได้!

   “ถ้ากลอยอ่านหนังสือจริงจังอย่างที่คิดเรื่องงานลอยกระทงบ้างคงจะดี” พี่โชยืนเท้าเอวดูผมนั่งขีดๆ เขียนๆ รายละเอียดสำหรับของที่ต้องเตรียม

   “มันเหมือนกันซะที่ไหน พี่โชเถอะ รีบๆ ไปแต่งตัวเลย” ผมดันต้นขาคนยืนชิดเตียง อาบน้ำเสร็จก็ไม่ยอมไปแต่งตัว นุ้งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวโชว์อยู่ได้ “กลอยวางชุดพี่ไว้ที่เก้าอี้นั่นนะ”

   “เจ้ากี้เจ้าการ” ถูกนิ้วจิ้มหน้าผากจนหงาย “ถ้าชุดแบบกลอย พี่ไม่ใส่นะบอกเลย”

   “รู้หรอกน่า” แลบลิ้นใส่คนยืนดูชุดตัวเอง ก่อนสนใจรายละเอียดตัวเองต่อ

   ผมต้องเป็นผู้ชนะ นะ นะ นะ (ทำเสียงสะท้อนเพื่อความมั่นหน้า)

   “แล้วไปเช่าชุดที่ไหนมา”

        คำถามดังมาจากคนที่เริ่มแต่งตัว ผมเงยหน้าขึ้นมอง ชุดที่เช่ามา ดูเหมาะกับพี่โชจริงๆ สายตาผมโคตรดี และที่สำคัญ เจ้าตัวก็ดูชอบ เดินมาส่องกระจกหมุนไปมาอยู่หลายรอบ

   “ร้านพี่สะใภ้ไอ้เค ราคาพิเศษด้วยนะ” ผมตอบ

   “จะหกโมงแล้ว ไม่รีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก” ตอนแรกว่าจะเงยหน้าขึ้นเถียงซะหน่อย แต่นาฬิกาบอกแบบนั้นจริง ๆ ผมก็ตาลีตาเหลือกลงจากเตียง แต่เพราะนั่งทับขาตัวเองนานไปหน่อย เลยลงไปนอนกองที่พื้นแทน “บอกให้ไปอาบน้ำ ยังนอนเล่นข้างเตียงอีก”

   “เหน็บกินขา ไม่ได้นอนเล่น!” โวยวายพลางกวักมือเรียกพี่โชมาช่วย ขาสองข้างไร้ความรู้สึก แต่พอเริ่มรู้สึกคือโคตรทรมาน เหมือนถูกเข็มจิ้มจนพรุน

   กว่าจะดีขึ้นก็ใช้เวลาพอสมควร พี่โชจะบีบขาให้อย่างเดียว แต่ผมปัดออก ขนาดเอานิ้วจิ้มยังจี๊ดน้ำตาไหล ปัดโธ่ อาบน้ำขัดขี้ไคลจนสะอาดเอี่ยมอ่องก็ออกมาด้านนอก แล้วก็ต้องหรี่ตาลง เมื่อเจอแสงออร่าความหล่อของพี่โชพุ่งเข้าตา

   “หล่อเว่อร์ๆ” ชมซะหน่อย แม้พี่โชไม่ได้แสดงอาการ แต่ดูก็รู้ว่าชอบ ขี้เก๊กก็แบบนี้แหละ

   “รีบๆ แต่งตัว เดี๋ยวไปสาย อดได้รางวัลนะ” คนชอบคำชมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอน โธ่ ชอบก็บอกมาเถอะ

   ผมเดินร่อนอกแบนๆ ไปทั่วท้อง ประแป้ง ทาครีม ใส่น้ำหอมให้ฟุ้ง ก่อนเดินมาหยิบชุดที่จะทำให้ผมได้เงินรางวัลของวันนี้ มันเด็ดจริงขอบอกเลย ไม่มีใครคิดแต่งแบบนี้แน่นอน หึๆ

   ใช้เวลาแต่งตัวไม่นาน ก็เดินออกไปอวดโฉมให้คนรอได้ชื่นชม พี่โชมัวแต่กดโทรศัพท์ยิกๆ ไม่สนใจเสียงกระแอมคอหอยแทบหลุด เลยต้องเดินไปสะกิดแทน

   “เชี่ย!”

   เป็นคำอุทานที่...ช่างเป็นฤกษ์ดีจริงๆ

   “เด็ดแบบที่กลอยว่าใช่ป่ะ”

   ไร้คำตอบใดๆ จากคนที่นั่งตาค้าง อ้าปาก ผมเดินนำออกจากห้อง พี่โชรีบเก็บมือถือที่หล่นพื้นก่อนวิ่งตามออกมา ระหว่างยืนรอลิฟต์เพื่อจะลงไปชั้นล่าง เพื่อนร่วมชั้นคอนโดเดินมากับลูกสาวที่ผมชอบเอาอมยิ้มให้ทุกครั้งที่เจอ แต่วันนี้พอ เด็กน้อยเห็นผมก็ร้องไห้จ้า แถมวิ่งหนีกลับห้องตัวเองเฉย รวมทั้งคนเป็นแม่ที่ยิ้มแห้งๆ พลางเดินถอยหลังสามก้าวแล้วหันหลังหนีทันที

   “เขากลัวอะไรอะพี่โช”

   “ไม่น่าถาม”

   ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ พอดีประตูลิฟต์เปิด คนเดินออกมาสะดุ้ง ข้าวของในมือร่วงหมด ผมจะช่วยเก็บ พี่เขาก็ไม่ยอม ได้ของครบก็เดินเลี่ยงๆ แล้ววิ่งหนี...อะไรของพวกเขา มันมีอะไรน่ากลัววะ และมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำๆ จนผมเริ่มไม่มั่นใจ ตั้งแต่ล่างคอนโด ลุงยาม หรือแม้กระทั่งคนที่จอดรถติดไฟแดง

   ผมทำอะไรผิด

   “พี่โช...” เสียงอ่อยจนคนข้างๆ หันมายิ้มบางๆ ส่งให้

   “อย่าไปมองก็จบ” พยักหน้าให้กับคำปลอบนั่น ผมเลือกที่จะสนใจเฟซบุ๊กแทน อยากรู้ว่าคนที่ไปงานแล้วแต่งตัวยังไง แต่ไม่มีหลุดมาสักกะคน “ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

   “แล้วที่เป็นอยู่ไม่ดีตรงไหน”

   “ถ้าคิดว่าดี ก็แล้วแต่”

   เหล่ตามองพี่โชที่กวนโมโห พยายามข่มความเกรี้ยวกราดตัวเองไว้ เดี๋ยวเสียฤกษ์ดีหมด รถคันงามของพี่โชฝ่าการจราจรแสนคับคั่งมาจนถึงบ้านหลังใหญ่ ที่ตอนนี้มีรถจอดอยู่สองข้างทางเต็มไปหมด ไหนพี่แทมบอกงานเล็กๆ มีเพื่อนแม่ไม่กี่คนไง แล้วทำไมรถเยอะขนาดนี้

   พี่โชจอดเสร็จ ไฟรถจากด้านหลังก็สาดเข้ามา ได้ยินคนข้างผมพูดว่ารถของพี่ซัน อยากเห็นจริงๆ ว่าพี่จอมจะแต่งตัวแบบไหน แน่ๆ ต้องจัดเต็มเหมือนผมแน่นอน ผมนั่งรออยู่ในรถ รอจนคนในรถด้านหลังลงมาก่อน พี่ซันแต่งตัวคล้ายพี่โช เสื้อผ้าไหมสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงผ้าสีดำ ตอนแรกผมเช่าโจงกระเบนแบบสำเร็จรูปมาด้วย แต่พี่โชไม่ใส่

   “มาถึงแล้วไม่ลงนะมึงน่ะ” เสียงเคาะกระจกมาพร้อมคำทักทาย พี่จอมทำหน้านิ่งอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าพี่เขาไม่เห็นผม เพราะรถของพี่โชติดฟิล์มดำ ที่จริงก็ไม่อยากเปิดเผยตัว เดี๋ยวจะพลาดรางวัล แต่ถ้าไม่ลง ก็ไม่ได้รางวัลเหมือนกัน ผมค่อยๆ เปิดประตูแล้วก้าวขาลงจากรถ พี่จอมละสายตาจากเพื่อนตัวเองมามอง “มึง...”

   “สวัสดีวันลอยกระทงครับผม” ทักทายตามประเพณีสักหน่อย พี่จอมกระพริบตาปริบๆ ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “พี่แต่งตัวจัดเต็มเหมือนกันนะ” พี่จอมมาในชุดราชประแตนครับ เต็มยศ แถมติดหนวดด้วย

   “กูเต็ม แต่มึงไม่เต็ม ไอ้เกรียน” พูดแค่นั้นก่อนขยับหนีผมไปหาแฟนตัวเอง พี่ซันมองผมก่อนยิ้มบางๆ ส่งมาให้ “กูกลัวมัน คืนนี้กูฝันร้ายแน่ว่ะ” ได้ยินประโยคแว่วๆ มาจากคนเดินนำ

   เราสี่คนเดินเข้ามาที่งาน ที่จัดอยู่ริมสระว่ายน้ำ เอาจริงๆ บ้านหลังนี้ใหญ่โตหรูหราราวกับบ้านคนรวยในละคร บ้านหลังใหญ่กว่าพี่โชสองเท่าด้วยซ้ำ แถมบ้านหมาก็ใหญ่กว่าห้องนอนที่หอพักผมสองเท่าด้วย พูดแล้วก็นึกถึงหมาของผม สีนวล สีนิล ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง

   “มาช้าว่ะ...เชี่ย” พี่ตินเดินเข้ามาหา ก่อนจะเบิกตาโตมองผม “ไอ้กลอย มึง...”

   “ดูดีใช่ไหมล่ะ พี่ตินไม่ต้องพูดผมก็รู้” ว่าแล้วก็ขอยืดสักหน่อย แต่คนทักใหม่กลับหลุดหัวเราะจนผมต้องหน้ามุ่ย “พี่ขำอะไรนักหนาวะ”

   “ขำเพราะ...” พี่ตินไม่ยอมพูดให้จบ มัวแต่ชะเง้อมองหาอะไรสักอย่าง “เดี๋ยวกูมา เซอร์ไพรส์สัดๆ”

   ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน แต่พี่จอมกลับผลักหน้าผมออก ผมทำผิดอะไรเนี่ย ไม่นานคนที่หายไปก็กลับมา และไม่ได้มาคนเดียว ยังลากเพื่อนคู่หูตัวเองมาด้วย

        ...ด้วยสภาพเดียวกับผม!!

   “ไอ้กลอย มึงก็อบกูเหรอ” พี่แทมมาถึงก็โวยวาย ส่วนคนอื่นๆ มองผมกับพี่แทมสลับกันไปมา

   “พี่แหละก็อบผม” โคตรขี้โมเม มาว่าผมก็อบได้ไง ผมคิดชุดนี้ ไปเลือกชุดนี้ตั้งนาน

   “กูแต่งก่อนมึง อยู่งานก่อนมึง ดังนั้นมึงนั่นแหละ ก็อบกู”

   “ก็จัดบ้านพี่ๆ ก็ต้องอยู่งานก่อน เพี้ยนป่ะ”

   “ไอ้กลอยอยากด่ามึงว่าโง่ป่ะ มากกว่า” พี่ตินแทรกเข้ามา ก่อนโดนสายตาโหดของผมตวัดมอง แต่เจ้าตัวกลับไม่สน ดึงผมกับพี่แทมมายืนข้างกันแทน “พวกมึงยืนคู่กันแบบนี้ โคตรเหมือน”

   “เหมือนอะไรวะ” พี่จอมถาม

   “ลักกับยม ไอ้เชี่ย โคตรใช่”

   แล้วทุกคนก็หัวเราะออกมา ยกเว้นคนถูกว่าเป็นลักกับยม มันเหมือนตรงไหนอยากจะถาม ก็แค่สวมโจงกระเบนสำเร็จรูปสีทอง กับเสื้อสีเนื้อแขนยาว สะพายสร้อยสังวาลสองเส้นคาดเป็นกากบาท แขนกับขามีกำไลสีทอง ที่หัวผมมัดจุกน้ำพุ มีกิ๊บสีทองติดปิดยางรัดผม พี่แทมต่างจากผมก็แค่ทรงผมที่มัดจุกตรงกลาง กับหน้าที่ทาให้ขาว แถมเขียนคิ้วโก่งดั่งคันศรอีก ถามจริง ใครทำให้พี่แบบนี้วะ

   “ใครทาหน้าขาวให้พี่วะ” ว่าแล้วก็ถามซะเลย พี่แทมยกมือสองข้างขึ้นทำท่าคล้ายเป็นกลีบดอกไม้แนบคาง พลางกระพริบตาปริบๆ เอาจริงๆ ก็เริ่มหลอนเหมือนกันนะ

   “แม่กู น่ารักป่ะ”

   “แม่พี่กะไม่ให้เงินรางวัลใครเลยใช่ไหม”

   “แม่กูรู้ประสิทธิภาพของลูกตัวเองไง ว่าต้องเป็นที่หนึ่ง”

   “ถ้าคืนนี้กูฝันร้าย กูจะตามไปกระทืบพวกมึง”

        ก่อนเราจะคุยกันมากกว่านี้ พี่จอมรีบผลักผมกับพี่แทมให้ห่างจากกัน พลางเดินหนีเข้างานไป โดยมีคนอื่นๆ เดินตามหลัง ขนาดพี่โชยังไม่สนใจผมเลย

   “เข้างานกัน” มัวแต่มองตามหลังกลุ่มพี่โช จนพี่แทมตวัดแขนยาวพาดมาที่คอ “จะว่าไป มึงก็ลงทุนดี อยากได้รางวัลมากขนาดนั้นเชียว?”

   “ก่อนถามผม พี่ถามตัวเองก่อนดีกว่า” เหล่ตามองคนที่กอดคอ “หน้าลอยเชียว” คอของพี่แทมไม่ได้ทาสีขาว เลยตัดกับสีหน้าอย่างชัดเจน โคตรตลก แต่มองใกล้นานๆ ก็แอบหลอนเหมือนกัน

    งานลอยกระทงบ้านพี่แทมไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างสถานที่อื่นๆ แต่ก็สนุกคึกครื้น มีดนตรีในฟัง มีเครื่องดื่ม อาหารให้อย่างอิ่มหนำ ซึ่งทุกคนที่อยู่ในงาน ล้วนแล้วแต่สวมชุดไทยตามคอนเซ็ปทั้งหมด เจ้าของบ้านอย่างพ่อพี่แทม สวมชุดราชประแตนเหมือนพี่จอม ต่างแค่สีของโจงกระเบนและพร็อพไม้เท้า ส่วนคนคิดงานอย่างแม่พี่แทม อยู่ในชุดไทยประยุกต์ซึ่งสวยงามมาก คล้ายกับชุดผู้หญิงโบราญที่เคยดูในละครสมัยอยุธยา

   แต่ขอเกลียดฉายาที่คนในงานให้ผมกับพี่แทมได้ไหม ในฐานะที่ผมไม่ได้เหมือนพี่แทมขนาดนั้น หน้าผมไม่ได้ลอยด้วย
 
   “อ่าว ไอ้ยม ฝาแฝดมึงไปไหน” พี่เบพูดไปหัวเราะไป เหมือนๆ กับไอ้ทูที่กำลังเช็ดน้ำที่หางตา

   “อย่าล้อมันสิพี่เบ เดี๋ยวไอ้กลอยก็ร้องไห้หรอก” แม้ไอ้อัธจะปกป้องผม แต่มันนั่นแหละ สะกิดพี่เบให้ถามผมยิกๆ ไอ้เพื่อนแอบเลว! “แล้วมึงไม่ไปอยู่กับพี่โชล่ะ”
 
   “ถ้ากูอยู่ได้ ก็อยู่ไปแล้ว” ว่าแล้วก็โมโห พี่จอมสั่งไม่ให้ผมเข้าใกล้ เพราะกลัวภาพติดตา “กูไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นสักหน่อย ใช่ป่ะ”

   “ใช่ กูว่ามึงตลกมากกว่า แม่งคิดได้ไงแต่งตัวแบบนี้” พี่เบยังไม่หยุดขำ ถ้าแช่งได้ อยากแช่งให้สำลักน้ำลายจนตาตั้ง

   “เพราะมันอยากได้รางวัลจนตัวสั่นถึงลงทุนขนาดนี้” ไอ้ทูว่า มันคือคนที่ผมให้ไปช่วยเลือกชุด ตอนแรกจะให้มันแต่งด้วย แต่มันไม่เอา

   “แค่หมื่นเดียว ขี้เล็บไอ้โชเลย”

   “พี่ไม่เข้าใจ” ผมขัดพี่เบ

   “เออ กูก็ไม่อยากเข้าใจ เพราะถ้ากูเข้าใจ กูคงเหมือนไอ้แทม ไม่สิ ไอ้ลักใช่ไหม ไอ้ยม”

   ผมไม่ได้ตอบ แต่เดินหนีกลุ่มคนหัวเราะออกมา อยากหันไปชูนิ้วกลางให้แต่ก็ดูรุนแรงไป เลยหันไปชูนิ้วโป้งแทน กลุ่มนั้นยิ่งขำกว่าเดิม โมโหๆ ระหว่างทางการเดินไปโต๊ะของกิน ผมถูกบรรดาป้าๆ ในงานเรียกขอถ่ายรูปคู่ด้วย ยิ้มจนเหงือกแห้ง รู้สึกเป็นที่รักของทุกคน...ขอเกลียดคำว่า รักกับลักได้ไหมเนี่ย (ช่วยขีดเส้นใต้คำว่ารัก และกรุณารัวลิ้นด้วยนะครับเพื่อความแตกต่าง)

   ที่โต๊ะอาหาร ผมกินนั่น กินนี่อย่างเต็มที่ แม้ปริมาณที่ให้มาแต่ละอย่างจะน้อยนิดก็ตาม ช่วงกินอยู่ เพลงที่ดังขึ้นมาเป็นจังหวะเร็กเก้สกา คนในงานพากันเต้นกันหมด คนที่ชอบแนวนี้อย่างพี่จอมก็ใส่ไม่ยั้งเหมือนกัน และแน่นอนผมก็ไม่พลาด มือข้างหนึ่งถือน่องไก่ อีกข้างถือขนมปังหน้าหมู ขาก็ขยับส่ายไปมาตามจังหวะ มีความสุขจริงๆ แค่นั้นไม่พอ ช่างภาพประจำงานยังมาขอถ่ายรูปผมอีก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ แล้วมีเขาเป็นช่างภาพประจำตัวเพราะตามติดผมเหลือเกิน
 

   แบบนี้รางวัลมันก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว!!





   เวลางานผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลาประกาศผลรางวัลชุดไทยยอดเยี่ยม ก่อนจะลอยกระทงเป็นอย่างสุดท้าย ผมขยับไปยืนกับพี่โชอีกรอบเพราะพี่จอมปลีกตัวไปอยู่กับกลุ่มพี่เบ และตอนนี้ท้องผมป่องสุด อิ่มจนคุ้ม

   “กินขนาดนั้น อย่าปวดขี้กลางทางนะ” ประโยคลอยๆ ดังมาจากคนข้างๆ แน่นอนว่าผมแค่ปรายตามอง ก็เรื่องนี้รับปากไม่ได้นี่นา ผมสั่งท้องตัวเองไม่ได้นี่ ว่าห้ามปวดนะ ห้ามหิวนะ สั่งได้ก็แฮรี่พอตเตอร์แล้ว

   ตอนนี้ทุกคนภายในงานกำลังลุ้นว่าใครจะไป ซึ่งหลังจากพ่อพี่แทมกล่าวคำขอบคุณคนมาร่วมสนุกในงานกับอวยพรวันลอยกระทงทุกคนแล้ว ต่อไปก็หน้าที่ของแม่พี่แทมที่จะประกาศรางวัล

   “ที่จริงแล้วนั้น รางวัลมีเพียงแค่รางวัลเดียว” คำเกริ่นของแม่พี่แทม ทำเอาหลายคนมองกันไปมา “แต่ว่างานนี้ ดิฉันเห็นว่า มีคนแต่งตัวโดดเด่นอยู่สองคน ดังนั้น เงินรางวัล เราก็จะแบ่งครึ่ง ขอเชิญ ลักกับยมมาตรงนี้หน่อยค่า”

   ผมหน้าบูดเมื่อได้ยิน ต่างจากพี่แทมที่ยิ้มหน้าบานเดินเข้าไปหาแม่ตัวเอง แต่พอผมไม่ไป คู่แฝดผมก็รีบวิ่งมาหาแล้วดึงไปด้วย พี่โชก็ไม่คิดจะช่วยผมเลย นอกจากบอกว่า ดีใจที่ได้อย่างที่หวัง ใช่ ผมหวังรางวัล แต่มันถูกแบ่งครึ่งไง! พอไปยืนขนาบข้างแม่ของพี่แทม ท่านก็ยิ้มหวานส่งมาให้

   “นี่ถ้ามีดิฉันเห็นคู่นี้อยู่คนเดียว คงหลอนพิลึกนะคะ” พูดจบ คนทั้งงานก็หัวเราะออกมา บ้างก็บอกเห็นด้วย ผมไม่ได้น่ากลัว บอกอีกรอบ!!!! “สุขสันวันลอยกระทงนะลูกๆ” ผมโค้งศีรษะไหว้ขอบคุณแม่พี่แทม ที่ยื่นแบงค์สีเทาให้ผมห้าใบ เหมือนๆ พี่แทมก็ได้เท่ากัน “สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะทุกคน ต่อไป เรามาลอยกระทงกันดีกว่า”

   ลอยกระทงอะไรผมไม่ได้สนใจแล้ว อยากกลับมาก ไม่ใช่เพราะปวดขี้หรอกนะครับ แต่ไม่อยากถูกเรียกว่ายม พี่โชไม่สนใจอารมณ์บูดของผม เอาแต่ดึงให้มาลอยกระทงที่แม่บ้านของพี่แทมเอามาให้

   “ไม่อยากลอยกับพี่เหรอ” เจอประโยคนี้ ผมก็รีบส่ายหน้ายิกๆ

   “มาลอยกันเนอะ” รีบทำตัวร่าเริง ผมจะอารมณ์เสียใส่พี่โชไปทำไมกัน อยากตบกะโหลกตัวเอง

   ผมกับพี่โชยกกระทงขึ้นแล้วต่างคนต่างอธิฐาน พอผมลืมตา พี่โชยังหลับตานิ่งอยู่ ขนตายาวสวยจริงๆ อิจฉา พอเจ้าตัวลืมตาขึ้น เราก็ค่อยๆ วางกระทงสวยลงในสระน้ำที่มีของคนอื่นลอยเต็มสระ

   “สุขสันต์วันลอยกระทงครับ” ยิ้มหล่อของพี่โชผมโคตรชอบเลย

   “อื่อ มาลอยด้วยกันทุกๆ ปี จนแก่เลยเนอะ” ตอบรอยยิ้มด้วยรอยยิ้ม พี่โชยกมือมาขยี้หัวผมเบาๆ จนผมน้ำพุหลุด แล้วคนทำก็ขำ เพราะผมด้านหน้ามันชี้ไม่เป็นทรง “เนี่ย ชอบแกล้งกันแบบนี้เนี้ย”

   “ต่อไป ไม่เอาแบบนี้นะ พี่หลอนเหมือนกัน”

   “มันก็ไม่ได้มีบ่อยๆ นี่นา ปีละหนเอง”

   “ถึงจะปีละหนก็เถอะ ขอเป็นคนดีๆ บ้างนะ”

   “แล้วนี่ไม่เป็นคนตรงไหน” พี่โชไม่ตอบ เหยียดยิ้มให้เสร็จก็ลุกหนี “กวนตีนมากคนๆ นี้”

   จังหวะที่ผมลุกขึ้นยืน จะเดินตามพี่โช ไหล่ก็ถูกแขนยาวหนักๆ วางพาด หันไปดูคนกระทำอุกอาจก็คือคนที่แบ่งเงินรางวัลของผม

   “มึงอยากได้เงินเพิ่มไหม” พี่แทมกระซิบเบาๆ หลังจากทุกคนในงานเริ่มกลับกัน ผมหันไปมองหน้าคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ “มึงเห็นนั่นไหม” ว่าแล้วก็หันไปดูตามนิ้วที่ชี้ “กระทงของแม่กูกับพวกเพื่อน ใส่เงินโคตรเยอะ”

   “อย่ามาหลอกผมหน่อยเลย ผมไม่ได้โง่” รีบดักไว้ พี่แทมตบหัวผมฉาดใหญ่จนหน้าแทบคะมำ

   “กูไม่ได้หลอก มึงมาดูนี่” ว่าแล้วพี่แทมก็พาผมเดินอ้อมไปที่กระทงอันหนึ่งที่ลอยไม่ไกลจากขอบสระ ลูกเจ้าของบ้านใช้มือกวักน้ำเพื่อให้กระทงลอยเข้ามาหา “กูไม่ได้หลอก”

   กระทงที่พี่แทมเอามา ในนั้นมีแบงค์สีม่วงครับ ไม่อยากจะเชื่อ

   “ทำไมเขาใส่เยอะ” ตาโตหลังจากพี่แทมยัดเงินไว้ที่โจงกระเบนตัวเอง

   “เพราะเพื่อนแม่กูให้ทิปคนเก็บกระทงไง” กระพริบตาปริบๆ ฟัง ไม่ได้เชื่อมากหรอกนะ แต่หลักฐานมันคาตาขนาดนี้ “สนใจลงไปเก็บไหม”

   “ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเปียก....เชี่ย” ไม่ทันแล้วครับ จังหวะที่ผมผละออกมา รู้สึกถึงแรงกระแทกที่กระทบก้นจนตัวร่วงลงไปในสระน้ำเสียงดังสนั่น “ไอ้พี่แทม!!” ตบน้ำจนกระทงคว่ำเกือบครึ่ง จะอ้าปากด่าอีก หางตาดันเหลือบไปเห็นกระทงอันสวยลอยมาใกล้ ปลายเหลี่ยมแบงค์สีเทาโผล่พ้นขึ้นมาจนลังเล

   “กระทงเมื่อกี้ของกู แบงค์ห้าร้อยนี่ก็ของกู” พี่แทมชูแบงค์สีม่วงไปมาราวกับหลอกผมได้

   “แต่แบงค์พันนี่ของแม่พี่ใช่ป่ะ” ว่าแล้วก็หยิบเงินออกจากกระทง คนเห็นแบงค์สีเทาก็ทำตาโต ให้เดา เรื่องที่บอกผมคงโกหก แต่พอดีแม่พี่แทมใส่ไปจริงๆ “หลายใบด้วย” ผมว่า พี่แทมยืดคอมองอย่างสนใจ

   “ไอ้กลอย เอามาแบ่งกูด้วย ไอ้สัด!!!!” พูดไม่ทันจบดี ร่างของพี่แทมก็ปลิวร่วงลงมาในสระ ดำน้ำอยู่นานกว่าจะโผล่ ถึงอย่างนั้น สีขาวบนหน้าก็ยังไม่หลุด “ไอ้เหี้ยโช ถีบกูทำพ่อง”

   “มึงถีบเมียกูก่อน”

   ปรบมือให้พี่โชเลยครับ แก้แค้นคืนผมได้สาสมมาก เหลือผม ที่กำลังจะเอาคืนอย่างสาสมเช่นกัน

   “ไอ้เหี้ย เห็นเมียดีกว่าเพื่อน...ไหนไอ้กลอย กระทงแม่กูใส่เงินเท่าไหร่” พี่แทม เดินเข้ามาหาผมๆ ก็ยื่นแบงค์ที่เอาออกจากกระทงให้ทั้งหมด “มึงให้กูหมดเลย?”

   “ผมให้พี่หมดเลย”

   “ดีมา...ไอ้สัดกลอย แบงค์ปลอม”

   “ก็แบงค์ปลอมไง”

   “หลอกกู มึงตาย!!”

   ผมรีบว่ายน้ำหนี แม้ช่วงตัวจะสั้นกว่า แต่ผมก็ว่ายน้ำเร็วจนหมาต้องเรียกพี่นะเออ

   “พวกมึงไปลอยคอในน้ำทำไม กูหลอน คืนนี้กูนอนไม่หลับแน่ ไอ้ชั่ว!!”

        เสียงโวยวายของพี่จอมปะปนมากับเสียงของพี่โชที่ตะโกนเรียกผม นี่ถ้าพี่ซันไม่จับไว้ ปีศาจร้ายลงมาช่วยผมแล้ว ทำไมค่ำคืนวันลอยกระทงของผม จะต้องวุ่นวายแบบนี้ทุกปีด้วย ไอ้กลอยไม่เข้าใจ



   “พี่แทม ผมขอโทษ”

        รีบบอกหลังจากขึ้นมานั่งขอบสระน้ำได้ เมื่อกี้ผมรีบว่ายน้ำหนี จนเตะขามั่วซั่วไปโดนจุดยุทธศาสตร์ของคนไล่ พี่แทมกุมเป้าตัวเองทำหน้าเขียว พลางลอยคอในน้ำอย่างน่าสงสาร

   “มึง...ทำ...ร้าย...กู...ทำ...ไม”

   ผมรีบยกมือไหว้ปลกๆ ก่อนขำออกมา ลองนึกสภาพคนแต่งตัวคล้ายกุมารทอง หน้าขาว คิ้วโก่ง ปากแดงลอยคอในสระน้ำดูนะครับ จะว่าตลกก็ใช่ หลอนก็ไม่เชิง

   “สุขสันต์วันลอยกระทงนะพี่ ผมกลับก่อนละ”

   “มาช่วยกูก่อน!!!”

        ได้ยินเสียงคำว่าก่อนสะท้อนดังตามหลังมา พี่โชหัวเราะเอาเป็นเอาตาย ยังดีที่คนงานในบ้านรีบเข้าไปช่วย ไม่งั้นคงต้องลอยคอจนกว่าไข่จะรู้สึกดีขึ้น


   แต่ผมไม่ได้ตั้งใจเตะจริงๆ นะ เชื่อผม



   ส่วนเงินรางวัลห้าพันที่ได้มา ถูกจ่ายเป็นค่าเสียหายที่ทำชุดเปียก แถมขาดอีก ยังดีที่เป็นญาติของเพื่อน ไม่งั้นผมคงโดนหนักกว่านี้แน่ เพราะพี่แทมคนเดียวเลย อุตส่าห์ได้เงินรางวัล

        ไอ้กลอยเศร้า

   “ฮัลโหล พี่โชครับ กลอยขอเงินหน่อย กลอยไม่มีเงินกินเหล้า เอ๊ย กินข้าว พี่โชอย่าเพิ่งวาง!!!”


   ชีวิตทำไมมันต้องโหดร้าย!!   


...

สวัสดีวันลอยกระทงค่าาา ตอนพิเศษมาชั่วโมงสุดท้ายของวัน (ก้มกราบ)

แต่มาช้า ยังดีกว่าไม่มาเนอะ (หาพวก)

ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจค่าาา

รักกกก

แล้วพบกันตอนที่ 7 ค่า   

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
กลอยปะเกรียนเอ้ย แต่ละสิ่งแต่ละอย่างดี ๆ ทั้งน้าน  :laugh: :laugh: :laugh: ดีแค่ใหนที่ไม่มีใครใจกล้ามาขอหวย  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สมเป็นกลอยจริงๆ​ คิดเหนือตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 โชถึงกับอึ้ง คนอื่นถึงหลอน
แต่ทำไมกลอยคิดได้ ความเกรียนนี้ไม่มีใครเกิน

แล้วคืออะไร ลงไปว่ายน้ำเล่นกันหรอ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน [ll] : 7





        กลับเข้าสู่วงจรการเรียนแบบเต็มรูปแบบ ทั้งที่ไม่ได้เรียนเจ็ดวิชารวดเหมือนตอนปีหนึ่ง แต่กลับเข้าออกห้องสมุดยิ่งกว่าอีก เพียงแค่ได้กลิ่นหนังสือ ผมก็แทบอยากนอน สงสัยกลิ่นมันเป็นยานอนหลับชนิดหนึ่งแน่ๆ

   “อีกลอยๆ” ระหว่างพักสายตาจากการอ่านหนังสือ ไหล่ของผมก็ถูกสะกิดยิกๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เจอเพื่อนสาวร่างอวบส่งยิ้มที่ค่อนไปทางสยองให้ “ไปแดกข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย”

   “กูอิ่มแล้ว” บอกปัดด้วยความขี้เกียจพลางฟุบหน้าลงที่โต๊ะอีกรอบ

   “แต่กูเลี้ยงนะมึง” เหมือนมีปุ่มอะไรสักอย่างถูกกดทำให้ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรง คาดว่าจะเป็นคำว่าเลี้ยงนั่นแหละ “สนไหม กูเลี้ยงทั้งข้าว ทั้งน้ำเลยนะเว้ย”

   “พูดจริง?”

   “กูเคยหลอกมึงเหรอ”

   “ประจำ เพราะมึงเป็นผี”

   “ไอ้ห่า ครั้งนี้กูไม่หลอกมึงแน่นอน”

   “ชัว?”

   “ไม่มั่วนิ่ม”

   “กู...”

   ระหว่างที่โต้ตอบกันไปมา หัวผมก็ถูกทำร้ายด้วยกระดาษก้อนที่ถูกขยำ คนทำคือไอ้สักที่นั่งโต๊ะตรงข้าม มันยกนิ้วขึ้นแตะปากคล้ายบอกให้เงียบ พอได้มองไปรอบตัว เลยได้เห็นว่าตอนนี้ทุกคนก็มองมาที่ผมจริงๆ

   “ว่าไง มึงจะไปไหม” คราวนี้เป็นเสียงกระซิบ ผมจ้องหน้าเพื่อนก่อนจะพยักหน้าลง

   “เห็นเพื่อนมึงไม่อยู่หรอกนะ ก็ถึงตกลงน่ะ”

   “ไม่ใช่เพราะกูเลี้ยงเหรอวะ”

   “พูดงี้กูไม่ไปก็ได้”

   “ล้อเล่นน่าเพื่อนกลอยผู้แสนดี หล่อสุดในโลก”

   ก็อยากเถียงอยู่หรอก แต่หลักฐานบนหน้ามันทนโท่ 

   เข็มหรือที่คนทั้งห้องเติมคำนำหน้าด้วยความรักให้ว่าอี เธอคือเพื่อนสาวร่วมชั้นที่ชื่อชอบและหมกมุ่นอยู่กับผู้ชายหน้าตาดี ยิ่งถ้าเกิดมันได้มโนภาพถึงความรักระหว่างชายกับชายยิ่งแล้วใหญ่ มันจะมีอาการเพ้อ ตาลอยๆ ยิ้ม หัวเราะคนเดียวจนผมและเพื่อนในห้องพากันกลัว และเพื่อนสาวคนนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มเปิดเพจคู่ของผมกับพี่โชด้วย สมัยผมคบกับพี่โชใหม่ๆ ซึ่งไม่รู้ตอนนี้เพจจะร้างแค่ไหน เพราะคนทำเพจดันทิ้งไปหาคนอื่นอีกเป็นสิบเป็นร้อย ใจง่ายเหลือเกิน

   ระหว่างทางไปโรงอาหารกลาง ผมขมวดคิ้วเป็นพันๆ รอบ เพราะทางเดินมานี้มันอ้อมโลกชัดๆ ทั้งที่มีทางใกล้กว่า แต่คนเดินนำ มันกลับเลือกที่จะเดินผ่านหน้าตึกคณะสถาปัตย์ ดูมีนัยยะแอบแฝง พอเดินมาจนถึงตึกที่ตอนนี้มีคนมุงดูอะไรกันจนเต็มลานด้านหน้าไปหมด ด้วยความสงสัยเลยจะอ้าปากถาม แต่แขนกลับถูกดึงไปรวมกับกลุ่มคน จนได้เห็นว่าในวงล้อมนั้น มีวงดนตรีเล็กๆ ตั้งอยู่ คนเล่นก็คงเป็นเด็กในคณะ

   “ไหนบอกจะไปกินข้าวไง” ถามอีเข็มที่ชะเง้อคอยืดยาวมองผ่านฝูงชนในวงล้อม

   “รอแป๊บสิ กูเลี้ยงข้าวแน่นอน มึงไม่ต้องกลัวไป” ยังดีที่มันตอบผม ก่อนจะโบกมือโบกไม้เมื่อคนถือไมค์อยากเห็น โคตรบ้าบอที่สุด

   และด้วยความหมดอารมณ์อยากกินของฟรี ผมตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่ด้านหลังกลับมีคนมายืน แถมเบียดจนผมต้องขยับหนี

   “ขอทางหน่อยครับ” โดนเบียดจนตัวลีบแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออกไป “ขอทางด้วยครับ ขอออกไปหน่อย”

   “อีกลอย มึงอย่าทิ้งกู” เสียงมาพร้อมแรงดึงคอเสื้อจนแทบหงายหลัง อีเข็มมันตัวอวบแถมแรงมหาศาล ดึงทีเดียว ผมแทบปลิว “อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน”

   “กูไม่ได้บ้าผู้ชายแบบมึง” ด่าใส่หน้า แต่อีกคนกลับไม่ยอมสนใจ เอาแต่กรี๊ดๆ เมื่อดนตรีเริ่มเล่น “หนวกหูเว๊ย”

   ผมยกมืออุดหูเมื่อทนเสียงไม่ไหว ในใจพยายามภาวนาให้ดนตรีรีบๆ จบ อยากกลับไปนอนเต็มแก่ รู้งี้ไม่มาด้วยซะก็ดี ระหว่างนึกโมโหตัวเองในใจที่ชอบของฟรี แขนผมก็ถูกฟาดเอาๆ

   “อีกลอย กรี๊ด” เรียกชื่อผมแล้วก็กรี๊ด มันคืออะไรวะ “น้องไบร์ทขา ทางนี้ค่า”

   ผมเบ้ปากให้เพื่อนสาวร่วมรุ่น ก่อนเบนสายตาไปมองคนที่อีเข็มเรียก แล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ไอ้คนที่ชอบยิ้มเรี่ยราดถือกล่องรับบริจาคร่อนไปหาคนนู้นที คนนั้นที ฮอตจริง หน้าตาก็งั้นๆ

   “หล่ออะมึง อีกลอย” แขนผมตอนนี้คงเลยคำว่าแดงไปไกล เล่นตบไม่ยั้ง ไม่น่าหลวมตัวยอมมาด้วยเลย อันที่จริงควรพูดว่า ไม่น่าเห็นแก่ของฟรีเลยน่าจะถูกมากกว่า “น้องไบร์ทขา มาทางนี้ด้วยค่า พี่เข็มรออยู่ตรงนี้”

   “มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย” หูจะแตกอยู่แล้ว

   “ถ้ากูไม่ตะโกน น้องเขาจะหันมาเหรออีห่า มึงดูแฟนคลับน้องเขา” พูดจบมันก็กรี๊ดต่อ มือก็กวักเรียกไอ้คนที่โปรยยิ้มที เสียงกรี๊ดก็มาที สงสัยจะมั่นหน้าในความหล่อตัวเองมาก น่าหมั่นไส้ “มึงๆ น้องเขาหันมาแล้ว อีกลอย”

   “กูเจ็บอีเข็ม” โวยวายพลางขยับถอยห่างเพื่อน “ไม่เห็นหล่อเลย” พูดจบก็เหมือนจะรู้สึกว่า ประโยคเมื่อกี้มันมีเสียง ไม่ได้อยู่ในความคิดอย่างเช่นทุกที และสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี คืออาการของผู้หญิงคนข้างๆ ที่หยุดกรี๊ดแล้วมองผมตาขวาง ผมยิ้มแห้งๆ พลางโค้งศีรษะขอโทษ ก่อนรีบขยับไปชิดอีเข็มตามเดิม


   จะโดนกระทืบคาวงล้อมนี้ไหมเนี่ย


   “อีกลอย น้องไบร์ทน่ารักมาก” พอมาอยู่ใกล้ เสียงชื่นชมไอ้เด็กถือกล่องก็ลอยมาอีก ผมเหล่ตามองเพื่อนตัวเองอย่างเอือมๆ

   “ไม่เห็นหล่อเลย” คราวนี้ผมกระซิบเอา กลัวตายด้วยฝ่าเท้าของบรรดาสาวๆ ที่ล้อมอยู่ อีเข็มหยุดโบกมือ ดวงตารีๆ ของมันค่อยๆ ตวัดมามอง

   “สายตามึงแบบ ถั่วมาก น้องเขาทั้งขาว ทั้งสูง หน้าตาระดับพระเอกเกาหลีแบบนี้มึงว่าเขาไม่หล่อ? ถั่วมากเพื่อนกู”

   ถั่วเป็นคำด่าที่ผมควรจะเจ็บไหม แต่ถ้าเป็นอาหารมันอร่อยดี แม้ตดเหม็นไปหน่อยก็เถอะ เอ๊ะ หรือมันด่าเพราะเหตุผลหลังวะ ระหว่างเล่นสงครามเย็นผ่านสายตากับอีเข็ม เสียงกรี๊ดของคนด้านหลังก็ดังเพิ่มขึ้น ผมเลยละสายตาจากหน้าบานๆ ของเพื่อนไปมอง เจอหน้าคนที่ผมหมั่นไส้ถือกล่องมายืนยิ้มตาหยีอยู่ตรงหน้า

   ไอ้เด็กนี่ส่งยิ้มให้ผมหรือคนด้านหลังวะ

   “น้องไบร์ทขา พี่ร่วมทำบุญด้วยค่า ชาติหน้าเราจะได้เจอกันอีก” ผมหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาเอือมระอา อีเข็มหย่อนแบงค์พันลงกล่องไปด้วยความกระดี๊กระด๊า ยิ่งเด็กถือกล่องเอ่ยคำขอบคุณ ยิ่งดีดดิ้นใหญ่

   อยากได้ข้าวสารเสกมาก เผื่อผีบ้าจะออกจากร่างเพื่อนผม

   “น้ำลายมึงไหลแล้ว” ยื่นหน้าไปกระซิบเพื่อนที่จ้องเด็กถือกล่องแทบไม่วางตา แต่กลับถูกอีเข็มตีแขนเมื่อมีคำถามดังขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะถามผม?

   “ไม่ทำบุญด้วยหรือครับ” ทันทีที่หันไปมองคนถาม หน้าไอ้เด็กนั่นก็ยิ้มจนตาปิด แถมคนรอบข้างตอนนี้ก็ดูจะกดดันผมซะเหลือเกิน “ร่วมทำบุญกันวันนี้ ได้บุญไม่พอ ชาติหน้าเราอาจจะได้เจอกันอีกนะครับ ไม่สนใจเหรอ” ไม่ว่าเปล่า ยังยื่นกล่องมาจนจะทิ่มหน้าผมอยู่แล้ว

       แต่ทำไมน้ำเสียงมันอ่อนโยนกว่าตอนพูดกับอีเข็ม? หรือผมคิดไปเองวะ

   “พี่มีเงินสิบบาท” พูดพลางล้วงเหรียญจากกระเป๋าเสื้อมาให้ดู เป็นเงินทอนตอนไปซื้อน้ำเมื่อเช้า แต่ดูเหมือนจะน้อยไปสำหรับคนรอบข้างเพราะมีเสียงหัวเราะดังออกมา นี่ถ้าไม่ติดว่ามีแบงค์พันใบเดียวในกระเป๋านะ จะให้เยอะกว่านี้แล้ว
 
   “ไอ้เชี่ยกลอย มึงอย่าขี้เหนียวสิวะ ใจๆ หน่อย” กำลังจะหย่อนเหรียญลงกล่อง อีเข็มดันพูดแทรกขึ้นมา ทำเอาทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย

   “กูไม่มีแบงค์เล็กๆ ไง” ที่จริงอยากตอบไปว่า ทำบุญด้วยใจ จะกี่บาทก็ได้บุญเว๊ย แต่ก็กลัวถูกรุมเลยแกล้งเฉไฉไป

   “อย่ามาตอแหล กูเห็นมึงซื้อขนมกับน้ำไปเมื่อเช้า” มันควรจะจบ แต่อีเพื่อนตัวดีดันไม่ยอมจบ ผมกำลังจะอ้าปากเถียง ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   “พี่ยืมผมก่อนก็ได้นะครับ” หันไปมองคนพูด ไอ้เด็กนี่ยิ้มทีมองเห็นทางข้างหน้าไหมเนี่ย ผมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนไอ้เด็กนั่นจะล้วงกระเป๋าเงินตัวเองออกมาแล้วยื่นให้ผม

   “อะไร” มองกระเป๋าตังค์ที่ยื่นมาตรงหน้า

   “ก็ให้พี่เลือกเองไง ผมถือกล่องอยู่ คงหยิบให้พี่ไม่ได้” ฟังดูแล้วเป็นเหตุผลที่ดี ผมมองหน้าเจ้าของกระเป๋า แล้วไล่ลงมาที่มือขาวของมัน “เร็วๆ ครับ” มีเร่งด้วยว่ะ

   “เออๆ” ดึงกระเป๋าออกจากมือแล้วเปิดดู เห็นหลายคนยืดคอมาส่องดูด้วย โดยเฉพาะอีเข็มที่อยากรู้กว่าใครเพื่อน แทบจะช่วยผมแหกกระเป๋าเงิน “แล้วจะรีบเอามาคืน” พูดจบผมก็ดึงแบงค์สีเขียวออกมาหย่อนลงไปในกล่อง ก่อนยัดคืนในมือเจ้าของกระเป๋าตามเดิม

   “ไม่ต้องรีบ ผมรอได้ครับ” ตอบมาพร้อมรอยยิ้มทำเอาสาวๆ แถวนี้ครางฮือกันหมด

   “เรื่องของมึง” พูดจบผมก็รีบชิ่งหนีออกมาจากวงล้อม อับอายเป็นที่สุด ไอ้กลอยจะถูกนินทาไปสามวันแปดวันแหงๆ เห็นมีคนถ่ายคลิปด้วย ขอแค่อย่าถ่ายติดหน้าผมเป็นพอ

   ต่อไปจะไม่เห็นแก่ของฟรีอีก

   ผมเดินลัดเลาะกลับคณะ ไม่สนใจว่าคนที่ไปด้วยอย่างอีเข็มจะกลับมาตอนไหน ทิ้งมันไว้ที่นั่นก็คงไม่หลงผู้ชายจนกลับคณะไม่ถูกหรอก แต่พอเดินใกล้ถึงตึก ผมเลือกจะเดินเลยออกไปหลังมหาลัยแทน รู้สึกหิว เหมือนใช้พลังงานไปเยอะเลยต้องมาหาอะไรรองท้องสักหน่อย ยังดีที่ฝากไอ้ทูเอากระเป๋ากับหนังสือกลับมาใต้ตึกด้วย ไม่งั้นคงต้องย้อนไปที่ห้องสมุดอีก

   ร้านลูกชิ้นเจ้าประจำยังตั้งขายอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือมีร้านน้ำ ร้านขนมเพิ่มมาอีกมาก สงสัยต้องหาเวลามาเดินเที่ยวสักหน่อยแล้ว แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่วันนี้ เพราะสุดที่รักดันยางแบน พี่โชเลยอาสามาส่ง แถมจะมารับอีก ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ แถมแฟนก็ต้องเป็นคนดีมากๆ ด้วยแน่นอน (งานอวยตัวเองขอให้บอก)

   ได้ลูกชิ้นเสร็จผมก็เดินกลับคณะ ตอนผ่านสวนต้นไม้เยื้องคณะแล้วก็อดนึกถึงพี่ทองไม่ได้ ตอนปีสามผมชอบซื้อไก่ปิ้งมาฝากอยู่ตลอด ไม่รู้ช่วงปิดเทอมพี่ทองหายไปไหน ลุงยามบอกอาจถูกรถเหยียบ ไม่ก็ถูกจับไปปล่อยที่อื่น เพราะพี่ทองเคยไล่งับขาเด็กปีหนึ่งที่หลงไปเดินข้างสระน้ำตอนโพล้เพล้ ตอนนี้เลยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะมีความเป็นอยู่เช่นไร ถ้าบ้านพี่แทมรับฝากได้เหมือนแม่สีครีมกับลูกๆ ผมคงอุ้มไปให้แล้ว

   “อ่าว พวกไอ้สักล่ะ” ถามไอ้ทูขณะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้

   “กลับหมดแล้ว ถ้ากูไม่เฝ้าของให้มึง ก็คงกลับแล้วเหมือนกัน” ไอ้ทูว่าพลางหาว ผมยื่นลูกชิ้นปิ้งให้มันไปหนึ่งไม้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่เอา ที่ไหนได้ คว้าไปไวราวกับโจรปล้นทอง “แล้วมึงกลับยังไง รอพี่โชหรือให้กูไปส่ง”

   “รอพี่โช เมื่อกี้ส่งข้อความบอกกู ว่าใกล้ถึงแล้ว” บอกพลางกัดลูกชิ้น

   “แล้วอีเข็มลากมึงไปตึกถาปัตย์ทำไม” คำถามที่ทำเอาผมขมวดคิ้ว ไอ้ทูรู้ได้ไงว่าผมไปที่ตึกนั้น และดูเหมือนมันจะตรัสรู้ได้เอง รีบแจงต่อ “ตอนกูนั่งรอมึง กูได้ยินเด็กในคณะมันพูดกัน”

   “อีเข็มแม่งใช้ของฟรีล่อกูไปดูผู้ชายที่มันคลั่งไคล้เป็นเพื่อน...โคตรชั่ว”

   “อีเข็มเหรอ?”

   “กูนี่แหละที่ชั่ว เห็นของฟรีเลยโดนเล่นเข้าให้”

   ไอ้ทูหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนมันจะยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ

   “นิสัยชอบของฟรีของมึง แก้ไม่หายหรอกว่ะ เพราะไม่มีใครไม่ชอบของฟรี”

   “มึงพูดถูก” ใช้ไม้จิ้มลูกชิ้นชี้หน้าเพื่อน ไอ้ทูส่ายหน้าก่อนเก็บข้าวของตัวเอง “จะกลับแล้วเหรอ ไม่อยู่รอพี่โชเป็นเพื่อนกูเหรอ” พยายามส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อนรัก แต่ไอ้ทูกลับจิ้มหน้าผากผมจนหงายหลัง

   “กูไม่ใช่พี่โช ไม่หลงสายตาน่าสงสารแบบตอแหลของมึงหรอก” เบ้ปากใส่คนรู้ทัน ไอ้ทูรวบเป้ขึ้นสะพายก่อนโบกมือลา รู้หรอกว่านัดพี่เบแฟนมันเอาไว้

   เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน เอ๊ะ เหมือนด่าตัวเองด้วย



   ผมนั่งเท้าคางกัดลูกชิ้นรอคนที่บอกใกล้จะถึง ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่ พี่โชดูจะตามใจผมมากกว่าเดิม หรือกลัวผมรวยแล้วจะหนี? บ้าเหรอ ใครจะเห็นแก่เงินแค่นั้น ก็พี่โชมีเยอะกว่านั้นเยอะ...ล้อเล่น ความรักผม มีเงินเป็นหมื่นล้านก็ซื้อไม่ได้นะจะบอกให้ ไม่ได้โม้ด้วย ระหว่างนั่งขำคนเดียว เสียงคุยกึ่งหัวเราะก็ดังจนผมต้องหันไปมอง รุ่นน้องผู้หญิงสองคนที่เดินเข้ามาดูจะตกใจนิดๆ ก่อนทั้งคู่จะรีบยกมือไหว้ผม พลางนั่งเก้าอี้ด้านหลัง

   “เอ่อใช่ เมื่อกี้กูไปเจอพ่อของลูกกูในอนาคตมาแหละมึง” ประโยคคำบอกเล่าที่ดังจนหูผมแอบกระดิก ไม่ได้สอดรู้นะ แต่น้องเขาพูดเสียงดังเอง

   “จริงอะ? ใครวะ เรียนที่นี่เหรอ คณะอะไร กูเคยเจอหรือเปล่า” ถามซะจนฟังแทบไม่ทัน ผมหมายถึง คนไปเจอมาอาจฟังไม่ทันอะไรแบบนี้

   “มึงไม่เคยเจอแน่นอน” พูดโอ้อวดไปอีก ผมแกล้งมองนกที่บินผ่านหน้าตึก แต่หางตาเหลือบมองคนพูด ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
 
   “แล้วมึงเจอที่ไหน ทำไมไม่เรียกกู อีห่า” นั่นสิ ทำไมไม่เรียกวะ ผมก็อยากเห็น เพราะคนพูดหน้าตาน่ารักขนาดนั้น คนที่ชอบก็คงหล่อขั้นแทพแล้วล่ะ

        “จะให้เรียกมึงได้ไง กูเจอเขาตอนติดไฟแดงทางแยกตรงหน้ามหาลัย ตอนแรกกูก็ไม่ได้สนใจ แต่เขาเลี้ยวรถเข้ามาในนี้ กูก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตาม คลาดกันตรงหน้าตึกบริหารอะ เสียดาย รถอย่างสวย คนขับก็ต้องหล่อ”

   “มึงเห็นคนขับด้วยเหรอ?”

   “ไม่อะ กูเห็นแค่เงาลางๆ แต่กูว่าเขาต้องหล่อมากแน่ๆ”

   เกือบหลุดขำให้กับประโยคสนทนาของรุ่นน้อง นี่น้องเขาหลงรักคนที่เห็นแค่รถโดยไม่เห็นหน้าแบบนี้ก็ได้เหรอ จะหาคนที่ใช่ทั้งที มันต้องเลือกให้ดีสิ คนสมัยนี้หลอกเก่งยิ่งกว่าผีเสียอีก บางคนหน้าตาดี ฐานะเลิศ แต่นิสัยโคตรแย่ก็ถมเถ ช่วงจังหวะที่ผมจะจิ้มลูกชิ้น เสียงกรี๊ดก็ดังจนผมสะดุ้งเอาไม้แหลมจิ้มถุงซะทะลุแทน แล้วก็ไม่กล้าดึงออกด้วยนะ กลัวน้ำจิ้มไหลออกมา ลูกสุดท้ายแล้วด้วย

   “มึงๆ คันนั้นไง”

   “คันไหนวะ”

   นั่นสิ คันไหน? แล้วทำไมผมต้องหันตามด้วยเนี่ย

   “ที่เพิ่งจอดนั่นไง รถสีดำสวยๆ นั่นน่ะ” คำบอกเล่าของน้องคนที่เจอ ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ ยิ่งตอนคนขับรถเปิดประตูลงมา น้องสองคนด้านหลังก็ยิ่งวี๊ด กรี๊ดกันใหญ่ “สัญชาตญาณกูบอกว่าหล่อ ก็ต้องหล่อ พ่อของลูกกูในอนาคตอย่างหล่ออะ”

   ครับ ผมเห็นด้วย ว่าหล่อจริงๆ ไม่ใช่หล่อขั้นเทพนะ หล่อขั้นอวกาศเลยล่ะ

   “อีเหี้ย เดินขึ้นตึกมาแล้วมึง”

   น้องสองคนลุ้นจนผมรู้สึกลุ้นไปด้วย

   “ขอให้มาหาเพื่อนทีเถอะ อย่ามาหาแฟนเลย”

   ผมส่ายหน้าช้าๆ ให้กับคำอธิฐานนั่น ก่อนตัดสินใจใช้มือล่วงหยิบลูกชิ้นลูกสุดท้ายในถุงมากิน เพียงแค่เอาเข้าปาก คนที่น้องด้านหลังกรี๊ดกร๊าดก็เดินมาหยุดข้างโต๊ะผม พลางยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

   “มือสกปรก หยิบกินแบบนั้นได้ยังไง” มาปุ๊บก็โหดปั๊บ

   “ก็ไม้มันอุดรูรั่วถุงอยู่ ดึงออกน้ำจิ้มก็ไหล” อธิบาย แต่สายตาที่มองมาราวกับด่าว่าผมเถียง

   “แล้วนี่ทำไมนั่งอยู่คนเดียว” พี่โชถามพลางหันไปหันมา “คนอื่นกลับหมดแล้วเหรอ”

   “อืม ไม่มีใครรอเป็นเพื่อนเลย มันน่าตัดเพื่อนให้หมด”

   “ถ้าตัดแล้ว จะมีเพิ่มเหรอ เพื่อนเราน่ะ” แล้วคนว่าก็ขำออกมา ต่างจากผมที่หน้าตูมยิ่งกว่าดอกบัว

   “เพื่อนกลอยมีเยอะจะตาย ใครก็อยากเป็นเพื่อนด้วย พี่โชก็รู้ ว่ากลอยประเกรียนเนี่ย เป็นคนฮอต”

   “ฮอต? ฮอตดอกอะเหรอ”

   “ใช่ อร่อยด้วย ตลกไหมเนี่ย”

   ช่วงที่ผมกับพี่โชเล่นมุกแป้กกัน แอบเห็นคนพูดถึงพี่โชพากันหลบตาผมสุดชีวิต ซึ่งคงไม่ทัน น้องพลาดแล้วล่ะ

   “หิวไหม” พี่โชถามพลางเหลือบตามองถุงเปล่าที่วางอยู่ “หรืออิ่มลูกชิ้นแล้ว?”

   “หิวมาก รอตั้งนาน ดีที่ได้ลูกชิ้นรองท้อง” แน่นอนว่าลูกชิ้นแค่นี้ ไม่ได้ครึ่งของกระเพาะผมด้วยซ้ำ พี่โชยื่นมือมาขยี้หัวจนผมที่เซ็ทฟูฟ่อง

   “โทษทีนะ งานมันเสร็จช้า”

   “ก็กะแบบนั้นอยู่แล้วๆ พี่โชหิวไหม” ถามปุ๊บ คนตรงหน้าก็พยักหน้าลงช้าๆ ผมเลยเปิดมือถือให้ดูเว็บร้านอาหารบุฟเฟ่ “ชาบูมีโปรโมชั่นด้วยนะ ดูสิ มาสาม จ่ายแค่สอง”

   “แล้วถ้าไปสองล่ะ จะจ่ายยังไง”

   “ก็จ่ายสอง”

   “แล้วมันต่างจากปกติยังไง”

   “เออว่ะ” ยกมือเกาท้ายทอยตัวเองหนักๆ จนพี่โชจับออก “งั้นไปกินอย่างอื่นก็ได้”

   “อย่างอื่นก็ได้จริงเหรอ?” ปากพูด แต่มือยื่นมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ “หน้าบูดขนาดนี้ ชาบูก็ชาบู” ได้ยินปุ๊บผมก็ยิ้มแป้น
 
   พี่โชส่ายหน้าช้าๆ พลางขำ มือแย่งเป้ผมขึ้นสะพายไหล่ ผมเลยเดินเอาถุงขยะไปทิ้ง และไม่ลืมปรายตามองรุ่นน้องในคณะที่ก้มหน้าอยู่ตลอด สงสัยกลัวว่าผมจะเอาเรื่อง ไม่หรอก พี่กลอยคนนี้ หล่อแถมใจดีจะตาย แต่ถึงจะใจดียังไง ก็คงยกปีศาจสุดหล่อให้เป็นพ่อของลูกในอนาคตไม่ได้ เพราะคนๆ นี้ เป็นรุ่นลิมิเต็ด หายากยิ่งกว่างมหาเศษขี้มดในมหาสมุทรเสียอีก




   “กลอยซื้อขนมปังแล้วกินไม่หมด พี่โชกินรองท้องก่อนไหม” ถามขณะพี่โชคาดเข็มขัด ผมหยิบขนมปังที่ว่าออกมา “กินไหม”

   “กินไม่หมด หรือไม่อร่อย?”

   “รู้ทันอีก”

   “ถ้ารู้ไม่ทันเมียตัวเอง ก็แย่ละ คิดเหมือนคนอื่นซะที่ไหน”

   “กลอยจะถือว่าเป็นคำชมนะ”

   “เอาตามที่สบายใจ”

   รำคาญคนรู้ทัน ผมเลยยัดขนมปังใส่ปากพี่โช คนถูกกระทำถลึงตาใส่ แต่ก็ยอมกินต่อจนหมด อันที่จริงมันอร่อยนะ แต่ก้อนนี้ได้ไส้หมูหยองนิดเดียว และผมก็ดึงออกมากินจนหมดแล้ว ในก้อนขนมปังนั้นเลยเหลือแค่แป้งเปล่าๆ

   “อร่อยไหม”

   “กลอยอร่อยกว่า”

       สายตาพี่โชกรุ้มกริ่มสุดๆ

   “กลอยไม่ใช่ของขนมสักหน่อย”

   “แต่ก็กินได้”

   “พูดจาบัดสีที่สุด กลางวันแสกๆ”

   “นี่มันเย็นแล้วเถอะ อีกอย่าง ใช่ว่ากลางวันจะไม่เคย” ไม่พูดเปล่า มือยังเลื้อยไปมาแถวต้นขาผมอีก

   “งั้นไม่ต้องกินมันละชาบู กลับห้องไปกินกันเลยไหม...พี่โชไม่เลี้ยวเข้าห้างล่ะ!!” ผมโวยลั่นเมื่ออยู่ๆ รถก็เปลี่ยนไฟเลี้ยว แล้วตรงกลับคอนโด เนี่ย คนเรามันเป็นแบบเนี้ย “พี่โช!”





   อ๊ะๆ อย่าคิดว่ากลับห้องมา ผมจะถูกจับกินแทนข้าว เพราะถึงห้องปุ๊บ ท้องคนหื่นก็ร้องออกมาเฉย ผมเลยต้องทำข้าวไข่เจียวกุ้งสับให้กิน พออิ่มก็หนีไปนอนตีพุงอยู่ที่โซฟา

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ล้างจานเสร็จก็เดินมานั่งข้างขายาวๆ พี่โชขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพลางยื่นแท็ปแล็ตตัวเองมาให้ดู “อะไร”

   “ก็รูปกลอย”

   “รูปกลอย?” ย่นคิ้วเมื่อได้ยิน “ฉิบหายแล้ว” สบถหลังจากดูรูปที่ว่า เป็นรูปตอนผมอยู่หน้าตึกสถาปัตย์ ช่วงที่ยืมเงินไอ้เด็กถือกล่อง ซึ่งน่าจะดีกว่านี้ ถ้ารูปถัดมา คนถ่ายไม่จงใจซูมหน้าไอ้เด็กนั่น แล้วเขียนแคปชั่นด้านล่างว่า ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ “กลอยไม่รู้จักไอ้คนนี้นะ” รีบบอก พี่โชจ้องหน้านิ่งไม่พูดไม่จา “จริงๆ”

   “พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร”

   “พี่ไม่ได้ว่า แต่ตาพี่กำลังว่าไง” ใช้นิ้วแตะที่ตาดุๆ สองข้างของพี่โช “เนี่ย ตาดุเกิน กลัว”

   “ก็อย่าทำอะไรให้พี่ต้องดุ” นิ้วผมถูกมือใหญ่จับเอาไว้ ก่อนดวงตาที่ผมบอกว่าดุ จะค่อยๆ เคลื่อนมาใกล้ จนแทบนับเส้นขนตาได้ “เข้าใจไหม” แม้คำถามจะบางเบา แต่แววตาที่มีผมสะท้อนอยู่ในนั้นกลับดูจริงจัง

   “เข้าใจครับ คุณปีศาจ” ผมโฉบจุ๊บปากแดงตรงหน้า ก่อนรีบผละออกมาก่อนที่จะถูกแขนรัด แต่กลับหลบขายาวไม่ได้ เอวผมถูกตวัดเกี่ยวเอาไว้ พี่โชแกล้งออกแรงดึงจนผมหงายหลัง แต่แล้วก็ต้องตกใจที่ได้ยินเสียงกระดูกก้นกบผมกระทบพื้น คงกะให้ร่วงบนโซฟาสินะ แต่แรงเหวี่ยงมันไม่พอ ผมเลยลงมานั่งกองที่พื้นแทน

   “กลอย พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” ถูกช้อนอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโซฟา แต่ก้นที่เจ็บทำเอาต้องนั่งเอียงคล้ายกับเป็นริดสีดวง “ไปหาหมอไหม”

   “ไม่เอา ทายาก็พอ” เบะปากยามรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

   “ถ้ากระดูกหักล่ะ”

   “ไม่หักหรอก ทายาก็พอ”

   “ดื้อ”

   “แต่พี่โชทำ”

   หมดคำเถียงเลยทันทีเพราะคือความจริง พี่โชลุกไปที่ตู้ยาพลางหยิบยานวดแก้ปวดมาด้วย

   “ถอดกางเกงสิ พี่จะทายาให้” กระพริบตาปริบๆ มองหลอดยาในมือ “อะไร อายเหรอ น่าจะเลิกอายได้แล้วมั้ง”

   “ไม่ได้อาย ก็แค่...ยังไม่ได้อาบน้ำ” อยู่ๆ พี่โชก็หัวเราะออกมาจนผมอยากถีบ แต่แค่ขยับขาก็ร้าวมาจนถึงก้นกบ “อูย”

   “งั้นก็...”

   ก็อะไรผมยังไม่ได้รู้ เพราะผมถูกอุ้มพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำแทน ถูกขัดสีฉวีวรรณทุกซอกทุกมุม พอตัวสะอาดก็ถูกพาออกมาปะแป้งจนตัวขาววอกราวกับเด็กเล็ก สนุกเหลือเกินกับการได้แกล้งผมเนี่ย ส่วนยานวดแก้ปวดก็ถูกป้ายที่ก้นจนร้อนไปหมด
 
   “ไม่ใส่กางเกงเหรอ” พี่โชถามหลังจากเอายานวดไปวางบนโต๊ะ

   “มันร้อน รอเย็นก่อน” ตอบอู้อี้เมื่อหน้าแนบกับเตียง ผมนอนคว่ำปล่อยก้นเปลือยเปล่าตากแอร์ให้ดับความร้อนของยา พี่โชคงจะรำคาญลูกตาหรืออะไรไม่รู้ เล่นตบก้นผมซะเสียงดังป๊าบ สะเทือนจนน้ำตาเล็ด “เจ็บ”

   “สำออยป่ะเนี่ย”

   “ลองดูไหมล่ะ”

   “ถ้ากล้าก็ลองดู” ผมรีบวางขาที่ยกขึ้นเตรียมถีบพี่โช ใครจะไปกล้าทำจริง เกิดถูกสวนมา ไอ้กลอยตายอย่างเดียว แค่ความยาวของขาก็สู้ไม่ได้แล้ว “คนไม่จริงนี่หว่า”

   “คนจริง แต่ตอนนี้เจ็บอยู่ไม่เห็นเหรอ”

   “ไอ้กลอยเอ๊ย”

   หน้ายู่ใส่คนที่ล้มตัวนอนข้างๆ จะดีกว่านี้ถ้าไม่ยื่นมือมาตบก้นผมเล่นเนี่ย ก่อนเลิกสนใจเมื่อมีคอมเม้นรูปหน้าหัวเราะส่งมาใต้โพสเจ็บก้นของผม คนโพสคือคนที่พี่โชเคยถามไปคราวนั้น พอลองกดเข้าไปดูรูป ก็ไม่ได้เรื่องอะไร จนเลื่อนดูอย่างอื่นๆ ด้วยความอยากรู้ ก็ได้เห็นสิ่งที่เพื่อนมันแท็กมา หน้าไอ้เด็กถือกล่องนั่น...มันคือเจ้าของเฟซบุ๊กนี่ ว่าแต่ ผมไปรับเพื่อนมันตอนไหนวะ หรือจะรับตอนเมา? ช่างมัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว


   “พี่โชๆ” สะกิดคนที่นอนอยู่ข้างๆ

   “หืม?”

   “สั่งปูดองมากินไหม อยากกินปูดอง พี่โช....”

   ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อคนข้างผมหลับไปแล้ว ทำไมหลับง่ายแบบนี้วะ ไอ้กลอยอยากกินปูดอง หรือพรุ่งนี้จะซื้อปูมาดองเองดีวะ เกิดอร่อยก็ทำให้แม่ขายที่ร้าน เป็นความคิดที่ดีแถมรวยอีก ยิ้มย่องได้แป๊บเดียว แขนยาวก็ตวัดมาตบเข้าที่หัวจนหน้าฟุบกับที่นอน


   หลับก็ได้วะ พรุ่งนี้ค่อยคิดอีกที แต่เหมือนผมจะลืมอะไรไป....


...TBC

มาแล้วค่าา หายไปหลายวัน ไม่เห็นขยันเหมือนตอนลงแรกๆ เลย (ด่าให้ค่า T^T)

น้องไบร์ทเริ่มละ เริ่มหาเรื่องให้กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์อีกแล้ว

ว่าแต่ กลอยลืมอะไรไปหนอ? 5555

พบกันตอนหน้าค่าาา (ขยิบตาส่งวิ้งค)

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เนี้ยน้องไบรท์เริ่มละ เริ่มหาเรื่องให้พี่หงุดหงิดหนูเหมือนกันค่า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหากมีอะไรน้องกลอยของเราจะไม่งี่เง่า พี่โชต้องมาก่อนเนอะะะะ

ยังไงก็ตาม #ทีมพี่โช ไว้ก่อนจ้า

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอค่ะ(^^)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอ๊ะยังไง...เค้าลางของปัญหาเริ่มปรากฏ  :ruready

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องไบรท์ลูกกก พี่กลอยมีแฟนแล้ว แต่ป้ายังว่างงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 กลอยจะนอนแบบนี้ไม่ได้
ชอบโชว์ก็ไม่บอกนะคนเรา

โชเป็นคนตลกที่หวงกลอยมาก อย่าได้แหยมเข้ามานะ
กลอยก็เกรียนมาก อดกินชาบูเลย เป็นแผนของโชแน่เลย
ยั่วให้เปลี่ยนเรื่องแบบเนียนๆ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พี่ทองไม่อยู่แล้วเหรอ  :z1: แต่ปวดตับกับการกินขนมปังของกลอยปะเกรียนจริง ๆ เลย555

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แววงานเข้ามาลางๆ กลอยประเกรียนคนเดิมจะใครล่ะน่ารัก :กอด1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
แววความวุ่นวายมาแล้ววววว

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน2 : 8





        “พวกมึงหาที่ฝึกงานได้หรือยัง” ไอ้เคถาม ขณะนั่งสูบบุหรี่หน้าโกดังวาดรูป ถามเสร็จก็อัดควันเข้าเต็มปอดแล้วปล่อยใส่หน้าผม โคตรกวนตีน “แม่ง กูไม่เข้าใจ ทำไมต้องให้พวกเราไปฝึกงานเทอมสุดท้ายของปีด้วย”

   “ก็คงเพราะ วิชาเรียนน้อยละมั้ง” ไอ้สักตอบ มือมันตวัดพูกันบนผืนผ้าใบ แน่นอนว่ามันไม่ได้ขยัน แต่รับจ๊อบวาดรูปนั่นเอง “กูว่าจะไปฝึกที่แกลลอรี่ต่างจังหวัด ป้ากูรู้จักเขา”

   “ดีว่ะ” ผมว่า “กูไม่รู้จะฝึกที่ไหนเลย”

   “ก่อนมึงจะหา ควรถามพี่โชก่อน” ไอ้ทูขัดแทบจะทันที ผมหน้ามุ่ยเมื่อถูกหัวเราะเยาะ

   “คณะเราเลือกได้หลากหลาย มึงก็ไปฝึกที่บริษัทผัวมึงสิ” ไอ้ต๋องแทรกออกมา ก็จริงของมัน บริษัทของพี่โชรับสร้างบ้าน ออกแบบบ้านอย่างครบวงจร คงมีที่ให้ได้แฝงตัวอยู่สักแผนก

   “แต่กูว่าไม่ดี” กำลังจะอ้าปากพูด ดันโดนไอ้สักขัดออกมา ทุกคนต่างมองไปยังคนที่ไม่เห็นด้วย

   “ทำไมวะ” ไอ้ทูถาม ซึ่งผมก็อยากรู้ด้วย ไอ้สักใช้พูกันที่จุ่มสีเขียวชี้มาที่พวกผมนั่งอยู่

   “มึงลองใช้สมองอันน้อยนิดคิดดู ถ้าไอ้กลอยไปฝึกงานที่บริษัทผัวมัน คิดเหรอว่าจะได้ฝึก คนในที่ทำงานจะมีใครกล้าใช้ เผลอๆ ผัวมันจะเอาไปนั่งเป็นตุ๊กตาประดับห้องทำงานด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ จะไปฝึกงานเพื่ออะไร ประสบการณ์ก็ไม่ได้ เสียเวลา”

   “ก็จริงของมึง” เหมือนเบลอๆ เลยคล้อยตาม แต่พอคิดอีกที ก็สบายดีนะ “แต่กูว่า....”

   “คนเราก็อยากโชว์ฝีมือ โชว์สิ่งที่เรียนมา มึงคิดจะเกาะผัวมึงไปทั้งชาติหรือไง” ไอ้สักพูดโดยไม่ได้มองผมด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับมันทุกอย่าง

   “กูเพิ่งรู้ ว่ามึงก็มีความคิด” ผมชม แต่ไอ้สักดันส่งนิ้วกลางคืนมา ผมเลยส่งคืนบ้าง ก่อนจะขอบุหรี่จากไอ้เคมาสูบบ้าง เครียดเลยแบบนี้ ผมจะหาที่ฝึกงานที่ไหนดี ที่ๆ พี่โชจะโอเค “แดกเหล้ากันไหมวะ”

   “ก่อนชวน ถามผัวมึงก่อน”

   ทำไมทุกคนทำเหมือนผมกลัวพี่โชวะ ผมกลอยประเกรียนนะ

   “ได้!” ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาหาชื่อแล้วกดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็รับ “พี่โช” เรียกชื่อเสียงแข็ง พวกไอ้ทูจ้องหน้าผมเขม็งด้วยความเสือก “กลอยไป...เอ่อ ไปไหนดี” หัวเราะแห้งๆ พร้อมๆ กับพวกสอดรู้เบือนหน้าหนีกันหมด “ไม่มีอะไร แค่นี้นะ คิดถึงเลยโทรมา”

   “กูนึกว่าจะแน่ไอ้สัด” คำด่ามาพร้อมแรงฟาดเข้าที่หัว

   อยากจะเถียงกลับ แต่มันคือความจริง แค่พี่โชถามกลับเสียงนิ่งๆ ว่าไปไหน ผมก็ต้องรีบหาคำแก้ตัวที่จะได้ลงสวยๆ ช่วงนี้พี่โชมาแปลก คอยเช็ค คอยถามผมอยู่ตลอด เกิดอยากเป็นผู้ปกครองของผมแทนแม่หรือเปล่า


   อยู่เอ้อระเหยได้เป็นชั่วโมงก็ถึงเวลาเข้าเรียน แต่คลาสดันถูกยกเลิกเพราะอาจารย์ท้องเสียฉับพลัน นี่ผมตื่นเช้ามาเพื่ออะไรครับ อุตส่าห์ตั้งใจมาเรียนแท้ๆ เสียใจ

   “กูกลับไปนอนละ” ไอ้ต๋องอ้าปากหาววอดๆ ก่อนเดินจากไป

   “งั้นกูไปวาดรูปให้เสร็จดีกว่า” ไอ้สักหนีไปอีกคน เหลือผม ไอ้เค แล้วก็ไอ้ทู

   “ไปไหนดีวะ” ผมถาม แต่ละคนส่ายหน้าอย่างไร้จุดหมาย ระหว่างนั้นโทรศัพท์ไอ้ทูก็ดัง รับแป๊บเดียวก็หน้าบานเป็นจานสังกะสี พี่เบโทรมาหาอย่างแน่นอนแบบนี้ “เหลือเราสองคน มึงจะไปนอนไหม” พอไอ้ทูโบกมือลา ผมก็หันไปถามไอ้เคที่ยืนทำหน้าเบื่อ

   “ไม่ว่ะ กูหิวมากกว่า”

   “กูก็หิว”

   “งั้น ไปแดกข้าวตึกเภสัชกัน เห็นพวกสาวๆ บอกมีร้านใหม่มาเปิด อร่อยสัดๆ”

   “ร้านสลัดเหรอวะ”

   “อร่อยสัด ไม่ใช่ผักสลัด หัดจูนสมองมึงบ้างนะไอ้กลอย”

   แค่กวนตีนดันถูกด่าเฉย ไอ้เคยกแขนกอดคอผม แล้วเราก็เดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารคณะเภสัช จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เริ่มเบื่อโรงอาหารคณะตัวเองกับโรงอาหารกลางเต็มทน เดินลัดเลาะมาไกลจนถึงโรงอาหารใต้ตึกคณะเภสัช เหงื่อท่วมยิ่งกว่าเพิ่งอาบน้ำอีก รู้แบบนี้ขอติดรถไอ้ทูมาลงก็ดี ผมเดินมานั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ สายตามองไปที่ร้านไก่ย่างที่เคยมากิน

   “กินอะไรดีวะ” ไอ้เคถาม แต่สายตามันไม่ได้มองร้านอาหารสักนิด

   “กูอยากกินส้มตำ” ผมว่า ไอ้เครีบหันหน้ามามองผมพร้อมรอยยิ้ม เพียงแค่นั้นผมก็รู้ว่า เพราะอะไรมันถึงชวนมาที่นี่ ถึงแม้สมองผมจะเยอะกว่าปลาทองไม่มาก แต่ก็จำได้อยู่ รูปสาวที่ไอ้เคชอบที่มันเคยให้ผมดู ซึ่งตัวจริงเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้

   “เดี๋ยวกูไปซื้อให้ เอาอะไรอีกไหม” อยากชมความมีน้ำใจ แต่มันมีอะไรแอบแฝงนี่สิ

   “ซื้อไก่ย่างมาด้วยนะ” พูดไม่จบดี ไอ้คนอาสาก็รีบลุกออกจากโต๊ะไป สงสัยใจจะลอยตามคนแอบชอบไปแล้ว พอนั่งอยู่คนเดียว ก็เลยถือโอกาสเหล่คนน่ารักของคณะนี้สักหน่อย บางคนสวยทะลุแว่นตาออกมาเลย แก้มใส ตัวขาว สเปคผมเลย “ไอ้เชี่ยนี่ขายถั่วหรือไงวะ” จังหวะหมายตาคนน่ารัก ก็ถูกแผ่นหลังใครสักคนขวางเอาไว้ “ยังๆ ยังไม่หลบกูอีก ไอ้สัดนี่” พึมพำกับตัวเอง ไอ้ขายถั่วหรือไอ้คนที่บังกำลังยืนเลือกร้านอาหาร แต่มันควรไปยืนที่อื่น

   ผมละความสนใจจากแผ่นหลังไอ้คนขายถั่ว พลางยืดคอมองคนที่มันยืนขวางอยู่ ดูสิ เวลายิ้มน้องเขาโคตรน่ารัก อยากได้ไลน์ ได้เฟส แต่ไม่เอาทวิตได้ไหม เดี๋ยวเห็นด้านดาร์กไซด์

   “อ่าว พี่เรียนคณะนี้เหรอครับ” เหมือนมีใครสักคนถาม แต่ไม่รู้ว่าถามใคร “ยืดคอขนาดนั้น เป็นยีราฟเหรอครับ”

   “มึงคุยกับกูเหรอ” เพราะถูกขยับซ้ายขวาปิดการมองเห็น เลยจำใจต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ผมขมวดคิ้วมองคนที่ยิ้มแป้นตรงหน้า “รู้จักกันเหรอ กูว่าไม่นะ”

   “โหยพี่ ลืมผมแล้วเหรอ น่าน้อยใจชะมัด” ทำเสียงเล็กเสียงน้อย โคตรตอแหลไอ้ห่านี่

   “มึงน้อยใจ กูจำเป็นต้องสนใจเหรอ”

   “ปากร้ายว่ะ” ผมยักไหล่ให้กับคำชมนั่น ไอ้เด็กขายถั่วถึงกับขำออกมา “พี่จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ” คราวนี้ผมจ้องหน้ามันกลับบ้าง จะว่าไปก็คุ้นๆ เหมือนกันนะ “สมองปลาทองว่ะ”

   “อ่าว ไอ้ขายถั่ว ด่ากูทำไม” เผลอหลุดคำเรียกที่ด่าไอ้เด็กนี่ในใจออกไป

   “ขายถั่ว?” ไอ้เด็กตรงหน้ากดหัวคิ้วลง ก่อนขยับตัวตามสายตาที่ผมมอง กวนตีนขั้นแอดว๊าดซ์ซะด้วย “เข้าใจละ” แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง

   “เข้าใจอะไร แม่ง เป็นบ้าหรือสติไม่ดีวะ” ด่าเสียงเขียว แม้หน้าตาผมจะดี แต่อารมณ์ไม่ได้ดีตามนะเออ

   “ก็เข้าใจเรื่องขายถั่ว เพราะผมบังพี่ส่องสาวสินะครับ”
 
   “รู้แล้วก็ขยับ”

   “ผมขยับไม่ได้น่ะสิครับ”

   “ทำไม เหน็บกินขามึงหรือไง”

   “พี่นี่โคตรกวนตีนเลยอะ” ไอ้เชี่ยนี่ด่าผมหลายรอบละ

   “อยากโดนตีนด้วยไหมละ” ไม่ว่าเปล่า ผมยกขาเตรียมจะถีบ ที่จริงก็ขู่ไปงั้นเพราะมันยืนอยู่อีกฝั่ง ถีบยังไงก็ไม่ถึงแน่นอน
 
   “อยากโดนอย่างอื่นมากกว่า” ประโยคกำกวมที่ทำเอาผมอยากแจกนิ้วกลางให้ ติดตรงที่นี่คนพลุกพล่าน เดี๋ยวจะทำให้ชื่อเสียงที่แสนดีต้องมัวหมอง

   “มึงมีอะไร”

   “พี่ยังไม่ได้คืนเงินผม”

   “คืนเงินอะไร กูไม่เคยมีหนี้...ใช่ไหมวะ” ประโยคหลังผมเบาเสียงลง ก่อนจะได้ยินเสียงฮัมเพลงออกมาจากปากไอ้เด็กคนข้างหน้า ทำให้ภาพบางอย่างลอยเข้ามาในหัว จนต้องร้องอ๋อเสียงลากยาว

   “จำได้แล้วสิ ดีใจจัง” ด่ามันด้วยสายตาไปรอบหนึ่ง แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ ผมล้วงกระเป๋าสตางค์ในเป้เพื่อจะเอาเงินคืน ไอ้เด็กขายถั่วตรงหน้าก็ยืนยิ้มแป้นพลางถามคำถาม “พี่เรียนคณะเภสัชเหรอ ทำไมผมไม่เคยเห็นล่ะ”

   “แล้วมึงเรียนเภสัชเหรอ ถึงต้องรู้”

   “ยอกย้อนตลอดว่ะ”

   อยากรีบๆ ตัดปัญหา ผมเลยหยิบแบงค์ห้าสิบบาทวางบนโต๊ะ

   “เอาไป ไม่ต้องทอน ที่เหลือกูให้เป็นดอกเบี้ย”

   “ใจดีจังนะครับ” ตอนแรกคิดว่าจะไม่เอา ที่ไหนได้ มันหยิบแบงค์ที่ผมคืนใส่กระเป๋าอย่างไว จังหวะที่ไอ้ขายถั่วจะถามผมต่อ ไหล่มันก็ถูกแขนยาวพาดวาง ผมหันไปมองไอ้คนแปลกหน้าคนที่สองอย่างงงๆ “ช้านะมึง” มันทักเพื่อนของมัน

   “โทษที ว่าแต่ นี่ใครวะ” ถูกมองด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย โคตรอยากกระโดดถีบ

   “กูก็กำลังทำความรู้จักนี่ไง”

   “แต่กูไม่อยากรู้จัก เจอเพื่อนแล้วก็ถอยไป ไอ้ขายถั่ว” พูดอย่างหงุดหงิด ผมยืดคอมองหาไอ้เคที่หายไปจะเป็นชาติ ไปซื้อส้มตำไก่ย่างนอกโลกหรือไงถึงนานขนาดนี้

   “โห ปากคอเราะร้ายไม่เข้ากับหน้าตาที่น่ารักเลยนะครับเนี่ย” เพื่อนไอ้ขายถั่วมันว่า ก่อนพวกมันจะหัวเราะ ผมรีบยกมือสะบัดมือไล่

   “ไสหัว ไสตัวพวกมึงไปได้แล้วไป๊”

   “เอาซะผมรู้สึกตัวเองเป็นงูเลย ต้องไสตัวไปเนี่ย”

   “งูมันเลื้อยไม่ใช่เหรอวะ” แล้วทำไมผมต้องมาสงสัยถามมันตอนนี้ด้วย ไอ้เด็กสองคนตรงหน้าหันไปมองตากัน ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “ขำอะไรของพวกมึง”

   “ไสกับเลื้อยก็คล้ายๆ กันแหละครับ พี่เข้าใจถูกแล้ว มันไปข้างหน้าเหมือนกัน”

   “กูไม่ได้ต้องการคำอธิบาย กูเกิลกูมี กูเปิดดูเองได้” รีบแถแม้สีข้างจะถลอกนิดๆ หน่อยๆ ก็ตาม “ไปไป๊”

   “ครับๆ ไปก็ได้” ไอ้ขายถั่วมันว่า ก่อนไปมันจ้องหน้าผมนิ่ง “คนเราตัดสินนิสัยจากหน้าตาอย่างเดียวไม่ได้สินะครับ ต้องดูคำพูดด้วย” พูดจบมันก็เดินกอดคอเพื่อนมันไป


   ว่าแต่ ประโยคยาวๆ เมื่อกี้ มันด่าผมหรือเปล่าวะ



   มัวแต่คิดเรื่องประโยคยาวๆ แบ่งตอน ตัดคำยังไงก็เหมือนจะเป็นคำด่า มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้เคยกจานไก่ย่างผ่านหน้ามาวางบนโต๊ะ

   “เป็นอะไรมึง ทำหน้าตาตอแหลสัด”

   “หน้าตาตอแหลบ้านพ่อมึงสิ หายไปเป็นชาติ ไปช่วยป้าเขาปิ้งไก่หรือไงวะ” อารมณ์โมโหค้างจากการโดนด่าแบบไม่รู้ตัวไม่พอ ยังมาโมโหหิวอีก ว่าแล้วก็งับน่องไก่ย่างไปสองสามทีก็เหลือแต่กระดูก

   “ความหิวทำให้เพื่อนกูกลายร่างเป็นหมาไปแล้ว กินกระดูกด้วย กินให้หมดนะ”

   "ไอ้อั๊ด" ด่าทั้งที่ไก่เต็มปาก ไม่อยากอารมณ์เสีย เดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย ส่วนไอ้เด็กขายถั่ว คิดซะว่ามันมาทวงหนี้ คืนแล้วก็จบ อย่าพบ อย่าเจอ อย่ามายุ่งกันอีก แต่ถ้าได้เจออีกที ไอ้กลอยคนนี้กระโดดถีบหน้าแน่ อย่าคิดว่าผมขาสั้นจะถีบไม่ถึง ตัวช่วยอย่างเก้าอี้ก็มี รับรอง เละ!




   หลังจากฟาดส้มตำไก่ย่างเสร็จ ผมก็แยกกับเพื่อนเพื่อกลับห้องพัก ระหว่างทางยังแวะซื้อของสดสำหรับติดห้องเผื่อหิวแบบกะทันหันตอนดึก จังหวะที่ยื่นมือไปหยิบน่องไก่แพคสุดท้าย ดันมีมือยาวกว่าแย่งไปเฉย ผมรีบหันไปมองด้วยความขุ่นเคือง ก็ผมจองไว้แล้ว

   “นั่นของผม” พยายามพูดให้สุภาพ แม้หน้าตาจะฉุนไปไกล แต่แล้วก็ต้องปรับสีหน้าใหม่ เมื่อเห็นคนแย่งของ

   “อ่าว” คนถือน่องไก่ร้องออกมา แม้ริมฝีปากจะไม่มีรอยยิ้มกว้างส่งมาให้ แต่ก็รู้สึกว่าเขายิ้มทักทาย “มาคนเดียวเหรอ”

   “ครับ พี่ก็มาคนเดียวเหรอ” ถามพลางหันซ้าย หันขวา ก่อนจะได้คำตอบจากสายตาตัวเอง เมื่อมีอีกคนเดินหอบขนมถุงใหญ่เข้ามาหา “สวัสดีครับพี่เนิร์ส” ทักทายรุ่นพี่ต่างคณะที่รู้จัก พี่เนิร์สโยนขนมใส่รถเข็นก่อนยิ้มกว้างส่งมาให้ผม

   “ไม่คิดว่าจะเจอกลอยที่นี่ มาคนเดียวเหรอ” ไม่ว่าเปล่า ยังเดินเข้ามากอดคอผมอีก

   “ครับ” ตอบไป สายตาก็เหล่มองคนด้านหลังไป “เพื่อนพี่ฉีดโบท็อกซ์มาหรือเปล่า” แอบกระซิบถาม

   “ทำไม”

   “ก็หน้านิ่งตลอด”

   หลังจากผมพูดจบ พี่เนิร์สก็หัวเราะเสียงดังจนคนถูกนินทาอยากรู้ รุ่นพี่สองคนนี้ เรียนคณะสัตวแพทย์ปีสุดท้าย ที่ผมรู้จักก็เพราะเคยพาแมวจรจัดที่เจ็บ ไปรักษาที่โรงพยาบาลของมหาลัยในช่วงที่พี่เขาฝึกอยู่ ก็เลยได้รู้จัก แต่ที่น่าจะบังเอิญกว่านั้นคือ พี่เนิร์สย้ายเข้าพักห้องเก่าที่หอของผม

   “ว่าแต่ พวกพี่ทำไมซื้อของเยอะกันจัง จะไปไหนกันเหรอครับ” รถเข็นที่พี่เทสจับ มีของแทบล้น แถมมีน่องไก่ที่ผมจองด้วย

   “พอดีจะไปค่ายต่างจังหวัด” พี่เนิร์สว่า ก่อนปรายตามองคนด้านหลังที่ส่งตาเขียวมาให้ “เทสมันเป็นพวกกินอะไรยาก เลยต้องซื้อติดไปด้วย”

   “อ๋อ”

   “เลิกนินทากูให้คนอื่นฟังได้แล้ว” เสียงเข้มดังมา พี่เนิร์สกลับหัวเราะไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ผมละความสนใจจากพี่เนิร์สแล้วหันไปมองคนโมโห “จ้องหน้ากูทำไม”

   “แมวตัวนั้นเป็นยังไงบ้างครับ สบายดีไหม” พี่เทสเป็นคนขอรับแมวตัวที่ผมเก็บมาไปเลี้ยง หล่อ ใจดี แต่ดุ คล้ายๆ คนที่ผมรู้จักเลย นิสัยแบบนี้

   “ก็ดี” พี่เทสตอบเสียงนิ่ง

   “อยากเห็น” ผมว่า ก่อนจะมีโทรศัพท์ยื่นมาตรงหน้า “ครับ?”

   “รูปแมว”

   “มึงก็เอาไอจีมึงให้น้องเขาไปสิ” พี่เนิร์สว่าออกมา ผมก็ตาวาวเลยทีนี้

   “เออๆ”

   พอได้เห็นแมวที่เคยเก็บมาก็นึกชอบ อยากเลี้ยงแต่กลัวพี่โชจะฆ่าเอา ไม่ใช่ฆ่าแมวนะ ฆ่าผมนี่แหละ ดังนั้น ขอรักแมวแบบ JPG ก็พอ ผมแยกกับพี่เนิร์สแล้วก็พี่เทสเพื่อกลับห้อง ไปถึงก็เจอพี่โชที่กลับมาก่อนนั่งกินแตงโมอยู่หน้าทีวี

   “ทำไมวันนี้กลับไว” ถามขณะวางถุงของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะ

   “งานเสร็จไว กลอยเถอะ ทำไมกลับช้า” ไม่ถามเปล่า ยังกวักมือเรียกผมเข้าไปหาอีก พอไปยืนก็ถูกดึงให้นั่งข้างๆ “ทูบอกวันนี้ยกเลิกคลาสไม่ใช่เหรอ”

   “ไอ้ทูบอก? พี่เจอมันตอนไหน”

   “พี่คุยโทรศัพท์กับไอ้เบ แล้วทูอยู่ด้วยพอดีก็เลยรู้”

   “กลอยแวะไปซื้อของสดเข้าห้องไง หมูก็หมด ไข่ก็หมด”

   “ไข่พี่ก็มีนะ ไม่มีวันหมดอายุด้วย”

   “ไข่พี่มันทอดไม่ได้ไง”

   “แต่กินได้”

   “ไม่พูดด้วยละ”


   รีบชิ่งหนีเมื่อถูกลวนลาม พี่โชแม่งเอามือผมไปจับของๆ ตัวเองเฉย เดี๋ยวนี้ชอบทำอะไรที่มันถึงเนื้อถึงตัวตลอด สงสัยจะทำงานหนักจนสมองเพี้ยน

   “กลอยไปฝึกงานกับพี่ไหม ที่บริษัทเปิดรับอยู่” คำถามที่ทำเอาผมหันขวับไปมอง “สนไหม”
 
   “ฝึกตำแหน่งอะไร แผนกไหนเหรอ” ลองถามดูเผื่อน่าสนใจ

   “ตำแหน่งเลขาส่วนตัวของพี่ไง” พอได้ยินผมก็ส่ายหน้ารัวๆ “อ่าว ไม่สนเหรอ”

   “พี่ก็มีเลขาตัวเองแล้ว อีกอย่าง กลอยไม่รู้เรื่องงานเลขา”

   “แล้วกลอยอยากไปฝึกที่ไหนล่ะ” เสียงเบากระซิบชิดใบหู แขนยาวรัดช่วงเอวคล้ายกับเชือกที่จะไม่มีวันปล่อยให้ผมไปไหน “พี่ไม่ให้ไปไกลจากพี่นะ”

   “กลอยก็กำลังหาอยู่” ตอบไปด้วย ย่นคอไปด้วย ถูกกอดไม่พอ ยังมาปลุกอารมณ์หื่นผมอีก “จักจี้” บอกเมื่อถูกคางที่มีไรหนวดเล็กซุกไซร้ตามซอกคอ “พี่โช กลอยไม่เล่น”

   “พี่ก็ไม่ได้จะเล่น” ใช่ครับ ไม่ได้เล่น เพราะมือสอดเข้ามาในเสื้อผมแล้ว “ไม่ได้กอดกลอยมาหลายวัน โคตรคิดถึง” กอดในที่นี่ คงไม่ใช่กอดแบบธรรมดาสินะ ผมพยายามดึงมือที่ลูบปลุกอารมณ์ออก ทั้งบนและล่าง ไม่ใช่รังเกียจ แต่ตัวผมเหม็นเหงื่อมาก แถมเหนียวตัวด้วย ตั้งแต่ตอนเดินไปคณะเภสัช แม้จะได้แอร์จากรถดับความร้อนมาแล้วก็เถอะ

   “ไปอาบน้ำก่อน” ยื่นคำขาด แต่ก็ได้เห็นปีศาจกระตุกยิ้มที่โคตรน่ากลัว

   “อาบพร้อมกัน ประหยัดน้ำดี”

   พูดจบ ตัวผมก็ถูกอุ้มพาดบ่า แม่งปีศาจเอาจริงเว้ยเฮ้ย ไม่รู้ไปโดนตัวอะไรมาถึงคึกขนาดนี้ หรือเพราะเราไม่ได้สวีทหวานแหววกันมาหลายวัน ก็ใครใช้ให้ทำงานหนักล่ะ ผมไม่ได้เป็นคนผิดเลยนะครับ

   สายน้ำอุ่นจากฝักบัวไหลลงสู่พื้นกระเบื้อง ไอร้อนทำเอาตู้กระจกขึ้นฝ้าจนมองไม่เห็นด้านนอก อันที่จริง ถึงแม้ฝ้าของไอน้ำไม่มี ผมก็มองไม่เห็นอยู่ดี เพราะสิ่งเดียวที่ผมเห็นตอนนี้คือหน้าขาวๆ ของพี่โช ที่ตอนนี้มีสีแดงระเรื่อ สายตาที่เคยดุกลับอ่อนโยนดูจริงจัง ริมฝีปากแดงจนผมอดที่จะยื่นหน้าไปจูบไม่ได้ แต่ก็เหมือนเพิ่มเชื้อไฟให้เผาผลาญตัวเองจนแทบมอดไหม้

   ทำตัวเองแท้ๆ ไอ้กลอย

   กว่าจะได้อาบน้ำจริงๆ ขาแข้งผมก็อ่อนไปหมด ต่างจากอีกคนที่ดูสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส ชอบนักที่ได้แกล้งผมเนี่ย พี่โชใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวเช็ดหัวผมจนแห้ง ก่อนจะทาแป้งให้ราวกับผมเป็นเด็ก คือถ้าจะทาเยอะขนาดนี้ แนะนำให้เปิดฝาแล้วเทแป้งจากหัวผมลงมาเลยดีกว่า

   “เอาไปทอดต่อเลยไหม” พูดเสียงเรียบๆ แต่พี่โชกลับหัวเราะออกมา
 
   “น่ารักจะตาย” ว่าแล้วก็เอาแป้งที่ฝ่ามือสองข้างมาโปะแก้มผมอีก

   “งั้นพี่ก็ทาบ้าง จะได้น่ารัก” ผมจะเอาคืน แต่ดันถูกมือยาวดันหัวไว้ แขนเลยคว้าอากาศไปมา “ขี้โกง” พี่โชเห็นผมหน้างอเลยดึงแขนตัวเองกลับ ได้ทีผมก็เอาแป้งโปะหน้าคืนบ้าง แต่คงจะเยอะไปหน่อย หน้าเลยขาววอกเหมือนตูดลิง

   “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม”

   “น่ารักจะตาย” ย้อนคำเดิม แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ โชคดีที่หลบทัน ไม่งั้นมีเจ็บตัวอีกแน่ ผมเดินออกมาแต่งตัว พลางเตรียมชุดนอนไว้ให้คนที่ยังล้างแป้งที่หน้าตัวเองในห้องน้ำ กระโดดขึ้นเตียงได้ สิ่งแรกที่ทำคือคว้าโทรศัพท์มากดดู “ไอ้เด็กนี่”

   หน้าเฟซบุ๊คเตือนคนกดถูกใจโพสของผม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแอคของไอ้เด็กขายถั่ว ผมพิมพ์ข้อความไปถามอีเข็มเพื่อนสนิท ว่าไอ้เด็กนี่ชื่ออะไร ก็ได้คำตอบมากกว่าชื่อ คือการกรี๊ดกร๊าดอย่างบ้าบอ ชักจะเพี้ยนหนักขึ้นทุกวันนะเพื่อนผม ได้ข้อมูลมานิดหน่อยก็กดเข้าไปดูอีกรอบ เห็นการบ่นขิงข่าของไอ้เด็กนี่ก็เฉยๆ ในเมื่อผมก็บ่นเหมือนกัน จะว่าไป คนติดตามมันโคตรเยอะ สงสัยจะหลงหน้าตาจืดๆ ช่วงกำลังจะกดปิด สายตาดันเห็นโพสคำย่อ ‘ก.ศิลป์’ พร้อมกับเพลง ยิ้มก็พอ เอาซะคนขี้เสือกอย่างผมอยากรู้ไปด้วยเหมือนคนอื่นๆ ที่พากันโพสถาม

   ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นหลังจากลองรีเฟรชดู ไอ้เจ้าของแอคนี้ลงรูปใหม่ ซึ่งผมคงจะไม่เดือดร้อนหากไม่ใช่รูปของผม แถมโคตรอุบาท มันถ่ายตอนผมแทะกระดูกไก่อย่างเมามัน ไอ้นี่ชักจะเกินเลยมากไปแล้ว ลงรูปแป๊บเดียว ยอดคนกดถูกใจก็ขึ้นรัวๆ พร้อมกับคอมเม้นของอีเข็มที่มาก่อนใครเพื่อนว่า ตลก เออสิ กูตลก ถ้ามันถ่ายกูตอนหล่อ กูก็จะหล่อ

   ว่าแล้วก็เปิดแมสเซนเจอร์เพื่อส่งข้อความไปหาไอ้เด็กขายถั่ว ผมพิมพ์ด่ามันไปเป็นชุด เอาให้กระอักเลือดตายไปข้างหนึ่ง ข้อหาแอบถ่ายรูปผมโดยไม่รับอนุญาต แต่เมื่อบ่าย ไอ้เด็กนี่นั่งกินตรงมุมไหนถึงได้ถ่ายรูปผมโคตรชัดแบบนี้ หรือเพราะผมมัวแต่สนใจไก่ย่างเลยไม่ได้มองวะ

   “ทำอะไรน่ะ” คำถามดังมาจากหน้าห้องน้ำ ผมรีบกดมาที่หน้าเพจตัวเองแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่พี่โชดูจะไม่ค่อยเชื่อ ผมเลยแกล้งอ้าปากหาว

   “ก็ดูอะไรไปเรื่อย กลอยง่วงแล้ว นอนก่อนนะ” ทำไมรู้สึกไม่ดีเลยวะ ไม่ได้อยากโกหกพี่โชหรอกนะ แต่เพราะไม่อยากมีเรื่องวุ่นวาย อีกอย่าง ไอ้เด็กนี่ก็ไม่ได้ยุ่งกับผมสักหน่อย พี่โชพยักหน้าส่งๆ พลางเดินไปปิดไฟแล้วสอดตัวเข้ามานอนในผ้าห่มผืนเดียวกับผม “ตัวหอม” ว่าแล้วก็งับคางที่อยู่ชิดหน้าตัวเองเบาๆ

   “ยั่วแบบนี้ ไม่อยากนอนหรือไง” คำถามติดขำทำเอาผมรีบหลับตา “รีบแกล้งหลับเชียวนะ”

   “ห้ามลักหลับด้วย” ตาปิดแต่ปากยังขยับ พี่โชถึงกับหัวเราะออกมา

   “พี่ชอบทำตอนมีสติมากกว่า ชอบฟังเสียงของเมียตัวเองคราง...”

   “หยุดหื่นแล้วนอนเลยนะ” ผมจุ๊บปากปิดประโยคปีศาจ ก่อนจะถูกจุ๊บคืน กลิ่นหอมจากตัวพี่โชเป็นยิ่งกว่ายานอนหลับ เพียงแค่ได้กลิ่นก็รู้สึกเคลิ้ม ผมขยับตัวซุกอกอุ่น เหมือนกับอีกคนที่โอบรัดตัวผมไว้แน่น แล้วผมก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา


       เสียงเตือนที่โทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เป็นสัญญาณบางอย่างที่ถูกส่งเข้ามา
       (ด่าผมเป็นชุดแบบนี้ กะไม่ให้ผมแก้ตัวเลยนะครับเนี่ย ใจร้ายจัง///ฝันดีครับพี่)


...TBC



การเจอกันของกลอย พี่เนิร์สกับพี่เทสจะอยู่ในพาร์ทตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บไซส์นะคะ แต่ก็จะประมาณนั้น กลอยเอาแมวไปหาหมอก็เลยเจอ

ขอโทษที่หายไปนานค่าา เพราะคอมตายสนิทนั่นเอง T^T ทำให้ต้องเสียเวลานาน ขอโทษจริงๆ ค่า (ก้มกราบ)
ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เลย ฮือออ ... แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา

ปล. ภาคนี้ พี่โชไม่นกแล้วนะคะ ฉายา โชนก จะหายไปแล้ววว -.,-

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
คล้ายๆกลอยปะเกรียนงานจะเข้า..  :laugh:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กลอย ช่างกล้า กลอยน่ะ ไม่มีอะไร
แต่คนอื่นเค้าอยากมีไง

โชได้เดือดอีกรอบแน่
แล้วจะยิ่งกว่าแม่ ตามเฝ้าตามจิกชัวร์

โดนเขม่นไปวันก่อน ยังอยากลองของ
โชต้องจัดให้บ้างละมั้ง

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
กลอยเอ้ยยยยย หนูคิดน้อยไปนะลูก

การปิดบังในเรื่องที่จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้คิดอะไรนี่ มันเหมือนการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆเลยะนะ ชอบตรงคนเขียนบอกด้วยนี่ล่ะว่ากลอยตั้งใจกดปิด

เข้าใจล่ะว่าเราคงคิดว่าน้องมันยังไม่ได้ทำอะไร แต่คนเราต้องรอให้มันทำหรือสร้างเรื่องก่อนหรอลูกกกกกก แล้วก็นะ เกรียนลูก คนไม่สนิทกันเค้าไม่ลงรูปหรือถ่ายรูปคนอื่นมาลงหรอก ทำขนาดนี้หนูก็น่าจะเอะใจหน่อยนา นี่ปีสุดท้ายแล้วหนาไม่ใช่เด็กน้อย(>//<)

แอบปวดหัวแทนพี่โชในอนาคต รู้สึกว่าคนทำงานเหนื่อยๆไม่น่าจะต้องมาวุ่นวายเพราะอะไรแบบนี้อีก เอ้าพี่โชสู้เด้อออออ

คิดถึงคนเขียนน้า ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอจ้ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด