ร้ายที่ 9 “สัด ไม่ต้องพยุงได้มั้ย เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าผิดคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน!” ผมโวยวายใส่ข้างหูมัน . . ถึงแม้จะโดนมาหลายตีนแต่ยังพอเดินด้วยตัวเองไหวน่า มีไอ้มังกรมาพยุงแบบนี้นี่ผมรู้สึกขัดๆยังไงไม่รู้ ทำหน้าก็ไม่ถูก ไม่รู้เป็นอะไร
“เค้าคิดมากกว่านั้นอีก” มังกรตอบ น้ำเสียงเรียบๆ หน้านิ่งๆ เช่นเคย . .
“แล้วมึงชอบให้เค้าคิดแบบนั้นรึไงเล่า ปล่อยเลย!” ไม่ได้การ ผมจะอ่อนแอมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ผมกระทุ้งที่สีข้างให้มังกรหวังที่จะให้มันปล่อยมือปล่อยแขนผม แต่ทว่า . .
ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนถึงตับไตไส้พุงของมันเล้ย . . แม่งยืนตัวแข็งแล้วก็มองมาซะงั้น
“อยากให้ปล่อยขนาดนั้น?”
“เออดิ!”
“ . . ก็ได้” แล้วมันก็ปล่อยผม ผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเกือบล้มทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะมีแผลที่บริเวณเอ็นร้อยหวายเล็กๆ เกือบล้มลงไปแล้วดีนะทีเกาะกำแพงไว้ได้ทัน
มังกรที่เดินนำไปข้างหน้า หันมาดูผม แล้วขยับมุมปากนิดๆ
“ตามมาดิ”
กูรู้แล้วไอ้สัด . . มึงแอบขำในใจใช่มั้ย ไอ้ฟายเอ๊ย! รู้งี้ถองสีข้างมันให้แรงกว่านี้ดีกว่า เอาให้แม่งตับหลุดเลย เป็นพวกขี้แกล้งรึไงวะไอ้นี่หนิ = =
ผมเดินเขย่งๆไปอย่างยากลำบาก ส่วนไอ้มังกรป่านนี้เดินไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้มั้ง ไม่รู้ควายที่บ้านมันหายรึเปล่า ตอนนี้ผมรู้สึกตัวแล้วล่ะว่าถ้ามีคนช่วยแม่งคงเดินได้เร็วกว่านี้เยอะ แต่ถ้าคนนั้นเป็นไอ้มังกรบ้านั่นล่ะก็ ผมว่าผมเดินเองดีกว่า . .
พรึ่บ!
มีคนเข้ามาพยุงผม ไอ้เชี่ยมังกร . . กูนึกว่ามึงจะไปได้ไกลแล้วซะอีก
“ไอ้ . .” กำลังอ้าปากพะงาบๆเตรียมด่า แต่ไม่ใช่เชี่ยมังกรแฮะ
ใบหน้าคมด้านข้าง กับตุ้มหูสีดำห้อยหูเป็นรูปตัวเจ และที่จำได้แม่นที่สุด . . คือทรงผมสกินเฮดนั่น
“มารับแล้ว” มันหันมายิ้มให้ โชว์ฟันขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
แต่ผมจำได้ . . สิ่งที่ไอ้ธัญบอกกับผมนั้น . . ไอ้นี่มันเป็นตัวอันตราย และแก๊งมันก็เคยทำร้ายผมมาแล้ว
“ปล่อยกู!” มีแต่สิ่งดีๆทั้งน้านนนนน ที่มาช่วยกู ขอยืนไว้อาลัยให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง . .
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็ล้มลงไปอีก”
“ปล่อยกู ไอ้สัด ปล่อย!!!”
“เฮ้ เป็นไรไป”
หมอนั่นมันปล่อยตัวผมเพราะมันตกใจเสียงดุๆของผมสินะ . . ไอ้ห่านี่มันไว้ใจไม่ได้ และตอนนี้ผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะต่อสู้อีกรอบ ผมขออยู่ห่างจากมันไว้ดีกว่า
“มีเรื่องอะไร” ไอ้มังกรดูเหมือนจะสงสัยกับความเดินทางที่นานเกินไปของผม มันเดินเข้ามาหาผม แล้วก็ก้มหน้ามองดูหน้าผม ทำตาโตด้วยความสงสัยอีกด้วยว่าผมเป็นอะไรรึเปล่า
“ . .เปล่า” ผมรีบตอบ
มองหน้าไอ้เหมที่ยืนมองไอ้มังกรด้วยท่าทีอึ้งๆ . . มังกรคงจะรู้ตัวว่ามีบุคคลที่สามกระมังมันจึงหันไปหาไอ้เหม
และหลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที . . มังกรในแบบที่ผมไม่เคยเห็นก็ปรากฎขึ้นมา
“ไอ้สัด!!!” มังกรหน้าแดงด้วยความโกรธจัด . . เลือดขึ้นหน้า . . ไม่มีสติอะไรทั้งนั้น . .มันกระโจนเข้าไปหาไอ้เหม พร้อมๆกับอัดไอ้เหมอย่างไร้ซึ่งความปราณี
ธัญบอกว่าแก๊งของทั้งคู่ไม่ถูกกัน แต่การที่มังกรต่อยไม่ยั้งและแสดงท่าทีที่น่ากลัวแบบนี้ออกไป ผมว่ามันมากกว่านั้น . .
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกกลัวไอ้มังกร . .
เสียงกรี๊ดดังลั่นใต้ตึกคณะพยาบาล . . ทุกคนเริ่มหันเข้ามาให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิด หน้าไอ้เหมเริ่มเละ เลือดไหลกลบหน้ากลบปากไปหมด แต่มังกรไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บมากที่สุด
“หยุด!!!” ผมต้องรีบห้ามมัน
“นี่มึงจะฆ่ามันเลยรึไง!!!” ผมคว้าหมัดมังกรไว้ได้ทันพอดี หมัดของมันชะงักค้าง ผมเห็นมันตัวสั่น มือไม้สั่น . .
มังกรลุกขึ้นยืน ลากข้อมือผมออกมาด้วย ผมมองหน้าแดงๆของมันไม่ค่อยถนัด รู้แค่ว่าจากที่เคยลากผมเบาๆ บัดนี้ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน หัวผมจะทิ่มลงไปกับพื้นหญ้าข้างหน้านี่อยู่แล้ว
“กูเจ็บ!” ผมต้องร้องเตือนสติมัน
มันเลยหยุด ปล่อยมือผม แล้วก็หันหน้ากลับมาหาผม
“ไปรู้จักกับมันตอนไหน!” มังกรตะคอกเสียงดัง เป็นครั้งแรกที่ผมเคยได้ยิน
“. . ไม่รู้”
“อย่าไปยุ่งกับมัน ห้ามอยู่ใกล้มัน ห้ามคุยกับมัน เข้าใจที่กูพูดรึเปล่า!” ผมสะดุ้งสุดตัว ไม่เคยเห็นไอ้บ้านี่อยู่ในโหมดนี้เลยทำอะไรไม่ถูกเลย ก็ใช่ว่าจะอยากยุ่งกับมันสักเท่าไหร่ แก๊งมันเคยทำร้ายผม ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะไม่ทำอีก ถึงมังกรไม่บอกผมก็จะอยู่ห่างจากมันอยู่แล้ว
แต่ก็เพื่อให้ใบหน้าที่โมโหโกรธานั่น . . สงบลงมาได้บ้าง
“เข้าใจแล้ว” ผมตอบเสียงเบา
ได้ผลชะงัด . . มังกรดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเสียงดังจนเกินไป มันดูสงบลง หายใจเบาลง ไม่โมโหฟึดฟัดเหมือนเมื่อตะกี้อีกแล้ว
มันเหลือบมองดูข้อมือของผมที่มีรอยมือของมันเป็นสีแดงเถือก
“ขอโทษ”
มันพูดสั้นๆ
“ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่”
ผมยอมรับว่าผมยังอึ้ง กับมังกรเวอร์ชั่นที่พ่นไฟได้เมื่อตะกี้อยู่เลย . .
“แล้วนี่ . . รถมึงอยู่ไหนล่ะ”
ผมหันซ้ายหันขวา “โน่นไง คันสีเงินๆ” เงินที่หายไปสิบกว่าล้านก็เพราะคันนี้แหละ
“อืม” มังกรเดินนำไป เอามือลูบหน้าลูบตา ส่วนผมก็เดินตาม งงตัวเองเหมือนกันทำไมยอมเดินตามมันมาง่ายๆ แต่ถ้าโวยวายไปก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควรเท่าไหร่ เห็นมั้ย เจ้านายมันก็เงียบเป็น . .
แต่ทว่า . . รถของผมที่เพิ่งจะถอยมาสดๆร้อนๆเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรจากเครื่องมือระบายอารมณ์ของไอ้พวกที่มากวนส้นตีน แม่เจ้า O_O ทั้งรอยขูด สเปรย์ ถังสี แม่งละเลงใส่รถผมจนไม่เหลือชิ้นดี หนำซ้ำยังโดนปล่อยลมยางรถทั้งสี่ล้ออีก!!!!!!!!!!!!!
“เหี้ยไหนเป็นคนทำวะ!!!!!” กูไม่ทนแล้วเว้ยยยย!!!
“โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ ลอบกัดเหรอไอ้สัด โคตรไม่แมนเลย ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยยย โผล่หัวออกมา!!!!!!!!!!!!!”
“. . ตรงนี้มีกูกับมึงแค่สองคน” เป็นคราวที่มังกรต้องเตือนสติผมบ้าง
“เซ็งโว้ยยยยยยยย!!!!” ผมระบายอารมณ์ เตะก้อนหินที่อยู่แถวนั้นซะ เผอิญว่าเตะหินก้อนใหญ่แบบไม่ทันรู้ตัว . . เจ็บอีกสิคราวนี้ เจ็บใจไม่พอ ยังมาเจ็บตัวเพิ่มอีก ถุยยยยยยยยย ชีวิต!!!!
“มีศัตรูมาก ก็เหนื่อยมาก”
“ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีเลย มึงก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากูหรอก” พูดออกมาทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะไปต่อยศัตรูของตัวเองมาหยกๆนี่ มันก็ดูแปลกๆนะ
“แต่กูก็ไม่เคยโดนอะไรขนาดนี้นะ”
“เชี่ย ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวโทรหาไอ้แฝดมารับ” ผมควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง “ส่วนมึง จะไปไหนก็ไป ไม่น่าลากกูออกมาทั้งอย่างนั้นเลยนะ . .” แต่ควานแล้วควานอีกก็ไม่เจอ . . นี่อย่าบอกนะว่า . .หายอีกอ่ะ! หายตั้งแต่ตอนไหนวะ ไม่รู้ตัวเลย . .
T_T
วันแห่งความซวย วันนี้มันไม่ใช่วันของผมเลยจริงๆ
“น่าจะหายที่หอสมุด” ผมรำพึง
“อะไรวะ?”
“เปล่าหรอก” ผมไม่อยากให้มันมาสมเพชเวทนาผมไปมากกว่านี้แล้ว “ยืมโทรศัพท์หน่อย”
“ทำไม”
“จะโทรหาไอ้แฝด”
“แล้วโทรศัพท์มึงล่ะ”
. . มันได้รู้จนได้สินะ “น่าจะทำตกไป ตอนโดนรุมน่ะ”
เห้ยยย ผมเห็นนะ ผมเห็นไอ้เชี่ยมังกรแม่งกลั้นขำ อะไรวะ . .โทรศัพท์หาย! รถกลายเป็นผลงานศิลปะนี่มันน่าสนุกตรงไหนฟะ! โดนเองบ้างแล้วจะรู้สึก ไอ้ฟายเอ๊ยยยยยยยย!!!!
“กลับรถเมล์ละกัน ข้างหน้านี่ก็เป็นป้ายรถเมล์”
“แท็กซี่ดิ!!!”
“สิ้นเปลือง”
“แท็กซี่!!!”
“กูไม่มีตังค์พอจ่ายค่าแท็กซี่นะ”
ผมสตั๊นไปประมาณครึ่งวิ . .มันจนขนาดนั้นเลยเหรอ ? “แต่กูมีนี่นา”
“รถเมล์”
“แท็กซี่”
“มึงคงจะโบกแท็กซี่ได้อยู่หรอกนะ เวลานี้น่ะ”
. . ทำไมวะ ก็เกือบๆสี่โมงเย็น แท็กซี่แม่งไม่ไปช่วงนี้เหรอวะ ผมไม่รู้อะไรหรอกนะ ช่วงชีวิตนี้เคยนั่งแท็กซี่แค่สองครั้งในชีวิตมั้ง ตอนนั้นเมาด้วย รถเมล์นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่เลย ไม่เคยนั่งมาก่อน
“ถ้าโบกแท็กซี่ได้ก่อนที่รถเมล์จะมา ก็ต้องไปแท็กซี่” ผมประกาศกร้าวในที่สุด
“. . ตกลงตามนั้น”
สองร้ายในหนึ่งรัก *
[/b]
รถเมล์เมืองไทยแม่งสั่นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ O_O
แม่งสะเทือนแผลของผมชิบหาย ดีนะที่คันที่ผ่านมามันเป็นปรับอากาศ ไม่งั้นผมได้ตายคาอากาศร้อนๆของเมืองไทยแถมรถยังติดชิบหายด้วย สงสัยกันล่ะสิว่าผมมานั่งรถเมล์ได้ไง จะบอกให้ก็ได้ว่าพอผมกับไอ้มังกรโผล่พ้นประตูหน้ามอมาเท่านั้นแหละ รถเมล์คันนี้แม่งก็ขับนิ่มๆผ่านหน้าผมกับมังกรไป มังกรสำเหนียกได้ว่าต้องรีบ เลยคว้ามือผมและก็ลากผมมานั่งตรงเบาะหลังสุดของรถเมล์แบบนี้ เป็นอันว่าข้อตกลงเรื่องแท็กซี่ที่เคยพูดกันไว้ แม่งหาย หายยยยยยยยยยยยยยไปหมดเลย = =
แต่รถเมล์ก็ถือว่าเย็นสบายดีนะ(ปรับอากาศ) ถ้าไม่รีบก็ถือว่านั่งชิวไปเรื่อยได้นั่นแหละ
มังกรมันเลี้ยงค่ารถเมล์ผมด้วย บอกไว้ก่อนว่าผมไม่คิดที่จะคืนตังค์ค่ารถเมล์ให้มันหรอกนะ มันติดหนี้ผมตั้งสองล้านสาม แถมยังลากผมที่ไม่ค่อยจะเต็มใจมาให้มากับมันด้วย เพราะฉะนั้นตลอดการเดินทางนี้ ไอ้เชี่ยมังกรต้องรับผิดชอบ . .
“โทษทีที่พามาลำบาก” มังกรพูดนิ่งๆ มันนั่งหลังตรงพิงผนังเก้าอี้ กางขาโคตรยาวของมันออกจนขามันมาแตะขาผม ที่มันก็ออกจะกว้าง ไม่ไปนั่งไกลๆวะสาด?
“ช่างแม่งเหอะ ประสบการณ์ใหม่” ผมพูดรัวเร็ว แล้วหันหน้าหนีไปมองหน้าต่าง ผมกับมันนั่งเบาะหลังสุดฝั่งซ้ายมือน่ะครับ ผมนั่งชิดหน้าต่าง ส่วนมันนั่งข้างๆ
“ถ้าไม่รีบ . .ก็ใช้รถเมล์บ้าง ประหยัด”
“หัวหน้าแก๊งชายโฉด เดินทางด้วยขนส่งมวลชนนี่น่ะเหรอ ไม่เห็นเท่เลยว่ะ”
“ปกติก็ไม่ได้ใช้หรอก ไนท์กับแอร์มารับตลอด” สองคนนั่นรวยสินะ . . แต่ไหงไอ้มังกรหัวหน้าแก๊งกลับจนล่ะวะ . . “ง่วงเหรอ ง่วงก็นอน ถึงแล้วจะบอก”
“ถึงไหน คอนโดกูเหรอ?” ยังไม่รู้เลยว่าแม่งจะพาไปไหน รู้แต่อย่างเดียวเลยว่าโดนลากกกก ลากกกกและก็ลากกกกกมาเสมอ
“เปล่า” มังกรหันมาตอบ “ทีทำงานกู”
“เห้ย แล้วจะให้กูไปกับมึงทำไมเล่า พากูกลับบ้านดิ!”
“ไม่ได้ . . หรือช่วงนี้มึงโดนหนักไม่พอ?”
“ฮะ”
“จะอยู่คนเดียวให้ตัวเองเป็นเป้ารึไง”
. . .
จริงของมัน - - ผมผู้ที่ไม่อยากจะยอมรับกับความจริงข้อนี้เท่าไหร่นักจึงเบ้หน้าแล้วหันหน้าออกไปแทน แอบเห็นมังกรส่ายหน้าเล็กๆ ไอ้บ้านี่มันไม่เบื่อเรื่องของผมบ้างรึไงกันนะ เสือกอยู่ได้ เสือกตลอด กูดูแลตัวเองเป็นเว้ย ถ้ากูจะโดนก็ให้กูโดนเหอะ บางทีเวรกรรมกูก็เยอะเหมือนกัน ให้กูได้ชดได้ใช้บ้างไรบ้าง . .
“แล้ว . . อีกนานป่ะ”
“ชั่วโมงกว่ามั้ง รถติด”
พ่อง . . หลับรอดีกว่ากู . .
จะให้หลับน่ะเหรอ บอกตามตรงว่าหลับไม่ลง รถเมล์ขยับแล้วก็จอดสลับไปมาจนผมมึน โคตรไม่ชิน ไอ้มังกรนั่งนิ่งตลอดทาง เอาหัวพิงเบาะที่นั่ง มองไปข้างหน้าตลอดเวลา อยากจะเอามือไปโบกข้างหน้ามันเผื่อมันเป็นคนที่หลับแบบปิดตาไม่สนิท แต่ผมเห็นตามันกระพริบ มันไม่ได้หลับนี่ . .
เป็นการเดินทางที่แสนจะน่าเบื่อ . .และก็เริ่มที่จะอึดอัด เห้ยยยย O_O ป้ายหน้าห้างกับโรงเรียนนี่ทำให้ผมกับไอ้เชี่ยมังกรโดนเบียด มันเบียดมาหาผมจนผมแบนเป็นปลากระป๋อง จนกระทั่งคนเริ่มบาง ไอ้มังกรก็ลุกให้คนแก่นั่งบ้าง พอคนแก่ลงมันก็นั่งลงข้างผมเหมือนเดิม มีแต่มันคนเดียวที่ขยับ ส่วนผมนั่งนิ่งๆ อันที่จริงผมก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะลุกให้คนแก่นั่งได้ แต่ทว่าคนแก่มองเห็นสภาพผมแล้วดูเขาจะสงสารผมน่าดู . .โอเค วันนี้ไม่ใช่วันของผมจริงๆ
“นี่ . .เมื่อไหร่จะถึงอ่ะ” เกือบหกโมงเย็นแล้วนะโว้ยยยย TT
“อีกสองป้าย” มังกรตอบโดยไม่ได้หันมา
รถเมล์จอดที่ป้ายวัดๆหนึง เห็นวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ขึ้นมาบนรถ และที่ทำให้คนทั้งรถตกใจได้คือพวกมันใส่เสื้อเด็กช่างกล . . ทุกคนพากันระวังตัวกันชิบหาย แต่ท่าทางพวกมันไม่ได้จะมาทำอันตรายใคร ติดจะชิวกันมากกว่า คุยโหวกเหวกเรื่องเล่มเกมส์ที่มันเพิ่งจะแพ้ไปสักครู่
“ก้มหน้าไว้นะ” มังกรกระซิบบอกผม
“ทำไมล่ะ”
“กันไว้ก่อน”
“อะไร”
“ . . นี่มึงไม่รู้เหรอ ว่ามีคนเกลียดมึงเยอะขนาดไหน”
ไอ้นี่หนิ . . “แต่กูไม่รู้จักคนพวกนี้นี่”
“กูบอก . .ให้ก้ม”
สั่งจังวะ พ่อมึงเป็นมาเฟียแบบพ่อกูรึไงเล่า!!!! แต่ผมพ่ายแพ้ชิบหายกับสายตาอันโคตรคมบาดจิตบาดใจนั่น ก็ได้ ก้มก็ได้วะ ศักดิ์สงศักดิ์ศรีแม่งพังยับเยินไม่มีเหลือ ตั้งแต่กูรู้จักกับมึงเนี่ย!!!!!!!!
“เชี่ยแม่งแพ้ได้ไงวะ . . พวกฝั่งนั้นแม่งโกงว่ะ”
“ใช่ กูก็คิดงั้น หมั่นไส้แม่ง เสียเงินอีก หมดตูดเลยกู”
ผมที่ก้มหน้าลงได้ยินเสียงสนทนาของไอ้พวกเด็กช่างแม่งเลือกที่จะมานั่งข้างหลังกันหมดเลยนี่ . .
ผมเงยหน้าขึ้นไปดูพวกมัน มีกันประมาณหกเจ็ดคน . . มันไม่ได้สนใจอะไรผมเลยสักนิด . .ไอ้เชี่ยมังกร มึงนี่ตีตนไปก่อนไข้จังวะ!!!!!!!!! พอหันไปหน้าบึ้งใส่มัน ไอ้มังกรก็จับหัวผมซบเข้ากับไหล่มันอย่างง่ายดายด้วยมือเรียวใหญ่เพียงข้างเดียว
“ไอ้สัด!!” ผมร้องแบบกระซิบ พยายามขยับหัวที่โดนมันจับไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ขยับเท่าไหร่แม่งก็ไม่หลุด มือมึงเป็นกาวเหรอ . .
“ฟังกันบ้างดิ” มังกรดุ แต่เสียงแบบนี้ทำเอาผมนิ่งได้ชะงัดนัก . . เพราะผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่มี . . ราวกับมันกำลังเป็นห่วงผมยังไงยังงั้นแหละ
หัวผมเลยซุกอยู่ตรงไหล่ของไอ้มังกร . .กลิ่นกายผู้ชายขนานแท้พ่วงกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่โคตรหอม . . ก็ดูดีไปอีกแบบนึงนะ
เฮ้ยยยย เจ้านาย!!! มึงคิดเชี่ยไรอยู่!!!! มึงเปลี่ยนไปนะ!!!! กลับมา!!!!!!
“หน้าไอ้คนข้างหลังนั่นแม่งคุ้นๆว่ะ”
อ้าวไอ้เหี้ยนี่ . . ไอ้ช่างกล กูก้มแล้วมึงจะมาคุ้นห่าคุ้นเหวอะไรของมึง!!!!!!!!!!!
“หน้าเหมือนราชามอX”
กูว่าถ้าพวกมึงคุยกันขนาดนั้นล่ะก็ไม่ต้องพูดลับหลังเหอะ มาชี้หน้าด่าพ่อกูเลยมา!
“ราชาเหี้ยอะไร . . พี่มังกรเค้าเท่กว่านี้เยอะ”
หงายเงิบ . .นี่มันไม่ได้พูดถึงผมกันเหรอ ?
“แต่คนนี้แม่งก็โคตรหล่ออ่ะ”
“หล่อแต่กินไม่ได้เว้ย มากับแฟน มึงไม่ให้แฟนเขาเหรอ ซบกันอยู่นั่น”
“ไอ้สัด กูนึกว่าเป็นเพื่อนกัน”
“เพื่อนเหี้ยอะไร ซบกันขนาดนั้น ถ้ามึงมาซบกูแบบนั้นกูขออ้วกทีได้ป่ะ”
“ . . .โลกนี้แม่งอยู่ยาก”
ผมกำหมัดแน่นอย่างอดรนทนฟังพวกมันพูดถึงผมอย่างไร้ซึ่งมารยาทต่อไป เหลือบมองดูหน้าไอ้มังกร แม่งก็ยังนิ่งเหมือนเดิม แต่มันแอบมีเส้นเลือดปูดที่หน้าผากนิดๆ เพราะโดนพูดถึงแบบนั้นก็คล้ายกับวิพากษ์วิจารณ์แบบเสียๆหายๆอย่างซึ่งๆหน้า
เพราะมันไม่ได้พูดถึงผม ผมเลยเลิกซบไอ้มังกร แล้วเงยหน้าขึ้นมา
“ถ้าเป็นไอ้เชี่ยนายนะ กูคงเตะสอยตูดแม่งไปนานละ เชี่ย . . หมั่นไส้มันว่ะ ร้านเกมส์ที่เราไปเล่นวันนี้แก๊งมันก็เคยมาพัง = =” เอ่อ . . คือมึงพูดถึงกูช้าเกินไปมั้ยวะ . .
พูดทำไมตอนกูเงยหน้าขึ้นมาแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รถเมล์จอดพอดี มังกรลากข้อมือผมลงไปจากรถแทบจะในทันที
“เห้ยนั่น เชี่ยนายนี่ ลงจากรถโว้ย ฆ่ามัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” แต่ประตูรถเมล์กลับปิดลงไปเสียก่อน . .
“หึหึ สมน้ำหน้า” มาไม่ทันกูหรอก ไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“อยู่นิ่งทำไมล่ะ วิ่งดิ!” มังกรกระชากแขนผม
“ทำไมล่ะ ยังไงแม่งก็มาไม่ทัน”
“เดี๋ยวพวกมันก็บังคับให้คนขับรถเมล์จอดรถ!”
“เออว่ะ” ลืมนึกไป . .
จากนี้ผมกับมันก็ใส่เกียร์หมากันวิ่งหนีน่ะสิครับ ศักดิ์สงศักดิ์ศรีไม่ต้องมีแม่งละ ก็ในเมื่อสภาพร่างกายผมไม่พร้อมที่จะสู้นี่(แต่พร้อมที่จะวิ่ง) ไอ้มังกรสู้คนเดียวก็คงจะไม่ไหว มันมิใช่ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน จะว่าไปผมนี่สร้างปัญหาไว้เยอะจริงๆ ทำไมมีศัตรูเป็นแสนเลยวะ ให้ตายยยยยยยยยยยยยย
ผมกับไอ้เชี่ยมังกรวิ่งหนีสุดชีวิตผ่านตรอกและซอกและซอยอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะจนผมมึนงง หาป้ายรถเมล์เมื่อตะกี้ไม่เจอแน่ๆ สักพักนึงก็มีคุณลุงคนหนึ่งมาขวางทางพวกผมเอาไว้ . .
คุณลุงคนนี้เคยหล่อมาก่อน . . ผมว่าผมจำเค้าได้นะ นี่ลุงเมฆนี่นา . . ผมเคยเห็นเค้าในงานเลี้ยงต่างๆเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก . . แต่ผมว่าผมไม่เคยเห็นมังกรมาก่อน หรือว่าตอนนั้นมังกรจะอยู่กับแม่ที่เป็นฝรั่งกันนะ ?
“ไอ้มังกร . . หนีอะไรมา”
“แด๊ด” มังกรรำพึง . . “อย่ามาอยู่แถวนี้ มีคนไล่ตามมา”
“ใครจะมาทำอะไรลูกชายกูได้ ถ้ากูไม่ยอม . .”
. . โหดสัด เห็นถือไม้อะไรมาด้วยก็ไม่รู้
“แด๊ดกลับร้านกัน” มังกรเดินเข้าไปผลักตัวพ่อของมันให้เดินไปข้างหน้า
“พาใครมาด้วยน่ะ ไม่คุ้นหน้า” ลุงเมฆคงจำผมไม่ได้. .
“เพื่อน”
“เพื่อนที่ไหน . .”
“ที่มหาลัยไง”
“ใช่คนที่ไอ้ไนท์กับไอ้แอร์พูดถึงบ่อยๆป่ะ ที่เอ็งชอบเป็นห่วงน่ะ” ลุงเมฆถามมังกรที่อยู่ข้างหน้าผม แต่บุคคลที่สามเฉกเช่นผมกลับได้ยินเต็มสองรูหู สงสัยคงคิดว่าผมไม่ได้ยินล่ะมั้ง
“. . คนนั้นนั่นแหละ”ตอนนี้ไม่ค้างนะ