ตอนที่ 19
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สุดท้ายก็กลับขึ้นมาบนห้องอย่างไม่อยากจะไปไหนอีกแบบฉับพลัน แท้จริงแล้วก็ไม่ได้อยากฟังเสียงคลื่นหรอก ผมอยากฟังเสียงเมี่ยงที่ยอมใจดีด้วยมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะตกใจไม่น้อย กับเหตุการณ์ที่อยู่ๆเจ้าของสายที่โทรเข้าไปหาเมื่อครู่ และยังวางไปไม่ถึงสิบนาที จะมายืนอยู่ที่หน้าห้อง ด้วยรอยยิ้มทั้งแบบนี้
“ ไม่ได้ไปไหนหรอกเหรอไอ้สัด ” ประตูเปิดออกพร้อมกับประโยคนั้นที่เอ่ยต่อกันตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า เมี่ยงไม่ได้มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะทำทีเป็นเหลือบมองไปทางอื่น อาจเพราะเพิ่งเผลอแสดงความห่วงใยออกไปอย่างที่เจ้าตัวรู้สึกว่าไม่ควรกระทำต่อกัน “ แก้มหอมอยู่นั่นอะ ” เชิดหน้าไปที่คอนโดแมว ประตูนั้นก็ถูกเปิดออกกว้างขึ้น “ เข้ามาอุ้มเองนะ กูไม่บริการ ”
“ ครับผม ” ตอบรับไปทั้งๆที่ไม่ได้ผละสายตาไปมองแมวตัวเองด้วยซ้ำ ผมก็แค่อยากจะมองหน้าเมี่ยงแบบนี้ไปนานๆ สีหน้าบึ้งตึงที่แม้จะทำทีท่าว่าไม่พอใจยังไง แต่มันก็ยังดูน่ารัก เหมือนอย่างที่ไอ้โฮมบอกนั่นแหละ ‘ แก้มก้อนมากจริงๆ ’
“ อะไร ” สายตาเรียวหันมาถามแบบหาเรื่อง ผมเองก็ได้แค่ยักไหล่ก่อนจะส่ายหน้า ส่วนเมี่ยงเองก็ได้แต่เชิดหน้าไปที่คอนโดแมว “ เร็วๆสิ นั่นอะแมวมึง ไปเอาลงมาแล้วกลับห้องของมึงไปได้แล้วไป ”
“ โอเคครับ ” เดินตรงไปที่คอนโดแมว เจ้าก้อนขนของผมกำลังนอนกระดิกหางสบายใจอยู่บนคอนโดแมวบ้านคนอื่นแบบหลับตาพริ้ม แต่ทว่าพอผมเอื้อมมือไปจับที่ท้องหมายจะอุ้มอีกฝ่ายกลับดึงตัวเองขึ้นแล้วงับที่มือทันที ราวกับจะบอกกันว่าไม่ต้องมายุ่งเลยนะ “ แล้วกัดป๊าทำไมละคะแก้มหอม ป๊ามารับหนูกลับบ้านนะ ”
“ เมี๊ยว ” มันส่งเสียงร้องขัดใจ ก่อนจะนอนลงที่เดิมพร้อมกับหางที่ขยับขึ้นลงไปมาแบบสบายใจ แล้วในตอนนั้นเองที่ไอ้ตัวลายเจ้าของห้องตัวจริงจะเดินมานอนลงข้างๆ
นายท่านเลียไปบนตัวของแก้มหอม มันที่มองผมตาขวางราวกับหวงแหนเหลือเกิน และไม่อยากจะให้เจ้าตัวขาวในอ้อมกอดนั้นหนีหายไปไหน
“ ม๊าว ”
“ ม๊าวอะไรของมึง พ่อมึงไล่ขนาดนี้ จะให้แก้มหอมอยู่ได้ยังไง ” เชิดหน้าบอกมันแบบหาเรื่อง ก่อนจะเหลือบมองเจ้าของห้องที่มองอยู่ เมี่ยงเบิกตาขึ้นตอนที่ได้ยินอย่างงั้น มันเดินเข้ามาใกล้กัน อย่างตั้งท่าเถียง
“ กูไม่ได้ไล่สักหน่อยไอ้สัด ”
“ ก็เมื่อกี้มึงบอก ไปเอาแมวมึงลงมาแล้วก็กลับห้องมึงไปได้แล้วไป ” คนฟังที่ได้แต่อ้าปากค้าง เมี่ยงมองหน้าแมวตัวเองสลับกับผม คล้ายกับจะบอกว่า อย่าเข้าใจผิดไปหมดแล้ว เพราะในใจจริงๆมันไม่ได้หมายความอะไรแบบนั้นเลย
“ ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นนะเว้ย ” มันเบิกตาบอกแมวตัวเองที่ก็จ้องมองกันด้วยสายตาหาเรื่องอยู่ไม่น้อย “ ก็เค้ามีบ้าน เค้าก็ต้องกลับบ้านเปล่าวะ มึงจะมาทำหน้าไม่พอใจใส่กูแบบนี้มันได้เหรอ ห๊ะๆ ”
เดินเข้ามาหาเรื่องแมวตัวเองราวกับเป็นพวกเดียวกัน มือขาวขยี้หัวไอ้นายท่าน ที่ก็พยายามงับเจ้านายตัวเองเช่นกันอย่างไม่ยอมแพ้ ดูแทบไม่ออกเลยว่าจริงๆ คนเลี้ยงแมว หรือแมวเลี้ยงแมว ผมหลุดยิ้ม
“ ยิ้มอะไร ” มือที่เล่นกับไอ้นายท่านนั้นหยุดลง เมี่ยงหันมามองหน้ากัน “ มึงคิดว่าพอกูใจอ่อนแล้ว กูจะตกลงกับสิ่งที่มึงพูด หรือว่าต้องการเหรอ ไอ้คำพูดที่มึงพูดออกมาแบบสวยๆ แต่สุดท้ายก็คือ ให้กูอยู่เป็นตัวสำรอง ”
“ ดูถูกหัวใจกูอะไรขนาดนั้น ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะเอามึงมาเป็นตัวสำรองอะไรด้วย ” ผมหันไปบอก “ กูรู้แล้วว่ากูควรอยู่จุดไหน แล้วก็รู้แล้ว ว่าระหว่างเรา ตัวกูต้องทำตัวยังไง ”
“ แล้วต้องทำตัวยังไง ” มันถามแบบอยากรู้ ผมก็แค่ยกยิ้ม ก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปใกล้ สายตาที่เราสบกันในตอนนั้น ผมมองเมี่ยงอย่างจริงจัง
“ ไม่บอก ”
“ ไอ้สัด ” อีกฝ่ายสถบออกมาแบบนั้นอย่างอดไม่ได้ ผมหันไปยิ้มให้กับเจ้าก้อนขนของตัวเองก่อนจะสอดมือเข้าไปอุ้มใต้พุงกลมแล้วดึงเข้ามาแนบตัว แต่ถึงอย่างงั้นแก้มหอมก็ยังขืนตัวแบบไม่อยากกลับเท่าไหร่ มันงับมือผมเบาๆให้ปล่อยกันลง
“ กลับบ้านกันค่ะแก้มหอม ไม่ดื้อกับป๊านะคะ ”
“ เออ กลับไปเลยไป ” เมี่ยงพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนที่ผมจะหันไปมองไอ้ตัวลายแล้วฟ้องมัน
“ เห็นมั้ย พ่อมึงไล่พวกกู ไม่ใช่ว่าพวกกูไม่อยากจะอยู่นะ แต่กูอยู่ไม่ได้ต่างหาก ”
“ ม๊าววว ” เสียงครางเบาๆแบบขัดใจใส่เจ้าของ ที่ก็เท้าสะเอวเตรียมสู้กลับทันที เมี่ยงมันถอนหายใจใส่แมวตัวเอง
“ ม๊าวๆ มาม๊าวอะไร คนเค้ากลับบ้านเค้าอะ อย่ามาไม่พอใจนะเว้ย ”
หันหลังเดินกลับมาที่ประตูด้วยรอยยิ้ม คนบางคนทำให้อยากจะบ้าจริงๆ ผมยิ้มแบบที่ไม่รู้ว่าจะยิ้มยังไง ยิ้มจนต้องตั้งคำถามว่ามันต้องเติบโตมาแบบไหน ทำไมถึงได้นิสัยน่ารักชิบหาย และเหมือนจะไม่มีอะไรมาล้มล้างได้เลยขนาดนี้
“ อ้อ ลืมบอก ” หยุดที่ประตูในตอนที่จะเดินออกไป ผมเอียงหน้ามองเจ้าของคนที่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับแมวตัวเองอยู่แบบนั้น เมี่ยงมันหันมามองผม
“ อะไร ”
“ ก็ที่เมื่อกี้มึงถามไง ว่ากูยิ้มทำไม ” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ในตอนนั้นผมยิ้ม “ แค่เพราะมึงน่ารักมากๆ กูก็เลยยิ้ม ไม่มีอะไรมากหรอก ”
“ K ” เสียงสบถนั้นไล่มาตามหลัง “ อย่าคิดว่ากูจะใจเต้นแรงกับคำพูดที่มึงพูดนะเว้ย ไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด บอกไว้เลย ”
“ กูเองก็แค่อยากบอก อยากให้มึงรู้ไว้ ว่าชอบ เผื่อมึงจะลืมแล้วไปน่ารักเรี่ยราดใส่คนอื่นไง ” ปิดประตูห้องของอีกฝ่ายลง ผมไม่ได้ยืนมองใบหน้าหงุดหงิดที่พยายามจะเถียงอะไรออกมาสักคำแต่สมองนิ่งไปอย่างไม่สั่งการ และหลงเหลือไว้เพียงใบหน้าน่ารักที่ก็เหวออยู่อย่างงั้น
.............................................
ดึงกุญแจที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ผมไขประตูห้องของตัวเองพลางก้มลงไปหอมเจ้าตัวนุ่มที่ก็ยื่นเท้าหน้าขึ้นมาผลักไว้ราวกับรังเกียจ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังน่ารักมากกว่าอยู่ดี “ รังเกียจป๊าเหรอคะ หอมหน่อยไมได้เหรอ ป๊ารักหนูนะแก้มหอม ”
“ เมี๊ยว ” ร้องเสียงเบาๆบอกกันแบบนั้น ผมส่ายหน้าไปบนขนนุ่มสีขาวที่ยังคงมีเสียงครางขัดใจตามออกมาแบบเล็กๆ ห้องถูกปลดล็อค ในตอนที่เดินเข้ามาเจ้าตัวขนก็กระโดดลงไปจากตัวทันที แก้มหอมตรงไปที่น้ำพุของตัวเองก่อนจะก้มลงกินมันอยู่นาน
ครืน ครืน ครืน
สายโทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงตอนที่ผมกำลังเกี่ยวพวงกุญแจสำรองไว้กับกุญแจรถเพื่อไม่ให้ลืมว่าต้องเอาไปไว้ในจุดเดิม หน้าจอมือถือที่ชวนให้ขมวดคิ้วในตอนที่ดึงขึ้นมาดู สายโทรเข้านั้นเป็นเบอร์ของดีน ที่โทรเข้ามา
“ เห้อ “ อดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่เห็นอย่างงั้น เพราะรู้ตั้งแต่ยังไม่ได้กดรับด้วยซ้ำ ว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร
“ ว่าไง ” ตอบกลับปลายสายไปในตอนที่กดรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เหมือนคนฟังจะแค่เงียบไป ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของดีนตอบกลับมา
“ ขอบคุณที่ยังรับกูสายกูนะไอ้สัด ”
“ ขอโทษ ” ตอบกลับไปแค่นั้น ดีนก็ได้แต่เงียบ “ กูลืมโทรกลับ พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ ”
“ ไม่ใช่โกรธกู จนไม่อยากจะโทรกลับ แล้วตอนนี้ก็คือ มันยื้อไม่ไหวแล้วเหรอวะ ถึงจำใจต้องรับ ” ถ้อยเสียงประชดว่าอย่างงั้น “ หรือว่าไอ้โฮมโทรมาเล่าอะไรมึง จนทำให้มึงต้องรับสายกู แบบที่ช่วยไม่ได้แล้ว ”
“ ดีน กูไม่ได้โกรธมึง ไม่ได้งอน ไม่ได้อะไรทั้งนั้น ”
“ แล้วทำไมมึงไม่โทรกลับ ทำไมมึงไม่รับสาย ” มันว่าแบบนั้นอย่างใส่อารมณ์ “ มึงไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ปกติถ้ากูโทรไปหา มึงก็ต้องโทรกลับ มึงไม่เคยปล่อยสายที่ไม่ได้รับของกูไว้ข้ามวันแบบนี้เปล่าวะ แล้วยังบอกว่า ไม่ได้งอนกู ทั้งๆที่มึงก็เป็นแบบนี้ หลังจากวันเกิดกูที่เราทะเลาะกัน ”
“ ดีน ” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเรียบ “ จะพูดครั้งสุดท้าย จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ กูไม่ได้โกรธมึง ไม่ได้งอน โอเคนะ ”
“ แล้วทำไมมึงทำตัวห่างเหินกูแบบนี้ มึงตอบได้มั้ยละ ” ปลายสายที่ยังคงรั้น “ มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นะ ”
“ ดีน ”
“ อะไร ”
“ ตอนนี้กูมีคนที่ชอบอยู่คนนึง แล้วที่กูไม่ได้ใส่ใจมึง มันไม่ได้เป็นเพราะกูโกรธ หรืองอนมึง กูแค่สนใจคนที่กูชอบมากกว่ามึง คนที่กูเคยชอบ เข้าใจมั้ย ”
สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกอีกฝ่ายไปตรงๆ ผมถอนหายใจออกมาทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะไม่บอก เพราะไม่อยากจะให้มันถามว่าใคร จนเป็นต้นเหตุให้สาวทางหรือจับสังเกตได้ว่า คนที่ผมรู้สึกดีด้วยตอนนี้ก็คือ เมี่ยง
อริเบอร์สองของมัน ที่มันเองก็โคตรจะเกลียดในความยียวนกวนประสาทของอีกฝ่าย และที่สำคัญเลย ก็คือ ผมไม่อยากจะให้เมี่ยงต้องมาโดนพูดจาไม่ดีใส่ หรือทำให้หงุดหงิด ด้วยนิสัยเด็กๆที่ไม่ทางยอมลงให้แน่ๆของดีน
“ ดีน ” เรียกอีกฝ่ายในตอนที่เห็นว่ามันเงียบไปนาน
“ สาวคนไหนอีกละ ” มันถามแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ แล้วเมื่อไหร่จะแนะนำให้กูรู้จัก ”
“ ไว้ให้อะไรๆ มันแน่ชัดกว่านี้ กูจะพาไปแนะนำให้มึงรู้จัก ”
“ หมายความว่าไงวะ อะไรที่มันแน่ชัดอย่างที่มึงว่า ”
“ ความรู้สึกกูไง ” ผมบอกยิ้มๆ “ กูเลิกชอบมึงได้หมดใจเมื่อไหร่ กูจะพามันไปแนะนำให้มึงรู้จักทันทีเลย ”
“ ปัญญาอ่อน ” ปลายสายว่าอย่างงั้น ดีนยิ้ม “ งั้นก็คงไม่ได้แนะนำให้กูรู้จักแล้วละ บอกมาเลยดีกว่า ว่าใคร สาวคณะไหนอีกไอ้ห่า ไม่ต้องมาลีลา ”
“ บริหาร ” บอกไปแบบนั้น “ แต่คราวนี้ไม่ใช่สาวนะ เค้าเป็นผู้ชาย ”
“ เปลี่ยนแนวเหรอวะ ”
“ เปลี่ยนแนวเหี้ยอะไร ” สวนกลับไปพลางขมวดคิ้ว “ มึงเป็นผู้หญิงเหรอไอ้สัด ”
“ ก็เปล่า แต่ปกติมึงชอบคบผู้หญิงมากกว่า ถ้าจะคบเล่นๆขั้นเวลาแบบนี้ ”
“ ดีน ” ผมเรียกอีกฝ่าย “ กูไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนเล่นๆ แล้วก็เอาเค้ามาขั้นเวลารอมึงมารักอย่างที่มึงเข้าใจนะ ” กลายเป็นปลายสายที่เงียบไปบ้าง ในตอนที่ผมพูดแบบนั้น “ กูคบทุกคน กูจริงจังกับเค้า แต่ที่กูต้องเลิก เพราะว่ากูรู้ดี ว่าถึงจะคบเค้าต่อไป กูก็ไม่ได้รักเค้า กูยังรักมึง กูเลยไม่อยากให้เค้าต้องมาเสียเวลากับคนกู เข้าใจไว้ด้วย ”
“ ก็ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้นเลยไอ้สัด ”
“ อย่าดูถูกกูขนาดนั้นดีน ” สูดลมหายใจเข้าปอดในตอนที่พูด ผมผ่อนมันออกมา “ การที่กูไปไหนจากมึงไม่ได้ แม้ว่าจะคบใครสักกี่คน ไม่ได้หมายความว่า กูแค่ชอบเค้าเพราะอยากจะประชดมึง หรือเอาเค้ามาขั้นเวลา กูแค่ไม่อยากจะรักมึงแล้ว และอยากจากชีวิตที่มันรักแค่มึงต่างหาก ”
“ แล้วคิดว่าคนนี้เป็นยังไง ” มันถามเสียงเรียบ “ คนที่มึงวุ่นวายกับเค้าจนไม่ได้รับสายกู ไม่โทรกลับ คิดว่ามันจะจบเหมือนเดิมมั้ย ”
“ ไว้รอดูแล้วกัน ” ตอบออกไปแค่นั้น ปลายสายก็เงียบไปสักพัก
“ จะเที่ยงแล้ว มึงกินอะไรยัง ไปหาอะไรกินกันมั้ย ” เงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่กับฝาผนังในห้องเหนือโซฟาตัวที่ตอนนี้เจ้าแก้มหอมขึ้นไปนอนเหยียดยาว ตอนที่ได้ฟังประโยคนั้น
“ ขี้เกียจ ” บอกปัดไปแค่นั้น แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ ดีนคงอยากจะเจอกันให้ได้
“ งั้นเดี๋ยวกูไปหา มึงอยู่ที่คอนโดใช่มั้ย ”
“ กูออกไปเองแล้วกัน จะไปกินที่ไหน ” รีบบอกออกไปแบบนั้น ปลายสายก็นิ่ง “ ว่าไง ”
“ ไหนบอกขี้เกียจ แต่พอกูจะไปหา ขยันขึ้นมาทันทีเลยนะไอ้สัด ” ดีนว่ายิ้มๆ “ ทำไม รังเกียจกูขนาดนั้นเลย หรือว่า มึงแอบซุกใครไว้ในห้อง ”
“ จะซุกใครไว้ละไอ้สัด ” ผมบอกปัดก่อนจะเหลือบมองไปข้างห้อง
ปัญหาคือไม่ได้ซุกหรอกแต่ถ้าดีนมาแล้วเจอเข้ากับเมี่ยง ผมคิดว่ามันน่าจะชิบหายกว่าเดิม เพราะไม่ใช่แค่เรื่องที่ผมชอบเมี่ยง แต่มันคือเรื่องของ นาเดีย อดีตคนรักเก่าของอีกฝ่ายที่แม้แต่ตอนนี้ยังเป็นชนวนให้ทั้งมันทั้งไอ้เบสทะเลาะกัน แล้วถ้ามันรู้ว่า สุดท้าย ไอ้เมี่ยงได้เธอไป ทั้งไอ้เบสไอ้ดีน อาจจะเบนเข็มมาหาเรื่องมันก็ได้
เพราะแค่ถามว่า ทำไมไม่บอกว่าเมี่ยงอยู่ข้างๆห้องผม มันก็ดูไม่มีประตูไหนเลยที่พอปฎิเสธแล้ว จะฟังดูเข้าท่า สำหรับเหตุผลที่ผมปกป้องเมี่ยงไว้
“ ก็ใครจะไปรู้ บางทีมึงอาจจะซุกคนที่ตอนนี้มึงบอกว่ากำลังสนใจอยู่ก็ได้ ”
“ ไร้สาระ ” ผมบอกปัด
“ งั้นกูจะไปนะ คิดถึงแก้มหอมด้วย จะไปเล่นกันมันหน่อย ” หันไปมองเจ้าตัวขนนุ่มที่ปลายสายพูดถึง “ มึงจะกินอะไร ให้กูซื้อเข้าไปหรือว่าจะทำให้กูกิน ”
“ มึงซื้อมาแล้วกัน ” ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะบอกปัดยังไง ก็เลยได้แต่ถ่วงเวลาไว้ก่อน
“ แล้วจะกินอะไร ข้าวหน้าเนื้อได้มั้ย ”
“ ก็ได้นะ ”
“ ในห้องมีเบียร์ใช่มั้ย กูจะได้ไม่ต้องซื้อไป ” เดินไปที่ตู้เย็นในตอนที่อีกคนถาม ผมเปิดมันออกก่อนจะพยักหน้ารับ
“ มีประมานโหลนึงได้มั้ง ”
“ โอเค เจอกันนะ แล้วก็... ” ปลายสายเว้นเสียงยิ้มๆ “ ถ้าซุกใครไว้ ก็อย่าลืมเอาไปซ่อนนะครับ เอามันไปให้ไกลๆเลยก็ดี ”
“ ก็บอกว่าไม่มีไงไอ้สัด ” ถอนหายใจออกมาในตอนที่พูดย้ำอย่างงั้น ดีนก็เอาแต่หัวเราะ
“ เหมือนในหัวใจมึงนั่นแหละ ไม่ว่าจะพยายามยังไง สุดท้ายก็มีแค่กู จำไว้ ”
สายโทรศัพท์นั้นถูกวางลงก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรกลับไป ดีนก็ยังคงเป็นดีน ที่มีความมั่นใจสูงให้กับหัวใจของผมว่ายังคงรู้สึกกับมันอย่างมั่นคงไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ หรือไม่ว่าจะพบเจอใครก็จะไม่เปลี่ยนแปลง
ก็อย่างที่ไอ้โฮมบอก ผมรักดีนมานานเกินไปแล้ว มันนานจนผมกลายเป็นแค่คนโง่คนนึงที่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะสั่งให้รู้สึกยังไง ก็จะรู้สึกมันไปอย่างงั้น จะขวาก็ขวา จะซ้ายก็ซ้าย เป็นไปตามคำสั่ง อย่างคนคนนึงที่รักใครสักคนหมดหัวใจ
“ ก็คือไอ้โง่คนนึงนั่นแหละ ” พูดแบบนั้น ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมาอีกครั้ง ผมกดโทรออกไปหาคนที่อยู่ข้างกัน หลังจากที่สะบัดความไร้สาระที่คิดอยู่ในหัวออกไป
เสียงรอสายดังอยู่ไม่นานนั้น เมี่ยงกดรับ พร้อมด้วยเสียงงัวเงียที่คล้ายกับว่าเพิ่งตื่น “ ว่าไง ”
“ หลับอยู่ ? ” ถามออกไป เสียงครางเบาๆก็ดังขึ้นเป็นคำตอบ
“ อื้อออ ”
“ ดีนจะมาหากูที่นี่นะ ” ผมบอกก่อนจะยกยิ้ม ในตอนนั้นปลายสายก็สบถออกมา
“ เหี้ย ”
“ เพราะงั้นถ้ามึงอยากจะให้ความลับแตก ว่ามึงเป็นเพื่อนบ้านกู แถมยังเป็นแฟนเก่าคุณนาเดีย ก็เชิญมาห้องกูได้ มันคงถึงภายในสามสิบนาทีนี้แหละ แต่ถ้ามึงไม่อยากจะให้ความลับแตก ก็อย่าส่งเสียงจนมันมีพิรุธ เข้าใจมั้ย ”
“ แล้วมันจะมาภายในสามสิบนาทีนี้เหรอ แต่กูยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ กูคิดว่าจะสั่งข้าวกินอะ แล้วแบบนั้นถ้าคนส่งข้าวมา มึงจะให้กูออกไปเอายังไง ถ้าออกไปแล้วเจอมันละ ”
“ ก็ออกไปที่ระเบียงแล้วให้เค้าโยนขึ้นมาให้จากด้านล่างสิ ” ผมบอกแบบทีเล่นทีจริง อย่างแกล้งเย้าอีกฝ่าย “ แล้วก่อนที่จะโยนก็ให้เค้าพูดด้วยว่า รับน้า ”
“ รับน้า พ่อมึงสิไอ้สัด ” หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับประโยคหัวเสียนั่น เมี่ยงก็ยังเป็นเมี่ยง คนที่ตื่นเต้นตกใจเกินเบอร์กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นใหญ่หรือเล็ก “ มึงงง ไม่เล่น ช่วยคิดหน่อย ทำไงดี ”
“ ทำไมกูต้องช่วยคนที่เมื่อเช้าเทโจ๊กกูลงถังขยะ ทั้งๆที่กูตื่นขึ้นมาหั่นหมูให้ตั้งแต่ตีห้า ”
“ ก็ตอนนั้นมัน...” ปลายสายเงียบไป มันคงกำลังคิดถึงเหตุผลสักข้อที่พูดออกมาให้ฟังแล้วผมจะไม่ถือโทษโกรธมัน หนำซ้ำต้องเป็นอะไรที่ดูน่าเห็นใจสักหน่อย เพื่อที่ว่า ผมจะได้ช่วยมันคิด “ ก็ตอนนั้นกูต้องเข้มแข็งไง กูก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเองเปล่าวะ ไม่งั้นมึงก็ไม่ถอยอะอาร์ม ”
หลุดยิ้มกว้างออกมากับเสียงติดงอแงของอีกฝ่าย ผมเผลอคิดใบหน้าของคนข้างห้องที่ก็คงขมวดคิ้ว แล้วทำปากแบะน้อยๆตามนิสัย นิ้วเล็กๆของมันคงเขี่ยไปตามผ้าห่มอย่างไม่รู้จะเอาไปตั้งตรงไหน ในตอนที่อ้างอะไรแบบนั้นออกมา
“ ห้องกูมีมาม่า เอาไปแดกก่อนมั้ย ”
“ อยากกินข้าว ”
“ ช่วงเวลาแบบนี้ยังเรื่องมากได้อีกนะมึงน่ะ ” ผมว่า
“ อยากกินข้าวหน้าเนื้อของ โยชิโนยะ แล้วก็โป๊ะไข่ออนเซ็น ”
“ ไอ้ดีนจะซื้อมาให้กูพอดี เอามั้ย เดี๋ยวสั่งให้ ”
“ K ได้ที่ไหนละ ” เมี่ยงบอก “ แบบนี้ได้มั้ย กูจะสั่งตอนที่ดีนถึงที่ห้องมึงแล้ว แล้วพอเค้ามาส่งกู มึงก็รั้งดีนไว้ให้อยู่ในห้องของมึง ส่วนกูก็จะวิ่งจู๊ดลงไปเอาข้าวแล้วก็กลับขึ้นมา หลังจากนั้นมึงก็ปล่อยดีนได้เลย กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
“ แล้วถ้ากูทำตามที่มึงขอ กูจะได้อะไร ” ผมถามกลับ “ ดูหนังด้วยกันสักเรื่องได้มั้ย แบบว่ากินมื้อเย็นด้วยกัน ดูหนังสักเรื่อง ”
“ ทำให้ด้วยใจไม่ได้เหรอสัด คนที่มึงชอบกำลังตกที่นั่งลำบากเลยนะ ” ได้แต่ยิ้มออกมากับคำพูดนั้นของอีกฝ่าย เมี่ยงมันถอนหายใจ “ ทำไมไม่ช่วยเหลือ”
“ รู้ครับ แต่ผมก็อยากอยู่ใกล้ๆคุณไง ขอหน่อยไม่ได้เหรอ ” ผมพูดเสียงอ้อนอีกฝ่าย “ มึงบอกไม่อยากจะให้กูเข้าไปใกล้ กูก็จะไม่เข้าไปถ้าไม่ขอมึงก่อน โอเคมั้ย มึงจะได้ไม่ต้องอึดอัด ”
“ งั้นให้เลือกอย่างเดียว ” ปลายว่าแบบนั้น “ มึงจะเอากินข้าวเย็น หรือว่าจะดูหนัง เลือกมาสักอย่าง ”
“ ดูหนังแล้วกัน ”
“ โอเค ดีล ” เมี่ยงว่างั้น ผมก็หลุดหัวเราะ “ เพราะงั้นเรามาช่วยกัน มึงห้ามให้ดีนรู้ว่ากูอยู่ข้างๆห้องมึง โอเคนะ ”
“ อื้ม ”
“ แล้วก็ถ้าดีนถึงห้องมึงแล้ว มึงก็ส่งข้อความมาบอกกูด้วย กูจะได้โทรสั่งข้าว แล้วพอคนส่งมาส่ง กูก็จะส่งข้อความไปบอกกมึงเหมือนกัน มึงจะได้รั้งไอ้ดีนไว้อยู่แต่ในห้อง ห้ามให้มันออกมาเพ่นพ่าน ”
“ ครับผม รู้แล้วครับ ” ตอบรับแบบลากเสียง แต่เหมือนคู่สนทนาจะแค่เงียบไป ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“ แล้วนั่นกินข้าวยัง ”
“ ยัง ”
“ รอกินพร้อมดีนเหรอ ”
“ อื้ม ” ตอบกลับไป แต่ปลายสายนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง “ ทำไมอะ เป็นห่วงเหรอ ”
“ ถามไปงั้นๆแหละไอ้สัด ไม่รู้จะพูดอะไร ”
“ อยากชวนคุย ? ” ผมเย้า
“ ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละสัด แค่นี้แหละ ไม่คุยด้วยแล้ว ” มันว่าติดงอนก่อนจะวางสายกันไปแบบดื้อๆ เสียอย่างงั้น ส่วนผมก็ได้แต่ดึงมือถือออกจากหู มองดูหน้าจอที่เพิ่งวางไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา มันเหมือนความน่ารักถูกอัดเข้ามาในอก มันหยุดยิ้มไม่ได้ แค่เพราะคิดถึงสีหน้าที่ท่าทางจะงอง้ำน่าดู อย่างงั้น
“ น่ารักไอ้สัด ”
................................................................
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ลั่นเบาๆอยู่ตรงโต๊ะตรงหน้าโซฟาตัวที่กำลังนั่ง เจ้าแก้มหอมที่กำลังเบียดตัวเองกับขา ผมชะงักมือที่กำลังเกาคอให้อีกฝ่ายลงก่อนจะดึงตัวเองไปดูแจ้งเตือนบนหน้าจอ ที่ก็ฉายชื่อของคนที่บอกว่าจะมาหากัน
Deen:
ถึงแล้วนะ
ขอรหัสเข้าตึกด้วย
Arm:
เดี๋ยวส่งเข้าไปให้ในข้อความ
Deen:
โอเค