ตอนที่ 24
“ตั้งใจเรียน”
“อื้อ”
“เลิกแล้วโทรมา
“อื้อ”
“ห้ามไปกับคนแปลกหน้า”
“อื้อ”
“ห้าม…”
“ลุงผมจะสายแล้วนะ -0-”
ผมมองนาฬิการถทันที เออว่ะมันเรียนเก้าโมงนี่แปดโมงห้าสิบละ เลยรีบดึงมันมาจุ้บปากย้ำๆหลายทีให้มันหน้าแดงวิ่งลงรถเข้าตึกไป ผมจอดดูมันสักพักก็เห็นหลายคนจ้องมันด้วยสายตาแปลกๆอยู่บ้าง เฮ้อ…
ส่งมันเรียบร้อยผมก็ตรงไปที่สถานีตำรวจ ถึงจะไม่มีหมายเรียกหรือหมายเรียกจะส่งไปที่โรงพยาบาลก็ช่าง ผมควรเข้ามาให้ปากคำ และมาดูว่าต้องจ้องทนายหรือเปล่าถึงผมจะไม่มีสิทธิ์ในฐานะผู้ปกครองหรืออะไรได้เลย แต่ถ้าดูรูปการณ์แล้วไม่เวิร์คก็คงต้องไปคุยให้พ่อแม่มันออกหน้าแทน ผมให้ปากคำโดยไม่ลืมเทปกล้องวงจรปิดที่เนมเคยมาหาเรื่องไอ้ตูบกับเพื่อนผู้หญิง คุณตำรวจก็รับไปเปิดดูก็โอเคใช้เป็นหลักฐานได้ จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยก็เจอคำถามกระแทกใจซะได้
“พรากผู้เยาว์หรือเปล่าครับ”
ให้ปากกคำเสร็จตำรวจท่านก็จ้องผมเขม็งทันที
“เปล่าครับ”
ซีดเลยกู ลืมไปได้ยังไงว่ามันยังไม่ยี่สิบ! ชิบหายละ
“แน่ใจ?”
“แน่ครับ…เราแค่คบกันเฉยๆไม่ได้เป็นไปในทางนั้นเลย เพราะน้องเขาก็ยังเด็ก”
มุสาวาทา… ใจหล่นตุ้บไปอยู่ตาตุ่มแต่ก็ยังฉีกยิ้มน้อยๆให้คุณตำรวจ
“ครับ เสร็จแล้วครับ แต่ก็แปลกนะคุณหมอก็ไม่ได้หน้าตาพิมพ์นิยมสมัยนี้ ทำไมเด็กผู้ชายสองคนต้องมากรีดหน้ากันแย่งคุณด้วย หรือคุณจับปลาสองมือ?”
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมรักนายบริรักษ์คนเดียว อีกคนนั้นเจอกันแค่สองสามครั้งครับ”
“เฮ้อ เอาเถอะกลับได้เลยครับ”
“ครับสวัสดีครับ”
ผมรีบยกมือไหว้คุณตำรวจเผ่นแนบออกมาทันที โรงพักนี่ไม่เหมาะจะมาเดินเล่นจริงๆ
“ว่าไงไอ้เสือ นึกว่าลืมกูไปแล้ว”
“เออกูลืมมึงไปละปิ๊งเลยมาหาไอ้ปัณณ์ถึงนึกได้ว่ามึงอยู่ด้วย”
มันถลึงตาใส่ก่อนเดินกระแทกไหล่ผมไปหาไอ้ตูบน้อยข้างหลังทันที
“น้องเบียร์ดีใจจังมากินข้าวบ้านพี่”
“พี่ปิ๊งสวัสดีครับ”
และบรรยากาศสีชมพูหวานแหววก็เกิดขึ้นระหว่างมันสองคนทันที ‘พี่ปิ๊งน้องเบียร์’ หลุดไปในโลกหัวเราะต่อกระซิกซะอย่างนั้น ส่วนผมเดินไปหาไอ้ปัณณ์ที่ห้องครัว
“ไงมึง”
“อ้าวพี่กรสวัสดีครับ รอแปปพี่หมักหมูอยู่”
“นี่ทำเองหมดเลยรึไง ไม่ให้ไอ้ปิ๊งช่วยวะ”
“ปิ๊งพึ่งออกเวร ผมว่างๆทำเองก็ได้”
มันยิ้มให้แล้วขยำหมูต่อ สามีดีเด่นจริงๆไอ้ปัณณ์ เสื้อบอลตัวโคร่งกับขาสั้นหัวทรงเดินสกินเฮดที่เริ่มยาวไม่น่าเชื่อวาลุคนี้จะทำนิตยสารแฟชั่นออนไลน์และขายเสื้อผ้าด้วย
“เอ้อ เดี๋ยวเลือกชุดให้ไอ้เบียร์หน่อยนะ”
“ไอแพดบนโต๊ะเข้าแอปร้านอยู่ พี่กรเลือกเลยเดี๋ยวผมไปเอาข้างบนให้ ราคาพิเศษ”
“เฮ้ยไม่เอา ช่วยอุดหนุนน้อง”
เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันอีกสักพักสองแมวก็เดินเข้าบ้านมา ผมเห็นไอ้เบียร์ทำหน้าผวาแมว มันกลัวแมวทุกตัวที่ไม่ใช่ไอ้บู้ไม่รู้ทำไม ไอ้ปิ๊งยังทำหน้าระรื่นชวนไอ้ตูบคุยนั่นคุยนี่ดูมันคุยถูกคอกันดี
“พี่กรผมว่าจะเปิดร้านในห้าง พี่คิดว่าไง?”
“พี่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจ แต่พี่ว่าต้องดูว่ากำไรมันคุ้มกับที่ลงทุนมั้ย ลองคำนวนคร่าวๆหรือยัง?”
“ทุกวันนี้มันขายได้เยอะจนบางทีเสื้อผ้าก็หมด เพราะบ้านผมมันก็เท่านี้จะสั่งเพิ่มก็ไม่มีที่วาง ถ้ามีหน้าร้านก็อาจจะใช้ร้านทำสต็อกได้ด้วย ลูกค้าใกล้ๆก็จะได้ไม่ต้องซื้อผ่านเว็บ จะได้ทำของเพิ่มได้ ถ้าที่บ้านหมดร้านก็ยังมีสำรอง”
“อืม… ก็ใช้ได้ ลองดูก็ดี เผื่อต่อไปจะขยายไปห้างอื่นได้”
“เดี๋ยวลองคุยกับหุ้นส่วนก่อนถ้าไว้เปิดร้านวันไหนจะบอก พี่พาเบียร์มาด้วยแล้วกัน”
“แน่นอน น้องเปิดร้านทั้งที ช่วงนี้ไม่ได้ออกกำลังเลยมีงานไหนจะจัดบ้างวะ”
ผมกับปัณณ์เราอยู่กลุ่มวิ่งมาราธอนครับ ที่ไหนจัดก็ไปวิ่งหมดบางทีก็แข่งบอลด้วย นอกจากนั้นก็ยังทำพวกกิจกรรมจิตอาสา มีคนในกลุ่มประมาณหกสิบคนได้
“เร็วๆนี้เดี๋ยวจะมีจัด ไว้ผมบอกพี่แล้วกัน ถ้าว่างก็ไปนะ”
“แน่นอน”
“ป่ะของเสร็จแล้ว มาช่วยผมยกเลย”
ผมช่วยยกของทำสุกี้มาที่โต๊ะกระจกหน้าทีวี ไอ้สองคนนี้มันอยู่กันบ้านเดี่ยวหลักเล็กมากแทบจะคล้ายทาวน์เฮาส์แต่ก็ไม่ยอมย้ายออกกัน มันบอกมันชอบผมก็โอเคเพราะผมก็ติดบ้านตัวเองตอนนี้เหมือนกัน
อั่งเปากับปลาทูแมวคู่รักชูชื่นก็นอนคลอเคลียกันอยู่บนเบาะที่นอน ไอ้ปิ๊งบอกปลาทูกำลังท้องแล้วใกล้จะเป็นแม่แมวพ่อแมว มันแทบน้ำตาไหลเพราะเหมือนลูกสาวแต่งงานออกเรือน เวอร์ดีครับ
“น้องเบียร์พี่ปิ๊งคีบหมูให้นะ”
มันเห่อน้องคนใหม่มันเหลือเกินดูแลอย่างดี ไอ้ปัณณ์ก็ทำหน้ามึนไม่ได้ว่าอะไรรินเบียร์ให้ผมแทน คู่รักที่ไม่เหมือนคู่รักถ้าไม่เพราะไอ้ปัณณ์มันคีบนั่นคีบนี่ใส่ถ้วยไอ้ปิ๊งบ้างมันก็แทบไม่คุยกัน
“ปิ๊ง เมียกูกูคีบให้เอง”
“เสือกจริงๆไอ้กร แดกของมึงไป น้องชายกูโว้ย ไปคีบไอ้ปัณณ์โน้น”
“มามะน้องปัณณ์พี่กรป้อน”
ไอ้ปัณณ์หัวเราะก่อนจะขยับหนี ไอ้เหี้ยนี่ไม่รับมุกกูเลย เลวจริง
กินไปจนอิ่มปิ๊งกับเบียร์ก็ช่วยกันเก็บส่วนผมกับปัณณ์นั่งจิบเบียร์คุยกันต่อ ไอ้ปัณณ์มันไม่ได้ออกไปไหนเลยแต่มันมีเรื่องมาคุยกับผมเยอะแยะ ตั้งแต่แมวท้องไอ้ปิ๊งงอนยันหนูวิ่งบนหลังคา
ส่วนสองสาว(?)ก็คุยกระหนุงกระหนิงล้างจานคุยกัน
“น้องเขาน่ารักดีนะพี่”
“อื้อ ก็ใช้ได้ มันไม่งอแง”
“ไหนตอนแรกบอกมันกวนตีน”
“เดี๋ยวนี้ไม่กวนละ ลองกวนดิกูฟาดแม่ง”
“อื้อหือออออ โหดจริงๆ แล้วหน้ามันไปทำไรมา”
ตอนนี้ไอ้ตูบไม่ได้ปิดผ้าก็อตที่แก้มแล้วเพราะแผลเริ่มตกสะเก็ดหายบวมเหลือแค่ตรงหน้าผาก มันก็ดูไม่ค่อยมั่นใจกับหน้าตาที่มีสะเก็ดแผลผ่าไปทั้งแก้มด้านหนึ่ง
“โดนกรีด อย่าพูดไปล่ะมันไม่มั่นใจเลย”
“คนทำแม่งก็โหดว่ะ หน้าขาวๆเนียนๆเป็นแผลซะงั้น”
ผมบอกไอ้ปิ๊งก่อนมาแล้วว่าอย่าทักไอ้เบียร์มันเรื่องนี้ มันก็คงบอกปัณณ์แล้ว ปิ๊งกับผมชินแล้วกับเรื่องแผลเรื่องเลือดมันเลยไม่ตกใจสักนิด ก็ดีไอ้ตูบของผมเลยไม่เกร็ง
“กำลังตามจับ ยังไงกูก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แค้นชิบหาย”
“หึหึ เมียทั้งคนใช่มั้ยล่ะ”
ไอ้นี่บังอาจมาทำหน้าแซว ผมเลยบ้องหัวมันไปทีนึง
“รังแกไรแฟนกู!”
ไอ้ปิ๊งมายืนเท้าเอวชี้หน้าด่าผมทันที ตอนมันอยู่ปัณณ์ล่ะทำตัวมุ้งมิ้งพอผมมาเท่านั้นแหละออกลายทันที ตูล่ะเซ็ง
“กูเบื่อมึงจริงๆไอ้ปิ๊ง เอาไอแพดให้เบียร์เลือกชุดหน่อยดิ”
เบียร์มันเดินตามออกมา ปัณณ์ส่งไอแพดให้มันก็รับไปงงๆ
“เลือกชุดเลยเบียร์ มีเสี่ยจะซื้อให้ เหมาพี่ทั้งหมดก็ได้นะ ฮ่าๆ”
“จริงอ่ะลุง?”
“หลายๆชุดได้แต่เหมาหมดไม่ได้ไม่มีตังค์”
“แค่นี้ทำงกนะมึง มาๆน้องเบียร์พี่ช่วยเลือกครับ เรามาดูชุดน่ารักๆกันดีกว่า”
ไอ้ตูบมันก็เป็นแฟนคลับของแบรนด์ไอ้ปัณณ์ พอมันพูดว่าเสื้อรุ่นลิมิเต็ดต้องเป็นสมาชิกหรือมียอดซื้อเกินที่กำหนดถึงซื้อได้แต่มันซื้อไม่เคยถึงเลย ไอ้ปิ๊งจัดการทำหน้าหมาอ้อนใส่ผัวมัน จนไอ้ตูบผมได้เสื้อลิมิเต็ดบ้าบอไรนั่นไปหลายตัวแถมด้วยกางเกงและรองเท้าที่จะวางในเดือนหน้า
“มีความสุขล่ะสิ”
“มว้ากกกกกกกกกกกกกก ได้ของใหม่ด้วยอ่ะ ดีใจจจจจจจ”
มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข เอาเถอะมันพอใจผมก็สบายใจ ถึงบ้านเราก็ทำกิจวัตรเหมือนเดิมคือมันอาบน้ำก่อนส่วนผมทำงานต่ออีกสักพักก็เดินเข้าห้องอาบน้ำบ้าง เดินออกจากห้องน้ำมามันก็นอนตาแป๋วมองผมอยู่บนเตียงแล้ว
“มาดูแผลหน่อย”
ผมนั่งบนขอบเตียงฝั่งมัน มันก็เขยิบมานอนหนุนตักผม แผลเริ่มดีขึ้นอีกไม่นานคงไปตัดไหมได้ ความจริงมันไม่ต้องปิดผ้าก็อตแล้วแต่เวลาไปเรียนผมยังทำให้อยู่เพราะแผลมันเห็นชัดอาจจะถูกมองแล้วมันจะรู้สึกไม่ดี
“น่าเกลียดมั้ย”
“ยังไม่กล้าดูอีกหรอ หืม”
“อื้อ … ผมกลัว”
มันหลุบตาลงแต่ผมก็ไม่ได้คาดคั้นหรือพยายามปลอบ บางเรื่องก็ต้องใช้เวลา รอให้เอาไหมออกก่อนถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที
“เดี๋ยวก็หายนะ”
ผมโน้มหน้าลงไปจุ้บหน้าผากมันเบาๆก่อนจะไล่ไปตามจมูก แก้ม… และปาก…
“อื้อ …… อะ ลุงง …”
ผมยิ้มกริ่มมองหน้าขาวๆของไอ้ตูบที่ขึ้นสีเรื่อ ปากแดงเผยอครางออกมาไม่หยุด สองมือผมยึดสะโพกนิ่มไว้ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียวกระสันถึงขนาดต้องกัดฟันแน่น ไอ้ตูบก็คงไม่ต่างกันเพราะมันแอ่นตัวครางลั่น ยอดอกสีสวยชูชั้นให้ผมได้ก้มลงไปชิม ครั้งแล้ว…ครั้งเล่า
ปากของเราหากันเจออีกครั้ง ขบเม้มกันและกันจนความชื้นหยาดลงมาข้างแก้มไอ้ตูบให้ผมจูบซับจนหมด และในที่สุดคลื่นความร้อนจากผมก็ถ่ายเทเข้าไปในตัวมัน พร้อมกับที่มันปลดปล่อยออกมาเต็มมือผม
ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆโอบกอดมันจากด้านหลังแต่ยังไม่ยอมถอนกายออก … ชอบที่ตัวเองอยู่ในตัวมันแบบนี้
“ลุง … เอาออกดิ”
มันพึมพำเสียงเบาพยายามขยับหนีแต่ผมยึดมันไว้
“สบายดีออก หึหึ”
“สบายบ้าอะไรเล่า…”
“อย่าขยับเดี๋ยวได้ต่อรอบสอง เอ้ะ หรือว่าอยาก?”
“ไอ้ลุงหื่น!”
มันนอนตัวแข็งไม่กล้ากระดุกกระดิก แต่แผ่นหลังขาวที่มีรอยที่ผมทำกลับปลุกเร้าอารมณ์ผมขึ้นมาอีกรอบ และมันก็รู้สึกเพราะรีบเขยิบหนี …แต่…จะหนีจากพี่มันไม่ง่ายหรอกนะน้องเบียร์…
ขาขาวมันถูกผมรั้งขึ้นก่อนจะเริ่มขยับเอวอีกครั้ง น้ำรักที่อยู่ในตัวมันทะลักออกมาเมื่อผมเริ่มขยับ แผ่นอกผมเสียดสีกับแผ่นหลังมัน… และสุดท้ายทุกอย่างก็เริ่มอีกครั้ง
ตอนเช้าไอ้ตูบมันงอนไม่ยอมมองหน้าผมขณะผมปิดแผลให้มัน มันก็บ่นขมุบขมิบกันหน้าไปทางอื่น มันโกรธเพราะผมไม่ยอมถอนตัวออกจริงๆจนถึงเช้า
“ยิ้มหน่อยเร้ว”
“เหอะ”
“เจ็บขนาดนั้นเลยหรอ”
ผมยอมอ่อนให้… เพราะเห็นมากับตาว่าตรงนั้นเหมือนจะระบม
“ลุงมาลองมั่งมั้ยล่ะ! ของตัวเองไม่ได้เล็กเท่าไม้ขีดไฟนะแช่ไว้ทั้งคืนมันก็ชาหมดแล้ว!!! อย่างกับตอปิโด!!!”
“ขอบคุณครับที่ชม”
ผมแกล้งยิ้มกว้างแต่มันเบิกตาหน้าแดงก่ำแล้วค้อนผมวงใหญ่ หึหึ ความภูมิใจของลูกผู้ชายก็ต้องมีมังกรตัวใหญ่ติดตัว ใครจะอยากได้หนอนชาเขียว!
“ป่ะไปเรียน เดินระวังล่ะเดี๋ยวมันกระเทือน”
“ไอ้ลุงบ้า !”
อดเป็นห่วงมันไม่ได้ที่เห็นมันเดินลากขาเข้าตึกคณะไป หน้ามันนิ่วคิ้วขมวดคงจะระบมจริงๆ คราวหน้าถ้ามันมีเรียกผมจะไม่ทำแรงๆแบบนี้อีกแล้ว แต่ถ้าไม่มี… ก็ขอสักหน่อยแล้วกัน
- -------------------------
ใครทำลุงกรของหนูหื่นแบบนี้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คิดถึงปัณณ์ปิ๊งงงงงงงงง >3<