Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 280758 ครั้ง)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
(ต่อตรงนี้ค่ะ)


“ฮาร์ฟ”

เสียงทุ้มที่กระซิบขึ้นข้างหูอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอานรกรที่กำลังมีสมาธิจดจ่อกับหนังสือสะดุ้งเฮือก ขนหลังคอลุกซู่และขยับหนีจนแทบตกเก้าอี้

“เฮ้ย!”

เดือดร้อนคนแกล้งน่ะแหละที่ต้องเป็นฝ่ายยื่นมือมารับไว้ “ขอโทษทีๆ ไม่คิดว่าจะตกใจขนาดนั้น” วินทร์บอกพลางลูบไหล่ลูบหลังเรียกขวัญทั้งที่แอบขำในลำคอ “ขวัญเอ๋ยขวัญมา”

นรกรขืนตัวออกห่างเมื่อรู้สึกว่าวงแขนของอีกฝ่ายรัดแน่นเข้ามาทุกที “พี่วินทร์มีธุระอะไรครับ”

“แค่อยากให้ช่วยฟังอะไรหน่อย” วินทร์ดึงเก้าอี้ตัวข้างๆ ออกนั่งลงพร้อมกับส่งหูฟังที่กำลังฟังเพลงอยู่ให้ข้างหนึ่ง

“มันมีอะไรพิเศษเหรอครับ” นรกรถามเมื่อฟังไประยะหนึ่งก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกหรือผิดปกติ ก็แค่เพลงจากรายการวิทยุที่กำลังจัดอยู่ตอนนี้

“เอาน่า ฟังไปเถอะ”

เพราะวินทร์กระเซ้าไม่เลิกเขาจึงฟังต่อ ทว่าเสียงกังวานใสของนักร้องที่ถ่ายทอดบทเพลงเศร้าแต่หวานในท่วงทำนองนั้นช่างกินใจยิ่งนักจนทำให้เขาเผลอเคลิ้มตามไปด้วย

“ตกลงมันมีอะไรครับพี่วินทร์” นรกรถามเมื่อฟังจนจบเพลงก็ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นพิเศษ ถึงแม้จะแอบลุ้นว่าดีเจจะกล่าวปิดท้ายว่าเพลงนี้ใครเป็นคนขอและขอให้ใคร แต่ก็ไม่มีอะไรให้ใจเต้นนอกจากเพลงต่อไปที่รันขึ้นมา

“ตรงนี้ไง” วินทร์ยิ้มพลางจับสายหูฟังที่เชื่อมถึงกันแกว่งเบาๆ และเพราะความตั้งใจที่จะฟังประกอบกับหูฟังที่สั้นทำให้นรกรเผลอเขยิบเข้าไปใกล้และยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาจนชิด จนรับรู้ได้ถึงเสียงลมหายใจที่ปลายจมูกกับความหยาบกร้านของไรหนวดที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม

นรกรสาบานได้ว่าตอนนี้ตัวเองจะต้องหน้าแดงยิ่งกว่าสายหูฟังนั่นแน่ๆ เขารีบดึงหูฟังส่งคืนและขยับตัวออกห่าง “ไม่ตลกนะครับพี่วินทร์” พลางแกล้งทำเป็นก้มหน้าสาระวนกับหนังสืออีกครั้ง

“ก็ไม่ได้เล่นตลกให้ดู” วินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่มและเท้าคางลงบนโต๊ะ “แค่อยากให้คุณสารานุกรมเคลื่อนที่เงยหน้าจากหนังสือมามองกันบ้างก็แค่นั้นเอง”

มือที่กำลังพลิกหน้ากระดาษชะงักกึก นัยน์ตาสีอ่อนตวัดขึ้นมองคนที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา “เมื่อกี้พี่วินทร์พูดว่าอะไรนะครับ”

“อยากให้นายเงยหน้าขึ้นมามอง”

“ไม่ใช่ครับ” นรกรกำหนังสือในมือแน่น “ก่อนหน้านั้น พี่วินทร์เรียกผมว่าอะไรนะ”

“ก็คุณสารา…” ดูเหมือนวินทร์จะรู้ตัวในที่สุด

“อย่าเรียกอีกนะครับผมไม่ชอบ”

“ทำไมล่ะ”

“มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะเรียกแบบนั้นได้และพี่วินทร์ไม่ใช่คนนั้น!” นรกรบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวก่อนฮาร์ฟ” วินทร์รีบคว้าแขนไว้ “ฉันขอโทษ”

นรกรพยายามจะสะบัดให้หลุดแต่เมื่อหันไปเห็นแววตาสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อน เพราะมันไม่ใช่ความผิดของวินทร์เลยสักนิด แต่เป็นความอ่อนแอของเขาเอง ร่างโปร่งนั่งลงตามเดิมและเอ่ยขอโทษ “ขอโทษครับที่เสียงดังใส่”

“คนสำคัญเหรอ” วินทร์เลียบเคียงถาม

นรกรพยักหน้า

วินทร์เม้มปากสนิทครั้งหนึ่ง “งั้นฉันขอโทษนายน่ะถูกแล้ว เป็นฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันถ้าต้องโดนเอามาเปรียบเทียบกับคนอื่น”

“ขอบคุณครับที่เข้าใจ” นรกรบอกและเริ่มเปิดหนังสือเตรียมจะอ่านต่อ เมื่อกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวมาตกข้างเท้า

วินทร์เป็นคนสังเกตเห็นก่อนและก้มลงเก็บ เขากำลังจะยัดมันใส่กระเป๋า แต่นรกรท้วงไว้

“นั่นมันของผมนี่ครับ”

“ของฉัน” วินทร์บอกและรีบเก็บเป็นการใหญ่

“งั้นผมขอดูหน่อยครับ” เสียงของนรกรเข้มขึ้นเล็กน้อย

เมื่อได้ยินแบบนี้วินทร์จึงไม่มีทางบ่ายเบี่ยง เขาส่งกระดาษแผ่นนั้นให้นรกรที่รับไปเปิดดู มันเป็นกระดาษที่เขาเจอหน้าล็อกเกอร์เมื่อหลายวันก่อนและสอดไว้ในสมุด

“ถ้าเป็นของพี่วินทร์แล้วทำไมมันถึงมีชื่อผมล่ะครับ”

“ก็…” วินทร์ยกมือขึ้นขยี้ผมอย่างขัดใจ

“พี่วินทร์ครับ”

“เรื่องที่นายเคยถามน่ะ ว่าฉันตกหลุมรักนายได้นายยังไง” วินทร์กระซิบอ้อมแอ้มและเป็นฝ่ายที่หน้าแดงเสียเอง “นายยังอยากฟังอยู่ไหม”

“ก็… ถ้าเล่าก็ฟังครับ”

“แต่ฉันไม่อยากเล่าที่นี่”

“หมายความว่าไงครับ”

คนถูกถามอมยิ้มกรุ้มกริ่มกับแผนการที่เพิ่งนึกขึ้นได้ “เรื่องแบบนี้มันเหมาะจะเล่าใต้แสงจันทร์ หรือบนโต๊ะอาหารที่มีแค่เราสองคนนะ”

นรกรส่ายหน้าเบาๆ ครั้งหนึ่งคล้ายกับอิดหนาระอาใจเต็มทีและทำทีเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือต่ออย่างไม่สนใจจนวินทร์เริ่มใจแป่ว เขาก็พูดขึ้นเบาๆ “ร้านไหนครับ”

คนถูกถามยิ้มจนแก้มปริ “เริ่มใจอ่อนแล้วเหรอ”

นรกรส่ายหน้าขำๆ “ถึงผมตอบว่าไม่ พี่วินทร์ก็จะตื๊อจนได้ใช่ไหมล่ะ”

“ถูกต้อง งั้นเราไปกันเลยนะ ฉันยังไม่ได้จองโต๊ะเลยเดี๋ยวโต๊ะเต็ม” วินทร์พูดอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับลุกขึ้นและใช้สองมือยกตั้งหนังสือขึ้นมา “เอาหมดนี่เลยใช่ไหม”

“ไม่เป็นไรครับผมถือเอง”

“ไม่เป็นไรฉันอยากช่วย”

นรกรเหล่ตามองคนตรงหน้า …อยากช่วยนักงั้นเดี๋ยวเขาจัดให้ “เล่มนี้ไม่เอาครับ” บอกพลางหยิบออกไปหนึ่งเล่ม “แต่เอาเล่มนี้กับเล่มนี้แล้วก็อันนี้ด้วย” แล้วก็วางซ้อนลงมาอีกสี่เล่มจนหนังสือเกยขึ้นมาถึงคางคนที่ถืออยู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “แล้วก็เอาเล่มไหนอีกดีนะ”

“มาถึงขั้นนี้แล้วไม่ต้องเลือกหรอก เอามาหมดนั่นแหละ” วินทร์ว่า

“เดี๋ยวพี่วินทร์จะหนักน่ะสิ”

“ไม่เป็นไรปากฉันยังว่าง”

“จะดีเหรอครับ ผมกลัวลูกๆ ในปากพี่วินทร์จะทำหนังสือเปียกน่ะสิ”

“ฮาร์ฟ!” วินทร์นึกอยากกระโดดกัดหูสักที นี่ขนาดแกล้งประชดยังอุตส่าห์ต่อมุกได้อีก

นรกรหัวเราะ นานๆ ทีเขาจะเอาคืนได้สักที “ขอโทษครับ ผมเอาเล่มนี้เล่มเดียว” บอกพลางชูตำราเล่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ในมือให้ดู เขาเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบบัตรยืมหนังสือเมื่อโทรศัพท์ที่ตั้งเป็นระบบสั่นไว้มีสายเข้ามาพอดี “ว่าไงธีร์... เดี๋ยวฉันไปนะ” กดตัดสายและกันมาหาคนที่ยืนรออยู่ด้วยความรู้สึกผิด “คนไข้อาการไม่ค่อยดีน่ะครับ ธีร์อยากให้ผมไปช่วยดูหน่อย”

“ไปเถอะ” วินทร์บอก “เดี๋ยวฉันรอ”

“น่าจะนาน พี่วินทร์ไม่ต้องหิ้วท้องรอผมหรอกไว้วันหลังดีกว่าครับ”

“ไม่เป็นไร”

“งั้นผมไปก่อนนะ”

“เอาหนังสือมาสิ ฉันไปยืมให้นายจะได้ไม่เสียเวลา”

“ขอบคุณครับ”

วินทร์ยืนมองคนที่เดินออกไปจนสุดสายตาก่อนจะเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ พลางเหลือบมองภาพบุคคลสำคัญที่ติดเรียงรายอยู่บนผนัง พลันสายตาสะดุดเข้ากับภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพของนายแพทย์วิลเลียม

ตอนนี้วินทร์นึกออกแล้วว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับนายแพทย์อายุรกรรมท่านนี้นัก ก็เพราะพ่อที่เป็นครูวิชาวิทยาศาสตร์หยิบยืมชื่อนายแพทย์ในดวงใจมาตั้งเป็นชื่อลูกน่ะสิ ตอนฟังชื่อฮาร์ฟครั้งแรกเขาจึงไม่แปลกใจเลยว่าคงจะมีพ่ออีกสักคนที่จะตั้งชื่อลูกด้วยวิธีการเดียวกันบ้าง

oooooo

“ขอบใจนะฮาร์ฟที่มาช่วยทั้งที่ไม่ได้อยู่เวรแท้ๆ” ธีร์พูดพลางบิดขี้เกียจไปรอบๆ หลังจากยืนขาแข็งผ่าตัดมาหลายชั่วโมง และตอนนี้เวลาก็ล่วงมาจนเกือบหนึ่งนาฬิกาของวันใหม่แล้ว

“ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อย” นรกรบอก

“หิวจัง นี่ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเลย นายก็เหมือนกันนี่ ร้านก๋วยเตี๋ยวตรงอนุสาวรีย์น่าจะยังไม่ปิดนะ ไปด้วยกันไหมเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” ธีร์เสนอพลางเริ่มต้นถอดชุด

“เอาสิ” นรกรตอบ

“แล้วพวกผมล่ะครับ” สิทธิชัยและจิงโจที่กำลังถอดเสื้ออยู่รีบถลาเข้ามาร่วมวงด้วยทันทีที่ได้ยินว่าคลับคล้ายคลับคราว่าจะมีของฟรี

ธีร์เหลือบตามองเพดาน นี่เขาลืมไปได้ไงว่ามีเจ้าพวกนี้อยู่ด้วย “จะไปก็รีบเปลี่ยนชุด”

“เย้!”

ด้วยความสามารถในการแก้ผ้าที่ไวกว่าแสง ทุกคนก็เปลี่ยนชุดเสร็จออกไปรอด้านนอกคงเหลือแต่นรกรที่ยังคงรั้งท้ายเหมือนปกติ

“พี่ฮาร์ฟเสร็จหรือยางงงง” เสียงจิงโจ้ตะโกนเร่ง

“รู้แล้วๆ”

“เร็วๆ เข้าครับ” เสียงสิทธิชัยตามมาติดๆ จนนรกรนึกแปลกใจเพราะเขาไม่ได้ช้าอะไรขนาดนั้น

“หิวกันมากเลยใช่ไหมพวกนาย” นรกรเปิดประตูออกมาถามน้องๆ ที่ยืนยิ้มกว้างอย่างมีพิรุธ ในขณะที่ธีร์ยืนกอดอกทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างกัน

“หิวครับ แต่ผมว่าน่าจะมีคนอื่นที่หิวมากกว่า” สิทธิชัยหันไปยักคิ้วกับจิงโจ้แล้วขยับเปิดทางให้เห็น

บนม้านั่งตัวยาวหน้าห้องผ่าตัดร่างสูงในชุดกาวน์สั้นที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อวานนั่งกอดอกสัปหงกอยู่ วันก่อนวินทร์อยู่เวร 24 ชั่วโมงและก็ยุ่งเกือบทั้งคืนจนไม่ได้พัก เช้านี้ก็ช่วยออกตรวจ OPD และคนไข้ตามหอผู้ป่วยโดยไม่ปริปากบ่นให้ได้ยินสักคำทั้งที่ตาโรยจนแทบจะปิด และนั่นคือสาเหตุที่นรกรยอมตกลงไปกินข้าวด้วยดีๆ เมื่อช่วงเย็นเพราะอยากให้อีกฝ่ายได้กลับไปพักผ่อน

“ที่ห้องพักแพทย์ก็มีเตียงให้นอนดีๆ ทำไมไม่ไปนอนหนอพี่ชายเรา” รุ่นน้องสองคนหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กัน

นรกรกวาดตามองคนที่มานั่งรอเขาไม่ผิดแน่แล้วหันไปหาน้องชายบุญธรรม “ขอโทษนะธีร์ ฉัน…”

“ช่างเถอะ” ธีร์ตัดบทก่อนจะหันไปกางแขนโอบรอบคอรุ่นน้องแล้วลากให้รีบเดินผ่านไปก่อนที่จะพูดมากไปกว่านี้ ไม่ได้อยากช่วยหรือจะเปิดทางให้หรอกนะ เขาก็แค่ไม่อยากเห็นพี่ชายกินข้าวไม่อร่อยเพราะมัวแต่ห่วงใครบางคนก็เท่านั้นเอง

นรกรรอจนคนอื่นเดินเข้าลิฟต์ไปจึงนั่งลงข้างๆ กำลังจะสะกิดเรียก จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่กลับกันเล็กน้อย มันเป็นวันที่เขาลงมีดผ่าตัดเป็นครั้งแรก ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาผ่าตัดเสร็จเร็วจึงมานั่งรอวินทร์ที่ยังไม่เสร็จและเผลอหลับไปจนอีกฝ่ายต้องมาปลุก

“พี่วินทร์ครับ”

คนหลับสะดุ้งเบาๆ เขายกมือขึ้นขยี้ตาและอ้าปากหาวอย่างควบคุมไม่ได้ “อ้าว ฮาร์ฟผ่าเสร็จแล้วเหรอ”

“สักครึ่งชั่วโมงได้แล้วครับ” นรกรบอก “พี่วินทร์มานั่งรอผมทำไม ผมบอกให้กลับไปก่อนได้เลยนี่ครับ”

“แต่ฉันก็บอกนายไปแล้วนี่ว่าไม่เป็นไร”

นรกรนึกย้อนกลับไป และรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเป็นความผิดเขาเองที่ไม่พูดให้ชัดเจน

“คิดอะไรอยู่” วินทร์ถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป

“แค่นึกขึ้นได้ว่าตอนปีสองก็เหมือนจะมีเรื่องแบบนี้ ที่ผมหลับแล้วพี่วินทร์มาปลุกน่ะ”

“นึกออกแล้วเหรอ”

“เรื่องอะไรครับ”

“เรื่องที่เราคุยกันค้างไว้เมื่อเย็นไง ก็วันนั้นแหละ” วินทร์บอก

“มันมีอะไรหรือครับก็แค่พี่วินทร์เดินออกมาปลุกผมแล้วเราก็เดินกลับหอด้วยกัน”

“ก่อนหน้านั้นสิ” วินทร์พูดต่อ “จำได้ไหมว่าทำไมนายถึงต้องมานั่งรอฉันตรงนี้เป็นชั่วโมงๆ”

ในขณะที่การผ่าตัดของนรกรเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ดูเหมือนในห้องผ่าตัดที่อยู่ติดกันจะไม่เป็นเช่นนั้น

“ออกไปตั้งสติให้ดีก่อนแล้วค่อยเข้ามาใหม่ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเข้ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”

เสียงศาสตราจารย์สรวิชญ์แม้จะดังไม่มากแต่ก็ทำเอาอุณหภูมิของห้องผ่าตัดที่เย็นเฉียบอยู่แล้วแทบจะติดลบ

อึดใจต่อมานรกรที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดเสร็จก็เห็นร่างสูงของวินทร์เดินเข้ามา ไหล่กว้างที่ปกติจะยืดอย่างผึ่งผายลู่ลงเล็กน้อยและเอาแต่หันหน้าเข้าหากำแพง มือทั้งสองที่กำเป็นหมัดแน่นสั่นระริก

นรกรชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินเข้าไปหา “พี่วินทร์ครับ”

ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงสูดลมหายใจแรงๆ ครั้งหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะหันมา “มีอะไร”

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“คนไข้อาการไม่ค่อยดีน่ะ” วินทร์บอก “เลือดออกมาก ความดันตกลงเรื่อยๆ แล้วฉันก็ทำอะไรไม่ถูก เลยโดนไล่ออกมานี่แหละ”

นรกรจ้องมองมือคู่นั้นที่ยังคงสั่น และเผลอเอื้อมไปจับไว้ ดูเหมือนคนโดนจับเองก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยและใช้ทั้งสองมือบีบแรงๆ ครั้งหนึ่งหวังจะให้มันหยุด “ภาวะแทรกซ้อนมันเป็นอะไรที่เหนือการควบคุมครับ ไม่ใช่ความผิดของพี่วินทร์สักหน่อย”

“นายนี่สติดีจังนะ”

“ผมแค่มีคาถาดีครับ”

“คาถาอะไร” วินทร์ถามด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าคนอย่างนรกรจะเล่นของ

“ขอให้ปลอดภัยครับ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง “นั่นบอกตัวเองหรือคนไข้”

“ให้คนไข้ครับ แต่ตอนนี้ผมจะขอเผื่อพี่วินทร์ด้วยนะ” นรกรตอบตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่ามือใหญ่ที่กุมไว้สงบลงบ้างแล้ว จึงกระชับฝ่ามือใหญ่แน่นขึ้นอีกพร้อมกับสบตาคนตรงหน้า “พี่วินทร์ทำได้ครับ”

“อืม”

วินทร์ตอบเพียงสั้นๆ แต่แรงที่บีบมือตอบกลับมาทำให้นรกรรู้ว่าคนตรงหน้าพร้อมที่จะกลับไปสู้ต่อแล้ว “งั้นผมนั่งรอตรงนี้นะ เสร็จแล้วมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับว่าพี่วินทร์ทำยังไงถึงหยุดเลือดได้ แล้วก้อนเนื้อก้อนนั้นมันถูกกำจัดออกไปได้ไหม”

“นายกลับไปก่อนเถอะ น่าจะอีกนานเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอฟัง”


“คำพูดกับการกระทำของนายช่วยให้ฉันผ่านมันมาได้” วินทร์บอก “และฉันก็ไม่เคยลืมภาพของนายที่นั่งกอดหนังสือหลับอยู่หน้าห้องผ่าตัดเลยนะ”

“ทำไมครับ...”

“เพราะฉันเหลือตัวคนเดียวล่ะมั้ง” วินทร์บอก “หลังจากที่เสียพ่อกับแม่ไป หลายปีที่ผ่านมาฉันก็พยายามอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไม่ไปไหนกับใคร หรือสนิทกับใครมากเพราะยังทำใจไม่ได้ถ้าต้องเสียใครไปอีก แต่พอได้เห็นภาพนั้น ฉันก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วฉันไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นา แต่ยังมีนายที่ ‘รอ’ ฉันอยู่... ขอบใจนะฮาร์ฟ”

เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไรนรกรจึงได้แต่พยักหน้าและเพื่อเป็นการหลบสายตาคมที่กำลังมองมาอย่างลึกซึ้งด้วย

“แล้วเรื่องกระดาษแผ่นนั้นล่ะครับ”

“แกล้งทำเป็นลืมไปหน่อยก็ไม่ได้นะ” วินทร์หัวเราะก่อนจะเสไปมองทางอื่นบ้างเพราะความเขิน “มันตกอยู่ที่พื้น ฉันเห็นว่ามันเป็นโน้ตของเก่า นายไม่น่าจะใช้แล้วก็เลย… แอบเก็บไว้เป็นที่ระลึกน่ะ”

“เพื่ออะไรครับ”

“ก็ถ้าฉันวิ่งกลับไปเอามือถือมาถ่ายรูปทันก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก” วินทร์โพล่งออกไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งก้มหน้า เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง “นี่หนังสือของนาย”

“ขอบคุณครับ” นรกรรับหนังสือมายังไม่ทันจะเก็บใส่กระเป๋าถุงใบใหญ่อีกใบก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“ข้าวเย็นกับขนม” วินทร์บอก “คงจะชืดแล้วแต่อุ่นก็พอกินได้ เอาไว้ไปกินที่ห้องนะ”

นรกรรับถุงมาเปิดดูเห็นมีแค่ชุดเดียวจึงเอ่ยถาม “แล้วพี่วินทร์ล่ะ”

“ฉันกินแล้ว”

“ทำไมพี่วินทร์ทำแบบนี้ล่ะครับ” นรกรพูดคล้ายกับจะตัดพ้อ “ไหนว่าจะไปกินกับผมไง”

“ได้เหรอ”

“ข้าวมีตั้งเยอะ ผมเองก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เราแบ่งกันคนละครึ่งก็ได้ครับ” นรกรเปิดกล่องข้าวออกวางบนตัก เมื่อเห็นว่าเป็นอะไรก็จ้องมันตาไม่กะพริบ

“ไข่ตุ๋นที่เคยบอกไง” วินทร์บอกเมนู

นรกรหยิบช้อนขึ้นมาตักใส่ปากก่อนจะนิ่งไป

“อร่อยไหม”

นรกรส่ายหน้าทั้งที่ยังอมช้อนอยู่ก่อนจะทำเอาคนรอฟังใจเสียก่อนเจ้าตัวจะตอบว่า “ไม่แบ่งแล้วได้ไหมครับ”

วินทร์ยิ้มออกในที่สุด “ได้ไง ขี้โกงนี่ ไหนว่าจะแบ่งก็ต้องแบ่งสิ”

“ให้สามคำนะ” นรกรต่อรองพร้อมทั้งใช้ช้อนคันเดิมตักขึ้นมาจ่อไปที่ริมฝีปาก

วินทร์มองไข่ตุ๋นสีเหลืองนวลในช้อนก่อนจะตวัดขึ้นสบตาคนที่พยายามป้อนข้าวให้โดยไม่สนใจเสียงหัวใจของเขาที่มันกำลังเต้นแรงจนแทบจะระเบิดนี่เลย “ฮาร์ฟ”

“พี่วินทร์ไม่กินเหรอ ไม่กินผมกินนะ”

ได้ยินดังนั้น วินทร์จึงรีบงับเข้าปาก เขาเคี้ยวไปเขินไปพลางเหลือบตามองคนข้างๆ ที่นั่งกลั้นขำจนหน้าขึ้นริ้วก่อนจะหัวเราะออกมา “แกล้งกันนี่หว่า”

“ผมก็ไม่ได้ใสๆ ขนาดนั้นซะหน่อย” นรกรพูดไปขำไป ปกติวินทร์ไม่ใช่คนขี้เก๊กอยู่แล้ว แต่เขาเพิ่งจะรู้เวลาผู้ชายหน้าเข้มตัวโตเวลาเขินก็น่ารักไปอีกแบบ “ก็ช้อนมันมีคันเดียวนี่ครับ... แต่ผมไม่ถือนะเรื่องแบบนี้”

“นายไม่ถือแต่ฉันถือ” แล้ววินทร์ก็แย่งช้อนไปจากมือก่อนจะตักข้าวขึ้นมา “กินสิ”

“ไม่เอา เดี๋ยวผมกินเอง” 

“ไม่ต้องเลยนะ ทีฉันยังยอมให้นายป้อนเลยเลย” วินทร์บอกพร้อมกับคว้าตัวคนที่พยายามหนีให้หันหน้ามา

“ก็...”

“กิน”

“คำเดียวนะครับ”

“อย่ามาลีลา”

แล้ววินทร์ก็ได้รู้ที่คิดผิดที่ไปบังคับนรกรให้ทำแบบนั้น แทนที่จะได้แกล้งอีกฝ่ายแต่กลับกลายเป็นตัวเองที่อยากจะดำดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด มีแวบหนึ่งที่ด้านมืดในหัวบอกให้เขาโยนช้อนทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นป้อนข้าวเข้าด้วยปากตัวเอง โชคดีที่ความคิดดีในใจยังช่วยรั้งคอเสื้อไว้เพราะอยู่หน้าห้องผ่าตัดถ้าเกิดบังเอิญใครผ่านมาเห็นเข้าก็คงจะดูไม่งาม

“พี่วินทร์เป็นอะไร” นรกรถามคนที่มองเหม่อไปเสียเฉยๆ

“ปะ... เปล่า” วินทร์ได้สติ เขาตอบอ้อมแอ้มพลางส่งช้อนคืน “นายกินเหอะ ฉันอิ่มแล้วจริงๆ เอ่อ... พรุ่งนี้มีงานฉลองเรียนจบนี่นา เวลาผ่านไปไวเนอะ” พยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อลบจินตนาการที่กำลังเลยเถิดในหัว

“ห้าปีที่ผ่านมานี่เหนื่อยแทบขาดใจแต่บทจะจบก็ไวจนรู้สึกใจหายเหมือนกันนะครับ” นรกรบอก

“นั่นน่ะสิ นายจำเคสนั้นได้ไหมที่ฉันเป็นคนผ่าครั้งแรกน่ะ วันก่อนมาตรวจที่ OPD ลุงแกยังแข็งแรงอยู่เลยนะ”

“ดีจัง”

“มาทำน้ำเสียงอิจฉาอะไร ลลินก็ยังแข็งแรงดีอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“แต่ก็...”

“นายทำดีที่สุดแล้ว” วินทร์ตบบ่าเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

แล้วทั้งสองก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนนรกรกินข้าวหมดต่อด้วยขนมก็ยังไม่เลิก นรกรมองคนตรงหน้าที่พูดไปหัวเราะไปแล้วก็นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยว่าตลอดระยะเวลาห้าปีที่อยู่ด้วยกันทั้งที่รู้สึกว่าเหมือนไม่ค่อยได้คุยกัน แต่กลับกลายเป็นต่างก็รู้เรื่องของกันและกัน และทำไมวินทร์ถึงไม่เคยทำให้เขารู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ใกล้ ทำไมเขาถึงกล้าคุยกับวินทร์ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามมากกว่าคนอื่นๆ ซ้ำยังรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ข้างๆ เหมือนกับที่เคยบอกกับผีสาวในห้องล็อกเกอร์ จนถึงตอนนี้นรกรก็ยังตอบคำถามนั้นไม่ได้ เพียงแต่นัยน์ตาคู่นั้นที่มองสบมาเสมอๆ มันทำให้รู้สึก...

นัยน์ตาสีอ่อนมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนที่กำลังพูดไม่หยุด แล้วคำตอบก็ค่อยปรากฏชัดขึ้นมาในหัวใจ

...อบอุ่น...

ริมฝีปากจุดรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเผลอพยักหน้าตอบไปส่งๆ ทั้งที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจฟังด้วยซ้ำว่าวินทร์กำลังนินทาน้องชายบุญธรรมของเขาว่าเป็นพวกติดพี่อยู่

“เฮ้ย! ป่านนี้แล้วกลับห้องกันเถอะฮาร์ฟ” วินทร์ชี้ในดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ล่วงจนเกือบ 3 นาฬิกา

“เหรอครับ” นรกรก็ตกใจไม่แพ้กัน “ขอโทษนะครับพาพี่วินทร์นอนดึกไปด้วยเลย”

“ไม่ดึกหรอกนี่เช้าแล้ว” วินทร์พูดขำๆ “ฉันน่ะหยุดแล้ว นายน่ะสิมีเวรตรวจ OPD นี่นา จะไหวเหรอ ให้ฉันมาช่วยไหม”

“ไม่เป็นครับพี่วินทร์ไปนอนเถอะนี่ก็เท่ากับพี่วินทร์อยู่เวรติดกันมาสองวันแล้วนะ แล้วนี่น้ำท่าได้อาบบ้างหรือเปล่าครับ อย่าบอกนะว่าไม่ได้อาบเลยน่ะ”

วินทร์ไหวไหล่ “อย่าคิดมากน่าสถิติสูงสุดของฉันคือเจ็ดวัน”

“มันใช่เรื่องน่าภูมิใจไหมครับ” นรกรพูดอย่างระอาแต่วินทร์ก็ไม่มีทีท่าจะสลด “ของผมแค่วันเดียวก็เหม็นสาบตัวเองจะแย่แล้ว พี่วินทร์ทนได้ยังไงกลับไปก่อนจะนอนอาบน้ำด้วยนะครับ”

“ไม่เอาหรอกขี้เกียจ”

“ไม่ได้นะครับ”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ได้มีใครมานอนด้วยสักหน่อย” วินทร์ว่าพลางเหลือบตามองคนข้างๆ “หรือจะมี”

“ถ้าเป็นกลากขึ้นมาผมไม่ทายาให้หรอกนะ ส่งให้พี่เบลล์รักษาอย่างเดียวเลย”

“หมอเบลล์เป็นหมอรักษาหมาไม่ใช่เหรอ” วินทร์ทำหน้านึก “ใช่ไหมที่เคยรักษาเจ้าบิชอฟของนายน่ะ... เอ๊ะ! ฮาร์ฟ นี่นาย...”

นรกรทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่โดนรู้ทัน “เอาน่า พี่เบลล์เก่งออก”

วินทร์อดใจไม่ไหวแล้วตอนนี้ เขาแกล้งจับศีรษะคนตรงหน้าโยกเบาๆ ครั้งหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

ทั้งสองเดินคุยกันมาจนถึงสนามหญ้าในสวนของโรงพยาบาล

“มีอะไรเหรอ” วินทร์ถามคนที่จู่ๆ ก็เงียบไป และหยุดเดินเสียเฉยๆ

นรกรเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตา “คืนนี้ดาวสวยจัง”

วินทร์มองตามนัยน์ตาสีอ่อนนั้นไป วันนี้ฟ้าไม่มีมีเมฆและเพราะดึกมาแล้ว หลายๆ ห้องหลายตึกที่สามารถปิดไฟได้ทำให้แสงดาวที่มักจะแพ้แสงนีออนดูโดดเด่นขึ้นมา เขาลดสายตาลงมากวาดมองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงเอ่ยชวน “นั่งก่อนไหม” บอกพลางพยักเพยิดไปทางเก้าอี้ตัวเดิมและเดินนำไปนั่งลง

นรกรเดินตามมานั่งลงข้างๆ เขาเอนหลังพิงพนักและทอดสายตามองไปบนท้องฟ้า

“คิดอะไรอยู่” วินทร์ถามคนที่เอาแต่นั่งเงียบ

“คิดถึงใครคนหนึ่งครับ” นรกรตอบ “ปกติผมเป็นคนชอบมองท้องฟ้าอยู่แล้วเวลาที่รู้สึกไม่ดีเพราะเหมือนได้พักให้ใจหนีไปไกลๆ แต่เป็นเพราะเขา ตอนนี้ผมก็เลยได้เรียนรู้ที่จะมองท้องฟ้าในความรู้สึกที่ต่างออกไป แล้วก็เพิ่งได้รู้ว่าท้องฟ้าที่มีแต่สีดำกับจุดเล็กๆ ของดาวนั้นมันก็สวยเหมือนกันนะ”

“เขาเป็นผู้ชายที่ดีนะ” วินทร์กระซิบ

“ไม่หรอกครับ เขาไม่ใช่คนดี” นรกรตอบ “แค่ผู้ชายธรรมดาที่มีข้อเสียหลายอย่าง เพียงแต่เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ”

“แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เขาบอกเขาจะกลับมา”

“เป็นฉันไม่ได้เหรอ คนๆ นั้นน่ะ”

เพราะจู่ๆ วินทร์ก็พูดขึ้นมาแบบนั้นนรกรจึงละสายตาจากท้องฟ้าและหันไป แล้วเขาก็พบว่าตลอดเวลาวินทร์ไม่ได้มองดูท้องฟ้าเลย แต่นั่งหันข้างเท้าแขนลงบนพนักและเฝ้ามองเขาอยู่

“ได้ไหม”

คำถามย้ำด้วยน้ำเสียงอบอุ่นคล้ายกับจะตัดพ้อพร้อมกับสายตาจริงจังที่สบมาสะกดนรกรให้นิ่งมองโดยไม่อาจหลบหรือหันหนีไปทางไหนได้

“ฮาร์ฟ ฉันรักนายนะ”

“ขอบคุณครับ”

“นั่นคือตอบรับหรือปฏิเสธ”

“ผม…”

วินทร์ค่อยขยับเข้าไปใกล้ เขาวางมือทับมืออีกฝ่ายที่ออกสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมขยับหนีจึงค่อยสอดนิ้วกุมไว้และขยับเข้าใกล้มากขึ้นอีก ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนเขาเกือบจะแน่ใจว่าได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่เบื้องหลังเสื้อกาวน์นั้น ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นจากปลายจมูก และอุ่นจนสัมผัสได้ถึงความร้อนจากริมฝีปาก จนไม่อาจห้ามใจให้เข้าหา

มือที่กุมไว้ชื้นเหงื่อนิดๆ เขาบีบมือนั้นเบาๆ คล้ายกับส่งสัญญาณเตือนเป็นครั้งสุดท้าย และอีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยการปิดเปลือกตาลง

วินทร์แตะปลายนิ้วลงบนปลายคางให้เชยขึ้น กลีบปากเผยอออกเล็กน้อยอย่างรอคอย เขาแตะริมฝีปากลงแผ่วค่อย จมูกสูดกลิ่นลมหายใจของอีกฝ่ายเข้าลึก มันหอมจนยากเกินบรรยาย

แต่แล้วเสี้ยววินาทีที่กำลังคลอเคลีย ความรู้สึกเจ็บก็แล่นปลาบขึ้นมาในอก วินทร์เม้มปากสนิททันทีและค่อยเบือนหน้าหนี “ขอโทษที” เขากระซิบเสียงพร่า

นรกรลืมตาขึ้นและขยับตัวหนีเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอใจไปได้ขนาดนี้ แต่ที่เขาแปลกใจคือทำไมวินทร์ถึงไม่ทำทั้งที่เขาก็ไม่ได้ขัดขืน

“จู่ๆ ฉันก็แค่รู้สึกว่าคนที่นายกำลังจะจูบไม่ใช่ฉัน” วินทร์ตอบคำถามราวกับจะอ่านใจออก

“พี่วินทร์ ผม…”

“ฉันจะไม่จูบนายจนกว่าจะได้ยินคำว่ารักจากปาก” วินทร์บอกและเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อบังคับเสียงไม่ให้สั่น “ขอโทษนะ ฉัน... นายเดินกลับคนเดียวละกัน” แล้วคลี่ยิ้มให้อย่างฝืดฝืน เขาบีบมือที่ยังกุมไว้แน่นครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป


*********************************************TBC**********************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2016 07:26:01 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ้ยยยย
เมื่อไหร่ฮาร์ฟจะรู้ความจริงงงงงง

หรือพี่วินต้องโกนหนวดก่อนนนน

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2

พี่วินทร์ต้องอดทนอีกเท่าไหร่น๊อ  :hao5:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เมื่อไหร่นรกรจะรู้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน  แต่ก็อย่างว่าเรื่องมันเหลือเชื่อไง คนที่เราเพิ่งเห็นนเมื่อไม่กี่วันกับคนที่ยังยืนอยู่ตรงหรน้า   อร๊ายยยยย...แข่งกะตัวเองนี่มันย่กเสียยิ่งกว่ายาก  ตามจีบมาตั้งหลายปีดันแเพียงเสียวเวลาของอีกครึงของตัวเอง 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เห็นด้วยกับ รีข้างบน :ling1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หน่วง เจ็บปวด เมื่อไหร่ ฮาร์ฟจะรู้ตัว พี่วินน่าสงสาร

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เห็นใจพี่วินทร์ ตอนเป็นนายทิดยังไม่ยากขนาดนี้ ตอนนี้ต้องแข่งกับตัวเอง(ในอดีต) ทั้งยังต้องพยายามเจาะเข้ากำแพงใจ(ที่สร้างไว้รอทิดกลับมา)ของฮาร์ฟอีก
เข้าใจว่าพี่วินทร์ไม่ได้เล่าเรื่องตอนที่ตัวเองเป็นทิด(หรือเล่าหว่า) ก็เพราะต้องการให้ฮาร์ฟรักพี่วินทร์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะเคยเป็นคนที่ฮาร์ฟรักมาก่อนสินะ
พยายามเข้านะพี่วินทร์

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
โกนหนวดเถอะพี่หมีถึก  ขาดน้องลลินยังรู้แล้วเมื่อไหร่หมอฮาร์ฟจะรู้เนี่ย

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
แข่งกับตัวเองจริงๆ ฉากท้ายเจ็บปวด จูบที่เป็นของตัวเองแต่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ต่อให้เป็นคนเดียวกัน ถ้าเราเป็นวินทร์ก็คงอยากให้ฮาร์ฟ รักตอนที่เป็นวินทร์ มากกว่าอทิฏฐ์ อยู่ดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
อยากให้ฮาร์ฟรักวินทร์ก่อนจะรู้ความจริง แบบไม่อยากฝห้คิดว่าเป็นทิดแล้วถึงรัก เหมือนจมอยู่กับคนในอดีต มันต้องตะขิดตะขวงใจแน่ๆ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อยากให้ฮาร์ฟรักพี่วินทร์ แล้วก็รู้ความจริงสักที

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สงสารวิน  เมื่อไรจะสมหวังซักที ต้องแข่งกับตัวเอง เจ็บปวดที่สุด    เศร้าใจ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เจ็บจี๊ดดดดดดด

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
อึดอัดเฟ้ย!!!

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พี่วินทร์สู้ๆ

ออฟไลน์ banazjj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อึดอัดมาก อยากเขย่าตัวหมอฮาร์ฟแรงๆ สงสารวินทร์ :katai1:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
โอ๊ย เจ็บปวด เจ็บแปล๊บ ไปพร้อมพี่วินทร์กับประโยคสุดท้ายจริงๆ  :ling3:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
พี่วินทร์สู้ๆน๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jingyo88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :L2:สนุกมากค่ะ ชอบ....รอวันหมอฮาร์ฟรักพี่วินทร์ที่เคยเป็นทิดเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
สงสารวินทร์
แข่งกับตัวเองในอดีต แม้จะรู้ว่าเป็นยังไง
แต่ก็รู้สึกไม่ดีแน่ๆถ้าหากคนรักยังจมกับอดีต
แต่มันก็น่าจะบอกนะ เฮ้ออ. เมื่อไหร่ฮาร์ฟจะใจอ่อนสักทีนะ

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
สงสารวินทร์จัง ทำดีมากมาย

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สงสารวินมาก. งงกับ Timeline

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เมื่อไหร่จะรู้ว่า วินทร์กับทิดคือคนเดียวกัน อึดอัดจัง

ออฟไลน์ san

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน
รวดเดียวถึงตอนล่าสุด
ชอบมากกกกกก สนุกมากค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
โกนหนวดเถอะพี่หมีถึก  ขาดน้องลลินยังรู้แล้วเมื่อไหร่หมอฮาร์ฟจะรู้เนี่ย

ทำไมเรารู้สึกปวดใจกะคำว่าหมีถึก พี่วินทร์ได้ชื่อใหม่อีกแล้ว555

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
สงสารวินมาก. งงกับ Timeline

เดี๋ยวบทหน้าเราจะมาชี้แจงให้ฟังนะคะ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน
รวดเดียวถึงตอนล่าสุด
ชอบมากกกกกก สนุกมากค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด