27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า
“ถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้รีบบอกนะเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วมันจะเสียทั้งเวลาแรงและทรัพยากร”
ตรืด!
แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้บาสที่กำลังตั้งใจฟังหัวหน้าเอ็นจิเนียร์พูดต้องละมาสนใจมันแทนแต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะกำลังอยู่ในเวลางาน
ตรืด!
ตรืด!
คิดว่ามันจะเงียบไปแต่ไม่ใช่ กลับยิ่งสั่นรัวๆจนบาสต้องเงยหน้ามองบรรยากาศรอบข้างเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังให้ความสนใจคนพูดบาสจึงวางปากกาลงกับแฟ้มที่ถืออยู่แล้วแอบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู
สาเหตุของแรงสั่นคือการแจ้งเตือนของไลน์และไม่ใช่จากใครที่ไหน
TIK01
(กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ)
บาสอ่านแล้วเงยหน้ามองเจ้าของข้อความที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาขุ่นๆ
มันใช่เวลาไหมเนี่ย!
ทิคกำลังยืนอยู่หลังมานพเหมือนที่เขายืนอยู่หลังบงกช รายนั้นพอเห็นบาสมองก็ยักคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบส่งมา บาสมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองมาจึงแอบกดข้อความส่งกลับไป
B_Bas
(รอดูงานก่อน)
กดตอบแบบสั้นๆรีบๆแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง
ตรืด!
แต่ยังไม่ทันได้จับปากกาเลยโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีก บาสถอนหายใจแล้วหันไปหาทิคที่ส่งสายตากวนมา
TIK01
(ไอ้งานมันเป็นใครทำไมต้องรอดูมัน?)
ได้อ่านข้อความแล้วต้องรีบกดตอบเร็วๆด้วยความโมโหในความกวน
B_Bas
(ไปคุยกับขี้ไป!)
TIK01
(พูดจาไม่เพราะเลย)
ไอ้ข้อความกวนๆนะไม่เท่าไร แต่ไอ้สติ๊กเกอร์รูปหมีน้อยหน้าตาน่าสงสารที่ถูกส่งมาทิ้งท้ายนี่สิมันทำให้อารมณ์พุ่ง
B_Bas
(เลิกกวนตั้งใจฟังเขาดิ๊!)
TIK01
(ก็กูเก่งอยู่แล้วจะให้ฟังไปทำไมพูดก็พูดเรื่องเดิมๆ)
(จดอะไรไปทำไมเยอะแยะไก่กาเห็นนานละไม่รู้อะไรก็บอก)
(จะพาไปติวที่..บ้าน)
ข้อความถูกส่งมารัวๆจนหาจังหวะแทรกไม่ได้แต่เมื่อได้อ่านแล้วบาสถึงกับต้องหันมองทิคชูโทรศัพท์ในมือให้ทิคดูแล้วเก็บมันลงกระเป๋าอย่างไม่ใยดีด้วยสายตาชนะแล้วหันไปสนใจฟังงาน
ฝั่งทิคเห็นท่าทางที่บาสจงใจแสดงให้เห็นแล้วถึงกับต้องแสยะยิ้มมองแล้วเก็บโทรศัพท์บ้าง
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ ยังไงฝากทุกคนด้วยนะ”
เสียงปิดท้ายการพูดคุยสิ้นลงเสียงพูดคุยจึงดังขึ้นแทน เป็นเสียงของการพูดคุยหารือถึงสิ่งที่ได้พูดคุยกันวันนี้นั้นเองทุกคนต่างพากันแยกย้ายแตกกลุ่มเสียงดังจอแจ
บาสก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังจะกลับแอสตัวเองเพราะบงกชล่วงหน้าไปแล้วแต่แรงกระชากที่แขนแรงจนเกือบทำแฟ้มตกทำให้ต้องนิ่วหน้าหันมอง
“เจ็บหรอ ขอโทษ”
ทิครีบปล่อยมือแล้วพูดขอโทษด้วยเสียงอ่อนและหน้าตารู้สึกผิดลืมนึกไปว่าบาสเพิ่งหายป่วย ส่วนบาสตอนแรกก็กะจะหันไปว่าแต่เมื่อเห็นว่าเป็นทิคและหน้าตารู้สึกผิดของทิคเห็นแล้วต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มให้
เดี๋ยวนี้ทิครู้จักห่วงความรู้สึกคนอื่นมากขึ้น แค่นี้ก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้ว
“ไม่ได้เจ็บแค่ตกใจ”
หน้าตาทิคดูคลายความเครียดลงเมื่อได้ยินและยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลมาให้บาส
“อะไร”
“วิตามินซี อาหารเสริม แคลเซียม เยอะอะไรเขาว่าดีกูเอามาหมดแหละ”
บาสเงยหน้าจากถุงตรงหน้าขึ้นมองทิคทันที
“เอามาให้ทำไมเยอะแยะเปลืองตัง”
“เปลืองอะไรพี่กูเป็นหมอเขาเอามาให้”
คิดไว้แล้วแหละว่าบาสต้องพูดเรื่องนี้แต่เสียใจทั้งหมดนี้ไปปล้นมาจากพี่สาวจริงๆนะอะไรเขาว่าดีเอามาให้หมด
“แผลเป็นไงบ้าง”
ทิคถามหลังจากเห็นแผลเมื่อบาสยื่นมือมารับถุงยาไป
“ดีขึ้นแล้ว ทู้กกกกอย่างในตัวดีหมดแล้วไม่ต้องห่วง”
บาสพูดลัดแบบล้อเลียนคิดว่าทิคต้องถามนู่นถามนี่อีก
“ใครบอกว่ากูห่วงมึง”
แต่คำพูดที่ได้กลับมาทำให้หน้าแตกยิ่งกว่าแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจนต้องทำหน้าเจือนๆแก้เก้อทันที
“กูหวงต่างหาก”
นี่มันตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ บาสเผยยิ้มแทบจะหุบไม่ทันมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่นถึงจะทำเป็นพูดเบาๆลอยๆแต่ก็รู้นะว่าจงใจให้ได้ยิน
“กินข้าวให้ตรงเวลากูต้องไปล่ะ”
ทิคพูดแล้วยิ้มให้มองดูรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงรีบยื่นมือมาวางลงบนหมวกบาสแล้วขยี้เบาๆสองสามครั้งแล้วรีบเดินจากไป
บาสยืนยิ้มบางๆกับสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อครู่หันไปมองตามทิคที่เดินกึ่งวิ่งออกไปแล้วหันกลับมามองถุงยาในมือ
“เป็นเพื่อนกันหรอครับ”
!
เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้บาสตกใจหันกลับไปมอง ใครก็ไม่รู้ที่กำลังยืนมองมา
“คุณ หมายถึงใครหรอครับ”
“คุณกับทิค”
เขาพูดแล้วหันไปพยักหน้าทางทิคที่เดินจากไปแล้วไกลๆ
รู้จักทิคด้วย ไม่ได้ใส่ชุดพนักงาน แล้วเป็นใคร
“ครับ”
แต่ถึงจะงงงวยขนาดไหนก็ตอบคำถามที่เขาถามออกไป คนแปลกหน้าพยักหน้ารับรู้
“ผมมาร์คนะ”
เขาแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือมาหา บาสจึงยื่นมือไปจับและแนะนำตัวตามมารยาทกลับ
“ผมบาสครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เดี๋ยวเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
“คะ.ครับ”
ตอบรับไปแบบงงๆคืองงได้อีก อะไรของเขาตั้งแต่มาจนจากไปก็ยังคงทิ้งความค้างคาใจให้ไม่เลิก
ขณะกำลังเลิกงานจะกลับบ้านสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่มานพกำลังยืนคุยอยู่กับคนที่เข้ามาแนะนำตัวกับเขาเมื่อเช้า บาสเพ่งสายตามองดูจนแน่ใจว่าใช่แต่ก็ไม่ได้อะไรหันกลับมาสนใจเดินไปที่รถซึ่งทิคกำลังรออยู่ เขาต้องไปล้างแผลที่คลินิกจนกว่าแผลจะแห้งตามคำบอกของหมอนั้นเอง ทิคจึงอาสาเป็นคนไปส่งทุกครั้ง
“อ่ะ”
พอปิดประตูรัดเข็มขัดบาสก็ยื่นน้ำผลไม้กระป๋องที่เปิดให้เรียบร้อยให้ทิคซึ่งเขาแวะกดจากตู้กดน้ำที่มีอยู่ทั่วโรงงานของคนญี่ปุ่นเสร็จแล้วก็หยิบของตัวเองขึ้นมาเปิดดื่มบ้าง
“อื้ม เมื่อเช้ามีคนมาถามด้วยว่าเราเป็นเพื่อนกันหรอ”
ยกดื่มไปได้อึกหนึ่งบาสก็พูดเรื่องที่นึกขึ้นได้เล่าให้ทิคฟัง
“หรอ”
“เขารู้จักมึงด้วยนะ”
“ใคร”
ทิคถามแบบไม่ได้มองเพราะกำลังให้ความสนใจเลี้ยวรถออกจากที่จอดรถ
“เขาบอกชื่ออยู่ แต่กูจำไม่ได้ อะไรน๊า”
ทิคแสยะยิ้มเสียงดังแล้วพูดออกไป
“กูเห็นประโยชน์จากยาที่กูขนมาให้มึงวันนี้ลางๆแล้วละ”
“กวนละๆ”
บาสว่ากลับเมื่อรู้ว่าทิคกำลังพูดว่าตนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อหันมาสนใจเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ส่วนทิคก็ขับรถ
หลังจากโทรไปกำชับไอ้เบอะให้กินยากินข้าวให้ตรงเวลาเสร็จทิคจึงวางสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วถือแฟ้มออกจากห้องพร้อมไปลุยงานวันนี้
“ทิค”
แต่ยังไม่มันจะได้เดินเข้าไปในไลน์ก็ถูกเรียกซะก่อนจึงต้องหันกลับไป
“ครับพี่มานพ”
“เดี๋ยววันนี้จะมีเอ็นจิเนียร์คนใหม่ที่จะมาอยู่กับเรามาดูงานนะ จริงๆก็มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วละแต่พี่ยังไม่ได้พาเข้าแอส ยังไงพี่ฝากทิคช่วยดูแทนพี่ด้วยนะวันนี้พี่ยุ่งคงได้เข้าแอสเย็นๆเลย”
“ได้ครับ”
ทิคยิ้มรับคำสั่ง มานพยื่นมือมาตบไหล่ ทิคเป็นลูกน้องที่สั่งงานแล้วได้ดั่งใจที่สุดและไม่เคยทำพลาดสักครั้ง
“พูดถึงก็มาพอดี มาร์คทางนี้”
มานพเอนสายตาไปตะโกนมองจากด้านหลังเขา ทำให้ทิคต้องหันมองตาม
!!!
หันไปมองก็แทบช็อค
คนที่กำลังเดินมาแต่ไกลทำให้ทิคแทบจะหยุดหายใจเมื่อรู้ว่าใช่แน่ๆชาตั้งแต่หัวยันเท้าเมื่อได้เจอสิ่งที่ไม่อยากเจออีกมาตลอดชีวิต
ต่อให้เห็นแค่ปลายเล็บเขาก็จำได้
จำได้ไม่มีวันลืม
ไอ้มาร์ค
“สวัสดีครับพี่มานพ สวัสดีครับ..ทิค”
คนมาใหม่หันไปกล่าวสวัสดีผู้มีตำแหน่งสูงกว่าแล้วหันมาหาทิคที่ยืนนิ่งอยู่ ทิคแอบกำหมัดแน่นเก็บอารมณ์เมื่อคิดว่าตัวเองมีสติพอแล้วจึงเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้านิ่งๆ
“วันนี้พี่ติดธุระพี่ฝากมาร์คให้ทิคช่วยดูแลแล้วไม่ต้องห่วงนะทิคเป็นคิวซีเอ็นจิเนียร์มือหนึ่งของโรงงานเลยก็ว่าได้”
มานพว่าอย่างภูมิใจในตัวลูกน้องที่ตัวเองปลุกปั้นขึ้นมาให้คนใหม่ฟัง
“ผมเชื่อครับ...เพราะผมรู้จักมานาน”
“อ้าว รู้จักกันหรอ”
มานพถามด้วยสีหน้าแปลกใจมองทั้งสองคนสลับไปมา
ทิคเอาแต่ยืนเงียบไม่ตอบคำถามผู้เป็นหัวหน้าไม่แสดงอาการอะไรร่วม มาร์คมองยิ้มมุมปากแล้วเป็นฝ่ายพูดออกไป
“เปล่าครับ ผมหมายถึงผมพอจะรู้จักคนที่ทำงานเก่งแบบคุณทิคมาเหมือนกัน”
มาร์คพูดพร้อมกับมองหน้าทิคที่ยืนก้มหน้าไปด้วยแล้วหันไปยิ้มให้มานพ
“งั้นขอให้ทุกคนตั้งใจพี่ต้องไปแล้ว”
มานพเงยหน้าจากนาฬิกาข้อมือขึ้นยิ้มให้ทั้งคู่แล้วเดินจากไป มาร์คหันไปมองส่งตามมารยาทแล้วหันกลับมาหาคนที่ยืนนิ่งอยู่
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..เพื่อนรัก”
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ทิคไม่สานต่อคำพูดของมาร์ครีบตัดบทแล้วเดินไปทันที
“อย่ามายุ่งกับกู!”
ทิคหันกลับไปตะคอกเสียงแข็งแบบกดๆกัดฟันกรอดๆเก็บอารมณ์
เมื่อแขนถูกดึงไว้
“ทำไมต้องเสียงดังวะเพื่อนหรือว่า...ยังไม่หายหรอ”
“ไอ้มาร์ค!”
ทิคเรียกชื่อเสียงแข็งมองคนตรงหน้าเหมือนจะฆ่าให้ตายตรงนี้ แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะทนไม่ไหว
เขารีบเดินกลับไปที่ห้องทำงานเปิดลิ้นชักด้วยมือสั่นๆจนของตกระเนระนาดควานหาตลับยาที่พี่สาวจัดมาให้เมื่อเจอแล้วก็รีบเปิดฝาเทมันลงบนฝ่ามือส่งเข้าปากแล้วรีบกลืนลงคอคว้าขวดน้ำที่วางไว้มากระดกลงคอจนเกือบหมดขวด แล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานตรงไปที่ห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มึงยังไม่หายจริงๆด้วย”
มาร์คพูดกับตัวเองด้วยใบหน้านิ่งไร้ความรู้สึกหลังจากที่แอบมองการกระทำของทิคอยู่ห่างๆ
ซ่า!!!
น้ำจากก๊อกของอ่างล้างหน้าถูกเปิดและถูกกวักขึ้นใส่หน้าแรงๆไปหลายครั้งจนเปียกไปถึงผม ทิคมองตัวเองในกระจกเมื่อเริ่มสงบลงชุดทำงานเปียกไปครึ่งตัวเพราะน้ำเขากำหมัดแน่นไม่ใช่เพราะโกรธแค้นอะไรแต่ทำเพื่อเก็บอารมณ์
มาทำไม!
มันมาทำอะไรที่นี่ ในเมื่อก็รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่
ต้องการอะไร!
มาอยู่ด้วยกันเขาจะเก็บอารมณ์ไว้ได้นานแค่ไหนสักวันมันต้องระเบิดออกมาและคนทั้งโรงงานต้องรู้
บาสก็จะรู้ด้วย
ไม่ได้!
ไม่ได้เด็ดขาด!
เขาต้องจัดการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องว่ามันต้องการอะไร
“ทิค”
“.........”
“ทิค”
เสียงเรียกครั้งที่สองทำให้คนที่นอนเอาแขนรองหน้าตัวเองอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหลังอาคารลืมตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นบาสที่ยืนมองอยู่จึงค่อยๆเหยียดตัวขึ้นไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนรู้แค่มึนเพราะฤทธิ์ยาแน่ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
ทิคยิ้มจางๆให้เมื่อบาสมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
“ทำไมหน้าซีดๆวะทิค”
บาสถามด้วยสีหน้ากังวลอีกครั้งเมื่อมองดีๆหน้าทิคซีดจนเห็นได้ชัด
“วิ่งงานในไลน์ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยถึงให้มึงซื้อมาให้กินไง”
ทิคยิ้มให้อ้อนๆดึงแขนบาสให้นั่งลงแล้วเปิดถุงที่บาสซื้อมาดู
“ไหนได้ไรมากิน”
“ให้กูเดินมาหาเนี่ยคิดว่ากูเหนื่อยไหม แอสมึงกับแอสกูห่างกันเป็นประเทศ”
ปากบ่นมือก็แกะกล่องข้าวไปด้วย ทิคมองบาสยิ้มๆแล้วยื่นมือไปรับช้อนส้อมที่บาสแกะยื่นมาให้
“แล้วก็แสดงว่าห่วงกูยังงั้นห่วงกูยังงี้เพราะป่วยอยู่ แต่ให้กูเดินข้ามประเทศมาหา”
ยัง ยังไม่เลิกบ่น แต่ปากบ่นมือก็ทำให้ทุกอย่างอยู่ดีขวดน้ำถูกเปิดฝาพร้อมหลอดส่งมาให้
“กูก็ป่วยนะ”
ทิคพูดเสียงเบาบ่นลอยๆ
“หรอ ป่วยเป็นอะไร”
บาสถามสีหน้าหาเรื่องว่าคุณชายจะมาไม้ไหน
“ก็เพราะหิวข้าวไง”
ทิคพูดออกไปแล้วตักข้าวขึ้นกิน บาสเบ้หน้าให้เมื่อได้ยินคำตอบหันมากินของตัวเอง
ทิคแอบเงยหน้ามองคนข้างๆที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้านิ่งๆเผลอมองนานจนบาสหันมาเจอ
“ข้าวไม่อร่อยหรอ กูไม่รู้ว่ามึงจะกินอะไรอะ”
“เปล่า อร่อยมาก เป็นข้าวมื้อที่กินแล้วมีแรงที่สุดเลย”
ทิคพูดจากความรู้สึกจริงๆแต่บาสคิดว่าทิคพูดเล่นจึงส่ายหัวเอือมๆให้
“ถ้ามันอร่อยมากขนาดนั้น งั้นก็กินๆเข้าไป”
บาสว่าแล้วไสของทุกอย่างบนโต๊ะไปหาทิคยังไม่พอตักผัดกระเพราของตัวเองให้ทิคอีก เล่นกันหัวเราะไปมาจนเลิกเล่นไปไหนที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นทิคก็ยังไม่เลิกแอบมองบาสอยู่ดี
รู้ว่าไกล รู้ว่าเหนื่อย ขอโทษนะ
แต่อยากให้มาอยากเจอหน้าขอต่อกำลังพอให้พ้นวันนี้ไปก็พอ
กูป่วยจริงๆนะบาส กูไม่ได้พูดเล่น...